พิมพ์หน้านี้ - It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: undersky ที่ 16-11-2011 23:47:30

หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 16-11-2011 23:47:30
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


------------------------------------------------------------------------------------------------------------






It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ

บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,29969.msg1719636.html#msg1719636)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,29969.msg1721962.html#msg1721962)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1726971#msg1726971)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1732524#msg1732524)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,29969.msg1739462.html#msg1739462)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,29969.msg1751480.html#msg1751480)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1756645#msg1756645)
ตอนที่ 7 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1765435#msg1765435) // 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,29969.msg1768051.html#msg1768051)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1784700#msg1784700)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1792436#msg1792436)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1836668#msg1836668)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1846586#msg1846586)
ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1863922#msg1863922)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1871244#msg1871244)
ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1888413#msg1888413)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1907145#msg1907145)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1917048#msg1917048)
ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1929191#msg1929191)
ตอนที่ 18 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1938274#msg1938274) // 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1947094#msg1947094)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1960665#msg1960665)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1974168#msg1974168)
ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg1995599#msg1995599)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2003914#msg2003914)
ตอนที่ 23 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2014016#msg2014016) // 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2018320#msg2018320)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2035501#msg2035501)
ตอนที่ 25 (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=29969.msg2046385#msg2046385)
ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2072065#msg2072065)
ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2111073#msg2111073)
ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2113541#msg2113541)
ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2117712#msg2117712)
ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2128310#msg2128310)
ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2143431#msg2143431)
ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2161518#msg2161518)
ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2170327#msg2170327)
ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2179749#msg2179749)
ตอนที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2220085#msg2220085)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2280831#msg2280831)
(จบ)

ตอนพิเศษ : ความสวย คือ หายนะ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2313410#msg2313410) // 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2316994#msg2316994) // 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2326225#msg2326225)
ตอนพิเศษ : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2341323#msg2341323) // 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2348985#msg2348985)
ตอนพิเศษ : ภาพวาดสีเทา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29969.msg2359216#msg2359216)
(จบบริบูรณ์)



อ่านคู่กราฟไนล์ได้ที่นี่ค่ะ
|||> It's U, It's Me : รุก - ไล่ - รัก <||| (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38553.0)




ID ซื้อ-ขาย
TBL-692-241









บทนำ : พี่ชมพู VS น้องเกงยีน





























ในสถานศึกษาซึ่งเต็มไปด้วยลูกหลานคนฐานะดี มีอันจะกิน หนำซ้ำยังเป็นคณะนิเทศศาสตร์แบบนี้ คงไม่มีพวกชอบใช้กำลังและกระทำการป่าเถื่อนหรอก เพราะไม่ต้องออกแรงอะไร แค่เอาเงินฟาดไปทุกอย่างก็จบ

ผมคิดว่าเป็นแบบนั้นกระทั่งถึงตอนนี้แหละครับ

“เฮ้ย มึงอะ”

ผู้ชายคนนั้นดูท่าจะเป็นรุ่นพี่ เขาย่างสามขุมเข้ามาหาผมด้วยใบหน้ายุ่งๆ เหมือนกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ตบกบาลผมมาหนึ่งที ปรี๊ดเลยครับ

แม่งงงง มึงมาตบกูทำเชี่ยไร คิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วใหญ่หรือไงวะ

ผมอยากจะตะคอกมันกลับไปแบบนั้น แต่ว่าไอ้เหี้ยกราฟเพื่อนซี้ผมมาจับมือเอาไว้เสียก่อน มันรู้จักนิสัยผมดีว่าผมเป็นคนแบบไหน ผมก็เลยต้องระงับความเดือดดาลเอาไว้ในใจ ไม่ให้พุ่งออกมาแล้วปล่อยหมัดใส่ไอ้รุ่นพี่ตัวใหญ่ พยายามทำหน้าเหมือนกับว่าไม่ได้เจ็บอะไร ทั้งที่แม่งโคตรเจ็บเลย สัตว์เอ๊ย!

“มีอะไรเหรอครับ”

“กูเห็นหน้ามึงแล้ว เหี้ย หงุดหงิดว่ะ”

เอาแล้วครับ อยู่ดีๆ แม่งก็มอบสัตว์ประเสริฐให้ผมซะงั้น มันเอามือมายีหัวผมจนยุ่งเหยิงไปหมด

ห่า ผมเสียเวลาเซ็ตตั้งนานกว่ามันจะเรียบร้อยได้ขนาดนี้ ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมไม่เคยหวีให้เรียบร้อยหรอกนะ แค่ขยี้ๆ ให้เข้าทรงเท่านั้นแหละ หล่อครับ ไม่ต้องทำอะไรมากก็ดูดี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน แล้วไอ้เหี้ยนี่แม่ง ทำเอาความตั้งใจของผมพังหมด

“แล้วผมไปทำอะไรให้พี่หงุดหงิดล่ะครับ”

“มึงรู้หรือเปล่าว่าคณะเรานี่มันคณะอะไร”

เอ้า มึงโง่หรือเปล่า มึงเรียนคณะอะไรยังไม่รู้ ต้องมาถามเด็กปีหนึ่งแบบกูนี่

ผมอยากจะชักสีหน้าแล้วย้อนมันกลับไปจะตายห่าอยู่แล้ว แต่ก็ต้องห้ามใจของตัวเองเอาไว้

อดทน ท่องเอาไว้ว่าอดทน

“คณะนิเทศศาสตร์ไงครับ”

“เออ มึงรู้ดีแล้วมึงแต่งตัวเชี่ยอะไรมา มึงไม่รู้หรือไงว่าเด็กนิเทศฯ มีดีที่หน้าตา แล้วมึงเสือกใส่เสื้อติดกระดุมซะเกือบทุกเม็ด หวีผมเรียบติดหนังหัว แล้วยังใส่แว่นหนาแบบนี้อีก เฉิ่มเหี้ยเลยว่ะ มึงกำลังทำให้คณะกูตกต่ำนะเว้ยไอ้เด็กใหม่”

นอกจากมันจะบุกเดี่ยวมาที่โต๊ะประจำหน้าคณะของผมแล้ว มันยังกล้ามาวิจารณ์การแต่งตัวของผมอีก ก็แล้วไง ผมแต่งตัวถูกระเบียบ ใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีดำหนาๆ หน่อย มันผิดตรงไหน ก็พอใจอะ

ฟังมันแล้วหงุดหงิดฉิบหาย ผมเลยย้อนกลับไปบ้าง เอาแค่เบาๆ ครับ ผมเป็นคนที่ (พยายามจะ) เรียบร้อย

“ผมรู้ครับว่าคณะนิเทศฯ เป็นหน้าเป็นตาของมหา’ลัย ใครๆ ก็ชื่นชมว่านิเทศฯ เราหน้าตาดี แต่พี่ก็อย่าทำตัวเหมือนหน้าตาดีอย่างเดียวสิครับ”

“ไอ้สัตว์ มึงว่าไงนะ”

“ผมแค่พูดไปตามสิ่งที่เห็นเท่านั้นแหละครับ”

ผมฉีกยิ้มให้มัน ยิ้มหวานๆ ด้วยนะ เห็นมันเหมือนคนความดันจะขึ้น กำหมัดเอาไว้เตรียมจะเสยปลายคางผมที่นั่งอยู่ต่อหน้ายังไงไม่รู้ แต่ถามว่ากลัวเหรอ ผมไม่กลัวหรอกครับ มันอัดผมมา ผมก็ต่อยมันกลับได้ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเริ่มเรียบร้อยใหม่ก็ได้ ผมไม่ถือ แต่ถ้ามีคนมาชกแล้วผมอยู่เฉยไม่ต่อสู้อะไร นั่นคงผิดคอนเซปต์ ‘ไฮยีน’ เกินไปหน่อย

“นี่มึงอยากโดนกูอัดใช่ไหม ฮะ ไอ้ปีหนึ่ง”

“เฮ้ยๆ พอๆ เหอะครับ ไอ้ยีนมันก็ปากหมาของมันไปแบบนั้นเอง พี่ภูอย่าถือสามันเลย เป็นพี่เป็นน้องกันแท้ๆ”

ยังไม่ทันให้ผมได้ตอบมันหรอก ไอ้กราฟก็ลุกขึ้นมาขัดตาทัพไว้ก่อน ผมเลยทำหน้าเบื่อๆ ใส่ แต่เหมือนไอ้รุ่นพี่คนนี้จะยิ่งทำหน้าหงุดหงิดกว่าเดิมเสียอีก มันมองหน้าผมที หน้าไอ้กราฟที ก่อนจะยอมทำหน้าดีๆ ไม่เหมือนคนปวดขี้จนตูดจะระเบิด

“เออ นี่กูเห็นแก่มึงหรอกนะไอ้กราฟ แต่มึงบอกให้เพื่อนมึงแต่งตัวดีๆ อย่าขัดลูกตากูแบบนี้อีก แม่ง เห็นแล้วอารมณ์เสียว่ะ”

พอมันบ่นตามใจตัวเองเสร็จ ก็เดินไปครับ ห่า อะไรของมึงเนี่ย มาตบหัวกู ด่ากู เสร็จแล้วมึงก็เดินไป นี่มันรุ่นพี่คณะผมจริงเหรอ สถุนสุดๆ

“มึงรู้จักมันด้วยเหรอ”

ผมหันไปถามไอ้กราฟหลังจากมองตามรุ่นพี่คนนั้นที่เดินไปไหนแล้วไม่รู้ ไอ้กราฟทำหน้าแหยใส่หนึ่งทีก่อนจะตอบกลับมา

“เออ เพื่อนพี่รหัสกู จริงๆ ต้องบอกว่าเพื่อนลุงรหัสว่ะ เขาอยู่ปีสามแล้ว ชื่อพี่ชมภู”

“ฮะ?” ผมร้องออกมาหลังจากฟังชื่อ “มึงว่าชื่ออะไรนะ ชมพู? ผู้ชายเหี้ยอะไรวะชื่อชมพู แต๋วฉิบหาย”

“มึงนี่” ไอ้กราฟทำท่าจะตบหัวผมหนึ่งที ผมเลยยกมือขึ้นกัน มันจึงชะงักไป ก็มันรู้นี่ว่ามันเล่นผมไม่ได้หรอก มันทำหนึ่งเท่า ผมคืนสองเท่า มันทำสิบเท่า ผมคืนร้อยเท่า “พี่เขาชื่อชมภู มาจากภูเขาเว้ย ภ.สำเภา ไม่ใช่สีชมพู”

“อ๋อเหรอ”

ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร ไม่ได้อยากรู้จักมักจี่อะไรกับไอ้พี่ชมพูนั่น จะชื่ออะไรก็ไม่สำคัญหรอก แต่ผมคิดว่ามันคงหาเรื่องผมไม่เลิกแน่ๆ นอกจากผมจะควักลูกตามันออกมาให้ตาบอดจะได้ไม่ต้องทนเห็นความเนิร์ดของผม

“ว่าแต่คืนนี้มึงจะไปป่ะ”

“มึงถามอะไรกูอยู่ไอ้กราฟ สัตว์แม่ง อย่ามาให้กูเกิดกิเลส”

“เออๆ กูลืม แม่ง ก็มึงไม่เคยพลาด”

มันทำหน้าหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ หลังจากที่ผมสวนกลับไปแบบนั้น ก็แน่ล่ะ งานสำคัญท้าทายแบบนี้มีหรือว่าผมจะพลาด แต่คราวนี้หรือคราวต่อๆ ไป คงไม่ได้จริงๆ แค่คิดผมก็อยากจะลงแดงแล้ว หักดิบตัวเองชัดๆ

“แล้วนี่ไอ้เหี้ยกัสกับไอ้เคลมไปไหน”

ผมถามถึงเพื่อนในกลุ่มที่เหลือ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เรียน ม.ต้น แล้วครับ ซี้กันสุดๆ มาตั้งแต่เพิ่งรู้จัก จนเรียนมหา’ลัยด้วยกัน ไม่ใช่เพราะความเก่งหรอก แต่เพราะว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน เงินหนาก็เข้าได้แบบสบายตัวนั่นแหละ แค่ไอ้สองตัวนั้นอยู่วิศวะฯ ไม่ได้อยู่นิเทศฯ เหมือนผมกับไอ้กราฟ

“ยังไม่ตื่นมั้ง เห็นเมื่อคืนแม่งหิ้วเด็กขึ้นคอนโดทั้งคู่”

“เหอะ”

ได้แต่พ่นลมออกมาอย่างเซ็งๆ อิจฉามันที่ได้ทำอะไรตามแต่ใจตัวเอง ผิดกับผมที่เวลาหมดลงแล้ว เคยป็นเพลย์บอยพ่วงแบดบอยมาหลายปี แต่ตอนนี้ กลายเป็นแค่เด็กเนิร์ดคนนึง ให้ใครรู้คงอายไปถึงชาติหน้า

...ไฮยีนสุดหล่อสิ้นลายตายคาตีนป๊า















ผมนัดกับพวกในแก๊งมากินข้าวกลางวันที่โรงอาหารกลาง ไอ้กราฟมากับผมแน่อยู่แล้ว ส่วนไอ้กัสกับไอ้เคลมตามมาทีหลัง กลายเป็นหนุ่มฮอตเลยทีเดียว ถ้าเสียงซุบซิบของผู้หญิงทั้งคณะเดียวกันและคณะอื่นไม่ดังประมาณว่า


“กลุ่มนี้โคตรหล่อเลย แต่ไม่น่ามีไอ้แว่นนั่นเลยว่ะ จุดอ่อนของกลุ่มหนุ่มหล่อชัดๆ”

“ทนอยู่ในกลุ่มนั้นได้ยังไงเนอะ มีแต่คนหล่อ ไม่รู้จักเจียมตัวมั่งเลย”



แล้วก็อื่นๆ อีกมากมายที่ผมคงสาธยายไม่หมด ทนฟังมาเป็นเดือนแล้วครับตั้งแต่เข้ามหา’ลัย ก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เท่าไร แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ ตั้งแต่เปิดเทอมเข้าปีหนึ่งมา ผมต้องกลายร่างมาเป็นขี้ปากชาวบ้านมากกว่าเดิม จากที่เคยมีแต่คนบอกว่า ‘พี่ยีนหล่อ พี่ยีนเท่สุดๆ หล่อที่สุดในกลุ่มเลย’ กลายเป็นว่า ‘ไอ้แว่น ไอ้แว่น แล้วก็ไอ้แว่น ไอ้แว่น!!’ เซ็งนะครับ ไม่ใช่ไม่เซ็ง

เอาจริงๆ ก็อายด้วยเหมือนกัน ที่หนุ่มสุดหล่อ เสน่ห์แรง มีชาติตระกูล แต่งตัวทันสมัยและดูดีอยู่ตลอดเวลากลายมาเป็นไอ้เฉิ่มแว่นหนา หน้าจืด หวีผมปรกหน้าแบบนี้

“ไอ้ยีน มึงจะกินอะไรวะ เดี๋ยวกูไปสั่งให้ มึงก็ไปซื้อน้ำ”

“กะเพราไก่ก็ได้ ไข่ดาวด้วยนะมึง”

ผมตอบไอ้กราฟกลับไป แต่เหมือนมีเสียงเอคโค่ตามมา


“กะเพราไก่ หน้าตาจืดๆ ก็ต้องกินแต่ของพื้นๆ แบบนี้แหละ”


ผมตวัดตาไปทางต้นเสียงเลยครับ กลุ่มผู้หญิงที่ดูแล้วก็ไม่ได้สวยไปกว่าผู้หญิงที่ผมเคยขึ้นเตียงด้วยสะดุ้งทั้งกลุ่ม

ก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเอากับไอ้แว่นหน้าจืดนี่สักที จะครางดังแค่ไหน

“งั้นมึงเอาโค้กให้กูขวดด้วยนะ”

ไอ้กราฟร้องสั่งก่อนจะเดินไป แต่ถึงมันจะเดินไปไกลแค่ไหน ผมก็มั่นใจว่าผมเห็นมันได้ง่ายๆ เพราะตัวมันสูงร้อยแปดสิบต้นๆ แถมยังทำผมสีบลอนด์ บลอนด์จนเกือบขาวเลยครับ ทั้งที่ตัวมันก็ขาวอยู่แล้ว ตอนแรกที่มันบอกว่าจะทำผมสีนี้ ผมนึกว่าจะไม่เข้ากับมันเสียอีก ที่ไหนได้ ทำออกมาแล้วแม่งหล่อไปอีกแบบ ส่วนตัวผมตอนนี้ ผมดำสนิทเลย จากที่เคยเป็นสีน้ำตาลแดงๆ นึกแล้วก็หงุดหงิดครับ

ผมเดินไปสั่งโค้กให้ไอ้กราฟ แล้วก็เป๊ปซี่ให้ตัวเอง ไม่ชอบกินอะไรหวานๆ เลยไม่ได้กินเหมือนมัน แต่ระหว่างที่รอป้าคนขายยกขวดมาจากตู้แช่ให้ เสียงทุ้มๆ จากคนที่มายืนอยู่ข้างๆ ก็ทำให้ผมต้องหันไปมอง

“ป้า เป๊ปซี่ขวด”

“เป๊ปซี่หมดแล้ว เหลือแต่ขวดลิตร จะเอาไหมพ่อหนุ่ม”

ป้าคนขายตอบกลับมาก่อนจะเอาโค้กและเป๊ปซี่มาให้ผม แล้วก็เหมือนเจ้าสองขวดนั้นเป็นตัวเรียกสายตาของไอ้คนที่ยืนข้างๆ ยังไงยังงั้น มันมองหน้าผมสลับกับเป๊ปซี่ในมือ ก่อนจะคำรามเสียงใส่แบบไม่พอใจ

“มึงแย่งเป๊ปซี่กูเหรอ ไอ้ปีหนึ่ง”

ผมหันไปมอง ไอ้คนตรงหน้าที่ตัวใหญ่กว่าผมคือไอ้พี่ชมพูนั่นแหละ

“ผมมาสั่งก่อน ผมได้ก่อน มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือไงครับ”

“แต่เพราะมึงสั่งเหมือนกูไง มันเลยหมด”

เอ้า ประสาทแล้วมึง ใครๆ ก็สั่งได้ทั้งนั้นแหละ มึงกินเป๊ปซี่เป็นคนเดียวในมหา’ลัยหรือไง ผมอยากตอบกลับไปตามสไตล์ตัวเองนั่นแหละครับ แต่ก็ต้องยั้งปากตัวเอง

“พูดแบบนี้เขาเรียกพาลนะครับพี่ รังแกรุ่นน้องแบบนี้ไม่สมกับเป็นรุ่นพี่ปีสามเลย”

“มึงรู้จักกูแล้วงั้นสิ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” ผมยิ้ม “แค่รู้ว่าพี่ชื่อชมภูเท่านั้นเอง สวัสดีครับ พี่ชมพู

ถึงเสียงจะออกเหมือนกัน แต่พี่ชมพูคงรู้ว่าผมหมายถึงสีชมพูมากกว่าชื่อจริงๆ ของมัน เพราะมันทำหน้าหงิกตั้งท่าจะเอาเรื่องผมอีกแล้ว

“กวนตีนนะมึง” มันชี้หน้าผม แต่ผมทำหน้าตายใส่ “มึงชื่อยีนใช่ไหม ถ้ามึงเรียกกูว่าชมพู กูจะเรียกมึงว่าเกงยีน ดีไหม น้องเกงยีน”

มันแสยะยิ้มเบาๆ เหมือนจะทำให้ผมกลัวงั้นแหละ แต่เปล่าเลย แค่นี้ผมไม่สะทกสะท้านหรอกครับ ชื่อเกงยีนก็เท่ไปอีกแบบ ผมเลยยิ้มตอบกลับไปบ้าง พลางพูดด้วยน้ำเสียงพออกพอใจใส่มันเสียด้วย

“ก็ไม่เดือดร้อนอะไรนี่ครับ ยินดีรับชื่อน้องเกงยีนครับ”

พอได้ยินมันก็ขึงตาดุใส่ผม หึ เป็นรุ่นพี่แต่อ่อนแบบนี้ก็สู้ผมไม่ได้หรอก

เรามองตากันเหมือนจะต่อสู้กันทางสายตาอยู่แบบนั้น มันไม่ยอม ผมก็ไม่ยอม มันจ้องผมตาดุ ผมก็ทำตาหวานใส่ กวนตีนมันเข้าไปครับ แล้วผมก็รู้ว่ามันเข้าใจเจตนาของผม

ผมกับมันอยู่ในสภาพนั้น แม้แต่ป้าเจ้าของร้านขายน้ำยังไม่กล้าขัด แต่เป็นคนอื่นที่ไม่ได้ตั้งใจขัด ที่ทำให้เราสองคนเบี่ยงสายตาไปยังเสียงนุ่มๆ นั้น

“ป้าคะ ขอเป๊ปซี่ขวดนึงค่ะ”

“เป๊ปซี่หมดจ้ะ เอาโค้กแทนไหม”

“เอาเป๊ปซี่ขวดนี้ไปก็ได้ครับ”

ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นไอ้พี่ชมพูต่างหากที่คว้าเป๊ปซี่ในมือผมไปแล้วยื่นให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเฉย เหมือนมันเป็นคนจ่ายเงินไปงั้นแหละ ทั้งที่ผมต่างหากที่จ่ายเงินไปแล้ว

“อ้อ ขอบคุณค่ะ”

เธอรับไปแล้วส่งยิ้มให้ ยิ้มหวานเสียด้วย เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด เป๊ปซี่ของผม แต่มันเสือกขโมยไปจีบสาวซะงั้น แล้วดูท่าเจ้าหล่อนจะตกหลุมเสน่ห์มันเสียด้วย

ก็แน่ล่ะ มันหล่อ ตัวขาวแต่ไม่ซีด หล่อแบบเข้มๆ ตาคม แถมยังตัวสูง หุ่นดี บึกกว่าผม แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่หล่อ ผมก็หล่อสูสีกับมันเนี่ยแหละ เพียงแต่สภาพผมตอนนี้มันไม่น่าให้หญิงส่งสายตาให้สักเท่าไร เลยโดนมองเมินไป เจ็บใจฉิบหาย!

“พี่เอาเป๊ปซี่ผมไปให้เธอได้ยังไง”

“ไม่รู้จักหรือไง เลดี้เฟิร์ส เป็นผู้ชายซะเปล่า ถ้าไม่สละให้ผู้หญิงก็หน้าตัวเมียเกินไป ว่างั้นไหม น้องเกงยีน”

เหมือนโดนมันด่าหน้าตัวเมียมาเต็มหน้าเลย ผมต้องกัดปากข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ แต่เหมือนมันจะไม่มิดชิดเสียเท่าไร ไอ้พี่ชมพูถึงกระตุกมุมปากเหมือนจะยิ้มเย้ยผมยังไงไม่รู้

“ป้า ผมเอาเป๊ปซี่ขวดลิตรนั่นแหละ”

มันว่าแบบนั้นก่อนจะรับขวดเป๊ปซี่ที่ป้าคนขายส่งให้โดยเร็ว เหมือนกับจะรีบกำจัดยักษ์ปักหลั่นสองตนที่ยืนขวางหน้าร้านเอาไว้ให้พ้นทาง ไอ้พี่ชมพูก็รับมุกป้าเหมือนรู้ทัน ส่งเงินให้แล้วถือเป๊ปซี่ไว้มือนึง ส่วนอีกข้างใช้แขนล็อกคอผมเอาไว้ให้เดินไปพร้อมมัน

มึงจะลากกูไปไหนวะเนี่ย!














------------------

สวัสดีค่ะ เพิ่งเคยแต่งนิยายแบบนี้
ตอนนี้อาจจะสั้นหน่อย แต่ก็ขอฝากพี่ภูกับน้องยีนไว้ด้วยนะคะ


Undel2Sky



เรื่องอื่นๆ
- It's U, It's Me : รุก - ไล่ - รัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38553.0)
- 「บ ล็ อ ก เ ก้ อ」 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50214.0)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 [16/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 16-11-2011 23:52:42
ต้อนรับเรื่องใหม่

ลงชื่อติดตามจ้ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 [16/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 16-11-2011 23:59:11
มาเจิมเรื่องใหม่ค่ะ  :mc4: :mc4:

 o13 เนื้อเรื่องดูน่าสนใจดีค่ะ  อยากรู้สาเหตุทำไมยีนต้องมาแต่งตัวเนิร์ด ๆ ละก็ ยีนนี้รับใช่ไหมเคอะ  :z1: 55 
จะติดตามแน่นอนค่ะ  :กอด1:

ปล  อย่าหายหรือลบเรื่องนี้นะค่ะ  สัญญาก่อน ๆ   o18
ปลล   เม้นแรกกกกกก  แอร๊ยยย ได้เปิดซิง   :oo1:   
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 [16/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 17-11-2011 00:06:52
รอพี่ภูถูกน้องเกงยีนกด เอ๊ะๆรึว่าาาาาา 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 [16/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Warlock ที่ 17-11-2011 00:30:10
เรื่องใหม่ๆวู้ๆ ท่าจะฮานะรอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 [16/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Dakzy ที่ 17-11-2011 01:43:11
วู้วววววว เนื้อเรื่องน่าติดตามค่า o13

แสบทั้งพระเอกนายเอก

ชมพู เอ้ย ชมภูเกรียนอ่ะ แกล้งเด็กนี่หว่า แกล้งเข้าไปเดี๋ยวจะหลงรักไม่รู้ตัว

กัดกันมันส์แน่คู่นี้  :z1:

แอบหลงกราฟไปแล้วหนุ่มหล่อผมบลอนด์ :man1:

อยากรู้สาเหตุอะไร ป๊าทำอะไรไฮยีนถึงสลัดคราบเพลย์บอยกลายเป็นเด็กเนิร์ดไปได้

รออ่านต่อค่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 [16/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 17-11-2011 07:15:36
ชมภูนิสัยไม่ดี

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 [16/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 17-11-2011 10:01:41
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 1 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 18-11-2011 01:47:02
ตอนที่ 1 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า


















“โต๊ะมึงอยู่ไหนวะ” มันล็อกคอและลากผมมาแล้วเพิ่งจะถาม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ มันก็สวนกลับมาก่อน “ไม่ต้องแล้ว กูเห็นหัวไอ้กราฟแล้ว”

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนออกไปเสียที เหนื่อยให้ผมต้องกระชากแขนมันออกเพราะแขนมันก็ใช่ว่าจะเล็ก ล็อกทีคอผมจะหลุด

เราสองคนเดินมาที่โต๊ะที่มีไอ้กราฟนั่งรออยู่ก่อน คงเพราะผมเถียงกับไอ้พี่ชมพูนานมั้ง มันเลยซื้อข้าวเสร็จแล้ว พี่ชมพูเอาขวดเป๊ปซี่หนึ่งจุดห้าลิตรตั้งบนโต๊ะเรียกความสนใจจากไอ้กราฟให้หันไปมอง แล้วเพื่อนผมมันก็เบิกตาขึ้นหน่อยๆ แปลกใจที่ผมมากับคนที่เพิ่งจะมีเรื่องกันเมื่อเช้า

มึงเห็นหน้ากูไหม หน้ากูเต็มใจให้ไอ้พี่ชมพูมาด้วยงั้นสิ

“พี่จะนั่งด้วยเหรอ”

ไอ้กราฟถามโง่ๆ แต่ผมเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับมันแล้ว แถมจ้วงข้าวเข้าปากไม่รอมันด้วย

“มากินเป๊ปซี่” ไอ้พี่ตัวดีทิ้งตัวลงนั่งข้างกราฟหน้าตาเฉยโดยไม่มีใครเชิญ แล้วยังมีหน้าสั่งไอ้กราฟเสียอีก “มึงไปเอาน้ำแข็งมาให้กูสองแก้ว”

ผมไม่ช่วยขัดอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้กราฟเดินไปตามคำสั่งของเพื่อนลุงรหัส เมื่อเช้ามันขัดผมเอง ถือว่าต้องชดใช้กรรมไปแล้วกัน

“อ้าว เฮ้ย ไอ้ยีน มึงกินไม่รอพวกกูเลยนะ”

ผมเคี้ยวข้าวงุบๆ อยู่ในปาก แต่เสียงของไอ้กัสก็ดังขึ้นมาให้ผมต้องหันไปมองมันที่เพิ่งเดินมาถึงพร้อมกับไอ้เคลม

“มึงมาช้าเอง มาโทษกูได้ไง”

“เออๆ แล้วนี่ใครเนี่ย มานั่งกับมึง”

ไอ้เคลมทัก แล้วยังชะโงกหน้าไปดูคนตัวใหญ่ที่นั่งหันหลังให้มัน ไอ้พี่ชมพูมันก็ดี หันหน้าไปให้ไอ้เคลมได้ดูเต็มๆ ผมเห็นไอ้เคลมกับไอ้กัสเบิกตากว้างอย่างกับตกใจอะไรงั้นแหละ

“ไง ไอ้เค ไอ้กัส”

“อ้าว พี่ภู มาได้ยังไง”

คิ้วของผมกระตุกเข้าหากันยังไงชอบกล ไอ้สองตัวนี้รู้จักรุ่นพี่นี่ด้วยหรือไง ยกมือไว้ซะแทบไม่ทัน แถมไอ้พี่ชมพูยังเรียกชื่อไอ้เคลมถูกด้วย

มันชื่อ เค อย่างที่ถูกเรียกแหละครับ แต่เพราะมันมีผู้หญิงเป็นคอลเลคชั่นให้สะสม ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นน้า รุ่นป้า รุ่นตา รุ่นยาย หึหึ สี่อันหลังผมพูดเล่น จริงๆ มันชอบแบบสวย ใส ลีลาเด็ด คนไหนตรงสเปกมันเป็นฟาดเรียบ ผมก็เลยเรียกมันว่า เคลม แทน

“พวกมึงรู้จักด้วยหรือไง”

“โห มึง กูไม่รู้จักก็แปลกล่ะ นี่พี่ภูประธานนักเรียนโรงเรียนเราไงครับคุณเพื่อน”

ใบ้แดกเลยครับ ประธานนักเรียนอะไร ผมไม่เห็นเคยได้ยินชื่อนี้ว่าเป็นประธานโรงเรียนผม หนำซ้ำไอ้กราฟยังไม่เห็นบอกเลย บอกแต่ว่าเป็นเพื่อนลุงรหัสมัน

“เออ เป็นพี่ชมรมบอลของกูด้วย”

ไอ้เคลมย้ำอีกเพราะกลัวว่าผมจะไม่เชื่อ แต่มันก็ไม่น่าเชื่อจริงๆ นี่หว่า สาบานได้ว่าผมไม่เคยได้ยินหรือรู้ว่ามีมนุษย์เพศชายชื่อชมภูอยู่ในโรงเรียนของผม

“แน่ะ มึงยังมาทำหน้าหมางงอีก ให้ไอ้กราฟยืนยันอีกคนก็ได้”

พอเห็นว่าไอ้กราฟกำลังเดินกลับมา ไอ้กัสมันก็หาคนสมทบ พลอยให้คนมาใหม่ทำหน้างงๆ

“ให้กูยืนยันอะไร”

“ก็ยืนยันว่าพี่ภูเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนเราไง”

“อ๋อออออ” มันลากเสียงยาวจนผมอยากตบกบาลเลยทีเดียว เพราะร้องเสียงโหยหวนเหมือนคลอดลูกออกมาเก้าตัวแล้วมันยังมองหน้าผมไปด้วย “ไม่แปลกหรอกที่ไอ้ยีนจะไม่รู้ ก็มันเคยมาโรงเรียนทันเข้าแถวตอนเช้าที่ไหน แล้วพี่ภูก็มาเป็นประธานตอน ม.6 ด้วย”

“ก็คนมันไม่น่าสนใจ เลยไม่น่าจำ”

ผมพูดลอยๆ และค่อนข้างเบา แต่ไม่รู้ทำไมพวกเพื่อนของผมสามตัวกับไอ้พี่ภูของพวกมันถึงได้หันมามองผมกันเป็นตาเดียว ผมเลยเลิกคิ้วใส่ ไอ้พี่ชมพูก็กระตุกยิ้มคืนบ้าง

“ที่แท้คนไม่ใกล้ไม่ไกล”

“อย่าพูดเหมือนว่าผมเป็นคนใกล้ตัวเลยครับ ไม่อยากได้รับเกียรติ”

“แต่กูโคตรยินดีให้”

พอเห็นผมไม่อยากยุ่งกับมันเท่าไร มันก็เอาเลยครับ ฉีกยิ้มใส่ แถมยังลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามมานั่งข้างผมแทน แล้วยังเอาแขนมาพาดคอผมไว้อีก

คนจะกินข้าว มาพาดทำหอกอะไรเนี่ย

“พี่รู้หรือเปล่าครับ ทำแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร”

ผมยุติการกินข้าวของตัวเองไว้เท่านี้ หันหน้าไปหามันที่อยู่ไม่ห่าง มองใกล้ๆ หน้ามันก็เนียนดี เห็นไรหนวดนิดๆ ดูมีเสน่ห์ ถ้าให้พูดตามตรงคนอย่างมันคงมีผู้หญิงรายล้อมรอบตัวอยู่ไม่น้อย

“เรียกว่าไง”

“กวนตีนครับ”

ผมเน้นคำว่า ‘ตีน’ ใส่หน้ามันหนักๆ ถ้าหากว่าเป็นหมัด คงเสยมันหน้าหงาย แต่เท่านั้นยังน็อคมันให้มึนไม่พอ เพราะว่ายังมีเสียงหัวเราะของเพื่อนเกลอทั้งสามดังตามมา

แหม พวกมึงนี่ช่างเข้าข้างกูเสียจริง

“มาหัวเราะกู เดี๋ยวเจอถีบเรียงตัว”

“โทษทีพี่ มันลืมตัว”

ไอ้สามคนนั้นรีบกระเด้งตัวออกจากโต๊ะทันที เหมือนว่าไอ้รุ่นพี่นี่จะแยกร่างออกไปถีบสามคนพร้อมกันได้ ปัญญาอ่อนฉิบหาย ผมเห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ เลยกินข้าวต่อไป ช่างหัวพวกมัน



















แม้จะหมดช่วงเวลารับน้องไปแล้ว แต่ยังมีงานสำคัญสำหรับน้องใหม่ปีหนึ่งอยู่ นั่นก็คือ งานกีฬาเฟรชชี่ แต่มันไม่ได้สำคัญสำหรับผมหรอก เพราะพอหมดเวลาเรียนในวิชาสุดท้ายของวันนี้ ผมก็ลุกจากที่นั่ง เตรียมนั่งแท็กซี่กลับบ้าน กะว่าวันนี้จะกระโจนลงสระว่ายน้ำที่บ้านเสียหน่อย ไม่ได้แหวกว่ายนานแล้ว กลัวสระมันจะเหงา เปล่าเปลี่ยว และเสียวซ่านน่ะครับ

ทั้งที่วางแผนการเอาไว้ในใจ แต่เดินออกมาหน้าห้องปุ๊บ ก็เห็นไอ้กราฟยืนรออยู่หน้าประตู พอดีว่าวิชาที่เรียนไปเมื่อกี้เป็นแล็บคอมน่ะครับ เลยไม่ได้นั่งด้วยกันเหมือนตอนเรียนเลคเชอร์ เห็นไอ้กราฟยืนอยู่ผมไม่แปลกใจหรอก แต่ไอ้กัสกับไอ้เคลมมาได้ยังไง ประหลาดพิลึก

ปกติแล้วหลังเลิกเรียนเป็นช่วงเวลาที่หาตัวพวกมันได้ยาก เพราะตั้งแต่ผมไม่ได้ไปทำอะไรๆ กับพวกมันเหมือนอย่างที่เคย ก็เหมือนพวกมันจะเฉดหัวผมส่งยังไงไม่รู้ ยังดีที่มีเพื่อนกตัญญูอย่างไอ้กราฟ ผมเลยไม่ต้องเดียวดายสักเท่าไร

ผมมองหน้ามันงงๆ แล้วก็ยิ่งงงขึ้นอีกเมื่อมันส่งยิ้มแบบแปลกๆ ให้ จนอดไม่ได้ที่จะถามไปอย่างระแวงๆ

ไอ้พวกนี้ไม่เคยไว้ใจได้หรอกครับ เดี๋ยวก็ผีเข้าผีออก

“พวกมึงมีอะไร มองหน้ากูแบบนี้”

“แล้วมึงจะไปไหนล่ะ”

ไอ้เคลมถามกลับ ผมก็ยิ่งบรรลุความงงหนักขึ้น เทียบเท่าชั้นโสดาบรรณแล้วครับ

“กูก็จะกลับบ้านไง พวกมึงมีอะไรถึงมาดักรอกูเนี่ย”

“อ้าว นี่มึงยังไม่รู้เหรอ” ไอ้กัสทำหน้าเหวอๆ ไปนิดหน่อย มองหน้าผมก่อนจะหันไปมองกราฟที่ยืนอยู่ข้างกัน กลุ่มของพวกผมระดับความหล่อใกล้เคียงกัน แถมส่วนสูงยังหนีไม่พ้นกันไปไหนด้วย เลยไม่ต้องเบนสายตามากนัก แต่ถ้าพูดให้ถูก ผมก็เตี้ยกว่าคนอื่นนั่นแหละ แค่ร้อยเจ็ดสิบปลายๆ “มึงไม่ได้บอกมันเหรอวะ”

“แล้วมึงคิดว่ากูบอกมันได้?”

ไอ้กราฟสวนกลับด้วยประโยคง่ายๆ แต่ทำให้ไอ้กัสกับไอ้เคลมเก็ตทันที มันร้องเสียง ‘เออ’ อย่างเห็นพ้องต้องกัน ก่อนจะเป็นไอ้กัสที่หันมาบอกผมเอง

“วันนี้มึงต้องอยู่แข่งกีฬาเฟรชชี่ว่ะ”

“แข่งห่าเหวไรวะ กูไม่ได้ลงชื่อแข่งสักหน่อย”

“มึงไม่ได้ลง แต่คนอื่นลงวิ่งให้มึงว่ะ ร้อยเมตร สองร้อยเมตร แล้วก็สี่คูณร้อย”

กราฟอธิบายให้ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แต่มันก็ทำให้ผมชักจะคันตีนขึ้นมา อยากถีบยอดหน้าไอ้คนที่สาระแน

“หมาตัวไหนมันเสือกลงชื่อกูวะ กูไม่ได้พูดสักคำว่ากูจะลง”

“ไอ้หมาเคลม”

ไอ้กัสตอบด้วยเสียงนิ่งๆ แต่ก็เรียกสายตาของผมให้ตวัดไปมองไอ้เคลมได้ มันยิ้มๆ ให้ผมเหมือนจะเอาตัวรอดหนำซ้ำยังอธิบาย

“ก็กูเห็นมึงชอบความเร็วไง กูก็เลยช่วยลงชื่อให้มึง”

“สัตว์ มึงอยู่คนละคณะกับกูแล้วมึงมาเสือกเหี้ยอะไร มึงก็ไปลงชื่อให้คนคณะมึงดิวะ มายุ่งอะไรกับกู”

“มึงเป็นเพื่อนกูไง กูอยากเห็นเพื่อนลงแข่ง เท่จะตายนะมึง แข่งชนะเนี่ย”

มันยังตอบกลับหน้าตายเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

ใช่ดิ มึงไม่ได้เป็นคนแข่งนี่หว่า ไอ้ควาย!

“ถ้ามึงว่าเท่ มึงก็ไปลงแข่งเองดิไอ้เหี้ย แม่ง กูจะกลับบ้านแล้ว มึงไปหาคนอื่นแทนแล้วกัน”

ผมว่ามันอย่างนั้นก่อนจะกระชับกระเป๋าที่สะพายบนบ่าข้างหนึ่งของตัวเองให้เข้าที่มากขึ้น จากนั้นก็ย่างเท้าเดินออกจากกลุ่มเพื่อนรักที่ตอนนี้อยากรักด้วยลำแข้ง แต่มันไม่ง่าย เพราะไอ้เพื่อนประเสริฐทั้งหลายพร้อมใจกันคนละมือละไม้แบกผมขึ้นทั้งตัว ไอ้เหี้ยกราฟแบกหัว ไอ้กัสกับไอ้เคลมแบกขาคนละข้าง

“ไอ้สัตว์ พวกมึงจะทำอะไร”

“ก็เอามึงไปส่งที่สนามไง อีกชั่วโมงเขาก็จะแข่งแล้ว”

ไอ้กัสมันยังมีหน้ามาตอบผมอีก แล้วพอสิ้นเสียงของมัน ทั้งสามคนก็พากันออกเดินโดยไม่ยอมปล่อยผมลงมา แบกผมอย่างกับแห่นางแมวบูชายัญบั้งไฟพญานาค แม้ว่าผมจะดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหล่นตุบลงมาอย่างไม่กลัวเจ็บ แต่พวกแม่งก็ช่วยกันประคองผมจนมาถึงสนามฟุตบอลจนได้

พอถึงที่หมาย ผมก็ถูกปล่อยลงมาสู่พื้นอีกครั้ง ตลอดทางมีแต่คนมอง น่าอายฉิบหาย แค่หน้าตาหล่อๆ นี่ก็เรียกสายตาจากคนได้แล้ว แม่งยังทำตัวเป็นจุดเด่นแบบนี้อีก ตกลงว่าเพื่อนผมมันหล่อ รวย มาดดี หรือว่าเป็นพวกสติฟั่นเฟือนกันแน่

ปล่อยผมเสร็จ ไอ้กราฟก็ถอดเสื้อออก เสียงกรี๊ด เสียงฮือฮานี่ดังระงมเลยทีเดียว เพราะว่ามีเด็กปีหนึ่งจากหลายคณะมานั่งที่อัฒจรรย์เพื่อเตรียมเชียร์การแข่งกีฬาแล้ว รวมถึงรุ่นพี่ที่มาคอยสอดส่องรุ่นน้องก็ยังหันมามองมันกันเป็นตาเดียว ผิวขาวๆ กับมัดกล้ามเนื้อที่มีแบบพอดีๆ ผู้หญิงที่ไหนเห็นจะไม่หลง ผมภูมิใจในตัวมันครับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้

“มึงจะเสือกถอดเสื้อทำหอกอะไรวะ ไอ้กราฟ”

ผมลอบตุ๊ยท้องมันไปหนึ่งที กลัวคนเห็นครับ ข้อหาเรียกร้องสายตาร้อนแรงจากผู้หญิงไปทั่ว ยิ่งเหมือนกับเป็นการประจานว่า ไอ้คนที่ถูกแบกมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผม

“ก็กูร้อน กว่าจะแบกมึงมาถึง เนี่ย มึงเอาเสื้อกูไปดมดูไหม”

ไม่พูดอย่างเดียว แต่มันยังขยุ้มเสื้อชื้นเหงื่อที่มันเพิ่งถอดออกมาโปะหน้าผมอีกต่างหาก แล้วแบบนี้ผมจะทำอะไรได้นอกจากเบี่ยงตัวหลบ

“ไอ้เหี้ย เอาเสื้อมึงออกไปเลย สัตว์ กูเหม็น”

“เออ มึงยังว่าเหม็น แล้วคนใส่แบบกูจะว่าหอมได้ไง”

มันยอมหดมือกลับไปพร้อมกับเอาเสื้อไปผึ่งไว้ตรงอัฒจรรย์ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วหยิบเสื้อยืดที่มันเตรียมมาด้วยในกระเป๋าขึ้นมาใส่ เป็นเสื้อยืดสีขาวที่ดูไม่มีจุดเด่นอะไร ถ้าหากไม่มีรอยสกรีนสีดำตัวใหญ่เตะตาใครต่อใครที่มันภูมิใจนำเสนอจะใส่โชว์




คนดี



มันด้านสกรีนทั้งหน้าทั้งหลังเลยครับ ไอ้เหี้ยคนดีเนี่ย

“สัตว์ ฮ่าๆๆ กูฮาเสื้อมึงว่ะ มึงคิดได้ไงวะ”

ไอ้กัสแทบลงไปกลิ้งหัวเราะอยู่กับพื้นเมื่อเห็นเพื่อนรักใส่เสื้อตัวนั้นแล้ว ผมเองก็ทำหน้าเซ็งกับมันแต่ก็อดขำไม่ได้ ไอ้เคลมก็ไม่แพ้กัน มันฮาแตกไปแล้ว แถมยังมีเสียงชี้ชวนกันดูที่เสื้อไอ้กราฟจากจุดต่างๆ ของอัฒจรรย์ประหนึ่งเป็นเสียงจากวงมโหรีอีกด้วย



“อุ๊ย คนนั้นหล่อจัง เป็นคนดีด้วย”

“ฮิฮิ น้องคนนั้นน่ารักจริงๆ ใส่เสื้อแบบนี้ยิ่งถูกใจ”

“น่าหม่ำมากเลยค่ะน้องขา เป็นคนดีแบบนี้สเปกเจ๊เลยฮ้า”




“กูเห็นคนเขาใส่เสื้อคู่ไง กูเลยสั่งทำบ้าง เสื้อกูมีตัวเดียวในโลกนะมึง”

“เออ ถ้าเป็นกู กูก็ไม่ใส่เสื้อคนดีของมึงหรอก ห่า กูอายแทนมึงว่ะ” เคลมบอกอย่างอนาถใจหลังจากหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไปพักใหญ่แล้ว หนำซ้ำยังเอามือตบบ่าไอ้กราฟปุๆ อย่างเห็นใจเสียด้วย แต่คำพูดจากความเห็นใจประโยคต่อไปของมันก็น่าถีบพอกัน “เป็นกู กูจะสกรีนว่าคนหล่อว่ะ”

“ส้นตีนเหอะมึง”

ผมกับไอ้กัสร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันแบบไม่ได้นัดหมาย มันคือความจริงที่รับรู้กันได้ด้วยสายสัมพันธ์ของคนหล่อกว่าครับ ก็ไอ้เคลมมันหล่อแบบตี๋ๆ ลีลาดีเหมาะกับสาวลีลาเด็ด ผมกับไอ้กัสเลยลงความเห็นว่าพวกเราหล่อกว่า

“พวกมึงนี่พูดมากกันจัง ไปแข่งเลยไป๊”

พอสู้ไม่ได้ เห็นว่าผมมีพวกมันก็ไล่ ไอ้เคลมผลักผมให้ไปรวมกลุ่มกับพวกที่คาดว่าจะเป็นตัวแทนของคณะเหมือนกัน แต่ว่าผลักของมันก็เล่นเอาผมเกือบหน้าคะมำ แว่นหล่นกระจายสะดุดยอดหญ้าแล้วตีลังกาไปอีกสามสิบแปดกระบวนท่า

ในเมื่อมันไล่ผมก็ขี้เกียจจะอยู่ให้มันหาอะไรมาสรรเสริญความดีงามที่เล่นตัวไม่ยอมเสียเหงื่อ เลยเดินมารวมกับคนอื่นๆ ฟังการแนะนำตัวจากคณะอื่นๆ ว่าใครจะมาเป็นคู่แข่งบ้างทั้งที่ไม่จำเป็นจะต้องสนใจกับไอ้เรื่องพวกนี้เลยสักนิด แต่มันก็มีพวกที่ทำให้ผมคิ้วกระตุกได้เหมือนกัน

ไอ้เด็กถาปัด เดี๋ยวเหอะมึงๆ

กูเห็นนะว่ามึงทำปากเบะใส่กูเหมือนกูเป็นก้อนขี้ที่ไปราดอยู่บนหัวมึง

หลังจากบอกตารางการแข่งขันเรียบร้อยแล้วพวกที่ถูกส่งมาเป็นตัวแทนคณะผม ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมาด้วยความเต็มใจ หรือถูกส่งชื่อมาโดยไม่รู้ตัวแบบผมกันแน่ก็มารวมตัวกัน บอกตำแหน่งการรับไม้ในการแข่งขันเสร็จก็ทำให้ผมรู้สึกเส้นประสาทเบื้องต่ำมันปรี๊ดๆ ยังไงชอบกล

“มึงว่าไงนะ”

“กูบอกว่ามึงอยู่ไม้สองไง จะได้ไม่เป็นตัวถ่วง”

ไอ้คนที่มันได้เป็นไม้แรกเพราะคุยโวว่ามันฝีเท้าดี ออกตัวเยี่ยมตอบผมกลับมาจนอยากเอาตีนลูบหน้ามันสักทีสองที แต่ผมก็ต้องข่มความรู้สึกเอาไว้ ไม่แสดงอาการอะไรมากไปกว่าคำพูดที่เผลอหลุดออกมา

“แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ากูจะเป็นตัวถ่วง”

“ท่าทางต้วมเตี้ยมแบบมึง แค่มาลงแข่งนี่ก็เป็นตัวถ่วงมากแล้ว กูว่านะ ถ้ามึงถอนชื่อออกจากแข่งเดี่ยวร้อยเมตรกับสองร้อยเมตรแล้วให้กูแข่งแทนน่าจะดีกว่า เดี๋ยวเขาจะหาว่านิเทศฯ มีปัญญาหานักกีฬาได้แค่นี้ รังแกคนอ่อนแอ”

ผมกำมือแน่นพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ บอกตัวเองได้เลยว่าถ้าเป็นไฮยีนคนเดิม มันไม่มีทางได้มาฝอยน้ำลายแตกฟองส่งกลิ่นเน่าๆ แบบนี้แน่ เพราะว่าเลือดจะกบปากมันก่อนที่มันจะได้พูดประโยคนี้

“ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ กูอยู่ไม้สองอย่างที่มึงว่าก็ได้ แต่ยังไงกูก็จะแข่งสองรายการนั้น เพราะงั้น...” มึงอย่าเสือก ผมพูดในใจพลางข่มคำพูดนั้นเอาไว้แล้วใช้คำที่มันดูดีกว่านั้นแทน “ไม่ต้องหาใครมาแทน”

“เหอะ กูจะรอดูว่าน้ำหน้าอย่างมึงจะเข้าที่โหล่หรือรองโหล่”

เส้นเอ็นขากระตุกฟึบเลยครับ แม่ง อย่าให้ถึงทีกูนะ เป็นเด็กเนิร์ดเจี๋ยมเจี้ยมนี่มันไม่ถนัดเลยครับ แต่ผมก็ยังต้องพยายามต่อไป

หลังจากหงุดหงิดไอ้เหี้ยไม้หนึ่งไปแล้ว ตัวแทนของคณะที่จะแข่งขันกรีฑาสี่คูณร้อยเมตรก็ถูกเรียกไปรวมตัว ผมเดินไปอย่างเซ็งๆ แต่ยังไม่ถึงจุดปล่อยตัวของไม้ที่สองตามตำแหน่งที่ถูกลากเส้นด้วยปูนขาวเอาไว้ ก็สะดุดตากับร่างใหญ่ๆ ของใครบางคนเสียก่อน

ไอ้พี่ชมพูมันกำลังยืนคุยกับเพื่อนของมันอยู่

คนอย่างมันก็มีคนคบด้วยแฮะ

เหมือนมันจะรู้ว่าตัวผมหันไปมอง มันถึงได้หันมาก่อนจะเดินตรงมาที่ผม ทิ้งเพื่อนมันไว้หลังจากพูดอะไรสองสามคำ

สัญชาตญาณสัตว์ป่าแม่งแรงฉิบหาย!

พอประจันหน้ากัน มันก็ใช้มือมาขยี้หัวผมอีกแล้ว ทรงผมที่เซ็ตมาอย่าง (เรียบร้อย) ดีถูกมันทำให้ยุ่งเหยิงตลอด

มึงมีปัญหาอะไรกับหัวกูมากป่ะเนี่ย

“ไงมึง ลงแข่งกับเขาด้วยเหรอวะ”

“แล้วผมจะแข่งไม่ได้หรือไงครับ”

ผมตอบกลับไปเซ็งๆ พลางเอามือจัดทรงผมให้เข้าที่เหมือนเดิม ที่หันไปมองมันเพราะว่าเผลอเห็น ไม่ได้จงใจแล้วอยากให้มันเดินเข้ามาหาเรื่องด้วย

“กูก็ไม่ได้ว่าอะไรมึง แต่กูจะรอดูว่ามึงจะแน่แค่ไหน”

กูว่ากูกำลังจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยๆ หลังจากฟังไอ้เหี้ยไม้หนึ่งพล่ามแล้ว มาเจอแบบนี้ มือมันอยากจะกระตุกใส่คนตรงหน้าอีกแล้ว

“ผมคงไม่แน่เท่าไรหรอกครับ พี่อย่ารอดูเลย เสียเวลา”

“มึงกลัวมึงแพ้ไม่เป็นท่าแล้วกูจะตราหน้ามึงว่าอ่อนใช่ไหมล่ะ โธ่”

วันนี้กูเจอประโยคแบบนี้กี่ทีแล้ววะ! เริ่มจะหงุดหงิดมากขึ้นแล้ว จริงๆ แค่เห็นหน้าไอ้พี่ชมพูผมก็รู้สึกว่าเส้นประสาทขมวดเป็นปมแล้ว ยิ่งมาคุยกับมัน ยิ่งแล้วใหญ่

“อยากจะคิดยังไงก็ตามสบายพี่ชมพูเถอะครับ น้องเกงยีนไม่มีสิทธิ์ไปโต้แย้งความคิดพี่ได้หรอก”

เหมือนผมจะเห็นมันกระตุกมุมปากนิดๆ ตอนผมเรียกชื่อตัวเองแบบนั้น ไม่รู้ว่าสันนิบาตแดกชั่วคราวหรือว่าอะไรของมันกันแน่

“กวนตีนกูอีกแล้วนะมึง”

“ผมไปกวนตีนอะไรพี่ตรงไหนครับ”

ผมทำหน้าเหลอหลา แต่จริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย

แม่งรู้ทันกูตลอดแหละไอ้พี่ชมพู

“ใช่ว่ามึงพูดเพราะๆ กับกูแล้วกูจะคิดว่ามึงเคารพกูหรอกนะ มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่ามึงพูดเพราะ แต่หน้าตากับน้ำเสียงมึงโคตรกวนส้นตีนกูเลย”

“เหรอครับ ผมไม่รู้ตัวเลยจริงๆ พี่อาจจะอคติกับผมมากไป”

มันทำท่าอย่างกับจะถุยน้ำลายใส่หน้าผมทันทีที่ฟังประโยคเมื่อกี้ของผมจบ ผมมีอะไรตรงไหนที่ดูกวนตีนมั่งครับ ช่วยบอกหน่อย นอกจากความตั้งใจของผมน่ะ หึหึ

“อย่ามาย้อนกู”

ไอ้พี่ชมพูตบหัวผมหนึ่งที เหี้ยแม่ง มึงตบกูอีกแล้ว!

ผมตวัดตาดุใส่มัน ให้รู้ว่าไม่พอใจ ไม่เก็บอาการแม่งแล้วก็ได้ สัตว์เอ๊ย! มึงนึกว่ามือมึงเป็นแพมเพิร์สเบบี้ดรายด์แห้งสบายไม่ซึมเปื้อนหรือไง ตบแล้วกูถึงไม่เจ็บน่ะฮะ!

“แล้วนี่มึงไม่ถอดแว่นออกหรือไง วิ่งๆ ไป แว่นกระแทกดั้งตกแตกขึ้นมาจะว่ายังไง”

จริงๆ แล้วนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผมไม่ค่อยอยากจะลงแข่งสักเท่าไร ถ้าไม่ถูกปรามาสเอาไว้จากไอ้ไม้หนึ่ง แถมด้วยคำประจานของไอ้เพื่อนเวรอีกสามคนที่พร้อมประณามผมล่ะก็

ไม่เคยลองใส่แว่นแล้ววิ่งดูสักที หวังว่ามันจะไม่ทรยศลงไปอาบแดดอยู่บนสนาม ถ้าเป็นแบบนั้นคงได้มีอะไรตามมาอีกเป็นพะเรอเกวียน

“แต่ถ้าถอดผมก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ดี”

“มึงนี่ไม่ทิ้งลุคมึงจริงๆ ไปแข่งได้แล้วไป กูจะรอดู”

รุ่นพี่ที่ไม่มีอะไรให้นับถือว่าแบบนั้น ก่อนจะผลักหัวของผมให้เดินไปด้านหน้า หลังจากเห็นว่าพวกคณะอื่นประจำที่กันหมดแล้ว ส่วนมันก็เดินสวนผมไปอีกทางแทน

ถ้ามึงผลักกูแรงกว่านี้ กูจะหน้าทิ่มโชว์ให้มึงดูจริงๆ นะเว้ย ไอ้พี่ชมพู!



















เจ็บใจจนแทบจะเตะก้านคอไอ้เหี้ยไม้หนึ่งได้ แม่งโม้ว่าตัวเองเก่งงั้นงี้ แต่ที่ไหนได้ ดันเสือกส่งไม้พลาด แล้วไง ใครต้องรับผิดชอบถ้าไม่ใช่ผมที่ต้องไปวิ่งไล่เก็บไม้ให้มันแล้วสปีดตัวตามพวกคณะอื่นที่นำไปหลายช่วงตัว วิ่งจนหืดขึ้นคอ กว่าจะตีขึ้นมาเป็นที่สี่ได้ แต่ไอ้ไม้สามไม้สี่ที่มันควรจะวิ่งให้ตับออกมาแด๊นซ์กระจายดันเสือกอ่อนกว่าผมอีก

ไม่ต้องโทษว่าเป็นความผิดของผมเลยที่คณะต้องแพ้กรีฑาประเภทสี่คูณร้อย ผมเดินเตะทรายออกมาจากสนามอย่างเซ็งๆ เพื่อรอการแข่งขันในรอบต่อไป ซึ่งคงกินเวลาไปพักหนึ่งเพราะการแข่งแต่ละประเภทมีสองรอบเพราะมีจำนวนคณะมากกว่าลู่วิ่ง

“เอาน่ามึง ไม่ต้องเครียดๆ”

ไอ้กราฟตบหลังผมปลอบใจหลังจากมันเห็นว่าผมกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์แค่ไหน ไอ้กัสก็เอาแขนพาดคอผมไว้แล้วดึงเข้าไปปลอบเหมือนกัน

“ไม่ใช่ความผิดของมึงเลย มึงไม่ต้องไปสนใจหรอก”

“ใช่ ไอ้พวกนั้นแม่งมีแต่กระจอกๆ เทียบมึงไม่ได้ เดี๋ยวแข่งเดี่ยวมันก็ได้รู้กัน ว่ามึงน่ะเจ๋ง”

ไอ้เคลมก็เข้ามาลูบหัวผมด้วยอีกคน ทำเหมือนผมเป็นเด็กที่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ แต่ก็จริง ผมไม่ชอบถ้าอยากชนะแล้วไม่ชนะ คนที่ผมแพ้ในชีวิตนี้มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือป๊า

“พวกมึงอย่ามาบิ๊ว”

ผมผลักมือผลักแขนพวกมันออกไปให้หมด อยากอยู่คนเดียวแบบไม่มีใครมาเกาะแกะ พอพวกมันเห็นว่าผมเป็นแบบนั้นก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี ให้ผมได้ทำใจแบบส่วนตัว

เดินหาน้ำดื่มมาจิบๆ ให้พอแก้หงุดหงิด ยังไม่บ้าพอที่จะเอาน้ำราดหัวตัวเองแล้วต้องมานั่งเซ็ตให้เสียเวลาหรอกครับ แล้วก็ไม่อยากจุกด้วย เดี๋ยวแพ้อีกคงได้เป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตจนวันตาย แต่จิบน้ำไปได้ไม่เท่าไร ผมก็แทบสำลักเพราะแรงอัดจากทางด้านหลัง

แขนแข็งๆ ของคนตัวใหญ่ล็อกคอผมเอาไว้แล้วลากผมเข้าไปกระแทกกับอกมัน เสียงทุ้มที่กรอกอยู่ไม่ห่างจากหูเท่าไรทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นใคร

“ไหนว่ามึงแน่ไง เพราะไอ้แว่นเวรของมึงนี่ไงที่ทำให้มึงแพ้”

ไม่รู้ว่ามันโผล่มาจากไหนเหมือนกัน แต่ไอ้พี่ชมพูก็โผล่มาได้ตลอด ผมงัดแขนมันออกจากคอของผม แต่ว่ามันก็ออกแรงมากกว่าเดิม แล้วคนที่ตัวเล็กกว่าถึงจะไม่มากนักอย่างผมจะสู้แรงหมีควายอย่างมันได้ยังไง

“จะแพ้หรือไม่แพ้แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแว่นของผม”

“เพราะมันเกะกะลูกตากูไง แล้วมันก็เกะกะลูกตามึงด้วย กูเห็นนะว่าตอนวิ่งอยู่มึงกลัวว่าแว่นจะหลุดลงมา”

มันทำเหมือนลูกตามันติดกล้องดูดาวเอาไว้ มึงจะเห็นอะไรขนาดนั้น สนามก็ใช่ว่าจะเล็ก

“แต่ผมก็บอกพี่ไปแล้วไงว่าถ้าถอดผมก็มองไม่เห็น แบบนั้นมันแย่กว่าอีก” แหลสดเลยครับ แว่นนั่นก็แค่เลนส์ธรรมดาเหมือนแว่นแฟชั่นทั่วไป “แล้วอีกอย่าง ที่แข่งแพ้ก็ไม่ใช่เพราะผมสักหน่อย มีตาก็พอดูออกไม่ใช่หรือไงครับ”

“มึงจะบอกว่ารายการที่เหลือที่มึงลงแข่ง มึงจะเอาชัยชนะมาให้คณะได้งั้นสิ”

“ก็...”

“กูบอกมึงไว้ก่อนนะ ตั้งแต่รุ่นกูที่กูเป็นคนลงแข่งวิ่งร้อยเมตรกับสองร้อยเมตรอย่างที่มึงลง ก็ชนะมาทั้งสองรุ่น แล้วมึงรู้ไหมว่ากูคาดหวังอะไร”

เสียงทุ้มลงน้ำหนักให้แน่นกว่าเดิมพลางพูดประโยคที่ว่า ถามคำถามที่ผมพอจะรู้คำตอบได้เพียงเพราะน้ำเสียงของมัน

มึงอยากให้กูชนะให้ได้ว่างั้นเถอะ

ไอ้พี่ชมพูนี่แม่งโคตรจะคณะนิยมเลยว่ะ เลือดรักคณะมึงแรงมาก

เอะอะมึงก็เอาคณะมาพาดไว้บนคอกู กูเนิร์ดก็หาว่ากูทำให้ความหน้าตาดีของคณะตกต่ำ นี่กูแข่งแพ้ก็หาว่ากูทำคณะเสียชื่อ พ่อมึงเป็นคณบดีหรือไงวะ

“กูรู้ว่ามึงเข้าใจ”

มันยื่นมือมาดันข้างแก้มผมเอาไว้ ให้เบนหน้าไปทางมันแล้วตบเบาๆ สองสามครั้ง และใช้แววตาของมันข่มขู่ ทว่า...

“ไอ้ภู กูตามหามึงตั้งนาน มึงมัวแต่แกล้งเด็กเหรอวะ”

เสียงเพื่อนมันครับ ตะโกนมาจากอีกฝั่งหนึ่งของโรงอาหารที่แทบจะร้างผู้คน เพราะแห่ไปดูการแข่งขันกีฬาเฟรชชี่กันหมด แถมพ่วงมาด้วยไอ้กราฟที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน เดาได้เลยว่าคนที่เรียกไอ้พี่ชมพูคงเป็นลุงรหัสของไอ้กราฟ ผมเลยถือโอกาสนี้ในการผลักตัวออกจากวงแขนหนาๆ แต่ว่ามันก็ดันรู้ตัวเสียก่อน จึงใช้แขนอีกข้างรวบเอวผมเอาไว้แล้วรัดไม่ให้หนีไปได้

“เฮ้ย แล้วพี่จะมาล็อกตัวผมทำไมอีก”

ผมพยายามกระเสือกกระสนออกจากกรงแขนของมัน แต่ว่ามันไม่สะทกสะท้านสักเท่าไร หนำซ้ำผมยังเหลือบไปเห็นไอ้กราฟกลั้นขำเพราะผมสู้เพื่อนลุงรหัสของมันไม่ได้

ไอ้เลว มึงไม่ช่วยกูเลยนะไอ้คนดี!!

“กูบอกมึงแล้วว่ากูมาเยี่ยว แล้วก็จะหาน้ำแดก”

พี่ชมพูทำหูทวนลมครับ ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงผมที่ถามมันแล้วหันไปคุยกับเพื่อนมันแทน

สัตว์เอ๊ย แม่งกวนกูอีกแล้ว!

“งั้นมึงก็ไปได้แล้ว บอลจะแข่งแล้ว มึงจะไม่ไปเป็นกุนซือให้พวกปีหนึ่งหรือไง”

“เออๆ” ไอ้พี่ชมพูตอบเพื่อนมันกลับไปอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันหน้ากลับมาแล้วกระซิบริมหูผม เค้นเสียงหนักๆ ตามประสามันเวลาข่มขู่ผมที่ไม่มีความกลัวเลย “แข่งให้ชนะนะมึง”

“...”

“ถ้ามึงแพ้ กูจะจับมึงแก้ผ้าวิ่งรอบคณะกับไอ้ด่าง”








===============
ตอนนี้ยาวขึ้นกว่าเดิมแล้วนะคะ แต่พี่ภูกับน้องยีนก็ยังเข้าฉากด้วยกันนิดเดียว (?)
เมื่อตอนที่แล้วแอบมีคนจองกราฟด้วย งั้นลงชื่อจองคนดีไว้คู่กันเลยนะคะ ฮ่าๆ
แล้วสรุปพี่ภูกับน้องยีน ใครรุกใครรับล่ะเนี่ย เห็นมีบอกไม่เหมือนกันเลย
ส่วนเรื่องสัญญาว่าจะไม่หายต๋อมไป จะพยายามไม่ให้เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะงั้นก็อย่าทิ้งกันเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ :)

Undel2Sky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-11-2011 02:15:51
สนุกๆ
อยากรู้ว่าทำไมยีนต้องกลายเป็นเด็กเนิร์ด
 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ~MiKi~ ที่ 18-11-2011 02:52:23
สนุกดีค่ะ ว่าแต่พี่ภูมีอะไรกับน้องยีนป่าว เห็นหาเรื่องแกล้งจัง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 18-11-2011 05:53:40
พี่ภูชอบยีนมาตั้งแต่มัธยมใช่ไหม แน่เลย :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 18-11-2011 06:04:10
พี่ภูรุกใช่ปะ
รอตอนใหม่นะ ติดตามๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-11-2011 07:20:16
แหม,,,หล่อทั้งแก็งค์นี่เลือกลำบากนะ 5555
ว่าแต่พี่ภูทำไมต้องไปยุ่งวุ่นวายกับน้องแว่นมากมายขนาดนั้นคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-11-2011 07:44:00
ติดตามต่อกำลังสนุกเลย

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 18-11-2011 09:22:14
เออ


แพ้แก้ผ้าาาาาาาา


แต่กูค้างคับท่านนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 18-11-2011 10:28:05
พี่ชมพูแกล้งน้องจัง

อยากรู้ว่าทำไมยีนถึงต้องมาเป็นเด็กเนิร์ด

 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Warlock ที่ 18-11-2011 10:48:44
คู่นี้ท่าจะตีกันตลอดเวลานะนี่..ฮ่าๆ

+1ให้จ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 19-11-2011 00:39:22
แอร๊ยยยย  พี่ภูโหด แต่เค้าก็รักนะ  :impress2: 55

ปล  ถ้ายีนส์ได้วิ่งแก้ผ้าจริง  :z1: เค้าจะไปวิ่งด้วยนะ  (แต่เค้าไม่ใช่ไอ้ด่างตัวนั้นนะ อย่าเข้าใจผิด   :sad4:)

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: mintny ที่ 20-11-2011 16:35:35
พี่ภูแม่งกวนทีนสุดๆ อะไรๆน้องยีนโดนตลอด
แต่มันชักแม่งๆนะ เหมือนพี่ภูจะรู้จักน้องยีน
ทั้งๆที่น้องยีนไม่รู้จักพี่ภูเลย
น้องยีนหนูกำลังเสียเปรียบคู่ต่อสู้นะ
อุ้ยยยๆ แต่อีหรอบนี้ พี่ภูแอบปิ๊งน้องยีนมาตั้งนานแล้วแหงๆ
เอาเว้ยๆมีเฮ  :-[

อะคุๆ แพ้แก้ผ้า
ถ้าน้องโดนแก้จริงๆ พี่ภูจะยอมให้แก้ต่อหน้าคนอื่น?
แล้วถ้าน้องชนะ พี่ภูจะให้อะไรน้อง

ติดตามตามติด มาต่อเร็วๆนะคะ o13


ปล. คนดีของกราฟ ใครกันน๊า  :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: pizza2011 ที่ 20-11-2011 18:49:20
ทำไมต้องทำตัวเชยๆด้วยนะ อยากรู้งุงิ  รอลุ้นตอนต่อไปจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 20-11-2011 20:47:45
 :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 20-11-2011 21:05:18
สู้ๆ น่าอ่านมาก อิอิ

แบบว่าน้องยีนทำไมต้องเนิร์ดอ่า

ชักสงสัยแล้ว....

รอต่อไปจ้ะ มาอัพเรื่อยๆน้า ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กูชนะ มึงแพ้ แก้ผ้า [18/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtjung ที่ 20-11-2011 21:06:42
พี่๓ นี่ชอบแกล้งพี่ยีนเนอะ

แอบชอบเค้าละสิ 5555

มาต่อไวไวนะค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 2 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 20-11-2011 22:20:05
ตอนที่ 2 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้














เพราะว่าผมเก่ง จึงไม่ยากที่จะเอาชนะในการแข่งขันที่เหลือ ไม่ใช่เพราะคำขู่ของไอ้พี่ชมพูมันหรอก แม้ว่าผมจะยังหอบแฮ่กๆ หลังจากการแข่งจบลงโดยมีผมเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่งในการแข่งทั้งสองรอบ ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสามคนโห่ร้องแบบไม่กลัวเสียลุคหนุ่มหล่อ จับผมโยนขึ้นฟ้า รับลงมาแล้วก็โยนขึ้นไปใหม่ ดีใจโอเวอร์อย่างกับผมผ่านการคัดตัวทีมชาติ

กว่าผมจะบอกให้มันเอาผมลงให้ได้หายใจเต็มที่สักทีก็ผ่านไปหลายนาที ผมสูดลมหายใจพลางเกาะหลังไอ้เคลมเอาไว้ด้วย เพราะไอ้ต้นตอที่เล่นบ้าๆ แบบนี้ก็ไอ้เคลมเนี่ยแหละ ไม่ต้องเดาก็รู้ คนที่ทำให้เพื่อนเดือดร้อนเพราะความคิดแผลงๆ ก็มีแค่มันเท่านั้น มีที่ไหน เดินออกมาจากสนามยังไม่ทันหายเหนื่อยดีมันก็พุ่งเข้ามาชาร์ตกันหมด

ไอ้กัสที่ไม่รู้หาน้ำมาจากไหนส่งขวดน้ำที่มีหลอดให้ผมได้จิบให้หายเหนื่อย ส่วนไอ้กราฟไม่รู้ว่ามันหวังดีหรือต้องการอวดหุ่นแมนๆ ของมันกันแน่ มันเลยถกเสื้อคนดีของมันขึ้นมาพัดให้ โชว์พุงขาวๆ มีไรขนแถวสะดือเรียกสายตาสาวๆ ทั้งหลายได้ ผมกลัวว่าผู้หญิงหื่นกามทั้งหลายที่อยากมองต่ำลงไปจะเป็นลมมากกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นการทำบาปแบบไม่รู้ตัว กรรมมันยิ่งติดเทอร์โบอยู่ด้วยช่วงนี้ มาเร็วเคลมเร็วกันแน่ล่ะครับงานนี้

“กูนึกว่าจะได้จับมึงแก้ผ้าซะอีก”

เสียงของไอ้คนที่ข่มขู่ผมไว้ดังมาแต่ไกลตั้งแต่ตัวมันยังเดินมาไม่ถึง ผมเงยหน้าที่โซมด้วยเหงื่อมองมันเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าเสียงที่ดังอยู่เป็นไอ้พี่ชมพูไม่ผิดแน่ แต่... เชี่ย เหงื่อมันดันไหลเข้าตาผม ผมต้องหลังตาปี๋เพราะว่าแสบจนทนไม่ไหว

เวรเอ๊ย ไอ้กราฟมันทำบาปแล้วทำไมผมต้องชดใช้แทนมันเนี่ย!

มือเรียวที่ไม่ใหญ่มากยื่นออกไปคว้าเสื้อไอ้กราฟไว้ให้มันหยุดพัด ผมกระซิบบอกมันเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่กลุ่มพวกเรา ไม่อยากให้ไอ้พี่ชมพูปากวอนตีนรู้แล้วหาเรื่องอะไรผมอีก ถ้ามันรู้คงไม่แคล้วพุ่งเข้ามากระชากแว่นออกจากหน้าผมแล้วใจดีเอาตีนช่วยเช็ดแน่

“เหงื่อเข้าตากูว่ะ”

“อ๋อ งั้นมึงอยู่เฉยๆ”

มันพูดเสียงเรียบก่อนขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีกนิด จากนั้นยกชายเสื้อยืดของมันขึ้นสูงกว่าเมื่อกี้ ค่อยๆ สอดเสื้อสีขาวผ่านใต้แว่นเข้ามาเช็ดให้อย่างระมัด ระวัง แต่นั่นกลับทำให้เสียงกรี๊ดแว่วเข้ามาในหูของผมระลอกใหญ่



“กรี๊ดดดดดดดดด แก๊!! ดูสิๆๆ”

“ทำไมคนดีทำแบบนี้ กรี๊ดๆๆ”

“ไอ้หมอนั่นเป็นใคร ทำไมสุดหล่อต้องไปเช็ดหน้าให้ด้วย! ไม่ยอมๆๆ”




จะกรี๊ดทำห่าทำเหวอะไรวะ แค่เพื่อนมันเช็ดตาให้ ไม่ได้สาดน้ำมนต์ใส่สักหน่อย ไม่ต้องร้องขอส่วนบุญ

โคตรน่ารำคาญเลยที่ต้องมาได้ยินเสียงหวีดร้องอย่างกับโดนถอนขนในที่ลับทีละเส้น ถึงผมจะชอบผู้หญิงและเคยรายล้อมด้วยผู้หญิงมากมาย มีฉากบนเตียงกับผู้หญิงมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่ยังไงผมก็เกลียดเสียงร้องกรี๊ดๆ ของผู้หญิงอยู่ดี ถ้าเป็นเสียงครางต่อให้ดังแค่ไหนผมจะไม่ว่าเลย

แต่ผมก็เข้าใจล่ะนะว่าเพื่อนผมมันหล่อ แถมคุณเธอคงหมั่นไส้ไอ้แว่นหน้าจืดที่อยู่ๆ ก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากหนุ่มหล่อถึงสามคน แต่... ยัยพวกนั้นลืมไปหรือเปล่าว่าผมเป็นผู้ชาย จะกรี๊ดให้ตับไหลออกมาเพื่ออะไร

“เป็นไงมั่งมึง ดีขึ้นหรือยัง”

ไอ้กราฟจับหน้าผมเชยขึ้นหน่อยๆ เพื่อดูตาผ่านทางเลนส์แว่น ผมว่ามันทำดีทีเดียวนะที่ไม่ยอมถอดแว่นผมออก ช่างรู้หน้าที่ตัวเองดีจริงๆ กูจะยอมรับว่ามึงเป็นคนดีอย่างที่เสื้อมึงบอกก็ได้

“เออ ก็ดีแล้ว แต่ยังแสบๆ อยู่หน่อย”

“ไหนมึงๆ ให้กูดูมั่ง”

ไอ้เคลมเสนอตัวพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าไอ้คนดีเสียอีก แต่สีหน้าของมันที่ผมเห็นทำเอาผมไม่แน่ใจว่ามันแค่อยากเสือกหรือห่วงผมกันแน่ ในเมื่อมันทำหน้าเอ๋อๆ แล้วโยกหัวส่องตาผมไปมา

“ยุ่งน่ะมึง ให้ไอ้กราฟดูไป”

เพราะท่าทางแบบนั้นแหละ ไอ้เคลมถึงถูกไอ้กัสตบหัวเข้าไปฉาดใหญ่ สมน้ำหน้ามึง อยากเล่นดีนัก ผมกลั้วหัวเราะในลำคอเย้ยมัน มันเลยถลึงตาใส่ผม

กูกลัวตายแหละไอ้เคลมเอ๊ย ไอ้ปัญญาอ่อน!

“พวกมึงนี่แม่งดังจริงๆ”

ท่ามกลางเสียงกรี๊ดที่เบาสลับดังเป็นระลอกตามการเคลื่อนไหวของเพื่อนรัก เสียงไม่พึงปรารถนาก็ดังขึ้นอีกครั้งในระยะที่ใกล้กว่าเดิม ผมเหลือบตา มองคนที่เดินเข้ามาใหม่สองคนก็เห็นว่าเป็นไอ้พี่ชมพูกับเพื่อนของมันที่มาลากมันออกไปจากชีวิตผมเมื่อพักใหญ่

“ก็คนมันหล่ออะพี่ ทำไงได้”

ผมผละหน้าออกมาจากมือไอ้กราฟที่ช่วยดูตาให้แล้วหันไปทำหน้าเซ็งปนเอือมใส่ไอ้เคลมที่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ สาดดด มึงหลงตัวเองตลอด

“อย่างกับแมงกุดจี่จมอยู่ในขี้ควาย”

“โหยยย เล่นแรงงงงง”

ไอ้เคลมร้องง้องแง้งอย่างกับเด็กหลังจากไอ้เหี้ยพี่ชมพูหาว่าผมเป็นขี้ควายแล้วพวกที่เหลือเป็นแมงกุดจี่ ผมชักสีหน้าใส่มันแบบไม่ปิดบัง แต่มันก็ลอยหน้าลอยตาใส่ ทั้งที่เพื่อนคนอื่นก็ไม่ได้ว่าอะไรไอ้รุ่นพี่ตัวดี

“แมงกุดจี่กับขี้ควายยังไงมันก็ของคู่กัน ก็ดีกว่าไอ้พวกลอยไปลอยมาแล้วก็มาจมกองขี้นั่นแหละ”

ผมตอกมันกลับ เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหน มันก็ตามมาหาเรื่องผมได้ทุกที ไอ้เหี้ยนี่คงมีญาณวิเศษ ส่งสัญญาณปี๊บๆ เหมือนเรดาร์หาดราก้อนบอลมั้ง

“กูไม่ใช่กระสือ”

“แล้วผมบอกเหรอครับว่าพี่ชมพูเป็นกระสือ”

ผมลอยหน้าตอบมันมั่งก็เห็นมันเม้มปากขึงตาใส่ผม ผมเห็นเพื่อนมันกระตุกแขนมันเบาๆ พลางส่ายหัวเหมือนจะปราม มันถึงได้ผ่อนลมหายใจลง

“กูไม่ต่อปากต่อคำกับมึงก็ได้ กูไม่อยากรังแกเด็ก”

“เหรอครับ เป็นพระคุณมากจริงๆ ขอบคุณพี่ชมพูมากนะครับที่เมตตาน้องเกงยีนอย่างหาที่สุดไม่ได้ น้องเกงยีนรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง”

“ตกลงมึงอยากโดนตีนกูใช่ไหม”

จากที่พยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลง มันก็เดือดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบร้อยแล้วจ้องตามันอย่างไม่เกรงกลัวแถมด้วยทำตาใสใส่อีกเล็กน้อยพอกรุบกริบ มันยกขาขึ้นมาทำท่าจะถีบผมจริงๆ แต่เพื่อนมันก็ดึงเอาไว้อีกเหมือนเดิม

แหม เพื่อนมึงนิสัยดีกว่าเยอะเลยว่ะ

“เออ ว่าแต่พี่มีอะไรกับพวกผมหรือเปล่า”

เห็นท่าไม่ดีไอ้กราฟก็กลายเป็นทัพหน้าเอาคอขึ้นมาพาดบนเขียง พี่คนนั้นเลยยิ้มๆ ให้มันหน่อยก่อนจะบอกจุดประสงค์

“ก็เห็นว่าน้องยีนทำได้ดี เลยว่าจะพาไปเลี้ยงสักหน่อย”

“แล้วทำไมต้องเลี้ยงผมด้วยล่ะครับ คนชนะให้คณะก็มีตั้งหลายคน”

ผมตอบกลับพลางเบือนหน้าไปทางอื่นๆ ที่มีตัวแทนคณะลงแข่งในกีฬาเฟรชชี่ เพราะนอกจากวิ่งร้อยเมตรและสองร้อยเมตรชายที่ผมชนะ ยังมีแปดร้อยเมตรชายที่นิเทศฯ ชนะอีกด้วย ไม่นับรวมการแข่งฟุตบอลรอบแรกที่เพิ่งเริ่มครึ่งหลังหลังจากที่เผื่อแผ่สนามให้พวกกรีฑาได้แข่งในช่วงพักครึ่งที่ดูมีวี่แววว่าจะชนะอยู่เยอะเหมือนกัน

“พี่เป็นลุงรหัสกราฟไง แล้วกราฟก็เป็นเพื่อนสนิทน้องยีน แถมไอ้ภูเพื่อนพี่ก็ทำไม่ดีกับน้องยีนไว้ พี่เลยว่าไหนๆ น้องยีนก็ชนะแล้ว พาไปเลี้ยงเลยดีกว่า”

พี่คนนี้พูดจาเป็นการเป็นงานมาก ตรงข้ามกับเพื่อนมันโดยสิ้นเชิงเลย

ผมก็อยากจะตอบรับเขาหรอกนะ แต่ว่าผมคงรับน้ำใจเขาไม่ได้ ถ้าไปได้ผมคงไม่ต้องทนอดอยากแรมเดือนรอพี่มาเลี้ยงแบบนี้หรอก

“ขอบคุณนะครับ แต่ผมคงไปไม่ได้”

ผมยิ้มแหยๆ ให้ลุงรหัสของไอ้กราฟที่ผมยังไม่รู้ชื่อ แต่ก็ดันมีคนปากหมาสอดเข้ามา

“อะไร นี่กูจะเลี้ยง มึงก็รีบทำตัวมีมารยาทไม่อยากไปเชียวเหรอ”

คำพูดของมันทำผมเส้นกระตุกได้ทุกที ผมจิกขากับพื้นไว้ก่อนจะเผลอลืมตัวแล้วยกมันขึ้นมาเตะก้านคอไอ้เหี้ยพี่ชมพู พลางพยายามฉีกยิ้มอย่างใจเย็นพร้อมท่องนะโมสามจบในใจ

“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไปหรอกนะครับ” ผมจ้องตาไอ้พี่ชมพูกลับ จ้องให้ลึก ให้มันอ่านสายตาของผมออกมา ถ้ากูไปกูจะถลุงมึงให้หมดตูดเลย “แต่ผมมีเหตุผลที่ไปไม่ได้จริงๆ”

“ใช่ครับ ไอ้ยีนไปไม่ได้จริงๆ เอาไว้เลี้ยงกันวันหลังหรือเป็นข้าวกลางวันแล้วกันพี่”

ไอ้กัส กูรักมึง! มึงช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ มาออกหน้าแทนกูเนี่ย

ผมยิ้มหน่อยๆ ที่เพื่อนเข้าใจ แต่ก็แน่ล่ะเพราะมันรู้เหตุผลดีว่าทำไมผมถึงไปไม่ได้ หากเป็นเมื่อก่อนคงถึงไหนถึงกัน เมาเหล้า กลับเช้า หิ้วสาว ทำได้ทุกอย่าง

“อ๋อ หรือว่าเป็นลูกคุณหนู กลับบ้านดึกไม่ได้ อบายมุขไม่แตะ เดี๋ยวเสียคน โห สมัยนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่อีกเหรอวะ เป็นผู้ชายซะเปล่า ถ้าไม่ใช้ชีวิตให้คุ้มแล้วมันจะเรียกว่าผู้ชายได้ยังไง เสียชาติเกิด”

ผมรู้สึกได้ยินเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ อยู่ในหัว เหมือนเส้นประสาทกำลังจะขาด ไอ้กราฟก็หวังดีดึงมือผมที่กำแน่นเอาไว้ ไอ้เคลมก็ช่วยกู้หน้าให้อีกคน

“เอางี้ดีกว่า พวกผมไปแทนไอ้ยีนเอง ถึงไหนถึงกัน จะเมาหัวราน้ำหรือกินให้ท้องระเบิด ไม่คลานไม่กลับเลย ดีไหม”

“มึงไม่ต้องเสือก เค เพื่อนมึงเป็นคนแข่งชนะ กูก็ต้องเลี้ยงมันสิวะ” มันตอบเคลมโดยไม่คิดจะเอออออะไร แล้วหันมาจ้องหน้าผม “เอาไง จะให้กูคิดว่ามึงอ่อน ไร้น้ำยา ใส่กระโปรงคงดีกว่า เอางั้นเหรอ”

มันหยามผมมากไปแล้ว ผมกัดฟันกรอดจ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่องแต่มันก็ลอยหน้าใส่ให้ยิ่งหมั่นไส้ สุดท้ายผมก็ต้องกระแทกเสียงออกไปอย่างอดกลั้นไม่ไหว แม่งเป็นรุ่นพี่ที่เหี้ยจริงๆ

“เออ ก็ได้ ไปก็ไป”

“เฮ้ย ไอ้ยีน!!!”

สามเสียงของเพื่อนซี้ประโคมออกมาพร้อมกัน ถึงขนาดว่าถ้าผมไม่เตรียมใจอยู่แล้วว่าต้องเห็นอาการแบบนี้ของพวกมันคงตกใจจนสะดุ้งเสียฟอร์มให้ไอ้พี่ชมพูเห็น ดีแล้วที่กูจิตไม่อ่อน

“มึงจะไปได้ไง แล้วปะ...”

“พอ กูจะไป มึงหยุดพูด”

ก่อนที่เหตุผลหลักของการปฏิเสธของผมจะหลุดออกมาให้เสียหน้า ผมก็รีบห้ามคำพูดของไอ้กัสก่อน มันหวังดี ผมรู้ แต่มันก็ควรจะจำได้เหมือนกันว่าผมเกลียดการถูกหยามแค่ไหน

ท่าทีขึงขังของผมคงจะทำให้ไอ้รุ่นพี่เวรตะไลมันย่ามใจ มันถึงได้กระตุกยิ้มร้ายๆ พลางมองหน้าผมแล้วพ่นคำที่น่าจับมันมากระทืบที่สุด

“ก็แค่เนี้ย เล่นตัวอยู่ได้”

ไอ้สัตว์ มึงอยากตายนักใช่ไหม!!

















รถยนต์หลายคันถูกขับตามกันเป็นขบวน โดยที่ผมมากับกราฟ นอกนั้นก็ขับกันมาคนละคันกันหมด ที่ที่เรามาเป็นผับที่อยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัยนัก แม้ว่าจะมีกฎของกระทรวง ทบวง อะไรทั้งหลายแหล่ออกมาว่าไม่ให้เปิดสถานบันเทิงใกล้กับสถานศึกษา แต่เพราะรายได้มันล่อตาจึงมีผับบาร์ตั้งกันให้เกลื่อน

โถงใหญ่ดูแคบไปถนัดตาด้วยโต๊ะหลายสิบตัวถูกกางออกเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว แสงไฟที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพกลับเพียงพอต่อการสำเริงสำราญ กลิ่นนิโคตินลอยคลุ้งอยู่ในสถานที่อโคจร เสียงเพลงดังเสียดหูนั้นกลับทำให้ผู้คนภายในร้านสนุกสุดเหวี่ยง

บรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสมานานนับเดือนทำให้ผมรู้สึกว่าอะไรบางอย่างในร่างกายถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล นิ้วมือซึ่งทิ้งอยู่ข้างลำตัวเคาะเบาๆ กับขากางเกงเป็นจังหวะ

ไม่แปลกนักที่ผมกับพวกไอ้กราฟจะเข้ามาได้ทั้งที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบตามกฎหมาย เพราะถ้ามัวแต่สนใจ รายได้ก้อนใหญ่คงบินลอยไปจากร้านอย่างน่าเจ็บใจแน่ๆ

ไอ้พี่ชมพูเป็นคนเดินนำพวกเราไปที่โต๊ะหนึ่ง สั่งเครื่องดื่มรวมทั้งสอบถามคนอื่นๆ ว่าต้องการแอลกอฮอล์ชนิดไหนมากลั้วคอเล่นๆ ในคืนนี้ ซึ่งคำตอบก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่ผมเคยมาร่วมวงกับพวกมัน บรั่นดีดีกรีสูงถูกนำมาเสิร์ฟถึงที่ตามประสารสนิยมของผู้มีอันจะกิน

แก้วถูกส่งต่อให้จนครบทุกคน ยกเว้นผมที่ดูเหมือนว่าไอ้คนที่ทำตัวเป็นแกนนำโดยที่ไม่มีใครเอ่ยอนุญาตสักคำจะจงใจไว้สุดท้าย ซึ่งผมก็รับมาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะวางมันลงตรงหน้า ผิดกับคนอื่นที่รับไปแล้วก็จิบลงคอในทันทีเหมือนเป็นการรักษามารยาทที่พึงมี

“ทำไมมึงไม่แดก”

เอาแล้วครับ พอผมทำแบบนั้นมันก็หาเรื่องกันอีกแล้ว ดีว่าทุกคนจับจองที่นั่งอย่างรู้หน้าที่ ตอนนี้ผมกับมันจึงอยู่ในตำแหน่งที่เยื้องกันเพื่อไม่ให้ใกล้กันเกินไป แต่ถึงยังไงก็เห็นหน้าและพฤติกรรมของอีกฝ่ายชัดเจนอยู่ดี

“ผมยังไม่อยากดื่ม พี่ดื่มไปเถอะครับ ตามสบาย”

“กูเลี้ยงมึง ไม่ได้เลี้ยงตัวเอง มึงก็แดกๆ ไป”

มันคะยั้นคะยอแถมยังจ้องผมไม่วางตา เหมือนกับว่าถ้าผมไม่ดื่มอย่างที่มันต้องการ มันจะไม่ยอมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

อย่าทำให้ตีนกูกระดิกมากนัก กูไม่แน่ใจว่าจะห้ามตัวเองได้ตลอดนะ ไอ้คุณพี่ชมพู

“เออ พี่ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา”

ท่ามกลางความเงียบที่มึนตึง เสียงค่อยๆ จากอีกบุคคลหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าเพื่อนของไอ้พี่ชมพูก่อนจะยิ้มให้ นึกขอบคุณที่เขาขัดขึ้นมาตอนที่สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร

รอดตัวไปนะมึง

“พี่ชื่อเจ๋งนะ เป็นลุงรหัสของกราฟ พอดีพี่ไม่มีน้องรหัสน่ะ มันซิ่วออกไปแล้วก็เลยมาสนิทกับกราฟแทน”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างว่าง่าย

คนเขาดีมา มีอะไรที่ผมต้องไปกวนเขากลับเหมือนคนบางคน จริงไหม

“ส่วนไอ้ภูก็เพื่อนพี่ ไม่มีทั้งน้องรหัสแล้วก็หลานรหัส เพราะงั้นไม่ต้องใส่ใจมันมากหรอกนะถ้าหากว่ามันจะเรียกร้องความสนใจจากพวกรุ่นน้องบ้าง”

“ไอ้เชี่ยเจ๋ง หุบตูดมึงไปเลย กูเรียกร้องความสนใจหอกอะไร!”

พอโดนแฉหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ ไอ้พี่ชมพูมันก็รีบจับแก้วเหล้าตัวเองกรอกปากพี่เจ๋งจนแทบสำลัก

แม่งป่าเถื่อนแบบนี้แหละ ถึงมีน้องรหัส น้องมันก็คงผูกคอตาย

“แล้วมึง เมื่อไรจะแดกๆ เหล้าของกูสักที”

จัดการกับเพื่อนมันได้ มันก็หันมาเอาเรื่องผมต่อทันที ผมจึงต้องคว้าแก้วเหล้ามาจิบๆ แต่โดยดีเพื่อให้มันเลิกยุ่งกับผมสักที โคตรรำคาญ มึงจะอะไรกับกูนักหนา มึงเยอะไปแล้ว! แต่ว่ามันก็ไม่พอใจแค่นั้น

“มึงจิบไปแค่นั้นเหล้าคงลงถึงกระเพาะมึงหรอก แดกไม่เป็นก็บอกกู กูจะสั่งน้ำส้มให้มึง”

แม่งหลิ่วตาเย้ยผมชัดๆ ไอ้สาดดด! เห็บหมา!

ผมต้องกระดกมันเข้าไปครึ่งแก้ว ทั้งที่มันเคยเป็นรสชาติที่ผมโปรดปราน แต่การดื่มในครั้งนี้กลับทำให้ผมรู้สึกขยาดและไม่อยากแตะต้องมันเลย พวกเพื่อนของผมก็ทำหน้าป่วยๆ มองมาตามๆ กัน ผมเลยตบบ่ามันเป็นการบอกว่า ไม่เป็นไร มันถึงได้หันไปสนใจสิ่งรอบข้างตัวเองได้ ผมเองก็ด้วย มองไปรอบๆ ตามสรีระของผู้หญิงมากมายที่กำลังเต้นไปตามจังหวะอย่างยั่วยวน บ้างก็มีเพศผู้เข้าไปวาดสเต็ปคู่แล้วสีร่างกันไปมา มันเป็นภาพที่ชินตาและผมก็ใช่ว่าไม่เคยทำ

นั่นแหละครับ ผมในอดีต

อดีตที่ยังเสเพลไม่ใช่เด็กเนิร์ดแบบนี้

“กราฟๆ สลับที่กับกูหน่อย”

เสียงจากพี่เจ๋งทำให้ผมหันไปมองอย่างงงๆ เพราะว่าไอ้กราฟนั่งข้างผมแล้วพี่เขาจะมาสลับทำไม แม้แต่ไอ้กราฟก็งงไม่แพ้กันแต่ก็ยอมสลับที่ให้ คงเพราะเกรงใจที่อีกฝ่ายเป็นลุงรหัส

“นี่น้องยีน”

“เรียกยีนเฉยๆ ก็ได้ครับ”

พี่เขาเรียกผมซะขนลุกเลย นอกจากม้ากับพี่กล้วยที่เป็นพี่เลี้ยงก็ไม่มีใครเรียกผมว่าน้องยีนสักคน พอได้ยินแล้วมันรู้สึกแปลกๆ ไงไม่รู้ หนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นผู้ชายอีก บรึ๋ย ถ้าเรียกด้วยน้ำเสียงกวนส้นตีนเหมือนไอ้พี่ชมพูคงไม่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ นี่ถือว่าเป็นข้อดีของมันหรือเปล่า หึ

“ยีนไม่ชอบขี้หน้าไอ้ภูมันเหรอ”

พี่เจ๋งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมก่อนจะกระซิบเสียงเบาๆ เหมือนกลัวใครได้ยิน ทั้งที่ภายในร้านก็เสียงดังจนคนอื่นนอกจากผมไม่มีทางจะได้ยินได้อยู่แล้ว

“เปล่าครับ”

“อืม ดีแล้วล่ะ”

“แต่เกลียดขี้หน้าครับ”

เหมือนว่าพี่เขาจะอยากพูดอะไรต่อ แต่ว่าผมสอดขึ้นมาก่อน ไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไร ก็มันออกจะกวนตีน ชอบหาเรื่องผมขนาดนี้ ให้ผมชื่นชมมันหรือไง ประสาทแดกแล้ว

“อ่า เหรอ” พี่แกหน้าซีดลงไปหน่อยพอเจอผมตอบกลับไปตรงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกระซิบต่ออยู่ดี “จริงๆ ไอ้ภูมันไม่มีอะไรหรอก มันก็บ้าๆ บอๆ ของมันแบบนี้”

พี่เรียกการกระทำเหี้ยๆ ของเพื่อนพี่ว่าบ้าบอเหรอครับ ผมเพิ่งรู้ว่า ‘เหี้ย’ มันมีชื่อเล่นว่า ‘บ้าบอ’ ดูน่ารักมากกก

ถึงจะคิดในใจแบบนั้นแต่ว่าผมก็ยังเงียบแล้วทนฟังพี่เจ๋งต่อไป อยากรู้เหมือนกันว่าพี่เขาต้องการอะไรกันแน่ถึงได้มาพูดกับผมแบบนี้

“ถึงมันจะดูโหด ดูบ้าอำนาจหรือชอบใช้กำลัง แล้วก็สถุนไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วมีคนแบบมันก็ดีนะ”

ผมไม่แน่ใจว่าหูของผมเออเรอร์ตอนรับส่งสัญญาณอะไรหรือเปล่า ถึงได้ยินประโยคสุดท้ายแบบนั้น ผมเบี่ยงหน้าไปมองพี่เจ๋งแบบเต็มๆ ก่อนจะเหลือบตาไปมองไอ้คนที่ถูกนินทา ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะรู้ตัวอยู่เหมือนกัน ถึงได้มองมาอย่างกับจะเค้นอะไรจากผม

มึงคิดว่ากูจะบอกมึงเหรอ มึงลองขี่ดาวพลูโตมาหากูก่อน กูจะลองคิดดูอีกที

“มันเป็นรองประธานของปีสาม แล้วก็เป็นประธานศึกษาของคณะ คนที่ดูแลเรื่องการรับน้องที่พวกปีสองรับผิดชอบอยู่ทั้งหมดก็มันนี่ล่ะ”

“แล้วพี่มาบอกผมทำไม”

ประโยคเดียวจอดเลยครับ พี่เจ๋งถึงกับสะอึก ผมหันไปมองหน้าไอ้คนที่เป็นประธานนักศึกษาซึ่งหน้าตาไม่บอกยี่ห้อเลยว่ามีความรับผิดชอบขนาดนั้น พยายามคิดและนึกภาพมันทำกิจกรรมเพื่อรุ่นน้อง...

คิดไม่ออกว่ะ ถ้ามันเป็นพี่ว้าก วันๆ ไล่กระทืบชาวบ้าน เออ แบบนี้ค่อยน่าเป็นไปได้หน่อย

“พี่บอกเพราะรู้สึกว่ายีนไม่ค่อยชอบไอ้ภูมันเท่าไร” พี่แกดึงสติกลับมาได้ก็รีบบอก “อยากให้รักๆ กันไว้ ยังไงก็ต้องสนิทกัน”

“แล้วทำไมผมต้องสนิทกับมัน เอ้ย พี่ชมพูด้วยล่ะครับ”

“อย่างที่พี่บอกไง พี่สนิทกับกราฟ แล้วไอ้ภูก็เป็นเพื่อนพี่ ถ้าหากว่าเพื่อนพี่กับเพื่อนกราฟไม่ถูกกัน มันจะลำบากใจทั้งสองฝ่าย ใช่ไหมล่ะ”

ไอ้ที่พี่บอกมามันก็จริง แต่คนที่หาเรื่องก่อนน่ะ คือไอ้คนที่นั่งเยื้องกับผมไม่ใช่หรือไง มีแต่มันนั่นแหละที่เริ่มก่อน

“ผมจะพยายามแล้วกัน พี่บอกเพื่อนพี่เถอะครับ ผมอยู่ของผมดีๆ”

“อืมๆ พี่จะบอกมัน”

พอรับปากแบบนั้นแล้วพี่เจ๋งก็ตบบ่าผมเบาๆ สองทีก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างๆ ไปกระซิบอะไรกับไอ้พี่ชมพูไม่รู้ คงเป็นเรื่องที่บอกกับผมไว้มั้งแล้วก็หันมาบอกเราทุกคน

“เดี๋ยวพี่ออกไปยืดแข้งยืดขาหน่อย ไปไอ้กราฟ ไปกับกู”

เพื่อนผมถูกลากออกไปเป็นลูกคู่แล้วก็ไปแดนซ์กระจายกันอยู่กลางฟลอร์อย่างเมามัน ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองมันโดยไม่ได้พูดอะไร สักพักไอ้กัสกับไอ้เคลมที่มอมเหล้าตัวเองได้ที่ก็ลุกไปด้วยกันอีก แต่ผมดึงมือไอ้กัสไว้

“มึงจะไปไหน”

“คึคึ”

แทนที่จะเป็นไอ้กัสตอบมา กลับเป็นไอ้เหี้ยเคลม มันทำเสียงหัวเราะแปลกๆ แต่ผมก็เข้าใจว่ามันจะทำอะไร ไอ้สัตว์เอ๊ย แม่ง พวกมึงจะทิ้งกูกันหมดใช่ไหม ผมมองไอ้กัสอย่างขอร้องหน่อยๆ แต่มันก็บอกกลับมาว่า...

“เดี๋ยวกูมา แป๊บเดียว”

ไอ้เหี้ย แป๊บนึงของมึงก็เช้าตลอดอะ สัตว์!

สุดท้ายผมก็ปล่อยมันไป ไม่ห้ามมันอีก รู้สึกเซ็งที่เพื่อนแต่ละคนไม่สนใจผมเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่เท่าไร เพราะผมหาทางไปของผมได้ แต่ตอนนี้สิ ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากนั่งเฉยๆ แล้วเป็นเป้าสายตาของมารหัวขนสีน้ำตาลนี่

ไอ้พี่ชมพูยังไม่เลิกมองผมจนผมทนไม่ไหว มึงจะมองให้ลูกตามึงมาติดอยู่บนหน้ากูเลยไหม ไอ้สัตว์!

“หน้าผมเหมือนพ่อพี่มากหรือไง”

“ไม่หรอก หน้ามึงเหมือนปู่กูต่างหาก”

เหี้ย! ย้อนกูอีก

ผมเบนหน้าไปทางอื่นไม่มีอารมณ์กับอะไรทั้งสิ้น รอคอยให้ไอ้กราฟหรือไม่ก็พี่เจ๋งกลับมา เบื่อจะมองจะเห็นหน้าไอ้คนสันดานเสีย ไหนพี่เจ๋งว่าบอกเพื่อนแล้วไง ไม่เห็นเปลี่ยนสักนิด กวนตีนกูเหมือนเดิม

“หงอยเลยเหรอมึง เพื่อนไม่อยู่แค่นี้ ก็อย่างว่า เขาบอกว่าไอ้คนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองมักอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนอยู่ด้วย แล้วมึงก็เก่งนี่ ทำให้เพื่อนมึงคอยเอาใจได้”

“ผมไม่ได้ทำให้มันมาเอาใจ”

จากที่หันไปมองอย่างอื่นผมก็ต้องเบนโฟกัสกลับมาหามันจนได้ ผมว่าหน้าหล่อๆ ของผมที่ซ่อนเอาไว้จะแก่ก่อนวัยเพราะต้องโต้ฝีปากกับไอ้เหี้ยพี่ชมพูนี่แหละ

“มึงจะบอกว่ามึงมีเสน่ห์ ทำให้ผู้ชายมาหลงมึงเองงั้นสิ”

มันเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วครับ หลงเสน่ห์เหี้ยอะไร ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่พลางยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมา แล้วเทน้ำสีอำพันลงในแก้วของมันจนหมดเกลี้ยง

“มีเหล้าก็แดกเข้าไปเถอะครับ ฆ่าเชื้อในปากบ้างก็ดี”

“สู้กูไม่ได้เลยเลี่ยงแบบนี้เหรอ”

“ผมไม่จำเป็นต้องสู้ ผมต้องสู้กับพี่ชมพูเรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็อืม...” มันทำท่าคิดพลางหรี่ตามองผมเหมือนกับจะประเมินอะไร จากนั้นก็ยื่นมือออกไปดึงแขนของผู้หญิงในชุดรัดรูปที่เดินผ่านมาพอดี “เรื่องนี้เป็นไง”

มันพูดกับผมเหมือนจะท้าทายก่อนหันไปปั้นหน้าหล่อใส่ผู้หญิงที่มันฉุดมา

“ดื่มด้วยกันสักแก้วได้ไหมครับ”

ผู้หญิงที่ถูกดึงมาแทบหล่นลงบนตักมัน ตอนแรกหล่อนทำท่าจะโวยวายที่อยู่ๆ ก็ถูกฉุดมา แต่ก็ต้องรูดซิปปากทันทีที่เห็นหน้าหล่อๆ หนำซ้ำยังโปรยยิ้มหวานแล้วรับแก้วนั้นไปดื่มอย่างไม่มีการเล่นตัวใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าหล่อนทิ้งตัวลงบนตักและเอาแขนคล้องกับคอของไอ้พี่ชมพูไว้เสียด้วย

ง่ายจริงๆ ครับ ง่ายมาก ก็อย่างว่าคนมันหน้าตาดี ผู้หญิงที่ไหนก็อยากจะพลีกายให้ แต่ว่าผมรู้สึกคุ้นๆ หน้าผู้หญิงคนนี้ยังไงไม่รู้

ผมลอบมองผ่านเลนส์แว่นกับปลายผมที่ปรกลูกตาอยู่หน่อยๆ พิจารณาใบหน้าของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงเลื่อนสายตมายังทรวดทรงองเอว มันดูคุ้นไปทุกสัดส่วน ยิ่งรอยยิ้มแบบนี้ ประกายตาแพรวพราวยั่วยวนแบบนี้....

รู้สึกหน้าซีดแล้วก็เหงื่อออกมือขึ้นมาทันทีเมื่อภาพบางอย่างหวนคืนกลับมา ฉากรักเร่าร้อนบนเตียงของโรงแรมแห่งหนึ่งค่อยๆ กรอกลับมาเหมือนเทปม้วนเก่า ผมก้มหน้าลงทันทีหลังจากนึกได้ เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมเคยมีอะไรด้วยแล้วก็ร้อนแรงสุดๆ

ไม่อยากคิดว่าถ้าเธอจำหน้าผมได้จะเกิดอะไรขึ้น!







==================

มาต่อแล้วนะคะ หลังจากไม่สบายจนหมดแรงไปหลายวัน
ตอนนี้ไม่ค่อยมีมุก ไม่ค่อยมีอะไรฮาเท่าไหร่ ไม่เก่งเรื่องคิดมุกน่ะค่ะ
จริงๆ เรื่องก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องฮา แค่กวนเบาๆ
หวังว่าจะไม่ทำให้รู้สึกแย่นะคะ

ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองจะจิ้นกราฟยีนยังไงไม่รู้
แอบชอบกราฟเป็นการส่วนตัว >___<

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ยินดีต้อนรับคนมาใหม่ด้วยค่ะ


Undel2Sky



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-11-2011 23:25:07
เอาแล้ว เอาแล้ว
เค้าก็คิดว่ายีนเหมาะกับกราฟเหมือนกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: pizza2011 ที่ 20-11-2011 23:58:47
อย่ามากราฟยีนสิ เดี๋ยวจิ้นคู่นี้เเล้วจะลำบากใจ 55+
เฮ้ออออ...พี่ภูทำไมปากดีอย่างนี้ล่ะคะ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 21-11-2011 00:12:38
พี่ชมพู  ปากหมาได้โล่เหมือนกันนะ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แล้วสาวคนนั้นจะจำยีนได้อะเปล่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 21-11-2011 00:33:03
เฮ้ยยยยยยยยย

ความลับของยีนจะแตกไหมอ่ะ

แต่อย่างว่าความลับมันไม่มีในโลก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Dakzy ที่ 21-11-2011 01:13:31
กราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ เค้าชอบกราฟฟฟฟฟฟ จะอาววววววววววววววววววว จองๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ

แอบจิ้นกราฟยีนเหมือนกันค่าคนเขียน อ่านแล้วไม่รู้ทำไม้ทำไมชอบกราฟจังเลยอ่ะ

ชมภูขี้แกล้งอ่ะ กวนน้องตลอด เราว่าแอบชอบยีนชัวร์ป้าบเลยแบบนี้ เข้าหา วางตัวกับน้องไม่ถูก เลยหาเรื่องได้ใกล้ชิด(ก็จิ้นไปซะไกล เอิ๊กๆ)

ส่วนยีนปากร้ายดีแท้ สักวันคงโดนพี่ภูกำราบ

แต่อยากรู้ปมหลังยีนมากค่ะ ว่าเกิดไรขึ้น มันต้องเป็นเหตุมาจากผู้หญิงแน่นอน ทำไม? อะไร? อยากรู้มากมาย

ไว้รออ่านต่อนะคะ

ปล.มาต่อไว แถมยาวด้วย ปลื้มมากค่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ~MiKi~ ที่ 21-11-2011 01:39:16
อยากรู้ทำไมยีนต้องทำตัวเนิร์ด เพื่ออะไรอ่ะ???
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Warlock ที่ 21-11-2011 01:43:42
เป็นแบบนี้นี่เองเนอะอืมๆ

ว่าแต่ความลับจะแตกใหมคะ

ยีนกับพี่ภูนี่ก็นะกัดกันมากๆระวังรักมากม๊ากนะหุหุ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/5
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 21-11-2011 02:09:20
เหมือนกราฟกับยีนมัรซัมติงกันเลย ดูแลดีเกิน 55
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 21-11-2011 09:34:19
เรื่องนี้สนุกมาก ลุ้นให้ยีนดีแตกเร็ว ๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 21-11-2011 09:36:54
จิ้นกราฟยีนเหมือนกัน  :-[
พี่พูมีความหลังอะไรกับน้องยีนเปล่านี่
อยากรู้ทำไมยีนถึงกลายมาเป็นเนิร์ด

 :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 21-11-2011 09:43:45
ชอบกราฟอ่ะ เเต่ให้พี่ภูกับน้องยีนอ่ะดีเเล้ว 555

รออ่านคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 21-11-2011 18:55:28
อยากรู้ว่าทำไมยีนต้องทำแบบนี้ ทำเพื่ออะไร ทำทำไม ใครใช้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 21-11-2011 21:24:34
ต่อๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : กวนตีนได้ แต่หยามไม่ได้ [20/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: mintny ที่ 22-11-2011 14:59:30
เอร๊ยยยยย ชักจะหมั่นไส้ไอ้พี่พูซะแล้ว
จะกวนอะไรน้องยีนนักหนา น้องมันก็ไม่ได้ทำไรให้
หาเรื่องกันตลอดๆอ่ะ เป็นไรมากป่ะเพ่ !!


กราฟยีนๆ ออร่าเปร่งประกายยย
รู้ใจรู้กายกันจริงเลยเว้ย
เหมือนเพื่อนๆจะรุมโอ๋น้องยีนอยู่นะ
แต่น้องแม้นแมน น้องเลยไม่โมเอ้เท่าไร


ความสงสัยพรุ่งปรี๊ด ทำไมน้องต้องปกปิดตัวเอง
มีข้อตกลงอะไรกะคุณป๊า แล้วตะบะน้องจะแตกเมื่อไร
แลดูว่าพี่พูจะพยายามทำให้น้องเผยตัวตน รึเปล่า?เดา 555
ยิ่งพี่เจ๋งมาพูดแบบนั้นก็ยิ่งน่าสงสัย
หรือพี่พูจะโคตรสนใจแอนด์ติดใจน้องยีน
พี่เลยพยายามเอาความกวนตีนเบิกทางเข้าหาน้อง


โอ้ยยิ่งคิดยิ่งงงยิ่งอยากรู้
มาต่อเร็วๆนะคุณใต้ท้องฟ้า


ปล.รีเควสน้องยีนตุ๊ดแตก ><  
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 3 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-11-2011 02:39:43
ตอนที่ 3 : เมียหรือเพื่อนกันแน่


















มือขยับแว่นให้เข้าที่ หน้าก็หลีกหนีเบี่ยงไปทางอื่น แต่ไอ้คู่อริผมมันดันหาเรื่องให้ผมไม่หยุดหย่อน มันเรียกผมด้วยเสียงทุ้มๆ

“นี่มึง”

“...”

ผมทำเป็นฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่สนใจมัน มองไปทางอื่นเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น แล้วก็ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วย แม้ว่าจะลอบปรายตามองอย่างระมัดระวังแล้วเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นที่ผมจำชื่อไม่ได้นัวเนียกับไอ้พี่ชมพูอยู่ ซึ่งคนที่ผมไม่ค่อยอยากนับมันเป็นรุ่นพี่เท่าไรก็ตอบสนองโดยการโอบเอวของเธอเอาไว้ ทั้งที่สายตายังจับจ้องมาที่ผม

“มึง”

“...”

“น้องเกงยีน”

ผมสะดุ้งนิดๆ ไม่คิดว่ามันจะเรียกผมด้วยชื่อ เพราะถึงมันบอกว่ามันจะเรียกผมว่า ‘เกงยีน’ แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ค่อยได้เรียกเท่าไร เลยดูอันตรายสุดๆ ที่มันเรียกชื่อผมออกมา ถ้าผู้หญิงคนนี้จำชื่อผมได้ก็เสร็จกัน

“เรียกใครเหรอคะ น้องเกงยีนเนี่ย”

“อ๋อ ไอ้แว่นนี่มันชื่อเกงยีน เป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัย”

ไอ้รุ่นพี่ผมมันก็ดี ดันไปอธิบายเสร็จสรรพทั้งที่ไม่รู้จักหล่อนเลยด้วยซ้ำ คาดว่าคืนนี้คงไปต่อกันที่ไหนสักที่แน่ๆ ก็ดูจะเข้ากันดีขนาดนี้ แต่คงไม่แปลก เพราะตอนที่ไปกับผม เธอก็ไม่ได้เล่นตัวอะไร

“ชื่อแปลกดีนะคะ”

เธอบอกพลางเอียงคอมองหน้าผมให้เห็นชัดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็นมากนักก็ได้ ผมพยายามข่มใจเอาไว้ อยากรู้ว่าหล่อนสงสัยบ้างหรือเปล่า แต่มันก็อดทนต่อไปไม่ได้ สุดท้ายผมก็รีบยันตัวขึ้นจากเก้าอี้

“ผมไปห้องน้ำก่อน”

แล้วก็รีบจ้ำอ้าวออกไปจากที่ตรงนั้นเลย ยังไงเอาตัวรอดไว้ก่อนเป็นดี ดีกว่าเสี่ยงอยู่ต่อไปแล้วจะถูกจับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

ผมเดินๆ มาที่ห้องน้ำ มาล้างมือเพราะไม่ได้อยากทำธุระส่วนตัวเท่าไร พอเช็ดมือจนแห้งแล้วก็ยืนส่องกระจกอีกนิดหน่อย จัดผมให้มันลงมาปรกหน้าจนเข้าที่ข้างทาง ตามด้วยขยับกรอบแว่นให้ตรงเป๊ะอีกครั้ง พิจารณาใบหน้าที่หมดความหล่อ เหลือแต่ความเฉิ่มแล้วก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดโทรออก

“พี่กล้วยเหรอครับ”

ผมพูดด้วยเสียงที่เบาพอให้อีกฝ่ายได้ยิน เพราะเกรงกลัวว่าเสียงจะเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์ปลายสายดังเกินไปแล้วอาจจะทำให้เกิดปัญหาทีหลัง

[ใช่ค่ะ น้องยีนทำไมยังไม่กลับคะ]

“ยีนออกมาเที่ยวกับพวกรุ่นพี่น่ะครับ เขาชวนมา ยีนปฏิเสธไม่ได้ ตอนนี้ป๊ากลับมาหรือยังครับพี่กล้วย”

ถามไปด้วยผมก็รู้สึกหวั่นๆ ในใจ รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนในอกโดยที่ไม่ต้องเอามือไปวางทับเอาไว้เลยด้วยซ้ำ ชื่อนี้ราวกับชื่ออาญาสิทธิ์ที่ส่งผลต่อผมเสมอ โดยเฉพาะหลังๆ มานี้

ป๊าหรือพ่อของผมเป็นนักธุรกิจครับ เป็นธุรกิจส่งออกอะไหล่ยนต์ ก็ไม่ใช่รายใหญ่อะไรมากหรอกครับ แค่พอมีกำไรปีละไม่กี่สิบล้านเท่านั้น ป๊ามักจะงานยุ่ง แต่ก็กลับมาบ้านทุกวัน แล้วแต่ว่าวันไหนจะกลับบ้านช้าหรือเร็วเท่านั้น

[ยังไม่กลับค่ะ คุณท่านแจ้งว่าจะกลับดึกสักหน่อย ถ้ายังไงน้องยีนรีบกลับมาให้ทันนะคะ]

“ครับ เดี๋ยวยีนจะรีบกลับ ก่อนป๊ากลับพี่กล้วยช่วยเปิดทีวีในห้องยีนทิ้งไว้แล้วล็อกประตูห้องให้ยีนด้วยนะครับ ปลดล็อกกลอนหน้าต่างให้ยีนด้วย ยีนจะได้แอบเข้าไปได้”

[ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้ค่ะ น้องยีนไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงน้องยีนก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ]

“ครับ ขอบคุณมากครับพี่กล้วย” บอกแผนการที่ผมวางเอาไว้ในใจเผื่อกรณีฉุกเฉินกลับบ้านไม่ทันป๊าให้พี่เลี้ยงรู้แล้ว ผมก็วางสายและยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง รู้สึกวางใจมากขึ้น เพราะอย่างน้อยก็มีคนคอยช่วยเหลือ

ผมหมุนตัวกลับหลังเตรียมเดินออกจากห้องน้ำเพื่อไปบอกไอ้กราฟว่าให้พาผมกลับบ้านได้แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากห้องน้ำสมใจ ร่างที่ใหญ่กว่าก็กีดขวางไว้จนไม่สามารถเดินผ่านไปได้

สัตว์เอ๊ย มึงมาขวางทางกูทำไม

มองหน้าคนที่มาขวางทางผมเอาไว้ มันก็มองกลับมา ไม่มีการหลีกทางให้จนผมจำต้องเป็นฝ่ายหลีกเสียเอง ไม่อย่างนั้นคงเสียเวลา แต่ว่ามันก็ยังตามผมมาอีกจนผมแทบจะหาที่หลบมันไม่ได้แล้ว หลังของผมเกือบติดกำพังแถมด้านหน้ายังมีกำแพงมนุษย์กั้นไว้อีก

“จะเอายังไง”

ผมถามออกไปอย่างหมดความอดทนเมื่อไอ้พี่ชมพูยังกวนตีนไม่เลิก ไม่รู้ว่ามันปล่อยผู้หญิงคนนั้นแล้วโผล่มาที่ห้องน้ำได้ยังไง บางทีมันอาจปวดเยี่ยวเลยมาจัดการให้เรียบร้อยก่อนจะไประเริงรักต่อก็ได้ ผมพยายามไม่ใส่ใจ แต่มันกลับทำให้การทำความเข้าใจเอาเองของผมบิดเบี้ยว

“ไม่เอายังไง อย่างมึงนี่ต้องแอบปีนเข้าบ้านตัวเองด้วยเหรอวะ คุณหนูจริงๆ”

คุณหนูหอกอะไร อย่างกูเรียกว่าคุณชายเว้ย ไอ้สัตว์! แล้วกูก็ไม่ใช่พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ ทำอะไรไม่ได้ด้วย กูทำได้มากกว่าที่มึงคิดเยอะ แต่ตอนนี้กูทำไม่ได้ก็เท่านั้น

“ตอนเรียนอนุบาลครูไม่สอนหรือไงครับ ว่าแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ มันไร้มารยาท”

“ไม่ได้สอนว่ะ แล้วกูก็ไมได้แอบฟังมึงด้วย กูมาเยี่ยวแล้วก็ได้ยิน กูไร้มารยาทตรงไหน ถ้ามึงไม่อยากให้ใครได้ยินมึงก็ไปคุยที่ที่ไม่มีคนดิ นี่มันส้วมสาธารณะ ใครจะเข้าก็ได้ มึงเข้าใจว่าเป็นห้องน้ำบ้านมึงหรือไง”

แค่พูดเหมือนผู้ใหญ่กำลังสอนเด็กกลับมาไม่พอ มันยังกอดอกเทศนาผมอีกต่างหาก เห็นแบบนี้ผมก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ถึงสิ่งที่มันพูดจะเป็นจริงตามนั้น แต่ผมก็ไม่ยอมรับมันง่ายๆ อยู่ดี

“แต่การไม่พูดออกมามันก็เป็นมารยาทเหมือนกันไม่ใช่หรือไงครับพี่ชมพู”

“เผอิญว่ากูไม่ใช่คนที่มีมารยาทเยอะเท่าไร”

มันไหวไหล่อย่างไม่ยินดียินร้ายแม้ว่าจะโดนด่า

แม่งหน้าด้าน หน้าหนา ฉิบหาย

“ถ้างั้นก็รีบทำธุระของพี่ให้เสร็จเถอะครับ เสียเวลา ผู้หญิงเขาจะรอนาน”

“กูก็ว่างั้นแหละ”

มันรับคำอย่างหน้าตาเฉยแล้วเดินไปที่โถฉี่ ผมเองก็เตรียมจะออกจากห้องน้ำเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ทำเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำทางด้านใน เป็นผู้ชายที่ขนาดตัวใกล้เคียงกับผม แล้วก็หน้าตาหล่อเลยทีเดียว แต่หน้าของเขาติดจะหวานแล้วก็ดูกึ่งสวยในแบบผู้ชาย เห็นแล้วรู้สึกว่าน่ามองจนผมเกือบเผลอมองตามเขาไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่สะดุดกับใครอีกคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกัน

“เฮ้ย ไอ้กราฟ” ผมรู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองเหวอหน่อยๆ ตอนร้องเรียกมัน “มึงออกมาจากห้องน้ำนั่นเหรอวะ”

“อ้าว แล้วทำไมมึงมาอยู่นี่”

มันทำหน้างงๆ ใส่ผมแต่ไม่ยอมตอบทั้งที่ผมเป็นคนถามมันก่อนแท้ๆ

อย่ามาตีหน้ามึนใส่กู กูถามมึงก่อนนะเว้ย

“กูมาล้างมือ ว่าแต่มึงทำไมออกมาจากห้องน้ำกับผู้ชายคนเมื่อกี้วะ”

“ไม่มีอะไรหรอก”

มันตอบปัดๆ เหมือนกับไม่ค่อยอยากให้ผมเซ้าซี้อะไร แล้วก็เดินไปที่อ่างล้างมือ ผมเลยเดินตามมันไปด้วย ลืมใครอีกคนที่ยืนฉี่อยู่ที่โถตรงผนังอีกฝั่งไปเลย

“จะไม่มีอะไรได้ไง มึงบอกกูมา เดี๋ยวนี้มีความลับกับกูเหรอวะ”

“ก็กูบอกว่าไม่มีอะไรนี่หว่า ถ้ามีกูก็บอกมึงไปแล้ว”

มันไม่ได้ทำเสียงเซ็งๆ ใส่ผม แต่ทำเสียงแบปกติมาก ทั้งที่ผมพันคิ้วจนเป็นปมไปหมดแล้ว

จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไง ผู้ชายเข้าห้องน้ำเดียวกัน เข้าไปทำอะไร แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เกี่ยวข้องกับไอ้กราฟยังไง ทำไมผมไม่รู้ ไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วย

“กราฟ” ผมเรียกมันเสียงอ่อน มันน่าสงสัยแล้วก็อยากรู้จริงๆ นี่ครับ “กูอยากรู้”

“เขาบอกว่าไม่มีอะไรก็ถามอยู่ได้”

ไอ้ตัวสาระแนมันโผล่มาแล้วครับ แม่งสะเหล่อแทรกขึ้นมาเฉย ผมเลยหันไปตวัดตาขึงใส่มัน แต่แทนที่มันจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสือก มันดันพูดต่อ

“มึงเป็นเพื่อนหรือเมียกันแน่ ทำอย่างกับเมียจับได้ว่าผัวมีเมียน้อย”

“ผมเป็นผัว!”

ในเมื่อมันเสือกนัก ผมก็สวนมันกลับไปเต็มเสียงเหมือนกัน มันทำตาโตใส่หน่อยๆ แล้วหัวเราะเสียงเย้ยๆ เหมือนไม่เชื่อที่ผมพูด ไอ้กราฟที่เห็นท่าว่าผมกับไอ้พี่ภูของมันคงจะทะเลาะกันยาวเหมือนทุกทีแน่เลยเข้ามากอดคอผม

“มึงจะกลับแล้วใช่ไหม”

“เออ มึงพากูกลับบ้านด้วย เดี๋ยวไม่ทัน”

“อืมๆ” มันรับปากแบบนั้นแล้วก็หันไปหาไอ้รุ่นพี่ “เดี๋ยวผมกับไอ้ยีนกลับก่อนนะครับ ฝากบอกพี่เจ๋งด้วย ส่วนไอ้เคลมกับไอ้กัสมันคงไปต่อของมันแล้ว”

“เออๆ”

ไอ้พี่ชมพูเค้นเสียงออกมาอย่างรำคาญปนไม่พอใจเท่าไร ผมไม่รู้ว่ามันไม่พอใจอะไร อาจจะเพราะว่ายังหาเรื่องผมได้ไม่พอ แต่ผมไม่สนใจหรอก แยกจากมันได้เป็นดีที่สุด เจอมันทีไรแล้วประสาทเสีย พาลทำให้ผมหงุดหงิด

หวังว่าคงไม่ต้องมาเจอกันอีกนะเว้ย ลาแล้วลาเลย ไอ้พี่ชมพู กูจะแผ่เมตตาไปให้!




















วันนี้ไอ้กราฟหายหัวไปไหนไม่รู้ ผมยังไม่เห็นหน้ามันตั้งแต่มาถึง หันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังก็ไม่เห็น ทั้งที่ปกติแล้วมันต้องเป็นคนไปรับผมที่บ้าน แต่วันนี้มันโทรมาบอกให้ผมมาเอง ผมเลยต้องนั่งหง่าวอยู่คนเดียว น่าเบื่อสุดๆ

รอมันสักพักก็ไม่เห็นมันมาสักทีผมเลยโทรไปตามไอ้เคลมกับไอ้กัสให้มาหาผมที่คณะ ซึ่งปกติแล้วมันจะอยู่ที่คณะผมมากกว่าคณะของมันอยู่แล้ว แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะมันอยากอยู่กับผมหรืออะไรหรอก เพราะว่าคณะผมมีสาวสวยๆ อยู่เยอะแยะนั่นแหละมันเลยมาโปรยเสน่ห์ทิ้งไว้ วันไหนโชคดีเหยื่อติดเบ็ดเร็วมันก็ชิ่งหนีเหมือนไม่รู้ว่ามีผมอยู่ด้วยอีกคน

ถ้าให้พูด เด็ก (พยายามทำตัว) เนิร์ดแบบผมก็หมาหัวเน่าดีๆ นี่เอง แต่จะไปว่ามันก็ไม่ถูก เพราะว่าพวกเราเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฟันหญิงสำคัญกว่าคุยกับเพื่อน แต่ถ้าเพื่อนมีปัญหา ผู้หญิงสิบคนก็ฉุดพวกมันไม่อยู่ ดีใช่ไหมครับ กลุ่มพวกผมน่ะ

“แล้วนี่ไอ้กราฟไปไหน”

มาถึงไอ้เคลมก็ถามเลย ผมส่ายหัว

“ถ้ากูรู้กูจะโทรเรียกพวกมึงมาหากูหรือไง”

“แล้วมึงโทรหามันยัง”

“กูโทรหามันแล้วครับคุณกัส” ผมกวนตีนมันปกติไม่พูดเพราะแบบนี้หรอก “แต่แม่งไม่รับสาย”

“มันมีอะไรหรือเปล่าวะ ปกติไม่เคยไม่รับสายเพื่อนนะเว้ย”

ก็นั่นแหละที่ผมกำลังสงสัย เรื่องที่ติดใจอยู่เมื่อวันก่อนยังไม่เคลียร์ นี่มันก็ทำตัวแปลกๆ อะไรอีกแล้ว

“เรื่องมันช่างก่อนแล้วกัน ตอนนี้กูหิวว่ะ ไปหาไรกินดีกว่า”

ผมชวน พวกมันก็เออออแล้วเดินตามกันไป โรงอาหารอยู่ไม่ห่างจากคณะของผมเท่าไร พวกเราก็เลยเดินไปแทนที่จะเอารถออก มาถึงผมก็สั่งให้ไอ้กัสไปซื้อข้าวให้ เพราะถึงยังไงมันก็ต้องซื้ออยู่แล้ว ส่วนน้ำก็ให้ไอ้เคลมไปซื้อ ใช้มันเลยครับ ฮ่าๆๆ

ผมนั่งรอเพื่อนสองคนมาบริการ พลางกดโทรศัพท์หาไอ้กราฟต่อ แต่ก็ไม่ติดอยู่ดี

แม่งทำห่าอะไรอยู่วะ ไม่รับสายกูเนี่ย!

อารมณ์ผมเริ่มฉุนเฉียวมากกว่าเดิม เพราะส่วนมากแล้วไอ้กราฟไม่ค่อยขัดใจผมหรอก ผมโทรต่ออีกสองสามครั้งแต่ก็ไม่ได้ผลจนชักจะเริ่มห่วงมันขึ้นมาแล้วจริงๆ

“ยังโทรหามันไม่ติดอีกเหรอวะ”

ไอ้กัสซื้อข้าวเสร็จแล้วก็มาวางตรงหน้าผม ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะวางโทรศัพท์ลง

“มันเป็นอะไรหรือเปล่าวะ กูรู้สึกแปลกๆ ว่ะ”

“เออ อย่าว่าแต่มึงแปลก กูก็แปลกเหมือนกัน มันเคยไม่รับโทรศัพท์มึงที่ไหน มึงโทรล่ะ รับเร็วกว่าพวกกูโทรอีก”

ไอ้เคลมซื้อน้ำเสร็จได้มันก็หอบมาวางไว้บนโต๊ะแล้วนั่งข้างไอ้กัส ฝั่งตรงข้ามกับผม

“หรือว่ามันจะไม่สบายวะ อยู่คนเดียวด้วย”

ไอ้กราฟมีคอนโดของมันครับ แต่มันจะกลับบ้านบ่อยกว่า เลยทำให้มันรับส่งผมได้ทุกวัน หรือบางวันที่มันอยู่คอนโดมันก็ยังไปรับไปส่งผมที่บ้าน เป็นเพื่อนที่ดีจนน่าปลื้มใจเลยล่ะครับ

“เออ งั้นกูว่ากินเสร็จแล้วไปหามันที่คอนโดกันเลยดีกว่า ไม่ต้องเรียนมันแล้ว โดดๆ”

ไอ้คนที่มันเพิ่งนั่งชวน ซึ่งผมก็เห็นด้วย อย่างที่บอก ถ้าเพื่อนมีปัญหาต่อให้เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ พวกผมเลยกระซวกข้าวเข้าปากกันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินกลับไปที่คณะเพราะรถของไอ้กัสอยู่ที่คณะผม ส่วนไอ้เคลมจอดรถไว้ที่คณะตัวเองแล้วติดรถไอ้กัสมาหาผม เป็นการช่วยชาติประหยัดพลังงาน หรือช่วยมันเซฟเงินในกระเป๋าก็ไม่รู้

ระหว่างที่เดินมาผมก็เดินสวนกับใครคนหนึ่ง หน้าตาคุ้นๆ นั่นทำให้ผมหยุดเดินแล้วมองตามจนไอ้กัสกับไอ้เคลมทัก ผมจึงถือโอกาสถามมันซะเลยเผื่อว่าจะรู้จักผู้ชายคนนั้น

“มึงรู้จักคนนั้นหรือเปล่าวะ”

“คนไหนวะ”

ไอ้เคลมยื่นหน้ายื่นคอหาคนที่ผมว่า ผมเลยตบกะโหลกมันไปหนึ่งที ไอ้สัตว์นี่ แม่งชอบโอเวอร์ตลอด เขาเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้ มันทำอย่างกับว่าเขาเดินผ่านไปแล้วชั่วโมงนึง

“คนที่เดินผ่านกูไปเมื่อกี้ มึงรู้จักเปล่าวะไอ้กัส”

“ก็รู้ เด็กคณะกู ถามทำไม”

“กูเคยเจอเขา กูเลยสงสัย”

“อะไรๆ นี่มึงเปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอวะ เดี๋ยวนี้มึงสนใจผู้ชายหน้าสวยเหรอวะไอ้ยีน”

สาระแนจริงมึง ผมผลักหน้าไอ้เคลมที่ยื่นเข้ามาใกล้ มองผมเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่มันไม่เคยพบเคยเห็นมาตั้งแต่เกิด

กูไม่ได้เพิ่งมาจากต่างดาว มึงไม่ต้องทำซะเหมือนขนาดนั้นก็ได้

“เปลี่ยนรสนิยมเตี่ยมึงสิ กูแค่สงสัยอะไรบางอย่างเฉยๆ”

“สงสัยอะไรวะ”

ไอ้กัสถามอะไรที่ดูเข้าท่ากว่าเยอะ แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจ เพราะไอ้กราฟไม่ได้บอกอะไร เลยยังไม่อยากพูดอะไรมาก

“กูก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่ามึงบอกกูก่อนว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

“เป็นเด็กคณะกูไง ไอ้กัสก็บอกเมื่อกี้”

“เสือกน่ะมึง กูคุยกับไอ้กัส”

อยากจะยกตีนขึ้นถีบมันจริงๆ ครับ ผมหันไปตวัดตาขึงๆ ใส่ไอ้เคลมหนึ่งที มันเลยเงียบปากไป ผมจึงหันไปมองไอ้กัสต่อ

“ก็ไม่รู้จักอะไรเท่าไรหรอก รู้แต่ว่าชื่อไนล์ มันหล่อแล้วก็ดูหน้าสวยๆ ด้วย คนก็เลยรู้จักมันเยอะ แต่มันหยิ่ง จองหอง ไม่คบกับใคร ชอบอยู่คนเดียว หลังๆ เลยมีผู้ชายเกลียดขี้หน้ามันเยอะหน่อย”

“เหรอ”

ผมครางเสียงในคอ แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดี ไอ้กราฟรู้จักคนคณะอื่นไม่น่าแปลกใจเท่าไร แต่ไอ้นิสัยแบบนั้น แล้วยังดูเหมือนว่าจะสนิทกัน มันเป็นเรื่องประหลาดพอดู

“แล้วตกลงมึงบอกกูได้หรือยังว่ามึงถามถึงมันทำไม”

พอโดนเค้นมา ถึงไม่อยากพูดอะไร ผมก็จำต้องบอกอยู่ดี ก็มันเป็นคนบอกเรื่องไนล์ให้ผมรู้ ผมก็ต้องบอกมันบ้าง แต่ก็ไม่ได้บอกทั้งหมด

“กูเห็นเขารู้จักกับไอ้กราฟ กูเลยสงสัยว่ามีคนที่มันรู้จักแล้วกูไม่รู้จักด้วยเหรอ”

“อ๋อ เออ มันไปรู้จักกันได้ยังไงวะ เห็นไอ้ไนล์มันไม่เอาใครเลยนี่หว่า คนในคณะแม่งก็ไม่คุย เพื่อนในเจอร์แม่งก็ไม่คบ แต่รู้สึกเหมือนว่าจะมีรุ่นพี่ผู้หญิงติดมันอยู่หลายคนนะ”

“จริงๆ แล้วมันก็มีลายเหมือนพวกกูนี่แหละครับ” ไอ้เคลมมันร้องออกมา “แต่กูว่าลายตีนมึงโผล่มาแล้วครับไอ้ยีน”

“ลายตีนอะไรของมึง”

ผมขมวดคิ้วถาม มันเลยชี้ไปทางด้านหลังให้ดู แล้วก็เห็นว่าเป็นลายตีนจริงๆ ครับ ไอ้พี่ชมพูเดินเด่นด้วยมาดกวนตีนมาแต่ไกล ผมเลยล็อกคอเพื่อนสองคนแล้วรีบเดินไปที่รถด้วยกัน แต่ก็ช้าไป ไอ้เหี้ยพี่ชมพูแม่งดึงคอเสื้อด้านหลังของผมเอาไว้

ไอ้สัตว์ เสื้อรัดคอกู!!

ตัวผมแทบจะลอยออกมาจากไอ้กัสกับไอ้เคลมเพราะแรงดึงมหาศาลของไอ้พี่ภู แถมพอดึงผมออกมาได้แล้วมันยังไม่ยอมปล่อยอีกนะ ผมต้องหันไปทำตาขวางใส่มัน มันถึงได้ยอมปล่อยให้ผมได้สูดอากาศเข้าปอดแรงๆ

เจ็บลูกกระเดือกฉิบหาย!

“พี่ชมพูมีอะไรกับน้องเกงยีนเหรอครับ”

ผมหันไปยิ้มแป้นแล้นถามมัน แต่มันดันถามเสียงเหี้ยม

“มึงว่างใช่ไหม”

“เปล่าครับ ไม่ว่าง ต้องเข้าเรียนแล้ว”

ผมตอบกลับไปตามจริง แต่ที่ไม่จริงคือผมกำลังจะโดดไปหาไอ้กราฟที่คอนโด ทว่าเหมือนไอ้พี่ชมพูจะรู้ มันหรี่ตามองผมก่อนจะกวาดตามองเพื่อนผมอีกสองตัว

“พวกมึงมีเรียนเหรอ”

“มีครับ”

แหม พวกเพื่อนมันช่วยผมอีกแล้ว เยี่ยมจริงๆ ผมกระตุกยิ้มในใจ แต่ยิ้มของผมก็เป็นม่ายเพราะประโยคต่อไปของไอ้รุ่นพี่

“งั้นพวกมึงก็ไปเรียนสิ”

หน้าเหวอกันเลยครับไอ้สองตัวนั้น แล้วพอมันยังไม่ยอมขยับตัวไปไหนก็ถูกไอ้พี่ชมพูไล่อีก

“ไม่ไปล่ะ เดี๋ยวมึงก็ไปเรียนไม่ทันหรอก คณะมึงน่ะอยู่ไกลไม่ใช่หรือไง”

ตามจริงแล้วก็เป็นแบบนั้น คณะวิศวะฯ ของมันเลยไปทางด้านหลังอีกกิโลกว่าๆ เพราะงั้นเวลามาหาผมมันถึงต้องขับรถมา

“เออ งั้นพวกกูไปก่อนนะมึง ผมไปเรียนก่อนนะพี่”

เพราะโดนขับไล่ทางสายตาที่ผมเห็นได้อย่างชัดเจน แล้วมันก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร ไอ้สองตัวนั้นถึงได้ยอมถอยทัพกลับไปง่ายๆ ซึ่งพอพวกมันไปปุ๊บ ก็เหลือผมที่ต้องเปิดศึกกับไอ้พี่ชมพูต่อ

“งั้นผมไปเรียนแล้ว ขอตัวก่อนครับ”

ผมโค้งให้มันด้วยความนับถือที่ไม่เคยมี ก่อนจะหมุนตัวเพื่อไปขึ้นตึกเรียน แต่ว่ามันก็ดึงเสื้อด้านหลังของผมเอาไว้ จนชายเสื้อหลุดออกมา

แม่ง ทำไมชอบใช้กำลังกับกูจังวะ ถือว่ามึงตัวใหญ่กว่าหรือไง

“มึงไปกับกู”

“ไปไหนครับ”

ยอมหันกลับมาหามันโดยดี เพราะว่ามันไม่ยอมปล่อยมือสักที เสื้อตัวนี้ผมซื้อมาแพง ถ้าไอ้พี่ชมพูบ้าพลังแล้วกระชากขาดขึ้นมา ก็ซวยผมอีก โดนป๊าด่ามันไม่สนุกนะครับ

“ไม่ต้องถามมาก ตามมา”

“แต่ว่าผมต้องไปเรียน”

ผมอ้าง แต่ว่ามันก็สวนกลับทันควัน

“เมื่อกี้มึงจะโดดเรียนไม่ใช่หรือไง”

อ้าปากพะงาบเลยครับ ว่าจะแย้งมันกลับไป แต่เจอตอบมาแบบนี้น็อคกลางอากาศเลย

สาดดดด แสนรู้เกินไปแล้วนะมึง

“ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม”

เท่านั้นมันก็จับมือผมแล้วลากให้เดินตามมันไปเลยครับ ซึ่งจุดหมายของมันก็เป็น Lexus LFA สีดำ กระจกติดฟิล์มเข้มจนเกือบไม่เห็นข้างใน แต่ผมว่าเป็นฟิล์มด้านเดียวมากกว่า เห็นมันจับผมมายืนตรงรถแล้วผมก็งง ตกลงแม่งจะให้ผมไปไหน

“ขึ้นรถสิ”

มันว่าแบบนั้นก่อนจะเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับหน้าตาเฉย

อะไรของมันวะเนี่ย แล้วผมต้องทำตามมันบอกหรือไง

“จะขึ้นไม่ขึ้น” พอมันเห็นผมยืนเฉย ไม่ทำอย่างที่มันบอก มันก็เปิดประตูออกมา ทำหน้าเหวี่ยงๆ ใส่ ก่อนจะต่อประโยค “หรือต้องให้เปิดประตูให้แล้วอุ้มขึ้นรถ”

เวร! ผมด่ามันในใจก่อนจะขึ้นรถไปแต่โดยดี ซึ่งทันทีที่ผมปิดประตูเสร็จมันก็ออกรถ แต่ไม่วายหันมาบอก

“คาดเข็มขัดด้วย ถึงมันจะไม่ไกลเท่าไร แต่เผื่อไว้หน่อยก็ดี รถมันแรง”

ผมหันไปมองหน้ามันที่เหมือนจะพูดอวดๆ แล้วทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ รถแรงกว่ามึง กูก็นั่งมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมคาดเข็มขัดแต่โดยดี ไม่งั้นเดี๋ยวแม่ง ก็ปากดี บอกว่าจะคาดให้อีก ผมเลยตัดปัญหาไป

ใช้เวลาไม่นานเท่าไรก็ถึงจุดหมาย เป็นคอนโดสูงแล้วก็ดูหรู สมฐานะคนรวยล่ะครับ คนรอบตัวผมสงสัยแม่งอยู่คอนโดกันหมด ไอ้กราฟ ไอ้กัส ไอ้เคลมก็มีคอนโดของมันเอง พ่อแม่ซื้อให้อยู่ใกล้ๆ มหา’ลัย คงมีแต่ผมนั่นแหละที่ไม่มีเป็นของตัวเอง ต้องกลับบ้านทุกวันแล้วก็โดนจับผิดทุกวัน น่าเบื่อ!

“ลงมาได้แล้ว”

มันลงไปก่อนผมอีกครับ ผมเลยต้องเดินตามมันลงไป มันนำผมขึ้นไปชั้นยี่สิบเท่าไรไม่รู้ ไม่ได้สนใจมอง แล้วก็เปิดประตูเข้าไปที่ห้องหนึ่ง เป็นห้องที่กว้างขวาง มีเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่หรูหราฟู่ฟ่าจนเกินไป ค่อนข้างเรียบแต่สะดวกสบาย ของตกแต่งภายในห้องก็ไล่เป็นเฉดสี ออกโทนน้ำเงินเทา แล้วก็มีสีสันสดๆ ตัดบ้างเป็นบางจุด ดูโมเดิร์นดีครับ

“ห้องพี่เหรอครับ”

อาจจะเป็นประโยคแรกที่ผมพูดเพราะกับมันโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง แต่มันทำแค่ไหวไหล่อย่างมีเชิงแล้วถามกลับ

“คิดว่าไง”

“ห้องหมาพี่มั้งครับ” ผมย้อนกลับไปบ้าง

นี่กูอุตส่าห์พูดดีๆ กับมึงแล้วนะ มึงยังกวนประสาทกูอีก ชอบให้กูตอบมึงกลับแบบนี้ใช่ไหม ทีหลังกูจะได้ไม่ต้องพูดดีด้วย

“งั้นมึงอยากเป็นหมาหรือเปล่าล่ะ”

มันเอามือใหญ่ๆ มาขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้วหัวเราะเสียงกลั้วลำคอ ยิ่งพอเห็นผมหน้าบูดมันก็ยิ่งยิ้ม

ยิ้มห่าเหวอะไรของมึงมากเนี่ย กูไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องเอายิ้มมาหว่านเสน่ห์

ผมจัดเผ้าผมของตัวเอง ลูบๆ ให้มันเรียบลงมาเหมือนเดิมก็เห็นว่ามันเดินหายไปไหนไม่รู้ มองหาแล้วก็ไม่เจอ

อย่างว่าแหละครับ ห้องมันใหญ่ เป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ผมไม่รู้ว่าจะไปยืนไปนั่งตรงไหน เลยหย่อนตูดลงบนโซฟา มันพาผมมาทำไมผมยังไม่รู้ หรือว่ามันทนผมไม่ได้ นึกอยากฆ่าทิ้งแล้วจับสับเป็นชิ้นๆ โยนลงชักโครกกันเนี่ย

“เอ้า”

สะดุ้งวาบเลยครับ อยู่ๆ มันก็เอาขวดเป๊ปซี่เย็นๆ มาแนบแก้มผมไว้ ผีเข้าหรือไง อยู่ดีๆ เอาของกินมาให้แบบนี้ แอบใส่ยานอนหลับหรือเปล่าวะ

“รับไปสิ ผู้ใหญ่ให้ของทำหยิ่งเหรอ”

กูว่ามึงควรไปตรวจเช็คประสาท อยู่ดีๆ มาทำดีกับกูนี่สมองมีปัญหาเหรอ เมื่อเช้าตกเตียงหัวฟาดขอบเตียงหรือไง วันนี้ถึงดูประหลาดแบบนี้

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นผมก็ยอมรับขวดเป๊ปซี่จากมันอยู่ดี แล้วพอรับไปมันก็ทำท่าเหมือนว่าให้ผมเปิดขวดดื่มสักที

นี่มึงจะทำให้กูยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่กูคิดเมื่อกี้มึงจะทำจริงๆ นะเนี่ย

รู้สึกเสียวคอขึ้นมายังไงไม่รู้ หรือว่ามันจะจ้วงท้องก่อนวะ

ผมคิดสาระตะกับตัวเอง จนถูกมันถาม

“ทำหน้ายุ่งแบบนั้นหมายความว่าไง”

มารู้ว่าตัวเองเผลอทำคิ้วขมวดเข้าหากันก็ตอนมันทักเนี่ยแหละครับ เลยพยายามคลายออก แต่ความสงสัยที่บังเกิดมันก็ไม่ได้ช่วยให้หน้ายุ่งๆ ของผมคลายลงอยู่ดี

“ก็แค่สงสัย ผีที่ไหนเข้าพี่หรือเปล่า”

“ผีไอ้เจ๋งล่ะมั้ง มึงรู้ไหมว่ากูโดนมันเทศน์ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง หาว่ากูทำให้น้องเกลียดขี้หน้า”

อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ครับ ผมเห็นว่าพี่เจ๋งบางทีก็ดูหงอกับมัน เพราะเห็นมันข่มเอาๆ คืนนั้นก็จับกรอกเหล้า ไม่นึกว่าจะโดนพี่เจ๋งเทศนาแล้วมาทำดีกับผมแบบนี้ สงสัยพี่เจ๋งจะเจ๋งจริงสมชื่อ

“แล้วไงครับ เลยจะมาทำดีกับผมหรือไง”

“กูกำลังพยายามไง กูก็ไม่ได้เกลียดอะไรมึง แค่หงุดหงิดเวลาเห็นมึงแต่งตัวแบบนี้”

“โดนสาวเนิร์ดทิ้งเลยเฮิร์ทแล้วมาพาลผมหรือไงครับพี่ชมพู”

“ตีนแน่ะมึง” มันยกตีนขึ้นมาจะถีบผมเลยครับ ผมก็กระเถิบตัวหนีมันบนโซฟาเนี่ยแหละ ”กูไม่เคยโดนสาวทิ้ง”

“อ้าว งั้นก็หนุ่ม?”

“เดี๋ยวมึงจะโดนกูถีบจริงๆ”

มันทำหน้ายุ่งใส่จนผมอดขำไม่ได้ มันทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจโคตรๆ เลย เห็นแล้วตลกดี

“โอเคครับ ผมจะพยายามเข้าใจว่าพี่กำลังพยายามจะเป็นรุ่นพี่ที่ดี ไม่เป็นรุ่นพี่บ้าอำนาจ ไร้เหตุผล ชอบใช้กำลัง กวนตีนรุ่นน้อง คอยหาเรื่องตลอดเวลา”

“นี่มึงด่ากูอยู่เหรอ”

“เปล่า ผมแค่พูดเฉยๆ”

ผมลอยหน้า ทำไม่รู้ไม่ชี้ตอบมัน ก็เลยโดนมันตบกะโหลกเข้าไปเต็มๆ หนึ่งที

อีกละ ไหนว่าแม่งจะเป็นรุ่นพี่ที่ดีไง ใช้กำลังกับน้องตลอดเหอะ

“แล้วพี่พาผมมาที่นี่ทำไม”

ผมเปลี่ยนเรื่อง คุยเรื่องเดิมต่อเดี๋ยวแม่งลงไม้ลงมือกับผมอีก แต่ว่าพอผมถามแบบนั้นแล้วมันก็หันมามองหน้า มองแบบจ้องเลย แถมยังกระตุกยิ้มที่ดูจิตๆ ไงไม่รู้

อะไรของมึงเนี่ย ผีอะไรเข้าอีกวะ หลายตัวเกินไปแล้วนะเว้ย!

“มึงคิดว่ากูพามาทำไมล่ะ”

“ผมจะไปรู้เหรอ พี่บังคับให้มา ผมก็ต้องมา”

เริ่มหวั่นๆ กับสีหน้าท่าทางของมัน ผมกระเถิบตัวหนีจนชิดที่เท้าแขนอีกด้านของโซฟา แต่ว่ามันก็เขยิบตัวตามมาอย่างเชื่องช้า โคตรหลอนประสาทผมเลย

“งั้นกูใบ้ให้”

มันพูดด้วยน้ำเสียงแหบๆ ฟังแล้วขนลุกฉิบหาย ท่าทางแม่งไว้ใจไม่ได้แล้ว ผมเลยเตรียมจะโกยอ้าว เดี๋ยวค่อยเคลียร์วันหลังก็ได้ วันนี้แม่งมีแต่เรื่องประหลาดเกินไป แต่ความคิดของผมก็ถูกเตะทิ้งออกไปนอกอวกาศเลยเพราะไอ้พี่ชมพูตะครุบตัวผมไว้จนหล่นแหมะไปบนตักมัน แล้วยังกระซิบข้างหูผมอีก

“มึงคิดว่าเวลาผู้ชายเขาพาคนเข้าห้องนี่เขาจะทำอะไร”

ไอ้เหี้ยพี่ชมพู มึงคิดอะไร!!!!!!!!!













===============
โอ๊ะ พี่ชมพูนี่โดนอะไรสิงเปล่าเนี่ย อยู่ดีๆ มาทำตัวแปลกๆ
ตอนหน้าโผล่มาเป็นพาร์ทของพี่ชมพูดีมั้ยนะ?
ว่าแต่กราฟสุดหล่อหายไปไหนนะ ทำเอาเพื่อนๆ เป็นห่วงกัน

วันนี้มีของพิเศษแถมให้ด้วยค่ะ
เปิดตัวอิมเมจน้องยีน หล่อปนสวยนิดๆ มั่นๆ





(http://upic.me/i/wi/poster1.jpg)


หวังว่าจะชอบกันนะคะ



Undel2Sky







หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 24-11-2011 04:23:26
ชอจัง อ่านแล้วไม่งง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 24-11-2011 06:29:52
พี่ภูคงไม่ได้จะปล้ำหรอกมั้ง
เอามาเป็นทาสล่ะสิ ใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 24-11-2011 06:59:31
พี่ชมภูจะทำอะไร อย่าน้าาาา 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 24-11-2011 07:58:50
พามาจัดการ....จบ!!!  :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 24-11-2011 08:52:27
ฮาดีแต่ไม่ชอบชมภูเท่าไหร่
พอดีอ่านแล้วไม่ค่อยชอบคนที่คอยพูดจาหาเรื่องชาวบ้านตลอดเวลาแบบนี้อ่ะ ถ้าเป็นผมนะ ปากแตกตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว
พี่ก็พี่เหอะ ขนาดผมเป็นพี่ว๊ากนะผมยังไม่เคยทำตัวไม่มีเหตุผลกับน้องๆ แบบนี้เลย - -*  (แบบเพราะตัวเองเคยคิดไงว่าพี่ว๊ากมันก็แค่คนที่เข้ามหาลัยก่อนไม่ได้ออกค่าเทอมให้ ไม่ใช่ญาติพี่น้องมีสิทธิไรมาด่าเรา ทั้งๆ ที่คิดงั้นนะแต่ตัวเองต้องมาเป็นพี่ว๊ากเอง เซ็งจิต)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-11-2011 09:13:28
พี่ภูท่าจะเพี้ยน พาน้องยีนมาทำไร เดี๋ยวก็เจอยีนถีบให้หรอก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 24-11-2011 09:28:34
พี่ชมพูจะทำอะไรอ่ะ...เรื่องนั้นให้ยีนหาคำตอบเอาเอง
แต่เรื่องกราฟสิที่น่าสงสัย คงไม่ใช่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรอกนะ เทคแคร์กันดีเกินเพื่อนอ่ะ
แล้วยังคบกับผู้ชายอยู่อีก ยีนคิดไม่ได้จริง ๆ หรอว่าคนสองคนออกมาจากห้องน้ำเดียวกันมันจะเข้าไปทำอะไร
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 24-11-2011 09:44:02
พี่พูจะทำอะไรน่ะ
สงสัยเรื่องกราฟด้วย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 24-11-2011 10:23:21
พี่ภูแกล้งยีนใช่มั้ย  :laugh:
กราฟก็นะ แหม่งๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 24-11-2011 10:25:47
กรี๊ดดดดดดดดดดด
พี่ชมพูจะพาน้องเกงยีนไปทำอะไรเอ่ย?

ไนล์-กราฟ...คุ้นๆหน้าไนล์ยังไงไมรู้(หล่อนก็คุ้นๆตลอดเนอะ)

รอนะค๊าาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 24-11-2011 12:27:44
 :z1: กำลังลุ้นเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-11-2011 12:49:55
เดี๋ยววววเซ่ะ อย่าเพิ่งทำอะไรน้องนะพี่ชมภู อยากรู้เรื่องกราฟก่อน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 24-11-2011 14:09:45
น้องยีนน่ารักดีอ่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 24-11-2011 14:21:18
เย้ มาต่อเเล้วๆ
ชอบมากๆ

ชอบรูปน้องเกงยีนอ่ะ :L2:

รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 24-11-2011 16:26:24
แล้วผู้ชายเวลาเขาพาคนอื่นเข้าห้องเนี่ย

เขาทำไรกันหรอออ ??
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CofFee ที่ 26-11-2011 04:14:03
“มึงคิดว่าเวลาผู้ชายเขาพาคนเข้าห้องนี่เขาจะทำอะไร” <<<<<< เอิ๊กๆ

น้องเกงยีนส์คงโดนพี่ชมพู ซักซะละมั้ง  555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: flyingploy ที่ 26-11-2011 05:35:15
อ๊ะ เรื่องใหม่ อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 26-11-2011 08:15:01
พี่ชมภูแอบคิดไรกับน้องเกงยีนหรือเปล่า?  :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 26-11-2011 08:55:22
 :impress2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Dakzy ที่ 27-11-2011 00:33:27
เฮ้ย อาร้ายยยยยยยยย ชมภูจะทำอะไร นั่นยีนของกราฟนะ (เริ่มมั่วแล้วเรา) ฮ่าๆๆๆ

กรี๊ดอ่ะ รักจริงหรือหวังฟันคะชมภู ถ้าเป็นอย่างหลังจะได้จับเชือดซะก่อน หึๆ o18

ถ้าเป็นอย่างแรกว่าจะจีบน้องจะได้เชียร์ แต่ช่วยให้มันนุ่มนวลกว่านี้หน่อยนะยะ เดี๋ยวช้ำหมด :angry2:

แล้วกราฟ(ที่รัก)หายไปไหนทำไมไม่รับสายยีน แล้วไนล์เป็นใครอ่ะ :z3:

กราฟจะมีคู่หรอ อร๊ายยยยยย จะดีใจหรือเสียใจดี หวงอ่ะ กร๊ากกกกกกก อยากให้กราฟชอบยีนอ่ะค่า เอิ๊กๆ

ชอบรูปอิมเมจค่ะ น่ารักดีนะดูทั้งหล่อและสวยในคราวเดียวกัน คราวหน้าขออิมเมจชมภูกับกราฟ(ที่รัก)ด้วยนะค้า :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 27-11-2011 12:04:48
พี่ชมภู จะทำอารายยืนเนี้ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: mintny ที่ 27-11-2011 16:13:53
มาแล้ววววววววววววววววววว



ใคร... ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร
ทำไมอยู่ในห้องน้ำห้องเดียวกับพี่กราฟ
สวยซะด้วยใช่ไหม เข้าไปทำอะไรก๊านนนนนนนนนนนน   :z1:
อยากรู้เป็นที่สุด ตกลงพี่กราฟจะแซงหน้าเพื่อนรักอย่างน้องยีนใช่ป่ะ
แล้วยิ่งทำตัวโคตรน่าสงสัย หายหัวไปแบบเพื่อนติดต่อไม่ได้



เอ๊ะๆ แต่จะรักน้องยีนเกินไปป่ะ
ใครโทรไม่รับสาย แต่ไม่เคยไม่รับสายน้องยีน
อะเจ้ยยยยย เพื่อนกูรักมึงอะเปล่าเนี่ย



พี่พู...พี่พูจะมาไม้ไหนเนี่ย
จู่ๆก็พาน้องเขาขึ้นรถ
จู่ๆก็พาน้องเขาเข้าห้อง
จู่ๆก็พูดดีกับน้องเขา
จู่ๆก็พูดอะไรกำกวน
จู่ๆมันก็จบตอนแบบค้างคาและลุ้นซะอย่างนั้น

แต่..แล้วน้องยีนตามเขาไปแต่โดยดีทำไมละหนู
เกิดโดนฆ่าปาดคอขึ้นมาจะทำไง
แต่..ถ้าพี่พูปู้ยี่ปู้ยำน้องแล้วไม่รับผิดชอบ
กรูจะฆ่าปาดคอพี่พูเอง   :m31:


มาเร็วๆน๊า คุณใต้ท้องฟ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : เมียหรือเพื่อนกันแน่ [24/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 27-11-2011 16:45:00



    อ๊ายยยยยย เรื่องนี้น่ารักอ่า
    โดนล่อลวงเข้าห้องไปแล้ว น้องเกงยีนจะเป็นไรไหมอ่า





หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 4 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 28-11-2011 01:57:00
ตอนที่ 4 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (Chomphoo’s Part)



















ไอ้เกงยีนคงมองว่าผมไร้เหตุผล แต่ผมมีเหตุผลเหมือนกันที่ชอบหาเรื่องมันแบบนี้ ก็เห็นมันใส่แว่นหนาๆ มันรำคาญลูกตาจริงๆ แล้วยังหวีผมมาปรกๆ หน้าผากเหมือนทรงกะลาของเด็กอนุบาล ยังดีที่ปลายผมไม่ได้ตัดตรงด้วย ถ้าอย่างนั้นผมคงถีบมันออกจากคณะไปแล้ว

มันไม่แปลกไม่ใช่หรือครับที่มองใครแล้วจะรู้สึกว่าไม่ถูกชะตาเลยอยากหาเรื่อง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีพวกที่มองหน้ากันหรือเพียงแค่ต่างสถาบันก็ควักปืนมายิง ไล่ฟัน ไล่กระทืบกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างที่ออกข่าวครึกโครม มันคงเป็นสัญชาตญาณของตัวผู้มั้งครับที่ไม่ถูกชะตากันได้ง่ายๆ ผมเองก็ไม่ต่างจากคนเหล่านั้นเท่าไร

ไม่ถูกใจ ก็เลยหาเรื่องให้มันหายหงุดหงิดรำคาญ

แต่คงมีแค่ผมคนเดียวมั้งที่รู้สึกแบบนั้น เพราะไอ้เจ๋งได้เจอกับไอ้เกงยีนก็ไม่เห็นว่ามันจะรู้สึกอะไร แล้วมันยังมานั่งด่าผมอีกหลังจากที่เห็นมันซุบซิบกับไอ้น้องเกงยีนเมื่อหลายคืนก่อน

“มึงฟังที่กูพูดอยู่เปล่าเนี่ย”

“เออๆ กูฟัง”

ผมตอบมันไปอย่างรำคาญ แล้วก็โคตรๆ รำคาญด้วยที่มันยังพูดเรื่องเดิมๆ อยู่ได้ มือผมขยับไปตามแป้นคีย์บอร์ด รายงานที่ต้องส่งยังไม่เสร็จ กะเอาให้เสร็จวันนี้จะได้เคลียร์ๆ ไป แต่มันจะไม่เสร็จเพราะไอ้เหี้ยเจ๋งเนี่ยแหละ

“มึงฟังแต่มึงไม่เข้าใจ มึงอย่ามาตอแหลใส่กู”

“กูไม่ได้ตอแหล ก็กูไม่ทำ”

“ไอ้ภู มึงเป็นรุ่นพี่แต่มึงรังแกรุ่นน้องแบบนี้ไม่เหี้ยไปหน่อยเหรอวะ เป็นเฮดรับน้องของปีสามซะเปล่า แต่มึงคอยหาเรื่องรุ่นน้องแบบนี้ แมนเหรอวะ”

“แมน”

ผมตอบมันโดยไม่หันไปมองหน้าสักนิด เลยบิวท์ให้มันยิ่งไม่พอใจหนักขึ้นมั้ง มันปิดหน้าจอแล็ปท็อปของผมแบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมจนแทบจะทับมือผม ดีว่าผมชักมือออกทัน

ไอ้เหี้ยเจ๋ง มึงหาเรื่องกูเพราะไอ้เกงยีนอยู่นั่น ถูกใจอยากกิ๊กมันหรือไง

“ฮ่าๆ มึงแมนฉิบหายอะ แถวบ้านกูเรียกสถุน ไอ้เหี้ยภูแม่งโดนไอ้เจ๋งด่าเรื่องนี้มากี่วันแล้ววะ”

เสียงไอ้ปาล์มที่นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะประจำแทรกขึ้นมา มันย้อนผมแล้วก็หันไปมองไอ้ต้นผัวมัน มันก็ได้ฟังไอ้เจ๋งเทศน์ผมเรื่องนี้พอๆ กับผมนั่นแหละ แต่แม่งมองว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่า

ไอ้ปาล์มเป็นกะเทยครับ ผ่าตัดทำนมมาเรียบร้อยแล้ว ตอนเปิดเทอมมาผมโคตรตกใจที่เจอมันนมโตแทบฟาดหน้า ผมรู้ว่ามันกับไอ้ต้นได้กันมาตั้งแต่ตอนปลายๆ ปีหนึ่ง แถมมันยังเคยพูดหยอกๆ ว่าจะทำนม ไม่คิดว่ามันจะทำจริง แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันทำช่วงล่างมาด้วยหรือเปล่า

“ส้นตีนติดคอหรือไง หัวเราะห่าอะไรของมึง”

ผมหันไปด่ามัน แต่มันก็ไม่ได้ทำหน้าสะทกสะท้านอะไรที่เสือกขึ้นมา แถมไอ้เหี้ยต้นยังเอาด้วยอีกคน

“กูก็ว่าไอ้เจ๋งมันถูก มึงนั่นแหละ ทำไมไม่ฟังมัน”

“หุบตูดมึงไปเลย ทั้งมึงทั้งเมียมึงนั่นแหละ”

“มึงนี่มันโลกแคบว่ะ”

ไอ้ต้นมันด่าซ้ำ ไอ้ปาล์มก็ขานเป็นลูกคู่รับอย่างเห็นดีเห็นงาม มันเลยยิ่งทำให้ผมรำคาญ

“สัตว์ มึงจะเอายังไง มึงบอกกูมา”

หมดความอดทนกับมันสักที ผมหันไปมองหน้าไอ้เจ๋งแบบเหวี่ยงๆ กูอารมณ์เสียเหี้ย มึงทำลายอารมณ์ทำงานกูหมดแล้ว ไอ้ต้นไอ้ปาล์มแม่งยังร่วมด้วยช่วยกันประณามกูอีก

“มึงเลิกหาเรื่องยีนไม่ได้หรือไงวะ จะกวนตีนมันให้ได้อะไร เด็กนะเว้ย มึงมองบ้างว่าเขาเป็นน้อง ชอบเหรอวะที่ให้พวกรุ่นน้องคนอื่นเอาไปพูดกันว่าพี่ปีสามแม่งชั่ว คอยแต่รังแกน้อง ไม่ดูแลน้อง”

พอให้โอกาสพูด มันก็ใส่เอาๆ ผมทำหน้าเซ็ง พยายามจะไม่อารมณ์ขึ้นกับไอ้เจ๋ง เพราะรู้อยู่ว่านิสัยมันเป็นยังไง เลือดแม่พิมพ์พ่อพิมพ์ของชาติไหลอยู่ในตัวมันเยอะ เพราะว่าพ่อแม่มันเป็นอาจารย์กันหมด แต่ที่มันเลือกเรียนนิเทศฯ แทนเรียนคุรุก็เพราะว่ามันบอกว่าสมัยนี้รายได้ดีกว่าเยอะ พ่อแม่มันเสี้ยมสอนลูกให้มีจรรยาบรรณ มีอุดมการณ์ เยอะเกินจนน่ารำคาญ แต่เพราะแบบนั้นเลยทำให้มันดูเป็นคนดีกว่าคนที่เอาอารมณ์ตัดสินในหลายๆ อย่างแบบผม

“มึงพูดกับกูแบบนี้มาเกือบอาทิตย์มึงไม่เบื่อมั่งหรือไงวะ กูยังเบื่อ”

“ก็ถ้ามึงเบื่อทำไมมึงไม่ทำอย่างที่กูว่าสักที ให้กูพูดอยู่ได้ นี่กูเป็นห่วงมึงหรอกนะ ไม่อยากให้ใครมาด่ามึง กูถึงได้เตือน แล้วมันจะไปยากอะไรที่มึงจะทำดีกับน้องบ้าง กูยังไม่เห็นว่ายีนจะทำอะไรให้มึงเกลียด หรือมึงชอบที่น้องเกลียดขี้หน้า ทั้งที่มึงก็ไม่ได้เหี้ยห่าอะไรมากมาย”

“สรุปมึงจะพูดให้กูทำดีกับไอ้เกงยีนให้ได้”

ผมสรุปความที่มีความหมายเดียว ไม่ว่ามันจะพูดเรื่องนี้มากี่วันแล้ว จุดประสงค์ก็ไม่เปลี่ยน แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร ไม่เคยไร้เหตุผลขนาดนี้ รุ่นน้องคนอื่นผมก็เทคแคร์บ้าง ช่วยเหลือมันบ้าง ที่ตบหัว ไล่ถีบก็เพราะหยอกๆ แต่ไม่รู้ว่ะ กับไอ้นี่มันไม่เหมือนกัน พอเห็นหน้าไอ้น้องเกงยีนเฉิ่มๆ แล้วตีนมันกระดิกทุกที

“แล้วมึงทำได้หรือเปล่าล่ะ”

ไอ้เจ๋งถามผมสั้นๆ แล้วมองหน้าผมค้างอยู่อย่างนั้น ผมก็มองหน้ามันกลับก่อนจะหันไปมองไอ้ต้นไอ้ปาล์ม สองตัวนั่นแม่งโคตรใจตรงกัน ยักคิ้วสลับข้างให้ผมซะงั้น เหมือนจะท้าทายว่าผมกล้าหรือเปล่า แล้วแบบนี้จะให้ผมเฉยได้ยังไง มึงดูถูกกันชัดๆ

“เออ กูจะทำให้พวกมึงดู”

เพราะแบบนั้นแหละผมเลยต้องเดินเข้าห้องคณะ (กรรมการนักศึกษา) พอเดินเข้าไปไอ้พวกคณะกรรมการทั้งปีสองปีสามก็หันมามองกันอย่างงงๆ เพราะหลังจบงานรับน้องเมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมก็แทบไม่ได้เหยียบเข้าห้องคณะเลย ไม่เหมือนไอ้ปีสามบางคนที่มันหลบมานอนเล่นบ้าง

“อ้าว พี่ภู มาได้ยังไง”

“แล้วกูมาไม่ได้หรือไง”

ผมตอบไอ้แมนที่นั่งเล่นเกมในแล็ปท็อปอยู่ที่โต๊ะประชุม ไม่ได้สนใจว่ามันจะถามอะไรต่อก็เดินเลยไปถึงโต๊ะที่อยู่ด้านในของห้องซึ่งเป็นโต๊ะของประธานชั้นปี ไม่ได้ระบุว่าเป็นปีไหนเพราะว่าใช้ร่วมกัน

“ไอ้ต๊ะมึงดูอะไรของมึง”

เดินไปกะจะขอไอ้ต๊ะประธานปีสองใช้คอม ว่าจะเปิดดูรายชื่อนักศึกษาของแต่ละปีสักหน่อย เพราะว่ามันล็อกไอพีไว้ มีแค่คอมเครื่องนี้ที่เปิดเข้าไปดูได้เท่านั้น แต่ดันเห็นไอ้ต๊ะใช้คอมเปิดรูปโป๊อยู่ ห่า

“เฮ้ย พี่ภู!”

มันร้องออกมาอย่างตกใจ เงยหน้าขึ้นมองผมตาโต รีบปิดหน้าเว็บอย่างลนลาน แต่ไม่ทัน ผมเห็นทั้งหมดแล้ว ถ้าให้พูดตามจริง ผมก็ไม่ได้อะไรเท่าไร เพราะของจริงก็เห็นมาไม่น้อยตั้งแต่เข้ามหา’ลัย จะอะไรกับแค่รูปภาพที่จับต้องไม่ได้ เพียงแต่...

“สัตว์ มึงดูกูไม่ว่า แต่มึงไปใช้คอมเครื่องอื่น เครื่องนี้ข้อมูลเยอะมึงก็รู้ ถ้าไวรัสแดกมึงรับผิดชอบไหวไหม”

ตบป้าบเข้ากบาลมันไปหนึ่งที มันเลยรีบลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แล้วละล่ำละลัก

“โทษทีพี่ ผมลืมตัว พี่จะใช้คอมใช่ป่ะ”

“เออ ถ้ากูไม่ใช้กูจะเดินมานี่หรือไง”

ผมบอกมันหน้าเบื่อๆ มันเลยทำหน้าแหยใส่ ค้อมตัวให้ผมน้อยๆ แล้วรีบขอตัว

“งั้นผมไปก่อน พี่ใช้ตามสบาย”

“มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วสิวะ”

พอไอ้ต๊ะไป ผมก็นั่งลงเปิดรายชื่อนักศึกษา ไม่ใช่อะไรหรอกครับ จะหาข้อมูลไอ้น้องเกงยีนมัน ดูของมันก็เผื่อแผ่ไปถึงพี่รหัสมันทั้งหลาย ปีสองแม่งลาออกไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว ปีสามก็ซิ่วไปนานแล้ว ส่วนปีสี่ไม่ได้มาสนใจ งั้นถ้าผมเข้าหามันทางนี้คงจะพอโอเค



















หลังจากตัดสินใจแบบนั้นผมก็เดินไปหาไอ้เกงยีนที่โต๊ะประจำ แต่ยังเดินไม่ถึงก็เห็นมันกับไอ้เคไอ้กัสเดินมาพอดี แล้วดูมันยังทำท่าจะเดินหนีผมอีก ผมเลยลากตัวมันมาแล้วพาไปที่ห้องซะเลย หึ เห็นท่ามันตอนนี้ที่เกือบจะโดนผมคร่อมก็ตลกฉิบหาย มันดูตกใจจนแทบตาเหลือกที่เห็นผมเปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือ

“รู้หรือยังว่ากูจะทำอะไร”

ผมพูดเสียงแหบๆ อยู่ข้างหูมันเพราะเห็นมันยังไม่ตอบอะไร เอาแต่ทำตาโตใส่ ทั้งที่ขำอยู่ในใจแต่ผมก็ยังทำหน้านิ่งๆ

ไม่นึกว่าทำแบบนี้แล้วมึงจะไปไม่เป็นขนาดนี้ เห็นอวดเก่งปากดีฉิบหาย

“ทำอะไร ผมจะไปรู้เหรอ”

มันยังทำยียวน ลอยหน้าตอบมา เห็นแล้วแม่งอยากเอาหมัดลูบหน้าสักทีสองที แต่ในเมื่อผมรับคำท้าของเพื่อนไปแล้ว ก็ต้องทำให้มันเห็นให้ได้

“ไม่รู้แล้วมึงตัวสั่นทำไม”

ผมยื่นมือออกไป แกล้งเอาหลังมือถูแก้มมัน มันไม่ได้ตัวสั่นอย่างที่ผมบอกหรอก ผมก็อำมันไปงั้น หาวิธีระบายความหงุดหงิดเวลาเห็นหน้ามันด้วยวิธีอื่นที่ไม่ดูรุนแรง สถุนเหมือนที่ไอ้ปาล์มด่า แล้วก็ได้วิธีนี้มาซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผล อยู่หน่อยๆ เพราะมันทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นได้

“อะไร ทำไมผมต้องตัวสั่นด้วยครับพี่ชมพู”

“มึงกลัวกูไง”

“ผมไม่จำเป็นต้องกลัวพี่มั้งครับ”

คราวนี้มันเปลี่ยนสีหน้าเป็นทะเล้นกว่าเดิม แม่งเปลี่ยนหน้าเก่งฉิบหาย เดี๋ยวก็ทำหน้าเฉย หน้าแป้น หน้ายิ้ม แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือมันต้องการกวนตีนผม ผมไม่ได้โง่ที่มองเจตนามันไม่ออก

“ถ้ามึงยืนยันว่ามึงไม่กลัว กูจะเชื่อมึงก็ได้”

ผมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่การกระทำผิดกัน ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอ้เกงยีนมากขึ้น กะลองดีกับมันว่ามันจะปากกล้าได้ถึงขนาดไหน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ จนปากของผมแทบจะติดกับแก้มมันอยู่แล้ว หายใจทีลมหายใจก็กระทบกับแก้มขาวๆ ของมันจนสะท้อนกลับมาโดนหน้าผม เห็นมันพยายามเบิ่งตาก็ต้องอุดขำฉิบหาย

มึงไม่กลัวกูแล้วมึงทำหน้าประหลาดๆ ทำหอกอะไร ปากเก่งจริงๆ นะ

เห็นแล้วหมั่นไส้ผมเลยกดปากลงบนแก้มแม่งเลย แก้มมันนิ่มโคตรๆ ไม่คิดว่าจะนิ่มขนาดนี้ เกิดมาไม่เคยหอมแก้มผู้ชายมาก่อน แม้แต่ผู้หญิงที่เคยนอนด้วยยังไม่เคยด้วยซ้ำ ถ้าจะทำอะไรก็ทำๆ ไปเลย เพราะไอ้การมาหอมแก้มจูบแก้มตอนมีเซ็กส์กันนี่เป็นอะไรที่ผมว่ามันอ่อนโยนเกินไปสำหรับคนที่เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่หรือแค่การรักสนุก

ระหว่างที่คิดในใจแบบนั้นตัวผมก็กระเด้งออกมาจากไอ้เกงยีนด้วยความเร็ว เกือบตกโซฟาด้วยซ้ำ มันเร็วจนผมเกือบงงว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่รู้สึกจุกๆ ที่ท้อง

ไอ้เหี้ยน้องเกงยีนแม่งถีบผมมาเต็มท้องเลย สัตว์เอ๊ย!

“แรงนะมึง กล้าถีบกูเหรอ”

“แล้วพี่จะให้ผมจูบพี่กลับหรือไง”

“ก็ดูน่าสนใจดี มึงว่าป่ะ เปลี่ยนจากต่อยมาจูบกันไอ้เจ๋งคงดีใจ”

ว่าอย่างนั้นแล้วผมก็เริ่มเข้าไปคุกคามมันอีกครั้ง มันก็เตรียมยกขาขึ้นรอเลย แถมยังทำหน้าเหี้ยมใส่อีก แต่มึงคิดว่ากูกลัวมึงหรือไง

ผมจับขามันพลิกข้างแล้วรีบเอาตัวไปคร่อมไว้ นั่งทับตรงเอวแม่งเลย มันจะได้ยกตีนขึ้นมาถีบผมไม่ได้อีก ซึ่งคราวนี้มันเบิกตากว้างยกมือมาดันคางผมเอาไว้ หนำซ้ำยังโพล่งเสียงออกมาแบบไร้คำสุภาพต่างจากที่เคย ผมว่ามันน็อตหลุดแล้วว่ะ

“ไอ้เหี้ยพี่ชมพู มึงจะทำอะไร!!”

“โห ขึ้นเหี้ยขึ้นมึงเลยเหรอ ให้กูดูดปากมึงสักทีเลยดีไหม”

“สัตว์ มึงอย่ามาตลก”

มันทำตาดุอย่างกับจะอัดผมให้น่วมหายใจรวยรินให้ได้ แต่มันคงไม่มีทางได้ทำแบบนั้นหรอก เพราะผมไม่อยู่นิ่งๆ ให้มันอัดจนตายแน่

“งั้นมึงก็พูดกับกูดีๆ กูจะได้เลิกแกล้งมึงแล้วบอกสักทีว่ากูลากมึงมาทำไม”

มันเงียบไปเลยครับ แล้วก็มองผมอย่างสับสนงุนงง เหมือนกับไม่รู้จะอยู่อารมณ์ไหนดี จะโมโหที่ผมยังนั่งทับมันอยู่แบบนี้ หรือโกรธที่ผมบอกว่าแกล้งมัน หรือคิดได้ว่าคำพูดเมื่อกี้เป็นทางรอดของมัน

“เออ ก็ได้” แล้วมันก็ตัดสินใจ ยอมลดความอาฆาตจากแววตาของมันลง เลิกปล่อยจิตสังหารใส่ผมแล้วพูดเสียงอ่อนกว่าเดิมเยอะ “พี่ลงไปจากตัวผมได้หรือยังล่ะ”

“ทำไม มันล่อแหลมเกินไปจนกลัวว่าจะเสียตัวให้กูเหรอ”

“จะจบหรือไม่จบ”

มันทำเสียงแข็งขึ้นมาอีก แม่งบิวท์ง่ายชิบเป๋ง ผมกระตุกมุมปากเบาๆ กับท่าทางเอาเรื่องของมันก่อนจะยอมลุกจากตัวมันขึ้นมานั่งบนเบาะข้างตัวผอมๆ นั่นแทน แล้วพอผมลุกปุ๊บ มันก็รีบกระเด้งตัวขึ้นมานั่งเต็มตูดทันที ทำตัวตลกฉิบหาย มันกลัวผมปล้ำมันหรือไง กูไม่มีรสนิยมแบบนั้นหรอก

“ที่กูพามึงมาเนี่ย” พอได้ทีผมก็เกริ่นออกมา “กูจะให้มึงมาเอาชีทของปีหนึ่ง”

“ทำไมผมต้องเอาชีทจากพี่ด้วย”

“แล้วมึงมีพี่รหัสหรือไง นี่กูใจดีอนุเคราะห์ให้มึงเลยนะ”

ทั้งที่ผมเสนอให้แต่ดูเหมือนมันไม่ได้สนใจเท่าไร แล้วยังมีหน้ามาบอก

“ไม่มีก็ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร ยังไงเดี๋ยวไอ้กราฟก็เอาของพี่เจ๋งมาให้ผมซีอยู่ดี”

แม่ง ไอ้เกงยีนมันแข็งจริงๆ ไม่เคยจะอ่อนให้ผมเลยสักที แบบนี้แหละผมถึงยิ่งอยากทำให้มันหน้าหงาย เด็กกว่าแล้วทำอวดดี

“แล้วมีเป็นของตัวเองมึงว่าไม่ดีกว่าหรือไง อาทิตย์หน้าจะสอบแล้วนี่”

“พี่แน่ใจเหรอว่าจะให้ผม”

ฟังเหตุผลที่เข้าท่าแล้วมันก็หรี่ตามองผมอย่างประเมินว่ามีจุดประสงค์แอบแฝงหรือเปล่า

ระแวงกูตลอด กูจะเป็นคนดีบ้างไม่ได้หรือไงวะ

“เออ กูให้มึงนั่นแหละ น้องกูไม่มีอยู่แล้ว”

ผมว่าอย่างนั้น เลิกต่อล้อต่อเถียงอะไรกับมันอีกแล้วเดินเข้าไปในห้อง หยิบชีทมาตั้งหนึ่ง ยกให้มันไปทั้งตั้งเลย เพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ ไม่รู้ทำไมน้องรหัสผมแม่งไม่มารายงานตัวสักคน เลยไม่มีทั้งน้องรหัสทั้งหลานรหัส

“ขอบคุณครับ” มันตอบกลับมา ไม่ได้มีทีท่ากวนผมเท่าไร ผมเลยมองว่าเป็นคำพูดจากใจของมัน แต่มันดันต่อประโยคอีกว่า “แต่ฝากพี่ไว้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปหาไอ้กราฟ”

“มึงก็แบกชีทนี่กลับไปแล้วก็ไปหาไอ้กราฟดิ จะยากอะไร”

ผมเสนอ แต่มันไม่สนอง

“ไอ้กราฟไม่ได้ไปเรียน หายหัวไปไหนไม่รู้ ผมเลยจะไปหามันที่คอนโด ให้แบกของทั้งหมดขึ้นแท็กซี่ มันจะไล่ลงมาอะดิ”

“งั้นมึงแบกไปขึ้นรถกู เดี๋ยวกูไปส่งมึง”

“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ”

ไม่รู้ว่ามันตอบกวน หูผมเพี้ยน หรือมันเกรงใจจริงๆ กันแน่ แต่มันก็ปฏิเสธออกมา แต่มีหรือว่าอะไรที่ตั้งใจทำแล้ว นายชมภู บริวัตรสหการ คนนี้จะปล่อยให้มันล้มเลิก ผมพูดเป็นครั้งสุดท้ายหวังให้คนฟังเข้าใจ

“เอาไปขึ้นรถ กูจะไปส่งมึงเอง”

มันทำหน้ายู่ยี่เหมือนไม่พอใจนิดหน่อย แต่ก็ยอมแบกตั้งชีทไปแต่โดยดี

คอนโดไอ้กราฟอยู่ไม่ไกลจากคอนโดผมเท่าไร ความแตกต่างทางการตกแต่งก็ไม่ได้มีมากนัก แต่เหมือนห้องของไอ้กราฟจะเล็กกว่าของผมอยู่นิดหน่อย ผมกับไอ้เกงยีนลงจากรถมา ในอ้อมแขนของมันมีชีทที่ได้รับมาจากผม เพราะมันบอกว่าจะเอาชีทมาทิ้งไว้ที่นี่ ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ผมเดินตามมันขึ้นลิฟต์ไปชั้นที่เป็นห้องของไอ้กราฟ

“ฝากถือหน่อยครับ”

เกงยีนหันมาทางผมแล้วยื่นชีทที่มันถือมาตั้งแต่ลงรถให้ ผมก็รับมาตามคอนเซปต์รุ่นพี่ที่ดี ถ้ามันไม่กวนตีนผมก็ยังถือว่าพอรับได้กับการต้องพยายามข่มความหงุดหงิดตอนเห็นหน้ามันเอาไว้

มึงไม่เกะกะลูกตาเพราะแว่นของมึงมั่งหรือไง แถมยังเสื้อที่รัดคอจนถึงลูกกระเดือกนั่นอีก แค่เห็นกูก็อึดอัดแล้ว

คีย์การ์ดในกระเป๋าที่ไอ้เกงยีนหยิบออกมาถูกใช้เป็นใบเบิกทางเข้าไปด้านในห้องของไอ้กราฟ พอเข้าไปได้แทนที่ไอ้รุ่นน้องผมคนนี้จะหันมารับชีทกลับไป มันเสือกเดินเข้าไปในห้องที่ทำเหมือนเป็นเจ้าของเสียเอง เดินวนๆ มองหาในห้องที่จัดเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งให้ดูโล่งกว้าง แต่ของประดับประดาดูมีราคาไม่เบา

“ไอ้กราฟมึงอยู่ไหนวะ”

เสียงมันเรียกเพื่อน ระหว่างนั้นผมก็เอาชีทวางบนโต๊ะเตี้ยๆ สำหรับวางของที่ห้องนั่งเล่น จากนั้นเดินตามมันเพื่อหาเจ้าของห้องไปด้วย แต่พอหามาถึงห้องนอนเท่านั้นแหละ ไอ้เกงยีนแทบถลาตัวเข้าไปถึงเตียงเพราะคนที่ตามหานอนอยู่บนนั้น

“เฮ้ย ทำไมมึงตัวร้อนจังวะ” ไอ้เกงยีนเข้าไปใกล้ๆ ไอ้กราฟ วางมือบนหน้าผากของเพื่อนมันเหมือนวัดอุณหภูมิ “เมื่อเช้าตอนมึงโทรหากูเสียงมึงยังดีๆ อยู่เลย แล้วอยู่ๆ มึงเป็นอะไรเนี่ย ทำไมไข้ขึ้น”

ทั้งที่มันถามกึ่งว่าหน่อยๆ แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความห่วงใยของมันที่มีต่อเพื่อน มันหย่อนตัวนั่งบนเตียงข้างไอ้กราฟที่เหงื่อซกเต็มหน้า หน้าแดงไปหมด ท่าทางไข้จะขึ้นหนักเอาการทีเดียว

“กราฟ มึงได้ยินกูไหม”

ยีนสะกิดเพื่อนมัน แต่กราฟก็ดูไม่รู้เรื่องอะไร ขยับตัวหน่อยๆ แล้วหลับตาแน่น เหมือนกับกำลังกลั้นความเจ็บปวดอะไรบางอย่างอยู่

“ไอ้กราฟ มึงตื่นก่อน มึงได้ยินกูไหม”

คราวนี้เกงยีนไม่สะกิดแล้ว มันเขย่าตัวเพื่อนมันเลย แต่ไอ้กราฟก็ยังดูไร้สติจะตอบ กลายเป็นไอ้เกงยีนแล้วที่หน้าเสียขึ้นมาแทน มันพยายามปลุกเพื่อนซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ว่าไอ้คนที่นอนอยู่กลับไม่มีอะไรตอบกลับมาเลยนอกจากหน้าที่แดงขึ้นและเหงื่อที่ไหลออกมากกว่าเดิม

“กราฟๆ ไอ้กราฟ มึงอย่าเพิ่งเป็นไรนะเว้ย ทำไงดีวะ” หน้ามันเหลือกลานตื่นตระหนกกว่าเมื่อกี้มาก ไอ้เกงยีนผุดตัวขึ้นจากเตียงแล้วเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่สองสามรอบก่อนจะหลุดเสียงออกมา “เอ้อ ต้องเช็ดตัว กินยา”

บอกตัวเองอย่างนั้นแล้วมันก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหาผ้ามาเช็ดตัว อย่างที่ว่า ผมเลยมีโอกาสดูอาการของไอ้กราฟบ้าง แต่แค่อังมือกับหน้ามันก็แทบจะเอามือออกไม่ทัน ไอร้อนแผ่ออกมาจากหน้ามันจนรู้สึกได้ แม่งถึงได้หน้าแดงขนาดนี้

“ไม่ต้องเช็ดตัวมันนะ เอาแค่ผ้ามาซับๆ เหงื่อพอ ไข้ขึ้นขนาดนี้ เช็ดไปเดี๋ยวช็อก แล้วถ้ากินยาแต่ไข้มันไม่ลดก็ต้องพามันไปหาหมอ”

ผมขัดไอ้เกงยีนที่เดินกลับมาพร้อมกับขันที่มีน้ำอยู่ มันก็มองหน้าผมเหมือนจะถามอยู่กลายๆ ว่าเชื่อผมได้แค่ไหน ผมจึงมองมันกลับโดยไม่มีแววล้อเล่น มันเลยยอมใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อให้ไอ้กราฟอย่างเดียว จนหน้าไอ้กราฟดูจะแห้งลงแล้ว ไอ้ยีนก็ไปหายาลดไข้มาให้ไอ้กราฟกิน

แต่ว่าไอ้กราฟดันไม่กินอย่างที่คิด พอเอายาให้กินมันก็คายออกมา ล้นออกมาจากปากทั้งยาทั้งน้ำที่ไอ้เกงยีนจับกรอกเข้าไป หน้าที่แสดงความกังวลของไอ้เกงยีนชัดขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว

“จับยาบดๆ ผสมน้ำแล้วให้มันกินไปเลย”

ผมเสนอ แต่ว่าช้าไป เพราะไอ้เกงยีนมันเอายาเม็ดใหม่ยัดปากไอ้กราฟแล้วมันก็แดกน้ำเข้าไป ก่อนจะประกบปากกับปากไอ้กราฟแล้วคายน้ำในปากมันให้เข้าไปในปากคนที่มันประกบด้วย ทำแบบนั้นสองครั้งจนไอ้กราฟกลืนยาลงไปจนหมด

ผมทั้งอึ้งทั้งมึนทั้งงง แทบจะอ้าปากค้างที่เห็นภาพเมื่อกี้ แม่งทำขนาดนี้เลยเหรอวะ เพื่อนมึง มึงเล่นป้อนยาทางปากเลยเนี่ยนะ เฮ้ย

แต่เหมือนว่ามันจะรับรู้ถึงสายตาผมที่มองมันไม่กะพริบ แม้กระทั่งตอนที่มันถอนปากออกมาจากปากไอ้กราฟแล้ว ผมมองหน้ามันแล้วเลื่อนสายตาไปที่ปากของมัน...

ปากแดงๆ และได้รูปสวยขนาดนี้

ยั่วยวนกว่าผู้หญิงอีก ห่า!

“มองอะไร”

มันถามผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับสิ่งที่มันทำเมื่อกี้เป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ผมว่ามันไม่ปกติสักนิด ให้ผมไปป้อนยาไอ้เจ๋งแบบนั้น คงต้องขอคิดดูยาวๆ หน่อยล่ะ อาจจะใช้เวลาคิดทั้งชาติ

“ก็เหมือนกับผายปอดนั่นแหละ”

เห็นผมไม่ได้พูดอะไร มันก็ตอบกลับมาอีก แต่คำพูดของมันดูห้วนๆ เหมือนไม่แยแสผมว่าจะคิดยังไง ผมก็เลยรวมสติได้หลังจากสมองชาไปพักหนึ่ง

“มึงพูดเหมือนเคยทำ”

“ก็เคย”

มันตอบแค่นั้นก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา

“ไอ้กัส ไอ้กราฟไข้ขึ้นว่ะ”

ผมได้ยินเสียงมันคุยโทรศัพท์แค่นั้นแล้วก็วางไป แต่ผมเดาได้เลยว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไอ้กัสไอ้เคเหาะมาแน่ๆ ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดไว้เป๊ะๆ ด้วยเวลาที่ไม่เกินไปจากที่คาดไว้

“ไอ้กราฟเป็นไงมั่งวะ”

ไอ้เคถลาเข้ามาหาไอ้ยีนที่นั่งอยู่บนเตียง เอนหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ อยู่ข้างไอ้กราฟตลอดไม่ยอมขยับตัวไปไหน ส่วนผมก็ได้แต่ยืนมองพฤติกรรมแปลกๆ ของมัน

จะว่ายังไงดี ไอ้ห่วงเพื่อนก็รู้แต่ว่ามันแปลกไปไหมวะ ผมว่าไม่มีเพื่อนธรรมดาที่ไหนเขาทำกันแบบนี้

“ไข้ขึ้นสูงเลยว่ะ ตัวร้อนฉิบหาย”

“หาหมอเลยไหม”

ไอ้กัสถาม ผมว่าในบรรดาสี่คนนี้บุคลิกมันต่างกันเลย ไอ้กัสดูสุขุม ใจเย็น มีเหตุผล จะมีบางครั้งที่หลุดบ้า ไอ้เคก็ไม่ค่อยจริงจังกับอะไร มองเป็นเรื่องเล่นๆ สนุกๆ ไปหมด ไอ้กราฟเป็นพวกอะลุ่มอะล่วย ใส่ใจคนอื่น ส่วนไอ้เกงยีนอดีตอริผม (มั้ง) กวนตีน ปากกล้า โคตรพ่อโคตรแม่น่าถีบ

“กูว่าจะรอดูก่อน เดี๋ยวคงดีขึ้น กูให้มันกินยาแล้ว”

พูดจบก็หันไปมองไอ้กราฟ เห็นว่าคนที่นอนอยู่พยายามขดตัวเข้าหากันไอ้เกงยีนก็ถามเสียงนุ่ม

“มึงหนาวเหรอ”

ต่างกับตอนคุยกับกูลิบลับเลยนะมึง

“...”

ถึงไอ้กราฟจะไม่ตอบอะไร แต่ไอ้น้องเกงยีนก็ค่อยๆ มุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มที่ห่มไอ้กราฟอยู่ แล้วก็นอนกอดไอ้กราฟหน้าตาเฉย ต่อหน้าเพื่อนมันอีกสองคนที่ดูท่าจะไม่ได้ติดใจอะไร แล้วก็ต่อหน้าผมที่โคตรสงสัย

ความสัมพันธ์ของมึงกับไอ้กราฟเป็นยังไงกันแน่วะ กูงงเหี้ย!

ผมมองมัน แต่มันก็ไม่แคร์ ลืมแล้วด้วยซ้ำว่าผมเป็นคนมาส่งมันที่นี่ เพราะมันปิดเปลือกตาลงทั้งที่ยังใส่แว่นอยู่แบบนั้น แขนสองข้างก็กอดไอ้กราฟไว้แน่นเหมือนพยายามจะถ่ายทอดความอบอุ่นของตัวเองไปให้ ผมเลยหันไปหาไอ้เคกับไอ้กัสแทน แต่ไอ้สองตัวนั้นก็เอาแต่มองสองคนบนเตียง

โว้ย อะไรของแม่งวะ นี่กูกลายเป็นไข่จิ้งจกที่หล่นอยู่บนพื้นแล้วหรือไง พวกมึงถึงไม่เห็นหัวกูเนี่ย

ผมทำหน้าเซ็งๆ แล้วเดินออกจากห้องนอนไป ตั้งใจจะกลับห้องตัวเองเลย แต่ยังไม่ทันออกจากประตูก็ต้องชะงักขาไว้ แล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในครัว เปิดเช็คอุปกรณ์และวัตถุดิบที่มีอยู่ในครัว เห็นว่ามีพอก็ลงมือทำข้าวต้มให้พวกมันหม้อนึง

ถือว่ากูสงเคราะห์คนป่วยแล้วกัน

พอทำเสร็จเดินออกมาจากครัวผมก็เข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง กะจะบอกพวกมันไว้ก่อนว่าผมทำข้าวต้มไว้ให้ ถ้าไอ้กราฟตื่นมาก็อุ่นแล้วตักให้มันแดกซะ แต่ว่าพอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ จากที่เคยประหลาดใจตอนออกจากห้องมันถูกแทนที่ด้วยเรื่องที่ประหลาดใจและ... ตลกกว่า

ไอ้เคกับไอ้กัสขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย ช่วยกันกอดไอ้กราฟกันหมด เตียงก็ใหญ่อยู่หรอก แต่พวกมันสี่คนขึ้นไปกันหมดก็แทบจะล้นเตียง สูงน้อยเสียเมื่อไรพวกมึงน่ะ เฉลี่ยกันก็ร้อยแปดสิบไม่ขาดไม่เกิน

พวกมึงไม่กลัวติดไข้มันหรือไง

ผมมองพวกมันแล้วไม่รู้จะบอกว่าไงดี เป็นสภาพที่น่าสมเพช น่าชื่นชมกับความห่วงใย หรือว่าตลก มองไล่สายตาจากไอ้เคที่จะกอดไอ้กราฟแต่มีไอ้กัสขวางไว้ แล้วเลยมาถึงไอ้เกงยีนที่นอนอยู่อีกฟากนึง มันหลับไปทั้งที่ยังใส่แว่น ผมที่เคยปรกหน้าผากมันอยู่ตลอดถ้าผมไม่เอามือไปยี ลู่ไปตามด้านข้าง เผยให้เห็นหน้าขาวๆ ของมันมากขึ้น

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ไอ้เกงยีน มองหน้ามันอย่างอยากรู้อยากเห็นหน้าตาจริงๆ ของมัน แล้วยิ่งมันหลับอยู่อย่างนี้ผมก็มีโอกาสได้จัดการกับไอ้แว่นเฉิ่มๆ ที่ขัดลูกตาผมเสียเหลือเกิน จึงคิดว่าจะทำอย่างที่คิดไว้ในใจเสียเลย

มือของผมยื่นออกไปตามคำสั่ง ค่อยๆ ขยับไปอยู่ตรงสันแว่น กะว่าจะเกี่ยวออกมาช้าๆ ไม่ให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัว แต่ว่าพอทำเข้าจริงมันกลับไม่ง่าย ผมต้องใช้ความระมัดระวังมากเพื่อไม่ให้มันตื่น แต่ว่าโชคดันไม่เข้าข้าง เพราะผมเลื่อนแว่นออกมาได้นิดหน่อย เปลือกตาที่ปิดอยู่ก็กะพริบแล้วเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำมันยังถามผมทันควันแบบไม่ให้ทันได้เตรียมคำแก้ตัว

“พี่จะทำอะไร”













===================
ใครบอกว่าพี่ชมภูมีเหตุผล พี่ชมภูไม่มีเหตุผลนั่นแหละ ถูกต้องแล้ว
ก็ตรงกับมนุษย์เพศชายหลายๆ คน หรือแม้แต่ผู้หญิง ที่ไม่มีเหตุผลของการไม่ชอบหน้าใครบางคน

รู้สึกว่ากราฟยีนนี่มันแหม่งๆ ไงไม่รู้เนอะ ทำไมความสัมพันธ์มันดูประหลาดๆ
เคลมกับกัสก็ดูห่วงกราฟ แต่ก็ทำอะไรไม่เท่ายีนเลยเนอะ
เรื่องชักงงแล้ว ยังไงก็ติดตามกันต่อไปนเะคะ

คราวก่อนเอาน้องยีนมาฝากแล้ว คราวนี้เอาพี่ภูมาฝากบ้างค่ะ
หายากมาก หล่อไม่ถูกใจก็อย่าว่ากันนะคะ




Undel2Sky



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 28-11-2011 02:51:46
 :impress2: ได้หอมแก้มด้วย

พี่ภูจะทำอะไรน้องเกงยีน?

ค้างโคตร o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Dakzy ที่ 28-11-2011 03:41:31
ยีนจูบปากกับกราฟ กรี๊ดดดดดดดด ถึงจริงๆจะเป็นแค่การป้อนน้ำป้อนยาก็เถอะ แต่ทำไมล่ะ ก็ปากประกบปากอยู่ดี กรี๊ดดดดดดดดดดดด :pighaun:

เพื่อนแก๊งนี้รักกันแปลกๆดีเนอะ สุดยอดเลย ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายแก๊งอื่นจะทำแบบนี้กันมั้ยเนี่ย

เราเป็นพี่ภูก็คงงงไม่ต่างกัน

เกลียดขี้หน้าแบบไม่มีเหตุผลหรอ อืมมมม เรื่องปกติแหละค่ะเราว่า เพราะเราก็เป็น กร๊ากกกกกกกก :laugh:

แต่คอยดูจากไอคู่อริเหม็นขี้หน้ากัน มันจะได้กลายมาเป็นคู่รักกันก็คราวนี้แหละ เฝ้ารอต่อปายยย

รออ่านต่อนะค้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 28-11-2011 03:47:51



   เฮ้ย!! เจ้าสี่คนนั้นมานทำอารายก๊านนนน
   เพื่อนเค้ารักกันขนาดนั้นเลยเรอะ
   หรือเคยมีความหลังอะไรไม่ดีกับเรื่องแบบนี้รึเปล่าหว่า
   ยังแถมด้วยเรื่องที่ยีนโดนแบนจากพ่ออีกตะหาก
   มันเกิดอะไรขึ้น



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CofFee ที่ 28-11-2011 05:51:19
ขอให้กราฟหายไวๆแล้วมาเฉลยด้วย หนุ่งน้อยหน้าสวยคนนั้นเป็นใคร หนูยีนส์คาใจ "กราฟ กูอยากรู้" อ้อนได้อีกอ่าาา

แหมๆ พี่ภู แก้มหนูยีนส์นุ่มใช่ไหมล่าา  ติดใจเชียว ริมฝีปากแดงๆ ยั่วยวนยิ่งกว่าผู้หญิง อู้ววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-11-2011 07:19:39
มีปมให้ติดตามเยอะเลย

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 28-11-2011 08:32:59
รออ่านนะคะ :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 28-11-2011 09:06:43
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ แต่เชียร์ให้ยีนพลาดเร็ว ๆ แฮะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 28-11-2011 09:35:21
ยีนกราฟนี่ยังไง
 :pig4: รอค้าบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 28-11-2011 10:11:57
เกือบแล้ว เกือบจะได้เห็นหน้าแล้ววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 28-11-2011 10:40:03
ชื่นชมในความรักเพื่อนของสี่คนนี้  o13

ปล.ไอ้พี่ชมพู แม่งกวนตีนได้โล่ห์จริงๆ โดยเฉพาะประโยคนี้อ่ะ "ให้ผมไปป้อนยาไอ้เจ๋งแบบนั้น คงต้องขอคิดดูยาวๆ หน่อยล่ะ อาจจะใช้เวลาคิดทั้งชาติ"  :m20: ถ้าเราเป็นน้องเกงยีนก็คงอดตีนกระตุกไม่ได้เหมือนกัน หุหุ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 28-11-2011 21:11:36
เข้าใจยากส์......
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 28-11-2011 21:52:17
แสดงว่า เรื่องป่วยนี่มีปมมาจาก หนุ่มสวยคนนั้นมั้ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 29-11-2011 20:19:28
 :really2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-11-2011 21:04:42
เพื่อนแก็งค์นี้ แปลกๆเนาะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-11-2011 22:03:38
งง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 29-11-2011 23:47:17
โถ๊ะ!! ไอ้เราก็เดาพลาด นึกว่าพี่พูจะแอบมีใจให้น้องยีน
ทีไหนได้ แค่สันดานผช.เฉยๆ
แถมทำดีกับน้องเพราะเพื่อนท้าอีกแต่ถึงอย่างนั้น...
แก้มน้องยีนนิ่มจนติดใจเลยไหมพี่ นึกยังไงถึงกล้า
ถ้าคนมันไม่มีใจแม้จะอยู่ลึกๆก็เถอะ จะคืดแกล้งหอมกันไหม ><


กราฟป่วย ก็เข้าใจ เพื่อนป่วย
ยอมเป็นห่วง อันนี้ก็เข้าใจ
แต่ที่งงงวย คือน้องยีนป้อนยาเพื่อนสยิวมากลูก
ชักจะยังไงๆ อยู่นา กราฟยีน ยีนกราฟอะป่าวเนี่ย



โอ้ยยยย น่าสงสัยไปซะหมด แล้วเมื่อไร
พี่ชมพูจะจีบน้องเกงยีนซะที
พี่พูจะได้รู้ว่าปากแดงๆนั่นอร่อยแค่ไหน >//<  
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : แก้มนิ่มๆ กับปากแดงๆ (พี่ชมภู) [28/11/54]
เริ่มหัวข้อโดย: whipcream ที่ 30-11-2011 00:05:14
ลุ้น...เกือบจะได้เห็นหนังหน้าแย้ววววววววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 5 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 04-12-2011 23:20:08
ตอนที่ 5 : กูรักมึงมากนะ



















ลืมตาขึ้นมาก็เจอหน้าไอ้พี่ชมพูทันที ผมตกใจจนเกือบสะดุ้ง ดีว่ายั้งตัวไว้ทัน จมูกของมันแทบจะชนกับจมูกของผมอยู่แล้วด้วยซ้ำ ผมเก๊กหน้านิ่งไว้แล้วพูดเสียงเรียบๆ ไม่ให้มันรู้ว่าผมตกใจที่เห็นหน้ามันอยู่ใกล้ๆ

“พี่จะทำอะไร”

มันหน้าเหวอไปหน่อยที่ผมตื่นมาเจอมันทำท่าประหลาดๆ โดยที่มันไม่ทันตั้งตัว อาการตกใจของผมหมดไปเพราะสีหน้าแบบนี้ของมันเนี่ยแหละ

“กูเห็นมึงนอน ก็เลยจะถอดแว่นให้ เกิดมึงพลิกไปมาแล้วทับแว่นหักเดี๋ยวก็ได้แผลพอดี”

ไอ้รุ่นพี่มันอ้างซะดิบดี แสดงความเป็นห่วงเป็นใยจนน่าปลาบปลื้ม ทว่าจุดประสงค์ของมันคือต้องการถอดแว่นผมอยู่ดี แต่มีหรือว่าผมจะยอม ยิ่งมันอยากถอดแว่นของผมเท่าไร ผมก็จะยิ่งปิดบัง

ช่วยไม่ได้ มันอยากทำให้ผมหมั่นไส้มันทำไม

“ไม่ต้องหวังดีขนาดนั้นหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้ ขอบคุณพี่มากที่ห่วงใย”

ผมพูดเหน็บๆ ไปนิดหน่อย มันเลยทำตาขวางใส่

“กูจะเป็นรุ่นพี่ที่ดีของมึงแล้ว แล้วทำไมมึงไม่เลิกพูดยอกย้อนกูสักที”

“ผมยอกย้อนตรงไหน”

ตีเบลอใส่มันซะเลย เห็นมันทำท่าฮึดฮัดขึ้นมาเชียวล่ะ

หึ มึงจะเป็นยังไงก็เรื่องของมึง ก็กูเป็นแบบนี้แล้วจะทำไม นิสัยกู มึงไม่มีสิทธิ์มาเปลี่ยนแปลง

“ตรงที่มึงพูดอยู่นี่ไง”

“แล้วยังไงถึงจะเป็นการพูดดีสำหรับพี่เหรอครับพี่ชมพู ผมก็พูดไพเราะฟังเสนาะหูตลอด แทบไม่เคยใช้คำหยาบคายกับพี่ แล้วผมยังต้องแก้ไขตรงไหน”

“ตรงเจตนามึงไง แค่มึงอ้าปาก กูก็เห็นไปถึงหัวใจมึงแล้ว”

“ถ้าพี่เห็นไปถึงหัวใจ พี่คงรู้ว่าผมเป็นยังไง จริงไหมครับ”

ผมฉีกยิ้มให้มัน แต่เป็นรอยยิ้มที่สำหรับคนมองแล้วคงจะกวนตีนอยู่สักหน่อย เพราะมันทำหน้าไม่พอใจเท่าไรแล้วขยี้หัวผม

ตลอดแหละมึง หัวกูไม่ใช่ผ้าเช็ดตีนมึงนะเว้ย ไอ้หอก!

“เจ้าคารมนักนะมึง”

“ขอบคุณครับ”

ผมขอบคุณหน้าตาย เล่นเอามันแทบลมขึ้น แต่เหมือนว่ามันจะพยายามเก็บกดอารมณ์ไว้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทั้งที่ผมรู้ว่าจริงๆ แล้วมันคงอยากเตะผมให้กระเด็นออกนอกโลกเลยถ้าทำได้

“แล้วนี่ทำไมพวกมึงต้องขึ้นไปกอดไอ้กราฟกันเต็มเตียงด้วย เดี๋ยวมันก็หายใจไม่ออกพอดี ตลกฉิบหาย ผู้ชายตัวใหญ่ๆ สี่คนนอนกอดกันบนเตียงเดียว”

“แล้วมันเกี่ยวกับพี่ตรงไหนหรือครับที่พวกผมสี่คนจะนอนกอดกัน”

ผมเลิกคิ้วถาม จะว่ากวนก็กวน จะว่าไม่กวนก็ไม่กวน เพราะมันเป็นคำถามที่ผมไม่จำเป็นต้องตอบ มันเป็นสิทธิ์ของผมสี่คน และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ไอ้พี่ชมพูจะต้องรู้

“ก็ไม่ได้เกี่ยวกับกู”

“แล้วพี่จะอยากรู้ไปทำไมเหรอครับ จำเป็นตรงไหน”

มันกลั้นลมหายใจเข้าไปหนึ่งเฮือก มองก็รู้ว่ามันพยายามระงับสติไม่ให้กระเด้งกระดอนไปไกลจนเป็นผลให้ลุกขึ้นมากระทืบผมจนตับม้ามกระจาย

“ไม่จำเป็น แต่กูเห็นแล้วสงสัย พวกมึงเป็นเพื่อนกันแน่ใช่ไหม”

เปลี่ยนเป็นผมที่ต้องทำหน้างุนงง ไอ้พี่ชมพูถามแบบนี้ทำไม ก็น่าจะเห็นอยู่ว่าผมกับไอ้พวกที่เหลือเป็นเพื่อนกันชัดๆ ท่าทางจะประสาท

“แล้วพวกผมไม่เหมือนเพื่อนกันหรือไง”

“คนอื่นๆ อาจจะเหมือน แต่...” มันหยุดเสียงไปแป๊บนึงแล้วเหลือบตา มองผมอย่างกับจะพิจารณาอะไรบางอย่าง “มึงกับไอ้กราฟ ไม่แน่”

“ถ้าผมกับมันไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วจะเป็นอะไร”

“ก็กูกำลังถามมึงอยู่นี่ไง”

“งั้นผมก็ตอบพี่ได้คำเดียวว่าเพื่อน”

ผมตอบมันเต็มเสียงจนไอ้สองตัวที่นอนอยู่อีกฟากของไอ้กราฟครางเสียงอย่างรำคาญๆ แต่ก็หลับต่อ ไม่ได้ลุกขึ้นมาดูผมกับไอ้พี่ชมพูฉะฝีปากกัน

“มึงคิดว่าสิ่งที่มึงพูดน่าเชื่อหรือไง”

มันทำหน้าเนือยๆ ใส่ เหมือนไม่เชื่อผมเสียเต็มประดา

นั่นก็เรื่องของมึง มึงจะเชื่อไม่เชื่อก็ไม่เกี่ยวกับกับกู

“ผมไม่ได้บอกให้พี่เชื่อ ก็แค่ตอบคำถามที่พี่อยากรู้”

มันคงไม่จำเป็นหรอกมั้งครับที่ผมต้องไปโพทะนาบอกใครต่อใครว่าทำไมความสัมพันธ์ของผมกับไอ้กราฟหรือแม้แต่ไอ้กัสไอ้เคลมถึงได้เป็นอย่างทุกวันนี้

พวกเราก็แค่รักกัน และต้องการมีกันและกันครบทั้งสี่คนไม่ว่าเมื่อไร

ต้องไม่ขาดคนใดคนหนึ่งไป พวกเราหวังเพียงแค่นั้น

“เออๆ มึงนี่แม่ง”

มันทำหน้าไม่พอใจเท่าไร แถมยังพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ผมว่ามันคงระงับอารมณ์น่าดูเวลาที่ต้องคุยกับผม ไม่รู้ทำไมมันถึงได้อารมณ์ขึ้นง่ายนัก

“งั้นกูกลับล่ะ กูทำข้าวต้มไว้ มันตื่นมามึงก็อุ่นให้มันแดกแล้วกัน”

ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากนั้น มันเลยหมุนตัวกลับแล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่พูดอะไรอีก ไม่ได้ทวงบุญคุณหรือคำขอบคุณอะไรจากผม ทั้งที่นิสัยอย่างไอ้พี่ชมพูน่าจะทำแบบนั้น ผมเลยได้แต่คิดอยู่ในใจว่าจะพูดออกไปดีไหม แต่สุดท้ายแล้วปากที่เม้มเข้าหากันระหว่างที่มันเดินห่างออกไปจนเกือบจะเลยประตู ก็ง้างออกจนได้

“เอ่อ...”

ทั้งที่เสียงของผมไม่ได้ดังเท่าไร แต่มันกลับได้ยินแล้วหันกลับมามอง ผมจึงสูดลมหายใจ กล้าๆ ที่จะพูดคำที่ไม่คิดว่าจะพูด

“ขอบคุณ”

“...”

มันไม่ตอบ แต่ยักไหล่ให้อย่างมีเชิง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปจริงๆ แถมยังล็อกประตูให้เสียอีก เหมือนรู้ว่าผมอยากให้มันทำแบบนั้น แน่ล่ะ ถ้ามันไม่ล็อกเกิดโผล่พรวดเข้ามาตอนผมถอดแว่นออกก็จบกันพอดี ผมถือว่าเรื่องแว่นนี่เป็นเกมที่ผมต้องเอาชนะมันให้ได้ไปแล้ว

ในเมื่อพ้นจากสถานการณ์ไม่ปลอดภัยสำหรับ (แว่น) ตัวเองแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมจะได้กำจัดมันออกไปสักที ไม่ใช่ว่ามันไม่เกะกะ ผมรำคาญมันจะตาย แต่ก็ช่วยไม่ได้ หน้าตาหล่อๆ แบบผม ขืนเปิดเผยโฉมหน้าสู่สาธารณชนคงมีแต่หญิงวิ่งเข้าใส่จนวุ่นวาย ชีวิตเงียบสงบที่ผมพยายามทำให้สำเร็จคงจบลงพอดี ไหนจะคู่อริผมอีก

ถอดแว่นวางบนหัวเตียงแล้วผมก็หันไปดูอาการไอ้กราฟอีกครั้ง เอามือไปแตะบนหน้าผากของมันยังรู้สึกว่าร้อนๆ อยู่เลยมุดตัวลงไปในผ้าห่ม โอบแขนกอดมันเอาไว้พอประมาณไม่แน่นมากและไม่หลวมจนเกินไป ให้มันรับรู้ถึงความห่วงใยที่ผมส่งไปให้

กูรักมึงมากนะ กราฟ...

















เสียงปิดประตูดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เรียกสติที่งัวเงียของผมให้กลับมาอีกครั้ง ผมเปิดตาขึ้นรับแสงจากหน้าต่างที่ลอดเข้ามา พระอาทิตย์เกือบตกดินแล้ว

นี่ผมนอนนานขนาดนั้นเชียว

มึนๆ กับตัวเองได้ไม่เท่าไรก็หันไปมองคนข้างๆ ที่นอนกอดมาทั้งวัน ยื่นมือไปวัดไข้มันอีกครั้งแล้วก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาได้ ไข้สูงตอนนี้ลดลงไปค่อนข้างเยอะแล้ว ผมจึงหยิบผ้าขนหนูบนหัวเตียงที่เคยเปียกเพราะเหงื่อมันขึ้นมาซับอีกครั้งแล้วค่อยไปมองต้นตอของเสียงที่ปลุกให้ผมตื่น

“มึงเอามาซักผ้าหรือไงวะไอ้กัส”

เห็นชามใบใหญ่อย่างกับกะละมังที่ไอ้กัสถือมาแล้วก็อดถามมันไม่ได้ แม้จะเห็นว่ามีช้อนหลายคันวางอยู่ในนั้น

“กูขี้เกียจล้าง”

“มึงก็ให้ไอ้เคลมล้าง ไม่เห็นยาก”

“อะไร เกี่ยวอะไรกับกู”

เหมือนไอ้เหี้ยเคลมแม่งลืมตาโพลงขึ้นมาเลย ไอ้สัตว์ พูดถึงมึงขึ้นมาหน่อย หูกระดิกเชียวนะมึง

“แล้วนี่อะไร”

ไอ้เคลมถามต่อ แล้วก็พอทำให้ผมนึกได้รางๆ

“ข้าวต้ม”

“มึงทำ?”

“กูก็ว่าจะทำ แต่พอดีว่ามีคนเสกไว้ให้ว่ะ”

ไอ้กัสตอบกวนๆ แล้ววางชามข้าวต้มใบใหญ่ที่มันตักมาเผื่อให้กินสี่คนตามคอนเซปต์ขี้เกียจล้างของมันลงบนโต๊ะหัวเตียง

“ไอ้พี่ชมพูทำไว้ให้”

คนที่รู้ดีที่สุดว่าปัญหาที่พวกมันกำลังถกเถียงกันอยู่มาจากใครอย่างผมเป็นคนแฉความจริง พวกมันหันมามองผมเป็นตาเดียว

“พี่ภูทำให้เลยเหรอวะ”

“โอ้ววว เป็นบุญปากของกูจริงๆ”

ไอ้เคลมพร่ำเพ้ออย่างเว่อร์ๆ จนน่าถีบปาก ผมส่ายหัวใส่มันก่อนจะหันไปมองกราฟ มองมันไปสักพักแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“วันนี้วันที่เท่าไรวะ”

“วันนี้?”

“สิบหก ถามทำไมวะ”

ไอ้กัสไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ก็เหมือนว่ามันจะเก็ตๆ ขึ้นมาหน่อยหลังจากย้อนผมกลับมาแบบนั้น รวมทั้งไอ้เคลมด้วยที่เบิกตาโตขั้นโอเวอร์ตามประสาพวกปัญญาอ่อน

“สิบหกกรกฎา...”

พวกผมครางเสียงออกมาพร้อมกันแล้วก็ได้แต่มองหน้ากันสลับไปมา ความรู้สึกผิดค่อยๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ ในใจ ไม่ว่าจะเป็นผมหรือว่าอีกสองตัวที่เหลือ

“กูไม่น่าลืม ไม่น่าปล่อยให้มันอยู่คนเดียวเลย”

“กูก็ด้วย ลืมสนิท”

“กูก็เหมือนกัน”

แล้วปลายสายตาของพวกเราก็ไปหยุดที่ไอ้กราฟคนเดียว

“พวกมึงปลุกมันขึ้นมากินข้าวก่อนแล้วกัน มันจะได้กินยา เดี๋ยวกูไปโทรหาป๊าก่อน”

ไอ้กัสไอ้เคลมต่างพยักหน้าพอผมว่าอย่างนั้น ไม่ต้องอธิบายอะไรพวกมันก็เข้าใจได้ว่าผมจะทำอะไร ผมจึงสบายใจที่จะแยกตัวมาคนเดียว

ออกมาจากห้องนอนของไอ้กราฟแล้วผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาของห้องนั่งเล่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางมองมือถือที่ล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง เลื่อนนิ้วไปหาเบอร์โทรที่ผมไม่ค่อยได้โทรไปเท่าไร

ไม่ใช่ว่าผมกับป๊ามีเรื่องบาดหมางอะไรหรือว่าเข้ากันไม่ได้ เรายังรักกันดี เพียงแต่มีข้อตกลงร่วมกัน แล้วข้อตกลงนั้นดันไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไร



‘มรดกมากมายกับการเลิกทำตัวเสเพล แล้วป๊าจะคืนเลพเพิร์ดให้’

‘เลพเพิร์ดเป็นของยีน ม้าซื้อให้ยีน ป๊าไม่มีสิทธิ์มายึดไป’

‘แล้วยีนพูดได้หรือไงว่าอะไหล่ทุกตัวที่ยีนเอาไปแต่งเพิ่มไม่ใช่ของป๊า ถ้ายีนไม่ทำ ป๊าจะแยกชิ้นส่วนแล้วเอาไปทำลายให้หมด ยีนอยากให้เป็นแบบนั้นไหม’



ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้ในเมื่อเลพเพิร์ดเป็นรถที่ม้าซื้อให้ในวันเกิดก่อนม้าจะจากไปและไม่มีวันกลับมา

เป็นของล้ำค่าที่สุด... ของดูต่างหน้าม้า

[มีอะไรถึงโทรหาป๊าได้]

ประโยคแรกทักทายแบบนั้น แต่ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอและเตรียมใจอยู่มากถึงจะกล้าบอกเหตุผลได้

“ยีนจะค้างกับกราฟนะครับป๊า”

[ทำไมต้องค้าง ไหนยีนรับปากป๊าแล้วว่าจะไม่กลับดึก และจะเลิกเที่ยวสำมะเลเทเมาอีก]

“ยีนไม่ได้ทำแบบนั้น ยีนยังรักษาสัญญา ป๊าก็รู้ว่ายีนไม่ทำโง่ๆ แบบนั้น”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ นิดหน่อยเมื่อนึกถึงรถสีแดงคันโปรด และคิดว่าป๊าก็รู้เหมือนกันว่าผมกำลังรู้สึกแบบไหน เพราะป๊ารู้ดีว่าผมรักเลพเพิร์ดมากถึงได้เอามาขู่ให้ผมเปลี่ยนนิสัย

“แต่กราฟไม่สบาย ยีนอยากอยู่กับกราฟ แล้วเดี๋ยวอาทิตย์หน้ายีนจะสอบแล้ว ยีนจะอยู่อ่านหนังสือกับกราฟด้วย”

[เรื่องกราฟไม่สบาย ยีนอยากอยู่ด้วยป๊าไม่ว่า แต่เรื่องอ่านหนังสือ ยีนแน่ใจหรือว่าจะไม่ออกนอกลู่นอกทางเหมือนเมื่อก่อน]

เรื่องผมกับกราฟป๊าก็รู้ หรือบอกว่าป๊ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผมคงไม่แปลก เพราะเมื่อก่อนเวลามีอะไรผมก็มักจะเล่าให้ป๊ากับม้าฟังตลอด จะมีแค่ช่วงก่อนหน้านี้ที่ผมกับป๊ามีปากเสียงกันเรื่องไลฟ์สไตล์ของผมที่ดูจะไม่เป็นที่พอใจของป๊าเท่าไร ป๊าบอกผมว่าป๊าให้ผมได้ใช้ชีวิตตามสบายมามากพอแล้ว ตอนนี้เข้ามหา’ลัย ก็ควรเริ่มเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว เลิกทำตัวไร้สาระไปวันๆ สักที

แล้วก็นั่นแหละที่ผมไม่เห็นด้วย เพราะคำว่าผู้ใหญ่ของผมมันต้องเป็นช่วงหลังจากจบมหา’ลัยไปแล้ว ผมสมควรมีเวลาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่อีกสี่ปี

“ป๊าคิดว่ายีนโกหกป๊าได้เหรอ”

[ถ้ายีนแน่ใจ ป๊าจะยอมก็ได้ แล้วยีนจะค้างกี่วัน]

“ก็คงทั้งอาทิตย์แหละครับ”

[ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ]

“ขอบคุณครับป๊า”

ผมวางสายลงด้วยความสบายใจมากกว่าเดิมที่ป๊าไม่คัดค้านอย่างที่คิด ตอนแรกนึกว่าป๊าจะไม่ยอมเพราะผมยอมที่จะทำตามใจป๊าแล้ว แต่ป๊าก็ยังเป็นป๊า ยังฟังเหตุผลของผมบ้าง ไม่ใช่สักแต่ค้านอย่างเดียว

คุยกับป๊าเสร็จผมก็เดินกลับไปในห้องอีกครั้ง เห็นไอ้พวกเพื่อนของผมนั่งตักข้าวต้มเข้าปากสลับกันแล้วก็อดยิ้มเบาๆ ไม่ได้ มันเป็นภาพที่น่าดูมาก แล้วก็ดูน่าเอ็นดูแบบแปลกๆ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ที่เรามีกันสี่คน

“ว่าไงวะ ข้าวต้มอร่อยไหม”

ผมตรงเข้าไปหาพวกมันก่อนจะนั่งลงบนเตียงตรงจุดที่พวกมันเว้นไว้ให้

“อร่อย ฝีมือพี่ภูแม่งเจ๋งว่ะ”

ไอ้เคลมชมทั้งที่เคี้ยวแก้มตุ่ย ดูจะภาคภูมิใจกับรุ่นพี่ของมันมาก ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่ามันอร่อยอย่างคำว่าไหม เลยหันไปหาไอ้กราฟที่นั่งอยู่ข้างกัน

“กราฟ ป้อนยีนหน่อย”

ผมอ้าปากรอหลังจากบอกมันอย่างอ้อนๆ มันก็คลี่ยิ้มนิดๆ แม้ว่าจะดูฝืดกว่าทุกที แต่ก็ยอมตักข้าวขึ้นมาป้อนผมถึงปาก ผมก็เคี้ยวๆ หลังจากรับข้าวเข้าปากแล้ว เชื่อไอ้เคลมจริงๆ ว่าข้าวต้มฝีมือไอ้พี่ชมพูอร่อยจริง

“กราฟฟฟฟ ป้อนกูหน่อยครับ ป้อนกูหน่อย”

“ป้อนกูด้วย”

ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แต่ไอ้เคลมมันก็เอาด้วย หนำซ้ำยังไอ้กัสอีก เล่นเอาไอ้กราฟที่ยิ้มได้แค่นิดๆ ตอนนี้ยิ้มกว้างขึ้นแล้ว มันตักข้าวป้อนพวกผมทุกคนทั้งที่ปากมันยังยิ้ม

“กูรักพวกมึงจริงๆ”


















อาการของกราฟหายได้ไม่ยาก พอผ่านวันนั้นไปมันก็หายดี เพราะการป่วยของมันไม่ได้เกิดจากการเจ็บไข้ใดๆ แต่เป็นพิษทางใจที่มีมาแต่อดีตมากกว่า พวกผมต่างก็รู้ดีเพราะอยู่ในเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน โดนผลกระทบไปตามๆ กัน แต่คนที่เลวร้ายที่สุดก็คือไอ้กราฟเพื่อนรักที่สุดของผม

หลังจากไอ้กราฟหายเป็นปกติก็ถึงเวลาเข้าสู่วิบากกรรมของจริง เพราะว่าเป็นครั้งแรกของการสอบในรั้วมหาวิทยาลัยที่ใครต่อใครคงรู้ว่ามันไม่ง่ายเหมือนตอนมัธยม ผมกับกราฟอ่านหนังสือด้วยกัน แม้จะมีบ้างที่แวบมาเล่นเกมคลายเครียด ตอนนี้ก็เหมือนกัน

“ไอ้สัตว์ มึงอย่าโกง”

ผมยกตีนขึ้นถีบสีข้างมันเพราะว่ามันดันแกล้งขับรถมาเบียดจนผมตกลงไปข้างทาง เขามีแต่แข่งกันเข้าเส้นชัย แต่ไอ้ห่ากราฟดันเสือกไล่บี้ผมจนรถจะกลายเป็นปลาหมึกแผ่นอยู่แล้ว เชี่ยเอ๊ยยยย

“กูโกงตรงไหน”

“ก็ตรงที่มึงทำเชี่ยๆ อยู่นี่ไง ห่าเอ๊ย ออกไปเลยนะมึง”

ผมบังคับรถกระแทกมันกลับ แต่รถคันที่มันเลือกเสือกคันใหญ่กว่า ไอ้ห่า ไอ้สัตว์กราฟ! กูไม่อยากแพ้มึงนะเว้ย

เมื่อไม่เห็นลู่ทางว่าจะเอาชนะมันได้ ผมก็เปลี่ยนจากเกมในจอเป็นเกมในชีวิตจริงซะเลย ตัวทั้งตัวของผมกระโจนใส่คนข้างๆ ที่สูงกว่าห้าเซนต์ มันเลยหงายหลังแล้วโดนผมทับไปเต็มๆ แม้ผมจะได้ยินเสียงร้องโอดโอยของมัน ผมก็ยังไม่หยุด กระทั่งเสียงบุคคลที่สามดังขึ้นนั่นแหละผมถึงได้ชะงัก

“เล่นอะไรของพวกมึง แขกมา”

ผมเงยหน้าขึ้นมองแขกคนที่ไอ้กัสว่า แต่ยังไม่ทันได้เห็น ไอ้กราฟก็ผลักหัวผมจนหน้าผมจมลงไปบนอกของมัน และแม้ว่าผมจะพยายามยื้อตัวออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่ามันกดไว้แรงมาก

สัตว์! มึงจะฆาตกรรมกูหรือไง!

ผมร้องโวยในใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่สูดกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ จากตัวมัน หอมดีครับ เป็นกลิ่นที่ดมแล้วรู้สึกสบายๆ แล้วก็เป็นกลิ่นเดียวกับผมด้วย แต่ก็แน่ล่ะ เพราะว่าผมมาค้างกับมันแล้วก็ใช้ของทุกอย่างของมัน แม้แต่กางเกงในผมยังใช้ของมันเลย แต่ก็แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ เพราะอีกวันผมก็กลับไปเอาเสื้อผ้าของตัวเองมา

ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้กราฟจะกอดผมไว้ทำไม แต่พอไอ้กัสรู้งานหยิบแว่นจากบนโซฟาที่ผมถอดทิ้งไว้มาสวมให้ผมถึงได้เข้าใจเจตนาของมัน แล้วไอ้กราฟก็ยอมที่จะปล่อยผมออกมาให้สูดลมหายใจเข้าได้เต็มปอดอีกครั้ง

“หวัดดีครับพี่เจ๋ง พี่ภู”

ไอ้กราฟทักทายแขกที่บุกมาถึงที่ ผมก็หันไปมองรุ่นพี่สองคนด้วย เห็นพี่เจ๋งยิ้มให้ก็ยิ้มตอบกลับไป แต่ไอ้พี่ชมพูนี่มันยังไง มองผมด้วยแววตาที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร

“พอดีกูเจอพี่เขาอยู่ข้างล่างกำลังจะขึ้นมาพอดี เลยชวนมาด้วยกัน”

ไอ้กัสอธิบายสถานกาณ์ที่เกิดขึ้นให้กระจ่างพอประมาณ ส่วนไอ้เคลมก็รีบเจ๋อ

“พี่ภูบอกว่าพาพี่เจ๋งมาเยี่ยมอาการมึงอะไอ้กราฟ”

“พอดีว่าไอ้เจ๋งมันไปรับจ๊อบที่เชียงใหม่มา เพิ่งกลับ เลยได้มาวันนี้”

ไอ้พี่ชมพูอธิบายต่อ เหมือนกับอยากให้รู้ว่าพี่เจ๋งไม่ได้ละเลยหลานรหัสแต่อย่างใด

“แล้วพี่เจ๋งรับจ๊อบอะไร”

ไอ้เคลมถาม แต่คนที่ตอบกลับเป็นพี่ชมพูแทนพี่เจ๋งที่สมควรตอบ เสือกจริงๆ เลยมึง

“ไอ้เจ๋งรับจ๊อบเทศน์มหาชาติ”

“พ่อมึงสิ” พี่เจ๋งย้อนกลับได้อย่างสะใจจนผมเผลอยิ้มอยู่ในใจ “กูไปเป็นเอ็มซีงานเปิดตัวรีสอร์ทให้ญาติมา แต่มาเยี่ยมแล้วเจอว่ากราฟหายดีกูก็พอใจแล้ว”

“อาจจะหายเร็วกว่าที่มึงคิด”

คนที่มักจะกวนบาทาและหาเรื่องผมอยู่ตลอดมองหน้าไอ้กราฟ ก่อนจะเบือนหน้ามามองผมแทน แถมยังทำตาขวางๆ ใส่เหมือนไม่พอใจอะไรเสียอีก

อะไรของมึงอีก กูยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง แค่พูดกูยังไม่ได้พูดเลย แล้วมึงจะมาไม่พอใจกูเรื่องอะไรวะ ไอ้สัตว์

“ถ้างั้นพี่ก็ไม่จำเป็นต้องเยี่ยมแล้วสิครับ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ”

พอมันทำตาแบบนั้นใส่ผมไม่เลิก ผมเลยตอบกลับไปบ้าง ซึ่งมันก็รีบขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นหลังจากที่ยืนคุยกันอยู่พักหนึ่ง

“แต่กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ ไม่ต้องเยี่ยมไอ้กราฟก็ได้ แต่กูจะเปลี่ยนมาติวหนังสือให้รุ่นน้องของกูเอง พวกมึงจะสอบกันวันมะรืนแล้วนี่”

มันเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมแล้วย่อตัวลงจนความสูงเกือบเท่ากัน แต่ว่ามันก็ยังดูสูงกว่าอยู่ดี จากนั้นก็ยกแขนขึ้นพาดบ่าผมอย่างหน้าตาเฉย ไม่มีการขออนุญาตหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น

ทรามตลอดอะมึง

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่อยากรบกวน  ไม่อยากทำให้พี่ชมพูเสียเวลา”

“ไม่ต้องเกรงใจกูหรอก มาๆ ไอ้เจ๋งก็คงอยากช่วยหลานรหัสเหมือนกัน ใช่ไหมวะ ไอ้เจ๋ง”

“เออๆ”

พี่เจ๋งหันมาตอบแบบส่งๆ พลางมองผมกับไอ้พี่ชมพูอีกต่างหาก คงสงสัยแหละว่ากูกับไอ้รุ่นพี่ห่านี่ญาติดีกันตอนไหน ผิดกับผมที่ไม่แน่ใจว่าสรุปแล้วไอ้พี่ชมพูมันไว้ใจได้หรือเปล่า มันจะแกล้งทำดีแล้วกระโดดถีบกลางหลังไหม แค่คิดก็เสียววาบขึ้นมา เพราะว่าฝ่าตีนมันก็ไม่ใช่เล็กๆ ถีบทีคงกระอักเลือดประหนึ่งธาตุไฟแตกซ่าน

“งั้นมึงมานี่” ไอ้พี่ชมพูดึงมือผมเลยครับ ผมยังไม่ได้พูดหรือร้องห้าม มันก็ฉุดให้ผมลุกขึ้นตาม หนำซ้ำยังหันไปบอกเพื่อนผมอีกสองคนที่เหลือ “กูจะพามันไปติวสอบ ส่วนพวกมึงที่อยู่คณะอื่นก็ไปหารุ่นพี่คณะมึงได้แล้ว ไอ้เจ๋ง มึงก็ดูหลานรหัสมึง น้องใครน้องมัน”

“เต็มปากเลยนะมึงว่าน้องใครน้องมัน มึงถามยีนหรือยังว่าเต็มใจจะเป็นน้องมึงหรือเปล่า”

พี่เจ๋งย้อน แต่ไอ้พี่ชมพูกลับไม่สะทกสะท้าน มันยังยักไหล่ใส่อีกต่างหาก ท่าทางแม่งโคตรกวนส้นตีนเลย

“แยกกันอ่านจะได้มีสมาธิดีกว่าไง หรือมึงไม่คิดงั้น”

พี่ชมพูตอบโดยที่มือยังจับข้อมือของผมเอาไว้ ทำอย่างกับผมเป็นสมบัติส่วนตัวของมัน ไม่พอแค่นั้น จากที่ฉุดผมให้ลุกขึ้นนั่ง มันยังพาผมเข้าไปในห้องนอนของไอ้กราฟเสียอีก

มึงพากูมาติวหรือพามาทำเชี่ยไรวะ ทำไมต้องเข้าห้องนอน กูไม่เข้าใจ!

ผมทำหน้างงๆ ใส่มัน แต่เหมือนมันไม่ได้สนใจ จับผมนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะคอมของไอ้กราฟแล้วถามด้วยเสียงเรียบๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่มันเพิ่งลากผมมาเมื่อกี้

“วิชาแรกสอบอะไร”

“พีอาร์”

ผมตอบมันไปส่งๆ แต่ว่าการกระทำของมันไม่ส่งด้วย เพราะไอ้พี่ชมพูแม่งยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผม แล้วมันก็โน้มตัวลงมาด้านหน้า ดันผมให้ต้องเอนตัวตามมันเพื่อเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ แต่กดสวิตช์เปิดคอมแล้วแทนที่มันจะรั้งตัวกลับไป มันกลับไม่ทำแบบนั้น

“มึงใช้น้ำหอมอะไร”

รู้สึกงงๆ นิดหน่อยที่อยู่ๆ มันก็ถามแบบนี้ หนำซ้ำผมยังรู้สึกว่ามันเอาจมูกมาดมๆ แถวๆ ต้นคอผมเสียอีก

อย่าบอกนะว่าจริงๆ แล้วมึงเป็นแวมไพร์ แล้วกะจะดูดเลือดกูให้หมดตัวกลายเป็นศพแห้งเหี่ยว ไม่เอานะเว้ย ถึงจะตาย กูก็ขอศพหล่อ!

“ทำไม”

“ตัวมึงหอมดี”

มันว่าแล้วยังสูดกลิ่นไม่เลิก มันฟุดฟิดๆ อยู่ตรงซอกคอผมจนผมรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ เพราะมันดมที ลมร้อนๆ ก็เป่าตรงคอผมที มันดมหลายที ลมก็เป่าถี่ๆ จนอยากจะหดคอหนี แต่ไม่เอาหรอกครับ เสียฟอร์ม เรื่องอะไรคนอย่างไฮยีนจะทำ เรื่องที่ดูว่าแพ้ไอ้พี่ชมพูแบบนั้น

“ของไอ้กราฟ”

“กูขอดมหน่อยแล้วกัน กูชอบกลิ่นนี้ว่ะ”

เหมือนมันไม่ได้ฟังคำตอบผม เพราะพอพูดจบมันก็สวนขึ้นมาทันที

สัตว์ ประสาทเปล่าวะ มีที่ไหนแม่งมาขอดมเพราะชอบกลิ่น มึงเป็นหมาเหรอวะ แล้วนี่มึงจะดมจนจมูกหลุดออกมาแปะคอกูเลยไหม!

“ไปดมไอ้กราฟสิครับ กลิ่นมันหอมเหมือนกันนั่นแหละ เผลอๆ จะหอมกว่า”

ผมนึกไปถึงตอนที่ไอ้กราฟกอดผมไว้ กลิ่นมันหอมจริงๆ ก็พอทำให้ผมเข้าใจหรอกว่าทำไมไอ้พี่ชมพูถึงได้ชอบ เพราะผมเองก็ชอบเหมือนกัน ทีหลังซื้อแบบมันมาใช้มั่งดีกว่า

ไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อกี้ของผมเป็นการเตะปากหมาหรือเตะหมาในปากของไอ้พี่ชมพู มันถึงได้หยุดอาการแบบนั้นไปชั่วครู่ ผมไม่ได้หันไปมองมันแต่เห็นเงาสะท้อนเป็นรูปหน้ามันจากจอคอมที่กำลังบูทวินโดว์ขึ้นมาพอดี

แม่งทำหน้าอย่างเหี้ย ถมึงฉิบหาย

มึงจะไปฆ่าใครตายเหรอวะ สาดดดด

















==============
หายไปหลายวันเลย รู้สึกช่วงนี้เหนื่อยๆ เพลียๆ ง่วงตลอดเลย
เดี๋ยวก็มีปวดหัวบ้างจนน่ารำคาญ เลยมาต่อให้ช้าหน่อย
แต่งไปหลับไปอีกต่างหาก แล้วยังรู้สึกหัวไม่แล่นด้วย
หวังว่าคนที่ตามอ่านอยู่จะยังไม่หายไปไหนนะคะ

เหตุผลของยีนคงเคลียร์แล้วเนอะ แต่ก็มีเรื่องของกราฟเข้ามาแทน
เหมือนว่ากราฟจะกลายเป็นตัวเอกแทนแล้วนะเนี่ย ^^


Undel2Sky

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 04-12-2011 23:34:53
อ่านรวดเดียวเลยยย  :z2:
แอบชอบยีน-กราฟเล็กๆ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-12-2011 23:49:24
อืม ยังคาใจเรื่องกราฟกับยีน
ยีนคิดอะไรกับกราฟเกินเพื่อนป่าวนี่ หรือว่า รักแบบเพื่อนจริงๆแต่อาจจะมากกว่าคนอื่นๆ
เห้อ ปวดหัว ว่าแต่อิพี่ภูหึงน้องยีนใช่ป่าว อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-12-2011 23:50:42
พี่ภูหึงโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า  ถ้าอิพี่ภูมัวแต่ซึนนะจะเชียร์กราฟแล้วนะ

อยากรู้เหตุผลที่ทำให้กราฟเป็นแบบนี้

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 05-12-2011 00:21:52
สนุกมากๆ ชอบนิสัยของยีน กวนดี  :laugh:
แล้วเมื่อไรยีนจะกลับมาหล่อ (หรือหน้าหวาน) ได้ซะทีอ่ะ
อยากเห็นตอนยีนถอดรูปเงาะจริงๆ ทุกคนคงตะลึง
พี่ชมพูก็แอบหึงโดยไม่รู้ตัวนะนั้น ชอบเขาแล้วหล่ะซิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-12-2011 01:10:13
พี่ชมพูนี่ หน้ามึนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ซึนฯตัวพ่อชัดๆ เริ่มหลอกกระทั่งตัวเอง

ขอให้กินแห้วให้อร่อยด้วยเทิ้ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Dakzy ที่ 05-12-2011 01:54:24
กรี๊ดดดดดดดด มาต่อแล้วววววว ยังตามอยู่ค่า

เราว่าบางทียีนก็ดูแข็งกับชมภูไปหน่อยนะคะ ถึงพี่แกจะกวนจริงๆก็เถอะ แต่ก็แอบสงสารที่อุตส่าห์ทำดีด้วยแต่ดันโดนกวนกลับใส่ซะนี่

เรื่องนี้มีปมที่อยากให้ไขเร็วๆมากค่า เกิดเรื่องอะร้ายยยยย เพราะอะไร ทำไม ยังไง อยากรู้ววววววววววว

จะว่าไปชมภูแอบหึงป่ะเนี่ย หรือว่าไง?

ชอบตอนกราฟกอดยีน กรี๊ดดดดดดดด จิ้นๆๆๆๆ
รออ่านต่อนะค้า รักษาสุขภาพด้วยค่า อย่าฝืนมากนะคะ ยังไงก็รอได้ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 05-12-2011 04:08:04
เห็นด้วยกับข้างบน ยีนดูอคติกับพี่ภูมาก  :เฮ้อ:

อะไรๆ ก็กราฟ สงสารพี่ภู  o1
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 05-12-2011 08:34:34
ชอบยีนกราฟแฮะ
พี่ภูหึง?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-12-2011 09:52:57
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 05-12-2011 10:30:53
เมื่อไหร่จะยอมถอดแว่นคะน้องเกงยีน :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 05-12-2011 13:13:24
โว๊ะ!!!! กราฟยีนนนนนนนนน
แต่เขาว่า ยีนกราฟซะมากกว่านะ
น้องยีนดูแข็งกว่าน้องกราฟอีก
แต่ๆ น้องกราฟก็ดูอบอุ่นนะ เอ๊ะจะยังไงดี



ปมน้องกราฟ อยากรู้เร็วๆอ่ะ
น้องต้องศูนย์เสียสิ่งสำคัญหรือคนสำคัญ
หรือโดนทำร้ายจนฝังใจกันนะ
เมื่อไรจะเฉลยล๊านักเขียน



พี่พู...พี่พูเริ่มหวงน้องโดยไม่รู้ตัว
ยอมรับมาซะเถอะ จะได้จีบน้องเร็วๆ
อยากเห็นน้องยีนอ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลน  :z1:



พี่พูนี่รู้สึกจะติดรสสัมผัสนะ
ปากน้อง กลิ่นน้อง
พี่พูไม่ยับยั้งที่จะพิสูจน์สิ่งเหล่านี้เลย
อ่อยๆ จีบกันซะทีสิโว้ยยยยยย  :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 05-12-2011 21:54:51
พี่พูชักเยอะ...อาการน่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: arun do d ที่ 05-12-2011 22:59:45
พี่ภูเริ่มออกอาการละ หึงน้องยีนอะดิ  :laugh:
ขอร้องพี่ภูอย่าเยอะ (ท่าเยอะนักนะ) เดี๋ยวเชียร์กราฟซะเลย
ว่าแต่สงสัย กราฟเป็นอะไร ยังไง เกิดไรขึ้นกับกราฟเหรอ อยากรู้ๆ  :impress: 
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CofFee ที่ 06-12-2011 01:28:15
อ๊ายยยยย ไม่เคลียร์หลายอย่างนะเนี่ยย  ทั้งเรื่องที่ยีนส์บอกรักกราฟมาก ทำไมถึงรักอะ รักแบบไหนแบบเพื่อนหรือแฟนอะ ไม่เคลียร์ๆ

เรื่องพี่ภูอีก มาดมกลิ่นยีนแล้วพอพูดถึงกราฟทำไมต้องโมโห หึงหรอ หรือว่าอะไร อยากรู้สงสัยต้องติดตามต่อไป ขอบคุณฮ๊าาาาา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 06-12-2011 11:51:02
พี่ชมพู เยอะอ่ะ ทั้งซึน ทั้งกวน ทั้งเอาแต่ใจ
อยากเห็นตอนยีนถอดลุคเนิร์ดเว้ยยยยยยยยย
อิพี่ภู ตายแน่ๆ
ว่าแต่ยีน คิดไรกับกราฟป่ะเนี่ย
แล้วหนุ่มหน้าสวยนั้นครายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 06-12-2011 21:24:45
โอ๊ะ!! พระ เอก รู้ สึก ชอบ นาย เอก แต่ ยัง ไม่ รู้ ตัว เอง รึ เปล่า น่ะ


แล้ว ทำ ไม วัน ที่ 16 ต้อง ไม่ สบาย หนิ




รอ อ่าน ตอน ต่อ ไป จ้าาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 07-12-2011 04:06:59



   ท่าทางโคโลนกลิ่นนั้นยี่ห้อนั้นคงดีจริง
   ติดใจกันเป็นแถบๆ
   แล้วคู่อาฆาตยีน-ภูนี่จะซึนอีกนานไหมอ่า
   เมื่อไหร่จะได้เป็นคู่รักซะที
   แต่จริงๆกัดกันอย่างนี้ก็น่ารักน่าสนุกดีนะ
   หุหุ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-12-2011 15:17:19
สนุกดีจ๊า
มาต่ออีกน๊า :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 6 : กูรักมึงมากนะ [04/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 07-12-2011 22:03:12
ThankS
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 6 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 08-12-2011 02:27:43
ตอนที่ 6 : ฟัดกันนัวเนีย




















มันทำอย่างว่าจริงๆ ครับ บอกว่าจะติวให้ก็มาติวให้จริง แม่งมาทุกวันทำอย่างกับมันไม่มีสอบ วันนี้ก็เหมือนกัน มันมารอที่หน้าห้องสอบเลย

มึงจะทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีเกินไปละนะไอ้พี่ชมพู มึงไม่คิดบ้างหรือไงว่ากูจะเบื่อหน้ามึงเนี่ย

แต่มันยังไม่เท่าไรหรอกครับกับวันที่ผ่านมา เพราะว่ายังมีไอ้กราฟอยู่ บางวันพี่เจ๋งก็มาหามันที่ห้อง มาช่วยติวบ้าง แต่ดูก็ไม่ได้ว่างเหมือนไอ้พี่ชมพูที่มาทุกวัน เห็นหน้ามันแล้วก็เซ็ง แม่งจะขยันไปไหนไม่รู้ จะอู้ก็โดนมันลากขึ้นมาอ่านต่อ

กูไม่ใช่เครื่องปั่นไฟ มึงให้กูพักมั่งก็ได้ ไม่ต้องหวังดีกะกูขนาดนั้น สัตว์

“ไอ้ยีน วันนี้กูกลับดึกนะเว้ย มึงกลับไปก่อนเลย”

“อ้าว ไรวะ แล้วทำไมมึงไม่กลับพร้อมกัน”

ทำหน้าเบื่อโลกขึ้นมาทันทีเลยครับ ผมน่ะ ก็ดูไอ้พี่ชมพูแม่งยืนห่างออกไปไม่ถึงห้าเมตร แต่ไอ้กราฟมันเสือกบอกผมแบบนี้

“กูก็มีธุระของกูบ้าง”

“ไรวะ ธุระอะไรของมึง บอกกูมา ไม่งั้นกูไม่ให้ไป”

ไม่พูดอย่างเดียว ผมตรงเข้าไปหามันที่ยืนอยู่ห่างแค่สองก้าว กะว่าถ้าเหตุผลของมันไม่ผ่านจะลากแม่งกลับไปพร้อมกันนั่นแหละ

ก็กูไม่อยากอยู่กะไอ้เหี้ยพี่ชมพูนี่หว่า น่าเบื่อจะตาย! เผลอๆ จะอัดกันตายด้วย ถึงกูจะพยายามเนิร์ด แต่ถ้าไม่ไหวกูก็ไม่ทนนะเว้ย

ผมจ้องหน้าไอ้กราฟเขม็ง มันก็ทำหน้าป่วยๆ ไม่ยอมตอบ จนผมต้องคะยั้นคะยอมันอีก แต่มันก็ไม่พูดออกมาอยู่ดี แม่ง อะไรวะ

“มึงกล้าปิดกูเหรอ” ผมเริ่มฉุนขึ้นมา ก็อย่างที่บอกว่ามันไม่เคยปิดบังอะไรผม แต่คราวนี้แม่งเสือกไม่บอก จะให้ผมทนเฉยได้ยังไง “มึงจะบอกไม่บอก”

“ยีน กู...”

“ชักช้าอยู่ได้ ไม่เห็นว่ากูยืนรออยู่หรือไง”

แทนที่จะได้ฟังคำตอบของไอ้กราฟ มารผจญดันทะลุกลางปล้อง หรือเรียกง่ายๆ ว่าเสือกนั่นแหละครับ เท่านั้นไม่พอ มันยังเอาแขนมันมาล็อกคอผมไว้อีก ยุ่งกะกูจริงๆ

ผมแกะแขนมันออก แต่ว่ามันก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เบื่อแม่งตรงที่มันแรงเยอะกว่าผมนั่นแหละ เซ็งเหี้ย แถมไอ้เชี่ยกราฟยังได้ที

“ผมฝากพี่เอามันกลับไปด้วยแล้วกัน คืนนี้ผมจะกลับดึกหน่อย”

“แล้วมึงไม่อ่านหนังสือหรือไง”

ไอ้พี่ชมพูหันไปคุยกะไอ้กราฟ แต่ก็ยังไม่ลดแรงที่ล็อกคอผมไว้

มึงจะทำอะไรก็ทำสักอย่างสิวะ จะคุยกับไอ้กราฟมึงก็ปล่อยกู!

“อ่านดิพี่ แต่พอดีมีนัดนิดหน่อย คงไปอ่านที่นู่น”

สัตว์ ทีกูถามมึงไม่พูด แต่ตอบไอ้เหี้ยนี่ ได้ยังไงวะ มึงยังเป็นเพื่อนกูหรือเปล่า

ผมมองมันตาเขียว ไม่พอใจโคตรๆ ถ้ามึงตอบคนอื่นกูจะไม่อะไรเท่าไร แต่คนที่มึงตอบเนี่ย คนที่มันคอยหาเรื่องกูชัดๆ แม่งหยามกูฉิบหายเลยเงี้ย

คิดแล้วก็ไม่พอใจมัน ผมเลยยกขาขึ้นเตะอัดขาแม่งเลย แถมยังเชิดหน้าใส่มันด้วยตอนที่มันร้องแล้วหันมาถลึงตาใส่ผม

ก็ทำไม กูพอใจจะทำ

“งั้นผมไปแล้วนะพี่ ฝากไอ้ยีนด้วย”

มันไม่สู้ แต่ล่ำลาแล้วเดินแยกออกไปเลย ไอ้พี่ชมพูก็หันมายิ้มกับผม แล้วเอามือมาขยี้หัวผมให้ยุ่งๆ หน่อยด้วย

แม่งยุ่งกะหัวกูตลอด แล้วยิ้มหาหอกอะไร

“ไปได้แล้ว เดี๋ยววันนี้ต้องไปซื้อของอีก”

“ซื้อทำไมล่ะครับ”

ผมถามอย่างสุภาพเหมือนหน้าตาที่พยายามรักษาอิมเมจเอาไว้ ทั้งที่ใจจริงก็ไม่ได้อยากพูดเท่าไร

“ข้าวเย็นไง หรือว่ามึงไม่แดก”

“แด.. เอ๊ย กินครับ”

ตอบมันทั้งที่โดนมันลากให้เดินไปด้วยกันแบบนั้นแหละครับ ถึงตอนนี้มันจะไม่ค่อยได้หาเรื่องผมเท่าไร แล้วก็ไม่ค่อยทำอะไรรุนแรงกับผมเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันบอกว่าจะเป็นรุ่นพี่ที่ดี แต่ผมก็ยังปรับความรู้สึกที่มีต่อมันให้เป็นศูนย์ไม่ได้

ตอนนี้มึงติดลบไปก่อนแล้วกัน ถ้ากูอารมณ์ดีจะบวกเพิ่มให้อีกนิดนึง



















ตามปกติแล้วพวกคนทั่วไปจะจับจ่ายซื้อของทีก็คงไม่พ้นตลาดสด แต่พอดีพวกผมเป็นพวกมีอันจะกินก็เลยมาเลือกที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแทน แอร์เย็นฉ่ำไม่ต้องไปดมกลิ่นเหม็นๆ ในตลาดให้กลิ่นคาวมันติดเสื้อผ้าแล้วก็ตัวเหม็นด้วย ดีหลายเด้งเลย

จริงๆ วันที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ว่าไอ้พี่ชมพูไม่ได้อยู่ถึงตอนกินข้าวหรอก มันจะอยู่ที่คอนโดไอ้กราฟจนถึงสี่ทุ่มกว่า เคี่ยวเข็ญกับการอ่านหนังสือของผม หรืออันที่จริงควรจะเรียกว่าแม่งจะให้กูแดกหนังสือเข้าไปอยู่แล้ว เอาความรู้นั่นนี่มายัดลงหัว เปิดเว็บทั้งข่าวบันเทิง ข่าวการเมือง ข่าวต่างประเทศ ข่าวพระราชสำนักให้ผมดู ทุกสิ่งอันเท่าที่มันจะทำได้ แต่ยังดีที่อันที่มันพยายามถมลงในรอยหยักสมองของผมดันออกสอบด้วย ไม่อย่างนั้นผมจะยอมหลุดมาดเนิร์ดมากระทืบมันให้ม้ามจมดินเลย

“มึงจะกินอะไร”

เลือกรถเข็นมาได้แล้วมันก็หันมาถามผม ผมก็มองหน้ามันแบบไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร อย่างมันเนี่ยนะจะยอมให้ผมออกความคิดเห็น ยากว่ะ แต่เพราะว่ามันไม่ยอมหลบตาหรือเบนหน้าไปทางอื่น แถมยังจ้องกลับมานั่นแหละผมจึงได้ยอมตอบ

“ต้มยำ”

ไม่ได้กินนานแล้วเมนูนี้ ความจริงก็คิดถึงฝีมือของม้าเหมือนกัน เพราะต้มยำกุ้งฝีมือม้าอร่อยเหาะ ไม่รู้ว่าเพราะแบบนั้นหรือเปล่าผมถึงได้รู้สึกว่ากินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่า พานให้เลิกอยากกินไปโดยปริยาย แต่วันนี้นึกอยากครับ

“งั้นกูทำผัดผักแล้วกัน”

สาดดดดดดด!! แล้วมึงถามกูทำหอกมึงเหรอ

คิ้วกับหมัดของผมกระตุกเลยครับ แม่ง ผมเดินนำมันไปเลย เดี๋ยวมองหน้ามันแล้วจะห้ามตัวเองไม่ได้ เผลอลืมตัวไปต่อยหน้ามันคงได้เป็นเรื่อง เอาไว้หมดความอดทนกว่านี้ก่อนก็ยังไม่สาย

มึงก็แดกผัดผักของมึง กูก็แดกต้มยำของกู ใช่ว่ากูจะทำอาหารไม่เป็น

ไอ้พี่ชมพูเข็นรถตามผมมา ได้ยินเสียงน่ะครับ แต่แป๊บเดียวแม่งก็เข็นนำไปเฉยเลย ผมเห็นมันทำหน้ายิ้มๆ ด้วย พอใจที่กวนตีนกูได้ล่ะสิ มึงน่ะ

มันเดินไปหยุดอยู่ตรงที่ขายผัก มีผักหลายอย่างเรียงรายให้เลือก แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้หยิบอะไรขึ้นมา ผมก็ไม่สนใจแม่งหรอก เพราะว่าผมมาดูพวกที่อยู่ข้างๆ มันแทน ก็เป็นของจำพวกเห็ดแหละครับ มีหลายอย่างดีคงเพราะเป็นซูเปอร์ใหญ่ด้วยมั้ง แต่ว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้หยิบเห็ดที่หมายตาไว้ขึ้นมา เสียงของไอ้ตัวมารก็มาดังอยู่ข้างๆ ใกล้กว่าระยะห่างที่ผมเห็นทีแรก

“เห็ดนางฟ้ากับเห็ดฟาง เอาเห็ดอะไร”

ผมหันไปมองหน้ามันนิดนึง แต่มันก็ทำหน้าเฉยๆ แถมยังทำเหมือนจะรอคำตอบจากผมด้วย ผมก็เลยตอบส่งๆ ไป

“นางฟ้า”

“งั้นกูเอาเห็ดฟาง”

มันตอบแบบนั้นแต่แม่งหยิบเห็ดที่เป็นกลีบๆ ขึ้นมาใส่รถเข็น

บ้านมึงเห็ดฟางหน้าตาเป็นงี้เหรอ

พอเอาเห็ดใส่รถเข็นเสร็จมันก็ไปเลือกพวกข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วก็พริกขี้หนูมา ผมเหลือบมองมันบ้าง ก็เห็นว่ามันมองผมกลับอยู่เหมือนกัน แต่ว่ามันก็ทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังเลือกของตามความพอใจของมันอยู่

ผัดผักบ้านมึงใช้ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู?

“กุ้ง หมู หรือไก่”

เดินๆ มาอีกหน่อยมันก็ถามผมอีก

“กุ้ง”

คราวนี้ผมรู้แล้วล่ะว่ามันกวนตีน บอกจะทำผัดผักแต่แม่งเลือกวัตถุดิบซะผัดผักมาก ผมเลยตอบมันกลับไปแบบที่ผมอยากกิน

“งั้นกูซื้อหมูดีกว่า”

มันทำเสียงเริงร่าซะน่าถีบ แต่มือมันก็หยิบกุ้งขึ้นมาดู

บ้านมึงเรียกไอ้ตัวเล็กๆ มีขาเยอะๆ มีขี้อยู่บนหลังว่าหมูเหรอ

ผมกระตุกยิ้มหน่อยๆ ทั้งที่หว่างคิ้วยังย่นเข้าหากัน ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกับมันตอนนี้ดี แม่งกวนตีน แต่ก็ตลก

“น้ำข้นหรือน้ำใส”

เลือกกุ้งเสร็จได้มากิโลกว่าๆ มันก็ถามอีก แต่คราวนี้ผมไม่ตอบตามที่ผมอยากกินแล้ว ตอบตรงข้ามกันไป อยากรู้ว่ามันจะเอายังไง

“น้ำใส”

“งั้นไปซื้อนม”

ว่าแล้วมันก็เข็นรถเข็นแล้วเดินนำไปเลย ปล่อยให้ผมยืนงงไปครู่นึง

ทำไมคราวนี้มันดันไปเลือกอย่างที่ผมอยากกินแต่ไม่ได้พูดออกมาล่ะวะ จะบอกว่ามันรู้ก็ไม่น่าใช่ เพราะผมไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปเลย

“พี่จะทำน้ำข้นจริงเหรอครับ เมื่อกี้ผมบอกเอาน้ำใสนี่”

“ก็กูอยากกินน้ำข้น”

มันตอบมาแค่นั้นแล้วหยิบนมหวานมากล่องนึง ไม่ได้ใช้นมพร่องมันเนยเหมือนที่ร้านอาหารทั่วไปใช้กัน แต่มันดันถูกใจผมซะได้ เพราะม้าก็ใช้นมหวานแทนเหมือนกัน คิดแล้วก็ชักอยากกินขึ้นมาแล้วสิ หวังว่ามันคงจะทำอะไรอร่อยอยู่หรอกนะ

อย่ามาทำให้จินตนาการของกูพังล่ะ



















นั่งรถมันมาถึงหอไอ้กราฟ ลงมาจากรถ แทนที่ไอ้คนซื้อของรวมทั้งจ่ายเงินจะเป็นคนแบกถุงพะรุงพะรัง แต่มันดันเสือกบอกว่า ‘กูซื้อแล้ว กูจ่ายเงินแล้ว แล้วเดี๋ยวกูก็จะเป็นคนทำด้วย งั้นมึงก็เป็นคนถือซะนะ’ พร้อมทั้งโยนถุงข้าวของทั้งหมดใส่ผมแล้วเดินตัวปลิวไปที่ลิฟต์

เอาเปรียบกูชัดๆ! ไหนว่ามึงจะเป็นพี่ที่ดี

ผมได้แต่ทำหน้ามุ่ยแบกของเดินตามมันไป อย่างกับคนใช้ก็ไม่ปาน

มึงนี่มันคุณชายมากกกก มีผู้ติดตามขนของให้เท่ฉิบหายยยย

อาฆาตมันจนไปถึงประตูห้องไอ้กราฟนั่นแหละ แต่ว่าดันเจอปัญหาเสียก่อน

“คีย์การ์ดล่ะ”

“อยู่ในกระเป๋าตังค์”

ผมตอบมันแบบนั้น มันเลยมองสำรวจตัวผมซะทั่ว นี่ถ้ามึงใช้สายตาแบบโรคจิตเพิ่มมาด้วย คงได้มีคนที่เดินผ่านมาโทรแจ้งตำรวจมาจับก็งานนี้แหละ แม่งจะมองอะไรขนาดนั้นวะ

“แล้วเป๋าตังค์มึงอยู่ไหน”

“ในกระเป๋ากางเกงสิครับ”

มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม ผมเลยกะว่าจะส่งถุงให้มันจะได้หยิบคีย์การ์ดออกมาเปิดห้องซะ แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิดหรอก ไอ้พี่ชมพูแม่งเสือกตบป้าบเข้าที่ตูดผม ไอ้เหี้ยยยย!

จริงๆ มันก็ไม่ได้แรงขนาดนั้นหรอก แต่เพราะไม่ได้ตั้งตัว ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำเหี้ยๆ แบบนี้ เลยตกใจถึงขนาดตัวกระเด้ง ขายหน้าฉิบหาย เพราะมันเอาแต่หัวเราะผมจนแทบลงไปกลิ้งกับพื้นอยู่แล้ว ผมถลึงตาใส่มันไป แต่ว่ามันดันไม่หยุดหัวเราะแถมยังหัวเราะหนักกว่าเก่าอีก

กูมีอะไรให้หัวเราะมากหรือไง ไอ้ห่าาาา!

“กระเป๋าหลังไม่อยู่ว่ะ สงสัยอยู่กระเป๋าหน้า”

มันว่าอย่างนั้นแล้วก็ทำท่าจะล้วงมือเข้ามาในกระเป๋ากางเกงผมอีก ผมก็ถอยกรูดหนีมัน ไม่ไว้ใจแม่งละ สัตว์ ทำกูสะดุ้งไปทีมึงฮาไปถึงโลกหน้าขนาดนี้ ถ้ามึงมาล้วงกระเป๋าหน้ากู มึงไม่หาทางให้กูกระโดดตึกตายหรือไง

“ไม่ต้องพี่ ไม่ต้อง เดี๋ยวเกงยีนหยิบเองครับ ไม่ต้องลำบากพี่ชมพูหรอก”

รีบละล่ำละลักบอกมันเลย แถมยังโยนของทั้งหมดให้มันถือเสียอีก แล้วพอมือสองข้างเป็นอิสระ ผมก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกจากกางเกงทันที ได้ยินไอ้เหี้ยพี่ชมพูหัวเราะในลำคอด้วย

“กลัวกูหยิบผิดไปหยิบอะไรของมึงหรือไง”

เกือบปรี๊ดครับ เกือบปรี๊ด ผมหันขวับไปจ้องหน้ามันเลย ซึ่งมันก็จ้องกลับมาเหมือนกัน จ้องแบบไม่สะทกสะท้านด้วย

เออ กูรู้ว่ามึงด้านแล้วก็ปากหมาด้วย กูจะทนก็ได้ แม่ง



















ได้ทำอาหารค่ำก่อนที่จะเริ่มติวกันครับ ท่าทางการเข้าครัวของมันก็โอเค ดี ทะมัดทะแมงใช้ได้ นึกว่าแม่งจะอวดแต่ทำไม่ได้เสียอีก ส่วนผมก็ช่วยมันทำอยู่นิดหน่อยนั่นแหละ ก็ใช่ว่าจะทำไม่เป็นนี่ครับ อีกอย่างไม่อยากไว้ใจมันมาก เกิดกินแล้วท้องเสียขึ้นมาซวยพอดี พรุ่งนี้มีสอบอีก ดีว่าม้าเคยสอนว่าถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ต้องหัดทำอาหารไว้บ้าง จะได้ไม่ลำบาก ไม่อยากนั้นผมต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับอาหารของไอ้พี่ชมพูแน่ๆ

วันนี้เป็นวันที่มันได้สำแดงเดชครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ซื้อเข้ามากินไม่ก็สั่งพิซซ่า เคเอฟซีตลอด ไม่รู้นึกยังไงของมัน แต่ได้กินแบบนี้ก็ดี อาหารซื้อมามันจะดีเท่าทำเองได้ไงล่ะครับ แต่ผมก็ยังสองใจอยู่นะว่าระหว่างอาหารฝีมือมันกับอาหารถุงอันไหนจะปลอดภัยกว่ากัน

พี่ชมพูจัดโต๊ะเสร็จสรรพ หนำซ้ำยังมีการไล่ให้ผมไปอาบน้ำ ผมจึงจำต้องเออออทำตามมันไป ไม่ได้เชื่องหรือว่าอะไร แต่เดี๋ยวแม่งก็หาเรื่องอีก รำคาญ เลยตัดปัญหาไปซะ แล้วอีกอย่างกะไว้ว่ากินเสร็จ อ่านหนังสือ แล้วก็นอนเลย จะได้ไม่ขี้เกียจอาบทีหลัง

พออาบเสร็จก็มานั่งที่โต๊ะกินข้าว ไอ้พี่ชมพูเตรียมทุกอย่างไว้ครบหมดแล้ว ข้าวนี่ผมหุงเอง กำลังร้อนๆ เพิ่งถูกตักมาวางบนจาน ตรงกลางก็มีต้มยำกุ้งชามใหญ่ สีโคตรน่ากินเลยเหอะ แต่กินได้จริงเปล่าไม่รู้ ผมเลยหันไปมองไอ้คนทำแบบระแวงๆ แล้วเหมือนมันจะรู้ เลยตักเข้าปากให้ดูเป็นขวัญตา

กูเชื่อก็ได้ว่ามันกินได้จริง

ผมตักอาหารมื้อแรกฝีมือรุ่นพี่ร่างหมีควายเข้าปากอย่างระแวดระวัง แต่ผิดคาดครับ ทั้งที่กลัวว่าจะกระเดือกไม่ลงแต่กลับอร่อยซะได้ ผมเงยหน้ามองมันอย่างอึ้งๆ นิดหน่อย ซึ่งมันก็ยืดอกใส่ทันที ไม่ได้เชียวนะมึง

“ถ้าอร่อยก็แดกเข้าไปเยอะๆ”

“ผมยังไม่ได้บอกว่าอร่อยเลยนะครับพี่ชมพูวววว”

ผมลากเสียงยาวตรงชื่อท้ายของมัน กวนตีนเบาๆ พอกล้อมแกล้ม มันก็กดมุมปากยิ้มๆ แต่ไม่กวนตีนเหมือนที่เคย

“หน้ามึงมันฟ้องว่ะ ไอ้เกงยีน”

ผมหุบหน้าฉับทันที อะไรวะ นี่กูแสดงออกด้วยหรือไง

“อ้าวๆ แดกต่อได้แล้ว มึงต้องอ่านหนังสืออีก”

ผมจิกตามองมันอย่างอาฆาตหน่อยๆ แต่มันก็ทำเฉยใส่ ลอยหน้าลอยตาแดกข้าวกับกับข้าวที่มันทำเอง ผมเลยต้องยัดข้าวเข้าปากมั่ง และเพราะผมกับไอ้พี่ชมพูต่างแข่งกันกระซวกข้าวเข้าปากหรือไงไม่รู้ แป๊บเดียวข้าวที่มีอยู่ก็หมด อิ่มแปล้เลยครับงานนี้

“มึงเก็บจานชามไปล้างด้วยนะเว้ย”

มันสั่งอีกแล้ว ผมก็ได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ อีกรอบ แถมพอหันไปมองมันหน่อยเดียวเท่านั้นแหละ เส้นกระตุกขึ้นมาทันที ก็แม่งยิ้มเลวใส่ หนำซ้ำยังยักคิ้วกวนตีนให้อีก สัตว์ ตลอดอะมึงน่ะ

เห็นหน้ามันอย่างนั้นแล้วอยากเอาคืนฉิบหาย ผมเลยแกล้งถีบขาเก้าอี้ที่มันนั่งอยู่ เล่นเอามันเกือบหงายหลัง

“ไอ้สัตว์ มึงถีบเก้าอี้กูเหรอ”

มันอารมณ์ขึ้นเลยครับ จะว่าไปก็ไม่เห็นมันโหมดนี้หลายวันแล้ว ตั้งแต่มันบอกว่าจะเป็นรุ่นพี่ที่ดี แต่มีหรือว่ามันทำแบบนี้แล้วผมจะกลัว ไม่ใช่ไก่อ่อนนะครับ เจนสนามพอตัว เลยแกล้งตีหน้าซื่อใส่มัน แถมยังรีบวางจนชามที่ถือไว้ลงบนโต๊ะแล้วถลาไปหามัน

ด้วยความห่วงใยเลยครับ ห่วงใยว่าทำไมแม่งไม่หงายท้องไปเลย

“เฮ้ย เปล่านะครับ ผมสะดุดเฉยๆ พี่ชมพูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

ผมกวาดตาสำรวจมันแทบทั้งตัว ทำเหมือนห่วงใยมันเต็มประดา แต่จริงๆ แล้วแอบขำอยู่ในใจ

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยมึง นึกว่ากูไม่รู้จักมึงหรือไง ไอ้เกงยีน”

“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ เกงยีนไม่ได้แกล้งพี่ชมพูจริงๆ”

“ถ้ากูเชื่อมึงกูก็ออกลูกเป็นควายแล้ว”

ไอ้เหี้ย พูดอย่างเดียวไม่พอ มันยังกระแทกคำว่า ควาย ใส่หน้าผมอีก เดี๋ยวเหอะมึงๆ แค่นี้ไม่พอน้องเกงยีนของพี่ชมพูจัดให้อีกทีก็ได้ คราวนี้ผมไม่ทำแค่ถีบเก้าอี้แล้ว แต่ถีบที่ขาแม่งไปแรงๆ เลย แล้วยังหันไปพูดกับมันด้วย

“โอ๊ะ ขอโทษทีครับ ผมมองไม่เห็น”

“ไอ้เกงยีน มึงอยากลองดีกับกูเหรอ”

มันแหกปากขึ้นมา แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้ แต่ผมก็ยังกล้าสู้มันต่อ ถึงมันจะตัวใหญ่กว่าหน่อย แต่อย่านึกว่าจะข่มกันได้ ผมเชิดหน้าขึ้นสู้มันเลย แถมท้าทายมันอีกด้วย

“ไหนพี่บอกจะเป็นรุ่นพี่ที่ดีไง นี่จะรังแกน้องเหรอครับ”

“น้องไหน กูไม่รู้จัก”

“ก็ผมไง น้องพี่อะ”

“หึๆ”

มันหัวเราะเสียงเลวๆ มองผมด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก แต่น่ากลัวพิกล ผมเลยว่าหาทางเอาตัวรอดก่อนดีกว่า เกิดแม่งเอาจริงขึ้นมา ตั๊นหน้าผมเข้าเต็มหมัด คงดั้งหักไม่ก็หมดหล่อกันพอดี ถึงผมจะสู้ได้ แต่ก็ไม่ได้อยากเสียหล่อนะครับ ป๊าม้าอุตส่าห์ปั้นให้เจ๋งขนาดนี้ ทำอีกทีก็ไม่เทพบุตรขนาดนี้หรอกครับ

“กูไม่ต่อยมึงก็ได้ กูจะเล่นวิธีอื่น”

ให้ผมได้งงได้ไม่นานเท่าไรหรอก เพราะอยู่ๆ มันก็ย่างสามขุมเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วใช้แขนตวัดรอบเอวผมเลย แค่แขนเดียวของมันก็รัดตัวผมอยู่แล้ว เท่านั้นไม่พอ มันยังจับผมพาดบ่ามัน แถมด้วยโยนตัวผมขึ้นจากไหล่มันนิดหน่อย เหมือนการปลอบเด็กเล็กๆ ที่ร้องไห้ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไอ้สัตว์นี่ไม่กระทุ้งไหล่ใส่ท้องผมไปด้วย

ไอ้เหี้ยยยยยย กูเจ็บนะเว้ย กูเวียนหัว กูจะอ้วกกกก

ผมทุบหลังมันปักๆ เลย แต่แม่งก็ไม่หยุด น้ำย่อยกับข้าวที่กินไปเมื่อกี้ของผมจะสำรอกออกมาหมดแล้ว ไอ้สัตว์พี่ชมพู มึงชั่วจริงๆ

“สะใจมึงยัง”

“ไอ้หะ...เหี้ย มึงมัน อึก เถื่อน”

ผมด่ามัน ไม่สนแม่งแล้วว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ว่าเสียงที่ออกมาจากปากก็ดังตะกุกตะกัก แล้วยังรู้สึกเหมือนอ้วกจะพุ่งออกจากปากด้วย

กูจะตายอยู่แล้ว!

“ก็มึงอยากเล่นกับกูก่อนเอง กูดีกับมึง มึงไม่ชอบหรือไง”

“เออ เออ กูยอมแล้วก็ได้ อึก ปล่อย ปล่อยกูลงดะ..ได้แล้ว”

เหมือนมันจะพอใจคำพูดของผมอยู่ ถึงได้ปล่อยผมให้มายืนอยู่บนพื้นได้ แต่ว่ากว่ามันจะปล่อยก็เล่นเอาผมน้ำหูน้ำตาไหลหมดแล้ว ผมต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ของที่กินไปพุ่งออกมา แล้วยังต้องปาดๆ คราบน้ำตาที่ติดอยู่ตรงหางตาออกด้วย รู้สึกหน้าร้อนเหมือนเลือดมาคั่งอยู่บนหน้า ดีว่าแว่นที่กระแทกหน้าผมไปมาซะหลายทีตามจังหวะที่มันกระทุ้งไม่หลุดออกมาด้วย

ทุเรศฉิบหายเลยกู มาทำตัวน่าสมเพชต่อหน้าคู่อริตัวเองอีก

“โมเอ้ว่ะ”

เสียงแผ่วๆ จากไอ้คนตรงหน้ามันดังมา ผมเลยเงยหน้าไปมองมัน บวกจิตสังหารเข้าไปด้วย กูจะไม่ลืมที่มึงทำกับกูเมื่อกี้ ไอ้ห่าชมพู! แต่คำแปลกๆ ที่มันพูดมาหมายความว่าไงวะ

“เมื่อกี้ว่าไงนะ”

“กูบอกให้มึงไปล้างหน้าล้างตาได้แล้ว อุบาทว์ว่ะ น้ำมูกน้ำตามึงเละเต็มหน้า”

ก็เพราะใครล่ะวะ ผมมองหน้ามันแบบเดือดกว่าเมื่อกี้ แต่มันดันผลักหัวผมให้เดินไปทางห้องน้ำ ผมเลยไม่มีโอกาสได้ส่งสายตาพิฆาตใส่มัน





















กลับจากล้างหน้า ทาครีม จนหน้ากลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้วผมก็เห็นว่าจานชามที่วางอยู่เมื่อกี้ถูกไอ้พี่ชมพูเก็บล้างเรียบร้อย แล้วนั่นแม่งทำอะไรอีก มากวักมือเรียกผมให้ไปนั่งกับมันที่ห้องนั่งเล่นแบบนั้น หนำซ้ำยังนั่งบนพื้น โซฟามีให้นั่งตั้งหลายตัวเสือกไม่นั่งนะมึง อยากได้บรรยากาศไพร่หรือไง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องไปนั่งข้างมันอยู่ดี เกิดแม่งนึกคึกขึ้นมาแล้วจับผมพาดบ่าอีกรอบคงได้ตายจริงๆ

“เอ้า อ่านซะ นี่กูเก็งไว้ให้มึงหมดแล้ว”

ผมเหลือบตามองมันอย่างไม่แน่ใจเท่าไร พลางสวมวิญญาณเด็กดีอีกรอบ

เหนื่อย ยังไม่อยากสู้กับมันตอนนี้

“ถ้ามันไม่ออกอย่างที่พี่เก็งไว้ล่ะครับ”

“แล้วไอ้วิชาที่ผ่านมากูเก็งให้มึงถูกไปกี่ข้อล่ะ”

พอมันถามมาแบบนั้นผมก็นึกได้ว่าไอ้ที่มันเก็งไว้ให้ก็ออกหลายข้ออยู่ ลาภปากผมเลย สบาย ทำข้อสอบแบบชิลล์ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ตอบให้มันลำพองหรอก เดี๋ยวแม่งจะอวด รำคาญจะฟัง

“ถึงกูจะไม่ได้เก่งขนาดว่าที่เกียรตินิยม แต่ผลสอบกูก็ไม่ได้ขี้เหร่”

“รู้แล้วล่ะครับว่าพี่เก่ง”

ผมประชดมัน ไม่ได้เยินยอ แล้วก็ก้มหน้าไปอ่านตรงที่มันวงๆ ไว้ให้ในหนังสือ เพราะวิชานี้เป็นภาษาอังกฤษด้วยมั้ง เลยไม่ต้องหักโหมหาความรู้จากแหล่งอื่นสักเท่าไร ถือว่าเป็นเรื่องสบายสำหรับผมล่ะ

“ไม่เข้าใจก็ถามกูล่ะ”

มันว่าแบบนั้นแล้วหยิบหนังสือของมันขึ้นมาอ่านบ้าง แหม กูก็นึกว่ามึงเทพ ไม่ต้องอ่านก็สอบได้ ที่แท้ก็ปุถุชนเหมือนกูล่ะวะ

กระหยิ่มยิ้มกับตัวเองในใจแล้วผมก็กลับมาอ่านหนังสือของตัวเองต่อ ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าแหละครับกว่าจะอ่านที่มันมาร์กไว้ให้จบได้ เยอะใช่เล่น แต่มีบางจุดที่สงสัยอยู่นิดหน่อย ก็ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ จะไปบรรลุได้ยังไง ต้มหนังสือกินใช่ว่าทำแล้วจะช่วยให้เก่ง ผมจึงต้องพับฟอร์มเก็บไว้ก่อนแล้วพึ่งมัน

“พี่ชมพู”

ผมเรียกเบาๆ จริงๆ ก็มีมารยาทจะเกรงใจมันอยู่หรอกครับ ผมก็ลูกผู้ดีมีเงิน ถูกเลี้ยงดูมาดี (ขออวยตัวเองหน่อย) แต่มันก็คงลูกผู้ดีพอกัน ถึงหูดีได้ยินเลยเงยหน้ามามองผม

“มีอะไร”

“สงสัยตรงนี้นิดหน่อยครับ”

ผมเลื่อนหนังสือไปทางมันเพื่อให้มันอธิบาย

“ขยับมานี่ กูมองไม่เห็น”

เรื่องมากว่ะ! คำเดียวเลยครับที่อยู่ในใจผม แต่ผมก็ยอมขยับเข้าไปใกล้ๆ มันอย่างที่มันสั่ง

เพราะกูอยากให้มึงช่วยหรอกนะ กูถึงทำตาม

“ไหน”

ผมชี้ให้มันดู มันก็ยื่นหน้ามาดูตามนิ้วผม แต่เหมือนจะไม่ถนัดหรือยังไงไม่รู้ มันเลยเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมกว่าเดิมจนตัวแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน

มึงจะนั่งตักกูก็ได้นะ กูไม่ว่า ไอ้สาดดดด

แต่ว่ามันดันไม่หยุดแค่นั้น เพราะนอกจากมันจะขยับมาใกล้จนชิดแล้ว มันยังโอบเอวผมอีก ไอ้เหี้ยนี่! ผมหันไปมองหน้ามัน แต่มันก็ทำหน้าเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะให้ผมแงะมือมันออกก็ไม่ใช่เรื่อง

จะสะดิ้งทำไม ไม่ใช่ผู้หญิง แต่ว่าไอ้เหี้ยพี่ชมพูมันยังไม่พอ มันเอาคางมาเกยบนไหล่ผมอีก เยอะไปแล้วนะมึง คราวนี้ผมไม่อยู่เฉย

“สบายไปไหมครับ”

“อะไรของมึง”

“ก็ที่โอบที่เกยคางอยู่นี่ไง ไม่ไซ้คอผมไปเลยล่ะ”

“มึงอยากให้กูทำเหรอ”

มันถามหน้าตาย หนำซ้ำยังทำอย่างที่ว่าแบบทันควัน เล่นเอาผมเอ๋อแดกไปเลย ตกใจไปแป๊บนึงผมก็เริ่มดันแม่งออก เพราะมันมาสูดฟุดๆ ที่คอผมอีกแล้ว จะว่ากูสาวแตกก็ยอมล่ะว่ะตอนนี้

ไอ้ห่า กูขนลุก!!!

“กลิ่นตัวมึงแรงว่ะ”

ไอ้เหี้ยพี่ชมพูแม่งเล่นเอาผมสะดุดหน้าคว่ำเลย ถึงขั้นช็อกเลยด้วยซ้ำ ผมถึงกับยกแขนอีกข้างขึ้นมาดมรักแร้

นี่กูเหม็นขนาดนั้น?

“ถ้าเหม็นก็ปล่อยดิ”

“แล้วกูบอกว่าเหม็นเหรอ”

ไอ้เชี่ยยยยยย ผมอยากถีบมันฉิบหาย แต่ก็ต้องยั้งขาตัวเองไว้ คดีเก่ายังไม่ลืม

“ชอบมากใช่ไหมครับกลิ่นนี้ พี่อยากดมมากใช่ไหม”

ผมพยายามเก็บกดอารมณ์ที่เดือดปุดๆ พร้อมจะถีบยอดหน้ามันได้ทุกเมื่อให้ลงไปอยู่ในจุดที่ลึกที่สุดแล้วถามมันอย่างใจเย็น

“เออ กูก็ว่างั้นแหละ แม่งสกัดจากฝิ่นหรือเปล่าวะ”

มันทำให้เห็นด้วยการกอดผมให้แน่นขึ้น ตัวกูจะบี้ไปหมดเพราะแขนมึงแล้วไอ้พี่ชมพู! แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังปั้นหน้าหันไปพูดกับมันหน้ายิ้มๆ

“งั้นเดี๋ยวผมให้พี่ดมเต็มที่เลยเอาไหม” คราวนี้มันทำหน้างง แต่ผมฉีกยิ้มมากกว่าเดิม “งั้นพี่รอเดี๋ยว”

ตอนนี้มันคงงงอยู่ ถึงได้เผลอปล่อยมือให้หลวมนิดหน่อย เป็นโอกาสให้ผมแงะตัวออกจากมันได้ ผมไม่รอช้ารีบเข้าไปในห้องนอนไอ้กราฟทันที คว้าขวดน้ำหอมของเจ้าของห้องที่ไม่อยู่ตอนนี้ออกมาด้วย ก็ขวดเดียวกันกับที่ผมใช้ช่วงนี้นั่นแหละ หยิบมาเสร็จก็ฉีดใส่ไอ้พี่ชมพูแม่งเลย

ชอบนักใช่ไหม สูดให้พอใจเลยนะมึง

ผมกระตุกยิ้มตอนไอ้รุ่นพี่ไอคอกแคกเพราะสำลักน้ำหอม ปนด้วยเสียงหัวเราะหน่อยๆ อย่างพอใจด้วย ถือว่ากูกับมึงหายกันก็ได้นะไอ้พี่ชมพู กูจะยอมเสียเปรียบมึงหน่อยนึงก็ได้ กูเป็นรุ่นน้องที่เสียสละใช่ไหมล่ะ

แต่ทั้งที่ผมกำลังชื่นชมกับความสำเร็จของตัวเองเนี่ยสิ มือใหญ่ๆ ของไอ้คนหอบไออยู่เมื่อกี้ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผม แถมมันยังกระตุกให้ผมหล่นลงไปนั่งข้างมันเสียอีก มันปัดๆ จมูกของตัวเองเพราะกลิ่นคงติดอยู่พอสมควร

“ไม่เหมือนกลิ่นตัวมึง ตัวมึงหอมกว่า”

มันก้มลงมาสูดจมูกลึกๆ ตรงบ่าผม ผมถึงกับกระตุก

เหยดดด กระตุกทำหอกไร ห่า

“กูว่ากูติดกลิ่นมึงว่ะ”

ไอ้พี่ชมพูกอดผม แล้วมันก็สูดกลิ่นจากตัวผมอีกแล้ว เชี่ยยยยย มากไปนะมึง ผมจึงเหน็บมันไปพร้อมกับพยายามแกะตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของมัน

“เป็นหมาเหรอครับ ไม่รู้นะเนี่ย”

“หมาอะไรจะหล่อขนาดนี้”

“หมาชมพูไงครับ”

เหมือนมันหยุดไปจังหวะนึง ผมรู้สึกได้ แล้วมันก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ทำเอาผมรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะไปหน่อยนึง ก็สายตาแม่งเหมือนจะเฉือนผมเป็นชิ้นๆ จากนั้นมันก็พูดหน้านิ่ง แต่โคตรจะอันตรายต่อตัวผมเลย

“ถ้ามึงยังพูด กูจะดูดปากมึงแทน”

โอเค กูเงียบ!













----------------------
เป็นครั้งแรกเลยที่ทั้งตอนมีแค่ฉากของพี่ภูกับน้องยีน
ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันหรือเปล่านะ แต่หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ
อย่าเพิ่งปันใจให้กราฟเยอะ เผื่อให้พี่ภูมั่งน้าาา


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

ปล. อยู่ๆ เมื่อเช้าก็นึกชื่อนี้ขึ้นมาได้ แล้วรู้สึกว่ามันดีกว่าชื่อเดิม
เพราะงั้นต่อไปจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ" แทนนะคะ

Undel2Sky


(http://upic.me/i/dr/165086_04.jpg)



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 08-12-2011 03:24:30
ซักทีดีมั้ยคะ จุ๊บไปเลยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Dakzy ที่ 08-12-2011 04:05:37
ตอนนี้เราเทใจให้พี่ภูแล้วค่า เชียร์อ่ะเชียร์ๆๆๆ

ไม่เชียร์กราฟแล้ว ชิ ทำมามีความลับ ไม่สนละพี่ภูดีกว่า กวน....ดี แต่ก็น่ารัก

ถ้าเราจะคิดไปว่าพี่ภูกำลังจีบยีนอยู่จะผิดมั้ยคะ การกระทำมันเหมือนนะ บางคำพูดด้วย ชอบน้องแล้วใช่มั้ย
กอดหอมซะขนาดนี้ละ ขอคบไปเลยดีกว่าไป

อยากให้ยีนชอบพี่ภูเร็วๆจัง รีบๆหลงได้แล้ว พี่เค้าจัดเต็มมาขนาดนี้แล้วนะตัวเธอ

เกงยีนไม่รู้จักคำว่า"โมเอ้"เหรอ? มามะ มาทางนี้เดี๋ยวเจ้จะบอกให้ หุๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-12-2011 04:54:55
 :impress2: :impress2:

พี่ชมภูน่ารักกกกกที่สุด

ถูกใจมากกกกกกกกกก  o13

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : แบบว่ารักกวน / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 08-12-2011 10:06:16
พี่พูชอบน้องแล้วใช่ไหมนี่
 :-[
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 08-12-2011 11:28:44
กราฟกลับมาแล้วจะกล้าเข้ามาขัดจังหวะมั้ยเนี่ย...บรรยากาศมันชักแปลกขึ้นเรื่อย ๆ นะพี่ชมพู ถึงขั้นติดกลิ่นน้องเกงยีนซะแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 08-12-2011 12:10:02
พี่ชมพูชอบยีนเมื่อไหร่บอกด้วยนะ
จะเอาดอกไม้ไปถวายพระแก้บน :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-12-2011 12:10:51
เมื่อไรจะใจตรงกันนะ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 08-12-2011 12:28:24
กวนดีนัก ต่อปากต่อคำดีนัก เดี๋ยวเกงยีนเจอดูดปากจริงๆหรอก
อีกไม่นานนี่แหละ ใช่ป๊ะพี่ชมพูพูพูพูพู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-12-2011 12:55:07
ชมพูน่าร๊ากกกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 08-12-2011 13:00:08
น่ารักอ่ะ

 :z2:
เเอร๊ย ดูดปากไปเล๊ยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 08-12-2011 15:23:54
พี่ภูน่ารักจังเลย

แต่ว่าเพื่อนกราฟนี้ยังไง มีความลับนะ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 08-12-2011 18:00:09
คนเชี่ยไรเผด็จการได้อีก ขนาดยังไม่ได้เป็นไรกับเค้านะ เหอๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 08-12-2011 21:11:38
ชอบคู่นี้  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 08-12-2011 22:23:49
ชมพูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-12-2011 22:37:11
พี่ภูตอดเล็กตอดน้อยตลอด ฟัดน้องยีนอยู่นั่นแหละ อิอิิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-12-2011 22:39:27
แหม่ๆๆๆๆ มีโมองโมเอ้นะยะตาชมพูวววววว  :jul3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CofFee ที่ 09-12-2011 10:33:07
เอิ๊กๆ เกงยีนส์อีกไม่นานคงจะเสร็จพี่ชมพูชัวร์ แต่สงสัยกราฟอะไปไหน ทำอะไร สงสัยจริงๆ ฮ่าๆ หวังว่ายีนกับกราฟจะไม่ป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนะ  แต่ถ้าเป็นก็ หยวนๆ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 09-12-2011 16:21:44



    พี่ชมพูเป็นเอามากนะงับ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเ
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 09-12-2011 20:16:04
แหม ยีนก็น่าจะทำกล้า พูดออกมาอีก ได้ได้โดนปิดปาก

อยากกินพี่ภู เอ๊ย ต้มยำฝีมือพี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: woodong ที่ 09-12-2011 21:08:46
อ่านแล้วไม่รู้ว่าทำไมเราถึงเชียร์ ให้กราฟและยีน คู่กันไม่รู้
เราว่ามันดูน่ารักทั้งสองฝ่าย  รู้สึกรักกราฟที่เป็นกราฟ
รู้สึกความห่วงใยที่กราฟมีต่อยัน

รู้สึกถึงความห่วงใย ที่ยีนมีให้กราฟ

ทำไมฉันรู้สึกเช่นนั้น 

แต่ที่แน่ๆๆ กราฟกับยีน ต้องมี อะไรบางอย่างแน่นอน อร๊ายยยยยยยยยยยยย


ความคิดฉัน อุบาทที่สุด

รักกราฟ
รักยีน

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: FoN LiGhT~ ที่ 09-12-2011 23:15:25
อ่านแล้วเขิล
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 11-12-2011 21:37:07
อรั๊ยยยยยยยยย พี่พู พี่พู พี่พู พี่พูตอนนี้ชักยังไงๆแล้วน๊า
อะไรจะตามติดชีวิตน้องยีนขนาดเน้
เป็นพี่ที่ดีหรืออยากเลื่อนตำแหน่งเป็นอะไรคะ


พี่พูกวนได้น่ารักอ่ะ พูดอีกอย่าง ทำอีกอย่าง
แต่ก็ทำอย่างที่น้องยีนต้องการทั้งนั้น
เนี่ย..เขาเรียกว่าเอาใจรู้ไหมคะพี่


ดูดีๆปรนนิบัติกันทุกอย่างอะเรียกว่าทุ่มสุดตัวก็ว่าได้
แต่แกล้งน้องได้น่าอ้วกมากคะ กระแทกขนาดนั้น


พี่พูติดสัมผัส(ทางกลิ่น)อะไรจะติดกลิ่นน้องเขาขนาดนั้นคะเพ่
ติดไม่ธรรมดาซะด้วย อย่างนี้ต้องพาไปเลิกที่ถ้ำกระบอก
แต่พี่พูคงไม่ยอมเลิกแหงๆ


น้องยีนลูกกกกกก ฉีดใส่หน้าพี่เขาอย่างนี้เลยเหรอ
เข้าตงเข้าตาขึ้นมาจะทำยังไง
พี่เขาติดกลิ่นหนูไม่ได้ติดกลิ่นน้ำหอมซักหน่อย
เข้าใจใหม่เน๊อะๆ


“ถ้ามึงยังพูด กูจะดูดปากมึงแทน”
พูดต่อเลยน้องยีน พร่ำต่อไปเลยหนู
พี่อยากดูพี่พูสาธิต "การดูด"
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 11-12-2011 22:48:11
“ถ้ามึงยังพูด กูจะดูดปากมึงแทน”


โอเค กูเงียบ!




ไหง๋   น้องเกงยีนยอมง่ายๆล่ะ   กลัวพี่ชมภูดูดปากล่ะสิ  คริคริ

แต่ว่าน้องเกงยีนแน่ใจนะว่าพี่ชมภูจะไม่ดูดปากน้องเก่งยีน  :z1:    :z1:   :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 12-12-2011 00:24:20
ตลกคำว่าโมเอ้ 55555555
พี่ชมพูไปเอามาจากไหน? น้องเกงยีนเค้าตามไม่ทัน 555555

แต่นึกภาพตามแล้ว "โมเอ้" จริงๆ =.,=
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (แบบว่ารักกวน) / ตอนที่ 7 : ฟัดกันนัวเนีย [08/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-12-2011 19:28:29
สองคนนี้ จะดีกันมะไหร่นิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 7 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 14-12-2011 20:22:57
ตอนที่ 7-1 : กลัวความคิดตัวเอง













ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วมันก็ยังไม่เลิก ถึงตอนนี้มันจะไม่ได้มาเกยตื้นอยู่บนบ่าผมแล้ว แต่ก็ยังเอามือโอบเอวผมอยู่ดี ตอนแรกผมก็ไล่มันอยู่หรอก แต่ว่ามันก็ดื้อด้าน สุดท้ายผมก็รำคาญ

อยากทำอะไรก็ทำ ช่างแม่ง

ตอนนี้ผมกับไอ้พี่ชมพูต่างคนต่างนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างกันแบบเงียบๆ เรียกว่ากอบโกยความรู้เข้าสมองตามอัธยาศัย เป็นอย่างนั้นอยู่นานจนกระทั่งผมได้ยินเสียงประตู รีเฟกต์ขั้นสุดยอดของผมก็บังเกิดเลยครับ เหยียดขาใส่คนข้างๆ เต็มแรง ถีบมันไปจนสุดตีนแล้วคว้าหนังสือของตัวเองติดมือ กระเด้งตูดมานั่งตรงขอบโต๊ะ

“โอ๊ย”

เสียงกระแดะๆ ของมันดังขึ้น ผมนี่ต้องรีบเหลือบตาไปทางประตูห้องว่าไอ้กราฟโผล่หน้ามาหรือยัง แล้วก็ป๊ะหน้ากับมันที่เพิ่งโผล่มาพอดี โชคดีว่าพอเข้าประตูห้องมาแล้วจะมีตู้โชว์แบบบิวท์อินกั้นอยู่ทำให้มองมาแล้วไม่เห็นห้องนั่งเล่น ไม่งั้นมีหวังแม่งเห็นแน่ว่าไอ้พี่ชมพูทำอะไรผมอยู่

ไม่อยากให้มันเข้าใจผิดทั้งที่ไม่มีอะไร

“อ้าว พี่ ทำไมไปนอนเล่นอยู่ตรงนั้น โซฟาก็มี”

ไอ้กราฟมองเห็นว่ารุ่นพี่แสนรักของมันลงไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นพรมก็ถามพร้อมเดินเข้ามา แต่ไอ้พี่ชมพูดันไม่ได้สนใจไอ้กราฟเลย มันหันมามองผมด้วยสายตาเหมือนจะฉีกผมให้เป็นริ้วๆ เหมือนเศษกระดาษ แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวหรอกครับ ก็มีไอ้กราฟอยู่ด้วย เรื่องอะไรจะกลัว

“ทำไมมึงกลับช้าจังวะ จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว”

ผมหันไปคุยกับเพื่อนตัวเองแทนที่จะสนใจคนที่กำลังดันตัวขึ้นมาทั้งที่มองหน้าผมไม่เลิก

“กูบอกแล้วว่ากูจะกลับดึก ว่าแต่” มันทิ้งคำพูดกับผมแค่นั้นแล้วหันไปหาแขกที่มันรับเชิญ แต่ผมไม่ได้รับเชิญ “วันนี้พี่กลับดึกเหรอ”

“ก็มึงกลับช้า กูเลยอยู่เป็นเพื่อนไอ้เกงยีน โอ๊ย”

มันอ้างก่อนร้องออกมาตอนมันดันตัวขึ้นนั่งได้สำเร็จ ผมหรี่ตามองมันนิดนึงเพราะเสียงร้อง ส่วนไอ้กราฟตาโตไปแล้ว มันถลาเข้าไปดูอาการของเพื่อนลุงรหัสทันทีอย่างกับจะรีบไปทำคลอดให้

พันธุ์นี้คงออกลูกเป็นอัลเซเชี่ยนผสมร็อตไวเลอร์ที่ติดเชื้อบ้าล่ะ ผมว่า

“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่”

“สงสัยเมื่อกี้จะล้มผิดท่าไปหน่อย”

ไอ้กราฟทำหน้างง ผมเห็นเหมือนมีคำถามลอยอยู่บนหัวมันว่าล้มอะไร แต่กับผมไม่เป็นแบบนั้นหรอก เพราะไอ้เหี้ยพี่ชมพูจ้องหน้าผมเขม็งเลย

มองกูทำไม กูแค่ป้องกันตัวเองเว้ย

“งั้นเดี๋ยวผมไปหายามาให้ ถ้าซ้นขึ้นมาคงยุ่ง พี่ยังมีสอบอีกหลายตัวนี่”

เพื่อนผมช่างเป็นคนดี เปี่ยมด้วยความห่วงใย แต่ก็เป็นสไตล์มันแหละครับ ไอ้กราฟเดินไปตู้เก็บยาแล้วเอายาแก้ปวดบวมมายื่นให้ แต่แม่งแทนที่จะยื่นให้คนที่โอ๊ยๆ เหมือนควายถูกเชือด (จริงๆ ผมเว่อร์เอง) มันเสือกส่งมาให้ผมซะงั้น

เหี้ยอะไรของมึงเนี่ย

ผมแกล้งตีหน้างง แต่ไอ้กราฟก็ยังยัดหลอดยามาใส่มือผมจนได้ หนำซ้ำมันยังบอกออกมาเป็นจุดประสงค์ชัดเจน

“มึงทาให้พี่ภูแล้วกัน เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน” พอหลอดยาอยู่ในมือผมได้ มันก็หันไปคุยกับไอ้พี่ชมพู “ตามสบายนะพี่ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน เหนียวตัว”

มันว่าแบบนั้นจบก็เดินเข้าห้องนอนไปเลย ปล่อยให้ผมมองยาในมือสลับกับหน้ากวนส้นตีนของไอ้พี่ชมพู มันกดมุมปาก ยิ้มชั่ว พลางมองหน้าผม

อะไรของมึง!

“ทาดิ รับผิดชอบหน่อย”

มันเรียกร้องความรับผิดชอบจากผม แต่มีหรือว่าผมจะให้

“ทำไมต้องทาให้ด้วยล่ะครับ มีมือก็ทาเองสิครับ พี่ชมพู”

“แล้วใครเป็นคนทำให้มือกูเจ็บ เกิดกูทำข้อสอบไม่ได้จริง จะว่ายังไง”

มันขู่กลายๆ จนผมอยากจะตอบกลับไปว่า ‘ก็เรื่องของมึง’ แต่ผมก็อุดปากตัวเองไว้ก่อน ผมมองหน้ามันหนึ่งที แล้วก้มลงมองหลอดยาในมือ ก่อนจะตัดสินใจ ขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้มันอีกนิดหน่อย

ที่กูทำให้นี่ไม่ได้หมายความว่ากูจะยอมมึงนะ แต่กูเห็นว่ามึงเจ็บเพราะกูจริง แล้วมันก็เห็นผลจริง ถ้าเกิดมือมันเป็นอะไรหนักจนทำข้อสอบไม่ได้ ผมคงรับผิดชอบไม่ไหว

แต่เท่านั้นแหละ มันกระตุกยิ้มน่าขนลุกขึ้นมาทันที จนผมชักไม่แน่ใจว่าผมควรจะทายาให้มันจริงๆ เหรอ แต่ไม่ทันแล้วที่จะเปลี่ยนใจ เพราะมันยื่นขาหน้าข้างที่มันเจ็บนักหนามาให้ ผมจึงแกล้งรับมือมันมานวดยาตรงข้อมือที่มันอ้างว่าเจ็บ และก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆ

มันซี้ดปากแล้วทำหน้ายุ่งหน่อยๆ สำออยนักนะมึง หมั่นไส้มันครับ ผมเลยออกแรงให้หนักขึ้น คราวนี้มันร้องโอ๊ยๆ แล้วเอามืออีกข้างมาจับมือผมไว้

“จะทาให้หายหรือจะทำให้เป็นหนักกว่าเดิมกันแน่วะ”

“ก็อย่าสำออยสิครับ เจ็บแค่นี้ ร้องอย่างกับข้อมือหัก”

“มึงทำเจ็บจริง จะให้กูสรรเสริญมึงหรือไง กูไม่ด่ามึงก็ดีเท่าไรแล้ว”

พูดอย่างลำพองแถมยังทำเป็นยืดอกใส่ เพิ่มความไม่พอใจในใจผมให้มากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว ผมทายาให้มันแบบกระแทกกระทั้นหน่อยๆ ก่อนจะผละมืออกมาแล้วพูดเสียงห้วน

“เสร็จแล้ว แค่นี้คงพอใจ กลับไปได้แล้ว”

“อ้าว อะไรวะ เสร็จแล้วก็ไล่ กูยังไม่ได้คุยกับไอ้กราฟเลย”

มันบ่น แต่มีหรือว่าผมจะยอม ผมไล่อีก

“กลับไปได้แล้ว ดึกแล้ว ไว้วันหลังค่อยคุยก็ได้ครับ สวัสดีครับ”

คราวนี้ผมพยายามผลักมันให้ลุกขึ้นจากพื้น ซึ่งมันก็ลุกขึ้นแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แล้วมันก็ไม่ง่ายอย่างที่ผมคิดจริงๆ เพราะพอผมผลักให้มันเดินไปทางประตู ไอ้พี่ชมพูก็ต่อต้าน มันผลักผมให้เดินกลับไปอยู่ที่เดิม แล้ววิธีผลักของมันก็แทบจะกอดผมเข้าไปอยู่ในวงแขนของมันทั้งตัวแล้ว

“กลับไปได้แล้ว จะอยู่ทำไมอีกครับ คอนโดตัวเองก็มี ดึกแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนของพี่แล้วนะครับ”

“กูยังไม่อยากกลับ คืนนี้กูนอนที่นี่แล้วกัน”

มันเถียงครับ ทำเอาผมสยอง มึงนอนที่นี่กูไม่ต้องนอนทั้งแว่นหรือไง!

ผมออกแรงผลักมันออกไป ซึ่งก็ไม่ค่อยมีอะไรดีขึ้นเท่าไร นอกเสียจากว่าผมจะถูกฝังเข้าไปในอกมันแน่นขึ้น เชี่ยเอ๊ย!

ผมหยุดแล้วยืนมองหน้ามันเฉยๆ เพราะรู้แล้วว่าถึงจะดิ้นรนไปก็สู้มันไม่ได้อยู่ดี ผมพิจารณาใบหน้าของมันที่มองมายังผม ก่อนจะถามเสียงเรียบแบบหาวิธีอย่างปัญญาชน

“พี่ชมพูจะเอายังไงกันแน่ครับ ทำยังไงถึงจะยอมกลับดีๆ”

ประกายตาของมันเปลี่ยนเลยครับ วาววูบไปวินาทีหนึ่ง พลางมองผมเหมือนมีความคิดชั่วๆ อะไรบางอย่าง ดั่งกำลังหาวิธีการที่จะทำให้ผมไม่กล้าไล่มันอีก แล้วก็จริงอย่างที่คิดครับ ลางสังหรณ์โคตรแม่น แม่นแบบเหี้ยๆ เลย เพราะไอ้พี่ชมพูกดยิ้ม ยิ้มมุมปากของมันที่ดูแล้วแม่งเข้าขั้นโรคจิต

“ให้กูดูดปากมึงดิ”

ลมหายใจของผมสะดุดไปจังหวะหนึ่งเบาๆ พอให้ตัวเองรู้ตัว

มึงเล่นอย่างนี้เลยเหรอ สัตว์ มันคงแน่ใจว่าผมปฏิเสธชัวร์ ก็มันเคยใช้มาแล้วผมยอมมันนี่หว่า มันคงคิดว่ายังไงผมก็ไม่กล้า

“พี่จะอะไรกับปากผมนักหนา ขู่จะดูดมาหลายทีแล้วไม่ใช่หรือไงครับ”

ผมถามแบบไม่จริงจัง มันจะตอบหรือไม่ตอบก็ช่าง แต่แค่สงสัย

“ถามกูเหรอ” มันย้อนแล้วไล่สายตามาที่หน้าผม ตั้งแต่โคนผมจนมาถึงปากแล้วพูดออกมาเต็มเสียง “ก็ปากมึงน่าดูด”

ชะงักไปนิดหน่อยเลยครับ ไม่คิดว่ามันจะพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ปากผมมันน่าดูดตรงไหน ก็ธรรมดาเหมือนๆ กับมัน แต่เพราะว่าผมอยากไล่ให้มันกลับไปเต็มทน ผมถึงได้ตอบมันกลับไปแบบที่มันก็นึกอึ้ง

ผมว่ามันรู้จักผมน้อยไปนะ หึหึ

“ถ้าทำจริง พี่จะยอมกลับใช่หรือเปล่า”

“อืม”

มันยักไหล่ตอบผมเหมือนไม่แคร์เท่าไร อย่างกับไม่เชื่อว่าผมจะกล้าทำ แต่เสียใจครับ ผมไม่อ่อนขนาดที่มันคิดหรอก

ผมก้าวเท้าเข้าไปหามันครึ่งก้าวเพราะตัวเราห่างกันอยู่ไม่มาก ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นเกือบสุดปลายเท้าเพราะมันตัวสูงกว่าเกือบสิบเซนติเมตร ยื่นปากเข้าไปดูดปากมันหนึ่งทีแล้วค่อยถอนปากออก

ไม่อยากบอกจริงๆ ว่าผมดูดปากมันไปค่อนข้างแรง ตอนปล่อยออก ปากมันแทบจะยืดติดปากผมมา แล้วก็มีเสียงด้วย เหอะๆ ไม่ได้ตั้งใจแต่มันก็ดังขนาดได้ยินนั่นแหละ แต่ผมไม่มายด์หรอกครับ ผมนิ่งเฉย ผิดกับมันที่ดูจะช็อกๆ ไปนิดนึงเพราะมันไม่คิดว่าผมจะทำ

“คราวนี้กลับได้หรือยังครับ”

เสียงของผมเหมือนไปเรียกสติมัน มันกะพริบตาสองทีแล้วทำหน้างงๆ ใส่ ผมเลยไล่มันอีก

“กลับได้แล้วครับพี่ชมพู น้องเกงยีนก็ดูดปากพี่แล้วไง สัญญาต้องเป็นสัญญาดิ”

สิ้นเสียงตัวเองผมก็ผลักมันออกไป ซึ่งมันก็ยอมเดินแต่โดยดี ผมจึงหยิบหนังสือกับกระเป๋าที่มันพกติดตัวมาด้วยไปยื่นให้ตอนมันกำลังใส่รองเท้า

รอกระทั่งมันออกไปแล้วผมถึงได้หมุนตัวกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น กะว่าจะเก็บของแล้วเข้านอน พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าไปสอบแบบสมองปลอดโปร่ง แต่ผมเห็นไอ้กราฟเดินออกมาจากห้องพอดี จึงเพิ่งนึกขึ้นได้

เวร ถ้าเมื่อกี้ไอ้กราฟออกมาจากห้องก่อน...

นึกได้เท่านั้นยังไม่พอ ผมคิดอะไรขึ้นมาได้อีกอย่าง ผมจึงเดินถือหนังสือตรงเข้าไปหากราฟที่กำลังเดินมาทางผมด้วยเหมือนกัน

“กูจูบมึงหน่อยดิ”

ผมบอก ขณะที่คนถูกถามทำหน้างงๆ แต่มันก็ไม่ทันได้ถามอะไรผมหรอก เพราะว่าผมรุดตัวเข้าหามันก่อนจะเขย่งตัวนิดๆ แล้วจูบปากมันเบาๆ

“กูไปนอนก่อนล่ะ มึงก็รีบนอนด้วย”

จากนั้นผมก็เดินผ่านตัวมันแล้วเข้าห้องนอนไปเลย ส่วนมันก็ยังทำหน้างงๆ แล้วยืนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ












สอบเสร็จก็ต้องกลับสู่สภาพเดิม ผมกลับไปนอนที่บ้านมาสองวันแล้ว แต่เมื่อวานดันเจอโชคร้าย ทำให้ผมต้องมานั่งกระอักกระอ่วนตักข้าวเช้าเข้าปากต่อหน้าป๊าแบบนี้ ผมกินข้าวไปก็เหลือบตามองป๊าไป ในใจก็คิดว่าควรจะใช้คำพูดแบบไหนดี แต่ว่าป๊าดันเงยหน้าขึ้นมาประสานตากับผมพอดี เล่นเอาผมต้องรีบก้มหน้ายัดข้าวเข้าปากเลย

“มีอะไรจะคุยกับป๊าหรือไง”

“เอ่อ... ครับ”

ผมตอบเสียงแผ่ว ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากจานข้าวตัวเองพลางเคี้ยวข้าวในปากแล้วกลืนลงคอแบบฝืนๆ ตามด้วยกระดกน้ำเข้าปากเพื่อให้คล่องคอขึ้น

“ว่ายังไง”

“ก็... เอ่อ คืนนี้ ....ยีนจะกลับดึกหน่อยนะครับป๊า”

เท่านั้นแหละครับ สายตาของป๊าก็เปลี่ยนทันที จากที่มองหน้าผมแบบติดใจสงสัย ตอนนี้มันเป็นประกายเฉียบคมเหมือนกับจะเฉือนผมให้เป็นชิ้นๆ  ลักษณะของป๊าก็เป็นผู้ใหญ่อายุเกือบๆ ห้าสิบ ลงพุงนิดหน่อย มีหนวดนิดๆ ดูใจดีครับ แต่เวลาป๊าไม่พอใจจะโคตรดุ โคตรน่ากลัว

“ทำไม”

เสียงของป๊าห้วนขึ้นกว่าเดิม แถมยังออกแนวข่มขู่เสียอีก เหมือนกับจะบอกว่าถ้าเหตุผลไม่เข้าท่าก็อย่าหวัง ผมเลยต้องพูดอย่างระมัดระวัง

“มีกิจกรรมที่คณะครับ พวกรุ่นพี่เขาจัด มันมีทุกปี ต้องไปทุกคน”

กิจกรรมที่ผมว่าก็คือ เฟรชชี่ไนท์ พวกรุ่นพี่นี่ปิดปากเงียบกันทุกคนเลยครับ ไอ้เหี้ยพี่ชมพูแม่งก็ไม่บอกสักคำ แม้แต่พี่เจ๋งก็หุบปากสนิท มาเซอร์ไพรส์เอาเมื่อวานตอนประชุมรุ่น แถมยังมีบอกอีกว่าให้เตรียมการแสดงของแต่ละเมเจอร์มาให้รุ่นพี่ดูด้วย เชี่ย แม่งไม่ให้เตรียมตัวกันเลย เพิ่งสอบเสร็จเมื่อวานซืนนะเว้ย

จริงๆ ผมก็อยากมีปากมีเสียงโวยออกไปกับมติ (?) คณะที่ผมไม่เห็นชอบเท่าไร แต่ความเนิร์ดมันค้ำคอ ก็เลยต้องเก็บปากเงียบอยู่ในใจ

“กิจกรรมอะไร”

“มีกินเลี้ยงแล้วก็ให้พวกปีหนึ่งแสดงอะไรให้รุ่นพี่ดูแหละครับ เป็นการสานสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง”

“แล้วยีนจะกลับกี่โมง”

เสียงของป๊าผ่อนลงแล้ว พลอยให้ผมหายใจได้สะดวกขึ้น แอบอมยิ้มที่รอดตัวแล้ว

“ไม่เกินตีสองหรอกครับป๊า”

“รับปากแล้วก็อย่าผิดคำพูดล่ะ ลูกผู้ชายต้องคำไหนคำนั้นนะยีน”

ป๊าย้ำ จากที่โล่งใจตอนนี้เริ่มกดดันอีกแล้ว

วันนี้บรรยากาศในคณะผมดูเครียดๆ ยังไงชอบกล ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ เพราะว่าเรื่องการแสดงในงานคืนนี้แม่งโคตรคิดยากเลย ก็ไอ้พี่ต๊ะที่เป็นประธานปีสองดันบอกว่าไม่เอาแบบร้องเพลง เล่นดนตรี มันเบสิกไปสำหรับนิเทศฯ 

มึงคิดว่าเด็กนิเทศฯ เดินบนอากาศได้เหรอวะ เชี่ย

พอเรียนเสร็จ ก็ได้เวลาประชุมเพลิงกันเลยครับ เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เวลาเริ่มงานเฟรชชี่ไนท์แล้ว แต่เมเจอร์ผมยังตกลงไม่ได้เลยว่าจะแสดงอะไรยังไง ถึงต้องมานั่งประชุมกันแบบนี้ แล้วหัวหอกก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ ไอ้ปลายเองนั่นแหละ มันเป็นประธานเมเจอร์ เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สวยมากมายอะไร ก็หมวยๆ ขาวๆ ดูดีในแบบของมัน เป็นพวกลุยๆ บ้าพลัง ทุกคนเลยยกให้มันเป็นประธาน (จริงๆ เกี่ยงกันเป็นเพราะไม่อยากงานเข้า) ที่สำคัญ มันเป็นเพื่อนในกลุ่มผมเอง

จริงอยู่ว่าผมสนิทกับไอ้กราฟ ไอ้กัส ไอ้เคลม แต่เพราะไอ้สองตัวหลังอยู่คนละคณะ สังคมของผมก็เลยต้องเปลี่ยนบ้างนิดหน่อย ตอนอยู่คณะผมก็มีเพื่อนอีกกลุ่ม แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรอกครับ ก็มีไอ้กราฟที่ตัวแพ็คติดกัน ไอ้ปลาย ไอ้เอิร์ธ แล้วก็ไอ้นุ๊ก

ไอ้เอิร์ธนี่ผู้ชายครับ ตอนแรกไม่ถูกกันนิดหน่อย มันชอบทำหน้าเหยียดๆ ใส่ผม แต่เพราะตอนรับน้องมันได้แผลใหญ่ แล้วผมกับไอ้กราฟเป็นคนช่วยแบกมันไปทำแผล ก็เลยสนิทกัน ส่วนไอ้นุ๊กนี่เป็นผู้หญิง เพื่อนซี้ไอ้ปลายครับ ที่มาอยู่ด้วยกันก็เพราะไอ้กราฟ มันชอบกราฟ แต่ไอ้กราฟไม่ชอบ มันปฏิเสธไป จากนั้นก็เป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากน้อยกว่านั้น

อย่างที่รู้ๆ กันว่าพวกกลุ่ม (หล่อ) ของผมจะค่อนข้างชิลล์ๆ เรื่องผู้หญิง เสนอมาก็สนองตอบ แต่ไอ้กราฟไม่ใช่ มันไม่ค่อยยุ่งกับผู้หญิงเท่าไร เพราะมันมีอดีต แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ชอบใครเลย ตอนนี้ก็เห็นว่ามันกำลังเล็งๆ รุ่นพี่ปีสองที่เป็นดาวคณะบริหารฯ อยู่ เล่นของสูงนะมึง

ไอ้กราฟก็ไม่เชิงว่าไม่มีดีกรีอะไร มันเกือบเป็นเดือนคณะอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่อยากวุ่นวาย แถมผมยังไม่อยากเด่น มันเลยไม่ไปร่วมชิงตำแหน่งอะไรกะเขา ไม่เหมือนไอ้กัสกับไอ้เคลม แม่งแย่งตำแหน่งกันจะตายห่า สุดท้ายคนอื่นได้ไป ผมโคตรฮามันเลยที่มัวแต่แข่งกันเองจนลืมว่าคนอื่นก็มีดี

ส่วนเรื่องไอ้กราฟกับดาวคณะผมก็มีเตือนๆ มันบ้าง มันก็รู้ดีว่าผมห่วงมันมากเลยยังดูๆ อยู่ ไม่ได้ลงมืออะไร

“กูรู้แล้วว่าจะทำอะไร”

เสียงของไอ้เม่น ประชากรคนหนึ่งในเมเจอร์ดังแหวกอากาศ เรียกความสนใจจากคนทั้งเมเจอร์ได้เลย ไอ้ปลายนี่ก็หูผึ่งตาไหวระริกขึ้นมาทันที มันถามอย่างอยากรู้ ไม่ไว้ท่าผู้หญิงเลยแม่ง

“ไหน เล่าความคิดมึงมาดิ๊”

“ก็แสดงละครไง”

“สัตว์ ใครก็คิดได้”

“ธรรมดาว่ะหอก”

“ไอ้ห่า กูก็ลุ้นนึกว่ามึงมีความคิดเจ๋งๆ”

พอมันตอบเท่านั้นแหละ คำสรรเสริญก็ดังทั่วทิศทาง ผมส่ายหัวเบาๆ กับความคิด

มึงอยู่เงียบๆ ก็ไม่ต้องมาเป็นกระโถนรับคำด่าแล้ว

ถึงจะเป็นลูกคนมีตังค์ แต่ความหยาบมันไม่เข้าใครออกใครครับ หึหึ ก็คุยๆ กันแบบนี้ ยกเว้นผมนะ ผมสุภาพเรียบร้อยมากที่สุดในเจอร์ (แค่สร้างภาพ)

“โหยย ไอ้เหี้ย พวกมึงฟังกูก่อนดิวะ”

มันแย้งครับ ทุกคนเลยเงียบ รอมันออกความเห็นอันวิเศษเลิศหรู ถุย

“ว่ามาๆ”

ไอ้ปลายบอกเป็นสัญญาณ ไอ้เม่นเลยเริ่มพรรณนา

“ก็เป็นแบบเรื่องฮาๆ ไง เล่นแล้วแบบเอาให้รุ่นพี่ท้องแข็งเลย ช่วยกันแต่งๆ บทดิ”

“แค่เนี้ย?” ไอ้เอิร์ธครับ

“แต่กูก็ว่าเข้าท่าดี ติดอยู่ที่ทำยังไงให้ฮา”

ไอ้ปลายเริ่มสนับสนุน แต่ผมว่ามันขี้เกียจคิดมากกว่า เวลาหมดลงทุกที

“แต่กูว่าเล่นสดเลยดีกว่า แค่วางพล็อตแล้วให้คนแสดงแก้สถานการณ์”

ไอ้นะเสนอ ได้รับเสียงเออออจากเพื่อนร่วมเจอร์เพียบเลยครับงานนี้

“ดีๆ กูว่าแบบนี้เป็นการโชว์ไหวพริบ แล้วยังแอ๊คติ้งอีก พวกรุ่นพี่คงชอบ”

“แล้วใครจะแสดง พล็อตเรื่องเอาไง”

กลายเป็นสรุปได้ พวกมันคุยกันไปว่าจะเอาเรื่องประมาณไหน ส่วนผมไม่ได้ฟังเท่าไรหรอกครับ ปล่อยให้มันทำกันไป คงไม่เกี่ยวกับผมเท่าไร

ก็แน่ล่ะ ตอนนี้ผมลุคเด็กเรียนนะครับ รอดตัวอยู่แล้ว ให้ผมไปแสดงคงน่าเบื่อตาย แต่มันก็เป็นแค่ความคิดของผมเท่านั้น เพราะอยู่ดีๆ เสียงไอ้ปลายก็ดังข้างหู

“ไอ้ยีน!!”

“อะไรครับ”

“มึงฟังที่พวกกูคุยกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

“ฟังๆ”

ผมตอบมันไปแบบนั้น ทั้งที่มันคุยอะไรกันผมยังไม่รู้เลย ผมแอบเหลือบมองไอ้กราฟที่ส่ายหน้าใส่ผมด้วย

อะไรวะมึง ไม่เข้าข้างกูเหรอ กูเพื่อนรักมึงนะเว้ย

“ฟังแล้วรู้เปล่าว่าพวกกูสรุปว่ายังไง”

“ยังไง?”

เอ๋อแดกล่ะคราวนี้ ผมทำมึนใส่มัน แล้วสายตาคงลอดผ่านแว่นได้ชัดมาก มันเลยทำท่าเหมือนจะแดกหัวผมแล้วโวยออกมา

“กูจะให้มึงเล่นเป็นเสงี่ยมศรีไง”

“ฮะ?” ผมอึ้งไปแป๊บนึง ประมวลผลก่อนว่าเมื่อกี้มันพูดว่าอะไร “เสงี่ยมศรี ใครอะครับ”

“มึงนั่นแหละ มึงนั่นแหละ ทุกคนก็เห็นด้วย”

มันหันไปหาพรรคพวกของมันด้วย แล้วทุกคนก็รีบโห่รีบตอกย้ำผมทันที

แม่ง อะไรของพวกมึง

“เฮ้ย ไม่เอา ทำไมให้เราเล่น แบบนี้น่าเบื่อจะตาย เราหน้าตาก็ธรรมดา แถมยังเนิร์ดๆ เอ๋อๆ อีก เล่นไปก็ไม่สนุกหรอก เดี๋ยวก็เสียชื่อ โดนโห่ เราไม่อยากทำให้เจอร์เราขายหน้า”

หน่อมแน้มมากครับเวลาพูดกับเพื่อนในเมเจอร์ บางทีก็อยากอ้วกกับคำพูดของตัวเอง ทั้งที่ลับหลังหรือในใจ ผมก็โหวกเหวกเรียกมัน ไอ้ๆ มึงๆ ตามปกติ แต่วิธีการแสดงออกมาเป็นแบบนี้ ให้เข้ากับลุคหน่อย ส่วนไอ้กราฟก็เป็นพิเศษ

“กราฟช่วยพูดให้ยีนหน่อย กราฟน่าจะรู้ว่ามันไม่เข้า”

“ไม่เห็นยาก ก็แค่ถอดแว่นออก จับมึงแต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ”

แค่พูดอย่างเดียวไม่พอ ไอ้ปลายยังย่างสามขุมเข้ามาทำท่าจะถอดแว่นผมอีก

อีกคนแล้ว แค่ไอ้เหี้ยพี่ชมพูคนเดียวก็พอแล้วที่คิดประทุษร้ายแว่นกู

ผมเบี่ยงตัวหนีไอ้ปลาย แต่ว่ามันก็จับขาแว่นของผมเอาไว้ แล้วอย่างนี้จะให้ทำยังไงได้ ผมก็ยึดไว้แน่น พยายามคุมตัวเองไม่ยกตีนขึ้นมาถีบมันกระเด็น เพราะยังไงมันก็เป็นผู้หญิง

“พอเถอะปลาย อย่าถอดแว่นเรา”

“ไม่ต้องมาขอร้อง ยังไงกูก็จะให้มึงเป็นเสงี่ยมศรี ถอดแว่นมึงออกซะดีๆ”

มันออกแรงหนักขึ้นกว่าเดิมอีกครับ ผมก็ร้องให้ไอ้กราฟช่วย แต่ผมดันเหลือบไปเห็นว่าไอ้กราฟโดนคนอื่นๆ ล็อกตัวไว้

ไอ้เหี้ย พวกมึงแม่งเหี้ยกันฉิบหาย เล่นแบบนี้กับกูเลยเหรอ สัตว์นรก!

ผมด่าพวกมันในใจ ใช้ความพยายามโคตรมากยิ่งกว่ามากไม่ให้ด่าพวกมันแล้วจับเตะเรียงตัว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อดูแล้วว่าไอ้ปลายไม่ยอมหยุด ไอ้เม่นตัวดีแม่งก็ทำท่าจะเข้ามาช่วยไอ้ปลายอีกคน ผมเลยต้องโพล่งเสียงออกไปแบบไม่เต็มใจ

“เออๆ ก็ได้ๆ เรายอมเล่นแล้ว แต่มีข้อแม้”

พวกมันหยุดเลยครับ ไอ้ปลายปล่อยมือจากแว่นของผม ไอ้เม่นก็หยุดฝีเท้าของมัน ส่วนไอ้พวกที่จับกราฟไว้ผ่อนแรงลง คนทั้งเมเจอร์มองหน้าผมเหมือนรอฟังข้อแม้ ผมเลยมองตอบกลับไปแบบแน่วแน่

“เราไม่ถอดแว่นนะ เราเล่นก็ได้ แต่เราจะไม่ถอดแว่น แล้วก็ห้ามบังคับเราด้วย”

เท่านั้นแหละ พวกเหี้ยแม่งโห่ร้องดีใจกันใหญ่ ไม่คิดปฏิเสธข้อเสนอของผมสักคน ทำให้ผมรู้สึกสบายใจนิดหน่อย เลยกระเถิบตัวไปหาไอ้กราฟที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้วกระซิบถามข้างหูมันเบาๆ แบบว่าสงสัย

“เสงี่ยมศรีนี่เป็นใครวะ”

ไอ้กราฟมองหน้าผมแล้วยิ้มๆ แถมยังเอาแขนมาพาดคอผมก่อนจะดึงให้เข้าไปใกล้มันมากขึ้น กระซิบเสียงเบา แต่ให้ความรู้สึกแปลกๆ แบบว่าหวิวๆ

“กูบอกแล้วมึงห้ามโวยวายนะ”

ไอ้เหี้ย มึงทำให้กูใจสั่น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยักหน้าเบาๆ

“นางเอกว่ะ”

ไอ้สาดดดดดดดดด ให้กู นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ สุดหล่อเป็นนางเอกเนี่ยนะ ไอ้ฟวยยยยย









=============
น้องยีนแรง จัดเองเลยจ้า ก็คนมันรำคาญ อยากตัดจบอ่ะนะ
แต่กราฟนี่สิ ได้กำไร (?) ไปเต็มๆ แถมยังแบบมึนๆ ด้วย
ตอนนี้ยาวเลย เลยตัดอีกนิดหน่อยไว้มาอัพเพิ่มนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ แต่ว่าการแสดงเอาไงดีเนี่ย  :z3:


Undel2Sky

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 14-12-2011 21:29:19
 เสงี่ยมศรี :m20:  ว่าแต่อยากรู้จัง พี่ชมพูรู้สึกไงเนี่ยโดนน้องเกงยีนดูดปาก อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-12-2011 21:53:18
ก็ยังไม่รู้สาเหตุอยู่ดี
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Dakzy ที่ 14-12-2011 22:06:31
แอบมึนกับปมของเรื่องแล้วก็ความรู้สึกตัวละครมากเลยค่ะ :really2:

สรุปภูคิดยังไงกับยีน ชอบหรอ? ทำไมดูจะติดใจนัก หรือแค่หลง? ความใคร่?

ส่วนยีนกวนพี่มากไปนะ ในบางครั้งทำให้รู้สึกไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมยีนที่มีกับภูเลยอ่ะ คือ พี่เค้าทำดีด้วยพูดจาดี แต่ทำไมชอบตีรวนเรื่อยเลย
แล้วก็พักนี้รู้สึกเหมือนยีนจะชอบกราฟเลยแฮะ มันรู้สึกแหม่งๆ

กลับกลายเป็นกราฟเองที่ตอนแรกเหมือนจะชอบยีน แต่พอมาอ่านตอนหลังนี่เหมือนไม่ได้คิดเกินเพื่อนเลย ช้ำใจอ่ะ อุตส่าห์เชียร์ให้ชอบยีน :m15:

แต่มีจูบด้วย เพื่อนผู้ชายจุ๊บปากกันง่ายๆงี้เลย :m25:

อีกอย่างที่ติดใจมาก ยีนจะอะไรกับแว่นนักหนา ถ้าถอดแล้วจะแย่ขนาดเลยเหรอ ไม่เข้าใจเล้ย เพราะอารายยยยย :serius2:

อยากรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วค่า รออ่านต่อน้า :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 14-12-2011 22:18:38
ยีนแรงอ่ะ รุกพี่ชมพูจนเอ๋อไปเลย
ว่าแต่ เล่นเป็นนางเอกอย่างนี้ ใครแจ็คพอตเป็นพระเอกล่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 15-12-2011 01:38:16
 :m20: :m20: :m20: :laugh: :laugh: :laugh: :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ~MiKi~ ที่ 15-12-2011 01:38:45
เป็นนางเอกเลยหรอยีน กร๊ากกก :laugh:
แล้วเมื่อไหร่ ยีนจะเผยโฉมซะทีเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: The_outsider ที่ 15-12-2011 03:55:38
ยีนชอบกราฟ?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-12-2011 05:26:47
มารอดูพี่ชมภูตอนต่อไปปปปปป  :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 15-12-2011 09:34:54
อิพี่ภูถึงขั้นทำอะไรไม่ถูกเลยหรอคะนั้น

แต่ว่ามันก็น่าช็อคจริงๆ นะ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 15-12-2011 10:50:33
555 รอ พระเอกตัวจริงมาอึ้ง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-12-2011 11:00:30
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 15-12-2011 11:09:45
อยากดูละครแล้วว
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 15-12-2011 11:54:39
อุ้ยๆๆๆ
น่ารักอะ มีเกยกันอ่านหนังสือ
นุ้งยีนไม่คิดไรบ้างเหรอ
นุ้งยีนไม่อุ่นวาบในใจบ้างเหรอ
ท่านั่งออกจะโรม๊านซ์



พี่ภูอยากรู้ความคิดพี่ภูจังเลย
พี่ภูจะยังไงกะน้องยีนอะ
คือการกระทำของพี่อะ
ถ้าไม่คิดจีบให้เสียเวลาก็ปล้ำเลยเถอะ
พี่นัวน้อง ยอมน้อง ดูแลน้องจนน่าสงสัย
มันเกินพี่น้องละนะจ๊ะ



ดูดกันแล้ววว
เขาดูดกันแล้วววววว
นุ้งยีนกล้านะลูก
แต่เข้าใจว่าน้องยังไม่คิดไร
แต่พี่ภูคงมีไรในใจชัวร์



แต่อิเจ้เริ่มเคืองกราฟยีนล่ะ
ดูดปากพี่ภูแล้ว ทำไมต้องให้ปากกราฟมากลบรอยด้วย
ไม่เข้าใจและไม่พอใจเล็กๆ
ต้องมีคำอธอิบายให้เจ้นะรู้เปล่า


นายเอก เสงี่ยมศรี
เอาล่ะๆ จะสวยหรือจะซวย
รออ่านนนนนนน

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-1 : กลัวความคิดตัวเอง [14/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 16-12-2011 18:50:33



   ที่น้องยีนกล้าดูดปากพี่ชมพูหน้าตาเฉยนี่ยังไม่คาใจเท่าไหร่
   แต่ที่ดูดปากกราฟแล้วทั้งคู่ไม่ค่อยมีอาการอะไรน่ะมานเรื่องอารายกานนนนนนนน




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 7-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 16-12-2011 19:29:12
ตอนที่ 7-2 : กลัวความคิดตัวเอง












ถึงผมจะพยายามค้านเท่าไร ไอ้เหี้ยปลายก็ไม่ยอม แถมยังเอาคำรับปากของผมมาอ้างอีกต่างหาก แล้วไอ้พยานรู้เห็นก็ทั้งเมเจอร์ ผมจะไปต่อต้านมันได้ยังไง นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าจะเสียลุคตัวเอง ผมคงไม่นิ่งแล้วจำยอมแบบนี้แน่ แล้วยิ่งมานั่งฟังมันเล่าพล็อตเรื่องแล้ว โอ๊ยยย กูจะอ้วก

ส่วนเชี่ยกราฟก็นั่งยิ้มๆ เห็นว่าผมอาละวาดฟาดงวงฟาดงาไม่ได้ ผมเลยหันไปจิกสายตาใส่มันแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่าไอ้ห่ากราฟเนี่ยแหละที่ได้เล่นเป็นคุณเด่นชัย พระเอกของเรื่อง แค่นึกสภาพมันชื่อเด่นชัยก็โคตรไม่เข้ากับมันแล้ว ก็หน้ามันออกจะไอ้เชี่ย เอ้ย เอเชียอินเตอร์ขนาดนี้ แต่ดันชื่อโคตรไทย

ฟังไอ้ปลายสรุปเรื่องแบบเซ็งๆ แล้วผมก็วิตกนิดหน่อย ก็ไม่รู้จะแสดงอะไร มันบอกแต่โครงเรื่อง ไม่มีบทอะไรให้ บอกแต่ว่ามึงจัดการเอาเอง เอาให้สุดฤทธิ์ ผมก็เออๆ งึมๆ งำๆ ไป ไม่รู้ว่าต้องทำไง แต่ก็ เฮ้อ ช่างแม่งเหอะ

หลังจากนั้นก็ไปเตร็ดเตร่ในสถานที่จัดงาน เพราะไอ้ปลายกับคนอื่นๆ ไปเตรียมเอฟเฟกต์ (?) การแสดง เลยปล่อยผมให้เป็นอิสระสักช่วง มันบอกเดี๋ยวตอนสองทุ่มค่อยไปเตรียมแต่งตัว เพราะการแสดงชุดแรกจะเริ่มตอนสามทุ่มครึ่ง

ที่จัดงานก็ไม่ได้พิเศษอะไร เป็นใต้ตึกคณะเนี่ยแหละ เพราะว่าตึกมันใหญ่ พื้นที่เลยค่อนข้างเยอะ ก็นะครับ มหา’ลัยคนรวย หึหึ ผมมองรอบๆ งานเลี้ยงก็เป็นแบบบุฟเฟต์ ให้ตักอาหารกินได้ตามสะดวก จะแดกเท่าไรก็ได้ไม่ว่ากัน แล้วแต่ใครอยากอันไหน แต่หมดแล้วก็หมดเลย ส่วนโต๊ะที่นั่งก็เหมือนจัดโต๊ะจีนงานปีใหม่อารมณ์นั้น ไม่ได้นั่งพื้นแดกเหล้า เรื้อนๆ ก็ลูกผู้ดีมีเงินกันนี่ครับ

ผมมากับไอ้กราฟ ก็ยืนคุยกันแหละครับ ไม่มีอารมณ์แดกอะไรเหมือนคนอื่นๆ ในคณะที่มันเริ่มสวาปามอาหารเบาๆ ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็มาด้วย เพราะคณะมันไม่ได้มีจัดงาน เห็นมันว่าจะมีอาทิตย์หน้า

พวกผมคุยเล่นกันไปตามประสา บ้าบอ ไอ้เคลมเล่านั่นเล่านี่ของมันเหมือนอย่างเคย เรื่องที่คณะบ้าง เรื่องหญิงที่มันหิ้วไปหิ้วมาบ้าง มันเปลี่ยนบ่อยแล้วก็เอามาเล่าบ่อย มีเปรียบเทียบด้วยว่าคนไหนเด็ดกว่า ผมก็อือๆ ออๆ กับมันไป

กูไม่มีมาเล่าเหมือนมึงนี่ สัตว์ ห่างหญิงมานานแล้วครับ จนลูกชายผมจะฟ่อหมดแล้ว พูดแล้วละเหี่ย

“เออนี่มึง กูได้ยินมาว่าช่วงนี้ไอ้เบนซ์มันอาละวาดว่ะ”

ไอ้กัสดึงความสนใจของทุกคนจากบทของไอ้เคลมได้ ผมเงยหน้ามองมัน เพราะมันสูงกว่าผมนิดหน่อย บอกแล้วว่าผมเตี้ยสุดในกลุ่ม แต่ก็ร้อยเจ็ดเจ็ดนะครับ ชื่อไอ้เบนซ์นี่เป็นที่รู้กันในหมู่เราว่ามันทำเชี่ยอะไร ไม่ต่างกับผมหรอก แต่ผมมีดีกว่ามันนะครับ ไม่บ้าเหมือนมัน

“ไมวะ”

ไอ้กราฟถาม มันก็ไม่ได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกเยอะกว่าผมเท่าไร เพราะหลังจากที่ผมโดนป๊าสั่งห้าม มันก็ดูเพลาเรื่องอบายมุขอะไรตามผมไปด้วย ก็มันต้องไปส่งผมกลับบ้าน เป็นสารถีส่วนตัว แต่ก็มีบ้างที่ออกไปเอามัน แล้วแต่ความอยากของมัน

“ก็มันไปแพ้พวกไหนไม่รู้ แล้วเสียเซลฟ์โคตร เลยท้ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ไปทั่ว นี่ก็แว่วๆ ว่าจะลามมาถึงพวกเราด้วย”

“อะไรของมันวะ”

ผมบ่นเซ็งๆ เพราะไม่ชอบให้ใครมาหาเรื่อง ถึงจะมีมาบ้าง แต่มันก็งี่เง่าเกิน พวกขี้แพ้ชวนตี โคตรไร้ศักดิ์ศรีเหอะ คนแบบนี้ผมไม่เอาตัวเข้าไปแลกหรอกครับ เสียเวลา

“ปล่อยมันหอนไปเหอะ พวกมึงก็ไม่ต้องไปยุ่ง”

ผมว่า ไอ้กัสไอ้กราฟก็หยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย เพราะว่ามันก็รำคาญ ถึงพวกผมจะอยู่ในวงการ แต่ไม่ได้กระเหียนกระหือรืออะไรขนาดนั้น สนุกๆ ไปเรื่อย ไม่ได้เอาเป็นเอาตายกับคำว่าแพ้ ผมก็ใช่ว่าไม่เคยแพ้ ไม่ได้เทพขนาดนั้น ถึงแม้ส่วนใหญ่จะชนะ แต่ยอมรับความจริงได้ ไม่เหมือนไอ้เหี้ยเบนซ์

“กูก็ไม่ยุ่งหรอก แต่อย่ามาหาเรื่องกูแล้วกัน”

ไอ้เคลมพูดแบบเซ็งในอารมณ์ เพราะมันมีลูกบ้ามากที่สุดในกลุ่ม ถ้าไอ้เบนซ์มาเยอะ ไอ้เคลมนี่แหละคงออกโรงคนแรก ผมจึงตบบ่ามันไปสองสามที ก่อนปรายตาไปเห็นคนบางคนที่กำลังเดินเข้ามาทางมุมตึก

เด่นเลยครับ ผู้ชายคนนั้น ผมเกือบลืมไปแล้ว แต่พอเห็นหน้าแล้วก็นึกขึ้นได้ ไม่ใช่ใครหรอกครับ ไนล์... คนที่ผมสงสัยว่ารู้จักไอ้กราฟได้ยังไงนั่นแหละ แล้วดูเหมือนการปรากฎตัวของมันเรียกสายตาจากคนอื่นๆ ได้พอสมควร เพราะหน้าตามันก็แบบนั้น ไม่แปลกหรอก แถมยังเป็นคนนอกคณะที่ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาด้วยมั้ง ผมคิดว่าอย่างนั้น เพราะไม่เคยเห็นมันในคณะตัวเอง

“กราฟ”

ผมเรียกเพื่อนซี้แล้วพยักพเยิดหน้าไปทางไนล์ให้มันเห็น มันก็หันไปมองตาม แต่ก็หันหน้ากลับมาหาผมเหมือนไม่ได้มองเห็นอะไรที่น่าสนใจ มันเฉยมากจนผมงง ฟวย เพื่อนมึงไง

“ไม่ไปหาเขาล่ะมึง ชวนมาใช่หรือเปล่า”

“กูไม่ได้ชวน ทำไมกูต้องชวน”

มันตอบ เล่นเอาผมงง ผมหันไปมองไอ้กัสกับไอ้เคลมด้วยหน้ามึนๆ พวกมันเองก็มองผมแบบมึนกว่า

“ก็มึงรู้จักเขาไม่ใช่เหรอ”

“อืม แล้วไง”

อ้าว ไอ้ห่า มันตอบมาเล่นเอาผมไปต่อไม่ถูก

“มึงเข้าไปคุยกับเขาหน่อยดิ ไหนๆ ก็มาแล้ว”

“ปล่อยมันไปเหอะ มันอยากทำอะไรมันก็ทำ”

ไอ้กราฟพูดแบบไม่แคร์ อะไรของมันวะ ปกติมันไม่ใช่พวกตายด้านแบบนี้ ออกจะใส่ใจความรู้สึกคนไปทั่ว โดยเฉพาะพวกเพื่อนๆ หรือคนรัก เป็นประเภทที่เอาใจใส่เขาจนบางครั้งก็ทำร้ายตัวเอง ผมกับคนอื่นๆ โคตรห่วงมันในจุดนี้ แต่คราวนี้แปลก แปลกมาก

ผมหันกลับไปมองไอ้กัสกับไอ้เคลมอีก ไอ้สองตัวนั้นก็เฉยๆ แล้วแต่การตัดสินใจของไอ้กราฟ ผมเลยตัดใจ ไม่ยุ่งด้วยก็ได้ ในเมื่อมันว่าแบบนั้นผมก็เลิกจะสนใจ แต่ก็มีบ้างที่เหลือบมองเป็นระยะ สบตากับไนล์สองสามที แต่รู้สึกเย็นๆ กับสายตามันยังไงไม่รู้ ขนาดไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่ก็ยังรู้สึก.... ว่างเปล่าว่ะ สายตาคู่นั้นไม่มีอะไรเลย

เข้าใจที่ไอ้กัสกับไอ้เคลมบอกแล้วว่าไนล์เป็นคนแบบนี้

แล้วเพราะมัวแต่มองไนล์ ผมเลยไม่ทันรู้ตัวว่ามีใครอีกสองคนมายืนอยู่ข้างๆ แล้ว กระทั่งหัวยุ่งถึงได้หันกลับมา มือใหญ่ๆ ของไอ้พี่ชมพูมาจัดการกับหัวผมอีกแล้ว

เจอแม่งทีไรต้องขยี้หัวผมทุกที เซ็งฉิบหาย!

ผมมองมัน ใช้สายตาลอดผ่านเลนส์แว่นออกไปว่าไม่พอใจ ขี้เกียจจะด่ามันแล้ว เบื่อ แต่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรแถมยังขยี้อีกสองสามที รังนกกระจุยกว่าเดิมอีกครับ ผมก็ปัดๆ ให้ผมเข้าที่ ไอ้รุ่นพี่แสนดี๊แสนดีก็ ‘หึหึ’ อยู่ในลำคอแล้วเปลี่ยนมาเอาแขนพาดบ่าผมแทน

“พวกมึงจะโชว์อะไรให้พวกกูดู”

พี่ชมพูกระชับวงแขนให้ผมเข้าไปประชิดตัวมันมากขึ้น ผิดกับพี่เจ๋งที่ยืนยิ้มให้แบบอุ่นๆ ดูอ่อนโยนมากครับ ผมชอบรุ่นพี่แบบนี้ ใจดี ปลื้มแทนไอ้กราฟ ลุงรหัสแม่งเจ๋งสมชื่อ ตรงข้ามกับไอ้คนที่บอกว่าจะเป็นพี่อุปถัมภ์ จะทำดีกับผม เหวมาก แม่งชอบก่อกวน ถึงสองวันที่ผ่านมาหลังจากผมสอบเสร็จมันจะไม่ได้มายุ่งอะไรด้วยก็เหอะ เพราะมันเพิ่งสอบเสร็จเมื่อวาน สงสัยไปหมกตัวอ่านหนังสือ แต่ทุกอย่างก่อนหน้านั้นไม่ได้มีอะไรน่าสรรเสริญ โดยเฉพาะเรื่องวันก่อนที่มันให้ผมดูดปากมัน

นึกแล้วเสียปากฉิบหาย ถึงผมจะไม่ได้คิดอะไรกับไอ้การกระทำง่ายๆ ระหว่างผู้ชายก็เหอะ เพราะจะว่าไปกับไอ้กราฟผมก็เคยทำหลายที ทุกครั้งก็มีเหตุผลทั้งนั้น ผมกับมัน... จะว่ายังไงดี เกินกว่าคำว่าเพื่อน เกินกว่าทุกอย่างไปแล้ว ถ้าวันนั้นไอ้กราฟไม่อยู่ตรงนั้น แต่เป็นไอ้กัสไอ้เคลม ผมก็แน่ใจว่าผมจะทำ ไม่เหมือนไอ้พี่ชมพูที่ผมรู้สึกว่า... มันจะดีกว่านี้ถ้าผมทำแล้วมันหายออกไปจากชีวิตผมเลย

“ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ พี่ชมพูอาจจะเบื่อ”

พอผมตอบแบบนั้น หน้าหล่อๆ ของมันก็เบี่ยงมาด้านหน้านิดหน่อย เหมือนจะชะเง้อมามองหน้าผมนั่นแหละ

กูอยู่ใกล้แค่นี้มึงไม่ต้องชะโงกมาก็ได้ หน้าตอนนี้มันโคตรใกล้ผมเหอะ จะดูดปากกูกลางงานหรือไง สัตว์

“เฮ้ย ได้ยังไง มึงต้องทำให้กูมีความสุขดิ”

“คำพูดส่อว่ะ”

ปากหมาของไอ้เคลมครับ มันมองพี่ภูของมันด้วยสายตาแปลกๆ แบบวิ้งวับเชิงหยอกๆ ไม่ได้จริงจังอะไร ไอ้รุ่นพี่กวนตีนเลยตอบกลับไป

“แล้วมึงอยากให้กูทำให้มึงมีความสุขไหมล่ะ......... สัตว์ .......... ลำแข้งกูเนี่ย”

คราวนี้ไอ้เคลมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเลย ชอบใจใหญ่นะมึง ผมส่ายหัวให้พวกมัน ทั้งเบื่อทั้งเซ็ง ไอ้สองตัวนี้เข้ากันดีเหลือเกิน ก็อย่างว่ารุ่นพี่รุ่นน้องคบกันมานาน

ผมไม่รู้ได้ยังไงวะ ว่าแม่งรู้จักกัน แถมสนิทกันด้วย ดูเหมือนโคตรโง่ ทั้งที่เป็นเพื่อนซี้มันมาตั้งหกปี

“ผมกับไอ้ยีนจะแสดงละครอะไรนิดหน่อย หวังว่าพวกพี่ๆ จะชอบ”

ไอ้กราฟบอกอย่างมีสาระ ทั้งลุงรหัสมันแล้วก็ไอ้คนที่อยากรู้อยากเห็น พี่เจ๋งก็ดูจะเห่อน้องตัวเองหน่อยๆ ถึงยิ้มดีใจอีกแล้ว คงปลื้มที่น้องได้เป็นตัวแทน แต่ไอ้พี่ชมพูนี่สิ มองหน้าผมด้วยสายตายังไงไม่รู้ว่ะ

“มึงแสดงด้วยเหรอ”

“...”

“หน้าตาแบบนี้เนี่ยนะ”

ห่า มึงจะด่ากูก็ด่ามาเลย สัตว์!!

“หน้าตาแบบผมแล้วมันยังไงครับ ทำไม่ได้?”

มองมันกลับไปแบบไม่พอใจเหี้ยๆ แม่งดูถูกกูว่ะ ผมเริ่มมีแรงฮึดขึ้นมาแล้วว่าจะแสดงแบบเอาเป็นเอาตาย ถึงพล็อตเรื่องจะทำให้รู้สึกว่าแม่งเหี้ยฉิบหาย แต่หยามกันแบบนี้ มึงอย่าฝัน

“เปล่า กูไม่ได้ว่าอะไร แค่แปลกใจ”

แน่ใจเหรอวะว่าเจตนามึงเป็นแบบนั้น มึงอมเขาพระวิหารมากูก็ไม่เชื่อเหอะ ถุย

“แต่กูจะรอดูมึง อย่าทำให้กูเสียอารมณ์ล่ะ น้องร้ากกก”

มันลากเสียงซะกระแดะจนผมอยากเอาตีนฟาดปากมันฉิบหาย แล้วยิ่งมันออกแรงกระชับตรงไหล่ผมให้ตัวเข้าไปเบียดกับอกมันยิ่งแล้วใหญ่

มึงจะมากมายไปแล้ว อย่าให้กูคิดว่ามึงกำลังแต๊ะอั๋งกูนะ กูไม่อยากคิด เดี๋ยวกูอ้วก










==============
ต่อแค่นิดเดียวเองค่ะ เพราะของตอนนี้มันเหลือแค่นี้
พี่ชมภูหลอกแต๊ะอั๋งน้องยีนอยู่เหรอ   :-[

ส่วนกราฟยีน มันมีอะไรลึกๆ อยู่ข้างใน ต้องรอติดตามกันต่อไปค่ะ

อีกเรื่องก็ที่มีคนบอกว่าไม่ค่อยชอบที่น้องยีนทำตัวไม่ดีกับพี่ภู ทั้งที่พี่ภูก็พยายามดีด้วยแล้ว
น้องยีนฝากมาบอก (?) ว่าก็ผมเป็นผู้ถูกกระทำนี่ครับ จะไม่ให้อคติด้วยก็คงแปลก

มีอะไรถามเพิ่มเติมได้นะคะ ถ้าเป็นส่วนที่ไม่ได้มีอธิบายในเรื่องอยู่แล้วจะให้แต่ละคน (?) มาตอบ


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-12-2011 19:43:49
 :a5: กราฟกับยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 17-12-2011 10:53:14
รอดูกราฟยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 17-12-2011 12:06:51
เมื่อไหร่จะเหนยีนถอดรูปอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 17-12-2011 21:31:00
งึมงำๆ แล้วน้องยีนก้ดิ้นไม่หลุดบทนายเอก
สู้ๆนะหนูนะ เป็นถึงนายเอกเชียวนะ
แต่หวังว่าจะไม่มีฉากจุ๊บกับพระเอกในเรื่องนะ
เจ้ไม่ย๊อมมมมม   :fire:



กราฟไนล์  ไนล์กราฟ
อะไร  มันยังไงกันเนี่ย
ทำไมช่างห่างเหิน
ทั้งๆที่วันนั้นออกมาจากห้องน้ำด้วยกันเลยนะ
น้องกราฟเย็นชาอ่ะ
ดูเย็นชากับไนล์จังเลยอ่ะ รู้สึกงั้นอ่ะ
แล้วตกลงมีซัมติงกันป่ะว้า 



พี่พูมาล่ะ เลื้อยตลอด
ติดสัมผัสจริงๆนะพี่อ่ะ
แต่รู้สึกจะติดแค่กะน้องยีนเน๊อะ
ใกล้น้องไม่ได้ จับนั่น โอบนี่ คล้องนั่น กอดนี่
พี่เอ้ย...จับปล้ำเลย (จะยุแม่งทุกตอน)



น้องยีนปรับมุมมอง แล้วเริ่มต้นกับพี่พูเขาใหม่เถอะนะๆ
เจ้ว่าพี่เขาก็น่ารักดีนา ลองมองพี่เขาในมุมใหม่เน๊าะๆ



น้องยีนได้ถอดรูปเพราะต้องมีเรื่องกะไอ้เบนซ์แหงๆ
คอนเดา ไม่คอนเฟิร์ม  
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-12-2011 21:32:25
น้องเกงยีนจะแสดงละครออกมาเป็นยังไงน๊าาา ได้ข่าวว่าจะจัดเต็มแม็คช่ายมะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 18-12-2011 00:40:53
รอ ละ คร เวที

การแสดง แบบ สด นี่ ยาก เหมือน กัน นะ


เป็น กำลัง ใจ ให้ คร้าบบ

 :3123: :3123: :3123: :3123:

ทั้ง เกง ยีน  กราฟ

และ ที่ สำ คัญ ที่ สุด คือ


คน เขียน คร้าบบบบบบบบ


 :m20: :jul3: :laugh: :pigha2: :m20: :jul3: :laugh: :pigha2:
เอา แบบ ฮา   จน ปวด ท้อง  ท้อง แข็ง เลย นะ
 :pigha2: :laugh: :jul3: :m20: :pigha2: :laugh: :jul3: :m20:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-12-2011 04:07:36
ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์พี่ชมภูต่อไป   :a11:

...ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยก็ตาม   :เฮ้อ:

นอกจากโดนดูดปากไป 1 ที (ซึ่งก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับยีนแม้แต่น้อย  :a6:)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 18-12-2011 16:29:34



    พี่ภูนี่แอบกระแซะๆเข้าถึงเนื้อถึงตัวขึ้นทุกวันนะ
    แล้วเพื่อนสนิทคู่นี้จะแสดงอะไรออกมาอีท่าไหนละเนี่ย
    แต่ถ้าเกินกว่าเพื่อนไปขนาดนั้นแล้ว จะให้แสดงขั้นไหนก็คงได้ล่ะเนอะ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 18-12-2011 16:53:40
กราฟยีนนนนน  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: pronpailin ที่ 18-12-2011 19:04:00
อร๊าย  :impress2: ไนท์ กะ กราฟ มี อารายอ๊ะป่าว อ่ะ แล้ว
ยีนรักกราฟ :กอด1: กราฟจะรู้ไหม ส่วนอิพี่ชมพู ช่างเหอะ :laugh:
รีบกลับมาต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 21-12-2011 16:00:54
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ น่ารักมากเลยอ่ะ ชอบๆ แล้วมาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8-2 : กลัวความคิดตัวเอง [16/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 21-12-2011 21:46:37
น้องเกงยีนแสดงเป็น  "เสงี่ยมศรี"

คงจะฮาแตกหรือไม่ก็อึ้งกันไปเลยก้ได้

อยากคู้ความรู้สึกของพี่ชมภูตอนที่ได้ดูดปากน้องเกงยีนยังว่าสยิวกิ้วขนาดไหน  อิอิ :-[   :-[   :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 28-12-2011 05:26:42
ตอนที่ 8 : จัดเต็ม














เห็นหน้าตัวเองแล้วเกือบช็อก อย่าหาว่าผมเว่อร์เลยเหอะ เพราะพวกในเมเจอร์แทบจับผมมัดกับเก้าอี้อยู่แล้ว ตอนนี้ผมอยากจะเอาสก็อตไบท์มาขัดหน้าตัวเองฉิบหาย เพราะไอ้พวกเหี้ยนี่มันจับผมแต่งหน้า

ทาตาสีแดงม่วงๆ อย่างกับไปโดนใครต่อยมา แถมยังปัดขนตาให้งอนเด้งขึ้นไปเกือบทิ่มเปลือกตา ไหนจะปากที่มันเล่นเอาสีแดงสดแบบโคตรสดมาทา หนำซ้ำยังไม่ได้ทาแบบธรรมดาซะด้วย มันวาดเลยขอบปากของผมไปเยอะ ถ้ามองไกลๆ ปากของผมคงหนาเกือบเท่าฝ่ามือ

เท่านั้นไม่พอ ไอ้ปลายยังเอาไฝปลอมมาติดให้อีกสองจุด กลางหน้าผากค่อนไปทางหัวคิ้วด้านขวาหนึ่งเม็ด ส่วนอีกเม็ดอยู่เหนือริมฝีปากปลอมที่วาดขึ้นมา ตบท้ายด้วยใส่วิกผมดำหยิกๆ ทรงแอฟโฟ่ แต่พอมองหน้าผมโดยรวมแล้ว... ลำหับชัดๆ เหี้ยเอ๊ย!

นี่ถ้าไอ้เอิร์ธกับไอ้นะไม่ล็อกแขนของผมเอาไว้คนละข้าง ผมคงได้ทำจริงแน่ เกิดมาไม่เคยเห็นตัวเองอุบาทว์ขนาดนี้มาก่อน

เกินจะรับได้จริงๆ หน้าหล่อๆ ของกู!

“ปล่อยเราไปล้างหน้าเถอะ ปลายมองแล้วไม่รู้สึกเหรอว่ามันน่าเกลียด”

“น่าเกลียดอะไร” ไอ้ปลายมองผมด้วยสายตาขบขันก่อนจะเอามือมาช้อนคางผม “แบบนี้น่ะ น่ารักออก เนอะ”

มันหันไปถามคนอื่นๆ ในเมเจอร์ที่ตอนนี้มารวมตัวกันในห้องเรียนซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณจัดงานแล้วยึดเป็นฐานลับชั่วคราว

“ใช่ น่ารัก หึหึ น่ารักมากก”

“สุดๆ เลย”

“สวยมากกกก”

“เสงี่ยมศรีเยี่ยมที่สุด”

พวกเปรตแม่งแหกปากร้องกันจนเสียงดังอย่างกับยุงตีกัน ก็มึงไม่ได้โดนจับมาแต่งหน้าอุบาทว์แบบกูนี่ พวกมึงก็พูดได้สิ ไอ้สาดดดด

“กูว่าน่าจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกนะเนี่ย”

อยู่ๆ ไอ้สัตว์เม่นก็พูดออกมา แล้วยังล้วงมือถือในกระเป๋ามันออกมาถ่ายอีก เหี้ยยยย ผมกระถดตัวหนีมันแล้วก้มๆ หน้าหนีไปด้วย พยายามไม่ให้มันถ่ายติดหน้าผมได้

ถ้าเป็นปกติผมยกตีนถีบมันไปแล้ว แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ ไอ้เม่นถึงได้ไล่ถ่ายรูปผมไม่เลิก ดีที่ไอ้กราฟเดินมาหาเสียก่อน ไอ้เม่นถึงได้เลิกถ่าย เพื่อนรักของผมคงทนไม่ไหวที่ผมกำลังโดนรังแก

กูรักมึงสุดๆ เลย กราฟ!

แต่มันเสือกไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะหลังจากไอ้เม่นถอยห่างออกไปหน่อย ไอ้กราฟก็ยังไม่หยุดเดินเข้ามา มันตรงเข้ามาล็อกคอผมไปกอดแล้วหันไปบอกไอ้เม่น

“ถ่ายคู่ให้กูรูปนึงดิ”

สัตว์กราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ!!!!!!!!!

ตีนของผมคันขยิบๆ เลย เหี้ยเอ๊ย มึงเป็นเพื่อนกูจริงเหรอ มึงถึงทำร้ายกูแบบนี้ ผมจ้องหน้ามัน เอาสายตาจิกผ่านเลนส์แว่นให้มันรู้ว่าผมโคตรไม่พอใจ ไม่พอใจมาก กูเกลียดมึงๆๆๆๆๆ แต่มันก็ทำหน้าเฉยก่อนจะฉีกยิ้มเบาๆ ให้ผม

ไอ้เหี้ยกราฟ อย่าให้อยู่กันสองคนนะ มึงโดนตีนกูแน่!!

นอกจากหน้าตาอันหล่อเหลาของผมจะมีมลทินแปดเปื้อนไปมากกว่าเดิมแล้ว การแต่งตัวยังเลยคำว่า ‘อุบาทว์’ ไปอีกหลายสิบล้านปีแสง เพราะไอ้ปลายสั่งเพื่อนผู้ชายในเมเจอร์อีกสองคนมาช่วยจับผมแก้ผ้า มันแทบจะกระชากเสื้อออกจากตัวผมแล้วด้วยซ้ำถ้าผมไม่ร้องโวยว่าจะยอมใส่เสื้อผ้าที่มันหามาให้

แม่งงงง เหี้ยกันทั้งเมเจอร์จริงๆ!

ผมต้องยอมใส่ผ้าถุงทับกางเกงยีนสีเดนิมของตัวเองแล้วเปลี่ยนเสื้อที่เกือบจะหลุดติดมือไอ้ก้องกับไอ้ป๋องไปเป็นเสื้อคอกระเช้า ห่าาา แค่คิดสภาพตัวเองก็สังเวชแล้วครับ ผมไม่กล้าส่องกระจกแล้วด้วยซ้ำ ดีที่ไอ้ปลายยังเวทนาผม โยนเสื้อคลุมแขนยาวที่มันใส่มาเรียนวันนี้ให้ แต่แม่ง... สีชมพูหวานแหววจนอ้วกจะแตก

กูกลายเป็นตัวอะไรแล้ววะ

ผมยืนคอตกทำใจกับสภาพเละเทะของตัวเองไม่ได้ ขณะที่คนอื่นๆ แม่งหัวเราะหึๆ ในคอ บางคนก็ขำกลิ้งไปแล้ว สัตว์ขำได้ขำดีนะพวกมึง แถมไอ้ปลายยังตบบ่าผมปุๆ บอกด้วยแววตาที่มีประกายความหวังและความมั่นใจเต็มเปี่ยม

“กูว่าไม่ต้องแสดงอะไร คนเขาก็ฮามึงทั้งงานแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

หัวเราะร่วนเลยนะมึง ให้กูจับมึงมาแต่งแบบนี้มั่งไหมล่ะไอ้ห่า จริตหญิงของมึงคงตายเหวตายห่าไปหมดแล้ว เหลือแต่สีชมพูที่มึงใช้เนี่ยแหละที่บอกว่ามึงเป็นผู้หญิง

ผมได้แต่ด่ามันในใจเพราะพูดอะไรออกไปไม่ได้ มองคนอื่นรอบๆ ตัวก็ดูจะประสาท อุปทานหมู่หรือไข้แดกอะไรไม่รู้ ดูภูมิอกภูมิใจกับสภาพทุเรศของผมเสียเหลือเกิน

พวกมึงไม่ถามกูเลยนะว่ากูเต็มใจไหม สัตว์

ผมทิ้งตัวนั่งกับเก้าอี้อย่างเซ็งๆ ไม่ต้องมีคนมาจับแล้ว ตอนนี้ได้แต่ปลงอย่างเดียว ไอ้กราฟก็เหมือนจะเข้าใจผมดีเลยมานั่งข้างๆ แล้วปลอบใจ

“มึงก็ทนๆ ไปเหอะ ไม่มีอะไรหรอก จบงานก็จบกัน ถือว่าทำเพื่อเจอร์”

“มึงลองมาเป็นกูไหมล่ะ นางเอกหน้าเหี้ยแบบนี้ใครจะเอาวะ”

“ก็คุณเด่นชัยนี่ไงครับ”

มันยิ้มแล้วยื่นมือมาจับมือผมประกบไว้ แถมยังส่งสายตาปิ๊งๆ ให้ผมเสียอีก เห็นแล้วคลื่นไส้ขึ้นมาทันที เกือบเก็บตีนที่กำลังจะกระตุกแทบไม่ทัน

“กูไม่อยากนึกว่าถ้ากูออกไปแสดงแล้วจะอับอายแค่ไหน คงดังไปทั่วคณะ ทั่วมหา’ลัยก็คราวนี้แหละ จะดังยิ่งกว่าตอนเดินกับพวกมึงอีก”

“ขำๆ น่า ก็เราจะทำให้รุ่นพี่ประทับใจนี่หว่า มันก็ต้องแบบนี้แหละ มึงก็ทำเป็นตาบอด หูหนวกสักครึ่งชั่วโมง”

ทีอย่างนี้มาทำเป็นปลอบใจ เมื่อกี้ล่ะแม่งน่าเอาแข้งฟาดปาก ผมมองไอ้กราฟอย่างปลงๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“นี่กูต้องทำตามสโลแกนคณะที่ว่านิเทศฯ ต้องไม่รู้จักอายจริงๆ เหรอวะ กูโคตรอายเลยเหอะ”

“มึงไม่ต้องกลัวหรอก ถ้ามึงอาย กูจะอายเป็นเพื่อนมึง”

ไอ้กราฟปล่อยมือที่จับกันอยู่เมื่อกี้มาเป็นกอดคอผมไว้แทน

“เออดิ ถ้ามึงทิ้งกูนะ”

มันมองหน้าผมยิ้มๆ ตอนที่ผมขู่ ก่อนจะบอก

“กูไม่ทิ้งมึงหรอก กูรักมึงจะตาย มึงก็รู้ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน”

ได้ฟังมันยืนยันหนักแน่นแล้วผมก็สบายใจ เอาก็เอาวะ อายเป็นอาย













เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด พอเสงี่ยมศรีปรากฏตัวขึ้นบนเวทีที่ถูกทำขึ้นและตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของด้านหน้าสุด เสียงหัวเราะครืนก็ดังอย่างกับจะให้ตึกที่ใช้จัดงานถล่มลงมา ผมอายจนแทบจะเอาหัวมุดกระถางต้นไม้แถวนี้ ไม่ก็ใช้คาถาไฟฟ้าแสนโวลล์ของโดราเอมอนให้หายตัวไปทันที โดยเฉพาะตอนที่หางตาเหลือบไปเห็นไอ้พี่ชมพูนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าสุด

ไอ้พี่ชมพูเชี่ยแม่งเห็นหน้าผมแล้วหัวเราะจนเกือบตกเกาอี้ หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนจะไม่มีโอกาสหัวเราะต่อไปอีกในชาตินี้ หัวเราะเผื่อไปชาติหน้าและอีกหลายๆ ชาติของมัน

มึงจะหัวเราะอะไรนักหนาวะ คิดว่ากูไม่อายหรือไง!

มันยกนิ้วโป้งให้ผมด้วย แต่ผมอยากจะยกนิ้วกลางกลับไปให้มันแทน แถมยังอ่านปากของมันที่ทำเหมือนจงใจจะพูดกับผมได้ว่า ‘กูรอดูมึงอยู่นะ’

ห่าเอ๊ย แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมยิ่งรู้สึกอยากจะถอดวิกบนหัวแล้วเหวี่ยงใส่ปากมันได้ยังไง แต่ถึงจะหมั่นไส้และอยากกระทืบไอ้รุ่นพี่ที่กวนส้นตีนผมเท่าไร ผมก็ต้องยอมสู้ทนความอับอายแล้วบอกตัวเองว่าต้องทำให้มันยอมรับฝีมือผมให้ได้

บทละครที่คิดไว้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งชื่อ เสงี่ยมศรี ที่เดินทางจากเมืองกรุงแสนศิวิไลซ์ มายังบ้านนอกเพราะระกำช้ำชอกในรักที่ไม่สมหวัง แต่พอย้ายมาอยู่ชนบทแล้วก็ไม่วายต้องตาต้องใจชายหนุ่มหลายต่อหลายคน พยายามแล้วพยายามเล่าเพื่อให้ตัวเองสมหวังในรัก แต่ก็อกหักไปเสียทุกครั้งด้วยเหตุผลว่าใบหน้าสวยสดงดงามเกินไปจนมาสุดที่คำว่าอัปรีย์ แม้ว่าจะพยายามอ้อนวอน เกาะแข้งเกาะขา บีบน้ำตาขอความรักความเห็นใจ ใช้มารยาร้อยล้านเล่มเกวียนก็ไม่ได้ผล

เล่นไปผมก็อยากจะอ้วกกับบทของตัวเอง แม่งโคตรน้ำเน่าฉิบหาย เล่นแล้วยังรับตัวเองไม่ได้ รังเกียจตัวเอง ต้องไปออเซาะเพื่อนร่วมเมเจอร์ที่รับบทเป็นผู้ชายทั้งหลายของเสงี่ยมศรี

นี่กูกระแดะได้ขนาดนี้เชียวเหรอ

เสียงหัวเราะก็ฮากันครืนๆ อย่างกับฟ้าจะถล่มลงมา ผมควรภูมิใจใช่ไหมว่าทำให้คนทั้งคณะบันเทิงใจได้ขนาดนี้

เรื่องราวของเสงี่ยมศรียังมีต่อไปหลังจากอกหักเป็นรอบที่เท่าไรผมก็ไม่แน่ใจ เสงี่ยมศรีได้เจอกับรักแท้ เป็นคุณชายของบ้านใกล้เรือนเคียงที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน คุณเด่นชัยเป็นคนรูปหล่อ ก็ไอ้เชี่ยกราฟนั่นแหละครับ ผมหรือจริงๆ ก็เสงี่ยมศรี เฝ้าดอมๆ มองๆ ทุกวัน กระทั่งวันหนึ่งโดนคุณเด่นชัยจับได้ เลยได้พูดคุยกันเป็นครั้งแรก

แต่แค่ได้คุยกันวันเดียวก็ทำให้เสงี่ยมศรีถึงขั้นหลงเพ้อ อาการหนักขั้นโคม่า สภาพผมที่เล่นเป็นเสงี่ยมศรีตอนหลงรักคุณเด่นชัยนี่ไม่ต่างจากเพิ่งออกมาจากศรีธัญญา แอบดอดไปหาคุณเด่นชัยทุกครั้งที่มีเวลาว่าง กระทั่งได้พลอดรักกัน...

ผมนั่งลงข้างไอ้กราฟ ส่วนมันก็จับมือผมไปกุมไว้ ผมก็เล่นตามบท เอนหัวไปซบกับบ่ามัน ทำท่าออดอ้อนตอแหลอย่างคาแรกเตอร์ที่ได้รับ แถมมีการเอานิ้วไปเขี่ยเล่นแถวหน้าอกไอ้กราฟอีก

“คุณเด่นชัยรักเหงี่ยมไหมคะ”

เสียงโคตรดัดจริตเลยครับ ออกจากปากตัวเองยังจะขย้อนของเก่าออกมา แถมต้องทำตาปริบๆ แบ๊วๆ มองหน้าไอ้กราฟให้มันดูน่าเอ็นดู แต่ผมว่าถ้าในสายตาผมคงน่าถีบมากกว่า ส่วนไอ้กราฟก็ยิ้มๆ แล้วมองผมอย่างอ่อนโยนมาก ผมแอบขนลุกขึ้นมาหน่อยๆ แล้วเหอะ ถึงผมกับมันจะรักกัน แต่ก็ไม่ได้หวานซึ้งแบบนี้

“รักสิครับ ผมรักเหงี่ยมมากเลยนะ”

มันเอาหลังมืออีกข้างมาแตะแก้มผมเบาๆ ผมก็ต้องทำท่าเอียงอายให้ยิ่งดูน่าถีบมากกว่าเดิม ตอนนี้หางตาของผมปรายไปทางไอ้พี่ชมพูพอดี มันมองผมแบบตั้งใจเกินไปไหม มึงไม่ต้องตั้งใจดูการแสดงของกูขนาดนั้นก็ได้ มันจ้องจนผมประหม่าไปวินาทีหนึ่งเลย

ผมดึงสติกลับมาแล้วเอากำปั้นทุบบ่าไอ้กราฟหนึ่งทีเบาๆ แก้เขิน แต่เล่นเอาไอ้กราฟเกือบกระอัก เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาอีกระลอก แต่แป๊บเดียวก็เบรกอารมณ์ของพวกคนดูให้กลับมาเงียบอีกครั้งเพราะไอ้กราฟดึงมือผมไปจูบ แน่นอนว่าไม่ได้นัดแนะกัน ก็เล่นสดนี่ครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร แต่เราส่งมุกกันทางสายตาได้ คงเพราะแบบนี้ด้วยมั้งที่ทำให้ผมสนิทกับมันมากกว่าใคร

ในเมื่อไอ้กราฟส่งมาขนาดนี้ ผมก็เล่นต่อ กัดริมฝีปากแล้วทำท่าเขินอายมากกว่าเดิม ก่อนจะพูดด้วยเสียงดัดจริตแบบเกินลิมิตไปไกล

“คุณเด่นชัยทำอะไร เหงี่ยมอายนะคะ เดี๋ยวเกิดมีใครมาเห็น”

ต่อจากที่พูดแบบนั้น การกระทำก็ออกมาตรงข้ามกัน ผมหลับตาแล้วยื่นปากที่ทาลิปสติกสีแดงเกินขอบปากบนกับล่างมาเกือบนิ้วจนไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นปากคนหรือโถส้วมกันแน่ ไอ้กราฟก็เก่งที่ไม่หลุดหัวเราะออกมา แถมยังโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมด้วย

เท่านั้นแหละครับ เสียงฮือฮาดังอื้อ ทุกคนลุ้นว่าต่อไปจะเป็นยังไง อย่าว่าแต่พวกมันลุ้นกันเลย ผมก็ลุ้นเหมือนกันว่าฉากต่อไปจะออกมาเป็นแบบไหน เพราะไอ้ปลายไม่ได้บอกไว้ว่าจะให้จบยังไง บอกให้เอาตามสถานการณ์เลย แล้วสถานการณ์ที่ว่ามันก็...

ไอ้กราฟจูบผมเบาๆ ตำแหน่งที่มันจูบก็เหนือปากผมนิดหน่อย แล้วอาศัยว่ามันเบี่ยงตัวนิดๆ เหมือนหลบมุมกล้อง เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในคณะกระหึ่มเลยครับฉากนี้ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องกรี๊ดกันสนั่น ส่วนไอ้พวกผู้ชายแม่งก็โห่ห่าเหวไปตามประสา ได้ยินก็คึกดิครับ

พวกมึงสนุกกันมากใช่ไหม เดี๋ยวกูจัดเต็ม นิเทศฯ ต้องไม่รู้จักอาย!

ผมยกแขนขึ้นคล้องคอไอ้กราฟ ยกตีนขึ้นมาสองข้างแล้วเอาขากอดเอวมันไว้ เข้าสู่ฉากเสียตัวของเสงี่ยมศรีแบบเต็มอัตราศึก ไอ้กราฟก็ตอบสนองเต็มที่ ผลักผมลงบนม้านั่งที่นั่งอยู่แล้วกอดฟัดผมอยู่อย่างนั้น ส่วนไอ้ปลายก็ไหวพริบดี เรียกให้พวกในเมเจอร์ออกมาวิ่งรอบพวกผมอย่างกับวิ่งรอบกองไฟ ทำประหนึ่งเป็นโมเสกเซนเซอร์ฉากต้องห้าม ก่อนจะเปลี่ยนฉากเป็นฉากที่เสงี่ยมศรีโดนจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กับคุณเด่นชัย เลยถูกด่าสาดเสียเทเสีย ผมก็แกล้งบีบน้ำตาให้ดูน่าสงสาร แต่ไม่มีหรอกครับไอ้น้ำหยดๆ ออกมาจากลูกตา

สุดท้ายก็มาถึงไคลแมกซ์ของเรื่องที่มาจากไหนไม่รู้ เติมกันเอาเองทั้งนั้น เสงี่ยมศรีได้รู้ความจริงว่าจริงๆ แล้วคุณเด่นชัยเป็นผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลบ้า สติไม่ค่อยดี เดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า แค่ถูกพากลับมาบ้านเพื่อพักผ่อน แต่เดี๋ยวก็ต้องถูกส่งกลับไปอยู่ในโรงพยาบาลใหม่ พอได้รู้ความจริงเสงี่ยมศรีก็ตกใจ ผมทำท่าช็อกก่อนจะลงไปชักดิ้นชักงออยู่กับพื้นแล้วจบละครบ้าบอนี่ด้วยการตายแบบอนาถใจของเสงี่ยมศรีเพราะทำใจรับไม่ได้ที่เสียตัวให้คนบ้า

เสียงปรบมือดังก้องปนกับเสียงโห่แซวจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ผม ไอ้กราฟ รวมทั้งคนอื่นๆ ออกมาโค้งให้กับผู้ชมก่อนจะลงจากเวทีไป แล้วพอจบการแสดงจริงๆ ผมก็ถูกรายล้อมด้วยพวกในเมเจอร์ คำชมดังทั่วสารทิศ

“เก่งนี่มึง”

“เจ๋งโคตรอะ กูโคตรฮา”

“มึงนี่มันสุดๆ เห็นหงิมๆ แบบนี้นึกว่าจะไม่ได้เรื่องซะแล้ว”

“ยีนเก่งอะ กราฟก็ด้วย สองคนเล่นเก่งมาก โดยเฉพาะยีน”

ผมหันหน้าไปยิ้มๆ กับกราฟ ถึงมันจะเป็นบทที่อุบาทว์และทำให้อับอายได้จนถึงอายุหกสิบ แต่ก็ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง ผมกับมันแท็ค มือกันอย่างพอใจในผลลัพธ์ ก่อนจะขอแยกตัวออกไปเพราะอยากเปลี่ยนชุดนี่ออกไปสักที ชุดอะไรทุเรศเหี้ยๆ

“เดี๋ยวกูขอไปล้างหน้าก่อน เหนียวฉิบหาย”

ไอ้กราฟก็ตามมาด้วย ผมเลยบอกมันก่อน

“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูรอที่ห้อง”

“เออ มึงไปก่อนเลย กูปวดเยี่ยวด้วย”

ผมบอกมันก่อนจะเดินแยกไปอีกทางหลังจากเข้ามาในตึกแล้ว แต่พอเดินไปถึงหน้าห้องน้ำ เสียงคุ้นๆ ก็ดังจากทางด้านหลัง พอผมหมุนตัวกลับไปดูก็เป็นอย่างที่คิด

“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงวะ”

ไอ้พี่ชมพูเดินเท้าเอวมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“เปล่าครับ แล้วพี่ชมพูมานี่ได้ยังไงครับ เข้าห้องน้ำเหรอ”

“กูเดินตามมึงมานั่นแหละ”

งง เหมือนผมจะโง่แดกไปชั่วคราว มองหน้ามันแบบเอ๋อเรอไปวินาทีหนึ่ง มันเลยตอบกลับมาให้ผมรู้

“มึงจะมาล้างหน้าใช่หรือเปล่าล่ะ”

“แล้ว? ยังไงครับ”

“กูมาขอดูหน้ามึงใกล้ๆ ก่อน เมื่อกี้เห็นไม่ชัดว่ะ”

มันบอกผมแบบนั้นแต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่โคตรตอแหลเลย

มึงไม่เห็นได้ไง มึงนั่งหน้าอยู่หน้าสุด ถ้ามึงไม่เห็นแล้วใครจะเห็นวะ

ผมมองมันเฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ขี้เกียจต่อประโยคกับมัน เดี๋ยวยาว เสียเวลา มันอยากทำอะไรก็ให้มันรีบๆ ทำ ซึ่งความเงียบของผมก็ทำให้มันย่างเท้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม หน้าหล่อๆ ที่จะหล่อกว่านี้ถ้าปากไม่วอนตีนยื่นเข้ามาใกล้ ก่อนนิ้วชี้ของมันจะป้ายลงบนแก้มผมแล้วเลื่อนลงมาตรงเหนือปาก

“มึงใช้อะไรทาปากวะ อย่างกับเพิ่งไปกินตับใครมา”

“ไม่รู้ครับ เพื่อนในเจอร์มันจัดการหมด”

“แดงเด่นฉิบหาย”

“ถ้าไม่แบบนี้พี่ก็ไม่ฮาสิครับ ดีแล้วไม่ใช่หรือไงที่ทำให้รุ่นพี่พอใจการแสดงของเจอร์ผมได้”

“เออ เจอร์มึงมันเจ๋ง โดยเฉพาะมึง”

มันผลักหัวผมเบาๆ แล้วยิ้มนิดๆ พลางชม เล่นเอาผมยิ้มออก ก็คนอย่างไอ้พี่ชมพูเหรอ ชมผมคงยาก พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศใต้พร้อมฝนตกแน่

“ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้วผมขอไปล้างหน้าก่อนแล้วกัน”

ผมก้มหัวให้พี่ชมพูหน่อยๆ ตามมารยาทถึงจะไม่ได้เคารพอะไรมันเท่าไรก็เถอะ แต่ว่ายังเดินไปไม่ถึงสองก้าวแขนยาวๆ ก็ยื่นออกมากันตัวผมไม่ให้เดินต่อ ผมจึงเงยหน้ามองเจ้าของแขน

“อย่าเพิ่งล้าง”

“พี่มีอะไรเหรอครับ”

“กูขอถ่ายรูปมึงก่อน”

“เฮ้ย ไม่เอา”

ร้องออกมาทันทีหลังได้ยินมันพูดแบบนั้น ผมแทบจะโกยอ้าวหนีมัน แต่ว่าไอ้รุ่นพี่ตัวดีก็ตามเกมทัน เอาแขนล็อกตัวผมไว้ได้ก่อน มันรัดแขนตรงท้องผมแน่นไม่ให้ผมหนีไปได้

“มึงอย่าดิ้นดิ กูแค่อยากเก็บรูปมึงไว้เป็นที่ระลึก”

“ไม่เอา ผมไม่ถ่าย มันอุบาทว์”

“อุบาทว์อะไร น่ารักจะตาย”

มันพูดออกมาแบบนั้น แต่ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะในคอ ก็อยู่ใกล้ซะจนตัวผมแทบจะบี้ไปกับอกมันอยู่แล้ว ไม่ให้ได้ยินได้ยังไง แค่นั้นผมก็รู้แล้วแม่งมีจุดประสงค์ไม่ดี

ประชดกูชัดๆ กะเอารูปกูไปประจานล่ะสิมึงน่ะ เรื่องอะไรจะยอม

ผมพยายามงัดตัวเองออกมาจากแขนของมัน แต่ว่ามันก็ไม่ปล่อยง่ายๆ แถมตอนนี้มันล้วงโทรศัพท์ออกมายื่นตรงหน้าเตรียมถ่ายแล้วด้วย คราวนี้ผมเลยต้องเบี่ยงหน้าหนีเป็นพัลวัน

“น้องเกงยีน”

อยู่ๆ มันก็เรียกผม แต่ผมจะไม่ชะงักหรอกนะถ้ามันไม่ได้เรียกผมด้วยเสียงแบบนี้ เสียงแบบอ่อนๆ หวิวๆ ยังไงชอบกล เล่นเอาผมขนลุกซู่ขึ้นมาเลย

“ให้พี่ถ่ายรูปน้องเกงยีนหน่อยดิครับ”

ไอ้เหี้ย มันพูดกับผมเพราะมาก แล้วเสียงแม่งก็ไม่ได้กวนตีนด้วย ทำผมไปต่อไม่ถูกเลย ใช่ว่าผมไม่รู้ว่ามันพูดดีแบบนี้เพราะอยากให้ผมยอมมัน แต่ไม่รู้ดิ อยู่ๆ ก็พูดอะไรไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ มันเลยอาศัยจังหวะนั้นถ่ายรูปผม

เสียงชัตเตอร์โทรศัพท์ทำให้ผมรู้ตัวแล้วหันไปถลึงตามองไอ้พี่ชมพูที่ฉีกยิ้มกว้าง หนำซ้ำยังพูดด้วยเสียงที่โคตรกวนส้นตีน

“เอารูปนี้ไปติดหัวเตียงน่าจะดีนะ คงหลับฝันดี ช็อกแบบน็อคไปเลย”

วอนตีนไหมล่ะครับ ถึงจะไม่พอใจมันทั้งการกระทำและคำพูด แต่ผมก็รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงได้มีแลกกันหมัดสองหมัดไปแล้ว ผมสงบใจแล้วออกแรงดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของไอ้พี่ชมพู

“ถ่ายแล้วจะปล่อยผมได้ยังครับ”

“อ้อ”

มันร้องเหมือนเพิ่งนึกได้แล้วก็ปล่อยผมออกจากกรงแขนแต่โดยดี ผมจึงเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการกับหน้าตาของตัวเอง แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย เพราะแค่น้ำประปาธรรมดาจะไปล้างพวกเครื่องสำอางให้หมดจดได้ยังไง ยิ่งหนาเกือบเป็นนิ้วแบบนี้ด้วยแล้ว ขนาดปากที่เด่นที่สุดแต่ติดทนน้อยที่สุดยังลบรอยออกไปหมดไม่ได้ ผมเลยต้องออกมาจากห้องน้ำทั้งที่หน้ายังไม่เกลี้ยง

ออกมาแล้วก็เจอพี่ชมพูยืนพิงกำแพงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ไปไหน แต่มีหรือผมจะสนใจ เดินผ่านหน้ามันไปเลยครับ โชคดีว่าตอนเดินออกมาจากห้องน้ำผมใส่แว่นไว้ก่อนแล้ว ไม่งั้นคงเจอแจ็คพอต แต่ก็อีกนั่นแหละ มันดึงแขนผมไว้

อะไรกับกูนักหนาเนี่ย!

“ไหนว่าเข้าไปล้างหน้าไง ยังออกมาสภาพไม่ต่างจากเดิมเท่าไร”

“ถ้ามันล้างออกผมคงไม่ออกมาทั้งหน้าแบบนี้มั้งครับ”

ผมย้อนกลับ มันก็พยักหน้าหงึกๆ เหมือนเข้าใจ ยอมปล่อยมือออกจากแขนผม ส่วนผมก็เดินไปห้องที่เก็บของของผมอยู่ ซึ่งมีไอ้กราฟรออยู่ข้างในห้องนั้นแหละ แต่เดินไปถึงแล้วผมเพิ่งรู้ว่าไอ้พี่ชมพูเดินตามมาด้วยเพราะเสียงไอ้กราฟที่ทักมัน

“พี่มาด้วยเหรอ”

“เออ กูมาคุยกับพวกมึงนั่นแหละ”

ปล่อยให้พวกมันคุยกัน ส่วนผมก็หยิบเสื้อผ้าที่กองไว้ขึ้นมาเปลี่ยน ถอดผ้าถุงออกเพราะกางเกงยีนที่ใส่อยู่ด้านในไม่ได้ถอดออกอยู่แล้ว ส่วนเสื้อก็ถอดเสื้อคลุมของไอ้ปลายออก ตามด้วยเสื้อคอกระเช้าที่ใส่อยู่แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่แทน ติดกระดุมพลางเดินมาหาไอ้กราฟที่คุยกับพี่ชมพู

“กราฟ มึงมีพวกสบู่หรือโฟมล้างหน้าอะไรป่ะ หน้ากูล้างไม่ออกว่ะ เหนียวเหี้ยๆ”

“อ๋อ ในกระเป๋าไอ้ปลายคงมีมั้ง มึงลองหาดู”

ฟังมันว่าอย่างนั้นผมก็เดินไปหากระเป๋าของไอ้ปลายที่วางทิ้งเอาไว้ เพราะกระเป๋าของคนในเมเจอร์ส่วนใหญ่ก็ทิ้งไว้ที่ห้องนี้กันหมด พวกมันขี้เกียจแบกเข้าไปในงานด้วย เอาแต่กระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ติดตัวกันไป

“พวกมึงนี่สนิทกันซะจริง”

เสียงของไอ้พี่ชมพูดังอยู่ด้านหลัง แต่ผมมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าเลยปล่อยให้มันพูดไป ซึ่งไอ้กราฟก็เป็นคนต่อบทสนทนากับเพื่อนลุงรหัสมัน

“สนิทดิพี่ ก็รู้จักกันมาตั้งแต่ขึ้นม.ต้น”

ไอ้กราฟตอบเสียงปนขำนิดหน่อยเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ซึ่งผมก็เห็นด้วย สนิทกัน แปลกตรงไหน?

“แต่กูเพิ่งรู้ว่าเพื่อนสนิทนี่เขาจูบกันเป็นเรื่องปกติ”

“จูบ?” คราวนี้กราฟทำเสียงงง ผมก็หันหลังแล้วเหลือบไปมองคนพูดที่เหมือนจะแดกดันนิดนึงพลางหาของในกระเป๋าไอ้ปลายต่อ “จูบอะไรพี่ ใครจูบใคร”

“ก็มึงสองคน”

“เราจูบกันด้วยเหรอวะ ยีน”

ไอ้กราฟตะโกนถาม ทำให้ผมต้องเข้าไปร่วมในเรื่องที่มันคุยกัน ผมเลยตีหน้ามึนใส่

“จูบอะไร ใครจูบ” ย้อนถามเหมือนไอ้กราฟเกือบทั้งดุ้น

ไอ้พี่ชมพูทำหน้าเหมือนไม่พอใจแล้วโพล่งออกมาหลังจากจ้องไปที่ปากไอ้กราฟ พอผมมองตามก็เพิ่งเห็นว่าปากไอ้กราฟเลอะลิปสติกนิดๆ คงติดมาตอนที่แสดงละครนั่นแหละ ก็ปากผมโดนลิปสติกสีแดงละเลงทั่วซะขนาดนั้น

“ก็ที่แสดงนั่นไง แล้วยังตอนที่มึงเป็นไข้อีก กูสงสัยนานแล้ว พวกมึงเป็นเพื่อนกันจริงเหรอ ความสัมพันธ์พวกมึงแปลกๆ ว่ะ ตัวติดกันแล้วยังสนิทกันแปลกๆ อีก”

“ที่แสดงละครเมื่อกี้ไม่ถือว่าจูบหรอกพี่ ก็แค่เหนือๆ ปาก ผมกับยีนไม่ได้ซีเรียสอะไร แล้วนี่ยังเป็นเพราะการแสดงด้วย แต่เรื่องจูบตอนเป็นไข้นั่นอะไร”

กราฟทำหน้างงๆ มองหน้ารุ่นพี่ของมันทีมองหน้าผมที ผมเลยต้องรีบแทรกเสียงขึ้นมาก่อนที่ไอ้คนขี้สงสัยจะพล่ามอะไรมากไปกว่านี้

อดีตของกราฟ ผมไม่อยากให้ใครไปแตะต้องมันอีก โดยเฉพาะคนนอก

“ก็ไม่มีอะไร ใช่หรือเปล่าครับพี่ชมพู พี่คงละเมอเองนั่นแหละ”

ผมเดินไปดึงแขนไอ้พี่ชมพูไว้ทั้งที่มืออีกข้างถือกระเป๋าเครื่องสำอางของไอ้ปลายอยู่ กระตุกเบาๆ ให้มันเบือนหน้ามามองผมแล้วส่งสายตาไปให้ หวังว่ามันจะพอเข้าใจแล้วไม่พูดถึงเรื่องนี้ต่อไปอีก

“เหรอ?” มันครางเสียงออกมาพลางมองหน้าผมไปด้วย ผมถึงขั้นต้องขอร้องมันทางสายตา มันจึงยอมพูดออกมา “เออ สงสัยกูจำผิด”

ทีนี้ผมก็ยิ้มได้ ไอ้พี่ชมพูได้ทีมองหน้าผมแล้วส่งสายตาให้รู้ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันอีก พลอยให้ผมแอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ไม่ให้ไอ้กราฟเห็น แต่ไม่ทันถอนหายใจเสร็จ เพื่อนลุงรหัสของไอ้กราฟก็ถาม

“มึงได้ของยัง”

ผมค่อนข้างมึนที่มันเปลี่ยนเรื่องเสียเฉยๆ แล้วยังถามอะไรแบบไม่มีที่มาที่ไปด้วย แต่เพียงชั่วครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าคงหมายถึงของในมือ

“ได้แล้วครับ”

“งั้นมึงก็ไปล้างหน้าล้างตาได้แล้ว เดี๋ยวเขาจะมีเทคพี่รหัสกัน”

“อ้าว มีเทคพี่รหัสด้วยเหรอ”

ไอ้กราฟงง ผมก็งง เพราะไม่มีใครบอกเลยว่าจะมีการเทคพี่รหัสด้วย แต่คงไม่เป็นไร เพราะผมไม่มีพี่รหัส ส่วนกราฟพี่รหัสมันก็ต้องเป็นพี่เจ๋ง คุยกันได้อยู่แล้ว ไม่เดือดร้อนอะไร อีกอย่าง พี่เจ๋งใจดีด้วยเหอะ ผมยังอยากได้เป็นพี่รหัสตัวเองเลย

“เออ ถ้าพวกมึงไม่มีของให้พี่ก็ต้องทำอย่างอื่นแล้ว”

“ผมไม่มีพี่รหัสอยู่แล้ว”

“ก็กูนี่ไง”

เบิกตากว้างมองมันเลยครับ นับรวมด้วยเหรอ ผมคิดในใจ แต่เหมือนคนอายุมากกว่ามันจะรู้ทัน รีบพูดดักคอ

“กูก็เคยช่วยมึงติวสอบไม่ใช่หรือไง ไม่คิดจะซาบซึ้งในน้ำใจกูบ้างเหรอ”

“แต่ว่าผมไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ ไม่รู้ด้วยนี่ครับว่ามีเทค พี่มาบอกตอนนี้ใครจะหาให้ทัน ลำเลิกบุญคุณว่ะ”

ผมอุบอิบกับตัวเองประโยคท้าย แต่เหมือนมันได้ยินเลยเหล่ตามองผม

กูกลัวมึงตายแหละครับ ไอ้พี่ชมพูวววว!!

“มึงว่าอะไรนะ”

“เปล่าครับ ไม่ได้ว่าอะไรเลย พี่ชมพูออกจะมีบุญคุณล้นเหลือกับผม ผมจะไปด่าลับหลังได้ยังไง ผมทำไม่ได้หรอก”

“กวนกูอีกแล้วนะมึง”

มันผลักหัวผม ประจำล่ะมึง ผมพยายามทำเป็นไม่รู้สึกอะไรที่มันชอบทำแบบนี้กับผม แต่คงไม่มิดเท่าไร มันถึงได้ล็อกคอผมแล้วดึงให้เข้าไปหามัน แถมยังกระซิบข้างหูผมด้วย

“มึงจะยอมไปล้างหน้าแล้วตามกูไปดีๆ หรือจะให้กูถามไอ้กราฟเรื่องที่มึงจูบมันต่อ”

ถามมาแบบนี้ก็พูดไม่ออกดิครับ ผมจำยอมตอบโอเคๆ กลับไป มันเลยปล่อยผมแล้วหันไปพูดกับกราฟ

“มึงก็ไปด้วย จะได้คุยกับไอ้เจ๋งไปเลยว่าเอายังไง”











อ่านต่อข้างล่าง

v


v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 8 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 28-12-2011 05:30:12

อ่านต่อจากข้างบน

v


v













ล้างหน้าเสร็จจนกลับมาหน้าหล่อใสเหมือนเดิมก็ค่อยมีความมั่นใจที่จะเดินไปไหนมาไหนหน่อย โดยเฉพาะต้องเดินฝ่ากลางฝูงชนแบบนี้ เพราะต้องไปหาพี่เจ๋งที่โต๊ะ แล้วก็ไม่ใช่โต๊ะไหนนอกไปจากโต๊ะของไอ้พี่ชมพูที่อยู่หน้าสุด มันเรียกให้ผมกับไอ้กราฟนั่ง

“นี่เพื่อนกู ชื่อต้นกับปาล์ม ส่วนไอ้นี่ยีน ไอ้นี่กราฟ”

มันแนะนำเพื่อนสองคนที่นั่งอยู่ คนชื่อต้นเป็นผู้ชายที่หน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ว่าคนที่ชื่อปาล์มดิครับ โคตรสวยอะ ผมมองหน้าของพี่ปาล์มค้างอยู่แบบนั้นจนโดนไอ้พี่ชมพูที่ขยับมานั่งข้างๆ ตบกบาลเข้าให้

“ไอ้ปาล์มมันมีผัวแล้ว นั่งอยู่ข้างมันนั่นแหละ ไม่ต้องมองน้ำลายย้อยขนาดนั้น”

เจอเข้าไปแบบนี้ก็เสียดายเลยครับ คนสวยๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ หวังจะชิมก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ขนาดมองเป็นอาหารตายังอด ผมหันไปมองทางพี่ต้นแล้วก็เห็นเขายิ้มๆ ให้ ผิดกับพี่ปาล์มที่ดูจะภูมิใจที่ทำให้ผมมองตาค้างได้

“อ้อ แล้วกูจะบอก ไอ้ปาล์มมันเป็นกะเทย ไม่ใช่ผู้หญิง”

ผมเบิกตาโพลงขึ้นกว่าเดิมอีกตอนได้ยินประโยคนี้ พอเบี่ยงหน้าไปเจอรอยยิ้มของพี่ปาล์มแล้วก็ถึงกับอึ้ง เขาดูเหมือนผู้หญิงมากจนผมไม่คิดว่าจะเป็นกะเทย สวยกว่าผู้หญิงหลายๆ คนอีกด้วยซ้ำเลยอดชมไม่ได้

“พี่ปาล์มสวยมากเลยครับ น่าดีใจแทนพี่ต้นที่มีแฟนสวยขนาดนี้”

“แหมๆ น้องยีนก็ ชมแบบนี้พี่ก็เขินแย่ เอาไว้เรามากิ๊กกันดีไหมล่ะ เมื่อกี้พี่เห็นน้องยีนแสดง เริดสุดๆ”

พี่ปาล์มกระเซ้าซะน่ารักจนผมอดยิ้มไม่ได้ ถึงจะอายๆ กับคำชมที่ตามมาด้วยก็เหอะ เพราะมันทำให้ผมเห็นภาพตัวเองในสภาพทุเรศลูกตานั่น แต่มันคงออกนอกหน้าไปมั้ง ไอ้พี่ชมพูเลยมากระซิบข้างหูผมอีกแล้ว

“ไอ้กราฟก็จะเอา ไอ้ปาล์มก็อยากได้ มากไปนะมึง”

ผมหันขวับไปมองหน้ามันพลางขบฟันถาม ให้เสียงพอลอดไรฟันและได้ยินกันแค่สองคน

“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับพี่ชมพู”

“กูเข้าใจไม่ผิดหรอก”

เป็นตุเป็นตะนะมึง มาปรักปรำกูอีก ไอ้กราฟก็เพื่อน พี่ปาล์มก็รุ่นพี่ จะยัดเยียดให้กูทำไม กูไม่ได้อยากได้อย่างที่มึงว่า

ผมได้แต่ตอบมันในใจแล้วส่งสายตาออกไปแทน แต่มันแค่ไหวไหล่ใส่ก่อนจะหันไปพูดกับพี่เจ๋ง

“ไอ้เจ๋ง สองตัวนี้มันไม่ได้มีของมาให้ว่ะ มึงว่ายังไงดีวะ”

“ถ้ามีก็แปลกแล้วมึง ไม่มีใครบอกน้องสักคน มันจะไปเตรียมของได้ไง”

 เออ พี่เจ๋งพูดถูก ผมพยักหน้าตามในใจ แต่ก็เริ่มตงิดๆ ว่าไอ้เฟรชชี่ไนท์นี่มันเป็นเทศกาลแกล้งรุ่นน้องเพื่อความสะใจส่วนตัวของพวกรุ่นพี่หรือเปล่าวะ ทั้งบอกเรื่องงานกะทันหัน ไหนจะให้เตรียมการแสดงเพื่อให้รุ่นพี่พอใจ แล้วยังให้เทคของทั้งที่ไม่บอกล่วงหน้า พอรุ่นน้องไม่มีของให้ ก็เรียกร้องให้ทำตามคำสั่งของรุ่นพี่อะไรเทือกนี้ แม่งริดรอนอธิปไตยสุดๆ

“นั่นล่ะ เพราะงั้นต้องหาอะไรทดแทน ให้มันทำอะไรดีวะ”

พี่ชมพูถาม ให้พี่เจ๋งช่วยคิด พี่ต้นกับพี่ปาล์มก็มองหน้าผมกับไอ้กราฟและเหมือนคิดอะไรไปด้วย คงเป็นวิธีว่าจะแกล้งยังไงดี แต่คงใช้เวลาในการคิดนานเกินไปล่ะมั้ง คนชอบเผด็จการถึงถามความคิดเห็นของผม

“มึงสองคนว่ายังไง อยากทำอะไรให้รุ่นพี่”

“ไม่รู้สิครับ ว่าไงว่าตามกันพี่ ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว”

ไอ้กราฟตอบแบบสบายๆ แน่ล่ะ อะไรมันก็ทำได้ทุกอย่าง แต่ผมกลัวความคิดของเพื่อนลุงรหัสมันมากกว่า มันต้องหาทางเล่นงานผมแน่

“แล้วมึงว่าไง เกงยีน”

“เอ่อ...” ผมเบือนหน้าไปทางไอ้กราฟที่นั่งอยู่ข้างกันแบบขอความคิดเห็น แต่มันก็ไม่มีความคิดเห็นจะให้ ผมเลยตอบได้แค่... “แล้วแต่พี่แล้วกันครับ”

“ถ้ากูบอกให้มึงถอดแว่นล่ะ”

“อันนั้นขอยกเว้น”

ผมรีบสวนเสียงแข็งกลับทันที ปล่อยช่องโหว่งไม่ได้เลย หาทางไปตลอด

มึงจะอยากเห็นหน้ากูอะไรขนาดนั้น กูไม่ยอมให้มึงชนะกูหรอกเว้ย

“งั้น...” มันเหล่ตามองผม เหมือนจะประเมินว่าผมยังทำอะไรไม่ได้อีก

จะเล่นจุดอ่อนกูทุกจุดเลยใช่ไหม แมนฉิบหาย เป็นรุ่นพี่ที่ดีสุดๆ เหี้ยยย!

“ไปคอนโดกู”

เงียบไปทั้งโต๊ะเลยครับ แค่ประโยคเดียวแบบสั้นๆ คงกำลังประมวลผลกันอยู่ว่ามันแปลว่าอะไร แต่ผมดิ ชักจะร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา เพราะคราวก่อนที่ไปแม่งก็ทำให้ผมผวาไปที ถึงครั้งล่าสุดที่อยู่คอนโดไอ้กราฟผมจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ก็ไม่เหมือนกับตอนที่มันคุกคามแล้วหอมแก้มผม

“ไปทำไมวะ”

พี่ปาล์มเป็นคนถามก่อนคนแรก พี่ต้นก็พยักหน้าด้วย ส่วนพี่เจ๋งก็เออออ

“เออ ไปทำไม”

“แดกเหล้า” พี่ชมพูมันตอบง่ายๆ “หรือมึงไม่ไป กูเอาเกงยีนไปคนเดียวก็ได้”

“เฮ้ยๆ กูไปๆ”

พี่ต้นรีบตอบ ส่วนพี่เจ๋งก็เหมือนจะเห็นดีเห็นงามด้วยแล้ว แต่ผมดิ... บอกตรงๆ ว่าไม่อยากไป เพราะนี่ก็จะห้าทุ่มอยู่แล้ว ผมบอกป๊าไปแล้วว่าจะกลับไม่เกินตีสอง ขืนไปแม่งยาวแน่ๆ แล้วถ้ามันรู้ว่าผมรีบกลับ คงต้องหาทางล่ามโซ่ผมไว้ที่คอนโดมันแน่

ผมหันไปมองกราฟ ไม่ได้พูดอะไร แค่มันมองตาผมก็เข้าใจแล้วว่าผมอยากจะพูดอะไร มันจึงหันไปพูดแทน

มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกูตลอด ปลื้มโคตรรร!

“คงไม่ได้หรอก พี่ภู ไอ้ยีนอยู่นานไม่ได้ กินที่นี่ได้หรือเปล่าพี่”

ไอ้คนโดนขอร้องกลายๆ หันมามองผม จ้องตาผมเหมือนจะหาความจริงว่าที่กราฟพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ผมมองมันกลับไป ไม่ยอมแพ้ต่อสายตา

ไม่รู้ทำไมถึงชอบเอาชนะมันเหมือนกัน คงเพราะว่ามันหาเรื่องผมตั้งแต่เจอกันครั้งแรกมั้ง อย่างที่เขาว่าเฟิร์สอิมเพรสชั่นมีผลต่อการจะคบหากับคนคนนั้น ถึงจะเป็นคนดีสักแค่ไหน แต่ถ้าเจอกันตอนแรกแล้วมีความประทับใจแย่ๆ ก็ไม่อยากคบด้วย แล้วไอ้พี่ชมพูก็ดันเป็นแบบนั้น ผมเลยมองมันแบบอคติตลอด แถมหลังจากนั้นมันก็ยังคอยรังควานผมไม่เลิก ผมก็ยิ่งไม่อยากยุ่งด้วย

“ที่นี่มหา’ลัยนะครับคุณกฤติกร สถานศึกษา จะให้กระผมทำอะไรที่ไร้จรรยาบรรณของประธานนักศึกษาอย่างนั้นได้อย่างไร”

คนที่มีดีกรีเป็นประธานนักศึกษาตอบกลับมาแบบโคตรทางการ ประชดกันซะเต็มเสียง

แม่ง มึงจะเสียดให้เข้าไปถึงกระดูกเลยหรือไง

ผมเห็นว่ากราฟหน้าเจื่อนไปนิดหน่อยตอนโดนย้อนกลับมาแบบนั้น อยากตะบันหน้าไอ้เหี้ยพี่ชมพูสักหมัด

แม่งกล้าทำเพื่อนกูเหรอ ไม่ยักรู้ว่ามึงจะมีจรรยาบรรณสูงส่ง วันนี้ก็เห็นสั่งเหล้าเบียร์มาเลี้ยงหลายลังไม่ใช่หรือไงวะ

“มึงอย่ามาอ้าง จรรยาบรรณเหรอ ถุย”

ไม่คิดว่าเจ้าของประโยคนี้จะมาจากคนหน้าสวยๆ อย่างพี่ปาล์ม ผมจะยกให้พี่แกเป็นไอดอลของผมแล้วนะ

“เออๆ กูไม่มีหรอกจรรยาบรรณห่าเหวอะไร จะแดกที่นี่ก็ได้ แต่มึงไม่ใช่หรือไงที่เมาแล้วเรื้อน นี่กูเห็นว่าคอนโดกูอยู่ใกล้สุด กูถึงได้เสนอตัวหรอกนะเว้ย”

จากเมื่อกี้ที่ยังปากกล้าอยู่ ตอนนี้พี่ปาล์มหุบปากเงียบแล้วครับ แล้วมันก็เหมือนจะเป็นลางร้ายยังไงชอบกล ผมเลยรีบโพล่งออกไป

“ผมว่าเอาไว้วันหลังดีกว่า วันนี้ผมไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ต้องขอโทษด้วยครับ”

“อย่ามา ยังไงมึงก็ต้องไป รุ่นพี่เลี้ยงเหล้ามึงกล้าปฏิเสธเหรอ”

อยากจะปฏิเสธอีกที แต่รู้ว่าไม่ได้ผล เพราะถ้าถึงเวลาจริงๆ ผมไม่ไป มันก็ต้องลากผมไปจนได้ ผมจึงหันไปมองหน้าไอ้กราฟแบบปรึกษา ซึ่งมันก็เอี้ยวตัวมาหาผมนิดหน่อยแล้วกระซิบ

“เดี๋ยวกูช่วยมึงเอง กลับก่อนตีสองอย่างมึงว่าแน่ๆ”

“มึงแน่ใจนะ”

“เออ กูเคยช่วยมึงไม่ได้ด้วยเหรอ”

พอได้ยินแบบนั้นก็วางใจ ผมพยักหน้าเบาๆ ยอมรับก่อนจะตอบไอ้พี่ชมพูแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร

“ก็ได้”

มันกระตุกยิ้มทันทีเลย ยิ้มมึงดูชั่วจริงว่ะ ไอ้สัตว์

“ชวนไอ้กัสไอ้เคด้วยล่ะ พวกมันคงอยากไปใจจะขาด”

แถมท้ายด้วยยิ้มเยาะ เหมือนจะเหยียดว่าผมไม่แน่จริง

เออ เพราะตอนนี้กูไม่พร้อมหรอก ถ้ากูพร้อม มึงไม่ต้องชวน แต่กูจะชวนมึงเอง!












=================
หายไปนาน ด้วยความไม่พร้อมหลายๆ ด้าน ภารกิจเยอะแยะ
ขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งมา

ไม่รู้ว่าตอนนี้มีอะไรแปลกๆ ตรงไหนหรือเปล่า
ไม่ได้แต่งนาน กลัวว่าการบรรยายมันจะเปลี่ยน


ขอบคุณคนที่ยังติดตามกันอยู่และเมนต์เข้ามาค่ะ

ตอนหน้าเป็นของพี่ภูนะคะ


Undel2Sky

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: EVE910 ที่ 28-12-2011 05:50:47
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 28-12-2011 08:25:18
พี่ชมพูนี่แม่งกัดไม่ปล่อยจริงๆ ติดอกติดใจไรน้องเกงยีนนักหนานี่ ปวดตับแทนน้องเกงยีน  :3125:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 28-12-2011 13:20:35
เชียร์กราฟยีน
อยากรู้เรื่องกราฟ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-12-2011 13:52:09
รำคาญพี่ภูว่ะ กลัวยีนกลับบ้านผิดเวลาแล้วยีนจะซวยอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 28-12-2011 15:01:19
จัดเต็มมาก...แต่ก็ยังไม่จุใจเลย ประมาณอ่านต่อได้เรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ  :laugh:
แต่เหมือนเห็นลางร้ายนิด ๆ พี่ภูจะเล่นอะไรอีก ไม่ใช่คิดจะมอมหรือทำอะไรบ้า ๆ ที่ยีนจะกลับบ้านไม่ได้หรอกนะ
ถ้าการจูบสำหรับยีนกับกราฟไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...ทำไมยีนไม่ยอมให้พี่ภูบอกกราฟเรื่องที่ป้อนยาตอนเป็นไข้ อันนี้ก็ข้องใจ
รอตอนต่อไปนะคะ อยากอ่านเร็ว ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 28-12-2011 15:44:38
กราฟมีปมอะไรอ่ะอยากรู้ :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 28-12-2011 16:33:58
น้องยีนส์จะซวยมั้ยน้อออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 28-12-2011 16:43:04
อยากรู้เบื้องหลังของกราฟจังเลย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 28-12-2011 18:16:35
พี่ชมภูตอนนี้เหมือนตัวร้ายเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 28-12-2011 18:16:57
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 28-12-2011 19:13:49
พี่ชมพูรู้สึกชอบน้องเกงยีนอะดิ๊
ถึงได้ตามตอแยซะตลอด(แต่อีกใจก็ยังไม่ยอมรับใจตัวเองไง)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: FoN LiGhT~ ที่ 28-12-2011 19:45:44
หนุกมากๆๆเลย
รอน้องเกงยีนต่อๆๆๆ
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: beebeekung ที่ 28-12-2011 20:13:16
หง่ะ พี่ภูนี่ สุดๆเยย
แต่พี่ปาลม์นี่ไอดอลจิงๆ คิกๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 28-12-2011 20:15:56
เมื่อไหร่น้องยีนจะถอดแว่นนนนนนนนนนน  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: pickmoo ที่ 28-12-2011 22:17:17
555+

หนุกครับหนุก   o13 o13 o13 o13 o13 o13

ด่ากันมันส์มาก ก !!

อิอิ

รีบมาต่อนะครับ คนแต่ง

หุหุ

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 28-12-2011 22:40:50
ขออีกหลายๆตอนได้เปล่า

คิดถึงพี่ชมพู กับน้องเกงยีนมากกก  555

 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 28-12-2011 23:07:25
น้องเกงยีนเสน่ห์เเรง :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 29-12-2011 00:03:21
มาต่อแล้ว กราฟน่ารักอ่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 30-12-2011 17:33:20



    โอ้ว หนูน้อยของเราตีบทแตก รอดพ้นการประนามของรุ่นพี่มาได้อย่างสวยงามจริงๆ
    แต่เหมือนจะมีงานใหม่เข้าหนูยีนอีกละ
    คราวนี้จะรอดไหมเนี่ย



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-12-2011 20:54:46
เมื่อไรจะเคลียร์ยีนกราฟ
แล้วเมื่อไรพี่ภูจะเลิกวุ่นวายกับยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: greentea2598 ที่ 31-12-2011 19:28:26
สนุกมากกกกกกกกกก >< อ่านไปไม่กี่ตอนเองอ่ะ แต่รู้สึกชอบกราฟจังเลยเจ้าค๊ะ 555
แบบว่า ให้ความรู้สึกเหมือนผู้ชายอบอุ่นๆดีง่ะ แต่เราก็งงจิงๆ นะ เพื่อนๆกลุ่มนี้มีอะไรแปลกๆ
โดยเฉพาะยีนกับกราฟ -0- อ่านแล้วมันรู้สึกเหมือนยีนแอบชอบกราฟเลยอ่ะ
แต่พออ่านไปๆมันก็ไม่ใช่อีก เง๊อ !!
รีบมานะค๊าาา รออ่านจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: ิิำืben ที่ 31-12-2011 21:00:53
แหมอีพี่ชมพูหึงอ่ะดิ แหมไรเตอร์ค่ะไม่ยุติธรรมอ่า :m17:
มาอัพในเด็กดีนิดเดียวเองในเล้าเป็ดตั้งเยอะแหนะ
อิอิ พี่ชมพูเนี่ยขี้หึงจิง ขี้อิจฉาด้วย เอ้าๆๆทายตอน
หน้าอีพี่ชมพูมีแฟนชัว แผนคือกะจะมอมเหล้สน้องยีน
แล้วแอบถอดแว่นชิมิล่ะ 5555+ถอดเเว่นแล้วอย่าเผลอล่ะัพี่พูเดี๋ยวเถอะๆๆๆ
 ถอดปุ๊ปกลัวน้องยีนจะโดนจูบปั๊บเลยอ่ะดิ :fox2: :eiei1: :z9: :จ้อบจัง1: :haun1:
อิอิอิิอิิ 55+อ๊ะๆๆไรเตอร์ค่ะให้พี่พูสมหวังสักครั้งเถอะตอนหน้าให้ถอดแว่นได้แล่วมั้งค่ะ
พี่ชมพูจะลงแดงตายอยู่แล้วน๊า :m5: :catrun: :a3: :a11: :m18: :mc2: :mc3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : จัดเต็ม [28/12/54]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 01-01-2012 17:31:29
จัด มา เลย ครับ


รอ อ่าน เสมอ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 03-01-2012 02:44:35
ตอนที่ 9 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน (Chomphoo’s Part)












หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเราจะมาสังสรรค์กันที่คอนโดของผม ขบวนรถหกคันของผม ไอ้เจ๋ง ไอ้ต้น ไอ้กราฟ ไอ้เค ไอ้กัส ก็เข้าจอดที่ลานจอดรถ ผมเป็นฝ่ายนำทุกคนขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ช่วยกันหอบหิ้วอบายมุขหลายถุงเข้าไปในห้อง เยอะชนิดที่ว่าไม่เมาก็หมาแล้วครับ

ไอ้เกงยีนดูจะเกร็งๆ ตอนย่างเท้าเข้ามาในห้อง มันเกาะไอ้กราฟอย่างกับลูกแหง่กลัวผลัดหลงกับแม่กลางเขาใหญ่ ไม่รู้ว่าห้องของผมมีอะไรน่ากลัวตรงไหน ขนาดตอนนั่งล้อมวงแดกเหล้ากันมันยังไม่ห่างจากไอ้กราฟเลย สองคนนี้ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่หายสักที

มันบอกผมว่าเป็นเพื่อน แต่สิ่งที่มันทำให้เห็นไม่เหมือนเพื่อนเลยสักนิด

ภาพที่มันจูบกันตอนแสดงละครยังติดตา มันกล้าทำแบบนั้นต่อหน้าคนทั้งคณะโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรราวกับเคยชิน หนำซ้ำยังมีหน้ามาบอกผมอีกว่าไม่ได้จูบ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หรือมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะตอนนั้นที่ยีนเคยจูบผม มันก็ทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว

ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยจูบกับผู้ชาย แล้วยังหัวใจเต้นรัวขึ้นมาซะอีก

กลับไปคืนนั้นผมถึงกับนอนไม่หลับเพราะเอาแต่นึกถึงร่องรอยที่เกงยีนทิ้งไว้บนริมฝีปาก ทั้งน้ำหนักที่กดลงมาและแรงดูดหนักๆ มันไม่เลือนหายไป ผมรู้สึกฟุ้งซ่านอย่างกับเด็กผู้ชายอายุสิบสองที่เพิ่งมีจูบแรก มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รู้สึกแบบนั้น

แต่สำหรับไอ้เกงยีน เหมือนมันจะไม่เคยนึกถึงจูบนั้นเลยแม้แต่น้อย มันน่าเจ็บใจตรงนี้แหละ

เหล้ากับเบียร์ถูกผสมใส่กันจนวุ่นไปหมดเพราะไอ้ปาล์ม หนำซ้ำมันยังชงแบบนั้นให้ทุกคนเสียด้วย ใครไม่ยอมแดกเข้าไปมันก็คะยั้นคะยอออเซาะจนผัวมันส่ายหัว อย่างไอ้เคนี่ระริกระรี้ใหญ่ที่ถูกไอ้ปาล์มออดอ้อน กระดกพรวดๆ อย่างกับน้ำเปล่า ไอ้กัสก็ไม่น้อยหน้า เห็นมันนิ่งๆ มีมาดของมัน แต่เรื่องหญิงก็ไม่แพ้เพื่อนรัก ตะล่อมไอ้ปาล์มให้ป้อนถึงปากเลยซะด้วยซ้ำ ไอ้ปาล์มก็กระดี๊กระด๊าใหญ่ที่ได้บริการคนหล่อ

“เก่งมาก เดี๋ยวพี่ปาล์มสุดสวยคนนี้จะให้รางวัล”

ไอ้ปาล์มยิ้มแป้นแล้วกระเด้งตัวไปจูบแก้มของไอ้สองตัวนั้น ส่วนไอ้เจ๋งก็นั่งจิบเรื่อยๆ ของมันไป หันไปชนแก้วกับไอ้กราฟน้องรักเป็นระยะ ส่วนไอ้เกงยีนผมยังไม่เห็นมันดื่มเข้าไปสักอึก ถึงตอนไอ้ปาล์มกระเซ้ามันจะทำเหมือนกระดก แต่ผมก็เห็นว่าน้ำสีเหลืองๆ อมน้ำตาลในแก้วของมันยังไม่พร่องลงไปเลย

“ไม่แดกๆ เข้าไปสักที ดมๆ อยู่นั่นแหละ”

ผมลุกจากตำแหน่งที่นั่งแล้วไปแทรกกลางระหว่างไอ้กัสกับไอ้เกงยีน เพราะอีกฝั่งมันเป็นกราฟ ถ้าผมไปแยกคงมีโวยแน่ ซึ่งพอผมไปนั่งข้างมัน มันก็หันมามองผมตาขวาง

กูนั่งข้างแค่นี้มึงก็ไม่พอใจกูแล้ว เกลียดอะไรกูนักหนา

“ผมดื่มแล้ว”

“อย่ามาโกหกกู กูเห็นว่ามึงไม่ได้กิน มึงจะแดกเข้าไปดีๆ หรือให้กูบังคับ”

“ทำไมพี่ต้องบังคับผมด้วยล่ะครับ ไม่เคยได้ยินเหรอว่าให้เหล้าเท่ากับแช่ง”

มันเอาคำโฆษณามาอ้าง แต่ว่าผมไม่สะเทือน ยัดแก้วของผมใส่มือมันแล้วบอก

“มันเป็นน้ำปวารณาตัวว่ามึงจะเป็นน้องกูไง มึงไม่แดกเข้าไปกูจะถือว่ามึงไม่เคารพรุ่นพี่ มึงเป็นน้องนอกคอก” ผมเห็นมันทำหน้ายุ่งๆ คิ้วพันกันเหมือนหงุดหงิดกลายๆ ไม่ยอมดื่มน้ำเมาเข้าไปสักทีเลยไซโคมันอีก “มึงไม่เห็นเหรอวะว่าเพื่อนมึงทุกคนก็แดกเข้าไป มีแค่มึงคนเดียวที่เรื่องมาก”

มันหันไปมองตามแล้วก็เห็นว่าไอ้เคกับไอ้กัสไปจับกลุ่มเล่นไพ่กับไอ้คู่ผัวเมียแล้ว ซึ่งกติกาคงไม่พ้นคนแพ้ต้องซัดเหล้าเพียวๆ หนึ่งแก้วเหมือนที่ไอ้ปาล์มชอบ

แม่งเป็นกะเทยที่สวย ถึก และห่ามจริงๆ

ส่วนไอ้กราฟทิ้งเพื่อนแล้ว กระเถิบตัวห่างออกไปหน่อย คุยกับลุงรหัสมันอย่างออกรสออกชาติ ซึ่งผมก็ว่าดีเหมือนกันที่ไอ้กราฟกับไอ้เจ๋งเข้ากันได้ดีขนาดนี้ เพราะมันทำให้ผมได้จัดการกับไอ้เด็กดื้อนี่แบบส่วนตัว

“ถ้าผมเรื่องมากแล้วพี่มายุ่งกับผมทำไม”

“กูอยากยุ่ง” เห็นมันพยศผมก็ยิ่งอยากปราบ “มึงจะแดกไม่แดก”

“ไม่ครับ พี่อย่าบังคับผม เสรีภาพกับสิทธิส่วนบุคคลรู้จักไหมครับ”

“เออ มึงไม่แดกก็ไม่แดก” ผมตอบมันกลับก่อนจะตะเบ็งเสียง “ไอ้กราฟ เพื่อนมึงเรื่องมากว่ะ”

ไอ้กราฟหันมามองผมก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองไอ้ยีนอย่างงงๆ ว่าผมกับเพื่อนมันมีเรื่องอะไร

กดดันแม่งไม่ได้ก็เล่นเพื่อนมันเนี่ยแหละ รักกันนักใช่ไหม เดี๋ยวกูจะทำให้มึงมาอ้อนวอนขอกูแดกเลยเหอะ

“มีอะไรอะพี่”

“เพื่อนมึงไม่ยอมแดกเหล้าที่กูให้ กูตั้งใจเลี้ยงมันเลยนะ เอาแก้วกูให้มันด้วย รุ่นพี่ทำให้ขนาดนี้แล้วมันยังกล้าปฏิเสธ มึงคิดว่าเพื่อนมึงทำถูกแล้วหรือไง”

ผมตีสีหน้าแบบไม่พอใจสุดๆ ผสมเข้าไปด้วย ไอ้กราฟก็ทำหน้าเครียดขึ้นมา มันมองไอ้เกงยีนแล้วกล่อม

“มึงก็แดกๆ เข้าไปดิวะ พี่เขาอุตส่าห์ให้มา เสียน้ำใจ”

จากทำหน้ารั้นๆ ใส่ผม มันก็หน้างอที่ถูกเพื่อนว่าแล้วตอบกลับอย่างไม่พอใจ

“มึงก็รู้ว่ากูแดกไม่ได้”

“นิดนึงไม่เป็นไรหรอก มึงไม่แดกมันน่าเกลียดนะเว้ย”

“ช่างมันเหอะ มันไม่อยากแดกกูก็ไม่อยากยุ่ง กูอุตส่าห์ยอมรับมันเป็นน้อง อยากทำดีด้วย อยากดูแลที่มันไม่มีพี่รหัส แต่เหมือนมันไม่อยากได้กูเป็นพี่”

ผมโหมไฟเข้าไปอีกแล้วดึงแก้วในมือไอ้เกงยีนกลับมา กรอกเหล้าที่อยู่ในแก้วเข้าปากอย่างเซ็งๆ ไอ้กราฟเลยยิ่งหน้าเสีย

“ขอโทษพี่ๆ มันกินไม่ได้เดี๋ยวผมกินแทนมันเองก็ได้” มันว่าพลางยื่นแก้วมาทางผมให้ผมรินเหล้าให้มัน “เอาเต็มแก้วเลยพี่”

แม่งโคตรพระเอกเลยเหอะ เห็นมันปกป้องไอ้เกงยีนตลอดทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย

มึงจะทำเพื่อไอ้เหี้ยนี่ทำไมนักหนา

“กูเห็นแก่มึงหรอกนะ”

ผมรู้สึกว่าคิ้วตัวเองมุ่นเข้าหากันตอนที่เทเหล้าใส่แก้วที่ยื่นมาแล้วหย่อนน้ำแข็งก้อนใหญ่ลงไป ไอ้กราฟก็รับไปดื่มอย่างไม่เดือดร้อน ส่วนไอ้คนต้นเรื่องก็มองหน้าเพื่อนแบบเหมือนจะรู้สึกผิด

“อีกแก้วพี่ อีกแก้ว”

พอดื่มเข้าไปจนหมดไอ้กราฟก็ยื่นแก้วมาอีก ผมก็สนองมัน เทให้เกือบเต็มแก้ว ซึ่งมันก็ยกไปกรอกเข้าปากด้วยเวลาเพียงไม่นาน ไอ้เกงยีนมองตามแล้วเริ่มทำหน้าแย่ๆ

“กราฟ มึงพอได้แล้ว”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร กูไหว พี่ภูรินเหล้าให้ หาไม่ได้ง่ายๆ นะเว้ย”

คำตอบของหลานรหัสไอ้เจ๋งทำผมยิ้ม ผมเทเหล้าใส่แก้วตัวเอง แก้วไอ้กราฟ แล้วชวนไอ้เจ๋งมาร่วมวงด้วย เขี่ยไอ้เกงยีนออกจากวงโคจรไป พูดคุยเฮฮากระดกเหล้าเข้าปากเรื่อยๆ พลางได้ยินเสียงโหวกเหวกของวงไพ่ที่อยู่ข้างๆ กัน เสียงที่ดังก็ไม่ใช่เสียงใคร ไอ้ปาล์มเจ้าเดิม

“คานนนนหู~~ ไม่รู้เป็นอาร้ายยยยย เอาต้นมาป่านนนนนปาล์มก็ไม่หายยยย”

ผมหันไปมองแล้วก็ขำกับมัน เพราะตอนนี้หน้ามันแดงก่ำแล้วก็ทำท่าแทงปลาไหลประกอบเพลงดัง ดูท่าจะเมาหนักแล้ว ส่วนไอ้ต้นก็นั่งหน้ามึนๆ มองเมียมัน คงกรึ่มได้ที่ แต่ที่แย่กว่าคงเป็นไอ้เคกับไอ้กัสที่มันแพ้น็อคไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ สงสัยแม่งแพ้เกือบทุกตา ตอนนี้พวกมันเลยนอนกอดกันกลมกองอยู่บนพื้น

แต่นอกจากไอ้ปาล์มจะเต้นบ้าบอของมันแล้ว ยังเดินมาหาไอ้เจ๋ง เอามือของมันเชยคางไอ้เจ๋งพลางจ้องหน้า ก่อนจะตบลงไปจนหน้าเพื่อนซี้ของผมหัน

“เมิงงงบอกว่าอารายยยยย มึงว่ากูเหรอ สาดดดดดดด”

ไอ้เจ๋งตอนนี้ก็มึนๆ เหมือนกัน นอกจากจะมึนเพราะแดกเหล้าเข้าไปพอประมาณแล้วยังมึนที่อยู่ๆ ถูกไอ้ปาล์มตบด้วย

“ถึงคxยยยกูม่ายยยหย่ายยยย แต่ข่ายยยกูก็น่าร้ากกกก มึงอย่ามาว่ากูนะ ไอ้เหี้ยยย” แล้วไอ้คนที่ภูมิใจว่าไข่มันน่ารักก็โซซัดโซเซด้วยท่าเมาๆ กลับไปนั่งตักไอ้ต้นที่ยังหน้ามึนไม่หาย ไปออเซาะซบบ่าซบไหล่ “ช่ายยยม้ายยยจ๊ะ ผัวจ๋าาา”

ตามด้วยหอมแก้มไอ้ต้นต่ออีกฟอดใหญ่ เอาหน้าไถๆ ไปด้วย

“จิ๋มม่ายยยดูดก็สู้ตูดไม่ด้ายยยย เน้ออออ”

มันถามไอ้ต้นเสร็จก็ไม่รอคำตอบอะไร ดึงหน้าไอ้ต้นให้เชยขึ้นนิดหน่อยแล้วก็จับดูดปากทันที ไอ้ต้นมันก็ไม่รู้เรื่อง เบลอๆ จูบตอบกลับไปด้วย ผมก็ส่ายหัวที่เห็นไอ้ปาล์มเรื้อนอีกแล้ว

ผมเหลือบตาไปมองไอ้ยีนที่ยังไม่มีเหล้าเข้าปากสักหยด เห็นมันมองไอ้ปาล์มแบบอึ้งๆ ก็เบี่ยงหน้าไปหาไอ้กราฟแทน แต่พอหันไปก็เห็นว่าไอ้กราฟนั่งตาเยิ้มแล้ว แต่แผนผมยังไม่สำเร็จ ผมเลยรินเหล้าส่งแก้วให้กราฟอีก

“เฮ้ยมึง กินต่อๆ”

ไอ้กราฟก็ดีรับแก้วจากผมไป ทำท่าจะซดน้ำเมาเข้าปากแต่ไอ้ยีนดึงแขนไว้ก่อน

“มึงไม่ต้องแดกแล้ว มึงต้องพากูกลับบ้านอีกนะ ตีหนึ่งกว่าแล้วนะมึง”

“ตีหนึ่ง?”

ไอ้กราฟหรี่ตามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ เหมือนเข้าใจ มันทำท่าจะวางแก้วลงบนพื้นผมเลยห้ามไว้

“มึงจะรีบกลับไปไหน ให้หมดขวดนี้ก่อนดิวะ ซื้อมาแล้วให้เหลือ เสียดายของนะเว้ย”

คราวนี้ไอ้กราฟก็พยักหน้าอีก ก่อนจะหยิบแก้วขึ้นจรดปาก ผมมองมันพลางเหลือบมองไอ้เกงยีนไปด้วย เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของมันแล้วก็ขำ รอดูว่ามันจะทำยังไงต่อ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพราะมันยั้งมือไอ้กราฟไว้

“พอแล้วมึง”

“เดี๋ยวหมดนี่ก่อน”

กราฟว่าแบบนั้นและจรดแก้วที่ปาก แต่ไอ้เกงยีนไม่ยอม ออกแรงดึงแขนไอ้กราฟมากกว่าเดิมจนเหล้ากระฉอกใส่เต็มหน้ามัน ผมเห็นมันสำลักแล้วไอโกรกจนตัวโยน สงสัยจะเข้าจมูก ส่วนไอ้กราฟก็นั่งยิ้มแล้วกรอกเหล้าเข้าปาก ลืมสนใจเพื่อนที่มันเคยดูแลตลอด

ผมเห็นไอ้เกงยีนไอจนหน้าแดงแล้วก็ทนนั่งเฉยต่อไม่ได้ ต้องขยับตัวเข้าไปใกล้มันแล้วจับหน้ามันหันมา มันก็ไอใส่ผมจนน้ำลายแทบกระเด็นใส่หน้า แต่ผมก็ใจกว้างพอที่จะไม่ด่ามันตอนนี้ แถมยังดึงชายเสื้อของตัวเองไปเช็ดหน้ามันให้ด้วย หน้าเปียกๆ ของมันเลยเริ่มแห้งหน่อยๆ ถึงเลนส์แว่นจะชื้นและมีหยดน้ำเกาะอยู่บ้าง พลางตบหลังมันให้รู้สึกดีขึ้น

“เอ้า ดื่มซะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”

มือเรียวคว้าแก้วสะเปสะปะแล้วกระดกน้ำที่ผมยื่นให้เข้าไปเต็มอึก แต่ก็เกือบพ่นออกมา ไอ้เกงยีนทำตาเขียวใส่ผมพลางหอบแฮ่กหน้าแดงไปหมดเพราะเกือบสำลักอีกรอบ และเหตุผลก็ไม่ใช่อะไร นอกไปจากว่าแก้วที่ผมยื่นให้เป็นเหล้าเพียวๆ

“ไหนๆ ตัวมึงก็เหม็นเหล้าแล้ว แดกให้กูสักแก้วแล้วกัน” ผมบอก ก่อนจะเหลือบไปมองไอ้กราฟที่เริ่มจะนั่งโงนเงน “หรือมึงจะให้เพื่อนมึงแดกต่อก็ได้ แต่เหมือนมันจะไม่ไหว หรือมึงไม่อยากกลับ”

ไอ้เกงยีนมองหน้าผมกึ่งอาฆาตกึ่งชั่งใจ มันเบนหน้าไปทางไอ้กราฟเพื่อดูสภาพแล้วก็กลับมามองผมด้วยสีหน้าฉุนๆ เหมือนไม่พอใจ แต่ผมไม่ยี่หระ ส่งยิ้มกวนๆ ให้มันว่าคราวนี้ผมชนะ

เสียงฮึดฮัดขัดใจมาจากคนที่ตัวเล็กกว่า มันยอมกรอกเหล้าเข้าปากอย่างไม่เต็มใจเท่าไร แต่ว่าผมก็ยังไม่พอใจแค่นั้น คว้าขวดที่เหลือเหล้าอยู่ก้นๆ ขวดมาส่งให้มัน

“กูเปลี่ยนใจแล้ว เอาทั้งขวดเลยดีกว่า”

“แค่ผมยอมกินก็มากพอแล้ว อย่าได้คืบเอาศอก”

มันแขวะ แต่ผมก็ลอยหน้าลอยตาใส่ให้มันยิ่งขบฟัน พลางเหลือบมองหน้ามันแต่กลับสะดุดปากแดงๆ ที่เหมือนจะแดงมากกว่าปกติเสียก่อน ฉับพลันก็นึกฉุนขึ้นมา

“มึงตัดสินใจเอาแล้วกันว่าจะแดกให้หมดหรือให้กูกรอกปากมึง”

มันหยุดนิ่งไปชั่วครู่ มองหน้าผมเหมือนจะประเมินว่าผมพูดจริงหรือพูดเล่น แต่เพราะผมไม่แสดงท่าทีอะไรมากไปกว่าทิ้งสายตาค้างไว้ที่หน้ามัน มันถึงได้กระชากขวดจากผมไปแล้วจับกรอกเข้าปากตัวเอง

มันซดพรวดๆ เกือบไม่เว้นจังหวะหายใจ ทำเหมือนกับของเหลวที่อยู่ในขวดเป็นแค่น้ำแร่ แต่ที่เป็นอย่างนั้นคงเพราะมันอยากจบๆ เรื่องไป ผมจะได้ไม่วุ่นวายกับมันอีก แล้วมันจะได้กลับสักที

“ทีนี้ผมกลับได้แล้วใช่ไหมครับพี่ชมพู!”

มันกระแทกเสียงใส่พร้อมกระแทกขวดลงบนพื้น ผมก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้เมื่อแผนของตัวเองสำเร็จ ได้เอาชนะท่าทีรั้นๆ ของมันแล้วทำให้ผมมีความสุขยังไงไม่รู้  ทั้งที่กับคนอื่นผมก็ไม่ใช่คนบ้าบออะไรแบบนี้

“งั้นผมกลับล่ะครับ ขอบคุณที่เลี้ยง”

ถึงจะเป็นคำขอบคุณแต่ก็เต็มไปด้วยการประชดล้วนๆ ไอ้เกงยีนดันตัวขึ้นจากพื้นพลางดึงแขนไอ้กราฟให้ลุกขึ้นตามไปด้วย

“กราฟ กลับได้แล้วมึง”

คนโดนเรียกลุกตามแรงดึง แต่ยังไม่ทันยืนขึ้นก็เซจนล้มลงไปกองกับพื้น ทำเอาไอ้เกงยีนเกือบจะล้มคะมำไปด้วย แต่ผมยื่นมือไปกันเอาไว้ได้ทันเสียก่อน เลยมีแค่ไอ้กราฟที่ล้ม แต่พอล้มไปแล้วเหมือนไอ้กราฟจะแบตหมด ไอ้ยีนผละจากแขนผมแล้วไปดึงให้ลุกขึ้น ไอ้กราฟก็ไม่ขยับ

“กราฟ ไอ้กราฟ ไอ้สัตว์กราฟฟฟฟ ตื่นนะเว้ย กูจะกลับบ้าน ไปส่งกูก่อนแล้วมึงค่อยนอน ไอ้เชี่ยยย”

พยายามดึงแล้วดึงอีกไอ้กราฟก็ไม่เขยื้อน แถมยังเหมือนจะไปรบกวนไอ้ปาล์มที่นัวเนียซุกๆ ไซ้ๆ กับไอ้ต้นเสียด้วยมันเลยหันมาแผดเสียงลั่น

“อีชะนี อย่ามายุ่งกับผัวกู!!!!!”

เลอะเลือนแล้วก็เลอะเทอะกันไปใหญ่แล้ว ผัวมึงน่ะไอ้ต้นไม่ใช่ไอ้กราฟ ไอ้ปาล์มทำท่าจะปาขวดเหล้ามาใส่เกงยีนที่ยังดึงไอ้กราฟไม่เลิก ผมเลยดึงตัวไอ้เกงยีนออกมา แต่ก็ยากเย็นพอดูเลยต้องใช้แรงเยอะหน่อย กระชากมันออกมาจนหล่นบนตักผม จากนั้นเอามือปิดปากแดงๆ นั่นไว้

“อ่อย อื้อ อ่อยๆๆ”

“เงียบๆ เดี๋ยวก็โดนไอ้ปาล์มเอาขวดตีหัวแตกหรอก”

“อ้ออ่อยอิ อ่อยอูเอ้ยยยยย”

มันดิ้นขลุกขลักอยู่บนตัก ผมเลยต้องกอดมันไว้ ใช้แขนข้างหนึ่งรัดรอบเอว ส่วนอีกข้างก็เอามือปิดปากไม่ให้พ่นเสียงออกมาได้ เสริมด้วยเอาคางกดบ่ามันไว้อีกแรงเพราะแม่งแรงเยอะฉิบหาย

“เลิกดิ้นดิแล้วจะปล่อย”

ผมพูดกับมันดีๆ เพราะชักจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน ถ้าให้พูดตามตรง แรงของผมลดไปครึ่ง สมองก็เบลอๆ อยู่ไม่น้อย เพราะเหล้าไปเลี้ยงสมองเยอะกว่าออกซิเจนแล้วด้วยซ้ำ สภาพไอ้เจ๋ง ไอ้กราฟ ที่เป็นอยู่ก็บอกได้ดีว่าที่กินเข้าไปไม่ใช่น้อย ผมคงอึดกว่าหน่อยที่ยังประคองสติของตัวเองได้มากกว่า

แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าผมเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่า เพราะพอผมบอกอย่างนั้น ไอ้เกงยีนก็หยุดดิ้นแล้วหันมามองหน้าผม ซึ่งสายตาของผมก็ดันไปหยุดอยู่ที่ปากสีสดของคนตัวเล็กพอดี และสมองผมก็กำลังประมวลผล ออกมาว่า....

น่าจูบว่ะ

ทว่าดูท่าสมองจะทำงานช้ากว่าการกระทำ เพราะทันทีที่มีคำนั้นผุดขึ้นในหัว ปากของผมก็ประกบปากของคนตรงหน้าไปแล้ว ผมเบียดปากเข้ากับปากแดงๆ ดื่มด่ำกับรสเฝื่อนๆ ของเหล้าที่มันเพิ่งดื่มเข้าไป บดริมฝีปากหนักๆ ให้ปากของคนที่รองรับการกระทำของผมเผยอออกน้อยๆ ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปกวาดเลียภายใน พลางดูดเบาๆ ที่กลีบเนื้ออุ่นซึ่งค่อนไปทางร้อน และดูท่าจะร้อนขึ้นด้วยเมื่อลิ้นของอีกคนที่นิ่งเฉยเริ่มขยับแล้วสัมผัสกลับมา

ผมบดจูบแน่นขึ้นจนเกิดเสียงติดต่อกันหลายครั้งก้องอยู่ในหู แขนที่กอดเอวคอดบางของคนตัวผอมกว่ากระชับมากขึ้นกว่าเดิมจนตัวของมันแนบเข้ามาชิดผมมากขึ้น พลางขบเม้มดูดดึงกลีบปากไปตามอารมณ์ จนมันคงรู้สึกเจ็บถึงได้เอามือดันหน้าผมออก หอบหายใจแฮ่กๆ ไปครู่หนึ่ง พอผมยื่นปากไปจูบอีกมันก็เบี่ยงหน้าที่ตอนนี้แดงๆ ดูมึนๆ เบลอๆ หนีแล้วพูดเบาๆ แต่เสียงโคตรอ้อน

“จะกลับ”

น่ารักฉิบหายยยยยยยยย

รู้สึกเหมือนคำนี้จะก้องอยู่ในหัวของผมค่อนข้างชัดเจน ทำให้ผมปฏิเสธคำขอของมันไม่ได้ เลยยอมดันตัวมันขึ้นจากตักและลุกขึ้นตาม

“เดี๋ยวไปส่ง”

หนำซ้ำยังไปกุมมือมันเอาไว้แล้วดึงให้เดินไปทางหน้าประตูด้วยกัน ซึ่งมันก็ยอมเดินตามแต่โดยดีไม่ปริปากบ่นว่าอะไรเหมือนทุกที












พอขึ้นรถผมก็สอบถามว่าบ้านมันอยู่ที่ไหน ก่อนจะออกรถไปโดยที่มีคนนำทางนั่งอยู่ที่เบาะด้านข้าง ขับรถขึ้นทางด่วนแล้วก็ลงเส้นพระรามสี่ แต่พอถึงแยกที่ต้องไปต่อ ผมก็หันไปถามคนรู้เส้นทาง ทว่าตาเรียวกลมที่อยู่หลังแว่นปิดลงไปแล้ว

“เกงยีน”

ผมเรียกเบาๆ แต่มันไม่กระดิกตัว เรียกพลางเขย่า มันก็เบี่ยงตัวหนี หันหน้าเข้ากระจกเฉย ผมเลยจอดรถเข้าข้างทางแล้วหันไปเรียกมันอย่างจริงจังกว่านี้พลางเหลือบดูนาฬิกาว่าตอนนี้เกือบจะตีสามเข้าไปแล้ว ทั้งง่วงทั้งมึนด้วยเลยชักจะขี้เกียจ

“เกงยีน ไปทางไหนต่อ”

“...”

“ถ้าไม่ลุกมาตอบกูจะหาโรงแรมแถวนี้นอนแล้วนะ”

“...”

คำตอบกลับมาคือความเงียบ ผมจึงตัดสินใจทำแบบที่ว่าจริงๆ เพราะเริ่มรู้สึกหนักๆ หัวแล้ว เลยเลี้ยวรถเข้าโมเตลที่อยู่ใกล้ที่สุด อุ้มมันเข้าไปในห้องแล้วปล่อยลงบนเตียง ก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำแล้วถอดเสื้อออกเพราะเหม็นกลิ่นเหล้า ล้างหน้าพอให้หายมึนจึงค่อยกลับออกมาที่เตียง

มองคนที่นอนแหม็บอยู่บนที่นอนโดยไม่มีการขยับเขยื้อนตัว ผมส่ายหัว พลางยื่นมือไปดึงแว่นที่มันหวงนักหนาออก แล้วผมก็ได้เห็นใบหน้าของไอ้เกงยีนเต็มตา ทั้งที่พยายามมาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ แต่คราวนี้กลับถอดออกอย่างง่ายดายโดยที่เจ้าตัวไม่ขัดขืนเสียด้วยซ้ำ สงสัยจะเมาจริงๆ

ผมจับมันนอนหงายแล้วมองเรียวหน้าขาวที่มีสีแดงระเรื่อซึ่งเป็นผลพ่วงจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ผมบังคับให้มันดื่มเข้าไป ขนตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตลอดเวลาค่อนข้างยาว ประกอบกับจมูกโด่งๆ และปากที่เป็นกระจับสีแดง โครงหน้ารูปไข่เหมือนจะตอบรับองค์ประกอบบนหน้าของมันได้เป็นอย่างดี

ไม่ได้ขี้เหร่หรือหน้าจืดเหมือนเวลาใส่แว่น แต่ผมรู้สึกว่า... หน้ามันสวย

ไม่ใช่สวยแบบผู้หญิงทั่วไป แต่ดูเป็นผู้ชายที่หน้าสวย หรือจะให้มองว่าหล่อก็ได้ มันมีความลงตัวของทั้งสองอย่างแบบพอดิบพอดี

พอคิดแบบนั้นแล้วก็ไม่เข้าใจว่ามันจะปิดบังหน้าตาของตัวเองทำไม

ผมคิดอย่างไม่เข้าใจพลางขยี้หัวตัวเองไปด้วย รู้ตัวดีว่ายังไงก็หาคำตอบไม่ได้จึงเลิกที่จะหา แล้วล้มตัวลงนอนไม่ห่างจากมันเพราะเตียงไม่กว้างสักเท่าไร แต่พอกำลังจะดับไฟที่หัวเตียงร่างที่นอนอยู่ก่อนแล้วก็พลิกไปมา เสียงครางในลำคอที่ดูทรมานหน่อยๆ ทำให้ผมตกใจต้องกระเด้งตัวขึ้นมาดู

“อึกก อืออ”

“เป็นอะไร”

“อื้ออ”

เกงยีนร้องจนผมต้องประคองมันขึ้นมา หน้าที่ซับสีเลือดอยู่ก่อนหน้านี้กลายเป็นสีซีดแล้วก็ดูพะอืดพะอม เหมือนเป็นสัญญาณให้รู้พอเลาๆ ว่าอนาคตอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมรีบประคองมันลุกจากเตียงก่อนจะแทบพาวิ่งไปห้องน้ำ พอเข้าไปเท่านั้นมันก็พุ่งตัวไปกอดชักโครกแล้วพุ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในท้องออกมารวดเดียว

ผมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก สร่างเมาขึ้นมาทันทีที่พามันมาอ้วกทัน ไม่อย่างนั้นคงได้มีการเปลี่ยนห้องนอนแน่ๆ

ไอ้เกงยีนโก่งคออ้วกออกมาอีกระลอกหนึ่งโดยที่แขนสองข้างยังกอดโถส้วมเอาไว้เหมือนเป็นเพื่อนตาย เห็นอาการมันขนาดนี้แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปลูบหลังให้ มันก็พ่นของเก่าออกมาเรื่อยๆ จนกลิ่นคลุ้งไปทั่วห้องน้ำ พานให้ผมนึกโทษตัวเองที่บังคับให้มันกินเหล้าเข้าไป

“ไหวไหม” ถามพลางลูบหลังมันต่อเรื่อยๆ แต่ไม่ได้รับคำตอบ นอกจากคนอ้วกแตกจนหมดสภาพเอาหน้าซบกับแผ่นรองนั่งของชักโครกไปเสียแล้ว

ผมดูท่าทีของมันอีกครู่หนึ่งให้แน่ใจว่ามันจะไม่ขับอะไรออกมาจากท้องอีก ก่อนจะดึงมันให้ลุกขึ้น แต่ตัวมันก็อ่อนเปลี้ยเหมือนคนหมดแรงจนต้องประคองเอาไว้ตลอดเวลา พามันมาอ่างล้างหน้าแล้วก็ช่วยล้างปากมันให้

ผมเปิดก๊อกน้ำ เอามือรองน้ำแล้วจ่อเข้าที่ปากมัน ให้น้ำค่อยๆ ซึมเข้าไปภายในช่องปากก่อนจะวนออกมาแทบจะเวลาเดียวกัน พร้อมกับเศษอาหารอีกนิดหน่อยที่ติดอยู่ข้างใน ดูน่ารังเกียจอยู่เหมือนกันถ้าหากว่าจะทำให้ใคร แต่ตอนที่ทำให้มัน ผมกลับไม่ได้คิดถึงอะไรแบบนั้น คิดแต่ว่าอยากช่วย มันจะได้ไปนอนพักผ่อน

ทำความสะอาดให้แล้วผมก็อุ้มมันกลับไปนอนที่เตียง ตัวมันไม่ได้หนักอย่างที่คิด เพราะถึงจะสูงแต่เกงยีนก็ค่อนข้างผอมเมื่อเทียบกับผม ห่มผ้าให้มันแล้วผมก็ปิดไฟและทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ปิดเปลือกตาลงพักบ้าง แต่หลับไปเพียงไม่นานผมก็ต้องเปิดตาท่ามกลางความมืด เพราะแรงกอดจากคนข้างๆ ที่โถมใส่

เกงยีนเอาหน้าซบกับอกผมแล้วซุกๆ ไซ้ๆ จนเกร็งสะท้านไปทั้งตัว เพียงเท่านั้นไม่พอ มันยังใช้ปากของมันงับเข้ากับกล้ามอกของผมแล้วดูดเบาๆ เสียอีก เล่นเอาผมสะดุ้ง ก้มหน้ามองมันที่ยังไม่เลิกพฤติกรรมที่ทำอยู่ มันเลื่อนจากตำแหน่งหนึ่งเป็นอีกตำแหน่งที่อยู่ไม่ห่างกันแล้วก็ทำเหมือนเดิมจนผมต้องร้อง

“เฮ้ย ทำอะไร”

มันไม่ตอบแต่หลับตาพริ้ม กระชับอ้อมกอดที่กอดผมให้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าเข้ากับอกของผมเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ดูน่ารัก แต่ว่าอารมณ์ของผมกระเจิงเพราะแรงดูดเมื่อครู่จนคิดว่ามันน่ารักไม่ออก แล้วก็ยิ่งรู้สึกแบบนั้นหนักขึ้นเมื่อกระจับปากของมันงึมงำออกมาเบาๆ เหมือนเสียงแมงหวี่แมลงวัน

“ยีนคิดถึงม้า”

มาดูดนมกูเพราะคิดว่ากูเป็นแม่มึงเหรอ สัตว์









อ่านต่อด้านล่าง

v


v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 9 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 03-01-2012 02:45:33
ต่อจากด้านบน
v

v
















ใช้เวลาในช่วงเรียนภาคเช้าไปค่อนคาบเพื่อการนอนผมก็ตื่น ใจจริงแล้วกะจะลุกขึ้นมาให้ทันเข้าเรียนตอนเก้าโมงแต่ก็ง่วงเกินกว่าจะฝืนตัวเองไหว อีกทั้งยังมีอีกคนนอนทับผมอยู่เกือบทั้งตัวจึงทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นมาอย่างใจได้ ทว่าตอนนี้รู้สึกถึงแรงขยุกขยิกบนอกผมถึงได้ลืมตา

เจอกับตาเรียวกลมที่จ้องมองผมแป๋วๆ เหมือนลูกแมว

ไอ้เกงยีนขยี้ตาไปมาเหมือนไม่อยากเชื่อว่าสิ่งแรกที่มันเห็นจะเป็นหน้าของผม ก่อนจะผงะออกหลังจากที่มันคงแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ฝันหรือตาฝาดไป มันโพล่งเสียงออกมาอย่างตกใจ

“เฮ้ย พี่มานอนบ้านผมได้ไง” ตามด้วยเสียงร้องอีกรอบ “เฮ้ย แว่น!!”

มือเรียวคลำที่เบ้าตาตัวเองทั้งสองข้างก่อนจะพบความจริงว่าไม่มีกระจกใสปิดบังเอาไว้ ผมมองมันพลางยิ้มขำกับท่าทางเหวอของคนที่ชอบกวนตีนผมอยู่เรื่อย

“ถอดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

“พี่ถือวิสาสะถอดแว่นผมได้ไง เล็งโอกาสนี้นานแล้วดิ ไม่มีมารยาทเลยนะครับ เป็นรุ่นพี่แท้ๆ”

“หรือมึงจะนอนทับแว่นแล้วให้มันแตกจนกระจกปักเข้าไปในตา”

คราวนี้มันชะงักไป เหมือนคิดภาพตามแล้วมันชัดเจนเกินไปจนเถียงไม่ออกเลยเปลี่ยนมาอีกเรื่อง

“แล้วพี่มานอนนี่ได้ยังไง ไม่กลับบ้านพี่ล่ะครับ พี่ชมพู”

ปากที่มีรสขมเฝื่อนๆ ที่ผมได้ลิ้มลองเมื่อวานยื่นออกมาเมื่อคนตรงหน้าเน้นเสียงที่ชื่อของผม ซึ่งทำให้ผมนึกถึงรสชาติที่ยังติดปลายลิ้นไม่หาย พลอยให้อยากกวนมันกลับเลยตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน

“แล้วที่นี่มันบ้านมึงหรือไง”

“ก็ใช่”

“แน่ใจ?”

พอผมถามแบบนั้นมันก็หยุดคิดแล้วมองรอบตัว ก่อนจะร้องออกมา

“ที่ไหนวะเนี่ย”

“โรงแรม”

“เฮ้ย” เป็บรอบที่สามตั้งแต่ตื่นมาที่คนตรงหน้าอุทานคำนี้ มันเปลี่ยนสีหน้าตกใจเป็นหน้างง “แล้วผมมาอยู่นี่ได้ยังไง”

“จำไม่ได้?”

เกงยีนพยายามจะนึกจนหน้ายู่คิ้วย่น เห็นแล้วก็สงสาร (?) ผมเลยตอบมันไปอย่างสงเคราะห์

“มึงเมาแล้วก็ไม่ยอมบอกกูว่าบ้านมึงอยู่ที่ไหน กูไปส่งไม่ถูก ง่วงก็ง่วง เลยเข้ามานอนที่นี่”

ทั้งที่ผมอธิบายตามจริงไปทุกอย่าง แต่มันหรี่ตามองผมเหมือนไม่เชื่อว่าผมจะพูดความจริง ผมจึงย้อนให้มันได้อึ้ง

“จำไม่ได้ล่ะสิ ถ้างั้นก็คงจำไม่ได้ด้วยว่าเมื่อคืนเราจูบกันร้อนแรงมากแค่ไหน”

“อย่ามาโม้ดีกว่าพี่ ผมเนี่ยนะจะจูบกับพี่”

“ไม่เชื่อ?”

ผมถามกลับแต่มันก็ให้คำตอบแบบที่ทำให้ผมนึกฉุน

“ถ้าบอกว่าจูบกับไอ้กราฟยังน่าเชื่อมากกว่า”

เอะอะอะไรก็กราฟนะมึง จูบกับกูแล้วมันแย่นักหรือไง

คิ้วของผมมุ่นเข้าหากันจนรู้สึกได้ ในขณะที่มันมองผมอย่างไม่ลดละที่จะต่อสู้ ผมเลยถือโอกาสยื่นหน้าเข้าไปจูบปากมันเหมือนจะย้ำให้จำได้ถึงสิ่งที่มันลืมไป

ไอ้เกงยีนเบิกตาโพลงเหมือนตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกผมรุกใส่ ไม่เหมือนกับมันที่เป็นฝ่ายทำผมก่อนในวันนั้น แต่ผมก็ไม่สนใจ บดปากมันไปหนักๆ ก่อนจะดูดปากนิ่มๆ แล้วดันลิ้นเข้าไปตามร่องปากที่เผยอออกนิดๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว กวาดต้อนรสชาติภายในมาเป็นของตัวเองอยู่ครู่เดียวไม่ทันให้มันได้ผลักหรือถีบผมจนกระเด็นก็ถอนออก

“จำได้หรือยัง”

มันยกหลังมือขึ้นมาเช็ดปากทันทีที่ผมปล่อยให้เป็นอิสระ ตาเรียวขึงใส่ผมเหมือนที่มันชอบทำบ่อยๆ แต่ไม่น่ากลัวเลยสักนิด

“ทำอะไรวะแม่ง”

“ก็จูบไง”

“เออ รู้แล้ว”

คนทำตาขวางกระแทกเสียงกลับมาอย่างไม่พอใจสุดๆ ยังไม่เลิกใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง ผมเลยต้องดึงมือมันออก ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าปากของมันเป็นรอยช้ำสีม่วงหน่อยๆ และเหตุผลคงไม่พ้นเรื่องเมื่อคืน

“ถูอยู่ได้ ไม่เจ็บหรือไง”

“เจ็บดิวะแม่ง”

หน้าบูดแถมสบถต่อท้ายด้วย แต่ผมไม่ยี่หระกับท่าทางแบบนั้น เพราะดูไปดูมามันก็ดูน่ารักอยู่เหมือนกัน หรือเพราะผมยังไม่สร่างเมาถึงรู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้

“เชื่อหรือยัง”

“เออ เชื่อก็ได้ จูบก็จูบ”

มันตอบแบบขอไปทีและกระทั้นเสียงใส่ เพราะคงจำได้แล้วถึงปฏิเสธไม่ได้ ทำเอาผมต้องกลั้นยิ้มอยู่ในใจกับคนหัวแข็งไม่ยอมรับความจริงง่ายๆ แล้วนึกอยากแกล้งต่อ

ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ มันก่อนจะกระซิบเบาๆ ข้างหูให้มันเบิกตาโต เกงยีนมองผมสลับกับตัวมันเองเหมือนจะประเมินความเสียหายทางร่างกาย พานให้คนมองแบบผมต้องอุดขำอยู่ในใจพลางย้ำคำพูดประโยคเดิมแต่เสียงดังชัดเจน

“ได้พี่เป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”






===================
พี่ภูแรงงงง แต่ดูเหมือนจะติดใจน้องเกงยีนแล้วจริงๆ นะเนี่ย
ได้ไปตั้งสองจูบ เปรมแล้วสิงานนี้
ตอนเมาแล้วยีนแอบอ้อนนิดๆ พอกรุบกริบ ได้เมีย (?) แบบไม่รู้ตัวเลย
แต่คงสมใจคนเชียร์พี่ภูล่ะ เพราะก่อนหน้านี้เหมือนจะเยอะไปทางกราฟยีน
แถมพี่ภูได้เห็นหน้าน้องยีนแล้วด้วย

มาหลังปีใหม่ช้าหน่อย แต่ก็ยังตามมาอวยพรนะคะ
ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ทุกคนได้เริ่มต้นสิ่งดีๆ และมีสิ่งดีๆ เข้ามาตลอดทั้งปี
โรคภัยเรื่องร้ายๆ ให้ผ่านพ้นไปและไม่มีผลอะไรกับตัวเอง
มีความสุขมากๆ ค่ะ

ปล. มีคนตัดพ้อเรื่องอัพเรื่องนี้ที่เด็กดี มันก็นิดหน่อย ^^a
จุ๊ๆ ที่นี่เขาให้เรียกคนเขียนกับคนอ่านนะคะ


Undel2Sky



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อื่นมันหวาน [03/01/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-01-2012 03:02:44
 :laugh:  พี่ภูโคตรเจ้าเล่ห์อะ
ติดใจน้องเกงยีนเข้า่แล้วละสิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 03-01-2012 09:38:50
อ่านตอนนี้แล้วไม่ค่อยชอบพี่พูแฮะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 03-01-2012 10:22:46
พี่จะเปลี่ยนบทตัวเองทำม้ายยย พี่ชมภู  o22  :m20:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 03-01-2012 10:45:10
เจ้าเล่ห์สุดๆ พ่อพระเอกของเรา?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-01-2012 11:02:20
พี่ชมพูเจ้าเล่มากกกกก :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 03-01-2012 11:06:47
ชอบน้องเกงยีน :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 03-01-2012 11:11:52
ตายแล้วพี่ชมพู...ช่างกล้าพูด *-*
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 03-01-2012 12:27:33
“ได้พี่เป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”


สรุปชมพูจะเป็นเมียซะง้านนนน


 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 03-01-2012 13:46:00
ชอบพี่ภูนะ แต่ยังสงสัยกราฟอยู่
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 03-01-2012 14:55:55
เชียร์พี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 03-01-2012 17:22:40
ก็ไม่ถึงกับไม่ชอบพี่ภูหรอกนะ แต่รู้สึกว่าจู้จี้จิงจิ๊งงงง เหอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-01-2012 17:52:00
 :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ิิำืben ที่ 03-01-2012 18:32:53
555+ว่าแล้วๆๆได้ถอดแว่นชัว :laugh:ไปอ่านในเด็กดียังไม่ถอดเลยถ่อสังขารมาอ่านในนี้ดูเฮ้วๆๆ :z10:
แหมพอน้องยีนบอกไม่เชื่อจามไม่ได้ถึงกะโกรธ :m16:เลยหรอพี่ภูแบบนี้แสดงว่ารักแล้วอ่ะดิ :o8:
ว่าแล้วเชียวถ้าน้องยีนถอดแว่นพี่ภูต้องตะลึง :m22: อิอิอิ พี่ภูจะน่ารักเกินไปแล้วนะอีกอย่าง :impress2:
พูดผิดพูดใหม่ได้นะพี่ ได้พี่เป็นเมียแล้วรับผิดชอบด้วยหรอ :oo1: ต้องกลับกานซิ
พี่ภูอ่ะเปนคุงสามี :man1:ส่วนน้องยีนอ่ะเปงคุงภรรย o15า อิอิ  เฮ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :laugh3:
....จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 03-01-2012 18:51:59
5555 รออ่านๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: FoN LiGhT~ ที่ 03-01-2012 20:00:25
เชียร์พี่ภูสุดใจ :o8:
ชอบๆๆๆ :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 04-01-2012 15:07:55
พี่ชมพูแม่งเจ้าเล่ห์แถมเอาแต่ใจได้อีก หนักใจแทนน้องเกงยีน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 04-01-2012 16:47:55



    โหหหหห เล่นงี้เลยเหรอเพ่
    ว่าแต่หนูยีนไม่กลับบ้านงี้ไม่เป็นไรเหรอ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 04-01-2012 21:48:38
อยากกอดน้องเกงยีนนนนน

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-01-2012 23:13:25
ยีนส์ไม่ได้กลับบ้านจะซวยมั้ยอ่ะ อิพี่ภูถ้าทำน้องเดือดร้อนแกต้องรับผิดชอบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 05-01-2012 00:30:38
“ได้พี่เป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”

พี่ชมภูแรงงงงงงงงงงงงอ่ะ

พี่ชมภูเริ่มติดใจน้องเกงยีนแล้วอ่ะดิ

เลยกะจะเก็บน้องเกงยีนเป็นของตัวเอง  หึหึ    :z2:    :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 05-01-2012 02:45:19
พี่ภูก็ทำไปได้!!!
คืนเดียว มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 06-01-2012 20:02:06
ป่วยแถมด้วยติดเที่ยวปีใหม่
เลยไม่ได้มาเม้นท์ตอน 9 ให้เลย
งั้นอันนี้ รวบไปเลยนะ ^^






นุ้งยีนนนนนนนนนนน ชุดนี้อ่ะเบสิค
จะเอาฮาหนูก็ต้องโอเว่อร์ตั้งกะผมเผ้าหน้าตา ยันปลายผ้าถุง
แต่ไอ้การแสดงของหนูอ่ะ มันไหลลื่นก็จริง
แต่อิเจ้ไม่ปลื้มอย่างแรง
จะเข้าพระเข้านางเจ้ไม่ว่า
แต่เข้าถึงตัวถึงปากอิเจ้ไม่ชอบ  :fire:
แต่ก็ขอชมล่ะนะ ว่ากราฟยีนทักษะการแสดงเป๊ะ




พี่ชมพู พี่ชมพูทำเราผิดหวังมากมายอ่ะ
เราก็นึกว่าพี่จะตามไป ลบรอยจูบในการแสดงนั่น
แต่ก็แค่มาแอบถ่ายรูปสาว(?)แค่นั้น
แต่พี่จะติดใจกับแว่นน้องมากมายนะนั่น
แถมยังอยากจะมอมเหล้าน้องอีก ชวนจ๊างงง ตั้งวงเนี่ย
พี่ต้องการอะไรจากน้องยีน



...............




เพ่พูววววววววววววววววววววว
เพ่พูจะมอมน้องยีนจริงๆด้วย
แต่น้องเขาก็มีผู้ช่วย พี่กราฟจัดเรียบ
กี่แก้วๆ พี่กราฟบ่ยั่น เอาซะเมาหัวทิ่มเลย


ปาล์มรั่วได้น่ากลัวมาก
ดีแล้วที่กินกันที่ห้อง ขืนกินตามร้าน
คงมียกพวกตีกันอ่ะ แถมยังจะฉายหนังสดอีก
นัวเนียกับพี่ต้นซะ น้องยีนมองค้าง
เด็กน้อย(?) ใจแตกกันพอดี



อั๊ย อั๊ย อั๊ย อั๊ย  :-[
ปากมันน่าจูบ หรือว่าพี่ชมพูอยากจะจูบเอง
สงสัยจะทั้งสองอย่าง


เขายอมแล้ว เขายอมให้พี่พูมอมน้องยีนได้ตลอดเวลา
ก็ถ้าน้องเมาแล้วจะน่ารักขนาดเน๊
โอ้ยย จูบนี้ เจ้ปลื้ม
มันแบบ มันอึ๊ยยยยยย บอกไม่ถูก
ก็รอมานานอ่ะนะ กว่าน้องยีนจะได้เข้าพระเข้านาง กับพ่อพระเอก

" จะกลับ "
น่ารักฉิบหายยยยยยยยยยยย เหมือนกันครับเพ่พูวครับ
น้องยีนโคตรโมเอ้ อ้อนซะแบบนี้ พี่พูหลงหัวปัก
ดูดิ๊ขนาดน้องเมา อ้วกแตกอ้วกแตน พี่พูยังดูแลอย่างดี
นึกรังเกียจซักกะนิ๊ดก็ไม่มี


และแล้วพี่พูก็เผด็จศึก เอ้ย!! ถอดแว่นน้องยีนได้แล้ว
ได้เห็นโฉมหน้าอันสวยสดของน้อง
ตื่นมายังได้เจอตากลมๆจ้องแป๊วรับอรุณอีก
แต่เอ๊ะๆๆ นอกจากพี่พูจะเริ่มหลงน้องแบบไม่รู้ตัว
พี่พูยังเริ่มหึงน้องแบบไม่รู้ตัวด้วย




“ได้พี่เป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”

เอาละๆน้องยีน คงไม่ไปไหนเสีย ไม่รอดพี่พูแน่ๆ
ก็นะน้องเล่นดูดดุนเนินอก ดูดนมพี่เขาจับจองแล้ว
พี่พูเข้าคงนึกว่าเสียผี รับผิดชอบ ลูกผู้ชายแมนๆว่ะน้องยีน
ว่าแต่ บอกป๊าว่าตี 1 นี่ล่อซะเช้าแถมได้เมียมาอีก
น้องยีนจะทำไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 07-01-2012 22:03:47
 :a5:
ยีนน่ารักอ่ะ
สรุปพี่ภูจะเป็นเมียน้องยีนรึคะ  555  :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 08-01-2012 10:38:59
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 08-01-2012 14:37:21
รู้สึกว่าตัวเองจะไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า
เรารู้สึกรำคาญพี่ภูมากเลยนะเนี่ย
ไม่ใช่มากธรรมดาด้วย
มากๆๆๆๆๆพิเศษใส่ไข่เลยด้วย
 :o211:
แบบว่าคนมันรำคาญแล้วมาบังคับอยู่นั่นแหละ
สงสัยเราจะเอานิสัยตัวเองมาบ่น 555
แบบว่าไม่ชอบคนที่ชอบบังคับข่มขู่คนอื่นอ่ะนะ
อิพี่ภูถ้าแกชอบน้องยีนจริงๆ
ก็หัดทำดีๆ พูดดีๆกับน้องบ้างนะเว้ย
คนอ่านไม่ได้โดนแกมาวุ่นวายด้วยยังรำคาญแทนเลย
 o12
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: lovetn ที่ 09-01-2012 03:01:17
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงอะ

เพิ่งเข้ามาอ่านฮะ ฝากตัวด้วย ^^


เชียร์พี่พูสุดใจขาดดิ้น อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Eshardy ที่ 09-01-2012 11:10:15
ค้างงงงงงงง
เพ่พู   เอ่ย หลงเสน่ห์ เกงยีนส์หละ  อิอิอ
แต่ว่าช่วยรับผิดชอบ เดี่ยวเกงยีนส์โดน ป๊า สวด พานยักษ์ แน่ ๆๆ555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงตัวอ้วน ที่ 09-01-2012 18:28:56
เพิ่งเข้ามาอ่านนะครับ
แต่สงสัยว่าตอนยีนแต่งหน้า คนที่แต่งหน้าให้ก็ต้องเห็นหน้าที่ไม่ได้สวมแว่นของยีนแล้วไม่ใช่เหรอครับ
ไม่มีใครเอะใจเลยหรือไง หรือว่าตอนแต่งหน้ายังสวมแว่นอยู่
งง ณ จุดนี้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : เหล้ามันเฝื่อน แต่อย่างอื่นมันหวาน [3/1/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 10-01-2012 00:45:28
ขอตอบคอมเมนต์สักหน่อยนะคะ

ดูเหมือนจะมีแอนตี้แฟนพี่ภูหลายคนเลย เป็นที่รักกกกกจริงๆ



“ได้พี่เป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”


สรุปชมพูจะเป็นเมียซะง้านนนน


 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:


เดี๋ยวพี่ภูจะได้อะไรอีกหลายอย่าง (?) จากการเป็นเมียเนี่ยแหละ ^^






ชอบพี่ภูนะ แต่ยังสงสัยกราฟอยู่


กราฟนี่คงต้องสงสัยกันอีกนานล่ะค่ะ





555+ว่าแล้วๆๆได้ถอดแว่นชัว :laugh:ไปอ่านในเด็กดียังไม่ถอดเลยถ่อสังขารมาอ่านในนี้ดูเฮ้วๆๆ :z10:
แหมพอน้องยีนบอกไม่เชื่อจามไม่ได้ถึงกะโกรธ :m16:เลยหรอพี่ภูแบบนี้แสดงว่ารักแล้วอ่ะดิ :o8:
ว่าแล้วเชียวถ้าน้องยีนถอดแว่นพี่ภูต้องตะลึง :m22: อิอิอิ พี่ภูจะน่ารักเกินไปแล้วนะอีกอย่าง :impress2:
พูดผิดพูดใหม่ได้นะพี่ ได้พี่เป็นเมียแล้วรับผิดชอบด้วยหรอ :oo1: ต้องกลับกานซิ
พี่ภูอ่ะเปนคุงสามี :man1:ส่วนน้องยีนอ่ะเปงคุงภรรย o15า อิอิ  เฮ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :laugh3:
....จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z13: :z13: :z13:




ขอบคุณที่ติดตามมาถึงนี่ค่ะ ^^
ใครเป็นสามี ใครเป็นภรรยาก็รู้ๆ กันอยู่เนอะ





อยากกอดน้องเกงยีนนนนน

 :กอด1: :กอด1:


น้องน่ารักเวลาเมา ไม่ได้อ้อนมาก แต่ก็น่าฟัด






ยีนส์ไม่ได้กลับบ้านจะซวยมั้ยอ่ะ อิพี่ภูถ้าทำน้องเดือดร้อนแกต้องรับผิดชอบ


ตอนหน้ารู้กันค่ะ






“ได้พี่เป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”

พี่ชมภูแรงงงงงงงงงงงงอ่ะ

พี่ชมภูเริ่มติดใจน้องเกงยีนแล้วอ่ะดิ

เลยกะจะเก็บน้องเกงยีนเป็นของตัวเอง  หึหึ    :z2:    :z2:

พี่ภูหาเรื่องเข้าตัวเองได้เรื่อยๆ ค่ะ แรงสำหรับคนอื่น แต่พี่ภูอาจจะเฉยๆ






ป่วยแถมด้วยติดเที่ยวปีใหม่
เลยไม่ได้มาเม้นท์ตอน 9 ให้เลย
งั้นอันนี้ รวบไปเลยนะ ^^






นุ้งยีนนนนนนนนนนน ชุดนี้อ่ะเบสิค
จะเอาฮาหนูก็ต้องโอเว่อร์ตั้งกะผมเผ้าหน้าตา ยันปลายผ้าถุง
แต่ไอ้การแสดงของหนูอ่ะ มันไหลลื่นก็จริง
แต่อิเจ้ไม่ปลื้มอย่างแรง
จะเข้าพระเข้านางเจ้ไม่ว่า
แต่เข้าถึงตัวถึงปากอิเจ้ไม่ชอบ  :fire:
แต่ก็ขอชมล่ะนะ ว่ากราฟยีนทักษะการแสดงเป๊ะ




พี่ชมพู พี่ชมพูทำเราผิดหวังมากมายอ่ะ
เราก็นึกว่าพี่จะตามไป ลบรอยจูบในการแสดงนั่น
แต่ก็แค่มาแอบถ่ายรูปสาว(?)แค่นั้น
แต่พี่จะติดใจกับแว่นน้องมากมายนะนั่น
แถมยังอยากจะมอมเหล้าน้องอีก ชวนจ๊างงง ตั้งวงเนี่ย
พี่ต้องการอะไรจากน้องยีน



...............




เพ่พูววววววววววววววววววววว
เพ่พูจะมอมน้องยีนจริงๆด้วย
แต่น้องเขาก็มีผู้ช่วย พี่กราฟจัดเรียบ
กี่แก้วๆ พี่กราฟบ่ยั่น เอาซะเมาหัวทิ่มเลย


ปาล์มรั่วได้น่ากลัวมาก
ดีแล้วที่กินกันที่ห้อง ขืนกินตามร้าน
คงมียกพวกตีกันอ่ะ แถมยังจะฉายหนังสดอีก
นัวเนียกับพี่ต้นซะ น้องยีนมองค้าง
เด็กน้อย(?) ใจแตกกันพอดี



อั๊ย อั๊ย อั๊ย อั๊ย  :-[
ปากมันน่าจูบ หรือว่าพี่ชมพูอยากจะจูบเอง
สงสัยจะทั้งสองอย่าง


เขายอมแล้ว เขายอมให้พี่พูมอมน้องยีนได้ตลอดเวลา
ก็ถ้าน้องเมาแล้วจะน่ารักขนาดเน๊
โอ้ยย จูบนี้ เจ้ปลื้ม
มันแบบ มันอึ๊ยยยยยย บอกไม่ถูก
ก็รอมานานอ่ะนะ กว่าน้องยีนจะได้เข้าพระเข้านาง กับพ่อพระเอก

" จะกลับ "
น่ารักฉิบหายยยยยยยยยยยย เหมือนกันครับเพ่พูวครับ
น้องยีนโคตรโมเอ้ อ้อนซะแบบนี้ พี่พูหลงหัวปัก
ดูดิ๊ขนาดน้องเมา อ้วกแตกอ้วกแตน พี่พูยังดูแลอย่างดี
นึกรังเกียจซักกะนิ๊ดก็ไม่มี


และแล้วพี่พูก็เผด็จศึก เอ้ย!! ถอดแว่นน้องยีนได้แล้ว
ได้เห็นโฉมหน้าอันสวยสดของน้อง
ตื่นมายังได้เจอตากลมๆจ้องแป๊วรับอรุณอีก
แต่เอ๊ะๆๆ นอกจากพี่พูจะเริ่มหลงน้องแบบไม่รู้ตัว
พี่พูยังเริ่มหึงน้องแบบไม่รู้ตัวด้วย




“ได้พี่เป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ”

เอาละๆน้องยีน คงไม่ไปไหนเสีย ไม่รอดพี่พูแน่ๆ
ก็นะน้องเล่นดูดดุนเนินอก ดูดนมพี่เขาจับจองแล้ว
พี่พูเข้าคงนึกว่าเสียผี รับผิดชอบ ลูกผู้ชายแมนๆว่ะน้องยีน
ว่าแต่ บอกป๊าว่าตี 1 นี่ล่อซะเช้าแถมได้เมียมาอีก
น้องยีนจะทำไงล่ะทีนี้


เมนต์ยาวมากกกกกก ขอบคุณมากค่าาาาาา
หวงน้องยีนจริงๆ นะ อีกหน่อยกราฟก็จะไม่ได้แตะแล้ว พี่ภูจะทำ (อะไร) เอง -.,-





รู้สึกว่าตัวเองจะไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า
เรารู้สึกรำคาญพี่ภูมากเลยนะเนี่ย
ไม่ใช่มากธรรมดาด้วย
มากๆๆๆๆๆพิเศษใส่ไข่เลยด้วย
 :o211:
แบบว่าคนมันรำคาญแล้วมาบังคับอยู่นั่นแหละ
สงสัยเราจะเอานิสัยตัวเองมาบ่น 555
แบบว่าไม่ชอบคนที่ชอบบังคับข่มขู่คนอื่นอ่ะนะ
อิพี่ภูถ้าแกชอบน้องยีนจริงๆ
ก็หัดทำดีๆ พูดดีๆกับน้องบ้างนะเว้ย
คนอ่านไม่ได้โดนแกมาวุ่นวายด้วยยังรำคาญแทนเลย
 o12


ส่วนตัวแล้วก็ไม่ชอบคนบังคับเหมือนกัน แต่ค่อยๆ ดูต่อไปค่ะ เพราะพี่ภูเป็นจิ้งจก






เพิ่งเข้ามาอ่านนะครับ
แต่สงสัยว่าตอนยีนแต่งหน้า คนที่แต่งหน้าให้ก็ต้องเห็นหน้าที่ไม่ได้สวมแว่นของยีนแล้วไม่ใช่เหรอครับ
ไม่มีใครเอะใจเลยหรือไง หรือว่าตอนแต่งหน้ายังสวมแว่นอยู่
งง ณ จุดนี้

ตอนแต่งหน้ายีนไม่ได้ถอดแว่นนะคะ เลยออกจะทุลักทุเลหน่อย
แถมเจ้าตัวยังไม่ยอม แต่ก็โดนจับขึง (?) อยู่ดี
เพราะตอนก่อนหน้านั้นยีนบอกแล้วว่าขออย่างเดียวแค่อย่าถอดแว่น
พวกเพื่อนๆ ไม่ใจร้ายเกินไปถึงขนาดทำเรื่องที่ขอเรื่องเดียวไม่ได้หรอกค่ะ
ไม่งั้นยีนก็จะพูดถึงว่าโดนเพื่อนทารุณกรรมยังไงกับการถอดแว่น
แล้วตัวเองพยายามแค่ไหนเพื่อไม่ให้ถูกถอด




-----------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ คนเก่าหายไป ก็มีคนใหม่เข้ามา เหมือนรักษาสมดุลเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: januarys13 ที่ 10-01-2012 06:30:23
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-01-2012 12:23:28
รวดเดียวจบ อิอิ........ชอบๆ แต่ไงพี่ภูมาเปงเมียน้องยีนซะงั้น 555++

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่อด้วยนะ๊ค๊าฟฟ ชอบๆ

รอรอด้วยคนน้านี่ ^^

ปล.......ขอสมัครเปงสมาชิกเรื่องด้วยคนน้อ>3<
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 10-01-2012 19:26:24
อ่านรวดเดียวเม้นต์รวดเดียว

ยีน น่ารักอ่ะ โหยพี่ชมภู ติดใจน้องหรอ เห็นจูบเอาๆ ห้าๆๆ
เฮ้ย พ่อจะว่ายีนไหมละเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 10-01-2012 22:27:06
 :z3:
หุหุหุ
เราจะรอติดตามอย่างเหนียวแน่นค่ะ
อ่านแล้วติดเลย  ชอบน้องยีน  อิอิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 15-01-2012 03:32:48
ผิดไหมที่ชอบกราฟง่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-01-2012 15:58:26
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 17-01-2012 16:33:10
รอตอนใหม่อยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Eshardy ที่ 18-01-2012 10:53:40
เพ่ภู ร้าย อะ   555   

รอตอนต่อไป นะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 20-01-2012 15:00:34
อยากอ่านต่อครับ อย่าลืมมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 21-01-2012 02:25:28
แวบมาตอบนิดนึงค่ะ


ได้แต่เข้ามาส่องๆ แล้วก็ย่องออกไป
อยากอัพให้ค่ะ อยากแต่งด้วย แต่ไม่มีเวลาแต่งเลย
ขอให้ผ่านเดือนนี้ไปก่อนนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ยังรอติดตามอยู่
ขอโทษด้วยค่ะ *โค้ง*


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 21-01-2012 02:34:29
มาเร็วๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 21-01-2012 09:27:42
 :call:
สู้ๆนะคะ จะรออ่าน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / ตอบคอมเมนต์ [10/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: seaweed ที่ 22-01-2012 00:48:29
มากรี๊ดๆๆๆๆๆรอ ตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / แจ้งข่าว [21/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-01-2012 10:10:34
ครับบบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 / แจ้งข่าว [21/1/55] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 28-01-2012 09:44:37
มาเฝ้ารอตอนใหม่อยุ่นะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 10 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 01-02-2012 02:20:26
ตอนที่ 10 : รับผิดชอบกูเลย













ทั้งอึ้งทั้งงงกับคำพูดเมื่อกี้ของไอ้พี่ชมพู มันว่าอะไรนะ มันเนี่ยนะเป็นเมียผม???? ถ้าเชื่อ ควายก็ออกลูกเป็นไข่แล้ว ผมมองมันอย่างไม่เชื่อ มันก็ดันทำหน้าแบบเชื่อกูสิๆ ด้วยท่าทางใสซื่อ

โอ๊ยย กูคงเชื่อมึงหรอก ตัวใหญ่อย่างกับหมี ถ้ามึงบอกกูเป็นเมียยังน่าเชื่อกว่าเลย

แต่มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก เพราะผมรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ก็ผมไม่ได้เจ็บตัวอะไรตรงไหน นอกจากตรงต้นขาด้านซ้ายที่ยัดโทรศัพท์เอาไว้กับตูดด้านขวาที่ผมเก็บกระเป๋าตังค์ ผมคงนอนทับนั่นแหละมันเลยเจ็บ ส่วนมัน ผมกวาดสายตาดู ไอ้พี่ชมพูก็อยู่ในสภาพดี จะมีแค่เสื้อที่มันไม่ได้ใส่กับ... เหี้ยยยย! สายตาผมดันดีเกินไปแล้วเหลือบไปเห็นรอยแดงๆ บนอกมันอยู่สองสามรอย

ผมพยายามมองให้แน่ใจว่ามันเป็นรอยอะไรกันแน่ แต่เหมือนแม่งจะรู้ว่าผมจ้องตรงนั้นเป็นพิเศษมันเลยรีบเอามือปิด แถมถูๆ รอยตรงนั้นแบบกระแดะๆ

“เนี่ย หลักฐานไง เมื่อคืนน้องเกงยีนทำพี่ไว้ คาตาแบบนี้จะไม่เชื่อหรือไง”

กลืนน้ำลายลงเอื้อกเลยครับ นี่ผมทำจริงๆ เหรอ ถ้าไม่เห็นรอยนี่ผมก็ยังไม่เชื่อเท่าไร แต่รอยมันคาตาแล้วผมก็ไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่ารอยแบบนี้มันจะได้มาด้วยวิธีไหน แล้วยิ่งผมอยู่ในห้องนี้กับมันแค่สองคนอีก งานนี้ก็ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแหละครับ

ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย จะไม่ให้ช็อกได้ยังไง แถมเมื่อกี้แม่งยังจับผมจูบแบบไม่ทันตั้งตัวอีก ปากก็เจ็บฉิบหาย เมื่อคืนกูเมาจนไม่รู้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอวะ

แค่เม้มปากยังรู้สึกเลยว่ามันระบมหน่อยๆ เจ็บขนาดนี้ได้ผมคงจูบกับมันไปหนักพอสมควร เพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน แค่คิดก็ ห่าเอ๊ยยยย อยากบ้า เหี้ยๆๆๆๆ

ถึงผมกับกราฟจะทำอะไรเชิงๆ นี้กันหลายครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่แบบนี้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เรียกว่าจูบได้เลยสักครั้ง เพราะทุกครั้งล้วนแล้วแต่มีเหตุผลของมัน

แถมไม่เคยดูดปากดูดลิ้นกันแบบนี้ด้วย

โอ๊ยยยย กูเครียดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!

ผมทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่สักพัก ไม่รู้จะตอบมันว่าอะไรกลับไป เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ผมจึงรีบฉวยโอกาสที่วิ่งเข้ามาหา คว้าโทรศัพท์ออกมาทันที แต่พอเห็นชื่อที่ปรากฏหน้าจอเท่านั้นแหละ ทำผมช็อกไปวินาที หัวใจเต้นระรัว

“ครับ พี่กล้วย”

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไปอีกหนึ่งทีแล้วรับโทรศัพท์พลางฉุดตัวขึ้นจากที่นอน รู้เลยว่าทำไมพี่เลี้ยงถึงโทรหาผมตอนนี้ เพราะมันล่อเข้าไปเกือบเที่ยงแล้ว แต่ว่าผมยังไม่กลับบ้านเลย ไม่อยากนึกว่าตอนนี้ป๊าคงรู้แล้วว่าผมไม่ได้ทำตามสัญญา แต่...

เหยดดดดดด

อุทานในใจจนเกือบหลุดเสียงออกมาดังๆ ผมไม่ได้ลุกจากเตียงอย่างที่หวัง เพราะโดนแขนของไอ้คนตัวใหญ่ล็อกไว้ก่อน พี่ชมพูแม่งลากตัวผมให้ล้มลงมาบนเตียงทั้งยืน แล้วยังกอดผมไว้อีก มันเกยคางกับบ่าของผม ให้ผมต้องออกแรงเหวี่ยงมันออก แต่มันก็ไม่ปล่อย ผมเลยต้องหันไปจ้องหน้ามันแล้วกระซิบเสียลอดไรฟัน

“ปล่อย”

มันไม่ปล่อยหนำซ้ำยังกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก

ไอ้เหี้ยเอ๊ย มึงจะเอายังไงกับกู!

[น้องยีนอยู่ที่ไหนคะ คุณท่านถามหาค่ะ พี่ไม่รู้จะช่วยพูดยังไงดี]

ผมต้องละความสนใจจากคนเรื่องมากแล้วหันมาตอบคนในโทรศัพท์แทน ปล่อยให้ไอ้เหี้ยพี่ชมพูแม่งกอดผมอย่างนั้น มันเอาหน้าซุกเข้ากับซอกคอผมแล้วสูดหายใจเบาๆ จนผมแทบสะดุ้ง

สัตว์เอ๊ยยยย มึงอยากโดนกูถีบกระเด็นใช่ไหม
“ยีนรู้แล้วครับพี่กล้วย ยีนจะรีบกลับนะครับ”

[ค่ะ พี่จะได้เรียนคุณท่าน แต่คุณท่านดูจะไม่พอใจมากนะคะ]

“ครับ ขอโทษพี่กล้วยด้วย”

ตอบแค่นั้นแล้วผมก็รีบวางสาย ก่อนจะหันไปเอาจริงเอาจังกับการเผชิญหน้าหมีควาย มันมองผมยิ้มๆ เหมือนไม่รับรู้ว่าผมกำลังร้อนใจแค่ไหน เห็นแล้วอยากถีบจริงๆ ผมเลยเอาศอกถองพุงมันไป แล้วใช้โอกาสที่มันนั่งจุกเพราะผมใส่แรงไปเต็มๆ รีบแจ้นออกมาจากห้องนั้นหลังจากคว้าแว่นและสัมภาระของตัวเองติดมือมาได้

แต่ออกมาแล้วผมโคตรอายฉิบหาย เพราะผมเพิ่งรู้ว่าห้องที่ไอ้พี่ชมพูพามาเป็นโรงแรงม่านรูด สาดดด ผมต้องพยายามทำตัวให้เด่นน้อยที่สุด แต่เชี่ยแม่ง ดันมีพนักงานคนนึงเดินมาพอดี มันมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มๆ เหมือนผมมีอะไรน่าขำซะมากมาย แม่งมองเหมือนรู้ว่าผมไม่ได้มากับผู้หญิงแต่มากับผู้ชาย

แสรดดดด มึงทำกูอับอาย มึงจำไว้เลยนะ ไอ้พี่ชมพู

ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ จนหยุดอยู่หน้าโรงแรม แล้วโบกแท็กซี่เพื่อจะได้กลับบ้านให้เร็วที่สุด นั่งอยู่ในรถก็ทำใจไปด้วยว่ากลับไปแล้วจะเจออะไร ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไรเพราะทันทีที่เผชิญหน้าป๊าผมก็รู้สึกกดดันจนพูดไม่ออก

“ไปนอนที่ไหนมา”

เสียววูบไปถึงไขสันหลังเลยครับกับน้ำเสียงเย็นๆ ของป๊า ผมเบือนหน้าลงต่ำหน่อยๆ เพื่อหลบสายตา พยายามเค้นเสียงออกมาเป็นคำตอบที่ไม่เป็นความจริง

“คือ.. เมื่อวานงานมันเลิกดึกครับป๊า ยีนก็เลยไปนอนห้องกราฟ เพราะเห็นมันดึกแล้ว ไม่อยากรบกวนให้มันมาส่ง”

“แล้วไม่คิดจะโทรบอกบ้างหรือไง”

“ก็มันดึกแล้วไงป๊า ป๊าเข้านอนแล้ว ยีนเลยไม่อยากปลุกป๊า”

ผมทำหน้าสำนึกผิดอย่างเต็มประดา แสดงให้ป๊ารู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ ไม่ได้อยากผิดสัญญา แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ป๊าคงไม่เห็นความสำคัญกับเหตุผลของผม ป๊ามองว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่าถึงได้เหล่ตามมองผมอย่างไม่ยี่หระ

“บัตรเครดิต”

คำพูดจากป๊ามีแค่สั้นๆ เพียงเท่านั้นโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก ซึ่งผมเข้าใจได้ทันทีว่าหมายความว่าอะไร แต่ผมไม่อยากยอมง่ายๆ จึงพยายามทำเสียงอ้อน

“ป๊า~”

“หรือจะให้ป๊าโทรระงับ”

“...”

ผมยังไม่ยอม อาศัยความเงียบและแสดงสีหน้าให้ดูน่าสงสาร แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลยสักนิด ป๊าพูดคำที่โหดร้ายกว่า

“จะให้ป๊าโทรบอกประกิตไหม ยีนจะให้ถอดชิ้นไหนออกจากเลพเพิร์ด ก่อน”

“ป๊า!! ห้ามทำอะไรเลพเพิร์ดนะ”

คราวนี้ผมไม่ยอมแล้ว อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เลพเพิร์ดของผม ผมรีบดึงกระเป๋าเงินออกมาแล้วยื่นบัตรเครดิตทั้งหมดที่มีอยู่สามใบให้ป๊าทันที ป๊าเลยทำเสียงหึในคอเหมือนจะสมเพชผมกลายๆ

“มีเงินสดติดตัวอยู่เท่าไร”

“ประมาณหนึ่งพันครับ”

ผมตอบกลับไปตรงความจริงซึ่งป๊าก็พยักหน้าหน้ารับ

“อย่างนั้นก็ใช้ไปทั้งเดือน เดือนหน้าป๊าจะคืนให้ โทษฐานที่ผิดสัญญา”

หน้าจ๋อยไปทันทีที่โดนสั่งแบบนั้น เงินพันหนึ่งต่อเดือนมันจะไปพอยาไส้อะไร แค่ค่าข้าวทั้งเดือนก็ไม่เหลือแล้ว แต่ผมก็ขัดป๊าไม่ได้ เพราะผิดสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ ถึงจะไม่ได้อยากทำผิดก็ตาม คิดแล้วก็เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ

เพราะไอ้เชี่ยกราฟที่ดันเมาไม่รู้เรื่องเลยพาผมมาส่งไม่ได้ แล้วก็เพราะไอ้เหี้ยพี่ชมพูที่บังคับให้ผมแดกเหล้าไปซะขนาดนั้น

จริงๆ ผมไม่ได้คออ่อนสักเท่าไร แต่ก่อนหน้านั้นไม่ได้กินอะไร ท้องว่างแล้วแดกเหล้าเข้าไปก็เลยเมาแบบไม่รู้เรื่องแบบนี้

เสียหมาฉิบหาย!!












จากเจ้าชายรูปหล่อกลายเป็นเด็กเนิร์ด แล้วจากคุณชายยังกลายเป็นยาจกเสียอีก ชีวิตผมแม่งเฮงซวยสุดๆ แล้วคนที่ต้องรับผิดชอบก็ไม่พ้นไอ้คนที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ ผมไล่ตบหัวเรียงตัวเลยหลังจากไอ้กราฟมารับผมไปมหา’ลัย จริงๆ มันก็โทรหาผมหลังมันฟื้นแล้วนึกได้ว่ามันไม่ได้ไปส่งผมที่บ้าน แต่ผมรับสายมันแค่คำเดียวสั้นๆ ‘สัตว์!!!’ แล้วตัดสายทิ้งเลย เพราะอารมณ์เสียสุดๆ

แน่นอนว่าผมดูลาดเลาดีแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ เพราะยังเช้าอยู่ ตั้งใจมาสำเร็จโทษพวกมันแหละครับถึงได้โทรเรียกให้มารับตั้งแต่หกโมงครึ่ง ซึ่งไอ้กราฟ ไอ้กัส ไอ้เคลมหัวคลอนไปตามแรงตบกบาล

“เพราะพวกมึงเลยแม่ง เหี้ย ไหนบอกว่าจะช่วยกูไง แล้วดูพวกมึง แม่ง เมาเป็นหมา ทิ้งกูไว้คนเดียว กูโดนป๊ายึดบัตรไปหมดแล้ว สัตว์! โดยเฉพาะมึง” ผมหันไปชี้หน้าไอ้กราฟ “รับปากกูแล้วว่าจะพากูไปส่งบ้านก่อนตีสอง รับผิดชอบเลยนะมึง กูไม่มีเงินแดกข้าว ไม่มีค่ารถ มึงต้องไปรับไปส่งกู ห้ามเบี้ยวแม้แต่วันเดียวจนกว่ากูจะได้บัตรคืน แล้วก็ต้องเลี้ยงข้าวกูทุกมื้อด้วย พวกมึงสองตัวด้วย รู้หรือเปล่า”

ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้กัส ไอ้เคลม เป็นการปิดท้าย ไอ้กัสก็ผงกหัวเข้าใจ แต่ไอ้สัตว์เคลมขยับปากขมุบขมับ

“บ่นเชี่ยไรของมึง ไอ้เคลม”

“เปล๊า” มันตอบเสียงสูง “เลี้ยงก็เลี้ยง กูแฟร์ๆ อยู่แล้ว”

“ถ้ามึงไม่เลี้ยงก็ถอดปากมึงมาให้กูเตะเลย สัตว์”

ผมว่าอย่างนั้นมันก็สะดุ้งนิดหน่อย เพราะบรรดาพวกเรา ไอ้เหี้ยนี่แหละที่มันเบี้ยวผมเยอะสุด แม่งกะล่อน ไหลไปเรื่อย หาทางเอาตัวรอดตลอด ถึงมันจะรักผมก็เหอะ แต่มันก็รักตัวเองมากกว่า หึ

“แหม ถ้ากูมีสักสิบปาก กูจะถอดมาให้มึงเตะเล่นสองปากเลย แต่พอดีกูมีอันเดียวว่ะ อันเดียวตัวเดียว เพราะงั้นมึงเตะปากตัวเองไปก่อนแล้วกัน ฮ่า”

แถมท้ายด้วยการหัวเราะอีกต่างหาก ผมเกือบตบกบาลมันอีกรอบแล้ว แต่ไอ้กัสก็แสนดี ช่วยไม่ให้ผมต้องเจ็บมือโดยการตบให้แทนก่อนเลย ผมจึงหันไปยักคิ้วกวนๆ กับมัน ไอ้กัสก็ยิ้มกลับเหมือนภูมิใจที่มันทำให้ผมพอใจได้

“ว่าแต่..”

เสียงของไอ้กราฟดังขึ้นมา เรียกให้ผมหันไปมองหน้ามันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็มองหน้าเหมือนอยากรู้เหมือนกันว่าไอ้กราฟจะพูดอะไร แต่สำหรับผม พอฟังแล้วอยากด่ามันและบอกให้มันเงียบปากไป ไม่ต้องถามยังดีกว่า ทว่าก็ไม่ทัน

“มึงไปนอนที่ไหนมาวะ”

เชี่ยยย มึงจะมาอยากรู้อะไรเรื่องนี้

“ทำไม”

ผมตอบเสียงห้วน ยิ่งนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หน้าตาของคู่กรณี แล้วยังท่าทาง น้ำเสียงของมันอีกก็ยิ่งอารมณ์เสีย ตั้งใจไว้แล้วว่าจะถือโอกาสนี้ตัดมันออกไปจากวงจรชีวิต ให้มันไปหาห่วงโซ่อาหารใหม่ อย่ามายุ่งอะไรกับกูอีกเป็นพอ

“ก็ตื่นมาพวกกูยังอยู่กันครบ ทั้งไอ้กัส ไอ้เคลม แล้วยังพี่เจ๋ง พี่ต้น พี่ปาล์ม แต่มึงกับพี่ภูหาย”

“แอบหนีไปนอนกับพี่ภูสองต่อสองเหรอวะ”

“กินตีนกูก่อนไหมไอ้เหี้ยเคลม”

กระแทกใจฉิบหายเลย ผมถึงหันไปตอกใส่หน้ามัน แต่แทนที่มันจะสลดสักนิดหน่อย แต่ไม่เลย เหี้ยนี่ก็แบบนี้ทุกที ไม่เคยมีอะไรที่จริงจังในชีวิต แต่อย่าหวังว่าการต่อคำกับมันจะเบี่ยงประเด็นนี้ไปได้ เพราะไอ้กัสมันหันมาถามแทน

“แล้วสรุปมึงกับพี่ภูไปไหนวะ”

“กูจะไปรู้เหรอ” ผมพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูไม่เหมือนว่ารำคาญที่จะตอบมากที่สุด เพราะถ้าทำแบบนั้น ไอ้กัสจอมฉลาดแม่งต้องรู้แน่ว่าผมโกหก “กูก็หาที่นอนของกู ส่วนไอ้พี่ชมพู จะอยู่ที่ไหนก็เรื่องของมัน”

“ยังไม่เลิกไม่พอใจเขาอีกเหรอวะ กูเห็นมึงก็สนิทกับพี่เขาแล้วนี่”

ไอ้กราฟถาม ผมอยากรู้จริงๆ ว่ามันเอาอะไรดู ตากุ้งยิงที่ตาตุ่มมันหรือไง กูเนี่ยนะสนิทกับไอ้พี่ชมพู ถ้าเป็นไปได้กูจะกระทืบมันให้ม้ามไหล รุ่นพี่เหี้ยอะไรวะ ชอบบังคับรุ่นน้อง เผด็จการฉิบหาย

“กูไปสนิทตอนไหน”

“อ้าว กูเห็นมึงให้เขาติวหนังสือให้ แล้วเขายังดีกับมึงมากกว่าเมื่อก่อน”

“มึงจุดธูปสามดอกแล้วเรียกกุมารมากินน้ำแดงเหอะ ยังง่ายกว่าที่กูจะดีกับมัน”

“เว่อร์ไปป่ะ”

ไอ้เคลมบ่นเหมือนมันชื่อชมพูเสียเอง ไอ้กัสก็มองหน้าผมเหมือนกัน ผมที่ยืนอยู่เพราะเพิ่งใช้ฝ่ามือพิฆาตตบหัวพวกมันจนครบทุกคนเปลี่ยนมานั่งลงเพื่อคุยกับมันต่อ ไอ้กัสเลยถือโอกาสเทศนาผมต่ออีกรอบ

“มึงก็เปิดใจหน่อยดิวะ ถึงเขาจะทำดี แต่ถ้ามึงอคติ ต่อให้เขาดีให้ตาย มึงก็มองเขาเลวอยู่ดี แบบนี้น่าสงสารเขาออก”

ถ้าไอ้เหี้ยพี่ชมพูน่าสงสาร คนก็น่าสงสารกันทั้งโลกแล้ว โดยเฉพาะกูที่ตอนนี้น่าสงสารที่สุด เพราะเพื่อนแม่งเข้าข้างคนที่ทำให้ผมตกอับกันหมด อยากรู้นักไอ้รุ่นพี่นั่นมีอะไรดี เพื่อนๆ ผมถึงได้เห็นดีเห็นงามกับมันไปซะหมด ทั้งที่พวกมันคบกับผมมาตั้งหกปี

“กูพยายามสุดๆ แล้ว แต่กูไม่เห็นว่ามันจะดีอย่างที่มึงว่าเลย”

“เพราะมึงยังไม่รู้จักเขาดีห่างหาก”

ไอ้กราฟยังช่วยสนับสนุน ผมเลยได้แต่ถอยหายใจ รับปากมันไปส่งๆ

“เออ กูจะลองพยายามให้มากกว่านี้แล้วกัน”

เท่านั้นไอ้เพื่อนรักสามตัวก็ฉีกยิ้มกันทันที

สัตว์ พวกมึงถูกมันซื้อตัวไปแล้วใช่ไหม ห่าาา!!














ทั้งที่กะว่าจะไม่เจอหน้าไอ้พี่ชมพูอีกนับต่อจากวันนั้น ถึงจะบอกพวกแม่งไปก็เหอะว่าจะพยายาม แต่เหมือนมีเวรกรรมกับมันแต่ชาติปางไหนไม่รู้ ไอ้รุ่นพี่นี่ถึงได้มาวนเวียนขอส่วนบุญอยู่ได้ ผมทั้งหลบทั้งหลีกเพื่อไม่ให้มันเจอหน้าผมมาได้เกือบอาทิตย์กว่า แต่สุดท้ายไอ้หัวเรดาร์มันก็จับตัวผมจนได้ เหอะ เซ็งโคตรๆ ล่ะงานนี้

“มึงหลบหน้ากูเหรอ”

ไม่เพียงมันไล่ต้อนผมจนจนมุมเท่านั้น มันยังลากผมมายังที่ลับตาคนอีกต่างหาก นี่ผมแทบจะมุดเข้าไปในซอกตึกหลังคณะอยู่แล้วด้วยซ้ำ ถ้าโดนมันสกรัมผมต้องเป็นศพแห้งเหี่ยวแบบไร้ญาติยู่ที่นี่แหง

“ใครบอกว่าหลบครับพี่ ผมเปล่าสักหน่อย” ผมก็ตอแหลไปตามระเบียบ

นี่ได้กูเป็นผัวแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอวะ หรือว่าจะให้ผมทำอีกรอบ? แต่แบบนั้นก็ไม่ไหวว่ะ แค่เห็นหน้ามันผมก็กระเดือกน้ำลายไม่ลงแล้ว ยังสยองไม่หาย แล้วก็หลอนไม่หายด้วยที่ผมได้พี่ชมพูเป็นเมีย

“ไม่ต้องมาแหลสดใส่กูเลย”

มันว่าแบบนั้นแถมยังเอามือมาล็อกคางผมอีกต่างหาก แล้วมือมันนี่เบามากนะ หน้าหล่อๆ ของผมจะเบี้ยวก็เพราะมันนั่นแหละ สาดดด

“แล้วพี่ชมพูจะเอายังไงล่ะครับ ผมพูดความจริงก็หาว่าผมตอแหล”

ใส่เอฟเฟกต์เสียงนิดหน่อยตอนพูดคำสุดท้ายใส่หน้ามันจนน้ำลายเกือบกระเด็น ผมเป็นรุ่นน้องที่รักและเทิดทูนรุ่นพี่สุดๆ เลยคิดว่างั้นไหม?

“ถ้ามึงไม่หลบ ตอนกูไปหาก็ต้องเจอมึงดิ ไม่ใช่เจอแต่เพื่อนมึง”

นั่นไงล่ะ กูว่าแล้วว่ามึงต้องตามจองล้างจองผลาญกูแน่ๆ

“แล้วพี่ต้องการอะไรจากผมล่ะครับ”

“มึงไม่รู้เหรอ”

มันถามแบบนี้กลับมาแล้วจะให้ผมตอบอะไรได้ จะพูดอย่างที่มันเคยเรียกร้องไว้ก็โคตรกระดากปากเลยได้แต่หุบปากเงียบแล้วเสหลบสายตามันไป คราวนี้มันยอมปล่อยมือจากหน้าผมแล้วบอก

“มึงต้องรับผิดชอบกูไง จำไม่ได้แล้วหรือไง”

พูดแต่แรกก็จบ ลีลาอยู่ได้!

คิดว่าผมจะพูดแบบนั้นเหรอ ขืนพูดก็เอาตัวเข้าไปเสี่ยงสิครับ ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก

“ผมถามพี่จริงๆ นะ”

ผมค่อยๆ เขย่งเท้าเพื่อให้ตัวสูงเท่าพี่ชมพู กระซิบข้างหูมันเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน ทั้งที่อยู่กันแค่สองคนเนี่ยแหละ เพราะมันถือเป็นความอัปยศอย่างหนึ่งในชีวิตของผมเลย

“ผมกับพี่ได้กันแล้วจริงๆ เหรอ”

“มึงคิดว่าเรื่องแบบนี้มันน่าโกหกหรือไง”

มันก็จริงที่ว่าไม่น่าเอามาโกหกกันได้ แต่กูไม่ไว้ใจมึงนี่หว่า

ผมไม่ได้ตอบมันไปอย่างที่ใจคิด แต่ก็เหลือบตามองไอ้รุ่นพี่ตัวโตนี่อย่างไม่เชื่อมันเท่าไร พี่ชมพูคงพอรู้ตัวแหละว่ายังไงผมก็ไม่เชื่อ มันเลยเลิกเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นเมียสักที แต่เปลี่ยนมาเรียกร้องสิทธิ์อย่างอื่นแทน เวร!!

“ได้ข่าวว่ามึงให้พวกไอ้กราฟรับผิดชอบที่ทำให้มึงไม่ได้กลับบ้านนี่”

“แล้วยังไงครับ”

ถามมันกลับแบบนั้นแต่ผมเข่นเขี้ยวหมายหัวไอ้เพื่อนเวรแล้ว แม่ง มึงจะบอกไอ้พี่ชมพูทำซากห่าอะไรวะ แล้วเดี๋ยวมันก็เอามาเป็นประเด็นกับกูอีก

“แต่กูว่าคนที่ทำให้มึงไม่ได้กลับบ้านน่าจะเป็นกูมากกว่า”

นั่นไง กูว่าแล้วววววว!!

“ไม่หรอกครับ ไม่ใช่ความผิดของพี่เลยสักนิด”

ฉีกยิ้มแฉ่งให้มันจนหน้าบาน เมื่อยแก้มโคตร แต่ก็ยอมทำ ถ้ามันทำให้ไอ้พี่ชมพูยอมปล่อยผมไปจากชีวิตมันสักที

มึงไม่คิดทำบุญทำทานปล่อยกูไปมั่งหรือไงวะ ปล่อยกูอะ ได้บุญสุดๆ แล้ว ชาติหน้ามึงได้เกิดเป็นมหาเทพแน่ๆ แสรดดด

“ก็ถ้ากูพามึงไปส่งที่บ้าน มึงก็ไม่ต้องทะเลาะกับพ่อมึงหรอก”

เหี้ยแล้วไง มันรู้ด้วยว่าผมมีเรื่องกับป๊า

“นั่นเพราะผมเมาต่างหาก ไม่งั้นผมก็ให้พี่พาไปส่งที่บ้านได้แล้ว”

“แต่ถ้ากูไม่บังคับให้ไอ้กราฟแดกเหล้า มันก็ไปส่งมึงที่บ้านได้”

“ไอ้กราฟมันเสือกเองต่างหาก ความผิดของพี่ที่ไหน”

ดูผมเป็นคนดีสุดๆ ที่พยายามทำให้มันพ้นผิดให้ได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายแม่งก็อยากจะผิดซะเหลือเกิ๊นนน

“แต่ถ้ากูไม่บังคับมึงให้ไปกินเหล้าที่คอนโดกู มึงก็ไม่ต้องเดือดร้อน”

“พี่ชมพูคร้าบบบบบ” ผมเรียกมันเสียงยาว กะเบรกมันให้เลิกหาข้ออ้างสักที สรุปแม่งจะเอาให้ได้ใช่ไหม ความผิดเนี่ย “พี่พูดมาเลยดีกว่าว่าจะเอายังไง”

มันกระตุกยิ้มครับ แล้วยิ้มมันก็เป็นแบบชั่วสไตล์

“กูไม่เรียกร้องให้มึงรับผิดชอบกูก็ได้ แต่กูจะรับผิดชอบมึงแทน”

เอ่อะ... พูดไม่ออกเลยงานนี้ มึงไม่ต้องเป็นคนดีขนาดนั้นก็ได้ มึงชั่ว มึงเลว มึงทรามต่อก็ได้ กูไม่ถือสา ไอ้กราฟ ไอ้กัส ไอ้เคลมมันเลี้ยงดูกูได้จริงจริ๊งงง

“ไม่ต้องมั้งครับ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องให้พี่ต้องเหนื่อยมาดูแลผมหรอก”

“ไม่เป็นไร มึงไม่ต้องเกรงใจ เพราะกูเต็มใจ”

แต่กูไม่เต็มใจกับมึง!!

“อย่าเลยดีกว่าครับ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรจริงๆ พี่ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้นแหละ” ผมว่า ก่อนจะยิ้มให้มันแบบจริงใจสุดๆ “เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ มีเรียนต่ออีกวิชานึง สวัสดีครับพี่ชมพู”

แล้วก็รีบจ้ำอ้าวออกมาจากตรงนั้นเลย ขืนอยู่นานกว่านี้มีสิทธิ์จะโดนมันยัดเยียดอะไรมาให้อีกก็ได้ แต่ถึงไอ้พี่ชมพูไม่ได้เดินตามมา มันก็ยังฝากประโยคที่ทำให้เสียวสันหลังวูบ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปรับ”












เหยดเข้!!!!!!

ไอ้พี่ชมพูทำจริงอย่างว่า เพราะพอเปิดประตูบ้านออกมาแทนที่จะเป็นรถของไอ้กราฟที่ผมคุ้นเคยดันเป็น Lexus LFA ซะนี่ ผมแทบผงะแล้วถอยกลับเข้าไปในบ้าน แต่ว่าไอ้รุ่นพี่ก็ตีนไว ก้าวเข้ามาหาผมแล้วคว้าหมับที่แขน แสรดดด

แต่ไม่ใช่แค่นั้นที่มันทำ เพราะนอกจากมันจะมารับผมไปเรียนแล้วมันยังคอยหาข้าวหาปลาให้ผมกินอีก แถมด้วยจองล้างจองผลาญผมทุกวันจนล่อเข้าไปอาทิตย์กว่า แล้วยิ่งนานวันก็เหมือนจะหนักขึ้น ไม่รู้ว่าหมาตัวไหนซีรอกซ์ตารางเรียนของผมไปให้ มันถึงได้รู้หมดเลยว่าผมเรียนตอนกี่โมงจะพักตอนไหน กลับเมื่อไร ไอ้พี่ชมพูถึงได้มาดักรอได้ตลอด เลวร้ายสุดๆ ผมตัวติดกับมันจนจะกลายเป็นแฝดสยามอยู่แล้ว ปีสามแม่งไม่มีเรียนหรือไงวะ

“มึงจะกินอะไร”

คำถามแสนสุภาพมาจากไอ้คนที่อยากทำตัวเป็นเบ๊ครับ ผมหันไปมองมันด้วยหน้าเอือมๆ หน่อย เบื่อแม่ง เมื่อไรจะไปพ้นๆ หน้าสักที

“พี่กินอะไรก็ซื้ออันนั้นมาแล้วกันครับ ผมกินอะไรก็ได้”

จริงๆ ไม่ได้อยากว่าง่ายกับมันหรอก แต่อยากไล่ให้แม่งไปพ้นๆ หน้าสักที มึงไม่เบื่อหน้ากู ก็เห็นแก่กูที่เบื่อหน้ามึงบ้างเถอะ

“ถ้ากูซื้อมา มึงอย่ามาบ่นแล้วกัน”

“ครับ คร้าบบบ”

ผมลากเสียงยาวตอบกลับ มันถึงได้เดินไปสักที คราวนี้ก็ได้เวลาดีของผม ผมรีบหันไปทางไอ้กราฟที่นั่งอยู่ข้างๆ ทันที

“มึงใช่ไหม ไอ้เหี้ยกราฟ”

“กูอะไร”

มันทำหน้างงๆ ใส่แถมหันไปมองไอ้กัสกับไอ้เคลมที่ว่างพร้อมกันอีก ไอ้สองตัวนั้นก็มองผมแบบ... มึงเป็นไรมากเปล่าเนี่ย

พวกมึงลองมาเป็นกูไหมล่ะ สัตว์

“มึงซีตารางเรียนให้ไอ้พี่ชมพูใช่ไหม”

“เฮ้ย เปล่าเว้ย ไม่ใช่กู ไอ้เหี้ยเคลมต่างหาก”

กราฟรีบโบยทันที คราวนี้เป้าหมายผมก็เปลี่ยนแล้วสิ ผมหันไปจ้องไอ้เคลมแบบถลึงตามองเลย ถ้าไม่มีเลนส์แว่นหนาๆ กั้นไว้ลูกตาผมอาจจะหลุดออกมาก็ได้

“มึงขายเพื่อนเหรอ ไอ้สัตว์เคลม”

“กูไม่ได้ขาย มึงเข้าใจผิดแล้วววว”

แม่งยังมีหน้ามาทำทะเล้นอีก กูเชื่อมึงตายล่ะ ห่า แต่แค่นั้นเหมือนมันจะยังทำให้ผมฉุนไม่พอ เพราะไอ้สัตว์เคลมดันพูดต่อว่า

“แต่กูยกให้เลย ฮาาา”

แล้วมันก็หัวเราะยาวจนผมอยากจะลุกขึ้นมากระทืบแม่งให้ม้ามแตกกลางโรงอาหาร แต่ว่ายังไม่ทันได้ทำแบบที่คิด เพราะไอ้กราฟดึงมือผมไว้ก่อน

“มึงก็ใจเย็นดิวะ ไอ้เหี้ยเคลมก็พูดไปงั้น”

“ใช่ ไอ้กราฟพูดถูก มาจูบปากที” ไอ้เคลมทำท่าจะลุกขึ้นมาจูบปากไอ้กราฟจริงๆ แต่ไม่ได้ทำ แค่เล่นมุกไปงั้นๆ แล้วพูดต่อ “ที่กูทำเพราะกูสงสารพี่ภูต่างหาก พี่เขาออกจะดีกับมึง กูก็ต้องสนับสนุนดิวะ ใครจะใจร้ายไส้ระยำแบบมึง”

หาว่ากูใจร้ายไม่พอ ยังมาด่ากูระยำอีก เชี่ย มึงลองมาเป็นกูสิ สัตว์ มึงจะได้รู้ว่ากูสมควรมีความสุขเหรอ????

“อย่าไปเชื่อแม่ง” อยู่ๆ ไอ้กัสก็พูดขึ้น “มันไม่อยากเลี้ยงมึงต่างหาก”

“อ้าว ไอ้เพื่อนเวร”

ทันทีเลยครับ ไอ้เคลมหันไปค้อนขวับใส่ไอ้กัสทันที แต่ยังไม่ทันได้เกิดศึกวิศวะฯ เพราะไอ้ตัวการกลับมาซะก่อน มันวางจานข้าวมันไก่ตรงหน้าผม ก่อนจะวิ่งกลับไปซื้อเป๊ปซี่ขวดใหญ่พร้อมน้ำแข็งสองแก้วแล้วมานั่งข้างๆ เทน้ำบริการให้อย่างดี

มึงรู้ว่ากูชอบกินเป๊ปซี่ แต่ขอโทษทีวันนี้กูอยากกินกระทิงแดงว่ะ ห่าาา!!

“ไม่กินหรือไง”

เพราะเห็นผมนั่งมองข้าวมันไก่แต่ยังไม่แตะช้อนล่ะมั้ง มันถึงได้ถาม ผมก็มองๆ แล้วตัดใจ กินๆ ไปก็ได้ ถึงจะไม่ค่อยอยากินข้าวที่มันซื้อมาให้เท่าไรก็เหอะ แต่ไม่ทันแตะช้อน เสียงไอ้เวรเคลมก็ดังอีกแล้ว

“ไอ้ยีนมันไม่กินหนังพี่”

“เหรอ”

พี่ชมพูถามพลางชะโงกหน้ามามองผม แค่กูไม่กินหนังไก่นี่ดูประหลาดมากหรือไง ผมนั่งทำหน้าเบื่อๆ จะหยิบช้อนขึ้นมาเขี่ยหนังออกแต่ก็ไม่ทันมือไวๆ ของมัน รุ่นพี่จอมเผ็ดจการตัดหน้าคว้าอาวุธคู่จานผมไปอย่างหน้าด้านๆ เสร็จแล้วก็จัดการเลาะหนังให้ด้วย ก็ถ้ามันทำแค่นี้จะเป็นพระคุณอย่างมาก แต่ว่ามันไม่ได้ทำแค่นั้นน่ะสิ

“กินดิ”

มันเอาน้ำจิ้มราดข้าวแล้วตักทั้งข้าวทั้งไก่ไร้หนังมาจ่อให้ผมถึงปากเลย แล้วคือแบบ... แค่พวกไอ้กราฟอยู่ในโรงอาหารก็เป็นเป้าสายตาได้แล้ว แล้วยังมีไอ้เชี่ยพี่ชมพูนี่อีก ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าโต๊ะผมจะฮอตขนาดไหน ตอนนี้ผมแทบไม่อยากจะเหลือบตาไปทางไหนทั้งนั้น เพราะแค่นั่งอยู่เฉยๆ ก็เหมือนมีรังสีอะไรสักอย่างแผ่ใส่

คิดสภาพผู้ชายหน้าจืดๆ ใส่แว่นหนา ดูทั้งเนิร์ดทั้งเจี๋ยมเจี้ยมนั่งอยู่แล้วมีผู้ชายหน้าหล่อๆ มาป้อนข้าวถึงปาก มันฉิบหายขนาดไหน!!

“มึงจะอ้อยอิ่งอะไรเล่า แดกๆ ไปดิวะ พี่ภูเมื่อยมือแล้วเนี่ย”

ไอ้เหี้ยเคลมยังทำตัวเป็นหัวหน้ากองเชียร์

แสรดดด มึงให้เขาเอากูไปเลี้ยงเป็นหมากระเป๋าไหม ห่า

ผมเหลือบตามองไอ้กราฟกับไอ้กัสนิดๆ เพื่อนสองตัวของผมก็พยักพเยิดให้ อารมณ์แบบมึงแดกๆ เข้าไปเหอะ ไหนๆ พี่เขาก็ป้อนมึงแล้ว สัตว์ สัตว์ สัตว์! เพื่อนกูแต่ละคน แล้วถ้าแค่สายตาของไอ้พวกนี้ผมก็ยังพอจะทนนิ่งต่อไปได้ แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นดิ เพราะเกือบทุกโต๊ะแม่งหันมามองหมดเลย เชี่ยเอ๊ยยยย!!!!

จะให้ผมทำยังไงได้ นอกจากค่อยๆ งับข้าวจากไอ้พี่ชมพูเข้าปากไปแบบเรียบร้อยที่สุด

พอผมกินข้าวไปแล้วก็ก้มหน้างุดๆ เลยครับ แม่งทั้งอายทั้ง @^*^#)Q@%*฿*&$^$^##^# (พูดภาษาคนไม่ออก) แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังทำใจกล้าเหลือบไปมองหน้าไอ้พี่ชมพู แต่พอเห็นแล้วกลับคิดว่ากูไม่น่าเหลือบเลย เพราะดันไปเห็นว่ามันยิ้มแบบพอใจ

สาดดดดดดดดดดด มึงแกล้งกู!!!!!!!!














==================
กลับมาแล้วค่ะ หายไปยาวนานมาก
ขอบคุณคนที่ยังเข้ามารอกันนะคะ นึกว่าจะไม่มีแล้ว  :sad4:

ตอนนี้แอบหวีท หรือ หวีด? นิดหน่อย
เหมือนพี่ภูเขาจะรุกหนักมากขึ้น น้องยีนก็ใจร้ายเหมือนเดิม
แต่ก็เหมือนน้องจะยอมๆ อยู่บ้างนะ  o13

แอบมีแอนตี้พี่ภูเยอะอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แฮ่

Undel2Sky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 01-02-2012 02:37:57
น้องเกงยีนส์ก็ยอมพี่ภูไปบ้างก็ได้
มาต่อเร็วๆนะค้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 01-02-2012 03:34:44
น่ารักจัง

มาต่ออีกนะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sembia ที่ 01-02-2012 07:54:27
อ๊ายยยยยย   :-[

เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ     ชอบพี่ภูมากๆ    กวนได้ใจจัง :o8:

เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ

ขอฝากตัวด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-02-2012 08:38:51
อยากให้รางวัล จีบได้ส้นตรีนที่สุดในเล้า ให้พี่ชมพู จริงๆ
จีบไปหาเรื่องไปตลอด
ชาตินี้จะเข้าใจ แล้วเมื่อไหร่ยีนจะรู้เรื่องว่าเนี่ยจีบ ไม่ใช่หาเรื่อง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 01-02-2012 11:37:22
จีบแบบนี้
มีหนึ่งเดียวในโลก :z2:
+1จ๊า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 01-02-2012 11:45:13
พี่ชมพูตามจองล้างจองผลาญไม่เลิก...แต่ว่ายีนก็น่ารักน่าแกล้งอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 01-02-2012 14:11:42



   เพิ่งเคยเห็นคนที่อยากรับผิดชอบความผิดของตัวเองมากกกกกกกกขนาดนี้เลยนะเนี่ย




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KoROGeFeE ที่ 01-02-2012 16:38:50
น่ารักโครตๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 01-02-2012 17:03:54
พี่ภูถือว่าจีบน่ารักนะ แต่ถ้าคิดถึงครอบครัวของน้องยีนต์แล้วน่าโมโหยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 01-02-2012 17:50:12
ThankS
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 01-02-2012 18:22:18
กรี๊ดดดดดดดดดด พี่ภูน่ารักมากกกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 01-02-2012 19:48:56
พี่ภูน่าหมั่นไส้อ่ะ น่ารักเกิน ทําเป็นมาตามเขา โอ้ยอิจฉา เอ๊ะงงตัวเอง 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 01-02-2012 19:58:39
โหยยยเริ่มอิจฉาพี่ยีนส์ พี่ภูบริการดีมากก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 01-02-2012 20:06:16
มาต่ออีกไวๆนะคะ เรื่องน่าติดตามมากมาย   :really2:

พี่ภูเริ่มรุกแล้ววววว แล้วเมื่อไหร่น้องยีนจะถอดแว่นถาวรล่ะเนี่ยยย   :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 01-02-2012 20:42:37
หนูยีนยอมๆพี่ภูเถอะ

ออกจะน่ารักน่ากดขนาดนี้  ฮาาา

 o13 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 02-02-2012 00:51:25
ว้ายยยยย น่ารักจังเลย
เค้าป้อนข้าวกันด้วยอ้ะ!! :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 02-02-2012 08:05:44
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-02-2012 08:34:58
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: AllRiseApril ที่ 02-02-2012 15:08:09
พี่ภูกวนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
แต่น้องเกงยีนส์ก็กวนใช่หยอกนะคะ  สูสีๆ  555555

ข้องใจเรื่องกราฟอยู่อ่ะ  มันมีอะไรว๊าา อยากได้ตอนพิเศษกราฟค่ะ ฮ่าา

เมื่อไรยีนส์จะเลิกเป็นเด็กเนิร์ดอ่าา  อยากได้ลุคหล่อใสแล้วววววว  :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 02-02-2012 23:16:06
เค้าจีบกัน..น่าหมั่นไส้ :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 03-02-2012 00:26:23
พี่ชมพูแม่งงงงงงงงงงงงงงง แน่วะ
อย่างนี้เขาเรียกจีบไปกวนตีนไป
ตบหัวแล้วลูบแก้ม
แหมะจะยอมเป็นเมียน้อง แผนสูงวะพี่
เพราะสุดท้ายน้องก็ไม่ยอมอยู่ดี
ก็เข้าทางพี่พู จะยอมดูและเธอเอง ><
เพื่อนๆนี่ชักยังไง
แลดูเป็นอกเป็นใจ
เอื้อดำนวยให้พี่พูซะทุกอย่างทุกทาง
รวมหัวรวมแผนเปิดใจกันแล้วใช่ป่ะ
แล้วเมื่อไรน้องยีนจะเห็นใจพี่พูบ้างน๊า
นี่ปรนนิบัติพัดวีสุดชีพเลยนะเนี่ย
ป้อนน้ำป้อนข้าวถึงปาก รับส่งที่
อรั๊ยๆ รอคอยน้องยีนอายพี่พู ><
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-02-2012 00:32:25
น้องยีนน่ารัก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 03-02-2012 21:33:29
 :a5:
เฮียภูรุกหนักมากกกกกกอ่ะ
สรุปว่ายอมเป็นเมียกันเลยทีเดียว
ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-02-2012 00:02:09
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : รับผิดชอบกูเลย [01/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 04-02-2012 23:28:07
พี่ภูเริ่มรุกหนักแ้ล้วววววว~
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 08-02-2012 02:33:43
ตอนที่ 11 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ














เสียงอินโทรของซาวน์ดนตรีหนักๆ ดังมาจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียง เรียกให้ผมต้องสะลืมสะลือขึ้นมาอย่างงัวเงีย หันไปมองรอบห้องนอนที่มืดสนิทก่อนจะขยี้ตาแล้วคว้าหาต้นตอของเสียงร้องที่รบกวนการนอน แต่พอเห็นชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ทำให้ผมต้องพยายามหรี่ตามากขึ้น

“มีอะไรวะ กราฟ”

ผมขยี้หัวตัวเองให้ผมที่ยุ่งอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่พลางหาวไปด้วย

[มึงนอนอยู่เหรอ]

“เออดิ มึงแหกตาดูสิว่ากี่โมงแล้ว”

ผมไม่ได้พูดผิดนะ เพราะบนหน้าจอโทรศัพท์ของผมบอกเวลาไว้ว่าเกือบตีสามแล้ว แม่งจะโทรมาฟวยอะไรวะ ห่า คนจะหลับจะนอน

[งานเข้าว่ะมึง งานช้างด้วย]

“งานเข้าอะไรวะ”

ผมเรียกสติทั้งหมดที่มี พยายามแล้วพยายามอีกให้ความง่วงหมดไป แต่ก็ยังไม่เข้าใจคำพูดของไอ้กราฟอยู่ดี แล้วก็เหมือนว่ามันจะไม่ทันใจไอ้เชี่ยเคลมเหมือนกัน มันถึงได้โพล่งเสียงสอดมาทางปลายสาย

[มึงนี่ชักช้าจริงๆ พูดแบบนั้นแล้วไอ้ยีนจะไปรู้เรื่องได้ไง ไอ้กัสมึงบอกดิ๊]

แทนที่จะเป็นคนเล่าเอง ไอ้เคลมก็โยนขี้ไปทางไอ้กัสซะงั้น เห็นมันเรื่องมากอย่างนั้นผมเลยสวนกลับไป

“จะใครก็บอกกูมา ไม่งั้นก็แค่นี้นะ กูจะนอนต่อ”

[เฮ้ยๆๆๆๆๆ มึงอย่าเพิ่งนอน] เสียงไอ้เคลมร้องรัวๆ เหมือนควายที่บ้านมันจะออกลูก ก่อนจะตามด้วยเสียงไอ้กัสที่คงแย่งโทรศัพท์มาคุยเองแล้ว [ไอ้เชี่ยเบนซ์นั่นล่ะมึง]

พูดชื่อนี้มาผมว่าผมเริ่มจับประเด็นได้แล้วว่ากำลังมีเรื่องอะไร

“มันทำไม”

[ก่อนหน้านี้พวกกูบอกมึงใช่ไหมว่าตอนนี้มันอาละวาดอยู่ วันนี้พวกกูเจอมัน แล้วแม่งก็เป็นอย่างที่คิด]

“แล้วพวกมึงเอายังไง”

ผมลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียงเพราะเริ่มซีเรียสมากขึ้น ตั้งใจฟังเสียงไอ้กัส

[พวกกูน่ะไม่เอายังไงหรอก ถ้ามันอยากก็สนองให้ แต่แม่งเสือกเรื่องมากบอกไม่เอาพวกกู แต่จะเอามึงคนเดียว]

“สัตว์!”

คำเดียวสั้นๆ ที่ออกจากผมได้ตอนนี้ เพราะแค่คิดว่าผมต้องไปทำอย่างที่มันบอกก็เรื่องใหญ่แล้ว ถ้าป๊ารู้ว่าผมหนีออกจากบ้านตอนกลางดึกเพื่อกลับไปทำอะไรแบบเดิมอีกมีหวังผมโดนยิ่งกว่ายึดบัตรเครดิตอีก

[ก็ใช่ พวกกูถึงได้เครียดกันอยู่นี่ไง เนี่ย ไอ้กราฟลองคุยแล้วให้เปลี่ยนเป็นพวกกู แต่แม่งปฏิเสธท่าเดียว ถ้ามึงไม่มามันก็จะไม่เลิกรังควาน ไอ้เคลมลองคุยกับพวกอื่นแล้ว เห็นบอกว่าถ้าไม่ทำอย่างที่ไอ้เหี้ยเบนซ์ว่าก็โดน รถไอ้ชาญ มึงก็รู้จักใช่ไหม แม่งโดนกรีดซะเละเลย เหี้ยจริงๆ]

ฟันของผมขบเข้าหากันทันทีที่ฟังวีรกรรมเหี้ยๆ ของไอ้เหี้ยเบนซ์ มันแม่งหมาสัตว์ๆ เล่นสกปรกฉิบหาย ยิ่งผมที่เป็นพวกรักรถแบบสุดๆ แล้วมาฟังแบบนี้จะไม่ให้อารมณ์ขึ้นได้ยังไง เลพเพิร์ดผมไม่ห่วงหรอกว่าจะโดนทำอะไร เพราะตอนนี้ป๊าเป็นคนเก็บเอาไว้ แต่ว่ารถไอ้พวกที่เหลือที่ต้องเสี่ยงชีวิตเนี่ยสิ

[มึงว่ายังไง ถ้ามึงไม่มากูจะลองคุยกับมันอีกที]

ไอ้กัสถามมาแบบนี้ผมก็ได้แต่คิดหนัก เพราะใจนึงก็ห่วงรถเพื่อน แค่นึกสภาพว่ามันมีแผลนี่ก็อึดอัดใจจะตายห่าแล้ว แต่พอมาคิดถึงตัวเอง ถ้าป๊ารู้ผมก็โชคซวยซ้อนเข้ามาอีกชั้น แต่... เฮ้อ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

“โอเค กูจะไป มึงให้ไอ้กราฟมารับได้เลย”

[ขอบใจมากว่ะ พวกกูขอโทษด้วยที่ทำให้มึงเดือดร้อน]

มันพูดอย่างกับเป็นคนอื่นคนไกล แต่ก็ตามสไตล์ไอ้กัสแหละครับ มันคิดยังไงก็พูดอย่างนั้น ไม่มีการแบ่งว่าเพื่อนกันไม่จำเป็นต้องขอบจงขอบใจกัน

“เดือดร้อนแล้วพวกมึงช่วยกูป่ะล่ะ นี่มันเรื่องของพวกเรา ไม่ใช่เรื่องของพวกมึง กูช่วยก็ถูกแล้ว รีบมาเร็วๆ นะเว้ย กูจะไปรออยู่ด้านหลัง”

ผมบอกมันแค่นั้นก่อนจะกดวางสายแล้วตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดออกมาชุดหนึ่งเพื่อเปลี่ยน และคว้าโทรศัพท์ติดมือมาด้วย ส่วนกระเป๋าเงินคงไม่จำเป็นเท่าไร เพราะไม่มีทั้งเงินและบัตรเครดิต เสร็จแล้วก็ออกจากห้องอย่างเงียบเชียบที่สุด ระมัดระวังไม่ให้คนในบ้านรู้ ดีว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว ไม่อย่างนั้นคงเสี่ยงกว่านี้

ย่องๆ แนบตัวกับกำแพงไปจนถึงสนามหน้าบ้าน ผมก็อ้อมไปทางด้านหลังซึ่งเป็นกำแพงสูง เงี่ยหูฟังเสียงเครื่องยนต์ที่ตัวเองจำได้ดี ประมาณยี่สิบนาทีเสียงที่รอก็มาถึง ผมปีนขึ้นกำแพงก่อนจะสอดส่องลงไปให้แน่ใจว่ารถที่มาจอดเทียบกำแพงอยู่เป็นของไอ้กราฟจริง

พอเห็นนิสสันสกายไลน์สีเหลืองสดคันคุ้นตาที่ห่างหายมาสองเดือนผมก็รีบกระโดดลงจากกำแพงทันที รถคนนี้เป็นรถที่ไอ้กราฟจะเอามาใช้เฉพาะเวลามาร่วมกิจกรรมรัก (?) ของพวกเรา ปกติแล้วมันจะขับบีเอ็มสีดำมากกว่า เพราะถ้าใช้คันนี้คงจะเด่นเกินไป แค่ตัวมันอย่างเดียวก็เด่นเกินใครด้วยสีผมแล้ว

ใช้เวลาไม่นานไอ้กราฟก็พาผมมาที่สนามแข่งรถ ครับ เป็นสนามแข่งรถจริงๆ ที่เป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะจะให้ไปแข่งตามถนนทั่วๆ ไปอย่างที่เคยๆ เห็นกันอยู่ก็ได้ เพียงแต่ไอ้พวกที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่หลายๆ คนต่างก็เป็นลูกคนมีชื่อเสียงมีหน้ามีตาทางสังคม มันเลยดูจะเสี่ยงไปหน่อยถ้าจะมาแข่งรถกันแบบโจ่งแจ้ง

พี่เคนที่มีพ่อเป็นเจ้าของสนามแข่งเลยเปิดสนามให้มีการแข่งอย่างเป็นทางการซะเลย พวกผมที่เป็นประเภทชอบประลองความเร็วเลยได้อานิสงส์นี้ไปด้วย เสียแค่ค่าเข้าอะไรนิดหน่อยให้ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่พวกชอบทำตัวกร่างๆ อย่างไอ้เหี้ยเบนซ์จะเป็นที่รู้จักในหมู่คนที่มาใช้บริการ

เข้ามาในสนามแล้วไอ้กราฟก็เอารถเข้าไปจอดข้างไอ้กัสกับไอ้เคลมที่ยืนพิงกระโปรงรถคุยกันอยู่ สายตาของพวกมันจับจ้องไปที่สนามแข่งที่มีรถสองคันกำลังแข่งอยู่ ไอ้ออดี้สีแดงที่กำลังวิ่งไล่กวดอยู่นั่นผมพอจะคุ้นตาอยู่บ้างว่าเป็นรถไอ้เบนซ์

“มันแข่งกับใครวะ”

ผมถามไอ้สองตัวที่ยืนดูโดยที่ผมเองก็ไม่ละสายตาไปจากเฟอร์รารี่สีน้ำเงินที่วิ่งนำอยู่ เห็นมันเข้าโค้งแล้วก็เสียดไปถึงลำไส้ เทคนิคแม่งเจ๋งจริงๆ เทพๆ แบบนี้ไอ้เชี่ยเบนซ์น่ะคลานเข้าเส้นชัยไปเหอะมึง

“ไม่รู้ว่ะ เหมือนเพิ่งมาใหม่แล้วไอ้เหี้ยเบนซ์ไปท้ามา ยังไม่เห็นคนขับเลย แต่เห็นพูดกันว่าเป็นเพื่อนพี่เคน”

“เออ เพื่อนพี่เคนเจ๋งก็ไม่แปลกว่ะ”

พวกพี่เคนมีคนที่เป็นนักแข่งหลายคน อย่างพี่แกนี่ก็เคยลงแข่งมาแล้ว แต่ลงแบบขำๆ เพราะไม่ค่อยชอบการแข่งแบบจริงจัง

ผมมองไอ้เบนซ์ที่เข้าเส้นชัยแบบสิ้นท่า สมน้ำหน้ามันอยากจองหองนักว่ามันเจ๋ง มึงอวยตัวเองตลอดมึงไม่เคยรู้เหรอว่าจริงๆ มึงอะกระจอก เหอะ

เฟอร์รารี่ที่เป็นผู้ชนะในแมตช์เมื่อครู่เข้ามาจอดเทียบห่างออกไปจากรถไอ้กราฟนิดหน่อย แต่คนขับไม่ได้ลงมา ผมก็พยายามมองเข้าไปด้านในเพราะอยากรู้ว่าคนขับเป็นใคร กะจะเดินเข้าไปหาด้วยซ้ำ แวะทำความรู้จักเสียหน่อยก็ดี แต่ยังไม่ทันเดินไปไอ้เบนซ์ก็ปาดรถเข้ามาตัดหน้าผม

มึงไม่ชนกูไปเลยล่ะ สัตว์!

ผมตวัดตาไปมองมันอย่างฉุนๆ แต่ว่ามันคงฉุนยิ่งกว่า เพราะแม่งฮึดฮัดลงมาจากรถแล้วเดินมาหยุดต่อหน้าผม หนำซ้ำยังชี้หน้าผมอีก

“ไฮยีน มึงกับกู มาเลย! คอยดูกูเหยียบมึงจมแน่”

มึงบอกตัวเองเหอะ ผมหัวเราะอย่างสมเพชมันในใจ ไม่ใช่จะอวยตัวเองว่าเก่งอะไร แต่ฝีมือของผมก็ไม่ด้อย อย่างพวกผมนี่ก็ไม่ใช่ระดับไก่กาสักคน ไอ้กัสถนัดแข่งกับพวกที่มีแรงกดดันสูงๆ ส่วนไอ้กราฟก็สิงห์ทางตรง ไอ้เคลมนี่ลูกบ้ามันเยอะ มันชอบเกมที่ท้าทาย ส่วนผม... ไม่มากมายอะไร เน้นเทคนิคเป็นหลักมากกว่า

“มึงเตรียมใจไว้แพ้หรือยังเหอะ”

“สัตว์ กูไม่แพ้มึงหรอก”

“งั้นมึงก็รอดูแล้วกัน”

ผมไหวไหล่ ไม่คิดเกทับอะไรมันอีก ก่อนจะหันไปหาไอ้กราฟ คราวนี้คงต้องยืมรถมันไปก่อน เพราะว่ารถที่ผมใช้แข่งประจำก็ไม่พ้นเลพเพิร์ดที่รักนั่นล่ะ ไอ้กราฟก็ยินดีที่จะให้ผมยืม แต่ก็อดเตือนมาด้วยหน่อยๆ ไม่ได้

“มึงระวังตัวหน่อยล่ะ ไม่ได้แตะนานแล้วนี่หว่า”

“เออ กูรู้”

“ระวังทิกเกอร์พยศด้วย”

ชื่อรถมันครับ ทิกเกอร์ ผมก็พยักหน้าหงึกหงักรับคำไป เพราะจริงๆ แล้วสกายไลน์เครื่องมันก็แรงอยู่แล้ว แต่ไอ้กราฟไปแต่งเพิ่มให้สมกับความถนัดของมัน เลยอาจจะไม่คุ้นกับผมเท่าไร

“กูจะระวัง” ตอบมันจบผมก็ตบบ่ามันเบาๆ ก่อนจะเดินควงกุญแจรถไปประจำที่นั่งคนขับ ขยับเบาะกับกระจกมองหลังและกระจกข้างนิดหน่อยให้เข้ากับระยะสายตาของผม ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนมันไปเตรียมตัวที่จุดสตาร์ทโดยที่มีออดี้สีแดงขับตามมา

สงสัยคงเพราะเห็นว่าผมห่างสนามไปนานหรือยังไง พอรู้ว่าผมเป็นคนแข่ง พี่เคนก็รีบวิ่งมาจากตำแหน่งคนดูที่รวมอยู่กับคนอื่นทันที มาเคาะกระจกทักทายนิดหน่อยก่อนจะย้ายตัวเองไปทำหน้าที่ และทันทีที่เสียงสตาร์ทดังพร้อมการโบกธงสีแดงจากพี่เคน ผมก็พุ่งทิกเกอร์ออกไป

เหี้ยเอ๊ย เสียหลักไปหน่อยนึงเพราะความแรงของมันอย่างที่ไอ้กราฟบอก แต่ว่าแค่ช่วงต้นๆ เท่านั้นที่ผมปล่อยให้ไอ้เบนซ์นำไป พอถึงช่วงเข้าโค้งผมก็อาศัยเทคนิคที่มีสนิมเกาะอยู่นิดหน่อยดริฟท์เบาๆ พอตั้งตัวได้ก็เร่งความเร็วย่นระยะห่างจากมันได้อีกเกือบเท่าตัว

แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะทิกเกอรเป็นสิงห์ทางตรง ระยะห่างไม่ถึงสามสิบเมตรไม่ใช่ปัญหา ผมเลยนำไอ้เบนซ์ไปได้แบบไม่เหน็ดเหนื่อยอะไร เหลือแค่ประคองระยะเอาไว้เท่านั้น จริงๆ ผมจะเร่งเครื่องให้แรงกว่านี้ก็ได้ แต่อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวแหก

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ผมนำไอ้เบนซ์จนเข้าเส้นชัยไปได้ เสียงกู่ร้องอย่างยินดีดังกันทั่วสนามไม่ต่างจากรอบที่มันแพ้คราวก่อน ก็แน่ มันแพ้สองแมตช์ซ้อน หนำซ้ำยังเป็นคนที่หลายๆ คนไม่ชอบขี้หน้าเสียอีก

“ไง กูชนะแล้วกูได้อะไรวะ”

ผมเดินไปถามมันตั้งแต่มันเปิดประตูรถออกมา มันทำท่าฮึดฮัดใส่อย่างไม่พอใจ ผมก็กระตุกยิ้มชอบใจ

จริงๆ แล้วไม่ได้คิดที่จะเอาอะไรกับมันหรอก แค่ทำให้มันเสียหน้าที่กล้ามาท้าแล้วลากให้ผมออกจากบ้านผมก็พอใจแล้ว แต่ยังดีที่ไอ้เบนซ์ไม่ได้เป็นพวกสับปลับ มันโยนซองเงินปึกหนึ่งมาให้ผมแล้วกระฟัดกระเฟียดกลับเข้ารถและขับออกไปเลย

สงสัยแม่งทนอยู่อย่างขายหน้าต่อไปไม่ไหว

ได้ของมาแล้วผมก็กลับไปหาพวกเพื่อนๆ โยนเงินให้พวกมันก่อนจะหันไปคุยกับไอ้กราฟ

“กลับกันมึง”

“เออๆ”

มันไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้นแล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินไปขึ้นรถ แต่ว่าเสียงจากทางด้านหลังก็ดึงพวกเราไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่เคนนั่นล่ะ

“ครับ ว่าไงพี่”

“เมื่อกี้มึงทำกูเสียวมาก”

“นิดหน่อยน่าพี่ มันไม่ชินๆ”

ผมหัวเราะแห้งๆ ยักไหล่นิดหน่อยให้ พี่เขาก็คงเข้าใจเพราะเขาก็รู้ว่ารถที่ผมใช้แข่งเป็นของไอ้กราฟ

“เออ เพื่อนกูเห็นมึงแข่งแล้วอยากแข่งด้วยว่ะ ลองสักหน่อยเป็นไง”

“เพื่อนพี่? ใครอะ”

ผมชะเง้อหน้ามองเหมือนจะหาว่ามีใครที่อยากจะมาเป็นคู่แข่งของผม แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครเดินตามหลังพี่เขามาสักคนนอกจากเห็นว่าพี่เคนส่งยิ้มกลับมา

“ไอ้คนที่แข่งกับไอ้เบนซ์นั่นแหละ เฟอร์รารี่น้ำเงิน”

“อ๋ออออออ คนนั้นเหรอพี่ ไม่เอาหรอก เพื่อนพี่เก่งเหอะ ผมแพ้แน่”

“เฮ้ย ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก มันก็ไม่ได้มืออาชีพอะไร ที่มาวันนี้เพราะพี่ชวน” พี่เคนว่าอย่างนั้นแล้วไม่วายโน้มตัวมากระซิบกับผม “เห็นว่าไอ้เบนซ์มันกร่างมาก เลยชวนมาเล่นด้วยสักหน่อย”

“เอาจริงดิ”

“เออ มันให้กูมาท้ามึงเนี่ย ถ้ามึงไม่เข้าตา มันไม่ให้กูมาท้าให้เสียเวลาหรอก”

คราวนี้ผมหันไปมองพวกเพื่อนๆ ที่เหลือ ถามความเห็นมันว่าเอายังไง ทั้งที่ในใจก็รู้สึกสนใจอยู่นิดหน่อย ก็ไม่ได้ยืดแข้งยืดขานานแล้ว ชักอยากรื้อฟื้น ซึ่งดูเหมือนพวกมันจะรู้ ผมเห็นไอ้เคลมแม่งยิ้มล้อ แล้วก็ไม่ใช่แค่ยิ้มด้วย

“มึงอยากอะเด้”

“เออๆ” ผมรับอย่างไม่โต้แย้งก่อนจะหันไปบอกพี่เคน “โอเคพี่ ตามนั้น แข่งขำๆ นะพี่ เงินก็เอาแค่ที่ผมได้มาจากไอ้เหี้ยเบนซ์นั่นแหละ”

ของเดิมพันไม่จำเป็นเลยสักนิดที่ต้องเป็นผู้หญิงอย่างที่คนอื่นๆ ทั่วไปเขาทำกัน เพราะหน้าตาอย่างพวกผมอยากนอนกับใครก็ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วทำไมต้องมาแข่งกันเพื่อให้ได้ผู้หญิงด้วย สู้เอาเงินไปแต่งรถเพิ่มเจ๋งกว่าเยอะ

“มันไม่ซีเรียสเรื่องของเดิมพันอะไรหรอก ไว้แข่งเสร็จมึงค่อยคุยกับมันดูแล้วกัน”

“ได้ๆ”

ผมตอบพี่เคนก่อนจะหันไปหาไอ้กราฟแล้วขอกุญแจรถมันอีกรอบ มันก็ไม่ขัดอะไร ยื่นส่งให้อย่างดี แต่ก็ไม่วายเตือน

“ใจเย็นหน่อยนะมึง นี่ไม่ใช่รถมึง”

ฟังคล้ายๆ ว่าไอ้กราฟมันจะห่วงรถ แต่เปล่าเลย ความหมายของมันคือห่วงผมมากกว่า เพราะอีกฝ่ายเราไม่รู้ว่าฝีมือจริงๆ เป็นยังไงเพราะเห็นแค่แวบเดียว เลยกลัวว่าผมจะหน้ามืดตอนโดนไล่บี้แล้วจัดเต็มแบบลืมตัวเสียมากกว่า

“ไม่ต้องห่วง กูรู้ตัวดี”

ฉีกยิ้มให้มันหายห่วงแล้วก็เดินไปขึ้นรถ ขับรถไปจุดสตาร์ทเพื่อรอเวลาอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นพี่เคนอีกที่มาทำหน้าที่ให้สัญญาณ แล้วก็ออกตัว

การแข่งขันนัดใหม่เริ่มต้นขึ้น ผมรู้สึกตื่นเต้นอยู่หน่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เลือดในกายเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะผมถูกแซงปาดหน้าอย่างฉิวเฉียด พอเร่งความเร็วไล่เบียด ก็เหมือนว่าจะตีคู่กันไปเกือบตลอด

พอถึงช่วงเข้าโค้งคราวนี้ไม่ง่ายเหมือนตอนแข่งกับไอ้เบนซ์ เพราะจากโค้งที่ไม่หนักหนาตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเหมือนโค้งหักศอกเพราะไอ้เฟอร์รารี่บี้เข้ามา ผมเลยต้องหักพ่วงมาลัยพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นอีกหน่อยจนรถเกือบสะบัด

“เหี้ย!”

แต่ว่าไอ้เฟอร์รารี่คันนั้นกลับทำได้ง่ายๆ แล้วเสียบเข้ามุม ตัดหน้าไปได้อย่างชิลล์ๆ เล่นเอาผมฮึดฮัดขึ้นมาได้พอสมควร

“แม่งเอ๊ย!”

ผมทุบพวงมาลัยเบาๆ ก่อนจะเร่งเครื่องตามมันไป แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนตอนแรกเพราะว่าเฟอร์รารี่คันนั้นขุดเอาความสามารถขึ้นมาใช้อย่างเต็มที่ แต่อย่างน้อยยังดีที่ว่าระยะของผมไม่ได้ถูกทิ้งห่างมากไปกว่านี้ กระทั่งถึงเส้นชัยผมก็ได้รับความพ่ายแพ้ไปเต็มๆ ถึงจะรู้สึกเจ็บใจอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนขับนั่นเจ๋งกว่าจริงๆ

ลงจากรถแล้วผมก็เดินไปหาเจ้าของเฟอร์รารี่คันนั้น อยากเห็นหน้าว่าคนที่ชนะผมได้หน้าตาเป็นยังไง ซึ่งมันก็ไม่ได้คิดจะวางท่ารอผม ประตูรถถึงเปิดออกมาพร้อมกับผู้ชายร่างสูงที่หันมามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้ม คิ้วหนายักให้หนึ่งทีอย่างกวนๆ

“ฝีมือมึงเจ๋งอยู่เหมือนกันนี่หว่า น้องเกงยีน”

แสดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้พี่ชมพู!

“อ้าว ทำหน้าแบบนั้นทำไม ดีใจมากเหรอที่เจอกูเนี่ย”

ตามึงบอดแล้วล่ะถ้ามองเห็นว่ากูดีใจ

ผมไม่คิดจริงๆ นะว่าไอ้คนที่ขับเฟอร์รารี่เจ๋งๆ นี่จะเป็นไอ้พี่ชมพู อะไรจะโลกกลมหรรษาได้ขนาดนี้ ตอนนี้รู้สึกอยากวาร์ปไปจากตรงนี้ฉิบหายเลย

“ว่าแต่... กูได้เห็นมึงถอดแว่นตอนกลางคืนอีกแล้ว”

ไม่พูดอย่างเดียวแต่ยังขยับเข้ามาใกล้แล้วเอาหลังมือมาเกลี่ยๆ ที่แก้มผมอีก เล่นเอาผมขนลุกขึ้นมาเลย แถมมันยังยิ้มๆ ให้อีกทำให้ยิ่งรู้สึกแปลกๆ หรือเพราะไม่มีแว่นเลยทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจเวลาเผชิญหน้ากับมัน?

ในเมื่อวันนี้ผมไม่จำเป็นต้องใส่แว่น ไม่ต้องทำตัวเป็นเด็กเนิร์ดไม่สู้คนและคอยสงบเสงี่ยม กลับมาเป็นไฮยีนคนเดิมกับเมื่อก่อนนี้...

แล้วทำไมผมยังรู้สึกไม่มั่นใจอีกวะ หรือว่าไม่ชิน?

ผมหันไปมองพวกไอ้กราฟก็เห็นไอ้เคลมทำท่าระริกระรี้วิ่งเข้ามาหาอย่างกับหมาเจอเจ้าของกลับบ้าน ตามด้วยไอ้กราฟกับไอ้กัสที่เดินมาอย่างสบายๆ ไอ้พวกนั้นคงรู้แล้วว่าความลับเรื่องแว่นของผมแตกไปแล้ว ถึงไม่ได้เข้ามาช่วยเหมือนอย่างที่เคยทำ ก็แน่ล่ะ เห็นประจันหน้ากันตรงๆ แบบนี้จะให้แก้ตัวว่ายังไง แล้วถ้าให้พูดจริงๆ เรื่องแว่นผมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่ไอ้พี่ชมพูจะรู้ไม่ได้ ผมแค่อคติกับมันเลยไม่อยากให้เห็น

“พี่เองเหรอเนี่ย นึกว่าใคร”

“ไม่นึกอะว่าพี่เป็นเพื่อนกับพี่เคนด้วย”

“ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้ยีนจะแพ้”

ได้ยินประโยคสุดท้ายของไอ้กัสแล้วผมก็หันขวับไปมองมันทันที มันก็ยิ้มขำๆ ใส่

แม่ง หาว่ายังไงไอ้พี่ภูของมึงก็ต้องเก่งกว่ากูล่ะสิ เพื่อนทรยศเอ๊ย

“เออ เพื่อนพวกมึงแพ้ เพราะงั้น...ก็อย่าเบี้ยวเดิมพันล่ะ”

มันทวง ผมเลยดึงซองเงินที่ได้จากไอ้เบนซ์ซึ่งไอ้เคลมกำลังกอดอยู่มาให้คนขี้งก แต่ว่ามันดันไม่รับ แถมยังบอก

“ใครบอกว่ากูจะเอาเงิน”

“แล้วพี่ชมพูจะเอาอะไรล่ะครับ ต้องการอะไรมิทราบ”

คราวนี้มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ส่งยิ้มชวนขนลุกมาให้ก่อนจะก้มลงมากระซิบชิดหูของผมด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้ขนลุกยิ่งกว่า

“กูจะเอา.........มึง”

ผงะจากตัวไอ้รุ่นพี่ทันทีหลังจบคำที่มันเจาะจงบอก มันก็หัวเราะขำๆ ใส่ ก่อนจะหันไปคุยกับคนที่เหลือ

“กูไม่เอาอะไรหรอก แต่กูขอนี่” แล้วมันก็จับแขนผมเอาไว้ “ละกัน”

“เฮ้ย กู เอ๊ย ผมไม่ใช่พวกผู้หญิงที่เขาชอบเอามาเป็นเดิมพันนะครับ”

ผมโวย เผลอแทนตัวไปอย่างเคยๆ บวกอารมณ์ฉุนนิดๆ ตรงข้ามกับไอ้พี่ชมพูที่ยังไม่เลิกมองผมแบบยิ้มๆ แล้วดูแววตาของมัน จะแพรวพราวไปไหน

“ก็ไม่ใช่ไง แต่ยังไงก็แพ้ ต้องยอมคนชนะอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

มันอ้างมาแบบนี้ผมก็ต้องกลืนคำพูดที่จะขัดไป เพราะว่าก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ผมหันไปมองคนอื่นๆ แบบจำใจ ไอ้กราฟก็มองผมเหมือนจะถามว่าจะเอายังไง สุดท้ายเลยได้แต่ผงกหัวให้มัน มันเลยฝากฝังผมกับพี่ภูของมันซะเลย

“งั้นพี่ไปส่งมันด้วยนะ เดี๋ยวป๊ามันรู้ว่าหนีออกมา”

“ไม่ต้องห่วงหรอก กูแค่อยากคุยอะไรกับมันนิดหน่อยเอง”

“พี่ภูอย่าทำอะไรเพื่อนผมรุนแรงนะ ถนอมๆ มันหน่อย”

สัตว์เคลม! ผมยกตีนขึ้นมาถีบมัน แต่มันก็กระโดดหนีทัน

เหี้ยเอ๊ย ถนอมห่าอะไรของมึง

พอเห็นปฏิกิริยาของผม มันก็แทบจะลงไปกลิ้งตัวหัวเราะอยู่กับพื้น ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดกว่าเดิมอีกจึงหันไปทำหน้าฉุนเฉียวใส่ไอ้พี่ชมพูแล้วพูดเสียงเหี้ยม

“จะไปไม่ไป”

มันก็หัวเราะชอบใจก่อนจะเดินนำขึ้นรถโดยมีผมเดินตามแบบไม่หันกลับไปมองไอ้พวกที่เหลือ

ไอ้เหี้ยเคลมแม่ง อย่าให้กูเอาคืนมึงนะ เป็นห่าอะไรของมึงหลายทีแล้ว











อ่านต่อข้างล่าง

v


v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 11 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 08-02-2012 02:34:20
ต่อจากข้างบน

v

v

















พอขึ้นรถมาได้ พี่ชมพูก็ขับออกจากสนามแข่งแล้วไปหยุดอยู่ที่ถนนสายหนึ่ง เพราะตอนนี้เป็นช่วงที่ดึกมากถนนเลยค่อนข้างเงียบร้างลาด้วยรถยนต์ แต่อย่าว่าแต่ถนนเลย เพราะในรถก็เงียบเหมือนกัน ผมไม่ได้พูดอะไร ไอ้พี่ชมพูก็เป็นใบ้ชั่วขณะ กระทั่งมันยอมพูดออกมา

“จริงๆ แล้วก็เป็นพวกเอาเรื่องเหมือนกันล่ะสิมึงน่ะ”

“เอาเรื่องอะไรครับ”

ผมถามกลับไปทั้งที่พอจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร

“ก็ไม่ได้เป็นพวกเรียบร้อย ขยันเรียนเหมือนกับที่สร้างภาพเอาไว้ แต่ทั้งกวนแล้วก็เสเพลพอตัว เหมือนไอ้พวกที่เหลือ”

“แล้วผมบอกพี่เหรอครับว่าผมหงิม”

“ไม่ได้บอก แต่ลุคมึงทำให้เข้าใจแบบนั้น ถึงมึงจะกวนตีนกูบ่อยๆ ก็เหอะ แล้วยังไง ทำไมต้องใส่แว่นปิดหน้าทำตัวนิ่งๆ ทั้งที่จริงๆ ร้ายกว่านั้น”

คราวนี้พี่ชมพูหันหน้ามาถามผมเต็มตัวด้วยความอยากรู้ เพราะถึงมันจะรู้ว่าผมถูกป๊ายึดบัตรเครดิตจนไม่มีเงินใช้ แต่มันก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงอยู่ดีว่าทำไมผมต้องทำตัวแบบนี้

“แล้วทำไมผมต้องบอกพี่ มีเหตุผลจำเป็นด้วยเหรอครับ”

“เกงยีน”

มันทำเสียงข่ม แต่มีหรือว่าผมจะกลัว ผมเสเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง มองทิวทัศน์ภายนอกที่ไม่มีอะไรนอกจากแสงไฟจากเสาที่ตั้งอยู่ห่างๆ กันกับความดำมืดของท้องฟ้าและพื้นคอนกรีตราดยางมะตอย

“ไม่คิดจะบอกเหตุผลกันหน่อยหรือไง กูเป็นคนที่ถูกหลอกนะเว้ย”

“ผมไปหลอกอะไรพี่ตรงไหน” ตอบกลับไปทั้งที่ไม่ได้หันหน้าไปมองคนเรียกร้องสิทธิ์ เลยถูกมือใหญ่นั้นจับคางแล้วดันให้หันไปสบตากัน พี่ชมพูมองผมแบบคาดเค้น แต่ก็เหมือนจะปนๆ ด้วยแววขอร้องยังไงบอกไม่ถูก

ตกลงว่ามึงจะบังคับหรือขอร้องกูกันแน่ เอาสักอย่าง แบบนี้กูสับสน!

“ได้พี่เป็นเมียแล้วไม่คิดจะบอกอะไรเมียคนนี้หน่อยหรือไง”

มันไม่ตอบตรงๆ แต่ตอบแบบโคตรตรงอย่างหน้าไม่อาย เอาคำว่า ‘เมีย’ มาหลอนอีกแล้ว ทำเอาผมหน้าหงิกกว่าเดิม เกือบจะลืมได้แล้วนะ เกือบจะลืมแล้วจริงๆ ถ้ามันไม่พูดถึงว่าครั้งหนึ่งผมกับมันเคยมีอะไรกัน แต่ผมจำไม่ได้... สักอย่างเดียว

“...”

พูดอะไรไม่ออกเลย กูเครียดจริงๆ นะเนี่ย

“ว่าไงล่ะ จะบอกกูหน่อยไม่ได้หรือไงว่าเหตุผลของการกระทำทั้งหลายแหล่ของมึงคืออะไร”

ผมเงียบอีกครั้งโดยที่มือมันไม่ยอมปล่อยออกจากคางของผม ผมสบตามันกลับไปเหมือนที่พี่ชมพูมองมา แต่มองนานๆ แล้วมันชักจะยังไงไม่รู้ เหมือนว่าหน้าหล่อๆ ของไอ้รุ่นพี่จะต่ำลงมา

“ไม่คิดจะบอกกูจริงๆ เหรอ”

“...”

มันขยับลงมาอีกจนเหลือระยะห่างระหว่างกันแค่นิดเดียว ผมเริ่มเบนหน้าหนีหน่อยๆ แต่มันก็ยังยื่นเข้ามาใกล้ ผมเริ่มรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ชักจะมองหน้ามันต่อไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องขยับปากบอกออกไป

“บอกพี่แล้วได้อะไร”

“ได้ความสบายใจของกู กูอยากรู้เรื่องของมึงบ้างไม่ได้หรือไง”

เกือบสะอึกกับคำพูดเมื่อกี้ เผลอสบตามันไปอีกหนึ่งทีแล้วผมก็ต้องเสสายตาไปทางอื่น ทำไมไม่รู้ถึงไม่กล้ามองตามันแล้ว

“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกพี่นี่ครับ”

“...”

พี่ชมพูเงียบไปหลังจากผมพูดประโยคนี้ แถมยังดึงตัวกลับไปนั่งพิงเบาะมันเหมือนเดิม แต่ว่าคำพูดที่ลอดออกมากจากปากมันกลับทิ่มใจของผมอย่างจัง

“มึงใจร้ายกับกูมากนะ”

ทำไมถึงรู้สึกแบบนั้นวะ??

แล้วความเงียบก็มาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง มันหุบปากไม่พูดอะไรอีก ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองเสี้ยวหน้าของไอ้พี่ชมพูตาปริบๆ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแล้วก็อึดอัดยังไงไม่รู้กับสถานการณ์แบบนี้ สุดท้ายถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาแล้วหันไปพูดกับมัน

“ผมสัญญากับป๊าไว้”

เสียงแค่เบาๆ ของผมท่ามกลางความเงียบเหมือนจะเรียกความสนใจจากไอ้พี่ชมพูได้ ไม่คิดเหมือนกันว่าผมจะมาใจอ่อนให้มันแบบนี้

“ป๊ายึดรถผมไปแล้วก็บอกให้ทำตัวดีๆ เลิกทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ผมก็เลยต้องทำตัวเนิร์ดๆ จะได้ไม่เป็นจุดสนใจ ใส่แว่นเอาไว้บังหน้า พวกที่เคยมีเรื่องกันจะได้ไม่รู้แล้วเข้ามาหาเรื่อง แล้วก็ไม่มีผู้หญิงมายุ่งด้วยเหมือนเมื่อก่อน”

พอผมพูดด้วยเสียงเนิบๆ จบ ไอ้พี่ชมพูแม่งก็ยิ้มเลยครับ ยิ้มอย่างพอใจ เออ ก็มึงได้รู้อย่างที่อยากรู้แล้วนี่หว่า ผมก็เลยอดไม่ได้ที่ตอกกลับไปอีกว่า

“แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหมครับคุณพี่ชมพู”

แต่มันดันสวนกลับมา

“ยัง”

“แล้วพี่จะเอาอะไรอีกครับ เรื่องที่อยากรู้ผมก็บอกพี่ไปแล้ว”

“ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรเพิ่มอีก แต่อยากบอกมึงว่า...” มันหยุดเสียงไปแล้วยื่นหน้าเข้าหาผมอีกรอบ “ไปกินติมกัน กูเลี้ยง”

ฮะ????

กินไอติมตอนตีสามกว่านี่นะ มึงจะไปกินจากไหน

โดยไม่ต้องถามอะไร มันก็ขับรถออกไปให้คำตอบแก่ผมโดยเร็ว เพราะรถหยุดอยู่หน้าเซเว่นที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนร่างสูงๆ จะลงจากรถแล้วเดินไปซื้อไอศกรีมโดยไม่ชวนผมสักคำ พอผมลงมาจากรถแม่งก็เดินออกมาแล้ว แถมยังแกะห่อไอศกรีมก่อนจะยื่นแท่งหนึ่งให้ผมอีก

ยักษ์คู่... รสส้ม

“เลี้ยงยักษ์คู่เนี่ยนะ”

“เออ ก็มันเหลืออย่างเดียว คุ้มดีออก ได้ตั้งสองแท่ง”

เพิ่งรู้ว่ามึงขี้ตืด

เหน็บมันในใจแล้วผมก็มองมันกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ ผมเลยได้แต่ส่งแท่งยาวๆ เข้าปากตามแล้วไปยืนพิงรถอยู่ข้างๆ มัน มองบรรยากาศยามค่ำคืนไปเรื่อยเปื่อย

ไม่ได้สัมผัสอากาศตอนกลางคืนแบบนี้นานแล้วจริงๆ รู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้มันดีกว่าที่เคยๆ หรือเพราะเมื่อก่อนผมเอาแต่หมกหมุ่นอยู่กับสนามแข่ง ผับ พอดึกก็กลับ ไม่เคยมาชมวิวข้างทางแบบนี้เลยไม่รู้

“กูขออะไรอีกอย่างดิ”

มันหันมาคุยกับผมหลังจากเงียบไปพักนึง สายตาของมัน ...มองหน้าผม มองตาผม แล้วก็เลื่อนมามองที่ปากผม ผมเลยเหลือบไปมองมันบ้าง ไอศกรีมที่มันถืออยู่ถูกส่งเข้าปากที่กลายเป็นสีส้มเป็นคำสุดท้ายพอดี

มองกูเพราะอยากกินของกูด้วยล่ะสิ

พอรู้แล้วว่ามันมองทำไม ผมเลยแกล้งเลียไอศกรีมนั่นโชว์เลย ของผมยังเหลืออีกตั้งครึ่ง เลียๆ ดูดๆ แล้วอมยิ้มเย้ยมันไป แต่ว่าแทนที่มันจะขัดใจที่ถูกผมเย้ยกลับไม่เป็นอย่างนั้น มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ใช้เสียงทุ้มๆ ของมันบอก

“มึงอย่าน่ารักเยอะได้ป่ะ”

งง?

มีแต่คำว่างงเต็มหัวผมไปหมด ไอ้คำที่มันพูดนี่แปลว่าอะไร เหมือนสมองจะเออเรอร์ในการประมวลผลชั่วคราว แล้วมันก็ช็อตไปเลยหลังจากที่มือใหญ่ๆ นั่นจับที่ข้อมือของผมเอาไว้เพื่อดึงไอศกรีมออกจากปาก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสัมผัสอุ่นๆ ที่ริมฝีปากแทน

แรงดูดเบาๆ ที่ปากทำให้ผมรู้สึกตัว เบิกตามองไอ้คนที่หลับตาจูบผมอยู่พร้อมกับดันบ่ามันออก ซึ่งมันก็ไม่ได้ยึดยื้ออะไรมากนัก ยอมผละออกไปโดยดี แต่ว่า... ปากผมเนี่ยสิ ยังรู้สึกอุ่นๆ อยู่เลย

“ปากเย็นนะ หวานด้วย”

มันพูดแค่สองคำแต่ทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนๆ ขึ้นมายังไงไม่รู้

ปากกูก็ต้องเย็นสิวะ กูกินไอติมอยู่

เฮ้ย ไม่ใช่สิ แม่ง เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย

ผมไม่กล้าเอาไอศกรีมเข้าปากอีกเลย เพราะพอขยับปากแล้วเหมือนว่าจะรู้สึกถึงรอยสัมผัสเมื่อครู่ เหมือนปากของมันยังติดอยู่บนปากผมไม่ได้หลุดออกไปไหน

“อ้อ ที่กูจะขอมึงเมื่อกี้” มันเงียบไปนิดหน่อยแล้วมองหน้าผม ให้ผมได้จูนสมองกลับมาก่อนถึงได้พูดต่อ “เวลาอยู่กับกู ช่วยเป็นตัวของมึงเองด้วยนะ เสแสร้งๆ อะไรเนี่ย กูไม่เอา”

“...”

“ได้หรือเปล่า”

“อือ”

ยังรู้สึกเบลอๆ งงๆ กับตัวเองอยู่เลย ผมจึงตอบกลับไปแค่นั้น มันก็เลยถือโอกาสสั่ง

“งั้นก็กลับกัน กินไอติมให้หมดด้วย หรือจะให้กินแทน”

ผมยกมือขึ้นมามองดูไอศกรีมที่ไหลเป็นน้ำ แถมเลอะมือเลอะแขนอีกต่างหากเพราะถือตั้งเอาไว้ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันไหลเยิ้มตั้งแต่เมื่อไร

พอเห็นท่าทีแบบนี้ของผมแล้วพี่ชมพูก็ก้มลงมาดูดไอศกรีมในมือผมเฉยเลย แล้วก็ทำให้ผมรู้ตัวว่าเมื่อกี้ผมทั้งดูดทั้งเลียมันไปหมดแท่งแล้ว แต่ตอนนี้มันอันตรธานเข้าไปอยู่ในท้องไอ้รุ่นพี่นี่หมดแล้วเหมือนกัน

กินเข้าไปได้ไงวะ น้ำลายทั้งนั้น

“รออยู่นี่ก่อน”

มันบอกแค่นั้นแล้ววิ่งเข้าไปในเซเว่นอีกรอบ ออกมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วดูดน้ำเข้าปากเหมือนเป็นการล้างปากก่อนจะส่งให้ผม ผมก็ต้องรับมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วก็ยืนมองดูหลอดที่อยู่ข้างในที่มันมีหลอดเดียว เงยหน้ามองคนตัวสูงก็เห็นมันพยักพเยิดให้ดูดหลอดนั้นไป ผมเลยต้องทำใจดูดไปอย่างเสียไม่ได้

แม่ง ไม่เปิดโอกาสให้กูได้อาลัยอาวรณ์หลอดในเซเว่นเลย

หลังจากผมดูดน้ำเข้าไปเสร็จ มันก็ดึงขวดกลับคืน จากนั้นจัดการดึงแขนข้างที่เลอะของผมไปราดน้ำเย็นๆ ใส่ เอามือลูบอีกหน่อยให้คาบเหนียวๆ หายไป พอสะอาดมันก็เอาไม้ไอศกรีมกับขวดน้ำที่เหลือน้ำแค่ก้นๆ ขวดไปทิ้งขยะแล้วเดินกลับมา

“โอเค กลับได้แล้ว เดี๋ยวกูไปส่ง”

มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วสิวะ

ผมตอบในใจก่อนจะเดินไปขึ้นรถหลังจากที่พี่ชมพูกลับไปประจำที่นั่งฝั่งคนขับแล้ว คราวนี้ผมมีสติทุกอย่างเลยบอกทางไปบ้านของผมได้ ไม่ให้พลาดเหมือนคราวก่อน  ซึ่งตำแหน่งที่ให้ไอ้รุ่นพี่นี่จอดก็เหมือนกับตอนไอ้กราฟมารับผม

ตอนแรกพี่ชมพูก็งงๆ ว่าทำไมผมต้องบอกทางมัน ทั้งที่มันก็รู้อยู่แล้วว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน เพราะก่อนหน้านี้มันไปรับไปส่งผมทุกวัน แต่พอมาถึงแล้วมันก็เหมือนจะเข้าใจ

“ถึงขั้นต้องปีนเข้าบ้านเลยเหรอ”

“ใช่”

ในเมื่อไอ้พี่ชมพูบอกให้ผมทำตัวปกติ ผมก็ตอบกลับไปแบบที่เป็นตัวเอง ไม่ต้องคงต้องครับกับมันอีก แต่แบบนี้ก็ดี รู้สึกสบายใจขึ้นเหมือนกันที่ไม่ต้องมาคอยพูดจาแบบที่ไม่ใช่ตัวเอง ถึงแม้ว่าจะหลุดๆ ไปซะส่วนใหญ่ก็เหอะ

“งั้นก็ปีนเข้าบ้านดีๆ อย่าตกกำแพงแข้งขาหัก”

“โหย ระดับไหนแล้ว ไม่ต้องแช่ง”

มันกลั้วหัวเราะเบาๆ เพราะคำพูดประโยคนั้นก่อนจะต้องหัวเราะมากขึ้นเพราะผมอวยพรกลับไป

“พี่ก็ขับรถกลับดีๆ แล้วกัน อย่าไปทับหมาที่ไหนตาย ขอบคุณที่มาส่ง”

“ไม่ขอบคุณที่เลี้ยงไอติมด้วยหรือไง”

นั่น มีทวง แต่พอมันพูดถึงแล้วก็ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้อีกว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่กินไอศกรีมฟรี...

แม่ง เสียจูบฟรี

“ยังกล้าทวง?”

“ฮ่าๆๆๆ” มันหัวเราะใหญ่พอผมทำตาเขียวใส่ “นั่นดิ ได้ของดีมากกว่าคำขอบคุณแล้วนี่หว่า”

โอ๊ยย อยากกลับไปเซเว่นแล้วเอาไม้ไอติมมาแทงจมูกมันฉิบหาย!!

“ไปๆ เข้าบ้านไปได้แล้วไป”

หัวเราะจนพอใจแล้วแม่งก็ไล่กันเลย ผมหันไปเปิดประตูรถเตรียมก้าวขาลง แต่ว่าไอ้คนข้างหลังก็รั้งไว้อีก

“เกงยีน”

“อะไร”

แต่เมื่อหันไปแล้วผมก็ต้องหายใจค้างเพราะว่าริมฝีปากอุ่นๆ ของไอ้คนขับดันมาประทับที่หน้าผากพอดิบพอดี ...แบบจงใจ

“ฝันดีนะครับ”

คำพูดง่ายๆ ที่มันไม่เคยพูดดังตามมาพร้อมรอยยิ้ม เล่นเอาผมหน้าชาจนต้องหันหนี รีบลงจากรถแล้วปิดประตู ไม่หันหลังกลับไปสนใจมันอีกเพราะไอ้อาการเชี่ยๆ ที่มันเกิดกับหัวใจ

สาดดด ทำไมมันสั่นจังว้าาา??










==================
จะบอกว่ายังไงดี น่ารักทั้งพี่ชมพู ทั้งน้องเกงยีนเลยตอนนี้
พี่ภูเห็นน้องปากส้มเข้าหน่อย มันเลยอดใจไม่ไหวเหรอคะ?
น้องเกงยีนแอบมีใจเต้นกับเขาแล้ว เริ่มมีเค้าลางดีๆ แล้วล่ะ

เมนต์ตอนก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าให้ยีนใจอ่อนเพราะพี่ภูน่ารักน่ากด  o22
อย่าเพิ่งปักใจอย่างนั้น ถึงพี่ภูจะดูเสนอตัวมากก็ตาม ฮ่าๆๆ

ส่วนเรื่องกราฟ มีเฉลยค่ะ แต่ยังอีกนาน ^^

แล้วเจอกันต่อหน้าค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ




Undel2Sky



(http://upic.me/i/8n/e283j.jpg)





หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 08-02-2012 02:47:33
น่ารัก คำเดียวว่าน่ารัก เป็นของตัวเองได้แล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 08-02-2012 03:34:19
เค้าจูบกันอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 08-02-2012 04:44:25
น่ารักจัง
เป็นกำลังใจให้จร้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 08-02-2012 07:44:43
น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 08-02-2012 08:23:41
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อ่านตอนนี้แล้วจะละลาย ทำไมช่างน่ารักเยี่ยงเน้ๆๆๆๆๆ

 :m3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Petalkiss ที่ 08-02-2012 09:24:15
น่ารักมากกกกกก
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มเป็นบ้าเลย~ 555
ชอบฉากจูบตอนกินไอติม.. น่ารักและแอบโรแมนติกนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Eshardy ที่ 08-02-2012 09:26:47
555  น่ารัก  ยักษ์คู่ รสส้ม กับ  ปาก เย็นๆ หวาน ๆ เพ่ พู เคลิ้ม เลย 
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 08-02-2012 10:05:31
อร๊ายยยย....มนต์รัก ยักษ์คู่  ต้องไปหามากินบ้างแระ คึคึ
 :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 08-02-2012 10:09:06
เค้าเริ่มหวานกัรแล้ววววว o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 08-02-2012 10:31:10
ว้ากๆๆๆๆๆๆๆ อ่านเรื่องนี้แล้วจะชักตาย
ทำไมน่ารักอย่างนี้
โฮกกกกกก ไม่ไหวแล้วพี่ภูน่ารักอ่ะ
ทำเอาเกงยีนใจอ่อนเลย
แต่ว่านะตอนที่พี่ภูพูดถึงเรื่องตัวเองเป็นเมียแล้วมันแบบ....................เยดเข้!
พี่ภูเลิกเล่นเหอะมุขเนี้ย ไม่ไหวจริงๆพี่
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 08-02-2012 11:04:30
น่ารักเกิ๊นนนนนน อร๊ายยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sembia ที่ 08-02-2012 11:23:56
น่ารักมากกกกกก :o8:

อ๊ากกกกกก     อยากให้เป็นแฟนกันเร็วๆจัง :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 08-02-2012 13:19:29
สรุป  พี่ชมภูจะยอมเป็นเมียน้องเกงยีนจริงๆใช่ป่ะ   55555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-02-2012 13:23:07
เกงยันน่ารักเวอร์ :z2:
กด+เป็ดจร้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 08-02-2012 13:47:31
อือ...ชักจะเยอะอย่างที่ว่า  :m3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 08-02-2012 15:46:48



    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด น่ารักอ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา






หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-02-2012 17:29:16
แว๊กกกกก จุ๊บหน้าผากด้วยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-02-2012 17:36:42
555 พี่ชมพูตอนนี้เปนคนดีจริงแฮะ จะดีได้นานมั้ยเนี่ย  :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 08-02-2012 17:56:02
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-02-2012 17:58:59
โอ้ว น่าีรักแบบ combo set มาเปนชุด   :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 08-02-2012 18:25:09
อร๊ายยยยยยยยย !! เขินจังเลยยยย   :-[ :-[

รักกันเร็วๆนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 08-02-2012 19:01:39
อ๊ากกกกกกกกกกน่ารักอ่า  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-02-2012 19:26:48
ฮ่าๆๆๆ พี่ชมภู อย่าหวานเยอะนัก เดี๋ยวเกงยีนจะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: greentea2598 ที่ 08-02-2012 20:14:50
อ่านแล้วบอกได้คำเดียว 'น่ารักเว๊อ !!'  พี่ภูโคดจะหวานอ่ะ หลงสุดตัวแล้วสิเนี่ย!
ฉากจูบนี่ทำใจสั่นเลยว่ะ 555555555+
.... อ่านไปอ่านมาแล้วรู้สึกว่า ไอ่น้องเกงยีนนี่มันจะเกรียนไปไำหน !?

จ๊าดนัก !!  มาต่อไวๆ เน๊อออ 
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 08-02-2012 20:29:00
น่ารักอ่ะ พี่พู ><
พี่พูนี่ท่าทางจะติดน้องเกงยีนยิ่งกว่าติดยาบ้าอีกนะเนี่ย อะไรอ่ะ พี่เอะอ่ะดูดปากๆๆ 55
แต่เค้าชอบนะ ที่พี่พูติดน้อง ^______^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 08-02-2012 22:17:54
น่า ร้ากกก

มา ต่อ อีก นะ ครับบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 08-02-2012 22:35:06
อ่านแล้วหิวไอติมเลยทีเดียว :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 10-02-2012 05:23:28
พี่ชมพูสู้ๆ ฮูเล่ๆ :ped149:
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 10-02-2012 10:50:28
จะติดตามต่อไปครับผม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: onlypleng ที่ 10-02-2012 14:03:41
เย้ ตามอ่านทันแล้ว :mc4:
เรื่องนี้น่ารักดีนะค่ะ แต่พี่ภูเป็นเมีย กร๊าก ก  ก :jul3:
ร้องยีนก้น่ารัก แอร๊ย ยย
มีการใจเเต้นด้วย รอลุ่นว่าจะเป้นยังไงต่อไปค่ะ
สู้ๆๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: seaweed ที่ 10-02-2012 15:27:37
ควรค่าแกการรอคอยนะเคอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 10-02-2012 21:56:06
 :z3:
ปากส้มๆ  น่าฮักขนาดดดดดด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 10-02-2012 22:17:04
แอร๊ยยยยย

น่ารัก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 11-02-2012 22:33:56
อ่อยๆ โดนพี่พูกะน้องยีนทำร้ายจิตใจ
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มันสั่นไหวเกือบทุกคำพูดเลยโว้ย


ว่าแล้ว...ว่าแล้ว
เฟอร์รารี่คันนั้น ตะหงิดใจว่าเป็นพี่พู
แล้วก็จริง แหมะ พระเอกของเราก็ต้องเจ๋งแบบนี้แหละ
ไม่งั้นจะดูแลนายเอกของเราได้ยังไง



“กูจะเอา.........มึง”


เอ๊อะ....ม้วนกับคำนี้เลยจริงๆ
พี่พูเริ่มรุกเพิ่มขึ้น เริ่มส่งความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เอา..กันจริงๆเมื่อไร อินีคงปลื้มปริ่ม
ไม่ได้หื่นนะ แค่สนับสนุนให้คนเขารักกัน =.,=



เพื่อนจ้องยีนนี่มันเป็นใจกันทุกคนเลยเน๊อะ
พี่พูจะทำไร เอาเพื่อนตัวเองไปไหน
เปิดทางให้ตลอด แถมสนับสนุนส่งท้าย
มันแอบมองตาก็รู้ใจกับพี่พูอ่ะป่าวเนี่ย



“ได้พี่เป็นเมียแล้วไม่คิดจะบอกอะไรเมียคนนี้หน่อยหรือไง”



กรี๊ดใจกะประโยคนี้ อรั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พี่พูอ๊ะ ลูกล่อลูกชนไม่เป็นสองรองใครเลยนะ
หลอกล่อคุณสามีในนาม ด้วยมารยาสาไถ
จนในที่สุด ปิดเกมส์ด้วย คำตัดพ้อ
แล้วน้องยีนเขาก็ใจอ่อน
ยอมบอกเรื่องราวส่วนตัว
แต่...ที่ยอมเนี่ย เพราะใจอ่อน หรือ ใจมันเริ่มอ่อนกันแน่



ยักษ์คู่ชูชื่น
เขาจูบกันแล้ววววววววววววว
โอ้ยยยยยยย ให้มันได้อย่างนี้
พี่พู พูดน้อย ต่อยหนักนะเนี่ย
ก็น้องมันน่ารัก พี่เลยสนองจูบให้ซะเลย
พี่อ่ะหวานเย็น แต่น้องเขาอุ่นแถมสั่นด้วย ><


น้องยีนใจสั่นกับเขาแล้ววววว
หัวใจเริ่มแกว่งไกว อีกหน่อยความเขินจะถาโถม
รอวันนี้มานานนนนนนนนนนน
คราวนี้ก็จะรอว่าเมื่อไร
พี่พูจะสลับโพสิชั่น และสอนน้องให้ยอมรับว่า
น้องหน่ะเมีย พี่หน่ะผัว



ปล.พี่พูบอกว่าอย่างรู้เรื่องราวของน้องยีน
อิเจ้นี่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า
พี่พูเนี่ยลูกเต้าเหล่าใคร มาจากไหน
พ่อแม่เป็นไง ครอบครัวเป็นไง
คุณคนแต่งเล่าให้ฟังบ้างนะค๊า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ [08/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-02-2012 00:07:33
มุมน่ารักของพี่ชมพู แล้วก้อเกงยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 12 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 20-02-2012 22:40:32
ตอนที่ 12 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน













แป้นคีย์บอร์ดยุบไปตามนิ้วที่กดพิมพ์ สลับกับเมาส์ที่ผมลากไปตามพื้นที่บนหน้าจอ ตอนนี้กำลังเคร่งเครียดอยู่ครับ ผมนั่งจิ้มไอ้เพาเวอร์พอยท์นี่มาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่เสร็จสักที ส่วนไอ้กราฟที่นั่งอยู่ข้างๆ กันมันล่อซะเกือบเสร็จ เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเพราะผมไม่ถนัดทำอะไรแบบนี้

“มึง กูทำกราฟไม่ได้ว่ะแม่ง”

เพราะจิ้มหาในเมนูแล้วไม่เจอ สุดท้ายก็ต้องพึ่งไอ้เพื่อนกินเพื่อนตายคนนี้แหละ ไอ้กราฟก็หันมามองหน้าผมก่อนจะมองไปที่จอแล็บท็อป แล้วก็หันมามองหน้าผมอีกที มันทำหน้าเหมือนอยากมีเรื่องกับผมงั้นแหละ

“มึงทำในเพาเวอร์พอยท์แล้วกราฟจะงอกออกมาให้มึงไหม”

มันตอบกลับมาด้วยหน้าเอือมๆ ให้ผมอยากจะยกตีนถีบมันนัก แต่เพราะว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่ใต้ตึกคณะเลยต้องประพฤติตัวดีๆ หน่อย รักษาภาพพจน์ที่มีไว้กับหน้าตา

“ก็กูทำไม่เป็น มึงมาทำให้กูหน่อย”

“มึงไม่ทำเองมึงก็ทำไม่เป็นอยู่แบบนี้แหละ กูทำให้มึงมากี่รอบแล้ว”

เชี่ยกราฟ แม่ง! มันขัดใจผมจนอยากตบกะโหลกมันสักที แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมันไม่ทำให้ ผมก็เลยต้องมองมันแบบอ้อนๆ หน่อย

“กราฟครับ กราฟทำให้ยีนหน่อยนะครับ ยีนทำไม่เป็นจริงๆ นะ”

ลองเล่นแบบนี้แล้วมีเหรอว่ามันจะไม่ใจอ่อน หึหึ

ไอ้กราฟส่ายหัวแบบเซ็งๆ ที่สุดท้ายก็ต้องขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิมเพื่อจับเมาส์ ผมจึงแอบกระเถิบตัวให้มันแทรกเข้ามาอีกนิด พลางดูมันที่เปิดเอ็กเซลขึ้นมาทำกราฟให้ผม ผมมองไปก็อมยิ้มไปด้วย ดีจริงๆ มีคนคอยตามใจ

ทำไปแป๊บนึง อยู่ๆ ก็มีแขนใหญ่ๆ มาแทรกระหว่างหัวผมกับหัวไอ้กราฟที่แทบจะซุกติดกัน มือที่ติดกับแขนข้างนั้นวางบนขอบโต๊ะใกล้ๆ กับแล็บท็อปของผม ก่อนผมจะรู้สึกว่ามีแรงกดจากคางแหลมๆ บนหัวของตัวเอง พอเงยขึ้นไปก็โป๊ะเชะ ไม่ใช่ใครอื่นเลย ไอ้พี่ชมพูผู้แสนตายยาก

“ทำอะไรอยู่”

“เพาเวอร์พอยท์ดิ พี่ไม่เห็นเหรอ”

ผมตอบมันกลับไป พลางส่ายหัวไปด้วย จะสะบัดให้คางมันหลุดออกไป แต่ว่าไอ้พี่ชมพูแม่งก็เกาะติดเหลือเกิน มันไม่ยอมปล่อยแถมยังเอาแขนอีกข้างมาวางบนโต๊ะอีก แล้วสภาพตอนนี้จะเป็นยังไงได้ มันก็คร่อมผมไว้ทั้งตัวน่ะสิ

กราฟของผมจะเสร็จไหม ในเมื่อไอ้กราฟยื่นมือมาจับเมาส์ไม่ได้ แสรด

“อืม แต่ที่เห็นอยู่เป็นเอ็กเซลนะ”

แม่ง กวนตีนกูอีก ผมชักสีหน้าแบบไม่พอใจ แต่ว่าไอ้รุ่นพี่หมีควายคงไม่เห็นหรอก เพราะว่ามันเอาคางกดหัวผมไม่ปล่อย เมื่อทนไม่ไหวผมเลยต้องยกมือขึ้นไปจับหน้ามันสองข้างแล้วโยนออกไป ซึ่งมันก็ยอมที่จะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ทว่าไม่จบแค่นั้น ไอ้พี่ชมพูดันเอาตูดมาแหย่ตรงช่องหว่างระหว่างผมกับไอ้กราฟ

มึงจะแทรกเข้ามาทำเชี่ยอะไร

“อย่าเพิ่งด่าๆ”

มันเอามือมาปิดปากผมเอาไว้ตอนที่เห็นว่าผมจ้องหน้ามันแบบไม่พอใจ ก็มันเป็นคนบอกเองว่าให้ผมเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับมัน ผมถึงใส่อารมณ์ได้เต็มที่ ดึงมือมันออกจากปากของตัวเองด้วย

“แล้วพี่มีอะไร อยากนึกมากวนประสาทกันเฉยๆ หรือไง”

“เปล่าสักหน่อย ที่มาเพราะว่ามีเรื่องต่างหาก” ไอ้พี่ชมพูว่าแบบนั้นก่อนจะหันหน้าไปทางไอ้กราฟที่กระเถิบตูดออกห่างไป มันคงอึดอัดเหอะ มีหมีควายมาเบียดเนี่ย “มึงด้วยกราฟ”

“มีอะไรอะพี่”

กราฟถามแล้วก็เงยหน้าไปอีกด้าน พอผมมองตามถึงเพิ่งเห็นว่าพี่เจ๋งยืนอยู่ตรงนี้ด้วย เขายิ้มให้ผมแบบใจดี๊ใจดี ผมเลยยิ้มตอบกลับไปเหมือนกัน แต่ก็อดงงไม่ได้ว่าพี่เจ๋งมาตั้งแต่เมื่อไรวะ ทำไมไม่เห็น แต่ยิ่งกว่านั้น... ฟิลของพี่เจ๋งกับไอ้พี่ชมพูแม่งต่างกันฉิบหาย

“พอดีว่าพวกกูต้องทำหนังสั้น เลยว่าจะชวนพวกมึงมาร่วมโปรเจกต์”

“จะดีเหรอพี่ ให้แสดงอะนะ”

ไอ้กราฟถาม ผมเองก็อยากรู้ด้วย เพราะใช้คำว่าพวกมึง ก็แน่นอนว่าต้องโดนผมด้วย

“ใช่ พวกกูเห็นว่าพวกมึงแสดงดีก็เลยอยากชวนพวกมึง กูเขียนบท ส่วนไอ้ภูเป็นผู้กำกับ”

คำพูดของพี่เจ๋งทำให้ผมต้องหันไปมองผู้กำกับอย่างไม่แน่ใจ อย่างไอ้พี่ชมพูเนี่ยนะเป็นผู้กำกับ แต่มานึกๆ ดูก็เข้ากับมันดี ชอบสั่งชาวบ้าน

“นอกจากพวกมึงแล้วไอ้กัสกับไอ้เคก็ด้วย เมื่อกี้กูโทรไปชวนแล้ว มันโอเค”

ไอ้พวกใจเร็ว พวกมึงไม่คิดจะถามกูกับไอ้กราฟเลยว่าจะตกลงไหม ผมพึมพำอยู่ในใจพลางหันไปมองไอ้กราฟว่าจะเอายังไง มันเลยถามต่อ

“แล้วเรื่องเป็นยังไงอะพี่”

“สี่ยอดกุมาร” พี่ชมพูแม่งตอบมาซะน่าเล่นเลย สัตว์ ผมทำหน้าเซ็งๆ ใส่ มันก็หัวเราะขำๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผม “ไม่อยากเล่นเหรอ”

“ไม่อะ”

“ไม่คิดจะช่วยกันหน่อยหรือไง”

“ทำไมต้องช่วย?”

“ไม่ต้องช่วยเล่นก็ได้”

มันว่าแบบนั้นเหมือนจะทำให้ผมสบายใจขึ้นนะ ก็ไม่ได้อยากเอาตัวไปทำอะไรแบบนั้น เพราะว่าถ้าเล่นหนังให้มัน คงต้องขอป๋าอีกหลายเรื่อง แต่ว่าไอ้พี่ชมพูดันไม่ให้ผมสบายใจนาน เพราะว่ามันยื่นปากเข้ามาใกล้ๆ หูผมจนปากแทบจะติด แถมยังกระซิบเสียงเบาๆ

“แต่ช่วยทำให้กูเลิกคิดถึงมึงหน่อย”

รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างมันแล่นปรื๊ดจากคางไปแก้มเลยไปถึงหัว สองมือก็กำแน่น ไม่กล้าหันไปมองไอ้เชี่ยที่มันพูดประโยคนั้นเลย กลัวแม่งล้อ เพราะขนาดผมยังรู้สึกตัวเลยว่าหน้ากำลังแดง สัตว์เอ๊ยยย!

เพราะโดนมันโจมตีเข้ามาอย่างจัง ผมเลยได้แต่นั่งก้มหน้างุดๆ อยู่เป็นคนใบ้ไม่กล้าสู้สายตาใคร ยิ่งไอ้กราฟนั่งอยู่ตรงนี้อีก ยิ่งอับอายไปกันใหญ่ แล้วดูเหมือนว่าไอ้พี่ชมพูจะได้ใจ กลั้วเสียงหัวเราะในคอหึหึ

อย่าให้อยู่กันสองคนนะ มึงโดนกูต่อยแน่!

“สรุปว่าตกลงนะ”

พอใจกับการแกล้งผมแล้ว ไอ้คนนั่งข้างๆ ก็หันไปคุยกับคนที่เหลือ ซึ่งไอ้กราฟก็เออออไปแบบไม่คิดจะถามผมอีก อะไรวะแม่ง

“ถ้ายีนโอเคก็ตามนั้น ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“โอเค ไว้สรุปรายละเอียดอะไรแล้วจะบอกอีกทีแล้วกัน”

ผมได้ยินเสียงพี่เจ๋งว่าอย่างนั้นก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าที่คิดว่ามันไม่ค่อยแดงแล้วขึ้นมา แต่มันก็ช้าเกินกว่าจะได้คุยอะไรกับพี่เขา เพราะพี่แกดันบอกว่า

“งั้นกูไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะไปเตรียมเรื่องบทเพิ่ม” ก่อนจะหันมาทางเพื่อนที่เขาหิ้วมาด้วย “แล้วมึงจะไปกับกูเลยหรือเปล่า”

“มึงกลับไปก่อนเหอะ”

ตัดความหวังกันสุดๆ แต่ที่ตัดกันยิ่งกว่าคือไอ้กราฟที่ทำท่าจะเก็บข้าวของและแล็บท็อปของมันตามพี่เจ๋งไปด้วย

“มึงจะไปไหนวะ”

“...”

แม่งไม่ตอบ แต่ว่ายิ้มมาให้ ผมก็เข้าใจได้เลยว่ามันต้องไปจีบรุ่นพี่ดาวคณะอะไรนั่นอีกแล้ว เห็นมันเคยบอกว่าชักช้าเดี๋ยวโดนคู่แข่งตัดหน้า โดยเฉพาะช่วงนี้แม่งหายตัวเป็นว่าเล่น เพราะมันไม่ต้องมาคอยรับผิดชอบชีวิตผมแล้ว ก็เล่นโยนหน้าที่ตัวเองให้ไอ้คนตัวใหญ่ๆ แถวนี้แล้วนี่หว่า

ผมได้แต่นั่งมองมันอย่างเซ็งๆ ขัดอะไรไม่ได้ แต่ไอ้คำพูดประโยคสุดท้ายที่มันทิ้งไว้เนี่ยสิ

“ผมฝากพี่ช่วยมันทำกราฟต่อด้วยนะ ไปก่อนครับ”

ทิ้งระเบิดให้กูนะมึง!

ผมมองไอ้กราฟตาเขียว แต่ว่ามันไม่รับรู้อะไรด้วยเลย เพราะพอมันบอกแบบนั้นเสร็จก็ลุกจากโต๊ะไป เหลือผมทิ้งไว้กับไอ้พี่ชมพูที่ไม่รู้ว่าจะเล่นอะไรอีก เดี๋ยวนี้ชักระแวงมันมากกว่าเก่าอีก

“อันนี้เหรอ”

พี่ชมพูหันมาถาม เรียกให้ผมต้องกลับไปมองหน้าจอแล็บท็อปอีกครั้ง กราฟที่ไอ้กราฟทำไว้ให้เสร็จไปครึ่งนึง เหลืออีกครึ่งซึ่งแน่นอนว่าผมทำไม่เป็น ก็ต้องพยักหน้าหงึกๆ ให้มันไปแบบช่วยไม่ได้

เก่งตั้งหลายเรื่องเหอะไอ้ไฮยีน แต่ดันมาแป๊กเพราะเรื่องนี้ แล้วต้องมาเจอไอ้พี่ชมพูตอนที่เป็นแบบนี้อีก

“เดี๋ยวทำให้ แต่...”

“แต่อะไร”

ผมชักสีหน้านิดหน่อย แต่ว่าพี่ชมพูดันยิ้ม แล้วยิ้มของมันเนี่ย พาให้คันตีนได้ตลอด

“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนไง”

“แลกเปลี่ยนอะไร”

“ง่ายๆ” คนที่นั่งข้างๆ ยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจเท่าไร “จริงๆ ไม่นับเป็นข้อแลกเปลี่ยนก็ได้ เพราะยังไงมึงก็ต้องยอม”

ทำไมพูดเหมือนกูเป็นพวกง่ายจังวะ กูไม่ง่ายนะเว้ย กูสู้คน!

“อะไร”

“ก็แค่กินข้าว ไม่มีอะไรเลย”

“ก็ได้”

ก็ถ้าแค่กินข้าวอะนะ












พี่ชมพูช่วยผมทำกราฟจนแม้แต่เพาเวอร์พอยท์ก็เสร็จ แม่งชำนาญไปไหน แต่ก็ลืมไป มันเรียนมาตั้งปีสามแล้ว ไม่เชี่ยวชาญก็ไม่รู้จะว่ายังไง ไม่เหมือนผมที่ชอบให้ไอ้กราฟช่วยตลอด

ผมเก็บของเข้ากระเป๋าเรียบร้อย ส่วนแล็บท็อป ไอ้พี่ชมพูอยากเป็นคนดี แบกให้ ก็ตามใจมัน ดีไม่หนัก แต่ว่าปัญหามันอยู่ที่ว่า มือที่ว่างอีกข้างของมันเนี่ยแหละ จะจับผมไว้ทำไม

ไม่ใช่เด็กอนุบาล ไม่ต้องจูงกูก็ได้

ผมดึงมือตัวเองออกจากมือมัน เพราะตอนนี้กลายเป็นเป้าสายตาของคนไปทั้งคณะแล้ว ก็แม่งเล่นจูงผมมาตั้งแต่โต๊ะจนไปถึงรถนั่นแหละ อายฉิบหาย

นับวันมึงชักจะเยอะไปจนกูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เชี่ยแม่ง!

“ไม่ต้องจูงได้ป่ะ ไม่ใช่หมา”

“ก็ไม่ได้จูงเพราะคิดว่าเป็นหมา”

มันตอบกลับมาแบบนั้นก่อนจะพาผมไปถึงเลกซัสของมัน เห็นรถแล้วก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่มันพาเฟอร์รารี่ไปซิ่งจนชนะผม แล้วก็... เออ นั่นแหละ ถูกมันจูบ พอนึกขึ้นมาก็ใจเต้นอีกแล้ว เวร!

“แล้วจะกินอะไร”

ขึ้นมาในรถและวางของไว้ในรถเรียบร้อย ผมก็หันไปถาม พยายามหาเรื่องคุยจะได้ลืมๆ เรื่องเมื่อคืนไป มันก็ยิ้มๆ ขับรถออกไป

“ผู้พัน”

ผู้พันเชี่ยอะไรของมันวะ ผมคิดอยู่ตั้งนาน มาเก็ตก็ตอนที่มันจูงมือ (อีกแล้ว) เข้ามาในห้างแล้วมาเสนอหน้าอยู่ในเคเอฟซีเนี่ยแหละ ก็นึกว่าอะไร

“เอาชุดไหน”

มายืนต่อแถวอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไอ้คนตัวสูงๆ ก็ถาม ผมจึงเงยหน้ามองชุดคอมโบ้คอมบ้าอะไรทั้งหลาย แล้วก็หันไปมองหน้าคนถาม

“เป็นชุดมันไม่พอ”

“งั้นเอาอะไร”

พี่ชมพูตอบมาแบบง่ายๆ ตามประสาคนรวย แบบกูมีเงินเลี้ยง มึงว่ามาเลย อะไรประมาณนั้น แต่ก็จริงของมัน เลี้ยงผมมาจะเดือนแล้ว แถมยังบริการทุกอย่างจนผมตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ ได้ทุกวัน สำหรับมันคงเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก แต่ว่าผมไม่สนุกด้วยนี่สิ

“ไก่ทอดสิบชิ้น เอาเนื้ออก ไม่เอาปีก แล้วก็เฟรนซ์ฟรายใหญ่ เป๊ปซี่ใหญ่”

“กินหมดเหรอ”

“ดูถูก?”

ผมมองหน้ามันแล้วยืดอกยืดตัวให้สูงเท่ากับพี่ชมพู มันก็มองแล้วยิ้มขำๆ ก่อนจะหันไปสั่งเมนูที่ผมบอกเอาไว้กับพนักงาน มีเพิ่มเติมของตัวมันอีกหน่อย รอสักพักของที่สั่งก็ได้มาเต็มสองถาด ผมช่วยยกถาดนึงแล้วเดินนำเข้าไปหาที่นั่งข้างในสุดของร้าน ผมเลือกด้านที่ติดผนังเพราะว่าด้านที่ติดกระจกของร้านเป็นโต๊ะเดียว วางของไม่พอ

พี่ชมพูวางของบนโต๊ะแล้วเดินไปกดซอสมาให้ ก่อนจะนั่งตรงข้ามกับผมที่เลือกนั่งด้านนอกแล้วเอาโต๊ะที่ติดกำแพงเป็นที่วางของ พอคนที่มาด้วยนั่งลง ผมก็ลงมือกินของที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้ฉีกเนื้อไก่ร้อนๆ ช้อนส้อมก็ถูกยื่นมา

“ไม่ต้อง ใช้มือเนี่ยแหละ”

ผมว่าอย่างนั้นก่อนจะใช้มือจัดการอย่างที่ว่า ช้อนและส้อมที่ยื่นมาจึงถูกเอากลับไปวางที่จานเปล่าๆ เหมือนเดิม ไก่ชิ้นนุ่มๆ ถูกจิ้มลงในซอสพริกก่อนจะเข้าปากผมอย่างเอร็ดอร่อย จะว่าไปก็ไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน

“โดนว่าอะไรไหม”

กินๆ อยู่เสียงทุ้มก็ถามมา ผมเงยหน้ามองคนถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร อีกฝ่ายเลยขยายความต่อ

“ที่หนีออกไปข้างนอก”

ฟังมันถามจบแล้วก็แอบรู้สึกดีอยู่หน่อยๆ เหมือนว่ามันจะห่วง... แต่พอมานึกอีกที แล้วกูจะรู้สึกดีทำไมวะ ก็เพราะมันนั่นแหละทำให้ผมกลับบ้านไปช้ากว่าเดิม เสี่ยงมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

“เปล่า ป๊าจับไม่ได้”

จริงๆ ก็เสียวอยู่เหมือนกันว่าป๊าจะรู้หรือเปล่าว่าผมแอบออกไปทำอะไรเหมือนๆ เก่า แต่โชคดีที่เมื่อคืนแอบเข้าบ้านไปด้อย่างแนบเนียน แถมเมื่อเช้าป๊าก็ไม่ได้พูดอะไร จึงวางใจได้ ถือว่ารอดตัว ถ้าถูกจับได้คงมีเรื่องแล้วผมก็คงไม่ได้มานั่งกินไก่อยู่แบบนี้

“ดีแล้ว”

เสียงที่ทอดอ่อนลงนั้นทำให้ผมรู้สึกใจหวิวๆ ชอบกล เลยก้มหน้าก้มตาแกะไก่กิน พยายามไม่เงยหน้าขึ้นมามองมันอีก แต่ว่ามือใหญ่ๆ ที่ยื่นมาเกี่ยวตรงสันแว่นทำให้ผมตกใจจนผงะ เบิกตากว้างมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“อยู่กับกูไม่ใส่แว่นได้ป่ะ”

ผมดันแว่นที่วางอยู่บนสันจมูกให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมเพราะเมื่อครู่มันเกือบหลุดออกมา

“ไม่ได้”

“กลัวอะไร กูก็เคยเห็นหน้ามึงแล้วไง”

แม้ว่าจะปฏิเสธ แต่ว่าพี่ชมพูก็ยังอยากเอาชนะอยู่ดี คงเป็นนิสัยที่ติดทนจนกลายเป็นสันดานแล้วมั้ง

“โจทก์เยอะ”

“ไม่เห็นหรอก ตรงกระจก แถบสติ๊กเกอร์ก็ปิดอยู่”

“ใครจะรู้”

แต่ถึงมันจะอยากคาดคั้นให้ผมยอมถอดแว่น ผมก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอก ถึงจะไม่มีปัญหาเรื่องถอดแว่นต่อหน้ามัน แต่ความอยากเอาชนะก็ยังค้ำคออยู่ จริงๆ ผมกับมันคงไม่ต่างกันหรอก ชอบเอาชนะ

“เยอะขนาดนั้นเชียว”

มันหัวเราะยิ้มๆ เอามือเท้าคางกับโต๊ะเอาไว้แล้วมองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อ ผมเลยพูดโอ่ใส่มันหน่อย

“เยอะดิ ทั้งพวกที่มันคิดว่าผมแย่งแฟนมันไป ทั้งพวกอริที่เคยมีเรื่องกัน”

“เอาเรื่องเหมือนกันนี่หว่า”

“มันแน่”

ผมยักไหล่อย่างภูมิใจ กลับมานั่งจิ้มไก่ในซอสและส่งเข้าปากเหมือนเดิม ส่วนไอ้พี่ชมพูก็มองแล้วยิ้มอยู่ได้ เป็นบ้าหรือเปล่าวะ

“แต่กูอยากเห็นหน้ามึงชัดๆ”

อยู่ๆ มันก็พูดออกมา เสียงไม่ดังหรอก แต่ก้องในหัวผมเลย แสรดดดดด แล้วไอ้ที่ก้องดันไม่ใช่เสียงของมันอย่างเดียว แต่เป็นเสียงหัวใจผมด้วยเนี่ยสิ น่าเจ็บใจฉิบหาย!!

“แล้วพี่ไม่กินหรือไง”

เพราะไม่รู้ว่าจะทำหน้าแบบไหนดีเลยหาเรื่องเบนทิศไป แต่ว่ามันไม่ได้ผลสักเท่าไร เพราะไอ้พี่ชมพูยังมองหน้าผมไม่เลิก แล้วสายตาแม่งก็ เออ... ยอมรับก็ได้ว่าแม่งเยิ้ม กูจะขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย สัตว์!

“กิน”

“แล้วไม่กิน”

อะไรของมันวะ บอกว่ากิน แต่ก็ไม่กิน

“รอคนใจดีๆ แถวนี้ป้อนอยู่”

ไอ้ที่ว่าจะยัดไก่เข้าปากนี่ชะงักเลย รู้สึกว่าแขนมันเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเอาไปวางที่ไหน แล้วพอเหลือบไปมองหน้ามันก็เห็นว่าไอ้คนตรงหน้ายังจ้องหน้าผมอยู่เหมือนเดิม แต่ว่าผมค้างไปแล้ว ทำอะไรไม่ถูก

“ป้อนหน่อยดิ”

คนทำถูก สั่งแกมอ้อนนิดๆ แต่ว่าผมก็ไม่ทำอย่างที่ถูกขอ ส่งไก่ในมือเข้าปากซะเลย ก่อนจะฉีกชิ้นใหม่เข้าปากอีกรอบ แล้วเพราะเห็นว่าผมทำอย่างนั้นหรือยังไงไม่รู้ มือหนาเลยยื่นมายึดข้อมือผมเอาไว้ ตามด้วยหน้าหล่อๆ โน้มเข้ามา อ้าปากแล้วงับไก่ในมือผมไปเฉยเลย แล้วไม่แค่งับ ไอ้พี่ชมพูเสือกดูดนิ้วผมด้วย

เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

ผมชักนิ้วออกมาจากปากมัน แต่ไม่ทันแล้ว มันดูดไปเรียบร้อยแล้ว สัตว์เอ๊ย เล่นทีเผลอนะมึง! ผมรีบคว้ากระดาษมาเช็ดนิ้วเปียกๆ ของตัวเอง แต่เชี่ยพี่ชมพูแม่งดันหัวเราะพออกพอใจ แถมยังล้อ

“หน้าแดง”

แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

ไม่รู้ว่าจะด่ามันว่าอะไรดี เพราะว่าหน้าผมร้อนอย่างที่ไอ้เชี่ยรุ่นพี่นี่ว่าจริงๆ โอ๊ย ผมอยากจะเอาหัวไปมุดอยู่ที่ไหนก็ได้ บินไปดาวเนปจูนตอนนี้ทันไหม กูจะขี่ดวงจันทร์ไป แม่งงงงง อายฉิบหาย ส่วนไอ้บ้าที่ล้อผมได้แม่งก็หัวเราะหึหึหึ เหมือนคนเส้นกระตุก

ผมก้มหน้าก้มตากินไก่เงียบๆ ไม่ยุ่งกับแม่งแล้ว เดี๋ยวโดนอะไรเข้าตัวอีก ซึ่งมันก็คงพอเห็นใจผมอยู่บ้างมั้ง เลยไม่ทำอะไรให้ผมต้องอับอายไปมากกว่านี้ แต่แค่นี้ผมก็โคตรจะโคตรเสียฟอร์มแล้ว

ทว่าถึงอย่างนั้นผมก็เหลือบมองมันเป็นระยะๆ เพราะระแวง กลัวแม่งจะทำอะไรแบบไม่คาดคิดอีก แล้วก็ดันมีเสียหลายครั้งที่สบตากับมันที่ละความสนใจจากไก่และเฟรนซ์ฟรายมามองผมอย่างพอดิบพอดี พอหลายๆ ทีเข้า ไอ้เหี้ยพี่ชมพูก็เอาอีกแล้ว

“กูรู้เรื่องมึงแล้ว แล้วมึงไม่อยากรู้เรื่องกูมั่งเหรอ”

ผมทำหูทวนลม ไม่สนใจ นั่งกินไก่ที่เหลืออยู่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่สั่งมา ไม่อยากถูกรุกฆาตเหมือนเมื่อกี้ที่พลาดไป แต่ว่ามันยิ่งแย่กว่าเดิมตรงที่เก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ถูกมือใหญ่ลากให้ไปใกล้ๆ มัน แถมไอ้พี่ชมพูยังนั่งแหกขาให้สามารถเอาเก้าอี้ผมไปยัดตรงช่องว่างตรงนั้นได้เสียอีก ตอนนี้ผมเลยเผชิญหน้ากับมันเต็มๆ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ว่าไง”

แขนยาวสองข้างยกขึ้นมากั้นตัวของผมไว้ มันกะไม่ให้ผมหนีไปไหนได้เลยนี่หว่า ห่า!!

“ก็ไม่ได้อยากรู้”

ถึงแม้ว่าจะหวั่นๆ อยู่ในใจ แต่ผมก็พยายามทำนิ่งๆ เข้าไว้ไม่ให้มันจับผิดอะไรได้

เดี๋ยวนี้กูแม่งเป็นบ้าอะไรวะ ถึงได้ชอบมีอาการเหี้ยๆ แบบนี้อยู่เรื่อย

“สักหน่อย”

“ไม่อะ”

ผมตอบตามจริง ไม่ได้อยากรู้เรื่องอะไรของมันเลย ไม่เคยคิดอยากรู้ด้วย แต่ว่าคำตอบนั่นก็ไม่น่าพอใจสำหรับไอ้คนเรื่องมากอยู่ดี ไอ้ตัวโตทำหน้างอนๆ แล้วประณามผมด้วยคำว่า...

“ใจร้ายว่ะ”

“ก็ไม่ได้อยากรู้ ไม่จำเป็นต้องรู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน จะอยากรู้ไปทำไม”

ระบายไปให้หมดเลยครับ หวังว่ามันจะเข้าใจแล้วเลิกหาเรื่องมาไล่บี้ผมสักที แต่ทั้งที่ผมคิดว่าจะเป็นแบบนั้น มันกลับดันได้ผลตรงกันข้ามกันเลย เพราะว่าหน้าหล่อๆ ยื่นเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนผมต้องเอนตัวไปทางด้านหลังเพื่อหนี แต่ว่ามันก็ยังไม่หยุดแค่นั้น ยังตามผมมาอีกจนเอนไปไหนไม่ได้แล้ว

ท่าแม่งล่อแหลมฉิบหาย!

ยังดีว่าตรงนี้อยู่ด้านในสุดของร้าน แล้วก็เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เลิกเรียนและเลิกงาน ไม่อย่างนั้นผมคงได้อับอายไปถึงชาติหน้าแน่ๆ ถ้ามีใครมาเห็นตอนนี้

“ถ้างั้น...”

“...”

“เป็นแฟนได้ป่ะ”



























========================
แล้วเป็นได้หรือเปล่าเนี่ย??

สวัสดีค่ะ ตอน 12 นี้สั้นๆ หน่อยนะ
อยากให้จบตอนนี้แล้วก็คิดออกแค่นี้
ที่เหลือเป็นเรื่องของอนาคต  :m15:

หวังว่าคนอ่านจะชอบกันนะคะ
พี่พูเขามาลูกตรงแบบนี้แล้ว น้องยีนจะว่ายังไง


Undel2Sky



(http://upic.me/i/fn/04-top.jpg)



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-02-2012 23:06:04
ตอบตกลงไปเลยเกงยีน
มาต่อเร็วๆเน้อออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 20-02-2012 23:30:41
อิมเมจ  ตาใสแจ๋วมากอ่ะ   :-[ :-[

จะน่ารักเกินไปแล้วนะสองคนนี้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 20-02-2012 23:34:19
เอาเลยๆๆ :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-02-2012 23:53:58
อยากรู้แค่ว่า ไอ้พี่ภูมันไปหลงรักน้องตอนไหนเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-02-2012 00:05:49
ี่พี่ชมภู กล้ามาก ขอน้องเป็นแฟนเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 21-02-2012 00:15:58
มาต่ออีกนะ   

สนุกมาก

รอเกงยีน ชอบพี่ชมพูอยู่

เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Daiice ที่ 21-02-2012 01:43:09
อ๊ากกกกก ตกลงไปเลยยีน!!!


พี่ภูแน่มาก  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 21-02-2012 02:10:20
"เป็นแฟนได้ป่ะ" ได้ค่ะ :-[ แอร๊ยยยย พี่ชมพูกล้ามาก :m3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 21-02-2012 04:13:18
พี่ภูขอเป็นแฟนแล้วววว  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 21-02-2012 04:34:34
 :o8: :o8: :o8: :o8: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-02-2012 09:19:22
ลุ้นที่สุดอ่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 21-02-2012 10:46:41



    โอ๊ะ!! พี่ท่านนี่ช่างรุกรวดเร็ว หนักหน่วง ต่อเนื่องดีจริงๆ
    น่าร้ากกกกกกกกกกกกก




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 21-02-2012 10:55:08
งั้นก็เป็นซะเลยสิ เนอะๆพี่ภู กรั่กๆๆๆ
ฮ่าๆ เวลาที่น้องเกงยีนมันโดนพี่ภูรุกหนักๆ
แล้วไปไม่เป็นนี่มันน่าฮักโดนใจขนาด
ชอบค่ะฮ่าๆๆๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 21-02-2012 11:33:19
 :a5:

บอกได้คำเดียวว่า 'อึ้ง'
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-02-2012 11:38:58
อร๊ายยยยยยยยย   :impress2:

รุกแรงจริง!!! เกงยีน โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆนะจ๊ะ

รีบตอบตกลงเลยนะลูก กรี๊ดดด

 :z2: :z2: เต้นรอ มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 21-02-2012 11:50:16
อยากให้ตอบตกลงแต่น้องเกงยีนคงตอบอีกอย่าง :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 21-02-2012 13:14:08
น่ารักเนอะ

พี่ยีนตอบตกลงเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 21-02-2012 20:05:26
มาแรงแซงทางโค้งเลยนะคะพี่ชมพู  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-02-2012 20:08:41
เกงยีนปากแข็งไม่เลิก :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-02-2012 21:34:42
พี่ชมภูน่ารักแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 21-02-2012 21:51:30
อ๊ายยย พี่ชมพูโดนใจมากมาย อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 21-02-2012 22:02:48
ยีนจะใจแข็งได้ซักแค่ไหนน้า~
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 21-02-2012 22:05:31
น่ารักอ่ะ  :impress2:

รออ่านนนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 21-02-2012 22:38:17
พี่ภู น่ามึน   
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: FoN LiGhT~ ที่ 21-02-2012 22:55:09
ยีนตอบว่าไรน้อ................
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 22-02-2012 11:34:28
ขอติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kire-i ที่ 22-02-2012 13:17:49
ตกลงไปเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 22-02-2012 18:37:11
อั๊ยย่ะ ตกลงไปเลยยีน คนแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆน้าาาา อิ อิิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-02-2012 12:21:55
กรี๊ดดด :m3: ตรงได้อีก

พี่พูสู้ๆ :ped149: รุกเข้าไป รุกเข้าไป เอ้วๆ

น้องเกงยีนขา รับเถอะค่ะ ยอมรับใจตัวเองได้แล้วนะ  ฮุฮิ

กอดคนเขียน :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-02-2012 21:58:19
ตรงมาเลยพี่ชมพู  :-[ แทนเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-02-2012 23:42:45
อ๊ายยยยย

ขอ เป็นแฟน แล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : ไม่ได้เป็นอะไรกัน [20/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 25-02-2012 19:28:53
เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย
พี่พูท่าคร่อมน้องแบบนั้น มันล่อแหลมมากค่ะ
นี่ตั้งใจแต๊ะอั๊งน้องหรือกันท่าเพื่อนเขาเพราะหึง
แต่คิดว่าคงหึงมาก่อน
ได้คร่อมน้องเป็นผลพลอยได้ ><




“แต่ช่วยทำให้กูเลิกคิดถึงมึงหน่อย”


ปย.นี้พี่พูคิดนานป่ะ เปิดเผยว่าจีบขนาดนี้
น้องยีนไม่หวั่นไหวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
เออว่าแต่น้องยีนรู้ตัวยังเนี่ยว่าโดนผู้ชายทั้งแท่งจีบอยู่




เป็นคุณเมียที่ดีมาก ดูแลเทคแคร์ทู๊กกกกกอย่าง
ตั้งแต่ทำงานจนการกิน แถมห่วงใย
จนน้องยีนใจแกว่ง รุกหนักเข้าพี่พู
อีกแป๊บน้องก็ใจอ่อนแล้ว



โอ้ยๆๆๆ จับมือเขาให้ป้อนตัวเองไม่เท่าไร
แต่มีดูดและเลียด้วย ไ
ม่อยากจะคิดถึงถ้าได้เป็นแฟนกัน
น้องยีนคงถูกพี่พูหลอมละลาย



น้องยีน น้องไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวคุณพี่เขา
แต่ว่าอิเจ้นี่อยากรุ้นี่นา
ที่สำคัญ พี่พูเขาอยากจะบอกซะด้วยสิ
ก็...ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน
น้องยีนส์ก็ตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่ภูเเขไปเถอะนะ



ปล.พี่ภูแมร่งงงงงงงง หมัดตรง
อินี่ปลื้ม     :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 27-02-2012 00:12:22
ตอนที่ 13 : เกิน















ฮะ?????

หูผมเพี้ยนหรือว่าอะไร แต่ไม่ว่าจะยังไง ตาผมก็เบิกโพลงไปแล้วกับคำชวนเมื่อกี้ ผมมองหน้ามันตาปริบๆ อย่างงุนงง เหมือนสมองเบลอไปจริงๆ มันสติไม่ดีหรือว่าผมเพี้ยน หรือว่าหูของผมฝาดไปเองที่ได้ยินเหมือนกับว่ามันกำลังชวนผมเป็นแฟน

เฮ้ยยย จะบ้าหรือไง ผมกับพี่ชมพูเป็นแฟนกันเนี่ยนะ?

พายุหิมะจะพัดถล่มเมืองไทยหรือเปล่าวะ

“เป็นแฟนกันไหม”

มันถามย้ำอีกครั้ง ทำเหมือนกับว่าผมไม่ได้ยินอะไร ทั้งที่ผมได้ยินชัดเต็มสองหู แต่ยังตอบอะไรไม่ถูกเท่านั้นเอง ใครตอบมันได้ทันทีก็เก่งล่ะวะ ผมมองหน้ามันก่อนจะค่อยๆ เผยอปากขึ้นถาม

“พี่ประสาทหรือเปล่า”

ไอ้หน้าหล่อตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากันที่อยู่ๆ ผมก็เหมือนจะด่ามัน มือกว้างละจากพนักเก้าอี้ทั้งสองข้างของผม เปลี่ยนเป็นกอดอกเอาไว้แทน

“กูขอมึงเป็นแฟนนี่มันประสาทตรงไหน”

อารมณ์กรุ่นนิดๆ ที่พอให้รู้สึกได้ทำให้ผมรู้ตัวว่ามันไม่ค่อยพอใจนักที่ผมย้อนมันกลับเลยเปลี่ยนคำพูดของตัวเองใหม่

“เอ้ยๆ เปลี่ยนใหม่ก็ได้ พี่... นึกยังไงมาขอผมเป็นแฟน?”

มันน่าแปลกไหมล่ะครับที่ไอ้พี่ชมพูมาชวนกันแบบนี้ ไม่ได้ชวนไปกินข้าว ไปเตะบอล ไปวิ่งรอบเกาะรัตนโกสินทร์อะไรเทือกนั้น นี่มันเป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายและไม่คิดว่าจะได้ยินในชีวิตผมเลยด้วยซ้ำ

“แล้วทำไมกูจะขอมึงเป็นแฟนไม่ได้”

“พี่...............ชอบผมเหรอ”

สิ่งเดียวที่นึกได้ตอนนี้ก็คือนี่แหละ แต่ผมว่าเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ถึงตอนนี้มันจะดีกับผมมากขึ้น (คิดว่า) ไม่หาเรื่องมากมายเหมือนแต่ก่อน แต่มันก็เป็นเรื่องยากเกินไปที่มันจะชอบผม อีกอย่าง... มันก็ไม่ได้เป็นเกย์ แล้วผมก็ไม่ได้เป็น

“กู...คิดว่าเป็นอย่างนั้น” พี่ชมพูมองหน้าผมแล้วตอบกลับมาอย่างลังเล “กูก็สับสนอยู่ กูถึงอยากลองดู”

คิ้วของผมขดเข้าหากันแน่น นึกโมโหขึ้นมาหน่อยๆ ที่คำตอบของมันเป็นแบบนั้น

มึงขอกูเป็นแฟนเพราะความไม่แน่ใจของมึงเองเนี่ยนะ สัตว์!

“แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ผมต้องเป็นหนูทดลอง”

“เพราะเป็นมึงไง มึงที่ทำให้กูสับสนอยู่แบบนี้”

พี่ชมพูละแขนทั้งสองข้างของตัวเองออกจากอก หนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม มองเข้ามาในตาผมเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างผ่านทางแววตาคมๆ คู่นั้น แล้วมันก็ทำให้ใจผมหวิวๆ สัตว์เอ๊ย

ผมสบถกับตัวเองเบาๆ ที่ดันรับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่แปลกๆ ไปเพราะสายตาคู่นั้น ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นออกไปจากหัว

“แต่ผมไม่ได้ชอบพี่”

ในชีวิตผมเจอผู้หญิงมาสารพัด เรียกได้ว่าก็แทบไม่ขาดสาย แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยรักเคยชอบใครหรือเป็นแฟนกับใคร ถึงผมจะดูเหี้ย เอาผู้หญิงมาเยอะ แต่ก็ไม่เหี้ยขนาดคบไปทั่วแล้วสามวันเจ็ดวันเปลี่ยนที

ผมอยากเป็นแฟนกับคนที่ผมรัก...

“กูก็พอรู้อยู่หรอก”

มันเดาะลิ้นพลางว่าแบบนั้น ก่อนจะผ่อนหลังที่ยืดตึงเมื่อครู่ให้กลับไปพิงกับพนักอย่างสบายๆ แล้วยังเอาขามาเตะขาผมเบาๆ

“แต่มึงก็รู้ไว้แล้วกันว่าบางทีกูอาจจะทำอะไร ‘เกิน’ ไปบ้างเพราะกูก็อยากรู้เหมือนกันว่ากูชอบมึงจริงหรือเปล่า”

แม่งงงง ผมเกือบผ่อนลมหายใจแบบสบายแล้วเชียว ถ้าประโยคสุดท้ายของมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผิดกับไอ้คนพูดโดยสิ้นเชิงที่มันกระตุกยิ้มเบาๆ เหมือนเรื่องที่คุยเมื่อกี้มันไม่ใช่เรื่องซีเรียส แถมมันยังขยับเก้าอี้กลับไปนั่งแดกไก่ต่ออย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แสรดดดดดดดดดดดด















กินไก่เสร็จแล้วเรื่องซวยก็มาเยือนทันที เพราะพอลุกจากเก้าอี้ กำลังเดินออกไปนอกร้านก็ถูกพนักงานเดินชนเข้าอย่างจัง จริงๆ ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กที่โดนชนแล้วจะกระเด็นง่ายๆ ถึงจะตัวผอมไปหน่อยก็เหอะ แต่ว่าพนักงานคนนั้นดันสร้างเรื่องให้ผมเพราะเผลอเหยียบแว่นของผมที่หล่นตอนชน แล้วสภาพของแว่นจะเป็นยังไงนอกไปเสียจาก... เลนส์แตกและขาเบี้ยว

“ร้านอยู่ชั้นไหนวะ”

โชคดีว่าผมไม่ใช่คนสายตาสั้น ไม่อย่างนั้นคงเดินตาบอดอยู่ในห้าง แต่ถึงอย่างนั้นไอ้คนหวังดีที่พาผมมากินเคเอฟซีด้วยก็ยังจูงมือให้เดินไปหาซื้อแว่นใหม่ด้วยกัน จริงๆ มันก็พอใจอยู่หรอกที่ผมไม่ต้องใส่แว่นอย่างที่มันหวัง แต่ผมก็ยืนยันว่าจะหาแว่นใหม่มาใส่แทนอยู่ดี

“น่าจะสี่มั้ง”

ผมตอบพลางเดินตามไป เลิกเสียแรงดึงมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ๆ นั่น ก็เคยทำมาตั้งกี่ทีแต่ไม่เคยสำเร็จ และนี่ก็คงจะเป็นการกระทำที่ไอ้พี่ชมพูเรียกว่า ‘เกิน’ เพราะอยากพิสูจน์ว่า ‘มันชอบผมจริงหรือเปล่า’ ล่ะมั้ง แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะพิสูจน์ตรงไหนเลยให้ตายเหอะ หลอกแต๊ะอั๋งกูมากกว่า

เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปเพื่อหาร้านขายแว่น ก็ไม่ถึงขนาดเป็นร้านแว่นใหญ่ๆ ที่เห็นตามโฆษณาทีวีอะไรหรอกครับ ร้านแว่นแฟชั่นธรรมดาที่เขาขายกันอยู่ทั่วไปนั่นล่ะ ทว่าขึ้นไปถึงแค่ชั้นสามมือที่กุมผมอยู่ก็กระตุกเรียก

“อยากดูเรื่องนั้นว่ะ”

หน้าหล่อๆ พยักพเยิดไปที่แบนเนอร์ของหนังเรื่องนึงซึ่งห้อยลงมาจากชั้นห้า ผมมองตามแล้วก็เห็นว่ามันน่าสนใจดี เป็นหนังแอ๊คชั่นไซไฟที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้แถมเพิ่งเข้าโรงมาแค่สามวัน แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ผมก็เล็งหนังเรื่องนี้ไว้อยู่

“อือ ผมกะว่าจะชวนไอ้กราฟ ไอ้กัส ไอ้เคลมมาดูอยู่เหมือนกัน”

“ดูกับกูดิ”

ผมหันไปมองหน้ามัน ซึ่งมันก็จ้องมองผมด้วยแววตาที่แสดงออกชัดเจนว่าอยากให้ผมไปดูกับมันจริงๆ มันจ้องซะผมไม่กล้าเบือนหน้าไปทางอื่น เลยตอบมันแบบอึกอัก

“เออๆ ...เดี๋ยว เดี๋ยวไปซื้อแว่นก่อนแล้วกัน”

แล้วแม่งก็เสือกยิ้มเหมือนดีใจมาก ก่อนจะกระตุกมือผมให้ก้าวขึ้นจากบันไดเลื่อนที่มาถึงชั้นสี่พอดี หนำซ้ำยังดึงมือให้เดินตามไปขึ้นบันไดเลื่อนต่ออีก แล้วผมจะทำยังไงได้นอกจากเดินตามมันไป

ทำไมเดี๋ยวนี้รู้สึกว่ากูตามใจมันง่ายจังวะ??

“ซาวน์แทรครอบสี่โมงยี่สิบ”

พอขึ้นมาถึงชั้นห้า พี่ชมพูก็ให้ผมยืนรอ ส่วนมันไปซื้อตั๋วหนัง ก่อนจะกลับมาบอกรอบหนังที่ซื้อเอาไว้ ผมก็พยักหน้าเออออก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง อีกตั้งชั่วโมงกว่า คงมีเวลาไปเดินเลือกดูแว่นต่อ ผมเลยชวน

“งั้นไปซื้อแว่นก่อน”

“เออๆ”

คนตัวใหญ่พยักหน้า ผมจึงหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินลงไปชั้นล่าง ทว่าช่วงจังหวะที่หันหลังก็ดันไปชนคนอื่น

เหี้ยอะไรเนี่ย วันนี้กูโดนชนหลายรอบแล้ว

แต่พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ผมชนแล้วก็ต้องเบิกตาค้าง เพราะว่าหน้าแบบนี้ผมจำได้... สัตว์ป๊อป แล้วก็ดูเหมือนมันจะจำผมได้เช่นกัน มันอ้าปากพะงาบๆ เหมือนตกใจที่เห็นผม

“มึง.. ไอ้... ไอ้เหี้ยยีน!”

พอมันเปล่งเสียงครบพยางค์ ผมก็คว้ามือไอ้พี่ชมพูแล้วโกยอ้าวเลย

“เหี้ย มึงหยุดนะเว้ย ไอ้สัตว์ ไอ้เหี้ยยีน”

เสียงไอ้ป๊อปดังตามมาและผมคิดว่ามันไม่แค่ตะโกนแน่ๆ เพราะได้ยินเสียงตึกๆ เป็นฝีเท้าของคนนับสิบที่คงมากับมันกำลังไล่กวดมา

ฉิบหายแล้วไง! ดันเจอโจทก์เก่าอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

ผมวิ่งลงบันไดเลื่อน ตอนนี้ไม่จับแล้วมือไอ้เหี้ยพี่ชมพู เอาตัวรอดไว้ก่อนแล้วกัน ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าจะต้องมาทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้ เจอเหี้ยป๊อปแต่ละทีผมไม่เคยต้องมาวิ่งแจ้นหนีมัน มีแต่ลูกตรงใส่ ถ้าไม่ติดคำสัญญากับป๊าไว้ ผมคงไม่ทำอะไรหมาๆ แบบนี้หรอก

“มึงไปดักมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้”

เสียงตะโกนของไอ้ป๊อปดังลั่นอยู่ห่างๆ ถึงจะไม่ได้หันไปมองผมก็พอรู้ จึงวิ่งแบบไม่คิดชีวิต เห็นล็อกไหนเลี้ยวได้ก็เลี้ยวแม่งเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็กลัวว่าพวกแม่งสักคนจะจับได้เลยต้องกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะพุ่งตัวไปทางตรงกันข้ามที่เห็นพวกมัน

แต่เหี้ยแม่งก็ตาไว เห็นผมจนได้ ผมต้องวิ่งหางจุกอีกครั้ง เหนื่อยก็เหนื่อยจนหายใจหอบออกทางปากแต่หยุดไม่ได้ เพราะพวกมันก็ไม่หยุดเหมือนกัน ขาเริ่มจะล้าแล้วด้วยซ้ำ คนในห้างที่เห็นผมวิ่งผ่านต่างก็ทำหน้างงๆ เห็นพวกมันวิ่งกันมาเป็นขบวนก็ยิ่งแตกตื่น แต่อยากบอกว่ากูเนี่ย วิ่งจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว!

หลังเปียกๆ ของผมพิงผนังของทางเข้าห้องน้ำหลังจากหลบพวกมันเข้ามาในซอกนี้ได้ หอบแฮ่กๆ เหมือนคนขาดอากาศหายใจพร้อมกับปาดเหงื่อไปด้วย

เชี่ยแม่งเอ๊ย เสือกซวยอะไรแบบนี้วะ

ผมสบถกับตัวเองก่อนจะต้องสะดุ้งเพราะว่าเหลือบไปเห็นว่าพวกไอ้ป๊อปหันมาเห็นผมพอดี

เหี้ย! กูต้องวิ่งอีกแล้วเหรอ

เพราะได้พักแป๊บนึง ก็เลยรู้สึกว่าขามันล้าไป จะให้ออกวิ่งอีกรอบก็โคตรจะหมดแรง เหมือนโดนหินก้อนโตๆ มาถ่วงขาเอาไว้ ผมรู้ได้เลยว่าตัวเองวิ่งช้าลงกว่าเมื่อกี้เยอะ

ซวยแน่มึง ไอ้ยีนเอ๊ย วันนี้นอกจากมึงจะโดนยำตีนแล้วมึงต้องโดนป๊าเล่นแน่ๆ

“เฮ้ย!”

เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากของผมเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกมือหยาบมา กระชากต้นแขนเอาไว้ ตัวทั้งตัวลอยหวืดไปปะทะกับร่างของแรงมหาศาล หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นมาฉับพลัน มากกว่าที่เต้นแรงเพราะความเหนื่อยที่เป็นอยู่ ทว่าไม่ทันให้ผมได้เงยหน้ามองดูเจ้าของมือ ขาก็ต้องทำงานอีกครั้งเพราะแรงดึงจากมือนั้นให้วิ่งตามมันไป

เสื้อเปียกๆ ที่คนข้างหน้าสวมอยู่และทรงผมสีน้ำตาลนั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าไอ้เหี้ยที่ดึงผมเป็นใคร

“ดะ.. เดี๋ยว เหนื่อย”

ผมพ่นเสียงออกมาพร้อมกับเสียงหอบบอกคนข้างหน้า หน้าหล่อๆ นั่นจึงหันมาก่อนจะหักเลี้ยวแล้วมือที่ว่างอีกข้างของมันก็ผลักประตูกระจกตรงหน้าออก แต่ไม่แค่นั้น มันยังพาผมวิ่งผ่านเข้าไปในลานจอดรถ พี่ชมพูหันมามองด้านหลังเป็นระยะเหมือนอยากแน่ใจว่ามีพวกนั้นตามมาหรือเปล่า

แล้วก็มีตามมาจริงๆ สัตว์เอ๊ย!

พี่ชมพูพาผมวิ่งแบบไม่คิดชีวิตขึ้นสโลปไปลานจอดรถชั้นบนโดยมีไอ้พวกนั้นวิ่งตามอยู่ห่างๆ เพราะพวกแม่งก็เหนื่อยพอๆ กับผมนั่นล่ะ แต่มันยังไม่ยอมแพ้กัน ผมล่ะอยากด่าไอ้คนที่พาผมวิ่งขึ้นทางลาดทั้งที่เลือกวิ่งลงก็ได้

มึงจะทำกูเหนื่อยเพิ่มทำไม ไอ้เหี้ย!

ไม่ใช่แค่วิ่งขึ้นชั้นเดียว มันพาผมวิ่งขึ้นสองชั้นก่อนจะพาไปสุดทางของลานจอดที่เต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายรุ่น มือใหญ่กระชากตัวผมให้เข้าไปหลบอยู่ในซอกลึกสุดที่มีรถคันหนึ่งจอดบังอยู่ หนำซ้ำยังพยายามดึงตัวผมให้เข้าไปใกล้มันมากที่สุด

ขายาวๆ ที่เหยียดออกตอนที่ลงไปนั่งหดเข้าหาตัว แผ่นหลังใหญ่พิงกับล้อหลังของรถคันที่กำบังพวกเราสองคน แขนที่ดูแข็งแรงโอบรอบเอวผมแล้วลากให้ขยับเข้าไปใกล้มันมากขึ้น เสียงหอบหายใจดังจากปากของเราทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชมพูก็ยกมืออีกข้างขึ้นมาแนบปากของผม เหมือนจะปิดไม่ให้ส่งเสียงอะไรไปมากกว่านี้ ซึ่งมันเองก็พยายามเม้มปากเข้าหากันเช่นกัน

เสียงตึกๆ และเสียงโวยวายว่าให้ลองแยกกันหาดังอยู่ครู่หนึ่ง ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นมา เพราะถ้าพวกมันหาผมเจอตอนนี้ผมคงวิ่งหนีไม่ไหวแล้ว ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่ชมพูเก่งเรื่องต่อยตีแค่ไหน อาจจะพอตัวเพราะมันบ้าพลัง พวกไอ้ป๊อปมีสิบกว่าคน ผมอาจจะต้องเจ็บตัวหน่อยซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมกังวล

การผิดคำสัญญาต่างหากที่ทำให้ผมกลัว

แต่เพราะมุมนี้เป็นมุมดีที่สุดของการหลบซ่อนล่ะมั้ง เสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ใกล้ๆ ถึงได้ค่อยๆ ห่างออกไป พี่ชมพูเหลือบมองทางด้านหน้ารถตลอดเพราะกลัวว่าจะมีไอ้พวกนั้นโผล่มา

ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของมันเลยสักนิด มันไม่จำเป็นต้องมาวิ่งหนีเหมือนกับผม แต่มันก็วิ่งไล่ตามจนเจอผมแล้วก็มาช่วยแบบนี้...

ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่จะถูกใครปกป้อง มีแต่หันหลังชนกันแล้วสู้ตายกับไอ้พวกเพื่อนตายเท่านั้น แต่ตอนนี้... ผู้ชายตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกปกป้อง

“พวกมันไปแล้ว”

เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยโวยวายอยู่เมื่อครู่หายไป แทนที่ด้วยเสียงรถยนต์ที่แล่นจากชั้นนี้ผ่านลงไปชั้นล่างตามปกติ ต่อด้วยเสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า มือที่ปิดปากผมเอาไว้ปลดออก นัยน์ตาคมเข้มนั่นจ้องที่ใบหน้าของผม

“ไปทำอะไรพวกมันไว้”

ไม่ใช่คำถามที่มาจากอารมณ์ไม่พอใจที่ทำให้มันเดือดร้อนทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ด้วยความอยากรู้เสียมากกว่า ผมเม้มปากนิดๆ มองหน้ามันก่อนจะตอบกลับ

“ส่งเข้าโรง’บาลสองวัน”

มันเป็นการวิวาทตามประสาเด็กมัธยมนั่นแหละครับ เพียงแต่หนักมือไปหน่อย

“มึงนี่ อริเยอะจริงนี่หว่า” มันกลั้วเสียงหัวเราะนิดๆ เหมือนไม่ซีเรียสกับคำตอบของผม “แล้วเป็นยังไง สนุกดิ วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน”

“ปกติก็ไม่หนีหรอก แต่นี่..”

“ติดสัญญากับป๊า”

มันตอบอย่างรู้ดี ผมก็พยักหน้าตาม ก่อนจะรู้สึกร้อนๆ ที่แก้มมากกว่าเดิม นอกเหนือจากความเหนื่อย เพราะว่ามือใหญ่ๆ นั้นลูบแก้มผมเบาๆ

เหี้ย มึงทำกูใจหวิวอีกแล้ว

“หน้ามึงแดง”

ตาคมจับจ้องที่หน้าผมทั้งที่นิ้วโป้งของมันยังลูบไล้บนแก้มผมไม่เลิก

“ก็เหนื่อย”

“ปากมึงก็แดง”

“ปากแดงอยู่แล้ว”

รู้อยู่หรอกว่าผมเป็นคนที่ปากแดงเป็นธรรมชาติ แต่พอมันพูดถึงก็อดจะเม้มปากเข้าหากันไม่ได้ แล้วยิ่งมองหน้าและเห็นสายตาของมันก็ทำให้ผมไม่กล้าจะมองหน้ามันต่อ

สัตว์เอ๊ย กูเขินเหรอวะเนี่ย!

“เกงยีน”

“...”

“เกงยีน”

“...”

เพราะผมไม่ยอมหันไปมองหน้ามันต่ออีกนั่นแหละ มันถึงได้เรียกเอาๆ เรียกจนผมชักรำคาญ

“เกงยีน”

“อะไร!”

“จูบนะ”

เสียงทุ้มบอกมาทั้งที่สายตายังไม่เปลี่ยนจากเดิม ทำให้จากที่สะบัดหน้ามองมันอย่างไม่พอใจที่ถูกเรียกซ้ำเรียกซากกลายเป็นมองมันอย่างอึ้งๆ ตรงข้ามกับมันที่ค่อยๆ เลื่อนมือที่จับแก้มผมให้เปลี่ยนเป็นประคองหน้า หน้าหล่อๆ นั่นยื่นเข้าหาอย่างเชื่องช้าก่อนริมฝีปากของมันจะกดทับปากของผม

หัวใจของผมเต้นอยู่... แต่มันต่างจากปกติ เพราะตอนนี้เต้นแรงฉิบหาย

ปากอิ่มนั่นค่อยๆ ละเลียดชิมปากผมช้าๆ ไม่เร่งรีบ ขยับอย่างอ้อยอิ่ง กดทาบลงมาและดูดดึงเป็นจังหวะ ความเปียกชื้นเกลี่ยไปตามกลีบปากของผมอย่างระมัดระวังก่อนจะดุนดันเข้ามา

มันน่าแปลกตรงที่ว่า... ผมยอมอ้าปากออกให้มันสอดลิ้นเข้ามาอย่างง่ายดาย

ผมปิดตาลงรับสัมผัสของมันที่ล้ำลึกแต่กลับแผ่วเบา มันอ่อนโยนกว่าที่คิดเลยทำให้ผมคล้อยตามและกระหวัดลิ้นสอดรับมันกลับไป ดื่มด่ำกับรสจูบ...ที่ผมรู้สึกว่าหวาน กลิ่นเหงื่อของเราที่คละคลุ้งกันล่ะมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในวังวนนี้

อ้อมแขนใหญ่ที่ยังไม่ละจากเอวของผมกระชับให้ตัวผมขยับเข้าไปใกล้แผ่นอกหนาเพื่อให้เราจูบกันได้ถนัดถนี่ขึ้น ผมรู้สึกหัวตื้อเพราะรสสัมผัสนี้ และมันก็รู้สึกดีจนอยากจะยึดริมฝีปากนี้ต่อไป แต่กลีบปากใหญ่ก็ผละออกมาเสียก่อน

ลิ้นชื้นของคนตรงหน้าแตะเข้ากับมุมปากของผมที่เปียกเพราะมัน ก่อนจะละออกมาแล้วเหยียดเป็นรอยยิ้ม มองหน้าผมที่ เอ่อ.. มองหน้ามันไม่ติด ต้องก้มหน้าหลบสายตาหวานๆ ที่มองผม หนำซ้ำก้อนเนื้อในอกยังทรยศเพราะส่งเสียงดังไม่เลิก

“....ขอบคุณ”

เพราะมันเงียบเกินไป ผมถึงต้องขยับปากพูดอะไรสักอย่าง แล้วดันนึกอะไรไม่ออกสักอย่างนอกจากประโยคนี้ถึงได้พูดออกมาด้วยเสียงเบาหวิว แต่ว่าไอ้คนตัวโตก็ได้ยินอยู่ดีถึงได้ถามยียวนกลับมา

“ขอบคุณที่จูบ?”

“ไม่ใช่เว้ย” ผมสะบัดหน้าขึ้นมาทันควัน จ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่องที่เข้าใจผิดไปคนละเรื่อง “หมายถึงขอบคุณที่ช่วย”

แล้วมันก็หัวเราะชอบใจที่แกล้งผมได้ เล่นเอาผมฮึดฮัดอยากตั๊นหน้ามันสักที กวนส้นตีน แม่ง! แต่กำปั้นของผมยังส่งไม่ถึงหน้ามัน มือใหญ่ก็มาจับไว้ได้เสียก่อน ผมเลยต้องล้มเลิกความตั้งใจแล้วดึงมือของตัวเองคืน

“แล้วพี่วิ่งตามผมทำไม บ้าหรือเปล่าวะ”

“ไม่รู้ดิ เห็นมึงวิ่ง กูก็เลยวิ่ง”

“ประสาท”

“ก็คงงั้น”

คราวนี้มันยอมรับง่ายๆ แต่ท้ายประโยคที่หลุดออกมาหลังจากนั้นก็ทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น

“แค่ห่วง กลัวว่ามึงจะโดนรุม”

ไปไม่เป็นเลยกู~!

“เออ...” ผมขัดบรรยากาศเงียบๆ “ไปซื้อแว่นก่อน เดี๋ยวหนังจะเข้าแล้ว”

คนฟังยิ้มๆ แล้วปล่อยแขนจากเอวของผมก่อนจะดันตัวลุกขึ้น ปัดกางเกงของมันแบบไม่สนว่าคราบฝุ่นจะฟุ้งใส่หน้าผม จากนั้นยื่นมือมาให้ แต่ว่าผมก็ไม่อาศัยมือของมัน ลุกขึ้นเองแล้วปัดกางเกงก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำ














ผมได้แว่นมาแล้วซึ่งเป็นแบบที่ไม่ต่างจากเดิมเท่าไร แน่นอนว่าไอ้พี่ชมพูเป็นคนจ่ายให้ เพราะว่ามันยังต้องเลี้ยงผมอยู่อย่างที่มันบอกว่าจะรับผิดชอบ พอได้แว่นมาแล้วก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครวิ่งกวดเหมือนอย่างเมื่อกี้ เพราะว่าผมตอนใส่แว่นกับไม่ใส่มันโคตรต่างกันลิบลับ แล้วนอกจากจะได้แว่นมาแล้ว ยังได้เสื้อผ้าชุดใหม่มาอีกชุด




‘ให้ใส่เสื้อเปียกเหงื่อเข้าไปดูหนังคงได้เหม็นหึ่งกันทั้งโรง’



นั่นเป็นเหตุผลของไอ้พี่ชมพู

เราเข้ามาในโรงหนังตอนช่วงที่ไตเติ้ลหนังขึ้นพอดี มีคนนั่งเกือบเต็มโรงแล้ว ในมือผมถือป๊อปคอร์นกับถุงที่ใส่เสื้อผ้าของตัวเองเข้ามาด้วย ส่วนไอ้พี่ชมพูมีเป๊ปซี่สองแก้วอยู่ในมือ ส่วนถุงเสื้อผ้ามันก็คล้องไว้กับแขน ถึงที่นั่งได้ผมก็ดูดเป๊ปซี่เข้าไปหนึ่งอึกให้ชื่นใจ

แอร์เย็นสบาย เบาะนุ่ม บรรยากาศดีชิบเป๋ง

ผมนั่งดูหนังก็กินป๊อปคอร์นสลับกับเป๊ปซี่ไป ไม่ได้ละสายตาเพราะว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจอมันทั้งตื่นเต้นและลุ้นอยู่ตลอดเวลา มีบางครั้งที่ซาวน์มันระทึกแล้วก็มีช็อตให้ตกใจจนผมถึงกับสะดุ้ง ซึ่งเป็นแบบนั้นทีไรก็จะตามด้วยเสียงหัวเราะหึหึจากคนนั่งข้างๆ ให้ผมต้องละสายตาจากจอไปตวัดตามองมันแบบไม่พอใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นรอยยิ้มนิดๆ ของไอ้รุ่นพี่ที่แม่งชอบกวนประสาท

กูแค่ตกใจ มีอะไรน่าขำมากหรือไง!

เป็นรอบที่สี่แล้วมั้งที่มันหัวเราะผม แล้วมันก็ทำให้ผมชักจะทนไม่ไหว ต้องเอนตัวกระซิบมัน

“หัวเราะอะไร”

“ก็ขำ”

“มีอะไรน่าขำ”

“ไม่มี”

“ไม่มีแล้วขำหาหอกเหรอ”

“ไม่มีหอกให้หา”

“กวนตีน”

“กูกวนตีน แต่มึงน่ะ..... กวนใจ”

สัตว์ ผมด่ามันต่อไม่ถูกเลย เหี้ยเอ๊ย เลยได้แต่นั่งนิ่งแล้วสนใจหนังเหมือนเดิม มันก็หัวเราะขำๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาจับมือผม

“จะกินป๊อปคอร์น”

ผมดึงมือตัวเองออก แต่ว่าไอ้พี่ชมพูก็ดึงผมมือไว้ไม่ยอมปล่อย หนำซ้ำแม่งยังขยับให้มือประสานกันอีกต่างหาก

มึงจะ ‘เกิน’ อะไรมึงคิดจะถามความคิดเห็นกูก่อนไหม สาดดดดด

“เดี๋ยวป้อน”

“ไม่กินแล้ว”

ทั้งที่ผมบอกมันไปแบบนั้น แต่มือใหญ่อีกข้างก็หยิบป๊อปคอร์นมายื่นติดปากของผม ผมก็เบี่ยงหน้าหนีดิ เรื่องอะไรจะปล่อยให้มันป้อน แต่มันไม่ยอมให้ผมหนีง่ายๆ ยื่นหน้ามากระซิบริมหู

“ถ้าไม่กิน จะใช้ปากป้อนแทน”

สัตว์! ผมหันขวับมาตวัดตาใส่มัน ถึงจะสะดุ้งนิดหน่อยเพราะว่าหน้าของมันอยู่ใกล้มาก แต่ก็รักษาฟอร์มไว้ไม่ให้มันจับได้ จ้องมองมันผ่านความมืดที่มีแสงสว่างจากจอใหญ่เป็นช่วงๆ แต่ว่ามันแค่เหยียดยิ้มเลวกลับมาพลางเลิกคิ้วเหมือนท้าทายว่าจะทำหรือไม่ทำ ผมจึงต้องอ้าปากแล้วงับทั้งป๊อปคอร์น ทั้งนิ้ว

แม่ง สม! กูจะกัดแรงๆ ให้นิ้วแม่งขาดเลย

“เฮ้ย”

เป็นอย่างที่คิด ไอ้พี่ชมพูแม่งชักมือกลับไปแล้วสะบัดๆ เพราะความเจ็บ ถึงทีผมยักคิ้วแล้วยิ้มเหนือกว่าใส่มันบ้าง ท่าทีที่มันดูเจ็บใจเพราะโดนผมเอาคืน

เนี่ย โคตรทำให้ผมมีความสุขเลย!!











ต่อด้านล่าง
v
v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 13 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 27-02-2012 00:12:59
ต่อจากข้างบน

v

v





ดูหนังครึ่งหลังเหมือนจะไม่ค่อยปะติดปะต่อสักเท่าไร เพราะว่าผมกับไอ้คนนั่งข้างๆ เอาแต่หาเรื่องกันจนถูกคนที่นั่งข้างทั้งมันและผมหันมามอง แต่ถึงอย่างนั้นก็นั่งดูกันจนจบ ผมและไอ้พี่ชมพูถือถุงเสื้อผ้าของตัวเองออกมาจากโรงหนังคนละถุง ส่วนป๊อปคอร์นกับเป๊ปซี่ที่เหลืออยู่อีกนิดหน่อยก็ทิ้งไว้ในโรงหนังนั่นแหละ ขี้เกียจแบกออกมาทิ้งด้วย

“เล่นไอ้นี่ก่อน”

ยังเดินไปไม่ถึงบันไดเลื่อน ผมก็ชี้ไปที่ตู้เกมด้านหน้า บอกมันแค่นั้นก่อนเดินตรงไปยังจุดหมาย ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะพนักสูง วางมือบนพ่วงมาลัย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเงินติดตัวสักบาทถึงได้จำใจหันมาหาคนที่เดินตามมาทีหลัง

“หยอดเงินให้ด้วย”

“หึ จะเล่นแล้วยังสั่ง”

ไอ้คนเรื่องมากมันว่า ก่อนจะวางมือบนหัวผมแล้วจับขยี้

ตลอดอะมึง เห็นหัวกูเป็นผ้าเช็ดมือ

ขยี้ขยำจนพอใจแล้วมันก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เบาะข้างๆ ล้วงเหรียญสิบจากกระเป๋ากางเกงแล้วมาหยอดที่ตู้มันและตู้ผม

“แข่งกัน”

“ท้า?”

ผมย้อนถาม มันก็แค่ไหวไหล่เหมือนเป็นเรื่องสบายๆ ให้ผมยิ่งหมั่นไส้

“เดิมพันไหมล่ะ”

เพราะมันถือไพ่เหนือกว่าล่ะมั้ง ถึงได้ชวน คิดว่ามึงจะชนะกูได้ตลอดล่ะสิ รู้อยู่หรอกว่าในสนามมันเก่ง แต่ว่าในเกมก็ไม่แน่หรอก

“เอาอะไรว่ามา”

“คิดว่ามึงจะชนะเหรอ”

เป็นคราวที่ผมไหวไหล่มั่ง มันก็กลั้วหัวเราะขำๆ เหมือนไม่เชื่อว่าคนอย่างผมจะชนะ แม่งงงง ดูถูกกูเกินไปแล้ว สุดท้ายผมก็โพล่งออกไปเต็มเสียงด้วยความฉุน

“ไม่ลองก็ไม่รู้”

“กูจะรอดู”

แล้วมันก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่หันไปเริ่มเกมทันที ผมถึงต้องดึงความสนใจทั้งหมดลงสู่สนามบ้าง แน่นอนว่าเราแข่งกันสนามเดียวสามรอบ

รอบแรกก็พอลุ้น เพราะว่าผมนำมันอยู่แบบไม่ทิ้งห่างสักเท่าไร อาศัยความเชี่ยวชาญกับที่เล่นกับไอ้กราฟบ่อย ถึงได้รู้จังหวะดีกว่าไอ้คนที่ท้า แต่รอบสองดันไปเสียหลักเพราะไอ้เหี้ยพี่ชมพูแม่งเสือกมาชนท้าย สัตว์เอ๊ย ผมต้องตั้งลำใหม่แล้วเร่งเครื่องไล่มันไปสุดชีวิต กระทั่งรอบสุดท้าย ผมไล่บี้มันจนถึงเล่นชัย แต่ว่าดันแซงไม่ได้ เลยแพ้มันไปแบบน่าเจ็บใจ ผมทุบพวงมาลัยไปแรงๆ เพราะแพ้แม่งอีกแล้ว!

“อ่อนนัก น้องเอ๊ย”

มันถากถางซะเจ็บแสบมากจนผมต้องกัดริมฝีปากเพื่อระงับความเจ็บใจ ก่อนจะตวัดเสียงห้วนใส่มันไป

“จะเอาอะไร”

“ก็ไม่มากไม่มาย”

ไอ้กวนตีนว่าพลางผิวปากไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ทำให้ผมแค้นกว่าเดิม ยกตีนขึ้นถีบมันไปหนึ่งที แต่มันกลับไม่ยี่หระ

“อย่าลีลา”

แล้วแม่งก็หัวเราะ สัตว์หมา! กวนตีนกูนักนะ ผมถลึงตามองมัน แต่มันดันยกมือมาหยิกแก้มผมแล้วมือแม่งก็ไม่ได้เบาเลย

เหี้ยยยยยย กูเจ็บนะเว้ย ไอ้ห่า!

ผมยกมือขึ้นปัดมือมันออก แต่มันก็ดึงมือผมไปกุมไว้อีก

“ว่ามา เร็วๆ ผมจะไปเยี่ยว”

เพราะแม่งชักช้าเหลือเกิน ผมถึงต้องอ้าง ไม่ได้ปวดยงปวดเยี่ยวอะไร แต่มันก็รู้ทันอยู่ดีนั่นแหละ ผมเลยยิ่งฮึดอัด

“ก็แค่...”

“แค่อะไร”

“แค่...”

“พูดมาสักทีสิโว้ย”

“พูดดีๆ กับเมียหน่อยสิครับ เกงยีน”

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดด

มันทำให้ผมโมโหหนักขึ้น ยิ่งเห็นหน้าตายิ้มๆ ของมันที่ดูจะมีความสุขเหลือเกินเนี่ย ยิ่งทำให้ประสาทแดก

“ถ้าชักช้าจะพูดหยาบกว่านี้”

“ถ้าชักช้าแล้วเกงยีนไม่พอใจ ก็ชักให้พี่สิครับ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่แค่พูด มันยังดึงมือผมไปใกล้ๆ ตัวมันอีก ผมต้องออกแรงยื้อสุดชีวิตก่อนที่มือผมจะไปโดนอะไรๆ ของมันที่บอกว่า ‘ชักช้า’

เดี๋ยวนี้มึงเล่นกับกูแบบนี้เหรอ ไอ้พี่ชมพู!!!!! แล้วดูแม่งกระตุกยิ้ม แถมรอบข้างนี่ก็ไม่ใช่ที่ลับตาคนเลยสักนิด กลางห้างแต่แม่งก็ยังทำอุบาทว์

หน้ากูไม่ได้หนาเหมือนมึงนะ สัตว์

“เร็วๆ จะเอาอะไรก็พูดมา”

สุดท้ายผมก็ต้องพูดเสียงเบา พยายามไม่ใส่อารมณ์ลงไปในคำพูด ทั้งที่อยากกระทืบๆๆๆ ไอ้คนที่เผชิญหน้ากันอยู่

“ก็ไม่ยากอะไร”

“...”

“แค่เป็นเด็กดีก็พอ”

แล้วเด็กดีสำหรับมึงมันเป็นยังไงวะ อยากจะถามมันไปแบบนี้ แต่ว่ามันยังไม่ปล่อยมือผมเนี่ยสิ แม่งไม่ปลอดภัยเลย ห่าเอ๊ย

“เด็กดียังไง”

มันไม่ตอบอะไร แต่แค่ยิ้ม ปล่อยมือผมแล้วลุกจากเบาะที่นั่งอยู่ออกไปเลย

กูจะรู้กับมึงไหม แสรดดดดดดดดดดดด

ผมต้องลุกตามมันไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก้าวเท้ายาวๆ ตามมันให้ทัน พอถึงตัวก็ดึงเสื้อมันไว้ไม่ให้มันหนีไปไหนได้

“ตกลงว่าเด็กดียังไง”

มือใหญ่ของคนเดินนำเอื้อมมาด้านหลังและจับมือผมไว้แล้วจูงให้เดินไปด้วยกัน ก่อนหน้าหล่อแบบหมีควายจะหันมายิ้มให้ แต่คราวนี้ไม่ได้ยิ้มแบบกวนอารมณ์ให้ผมอยากเอาตีนไปยันหน้ามัน ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ผมอยากจะถามมันออกไปว่า ‘อบอุ่นไปไหมมึง’ แต่ไม่กล้า แล้วก็ไม่อยากยอมรับหรอกว่า... ไอ้ยิ้มแบบนี้แม่งทำให้ใจหวิวอีกแล้ว ห่าเอ๊ยยย

วันนี้กี่ครั้งแล้ววะ??

“แบบนี้ไง”

“ฮะ?”

อยู่ๆ มันก็พูดมาให้งง ผมจึงต้องเงยหน้ามองมันทั้งที่อยากจะหันหนีรอยยิ้มที่ยังไม่เลือนหายไปจากหน้าตาที่เคยกวนตีน

“เด็กดีอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้”

“...”

มันพูดด้วยเสียงทุ้มๆ แล้วก็โคตรนุ่ม ก่อนจะโน้มตัวมาใกล้ผมมากกว่าเดิม กระซิบข้างหูเบาๆ

“อย่างที่ใจสั่นอยู่ตอนนี้”

เหยดดดดดดดดดดดด แม่งรู้ได้ไงวะ

ผมขบริมฝีปากแน่น พยายามเบี่ยงหน้าหนีไม่มองมัน แค่นี้ก็ขายหน้าฉิบหายวายวอดอยู่แล้ว แต่มันยังไม่เลิกโจมตีผมด้วยเสียงนั่นอีก

“น่ารัก”

แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจาก.... หน้าแดง












================
รู้สึกเหมือนน้ำตาลหกมาหลายตอนแล้ว
แล้วยิ่งตอนนี้ เหมือนว่าเกงยีนจะหลุดอะไรมาหลายๆ อย่างนะ
ไม่รู้ว่าจะจับกันได้หรือเปล่า

ชื่อตอนของตอนนี้สั้นสุดเลย คิดไม่ออกว่าจะชื่ออะไรดี เรื่องนี้เป็นปัญหาตลอด ไม่รู้จะคิดมากทำไม
แต่สุดท้ายก็ตกลงปลงใจเอาชื่อนี้แหละ สั้นๆ แต่มันมีความหมายในตัว ถ้าอ่านตอนนี้อ่ะนะ

ปล. ตอนที่แล้วดูทุกคนจะเชียร์ให้ยีนตอบตกลงเป็นเสียงเดียวกัน
ตอนหน้ามาเจอกับพี่ภูค่ะ มาดูว่าพี่ภูเขาชอบน้องเกงยีนตอนไหน ไม่สิๆ พี่แกบอกว่าสับสนอยู่ (สปอยล์?)

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ~  :bye2:


Undel2Sky

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-02-2012 00:19:06
 :z13: ก่อน


เบาหวานกันเลยทีเดียว  :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-02-2012 00:28:28
อีพี่พูเอ๊ย แกสารภาพรักแบบนี้เร้อออออ  :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-02-2012 00:30:21
โอ๊ยยยยยยยยยย เบาหวานจะขึ้น
ตอนนี้มันช่างโรแมนติก+แอ็คชั่นดีเนอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 27-02-2012 00:41:44
เอ้ามารอ พี่ ภูด้วยยย o22

แต่ บางทีเค้าก็ยังแอบสงสัย ความสัมพัน ระหว่าง ยีนกะกราฟนะเออ
อิอิ :really2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 27-02-2012 00:42:00
มันหวานนะตอนนี้
แอบเขินพี่ภูเบาๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 27-02-2012 00:50:30
ละลาย เจอแบบพี่ชมพูนี่แม่งยอมจริงๆ ไปไม่เป็นเลย ต่อให้กี่เกงยีนก็ำไม่รอดแล้วม้างงานนี้ เหอๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 27-02-2012 01:19:13




     อ๊ายยยยยยย จะน่ารักกันไปไหนอ๊าาาาาาา
     พี่ภูนี่จงใจหวังผลทุกดอกเลยใช่ไหม แผนสูงง่ะ
      :-[  :-[  :-[







หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-02-2012 01:36:04
ขณะนี้  o18 o18    พี่ชมพูมาแรงมากค่ะ

หวานจนเอาไม่อยู่เลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 27-02-2012 01:53:21
น่ารักอ่า

มาต่ออีกนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mannapper ที่ 27-02-2012 03:12:22
อ่านแล้วยิ้มไม่หุบเลย 55555+
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-02-2012 03:26:10
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกอ่ะ  :-[


ถ้าจะหวานกันกลางห้างไม่สนใจใครขนาดนี้นะ....เอา+เป็ดไปเลย !!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 27-02-2012 07:48:10
หวานเว่อออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 27-02-2012 08:43:54
รอตอนหน้าค่ะ o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 27-02-2012 09:07:36
เริ่มหวานกันแล้วคู่นี้ ยีนหน้าแดงเลย ฮุฮุึฮุ น่ารักมากๆ
พี่ภูเริ่มรุกหนักใหญ่เลย รุกแบบนี้น้องยีนจะไม่หวั่นไหวได้ไง จริงไม >///<
ท่าทางต่อไปน้องยีนคงไม่รอดพี่ภูแน่ๆเลย แบบนี้
ดูจากท่าทางแล้ว เสร็จแน่ๆ กิ๊บก๊าบบบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 27-02-2012 09:33:16
 เขินแทนอ่ะ รุกแบบนี้ไม่เขินก็ไม่รู้จะทําไงแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 27-02-2012 12:54:27
รีบมาอัพน้าาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 27-02-2012 13:55:09
ชมพู ขยันหยอด ขยันทำให้เกงยีนหน้าร้อนวูบวาบ ใจเต้นตุ้บตุ้บ เนาะ
วุ้ยยยยย..เกงยีน  :o8:อ๊ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 27-02-2012 16:22:04
แอร๊ยยยยยยยยยยย มาอัพพร้อมกับคงามหวานนนน    :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 27-02-2012 20:41:07
แว้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ารักอ่ะ
ไม่ไหวแล้ว อ่านไปเขินไป
อยากจะดิ้นกระแด่วๆๆๆ
โหยยยยย ไม่ไหวแล้วน่ารักเกิ๊นนนนนน
สมชื่อตอนเลย ฮ่าๆๆ เกิน
อะไรเกินๆที่พี่ภูมันทำกับน้องยีน
ก็ทำให้คนอ่านเขินเกิ๊นนน
อร้างงงง รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 27-02-2012 21:07:27
อ๊ากกกกน่ารักอ่า   :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Daiice ที่ 27-02-2012 21:12:32
น่ารัก แอร่ก!  :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 27-02-2012 21:13:46
เกงยีนนนนนนนนนนน  โมเอะสาดดด  :m3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 27-02-2012 21:32:03
 :a5:
บร๊ะเจ้าาาา!!!!!
ถ้าจะน่ารักขนาดนี้นะ  อร๊ากกกกก :z3:
พี่ชมภูอย่างแรงงงงง 
เอาซะน้องยีนเขินไปหลายยก  ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-02-2012 22:48:41
ดีขึ้นหน่อย



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 28-02-2012 15:12:17
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ooopimmyooo ที่ 29-02-2012 09:25:23
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย เขิล
ตามอ่านรวดเดียวเลย
พี่ชมภูน่ารักเกิ๊นนนนน
น้องเกงยีนยิ่งน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 29-02-2012 21:35:29
โอ๊ยย ยีนน่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : เกิน [27/02/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 10-03-2012 01:05:53



   คิดถึงหนูยีนอ๊ะ!!




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า...
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 10-03-2012 21:35:34
ตอนที่ 14 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... (Chomphoo’s Part)











“มึงว่าที่นี่โอเคหรือเปล่าวะ”

“ดีๆ สวยดีว่ะ แม่งอยากไปแล้ว”

“ว่าแต่ผู้หญิงที่เอามาแสดงนี่เอาใครดี”

“ไอ้ปาล์มอยู่ก็ให้มันแสดงดิ ให้ผู้หญิงคนเดียวมาอยู่กับผู้ชายสิบคนมันดูไม่เวิร์คเท่าไรว่ะ”

“เออๆ กูก็ว่างั้น”

“แล้วนี่ไอ้เหี้ยภูไปไหน”

“นู่นนนนน นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่”

เสียงแว่วๆ ผ่านหูเข้ามา แต่ก็ผ่านเลยไป ผมไมได้สนใจเสียงพูดคุยของพวกเพื่อนที่กำลังประชุมงานกันอยู่สักเท่าไรจนกระทั่งหมาตัวนึงตะโกนมา

“ไอ้เหี้ยภู มึงไม่คิดจะช่วยงานเพื่อนเลยใช่ไหม”

“กูเป็นผู้กำกับ ตอนนี้ไม่ใช่งานกูว่ะ”

“สัตว์ มาช่วยพวกกูเลย มัวแต่จ้องอยู่ได้ไอ้โทรศัพท์มึงน่ะ”

ไอ้ปาล์มแว้ดเสียงออกมาแบบไม่เกรงใจหน้าตาสวยๆ ของมัน แต่มีหรือว่าผมจะสน

“โทรศัพท์มันมีอะไรวะ กูเห็นมันนั่งดูแล้วก็ยิ้มอยู่ได้”

ไอ้บอสที่มาทำงานร่วมกันเสือกถามขึ้นมาอีก แต่ก็ช้ากว่าไอ้แชมป์ที่ก้าวฉับๆ เข้ามาแย่งโทรศัพท์ในมือผมแล้ว

“สัตว์ เอากูโทรศัพท์กูมา”

“อย่าบอกนะว่ามึงนั่งดูรูปนี้แล้วยิ้มอะ”

“รูปอะไรวะ รูปอะไร”

เสียงไอ้บอสถามใหญ่แล้วเดินมาสมทบอีกคน แต่ไอ้ที่เจ๋งสุดคงเป็นไอ้เหี้ยเจ๋งที่ไม่ต้องนั่งทางในก็รู้ว่าผมกำลังดูรูปอะไร

“จะรูปอะไร ก็รูปเด็กมันไง”

“เด็กอะไรของมึง”

ผมค้าน แต่ไอ้เหี้ยเจ๋งก็เอาเหตุผลมางัด

“มึงอย่ามาตอแหล กูจำได้ว่าคืนเฟรชชี่ไนท์มึงอุ้มน้องหายไปทั้งคืน สัตว์ ตื่นมาเหลือพวกกูสามคนกับไอ้สามตัวนั้น แต่มึงกับยีนหายไป อย่ามาบอกว่าไม่มีอะไร”

“กูพามันไปส่งบ้าน”

“แต่ไอ้กราฟบอกกูว่ายีนไม่ได้กลับบ้าน มึงอย่ามาเถียง กูเห็นมึงจูบน้องด้วยเหอะ ไอ้ห่าภู”

เหยดดดด ผมไม่รู้จริงๆ นะว่าวันนั้นผมทำให้ใครเห็นไปบ้าง ก็ไม่ได้สนใจรอบข้างเลย เห็นแต่ปากแดงๆ ของคนบนตักอย่างเดียว ไม่คิดว่าไอ้เชี่ยเจ๋งจะเห็นด้วย ก็เล่นเมากันแหลกลานแบบนั้น

“คนนี้เหรอเด็กไอ้ภู”

“น้องที่แสดงในงานเฟรชชี่ไนท์นี่หว่า”

ครับ รูปที่พวกมันเห็นก็คือรูปไอ้เกงยีนที่ผมบังคับถ่ายเอาไว้ในคืนนั้นแหละ ดูแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ทุกที แล้วก็พาให้นึกไปถึงสีหน้าแบบต่างๆ ของมัน... น่ารัก

“เออๆ กูจำได้แล้ว” ไอ้บอสแย่งโทรศัพท์จากมือไอ้แชมป์ไปดู แล้วก็โพล่งออกมา “ใช่น้องที่ปกติหน้าจืดๆ ใส่แว่นหนาๆ แล้วก็ติดกระดุมซะติดคอป่ะวะ”

“รสนิยมมึงเปลี่ยนเหรอวะไอ้ภู”

ไอ้แชมป์หันมาถาม แต่ว่าผมไม่ต้องตอบเองหรอก พรรคพวกผมพร้อมเสือกได้ตลอด ไอ้ต้นแทรกเสียงขึ้นมาก่อน

“ที่ผ่านมามันไม่เรียกสเปกหรอกเว้ย แต่มันเรียกสปาร์ก ไฟฟ้าสถิตแล้วก็ตะลิดติ๊ดฉึ่ง!”

“แล้วเรื่องเด็กนี่ยังไงวะ มึงชอบน้องเขาจริงอะ”

“กูก็อยากรู้เหมือนกัน”

ไอ้เจ๋งพูดด้วยเสียงเรียบๆ แล้วเดินเข้ามาหาผมด้วยอีกคน ตอนนี้ผมชักจะเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว ไอ้ผู้ชายตัวใหญ่ๆ สี่คนกับกะเทยร่างอ้อนแอ้นอีกหนึ่งคนกำลังล้อมผมเอาไว้ใต้ตึกคณะ

กูทำอะไรผิดวะครับ ถึงต้องมาล้อมกูเนี่ย??

“นี่ตกลงมึงชอบน้องยีนจริงดิ”

“แล้วพวกมึงมาเค้นอะไรกับกู”

ผมทำลอยหน้าลอยตาใส่ แต่พวกมันดันเสือกมีความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม ไอ้ปาล์มเข้ามานั่งเบียดผมบนม้านั่ง ส่วนไอ้ต้นก็ช่วยเมียมันดีเหลือเกิน ยกตีนขึ้นมาเหยียบบนม้านั่งอีกฝั่งข้างตัวผม อย่างกับจะกักตัวเอาไว้ไม่ให้หนี ด้านหลังก็มีไอ้บอสกับไอ้แชมป์ยืนเป็นปราการ ด้านหน้ามีไอ้เจ๋งเป็นทนายเตรียมซักผมให้สะอาด

ควายยยยยย กูไม่ใช่นักโทษ!

“ตอนแรกกูเห็นมึงเกลียดขี้หน้าน้องเขาจะตาย”

“ไอ้เจ๋งต้องขอมึงตั้งเท่าไร มึงถึงจะดีด้วย แล้วไหงอยู่ๆ มึงมาทำดีกับน้อง เช้าถึงเย็นถึง จนลือหึ่งกันทั้งคณะได้วะ”

ไอ้สองผัวเมียที่อยู่ในเหตุการณ์ถาม ผมก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ เซ็งๆ แต่ก็ยอมตอบมันไปเพราะไม่อย่างนั้นคงโดนมันคาดเค้น

“ก็กูพอใจ”

“อย่ากวนตีนพวกกู”

ไอ้ปาล์มนั่งทำเสียงโหดใส่ กูกลัวมึงตายล่ะ ไอ้ห่า

“ถ้ามึงไม่เอาจริง ไปทำเล่นๆ กับน้องเขา ระวังตายคาตีนเพื่อนๆ มันล่ะ ยิ่งรักยิ่งหวงกันอยู่”

เรื่องนั้นไม่ต้องฟังไอ้เจ๋งพูดผมก็รู้ รู้ดีกว่ามันเสียด้วยซ้ำ เลยไม่วายย้อนกลับไป

“กูรู้ โดยเฉพาะหลานรหัสมึง”

“เออ คู่นี้ก็เหมือนกัน กูว่ามันแปลกๆ”

อย่าว่าแต่มึงคิด กูก็คิด! มันแปลกจนผมอดจะคิดแล้วคิดอีกไม่ได้ ไม่ใช่แค่แปลกฝ่ายเดียว แต่มันแปลกทั้งสองฝ่าย เหมือนจะเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ดูมีอะไรมากกว่านั้นตลอดเวลา แล้วมันก็ทำให้ผมหวั่นๆ ยังไงไม่รู้

ไอ้เกงยีนจะชอบไอ้กราฟหรือเปล่าวะ?

“เฮ้ยๆ แต่เรื่องนี้ช่างมันก่อน ตอนนี้กูอยากรู้ว่าไอ้ภูชอบน้องเขาได้ยังไงมากกว่า”

เสียงไอ้แชมป์...ผู้ชายผมตั้งตัวพอๆ กับผม ดังจากข้างหลัง ปกติไม่อยู่กลุ่มเดียวกันหรอกครับ มันลอยไปลอยมามากกว่า จะมาโผล่ก็ตอนต้องทำงานร่วมกัน แต่ก็สนิทกันพอสมควร ไอ้บอสก็เหมือนกัน ส่วนมากมันไปอยู่กับแฟนต่างคณะของมันมากกว่า

“ตั้งแต่กูรู้จักมึงมา” ไอ้เจ๋งเริ่มเกริ่น “สองปีกว่าแล้ว กูยังไม่เห็นมึงจะชอบใคร มึงแน่ใจได้ไงวะว่ามึงชอบน้องเนี่ย”

ผมว่าผมยังไม่ได้พูดเลยสักคำว่าผมชอบไอ้เกงยีน พวกมึงด่วนสรุปกันไปหรือเปล่าวะ

รู้ใจกูเกินไปหรือเปล่า??

“ถามมัน มันอาจจะตอบไม่ได้ก็ได้ ความรักมักเกิดขึ้นตอนที่เราไม่รู้ตัว”

ไอ้ต้นพูดแบบคนมีประสบการณ์ โคตรจะเลี่ยนจนผมทำหน้าเอือม เลยโดนมันสวนกลับมา

“หรือมึงจะบอกว่ามึงรู้ตัว?”

แต่ผมก็แย้งไม่ออก เพราะเอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนที่เริ่มสนใจเกงยีนขนาดนี้ ตั้งแต่ที่ไอ้เจ๋งบอกว่าให้ทำดีด้วย หรือที่เปลี่ยนแผนการแกล้งมัน หรือตอนที่จูบมัน ตอนที่แกล้งบอกมันว่าผมเป็นเมีย? มันอาจจะเป็นคาถาที่ผมเสกใส่ตัวเองก็ได้ หรือเพราะหลายๆ อย่างเสริมกันจนผมก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้ผมคิดถึงมันบ่อยๆ แล้วก็อยากเจอหน้า อยากอยู่ใกล้ๆ

แปลกดีนะครับที่เราจะรู้สึกอะไรกับใครสักคนแบบนี้

แล้วก็อย่างไร้เหตุผลซะด้วย

“สรุปๆ” เพราะดูเหมือนจะเริ่มไปไกลเกินประเด็น ไอ้เจ๋งถึงได้โพล่งขึ้นมา “มึงชอบน้องยีนจริงๆ ใช่ไหม”

“....”

“....”

“....”

“....”

แล้วพวกแม่งก็เงียบกันหมด หนำซ้ำยังมองหน้าผมกันจากรอบสารทิศ

ผมนึกไปถึงหน้าใสๆ ตากลมๆ กับปากแดงๆ ของไอ้เกงยีน นึกถึงการกระทำและรอยยิ้มของมัน ท่ากวนๆ ยักคิ้วหลิ่วตา นึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับมัน... แล้วคำตอบก็ออกมาได้เพียงอย่างเดียว

“เออ กูชอบเกงยีน”

“โอ๊ยยย ไม่น่าเชื่อ เพื่อนกูมีความรัก!!”

เสียงไอ้ปาล์มดังขึ้นเป็นคนแรก จนผมต้องยกมือขึ้นไปตบกบาลมัน ซึ่งก็โดนมันหันมาค้อนใส่ ส่วนคนอื่นๆ ก็รีบส่งคำถามต่อ

“แล้วมึงจีบน้องยัง”

“น้องเขารู้หรือยังว่ามึงชอบ”

“มึงจะบอกน้องเขาเมื่อไร”

“กูว่ามึงอาจจะแห้วนะเนี่ย เดี๋ยวกูเตรียมน้ำใบบัวบกให้”

ประโยคท้ายไม่ได้มาจากคนอื่นคนไกล ไอ้เหี้ยต้นนั่นเอง ผมเลยหันไปตอบมันอย่างง่ายๆ

“สัตว์”

แล้วแม่งก็หัวเราะร่วน ตบบ่าผม

“เออๆ กูเอาใจช่วยมึงหรอก”

“นี่พวกมึงจะไม่ห้ามกูหน่อยหรือไง คนที่กูชอบนี่ผู้ชายนะ”

อดจะถามไม่ได้ เพราะมันคงประหลาดดีที่จะสนับสนุนให้เพื่อนตัวเองเป็นเกย์ แต่พวกมันก็ส่ายหัวกันโดยเฉพาะไอ้ปาล์มที่ถามผมว่า...

“แล้วกูเป็นผู้หญิงเหรอ”

ก็จริงของมัน

“มึงจะชอบใคร รักใคร ก็เป็นเรื่องของมึง พวกกูเป็นเพื่อน ทำได้แค่สนับสนุนแล้วก็ช่วยเหลือมึงว่ะ”

ไอ้เจ๋งพูดดีซะน่าปลื้ม แบบนี้แหละครับ คนมีอุดมการณ์มีความคิด ได้ยีนจากพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติมาอย่างเต็มเปี่ยม

ถ้าถามผมว่าผมแน่ใจแล้วเหรอว่าชอบไอ้เกงยีนจริงๆ ผมว่าผมเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเองนะ แต่ไอ้ที่เคยบอกกับมันว่ากำลังสับสน ก็เพื่อหาทางได้ใกล้มันต่างหาก... ก็ดูมันเล่นปฏิเสธผมซะเต็มคำแบบนั้น ถ้าดันทุรังบอกว่าชอบมัน มันคงได้เลี่ยงผมพอดี












วันนี้เป็นวันหยุดครับ แน่นอนว่าผมไม่ต้องไปรับไอ้เกงยีนเพื่อไปเรียน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มาโผล่อยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของมันอยู่ดี อย่าหาว่าผมน้ำเน่าเลยเหอะ แต่มันแบบ... อยากเจอหน้า สุดท้ายถึงได้มาหามันถึงบ้านทั้งที่ไม่รู้ว่ามันออกไปกับพวกแก๊งมันหรือเปล่า

แต่โชคคงเข้าข้างผมอยู่บ้างเพราะพอแม่บ้านออกมาเจอผมยืนอยู่หน้าประตูก็เปิดประตูให้ ซักถามว่า ‘มาหาคุณไฮยีนใช่ไหมคะ’ ผมก็อือออพยักหน้าไป ถึงได้มานั่งอยู่ในบ้านนี้เป็นครั้งแรก

รู้สึกประหม่านิดหน่อย เพราะไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก บนโซฟานุ่มๆ สีน้ำตาลนี่ ที่เบาะยาวๆ ข้างกันมีคนที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นป๊าของยีนนั่งอยู่ด้วย นัยน์ตาที่ดูคมเฉียบนั้นแฝงด้วยอำนาจของนักธุรกิจที่อยู่ในวงการมานานพอสมควร นอกจากนั้นยังดูมีบารมีเสริมด้วย

คงไม่แปลกหรอกครับที่ใครเห็นแล้วจะรู้สึกแบบนี้ ถึงพ่อแม่ของผมจะเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน แต่เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันถึงได้ไม่รับรู้ถึงความน่าเกรงขามเหมือนตอนเผชิญหน้ากับคนอื่นๆ

“เธอชื่ออะไรน่ะ”

ป๊าถามนิ่งๆ แต่ผมรู้สึกกดดันแบบแปลกๆ คงอยากจะสแกนว่าผมจะไม่ทำให้ลูกชายของเขาต้องกลับไปเสเพลเกกมะเหรกอีกล่ะมั้ง

“ชื่อภูครับ ชมภู บริวัตรสหการ เป็นรุ่นพี่ของไฮยีนครับ”

“อืม รุ่นพี่งั้นหรือ”

“ครับ เพราะไฮยีนไม่มีพี่รหัส ส่วนผมก็ไม่มีน้องรหัส แล้วเพื่อนของผมก็เป็นพี่รหัสของกราฟด้วย เราก็เลยสนิทกันน่ะครับ”

ร่ายแผนผังรุ่นพี่รุ่นน้องนิดหน่อยป๊าก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ยังไม่จบคำถามเพียงแค่นั้น

“แล้วที่บ้านทำธุรกิจอะไรล่ะ”

เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมถูกถามด้วยคำถามนี้ อย่างที่รู้ว่ามหาวิทยาลัยของเราเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน คนที่เข้าเรียนก็เป็นพวกฐานะดี ลูกหลานคนมีเงินทั้งนั้น แล้วป๊าก็คงอยากรู้จะได้หมดห่วงเรื่องผมอาจมาปอกลอกลูกชายเขามั้ง

นี่ผมเลือกมาบ้านมันผิดวันหรือเปล่า ทุกทีจะรอรับอยู่หน้าบ้าน วันนี้ดันอาจหาญเข้ามาข้างในเลยเจอของดี

“พ่อกับแม่ของผมท่านอยู่ที่เชียงใหม่ครับ ทำรีสอร์ท แล้วก็มีรีสอร์ทอื่นๆ อีกสองสามที่ กระจายตามภาคครับ”

“กิจการก็คงดีสินะ”

“พอสมควรครับ ตามฤดูกาลท่องเที่ยว”

“แล้วทำไมเธอถึงไม่เรียนทางด้านบริหารเสียล่ะ น่าจะเป็นกำลังให้กับครอบครัวได้”

คำถามนี้ทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย แต่เพราะมีคำตอบให้กับตัวเองอยู่แล้วจึงไม่ยากที่จะตอบ

“ผมมีน้องสาวที่เลือกเรียนทางด้านนี้อยู่แล้วครับ น้องสาวของผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ยังเรียนมัธยม ส่วนทางพ่อแม่ของผมท่านก็ไม่ได้บังคับอะไร”

“อืม ก็คงจะเหมือนลูกชายคนเล็กของฉันสินะ”

“ครับ?”

ผมเบิกตาขึ้นนิดๆ อย่างไม่เข้าใจ ป๊าเลยอธิบายในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้

“อ้าว เธอไม่รู้หรอกหรือว่าไฮยีนเป็นน้องเล็ก เขามีพี่ชายอยู่อีกคน แต่ตอนนี้เรียนบริหารอยู่ที่อเมริกา”

“อ้อ ครับ”

เพราะแบบนี้เลยเหมือนกลายเป็นการเปิดจุดอ่อนให้ป๊าเล่นงานเข้ามาอีกระลอก แต่คราวนี้ผมก็ไม่พลาด

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงไม่รู้สินะว่าฉันกับไฮยีนมีข้อตกลงอะไรกันเอาไว้”

“เรื่องนั้นผมทราบครับ”

“เธอก็เลยเป็นคนที่มารับมาส่งลูกชายของฉันทุกวันหรือ”

ป๊าทำให้ผมรู้สึกเหงื่อตก ซึมๆ ตามไรผมอยู่บ้าง แต่ก็ต้องพยายามทำนิ่งเข้าไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมกำลังเริ่มเสียศูนย์ ไม่รู้เหมือนกันว่าป๊าของเกงยีนกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นผม

“เอ่อ ครับ เพราะผมเป็นต้นเหตุให้น้องต้องเดือดร้อน จึงอยากรับผิดชอบและช่วยเหลือครับ”

“เธอนั่นเอง”

“ผมขอโทษด้วยนะครับที่ผมทำให้น้องผิดสัญญาและทำให้คุณป๊าไม่พอใจ”

เรียกแบบนั้นไปผมก็ชักเสียวๆ ท่านจะไม่พอใจแล้วตะคอกใส่หน้าผมที่ไปตีสนิทเรียกคุณป๊าอะไรหรือเปล่า ทั้งที่ทำให้ลูกชายของเขาผิดสัญญาจนไม่ได้กลับบ้าน แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะป๊าเพียงแค่พยักหน้าเหมือนกับรับคำของผมมากกว่า

“เธอก็อายุมากกว่าไฮยีนหลายปี คงคิดและตัดสินใจได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร”

โดนตอกเข้ากลางอกจนสะอึกเลยครับ ผมยิ้มแหยๆ ให้กับป๊า เหมือนโดนดักหน้าแล้วถูกไม้หน้าสามฟาดหัวสั่งสอนว่าคราวหน้าคราวหลังห้ามทำอะไรแบบนี้อีก ผมชักจะเริ่มเข้าใจแล้วสิว่าทำไมเกงยีนถึงได้เกรงกลัวป๊าของมันนัก

“ครับ” ผมรับคำอย่างสงบเสงี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะหาทางรอดเพิ่มเผื่อในอนาคตบ้าง “แต่ว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยบางครั้งก็ต้องร่วมกิจกรรมและต้องออกไปทำงานตามที่ต่างๆ บ้าง อาจจะทำให้ต้องกลับดึก หรือไม่ได้กลับบ้านบ้างนะครับ”

“เรื่องนั้นฉันเข้าใจอยู่ แค่เขาบอกและรักษาสัญญาที่ให้ไว้ว่าไม่กลับไปทำตัวแบบเดิมๆ อีกก็พอ”

ได้ฟังแล้วผมก็ยิ้มออก เพราะดูๆ แล้วป๊าไม่ได้จะบังคับให้มันอยู่ในกรอบจนเกินไป เพียงแต่ไม่ทำอะไรที่ออกนอกลู่นอกทาง ใช้ชีวิตอิสระจนเกินไปเท่านั้น และที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะความห่วงใยที่พ่อมีต่อลูก

“น้องก็พยายามรักษาสัญญาอยู่ครับ คุณป๊าไม่ต้องเป็นห่วง ผมเองก็จะดูแลน้องด้วยเหมือนกันครับ”

“ก็ดี” ป๊าเหยียดยิ้มเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่ แล้วหันมาบอกผม “เดี๋ยวฉันต้องเข้าไปดูโรงงานก่อน เธอก็ตามสบายล่ะ ยีนคงอยู่บนห้องเหมือนทุกที เพราะยังไม่เห็นพวกเพื่อนๆ จะมา”

“ขอบคุณครับ”

ผมยกมือไหว้ป๊าและให้ท่านเดินผ่านผมไปก่อน รู้สึกว่าเราปิดบทสนทนากันได้ดีเกินคาด ทั้งที่ตอนแรกยังรู้สึกกดดันอยู่เลย แต่ตอนนี้บรรยากาศสบายๆ มากขึ้น

แบบนี้จะเรียกว่าผู้ใหญ่เปิดทางให้หรือเปล่า?












หลังจากป๊าออกไปแล้วผมก็ขอแม่บ้านที่ผมเพิ่งรู้ว่าคือพี่กล้วยที่เกงยีนเคยโทรหาบ่อยๆ ขึ้นไปบนห้องของมัน เปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องนอนขนาดใหญ่ โดยมุมหนึ่งมีตู้ไม้ซึ่งจัดเรียงโมเดลรถนับร้อยตั้งอยู่ ส่วนตู้ที่อยู่ติดกันเป็นหนังสือแต่งรถแล้วก็บรรดารถแข่งทั้งหลาย บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องชื่นชอบของพวกนี้มากแค่ไหน

แต่ทำไมแม่งเลือกเรียนนิเทศฯ วะ??

คนที่ผมมาหานั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ เล่นเกมอยู่ครับ แต่พอได้ยินเสียงว่ามีคนเข้ามาในห้องมันก็กดพอสแล้วหันหน้าที่ไร้กรอบแว่นมามอง ก่อนจะเบิกตากลมๆ ให้กว้างขึ้นอย่างตกใจ แถมยังร้องเสียงหลง

“เฮ้ย พี่มาได้ยังไงอะ”

“ก็ขับรถมาที่บ้าน แล้วเดินขึ้นมาบนห้อง”

“อย่ากวนตีนดิ” มันว่า

นี่กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ

ผมมุ่นคิ้วเข้าหากันนิดหน่อยก่อนเดินไปเตะตูดมันเบาๆ ซึ่งมันก็แสร้งร้องเสียงดังอย่างกับผมจะจับมันปล้ำ มึงนั่นแหละกวนตีนกู

“กูอยากมา มีปัญหาอะไรไหม”

“แล้วมาทำไม”

มันยังถามไม่เลิก อยากรู้นักหรือไง เดี๋ยวกูบอกแล้วมึงจะสะท้าน

ผมย่อตัวนั่งยองๆ ด้านหลังมันที่นั่งอยู่บนพื้นแล้วมีหมอนกองอยู่รอบตัว เผื่อเอาไว้เกลือกกลิ้งได้เต็มที่ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ข้างแก้มมัน

“อยากให้กูตอบว่าคิดถึงเลยอยากมาหรือเปล่าล่ะ”

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ”

มันรีบหันมาเบิกตากว้างใส่ทันที แต่มันคงลืมว่าหน้าผมอยู่ใกล้มันแค่นี้ พอหันมาก็สบตากันไปเต็มๆ มันเลยเบี่ยงหน้าหนีอย่างรวดเร็ว

แม่งทำตัวน่ารักตลอด

ผมว่าผมคงโดนมันทำคุณไสยไม่ก็ดีดยาเสน่ห์ใส่แน่ๆ ถึงได้มองว่ามันน่ารักอยู่ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนเห็นแล้วรู้สึกว่ามันกวนตีนมากกว่า บางครั้งก็กวนจนอยากเอาตีนลูบหน้ามันสักทีสองที แต่ตอนนี้บางทีก็คิดว่า... เอาปากลูบแทนได้หรือเปล่าวะ

เกงยีนหันไปเล่นเกมต่อทำเหมือนผมกลายเป็นอากาศลอยไปลอยมาอยู่ในห้องหนีผมซะงั้น ผมเลยถือโอกาสเดินสำรวจภายในห้องมัน เห็นมีกรอบรูปตั้งอยู่บนโต๊ะหนังสือของมันด้วย รูปครอบครัว รูปที่คิดว่าคงเป็นพี่ชาย หน้าตาคล้ายๆ กันแต่หล่อเข้มกว่าแล้วก็ดูท่าจะอายุเยอะกว่าผมด้วย ที่ป๊าบอกว่าเรียนอยู่อเมริกาคงเรียนปริญญาโทล่ะมั้ง แล้วก็อีกรูปเป็นรูปแก๊งของมัน ยิ้มแฉ่งกันดูมีความสุขดี

“เมื่อกี้กูเจอป๊ามึงด้วย”

“เฮ้ย จริงดิ”

เสียงรถระเบิดตูมทำให้ผมอดจะขำไม่ได้ มันคงตกใจจนเผลอปล่อยรถที่บังคับอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้หันกลับไปมอง หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากในชั้นหนังสือแทน เป็นหนังสืออนุสรณ์เมื่อตอนจบม.ปลายของมัน

จะว่าไปเราก็เรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ผมกับมันกลับไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย ทั้งที่ผมก็สนิทกับไอ้เค และเพื่อนมันอีกสามคนก็รู้จักผมกันหมด

“แล้วพี่คุยอะไรกับป๊ามั่ง”

“ก็หลายเรื่อง”

“เรื่องอะไรมั่ง”

ผมหลุดขำออกมานิดๆ เพราะคำถามอย่างอยากรู้ของมัน

ทีตอนกูจะเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังทำเป็นไม่อยากรู้ แล้วพออย่างนี้ล่ะ หูหางกระดิกเชียว

“จะอยากรู้ไปทำไม”

“ก็.. อยากรู้ว่าป๊าพูดอะไร แค่นั้นแหละ”

ฟังดูแล้วเหมือนมันเป็นข้ออ้างนะผมว่า พอคิดแบบนั้นแล้วผมจึงเดินถือหนังสือเล่มนั้นมาหยุดอยู่ด้านหลังมัน นั่งลงเอาหลังเอนพิงกับมันจนมันบ่นออกมาเสียงห้วน

“หนักเว้ย”

แต่มีหรือว่าผมจะยอมขยับตัวหนี ก็ยังเอนไปแบบนั้นจนมันตัวงอ แกล้งมันแล้วสนุกดี เลยโดนมันบ่นเสียงงุ้งงิ้งเบาๆ ให้ได้ยิน

“เออ ยอมก็ได้ บอกมาได้หรือยังว่าคุยอะไรกับป๊า”

“ก็ไม่มีอะไร”

“อย่าเรื่องมากดิ ให้พิงแล้วนะเว้ย”

แม่งมีทวงบุญคุณอีก ผมเขกหัวมันไปเบาๆ ทีหนึ่ง ไอ้คนที่ไม่เคยยอมผมง่ายๆ จึงดันหลังกลับมาให้ผมเกือบล้มลงไปด้านข้างแล้วหลุดจากสงครามดันหลังกับมัน ดีว่าผมขืนตัวเอาไว้เลยไม่เป็นอย่างที่มันหวัง ได้ยินมันทำเสียงฮึดฮัดขัดใจอยู่เหมือนกัน เด็กเอ๊ย!

“คุยกันธรรมดา ไม่มีอะไร ป๊าถามว่ากูเป็นอะไรกับมึง”

“แล้วพี่ตอบว่าอะไร”

ไม่ทันให้ผมพูดต่อมันก็แทรกขึ้นมาก่อน

กลัวกูบอกว่าเป็นว่าที่แฟนมึงเหรอ?

“แล้วอยากให้ตอบว่าอะไร”

“คนไม่รู้จัก”

“ตลก” ผมเอนหัวไปโขกกับมันแทน “กูตอบป๊าไปว่าเป็นแฟนมึง”

“อย่ามาโม้” มันว่าพลางกดจอยเกมเพื่อเริ่มต้นเล่นเกมใหม่ ได้ยินเสียงติ๊ดๆ เป็นสัญญาณว่ามันกำลังเลือกรถ คงพอวางใจได้ว่าผมจะไม่วางแผนก่อการร้ายกับป๊าของมันมั้ง

“คิดว่ากูไม่กล้าเหรอ”

“ถ้ากล้าพูด คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอกมั้งครับ คุณพี่ชมพูววววว”

เสียงหัวเราะของผมหลุดออกมาเบาๆ เพราะคำพูดและการลากเสียงของมัน ผมเปิดหนังสืออนุสรณ์ในมือพลางมองในรูปเพื่อหาคนที่กำลังนั่งอยู่ด้านหลัง

“ป๊ามึงถามว่าพ่อแม่กูทำงานอะไร แล้วก็ฝากฝังกูให้ดูแลมึงด้วย”

“ไม่ยักรู้ว่านอกจากกวนแล้วพี่จะขี้โม้เป็นงานอดิเรก”

แม่งกัด แต่ก็เอาเถอะไม่เจ็บ เหมือนหมาตัวเล็กๆ ที่มันมันเขี้ยวแล้วมางับๆ แทะๆ






ต่อด้านล่างค่ะ

v

v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 14 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า...
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 10-03-2012 21:36:14
ต่อจากด้านบนค่ะ

v

v











ผมกวาดตาดูในหนังสือนั้นต่อ พยายามไล่ดูจากเพื่อนของไอ้เกงยีนจนไปเจอมัน ไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไร แต่มันชอบทำผมยุ่งๆ ดูหล่อดี ท่าทางเอาเรื่องไม่เบา คงเพราะแบบนี้ล่ะมั้งถึงทำให้มีโจทก์เยอะ อย่างวันก่อนที่โดนไล่ตามนี่ก็มากันเป็นโขยง ถ้านับรวมอริของมันทั้งหมดอาจจะมีหลายร้อยก็ได้

ใช้ชีวิตเสี่ยงตายเหลือเกินนะครับคุณพชร มิน่าป๊าถึงได้ห่วง

ดูจนจบเล่มพร้อมมีซาวน์เอฟเฟกต์เป็นเสียงเครื่องยนต์ดังคลอ ผมก็เดินกลับไปเก็บหนังสือเข้าที่เดิม เปลี่ยนเป็นพวกหนังสือเอฟวันแทน จากนั้นเดินไปที่เตียงมันและหย่อนตัวลงไป เตียงมันกว้างแล้วก็นิ่มดี น่านอน พอคิดแบบนั้นก็ล้มตัวลงไปซบกับเบาะนุ่มๆ นั่น ได้กลิ่นอ่อนๆ เป็นกลิ่นน้ำหอมของมัน

คนละกลิ่นกับที่เคยได้กลิ่นจากตัวมันตอนอยู่คอนโดไอ้กราฟ แต่กลิ่นนี้ก็หอมดี

ไม่รู้ว่าเพราะแอร์เย็นๆ กลิ่นหอมๆ หรือที่นอนนุ่มๆ กันแน่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเริ่มจะง่วงทั้งที่เปิดหนังสือในมือดู หนังตาปิดลงทีละนิดก่อนจะครอบดวงตาจนสนิท ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยอยู่ในห้วงนิทรา ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าใสๆ ของเจ้าของห้องอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจของมันเป่าอยู่บนหน้า

“เฮ้ย!!”

เหมือนว่ามันจะตกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆ ผมก็ลืมตาขึ้นมา มันผละหน้าออกห่างแต่ก็ช้าไป เพราะว่าผมคว้าเอวมันไว้แล้วกระชากตัวบางๆ นั่นเข้ามาหาจนนอนทับอยู่บนตัวผม

“ทำอะไร”

“ก็.. ก็ดูว่าหลับจริงหรือเปล่า”

เสียงมันตะกุกตะกักเล็กน้อย กลอกตาไปมาเหมือนกับไม่กล้าสบตาผมตรงๆ เห็นแบบนี้ยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง ทั้งที่รู้ว่าคนอย่างมันไม่ทำอย่างที่ผมแหย่หรอก

“ไม่ได้จะลักหลับ?”

“ใครเขาจะไปลักหลับกันเล่า!”

มันโวยวายพลางดิ้นให้ผมปล่อย แต่ในเมื่อโอกาสมาถึงแบบนี้ใครจะโง่ปล่อยล่ะครับ ผมจับมันพลิกตัวลงไปนอนบนที่นอนแทนแล้วเปลี่ยนตัวเองขึ้นมาคร่อมมัน เล่นเอาไอ้คนตัวผอมตาเหลือกอย่างตกใจ จ้องผมตาไม่กะพริบ

“อะไรวะ มาบ้านคนอื่นแล้วก็มาหลับเฉยเลย ขอเจ้าของห้องเจ้าของเตียงก่อนก็เปล่า ไม่มีมารยาทว่ะ”

ถึงมันจะแสดงออกมาให้เห็นว่าตกใจแค่ไหน แต่ปากแดงๆ นั้นก็ยังหาเรื่องมาพล่ามได้อยู่ดี แล้วพูดมาแต่ละทีนี่ก็น่างับปากให้หลุดออกมาจริงๆ

“ก็เตียงมึงนุ่ม นอนสบาย เลยเผลอหลับ ไม่ได้หรือไง แค่นี้ทำหวง”

“หวงดิ คนอื่นมานอน ไม่หวงได้ไง”

“กับคนเคยๆ”

“ใครเคยๆ!”

มันโวยอีกรอบแล้วก็เตะขาไปมาหวังจะเอาตัวรอดจากการคร่อมของผมให้ได้ แต่ขอโทษเถอะครับ มึงเตะไปก็ไร้ประโยชน์เพราะว่ากูคร่อมตรงเอวมึงพอดี แต่ถึงอย่างนั้นพอมันดิ้นมากก็ชักรำคาญอยู่ดี ผมเลยก้มลงไปปิดปากมันเสียเลย แต่ใช่ว่าทำแล้วมันจะเฉย

ไอ้เกงยีนยกมือขึ้นมาดันคางผมให้ปากที่ประกบกับปากของมันอยู่หลุดออกไป ผมต้องดึงมือทั้งสองข้างมันออกแล้วล็อกเอาไว้เหนือหัว ก่อนจะบดจูบลงไปให้แรงมากกว่าเดิม

“อื้อออ อ่อยยย”

เสียงอู้อี้ของมันดังอยู่แป๊บนึง ผมจึงถือโอกาสตอนมันอ้าปากนั่นแหละยัดลิ้นลงไปรุกไล่ภายใน ดูดปากรั้นๆ แดงๆ ให้คนดื้อที่พยายามดิ้นอยู่สงบลง ซึ่งมันก็ได้ผล

เกงยีนค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาปะทะกับหน้าผม ขณะที่ปากของมันก็ขยับจูบตอบผมทีละนิดอย่างน่ารัก แขนที่ผมล็อกเอาไว้ทีแรกไม่ต้องออกแรงมากเหมือนเก่าเพราะมันไม่ได้ขัดขืนอะไรแล้ว ดูเหมือนจะเต็มใจให้ผมจูบแล้วเสียด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นผมเลยตักตวงความหอมหวานได้อย่างเต็มที่

ผละจูบออกมาเล็กน้อยแล้วมองหน้ามันที่ระเรื่อเป็นสีแดง ตาของมันปรือขึ้นทีละนิดและมองหน้าผม ตากลมใสสีน้ำตาลเป็นประกายวาววับ

แล้วแบบนี้จะให้ผมหยุดอยู่แค่นี้ได้ยังไง?

ผมก้มลงไปจูบมันอีกครั้ง ขบปากแดงๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว มันก็ดูดปากของผมกลับเบาๆ ให้ผมยิ่งถอนจูบจากมันไม่ได้ แล้วต้องสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวเล่นกับลิ้นของมันอยู่ภายใน มือที่ล็อกแขนของมันละออกมาข้างนึง เลื่อนลงมาสอดเข้าใต้เสื้อยืดของมันแผ่วเบา

เพียงแค่ได้สัมผัสผิวลื่นๆ มันก็สะดุ้งเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังก่อกวนมันด้วยจูบร้อน ให้คนใต้ร่างเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของผม มอมเมามันด้วยความชำนิชำนาญ ทว่ามันคงชำนาญพอกันถึงทำให้ผมลุ่มหลงจนไม่อยากละปากออกมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จำต้องตัดใจถอยห่างออกมา กระซิบเสียงแหบพร่าพลางมองมันที่ลืมตาขึ้นมองผมเช่นกัน

“กูชอบมึง”

ก่อนจะจูบมันซ้ำอีกครั้ง ราวกับเป็นการกระทำที่ห้ามปรามตัวเองไม่ได้ สีหน้า แววตา และริมฝีปากของเกงยีนกำลังล่อลวงให้ผมอยากจะทำในสิ่งที่มากขึ้น มือที่สอดอยู่ระหว่างเสื้อยืดสีดำกับผิวเนื้อขาวจึงลากลูบผ่านหน้าท้องเรียบให้เจ้าของร่างหดเกร็งเล็กน้อย เลื่อนขึ้นไปยังแผ่นอกราบแบน สะกิดเบาๆ กับยอดหยุ่นบนนั้นและก็ทำให้ร่างบางๆ นั้นสะท้าน

“ไอ้ยีน!”

แต่ก่อนที่จะอะไรเลยเถิดมากไปกว่านั้น เสียงของบุคคลที่สามก็ดังขึ้นเสียก่อน และเมื่อหันไปมองทางด้านหน้าประตู ผมก็เห็นไอ้กราฟกำลังยืนมองมาทางพวกเราด้วยสายตาตกตะลึง ดวงตาของมันเบิกโพลงอย่างที่ผมไม่เคยเห็น ก่อนร่างนั้นจะหมุนตัวแล้วเดินกลับออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“ไอ้กราฟ เดี๋ยว ฟังกูก่อน!”

คนที่ผมคร่อมทับอยู่ผลักผมเสียกระเด็นลงไปนอนอยู่บนที่นอนนุ่มๆ แล้วรีบลุกออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้ผมนอนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น กว่าจะตั้งสติได้ประตูห้องก็ปิดไปนานแล้ว และไม่ต้องคาดเดาก็พอรู้ว่า...ถึงจะอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่มีประโยชน์อะไร

ทั้งที่เพิ่งสารภาพรักไป...

ทั้งที่อีกฝ่ายเหมือนจะมีใจ

แต่มันคงกลายเป็นการเข้าข้างตัวเอง

น่าสมเพชฉิบหายเลย ไอ้ชมภู

หัวเราะตัวเองเบาๆ แล้วผมก็ลุกขึ้นจากที่นอน ย่างเท้าลงจากเตียงที่เมื่อครู่ยังเหมือนสวนสวรรค์ของผม เปิดประตูห้องออกเพื่อลงไปยังชั้นล่าง ทว่าทันทีที่ก้าวออกมาจากพื้นที่สี่เหลี่ยมนั้นกลับทำให้รู้สึกว่ากูไม่น่าออกมาเลย เพราะว่าสิ่งที่ผมเห็นเต็มสองตาอยู่ในตอนนี้คือ...

ไอ้ยีนที่ถูกดันจนชิดผนังข้างประตูและกำลังรับจูบจากไอ้กราฟ

เสียงปิดประตูคงทำให้มันรู้ว่าผมออกมาจากห้องแล้ว ไอ้เกงยีนถึงได้เหลือบตามาทางผมแล้วเหลือกตากว้าง แต่สำหรับผมแล้ว...

แม่งเจ็บหัวใจเหี้ยๆ!!















==================
เหมือนจะหวาน แต่ทำไมจบแบบดราม่าล่ะเนี่ย??  o18

ตอนต้นเดือนติดภารกิจค่ะ จริงๆ ตอนนี้ก็ติดอยู่ แต่แอบแวบมาแต่งก่อน
ดีใจแอบมีคนแวะมาบอกว่าคิดถึงน้องยีน ขอบคุณมากค่ะ  :sad4:

พี่ภูเรียกความสงสารจากคนอ่านได้มั่งมั้ยน้อ?

เจอกันตอนหน้านะคะ



Undel2Sky
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 10-03-2012 21:57:29
ทำม้ายยยยยยยยยยยยยไปจูบกะกราฟได้ล่ะ :a5: ไม่เอาน้า เอาพี่ชมพูคนเดียว :monkeysad:
ปอลอ.ตอนนี้ให้พี่ชมพูเต็มร้อยเลยค่ะ แมนมั่กมั่ก :กอด1:
ปอลอ.อีกที เริ่มจะเกลียดกราฟกะเกงยีนละ :m31:   
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 10-03-2012 22:02:08
เอิ่ม  :m29:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kire-i ที่ 10-03-2012 22:06:59
กราฟกับยีนนี่มันยังไงหว่า  o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า...
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 10-03-2012 22:23:24
แล้วตกลงยีนกับกราฟมันเป็นอะไรกัน
จะเป็นเพื่อน จะเป็นแฟนก็เอาซักอย่างสิวะ
เริ่มจะหงุดหงิดกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้และ
เพื่อนที่ไหนแม่งดูดปากกันว่ะ
สงสารภูอ่ะ ถึงตอนแรกๆจะหมั่นไส้มันก็เหอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 10-03-2012 22:33:09
โอ้ยยยย ไมเกงยีนส์ต้องไปจูบกับกราฟด้วยเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 10-03-2012 22:43:09
เอ้ยยยยยย ทำไมรู้สึกน้องยีนกำกวม
ตกลงจะเป็นผัวให้พี่เขาไหม
หรือจะเป็นเมีย? อะๆๆ พี่ให้หนูค่อยๆตัดสินใจ



พี่พูเท่ห์อ่ะ คิดอยู่แล้วว่าต้องวิ่งตามน้องมา
ก็คนมันห่วงนี้เน๊อะ หัวใจอยู่ไหน ตัวก็ต้องตามไปสิ ><
แต่แบบว่า ยิ่งอ่านฉากวิ่งหนี
ยิ่งลุ้นอ่ะ โคตรลุ้นเลยว่าพี่พูจะจิ้มสักดอกไหม
และแล้วก็...... อร๊ายยยยย



จูบ..นะ




โอ้ย หัวใจมันเรียกร้องหรือบรรยากาศมันพาไป
อิน้องก็สมยอม เขาเรียกสมยอม
เขาเรียกพร้อมใจ หนูก็รู้ตัวได้แล้วนะ
ถามจริงวันนี้วันเดียวหน้าหนูแดงไปกี่รอบ
หัวใจได้ทำงานตามปกติรึเปล่า



ไม่ใช่จูบธรรมดา มันดีฟอ่ะมันดีฟ
มันดีฟแบบใจเต้นใจหวิวเสียด้วย
อิคนอ่านก็หิวไม่แพ้กัน
จบจูบ น้องยีนมีขอบคุณ
มัน......โคตรจะโมเอ้ รู้ตัวม้ายยยยยยยยยย



เข้าโรงหนัง หลอกแต๊ะอั๋ง
สุตรสำเร็จเลยนะคุณพี่
ยื้อกันไปแหย่กันมา รู้ไหมมันหวิบหวิวกิ๊บกิ้ว
อยากเป็นคนนั่งข้างๆอ่ะ เจอแบบนี้จะตามส่อง
ยันขึ้นรถกลับบ้านเลย




พี่พูอ่ะพี่พู เป็นเด็กดีของพี่พู
ต้อง....น่ารักแบบน้องยีนเท่านั้นใช่อ่ะป่าววววววว
แล้วมุขจีบหนุ่มของพี่พูอ่ะ  เสี่ยวมาก

“กูกวนตีน แต่มึงน่ะ..... กวนใจ”

แหมคุณเพ่ หยอดกันเมื่อมีช่องเชียวนะ
สงสารน้องมันบ้าง ใจหวิวทั้งวัน



ปล. คราวหน้าจัดหนักเลยนะพี่ชมพู   :z1:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 10-03-2012 22:46:42
กราฟหวงเพื่อนหรอ  :serius2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 10-03-2012 22:52:01
ยังเชียร์กราฟ หุหุ(ถึงจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ)
ชอบกราฟอ่ะ ว่าแต่ตกลงสองคนนี้เป็นอะไรกันกันแน่
แล้วอดีตของกราฟอีก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 10-03-2012 23:22:44
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-03-2012 23:35:56
ง่ะ ก็ยังคาใจกราฟกับยีนอยุ่ดี
สรุปสองคนนี้เป็นเพื่อนกันแบบไหน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Koyy ที่ 11-03-2012 00:04:36
เฮ้ย อะไรกัน(วะ)เนี่ย =[  ]=!!!

ตอนแรกอมยิ้มเขินอยู่ดี ๆ ต้องขมวดคิ้วซะงั้น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-03-2012 00:05:07
จะได้เคลียร์ปมกราฟเลยมั้ย
ลุ้นๆๆๆๆๆ อยากรู้ว่ากราฟเป็นอะไรสำหรับยีนกันแน่


อยากถามอย่างนึงค่ะ
ชื่อของยีน นี่คือ ไฮยีน(น้ำยาซักผ้าขาว) จริงๆเหรอค่ะ =[]=
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 11-03-2012 00:19:38
มารอลุ่น...
เมื่อไรยีนกะพี่ภูจะได้ฟิดเจอริงกันล่ะ
เคอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 11-03-2012 01:18:42
นั่น  ว่าแล้วเชียว เพื่อนๆพี่พูต้องรู้เห็นเป็นใจ
ก็เพื่อนกันอ่ะนะ แถมพี่พูเวลาไม่อยู่ต่อหน้าน้อง
พี่เพ้อมากเลยอ่ะ เพ้อน้อง อะไรๆก็น่ารักไปซะหมด
ไม่ใช่แค่ชอบเฉยๆแล้วมั้งพี่อย่างนี้



นั่นๆ ไม่เท่าไรดอดเข้าถ้ำเสือ
แถมเจอพ่อเสือดุซะด้วย
แต่...พี่พูก็ไหวพริบดีนะ ดูว่าที่คุณพ่อตา
เหมือนจะไฟเขียวแฮะ แต่ถ้ารู้ว่ามาติดลูกชายเขาหวังผลล่ะก็
ไม่รู้พี่พูจะโดนอะไรบ้าง แต่พี่สู้ตายใช่ป่ะล่ะ



ผ่านพ่อเสือแล้ว ทีนี้ล่ะดอดเข้าห้องเสือน้อยทีเดียว
แล้วยังไง แล้วยังไง ถึงตรงนี้บรรยายไม่ถูกเลย
ลุ้นกว่าตอนที่แล้วอีก โอ้ย.....


มีจูบ   มีดูด   มีลูบ   มีล้วง   มีคลำ


แล้วยังไง ทำไมพี่พูไม่ล็อคห้องดีๆ
จะบอกรัก  จะทำรัก  สุดท้ายมีมารมาผจญ


แล้วยังไง... อิน้องยีนดันผลักพี่เขากระเด็น
ที่บีบหัวใจสุดๆ น้องไปจูบกับไอ้มารตัวนั้น
ทั้งๆที่เพิ่งดูดดื่มกับพี่พู


รับรู้ไหมว่าได้รับความรักจากใคร
รับรู้ไหม ว่าคนคนนั้น กำลังเสียใจ




ตอนนี้อินี่หมายหัวไอ้กราฟล่ะ:m31:


สงสารพี่พูสุดๆ  :z3:


หมั่นไส้น้องยีน ชริ  :m16:


สุดท้าย  คนแต่งทำร้ายจิตใจ  แง๊     :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 11-03-2012 01:47:47
ทะแม่งๆ ตอนอ่านมาถึงช่วงกลางๆ ว่าทำไมตอนนี้มันหว๊าน หวาน....หวานกว่าตอนที่แล้วอีก มันจะดราม่ามั๊ยหนอ?


...พูดได้คำเดียว ' กุว่าแล้ว '   :z3:


อ่านแล้วจุกชิบ  สงสารพี่ชมภูอ่ะ  :o7:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 11-03-2012 04:09:42
กราฟ "มึง ยัง ไง"
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sembia ที่ 11-03-2012 05:29:27
อ๊ากกกก :sad4:

ไมเกงยีนทำแบบนี้ :m15:

สงสารพี่ชมภูอ่าค่ะ


ปล.   ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งนาน    มาแล้วนะ    อิอิ :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 11-03-2012 08:30:48
                                 เว๊ย..........................เซ็งแทน จับปลาสองมือปล่าว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 11-03-2012 11:21:00
ไอ้พี่ภูเอาคะแนนสงสารจากตรูไปท่วมท้นเลย
อ้ายยยยยยยยยยยย แม่งเจ็บหัวใจเหี้ยๆ จริงๆนั่นแหละพี่ภู
ว้ากๆๆๆๆๆๆๆๆ กราฟยังคะยังไง  หวงเพื่อนหรือยังไง
น้องยีนนนน ขอความชัดเจนด้วยเปลี่ยน เป็นตางึ้ดแท้เหลา!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 11-03-2012 12:19:13
อ่าวทำมัยเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ยยยยย

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-03-2012 12:30:13
ขึ้นต้นเป็น  :impress2: ลงท้ายไหงเป็น  :serius2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 11-03-2012 12:50:46
ฮือๆๆๆๆๆ :m15: :m15:

ทำไม  ทำงี้? สงสารพี่ชมพู
 :sad4: :sad4:

แง๊ จะเอาพี่ชมพูอ่ะ ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆ ยังไงพี่ชมพูต้องเปนพระเอกเท่านั้น!!!!
ไม่ยอมมมมม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 11-03-2012 14:14:00



    กราฟนี่ชักจะยังไงๆแล้วนะ ยีนก็ด้วย
    คู่นี้มันยังไงกันแน่
    ถ้าเพื่อแบบปกติมาเจอก็น่าจะต้องไปลากพี่ภูออกมาสิ แล้วก็โวยวายสักหน่อย ไม่ใช่เดินหนีไปเฉยๆอย่างนี้
    มันดูเหมือนแฟนที่จับได้ว่าคู่ของตัวเองมีคนอื่นอ๊ะ!!




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ticha ที่ 11-03-2012 14:42:27
ค้างอย่างแรงงงงงง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 11-03-2012 15:15:08
 :a5:
เอ๊ะ...!!!
มันหวานอยู่ดีๆทำไมขมเร็วจัง
พี่ชมภูน่าสงสารอ่ะ

สรุปว่ายีน
ชอบใครกันแน่  เฮ้ออออ 
:z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 11-03-2012 17:49:11
 :a5: อะไรกันหนักหนาน้อ สามคนนี้ มึนแท้ๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 11-03-2012 18:02:42
ตอนแรกก็หวานนะ
ตอนสุดท้ายทำมัย...... :m29:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 11-03-2012 20:13:47
เห้อออออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 11-03-2012 20:34:50
โอ้ย ตัดฉับ กําลังมันได้ที่เลยคุณขา

น่าสงสารตาพี่ภูเหมือนกันนะ แต่เอาอีกนะ สะใจดี 5555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 11-03-2012 20:41:27
รักนายว่ะกราฟฟ  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-03-2012 21:03:17
งงกะความสัมพันธ์ของกราฟกะยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 11-03-2012 21:28:09
ถึงจะชอบกราฟมากแค่ไหน

แต่น้องเกงยีนน่ะของพี่ภูนะๆๆ

เกงยีนนนน  ทำไมปล่อยให้กราฟทำแบบนั้นละลูก

 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 12-03-2012 11:34:59
อ่าวเฮ้ยเรื่องมันเป็นมายังไงละทีนี้
กราฟ ยีน เอ๊ะชักยังไงๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: krouy ที่ 12-03-2012 13:28:13
สวัสดีค่า

พึ่งเค้ามาอ่านนะค่ะ
สนุกมากๆๆเลยพี่ภูกวนอ่ะฮ่าๆๆ
ตอนล่าสุดโฮกกกเล่นเอาเจ็บปวดหัวใจ
กราฟกับยีนมีเรื่องอะไรกันเนี้ยยยย
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 12-03-2012 15:02:24
ขอกราฟยีนหนักๆได้มิ >< :really2:
ชอบมากครับ5555555555
รอตอนต่อไป ลุ้นอะ!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 12-03-2012 22:36:16
น่าสงสารไอพี่ชมภู
สรุป กราฟกับไฮยีน นี่่มันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย ?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: thun39 ที่ 13-03-2012 19:37:12
อึ้ง+ค้าง อย่างแรง!


สงสัย กราฟกับยีน เขาเป็นอะไรกัน แน่นะว่าเพื่อน?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: LuPiiNz ที่ 13-03-2012 20:58:45
ค้างอย่างแรงงงงงงงงงง  !!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 16-03-2012 09:40:10
มา  :z2: รอคนเขียน เมื่อไหร่จะมาเน้ออ :serius2: คิดถึงน้องไฮยีนกับพี่ชมภูแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 23-03-2012 18:22:40
ผมมารออีกแล้วววววววววว
คิดถึงแล้วววว tt'
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 23-03-2012 18:32:49
วันนี้ตั้งใจว่าจะแต่งให้จบแล้วมาอัพ
แต่ว่ากินยาเข้าไปแล้วดันฝืนไม่ไหว ยาแรงเกิน ไม่เคยเจอขนาดนี้
คืนนี้จะพยายามแต่งต่อนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะจบตอนหรือเปล่า
ถ้าจบจะรีบมาอัพทันที

ขอบคุณคนที่รออยู่นะคะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-03-2012 21:00:36
ถ้าไม่ไหวก็พักผ่อนดีกว่าครับ

หายไวๆนะครับ :L2:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 23-03-2012 21:17:56
ตกลงยีนกะกราฟเปนไรกันอ่ะ?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 23-03-2012 22:39:09
กราฟกับยีนนี้เหมือนจะเกินเพื่อนแล้วนะ  :angry2: แต่ตอนนี้สงสารพี่ภู :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : ความรู้สึกนี้เรียกว่า... [10/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CHoMe ที่ 23-03-2012 23:36:22
สงสารพี่ชมภู  :a5:

ทำไมยีนเป็นคนอย่างงี้

ตกลงยีนกะกราฟนี่อย่างไงกันแน่
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : อย่าให้ความหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-03-2012 02:27:58
ตอนที่ 15 : อย่าให้ความหวัง











ผมแทบช็อกตอนที่ไอ้กราฟเปิดประตูห้องนอนเข้ามา เพราะสภาพที่เป็นอยู่แม่งไม่รู้จะแก้ตัวว่ายังไงแล้ว พอมันรีบพรวดพราดออกจากห้องไปผมก็กระเด้งตัวจากที่นอนทันที ผมคว้าแขนมันไว้ได้ตอนที่มันออกจากห้องไปไม่ไกล ก่อนจะโพล่งเสียงเพื่อไม่ให้มันเข้าใจผิด

“กราฟ ฟังกูก่อน”

“มึงจะให้กูฟังอะไร ก็เห็นชัดๆ”

“มันไม่ใช่อย่างที่มึงเข้าใจ”

“แล้วมึงคิดว่ากูเข้าใจยังไง”

มันถามกลับมาผมก็พูดไม่ออก ยอมปล่อยมือออก ซึ่งมันก็ไม่ได้คิดจะวิ่งแจ้นหายไปไหนอย่างทีแรก กราฟทำเสียงขรึมแล้วถามผมอย่างเอาจริงเอาจัง

“ทำไมถึงไม่บอกกูเนี่ยว่ามึงกิ๊กกะพี่ภูแล้ว กูเข้าไปขัดจังหวะพวกมึงเลย เห็นไหมเนี่ย”

“เฮ้ย กูเปล่านะเว้ย”

“แล้วมึงเล่นจูบจนลิ้นพันกันแบบนี้ จะให้กูคิดยังไง”

มันจ้องหน้าผมแล้วถามซะผมอาย จริงๆ ก็ไม่บ่อยหรอกที่จะรู้สึกแบบนี้ต่อหน้ามัน แต่ครั้งนี้แม่ง... กูอายจริง รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ ถึงจะไม่เท่ากับตอนที่เจอไอ้พี่ชมพูเยอะใส่

“หรือมึงจะบอกว่ามึงโดนใช้กำลัง”

สัตว์ คำพูดแม่ง น่าถีบเหี้ยๆ ผมตวัดตามองมันอย่างไม่พอใจ มันก็กลั้วหัวเราะหน่อยๆ เหมือนขำ

“สรุปมึงกับพี่ภูนี่เอายังไง”

โดนมันถามมาตรงๆ แบบนี้ไอ้ผมที่ไม่ค่อยจะมีเรื่องปิดบังมันก็อึกอักนิดหน่อย แต่ก็ยอมเปิดปากพูดแต่โดยดี เผื่อว่ามันจะช่วยผมคิดอะไรๆ ได้

“........พี่ชมพูบอกว่าชอบกู”

“แล้วมึงล่ะ”

ไอ้กราฟยักไหล่ถามเหมือนไม่ได้แปลกใจสักเท่าไรที่ผมบอกมันแบบนั้น แต่คำถามที่มันถามผมกลับมาเนี่ยสิ ทำให้คิดหนัก

“กู... ไม่ได้ชอบว่ะ”

“ไม่ได้ชอบ แต่มึงก็ให้เขาจูบเขาล้วงมึงอะนะ”

“เหี้ย คำพูดมึงอุบาทว์มาก”

“แล้วกูพูดไม่จริงหรือไง”

พูดไม่ออกอีกแล้ว เชี่ยนี่แม่งกะตอกเสาเข็มผมเลย จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ใช่ แต่ไม่รู้ดิ คงอารมณ์ตามไปมั้ง หรือไม่ผมก็อดอยากมานานเลยเคลิ้มได้ง่าย

“กูไม่รู้ว่ะ มันก็... กูพูดไม่ถูก”

“มึงแน่ใจเหรอว่ามึงไม่ได้ชอบเขา”

พอไม่ได้คำตอบที่แน่นอน ไอ้กราฟก็จ้องหน้าผมเขม็ง เค้นเอาคำตอบสุดๆ ผมก็ได้แต่กลอกตาไปมา ไม่รู้จะตอบมันว่ายังไง เพราะถ้าให้คิดแบบจริงจังผมก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่นอนแบบเป๊ะๆ ให้ เหมือนผมจะไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับไอ้พี่ชมพู แต่มันก็ไม่ชัวร์อยู่ดี เพราะแม่งชอบทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อยู่เรื่อย

มันเหมือนจะก้ำกึ่งมั้ง

“ไง ตอบกูได้หรือเปล่าล่ะ”

“กู....ไม่รู้ดิ มึงอย่าถามกูมากได้ไหม”

“เอ้า ก็พี่ภูเขาสารภาพรักกับมึงแล้ว มึงจะทำทิ้งขว้างไม่สนใจได้ไง”

“นี่มึงเข้าข้างกูหรือเข้าข้างพี่ภูของมึงกันแน่”

“ยีน เรื่องความรักมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเว้ย”

ไอ้กราฟจ้องตาผมจริงจังกว่าเดิมเสียอีก ทำให้ผมรู้สึกหวั่นๆ ในใจ เพราะเหมือนกับเรื่องราวในอดีตกำลังโถมเข้าใส่ แววตาของไอ้กราฟที่ผมไม่ค่อยอยากเห็นสักเท่าไรกำลังมองมาที่ผม ผมเกือบจะลืมไปว่ามันจริงจังกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน

“กูรู้ แต่กู...ยังไม่แน่ใจ เขาเป็นผู้ชายเหมือนกูนะเว้ย”

“งั้นถ้ากูทำแบบนี้”

สิ้นเสียง มันก็ผลักผมเข้ากระแทกกับกำแพงทันที แล้วยังบดปากของมันลงมาที่ปากของผมเสียแรงอีกต่างหาก มันดูดปากของผมแล้วเม้มคลึงอย่างที่ไม่เคยทำ เล่นเอาผมตกใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่เชิงว่าจะรังเกียจจูบของมัน เพราะหากให้นับๆ แล้วผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าเอาปากไปแตะกับมันมากี่ครั้งแล้ว เพียงแต่ว่า...

เสียงประตูของห้องนอนที่เปิดออกนั่นทำให้ผมต้องเบิกตากว้าง

ร่างสูงใหญ่ที่ผมทิ้งเอาไว้ในห้องนอนก้าวออกมาพร้อมกับมองมาทางผมด้วยความตกตะลึง ผมเองก็เหมือนกันเพราะไม่คิดว่ามันจะโผล่มาตอนนี้ หนำซ้ำยังอยู่ในสภาพที่ไม่น่าจะมาเห็นเสียด้วยซ้ำ สายตาของพี่ชมพูที่มองผมทำให้รู้สึกจี๊ดๆ ในหัวใจ เหมือนโดนอะไรสักอย่างเสียดแทง และยังไม่ทันให้ผมได้ทำอะไรหรือแม้แต่จะขยับตัว ร่างใหญ่นั้นก็พรวดพราดเดินลงไปชั้นล่างเสียแล้ว

ผมต้องใช้แรงทั้งหมดผลักไอ้กราฟที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรนอกจากการดูดปากของผมออก ทั้งที่มันน่าจะรู้ว่าพี่ภูของมันออกมาเห็น มันแค่มองหน้าผมแล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่ในใจของผมรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนโดนใครเอาไฟมาต้อน

“พี่ภูเห็นซะแล้วว่ะ”

“มึงจะพูดให้ได้อะไร”

“แล้วมึงรู้สึกยังไง”

ผมทำหน้าหงุดหงิดใส่ที่มันถามเหมือนจะกวนประสาท แถมตามันก็ส่อประกายวิบวับเหมือนจะหยอกผมเสียอีกทั้งที่ผมไม่อยู่ในอารมณ์นั้นสักนิด

“รู้สึกเหี้ยอะไร”

“ที่กูจูบมึงไง”

“ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นแหละเว้ย”

“หรือต้องให้กูใช้ลิ้นด้วย เผื่อมึงจะเคลิ้มเหมือนพี่ภูมั่ง”

“สัตว์”

ผมยกตีนขึ้นถีบมัน แต่ไอ้กราฟก็กระเด้งตัวหนีซะก่อน หน้าแม่งยิ้มซะกวนตีนจนผมอยากถีบมันจริงๆ ทั้งที่ผมรู้สึกไม่สบายใจแต่มันกลับทำหน้าระรื่นใส่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไอ้ยีนเอ๊ย” มันทำเสียงเหมือนผมเป็นเด็กๆ แล้วยกแขนขึ้นคล้องคอผม พยายามจะลากให้เดินลงไปที่ชั้นล่างด้วยกัน “กูว่าต้องหาตัวช่วยแล้วว่ะ ถ้ามึงจะยังดันทุรังแบบนี้”

“กูดันทุรังอะไร”

“...”

ไอ้กราฟไม่ตอบแต่แค่ยักไหล่แล้วดึงตัวผมให้เดินไปด้วยกัน












คอนโดไอ้กัสคือจุดหมายที่ไอ้กราฟพาผมมา ไม่แปลกว่าทำไมตอนนี้เราถึงเข้ามาในห้องของมันได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นคอนโดกราฟ กัส หรือว่าเคลม พวกเราก็มีคีย์การ์ดกันทั้งนั้น แต่ว่าพอเปิดเข้าไปในห้องนอนไอ้กัสเท่านั้นแหละ เสียงกรีดร้องก็ดังสนั่น เพราะว่าดันเป็นตอนที่มันกำลังออกกำลังกายบนเรือนร่างสวยๆ พอดี

“เหี้ย พวกมึงมาทำไมไม่โทรหากูก่อน”

ไอ้กัสด่าเลยครับ แต่ว่าผมกับไอ้กราฟก็ยังยืนอยู่ในห้องมันไม่ได้เคลื่อนย้ายหนีไปไหน มีแค่ผู้หญิงร่างเปลือยเท่านั้นที่พยายามจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว

“กูให้เวลามึงห้านาที”

ไอ้กราฟสั่งโดยไม่แยแสเลยว่าคนที่มันพูดด้วยกำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน ไอ้กัสเลยสวนกลับ

“กูยังไม่เสร็จ พวกมึงกลับไปก่อน”

“เรื่องสำคัญเว้ย เรื่องไอ้ยีน”

เป็นที่รู้กันทันทีว่าพอพูดมาแบบนี้แล้วไอ้กัสจะต่อล้อต่อเถียงไม่ได้ เพราะสุดท้ายเพื่อนก็สำคัญที่สุด กัสเลยพยักหน้าหงึกๆ ให้เป็นการตอบรับ ผมกับไอ้กราฟถึงได้ออกมาจากห้องนั้น ทิ้งตัวลงบนโซฟาของห้องนั่งเล่น รอให้ไอ้กัสมันออกมาพร้อมๆ กับรอไอ้เคลมที่กำลังจะมาจากคอนโดมันเพราะตอนอยู่บนรถไอ้กราฟโทรตามแล้ว

รอประมาณสิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน ทุกคนก็รวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของคอนโดไอ้กัส ตั้งวงชุมนุมกันซะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตทั้งที่ผมรู้สึกว่ามันไม่เห็นจำเป็นตรงไหน

“ยีนบอกกูว่าพี่ภูสารภาพรัก”

“เฮ้ยๆ เป็นอย่างที่กูคิดไหมล่ะ พี่ภูแม่งคิดไม่ซื่อ”

ไอ้เคลมเป็นคนตื่นตัวคนแรก มันทำหน้าล้อเลียนจะแซวผม แต่ผมก็พยายามเฉย แม่งกวนนักเดี๋ยวเอาตีนยัดปากเลยนี่

“ตอนกูไปเห็นวันนี้ยิ่งสุดๆ”

ไอ้สัตว์กราฟว่าหมาๆ ออกมาจนผมต้องเปลี่ยนไปตวัดตาใส่มันแทน แต่มีหรือว่ามันจะสะทกสะท้าน แม่งสาธยายให้ไอ้พวกที่เหลือฟัง

“จูบกันลิ้นนัวเลย นี่ถ้ากูไม่เปิดประตูเข้าไปเจอ สงสัยไอ้ยีนเพื่อนรักของเราคงโดนเสียบไปแล้ว”

“สัตว์!!”

ผมไม่ให้มันได้พูดออกมาปาวๆ ยกตีนขึ้นถีบมันเลย แต่ไอ้เชี่ยกราฟเสือกหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องสนุก รวมทั้งไอ้เคลมที่ทำตาวาวและไอ้กัสที่หัวเราะเบาๆ ด้วย

กูเกลียดพวกมึง แม่ง!!!

“แต่ไอ้ยีนของเราเสือกบอกว่าไม่ชอบเขาว่ะ”

“เฮ้ย ได้ยังไงๆ มึงได้พี่ภูแล้วมึงจะทิ้งเขาเหรอ”

ไอ้เคลมเป็นตุเป็นตะโวยวายอย่างกับมันเป็นคนเสียสาว แต่ก็ไม่ได้มีคนสนใจมันสักเท่าไร เพราะไอ้กราฟยังพูดต่อ ส่วนไอ้กัสก็นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

พวกมึงไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ขนาดนี้ก็ได้นะเว้ย กูทำตัวไม่ถูก!

“เมื่อกี้กูจูบมัน มันยังบอกเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร ทีตอนพี่ภูจูบมันไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย ยังมาบอกว่าไม่ได้ชอบเขาอีก”

ไอ้กราฟยังคงประจานผมต่อไป เรื่องที่มันจูบผมไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับไอ้กัสกับไอ้เคลม แต่เป็นเรื่องที่ผมบอกว่าไม่ได้ชอบพี่ชมพูต่างหากที่ทำให้โดนไอ้กัสโบกหัว สัตว์ ผมยกตีนขึ้นถีบมันอีกคนหลังจากโดนมันตบจนหัวโยก

“ตบหัวกูทำไม”

“ก็มึงอะ โง่หรือเปล่าวะ จูบกันขนาดนั้นแล้วมึงยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ได้ชอบเขาอีก”

“ก็แค่จูบ กูก็จูบคนไปทั่วนั่นแหละ”

“งั้นเดี๋ยวพวกกูจูบมึงดู”

ไอ้เคลมเสนอแล้วทำท่าจะกระโจนใส่ผม ไม่ใช่แค่มันด้วย เพราะพอมันพูดแบบนั้นไอ้กัสกับไอ้กราฟก็ทำท่าจะเข้ามารุมผมด้วยอีก ผมเลยต้องโพล่งเสียงออกไปดังๆ

“สัตว์ เดี๋ยวกูก็ถีบเรียงตัวเลยแม่ง”

หลังจากนั้นไอ้พวกห่าก็ประสานเสียงหัวเราะกันร่วน ชวนให้หงุดหงิดมาก ผมชักสีหน้าใส่พวกมัน แต่ว่าพวกแม่งก็ไม่ได้สนใจเลยว่ากำลังทำให้ผมหน้าหงิกแค่ไหน เป็นไอ้กัสเสียอีกที่เงียบเสียงก่อนคนอื่นแล้วพูดกับผมด้วยท่าทางขรึมๆ ประจำตัวมัน

“กูว่าเอางี้” ได้ยินเสียงไอ้กัส ทุกคนก็เงียบแล้วหันมาสนใจในสิ่งที่มันพูด “ถ้ามึงยังยืนยันว่ามึงไม่ได้ชอบพี่ภูจริงๆ ก็ต้องพิสูจน์”

“ยังไงวะ”

ไอ้กราฟถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ แต่ไอ้กัสหัวเราะหึๆ ไม่ตอบอะไรกลับมา ทำให้เป็นปริศนาจนผมงง

มึงจะเล่นอะไรวะเนี่ย??












ตอนเช้าผมโดนไอ้พวกสามตัวนั่นลากไปเรียน เพราะว่าพอคุยกันเรื่องของผมที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องของพวกมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พากันมาค้างที่บ้านผมกัน แน่นอนว่าก็นอนเบียดกันบนเตียงใหญ่ๆ ของผม ซึ่งป๊าก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมีบ่อยไปที่พวกมันจะมานอนด้วย

แต่ว่าพวกมันดันพาผมออกมาก่อนเวลาที่พี่ชมพูเคยมารับ ผมเลยไม่รู้ว่ามันจะมารับผมอย่างทุกทีหรือเปล่า ทว่าพอมาถึงมหา’ลัยผมก็พอรู้แล้วว่ามันไม่ได้ทำอะไรที่เสียเวลาแบบนั้น ไอ้พวกเพื่อนดึงตัวผมให้ไปนั่งรวมกับโต๊ะพี่ชมพูที่กำลังเคร่งเครียดเหมือนกำลังคุยงานอะไรกันอยู่

“ทำอะไรกันครับพี่ๆ”

เสียงสดใสของไอ้เคลมทักทายพลางชะโงกหน้าไปดูหนังสือเล่มใหญ่ๆ ที่พวกพี่เขากำลังสุมหัวกันอยู่ด้วย

“อ้อ กำลังคุยเรื่องแก้บทหนังสั้นที่จะให้พวกมึงแสดงกันไง”

พี่เจ๋งตอบกลับมา ไอ้เคลมก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะถาม

“แล้วเรื่องนี้มีนางเอกหรือเปล่าพี่ ขอสวยๆ นะ”

เรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งวงเลย พี่อีกสองคนที่ผมไม่รู้จักก็หัวเราะด้วย แต่ว่าไอ้พี่ชมพูแม่งนั่งนิ่ง ไม่หันมาทางผมเลยด้วยซ้ำ ผมเหลือบมองมัน ไม่ได้สนใจเลยด้วยว่าพี่ปาล์มขวัญใจผมลุกขึ้นมาพรีเซนต์ตัวเองว่าเป็นนางเอกด้วยท่าสวยๆ แค่ไหน เพราะพอหันไปดูอีกทีพี่แกก็นั่งลงแล้ว

“แล้วนี่จะไปถ่ายกันเมื่อไรครับ”

ไอ้กราฟเริ่มถามบ้าง พี่ต้นเลยหันมาตอบ

“ก็แพลนๆ กันอยู่ อาจจะอีกอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ ยังไงก็ต้องกลับมาก่อนสอบอยู่แล้ว”

“แล้วถ่ายกันนานไหมอะพี่”

“ไม่หรอก ถ้ารีบถ่ายให้เสร็จเร็วๆ เราก็จะได้เที่ยวกัน”

พี่ปาล์มพูดพลางขยิบตาไปด้วย น่ารักสุดๆ แต่ว่าผมไม่มีอารมณ์จะดูพี่เขาเท่าไร เพราะไอ้พี่ชมพูยังไม่ยอมหันมาทางนี้เลย ทั้งที่นั่งอยู่ห่างกับผมแค่ไม่เท่าไร ออกจะเยื้องๆ กันเสียด้วยซ้ำ แต่มันคงไม่แปลกหรอกมั้ง ก็เล่นเห็นผมจูบกับไอ้กราฟเต็มตาซะขนาดนั้น ทั้งที่เพิ่งบอกผมว่าชอบ

“เดี๋ยวกูไปก่อนนะ”

“อ้าว เฮ้ย จะไปไหนล่ะมึง มาช่วยพวกกูแก้บทก่อน เผื่อตรงไหนมึงเห็นว่าไม่โอเค”

พี่เจ๋งพยายามดึงไอ้คนตัวใหญ่ให้นั่งฟังต่อ แต่ว่ามันส่ายหัว

“เอาไว้เดี๋ยวกูค่อยดูทีเดียว”

เสร็จแล้วมันก็ลุกไป ไม่สนใจสีหน้างงๆ ของเพื่อนอีกห้าคน พอเห็นมันลุก ผมก็อยากจะลุกไปคุยกับมันให้รู้เรื่องบ้าง อย่างน้อยก็อยากแก้ไขความเข้าใจผิดๆ ว่าเรื่องจูบนั่นไม่มีอะไร ไอ้กราฟทำเพราะอยากทดสอบห่าเหวอะไรนั่น ไม่ได้นึกพิศวาสอะไร แต่เพียงแค่ผมลุกขึ้นไอ้กราฟก็ฉวยมือผมไว้ทันที

“มึงจะไปไหน”

“...”

ผมไม่ตอบมันเป็นคำพูด แต่พยักพเยิดหน้าให้มันรู้ว่าผมจะไปคุยกับไอ้คนที่เดินลิ่วๆ ไปนู่นแล้ว ซึ่งดูเหมือนกราฟมันจะเข้าใจ ทว่ามันก็ไม่ยอมปล่อยมือผมอยู่ดี หนำซ้ำยังบอก

“มึงไม่ต้องตามไป”

“มึงก็เห็นว่าเขาเมินกู”

“แล้วมึงจะไปบอกเขาว่าอะไร ถ้ามึงยังไม่แน่ใจว่ามึงรู้สึกยังไงก็ปล่อยเขาไปเถอะ”

“แต่กูไม่ชอบนี่หว่า”

ผมไม่ชอบจริงๆ ที่เห็นมันเมินกันแบบนี้ ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นพี่ชมพูเสียอีกที่เดินเข้ามาหาผมก่อน จะด้วยเหตุผลเพราะมันอยากหาเรื่องหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็ไม่เคยเบือนหน้าไปทางอื่นหรือว่าลุกหนี

“แต่ถ้ามึงไม่ได้ชอบเขาจริงๆ การที่มึงตามไปมันจะเป็นการให้ความหวัง มึงไม่รู้เหรอ”

เจอมันพูดมาแบบนี้ผมถึงกับจุกไปเลย เพราะไม่ทันคิด สุดท้ายก็ต้องผ่อนลมหายใจออกมาอย่างตัดใจที่จะตามพี่ชมพูไป ส่วนไอ้กราฟก็ตบบ่าผมเบาๆ

“ถ้าชัวร์ว่ามึงไม่ชอบเขา มึงก็บอกเขาให้ตัดใจ แต่ถ้ามึงชอบเขา มึงก็บอกเขาไปตรงๆ ถ้ามึงยังไม่รู้... มึงก็เฉยๆ ซะ เข้าใจที่กูพูดใช่ไหม”

แล้วผมจะตอบอะไรได้ นอกจาก ‘เออ’ ไปเบาๆ









ต่อด้านล่าง

v

v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 15 : อย่าให้ความหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-03-2012 02:28:48
ต่อจากข้างบน

v

v











เลิกเรียน แทนที่ไอ้กราฟจะเป็นคนอาสาไปส่งผมเหมือนทุกครั้ง เพราะผมแน่ใจว่าคนที่เคยรับหน้าที่นี้มาเกือบเดือนคงไม่มา มันดันเสือกบอกผม

“กูไม่ต้องไปส่งมึงหรอก เดี๋ยวก็มีคนไปส่งแทน”

“ใครวะ”

“...”

แล้วแม่งก็เสือกไม่ตอบอีก มันเดินชนไหล่ผมออกไปเลย

สัตว์ มึงไปแบบนั้นแล้วใครจะไปส่งกู

ผมมองตามมันไปก่อนจะถูกบดบังสายตาด้วยใครอีกคนที่มายืนอยู่ต่อหน้า พอเงยหน้ามองมันที่สูงกว่าผมนิดหน่อย ก็ต้องมุ่นคิ้วเข้าหากัน เพราะเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก และดูท่าว่าคนที่ยืนอยู่นี่จะไม่ได้อยู่คณะผมด้วย

“นายชื่อไฮยีนใช่ไหม”

เสียงที่ไม่เคยได้ยินถาม ผมก็พยักหน้าพร้อมครางเสียงตอบเบาๆ อย่างงุนงง

“อืม”

“งั้นก็ถูกตัวแล้ว” มันว่าแบบนั้นพลางยิ้มกว้างๆ ให้จนตาที่ไม่ได้โตมากเท่าไรหยีลง “เราชื่อโมเดล เรียกเดลก็ได้”

สิ่งที่มันพูดมาก็พอเข้าใจอยู่หรอก แต่ที่ไม่เข้าใจคือ มันมาแนะนำตัวกับผมทำไม

“แล้ว?”

“ไอ้กัสบอกให้เรามาหายีน”

ยิ่งงงหนักกว่าเก่าอีก แล้วมันคงเห็นสีหน้างงงวยของผมล่ะมั้ง มันถึงได้ยิ้มแล้วเฉลยถึงการมาของมัน

“กัสให้เรามาจีบยีน”

“เฮ้ย!” ร้องออกมาแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะไม่คิดว่าไอ้กัสจะเล่นมุกนี้ อย่าบอกนะว่าที่มันบอกว่าต้องพิสูจน์คือแบบนี้ “มาจีบทำไม เป็นเกย์หรือไง ไอ้กัสบอกให้มาก็มา”

“อือ”

มันตอบกลับแบบง่ายๆ จนผมเหงื่อตก

อะไรวะเนี่ย?? ไอ้คนตรงหน้านี่พูดจริงเหรอ

“กัสบอกว่ายีนไม่แน่ใจว่าชอบผู้ชายด้วยกันหรือเปล่า เลยจะให้เราช่วย เราก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะยังไงก็เป็นเกย์แล้วก็ว่างอยู่ด้วย”

ไอ้โมเดลตอบกลับมาแบบหน้าด้านๆ จนผมยังนึกอึ้ง ไม่เคยเจอคนที่พูดอะไรแบบนี้โดยไม่รู้สึกอะไร ถึงเรื่องเกย์จะไม่ใช่เรื่องแปลกในปัจจุบัน แต่คนใกล้ชิดกับผมก็ไม่มี มันเลยไม่ชินมั้ง

“งั้นก็ไม่ต้องลำบากหรอก”

“ได้ยังไง เรารับปากไอ้กัสไปแล้ว” มันทำหน้าเดือดร้อนซะเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย มันดึงมือผมไปจับเอาไว้แล้วยังมีหน้าบอก “ยีนก็ลองเปิดใจให้โอกาสเราหน่อยก็ได้”

ตอนนี้มันไม่ได้พูดเหมือนจะจีบผมเพราะโดนขอร้องแล้ว แต่แม่งเหมือนจะจีบเอาจริงเอาจัง เลยทำให้รู้สึกหวั่นๆ ยังไงชอบกล

เกิดมันจริงจังขึ้นมา ไม่เป็นเรื่องหรือไง?

“เอาเหอะน่า อย่างน้อยก็ลองดู”

ไอ้คนชื่อแปลกๆ นี่ยังตื๊อ ผมก็ถอนหายใจเฮือกก่อนจะดึงมือตัวเองออกจากมือมัน เบี่ยงตัวให้ห่างนิดหน่อยแล้วกดโทรศัพท์ไปหาไอ้กัสเพื่อถามให้รู้เรื่อง แต่คำตอบที่ได้ก็ไม่มีอย่างอื่นนอกไปจาก

[กูขอให้มันไปเองแหละ มึงไม่ต้องปฏิเสธ จะได้รู้ไปเลยว่าเวลามึงอยู่กับผู้ชายคนอื่นมึงจะรู้สึกเหมือนเวลาอยู่กับพี่ภูไหม]

“แล้วมึงไม่ใช่ผู้ชายหรือไง”

[โอ๊ย อย่างกูหรือไอ้กราฟไอ้เคลมเนี่ย เลยจุดที่จะคิดอะไรกับมึงได้แล้ว มึงต้องลองหาคนใหม่ๆ ดู]

แม่งพูดง่ายๆ แต่ว่าสิ่งที่ผมต้องเผชิญไม่ใช่ง่ายๆ เลย เพราะตั้งแต่วันที่ไอ้โมเดลมาแนะนำตัวกับผมอย่างนั้น ก็กลายเป็นว่าทุกอย่างที่ไอ้พี่ชมพูเคยทำกับผมกลายเป็นถูกแทนที่ไปเสียหมด จนสามวันแล้วผมก็ยังไม่ได้คุยกับคนที่หนีหน้าผม แม้แต่ไอ้ปลายยังเดินมาหาผมแล้วถาม

“อ้าว มึงเปลี่ยนคู่ขาใหม่แล้วเหรอวะ อะไรวะเนี่ย เร็วโคตร”

สัตว์ ผมอยากจะด่ามันกลับไปจริงๆ เห็นมันเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรเรื่องนี้ทั้งที่คนทั้งคณะก็ดูจะซุบซิบเรื่องผมกับไอ้พี่ชมพูกันทั้งนั้น ที่ไหนได้ แม่งก็แอบเก็บข้อมูลตลอดเวลา

“เราไม่ได้เปลี่ยน แล้วก็ไม่ได้มีคู่ขาอะไรด้วย”

“เหรอ แล้วไอ้ที่เช้าถึงเย็นถึง กลางวันถึง ป้อนข้าวป้อนน้ำนั่นอะไร”

อันนี้ไม่ได้พูดถึงโมเดลหรอกครับ แต่หมายถึงพี่ชมพูมากกว่า จริงๆ แล้วไอ้โมเดลก็ทำเหมือนกัน แต่ว่าผมปฏิเสธมันเอง มันก็โอเคๆ ไม่ได้ยื้อหรือเผด็จการเหมือนไอ้พี่ชมพู แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกับมันดีขึ้นมาได้ ออกจะเฉยๆ เสียมากกว่า

“มึงนี่มีอะไรดีกันนะ ผู้ชายหล่อๆ ถึงได้รุมล้อมกันไปหมด” ไอ้ปลายว่าพลางเอามือขึ้นมาดันคางผม จับพลิกไปมาเหมือนพิจารณา ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จ้องเข้ามาในตาของผมผ่านทางเลนส์ใส “แต่ดูๆ ไปมึงก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าไม่มีแว่นสงสัยคนคงหลงบึม”

“เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ ปลาย”

ผมดันมือมันออกอย่างเบามือ ทำตัวเรียบร้อยตามคาแรกเตอร์ของผม ซึ่งมันก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่พยักพเยิดหน้าใส่ ให้หันไปดูทางด้านหลังที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเด็กวิศวะฯ คนที่พักนี้มาวุ่นวายกับผม ส่วนไอ้กราฟน่ะเหรอ มันชิ่งหนีกลับไปแล้ว ทิ้งให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นที่ต้องขับรถพาผมไปส่งที่บ้านเหมือนอย่างสามวันที่ผ่านมา

ก็ไม่ได้แย่อะไร แต่อดจะนึกถึงคนที่เคยทำแบบนี้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ จะเป็นยังไงบ้างแล้ววะ ไม่เจอเลย พอไม่เห็นหน้ามัน ผมก็เผลอนึกถึง ทั้งที่เมื่อก่อนอยากจะไล่มันออกไปจากชีวิตจะตาย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแบบนี้ซะได้

“วันนี้ยังไม่รีบกลับนะ ไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำกัน”

โมเดลชวนผม ซึ่งผมก็คงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้จะกลับบ้านยังไงทั้งที่ไม่มีเงิน เลยยอมๆ ตามมันไป ที่ศาลาริมน้ำก็ไม่มีอะไรมากหรอก แต่จะเป็นที่พักผ่อนของพวกนักศึกษาในมหา’ลัยมากกว่า เพราะมันร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ แล้วก็มีสระน้ำขนาดกว้างเป็นแหล่งรวมของนักศึกษาทุกคณะเลยก็ว่าได้ เพราะมีศาลานับสิบขนาบคู่ไปกับสระน้ำ แต่ว่าตอนนี้เป็นช่วงเย็นแล้ว มันเลยดูจะเงียบๆ ไปสักหน่อย

“เราลองคบกันมาสามวันแล้ว ยีนรู้สึกยังไงมั่ง”

บรรยากาศเงียบๆ กับลมเย็นๆ ที่พัดมาเป็นระลอกทำให้คนเป็นบ้าหรือยังไง อยู่ๆ ไอ้โมเดลก็ถามผมมาแบบนี้

กูไปคบกันมึงตอนไหน กูไม่เห็นรู้เรื่อง

“รู้สึกอะไร”

ผมตีหน้ามึนๆ ใส่ เวลาอยู่กับไอ้นี่ก็ยังคงคอนเซปต์เนิร์ดอยู่ครับ ไม่ได้เผยธาตุแท้ออกไป ถ้านับถึงตอนนี้ คนที่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมนิสัยเป็นยังไงก็มีแค่เพื่อนซี้สามคนนั้นกับพี่ชมพูเท่านั้น กับคนอื่นผมยังเป็นไฮยีนเด็กเรียบร้อยและเนิร์ดเข้าขั้น

“ชอบบ้างหรือเปล่า หรือว่ารู้สึกดี หวั่นไหวบ้างไหม”

“แค่สามวันมันจะทำให้คนรู้สึกอะไรได้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”

“มันก็ไม่แน่หรอก”

ไอ้โมเดลที่นั่งอยู่ข้างๆ เขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม แล้วยิ้มหวานส่งให้ แต่รอยยิ้มของมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ มันบอกไม่ถูก

“แต่สำหรับเรา เราว่ามันเร็วเกินไป เราไม่รู้หรอก”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่ายีนยอมให้เราใกล้ชิดกับยีนมากกว่านี้ใช่ป่ะ”

แม่งกระเถิบมาอีกจนจะชิดตัวผมอยู่แล้ว ผมเลยต้องขยับตัวถอยห่างจากมันมา แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเพราะไอ้เชี่ยนี่ดันโอบไหล่ผมเอาไว้ พอผมเบือนไหล่หนี มันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือทั้งที่น่าจะดูออกว่าผมไม่พอใจ ถ้าเป็นเพื่อนหรือคนอื่นผมยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไร แต่เพราะไอ้นี่มันบอกอย่างชัดเจนว่าตั้งใจจะจีบผม ถึงจะเป็นคำขอจากไอ้กัสก็เถอะ มันก็ทำให้รู้สึกอยู่ดีว่าแม่งไม่บริสุทธิ์ใจ

“ความจริงตอนยีนอยู่กับเรา ยีนไม่ต้องใส่แว่นก็ได้”

“เราก็ใส่ของเราอย่างนี้อยู่แล้ว”

ผมตอบเสียงนิ่ง แต่ยังไม่เลิกดึงตัวเองออกจากมือของไอ้คนตัวสูงข้างๆ อย่างเนียนๆ รู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงที่ทำตัวสะดีดสะดิ้งเพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือพวกหื่นกามยังไงชอบกล

“ไม่ต้องโกหกหรอก กัสเอารูปยีนตอนไม่ใส่แว่นให้เราดูแล้ว เราถึงได้ตกลงไง”

หมายความว่ายังไงวะ?

ผมสะบัดหน้าไปมองมันอย่างอยากรู้ มันก็อมยิ้มใส่

เอาจริงๆ ไอ้โมเดลอะไรนี่ก็ใช่ว่าหน้าตาไม่ดี ถือว่าหล่อในระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ ถึงจะไม่เท่าผมหรือไอ้กราฟก็ตาม มันเป็นเกย์แบบนี้สาวๆ คงเสียใจ อกหักกันไม่น้อย

“ยีนตอนไม่ใส่แว่นก็หล่อ บางมุมก็น่ารักดี เราเลยสนใจ”

มันต้องการจะสื่ออะไรวะเนี่ย?

“แล้วพอได้มาคุยด้วยก็ยิ่งรู้สึก..”

เฮ้ย เวรแล้วไง! พอได้ยินมันบอกมาแบบนี้ผมรีบกระเถิบตัวหนีเลย แต่ว่ามันก็ล็อกตัวผมเอาไว้ได้ เหมือนกะอยู่แล้วว่าผมต้องหนีแน่ มันกำไหล่ผมซะแน่นก่อนจะส่งยิ้มชวนขนลุกมาให้ หนำซ้ำยังตอกย้ำด้วยคำพูดที่ทำให้ผมสยอง

“เราลองคบกันดูไหม”

“ไม่”

ตอบกลับไปทันควันโดยไม่ต้องคิดเลยครับ ทำมันคิ้วกระตุกไปหน่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเพียรพยายามจะยิ้มให้ผมแบบไม่กลัวเหงือกแห้ง

“ทำไมล่ะ ลองคบกันดูก็ไม่เสียหายอะไรสักหน่อย ยีนก็ยังไม่ได้ชอบใครไม่ใช่เหรอ ยิ่งคบกันมันก็ยิ่งทดสอบได้ว่าจริงๆ แล้วยีนเป็นเกย์หรือเปล่า”

กูไม่ใช่เกย์ ไอ้เหี้ย!!

ผมรีบผลักมันออกเลย ชักจะไม่ไหวแล้ว ยิ่งมันคิดอะไรไปไกลมีแต่จะยิ่งทำให้ผมขนลุกซู่ แต่เพราะผมออกแรงผลักมันไปเต็มๆ ไม่ได้สงบเสงี่ยมอย่างที่ผ่านมาอีกถึงทำให้มันอารมณ์ขึ้นล่ะมั้ง แม่งเลยคว้าหมับเข้าที่เอวผมตอนกำลังจะลุกจากม้านั่งของศาลาแล้วจับเหวี่ยงให้ลงไปกองอยู่บนนั้นเหมือนเดิม เหี้ยเอ๊ย!

“เราไม่ใช่เกย์ แล้วเราก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย เลิกเล่นเหอะ”

พยายามทำใจเย็นที่สุด ไม่โผงผางด่ามันกลับไป เพราะยังไม่อยากเสี่ยงใช้กำลังกับมันเร็วนัก แต่ไอ้สัตว์หมานี่แม่งดันไม่ฟัง มันโผตัวมาคร่อมผมเอาไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“เราก็ไม่ได้เล่นแต่แรกแล้ว เราน่ะ ถูกใจยีนตั้งแต่เห็นรูปแล้วนะ”

โอ๊ยยย ไอ้เหี้ย อยากด่าไอ้กัสจริงๆ ที่เสือกเอารูปผมให้ไอ้ห่านี่ดู เลยทำกูเดือดร้อนอยู่ตอนนี้ ผมเอนตัวหนีไอ้โมเดลแบบสุดๆ แต่มันก็กักตัวผมเอาไว้ใต้วงแขนของมัน พอจะผลักออก มันก็ยิ่งกดร่างลงมาทับมากขึ้น จนผมแทบจะนอนแผ่ไปกับม้านั่งอยู่แล้ว

“แต่เราไม่ได้คิดอะไรกับนายเลย เราบอกแล้วว่าเราไม่ได้ชอบผู้ชาย ไอ้กัสก็แค่จะแกล้งเราเล่นเฉยๆ”

“เราก็ไม่ได้เล่นๆ ด้วยซะหน่อย”

เออ มองตามึงกูก็รู้แล้วตอนนี้ว่ามึงไม่ได้เล่น

ไอ้โมเดลยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วไม่ต้องเดาเลยว่าเชี่ยนี่มันจะทำอะไร ผมรีบเบี่ยงหน้าหนีพร้อมกับดันตัวมันออกไป แต่ว่ามันดันจับแขนผมเอาไว้เสียก่อน หนำซ้ำยังกระชากเสื้อผมจนกระดุมที่ติดอยู่หลุดออกไปกว่าครึ่ง

เหยดดดดดดดดด มึงจะปล้ำกูจริงๆ เหรอเนี่ย สาดดดดดดดดด

ความสยองเริ่มมาเยือนผมแล้ว เพราะพอมันดึงเสื้อผมจนกระดุมหลุด แม่งก็ไล้มือลงบนอกผม แม่งชวนให้แขยงแบบสุดๆ จนผมทนไม่ไหว ไม่ยอมรักษาแล้วไอ้มาดเด็กนงเด็กเนิร์ดอะไร ยกตีนขึ้นยันแม่งจนกระเด็นออกไปเลย

แต่ดูเหมือนว่ายิ่งผมรุนแรงมันก็ยิ่งอยากรุนแรงกลับมา เพราะมันต่อยผมเข้ามาเต็มหน้าหนึ่งหมัด แล้วจะเกิดอะไรขึ้น... ผมก็บันดาลโทสะล่ะสิครับ งานนี้ไม่ปล่อยไอ้เหี้ยนี่แล้ว ผมกระชากคอเสื้อแม่งมาแล้วอัดหมัดใส่หน้ามันให้แรงกว่าที่มันทำกับผม ยกตีนขึ้นถีบและเตะมันไปหลายที

มันเองก็ใช่ว่าจะยอมปล่อยให้ผมทำมันฝ่ายเดียว มีสวนกลับมาบ้าง แต่ยังไงผมก็เหนือกว่าเพราะว่าโชกโชนในการต่อสู้มาบ้าง ถึงช่วงหลังๆ จะสนิมเกาะจนฝืดไปหมดก็ตาม

นัวเนียกับมันจนหอบแฮ่กไปพักหนึ่ง ไอ้เหี้ยโมเดลก็ลงไปกองอยู่บนพื้น สภาพสะบักสะบอมหายใจหอบๆ จนลุกไม่ขึ้น ผมเลยยกตีนขึ้นกระทืบอกมันอีกสักหนึ่งทีก่อนจะถ่มน้ำลายใส่สั่งสอน ให้มันรู้ซะบ้างว่าเล่นอยู่กับใคร

“จำเอาไว้ กูไม่ได้ง่าย แล้วถ้ากูไม่เล่น มึงก็อย่าหวังว่าจะเล่น”

จัดการมันเสร็จผมก็เดินออกมาจากตรงนั้น ใช้หลังมือแตะมุมปากกับโหนกแก้มนิดหน่อยเพราะว่ามันคงระบมถึงได้เจ็บแบบนี้ หมัดแม่งก็หนักใช่ย่อย เล่นเอาจุกไปหลายที

นี่ถ้าไม่มีฝีมืออยู่บ้างผมคงได้กลายเป็นคนที่นอนหมดสภาพอยู่ตรงนั้น คิดแล้วก็นึกโกรธไอ้เหี้ยกัสขึ้นมา ผมจึงรีบกดโทรศัพท์ไปหามันทันที

“สัตว์กัส มึงนะมึง”

[เฮ้ย อะไรวะ อยู่ดีๆ ด่ากูทำไม]

มันถามเสียงหลงที่อยู่ดีๆ ก็โดนด่า แต่ว่าผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับมันดีๆ หรอก แม่ง นึกถึงไอ้เหี้ยนั่นที่ทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ยมองผมเหมือนอยากเอาแล้วก็นึกโมโหขึ้นมาอีกเลยกระแทกเสียงใส่โทรศัพท์

“เพราะมึงนั่นแหละ! หาใครมาวะ เหี้ย”

[อ้าว มึงพูดมาอย่างนี้กูงงนะเว้ย]

“ก็ไอ้สัตว์โมเดลนั่นแม่งจะปล้ำกู”

[เฮ้ยยยยยยยย จริงดิ]

มันร้องดังยิ่งกว่าผมที่ระเบิดอารมณ์ไปเมื่อกี้อีก ดูท่ามันจะตกใจมากและไม่คิดว่าเพื่อนห่าเหวอะไรของมันจะมีจิตพิศวาสผมถึงขนาดนั้น

“เออ แม่ง มึงทำอะไรของมึง สัตว์เอ๊ย”

[กูไม่รู้นี่หว่าว่ามันจะชอบมึงจริงๆ ห่าเอ๊ย แล้วนี่มันทำอะไรมึงหรือเปล่า ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน เดี๋ยวกูจะถวายตีนแม่งถึงที่]

“ไม่ต้องถึงตีนมึงหรอก แค่ตีนกูมันก็รวยรินแล้ว”

ผมตอบกลับไป ไอ้กัสก็พ่นเสียงหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ผมไม่ได้เป็นอะไร แต่คิดว่าพรุ่งนี้ไอ้โมเดลคงไม่ได้มีชีวิตอยู่ในคณะวิศวะฯ อีกต่อไปอย่างแน่นอน

[แล้วตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน]

“มหา’ลัย กำลังเดินออกไปหาแท็กซี่”

ถึงจะไม่มีเงินติดตัว แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้คงต้องกลับไปขอเงินพี่กล้วยมาจ่ายก่อนแล้วค่อยไปรีดไถกับไอ้กัสอีกที ผมวางแผนเอาไว้ในใจแบบนั้น แต่ไอ้กัสเสือกแทรกขึ้นมา

[งั้นมึงนั่งรอที่หน้าม.นั่นแหละ เดี๋ยวกูไปรับ]

“แล้วมึงอยู่ม.?”

[เปล่า กูอยู่คอนโดแล้ว]

“แล้วมึงจะกลับมารับกูเนี่ยนะ ประเสริฐว่ะ”

เพื่อนทำตัวดีทั้งที่รู้ว่ามันรู้สึกผิด ผมก็ยอมจะเอ่ยปากชม แต่มันก็แค่ตอบปัดๆ กลับมา

[เออๆ มึงรออยู่นั่นนะ ไม่เกินสิบห้านาที]

“เออ”

พอผมตอบกลับ บทสนทนาระหว่างผมกับไอ้กัสก็จบ ผมเดินต่อไปอีกพักนึงเพราะระยะห่างระหว่างจุดที่ผมจากมากับหน้ามหา’ลัยห่างกันพอสมควร ระหว่างทางที่เดินมาก็มีรถของนักศึกษาคนอื่นๆ ขับผ่านไปบ้าง เพราะคนส่วนมากไม่ค่อยเดินกันหรอก และแน่นอนว่าผมกลายเป็นจุดสนใจ ยิ่งอยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตมอมแมมแถมยังกระดุมหลุดรุ่ย แว่นแตกตรงมุมอีก ไม่ว่าใครขับรถผ่านไปก็มีแต่จะมอง

กว่าจะเดินมาถึงก็ไม่รู้ว่ากลายเป็นเป้าสายตาของคนกี่สิบคนแล้ว ผมหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ม้าหินที่มีอยู่หน้ามหา’ลัยใกล้ๆ กับป้อมยาม ก้มลงตรวจเช็คเสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมา เพราะจะให้กลับไปติดกระดุมเนี้ยบๆ อย่างก่อนหน้าก็ไม่ได้แล้ว ไอ้เหี้ยนั่นแม่งกระชากกระดุมกระเด็นหายไปหมด อกขาวๆ ที่มีกล้ามเนื้อนิดๆ ของผมเลยต้องออกมาอวดโฉมหลังจากที่ไม่ได้โชว์มานาน

จัดเสื้อผ้าให้ตัวเองนิดหน่อยไม่ให้ดูเหมือนไปฟัดกับหมาที่ไหนมาแล้วก็ลูบผมเบาๆ ให้เข้าที่เข้าทางไม่ยุ่งกระเซิง ก่อนจะเห็นร่างของคนคุ้นตาเดินลงมาจากรถที่จอดอยู่ห่างเพียงแค่นิดเดียว มันมาหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าผม ดวงตาคมๆ นั้นไล่สายตามองผมจนทั่ว ก่อนปากอิ่มจะเอื้อนเสียงที่ผมไม่ได้ยินมาหลายวัน

“ไอ้กัสให้กูมารับ”

เพียงแค่ประโยคสั้นๆ เท่านั้นแต่ไม่รู้ว่า... ทำไมหัวใจของผมมันถึงรู้สึกพองโตขึ้นมาได้
















---------------------
และแล้วก็สามารถแถตอนนี้จนจบได้  :z10:
แต่พี่ภูค่าตัวน้อยมาก โผล่มาสองช็อตสั้นๆ ตอนหน้าเขาคงมาเรียกฉากตัวเองคืน
ส่วนเรื่องกราฟก็เคลียร์ไปส่วนนึงแล้วค่ะ น่าจะชัดเจนพอมั้งนะว่าทั้งคู่รู้สึกยังไงกันแน่

มีตอนคอมเมนต์ด้านล่างนะคะ


Undel2Sky





หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-03-2012 02:48:34
ทำม้ายยยยยยยยยยยยยไปจูบกะกราฟได้ล่ะ :a5: ไม่เอาน้า เอาพี่ชมพูคนเดียว :monkeysad:
ปอลอ.ตอนนี้ให้พี่ชมพูเต็มร้อยเลยค่ะ แมนมั่กมั่ก :กอด1:
ปอลอ.อีกที เริ่มจะเกลียดกราฟกะเกงยีนละ :m31:

ตอนนี้หายเกลียดกราฟยังคะ เปลี่ยนมาเกลียดกัสแทน ฮ่าๆๆ



แล้วตกลงยีนกับกราฟมันเป็นอะไรกัน
จะเป็นเพื่อน จะเป็นแฟนก็เอาซักอย่างสิวะ
เริ่มจะหงุดหงิดกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้และ
เพื่อนที่ไหนแม่งดูดปากกันว่ะ
สงสารภูอ่ะ ถึงตอนแรกๆจะหมั่นไส้มันก็เหอะ

ตอนนี้ก็ชัดเจนขึ้นแล้ว แต่ว่าจริงๆ มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่อธิบายยาก ต้องรอดูเหตุผลของมันจริงๆ ค่ะว่าทำไมทั้งคู่ถึงเป็นแบบนี้



โอ้ยยยย ไมเกงยีนส์ต้องไปจูบกับกราฟด้วยเนี่ยยย

เฉลยแล้วค่ะ ยีนไม่ได้ทำ กราฟเป็นคนทำฝ่ายเดียว



กราฟหวงเพื่อนหรอ  :serius2:

ดูเหมือนจะไม่หวงเลยนะเนี่ย



ยังเชียร์กราฟ หุหุ(ถึงจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ)
ชอบกราฟอ่ะ ว่าแต่ตกลงสองคนนี้เป็นอะไรกันกันแน่
แล้วอดีตของกราฟอีก

ยังเหนียวแน่นกับกราฟ แต่ว่าอีกหน่อยกราฟก็จะมีคนของเขาแล้วเหมือนกัน




ง่ะ ก็ยังคาใจกราฟกับยีนอยุ่ดี
สรุปสองคนนี้เป็นเพื่อนกันแบบไหน

เป็นเพื่อนที่รักกันมากกกกกค่ะ ติดตามต่อไปจะเห็นความลึกซึ้งของสองคนนี้นะ




จะได้เคลียร์ปมกราฟเลยมั้ย
ลุ้นๆๆๆๆๆ อยากรู้ว่ากราฟเป็นอะไรสำหรับยีนกันแน่


อยากถามอย่างนึงค่ะ
ชื่อของยีน นี่คือ ไฮยีน(น้ำยาซักผ้าขาว) จริงๆเหรอค่ะ =[]=

ปมกราฟยีนยังไม่เคลียร์กันง่ายๆ ค่ะ มียืดต่อไปอีก
ส่วนชื่อไฮยีน ไม่ใช่น้ำยาซักผ้าขาวนะ อันนั้นไฮเตอร์ ฮ่าๆ ไฮยีนมาจาก hygiene ค่ะ




มารอลุ่น...
เมื่อไรยีนกะพี่ภูจะได้ฟิดเจอริงกันล่ะ
เคอะๆ

ดูๆ แล้วน่าจะอีกไม่นานมั้งคะ ฮ่าๆๆๆ (หัวเราะกลบเกลื่อน)




ทะแม่งๆ ตอนอ่านมาถึงช่วงกลางๆ ว่าทำไมตอนนี้มันหว๊าน หวาน....หวานกว่าตอนที่แล้วอีก มันจะดราม่ามั๊ยหนอ?


...พูดได้คำเดียว ' กุว่าแล้ว '   :z3:


อ่านแล้วจุกชิบ  สงสารพี่ชมภูอ่ะ  :o7:

ตอนนี้จะยังสงสารอยู่อีกรึเปล่าน้อ แต่ก็น่าจะล่ะนะ เหมือนโดนทิ้งขว้าง




อ๊ากกกก :sad4:

ไมเกงยีนทำแบบนี้ :m15:

สงสารพี่ชมภูอ่าค่ะ


ปล.   ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งนาน    มาแล้วนะ    อิอิ :z2:

เวลคัมแบ็คค่ะ ติดตามต่อนะ  :กอด1:






                                 เว๊ย..........................เซ็งแทน จับปลาสองมือปล่าว

เหมือนตอนนี้จะไม่ได้จับเลยสักมือ





ไอ้พี่ภูเอาคะแนนสงสารจากตรูไปท่วมท้นเลย
อ้ายยยยยยยยยยยย แม่งเจ็บหัวใจเหี้ยๆ จริงๆนั่นแหละพี่ภู
ว้ากๆๆๆๆๆๆๆๆ กราฟยังคะยังไง  หวงเพื่อนหรือยังไง
น้องยีนนนน ขอความชัดเจนด้วยเปลี่ยน เป็นตางึ้ดแท้เหลา!!!

น้องยีนก็เหมือนจะชัด แต่ไม่ชัดในตัวเอง




ฮือๆๆๆๆๆ :m15: :m15:

ทำไม  ทำงี้? สงสารพี่ชมพู
 :sad4: :sad4:

แง๊ จะเอาพี่ชมพูอ่ะ ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆ ยังไงพี่ชมพูต้องเปนพระเอกเท่านั้น!!!!
ไม่ยอมมมมม

ตอนหน้าพี่ชมพูก็กลับมาแล้วค่ะ






    กราฟนี่ชักจะยังไงๆแล้วนะ ยีนก็ด้วย
    คู่นี้มันยังไงกันแน่
    ถ้าเพื่อแบบปกติมาเจอก็น่าจะต้องไปลากพี่ภูออกมาสิ แล้วก็โวยวายสักหน่อย ไม่ใช่เดินหนีไปเฉยๆอย่างนี้
    มันดูเหมือนแฟนที่จับได้ว่าคู่ของตัวเองมีคนอื่นอ๊ะ!!

สรุปว่าหนีออกไปเพราะคิดว่าตัวเองมาขัดจังหวะ




:a5:
เอ๊ะ...!!!
มันหวานอยู่ดีๆทำไมขมเร็วจัง
พี่ชมภูน่าสงสารอ่ะ

สรุปว่ายีน
ชอบใครกันแน่  เฮ้ออออ 
:z3:

ดูเหมือนจะมีคนเดียวให้ยีนชอบนะ




โอ้ย ตัดฉับ กําลังมันได้ที่เลยคุณขา

น่าสงสารตาพี่ภูเหมือนกันนะ แต่เอาอีกนะ สะใจดี 5555

คอมเมนต์นี้ร้ายกาจ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ





งงกะความสัมพันธ์ของกราฟกะยีน

มันจะโผล่ออกมาให้งงเป็นพักๆ ค่ะ แต่ตอนนี้น่าจะชัดขึ้นเยอะแล้วนะ




ถึงจะชอบกราฟมากแค่ไหน

แต่น้องเกงยีนน่ะของพี่ภูนะๆๆ

เกงยีนนนน  ทำไมปล่อยให้กราฟทำแบบนั้นละลูก

 :a5: :a5:

น้องยีนมึนอยู่ค่ะ




สวัสดีค่า

พึ่งเค้ามาอ่านนะค่ะ
สนุกมากๆๆเลยพี่ภูกวนอ่ะฮ่าๆๆ
ตอนล่าสุดโฮกกกเล่นเอาเจ็บปวดหัวใจ
กราฟกับยีนมีเรื่องอะไรกันเนี้ยยยย
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ

ยินดีต้อนรับคนใหม่ค่ะ ติดตามกันไปเรื่อยๆ นะคะ




ขอกราฟยีนหนักๆได้มิ >< :really2:
ชอบมากครับ5555555555
รอตอนต่อไป ลุ้นอะ!

โอ้ววว กราฟยีนเขาจะมีโผล่เป็นพักๆ ค่ะ แต่สู้ภูยีนไม่ได้หรอกนะ




น่าสงสารไอพี่ชมภู
สรุป กราฟกับไฮยีน นี่่มันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย ?

รอเฉลยในช่วงเวลาอันไกลโพ้นค่ะ :really2:






อึ้ง+ค้าง อย่างแรง!


สงสัย กราฟกับยีน เขาเป็นอะไรกัน แน่นะว่าเพื่อน?

ณ จุดนี้ก็เพื่อนนะ




มา  :z2: รอคนเขียน เมื่อไหร่จะมาเน้ออ :serius2: คิดถึงน้องไฮยีนกับพี่ชมภูแล้ว

มาแล้วค่ะ มาแล้ว ชอบจังมาทวง





ผมมารออีกแล้วววววววววว
คิดถึงแล้วววว tt'

ขอบคุณที่มารอนะคะ จัดให้ทันทีที่สามารถเลยค่ะ





ถ้าไม่ไหวก็พักผ่อนดีกว่าครับ

หายไวๆนะครับ :L2:

ขอบคุณมากนะคะ ยามันแรงมากอย่างไม่เคยเจอ จนแม่ต้องบอกว่าทีหลังกินครึ่งเม็ดพอนะ  :laugh:





ตกลงยีนกะกราฟเปนไรกันอ่ะ?

ก่อนหน้านี้ก็เพื่อนกัน ตอนนี้ก็ยังเพื่อนกันค่ะ





กราฟกับยีนนี้เหมือนจะเกินเพื่อนแล้วนะ  :angry2: แต่ตอนนี้สงสารพี่ภู :z3:

จริงๆ จะบอกว่าเกินเพื่อนก็ได้นะ แต่เชิงไหนนี่สิ





สงสารพี่ชมภู  :a5:

ทำไมยีนเป็นคนอย่างงี้

ตกลงยีนกะกราฟนี่อย่างไงกันแน่

งานนี้อาจจะไม่มีใครผิดเลยก็ได้นะเนี่ย




ขอบคุณทุกคอมเมนต์มากๆ เลยนะคะ ไว้ว่างๆ จะแวะมาตอบอีกค่ะ ^^



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 24-03-2012 03:29:00
โหยยย พี่ภูจะตามไปกระทืบโมเดลมั้ยเนี่ย
เกงยีนเอ๊ยย เปนแฟะพี่ชมภูไปเหอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 24-03-2012 04:35:18
โห่ พี่ภูแม่งไม่สู้เลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 24-03-2012 05:47:13
อิพี่ภูอุส่าหน้าด้านมาทั้งเรื่องแล้วก็รุกๆต่อไปซิ
ปล.หันมาเร่งพี่ภูเพื่อคู่กราฟจะออกเร็วขึ้น ก๊ากกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 24-03-2012 06:40:01
พี่ชมภูสู้ๆ นะ   :impress2:


ถ้าไม่ยอม คราวนี้ปล้ำยีนไปเลยดีกว่า  :oo1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 24-03-2012 07:08:41
คราวนี้ยีนคงรู้ตัวซะทีว่าชอบพี่ชมพูรึเปล่า
แต่กว่าะรู้ก็แทบงอม กัสนะกัสช่างสร้างเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-03-2012 07:28:43
คราวนี้รู้ใจตัวเองซะทีนะว่าคิดยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 24-03-2012 07:31:48
 :เฮ้อ:โล่งอก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: iyng1338 ที่ 24-03-2012 07:49:27
กว่ายีนจะรู้ตัว
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 24-03-2012 08:14:14
อ๊ากกกกกกกกกกกกก ค้างงงงงงงงงงงง :serius2:

รีบๆมาต่อเดี๋ยวเน้ :m15:

ถามจริงแต่งได้ไงเนี่ย สมจริงอะไรจริง ติดแง่กจริงๆอีกตะหาก :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 24-03-2012 10:36:54
 :z3: :z3: :z3: :z3:



ค้างงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 24-03-2012 11:22:28
ขนาดนี้แล้วยังไม่ชอบอีกหราาาา

ปากแข็งไปป่าวจ๊า  หนูเคะน้อยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-03-2012 12:06:32
ยีนซึนอย่างแรง

พี่ภูรู้เรื่องทั้งหมดรึยังเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 24-03-2012 12:12:17
จะติดตามต่อไปนะครับผม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: CHoMe ที่ 24-03-2012 12:13:08
 :เฮ้อ: โล่งอก ที่แท้ก้เป็นอย่างงี้นี่เอง

พี่ชมภูสู้เข้า ถ้ายีนไม่ยอมก็ปล้ำแม่งเลย
แต่ตอนนี้อย่างบอกว่า มันค้างงงง :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-03-2012 12:48:58
พี่ชมภูจัดการด่วน o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 24-03-2012 13:06:33
พี่ภู คัมแบ็ค!!
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พออ่านไปแล้ว....เอิ่ม กราฟ ที่แท้ก็คิดงั้นเองหรอกหรอ
ห้วยยยยยยยยย เกงยีน ชัดหรือยังลูก
แค่นี้ก็ชัดพอแล้วมั้งคะ  ตอบใจตัวเองได้แล้วลูกเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 24-03-2012 13:18:26
เหอะๆ พี่ภูอู้นะเนี่ย สงสัยให้ค่าตัวน้อยไปหน่อย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55] P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 24-03-2012 23:10:59
มารอพี่ภูน้องยีนคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Koyy ที่ 25-03-2012 00:26:53
ยีนแกจะซึนไปไหนวะ

สงสารพี่ภูของฉัน(?)บ้างสิเฮ้ย!!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 25-03-2012 01:16:09
เรื่องนี้ทำให้เราไม่ได้อ่านหนังสืออ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

ติดเรื่องนี้อีกจนได้ ชอบคาแร็กเตอร์น้องยีนมากๆ บางมุมน่ารัก บางมุมก็ดาร์กเบาๆ ชอบๆๆๆ

อ่านตอนแรกๆก็สงสารน้องยีน รำคาญอิพี่ภู แต่ตอนนี้สงสารพี่ภูอ่ะ น้องยีนรีบรู้ใจตัวเองด่วนเลยจ้า

พี่ภูชอกช้ำระกำใจแย่แล้ว อ่อ ช่วยเคลียร์ความสัมพันธ์ของหนูกับเพื่อนๆให้พี่ภูเค้ารู้ด้วย เค้าคิดไปไกลตลอด ฮ่าๆๆ

รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 25-03-2012 02:39:41
น้องเกงยีนรู้ตัวไวๆเถ๊อะะะะ สงสารพี่ชมพู T^T
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 25-03-2012 03:21:45
น้องเกงยีนรู้ใจตัวเองไวๆสิ!!
สงสารพี่ชมพูอ่ะ!!  :กอด1:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 25-03-2012 12:13:17
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 25-03-2012 12:40:58
อั้ยหยาาา!!! นี่พี่ภู....
ยีนกราฟพวกเธอทำอะไรรร =______=;;
ฮืมมม รีบเลคียร์ด่วนครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 25-03-2012 13:17:11
เราแอบย่องเข้ามาอ่านนิยายนี้นานล่ะ แต่ไม่ได้มาปรากฏตัวสักที :laugh:

แต่งเรื่องได้น่ารักมาก ชอบอ่ะ :-[    o13 o13 o13 o13

รอตอนต่อไปน๊าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 25-03-2012 13:19:38
รอลุ้นตอนต่อไป :z13:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 25-03-2012 15:18:51
คนที่สมควรโดนตีนน่าจะเป็นกัสมากกว่านะ  :z6:

ย้ากก  น้องเกงยีนเกือบเสียสาแล้วมั้ยละ !! O.o

ยังไงพี่ภูก็เข้าใจน้องเกงยีนเร็วๆนะ

อั่ยยะ  >///< อ่านกี่ที่ๆ ก็เขินน  o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 25-03-2012 16:18:04
ขอให้ยีนรู้ใจตัวเองไวๆนะจ๊ะ...ส่วนพี่ภูก็รอน้องยีนหน่อยละกัน :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 25-03-2012 18:32:30



     อะแง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ค้างง่าาาาาาาาาาาาาาาาา
     พี่ภูมาเห็นยีนในสภาพวับๆแวมๆงี้จะเป็นไงน้าาา



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 25-03-2012 21:52:43
รอลุ้นต่อไปปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-03-2012 22:50:03
พี่ภูเงียบหายไปเลยอ่าาา

จะกลับมาแล้วใช่มั้ยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 26-03-2012 12:31:34
ไม่ได้เ้ข้ามาหลายวัน เพิ่งเห็นว่าต่อแล้ว

ลุ้นตอนต่อไปจริงๆ ไอโมเดล  :haun4: ต้อง :beat: :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 26-03-2012 14:04:12
พี่ภูสู้โว้ยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 26-03-2012 14:23:20
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตึ๊บ คร่าาาาาาาาาาาาาาา

เห้ออออ  สงสารพี่ภูเนอะ

รอลุ้นต่อนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 26-03-2012 14:27:03
พี่ภูสู้ๆนะครับ   :bye2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 26-03-2012 18:04:42
นึกว่ากัสจะมารับจริงๆ
เฮ้ยพี่ภูทำท่าห่วงนิดนึงจะได้ไหม ชิช่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 26-03-2012 21:51:40
มมารอคร้าบบบ สู้ๆนะ :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 26-03-2012 22:24:28
โมเดล ตอนเดียวสั้นๆจบป่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Hakken ที่ 27-03-2012 00:47:09
 :z13: :z13: :z13:        จิ้มคนเขียน    ทำคนอ่านค้างมากกกกกกกกกกก     รออออออออ   กว่าพี่ภูจะโผล่ามา :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kiinono ที่ 30-03-2012 16:17:56
ยีนเอาเลยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : อย่าให้ความหวัง [24/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 30-03-2012 20:06:11
มารอคร้าบบบ :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 16 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 31-03-2012 03:31:16
ตอนที่ 16 : หน่วง











ตั้งแต่ขึ้นรถมา ก็เงียบมาตลอดทาง พี่ชมพูไม่พูดอะไรสักคำ กระทั่งพาผมมาถึงคอนโดของมัน ตอนแรกผมนึกว่ามันจะพาผมไปส่งที่บ้านซะอีก แต่ก็ไม่ใช่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงต้องพาผมมาที่นี่ แล้วคงเพราะผมมัวแต่นั่งอยู่ในรถล่ะมั้ง มันถึงได้เดินมาเปิดประตูรถให้ พูดคำสั้นๆ แค่ว่า...

“ลงมาสิ”

ก่อนจะเดินนำไปเฉยเลย ผมที่ยังงุนงงอยู่กับการทำตัวแปลกๆ และความห่างเหินของมันจึงทำได้แค่เดินตามไปเท่านั้น

ขึ้นลิฟต์มาหยุดที่ห้องของไอ้พี่ชมพูแล้วมันก็ยังไม่พูดอะไรต่อ คนที่ปกติพูดมากแต่วันนี้กลับเป็นใบ้เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวมาให้

“อะไร”
“...”

ทั้งที่ผมถาม แต่ว่ามันก็ไม่ตอบอะไร แค่สะบัดหน้าเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ผมเข้าไปอาบน้ำซะ ทำให้ผมยิ่งงงกับสิ่งที่มันทำมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็เอาวะ อยากให้กูทำ กูทำก็ได้

ผมคว้าผ้าเช็ดตัวจากมือใหญ่ไปแล้วก็เดินเข้าไปอาบน้ำในห้องนอน ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดก่อนจะอาบน้ำล้างตัว เอาจริงๆ ก็รู้สึกเหนียวๆ ตัวอยู่มั่งเหมือนกัน เพราะเมื่อกี้ต่อยกับไอ้เหี้ยโมเดลแล้วโดนมันอัดคืนกลับมาอยู่หลายหมัด ทั้งเตะทั้งถีบทั้งต่อย

ถูสบู่บนอกตัวเองแล้วก็รู้สึกเจ็บหน่อยๆ เพราะโดนมันยันกลับมาตอนขึ้นไปคร่อมรัวหมัด แต่ก็พยายามสะบัดความเจ็บปวดนั้นไปเพราะมันไม่ได้สาหัสสักเท่าไร ก่อนจะเปิดฝักบัวเพื่อให้น้ำชำระคราบสบู่ออกไป จากนั้นหยิบผ้าเช็ดตัวที่ได้รับมาซับน้ำเปียกๆ และพันบนเอวของตัวเองแล้วเดินไปส่องกระจกดูสภาพที่เป็นอยู่

ตรงมุมปากมีรอยช้ำแดงๆ อยู่ ไม่ได้ชัดมากนักแต่ก็มองเห็นอยู่ ดีว่ามันต่อยหน้าผมโดนแค่หมัดเดียว เพราะไม่อย่างนั้นคงได้หมดหล่อกันพอดี ส่วนแว่นผมถอดมันออกตั้งแต่เข้ามาในห้องน้ำแล้วเพราะว่าเกะกะลูกตา มองเลนส์ที่เป็นรอยร้าวแล้วน่ารำคาญ ส่วนบนอกก็มีรอยช้ำนิดๆ ปรากฏอยู่

ตีนหนักเหมือนกันนะมึง ห่าเอ๊ย

ผมสบถกับตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ คงเพราะร้างการต่อยตีไปนานเลยเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกเหมือนอย่างเคย ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะไม่มีแผลติดตัวกลับมาเลยก็ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่ผมทำได้ก็มีเพียงแค่นี้

เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากสำรวจความเสียหายบนร่างกายของตัวเองเสร็จแล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นนิดหน่อย เพราะว่าตอนนี้ไอ้พี่ชมพูนั่งอยู่บนเตียงนอน ข้างตัวมันมีกล่องอะไรบางอย่างวางเอาไว้ มันนั่งนิ่งก่อนจะเบือนหน้ามาทางผมพลางใช้เสียงนิ่งๆ เรียก

“มานั่งนี่”

ผมยอมทำตามที่มันบอกอีกครั้งและมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ แต่คนที่เรียกผมให้เข้าไปนั่งลงข้างๆ กลับไม่พูดอะไร เพียงแค่เปิดกล่องนั้นออก ทำให้ผมรู้ว่ามันเป็นกล่องของยาสามัญ พี่ชมพูหยิบสำลีที่อยู่ภายในกล่องขึ้นมาแตะแอลกอฮอลล์แล้วจิ้มตรงมุมปากของผม

เสียงซี้ดปากเพราะความแสบดังขึ้น มือใหญ่จึงพยายามละออกให้ห่างกว่าเดิมอีกนิดหน่อย เหมือนมันตั้งใจจะทำให้เบามือกว่าเดิม ทำให้ผมรู้สึกดีหน่อยๆ ที่มันไม่อยากให้ผมเจ็บ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เถอะ

ผมมองหน้ามันแต่ก็เห็นเพียงสีหน้านิ่งเฉย ปกติมันชอบทำหน้ากวนตีนไม่ก็หาเรื่องจะตาย แต่ตอนนี้สีหน้าของมันกลับไม่แสดงออกถึงอารมณ์อะไรเลย

รู้สึกแย่แฮะ ไม่ชินกับการที่ไอ้พี่ชมพูเป็นแบบนี้เลยจริงๆ

หลังเช็ดแผลที่มุมปากผมให้ มันก็เปลี่ยนเป็นเอายาแก้ฟกช้ำมาทาให้บางๆ แทน จากที่ปากมันก็ก้มต่ำลงมามองที่อกผม ตอนนี้ผมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่ เพราะว่ามันเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ผมอย่างเดียวนั่นแหละ ส่วนเสื้อสภาพเน่าๆ กระดุมหายมีรอยตีนประปราย จะให้กลับไปใส่ก็คงไม่ต่างอะไรจากก่อนอาบน้ำ

มันมองอยู่อย่างนั้นเหมือนพิจารณาบาดแผล ก่อนจะขยับมือมาแตะลงบนอกผม นวดคลึงยาบนรอยช้ำนั้นเบาๆ แต่ก็กระเทือนให้รู้สึกเจ็บพอสมควร ผมต้องกัดฟันเพื่อกั้นเสียงร้องเอาไว้ กระทั่งทายาเสร็จ ไอ้คนตัวใหญ่ถึงได้เก็บยาลงในกล่องเหมือนเดิมแล้วลุกไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาให้ผมใส่

ผมรับเสื้อยืดสีเขียวของมันมาใส่กับกางเกงขาสั้น ดีว่าเอวเป็นแบบยางยืดเลยใส่ได้ พอใส่เสร็จมันก็รับผ้าเช็ดตัวจากผมไปแขวนไว้ที่ราวตากผ้าในห้อง ขณะที่ผมมองตามการกระทำทุกอย่างของมัน และรอคอยว่าเมื่อไรมันจะพูดอะไรออกมาสักที

“โทรหาป๊ามึงสิ”

แล้วมันก็พูดออกมา แต่ว่าผมไม่เข้าใจ

“ทำไมผมต้องโทรหาป๊า”

“บอกว่ามึงจะค้างกับกู”

ผมบอกตอนไหนว่าจะค้างกับมัน?

ผมมองหน้ามันพลางคิดแบบนั้น และสงสัยว่ามันจะรู้ เลยตอบกลับมาก่อนที่ผมจะพูดอะไร

“มึงจะเอาหน้าช้ำๆ ไปให้ป๊าเห็นหรือไง”

มันพูดมาแล้วผมก็นึกได้ ถ้าป๊าเห็นคงไม่ดีแน่ แต่ให้ค้างกับมันนี่นะ ป๊าจะไม่งงหรือไงว่าทำไมถึงมาค้างกับรุ่นพี่ ทั้งที่เพื่อนก็มี ไอ้กราฟ กัส เคลมมีที่ให้ผมนอนทั้งนั้นแหละ

“แล้วทำไมผมต้องค้างกับพี่ด้วย ผมไปค้างกับไอ้กราฟก็ได้”

“แล้วแต่มึง”

เสียงของมันตึงๆ ขึ้นมานิดหน่อย ผมรู้สึกได้ ร่างสูงนั้นเดินผ่านหน้าผมไปเหมือนมองไม่เห็นกันด้วยซ้ำ มันหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าอีกผืนนึงออกมาแล้วตรงเข้าห้องน้ำไปเลย

ผมได้แต่งุนงงว่ามันเป็นอะไรของมันกันแน่ ตอนแรกที่มันมารับ ถึงแม้จะเพราะไอ้กัสมันโทรไปขอให้ช่วย ผมก็นึกว่ามันจะเป็นปกติแล้วเสียอีก มันทำเฉยกับผมเหมือนเป็นคนไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ

เพราะผมพูดถึงไอ้กราฟเหรอ?

นั่งอยู่บนเตียงรอมันออกมาจากห้องน้ำผมก็โทรไปบอกป๊าเรื่องว่าจะค้างกับไอ้พี่ชมพูสักสองสามวัน อ้างเหตุผลว่าต้องให้มันช่วยเรื่องรายงานทั้งที่ไม่ใช่แม้แต่น้อย จนเมื่อเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกผมถึงได้หันไป มันมองมาทางผมด้วยความรู้สึกประหลาดใจล่ะมั้งที่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่เพียงแค่แวบเดียวมันก็ปรับสีหน้าให้เป็นนิ่งเหมือนเดิม

พี่ชมพูเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดมาใส่ แต่ระหว่างนั้นมันก็พูดกับผมด้วยเสียงเฉยเมยและเย็นชาเกินปกติ

“จะให้กูไปส่งใช่ไหม”

ผมรู้สึกหน่วงๆ อยู่ในอกกับน้ำเสียงแบบนั้น

ไม่ชอบ ไม่ชอบเลยจริงๆ มึงเป็นเหี้ยอะไร!!

“ไม่ต้อง”

“มึงจะไปเอง?”

มันดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอวหลังจากใส่กางเกงเรียบร้อยแล้ว เป็นกางเกงขาสั้นคล้ายๆ กับที่ให้ผมใส่ ก่อนจะเดินไปตากผ้าเช็ดตัวที่ราวเดียวกัน และมัน... ยังไม่หันหน้ามามองผมเลย

“ผมจะค้างที่นี่”

เพราะคำตอบนี้ที่ทำให้มันยอมหันมา ทำหน้าเหมือนแปลกใจนิดหน่อย ผมเลยพูดต่อ

“ไม่ได้อยากให้ผมค้างที่นี่หรือไง”

ถ้าเป็นปกติแล้วมันคงตอบว่า ใช่ หรืออะไรที่เป็นทำนองนี้ เพราะว่ามันบอกว่าชอบผม มันก็ต้องอยากให้ผมอยู่ด้วย มันชอบกอดผม ชอบมานัวเนียหรืออะไรต่างๆ นานาที่มันเรียกว่า ‘เกิน’ แต่คราวนี้ไม่ใช่

“สิทธิ์ของมึง”

“...”

“...”

“...”

แล้วความเงียบก็มาทักทายพวกเราสองคน มันเงียบจนน่าอึดอัดทั้งที่กินเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ หลังจากมันพูดคำนั้นเท่านั้นเอง

มันไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ ในเมื่อมันเป็นคนบอกผมเองว่าชอบ เพราะแม้แต่ผมยังรู้สึกว่าในตอนนี้บรรยากาศมันน่าอึดอัดจนหายใจไม่ออกเลย หน่วงในใจยังไงไม่รู้ที่มองเห็นมันนิ่งเฉยกับผมอยู่แบบนี้

สุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องปริปากออกมาก่อน

“พี่จะไม่ถามอะไรเลยเหรอ”

“จะให้กูถามอะไร”

แค่คำง่ายๆ แต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกเจ็บตรงหัวใจขึ้นมาวะ

ผมถามตัวเองแบบนั้นก่อนจะกัดปากเบาๆ เพื่อระงับความรู้สึกที่แล่นพรวดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ และตอบมันกลับไปเหมือนอย่างที่เคย พยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่รู้สึกว่าตอนนี้ผมอาจจะผิดปกติกว่าคนตรงหน้าเสียอีก

“ที่ผมได้แผลมาแบบนี้”

“สภาพมึง ถ้าเป็นคนอื่นกูคงนึกว่าถูกไล่ปล้ำมา แต่อย่างมึงคงไปเผลอมีเรื่องกับใครเขามาล่ะสิ อริเยอะไม่ใช่หรือไง”

เป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครที่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมเป็นยังไงก็คงคิดแบบนั้น สำหรับไอ้พี่ชมพูก็ไม่แปลกเหมือนกัน แต่...

มันไม่เป็นห่วงผมบ้างหรือไง

ผมยังจำได้ ตอนที่มันพาผมวิ่งหนีพวกไอ้ป๊อป มันเป็นห่วงผมขนาดไหน มันช่วยผมทั้งที่ไม่จำเป็นเลย แต่ตอนนี้คืออะไร ความรู้สึกบางอย่างมันตีรวนอยู่ในใจผมจนอดจะทำให้พูดออกมาไม่ได้

“แล้วถ้าผมโดนไล่ปล้ำจริงๆ ล่ะ”

ใบหน้าเฉยเมยของคนเย็นชาตวัดกลับมามองผมด้วยตาเบิกโพลง ผมอยากจะหัวเราะในใจที่ตอนนี้มันมาทำเป็นสนใจ ทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะภูมิใจแล้วเอามาบอกต่อเลยสักนิด แต่พอเห็นว่าพี่ชมพูสนใจ ผมก็เติมเชื้อไฟลงไปอีก

“เพราะมันจะปล้ำผมไง ผมถึงได้มีเรื่องกับมัน”

ซึ่งก็ได้ผล เพราะเสียงทุ้มๆ นั้นกดต่ำแล้วถามกลับมาด้วยอารมณ์กรุ่นๆ

“มันเป็นใคร”

“สนใจด้วยเหรอ มันจะเป็นใครก็เรื่องของมันสิ ไม่จำเป็นที่พี่ต้องรู้เลยสักนิด”

“มันจะทำร้ายมึงไม่ใช่หรือไง”

“แล้วพี่เกี่ยวอะไรด้วย”

พอผมย้อนถามกลับไปแบบนี้มันก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไร แต่มันกระแทกใจของผมจังๆ

“เออ เรื่องของมึง”

รู้ไหมครับว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง?

เจ็บที่ใจฉิบหาย!











ทั้งที่อยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่เหมือนกับอยู่ลำพังเพียงคนเดียว ทั้งที่นอนเตียงเดียวกัน แต่กลับไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ มันนอนด้านซ้าย ส่วนผมนอนด้านขวา ตื่นเช้ามันขับรถมาส่งผมเพราะว่ามันก็ต้องมาเรียนเหมือนกัน

มีแค่นี้... มีแค่นี้แหละระหว่างผมกับไอ้พี่ชมพู

ผมเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกที่เหลือที่มาก่อนแล้ว นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำมุมหนึ่งในคณะ ส่วนคนที่มากับผมด้วยก็ไปที่กลุ่มของมันซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่ง ผมทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะอย่างเซ็งๆ แว่นที่ร้าวก็ยังต้องใส่อยู่ น่าหัวเราะชะมัดที่ผมรู้สึกว่าแว่นนี่มันเหมือนผมกับพี่ชมพู

ทั้งที่ใช้งานได้อยู่ แต่ว่ามันก็ไม่ดีเหมือนเดิม

แล้วมันก็น่าเจ็บใจตรงที่ผมยังทนใส่มันต่อไปทั้งที่จะให้ไอ้กราฟไปซื้อแว่นใหม่มาให้เปลี่ยนวันนี้ก็ได้ แต่ผมไม่ทำแบบนั้นเพราะ... อยากไปซื้อกับมัน

“สภาพมึงแย่กว่าที่กูคิด”

มีแผลให้เห็นแค่มุมปากที่เดียว แต่ไอ้เหี้ยเคลมก็ดันทักมาแบบนั้น ผมดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มนิดหน่อยเพราะตึงๆ แผลอยู่

“ก็กูไม่ได้มีเรื่องนานแล้ว”

“มึงจะเปลี่ยนแว่นไหมวะ เดี๋ยวกูไปซื้อให้”

กราฟเสนอตัว แต่ผมก็ส่ายหัว ถึงมันจะน่ารำคาญกับรอยร้าวแต่ก็จะทน ไอ้กัสเลยโพล่งขึ้นมาบ้าง

“เรื่องไอ้โมเดล กูจัดการให้มึงแล้วนะ”

“ยังไง?”

สภาพของไอ้เหี้ยนั่นที่ผมเห็นเมื่อวานก็เกือบสลบคาตีนผมอยู่แล้ว ไอ้กัสยังไปจัดการอะไรได้อีก

“ก็อัญเชิญมันไปโรง’บาลไง แล้วก็บอกมันว่าอย่าคิดทำอะไรแบบนั้นกับมึงอีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าจะเป็นตีนพี่ภู”

“พูดถึงพี่ภูแล้ว เป็นยังไงมั่งวะมึง เมื่อคืนอะ”

ไอ้เคลมได้ทีเข้ามาเอาไหล่กระแซะๆ ผม ทำหน้าทำตาล้อเลียนเหมือนจะแซว แต่ในความเป็นจริงขัดกันโดยสิ้นเชิง ยิ่งพูดถึงผมก็ยิ่งหงุดหงิด นึกถึงทีท่าของมันแล้วก็ขัดใจ

“ห่าอะไรของมึง”

“ก็ได้กุ๊กกิ๊ก สวีทจี๋จ๋า บลาๆๆๆ หรือเปล่า”

ไอ้เคลมยังไม่เลิกทำตัวอ้อล้อจนผมอยากจะถีบมันเหลือเกิน แต่ไม่มีอารมณ์ เลยสะบัดเสียงห้วนๆ ใส่มันไป

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

“อ้าว อะไรวะ ว้า.. เสียดาย”

“เสียดายอะไร”

“เปล๊า”

มันทำเสียงสูงก่อนจะกระเถิบตูดไปกระแซะไอ้กัสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน ส่วนไอ้สองตัวที่เหลือก็มองหน้าผม มันคงรู้กันหมดแหละว่าเมื่อคืนผมไปนอนที่ไหน ไม่อย่างนั้นไอ้เคลมไม่มีหน้ามาล้อผมแบบนี้หรอก

“แล้วมึงกับพี่ภูเป็นยังไงมั่ง” ไอ้กราฟถาม

“เป็นยังไงของมึงหมายถึงอะไร”

“ก็มึงปรับความเข้าใจกับเขาหรือยังล่ะ”

คราวนี้เป็นไอ้กัสบ้าง มันถามเหมือนผมกับไอ้พี่ชมพูทะเลาะกันอย่างนั้นแหละ ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีสักอย่าง

เหี้ยเอ๊ย นึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็หน่วงๆ ในใจขึ้นมาอีกแล้ว

“กูมีอะไรให้ต้องปรับ”

“เฮ้อ ไอ้ยีนเอ๊ย” ไอ้กราฟทำเสียงแบบนี้อีกแล้ว มันเขยิบตัวเข้ามาใกล้ๆ เอาแขนมาคล้องคอผม “มึงน่ะ ขนาดนี้ยังไม่รู้อีกหรือไง”

“กูรู้อะไร”

“ก็มึงไม่ได้ชอบ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้โมเดลนั่นเลยใช่ไหมล่ะ”

“แล้วมึงจะให้กูรู้สึกอะไรกับไอ้เหี้ยนั่น? รู้จักกันกี่วันกูถามหน่อย”

“แต่มึงก็ไม่รู้สึกอะไรแม้แต่นิด ไม่ชอบที่มันทำรุ่มรามกับมึงด้วยใช่ไหม”

“กูไม่ใช่เกย์เหมือนมันนี่”

“เรื่องนั้นมันก็ถูก”

ไอ้กัสพูดเสียงเรียบๆ แต่ดูเหมือนเหนื่อยใจ

เหนื่อยเหี้ยอะไรของมึง กูสิต้องเหนื่อย แม่งทำเหมือนกูเป็นหุ่นให้พวกมึงทดลอง

“แต่กูขอถามมึงจริงๆ เลยนะว่า... มึงไม่รู้สึกดีๆ กับพี่ภูมั่งเลยหรือไง”

“ไม่”

โดยเฉพาะตอนนี้ มันทำให้ผมรู้สึกแย่สุดๆ

แม่งจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำให้ผมรู้สึก...แย่ฉิบหาย!

“ไอ้ยีน มึงพูดออกมาจริงๆ สิวะ”

ไอ้กราฟถามผมย้ำคำถามเดียวกับไอ้กัส ผมอยากจะยืนยันคำเดิม แต่เพราะไอ้กราฟมองหน้าผมเหมือนกำลังจับผิดและคาดเค้นให้ผมพูดความจริงออกมาให้ได้ ผมถึงต้องยอมปล่อยให้เสียงลอดออกมาเบาๆ

“เออ”

แล้วมันก็ยิ้มได้ ไม่ใช่เพียงแค่ไอ้กราฟ แต่ไอ้กัส หรือไอ้เคลมก็กำลังยิ้ม

พวกมึงยิ้มห่าอะไรกัน แค่กูพูดแค่นี้มึงต้องยิ้มกันด้วยเหรอ

“แล้วมึงเคยใจเต้นกับพี่ภูมั่งไหม”

ไอ้กราฟกระชับวงแขนที่คล้องคอผมเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิมอีก ก่อนจะถามต่อ

“สัตว์ มึงถามอะไรเนี่ย”

ทำไมผมรู้สึกร้อนๆ หน้าขึ้นมาหน่อยๆ วะแม่ง

“นั่นแน่ๆ มึงหน้าแดงด้วยนะเว้ย”

“สัตว์เคลม!!”

มันทำหน้าล้อเลียนแถมยังชี้หน้าผมอีก พานให้ผมยิ่งรู้สึกร้อนหน้ากว่าเดิม

แม่งเอ๊ย ไอ้พวกนี้จะรุมผม จะบีบคั้นผมให้ชอบไอ้พี่ชมพูให้ได้เลยใช่ไหม

“ว่ายังไง มึงรู้สึกแบบนั้นมั่งหรือเปล่า”

“...”

ผมไม่พูด เม้มปากแน่น แล้วไอ้ห่าเคลมแม่งก็ทำตัวน่าถีบขึ้นมาอีก

“แน่ๆ เลยแบบนี้ ดูอาการมันก็รู้แล้ว”

“หุบปากมึงไปเลย หมามึงกัดกู”

“เขินว่ะ มีเขิน”

ผมถลึงตาใส่มันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่ามันก็ไม่เลิก ไอ้กัสแม่งก็ยังมานั่งอมยิ้มใส่อีก แม่งงงงงงงงง ผมอยากจะลุกขึ้นไปถีบพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไอ้กราฟก็กดแขนของมันไว้ ผมถึงลุกไม่ได้

“มึงอย่าโกหกตัวเองดิวะ”

“กูโกหกอะไร”

ผมตอบไอ้กราฟไป แต่มันก็ไม่เชื่อ แถมยังทำเสียงจริงจังกว่าเก่า

“ถึงมึงจะรักคนอื่น แต่สัญญาระหว่างมึงกับกูก็ไม่มีวันเปลี่ยนหรอก มึงจำเอาไว้”

สัญญาเก่าๆ ระหว่างผมกับไอ้กราฟถูกอ้างขึ้นมา ทำให้ผมสงบนิ่งลงได้ ผมหันไปมองมัน จ้องตามัน ก่อนจะเลื่อนมือไปจับมือมันเอาไว้ คำสัญญาเมื่อหลายปีก่อนหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้พวกเราเหมือนกับตายทั้งเป็น

ผมยังจำได้ และมันก็ยังจำได้

“ถึงมึงจะรักใคร ไม่ว่ายังไงมึงก็รักกู เหมือนที่กูรักมึง”

“อืม”

“และถึงกูจะไม่ได้อยู่กับมึงตลอดเวลา แต่คนที่จะดูแลมึงตลอดไปก็คือกู”

“อืม”

คำสัญญาพวกนั้นถูกทวนขึ้นมาอีกครั้ง ภาพวันเก่าๆ ย้อนกลับคืนมา วันที่เรามีทั้งน้ำตา รอยยิ้มบนหน้าเปียกปอน และอ้อมกอดที่กอดกันเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าอีกคนหนึ่งจะหายไป...

“เพราะฉะนั้นมึงไม่ต้องห้ามใจตัวเองหรอกนะว่ามึงจะรักใคร พี่ภูเขาก็ดี ไม่อย่างนั้นพวกกูคงไม่สนับสนุนหรอก”

ผมรู้ดีว่าคนที่หวังดีกับผมมากที่สุดก็คือกราฟ มันรักผม ดีกับผม ดูแลผม ทำทุกอย่างๆ เพื่อผมชนิดที่ว่า ถึงผมจะไม่มีใคร แค่มีไอ้กราฟคนเดียวผมก็อยู่ได้ และผมก็ไม่ต้องการใครอื่นในชีวิตนี้นอกจากไอ้กราฟ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่า... ผมชอบพี่ชมพูจริงๆ เหรอ?

ผมยอมรับว่ารู้สึกดีกับพี่ชมพูมากขึ้น รู้สึกเหมือนจะชอบ แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมชอบมันไปแล้วหรือเปล่า มันเหมือนมีกำแพงที่ผมยังไม่ได้ก้าวข้ามไป

“กูรู้ว่าพวกมึงหวังดีกับกู แต่กูไม่แน่ใจ”

“แต่ก็มีโอกาสใช่ไหมที่มึงจะชอบเขา มึงรู้สึกดีกับเขา ใจเต้นกับเขา ไม่ได้รังเกียจที่จะกอดจูบกับเขา”

ไอ้ตรงประโยคแรกๆ มันก็ดีอยู่หรอก แต่ประโยคหลังๆ นี่มันทำให้ผมรู้สึกแก้มร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

กูรู้ว่ามึงหวังดี แต่ตอนนี้มึงพูดตรงไปแล้ว ถึงกูจะไม่ใช่คนขี้อาย แต่กูก็อายเป็นเหมือนกันนะเว้ย!

“ว่ายังไงล่ะยีน กูพูดถูกใช่ไหม”

“........................เออ”
เพราะโดนไล่ต้อน ผมถึงตอบอะไรอย่างอื่นไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องตอบกลับไปอย่างที่รู้สึกจริงๆ


“นั่นแหละ กูว่ามึงชอบเขาแล้ว”

แล้วก็ไม่พลาดเลยสำหรับไอ้เคลม แม่งยัดเยียดให้ผมอีกแล้ว
“อยากกินตีนกูไหม เคลม”


“นี่กูกำลังช่วยให้มึงเด็ดขาดมากขึ้นอยู่นะเนี่ย”

มันทำเป็นบ่น ปากยื่นปากยาวใส่ น่ารักตายล่ะมึงน่ะ

“ถ้ามึงรู้สึกแบบนั้น กูว่ามันก็เพียงพอแล้วล่ะที่มึงจะเปิดโอกาสให้เขา มึงให้โอกาสเขามากขึ้น ก็เหมือนกับเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองเหมือนกัน ลองดูๆ ไปก่อน ทดลองคบกันก่อนก็ได้ เผื่อมึงจะได้แน่ใจ เจอคำตอบในใจมึงจริงๆ”

คำพูดของไอ้กัสฟังดูก็เข้าท่า แต่แบบนี้มันเหมือนผมเสียฟอร์มหรือเปล่า มันไม่ต่างอะไรจากพวกที่ระริกระรี้อยากได้แฟนเลยไม่ใช่หรือไง ทั้งที่ผมคิดในใจแต่เหมือนไอ้กราฟจะรู้ใจ

“มึงไม่ต้องคิดมากหรอก มึงไม่ได้เสียเปรียบ แล้วมันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดด้วย เพราะถ้ามึงคิดแบบนั้น แล้วพี่ภูที่ยอมบอกออกมาว่าชอบมึงโดยไม่ได้ปิดบังล่ะ เขาไม่ยิ่งกว่าเหรอ”

“กูว่าเขากล้าที่พูดออกมาทั้งที่ไม่รู้ว่ามึงจะชอบเขาหรือเปล่า แถมยังรู้ด้วยว่ามึงก็ไม่ได้เป็นเกย์ ส่วนเขาก็ไม่ได้เป็น”

ไม่ใช่เพียงไอ้กราฟเท่านั้น ไอ้กัสก็เหมือนกัน มันทำให้ผมนึกถึงตอนพี่ชมพูบอกผมแบบนั้น

ตอนนั้นเขารู้สึกยังไงนะ ต้องใช้ความกล้าแค่ไหนถึงจะพูดมันออกมาได้ ไม่กลัวเหรอว่าผมจะปฏิเสธ

“แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจกูแล้ว”

ผมพูดออกมาเสียงแผ่ว นึกถึงเรื่องเมื่อวานนี้ รวมถึงเมื่อเช้าที่ภายในรถมีแต่ความเงียบ พี่ชมพูไม่ได้หันมามองหน้าผมแม้แต่น้อย เหมือนผมเป็นแค่อากาศ ไม่จำเป็นต้องสนใจ

“นั่นเพราะเขาเข้าใจผิดเรื่องมึงกับกูต่างหาก”

“ตั้งแต่วันนั้นยังไม่มีใครบอกเขาว่าจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง”

“กูก็ไม่ได้บอกนะเว้ย”

ทั้งสามคนตอบกลับมาให้ผมได้เข้าใจมากขึ้น ผมเองก็ใช่จะไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดเรื่องนั้น แต่พี่ชมพูไม่พูดไม่ถามสักคำ ทั้งที่ปกติออกจะเสือกเรื่องของผมจะตาย

“เรื่องของมึงกับกราฟมันลึกซึ้ง ถ้าไม่ใช่พวกกูก็ไม่เข้าใจหรอก”

“ใช่ๆ”

ไอ้เคลมรับเป็นลูกคู่กัสเลยทีเดียว แต่จะให้ผมพูดเรื่องกราฟ มันก็ไม่ใช่เรื่อง ยิ่งเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับกราฟมากเกินกว่าจะใช้คำว่าเพื่อนแบบธรรมดาได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาไปพูดกับใครได้ง่ายๆ ผมยังไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้กับใคร เพราะมันเป็นเรื่องของกราฟ มากกว่าจะเป็นเรื่องของผม

“มึงจะบอกพี่ภูก็ได้นะ กูไม่เป็นไร”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกู...หาทางเอง”

เพราะไม่อยากเอาเรื่องเก่าๆ ที่มีผลต่อจิตใจของไอ้กราฟมาพูด ผมเลยต้องตัดบทแบบนั้น ไม่อยากให้มันไม่สบายใจด้วย แต่ก็กลายเป็นผมเนี่ยแหละที่ต้องเหนื่อยหนัก

แล้วจะทำยังไงกับเรื่องนี้วะ

ให้ไปบอกไอ้พี่ชมพูว่า... ผมกับกราฟไม่มีอะไรกัน เพราะงั้นจะคบกับพี่ก็ได้อย่างนั้นเหรอ?












เดินออกมาจากห้องตอนเลิกเรียน สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือร่างใหญ่ๆ ของคนที่ผมติดรถมาเรียนเมื่อเช้า มันมายืนรอผมที่หน้าห้อง พอสบตากันมันก็เดินนำไป เหมือนจะให้ผมเดาเอาเองว่ามันต้องการอะไร ไอ้กราฟเลยตบบ่าผมเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ ผมถึงได้พยักหน้านิดๆ ให้มันหายห่วง ก่อนจะเดินตามคนที่นำไปก่อนแล้ว

ภายในรถก็เหมือนเดิม พี่ชมพูยังเงียบ ผมก็เงียบตามมัน กระทั่งไปถึงคอนโด มันก็ขึ้นห้องโดยมีผมเดินตามอีก ใจมันนี่จะไม่พูดอะไรกับผมจริงๆ เหรอ เป็นผมเองที่รู้สึกอึดอัดในใจกับบรรยากาศแบบนี้จนทนไม่ได้ บวกกับเรื่องที่คุยกับพวกเพื่อนๆ มาทำให้ผมต้องเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ให้สถานการณ์ระหว่างผมกับไอ้พี่ชมพูดีขึ้นกว่านี้

เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ผมก็ตามไปนั่งอยู่ข้างๆ มัน เว้นระยะห่างนิดหน่อย แต่มันก็ไม่สนใจ หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดอะไรสักอย่างดู ราวกับไม่รับรู้ว่ามีผมกำลังนั่งอยู่ข้างๆ มัน

ตอนนี้ผมไม่ต่างจากอากาศเลยแม่ง

ผมสบถในใจนิดหน่อยเพื่อคลายความรู้สึกที่เหมือนกับมีลูกตุ้มเหล็กถ่วงอยู่ในใจ เพราะนอกจากมันจะหนักแล้ว ยังทำให้รู้สึกเจ็บอีกต่างหาก ก่อนจะหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ทำเหมือนไม่สนใจกัน

“ไม่คิดจะถามอะไรผมบ้างเหรอ”

ผมใช้คำถามเดียวกับเมื่อวาน ซึ่งมันก็ตอบกลับมาเหมือนเดิม

“จะให้กูถามอะไร”

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่น้อยกว่าเมื่อวานเลยแม้แต่นิด ยังคงปวดหน่วงในใจเหมือนเดิม

ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้ มันเก่งจริงๆ

“ที่ผมไปมีเรื่องชกต่อย”

“มึงบอกกูแล้ว”

พี่ชมพูตอบมาโดยที่ไม่หันมามองหน้าผมสักนิด ยิ่งทำให้ตุ้มเหล็กอันเก่าถ่วงน้ำหนักลงมากกว่าเดิม

“แล้วจะไม่ถามเหรอว่าเพราะอะไรผมถึงได้มีเรื่อง”

“...”

คราวนี้มันเงียบ

“พี่ไม่อยากรู้จริงๆ เหรอ”

“........กูมีสิทธิ์ด้วยหรือไง”

มันถามกลับมา แต่คราวนี้เสียงแหบพร่ามากกว่าเดิม ไม่แข็งกระด้างและเรียบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ มันเองก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างจากผมสินะ

“ถ้าพี่คิดว่าไม่มีมันก็ไม่มี”

นี่ผมเปิดทางให้สุดๆ แล้วนะ มันจะเข้าใจบ้างหรือเปล่า

“แล้วถ้ากูคิดว่ามี”

“ก็เป็นสิทธิ์ที่พี่คิดได้”

สิ้นเสียงของผม หน้าหล่อๆ นั่นก็หันมา ประกายตาของมันมีชีวิตชีวามากกว่าความเฉยชาที่มีให้ ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย


“งั้นถ้ากูถาม.......มึงจะตอบใช่ไหม”

“ก็ลองถามมาดิ”

ความรู้สึกหน่วงๆ ในใจเริ่มทุเลาลง ผมรู้สึกแบบนั้น อยากยิ้มออกมาที่เหมือนมันจะกลับมาสนใจผมอีกครั้ง

“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร”

“หมอนั่นไหน”

ผมกวน ไอ้พี่ชมพูเลยชักสีหน้านิดนึงให้ผมได้ยิ้มในใจ

“ที่มีเรื่องกับมัน”

“เพื่อนคณะไอ้กัส”

“แล้วมันมายุ่งกับมึงทำไม”

“ก็ไอ้กัสบอกให้มา”

“ไอ้กัสจะให้เหี้ยนั่นมา... เอ่อ มาหามึงทำไม”

ผมรู้ว่ามันเลี่ยงคำว่า ‘ปล้ำ’ ไป คงไม่อยากพูดเท่าไรหรอกมั้ง ก็มันชอบผมนี่

“กัสอยากทดสอบว่าผมชอบผู้ชายหรือเปล่า ก็เลยให้เพื่อนมันมาจีบผม แต่ไอ้นั่นมันเหี้ยเอง ก็เลยโดนผมกระทืบ ต่อด้วยไอ้กัส ตอนนี้เข้าไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มอร่อยๆ ในโรง’บาลแล้ว”

พอฟังผมอธิบาย ไอ้พี่ชมพูก็ลอบยิ้มนิดนึง ก่อนจะทำหน้าตึงเหมือนเดิม แต่ผมก็แอบเห็นอยู่ดี

“คราวนี้ผมถามพี่บ้าง”

“จะถามอะไร”

มันทำเสียงห้วนนิดๆ เพราะเมื่อกี้ดูจะหลุดจากท่าทีเฉยชามากเกินไป ทว่าผมก็พยายามจะไม่ใส่ใจ เพราะแค่เห็นว่ามันยังสนใจผมอยู่ ผมก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว

“ทำไมต้องเมินผม ทำไมต้องทำเหมือนไม่สนใจ ทำไมต้องทำเย็นชาใส่ด้วย”
ผมเจาะเข้าไปตรงๆ แบบฮุคเต็มเหนี่ยว มันก็ดูอึ้งๆ ไปแล้วเงียบ แต่ผมก็พยายามใจเย็น รอให้มันพูดออกมาเอง


“...”

“...”

ผมมองหน้ามัน จับจ้องที่ตาของมันแม้ว่าพี่ชมพูจะเบี่ยงหน้าหนีก็ตาม และเพราะผมจ้องรอคำตอบอยู่แบบนั้นล่ะมั้งมันถึงได้ยอมเปิดปากออกมาด้วยเสียงที่เบากว่าปกติ

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง”

“...”

“ถึงกูจะไม่ใช่คนดีอะไร หรืออาจจะดูเหี้ยในสายตามึง แต่กูก็ไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งกับแฟนคนอื่น”












=====================
ยังคงอยู่ในอารมณ์กรุ่นๆ อยู่
ดูๆ แล้วใครชีช้ำมากกว่ากันเนี่ย?
น่าจะพี่ภูมั้ง เพราะไม่รู้อะไรเลย ก็แล้วแต่คนมองแหละเนอะ


ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ
รอติดตามตอนหน้านะคะ จะไปจากอารมณ์แบบนี้แล้ว ^^


Undel2Sky




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 31-03-2012 03:50:28
น่านนนนนนนนน ประโยคสุดท้าย แฟนคนอื่นเต็มหน้าเลย

ยีนปรับความเข้าใจหน่อยเร็ว สงสารพี่ภูจะแย่แล้วเนี่ย เป็นผู้ที่ไม่รู้อะไรเลย อิคนอ่านอยากจะตะโกนบอกพี่ภูจะแย่ ฮ่าๆๆ

แต่จะว่าไปเราก็ไม่ค่อยรู้อะไรเหมือนกันนะ เกริ่นถึงเรื่องของยีนกับกราฟ ทำเอาอยากรู้ว่าทำไมการกระทำแต่ละอย่างมันถึงชวนคิดนัก

สรุปว่าสองคนนี้อดีตมันเป็นยังไงกันแน่ อยากรู้ๆ แต่ตอนนี้ยีนควรเคลียร์กับพี่ภูก่อนเลย คบกันเลย คบกันเลย อยากอ่านหวานๆ

รอตอนต่อไปคร่า คนแต่งสู้ๆ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 31-03-2012 06:07:54
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: เคลีย ๆ กัน นะ น้องยีน กะ พี่ภู  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คนนี้แหละที่พี่อยากได้ เดี๋ยวมาลงตอนหม่ห้นค+ตอนพิศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 31-03-2012 06:25:05
ม่ด้ข้มอ่นนนล้วแต่หนุกหมือนดิม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 31-03-2012 07:37:09
อึดอัดแทนเลย คุยกันๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-03-2012 08:34:41
คำตอบของพูเจ๋งมากกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 31-03-2012 09:05:10
กราฟกับยีนมีอดีตอะไรกันอ่ะ
เห็นมีแต่ึคนสนใจพี่ภูเราเลยสนใจกราฟ 555+
อิพี่ภูนี่เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วเดี่ยวปั๊ด o12
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 31-03-2012 09:23:42
ดูเหมือนความหน่วงของทั้งตัวละครทั้งคนอ่านกำลังจะคลาย
แต่ยังไม่หมดซะทีเดียว รอตอนหน้าหวังว่าความรู้สึกนี้คงจะหายนะ
แล้วก็คงเป็นความรู้สึก :man1:นี้ตามมา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 31-03-2012 09:53:10
อยากจะกรี๊ด!!!
พี่ชมพูวววววววววววววววววววว!!!! น่ารักไปแล้ววว (?)
ตอนหน้าเคลียร์กันสนุกเลยยย จะดีกันแล้วสินะสินะ!!!
รออยู่น้าาาา อยากเห็นตอนต่อไป
คิดถึงเบยยยย มาช้าา ฮึก!  :z3:
รอครับรอ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 31-03-2012 10:37:07
พ่อพระเอกกกก :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 31-03-2012 10:48:49
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 31-03-2012 10:49:13
ตอนหน้ามีลุ้นแฮะ 

ยีนนนนนเลิกซึนซะทีเถอะนะ 

+1 ให้จ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-03-2012 11:01:11
 :กอด1: :L1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-03-2012 11:13:58
ปรับความเข้าใจกันสักที นะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SakataGintoki ที่ 31-03-2012 12:39:14
 :sad4:
ดีกันเร็วๆเถอะนะ
สงสารพี่ภูอ่ะเข้าใจผิด  เศร้าไปเลย 

น้องยีนรีบๆง้อด้วยยยย!!
 :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 31-03-2012 13:34:32
ป้าดดดดดดดด พ่อพระเอกกกก
น้องยีนบอกความจริงพี่เค้าไปซะนะลูก
จุดนี้สงสารอิพี่ภูมันเหลือเกิน
เฉาแย่แล้วน่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 31-03-2012 13:45:47
อร๊ายยยยยย พี่ภููุ~  :o12:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 31-03-2012 15:32:46
สงสารพี่ภู ที่ไม่รู้เรื่ิองอะไรเลย แล้วก็หมั่นไส้ด้วยนิดๆๆว่าพี่ค่ะพี่จะปากหนักไปไหนทำไมไม่ถามค่ะจะได้รู้เรื่องกันไปเอาแต่คิดเองเออเองอยู่นั้นแหล่ะ เค้าแค่อยากให้เคลียร์กันให้ชัดจะได้ไม่เจ็บปวดทั้งสองฝ่าย

ส่วนฝ่ายยีนนี่ก็ปากหนักเหมือนกัน ดีที่ได้เพื่อนๆๆช่วยกันง้างปาก+บังคับให้พูดออกมาถึงได้ยอมรับว่าเริ่มชอบพี่ภูบ้างแล้ว ยีนอธิบายพี่ภูด่วนเลยคนแก่น้อยใจไปใหญ่แล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-03-2012 16:45:24
“ถึงกูจะไม่ใช่คนดีอะไร หรืออาจจะดูเหี้ยในสายตามึง แต่กูก็ไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งกับแฟนคนอื่น”

มึงดีตรงนี่ไอ้พี่ภู เอาใจไปเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CHoMe ที่ 31-03-2012 17:28:50
 :a5: ประโยคสุดท้าย กระแทกใจอย่างแรง

พี่ภู สงสารพี่ภูมากมาย รีบๆปรับความเข้าใจกันเถอะนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 31-03-2012 17:33:34
สงสารพี่ภูสุดๆ..อึดอัดแทนอ่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 31-03-2012 17:59:13
ตอนหน้ากะไม่หน่วงล่ะเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 31-03-2012 18:00:58
สงสารพี่ภูอ่า เข้าใจกันเร็วๆนะ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 31-03-2012 18:54:44



    อ่าฮะ สรุปว่าท่านพี่คิดว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันเหรอเนี่ย




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-03-2012 19:38:13
ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆโดนใจมากพี่ภู


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Hakken ที่ 31-03-2012 19:52:41
กะลังจะเข้าใจกันแล้ว   มาต่อไวๆน้าาาาาาา จารออออออ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 31-03-2012 21:19:28
ขอให้เคลียร์กันเร็วๆ เหอะๆ อ่านแล้วอึดอัดเปนบ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 31-03-2012 21:52:36
"แฟนคนอื่น" เลยหรอ ยีน เคลียกันดีๆนะคะ สู้ๆ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-03-2012 23:07:54
โอ้วววววววว อ่านแล้วรู้สึกหน่วงตามยีน
ส่วนพี่ภู...หนูชอบประโยคสุดท้ายของพี่ีมากค่ะ กรี๊ดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-04-2012 05:01:34
อ่านตอนนี้แล้วหน่วงสมชื่อตอนจริงๆ  :z3:

พี่ภูสู้ๆนะเว้ย  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 01-04-2012 13:53:01
อ๊ากกก รอตอนต่อไป เหมือนมันค้างงงนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pikayrucmc ที่ 01-04-2012 17:07:02
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :z6:

ตามอ่านทันแล้ว ดีใจมากๆเลยที่ได้อ่านเรื่องรี้

มีความสุขสุดๆกับ พี่ชมภู&พี่ไฮยีน

ร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น่ะค่ะคนดีของช้านนนนนนนนนนนนน


ปล.เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซักที!  :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 01-04-2012 17:31:44
ตอนหน้าเคลียร์  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Koyy ที่ 01-04-2012 17:44:00
โอ๊ะ กำลังจะคลี่คลายปมหน่วงๆแล้ว


ตอนหน้าขอหวานมั่งนะ ฮาๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 01-04-2012 23:40:22
ขัดใจๆๆๆๆ

พี่ภูนี่คิดเองเออเองตลอดดดด

วันหลังนี่ถามไปเลย โห่ ไม่ไหวๆ

เง้ออออ   กดเกงยีนเลยดีกว่าแบบนี้  >///<   :o8:




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 02-04-2012 01:28:51
ขอเข้ามาอ่านด้วยคนนะคะ
อิอิอิ
เป็นยังไงละ
โดนพี่ภูเมินก็ไม่ยอมซะแล้วๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 02-04-2012 02:11:32
กราฟกะยีนส์มีอดีตอะไรกันนิ
รอตอนหน้าจร้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 02-04-2012 06:48:38
เจ็บจึกๆๆๆ - -
รออ่าน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 03-04-2012 20:55:00
 :monkeysad:เค้ามารอแล้วนะตัว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-04-2012 00:49:14


อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาดแล้ว  :z10:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 04-04-2012 06:22:32
ตอนต่อไปต้องเหนี่ยวแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 06-04-2012 11:36:17
จะติดตามต่อไปนะครับ >>>>>
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Hakken ที่ 06-04-2012 19:18:06
เข้ามารอน้าาาาาา     อัพพพพพพพพพพพพพพ :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 07-04-2012 01:39:46
มารอเหมือนกันนนนนน

 :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : หน่วง [31/03/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 07-04-2012 18:21:23
โอ้ยยยยยยยยยยย
มันอึมครึม หนักหน่วง ห่อเหี่ยวใจใน
ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กราฟนะกราฟ ทำคนรักกันเข้าใจผิดเลย
แล้วยังไง ตกลงเป็นอะไรกันแน่อะ
เป็นเพือ่นมากกว่าเพื่อน ไม่ใช่แฟน แต่จูบกันบ่อย
มันคลุมเคลือนะโว้ยยยยย



น้องยีนส์ขัดใจพี่สุดๆอ่ะ
ปากแข็งเหลือเกินนะ
รักก็บอกชอบก็บอก มาห่วงๆหาๆเขาแล้ว
ก็ยังจะปฏิเสธอีก
จะพูดอะไร จะทำอะไร ก็ไม่ลงมือซักที
อึดอัดนะตัวเธอ



โอ้ยพี่ภู พี่ภูนี่ต้องอดทนขั้นสุดยอด
หยอดกับเขา หวานกับเขามา แหม่บๆ
ดันมาเจอเขาจูบกับคนอื่นต่อจากตัวเองอีก
แล้วก่อนหน้านี้น้องก็ไม่มีท่าทางจะยอมรับพี่ภูเลย
เรื่องส่วนตัวเปิดโอกาสให้ถาม น้องยังไม่ถาม
พอถามเรื่องน้อง น้องก็ป่วนไม่ยอมตอบ

แล้วพอเกิดเรื่อง น้องจะมางอแงที่พี่เขาไม่ถามได้ยังไงกันล่ะ
แต่ก็กว่าจะยอมเปิดทางให้พี่เขาได้
พี่เขาก็ช้ำจะแย่อยู่แล้ว


แล้วยังไง คนแต่งคะ ยังไงกัน
ลุ้นมาตั้งสองตอนเต็มๆ
คุณมาตัดฉับอย่างนี้ได้ไงเนี่ยยยยยยยยยย
มาต่อเดี๋ยวนี้เลยน๊า   :fire:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 08-04-2012 19:15:08
ตอนที่ 17 : อยากได้เมีย












“แฟนคนอื่นนี่ใคร?”

ผมถามกลับ เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ดูจะไม่เข้าใจสักเท่าไร

“ก็มึง”

“แล้วใครแฟนผม”

“ไอ้กราฟไง”

“ผมว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งบอกพี่ไปว่าไอ้กัสให้ไอ้โมเดลมาจีบผมเพราะจะทดสอบดูว่าผมชอบผู้ชายหรือเปล่า แล้วผมจะเป็นแฟนกับไอ้กราฟได้ยังไง”

“แต่มึงกับไอ้กราฟจูบกัน”

“แล้วผมกับพี่ไม่ได้จูบกันเหรอ”

ผมย้อนกลับ แล้วดูเหมือนว่ามันจะอึ้งอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าผมเป็นแฟนกับคนที่ผมจูบ ผมก็ต้องเป็นแฟนมันด้วย รวมทั้งผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเคยนอนด้วยทั้งหมด อย่างนี้ผมไม่มีแฟนสักครึ่งกุรุสหรือไง ลงกินเนสส์บุ๊คเลยเถอะ

“ไม่เหมือนกัน กูจูบมึง แต่มึงจูบกราฟ”

“ผมบอกพี่แล้วว่าผมกับกราฟเป็นแค่เพื่อนกัน”

“เพื่อนเขาไม่จูบกันหรอก แล้วกูก็เห็น.....หลายครั้งแล้ว”

พี่ชมพูยังคงงี่เง่า ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าผมกับกราฟเป็นอะไรกัน แต่ว่ามันก็ไม่เชื่อ แล้วผมจะทำยังไงวะ แม่งถึงจะเชื่อสักที เจอแบบนี้แล้วผมก็ชักจะหงุดหงิดขึ้นมา เป็นพี่ชมพูคนเดิมที่ชอบทำอะไรเกินๆ กับผมยังดีซะกว่า

“เออ ก็ได้ ผมยอมรับว่าผมจูบกับกราฟ แล้วไง ผมก็ยังเป็นเพื่อนมัน ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ทำไมพี่ไม่เชื่อสักทีวะ”

ผมสะบัดเสียงห้วนใส่มันให้รู้กันไปเลยว่าไม่พอใจ แต่มันก็ยังไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าเดิม

“แล้วมันน่าเชื่อหรือไง ใครๆ มองก็รู้ทั้งนั้นว่ามึงกับกราฟไม่ใช่เพื่อนธรรมดา มันมากเกินกว่าเพื่อน”

เหมือนมันจะพยายามบีบให้ผมพูดให้ได้ว่าระหว่างผมกับกราฟมีเรื่องอะไรกันแน่ แต่จริงๆ แล้วมันอยากได้ความชัดเจนสำหรับตัวมันมากกว่าว่าผมกับกราฟไม่มีทางเกินเลยไปมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ ซึ่งผมยังไม่พร้อมจะบอกมันอยู่ดีว่าเรื่องของผมกับกราฟเป็นยังไง

ถึงกราฟจะอนุญาตแล้ว แต่ผมยังไม่อนุญาตให้ใครรู้เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องสำคัญของกราฟ ผมจะบอกก็ต่อเมื่อผมแน่ใจในตัวคนคนนั้นแล้ว ว่าเขาเป็นคนที่ผมเชื่อใจ มั่นใจว่าเขาจะเป็นคนสำคัญของผมจริงๆ

ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือ ทำให้พี่ชมพูมองที่ตัวผม ไม่ใช่ไอ้กราฟ

“พี่เห็นผมจูบมันไปกี่ที” ผมตัดสินใจถามไปแบบนั้น ทำให้คนโดนถามงงนิดหน่อย แต่ผมก็ยังเค้นอีก “กี่ที”

“ก็...” มันทำท่าเหมือนกำลังนับอยู่ในใจ “สอง เอ้อ สาม”

“สามใช่ไหม งั้น...”

เสียงของผมหายไปพร้อมกับหน้าที่ยื่นเข้าหาพี่ชมพู ผมกดริมฝีปากแนบกับปากอิ่มนั่น ทั้งที่ในอกเสียงหัวใจกำลังเร่งจังหวะขึ้นมา ก่อนจะถอนปากออกมาแล้วจูบลงไปใหม่ เพียงชั่วครู่ก็ผละจากแล้วประกบซ้ำ ทำแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ กันจนครบห้าครั้งแล้วถึงได้ดึงหน้าออกห่าง

“ผมจูบพี่ห้าครั้งแล้ว ยังไม่นับรวมก่อนๆ หน้าที่เคยจูบกับพี่อีก เพราะงั้นก็มากกว่าที่จูบไอ้กราฟซะอีก เชื่อหรือยังว่าผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันมากกว่าเพื่อน”

ดูเหมือนว่าไอ้พี่ชมพูจะตื่นตะลึง เพราะว่ามันเบิกตาขึ้นกว้าง ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ สองสามครั้งแล้วถึงได้สติและมองหน้าผม คงไม่คิดล่ะมั้งว่าผมจะกล้าจูบรวดเดียวแบบนี้

อย่าลืมสิครับว่าไฮยีนคนนี้ไม่มีอะไรที่ไม่กล้า ถึงหัวใจจะเต้นแรงแล้วก็รู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นหน่อยๆ ก็เถอะ

“มึง...”

“จบเรื่องผมกับกราฟได้แล้ว แค่พี่เชื่อก็พอ”

“กูเชื่อมึงได้แน่นะ”

“ถ้าเชื่อไม่ได้ ผมจะจูบพี่ให้เสียปากทำไมเล่า เอ้อ”

ผมพูดเหมือนบ่นๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา กะไปหาอะไรในตู้เย็นกินสักหน่อย แต่แค่ลุกและยังไม่ทันเดินไปก็ถูกแขนใหญ่รวบเอวเอาไว้แล้วดึงให้หล่นปุกลงไปที่โซฟาเหมือนเดิม ไอ้พี่ชมพูกอดผมไว้แน่น พลางเอาคางเกยกับบ่า

“กูโคตรดีใจเลยว่ะ”

ผมจะบอกยังไงดี.. ผมก็ดีใจเหมือนกันนั่นแหละ ที่รู้สึกว่ามีเสียงตึกๆ จากหัวใจของมันสะท้อนผ่านหลังมาด้วยจังหวะเร็วเหมือนๆ กัน แต่ไม่บอกแม่งหรอก










หลังจากที่ปรับความเข้าใจกัน (มั้ง) แล้ว ผมก็บอกให้มันทำอะไรให้กิน แต่เพราะในตู้เย็นไม่เหลืออะไรให้พอกินได้ เราสองคนก็เลยต้องออกมาหาซื้อวัตถุดิบกลับไปสำหรับเป็นอาหารเย็น จริงๆ ไอ้พี่ชมพูบอกว่าให้กินที่ร้านข้างนอกเลย แต่ว่าผมอยากกินต้มยำกุ้งฝีมือมันมากกว่า มันเลยบ่นนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ยอมจะทำให้

“มึงมองเห็นชัดป่ะเนี่ย”

ก่อนจะลงจากรถ ไอ้คนขับก็ถามให้ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้ามัน งงๆ นิดหน่อย มันเลยเอานิ้วจิ้มมาที่รอยร้าวบนแว่นให้ผมเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

“ก็ชัด แต่รำคาญ ซื้อใหม่ด้วยเลยแล้วกัน”

ความจริงก็กะอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่พูดรวมๆ ไปก็ดี จะได้ไม่ดูจงใจเกินไปว่าผมอยากมาซื้อกับมัน ถึงจะรู้สึกแบบนั้นอยู่ก็เหอะ

“งั้น...” มันพูดแค่นั้นก่อนจะเอานิ้วมาเกี่ยวแว่นของผมออกจากหน้า แล้วเอื้อมตัวไปเปิดเก๊ะที่อยู่ด้านหน้าผมออก หยิบแว่นกันแดดสีชามาส่งให้ “มึงใส่อันนี้ไปก่อน”

ผมรับมาก่อนจะใส่อย่างที่มันบอก และหันไปมองมัน พลางฉีกยิ้มยิงฟันหน่อยๆ

“ใส่แล้วผมหล่อป่ะ”

มันหัวเราะนิดๆ ก่อนจะตอบกลับมาพลางยักคิ้วกวนๆ ใส่

“เออ มึงหล่อ”

ผมเกือบจะดีใจอยู่แล้วที่มันยอมชม แต่แม่งดันต่อประโยคมาอีกว่า...

“แต่กูหล่อกว่า”

เชี่ยยย!!!

ตามด้วยเสียงหัวเราะดังรัวๆ ของมันให้ผมยิ่งหงุดหงิดมันมากขึ้นไปอีก นึกว่าแม่งจะตอบดีๆ แล้ว เสือกกวนตีนผมซะได้ ผมน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่ามันคงไม่มีทางชมผมจากใจหรอก เจ็บใจฉิบหายโดนแม่งหลอกเนี่ย

ผมลงจากรถไปซึ่งไอ้พี่ชมพูก็ลงมาตาม ขายาวสาวเท้าเร็วๆ เดินมาอยู่ข้างกัน แถมยังยื่นมือมาจับมือผมไว้อีก ผมเลยสะบัดเสียงห้วนใส่

กูอยู่ในอารมณ์ไม่พอใจมึงอยู่นะเว้ย

“อายมั่งหรือเปล่า จับมือผมเนี่ย”

แต่ใจจริงก็อยากรู้ว่ามันจะรู้สึกอะไรมั่งไหม มาเดินจับมือผู้ชายเดินกลางห้าง แต่แทนที่มันจะตอบกลับมาตามที่ผมถามเสือกย้อนกลับมาว่า...

“แล้วมึงอายหรือเปล่าล่ะ”

เล่นเอาผมชะงักไปหนึ่งจังหวะเลย ใครสั่งใครสอนให้แม่งถามกลับมาแบบนี้วะ กูจะไปกระทืบแม่ง

“ผมเหรอ ทำไมต้องอาย ก็ใส่แว่นกันแดดอยู่นี่ ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมเป็นใคร แล้วพี่มากับใคร”

“งั้นกูก็ไม่อาย เพราะมึงยังไม่อายเลย”

แสรดดดดดดดดดดดดด อยากจะปีนตัวมันขึ้นไปตบกบาลทันที  แม่งพูดเหมือนผมหน้าด้านเชี่ยๆ แต่มันก็บีบมือของผมให้แน่นขึ้นเหมือนจะรู้ทัน ก่อนจะดึงให้เดินไปด้วยกันเร็วๆ

หาทางเลี่ยงเก่งนะมึง!

สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้ามาในห้างแล้วก็คือขึ้นไปชั้นบนเพื่อซื้อแว่น ผมพยายามเลือกอันที่มันดูเฉิ่มๆ เชยๆ มากที่สุดเพื่อความหล่อของผมจะได้ไม่ต้องทะลุรอดไปตอกย้ำปมด้อยของใคร

ผมถอดแว่นกันแดดที่สวมอยู่ออกเมื่อเลือกแว่นอันที่คิดว่าใช้ได้ ลองสวมมันเข้ากับหน้าพร้อมกับส่องกระจกเพื่อดูผลงานที่ออกมา ซึ่งมันก็ถือว่าใช้ได้ ก่อนจะหันไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้มันดูหน้าผมด้วย

“พี่ว่าเป็นยังไง”

“เฉิ่มฉิบหาย กูว่าเอาอันนี้ ไม่ก็อันนี้ หรืออันนี้ดีกว่า”

ไอ้พี่ชมพูวิพากษ์วิจารณ์แล้วก็มีเสนอบ้าง แต่ว่าผมไม่เอา เพราะแต่ละอันที่มันเลือกมามีแต่จะส่งให้หน้าตาดีๆ ของผมยิ่งโดดเด่นขึ้นมาอีก เดี๋ยวผมได้โดนยำตีนเพราะความหมั่นไส้

“ก็ผมอยากได้ไอ้ที่ใส่แล้วหน้าจืดๆ เฉิ่มๆ ไง เดี๋ยวใส่แล้วหล่อเกินหน้าเกินตาพี่”

สรุปผมก็เลือกเอาอันที่ลองใส่อยู่ แล้วหันไปบอกไอ้คนที่เถียงผมเมื่อกี้

“จ่ายเงินด้วยพี่”

ซึ่งมันก็มีบ่น

“ไม่เลือกตามที่กูบอกแล้วยังมาให้กูจ่ายอีก”

ถ้ากูมีเงินกูคงต้องบอกให้มึงจ่ายมั้งครับ ไอ้ห่า

ผมด่ามันในใจแล้วก็รอมันหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อจ่ายค่าแว่นให้ผม เพราะถึงมันจะบ่นนั่นนี่อะไร สุดท้ายมันก็ต้องยอมทำตามผมนั่นแหละ ก็ใครแม่งเสือกสัญญาเองว่าจะรับผิดชอบเลี้ยงผมตลอดหนึ่งเดือน ช่วยไม่ได้

พอมันจ่ายเงินให้กับคนขายเรียบร้อยแล้วผมก็เอาแว่นกันแดดของมันที่ถืออยู่ในมือส่งคืนเจ้าของไป มันก็รับก่อนจะเอาขาแว่นไปเกี่ยวกับคอเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่ ผมเองก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเหมือนมันนั่นแหละ ก็ชุดนักศึกษานี่ครับ แต่ว่าชุดที่ผมใส่อยู่ใหญ่กว่าปกติที่เคยใส่ไซส์นึง เพราะว่าไอ้ที่ใส่อยู่นี่ของพี่ชมพูทั้งหมด

มันตัวใหญ่กว่าผม เพราะงั้นเสื้อที่ผมใส่ตอนนี้เลยหลวมๆ หน่อย ส่วนกางเกงก็เอวกว้างกว่า แต่ดีว่ามีเข็มขัดช่วย แล้วผมก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะแผลที่มุมปากยังมองเห็นอยู่ แต่คาดว่าพรุ่งนี้อาจจะจางลงจนเกือบมองไม่เห็นเพราะวันนี้รอยมันไม่ได้ชัดมาก ดังนั้น... ผมเลยต้องใส่กางเกงในมันด้วยเนี่ยแหละ ดีว่าเป็นตัวใหม่ ผ้ายังไม่ยืดตามส่วนของมันที่น่าจะใหญ่กว่าผมนิดหน่อย เพราะมันตัวใหญ่กว่า ผมเลยใส่ได้พอดี

ซื้อแว่นเสร็จก็ลงไปซูเปอร์มาร์เก็ตที่ชั้นล่าง ของที่ซื้อก็วัตถุดิบทำต้มยำกุ้งอย่างที่ผมบอกไปแหละครับ แต่มันไม่ได้กวนตีนถามผมแล้วหยิบอีกอย่างเหมือนเก่า แต่เป็น...

“มึงหยิบข่าตรงนั้นมาใส่ตะกร้าหน่อย”

มันสั่งพร้อมกับพยักพเยิดหน้าหล่อๆ ไปทางกองข่าตรงตู้แช่ที่อยู่ข้างๆ กัน แล้วที่ทำแบบนั้นก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่แม่งดันไม่ยอมปล่อยมือของผมออก มืออีกข้างมันก็หิ้วตะกร้าเอาไว้ ส่วนเวลาจะเอาอะไรก็เรียกให้ผมหยิบ กวนตีนดีหรือเปล่าครับ รุ่นพี่ผมคนนี้น่ะ แม่งแกล้งกูชัดๆ

“พี่ก็ปล่อยมือแล้วไปหยิบเองดิ”

“มือกูไม่ว่างทั้งสองข้าง มึงก็หยิบหน่อยสิวะ”

“มือผมก็ไม่ว่างเหมือนกัน” ผมเอาคืนมันมั่งแล้วใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกมันจับแคะหูเล่นๆ หน้าที่สวมแว่นใหม่เอี่ยมเชิดขึ้นนิดหน่อยท้าทายมัน “แคะหูอยู่ ไม่เห็นเหรอ”

“กวนตีนนะมึง หยิบมาเร็วๆ เดี๋ยวกูไม่ทำให้กินซะหรอก”

อิโธ่ แล้วแม่งก็มาขู่ผมแบบนี้ ถ้าไม่อยากกินไม่ยอมหรอกนะเว้ย

ผมบ่นมันในใจแล้วก็ต้องยอมหยิบข่ามาใส่ตะกร้าสีเขียวในมือมันอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเดินตามแรงดึงของมันเพื่อไปหาวัตถุดิบอื่นๆ ให้ครบตามต้องการ แล้วที่ลืมไม่ได้ก็คือนมรสหวาน ที่จะเอามาใส่ในต้มยำ สูตรพิเศษของมันที่เหมือนกับแม่ของผม











กลับมาถึงห้อง พี่ชมพูก็เข้าครัวทำอาหารให้ผมกินเลย แต่อย่าหวังว่าผมจะไปเป็นลูกมือมันนะ ผมนั่งเล่นเกมอยู่ในห้องนั่งเล่นรอถึงเวลาอาหารเสิร์ฟเท่านั้นแหละ มันก็ทำไป ส่วนผมก็เล่นเกมไปจนเกือบๆ ชั่วโมงถึงมีเสียงเรียกให้เข้าไปในครัว เพราะต้มยำกุ้งรอผมอยู่ แล้วก็มีเมนูอื่นแถมมาด้วย แต่ตอนที่ซื้อของ ผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะทำอะไร กระทั่งเห็นหน้าตาของสิ่งที่อยู่ในจานซึ่งวางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว

ผัดผักบุ้ง

แม่งพลาดเลย อดเห็นว่ามันผัดแบบไฟแดงจนครัวแทบไหม้หรือเปล่า

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมัน มีจานข้าวที่มันตักไว้ให้รออยู่ก่อนแล้ว ไอ้พี่ชมพูถอดผ้ากันเปื้อนสีเทาเหมือนขนหนูออกจากตัวก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งจัดไว้แล้วว่าเป็นที่ของมัน จากนั้นช่วงเวลาของอาหารเย็นก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการพูดคุยเบาๆ

“ตกลงว่าพี่จะให้พวกผมเล่นหนังสั้นให้พี่จริงๆ เหรอ”

ผมถามพลางตักกับและข้าวเข้าปาก มันก็พยักหน้าหงึกหงักตอบ

“ถ้ากูไม่ให้พวกมึงเล่นแล้วกูจะชวนทำไม”

“ก็ไม่เห็นว่าพวกพี่จะมาบอกอะไรเพิ่มเติมหรือว่าให้ดูบทเลย”

หลังจากที่มันขอให้เล่นหนังสั้นที่เป็นโปรเจกต์ส่งอาจารย์สำหรับเทอมนี้ พวกพี่เจ๋ง พี่ต้น พี่ปาล์มก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ทั้งที่ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วเลยอดสงสัยไม่ได้

“ไม่ต้องดูหรอกพวกมึงอะ กูรู้ว่ามึงกับกราฟเล่นได้อยู่แล้ว ตอนเฟรชชี่ไนท์พวกมึงก็ต่อบทกันสดๆ ไม่ใช่หรือไงวะ”

“ผมกับไอ้กราฟเล่นได้ แต่ใช่ว่าไอ้กัสกับไอ้เคลมจะเล่นได้สักหน่อย”

ผมยังแย้งกลับไปให้มันจำได้ว่าไอ้กัสกับไอ้เคลมอยู่วิศวะฯ ไม่ใช่นิเทศฯ  แม่งทำเหมือนจะประเมินผมสูงไปแล้ว แต่มันก็ยังตอบกลับมาอย่างไม่หวั่นเกรงเลยว่าโปรเจกต์ของมันจะล่มเพราะเพื่อนผมสองตัวนั้น

“โอ๊ย ไอ้สองตัวนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ปลาไหลกันซะขนาดนั้น มันเอาตัวรอดได้”

“ผมว่าพี่ใช้คำผิด” เอาข้าวเข้าปากอีกหนึ่งคำ เคี้ยวๆ เข้าไปก่อนจะกลืนแล้วบอกต่อ เพราะพี่ชมพูเหมือนจะรู้ว่าผมยังพูดไม่จบถึงได้มองหน้าผมค้างอยู่ “ไอ้กัสต้องบอกว่ามันฉลาดแก้สถานการณ์เป็น ส่วนปลาไหลนั่นน่ะ ของไอ้เคลมคนเดียว”

พอผมพูดจบ คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็หัวเราะเสียงดังเหมือนสะใจในคำพูดของผม แม่งหัวเราะแบบไม่กลัวเลยว่าข้าวที่กลืนลงไปเมื่อกี้จะไหลย้อนกลับมาทะลุออกทางปาก ผมเลยถามต่อ ให้มันเลิกหัวเราะสักที เกิดดีไม่ดีแม่งทำข้าวพุ่งใส่หน้าผมจะซวยเอา กูไม่อยากเป็นกระโถนให้มึงนะครับ

“แล้วนี่จะไปถ่ายที่ไหนกัน”
“ยังตกลงไม่ได้ วันนี้จะเอาที่นี่ พรุ่งนี้แม่งก็เปลี่ยนอีก”

“อ้าว แล้วแบบนี้จะเตรียมสถานที่ทันหรือไง เรื่องที่พักอีก”

เหมือนจะได้ยินแว่วๆ มาว่าจะถ่ายที่ต่างจังหวัด ผมเลยรู้สึกห่วงขึ้นมาที่พวกรุ่นพี่ยังไม่เตรียมการอะไรให้พร้อม เพราะถ้าฉุกละหุกแล้วอาจจะทำให้ทุกอย่างล่มก็ได้ เสียเวลากันอีก แต่ไอ้พี่ชมพูก็แค่ไหวไหล่ชิลล์ๆ

“ไม่ต้องห่วงหรอก มันหาทางกันได้ มึงแค่อยู่เฉยๆ รอกูบอกกำหนดการก็พอ”

“แล้วพี่ไม่ช่วยพวกพี่เจ๋งจัดการมั่งหรือไง”

ฟังมันพูดก็รู้แล้วว่าแม่งโยนงานให้พี่คนอื่นทำแน่ๆ เอาเปรียบฉิบหาย ซึ่งมันก็จริง เพราะมันตอบกลับมาอย่างไม่ยี่หระในคำกึ่งๆ ด่าของผมเลย

“กูเป็นผู้กำกับ เพราะงั้นค่อยไปลุยงานทีเดียว”

“ผู้กำกับต้องเป็นฝ่ายกำหนดโลเกชั่นไม่ใช่หรือไง เอาเปรียบคนอื่นนี่หว่า”

“กูให้โอกาสพวกมันเลือกที่ที่อยากไปต่างหาก กูใจดีจะตาย”

เหรออออ ผมลากเสียงยาวๆ ในใจแล้วทำเป็นไม่สนใจ กินข้าวต่อ ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เสียงกริ่งหน้าประตูห้องก็ดัง ผมเงยหน้ามองพี่ชมพูนิดนึงมันก็มองหน้าผมด้วย ก่อนมันจะละมือจากช้อนส้อมที่ถือยู่แล้วกระดกน้ำกลืนลงคอ จากนั้นจึงค่อยลุกออกจากโต๊ะอาหารไป

ผมมองตามมันจนมันหายไปจากการมองเห็น แล้วก็นั่งกินข้าวต่อไป เพราะคนที่มาหามันคงไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว อาหารที่ไอ้พี่ชมพูทำอร่อยดี ทั้งต้มยำกุ้งแล้วก็ผัดผักบุ้งที่ผมเพิ่งได้กินเป็นครั้งแรก ทำอาหารเก่งแบบนี้ใครได้เป็นเมียคงสบาย

คิดอย่างนั้นแล้วก็เหมือนจะนึกขึ้นได้... คนที่ได้มันเป็นเมียก็ผมนี่หว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่มันบอกผมว่าได้มันเป็นเมียแล้วต้องรับผิดชอบด้วย ทำให้ผมขนลุกซู่ขึ้นมานิดหน่อย คิดภาพมันเป็นเมียไม่ออกเลยด้วยซ้ำ วันนั้นผมต้องเมามากแน่ๆ ถึงจำอะไรไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ตัวเลยว่าไปทำแบบนั้นได้ยังไง แต่ที่แปลกใจที่สุดก็คือมันยอมเป็นเมียผมได้ยังไงวะ?? แม่งเป็นเรื่องน่าประหลาดที่สุดในโลกเหอะ

แล้วอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมต้องวางมือจากอาวุธในมือ หยิบโทรศัพท์ออกมาเห็นชื่อกับหน้าหล่อๆ บนหน้าจอก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพวกเพื่อนผม และมันต้องอยู่กันครบทุกตัวแน่ๆ ถึงแม้ว่าคนบนจอจะเป็นไอ้กราฟก็เถอะ

“มีอะไรของพวกมึง”

[รู้ได้ไงวะว่าพวกกูอยู่ด้วยกัน]

เสียงไอ้กราฟถามกลับมาเหมือนจะงงงวย แต่ก็ไม่เชิงว่าจะเป็นอย่างนั้นเสียทั้งหมด เพราะมันก็คงพอเดาได้ว่าผมน่าจะรู้

“กูคบพวกมึงมากี่ปีแล้วครับ เมื่อวานหรือไง ไอ้สัตว์”

[เออๆ] มันตอบกลับมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ [ว่าแต่มึงเคลียร์กับพี่ภูแล้วหรือยัง]

“คุณกฤติกรครับ อย่าลืมสิครับว่าคุณพชรนี่ระดับไหนแล้ว”

[มึงเคลียร์กับพี่ภูได้ มึงเก่ง]

“แต่ว่ากูยังไม่ได้บอกพี่ชมพูเรื่องนั้นนะเว้ย”

ผมบอกมันไว้ก่อน เผื่อมันจะเข้าใจผิดคิดว่าผมบอกเรื่องในอดีตระหว่างผมกับมันไปแล้ว ซึ่งไอ้กราฟก็ดูจะตกใจหน่อยๆ มันถามเสียงงง

[แล้วเขาจะเข้าใจว่ายังไงวะ จะเข้าใจผิดเรื่องมึงกับกูอีกหรือเปล่า กูไม่อยากทำให้มึงทะเลาะกับพี่ภูอีกนะเว้ย]

ดูเหมือนไอ้เชี่ยกราฟจะเอาจริงเอาจังเรื่องผมกับไอ้พี่ชมพูเสียเหลือเกิน กูรู้อยู่หรอกว่ามึงชอบเพื่อนลุงรหัสคนนี้ของมึงมาก แต่มึงไม่ต้องถึงกับอยากจะถวายกูให้มันก็ได้ ถ้ากูอยากเอามันจริงๆ กูจัดการเองได้

“กูรู้ว่ามึงโอเคถ้ากูจะบอกเรื่องนั้น แต่กูอยากแน่ใจกว่านี้ก่อน ถึงตอนนั้นกูค่อยบอก”

[แน่ใจว่ามึงรักเขาอะนะ]

ไอ้กราฟถามกลับมาแบบนี้ทำเอาผมรู้สึกร้อนซู่บนหน้า ใจหวิวๆ ขึ้นมา เป็นห่าอะไรวะแม่ง ผมรีบๆ ปัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปแล้วสวนมันกลับแทน

“คxย”

[อยากได้ของพี่ภูเหรอวะ มาเรียกหาเนี่ย]

“ส้นตีนดิ กูวางแล้ว” บอกมันแบบนั้นจบ ผมก็กดตัดสายทันที

ไอ้เหี้ยกราฟแม่ง ไว้เจอตัวมึง กูจะแจกตีนกลางหลังมึง!

คาดโทษไอ้กราฟอยู่ในใจแล้วผมก็ยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงตามเดิม เตรียมจะหยิบช้อนส้อมขึ้นมาแดกข้าวต่อ แต่เสียงเรียกจากด้านนอกก็ทำให้ผมต้องเบือนหน้าไปทางต้นเสียง

“เกงยีน มึงออกมาหน่อยดิ๊”

“มีอะไร ออกไปทำไม”

ผมถามมันกลับไป กะจะกินข้าวต่อสักหน่อย เพราะเมื่อกี้ไอ้กราฟทำให้เสียอารมณ์ไปทีแล้ว แต่ไอ้พี่ชมพูมันก็ยังสั่ง

“มึงออกมาเร็วๆ”

“เออๆ ก็ได้ อะไรวะแม่ง”

ผมบ่นๆ แล้วก็ลุกจากโต๊ะไป รู้ตัวว่าถ้าไม่ออกไปอย่างที่มันบอกเดี๋ยวแม่งได้มีเดินเข้ามาลากหรืออุ้มผมออกไปแน่ เพราะฉะนั้นพอออกไปผมก็กะจะทำหน้าหงุดหงิดใส่มันสักหน่อย แต่แขกที่หน้าประตูทำให้ผมเบิกตาขึ้นแล้วต้องรีบยกมือไหว้ทันที

“หวัดดีครับพี่เจ๋ง พี่ต้น พี่ปาล์ม”

มากันครบแก๊งเลย แต่ว่าทำไมมายืนคุยกันหน้าประตูวะ เหมือนว่าจะมากันสักพักแล้วนะ แต่ยังยืนตรงนี้กันอยู่อีก ไอ้พี่ชมพูมารยาททรามถึงกับไม่ยอมให้เพื่อนเข้าไปนั่งในห้องเชียว

“หวัดดียีน อยู่กับไอ้ภูจริงๆ ด้วย”

พี่เจ๋งพูดอะไรให้ผมงงนิดหน่อย มาเก็ตก็ตอนที่พี่ต้นถาม

“ดีกับมันแล้วใช่ไหม”

“เอ่อ.. ครับ”

แล้วพี่เจ๋งก็ย้ำในผมเข้าใจอย่างถูกต้องอีกที

“ดีแล้วๆ เห็นมันอาการแย่ๆ มาหลายวัน ในที่สุดก็เข้าใจกันสักที ตอนแรกนึกว่ามันโกหกซะอีก”

ที่แท้ก็มาเพราะห่วงไอ้พี่ชมพู คิดว่ามันจะตายวันตายพรุ่งเพราะเข้าใจเรื่องผมกับไอ้กราฟผิดน่ะเหรอ

“กูบอกมึงแล้วก็ไม่เชื่อ ทีนี้พวกมึงก็กลับกันได้แล้วใช่ไหม”

“เออๆ พวกกูกลับแน่”

พี่ปาล์มตอบกลับก่อนจะขยับตัวมายืนข้างผม ยื่นหน้าสวยๆ เข้ามา กระซิบเสียงเบาข้างหู

“ครั้งแรกมันอาจจะเจ็บหน่อยนะ หาพวกเจลมาใช้ด้วยล่ะ จะได้ไม่เจ็บมาก หลังๆ ก็จะคุ้นเคยขึ้น”

ฮะ???? พี่ปาล์มพูดเรื่องอะไรวะ ผมทำหน้างงๆ ใส่เพราะยังคิดตามไม่ทัน สมองกำลังประมวลผลอยู่ คิดทบทวนตามคำพูดของพี่ปาล์มแล้วเหมือนจะเข้าใจมากขึ้นทีละนิดๆ จนเข้าใจทั้งหมดก็ต้องเบิกตาโต กำลังจะอ้าปากพูดสวนกลับพี่ปาล์มคนสวยไป แต่ไอดอลของผมก็ดันแทรกขึ้นมาก่อน

“แล้วก็... ยีนตอนไม่ใส่แว่นแบบนี้ หล่อดีนะ”

แถมขยิบตาแบบโคตรน่ารักให้อีก ใจผมเต้นตึกๆ นิดหน่อยเลยพอเห็นแบบนั้น ลืมไปเสียสนิทว่าจะบอกอะไรพี่ปาล์มกลับไป พอนึกขึ้นได้เจ้าตัวก็ไปยืนอยู่ข้างพี่ต้นแล้ว หนำซ้ำทั้งสามคนยังกำลังจะกลับกันอีก

“เฮ้ย”

ผมร้องได้แค่นั้นประตูห้องก็ปิดลง ต่อด้วยไอ้พี่ชมพูตวัดสายตามามองผมตาดุ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเข้มๆ

“มองเมียคนอื่นตาวาวเชียวนะมึง”

“อะไรของพี่”
“ไอ้ปาล์มมีผัวแล้ว ผัวมันก็มาด้วย มึงอย่าลืม”

แสรดดด ไอ้พี่ชมพูคิดว่าผมกับไอ้กราฟเป็นแฟนกันยังไม่พอ ยังยัดเยียดให้ผมปีนต้นงิ้วอีก สัตว์ สมองมึงคิดอะไรดีๆ นอกจากแบบนี้เป็นมั่งไหมเนี่ย

“แต่พี่ชอบผมไม่ใช่หรือไง ถ้างั้นพี่ก็ต้องช่วยให้ผมสมหวังเรื่องพี่ปาล์มดิ”

เซ็งมัน ผมเลยตอกกลับไป พี่ชมพูที่แม่งโคตรปัญญาอ่อนเลยมองหน้าผมที่ไร้กรอบแว่นและเลนส์หนาๆ เพราะว่าถอดมันตั้งแต่กลับมาถึงห้องแล้ว พี่ปาล์มถึงได้พูดแบบนั้นออกมา แอบดีใจนิดหน่อยด้วยที่ถูกคนสวยชม

สายตาไอ้เหี้ยพี่ชมพูแม่งกะฆ่าผมให้ได้ จะคมไปไหนวะ

“มึงอยากให้กูช่วย?”

“อืม”
ผมตอบมันยิ้มๆ เพราะเห็นมันคลายหน้าตึงๆ ออกแล้ว แถมยังยิ้มให้ผมด้วย แต่หลังจากนั้นผมก็ต้องชาสันหลังวาบ

“จะแย่งเมียเพื่อนกูเหรอ”

“...”

“กูช่วยมึงก็ได้ แต่ช่วยให้มึงเป็นเมียกูอะนะ”











ต่อด้านล่าง

v

v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 17 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 08-04-2012 19:16:13
ต่อจากด้านบน

v

v

















จบอาหารมื้ออร่อย แต่เล่นเอาเสียวๆ ด้านหลังไปพักหนึ่งเพราะคำพูดที่ทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้นแล้วตัวใหญ่ๆ ของคนพูดก็เดินกลับไปกินข้าวต่อ ผมก็กลับมาเล่นเกม พอให้อาหารย่อยซะก่อนที่จะไปอาบน้ำสระผม สลัดความคิดบ้าบอห่าเหวที่ไอ้พี่ชมพูเจตนาย้อนผมกลับมาข้อหาจะไปแยกผัวแยกเมียเขา เสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องน้ำ ใส่ชุดนอนที่รุ่นพี่ร่างหมีควายเตรียมไว้ให้ เสื้อผ้าของมันอีกเหมือนเดิมนั่นแหละ เป็นเสื้อบางๆ คอปกกับกางเกงเอวยางยืดที่เข้าชุดกัน ส่วนมันก็เข้าไปอาบน้ำแทน

ผมหาไดร์มาเป่าผมที่เปียกอยู่ให้แห้งซะจะได้นอน เพราะว่าสี่ทุ่มกว่าแล้ว และเพราะว่าสายของไดร์เป่าผมค่อนข้างยาว ผมเลยลากมันมานั่งเป่าบนเตียงได้อย่างสบายๆ มือข้างหนึ่งจับไดร์เป่าลมร้อนๆ ใส่ผมสีดำเปียกๆ ให้มันชื้นน้อยลง ส่วนมืออีกข้างก็ขยี้ผมไปมาเพื่อให้ความร้อนกระจายแผ่ได้ทั่ว

นั่งเป่าผมอยู่ประมาณสิบนาที พี่ชมพูก็ออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวด้วยชุดนอนที่เป็นแบบเดียวกันแต่คนละลายคนละสี ของผมเป็นลายตารางสีน้ำเงิน ส่วนของมันเป็นสีน้ำตาลแบบไม่มีลาย มันเอาผ้าเช็ดตัวไปพาดที่ราวก่อนจะเดินขึ้นเตียงมานั่งทางด้านหลังผม

ที่เห็นว่ามันทำอะไรบ้างก็เพราะว่าผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับกระจกบานใหญ่ที่ด้านข้างของปลายเตียงมันนั่นแหละ

มันนั่งมองผมผ่านทางกระจก ใช้ตาเข้มๆ จ้องเข้ามาจนผมรู้สึกแปลกๆ อยากเลี่ยงสายตาที่สะท้อนมาด้วยการหันไปทางอื่น แต่ยังไม่ทันทำอย่างที่ใจคิด มือใหญ่ก็จับทับกับมือผมที่ถือไดร์อยู่ บังคับมือผมให้ขยับไปทางด้านหลังเพื่อที่ลมร้อนจะได้ไปเป่าบนหัวของมันแทนหัวผมที่ใกล้แห้งแล้ว

“เป่าให้กูด้วย”

“เป่าเองดิ ผมเป่าของผมอยู่ไม่เห็นหรือไง”

ผมมีนิสัยชอบเอาชนะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันสั่งมาแบบนี้แถมยังทำเผด็จการใส่ มีหรือว่าผมจะยอมง่ายๆ ผมดึงมือกลับเพื่อให้ไดร์มาตรงกับตำแหน่งหัวของตัวเองแทน แต่ไอ้พี่ชมพูก็มีนิสัยเหมือนผมนั่นแหละ ยิ่งผมต่อต้านมันก็ยิ่งออกแรงบังคับมากกว่าเดิม

“ไดร์กู มึงจะใช้คนเดียวได้ยังไง”

“พี่ก็รอให้ผมเป่าผมเสร็จก่อนดิ”

“ก็กูจะเป่าตอนนี้”

ผมกับมันยื้อแย่งไดร์เป่าผมสีขาวอันเดียวกันไปมา ลมร้อนก็เป่าผ่านหัวผมกับมันสลับกันจนเดาไม่ออกว่าเมื่อไรผมจะแห้งถ้ายังแย่งกันอยู่แบบนี้ ผมเลยออกแรงมากขึ้นอีกจนตัวมันเซหน่อยๆ เพราะถึงจะสู้แรงมันไม่ได้ แต่แรงของผมก็ไม่ได้น้อยอะไร

พอเห็นผมออกแรงมากขึ้นแล้วมันก็ฮึดเอามั่ง คราวนี้มันดึงซะจนหงายหลังตึงลงไปกับที่นอน มือของผมที่จับไดร์อยู่โดยที่มีมือมันจับทับเลยกลายเป็นเชือกที่รั้งให้ตัวผมหล่นตามมันไปด้วย แต่แค่นี้ไม่จบ เพราะไอ้พี่ชมพูยังเอาไดร์ไปเป่าผมตัวเองได้อีก

ผมก็ไม่ยอมสิครับ ไหนๆ ก็ล้มลงมาแล้วเลยลุกขึ้นไปนั่งทับท้องแม่งเลย กระชากไดร์เป่าผมคืนมา ทำอย่างกับว่าเป็นเด็กๆ แย่งของเล่นกัน แต่แบบนี้มันถือเป็นเรื่องของศักด์ศรีที่ใครจะแพ้ไม่ได้ ผมโน้มหัวลงไปใกล้กับมันหน่อย เพราะจะให้ยื้อไดร์ขึ้นมาเป่าผมตัวเองคงจะต้องออกแรงมากเกินไป แค่ถึงกลางทางคงโดนมันดึงกลับไปได้แน่

แต่แม้จะลดระยะทางแล้วก็ไม่ช่วยให้ผมเป็นต่ออยู่ดี เพราะไอ้คนที่ผมนั่งทับอยู่แม่งเสือกแรงควาย กระชากไดร์กลับไปจนหลุดมือผมเลย แล้วมันก็ไปหล่นแอ้งแม้งอยู่บนเตียงข้างหัวของไอ้รุ่นพี่

เสียงของลมที่ส่งออกมาผ่านทางกระบอกกลมๆ ยังคงดังต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ศึกแย่งอุปกรณ์ชิ้นนั้นดันเปลี่ยนเป้าหมายไปอย่างกะทันหัน เพราะไอ้พี่ชมพูไม่ได้จับไดร์เอาไว้ และผมก็ไม่ได้จับ

แต่เป็น...เราจับมือกันอยู่ต่างหาก

ตาเรียวคมจดจ้องเข้ามาในตาของผมที่มองมันอยู่เช่นกัน ก่อนมือใหญ่อีกข้างจะยกขึ้นมากดท้ายทอยผมให้หน้าก้มลงต่ำกว่าเดิม ต่ำลงเสียจนเหลือช่องว่างระหว่างหน้าหล่อๆ ของผมกับมันไม่ถึงฝ่ามือกั้น จากนั้นไม่นานริมฝีปากของเราก็แตะกัน

สัมผัสนุ่มๆ และอุ่นนั้นเหมือนกับอะไรบางอย่างที่ล่อหลอกให้อยากถลำ ตัวลงไปในความล้ำลึก กลีบเนื้อสีแดงอ่อนบดเบียดเข้ากับปากของผมครั้งแล้วครั้งเล่า ลิ้นชื้นเลียไล้กับปากจนเปียกฉ่ำ เมื่อผมยอมอ้าปากออกนิดๆ มันก็ส่งลิ้นเข้ามากวาดต้อนข้างใน สองลิ้นของเราพันเกี่ยวกัน

เพราะผมกับมันต่างมีประสบการณ์มานับครั้งไม่ถ้วน จูบอ่อนๆ ในทีแรกถึงได้เร่าร้อนขึ้นในเพียงชั่วพริบตา แลกลิ้นดูดดื่มกันเสียจนน้ำลายเลอะเปรอะทั่วปากของกันและกัน แล้วพอผละจูบออกมาเพื่อเริ่มต้นการจูบอีกครั้ง ปลายลิ้นก็เชื่อมต่อกันด้วยน้ำใสๆ วนเวียนอยู่แบบนั้นหลายต่อหลายครั้งจนรู้สึกว่าร่างกายต้องการอะไรที่มากกว่า

พี่ชมพูเลื่อนริมฝีปากลงมากดจูบหนักๆ ที่ไหปลาร้าของผม แรงดูดนั้นทำให้เสียวปลาบขึ้นมาจนผมต้องบีบมือที่จับกับมันไว้ตั้งแต่ทีแรกมากขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายก้มหน้าเข้าไปงัดปากของมันขึ้นมาจูบเพื่อไม่ให้มันทำกับผมแบบนั้นอีก มันเลยเปลี่ยนจากการจูบไซ้คอผมแรงๆ จนผมคิดว่าต้องเป็นรอยแน่ๆ มาไล้มือบนแผ่นหลังของผมแทน

เรายังคงจูบกันอย่างต่อเนื่องยาวนานราวกับจะทดสอบว่าใครเป็นฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ ขณะที่มือใหญ่ลูบไล้บนแผ่นหลังของผมอย่างเรื่อยเปื่อยเลื่อนต่ำลงไป เคล้นคลึงสะโพกของผมไปมาก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้กางเกงนอน บีบขยำบั้นท้ายของผมผ่านผ้าบางๆ ของกางเกงในตัวใหม่ที่มันหยิบมาให้ใส่ พลางใช้นิ้วยาวเกี่ยวเล่นกับร่องตรงกลาง แล้วนั่นก็ทำให้ผมสะดุ้งวาบ ละปากเจ่อๆ ออกจากมันทันที แถมด้วยดึงมือของมันที่วางแหมะอยู่ตรงตูดผมออกด้วย

“จะทำอะไร”

ไอ้พี่ชมพูแม่งก็หน้าด้านตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปสักนิด

“กดมึงไง”

“เข้าใจผิดหรือเปล่า พี่เป็นเมียผมไม่ใช่เหรอ ผมดิต้องกดพี่”

เรียกเอาความทรงจำกลับคืนมา แม้จะรู้สึกกระดากอยู่ก็เหอะ ยอมรับจริงๆ ว่ายังคิดภาพไม่ออกว่าผมจะเอาพี่ชมพูทำเมียอีท่าไหน เพราะถึงจะทำกับผู้หญิงมามากมาย แต่ผู้ชายที่ตัวใหญ่ยักษ์แบบนี้ สมองมันก็ค้านอยู่ดี

“เกงยีน กูมีอะไรจะสารภาพกับมึง”

แล้วอยู่ๆ แม่งก็เปลี่ยนเรื่องไปเสียเฉยๆ เล่นเอาผมงงเรียบเรียงความคิดไม่ถูก มันมองตาผมแล้วทำสีหน้าเหมือนคนสำนึกผิด แต่ก็ไม่ได้มากนัก แล้วผมก็คาดเดาไม่ได้ว่ามันจะพูดเรื่องอะไรกันแน่

“สารภาพอะไร”

“เรื่องที่กูบอกว่ากูเป็นเมียมึงแล้ว................กูโกหก”

ช็อก รู้สึกช็อกพอๆ กับตอนที่มันบอกว่าผมได้มันเป็นเมียนั่นแหละ สมองช้าไปชั่วครู่ก่อนจะฟื้นกลับมาทำความเข้าใจกับคำพูดของมันอีกครั้ง

สัตว์เอ๊ย แม่ง มึงโกหกกู ปล่อยให้กูเครียดว่ากูเอามึงได้ยังไง กูได้เมียมาแบบไม่รู้ตัวแถมยังเป็นผู้ชายรุ่นหมีควายอีก ไอ้ห่าาา!!!!

“โกหกได้ไงวะ!”

ผมระบายอารมณ์ใส่มัน โมโหนะครับไม่ใช่ไม่โมโห เหมือนตัวเองโง่ที่ถูกหลอกมาได้ตั้งนาน แถมไอ้ที่ต้องมาเกี่ยวพันกับมันอยู่ทุกวันนี้ แล้วเหมือนจะเผลอไปชอบมันเข้าอีกนี่ก็เพราะเรื่องโกหกของมันทั้งนั้น พอคิดว่าถ้ามันไม่หลอกผมเรื่องนี้ผมกับมันคงเป็นอริกัน ด่าว่า สวดแม่งยับทุกวันอยู่ในใจแล้วก็รู้สึกจูนสมองไม่ติด

“กูอยากแกล้งมึงเฉยๆ”

“สัตว์”

ผมด่ามันแค่คำสั้นๆ ก่อนจะขยับตัวเพื่อลงมาจากตัวมันเพราะยังนั่งทับอยู่เหมือนเดิม แต่แม่งก็ไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้นได้ มันจับผมพลิกตัวลงไปนอนแล้วมันขึ้นมาคร่อมผมแทน

เหี้ยเอ๊ย มึงจะเอายังไงเนี่ย!!

“มึงโกรธกูมากเหรอ”

“ดีใจมั้ง” ตอบมันกลับไปด้วยเสียงห้วนสุดๆ แล้วเบี่ยงหน้าไปอีกทาง ไม่มองมัน แม้จะพยายามดันตัวขึ้นให้มันลุกจากตัวผมไปแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะแม่งเล่นทับมาทั้งตัว

ตัวก็ใหญ่ มาทับกูได้ กระดูกกูหักพอดี!

แต่ไอ้เหี้ยพี่ชมพูไม่สำนึกแม้แต่น้อย มันก้มหน้าลงมาใกล้ๆ กับหน้าผม ห่างแค่คืบกว่าๆ เท่านั้น ถึงผมจะไม่ได้หันไปมองหน้ามันตรงๆ แต่ก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่พ่นรดลงบนแก้มกับต้นคออยู่ดี

“แสดงว่าจริงๆ แล้วมึงอยากได้กูเป็นเมียอะดิ”

“ใครจะอยากได้หมีควายเป็นเมีย”

ผมไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงกับมัน แต่คิดว่ามันคงเดาได้ไม่ยาก ทว่าถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี มันเงียบไปหลังจากนั้นพักหนึ่ง ส่วนผมก็อยู่นิ่งๆ นอนเฉยๆ ขยับตัวไม่ได้ หันหน้าไปทางมันก็ไม่ได้

เออ กูนอนเป็นหุ่นอยู่ตรงนี้ก็ได้วะ สัตว์แม่งงง!!

คิดแบบนั้นแล้วก็เดาเอาไว้ เดี๋ยวมันพอใจก็คงลุกขึ้นแล้วปล่อยผมไปเอง แต่แทนที่จะเป็นแบบนั้นไอ้คนตัวใหญ่ดันเสือกพูดว่า...

“งั้นก็ไม่เป็นไรสิ”

“...”

“กูก็อยากได้เมียมากกว่าจะเป็นเมียเองเหมือนกัน”














===================
เหมือนจะมีคนมารอหลายคน ขอบคุณนะคะ
พอว่างแล้วก็รีบมาแต่งเลย ช่วงนี้แต่ละวันมีเวลาน้อยนิด แต่จะพยายามอัพให้ได้ทุกอาทิตย์ค่ะ

เขาดีกันแล้ว แต่ว่าจะโกรธกันต่อหรือเปล่าหว่า
พี่ภูก็แสดงเจตนาชัดเหลือเกิน ยังไม่ได้เขาเป็นแฟน นี่จะขอให้เป็นเมียแล้วเหรอ???!!!


Undel2Sky

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 08-04-2012 19:36:38
มาเจิมก่อนอ่าน

อั้ยยย้าา ตอนหน้าแอบลุ้น5555555
พี่ชมภูน่ารักเหยยยย >O<
ต่อทียาวสะใจครับ ฮ่าๆ
ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-04-2012 19:43:29
อ้าววววววว แล้วคืนนี้จะได้กันไม๊เนี่ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-04-2012 20:39:02
พี่ภูมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก สนับสนุนค่ะ จัดการเลยพี่ภู ฮ่าๆๆๆ

อยากรู้เรื่องกราฟอ่ะ มันคืออะไรกันแน่ ทำไม ยังไง อะไร ทำไมต้องจูบกันด้วย งงมากมาย อยากรู้~

รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 08-04-2012 20:55:39
ยกมือหนับหนุนกดก่อนแล้วค่อยขอเป็นแฟนทีหลัง o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-04-2012 21:17:17
ด้านมากค่าาาาา อยากได้เมียต้องอย่าอาย !!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 08-04-2012 21:31:43
ยีนไม่ตอบไปล่ะ ว่าไม่อยากได้เมีย แต่อยากได้ผัว กร๊าซซซซซซ

ตามต่อไปว่าพี่ชมภูจะกดน้องเกงยีนหรือไม่!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 08-04-2012 21:39:06
เอาอีกๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-04-2012 21:48:48
เย่ มาต่อแล้ว

คู่นี้นี่มันจะดีกันนานๆบ้างได้มั้ยนิ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-04-2012 21:49:16
จัดหนักเลยเพ่ :oo1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 08-04-2012 22:30:46
เย้ยยยย 555
เอาอีกๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 08-04-2012 22:38:41
 :mc4: :mc4:
ตอนหน้ามีเฮแหงๆๆๆๆๆ

 o18 o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 08-04-2012 22:39:02
กรี๊ดดดดดดดดดดดด แค่เห็นชื่อตอนก็เตลิดไปไกลแระ

พอมาเจอประโยคปิดท้าย
“กูก็อยากได้เมียมากกว่าจะเป็นเมียเองเหมือนกัน”
ตายค่ะ ตายๆ ตายสถานเดียว เอิ่กๆ
 :m25:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 08-04-2012 23:15:32



    อ๊ายยยย คู่นี้นี่ก้าวหน้าไปไวจริงๆ
    แล้วอยู่ในสภาพอย่างนั้น ถึงหนูยีนไม่อยากจะเปลี่ยนสถานะก็เถอะ แล้วจะขัดขืนไหวเหรอ




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 08-04-2012 23:41:01
ตอนหน้าเกงยีนจะได้เป็นเมียพี่ภูมั้ย ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 08-04-2012 23:44:33
กรี๊ดดดดดดด


ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 o18 o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 08-04-2012 23:48:17
อ๊าากก สงสัยตอนนี้ได้มีฉากเรียกเลือด :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 09-04-2012 00:00:17
ในที่สุดก็เข้าใจกันเนอะ
ง้อตามสไตล์ เกงยีน อิอิ น่ารักอ่ะ :z1: :z1: :z1: :z1: :laugh: :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20: :m20:
แต่เอิ่ม ตอนนี้เริ่มเกี่ยงกันแล้วว่าใครจะเป็นภรรยา 555 ดูท่าทางว่าเกงยีนจะรอดยากส์ 555555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-04-2012 00:39:32
โห พี่ภู พูดตรงๆ แบบนี้เลยรึ?

 :m20:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Koyy ที่ 09-04-2012 01:40:40
ยีนเอ๋ยยอมซะเถอะ!!

คนอ่านก็อยากเห็นเป็นผัวเมียกันสักที ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ticha ที่ 09-04-2012 04:32:29
เกงยีนโดนกด เกงยีนโดนกด  :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 09-04-2012 08:34:32
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 09-04-2012 19:14:13
มารอดูคนโดนกด  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 09-04-2012 22:08:40
อย่าลัดขั้นดิพี่ภู
ขอเป็นแฟนแล้วค่อยจับกดทันทีไม่เสียหลายเด้อ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 09-04-2012 22:59:40
แล้วเมื่อไหร่พี่ภูจะได้เมียจริงๆซะทีล่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 10-04-2012 00:37:15
หึหึ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 10-04-2012 03:58:35
จะรอดป่าวน้อน้องยีน ฮ่าๆๆๆ
เอาไงดีพี่ชมภูเอาไง ฮ่าๆๆๆ
เอาอยู่ดีมั๊ย ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 10-04-2012 10:50:03
น่ารักแบบแปลกๆนะสองคนเนี้ย 5555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 10-04-2012 10:54:45
มารอออออออออออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naiin ที่ 10-04-2012 14:51:45
                            โอ้.... จะตกลงกันได้ป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 10-04-2012 16:37:02
อ่า ชอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: theWinDy ที่ 11-04-2012 00:18:43
ตามทันแล้ว เนื้อเรื่องสนุกมาก มีเรื่องลับที่รอเปิดเผยต่อไป
น้องเกงยีนคอนเซปต์ตัวเองแน่นมากกะพี่ชมพู
ชอบผองเพื่อนร่วมก๊วนไฮยีนดูรักใคร่กลมเกลียวผูกพันกันแน่นแฟ้นดี
สุดท้ายอยากบอกว่าน่าติดตามมากๆ ค่ะ  o13 บวกหนึ่ง  :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-04-2012 01:14:02
แอร๊ยยยยยยยยยย เกงยีนนน คืนนี้ไม่รอดแน่

พี่ภูจัดหนักแน่เลยย =.,=

....

 :z13:  :z13:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 11-04-2012 11:06:41
พี่ภูแต่งเมื่อไหร่บอกด้วยนะ กร๊ากๆๆ
ยีนโดนกดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 11-04-2012 18:06:41
อยากได้เมีย ก้อต้องจับทำเมียสิค่ะ  เอิ้กกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ownumo ที่ 11-04-2012 21:30:40
ค้างได้อีกกกกกกกกกกกกก  :z3: :z10:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NiNJA ที่ 12-04-2012 01:21:49
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด   เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่าา

แต่ชอบมากเลย ทั้งสนุก ฮา น่ารัก แอบซึ้งเบาๆๆ

ชอบพี่ชมพูที่สุดอ่าค่าาาา    :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-04-2012 00:19:47
 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 18 : อยากได้เมีย [08/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CHoMe ที่ 13-04-2012 19:15:42
พี่ชมพูกดเลย กดเลยเอาใจช่วยเต็มพี่
ยีนยอมๆพี่ชมพูไปเถอะ ทำให้พี่ชมพูเจ็บมามากแล้ว
ยอมเจ็บ(แต่เสียว) แทนพี่ชมพูบ้างก้ได้  :z1:
+1 ให้ ถ้าตอนหน้าเสียเลือดจะบวกให้อีกน้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 15-04-2012 21:20:44
ตอนที่ 19 : แฟน
























ไม่ใช่แค่คำพูดอย่างเดียว แต่แววตาที่มันจ้องผมกลับมาแม่งบ่งบอกเลยว่ามันกำลังสื่อความหมายอะไร ผมให้เอามีดมาแทงเลยก็ได้ถ้ามันไม่ได้หมายความว่าอยากได้ผมเป็นเมีย


ไอ้เหี้ยยยยยยย ผมไม่เคยอยากเป็นเมียใครและไม่เคยคิดด้วย แต่ดูไอ้ห่านี่ มันจ้องเหมือนจะเอาผมเป็นเมียให้ได้ คดีแรกมึงยังไม่หมด มึงจะเอาอีกคดีใช่มั้ย!


ผมเขม็งตามองมันเหมือนเอาเรื่อง แต่สัดพี่ชมพูแม่งเสือกทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วยังก้มลงมาจูบผมอีก ไอ้เวร! ผมสะบัดตัวเพื่อให้มันลุกออกไปจากตัวผมสักที แต่แม่งแรงเยอะกว่าผมถึงสลัดมันไม่หลุด


มันเล็มปากผมแล้วพยายามจะแหย่ลิ้นเข้ามา แต่ว่าผมก็กัดฟันตัวเองแน่นไม่ให้มันทำอย่างใจ ไอ้เหี้ยพี่ชมพูมันเลยเอามือล้วงเข้ามาในเสื้อผมแทน บีบแล้วก็คลึงหน้าอกผมก่อนจะเลื่อนปากลงไปดูดมันผ่านเสื้อนอน


“ปล่อย ไอ้สัด!!”


ผมแหกปากพยายามดันแม่งออก แต่มันก็ยังหน้าด้านไม่ยอมปล่อย หนำซ้ำยังเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงผมอีก ไอ้เหี้ยเอ๊ยย มึงกะทำให้กูเคลิ้มจะได้สู้มึงไม่ได้ใช่มั้ย!!


ผมพยายามชักขาขึ้นมายันอกมัน จนในที่สุดมันก็กระเด็นออกไปตามที่ผมหวัง แต่ว่ามันก็ยังดันทุรังจะทำต่อให้ได้ ผมเลยต้องยกขาค้างเอาไว้เพื่อบอกให้มันรู้ว่าลองมึงทำอีกกูถีบมึงแน่ มันถึงได้หยุดแล้วมองหน้าผม


“มึงลองทำกูอีกสิ กูเกลียดมึงแน่ แล้วมึงอย่าคิดว่าจะได้คุยกับกูอีก”


ไม่เรียกแล้วแม่ง พ่งพี่ห่าอะไร ตอนนี้อารมณ์ผมฉุนสุดๆ


“มึงโกรธ”


มันถามเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่สมควรโกรธอย่างนั้นแหละ มึงลองมาเป็นกูมั่งมั้ยล่ะ ไอ้สัด ไอ้ห่า เวรเอ๊ย


“มึงโกหกกูแล้วมึงยังมีหน้าจะมาปล้ำกูอีกนะ”


“กูขอโทษ” มันว่าเสียงเบาๆ ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ผม ผมเลยเตรียมจะยันมันอีก แต่มันแค่ดึงผมไปกอดแล้วล้มตัวลงนนอลงบนเตียง “กูยังไม่ทำก็ได้ รอให้มึงพร้อมก่อน”


“พร้อมห่าอะไร กูไม่พร้อมอะไรทั้งนั้นแหละ”


“ไว้มึงรักกูมากๆ มึงก็พร้อมเอง”


แม่งพูดเข้าข้างตัวเองแถมยังยิ้มให้เสียอีก แล้วพอมันเห็นว่าหน้าผมหงุดหงิด มันก็ก้มลงมาหอมแก้มผม ผมเลยยกมือขึ้นปาดรอยบนแก้มออกแต่มันก็ก้มลงมาหอมใหม่


ไอ้สัด! มึงชอบกวนตีนกูนักใช่มั้ยวะ


ผมหันไปถลึงตาใส่มัน แต่มันก็ยังยิ้มเหมือนเดิม หน้าด้านฉิบหาย!


“มึงเลิกโกรธกูยัง”


“ถ้ายังไม่เลิกหอมแก้มกูอีกมึงก็ไม่ต้องหวัง”


“โหดว่ะ ก็แก้มมึงนิ่มเอง”


เหี้ย ดูคำตอบมัน ผมต้องเม้มปากแน่นเพราะดันรู้สึกเขินขึ้นมากับไอ้ประโยคสุดท้ายของแม่ง แก้มร้อนนิดๆ เลยต้องพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติไม่ให้มันจับได้


“ความผิดกูหรือไง”


“ใช่”


“สัด”


ผมด่ามันไป มันก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม จูบหนักๆ บนหน้าผากผมแล้วหลับตาลงเหมือนมันไม่ได้ทำอะไรให้ผมรู้สึกห่าเหวบ้าบออะไรนี่เลยสักนิด แม่งเหี้ยฉิบหาย


“มึงแม่งเลว”


เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ผมเลยด่ามันไปอีกรอบ มันก็ลืมตาขึ้นมาแล้วยื่นปากมาจูบปากผมเบาๆ แถมยิ้มอีก


“นอนได้แล้ว”


แล้วมันก็หลับตาอีกครั้งเหมือนจะตัดจบบทสนทนาไม่ให้ผมพูดอะไรอีก แต่แม้ว่าผมจะพยายามดันตัวให้ห่างออกมาจากไอ้คนตัวใหญ่ มันก็ยังรัดตัวผมแน่นไม่ยอมปล่อย ผมเลยต้องยอมหลับตาลงแล้วปล่อยให้แม่งกอดไปแบบนั้น


























ตอนเช้าไอ้พี่ชมพูมาส่งผมที่มหา’ลัยตามเดิม มันแยกไปที่โต๊ะของมันส่วนผมก็มาที่โต๊ะของผม ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมก็มาประจำที่กันหมดแล้ว แต่พอเดินมากำลังจะนั่งลงบนม้านั่งผมก็สะดุ้ง เพราะไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ แม่งเสือกบีบตูดผมซะเต็มมือ


“ไอ้เหี้ยกราฟ ทำอะไรของมึง!!”


“ทดสอบดูไงว่ามึงโดนพี่ภูเสียบไปยัง”


เสียงของไอ้กราฟเงียบไป เสียงหัวเราะของไอ้เชี่ยกัสกับสัดเคลมก็ดังขึ้นให้ผมอับอายแล้วโมโหพร้อมๆ กัน ผมสบถด่ามัน


“ห่า”


แล้วยกตีนขึ้นมาถีบไอ้กราฟที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดจนมันล้มแผละลงไปกับม้านั่งอีกด้าน แต่เสียงหัวเราะของพวกเวรก็ยังไม่หยุดลง พวกมึงจะหัวเราะห่าอะไรนักหนา แสรดดดด


“หัวเราะมากระวังตีนติดต่อนะไอ้เหี้ย”


“โหย ก็มึงเป็นความหวังของพวกกูเลยนะเว้ย”


ไอ้เคลมมันหัวเราะจนน้ำตาเล็ดแล้วตอบกลับมาไม่เข้าหูสักเท่าไหร่


“ความหวังห่าอะไร”


“ความหวังจะได้พี่ภูเป็นผัวไง ก๊ากกกก”


แล้วแม่งก็หัวเราะอีก ผมเลยลุกขึ้นไปตบกบาลแม่งเต็มแรง


“งั้นมึงก็โก่งตูดให้ไอ้พี่ภูของมึงเอาซะสิ จะได้ไม่ต้องมาหวังพึ่งกู ไอ้สาดดดดดดดดด”


“เอาน่า ไอ้เคลมมันก็แซวมึงเล่นๆ”


ไอ้กราฟดึงมือผมให้นั่งลงเหมือนเดิม ไม่ต้องมาพูดดีเลยไอ้สัด เมื่อกี้มึงก็ล้อกูเหมือนกัน ผมจ้องไอ้กราฟอย่างเอาเรื่อง มันเลยยิ้มแหยๆ ให้


“แล้วสรุปมึงกับพี่ภูตกลงกันได้หรือยัง”


“ตกลงอะไร”


ผมตวัดเสียงตอบไอ้กัสกลับไป อารมณ์ยังไม่ดีมากสักเท่าไหร่ เพราะหงุดหงิดกับเรื่องเมื่อกี้อยู่


“ก็ตกลงว่ามึงคบกันแล้ว หรือว่ายังไง”


“ยัง”


“อ้าววว”


แม่งประสานเสียงกันสามคน ผมเลยต้องอธิบายเพิ่มอย่างช่วยไม่ได้


“มันแค่เข้าใจว่ากูกับไอ้กราฟไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อน แต่กูกับมันยังไม่ได้ตกลงคบกัน”


“แบบนี้มึงเอาเปรียบพี่ภูนี่หว่า”


ไอ้เคลมตัดพ้ออย่างกับมันเป็นเมียไอ้พี่ชมพูถึงเดือดร้อนแทน


“งั้นมึงก็ไปขอมันคบแทนแล้วกัน จะได้ไม่เดือดร้อนกู”


“กูสงสารพี่ภูว่ะ มาหลงรักไอ้เชี่ยยีนเนี่ย เย็นชา~~”


ไอ้เคลมมันยังบ่นไม่เลิก แถมยังทำเสียงแต๋วๆ ให้น่าหมั่นไส้ขึ้นอีก แต่คราวนี้ผมระงับอารมณ์เอาไว้ ไม่ต่อความอะไรกับมันอีกเพราะเดี๋ยวไม่จบ และพอมันเห็นผมไม่พูดอะไร มันก็เงียบปากไปอย่างที่ผมคิด แต่ว่ามันดันกลับมาดังอีกครั้งเพราะ...


“ไอ้ยีน ว่าที่ผัวมึงมา”


ผมถลึงตาใส่มันเพราะคำที่ไอ้สัดเคลมมันใช้ ส่วนไอ้กัสกับไอ้กราฟก็ยิ้มๆ ใส่เหมือนสนุกที่แกล้งผมได้


“หวัดดีครับ พี่ภู”


พอไอ้พี่ชมพูลงมานั่งข้างผม เสียงไอ้เคลมก็ทักก่อนเลย มันยกมือไหว้ เหมือนไอ้กัสที่ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ไอ้กราฟก็ไหว้เหมือนกัน แล้วก็ยิ้มๆ ให้ คนถูกไหว้เป็นปูชนียบุคคลเลยพยักหน้าส่งเสียง เออๆ ก่อนจะบอกจุดประสงค์ที่มันเดินมา


“พวกกูสรุปกันได้แล้วว่าจะเริ่มถ่ายหนังกันวันไหน”


“แล้ววันไหนครับพี่ พวกผมจะได้เตรียมตัวถูก”


คงไม่ต้องบอกว่าใครที่แม่งกระตือรือร้นคุยกับไอ้พี่ชมพูขนาดนี้ มีอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ


“อาทิตย์นี้นั่นแหละ เสาร์ถึงจันทร์เลย”


“แล้วมันจะทันเหรอพี่”


ไอ้กราฟถาม ผมเองก็สงสัย ถ่ายสามวัน จะทันได้ยังไงวะ


“เหลือเฟือ หนังมันแค่สิบนาทีเองมึง แป๊บเดียวก็เสร็จ”


“แล้วเราจะไปถ่ายที่ไหนกัน เห็นพี่เจ๋งบอกว่าออกต่างจังหวัด”


เปลี่ยนเป็นไอ้กัสถามบ้าง ผมก็หันไปมองไอ้พี่ชมพู เพราะเมื่อวานมันยังบอกผมอยู่เลยว่ายังสรุปไม่ได้ แต่มาตอนนี้มันรู้เรื่องวันแล้ว คงตกลงสถานที่ได้แล้วมั้ง


“เรื่องสถานที่ ได้แล้วเว้ย แต่พวกกูไม่บอกพวกมึงหรอก”


“อ้าว ไรวะพี่ มีอุบอีก”


ไอ้เคลมมันบ่น พี่ชมพูเลยยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ทำให้ไอ้เคลมเต้นได้นิดหน่อย


“ก็เก็บไว้ให้พวกมึงตื่นเต้นไง” ตอบไอ้เชี่ยเคลมแบบนั้นเสร็จ คนข้างตัวก็หันมาหาผมแทนแล้วกระซิบข้างหู “วันนี้กูพามึงออกไปกินข้าวข้างนอกนะ”


“ตามใจดิ พี่เป็นคนเลี้ยงไม่ใช่หรือไง”


ผมตอบมันกลับไปด้วยเสียงนิ่งๆ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเท่าไหร่ มันเองก็แค่ยิ้มให้ แต่ดันเสือกยิ้มหวานเกินไปหน่อยเลยมีเสียงหมาแถวๆ นี้เห่า หมาตัวเดิมที่มีอยู่ตัวเดียวนั่นแหละ


“โหยย มดกัดเว้ย สร้างโลกส่วนตัวแล้วเว้ย”


ด้วยความหมั่นไส้เสียงโหยหวนของเชี่ยเคลม ผมเลยยื่นขาออกไปถีบเข่ามันใต้โต๊ะ เล่นเอามันร้องอุบ สะใจฉิบหาย ผมกระดกมุมปากยิ้มอย่างพอใจ เลิกคิ้วกวนตีนแม่งด้วย อยากแกว่งตีนมาหาเรื่องก่อนดีนัก


“งั้นกูไปก่อนล่ะ เลิกแล้วเดี๋ยวไปหาที่ห้อง”


จบประโยคด้วยการวางมือใหญ่ๆ ของมันบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆ ก่อนจะลุกจากไป ผมหันไปมองมันนิดหน่อยก่อนจะหันกลับมา เห็นไอ้พวกที่เหลือมองมาด้วยสายตาล้อเลียนแล้วก็ต้องรีบลุกขึ้นแล้วเรียกไอ้กราฟขึ้นห้องเรียนบ้าง เรื่องอะไรจะอยู่ให้พวกแม่งแซวอีก จะอะไรนักหนากับกูก็ไม่รู้































ถึงเวลาไอ้พี่ชมพูก็พาผมไปกินที่ร้านอาหารไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหา’ลัยเท่าไหร่ มันบอกว่าร้านนี้อร่อยเคยมากินหลายครั้ง แต่ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่มั้ง เพราะดูจากคนที่เข้ามานั่งกันจนเกือบแน่นร้านในช่วงพักเที่ยงแบบนี้ ดีว่าคนที่พาผมมาขับรถเร็วหน่อยเลยไม่ต้องมายืนรอคิว แต่เพราะแบบนั้นเลยทำให้มีคนอยากอาศัยเราเป็นทางลัดล่ะมั้ง


ผู้หญิงหุ่นดีที่หน้าตาจัดว่าสวยนั่งลงบนเก้าอี้ข้างคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม มือเรียวจับลงกับท่อนแขนหนาที่กำลังยกขึ้นเพราะกำลังเอาข้าวเข้าปาก ทำให้ชะงักไปทั้งผมและไอ้พี่ชมพู เสียงหวานๆ เรียก ภู ทำให้มันหันไปมองผู้หญิงคนนั้นก่อนจะขานเรียกรับ


“อ้าว จีจี้”


ผมไม่รู้ว่ามันกับผู้หญิงคนนี้ที่คงอายุเท่ากับมันเป็นอะไรกัน แต่แค่ดูสายตากับท่าทางที่สนิทสนมก็พอเดาได้ว่าคงไม่พ้นคู่ขาเก่า เพราะท่าทางจีจี้คนนี้ก็ดูไม่ไร้เดียงสาสักเท่าไหร่ ส่งสายตายั่วยวนให้รุ่นพี่ร่วมคณะของผมเป็นระยะอย่างไม่ปิดบัง


“จีจี้มาคนเดียว ขอนั่งกับภูได้หรือเปล่า”


เสียงอ้อนถามซะหวานหยด ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจผู้หญิงสวยๆ อะไร ออกจะชอบเสียด้วยซ้ำ แต่แปลกที่ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบมือที่ยังเกาะแขนของไอ้พี่ชมพูไม่ปล่อย เห็นแล้วมันชวนให้หงุดหงิดยังไงไม่รู้ บวกกับสายตาแฝงความนัยนั่นอีก


“ได้สิ”


ไอ้คนตอบมันยิ้มให้ หลังจากเหล่ตามาทางผมเหมือนจะถามว่าจะเอายังไงแต่ผมแค่ไหวไหล่กลับไป เพราะยังไงเจ้าหล่อนก็นั่งลงมาแล้ว จะให้ปฏิเสธมันก็ดูเหี้ยไปหน่อยสำหรับความเป็นผู้ชาย


แต่หลังจากที่จีจี้มานั่งแล้วก็เหมือนว่าผมจะถูกตัดออกจากบทสนทนา เพราะสองคนนั้นพูดคุยเรื่องอะไรกันที่เป็นอดีตซึ่งผมไม่มีทางที่จะรู้ได้ พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนานจนลืมว่ามีข้าวรอให้แดกอยู่ซะด้วยซ้ำ เลยมีแค่ผมคนเดียวที่ตั้งหน้าตั้งตาแดกข้าวเข้าไป


รู้สึกไม่สบอารมณ์หน่อยๆ ที่ถูกทำเหมือนตัวเองกลายเป็นอากาศขึ้นมา กูนั่งอยู่ตรงข้ามพวกมึงนั่นแหละ แต่แม่งทำเหมือนไม่มีผมนั่งอยู่ เซ็งสัดๆ


“แล้วนี่ ใครเนี่ย”


เหมือนว่าจะเห็นผมขึ้นมาแล้ว จีจี้ถึงได้ถาม ไม่รอให้ผมแดกเสร็จแล้วลุกขึ้นไปเลยล่ะครับคนสวยถึงเพิ่งรู้สึกตัว


“รุ่นน้องที่คณะพี่ภูครับ”


ผมตอบกลับไปก่อนไอ้คนที่อ้าปากนั่นจะพูดอะไรเสียอีก พยายามส่งยิ้มให้นิดหน่อยอย่างไม่ให้เสียมารยาท หล่อนก็ส่งยิ้มหวานๆ กลับมา พลางถาม


“แล้วชื่ออะไรคะ”


ดูน่ารักขึ้นมาอีกนิดให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย จริงๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้แย่อะไรออกจะน่าสนใจเสียด้วยซ้ำ แต่... ผมกลับไม่ค่อยชอบ


“ไฮยีนครับ”


“ปีหนึ่งใช่มั้ย พี่ชื่อจีจี้นะ เป็นแฟนเก่าภู”


คงเพราะการแต่งตัวที่ถูกระเบียบเป๊ะ เธอถึงมองออก แถมวันนี้ผมยังได้กลับมาใส่เสื้อผ้าตัวเองอีก เพราะเมื่อเช้าไอ้พี่ชมพูมันเอามาให้ ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันเอาเสื้อที่กระดุมขาดของผมไปส่งซ่อมพร้อมซักรีดให้


“ครับ”


“แล้วอาหารอร่อยถูกปากมั้ยจ๊ะ ร้านนี้พี่กับภูมาด้วยกันบ่อยๆ ชอบมากเลย”


หน้าสวยๆ นั้นมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ พูดตามปกติแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนเธอจงใจจะบอกอะไรบางอย่างกับผม ทั้งที่ก็รู้ว่ามันเป็นการเข้าใจไปเอง แต่มันกลับรู้สึกแบบนั้นอย่างห้ามไม่ได้ และมันก็ทำให้รู้สึกจี๊ดๆ อยู่ในใจยังไงชอบกล หันไปทางไอ้คู่กรณีอีกคนมันก็ยิ้มแหยๆ ให้


“ก็อร่อยดีครับ”


“ทีหลังลองสั่งปลาเก๋าราดพริกนะ อร่อยสุดๆ เลย”


เธอเชียร์ ผมเลยได้แต่รับคำพลางพยักหน้าไป แล้วไอ้พี่ชมพูมันคงรู้ว่าผมไม่ค่อยอยากคุยอะไรกับเธอต่อสักเท่าไหร่ถึงได้ขัด


“มัวแต่ชวนให้คนอื่นกิน เธอก็กินซะบ้างสิ”


พลอยให้เสียงหัวเราะคิคิของสาวผมยาวสีบลอนด์ดังตามมา


“ภูห่วงจีจี้เหรอ”


“กลัวข้าวมันจะแห้งจนแข็งมากกว่า”


“ไม่ต้องมาทำปากแข็งหรอกน่า” เจ้าหล่อนย้อนด้วยเสียงแซว ก่อนจะหันมาพูดกับผมทั้งที่ผมอยากจะจบประโยคพูดคุยกับเธอตั้งนานแล้ว “ภูเขาปากแข็งแบบนี้ประจำเลย ชอบทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งจริงๆ แล้วก็ห่วง”


“พี่ภูเขาเป็นประเภทปากไม่ค่อยดีน่ะครับ”


ทั้งที่ไม่ได้อยากตอบกลับสักเท่าไหร่ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมจำต้องตอบเธอกลับไปไม่ให้ดูเป็นพวกมารยาทแย่ แต่เพราะคำพูดที่อิงความจริงนั่นด้วยแหละมั้งถึงทำให้ถูกคนตัวใหญ่ถลึงตาใส่ ผมเลยเลิกคิ้วท้าทายมันบ้าง ต่อหน้าคนอื่น มันจะทำอะไรผมได้ หึ


“แต่แบบนี้แหละ ดูมีเสน่ห์ดีนะ ต้องคอยค้นหาว่ากำลังคิดอะไรอยู่”


ผมว่าก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ บางทีก็มองมันออกเพียงแค่มองตา


“ผู้หญิงคงชอบอะไรแบบนั้นล่ะมั้งครับ รู้สึกว่าท้าทาย”


“ใช่ แบบนี้แหละ” รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากหน้า หนำซ้ำยังส่งตาหวานๆ ให้กับคนที่นั่งข้างเสียอีก “ภูล่ะ ว่ายังไง”


แต่คนโดนถามเสือกทำหน้ามึน หน้างงใส่ เล่นเอาเจ้าหล่อนเบะปากใส่อย่างงอนๆ น้อยใจตามประสาผู้หญิง


“ภูอ่ะ ไม่เข้าใจเลยหรือไง”


“แล้วที่ถามนี่หมายความว่าอะไรล่ะ”


“ภูนี่งี่เง่าเนอะ”


เธอทำเป็นป้องปากมากระซิบกับผม แต่ว่าเสียงที่พูดนั่นปกติทุกอย่าง มันก็เข้าหูของไอ้พี่ชมพูตามระเบียบ แต่ผมก็พอเข้าใจอยู่นะว่าเธอหมายถึงอะไร ส่วนไอ้พี่ชมพูก็คงแกล้งโง่นั่นแหละ


“อ้าว แล้วทำไมมาว่ากันว่างี่เง่าล่ะครับ”


“ก็งี่เง่าจริงๆ นี่นา แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจีจี้กำลังหมายความว่ายังไงอยู่”


“...”


“...”


ทั้งผมทั้งพี่ชมพูต่างเงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะแก้สถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ยังไงดี ความอึดอัดคืบคลานเข้ามาให้รู้สึกจนทำอะไรไม่ถูก และเพราะต่างคนต่างเงียบล่ะมั้งถึงกลายเป็นการเร่งรัดให้อีกฝ่ายพูดถึงจุดประสงค์ของตัวเองออกมา


“ภูกลับมาเป็นแฟนกับจีจี้นะ”













===============
พยายามแต่งแล้ว แต่ว่ามันมาได้แค่นี้ค่ะ  :m15:
อยากแต่งให้จบตอน แต่ว่าไม่สามารถทำได้ สภาพจิตใจไม่พร้อมเท่าไหร่
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าแต่งที่เหลือเสร็จแล้วจะรีบมาต่อให้ค่ะ


สวัสดีปีใหม่และสุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ


ปล. ขออภัยนะคะที่น้องยีนยังไม่ถูกพี่ภูเสียบอย่างที่หวังกัน  :call:


Undel2Sky




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 15-04-2012 21:31:44
ู^
^
 :z13:  จิ้มคนเขียน

ไอ้คุณจีจี้หล่อนนะหล่อน ไม่ค่อยจะออกตัวแรง พี่ภูจะว่ายังไงเนี่ย

คุณคนเขียนสู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้  :ped149:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 15-04-2012 21:37:53
อินังจีจี้ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยน้าาา :angry2:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 15-04-2012 21:44:53
เฮ้ยยยยจีจี้มันมาได้ไงอ่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 15-04-2012 21:49:08
เรื่องเก่าเพิ่งจะเคลีย เรื่องใหม่ก็เข้ามาอีก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-04-2012 22:36:10
ชะนีจีจี้นี่แรงงงงงงง :beat:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: onlypleng ที่ 15-04-2012 22:56:06
จีจี้ไม่ทราบเดินมาจากทางไหนของร้านค่ะ
ช่วยเดินกลับไป ณ ที่ของคุณด้วยค่ะ
ห่าเอ็ย แม่ง ยีนตบมันเลยลูก(?)
ภูก็นะแก บอกมันไปเลย ว่ามีเมียใหม่แล้ว
ฮ่าๆๆๆ รอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 15-04-2012 23:05:07
พี่ภูตอบไปเลย แฟนเก่าถอยไป แฟนใหมนั่งอยู่ตรงนี้แล้วครับ คึคึ o3
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-04-2012 23:54:30
อ่าว จีจี้มาจากไหนจะมาเสียบห๊ะ!!!

พี่ภูก็ สนใจน้องยีนหน่อยยย เดี๋ยวก็โดนคนอื่นหิ้วน้องยีนไปหรอกเชอะ (อินจัด 55)

 :z13: :z13: <<< จิ้มๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-04-2012 01:04:11
มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย จีจี้ :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 16-04-2012 01:17:51
ช่วยเอานังจีจี้ไปเก็บทีได้มั้ย รู้สึกว่านางจะอ้อนตีนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 16-04-2012 02:56:00
รำคาญชะนี
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 16-04-2012 03:43:57



    อ่า ง่า. . .
    มาขอกลับเป็นแฟนกันดื้อๆอย่างนี้เลยเหรอ
    แต่ชอบที่น้องยีนถีบพี่ภูกระเด็นจนรอดสถานการณ์ล่อแหลมมาได้นะ
    โหดดีอ่า ^ ^




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 16-04-2012 05:22:19
กรี๊ดด เอาชะนีออกไป
ภูปฏิเสธไปเลยนะ อย่าทำให้ยีนเสียใจ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-04-2012 08:02:18
กล้ามากที่กลับมาขอคืนดี
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 16-04-2012 08:52:04
อ้าว หนังสดนิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 16-04-2012 11:38:58
 :กอด1: :L1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: oomossoo ที่ 16-04-2012 12:14:24
แฟนเก่ามาปัญหาเกิด

ก็ดีและ ยีนจะได้หึงภูบ้าง
หึหึ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 16-04-2012 12:35:41
เขาดีกันแล้วววววววววววววววววววว
ดีกันแบบบบบบบบบบ
โอ้ยยยยยยยย  อีหนูยีน หนูง้อได้น่าฟัดเหอะ
บอกไม่เชื่อ จูบแม่งเลย จูบเกินด้วยเอ้า
จูบกราฟเท่าไร จูบพี่พูมากกว่า
เออ..ช่างคิดนะหนู พี่เขาจะได้รู้สึกว่าสำคัญกว่าใช่ม่ะ
แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี ว่าน้องมีความสัมพันธ์กันยังไง
สงสัยไม่แพ้พี่พูเลยล่ะ เล่าเร็วๆหน่อยนะ


เอาล่ะๆ งานนี้มีคร่อม มีทับ
โถ่ๆๆๆๆๆ ใจมันโยงถึงกันไปแล้ว
มองหน้าก็เหมือนแม่เหล็ก
ดูดมาจูบกลับจนได้ แบบมองตาก็รู้ใจ
จากบางเบาก็ร้อนก็แรง ก็ดูดก็ดื่ม
แล้ววว  พี่พูก็ล้วงงง  ล้วงลงร่องด้วย
กริ๊ดดดดดดดดด ใจเต้น ไม่รู้ลุ้นอะไร -.,-
แต่น้องดันรู้ตัวก่อน ว้า...แย่


แต่ๆๆๆๆๆ พี่พูสารภาพกับน้องแล้ว
แถมส่งหมัดฮุกขวา

อยากได้น้องเป็นเมีย แสดงเจตนาชัดแบบนี้
ชูผ้าเชียร์ **พี่พูสู้ๆ**




.......................


เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อุตส่าห์ลุ้นจนตัวโก่ง
ฟิลเขาหวานกันน๊อยน้อยนะคู่นี้
แต่ก็แอบฟินนะ เพราะความตรงของพี่พูนี่แหละ
แต่น้องยีนยังไม่เข้าใจเสียงหัวใจตัวเอง
เอาหน่ะ... เราจะรอให้น้องพร้อม..ยอมไปกับพี่พู -.,-


ชอบจังตอนกกตอนกอดน้องอ่ะ
พูดมากพ่อก็จูบ งอนหน่อยพ่อก็หอม
แหมะ... พระเอกเรื่องนี้ ปากไม่ว่าแต่จูบเลย ปลื้มมมมมม
แต่ต้องทนเจ็บหน่อยนะ เอะอะอะไร น้องถีบยัน


เอาล่ะ...อุปสรรครักแท้ตัวที่หนึ่งโผล่ออกมา
เปิดตัวด้วยความหน้าด้านได้อย่างสวยงาม *ปรบมือ
เธอนี่ด้านสุดๆจริงๆอ่ะ จู่ๆมาขอคบผู้ชายกลางร้านอาหาร
แต่ก็ดี เพราแค่เกาะแขนธรรมดา น้องยีนยังหึง
ทีนี้จะได้รู้ใจตัวเองขึ้นมาอีกอย่าง ว่า..หวงพี่เขาแค่ไหน


แล้วตอนนี้ก็ขัดอกขัดใจคนอ่านอีกรอบ
คนแต่งงงงงงงง ตัดมาอย่างนี้ปวดใจนะคะ
รีบๆมาต่อนะๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 16-04-2012 20:25:33
มาต่อเลยนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...ค่ะ o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 16-04-2012 20:35:58
แหม สมัยนี้เค้าขอคืนดีกันตามร้านอาหารตามสั่งเลยแฮะ เหอะๆ แปลกดี
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 16-04-2012 20:41:24
อ่าว อิจี้ ง่ายๆงี้เลยเรอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: winamp ที่ 16-04-2012 23:20:09
อั๊ยยะ! อ่านรวดเดียว จนตามทัน เย้ๆๆๆ  พี่ชมพูกับเกงยีนเจอประโยคเด็ดเข้าไปจะเป็นยังไงนะ ติดตามๆๆ สนุกมากๆ(อยากรู้ความลับของกราฟฟฟฟมากกกกกกก อ่านไปแล้วมันหน่วงอ่ะ ค้างๆ ติดอยู่ที่เรื่องกราฟเนี่ยแหละ  :เฮ้อ:(

สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pikayrucmc ที่ 17-04-2012 00:11:13
 :z3: :z3: :z3:

โอยยยยยยยยยยยยยยยย

สร้างความร้าวฉาน คืองานของชะนี

ดักตบแม่ง!! :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NiNJA ที่ 17-04-2012 00:25:02
ไม่่่    !!!!!!!!!!!      :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 17-04-2012 03:26:54
แค่นี้ยีนยังไม่ยอมให้เลย
มีมารมาผจญอีกละ
พี่ชมภูจะทำไงล่ะเนี่ย? :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 17-04-2012 08:52:45
สงสารพี่ชมแล้วนะเนี่ยยย
โหดจังเลยน้องเกง...

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 17-04-2012 14:42:44
จะตามอ่านต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 17-04-2012 20:57:08
ยัยจีจี้เหมือนคนไม่เต็มบาทเลยอ่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 17-04-2012 21:39:49
โอ๊ะ ขัดใจ(จีจี้) เพิ่งจะดีกันแท้ๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 17-04-2012 23:08:25
เกงยีน หึงหูดับตับไหม้ แหงๆ
 o18 o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: hellfire ที่ 17-04-2012 23:20:51
แหะๆเพิ่งเริ่มอ่านเรื่องนี้เลย ตามอ่านจนทันแล้วด้วย  :-[ :-[
สนุกมากๆๆๆๆ ไฮยีนน่ารัก ชอบกราฟมากเลยอ่ะ
อยากจะเชียกราฟกับไฮยีนจัง :กอด1: :กอด1:


จีจี้ เดินเข้ามาใกล้ๆชั้นหน่อย    :beat: :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-04-2012 23:44:01
แล้วงี้ไฮยีนจะทำยังอ่าเนี่ยยยย

ตอนแรกอ่านชื่อเรื่องแล้ว นึกว่าไอพี่ชมภูจะขอไฮยีนเป็นแฟนกันซะอีก

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 18-04-2012 13:25:23
มาต่อเร็วๆ ไวๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 18-04-2012 13:31:52
ชื่อตอนแบบลงเอยแน่ๆ

แต่อินี่ใครอีกเนี่ย

เซงงงงงงง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Hakken ที่ 18-04-2012 21:37:23
เซงอ่ะคนเค้ากำลังจะดีกันแล้ว   :m16: :beat: :m16:   
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-1 : แฟน [15/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CHoMe ที่ 19-04-2012 00:52:58
เบื่อ เซ็งกับผู้หญิงแบบนี้  :m16:
:o เราก็เป็นผู้หญิงนี่น่า
ยีนบอกไปเลยว่านู๋เป็นเมียพี่ชมพูเค้าลูก :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 21-04-2012 00:33:15
ตอนที่ 19-2 : แฟน
























โชคดีว่าทั้งผมแล้วก็ไอ้พี่ชมพูไม่มีเรียนตอนบ่าย เพราะไม่งั้นเราคงได้เข้าเรียนสายกันทั้งคู่แน่ เพราะคุณจีจี้อะไรนั่นเล่นรั้งเอาไว้เป็นชั่วโมง ก็คุยนั่นนี่กันไปเรื่อย เป็นเรื่องที่ผมไม่รู้อีกเหมือนเดิมนั่นแหละ ส่วนเรื่องที่เจ้าหล่อนขอกลับมาคืนดีกับไอ้พี่ชมพู หลังจากที่ผมกับมันต่างมองหน้ากันแล้วเงียบกันทั้งคู่ เธอก็หัวเราะเสียงใสออกมาแล้วบอกว่า




‘จีจี้ล้อเล่นหรอกน่า’




แต่เท่าที่ผมดูหน้าของเธอ คงอยากจะต่อประโยคว่า ‘แต่ถ้าได้จริงๆ ก็ดี’ เสียมากกว่า


เพราะก็แสดงออกมาทางสายตาชัดเสียเหลือเกินว่าอยากได้ผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียเหลือเกิน แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดนึง อย่างน้อยไอ้พี่ชมพูก็ไม่ได้ตัวสั่นอยากกลับไปคืนดีกับผู้หญิงหุ่นสะบึมนั่น มึงอย่าเผลอไปอี๋อ๋อด้วยแล้วกัน ไม่งั้นคะแนนมึงติดลบกับกูแน่!


“นี่มึงจะกลับบ้านจริงๆ เหรอ”


หลังจากที่แยกตัวมาจากเจ้าของหน้าสวยๆ นั้นได้ ผมก็บอกให้มันไปส่งที่บ้าน ไม่ได้คิดจะไปค้างกับมันอีก ไอ้พี่ชมพูถึงถามแบบนั้น แถมยังทำหน้าเสียดงเสียดายซะอีก แต่อย่าคิดว่าผมจะใจอ่อนเลย ยิ่งนึกไปถึงช่วงก่อนหน้าที่มันคุยเล่นกับผู้หญิงคนนั้นแบบลืมว่าผมยังนั่งหายใจทิ้งเผาผลาญออกซิเจนเล่นอยู่ด้วยก็ยิ่งหงุดหงิด


“ก็ผมบอกป๊าไว้ว่าจะค้างแค่สองคืน ครบกำหนดแล้วก็ต้องกลับบ้าน ไม่ถูกหรือไง”


“ไม่ค้างอีกสักคืนเหรอ”


“ไม่”


ผมตอบกลับไปเสียงแข็งชนิดที่ว่าไม่ให้มันปฏิเสธอะไรผมได้อีกมันก็เลยทำหน้าเซ็งๆ ใส่ผมแล้วยอมขับรถไปส่งเหมือนเดิม แต่มีข่าวดีสำหรับผมนิดหน่อย เพราะเมื่อเข้ามาถึงในบ้านแล้วก็เห็นว่าป๊านั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เสียงทุ้มๆ อย่างมีอำนาจเรียกผมเข้าไปหา ผมก็นั่งลงตรงโซฟาที่อยู่ข้างๆ ป๊า มองอย่างงงๆ นิดหน่อย


“หวัดดีครับป๊า ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง”


“งานเสร็จก็กลับบ้านน่ะสิ จะให้ป๊าไปไหน”


“ครับ”


“คืนนี้กลับมานอนบ้านแล้วใช่ไหม”


“ครับ” ผมพยักหน้าเบาๆ ตอบกลับป๊าไป ส่งยิ้มให้ด้วยเพราะป๊าก็ดูท่าจะอารมณ์ดีอยู่บ้าง


“วันนี้ครบแล้วสินะ”


คำถามป๊าทำให้ผมงงนิดหน่อย ไม่เข้าใจว่าป๊ากำลังพูดถึงอะไร แล้วคงเพราะเห็นว่าผมทำหน้างงงวยล่ะมั้ง ป๊าถึงได้บอก


“หนึ่งเดือนไง”


พอจะเก็ตว่าป๊าหมายถึงอะไร ผมก็ยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม เพราะบทลงโทษของผมสิ้นสุดลง ป๊ายื่นบัตรเครดิตรวมทั้งบัตรเดบิตทั้งหลายคืนให้ผม ผมก็รับมาพร้อมกับขอบคุณป๊าไปซะหลายรอบ เพราะชีวิตที่เคยถูกจำกัดด้วยการกลายเป็นยาจกหมดสิ้นไปแล้ว ต่อไปนี้ผมจะได้กลับมาใช้เงินอย่างอิสระเสียที จะไปไหนมาไหนก็สะดวก ไม่ต้องพึ่งพวกเพื่อนๆ หรือแม้แต่ไอ้พี่ชมพู


แต่ทั้งที่คิดแบบนั้น ตอนเช้าไอ้พี่ชมพูก็ยังมารับผมอยู่ดี ผมเลยถือโอกาสจะบอกมันเรื่องนี้เสียเลย มันจะได้ไม่ต้องมาคอยรับส่งผมหรือพาไปกินข้าวอีก แต่ว่ามันดันพูดแทรกขึ้นมาก่อน


“เดี๋ยววันนี้มึงไปกับกูนะ”


“ไปไหน”


ผมหันหน้าไปมองหน้ามันนิดหน่อย ตอนแรกก็ยังอารมณ์ดีๆ อยู่หรอก แต่พอได้ฟังคำตอบมันแล้วหน้าที่เป็นปกติก็รู้สึกตึงๆ ขึ้นมาทันที


“ไปช่วยงานจีจี้”


“แล้วทำไมผมต้องไปด้วย”


รู้สึกว่าเสียงของตัวเองห้วนขึ้นมาเลย แล้วก็พานให้หงุดหงิดที่แสดงออกมาอย่างขัดเจนว่าไม่พอใจแบบนี้ แล้วยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมก็เพราะเห็นไอ้พี่ชมพูแม่งกระตุกยิ้มมุมปาก แสรดดดด


“ก็กูอยากให้มึงไปด้วย”


“ผมไม่จำเป็นต้องไปมั้ง”


ผมตอบกลับไป พยายามทำเสียงให้นิ่งและเป็นปกติมากที่สุด แต่ก็มันก็ยังหลุดสะบัดๆ ออกมาอยู่ดี เซ็งฉิบหาย ทำไมกูต้องมารู้สึกแบบนี้ด้วยวะ


“มึงจะไม่ไปเฝ้ากูเหรอ ไม่กลัวกูนอกใจ?”


มันถามได้หมั่นไส้มาก ผมเลยตวัดตาไปมองมัน มันก็หัวเราะกลั้วเสียงขำๆ ในลำคอ ก่อนจะบอกว่า


“กูไม่นอกใจมึงหรอก”


“เรื่องของพี่ดิ” บอกมันแล้วผมก็เบี่ยงหน้าออกไปทางหน้าต่าง ไม่อยากให้มันเหลือบตามามองปฏิกิริยาของผมมากไปกว่านี้ แค่นี้ผมก็หลุดออกไปเยอะแล้ว แม่ง คิดแล้วก็หงุดหงิดตัวเอง


“เรื่องของกูแล้วทำไมมึงต้องทำหน้ายุ่งด้วยล่ะวะ”


แม่งงถามผมด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ผมเลยแกล้งทำเป็นเลื่อนตัวลงกับเบาะแล้วปิดตาเลย มันจะได้ไม่ต้องมาพูดอะไรให้ผมระคายหูอีก แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผล เพราะมันเงียบปากแต่เสือกยื่นมือมาดึงแก้มผมแทน ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ แบบชอบใจ


ไอ้ห่า!!
























แล้วตอนเย็นแม่งก็ทำอย่างที่มันว่าจริงๆ มารอผมถึงหน้าห้องเหมือนกลัวว่าจะหนี ผมเกาะไอ้กราฟกะว่าจะให้มันพากลับบ้านเหมือนเมื่อก่อนนี้ แต่มันดันแกะมือผมออก ทิ้งเพื่อนรักอย่างผมหน้าตาเฉย แถมยังบอกไอ้พี่ชมพูอีกว่า


“พาเพื่อนผมกลับให้ถูกบ้านด้วยนะครับ อย่าพามันไปกกอีก”


แล้วแม่งก็หันมายิ้มล้อผม สัดเอ๊ย! ผมยกตีนขึ้นถีบไอ้เหี้ยกราฟ แต่มันกระเด้งตัวหลบแล้วโบกมือบ๊ายบายผมและวิ่งหนีไป ไอ้ห่าเพื่อนเลว


ผมมองหน้าไอ้พี่ชมพูอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินนำออกไป กะว่าจะกลับบ้านเอง อาศัยแท็กซี่ที่ไม่ได้ใช้บริการนาน ไม่ได้จะให้มันไปส่ง เพราะตอนนี้ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแล้ว ไอ้พี่ชมพูก็เดินตามผมมา แต่พอเห็นผมเดินไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางไปรถของมัน มันก็ดึงแขนของผมไว้ไม่ให้เดินต่อ


“มึงจะไปไหน”


“กลับบ้านไง”


“แล้วใครให้มึงกลับ มึงต้องไปกับกูก่อน”


“แล้วผมบอกเหรอว่าจะไปกับพี่”


“มึงไม่ได้บอก แต่กูจะให้ไป”


มันว่าแบบนั้นแล้วก็ลากผมให้เดินไปที่รถของมันแทน แล้วเรื่องอะไรผมจะยอมล่ะครับ ผมพยายามดึงแขนออกจากมือมัน แต่มันก็ไม่ปล่อย


“ทำไมพี่ชอบบังคับผมนักวะ”


ผมเลยเปลี่ยนเป็นโวยใส่มันแทน แต่ก็ไม่ได้เสียงดังมาก เพราะตอนนี้ยังมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ ยังไงผมก็ต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเองไว้ ถึงจะถูกมองมาตลอดทางก็ตาม


“ก็ทำไมมึงชอบขัดกูนักวะ”


“ผมไม่อยากทำไง”


“กูก็ไม่อยากทำ”


“แล้วพี่บังคับผมทำไม”


“แต่กูอยากให้มึงทำ”


“พูดไม่รู้เรื่องว่ะ”


ผมบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ มันก็ตีหน้าเฉยแล้วดึงแขนให้ผมเดินตามจนกระทั่งถึงรถ ผมเลยต้องยอมตามมันไปอย่างเซ็งๆ เบื่อแม่ง แต่เบื่อตัวเองมากกว่าที่ยอมทำอะไรตามใจมันแบบไม่ขัดขืนจริงจังเหมือนเมื่อก่อน ผลเสียของการที่ผมเขว้ไปชอบมันแน่ๆ ห่าเอ๊ย


หลังจากมันพาผมมาถึงมหา’ลัยอีกแห่งหนึ่ง มันก็จูงมือผมให้เดินตามมันไป แล้วก็เหมือนเดิม ผมสะบัดมือมันออก แต่แม่งก็จับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน ซึ่งผมก็มารู้เอาตอนได้ยินเสียงมันนั่นแหละ


“ถึงแล้ว”


“อือ โอเค”


มันพูดแค่นั้นแล้วก็วางสายไป ตอนนี้ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่ามันโทรหาใคร ถ้าไม่ใช่คุณจีจี้อะไรนั่น


ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จริงๆ คงต้องบอกว่าหงุดหงิดตั้งแต่ที่มันบอกว่าจะมาช่วยงานเธอแล้ว เพราะผมจำได้ว่าตอนที่เจอกันที่ร้านอาหาร สองคนนั้นไม่ได้พูดเลยว่าจะให้มาช่วยงานหรืออะไร และตอนนี้ผมก็ได้เห็นอย่างชัดเจนและรับรู้เต็มตาว่าเป็นอย่างที่ผมคิด คุยกันที่ร้านนั้นยังไม่พอ สองคนนั่นยังกลับไปโทรศัพท์คุยกันอีก แม่ง ห่าเอ๊ย! ผมหงุดหงิดจริงๆ ให้ตายเหอะ


ไอ้พี่ชมพูพาผมเข้าไปในตึกที่อยู่ไม่ไกลจากตรงที่จอดรถเอาไว้เท่าไหร่ เดินขึ้นตึกไปจนถึงห้องห้องหนึ่งที่ค่อนข้างโล่งกว้าง ผนังเป็นสีขาวเกือบทั้งหมด มีแค่บางมุมที่ถูกจัดแต่งไว้เป็นสีสันและมีอุปกรณ์ประกอบคล้ายสตูดิโอถ่ายภาพ และทันทีที่ผมกับมันย่างก้าวเข้ามาในห้อง เสียงของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มุมหนึ่งก็ดังขึ้นมาทันที


“ช้า”


หน้าสวยๆ นั่นหงิกงอเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาหาพวกผม เธอมองหน้าพี่ชมพูก่อนจะหันมามองผม แล้วก็เหลือบสายตาลงมามองมือของผมกับไอ้พี่ชมพูที่จับกันอยู่ สายตาของเธอทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบใจ เธอมองเหมือนไม่พอใจที่ไอ้พี่ชมพูจับมือของผมเอาไว้ ผมเลยกระชับมือใหญ่ให้แน่นกว่าเดิม หึ


แต่ว่าเธอไม่ยอมให้ผมทำเกินหน้าได้นาน มือเรียวขาวยื่นออกมาเกาะแขนของไอ้พี่ชมพูแล้วดึงมันให้ขยับเข้าไปหาและยังออกแรงลากคนตัวใหญ่ให้เดินไปตามแรงของเธอเสียอีก จนไปหยุดอยู่ข้างๆ ราวเหล็กที่มีเสื้อผ้าหลายชุดแขวนอยู่ ผมที่จับมือมันไว้ก็พลอยถูกลากให้ไปด้วย


“มีทั้งหมดห้าชุดนะ รีบไปเปลี่ยนเร็วเข้าสิ เสียเวลานานแล้ว”


คุณเธอพูดพลางเหล่ตามามองผมเหมือนว่าเพราะผมถึงทำให้เธอต้องเสียเวลา นี่ถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงผมอาจจะทนไม่ไหวกับสายตาเหยียดๆ นั่นแล้วตอบแทนด้วยกำปั้นสักหมัด แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงนั่นแหละ ผมถึงทำได้แค่ขบฟัน ส่วนไอ้พี่ชมพูแม่งก็ยอมทำตามจีจี้อย่างเชื่องๆ ดึงมือออกจากมือผม ก่อนจะคว้าชุดที่แขวนอยู่ชุดนึงแล้วเดินไปอีกมุมหนึ่งที่มีม่านกั้นเหมือนจะทำไว้เป็นที่สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่แล้ว


พอคนกลางมันไปเปลี่ยนชุด ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่หันมองหน้าผมเลย เธอเดินไปหยิบกล้องถ่ายรูปแบบคอมแพคขึ้นมากดดูเรื่อยเปื่อย ราวกับผมไม่มีตัวตน จนไอ้พี่ชมพูมันออกมาพร้อมชุดใหม่ เธอก็รีบแจ้นเข้าไปหาทันที มองกวาดสายตาไปทั่วไอ้คนตัวสูงแล้วยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ซะเต็มที่ มือก็คอยจับปัดขยับเสื้อผ้าที่พี่ชมพูใส่ทั้งที่ผมก็ว่ามันเข้าที่เข้าทางดีแล้ว


“พอดีเลย คิดไม่ผิดจริงๆ ว่ายังไงก็ต้องเป็นภู”


“ฉันก็ไม่คิดว่าจะพอดีขนาดนี้ อย่างกับตั้งใจ”


“ถ้าบอกว่าตั้งใจล่ะ”


จีจี้พูดยิ้มๆ ด้วยเสียงหยอกล้อจนผมรู้สึกระคายหู ไม่อยากฟัง แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นไม่อยากเห็นเสียมากกว่าหลังจากที่ไอ้พี่ชมพูมันยกมือขึ้นมาดันหน้าผากของจีจี้เบาๆ


แม่ง มึงจะทำอะไรกันทำไมต้องให้กูมาดูด้วยวะ ไอ้หอก


ผมสบถอยู่ในใจอย่างเซ็งๆ โดยที่ไม่ได้มีใครสนใจ เพราะสองคนนั้นเหมือนกำลังสร้างโลกส่วนตัวระหว่างกัน และมันก็พานทำให้ผมรู้สึกขัดลูกตา


“ทำไซส์นี้เพราะคนอื่นล่ะสิไม่ว่า”


“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะน่า คนไม่รับผิดชอบแบบนั้น ...แต่เลิกกับแฟน เอ๊ะ ไม่ใช่สิ เลิกกับแฟนเก่าแล้วได้แฟนเก่ากว่าคืนมาก็ดีเหมือนกันนะ”


เธอหยอดสายตาหวานๆ ให้ไอ้พี่ชมพูมากเสียจนผมไม่อยากจะเห็นการอ่อยนั่นเลย เพราะมันทำให้ผมหงุดหงิดจนต้องขบปากของตัวเองเอาไว้ แต่ก็ไม่นานนักหรอก เพราะหลังจากนั้นเธอก็ดึงคนที่พาผมมาที่นี่ไปยืนอยู่ใกล้ๆ กับฉากที่เป็นสีขาวทั้งหมดเพื่อขับให้เสื้อผ้าที่ใส่อยู่โดดเด่นที่สุด ส่วนเธอก็ขยับออกมาและตั้งท่าถ่ายรูป


“เอียงตัวอีกหน่อยสิภู”


“อื้ม แบบนั้นแหละ”


“อีกทีนะ หันหลังหน่อย ขอข้างหลังแบบชัดๆ”


เสียงของจีจี้ดังแทรกไปกับเสียงกดชัตเตอร์เกินกว่าสิบครั้ง จนได้รูปที่พอใจสำหรับชุดนี้มากพอแล้ว เธอก็สั่งให้พี่ชมพูไปเปลี่ยนเป็นอีกชุด แล้วก็ทำเหมือนเดิมอีกคือกลับมาถ่ายรูปเพื่อให้เห็นแบบเสื้อผ้าที่ผมต้องยอมรับว่ามันออกมาดูดีมากเมื่ออยู่บนตัวของผู้ชายคนนี้


ชุดแรกที่ใส่เป็นชุดลำลองที่ช่วยขับบุคลิกและรูปร่างของไอ้พี่ชมพูให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ส่วนชุดที่สองและสามมีแบบแตกต่างกันออกไป ซึ่งการถ่ายแบบในแต่ละชุดก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะขยับท่าทางทีนึง คนที่ทำตัวเป็นตากล้องก็เข้าไปจัดชุดให้ทีนึง มันเลยค่อนข้างเสียเวลามาก แล้วมันก็โคตรน่าเบื่อสำหรับคนที่ได้แต่นั่งมองอย่างผม


ถึงจะเข้าใจว่าที่เธอจุกจิกมากขนาดนี้คงเพราะอยากให้งานออกมาดี แต่พอเห็นเธอคอยวุ่นวายอยู่รอบๆ ตัวของไอ้พี่ชมพูแล้วผมก็รู้สึกอึดอัด ยิ่งเห็นว่าระหว่างที่จัดชุดให้ เธอชวนคุยพลางยิ้มพลาง ส่วนไอ้คนที่เป็นแบบก็ไม่คิดจะต่อต้านแถมยังยิ้มกลับไปให้อีกก็ทำให้ผมยิ่งอึดอัดจนอยากจะลุกออกไปจากที่นี่ ไม่อยากเห็นแม่งแล้ว ขัดลูกตาฉิบหาย!


ผมลุกขึ้นยืน กะว่าจะเดินออกจากห้องไปซะ แล้วค่อยกลับมาตอนที่งานเสร็จแล้ว แต่ว่าแค่ลุกขึ้นก็ถูกร่างบางๆ ของจีจี้เข้ามายืนขวางเอาไว้ เธอยิ้มให้ผมนิดหน่อยก่อนจะยื่นกล้องมาให้


“เดี๋ยวช่วยถ่ายชุดต่อไปให้หน่อยสิ”


ผมทำหน้างงพลางเงยหน้าไปมองไอ้พี่ชมพูที่ยืนอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย บนแขนมันมีเสื้อผ้าชุดใหม่พาดเอาไว้อยู่ด้วย


“แล้วทำไมเธอไม่ถ่ายต่อ”


ไอ้พี่ชมพูมันถามอย่างที่ผมสงสัย เจ้าหล่อนเลยหันไปยิ้มให้มัน


“จริงๆ ตั้งใจว่าจะให้นายเป็นคนถ่ายให้ แต่ไหนๆ ไฮยีนก็มาด้วยแล้ว เลยอยากให้ช่วยหน่อย เพราะว่าฉันก็มีชุดที่ต้องใส่เหมือนกัน ถือโอกาสถ่ายคู่เลยแล้วกัน เพราะมันจะยิ่งทำให้ภาพสำหรับชุดนี้ลงตัวมากยิ่งขึ้น” สาธยายเหตุผลของเธอออกมาแล้วก็หันมายิ้มให้ผม “ช่วยหน่อยนะจ๊ะ”


เธอยัดกล้องเข้ามาในมือผมเลย ไม่ถามความเห็นสักนิดว่าผมเต็มใจจะช่วยหรือเปล่า ผมก็เลยต้องจำยอมทำให้ทั้งที่ไม่อยากเลยแม้แต่น้อย หน้าที่เรียบอยู่แล้วของผมยิ่งตึงกว่าเดิมจนรู้สึกได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ และเบื่อมากหลังจากที่ทั้งสองคนต่างแยกกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว


เมื่อทั้งสองคนออกมาก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่หนักกว่าเก่า เพราะชุดที่ทั้งคู่ใส่อยู่เป็นชุดที่ค่อนข้างเป็นทางการสำหรับออกงาน ไอ้พี่ชมพูอยู่ในชุดสูทสีเทาเข้มเป็นลายทางเล็กๆ ด้วยสีที่อ่อนกว่า และเบลเซอร์ค่อนข้างมีดีไซน์ที่แปลกตา ดูเรียบหรู แต่ก็ทันสมัย ส่วนจีจี้สวมเดรสเกาะอกสีแดงสด สั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ขับผิวขาวๆ ของเธอให้ยิ่งโดดเด่นขึ้นมา บนลำคอมีสร้อยสีเงินยาวมาถึงหน้าอกและมีจี้เล็กๆ ห้อยอยู่ ส่วนรองเท้าเป็นสีร้อนแรงไม่แพ้กับชุดของเธอ ผมสีบลอนด์และเป็นลอนนิดๆ ที่ปลายทำให้เธอดูสะดุดตาไม่ต่างจากคุณหนูที่ทั้งสวย น่ารัก และเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน เพราะชุดที่เธอใส่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งบนตัวของเธอได้อย่างดีเยี่ยม


ถ้าไม่เพราะเธอชอบป้วนเปี้ยนและดูยังมีใจให้ไอ้พี่ชมพู ผมคงยอมรับอย่างเต็มปากว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจและมีเสน่ห์สำหรับผู้ชายอย่างผม แต่เพราะมันเป็นแบบนั้นและทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบเธอเสียเท่าไหร่ มันจึงทำให้ผมหงุดหงิดหนักกว่าเก่า ยิ่งเธอเข้าไปคล้องแขน ก้อร้อก้อติกกับพี่ชมพูด้วยแล้วยิ่งทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นหนักขึ้นจนไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ


“ไฮยีน มาถ่ายเร็วเข้า”


แต่เพราะเธอบอกแบบนั้น และไอ้พี่ชมพูก็ดูเหมือนจะรอให้ผมมาทำหน้าที่นั้นอยู่ ผมเลยเลี่ยงไม่ได้ จำต้องเดินเข้าไปในบริเวณที่กล้องสามารถจับภาพได้ชัดเจนขึ้นและกดชัตเตอร์พลางมองคนสองคนที่กำลังควงคู่เป็นแบบ


ทั้งที่การถ่ายรูปก่อนหน้านี้พี่ชมพูมันไม่ยิ้มเลยสักนิด เพราะต้องการให้จุดสนใจของภาพอยู่ที่เสื้อผ้า แต่ว่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่า สองคนนั้นกำลังยิ้มให้กัน โอบกอดกันบ้างเพื่อให้บรรยากาศภาพดีขึ้นสมกับเป็นรูปคู่ ทว่ามันกลับทำให้ผมรู้สึกอยากเขวี้ยงกล้องใส่หัวไอ้คนตัวโต


เหี้ยเอ๊ย แม่งจะรู้บ้างมั้ยว่าผมกำลังรู้สึกยังไงและอึดอัดแค่ไหนที่ต้องเห็นภาพแบบนี้!


มึงกำลังสุข แต่กูไม่สุขกับมึงด้วยนะ ไอ้สัด!!


ผมรีบๆ เร่งถ่ายเพื่อให้มันเสร็จๆ ไปสักที แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างใจหวังสักเท่าไหร่ เพราะจีจี้บอกว่าอยากได้ภาพเซ็ตนี้เยอะๆ หน่อย ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าเธอจะเอาไปเยอะๆ เพื่ออะไร เท่าที่ถ่ายมามันก็น่าจะพอแล้ว จะเอาไปเป็นกระดาษสำรองสำหรับเช็ดตูดหรือยังไงไม่ทราบ??


ผมหงุดหงิดมากกว่าเก่า แต่ก็ต้องทนทำต่อไป อารมณ์กรุ่นๆ ที่มีอยู่ภายในพุ่งทะยานขึ้นมาเรื่อยๆ จนแทบทะลุ กระทั่งทนไม่ไหว ผมก็ลดมือลง เลิกที่จะพยายามอดทนต่อไปอีก ผมเดินเข้าไปหาเธอแล้วยัดกล้องคืนให้ เล่นเอาเธอทำหน้างงใส่ หนำซ้ำยังทำเสียงอ่อน


“ยังไม่เสร็จเลยนะ ถ่ายต่อให้อีกหน่อยสิ ไฮยีน”


“แต่ผมว่ามันเยอะพอแล้วครับ รีบถ่ายชุดสุดท้ายดีกว่า จะได้เสร็จๆ สักที”


ไม่รู้ว่าปลายเสียงของผมสะบัดห้วนออกมามากเกินไปหรือเปล่า ไอ้พี่ชมพูถึงได้มองหน้าผมแล้วกดมุมปากลงนิดๆ เหมือนจะยิ้ม ยิ่งกระตุ้นความไม่พอใจในใจผมให้ทะยานสูงขึ้นอีกเท่าตัว ผมหมุนตัวจะเดินออกไปจากตรงนี้ ตั้งใจว่าจะทำอย่างที่หวังเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้ได้ แต่ไม่ทันก้าวขาออก เสียงทุ้มๆ ก็ถาม


“มึงจะไปไหน”


“เยี่ยว แล้วก็จะไปเดินเล่นข้างนอกด้วย”


ผมบอกมันแค่นั้นแล้วเดินออกมาเลย ไม่สนใจว่ามันจะถามอะไรต่ออีกหรือเปล่า แล้วพอออกมาข้างผมก็เดินไปเรื่อยๆ หาที่นั่งฆ่าเวลา ไม่ได้จะไปเยี่ยวอะไรอย่างที่บอกมันเอาไว้


ผมแค่ต้องการออกมาหาที่ระงับสติอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านจนทำให้ผมรู้สึกว้าวุ่นใจแบบนี้ ไม่ชอบเลยจริงๆ แม่ง เหมือนผมกำลังโดนไอ้เหี้ยพี่ชมพูปั่นหัวจนอยากเข้าไปบีบคอแม่งระบายอารมณ์


นั่งมองนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายได้ประมาณสิบห้านาที ผมก็ลุกขึ้นอีกครั้ง คิดว่ามันคงถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้วเพราะเหลือแค่ชุดสุดท้าย แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด และเหนือกว่าที่ผมคิดเอาไว้ด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่ผมเดินมาถึงห้องซึ่งถูกใช้เป็นห้องถ่ายภาพ และเปิดประตูห้องออก สิ่งที่สายตาของผมปะทะอยู่ก็คือ...


ท่อนแขนของผู้หญิงคนนั้นที่คล้องอยู่รอบคอของไอ้พี่ชมพู เธอเขย่งตัวขึ้นเพื่อให้ใบหน้าเสมอหรือสูงพอกับหน้าของอีกคน และผมจะไม่คิดมากอะไรเลย ถ้าสองคนนั้นไม่ได้รีบผละออกจากกันหลังจากได้ยินเสียงประตูที่ผมเปิดออก แล้วรีบหันมามองทางผมเป็นตาเดียว


ผมอยากจะบอกกับตัวเองว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด สองคนนั้นไม่ได้จูบกัน แต่มันก็ยากเกินกว่าจะบอกตัวเองแบบนั้นได้ เพราะจีจี้กำลังขบริมฝีปากไปมาเหมือนจะเรียกให้สายตาของผมฝังลงไปที่ตำแหน่งนั้น ขณะที่ไอ้พี่ชมพูมองผมด้วยหน้าตาตื่นอย่างตกตะลึงไม่ต่างจากคนที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำความผิด


ถ้ามันไม่ทำแบบนั้น ผมจะไม่รู้สึกเหี้ยๆ แบบที่เป็นอยู่เลยสักนิด... ไม่เลยสักนิด


แม่งงงงงงงงง ห่าเอ๊ย ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากสมเพชตัวเอง!!









==============
จริงๆ แล้วมีความตั้งใจว่าจะอัพตั้งแต่วันที่ 17
เพราะว่าวันที่ 17 เป็นวันที่นิยายเรื่องนี้ครบ 5 เดือน (นานเนอะ แต่มียังไม่ถึง 20 ตอนเลย  :o11:)
แต่ดันเจออุปสรรค พิมพ์ไปได้สองหน้า คอมดันช็อตแล้วก็เปิดไม่ได้
อีกวันก็ต้องเคลียร์งาน เมื่อวานก็ปวดหัว เลยเพิ่งมาเสร็จเอาวันนี้  :เฮ้อ:



ยินดีต้อนรับคนที่เข้ามาอ่านใหม่ด้วยนะคะ หวังว่าจะอยู่กับนิยายเรื่องนี้ไปนานๆ อย่าเพิ่งเบื่อไปซะก่อน
แล้วก็ขอบคุณนักอ่านที่ยังติดตามเรื่องนี้กันอยู่ค่ะ จะพยายามจะกระดึบๆ ต่อไปเรื่อยๆ  :z10:


ปล. เรื่องกราฟกับยีนใกล้จะเฉลยแล้วล่ะ


Undel2Sky


(http://upic.me/i/1z/jd800.jpg)

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-04-2012 00:41:58
ตรูเบื่ออิพี่ชมพู ด้วยฟ้อนท์ขนาด 72


เซ็งแม่งงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-04-2012 01:03:48
มาม่าเข้าอีกแล้วววว


 :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 21-04-2012 01:33:45
งานงอกจนได้พี่ชมภู = =

นังจีจี้นี่ก็แรงมากก เห็นอยู่เค้าคบกันยังจะด้านอี๊กก  :m16:

แต่พี่ชมภูนั่น เอิ่ม .. โดน โดนแล้วล่ะ มีเคลียร์กับน้องยีนอีกนานนนนนนนนนนนนนนนน

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 21-04-2012 01:59:45
ค้าง อีกแล้ว เอานังจีจี้ออกไปซะที
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 21-04-2012 05:00:51
ไอพี่ชมภู อธิบาย ด่วนนนนนน
ทำแบบนี้ได้ไง
หักคะแนน ปลดจากตำแหน่งพระเอกเลยยย

แหมทีตอนยีนไปจูบกับกราฟแกยังเฮิร์ต แล้วยีนมาเห็นแบบนี้คิดว่าจะรู้สึกยังไงหาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 21-04-2012 07:30:36
ทางใครทางมันดีกว่าไหม

ไอ้พี่ชมภูมันจงใจทำ จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม
 เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกคนแบบนี้ แย่มาก

 :seng2ped:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 21-04-2012 10:12:25
จัดไปไฮยีน
เริ่มเบื่อพี่ชมภูแล้วล่ะครับ หุหุ
 :m16:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NiNJA ที่ 21-04-2012 10:45:25
 :z6:  :z6:

กระโดดเตะ แม่ม สักสองที อิพี่ชมพู มันน่านัก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 21-04-2012 11:03:00
ชะนี GET OUT!!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 21-04-2012 11:13:31
อืมม อีพี่ชมพูน่ารำคาญมากจริงๆ คือ she ตุ๊ดเกินไปแระ แบบว่าเปลี่ยน she เป็นนางเอกแทนได้มั้ย มะได้ใจเลย  :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: onlypleng ที่ 21-04-2012 11:22:46
ไอ้พี่ภูตอนนี้มึงควรโดนตินมากๆเลยมึง- -+
ห่าแล้วไงล่ะ พอยีนเปิดใจให้
ดันทำตัว มันน่าโดนฉิบ!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 21-04-2012 15:15:28
พีี่่ชมภู ถ้าพี่จะเล่นหรือทดสอบหรืออะไรก็ตามทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย
เริ่มจะเกลียดพี่แล้วนะเนี่ยอ่านตอนนี้ ยั่วโมโหกันเขาไป ชิช๊ะ
นักเขียนสู้ๆค่ะแล้วจะรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 21-04-2012 15:31:16
 :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 21-04-2012 17:08:01



    มารผจญกำลังร้ายได้ใจเลย




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 21-04-2012 17:32:45
ตบอีพี่ภูดีมั๊ยน้องยีนเดี๋ยวเจ้ช่วย ฮ่าๆๆๆ
รออ่านตอนต่อไปด้วยใจอุอัง ฮ่าๆๆ
ใกล้ได้รู้เรื่้องของกราฟกับยีนแล้วด้วย ฮ่าๆๆ รอๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 21-04-2012 18:59:37
พี่พูคิดจะทำอะไรรึเปล่า จะทดสอบอะไรหรือ เดาเอานะว่าเป็นแผนลองใจน้องเกงยีนรึเปล่า
คงไม่ใช่จะเป็นลักษณะถ่านไฟเก่าคุอะไรหรอกนะ (อยากให้เป็นเช่นดังเดา หึ หึ)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Koyy ที่ 21-04-2012 19:48:54
ไปเกิดใหม่ไปจีจี้ - -

 :beat:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-04-2012 19:55:34
จีจี้แร๊งงงงงง :z2:

บวกเป็เ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 21-04-2012 21:06:43
 o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 21-04-2012 21:31:01
เตะพี่ชมภูเดี่ยวนี้

ทำกับยีนได้ไงอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 21-04-2012 21:55:50
อ๊ากกกกกกก โธ่ โกรธเยอะๆเลยนะยีนส์
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-04-2012 22:30:06
ไอ้พี่ภูแม่งโง่ รู้เหตุผลแฟนเก่าอยู่แต่เสนอหน้าให้มีปัญหา
ยีนโกรธธมันไปเลยแกล้งน้องอยู่ได้สนุกมากใช่มั้ย??
น่าเบื่อกับพระเอกนิสัยแบบนี้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 21-04-2012 22:43:45
น้องยีนอย่ายอมนะ เอาคืนเล๊ยยยย เอาให้พี่ภูหึงซะบ้าง แกล้งดีนัก ฮึ่ย!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: SnowFlakez ที่ 22-04-2012 00:23:21
ิตอนแรกๆที่อ่านก็ไม่ชอบภู แต่ตอนนี้เกลียดเลยล่ะ  :m16:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 22-04-2012 08:09:21
พี่ภู..คิดถึงจิตใจน้องยีนบ้างโว๊ยยย :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: wapview ที่ 22-04-2012 08:24:51
 :z3:

อยากตบ จีจี้ เกลียดนางอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 22-04-2012 08:57:28
เฮ้ยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 22-04-2012 09:04:30
นังจีจี้ผีบ้าเอ๊ย
ไปเกิดใหม่เลยไป
แสรดดดด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 22-04-2012 17:41:16
รีบมาต่อไวๆนะค่ะ ตามอ่านทันจนได้ 55

เรื่องนี้หนุกมากเลยค่ะ ชอบทุกๆตัวละครเลย

เเต่ตอนล่าสุดเนี่ย นังจีจี้ชีเเรงมาก ระวังเหอะพี่ภู  :o9:

ถ้าน้องเกงยีนงอนขึ้นมาเเล้วจะง้อยาก  :laugh3: :laugh3:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไปนะค่ะ :)  :m4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 22-04-2012 19:20:57
ค้างอีกแล้ววววววววววว

มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kakilover ที่ 22-04-2012 19:58:45
พี่ชมพู มาง้อเกงยีนด่วนนน  เดี๋ยวมีเคลียกันยาว เป็นแรงใจให้ไรเตอร์สร้างผลงานดีดีอย่างนี้ต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 22-04-2012 21:54:45
พี่ชมพู ทำแบบนี้กะน้องเกงยีนได้ไงอะ   
ไม่ยอมๆๆๆๆๆ   :serius2: :serius2:

รีบหาเหตุผลดีดีหลายข้อมาบอกเกงยีนด่วนนนน 
ไม่งั้นยอมไม่ด้ายยยย

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: oomossoo ที่ 22-04-2012 23:16:41
จีจี้ ไปไกลๆป่ะ

เซงแทนยีนอ่ะ
พี่ภูก็นะ เห้ออออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 23-04-2012 00:40:55
ขอร้องต่อเถอะนะ

แมร่มเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 23-04-2012 13:16:38
อิพี่ชมจะเอายังไงค้าาาาา

น้องเกงยีนเสยไปหน้ามันไปเลยยยยย

(โห.....อินี่ อารมณ์มันขึ้นอยู่  อย่าสนใจค่ะ  555)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-04-2012 00:43:26
พี่ชมพู หาเรื่องใส่ตัวอีกแร้วนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 24-04-2012 20:17:03
เข้ามานั่งรอนอนรอ
เมื่ือไหร่จะมาต่อน้อ~!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 24-04-2012 20:58:37
โดน โดนแล้วล่ะ!
แล้วพี่ชมพูเอาไงทีนี้..
แม่จี้นี่ร้ายเหลือ- - หล่อนต้องการอะไรรร
สงสารยีนนะ กลับไปหากราฟเบยยย (เชียร์ชง)
หมั่นไส้พี่ภูขน๊าด! = =;
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 25-04-2012 14:16:13
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pickmoo ที่ 28-04-2012 22:20:56
..หนุกมากมายฮะ !
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ....

ตอนแรกเชียร์ยีนก่ะกราฟ
แต่ตอนนี้เชียร์ยีนก่ะชมพู
ฮิ้ว วว ว ~

แต่.. จีจี้ ?  มาจากไหน ~  ~

ยีน ๆ ๆ  ตบแม่งเลย !
แล้วไอ่พี่ชมพูไม่คิดจะขัดขืนเลยรึ !

--------------------------------------------

มาต่อเร็ว ๆ นะฮะ

รออยู่  ~ ~  ~ !!

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 19-2 : แฟน [21/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ukita ที่ 29-04-2012 14:10:07
 :call:
อัญเชิญพี่ชมพู
 :monkeysad: :monkeysad:
รอต่อไป :z13:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 29-04-2012 23:40:05
ตอนที่ 20 : หึงก็บอก (Chomphoo’s Part)

























ผมเห็นไอ้เกงยีนหันหลังกลับทำท่าจะเดินออกจากห้องไปก็รีบสาวเท้ายาวๆ ไปจับแขนมันเอาไว้ ไม่ให้มันหนีไปได้ก่อน แต่ว่าพอผมจับ มันก็สะบัดทันที แถมยังทำหน้าไม่พอใจใส่ผมอีก แต่ก็แน่ล่ะ ผมทำให้มันไม่สบอารมณ์มากๆ นี่หว่า แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วถามมัน


“มึงจะไปไหน”


“กลับบ้านไง”


“แต่กูยังไม่เสร็จเลย”


“ก็เรื่องของพี่เดะ”


มันตอบกลับมาเสียงห้วนแบบไม่พอใจสุดๆ แล้วก็สะบัดมือผมอีกรอบ แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี


“มึงจะกลับได้ไง  เดี๋ยวกูพากลับเอง รอก่อน”


“ไม่จำเป็น ผมมีปัญญากลับเองได้”


“แล้วมึงมีเงินหรือไง”


ผมถามมันอย่างแน่ใจสุดๆ ว่ายังไงมันก็หนีผมไปไม่ได้หรอก แต่ว่ามันดันตอบกลับผมมาแบบให้หน้าหงาย แถมยังชูหลักฐานให้ผมดูด้วย


“ผมได้บัตรคืนหมดแล้ว”


บัตรเครดิตและเดบิตหลายใบหลากสีสะท้อนมาเต็มลูกตาผมเลย แล้วมันก็เป็นโอกาสให้ไอ้เกงยีนใช้จังหวะที่ผมกำลังมองของที่มันเอามาโชว์ดึงมือของมันออก และเมื่อมันเป็นอิสระก็รีบวิ่งหนีผมไปทันที ผมเตรียมจะวิ่งตามมันไป แต่ก็โดนจีจี้รั้งไว้ก่อน


“ภู ถ้าจะไปก็เปลี่ยนชุดก่อน จีจี้ต้องเอาไปส่งอาจารย์พร้อมรูปด้วย”


โห่เว้ย!! ผมสบถอย่างอารมณ์เสียอยู่ในใจ แต่ก็ต้องยอมทำตามที่จีจี้บอก กลับไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักศึกษาตามเดิม และส่งเสื้อผ้าคืนให้เจ้าของ เพราะว่าการถ่ายแบบที่จีจี้ขอร้องให้มาช่วยมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะเจ้าตัวคงไม่อยากได้รูปสุดท้ายที่ยังไม่ถ่ายอีกในเมื่อผมไม่มีอารมณ์


“วันนี้ขอบใจภูมากนะที่มาช่วย”


“อืม ไม่เป็นไรหรอก เธอก็ช่วยฉันเหมือนกันนี่”


แม้จะอยู่ในอารมณ์เซ็งๆ ไปบ้างที่ไม่สามารถตามไอ้เกงยีนออกไป แต่ก็รู้สึกดีใจนิดหน่อยที่อย่างน้อยมันก็แสดงท่าทางให้ผมเห็นว่ามันไม่พอใจที่ผมสนิทสนมกับจีจี้ รวมถึงเรื่องเมื่อกี้ที่มันเข้ามาเห็นอย่างพอดิบพอดีด้วย


“รู้แล้วว่าน้องเขาหึงก็รีบๆ ตามง้อให้ได้ล่ะ ท่าทางจะหัวแข็งไม่เบานี่”


จีจี้เอ่ยล้อๆ พลางหัวเราะด้วยเพราะเธอก็รู้ว่าสถานการณ์ระหว่างผมกับไอ้เกงยีนเป็นยังไง ซึ่งผมก็คิดว่ากว่าจะทำให้สำเร็จอย่างที่จีจี้บอกได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน รู้อยู่แก่ใจว่าเกงยีนป็นคนไม่รับฟังเหตุผลของผมแค่ไหน โดยเฉพาะการทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ แต่ผมก็ยังอยากจะทำ อยากจะรู้ ก็คงต้องเตรียมรับมือสิ่งที่จะตามมาให้ได้


ถึงจะยากแต่ก็ต้องทำให้ได้วะ ในเมื่อทำตัวเอง


“คงต้องเหนื่อยเลยล่ะ”


“ถ้าไม่รอดยังไงให้จีจี้ช่วยก็ได้ หรือเจ๋งก็ได้ น้องคงเข้าใจ”


จีจี้แนะนำ ซึ่งผมก็คิดว่านั่นคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นจากตัวผมเอง ฉะนั้นก็ต้องแก้ไขด้วยตัวเอง ยังไงผมก็ต้องทำให้ไอ้เกงยีนมันเข้าใจให้ได้


“ถ้ามันหมดทางแล้วจริงๆ จะขอให้ช่วยแล้วกัน”


ผมบอกแบบนั้นแล้วเธอก็ยิ้มให้ ก่อนเราจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป ซึ่งพอกลับไปถึงคอนโดได้ ผมก็รีบโทรหาไอ้เกงยีนทันที แต่ว่ามันก็ไม่ยอมรับสายผมเลย แม่งงอนหนักนะเนี่ย


พอคิดแบบนั้นแล้ว โทรศัพท์สายที่ยี่สิบก็มีคนกดรับ ผมอมยิ้มกับตัวเองที่ในที่สุดไอ้เกงยีนก็ยอมแพ้ความพยายามของผมสักที แต่พอกดรับสายแล้วแทนที่มันจะทักทายดีๆ หน่อย มันดันเสือกตอบกลับมาว่า


“ไม่ต้องโทรมาแล้ว รำคาญเว้ย!!”


หูผมแทบแตกเพราะมันตะเบ็งเสียงมาเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ดีใจอยู่ดีที่มันมีปฏิกิริยาตอบกลับมา


“ถ้าไม่อยากให้กูโทรหา แล้วทำไมมึงไม่ปิดเครื่องไปซะล่ะ จะได้ไม่รำคาญ”


“ก็จะดูคนหน้าด้านที่มันพยายามโทรมาว่าเมื่อไหร่จะหมดความอดทน”


“ถ้างั้นก็ยากว่ะ”


ผมตอบกลับมันยิ้มๆ เพราะการที่มันยังโต้ตอบผมกลับมาอย่างนี้คงไม่ยากจะง้อสักเท่าไหร่


“งั้นก็พยายามต่อไปแล้วกัน”


มันว่าแบบนั้นแล้วกดวางสายใส่ เล่นเอาผมหน้าเหวอไปครู่หนึ่งเลย แล้วพอกดโทรกลับไปที่เบอร์เดิมจากที่ได้ยินสัญญาณรอสายก็กลายเป็นเสียงโอเปอร์เรเตอร์ให้ฝากข้อความเสียแล้ว


มึงนะมึง
























ตอนเช้าผมขับรถไปรับไอ้เกงยีนที่บ้านเหมือนทุกวันที่ทำมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทว่าเมื่อกดกริ่งหน้าประตูแล้ว คนที่ออกมาต้อนรับกลับเป็นแม่บ้านคนหนึ่งในบ้านของมัน แล้วคำตอบที่ผมได้หลังจากถามหามันก็กลายเป็นว่า...







‘คุณไฮยีนออกไปเรียนแล้วค่ะ’







แม่ง เสือกไม่รอกูเลย


ผมขับรถไปที่มหา’ลัยแล้วตรงไปที่โต๊ะประจำของมันทันที แต่ว่าพอไปถึงกลับเห็นเพียงแค่สามคนที่นั่งอยู่ ไอ้โจทก์ของผมดันหายหัวไปไหนไม่รู้


“แล้วไอ้เกงยีนล่ะ”


“ไอ้ยีนมันขึ้นห้องเรียนไปแล้ว ไม่รู้อะไรของมัน”


ไอ้เคมันตอบผมกลับมาเป็นคนแรก ผมก็นั่งลงบนม้านั่งข้างไอ้กราฟที่ว่างอยู่ แล้วตรงนี้เป็นตำแหน่งที่ไอ้เกงยีนนั่งประจำด้วย เลยเป็นการเปิดโอกาสให้ไอ้กราฟถามผมบ้าง


“พี่ไปทำอะไรให้มันไม่พอใจหรือเปล่า”


สมเป็นคู่ซี้ของไอ้เกงยีนที่น่าระแวงจริงๆ ว่ามันมีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า ถึงแม้ไอ้เกงยีนจะยืนยันกับผมว่ามันกับกราฟไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น ผมก็ยังทิ้งความรู้สึกว่าความสัมพันธ์มันสองคนมากเกินกว่าเพื่อนไม่ได้อยู่ดี


“ทำไมมึงถามกูแบบนั้น”


“ก็เมื่อเช้ายีนมันโทรให้ผมไปรับมันเร็วกว่าปกติน่ะสิ แล้วพี่ไม่ต้องเป็นคนไปรับมันหรือไง”


“เออ ปกติกูก็ต้องไปรับมันหรอก แต่ว่ามันได้บัตรคืนจากป๊าแล้ว”


“อ๋อ แล้วทำไมพี่ไม่ไปรับมันล่ะ”


ไม่ใช่กราฟที่ตอบกลับมา แต่เป็นไอ้เคที่ยื่นหน้ามาจากอีกฟากของโต๊ะแล้วถามผมอย่างอยากรู้อยากเห็น


“กูก็ไปรับมันหรอก แต่ว่ามันออกมาก่อน”


“แสดงว่าพี่ทำเรื่องที่ทำให้มันไม่พอใจจริงๆ อ่ะดิ”


ไอ้กัสที่ได้แต่นั่งฟังพูดขึ้นมาบ้าง ไอ้หมอนี่มันไม่ค่อยพูดมากหรอก แต่ในหัวมันคิดอะไรมากกว่าคำพูดมันหลายร้อยเท่า ใครคิดจะเป็นศัตรูกับมันต้องคิดซะใหม่ เพราะเห็นมันนิ่งๆ ดูมีเหตุผล แล้วก็ฉลาดแบบนี้ จริงๆ น่ะมันเป็นพวกร้ายลึก


“พี่ทำอะไรมัน”


ไอ้เคถามผมตาโตอย่างอยากรู้ น้ำเสียงของมันก็บ่งบอกอย่างชัดเจน ไอ้เหี้ยนี่ชอบเสือกประจำ แต่ก็ดีที่มันคอยเชียร์ผมกับเพื่อนมันตลอด


“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก”


ผมตอบมันกลับไปแค่นั้น ไอ้เคเลยเหมือนไม่พอใจนิดๆ มันจ้องหน้าผมแล้วก็พูดโพล่งเหมือนจะข่มขู่


“ถึงผมจะเชียร์พี่ แต่ผมก็เป็นเพื่อนมันนะ ถ้าพี่ทำอะไรให้มันเสียใจ ผมก็เข้าข้างมันมากกว่าพี่ ผมขอเตือน”


นานๆ จะเจอประโยคจริงจังของไอ้เคสักที พอได้ฟังแล้วผมก็อดนึกถึงคำพูดของไอ้เจ๋งไม่ได้ มันเคยบอกผมตั้งแต่ตอนที่ผมยอมรับกับพวกมันว่าผมชอบไอ้เกงยีนว่า ถ้าผมคิดเล่นๆ กับมัน ผมได้ตายคาตีนเพื่อนมันแน่ แล้วก็เหมือนจะจริง เพราะเจ้าตัวมันพูดออกมาเอง ถึงผมจะเป็นรุ่นพี่ที่มันสนิทและเคารพ แต่มันก็รักเพื่อนของมันมากกว่า


“เออ กูไม่ทำให้เพื่อนมึงเสียใจหรอกน่า แค่มันเข้าใจผิดอะไรนิดหน่อยแค่นั้นเอง”


“งั้นพี่ก็ง้อมันซะสิ”


ไอ้กราฟมันพูดขึ้นมาหลังจากผมบอกแบบนั้นไปแล้ว


“กูง้อมันแน่ แต่แม่งหนีกู”


“แล้วพี่จะไม่มีปัญญาหาทางง้อมันเหรอ”


คำพูดของไอ้กราฟทำให้ผมคิ้วกระตุกนิดนึง ปกติแล้วมันก็ไม่ใช่พูดจาแบบนี้หรอก เพราะว่าผมเป็นเพื่อนสนิทกับลุงรหัสมัน มันก็เลยให้ความเคารพผมเหมือนกัน แต่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของไอ้เกงยีนที่มันโคตรจะรัก รักแบบรักมาก จนผมระแวง มันถึงได้ใช้คำพูดที่รุนแรงขึ้นมา


“กูมี แต่กูยังไม่ได้ทำ”


“งั้นก็ทำซะสิครับ”


มันพูดยิ้มๆ แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนเป็นการท้าทายผมยังไงไม่รู้ แล้วมันก็ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นนิดหน่อย


“มึงไม่ต้องห่วงหรอก ไม่เกินพรุ่งนี้เพื่อนมึงเลิกหนีกูแน่ พวกมึงนั่นแหละ เตรียมตัวไว้ด้วย มะรืนต้องไปแล้ว”


ผมปัดไปพูดเรื่องอื่นด้วย มันจะได้เลิกหาเรื่องผมเพราะไอ้เกงยีนสักที มะรืนนี้ก็ต้องออกต่างจังหวัดเพื่อไปถ่ายหนังสั้นที่เป็นโปรเจกต์เทอมนี้ของผมแล้ว ยังไงซะผมก็ต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ไอ้เกงยีนเข้าใจให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้น ทริปนี้ผมอดทำอะไรกับมันแน่


“เอ้อ แล้วนี่ตกลงพี่จะไม่บอกจริงๆ เหรอวะว่าไปที่ไหน”


มาถึงเรื่องนี้ไอ้เคลมก็ถามอีก แม่งโคตรอยากรู้อยากเห็นฉิบหาย มันพยายามเบิ่งตาตี่ของมันมองผมเหมือนจะขอให้ผมยอมบอก แต่มึงอย่าหวังเลย


“ถึงเวลาเดี๋ยวมึงก็รู้เอง”
























ผมนั่งรอไอ้เกงยีนเลิกเรียนคาบเช้า เพราะว่าปีสามอย่างผมเวลาเรียนไม่แน่นอน เช้าบ้าง สายบ้าง ไม่ก็บ่ายเลย ไม่เหมือนปีหนึ่งที่ต้องเรียนเช้าทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นช่วงหนึ่งเดือนผ่านมาที่ผมไปคอยรับส่งมัน ผมก็ตื่นเช้าเพื่อมาทำหน้าที่ของตัวเอง แม้บางวันจะมีเรียนสายหรือบ่ายก็ตาม


ส่วนเวลาว่างๆ ระหว่างรอเรียนหลังจากมาส่งมันแล้ว ผมก็ไปนอนหรือไม่ก็ไปเล่นคอมในห้องค.น บ้าง วันนี้ก็เหมือนกัน แต่ผมกะเวลาที่ไอ้เกงยีนใกล้เลิกแล้วก็ไปยืนอยู่หน้าประตูห้องที่มันเรียน พออาจารย์เลิกสอนพวกเด็กปีหนึ่งก็เดินออกมาจากห้อง แล้วพอเห็นหน้าผม มันก็ยกมือไหว้กันเพราะต่างก็รู้จักว่าผมเป็นใคร แต่พอไอ้เกงยีนมันเห็นผม มันกลับย่างเท้าถอยหลังซะงั้น ส่วนไอ้กราฟที่เดินตามมาติดๆ ก็ถาม


“เป็นไรมึง”


“เปล่า”


“งั้นก็เดินออกไปดิ”


“กูไม่อยากเห็นหน้ามัน”


ไม่ต้องยกมือชี้หน้าผม ก็รู้ได้ทันทีว่า มัน ที่ไอ้เกงยีนพูดหมายถึงใคร ผมเลยจ้องหน้ามันก่อนจะสืบเท้าเข้าหา กะว่าจะลากมันมาคุยให้รู้เรื่อง


“แล้วมึงมีเรื่องอะไร”


ไอ้กราฟถามต่อ ระยะห่างระหว่างพวกมันกับผมไม่เยอะหรอก ผมถึงได้ยินมันพูด แล้วตอนนี้ในห้องเรียนก็ไม่ค่อยมีคนแล้ว เพราะคนอื่นๆ เดินออกไปหมด เหลือมันสองคนกับเด็กอีกกลุ่มนึงที่ทำท่าจะเดินมาทางผมกับไอ้ยีนและกราฟด้วย


“กูเบื่อหน้ามัน ไม่ต้องถามแล้ว โอเค้”


มันตอบไอ้กราฟกลับไปแค่นั้นแล้วเดินถอยหลังไปอีก ไปหากลุ่มที่กำลังเดินออกมาจากห้อง


“ปลาย เดี๋ยวเราไปกินข้าวด้วยนะ”


คำพูดหน่อมแน้มของเกงยีนอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน หนำซ้ำยังหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมของมันอีกทำให้ผมรู้สึกไม่ชินตาสักเท่าไหร่ เพราะไม่คิดว่าเวลาอยู่กับเพื่อนในเมเจอร์มันจะเป็นแบบนี้


ถึงจะเข้าใจว่ามันต้องแสร้งเป็นคนดี ทำตัวเรียบร้อย แต่ก็ไม่นึกว่าจะขนาดนี้ เพราะตั้งแต่ที่ผมเจอมันครั้งแรก มันก็มีความกวนตีนแทรกอยู่ในทุกอณูของภายนอกที่เรียบร้อย แล้วยิ่งตอนนี้ มันเผยธาตุแท้ของมันกับผม ยิ่งจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะทำแบบนี้ได้


“อ้าว พี่ภูมารับมึงแล้วไง แฟนมารับแล้วก็ไปกับเขาสิวะ”


การพูดจาของผู้หญิงคนนั้นที่ดูก็สวยดีห่ามไปสักหน่อย แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเรื่องระหว่างผมกับเกงยีนเป็นเรื่องที่คนในคณะรู้กันอย่างแน่นอน ถ้าไม่รู้ก็คงแปลกล่ะ ก่อนหน้านี้ผมกับมันตัวติดกันขนาดไหน แต่ถึงเด็กที่ชื่อปลายจะพูดแบบนั้นออกมา แต่ไอ้เกงยีนก็ไม่ยอม


“วันนี้เราอยากไปกินข้าวกับปลายน่ะ”


“ไม่ต้องเลย กูรู้ มึงทะเลาะกับพี่ภูใช่มั้ยล่ะ”


ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มหรือแสดงท่าทางอะไร เด็กนั่นก็เข้าใจได้หมดทุกอย่าง อย่างที่เขากันว่าผู้หญิงมีเซนส์ที่น่ากลัว เห็นว่าจะจริง เพราะตอนจีจี้ก็ครั้งนึงแล้ว เพียงแค่ผมอ้าปากก็เดาได้เลยว่าผมจะทำอะไร


“...”


ไอ้ยีนมองหน้าเพื่อนมัน แต่ไม่ตอบ แล้วคนอื่นๆ อีกสองสามคนที่อยู่ด้วยก็มองหน้ามันแล้วยิ้มล้อๆ ก่อนปลายที่เหมือนจะเป็นหัวโจ๊กในแก๊งทั้งที่เป็นผู้หญิงจะซ้ำคำพูดออกมาให้ไอ้เกงยีนยอมปริปากออกมา


“ถ้ามึงไม่บอกกู กูก็ไม่ให้มึงไปด้วยหรอกนะ”


“แสดงว่า.. ถ้าเราบอกปลายก็จะให้เราไปด้วยใช่มั้ย”


ไอ้เกงยีนทำหน้าซื่อตาใสมองเพื่อนมัน ส่วนไอ้กราฟก็ยืนนิ่งๆ เหมือนคนอื่นๆ มองสองคนนั้น ผมเองก็อยากรู้ว่ามันจะพูดอะไร ส่วนเรื่องที่มันขอไปกินข้าวกับพวกปลายให้ได้ คงคิดว่าถ้าอยู่กันหลายๆ คนจะช่วยกั้นผมจากมันได้ล่ะมั้ง


“อืม กล้าบอกหรือเปล่าล่ะ”


เหมือนเป็นการท้าทาย ถึงแม้ไอ้เกงยีนจะอยู่ในลุคยอมคน แต่พอโดนท้าซึ่งหน้าแบบนี้มันก็คงทนไม่ได้ แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะมันยอมโพล่งออกมา


“เรา... ทะเลาะกับพี่ภูจริงๆ”


ผมรู้ว่าต่อหน้าคนอื่น มันจะเรียกว่าผมว่า พี่ภู ตามชื่อ ไม่ได้เรียกพี่ชมพูห่าเหวอะไรนั่น เมื่อก่อนผมก็ไม่ชอบหรอกที่มันเรียกผมแบบนั้น แม่งดูแต๊วแตกอย่างกับตุ๊ดที่ตั้งชื่อให้ตัวเองแรดๆ ไม่ใช่ชื่อที่พ่อแม่ตั้งมาให้ ทั้งที่จริงๆ ชื่อผมก็ออกเสียงตามนั้น แต่ว่าความหมายของการเรียกมันผิดกันเยอะ ผมเคยคิดด้วยซ้ำว่าทำไมชื่อผมไม่สลับกับน้องสาว แต่พอลองคิดว่าถ้าน้องสาวต้องมีชื่อเล่นว่า ภู คงแปลกพิลึก ถึงชื่อ ชมนที จะไม่แปลกสำหรับผมที่เป็นผู้ชายเลยก็ตาม


“แต่.. พี่ไม่ได้ทะเลาะกับยีน”


เพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น ผมก็เลยเรียกมันดีบ้างๆ สร้างภาพขึ้นมาหน่อยให้คนอื่นรู้ว่าผมกับมันรักกันมาก ไอ้เกงยีนเลยหันมาถลึงตาใส่ผมแบบที่ไม่ให้เพื่อนมันเห็น


“อ้าว พี่เขาบอกไม่ทะเลาะ แล้วมึงงอนอะไรเขาล่ะ”


ปลายยังคงถามย้ำ ไอ้เกงยีนก็อึกอัก มันคงพูดไม่ถูกหรอก แล้วก็คงไม่กล้ายอมรับแบบเต็มปากเต็มคำด้วยว่ามันไม่พอใจที่เห็นผมจูบกับจีจี้ เพราะมันเป็นพฤติกรรมของคนหึงชัดๆ เลยเป็นไอ้กราฟแทนที่พูดโพล่งขึ้นมา


“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงไม่พอใจพี่ภูเรื่องอะไร แต่มึงก็ควรเคลียร์ไปซะ อย่าหนีปัญหา”

เป็นประโยคที่ทำให้ผมพอใจมากทีเดียว แต่ไอ้ยีนดันมองไอ้กราฟด้วยตาละห้อย แถมยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ


“ทำไมกราฟไม่เข้าข้างยีน กราฟเป็นเพื่อนยีนนะครับ ทำไมเข้าข้างคนอื่น”


เสียงมันโคตรอ้อน แล้วคำแทนตัวอะไรนั่นอีก ทำให้ผมหน้าตึงขึ้นมาทันที ทั้งทีคนอื่นไม่มีปฏิกิริยาอะไรด้วยซ้ำ เหมือนเป็นเรื่องที่เห็นได้ประจำอยู่แล้วที่ไอ้เกงยีนจะทำเสียงออดอ้อนแล้วคุยกับไอ้กราฟแบบนี้


“กราฟพูดความจริงครับ”


พอไอ้เกงยีนพูดด้วยแบบนั้น ไอ้กราฟก็สุภาพตาม แล้วผมก็ไม่ชอบฉิบหายเลยที่เห็นมันคุยกันอย่างนี้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก...


“ยีนครับ พี่อธิบายได้นะเรื่องนั้น ยีนเข้าใจพี่ผิด”


“ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นแหละ” มันสะบัดเสียงใส่ผม ถึงจะไม่ใช่เสียงแบบที่มันใช้ยามปกติก็เถอะ แล้วก็หันไปบอกพวกเพื่อนๆ มัน “ถ้าไม่อยากให้เราไปกินข้าวด้วย งั้นเราไปคนเดียวก็ได้”


มันว่าแค่นั้นไม่พอ ยังหันมาทางผมอีกทีแล้วก็พูดเสียงแข็งใส่


“พี่ไม่ต้องตามผมมานะ ถ้าตามมา ต่อให้พี่พูดอะไรอีก ผมก็จะไม่สนใจอีกเลย”


มันขู่ แต่มีหรือว่าผมจะกลัว พอมันเดินไปโดยมีไอ้กราฟไปด้วยเพราะมันไม่ยอมทิ้งเพื่อน ผมก็ตามไปติดๆ มันทำเป็นไม่สนใจผม เหมือนผมไม่มีตัวตน ทำทุกอย่างปกติ คุยกับไอ้กราฟบ้าง กินข้าวไป แล้วมันก็ทำให้ผมไม่พอใจโคตรๆ มันไม่มองหน้าผมเลย หรือพอมันเผลอเงยมาเห็น มันก็มองผ่านไปทางด้านหลังผม สายตาของมันไม่ได้หยุดลงที่ผมเหมือนทุกที ซึ่งมันก็ทำให้ผมเจ็บหน่วงที่ใจ รู้สึกตัวชาขึ้นมา


ถ้าใครเคยโดนคนที่ตัวเองชอบหมางเมินเหมือนเราเป็นอากาศคงจะเข้าใจผมอย่างดีเลยว่ามันเจ็บแบบไหน ไม่ได้เจ็บเหี้ยๆ ทุรนทุราย แต่เจ็บจนชาเหมือนหัวใจหลุดออกมา


หลังจากที่กินข้าวไปไม่นาน ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็มาร่วมโต๊ะ มันมองผมกับไอ้เกงยีนคนละทีก่อนไอ้เคลมจะอุทานห่าอะไรเสียดังฉิบหายจนโต๊ะอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างหันมามอง


“พี่กับไอ้ยีนคืนดีกันแล้วเหรอ!!!”


เกงยีนเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวแล้วถลึงตามองไอ้เชี่ยเคลมันที แล้วก็พึมพำเสียงเบา แต่ผมก็ยังได้ยิน


“คxย”


“อ้าว ไม่ใช่เหรอวะ ก็เห็นมานั่งแดกข้าวด้วยกันแล้ว”


ไอ้เคลมมันนั่งลงข้างๆ ไอ้ยีนแล้วถาม พลางเหลือบตามามองผมด้วย ผมเองก็มองมันอยู่ อยากรู้ว่าไอ้เกงยีนจะตอบว่าอะไร แต่มันก็ตอบเพื่อนกลับไปสั้นๆ


“เสือก”


“อะไรวะ กูถามด้วยความเป็นห่วงนะเนี่ย”


“มึงมันชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน”


ไอ้คนที่ทำหน้าหงิกๆ แล้วผลักจานเข้าออกห่างจากตัวอย่างเซ็งๆ ไม่แดกต่อตอกกลับมาอีกครั้ง ส่วนไอ้คนที่หวังดี๊หวังดีกับเพื่อนแล้วถามด้วยความเป็นห่วงก็ทำหน้าน้อยใจอย่างกระแดะๆ เห็นมันแล้วก็พานให้ตีนกระตุกดีจริงๆ


“มึงหาว่ากูเสือกเรื่องชาวบ้านเหรอ มึงไม่รักกูแล้วใช่มั้ย ทั้งที่กูรักมึงมากๆ แต่มึงได้กูแล้วก็ทิ้งแบบนี้เหรอ ฮึก”


ตอนต้นประโยคก็ดีอยู่หรอก แต่ท้ายประโยคนี่คือความบ้าของมัน ไอ้เกงยีนมองเพื่อนที่เล่นมุกแป้กๆ แล้วก็ทำหน้าเอือม ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้


“กูอิ่มแล้ว พวกมึงแดกกันไปแล้วกัน”


บอกแค่นั้นแล้วมันก็เดินไปเลย ผมก็รีบลุกพรวดตามมันไปด้วย แต่ยังไม่ทันก้าวขาออกไปไอ้กัสก็เรียกให้ผมหยุดชะงักก่อน


“พี่ภู”


“อะไรของมึง กูจะไปตามมัน มึงไม่เห็นเหรอ”


“เห็น แต่แค่จะบอกว่า ไอ้ยีนมันหัวแข็ง พี่ต้องใช้ความพยายามมากหน่อยล่ะ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นคนไม่มีเหตุผล”


“เออ กูรู้ ขอบใจมึงมาก”


จบบทสนทนาสั้นๆ ระหว่างผมกับไอ้กัส ผมก็รีบจ้ำพรวดตามไอ้เกงยีนไปทันที ตอนนี้เห็นมันอยู่ลิบๆ แล้ว ผมต้องออกวิ่งทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปเมื่อกี้ ถึงจะไม่อิ่มมาก แต่แม่งก็เสี่ยงจุก พอไปถึงตัวมันผมก็รีบคว้าแขนไว้ทันที ซึ่งมันก็สะบัดมือของผมให้หลุดจากแขนมันทันทีเหมือนกัน


“มึงฟังกูก่อนไม่ได้หรือไง เรื่องจีจี้มึงเข้าใจผิดนะเว้ย”


ผมบอกแล้วพยายามลากมันเพื่อมาคุยแถวศาลาริมน้ำที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เพราะตอนเที่ยงๆ แบบนี้ไม่มีใครอุตริมานั่งเล่นตากไอแดดให้มันแผดเผาหรอก ถึงจะเข้าเดือนกันยาแล้วก็เหอะ แต่อากาศเมืองไทยแม่งก็มีแต่ ร้อนโคตร ร้อนเหี้ยๆ กับร้อนเยี่ยงนรก


“ไม่ มึงไม่ต้องหาข้อแก้ตัวอะไรหรอก มึงจะอธิบายอะไร กูเห็นอยู่เต็มตา”


แม้ว่ามันจะพยายามดิ้นแค่ไหน ผมก็ลากมันจนเกือบถึงศาลาจนได้ ตอนนี้ที่นี่เงียบจริงๆ อย่างที่ผมคิดเอาไว้ แต่ถึงผมจะพามันมาถึงแล้ว ผมก็ไม่ปล่อยมือมันหรอก เพราะถ้าปล่อย มันหนีผมอีกแน่


“ก็สิ่งที่มึงเห็นนั่นแหละ เป็นความเข้าใจผิด”


“มึงคิดว่ากูโง่นักเหรอ”


มันกระแทกเสียงกลับมาอย่างไม่พอใจสุดๆ แต่จริงๆ ก็ตั้งแต่ที่มันขึ้นมึงกูกับผมเนี่ยแหละ ถ้าปกติแล้วมันจะไม่ใช้ นอกจากว่ามันโมโหหรือไม่พอใจอะไรผมมากๆ เท่านั้น


“มึงโง่ไงที่ไม่ฟังกูอธิบาย”


“เออ ถ้าทำอย่างนั้นแล้วกูโง่ กูก็ยอมโง่ ดีกว่ากูยอมฟังมึงพล่ามแล้วกูกลายเป็นไอ้หน้าโง่ที่โคตรโง่บรม”


“เกงยีน!”


ผมตวาดมันเสียงดุที่มันไม่ยอมฟังอะไรเลย แต่มันก็แหวเสียงกลับมาดังพอกัน


“อะไร!!”


“ที่มึงไม่พอใจอยู่แบบนี้ เพราะมึงหึงกูใช่มั้ย”


“เหี้ย หึงอะไร”


มันรีบปฏิเสธทันที แต่กลับทำหน้าตาเหลือกลาน ดูก็รู้ว่าแม่งโกหกชัดๆ ผมเลยไล่บี้มันอีก


“มึงไม่ต้องมาเถียง มึงหึงกู มึงถึงไม่พอใจที่กูจูบกับจีจี้”


“กูไม่ได้หึง มึงจะจูบใครก็เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกับกู”


มันว่าแบบนั้นแล้วพยายามสะบัดมือผมให้ออกจากแขนของมันอีก แต่ผมก็บีบแน่นกว่าเก่า จนคิดว่าถ้าปล่อยมือมันออกคงเห็นรอยแดงแน่ๆ มันก็บิดใหญ่เลย แรงของคนตัวผอมๆ แบบมึงสู้กูไม่ได้หรอก


“มึงไม่ต้องทำปากแข็ง หึงก็บอกดิ”


“กูไม่ได้หึง มึงเลิกเข้าข้างตัวเองได้แล้ว”


สิ้นเสียงของมัน ไอ้เกงยีนก็เอาตีนกระทืบเท้าผมทันที ซึ่งก็ได้ผลอย่างที่มันคิดไว้ ผมแรงที่กระทืบมาไม่ใช่น้อยๆ ผมเลยเผลอปล่อยมือออก มันถึงได้โอกาสวิ่งหนี แต่อย่าคิดว่าผมจะยอมให้มันวิ่งไปแล้วได้แต่รอดู ผมฝืนความเจ็บของตัวเองแล้วรีบวิ่งตามไปรวบตัวมันไว้จากทางด้านหลัง มันก็พยายามดิ้นรนขัดขืนให้ตัวมันหลุดจากอ้อมแขนผมให้ได้ แต่มึงฝันไปเถอะว่ามึงจะทำสำเร็จ


ผมออกแรงรัดตัวมันให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม แล้วโน้มคอเข้าไปใกล้หน้ามัน ให้ปากอยู่ใกล้หูของมันที่สุดก่อนจะเปล่งเสียงออกมาเบาๆ แต่คงทำให้มันรู้สึกสยิวได้พอดู เพราะผมรู้สึกว่าตัวมันกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย


“มึงหึงกู มึงอย่าโกหก”


“ไอ้เชี่ย ปล่อยกู”


“กูไม่ปล่อย อยู่อย่างนี้แหละ แล้วฟังกู”


พอผมบอกไปแบบนั้นมันก็นิ่งลง ทำให้ผมใจชื้นนิดหน่อยและคิดว่ามันคงจะเริ่มเบื่อที่ต้องต่อต้านผมแล้ว แต่สิ่งที่ผมคิดดันผิดถนัด เพราะเมื่อผมคลายกอดออกแค่นิดเดียว ไอ้เกงยีนมันก็พลิกตัวหันหน้ามาทางผม ก่อนจะง้างกำปั้นของมันขึ้นมาแล้วซัดหน้าผมเต็มเหนี่ยวจนผมหน้าหงาย เพราะกำปั้นมันไม่ใช่เบาๆ เลย


ผมรู้สึกถึงกลิ่นคาวในปากเสียด้วยซ้ำ และเท่านั้นไม่พอ มันยังต่อด้วยยกตีนขึ้นมาถีบผมเต็มท้องหลังจากที่ละเลงหมัดบนหน้าผมแล้ว ทำให้แขนของผมหลุดจากเอวของมัน ตีนที่ถีบมาก็แรงใช่ย่อย เล่นเอาผมล้มลงไปคลุกกับพื้น สมแล้วที่มันมีเรื่องไปทั่ว และมีอริมากมาย


“ไปอธิบายให้หมาฟังเหอะ เผื่อว่ามันจะเชื่อมึง”


แล้วมันก็รีบวิ่งหนีไปทันทีเหมือนกลัวว่าผมจะตาม แต่ผมก็อยากตามมันจริงๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ติดที่แค่ลุกขึ้นมาก็เจ็บท้องฉิบหาย จุกสุดๆ นอกจากเจ็บตีน เจ็บหน้าแล้วยังต้องมาเจ็บท้องอีก เหี้ยเอ๊ย


ผมสบถกับตัวเองพลางกุมท้องเอาไว้ ตาก็มองไอ้เกงยีนที่วิ่งตัวปลิวไปไกลแล้ว เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจก่อนจะคำรามเสียงออกมา


“มึงอยากให้กูเอาจริงใช่มั้ย ไอ้เกงยีน!”











=================
ตอนหน้าก็จะยังเป็นของพี่ภูอยู่ การง้อยังไม่จบ เพราะยังไม่ได้เริ่ม
แต่ตอนหน้าก็ไม่แน่ว่าจะเป็นการง้อเหมือนกัน (ยังไงเนี่ย?)


Undel2Sky



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 29-04-2012 23:53:24
พี่ภูก็ไม่น่าสร้างเรื่องตั้งแต่ทีแรกเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 30-04-2012 00:04:22
จะสงสารหรือสมน้ำหน้าอิพี่ภูดีหล่ะเนี๊ย

ทำตัวเองชัดๆเลยงานนี้ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 30-04-2012 00:08:25
อย่ายอมน๊า  หมั่นไส้ไอพี่ภูว่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 30-04-2012 00:11:04
 :a5:

พี่ภูสู้ๆนะ

สงสารพี่ภูว่ะ ฮ่าๆๆ

ง้อได้แล้วจับปล้ำเลยนะ !!  :oo1:

ปล ยังไงก็จะรออ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-04-2012 00:20:42
สมน้ำหน้าเมิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงมาก ชมพู (ตรูขอหยาบคายหน่อย)
ทำอะไรไม่เข้าท่าเอง อย่างกับว่าตัวเองดีนักหนาทำอะไรให้ยีนมั่นใจได้มากพอจะลองใจ

ถรุ้ยยยยยยยย วางแผนได้ปญอ.มาก
สุดท้ายขอกดเป็ดและบวกให้กับน้องยีนค่ะ

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 30-04-2012 00:33:30
เข้ามาปูเสื่อรอตอนหน้า

พี่ภูต้องกดน้องยีนแน่ๆๆ

แบบว่าคนอ่านหื่น  หึหึ :z1:   :z1:    :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-04-2012 00:44:17
สมน้ำหน้าพี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 30-04-2012 01:01:42
สม!!  น้องเขาเมตตาแล้วนะ แค่ชกกับถีบพุง
เป็นชั้นนี่ขาคู่เสยคางเลยเหอะ


 :กอด1: ยังไม่เบื่อจ้า สู้ๆ รออยู่ตรงนี้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ukita ที่ 30-04-2012 01:25:55
สะใจมาก o13
อยากให้พี่ชมภูโดนแบบนี้ :z6:
 o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ladyzakura ที่ 30-04-2012 01:38:29

ยิ่งง้อเหมือนยิ่งชวนทะเลาะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 30-04-2012 01:46:23
มันยังน้อยไปนะพี่ภู  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 30-04-2012 02:03:56
คนแต่งสู้ๆ จะนำเสนอเรื่องแบบไหนมาให้อ่าน ก็อ่านได้ทั้งนั้นค่ะ ขออย่างเดียว อย่าทิ้งเรื่องนี้น้าา เป็นกำลังใจให้

อยากรู้ว่าพี่ภูจะง้อเกงยีนยังไง รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 30-04-2012 03:42:39
นี่ยังไม่เอาจริง ???  555 สู้ต่อไปนะชมพู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 30-04-2012 05:17:28
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-04-2012 07:40:33
เป็นไงล่ะ แกล้งน้องจนได้เรื่อง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-04-2012 08:45:18
ทำตัวเองทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 30-04-2012 09:33:07
ทั้งสงสารและสมนำ้หน้าไอ่พี่ภูอยากหาเรื่องใล่ตัวดีนัก :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 30-04-2012 11:16:16
สู้ สู้ นะ คะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 30-04-2012 11:27:57
พี่ภู...เอาใจช่วยน๊าาาาา  :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 30-04-2012 11:42:55
ไอ้พี่ชมภูสมควรโดนหนักกว่านี้อีก
คิดได้ไงเนี่ยแผนห่วยแตกมาก

รอตอนต่อไปค่ะ
ให้ยีนจัดหนัก อย่าเพิ่งใจอ่อน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 30-04-2012 11:50:39
แอร๊ยย รอบหน้าเอาจริงแล้ววภู :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 30-04-2012 12:12:04
กระทืบไลค์เกงยีน

นี่มันต้องยังงี้ อย่าไปยอมมันง่ายๆเชียว เห็นใจเราเป็นอะไร ใช่ของที่มึงจะมาล้อเล่นทดสอบง่ายๆงั้นหรือ

 :m31:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 30-04-2012 13:28:00




    โอวววว รุนแรงจังกับพี่ภูเนี่ย
    แต่ทีกะกราฟนะ น่ารักสุดๆเลย




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 30-04-2012 13:50:46
แง่มๆ พี่ภูไอ้พี่ใจร้าย ทำกับยีนของเค้าได้ ??
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 30-04-2012 14:02:13
ในที่สุดก็มีวันนี้  วันที่น้องเกงยีนหึงพี่ชมพู

 :-[    :-[    :-[

ยังไงพี่ชมพูก็สู้ๆเข้านะคะ


คนแต่งก็เหมือนกัน พยายามเข้าน้าาา

อย่าทิ้งเรื่องนี้ด้วย ขอร้องละ

เพราะเราว่ามันน่ารักมากเลย แล้วก็อชอบมากๆด้วย  >>  :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 30-04-2012 14:12:30
โดนซะบ้างเหอะไอ้พี่ชมภู
เอาความรู้สึกคนมาเล่น มันสนุกไหม
 :m16:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 30-04-2012 14:40:03
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
รอตอนะค่ะ :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
พี่พูสู้ๆ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 30-04-2012 15:48:25
นั่นไง
อยากลองของดีนัด
เจอของเลยเป็นไงล่ะพี่ภู
เหอะๆๆ ง้อให้ได้นะงานเนี้ย
เอ่อ....แอบสงสัยเบาๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่พี่ภูจะทำกับน้องเกงยีน
แอร้ยยย อย่ามาพูดให้คิดสิพี่ หุหุ ฮ่าๆๆๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
อย่าพึ่งท้อ ตั้งสติดีๆ  ถ้าเบลอกับพลอตตัวเองยังไงก็ลองอ่านเนื้อเรื่องตัวเองดูตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง
แล้วค่อยๆคิด ค่อยๆทบทวนดูดีๆค่ะ ลองลำดับดู เมื่อก่อน(สมัยยังว่างเหลือเฟือ)เราก็เคยประสบปัญหานี้
ตอนแต่งฟิคเหมือนกันค่ะ ยังไงก็สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ นิยายเรื่องเนี้ยอ่ะสนุกมาก เพราะงั้น สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 30-04-2012 18:20:35
สมน้ำหน้า :z6: พี่ภู

ขอกระทืบหนักแบบไปนอนโรงพยาบาลซักเดือน ครึ่งเดือน

ทำอะไรสิ้นคิด :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 30-04-2012 20:25:46
ข้ามๆตอนพิสูจน์ความหึงไปก็ได้ค่ะ มันดูจุ๊บจิ๊บ หญิงๆไปหน่อย เหอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pickmoo ที่ 30-04-2012 20:36:55
ไม่เบื่อคร๊าบ บบ บ  ไม่เบื่อเลย อิอิ
จะรอจะร๊อจะรอนะคร๊าบ บบ  !

แต่เกงยีนทำแรงเกินไปไหม๊ ?
แล้วพี่ภูจะง้อได้เมื่อไหร่น้อ อ อ
เฮ้อ ๆ ๆ !
เชียร์พี่ภู ฮิ้ว ว ว ว~ :mc4: :mc4: :mc4:

เลิฟคนแต่งนะคร๊าบ บบ  !

 :L2: :L2: :L2: :3123: :3123: :3123: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 30-04-2012 20:47:34
สมพี่ชมพู อยากลองใจเกงยีนทำไมหือ เเอบเชียร์กราฟยีนนิดๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 30-04-2012 21:22:50
เอาแล่ะ O_O เอาไงต่อทีนี้
พี่ภูเอาจริงน่าจะเทพ ไม่น่ารอดมั้งไฮยีน??
เอิ่ม.... รอดูต่อไป อยากรู้ตอนต่อไปป TT
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-05-2012 11:15:55
เกงยีนโคดโหดเลย

สู้ๆๆ รอตอนต่อไปอยู่น้าา  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 01-05-2012 13:05:49
น้องยีนหึงโหดอ่ะ
แอบสมน้ำหน้าพี่ภูไปสร้างเรื่องเองงานช้างเลยเข้าซะเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 01-05-2012 13:29:25
 :กอด1: :L1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 01-05-2012 16:45:54
ชะนีหน้าด้าน พูดออกมาผู้ชายนั่งเงียบกริบ
เป็นไงล่ะ แต่ยางที่หน้าก็ยังไม่หนาขึ้นซักมิล

ดูเหมือนเรื่องจะจบ แต่แม่งยังไม่จบเพราะไอ้พี่ชมพูนี่แหละ
อะไรยังไง มีแอบคุยกันลับหลังน้อง นัดแนะกัน
แอบคุฯกันมากี่ครั้ง แล้วแอบไปเจอกันบ้างป่าวเนี่ย
ฮึ่มๆ เคืองแทนน้องยีนส์

ไอ้พี่ชมพูววววววววววววววววววววว
พาน้องไปให้น้องเจ็บช้ำหรือไง
พาน้องไปให้น้องดูหนังสดที่แสดงกับชะนีรึไง
ทำไมเป็นแบบบบบบบบบบบนี้

ก็ดูเหมือนจะรักจริงอยู่ไม่ใช่รึ
แล้วไหงพลิกล็อค หรือจะเป็นพระเอกนิยายน้ำเน่า
ชะนีเลื้อยใส่หน่อยก็อ่อนตาม?

ปล.แต่เราแอบคิดว่าพี่พูมีแผนล่ะ ยังไงกันแน่..โว๊ะ -*-

.............


นั่นปะไร.แผนจริงๆด้วย
แต่แผนพี่พู ทำตัวเองลำบากซะแล้ว
เป็นไงล่ะ ง้อยังไงก็ไม่หาย
ง้อท่าไหน ก็เจ็บตัว
น้องเมิน น้องด่า น้องอ้อนคนอื่น สุดท้าย โดนน้องกระทืบ
นี่พี่ยังไม่เอาจริงอีกหรือ แล้วเอาจริงๆมันจะยังไงล่ะ


น้องยีน งอนไปเยอะๆนะลูก อย่ายอมพี่เขาง่ายๆ
งอนเยอะๆแล้วพอหนูหายงอน หนูจะรู้ว่ารักพี่เขาซะแล้ว
ว่าแต่ถ้าเกิดรู้เรื่อง แลัวหนูจะโกรธพี่เขาไหมล่ะ
โดนหลอกให้หึงเนี่ย เรื่องมันจะยุ่งๆอีกรึเปล่าน๊า


แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่พูจะไปทำไรน้องยีนที่ตจว.อ่ะ
เขาอยากจะรู้เร็วๆแล้วววววววววว


ถึง.คนแต่ง สู้ๆนะ ยังมีหลายคนคอยให้กำลังใจ คอยรออ่านฝีมือของคุณอยู่ อย่าท้อนะ    o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 01-05-2012 18:23:31
 :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 02-05-2012 11:39:55
กางยีนหึงแรงงงง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 02-05-2012 18:02:43
พี่ภู สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 03-05-2012 08:14:21
ชอบเรื่องนี้ๆ ^^ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 06-05-2012 13:27:14
คนแต่งคร้าบ เมื่อไหร่จะมาต่อหว่าาา?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 06-05-2012 17:31:01
รวดเดียวยาวยาววเลยค่ะ  อ่านเรื่องนี้   
ยีนซึนอะ  เปนขนาดนี้ยังไม่ยอมรับว่าหึงอีก  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทั้งภูทั้งคนแต่งนะคะ    รออ่านๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 07-05-2012 23:06:12
ตอนที่ 21 : แค่ชอบ (Chomphoo’s Part)
























“หน้ามึงไปโดนเหี้ยอะไรมาวะ”


ไอ้ปาล์มที่นั่งเท้าคางมองหน้าผมมาได้สักพักถามอย่างสงสัย หลังจากที่ผมกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนเพราะใกล้ถึงเวลาเรียนภาคบ่ายแล้ว ไอ้ต้นก็ตามเคย ตอบกลับเมียมันไป ทั้งที่ผมรู้ว่าไอ้ปาล์มเห็นรอยก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว


“ก็โดนกำปั้นใครสักคนนั่นแหละ”


แผลที่ไอ้ยีนฝากไว้มันเห็นชัดพอสมควรครับ แม่งมือหนักจริงๆ ให้ตายเหอะ ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มนิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าตึงๆ ตรงมุมปากที่มีรอยช้ำ


“แล้วใครวะ แม่งกล้าต่อยไอ้ภูด้วย”


“จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ยีน” ไอ้เจ๋งตอบปาล์มแบบนั้นก่อนจะหันมาพูดกับผม “จีจี้เล่าให้กูฟังแล้ว เป็นไงล่ะมึง อยากลองดีดีนัก”


“ก็น่า เรื่องของกู”


เหมือนมันจะอยากเย้ยผมหน่อยๆ แต่ผมก็ทำเป็นมองเมินมันไป ไอ้เจ๋งเองก็ไม่ได้ใส่ใจ นอกจากถาม


“มึงจะเอาไงต่อ น้องเขาไม่ได้เจี๋ยมเจี้ยมอย่างที่แสดงออกนะเว้ย คบกับไอ้พวกนั้นได้ กูว่าต้องไม่ธรรมดา”


“เรื่องนั้นกูรู้ดีอยู่แล้ว”


“แล้วมึงจะง้อยังไง”


“กูมีวิธีของกู”


แม้ว่าจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะไอ้เกงยีนมันใจแข็งมากๆ แล้วมันก็ไม่ฟังห่าอะไรจากผมเลย แต่ผมก็หวังว่าความพยายามและความจริงจังของผมจะทำให้มันยอมฟังผมบ้าง


ผมให้กำลังใจตัวเองก่อนจะลุกไปเข้าเรียนพร้อมเพื่อนๆ นั่งรอเวลาปฏิบัติการจนกระทั่งหมดคาบเรียนในตอนบ่าย ก็รีบแยกตัวมาจากพวกไอ้เจ๋งแล้วตรงไปยังตึกที่เกงยีนเรียนอยู่ทันที มันเลิกช้ากว่าผมชั่วโมงนึง แต่ไม่เป็นไร ผมรอได้


จนเมื่อมันเลิกเรียน ผมเห็นเด็กปีหนึ่งเดินออกมาจากห้องผ่านทางเดินบนตึกก็รีบลุกพรวดจากม้านั่งแถวๆ นั้นที่ใช้นั่งรอไอ้เกงยีน ตรงไปอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเงยขึ้นไปมองเห็นทางเดินชั้นสองซึ่งมีขอบทางเดินยกสูงประมาณเอวให้มากที่สุด โชคดีว่าห้องที่มันเรียนอยู่ชั้นสอง จึงมองเห็นหน้าคนที่อยู่ข้างบนได้ค่อนข้างชัด เป็นประโยชน์กับผมมากๆ ที่จะสังเกตมันท่ามกลางกลุ่มนักศึกษารุ่นน้อง และพอเห็นไอ้ยีนมันเดินออกมาจากห้อง ผมก็ตะโกนทันที


“ไฮยีนครับ พี่ขอโทษ!!!”


แค่ประโยคเดียวก็เรียกสายตาของพวกปีหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนทางเดินของชั้นสองให้หันมาทางผมกันหมด เด็กพวกนั้นมองผมอย่างสงสัยว่ามาทำอะไร มาตะโกนอะไรอยู่ตรงนี้ เพราะคนในคณะส่วนมากจะรู้ว่าผมเป็นประธานของปีสาม แต่ไอ้คนที่ผมอยากเรียกร้องความสนใจกลับเสือกเดินนวยนาดหูไม่กระดิกเลยสักนิด


“ไฮยีนครับ พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฟังเหตุผลพี่หน่อยสิครับ”


ผมยังคงตะโกนต่อไป ตาก็มองไอ้เกงยีนที่มันเดินไปทางบันไดเรื่อยๆ แล้วพยายามเปล่งเสียงให้ดังมากกว่าเดิม


“พี่ไม่ได้นอกใจยีนเลยนะ พี่พูดจริงๆ ไม่ได้โกหกด้วย คนดีฟังพี่ก่อนได้มั้ย”


ทุกสายตานอกจากมันมองผมไม่เลิก แม้แต่ไอ้กราฟที่เดินคู่มากับเพื่อนมันยังหันมามองเป็นระยะ เพราะการมาตะโกนปาวๆ แบบนี้ เหมือนเป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ที่คนอื่นๆ พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าผมกับยีนไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้องธรรมดาให้ยิ่งชัดเจนขึ้น


ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าอายไปหน่อย แต่ผมก็ยอมลงทุน ยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อแสดงออกให้มันเห็นว่าผมจริงใจที่จะขอโทษมัน ผมยอมที่จะให้คนอื่นมองว่าผมพ่ายแพ้ต่อมันและให้มันมีสิทธิ์กุมอำนาจเหนือกว่า เพียงหวังว่ามันจะยอมเปิดหูและเปิดใจฟังเรื่องราวและเหตุผลที่ผมต้องล้อเล่นกับความรู้สึกของมันแบบนั้น


ทว่าการกระทำของผมก็เป็นสิ่งไร้ประโยชน์เพราะเกงยีนมันเดินลงบันไดมาอย่างไม่ฟังอะไรเลย ผมถึงต้องเปลี่ยนจากการโหวกเหวกจนกลายเป็นจุดรวมสายตาของใครต่อใครมาเป็นรีบถลันร่างไปรอมันที่ตีนบันได


“ยีน มึงฟังกูก่อนนะ”


คนอื่นๆ ยังไม่เดินลงมาเพราะเอาแต่สนใจมองว่าผมจะทำอะไร คนที่เดินลงมาจากชั้นบนจึงมีเพียงแค่ไอ้ยีนกับไอ้กราฟ ผมจึงพูดกับมันด้วยรูปประโยคแบบเดิม แต่ถึงผมจะไปยืนขวางทางมันเอาไว้ไม่ได้มันเลี่ยงไปได้ เกงยีนก็ยังหาทางจะหลีกจากผมให้ได้ มันโยกตัวสลับซ้ายขวาเพียงหวังว่าผมจะเผลอแล้วปล่อยให้มันเดินผ่านไปได้ แต่มันคิดผิด ผมไม่ยอมที่จะปล่อยมันไปอีกแล้ว ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องเคลียร์กับมันให้ได้


“ถ้ามึงไม่ยอมฟังกูดีๆ กูจะเอาจริงแล้วนะ”


มันมองหน้าผมแล้วทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร ทำสายตาว่างเปล่าทั้งที่เผชิญหน้าผมอยู่ ปากของมันปิดสนิทไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาจนผมรู้สึกชาหนึบในใจอีกครั้ง


“ได้ มึงไม่ยอมดีๆ ใช่มั้ย”


ผมถามมันทั้งที่ไม่น่าจะใช่ประโยคคำถามซะด้วยซ้ำ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วยื่นมือไปช้อนตัวโปร่งๆ นั้นเอาไว้และจับมันพาดบ่า เท่านั้นผมก็ได้ยินเสียงโวยวายของมันเลย


ทีงี้ละทำมาเป็นร้องนะมึง!


“จับกูทำเหี้ยอะไร ปล่อยกูนะเว้ย”


ผมไม่สนใจเสียงร้องกับแรงดิ้นของมัน ไอ้เกงยีนมันเตะขาปั๊กๆ ใส่อกผมจนแว่นที่มันใส่อยู่หล่นลงไปกระแทกกับพื้น มือก็ทุบอักเข้าเต็มหลังของผมเลย แต่ผมก็ต้องทนเก็บความเจ็บเอาไว้ แล้วหันไปบอกไอ้กราฟ


“กูมีเรื่องต้องเคลียร์กับเพื่อนมึง เพราะงั้นมึงกลับไปก่อนเลย”


สิ้นเสียง ผมก็แบกไอ้เกงยีนแล้วเดินไปโดยที่มีหัวของมันห้อยโทงๆ อยู่ด้านหลัง มือของมันยังประทุษร้ายผมไม่เลิก และก็หนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องกัดกรามกรอดไม่ให้โพล่งเสียงด่ามัน


ผมเดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อหาจุดหมาย ซึ่งก็คือห้องค.น. พอเดินไปถึงผมก็กระชากประตูออก เห็นไอ้พวกปีสองปีสามมันแยกกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มนึงนั่งตีดอทกัน บางคนก็อ่านการ์ตูนอยู่มุมห้อง พวกที่นอนอยู่อีกด้านของห้องก็มี แต่ตอนนี้ทั้งหมดหันมามองผมกันหมดแล้ว และพอเห็นว่าผมแบกใครบางคนมาด้วย มันก็อ้าปากจะถามกันทันที แต่ว่าผมเปล่งเสียงขัดพวกมันเสียก่อน


“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น พวกมึงออกไปให้หมด เดี๋ยวนี้!”


คำท้ายที่ผมเน้นน้ำหนักให้มากกว่าประโยคก่อนหน้าทำให้พวกมันทั้งหมดรีบลุกออกจากห้องไปทันทีอย่างไม่มีท่าทางอิดออด เพราะผมถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในกลุ่มมัน ส่วนไอ้พวกปีสามเหมือนกันมันก็พอเดาๆ ได้ว่าผมคงอยากใช้ห้องแบบส่วนตัว ถึงได้ไม่ขัดอะไรแล้วเดินออกไปแต่โดยดี


“ไอ้ต๊ะ” ผมเรียกประธานปีสองที่เดินออกเป็นคนสุดท้าย มันก็หันมาหาผมแล้วมองอย่างมีคำถาม ผมเลยบอกมันถึงจุดประสงค์ที่เรียกมันไว้ “มึงเอาป้ายไปติดไว้หน้าห้องด้วยว่า ห้ามใครเข้าจนกว่ากูจะเปิดประตูเอง”


“ได้พี่”


มันรับปากแล้วก็เดินออกไปหนำซ้ำยังล็อกประตูให้ด้วยโดยที่ผมไม่ต้องสั่ง


พอสถานที่นี้กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับผมกับไอ้เกงยีนแล้วผมก็ปล่อยมันลง มันรีบพุ่งตัวจะหนีออกจากห้องทันควัน แต่อย่าคิดเลยว่าผมจะยอมปล่อยมัน ถ้าผมยอมให้มันวิ่งหนีไปง่ายๆ ผมคงไม่ต้องเหนื่อยแบกแม่งมาที่นี่หรอก


ผมรีบสาวเท้ายาวๆ แล้วตวัดแขนไปรัดเอวมันไว้ ก่อนจะลากมันให้กลับมาอีกด้านของมุมห้อง โชคดีหน่อยว่าหน้าต่างห้องซึ่งอยู่ด้านติดกับผนังที่ผมดันไอ้เกงยีนจนชิด อีกฟากของหน้าต่างเป็นลานเล็กๆ มีชุดโต๊ะม้าหินอยู่สองสามชุด ซึ่งส่วนมากพวกที่จับจองจะเป็นคนของค.น. และมักจะถูกใช้ในตอนเย็นๆ หรือมืดๆ ที่แดดร่มแล้ว ตอนนี้เลยไม่มีคน


ผมกดตัวไอ้ยีนเอาไว้ไม่ให้มันหนีไปไหนได้ มันก็พยายามดิ้นรนและจ้องหน้าผมอย่างเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ผมก็มองเมินสายตาของมันไปแล้วเริ่มต้นในสิ่งที่ผมต้องการจะพูดกับมัน แต่มันไม่คิดจะฟัง ผมเลยตะคอกใส่มัน


“มึงอยู่เฉยๆ ได้มั้ย!!”


“เรื่องอะไรกูต้องฟังมึง”


“มึงฟังกูนะ เรื่องที่...”


“กูไม่ฟังโว้ยยย”


มันร้องเสียงดังแล้วพยายามจะดันตัวผมให้ออกห่างจากมันให้ได้ แต่ยากครับ เพราะถึงยังไงผมก็ตัวใหญ่กว่า แรงเยอะกว่ามันอยู่แล้ว แต่ท่าทางดื้อรั้นของมันเนี่ยสิทำให้ผมชักจะอารมณ์ขึ้นมากกว่าเดิม


มึงแม่งจะไม่ฟังห่าอะไรเลยหรือไง!!


“มึงต้องฟัง มึงจะได้รู้ว่ามึงเข้าใจกูผิด”


“กูไม่ฟังๆๆๆ”


มันร้องออกมา และอย่าคิดนะครับว่ามันจะเอามือปิดหูเพื่อจะไม่ให้ได้ยินเสียงผม เพราะอย่างไอ้เกงยีนมันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก แต่แม่งเสือกยกมือมายันปากของผมไว้ ปิดปากไม่ให้ผมพูดอะไรออกมาได้ ผมเลยต้องละมือจากที่กดไหล่มันเอาไว้เพื่อมาแกะมือมันออก


พอผมแกะมือนึงออก มันก็เอาอีกมือมาปิดแทน ฤทธิ์เยอะฉิบหาย ผมจึงต้องละมืออีกข้างมาดึงมือมันออกไปด้วย แล้วคราวนี้ผมก็จับมือมันตรึงกับกำแพงซะเลย ดันตัวมันให้ติดผนังมากกว่าเดิม


เอาสิ มึงหนีจากกูไปได้ก็ให้รู้ไป


“เอาล่ะ มึงฟังกูดีๆ กูกับจีจี้ไม่มีอะไรกันทั้งนั้น กูกับเขาแค่..”


พูดเท่านั้นผมก็ต้องเบรกคำพูดของตัวเองไปซะ เพราะว่าไอ้คนตัวผอมตรงหน้ามันดันแก้สถานการณ์โดยการพึมพำๆ ห่าอะไรไม่รู้ออกมาเสียงดังกลบเสียงผมไปหมด ห่าเอ๊ย บอกได้เลยว่าถ้าผมไม่ได้ชอบมันผมคงตบกบาลมันแล้วด่าว่าไอ้เด็กนรกแล้ว แต่เพราะผมชอบมันไง ผมเลยเปลี่ยนเป็นดูดปากมันแทน


ไอ้เกงยีนมันอึ้งๆ นิดหน่อยที่อยู่ๆ ก็ถูกผมจูบ ผมดูดริมปากล่างของมันเพื่อให้แม่งเงียบปากไปซะ สลับกับขบกลีบปากบน ไอ้คนที่โดนผมเอาเปรียบอยู่ก็พยายามดันตัวผมออกให้ได้ แต่ว่าผมก็ออกแรงมากขึ้น ดูดหนักๆ จนมันเกือบจะร้องออกมาเพราะความเจ็บ


ถึงมันจะโดนซะขนาดนั้นไอ้เกงยีนก็ยังพยายามอยู่ดีอย่างไม่เข็ดหลาบ ออกแรงสุดชีวิตเพื่อผลักผมออกไป ผมเลยออกแรงกดปากมันให้หนักขึ้น แต่คงจะแรงไปหน่อย เพราะว่าหัวมันโขกกับผนังดังโป๊ก อยากจะสงสารมันอยู่หรอกนะ แต่ใครอยากให้มันดื้อเอง


ผมยังคงบดจูบมันต่อไปเรื่อยๆ จนคิดว่าป่านนี้ปากที่แดงอยู่แล้วของมันคงจะแดงก่ำและเจ่อมากด้วย แต่ผมก็ยังไม่ล้มเลิกเพราะมันยังดิ้นรนอยู่ ผมไม่สอดลิ้นเข้าไปในปากมันหรอกครับ เพราะรู้ว่าถ้าผมเอาเข้าไปล่ะก็มันกัดลิ้นผมขาดแน่ ผมอุดปากมันต่อไปอย่างนั้นอีกสักพักจนแรงที่มันผลักดันผมเริ่มจะหมดลง ผมถึงได้ยอมละปากออกมา แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ปากมันแดงมาก และก็เจ่อมากจริงๆ คาดว่ามันคงเจ็บ


“ทีนี้มึงจะตั้งใจฟังกูได้หรือยัง”


“...”


มันไม่พูดครับ แต่เสือกผลักผมออกเลย แล้วมีหรือที่ผมจะยอมถ้ายังอธิบายให้มันฟังไม่รู้เรื่อง ผมไม่อยากดันทุรังอธิบายทั้งที่มันไม่อยากฟังหรอก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันจะไม่เป็นการเปิดใจฟัง และมันต้องไม่ยอมรับเหตุผลแน่ๆ


ผมเลยจูบมันไปอีก แต่คราวนี้มันเสือกดันลิ้นเข้ามาในปากผมเนี่ยสิ แล้วยังพยายามจะลากลิ้นผมเข้าไปในปากมันให้ได้ แต่ผมไม่ยอมให้มันทำง่ายๆ แน่เพราะรู้เหตุผลที่มันทำอย่างนั้นดี ถ้าผมเผลอคล้อยตามยอมตามมันเข้าไป มีหวังมันได้ประทุษร้ายลิ้นผมจนหลุดออกมาเป็นชิ้น เพราะงั้นผมจึงพยายามเกี่ยวลิ้นของมันให้พัวพันอยู่ในปากของผมแทน ดูดขบปากของมันที่บวมแดงอีกจนคราวนี้มันคงทนไม่ไหว เพราะถ้ายังดันทุรังต่อไปปากมันหลุดติดปากผมมาแน่ พอผมยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระมันถึงได้โพล่งออกมาอย่างเดือดดาล


“เออ มึงจะพูดอะไรก็พูดๆ มา แม่ง!”


ได้ฟังอย่างนั้นผมก็ยกยิ้มกับตัวเองนิดหน่อยที่เอาชนะมันได้ เลยจ้องตามันไปเพื่อบอกทุกอย่างให้มันรู้ด้วยความจริงใจ


“กูกับจีจี้ไม่ได้จูบกัน แล้วก็ไม่ได้เป็นแฟนเก่ากัน”


มันเงียบ รอฟังผมต่อ ทำให้ผมมีกำลังใจจะพูดต่อไปเพราะมันไม่ต่อต้าน


“จีจี้มาขอให้กูช่วยเป็นแบบให้ เพราะต้องส่งงานวันพรุ่งนี้ แต่จีจี้เพิ่งเลิกกับแฟนที่จะเป็นนายแบบให้เมื่อวันสองสามวันก่อน  ก็เลยมาขอร้องกูที่มีหุ่นใกล้เคียงกับแฟนของเขา”


“...”


“พอจีจี้มาขอ ก็ทำให้กูคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กูอยากรู้ว่ามึงจะรู้สึกยังไงถ้าหากว่าว่าผู้หญิงมาทวงขอกูคืน กูแค่อยากรู้ว่ามึงจะหึงหวงกูบ้างหรือเปล่า ก็เลยขอให้จีจี้ช่วยหลอกมึง”


“สัด มึงกล้าหลอกกูเหรอไอ้เหี้ย!”


ทันทีเลยครับ พอมันรู้ว่าผมหลอกมันเพราะอยากรู้ความรู้สึก มันก็ด่าผมมาเต็มๆ แต่ผมไม่ถือ เพราะผมทำผิดกับมันจริงๆ


“กูยอมรับความผิด กูหลอกมึง แต่กูอยากให้มึงเชื่อกูว่ากูไม่ได้มีอะไรกับจีจี้จริงๆ ที่มึงเห็นว่าจูบกันนั่นกูกับจีจี้จัดฉากขึ้นมาเอง ปากไม่โดนกันด้วยซ้ำ”


“...”


“จริงๆ แล้วจีจี้เป็นน้องสาวฝาแฝดของไอ้เจ๋ง ถ้ามึงไม่เชื่อว่ากูกับจีจี้เป็นแค่เพื่อนกันมึงไปถามไอ้เจ๋งได้ มันไม่โกหกมึงหรอก”


เกงยีนมันเบิกตาขึ้นหน่อยๆ พอผมบอกมันว่าจีจี้เป็นน้องสาวไอ้เจ๋ง มันคงคาดไม่ถึง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พอใจผมมากอยู่ดี ซึ่งผมยอมรับความรู้สึกของมัน ในเมื่อผมทำให้มันโกรธเอง


“ที่กูทำไป เพราะกูแค่กลัวไปเอง ถึงมึงจะทำเหมือนชอบกูเหมือนกัน แต่กูก็ยังไม่แน่ใจ มึงไม่เคยบอก ไม่เคยพูด กูเลยอยากรู้ชัดๆ ว่ามึงรู้สึกยังไงกับกูกันแน่ มึงเข้าใจกูหรือเปล่า”


มันยังคงเงียบ


“กูยอมรับว่ากูผิดที่ทำเหมือนลองใจมึง แต่กูคงไม่ผิดที่ระแวงเรื่องระหว่างมึงกับไอ้กราฟ ทำยังไงกูก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่ามันไม่มีอะไร ทั้งที่มึงย้ำกูหลายหนแล้ว แต่กูก็ยังกลัว เพราะกูชอบมึงมากเกินไป”


ผมไม่มีอะไรจะอธิบายกับมันแล้ว เพราะผมพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาจนหมด ไม่มีศักดิ์ศรีเหลืออยู่ด้วยซ้ำที่ยอมให้มันถึงขนาดนี้ ทั้งที่ไม่เคยยอมลงให้มากเท่านี้ไม่ว่ากับใคร


ไอ้เกงยีนมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ แง้มปากออกมา


“ถ้ามึงคิดจะรักกูชอบกู มึงก็ควรที่จะเชื่อใจกู เชื่อในคำพูดของกู”


“กูขอโทษ กูขอโทษมึงจริงๆ ทีหลังกูจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว กูยอมให้มึงทำอะไรกูก็ได้ จะต่อย จะเตะ จะถีบก็แล้วแต่มึงเลย กูยอมหมด แค่มึงหายโกรธกู แค่นั้น”


ผมพยายามอ้อนวอนมัน ใช้เสียงอ่อนๆ ให้มันเห็นใจ เพราะในตอนนี้ผมคงไม่ต้องการอะไรนอกจากการที่มันยอมอภัยให้ผม ผมไม่มีความคิดอยากจะลองใจอยากจะรู้ความรู้สึกของมันอีกแล้ว แค่มันยอมให้ผมได้เข้ามาในชีวิตมันมากขนาดนี้ผมก็น่าจะยอมพอแล้ว


“มึงให้กูอัดมึงเพื่อให้กูยกโทษให้น่ะเหรอ ไม่น้อยไปหน่อยหรือไง”


“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ให้กูซื้อกุหลาบช่อโตๆ แล้วมาคุกเข่าอ้อนวอนมึงเหรอ”


“กูไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องมาใช้วิธีนั้นกับกู”


มันบอกเสียงแข็งๆ ดูท่าจะไม่ชอบสักเท่าไหร่


“งั้นมึงจะให้กูทำอะไร ทำยังไง มึงถึงจะยอมยกโทษให้กูล่ะ”


“มึงจะยอมกูหมดใช่มั้ย”


มันถามพลางจ้องตาผมไปด้วย แต่ผมไม่มีแววล่อกแล่กให้มันจับผิด ผมตอบกลับไปเสียงดังและหนักแน่นพลางผ่อนแรงที่จับข้อมือมันลงเหลือเพียงหลวมๆ


“มึงพูดมาเหอะ กูยอมทั้งนั้นแหละ”


คราวนี้มันเหยียดยิ้มร้ายจนดูน่าขนลุกยังไงไม่รู้ มึงจะขออะไรกูวะเนี่ย เห็นมันยิ้มก็ชักจะเสียวๆ ขึ้นมาแล้ว


“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่.....” มันทิ้งช่วงคำพูดไว้นานก่อนจะบอกออกมา “เฟอร์รารี่มึงอ่ะ”


“เฮ้ย เฟอร์รารี่เลยเหรอ”


เอาแล้วครับ มันต่อรอง แต่ว่าแม่งเล่นหนักฉิบหาย เฟอร์รารี่ไม่ใช่คันละบาทสองบาท แต่มันขอผมเหมือนราคาห้าสิบตังค์ แถมยังจ้องหน้าผมอย่างท้าทายว่าถ้าผมไม่ให้มัน มันไม่มีวันยอมหายโกรธผมแน่


ผมมองหน้ามันคล้ายจะถามว่าเอาจริงเหรอเลยทำให้มุนหงุดหงิดมั้ง ไอ้เกงยีนเลยสะบัดมือผมออกแล้วโพล่งเสียงดัง


“หรือมึงให้ไม่ได้ ความรู้สึกของกูมีค่าน้อยกว่าเฟอร์รารี่ของมึงหรือไง”


จากนั้นมันก็เดินชนอกผมและตรงไปยังประตูทันที เห็นมันทำอย่างนั้นแล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ เฟอร์รารี่ก็เฟอร์รารี่วะ ไม่คิดมาก่อนว่าในชีวิตนี้จะต้องเอารถมาง้อคน แต่ไอ้เกงยีนก็ทำให้ผมเป็นบ้าได้ขนาดนี้


“เออ ก็ได้ กูให้มึง แต่มึงเลิกโกรธกูนะ”


พอผมตอบกลับไปแบบนั้น มันก็หันหน้ากลับมาและเบิกตากว้าง คงไม่เชื่อว่าผมจะยอมเอาเฟอร์รารี่มาแลกกับมัน


“มึงพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย”


“ก็ถ้ามึงยอมยกโทษให้กู กูก็ยอมให้มึง”


ไอ้เกงยีนมันเงียบไปเลยครับพอผมตอบแบบนี้อย่างฉาดฉาน มันมองหน้าผมนิ่งๆ จ้องตาผม ผมเลยเดินเข้าไปหามันใกล้ๆ แต่กลับเป็นแววตาของมันที่กลอกไปมาไม่ใช่ผม เพราะคงหวั่นไหวกับความเอาจริงเอาจังของผมมั้ง เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็ดึงตัวมันมากอด


“มึงเลิกโกรธกูแล้วนะ ดีกันนะครับ”


“...”


“...”


“อย่าทำให้ผมโกรธอีกล่ะ ไม่งั้นพี่หมดตัวแน่”


มันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนลง แถมสรรพนามที่เรียกผมยังเปลี่ยนไปอีก ทำให้ผมโล่งใจขึ้นว่ามันหายโกรธผมแล้ว ผมเลยกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นอีกนิดหน่อย


“กูขอโทษนะ กูจะไม่ทำอย่างนี้อีก”


คราวนี้เฟอร์รารี่ คราวหน้ามันเอาเลกซัสแน่ แล้วคราวต่อไปคงเป็นคอนโดของผม ถ้าผมทำมันโกรธแล้วต้องง้ออีก มีหวังผมหมดตัวจริงๆ อย่างที่มันว่า


“เออ ไม่โกรธแล้วก็ได้ ไปเอารถได้ยัง”


“โหย รีบทวงเลยเหรอ”


ผมทำเสียงงอนๆ นิดหน่อย แต่มันไม่เห็นใจครับ


“ไปเอารถได้แล้ว”


โดนมันเร่งมาแบบนี้ผมเลยต้องยอมปล่อยมันจากอ้อมกอดแล้วจูงมือให้เดินออกไปจากห้องค.น.แต่โดยดี แล้วก็ไม่ลืมดึงป้ายที่ไอ้ต๊ะมันเขียนมาติดไว้ออกจากประตูด้วย
























ผมจอดรถไว้ที่คอนโด เพราะงั้นเลยต้องพาเกงยีนมาที่คอนโดด้วย ส่วนกุญแจก็อยู่บนห้อง ผมบอกให้มันขึ้นไปเอาด้วยกันแต่มันเสือกบอกว่าเสียเวลา จะรออยู่ข้างล่างให้ผมเอามาให้มันแทน ผมก็เลยต้องยอมตามใจมันทั้งที่อยากให้ขึ้นไปด้วยกันแท้ๆ อย่างน้อยก็อยู่ด้วยกันก่อน แต่นี่มันไม่ให้โอกาสผมเลย ผมจึงต้องบอกตัวเองให้ปลงๆ เพราะช่วยไม่ได้ ตอนนี้ผมต้องเอาใจมันไปก่อน เดี๋ยวมันโกรธผมอีก ซวยเลย


ได้กุญแจมาแล้วผมก็เอาลงมาให้มัน เกงยีนรับไปก็ตรงไปหาเฟอร์รารี่สีน้ำเงินที่จอดเด่นอยู่ที่ลานจอดรถ เพราะตอนนี้รถยังมาจอดไม่เต็มทำให้สังเกตง่าย แล้วพอมันพุ่งตัวไปผมก็ต้องรีบตามมันไป จะแย่งกุญแจมันมาแต่มันก็ไม่ยอม


“มาแย่งทำไม”


“เดี๋ยวกูขับให้”


“ไม่ต้อง ผมขับเองได้ จะเอารถไปเก็บที่หอกราฟ”


ผมคิ้วกระตุกนิดหน่อยเพราะมันอ้างกราฟอีกแล้ว เหมือนทุกลมหายใจมีแต่ไอ้กราฟ แต่ผมก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้ แล้วก็นึกถึงคำพูดที่มันบอกกับผมไว้ว่าถ้าผมจะรักจะชอบมันก็ต้องเชื่อใจมันเลยพอทำให้สงบลงได้หน่อย


“ทำไมมึงต้องเอารถไปไว้หอไอ้กราฟด้วย ไม่เอากลับบ้านมึงล่ะ”


“แล้วพี่คิดว่าป๊าเห็นได้หรือไง ผมก็ต้องเอาไว้หอไอ้กราฟดิ”


“งั้นมึงก็ไว้ที่นี่ก็ได้ มึงอยากขับเมื่อไหร่มึงก็มาเอา กูรับมึงมาเอาก็ได้”


ผมเสนอตัวเพราะมันคงไม่ต่างกันหรอกว่าจะเก็บรถที่ไหน แต่ว่ามันไม่ยอมแถมยังพูดเหมือนผมจะโกงมันอีก


“เก็บไว้หอพี่มันจะต่างอะไรกับตอนนี้เล่า ตอนนี้รถเป็นของผมแล้ว ผมจะเอามันไปเก็บไว้ที่ไหนก็ได้ พี่มีสิทธิ์ห้ามหรือไง


“เออ ก็ได้ แต่ให้กูขับให้มึงนะ”


“รถผม ผมขับเองได้”


มันอ้างสิทธิ์เจ้าของอย่างเต็มที่ ผมก็เลยต้องหุบปากเงียบอีกแล้วยอมมองมันขึ้นรถไป แต่ก็ใช่ว่าผมจะยืนเฉย พอเห็นมันขึ้นรถแล้วผมก็วิ่งไปหาเลกซัสที่ผมขับประจำ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องและขับตามมันไป


พอถึงคอนโดไอ้กราฟ เกงยีนก็หาที่จอดเหมาะๆ ปลอดภัยจากแดดจากฝนสำหรับอดีตรถของผมที่ตอนนี้กลายเป็นของมันไปแล้ว จากนั้นก็ลงรถมา ผมรีบลงไปหามันเพราะไม่รู้ว่าต่อไปมันจะเอายังไง จะขึ้นไปหาไอ้กราฟหรือจะกลับบ้านเลย เพราะงั้นพออยู่ต่อหน้ามันแล้ว ผมก็ถาม


“มึงจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า”


“อืม”


“กูไปส่งนะ”


“ไม่ต้องหรอก ผมกลับเองได้ เงินก็มีแล้ว ไม่ต้องให้พี่คอยรับส่งอีก”


“แต่กูอยากรับส่งมึงเหมือนเดิม”


ผมบอกมันจากใจจริง แม้จะไม่รู้ว่าตอนนี้สถานะระหว่างผมกับมันกลายเป็นอะไรไปแล้ว ไม่ใช่ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเพราะผมกับมันต่างก็รู้สึกต่อกันมากกว่านั้น แล้วก็ไม่ใช่แฟน เพราะผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มันมีให้ผมมากพอจะใช้คำนี้ได้หรือเปล่า ดังนั้นตอนนี้ผมกับมันจึงกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก


“ไม่ลำบากพี่หรือไง ต้องไปรับไปส่งผมทุกวัน ต้องตื่นเช้าทั้งที่เรียนบ่าย”


“ถ้ากูคิดว่ามันลำบาก กูคงไม่เสนอตัวรับผิดชอบมึงตั้งแต่แรกแล้ว แล้วมึงล่ะ ลำบากหรือเปล่าที่ต้องนั่งรอกูเวลาที่กูเลิกเรียนเย็น”


ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับที่ต้องทำอะไรเพื่อมัน มันเองก็รอผมเหมือนกัน เพราะบางวันผมเรียนบ่ายแล้วเลิกเย็น ขณะที่มันเลิกก่อน มันก็ยอมรอผมเพื่อกลับด้วยกัน แม้ตอนแรกผมจะต้องบังคับมัน สั่งไม่ให้ไอ้กราฟกับไอ้กัสไอ้เคพามันไปส่ง แต่หลังๆ มันก็ยอมคอยโดยที่ผมไม่ต้องบอก


“...”


มันไม่ตอบคำถามของผมเพราะคงจะจี้ใจมันนิดหน่อยที่มันเต็มใจจะรอ ผมเลยอดยิ้มไม่ได้กับความน่ารักนิดๆ หน่อยๆ ของมัน ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้มันอีกนิดแล้วดึงมือที่เล็กกว่ามากุมเอาไว้ ผมชอบที่ได้สัมผัสไอ้เกงยีนเพราะมันทำให้ผมรู้สึกดี ผมจูงมันให้เดินไปที่รถของผมด้วยกันพลางบอก


“กูต้องบอกป๊ามึงด้วยว่ากูจะลักพาตัวลูกชายเขาไปสามวัน”


เกงยีนมันหันมามองผมเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้น ผมเลยต้องย้ำให้มันจำได้


“เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ สามวัน มึงต้องไปต่างจังหวัดกับกู มึงลืมแล้วหรือไง”


เหมือนว่ามันจะเข้าใจ ถึงได้ผงกหัวนิดๆ แล้วเข้าไปนั่งประจำที่ข้างคนขับ เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ผมหลังจากผมพามันมาส่งถึงประตูรถ ส่วนผมก็เข้าไปนั่งที่ตำแหน่งตัวเอง ก่อนจะขับรถออกไป










ต่อด้านล่าง
v
v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 20 : หึงก็บอก [29/04/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 07-05-2012 23:06:41
ต่อจากด้านบน
v
v












ผมอยู่รอป๊าของไอ้ยีนที่บ้านจนถึงเย็น พอป๊ากลับมาผมก็ขออนุญาตท่าน ซึ่งป๊าก็ไม่ได้ว่าหรือขัดอะไร หนำซ้ำยังชวนผมกินข้าวเย็นเสียด้วย จริงๆ แล้วป๊าของไอ้ยีนก็ไม่ได้ดุอะไรนักหนา ถ้าหากว่ามีเหตุผลชี้แจงท่านก็พร้อมจะฟัง เมื่อก่อนไอ้เกงยีนคงเกเรน่าดู ถึงได้ถูกป๊าห้ามเด็ดขาดไม่ให้กลับไปทำตัวแบบเดิมๆ อีก


ร่วมโต๊ะอาหารกับป๊าไอ้ยีนเรียบร้อย ผมก็ขอตัวกลับ และก็ลากลูกชายคนเล็กของบ้านออกมาส่งผมที่รถด้วย ผมจุ๊บปากมันไปเร็วๆ หลังจากหยุดอยู่หน้าประตูบ้านแล้ว ก่อนจะวิ่งหนีให้ทันตีนของมันที่กระตุกขึ้นมาถีบผมอย่างอัตโนมัติ รีบสอดตัวเข้าไปในรถสีดำสนิททันที ไอ้เกงยีนมองหน้าผมอย่างคาดโทษ แต่ผมก็ยิ้มให้มันก่อนจะขับรถออกไป


พอผมกับไอ้ยีนไม่มีเรื่องบาดหมาง (?) กันแล้ว การออกเดินทางในวันเสาร์เลยไม่มีปัญหาอะไร ผมขับรถไปรับไอ้เกงยีนที่บ้านตั้งแต่หกโมงครึ่ง เพราะนัดกันไว้ที่บ้านของไอ้แชมป์ตอนเจ็ดโมง มันจะเอารถตู้ของบ้านมันไป เพราะนับๆ แล้วพวกผมก็มีกันตั้งสิบคน คงไม่สะดวกที่จะขับรถตามๆ กันไป


บ้านไอ้แชมป์เป็นอู่ซ่อมรถครับ ลูกค้าส่วนมากก็เป็นวีไอพีทั้งนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นัดกันที่บ้านของมัน เพราะไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะไม่มีที่จอดรถ และยังมีคนเฝ้าให้อยู่ตลอดเวลาด้วย แถมรถตู้ที่จะใช้สำหรับการเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ใช่รถตู้ธรรมดา แต่เบนซ์เลยทีเดียว ไม่รู้ว่ามันแอบขโมยรถลูกค้ามาใช้หรือเปล่า


ผมกับเกงยีนไปถึง คนอื่นๆ ก็มาถึงด้วยเหมือนกัน มาในเวลาไล่เลี่ยกันจึงไม่ต้องรอกันนานมาก พวกไอ้เค กัส กราฟก่อนมาก็สอบถามเส้นทางจากไอ้แชมป์แล้ว เลยไม่มีปัญหาว่ามาไม่ถูก และเมื่อมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นรถ


“มึงนั่งเบาะหน้ากับกูนะ”


ผมหันไปบอกไอ้ยีน แต่มันก็ไม่ยอมผมง่ายๆ แม่งต้องเถียงต้องแย้งไปซะทุกประโยค


“ผมจะนั่งกับไอ้กราฟ”


“มึงนั่งกับกูเนี่ยแหละ ให้ไอ้กราฟมันนั่งกับลุงรหัสมันไป”


“พี่เจ๋งเพื่อนพี่ พี่ก็นั่งกับเพื่อนดิ ผมก็จะนั่งกับเพื่อนผมเหมือนกัน”


“แต่กูอยากนั่งกับมึง”


ผมว่าอย่างนั้นแล้วก็ลากมันขึ้นมานั่งที่เบาะหน้าสุด ไม่ให้มันโต้แย้งอะไรได้ ส่วนไอ้เจ๋งมันก็ดีครับ ชวนไอ้กราฟขึ้นไปนั่งเบาะด้านหลังผม ส่วนไอ้เค ไอ้กัส ไอ้แชมป์ ไอ้บอสก็ไปรวมกันที่เบาะท้าย แต่เพราะมันอัดกันเกินไปหน่อย ไอ้แชมป์เลยย้ายมานั่งเบาะเดี่ยวข้างไอ้กราฟที่นั่งเบาะคู่กับไอ้เจ๋งแทน


ด้านหน้าสุดที่นั่งคนขับก็ไม่พ้นไอ้ต้นกับไอ้ปาล์ม ไอ้ต้นเป็นคนขับเพราะมันเคยขับรถตู้โดยสารมาก่อน ฮา ผมพูดเล่นครับ มันเคยขับให้แม่มันเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยๆ เพราะอยากไปกันแบบครอบครัว ไม่อยากให้มีคนขับรถ หรือคนรับใช้ติดสอยห้อยตามไปด้วย ไอ้ปาล์มเลยไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถสวยๆ ให้ผัวมัน


เมื่อประจำที่กันอย่างลงล็อกแล้ว ไอ้ต้นก็ออกรถ ระหว่างเดินทางมีการพูดคุยกันไปเรื่อยๆ เสียงดังบ้างเงียบบ้าง ตามประสาที่มีคนเยอะ แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เสบียงที่พี่กล้วยเตรียมมาให้ไอ้ยีนและเผื่อแผ่มาให้กรุ๊ปทัวร์ก็ถูกเปิดออกแล้วแจกจ่าย ไอ้ปาล์มเองก็ทำมาเผื่อด้วยเหมือนกัน พวกเราเลยได้กินแซนด์วิชชิ้นโตกันไปเต็มคราบ เพราะรวมๆ กันแล้วแม่งเยอะฉิบหาย


สักพักหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน บนรถจากที่มีเสียงพูดคุยก็เริ่มเงียบลงทุกที ผมหันไปมองด้านหลังก็เห็นไอ้พวกที่เหลือหลับกันไปหมดแล้ว มีแค่เสียงเบาๆ ของไอ้ปาล์มที่คุยกับไอ้ต้นเพื่อไม่ให้ไอ้ต้นพลอยหลับไปด้วยอีกคน แม้แต่ไอ้เกงยีนก็เริ่มหัวโงกเงนแล้ว มันหลับตาทั้งที่ตัวก็โยกไปมาเบาๆ ผมเห็นก็อดจะยิ้มไม่ได้ เพราะตอนนี้มันเหมือนเด็กชิบ


“เด็กน้อยจริงๆ”


ผมพึมพำกับตัวเองแล้วค่อยดันหัวมันให้เอนลงมาพิงกับไหล่ผมให้มันได้นอนสบายมากขึ้น ผมมองหน้าที่มีแว่นเลนส์ใสประกอบอยู่ เพราะไอ้กราฟเก็บไว้ให้ตอนที่ไอ้เกงยีนมันดิ้นบนบ่าผมแล้วทำร่วงลงพื้นเมื่อวันก่อน ผมเกลี่ยแก้มนิ่มของคนหลับเบาๆ ปากแดงๆ ของมันขมุบขมิบไปมา พลางส่งเสียงครางในลำคอเหมือนว่ามันกำลังฝันอะไรอยู่ทั้งที่เพิ่งหลับไปเมื่อกี้


“อืมมมม”


มันทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้ และก็เผลอเลื่อนมือไปใกล้ปากมัน ใช้นิ้วโป้งลูบบนกลีบเนื้อนิ่มอย่างเบามือ มันก็ขยับปากนิดๆ เหมือนรู้สึกว่าผมกำลังแตะปากมันอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั้น ตาเรียวที่ค่อนไปทางกลมยังถูกปิดด้วยเปลือกตา


“ไอ้น่ารักเอ๊ย”


มองมันจนพอใจแล้วผมก็ละมือออกมา เลิกลวนลามคนหลับสักทีเพราะไอ้ปาล์มหัวเราะคิกๆ พลางหันมามองผมบ่อยๆ แต่ผมก็พยายามไม่ใส่ใจมันแล้วหลับตาลงบ้าง


ใช้เวลาไม่นานผมก็หลับตามไอ้ยีนไป ความเงียบสงบภายในรถทำให้หลับได้ค่อนข้างง่าย ผมไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ไอ้ปาล์มมันโหวกเหวกเสียงดัง


“เฮ้ย พวกคุณมึงทั้งหลาย ตื่นสักทีสิวะครับ!!”


ผมกะพริบตาสองสามครั้งก่อนจะหันไปมองคนที่เอาหัวพิงผมอยู่ ไอ้เกงยีนมันก็ค่อยๆ ดันตัวขึ้นเหมือนกัน จากนั้นก็มองหน้าผมนิดหน่อยเพราะรู้ตัวแล้วว่ามันหลับพิงไหล่ผมมาตลอดทาง


“ถึงแล้วเว้ย ตื่นๆ สิวะ ไอ้ห่านี่ กูปลุกมึงนานแล้วนะครับ!!!”


ไอ้ปาล์มตะโกนเสียงดังกว่าเดิมไปทางด้านหลังรถ เพราะไอ้แชมป์กับไอ้บอสยังไม่ตื่น และมันก็ทำให้ผมค่อนข้างไม่เข้าใจว่าทั้งที่ไอ้ปาล์มเป็นกะเทย แถมยังทำนมมาแล้ว แต่เท่าที่ผมจำได้ ผมไม่เคยได้ยินมันพูด คะ ขา เลยสักครั้ง


ทว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญแล้ว เพราะทันทีที่ไอ้เกงยีนหันไปมาเพื่อมองไปรอบๆ บริเวณที่พวกผมพามา มันก็รีบหันควับไปทางด้านหลังจนผมตกใจต้องหันตาม แล้วก็เห็นว่าไอ้กราฟกำลังหน้าซีดจนเหมือนกระดาษ ตัวสั่น ปากสั่นอย่างกับคนจับไข้ และจากนั้นไอ้เกงยีนก็รีบลุกพรวดแล้วพุ่งเข้าไปหาไอ้กราฟทันที มันจับมือไอ้กราฟไว้แน่นพลางพร่ำพูดแต่ประโยคเดียว


“กราฟ กูอยู่นี่ กูอยู่นี่”








===================
พี่ภูลงทุน น้องยีนก็ขอซะ
กราฟใกล้จะโดนเชือดแล้วล่ะ

ไม่รู้ว่าคนที่อ่านเรื่องนี้จะอยู่ในรุ่นแอดปีนี้หรือเปล่า
แต่ก็แสดงความยินดีกับคนที่แอดมิชชั่นผ่านด้วยค่ะ
ส่วนคนไม่ผ่านก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ เรายังพยายามได้อีก ชีวิตไม่จบแค่เรื่องแอด



Undel2ky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: toyyou ที่ 07-05-2012 23:29:19
ชอบๆ สนุกมากๆ o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 07-05-2012 23:30:59
กราฟเปนไรนิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 07-05-2012 23:37:11
จะเอาความลับของ แก๊ง เกงยีนอ่า

เค้าอยากรู้ๆๆๆๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-05-2012 23:39:45
อ่าว เกิดอะไรขึ้นกับกราฟล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 07-05-2012 23:51:21
กราฟเป็นไรไปอ่ะ?   :a5:


พี่ภู...พอได้น้องเป็นแฟนแล้วต้องเอาคืนให้หนักเลยนะ   :haun4:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 07-05-2012 23:52:11
วั้ยยยยย!!! กราฟขึ้นเขียงรอให้คนเขียนสับอย่างเดียวละตอนนี้ พี่ภูสงสัยภายภาคหน้าต่อไปพี่ต้องไม่เหลืออะไรแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 08-05-2012 00:11:41
ตั้งสตินะกราฟ มองหน้ายีนเดี๋ยวนี้


 :กอด1: เดี๋ยวปั๊ดจับจูบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 08-05-2012 00:27:33
พี่ภูมีแววหมดตัว  ง้อน้องทีเสียรถเป็นคัน  :laugh: :laugh:

ส่วนกราฟเป็นอะไรอ่ะ  ใกล้จะได้รู้ความลับของกราฟแล้วใช่มั๊ย แต่สงสารกราฟอะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 08-05-2012 00:30:41
เอาล่ะ จะได้รู้เบื้องหลังของกราฟกะยีนล่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Daiice ที่ 08-05-2012 00:30:55
กราฟเป็นอิหยัง ??

 :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 08-05-2012 00:32:34
พากราฟไปไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยย
ได้ข่าวว่ายีนกะภูคู่หลัก 555555
ค้างมากค่ะ รออ่านต่อนะ!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 08-05-2012 00:36:14
เฮ้อ ผ่านพ้นไปบรรยากาศมาคุๆ ของยีนกะนายภู
ว่าแต่สถานที่ที่ไปกันน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับปมของกราฟหรือเปล่า
อยากรู้ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: MookHo ที่ 08-05-2012 01:27:23
 :เฮ้อ:
มาซ่ะที 
กราฟเป็นไรอ่ะ
มาต่อไวๆนะ
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 08-05-2012 01:35:32
อยากรู้เรื่องกราฟแล้วอ่า
เกือบลืมไปเลยน่ะเนี่ย ว่า ปาลม์เป็นกระเทย ทำนมแล้วด้วย อั๊ยย๊ะ อยากอ่าน ต้น-ปลาม์อ่ะ ><
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 08-05-2012 07:01:21
อย่าพึ่งน้อยใจนะพี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 08-05-2012 07:33:56
กราฟเป็นไรเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 08-05-2012 08:40:58
กราฟเป็นอะไรเอ่ย หวังอย่างเดียวว่าคงไม่ใช่เคยถูกข่มขืนนะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 08-05-2012 08:48:14
พี่ภูหนอ พี่ภู หลงน้องสุดไปเลย

อยากรู้เรื่องกราฟจัง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 08-05-2012 10:29:29
กราฟเป็นอะไรเหรอ  อยากรู้ๆๆๆๆๆๆ  มาต่อไว้ๆนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 08-05-2012 11:11:56
ดีกันเเล้ว กราฟเป็นไรอ่ะ ยีนดูๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 08-05-2012 12:50:03
กราฟเป็นอะไรรร :a5:
ค้างหนักกว่าตอนที่แล้วอีก
รีบมาต่อน้าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 08-05-2012 13:00:34
กราฟเป็นอะไรเนี่ย :กอด1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: omozii ที่ 08-05-2012 14:01:20
กราฟเป็นไรอ่ะ จะได้รุ้เรื่องกราฟเเล้วใช่มั้ยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 08-05-2012 14:09:52
รถพี่ภู :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :a5: :a5: :a5: :a5: o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 08-05-2012 20:49:49
จะได้รู้กันซักทีเเล้วสินะ ความลับของนายกราฟ
เก็บมานานน อยากรู้มากมายยยยย
กลับมาต่อเร็วๆนะค่ะ เพราะอ่านค้างงงงง อย่างเเรง!!! :serius2:
เป็นกำำลังใจให้คนเขียนนะค่ะ อย่าไปคิดมาก
ตั้งเเต่อ่านมา เค้าว่าเขียนออกมาดีมาก(มากกๆๆ)หลังจากที่อ่านมากหลายๆเรื่องอ่ะนะ
ไงก้อ...สู้ๆนะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: BuI ที่ 08-05-2012 21:18:26
เรื่องของกราฟมันยังไงล่ะเนี่ย อยากรู้ๆ :confuse: o9 :m17:

ไฮยีน...แกเยี่ยมมาก เฟอร์รารี่เชียวนะเทอ :กอด1:

 :mc4: :o8: :m19: ในที่สุดก็ตามทัน ย๊าฮู้~~~ :laugh: :laugh: :laugh:

รอๆ สู้ๆนะคับ :a9: :laugh3: :oni1: :bye2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-05-2012 21:22:29
อดีตกราฟเปนไงหว่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 08-05-2012 23:16:00
ง้อกันดุเดือดมากๆๆ 55
เป็นไงล่ะพี่ภูไปแหย่เสืออย่าน้องยีน เสียทรัพย์ก้อนโตเลยทีเดียว 55
เอาน่า แค่เฟอรารี่เอง แค่นี้จิ๊บๆๆใช่มั้ยค่ะพี่พู 555
เกิดอะไรขึ้นกับกราฟเนี่ย เค้าอยากรู้เรื่อง เอาใจช่วยกราฟ สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-05-2012 00:16:45
ดีกันซะทีเนอะ ง้อกันทีนี่ราคาแพ้งแพงเนอะเกงยีน อิ อิ
กราฟเป็น????????????
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 09-05-2012 01:06:25
มาตอนนี้ แอบปันใจไปให้กราฟได้มั้ยอะ

อึ่ยยย  น่ารักจริงๆพี่ชมพูเนี้ย

ลงทุนมากกก  น้องเกงยีนก็ขอซะ 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 09-05-2012 23:55:38
กราฟเป็นอะไรอ้าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-05-2012 17:50:05
กราฟเป็นอะไรอ่ะ แล้วที่นักเขียนบอกว่า กราฟใกล้จะโดนเชือดแล้วล่ะ คืออารายอ่าาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Hakken ที่ 10-05-2012 19:11:35
อยากรู้ออดีตของกราฟอ่ะ
เมื่อไหร่จะเฉลย
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 10-05-2012 20:08:55
กราฟเป็นอารัยอ่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 11-05-2012 16:50:50
กราฟเป็นอะไรหว่า?
แต่ไฮยีนส์ขอโหดไปนะขอรถ กร๊ากกก!แอบสน้ำหน้าไอพี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 12-05-2012 17:23:24
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พี่ภูววววววววววววววววววววววว
พี่ง้องี้...เขินแทนอ่ะ
แต่...อิน้องยินกลับไม่รับรู้
โอ่ย..ใจแข็งไปแล้วนะคุณน้อง
คนหล่อประกาศง้อขนาดนี้ น้องยังเดินหนี
แต่พี่พูแม่งก็แน่จริง
จับอุ้มพาดบ่า แถมยังสั่งคนให้ออกไปให้หมด
นี่ถ้าน้องเป็นผู้หญิง คิดว่าจะลากมาข่มขืนแล้วนะนั่น


เอร๊ยยยยยยยย เอร๊ยยยยยยยย เอร๊ยยยยยยย
จูบปิดปากกันบวมเจ่อ อย่างนี้ไม่เงียบ ก็แสดงว่าน้องไม่มีใจแล้วล่ะ
แต่นะ.. อึ้งเหมือนกัน เป็นน้องแฝดของพี่เจ๋ง จริงอ่ะ *ยังคงสงสัย


นะ...นะ...น้องยีนส์ หนูขอแบบ กะว่าเขาจะไม่ให้ช่ะ
คิดผิดแล้วน้อง พี่เขาพ่อบุญทุ่มนะ
ขอมาพี่ก็กล้าให้ แต่แลดูยังหวง อยากจะขับเอง
นี่ถ้าน้องบอกรักพี่เขาเมื่อไร น้องได้ทั้งหมดของพี่ภูแน่ๆ



เอาแล้วๆ เราจะได้รู้แล้วว่ากราฟเป็นอะไรกันแน่
เจออะไรยิ่งใหญ่มาถึงได้มีอาการแบบนี้
เมื่อไรจะมาต่อ  มาเร็วๆ มาเดี๋ยวนี้เลยนะ คุณคนแต่ง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 13-05-2012 12:44:38
พี่ภูทุ่มทุนสร้าง! โคตรหล่ออะนาย
ชอบกราฟยีน (เอ้า!)
ตอนสุดท้ายอาการของกราฟกลับมา
พี่ภูใกล้รู้เรื่อง ใกล้ชิดกว่านี้อีกนิดดดดด กราฟยีนนน (ชง)
*พึ่งได้มาอ่าน* ลุ้นตอนหน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 13-05-2012 20:49:36
เรื่องนี้สนุกค่ะ สำนวนถูกใจ และกวนๆดี อยากให้ต่อจนจบนะ อย่าเพิ่งเลิกนะกร๊ะ
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 15-05-2012 14:48:15



   เอาแล้วไง ความลับของนายกราฟคืออะไรนะ
   ท่าทางจะโหดร้ายน่าดู




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 16-05-2012 11:23:28
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 16-05-2012 11:49:17
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: AnimajuS ที่ 16-05-2012 19:12:51
กราฟเป็นอะไรอ่ะ คงมีอะไรฝังใจกะสถานทีนี้แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Hakken ที่ 16-05-2012 22:47:28
เข้ามารอเฉลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 21-05-2012 00:01:15
ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง





















“เฮ้ย มึงเป็นไงมั่ง”


“กูอยู่กับมึงเหมือนกันนะเว้ย”


สองเสียงจากไอ้กัสและไอ้เคลมดังขึ้นไกลๆ คิดว่ามันคงรีบลุกพรวดขึ้นมาชะโงกดูไอ้กราฟหลังจากได้ยินเสียงของผม แต่เวลานี้ผมไม่สนใจหรอก จับมือไอ้กราฟแน่นแล้วพร่ำเสียงเรียกให้มันหันมาหาผมให้ได้ ให้มันลืมเรื่องราวเลวร้ายที่กำลังแล่นพล่านในสมองของมัน


“มองหน้ากูสิ มองกู กูอยู่กับมึงนี่”


เพราะมันมองเหม่อไปไกล จุดรวมสายตาไม่ใช่หน้าของผมอย่างที่หวัง งผมถึงต้องดึงหน้ามันให้หันมา ก่อนจะโผตัวเข้ากอดมันเอาไว้ ให้มันรับรู้ว่าผมอยู่ไม่ไกล และกำลังกอดมันอยู่ตอนนี้ ให้มันจำได้ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็อยู่เคียงข้างมันเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังนิ่งเฉย ไม่รับรู้ถึงอุณหภูมิอุ่นๆ ของร่างกายผมที่กอดมันเอาไว้


“กูว่า รีบเข้าที่พักกันเถอะ น่าจะให้กราฟได้พัก”


เสียงพี่ปาล์มดังมาจากทางหน้ารถ ก่อนจะตามด้วยเสียงเปิดประตูรถ ผมจึงรีบดึงไอ้กราฟออกห่างจากตัว และจูงมือมันให้ลงมาจากรถด้วยกัน และก็เห็นว่าคนที่เปิดประตูรถไม่ใช่ใครเลย ก็คนที่พูดประโยคเมื่อครู่นั่นแหละ


ผมลงมาแล้วก็ยังจับมือไอ้กราฟไม่ปล่อย กระชับให้แน่นขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเสียงคลื่นซัดสาดหาดทรายสะท้อนก้อง เป็นเสียงที่ผมเกลียดเอามากๆ เพราะว่ามันทำให้เพื่อนรักของผมต้องเป็นแบบนี้ ไอ้กราฟตัวสั่นมากกว่าเดิม หน้ามันซีดจนเกือบไม่มีสีด้วยซ้ำ เห็นแล้วก็สงสารมัน และก็ทำให้ผมเจ็บปวดไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่สามารถช่วยให้มันหลุดพ้นจากฝันร้ายได้อย่างแท้จริง มันยังมีปฏิกิริยายามต้องเผชิญกับสถานที่แบบนี้


เราสองคนออกเดินนำไปยังทางเข้ารีสอร์ทซึ่งอยู่ตรงหน้า ไม่จำเป็นต้องห่วงพะวงว่ากระเป๋าเสื้อผ้าทั้งผมและไอ้กราฟจะถูกทิ้งเอาไว้บนรถ เพราะไอ้กัสกับไอ้เคลมแบกมาให้แน่นอนอยู่แล้ว เดินไปถึงผมก็ต้องหันไปมองคนอื่นๆ ที่เหลือ เพราะไม่รู้ว่าจองที่พักไว้ยังไงบ้าง ลุงรหัสไอ้กราฟก็กระตือรือร้นรีบถือกระเป๋าสัมภาระของตัวเองจ้ำมาหาผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเลยไปยังประชาสัมพันธ์ของรีสอร์ท สอบถามเรื่องการเช็คอินจนได้กุญแจห้องพักมาและกลับมาหาผมอีกครั้ง


ผมปล่อยมือไอ้กราฟออกเมื่อเห็นว่าไอ้กัสกับไอ้เคลมเดินมาประกบมันสองฝั่งแล้ว เพื่อไปขอกุญแจห้องกับพี่เจ๋ง พี่แกก็ส่งมาให้อย่างไม่อิดออดอะไร ผมจึงเดินกลับไปหาไอ้กราฟเพื่อไปที่ห้องพักด้วยกัน แต่เดินออกไปสองสามก้าว เสียงไอ้คนตัวใหญ่อีกคนก็ดังเสียก่อน


“ไอ้เกงยีน มึงจะรีบไปไหน”


“ก็ไปห้องพักสิครับ”


ผมตอบมันกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะย่างเท้าอีกครั้ง มือยังจับกุมไอ้กราฟไม่ปล่อย สัมภาระต่างๆ ทั้งหมดอยู่ในมือเพื่อนรักอีกสองคนที่เตรียมเดินตามมาติดๆ


“แล้วมึงจะไปได้ยังไง มึงอยู่ห้องเดียวกันกับกู”


ไอ้พี่ชมพูมันว่าแบบนั้นพลางทำสีหน้าจริงจัง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะรั้งการกระทำของผมได้


“ผมจะนอนกับกราฟ”


“ไอ้กราฟก็ให้มันนอนกับลุงรหัสมันไปสิ แต่มึงต้องนอนกับกู”


คนเผด็จการยังไม่ยอมแพ้ แต่คราวนี้ผมไม่ยอมมันแน่ๆ เพราะผมห่วงเพื่อนมากกว่า ยิ่งยืนฟังเสียงลมกับคลื่นสาดเป็นระยะๆ ก็ทำให้ตัวมันเกร็งไปหมดแล้ว


เหี้ยเอ้ย มึงอย่ามารั้ง กูเสียเวลา!


“ผมจะนอนกับกราฟ แล้วพี่ก็ไม่ต้องมาเรียกร้องอะไรด้วย” พูดจบผมก็ดึงมือไอ้กราฟให้เดินตามกันไปทันที


ผมสาวเท้ายาวๆ ด้วยความรวดเร็วพาคนป่วยมาจนกระทั่งมาถึงห้องซึ่งมีเลขหมายตรงกับพวงกุญแจที่ผมถือ ไขประตูเข้าไปแล้วก็ตรงไปนั่งบนเตียงนุ่ม ก่อนไอ้กัสกับไอ้เคลมจะตามเข้ามา มันปิดประตูอย่างเรียบร้อยเพื่อไม่ให้มองเห็นทัศนีภาพภายนอกห้องมากนัก ซึ่งมันก็ช่วยได้เยอะ เสียงหายใจของไอ้กราฟผ่อนจังหวะลงบ้าง แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด


ถ้าเป็นคนอื่นตามปกติแล้วผมคงหาน้ำมาให้ดื่มเพื่อให้รู้สึกสบายกายสบายใจมากขึ้น แต่สำหรับไอ้กราฟที่อยู่ในสภาพนี้ไม่ได้เลย เพราะถ้าผมทำแบบนั้น ไอ้กราฟได้อาการหนักกว่าเดิมแน่ สิ่งเดียวที่ทำได้จึงมีแค่กอดตัวมันจากด้านข้าง ให้มันได้รับสัมผัสอุ่นๆ จากผม ส่วนอีกสองตัวที่เหลือก็มาทิ้งตัวลงบนเตียงเหมือนกัน


“มึงเป็นยังไงบ้าง”


ไอ้กัสเป็นคนถาม น้ำเสียงมันแฝงด้วยความห่วงใย เพราะอาการของไอ้กราฟเป็นไม่บ่อย แต่ถ้าเป็นก็จะเป็นแบบหนักๆ และส่วนมากจะเป็นแค่วันนั้น ... สิบหกกรากฏา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น พวกผมไม่เคยมาทะเลอีกเลย


แต่ครั้งนี้กลับพลาด พลาดอย่างมหันต์


ผมไม่น่าปล่อยให้ไอ้พี่ชมพูแม่งทำเซอร์ไพร์สห่าเหวอะไรนี่เลย


อาการของไอ้กราฟถึงได้กำเริบแบบนี้


คิดถึงความผิดของตัวเองแล้วผมก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ฟังคำตอบจากคำถามของไอ้กัส


“กูก็...ดีขึ้น....หน่อยแล้ว”


เสียงไอ้กราฟแหบพร่า ไม่มีน้ำหนักราวกับจะลอยปลิวไป ผมกระซิบบอกมันเสียงเบา


“ดีแล้ว มึงไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องนึกถึงเรื่องนั้น พวกกูอยู่กับมึงนี่ โดยเฉพาะกู กูรักมึงมาก รู้มั้ย”


“กูรู้ กูรู้ ขอบใจมึงมาก”


ไอ้กราฟหันมายิ้มให้ผมและตอบกลับมาอย่างที่ว่า ให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อยที่ไอ้กราฟเริ่มอาการดีขึ้น แม้ว่าตัวมันจะสั่นอยู่นิดๆ หน้าก็เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง ไม่ขาวซีดเหมือนก่อนหน้านี้


“มึงไม่ต้องมาขอบใจกูหรอก ว่าแต่มึงโอเคขึ้นแล้วจริงๆ นะ”


“อืม กูพยายามอยู่ กูไม่อยากให้พวกมึงห่วงมาก”


“กูเป็นเพื่อนมึง ก็ต้องห่วงมึงอยู่แล้ว”


ไอ้เคลมว่า ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย ไอ้กราฟจึงผลิยิ้มได้นิดหน่อย แค่จางๆ เหมือนคนไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่ แต่ผมเข้าใจอาการมันดี


“มึงจะนอนพักหน่อยมั้ย”


รู้ว่ามันคงเหนื่อยกับอาการบ้าๆ แต่ไม่สามารถห้ามปรามตัวเองไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้ เพราะมันออกมาจากจิตสำนึกส่วนลึกที่ฝังอยู่ในใจ ที่ผมถามมัน จริงๆ แล้วก็อยากให้มันได้พักนั่นแหละ เพราะต้องตื่นมาแต่เช้า หนำซ้ำยังต้องรู้สึกหวาดกลัว เสียใจ ปวดร้าว จนร่างกายเกิดปฏิกิริยาแบบนี้


“อืม ก็ดี”


หลังจากได้ยินเสียงไอ้กราฟ เคลมก็รีบผลุงตัวไปที่หัวเตียง ดึงผ้าห่มออกจากหัวเตียง รั้งมันลงมาเกินครึ่งทาง ก่อนไอ้กราฟจะขยับตัวไปหนุนหมอน รอการปรนนิบัติจากไอ้เคลมที่ค่อยๆ ห่มผ้าให้กับมัน ส่วนผมก็ถอดแว่นออกและวางไว้บนโต๊ะที่อยู่หัวเตียง แล้วจึงสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มข้างๆ มัน วาดแขนขึ้นกอดคนที่ตัวสูงกว่าตัวเองไม่มากนัก ตามด้วยไอ้กัสกับไอ้เคลมที่สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มเหมือนกัน ไอ้เคลมมันเข้ามากอดก่อน ไอ้กัสก็ตามมากอดโดยเอื้อมแขนยาวมาวางบนตัวไอ้กราฟเบาๆ แค่เพียงเล็กน้อย แต่มันก็อยากจะให้ไอ้กราฟรู้สึกว่า เรายังอยู่ด้วยกัน


ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรืออีกนานแค่ไหน ผมก็หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกัน อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป
























ผมสะดุ้งตื่นเพราะแรงเขย่าเบาๆ ที่ต้นแขน พอเปิดตามาก็เห็นคนรบกวน ไม่ใช่ใครเลย ไอ้พี่ชมพูนั่นแหละ มาปลุกกูทำไมเหี้ยอะไรวะ


“มีอะไร”


ถามมันครับ แต่ไม่ได้ลุกขึ้นมาคุยกับมันอย่างเป็นกิจลักษณะ มันเลยดึงตัวผมขึ้นมา แต่ผมก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ ให้มันฉุดขึ้นไปง่ายๆ พยายามแกะมือมันออกจากแขน คราวนี้มันเลยโน้มตัวลงมาประคองผมทั้งตัวเลย แขนใหญ่นั่นสอดใต้หลังผมดันขึ้นมา แล้วพอผมดีดตัวจะให้หลุดออกจากวงแขนของมัน ไอ้แรงควายก็กระซิบเสียงเบาๆ แต่หน้ามันอยู่ข้างหูผมเลย เหยดดดด


“ถ้ามึงดิ้นอีก กูจะตะโกนปลุกเพื่อนมึงให้ตื่นมาดูกูจูบมึง”


สิ้นเสียงมันผมก็นิ่งสนิทเลย มันอยากทำอะไรก็ปล่อย ช่างแม่ง ไอ้พี่ชมพูเลยยิ้มอย่างได้ใจ แต่ผมตวัดตาห้วนใส่ตอนมันจับผมนั่งดีๆ แล้ว


“กูมาปลุกมึง เพื่อนมึงด้วย ไปกินข้าว บ่ายสองแล้ว เดี๋ยวจะประชุมเรื่องถ่ายหนัง จะเริ่มถ่ายกันเลยหลังจากประชุมเสร็จ”


แม่ง โคตรรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน เบิกตากว้างหน่อยๆ อย่างตกใจ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามาที่นี่ต้องมาเล่นหนังสั้นโปรเจกต์ของพวกรุ่นพี่ แต่มันไม่ให้เวลาเตรียมตัวเลย บทยังไม่อ่านด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเป็นหนังแนวไหน นี่ถ้ามันหลอกพวกผมมาถ่ายหนังโป๊ ไม่แย่เหรอวะ


“ปลุกเพื่อนมึงได้แล้ว เร็วๆ ล่ะ เดี๋ยวกูไปช่วยพวกนั้นเตรียมของก่อน เจอกันที่ห้องอาหาร ห้ามเกินสิบนาทีนะเว้ย”


ไอ้พี่ชมพูว่าอย่างนั้นแล้วก็เดินออกไป ผมเลยจำต้องปลุกไอ้พวกที่เหลือให้ตื่นขึ้นมา มันก็ไม่ได้ตื่นกันยากครับ ผมเลยไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ แต่พอตื่นมาแล้วก็อดห่วงไอ้กราฟไม่ได้ ผมรีบถามมันทันที


“มึงเป็นยังไงมั่ง”


“ก็โอเคขึ้นแล้ว”


ไอ้กราฟมันตอบกลับมายิ้มๆ ให้ผมสบายใจ ผมเองก็โล่งใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกันหลังจากเห็นว่ามันเป็นปกติแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายกังวลเมื่อนึกถึงเรื่องที่ไอ้รุ่นพี่หมีควายมันบอก


“แล้วถ้ามึงต้องออกไปข้างนอก มึงจะเป็นอะไรหรือเปล่าวะ”


ไอ้กราฟหยุดคิดนิดนึง มองหน้าผมพลางสลับไปมองอีกสองตัวที่เหลือ มันเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะหันกลับมาตอบ ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็รอลุ้นอยู่เหมือนกัน


“กู........จะพยายาม”


เสียงมันตอบแผ่วเบา เพราะมันคงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอาการแบบนั้นจะกลับมาอีกหรือเปล่า ผมกับเพื่อนๆ ก็กลัวในเรื่องเดียวกัน


“เอาเถอะ ยังไงพวกกูก็อยู่ข้างมึง มึงไม่ต้องห่วง”


ไอ้กัสตบบ่าไอ้กราฟหนักๆ ให้มันรู้สึกดีขึ้น ผมเองก็ยิ้มให้มันแล้วก็เสริมไปอีก


“ถ้ามึงรู้สึกแย่ มึงอย่าลืมคิดถึงกูนะ จำที่เราสัญญากันได้ใช่มั้ย”


“อืม กูจะคิดถึงมึง”


กราฟสบตาผมแล้วยิ้ม คำสัญญาระหว่างเรายังคงแน่นแฟ้นและจะคงอยู่ต่อไปจนกว่าเราจะตายกันไปข้าง ผมย้ำกับมันแบบนั้นตั้งแต่ตอนสร้างคำสัญญาระหว่างกัน


“อย่าลืมคิดถึงกูด้วยเหมือนกันนะ” ไอ้เคลมครับ ขอเสือก “กูจะดูแลมึงอย่างดีเลย”


แต่ไอ้กราฟดันหันมามองผมสลับไอ้กัส พึมพำเบาๆ เหมือนไม่ให้ไอ้เคลมได้ยิน แต่ไม่เป็นงั้น เพราะไอ้กราฟจงใจเบาเสียงให้ไอ้เคลมได้ยินเบาๆ นั่นแหละ


“เชื่อได้เปล่าวะ”


“ได้สิวะ ดูถูกกกก!!”


แล้วพวกผมก็หัวเราะกันเลย ไอ้เคลมมันชอบทำให้พวกผมขำกันบ่อยๆ ถึงจะไม่ได้เป็นเรื่องน่าขำอะไรมาก แต่น้ำเสียงของมันก็เล่นเอาฮาแล้วครับ


“เออ ถ้างั้นกูว่ารีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวไอ้พี่ชมพูแม่งบ่นอีก”


พอผมบอกแบบนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันลุกจากเตียง เดินออกไปตามสถานที่นัดหมายที่ผมบอกไว้ แล้วเมื่อไปถึงไอ้พวกเพื่อนเชี่ยของผมมันก็กระจายตัวนั่งอย่างกับนัดหมายกันไว้ เหลือให้ผมเลือกได้แค่ที่เดียวคือข้างไอ้พี่ชมพูนั่นแหละ แสรดดดดดดด


พวกเรากินข้าวกันเพราะพวกรุ่นพี่สั่งกันมาเต็มโต๊ะแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าอาหารอะไร เพราะยังไงก็กระเป๋าตุงกันทั้งนั้น ลูกคนรวยกันหมดนี่ครับ ไม่รวยจริง อย่าแหย็มมาเรียนมหา’ลัยผมเลย ไม่มีวันได้เอาตีนแตะพื้นหรอก


แดกข้าวเสร็จเรียบร้อย จานอาหารมากมายเต็มโต๊ะก็ถูกเก็บจนเรียบ บริกรมาเช็ดโต๊ะให้อย่างสะอ้านสะอาด ไอ้พี่ชมพูเลยทิปให้แบงค์ม่วงครับ หยิบให้อย่างไม่เสียดาย ตังค์มันเยอะ คงไม่จนง่ายๆ


“ที่นี่บริการดีเนอะ”


ไอ้เคลมครับ เสือกไม่เข้าเรื่อง


“ไม่ดีได้ยังไง ของพ่อไอ้ภูมัน”


พี่เจ๋งตอบ เล่นเอาไอ้เคลมตาโตเลย


“รีสอร์ทนี่ของพ่อพี่ภูจริงดิ”


“แปลกตรงไหนวะ”


“เปล่าๆ ทีหลังผมมาจะได้ขอพักฟรีไง”


ไอ้เคลมพูดติดตลก แต่เอาจริง ทำตาปิ๊งๆ ใส่ไอ้พี่ภูของมัน มันคงลืมไปมั้ง ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน ตีนพวกเราสี่คนไม่เคยแตะหรือก้าวเข้าเขตทะเลเลยสักครั้ง พวกเราไปไหนไปด้วยกัน เพราะงั้นไอ้สถานที่ที่จะทำให้ไอ้กราฟทรมานแบตายย่อมไม่อยู่ในหัว


“เออ มึงบอกแล้วกัน กูลดราคาให้”


พี่ชมพูพูดที เล่นเอาฮาครืนทั้งโต๊ะ เพราะไอ้เคลมขอฟรี แต่ไอ้พี่ชมพูแม่งเสือกตอบว่าจะลดให้ ไอ้เคลมเลยแกล้งทำหน้าบูดปากยื่นใส่เลย แต่มีหรือว่าไอ้พี่ชมพูจะสน มันพูดเรื่องใหม่แทน


“นอกจากทะเล ก็มีบนเขา ใกล้น้ำตกก็มี”


“โหๆ แบบนี้ก็เจ๋งเลยดิ จะไปเที่ยวไหนก็สบาย”


“เออ ก็อย่างนั้นแหละ พวกมึงด้วย ถ้าไปเที่ยวไหนบอกกูแล้วกัน เผื่อไม่ใช่ของกู ก็พอหาพวกพ้องได้”


“โห แม่งโคตรดีอะ”


ไม่ว่าเปล่า ยังหันมาเริงร่ากับพวกผมอีก ผมทำหน้าเอือมๆ มันที่ชอบทำตัวดี๊ด๊าเกินเหตุ ก็ขำดี แต่บางทีก็หมั่นไส้ เหมือนตอนนี้ ผมเลยแทรกบทสนทนาของไอ้รุ่นพี่รุ่นน้องขาบอล


“แล้วเรื่องบทที่จะให้พวกผมแสดงล่ะครับ พี่เจ๋ง”


โน โน เรื่องอะไรผมจะถามมัน ผมหันไปถามพี่เจ๋ง ลุงรหัสแสนดีของไอ้กราฟ เมินคนข้างตัวที่พูดจ้อกับเพื่อนผมเมื่อกี้


“อ้อ นี่เลย” เหมือนจะเพิ่งนึกได้เหมือนกัน พี่เจ๋งหยิบกระดาษเอสี่แจกพวกผมคนละแผ่น “ไม่มีอะไรมากหรอก บทของพวกมึงก็มีแค่นี้แหละ”


ผมกวาดตามองในกระดาษ ไอ้พวกนั้นก็เหมือนกัน ก่อนจะเงยหน้าถามหลังจากอ่านไปได้นิดหน่อย


“เป็นเพื่อนกันเหรอ”


“ใช่ เป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมากๆ มาเที่ยวด้วยกัน แต่ดันมาถูกใจหญิง ต่างคนต่างก็ชอบผู้หญิงคนนี้”


เดาไม่ยากเลยครับว่าคนที่แสดงเป็นผู้หญิงที่พวกผมชอบเป็นใคร จะมีใครซะอีก ถ้าไม่ใช่พี่ปาล์มคนสวย ขวัญใจผม


“แล้วพวกมึงก็แตกคอกันเอง ทำลายมิตรภาพกันง่ายๆ เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว แต่ไอ้กัสเป็นคนได้ไป ผู้หญิงคนนั้นดูมีใจให้ เลยเย้ยเพื่อนคนอื่นๆ แต่ก็มาพบความจริงว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คน”


ฟังพี่เจ๋งเล่าแล้วผมสะดุ้งเบาๆ ตรงประโยคสุดท้าย พี่ปาล์มเล่นเป็นพี่สาวแสนสวยเหรอเนี่ย? แต่ถ้าเอาจริงๆ ผมก็...แอบกลัวผีเบาๆ เหมือนกัน ถ้าเป็นสถานที่คุ้นเคย ผมจะเฉยๆ แต่ถ้าเป็นที่อื่น...เก่งๆ แถมหล่ออย่างผมก็หวั่นๆ อยู่เหมือนกัน ก็ยังไม่ได้ทำความรู้จักกับผีประจำถิ่นนี่ครับ


“พอรู้ ไอ้กัสก็ไปบอกต่อเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อ ไอ้เคลมเลยเอามั่ง ไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่ก็ได้รู้ความจริง กราฟกับยีนยังไม่เชื่อ กราฟเลยถือโอกาสเข้าหา แต่เกือบเดินลงทะเลตายตามผู้หญิงคนนั้นไปด้วย ส่วนยีน เพื่อนโดนมาสามคนแล้วมึงเลยเชื่อ ไม่ลองของอีก”


ไอ้กราฟหน้าซีดนิดๆ เมื่อรู้ว่าบทของมันต้องเผชิญอะไร แล้วก็ไม่ใช่แค่มันด้วย คนอื่นๆ ก็มองกันเลิ่กลั่กอย่างหวั่นๆ ผมเลยโพล่งออกมาแทน


“บทกราฟเปลี่ยนเป็นผมได้มั้ยครับ”


เสียงคราง หืม พร้อมมองหน้าผมกันเป็นตาเดียวทำให้ผมต้องอธิบายเพิ่ม


“พอดีไอ้กราฟมันไม่ค่อยถูกกับน้ำทะเลเท่าไหร่น่ะครับ เดี๋ยวมันไม่สบายเอา”


พอผมบอกแบบนั้น ทุกคนก็หันไปถามความคิดเห็นกัน ไอ้พี่ชมพูก็หันมาถามผมเหมือนกัน


“มึงจะเอาอย่างนั้นจริงเหรอ ต้องลุยทะเลตอนกลางคืนนะเว้ย”


มันพูดเหมือนห่วงๆ แต่สำหรับผม สบายครับ เรื่องแค่นี้ ไม่ต่างจากนั่งขี้ทุกเช้าหรอก อย่ามามองว่ากูอ่อน


“ก็ไม่เห็นมีอะไรจะต้องกลัว” ผมบอกมันแล้วก็หันไปย้ำกับพี่คนอื่นๆ “นะครับ ให้ผมเป็นคนเดินลงทะเลแทนไอ้กราฟ ส่วนกราฟก็ให้ยอม ไม่ไปหาผีผู้หญิงนั่น ส่วนบทอื่นๆ ก็ตามเดิม โอเคนะครับ”


ลงท้ายด้วยเสียงอ้อนนิดๆ ให้พวกพี่เขายอมใจอ่อน แล้วก็คงได้ใจพี่ปาล์มล่ะมั้ง พี่คนสวยเลยฉีกยิ้มกว้าง


“ก็ได้ เปลี่ยนเป็นยีนก็ดีเหมือนกัน” พี่ปาล์มว่าอย่างนั้นแล้วมองผมตาเป็นประกาย เล่นเอาเขินหน่อยๆ เลย ก็คนสวยๆ ที่ถูกใจมองกันซะขนาดนี้ “ได้เห็นเสื้อแนบเนื้อยีนก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย”


ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ แต่ทำให้ผมยิ้มตามเลย พี่ปาล์มน่ารักมากครับ เจอกันทีไร ทำผมปลื้มได้ทุกที แต่คำพูดของพี่ปาล์มเมื่อกี้ของไม่เข้าหูไอ้พี่ชมพูสักเท่าไหร่ มันเลื่อนมือมาโอบเอวผมไว้ ผมเลยหันไปมองหน้ามัน ทำตาดุใส่เป็นเชิงสั่งให้มันปล่อยซะ ไม่อยากพูดออกไปเพราะกลัวคนอื่นรู้ แต่ไอ้เชี่ยพี่ชมพูก็จับหนึบ ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี ผมเลยต้องพูดเสียงลอดไรฟัน


“ปล่อย”


มันได้ยินผมชัดๆ แต่เสือกทำลอยหน้าลอยตา ผมเลยเอาศอกกระทุ้งท้องมันเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ยอมทำตามที่ผมบอกอยู่ดี ยังมีหน้ามาพูดเสียงเบากลับ


“แล้วมึงมองไอ้ปาล์มตาเยิ้มทำไม”


“มองไม่ได้หรือไง”


“ไม่ได้” มันทำเสียงแข็งครับ ก่อนจะอ่อนลงหน่อย “กูหึง”


ไอ้เหี้ยยยยยยยย อยู่ๆ แม่งก็พูดแบบนี้ออกมา เล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูกเลย เบือนหน้าหนีมันเพราะรู้สึกหน้าร้อนๆ ขึ้นมาหน่อย แล้วพี่ปาล์มดันจับสังเกตได้ คำพูดของพี่ปาล์มอย่างกับเครื่องประหารหัวหมาฟันคอผมฉับ


“ไอ้ภูมึงพูดอะไรเนี่ย น้องยีนเขินหน้าแดงแปร๊ดเลยเนี่ย”


เท่านั้นไม่พอ ยังชะโงกหน้าสวยๆ มาทางผมอีก แม่ง อายเหี้ยๆ เสียงคนอื่นในโต๊ะหัวเราะกันอย่างพอใจเหมือนเสียงสวดให้ผมลงนรกก็ไม่ปาน โอ๊ย แบบนี้มันกระทืบกูจมดินชัดๆ


“ยีนจ๋า น้องยีน หันมาให้ดูหน้าหน่อย พี่อยากเห็น”


ผมโดนคนสวยรังแกครับ พี่ปาล์มยื่นมือมาจะจับหน้าผมให้หันไปทางพี่แกให้ได้ แต่ก่อนมือจะมาโดนผมจริงๆ เสียงทุ้มที่ออกโหดนิดๆ ก็โพล่งขึ้นมาก่อน


“ไอ้ต้น เก็บคนของมึงเลย อย่ามายุ่งกับคนของกู”


ประโยคท้ายทำผมหันควับ ถลึงตาใส่ไอ้คนพูด พลางถามเสียงเบาอย่างสุดๆ


“ใครเป็นคนของพี่”


“ก็มึงไง”


“ไม่ใช่”


“ตอนนี้ไม่ใช่” พี่ชมพูโน้มหน้าเข้ามาจนชิดคอผม กระซิบติดหู “แต่มึงอยากใช่หรือเปล่า เดี๋ยวกูทำให้เป็น....ทางพฤตินัย”


ไอ้สัด!! มันพูดพลางกระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจ แต่ผมผลักมันออกสุดแรง ก่อนจะต้องอับอายฉิบหายเพราะเสียงมันหัวเราะอย่างได้ใจ พลอยให้คนอื่นๆ ยิ้มกันแก้มจะแตก ไอ้เลววววว








ต่อด้านล่างค่ะ
v
v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 21-05-2012 00:01:59
ต่อจากข้างบน
v
v












เล่นละครลิงให้คนทั้งโต๊ะดูแล้ว ผมก็กลายเป็นเป้าสายตา ทุกคนมองผม จากผมคนที่กล้าๆ กลายเป็นหงิม ก้มหน้างุด ไม่กล้าสู้สายตาใคร แล้วพี่ต้นผู้แสนดีมากๆ ก็ช่วยชีวิตผมเอาไว้ ทั้งที่พี่ปาล์มเพิ่งกดหัวผมจมน้ำเมื่อกี้


“พอพวกมึงรู้แล้วว่าความจริงเป็นไง ก็กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง สัญญากันว่าจะไม่ให้ผู้หญิงมาทำให้แตกกันอีกแล้ว”


“เท่านี้ พวกมึงพอจะเก็ตมั้ย”


พี่เจ๋งเป็นคนตัดจบ พวกผมก็โขยกเขยกหัวตอบ ไอ้ผู้กำกับที่นั่งอยู่ข้างผมเลยออกคำสั่งให้เตรียมตัวเริ่มถ่ายทำกันทันที


เริ่มฉากอย่างที่พี่เจ๋งเล่า พวกผมก็เฮฮากันตามประสา สนุกสนานกันไป ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนเป็นตัวเอง ผมได้กลับมาใช้นิสัยเดิมอีกครั้ง ไม่ต้องแกล้งทำเป็นเรียบร้อย แต่ยังได้ใส่แว่นเหมือนเดิม แค่ต่อบทไปตามพล็อตที่พี่เจ๋งวางไว้


ไอ้พี่ชมพูเป็นผู้กำกับคอยดูภาพรวมของการแสดง พี่ต้นเป็นตากล้อง พี่เจ๋งก็คอยเช็คว่าพวกผมแสดงไปตามบทที่เขาวางไว้มั้ย พี่ปาล์มเตรียมเป็นผีสาวที่จะมาทำให้พวกผมตกหลุมรัก พี่แชมป์กับพี่บอสคอยอำนวยความสะดวกต่างๆ นานา ให้พวกผม มีบ้างที่เป็นตากล้องภาพนิ่ง เก็บภาพเรื่อยๆ เพราะหน้าที่ของพี่เขาคือตัดต่อกับซาวน์เอฟเฟกต์


การถ่ายทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะไม่มีรีเฟลกซ์ ไม่มีมอนิเตอร์ ดอลลี่ หรือทรีพ็อด มีเพียงแค่กล้องโปรของพี่ต้น และไวเลสห้าตัวสำหรับพวกผมและพี่ปาล์ม


ไอ้พี่ชมพูคอยดูการแสดงกับมุมกล้องของพี่ต้น ส่วนพวกเราแสดงกันข้ามฉากเพราะว่าจะต้องเก็บฉากตามเวลา เพื่อจะได้ทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด แต่จะช้าหน่อยตรงฉากที่ต้องถ่ายริมทะเล เพราะไอ้กราฟใกล้น้ำทะเลไม่ได้ แค่มันพยายามแสดงแต่ละฉากให้สำเร็จก็เต็มกลืน ผมต้องคอยอยู่ข้างๆ มัน จับมือมันบ้าง กอดมันบ้าง เพื่อให้มันรู้สึกดีขึ้น ไอ้กัสไอ้เคลมก็ช่วยกันยืนอยู่ข้างๆ มันตลอด จนตอนนี้เหมือนไอ้กราฟกลายเป็นไข่ในหินให้พวกผมคอยปกป้อง


กว่าจะผ่านฉากช่วงกลางวันทั้งหมดได้ ท้องฟ้าก็เข้าสู่ความืดพอดี พวกผมไม่มีเวลาได้พักผ่อนอย่างที่พวกพี่เขาตั้งใจเอาไว้ แต่พวกรุ่นพี่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะเห็นอาการไอ้กราฟก็พอเข้าใจคร่าวๆ ว่ามันคงไม่ถูกกับน้ำทะเลจริงๆ ส่วนผม พอช่วยปลอบไอ้กราฟทีไรก็ถูกไอ้พี่ชมพูมองตาขวางเป็นทุกที แต่ผมก็ปล่อยมันไป เพราะกราฟสำคัญกว่า และมันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปอธิบายด้วยว่าทำไมผมต้องคอยอยู่กับไอ้กราฟตลอดเวลา


พวกเราพักกองมากินข้าวเย็นกัน ก็ปาไปหนึ่งทุ่มแล้ว คุยกันพลาง กินไปพลาง แต่ก็ต้องทำเวลาหน่อย เพราะมีฉากตอนกลางคืนอีกประมาณห้าฉากที่ต้องถ่าย ถ้ากินเสร็จช้า ช่วงเวลาที่ต้องถ่ายก็ต้องยืดไปอีก เพราะฉะนั้นพอกินเสร็จ พวกเราก็เริ่มทำงานต่อ


เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะเสื้อผ้าเรามีมาเผื่ออยู่แล้ว ที่ไม่พอก็ยืมพวกรุ่นพี่ได้ เพราะตัวไล่ๆ กัน มีผมนั่นแหละที่ผอมกว่าคนอื่นๆ ใส่อะไรก็หลวม สุดท้ายก็ต้องยืมของพี่ปาล์มมาใส่ เพราะตัวพอกัน แต่พี่ปาล์มมีหน้าอกเลยใหญ่ไปนิดนึง แต่ดูแล้วก็ไม่หลวมเท่าของพี่คนอื่นๆ แถมเสื้อพี่ปาล์มก็ไม่หวานอะไรมากด้วย ผมเลยหยวนๆ


ปกติแล้วเวลาผมไม่มีเสื้อผ้าใส่ ผมก็ยืมไอ้กราฟแหละครับ ไซส์ไอ้กราฟใกล้ผม ถึงจะหลวมนิดหน่อยแต่ก็ไม่น่าเกลียด แต่ของมันก็ถูกใช้หมดแล้วเลยไม่มีให้ผม ส่วนมันตอนนี้ก็ใส่ของพี่ต้น ไอ้กัสไอ้เคลมใส่ของพี่แชมป์พี่บอส ของไอ้พี่ชมพูไม่มีคนใส่ครับ เพราะตัวมันหนากว่าชาวบ้าน ของพี่เจ๋งก็พอๆ กับพวกพี่คนอื่นๆ แต่ว่ามันครบแล้ว


พวกเราแสดงกันฉากต่อฉาก กระทั่งมาถึงฉากที่ผมต้องเดินลงทะเล มีพี่ปาล์มใส่ชุดกระโปรงยาวถึงเข่าสีขาวจูงมือผมเดินลงน้ำไปเรื่อยๆ น้ำที่อยู่ระดับข้อเท้าเพิ่มขึ้นจนถึงเอว แต่ก็ยังไม่หยุด โดยมีพี่ต้นถือกล้องเดินตาม ไอ้พี่ชมพูมาติดตามดูผลงานตามหน้าที่


เมื่อเดินมาถึงจุดที่น้ำอยู่ระดับอก เป็นฉากที่ร่างบอบบางในชุดขาวหายตัวไปต่อหน้า พี่ปาล์มก้มลงมุดหลบออกจากฉากไป ปล่อยให้ผมแสดงต่อ ผมทำหน้าตื่นตระหนก หมุนมองรอบตัวแต่ไม่เห็นอะไรสักอย่าง แล้วก็ค่อยแสร้งทำหน้าหวาดผวา รู้แล้วว่าคนที่ตัวเองเดินตามมาไม่ใช่มนุษย์อย่างที่เพื่อนบอกเอาไว้ ก็รีบวิ่งเข้าชายหาดอย่างตื่นกลัวทันทีทันใด โดยมีพี่ต้นวิ่งตามมาติดๆ แต่วิ่งยังไม่ทันถึงหาด เพียงแค่น้ำระดับเอว ผมก็สะดุดล้มลงไปในน้ำทั้งตัว รู้สึกเจ็บแปลบที่ขา แต่ก็ยังตะเกียกตะกายเพื่อให้พบกับอากาศด้านบน ได้ยินเสียงแว่วๆ ตะโกนแหวกน้ำลงมา


“ไอ้เกงยีน!!”


ผมรู้สึกเหมือนว่ามีมือใหญ่คู่หนึ่งพยายามควานหาผม ก่อนจะฉุดแขนของผมเอาไว้ได้และดึงผมขึ้นมากอดแน่น ตัวผมเปียกม่อล่อกม่อแล่ก วางหน้าไว้บนอกกว้าง หายใจหอบถี่เพราะเมื่อกี้สำลักน้ำเค็มๆ ไปนิดหน่อย เสริมด้วยไอเป็นระลอกก่อนได้ยินเสียงแว่วๆ ของพี่ต้นตามมา


“เป็นยังไงบ้าง”


ผมเงยหน้าผ่านบ่าหนาไปมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง รู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก และไม่ทันได้ตอบ คนที่กอดผมเอาไว้ก็เปิดปากพูดเสียก่อน


“กูว่าอย่าเพิ่งถามอะไรเลย เอาไอ้เกงยีนมันขึ้นฝั่งก่อน”


“เออๆ”


พี่ต้นรับคำก่อนพี่ชมพูจะจับผมพลิกกลับและพยุงให้เดินขึ้นฝั่งไปด้วยกัน แต่แค่ก้าวขาออก ผมก็รู้สึกเจ็บจิ๊ดขึ้นมาที่ขาด้านซ้ายจนเผลอร้องออกมา พานให้คนที่พยุงผมเอาไว้เลิ่กลั่กถาม


“เฮ้ย มึงเป็นอะไร”


“เจ็บ...ขา สงสัยเป็นตะคริว”


ผมตอบช้าๆ เพราะยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ดีว่าพี่ชมพูช่วยดึงผมขึ้นมา ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าผมจะพาตัวเองขึ้นเหนือน้ำได้หรือเปล่า แค่ยันตัวขึ้นก็เจ็บมากแล้ว


“งั้นกูอุ้มมึงไป”


“เฮ้ย ขี่หลังก็ได้”


ผมรีบแย้งเร็ว หายเหนื่อยทันที แต่ไม่ทันครับ ไอ้รุ่นพี่หมีควายจอมเอาแต่ใจมันช้อนใต้ข้อพับกับหลังของผมอย่างรวดเร็ว เข้าไปอยู่ในวงแขนมันเรียบร้อย


“เกาะกูไว้สิ”


มันพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ไม่ง่ายสำหรับผมนะเว้ย ให้กูเกาะมึง ก็กลายเป็นนางเอกละครให้พระเอกอุ้มดิวะ ผมไม่ยอมทำตาม มันก็เลยเดินลุยน้ำไป แต่เพราะอยู่ในน้ำทำให้เดินช้ากว่าตอนอยู่บนบก แล้วก็เหมือนมันจะจงใจเดินให้ช้าลงด้วย ตอนนี้ผมเลยปวดคอไปหมด เพราะต้องเกร็งคอเอาไว้ไม่ให้หัวตกลงไป ส่วนแขนก็พยายามยกวางบนอกเอาไว้ พานให้เกร็งไปทั้งตัวจนรู้สึกว่าตะคริวที่ขามันจะลามไปถึงคอแล้ว ปวดสัดเลยครับ


สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ต่อความปวดเมื่อยของตัวเอง ยอมเอามือเกาะบ่ามันเอาไว้ ส่วนหัวก็พิงบ่าอีกข้างของมันเหมือนกัน แม่งงงง น่าอายฉิบหาย แถมยังเห็นอีกว่าไอ้พี่ชมพูแม่งยิ้มซะ ยิ่งพอขึ้นจากฝั่งมาแล้วโดนสายตาของอีกเจ็ดคนมองมาพลางยิ้มกว้างอย่างล้อๆ นั้นอีก ทำอายกว่าเก่า พยายามดีดตัวลงมาจากไอ้พี่ชมพูให้ได้ แต่ว่ามันก็ด้านครับ ยังอุ้มผมไว้แบบนั้น แสรดดด มึงจะปล่อยกูไม่ได้หรือไง


ผมจ้องหน้ามันเขม็ง สั่งให้มันปล่อยผม แต่ผมคงลืมไปว่าไอ้เหี้ยนี่ไม่เคยทำตามที่ผมสั่งสักครั้ง เลยต้องใช้ไม้ตาย กัดบ่าเค็มๆ เพราะน้ำจากหน้าจากผมของผมไปเต็มเขี้ยว มันร้องโอ๊ย เกือบปล่อยผมลงพื้นแบบติดจรวด จนผมต้องรีบผวากอดคอมันไว้ ถึงอยากให้ปล่อย แต่กูไม่อยากลงทางด่วนแบบนี้


“ปล่อยดีๆ” บอกมัน คราวนี้ยอมปล่อยรับ คงเจ็บบ่าไม่เบา ก็ผมกัดเต็มแรง มันจับบ่าที่โดนผมกัดพร้อยๆ ไม่วายหันมาขู่


“ถ้ากูเลือดไหลนะ กูเอาคืนมึงแน่”


แต่ผมไม่สนใจ ลอยหน้าหันไปมองอย่างอื่น แล้วก็เห็นว่าไอ้กราฟที่เมื่อกี้ไม่ได้มาร่วมวงล้อกับคนอื่นกำลังพุงตัวเข้ามาหาผม ผมก็ยิ่งไปหามันเหมือนกัน เพราะสีหน้าของไอ้กราฟตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ยังไม่ทันวิ่งไป ผมก็เกือบล้มหน้าคะมำกับพื้นทราย เพราะความเจ็บมันแล่นปราดขึ้นมาตามขา ดีว่าไอ้คนตัวยักษ์ที่อยู่ข้างหลังมันยื่นมือมาโอบผมจากทางด้านหลัง รับเอาไว้ทัน ไม่งั้นหน้าหล่อๆ ผมจมทรายแน่


ไม่เพียงแค่นั้น เพราะพอมันรับผมได้ มันก็ดึงผมไปกอดทันที ส่วนไอ้กราฟก็ตรงมาถึงพอดี เห็นสีหน้ามันใกล้ๆ แล้วทำให้ผมรู้สึกเจ็บในใจขึ้นมา ผมทำให้มันเป็นห่วง


ผมรีบดึงไอ้กราฟมากอดเดี๋ยวนั้นเลย ไม่สนใจว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคนด้วยซ้ำ พร่ำเสียงบอกไอ้กราฟไม่ให้มันเป็นห่วงผม ให้มันเลิกหวาดกลัวว่าผมจะเป็นอะไร


“กูไม่เป็นอะไรกราฟ กูไม่เป็นไร มึงไม่ต้องห่วง กูแค่เป็นตะคริวนิดหน่อย ยังไม่ตายหรอก อยู่กับมึงได้อีกนาน”


ตบหลังมันเบาๆ พลางลูบให้มันรู้สึกสบายใจขึ้น มันถึงได้ยอมถอนตัวออกจากแขนของผม มองหน้าผมชัดๆ ทะลุเลนส์แว่นที่เปียกมีคราบน้ำเกาะ


“มึงรู้มั้ยว่ากูกลัว พอได้ยินเสียงบอกว่ามึงจมน้ำ กูก็สั่นไปทั้งตัว ห่วงมึง แต่ไม่กล้ามองไปทางทะเลด้วยซ้ำ ทั้งที่รู้ว่ามึงอยู่ตรงนั้น อยากไปช่วย แต่กูก้าวขาไม่ออก”


“ไม่เป็นไรมึง กูก็อยู่นี่แล้วไง มึงไม่ผิดหรอก กูยังปลอดภัยดี มึงก็เห็นนี่”


ผมเข้าใจมันครับ เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของมันที่สุด แต่ผมก็ฉุดดึงมันให้กลับมาเป็นไอ้กราฟคนเดิมไม่ได้ ไอ้กราฟที่ไม่กลัวทะเลมันหายสาบสูญไปแล้ว


“อย่าลืมดิ ไฮยีนเก้าชีวิตนะเว้ย”


ผมตบบ่ามันให้มันเข้มแข็งขึ้น ไม่ชอบเลยจริงๆ เวลาเห็นมันอ่อนแอแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกโหวงเหวงในใจ


“อืม กูพยายามอยู่ มึงไม่เป็นไรแน่นะ”


“ไม่เป็นไรเลย สบายมาก!” เน้นเสียงให้มันแน่ใจพลางฉีกยิ้มกว้าง “มึงหายห่วงได้เลย”


แล้วมันก็ทำให้ไอ้กราฟยิ้มออกมาได้นิดหน่อย ถึงจะเป็นยิ้มฝืนๆ ก็ตาม แต่ได้เห็นรอยยิ้มไอ้กราฟแล้วผมกลับต้องร้องโอดโอย เพราะไอ้พี่ชมพูที่ยังกอดผมอยู่เสือกเอาตีนมายันขาข้างที่เป็นตะคริวของผม


“นี่นะ สบายดีบ้านมึง”


มันกระแทกเสียงใส่ ทำเอาไว้กราฟโพล่งถาม


“มึงเป็นอะไร!”


ผมเลยต้องหัวเราะเสียงแห้งตอบไอ้กราฟ


“กูเจ็บขาว่ะ”


ตอบได้แค่นั้น ไอ้พี่ชมพูก็ช้อนตัวผมอุ้มอีกแล้ว ผมไม่ทันได้ประท้วงหรอก มันก็จับไปวางไว้บนขั้นบันไดของหน้าห้องไอ้กัสกับไอ้เคลมที่กะจะใช้ถ่ายฉากต่อไป ก่อนจะหันไปสั่งพวกเพื่อนของมันแบบไม่เจาะจงว่าเป็นใคร


“มึงไปเอายาที่ห้องกูมาหน่อย”


แต่ระบุห้องแบบนี้ก็รู้เลยครับว่าใคร พี่เจ๋งวิ่งโร่ไปทางห้องพักที่อยู่ถัดออกไปอีกสองหลัง ห้องผมกับไอ้กราฟนั่นแหละครับที่กั้นกลางเอาไว้ แล้วพอพี่เจ๋งกลับมา ไอ้พี่ชมพูก็นั่งลงบนบันไดขั้นเดียวกัน จับขาผมวางบนตักของมันที่นั่งห่างออกไปแบบสุดตีนหน้าตาเฉย ผมรีบชักกลับแต่ดันต้องชะงักไว้ก่อน ไม่ใช่มันจับหรอกครับ แต่แม่งงง เจ็บสัด! ร้าวถึงไขสันหลัง ลามถึงหัว โอ๊ยย น้ำตากูจะไหล


ไอ้พี่ชมพูหัวเราะหึๆ ในคอเหมือนจะซ้ำเติม ส่วนคนอื่นๆ ก็มายืนจ้องดูว่ามันจะทำอะไร ทั้งที่เห็นแค่นี้ก็พอจะรู้แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมแยกย้ายกันไป ทำเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อน


กูอับอายขายขี้หน้า ให้ดมตดหมายังอายน้อยกว่านี้!


“ผมทาเองได้”


“ไม่ต้อง ขยับนิดเดียวมึงก็เจ็บแล้ว ยังทำเก่งจะทาเอง”


มันด่าสวนกลับมาจนผมต้องเม้มปากแน่น ก็แม่ง พูดตรงเสียบฉึกกลางใจ


“ไอ้เค มึงไปเอาน้ำมาให้กูขันนึง ล้างตีนเพื่อนมึงหน่อย อ้อ ขอผ้าด้วย”


“ได้เล้ยยยย”


ไอ้เคลมวิ่งสี่ตีนหน้าบานดีใจที่ถูกใช้ ก่อนจะกลับมาพร้อมของที่ไอ้รุ่นพี่ต้องการ เพื่อนกูแม่งเป็นบ้าไปแล้ว กระดิกหางดิ๊กๆ เชื่องยิ่งกว่าหมา


พอได้ขันน้ำมา มันก็ตักราดขาผมที่วางพาดอยู่บนตักมันแบบไม่กลัวเปียก แม่งต้องประสาทแล้วแน่ๆ แถมยังเอาผ้ามาเช็ดให้แบบนุ่มนวลอย่างไม่คิดว่าตัวหมีๆ อย่างมันจะมือเบาเป็นกับเขา ก่อนจะลงมือจับปลายเท้าผมแล้วดันขึ้นเบาๆ เป็นระยะ คลายกล้ามเนื้อให้ แต่โอ๊ยยย กูเจ็บ!!!! ไอ้เชี่ย!!


มันทำแบบนั้นอยู่สักพักหนึ่ง จนผมรู้สึกเจ็บน้อยลงก็ยอมปล่อยมือ แล้วที่มันรู้ว่าผมเจ็บน้อยลงก็ไม่ใช่อะไรเลย เสียงซี้ดปากแทรกเสียงร้องโอดโอยของผมมันเบาลงนั่นแหละ แต่การทารุณกรรมหรือเป็นการปฐมพยาบาลมก็มิอาจทราบได้ยังไม่จบ มันบีบยามานวดน่องจนไปถึงข้อเท้าของผมเบาๆ


ผมมองมันที่ดูจะตั้งใจทายาให้ แถมยังพยายามระมัดระวังไม่ให้ผมเจ็บอีกต่างหาก จริงๆ ก็ตั้งแต่มันคลายกล้ามเนื้อให้แล้ว มันก้มหน้าก้มตาช่วยผมจนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ผมเลยมองมันได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกลัวว่ามันจะรู้ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ครับ เพราะเสียงจากหมู่คนที่ยังยืนเป็นสัมภเวสีกันอยู่ตอนนี้


“ไอ้ภูตั้งใจน่าดู” พี่เจ๋ง


“ไอ้ภูมันช่วยคนเป็นตะคริวบ่อยก็จริง แต่ไม่เคยเห็นมันเป็นห่วงคนที่มันช่วยขนาดนี้เลย” พี่บอส


“ใช่ๆ ตอนม.ปลายที่เล่นบอล ผมเป็น พี่ภูยังมีสั่งให้ผมทำเองเลย จะได้ช่วยตัวเองได้ ถ้าเป็นคราวหลัง แต่นี่... ทำให้หมดเลย” ไอ้เคลม


“ไม่เคยเอาตีนใครมาวางบนตักด้วยนะ” พี่แชมป์


“ก็นั่นสิ ไอ้ภูมันทำขนาดนี้เพราะอะไรนะ” พี่ต้น


“เพราะรักกกกกกกกกกกกกกกก ไงล่ะจ๊ะ” พี่ปาล์ม


ตั้งแต่ประโยคแรกแล้วที่ทำผมไม่กล้าหันไปมองใคร ถึงจะแอบเหลือบดูหน่อยๆ ก็เหอะ ส่วนไอ้พี่ชมพูก็หยุดมือ หันไปทางพวกนั้นที่ยืนมองอยู่ตรงตีนบันได แล้วพอจบประโยคพี่ปาล์ม หน้าหล่อๆ นั่นก็หันกลับมาทางผม จ้องหน้าผมที่มันร้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้วยิ่งประโยคสุดท้ายกับสายตาที่จ้องมาเหมือนกับจะยืนยันคำพูดพี่ปาล์มนั่นอีก


“จริงนะเนี่ย”


เสียงทุ้มของคนที่ตกเป็นขี้ปากพ่นออกมา ทำเอาผมไปไม่เป็นเลยครับงานนี้


กูเขินเว้ยยยยยยยยยยย!!!!







===================
ขอโทษที่มาช้าค่ะ บิ๊วอารมณ์ตัวเองไม่ขึ้นซะงั้น
ตอนนี้โผล่มาหวานนิดนึง ส่วนความลับ (?) ของกราฟ คงโผล่ตอน 24 ค่ะ

ปล.ตอนที่แล้วใส่ชื่อผิด พี่หนึ่งต้องเป็นพี่บอสนะคะ
แก้ไปตั้งแต่เห็นแรกๆ แล้ว แต่คนที่อ่านแล้วหลังจากอัพใหม่ๆ อาจจะเจอที่ผิด
เพราะงั้นอย่าเพิ่งงงนะคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ


Undel2Sky




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 21-05-2012 00:15:39
อยากรู้เรื่องกราฟเร็วๆแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 21 : แค่ชอบ [07/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 21-05-2012 00:48:49
อ๊ากกกกก เขินแทนนนนนนนนนน -/////////////-
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 21-05-2012 07:38:47
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 21-05-2012 09:27:24
รอดูของลับ   เอ๊ยยย  ความลับของกราฟอยู่ฮ่า~
ตอนนี้แอบหวานนะ  ชมภูน่ารักเว่อ!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 21-05-2012 09:52:58
แอร้ยยยยยย
ตอนแรกก็ว่าจะห่วงกราฟอยู่หรอก
มาเจออิพี่ภูหยอดน้องแล้ว เขินนนนน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 21-05-2012 10:12:28
รออดีตของกราฟ :L1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: AnimajuS ที่ 21-05-2012 12:48:38
 :o8:พี่ภูอ่ะ น่ารักจัง

กราฟเป็นอะไรไป
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 21-05-2012 12:54:46
ตอนจบน่ารักอ่ะ จริงนะเนี่ย พี่ชมภูปฏิเสธไม่ลง
อยากรู้เรื่องกราฟเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 21-05-2012 13:00:13
สงสารกราฟ จะให้เป็นเรื่องอะไรก็ได้ยกเว้นอย่างเดียวคือโดนข่มขืนรึรุมโทรม เรื่องนี้เราทำใจไม่ได้อะมันร้ายแรงเกินไป :m15:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-05-2012 16:09:37
ยังดีที่พี่ภูไม่งอน...


 :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-05-2012 16:40:02
อาจจะมีอุบัติเหตุอะไรร้ายแรงสักอย่างที่ทะเลแน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-05-2012 18:31:09
พี่ภูน่ารักเกินไปแ้ล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-05-2012 20:44:21
กราฟยังน่าสงสารอยู่เลยอ่าาาา  :sad4: :sad4:

ตอนท้ายมีแอบหวานด้วย อิอิ  :o8: :o8:

มาต่อไวๆๆนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 21-05-2012 21:08:42
ดูแล้วอิพี่ชมพูยังต้องยอกแสยงใจเรื่องกราฟไปอีกสักพัก สู้ๆละกันนะ


 :กอด1: กอดกราฟด้วยคน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 21-05-2012 21:59:49
แอร๊ย มาแว้ว ๆชอบเรื่องนี้มาก พี่ภูน่ารักแอบหวานด้วยตอนนี้ มดขึ้นแว้ว
ไฮยีนส์ รีบๆรักพี่ภูเซ่ !
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 21-05-2012 22:07:44
อุบ๊ะ! กราฟยีนมาตามใจเรียกร้อง *หวีด!*
แต่มาม่าชามเล็กแฮะ.. ฮึ! ชอบกราฟยีนน้าาาาา #พี่ภูถีบ
แต่อ่านแล้วตอนนี้ดูอารมณ์ยังไม่ค่อยสุดยังไงไม่รู้ช่วงเข้าบทกับกราฟยีน?
*หรือเราเป็นคนเ้ดียว*
พี่ภูดูแลดียิ่งกว่าเมีย #ก็เมียอะ-*- อั้ยยะ! รอตอนต่อไป...
มาช้าดีกว่าไม่มา  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 21-05-2012 22:51:32
เรื่องของกราฟจะเปนไงหว่า

พี่ภูเปิดเผยน่าดู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 21-05-2012 23:07:52
อยากรู้เรื่องกราฟจะได้ไม่ หงุดหงิดเวลา เพื่อนรักกันเกิน :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 22-05-2012 14:30:28
อ่านเรื่องนี้แล้วแบบว่า

สนุก  น่ารัก  แล้วก็แอบหลงรักความน่ารักของน้องยีนสุดๆ

พี่ภูก็น่ารัก

แต่เวลากราฟออกมาที่ไรเด่นเกินหน้าเกินตาพี่ภูทุกที :laugh:

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ...ขอเป็นแฟนเรื่องนี้ด้วยคน :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 22-05-2012 22:47:36
>///< เขินนะเนี้ยยย

พี่ชมพูก็พูดซะตรงน้องเกงยีนก็เขินแย่สิ

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 23-05-2012 02:52:22



    โฮกกกก พี่ชมพูรุกได้หวานม้ากกกกกกกกกกกก เขิลแทน
    แต่นายกราฟนี่เป็นเอามากเลยนะเนี่ย




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 23-05-2012 12:04:19
 :o8:เมื่อไรน้องยีนจะยอมใจออนกันพี่ภูชักทีอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Hakken ที่ 23-05-2012 12:45:48
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: รอตอนหน้าเฉลย
จะได้รู้ซะทีว่าสาเหตุคืออะไร
   :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Daiice ที่ 24-05-2012 19:45:36
พี่ภูน่ารัก >////////<
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 27-05-2012 03:35:42
ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว























หลังจากขาของผมหายเป็นปกติ ก็เริ่มการถ่ายหนังอีกครั้ง เป็นส่วนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ แต่ก่อนหน้านั้นผมก็โดนแซวจนเละ เหี้ยแม่ง ทำไมผมต้องตกเป็นเหยื่อให้ไอ้พวกพี่ๆ กับเพื่อนด้วยวะเนี่ย


การถ่ายส่วนสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก โลเกชั่นก็เป็นของบ้านพักของไอ้กัสกับไอ้เคลม พวกผมต้องจับกลุ่มกันคุยเรื่องผู้หญิงคนนั้น แล้วตกลงสัญญากันว่าจะไม่แตกแยกเพราะเรื่องผู้หญิงอีก


แต่ตอนสัญญากัน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอไอ้กราฟไปเปิดก็เห็นว่าคนที่เคาะประตูเป็นผีผู้หญิงตนนั้น เลยรีบวิ่งมากอดกันกลม ได้ยินเสียงตามหลอน


“ดีแล้วๆ”


เหมือนเห็นด้วยกับการที่พวกผมสัญญากันแบบนั้น ก่อนไอ้เคลมจะรีบวิ่งไปปิดประตูหลังจากเหลือบหางตาไปว่าที่ประตูไม่มีอะไรยืนอยู่อีก


พวกผมแกล้งตัวสั่นจนได้ยินเสียงไอ้พี่ชมพูบอกว่าคัทนั่นแหละ การถ่ายทำถึงได้จบลง ไม่มีฉากไหนที่ต้อง่ถายอีกแล้ว ถือเป็นการปิดกล้อง มาคิดๆ ดูแล้วพวกผมทำงานได้ดีเหมือนกัน แต่จริงๆ พวกรุ่นพี่น่าจะคิดอยู่แล้วว่าวันเดียวคงเสร็จ เพราะแต่ละฉากก็สั้นๆ


เมื่อถ่ายทำเสร็จแล้ว ก็เป็นธรรมเนียมที่ต้องมีการเลี้ยงปิดกล้อง ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะก็อยากแดกเหล้าเมาหัวราน้ำกันอยู่แล้ว ถึงได้เฮฮาแสดงท่าทางดีใจกันเหลือกัน ส่วนผมก็นิดหน่อยครับ ไม่ได้กินนานแล้ว แถมตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องป๊าจะรู้ เพราะงั้นงานนี้ผมก็ชิลได้เลยครับ


พี่ชมพูจัดการสั่งแอลกอฮอล์มาแทบทุกอย่าง ให้ทุกคนเลือกดื่มกันได้ตามใจชอบ แต่ก็หนักจะไปทางบรั่นดีกับเบียร์เสียมากกว่า ก่อนจะมารวมตัวกันนั่งอยู่บนหาดทราย ความจริงพวกรุ่นพี่คงอยากไปนั่งริมหาด รับลมเย็นๆ เสียมากกว่า แต่พอรู้ว่าไอ้กราฟมีอาการยังไงตอนอยู่ใกล้ทะเลจึงเปลี่ยนมาอยู่ใกล้ๆ บ้านพัก


ไอ้คนตัวใหญ่สุด ลูกเจ้าของรีสอร์ทสั่งคนงานให้มาจุดกองไฟให้ พี่ต้นแบกกีตาร์มานั่งร้องเพลง ผลัดเวียนกันไปแล้วแต่ว่าใครจะรีเควส กระดกเหล้าไป ร้องเพลงไปกันอย่างสนุกสนาน ผมก็ร้องด้วย เอามัน


ช่วงที่เริ่มกรึ่มๆ พี่แชมป์กับพี่บอสก็ออกมาเต้น ร้องเพลงร็อคทั้งที่พี่ต้นดีดกีตาร์โปร่ง แหกปากกันโยกหัวกันอย่างมันสุดเหวี่ยง ผมก็ขำๆ กับพี่สองคน ไอ้เคลมมันก็ลากไอ้กราฟให้ออกมาสนุกด้วยกัน เพราะไม่อยากให้มันลืมๆ ไปว่าตอนนี้เราอยู่กันที่ไหน ไอ้กราฟพอเริ่มเมานิดๆ ก็ดูจะไม่หวาดกลัวกับเสียงคลื่น มันลุกออกไปเต้นกับไอ้เคลม ผมดูก็ยิ้มๆ ไอ้กราฟยิ้มได้ผมก็มีความสุข


ไอ้กราฟถือว่าเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตคนหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ แต่ใช่ว่าไอ้กัสกับไอ้เคลมไม่สำคัญนะครับ มันสำคัญกับผมเหมือนกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งหกปี แต่สองคนนั้นต่างกับไอ้กราฟ กราฟมันเคยช่วยผมไว้ และมันก็เคยเผชิญเรื่องเจ็บปวดมามาก ผมถึงต้องรักมันมากๆ เพื่อให้มันลืมเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น


จบเพลงไปแล้ว อยู่ๆ ไอ้พี่ชมพูที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็สะกิดพี่ต้น พูดอะไรกันไม่รู้ ก่อนพี่ต้นจะส่งกีตาร์ให้มันไป ผมแปลกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าไอ้คนเอาแต่ใจนั่นจะดีดกีตาร์เป็น มันหันมามองผมแล้วยิ้มให้ ผมก็งงดิครับ อยู่ๆ ไอ้เชี่ยนี่มายิ้มให้ทำไม เพราะเอาจริงๆ ถ้ามันไม่ได้หาเรื่องแกล้งผมได้ ผมก็ไม่ได้เห็นมันยิ้มหรอก มันชอบทำหน้ากวนตีนใส่ผมมากกว่า


พอเห็นว่าเสียงเพลงจบลง ไม่มีแววว่าจะต่อ พวกที่ลุกไปเต้นก็กลับมานั่งที่ของตัวเอง ผมหันไปหาไอ้กราฟ ดูสภาพมัน


“เป็นยังไงมั่งมึง”


“โอเคๆ หนุกๆ ดี”


มันตอบและหัวเราะไปพลาง ผมเลยยกแก้วขึ้นมาชนกับมัน จะว่าไปผมก็ดื่มไปพอสมควรเหมือนกัน เริ่มมึนๆ คงเพราะว่าไม่ได้แดกเหล้านานเลยมีอาการเร็วกว่าเมื่อก่อน ไอ้กราฟก็หันมาชนกับผม ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็เอาด้วย แต่ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงเกากีต้าร์ เลยหันไปมอง ไอ้พี่ชมพูมันเริ่มแสดงฝีมือ ทั้งที่ตามันยังมองผมอยู่เลย จากนั้นเสียงร้องก็ดังขึ้น ไม่ดังแต่ก็ไม่เบา ให้ทุกคนได้ยินคลอกับเสียงลมทะเลกับเสียงคลื่น



http://www.youtube.com/v/kzBe_IAKTS8




ฉันเฝ้าถามความสุขอยู่ที่ไหน ชายที่เขาเดินผ่านฉันเข้ามา


บอกกับฉันขอร่มสักคัน แต่ว่าที่มือเขาก็มีหนึ่งคัน


ก็แปลกใจ ท่ามกลางหยดฝนโปรยปราย


เขาก็ถามฉันว่าอยากสุขไหม ลองหุบร่มในมือสักพักหนึ่ง


และเงยหน้ามองวันเวลา มองหยดน้ำที่มันกระทบตา


ยังเปียกอยู่ใช่ไหม หรือไม่มีฝน











บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้


เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง


อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น


สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน


ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง












มันร้องเพลงไป ดีดกีตาร์ไป แล้วก็ยิ้มไป สายตามันยังจับจ้องมาที่ผมไม่เปลี่ยน ขณะที่คนอื่นๆ ก็หันไปมองมันกันหมด คงแปลกใจที่มันเปลี่ยนเพลงต้นฉบับให้กลายเป็นอคูสติกได้เจ๋งขนาดนี้ แต่ผมคิดว่ามันคงไปลอกไลน์ของชาวบ้านเขามา เพราะในยูทูบก็มีเยอะแยะที่คนเพลงของศิลปินมาโคฟเวอร์หรืออะเรจใหม่ ถ้านับเสียงมันอย่างเดียว ก็ถือว่าใช้ได้ครับ ทุ้มนุ่มๆ ฟังแล้วพอเคลิ้ม บวกกับสายตาของมันอีกยิ่งแล้วใหญ่











ยิ้มฉันยิ้มมากกว่าทุกครั้ง


สุขที่ฉันตามหามาแสนนาน


อยู่ตรงนี้ แค่เพียงเข้าใจ อย่าไปยึด


ถือมันและกอดไว้ ก็แค่ร่มเท่านั้น เท่านั้น










บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้


เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง


อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น


สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน


ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง













ผมไม่กล้ามองหน้ามันแล้ว เพราะไม่รู้ว่ามันจะส่งสายตามาอะไรหนักหนา พอผมเหลือบไปทางคนอื่น ก็เห็นเขามองหน้าผมแล้วยิ้มๆ กัน เหมือนรู้ว่าไอ้พี่ชมพูมองผมไม่เลิก ก็แน่ล่ะ มันเล่นจ้องผมไม่วางแบบนั้น ใครเห็นก็รู้ ผมเลยขยับมือแสร้งหยิบเหล้ามาดื่มเพื่อหลบเสี่ยงจากสถานการณ์นี้ พยายามไม่มองหน้ามัน แม้ว่าเสียงเพลงจากมันจะเชิญชวนให้หันไปมองสักเท่าไหร่












ฉันเห็นเธอถือร่มผ่านมา เต็มไปด้วยร่องรอย


และคราบน้ำตา ฉันได้เห็นแล้วมันปวดใจ


ไม่ใช่เพียงแค่เธอที่ทุกข์ ฉันก็เป็นเหมือนเธอ


เธอได้ยินไหม อยากขอให้เธอลองโยนร่มที่ถือเอาไว้หนัก


โยนมันออกไป













บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้


เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง


อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น


สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน


อย่าไปยึด อย่าไปถือ


อย่าไปเอามากอดไว้ ก็จะไม่เสียใจ


ตลอดชีวิต ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใคร


จะทุกข์ จะสุขแค่ไหน ก็อยู่ที่จะมอง













เสียงเพลงหยุดลงเพราะจบแล้ว ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะในที่สุดก็ได้หลุดออกจากสถานการณ์แปลกๆ สักที แต่มันดันไม่เป็นแบบนั้น เพราะอยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีใครเดินมาอยู่ด้านหลัง มันนั่งลงซ้อนหลังผม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับหู ก่อนเสียงกีตาร์จะดังอีกครั้งพร้อมเสียงร้องนุ่มๆ ผสมอ้อน











บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้


เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง


อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น


สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน


ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง














ผมรีบหันไป ก็เห็นหน้ามันอยู่แทบชิด มันยิ้มให้ ผมเลยต้องรีบหันกลับไป แต่มันก็อาศัยจังหวะนั้นกระซิบเสียงที่ไม่เบาเลย


“เป็นแฟนกับพี่นะ”


เชี่ยยยย


ช็อกไปแล้วครับ อยู่ๆ แม่งก็มาขอเป็นแฟนต่อหน้าเพื่อนของมันและเพื่อนของผม ทุกคนต่างส่งเสียงโห่ฮิ้ว ผิวปากล้อ จนผมหายมึนไปนิดนึง แล้วก็ร้อนหน้าแบบโคตรๆ ตอนนี้หน้าผมของแดงแปร๊ดแน่ๆ เวรๆๆๆ


นี่มึงมาร้องเพลงขอกูเป็นแฟนเหรอ ทำอย่างกับจะให้กูแทนที่สมการในเพลง






ผู้ชายที่เดินเข้ามา = กู


ร่ม = กำแพงในใจ






เอ้ยยย เน่าไปแล้ว แต่พอนึกแบบนั้นทำไมกูต้องเขินด้วยวะ ห่าๆๆ กูฟั่นเฟือนไปแล้ว


ผมถามตัวเองโดยที่ไม่เงยหน้ามองใครสักคน เพราะถ้าเงยขึ้นคงโดนสายตาล้อเลียนแน่ๆ เพราะตอนนี้ยังมีเสียงดังหึ่งๆ


“ตกลงเลย ตกลงเลย” พี่เจ๋ง


“อย่าชักช้า ไอ้ภูมันลงทุนขนาดนี้เลยนะเว้ย” พี่บอส


เอ่อ ไอ้พวกรุ่นพี่ครับ อย่าเร่งกูมาก กู... กูเขินอยู่ ไอ้เหี้ยเอ๊ย แม่งงง


“นะ เป็นแฟนกัน พี่ชอบเกงยีน”


“ถ้ายีนไม่เชื่อ ลองกระทืบไอ้ภูดูก็ได้นะ มันไม่สู้หรอก มันยอม”


เสียงพี่ปาล์มครับ มาแบบฮาร์ดคอตลอด แต่ข้อเสนอน่าสนใจชิบเป๋ง ผมเลยค่อยๆ หันไปมองไอ้คนที่ขอผมเป็นแฟนอย่างระมัดระวังโคตรๆ เพราะเมื่อกี้ที่หันไป หน้าเกือบชนกันอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าแม่งจะเข้ามาใกล้อะไรนักหนา แล้วตอนนี้มันก็วางกีตาร์ไว้บนพื้นแล้วเลยไม่มีอะไรกั้นระหว่างตัวผมกับมันอีก มันก็ยิ่งกระเถิบเข้ามาใกล้ เอื้อมแขนมากอดเอวผมเอาไว้


ลามปามแล้วมึง


“กล้าป่ะ”


ผมถามมัน อยากรู้ว่ามันจะยอมอย่างที่พี่ปาล์มบอกหรือเปล่า แต่มันดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก แล้วยกมือข้างนึงมาประคองหน้าผมให้เอี้ยวไปหามันค้างอยู่อย่างนั้น ก่อนจะกดปากของมันลงมาที่ปากของผม กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่นิดๆ นั่นเหมือนจะมอมผมให้มึน


เสียงโห่ร้องเซ็งแซ่ ตบมือแปะๆ ดังก้อง ผมหูอื้อตาลายไปแล้ว รู้สึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากของมันที่ขยับไปมาบนปากของผม กว่าจะถึงสติกลับมาได้ มันก็ถอนปากออกไปแล้ว


“ไอ้เชี่ยย จูบกูทำไม”


ผมถามมัน จ้องมันตาเขียว หน้าก็แดงไปด้วย ร้อนฉิบหาย หน้ากูจะไหม้มั้ย ตอนอยู่กันสองคนยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่อยู่สิบคน มึงไม่อายแต่ก็ให้โอกาสกูอายมั่งเหอะ กูยังหน้าไม่หนาเท่ามึง ไอ้หน้าหนังช้าง


“ก็มึงถามกูว่ากล้าป่ะ กูก็เลยทำให้ดูว่ากูกล้า”


มันตอบมายิ้มๆ แต่ประโยคแม่งโคตรกวนตีน


“ผมหมายถึงให้ผมกระทืบอย่างที่พี่ปาล์มบอก”


“กู...ยอมก็ได้ แต่มึงกระทืบกูทีนึง กูจูบมึงยี่สิบที แลกกัน เอาหรือเปล่า”


เชี่ยนี่แม่งหากำไรเกินควรฉิบหาย ผมทำหน้าบึ้งใส่มัน มันเลยกอดผมอีกแล้วทำเสียงอ้อน ขัดกับตัวใหญ่ๆ ของมันมาก


“นะครับ เป็นแฟนกับพี่นะ”


“ไอ้ภูมันไม่เคยอ้อนใครขนาดนี้เลยนะ” พี่ปาล์ม


“มันชอบมึงจริงๆ นะเว้ย” พี่ต้น


“ไอ้ภูมันชอบมึงขนาดไม่เจอกันยังเอารูปมาดูแล้วยิ้มๆ เหมือนคนบ้านะเว้ย” พี่แชมป์


“อย่าแฉกู!”


ไอ้พี่ชมพูรีบโวย ผมเห็นมันหน้าแดงหน่อยๆ ด้วย เพิ่งเคยเห็นมันเขินครั้งแรก แม่งก็ไม่ได้หน้าด้านเกินเยียวยานี่หว่า ผมแอบยิ้มขำๆ กับท่าทางแบบนั้นของมัน


“ตกลงดิวะมึง” คราวนี้เสียงไอ้เคลมมั่ง แต่ไอ้ที่แรงกว่าคือไอ้กัส


“มึงก็ชอบพี่ภูไม่ใช่หรือไง”


ไอ้เหี้ยยยย


ผมถลึงตาใส่ได้กัส แต่กลับถูกไอ้คนตัวยักษ์ที่ยังกอดผมอยู่กระชับวงแขนขึ้นอีก ฉิบหาย กูลืมดึงมันออก แต่มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะพยายามกระชากแขนมันเท่าไหร่ มันก็ไม่ยอมปล่อย ยังมีหน้ามากระซิบข้างหูผมอีก


“มึงชอบกูเหมือนกันเหรอ”


“ผมไม่ได้พูด”


“ไอ้กัสก็เพื่อนมึง”


“ก็ไม่ใช่ผมนี่”


ผมยังแย้งมันต่อไป แต่มันก็ยังหน้าด้านหลงตัวเอง ถึงมันจะจริงก็เหอะ


“แต่กูเชื่อกัสว่ะ เพราะงั้น ตกลงนะ”


มันไม่รอให้ผมตอบ แต่ก้มลงมาหอมแก้มผมดังฟอด ตามด้วยเสียงล้อของพวกที่เหลือ แม่งเอ๊ย มึงทำกูอายมากี่รอบแล้ว


ผมรีบลุกขึ้น ไม่สนใจแล้วว่าแม่งจะกอดผมแน่นแค่ไหน พอผมลุกมันก็มองตาม ปล่อยกูสักวินึงก็ได้นะมึง ทำเหมือนกูเป็นลูกจิงโจ้ไปได้ ไอ้แม่จิงโจ้


พอเป็นอิสระ ผมก็เดินไปหาพี่เจ๋งก่อน มีเรื่องนึงที่ผมยังรู้สึกไม่เคลียร์กับตัวเอง  อยากจะถามให้รู้จนกระจ่างไปเลย อย่างน้อยผมก็ต้องแน่ใจก่อนจะตอบอะไรไอ้พี่ชมพูไป


“พี่เจ๋ง ผมถามอะไรหน่อยสิ”


“ว่าไง มีอะไรครับ”


ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่พี่เจ๋งพูดสุภาพด้วย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน กับคนอื่นก็มึงมาพาโวย แต่กลับผมนี่ครับๆ พี่ๆ ตลอด ไม่เคยมึงกูเลยสักครั้ง อาจจะเป็นเพราะภาพลักษณ์ตอนนี้ของผมมันเรียบร้อยมั้ง เพราะแม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังใส่แว่นอยู่ ถึงเมื่อกี้จะหลุดหยาบกับไอ้พี่ชมพูไปแล้วก็เหอะ พี่เขาเลยไม่ทรามด้วย ทั้งที่จริงๆ แล้วผมทรามได้มากกว่าที่พี่เขาคิดอีก


“พี่มีน้องสาวหรือเปล่าครับ”


“น้องสาวเหรอ ไม่มีหรอก”


คำตอบของพี่เจ๋งทำให้ผมสะดุดกึก รู้สึกเหมือนไฟตกไปชั่วครู่ ทั้งที่ตอนนี้มันเป็นตอนกลางคืน แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ...ในใจของผม ความรู้สึกต่างๆ ตีรวนขึ้นมา คำพูดที่ไอ้พี่ชมพูมันเคยอธิบาย กลายเป็นคำแก้ตัวของหมาตัวนึงทันควัน


เหี้ย มึงโกหกกู!!!


ถามพี่เจ๋งแค่นั้นผมก็เดินกลับ แต่พอเดินมาแล้วก็ต้องผ่านไอ้พี่ชมพูที่มันนั่งอยู่แต่หันมามองผม พอเห็นหน้ามัน ความโกรธก็พุ่งพรวดขึ้นมา มันโกหกผม เหี้ยเอ๊ย แล้วผมก็เชื่อมัน เหมือนควายโง่ๆ ตัวนึง โกรธทั้งมัน โกรธทั้งตัวเอง ที่ยอมให้อภัยมันง่ายๆ ทั้งที่มันทำให้ผมเสียความรู้สึก กี่ครั้งแล้ววะที่มันทำกับผมแบบนี้ ทำให้ผมเจ็บในใจแบบนี้


ถ้ากูไม่ชอบมึง กูคงไม่ต้องมารู้สึกอย่างที่เป็นอยู่


ผมเดินไปถึงมันแล้วก็ก้มลงหยิบแก้วเหล้าที่กินค้างอยู่ขึ้นมาสาดให้หน้ามัน ไม่อยากเสียแรงไปอัดมันระบายอารมณ์ และเพราะความมึนๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยมั้งถึงได้รู้สึกว่าไม่พร้อมจะสู้รบปรบมือทางกำลังกับมัน มันก็มองหน้าผมงงๆ ทุกคนต่างลุกฮือขึ้นอย่างตกใจกับการกรกะทำของผม ไอ้คนที่โดนผมเอาเหล้าสาดก็ลุกขึ้นมาเหมือนกัน


“มึงสาดเหล้าใส่กูทำไม”


“ก็มึงตอแหลอะไรไว้ล่ะ”


ผมตอบแค่นั้นแล้วเดินผ่านตัวมันไป แต่ไอ้เหี้ยนั่นก็จับแขนของผมไว้ ดึงไม่ให้เดินไปได้ ผมพยายามสะบัดมือมันออก แต่ไร้ประโยชน์เหมือนเดิม


“กูตอแหลอะไร กูโกหกอะไรมึง”


“มึงโกหกเยอะจนจำไม่ได้ล่ะสิ หึ”


ทำหน้าเหยียดหยันมัน ตอนนี้ผมรู้สึกเกลียดมันขึ้นมานิดๆ แล้ว ที่ยังโกหกหน้าตายว่ามันไม่รู้เรื่อง ทั้งที่มันเพิ่งตอแหลผมไปเมื่อวานซืน


“กูไม่ได้โกหกอะไรมึงแล้ว เรื่องที่โกหก กูก็บอกมึงไปหมดแล้ว”


“ถ้ามึงไม่รู้ก็ช่างมึง”


ผมสะบัดแขนอีกครั้ง มืออีกข้างก็พยายามแงะมือมันออก แต่ก็ไม่หลุด เหี้ย มึงจะบีบให้แขนกูหักไปเลยใช่มั้ยไอ้สัด!!


“ไอ้เจ๋ง” ดูท่าว่ามันจะคุยกับผมไม่ได้ มันเลยหันไปเรียกพี่เจ๋งแทน ผมก็ได้แต่ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดจากการยึดเหนี่ยวของมัน “มึงพูดอะไรกับมัน”


“ฮะ เอ่อ...”


พี่เจ๋งสะดุดเสียงไปนิดหน่อย ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคงไม่เคยเห็นผมพูดจาแบบนี้ พี่คนอื่นๆ ก็ด้วยเหมือนกัน ทุกคนต่างเงียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ตั้งแต่ที่ผมสาดเหล้าใส่ไอ้หมีควายนี่แล้ว เพื่อนๆ ผมก็เอาแต่ยืนมองอย่างเดียว พวกมึงไม่คิดจะมาข่วยกูเลยหรือไง ไอ้ห่า


“มึงพูดอะไร”


“น้อง.. น้องถามกูว่ากูมีน้องสาวหรือเปล่า”


“แล้วมึงตอบว่าอะไร”


“ก็ไม่มีไง”


“แล้วจีจี้ไม่ใช่น้องมึงหรือไง!!!”


คราวนี้ไอ้พี่ชมพูมันตะเบ็งเสียงดังจนหูผมแทบดับ ไอ้สัด! ผมดึงแขนของตัวเองแรงขึ้นอีก กูไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่อยากอยู่กับมึงแล้ว!


“จีจี้เป็นพี่กูต่างหาก มันเกิดก่อนกู”


เสียงของพี่เจ๋งทำผมชะงัก ใจกระตุกไปจังหวะนึง แล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียง มองหน้าพี่เจ๋งค้างอย่างคิดอะไรไม่ออก รู้สึกสมองตื้อ


“เรื่องนี้ใช่มั้ยที่ทำให้มึงโกรธกู”


ไอ้คนที่จับผมอยู่ถามเสียงไม่ดังมาก เหมือนอยากให้ผมได้ยินคนเดียว แต่ผมไม่ได้ตอบอะไร มันเลยหันไปคุยกับพี่เจ๋งแทน


“มึงอธิบายให้มันเข้าใจดิ๊ มันเข้าใจกูผิดเพราะคำพูดมึงเนี่ย”


“อ้าว อ้อ เรื่องนั้นเหรอ จีจี้เล่าให้พี่ฟังแล้วว่ามันแกล้งทำเป็นแฟนไอ้ภูเพราะอยากให้ยีนหึง พี่กับจีจี้เป็นพี่น้องกันจริงๆ  ครับ เป็นฝาแฝดกัน คนส่วนมากเข้าใจว่าจีจี้เป็นน้องพี่ เพราะพี่ไม่เคยบอก เหมือนอย่างไอ้ภูนี่ที่คิดว่าจีจี้เป็นน้อง คงเพราะมันเป็นผู้หญิงด้วย”


คำอธิบายของพี่เจ๋งทำให้ผมตัวชา ไม่กล้าหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เลย ผมเข้าใจผิดเหรอ ไม่ใช่สิ ไอ้พี่ชมพูแม่งต่างหากที่ทำให้ผมเข้าใจผิด


“พี่.. พี่เป็นพี่น้องกันจริงๆ เหรอ”


“แล้วหน้าพี่กับจีจี้ไม่มีส่วนเหมือนกันเลยหรือยังไง”


ไม่ใช่คำถามย้อนกวนหรือว่าจะเอาเรื่อง เพราะพี่เจ๋งไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว เขาพูดเสียงนุ่มพลางยิ้มให้ผม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าเศษหน้าของผมโดนเหยียบจนละเอียดมากกว่าเดิม เหี้ยแล้วไง แล้วกูจะทำยังไงวะ


“ผมกลับแล้วนะ”


ไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยบอกคนอื่นๆ แบบนั้น ก่อนจะหมุนตัวหนีไปจากสถานการณ์นี้ ไอ้พี่ชมพูก็ยึกๆ ยักๆ มองเพื่อนมัน ผมเลยกระชากแขนมันออกแล้วเดินไปเลย ทนอยู่ไมไหว ถ้าอยู่นานกว่านี้ ผมต้องขายหน้ากว่าเดิมแน่ๆ


“กูกลับแล้วเหมือนกัน พวกมึงแดกกันตามสบาย”


ได้ยินเสียงแววๆ ของมันมาทางด้านหลัง ตามด้วยเสียงวิ่งเหยาะๆ ก่อนมันจะมาเดินขนาบกับผม มือใหญ่ดึงมือผมไปจับเอาไว้ เท่านั้นไม่พอ มันยังลากผมเดินไปทางห้องมันซะด้วย ถึงบ้านพักจะอยู่หลังติดกันก็เหอะ


“ผมจะกลับห้อง”


“อยู่ห้องกูเนี่ยแหละ”


“แล้วทำไมผมต้องอยู่ห้องพี่”


“ก็กูอยากให้มึงอยู่ด้วย”


มันอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ ที่ไม่น่าเห็นด้วยเลยสักนิด แล้วลากผมต่อ แต่พอเข้ามาในห้องแล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน


ไอ้ห่าตัวไหนแม่งทรยศกูวะ!!






ต่อด้านล่าง
v
v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 27-05-2012 03:36:25
ต่อจากข้างบน
v
v







“กระเป๋าเสื้อผ้าผมมาอยู่ห้องพี่ได้ยังไง”


“กูสั่งไอ้เคเอามาเองแหละ”


ไอ้สัดเคลม มึงนะมึง กี่รอบแล้วไอ้คนขายเพื่อน!!!


ผมเข่นเขี้ยวในใจ หมายหัวไอ้เคลมตัวดี เสือกนักนะเรื่องของกู แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ไอ้พี่ชมพูแม่งเสือกไวกว่า คว้ากระเป๋าผมไปอยู่ในมือได้ก่อน


“เอามา ผมจะเอากระเป๋ากลับ”


“ถ้ามึงจะเอากลับ กูไม่ให้”


“นี่มันกระเป๋าผม ผมมีสิทธิ์ที่จะเอามันไปไหนก็ได้”


“งั้นกูเป็นเจ้าของมึง กูมีสิทธิ์ทั้งกับมึงและกระเป๋ามึง”


“พี่เป็นเจ้าของผมตอนไหน ไม่มีเว้ย”


“เดี๋ยวกูทำให้เป็นก็ได้”


ไอ้เผด็จการแม่งยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย ผมเลยพุ่งตัวเข้าไปแย่ง ขี้เกียจพูดกับมันแล้ว แต่มันก็ยกกระเป๋าหนี ชูเหนือหัวเลย แล้วส่วนสูงผมกับมันต่างกันเกือบสิบเซ็นต์ แล้วกูจะเอายังไงวะแม่ง ผมกระโดด แต่... เชี่ย แม่งเอ๊ย กูยิ่งมึนๆ อยู่ กระโดดแล้วมึนกว่าเดิมจนเกือบหัวทิ่ม


มันเอนตัวหนี ก่อนจะโยนกระเป๋ากลับไปบนเตียงเหมือนเดิม แล้วเปลี่ยนมารวบตัวผมเข้าไปกอดแทน มันกอดแน่น ผมพยายามจะดันตัวมันออก แต่มันก็ไม่ปล่อยเลย กูจะหายใจไม่ออกแล้ว ไอ้สัด


“อยู่นิ่งๆ สิ”


“ทำไมผมต้องอยู่นิ่งๆ”


“ให้กูกอดไง”


เอาแต่ใจฉิบหาย แล้วทำไมผมต้องยอมให้มันกอดด้วยล่ะวะ


“ไม่ให้กอด”


“งั้นกูจูบแทนก็ได้”


พูดจบมันก็ดันท้ายทอยผมขึ้นแล้วประกบปากลงมาทันที ผมเบี่ยงหน้าหนีมัน แต่มันก็กดหัวผมเอาไว้ไม่ให้ขยับเลี่ยงไปไหนได้ ปากมันก็เอาแต่ดูดๆ ขบๆ ปากผม ลิ้นเปียกๆ ของมันเลียริมฝีปากล่างของผม ลากเลียอยู่นั่นแหละ พอนานเข้ามันก็เสียวว่ะ สุดท้ายผมก็ต้องเปิดปากให้มันสอดลิ้นเข้ามา


ผมจูบตอบมันกลับนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นพิธี แต่แม่งเสือกลากลิ้นผมเข้าไปในปากมันแล้วไล่ปล้ำอยู่นั่น ไปๆ มาๆ ผมเลยจูบมันอยู่นาน จากที่อยู่เฉยก็เริ่มจะคลุกเคล้าไปกับมัน จูบของมันให้ความรู้สึกอุ่นๆ อยู่ในอก หวิวๆ อยู่ข้างใน ผมมึนอยู่แล้ว มันเลยยิ่งห้ามความรู้สึกไม่ได้ เคลิ้มไปกับรสจูบนั่นจนกลายเป็นเอามือคล้องคอมันเอาไว้แล้วบดจูบกลับให้แนบแน่นขึ้น


“มึงเป็นแฟนกับกูแล้วนะ”


มันผละปากออกมานิดนึงแล้วพูดชิดริมปากของผม ทำให้เนื้อนิ่มๆ เสียดสีกันไปมา ต่างคนต่างหอบหายใจกับการจูบเร่าร้อนเมื่อครู่ ผมมองตามัน ในนั้นมีแต่เงาของผมสะท้อนอยู่ มีแค่ผมคนเดียว ก็แน่ล่ะ ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ามันมีแค่ผม แต่แววตาของมันทำให้ผมคิดอะไรไม่ออกเลย หัวที่ตื้ออยู่แล้ว ยิ่งตื้อกว่าเก่า แล้วพอขี้เกียจคิด ผมก็ตอบได้แค่


“อืม”


“มึงตกลงแล้วนะเว้ย”


“อือ”


“กูคงไม่ต้องถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานหรอกนะ พรุ่งนี้ตื่นมึงจะไม่ลืมใช่มั้ย”


“เออ ไปอาบน้ำได้แล้วไป เหม็นเหล้าฉิบหาย”


พอผมไล่มันเท่านั้นแหละ มันก็ฉีกยิ้มกว้างเลย เอาหน้าเน่าๆ ของมันเข้ามาใกล้ผมแล้วหอมแก้มไปฟอดนึง  แถมยังลากให้ผมไปที่ห้องน้ำ ทั้งที่ผมเป็นคนไล่ วันนี้กูอาบน้ำกี่รอบแล้ววะ ตอนเช้ารอบ หลังจากหายเป็นตะคริวก็อาบไปอีก นี่อาบอีกแล้ว แต่พอเห็นห้องน้ำแล้วก็ทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมา กูอยากจะด่าไอ้เหี้ยคนทำห้องน้ำมาก แสรดเอ้ย สมองมึงเท่าขี้มดหรือไง ถึงคิดได้แค่นี้


ตัวบ้านพักของรีสอร์ทที่นี่เป็นไม้เปลือย เห็นลายไม้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ มีการลงแลกเกอร์ทับเพื่อให้ดูสดอยู่ตลอดเวลา ผมยอมรับว่าแม่งสวยมาก แต่ไอ้เหี้ยห้องน้ำเสือกทำเป็นประตูแบบเลื่อน พอเลื่อนแล้วส่วนประตูก็จะเข้าไปซ่อนอยู่ในผนังไม้ ถ้ามีแค่นั้นก็คงดี แต่แม่งไม่ใช่แค่นั้น มันมีประตูอีกชั้นเป็นบานพับ แล้วไอ้แผ่นประตูนี่ก็ปิดแค่ช่วงไหล่ลงไปเท่านั้น เพราะงั้นถ้าไม่ได้ปิดประตูเลื่อน คนข้างนอกก็เห็นคนที่อาบน้ำอยู่ข้างใน ส่วนไอ้คนข้างในก็มองเห็นออกมาถึงข้างนอก


ใครแม่งออกแบบวะเนี่ย จะได้ไปกระทืบให้สมองไหล สาดดดดด


ไอ้พี่ชมพูมันให้ผมเข้าไปอาบน้ำก่อน และแน่นอนว่าผมต้องปิดประตูเลื่อนอยู่แล้ว แต่ว่าตอนมันอาบ มันเสือกเปิดเอาไว้


“ทำไมพี่ไม่ปิดประตู”


อาบน้ำแล้วทำให้ที่มึนๆ อยู่เมื่อกี้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ไม่ค่อยมึนเท่าไหร่แล้ว แต่ชักจะเริ่มง่วงขึ้นมาแทน


“กูก็ปิดอยู่นี่ไง”


ดูคำตอบมัน เหี้ยมาก


“แล้วไอ้ประตูเลื่อนเนี่ย จะโชว์หรือไง”


“เออ แต่มึงเห็นเหรอ”


ก็เห็นแค่หัวกับไหล่ล่ะวะ ไม่รู้จะทำทำด๋อยไร เปลืองไม้ ใช้ทรัพยากรของโลกอย่างไม่รู้คุณค่า รู้มั้ยว่าไม้ตัดมาแต่ละต้นมันทำให้อากาศเสียไปมากเท่าไหร่ ภาวะเรือนกระจก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เต็มโลกก็เพราะความคิดโง่ๆ ของคนสิ้นคิดที่ออกแบบกะเหรี่ยงแบบนี้ ห้องพักแม่งก็โคตรสวย วิวทิวทัศน์ก็ดี แต่เสือกทำห้องน้ำกระหลั่วมาก บลาๆๆๆ


ผมบ่นอยู่ในใจ แต่เสียงไอ้พี่ชมพูก็พาผมออกมาจากไอ้เรื่องห่าเหวนั่น


“มึงนั่งรอไป เดี๋ยวกูอาบแป๊บเดียว”


“แล้วทำไมผมต้องมานั่งดูพี่แก้ผ้าอาบน้ำด้วย”


“กูพอใจมั้ง”


แสรดดด มันหันมามองหน้าผมแล้วยักคิ้วกวนๆ ให้


“งั้นผมออกไปล่ะ”


“มึงลองออกไปสิ กูจะล่อนจ้อนออกไปลากตัวมึงกลับมา”


“เชี่ย”


ผมสบถ แต่ไอ้พี่ชมพูแม่งดันยิ้ม โรคจิตหรือไงวะ


“เอาป่ะล่ะ”


“แล้วทำไมพี่ต้องให้ผมรอด้วย”


“กูพอใจ”


เหตุผลแม่งน่าถีบมั้ยครับ


“เออๆ รีบๆ อาบ ผมง่วงแล้ว”


เพราะมันเป็นคนพูดอะไรแล้วทำจริง ผมเลยต้องยอมๆ มันไป แต่ผมก็ไม่ใช่โรคจิตที่จะมานั่งมองมันอาบน้ำหรอกนะ มองไปก็เห็นแต่หัว แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นหรอกที่ผมต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะพอมันเห็นว่าผมหันไปทางห้องน้ำ มันก็มายิ้มจิตๆ ให้ผม ทำเหมือนผมอยากมองมันซะเต็มประดา แล้วยังมีการมาถามอีกว่า


“มึงอยากให้กูเปิดประตูนี่ด้วยป่ะ”


“เชี่ย อาบไปเลย”


“กูก็นึกว่ามึงอยากดู”


ดูความคิดอุบาทว์ของมัน


ผมนั่งรอจนอาบน้ำเสร็จ พอมันแต่งตัวเรียบร้อยก็ตรงเข้ามาหาผม ลากตัวผมให้ล้มลงไปนอนบนเตียงกับมันด้วย ไอ้พี่ชมพูมันกอดผมจากทางด้านหลังเอาแขนพาดทับเอวผมไว้ ส่วนหน้ามันก็เอามาซุกไว้ตรงคอผม จนรู้สึกถึงความชื้นของผมที่เปียกหมาดๆ ของมัน


“ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้งวะ”


“รอให้มึงเช็ดให้ไง”


“เป็นง่อยเหรอ”


“โห พูดดีๆ กับแฟนหน่อยสิครับ”


“ผมไม่อยากมีแฟนเป็นง่อย โอเค้”


พอผมพูดแบบนั้นแล้วมันก็ยอมลุกแต่โดยดี เดินไปเป่าผมที่หน้ากระจก ส่วนผมก็เริ่มๆ เคลิ้มจะหลับ ตาปิดลงไปแล้ว แต่สมองยังสั่งการอยู่ยังไม่ปิดการรับรู้ไปเสียทีเดียว เลยรู้สึกได้ถึงรอยยวบของบนนอนที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะมีท่อนแขนมาพาดที่เอวอีกครั้ง หน้ามันก็กลับมาซุกที่คอผมเหมือนเดิม


“นอนดีๆ ไม่ได้หรือไง”


ไม่ได้ลืมตาหรอกครับ พูดทั้งที่หลับตาอยู่แบบนั้นแหละ ง่วงมาก เพราะจริงๆ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าแล้ว


“ก็กูอยากนอนกอดมึง”


“ร้อน ไม่ต้องมากอด”


“ร้อนเหี้ยอะไร นี่มันกันยา ไม่ใช่เมษา”


“ก็ร้อนเหมือนกันแหละวะ”


ผมย้อนแล้วก็ดึงแขนของมันที่กอดผมเอาไว้ออก ตายังปิดอยู่ รู้สึกเหมือนสติจะลอยล่องไปไกลแล้ว สงสัยคงเพราะแดกเหล้าเข้าไปด้วย เลยง่วงกว่าปกติ แต่พอดึงออกไป มันก็เอามาวางทาบอีก แถมยังสูดจมูกอยู่กับคอผม ตามด้วยใช้ปากของมันกดย้ำ


“อย่ายุ่ง จะนอน รำคาญ”


ถึงจะบอกมันไปแบบนั้น แต่มันก็ไม่หยุด หนำซ้ำยังดึงผมให้หันไปจูบมันอีก


มันบดปากลงมา เบียดพลางขบพลาง ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ มือร้อนๆ นั่นก็เริ่มยุ่มย่ามกับเสื้อนอนที่ผมใส่อยู่ มันสอดมือเข้าใต้เสื้อและไล่เรื่อยไปตามกล้ามท้องลอนเล็กๆ ของผม ปากมันก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ห่างจากปากผมเลย ไม่เว้นจังหวะให้หายใจด้วยซ้ำ จนผมต้องผลักมันออกเพื่อกอบโกยอากาศ กูชักนอนไม่สงบแล้ว


ผมปรือตาขึ้นมองมัน มันก็มองตาผม ก่อนจะก้มลงมาจูบอีกรอบ ผมผลักมันด้วยเรี่ยวแรงที่แทบไม่มี ปากก็พึมพำออกไปให้เสียงลอดออกมาเป็นช่วงๆ ตอนที่มันเปลี่ยนมุมจูบ


“อื้อ.. จะนอน... ง่วง.....ปล่อย”


“แต่พี่ยังไม่ง่วงนะครับ”


“อื้ออ ไม่เอา...แล้ว”


ดันมันให้ผละออกไปอีกแต่มันก็ไม่ยอมไป มือที่สอดอยู่ใต้เสื้อนั้นเลื้อยขึ้นมาวางทาบบนอกผม บดบีบกับเม็ดหยุ่นๆ บนนั้น ปากก็ซุกไซ้ไปตามซอกคอของผม แล้วผมยังรู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆ กดทับบนหน้าขาของผมอีกต่างหาก มันจะทำอะไรผมเนี่ย


ให้กูนอนก่อน กูง่วงงงงง















==========================
คราวนี้มาต่อเร็วแล้ว ชดเชยกับที่คราวที่แล้วมาช้านะคะ
พี่ภูกับน้องยีนได้เป็นแฟนกันสักที
แต่พอเป็นพี่ภูก็รุกเลยเชียว


ตอนนี้กำลังคิดว่าพอเฉลยเรื่องกราฟแล้วจะตัดจบเลยหรือเปล่าอยู่เหมือนกัน
รู้สึกตอนที่แล้วคนอ่านหายไปเยอะมากเลยค่ะ  หนีไปไหนกันหมดแล้วไม่รู้ :o12:


Undel2Sky



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 22 : หึง หวง ห่วง [21/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 27-05-2012 03:50:08
ได้เป็นแฟนกันแล้ว พี่ภูนี่รุกเร็วมาก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-05-2012 04:13:02
เป็นแฟนได้แปปเดียวจะเลื่อนขั้นเป็นสามีเลยรึไงจ๊ะ 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 27-05-2012 07:52:23
รุกเร็วมากพี่ภู หมันไส้เฟ้ยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 27-05-2012 08:41:48
รุกเร็วเชียวนะพี่ภู :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 27-05-2012 10:12:39
เป็นแฟนกันแล้ว....แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-05-2012 10:31:35
พี่ภูกะจะัพัฒนาความสัมพันธ์ให้ไปถึงขั้นสุดยอดภายในคืนเดียวเลยหรือคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 27-05-2012 10:50:00
พี่ภูอย่ารีบเลื่อนขั้น
ไว้ตอนหน้าจัดเต็ม :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-05-2012 10:53:24
เหอะๆ อีพี่ภู แกจะเอาสองขั้นเลยเหรอยะ เปนแฟน แล้วจะเลื่อนเปนสามีเลยเรอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 27-05-2012 11:13:38
อยากรู้จังเพื่อนๆพี่ภูเคยเห็นหน้าเกงยีนส์ตอนถอดแว่นยังคะ??
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 27-05-2012 11:42:00
พี่ภู ระวังจะโดนเท้าแนบหน้านะคะ น้องยีนเขาสู้คนนะเออ


 :กอด1: กินวีต้ารอ จะได้ตาใส ถ้ามี"อะไรๆ"จะได้เห็นชัดๆ อิอิ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 27-05-2012 11:43:41
เอาอีกๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 27-05-2012 12:33:48
สถานการณ์แบบนี้ฟันธงเลยว่า  "โดนกด"  แน่นอน  หึหึ   :haun4:    :haun4:   :haun4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 27-05-2012 13:32:10
จ๊ากตัดฉับเฉยเลย อ๊ากกกกกกกกก ค้างอย่างแรง
แหมๆๆพี่ภูรุกเร็วเลยนะ. น้องยีนส์จะรอดมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 27-05-2012 13:33:55
เป็นแฟนกันแล้ว เว้ยยเฮ้ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 27-05-2012 13:35:51
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 27-05-2012 13:51:34
ตอนต่อไปต้องมาต่อNCนะ :m16:   :angry2:

ไม่งั้นเราไม่ยอมจริงๆด้วย
 :serius2:

 รอตอนต่อไปอย่างใจจด ใจจ่อ :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 27-05-2012 14:00:57
มาต่ออีกเร็วๆนะครับบบ
ยังติดตามอยู่เน้ออ
เรื่องนี้สนุกดี อิอิ o13
เมื่อไหร่น้องเกงยีนจะเป็นของพี่ภูจริงๆซะทีเนี่ยยย :impress2:
ลุ้นๆๆๆๆๆ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 27-05-2012 16:58:05



   เหอะๆๆ ขนาดนี้แล้ว ยีนยังมีอารมณ์จะนอนอีกนะ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 27-05-2012 17:23:54
อาการกราฟนี่เดายากมากว่าเป็นอะไร
เป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่เพื่อนๆดูกังวลกันน่าดู


แล้วน้องยีนก็เลือกเพื่อน ทำเอาพี่ภูนอยด์ไปเลย
แต่นะอาการแบบนี้ ใครก็ดูเพื่อนก่อน
ส่วนคนรัก เอาไว้อธิบายทีหลังก็ได้
แต่ทำไมรู้สึกว่าน้องไม่ค่อยแคร์พี่เขาเลยอะ
แอบเคืองแทนพี่ภู 5555555



มีหวานอะมีหวาน ก็หัวใจทั้งดวงจะปล่อยให้เป็นอะไรได้ยังไง
เพื่อนก็ช่างแซวนะ ต่อปากต่อคำกันซะตรงเผง
พี่ภูก็ไม่ปล่อยโอกาส เพื่อนชงมา ปฏิเสธก็โง่แล้ว เน๊อะพี่ภู
ว่าแต่..เสียดายอะ น้องยีนไม่ยอมนอนห้องเดียวกับพี่ภู
อดส่องเลย



...................................




อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย
พี่ภูโคตรโรม๊านนนนนนนนนนนนนนน
ดีดกีตาร์ ร้องเพลงเสียงนุ่ม แล้วกระซิบติดหู
"เป็นแฟนพี่นะ"



ก็เข้าใจอิน้องยีน ยังไม่วางใจเรื่องชะนี
พี่เจ๋งก็ดันตอบไม่กระจ่างอีก
น้องเลยได้อาย สาดเหล้าใส่พี่เขาไปเต็มๆเชียว
หน้าแหกแบบนี้ก็ดีนะ น้องอายเดินกลับห้องดุ่ยๆ
เป็นโอกาศให้พี่เขาได้ฉุดเข้าห้อง
เข้าล็อคถูกใจเราพอดี หุหุฮุฮุ



จะตอบตกลงมันต้องสองต่อสอง
ปากแนบปาก ใจแนบใจกันแบบนี้สิ
มันถึงจะหวาน และซึมซาบกันสองต่อสอง


นึกว่าประตูห้องน้ำจะเป็นแบบกระจกขุ่น
พี่ภูได้มองหุ่นน้องยีน เลือดกำเดาพุ่งแน่
อ้อมกอดอุ่นหลังอาบน้ำใหม่ๆ
ซอกคอน้องยีนชื่นใจไหมล่ะพี่ภู
แต่แค่ซอกคอเรารู้ว่าพี่ภูคงไม่พอใจแน่
ไม่ผิดหวังกับพี่ภูจริงๆ ขึ้นคร่อมซุกไซร้ ลูบไล้บีบรัด
ลุ้นตัวโก่ง แล้วก็โดนคนแต่งหักหลังตัดฉับอีกแล้ว


อึ่ยยยยยยยยยย คับแค้นใจ มาต่อเร็วๆเลยน๊า
แล้วตอนนห้าห้ามจบ ลุ้นมาขนาดนี้
ต้องมีตอนที่เป็นแฟนจนถึงวบอกรักกันด้วยสิ
นี่แค่ชอบกันเองนะ เราจะติดตามคุรต่อไป อย่าท้อแท้นะ สู้ๆ

ปล.เราฮาน้องยีน กูง่วง กูจะนอน 5555555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 27-05-2012 17:57:35
อิพี่ภูรุกเร็วไปและ o12
อย่าเพิ่งตัดออกน้าาา
ถึงจะเฉลยแล้วก็อย่าตัดเลยน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 27-05-2012 19:08:52
เย้ๆเป็นแฟนกันแล้ววว  :mc4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 27-05-2012 20:06:00
แฟนไม่ทัน24ชม. จะเป็นสามีซะแล้ว ฮา!
รุกหนักอะพี่ภู!

ถ้าเฉลยกราฟ แล้วตัดจบนี่... = ทำร้ายกันมากกกกกก
ยังอยากติดตามเรื่องนี้ต่ออีกสักนิด อย่าพึ่งจบเลยยยยยยยยยย TT
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 27-05-2012 20:08:25
บทจะเป็นแฟนกัน ก็วื๊บบเดียว  :impress3: น่ารัก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 27-05-2012 20:38:46
แล้วคืนนี้เกงยีนจะได้นอนไหมเนี่ย ดูพี่ภูรุกจริงอะไรจริง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 27-05-2012 21:55:59
นั่นๆๆๆๆ พี่ภูจะเลื่อนขั้นแล้วว 555

จากแฟนเป็นสามี (?) -..-

รอตอนหน้าค่าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 27-05-2012 23:34:57
พี่ภูใจร้อนอ่ะ อยุ่ในสถานะแฟนแค่ไม่กี่นาที จะเลื่อนสถานะเป็นสามีซะล่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 28-05-2012 07:35:08
เป็นแฟนกันแล้ววว เย้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 28-05-2012 21:11:45
อะจะว่ะเฮ้ยย บทจะเป็นแฟนกันมันก็มาอย่างงี้เลยเนอะ
แอร้ยยย แอบน่ารักเบาๆนะเนี่ยตอนนี้
แต่เฮ้ยน้องยีน อย่าพึ่งหลับลูกลุกมาสู้อิพี่ภูมันก่อน
อย่าไปยอมมันมากลูกเดี๋ยวมันได้ใจ ฮ่าๆๆ
อ๋อ แล้วก็คนเขียนอ่ะ สู้ๆนะ
อย่าพึ่งรีบตัดจบสิ อย่างพึ่งทิ้งคนอ่านจิ่
สู้ๆจร้ะ อย่าพึ่งท้อนะ เราเป็นกำลังใจให้
เราตามอ่านทุกตอนเลยน้าจะบอก เพราะงั้นอย่าพึ่งทิ้งกันน้าาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-05-2012 22:43:05
ยังติดตามอยู่ไม่ได้หายไปไหนนะ อาจจะเพราะว่ามาต่อช้ามั้้ง คนก็อาจจะเริ่มหายไปบ้างไรงี้

มาต่อไวๆๆ น๊าาา พี่ชมภูรุกไวมากอ่ะ ตอบตกลงหน่อยก็จะกดแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 29-05-2012 05:09:40
เค้าเป็นแฟนกันแล้ววววว   :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 29-05-2012 18:01:01
กรี๊ดดด !! แอร๊ยๆๆ มาแล้ว ๆดีใจอ่ะ รอเรื่องนี้อยู่แล้ว
พี่ภูน่ารักเนอะ ขอเป็นแฟนต่อหน้าคนอื่น - -;
พี่ภูรุกไวมาก จะเลื่อนขั้นซะแล้ว เพิ่งจะได้เป็นแฟนเองนะเห้ย จะรีบเปนสามีเลยเรอะ!
มาต่อไวนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 31-05-2012 02:45:38
พี่ภูจัดเลย !!  :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 03-06-2012 16:09:58
จะรีบปั่นตอนใหม่นะคะ
ถ้าเสร็จวันนี้คงได้อัพค่ะ

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 03-06-2012 16:30:38
รอจ้ารอ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 23 : ยอมแล้ว [27/05/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 03-06-2012 16:58:02
ปูเสื่อรอ  :impress2:อิอิ ชอบเรื่องนี้มาก o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 03-06-2012 21:15:29
ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น
























ถึงจะบอกแม่งไปแบบนั้นแล้ว แต่มือที่ยังป้วนเปี้ยนอยู่บนตัวผมก็ยังไม่ละออกไป หนำซ้ำมันกดปากลงมาทับปากของผมแน่นขึ้น 


โอ๊ยยย กูรำคาญ กูจะนอน!


ผมโวยวายอยู่ในใจอย่างหงุดหงิด มือสองข้างพยายามดันตัวมันออก แต่มันก็ไม่หยุด เลื่อนปากลงมาไซ้ซอกคอของผม กดย้ำดูดหนักๆ จนคาดว่าต้องเป็นรอยแน่ๆ


“อื้ออ.... ไปไกลๆ ....จะนอน”


ผมบอกมันด้วยเสียงงัวเงียปนรำคาญ ต่อต้านมัน แต่แม่งไม่สนใจสักนิด ถกเสื้อนอนผมขึ้นแล้วเอาหน้าเข้าไปแนบซุกอีกต่างหาก โว้ยยย ยุ่งอะไรกับกูนักหนาเนี่ย!!


ลิ้นชื้นเลียไปตามร่องอกของผม ก่อนจะเลื่อนไปที่ยอดหยุ่นแล้วลามเลียมันอย่างสนุก อีกข้างก็ใช้มือว่างๆ บดขยี้อย่างเมามัน ทำให้ผมที่นอนสะลืมสะลืออยู่บิดตัวได้เล็กน้อยกับการกระทำของมัน และดูเหมือนไอ้คนตัวใหญ่จะลำพองใจ ลงลิ้นหนักขึ้น แถมด้วยกดจูบขบไปทั่วอกผม


แม้ว่าผมจะพยายามจะดันหัวมันออกสักเท่าไหร่ แต่ความพยายามของมันก็ล้นเหลือ ผมเลยตัดรำคาญไปด้วยการยกขาขึ้นถีบแรงๆ แล้วพลิกตัวซบกับที่นอน นอนอย่างมีความสุขต่อเมื่อไม่ถูกมารรบกวน


ผมนอนสบายอยู่สักพัก ก็รู้สึกถึงแรงกระตุกที่ขา พร้อมกับที่นอนที่ยวบยามลง แต่ก็ยังคงหลับต่อไป ไม่ให้อะไรมารบกวนการนอนได้ ผมไม่ชอบให้ใครมากวนตอนนอนเป็นทุนอยู่แล้ว เพราะงั้นเมื่อโดนกระตุกขาอีกครั้ง ผมก็ยกขาเตรียมถีบ และก็คงโดนไปเต็มๆ ถ้าไม่มีเสียงนี้ดังขึ้นมาเสียก่อน


“เฮ้ย อย่านะมึง”


ไม่ต้องคิดนานก็รู้ว่าเป็นเรื่องใคร ไอ้คนที่มันเผด็จการร่วมมือกับเพื่อนทรยศของผม ทำให้ผมต้องมานอนที่นี่นั่นแหละ


“มึงทำกูเจ็บไปรอบแล้วนะ”


ผมยังคงนิ่งเมื่อรู้ว่าเป็นไอ้พี่ชมพูที่มารบกวนการนอนของผม ไม่สนใจมัน ทำเหมือนมันเป็นอากาศไป แต่มันก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง


“มึงจะไม่ลุกขึ้นมาดูกูหน่อยหรือไงว่ากูเป็นยังไงบ้าง มึงทำกูเจ็บจนจุกเลยนะเว้ย”


หมีควายมันเรียกร้องความรับผิดชอบพร้อมเขย่าตัวผมไปด้วย  เขย่าแรงจนผมนอนต่อไม่ได้ ต้องสะบัดตัวอย่างหงุดหงิดแล้วลุกขึ้นมาด่ามัน


“กูจะ...” แต่เสียงก็เงียบไป เปลี่ยนเป็น “เฮ้ย พี่ไปทำไรมา ทำไมหน้าเขียวหน้าเหลืองงี้วะ”


“เพราะมึงนั่นแหละ” มันบอกแล้วยังกุมเป้าให้ดูอีก “มึงถีบโดนลูกกูเนี่ย”


“อ้าว ก็พี่อยากมากวนตอนผมนอนทำไมเล่า คนบอกจะนอนๆ ยังยุ่งอยู่ได้”


“มึงมาดูแลลูกกูเลยนะ เกิดกูทำพันธุ์ไม่ได้ว่าไง”


สาดดดดดด มีแฟนเป็นกูแล้วมึงยังหวังจะทำพันธุ์อีกเหรอ กระทืบให้แม่งเละคาตีนเลยดีมั้ย!!


“อยากทำพันธุ์อยู่ใช่มั้ย ก็ไปหาอีตัวแถวนี้มาดูแลลูกมึงสิ สัด!”


ผมว่าอย่างนั้นแล้วล้มตัวนอนเลย ไม่สนใจเหี้ยนี่ละ กูยอมเป็นแฟนมึง ยอมที่จะมีแฟนเป็นผู้ชายทั้งที่กูไม่ได้เป็นเกย์ ยอมทำตามความรู้สึกกู แต่มึงเสือกคิดแบบนี้เหรอ


“เฮ้ย เกงยีน มึงลุกขึ้นมาก่อนดิ กูไม่ได้หมายความแบบนั้น กูหมายถึงทำกับมึงต่างหาก”


“ไม่รู้ กูจะนอนแล้ว มึงจะว่ายังไงก็เรื่องของมึง”


มันเขย่าตัวผมเพื่อปลุกให้ผมลุกขึ้นมา แต่เปล่าประโยชน์ เพราะผมพลิกหันหลังให้มัน ไม่สนใจ แล้วกล่อมตัวเองให้หลับ แต่ก็หลับไม่สนิทนักหรอก เพราะนอนไปแค่แป๊บเดียวผมก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง รอบตัวเงียบกริบ เลยเดาว่าไอ้คนตัวโตมันคงนอนแล้ว จึงค่อยๆ ขยับตัวเอี้ยวไปมองทางด้านหลัง แต่ที่ไหนได้ ไอ้พี่ชมพูแม่งยังนั่งมองผมอยู่เลย มือมันก็กุมเป้าเอาไว้ คงยังไม่หายเจ็บล่ะมั้ง


“เกงยีน..”


“ทำไมยังไม่นอน”


ขัดก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมา เพราะไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น คำพูดที่พูดออกมาตอนไม่คิด นั่นคือความจริงที่อยู่ในใจไม่ใช่หรือไง


“กูเจ็บอยู่”


“สมน้ำหน้า”


ไม่ได้มีความเห็นใจมันเลย ผมตอบแล้วพลิกตัวกลับไปอีกครั้ง เมินมันอยู่อย่างนั้น แต่ไม่ถึงห้านาทีหรอก เพราะเสียงอ่อยๆ ของมันที่พูดออกมาเหมือนคนสำนึกผิด


“กูขอโทษ”


“มีอะไรต้องขอโทษ”


“กูหมายถึงมึงจริงๆ กูไม่ไปทำงั้นกับใครหรอก กูมีมึงแล้ว”


“...”


“หายโกรธกูนะ กูไม่เคยยยอมใครขนาดนี้ เหมือนมึงจริงๆ”


จะว่าไปมันก็จริง เถื่อนๆ ชอบใช้กำลังอำนาจอย่างไอ้พี่ชมพูนี่มายอมพูดเสียงอ่อน ขอโทษแบบนี้หาได้ยากแค่ไหน ตอนที่รู้จักกันแรกๆ มันยังอยากกระทืบผมทุกวันเลย ถ้ามองจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มันยอมลงให้ผมเยอะมาก พอคิดแบบนั้นแล้วก็เหมือนว่าใจตัวเองจะอ่อนลงหน่อยๆ


“ไปหาหมอมั้ยล่ะ”


“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็หาย”


“งั้นทายา?”


ผมลุกขึ้นมาถามมัน มันก็ส่ายหัว


“มึงแค่ดูแลนิดหน่อยก็พอ”


ผมงง จะให้กูดูแลอะไร ในเมื่อมันทำอะไรไม่ได้ แต่ไม่ทันให้นั่งงงอยู่นานหรอก ไอ้พี่ชมพูก็จับมือผมไปวางบนเป้า เชี่ยยยยยย!!!


ผมรีบกระตุกมือกลับ แต่มันจับเอาไว้ แถมยังมีการหน้าด้านบอก


“เบาๆ ดิมึง เดี๋ยวมันกระเทือน”


“แล้วพี่เอามือผมไปจับทำไม”


“ปลอบมันหน่อยนะ มันเจ็บหนัก”


ไม่ว่าเปล่า แม่งเสือกดึงบ็อกเซอร์ที่มันใส่เป็นชุดนอนคู่กับเสื้อยืดลงพร้อมกับกางเกงใน เผยท่อนลำโชว์ต่อหน้าผม ไอ้สัด กูไม่ได้อยากเห็นของมึง ไอ้เหี้ย!


“ปล่อย ผมไม่ได้อยากจับ”


“มึงอย่าใจร้ายนักดิวะ กูเจ็บนะ มึงทำกูเจ็บ ดูแลหน่อยจะเป็นไร ปลอบหน่อยนะครับ”


ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนกูเลย ผมพยายามยื้อมือของตัวเองออกมาจากไอ้ชมพูยักษ์ ก็ใหญ่สมตัวหมีๆ ของมันนั่นแหละ แต่ก็ไม่หลุด พอมันดึงกลับผมก็ดึงออก ชักกะเย่อกันอยู่แบบนั้นสักพัก เสียงร้องของไอ้พี่ชมพูก็ดัง


“โอ๊ยยย”


“เหี้ย เป็นอะไร”


ผมตกใจอุทานซะเต็มเสียงแล้วก้มลงไปดูของมันเลย เห็นไปเต็มตา จะนึกได้ก็กลายเป็นภาพติดตาไปแล้ว แสรดดด


“มึงทำกูเจ็บอีกแล้ว อย่าดึงกลับสิวะ กูเจ็บเว้ย”


“แล้วใครใช้ให้พี่ดึงมือผมกลับล่ะ”


“ก็กูอยากให้มึงรับผิดชอบ”


เอากับมันสิ มันพูดง่ายๆ เหมือนผมไปถีบพุงมันงั้นแหละ นี่มันคxยนะเว้ย ไม่ใช่หนังหน้ามึง


“แล้วจะให้ผมรับผิดชอบยังไง ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย พี่นั่นแหละทำตัวเอง ผมผิดตรงไหน”


“ไม่ผิดก็ได้ แต่มึงช่วยกูหน่อยนะ”


พูดแค่นั้นแหละ ผมก็ไม่ต้องถามแล้วว่ามันจะให้ผมช่วยยังไง เพราะมันจับมือผมให้ลูบไปกับพวงนั้น ทั้งแท่งทั้งลูก เชี่ยยยย เกิดมากูยังไม่เคยจับของใครนอกจากตัวเองเลย!


“มึงหน้าแดง”


แค่ที่มันเหยียดหยามด้วยการประจานสีหน้าของผมตอนนี้ยังไม่พอ มันยังโน้มหน้ามาหอมแก้มร้อนๆ ของผมอีก สาดเอ๊ย! ผมรีบดึงมือกลับ ไม่จับไม่ถูอะไรของแม่งแล้ว แต่มันก็กระเถิบตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะชิดกันอยู่แล้ว ไอ้พี่ชมพูจับมือของผมแน่นและบังคับให้ลูบต่อไป แล้วผมจะทำอะไรได้ ดึงออกเดี๋ยวแม่งก็จับอีก ถ้ากระชากออกมาเดี๋ยวมันก็ร้อง หาเรื่องให้ผมดูแลมันหนักกว่าเก่า


ผมลูบปลอบไอ้ตัวยักษ์ในมืออย่างนั้น ส่วนเจ้าของก็ปล่อยมือออกหลังจากเห็นแล้วว่าผมยอมปลอบใจส่วนเจ็บชองมัน ทั้งที่ผมไม่เข้าในใจเลยสักนิดว่ามันจะช่วยให้หายเจ็บได้ยังไง แต่ลูบไปลูบมาได้ไม่ทันไร ไอ้เหี้ยนั่นเสือกร้องไห้ ไม่ใช่ตัวพ่อหรอกครับ ไอ้ตัวลูกเนี่ยแหละ


“เชี่ย”


ผมกระตุกมือออกเพราะว่ามันเยิ้มใส่มือผมเนี่ยแหละ แต่ไอ้พี่ชมพูแม่งเสือกจับไว้ จับไว้ทำพ่อมึงเหรอ สาดดดด


“มันยังไม่หายเจ็บเลย มึงทำต่อสิ”


“ทำห่าอะไรเล่า เจ็บแล้วยังหื่นอีกนะ”


“น่าๆ อีกนิดนึงก็ได้”


“ไม่เอาแล้ว”


ผมสะบัดมือที่ถูกมือใหญ่ๆ นั้นจับไว้ออก แล้วลุกขึ้นจากเตียง จะไปล้างมือ แต่กลับโดนไอ้พี่ชมพูล็อกตัวแล้วลากลงเตียง แสรดดดดด ปล่อยกู! จ้องหน้ามันถลึง แต่มันก็ไม่ปล่อย เจ็บไม่เจียมนะมึง


“มึงทำให้เสร็จสิ”


“ไม่เว้ย”


“มันเป็นขนาดนี้แล้วนะ”


“ก็ทำเองสิวะ”


“แต่มึงเป็นคนทำให้เป็น”


“แล้วใครสั่งผม”


ผมจ้องหน้ามันกลับไปอย่างเอาเรื่อง แต่มันก็ไม่ยินดียินร้าย ก้มหน้าลงมาประกบปากผมเลย เบียดบดเข้ามาจูบคลึงกับปากผมอยู่นั่นแหละ จนล้มแผละลงไปกับที่นอน ผมพยายามดันมันแล้ว แต่มันก็แรงเยอะเกิน สาดดด นี่คนเจ็บเหรอวะ!


“อื้ออ..”


พยายามจะด่ามันให้ปล่อยออก แต่มันก็ให้โอกาสผมหายใจไม่ถึงเสี้ยววิและประกบลงมาใหม่ ดูดกลืนลมหายใจผมไปเกือบหมด จนต้องอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาทองเพื่อหาอากาศ แต่มันก็แปลงตัวเป็นมัจจุราช ยัดลิ้นชื้นๆ เข้ามากระหวัดรัดกับผมอีก แค่นั้นไม่พอ ยังจับมือข้างเดิมของผมกลับไปชักรูดกับส่วนนั้นของมัน


โดนเข้าไปอย่างนี้ จะให้ทำอย่างอื่นคงไม่ได้ ผมเสือกเคลิ้มจูบไปกับมัน มือก็ช่วยรูดรั้งให้ไอ้หมีควายย่อขนาดนั่นให้จนมันคับเต็มมือ มืออีกข้างของไอ้พี่ชมพูก็เลื้อยไปตามร่างกายของผม เสื้อนอนที่ใส่อยู่ถูกปลดกระดุมออกเกือบหมด ปากร้อนๆ นั้นประทับไปตามอก ลิ้นเปียกละเลงความชื้นบนจุดสูงสุดบนนั้น ดูดเลียมันจนผมรู้สึกเสียดเสียวขึ้นมา บิดตัวนิดๆ เพื่อหลบสัมผัสของมันทั้งที่มือก็ยังไม่ละการกระทำของตัวเอง


มันครางเสียงต่ำๆ พลางซี้ดปากให้รู้ว่ามันเสียวแค่ไหน ตอนที่ไอ้นั่นของมันกำลังเต็มมือผมอย่างนี้ น้ำขุ่นที่ค่อนไปทางร้อนอาบมือผมจนเปื้อนไปหมด แต่ผมก็ยังไม่หยุดมือของตัวเอง ทำแล้วก็ต้องทำให้เสร็จ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวมันก็มาเรียกร้องให้ผมได้อายอีก


ผมพยายามเร่งความเร็วให้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันเริ่มเด้งสะโพกเข้าหาผม ปากมันก็ยังคงรุกรานร่างกายของผมไม่เลิก มันเลื้อยลงมาต่ำจนถึงขอบกางเกง ใช้ปากคาบขอบยางยืดนั้นออก กางเกงตัวยาวของผมร่นลงไปจนเผยให้เห็นชั้นในสีดำที่สวมอยู่ แล้วใช้ปากที่คล้ายกับเป็นอาวุธในตอนนี้งับเบาๆ กับก้อนปูดโปนใต้ผ้านิ่มๆ ผืนบางนั้น จนผมสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะตั้งสติได้แล้วกระถดตัวหนี ปล่อยมือที่กำส่วนสำคัญของมันที่พองเต็มที่ แต่มันก็ดึงตัววผมไว้ แล้วเลื่อนตัวขึ้นมาจูบอีกครั้ง คล้ายกับเป็นการบังคับไม่ให้หนีไปจากสถานการณ์นี้ได้


“ทำต่อสิ”


ละปากออกมาได้นิดหน่อยก็ออกคำสั่งด้วยเสียงอ้อน ก่อนจะใช้ลิ้นของมันเกลี้ยกล่อมผมอีกครั้ง จนผมแทบจะระทวยอยู่ใต้ร่างของมัน มือที่ถูกรั้งเอาไว้ด้วยคำพูดก็เคลื่อนกลับไปหามันอีกครั้ง ชักรูดอย่างรวดเร็วถี่รัวจนในที่สุดมันก็พ่นน้ำขุ่นๆ นั้นออกมาเต็มมือผม


แต่จะแปลกมั้ยที่ผมรู้สึกดีที่น้ำมันขุ่นแบบนี้ ... มันคงห่างไปนานสินะ


“เสร็จแล้ว”


“อือ”


มันตอบแค่นั้นแต่ก็ยังไม่เลิกยุ่งกับส่วนล่างของผม ปากมันก็บดลงกับปากของผม ดูดดึงจนตอนนี้คงเจ่อบวมไปหมด ส่วนมือใหญ่ติดสากนั้นก็ล้วงเข้าไปในกางเกงเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ของผม จับมันเอาไว้เต็มมือก่อนจะจัดการรูดขึ้นลงอย่างเอาแต่ใจ ไม่ถามสักคำว่าผมต้องการหรือเปล่า


“ไม่ต้อง ผมไม่ได้ต้องการ”


“แน่ใจเหรอ”


คิ้วหน้าเลิกขึ้นพลางใช้ตาคมจับผิดผมจนรู้สึกว่าไม่กล้าสบตาสู้ เพราะเอาจริงๆ แล้วก็...


“มึงพองขนาดนี้แล้ว”


“ก็เพราะใครกันล่ะวะ!!”


มันหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจที่ถูกผมด่าสวน ไม่รู้สึกสำนึกเลยด้วยซ้ำที่ทำให้ผมต้องกลายมาเป็นแบบนี้ หนำซ้ำยังลงมือจัดการกับมันโดยที่มือและปากก็ยังวนเวียนเลาะเล่นไปกับตัวของผม ก่อนมือหนาจะเลื่อนลงต่ำแล้วค่อยๆ รุกรานในจุดที่ทำให้ผมตาเหลือกสะดุ้งสุดตัว


“อย่า!”


“กูไม่ทำหรอก สัญญา กูยังเจ็บอยู่ ถ้าเข้าไปในตัวมึง สงสัยไม่ใช่แค่ลูกกูจะร้องไห้ กูก็คงร้องด้วย”


มันพูดติดตลก แต่ผมก็ยอมเชื่อ มันเลื่อนมือที่ลงไปยุ่มย่ามกับก้นของผมออกแล้วเปลี่ยนมาตะบี้ตะบันชักมือกับส่วนกลางร่างของผม จนผมเองก็อดจะเด้งสะโพกไปตามจังหวะของมันไม่ได้ ปากขบเม้มเข้าหากันเพราะไม่อยากร้องครางออกมาเหมือนกับพอใจในการกระทำของมันสักเท่าไหร่ แต่ก็ห้ามยากเหลือเกิน


“อะ... อ้า”


มันจูบปากผมหนักๆ พลางเร่งจังหวะให้ เหมือนรู้ว่าผมอยากให้มันทำเร็วกว่านี้ กระทั่งในที่สุด ผมก็ถึงปลายทาง ปล่อยน้ำข้นๆ นั่นออกมาเต็มมือมัน หนำซ้ำยังเลอะมาถึงท้องของผมด้วย แต่จริงๆ แล้วมันก็เลอะตั้งแต่ไอ้พี่ชมพูมันปล่อยออกมาแล้วล่ะ แทบจะเละเทะเต็มตัวผม


นอนหอบหายใจอยู่หน่อยๆ เพราะไม่ได้ทำอะไรแบบนี้นานแล้ว มันก็จับมือผมไปวางแปะอยู่ที่ของมันอีกแล้ว ผมรีบชักมือกลับ มองหน้ามันอย่างตกใจ อะไรอีกแล้ววะ ของมึงพองอีกแล้วเหรอ!


“ทำให้กูหน่อย”


“ทำไปแล้ว”


“แต่มันอยากอีกแล้ว”


“ก็ทำเองดิวะ ไม่ทำให้แล้ว อยากหื่นเอง”


“ก็เพราะมึงนั่นแหละ


“ผมทำอะไร”


เถียงมันเข้าไว้ ตอนนี้เหนื่อยแล้ว ง่วงด้วย แต่มันก็ยังยัดเยียดข้อหาให้


“ก็ตอนมึงกัดปากโคตรเซ็กซี่เลย ปากก็แดงๆ น่าจูบ เสียงครางมึงอีก กระตุ้นกูฉิบหาย ตอนมึงบิดตัวเพราะความเสียว นี่ยิ่งทำกูพอง”


แสรดดดด กูถามเหตุผล ไม่ได้ให้มึงมาอธิบายห่าเหวอะไรนี่ มึงไม่อายแต่กูอายนะเว้ย ยิ่งคิดว่าผมเป็นแบบที่มันพูด ยิ่งอยากมุดหน้าหนี ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่เห็นมัน แต่โดนมันคร่อมอยู่แบบนี้เลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากพลิกตัวหันข้างแล้วสั่ง


“ไปเอาออกในห้องน้ำเลย ผมจะนอนแล้ว”


“แล้วมึงไม่ล้างตัวเหรอ เลอะแบบนี้”


“ไม่แล้ว จะนอน ไปได้แล้ว อย่ามากวน”


มันหัวเราะเสียงเบาๆ ก่อนจะบีบแก้มผมและลุกไป จะบีบทำไมวะ อยากหันไปด่า แต่ก็ไม่เสี่ยง เดี๋ยวเกิดมันนึกคึก ดื้อด้านให้ผมทำให้มันอีกก็ซวยสิ


ผมหลับตาลง ไม่สนใจไอ้คนตัวโตเรื่องมากนั้น ความง่วงเริ่มรุมเร้าเข้ามาจนเกือบจะหลับไป แต่ยังไม่ทันได้เป็นอย่างนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสเปียกๆ ที่ค่อยๆ ลูบไปตามตัว ผ้าขนหนูหมาดๆ เช็ดไปทั่วบริเวณที่เลอะคราบขุ่นซึ่งเราทั้งคู่ต่างปลดปล่อยออกมา ก่อนจะรู้สึกว่าเสื้อและกางเกงที่ผมลืมไปแล้วว่ายังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยถูกจัดลงในตำแหน่งของมันอย่างเบามือ เหมือนกลัวว่าผมจะตื่น


“ฝันดีนะ”


เสียงทุ้มดังเบาๆ หลังจากจูบลงบนหน้าผากของผม ร่างใหญ่ล้มตัวลงนอนข้างกันก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้ เสียงกระซิบสุดท้ายดังอยู่ข้างหู ...แผ่วเบา


“พี่รักยีนนะครับ”


จากการจูบหน้าผากเบาๆ ที่อ่อนโยนจนทำให้ผมใจสั่นเมื่อกี้ กระทั่งถึงคำพูดนี้... ทำให้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าคืนนี้ผมจะนอนหลับได้อย่างที่หวังไว้หรือเปล่า













-----------------
น้องยีนยังรักษาเอกราชของตัวเองได้ เพราะลูกถีบ  :laugh:

ตอนนี้ยังไม่จบนะคะ มีอีกครึ่งนึง
เฉลยเรื่องกราฟคงต้องโผล่ไปตอนหน้าแล้วล่ะค่ะ
เพราะว่าพี่ภูกับน้องยีนเข้ามาเสียบตอนก่อน
คราวนี้ไม่เลื่อนแล้วแน่ๆ

วันนี้ที่บ้านไฟดับสองรอบ ตื่นมา(บ่าย)ก็ปวดหัวอีก
กว่าจะหายก็เกือบๆ หัวค่ำ ถ้าไม่หายคงมาแต่งไม่ไหวแน่ๆ  :sad4:

ไม่รู้ว่าจะชอบครึ่งแรกของตอนนี้หรือเปล่านะคะ
แต่หวังว่าจะชอบ

Undel2Sky









หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Superstar ที่ 03-06-2012 21:29:39
กรี๊ดดดด เอกราชที่อยากให้พี่ภูเอาไปเหลือเกิน
ว่าแต่ เมื่อหร่ายยยยยยยยย~~~~~

น่ารักที่สุดเลย ><
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 03-06-2012 21:37:11
หมีควายน้อย เจ็บไม โดนพี่ยีนส์ถีบ ก๊ากๆ  :laugh:

ยีนยังรักษาเอกราชไว้   :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 03-06-2012 21:40:11
เมื่อไรเกงยีนส์จะเสร็จพี่ภูอะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 03-06-2012 21:49:22
พี่ชมภูหื่นโคตร
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-06-2012 21:49:51
เจอลูกถีบยีนเข้าไป ดีนะที่ไม่สูญพันธุ์
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 03-06-2012 21:58:21
 :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 03-06-2012 23:05:52
ถูกรังแกแบบนี่้ต้องสู้สิ พี่พู!  อย่ายอมโดนถีบ  จัดการให้เสียเอกราชไปเลยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 03-06-2012 23:39:20



   อื้อหืออออ คนนึงก็แสบ ส่วนอีกคนก็หื่นซะ
   จะได้ลงกันดีๆไหมเนี่ยคู่นี้




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 03-06-2012 23:59:36
แหม น่าเสียดายจริงๆ  o6

โอกาสหน้ายังมีพี่ชมภู  :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 04-06-2012 00:05:33
เมื่อไหร่น้องยีนจะเสียเอกราช   :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 04-06-2012 00:06:32
55 ลูกถีบพิฆาต

แต่แบบนี้น่ารักดีนะ เราชอบ รู้สึกว่าพี่ภูเอาใจยีนมากเลยอะ แววเกียมัวมาแต่ไกล 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 04-06-2012 01:26:58
พี่ภู กับน้อง เกงยีนต์ โคตรน่ารักเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 04-06-2012 01:55:22
แอบสงสารพี่พู ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 04-06-2012 05:53:21
อั๊ย อั๊ย อั๊ย
น้องยีนหนูจะบู้ล้างผลาญไปแล้วนะลูก
คือพี่เขาก็นัวแบบสุดชีวิต หนูก็ยังใจแข็งอยู่
หรือว่าพี่พูเขาอ่อนเอง ??


พี่พูนี่ก็รุกแบบหน้ามืดมาก
น้องไม่แต่พี่จะเอา
แล้วก็เจอลูกถีบของน้องเข้าไป
จุกหน้าเขียวหน้าเหลือง แต่ก็หยุดพี่ไม่ได้
พี่ก็ยังหาข้ออ้างให้น้องช่วยจนได้
แถมยังได้ทำให้น้องด้วย
ขัดใจคนอ่านแต่ก็อะอะอะ หยวน

ชอบที่น้องเริ่มหึงแล้ว
และชอบพี่ที่ถึงจะห่าม แต่ดูแลน้องอ่อนโยนมาก ><
เรื่องกราฟเลือนไปแล้วมีแบบนี้ให้ชื่นใจก็โอ
แต่อย่าเพิ่งตัดจบเชียวนะ มีโกรธอะ มีโกรธ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 04-06-2012 08:09:18
พี่ภูหื่นตลอดเวลา   :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 04-06-2012 09:38:57
มาแ้ล้ววว โอ้วว เกือยเสียเลือดแหน่ะ น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2012 10:06:41
ติดตามตอนต่อไปจ้า :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 04-06-2012 21:05:23
พึ่งตามมาอ่านค่ะสนุกมากๆๆๆๆๆๆเลย
แบบนี้ดีแล้วค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ฮี่ๆๆ
ชอบคู่นี่จัง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-06-2012 22:34:12
ชอบจ๊าๆๆๆ อิอิ

รอตอนเฉลยความลับของกราฟนะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 04-06-2012 22:53:48
 :z1: :z1: :z1: :z1: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 05-06-2012 20:08:28
 :o8:

 :กอด1: แฮ่ๆ  :o8:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 06-06-2012 18:29:22
อื้ออออ พี่ภู ชายเหนือชาย รักยีนมาก ยอมไม่ทำด้วย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-1 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [3/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 06-06-2012 22:49:41
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 07-06-2012 00:15:26
ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น



























ลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่กวาดตาไปเห็นก็คือไอ้ผู้ชายตัวโตที่กำลังดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอวหลังจากใส่กางเกงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และพอมันหันมาเห็นผม ก็เดินตรงเข้ามาหา ก่อนจะทำให้ที่นอนนุ่มยวบไปตามน้ำหนักที่ทิ้งลงมาใกล้ๆ ตัวผม


ริมฝีปากเย็นๆ ที่ผ่านการแปรงฟันมาแล้วกดทาบลงบนปากของผมหนักๆ หนึ่งทีก่อนจะถอนออกแล้วตามด้วยรอยยิ้มกว้างๆ บนหน้าของคนขี้ขโมย


ปากกูไม่ใช่โถส้วมนะเว้ย ถึงต้องมาปล่อยของเสียตอนเช้า!


“ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว สิบโมงแล้วนะมึง”


อยากจะด่ามันอยู่หรอก แต่ฟังมันออกคำสั่งแล้วก็ยอมลุกแต่โดยดี เพราะอยากไปหาไอ้กราฟเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันนอนหลับหรือเปล่า หรือมีอาการอะไรมั้ย พูดง่ายๆ ก็เป็นห่วงมันนั่นแหละครับ


พออาบน้ำเสร็จ ผมก็ตรงดิ่งไปหาไอ้กราฟทันที ส่วนไอ้พี่ชมพูก็เดินตามผมไปด้วย แต่เปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นว่าคนที่ผมมาหากับลุงรหัสมันเตรียมตัวเสร็จแล้ว กำลังนั่งกันอยู่บนเตียงพอดี


“อ้าว มาพอดีเลย”


พี่เจ๋งทัก ผมก้มหัวให้นิดหน่อยอย่างมีมารยาท ก่อนจะเดินเข้าไปหาไอ้กราฟ กระซิบถามมันเบาๆ


“เป็นไงมั่งมึง”


“ก็โอเค กูไม่เป็นไร”


ได้ยินมันพูดแบบนั้นแล้วก็ทำให้ผมยิ้มได้ ที่มันไม่มีอาการหวาดกลัวหรือไข้ขึ้นขึ้นมา แต่ไอ้ที่โดนมันสวนกลับมานี่สิ อยากจะยกตีนขึ้นมาถีบมันฉิบหาย


“แต่มึงคงไม่สบายเท่าไหร่ ใช่มั้ยวะ”


ไม่ต้องเจาะจง ผมก็พอรู้แล้วว่ามันกำลังหมายความว่าอะไร ก็ดูสายตาของไอ้เชี่ยกราฟ เสือกจ้องมาที่ต้นคอผมเลย


นี่กูอุตส่าห์ใส่เสื้อที่มันปิดๆ คอแล้วนะเว้ย อย่าสู่รู้นักได้มั้ยวะ!


“พี่ภูกวนมึงทั้งคืนเลยสิ”


“แสรดดดด”


ผมด่ามันไป แต่ว่ามันดันหัวเราะอย่างพอใจ แถมยังเอานิ้วมาจิ้มๆ ที่รอยบนคอผมด้วย แค่นั้นไม่พอ ยังพยายามเขี่ยเข้าไปใต้ปกเสื้อที่ผมเอามาปิดไว้อีก ไอ้สัด!


“พอได้แล้วมึงแม่ง”


ผมปัดมือมันทิ้งก่อนจะหันไปถลึงตาใส่ไอ้คนที่ทำให้ผมต้องกลายมาเป็นตัวตลกของเพื่อน แต่มันก็เสือกยิ้มๆ ให้ กวนส้นตีนฉิบหาย!!


“ไปกินข้าวกันได้แล้ว”


คนกวนส้นตีนบอกก่อนจะทำตัวเป็นแกนนำเดินออกจากห้องไปก่อน โดยมีพี่เจ๋งเดินตาม ไอ้กราฟตามต้อยๆ ส่วนผมก็ต้องรั้งท้าย ทั้งที่ไม่ได้อยากทำตามคนออกคำสั่งสักเท่าไหร่ แต่ท้องหิว จะให้เล่นตัวอยู่ก็ไม่ใช่เรื่อง


เดินไปถึงห้องอาหารก็เห็นพวกที่เหลือรออยู่ก่อนแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าไอ้กัสกับไอ้เคลมจะลุกขึ้นมาไหว เพราะอย่างพวกมันสองตัวน่าจะซัดกันจนสลบเหมือด เพราะได้แดกแต่ไม่ได้ขึ้นเตียงกับผู้หญิงที่ไหน น่าจะซัดเต็มคราบ แต่ว่าพอเดินไปถึงโต๊ะแล้ว ผมก็ตกเป็นเป้าสายตา


กูเกลียดรอยจูบเชี่ยๆ บนคอกูนี่!!


“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง น้องยีน”


เสียงพี่ปาล์มคนสวยที่ตอนนี้ผมอยากจะมองให้ไม่สวยแล้วถาม ทำไมถึงใช้ปากสีชมพูสวยๆ นั่นพูดจาหยาบคายกับผมแบบนี้


“ก็ไม่เป็นไงนี่ครับ”


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหน้าด้านตอบ ไม่เป็นไรจริงๆ ก็แค่...เสร็จคามือไอ้พี่ชมพู


นึกขึ้นมาแล้วก็ต้องกัดริมฝีปากแน่น ถึงตอนนั้นจะรู้สึกง่วงๆ อยู่บ้าง แต่โดนทำซะขนาดนั้น ไม่ให้ตื่นก็ไม่ไหว ผมเลยจำทุกอย่างได้แม่นยิ่งกว่าเอาซีดีมาเล่นซ้ำในหัวซะอีก แล้วแก้มกู อย่าแปลงร่างเป็นเตาอบได้มั้ยวะ!


“ไม่เป็นไงเหรอ”


แต่ดูเหมือนพี่ปาล์มจะไม่เชื่อในคำพูดของผมเลยสักนิดเพราะลากเสียงซะยาว แถมคนอื่นๆ ยังจ้องผมเป็นตาเดียวอีกต่างหาก ก็แน่ล่ะ หลักฐานค้ำคอขนาดนี้ ผมเลยหันไปจิกตาใส่ไอ้พี่ชมพูอีกรอบ เพราะมันคนเดียว ไม่รู้จักคิดซะบ้างว่าผมต้องโดนจับผิดแหลกลานและล้อเลียนทางสายตาขนาดไหน


“ผมว่ากินข้าวดีกว่ามั้งครับ”


“โอ๊ะ น้องยีนนั่งระวังๆ นะครับ”


ไอ้พี่แชมป์แม่งไม่ทิ้งลายเพื่อน ตอนแรกก็นึกว่าพี่แกจะเงียบๆ ขรึมๆ นะ แต่ตอนนี้เผยสันดานละ ผมหันไปเขวี้ยงตาใส่ แต่เขาก็ยิ้มล้ออีก เหี้ยเอ๊ย


“ผมไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องระวัง”


กระแทกเสียงกลับไปนิดหน่อย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แรงกว่าปกติให้รู้ว่าผมไม่ได้บาดเจ็บอะไรอย่างที่คนอื่นๆ คิด แต่แทนที่ทำแบบนั้นแล้วทุกคนจะเลิกยัดเยียดให้ผมโดไอ้พี่ชมพูนเสียบตูด กลับกลายเป็นได้ยินเสียงไอ้เหี้ยเคลมหัวเราะคิกๆ สนุกนักนะมึง


“อ้าว ไอ้ภูมันไม่ได้เรื่องเหรอเนี่ย”


พี่ต้นเอาอีกคน เมื่อคืนกินหมากันเข้าไปหรือไง ปากถึงเป็นสันนิบาตกันหมดแบบนี้ แล้วยิ่งไอ้พี่ชมพูดันเสือกพูดมากอีก


“มึงลองมาเป็นแฟนมันดูสิ จะได้รู้ว่าทำไมไม่ได้”


ผมยกขาขึ้นมาถีบแม่งเลยเพราะมันลงมานั่งเก้าอี้ข้างๆ ผมแล้ว แต่ไอ้พี่ชมพูก็จับขาของผมเอาไว้ ไม่ให้เตะมันได้อีก ไอ้สาดดดดด ปล่อยกูนะเว้ย!


พยายามดึงขาของตัวเองออกจากมือมัน ยื้อกันสักพักนั่นแหละ พวกที่เหลือก็คงพอรู้ว่าผมกับมันกำลังทำอะไรกันอยู่ใต้โต๊ะ เพราะอุดขำกันใหญ่ แล้วกว่าผมจะหลุดออกจากรงมือมันได้ ก็ตอนได้พี่ชมพูแม่งเด็ดขนหน้าแข็งผมเป็นค่าธรรมเนียมการถีบไปกระจุกนึงแล้ว ไอ้เหี้ย!!


พอผมเป็นอิสระแล้ว พี่เจ๋งก็เล่นต่อเลย


“แล้วมึงยอมให้ยีนเป็นแฟนคนอื่นเหรอวะ”


“ไม่!!”


ไอ้พี่ชมพูตอบเต็มปากเต็มคำ ผมก็โดนมองล้อเลียนโห่แซวไปตามระเบียบสิครับ มึงหน้าด้าน แต่ไม่ต้องพยายามพัฒนาหนังหนาของกูให้หนาขึ้นแบบนี้ก็ได้


กว่าจะได้กินข้าวกัน ผมก็โดนล้อแล้วล้ออีกไม่รู้ตั้งกี่รอบ เดี๋ยวแช่งให้สันนิบาตแดกจริงๆ ให้หมดเลยแม่ง!!






















พวกเราตกลงกันว่ารอให้บ่ายหน่อยจะออกไปตลาดแล้วซื้อของสดมาจัดปาร์ตี้ริมทะเลกัน ซึ่งก็ไม่มีปัญหานัก เพราะหาดแถวนี้ไม่ใช่หาดสาธารณะที่ใครจะเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่เห็นในพื้นที่นี้จะเป็นแขกของรีสอร์ทที่เราพักอยู่และรีสอร์ทข้างๆ จึงค่อนข้างเงียบสงบ


ก่อนเข้าตลาด พี่ต้นที่ต้องรับบทเป็นคนรถขับรถก็แนะให้เข้าวัดกันก่อน คนอื่นๆ ก็เออออเห็นดีเห็นงามด้วย ว่ามาต่างจังหวัดก็ควรสักการะวัดประจำจังหวัดตามธรรมเนียม ผมกับคนอื่นๆ รวมสิบคนจับกลุ่มกันเดินขึ้นโบสถ์


ไอ้พี่ชมพูก็ทำตัวแมนซะเหลือเกิน เดินไปบริจาคเงินแลกธูปเทียนดอกบัวมาให้ผม เหมือนกับที่พี่ต้นทำให้พี่ปาล์ม ส่วนคนอื่นๆ ก็ทำกันเองครับ ก็ดี มีคนคอยบริการ ทั้งที่ตอนแรกผมก็เดินไปกับคนอื่นๆ แต่ไอ้พี่ชมพูเสือก เอ่อ อยู่ในวัดห้ามพูดคำหยาบ พี่ชมพูดันมือไวคว้ามาให้ผมก่อน


จุดธูปจุดเทียนกันเรียบร้อยเราก็เข้าไปไหว้องค์พระประธานที่อยู่ภายในโบสถ์ นั่งฟังสวดจนจบบทแล้วก็กวดน้ำกัน ตอนนั่งอยู่รู้สึกเป็นเหน็บนิดหน่อย ลุกขึ้นมาทีนึงแทบจะเซ ขาไม่มีแรง เพราะนานแล้วที่ผมไม่ได้มาฟังพระสวดแบบนี้ แล้วก็คงรวมถึงคนอื่นๆ ด้วย เพราะเซจนเกือบล้มกันเป็นแถบ ยกเว้นพี่ต้นกับพี่ปาล์มล่ะนะ


ทำใจให้ผ่องแผ่วด้วยการทำบุญแล้วก็ออกมาจากโบสถ์ แต่ตอนที่ออกมาแดดค่อนข้างจ้ามากกว่าตอนมาถึง เลยยืนมองฟ้าตาหยีกันไปเป็นแถว จะมีก็แต่พี่ต้นกับพี่ปาล์ม ผมเห็นพี่ต้นเอาหมวกที่อยู่ในมือที่พี่เขาหยิบติดมือมาด้วยสวมให้พี่ปาล์มแล้วยิ้มให้กัน


คู่นี้น่ารักดีนะครับ เขาดูรักกันดี โดยเฉพาะแววตากับรอยยิ้มที่มีให้กันนี่ดูก็รู้เลยว่ารักกันมาก ไม่รู้ว่าคบกันมานานแล้วหรือยัง


ผมเห็นคู่พี่ต้นพี่ปาล์มแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ แล้วรอยยิ้มของมันผมคงไปกวนส้นเท้าของคนที่เดินอยู่ยืนอยู่ข้างๆ ล่ะมั้ง มันเลยมากระซิบข้างหูผม


“มองอะไรของมึง”


แต่ผมก็ไม่ตอบมันครับ อยากกวน วันนี้ทำให้ผมโดนล้อไปตั้งกี่รอบ ขายหน้าไปตั้งกี่ครั้ง อากาศร้อนขนาดนี้ผมยังต้องติดกระดุมคอเสื้อเพราะมัน


“ในวัดเขาห้ามพูดหยาบคายนะครับพี่ชมพู”


แถมท้ายด้วยยิ้มยียวนมันด้วย เลยโดยมันเอาอุ้งตีนหมีนั่นมาตะปบบนหัวแล้วขยี้ไปมาจนผมกระเซิง ผมพยายามเอามือมันออก แต่มันกลับสนุกกว่าเดิม ยีหัวผมไม่เลิก หนำซ้ำยังหัวเราะอย่างพอใจซะอีกที่แกล้งผมได้ จนพี่บอสทนไม่ได้มั้งครับ ถึงได้โพล่งขึ้นมาเสียงเรียบๆ


“ในวัดนะครับ คุณเพื่อนคุณน้อง ไว้ค่อยเล่น”


นั่นแหละ ไอ้พี่ชมพูถึงได้ยอมปล่อยมือจากหัวผมซะ แล้วพวกเราก็เดินไปขึ้นรถกัน


ผมรู้สึกสงสารพี่ต้นนิดหน่อยที่ต้องกลายเป็นคนขับรถของกรุ๊ปทัวร์เรา ไม่เห็นจะมีใครขับแทนมั่ง แต่ก็ดูว่าพี่เขาจะไม่เดือดร้อนอะไร เพราะมีกำลังใจดีๆ นั่งอยู่ข้างๆ ค่อยพูดคุย เล่นเอาผมมีความสุขตามเลยเวลาเห็นคู่นี้


“มองไอ้ต้นกับไอ้ปาล์มอีกแล้วนะ”


“แล้วผมอยากมองไม่ได้เหรอ มีตา”


ผมถามมันกลับ ทำหน้ากวนๆ ใส่ด้วย


“อยากเหมือนคู่นั้นบ้างเหรอ”


“ผมไม่ได้พูดอะไรสักคำ”


“แต่มองไม่หยุดแบบนั้น อยากล่ะสิมึง”


ผมก็ลอยหน้าลอยตาครับ ไม่ได้อยากเป็นอย่างนั้นหรอก แค่เห็นแล้วรู้สึกชอบบรรยากาศเวลาเขาอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง แล้วผมกับไอ้พี่ชมพูเหรอจะมีบรรยากาศหวานแหววแบบนั้น ยากกกก!! มันชอบหาเรื่อง เผด็จการ แกล้งผมอยู่เรื่อย กวนตีนอีกต่างหาก


ถึงตลาดเราก็กระจายตัวเลยครับ นัดแนะกันว่าใครจะไปซื้ออะไร จะได้เร็วๆ ผมก็เกาะกลุ่มเพื่อนหนึบ เพราะตั้งแต่ออกมาจากรีสอร์ท ไอ้สามตัวนี่แทบจะถีบผมออกมาจากวงโคจรของแม่ง คุยกันอยู่สามคน ไม่เฉียดเข้าใกล้ผมเลย ผมจะเข้าใกล้พวกมันก็ไม่ได้ เพราะโดนไอ้หมีควาย ที่จริงๆ มันก็ไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนั้น เพียงแต่สูงกว่าและตัวหนากว่าผม ลากเอาไว้ตลอด แม้แต่ตอนนี้มันยังลากผมไปซื้อกุ้งด้วยกันเลย แสรดดดด


“พี่จะลากผมทำไมเนี่ย ผมจะอยู่กับเพื่อน”


“มึงอยู่กับเพื่อนมากี่ปีละ มาอยู่กับกูมั่ง”


“ไรวะ”


ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินนำลิ่วไปแผงขายกุ้ง ดูไม่เป็นหรอกครับว่าแบบไหนสด แบบไหนดี แต่อยู่ริมทะเลแบบนี้ มันคงสดหมดนั่นแหละ เลยเลือกที่มันตัวโตๆ แล้วดูเนื้อแน่นๆ แม่ค้าก็จับชั่งกิโลแล้วใส่ถุงให้ ส่วนไอ้พี่ชมพูก็เป็นคนจ่ายเงินครับ


ตอนมันยื่นแบงก์ไปจ่ายอย่างรู้หน้าที่ แม่ค้าก็ยิ้มๆ ถาม


“พี่น้องกันเหรอจ้ะ นี่พ่อกับแม่คงให้มาซื้อของด้วยกันล่ะสิ”


คำระบุสถานะในสายตาคนอื่นทำให้ผมส่งยิ้มให้ พลางเหล่ตาไปมองไอ้พี่ชมพู มันก็ยิ้มให้เหมือนกัน ก็ดีแล้วที่แม่งรู้ว่าตอนไหนที่ควรจะปากมาก ตอนไหนที่ควรหุบปากเงียบ ลองมันแก้กับแม่ค้าว่าไม่ใช่พี่น้องแต่เป็นอย่างอื่น ผมได้กระโดดก้านคอมันแน่



ซื้อของเสร็จแล้ว ไอ้พี่ชมพูก็ลากผมไปเดินดูของอย่างอื่นต่อ แถมมีการชวนผมไปซื้อน้ำแข็งใสกินอีกต่างหากตอนที่เดินกลับไปที่รถแล้วเห็นรถเข็นจอดอยู่ตรงทางที่เดินผ่าน


ผมสั่งลอดช่องใส่ขนมปัง ส่วนไอ้พี่ชมพูสั่งทับทิมกรอบวุ้นมะพร้าว ก็ต่างคนต่างกินไปหลังจากเดินมาหยุดที่รถแล้ววางกุ้งที่ซื้อมาบนพื้นใกล้ๆ รถ แต่กินไปไม่กี่คำ ไอ้พี่ชมพูก็เอาช้อนมาจ้วงในชามผมซะงั้น สาดดดด มาแย่งกู!


งานนี้ยกชามหนีสิครับ จะให้มันมาแย่งได้ไง แต่มันก็ยังยื่นช้อนมาอีก แถมยังมีการประณามผมด้วย


“อย่างกดิวะ กูจ่ายเงินนะ”


เงินมันจริงๆ นั่นแหละครับ ก็ใครล่ะวะ พอกูจะล้วงเงินในกระเป๋ากางเกงมาจ่ายก็รีบส่งเงินให้แม่ค้าก่อน แล้วยังมีหน้ามาลำเลิกบุญคุณ


“งั้นผมจ่ายคืนพี่ก็ได้”


“ไม่เอาหรอก”


“เรื่องมากวะ”


“มึงแค่แบ่งให้กูคำเดียว จะเป็นไร”


เพื่อจะได้ตัดรำคาญ ผมเลยยื่นชามให้มันตักตามใจชอบ ไม่งั้นเดี๋ยวแม่งก็มางี่เง่า มันก็ตักไปกินคำนึง ผมก็กินต่อ แต่อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรนิ่มๆ เย็นๆ มาประกบบนแก้มของตัวเอง พอหันไปมองทางที่ต้นเหตุ ก็เห็นไอ้พี่ชมพูมันยิ้มๆ เลียปากตัวเอง สาดดดดดดด มาหอมแก้มกู!


“แทนคำขอบคุณที่ให้กินฟรีไง”


ผมยกขาเตะมันไป แต่มันก็กระโดดหนีพลางหัวเราะ ทำอย่างกับมีความสุขมากนักหนา หนีๆ ลูกเตะผมอยู่อย่างนั้นจนผมเบื่อจะทำ มันถึงได้อยู่นิ่งๆ แล้วตักขนมของมันมาจ่อปากผม


“กินสิ กูใจดี กูแบ่ง”


“นึกว่าอยากกินหรือไง”


เชิดหน้าใส่มัน ยักคิ้วเย้ยด้วย ที่ผมไม่มีทางทำอย่างที่มันต้องการหรอก


“อย่าเล่นตัวดิ กินๆ กูแบ่งเลยนะ”


แม่งพูดอย่างกับเป็นเรื่องหายากขนาดล้านปีจะเจอทีงั้นแหละ แถมยังพยายามยื่นมาติดปากผมให้ได้ แทบจะเละเทะเต็มปาก ผมเลยต้องยอมอ้าปากงับช้อนไป เพราะไม่แน่ถ้านานกว่านี้ มันอาจจะเอาทับทิมกรอบน้ำกะทินั่นละเลงหน้าผมก็ได้


แต่พอผมกินขนมที่ไอ้พี่ชมพูมันยัดเยียดมาให้เท่านั้น เสียงโห่จากคนอื่นๆ ก็ดังทันที เหี้ย มากันทั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมหันไปตวัดตาใส่ทุกคนที่มองยิ้มๆ ล้อเลียน โดยเฉพาะไอ้เคลม น่าถีบฉิบหาย


“กลับกันได้แล้ว”


เพราะไม่มีใครคิดจะเขยื้อนสักนิด เอาแต่มองผมอยู่นั่น ผมเลยโพล่งออกมาดังๆ ก่อนจะเดินไปอยู่ประตูรถเลย พี่ต้นก็ยอมปลดล็อกประตูให้ แต่ตอนขึ้นรถก็ได้ยินเสียงแว่วๆ มา เหมือนจะเป็นเสียงพี่แชมป์


“บอกแล้วไม่ต้องรีบกลับรถ จะได้เห็นของดี เชื่อกูยัง”


สาดดดดดดด
























กลับมามาถึงรีสอร์ทก็สี่โมงแล้ว พี่ต้นกับพี่ปาล์มเลยจัดการเตรียมสถานที่สำหรับปาร์ตี้คืนนี้ ซึ่งคราวนี้อยู่ริมชายหาดมากกว่าเมื่อคืน ส่วนคนอื่นๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเล่นน้ำทะเล ตอนนี้จึงมีปัญหาที่ผมต้องเผชิญว่าจะทำยังไงกับไอ้กราฟ ผมไม่อยากทิ้งมัน แต่ก็อยากให้มันได้สนุกกับคนอื่นๆ อยากให้มันชินกับการมองทะเล ให้มันทิ้งเรื่องราวในอดีตซะ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่ผมรู้แก่ใจดีว่ายากแค่ไหน


“กราฟ พี่เขาจะจัดปาร์ตี้กันริมทะเลเลยว่ะ มึงโอเคมั้ย”


ทั้งที่ไอ้กราฟรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังถามมันด้วยความเป็นห่วง


“ถ้ามึงไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะเว้ย เดี๋ยวกูอยู่กับมึงเอง”


“พวกกูด้วย”


ไอ้กัสเข้ามาสมทบอีกคน ไอ้เคลมก็ด้วย พวกเราต่างก็ห่วงมันกันหมด แต่ไอ้กราฟกลับส่ายหน้า


“กูไม่อยากทำให้พวกมึงเดือดร้อน”


“เดือดร้อนที่ไหนวะ เพื่อนกันทั้งนั้น”


ไอ้เคลมขยับเข้าไปกอดคอไอ้กราฟ ถ้าเป็นเวลาปกติมันคงไม่พูดจามีสาระน่าฟังแบบนี้หรอก แต่เพราะเป็นเรื่องไอ้กราฟ เรื่องของเพื่อน ไอ้เคลมเลยดูเหมือนเป็นอีกคนที่น่าเชื่อถือ


“กูขอบใจพวกมึงมากว่ะ แต่กูจะลองดู พวกมึงทำเพื่อกูมามากแล้ว”


“ถ้ามึงไม่ไหว ไม่ต้องก็ได้นะเว้ย”


ผมตบบ่ามัน ไม่อยากให้มันฝืนแล้วแย่เอาทีหลัง แต่ไอ้กราฟก็มุ่งมั่นมากในครั้งนี้


“ให้กูได้ลองก่อน กูเองก็อยากเอาชนะอดีตให้ได้”


“งั้นไปกัน”


ไอ้กัสบอกแล้วพวกเราสี่คนก็เดินออกไปที่ชายหาด เห็นพี่คนอื่นๆ ลงไปในเล่นน้ำในทะเลกันแล้ว ดีว่าไอ้พี่ชมพูถูกพี่แชมป์ พี่เจ๋ง พี่บอส ลากไปด้วยเพราะไม่อยากให้ตัวติดกับผมมาก ผมเลยได้มีโอกาสอยู่กับเพื่อนๆ บ้าง


ตอนนี้ลมทะเลกับกำลังเย็น แดดไม่แรงมาก ไอ้กัสกับไอ้เคลมถอดเสื้อกันโดยมีผมกับไอ้กราฟนั่งอยู่บนเสื่อที่พวกรุ่นพี่ปูทิ้งเอาไว้ แล้วพอถอดเสื้อเสร็จ ไอ้เคลมก็ล้มตัวลงนอนเลย


“กูว่าจะอาบแดดหน่อย มึงว่าดีเปล่าวะ กูผิวแทน กูคงเท่ขึ้น หล่อขึ้น มึงว่างั้นมั้ย”


“ตาตี่ๆ แบบมึงเนี่ยนะอยากดำ คงกลายเป็นปลาตีน ขาวจั๊วะแบบเดิมไปนั่นแหละดีแล้ว”


ไอ้กัสแย้งกลับ เอาตีนงัดตัวไอ้เคลมที่นอนแผ่ให้กลิ้งออกนอกเสื่อ


“มึงเป็นไงมั่ง”


ผมเปลี่ยนจากสนใจไอ้สองคนนั้นเป็นเพื่อนรัก ไอ้กราฟก็หันมายิ้มเจื่อนๆ ให้ผม


“ก็คงพอไหวอยู่....มั้ง”


คำสุดท้ายแผ่วเบาจนผมรู้สึกใจหวิวๆ ไปด้วย เลยต้องเลื่อนมือไปกุมมือมันไว้ มันก็หันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง


“กูจะอยู่กับมึง เชื่อได้เลย”


“กูรู้”


“มึงอย่าจู๋จี๋กันสองคนสิวะ เดี๋ยวพี่ภูก็มาแทะหัวมึงเล่นหรอกกราฟ”


ไอ้เคลมมันเลื้อยมาเสนอหน้าระหว่างผมกับไอ้กราฟ ก่อนเสียงไอ้กัสจะดังตาม


“สงสัยปากมึงจะศักดิ์สิทธิ์จริงว่ะไอ้เคลม”


หน้าหล่อๆ ของไอ้กัสพยักพเยิดไปทางทะเล เหมือนจะบอกให้หันไปดู แล้วพอหันไปก็จะจะเต็มตา ไอ้พี่ชมพูใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวเปียกๆ เดินมาทางพวกผม มันต้องมาขัดความสุขเวลาอยู่กับเพื่อนของผมอีกแน่


ถ้าปากไอ้เคลมศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ไอ้กัสว่า ผมจะไม่ให้มันพูดถึงไอ้พี่ชมพูอีกเลยจะดีมั้ย


“พวกมึงไม่ลงไปเล่นน้ำกันเหรอ”


“ไอ้กราฟลงทะเลไม่ได้”


ผมตอบ เพราะไม่อยากให้อึกอักกันนาน ไอ้คนถามมันก็พยักหน้าแบบเข้าใจ ความจริงมันก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าไอ้กราฟมีปัญหากับทะเล เพราะมันแสดงอาการตั้งแต่มาถึงแล้ว


“งั้นมึงไปซื้อน้ำกับกูหน่อยดิ”


“พี่ก็ไปเองดิ ทำไมผมต้องไปด้วย”


“กูอยากให้มึงไปด้วยไง”


ไม่พูดอย่างเดียว มันเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นแล้วก้มลงมาดึงมือผมที่จับกับไอ้กราฟให้หลุดออกเปลี่ยนเป็นมันที่มาจับแทน ไร้มารยาทเหี้ย! ผมถลึงตามองมัน แต่มันเมินเหมือนไม่เห็นว่าผมไม่พอใจที่มันดึงมือผมออก


“ผมไม่ไป”


พยายามบิดข้อมือของตัวเองออก แต่ไอ้พี่ชมพูมันก็จับแน่น ไอ้กัสกับไอ้เคลมมันเลยแย่งกันพูดใหญ่


“มึงไปกับพี่ชมพูเหอะ”


“เดี๋ยวพวกกูอยู่กับไอ้กราฟแทน”


แถมยังมีไอ้กราฟสนับสนุน


“มึงไปเหอะ กูอยู่ได้ ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็อยู่ ซื้อมาเผื่อกูด้วยล่ะ”


ในเมื่อพวกมันเสือกไสไล่ส่งขนาดนี้ ผมจะหน้าด้านอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องแล้ว เลยต้องยอมไปแต่โดยดี


นี่เห็นแก่ไอ้กราฟหรอกนะ ถึงได้ยอมไป


พี่ชมพูพาผมเข้าไปในรีสอร์ท ตรงจุดบริการเครื่องดื่มซึ่งตั้งอยู่ด้านนอกสำหรับแขกที่ออกมาเล่นทะเลโดยเฉพาะ มันซื้อทั้งน้ำเปล่า และน้ำมันมะพร้าวแบบเป็นลูก โดยที่ผมกับมันถือกันคนละสองลูก น้ำเปล่ามันก็ให้เขาใส่ถุงแล้วคล้องกับแขนมันไว้


“ถ้าพี่จะเรียกผมมาใช้แรงงาน พี่เรียกไอ้เคลมก็ได้นะ”


ผมเหน็บๆ มันไป มันก็ยิ้มๆ ยิ้มแม่งอยู่นั่นแหละทั้งวัน สงสัยสันนิบาตแดกจริงๆ


“ถ้าเรียกไอ้เคลมมา แล้วกูจะเดินไปยิ้มไปแบบนี้มั้ยล่ะ”


“ยิ้มดิ ก็พี่เป็นบ้าไง”


มันหุบยิ้มฉับเลย แล้วยกตีนขึ้นมาจะถีบผมบ้าง เหมือนจะเอาคืนตอนที่ผมทำมันก่อนหน้านี้ แต่ฝันเหอะว่ามึงจะเตะกูได้ ผมแบกมะพร้าวลูกใหญ่เต็มสองมือแล้ววิ่งหนีแม่งเลย ส่วนไอ้คนตัวโตก็วิ่งไล่เตะตาม


“อย่าให้กูจับได้นะ กูไม่เตะอย่างเดียว”


มันข่มขู่ แต่มีหรือว่าผมจะกลัว หันกลับไปแลบลิ้นใส่มันทั้งที่กำลังวิ่งอยู่


“กลัวตาย!”


“จับได้นะ จะปล้ำแม่งเลย”


“ทำได้จริงเห้อออออ”


ลากเสียงยาวท้าทายมันกลับไป ไอ้พี่ชมพูเลยรีบเร่งฝีเท้ามากขึ้น ก่อนจะตะครุบตัวผมได้ตอนถึงหาดแล้ว ใช้แขนทั้งสองข้างรัดตัวผมไว้ เพราะมือไม่ว่างสักข้าง ผมต้องขืนสุดแรงเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมกอดของมัน แต่เสือกทำไม่ได้ มือก็ไม่ว่าง ได้แต่ดิ้นไปมา หนำซ้ำไอ้พี่ชมพูแม่งยังวิญญาณหื่นกามเข้าสิง เอาหน้ามาซุกคอผม


“ปล่อยนะเว้ย ปล่อยๆ”


“เก่งจริงก็ออกไปได้เองดิ”


มันท้าทาย ผมก็สนอง พยายามเหวี่ยงตัวสุดแรง แต่ก็ไม่รอด ทว่าขณะกำลังดิ้นรนหาทางรอด ตาของผมก็กวาดไปเห็นตำแหน่งที่ผมเคยนั่งก่อนหน้านี้กับเพื่อนพอดี แต่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีใครเลย อยู่ๆ หัวใจของผมก็ชาวาบขึ้นมา


ผมมองไปรอบๆ บริเวณ หาคนที่ทำให้ผมรู้สึกหายใจติดขัด ก่อนจะรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นเมื่อเห็นไอ้กราฟ... เพื่อนรักของผมกำลังถูกใครบางคนฉุดกระชากลงทะเล












==================
ภูยีนก็หวานกันนิดๆ หน่อยๆ
ตอนหน้าจะได้เฉลยเรื่องกราฟแล้ว ยินดีกับทุกคนค่ะ ได้รู้สักที

ราตรีสวัสดิ์ นอนหลับฝันดีค่ะ


Undel2Sky



(http://upic.me/i/8l/03-hd.jpg)







หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 07-06-2012 01:10:57
อยากรู้เรื่องกราฟเต็มแก่แล้ว
พี่ภูนี่พอเป็นแฟนกัน หื่นแบบจัดเต็มมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-06-2012 01:31:20
ใครกระชากกราฟลงทะเล  :m16:

รอตอนหน้านะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 07-06-2012 01:31:58
น้องกราฟจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ยะ!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 07-06-2012 07:04:01
อ้าว เวง ใครมาฉุดกราฟนิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 07-06-2012 07:35:43
ใครกล้ารังแกกราฟย่ะ :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 07-06-2012 08:57:59
กราฟ!!! :a5:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Eshardy ที่ 07-06-2012 09:54:36
เกงยีนส์ หวานๆ มั้งนะ เดี่ยวเพ่ ชมภู ไม่สน ใจนะ

กราฟ ไปไหน  เป็นห่วงกราฟนะ   
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-06-2012 10:11:37
อย่าแกล้งกราฟนะ!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 07-06-2012 10:18:18
อยากรู้มาก กราฟอาการหนักมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 07-06-2012 10:52:02
 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 07-06-2012 12:05:50
ค้างงงงงง เกิดไรขึ้นอ่าาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 07-06-2012 12:36:32
น้องกราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ :'(


พี่ภู น้อง ยีนน่ารัก ฮา :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-06-2012 12:52:44
ใครมาฉุดกราฟ
ลงทะเลเนี่ย o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-06-2012 14:13:19
ขอให้การที่กราฟถูกฉุดลงทะเลในคราครั้งนี้กลายเป็น "หนามยอกเอาหนามบ่ง" ทีเทอะ..
อาการกลัวทะเลของกราฟจะได้หายๆไป อะไรๆที่มันเคยเกิดขึ้นในอดีตจะไม่ได้ทำร้ายกราฟได้อีกต่อไป
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 07-06-2012 18:02:39
มาแล้ว ๆ
ตอนหน้าแล้วสินะ ที่่จะได้รู้ว่ากราฟเป็นอะไรกันแล้ว ว่าแต่...? :confuse: ใครกันที่ลากกราฟลงทะเล
สนุกมากกก :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: AnimajuS ที่ 07-06-2012 20:23:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-06-2012 20:32:35
รีบๆมาต่อน๊า :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 07-06-2012 22:38:07
สู้ๆนะกราฟ เอาใจช่วยอยู่นะ

 :กอด1: กอดแน่นๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 09-06-2012 17:21:41
 o18 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 09-06-2012 19:55:43
โอ้ยยยยยยยยยย
มีมอร์นิ่งคิสสึกันด้วยยยย
พี่พูนี่ไวไฟจริงๆ
ตกลงเป็นแฟนกันไม่ทันข้ามคืน
พี่แสดงความเป็นเจ้าของแบบเต็มพิกัดมากๆ
งานนี้น้องยีนคงต้องทำใจให้ชินเร็วๆนะลูก
จะได้สมดุลกัน หนูก็หัดฝากรอยเป็นเจ้าของพี่เขาบ้าง


ออกจากห้องก็โดนรุมแซว
มันเป็นธรรมมะเนียมอะนะ
ข้าวใหม่ปลามันก็งี้แหละ
แต่อีน้องยีนอายก็แอบหน้ารักนะ


มีแอบมองคุ่รักตัวอย่างซะด้วย
อยากหวานแบบเขาก็บอกพี่พูไป อย่าปากแข็ง
มองแล้วมันมีความสุข อยากมีโลกสีม่วงฟุ้งกระจายบ้างช้ะ
แล้วพี่พูเขาก็จัดให้ มองตาก็รู้ใจ มีป้อนไอติม กริ๊วววววววว


สุดท้ายคนแต่งก็ทิ้งความอยากตัวมหึมาให้คนอ่าน
กราฟโดนใครรังแก กราฟโดนแกล้งหรือยังไง
กราฟโดนคนร้าย หรือพวกเพื่อนๆพี่ ช่วยกันทางอ้อม
หรือยังไง สงสัยไปหมด
มาเร็วๆนะคะคุณคนแต่ง อยากรู้อกจะแตกแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2012 20:07:02
รอจ้า รอๆ ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: BuI ที่ 09-06-2012 20:51:27
 o22 :a5: เกิดอะไรขึ้น!!!

 :m15: :pig4: รอมาต่อคับ :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 10-06-2012 09:39:07
พวกพี่ๆก็เห็นอยู่แล้วนะว่ากราฟมีอาการกลัวทะเลมากๆๆ
ทำไมยังมาทำกิจกรรมใกล้ๆทะเลกันอีก - -
แล้วแถมยังมีคนพยายามให้กราฟลงทะเลด้วยใช่มั้ยเนี่ย??

ตกลงพวกรุ่นพี่ห่วงรุ่นน้องกันจิงมั้ยเนี่ยย เห้อ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 11-06-2012 11:08:02



    อะอ้าว แค่หายไปแว้บเดียวเพื่อนหาย
    กราฟจะเป็นไรมากปะเนี่ย
    อย่าบอกนะว่านี่เป็นแผนของพี่ภูน่ะ




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ella ที่ 12-06-2012 15:50:31
ใครกันที่กล้าฉุด กราฟ ลงทะเล แล้วเครม กับ กัส หายไปไหน  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-06-2012 09:20:00
รอตอต่อไปจ้าาาา :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 24-2 : ใจเต้นและเกือบหยุดเต้น [7/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 21-06-2012 14:48:47
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-06-2012 21:34:34
ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร


























ผมทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาภาพที่เห็นอยู่โดยไม่สนใจเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ไม่สนแม้แต่ว่าไอ้พี่ชมพูจะวิ่งตามผมมาหรือเปล่า แต่วิ่งได้ไม่ทันไรก็ต้องกระชากแว่นที่ใส่อยู่ออกเพราะมันสร้างความรำคาญให้ผมเป็นอย่างมาก และเมื่อถอดแว่นออก ผมก็วิ่งได้เต็มฝีเท้ามากกว่าเดิม ตรงเข้าหาไอ้กราฟที่ถูกลากลงไปในน้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เกือบเท่าเอวมันแล้ว


ท่าทางของไอ้กราฟทุรนทุราย พยายามผละตัวออกจากไอ้สารเลว แต่เมื่ออยู่ในน้ำทะเลด้วยสภาพจิตใจแบบนั้น ไอ้กราฟก็เหมือนกับคนหมดเรี่ยวแรง มันสู้เขาไม่ได้ทั้งที่อีกฝ่ายตัวเล็กกว่า ผมพยายามฝืนแรงต้านของน้ำเพื่อเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุด แม้ว่าน้ำจะสาดกระเซ็นขึ้นมาเปียกผมเกือบทั้งตัว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องใส่ใจในเวลานี้ ไอ้กราฟสำคัญที่สุด


ผมต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อให้ตัวเองเข้าไปใกล้ไอ้กราฟได้ในเวลารวดเร็ว และมันก็เป็นอย่างที่ผมหวังเอาไว้ ผมไปถึงตัวไอ้กราฟได้ และผมก็มองเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าไอ้สารเลวที่ทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้คือใคร ...ไอ้ไนล์ที่ผมเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง ผมกระชากตัวไอ้กราฟออกจากมือสองข้างของคนที่ขนาดตัวพอฟัดพอเหวี่ยงกับผม แต่มันตัวเล็กกว่านิดนึง พอๆ กับพี่ปาล์มเสียมากกว่า


เมื่อไอ้กราฟเป็นอิสระจากหมอนั่นแล้ว ผมก็เหวี่ยงหมัดซัดใส่หน้าสวยๆ นั่นเต็มแรง จนมันหน้าหัน ก่อนจะตะโกนเสียงดังใส่


“มึงทำเหี้ยอะไร!!!”


เท่านั้นผมก็ลากไอ้กราฟเดินมาขึ้นฝั่ง แต่เดินมาได้แค่ไม่กี่ก้าว ไอ้เหี้ยนั่นก็กระชากไอ้กราฟไปทางมันอีก ผมหันกลับไปมองไอ้ไนล์ มุมปากมันมีเลือดติดอยู่นิดหน่อย แสดงว่าหมัดเมื่อกี้ผมคงเล่นมันเลือดกบปาก


“อย่าเสือกเรื่องของกู”


“เรื่องของมึงเหรอ ถ้าเรื่องของมึงจะทำให้เพื่อนกูจมน้ำตาย กูก็ต้องเสือก”


แล้วว่าผมก็ยกขาถีบมันไปอีกที ก่อนจะตะคอกใส่มันเสียงดังกว่าเดิม จนคนบนหาดอาจจะได้ยินเสียงผมก็ได้


“มึงไม่รู้เหี้ยอะไรก็อย่ามาเสือกกับเพื่อนกู!!”


“แล้วใครบอกว่ากูไม่รู้เหี้ยอะไร”


ผมทำหูทวนลมกับเสียงของมัน เพราะไม่เชื่ออยู่แล้ว ใครจะมารู้เรื่องไอ้กราฟได้ถ้าไม่ใช่พวกผม ผมดึงไอ้กราฟที่ตอนนี้เหมือนจะไม่มีสติเป็นปกติให้เดินตามมาด้วยกัน และก็เพิ่งเห็นว่าไอ้พี่ชมพูมันมาถึงตัวผมแล้ว


มันมาถึงผมช้ามาก แต่คงไม่ใช่เพราะมันช้าหรอก เป็นผมต่างหากที่ร้อนรนมาหาไอ้กราฟให้เร็วที่สุดอย่างสุดชีวิต แล้วพอไอ้พี่ชมพูมาอยู่ตรงหน้า ผมก็ใช้ประโยชน์จากความตัวใหญ่ของมันเลย


“พากราฟไปหน่อย”


สั่งมันไปแบบนั้น พี่ชมพูก็ทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมแบกไอ้กราฟขึ้นหลัง เพราะดูท่าผมจะลากมันไม่ไหว ถ้ายังมีมารผจญอยู่แบบนี้ และพอได้ที ผมก็หันไปหาไอ้เหี้ยไนล์


“ไม่ต้องตามพวกกูไปนะ ไอ้สัด ถ้าขืนมึงยังตามมา ได้กระเดือกตีนกูลงคอมึงแน่”


สั่งลามันแล้วผมก็ส่งสัญญาณให้พี่ชมพูพาไอ้กราฟขึ้นหาดไป ซึ่งผมก็เดินตามไปติดๆ ส่วนไอ้ไนล์ มันไม่ได้ตามแล้ว แค่ยืนมองตามเฉยๆ นั่นคือสิ่งที่มึงสมควรทำแล้ว


ขึ้นหาดไป พี่ชมพูก็ปล่อยไอ้กราฟให้นอนลงกับพื้นทราย โดยที่คนอื่นๆ ที่เหลือก็เริ่มมามุงกัน ทั้งไอ้กัส ไอ้เคลม พี่เจ๋ง พี่แชมป์ พี่บอส ขาดแต่พี่ต้นกับพี่ปาล์มที่คงไปล้างกุ้งหอยปูปลาอยู่ในบ้านพัก และพอเห็นหน้าไอ้กัสกับไอ้เคลม ผมก็อารมณ์ขึ้นทันที เดินเข้าไปประชิดมันทั้งสองคนที่หน้าเสียหน้าซีด และเขวี้ยงหมัดใส่หน้าไอ้กัสก่อนเลยคนแรก ตามด้วยยกตีนถีบท้องไอ้เคลมจนมันกระเด็นไปหลายเมตร


“พวกมึงเป็นเหี้ยอะไร ไอ้สัด กูบอกให้มึงดูกราฟ แต่มึงเสือกหายหัวกันไปหมด ไอ้เลว”


“กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจนะ”


ไอ้เคลมตั้งตัวได้ก็รีบสวนกลับมาทันที แต่มันยิ่งทำให้ผมอารมณ์ขึ้นหนักกว่าเดิม


“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ไอ้เหี้ย มึงก็รู้ว่าเพื่อนมึงเป็นยังไง แล้วมึงยังปล่อยมันไว้คนเดียว”


“พวกกูรู้ แต่ไอ้กราฟมันบอกว่ามันไม่เป็นอะไร มันอยู่ได้ ให้กูไปเล่นกับพวกพี่เขาได้”


“ไอ้กราฟพูดอย่างนั้นก็จริง แต่มึงกล้าทิ้งเพื่อนเหรอวะ กูไปคนเดียวยังไม่เท่าไหร่ เพราะกูรู้ว่ายังมีมึงสองคน แต่มึง... ไปกันหมด สัดเอ๊ย!”


“ขอโทษวะ พวกกูขอโทษ”


“อย่าโทษมันสองคนเลย พวกพี่ก็ผิดเหมือนกัน ที่ชวนมันไปเล่นเจสกีด้วย ทั้งที่ก็พอรู้ว่าไอ้กราฟมันไม่ถูกับทะเล”


พี่เจ๋งพูดมา ทำให้อารมณ์ ผมสงบลงได้นิดหน่อย แต่ผมก็ยังคาดโทษไอ้สองตัวนั้นอยู่ดี ถลึงตาใส่มันให้รู้เลยว่าไม่พอใจ แต่ก็ถูกมือใหญ่ๆ จากอีกคนจับแขนไว้ก่อน


“มึงมาดูกราฟก่อนดีมั้ย”


พี่ชมพูเรียก ผมเลยหันไปดูไอ้กราฟที่นอนอยู่ ตาของมันเลื่อนลอยมาก มากเสียจนผมรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที และยังไม่ทันให้ผมได้เดินเข้าไปหามัน ไอ้กราฟก็ลุกขึ้น เดินตรงไปยังทะเล ผมต้องรีบวิ่งเข้าไปดึงตัวมันกลับมา ไม่ให้มันทำอะไรบ้าๆ อย่างที่มันเคยทำมาก่อนอีก


“ไอ้กราฟ หยุด มึงอย่าทำอย่างนั้นนะ!!”


แต่แค่แรงดึงคงไม่ไหว เพราะไอ้กราฟยังมุ่งตรงไปที่ทะเลโดยไม่สนใจเสียงเรียกของผมแม้แต่น้อย ผมจึงเปลี่ยนเป็นกอดตัวมันเอาไว้แล้วผลักมันเข้าทางหาดอย่างเต็มแรง ดันๆ มันจนตัวของมันที่ใหญ่กว่าถอยห่างออกไปเหมือนตอนแรก


“กราฟ มึงมีสติหน่อยสิ นี่กูไง ยีนเพื่อนมึงน่ะ มองกูสิ!!!”


ผมตะโกนใส่มันเสียงดัง เพียงหวังให้มันรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้มันกำลังจะทำบ้าอะไร แต่สายตาของไอ้กราฟว่างเปล่า ไม่มีเงาผมอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย มันเอาแต่มองและพยายามเดินลงไปในน้ำผืนกว้างนั้น ผมต้องออกแรงซ้ำไม่ให้มันทำอย่างที่มันต้องการได้ จับมันเหวี่ยงลงกับพื้นทรายก่อนจะลงไปนั่งคร่อมทับท้องมันเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันลุกขึ้นมา


“กราฟ!! มึงมองกูสิวะ มึงอย่าทำแบบนี้”


แต่ไอ้กราฟก็ไม่ฟังเหมือนเดิม มันพยายามจะลุกขึ้นมาให้ได้ ผมต้องกดบ่าของมันเอาไว้สุดแรง ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าคนอื่นๆ เป็นยังไง เพราะในตอนนี้ความสนใจของผมทั้งหมดอยู่ที่ไอ้กราฟคนเดียว ผมกลัว... กลัวมันจริงๆ กลัวว่ามันจะทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีก ผมไม่อยากเสียเพื่อนไป


“มึงได้สติสักทีสิวะ มันไม่ใช่ตอนนั้นนะเว้ย นึกสิมึง มันผ่ามาสามปีแล้วนะเว้ย ไอ้กราฟ เรื่องมันจบแล้ว มึงเลิกโทษตัวเองสักที!!”


“...”


มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบผมเลย นอกจากจะดันตัวผมให้ลุกขึ้น ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่มีครั้งไหนที่ไอ้กราฟจะเป็นถึงขนาดนี้อีก มันเอาแต่จะลงทะเลอย่างเดียว แล้วดูเหมือนแรงของมันจะเยอะขึ้นด้วย เพราะตอนนี้ตัวผมแทบเซล้มลงไปบนพื้นเพราะไอ้กราฟมันผลัก ไอ้กัสกับไอ้เคลมที่คงคิดว่าผมสู้ไอ้กราฟไม่ไหวแล้วจึงเข้ามาช่วย จับแขนไอ้กราฟขึงคนละข้าง


“มึงฟังไอ้ยีนมั่งสิวะ!”


“กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้นะเว้ย!”


ไอ้เคลมกับไอ้กัสตะโกนใส่ไอ้กราฟ อยากให้มันได้สติสักที แต่มันก็ไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ ไอ้กราฟยังแววตาเลื่อนลอย และพยายามผลักพวกผมให้ปล่อยมัน


“กราฟ มึงลืมกูแล้วหรือไง ยีนเพื่อนมึงอะ มึงอย่าเป็นแบบนี้ดิวะ กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้นะ กูไม่อยากเสียมึงไป”


“...”


“ได้ยินมั้ย กูไม่อยากให้มึงตาย!!”


ผมตะเบ็งเสียงใส่มัน ไม่รู้ว่าดังแค่ไหน แต่หวังให้มันได้ยินเสียงของผมบ้าง สักนิดก็ยังดี ยิ่งภาพเหตุการณ์วันนั้นวนเวียนเข้ามาในหัวของผม ก็ทำให้น้ำตาคลอในตาผม แล้วร่วงลงมาใส่หน้ามัน


“กูรักมึงมาก รู้มั้ย มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุด มึงเป็นคนทำให้กูกลับมามีความสุขอีกครั้ง มึงจำได้หรือเปล่า ตอนที่แม่กูตาย มึงอยู่กับตลอด มึงทำให้กูเลิกเศร้า ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ง่ายๆ”


“...”


“มึงจำสัญญาของเราได้มั้ย มึงจะอยู่กับกู จะดูแลกูไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มึงจะทำเหี้ยอะไร”


ยิ่งพูด น้ำตาของผมก็ยิ่งหล่นลงมาเรื่อยๆ จนเปียกหน้าไอ้กราฟไปหมด


“กราฟ”


สุดท้ายเสียงของผมก็เหลือแผ่วเบา เรียกชื่อก่อนจะซบหน้าลงกับบ่าของมันแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลเปียกเสื้อไอ้กราฟ มือสองข้างกอดมันเอาไว้แน่น คงไม่มีเข้าใจความรู้สึกของผมได้ดีเท่ากับคนที่เคยเห็นเพื่อนรักกำลังฆ่าตัวตายกับตาเหมือนผม


“กราฟ พวกกูก็ขอนะ มึงอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลย ถึงกูจะไม่ใช่เพื่อนรักที่สุดของมึงเหมือนยีน แต่กูก็ไม่อย่าให้มึงทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ เรื่องนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ไม่ใช่ความผิดของมึง ไม่ใช่เลย”


เสียงของไอ้เคลมเศร้ามากอย่างที่ใครก็คงไม่เคยได้ยิน แต่นั่นเป็นความรู้สึกของมันจริงๆ ไอ้กัสเองก็พยายามพูดเสียงให้นิ่งที่สุด ทั้งที่เสียงของมันกำลังสั่น


“ถึงมึงทำแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก นี่มันคือชีวิตของมึง ไม่ใช่ของใคร มันแทนกันไม่ได้ ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมา แล้วพวกกูล่ะ พ่อแม่มึงล่ะ พวกกูรักมึงกันหมด แล้วมึงจะไม่รักตัวเองหรือไง”


“มึงได้ยินมั้ยกราฟ ไม่ใช่แค่กูคนเดียวที่รักมึง ห่วงมึง ไอ้ที่เหลือก็รู้สึก”


ผมผละออกมามองหน้ามัน มองลึกให้เขาไปในตา ในใจของมัน ให้มันรับรู้ความรู้สึกของพวกผมอย่างจริงจัง และคราวนี้ก็เหมือนไอ้กราฟจะสงบลงมาหน่อย มันมองตอบผม ทำให้ผมยิ้มได้นิดหน่อย


“อยู่กับกูตลอดไปนะ”


บอกมันแล้วผมก็ยื่นนิ้วก้อยให้มันด้วย กราฟก็มองตามอย่างลังเล ผมเลยพยักหน้า เชิงบอกให้มันเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกับผม เป็นคำสัญญา มันก็มองตาผม ก่อนจะเบี่ยงไปทางไอ้กัสกับไอ้เคลมที่จับแขนมันอยู่คนละข้าง ไอ้ทั้งคู่นั่นเลยปล่อยมือจากไอ้กราฟ แล้วไอ้กราฟก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับผม


“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่มึงเชื่อกู”


ผมยิ้มทั้งที่น้ำตายังคลออยู่นิดๆ ไอ้กราฟก็ยิ้มเหมือนกัน ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาก


“กูต้อง...ขอบคุณมึง....ต่างหาก” เสียงไอ้กราฟแห้งผาก แต่ผมก็ยังได้ยินทุกคำพูด “มึงช่วยกูอีกครั้งแล้ว”


“เพราะงั้น... ชีวิตนี้ของมึงเป็นของกู ถ้ากูไม่อนุญาต มึงห้ามทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีกนะเว้ย”


“อืม กูยกให้มึงทั้งชีวิตเลย”


“แล้วอย่าผิดสัญญาล่ะ”


ผมลุกจากตัวมัน แล้วก็ดึงมันให้ลุกขึ้นเหมือนกัน ถึงตอนนี้สภาพของไอ้กราฟจะไม่เป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ดีขึ้นครึ่งหนึ่งแล้ว แม้จะเห็นร่องรอยความเสียใจและรู้สึกผิดซ่อนอยู่ในแววตาของมันก็ตาม


“กลับห้องกันเหอะ กูอยากอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวฉิบหาย”


พอผมบอกแบบนั้น พวกเพื่อนผมที่เหลือก็ลุกขึ้นมา ตั้งท่าจะกลับห้องอย่างที่ว่า แต่ยังไม่ทันที่ผมได้เดินไปหรอก มือข้างที่ผมไม่ได้จับไอ้กราฟไว้ก็ถูกดึง ผมหันไปก็เห็นว่าเป็นมือของพี่ชมพูอย่างที่คิด คงไม่มีใครมาจับมือผมอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้หรอก


“มีอะไร”


“กูมีเรื่องจะคุยกับมึงหน่อย”


หน้าตาของไอ้พี่ชมพูจริงจังมาก ผมรับรู้ได้ แต่ก็ตอบกลับไปอย่างที่มันคงรู้สึกว่าใจร้าย


“เอาไว้ก่อนแล้วกัน”


“แต่กูอยากคุยกับมึงตอนนี้”


ไอ้พี่ชมพูมันไม่ยอม บีบมือผมแรงขึ้นอีกหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บ ดีแล้วล่ะ ถ้าทำให้ผมเจ็บเมื่อไหร่ล่ะก็ ผมคงหมดอารมณ์จะคุยกับแม่งเลย


“ผมไปส่งกราฟก่อนแล้วค่อยคุย”


“งั้นกูไปด้วย”


“ตามใจ”


ผมบอกแค่นั้นแล้วก็จูงมือไอ้กราฟได้เดินไปทางบ้านพักของมัน โดยที่มืออีกข้างที่พี่ชมพูจับไว้ก็ไม่ถูกปล่อยออก กลายเป็นว่าผมจูงไอ้กราฟให้เดินตามอย่างกับเด็ก ส่วนไอ้พี่ชมพูก็เกาะผมไว้เหมือนเด็กโข่ง ไอ้กัสกับไอ้เคลมเดินตามมาอีกที่ ส่วนพวกรุ่นพี่ที่เหลือก็มองอย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


ไปส่งไอ้กราฟที่ห้องแล้ว ผมก็บอกให้มันเข้าไปอาบน้ำ และฝากไอ้กัสกับไอ้เคลมให้ดูแลไอ้กราฟไปก่อน เพราะผมต้องเคลียร์ปัญหาที่ความจริงไม่น่าเป็นปัญหากับไอ้หมียักษ์นี่เสียก่อน


“มึงอย่าทิ้งไอ้กราฟอีกนะเว้ย ถ้าพวกมึงทำอีก ตายคาตีนกูแน่”


“เออๆ คราวนี้พวกกูไม่พลาดหรอก จะดูแลเท่าชีวิตเลย”


ไอ้เคลมตอบปนขำ ผมเลยยกตีนถีบมันไปหนึ่งที ข้อหากวนตีน มีแต่ไอ้กัสที่ตอบเป็นการเป็นงาน


“มึงไปเถอะ ที่เหลือกูจัดการได้”


“เออ ฝากมึงด้วยนะ ไอ้เชี่ยเคลมนี่พึ่งไม่ได้”


“ดูถูกกกกก”


คนที่โดนนินทาซึ่งหน้าลากเสียงยาว แต่ผมกับไอ้กัสไม่สนใจหรอก หันกลับไปด้านหลัง มองไอ้พี่ชมพูที่มันยังไม่คิดจะปล่อยมือผมเลย กลัวหลงทางหรือไงเนี่ย


“ไปได้แล้ว”


ผมบอกไอ้พี่ชมพูแล้วก็เดินนำออกไป มันก็ตามมาติดๆ กระทั่งถึงบ้านพักของมัน ไม่ใช่ของผมนะ เพราะจริงๆ ผมต้องอยู่กับไอ้กราฟ แต่มันใช้ความเป็นจอมมารของมันทำให้ผมต้องมาอยู่ด้วย


“ปล่อยมือได้ยัง”


แม้แต่ตอนไขกุญแจห้อง มันยังใช้มือเดียว ไม่ยอมปล่อยมือจากผม เพราะงั้นพอเข้าห้องแล้วผมถึงได้ถาม แต่ดูเหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านหรือยอมทำตามคำถามของผม ไม่แม้แต่จะตอบด้วยซ้ำ กวนตีนกูหรือไง


“ผมจะอาบน้ำแล้ว เปียกไปหมดแล้ว”


“...”


ไอ้พี่ชมพูยังเฉยอยู่ มันเอาแต่มองหน้าผม เหมือมีขี้หมาติดอยู่ที่ซอกจมูก จะเอายังไงกับกูเนี่ย


“พี่อยากให้ผมไม่สบายเหรอ”


ในเมื่อพูดธรรมดามันไม่สนใจ ผมก็ต้องกระแดะเพิ่มเสียงอ้อนเข้าไปอีก ฃีวิตนี้กูเคยอ้อนใครมั่งเนี่ย ถึงต้องมีมึงมาเพิ่ม แสรดดด


แต่ว่าได้ผล มันยอมปล่อยมือผมแต่โดยดี ทว่ามันก็ไม่วายบอก


“เร็วๆ นะ กูนั่งรอมึง”


“ผมต้องสระผมอีก เร็วไม่ได้หรอก”


ก็พยายามหาทางเลี่ยงไป จริงๆ ก็เพราะไม่อยากทำตามใจมันเท่าไหร่นั่นแหละ แต่มันทำไงรู้มั้ย มันเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วดึงมือผมเข้าไปในห้องน้ำเลย


“กลัวไม่สบายไม่ใช่เหรอ งั้นก็รีบอาบน้ำเสร็จๆ ชักช้าเดี๋ยวกูอาบให้นะ”


มันพูด แต่หน้านิ่ง เสียงนิ่ง ถ้าเป็นปกติมันต้องทำหน้าแบบแกว่งหน้าหาตีนผมแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เป็นแบบนั้น แสดงว่ามันเครียดมากจริงๆ แล้วมึงมาเครียดเรื่องอะไรเนี่ย
























ผมอาบน้ำเสร็จก็เป็นตาพี่ชมพูต่อ แต่ก่อนที่มันจะเข้าห้องน้ำไป ยังมีบอก


“มึงรอกูก่อน ห้ามหนี”


“เออ ตามมาขนาดนี้แล้วจะให้ผมหนีไปไหนอีก”


แล้วพอตอบมันแบบนั้น มันก็ฉีกยิ้ม ก่อนจะยอมเข้าไปห้องน้ำแต่โดยดี แต่แค่ไม่ถึงสิบนาทีก็ออกมา อาบน้ำเร็วฉิบหาย ผมยังเช็ดผมตัวเองไม่แห้งด้วยซ้ำ


มันแต่งตัวของมันไป หลังจากแต่งเสร็จก็เดินไปหยิบไดร์เป่าผมออกมา เสียบปลั๊กก่อนจะมานั่งข้างๆ ผมบนเตียง


“เดี๋ยวกูเป่าให้”


คราวนี้ผมไม่ปฏิเสธแล้วครับ เพราะว่าคราวก่อนที่มันให้ผมทำให้ ผมเสียเปรียบไปหลาอย่างแล้ว มันก็เป่าผมให้ มือใหญ่ๆ นั่นปัดผมไปมาเพื่อให้ลมร้อนเป่าได้ทั่วๆ แล้วพอมันจัดการผมเสร็จ ก็มาเรียกร้องให้ผมทำบ้าง วางแผนทวงบุญคุณใช่มั้ยมึง


ผมต้องลุกขึ้นมาคุกเข่าแล้วผมเป่ามันให้ เพราะมันสูงกว่า ให้ยื่นมือขึ้นไปเป่าก็ออกจะเมื่อยไปหน่อย แต่ว่าไอ้พี่ชมพูเสือกไม่นั่งเฉยๆ มันพลิกตัวกลับหลังหันหน้าเข้าหาผมแล้วใช้แขนสองข้างรวบตัวผมไปกอดอย่างโคตรถือวิสาสะ


“กอดทำไม”


ผมถามเสียงปนเขียว แต่ว่าไอ้คนกอดกลับตอบมาด้วยน้ำเสียงระรื่น


“กูอยากกอด”


“เหตุผลง่ายไปเปล่าวะ”


“ง่าย”


มันก็ตอบกลับมาอย่างหน้าด้านๆ ทั้งที่ไม่ยอมปล่อยผมออก แม้ว่าผมจะพยายามดึงตัวออกจากมันก็ตาม แต่มันก็ไม่ปล่อย ผมเลยจำต้องเป่าผมให้มันต่อไป ทั้งๆ ที่เป่าแล้วไอร้อนนั่นแทบจะเผาหน้าผมเพราะหัวมันอยู่ใต้คางผมเอง


“ถอยไปหน่อยได้มั้ย มันเป่าหน้าผม”


หลังจากประโยคนั้นของผม ผมก็ได้ยินเสียงมันหัวเราะ ก่อนจะยอมผละตัวออกมาเล็กน้อย แต่มือก็ยังกอดเอวผมอยู่ดี


“ทำตัวเหมือนเด็กติดพ่อ”


“มีแต่เด็กทำตัวติดแม่”


มันย้อนกลับมมาให้ผมทำหน้าหงิก ถึงจะเคยได้ยินแต่แบบนั้นก็เหอะ แต่ว่าผมเป็นผู้ชายนี่หว่า จะบอกว่เป็นเด็กติดแม่ได้ยังไง


“ปล่อยเลย”


“กูไม่ปล่อยหรอก” พี่ชมพูตอบประโยคนี้เสียงดัง ก่อนจะเบาลงเมื่อพูดประโยคต่อไป “กูอยากมั่นใจว่ามึงเป็นคนของกู”


“เป็นคนขาดความมั่นใจตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติออกจะบ้าอำนาจ ไม่สนใจคนอื่น เอาตัวเป็นใหญ่ตลอด”


“ก็ตั้งแต่หลงรักมึงนั่นแหละ”


คำตอบที่ย้อนกลับมาตรงๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกหน้าชาผสมร้อนอีกนิดๆ มึงจะพูดตรงไปไหน ไอ้สัด คิดว่ากูเขินไม่เป็นงั้นสิ


“บอกแล้วไงว่าถ้าคิดจะรักผมก็ต้องรู้จักเชื่อใจ”


ผมพยายมปรับสีหน้าให้นิ่งๆ พูดเป็นจริงเป็นจังหลังจากทบทวนประโยคของมันว่าหมายความยังไง พร้อมกับภาพซ้อนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผมแสดงออกว่ารักไอ้กราฟและห่วงใยมันมากแค่ไหน แล้วไอ้พี่ชมพูมันก็คงไม่สบายใจเหมือนเดิม


“กูรู้ กูทำอยู่ กูบอกตัวเองว่ากูเชื่อใจมึง ระหว่างมึงกับกราฟไม่มีอะไร แต่พอเห็นมึงห่วงไอ้กราฟ รักไอ้กราฟมากแค่ไหนมันก็ทำให้กูอดคิดไม่ได้ว่ามึงชอบกูจริงๆ หรือว่ามึงแค่หลอกตัวเองว่าชอบกู แต่จริงๆ แล้วมึงรักไอ้กราฟ”


เพราะคำตอบแบบนั้นมันเลยโดนผมตบกระโหลกไปหนึ่งทีเต็ม มันก็ทำหน้ายุ่งๆ แต่หน้าผมยุ่งยิ่งกว่า


“ผมกับกราฟเป็นเพื่อนกัน ความรักของผมที่มีให้มันมากก็จริง แต่มันก็มากในฐานะเพื่อน ฐานะคนสำคัญที่ช่วยเหลือผมมาตลอด แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ผมกับไอ้กราฟมันเลยคำว่าเพื่อนหรือคนรักมานานแล้ว ผมกับมันรู้ใจกัน รู้จักกันดีทุกอย่าง ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเราจะปรึกษากัน ไม่มีความลับต่อกัน มันเหมือนเป็นอีกจิตวิญญาณหนึ่งของผมก็ว่าได้”


ผมอธิบายเหยียดยาวเผื่อว่ามันจะเข้าใจในสถานะของผมกับไอ้กราฟบ้าง แต่ว่ามันกลับทำหน้าสลด


“นอกจากแม่ที่เสียไปแล้ว ก็มีป๊า พี่โซ แล้วก็กราฟ ที่มีความสำคัญกับผมที่สุด ไอ้กัสกับไอ้เคลมรองลงมา แล้วตอนนี้...”


ผมเงียบเสียงไปนิดนึง จ้องมองหน้าของไอ้พี่ชมพู อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกของผมให้มันได้รับรู้


“พี่ก็กำลังจะเป็นส่วนหนึ่งในนั้น มันอาจจะยังไม่เทียบเท่ากับคนอื่นๆ เพราะความรู้สึกของผมมันเพิ่งเกิดขึ้น แต่ผมเชื่อว่าถ้าเรายังมีความรู้สึกให้กันแบบนี้ พี่จะไม่เป็นรองไอ้กัสหรือไอ้เคลม”


“แค่กัสกับเคลมเองเหรอ”


เหมือนไอ้คนตัวโตแต่ขี้น้อยใจนั่นจะเข้าใจมากขึ้นนิดหน่อย มันถึงได้ตัดพ้อผมแบบนั้นได้


“คนเราจะทำอะไร ก็ต้องมาเป็นสเต็ปดิ พี่จะข้ามขั้นได้ไง”


“ใจร้ายชิบเป๋ง ทำให้คนเขาคอยกังวลตลอดแล้วยังต้องให้ฝ่าด่านยากๆ อีก ชีวิตมึงเป็นเกมหรือไงเนี่ย”


“คงงั้น”


ผมยิ้มๆ ก่อนจะดึงตัวออกมาจากอ้อมกอดหลวมๆ นั่น เอาไดร์ไปเก็บคืนที่ก็โดนมันเดินมากอดจากด้านหลังอีก


“ขาดความอบอุ่นเหรอ ถึงได้กอดผมจัง”


“ขาดจากมึงนั่นแหละ”


“เน่า”


ผมด่ามันกลับไปเต็มๆ แต่ก็ไม่วายอมยิ้มกับตัวเอง ตอนนี้ไอ้คนเผด็จการกลายเป็นเด็กไปแล้ว


“กูรักของกู ก็อยากกอด อยากจูบดิ”


ไม่พูดอย่างเดียว มันจับคางผมไว้แล้วดึงให้หน้าเอี้ยวกลับไปรับจูบของมัน ผมเลยต้องหมุ่นตัวกลับมาหามันด้วย เพราะไม่งั้นคอผมอาจจะหักได้ แต่ระหว่างที่ผมหมุนตัว มันก็ไม่ยอมปล่อยปากของมันให้ว่างจากปากผมเลย เป็นปลาซัคเกอร์หรือไงวะ


“พอ.. อือ ..พอได้แล้ว”


ผมบอกมัน มือก็ดันออกไปด้วย แต่โชคดีอยู่หน่อยที่มันยอมปล่อยแต่โดยดี ถ้าเป็นครั้งอื่น มันคงกดจูบผมให้หนักขึ้นกว่าเดิม


“ผมจะไปดูกราฟแล้ว ปล่อยให้ไอ้สองตัวนั่นดู ไม่รู้ว่าไว้ใจได้แค่ไหน”


“แต่มึงจะกลับมานอนกับกูใช่มั้ย”


มันทำหน้ามีความหวังนะ แต่สำหรับตอนนี้.. มึงคงต้องผิดหวังแล้วว่ะ


“ผมจะนอนกับกราฟ”


“มึงนอนกับกูก็ได้ ไอ้กราฟมันไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง”


“ผมยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นแบบนั้น กลัววว่ามันจะละเมอ ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆ หรือเปล่า”


ตอนพูดผมคงทำหน้าเครียดไปหน่อยล่ะมั้ง ไอ้พี่ชมพูถึงได้ทำหน้าเครียดตาม


“มันหนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอวะ”


“ก็... ประมาณนั้น”


“มึงเล่าให้กูฟังไม่ได้เหรอวะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้กราฟกันแน่ มันถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำให้มึงต้องคอยเป็นห่วงมันมากขนาดนี้”


“...”


“เกงยีน”


ผมเงียบ มันถึงได้เรียกอีกครั้ง แต่ที่ผมเงียบนั่นผมกำลังทบทวนความรู้สึกของผมอยู่ว่าผมควรจะบอกมันมั้ย ผมได้แต่มองตามันอย่างนั้นร่วมนาที มันเองก็มองผมอย่างแน่วแน่


“ก็ได้ แต่หลังจากคืนนี้นะ”


“มึงรับปากกูแล้วนะ”


“อืม”


ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรบอกพี่ชมพูเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ผมก็ตัดสินใจแล้ว ไม่อยากให้มันกังวลเรื่องผมกับกราฟอีก ไม่รู้สิ ผมอาจจะไม่ได้แสดงอาการอะไรเวลามันคิดมากเรื่องนี้ แต่ใจจริงแล้วผมก็ไม่อยากให้มันรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน


ผมคงรู้สึกชอบมันมากกว่าเดิมอีกนิดหน่อยล่ะมั้ง


และอีกอย่าง เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว มันเห็นอาการของกราฟอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นยังไง คงยากที่จะปล่อยให้มันสงสัยอย่างนั้นต่อไปได้


“งั้นกูเดินไปส่ง”


“ไม่ต้องก็ได้มั้ง อยู่แค่ข้างๆ นี่”


บอกมันอย่างนั้นก็จริง แต่ไอ้พี่ชมพูก็จับมือผมแล้วดึงให้เดินไปด้วยกัน เอากับมันสิน่า ใช้อำนาจเหมือนเดิม แต่ผมก็ยอมเดินไปแต่โดยดีเพราะยังไงผมก็จะเดินไปหากราฟอยู่แล้ว


และพอเดินมาถึงบ้านพักของไอ้กราฟ ผมก็ได้ดึงมือออกสักที พลางสั่งมันด้วย


“ผมฝากพี่สั่งข้าวให้ด้วยสี่จาน”


“อ้าว แล้วมึงไม่ไปกินที่หาดเหรอ ไอ้ต้นกับไอ้ปาล์มคงเตรียมกันจะเสร็จแล้ว”


“ขืนให้กินอาหารทะเลตอนนี้ ไอ้กราฟคงอาการกำเริบอีก พี่สั่งข้าวผัดหมูหรือข้าวผัดไก่ก็ได้มาให้ทีนะครับ”


ผมพูดเพราะๆ มันจะได้ตามใจ ซึ่งก็ได้ผลเพราะมันพยักหน้ารับแต่โดยดี


“ฝากบอกพี่คนอื่นๆ ด้วยนะผมกับพวกเพื่อนๆ ของโทษที่ไปร่วมสนุกกับพี่เขาไม่ได้ พวกพี่ๆ สนุกให้เต็มที่นะครับ”


“อืม กูจะบอกให้”


“ขอบคุณ”


ผมฉีกยิ้มให้มันเป็นการขอบคุณจากใจ ก่อนจะเดินขึ้นบ้านพัก แต่ก็แวบหันกลับไปดูมันหน่อย ซึ่งมันก็ยังไม่เดินกลับไปอย่างที่ผมแอบคิดอยู่ในใจ ผมเลยเดินกลับมาอีกรอบ มองมันก่อนจะรั้งหน้าของมันให้ต่ำลงมาแล้วแนบริมฝีปากของตัวเองที่ส่วนเดียวกันของไอ้พี่ชมพู มันดูจะอึ้งหน่อยๆ เพราะเบิกตากว้าง


“ไม่ต้องคิดมากเรื่องผมกับกราฟแล้ว เพราะถ้าผมจะรักใคร.... คนนั้นก็คงเป็นพี่....................มั้ง”


บอกมันเสร็จผมก็รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อนขึ้นมา เลยต้องรีบหันหลังเดินกลับ เปิดประตูออกอย่างรวดเร็วเพื่อจะสอดตัวเข้าไปหลบเลี่ยงไม่ให้มันเห็นหน้า แต่ไอ้พี่ชมพูนี่สิ ดันตะโกนซะเสียงดัง


“พี่จะรอวันนั้นนะ!!”


ฉิบหายเอ๊ย กูไม่น่าทำแบบนั้นเลย วิญญาณผีตายห่าที่ไหนมาสิงกูใช่มั้ยยยย!!!











อ่านต่อด้านล่าง
v
v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-06-2012 21:35:17
ต่อจากข้างบน
v
v












หลังจากเข้ามาในห้องไอ้กราฟได้ไม่นานเท่าไหร่ ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เพราะเห็นว่าผมมาแล้ว ผมเลยถือโอกาสถามไอ้กราฟซะเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นมายังไงกันแน่ แต่ไม่ใช่ตั้งแต่ต้นที่ผมไปกับไอ้พี่ชมพูหรอกนะ เพราะผมพอจะเดาๆ ได้อยู่หรอก ว่าพวกพี่ๆ เขาคงมาชวนไอ้กัสกับไอ้เคลมไปเล่นเจสกี ไอ้กราฟก็บอกให้ไป อยู่ได้ เหมือนตอนบอกผมแน่ๆ เพราะฉะนั้น เรื่องที่อยากรู้ที่สุดก็ไม่พ้น


“เรื่องมึงกับไอ้เหี้ยไนล์เป็นยังไงกันแน่”


ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้เรียกไอ้ไนล์แบบนี้หรอก เพราะไม่รู้จัก และไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องยังไงกับไอ้กราฟกันแน่ แต่ตอนนี้เรียกชื่อมันเฉยๆ ไม่ลง เพราะมันเหี้ยจริงๆ


“ก็ไม่มีอะไรหรอก”


“มึงอย่ามาโกหกกู กูเคยถามมึงแล้ว แต่มึงไม่ยอมบอกกู”


ผมทำหน้าเหี้ยมใส่ ไอ้กราฟเลยหัวเราะออกมาได้หน่อย อาการของมันดีขึ้นเรื่อยๆ ให้ผมเบาใจ


“กูกับมันมีเดิมพันกันนิดหน่อย”


“นิดหน่อยห่าอะไร มึงเดิมพันกับมันว่าใครจะฆ่าใครได้ก่อนเหรอ ไอ้สัด มันถึงได้ทำแบบนั้น”


“เปล่า”


“แล้วเดิมพันห่าอะไร”


ผมจ้องหน้าไอ้กราฟเขม็ง กดดันให้มันยอมบอกผมสักที ถ้ามันยังปิดบัง มึงได้เห็นอิทธิฤทธิ์กูแน่! และดูเหมือนมันจะเข้าใจว่าแววตาของผมกำลังสื่ออะไรอยู่  มันถึงได้ยอมบอกผมออกมา แต่พอฟังแล้วผมกลับไม่เห็นด้วยนัก


“มึงเลิกเลย กูไม่เห็นด้วย เดี๋ยวกูไปจัดการมันเอง แม่ง แล้วยังมาทำเพื่อนกูอีก”


“ไม่ต้องหรอกมึง เดี๋ยวกูจัดการเอง”


“มึงแน่ใจ”


“เออ เชื่อกู”


ไอ้กราฟบอกอย่างหนักแน่น ผมก็เลยยอมปล่อยประเด็นนั้นไป แต่ถ้าไอ้เหี้ยนั่นทำเพื่อนผมอีกเมื่อไหร่ล่ะก็ มึงได้คางเหลือง ซี่โครงหัก นอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่ กูไม่ทำแค่ต่อยกับถีบมึงอย่างวันนี้หรอก


ผมคาดโทษและคิดวิธีเอาคืนไอ้เหี้ยไนล์นั่นแล้วอาหารที่ผมฝากไอ้พี่ชมพูสั่งให้ก็มาเสิร์ฟที่ห้อง พร้อมกับไอ้กัสไอ้เคลมกลับมาด้วย พวกเราเลยจัดการกินจนเรียบแล้วไอ้เคลมก็ถูกพวกผมสามคนไล่ให้เอาไปวางไว้นอกห้อง เพราะไอ้กัสโทรบอกให้พนักงานมาเก็บแล้ว


จากนั้นเราก็ตั้งวงไพ่ เพราะไอ้เคลมเอามาด้วย เล่นกันนิดหน่อย ก่อนจะเข้านอน วิธีนอนก็ไม่ต่างจากก่อนหน้าสักเท่าไหร่ ก็ขึ้นไปกองๆ กันบนเตียงสี่คนนั่นแหละ แต่ก็นอนหลับกันได้อย่างดี จนรุ่งสาง ผมตื่นมาคนแรก ยังไม่หกโมงด้วยซ้ำ แต่จะหลับต่อก็นอนไม่หลับแล้ว สงสัยเมื่อคืนคงนอนเร็วไปหน่อย เพราะสี่ทุ่มเราก็ขึ้นเตียงกันแล้ว ปกติต้องเที่ยงคืนไม่ก็ตีหนึ่ง


ผมลุกจากที่นอนอย่างระมัดระวังไม่ให้คนอื่นตื่น ก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วกลับที่บ้านพักของไอ้พี่ชมพูแทน เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ออกมาก็เห็นว่าไอ้พี่ชมพูยังนอนอยู่เหมือนเดิม แต่พี่เจ๋งไปไหนไม่รู้ตั้งแต่ผมเข้ามาก็ไม่เจอแล้ว ทั้งที่คิดว่าคงจะนอนด้วยกัน


เดินเข้าไปดูมันใกล้ๆ แล้วคว้าโทรศัพท์ออกมา กะจะแอบถ่ายรูปตอนมันนอนหลับไว้แบ็คเมล์อะไรเทือกนั้น แต่พอไปยืนข้างเตียงเท่านั้นแหละ มันก็ยื่นมือมากระชากตัวผมให้ล้มลงไปนอนบนเตียง หนำซ้ำยังตะปบตัวผมเอาไว้ในอ้อมกอดไม่ให้หนีไปไหนได้อีก


“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”


ดิ้นหนีมันให้พอเหนื่อยแต่ไม่หลุด ผมก็หยุด มันยิ้มให้แล้วกดปากลงบนแก้มผมก่อนจะตอบ เอากำไรกับกูตลอด


“ตั้งแต่มึงเข้ามา”


“ทำไมตื่นง่ายจังวะ”


“กูรอมึงอยู่ ไม่รู้เหรอ”


“อย่าเน่าบอกว่าไม่นอนล่ะ”


ผมทำหน้าพะอืดพะอมใส่ มันก็ยิ้มแล้วก้มลงมางับจมูกผมซะงั้น เป็นหมาหรือไงวะ


“นอนดิ เรื่องอะไรกูต้องอดนอนรอมึงด้วย”


ไอ้แสรดดด ทีเมื่อกี้บอกว่ารอกูนะ แล้วกูก็บ้าคิดว่ามันจะทำแบบนั้น อาการหนักแล้วว่ะกู


“งั้นถ้าตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำ เหม็นขี้ปาก”


ผมไล่มัน มือก็ดันตัวควายๆ นั่นออกไปด้วย แต่ไอ้พี่ชมพูมันก็ดื้อด้านฉิบหาย ล็อกตัวผมกอดแน่นขึ้นแล้วมาจูบผมอีก เห็นปากกูเป็นโถส้วมอีกแล้วนะมึง


“เหม็นเท่ากันแล้ว”


พูดจบมันก็ผลุงตัวออกจากเตียงทันที สงสัยกลัวลูกถีบของผม ซึ่งก็จริงๆ นั่นแหละที่ผมเป็นอิสระก็ยกตีนขึ้นมาเลย แต่แม่งเสือกไหวตัวทัน


“รอกูอาบน้ำก่อนล่ะ เดี๋ยวออกไปด้วยกัน”


“ไปไหน”


“เดี๋ยวก็รู้”


แล้วไอ้พี่ชมพูก็เดินเข้าห้องน้ำไป ไม่ถึงสิบนาทีเหมือนเดิมนั่นแหละก็ออกมา แม่งขี้หรือเปล่าวะ


“ไป”


มันหยิบกุญแจห้องกับโทรศัพท์ได้ก็มาจับมือผมให้เดินไปด้วยกัน ผมก็งงๆ เดินตามมันไป จนมาถึงห้องอาหาร มันสั่งพนักงานว่าอะไรไม่รู้ เสียงเบาๆ ทั้งที่ยังจับมือผมอยู่ ผมเบื่อจะดึงออกแล้ว เพราะดึงมาตลอดทางก็ได้ผลเหมือนเดิม มึงจะลากกูไปไหนก็ตามใจมึงแล้วกัน


สักพักก็มีตะกร้าใบเล็กๆ ส่งมาให้ พี่ชมพูรับมาถือก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารไป ตรงไปยังทะเลที่อยู่ไม่ไกลนัก ตอนนี้ท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว แต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ออกมาจากขอบฟ้า มันพาผมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเหรอ? ผมถามตัวเองในใจ แต่ไม่ได้ถามมันออกไป


พี่ชมพูดึงผมให้นั่งลงข้างๆ บนพื้นทราย ไม่มีเสื่อปูรองทั้งสิ้น เพราะมันไม่ร้อนเหมือนเมื่อวานนี้ที่เราออกมาที่หาดกัน


“วันนี้วันสุดท้ายแล้ว”


“อืม”


ผมตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันจันทร์ แต่ผมไม่มีเรียนวิชานี้แล้ว จบคอร์สแล้ว อาจารย์แค่นัดไปแนะแนวข้อสอบที่จะสอบในอีกอาทิตย์กว่าๆ ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องเข้าก็ได้ ส่วนไอ้กัสกับไอ้เคลมก็คงเหมือนๆ กันมั้ง หรือไม่มันโดดเรียนกันเอง ผมก็ไม่แน่ใจ


“มึงชอบที่นี่มั้ย”


“ก็ดี”


ผมตอบแค่นั้น แต่ในใจพลางคิดว่าคงจะดีกว่านี้ ถ้าไอ้กราฟไม่เป็นไรเวลาที่เห็นทะเล คงมีความสุขและสนุกว่านี้เยอะ และผมก็อดคิดถึงบรรยากาศตอนที่ผมไปทะเลกับพวกมันตอนที่เรียนม.ต้นไม่ได้ มีแต่ความสนุกสนาน พวกเราหัวเราะกันเสียงดัง แกล้งกันไปแกล้งกันมา


คิดแล้วผมก็ยิ้มๆ กับตัวเอง อยากให้บรรยากาศแบบนั้นกลับมาอีกครั้ง แต่คงเป็นไปไม่ได้ จนกว่าไอ้กราฟจะหาย ซึ่งผมไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน หรืออาจจะไม่มีโอกาสเป็นแบบนั้นอีกเลย


“กูจะดีใจถ้ามึงชอบ”


“ผมก็ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบนี่”


เหมือนว่ามันจะแอบตัดพ้อหน่อยๆ ผมเลยสวนกลับไปแบบนั้น ซึ่งก็ทำให้ผมยิ้มได้ แต่ไม่มากนักหรอก


“มึงบอกว่าก็ดี”


“ชอบครับ ชอบมาก ชอบสุดๆ”


ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ฉีกยิ้มให้มันไปจนเห็นฟันครบทุกซี่เลยมั้ง มันเลยหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าผมประชด เอามือใหญ่ๆ นั่นมาขยี้ผมของผมจนยุ่งกระจาย ผมจึงต้องปัดมือให้ออกไปมั่ง ไม่งั้นผมคงพันกันยุ่งเป็นสังกะตัง มันเลยเปลี่ยนเป็นเอาแขนมาโอบรอบเอวผมแทน หนำซ้ำยังดึงตัวผมให้เข้าไปใกล้มันอีก


มึงเป็นหมาจริงๆ สินะ ถึงได้ชอบมาซุกๆ ไซ้ๆ คลอเคลียเจ้าของ


“มึงว่าถ้าจูบกันตอนพระอาทิตย์ขึ้นจะโรแมนติกป่ะวะ”


“ไม่อะ”


ทั้งที่ผมตอบมันไปแบบนั้นนะ แต่ไอ้พี่ชมพูกลับช้อนคางผมขึ้นรับจูบที่มันป้อนมาอยู่ดี แล้วดันบังเอิญเป็นตอนที่พระอาทิตย์ผุดขึ้นมาจากทะเลพอดี แบบ..มึงจะตรงเวลาไปมั้ย!!


พี่ชมพูทั้งจูบทั้งดูดปากผม แค่นั้นไม่พอยังแหย่ลิ้นเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของผมซะอีก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผลอเปิดปากให้มันเข้ามาทำการอุกอาจนี้ยังไง แต่ตอนนี้... ก็เคลิ้มตามมันไปแล้ว


มึงจูบเก่ง จูบเก่งเกินไป ชีวิตกูรันทดเลย แสรดดดด


ปล่อยให้ไอ้หมีตัวโตมันจูบจนสะใจ ปากผมบวมเจ่อไปหมดแล้ว มันถึงได้ปล่อยปากผมออกมา แต่ก็ไม่วายเลียปากผมเล่นอีกสองสามที สงสัยปากกูมียาบ้าแน่ๆ มึงถึงได้ติดขนาดนี้ ถึงผมจะรู้สึกดีเวลาจูบกับมันก็เหอะ แต่ผมก็ไม่ได้บ้าเหมือนมันนะ


“ปากมึงบวมเลยว่ะ”


แค่ประทุษร้ายปากผมไม่พอ มันยังประจานอีกด้วย ผมเลยขึงตามองมันซะ


“ก็เพราะใคร”


“ปากเป็ด”


“ปากหมา”


มาด่าผมปากเป็ด ก็สวนสิครับ แต่แทนที่มันจะโกรธ มันเสือกหัวเราะอีก มึงเป็นบ้าไปแล้ว จับส่งศรีญญาทันมั้ย


“ถ่ายรูปกัน”


“ไม่”


มันชวน แต่ผมปฏิเสธ ปากกูบวมขนดานี้ มึงคิดจะเอาไว้ประจานกูล่ะสิ


“ทำไมวะ แค่ถ่ายรูปเอง”


“ชอบถ่ายรูปตอนผมหน้าตาอุบาทว์นักหรือไง”


“ใครบอก ตอนนี้มึงน่ารักมากต่างหาก”


ไอ้เหี้ย อยู่ดีๆ มันก็จ้องหน้าผมแล้วพูดแบบนี้ออกมา ผมถึงกับใจกระตุกขึ้นมาเลย แสรดดดด มึงพยายามจะทำให้กูเป็นตุ๊ดใช่มั้ย ไอ้หมีควาย!! หน้ากูตอนนี้คงแดงเป็นตูดลิงกินยาถ่ายขี้จนตูดระบมแล้วมั้ง


มันเผด็จกาจลากผมเข้าไปติดกับตัวมันมากกว่าเดิม แล้วชักโทรศัพท์ออกมาเตรียมถ่ายเลย ผมเห็นหน้าตัวเองในโทรศัพท์ของมันก็ต้องหันหนี


“มึงจะให้กูถ่ายใหม่ หรือจะให้กูใช้รูปนี้เป็นล็อกสกรีนต่อไป”


สิ้นเสียงมันก็กดล็อกหน้าจอให้ผมเห็นว่ารูปที่มันใช้อยู่คือรูปอะไร เท่านั้นแหละ ผมหันไปด่ามันเลย


“พี่ใช้รูปนี้ได้ไงวะ มันอุบาทว์ไม่เห็นหรือไง หรืออยากให้ผมขายหน้า”


แต่ว่ามันกลับหัวเราะ แล้วย้ำ


“งั้นมึงก็ถ่ายรูปกับกูสิ”


ผมเม้มปากแน่นเพื่อไม่ให้เผลอต่อยมันออกไป เชื่อเลย ไอ้หมอนี่มันชั่วร้าย กวนส้นตีนผมสุดๆ


เพราะเหตุนั้น ผมเลยต้องถ่ายรูปกับมันอย่างช่วยไม่ได้ มันก็กระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันที กระแซะตัวเข้ามาใกล้ๆ ผมจนผมแทบจะนั่งตักมันอยู่แล้ว ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมถ่ายผมก็เอามือปิดปากเอาไว้


“ปิดทำไม”


“เรื่องของผม”


“ตามใจ”


มันตัดใจง่ายๆ ก่อนจะกดชัตเตอร์ พอได้อย่างใจมันแล้ว ผมก็รีบกระเถิบตัวหนี แต่มันมือไวมาก ดึงตัวผมไว้ก่อนจะรีบกดชัตเตอร์อีกรอบ ผมกำลังอ้าปากด่ามันพอดี รูปที่ออกมาเลยอุบาทว์ฉิบหาย แม่งแกล้งกูอีกแล้ว!!


เท่านั้นไม่พอ มันยังรีบเปลี่ยนมาตั้งรูปเป็นล็อกสกรีน ซึ่งก็เป็นรูปที่ผมอ้าปากหวอแต่มันอย่างหล่อนั่นแหละ แม่งงง ลำเอียงฉิบหาย!


ผมรีบโถมตัวเข้าแย่งโทรศัพท์มันเลย มันก็ยกหนีอีก แต่อย่าหวังว่าจะสำเร็จเลย เพราะคราวนี้ผมไม่เมาเหมือนครั้งก่อน แต่ไม่รู้ยังไง ไปๆ มาๆ ผมถึงขึ้นไปอยู่บนตัวมันทั้งตัวได้ แต่ผมก็คว้าโทรศัพท์มันมาได้เหมือนกัน เลยรีบเปลี่ยนรูปหน้าจอทันที


“ถ้าไม่ใชร่รูปที่มึงถ่ายกับกู เดี๋ยวกูเปลี่ยนอีกแน่”


เขวี้ยงตาขวางใส่มันเลยคราวนี้ แล้วก็ต้องจำใจยอมเปลี่ยนเป็นอีกรูปที่ผมปิดปาก เพราะถ้าผมไม่ทำอย่างนั้น มีหวังลับหลังผมมันได้เอารูปอุบาทว์นั่นมาใช้อีกแน่ๆ


เปลี่ยนเสร็จแล้ว ผมก็วางโทรศัพท์แรงๆ บนอกมัน พี่ชมพูก็หัวเราะเหมือนไม่เจ็บ ทั้งที่ผมวางไปเต็มแรง ถ้าโทรศัพท์มันเปราะบางกว่านี้คงแตกคามือผมไปแล้ว


“คืนไป แล้วก็ปล่อยได้แล้ว”


ตอนนี้ไอ้พี่ชมพูเอามือพาดเอวของผมเอาไว้ ให้ผมลงไปนอนตัวแนบกับมันอยู่ มันนี่ชอบเอากำไร ฉวยโอกาสตลอด ยิ่งเป็นแฟนกันแล้ว มันยิ่งเยอะขึ้นกว่าเดิมอีก นี่ผมคิดผิดหรือถูกเนี่ยที่ยอมเป็นแฟนมัน


กว่ามันจะปล่อยตัวผมได้ มันก็จูบปากผมไปเบาๆ อีกหนึ่งที ผมลุกขึ้นมาทำตาขวางใส่มัน แต่ไอ้หมีควายไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรสักนิด หนำซ้ำยังทำหน้าระรื่นสุดๆ ก็แน่สิ มึงได้เปรียบแต่กูเสียเปรียบนี่หว่า


“มึงอย่าทำหน้าง้อแบบนั้นดิวะ”


“แล้วจะให้ผมยิ้มปากฉีกหรือไง”


“มึงก็ต้องหยวนๆ หน่อยสิ เป็นแฟนกูต้องทำใจ”


“งั้นเลิกเลยดีมั้ย”


ผมพูดไปงั้นๆ แหละ ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นสักเท่าไหร่ ทั้งที่ทีแรกไม่ได้อยากเป็นแฟนกับมันเลย แต่พอรับปากไปแล้วกลับไม่อยากเลิกง่ายๆ ซะงั้น แปลกใจตัวเองเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะมีคนไม่อยากเลิกมากกว่าผมนะ มันทำตาเขียวใส่ผมเลย


“มึงอยากเลิกกับกูขนาดนั้นเลย”


ได้ยินคำถามแบบนั้นแล้ว แทนที่ผมจะอยากเล่นต่อ แต่เปล่าเลย มันทำให้ผมรู้สึกใจหวิวๆ ยังไงชอบกล รู้สึกไม่ดี และไม่สนุกเลยสักนิด


“ผมพูดเล่น”


“มึงอย่าพูดแบบนี้อีกนะ อย่าพูดจนกว่ามึงจะอยากเลิกกับกูจริงๆ”


เสียงมันเศร้าลงแล้ว เหมือนมันกำลังเจ็บกับคำนั้น ทั้งที่ตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะเล่นไปกับผมด้วยแท้ๆ แต่ไม่ใช่เลย มันจริงจังกับผมเกินกว่าที่ผมคิดไว้มาก


“พี่......รักผม....จริงๆ เหรอ”


“กูดูเหมือนไม่ได้รักมึงเหรอ”


มันถามผมกลับ แต่ผมไม่มีคำตอบให้ มันจุกจนพูดไม่ออก และยิ่งจุกกว่าเดิมเมื่อมันบอกมาอีกประโยค


“งั้นมึงก็รู้ไว้เลย กูรักมึงจริงๆ”


“อืม”


ผมได้แค่ครางเสียงตอบกลับไปแบบนั้น คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าทำไมมันถึงได้รักผมมากแบบนี้ ทั้งที่เราก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นพิเศษต่อกันเลย ผมกับมันกวนกันไปวันๆ มันชอบฉวยโอกาสกับผม ชอบทำให้ผมใจเต้น พูดตรงๆ ในเรื่องน่าอาย ผมนึกว่ามันแค่ชอบผม และมันอาจจะคิดว่านี่เป็นความรู้สึกว่ารักแล้ว ผมไม่คิดว่ามันจะรู้สึกกับผมแบบนี้และมากขนาดนี้


บรรยากาศตอนนี้มีแต่ความเงียบ ผมกับมันต่างมองไปทางทะเล ไม่ได้มองหน้ากันเหมือนก่อนหน้านี้ ปล่อยให้เกิดช่องว่างระหว่างคนสองคน มันคงไม่มีอะไรจะพูดอีก ส่วนผมไม่รู้จะพูดอะไร และสุดท้ายมันก็กลายเป็นความอึดอัด


“พี่บอกว่าอยากรู้เรื่องกราฟใช่มั้ย”


ผมเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อน พี่ชมพูก็หันมามองหน้าผมด้วยแววตาอยากรู้คำตอบเช่นกัน ผมจึงค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้มันเหมือนตอนแรก ยื่นมือไปจับมือใหญ่ๆ นั้นไว้ ก่อนจะลำเลียงเสียงของตัวเองออกมาอย่างยากลำบาก เมื่อย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์วันนั้น


“แฟนของไอ้กราฟตายที่ทะเล”












=============
ขอโทษนะคะ ที่มาต่อช้า เลยมาแบบยาวเลย
สองอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ว่างเลยค่ะ
หวังว่าจะมีคนรออ่านเรื่องนี้อยู่นะคะ

คงจะรู้แล้วเนอะว่าเรื่องกราฟเป็นยังไง
ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามค่ะ

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 24-06-2012 21:50:52
โอ้วววว แล้วไนล์มันมาจากไหนนิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 24-06-2012 22:00:34
กราฟน่าสงสารอ่ะ
ว่าแต่ทำไมแอบหลอนๆฟะ o21
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-06-2012 22:18:01
ไนล์เป็นใครอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 24-06-2012 22:32:39
นั่นไง   ค้างงงงงงงงง

 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 24-06-2012 22:33:33
ทำไมถึงทำกับฉันได้~ ต่อมาพอดีเบยยยย!!
พี่ภูวววววววววววววววววว!!!!!!
สงสารกราฟนะ tt
ก็ดูรักกันดีอะ อยากรอต่อ ตอนต่อไปจะเล่าอีกไหม?
หรือจะตัดฉึบแล้วพี่ภูรู้เรื่อง
ติดตามชมกันได้อีก2เดือนข้างหน้า... ตึ่งตึงตึ้งงง...
ล้อเล่นนนนนนนนนนน ; ;
รอรอรอ :)
*รีบรอเกิ๊น*
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-06-2012 23:11:28
โอ๊ะ กำลังเข้มข้น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-06-2012 23:28:37
กำลังเข้มข้นเลย
แล้วไนล์นี่อะไรยังไง
แต่สมควรละ ที่พี่พูจะหึง แหม เล่นห่วงกันซะขนาดนั้น แค่นี้ถือว่าพี่พูใจเย็นมากเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 25-06-2012 00:18:44



   กราฟนี่เป็นเอามากนะเนี่ย
   แล้วคนชื่อไนล์นี่เกี่ยวอะไรกับอดีตของกราฟด้วยอ๊ะป่าว
   แต่ถ้ารู้แล้วยังทำอย่างนี้มันไม่แรงไปเหรอ
   ว่าแต่ว่าช่วงนี้หนูยีนใช้มารยาอ้อนเก่งขึ้นนะ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 25-06-2012 00:46:32
ใกล้แล้วสินะ

แล้วพนันอะไรกับไนล์อ่า


แต่พี่ชมภู  รัก ยีนมากายเลยอ่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 25-06-2012 04:25:39
 :-[ เขินแทนยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 25-06-2012 07:37:47
เอ่อออ มันค้างไปนิดนึงนะ  :เฮ้อ:

รอต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 25-06-2012 09:36:09
ตอนหน้าความจริงจะเปิดเผยแล้วววววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 25-06-2012 10:15:37
ถึงจะมาต่อช้าแต่ก็รออยู่จ้ะ
ความรู้สึกดีและรู้สึกรักของเกงยีนที่มีต่อพี่ชมพู กำลังมากขึ้นๆเลยเนอะ
ตอนหน้าคาดว่าปมทะเลของทราฟคงได้รู้กระจ่างใจเสียทีนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 25-06-2012 12:27:55
เอาแล้วววววว

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!!!

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 25-06-2012 12:28:18
ไนล์มาจากไหนนิ :really2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 25-06-2012 18:57:27
มาแล้วววว ยาวดีแหะ แอบเขิลตอนที่ยีนสวีทกับชมพู แอร๊ยย!
สรุป เรื่องกราฟก็ยังไม่ค่อยเคลียร์ มาต่อๆไวเด้ออ!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 25-06-2012 20:32:10
ไนล์คงเกี่ยวข้องกับอดีตของกราฟมั้ง

อีพี่ชมพูนี่น่ารักแบบโหดๆนะ 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 25-06-2012 20:34:43
พี่ชมพูต้องเข้าใจนะคะ ความผูกพันธ์มันต้องใช้เวลา

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 25-06-2012 20:51:25
อ่านแล้วจะร้องไห้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 25-06-2012 21:38:31
ค้างเติ่งงงงงง แง้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :z3:

มาต่อไวๆน๊าา อยากรู้เรื่องของกราฟง่าาาาา TT  :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ~tai~ ที่ 26-06-2012 15:20:57
อ่านชื่อตอนทีแรกตกใจ ... นึกว่าน้องเกงยีนกะพี่ชมพูจะดราม่า
เฮ้อ....โล่งอก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 27-06-2012 09:01:04
พี่ชมพูโคตรกำไรอ่ะ

 :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 27-06-2012 16:06:47
สงสารกราฟอ่ะ T^T อินมากอ่ะ ปมนี้จะคลายออกเมื่อไหร่ ปวดใจจัง ส่วนอีกคู่ฟินมาก *0* 555 พี่ชมพู เธอทำเราฟินมากน่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-06-2012 22:06:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 25 : ความเจ็บปวดไม่ไว้หน้าใคร [24/6/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 01-07-2012 21:29:22
 :z3: :z3:

มาต่อเร็วๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 06-07-2012 17:04:27
ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม


























พี่ชมพูดดูตกใจอยู่ไม่น้อยหลังจากที่ผมบอกไปแบบนั้น เพราะเบิกตากว้าง มองผมแทบตาไม่กะพริบ ก็แน่ล่ะ ใครจะไม่ตกใจกับเรื่องแบบนี้ ผมเองก็ไม่คิดว่ามิ้นจะต้องจมอยู่ก้นทะเล แต่ถึงจะรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมก็ยังเล่าเรื่องต่อไปอย่างที่ตั้งใจไว้


“มันกับมิ้นคบกันตั้งแต่อยู่ ม.3 รักกันดีจนใครๆ ก็อิจฉา ไอ้กราฟมันเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นอยู่แล้ว มันเลยคอยช่วยเหลือดูแลมิ้นตลอด”


ผมค่อยๆ เล่าเรื่องราวของไอ้กราฟก่อน เพื่อพี่ชมพูจะได้เข้าใจเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ไอ้กราฟเป็นได้ขนาดนี้


“ไอ้กราฟมันรักมิ้นมาก แล้วมิ้นก็รักมันมากเหมือนกัน ผมยังคิดอยู่ว่าคู่นี้คงจะคบกันไปอีกนาน และอาจจะยาวต่อมาถึงมหา’ลัย ไม่เลิกราเหมือนคู่อื่นๆ ที่พอเข้ามหา’ลัยก็ห่างกันและกลายเป็นคนอื่น เพราะความรู้สึกของทั้งคู่มันหนักแน่น”


นึกภาพตามสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและพรั่งพรูออกมาจากปากผมแล้วก็ทำให้อดยิ้มไม่ได้ ช่วงเวลานั้นเพื่อนรักของผมมีความสุขมากกว่าเวลาไหน จนพวกผมเห็นยังอยากมีแฟนเหมือนมันเลย แต่ก็คงมีแค่มันล่ะมั้งที่โชคดี ได้แฟนที่ดีและรักมากแบบนั้น


“จน ม.4 พวกผมไปเที่ยวทะเลกัน เป็นบ้านพักของครอบครัวไอ้กราฟนั่นแหละ เป็นหาดส่วนตัว มันเลยขอพามิ้นไปด้วย อย่างมันน่ะไม่อยากมีความสุขคนเดียวอยู่แล้ว จะให้ตัวเองมาเที่ยวสนุกจนลืมแฟนก็ไม่ใช่นิสัยมัน มันเป็นพวกเอาใจใส่คนอื่นมากเกินไป สนิทกับใครก็อยากดูแล ช่วยเหลือ เพราะกับพวกผมเองมันก็ทำแบบนั้น จะหนักทางผมหน่อยเท่านั้นแหละ”


เล่ามาถึงตรงนี้ ผมก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอแรงๆ เพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าคอมันแห้งเหมือนไปอยู่กลางทะเลทราย ส่วนคนฟังก็ตั้งใจฟังผมต่อไป มันมองหน้าผมไม่ละสายตา


“แต่พอมาแล้วก็เกิดเรื่องขึ้น ไอ้กราฟชวนมิ้นไปเล่นน้ำทะเลกัน ไอ้กัสกับไอ้กราฟชวนกันไปซื้อของ กะทำบาร์บีคิวกันเหมือนวันนี้ ส่วนผมอยู่ในบ้านพัก ไม่อยากไปกวนเวลามันสวีทกัน ตอนแรกผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะกันสนุกสนาน แต่แล้วเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงตะโกน”


“...”


“ผมตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น พอวิ่งออกไปนอกบ้านก็เห็นไอ้กราฟมันกำลังควานหาอะไรสักอย่าง สลับกับดำน้ำลงไป แต่ผมไม่เห็นมิ้น และพอได้ยินเสียงตะโกนของไอ้กราฟที่แหบแห้งจนน่ากลัวว่าคอมันจะพัง ผมก็รู้ทันที รีบวิ่งลงน้ำไปช่วยไอ้กราฟ แต่บริเวณนั้นกลับไม่มีอะไรเลย


“...”


“ตอนนั้นผมใจหายไปแล้วที่หามิ้นไม่เจอ ไอ้กราฟก็ลุยน้ำลึกลงไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่ทันมอง เพราะแยกกันหาคนละด้าน กว่าจะหันกลับไป ไอ้กราฟก็ไปไกลมากแล้ว น้ำลึกมาก แล้วตอนนั้นมันแทบไม่มีสติด้วยซ้ำ ผมกลัวมาก กลัวจนสั่น แต่ก็พยายามเข้าไปหามันให้เร็วที่สุด”


ผมกลืนน้ำลายอีกครั้ง เพราะคอมันฝืดเฝื่อนไปหมด พี่ชมพูก็ตั้งใจฟังและรอลุ้นว่าเรื่องจะเป็นยังไง มือที่ใหญ่กว่าผมยื่นมาจับมือผมเอาไว้ เหมือนกับจะให้กำลังใจ และไม่ให้ผมจมดิ่งไปกับความรู้สึกตอนนั้น


“แต่มันก็สายไป ผมไปไม่ถึงตัวไอ้กราฟ มันดำลงไปในน้ำแล้วก็หายตัวไป ตอนนั้นผมพยายามวิ่งสู้แรงต้านของน้ำเข้าไปหามัน และควานหาตัวมันให้เจอเร็วที่สุด ผมดำน้ำไปจนทั่วบริเวณนั้น กว่าจะเจอตัวมันก็แทบหมดแรง แต่พอเห็นมันแล้วผมก็มีแรงฮึดขึ้นมา”


พี่ชมพูบีบมือผมแน่นขึ้น คงรู้ว่าผมกำลังกลับไปรู้สึกแย่เหมือนตอนนั้น


“ผมลากตัวไอ้กราฟขึ้นมาบนหาด ไม่สนใจอะไรแล้ว รู้อย่างเดียวว่าต้องช่วยไอ้กราฟให้ได้ เพราะยิ่งเห็นมันนิ่งไป ใจของผมก็ยิ่งร้อนรน กลัวว่ามันจะเป็นอะไร ผมใช้แรงทั้งหมดจนในที่สุดก็ทำสำเร็จ ผมฟังเสียงหัวใจของมัน ฟังเสียงหายใจของมัน แต่ไม่มีสิ่งที่ผมอยากได้ยินสักอย่าง”






‘กราฟ กราฟ!!’


‘…’


‘ไอ้เหี้ย มึงฟื้นสิเว้ย อย่าทำแบบนี้ กูกลัวนะไอ้สัด’


‘...’


‘มึงฟื้นมา ฟื้นขึ้นมาสิ’


ผมตะโกนเรียกมันสุดเสียง พยายามเขย่าตัวมันเพื่อให้มันรู้สึกตัวสักที น้ำที่ไหนไม่รู้เริ่มคลออยู่ที่ตาผม ผมกลัว.. กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวอะไรมากขนาดนี้มาก่อน ตอนที่แม่เสีย ผมยังไม่ทันรู้สึกกลัวแบบนี้เลย แม่เสียไปกะทันหัน ผมไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ก็มีไอ้กราฟเนี่ยแหละที่อยู่ข้างๆ ผมตลอด คอยปลอบใจให้ผมกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม







“ตอนนั้นผมเกือบจะช็อกไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าต้องช่วยไอ้กราฟให้ได้ ผมเลยผายปอดให้มัน แล้วก็ปั๊มหัวใจอย่างที่เคยเรียนมา ถึงจะจำได้ไม่ชัวร์เท่าไหร่ว่าต้องทำยังไง แต่ผมก็พยายามสุดชีวิต และมันก็กลับมาหายใจอีกครั้ง สำลักน้ำออกมา ตอนนั้นผมรู้สึกว่า.... ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมรู้สึกดีไปกว่านี้แล้ว”


“เพราะอย่างนั้น มึงกับกราฟเลยสนิทแล้วก็เป็นเพื่อนที่รักกันมากใช่มั้ย”


“ครับ แต่ว่ามีเรื่องต่อจากนั้นอีก”


ผมบอกแบบนั้นไป พี่ชมพูก็เหมือนจะรอฟัง ผมเลยเล่าต่อ


“ไอ้กัสกับไอ้เคลมกลับมาพอดี ผมเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง ไอ้กัสเลยบอกว่ามันจะจัดการเรื่องทางนี้เอง ไอ้ผมกับไอ้เคลมพาไอ้กราฟไปส่งโรง’บาล เพราะไอ้กราฟยังดูไม่ค่อยมีสติเลย ตอนนั้นเราทุลักทุเลกันมาก เพราะมีแค่มอเตอร์ไซค์คันเดียว แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกผมหัดขับรถอย่างจริงจัง”


“...”



“แต่พอไปหาหมอและมันฟื้นขึ้นมา มันก็เอาแต่ถามถึงมิ้น พวกผมต่างก็พูดกันไม่ออก เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครหามิ้นเจอ ทั้งที่ไอ้กัสแจ้งตำรวจและนักประดาน้ำก็ระดมตามหาแล้ว”


“...”


“แล้วที่แย่กว่านั้นคือไอ้กราฟมันหนีออกจากโรง’บาล ตอนผมกำลังเข้าห้องน้ำ ไอ้กัสกับไอ้เคลมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะเอาของใช้มาให้ผมด้วย พอออกมาไม่เจอมัน ผมตกใจมาก ตามหาในโรง’บาล แต่ก็ไม่เจอ ไม่มีใครเห็น แถมตอนนั้นก็เกือบสองทุ่มแล้วด้วย จะหาอะไรก็ยาก แล้วอยู่ๆ ผมก็รู้สึกมีสังหรณ์ขึ้นมา เลยจ้างรถรับจ้างที่อยู่ใกล้มากที่สุดให้ไปที่เกิดเหตุโดยด่วน”


























ไปถึงหาดหน้าบ้านพัก ผมก็กวาดตาไปทั่วผืนน้ำ มองหาไอ้กราฟที่ผมคิดมากไปว่ามันอาจจะมาตามหามิ้นก็ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่ดีเลยสักนิดที่ความคิดมากของผมเป็นจริงๆ ผมเห็นอะไรบางอย่างลอยอยู่ในทะเลลิบๆ พอเพ่งอย่างสุดความสามารถก็เดาได้ว่าเป็นคน ตอนนั้นไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นใคร


ผมวิ่งลงทะเลอย่างรวดเร็ว ว่ายน้ำต้านคลื่นที่ซัดเข้าหาดเป็นระลอก ตาก็จับจ้องแต่ร่างนั้น ถึงไม่ใช่กราฟก็ไม่เป็นไร แต่ผมจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด แต่ยิ่งผมวิ่งเข้าหา คนคนนั้นก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ จนน้ำเกือบเท่าระดับคอแล้ว มือคู่นั้นกวาดลงไปในน้ำเหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่าง นั่นทำให้ผมแน่ใจแล้วว่าเป็นไอ้กราฟชัวร์


‘กราฟ มึงจะทำอะไร!!’


หวังว่ามันจะได้ยินเสียงผมบ้าง ผมถึงตะโกนเต็มเสียง แต่ไม่มีประโยชน์ ไอ้กราฟไม่ได้ยินเสียงของผมเลย สิ่งเดียวที่ทำได้คือการเข้าไปกระชากตัวมันมา และคงเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ผมเข้าไปจับมันได้สำเร็จ ผมใช้แรงที่มีลากมันเข้าฝั่ง ไอ้กราฟก็สะบัดมือผมออก แต่ผมไม่ยอมให้มันได้ทำบ้าๆ แน่ ให้อยู่ตำแหน่งที่น้ำไม่ลึกนักก็ยังดี


‘กราฟ มึงพอเถอะ มึงอย่าทำแบบนี้เลยนะ ถ้ามึงเป็นอะไรอีกคนจะทำยังไง’


ผมถามมันเสียงสั่นหลังจากลากมันมาจนเกือบถึงหาดได้แล้ว


‘มึงคิดว่ามิ้นอยากให้มึงเป็นแบบนี้เหรอ กูก็เสียใจเหมือนกันที่หามิ้นไม่เจอ แต่มึงก็ไม่ควรจะทำแบบนี้ ถึงมึงตายไป ก็ไม่ช่วยให้มิ้นกลับมาหรอก’


แม้คำพูดของผมจะรุนแรง แต่ผมก็อยากให้มันได้สติสักที ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่มันจะลงทะเลแล้วจมหายไปอีก


เรื่องมิ้นผมไม่แน่ใจหรอกว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่หรือว่าไม่มีแล้ว แต่การที่ตามหาตั้งครึ่งวันแล้วยังไม่เจอ ก็เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าเธอไม่อยู่อีกแล้ว เพราะงั้นผมจึงอยากให้มันทำใจได้ อย่างน้อยก็ให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้มันเจ็บปวดเหมือนที่ผมเคยเจ็บ อยากช่วยมันเหมือนที่มันเคยช่วย


‘มึงคิดได้สักทีสิวะ ฟังกูๆ กูอยู่นี่ กูอยู่กับมึง’


สิ้นเสียงของผม น้ำตาของไอ้กราฟก็ไหลอาบแก้ม เป็นภาพที่เห็นแล้วผมต้องน้ำตาคลอไปด้วย เพราะไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมได้เห็นน้ำตาของมันตั้งแต่คบกันมาสามปี


‘มิ้น... ไม่อยู่แล้วเหรอ’


เสียงของมันแผ่วเบาแหบแห้ง จนผมรู้สึกปวดหน่วงๆ ในใจ


‘ตามหากันเต็มที่แล้ว แต่ไม่มีใครเจอ’


‘มึง... กู.....’


คำที่จะพูดถูกกลืนหายไปกับน้ำตาของมันหมด แต่ผมเข้าใจมันนะ ว่าความรู้สึกของการสูญเสียเป็นยังไง ผมกอดเพื่อนรักของผมไว้แน่น ตบหลังมันเบาๆ ทั้งที่ผมเองก็น้ำตาคลอ ไม่มีใครนึกถึงว่าจะเกิดการสูญเสียครั้งนี้


‘มึงยังมีกูอยู่ กูจะอยู่กับมึงตลอดไป กูจะไม่ทิ้งมึง ไม่มีมิ้นมึงดูแลกูแทนก็ได้ มึงอย่าทำอะไรไม่คิดนะเว้ย นึกถึงกูเข้าไว้ กูรักมึง กูไม่มีวันทรยศมึง ไม่มีวันทิ้งมึงไปก่อนแน่ๆ เชื่อกู’


ผมผละตัวออกมาจากอ้อมกอดของกันและกัน มองหน้าไอ้กราฟอย่างแน่วแน่ ให้มันเชื่อว่าผมจะทำอย่างที่บอกจริงๆ


‘สัญญากับกูนะ’


‘แต่มึงไม่ใช่มิ้น’


กราฟมองหน้าผม เสียงของมันยังคงเบาหวิวเหมือนเดิม


‘กูรู้ว่ากูไม่ใช่มิ้น กูแทนที่มิ้นไม่ได้ แต่เวลาที่มึงนึกถึงมิ้น มึงมาหากูได้ กูจะเป็นมิ้นให้มึง เพราะงั้นมึงต้องดูแลตัวเอง แล้วก็ต้องดูแลกู เข้าใจมั้ย’


เหมือนกับจะยัดเยียดให้มัน แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงให้ไอ้กราฟมันคิดได้ และรักชีวิตของมันขึ้นมา ถ้ามันสัญญาว่ามันจะอยู่เคียงข้างผม ผมก็ไม่ต้องกลัวอีกว่ามันจะทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ เพราะมันเป็นคนรักษาสัญญา แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนอ่อนแอที่ต้องมีคนมาดูแล แต่ผมก็ยอม ถ้ามันทำให้ผมไม่ต้องเสียเพื่อนคนนี้ไป


‘กูไม่ได้ห้ามมึงคิดถึงมิ้น มึงจะคิดถึงมิ้นเท่าไหร่ก็ได้ แต่มึงห้ามทำร้ายตัวเอง มึงต้องคิดอยู่เสมอว่ากูยังอยู่เป็นภาระของมึง จำไว้นะ’


ไอ้กราฟมองหน้าผมนานมาก แต่ผมก็ไม่ได้เลี่ยงสายตาของมัน มันอยากมองเท่าไหร่ก็ให้มันมองไป และผมเชื่อว่ามันจะต้องคิดได้


‘มันดีจริงๆ แล้วใช่มั้ย’


‘กูคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับมึง’


แล้วมันก็คิดต่อพลางมองหน้าผมไปด้วย แต่คราวนี้ผมจ้องมันกลับ เพราะดูท่ามันจะคล้อยตามผมแล้ว และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ


‘กูเชื่อมึงนะ’


‘ดีมาก งั้นมึงสัญญากับกู’


‘อืม กูสัญญา’








“เพราะอย่างนั้นผมกับไอ้กราฟเลยยิ่งตัวติดกัน ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็รู้เรื่องสัญญา ซึ่งพวกมันก็เห็นด้วย เพราะไม่งั้นไอ้กราฟคงทำใจไม่ได้ แล้วก็คงวิ่งลงทะเลเป็นสิบๆ รอบ หรือตอนนี้อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้”


“กูขอโทษ”


พี่ชมพูทำหน้าเศร้าและขอโทษผมด้วยเสียงแผ่วๆ ราวกับคนสำนึกผิด แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่มากเกินไปที่รู้ว่าไอ้พี่ชมพูชอบคิดมากเรื่องผมกับกราฟ


“กูเชื่อมึงแล้ว กูจะไม่คิดมากเรื่องของมึงกับกราฟแล้ว”


“ครับ”


ผมตอบแค่นั้น พี่ชมพูก็เอามือมาขยี้ผมของผม ทำเหมือนผมเป็นเด็กและน่าแกล้ง แสรดดด กูไม่ใช่แบบนั้นเว้ย พอโตแล้วโดนทำมันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมา เพราะงั้นผมเลยปัดมือใหญ่ๆ นั่นออก ไอ้หมีควายก็หัวเราะ เพิ่งรู้ว่าหมีควายหัวเราะได้ก็ตอนนี้แหละ


“เลิกเศร้าได้แล้วนะ”


“ผมไม่ได้เศร้า”


ปฏิเสธมันไป ทั้งที่จริงๆ โคตรเศร้าเลยเวลานึกถึงตอนที่เกิดเรื่อง จิตตก ดราม่า บ้าไปคนเดียว แต่มันก็ทำให้ผมกลับมาเป็นตัวเองได้จริงๆ แถมยังเป็นวิธีที่ง่ายแสนง่าย


“ถ้างั้นก็กินนี่”


มันหยิบตะกร้าเล็กๆ ที่ใส่ของมาวางตรงหน้าระหว่างผมกับมัน และเปิดตะกร้า หยิบปาท่องโก๋กับนมข้นที่ใส่ในถ้วยมีฝาปิดมาโชว์แล้ววางกลับลงไปในตะกร้าเหมือนเดิม


“อะไรอะ ปาท่องโก๋กับนมข้น”


“มึงไม่เคยกินเหรอ อร่อยนะเว้ย”


ผมทำหน้ามึน เพราะไม่เคยกินอย่างที่ว่านั่นแหละ แล้วมันจะอร่อยจริงเหรอวะ ไอ้คุณแฟนที่ผมได้มาแบบฟลุ๊คๆ เลยเอาแป้งสีน้ำตาลนั่นจิ้มลงในนมหนืดๆ และยื่นมาให้


“ลองดู แล้วมึงจะติดใจ”


“ขนาดนั้น?”


“อยากรู้ก็ลองดิ”


มันว่างั้นผมเลยยื่นปากไปรับปากท่องโก๋ที่น่าจะหวานเจี๊ยบ ไม่ต้องยื่นมือไปรับเองหรอกครับ ให้มันป้อนนั่นแหละดีแล้ว มือผมจะได้ไม่ต้องเลอะด้วย เหตุผลง่ายๆ ของคนขี้เกียจ และผมก็เดาเอาว่าถ้าผมคิดจะถือเอง ไอ้พี่ชมพูก็คงไม่ยอม ก็มันน่ะ หัวดื้อ หัวแข็งจะตายห่า เอาไม้หน้าสามฟาดสิบทียังไม่เป็นอะไร


“เป็นไรมึง”


ผมเคี้ยวไปแค่สองสามแจ็บเท่านั้นแหละ มันก็ถามเลย รอกูกลืนหมดทั้งอันไม่ได้หรือไงวะ แต่ผมก็พยักหน้าตอบมันอยู่ดี บางทีกูก็ประสาทไปนะ


“ก็ดี นึกว่าจะหวานจนเลี่ยน แต่มันก็เข้ากันได้”


พูดจริงๆ นะครับ ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะกินแบบนี้ได้ แถมยังอร่อยอีกด้วย


“มึงรู้เปล่า ตอนเช้าๆ กินแบบนี้มันเจ๋งสุดๆ โดยเฉพาะกินริมทะเลงี้”


“อืม งั้นเอามาอีก”


ชักติดใจครับ ผมงับของที่อยู่ในมือมันจนหมดแล้วบอก มันก็เอาปาท่องโก๋จิ้มนมข้นมาป้อนผมอีก แต่พอผมกัดไปคำ ที่เหลือมันก็เอาไปกินต่อหน้าตาเฉย


“แย่งเหรอ”


“แบ่งกันดิ กูสอนมึงกินนะเนี่ย”


ไม่พูดอย่างเดียว มันเอาปากเหนียวๆ มาหอมแก้มผมอีก แล้วที่น่าเจ็บใจคือมันยิ้มกว้างอย่างพอใจ เห็นแล้วหมั่นไส้ฉิบหาย ชอบฉวยโอกาสกับกูตลอด แล้วกูก็โวยวายสะดีดสะดิ้งไม่ได้เพราะกูเสือกไม่ใช่ผู้หญิง


“อะไรๆ หาว่ากูเอาเปรียบเหรอ”


มันคงอ่านสายตาผมออกว่าผมไม่พอใจ แต่มันก็ยังจะกวนส้นตีน โน้มตัวลงมาหาผม แล้วหันแก้มมา


“งั้นกูให้มึงหอมคืนนะ เนี่ย อะๆๆ”


“หอมก็ได้ แต่ใช้ตีนนะ”


ผมยักคิ้วกวนๆ ใส่มันมั่ง แล้วมันคงจะทนปากหมาๆ ของผมไม่ได้เลยจับผมฟัดซะงั้น ไม่ได้สนใจตะกร้ากับของกินนั่นเลย มันกระโจนใส่ผมทั้งที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน ผลักตัวผมจนลงไปนอนแผ่บนพื้นทรายแล้วกดหน้าลงมาซุกไซ้กับต้นคอของผมเหมือนหมา แต่นี่คงเป็นหมาตัวโตที่สุดที่ผมเคยเห็นมา


แล้วเพราะมันซุกมากไปล่ะมั้ง ผมเลยเผลอปล่อยเสียงหัวเราะออกมา ก็มันจั๊กจี้จริงๆ นี่หว่า แต่เหมือนว่าได้ยินเสียงหัวเราะของผมแล้ว ไอ้พี่ชมพูจะยิ่งพอใจ มันเลยไม่ยอมเลิกสักที


“พอ.. พอแล้ว ผมเหนื่อย.....แล้ว”


ได้ยินอย่างนั้นมันเลยหยุดมั้ง เปลี่ยนมามองหน้าผมแทน แล้วยังไงไม่รู้ จากมองหน้าก็กลายเป็นก้มลงมาจูบผมเฉยเลย แสรดดดดดด ปากกูเน่าแน่ โดนจูบแม่งเช้ากลางวันเย็น แล้วแม่งแค่ดูดปากผมอย่างเดียวไม่พอไง เอาลิ้นเข้ามาเขี่ยเล่นในปากผมอีก


แต่... แล้วกูจะไปเล่นกับมันทำไมเนี่ย!!! แถมยังหลับตาพริ้มอีกนะกู!


พอมันถอนปากออก ผมก็ค่อยๆ ลืมตามองหน้ามัน มันยิ้มๆ แล้วยิ้มแบบ...ผู้หญิงที่ไหนเห็นก็หลงอะ แล้วผมที่เป็นผู้ชายก็เลยต้องใจสั่นไปด้วย เชี่ยยยยยย


“ปากมึงโคตรหวานเลยว่ะ”


ยังมีการประจานกูด้วย


“ก็เพิ่งกินนมข้น”


“แต่ตอนไม่กินก็หวานเหมือนกัน”


สัด มึงพูดงี้แล้วให้กูทำไงวะ กูเขินเป็นเว้ย โอ๊ยยยย สาดดดดดด


“ระวังน้ำตาลขึ้น เป็นเบาหวานตายนะพี่”


แต่ถึงจะเขินยังไง ผมก็ยังเล่นมุกได้อยู่ พูดง่ายๆ ก็กลบเกลื่อนนั่นแหละวะ ถ้าคนอื่นพูดผมจะไม่รู้สึกอะไร แล้วคนพวกนั้นก็ไม่มีโอกาสได้พูดด้วยซ้ำ เพราะผมคงไม่ยอม แต่พอเป็นพี่ชมพู เสือกวิญญาณเจ้าแม่กากีเข้าซะงั้น


“ถ้าขึ้นเพราะแบบนี้ก็กูยอมล่ะวะ”


มันยังมีหน้ามาเลียปากให้ผมดูอีก กูรู้แล้วว่ามึงชอบจูบกู จูบให้ปากกูเน่าไปเลยยยย!! แต่แม่งก็เสือกทำอย่างที่ประชดในใจนั่นแหละ ก้มลงมาจูบผมอีกรอบ แล้วผมก็บ้าจูบตอบมัน ดูดปากสลับกับเกี่ยวลิ้นกันพัลวัน แขนก็ทรพีไปโอบเอวมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้


แต่ก็เอาวะ กูพลาดไปแล้วนี่ จะพลาดเยอะกว่านี้คงไม่เป็นไรมั้ง กูยิ่งไม่ใช่พวกชอบถูกกระทำซะด้วย


มาคิดแบบนั้นได้ก็ตอนที่ผละออกจากมันแล้ว แถมมันยังเอามือมาเช็ดปากให้ผมอีก แต่ก็ทำให้รู้สึกดีหน่อยๆ ล่ะมั้ง ผมกล่อมตัวเองแบบนั้นแหละ แต่ใจเต้นฉิบหายเลยตอนมันเช็ดปากให้ เวลาที่ผมนอนกับผู้หญิงหลายๆ คนไม่เคยทำแบบนี้ เลยไม่รู้ว่าถ้าทำแล้วจะให้เจ้าหล่อนทั้งหลายรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้แม่งชัดละ


“ผมว่ากลับห้องดีกว่า พี่ทำตัวผมเลอะทรายหมดแล้วเนี่ย ผมอาบน้ำแล้วนะ”


ไม่อยากรู้สึกใจสั่นต่อ เพราะแค่นี้ผมก็แย่แล้ว เลยชวนมันกลับ


“กูก็เลอะเหมือนกัน งั้นอาบน้ำด้วยกันเลยมั้ยล่ะ”


ไอ้คนตัวใหญ่ย้อนพลางลุกจากตัวผม แถมยังมีน้ำใจมาดึงผมให้ขึ้นมานั่งด้วย มือใหญ่หยิบตะกร้าขึ้นมาถือไว้


“เรื่องดิ”


ฟังคำตอบผมแล้วมันก็หัวเราะ มีอะไรน่าหัวเราะตรงไหนวะ ผมหันไปถลึงตาปรามมัน ไอ้เหี้ยนี่ก็ไม่สน ใช้มือที่ว่างอีกข้างมาจับมือผมแล้วจูงเดินไปด้วยกัน


อย่าทำให้กูรักมึงนะเว้ย ไม่งั้นมึงจะไม่มีโอกาสได้ไปหาคนอื่นอีกเลย





















กลับจากชายหาดดูพระอาทิตย์ขึ้นมั้ง ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ก็ถือว่าเห็นนั่นแหละ แถมยังเสียปากให้ไอ้คนบ้าจูบอีกตั้งหลายที แต่ช่างแม่งเหอะ เพราะเอาจริงๆ จูบกับมันก็ไม่ได้แย่อะไร รู้สึกดีด้วยซ้ำมั้ง นี่ผมไม่ได้ปากแข็งนะเฮ้ย ไม่งั้นผมคงถีบมันกระเด็นไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว พอนึกๆ ดู นี่ผมจูบกับมานานแล้วเหมือนกันนะ ตั้งแต่รู้จักกันแรกๆ แล้วหลังจากนั้นมันก็พยายามจูบดะ เพราะงั้นผมก็ควรจะทำตัวชินๆ ได้แล้วใช่มั้ยเนี่ย


ผมกับไอ้พี่ชมพูกลับไปอาบน้ำกันอีกคนละรอบ เพราะตัวเปรอะทรายไปหมด ก่อนจะเดินไปที่บ้านพักของไอ้กราฟ เพราะผมเป็นคนบอกเองนั่นแหละว่าจะไปดูไอ้กราฟหน่อยว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว พี่ชมพูเลยขอตามไปด้วย แต่ไม่ได้เป็นท่าทางแบบจะหึงหวงอะไรอย่างทีแรก เพราะมันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว


พอไปถึงห้องพวกไอ้กราฟก็ตื่นกันหมดแล้ว แต่ยังหน้ามันหัวฟูกันอยู่บนเตียง เห็นแล้วผมก็ขำนิดๆ ถ้าสาวๆ มาเห็นไอ้กลุ่มหนุ่มหล่อที่กรี๊ดกันนักหนาตอนตื่นจะกรี๊ดแล้ววิ่งหนีหรือเปล่า ขี้ตายังติดตาไอ้เคลมอยู่เลย ไอ้กัสก็หน้าบวม ส่วนไอ้กราฟ.. ปากบวมครับ เมื่อคืนผมไม่ได้หลอกจูบมันนะเว้ย แต่ปกติมันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว


“ตื่นแล้วเหรอพวกมึง”


“เออ ว่าแต่มึงเหอะ ไปไหนมาวะ” ไอ้เคลมทักผมก่อนจะหันไปเห็นพี่ชมพูยืนอยู่ข้างๆ สงสัยขี้ตายังบังตามันอยู่มันเลยเพิ่งทัก “หวัดดีครับพี่ชมพู”


“กูไม่ขี้เซาเหมือนพวกมึงนี่หว่า กูไปอาบน้ำมา เสร็จนานแล้วเว้ย พวกมึงเพิ่งตื่น”


“ไม่ใช่ว่ามึงแอบไปจู๋จี๋ จุ๊กกะดุ่ยกับพี่ภูมาเหรอวะ”


ไอ้เคลมยังปากหมา เหล่ตามองผมอย่างล้อเลียนสลับกับพี่ชมพู แถมเอานิ้วชี้สองข้างมาจิ้มกัน ทำเป็นไร้เดียงสา แม่งน่าเอาตีนลูบหน้าให้ลูกตาหลุดออกมาจริงๆ ยั่วอารมณ์กูเหลือเกิน


“จุ๊กกะดุ่ยเหี้ยอะไรของมึง ไม่มีหรอกสัด!” ตอบมันแล้วก็ยกขาขึ้นฟาดใส่มันไปหนึ่งที


“โหย เขินรุนแรงว่ะมึง”


แล้วแม่งยังมาปรับปรำกู


“กูไม่ถามมึงก็ได้ ถามพี่ภูดีกว่า เพราะไงพี่ภูก็ต้องบอกกูอยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ”


ไอ้ตัวโย่งหน้าตี๋ตัวขาวจั๊วะระริกระรี้เข้าไปเกาะแขนไอ้พี่ชมพู ถ้ามันเอาหน้าถูได้โดยไม่รู้สึกกระดากคงทำไปแล้ว อ้อนเหมือนหมา เหอะ


ผมเลิกสนใจไอ้เคลม เปลี่ยนเป็นหันไปถามอาการไอ้กราฟแทน ปล่อยหมาสองตัวมันเห่ากันไป


“มึงเป็นไงมั่งวะ”


ไอ้กราฟยิ้มให้ผม หน้าตามันดูดีขึ้นกว่าเมื่อคืนเยอะ ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้หน่อย


“ก็โอเคแล้ว ขอบใจมึงมาก”


“มึงเพื่อนกูนี่หว่า”


ผมยิ้มให้มัน ส่วนไอ้กัสเห็นผมยิ้ม แล้วไอ้กราฟเริ่มยิ้ม มันก็ยิ้มตาม ก่อนจะเดินมากอดคอผมกับไอ้กราฟคนละข้าง ผมรู้สึกมีความสุขนะ มีเพื่อนก็ดี มีแฟนก็ไม่ได้เลวสักเท่าไหร่


“โหหหห จูบกันตอนพระอาทิตย์ขึ้น โคตรโรแมนติก กูไม่อยากเชื่อ ไอ้ยีนจูบตอนพระอาทิตย์ขึ้นนนน!!!”


ไอ้เหี้ยเคลมมันตะโกนลั่น อย่างกับกลัวว่าพี่คนอื่นๆ ที่อยู่บ้านหลังถัดๆ ไปจะไม่ได้ยิน ไอ้หอกหัก! สัดแม่ง มึงจะตะโกนทำเชี่ยอะไร แล้วไอ้พี่ชมพูเสือกเล่าทำไมไอ้เอาเป็ด ผมเดินไปตบหัวไอ้เคลมจนโยก เสียงดังเพียะลั่น


“มึงจะตะโกนให้แม่มึงได้ยินเลยใช่มั้ย สัด!”


“ก็กูตกใจนี่หว่า ไม่คิดว่ามึงจะโรแมนติกเป็น กูไม่เคยเห็น ไม่เค้ยไม่เคย”


มันเน้นเสียงซะโอเวอร์แอ๊คติ้งสุดชีวิต ผมเลยหันไปหาไอ้กัส


“กัส มึงลากเพื่อนมึงไปศรีธัญญาหน่อยนะ สงสัยมันจะบ้าแล้ว”


“ตอนนี้มันไม่ใช่เพื่อนกูว่ะ”


ไอ้กัสปฏิเสธอย่างเย็นชา เสียงนิ่ง เอาหางตาเหลือบไอ้เคลม ผมโคตรสะใจเลย แต่ไอ้เคลมมันก็ทำเหมือนเจ็บปวดรวดร้าวเข้าไปกอดแขนไอ้กัส


“กัสสสสส กูรักมึงนะ อย่าตัดเพื่อนกูนะ กูมีมึงคนเดียว”


เพราะความตอแหลนั่น ทำให้ไอ้เคลมโดนไอ้กัสเตะไปอีกหนึ่งที สมน้ำหน้ามึง ผมทำหน้าเย้ย


“ไม่มีใครเข้าข้างมึงหรอก เพราะมึงมันไส้ติ่ง ไร้ประโยชน์ ได้แต่เป็นติ่งห้อยไปห้อยมาไปวันๆ”


“โหย ด่าซะเจ็บเลย”


มันทำหน้างอนๆ ไอ้เหี้ยเนี่ยไม่เคยจะนิ่งๆ กับเขาเป็นหรอก ดูอย่างไอ้กัสมั่ง พูดตอนที่ควรพูด มีเหตุผล ไม่บ้าบอคอแตก ปัญญาอ่อนเหมือนมึง


“กราฟ มึงไปอาบน้ำก่อนดีมั้ย”


ปัดความสนใจจากไอ้เคลมสักทีแล้วผมก็หันไปบอกกราฟ มันก็พยักหน้า แต่ไม่วายเดินมากระซิบข้างหูผม


“จูบตอนพระอาทิตย์ขึ้นนี่มันรู้สึกยังไงวะ ดีกว่าจูบตอนอื่นป่ะ”


ไอ้เวรร มึงมาถามกูอีก


“ดีมากมั้ง”


ผมประชด แต่เหมือนมันจะเชื่อจริง แถมไอ้เคลมกับไอ้กัสก็เสือกอยากรู้ด้วย พ่วงด้วยไอ้พี่ชมพู ที่ต่างเสนอหน้าเข้ามาใกล้ผมตอนไหนไม่รู้ แล้วก็ได้ยินคำตอบกันเต็มหู แล้วแม่งก็มั่วว่าผมพูดจริงกันหมดเลย เพราะยิ้มกันซะหน้าบานยิ่งกว่ายานอีทีที่มาเยือนโลกอีก โดยเฉพาะไอ้พี่ชมพู สาดดดดด


พวกมึงมันจั๊ดง่าวววววววววววว!!!!!!









อ่านต่อข้างล่างค่ะ
v
v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 06-07-2012 17:06:57
ต่อจากข้างบน
v
v









ถึงเวลาที่ต้องกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว พวกเราเก็บสัมภาระกันเรียบร้อย กินข้าวตอนสายๆ เสร็จก็ขึ้นรถออกเดินทาง ผมแอบเสียดายหน่อยๆ ที่มาแล้วไม่ได้เที่ยวไหนเลย แต่เหมือนไอ้พี่ชมพูจะรู้อีกแล้ว แม่งมีญาณหยั่งรู้หรือไง แต่คนแบบไอ้พี่หมีควายจอมเผด็จการเนี่ยเหรอจะมีความสามารถขนาดนั้น


“ไว้เดี๋ยวกูจะพามาเที่ยวให้ทั่วๆ”


มันกระซิบข้างหูผม ผมก็พยักหน้าเออออไป ไม่ได้ปฏิเสธ แล้วสักพัก เสียงพูดคุยที่มีมาตั้งแต่ขึ้นรถก็เงียบลง เพราะทุกคนหลับกันหมด เมื่อคืนยังนอนไม่พอกันหรือไงก็ไม่รู้ ขนาดไอ้พวกเพื่อนผมแม่งยังคอพับกันหมด ก็นอนพร้อมกันนี่หว่า กูตื่นก่อนด้วย แล้วทำไมพวกมึงง่วงกันอีก กูไม่เข้าใจ


หันมองเพื่อนที่อยู่เบาะหลังแล้วผมก็หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม หวังว่าพี่ต้นหรือพี่ปาล์มคงไม่อิจฉาแล้วอยากหลับด้วย เพราะถ้าสองคนนี้หลับ ก็ไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ กันแล้วครับ นอนอ่านหนังสือพิมพ์กันแถวนี้แหละ แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเป็นแค่ใบไม้มาปิด


“พี่ต้นง่วงหรือเปล่าครับ”


“ไม่หรอก กินกาแฟมาแล้ว”


พี่ต้นตอบมาพลางยิ้มให้ ผมมองเห็นผ่านทางกระจกมองหลัง เพราะผมนั่งอยู่เบาะหลังพี่ต้น แต่จากตำแหน่งพี่ต้น มองไม่เห็นผมหรอก


อ้อ ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่แว่นแล้วครับ เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่ผมไปช่วยไอ้กราฟขึ้นจากทะเล ทุกคนก็เห็นหน้าเต็มๆ ของผมหมดแล้ว ไอ้พี่แชมป์กับพี่บอสก็มองกันแบบอึ้งๆ ตอนเห็นหน้าผม คือตอนใส่แว่นหน้ากูอุบาทว์มากหรือไงครับ มองกูเหมือนเห็นปิกาจูมุดออกมากระเป๋าโดเรมอนแล้วมาโผล่ที่ทะเล แม้แต่พี่เจ๋งกับพี่ต้นยังมองผมค้างอยู่แป๊บนึง มีก็แต่พี่ปาล์มที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วบอกว่า







‘หล่อใช่ป่ะล่ะ กูได้เห็นก่อนคนอื่นเลยนะเว้ย’






ดูภูมิใจชอบกลที่ได้เห็นหน้าผม แต่ก็เอาเถอะ พวกพี่พวกนี้คงไม่ทำให้ผมเดือดร้อน คิดๆ ไปงั้นแล้วอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่ามีอะไรหล่นปุมาบนไหล่ และพอหันไปดูก็ไม่ใช่อะไรเลย พี่ชมพูมันเอาไหล่ผมเป็นหมอนเรียบร้อยแล้ว


นี่ก็อดหลับอดนอนอีกคนหรือไง


ผมบ่นๆ กับตัวเอง แต่ก็นึกได้ว่าตอนขามาผมก็หลับซบไหล่มันเหมือนกัน ถึงจะจำได้รางๆ ก็เถอะ แต่ว่าผมก็จำได้นะ


นี่มึงเอาคืนกูใช่มั้ย


ผมมองหน้าพี่ชมพูที่หลับตาอยู่แล้วไม่รู้ทำไมถึงแอบยิ้มขึ้นมา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองจะยิ้มหาหอกอะไร หรือกูเป็นบ้าไปแล้ว ติดเชื้อจากน้ำลายมันเหรอ จริงๆ แล้วมันคือยายอรนาถแล้วผมเป็นทายาทอสูรเหรอ


ความคิดบ้าบอของผมวิ่งวนไปวนมา บ้าบออะไรก็ไม่รู้ แล้วไม่นานผมก็หลับตามคนอื่นไป จริงๆ ก็ไม่ได้ง่วงอะไรหรอก แต่มีเสียงเพลงคลอเบาๆ ที่พี่ปาล์มเปิดกับแอร์เย็นๆ มันเลยชวนให้ไปซะเฉยๆ


ตื่นมาก็ตอนรถหยุดที่บ้านพี่ต้น เพราะรถทุกคนอยู่ที่นี่ ผมเองก็ต้องลงเหมือนกัน ถึงรถจะไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะตอนขามามากับพี่ชมพูก็เหอะ ทุกคนล่ำลากัน เจอกันพรุ่งนี้เสร็จ เจ้าของบ้านกก็จูงแฟนคนสวยขึ้นรถอีกคันที่คงเป็นรถประจำที่พี่ต้นใช้ ขับออกจากบ้านไปก่อนคนอื่นซะอีก


พวกพี่ๆ เพื่อนๆ ก็ขับรถออกไปต่อๆ กัน ผมยังไม่ทันเรียกไอ้กราฟเพื่อบอกว่าผมจะกลับด้วยเลย กราฟก็โดนไอ้เคลมลากไปแล้ว ไม่ต้องถามก็รู้เหตุผลชัวร์ๆ ของมัน แม่งอยากให้ผมกับพี่ชมพูได้กันจนตัวสั่นอะดิ มึงน่ะ


สุดท้ายผมก็ต้องขึ้นรถพี่ชมพูไปอย่างช่วยไม่ได้ จริงๆ มันก็ถูกแล้วที่แฟนควรจะอยู่ด้วยกัน แต่สำหรับผม ผมว่าเพื่อนสำคัญกว่าแฟนซะอีก เพราะงั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับแฟนตลอดเวลา ให้เราได้มีโลกส่วนตัวบ้าง ใช้เวลากับเพื่อนบ้างนั่นจะดีกว่า อยู่ด้วยกันมากๆ รู้สันดานกัน เดี๋ยวก็เบื่อ แต่ผมก็คิดอีกนั่นแหละว่าผมกับไอ้พี่ชมพูคงไม่เห็นสันดานกันไปมากกว่านี้แล้วมั้ง


“คืนนี้นอนคอนโดกูนะ”


“ทำไมผมต้องนอนกับพี่ด้วย”


คำพูดของผมจะดูเหมือนสองแง่สองง่ามเกินไป ไอ้พี่ชมพูเลยหันมายิ้มๆ มองผมแบบกรุ้มกริ่ม ผมเลยชูนิ้วกลางโชว์ให้ซะเลย ไอ้พี่ชมพูก็หัวเราะ


“ขับรถก็มองทางไปนู่น”


ผมสั่ง ดีหน่อยที่มันทำตาม แต่ปากมันก็ไม่วายตอบคำถามเมื่อกี้ของผม


“กูอยากอยู่กับมึงไง”


แม่งก็เสือกตอบมาซะตรงจนผมอดหวั่นไม่ได้ว่าที่อยากอยู่กับผมนี่หวังอะไรอยู่ ผมยังไม่อยากถูกเสียบนะเว้ย ว่าแต่.. ทำไมกูต้องคิดเหมือนจะยอมมันวันใดก็วันหนึ่งด้วยวะ แต่คิดอีกที ถ้ากูเป็นคนเสียบ กูจะหักในหรือเปล่า เหี้ยนี่ยิ่งพลังช้างสารอยู่ด้วย


“แต่ผมอยากกลับไปหาป๊าแล้ว ป่านนี้คงคิดถึงผมแย่แล้วมั้ง”


“อย่าแหล”


ผมตอบไปไม่ถึงเสี้ยวของเสี้ยวของเสี้ยววิ ไอ้หมีควายมันก็สวนมาทันที กูตอแหลตรงไหนเนี่ย กูออกจะจริงใจ


“ผมแหลตรงไหน”


“ที่บอกว่าป๊าคิดถึงมึงแย่แล้วไง”


“โห ไรวะ ป๊าจะคิดถึงผมไม่ได้หรือไง ถ้าไม่เชื่อเปลี่ยนเป็นผมคิดถึงป๊าก็ได้ โด่”


“ลื่นจริงๆ นะมึง”


เหมือนมันจะด่ากลายๆ แต่ผมก็ภูมิใจรับครับ หันไปมองหน้ามันแล้วยักคิ้วแถมยิงฟันให้เห็นหมดทั้งปากอีก แต่มันไม่หันมาดูเพราะขับรถอยู่ ถุย เมื่อกี้มึงยังมองหน้ากูอยู่เลย มาตอนนี้ทำเป็นตั้งใจขับรถ ไอ้หอก


ในเมื่อมันไม่หันมาดู ผมก็เอานิ้วจิ้มๆ แขนมันที่มีกล้ามเนื้อเฟิร์มๆ อยู่ ถึงจะไม่แน่นมาก แต่ก็ใช้ได้เลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็ทำให้มันหันมาได้ แล้วพอมันเห็นว่าผมกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่มันก็หัวเราะลั่นรถอีกรอบ


กูไม่ใช่ตลกนะเว้ย มึงถึงได้หัวเราะกูจัง


“มึงอย่าไปทำหน้าแบบนี้กับใครนะเว้ย”


“ทำไม”


“เดี๋ยวเขาหาว่ามึงเป็นชักกระตุก”


“โหยย ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย”


ไม่กงไม่เก็บแม่งแล้ว ผมด่ามันลั่นรถเลย แม่งมาด่ากูว่าเป็นชักกระตุก มึงสิไอ้สันนิบาตแดกแม่งอยู่ได้ ตอนนี้มันโดนผมด่าก็ยังยิ้ม


“กูไม่ส่งมึงก็ได้ ไม่อยากรังแกคนไม่สมประกอบ”


ไอ้พี่ชมพูแม่งกวนส้นตีนที่สุด!! รอให้ลงรถก่อนเหอะ กูไม่ปล่อยมึงแน่ ตอนนี้กูปล่อยมึงไปก่อน


เพราะผมไม่อยากลอยแล้วมองโลกกลับหัว ถึงได้แต่ส่งสายตาอำมหิตใส่มันไป ไอ้กอลิล่าก็ขับรถไปอย่างไม่สะทกสะท้าน เหลือบมองผมเป็นระยะ แล้วพอมองมันก็อมยิ้มเหี้ยอะไรของมันไม่รู้ กระทั่งถึงบ้านผม


ผมลงรถ แต่ไม่ลงคนเดียว เดินไปที่ประตูรถอีกฝั่งแล้วกระชากไอ้คนขับออกมา กดมันให้หงายไปพิงกับตัวรถ


“มึงจะทำอะไร”


“ต่อยปากดีๆ สักทีเป็นไง”


“เรื่องแค่นี้เองมึง”


มันพยายามทำให้เป็นเรื่องเล่นๆ แต่ไม่ได้ ผมจะปล่อยไม่ได้ เดี๋ยวแม่งมีอำนาจเหนือกว่า ผมก็โดนข่มดิ เรื่องอะไรผมจะอยู่ใต้อาณัติมัน นี่พชร วัฒนกิตติพงศ์นะครับ ไม่ใช่นายลูกไก่ แซ่อึไม่ออก


“แล้วหาว่าผมไม่สมประกอบทำไม”


“มึงโกรธเหรอ”


เอาจริงๆ ก็ไม่ได้โกรธหรอก เพราะรู้ว่ามันก็ด่าเล่นๆ เพราะผมเองก็เคยหลอกด่ามันไปหลายทีเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่าผมไม่อยากตกเป็นเบี้ยล่างมัน ก็เลยต้องแกล้งแสดงละครสักหน่อย


“แล้วพี่คิดว่าไม่สมควรโกรธหรือไง”


“กูนึกว่ามึงจะรู้ว่ากูล้อเล่น”


หน้ามันยังไม่สลดครับ ไม่เชื่อหรือไงว่ากูเอาจริง ผมเลยง้างหมัดขึ้นมาเลย โอกาสได้ต่อยไอ้พี่ชมพูไม่ได้มีมาง่ายๆ นะครับ ฉวยโอกาสไว้ตอนนี้ก็ดี บางทีก็หมั่นไส้อยากต่อยแม่ง


แต่สิ่งที่ผมหวังคงเป็นหมันถาวรแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยพี่ชมพูมันจับไปทำหมันเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้มันจับข้อมือข้างที่ผมยกขึ้นไว้ แล้วก็ใช้มืออีกข้างรวบตัวผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นผลักผมให้ไปแนบหลังกับรถแทน เร็วฉิบหาย! แม่งเล่นทีเผลอนี่หว่า ถ้าไม่เผลออย่าหวังเลยว่าจะทำกับกูแบบนี้ได้


ผมพยายามดันตัวมันออก แต่มันก็กดมือผมลงกับขอบประตูรถ ยื่นหน้ามาใกล้ๆ จากนั้นก็หอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ แล้วพอมีครั้งที่หนึ่งก็ตามมาด้วยครั้งที่สองที่แก้มอีกข้าง ผมอยากจะด่ามันมาก แต่ยังไม่ทันทำ ก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง เสียงที่ผมคุ้นมาก คุ้นที่สุดในชีวิตก็ว่าได้


“ทำอะไรกันอยู่”


รีบหันขวับไปทางต้นเสียงและเบิกตากว้างแล้วก็คิดว่าไอ้พี่ชมพูคงไม่ต่างกัน


“ป๊า...”
















-------------------------
มาแล้วค่ะ พอดีว่าช่วงนี้ว่างเลยรีบแต่งหน่อย
ความจริงก็กระจ่างแล้วเนอะว่าทำไมกราฟเป็นงี้ แล้วก็ความสัมพันธ์กราฟยีน
รู้สึกตอนนี้มันน่ารักๆ หรือว่าจะคิดไปเอง ก็ไม่รู้


ปล. เรื่องไนล์จะไม่เฉลยนะคะ
เพราะแพลนไว้ว่าจะแต่งแยกกราฟไนล์กับต้นปาล์ม
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนอยากอ่านหรือเปล่า



Undel2Sky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-07-2012 17:18:36
ป๊าเห็นแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 06-07-2012 17:28:21
ซวย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-07-2012 19:31:16
ไอ้เราก็ไม่คาใจแล้วเรื่องกราฟ ไขปมแล้ว
แล้ว..แล้วก็หลงวาบหวามตามไปกับฉากจูบรับอรุณ ของพี่ชมพูกับน้องเกงยีน
ใจก็ลอยล่องไปกับการหยอกเย้ากระเง้ากระงอดกัน ของเขาสองคนอยู่เพลินๆ
ว้ายย..วิตกอกแตก ป๊าเห็นแน่ๆ ว่าสองคนกำลังปล้ำหอมกันอยู่
ละ...ละ...แล้ว...แล้ว..แล้วป๊าจะว่าไงเนี่ย จะเกิดอะไรขึ้น :sad4: เราโดนคนเขียนวางยาแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 06-07-2012 19:50:43
ป๊าท่เเล้ว ป๊าเห็นเเล้วทำไงดีละยีน

อิอิหวานกันจังช่วงนี้ เรื่องกราฟก็เคลียร์เเล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-07-2012 21:05:28
แง๊วววววววววววว ป๊าเห็นแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 06-07-2012 22:05:04
ป๊าาาาาา  o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 06-07-2012 22:23:12
:sad4: :sad4: :a5: :a5: o22 o22
[/color][/size][/font][/color]
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 06-07-2012 23:40:42


     :a5:  :a5:  :a5:
     กรรม อาพี่ชมพูนี่เล่นไม่ได้ดูสถานที่เล้ย
     แล้วคราวนี้จะเป็นไงเนี่ย อาป๊าเหมือนจะเห็นเต็มสองลูกกะตาเลยง่ะ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 07-07-2012 00:10:44
โอ้ว คุณ พระ!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 07-07-2012 00:39:03
กะลังค้างเลยอ่าา
ป๊าจะว่าอะไรมั่งมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 07-07-2012 08:58:36
เรื่องกราฟนี่มันน่าเศร้าจริงๆๆ สงสารกราฟคงเจ็บปวดมากๆเลยดีที่มียีนคอยอยู่ข้างๆ
สวยน้อยีนกะพี่ภู ดูท่าทางว่างานจะเข้ารึป่าว ป๊าเห็นแน่เลย ทำไงดี o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-07-2012 09:04:09
คุณป๊ามาขัดจังหวะน่ะ  o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-07-2012 10:09:03
ป๊าาาาาาาา
เห็นแน่ๆเลย o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: donghwa ที่ 07-07-2012 10:27:17
คุณป๊าาาาาาาาาาาาาาาาา
ตายหองจะดราม่าหรือไม่ดราม่า
ทางแยกมันมาเยือนอยู่ตรงหน้าแล้วครับพี่น้องงงงงงง
อดีตของกราฟช่างชวนให้ชอกช้ำระกำจิตดีแท้เหลา
น่าสงสัยสารกราฟอ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 07-07-2012 11:36:02
สงสัยค่ะ
สรุปว่า หามิ้นเจอมั๊ยคะ?  ถ้าไม่เจอ ทำไมพวกกราฟมั่นใจว่ามิ้นตายแล้วแน่ๆอ่ะ?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylw_chery ที่ 07-07-2012 13:12:48
งานเข้าแล้ว... o22
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 07-07-2012 16:04:53
ไนล์ เขาคือใครกันแน่เนี่ย เกี่ยวไรกับกราฟ
กัสกับเคลมนี่ก็สมควรโดนด่า ปล่อยเพื่อนทิ้งไว้ได้ยังไง
แต่...กราฟกับยีนส์ ความสัมพันธ์น่ากลัวจริงๆ
พี่ภูไม่กังวลสิแปลก


นายชมพู นายมันเถื่อนแอบโรแมนติกอ่ะ
มีปิคนิคริมหาด จูบรับอาทิตย์ยามเช้า
โว้วววว อยากเห็นรูปน้องยีนปากเจ่อ
นี่ขนาดจีบกันยังหวิว แล้วถ้า...กันจะหวามขนาดไหน -,.-


อ่านตอนนี้แล้วเห็นใจพี่พู
แต่พี่รออีกหน่อยนะ ให้เวลาน้องอีกนิด
เดี๋ยวน้องเขาจัดเต็มแน่นอน 555


ตอนหน้าได้รู้ซักทีว่าเรื่องกราฟมันเป็นไง
แต่แค่ฟังเหตุหลักก็สงสารแล้ว


.....................................................


อั๊ยย๊า ป๊าเห็นซะแล้ว
จะเลี่ยงตอบแถไปอย่างอื่นคงไม่รอด
หลักฐานคาตาคาแก้มกันขนาดนี้
แล้วป๊าจะมาไม้ไหน ป๊าจะรับได้หรือกีดกัน
นี่คือเขาเพิ่งจะเริ่มรักกันด้วย ยังหวานไม่เท่าไร
อย่าบอกว่าจะดราม่านะ แง๊


หวานอ่ะ ตอนนี้น่ารักกระจุ๊กกระจิ๊ก
นี่แหละคนรักกัน มันต้องบรรยากาศแบบนี้
อวนๆ หอมๆ หวานๆ
แล้วแบบน้องยีนกำลังทำตัวให้ชินกะคนบ้าจูบ
เอ้ยยย ก็ถ้าน้องชินอีนี่ก็ปลื้ม นึกแล้วมันเขินแทน
 

เรื่องกราฟน่าสงสารอ่ะ แล้วไนล์นี่จะมาดามใจกราฟช้ะ
เขารออ่าน แถมด้วยต้นกะปาล์ม คู่นี้คงมันส์เหมือนกัน


ปล. ชอบจริงๆไอ้ ปย. " อย่าทำให้กูรักมึงนะเว้ย ไม่งั้นมึงจะไม่มีโอกาสได้ไปหาคนอื่นอีกเลย "
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 07-07-2012 19:15:19
ชอบเรื่องนี้มากก ยีนไม่เป็นเบี้ยล่างพี่ภู

อยากให้ฉากพี่ภูหึงเยอะๆอ่า น้องยีนเราหล่ออยู่้แล้ว

อิอิ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 09-07-2012 20:29:10
มาซะที เอิ๊กๆ รอนานมาก
มาต่ออีกไวๆนะครับ
---------------
เย้ย ป๊า เห็นแล้วว จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 12-07-2012 20:59:22
ตายไม่ต้องเกิดแน่ลูกเอ้ยยยย
อยากจะตบเข่าฉาด.. ว่าแล้ว= =
เหตุการณ์หน้าบ้านนี่ต้องมีอะ ไม่มีไม่ใชแน่ๆ...
โดนจริงๆ!! เอิ้มมม!!! สู้ตายเลยพี่ภู O_O
ยาวววว แน่ๆ! ป๊าแลดูโหด *เยอะไป*
อิ้สอิ้ส คิดถึงงมาก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-07-2012 22:09:30
พ่อจะเห็นมั้ยนะ คงยังไม่มาม่าช่ายป่ะตอนนี้อ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-07-2012 15:58:07
เอาแล้วๆ
ป๊ามาเห็นแบบนี้ แล้วยีนจะทำยังไงต่อ
ลุ้นๆๆ :z10:
ปล.เพิ่งเห็นเรื่องนี้ เลยเข้ามาอ่านช้า :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 16-07-2012 22:05:05
มาต่อบ่อยๆนะ ชอบยีนเวลาอยู่กับพี่พู
แต่อยากให้กลับมาหล่อไม่เนิร์ด

อยากอ่านเรื่องกราฟนะจ๊ะ สนับสนุนให้ต่อเป็นเรื่องถัดไป
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 26 : ความจริงที่ไม่มีวันลืม [6/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-07-2012 22:32:58
งี๊ดดด ซวยละ ป๊าเห็นป่ะเนี่ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 29-07-2012 01:23:05
ตอนที่ 27 : เปิดเผย

























แทบช็อกไปแล้วครับหลังจากเห็นว่าป๊ายืนอยู่ตรงสนามหน้าบ้านและกำลังมองมา แต่ดีว่าพอได้ยินเสียง พี่ชมพูก็ถอยห่างออกไปอย่างเนียนๆ ไม่ได้กระเด้งออกให้น่าสงสัย ผมพยายายิ้มให้ป๊าก่อนจะเดินเข้าไปหา


“จะเข้าบ้านล่ะครับ”


ตอบไปก็ลุ้นว่าป๊าจะว่าอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้ป๊าจะเห็นมั้ย แต่ป๊าก็ทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไร


“แล้วนั่น ภูมาด้วยรึ”


“ครับ มาส่งน้องครับ ตอนไปก็มารับ ตอนกลับก็ต้องมาส่ง เดี๋ยวคุณป๊าจะต่อว่าได้”


ถึงจะเสียวๆ อยู่ แต่ไอ้พี่ชมพูก็ปั้นยิ้มพูดประจบประแจงอย่างไม่กลัวตาย ส่วนป๊าก็พยักหน้าตามเบาๆ เหมือนไม่ได้มีอะไรติดค้างในใจ แต่ผมจะเชื่อได้มากแค่ไหนว่าป๊าไม่เห็นว่าเมื่อกี้ไอ้พี่ชมพูทำอะไรกับผม



“ถ้างั้นก็เข้าบ้านมาก่อนสิ”


คำชวนของป๊าทำผมขนบนหลังลุกชันเลย และรู้สึกว่าไอ้พี่ชมพูก็ไม่ต่างกัน เพราะมันหันมามองหน้าผม ทำหน้าซีดๆ ใส่หน่อยนึง ผมก็หวังว่าป๊าคงชวนเข้าบ้านเฉยๆ ไม่ได้เรียกไปเล่นงานอะไร


“ครับ”


ไอ้คนตัวโตที่หน้าซีดอยู่เมื่อกี้เดินไปเปิดกระโปรงหลังของรถ หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของผมออกมาถือให้แล้วชวนกันเข้าบ้านไป โดยที่ผมขอตัวเอากระเป๋าไปเก็บบนห้อง แต่ก็ไม่ได้ไปจริงๆ เพราะพี่กล้วยเดินมาแล้วอาสาจัดการให้ ผมเลยต้องกลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่นกับป๊าและไอ้พี่ชมพู เห็นว่าสองคนนั้นคุยกันยิ้มๆ แล้วก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อย ทว่าก็ยังไม่กล้าคิดว่าป๊าจะไม่ทำอะไรจริงๆ เพราะปกติแล้วป๊าอาจจะเป็นคนใจดี แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ป๊าไม่ยอม ป๊าก็จะโหดสุดๆ


“แล้วไปทำงานด้วยกัน เป็นอย่างไรบ้าง”


ป๊าถาม ผมก็ยิ้มๆ มองหน้าพี่ชมพูก่อนจะตอบ


“ก็สนุกดีครับ ไม่ได้ไปทะเลนานแล้ว”


“ไปทะเล แล้วกราฟไม่เป็นไรหรือ”


“ก็มีปัญหานิดหน่อยครับ แต่ก็โอเคแล้ว ผมว่าคงเป็นเรื่องยากถ้ากราฟจะลืม”


คิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที แต่พี่ชมพูก็เอานิ้วมาจิ้มๆ ที่แขนผม สะกิดเหมือนจะถาม ซึ่งผมก็เดาได้เลยกระซิบตอบ


“ป๊ารู้”


“อ้อ”


มันครางเสียงเบาๆ พลางพยักหน้า ก่อนจะหันไปหาป๊าอีกครั้ง แต่การหันไปครั้งนี่มันทำผมตกใจจนแทบทรุดจมไปกับโซฟา


“แล้วเมื่อกี้คุณป๊าทำอะไรอยู่หน้าบ้านเหรอครับ ถึงเห็นผมกับน้อง”


ไอ้เหี้ย เสี่ยงไปมั้ยมึง ถ้าป๊าตอบกลับมาว่าเห็นมึงกำลังตะบี้ตะบันหอมแก้มกูล่ะ


“ป๊ากำลังเดินผ่อนคลายอยู่ที่สนาม แล้วก็หันไปเจอพวกเราพอดี”


“เหรอครับ เดินผ่อนคลายก็ดีนะครับ ผมได้ยินมา แม่ก็บอกว่าสัปดาห์นึงให้ถอดรองเท้าเดินบนสนามหญ้าสักครั้ง จะช่วยให้ผ่อนคลาย แต่ผมไม่ค่อยได้ทำหรอกครับ เพราะว่าที่คอนโดไม่มีสนามหญ้า”


ปิดท้ายด้วยการอ้อล้อของไอ้หมีควาย ฉีกยิ้มให้ดูน่ารักในสายตาป๊าเสียอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้ป๊ายิ้มออกมานิดๆ เหมือนกัน ผมค่อยโล่งอกมากกว่าเดิมหน่อย เพราะป๊าไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ไม่ได้แสดงสีหน้าพิรุธอะไรด้วย ผมควรจะดีใจใช่มั้ยที่การเสี่ยงแบบไม่ปรึกษาเหี้ยอะไรเลยของไอ้พี่ชมพู ผลมันออกมาดี


“แต่เดี๋ยวปิดเทอมก็คงได้ทำสมใจ”


ป๊าว่างั้นอย่างกับจะตอกหน้ากลับ ผมต้องอุดขำฉิบหายวายป่วง แต่จากนั้นป๊าก็หันมาทางผม


“พูดถึงปิดเทอม เดี๋ยวโซจะกลับมาอาทิตย์หนึ่ง”


“จริงเหรอครับ ป๊า”


ผมร้องเสียงดัง เบิกตากว้างอย่างดีใจสุดๆ แล้วหน้าคงระรื่นจนเกินหน้าเกินตา ไอ้พี่ชมพูถึงได้มองผมตาขวาง แต่ผมไม่สนหรอก เพราะตอนนี้ผมสนใจคนที่กำลังจะกลับมามากกว่า


“เห็นว่ามีงานที่มหาวิทยาลัย ได้หยุด เลยจะกลับมา”


“ผมอยากให้ปิดเทอมไวๆ จัง”


“ก่อนปิดเทอมก็อ่านหนังสือก่อนดีกว่า”


ป๊าแหวะนิดหน่อย ผมเลยยิ้มแหยๆ ให้ เพราะผมก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไรมากมาย แค่เอาตัวรอดไปเรื่อยๆ ซึ่งป๊าก็รู้ดีว่าผมเป็นเด็กเกเรแค่ไหน เลยมาเบรกอารมณ์กันซะ แต่ก็เหมือนเปิดโอกาสให้ไอ้พี่ชมพู เพราะมันรีบแทรกขึ้นมาทันที


“ถ้าอย่างนั้นป๊าให้น้องไปนอนคอนโดผมนะครับ เดี๋ยวผมติวให้”


“ผมไปนอนกับกราฟก็ได้ ทุกทีก็ให้มันติวให้”


พอผมพูดปุ๊บ ไอ้รุ่นพี่จูบดะมันก็หันมาจ้องหน้าผมทันที เหมือนจะข่มขู่ทางสายตาว่าคราวก่อนผมก็ให้มันติว แต่แค่นอนคอนโดกราฟเฉยๆ ก็แล้วมึงทำแบบคราวก่อนก็ได้ไม่ได้หรือไง


“คุณป๊าอนุญาตนะครับ เพราะแบบนี้จะติวให้น้องง่ายกว่า”


มันอ้อนป๊า ผมขนลุกเลย ทั้งที่ไม่ได้ออดอ้อนมาก แต่ก็พอให้น่าถีบ แล้วที่มันเรียกผมว่า น้องๆ ตั้งหลายครั้งนี่อีก


“แล้วยีนว่าอย่างไร”


ดูเหมือนป๊าจะเชื่อไอ้พี่ชมพูมากกว่าคำสั่งที่จะไม่ให้ผมไปไหนตอนกลางคืนง่ายๆ เสียอีก ป๊าแน่ใจเหรอว่ามันจะไม่พาผมเที่ยว หรือพาผมไปเสียคน แต่ถึงจะบอกอย่างนั้น ผมก็ได้แค่พูดในใจเท่านั้นเพราะป๊าจ้องหน้าเอาคำตอบผมอย่างเดียว ส่วนไอ้คนเสนอความคิดแม่งจ้องหนักกว่าป๊าอีก นี่ถ้ามันอุ้มผมกลับคอนโดได้คงทำไปแล้ว แสรดดดด


“ไม่ต้องก็ได้ครับป๊า ป๊าไม่กลัวพี่เขาพายีนเที่ยวเหรอ”


“ภูคงไม่ทำแบบนั้นหรอกใช่ไหม”

คราวนี้ป๊าตวัดตาโหดไปที่ไอ้คนรับคำถามเลย พลอยให้ผมแอบขำอยู่ในใจ แต่แทนที่มันจะสลดเพราะคำขู่ มันเสือกกระหยิ่มยิ้มตอบ


“ไม่หรอกครับ พอห้าทุ่มผมจะตบตูดน้องนอนเลย”


สาดดดดดดดดดดดดดดดดดด ตบตูดพ่อมึงสิ!!


นี่ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าป๊าผมคงยกตีนมันขึ้นมาถีบไปแล้ว แต่เพราะอยู่ ผมเลยทำไม่ได้ ได้แต่จ้องหน้ามันเหมือนจะจับมันมาขยำๆ บีบๆ ให้ยู่เหมือนกระป๋องเบียร์ แต่ป๊ายักไม่เป็นแบบผม หัวเราะออกมาเลย ป๊าจะชอบใจไอ้เหี้ยนี่อะไรนักหนา!! แล้วดูไอ้พี่ชมพู แม่งยิ้มแป้นแล้นยกมือท่วมหัว


“ขอบคุณครับคุณป๊า”


“แล้วนี่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเลยแล้วกัน ใกล้ตั้งโต๊ะแล้ว”


“ครับ”


มันตอบแล้วป๊าก็ขอตัวขึ้นไปจัดการงานที่ตกค้างอยู่ ผมเลยขึ้นห้องบ้าง ไอ้คนตัวโตมันก็เดินตามผมมาด้วย แล้วพอเข้าห้องปุ๊บ มันก็กอดผมจากด้านหลังทันที มึงเป็นอุรังอุตังเหรอ?!!


“ดูเหมือนว่าป๊าจะไม่เห็นนะ”


“คงงั้นมั้ง” ผมพยายามกระชากมือมันออก “แต่ก็ไม่แน่หรอก ถ้าพี่กลับไปแล้วป๊าเรียกผมไปคุยคงรู้กัน”


นึกขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเสียวๆ อย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าถ้าป๊ารู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย หนำซ้ำยังเคยพามาหยามหน้าแบบไม่ตั้งใจนี่ด้วยอีก ผมจะโดนอะไรมั่ง


“ก็หวังว่าจะไม่เป็นไร หรือจะบอกป๊าไปเลย จะได้ยอมรับกูเป็นลูกเขย”


“ถ้าอยากเป็นลูกเขย ก็ไปเป็นของบ้านอื่นเหอะ” ผมแงะมือมันออกจนได้ แล้วก็หมุนตัวหันหน้าเข้าหา เงยขึ้นมองหน้าหล่อๆ นั่น “อย่าว่าแต่ป๊าเลย ถ้าพ่อแม่พี่รู้ ก็คงบ้านแตกเหมือนกันมั้ง”


“คงงั้น”


มันยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไหร่ ทั้งที่คำตอบตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ก่อนจะเดินไปกระโดดลงเตียงอย่างไม่สงสารว่าเตียงของผมจะพัง


“แล้วโซนี่เป็นใคร”



ผมกำลังหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำรอบเย็น คนที่นอนเท้าแขนอยู่บนเตียงก็ถาม ผมเลยนึกอยากกวนตีนมัน


“จะอยากรู้ไปทำไม”


“แล้วทำไมมึงต้องดีใจขนาดนั้น”



“ก็คนสำคัญ ผมก็ต้องดีใจดิ”


ยิ่งเห็นมันทำหน้าไม่พอใจ ผมก็ยิ่งสนุก แต่ไม่สนุกตรงที่มันลุกจากเตียงเดินมาซ้อนหลัง เอาแขนรัดเอวแล้วยกผมขึ้นไปนั่งกอดบนเตียงเนี่ยแหละ มึงจะกอดกูอะไรนักหนาเนี่ย ไม่ได้ใช้คxยอันเดียวกัน ไม่ต้องตัวติดกับมึงนักก็ได้!


“ไหนมึงลองพูดอีกทีดิ๊”


“คนสำคัญผม ทำไม”


หันไปพูดใส่หน้ามันเลยครับ ยักคิ้วสลับสองข้างกวนๆ มันด้วย ผมเห็นมันหนังตากระตุกเลย เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งชอบใจ แต่มันตรงข้ามกับผมเลย แม่งรัดตัวผมแน่นขึ้น แล้วไอ้พลังหมีบวกช้างอย่างมัน ผมจะทนได้ไง แม่งงง กูเจ็บ หายใจไม่ออกกก!!!


“ปล่อยโว้ย หายใจไม่ออกแล้ว”


“อยากให้กูปล่อยมึงก็บอกมาก่อนดิว่าไอ้เหี้ยโซนั่นเป็นใคร”


“มึงสิไอ้เหี้ย”


พอมันขึ้นเหี้ย ผมก็ขึ้นบ้าง แม่งมาว่าพี่โซว่าเหี้ย มึงนั่นแหละเหี้ยสุด และผมคงทำมันปรี๊ดแบบสุดติ่ง มันเลยพลิกตัว ทั้งที่ยังล็อกตัวผมอยู่ หลังผมเลยกระแทกที่นอนไปเต็มๆ แถมแม่งยังมาคร่อมผมอีก เท่านั้นไม่พอ แทรกเข่าเข้ามาตรงหว่างขาผม เอากระดูกกลมๆ นั่นมาดันคxยผม ไอ้เหี้ยยย มึงทำอะไรไอ้สัด!!


“พี่ทำอะไร”


“เค้นความจริงจากมึงไง”


แค่พูดไม่พอ มันยังดันเข่าเข้ามาอีก แล้วดันไม่พอไง เสือกเอาเข่าลูบไปมา ไอ้เหี้ย ผมต้องกัดฟันเอาไว้ ไม่ให้เปิดปากแล้วร้องออกมา มาเล่นจุดอ่อนกูนะ แม่ง


ผมยกขาข้างที่อยู่ใต้ตัวมันขึ้น ยันตัวมันออกไป แต่ไอ้เหี้ยนี่กลับดึงขาผมออกแล้วจับพาดบ่ามันซะงั้น ไอ้สัด!! ผมจ้องหน้ามันเขม็ง แต่มันก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ยังลงโน้มตัวลงมาหาผม


“โอ๊ยๆ ไอ้เหี้ย กูเจ็บขา”


มันก้มตัวลงมามากเท่าไหร่ ขาผมก็ยิ่งถูกดันติดอกมากเท่านั้น เชี่ยแม่งเจ็บฉิบหาย จะเอาขาออกก็ไม่ได้ เพราะแขนที่มันเท้าที่นอนกั้นเอาไว้


“มึงก็บอกกูมาสิว่าไอ้เหี้ยโซนั่นคือใคร”


มันเรียกว่าเหี้ยอีก ทำให้ผมยิ่งปรี๊ด ต้องพยายามระงับอารมณ์แบบสุดๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ระหว่างนั้นไอ้พี่ชมพูแม่งก็เสือกเอาหน้ามาซุกคอผม ซุกไซ้ หันหนีแม่งก็ยังไม่เลิก จะถีบก็ไม่ได้อีก เรียกว่าทำอะไรไม่ได้เลยดีกว่า เวรเอ๊ยยยย


แต่แค่นั้นมันคงไม่พอ ไอ้หมียักษ์ดันเอามือล้วงเข้ามาในเสื้อผมด้วย


“จะทำห่าอะไรวะ!!!!”


ผมพยายามดิ้นหนีมัน แต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิม ก็แม่งเอาแขนขากั้นผมไว้หมดทุกทางแล้ว ดันตัวมันก็ไม่ออก


“ก็ทำให้มึงยอมบอกกูไง”


“เออๆ บอกแล้วๆ” ผมยอมเลิกกวนตีนมันแล้ว เพราะทำอะไรก็เข้าตัวหมด “พี่ชาย พอใจยัง”


“พี่ชาย?”


“เออ ไฮโซ พี่ชายไฮยีน เก็ตยัง ก็เคยพูดถึงแล้วนี่หว่า”


“ตอนไหนวะ”


มันก็ยังทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมตัวเขื่อง


“จำไม่ได้ก็ช่างแม่งแล้ว ปล่อยได้ยัง จะไปอาบน้ำ”


มันปล่อยผมแต่โดยดี แต่ไม่แค่นั้น ก่อนมันจะผละตัวไป มันก้มลงมาหอมแก้มผมอีก เพราะงั้นพอมันลุกไปจากตัว ผมก็ดันตัวออกจากตำแหน่งที่นอนอยู่แล้วยกตีนถีบมันจนหงายหลังแล้วรีบแจ้นเข้าห้องน้ำไป แต่ถึงงั้นก็ได้ยินเสียงมันผ่านประตูห้องน้ำมา


“ไอ้เกงยีน มึงถีบหน้ากู!!”





















ผ่านวันนั้นไปได้แบบน่วมๆ หน่อย เพราะออกจากห้องน้ำมา มันก็โถมตัวใส่ผมแล้วกอดฟัดอยู่อย่างนั้นจนพอใจ ผมถึงได้เป็นอิสระจนมาถึงช่วงสอบนี่ แต่ก็ใช่ว่าจะรอดจากมือหื่นกามของไอ้พี่ชมพู


แม่งไม่รู้ไปติดสัดที่ไหนมา ถึงทำตัวเหมือนหมาเดือนสิบสองอยู่ทุกวี่ทุกวัน แล้วคนเดือดร้อนจะเป็นใครถ้าไม่ใช่ผม มันนอนกอดเอาหน้าซุกคอผมทุกวัน ซุกไม่พอยังดมๆ ตามนิสัยหมาแล้วดึงไปจูบอีก


ส่วนผม อันไหนก็ยอมได้ก็ยอมไป แต่อันไหนไม่ได้มันก็เจอถีบกลับจนตกเตียง แต่วันนี้ดูแปลกไปหน่อย เพราะพี่ชมพูแม่งหายหัวไปไหนวะ พอมันมาส่งผมที่ห้อง แทนที่จะติวหนังสือให้เหมือนกับทุกวัน แต่วันนี้มันออกไปข้างนอก ไม่บอกด้วยว่าไปไหน


ผมมองรอบๆ ห้องที่เงียบแปลกๆ เพราะทุกวันต้องมีเสียงเถียงกัน ไม่ก็เสียงมันเคี่ยวเข็นผมให้อ่านหนังสือที่มันเก็งๆ ไว้ให้ แล้วพอมานั่งอ่านหนังสือเองโดยที่มันไม่อยู่ ก็รู้สึกบอกไม่ถูก แทนที่ห้องเงียบแล้วจะมีสมาธิอ่านมากกว่าเดิม แต่กลับไม่จดจ่ออยู่ที่หนังสือเลยสักนิด ทั้งที่พรุ่งนี้มีสอบแท้ๆ


ในเมื่ออ่านไม่รู้เรื่องแล้ว ผมก็ตัดใจจะอ่าน เอาเท่าที่ทำได้เหมือนที่สอบตอนม.ปลายมาทุกครั้งแล้วเดินเข้าห้องนอน โยนตัวเองลงบนเตียง ดูเวลาก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้หลับ ก็ได้ยินเสียงกุกกัก พอเหลือบตามองก็เห็นไอ้คนที่หายหัวไป มันยิ้มให้ผม


“มึงมานี่หน่อย”


“อะไร ผมจะนอนแล้ว”


“ลุกมาๆ”


มันบอกไม่พอ ยังเดินมาฉุดตัวผมขึ้นจากเตียงอีก ผมก็จำยอม เพราะขี้เกียจขัดแม่งแล้ว เรียนรู้จากการอยู่กับมามาสามสี่วันว่าเหนื่อยเปล่า ไอ้พี่ชมพูเลยลากผมได้ตามสบาย ออกไปจากห้องนอนก็เห็นทั้งห้องมึนตื๋อ มีแสงสว่างอยู่หน่อยๆ เป็นสีส้ม แล้วพอเพ่งไปก็เห็นว่าเป็นเทียน จากนั้นเสียงเพลงวันเกิดก็ดังขึ้น


ผมเบิกตากว้างเมื่อเค้กที่ถูกใครบางคนถืออยู่ขยับเข้ามาใกล้ หันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มันก็มองผมยิ้มๆ และหลังจากเข้ามาใกล้มากขึ้นจนอยู่ในระยะพอสมควร ผมก็เห็นชัดเจนว่าคนถือเค้กคือไอ้กราฟ ส่วนที่เหลือก็มีเพื่อนผมอีกสองตัว แล้วก็พี่เจ๋ง พี่ต้น พี่ปาล์ม แม้แต่พี่แชมป์ พี่บอสก็มาด้วย


“สุขสันต์วันเกิด”


พี่เจ๋งบอกเป็นคนแรก ก่อนจะตามด้วยเสียงคนอื่นระงม ของขวัญอะไรไม่มีหรอกครับ ก็อวยพรกันไป มีพี่เจ๋งเนี่ยแหละที่ขอโทษเพราะไม่มีของขวัญให้ ไอ้พี่ชมพูเพิ่งบอกเมื่อเย็น ส่วนที่ไอ้หมีควายมันรู้ก็เพราะกราฟโทรบอกอีกที เลยมารวมแก๊งกันนี่แหละ


มีของมาฉลองกันนิดหน่อย ของกินเล่นๆ กับน้ำอัดลมหลายขวด วันนี้โนแอลกอฮอล์เพราะพรุ่งนี้ผมกับกราฟมีสอบเช้า พวกรุ่นพี่สอบกันตอนบ่าย มีแค่ไอ้กัสกับเคลมที่ว่าง เลยก๊งๆ กันแค่เป๊ปซี่ไป ตั้งวงไพ่ เล่น PS3 กันอีกนิดหน่อย จนน้ำเต็มกระเพาะก็แยกย้ายกันกลับ


ผมใช้อำนาจเจ้าของวันเกิดสั่งไอ้พี่ชมพูให้จัดการทำความสะอาด ส่วนผมก็ไปนอน แต่พอไอ้พี่ชมพูทำความสะอาดเสร็จ มันก็มาวุ่นวายกับผมเหมือนเดิม หนำซ้ำยังเหมือนจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะวันนี้แม่งเอามือล้วงเข้ามาในเสื้อแล้วก็ลูบหน้าท้องผม หน้าก็มาซุกตรงซอกคอผม กดจูบย้ำๆ ผมก็กระเถิบตัวหนี แต่แม่งเสือกรู้ทัน เอาแขนกระชากผมกลับแล้วลุกขึ้นคร่อมตัว ต่อด้วยบดจูบลงมา ดูดไซ้ซะเต็มแรงจนผมต้องเปิดปากออกให้มันสอดลิ้นเข้ามาเล่นสนุกในปากผม


มือที่ลูบๆ อยู่ตรงหน้าท้องเลื่อนขึ้นมาจากถึงหน้าอก นิ้วแข็งๆ นั่นบีบหัวนมผมสลับกลับคลึงมันไปมาอย่างเมามัน ผมพยายามดันมันออก แต่มันก็ไม่ปล่อย ดูดปากของผมหนักขึ้นก่อนจะเลื่อนลงมาจูบแรงๆ ที่คอ และก็คงจะเป็นรอยอยางแน่นอนโดยไม่ต้องส่องกระจกพิสูจน์ความจริง


“ทำอะไรวะพี่ ปล่อยได้แล้ว เยอะแล้วนะเว้ย”


ผมโวยใส่มันหลังจากปากเป็นอิสระ แต่มันก็แค่หันมาตอบแล้วก้มลงมาจูบปากผมต่อ


“ให้ของขวัญมึงไง”


“อื้ออ ของ.. ของขวัญเชี่ยอะไร”


ผมดันหน้ามันออกแล้วถาม มันก็ยิ้มตาหวานเยิ้มมาให้ ดูแล้วมันเข้าโหมดหื่นแบบกู่ไม่กลับ


“ของขวัญวันเกิดไง กูให้มึงเป็นของขวัญวันเกิดเนี่ย”


“ของขวัญห่าอะไรแบบนี้ ไม่เอา”


“เชื่อกูดิ เดี๋ยวมึงก็มีความสุขแบบสุดๆ เป็นของขวัญที่มึงถูกใจที่สุด”


มันยังแถต่อไปอีก และเริ่มรุกรานร่างกายของผมอีกครั้ง ดึงเสื้อผมลอดผ่านหัวจนเหลือแต่อกเปลือยๆ ก่อนจะละเลงลิ้นลงไป มือที่ว่างเริ่มเลื่อนลงมาเค้นกับหว่างขาของผม มันชักจะเกินไปแล้ว


“อึ้ ปล่อย”


ถึงจะพยายามถีบมันออก แต่มันก็ไม่ละความพยายามอยู่ดี ยังลูบเล่นกับด้านนอกของกางเกงนอน แค่นั้นไม่พอ มันค่อยๆ เลื้อยมือเข้ามาในกางเกงของผม ชักรูดแท่งเนื้อที่เริ่มร้อน


แบบนี้จะให้ทนเฉยไว้ได้ไงวะ ทั้งที่ไม่อยากจะปล่อยเสียงออกมา แต่มันก็ใช้ความชำนาญที่ช่วยตัวเองปล่อยมั้ง เล่นงานผมจนพูดไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงหอบกับครางออกมาเป็นระยะ และดูท่ามันจะชอบมากเสียด้วย เพราะยิ้มกริ่มก่อนจะลดตัวลงมา จ้องมองของของผมแล้วครอบปากลงไป


“ไอ้เชี่ยยย  อมทำส้นตีนมึงเหรอ”


ผมด่า แต่มันไม่สะทกสะท้าน ยังคงเลียดูดเหมือนส่วนนั้นของผมเป็นไอติมหวานๆ แล้วพอเลียมากๆ มันก็เริ่มละลาย ก่อนจะละลายหมดแล้วพุ่งออกมาเป็นน้ำระลอกหนึ่งเต็มปากมัน


“โสโครก... ฉิบ...ฉิบหาย”


ผมบอกมัน ทั้งที่ยังหอบ มันก็เลื่อนตัวขึ้นมาแล้วประกบปากกับผม ปล่อยน้ำที่อยู่ในปากของมันลงปากผมเต็มๆ แล้วผมก็เสือกเผลอกลืนลงไปเพราะไม่ได้ตั้งตัวไปเต็มๆ


“โสโครกก็ของมึง แบ่งกัน”


มันถอนปากแล้วกลืนส่วนที่เหลือลงคออย่างไม่ทุกข์ร้อน แต่ผมแทบอ้วก หนำซ้ำมันยังยกมือขึ้นมาปาดคราบที่ติดขอบปากมันด้วย ย้ำด้วยนิ้วโป้งปาดเช็ดที่มุมปาก


พอผมเสร็จ มันก็เริ่มแหกแข้งแหกขาผม ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ หุบขาสุดแรง ลุกขึ้นมาปัดมือมันออกด้วยทั้งที่ยังไม่หายเหนื่อยอยู่ดีนั่นแหละ


“ถึงตากูบ้างดิ อย่างก”


แม่งยังมีหน้ามาตราหน้าผมอีก


“งกห่าอะไร พี่อยากทำก็ทำเองดิ ผมไม่ได้อยาก”


“ไม่ได้อยากแล้วมึงจะปล่อยใส่กูเต็มปากเหรอ”


“พี่ไม่ใช่หรือไงที่ทำผม”


ทำตวัดหน้าหงุดหงิดใส่ แต่ไอ้เผด็จการนี่ไม่แคร์หรอก จะทำอย่างเดียว


“เพราะงั้นมึงก็ต้องทำให้กูไง จะได้เท่าเทียมกัน”


“อยากให้ผมทำมากนักเหรอ”


ผมพูดเสียงอ่อนลง เพื่อเถียงกับมันเนี่ยแหละ ทำตัวเหมือนเด็ก โตแต่ตัวเป็นควาย มันเลยยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกๆ ส่วนผมยื่นมือไปประจำการ แล้วปฏิบัติภารกิจอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ มันก็ครางบ้างอย่างชอบใจ ก่อนจะปล่อยออกมาเต็มผม ลิมิตให้แค่มือแหละครับ แต่ดูเหมือนไอ้คนกระหายเซ็กส์เสือกไม่พอ มันกลับมาคร่อมผมอีก


“อะไรอีก”


“ต่อไง”


“พอได้แล้วมั้ง อย่าหื่นให้มาก”


“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย”


“แล้วไอ้เหี้ยเนี่ยคืออะไร”


ผมยกมือที่ยังเปียกๆ น้ำมันของมันขึ้นมาให้มันได้แหกตาดูเต็มๆ แต่มันก็ยังแถ


“นั่นแค่ออเดิร์ฟ”


“งั้นก็ไปจานหลักที่อื่น ผมจะนอนแล้ว พรุ่งนี้สอบ!!”


ตะคอกใส่หน้าแม่งเลย มันถึงได้ชะงักไปนิดนึง ผมก็จ้องหน้าเขม็ง บอกให้รู้ว่าถ้าไม่ลุกและหยุด ผมถีบกระเด็นแน่ มันเลยยอมละตัวมานอนแผ่บนเตียง เออ ให้มันรู้จักพอซะบ้าง






















เมื่อคืนผมก็รอดปลอดภัยมาจากการจ้องจะทะลวงประตูหลัง แต่ก็ไม่พ้นว่าโดนนอนกอดทั้งคืนอยู่ดี ตั้งแต่มานอนกับมันนี่ผมโคตรเปลืองตัวฉิบหาย ไม่อยากใช้คำนี้นักหรอก แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่ถ้าตัวสึกได้ ผมคงเปื่อยไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น วันนี้ก็มีเรื่องเซอร์ไพร์สนิดหน่อย


หลังจากผมสอบเสร็จ ทั้งเช้าและบ่าย ไอ้พี่ชมพูที่สอบเสร็จก่อนก็มารอที่หน้าห้องสอบเพื่อกลับห้องด้วยกัน แต่พอเกือบๆ ทุ่ม ถึงเวลากินข้าวเย็น พี่ชมพูก็ชวนออกไปกินข้างนอก แต่วันนี้มันไม่ได้ไปกินที่ห้างหรือร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล เพราะมุ่งตรงไปร้านอาหารที่อยู่บนตึกสูงกลางเมืองให้ผมงงเล่น


“มานี่ทำไม”


ผมถามหลังจากลงรถแล้ว ก็รู้อยู่หรอกว่าคงไม่พ้นกินข้าวเย็น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านหรูแบบนี้ก็ได้มั้ง ถึงผมจะติดใช้เงินฟุ่มเฟื่อยแล้วของใช้อะไรก็ต้องเป็นของดี แต่ก็ไม่ได้อาหารมื้อละเกือบหมื่นบ่อยๆ


“เลี้ยงวันเกิดมึงไง เมื่อวานได้กินแค่เป๊ปซี่ มันไม่ถือว่าเป็นฉลองวันเกิดเท่าไหร่”


“คิดไปเองเปล่าวะ กินกับเพื่อนๆ พี่ๆ ก็ถือเป็นการฉลองแล้ว ไม่จำเป็นต้องมากินที่นี่”


เงินที่เสียไปแบบไม่คุ้มสักเท่าไหร่ ผมก็ไม่ค่อยสนับสนุนนะครับ ไม่ใช่ว่าผมใช้เงินไม่เป็นเลย


“ก็กูอยาก ฉลองกับแฟนมันก็ต้องมีอะไรดีๆ หน่อย กูจองโต๊ะไว้แล้วด้วย มึงปฏิเสธตอนนี้ก็ไม่ทัน”


แม่งดักเลย แต่ก็ช่างมัน เพราะมันเป็นคนออกอยู่แล้ว ก็สนองมันหน่อยแล้วกัน


โต๊ะที่พี่ชมพูจองไว้ก็เป็นที่นั่งริมหน้าต่าง มองเห็นท้องฟ้ามืดๆ กับแสงไฟจากตึกอื่นๆ และถนนด้านล่าง รวมทั้งพระจันทร์ที่โผล่มา และพอนั่งที่โต๊ะได้ครู่หนึ่ง อาหารก็ถูกเสิร์ฟโดยที่ไม่มีการสั่ง ผมมองหน้าหล่อแบบหมีๆ ของคนที่นั่งตรงข้าม มันก็พยักหน้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าผมคิดอะไร


ผมมองตามพนักงานที่เดินกลับไป ก็เห็นลูกค้าโต๊ะอื่นมองมาทางโต๊ะผม อะไรวะ มองกันทำไม คิดๆ กับตัวเองแล้วก็หันกลับมาที่โต๊ะ ไอ้พี่ชมพูก็บอกให้ลงมือได้เลย ผมจึงกินสเต๊กที่มันสั่งมาให้บวกสลัดอีกนิดหน่อย ไข่ปลาคาเวียร์นี่สั่งมาทำเชี่ยอะไรไม่รู้ แต่ก็กิน จิบไวน์ที่รินไว้เรียบร้อยอีกนิด


“เป็นไง”


“ก็ดี”


ผมตอบพลางยัดช้อนเข้าปาก ไอ้คนมองก็ยิ้มๆ เหมือนไปแดกยาแก้ไอมาเลยเพ้อ ก่อนที่มันจะก้มลงไปกินในจานของตัวเองบ้าง แต่ระหว่างที่กินอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเก้าอี้เลื่อน เลยเงยหน้าขึ้นไปดู คิดว่ามันจะลุกไปฉี่ไรงี้ ปากยังเคี้ยวงับๆ กับอาหารที่อยู่ภายใน แล้วพอเห็นว่าไอ้พี่ชมพูทำอะไรก็ต้องชะงักค้าง อ้าปากอยู่แบบนั้น เพราะมันเลื่อนเก้าอี้แล้วโน้มตัวมาหาผม มือก็ยื่นมาเช็ดตรงปาก


ผมผละตัวไปทางด้านหลัง ให้ห่างจากมือใหญ่อย่างตกใจ ก่อนจะหันไปมองรอบตัวแล้วก็เหมือนว่าทุกอย่างหยุดนิ่ง เพราะโต๊ะอื่นๆ หันมาทางผมกันหมด ทำอะไรไม่ถูกเลยงานนี้ ผมลนลานก้มหน้าตักอาหารกินต่อแล้วข่มเสียงถามไอ้คนที่ทำอะไรบ้าๆ กลางที่สาธารณะ


“อะไรวะ”


“เช็ดปากมึง”


“เช็ดห่าอะไร ปากผมไม่เลอะ”


ไม่ต้องลองจับดูหรือส่องกระจก ก็พอเดาได้ว่าไม่มีอะไรติดปากผมแน่ เพราะผมไม่ใช่คนกินอะไรเลอะเทอะ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นเพราะไอ้พี่ชมพูทำหน้ากวนตีนแล้วตอบ


“ก็กูเช็ดปากมึงไง ไม่ได้เช็ดปากที่เลอะ”


สัด ดูมัน แล้วทำให้ผมเป็นจุดเด่น รวมสายตาของคนทุกโต๊ะเนี่ยนะ


ผมขมึงตาใส่ไอ้ตัวการก่อนจะหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง แต่เขาก็ยังเหลือบๆ มาทางผมอยู่ดี โอ๊ย เหี้ยเอ๊ย ทำไมผมต้องกลายเป็นยานอวกาศให้แม่งมองกันหมดด้วย แถมมองด้วยสายตาแบบรู้นะว่าผมกับไอ้เหี้ยที่นั่งอยู่ตรงข้ามเป็นอะไรกัน แสรดดดดด


แต่ดูเหมือนแค่นี้จะทำให้ผมอับอายขายขี้หน้าไม่พอ เพราะไอ้พี่ชมมองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะมองคนอื่นที่อยู่รอบๆ แล้วลุกขึ้น เปล่งเสียงดังจนก้องไปทั่วทั้งห้องอาหาร


“อย่ามองกันมากสิครับ แฟนผมเขาขี้อาย”


ประจานผมแบบที่ไม่มีความจริงสักกะผีกเสร็จ ไอ้หมีตัวใหญ่ก็นั่งลง หันมายิ้มให้ผมอีกหนึ่งที ผมเลยถีบขามันใต้โต๊ะ มึงนั่นแหละที่จะทำให้คนเขามองมากขึ้น สาดดดดดดด














=================
มาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า ไปจัดการงานอื่นมา
แถมมาแล้วยังมีแต่น้ำๆๆๆ




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 29-07-2012 02:14:26
นึกว่าป๊าจะเห็นซะอีก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-07-2012 02:47:20
ปล่อยให้เกงยีนรอดไปได้ยังไง

 :o11:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 29-07-2012 03:30:11
น่ารักไปไหนนนนนนนน

 :m25:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 29-07-2012 06:33:38



    อื้อหืออออ นอกจากเนียนตัวพ่อแล้ว ท่านช่างเปิดเผยได้ไม่เกรงใจใคร
    คงจะยากอ่ากว่าหนูยีนจะหน้าหนาได้เท่านั้น




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 29-07-2012 07:49:47
พี่ชมภูพามามอมรึเปล่าเนี่ย  :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 29-07-2012 07:50:32
แหมมม ยีน  ยอมๆพี่เขาหน่อยน่าาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 29-07-2012 09:42:22
สงสัยป๋ารู้เเน่ๆ เเต่ไม่พูด

พี่ชมพูเล่นยีนยังงี้เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 29-07-2012 09:56:40
พี่ชมพูเปนหมีหื่นหน้ามึน  :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 29-07-2012 11:34:45
น้องยีนจะรอดจากความมึนของพี่ภูมั้ยเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-07-2012 11:59:07
น้องยีนจะรอด
มือพี่ชมพูไปสัก
กี่น้ำ :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 29-07-2012 15:16:38
เย้ มาแล้วๆ รออ่านตลอดดด!

------------

พี่ภู  :haun4: ได้อีกอ่ะ น้องยีน รอดไปได้อีกครั้งง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 29-07-2012 15:38:01
ทำไมดูยีนมันไม่ค่อยรักพี่ภูเท่าไหร่เลย

หรือพี่ภูดูรักยีนเว่อไป   :m28:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-07-2012 15:51:59
วันนั้นป๊าจะเห็นรึไม่เห็นไม่รู้แหละ รู้แต่ว่าวันนี้พี่ชมพูกล้ามาก
กล้าประกาศความเป็นแฟนกันนะ ไม่เห็นใจเกงยีนมั่งเลย น้องอาย  :o8: น้องเขินนะพี่ชมพู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-07-2012 15:58:46
พี่ภู หื่น+โรแมนติกนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 29-07-2012 16:42:24
 :o8: :o8: :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 29-07-2012 17:19:03
อุุส่าห์ตกใจกับชื่อตอน
เอาเถอะ ยังใจซักวันก็ต้องบอก
พี่ภูอย่าเอาแต่เล่นนะ คิดแผนการไว้ด้วย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 29-07-2012 22:02:55
พี่ชมพูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ด้านดีอ่า 55

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 29-07-2012 22:46:55
ป๊าไม่เห็นจริงดิ =[]=!
พี่ชมภูนี่หนักกกกกกกกก ลามกกกก555555555
เอิ้มมมมม คิดถึงที่สวดดดดดดดดดดด
-..-
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ (??) ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 29-07-2012 23:14:24
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: na_near ที่ 30-07-2012 04:23:59
พี่ชมพูเปิดตัวแรงอ่ะ
ไปกินกันที่ไหนเนี้ยะเดียวทีหลังจะตามไปส่อง อิๆ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-07-2012 17:44:57
พี่ชมพูแมร่งกวนวะ ทำไฮยีน อายได้ยังไงเนี่ยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 30-07-2012 19:23:11
เกือบไปแล้ว คุณป๊าเกือบเห้น หรือเห้นแล้วหว่า555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 01-08-2012 00:30:37
โชคดีป๊าไม่เห็นนนน หรือเห็นแต่ไม่ว่า.......

มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: murasakisama ที่ 03-08-2012 14:24:59
รอดไปอีกทีนะพี่ชมพู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 04-08-2012 22:08:11
ThankS


                     :n1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bks ที่ 07-08-2012 00:33:14
เกือบไปแล้วนะไฮยีน ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 07-08-2012 03:57:34
ชื่อตอนนี่นึกว่าป๊าจะรู้แล้วซะอีก แต่ก็คงรู้และยอมรับแล้วล่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CHoMe ที่ 24-08-2012 20:53:13
ป๊าไม่เห็นจิงง่ะ :m28:
เมื่อไหร่ยีนจะเสร็จพี่ชมพูสักทีเนี๊ย
ยีนยอมพี่พูสักทีเถอะ ขอร้องงง :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 25-08-2012 01:09:30
น่ารักจังเลยค่ะพี่ชมพู แสดงออกโจ่งแจ้งมากกก
ปล เค้าว่า คุนป๋าต้องเห็นแน่เลยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 27 : เปิดเผย [29/7/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 25-08-2012 02:52:29
 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 30-08-2012 20:27:20
ตอนที่ 28 : ปากเปล่า














มันไม่ได้ก่อกวนผมแค่นั้น เพราะพอกลับมาถึงห้อง ผมกับมันต่างอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อย ขึ้นเตียงจะนอน มันก็ยังมาวุ่นวายกับผมอีก ตามสเต็ปเดิมเมื่อวานนี้ ค่อยสอดมือเข้ามาลูบตัวผม แล้วจับพลิกเข้าหา ก่อนจะขึ้นมาคร่อม


ผมมองตามัน มองให้ลึกๆ มองสิ่งที่มันคิดอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นหรอกนอกจากความอยากได้ผม ผมเลยถามมันไปตรงๆ เลย


“พี่อยากสอยตูดผมมากเหรอ”


“ทำไม”


มันคงเห็นว่าคำถามผมแปลกๆ เลยถามกลับมาอย่างงงๆ


“ก็เห็นอยากเหลือเกิน ถ้าผมยอมแล้วพี่จะเลิกหื่นใช่มั้ย”


ไม่รู้นะว่าทำไมมันถึงได้อยากทำอะไรกับผมนัก ทั้งที่ตอนแรกมันก็ไม่ได้ดูเป็นพวกหื่นกามอะไรแบบนี้ ผมเองเมื่อก่อนก็นอนกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้ จำหน้าได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พอมาตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกต้องการมากเหมือนมัน หรือเพราะผมเริ่มชินแล้วกับการที่ไม่ต้องมีเซ็กส์ทุกวันหรือวันเว้นวัน


แต่ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยตอนที่มันเล้าโลม ก็ไม่ใช่เหมือนกัน ผมก็รู้สึกอยาก แต่ยังไม่คิดว่าจะยอมมันง่ายๆ ผมไม่เคยชอบผู้ชายนะครับ เรื่องเซ็กส์นี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ แล้วดูเหมือนว่าจะต้องเป็นฝ่ายรับด้วย จะให้ปุบปับทำได้เลย มันเป็นไปไม่ได้


“ทำไมมึงถามแบบนี้”


“ก็พี่เหมือนจะอยากมากกกกก ไม่ใช่หรือไง”


ผมลากเสียงยาวตรงคำว่ามาก ให้มันรู้เลยว่าผมเห็นว่ามันแสดงออกมากขนาดไหน มันเลยหน้าเสียไปนิดนึง


“กูรักมึงนะเว้ย ไม่ใช่ว่ากูอยากได้มึง” จากที่คร่อมตัวผมอยู่ ก็กลายเป็นล้มนอนลงข้างๆ ก่อนจะดึงผมไปกอด “ก็มึงน่ารัก เวลาอยู่ใกล้กูก็อยากกอดอยากจูบ”


“ผมเนี่ยเหรอน่ารัก ตาบอดเปล่าพี่ ผมหล่อต่างหาก”


ผมเถียงมัน มุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยที่มันปรักปรำว่าผมน่ารัก ผมออกจะหล่อขนาดนี้ เอาคำว่าน่ารักมาทำให้ความหล่อของผมด่างพร้อยได้ไง


“เออ มึงหล่อ แล้วก็น่ารักด้วยไง”


“ไม่มีน่ารักไม่ได้หรือไง”


“ไม่ได้ ก็มึงน่ารักจริงๆ หน้าขาวๆ ตากลมๆ ปากแดงๆ ตรงไหนที่ไม่น่ารักวะ ผู้ชายที่ไหนก็มองแฟนตัวเองน่ารักทั้งนั้นแหละ”


“แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิงไง!”


ผมตอบกลับมันอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่มันก็เลื่อนมือมาบีบปากผมเบาๆ


“ทำหน้าแบบนี้แหละ ที่น่ารัก”


มันหัวเราะเสียงในลำคอ ผมเลยรีบปรับหน้าเป็นหน้าตึงทันที มันก็หัวเราะอีก เอ้า กูทำอะไรก็หัวเราะ มีอะไรตลกมากเหรอวะ


“เป็นผู้ชายก็น่ารักได้ มึงน่ารักด้วย หล่อด้วย ก็หยวนๆ เหอะ”


“เออๆ”


ผมขี้เกียจเถียงกับมันแล้ว เลยยอมๆ ไป มันก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เอาหน้ามาฝังตรงซอกคอผม


“กูไม่ทำมึงแล้วก็ได้ ถ้ามึงไม่ยอม”


“ประเสริฐขนาดนั้น?”


ผมหันไปถามมัน หน้าเกือบจะติดกันอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ถอย ผมเลยไม่ถอย ถึงจะรู้สึกเขินๆ อยู่หน่อยก็เหอะ แต่ผมไม่ใช่สาวน้อยที่ต้องสะดิ้งอะไรกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็แปลกที่มีแต่ไอ้พี่ชมพูนี่คนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้ เพื่อนคนอื่นๆ นี่นอนกอดกัน หน้าติดกันเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้


“กูจะพยายามไง ถ้ามึงไม่ชอบ ไม่อยากให้กูทำ”


“แน่ใจเหรอว่าทำได้”

“เชื่อกูสิ กูทำได้ แต่ว่าถ้ากูอยาก มึงต้องช่วยกูด้วย ห้ามปฏิเสธ ห้ามอิดออด”


ไอ้คนตัวใหญ่ยื่นข้อตกลง ซึ่งผมก็เห็นว่ามันพอจะยอมรับได้ ก็ยังดีกว่าผมจะต้องไปโกงตูดให้มันเสียบเอาๆ ล่ะวะ เลยพยักหน้าไป แต่ก็ไม่วายย้ำ


“ทำให้ได้อย่างที่บอกแล้วกัน”


“ชัวร์”


เห็นมันยักคิ้วอย่างมั่นใจว่าจะทำได้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนผมก็อดไมได้ที่จะหมั่นไส้ เลยแหวกวงแขนของมันออกมาขึ้นคร่อมแล้วบดจูบไปเต็มปาก สอดลิ้นเข้าไปคลุกเคล้าเล่นสนุกในปากมันด้วย ซึ่งมันก็ตอบสนองอย่างดี ผมเลยเริ่มลูบไปตามตัวมัน แล้วไล้ปากลงมาที่คอ กดจูบแรงๆ ดูดเนื้อขาวแต่สีเข้มกว่าผมจนเป็นรอยแดงช้ำ ตามด้วยร่นตัวลงมาที่หน้าอก ใช้ปากงับหัวนมของมันผ่านเสื้อจนเปียกชื้น


พี่ชมพูหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ ก่อนจะกระชากหัวผมขึ้นไปจูบอย่างเร่าร้อนจนแทบหายใจไม่ทัน มือใหญ่กดท้ายทอยของผมเอาไว้ดั่งจะล็อกไม่ให้หนีไปได้ ผมก็จูบตอบอย่างเต็มที่ไม่แพ้กัน ได้ยินเสียงลมหายใจของมันดังอย่างถี่เร็ว ผมเองก็ไม่ต่างกันนัก ความต้องการค่อยๆ ล้นออกมา


ผมโดนผลักให้ลงไปนอนราบบนที่นอนอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็นร่างใหญ่นั่นทับตัวผมแทน มันเอาแกนแท่งกลางลำตัวนั้นบดสีกับของผมไปมา เร่งอารมณ์หวามให้พุ่งทะยานมากขึ้นทั้งที่ปากยังไม่ละ มือสองข้างนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของผมออก จนไม่นานก็หลุดออกไปทั้งหมด แม้แต่ของมันก็ไม่มีเหลือ เราสองคนต่างเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่


มือหนาหยาบลื่นลงมาลูบของของผมทั้งที่มันตื่นตัวอยู่แล้ว จนมันยิ่งตื่นมากขึ้น เกร็งจนตัวแข็ง แถมยังร้องไห้ออกมาจนเปียกเยิ้ม ผมก็จับของพี่ชมพูบ้าง ของมันก็ไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ จะต่างก็ตรงที่ขนาดมันใหญ่กว่านิดหน่อยตามขนาดตัว


เราทั้งคู่ชักรูดแท่งร้อนให้กันและกันแทบไม่เป็นจังหวะ เร็วบ้าง สลับช้า ขณะที่มืออีกข้างของพี่ชมพูก็เล้าโลมส่วนอื่นของผมไปด้วย ยอดอกของผมตั้งชันแข็งจนเป็นไตด้วยความเสียว กัดปากจนแทบเลือดซึม เหงื่อเริ่มซึมผุดเต็มขมับ ก่อนที่มือหนาจะไล่ต่ำลงมาที่บั้นท้ายของผม นิ้วยาวค่อยๆ แหวกก้อนเนื้อสองข้าง กดปลายนิ้วลงในหลุมลึกยาว ผมสะดุ้ง เบิกตากว้าง


“ทำอะไร!!”


“กูทนไม่ไหวแล้วว่ะ”


“เมื่อกี้เพิ่งสัญญาไปไม่ใช่หรือไง”


“ก็มึงยั่วกูก่อน”


ไอ้พี่ชมพูแก้ตัวทั้งที่นิ้วกลางยังค้างอยู่ที่ปากทาง ไม่ยอมถอนออก


“ผมจะทดสอบเฉยๆ ว่าพี่ไว้ใจได้แค่ไหนต่างหาก”


“แล้วมึงก็ไม่ยอมหยุดตั้งแต่ทีแรก ตอนนี้กูหยุดไม่ได้แล้ว”


ไม่พูดเปล่า มันยังยัดนิ้วเข้ามาทีเดียวจนสุดโคน ผมร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ รู้สึกจุกขึ้นมาเลย ทั้งที่เพิ่งโดนไปแค่นิ้วเดียว แค่นั้นไม่พอ มันยังบดปากผมและสอดลิ้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่ให้ผมได้ประท้วงใดๆ


ผมกระชากหัวไอ้พี่ชมพูเต็มแรง เอาคืนมัน พลางยกขาขึ้นถีบ แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะพอผมทำแบบนั้น มันก็ชักนิ้วออกแล้วสวนเข้าไปใหม่ ทำเอาผมสะดุ้งทั้งตัว แล้วยังมีหน้ามาบอก


“พี่ขอนะ”


“ขอเหี้ยอะไร มึงเพิ่งสัญญา ถ้าไม่หยุด ก็อย่าหวังว่ามึงกับกูจะเป็นคนรู้จักกันอีกต่อไปเลย!!”


เหมือนเป็นการยื่นคำขาด จากเดิมที่มันพยายามจะเล้าโลมให้ผมยอมมันให้ได้ก็ชะงักกึก มันมองหน้าผมด้วยแววตาสำนึกผิดปนอึ้ง ก่อนจะค่อยๆ ถอนมือออกมา ปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระจริงๆ เสียที


ผมดึงกางเกงกลับเข้าทีทั้งที่หน้ายังตึงๆ สงเสื้อไม่มีอารมณ์จะใส่แล้ว รู้สึกโกรธไอ้เหี้ยนี่มากจริงๆ ที่มันไม่รักษาสัญญา นี่ถ้าผมไม่ยื่นคำขาดมันคงไม่ยอม ผมกัดปากแน่นด้วยความเจ็บใจ แล้วพลิกตัวไปอีกฝั่ง ไม่หวังจะมองหน้ามันอีก


มันคงพอรู้ตัวว่าผมไม่พอใจจริงๆ ถึงได้กระเถิบตัวเข้ามาใกล้ เอาแขนใหญ่มาโอบเอวผมเอาไว้ คางเกยไหล่ผมด้วย แต่ผมไม่ได้ทำอะไรมันหรอก ไม่สะบัดออก ไม่ด่า ให้มันรู้สึกว่าผมเฉยชากับมันไปแล้ว และมันก็คงจะรู้สึกอย่างที่ผมหวังเอาไว้จริงๆ ถึงได้พูดออกมาเสียงอ่อน


“เกงยีน.... กูขอโทษ”


“...”


ผมเงียบ หลับตาลงทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เหมือนว่าผมหลับไปแล้ว แต่ไอ้พี่ชมพูก็กระชับแขน กอดผมให้แน่นขึ้น กดคางลงบนบ่าผมแล้วบอกอีกครั้ง


“กูขอโทษ กูจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว กูจะไม่ผิดสัญญาอีก”


“...”


“กูขอโทษ ขอโทษจริงๆ”


มันพูดคำนั้นซ้ำๆ เพราะคิดว่าผมคงไม่ให้อภัยมันง่ายๆ ซึ่งก็จริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเป็นมัน ไม่ใช่เสียงอ่อนๆ ออดอ้อนให้ผมอภัยให้แบบนี้ และไม่ใช่คนที่แทบไม่เคยพูดขอโทษใครอย่างมัน ผมคงไม่ใจอ่อนอย่างที่กำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ กูแม่ง ใจอ่อนง่ายฉิบหาย!! อยากจะโกรธตัวเอง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อความคิดของผมคือจะยอมให้อภัยมัน

“พูดมาก ผมจะนอน แล้วจำไว้ด้วย ถ้าทำไม่ได้อย่างปากพูด ผมเฉือนปากพี่ออกมาให้ไอ้ด่างแทะให้หลุดเป็นชิ้นๆ แน่!”


คำขู่ของผมทำให้มันสะดุ้งหน่อยๆ แต่ก็ดีแล้ว จะได้ไม่สักแต่เอาเปรียบผมท่าเดียว เพราะผมไม่ใช่คนใจง่าย ปล่อยตัวนอนอ้าขารอให้ใครมาเสียบนะครับ






















แล้วผมก็หลุดรอดมาจากการโดนหมีตะปบได้จนถึงสอบเสร็จและกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง ส่วนไอ้พี่ชมพู มันก็ยังมาคอยป้วนเปี้ยนกับผมอยู่เหมือนเดิม แทนที่จะกลับเชียงใหม่บ้านเกิดเมืองนอนของมัน วันนี้ก็เหมือนกัน ที่มันขอตามมาด้วย


ผมจะไปรับพี่โซครับ พี่ชายของผมที่หล่อพอๆ กัน อันนี้ไม่ได้โกหก แต่พี่โซเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เอาจริงเอาจังมากกว่าผม เพราะว่าเป็นลูกชายคนโตด้วยล่ะมั้ง ก็เลยถูกคาดหวังเยอะกว่า แต่ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นผมอาจจะอึดอัดตายก็ได้ ขนาดที่ป๊าให้ผมทำตัวเป็นเด็กดีนี่ยังทุรนทุรายแทบตายตอนแรกๆ แต่ตอนนี้ชินแล้ว ก็เลยเฉยๆ คงเพราะคนรอบตัวผมรู้สันดานกันหมดแล้ว ไม่ต้องมาทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอีก


วันนี้ป๊าอนุญาตให้ผมเอาแลพเพิร์ดออกมาใช้ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าต้องไปรับพี่โซ ป๊าคงไม่ยอมแน่ๆ ไอ้พี่ชมพูมันเลยมานั่งเป็นตุ๊กตาหมีควายด้านข้างผม เพื่อไปสุวรรณภูมิ ทั้งที่ผมบอกมันแล้วว่าไม่ต้องไปๆ เพราะไป พี่โซก็ไม่รู้จัก พี่ชายผมจะงงซะอีกว่ามันเสือกมาทำไส้ติ่งอะไร


“ก็บอกไปสิว่าแฟนมึง”


“ส้นตีนดิ”


ผมตอบมันไปก่อนจะเลี้ยวรถไปจอดที่ตึกจอดรถ แล้วเดินตรงมายังชั้นผู้โดยสารขาเข้า มองหาพี่ชายที่เครื่องกำลังจะแลนด์ ไม่ไปเกาะรั้วแบบคนอื่นเขาหรอกครับ แล้วก็มาแบบกะเวลาดีแล้วจะได้ไม่ต้องรอนาน ซึ่งรอสักประมาณสิบห้นาที พี่ไฮโซก็เดินหล่อๆ ออกมาจากเกต แต่ไม่ใช่แค่พี่โซเท่านั้นที่กลับมา แต่มีพี่น้ำอุ่นแฟนพี่โซที่ย้ายไปอยู่อเมริกาและเรียนด้วยกันมาด้วย


“เหี้ยเอ๊ย”


ผมสบถออกมา แต่ไม่ใช่เพราะพี่น้ำอุ่นหรอกครับ เป็นไอ้หมาขี้เรื้อนที่เดินตามหลังพี่น้ำอุ่นมา


ถึงจะเจอกันครั้งเดียวที่งานหมั้นของพี่โซกับพี่น้ำอุ่น แต่มันกับผมคงเป็นอริตลอดกาล ไอ้ไอน้ำสันดานหมา น้องชายพี่น้ำอุ่น คราวนั้นที่เจอกันก็เกือบเกิดศึกกลางงาน ถ้าไม่เห็นแก่ป๊า พี่โซ พี่น้ำอุ่น ผมกับมันได้วางมวยกันแล้ว แม่งปากหมาเชี่ยๆ


“ทำไมทำหน้างั้น”


ไอ้พี่ชมพูก็เสือกตาดี หันมาเห็นหน้าผมซะอีก


“เจอหมาขี้เรื้อน มันตามพี่โซมาด้วย”


“หืม”


ไอ้พี่ชมพูงง ก็แน่ล่ะ ถ้าไม่งงแม่งก็เป็นพระเจ้าแล้ว


ผมไม่ตอบมัน รอให้มันเจอเองดีกว่า ซึ่งพี่โซกับพี่น้ำอุ่นก็เดินมาถึงตัวผมพอดี เพราะแค่เดินออกมาจากเกตก็มองเห็นผมแล้ว แล้วพอพี่โซมาอยู่ตรงหน้า ผมก็เดินเข้าไปกอดเลย พี่โซกอดผมกลับ ผมคิดถึงพี่ชายคนนี้ของผมมาก เพราะว่าพี่โซมาไม่ได้กลับไทยมาเกือบปีแล้ว และหลังๆ มานี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันด้วย เพราะพี่โซเรียนหนัก


“เป็นยังไงบ้างยีน”


“สบายดีครับ แล้วพี่อะ เป็นไงมั่ง แต่คงมีความสุขมั้ง มีแฟนอยู่ใกล้ๆ แบบนี้”


พูดพลางผมก็เหล่ตาไปทางพี่น้ำอุ่น ซึ่งพี่น้ำอุ่นก็ยิ้มๆ ก่อนจะบอก


“อยู่ที่นั่นโซเขาก็บ่นคิดถึงยีนอยู่บ่อยๆ นะ”


“จริงเหรอ”


ผมหันไปกระแซะพี่โซบ้าง พี่โซเลยโอบผมเอาไว้แล้วดึงตัวเข้าไปชิดๆ


“คิดถึงสิ น้องทั้งคน ยีนเถอะ คิดถึงพี่หรือเปล่า”


“หูยยย ไม่คิดถึงเลย”


“เอาเปรียบกันนี่หว่า”


พี่โซบ่นนิดๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มติดบนหน้า พี่น้ำอุ่นก็มี ผมก็มี เพราะเวลาอยู่กับพี่โซผมมีความสุขมากครับ จะบอกว่าเป็นคนติดพี่ก็ได้ เพราะพี่โซดูแลผมอย่างดีมาตลอด แต่ช่วงที่ผมอยู่ม.ปลาย พี่โซก็ต้องไปเรียนต่อมหาลัยที่อเมริกาแล้ว เราเลยไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เวลามีปัญหาอะไร ผมก็จะติดต่อพี่โซตลอด จะมีก็แค่ช่วงนี้ ที่ถูกก่อกวนเพราะไอ้คนตัวใหญ่ๆ ที่ยืนเยื้องไปด้านหลังผมนิดหน่อย และดูเหมือนพี่โซก็เพิ่งจะเห็นมันเหมือนกัน


“ใครมาด้วยน่ะ”


“อ๋อ” ผมลากเสียงยาวแล้วหันไปมองไอ้พี่ชมพูที่มองตอบผมกลับมาด้วยหน้านิ่งๆ แต่ผมก็พอจะรู้อยู่หรอกว่ามันด่าผมในใจว่าลืมมัน เห็นมันเป็นไข่จิ้งจกที่หล่นอยู่บนพื้น “รุ่นพี่”


“แล้วทำไมมาด้วยกัน”


“ผมเป็นพี่อุปถัมภ์ที่มหาลัยของยีนน่ะครับ ก็เลยสนิทกัน”


“อ้อ” พี่โซพยักหน้าเข้าใจคำตอแหลของพี่ชมพู จึงได้ถาม “แล้วชื่ออะไรล่ะ”


“ชื่อชมพู/ชมภูครับ”


ผมกับไอ้พี่ชมพูตอบพร้อมกัน แต่พี่โซคงเข้าใจในความหมายของผมมากกว่า แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะพี่ชายผมครางเสียงเบาๆ ในคอก่อนถาม


“หื้ม ชื่อชมพู?”


“ชมภูครับ ชมภูเขา"


“อ๋อ ชื่อแปลกดีนะ แบบนี้เขาบอกชื่อใครตอนแรกเขาก็จะคิดว่าเป็นสีกันหมดน่ะสิ”


“น้องพี่นั่นแหละครับ ตัวดี”


ได้ทีมันก็ฟ้องพี่โซเลย แต่คิดว่าพี่โซจะเชื่อมันเหรอ คนแปลกหน้ากับน้องในไส้จะเทียบกันได้ยังไง


“ฮ่าๆๆ ยีนก็แบบนี้แหละ แต่ก็น่ารัก”


“ใช่ครับ ผมเห็นด้วย”


ไม่ใช่เสียงพี่ชมพูหรอก แต่เป็นเสียงเห่าของหมาตัวนึง


“ไม่เจอกันนาน น่ารักขึ้นนะมึง”


แต่คำพูดของไอ้เหี้ยน้ำไม่เข้าหูของผมสักเท่าไหร่ กูอุตส่าห์คิดว่ามึงไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนี้แล้วนะ ผมก็เลยตอกมันกลับข้อหามาขัดจังหวะที่ผมกำลังมีความสุข


“เสือก”


“ก็กูอยากเสือก”


ไอ้เชี่ยนี่ก็ย้อนกลับมาอีก ผมเลยทำไม่สนใจแล้ว ไม่อยากต่อปากต่อคำกับมันอีก แล้วหันไปบอกพี่ชายของผมกับว่าที่พี่สะใภ้


“ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวผมช่วยพี่อุ่นถือกระเป๋านะ”


นอบน้อมเข้าไปหาพี่สาวคนสวย แล้วช่วยถือกระเป๋าในมือของพี่น้ำอุ่นแทน ก่อนจะออกเดินนำให้พี่ๆ เดินตามไปที่รถ


ไอ้พี่ชมพูก็เดินตามผมไปเหมือนกัน เพราะมันมีหน้าที่ขับรถขากลับ นับว่ามันมีบุญมากที่ได้ขับแลพเพิร์ดสุดหวงของผม แต่ถ้ามันทำให้แลพเพิร์ดมีรอยแม้แต่นิดเดียว รับรองมันได้ตายไม่รู้ตัวแน่อน ส่วนไอ้คนที่เป็นคนอื่น ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าแม่งจะทำอะไร เพราะงั้นพอมาถึงรถแล้ว ผมก็เชิญพี่โซกับพี่น้ำอุ่นนั่งสบายๆ ที่เบาะหลัง ก่อนจะปิดประตูให้เรียบร้อย พี่ชมพูประจำที่นั่งคนขับ แล้วผมก็นั่งข้างคนขับ


“ไอ้เหี้ย แล้วกูล่ะ”


ไอ้คนที่ถูกเมิน ไม่มีที่นั่งบนรถสบถออกมา ผมก็เหลือบมองแม่งด้วยหางตา


“ก็เรื่องของมึงดิ มึงมาของมึงเองก็ไปหาที่อยู่เอาเองเว้ย บ้านกูไม่ต้อนรับ”


“ได้ไงวะ”


“ก็ทำไปแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาเหี้ยอะไร”


ผมว่าอย่างนั้นก่อนจะสั่งให้พี่ชมพูออกรถ ซึ่งมันก็ทำตามที่ผมบอกโดยไม่อิดออด จะมีก็แต่พี่ชายของผมนี่แหละที่ดูจะต่อต้าน โพล่งเสียงออกมาก่อน ไอ้หมีควายมันเลยหยุดรถ


“ทำแบบนี้มันไม่ดีนะยีน”


“ก็มันเสือกมาเองนี่พี่”


ผมหันไปโวย ทำหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่ ซึ่งพี่โซที่รู้จักผมดีก็รู้ว่าผมไม่พอใจนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดีที่ผมจะทิ้งไอ้เหี้ยน้ำ


พี่โซเปิดประตูให้แม่งขึ้นมานั่งข้างๆ ทำเอาผมหน้าหงิกไปตลอดทาง พี่ชมพูก็เหลือบตามองผมเป็นระยะ แต่ผมไม่ได้สนใจเลยสักนิด กระทั่งถึงบ้าน เราก็เข้าไปรวมในห้องนั่งเล่นที่มีป๊านั่งรออยู่ก่อนแล้ว


“สวัสดีครับป๊า”


“สวัสดีค่ะป๊า”


“สวัสดีครับป๊า”


เสียงแรกเป็นของพี่โซ ตามด้วยพี่น้ำอุ่น ส่วนเสียงสุดท้ายเป็นเสียงหมา ผมกับพี่ชมพูไม่ต้องมาหวัดดงหวัดดีอะไร เพราะผมอยู่กับป๊าอยู่แล้ว ส่วนไอ้พี่ชมพูมันก็มารับผมออกไปด้วยกันตั้งแต่เช้า รถมันยังจอดอยู่ในโรงจอดรถบ้านผมเลย


“สวัสดีๆ เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้กลับมานานเลย”


“สบายดีกันทุกคนครับป๊า”


“อย่างนั้นหรือ”


ป๊าหัวเราะเบาๆ ผมเองก็ยิ้มไปด้วย เพราะเราไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันครึ่งปีกว่าแล้ว ทุกคนต่างก็มีความสุข


หลังจากนั้น ป๊ากับพี่พี่และพี่น้ำอุ่นคุยกันไปเรื่อยๆ ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่น พี่ชมพูก็เป็นผู้ฟังที่ดี มีสอบถามบ้าง  ผมเองก็นั่งฟังเรื่องที่พี่ทั้งสองเล่า จะมีหงุดหงิดก็บางทีที่ไอ้เหี้ยน้ำมันเสือกขึ้นมา จนจบบทสนทนา ป๊าให้ทุกคนไปพักผ่อนเพราะคงเหนื่อยกันมากแล้ว และยังเป็นเวลาที่ค่อนข้างเช้า พวกเราจึงแยกย้าย


พี่กล้วยเอากระเป๋าเสื้อผ้าของทุกคนไปเก็บที่ห้องเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องหอบหิ้วอะไรกัน เดินสบายๆ ตัวปลิวขึ้นชั้นบน พี่โซนอนห้องเดิมของตัวเอง พี่น้ำอุ่นก็นอนห้องรับแขกอีกฟาก ไอ้เหี้ยน้ำก็เหมือนกัน ทั้งที่ผมไม่อยากให้มันเป็นเสนียดที่บ้านเลยด้วยซ้ำ


จากนั้นผมก็เดินแยกมาเข้าห้องนอนตัวเอง พี่ชมพูก็ตามมาด้วยเหมือนกัน เพราะถ้ามันไม่มากับผม มันก็คงไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะมันเป็นคนนอก ซึ่งหลังจากเข้าห้องแล้ว มันก็ถามผมทันทีที่ผมทิ้งตัวลงบนเตียงแรงๆ


“มึงมีเรื่องอะไรกับหมอนั่นหรือเปล่า ดูมึงไม่ชอบขี้หน้ามันเลย”


พี่ชมพูนั่งลงบนที่นอนข้างๆ ผม พลางมองหน้าผมไปด้วย ทำหน้าไม่เข้าใจนิดๆ ผมก็ถอนหายใจออกมา ไม่อยากพูดถึงไอ้เหี้ยนั่นสักเท่าไหร่หรอก แต่ในเมื่อมันถามก็คงต้องบอก


“เคยเจอกันครั้งเดียว แต่ก็มีเรื่องกัน”


“เรื่องอะไร”


“ปากมันหมา มาดูถูกผม เห็นหน้ามันก็เกลียดอยู่แล้วด้วย หน้าแม่งกวนตีน เห็นแล้วอยากเอาตีนไปลูบ พอมันหมาใส่หมัดเลยลอย”


ผมบอกพลางนึกถึงเรื่องวันนั้นไปด้วย จริงๆ มันก็ไม่ได้เย้ยอะไรผมสักเท่าไหร่หรอก แต่ด้วยหน้าตาของมันตอนพูด น้ำเสียงที่ใช้อีก ทำให้ผมไม่คิดจะหยุดยั้งความคิด งานหมั้นของพี่โซเลยกลายเป็นสงครามของผมกับมัน แต่ก่อนจะได้ซัดเปรี้ยงกันจริงๆ ก็โดนจับแยกแล้วโดนพี่โซกับพี่น้ำอุ่นเทศน์ทั้งผมทั้งมัน


“เรื่องแค่นี้เหรอวะ มิน่า มึงถึงได้มีศัตรูไปทั่ว”


“ก็มันทำหน้ากวนส้นตีนผม”


“ใจเย็นๆ หน่อยดิวะมึง ถ้ามึงใจร้อนแบบนี้ มึงก็จะมีแต่คนอยากทำร้าย”


มือใหญ่ๆ ของไอ้คนตัวใหญ่ลูบลงบนหัวผม ทำเหมือนมันเป็นผู้ใหญ่กว่าผมมากนักล่ะ แต่ก็แปลกที่ผมไม่ปัดมือมันออก กลับปล่อยให้มันทำแบบนั้น แถมยังรู้สึกว่าอบอุ่นในอกแปลกๆ อีกต่างหาก


นี่ผมชอบมันขนาดนั้นเลย???








อ่านต่อหน้าใหม่
v
v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 30-08-2012 20:28:40
ต่อจากหน้าที่แล้ว

v

v










“ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำทาบตีนใส่ใครแล้วนี่หว่า”


ถึงจะรู้สึกถึงความเป็นห่วงของมันอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่อยากยอมรับมันทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยต้องตวัดเสียงใส่แบบนั้น ซึ่งมันก็ดูจะชินกับความเป็นตัวผมแบบนี้แล้ว


“แต่หมอนั่น นายก็ยังไม่เลิก”


“ก็อย่าให้มันกวนตีนผมก่อนดิ ให้แม่งไปอยู่ที่อื่นเลยก็ได้ ถ้าเห็นหน้ามันอยู่อย่างนี้ผมก็มีแต่จะคันตีน”


“มึงนี่นะ”


เขาส่ายหัวเบาๆ เหมือนเอือมระอา มือใหญ่ๆ ขยี้ผมของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมปัดออกแล้วทำหน้ามุ่ยๆ ใส่มัน มันเลยเปลี่ยนมาเอาแขนโอบเอวผมแล้วดึงเข้าไปหามันใกล้ๆ เหมือนจะกอด


“ถ้ามึงคอยแต่จะมีเรื่องกับคนไปทั่ว มึงคิดว่ากูจะสบายใจงั้นเหรอ คิดถึงความรู้สึกกูมั่งนะ”


คำบอกที่เหมือนจะขอร้องอ้อนวอนของมันทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ใจเต้นเร็วขึ้นมาจนรู้สึกได้ หนำซ้ำดวงตาของมันก็สื่อความหมายว่าผมมีความสำคัญกับมัน และถ้าผมเป็นอะไร มันคงรู้สึกแย่มากๆ แน่ ผมถึงพูดอะไรไม่ออก


“มึงต้องรู้จักระงับอารมณ์บ้างนะเว้ย มึงน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้ว”


“แล้วทีพี่ อยู่ๆ เดินมาตบหัวผมนี่เป็นผู้ใหญ่มาก??”


มันทำเป็นสั่งสอน ผมเลยย้อนกลับบ้าง ทำให้มันชะงักได้เหมือนกันล่ะครับ ผมเห็นพี่ชมพูกลืนน้ำลายหนึ่งอึกลงคอ ก่อนจะตอบกลับมา


“นั่นกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ปกติกูไม่แกล้งรุ่นน้องนะเว้ย ยิ่งคนไม่รู้จักอย่างมึงนี่เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมตอนกูเห็นมึงมันทนไม่ไหว”


“โหๆ ผมเป็นที่รองมือรองตีนของพี่เหรอครับ”


เหตุผลของมันฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ ผมเลยย้อนกลับ


“เออ ตอนนั้นกูขอโทษ แล้วก็ที่ทำให้มึงไม่พอใจหลายๆ ครั้งด้วย กูมันบ้าไปเอง”


มันขอโทษผมง่ายๆ จนน่าแปลกใจ หนำซ้ำยังขอโทษในเรื่องที่ผ่านที่ไม่น่าจะเอามาเก็บเป็นอารมณ์ด้วย แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีกับมันนิดหน่อย ที่อย่างน้อยมันก็รู้สึกรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ โดยเฉพาะทำให้ผมไม่พอใจมากๆ ตอนก่อนหน้านี้


“ผมไม่คิดอะไรแล้ว ผ่านมานานแล้ว ช่างแม่งเหอะ แต่ขอโทษก็ดี”


ผมยิ้มๆ ให้มันเชิงกวนตีน มันเลยขยี้หัวผมอีกครั้ง แต่คราวนี้แรง ไม่ได้ให้ความรู้สึกดีๆ เหมือนครั้งก่อน ทำอย่างกับหัวผมเป็นผ้าขี้ริ้วเอาไว้เช็ดมืองั้นแหละ


“พอๆ หัวยุ่งหมดแล้วเว้ย ไม่ใช่ผ้าเช็ดตีน”


“มึงเห็นมือกูเป็นตีนเหรอ”


“ก็กลีบหน้าของหมีควายไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”


หลังจากบอกมันไปแบบนั้นผมก็หัวเราะยาวอย่างสะใจ ลั่นห้องเสียด้วยซ้ำจนมันโถมมาตะครุบตัวผมแล้วเอามือปิดปาก แต่ผมก็ดิ้นรนเพื่อเย้ยหยันมันอีก ดิ้นๆ อยู่อย่างนั้นจนมันทนไม่ไหวตรึงแขนผมเอาไว้ นั่นล่ะที่ทำให้ผมหยุดการกระทำ แล้วมันเองก็หยุดเหมือนกัน


รู้สึกว่ามันเงียบแปลกๆ แถมแววตาของไอ้ยักษ์ตรงหน้ายังให้ความรู้สึกเหมือนจะทำให้หัวใจเต้น ผมก็รีบโพล่งออกมาก่อน


“หัวเราะแค่นี้ต้องใช้กำลังเหรอวะ”


“ก็มึงชอบใช้กำลัง กูก็ใช้มั่งไง”


“โด่ อ้างว่ะ”


“ปากดีแบบนี้เดี๋ยวก็โดนใช้กำลังจริงๆ หรอก”


มันท้าทาย ผมเลยทำเป็นลอยหน้าลอยตา ไม่สนใจ ก่อนจะเขย่าแขนตัวเองแม้จะรู้ว่าไม่ได้ทำให้แขนหลุดจากกรงเล็บของไอ้คนที่คร่อมตัวผมอยู่ก็เหอะ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้ผมโดนมันคร่อมบ่อยไปนะ


“กลัวววว กลัววววว กลัวๆๆๆๆ กลัวจังเลย”


ผมย้อนแบบนั้น แค่แป๊บเดียว เสียงหัวเราะใหญ่ๆ ของแฟนสุดร้ากกกกกกของผมก็ดังขึ้น หัวเราะแบบมึงหัวเราะเผื่อญาติโกโหติกาไปทั้งชาติจนผมเพลีย


“พี่เป็นอะไรมากเปล่า หัวเราะขนาดนั้น ระวังไส้ไหลออกมานะเฮ้ย ไม่ช่วยเก็บยัดกลับไปให้นะ”


“มึงนี่ กะล่อนว่ะ”


“ก็ผมรูปหล่อ พ่อรวย กะล่อนนิดๆ มีเสน่ห์ ใครๆ ก็หลงนี่หว่า”


ผมเยินยอตัวเองเพิ่มเข้าไป จริงๆ อยากจะบอกว่า รูปหล่อ พ่อรวย คxยใหญ่ ไสมัน ด้วยซ้ำ แต่กลัวจะเข้าตัว เลยต้องแผลงสักหน่อย มันก็ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมแบบไม่ให้ได้ตั้งตัว ทั้งที่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเร็วจนผมไม่ทันรู้ตัว หนำซ้ำปากอิ่มๆ นั่นยังค้างอยู่ที่แก้มผม แล้วผ่อนลมหายใจรดเบาๆ อีกหลายครั้ง จนผมรู้สึกว่าในอกมันมีอะไรเต้นตุบๆ อยู่


ทำไมช่วงนี้กูใจเต้นบ่อยจังวะ เฮ้ยยยยยยยยย


“มึงแม่งงงงง... น่ารัก”


พอถอนหน้าออกแล้วกลับมามองผมอีกรอบ มันก็พูดออกมาแบบนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าสมองตื้อไปหมด ทั้งที่ปกติไม่ค่อยจะมีใครบอกว่าผมน่ารัก แล้วก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วผมหล่อ ทั้งที่ผมได้ยินมันพูดซ้ำประโยคที่เคยพูดก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้กลับทำให้ผมรู้สึกเปลี่ยนไป หรือเพราะมันขึ้นอยู่กับช่วงเวลา?


ผมตั้งคำถามในใจแบบนั้น ทั้งที่รู้ว่าหาคำตอบจริงๆ ไม่ได้หรอก หนำซ้ำยังจะสติกระเจิงไปกว่าเดิมอีกเพราะหน้าหล่อๆ ตรงหน้าเสือกระบายด้วยรอยยิ้ม


“มึงหน้าแดงมากเลย รู้หรือเปล่า”


แค่โดนทัก ผมก็รู้สึกอยากถอดหน้าแล้วขว้างออกไปไกลๆ ด้วยซ้ำ แต่เพราะทำไม่ได้ เลยต้องเบียงหน้าหนีมัน ไม่กล้าสบตา แม่งเลยถือโอกาสนั้นหอมแก้มผมอีกรอบ และดูถ้าจะถูกทำอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ เพราะผมเห็นทางหางตาว่ามันกำลังก้มลงมาจูบปากผม ผมจึงฉวยโอกาสตอนมันกำลังจะจูบนั่น ถีบมันออกไป แล้วกระเด้งตัวขึ้นนั่ง


“โหย มึงนี่ ถีบกูอีกแล้ว”


“ก็พี่จะจูบผมอีกแล้วนี่หว่า จูบอยู่นั่น เดี๋ยวให้ยืมปากไปเลยแม่ง”


“มึงเอามาดิ กูจะได้จูบทั้งวันทั้งคืน”


“แหม ไอ้เหี้ย”


มันยักคิ้วกลัวบาทาผมมาก ผมเลยประทานพรไปหนึ่งคำ  แต่มันไม่สะดุ้งสะเทือน ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ คงคิดว่ามันเป็นคำชม แถมยังหัวเราะอีก วันนี้แม่งเป็นบ้าเหรอวะ หัวเราะอยู่ได้


“มาๆ มานอนดีกว่ามึง”


มันเลิกหัวเราะแล้วเปลี่ยนเป็นยื่นแขนมาดึงผมให้ลงไปนอนกับมันที่โดนผมถีบจนลงไปแผ่นบนที่นอน ก่อนจะกอดผมเอาไว้ เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเอง แล้วหากถามว่าง่วงมั้ย ก็ง่วงนั่นแหละครับ เพราะไฟล์ทพี่ของพี่โซแลนด์ตอนหกโมง ผมเลยต้องตื่นเช้ากว่าทุกวัน เพราะงั้นผมจึงยอมนอนหลับไปพร้อมๆ กับคนตัวโตที่กอดผมเอาไว้โดยไม่ได้ต่อต้าน เพราะอาจจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่เวลาผมกับมันนอนด้วยกัน มันจะกอดผมเอาไว้แบบนี้ แต่จริงๆ ก็... อุ่นดีเหมือนกัน



















พวกเราตื่นมากินข้าวเที่ยงกัน ข้ามสิ่งที่เรียกว่าข้าวเช้าไป ซึ่งป๊าก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะพวกพี่โซก็ยังไม่ตื่นเหมือนกัน และเมื่อกินเสร็จอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พวกผมก็กลับขึ้นไปบนห้องนอนอีกครั้ง ขึ้นมาเล่นเกมแข่งกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะจวนจบท้องฟ้าเริ่มมืด พี่ชมพูก็ขอลากลับ


ป๊าชวนให้มันกินข้าวเย็นด้วยอีกสักมื้อ แต่มันบอกว่ามื้อเย็นเป็นมื้ออาหารของครอบครัว เพราะงั้นขอไม่รบกวนดีกว่า ไม่นึกเหมือนกันว่ามันจะรู้จักกาลเทศะและมีมารยาทเหมือนคนอื่นเขา แต่ก็ด้วยคำตอบนั้นของมันอีกเหมือนกัน ที่ผมอยากจะเอาไปฟาดหน้าไอ้สัดหมาส่วนเกินที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วยกัน


สัดเอ๊ย มึงไม่ใช่เมียพี่โซ สักหน่อย ไม่ใช่ครอบครัวกู!


ผมด่ามันทางสายตาระหว่างกินข้าว แต่มันก็ไม่สะทกสะเทือน ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยสักนิด จนผมเบื่อ ก็เปลี่ยนเป็นทำเหมือนว่ามันไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แทน กระทั่งกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็กลับขึ้นห้องไปเล่นเกมต่อ


ตั้งแต่ที่ป๊าเคอร์ฟิวเวลากลับบ้าน และยังห้ามไม่ให้ไปก่อเรื่องหรือเที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร่อนตอนกลางคืน กิจวัตรประจำวันผมก็มีอยู่แค่นี้ เล่มเกม อ่านหนังสือรถ หรือเปิดเว็บดูพวกรถออกใหม่ หรือการแข่งรถเรื่อยเปื่อย เหมือนคนไม่มีอะไรทำ


เล่นเกมต่อจนถึงสี่ทุ่ม ผมก็เบื่อ โยนจอยเกมในมือทิ้งแล้วเข้าไปอาบน้ำ แปรงฟัน ก่อนจะกลับมาปิดไฟในห้องแล้วกระโดดขึ้นเตียง ถึงจะดูอนามัยไปหน่อยที่นอนตั้งแต่สี่ทุ่ม แต่ผมก็เริ่มชินแล้ว เพราะนอนเวลานี้แทบทุกวัน


ผมทิ้งความคิดและสติเอาไว้เบื้องหลัง หลับตาลงเข้าสู่ภวังค์ที่ไม่มีวันพบในโลกแห่งความจริง และผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมนอนไปได้นานเท่าไหร่แล้ว รู้แต่เพียงว่ามีเงาดำๆ พาดทับอยู่เบื้องหน้า ดำทะมึนและทำให้ผมรู้สึกอึดอัด สายตาของมันที่จ้องมองผมชวนให้หายใจไม่ออก ทั้งที่ผมยังไม่ลืมตาขึ้นมองเลยสักนิด


ลมอุ่นๆ ที่เป่ารดหน้าของผมเป็นจังหวะทำให้ผมต้องหลับตาแน่นด้วยความไม่ชอบใจ ทว่ายังไม่ทันได้ลืมตาขึ้นไปดูว่าผมกำลังถูกผีอำหรือยังไง ก็รู้สึกถึงอะไรนุ่มๆ ที่กดทับลงบนปาก นั่นทำให้ผมสะดุ้งทันที แล้วถีบสิ่งที่ทับอยู่บนตัวของผมไปเต็มแรง ก่อนจะเปิดตาขึ้นและเห็นว่าไอ้หน้าหมาตัวไหนมันมาจูบผม!






======================
เห็นวันที่อัพครั้งล่าสุดแล้วดูวันที่วันนี้ หนึ่งเดือนเดิม
ขอโทษนะคะที่หายไปนาน
พอดีไม่ว่างทั้งเดือนเลยค่ะ เพิ่งปิดจ๊อบไปเมื่อซืน เลยเพิ่งได้แต่ง
จริงๆ จะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เล้าล่ม

ปากเปล่าหมายถึงสัญญาปากเปล่าของพี่ภู กับจูบตอนจบตอนนะคะ
การคิดชื่อตอนนี่ยากจริงๆ

ขอขอบคุณทุกคนที่ยังรอติดตามนะคะ ไม่รู้ว่าจะมีอยู่กี่คน แต่ก็ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

 :L2: :L2: :L2:


Undel2Sky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: i-love-you ที่ 30-08-2012 20:54:09
อร๊ายยยยย นั่นมันตัวอะไรอ่ะ  55555+

ยีน ลูกจะหวงทำไมนักหนา  ยอมๆพี่พูไปเหอะ เดี๋ยวพี่เค้าลงแดงตาย  ^^

วรรคสุดท้ายย    ครายยยยยยยยยยย???  มาต่อเร็วๆนะคะ  ไม่งั้น กระอักเลือดแน่ๆเรย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 30-08-2012 20:56:31
ต้องเป็นน้องของแฟนพี่ชายแน่เลย ที่มาจูบเกงยีนเนี่ย  :beat:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 30-08-2012 21:34:58
มาแล้วววววว
หายไปตั้งนาน
คิดถึงพี่ชมพูกับน้องเกงยีน
ตอนนี้นึกว่าจะหวานๆนะ
ดันมีตอนสุดท้ายอ่า
ใครล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 30-08-2012 21:56:14
นึกว่าหายไปแล้วT-T ดีใจที่กลับมาค่ะ ติดตามตลอดน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 30-08-2012 22:03:21
เย้   ดีใจที่ได้อ่านอีก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 30-08-2012 22:03:55
 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 30-08-2012 22:06:18
คิดถึงพี่ชมภูกะเกงยีน นับวันคู่นี้ยิ่งน่ารักขึ้น
แต่ใครอย่ามาบังอาจแยกคู่นี้ เดี๋ยวโดนๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 30-08-2012 23:29:58



    เย่ๆๆๆ กลับมาแล้ว อัพยาวจุใจเลย ^ ^
    ช่วงนี้ยีนโดนพี่ภูเล่นถึงเนื้อถึงตัวบ่อยจังนะ
    แต่คนที่มาแอบขโมยจูบยีนตอนหลับนี่ใคร!!



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-08-2012 23:50:57
น้องชายของพี่สะใภ้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-08-2012 01:07:07
อ้าว อย่าบอกนะว่าน้องชายพี่น้ำอุ่น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NARUE ที่ 31-08-2012 01:34:38
มันคือใคร บังอาญมาขโมยจูบน้องเกงยีน รึว่าเป็นพี่ชมพูแอบบย่องมา โอ๊ย ยยคิดไม่ตก หวังว่าคงไม่ใช่ไอน้ำนะ ๆๆ :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: loveboys ที่ 31-08-2012 08:11:13
ต้องเป็นไอน้ำแน่ ๆ เลย...มาต่อเร็ว ๆ นะครับ แบบว่าอยากรู้ง๊
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 31-08-2012 17:01:29
อยากจะกรี๊ดดดดังๆ!

มาต่อแล้วว คิดถึงเกงยีนกับพี่พูมากกก

เดาว่าคงเป็นไอน้ำแน่ๆเลย จากที่อ่านๆแล้วเหมือนไอน้ำจะชอบเกงยีนด้วย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-08-2012 17:56:17
 :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 01-09-2012 08:57:12
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-09-2012 17:22:30
จัดการม๊านนนนน  :m31: บังอาจมาจูบได้ยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 01-09-2012 21:09:20
ใครอ่าาาา  มาจูบเกงยีนได้ไงอ่า  :angry2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 01-09-2012 23:21:00
หายไปนานเลย ดีใจจังที่มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 02-09-2012 02:18:36
ตอนที่ 29 : พลาด





















ผมเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงอย่างเร็วพลัน โดยที่สายตาไม่ละจากเงาดำๆ ที่เป็นตัวการ และเมื่อไฟสีขาวอมส้มสว่างขึ้นมา ผมก็ได้รู้ว่าไอ้คนร้ายหน้าเหี้ยไม่ใช่ใคร


ไอ้สัดไอน้ำ!!


นั่นยิ่งทำให้ความโมโหของผมทะยานขึ้นสูงสุด ผมกระชากมันก่อนจะปล่อยหมัดใส่เต็มแรงจนมันหน้าหัน แต่ผมไม่สนใจหรอกว่าไอ้ห่านี่จะเป็นยังไง ผมเขย่าคอมันด้วยความกรุ่นโกรธ ตะคอกแบบสุดเสียง


“มึงทำเหี้ยอะไร!!!!”


“ก็จูบมึง สัด”


มันตอบกลับมาอย่างไม่ยินดียินร้าย ยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปากจากแรงปะทะของผม คำพูดและท่าทียโสไม่รู้ร้อนรู้หนาวของมันทั้งที่ทำเหี้ยๆ กับผมไว้ ดึงอารมณ์ของผมยิ่งทวีขึ้นอีกเท่าตัว


“ไอ้สัด มึงจูบทำเหี้ยอะไร จูบหาพ่อมึงเหรอ!”


“กูจูบมึงนั่นแหละ ไม่ได้จูบหาพ่อ”


ไอ้เหี้ยไอน้ำยังตอบกลับมาได้หน้าตาเฉย ค้านคำตอบของผมอย่างกวนตีน ทำให้ผมยับยั้งการกระทำไม่ได้อีก กำปั้นหนักๆ ซัดลงบนหน้าของมันอีกครั้ง และเลือดก็ไหลออกมาจากปากของมันมากกว่าเดิม


“สัด มึงจำไว้เลย  มึงไม่มีทางได้ทำอะไรเหี้ยๆ แบบนี้กับกูอีก ไม่งั้นกูไม่แค่ต่อยมึง แต่มึงได้จมกองเลือดคาตีนกูแน่!! จะไปตายที่ไหนก็ไป! อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก”


ผมเหวี่ยงตัวมันที่ใหญ่ประมาณเดียวกันออกจากตัวจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่ผมไม่ใส่ใจ ไม่สนใจด้วยว่ามันจะเจ็บอะไรตรงไหน หรือจะรู้สึกยังไง เพราะแม่งเสือกทำกับผมก่อน


“นี่มึงไม่คิดจะสนใจสักหน่อยเลยหรือว่าทำไมกูต้องทำมึงแบบนี้”


มันดันตัวขึ้นจากพื้น เช็ดมุมปากของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าภายในห้องตอนนี้จะไม่สว่างมาก แต่ผมก็มองเห็นการกระทำของมันทุกอย่าง


“ไม่จำเป็น กูไม่ได้อยากรู้”


“มึงไม่ได้อยากรู้ แต่กูจะบอกไว้”


มันก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ตัวผม ผมแต่ไม่อ่อนแอถึงขนาดต้องถอยหลังหนี ผมไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่ใช่คนยอมคนง่ายๆ โดยเฉพาะคนหมาๆ อย่างมัน


“ออกไปจากห้องกู!”


ผมไม่รอคำอธิบายห่าเหวอะไรของมัน แต่ตะโกนขับไสไล่ส่งอีกครั้ง ดีว่าห้องของผมเก็บเสียงได้ ไม่อย่างนั้นพี่โซที่นอนอยู่ห้องข้างกันอาจจะตื่นขึ้นมาเคาะประตูห้องถามก็ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


“กูชอบมึงไง!”


ไม่ฟังเสียงของผมแม้แต่น้อย มันสวนกลับมาเสียงดัง ซึ่งก็ทำให้ผมรู้สึกอึ้งนิดหน่อย อารมณ์โกรธเกรี้ยวเมื่อกี้หายไปฉับพลัน แต่เพียงแค่แป๊บเดียวผมก็ด่ามันกลับ เพราะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่ามันจะรู้สึกอะไรแบบนั้นกับผม


“มึงประสาทหรือไง สัด”


“เออ กูประสาทที่หลงไปชอบมึง แม่งกูไปชอบมึงได้ยังไงวะ”


มันตอบผม แต่ก็เหมือนจะตอบตัวเอง เพราะแม้แต่มันเองก็ไม่เข้าใจ ผมนี่สิ ไม่เข้าใจมากกว่ามันอีก เจอกันแค่ครั้งเดียว แถมเกือบไว้วางมวยกันด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกัน มันต้องย้ายไปอยู่อเมริกากับครอบครัวด้วย แล้วแม่งจะเอาเวลาตอนไหนมาชอบผม เหอะ


“มึงทำหมาๆ แล้วอย่าหาเหี้ยอะไรมาเป็นข้ออ้าง”


“กูไม่ได้อ้างเว้ย”


“เออ มึงจะอ้างหรือไม่อ้างก็เรื่องของมึง แต่ไสหัวออกไปจากห้องกูได้แล้ว”


“มึงฟังกูก่อนสิวะ”


“ฟังห่าอะไร”


ผมเริ่มฉุนเฉียวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมันยังยื้อ เรื่องมากอยู่นั่น


“กูไม่ฟังแล้ว ถ้ามึงอยากพูดก็ไปพูดนอกบ้านกูนู่น”


พูดจบผมก็กลับขึ้นเตียง เอาผ้าห่มคลุมเกือบมิดหัว หันหน้าไปอีกทาง ปิดการสื่อสารกับมัน เหมือนการไล่กลายๆ แต่มันก็โง่จนไม่เข้าใจเจตนาของงผมว่าต้องการอะไร เพราะผมรู้สึกถึงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เคียง


“กูไม่รู้ว่ากูชอบมึงได้ไง กูเจอมึงแค่ครั้งเดียว แล้วยังมีเรื่องกัน แต่กูก็เอาแต่คิดถึงมึง”


ก็เรื่องของมึง


ผมคิดอยู่ในใจคนเดียว ไม่สนใจมันว่าจะยืนอยู่ตรงนี้หรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้หลับ เพราะถ้าผมหลับ เกิดมันทำอะไรเหี้ยๆ อีก ผมก็ซวย ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกดีเลยที่รู้ว่ามันทำอะไร เพราะตั้งแต่เกิดมา คนที่ผมยอมจูบมีแค่ไอ้กราฟกับไอ้พี่ชมพู ส่วนคนอื่น ถ้าบังอาจก็ได้ปากแตกอย่างไอ้เหี้ยนี่ หรือถ้าผมโมโหมากเข้า ก็คงได้นอนใต้ตีนผม


ผ่านไปหลายนาที ผมก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ด้านหลังผมถอยห่างไปแล้ว และผมก็ได้ยินเสียงประตูปิดลง ผมเลยลุกจากเตียงแล้วเดินไปล็อกประตูห้องไว้ เพื่อที่ไม่เป็นการเปิดโอกาสให้มันเข้ามาอีกได้


















รุ่งเช้ามา ทุกคนก็แปลกใจหลังจากเห็นหน้าไอ้เหี้ยน้ำ เพราะตรงมุมปากของมันช้ำ ปากบวมนิดๆ มีแต่ผมที่แสยะยิ้มเบาๆ อย่างพอใจ สมน้ำหน้ามันแล้วเป็นแบบนี้ เพราะมันเสือกทำผมก่อน แค่นี้ยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำเลยด้วยซ้ำ


“หน้าไปโดนอะไรมาน่ะน้ำ”


พี่น้ำอุ่นถามครับ พี่โซก็มองหน้ามันด้วย เหมือนกำลังพิจารณาว่าลักษณะแผลแบบนี้น่าจะเกิดจากอะไร ป๊าเองก็เหมือนกัน แล้วอยู่ๆ พี่โซก็ตวัดตาวูบมาที่ผม แต่ผมทำเมิน ไม่สนใจ แต่ใช่ว่าจะได้ผล


“ยีน”


พี่ชายผมเรียกเสียงนิ่ง เหมือนจะรู้แล้วว่าคนที่ทำให้หน้ามันหล่อได้ขนาดนี้เป็นใคร ผมเลยโพล่งขึ้นมา


“ผมว่ากินข้าวดีกว่านะ มันก็คงไปมีเรื่องกับใครมานั่นล่ะ สันดานชอบหาเรื่องคนก็แบบนี้”


ว่าจบผมก็ตักข้าวขึ้นมาก่อน พี่โซยังเหลือบตามองผมไม่ละ แม้จะกำลังก้มหน้าตักข้าว ไม่ได้มองหน้าพี่ชายที่ความหล่อตีคู่มากับผมก็ตามที แต่ผมก็รับรู้ได้


ผมไม่รู้ว่าใครจะคิดยังไง หรือกำลังมองผมอยู่หรือเปล่า เพราะผมปิดประสาทการรับรู้ทั้งหมด แล้วตักข้าวกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งกินเสร็จ ผมก็ลุกจากโต๊ะ มีพี่กล้วยเก็บจานให้เรียบร้อย คนอื่นๆ ก็ลุกจากโต๊ะในเวลาติดๆ กัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวออกจากห้องอาหาร พี่โซก็เรียกผมไว้


“มาคุยกับพี่หน่อย”


ไม่บ่อยหรอกครับที่พี่โซจะทำเสียงนิ่งใส่ผม นอกจากเวลาทำความผิดที่ไม่สมควร แล้วคราวนี้พี่โซพูดกลับผมแบบนี้ แสดงว่าเขามองว่าผมผิดชัวร์ ทั้งที่ผมไม่ได้ทำความผิดอะไร เพราะไอ้เหี้ยน้ำมันเริ่มก่อน


ผมเดินตามพี่ชายไปต้อยๆ เหมือนตัวเองกลับเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้ง เพราะแม้พี่โซจะใจดีกับผม แต่พอโหดล่ะก็ เอาเรื่องไม่แพ้ป๊าเลยทีเดียว คงมีแต่ผมนี่ล่ะที่นิสัยผ่าเหล่าผ่ากอ


“มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังมั้ย”


หลังจากเข้ามาในห้องนอนของพี่โซแล้ว เขาก็นั่งลงบนเตียงแล้วถาม แต่กลับเป็นผมเองที่รู้สึกไม่กล้านั่งลงบนเตียงในตอนนี้ ได้แต่ยืนเยื้องกันและหลบสายตา ทั้งที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่ผมก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่โซตอนนี้ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกแย่ เหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ดุ


ผมแพ้พี่โซจริงๆ ยอมแพ้ในทุกๆ เรื่อง และเชื่อฟังคำพูดพี่โซค่อนข้างมาก เพราะรักมาก เขาเป็นพี่ชายคนเดียว และดีกับผมตลอดมา ตั้งแต่จำความได้ พี่โซเสียสละให้ผมทุกอย่างที่ผมอยากได้ เพราะเขาคิดว่าตัวเองเป็นพี่ ต้องรักน้อง ดูแลน้องให้ดีที่สุด และผมก็ต้องรักพี่ชายให้มากๆ ต้องเชื่อฟังเขา เพราะเขาเตือนผมด้วยความหวังดี แม่ของเราสอนมาแบบนี้ พวกเราจึงจดจำและทำมาตลอด


“พี่รู้นะว่ายีนเป็นคนทำ บอกพี่สิว่าทำไมถึงไปทำเขาแบบนั้น”


เมื่อเห็นว่าผมเงียบ พี่โซก็แบบรุกชัดเจนมากขึ้น ซึ่งผมเองก็อยากอธิบายให้พี่โซเข้าใจถึงสาเหตุ แต่จะให้ผมบอกว่าผมโดนมันจูบ เลยต่อยแม่งหน้าหงายงั้นเหรอ


“ผม... บอกพี่ไม่ได้ แต่ผมไม่ผิด”


“แล้วยีนแน่ใจได้ยังไงว่ายีนไม่ผิด ในเมื่อพี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”


“พี่ไม่เชื่อผมเหรอ”


ผมเรียกร้องความเชื่อใจ เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่เคยโกหกอะไรพี่ชายคนนี้ พี่โซมองหน้าผม ผมเองก็มองตอบ ไม่หลบเลี่ยงสายตาแล้วตอนนี้ เพื่อแสดงให้พี่โซเห็นว่าผมพูดออกมาด้วยความสัตย์จริง ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่โซผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะดึงมือผมให้ลงไปนั่งบนเตียงด้วยกัน


“พี่ไม่เคยสงสัยยีนหรอก เพราะยีนไม่เคยโกหก และพี่เชื่อว่ายีนจะบอกพี่ทุกเรื่อง”


คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ในใจที่ผมไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับพี่ชายแสนดีได้ หนำซ้ำยังเรื่อง.... ผมกับไอ้พี่ชมพู


“ผมขอโทษที่บอกพี่เรื่องนี้ไม่ได้ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่ใช่ฝ่ายผิด”


ผมให้น้ำหนักกับคำพูดของตัวเองอีกครั้ง พี่โซถึงได้พยักหน้าและลูบหัวของผมเบาๆ ก่อนจะผละออกแล้วลุกจากเตียง กลายเป็นผมที่นั่งงงอยู่ว่าพี่ชายจะทำอะไร


เห็นพี่โซไปค้นๆ อะไรสักอย่างในกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ที่หอบหิ้วมาจากเมืองนอก ก่อนจะหันมาให้ผมเห็นว่าที่อยู่ในมือพี่โซเป็นกล่องของขวัญสีน้ำตาลอ่อน และยื่นให้ผม


“ของขวัญวันเกิด คงไม่ช้าไปใช่มั้ยที่พี่ให้ตอนนี้”


ผมยิ้มกว้าง รับกล่องนั้นมาก่อนจะกอดพี่ชายที่สูงกว่าเกือบคืบพลางขอบคุณ พี่โซให้ผมแกะดูเลย ซึ่งผมก็ลองเดาๆ ดูว่าอาจจะเป็นกระเป๋าเงินหรือเปล่า และมันก็ถูกต้องตรงเผง เป็นกระเป๋าเงินสีเทา มีสัญลักษณ์ของแบรนด์ดัง


“ชอบมั้ย”


“ครับ”


ผมยิ้มแฉ่งให้พี่ชาย ของอะไรที่พี่โซซื้อให้ผมก็ชอบหมดแหละ เรื่องสไตล์นี่ไม่ต้องพูด ไฮคลาสตามชื่อไฮโซ


เรื่องชื่อเล่นของผมกับพี่โซนี่ก็มาจากตอนแม่ท้องล่ะครับ ตอนท้องพี่โซ แม่เล่าว่าตอนนั้นแม่จะบ้าของแบรนด์เนมมาก ทำตัวเหมือนพวกชนชั้นสูงตลอดเวลา ทั้งที่ปกติไม่เคย เพราะแม่เป็นคนเรียบง่าย อะไรก็ได้ แต่ตอนนั้นถ้าไม่ได้ของที่ต้องการ หรือมีใครขัดใจอะไรจะโมโหทันที พอคลอดพี่โซแล้วถึงจะกลับมาเป็นอย่างเดิม ป๊ากับแม่ยังนึกแปลกใจ เลยตั้งชื่อให้ว่าไฮโซ ส่วนของผม ก็เป็นแบบรักษาสุขอนามัย ของกินของใช้ต้องสะอาด ถ้าไม่สะอาดจะไม่ยอมกิน ป๊าต้องกำชับพี่กล้วยให้ทำอาหารสุก มีประโยชน์ และดูสะอาดสะอ้าน จนกระทั่งคลอดผม ถึงได้ชื่อไฮยีน คล้องกับพี่โซที่พยางค์หน้าพอดี


“ดีแล้วที่ยีนชอบ”


พี่โซยิ้ม ก่อนจะชวนผมออกจากห้อง ต่างอารมณ์กับตอนเข้ามาอย่างสิ้นเชิง


ออกมาจากห้องของพี่โซแล้วผมก็เข้าห้องตัวเอง จัดการเปลี่ยนกระเป๋าเงินทันที ไม่ได้เห่อหรอกครับ แต่อยากใช้ให้พี่โซเห็นว่าผมชอบมันมากจริงๆ แล้วพี่โซก็อยู่ไทยแค่อาทิตย์เดียวด้วย เดี๋ยวก็ต้องกลับแล้วเลยไม่อยากรีรอ และหลังจากเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อย เสียงเคาะประตูห้องก็ดัง


ผมเดินไปเปิด เห็นพี่กล้วยยืนอยู่พลางบอกว่าไอ้พี่ชมพูมันมาเหยียบถึงถิ่นอีกวัน ตอนนี้รู้จักกันทั้งบ้านแล้วเลยไม่เกรงกลัวเกรงใจหรืออะไรไม่รู้ แต่ผมก็เดินลงไปหาแล้วได้คำตอบมาว่า มันมาชวนผมออกไปข้างนอก ตอนแรกผมก็ไม่อะไร ยังไม่ตัดสินใจว่าจะออกไปกับมันดีหรือไม่ไป แต่อยู่ๆ ไอ้เหี้ยน้ำมันโผล่มาจากไหนไม่รู้โพล่งขึ้นมา


“กูไปด้วย”


“สัด เรื่องของมึงเหรอ”


ผมสวนกลับ แต่มันยังทำหน้าเฉย ไม่สนใจคำด่าทอ


“กูไม่ได้อยู่ไทยตั้งนาน จะพาเที่ยวสักหน่อยไมได้หรือไง ไรวะ เป็นเจ้าบ้านเสียเปล่า ไม่ต้อนรับแขกเลย กูอยู่แค่อาทิตย์เดียวนะเว้ย”


“กูไม่เคยพูดว่ากูจะพามึงไปไหน มีตีนก็ไปเอง”


ผมหงุดหงิด อยากผละจากมันเต็มที่ เตรียมหันหลังเดินไปอีกทางแล้ว แต่แม่งเสือกตะโกนดัง


“ถ้ากูพูดเรื่องเมื่อคืน”


“สัด!!!`”


ผมด่าเต็มเสียงก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วถีบเข้าท้องมันไปหนึ่งที จากนั้นก็เดินดุ่มออกจากบ้านไป มีไอ้พี่ชมพูเดินตามผมที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างสุดๆ


“มึงจะไปไหน”


“ไปไหนก็ได้ ให้พ้นๆ ไอ้เหี้ยนั่น”


บอกแค่นั้นไอ้พี่ชมพูก็ปลดล็อกประตูรถทันที ให้ผมได้ขึ้นไปนั่งประจำที่ที่พักนี้ได้ใช้บริการบ่อยเหลือเกิน ไอ้เจ้าของรถก็ขึ้นตามก่อนจะขับออกไปโดยที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจุดหมายคือที่ไหน

















รถแล่นเข้าสู่ห้างสรรพสินค้า มองเสี้ยวหน้าของคนขับรถพาผมมาที่นี่ แต่มันไม่ได้สนใจจะมองตาม กระทั่งจอดรถเป็นที่เรียบร้อยมันก็จูงมือผมเข้าร้านไอติมทันที ไม่เปิดโอกาสให้ถามหรืออะไรเลย เผด็จการตลอดศก


“มึงเอาอะไร”


“ถามผมยังว่าจะกินหรือเปล่า”


“ก็กูเห็นมึงร้อนๆ เลยว่าจะดับ”


ร้อนที่มันว่าไม่ใช่อากาศร้อน แต่เป็นอารมณ์ของผมมากกว่า มันว่าพลางยื่นเมนูให้


“กูเอารัมเรซิ่นกับเชอเบทเลม่อน”


มันบอกผมก่อน เพราะไม่อยากให้สั่งซ้ำกับมันมั้ง แต่ไอ้ที่มันสั่งนี่โคตรขัดอารมณ์ผมที่พยายามจะให้เย็นลงแล้วสั่งของหวานเย็นๆ ที่จะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น


“ไม่เอารัมเรซิ่น”


“ทำไม”


“เหม็นเหมือนกินเรซิ่น อร่อยตรงไหน”


มันหัวเราะคำตอบของผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสั่งบลูเบอร์รี่แทน โฆษณาซะยกใหญ่ว่าบูลเบอร์รี่กินกับเชอเบทมะนาวอร่อยโคตร แต่ผมยังไม่เชื่อเท่าไหร่ สั่งคุกกี้แอนด์ครีม แล้วเตรียมจะสั่งดาร์กช็อกโกแลตต่อ แต่มันปรามไว้


“ตอนมันไม่ละลายก็อร่อยดี แต่ถ้าละลายรวมกับเชอเบทของกู รับรองมึงคายทิ้ง”


ไม่ต้องแปลกใจครับที่ว่าแบบนั้น เพราะไอ้คนตัวใหญ่มันกะสั่งถ้วยใหญ่สุดแล้วมาแบ่งกันกิน แค่คิดก็สยองพิลึก คนจะมองกันยังไง ผู้ชายตัวโตๆ สองคนนั่งกินไอติมในถ้วยเดียวกัน แต่ใช่ว่าผมยอมมัน ผมพยายามค้านตั้งแต่เข้าร้านแล้ว มันกลับทำหูทวนลม พวกเราถึงมานั่งกันอยู่ตรงนี้ เอากับเขาสิ


“กล้วยก็ได้”


ผมสั่งไปแบบนั้นเพราะไม่รู้จะเอาอะไรแล้วที่จะทำให้รสชาติน่าขย้อน มันก็พยักหน้าแล้วเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์พร้อมกันสั่งเพิ่มอีกสองรส ซึ่งไม่ถึงห้านาที ของที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะพร้อมกับช้อนสองคัน น้ำเปล่าสองแก้ว


พนักงานผู้หญิงอายุไม่น่าเกินยี่สิบมองผมกับไอ้พี่ชมพูก่อนจะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ผมก็พอตีความหมายของสายตาคู่นั้นได้ว่ากำลังคาดเดาความสัมพันธ์ของผมกับไอ้พี่ชมพู และมันก็น่าจะถูกเสียด้วย นี่ยังดีว่ามันเลือกที่นั่งด้านในสุด คนจึงไม่พลุกพล่านน่าเวียนหัวหรือทำให้ตกเป็นเป้าสายตาหรือขี้ปากของใครต่อใครมากนัก


“ป้อนกูหน่อย”


ตักไอติมยัดปากกันเองอยู่แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น ไอ้พี่ชมพูก็อ้อนเหมือนเด็กสามขวบ


“พี่มือด้วนหรือไง”


“นี่ด้วนๆ”


มันปล่อยช้อนลงถ้วยไอติมไซส์ยักษ์แล้วเอามือไปซ่อนด้านหลังพลางว่าอย่างนั้น ผมอยากจะหัวเราะคนที่อยู่ปีสามเข้าไปแล้ว แต่ยังทำตัวแบบนี้ ทว่าแม้จะคิดอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมทำตามที่มันต้องการง่ายๆ


“งั้นก็ไม่ต้องกิน”


“ได้ไงวะ ไม่สงสารกันมั่งเหรอ”


“แล้วพี่เป็นอะไรล่ะ ทำไมต้องสงสาร”


ผมยังตักขนมหวานเย็นเข้าปากอย่างชิลๆ ผิดกับคนตัวใหญ่ที่พยายามทำเหมือนตัวเองตัวเล็กกว่าผม


“สงสารที่กูเป็นแฟนมึงเนี่ย ใจร้าย เอาใจยาก สุดๆ”


“เลิกมั้ยล่ะ”


ผมยื่นข้อเสนอให้ ถ้ามันคบกับผมแล้วไม่มีความสุขขนาดนี้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะยอมผมง่ายๆ รีบย้อนกลับทันที


“เรื่อง”


“งั้นก็กินไป”


ผมนิ่ง เลยกลายเป็นไอ้พี่ชมพูแทนที่ตักคุกกี้แอนด์ครีมขึ้นมาแล้วยื่นให้ผม และถึงแม้ว่าผมจะทำเป็นไม่สนใจ มันก็ยังถือค้างไว้อย่างนั้น แม้ว่าผมจะตักเข้าปากเอง มันก็ยังไม่เอาช้อนที่จ่อหน้าผมอยู่ออกไป หนำซ้ำยังมีการบอกย้ำ


“กินดิ”


สุดท้ายผมก็ต้องยอมมันอยู่ดีแหละครับ เพราะให้มันถืออย่างนี้อยู่ตลอดผมกินไม่ถนัด จริงๆ นะครับ ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น รำคาญอีกต่างหาก ทว่าก็เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะมีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามานั่งโต๊ะริมสุดอีกฟากของผนังซึ่งตรงกับพวกผมพอดี แล้วพอเธอก็ดันหันมาทางโต๊ะผมแบบตรงจังหวะที่ผมกำลังงับช้อนที่ไอ้พี่ชมพูยื่นมา


ผมเบิกตากว้าง ปากยังคงค้างอยู่แบบนั้น รู้สึกว่าเกิดเหตุการณ์โลกถล่มอีกรอบ เพราะผู้หญิงพวกนั้นยิ้มเขินแล้วหันกลับไปที่โต๊ะตัวเอง ไม่มองหน้าพวกผมอีก


โอ๊ย ไอ้เชี่ยเลย ซวยๆๆๆๆ


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นคิดอะไรกันไปแล้ว ซึ่งผมก็แก้ตัวอะไรไม่ได้ พอได้สติก็รีบถอนปากจากช้อนคันนั้นทันทีพลางบอกไอ้คนที่ทำให้ผมต้องอับอายตลอด


“ไม่กินแล้ว”


ก่อนจะลุกจากโต๊ะไป ไอ้คนตัวใหญ่เป็นหมีควายเลยต้องลุกพรวดพราดไปจ่ายค่าไอติมที่แคชเชียร์แล้วรีบตามผมออกไปจนทันกัน

















ต่อจากกินไอติม พวกผมก็แวะดวลเกมกันสักหน่อย แต่บางทีอาจจะบอกว่าสักหน่อยคงไม่ได้ เพราะว่าผมกับมันแข่งกันทุกเกมที่มีอยู่ แม้แต่เกมจับผิดภาพก็ยังแข่ง แต่ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างนึงว่าทำไมมันต้องชนะผมตลอด ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อ่อน แต่ก็แพ้มันด้วยคะแนนฉิวเฉียดทุกเกม แม่งวางยาผมเปล่าวะ


แพ้เกมอย่างอัปยศแล้ว มันก็ชวนผมไปกินข้าว ก่อนจะไปดูหนัง เพราะคราวก่อน ที่ค่อนข้างนานพอสมควร มันเคยชวนผม แต่ก็ไม่ได้ดูเพราะวิ่งป่าราบหนีไอ้โจ๊กอริเก่าของผม แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่ผมรู้สึกใจเต้นกับมันอย่างจริงๆ จังๆ แทบกระหน่ำ ถือว่าเป็นอดีตที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์วิ่งสู้ฟัดแข่งเฉินหลงวันนั้น ผมอาจไม่ได้ชอบมันเหมือนวันนี้ แต่จะให้ย้อนอดีตไปก็คงไม่ทัน แล้วผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะไม่เผลอใจเต้นกับมันในวันอื่นๆ เพราะงั้นถึงย้อนไปก็ไม่มีค่าอะไรจริงๆ


หนังที่เลือกดูก็เป็นหนังแอ๊คชั่นไซไฟอย่างที่อยากดูกันทั้งคู่ ผมรู้สึกดีหน่อยที่ผมกับมันไม่ได้ชอบหนังคนละสไตล์ เพราะไม่งั้นผมก็คงต้องจำยอมไปดูหนังเรื่องที่มันอยากดู แต่เรื่องที่ผมอยากดูกลับไม่ได้ดู


ไอ้การที่พี่ชมพูจะบอกผมว่าให้รออยู่ตรงนี้เป็นไปไม่ได้ มันชวนผมให้ไปต่อแถวจองตั๋วหนังด้วยกัน และกว่าจะเลือกที่นั่งได้ก็ทำให้พนักงานรู้สึกเอือมไม่เบา เพราะผมอยากนั่งข้างบนสบายๆ แต่มันเสือกอยากนั่งข้างล่างใกล้จอ จะได้เห็นชัดๆ นี่ผมว่าถ้าไอ้พี่ชมพูไม่หล่อชวนระทวยสำหรับสาวๆ แบบนี้ คงโดนไล่ไปนานแล้ว เพราะผมเองก็คงช่วยไม่ได้ในสถานการณ์นี้ หน้าจืดๆ ใส่แว่น ใครเขาจะสนใจ


ไม่ใช่ว่าพอรู้จักสนิทสนมกันแล้วผมจะละเลยเรื่องการพรางตัว ไม่ว่าจะออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ หรือไปกับใคร ผมก็ต้องใส่แว่นและเซ็ตผมให้เนิร์ดเหมือนเดิม จะมีก็แต่เวลาอยู่บ้าน หรืออยู่กันแบบส่วนตัวถึงจะถอดออก เพราะฉะนั้นก็เหมือนไอ้พี่ชมพูพาเด็กบ้าเรียนหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมมาเปิดหูเปิดตาในสายตาคนอื่นนั่นล่ะ


สุดท้ายก็ตกลงได้ที่มันยอมตามใจผม เพราะผมเริ่มรำคาญ แล้วไอ้ที่ทำให้มันยอมได้น่ะ ไม่มีอะไรอื่นเลยนอกจากการเสียสละตัวของผมล้วนๆ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องยากอะไร แต่ผมไม่ค่อยเป็นฝ่ายเริ่มก็เท่านั้น


“มึงอย่าลืมสัญญา”


มันย้ำให้ผมจำแม่นๆ ทั้งที่ผมก็อยากจะลืมตั้งแต่พูดออกไปด้วยซ้ำ


หลังจากเลือกที่นั่งในโรงหนังเสร็จ ผมกับมันก็เดินไปซื้อเป๊ปซี่และป๊อปคอร์นกัน เพราะไม่แน่ใจว่าอีกหน่อยจะมีโอกาสกินเป๊ปซี่อีกหรือเปล่า เพราะได้ข่าวมาพักหนึ่งแล้วว่าบริษัทเขาจะยกเลิกสายการผลิตแล้วผลิตแบรนด์ใหม่ของตัวเอง แอบเซ็งเล็กๆ เพราะเป๊ปซี่นี่ของโปรดผมเลย พี่ชมพูก็คงด้วยมั้ง ผมเห็นมันก็กินตลอด


เหลืออีกแค่สิบนาทีก็ถึงเวลาเข้าโรงแล้วครับ โชคดีตรงที่เราจองตั๋วหนังแล้วได้รอบที่เร็วที่สุด และยังมีที่นั่งเหลืออยู่พอสมควร เพราะมันเข้าโรงมาสัปดาห์นึงแล้ว คนเลยไม่เยอะมากเหมือนตอนเข้าโรงใหม่ๆ แม้จะเป็นหนังดังก็ตาม เพราะงั้นพอซื้อของเสร็จพวกผมก็นั่งรอแค่แป๊บเดียว ก่อนจะเข้าโรงไปเมื่อถึงเวลา


พวกเราต่างดูหนังกันไป เหมือนไม่ได้เอาปากมา แต่ก็ไม่ใช่ เพราะผมกับมันต่างก็ยังยัดป๊อปคอร์นกับดูดเป๊ปซี่กันอยู่ หนังเรื่องนี้สนุกมาก ดูไปลุ้นไปว่าจะเป็นยังไง ผมว่าเขาเขียนบทดีมาก ไม่แปลกที่หนังจะดังขนาดนี้


ผมคิดแบบนั้นอยู่ในใจระหว่างดูไปด้วยความชื่นชมพลางคาดเดาลุ้นระทึก แต่แล้วความคิดก็ต้องชะงักเพราะมือซ้ายที่วางอยู่บนตัก ไม่ได้เปื้อนคราบมันๆ จากของกินสีเหลืองอ่อนถูกมือใหญ่มากุมเอาไว้ ผมเลยกระซิบโวยข้างหูมัน เพราะถ้าเสียงดังคงโดนเพ่งเล็งจากคนในโรง


“เอามือมาเช็ดได้ไงวะ”


“เช็ดที่ไหน”


มันกระซิบกลับเบาพอกัน


“ก็เมื่อกี้เพิ่งหยิบป๊อปคอร์นชัดๆ ไม่ต้องอ้างเหอะ”


“นี่ กูหยิบมือซ้ายต่างหาก” มันว่าพลางยกมือข้างที่พูดถูกถึงให้ดู “กูถนัดซ้าย มึงไม่รู้เหรอ”


เหมือนมันพยายามจะบอกว่ามือที่มันจับมือผมอยู่ไม่ได้เลอะอะไร เพราะใช่ข้างที่ถนัด ผมเลยก้มลงไปดูท่ามกลางแสงสว่างสลัวๆ จากภาพบนจอใหญ่กับคิดถึงความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ไม่ได้เหนอะหนะอย่างที่คิด


“แล้วจับทำไม”


“กูอยากจับ จบ ดูหนังต่อเหอะมึง เดี๋ยวก็มาโวยกูทีหลัง”


มันปรักปรำผมสุดๆ ผมเลยถลึงตาใส่ทีนึงแล้วหันไปมองภาพเคลื่อนไหวด้านหน้า เลิกสนใจมือที่ถูกจองจำเอาไว้ด้วยมือหนาที่ค่อนข้างอุ่น ทว่ามือมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ยังสอดนิ้วเข้ามาตามร่องนิ้วของผมอีก กลายเป็นจับมือประสานกันซะได้


ช่างแม่ง


ผมสบถแล้วเลิกสนใจอีกเลย กระทั่งหนังจบ ก็ออกจากโรงด้วยกันทั้งที่มือยังกุมกันไว้อยู่แบบนั้นไม่ปล่อย กลายเป็นเป้าสายตาของคนเกือบทั้งโรงที่เดินตามหลังมาก็ว่าได้ ผมล่ะเพลียกับแม่งจริงๆ ชอบแสดงความเป็นเจ้าของตลอด ทั้งที่ผมก็ไม่ใช่ของมันเหอะ


เสร็จจากโรงหนัง มันก็พาผมเข้าร้านเครื่องประดับ งงเหมือนกันว่ามันจะเข้ามาทำเชี่ยอะไร แต่มันก็ดึงมือผมให้ไปดูสร้อยข้อมืออันนึงแล้วถามความเห็น รูปแบบก็เป็นเชนธรรมดา ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใส่ได้ เพราะไม่หวานหรือแมนเกินไป


“มึงชอบป่ะ”


หลังจากมันปล่อยให้ผมวิจารณ์สร้อยเส้นนั้นแล้ว มันก็ถามคำถามนี้ ทำให้ผมงุนงงหน่อยๆ ว่าถามทำไม แต่สิ่งที่ผมอยากรู้อยู่ในใจแต่ไม่ถามก็คือมันจะซื้อไปให้ใคร


“ของแบบนี้มันต้องดูคนรับด้วย”

ผมบอกอย่างเป็นกลางที่สุด พยายามไม่คิดอะไร และกดเก็บความอยากรู้เอาไว้ เพราะเดี๋ยวมันจะเข้าใจผิดว่าผมไม่พอใจ แต่แม้ผมจะทำให้เป็นอย่างนั้นด้วยทักษะการแสดงที่มีติดตัวอยู่นิดหน่อย มันก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนที่มีประสบการณ์ทางนี้มากกว่า มันมองออก


“หึงเหรอ”


“ทำไมผมต้องหึงพี่ด้วยล่ะครับ”

ผมแสร้งทำหน้าทะเล้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการ ทำหน้าเย้ยหยอกใส่มันเต็มที่ แต่มันก็เอานิ้วกดหน้าผากผมจนหัวโยก


“มึงไม่เนียนว่ะ”


ผมรีบปัดมันออกทันที ก่อนจะหันไปมองพนักงานที่กำลังรอบริการไอ้พี่ชมพูอยู่ แล้วก็เห็นว่าเขากำลังมองมาทางผมกับพี่ชมพูด้วยแววตาเหมือนไม่ค่อยอยากให้บริการเท่าไหร่แล้ว นี่ถ้ามันไม่พูดว่าหึงออกมา ผมคงไม่ถูกมองอย่างนี้หรอก เพราะแม่งคนเดียว!


“จะซื้อก็รีบซื้อ”


ผมตัดบทก่อนจะเดินออกนอกร้าน ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว เพราะไม่อยากถูกหญิงบริการมองด้วยสายตาแบบนั้น ซึ่งไอ้พี่ชมพูก็ใช้เวลาไม่นานหรอกถึงจะออกมาตามกัน หิ้วถุงของร้านที่เดาไม่ยากว่าคงมีสร้อยเส้นนั้นอยู่ภายในด้วย เห็นแล้วก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ทำแบบนี้แม่งเหมือนหยามกันเลย สาดดดดดดดด








อ่านต่อด้านล่าง

v

v


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 28 : ปากเปล่า [30/8/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 02-09-2012 02:19:11
ต่อจากด้านบน

v

v







ผมกลับบ้าน เพราะก็เริ่มเย็นมากแล้ว ไปถึงบ้านก็หกโมงเคารพธงชาติพอดี ได้เวลาอาหารเย็นของที่บ้านผม ป๊ากำลังลุกจากห้องนั่งเล่นเพื่อไปห้องกินข้าวพอดีกับที่ผมเดินเข้าบ้าน ป๊าเลยเรียกผมแล้วบอกให้ชวนไอ้พี่ชมพูเข้ามากินข้าวเย็นด้วยกัน ดีว่าผมโทรเรียกมันไว้ทันก่อนจะออกรถไป ไม่งั้นอาจได้วิ่งไล่มันหอบแดกแน่


คนตัวใหญ่เหมือนหมีควายเข้ามาในบ้านผม หวัดดีป๊า พี่โซ พี่น้ำอุ่น ขออนุญาตทานอาหารเย็นด้วยตามมารยาทที่ดี ทั้งที่ป๊าเป็นคนชวนมันแท้ๆ แหม ทีกับคนอื่นมารยาทโคตรดี แต่กับกูนี่อะไร แสรดดด


ไอ้ไอน้ำมองพี่ชมพู ผมไม่รู้ว่ามันมองด้วยความรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่มิตรที่ดี มันคงงงมั้งว่าพี่ชมพูเป็นใคร ทำไมมันเจอทั้งเมื่อวานและวันนี้ แถมยังเข้าออกบ้านผมได้สบาย แต่ก็ไม่แปลกหรอก เพราะไอ้พี่ชมพูแม่งวางยาป๊าเรียบร้อยแล้ว ป๊าถึงไม่เคยว่าอะไรสักครั้งเวลาที่มันลากผมไปนั่นไปนี่ เหมือนมันกลายเป็นหนึ่งในแก๊งผมไปแล้ว ทั้งที่ก็ไม่ใช่


พวกเรากินข้าวพลางพูดคุยกันเป็นระยะ แต่ถ้าตอนไหนพูดถึงไอ้ไอน้ำ ผมก็จะเงียบ ทำเหมือนไม่ได้ยิน พอจบเรื่องนั้นถึงสานต่อบทสนทนา พี่โซถามผมด้วยว่าได้ใช้กระเป๋าหรือยัง ผมเลยหยิบจากกระเป๋ากางเกงออกมาให้ดูเต็มตา ทำให้พี่โซยิ้มกว้าง พลอยให้ผมมีความสุขไปด้วย


กระทั่งมื้ออาหารจบลง ไอ้พี่ชมพูก็ชวนผมขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่เรื่องลามกอะไร มันบอกมีเรื่องอยากพูดกับผม แม้ตอนแรกจะระแวงมันอยู่หน่อยๆ เพราะแม่งชอบถึงเหนือถึงตัว มือไวกับผมตลอด และเมื่อถึงห้องแล้ว ผมก็ถามมันทันที


“พี่มีอะไรจะคุยกับผม”


“ก็ไม่เชิงคุยหรอก แต่กูมีของจะให้”


“ของ? อะไร”


ผมงุนงงเพราะไม่รู้ว่าเหตุจำเป็นที่มันให้ของขวัญผมคืออะไร แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ไอ้พี่ชมพูก็ยื่นถุงที่มันหิ้วอยู่มาให้ ผมไม่ต้องเดาเลยว่าในถุงนั้นมีอะไร เพราะมันนี่แหละที่ลากผมไปช่วยดู แต่พอมันยื่นถุงให้ผมแบบนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกดียังไงบอกไม่ถูก คงเพราะตอนแรกผมคิดว่ามันซื้อไปให้คนอื่นมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแสร้งทำหน้านิ่ง ไม่รู้สึกอะไร


“ให้ทำไม”


“ของขวัญวันเกิดมึง”


“พี่ก็พาไปเลี้ยงแล้วนี่หว่า”


ผมยังหาทางปฏิเสธ แต่ไอ้หมีควายก็ยังโน้มนาวให้ผมยอมรับมัน


“นั่นกูเลี้ยง แต่ของขวัญยังไม่ให้ กูเลยให้นี่ไง มึงก็เพิ่งได้ของขวัญจากพี่ชายมึงมา แล้วจะไม่รับของกูได้ยังไง”


ผมเดาว่ามันคงเห็นว่าผมใช้กระเป๋าเงินใบใหม่ เลยคิดว่าเป็นของพี่โซ เพราะถ้าเป็นของป๊า ผมคงใช้ไปแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาใช้วันนี้ แล้วตอนกินข้าวกันนั่นก็ยิ่งเป็นการยืนยันความคิดของมันให้ชัดเจนขึ้น


เพราะมันพูดแบบนั้น ผมก็เลยต้องรับมา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรกับถุงนั้น เจ้าของคนก่อนก็บอกออกมาเสียก่อน


“ใส่ด้วยนะมึง”


“เรื่องมากว่ะ”


รับของมาแล้วมันยังมาสั่งอีก ผมเลยทำหน้าหงุดหงิดๆ ใส่มันไป และเพราะอย่างนั้น มือใหญ่จึงดึงถุงจากมือของผมกลับไป หยิบกล่องซึ่งอยู่ในถุงออกมา ให้ความสำคัญกับสร้อยเส้นที่อยู่ในกล่องนั้นมากกว่าตัวกล่องหรือถุง


พี่ชมพูจับมือผมไปใกล้ตัว แล้วคล้องสร้อยสีเงินวาววับนั่นลงกับข้อมือของผม แม้ว่าผมจะไม่ได้อยากใส่สักเท่าไหร่ก็ตาม เพราะว่ามันเกะกะ แต่เหมือนว่ามันจะรู้ใจผมมาเกินไป ถึงได้โพล่งมา


“อย่าถอดนะมึง ต้องให้กูเห็นทุกครั้ง”


มันย้ำหนักๆ คงเพราะรู้สันดานผมดี ผมก็เลยต้องพยักหน้าไป พลางคิดในใจว่าถ้าเป็นงั้นผมก็คงต้องใส่ทุกวันห้ามถอด เพราะแม่งหาเรื่องมาเจอผมได้ทุกวัน


“แล้วนี่กูให้ขอขวัญ มึงไม่คิดจะดีใจหน่อยเหรอ”


“ก็ดีใจอยู่”


“มึงอย่ากวนตีน”


มันย้อน เอะอะก็หาว่าผมกวนตีน แต่ก็จริงๆ นั่นแหละ ผมกวนมัน แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยอมจะพูดกับมันดีๆ


“ขอบคุณมากครับ”


แจกยิ้มเผื่ออีกหน่อยด้วย เพราะนอกจากมันจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ผมแล้ว ของที่ว่านี่ยังเหยียบหมื่น มันยากนะครับที่จะมีคนซื้อขอให้แฟนด้วยราคาแบบนี้โดยไม่คิดจะใส่ใจเงินที่ต้องเสียไป


“เออดี”


พอเห็นผมยิ้ม มันก็พอใจ ส่งยิ้มคืนให้ผม ก่อนจะโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


“เอ้อ มึงทำตามสัญญาด้วย”


“สัญญาอะไร”


ผมแกล้งตีหน้าซื่อ ทั้งที่มันพูดแค่คำว่าสัญญา ผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ถ้าไม่ทำซื่อ จะให้ผมทำอย่างที่สัญญาทันทีเลยได้ยังไง ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่กับมันให้ทำแบบไม่มีเหตุผลก็เขินเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย


“ก็ที่มึงสัญญาไว้ตอนจองตั๋วหนังไง”


“เหรอ ผมพูดอย่างนั้นด้วยเหรอ”


“อย่าทำเป็นลืมนะมึง ไม่งั้นกูให้คูณสิบ”


มันก้มหน้าเข้ามาใกล้าหน้าผมเชิงพูดข่มขู่ให้ผมกลัวแล้วรักษาสัจจะ


“โห โหดฉิบหาย เอาแต่ได้ พี่นี่โคตรวายร้ายเหอะ”


“พูดเหมือนมึงไม่ใช่วายร้าย”


มันย้อนศร เบนทิศมาที่ผมแทน ผมเลยต้องจำใจตอบตกลงไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปจูบปากมันเบาๆ แต่มันก็ไม่เบากับผมอย่างที่คิดไว้ แม่งใช้ริมฝีปากล่างช้อนเนื้อแดงๆ ของผมมาดูดเล่นเหมือนเป็นเยลลี่รสหวาน ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปตามรุกล้ำภายใน มือหนาสองข้างต่างทำหน้าที่ของมันเอง


มือหนึ่งช้อนท้ายทอยของผม ส่วนอีกมือโอบเอวเอาไว้ แล้วผมจะทำยังไงได้นอกเหนือจากการยอมผ่อนตัวให้คล้อยตามมันไป กวัดแกว่งลิ้นกวาดไล่กันอย่างสนุกสนาน หยอกเอินเร่งเร้าทั้งที่กลีบปากชิดแนบ


ผมปล่อยให้มันทำตามใจและรอมันพอใจแล้วมันก็ถอนปากออกโดยที่ผมไม่ต้องเร่งเร้าให้ทำ หน้าหล่อๆ ที่จริงๆ ผมก็ไม่อยากยอมรับเท่าไหร่นั่นมองผมแล้วก็ยิ้มให้ แถมมันยังยิ้มหวานฉิบหาย ผมเลยรู้สึกว่าหน้าร้อนนิดๆ


โอ๊ยแม่ง เมื่อไหร่กูเลิกเขินไอ้ห่าพี่ชมพูสักที


สบถกับตัวเองโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องอะไรแล้ว ผมก็ออกบอกไล่ให้มันกลับบ้าน เพราะก็ทุ่มกว่าแล้วด้วย มันก็เลยบ่นตาม


“เอ่อ ไล่กูตลอดนั่นล่ะ”


แต่คำบ่นของมันไม่ใช่ว่าจะลอยๆ แล้วหายไปนะครับ มันคิดค่าบ่นด้วยการดึงผมเข้าไปจูบเบาๆ อีกหนึ่งทีก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมอมยิ้มกับตัวเองที่มันชอบเสาะหาโอกาส จนสุดท้ายก็ได้อย่างที่มันต้องการ


ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายสำหรับผม ก็ไม่แน่ใจ


ผมนั่งลงบนที่นอนนุ่มๆ ของผมตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นมาดูของขวัญวันเกิดจากยักษ์หมีควาย แล้วก็ต้องอมยิ้มอีกครั้ง จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าผมเป็นอะไร ชักจะประสาทไปใหญ่แล้ว


ทว่าหลังจากนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เรียกให้ผมเดินไปเปิด แต่พอเปิดไปแล้วผมก็แทบจะปิดกลับไปทันที


“อะไรวะ มึงต้อนรับแขกแบบนี้เหรอ”


มันดันประตูกลับ แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่ในอาณาเขตห้องของผมจนได้ ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่าเดิมเสียอีก


“สำหรับกู เป็นหมาเฝ้าบ้านมึงก็ได้รับเกียรติมากเกินไป”


ผมย้อน ก่อนจะเดินเลี่ยงมันกลับมาที่เตียง แต่แม่งคงนึกว่าผมเชิญชวนให้มานั่งข้างๆ ตามสันดานของมันมั้ง มันถึงได้มานั่งข้างผมหน้าตาเฉย


โอ๊ย ไอ้เหี้ย กูไม่ได้เชิญมึง ไสหัวไปไกลๆ!!


“เกินไปหน่อยมั้ง มึงเกลียดกูอะไรนักหนา”


“มึงควรถามตัวมึงเองนะไอ้สัด ออกไปจากห้องกูด้วย”


“กูจะคุยกับมึงหน่อยไม่ได้หรือไง”


มันยังพยายามจะถ่วงเวลาอยู่เรื่อยๆ แต่ผมไม่สนใจความพยายามของมันเลยสักนิด และไม่คิดด้วยว่ามันจะคุยอะไรกับผมเป็นพิเศษ นอกจากกวนตีนและหาเรื่องผม


“กูกับมึงไม่มีอะไรต้องคุยกัน”


ผมย้อนอย่างหมดความอดทน ไม่อยากคุยกับแม่งแล้ว เลยบอกไปอย่างตัดปัญหา


“ถ้ามึงไม่ออกจากห้องกูก็ตามใจมึง”


สิ้นเสียงของตัวเอง ผมก็ตรงดิ่งไปที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป เสียงคนบุกรุกก็ดังก้อง


“กูเห็นมึงจูบกับไอ้รุ่นพี่คนนั้น”


ผมช็อก ขาขยับก้าวไม่ได้ทันที










===================
ขอบคุณนะคะที่ยังติดตามกัน เห็น 2-3 บอกว่าดีใจที่มาต่อตอนใหม่
ดีใจเหมือนกันค่ะที่รู้ว่ายังมีคนรอเรื่องนี้อยู่
ตอนนี้มาเร็วหน่อยเป็นการไถ่โทษที่หายไปนานนะคะ

แต่งไปหลับไป ตรวจไปหลับไป  :jul3:


(http://upic.me/i/9g/110973205.jpg)

Undel2Sky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 02-09-2012 02:44:18
ได้อ่านสองตอนเลยคืนนี้ ดีจัง
ว่าแต่ ไอน้ำรู้เรื่องพี่ภูแล้วจะเป็นยังไงน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 02-09-2012 02:55:17
 :z6: :z6: :z6:เสือกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 02-09-2012 03:11:56
ว่าแล้วไอน้ำต้องชอบยีนส์
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-09-2012 06:21:30
รอจ้า :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 02-09-2012 07:14:18
ถ้าจะบอกว่ารำคาญไ้อ้ ไอน้ำ จะได้ป่าวอ่ะ :beat: :z6: :m16:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 02-09-2012 09:16:02
น้ำอุ่นมาเพื่อป่วนล้วนๆเลย  ;___;
พี่ชมภูมาช่วยจัดการด่วนนน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 02-09-2012 11:50:31



     เห็นได้ไงฟระ มีตาวิเศษรึไง
     แต่เห็นอย่างนี้ก็ได้เรื่องละสิ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 02-09-2012 12:21:43
เอาไอ้.  ไอน้ำ ไปเก็บเหอะ :beat:   ให้มันระเหยกลายเป็นไอไปเลยได้ยิ่งดี :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 02-09-2012 13:08:01
ชัดเลย มาเห็นอะไรตอนเน้ห๊าาาาาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 02-09-2012 13:21:47
ช็อค!!
ไอน้ำเหนได้ไงหว่าา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 02-09-2012 15:26:22
อ้าวว แววมาม่ามา เหอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 02-09-2012 16:39:36
เห็นแล้วไงก็แค่เพื่อน
เปิดตัวพี่ภูเลยก็ดีนะ
เกงยีนให้รู้แล้วรู้รอด
กันไปเลยจะปิดไปอีกนาน
แค่ไหนลุ้นจะแย่แล้ว :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: loveboys ที่ 02-09-2012 19:23:12
เห็นตอนไหน ? .... ขอบคุณที่มาต่อนะครับ เข้ามาเช็คเกือบทุกวัน 5555 ไม่ค่อยจะติดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-09-2012 20:43:38
พลาดแล้วที่ไอน้ำดันมาเห็นช็อตเด็ด
แต่ยีนอย่าไปยอมมันนะ ถ้าวุ่นวายมากนัก บอกให้พีู่ภูจัดการเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kumiko yamashita ที่ 02-09-2012 20:51:23
 รอ ๆๆๆๆๆๆๆ    :bye2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 02-09-2012 21:34:31
เห้ยยยยยยยย

้เห็นได้ไง  o22

มันสตอใส่ยีนมากกว่าป่าว  :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 02-09-2012 21:35:00
เอา ไอน้ำ ไปเก็บ

ห่า มันจะทำเรื่อง ดราม่าปะเนี่ย

ไปไป๊ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 02-09-2012 21:47:22
เกงยีนกวนได้น่ารักดี ชอบพี่ภูมากๆๆ น่ารัก
เสน่ห์แรงนะน้องยีนส์ มีหนุ่มมาป้วนเปี้ยนด้วย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 03-09-2012 18:32:09
อ๊ากกก ชอบคู่นี้มาก คนเขียนอย่าทิ้งกันไปไหนน้าาา >< :haun4:  :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 03-09-2012 18:36:41
พี่รักยีนนะครับ ป๊าดๆๆ ชอบคำนี้ คู่นี้บทจะหวานก็หวานเว่อ ติดตามค่ะ >< :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 03-09-2012 18:43:59
ฉุด !! ทำไม =[]= ตื่นเต้นแท้เหลา :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 03-09-2012 19:29:39
มาเห็นอะไรตอนเน้ ห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา T[]T!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 03-09-2012 23:43:26
ไปเห็นตอนไหนวะ ตาดีสุดๆ
แต่เกงยีนคงไม่ยอมถูกแบล็กง่ายๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 04-09-2012 10:48:48
อ๊ากกก !! มันมาเห็นได้ไง ไม่น้าา  :m31: หวังว่าเกงยีนจะไม่โดนแบล็กเมน้าา  :m15: จะติดตามค่ะ :)) o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 04-09-2012 20:38:16
ค้างงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarunghaja ที่ 04-09-2012 22:06:30
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากเลย

ยีนน่ารักขึ้นเรื่อยๆ พี่ชมพูหื่นมาก  :z1:

บอกไอน้ำไปเลยว่าพี่ภูอ่ะแฟนเกงยีนนนนน อิอิ :really2:

มาต่อไวๆนะค้าบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 29 : พลาด [2/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-09-2012 23:49:30
ไอ้ไอน้ำมันจะมีข้อแลกเปลี่ยนไรเกี่ยวกับที่มันเห็นยีนจูบกับพี่ชมภูไหมอ่ะ มันจะเจ้าเล่ห์ไหมมมม  :z3: :z3: :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 06-09-2012 01:03:11
ตอนที่ 30 : ทางเลือก


















รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วครู่ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้นี้ผมได้ยินว่าอะไร พยายามคิดว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้ไอน้ำไม่ได้พูดว่ามันเห็นว่าผมกับพี่ชมพูจูบกัน แต่หน้าตาของมันที่มองผมในตอนนี้ก็ทำให้ผมสะกดจิตตัวเองแบบนั้นไม่สำเร็จ เหี้ยเอ๊ยยย!!!


“มึงว่าอะไรนะ”


ผมทำแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่มันพูด เหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไร มันเลยย้ำกลับมาอีกครั้งโดยไม่คิดเลยว่าผมจะกำลังตกอยู่ในความรู้สึกแบบไหน


“กูเห็นมึงกับรุ่นพี่ของมึงจูบกัน ชัดมั้ย”


“มึงพูดเหี้ยอะไร กูไปจูบตอนไหน”


“เมื่อกี้ กูจะเข้าไปหามึง แต่เปิดประตูเข้าไปแล้วก็เห็นเต็มๆ ตา”


ผมตัวชา พลางคิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ ซึ่งมันก็ทำให้นึกได้ว่าผมไม่ได้ล็อกประตูห้อง เพราะคิดว่าเราคงแค่เข้ามาคุยอะไรกันนิดหน่อย แต่กลับกลายเป็นการพลาดพลั้ง พลาดอย่างมากจนผมอยากจะเอาหัวโขกกำแพง แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ยอมรับง่ายๆ


“มึงมั่วแล้ว ไอ้ห่า กูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น”


ทว่ามันกลับไม่มีน้ำหนักพอ เพราะไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเปิดให้ผมดูรูปที่มันถ่ายเอาไว้ ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนโลกถล่มลงมาด้วยซ้ำทันทีที่เห็นรูป เพราะมันชัดเจนว่าผมกับพี่ชมพูจูบกันจริงๆ และมุมที่ถ่ายก็เป็นทางประตูห้องนอนของผมเหมือนอย่างที่มันบอก


“กูไม่ตั้งตัวด้วยซ้ำว่าจะไปเจอภาพแบบนี้ มึงรู้มั้ยว่ากูเจ็บใจแค่ไหน แต่กูก็ยอมฝืนตัวเองเพื่อถ่ายรูปเอาไว้ เพราะมันจะเป็นประโยชน์กับกู”


“มึงต้องการอะไร ไอ้สัดน้ำ”


ผมข่มเสียงขรึม ตอนนี้ในหัวมันตื้อไปหมดจนคิดอะไรไม่ออก เสียงที่หลุดออกมาจึงมีเพียงเท่านี้ แต่นั่นก็มากพอจะทำให้คนที่รอโอกาสนี้มานานกดยิ้มมุมปากอย่างสะใจ


“มึงกับเขาเป็นแฟนกันใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้น... กูอยากให้มึงมาเป็นแฟนกูแทน”


“ไอ้เหี้ย มึงคิดว่ากูจะยอมเป็นแฟนมึงหรือไง”


“กูไม่คิดหรอก แต่... ป๊ามึง พี่โซ คงยังไม่รู้สินะว่ามึงมีแฟนเป็นผู้ชาย”


“ไอ้สัด!! มึงมันเหี้ยจริงๆ”


คิดไม่ผิดเลยที่ผมเกลียดมัน เพราะมันนำพาความเดือดร้อนมาให้ผมเสมอ แต่มันก็ไม่ได้ยี่หระกับคำถามและสายตาโกรธแค้นทิ่มแทงของผม ยังคงยิ้มน่ากระทืบอยู่อย่างนั้น


“กูให้โอกาสมึงเลือกแล้วนะว่ามึงจะเอายังไง”


ในตอนนี้ผมไม่มีความคิดอื่นเลยนอกจากคำว่า เกลียดมัน!! ผมเกลียดมันจริงๆ เกลียดจนไม่อยากเห็น เกลียดจนอยากกระทืบแม่งให้ตายคาตีนไปซะ


“มึงลองคิดดูดีๆ นะ กูให้โอกาสมึงคิดถึงพรุ่งนี้”


มันว่าแบบนั้นแล้วเดินออกไปจากห้องของผมโดยที่ไม่ต้องออกปากไล่เหมือนทุกที


หลังจากมันออกไปแล้ว ผมก็ได้นั่งคิดกับตัวเองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความลับของผมถูกเก็บหลักฐานไว้อย่างชัดเจนและอยู่ในมือของคนอันตรายที่ผมไม่รู้ว่ามันจะไปถึงมือป๊าเมื่อไหร่ ผมรู้สึกเครียดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเจอ


ผมพยายามคิดหาวิธีที่จะกำจัดหลักฐานชิ้นนั้นไป แต่ก็รู้ว่าไอ้ไอน้ำไม่ได้โง่ มันต้องระวังตัวแจอยู่แล้ว และไม่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าใกล้โทรศัพท์ของมันแน่ มันเป็นไปได้มันน้อยมาก น้อยจนผมคิดว่าอาจจะไม่มีทางสำเร็จ แต่เมื่อคิดอีกแง่ หากว่าผมทำลายรูปนั้นไปได้ ถึงมันจะไปบอกป๊า ป๊าก็คงไม่เชื่อง่ายๆ อยู่แล้วถ้าผมปฎิเสธ อย่างที่เขาว่ากันว่าเลือดข้นกว่าน้ำ ผมก็เชื่อว่าป๊าจะเชื่อผมมากกว่าคนที่เพิ่งเคยเห็นหน้าไม่กี่ครั้ง

แต่วิธีไหนล่ะที่จะทำให้ผมสามารถทำได้อย่างที่หวัง


คิดแล้วคิดอีกจนหัวจะระเบิดก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลย ไม่มีวิธีไหนแล่นเข้าหัวแล้วคิดว่าเข้าท่า และมันน่าจะสำเร็จ เพราะผมเชื่อว่าหากว่าผมทำพลาดไปครั้งนึงแล้ว ผมจะไม่มีโอกาสได้ทำมันอีกเป็นครั้งที่สอง


“ลองไปคุยกับไอ้กราฟก็ได้วะ”


ในเมื่อพยายามหาทางแล้ว แต่มันไม่ได้ ผมก็หวังพึ่งอีกสมองหนึ่งที่ผมต้องยอมรับว่ามันฉลาดกว่าผมอยู่หน่อยๆ แต่ก่อนจะทำเริ่มทำอะไรทั้งหมด ผมก็เดินไปบอกป๊าที่ห้องว่าจะไปหาไอ้กราฟ และแน่นอนว่าป๊าต้องถามอยู่แล้วว่าผมจะไปทำไมเพราะนี่ก็ปาไปสามทุ่มแล้ว ผมก็แถอะไรที่เป็นไปได้ไป ว่าพวกผมจะไปคุยกันเรื่องจัดปาร์ตี้ให้พี่โซ ป๊าเลยอนุญาต


ผมนั่งแท็กซี่ตรงไปยังห้องไอ้กราฟทันที เรื่องการเข้าออกไม่มีปัญหา เพราะไอ้กราฟมันทำเรื่องให้ผมกับกัส เคลม เข้าออกห้องมันได้ตลอดตั้งแต่มันย้ายมาอยู่คอนโดนี้แล้ว ผมสแกนนิ้วที่ประตูทางเข้าด้านล่าง ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่เป็นห้องของมัน เปิดประตูด้วยคีย์การ์ดที่มันให้ผมโดยไร้ความหวาดระแวงใดๆ


เข้ามาแล้วผมก็กวาดตาดูรอบๆ ห้อง มองหาเพื่อนคนสนิท แต่กลับไม่เจอ แม้ว่าจะเดินหาก็ไม่เห็น ผมจึงตรงไปยังห้องนอน เพราะคิดว่ามันอาจจะเข้าไปอาบน้ำก็ได้ แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปแล้ว กลับเจอสิ่งที่ทำให้ตกใจอย่างไม่คิดไม่ฝัน


ร่างเปลือยเปล่าของไอ้กราฟอยู่บนเตียงนั้น แต่กลับไม่ใช่แค่มันคนเดียวที่ผมเห็น มีใครอีกคนที่ผมจำหน้ามันได้ดี คนที่ผมไม่นึกว่าจะมีวันที่มันจะมาอยู่กับไอ้กราฟในสภาพแบบนี้ได้ ...ไอ้ไนล์


ผมปิดประตูลงอีกครั้ง ปิดการรับรู้ภาพด้านหน้าที่เห็น พยายามตั้งสติของตัวเอง ก่อนจะพยุงร่างออกไปจากห้องนี้ มึนงงไม่ต่างจากตอนที่ถูกไอ้เหี้ยน้ำจับได้ว่าผมกับพี่ชมพูเป็นอะไรกัน และไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง


กราฟกับไอ้เชี่ยไนล์..


ไม่รู้ว่าผมเดินออกมาจากคอนโดไอ้กราฟได้ยังไง ทั้งที่รู้สึกว่าผมไม่ค่อยมีสติด้วยซ้ำ ผมต้องสั่งตัวเองอีกครั้งให้ดึงสติกลับมา พยายามคิดว่าผมยังไม่รู้เหตุผล และที่ผมไม่เดินไปกระชากไอ้ไนล์ออกก็เพราะเหตุผลนี้เหมือนกัน ผมต้องฟังไอ้กราฟอธิบายก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ผมถึงจะทำมัน


ผมหยิบโทรศัพท์มาโทรหาไอ้กัสแทน เพราะว่ามันเป็นที่พึ่งที่สองของผมถัดจากไอ้กราฟเสมอ ส่วนเคลม มันเป็นที่พึ่งสุดท้ายจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะมันดูไม่ค่อยจริงจัง เล่นไปเรื่อย เหมือนคนไม่เอาไหนในสายตาของคนส่วนมาก เพราะจริงๆ แล้วมันก็พึ่งได้อยู่ไม่น้อย เพียงแต่.. ผมจะเครียดตายก่อนมันจะช่วยผมแก้ปัญหา ดังนั้นผมจึงให้มันเป็นตัวเลือกสุดท้าย ซึ่งมันก็ไม่ได้น้อยใจอะไร เพราะรู้ตัวดีในนิสัยของตัวเองอยู่แล้ว


“มึงมารับกูที่คอนโดไอ้กราฟหน่อย”


บอกมันสั้นๆ แค่นั้นและฟังมันขานเสียงกลับว่าให้รอเดี๋ยว ผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันคงไม่ได้ติดธุระกับผู้หญิงที่ไหน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะขอเวลาเพื่อใช้จัดการตัวเองสักห้าหรือสิบนาที เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมไม่ได้ใส่ใจ


กัสให้ผมรอแป๊บเดียวอย่างที่มันว่า เพราะสิบนาทีมันก็มาถึงคอนโดของไอ้กราฟ มาจอดรถด้านหน้าผมที่ยืนอยู่อย่างพอดิบพอดี ซึ่งผมก็ขึ้นนั่งบนน้องอีเกิ้ล Audi R8 LIMO สีขาวของมันในทันที เรื่องความแรงของรถนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ แถมยังเสริมความหรูตามลักษณะคุณชายปากหนักของมันเข้าไปอีก สาวที่ไหนเห็นก็หลง


“มึงไปไหน”


“ไปคอนโดมึงก็ได้”


เพราะไม่รู้จะไปที่ไหนที่จะสะดวกคุยในเรื่องนี้ ผมจึงเสนอว่าให้เป็นที่อยู่ของมันไป ซึ่งกัสก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร มันออกรถไปยังคอนโดของมันอย่างรวดเร็ว


















ผมกับกัสนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น มันมองหน้าผมเพื่อรอคอยให้ผมเป็นฝ่ายเปิดปากเล่ามาเอง มันก็เป็นแบบนี้ ไม่เคยคาดคั้นหาคำตอบ แต่กลับเข้าใจทุกอย่างได้ง่ายๆ และคาดเดาได้ถูกต้อง จะว่าเป็นคนฉลาดที่สุดในกลุ่มผมเลยก็ว่าได้


“กูไปหากราฟ เพราะมีเรื่องจะปรึกษามัน แต่พอกูไปหาที่ห้องแล้ว กูก็เจอ... มันนอนอยู่”


“มึงเจอใครนอนอยู่กับมัน?”


“อืม กูไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่กูเห็นนอนอยู่ข้างๆ ไอ้กราฟจะเป็นไอ้เหี้ยไนล์”


“ไนล์??”


ดูเหมือนว่าไอ้กัสจะตกใจไม่แพ้ผม มันเบิกตากว้างทั้งที่มองผมอยู่แบบนั้น


“เออ แม่ง เป็นไปได้ยังไงวะ ไอ้กราฟมาเอาไอ้ไนล์”


ผมบ่นอย่างไม่เข้าใจ ต่อให้คิดอีกกี่ตลบผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และมันเป็นไปได้ได้ยังไง


“แต่มึงไม่ได้ทำอะไรใช่มั้ย”


“เออ มึงก็รู้ว่ากูเป็นยังไง ว่าแต่มึงพอรู้มั้ยว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้”


อย่างน้อยกัสก็อยู่คณะเดียวกับไอ้เหี้ยไนล์ล่ะวะ น่าจะมีอะไรแว่วๆ เข้าหูมันมั่ง แต่ทั้งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ไอ้กัสกลับส่ายหัว


“กูไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับไอ้กราฟกับไนล์เลย”


“เออ มึงคงไม่รู้ใช่มั้ยว่าตอนเราไปทะเลคราวก่อน ไอ้เหี้ยไนล์มันไปด้วย แล้วมันก็เป็นคนทำให้ไอ้กราฟอาการกำเริบ ทำให้กราฟต้องมาเจอกับฝันร้ายอีกรอบ”


ไอ้กัสมองผมอย่างแปลกใจ เหมือนเรื่องที่ผมบอกเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอ ซึ่งมันก็ถูก เพราะวันนั้นไอ้ไนล์กลับไปก่อนที่ไอ้กัสกับเคลมจะมารวมกับผมบนหาด


“กูว่ามันชักยังไงๆ อยู่นะ”


“กูก็คิดงั้น ตอนแรกมันไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า”


“มึงรู้อะไร”


ผมแน่ใจว่าไอ้กราฟคงไม่ได้เล่าให้ไอ้กัสหรือไอ้เคลมฟังแน่ เพราะขนาดผมยังต้องเค้นมันเลย แต่จะให้ผมปิดไอ้กัสก็ไม่ใช่เรื่อง ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมเลยเล่าให้ไอ้กัสฟังตามที่ผมรู้มา


“แล้วแม่งกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ”


“นั่นล่ะ กูก็งง”


“งั้นกูว่าข้ามเรื่องไอ้กราฟไปก่อน เอาเรื่องมึงก่อน มึงว่าจะปรึกษาอะไรไอ้กราฟ”


ในเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะสงสัยต่อไป เพราะยังไงก็ไม่ได้คำตอบ นอกจากไปเค้นไอ้กราฟเพื่อเอาคำตอบ ซึ่งตอนนี้คงไม่ได้ ไอ้กัสเลยเปลี่ยนเรื่อง


“ไอ้เหี้ยน้ำมันรู้แล้วว่ากูกับพี่ชมพูเป็นแฟนกัน”


“น้ำ? ไอน้ำ? น้องพี่น้ำอุ่นเหรอวะ”


“มันนั่นแหละ ไม่มีใครเหี้ยๆ แบบมันแล้ว”


ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ยิ่งนึกถึงแต่ละอย่างที่มันทำกับผมตั้งแต่มาไทยรอบนี้ อยากจับแม่งมากระทืบๆ ให้ลิ้นปี่ทะลักออกมาด้วยซ้ำ


“แล้วมันรู้ได้ยังไง”


“มันเข้าห้องกูแล้วดันมาเจอ...” ผมชะงักไปหน่อย เพราะลืมตัวจะพูดบางอย่างออกไป ไอ้กัสก็มองผมเหมือนรอให้พูดต่อ ผมก็เลยตัดใจพูดไป “เจอตอนกูจูบกับพี่ชมพู”


ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่จะต้องรู้สึกเขินขึ้นมานิดๆ ทั้งที่ไม่ว่าจะสุดเหวี่ยงกับผู้หญิงคนไหน ผมก็เล่าได้อย่างไม่สะทกสะท้าน แถมจะเล่าได้ทุกการกระทำตลอดกิจกรรมบนเตียงเสียด้วยซ้ำ นี่ถ้าไอ้เคลมอยู่ด้วยตอนนี้ มันล้อผมยาวไปอีกสิบปีแน่


“แล้วยิ่งแย่กว่านั้นคือมันถ่ายรูปตอนนั้นเอาไว้”


“มันยื่นข้อเสนออะไร”


ไอ้กัสยังเข้าใจง่ายเสมอ มันมองเจตนาของไอ้น้ำออกทันที แต่มันคงไม่คิดว่าคำตอบของผมจะเป็นแบบนี้ มันถึงได้ทำตาโตอย่างตกใจ


“มันบอกให้กูเป็นแฟนมันแทนพี่ชมพู”


“ฮะ??!! มึงบอกว่ามันขอมึงเป็นแฟน มันชอบมึงเหรอ”


“เออ มึงรู้มั้ย เมื่อคืนมันบุกมาจูบกูถึงห้อง ตอนกูนอนอยู่”


“เฮ้ย!!!”


ไอ้กัสร้องเสียงดัง มันคงไม่เชื่อมากโคตรๆ เพราะแม้แต่ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้เหี้ยน้ำจะชอบผม นึกแล้วก็ แสรดดดดดดดดดดดดดด อยากกลับไปกระทืบแม่ง!!


“กูจะทำไงดีวะ มันบอกว่าถ้ากูไม่ยอมเป็นแฟนกับมัน มันจะบอกป๊า บอกพี่โซ”


“แม่ง เล่นแบ็คเมล์มึงแบบนี้เลย หน้าตัวเมีย”


เพื่อนผมมันด่าครับ แล้วผมก็เห็นด้วย แต่ตอนนี้เรื่องด่าไอ้เชี่ยน้ำยังไม่สำคัญ ที่สำคัญกว่าคือผมจะทำยังไงต่อไปมากกว่า


“มึงว่ากูควรทำยังไงดีวะ”



“แล้วมึงคิดว่ามึงจะทำยังไง”


“กูว่าจะขโมยหลักฐานมาว่ะ”


“แล้วมึงคิดว่าถ้าขโมยมาได้ มันจะไม่ปากโป้งไปฟ้องหรือไง”


“แต่กูเชื่อว่าป๊ากับพี่โซจะเชื่อกูมากกว่า”


ผมบอกตามความคิดตัวเองที่คิดไว้ตั้งแต่ทีแรก แต่ดูเหมือนไอ้กัสจะไม่เห็นด้วย


“มึงจะโกหกป๊ากับพี่โซเหรอ ถึงเขาจะเชื่อมึง แต่มันก็มีเชื้อให้เขาตามเจอกองไฟอยู่ดี”


“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ”


รู้สึกเหมือนหมดหนทางขึ้นมาจริงๆ หลังจากไอ้กัสมันบอกผมแบบนั้น ซึ่งก็จริงของมัน


“มันจะอยู่ไทยอีกกี่วันวะ”


“อาทิตย์เดียว เห็นพี่โซบอกงั้น”


“ถ้างั้นก็ไม่น่ามีปัญหา มึงก็เฉยๆ ไป เดี๋ยวมันกลับเมกาคงจบ”


“กูว่าไม่ว่ะ ถ้ากูทำงั้น ก่อนกลับมันทิ้งระเบิดไว้ให้กูแน่”


พูดจบประโยคแล้ว ผมก็รู้สึกเครียดขึ้นมาอีกแล้ว พลอยให้ไอ้กัสตึงๆ ไปด้วย มันพยายามคิดหาทางเพื่อช่วยผมอย่างเต็มที่ ผมรู้ เพราะเราเป็นเพื่อนรักกัน เป็นคนสำคัญที่รองจากครอบครัว


“กูว่าทำอย่างที่กูบอก แล้วช่วงนี้มึงก็ห่างจากพี่ภูหน่อย ให้มันตายใจว่ามึงไม่อะไรกับเขาแล้ว”


“แล้วมันจะจบเหรอวะ ถึงมันจะกลับเมกาไปแล้ว ถ้ามันรู้ว่ากูกับพี่ชมพูยังอยู่ดี มันคงไม่เลิกจองเวรกู”


“เอาไว้ค่อยดูสถานการณ์อีกที” ไอ้กัสบอก “แต่กูคิดว่าถ้ามันกลับไปแล้ว อย่างมากมันก็บอกได้แค่พี่โซ แล้วกูก็เชื่อว่าพี่โซไม่มีทางบอกป๊า”


เสียงไอ้กัสหนักแน่นที่ประโยคสุดท้าย ให้ผมเชื่อและไว้ใจพี่ชายของตัวเอง ซึ่งผมก็แน่ใจเหมือนกันว่าพี่โซไม่มีทางบอกป๊า ถึงพี่โซจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าอย่างนั้น คำแนะนำของไอ้กัสก็น่าเสี่ยง


“งั้นกูเอาตามนั้นแล้วกัน”


“มึงอย่าลืมบอกพี่ภูแล้วกันว่ามึงจะทำอะไร”


“กูว่ากูจะไม่บอกว่ะ เดี๋ยวไม่เนียน กูอยากเคลียร์เองด้วย”


ผมบอกอย่างหนักแน่น แต่ไอ้กัสเสือกตอกกลับ


“อยากเคลียร์เองแล้วจะคุยกับไอ้กราฟกับกูทำไมวะ”


“ย้อนกูนะ” ผมจ้องเขม็งที่หน้าไอ้กัส แต่มันไม่สะทกสะท้านอะไรหรอก  “กูแค่อยากหาเพื่อนมาช่วยเสนอวิธีการให้กูต่างหาก เผื่อความคิดของกูยังไม่ดีพอ”


“มึงไม่กลัวพี่ภูโกรธหรือไง”


“ไม่กลัวว่ะ” ผมตอบมันแบบนั้นก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง เพราะสรุปเรื่องที่ผมต้องการความช่วยเหลือ หาทางออกได้แล้ว “อ้อ คืนนี้กูนอนกับมึงนะ แล้วก็มึงต้องช่วยกูอีกเรื่องด้วย”


“เรื่องอะไรวะ”


“กูบอกป๊าว่ากูออกมาคุยกับพวกมึงเรื่องจะจัดปาร์ตี้ให้พี่โซพรุ่งนี้”


“อ้อ ถ้าเป็นเรื่องนี้ ไม่มีปัญหาวะ กูว่าเคลมมันจัดการได้”


ไอ้กัสโยนงานเลยครับ โทรเรียกไอ้เคลมให้มาที่นี่ทันที แต่ผมก็ว่าเป็นเรื่องถนัดของไอ้เคลมจริงๆ เพราะแม่งเป็นเจ้าพ่อปาร์ตี้ เสนอหน้าไปแทบทุกงาน ทำตัวเหมือนบ้านจบ ต้องไปเก็บของกินตามปาร์ตี้ของคนอื่น


ไม่ถึงยี่สิบนาทีไอ้เคลมก็มาเสนอหน้าให้ผมเห็น ยิ้มแฉ่งพร้อมคำทักทายที่น่ายันให้ทะลุออกประตูที่มันเพิ่งเดินผ่านเข้ามา


“ว่าไงวะมึง ไม่เจอกันนาน เสียตูดให้พี่ภูแล้วดิ”


“นานห่าอะไร เพิ่งปิดเทอมไม่กี่วัน แล้วเสียตูดเหี้ยอะไร มึงต่างหาก วันนี้แหละ มึงจะเสียตูดให้กู”


ผมย้อน ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไล่กอดมัน ไอ้เคลมก็ทำเป็นวิ่งหนีไปกอดไอ้กัส เอาตัวไอ้กัสบังไว้เอาไว้ แล้วร้องปาวๆ


“ไม่เอานะ เค้าไม่เสียตูดให้ตัวเองนะ เค้าไม่อยากโดนพี่ภูเตะกระเด็น”


เสียงแม่งกระแดะ ตอแหลสุดๆ จนจากที่วิ่งไล่กอดมันเมื่อกี้ เปลี่ยนเป็นวิ่งไล่เตะแทน และพอมันเห็นว่าผมวิ่งไล่ มันก็วิ่งหนีอีก และผมกับมันคงวิ่งไล่กันเป็นเด็กอนุบาลอยู่อย่างนั้นถ้าหากว่าไอ้กัสแปลงร่างเป็นกรรมการ


“พวกมึงนี่ ถ้ายังวิ่งอยู่อีกกูจะถีบออกจากห้องให้หมด”


หลังจากนั้นพวกเราก็สงบกันเลย กลับมานั่งคุยกันเรื่องจัดปาร์ตี้ที่โซฟาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งไอ้เคลมก็อาสาเป็นพ่องานให้ มันว่าถ้ามันตื่นแล้วจูนคลื่นสมองของมันเสร็จ มันจะสั่งคนที่บ้านให้เตรียมอาหารสำหรับปาร์ตี้เล็กๆ และเมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย พวเราก็เข้านอน แต่คืนนี้คงต้องนอนกอดกันสามคนบนเตียงนั่นล่ะครับ ส่วนไอ้กราฟ... ปล่อยมันไปก่อน




















ไอ้กราฟเพิ่งรู้เรื่องว่าเราจะจัดปาร์ตี้ให้พี่โซเย็นวันนี้ เพราะผมเพิ่งโทรไปบอกมันตอนเกือบๆ เที่ยงเอง ส่วนไอ้พี่ชมพู ตอนนี้ผมยังไม่ได้คุยครับ มันโทรหาผมตั้งแต่สิบโมงแล้ว แต่ผมบอกว่าอยู่คอนโดไอ้กัส ไว้ค่อยคุย มันเลยไม่ซักไซ้อะไร แต่พูดถึงมันแล้วก็คิดหนักอยู่หน่อยๆ หวังว่าวันนี้มันจะไม่ไปป่วนงานเลี้ยงจนไอ้เหี้ยน้ำทำอะไรเหี้ยๆ ขึ้นมากลางดง ผมเลยไม่บอกมันว่าจะจัดงานที่บ้านตอนเย็น


พวกเราแห่ขบวนกันไปที่บ้านผมครับ โดยมีไอ้กราฟมาสมทบทีหลังตอนเย็นๆ มันบอกไม่ว่าง ก็ไม่รู้ว่าไม่ว่างเพราะตัวมันเองหรือเพราะไอ้คนที่อยู่มันเมื่อคืน ไอ้กัสบอกผมว่าพวกมันจะอยู่อารักขาผมทุกวัน ไอ้เหี้ยน้ำจะได้มายุ่งอะไรกับผมมาก ผมรู้สึกรักเพื่อนโคตรๆ ก็ตอนนี้แหละ เวลาเดือดร้อนมันก็พร้อมจะช่วยเหลือกันโดยไม่ทิ้ง เพราะงั้นผมถึงยกให้พวกมันเป็นเพื่อนซี้เพื่อนตาย


คนจากบ้านของไอ้เคลมมาจัดสถานที่กันตอนบ่ายสี่ หลังจากพวกเรามาถึงไม่นาน ส่วนเจ้าของงานที่พวกผมจะเลี้ยง เห็นพี่กล้วยบอกว่าออกไปบริษัทกับป๊าตั้งแต่เช้า มีพี่น้ำอุ่นไปด้วย พวกมันเลยอดสวัสดี แต่คงไม่เป็นอะไร เพราะยังไงคืนนี้ก็ได้เจอ


พวกเพื่อนๆ ผมปลื้มพี่โซเหมือนกับผมนั่นแหละครับ เพราะพี่โซมีอะไรมากมายที่น่าชื่นชม ส่วนไอ้หมาน้ำยังอยู่ข้างใน ฟังแล้วผมก็โคตรเซ็ง แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ


“งานนี้มีใครมั่งวะ พวกกู พี่โซ แค่นี้ป่ะ”


ไอ้เคลมถามผม งานนี้มันลงทุนคุมคนงานจัดเตรียมเองเลย มันบอกว่าทำให้พี่โซทั้งที่จะให้คนอื่นทำส่งๆ ได้ไง กูต้องลงมือเองเว้ย ผมก็เลยปล่อยมันไป มีเดินมาดูเป็นระยะๆ แต่ก็ทึ่งในตัวไอ้เคลมเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าไอ้ลิงผือกจะยอมมายืนตากแดด


“เออ ก็แค่นั้นดิ จะให้กูชวนใครอีกวะ พวกมึงเลี้ยง จะให้เพื่อนพี่โซมาด้วยมันก็ไม่ควรป่ะวะ แล้วอีกอย่าง เขาไม่เตรียมตัวด้วยเหอะว่าจะมาวันนี้”


“อืม งั้นก็ตามนั้น เอาแค่โต๊ะใหญ่โตเดียวนะมึง จะได้ดูอบอุ่นเป็นกันเอง”


“มึงจะจัดยังไงก็เอาเหอะ”


ผมบอกมัน ก่อนเสียงโทรศัพท์จะดังอีกรอบ ไม่ใช่ใครอื่นหรอกครับ ไอ้คนที่วันนี้ไม่ได้เสนอหน้ามาบ้านผมนั่นแหละ


“ว่าไง”


[มึงกลับบ้านยัง]


“กลับแล้ว”


[งั้นกูไปหามึงที่บ้านนะ]


มันบอก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าเสียงมันติดอ้อนหน่อยๆ


“มาทำไมอีกวะ ก็มาทุกวัน”


[แล้วมึงไม่คิดว่ากูจะคิดถึงมึงบ้างหรือไง]


เหมือนมันยิงปืนมาโป้งเดียว แล้วเจาะทะลุหัวใจของผม ผมรู้สึกอาการร้อนขึ้นมาเสียเฉยๆ ทั้งที่ก่อนหน้ายังไม่รู้สึกร้อนเท่าไหร่ แต่ตอนนี้หน้าผมร้อนมาก


สาดดดดดดดดดดด กูเขินอะไรอีกเนี่ย


ผมโวยกับตัวเองในใจกับอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ รีบหันหลังให้คนอื่นๆ ที่กำลังทำงานกันอยู่ กลัวจะเห็นกันว่าหน้าผมเป็นยังไง เพราะแม้แต่ผมเองยังไม่กล้ายกมือขึ้นมาจับหน้าตัวเองเลย


“คิดถึงห่าอะไรล่ะ เมื่อวานก็เพิ่งเจอกัน”


ถึงจะตอบกลับไปแบบนั้น แต่หน้าของผมยังไม่หายแดงเลยด้วยซ้ำ ต้องเป็นเพราะว่านานแล้วที่มันไม่ได้พูดแบบนี้กับผม แต่ยิ่งกว่านั้นคือน่าโมโหตัวเองมากกว่าที่มาเขินมันอยู่อย่างนี้


[อ้าว ก็วันนี้กูไม่เจอมึง แล้วกูจะคิดถึง มันแปลกหรือไง]


มันยังคงเล่นงานผมด้วยคำว่าคิดถึง จนผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว เลยรีบโพล่งเปลี่ยนเรื่อง


“พี่โทรมาแค่นี้../เฮ้ยยีน อาหารคืนนี้มึงรีเควสอะไรเป็นพิเศษเปล่า”


ผมพูดยังไม่ทันจบ ไอ้เคลมก็ตะโกนแทรกขึ้นมาก่อน แล้วก็ดันซวยที่ไอ้พี่ชมพูเสือกหูดี


[อาหารอะไรเย็นนี้]


“เปล่า ไม่มีอะไร”


[อย่าโกหกกู]


มันทำเสียงเข้มเหมือนข่ม ส่วนผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้เคลมแล้วเอาอีกมือชี้โทรศัพท์ที่ผมเอาแนบหูอยู่ มันถึงเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลง ยกมือขึ้นเหมือนขอโทษก่อนจะหันไปจัดการงานของตัวเองต่อ


[ว่าไงมึง]


คงเห็นว่าผมไม่ยอมตอบมันสักที มันถึงเร่งเอาคำตอบให้ได้ แล้วผมจะตอบว่าอะไรได้ล่ะครับ


“พี่อยากมาบ้านผมมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”


ผมถามกลับไป แล้วมันก็คงรู้ว่าผมแปลกไปจากเดิม เพราะน้ำเสียงไม่ใช่อย่างที่ใช้อยู่ประจำ


[แล้วมึงไม่อยากให้กูไปขนาดนั้นเลย]


“ถ้าผมบอกว่าไม่อยากให้พี่มา พี่จะมาหรือเปล่า”


ผมลองหยั่งเชิง ทั้งที่ก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าจะเป็นแบบไหน และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไม่มีผิดเพี้ยน พี่ชมพูทำเสียงแข็งขึ้น


[กูก็จะรีบไปหามึง ไปถามมึงว่ามึงเป็นอะไร]


“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็มาเถอะครับ มีปาร์ตี้ตอนหัวค่ำ” ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะบอกประโยคนั้น และต่อประโยคเป็นคำเตือน “แต่ถ้าพี่มาแล้วเจออะไรที่แปลกไป พี่อย่าโวยนะครับ”


[หมายความว่ายังไง]


มันถามกลับ แต่ผมก็เลี่ยงที่จะตอบ แค่ขอวางสายแล้วก็ได้แต่มองโทรศัพท์ในมือ ผมไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ ไม่อยากให้มันมารับรู้ถึงสิ่งที่ผมทำ ไม่อยากให้มันรู้สึกไม่ดี หรือแม้กระทั่งเสียใจที่ผมต้องทำเป็นหมางเมิน สู้ไม่ต้องมาหา ไม่ต้องมาเจอกันยังดีกว่า เพราะอย่างน้อย ผมก็ไม่ต้องทำให้มันต้องเจ็บปวด ถึงผจะไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกมากเท่ากับที่ผมคิไว้หรือเปล่า แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นอย่างนั้น.. เพราะมันรักผม และผมก็รักมันด้วยแล้วล่ะมั้ง ถึงได้คิดมากและรู้สึกอย่างที่เป็นอยู่นี้





อ่านต่อด้านล่างค่ะ

v

v


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 06-09-2012 01:04:59
ต่อจากด้านบนค่ะ

v

v







ท้องฟ้ามืด ก็ถึงเวลารวมตัวของพวกเรา ผมเรียกพี่โซกับพี่น้ำอุ่นลงมากินอาหารที่ไอ้เคลมจัดเตรียมไว้ รวมทั้งป๊าด้วย แต่แป๊ะปฏิเสธ เพราะอยากให้เด็กๆ ได้ฉลองกันอย่างเป็นกันเอง


ตอนที่พี่โซกับพี่น้ำอุ่นกลับมาบ้านแล้วเห็นว่าพวกเราเตรียมยกอาหารมาจัดวางที่โต๊ะกลางก็มองอย่างสงสัยว่าพวกเราจะเลี้ยงใคร แต่พวกผมไม่ตอบหรอกครับ ถ้าบอกแบบนั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์ ซึ่งพี่โซก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม จนผมเรียกให้ไปที่สนามหน้าบ้านนั่นล่ะ ถึงจะรู้ก็ขอบใจพวกผมกัน ไอ้เพื่อนลิงๆ ของผมก็เข้าไปกอดพี่โซกันคนละทีสองที ส่วนผมก็มองแล้วยิ้มตาม


ไอ้เคลมสั่งคนสร้างบรรยากาศในสนามหน้าบ้านของผมให้ดีขึ้น โต๊ะอาหารสำหรับพวกเราทุกคนเป็นโต๊ะยาวสิบที่นั่ง ปูด้วยผ้าสีขาวปักลายสีทอง อย่างกับงานแต่ง มีโต๊ะอีกตัวเป็นโต๊ะวางอาหารชนิดต่างๆ ที่มันให้แม่ครัวทำมา ทั้งสเต็กหันชิ้นเล็กกว่าปกติครึ่งเท่า สลัดผักและผลไม้ ขาหมูเยอรมัน แมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีส แต่ใช่ว่าจะมีแค่อาหารจากเมืองนอกที่พี่โซกับพี่น้ำอุ่นคงกินจนเอียนแล้ว ยังมีอาหารไทย จำพวกน้ำพริกปลาทู ผักต้ม ไข่ชะอม แกงจืดเต้าหู้  ข้าวผัดหมู กะเพราไข่เยี่ยวม้า แม้แต่ส้มตำ ยำรวมมิตรก็ยังมี เรียกได้ว่เตรียมพร้อมมากๆ ว่าใครอยากกินแบบไหนก็พร้อม


รอบๆ มีแสงไฟสีขาวนวลส่องสว่างขัดกับท้องฟ้าที่มืดลงแล้ว ประดับด้วยแสงสีรุ้งดวงเล็กๆ กระจายอยู่รอบบริเวณ มีดอกไม้จัดอยู่สี่มุมเหมือนเป็นการแสดงอาณาเขต นี่ถ้าคนอื่นเห็นคงคิดว่าเป็นการเลี้ยงงานแต่งของพี่โซกับพี่น้ำอุ่น


ทุกคนนั่งลงตามใจชอบว่าจะเลือกตรงไหนเป็นที่ถิ่นหลักปักฐาน ผมนั่งลงข้างพี่โซ ส่วนที่ข้างๆ กะเว้นไว้ให้ไอ้กราฟ แต่กลับมีตัวเสือกมาเสนอหน้าซะก่อน


“มานั่งตรงนี้ทำไม นี่ที่เพื่อนกู”


ผมหันไปพูดกับมัน ไม่ได้เสียงดังมากนัก เพราะไม่อยากให้พี่โซกับพี่น้ำอุ่นไม่สบายใจ ซึ่งมันก็ตอบกลับมาด้วยเสียงระดับเดียวกัน


“ก็กูอยากนั่งตรงนี้ มึงตอบคำถามกูได้หรือยังล่ะ”


“กูไม่จำเป็นต้องตอบมึง”


ผมย้อน  ถึงจะตัดสินใจแล้วว่าจะทำยังไง แต่ก็ไม่คิดจะตอบมันออกมาโดยตรง ทว่าดูท่ามันจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่


“มึงท้าให้กูบอกพี่ชายกับป๊ามึงสินะ”


“มึงก็ดูเอาเองว่ากูเลือกทางไหน”


ผมบอกมันแค่นั้นก่อนจะหันกลับมา มองหน้าไอ้กัสที่อยู่ตรงข้าม มันก็พยักพเยิดหน่อยๆ เหมือนกับเป็นการบอกให้ผมปล่อยๆ ไอ้เชี่ยน้ำไป เพื่อตัดปัญหาที่จะตามมา เหมือนอย่างที่เราคุยกันไว้ ผมเลยหยักหน้าเบาๆ ตอบรับมัน ก่อนทุกคนจะเริ่มลงมือทานอาหารกัน


ใครจะทานอะไรก็ลุกขึ้นไปตักตามใจชอบ แต่ก็มีไอ้เหี้ยน้ำเสนอตัวว่าจะไปตักใส่จานใหญ่ แบ่งๆ มาให้จะได้ไม่ต้องลุกกันไปหลายๆ รอบ ก่อนมันจะเอาอาหารเกือบทุกอย่างมาวางบนโต๊ะ และไม่พ้นว่ามันตักอาหารมาใส่จานของผม โดยที่ผมไม่ต้องการด้วย


“กูไม่เอา”


“กินไปเหอะน่า กูอุตส่าห์ตักให้”


เสียงและคำพูดของมันเรียกพี่โซกับพี่น้ำอุ่นให้หันมามองได้ พี่น้ำอุ่นยิ้มนิดๆ แต่ผมกลับอ่านรอยยิ้มนั้นได้ว่า ญาติดีกันแล้ว ดีจริงๆ ส่วนพี่โซ เอียงตัวมากระซิบข้างหูผม


“เขาดีกับเราแล้ว ก็ดีกับเขาตอบด้วยล่ะ”


ฟังแล้วผมยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม ไหนจะต้องยอมอ่อนข้อให้มันเยอะขึ้น แล้วยังต้องทำเฉยชากับแฟนจริงๆ ของตัวเองอีก ถ้าเทียบระหว่างเป็นแฟนกับไอ้น้ำ กับให้ไอ้พี่ชมพูแยกร่างมีสองคนแล้วคบกับผมพร้อมๆ กัน ผมว่าอย่างหลังยังดีกว่า ถ้าไม่เพราะมันรู้จุดอ่อน ผมคงไม่แม้แต่จะมองหน้าไอ้เหี้ยน้ำ นี่ดีว่าพี่ชมพูไม่ได้มาอย่างที่บอกเอาไว้ ไม่อย่างนั้น ผมคงกดดันและรู้สึกผิดมาก


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังคิดถึงหรือยังไง แต่ไอ้คนที่ผมพูดถึงอยู่ในใจก็มาหยุดที่ด้านหลังไอ้กัส ตรงข้ามกับผมทันที และไม่ใช่แค่ไอ้พี่ชมพู แต่กราฟก็มาพร้อมกันด้วย


“มาได้แล้วเหรอมึง”


ผมเลือกจะคุยกับไอ้กราฟหลังจากทั้งคู่ทักทายพี่โซกับพี่น้ำอุ่น แล้วทำเป็นมองข้ามไอ้พี่ชมพูไป ทั้งที่ไม่อยากทำอย่างนี้เท่าไหร่ แต่ก็ทำ มันเองก็มองผมอย่างงงๆ ว่าทำไมผมถึงทักไอ้กราฟคนเดียว จะว่าผมเกลียดมันเหมือนเมื่อก่อนจนไม่อยากคุยด้วยก็ไม่ใช่ เพราะผมกับมันผ่านช่วงเวลานั้นมานานแล้ว มันก็รู้ดี


“ติดธุระว่ะ โทษที”


มันตอบผมมาแบบนั้น ก่อนจะเลือกที่นั่งข้างไอ้เคลมโดยไม่ต้องรอให้ใครบอก เพราะจะบอกว่าเป็นคนกันเองก็ไม่ผิด นอกจากพี่น้ำอุ่นกับไอ้เหี้ยน้ำแล้ว เพื่อนผมทุกคนก็สนิทสนมกับพี่โซดี


“เออๆ กินๆ”


ผมบอกตัดบท แม้จะสงสัยอยู่ว่าธุระที่มันบอกคงไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องไอ้ไนล์มากกว่า แล้วพอไอ้กราฟเห็นผมอนุญาตให้มันแดกได้ มันก็ไปตักอาหารมา ส่วนพี่ชมพู ยังยืนอยู่อย่างนั้น ไม่นั่งลง เอาแน่มองหน้าผม จนผมรู้สึกอึดอัด ต้องก้มหน้าหลบสายตาของมัน ไม่ใช่แค่ไอ้พี่ชมพูหรอกที่กำลังรู้สึกแย่ที่ผมทำเป็นมองไม่เห็น แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็รู้สึกแย่ไม้แพ้มัน


เป็นไอ้กัสที่พอจะรู้สถานการณ์ มันถึงได้ชักชวนให้ไอ้พี่ชมพูนั่งด้วยกัน แล้วไล่ไอ้เคลมมานั่งฝั่งผม ข้างๆ ไอ้น้ำแทน ไอ้เคลมก็บ่นๆ อยู่หน่อย เพราะมันกินค้างอยู่ แต่ถึงงั้นมันก็ยอมย้ายที่ให้พี่ชมพูมานั่งข้างไอ้กัสแทนมัน เพราะไอ้เคลมก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้ามันไม่รู้ ผมมั่นใจเลยว่ามันไม่ยอมย้ายที่ แต่สั่งให้ไอ้น้ำย้ายแทน


พี่ชมพูยอมนั่งแต่โดยดี ก่อนไอ้กราฟที่ตักอาหารมาเผื่อจะเอาจานวางตรงหน้ามันให้ ผมเหลือบมองมันนิดๆ ไม่ไปให้มันจับได้ว่าผมแอบมองอยู่ แต่ก็ยากที่จะทำแบบนั้น เพราะมันเอาแต่จ้องผมตลอด แม้แต่ตอนที่ตักอาหารเข้าปาก มันยังไม่ยอมก้มลงไปดูว่าตักผิดตักถูกหรือข้าวหกเรี่ยราดมั้ย แล้วก็ไม่ใช่ผมคนเดียวที่รับรู้ถึงสายตานั้น เพราะคนที่นั่งข้างๆ ผมมันก็เห็นได้ชัด มันเลยพยายามตักอาหารให้ผมหลายๆ อย่างเพื่อเย้ยไอ้พี่ชมพู พยายามชวนผมคุยทั้งที่ผมไม่ได้อยากคุยกับมันเลยด้วยซ้ำ


คนที่ถูกผมเรียกว่าหมีควายบ่อยๆ หน้าตึงมากกว่าเดิมจนผมรู้สึกเหมือนมีก้อนหินมาทับอยู่บนอก ตอนนี้คนที่กล้าและไม่กลัวใครอย่างผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองไอ้พี่ชมพู ไม่กล้าที่จะสบตาที่กำลังจับจ้องผมมาด้วยความสงสัยและไม่พอใจ จนผมรู้สึกทนไม่ไหว ทั้งที่ไอ้เคลมคอยพูดคุยกับคนอื่นๆ สร้างบรรยากาศครื้นเครงไม่ให้น่าอึดอัด แต่ผมกลับหายใจไม่ออก


“กราฟ มากับกูหน่อย”


ไอ้กราฟซึ่งเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเงยหน้ามองผมทั้งที่ปากมันยังงับช้อนอยู่ด้วยซ้ำ แต่ผมไม่รอให้มันทักท้วงอะไร ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากโต๊ะไป ไอ้กราฟเลยต้องรีบลุกตาม ผมนำมันไปคุยกันอีกฟาก ไม่ให้คนอื่นๆ เห็นว่าผมกับไอ้กราฟคุยอะไรกัน


“มึงรู้มั้ยว่าเมื่อวานกูมีเรื่องจะปรึกษามึง”


“เรื่องอะไร?!”


มันทำตาโตตกใจที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าผมกำลังเดือดร้อน เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่มันจะไม่อยู่ข้างๆ ผมเวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจ  กราฟเป็นเพื่อนที่อยู่กับผมไม่ว่าเมื่อไหร่ แต่ครั้งมันกลับพลาด และผมก็รู้ว่ามันกำลังรู้สึกแย่


“เรื่องนั้นไว้กูเล่าให้มึงฟังที่หลังได้ แต่กูมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับมึงมากกว่าเรื่องของกู”


ไอ้กราฟดูค่อนข้างงุนงงว่าผมจะพูดเรื่องไหน อารมณ์เมื่อกี้ผ่อนลงไปค่อนข้างมาก มันคงเห็นว่าผมไม่ซีเรียสเท่าไหร่กับเรื่องนั้นล่ะมั้ง


“เรื่องมึงกับไอ้ไนล์”


ผมย้ำน้ำหนักที่ชื่อของคู่กรณี พลอยให้ไอ้กราฟต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง มองหน้าผมด้วยแววตาที่ผมบอกไม่ถูก ตกใจ ไม่เชื่อ หรืดปิดบัง


“บอกกูหน่อยได้มั้ยว่ามึงกับมันมานอนอยู่บนเตียงด้วยกันได้ยังไง การพนันของมึงไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่หรือไง”


เน้นคำถามให้ชัดเจนเลยว่าผมต้องการอะไร  ให้มันรู้ว่าผมรู้เห็นเรื่องเมื่อคืนหมดทุกอย่าง มันเม้มปากนิดๆ ก่อนจะปล่อยออก เหมือนกำลังคิดว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ผมรู้ มันกำลังคิดแบบนั้น เพราะผมรู้จักมันดี


“กู... กูเป็นแฟนกับมันแล้ว”


กลายเป็นผมที่ตกใจเสียเอง ผมไม่คิดว่าคำตอบที่จะได้เป็นแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำในความคิดของผม ไอ้กราฟจะเป็นแฟนกับไอ้เหี้ยไนล์ได้ยังไง!!


“มึงพูดว่าอะไรนะ”


ผมถามมันอีกครั้ง หวังว่าคำตอบจะไม่ใช่แบบเดิม แต่เพื่อนที่รักที่สุดของผมกลับทำให้ผมผิดหวัง


“กูเป็นแฟนกับมัน”


“มึงเป็นแฟนกับมันได้ยังไง มึงไม่รู้เหรอว่ามันทำเหี้ยๆ กับมึงไว้”


“กูรู้”


ไอ้กราฟตอบแค่นั้น แต่กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลาย ทั้งที่ไอ้เหี้ยไนล์เคยทำให้มันเกือบตาย และมันรู้อยู่แก่ใจ แต่มันก็ยังไปคบกับไอ้เหี้ยนั่น


“มึงรู้แล้วทำไมมึงยังไปคบกับมัน กราฟ กูไม่โกรธที่มึงไม่เล่าให้กูฟังว่าระหว่างมึงกับมันเกิดอะไรขึ้น แต่กูไม่ไหวถ้ามึงจะเอามันเป็นแฟน กูยอมรับไม่ได้ กูยอมรับคนที่ทำให้เพื่อนกูต้องกลับไปเจอฝันร้ายแบบนั้นไม่ได้ มึงเข้าใจกูมั้ย”


“กูรู้ ยีน กูรู้”


มันได้แต่ย้ำคำนั้น ตอนนี้ผมเบลอไปหมด รู้แต่ว่าผมไม่ยอมรับไอ้ไนล์ที่จะมาเป็นแฟนไอ้กราฟ


“ถ้าเป็นคนอื่นกูจะไม่อะไรเลย แต่คนนี้กูขอได้มั้ยกราฟ กูขอ มึงอย่าไปยุ่งกับมันอีกเลย ได้มั้ย ทำเพื่อกูได้มั้ย ถ้ามึงรู้ทำไมมึงยังไปคบกับมัน”


น้ำเสียงของผมไม่ได้เกรี้ยวกราด แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก และผมก็รู้ว่าไอ้กราฟเข้าความรู้สึกของผมทั้งหมด แต่มันก็เลือกที่จะไม่ตอบผม


“มันดีนักหรือไง มันดีกว่ากูอีกเหรอ ฮะ กราฟ มันดีกว่ากูเหรอ ระหว่างกูกับมัน มึงเลือกได้มั้ย”


ทั้งที่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ไม่อยากทำตัวเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมัน เพราะผมเป็นแค่เพื่อนมัน เป็นเพื่อนที่มันรักที่สุด แต่ผมก็ทนไม่ได้ ผมกลัวว่าไอ้เหี้ยนั่นจะคิดทำอะไรกราฟอีก กลัวว่ามันคิดไม่ดีกับเพื่อนของผม เหตุผลที่มันรู้จักกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ถ้าไอ้ไนล์ไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นไว้ ผมก็คงยอม แต่มันไม่ใช่ และมันก็เปลี่ยนความรู้สึกของผมไม่ได้


“มึงถามแบบนี้.. กูเลือกไม่ได้ ยีน กูเลือกไม่ได้ มึงเป็นเพื่อนรักกู ที่กูไม่ยอมเสีย แต่มันก็เป็นคนทำให้กูยอมเปิดใจจริงๆ อีกครั้ง มึงลองให้โอกาสมันสักครั้งไม่ได้เหรอ มันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้กูตกอยู่ในสภาพแย่ๆ แบบนั้นเลย มันแค่จะช่วยกู”


“ช่วยเหี้ยอะไรแบบนั้น”


“แต่ตอนนี้กูหายแล้ว”


ผมชะงักไป มองหน้ามันอย่างไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น แต่มันก็ย้ำด้วยเสียงจริงจัง


“กูหายแล้วจริงๆ”


ผมพูดอะไรไม่ออก มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่ากราฟหายจากอาการแบบนั้น ทั้งที่ต้องทนทุกข์กับมันมาสามปี แต่คำยืนยันของมันก็ทำให้ผมสับสน


“มึงเชื่อกูนะ ให้โอกาสมันสักครั้ง แล้วมึงจะรู้ว่ามันเป็นคนดี”


ผมไม่ตอบอะไร แต่หันหลัง เดินห่างออกจากมันมา แต่ไอ้กราฟก็ตามมาจนทันแล้วเอาแขนพาดคอของผมแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยกัน


ความรู้สึกแย่ๆ ยังรุมล้อมผม ถึงผมคิดจะยอมให้โอกาสกับไอ้ไนล์อย่างที่ไอ้กราฟขอเอาไว้ แต่ผมก็ยังรู้สึกเครียดอยู่ดี มันเป็นเพื่อนที่ผมรักมาก เพราะงั้นผมคงทนไม่ได้ หากว่ามันต้องตกอยู่ในสภาพเดิมๆ อีก ผมกลัวเรื่องนี้มากที่สุด กลัวอีกฝ่ายจะจากไป จะไม่เห็นค่า และเล่นสนุกกับมันตามเกมเพื่อเอาชนะ เพราะถ้าผมต้องเห็นมันกำลังจะตายต่อหน้าอีกครั้ง ผมคงทนไม่ไหว


มันเหนื่อยนะครับ ที่ต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนให้พ้นจากความตาย และมันก็เจ็บไปทั้งใจที่เห็นเพื่อนเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น ผมไม่อยากเห็นไอ้กราฟเป็นแบบนั้นอีกแล้ว


“ผมอิ่มแล้ว กลับห้องก่อนนะครับ”


ผมบอกพี่โซกับพี่น้ำอุ่น ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เพื่อนๆ เป็นการบอกลา ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป รู้สึกหดหู่ไปหมด ทั้งเรื่องไอ้กราฟและเรื่องของตัวเอง ไม่รู้ว่าอะไรนักหนาถึงเข้ามาทับถมผมในตอนนี้พร้อมๆ กัน คxยเอ๊ยยยยยยย!!


เดินเข้าตัวบ้านมาเพียงไม่กี่ก้าว แขนของผมก็ถูกใครบางคนดึงไว้ มันลากผมให้เดินเข้าไปด้านในด้วยกันให้เร็วกว่าเดิม แต่ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ไม่มีอีกคนตามมันมาด้วย เพราะรู้ดีว่าเพื่อนๆ ของผมคงจัดการแล้ว


“ปล่อยก่อน”


ผมบอกไอ้คนตัวโตที่มันลากผมเข้ามาจนเกือบถึงห้องนั่งเล่น ซึ่งมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี แต่ก็หันมาจ้องหน้าผมเขม็ง พูดออกมาด้วยเสียงหนักๆ


“มึงมีอะไรจะบอกกูมั้ย”


“ไม่มี”


ผมสวนกลับทันควัน ทำให้มันยิ่งไม่พอใจมากกว่าเดิม


“งั้นกูถาม ทำไมมึงต้องทำเป็นไม่สนใจกู ทำไมมึงต้องทำเหมือนกูไม่มีตัวตน”


“ไม่มีอะไร”


ผมตอบมันเสียงแข็ง พยายามปั้นเสียงของตัวเองออกมาให้เป็นอย่างที่หวัง แต่กลับใช้ไม่ได้กับคนตรงหน้า มันจ้องหน้าผมใกล้ขึ้นอีก ราวกับจะใช้สายตาของมันทะลุทะลวงเข้ามาในใจผมจนอ่านออกทั้งหมด


“มึงคิดว่ากูจะเชื่อมึงเหรอ”


“ก็มันไม่มีอะไร แล้วพี่จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา”


ผมแย้งเต็มเสียง ไม่ยอมที่จะบอกความจริงกับมัน เพราะถึงผมจะแน่ใจว่าไอ้กัสกับไอ้เคลมจะช่วยกันไอ้น้ำเอาไว้ แต่ผมก็ยังไม่วางใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไอ้เหี้ยนั่นจะไม่ใช่เล่ห์เพทุบายของมันจนมาแอบมองผมอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อแอบฟังผมกับพี่ชมพูคุยกัน


ทว่านั่นก็เป็นเหตุผลมากพอที่จะทำให้ไอ้พี่ชมพูอารมณ์กรุ่นจนทนไม่ไหว มันจับตัวผมขึ้นพาดบ่าโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว ก่อนจะแบกผมขึ้นไปชั้นบนและเป้าหมายไม่ใช่ที่อื่นเลย นอกไปเสียจาก...ห้องนอนของผม








====================
กว่าจะได้อัพตอนนี้ ชัทดาวน์ตัวเองไปหลายรอบมาก

ช่วงนี้มาถี่หน่อย เพราะยังพอมีเวลา
แต่อีกไม่นานน่าจะหายเป็นเดือนๆ อีกแล้วล่ะมั้ง
บอกล่วงหน้าค่ะ

 :sad4:

ปล. บวกเป็ดให้ทุกคนที่ยังติดตามจนมาถึงวันนี้ค่ะ


Undel2Sky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supermimt ที่ 06-09-2012 01:39:44
เอิ้ววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 06-09-2012 01:54:36
ถามหน่อย เรื่องที่ไอน้ำเอามาขู่ยีนมันเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับใครบ้าง
ไม่ใช่พี่ภูกับยีนเหรอ? แล้วยีนคิดจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคนที่เขาเกี่ยวข้องบ้างหรือเปล่า
ตอนแรกเห็นความคิดยีนดูมองรอบคอบดี ก็ลุ้นๆให้ไม่เดินตามสเต็ปนายเอกงี่เง่าทั่วไป
แต่...ป๊าดโถ่! มาตกม้าตายเอาตอนไม่ยอมบอกพี่ภูนี่แหละ โห่ อุตส่าห์ภาวนาไม่ให้เข้าอีหรอบนี้ :undecided:
ถ้าบอกพี่ภูมันก็จะไม่เกิดปัญหาอีกด้านตามมา แต่นั่นแหละประเด็น!!
เอาน่ะความคิดใครความคิดมัน ยีนคงมีเหตุผลของตัวเอง แถมยีนก็รู้จักแฟนตัวเองดีกว่า
แต่ส่วนตัวแล้วเราคิดเหมือนกัสว่าควรบอก ไม่งั้นปัญหามันจะยิ่งรุมเร้า ไหนจะไอน้ำ ไหนจะที่บ้าน ไหนจะแฟน โว๊ะ
เป็นแบบนี้แล้วแอบเซ็งเลย  :freeze: แต่หวังว่าที่พี่ภูแกลากเข้าห้องไปจะบังเกิดปัญญาและความเปลี่ยนแปลงบ้างเถิ้ดดด
พี่ชมปูววววเชื่อใจน้องด้วยน้า

อ้อ ลืมไป อันนี้ขอแถมให้ไอ้ไอน้ำ  :beat:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-09-2012 02:22:23
กำลังมันส์เลย
รออ่านต่อตอนหน้านะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 06-09-2012 07:19:00
ทำไมไม่ปรึกษาพี่ภูก่อนอ่า
สงสารพี่ภูแย่เลย
ส่วนเรื่องกราฟก็อยากรู้
มันเป็นมายังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-09-2012 08:23:28
งงกับวิธีแก้ปัญหาของยีน เหอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-09-2012 09:23:27
รอจ้าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-09-2012 09:41:21
พ่อยีนยังไม่รู้เรื่องยีนกะพี่ภูหรอ คิดว่าเค้ามองไม่ออกหรอ :เฮ้อ:

แล้วยีนพลาดนะ ที่ไม่ปรึกษาพี่ภูโดยตรง

รอตอนต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: chai235 ที่ 06-09-2012 10:19:44
ตอนแรกคิดว่า ยีน แกล้งโง่นะ

นี่มัน โง่ จริงๆ นี่หว่า สมควรแล้ว ที่พี่ภูจะโกรธ

worst case ถ้าทำตามที่ไอน้ำขอ มันก็ อีหรอบเดิม ยอมไปก็แย่เหมือนเดิม

นี่มันโง่จริงๆ ไม่ใช้สตันท์ นี่หว่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 06-09-2012 10:47:31



   น้องยีนโดนปัญหารุมเร้าซะละ แต่ทำไมไม่บอกพี่ภูไปตรงๆละ มีอะไรจะได้ช่วยกันแก้นะ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 06-09-2012 12:51:09
เรื่องตัวเองก็เต็มฝืดแล้ว ยังจะไปรับเรื่องของกราฟมาอีก

เป็นแฟนกัน แทนที่จะคุยกันสองคน พี่ภูมันไม่ได้โง่นะ ที่จะมาบอกว่าไม่มีไรแล้วมันจะเชื่อ และยิ่งบอกว่าไม่มีไรนี่แหละ มันจะยิ่งเค้นจะยีนส์ระเบิดออกมา ยีนส์ฉลาดนะ แต่ทำไมตกม้าตายตอนนี้

ส่วนไอน้ำ ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสมเพศเสียจริง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NARUE ที่ 06-09-2012 13:26:42
 :z3:


อึดอัดแทนยีน

พี่ชมพูไปต่อยไอน้ำให้ที
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarunghaja ที่ 06-09-2012 19:21:46
น้องยีนโดนปัญหารุมเร้า  o22


อยากรู้เรื่องของกราฟกับไนล์  :really2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-09-2012 19:32:20
อย่าได้แคร์ๆๆๆ เชียร์พี่ภู
ชัดเจนไปเลย จะได้ไม่มีอะไรให้ขู่อีก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 06-09-2012 19:48:31
เปิดตัวไปเลย.  ผู้ใหญ่เค้าไม่โง่หรอกน่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 06-09-2012 20:01:46
ยังไงก้อควรบอกพี่ภูนะ
บอกเพื่อนได้แต่ไม่บอกพี่ภูได้ไง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 06-09-2012 22:56:08
ไอ้น้ำ =____= โผล่มาทำตื๊ดดดดดดอารายยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 06-09-2012 23:46:41
พี่ภูใจเย็นๆๆน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 07-09-2012 02:24:51
เครียดเลย ทำไงดีล่ะทีนี้
ยีนน่าจะเล่าให้พี่ภูฟังนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-09-2012 08:58:13
ไฮยีน  ไอ้เด็กดื้อ มีอะไรทำไมไม่ปรึกษาพี่ภู ห๊าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-09-2012 21:30:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 07-09-2012 23:54:40
ถ้าพี่ภูรู้ความจริงนี่ คงไปกราบขอยีนจากป๊า
แถมด้วยการตื้บไอน้ำอีกแน่นอน
พอน้องยีนไม่บอกเลยกลายเป็นซวยไปนะหนู
ปล. อยากรู้เรื่องของกราฟกับไนล์ด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 08-09-2012 00:42:59
อ้ายย พี่ภูเล่นบทโหดด
เอาเลยค่า สงสารพี่ภูนะเนี่ย
ยีนน่าจะบอกพี่ภูไปตรงๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 08-09-2012 12:33:34
เห้อออ ปัญหาเพียบเลยนะ ไฮยีน

ทำไมไม่บอกพี่ภูไปตรงๆล่ะ!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pbred ที่ 08-09-2012 22:49:06
กำลังตื่นเต้นเลยอ่ะ
ยีนให้โอกาสกราฟกับไนล์ (ท่าจะรักกันจริงนะ)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 09-09-2012 12:23:05
 :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 09-09-2012 16:01:27
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 09-09-2012 20:39:42
มาต่อเรื่องเร็วๆนะค้า ถ้าไม่มาต่อเร็วๆ คนอ่านจะขาดใจได้ เพราะกำลังติดขั้นรุนแรง *0*





อยากให้ยีนบอกความจริงกับ พี่ภูจังเลย จะได้หายไม่สบายใจต่อกัน >< อร๊าย ยังไงก็จะติดตามนะคะ คนเขียนสู้ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 11-09-2012 21:23:42
อ่านถึงตอนล่าสุด ประเด็นที่คิดได้คือ
คบกับพี่ภู = ผู้ชาย
คบกับไอน้ำ = ผู้ชาย
ต่างกันตรงไหน :z2:
แต่ทำแบบนี้สงสารพี่ภูชะมัด :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 15-09-2012 14:14:13
ตอนที่ 31 : ความรักของเรา



















มีแค่น้ำตาที่เอ่อออกมาและไหลลงมานิดๆ ไม่ได้มากมายอะไร และไม่มีเสียงสะอื้น พี่ชมพูยังกอดผม เหมือนจะปลอบให้ผมหยุดร้องไห้ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องร้องไห้ ทั้งที่ผมไม่ใช่คนที่จะร้องไห้บ่อย มีแค่ตอนแม่เสียที่ผมร้องไห้เหมือนโลกถล่ม ทุกอย่างดำมืดไปหมด ความเสียใจทำให้ผมทนไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ และอีกครั้งที่ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว คือตอนที่ผมช่วยชีวิตไอ้กราฟ ผมกลัวว่าผมจะช่วยไอ้กราฟไม่ได้ กลัวว่ามันจะตายจริงๆ เพราะงั้นหลังจากสัญญากับมันแล้ว น้ำตาของผมถึงได้ไหลออกมาด้วยความดีใจที่ผมช่วยมันได้สำเร็จ


“มึงบอกกูได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น แค่มึงทำเหมือนกูไม่ใช่แฟนของมึงยังไม่พอ ไอ้น้ำยังมาทำดีกับมึงเหมือนไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน”


มันพูดกับผมด้วยเสียงเบาๆ อย่างอ่อนโยน ที่ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ยินสักเท่าไหร่ ผมจึงยอมตอบมันไปตามความจริง เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังอีกต่อไป


“ไอ้น้ำมันรู้ว่าผมกับพี่เป็นอะไรกัน มันถ่ายรูปผมกับพี่ตอนจูบกันเอาไว้”


ผมตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดมากกว่าเดิม แม้จะคิดว่าแผนของไอ้กัสดีแล้ว แต่ตอนนี้มันคงจะไม่ได้ผล เพราะไอ้เหี้ยน้ำคงรู้ว่าผมกับพี่ชมพูยังไม่จบ จากการที่พี่ชมพูตามผมเข้ามาในบ้านและยังไม่ออกไป


“แล้วทำไมมึงไม่บอกกู”


“ผมอยากแก้ปัญหาด้วยกันเองก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมจะบอก”


บางคนอาจจะมองว่าการกระทำของผมเหมือนคนโง่ แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่ความโง่ และพี่ชมพูเองก็คงมองเหมือนผม มันรู้ว่าผมเป็นคนยังไง มันถึงกระชับแขนที่กอดผมอยู่ให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย


“กูรู้ว่ามึงเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองว่ามึงทำอะไรได้ทุกอย่าง มึงมีเพื่อนที่ดีคอยเป็นที่ปรึกษา เพราะงั้นมึงเลยเชื่อว่ามึงจะแก้ปัญหาไปได้ทุกอย่างตราบใจที่มึงยังมีพวกเพื่อนๆ ของมึงอยู่ มึงถึงตัดสินใจแบบนี้ ไม่ผิดหรอก เพราะถ้าเป็นกู กูก็จะลองก่อน ถ้ากูคนเดียวไม่สามารถทำได้ กูก็จะบอกมึง เพราะกูไม่อยากให้คนที่กูรักต้องมาเดือดร้อนหรือวิตกกังวลไปด้วย จริงมั้ย”


พี่ชมพูเข้าใจความคิดของผมอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่ผมอยากโอ้อวดตัวว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง แต่อย่างน้อยผมก็อยากพยายามเพื่อไม่ให้เรื่องไปถึงอีกคนและทำให้เขาต้องลำบากไปด้วย เพราะฉะนั้นการที่ผมตัดสินใจแบบนี้ไม่ใช่การกระทำอย่างโง่ๆ อย่างที่ใครต่อใครอาจจะคิดกัน เพราะตราบใดที่เราไม่ได้ทำร้ายตัวเอง ทำลายคนอื่น แย่งชิงทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาโดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง ผมคิดว่ามันก็ไม่ใช่การกระทำที่โง่


“แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ดีแล้วที่ตอนนี้มึงบอกกู มึงทำให้กูรู้ว่ามึงนึกถึงกู เป็นห่วงกู แล้วก็รักกู”


ไอ้พี่ชมพูหอมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ ขณะที่ผมเปลี่ยนเป็นหันไปมองหน้ามัน จากที่หันหลังให้มันอยู่ รู้สึกเขินอยู่หน่อยๆ กับประโยคเมื่อกี้ เพราะมันเล่นพูดซะชัด


“ความรักเป็นเรื่องของมึงกับกู เป็นความรักของเราสองคน เพราะงั้นต่อจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรอีก กูอยากให้มึงบอกกู จะได้ช่วยกันแก้”


ผมพอจะเข้าใจความรู้คิดของไอ้พี่ชมพูนะครับ มันไม่แปลกหรอก ที่ฝ่ายมีปัญหาจะอยากแก้ไขคนเดียวเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเป็นทุกข์ไปด้วย แต่อีกฝ่ายก็อยากช่วยรับรู้และช่วยเหลือ เพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องเครียดและลำบากคนเดียว


“แล้วพี่ว่าผมควรจะทำยังไง”


“ก่อนหน้านี้มึงจะทำยังไงล่ะ เลิกกับกูแล้วไปคบกับมันเหรอ”


มันถามหยั่งเชิง ทั้งที่ผมดูก็พอรู้ว่ามันไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ มันเชื่อใจผม แล้วนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่มันเชื่อว่าผมจะไม่เลิกกับมัน


“ไอ้กัสแนะนำว่าให้ทำตัวห่างๆ พี่ไปก่อน ไม่ได้เลิกกัน ให้ไอ้น้ำมันเห็นว่าผมไม่อะไรกับพี่แล้ว จนมันกลับเมกา ก็จบเรื่อง อย่างมากมันก็ฟ้องได้แค่พี่โซ แต่พี่โซไม่มีทางฟ้องป๊าแน่”


“อืม นั่นก็เป็นทางออกที่ดี แต่มันไม่ใช่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แล้วเราก็ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง”


“พื่จะทำยังไง”


ผมถามอย่างสงสัยเพราะคิดไม่ออกแล้ว ไอ้วิธีของผมที่เคยคิดไว้ก็ไม่น่าจะดี เพราะมันไม่ได้ต่างจากไอ้กัสเท่าไหร่ที่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ถึงผมจะถามพี่ชมพู มันก็ไม่ตอบ แค่หัวเราะหึหึเหมือนมีแผนการชั่วร้าย และบอกแค่ว่า


“กูจะเริ่มพรุ่งนี้ เดี๋ยวกูกลับก่อน จะเล่นละครตามน้ำไป ให้มันเห็นว่ากูโดนมึงบอกเลิกแล้ว พรุ่งนี้กูจะเอาขวานแสกหน้ามันจนไม่กล้าจะมายุ่งกับมึงอีก”


โคตรงงเลยครับว่ามันจะทำอะไร มันไม่บอกผมทั้งที่ก็เห็นว่าผมทำหน้าสงสัย แค่ยื่นหน้ามาจูบผมเบาๆ แล้วยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ผมนั่งเอ๋ออยู่บนเตียง ยอมรับเลยครับว่าเอ๋อจริงๆ


























เกือบๆ สี่ทุ่ม ผมมองจากทางหน้าต่างห้อง พลางคิดว่าทุกคนคงกลับไปแล้ว งานเลี้ยงจบลงโดยไม่มีผม ไอ้เหี้ยน้ำที่โดนไอ้กัสกับไอ้เคลมกักตัวไว้ตลอด ถูกปล่อยตัว เพื่อนเจ้าแผนการของผมส่งข้อความมาว่าจะกลับก่อน ทั้งที่ตอนแรกมันบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนผม เพื่อไม่ให้ไอ้น้ำมันมายุ่งอะไรกับผมมาก ผมเลยโทรกลับไป แต่มันก็แค่หัวเราะแล้วบอกว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก ก่อนจะวางสายไป ทำให้ผมโคตรงง ไม่รู้อะไรของมัน


ผมรีบเดินไปดูประตูว่าล็อกเรียบร้อยดีแล้วหรือเปล่า ป้องกันไม่ให้ไอ้สัดน้ำเข้ามาทำเหี้ยๆ ในห้องของผมอีก แต่ตอนที่ผมกำลังเดินกลับไปที่เตียง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเบาๆ เบาจนผมแทบไม่ได้ยิน ผมมองประตูไม้ที่กั้นอาณาเขตภายในกับภายนอกไว้ ฟังเสียงที่ยังดังไม่หยุด ก่อนจะมีเสียงเบาอย่างกับกำลังกระซิบ


“เกงยีน เปิดประตูหน่อย”


คำว่าเกงยีนเหมือนกลายเป็นโค้ดลับไปแล้ว ไม่ต้องวิเคราะห์ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงใคร ผมก็รู้ได้ทันที เพราะคนที่เรียกผมแบบนี้มีคนเดียว ผมรีบเดินไปเปิดประตูให้ แล้วพอมันเข้ามาในห้อง ผมเลยรีบปิดประตู ล็อกกลอนทันที


“มาได้ยังไง ไหนว่ากลับไปแล้ว”


“กลับไปแล้วไง แต่กูมาใหม่”


มันยิ้มทะเล้นให้ ก่อนจะผมดึงไปนั่งที่เตียง


“แล้วคนอื่นไม่เห็นหรือไงว่าพี่มา”


“ไม่เห็นหรอก กูจอดรถอยู่ด้านหลังแล้วปีนกำแพงเข้ามา”


เยดดดดด ผมอุทานในใจ เพราะมันใช้วิธีเดียวกับเวลาที่ผมหนีออกจากบ้านเลย แต่ผมไม่ได้ใช้บ่อยหรอก นอกจากจะจำเป็นจริงๆ


ผมคิดว่ามันคงกลับบ้านไปแล้ว และย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะเสื้อผ้าที่ใส่เปลี่ยนไป


“แล้วทำไมต้องมาตอนนี้ ผมจะนอนอยู่แล้ว”


“ก็มานอนกับมึงไง”


มันตอบหน้าตาเฉย เหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรแปลกเลย ผมก็ยอมรับว่าเรื่องนอนด้วยกันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรแปลก แต่มันแปลกที่สถานที่ ผมกับมันไม่เคยนอนด้วยกันที่บ้านของผม


“คืนนี้กูอยากนอนกอดมึง”


ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมกลับเข้าใจสายตาของมันที่มองผมอยู่ตอนนี้ ไม่ได้มีแววหื่นกระหายหรืออะไร มีแต่ความรู้สึกดีๆ ที่ส่งมา ความห่วงใย ใส่ใจ และอยากดูแล เต็มเปี่ยมในแววตาคู่นั้น พานให้ผมรู้สึกว่าหัวใจกำลังพองโต ยืนยันให้ผมรู้อย่างชัดเจนว่าผมกำลังมีความรักจริงๆ


“แล้วแปรงฟันมาด้วยยัง”


“แปรงแล้ว”


มันยิ้มยิงฟันแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม ก่อนจะอ้าปากทำเสียงฮ่อๆ อย่างกับจะให้ผมดม ผมเลยเอนตัวหนี มันก็หัวเราะแล้วกอดผมไว้ ก่อนจะดันตัวผมลงไปนอนบนที่นอนโดยที่มันล้มตัวลงมาตามมา แต่แขนก็ยังไม่ปลดออก


“กูรักมึงนะ”


หมีตัวใหญ่บอกผมอย่างนั้น ผมก็แค่ขานรับมันเบาๆ ไม่ได้บอกอะไรกลับไป ส่วนมันก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  ดึงผมให้เข้าไปนอนซุกกับตัวมัน ใช้แขนใหญ่ๆ นั่นต่างหมอนให้ผมหนุน ก่อนจะหลับตาลง


ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้พี่ชมพูที่อยู่ใกล้ไม่ถึงหนึ่งคืบ ยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงทุกๆ อย่างที่มันทำให้ผม เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ชอบในสิ่งต่างๆ ที่มันทำกับผม เผด็จการ เรื่องมาก เอาใจยากสุดๆ ชอบบังคับ ใช้กำลังกับผมอยู่เรื่อย แต่ตอนนี้ผมกลับยอมรับในทุกอย่างที่มันทำ เพียงเพราะคำคำเดียว


“ผมก็รักพี่”


เสียงของผมแผ่วหลังจากฟังเสียงหายใจของมันว่าเป็นจังหวะสม่ำเสมอกันแล้ว ก่อนจะยืดตัวขึ้นเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง ไม่ให้คนที่หลับอยู่ตื่นขื้นมา แล้วกดริมฝีปากเบาๆ ที่ปากของมัน ก่อนจะลดตัวลงกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ปิดเปลือกตาลงเพื่อติดตามคนข้างๆ ไปยังอีกโลกหนึ่ง โดยที่หน้ายังเปื้อนยิ้ม

























เปลือกตาค่อยๆ ขยับเปิดขึ้น ก่อนจะกะพริบเบาๆ หลายที  ผมลืมตาขึ้นมาเต็มตา ก็เห็นหน้าของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นสิ่งแรก ตอนนี้ผมไม่ได้นอนซุกอยู่บนอกของพี่ชมพูแล้ว แต่หนุนหมอนเหมือนปกติ หันหน้าเข้าหากัน แขนใหญ่ๆ นั่นยังโอบเอวของผมเอาไว้หลวมๆ ไม่รู้ว่ากลายมาอยู่ท่านี้ได้ยังไง แต่ก็ช่างเถอะ


ผมเหลือบตามองนาฬิกาที่หัวเตียง พอเห็นว่ากี่โมงแล้วก็สะดุ้งทันที สะกิดไอ้คนที่ยังหลับสบายอยู่ให้ตื่นขึ้นมา มันก็ทำให้งงๆ ว่าผมปลุกทำไม แถมยังมีการเอามือมากดหัวผมให้ฟุบลงไปกับหมอนอีก


“แปดโมงแล้ว”


“ก็แค่แปดโมง”


ไอ้หมีควายว่างั้นแล้วก็หลับตาต่อ มือยังไม่ปล่อยมือจากหัวของผม


“เฮ้ย ตื่นๆๆๆๆ” ผมเอามือฟาดแขนมันแรงๆ “กลับได้แล้ว เขาตื่นกันหมดบ้านแล้ว เดี๋ยวมีคนเห็นก็ซวยหรอก เฮ้ย ตื่นๆๆ”


ผมบอกเหตุผล แต่มันก็ไม่ยอมรับฟัง จะนอนท่าเดียว


“ใครจะเห็นได้ไง กูอยู่ในห้องมึง ไม่ได้ออกไปเดินข้างนอก ประตูห้องก็ล็อกตั้งแต่เมื่อคืน”


“ก็ถ้าผมตื่นเกินแปดโมงครึ่ง พี่กล้วยจะมาปลุก เพราะงั้นลุกขึ้นมาได้แล้ว”


ไม่พูดอย่างเดียว แต่ผมออกแรงลากไอ้ตัวยักษ์ให้ลุกจากที่นอนด้วย แต่ถ้านั่งดึงมัน คงสู้แรงไม่ได้ เพราะแม่งก็จะลากผมลงไปนอนเหมือนกัน ผมเลยต้องลุกขึ้น ตั้งขาให้มั่น แล้วดึงแขนมันแบบสุดแรง ตัวของมันลอยขึ้นมาจากที่นอนพอสมควร แต่ผมก็ไม่มั่นใจ เพราะถ้ามันกระตุกทีเดียว ผมคงล้มกลิ้งลงไป


“ลุกเหอะ แล้วค่อยมาใหม่นะ”


ผมพูดเสียงอ่อนลง ให้มันยอมคล้อยตาม ซึ่งก็ได้ผล มันดันตัวขึ้นจากเบาะนุ่ม แต่ก็ไม่วายบ่น


“กูอยากอยู่กับมึง”


“เอาไว้ให้จบเรื่องนี้ได้ก่อนเหอะ”


“ก็คงวันนี้แหละ กูคิดว่าจะจัดการวันนี้อยู่แล้ว”


จากที่งัวเงียอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้มันเปลี่ยนอารมณ์แล้ว ดูมีความมุ่งมั่นมากขึ้น ขณะที่ผมกลับสงสัยว่ามันจะทำอะไร เพราะเมื่อคืนมันก็ไม่ได้บอกไว้


“พี่จะทำอะไร”


“เดี๋ยวมึงก็รู้ ไม่ต้องห่วง”


หน้าหล่อๆ นั้นฉีกยิ้มให้ผมวางใจ แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นได้จริงๆ ผมรู้สึกระแวงอยู่ มันเลยลูบหัวผมเบาๆ


“งั้นกูกลับก่อนล่ะ แล้วจะมาใหม่ ยังไม่ต้องคิดถึงกูนะ แป๊บเดียวกูก็มา”


คำพูดของมันกวนตีนดีมั้ยครับ ผมปัดมือของมันที่อยู่บนหัวของผมออก มันก็หัวเราะก่อนจะเดินออกจากห้องไป แต่ผมก็ไม่ลืมบอกมัน


“อย่าให้ใครเห็นนะเว้ย”


มันพยักหน้าหนึ่งทีก่อนจะออกจากห้องของผมไป ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะเอาตัวรอดได้จริงหรือเปล่า แต่ก็จะไว้ใจว่าพี่ชมพูต้องทำได้ เพราะถ้าถูกจับได้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไอ้เหี้ยน้ำมันจะเป่าหูอะไรป๊ากับพี่โซหรือเปล่า ผมไม่กล้าเสี่ยง


ไล่ไอ้คนตัวโตออกไปแล้ว ผมก็ไปอาบน้ำ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปทานอาหารเช้าคนเดียว เพราะคนอื่นๆ กินกันเรียบร้อยตั้งแต่แปดโมงแล้ว และหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็ไปหาพี่โซที่ห้อง ก็เจอพี่โซกับพี่น้ำอุ่นกำลังคุยกันเรื่องว่าบ่ายนี้จะไปเที่ยวกันที่ไหน เพราะทั้งคู่มีเวลาอยู่ไทยอีกแค่ไม่กี่วันและคงอีกนานกว่าจะได้กลับมาอีกครั้ง เลยต้องวางแผนการเที่ยวให้เป็นระบบสักหน่อย


ผมแนะนำบางที่ ถึงจะไม่ได้ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ บ่อย แต่ก็พอรู้มาบ้าง แล้วที่รู้ก็ไม่ใช่อะไร เพราะผู้หญิงที่ผมเคยๆ ควงขึ้นเตียงด้วย พยายามจะชวนผมไปเหลือเกิน แต่ละคนก็มาไม่ซ้ำแบบ ทำเหมือนว่าถ้าผมยอมไป แสดงว่าพวกเธอจับผมสำเร็จยังไงยังงั้น ทว่าพวกเธอทำไม่สำเร็จหรอกครับ เพราะผมไม่เคยคิดจะคบกับใครแม้แต่คนเดียว รวมทั้งไอ้พี่ชมพูด้วย แต่ไม่รู้เป็นไงมาไงถึงมาคบกับมันได้ อาจเพราะผมโดนวางยาก็ได้


ผมใส่ร้ายมัน แต่เหมือนว่ามันจะรู้ตัว เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ไอ้พี่ชมพูก็กลับมาอีกรอบ คราวนี้มันมาทางหน้าบ้าน ไม่ได้ปีนกำแพงเข้ามาแบบเมื่อคืน ผมไม่รู้ว่ามันทำอะไรไว้ที่ข้างล่างบ้างก่อนจะขึ้นมาหาผมข้างบนห้อง แล้วมันคงหาผมที่ห้องไม่เจอ เลยลองมาดูที่ห้องพี่โซ


ไอ้หมียักษ์มันทักพี่โซกับพี่น้ำอุ่น สวัสดีกันเรียบร้อยก็เขยิบมาหาผม สะกิดๆ เหมือนจะคุยอะไรสักอย่าง ผมเลยต้องขอตัวกลับห้อง ส่วนพี่ชมพูก็เดินตามผมมาอีกที


“มีอะไร กลับไปแล้วทำไมมาอีก”


“ก็มีเคลียร์ปัญหาตามที่กูบอกไว้”


“แล้วตอนมาเจอไอ้น้ำหรือเปล่า”


ผมสงสัย เพราะถ้าเจอ อาจจะมีเรื่องตามมาก็ได้ ผมไม่ไว้ใจไอ้เหี้ยน้ำจริงๆ ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรบ้าๆ อีก แค่นี้ผมก็ปวดหัวจะตายห่าอยู่แล้ว แต่พอผมถามแบบนั้น ไอ้พี่ชมพูก็ยิ้ม


“เจอ”


“เฮ้ย แล้วมันว่ายังไงมั่ง”


“เจอแต่วิญญาณมัน ลอยไปลอยมา”


“ไอ้...”


ผมต่อยแขนพี่ชมพูไปหนึ่งที มันก็หัวเราะ ก่อนจะขยับเข้าหาผมอีกนิดแล้วกอดผมเอาไว้ ผมก็ดันตัวมันออกสิครับ ทำให้ผมตกใจแล้วยังมีหน้ามากอด แต่ก็ใช่ว่ามันจะยอมให้ผมผลักมันออกอย่างเดียว แม่งเสือกเอามือมากดหัวผมจนลงให้ซบกับอกของมัน จนผมเกือบจะฝังเข้าไปในตัวมันได้แล้วด้วยซ้ำ มันทำให้ผมแทบหายใจไม่ออก ผมเลยทุบหลังมันไปหนึ่งที มันร้องอักก่อนปล่อยผมให้เป็นอิสระแล้วลูบหลังตัวเองป้อยๆ


“มือมึงหนักจริงๆ ว่ะ ไอ้เกงยีน”


“แล้วใครให้พี่กอดผมเล่า”


“กูอยากกอดเอง”


มันตอบหน้าตายก่อนจะเดินไปมุมห้องของผม ตรงนั้นเป็นชั้นพวกแผ่นหนัง ซึ่งส่วนมากก็เป็นพวกหนังแอ๊คชั่น ไซไฟ ลึกลับ สอบสวน ไอ้ตัวใหญ่มันหยิบขึ้นมาดูแผ่นนึงแล้วทัก


“มึงไม่มีหนังรักเลยเหรอวะ”


“แล้วทำไมต้องมี ผมไม่ได้ชอบดู”


ผมรู้สึกแปลกใจอยู่หน่อยๆ ที่มันถามแบบนี้ เพราะจากลักษณะของมันแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคนชอบดูหนังรักอะไร


“แต่มึงก็ควรดูไว้มั่ง เพื่อการศึกษา”


“เออน่า เอาไว้ถึงเวลาค่อยดู”


“มึงนี่นะ กูอุตส่าห์แนะนำ”


มันบ่นๆ ก่อนจะหยิบหนังแผ่นหนึ่ง แล้วเดินไปที่โทรทัศน์ จับแผ่นยัดลงในเครื่องเล่นดีวีดีเรียบร้อยแล้วถึงเพิ่งหันมาบอกผม


“ดูหนังกัน”


“ผมดูหมดแล้ว”


“ก็ดูเป็นเพื่อนกูไง”


ผมรู้หรอกว่ามันก็ดูแล้วเหมือนกัน ไม่น่าพลาดหรอกมั้ง เพราะเรื่องนั้นก็ดังพอสมควร และถึงไม่ดัง คนที่เรียนทางด้านนี้ก็ต้องหามาดูอยู่ดี


ภาพเคลื่อนไหวปรากฏบนหน้าจอโทรทัศน์ ก่อนมันจะเดินมาดึงมือผมให้ขึ้นไปนอนดูหนังบนเตียงด้วยกัน โดยที่มันนอนหนุนแขนที่ซ้อนอยู่บนหมอนอีกที ส่วนผมก็ลากหมอนที่หัวเตียงมารองหัวไว้สองชั้น แล้วตะแคงข้างนอนดูกับมัน


ผมกับไอ้พี่ชมพูนอนดูหนังกันอยู่อย่างนั้น จบจากเรื่องหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นเรื่องใหม่ โดยที่มันเป็นคนเลือก มันทำเหมือนกับว่าเหตุผลที่มันมาบ้านของผมก็เพื่อมาดูหนัง ไม่ใช่มาจัดการปัญหาเรื่องไอ้เหี้ยน้ำอย่างที่มันว่า


“พี่จะดูอีกกี่เรื่อง ลืมเรื่องไอ้เหี้ยน้ำแล้วหรือไง”


“กูไม่ลืมหรอก แต่กูรอเวลา”


มันหันมองหน้าผมพลางบอก ทำเหมือนกับว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรือทุกข์ร้อนอะไร ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ที่มันทำตัวตามสบายได้ขนาดนี้ หรือว่ามันมีแผนอะไรดีๆ ที่จะจัดการไอ้ไอน้ำได้


“เวลาอะไร”


“ให้มึงเตรียมใจมั้ง”


ไอ้ห่านั่นหัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม เพราะเหมือนผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร แล้วมันก็ทำให้รู้สึกระแวง กลัวว่ามันจะทำอะไรบ้าๆ


“เอาดีๆ”


“จะให้กูเอาเหรอ”


“สัด!!”


ผมด่ามันไปเต็มคำ แต่มันไม่รู้สึกอะไรหรอก ไอ้เหี้ยนี่มันด้านแล้ว เพราะตอนนี้มันยิ้มๆ แล้วกระเถิบตัวมานอนกอดผมเอาไว้ แต่ผมก็ถีบมันออก


“มึงนี่แม่ง รุนแรงกับกูตลอด”


มันบ่นแล้วก็ยอมปล่อยผม ก่อนที่เราต่างคนต่างดูหนังต่อ แต่พอจบเรื่องนี้แล้ว ผมก็ไม่ยอมให้มันหยิบอีกเรื่องมาดูใหม่เพราะนี่ก็เหมือนมันถ่วงเวลามาสามสี่ชั่วโมงแล้ว ข้าวกลางวันยังไม่ได้แดกด้วยซ้ำ


“งั้นไปกินข้าวกันก่อน”


มันหาเรื่องครับ ที่ว่ากินข้าวไม่ได้กินที่บ้าน แต่ว่ามันพาผมออกไปกินข้างนอก ทั้งที่พี่กล้วยก็เตรียมไว้ให้ ถึงแม้จะมีแค่ของผมก็เถอะ แต่พอนึกถึงพี่กล้วยแล้วก็ทำให้ผมนึกได้ว่าผมยังไม่รู้เลยว่ามันเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง


“มีคนรู้มั้ยเนี่ยว่าพี่มาบ้านผม”


“ก็พี่ชายมึงไง”


“แล้วคนอื่น”


ผมหมายถึงป๊า พี่กล้วยไรงี้ มันก็พยักหน้าเบาๆ


“พี่กล้วย แต่ป๊ามึงไม่อยู่ กูเลยอดสวัสดีพ่อตาเลย”


“พ่อตาห่าไร”


ผมสวน ถึงผมจะเป็นแฟนกับมันแล้ว แต่จะให้มาลำดับญาติแล้วเรียก็ไม่ใช่อะไรที่ผมจะพอใจสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนไอ้พี่ชมพูจะไม่รู้


“ก็พ่อมึงไง มึงเป็นแฟนกู พ่อมึงก็เป็นต้องพ่อตา”


“ไม่มีทั้งนั้นแหละ แล้วอย่ามาพูดเรื่องนี้อีก”


ผมตัดบทแล้วเดินนำเข้าร้านอาหารที่มันพามา จองที่นั่งเรียบร้อยพร้อมสั่งอาหาร ไอ้พี่ชมพูก็ตามมานั่งตรงข้ามกัน ผมสั่งอาหารของตัวเองแล้วก็ยื่นเมนูให้มันไปสั่งบ้าง และพอสั่งอาหารเสร็จ ผมก็ถามถึงเรื่องที่ผมอยากรู้อีก


“ตกลงว่าพี่จะทำอะไร”


“อะไร”


“อย่ามาทำเป็นโง่ตอนนี้ ก็เรื่องไอ้น้ำ”


“อ๋ออออ” ไอ้คนตัวสูงร่างหมีลากเสียงยาว “ไว้เดี๋ยวมึงก็รู้เอง รู้ตอนนี้ไม่เซอร์ไพรส์”


คำตอบของมันยังสร้างความหงุดหงิดให้ผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และผมก็รำคาญที่จะถามแล้ว เลยปล่อยๆ ไป อยากทำอะไรก็ทำแม่ง กูไม่สนแล้ว


รอไม่นานอาหารที่สั่งก็นำมาเสิร์ฟ ผมกินโดยไม่สนใจมัน ต่างคนต่างกิน แม้ว่าไอ้พี่ชมพูจะอยากสร้างเรื่องปวดประสาทให้ผมก็ตาม แย่งของกินผมอยู่นั่น ขนาดกำลังจะเข้าปาก มันยังดึงมือผมแล้วเอาช้อนไปยัดปากได้เลย


“ปัญญาอ่อนว่ะ”


ผมด่ามันไป แต่มันไม่เจ็บหรอกครั้ง หนังหนาแม่งหนายิ่งกว่าหนังช้าง เหนียวยิ่งกว่าเอามาอบแห้ง แถมผมก็ไม่ได้ด่าอะไรมันรุนแรงด้วย มันถึงได้ยิ้มแป้นแล้นเหมือนคนบ้า


“ก็มึงทำเป็นไม่สนใจกู กูก็เลยต้องเรียกร้องความสนใจ”


“ถามหน่อย กี่ขวบแล้ว”


มันหัวเราะเสียงดัง ทำเหมือนเป็นเรื่องขำมาก ทั้งที่ผมก็ถามมันด้วยเสียงเรียบๆ หน้าเบื่อๆ แม่งจงใจกวนประสาทผมชัดๆ


“สามขวบฮับ”


พี่ชมพูตอบมาพร้อมกับชูสามนิ้วให้เป็นคำตอบด้วย หนำซ้ำยังโยกคอไปมา ทำหน้าเหลอหลายิ่งกว่าเด็กออทิสติก ลองนึกสภาพนะครับ คนหล่อๆ ที่ผู้หญิงหลายๆ คนอยากเข้าหา หรือแม้กระทั่งตุ๊ดกะเทยก็อยากได้ แถมยังอายุตั้งยี่สิบเอ็ดแล้ว มานั่งทำท่าปัญญาอ่อนแบบนี้มันน่าขำแค่ไหน  และผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไม่คิดว่าไอ้คนที่ชอบเก๊ก ข่มผมอยู่ตลอดจะกล้าทำอะไรแบบนี้ด้วย


เป็นมุมที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นด้วยซ้ำ


“มึงหัวเราะ แสดงว่ากูทำสำเร็จ”


พอเห็นมันได้ใจ ผมก็เลยรีบเบรกตัวเองไม่ให้หัวเราะ แต่มันก็เหลือกตาขึ้นข้างบน ให้ตาดำหลบหายไปใต้เปลือกตาเกือบครึ่ง ทำปากเบะปากยื่น แล้วมองผมทั้งๆ อย่างนั้น เล่นเอาผมหลุดหัวเราะอีกรอบ มันขำ มันฮาจนไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกปวดท้องไปหมด เมื่อยกรามด้วย ไม่ได้สนใจเลยว่าคนอื่นๆ ในร้านอาหารจะมองมาที่โต๊ะผมหรือเปล่า


แต่เหมือนว่าผมจะหัวเราะมากเกินไป จนสำลักน้ำลาย แสบจมูกไปหมด แล้วยังไอโกรกจนตัวโยน จากที่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อกี้กับตาลปัตรไป ไอ้พี่ชมพูก็ดูตกใจ มันเบิกตาโตก่อนจะย้ายที่นั่งมานั่งข้างผมแล้วลูบหลังให้


“เป็นไงมั่งมึง”


มันถามด้วยความเป็นห่วงจนผมรู้สึกได้ ผมลูบอกตัวเองเหมือนกับจะไล่อาการอึดอัดและแสบทั้งจมูกและคอลงไป ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ รู้สึกดีขึ้นหน่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าหายดีทั้งหมด


“ทีหลังกูไม่ทำแล้ว”


“เออ เห็นมั้ยเนี่ย ผมสำลักเลย”


โยนความผิดให้มันเลยครับ มันเลยนิ่งไป แต่มือก็ยังลูบหลังผมอยู่


“แล้วพี่กล้าทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ นึกว่าจะเก๊กตัวเป็นผู้นำ เผด็จการ บ้าอำนาจ อะไรแบบนี้เป็นอย่างเดียว”


นั่นเป็นลักษณะที่ผมเห็นประจำ รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วยที่คงลงความเห็นเดียวกัน ที่เพิ่มมาก็คือมันจะปากหวานแบบพูดอะไรตรงไปตรงมาให้น็อคดาวน์ในทีเดียว กับอ้อนบ้าง อีกอย่างคือ ชอบทำตัวน่าสงสารให้ผมใจอ่อน ทั้งที่ก็รู้ว่าเป็นการเสแสร้งของมัน


“กูเป็นใคร เด็กนิเทศนะครับ มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง”


คราวนี้มันโอ้อวดตัวใหญ่ เห็นแล้วโคตรหมั่นไส้ ผมเลยตอกกลับไป ลากเสียงยาวกวนๆ ที่คำท้าย


“หน้าด้านหน้าทนใช่มั้ยครับ พี่ชมพูววววว”


“มานี่เลย”


แล้วมันก็คงหมั่นไส้ผมพอกัน ถึงได้ยื่นมือมาแล้วจับหัวของผมดึงมาใกล้ๆ ก่อนจะขยี้ผมของผมจนผมยุ่งไปหมด


“พอแล้วๆๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้วะ”


สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ เพราะกลัวหัวจะหลุดออกมา ก็แรงของมันไม่ใช่แรงมดแรงหนู แต่เป็นแรงหมีควายนี่ครับ ถ้าหัวของผมหลุด นี่ต่อไม่ติดด้วย โลกจะขาดทรัพยกรหนุ่มหล่อไปอีกหนึ่งคน ถือเป็นภัยพิบัติของโลกเลยนะครับ


หลังจากผมยอมแพ้แล้ว มันก็ยังไม่ยอมเอามือออก ผมมองมันด้วยสายตาข่มขู่ ไอ้พี่ชมพูเลยเอามือออก


“ไม่ต้องมองกูแบบนั้นหรอกน่า ถึงมึงไม่ขู่ กูก็เอาออกอยู่แล้ว”


มันแก้ตัวครับ หรือว่าเป็นเรื่องจริงก็ไม่รู้ ผมเลิกสนใจจะหาคำตอบ แล้วบอกให้มันแดกๆ ข้าวให้เสร็จ จะได้กลับบ้าน เพราะผมอยากให้มันเคลียร์เรื่องไอ้เหี้ยน้ำสักที ปล่อยแบบนี้แล้วผมกังวลยังไงไม่รู้















อ่านต่อด้านล่าง
v

v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 30 : ทางเลือก [6/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 15-09-2012 14:14:32
ต่อจากข้างบน

v

v










ไอ้เชี่ยพี่ชมพูพาผมกลับบ้านครับ แต่กว่ามันจะพาผมไปถึงบ้านก็ผ่านไปอีกหลายชั่วโมง เพราะมันเสือกขับรถอ้อมแถมยังพาไปติดอีกเกือบชั่วโมง ผมแทบจะต่อยมันบนรถแล้วจับเหวี่ยงออกไปให้รถทับอีกที เปลี่ยนตัวเองมาขับให้รู้แล้วรู้รอด ด่าบนรถกันอยู่พักใหญ่นั่นล่ะถึงได้ยอม


ผมถอนหายใจพรืดอย่างเซ็งๆ กับคำตอบจากสิ่งที่มันทำว่า





‘กูจะถ่วงเวลา’


‘ถ่วงทำพ่อมึงเหรอ สัด!’





ผมย้อนมันกลับไปแบบนั้น แต่ไอ้พี่ชมพูก็ไม่ได้แยแสกับอารมณ์เสียๆ ของผมเลยสักนิด มีการยิ้มยั่วให้ผมยิ่งโมโหกว่าเดิม แล้วพอลงรถ มันยังเสือกมาจับมือผมอีก แต่ผมสะบัดออก มันก็ยังมาจับอีก


“อะไรของพี่เนี่ย”


เพราะอารมณ์เสียอยู่แล้ว มันเลยยิ่งกรุ่นกว่าเดิม แต่ไอ้พี่ชมพูยังหน้าระรื่น มันดึงแก้มผมพลางยิ้ม


“อารมณ์ดีๆ หน่อยสิมึง”


“ก็แล้วพี่ทำห่าอะไรล่ะ ก็รู้ว่าผมรออยู่ว่าพี่จะทำยังไงกับไอ้เหี้ยน้ำ แต่ก็ยังพาผมออกมา ขับรถอ้อมพาไปรถติดอีก จะเอายังไงกันแน่”


“ก็กูบอกแล้วว่ากูรอเวลา แล้วเนี่ยก็ได้เวลาพอดี ยิ้มๆ หน่อยสิมึง กูจะจัดการแล้ว”


ถึงมันจะบอกแบบนั้น แต่ผมก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี มันเลยทำเสียงอ้อนเพิ่มอีกนิด


“ยิ้มสิมึง รับรองกูจัดการให้เรียบร้อยแน่ๆ”


มันฉีกยิ้มตลกๆ เหมือนคนไม่เต็ม ผมรู้สึกว่ายิ่งรู้จักมันมากขึ้น นับวันมันก็บ้ากว่าเดิม กลายเป็นคนที่ผมนึกไม่ถึง โดยเฉพาะวันนี้


เห็นความพยายามของมันแล้ว ถึงผมจะยังรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ยอมๆ มันไป ผมฉีกยิ้มให้นิดนึง มันก็หัวเราะเบาๆ แล้วเอามือมาโอบเอวผมเอาไว้ พลางดันให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน


“โอบเอวทำไม ปล่อยดิ ผมจะเข้าบ้าน”


ผมประท้วง แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย ยิ้มลูกเดียว ไม่หุบสักที


“ไม่ต้องสนหรอก”


ไอ้หมีตัวใหญ่บอกผมแบบนั้น ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจ ก่อนจะเปลี่ยนมาจูงมือผมเข้าไปในบ้านแทน แล้วพอเข้าไป มันก็ดึงผมให้เดินไปที่ห้องนั่งเล่นทันที ผมร้องเฮ้ย ดึงมือมันเอาไว้ แต่มันก็ยังลากผมเข้าไปอยู่ดี


ป๊านั่งอยู่ในที่โซฟาตัวยาว นั่งดูรายการข่าวตอนเย็นอยู่ ผมรู้ว่าป๊าเพิ่งกลับจากบริษัท แต่ไอ้เหี้ยพี่ชมพูจะพาผมมาหาป๊าทำไมมมมมมมม


ผมรู้สึกกลัวอยู่ในใจ หัวใจเต้นตุบๆ ขอไม่ให้ผมกำลังคิดและกลัว แต่มันก็ดึงผมให้ไปยืนข้างๆ ป๊า


“คุณป๊าครับ ผมขอคุยกับคุณป๊าหน่อยได้มั้ยครับ”


เสียงไอ้พี่ชมพูเรียกความสนใจจากป๊าที่มองทีวีอยู่ได้ เพราะป๊าหันมามองพวกผมสองคน แถมยังไล่สายตาลงมองมือของผมที่ไอ้พี่หมีควายจับเอาไว้ไม่ปล่อย แล้วพอมันรู้ว่าป๊ามอง ก็ยิ่งกระชับมือให้แน่นมากกว่าเดิม ทั้งที่ผมพยายามดึงมือตัวเองออก


“นั่งสิ”


จอมเผด็จการรับคำสั่งป๊า พาผมไปนั่งที่โซฟายาวอีกตัว ซึ่งตั้งอยู่ข้างกันในลักษณะตั้งฉาก ทำเหมือนผมเป็นเด็ก


“มีเรื่องอะไรรึ ว่ามาสิ”


ป๊าถามเสียงเรียบ ส่วนผมดึงมือของตัวเองจนเป็นอิสระได้สำเร็จแล้ว แต่จะว่าเพราะไอ้พี่ชมพูมันปล่อยด้วยก็ได้ ผมมองหน้าคนตัวใหญ่ข้างกาย สลับกับป๊าด้วยความหวั่นใจ หัวใจเต้นเร็วกว่าครั้งไหนจนเกือบจะทะลุออกมา แล้วยิ่งรุนแรงกว่าเมื่อไอ้พี่ชมพูบอกป๊าว่า


“ผมเป็นแฟนกับน้องยีนครับ”








==========================
คาดว่าตอนต่อจากนี้น่าจะทิ้งห่างพอสมควรค่ะ
งานมาแล้ว ต้องไปปั่นก่อน

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ


Undel2Sky




(http://upic.me/i/1f/165509_12.jpg)


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-09-2012 14:40:44
โอ้วว พี่ชมพูแรว๊งงง มาแนะนำตัวเป็นลูกเขยเลยอ่า ไม่กลัวคุณป๊าเลย ฮ่าๆๆ

ติดตามตอนต่อไปค่าาา  :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NARUE ที่ 15-09-2012 14:44:12
กล้าหาญชาญชัยมากพี่ชมพู


 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 15-09-2012 14:50:28


   เหอๆๆ มาไม้นี้เลยเหรอพี่ท่าน
   แล้วจะรอดไหมเนี่ย



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 15-09-2012 15:07:33
นั่นแหละที่ต้องการ.  พี่ชมพู. ได้ใจ. เจ๊มากเรยยยยยยยยยยยย :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 15-09-2012 15:29:43
เจ๋งงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 15-09-2012 16:07:48
อ่านถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วตาโต O.O
อู้วววว พี่ชมพูกล้าเผชิญหน้ากับป๊าตรงๆเลยวุ้ย!
ตอนแรกไอ้เราก็สงสัยว่าพี่แกมีแผนอะไรเนี่ย กั๊กๆอยู่ได้ นึกว่าจะจัดการไอน้ำซะอีก
แบบนี้ถือว่าเข้าบุกโจมตีบอสใหญ่เลยใช่ป่ะ

ดีนะที่พี่ภูเรียกยีนไปคุยกัน ยีนก็ยอมบอกไม่อิดออด ดีแล้ว
เพราะหนึ่งเรื่องนี้พี่เค้ามีชื่อเข้ามาเกี่ยวเต็มๆ และสองเป็นเรื่องค่อนข้างจะซีเรียสอีก ควรช่วยกันสองคน
ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวของเราคนเดียวไม่เกี่ยวกับเขาก็ลุยเองเต็มที่ไปเลย ไม่เอาไปโยงกับคนอื่น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 15-09-2012 16:26:37
โดดกอดพี่ชมพู แมนมากกกกกกกกกกกก

ฉีกหน้าไอ้น้ำอย่างหาที่สุดมิได้ หึหึ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-09-2012 17:01:14
พี่ชมพูกล้ามากกกกกก o13

แต่จบแบบนี้มันค้างงงงงง :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 15-09-2012 17:36:32
อย่าหายไปนานน่ะ  คิดถึง

แอบค้างเบา เบา  :really2:

อยากรู้เรื่องของกราฟฟฟ~~~~ :z10:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarunghaja ที่ 15-09-2012 18:30:41
ค้างงงงงงงงงงงงงง  :z3:

อิพี่ชมพูแมนมาก  :-[

 :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 15-09-2012 18:35:41
อ้าว



ทิ้งให้ค้างซะงั้นง่ะ



มาต่อก่อนๆๆ   อย่าเพิ่งทำงานครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 15-09-2012 18:46:46
ค้างจริงๆตอนนี้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-09-2012 19:01:27
รอจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-09-2012 19:15:34
ไม่รู้ว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ดี แต่ก็เอาใจช่วยพี่ชมพูกับน้องเกงยีนล่ะกันเนาะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 15-09-2012 19:25:52
ค้างอ้ะ
แล้วป๋าน้องยีนจะว่ายังไงเนี่ยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 15-09-2012 19:30:19
ี่พี่ชมพูทำไรไม่ปรึกษาเล้ย เกงยีนโกรธตาย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-09-2012 19:40:32
บอกไปแล้วๆ
นี่เป็นแผนหรือนี่ :laugh:
ว่าแต่..ลุ้นคำตอบวุ้ย :z10:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-09-2012 22:36:00
โอ้วววว พี่ชมพูวววววววววววว
กล้าหาญชาญชัยดีแท้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 16-09-2012 00:39:13
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง TAT
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 16-09-2012 01:06:54
พ่อตาเตรียมลูกปินไว้รึเปล่า..
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-09-2012 01:09:50
พี่ชมภู กล้าหาญจริงๆ :really2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 16-09-2012 01:21:23
แรงตรงนี้แหละพี่ชมพู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 16-09-2012 01:40:41
พี่ภูแมนมากๆๆๆๆ. ยกนิ้วให้
ทีนี้ก็มารอลุ้นกันว่าป๊าจะว่าไง.
ป๊าอาจจะตอบว่า มาบอกทำไมป๊ารู้แล้ว 5555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 16-09-2012 02:55:28
ว้าว ว้าวววว ลุยเลยพี่ชมพู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 16-09-2012 04:05:44
อ้าว

ค้าง

อ้าว  :a5:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 16-09-2012 13:54:54
อร๊ายยย แอบตกใจว่า เอ้ามันจบแล้วนิ
ค้างอ่ะ :z3:
อยากรู้ว่า ป๊าจะตอบว่าไง
อยากเห็นคุณป๊าตอบแบบอึนๆเหมือนไม่ตกใจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bytoey ที่ 16-09-2012 22:46:46
ค้างงงงง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-09-2012 23:43:15
โอ๊ยยยค้างงงมว๊วกกกก พี่ชมพู แมนมากอ๊าาา >< กรี๊ดกร๊าดด มาต่อเร็วๆ นะคะ อยากอ่านต่อมว๊ากเลย
ชมพู <3 ไฮยีน จุ๊บๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 31 : ความรักของเรา [15/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-09-2012 21:22:37
โอ๊ยยย...มาปล่อยระเบิดทิ้งไว้ลูกใหญ่ขนาดนี้

แล้วยังจะหายไปนานอีกอ่าาาาา  :z3: :z3: :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 29-09-2012 02:11:18
ตอนที่ 32 : การเดินทาง





















ผมตัวชาวาบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินไอ้พี่ชมพูบอกป๊าอย่างนั้น ถ้าผมรู้สักนิดว่ามันจะพูดเหี้ยอะไร ผมคงไม่ปล่อยให้มันมาเหยียบบ้านผมวันนี้หรอก แม่งงงง สาดดดดเอ๊ยยยย!!!


มือไอ้พี่ชมพูถูกผมสะบัดออกอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนมันเดาได้ว่าผมจะทำอะไร  ถึงได้บีบมือของผมเอาไว้ ไม่ให้หลุดออก ผมเลยต้องเปลี่ยนเป็นรีบปฏิเสธกับป๊าทันที เพราะผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหลังจากได้ยินแบบนั้นแล้วป๊าจะรู้สึกยังไง


“ป๊า มันไม่ใช่นั้น อย่าไปเชื่อไอ้พี่ชมพู”


“พอเถอะยีน”


ทั้งที่ผมอยากแก้ตัวว่ามันไม่ใช่ความจริง ไอ้พี่ชมพูแค่สร้างเรื่อง แค่ล้อเล่น แต่ป๊ากลับบอกผมแบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกเหมือนยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าป๊าจะผิดหวังในตัวผมแค่ไหน แต่ผมรู้ว่าป๊าต้องรู้สึกแบบนั้นมากๆ เพราะผมไม่เคยมีพฤติกรรมอะไรที่จะส่อไปทางว่าผมจะเป็นเกย์ ผมจะชอบผู้ชาย แต่ป๊ามาได้ยินกับหูเองแบบนี้โดยไม่มีวี่แววมาก่อน ป๊าคงจะช็อก


ผมรู้สึกแย่มากจริงๆ เพียงแค่คิดกับตัวเอง แล้วป๊าจะรู้สึกมากกว่าผมอีกกี่เท่า ป๊าคงรับไม่ได้ ผมรู้สึกแย่จนตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูกแล้วต่อจากนี้ เพราะสายตาของป๊าที่มองมาทางผม มันแฝงไปด้วยความผิดหวังอย่างที่ผมคาดเดาไว้


“ป๊า...”


แรงที่เหลืออยู่ ผมใช้ไปกับการเรียกป๊าเสียงอ่อน ผมไม่มีแรงแม้แต่จะโกรธไอ้พี่ชมพูด้วยซ้ำที่มันทำอะไรโดยไม่ถามผมก่อน แล้วยังเป็นเรื่องร้ายแรงแบบนี้


“แต่ผมรักน้องจริงๆ นะครับคุณป๊า ผมยืนยัน และผมก็รักด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดจะคาดหวังอะไรจากน้องเลย”


ไอ้พี่ชมพูพูดอะไร มันไม่เข้าหัวของผมแล้ว ผมทรุดฮวบลงกับพื้น หมดแรงแล้วจริงๆ เพราะยิ่งเห็นสายตาของป๊าที่ยังไม่เปลี่ยนไป ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นป๊ามองผมด้วยสายตาแบบนี้แม้แต่ครั้งเดียว


ไอ้พี่ชมพูคงเห็นว่าผมจะทนยืนไม่ไหวแล้ว เลยดึงผมขึ้นมาพยุง ก่อนจะจับไปนั่งที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง และมันก็หันไปพูดกับป๊า


“ป๊าอนุญาตให้ผมกับน้องคบกันได้หรือเปล่าครับ”


“ตั้งแต่เมื่อไร”


เสียงของป๊าถามแผ่ว กดลงต่ำให้เข้มขึ้น แต่มันก็ยังไม่หวาดหวั่น ผิดกับผม ที่กำลังดำดิ่งลงในความรู้สึกแย่


“เดือนที่แล้วครับ”


เหมือนป๊าจะหมดเรื่องพูดกับไอ้พี่ชมพู หรือเพราะอยากคุยกับผมก็ไม่รู้ แต่ผมไม่มีแรงจะตอบ ไอ้พี่ชมพูเลยเสนอตัวตอบแทน ตอนนี้ป๊าเลยหันมาเรียกผมแทน


“ยีน”


ในเมื่อป๊าเจาะจงมาที่ผมแบบนี้ พี่ชมพูก็ออกหน้าอะไรไม่ได้อีก ผมจึงต้องรับคำป๊าเสียงแผ่ว


“ครับ”


“ป๊าบอกให้ยีนทำตัวดี อย่าเที่ยว เกเร สำมะเรเทเหล้า อย่ามั่วผู้หญิง แต่ป๊าไม่ได้บอกให้ยีนมีแฟนเป็นผู้ชาย”


“ครับ”


ผมตอบอะไรไม่ได้ พูดได้แค่คำเดียว สิ่งที่ป๊าพูดมาผมเข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่ผมก็ยังพยายามหาทางออก


“ถ้าป๊าไม่อยากให้ผมคบกับพี่ภู ผมเลิกกับพี่ภูก็ได้”


“เกงยีน!! มึงพูดอะไร”


มันตะเบ็งเสียงออกมาดังเหมือนไม่พอใจมาก ผมรู้ว่ามันต้องรู้สึกแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะมันพยายามแสดงออกให้รู้ว่ามันรักผม แต่ผมกลับจะขอเลิกมันเพราะหตุผลนี้


“คุณป๊าครับ ถึงคุณป๊าจะไม่พอใจที่ผมคบกับน้อง แต่ผมก็ไม่เลิกกับน้องเด็ดขาด ผมจะทำให้คุณป๊ายอมรับ และอนุญาตให้ผมคบกับน้อง”


ไอ้พี่ชมพูหันไปบอกป๊าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมเองก็มองไปที่ป๊าเหมือนกัน และพอป๊าหันมาสบตากับผม ป๊าก็ถาม


“แล้วยีนล่ะ จะยังเลิกไหม”


ผมไม่รู้ว่าเจตนาของป๊าคืออะไร จะให้ผมเลิกกับพี่ชมพู หรือถามว่าไอ้พี่ชมพูพูดถึงขนาดนี้แล้ว ผมจะยังเลิกอยู่อีกมั้ย


“ป๊า”


“จะยังอยากเลิกอีกมั้ย หรือจะทำให้ป๊าเห็นว่ายีนกับภูรักกันจริงๆ”


ป๊าคงรู้ว่าผมคาดเดาความหมายไม่ได้ เลยพูดให้ชัดเจนกว่าเดิม สร้างความหวังให้ไอ้พี่ชมพูมากทีเดียว เพราะพอผมหันไปก็เห็นว่าไอ้พี่ชมพูกำลังยิ้มอยู่ และมันก็หันมามองผมเหมือนกัน


“ป๊า.. ป๊ายอมเหรอครับ”


“หรือจะเลิก”


ป๊าถามกลับมาเล่นเอาผมลน เกือบตอบไม่ทัน


“ครับๆ ไม่เลิกแล้ว”


“แล้วพวกเราต้องทำยังไง คุณป๊าถึงจะยอมรับครับ”


เป็นวิธีโง่ๆ ที่มาถามป๊าว่าต้องการอะไร แทนที่จะคิดวิธีที่ทำให้ป๊ายอมรับความสัมพันธ์ของเราด้วยตัวเอง แต่ป๊าก็ต่อว่าไม่ได้อะไร แค่บอกมาว่า...


“ถ้าทางบ้านเธอยอมรับ ฉันก็จะยอมรับ”


สิ้นคำบอกของป๊า ผมกับพี่ชมพูหันมามองหน้ากัน โดยที่ผมไม่รู้ว่าความหวังนั้นมันจะริบหรี่หรือเปล่า มันเองก็เช่นกัน

















หลังจากคุยกับป๊าเสร็จ ผมกับไอ้พี่ชมพูก็กลับเข้ามาในห้องนอนของผม เพื่อคุยกันว่าเราจะทำยังไงต่อ เพราะป๊าดันเสนอมาอย่างนั้น แล้วก็ดูท่าว่าจะไม่เปลี่ยนใจด้วย แต่งานนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่กลุ้ม มันเองก็ไม่แพ้กัน


“พ่อแม่กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ลูกสะใภ้เป็นผู้ชาย”


ได้ยินมันพูด ผมก็ตบกะโหลกมันไปหนึ่งที ตอนนี้ผมเลิกเศร้า เพราะมันผ่านมาแล้ว ถึงจะรู้สึกแย่ที่ทำให้ป๊าผิดหวังก็ตามเหอะ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะทำอย่างที่ป๊าต้องการ


“ลูกสะใภ้ผู้ชายห่าอะไร”


“ก็มึงเนี่ยแหละ เดี๋ยวกูต้องเอาไปฝากพ่อกับแม่แล้ว มึงก็ทำใจกล้าหน้าด้านให้ได้อย่างกูล่ะ”


“งั้นผมถอย”


ผมพูดง่ายๆ แต่มันแย้งทันที


“เฮ้ย มึงไม่ใจเลยว่ะ”


“ก็พี่มันควายยยยย!!! คิดวิธีเหี้ยอะไรแบบนี้ออกมา สาดดดด ผมก็นึกว่าจะดี ถ้ารู้นะ ผมกระทืบพี่ก่อนพี่เอาหมาใส่ปากแล้ว”


ได้ทีผมก็ระบายอารมณ์ใส่ มันเลยเอาแขนมาล็อกคอผมแล้วลากตัวไปใกล้ๆ แถมยังเอากำปั้นมากดแล้วหมุนๆ บนหัวผมอีก เหมือนในชินจังนั่นแหละ มึงไม่รู้หรือไงว่ามันเจ็บบบ!!! เชี่ยยยย!!!


ผมโวยแล้วดึงมือมันออก แต่ยังไม่ทันได้กระชาก เสียงประตูห้องของผมก็ดังขึ้น ผมกับไอ้พี่ชมพูหันไปมองทางเดียวกัน แล้วก็เห็นว่าคือไอ้เหี้ยตัวหายนะที่เข้ามาทำลายชีวิตผม


“ไหนมึงบอกกูว่าเลิกแล้ว”


มันเดินมาหยุดที่เตียงแล้วกระชากผมออกจากตัวไอ้พี่ชมพูด้วย แต่พี่ชมพูก็ไม่ปล่อยผมง่ายๆ มันคว้าตัวผมเอาไว้แล้วกอดหมับทั้งตัว ยิ่งกว่าอุรังอุตังหวงลูกซะอีก แถมยังแยกเขี้ยวน้ำลายย้อนใส่ไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เปล่าหรอกครับ ไอ้พี่ชมพูมันเป็นหมีควาย จะมาแยกเขี้ยวเป็นอุรังอุตังได้ไง ความจริงผมโม้ไปงั้นเอง ไอ้พี่ชมพูมันทำหน้าเฉยชา ทำเหมือนไอ้เหี้ยน้ำไม่มีตัวตน ผมเลยย้อนกลับไป


“แล้วกูบอกเหรอว่ากูเลิกกับเขาแล้ว”


“แต่มึงก็ทำให้กูคิด”


“มึงคิดไปเอง กูช่วยไม่ได้จริงๆ วะ”


ผมทำหน้าสงสารมันเต็มที่ แต่เหมือนจะไปกระตุกต่อมโมโหของมันได้ ไอ้สัดน้ำทำหน้าหงิก ไม่พอใจสุดๆ แล้วโพล่งมา


“มึงอยากให้กูบอกป๊ามึงใช่มั้ย ว่ามึงเป็นอะไรกับมัน”


ไอ้เหี้ยไอน้ำทำหน้าเหนือกว่า แต่ผมไม่ยี่หระอะไรกับคำพูดของมันเลย และรู้สึกเหนือกว่ามันด้วยซ้ำ คงเป็นข้อดีอย่างเดียวที่ได้จากสิ่งที่ไอ้พี่ชมพูทำ


“มึงอยากบอกก็บอกไปสิ แต่ระวังหน้าแหกกลับมา”


“แหกเหี้ยอะไร มึงคิดว่ากูไม่กล้า?”


“กูรู้ว่ามึงกล้า แต่ป๊ากูรู้แล้ว”


พอผมพูดแบบนั้น ไอ้คนที่ล็อกตัวผมไว้ก็หัวเราะลั่นห้อง ทำเหมือนแม่งจะไปแข่งหัวเราะลงกินเนสต์บุ๊ค แล้วก็เป็นเรื่องสะใจสุดๆ ผมเห็นไอ้น้ำมันหน้าซีดลงไปนิดนึง ผมก็อดขำไม่ได้ มั่นใจในตัวเองดีนัก แหกบ้างนะมึง ไอ้ควายยยย


แต่ใช่ว่าแค่หัวเราะแล้วไอ้เหี้ยพี่ชมพูจะสะใจพอ มันยังดึงหน้าของผมให้หันไปทางมัน แล้วประกบลงมาแบบไม่ให้สัญญาณอะไรเลย ผมเกือบจะกระชากหัวมันออกแล้ว แต่ก็นึกได้ว่าไอ้สัดน้ำมันอยู่ในห้องด้วย แล้วก็คงกำลังมองผมอยู่ ซึ่งก็จริงตามที่ผมคิด เพราะเหลือบตาไปมองมันทางหางตา ก็เห็นว่ามันกำลังทำหน้าเจ็บใจที่เอาชนะพวกผมไม่ได้


เห็นแบบนั้นผมเลยกดท้ายทอยของไอ้พี่ชมพู ให้ปากของมันแนบปากของผมได้สนิทกว่าเดิม ไอ้หมีควายมันเลยได้ที ดูดปากผมอย่างเมามันแล้วยังสอดลิ้นเข้ามาล้วงๆ ควักๆ ในปากของผมซะอีก แต่ผมก็ยอมตามน้ำไป ตวัดลิ้นเล่นกับมันไปด้วย


แต่เท่านั้นคงยังไม่พอสำหรับไอ้หมีกาม มันผลักผมให้หงายเงิบลงบนเตียงและคร่อมตัวผมเอาไว้ ทั้งที่ปากของเรายังไม่ได้แยกจากกัน มือหยาบใหญ่ล้วงเข้ามาใส่เสื้อของผมอย่างชำนาญ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะถ้าผมเผลอเมื่อไหร่ มันก็จะพร้อมจะเอาเปรียบผมทุกทาง พยายามจะทำให้ผมออกปากว่ายอมมันให้ได้ แต่ก็ไม่เคยสักครั้ง


ผมรับจูบหนักๆ มือก็ลูบหลังของคนจูบไปด้วย รู้สึกว่าอารมณ์เริ่มคุขึ้นมา เพราะไอ้คนข้างบนเสือกจริงจังเกินไป ผมก็ผู้ชาย ไฟมันติดง่ายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ลืมที่จะเหลือบมองไอ้น้ำที่ยังคงจ้องมาที่ผม อย่างกับว่าอยากเห็นผมกับไอ้พี่ชมพูกระแทกกันจนเสร็จ ผมเลยสะกิดไอ้คนที่กำลังจะลงมาละเลงลิ้นกับหัวนมของผม เรียกสติให้มันรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน


นักฉวยโอกาสมือทองหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ยิ้มเยาะหน่อยๆ ก่อนจะบอกไอ้คนที่ยืนตัวแข็งจ้องผมกับมัน ตาไม่กะพริบ จริงๆ แล้วไอ้เชี่ยนี่อยากดูใช่มั้ยเนี่ย?!!


“มึงอยากดูจนจบมั้ย กูจะได้จัดที่นั่งให้มึง”


ไอ้พี่ชมพูถามอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะหันกลับมาดูดปากผมแรงๆ หนึ่งที


“แต่กูว่าคงไม่จำเป็นที่กูจะต้องแสดงความเป็นผัวเมียให้คนนอกดูหรอกมั้ง”


มันพูดเน้นย้ำสถานะให้มากกว่าเดิม แต่ผมเนี่ยแหละอยากเตะมันนัก แต่ติดที่ว่าตอนนี้ยังทำไม่ได้ ส่วนไอ้คนที่หมีควายพูดด้วยกลับไม่สนใจ มันเลยหันมาพูดกับผมแทน


“เกงยีน ไอ้ห่านั่นอยากได้ยินเสียงมึงครางวะ”


คิ้วของผมกระตุก ตีนก็กระตุก แต่ก็ต้องยอมนิ่งเฉย ยิ้มแย้มตอบมันไปอย่างโคตรตอแหลเขาทลายสึนามิถล่ม


“ผมไม่อยากให้ใครได้ยิน”


“เฮ้ย มึงได้ยินมั้ยวะว่าเมียกูไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงคราง เมียกูอยากให้กูฟังคนเดียว”


โอ้โห ไอ้เหี้ยยยยย!!! ผมอยากตะโกนคำนี้ใส่มันมาก สาดดดดเอ๊ยยยย พอเห็นว่ากูทำอะไรไม่ได้มึงเอาใหญ่เลยนะไอ้หมีควาย ไอ้สังคังชักกระตุก ไอ้เปรตขี้แตกแหกตูด


“เพราะงั้นมึงก็.. ไสหัวไปได้แล้ว”


มันพูดยิ้มๆ พลางพยักพเยิดให้ไอ้คนที่มันพูดด้วย เชิงเป็นคำสั่ง ซึ่งคราวนี้ไอ้สัดน้ำก็ยอมออกจากห้องไป และเมื่อในห้องไม่มีไอ้เลวน้ำ ก็สบายกูละ ผมถีบไอ้พี่ชมพูออกจากตัวทันที และไม่ใช่เบาๆ คนโดนถีบกระเด็นตกเตียงไปเลยด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ยพี่ชมพูกุมท้องโอดโอยเรียกความยุติธรรมที่ผมไม่มีให้


“มึงถีบกูทำไม”


“แล้วเมื่อกี้พี่พูดเหี้ยอะไรครับ เห็นผมตอบโต้ไม่ได้ก็เอาใหญ่เลยนะ”


“เอาน่ะกูอยาก แต่ใหญ่นะใช่กูเลย”


มันยังมีหน้ามากวนตีน ผมดึงเสื้อยืดที่ใส่อยู่ลง เพราะเมื่อกี้แม่งล้วงจนเสื้อที่ผมใส่อยู่เลิกขึ้นจนเกือบถึงหัวนม แล้วดันตัวขึ้นนั่ง ลูบผมยุ่งกระเซิงให้กลับเข้าที่


“อย่ามัวแต่พูดมาก มาคิดต่อเลยว่าจะเอายังไง”


“ทำให้เสร็จ”


ไม่ต้องเดาเลยว่ามันหมายถึงความหมายในแง่ไหน ไอ้ห่าาา


“อยากให้ผมออกกำลังกายมากสินะ”


มันยังกวนไม่เลิก หนำซ้ำยังทำหน้าหน้าน่าประเคนตีนใส่สุดๆ ผมเลยลุกขึ้นมายืนบนเตียง บิดคอ บิดข้อมือ ให้กระดูกลั่นเล่นๆ กะว่าถ้ามันยังกวนตีนผมอีกรอบ ผมจะเตะเสยคางมันแบบจัดเต็มเนี่ยแหละ


“เอ่อ.. โอเค ได้ มึงลงมาก่อน”


ดูท่าว่ามันจะเกรงๆ ลูกเตะของผมอยู่เหมือนกัน เลยยอมพูดดีๆ เดินมานั่งที่เตียงแล้วดึงมือผมให้นั่งลงด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังบ่นอุบอิบ


“มึงทำของกูหดเลย”


“สมควร หึ”




















สรุปแล้ว พี่ชมพูก็ชวนผมให้ไปบ้านมันที่เชียงใหม่ จะได้จัดการอะไรให้เรียบร้อย เพราะมันไม่แน่ใจว่าถ้าขืนชักช้าป๊าจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า สุดท้ายก็ต้องออกเดินทางกัน ทั้งที่ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลยว่าพ่อกับแม่ของมันจะรับเรื่องนี้ได้


แต่ว่าใช่ว่าเราจะไปกันแบบสบายๆ นะครับ แทนที่จะตีตั๋วขึ้นเครื่อง แค่สองชั่วโมงก็ถึง มันเสือกบอกว่าจะขับรถไปเอง จะได้แวะเที่ยวระหว่างทางได้ด้วย ดูมันก็ยังจะมีอารมณ์สุนทรีย์ มันแวะสวนนกชัยนาท เขื่อนภูมิพล ซื้อขนมจากนครสวรรค์ไปฝากพ่อฝากแม่มัน ไปดูโบราณสถานอย่างวัดพระแก้วที่กำแพงเพชร


เราได้รูปมาเป็นกระตั๊ก เพราะพี่ชมพูบังคับผมให้ถ่ายด้วยกัน และแน่นอนว่าเราออกต่างหวัด มันค่อนข้างจะปลอดภัยสำหรับผม ดีว่ามันไม่เข้าไปเที่ยวปายด้วย เพราะงั้นผมจึงไม่ต้องแว่นตา พลอยให้ผมรู้สึกเป็นอิสระมากกว่าเดิม เพราะไม่ต้องคอยสร้างภาพเผื่อใครพบเห็น





‘ไว้เคลียร์เรื่องบ้านกูเสร็จ ก็ชวนเพื่อนมึงกับเพื่อนกูมาเที่ยวปายกัน’





นั่นเป็นคำชวนก่อนพี่ชมพูจะพาผมไปถึงบ้าน ผมก็เออออ เพราะจะไปปายต้องข้ามเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน ยังไงก็ต้องผ่านบ้านมันก่อนอยู่แล้ว แถมนี่ยังเหลืออีกแค่อาทิตย์กว่าๆ ก็จะเปิดเทอมแล้วด้วย ยังไม่รู้เลยว่าจะทำให้พ่อกับแม่มันยอมรับได้เมื่อไหร่ ถ้าไม่ทันเปิดเทอมก็คงต้องตัดใจไปก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าป๊าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงเหมือนกัน


บ้านของมันอยู่ในรีสอร์ทขนาดใหญ่ของเชียงใหม่ ปกคลุมด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ ด้านหนึ่งมองเห็นเขาสูงที่ผมเดาว่าเป็นดอยอินทนนท์ เพราะตอนเด็กครอบครัวของผมเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งนึง


พี่ชมพูขับรถผ่านเข้าไปด้านในหลังจากพนักงานหน้าทางเข้าของรีสอร์ทเปิดทางให้อย่างกระตือรือร้น สงสัยคงดีใจที่นายน้อยของบ้านกลับมามั้ง ผมมารู้จากพี่ชมพูว่ารีสอร์ทแห่งนี้จะไม่ให้คนภายนอกเข้าออก เพื่อให้ลูกค้าได้พักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัวและเพื่อความปลอดภัย


รถที่ผมนั่งวิ่งไปตามถนสองเลนเลยบ้านพักหลังอื่นๆ ไป ทุกเรือนในคุ้มนี้ทำด้วยไม้ทั้งสิ้น ทรงของบ้านก็ออกแบบให้เป็นแบบล้านนา ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ผมก็แอบคิดไม่ได้ ถ้าหากว่ามีใครไม่ระวังทำไฟไหม้ จะวอดวายกันทั้งคุ้มหรือเปล่า


“ที่นี่สวยกว่าระยองที่เคยไปทำหนังสั้นคราวนั้นซะอีก”


ผมว่ามันมีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์และมนต์ขลัง ทำให้ซึมซาบไปกับอารยธรรมเก่าแก่ได้มากกว่า ถึงได้ดูน่าสนใจและน่าอยู่อาศัย


“ก็ที่นี่มันได้มีกลิ่นอายล้านนา แต่ที่นั่นแค่สร้างบรรยากศให้ดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนเฉยๆ”


“แต่ถ้าไฟไหม้นี่คงฉิบหายวายวอดสินะ”


“ไม่หรอก เห็นข้างนอกเป็นไม้แบบนั้น แต่จริงๆ ข้างในเป็นปู แล้วปิดด้วยไม้ประดู่อีกที”



“ย้อมแมวนั่นเอง”


ผมพูดเหน็บๆ มัน แต่ใจจริงไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก ผมว่าก็เป็นการป้องกันที่ดี ซึ่งดูเหมือนไอ้พี่ชมพูจะรู้ว่าผมคิดยังไง ถึงได้ย้อนกลั้วขำ


“มึงจะมาแอบเผาบ้านกูเหรอ”


“ถ้าเผาก็โง่แล้ว สู้เอามาเป็นของตัวเองยังดีซะกว่า”


“มึงอยากได้?”


“ถ้ามีตังค์ก็คงจะขอซื้อบ้านสักหลังนึงมั้ง เอาหลังใหญ่สุด พี่ต้องลดราคาให้ผมครึ่งนึงด้วย”


เพราะบ้านพักแต่ละหลังนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ประหนึ่งเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยได้เสียด้วยซ้ำ จะมีหลังเล็กลงก็เป็นแบบใช้ค้างคืนทั่วไป ที่ผมคาดว่าคงไม่มีครัว ไม่มีลานจอดรถ เหมือนรีสอร์ททั่วๆ ไป นอกจากนั้นยังมีบ้านหลังขนาดใหญ่อยู่อีกฟากหนึ่งสำหรับครอบครัวใหญ่


“ไว้มึงคบกับกูสักสามสิบสี่สิบปี มึงก็ได้เป็นเจ้าของเองล่ะ  ไม่ต้องควักกระเป๋าด้วยซ้ำ”


“ถ้าผมคบกับพี่นานขนาดนั้น พี่จะยกให้ผมเหรอ”


“มึงเอาป่ะล่ะ”


ผมหัวเราะร่วน หัวเราะแบบไม่เชื่อคำพูดของมัน เลยโดยมือใหญ่ๆ ที่ละจากพวงมาลัยมาขยี้หัว ด้วยความหมั่นไส้ ไม่พอใจ หรือหงุดหงิด ก็ไม่รู้ แต่มันก็ทำเสียงขู่ผมนิดๆ


“มึงคิดว่าไม่รอดเหรอ”


“แล้วพี่คิดว่าจะรอด?”


มันละมือออกจากหัวของผมแล้วไปจับพวงมาลัยต่อ


“มึงเห็นกูไม่หนักแน่นหรือไง”


“เปล่า ก็แค่ ไม่แน่ใจแค่นั้น”


ถึงบ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่ด้านในสุดของรีสอร์ทหรือที่ไอ้พี่ชมพูมันเรียกว่าคุ้ม มันก็หยุดและหันมาพูดกับผมแบบเผชิญหน้ากันตรงๆ


“เดี๋ยวกูทำให้ดู”


“ทำอะไร”


ผมออกจะงงๆ นิดหน่อย เพราะเหมือนเรื่องมันเริ่มออกทะเล


“ทำให้มึงรักกูจนโงหัวไม่ขึ้นไง”


“โธ่ ขี้โม้ว่ะ”


เย้ยมันเสร็จ ผมก็ลงจากรถ มันไม่ได้ต่อประโยคอะไรต่อ เพราะคงรู้สันดานผมแล้วว่าแค่พูดหยอก พูดล้อไปแค่นั้น ไม่ได้จริงจังอะไร


ผมหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมของมาสำหรับอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์ออกมาจากเบาะหลังของรถ ไอ้พี่ชมพูก็ทำอย่างเดียวกัน แต่กระเป๋ามันใบเล็กกว่า


“เข้าบ้านกัน”


พี่ชมพูเดินมายืนอยู่ข้างผมแล้วชวนอย่างกับผมสนิทสนมกับคนในบ้านหลังนี้งั้นแหละ แต่ผมก็เดินตามมันขึ้นไปอยู่ดี


ผมสังเกตว่าบ้านหลังนี้มีความแตกต่างจากบ้านหลังอื่นๆ อยู่ เพราะบ้านหลังอื่นที่เปิดให้แขกเข้าพักจะทำด้วยไม้ประดู่ตามที่มันบอก ส่วนบ้านหลังนี้น่าจะทำจากไม้สัก มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับทุกเรือนในคุ้มนี้ แต่ก็คงสมฐานะเจ้าของรีสอร์ทนั่นล่ะ


พวกเราเดินขึ้นไปจนถึงด้านบนของบ้าน ก็เห็นว่าผู้หญิงมีอายุกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่คนเดียว ผมเดาว่าคงเป็นแม่ของคนที่พาผมมาที่นี่ เพราะมันพาผมเดินตรงเข้าไปหา วางกระเป๋าข้างๆ ม้านั่งที่มีเบาะนุ่มๆ วางรองไว้เพื่อไม่ให้เจ็บเวลานั่ง


พี่ชมพูยกมือไหว้แม่ ผมก็ทำตาม แล้วก็ไม่พ้นว่าแม่มันถามถึงคนแปลกหน้าอย่างผมว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ไอ้พี่ชมพูก็ดีตรงนี้แหละ มันแนะนำผมกับแม่ให้เองเลย


“รุ่นน้องที่มหา’ลัยครับ แล้วนี่พ่อกับทีไปไหนกันหมดครับ”


“พ่อเขาไปออฟฟิศ ไปดูความเรียบร้อย ส่วนทีไปซื้อของ สักพักก็กลับ”


“อ๋อ งั้นเดี๋ยวผมพายีนไปเก็บของก่อนนะ”


“เก็บเสร็จแล้วก็ออกมานั่งคุยกับแม่ด้วย” แม่พูดกับไอ้หมีควายตัวโต ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ตามสบายนะลูก”


“ขอบคุณครับ”


ผมยกมือไหว้อีก มารยาทดีครับ ฮ่าๆๆ แล้วพอผมไหว้แม่มันเสร็จ มันก็พาผมมาที่ห้อง ตอนแรกผมนึกว่ามันจะอาจหาญให้ผมนอนห้องเดียวกับมันแล้ว แต่นี่ได้ห้องข้างๆ ครับ


หลังจากเอาของไปเก็บที่ห้องแล้ว ผมก็เดินไปที่ห้องมัน เรื่องเคาะประตูคงไม่ต้อง เพราะมันเองก็ไม่เคยเคาะประตูห้องผมเหมือนกัน เข้าไปแล้วผมก็เห็นมันจัดของใช้ที่เอาติดมาด้วยให้เป็นระเบียบ ส่วนเสื้อผ้ามันไม่ได้เอามา เพราะมันต้องมีเก็บไว้ที่บ้านอยู่แล้ว ผมเลยไปนั่งรอที่เตียง


“มึงไม่จัดของเหรอ”


“ไว้เดี๋ยวค่อยจัดก็ได้”


“งั้นรอกูเดี๋ยว”


พี่ชมพูบอกอย่างนั้นทั้งที่มือยังไม่ละจากของซึ่งกำลังจัดวางบนโต๊ะ เมื่อจัดเสร็จ มือใหญ่ก็หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า มันเอาชุดมาวางบนเตียงข้างๆ ผม แล้วถอดเสื้อออกที่ใส่อยู่ออก ก่อนจะใส่เสื้อตัวใหม่เข้าไปแทน จากเสื้อคอวีที่ค่อนข้างดูดี แต่ตอนนี้กลายเป็นเสื้อยืดคอกลมธรรมดา แต่มันไม่เปลี่ยนแค่เสื้ออย่างเดียว ยังเปลี่ยนกางเกงต่อหน้าผมหน้าตาเฉย จากยีนขายาวก็กลายเป็นกางเกงผ้าสั้นเท่าเข่า


“มึงไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไง ใส่กางเกงยีนอยู่บ้าน ไม่เกะกะเหรอ”


“ไม่ได้เอาขาสั้นมาอะดิ”


ผมตอบ ไม่ได้เตรียมไว้เลย เพราะไม่ใช่เจ้าของบ้านที่จะแต่งตัวสบายๆ ได้ มันเลยเดินไปหยิบกางเกงตัวขาสั้นที่คล้ายๆ กันมาให้ผม ผมก็เดินกลับห้องไปเปลี่ยนทั้งเสื้อและกางเกง แต่คราวนี้แต่งตัวก็ไม่ต้องเดินไปห้องข้างๆ แล้ว เพราะไอ้พี่ชมพูมันมาหาที่ห้องแทน


“ใส่ได้ป่ะวะ”


“หลวมไปหน่อย แต่ใส่เข็มขัดก็โอเค”

“อืม งั้นเดี๋ยวออกไปหาแม่กัน”


หมีตัวใหญ่หมุนตัว จะเดินออกจากห้อง แต่ผมเรียกมันไว้ก่อน มันเลยหันมาหา


“พ่อกับแม่พี่นี่เขาแอนตี้เรื่องแบบนี้ป่ะ”


“เรื่องแบบไหน” มันทำหน้างงๆ อยู่แป๊บนึงก่อนจะถามต่อ “ที่ผู้ชายรักกับผู้ชายน่ะเหรอ”


“อือ”


ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปหามัน มันเลยเอามือลูบหัวของผมเบาๆ ทำอย่างกับมันรู้งั้นแหละว่าผมรู้สึกดีเวลาถูกทำแบบนี้ แต่ใช่ว่ามือมันจะลูบๆ อยู่บนหัวผมอย่างเดียว มันลูบลงมาถึงแก้มด้วย บีบเบาๆ เหมือนจะแสดงความห่วงใยมั้ง ผมเดา เพราะเห็นมันมองผมด้วยอารมณ์คล้ายๆ แบบนั้น


“กูไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่ว่ะ เลยไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน มึงก็รู้ว่ามึงเป็นผู้ชายคนแรกที่กูรักน่ะ แล้วมึงก็ไม่ใช่รักแรกด้วย”



“...”


“กูเลยเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่รักมึง”







ต่อด้านล่างค่ะ

v

v







หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 29-09-2012 02:12:26
ต่อจากข้างบน




v

v

มันพูดแบบเปิดอกแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนกัน ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นะ ที่ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะหันมาชอบเพศเดียวกัน อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา และยอมรับมันได้โดยไม่ขัดแย้งในใจ เพราะกว่าผมจะยอมรับและเปิดโอกาสให้มันก็ต้องคิดแล้วคิดอีก


“แต่กูจะพยายามทำให้พ่อแม่ไม่ต่อต้านมึง โอเค?”


“อืม”


ผมแค่ครางเสียงรับรู้ในคำพูดของมัน แต่ก็มากพอสำหรับพี่ชมพูแล้ว มันถึงได้จูบเบาๆ ลงบนหน้าผากของผม แล้วจูงมือให้เดินออกจากห้อง แต่จูงถึงหน้าห้องแค่นั้นมันก็ปล่อยออก แล้วเปลี่ยนเป็นเดินนำผมกลับไปที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม


ผมกับพี่ชมพูนั่งลงบนม้านั่งไม้ ซึ่งตั้งฉากอยู่กับม้านั่งของแม่พี่ชมพู คล้ายๆ กับห้องนั่งเล่นของบ้านผมนั่นแหละ


“กินอะไรกันมาหรือยัง ถ้ายัง แม่จะให้เด็กๆ ตั้งโต๊ะให้”


พอเราสองคนนั่งกันเรียบร้อย แม่ของพี่ชมพูก็ถามทันที แล้วก็เป็นพี่ชมพูเหมือนเดิมที่ตอบคำถาม


“เรียบร้อยแล้วครับ”


เมื่อเช้าเรากินอาหารของโรงแรมที่เราไปพักก่อนจะออกมาที่นี่กัน จึงยังไม่หิว เพราะเพิ่งผ่านมาชั่วโมงกว่าเอง ส่วนเรื่องในโรงแรมเมื่อคืนก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พอเข้าโรงแรมก็กินข้าว อาบน้ำ แล้วนอน ไอ้พี่ชมพูก็นอนกอดผมจนเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ซึ่งก็ดีแล้ว ผมขี้เกียจจะมาสู้รบกับแม่ง


“อืม แล้วนี่น้องเขาชื่ออะไร แม่จะได้เรียกถูก”


“ชื่อไฮยีนครับ”


พี่ชมพูตอบให้เสร็จสรรพ แม่มันได้คำตอบก็หันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบกลับ ยังวางตัวไม่ถูกสักเท่าไหร่ คงเพราะว่าเป็นแม่ของไอ้พี่ชมพูด้วยนั่นแหละ ผมถึงรู้สึกประหม่าอยู่หน่อยๆ ยังเกรงๆ ว่าถ้ารู้ว่าผมกับพี่ชมพูเป็นแฟนกัน แม่มันจะเป็นยังไง ไหนจะพ่อมันอีก เพราะผมมีแค่ป๊า ยังเจอด่านใหญ่เลย แต่นี่ของมันมีตั้งสองคน ผมเลยอดหวั่นไม่ได้


“งั้นแม่เรียกน้องยีนแล้วกันนะ”


“ครับ”


ไอ้พี่ชมพูอมยิ้มกับคำเรียกนั้น เพราะมันเหมือนกับแม่ของมันกำลังเอ็นดูผม แต่ผมไม่รู้ว่าจะแค่ตอนนี้หรือเปล่า


“น้องยีนคงสนิทกับภูสินะ ภูถึงพามาบ้านได้ ปกติจะมีเพื่อนๆ มาเที่ยวเล่นก็ตอนปิดเทอมใหญ แต่คราวนี้มาแปลก”


ผมรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเลยกับคำพูดประโยคนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะจับความผิดปกตินี้ได้หรือเปล่า


“ก็สนิทกันครับ ผมเป็นพี่ที่ดูแลยีนตอนอยู่มหา’ลัย เพราะยีนอยู่ปีหนึ่งครับ”


โล่งใจอยู่หน่อยๆ ที่ไอ้พี่ชมพูไม่เรียกผมว่าน้องต่อหน้าแม่ของมันเหมือนตอนที่มันเรียกผมตอนอยู่กับป๊า เพราะไม่อย่างนั้นคงสงสัยหนักกว่าเก่าแน่


“อย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมพามาเที่ยวคนเดียวล่ะ คนอื่นไม่มาหรือ”


“ครับ คนอื่นๆ เขาไม่ว่าง”


“อืม แล้วจะอยู่กี่วันกันจ๊ะ”


คราวนี้แม่ของพี่ชมพูหันมายิ้มให้ผม พลอยให้รู้สึกโล่งออกขึ้นเป็นกอง แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ผมจึงพยายามทำตัวนิ่งเฉยให้มากที่สุด


“น่าจะอาทิตย์นึงครับ เพราะใกล้เปิดเทอมแล้ว”


“จ้ะ ตาภู ไม่คิดจะให้น้องตอบแม่บ้างเลยหรือไงนะเรา”


เห็นไอ้พี่ชมพูโดนดุ ผมก็แอบขำในใจอยู่ แต่ไอ้คนที่ถูกผมหัวเราะกลับไม่สะทกสะท้าน ก็คงตามประสาหน้าด้านของมันนั่นแหละครับ


“ก็น้องเขาประหม่านี่ครับ เขากลัวว่าแม่จะดุ”


“กลัวทำไมกัน” แม่พี่ชมพูบอกอย่างนั้นแล้วหันหน้ามาสบตากับผมตรงๆ จนผมอยากจะหลุบตาหนี “แม่ไม่ดุหรอกนะ น้องยีนสบายใจได้ ถ้าจะดุ แม่ก็จะดุพี่ภูแทนนะจ๊ะ”


รอยยิ้มใจดีส่งมาให้ ทำให้ผมเบาใจกว่าเดิม หันไปยิ้มให้กับรุ่นพี่ตัวโต ทว่าไม่ใช่เพราะความดีใจ แต่ตลกหมีตัวใหญ่กำลังทำหน้าปุเลี่ยนๆ ที่รู้ว่าตัวเองจถูกดุแทนผม สมน้ำหน้า แบร่ๆๆๆ


ผมหันไปแลบลิ้นให้พี่ชมพูนิดๆ มันเลยมองผมตาขวาง แต่ระหว่างที่เรากำลังก่อสงครามกันเงียบๆ เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นมา


“อ้าว ภู กลับมาแล้วเหรอ ไหนมาบอกว่าคราวนี้ไม่กลับ”


ชายวัยห้าสิบเดินมานั่งลงข้างๆ แม่ของพี่ชมพู และก็คิดไม่ยากว่าเขาเป็นใคร ผมยกมือไหว้ พร้อมๆ กับไอ้พี่ชมพู


“หวัดดีครับ พ่อ”


“เออๆ ดีๆ แล้วนี่ใครกัน”

พ่อของพี่ชมพูหันมาเห็นผมพอดี คนที่นั่งข้างๆ พ่อมันจึงตอบให้ ผมนึกชอบคุณแม่ของพี่ชมพูที่อธิบายให้คนถามฟัง พ่อของพี่ชมพูเลยพยักหน้าอย่างเข้าใจสองสามที


“ภูมันอยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”


ผมโดนถามตรงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพ่อของมันจ้องหน้าผมไม่กะพริบตา ผมเลยยิ้มเจื่อนๆ กลับไป ก่อนจะตอบไปตามตรง


“เพราะว่าเป็นประธานชั้นปี ก็เลยดูบ้าอำนาจ เผด็จการ แต่รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือพวกเพื่อนๆ กันก็ไม่มีใครเกลียดพี่..ภูนะครับ”


รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยที่ต้องเรียกชื่อไอ้พี่ชมพูว่า ภู เหมือนอย่างชื่อจริงมัน เพราะเอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยเรียกมันแบบนี้เลย นอกจากเวลาจะเหน็บหรืออะไร แล้วก็ต่อหน้าป๊าเท่านั้นน แต่ดูเหมือนคำตอบของผมจะเป็นที่พอใจของพ่อกับแม่พี่ชมพู เพราะพ่อของไอ้หมีหัวเราะเสียงดัง ส่วนแม่ก็ยิ้มๆ


“เออๆ เรานี่ร้ายไม่เบา กล้าว่ามันด้วย ดีๆ”


“โธ่พ่อ ผมไม่ได้นิสัยเสียขนาดนั้นสักหน่อย”


ถึงไอ้พี่ชมพูจะแก้ตัว แต่พ่อของมันก็ยังหัวเราะอยู่ ไอ้หมียัษ์เลยทำหน้าบูดใส่ เห็นแล้วผมก็ขำ เพราะมันทำตัวเหมือนเป็นเด็กเลย แต่นอกจากพ่อของมันที่เพิ่งเข้าบ้านมาแล้ว ยังมีอีกคนที่เพิ่งมา เสียงหวานๆ ดังมาจากทางด้านนอก


“หัวเราะอะไรกันคะ เสียงดังลั่นเลย มาช่วยทีหิ้วของก่อน”


ได้ยินเสียงนั้น พี่ชมพูก็รีบลุกเดินออกไปนอกบ้าน ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับถุงของใช้เต็มสองมือ ตามด้วยเสียงบ่นของผู้หญิงรุ่นๆ เดียวกับผมที่เดินตามหลังมันมา


“พี่ภูไม่ยอมบอกทีเลยนะว่าจะกลับมา ทีจะได้รอแล้วให้ไปซื้อของด้วยกัน เห็นมั้ยว่าน้องต้องแบกของกลับมาเองคนเดียว”


“ก็พี่ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาถึงวันไหน”


มันตอบกลับก่อนจะวางของลงบนโต๊ะซึ่งอยู่ตรงหน้าพวกเราทุกคน และนั่งลงข้างผมเหมือนเดิม ส่วนคนที่มาใหม่ก็ไปนั่งม้านั่งอีกฝั่งหนึ่งซึ่งตรงข้ามกับผมและไอ้พี่ชมพู และเพราะเราต่างนั่งตรงข้ามกัน ทำให้ผมต้องมองเธออย่างช่วยไม่ได้ แต่เห็นหน้าเธอแล้ว ผมกลับรู้สึกคุ้นๆ และเธอเองก็คงรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เพราะผมเห็นเธอจ้องเขม็งมาที่ผม


“เดี๋ยวแนะนำก่อนนะ” พี่ชมพูขัดขึ้น “นั่นน้องสาวฉัน ชื่อที ชมนที ทีนี่รุ่นน้องของพี่ชื่อไฮยีน”


ชื่อที่พี่ชมพูบอกมามันสะกิดอะไรบางอย่างในความทรงจำของผมขึ้นมาได้ ผมเบิกตาขึ้น และเธอเองก็อยู่ในอาการเดียวกันกับผม ปากของเธอหลุดเสียงออกมาแผ่วเบา


“ไฮ....ยีน?”











====================
ทรมานกับการอัพตอนนี้มาก เพราะว่าง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว แต่ก็อยากให้เสร็จ :z10:

มาแต่งตอนนี้เพราะแอบอู้ คิดงานไม่ออก

เรื่องนี้ใกล้จบแล้วนะคะ เหลืออีกประมาณ 4-5 ตอน

ขอบคุณที่คิดตามกันค่ะ


Undel2Sky



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 29-09-2012 02:29:32
 :serius2: ที กับ ยีน มีไรกันป่าวอ่ะ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 29-09-2012 06:52:24
ทีกับยีนมีอะไรกันอ่า
รีบๆมาเฉลยนะคะ

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-09-2012 06:56:22
 o22


รู้จักกันมาก่อนหรอ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: NARUE ที่ 29-09-2012 07:38:31
 :serius2:


ค้างนะ ทีกับยีน รู้จักกันเชิงไหนเนี๊ย????
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 29-09-2012 09:07:32
หวังว่าทีกับยีน จะรู้จักกันในทางที่ดีนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 29-09-2012 09:17:29
ทีเป็นแฟนเพื่อนไฮยีนคนใดคนหนึ่งป่าวน๊อ ชักจะลืมๆ เรื่องละ  :really2:

เค้าไม่กินมาม่านะคนแต่ง  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 29-09-2012 09:19:01
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 29-09-2012 11:21:09
เดาๆ

ไม่ทีกับยีน เคยเป็นแฟนกันก็ เพื่อนของทีที่เคยเป็นแฟนกับยีน
หรือไม่ก็ เคยมีเหตุการณ์อะไรบางอย่าง ทำให้สองคนนี้เคยพบกัน มาก่อน โอ้วว ตื่นเต้นน!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-09-2012 14:53:27
อุ๊ย !  จบตอนแบบให้มีอะไรคาใจซะงั้น ยีน ที มีความหลังอะไรร่วมกันนะ
และด่านพ่อกับแม่พี่ชมพูนี่จะผ่านง่ายๆเหมือนด่านพ่อของยีนรีเปล่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-09-2012 15:09:38
เอ้ย ,,อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนเก่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-09-2012 15:26:18
งานจะเข้าเกงยีนมั๊ยน๊า :z2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 29-09-2012 16:08:40



     มาไกลถึงเชียงใหม่แต่ดันเจอคนรู้จักซะงั้น
     คราวนี้มาแบบความหลังดีๆ หรือมีคดีเก่าติดตัวกันแน่ล่ะน้องยีน



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 29-09-2012 16:13:45
อืมมมมม ชื่อคุ้นๆ ว่าจะเกี่ยวอะไรกะเพื่อนๆยีนส์อ่ะเปล่าา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 29-09-2012 20:35:41
ป๊ะๆ จะผ่านด่านนี้หรือเปล่าน้า :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bytoey ที่ 30-09-2012 10:40:13
เป็นอะไรกันอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 30-09-2012 18:28:29
อยากรู้เรื่องราวต่อจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 30-09-2012 20:01:15
ไฮยีนแล้วอะไรต่อง่า แงงงง ค้างมาก รีบมาต่อไวไวนะค้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-09-2012 21:10:26
รอจ้า :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 01-10-2012 14:18:05
ค้างแล้วค้างอีกกกกกกกกกกกก 5555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: loveboys ที่ 01-10-2012 23:18:17
หวังว่าคงจะไม่ใช่เรื่องยุ่ง  ๆ นะครับ ขอให้ผ่านไปด้วยดีด้วยเถิ๊ดดดดดด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 02-10-2012 14:25:58
น่านนนนนนน มาม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 02-10-2012 23:58:51
จะรูจักกันแบบไหนเน้อ ชักหวั่นๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pimmae12 ที่ 03-10-2012 00:08:02
อ่านทันแล้ว เย้ !
มาต่อไวๆนะคะกำลังเข้มข้นเลยย  :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 03-10-2012 19:26:42
ยีนกับทีต้องรู้จักกันมาก่อนแน่เลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 03-10-2012 20:43:54
เปนรายกัน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 03-10-2012 20:50:15
งานเข้าแล้วไหมล่ะน้องยีน
ขอให้เข้าในเรื่องดีๆนะ อย่ารังแกน้องมันมากสงสารT_T
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 04-10-2012 02:14:13
 :call:  มาต่อด่วนๆ

คิดถึง+ค้างเบาๆนะ ตอนนี้  :laugh:
ใกล้จบแล้ว    o22   ขอตอนพิเศษเยอะๆเลยน่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 32 : การเดินทาง [29/9/55]
เริ่มหัวข้อโดย: 【focus_kung】 ที่ 04-10-2012 11:37:41
บอกได้เลยว่าถ้าทีเป็นแฟนคนใดคนหนึ่งจริงก็... ตายห่า

555555555

ค้างค่ะ -..- มาต่อเร็วนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 12-10-2012 01:34:36
ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ



















“ไม่นึกเลยนะว่าเราจะได้เจอกันอีก”


บรรยากาศตอนนี้โคตรดี ท้องฟ้ามืดดำ มีแสงดาวระยิบระยับประปราย แต่ก็มองเห็นได้ชัดกว่าตอนอยู่กรุงเทพ อากาศเย็นๆ ของช่วงเวลาสามทุ่มทำให้ผมอดไม่ได้จะออกมานั่งเล่นที่ชานเรือนชั้นสอง แต่ถึงทุกอย่างจะดีสักเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างพังทลายก็คือเธอ


คนที่เดินมานั่งข้างๆ ผมที่ยื่นเท้าออกไปห้อยอยู่ด้านนอกรั้วไม้คือ ที คนที่ไอ้พี่ชมพูแนะนำว่าคือ ชมนที น้องสาวของมัน ไม่ใช่ไอ้คนพี่ที่ชื่อ ชมภู พ่อแม่มันก็เก่งนะ ตั้งชื่อลูกได้แปลกประหลาด แต่ก็มีความหมายที่เข้ากับกิจการของบ้าน โดยเฉพาะชื่อคุ้มชมจันทร์ของที่นี่  ไม่รู้ว่าตอนคลอดไอ้พี่ชมพู แม่มันไปเที่ยวภูเขาหรือเปล่า ส่วนที อาจจะเกิดตอนไปเที่ยวแม่น้ำล่ะมั้ง


ผมพยายามจมอยู่กับความคิดของตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เลี่ยงการพูดคุยกับทีได้ เพราะเธอหันมาคุยกับผมก่อนจะมองไปด้านหน้า ทั้งที่ผมไม่หันไปมองหน้าเธอเลย


“นี่ ไฮยีน ได้ยินหรือเปล่า”


“อืม มีอะไรเหรอ”


ผมตอบแบบไร้อารมณ์สุดๆ ไม่ค่อยอยากคุยกับเธอเท่าไหร่ ถึงในอดีตเราจะเคยมีความทรงจำร่วมกันก็ตาม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมาคุยกับคนที่เคยจีบและคบหาอยู่เกือบสองเดือน แต่... ไม่ใช่แฟน ก็แค่หนึ่งคนในที่เคยคั่ว


“ทีบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้เจอกันอีก”


“อืม”


“โลกกลมจังเนอะ แต่ทีก็ดีใจที่ได้เจอยีน”


แต่ผมไม่ดีใจสักนิด แล้วโลกก็ไม่ได้กลม แต่มันบูดเบี้ยวถึงทำให้เกิดเรื่องเชี่ยๆ ที่ผมต้องมาเจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ในฐานะน้องสาวของแฟน


“ยีนสบายดีมั้ย”


เพราะผมไม่ยอมพูดเหี้ยอะไรเลย ทีเลยพูดอีกรอบ ทั้งที่ผมอยากให้เธอเงียบไปซะ หุบปากแล้วเดินออกไปเลยยิ่งดี เจอทีแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่าไอ้ความหวังที่ผมกับพี่ชมพูตั้งไว้ว่าจะทำให้พ่อแม่ของมันยอมรับเรื่องที่ผมกับมันเป็นแฟนกันก็กลายเป็นริบหรี่


แล้วตอนนี้ไอ้เหี้ยนั่นไปไหนวะ ทิ้งกูมาอยู่กับน้องมึงอยู่ได้


“สบายดี”


“ทีก็สบายดี แต่...คิดถึงยีนบ้างเหมือนกัน อยู่ดีๆ ยีนเล่นหายไปเลย ทีติดต่อไม่ได้ จะไปหาก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน”


“พอดีที่บ้านมีปัญหานิดหน่อย เราเลยต้องไปเคลียร์ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องไปเมืองนอก มันกะทันหันไปหมด เราเลยไม่ได้บอกทีก่อน”


อย่าคิดว่าเรื่องที่ผมพูดเป็นความจริงเลยครับ เพราะใครเชื่อเหตุผลแหลสดของผมก็เท่ากับโง่เต็มที แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้โชคดีคนนั้น เพราะรีบทำตาโตหันมามองผมอย่างตกใจ


“ถ้างั้นก็แสดงว่ายีนไม่ได้จะทิ้งทีใช่มั้ย งั้นเรากลับมาคบกันนะ”


คำพูดของเธอดูง่าย แต่สำหรับผม มันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ เธอจะเอาอะไรกับผมอีก ไม่เจอกันมาเกือบปีแล้ว จะให้สานสัมพันธ์ทั้งที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลยคงเป็นไปไม่ได้ แล้วที่ผมเข้าไปจีบเธอ ก็เพราะเห็นว่าเธอน่ารัก สดใส ถ้าผมได้มา ก็คงเป็นการเพิ่มรสชาติใหม่ในชีวิต แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากไปซะแล้ว


“เรามีแฟนแล้ว”


“มี... มีแฟนแล้วเหรอ”

หลังจากฟังคำตอบของผม หน้าสวยๆ นั่นก็ซีดลงทันตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงหัวเราะขำที่ทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งหัวปั่นเพราะผมได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่


“รักเขา...มากกว่าทีหรือเปล่า”


“มากกว่า”


ผมตอบอย่างไม่ลังเล เพราะถ้าให้เทียบความรู้สึกของผมระหว่างไอ้ตัวพี่กับคนน้อง พี่ชมพูก็มากกว่าเป็นไหนๆ เพราะผมไม่เคยรักที


“เหรอ” เธอหน้าเสียกว่าเดิม แต่ก็พยายามปรับให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ซ่อนไม่มิด “เอ่อ... งั้นเดี๋ยวทีเข้าบ้านก่อนนะ น้ำค้างแรงแล้ว ยีนก็รีบเข้ามานะ”


“อืม”


“อ้อ พรุ่งนี้ทีจะพาไปดูรอบๆ บ้านด้วย”


“แล้วพี่ชม.. เอ่อ พี่ภูล่ะ”


“พี่ภูจะเข้าไปดูงานของคุ้ม ก็เลยให้ทีพายีนเที่ยวแทน”


“อืม”


ผมตอบได้แค่นั้น รู้สึกตื้อๆ ในหัวกับการกระทำของไอ้พี่ชมพู มันจะเอายังไงกันแน่ พาผมมาบ้าน มาจัดการปัญหาที่ค้างอยู่ แต่มันกลับทิ้งผมให้ไปกับน้องสาวมัน ส่วนมันจะทำงาน


“งั้นทีเข้าบ้านก่อนนะ ต้องรีบนอนเร็ว หน้าจะได้ผ่องๆ”


“ครับ”


“ฝันดีนะคะ”


“ฝันดีครับ”


คนที่ผมคุยด้วยเดินเข้าไปในบ้านแล้ว ผมเองก็ลุกขึ้นเหมือนกัน แต่จุดหมายที่จะไปไม่ใช่ห้องของตัวเองเพื่อนอนเร็วๆ ให้หน้าผ่องๆ เหมือนที แต่เป็นห้องข้างๆ กัน


ผมเคาะประตูอยู่หลายที กว่าประตูห้องจะเปิดออกมา ไอ้พี่ชมพูมองหน้าผมเหมือนแปลกใจที่ผมมาหา ทั้งที่เมื่อกลางวันผมก็มาหามัน ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกตรงไหน


“มีอะไรหรือเปล่า”


“เข้าไปได้มั้ย”


ถามแบบนั้น มันถึงได้เปิดประตูให้กว้างขึ้น และพอเข้าไปแล้ว ผมก็ไปนั่งที่เตียงของมัน ส่วนไอ้พี่ชมพูกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานมั้ง ผมเห็นมีแฟ้มเอกสารกองๆ อยู่หลายแฟ้ม มีอันที่เปิดค้างไว้เหมือนว่ามันกำลังอ่านค้างอยู่ด้วย


“ผมมาหา จะไม่คุยด้วยหน่อยเหรอ”


“กูอ่านเอกสารอยู่”


“ที่ว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปทำงานน่ะเหรอ”


“อืม ทีบอกมึงแล้ว?”


“เจอกันที่หน้าบ้าน”


โคตรแปลกกับบทสนทนาครั้งนี้ ผมเหมือนคนแอบรักที่มองแต่แผ่นหลังใหญ่ๆ ส่วนมันกลับไม่รู้เรื่อง เพราะไม่หันกลับมามองว่าสายตาของผมหยุดที่ไหน เป็นมันไม่ใช่เหรอที่รักผมก่อน??


“แล้วพรุ่งนี้จะให้ผมกับไปทีจริงๆ เหรอ”


“อืม กูไม่ว่าง ก็ต้องให้ทีพาไป”


“แล้วทำไมต้องที ปล่อยผมเดินคนเดียวก็ได้”


“เฮ้ย ได้ไงวะ กูเป็นคนพามึงมา แล้วจะปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวได้ยังไง มึงไปกับทีน่ะดีแล้ว”


ไอ้พี่ชมพูพูดสนับสนุนเต็มที่ ผมเลยลุกแล้วไปยืนข้างๆ มันที่โต๊ะ และดูเหมือนมันจะรู้ตัวว่าผมไม่ได้นั่งอยู่ที่เตียงเหมือนเดิม เลยหันมามอง


“เอ่อ... ทีมันเป็นลูกรักพ่อกับแม่ ถ้ามึงสนิทหรือเข้ากับทีได้ จะขอให้ทีช่วยพูดกับพ่อแม่ก็ได้เรื่องของกูกับมึง”


“พี่คิดงั้นเหรอ”


“อืม”


มันตอบมา แต่ผมกลับรู้สึกว่าสิ่งที่มันพูดมาไม่ได้มีเจตนานั้นอย่างเดียว แล้วน้ำเสียงที่ใช้ก็ยังดูไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำอย่างทุกครั้งที่คุยกัน จนดูแปลก ผิดปกติมาก


“แล้วพี่พูดเองไม่ได้หรือไง”


“พูดได้ แต่ถ้ามีทีช่วย มันก็จะง่ายขึ้น แค่ทีอ้อนนิดหน่อย พ่อกับแม่ก็ยอมแล้ว เชื่อกูสิ”


“งั้นก็ตามใจ”


ผมตอบไปแบบนั้นทั้งที่ยังรู้สึกคลางแคลงในใจว่าเรื่องแบบนี้จะขอกันง่ายๆ ได้เหรอ แล้วยังท่าทีของมันอีก ผมรู้สึกกังวลขึ้นมาว่าทีจะบอกไอ้ตัวโตนี่หรือเปล่าว่าผมกับทีเคยมีอดีตยังไงกัน แต่คิดว่าเรื่องแบบนั้น ทีคงไม่เล่า


“ผมกลับห้องก่อนนะ”


“อืม”


ยังไม่ทันตอบ มันก็หันหน้าไปสนใจกระดาษปึกหนาๆ บนโต๊ะแล้ว ดูไร้ความสนใจกันสิ้นดี ผมเลยเดินกลับไปที่ห้องตัวเองแทน ยังอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่ไอ้พี่ชมพูมันแปลกไป เพราะอะไรวะ? หรือมันจะรู้ว่าผมกับทีเคยเป็นอะไรกันจริงๆ





















ตอนเช้าทีมาปลุกผมที่ห้อง เรียกได้ว่าเช้ามากด้วยซ้ำ เพราะเพิ่งจะเจ็ดโมง เธอยิ้มแบบที่คิดว่าน่ารักมาให้ ผมเลยต้องลุกขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงเมื่อคืนจะนอนเร็วกว่าปกติ แต่พอตื่นเช้า ผมก็ยังง่วงอยู่ดี


“รีบตื่นเร็ว ไปสูดอากาศตอนเช้าๆ กัน”


ไม่เพียงแค่ปลุกอย่างเดียว แต่มือของเธอยังมาจับแขนของผมแล้วลากออกจากเตียงอีกต่างหาก เฮ้ย คนเพิ่งตื่น จะลากไปไหนวะ!


“เรายังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันเลย”


“ไว้ค่อยมาจัดการทีหลัง ไปเร็วๆ”


บอกประโยคนั้นจบ คนที่ตัวเล็กว่าผม เพราะทีสูงแค่ร้อยหกสิบต้นๆ ก็ลากผมออกจากห้องนอนไปที่หน้าบ้าน จับมือผมเดินไปทั่วสนามหน้าเรือน

 
“อากาศตอนเช้าสดชื่นมากเลยนะ รับรอง ยีนจะไม่ง่วงจนต้องกลับไปหมกตัวอยู่ในห้องอีกทั้งวัน”


“อืม”


ถึงจะรู้สึกดีกับอากาศเย็นสดชื่นและบริสุทธิ์จนชุ่มปอด แต่ผมก็ตอบกลับแค่นั้นแหละ ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอ ตรงข้ามกับทีที่พยายามจะหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกับผมตลอดเวลา จนครึ่งชั่วโมงผ่านไปเธอถึงยอมให้ผมเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ไม่ลืมบอกว่าแปดโมงเป็นเวลาตั้งโต๊ะ


ผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาร่วมโต๊ะกินข้าวกับคนอื่นๆ และพอกินเสร็จ ไอ้พี่ชมพูก็ทำท่าจะออกจากบ้านไปทันที แต่มันคงหันมาเห็นผมพอดี เลยเดินเข้ามาหา


“เดี๋ยวกูไปทำงานก่อนนะ ถ้ามึงอยากไปไหนก็บอกที ให้ทีพาไป”


“อืม”


“แล้วเจอกัน”


“อืม”


กลายเป็นผมที่ตอบมันแบบนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในใจของพี่ชมพู และก็ทำให้ผมรู้สึก...แย่ แย่ว่ะ แย่จริงๆ เพราะมันไม่เคยเป็นแบบนี้ คนที่เคยวุ่นวายกับผมอยู่ตลอดเวลา แสดงออกให้รู้ว่ามันใส่ใจผม เห็นผมสำคัญ แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือความรู้สึกนั้นอยู่


ผมอาจจะดูเหมือนไม่ได้สนใจ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้แสดงออกว่ามีความรู้สึกให้พี่ชมพูมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้และมันก็รู้คือ ผมรักมัน อาจจะมองว่าผมรักมันน้อย ทั้งที่มันกลับรักผมมาก แต่ไม่ว่าจะมากหรือน้อย รักก็คือรัก ผมรู้สึกแบบนั้นกับมัน และการที่ถูกมองผ่านและไม่ใส่ใจกัน ก็ทำให้รู้สึกแย่ได้มากพอสมควรเลย


เหมือนโดนมดแดงกัด เจ็บๆ คันๆ เพราะยังมีความสงสัยเกาะอยู่ในใจ แต่ถ้ารู้เหตุผลและเหตุผลนั้นทำให้รู้สึกแย่ ความเจ็บก็จะขยายวงกว้าง เหมือนแผลสดที่ไม่ได้รับยาจนเริ่มเน่า


ผมยิ้มเหยียดๆ กับความคิดของตัวเอง ไม่รู้เป็นห่าเป็นเหวอะไรที่คิดแบบนี้ออกมา แต่ก็ไม่นานนักหรอก เพราะทีเดินมายืนหน้าผม บังสายตาซึ่งมองไปทางคนที่แปลกไปจนไม่เห็นภาพตรงหน้าอีก


“ไปกันเถอะ นี่ทีไปเตรียมอาหารกลางวันไว้ด้วย เดี๋ยวเราเข้าไปนั่งกินกันในสวนนะ”


“สวน?”


“อือ สตรอเบอร์รี่กับลำไย ไปนะ”


ท่าทางที่ชวนดูร่าเริงสดใสไม่เปลี่ยนไปเลย และสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่งก็คือ.... ผมก็ยังไม่รู้สึกอะไรกับเสน่ห์ข้อนี้ของที


“อืม”


หลังจากผมตอบ ทีก็พาผมเดินไปหลังเรือนใหญ่ ผ่านประตูรั้วไม้ที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ แล้วผมก็เห็นอาณาเขตที่ถูกแบ่งเอาไว้ แต่สวนที่ว่ากลับดูแปลกตาจนผมต้องเดินเข้าไปดูต้นเขียวๆ ที่สูงพ้นดินมาไม่มาก แล้วพอเห็นจะจะตาก็ต้องหันไปพูดกับคนที่ยืนยิ้มดูด้านหลัง


“สตรอเบอร์รี่ที่นี่หน้าตาเหมือนมะเขือเทศเลยนะ”


ผมพูดจบ ทีก็หัวเราะเสียงใสแล้วเดินเข้ามาหาผม จับลูกกลมแดงๆ ขึ้นมาดูเล่น


“ก็ตอนนี้ยังไม่ถึงหน้ามัน เลยแบ่งสวนครึ่งนึงมาปลูกพวกพืชสวนครัวไง ช่วยประหยัดค่าอาหารของคุ้มด้วย”


“อืม เข้าใจคิดนะ”


“พี่ภูเป็นคนคิด ทีกับพ่อแล้วก็คนงานเลยมาช่วยกันทำ”


“อ้อ แล้วให้เรามาดูมะเขือทำไม”

 
“มาช่วยกันเก็บไง”


“เก็บ? เก็บมะเขือเทศเนี่ยเหรอ”


“ใช่”


ว่าอย่างนั้นจบ ทีก็หยิบตะกร้าใบกลางๆ ออกมาจากตะกร้าที่บอกว่าใส่อาหารกลางวันเอาไว้ มิน่าถึงตะกร้าถึงได้โคตรใหญ่ เห็นทีแรกผมยังงงอยู่ว่าของกินเยอะถึงขนาดต้องใช้ตะกร้าใบใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว


“โดนหลอกซะกลายเป็นคนโง่เลย”


ผมบอกอย่างที่คิด แต่ทีกลับหัวเราะชอบใจจนอดไม่ได้ที่ยกจะยกมือขึ้นไปขยับหัวเธอเบาๆ ทีรีบเบี่ยงตัวหลบ แต่มันก็ไม่พ้นมือผมหรอก เพราะผมขยับตามไปด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าทีวิ่งหนีส่วนผมวิ่งตามไปเอาคืนจนหอบกันทั้งคู่


“พอ พอแล้ว ไม่เล่นแล้ว”


หน้าขาวๆ กลายเป็นสีแดงเพราะความเหนื่อย ทำให้ทีดูน่ารักขึ้น ผมคิดแบบนั้น  แต่มันก็แค่นั้น


“เก็บมะเขือเทศได้แล้วมั้ง เมื่อกี้เราเห็นมีอย่างอื่นด้วย”


“ใช่ๆ ไล่เก็บมันให้หมดเลย เสร็จแล้วเดี๋ยวพาไปดูของดี”


“ของดีอะไร จะหลอกอะไรอีกเปล่าเหอะ”


“ไม่หลอกแล้ว ของดีจริงๆ”


ได้รับคำบอกแบบนั้นมา ผมก็พยายามกล่อมตัวเองให้เชื่อ แล้วช่วยทีเก็บมะเขือเทศรวมทั้งพืชสวนครัวอื่นๆ เช่นพริก ตำลึง แครอท จนเกือบเต็มตะกร้า ทีก็เรียกให้ผมเดินตาม แต่คราวนี้สิ่งที่เห็นเหมือนเป็นโกดัง แล้วพอเข้าไปด้านในก็รู้ว่ามันคืออะไร


สีเขียวกับแดงสลับกันเกือบเต็มทั้งพื้น คราวนี้ผมไม่ได้ถูกหลอก เพราะสีเขียวและแดงนั้นคือสตรอเบอร์รี่


“ไหนบอกว่าไม่ใช่หน้ามัน”


“ในนี้ปรับคอนดิชั่นให้เหมาะกับการเจริญนอกฤดูกาล มันก็เลยโตได้ไง”


“อ้อ”


“ลองชิมดูมั้ยล่ะ อร่อยนะ สดและสุกใหม่ๆ กิโลนึงไม่ใช่ถูกๆ นะ ลูกโตเต็มคำด้วย”


ทีพยายามโฆษณาชวนเชื่อ แต่ไม่ต้องบอก ผมก็เชื่อจากสิ่งที่เห็นแล้ว ผมจึงรับผลสตรอเบอร์รี่ที่ทีดึงออกมาให้ชิมไปกัด มันไม่เปรี้ยว แต่หวาน ฉ่ำน้ำ เหมือนสตรอเบอร์รี่เมืองนอกมากกว่า สตรอเบอรืรี่ไทยที่จะติดรสเปรี้ยว


“อร่อยมั้ย”


เสียงดังอู้อี้จากปากเล็กๆ เพราะผลไม้ลูกโตคาอยู่ในปากไม่ต่างกัน


“อร่อย”


“เก็บไปกินก็ได้นะ ทีอนุญาต”


จากความรู้สึกไม่สบายใจนักที่ได้เจอกันอีกครั้ง มันอึดอัดจนไม่อยากอยู่ใกล้หรือพูดคุย แต่ตอนนี้ความรู้สึกพวกนั้นหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกดีที่มีเพื่อนคุยไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงเอาแต่คิดถึงเรื่องไอ้พี่ชมพู แต่เมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจ


“ปกติเวลากลับมาบ้าน พี่ภูจะเข้าไปทำงานที่คุ้มทุกครั้งเหรอ”


“พี่ภูเหรอ ไม่เลย ปกติจะมาลุยในสวนมากกว่า งานใช้แรงงานน่ะถนัด”


“อ้าว แล้วทำไมวันนี้เขาถึงเข้าไป”


รู้สึกแปลกใจยิ่งไปกว่าเดิมจนอดกังวลไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่หมีควายของผมหรือเปล่า เพราะทำแต่เรื่องที่ไม่เคยทำทั้งนั้น


“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเห็นว่าใกล้เรียนจบแล้ว น่าจะสนใจกิจการที่บ้านมั่งมั้ง”


“อืม”


“ว่าแต่ยีนเถอะ ทำไมมาสนิทกับพี่ภูล่ะ”


“ก็อยู่คณะเดียวกัน แล้วเพื่อนพี่ภูเป็นลุงรหัสของกราฟ เพื่อนสนิทเรา ทีน่าจะจำได้มั้ง เลยรู้จักแล้วก็สนิทกัน”


ตอบไม่ตรงสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมกับพี่ชมพูต้องเจอหน้ากันเกือบทุกวัน ถึงตอนแรกจะไม่ชอบขี้หน้ามันก็เหอะ คิดแล้วก็งงๆ เหมือนกันว่าแล้วอยู่ดีๆ ผมมาญาติดีกับไอ้พี่ชมพูได้ยังไง


เพราะมันชอบรุก ชอบทำหวาน ใส่บ่อยๆ?


“อ๋อ โชคดีจริงๆ นะเนี่ย”


ทียิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่หวานมาก ชนิดที่ผมแน่ใจว่าหากคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นคนอื่นคงตกหลุมรักทีกันหมด























กินข้าวกลางวันที่เรือนปลูกสตรอเบอร์รี่แล้ว ผมกับทีก็ขนพืชผักที่ช่วยกันเก็บ รวมทั้งสตรอเบอร์รี่ลูกโตที่ทีเก็บเผื่อคนอื่นๆ กลับเรือน ล้างให้สะอาดแล้วแบ่งส่วนหนึ่งเก็บที่เรือน ส่วนที่เหลือซึ่งมากกว่า ทีชวนให้ผมเอาไปส่งที่โรงครัวของคุ้ม แล้วก็ถือโอกาสพาผมเที่ยวชมรอบๆ ด้วย


“ใครเป็นคนออกแบบรีสอร์ทเหรอ สวยทั้งที่นี่แล้วก็ที่ระยอง”


ผมถามระหว่างที่มองไปรอบๆ บริเวณที่ทีขับรถผ่าน แต่พอผมถามแบบนั้นแล้วทีก็หันมามองผมตาโตเหมือนจะตกใจ


“ยีนเคยไปรีสอร์ทแมกไม้แล้วเหรอ”


“อืม พี่ภูต้องถ่ายหนังสั้น ก็เลยให้เรากับพวกเพื่อนๆ ไปเล่นให้”


“ว้าว ทีอยากดูจัง”


รถที่เคลื่อนตัวอยู่หยุดลงก่อนประโยคนั้นจะตามมา ทีมองผมด้วยตาเป็นประกาย ทำให้ผมรู้สึกเขินๆ ขึ้นมานิดหน่อย


“ลองถามพี่ชายทีดูสิ เขาเป็นผู้กำกับ”


“ไม่พลาดแน่”


พูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็หันกลับไปขับรถต่อ จนผมชมคุ้มชมจันทร์รอบนอกครบทุกส่วนแล้ว ทีก็พาผมไปเข้าไปในส่วนที่เป็นล็อบบี้ และเดินเลยเข้าไปอีกหน่อยก็เป็นส่วนของสำนักงาน ทีพาผมเข้าไปในห้องหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นห้องพักที่มีการตกแต่งน่าสนใจเสียอีก แต่มันไม่ใช่ กลับกลายเป็นห้องทำงาน แล้วคนที่อยู่ในห้องก็ไม่ใช่ใครอื่น


พี่ชมพูเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มหนามามองพวกเรา คงเพราะได้ยินเสียงประตู แต่คำถามที่ไม่คาดคิดก็ทำให้ผมรู้สึกอึ้งๆ ไป เพราะไม่คิดว่ามันจะพูดประโยคนี้และน้ำเสียงแบบนี้


“ทำไมไม่เคาะประตูก่อน”


“แหม ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย คนกันเองทั้งนั้น”


ทีประจบ ก่อนจะเดินเข้าไปหาไอ้พี่หมีควาย มันปรายตามองผมไม่ถึงสองวินาทีก็เลื่อนสายตาไปทางน้องสาวของมันแทน


“ถ้าเกิดพี่ทำอะไรที่คนอื่นมาเห็นไม่ได้ จะว่ายังไง”


“ทีรู้ว่าไม่มีหรอก”


ไอ้คนตัวใหญ่ถอนหายใจออกมา ถึงจะไม่ได้ดังมาก แต่ผมก็ได้ยิน น้ำเสียงมันดูเหมือนหนักใจ แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการที่มันไม่แม้แต่จะเหลือบมองมาทางผม จนผมอยากจะตะโกนใส่มันว่าเป็นเหี้ยอะไร แต่ความรู้สึกที่กำลังจู่โจมเข้ามาในใจก็ทำให้ต้องหุบปากเอาไว้ มองปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปอย่างไม่เข้าใจ


“แล้วนี่มาทำไม”


“ก็พายีนมาเดินเล่น”


“ในห้องทำงานนี่เหรอ”


“โอเคๆ ไม่กวนแล้วก็ได้”


ทีเดินกลับมา แต่ไอ้พี่ชมพูก็ไม่มองตาม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือบางทีอาจจะกลัวว่าถ้าหันมาแล้วจะเห็นผมก็ได้ คิดเองก็เจ็บเอง ผมเม้มปากแน่นทั้งที่ยังมองมัน แต่ก็ถูกทีดึงมือให้เดินออกไปด้วยกันโดยไม่มีโอกาสรู้ว่าไอ้พี่ชมพูมีวี่แววจะหันมาทางผมบ้างหรือเปล่า





อ่านต่อด้านล่าง

v

v



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 12-10-2012 01:36:15
ต่อจากข้างบน


v


v








มื้อค่ำ ก็ยังกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนตอนเช้า แต่ความรู้สึกของผมมันย่ำแย่ไปกว่าเดิม ไอ้พี่ชมพูมันไม่มองผมอีกแล้ว ไม่คุยด้วย เหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ มันเป็นเหี้ยอะไรกันแน่ ทำไมต้องทำแบบนี้วะ ผมสบถกับตัวเองในใจหลังจากแยกตัวออกมานั่งอยู่ที่เดียวกับเมื่อคืน


เรื่องที่ผมคุยกับพี่กล้วยก่อนจะมาที่นี่ย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง








วันนั้นก่อนเดินทาง พี่กล้วยกอดผมเอาไว้ แล้วบอกเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน


‘คุณท่านรู้มาสักพักแล้วค่ะว่าน้องยีนเป็นแฟนกับคุณภู’


‘รู้นาน.. นานแล้ว หมายความว่ายังไงครับ’


ผมตกใจมากจนเผลอผลักพี่กล้วยออก แต่พี่กล้วยก็ยืนยันด้วยการพยักหน้าเบาๆ แล้วจับมือผมเอาไว้


‘วันที่น้องยีนกลับมาจากไปต่างจังหวัด แล้วคุณภูมาส่ง คุณท่านเห็น เอ่อ... เห็นว่าคุณภูกับน้องยีนทำอะไรกันอยู่หน้าบ้าน คุณท่านก็เครียดมาตลอดเลยค่ะ ยิ่งสังเกตพฤติกรรมของคุณภูทุกครั้งที่มาที่บ้านก็ยิ่งย้ำชัดว่าน้องยีนกับคุณภูเป็นอะไรกัน’


‘แล้วป๊า.. ป๊าไม่พูดอะไรเลยเหรอครับ’


ผมยิ่งตกใจไปกว่าเก่าเสียอีก ไม่คิดว่าวันนั้นป๊าจะเห็นจริงๆ เพราะป๊าทำเหมือนไม่รู้เรื่องมาตลอด


‘ไม่ค่ะ คุณท่านเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบๆ คนเดียว แต่พี่รู้เพราะพี่ได้ยินคุณท่านคุยกับคุณแม่น้องยีนค่ะ แล้วท่านก็ดูเครียดมาก จนพี่ต้องคอยสังเกตอาการ กลัวว่าท่านจะเป็นอะไร แล้วตอนนั้นเป็นช่วงที่น้องยีนไปค้างกับคุณภูเพราะจะอ่านหนังสือสอบด้วย พี่ก็เลยต้องระวังเป็นพิเศษ’


‘แล้วป๊าไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ยครับ’



‘คุณท่าน เอ่อ... อาเจียนค่ะ แล้วก็หมดสติไป’


ฟังมาถึงตรงนี้ ผมแทบช็อก เพราะไม่รู้มาก่อนว่าป๊าจะเครียดเรื่องผมขนาดนี้ ผมทำให้ป๊าเครียดจนไม่สบาย ผมเสียใจมากที่ตัวเองเป็นสาเหตุ รู้สึกหัวใจมันชาหนึบ หดหู่ขึ้นมาทันที


‘แต่น้องยีนไม่ต้องห่วงนะคะ คุณท่านหายดีแล้ว พี่ตามคุณหมอมาดูอาการ แล้วคุณหมอก็รอจนคุณท่านฟื้น และแนะนำว่าไม่ให้คุณท่านเคร่งเครียดจนเกินไป เพราะท่านอายุมากขึ้นทุกวัน ถ้าเครียดมากจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ หมอยังสอนวิธีปรับจิตใจให้ปลอดโปร่งด้วยนะคะ เพราะงั้นพอน้องยีนกลับมา คุณท่านถึงไม่เป็นอะไรแล้ว’


ได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็โล่งใจที่ป๊าไม่เป็นอะไรมาก และสุขภาพยังแข็งแรงอยู่ ไม่ได้ย่ำแย่ลงไป


‘ชอบคุณมากนะครับพี่กล้วยที่ช่วยดูแลป๊า ถ้าไม่มีพี่กล้วย ยีนก็ไม่รู้ว่าป๊าจะเป็นยังไง’


‘พี่เต็มใจค่ะ หน้าที่ของพี่คือดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ต้องรวมไปถึงทุกคนที่อยู่อาศัยภายในบ้านด้วย’


ผมรู้สึกขอบคุณแล้วก็ตื้นตันกับความมีน้ำใจของพี่กล้วยมากจริงๆ เพราะถึงพี่กล้วยจะบอกว่าเป็นหน้าที่ แต่ผมรู้ดีว่าพี่กล้วยเต็มใจดูแลผมกับป๊า


‘แต่พี่ขออย่างนึงนะคะ’


‘ขออะไรครับ’


‘ในเมื่อคุณท่านต้องอดทนจนผ่านความรู้สึกนั้นมาได้ น้องยีนกับคุณภูก็อย่าให้คุณท่านเจ็บโดยเปล่าประโยชน์เลยนะคะ’


พี่กล้วยบอกแค่นั้น ผมก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร พี่กล้วอยากให้ผมกับพี่ชมพูผ่านบททดสอนนี้ไปให้ได้





นึกถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้ผมตัดสินใจได้ ผมจึงลุกจากที่นั่งอยู่ ตรงไปห้องนอนของไอ้พี่ชมพู เคาะประตูห้องมันอยู่พักหนึ่งกว่าเจ้าของห้องจะเปิดประตูออกมา และพอรู้ว่าเป็นใครมันก็ทำหน้าไม่ต่างจากเมื่อคืน แถมยังเพิ่มเติมด้วยสีหน้าที่บอกว่าไม่อยากให้ผมโผล่มาที่ห้องนี้


แต่คราวนี้ผมไม่ถามมันแล้วว่าเข้าไปได้หรือเปล่า แต่ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป ไอ้พี่ชมพูเลยได้แต่เดินตามผมเข้ามา แล้วก็ทำเหมือนเมื่อวานไม่มีเปลี่ยน จมอยู่ในกองเอกสารโดยไม่สนใจผมสักนิด


“พี่เป็นอะไร”


ผมไม่รอให้มันเปิดปากพูดกับผมก่อน แต่เดินเข้าไปหาแล้วถามมันเอง ไอ้พี่หมีควายเลยหันมามองผมแวบนึง แล้วตอบเสียงเรียบ


“ไม่ได้เป็นอะไร”


“ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมถึงต้องไม่มองผม ทำไมไม่พูดกับผม ทำไมต้องทำเป็นไม่สนใจกัน ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน”


“ไม่มีอะไร”


มันตอบกลับเกือบเหมือนเดิม และมันก็ทำให้อารมณ์ของผมพุ่งสูงขึ้นมา ความกรุ่นโกรธกำลังปะทุอยู่ในใจของผมจนมันร้อนไปทั้งอก


“ไม่มีอะไร พี่ตอบมาได้ยังไงวะ! พี่บอกพ่อกับแม่พี่แล้วเหรอ พ่อกับแม่ของพี่บอกให้พี่เลิกยุ่งกับผมงั้นเหรอ เขาให้พี่ทำอะไร หรือทีบอกอะไรพี่”


“ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”


ผมพยายามหาเหตุผล ที่พอจะเป็นไปได้ แต่ไอ้คนตรงหน้ามันปฏิเสธทั้งหมด จนผมคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ต้องเอาเหตุผลอะไรถามเพื่อรับฟังคำตอบ สุดท้ายก็ได้แต่พูดเสียงแผ่ว


“คืนนี้ผมขอนอนกับพี่นะ”


ความสับสนและว้าวุ่นใจทำให้ผมพูดประโยคนั้นออกมา แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นทางสุดท้ายแล้วที่ผมจะพิสูจน์ว่าพี่ชมพูยังไม่ได้เปลี่ยนไป เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมจะเอ่ยปากแบบนี้ มีแต่มันที่เป็นฝ่ายตื๊อแล้วตื๊ออีกให้ผมค้างด้วย แต่คราวนี้มันกลับทำให้ผมผิดหวัง


“อย่าเลย เกิดมีใครเห็นมึงมานอนห้องกูทั้งที่ห้องของมึงก็จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง มึงนอนห้องมึงนั่นแหละ”


“พี่เกลียดผมแล้วเหรอ”


“ไม่ใช่”


“แล้วทำไม...”


ผมเม้มปากแน่น พยายามกดเก็บความรู้สึกที่กำลังทะลัออกมาให้กลืนหายไป ถึงคำว่า เกลียด ผมจะพูดออกมาเพราะต้องการประชดประชัน แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้าได้เหมือนกันเพราะเผลอคิดตามว่าถ้าพี่ชมพูเกลียดผมขึ้นมาจริงๆ ผมคงเสียใจ


“...”


พี่ชมพูไม่ตอบผม ทำเหมือนมันเป็นเรื่องลำบากลำบนมากที่จะตอบออกมา ผมเลยเป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้าหาแล้วจูบบนปากของมันเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ บดคลึงริมฝีปากนั้น แล้วสอดปลายลิ้นเข้าไปคลุกเคล้าภายในผ่านช่องว่างเล็กๆ ที่คนตัวใหญ่เปิดออก แต่ก็ไม่นานที่ผมเป็นฝ่ายคุมเกม เพราะพี่ชมพูตอบโต้ผมกลับโดยการบุกมาให้ผมเป็นเจ้าถิ่น


เราสองคนจูบกันอย่างนุ่มนวลและค่อยๆ ร้อนแรง จูบของพี่ชมพูยังคงเหมือนเดิม เป็นจูบที่ผมชอบและทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ปากของเราสัมผัสกัน ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาให้กัน ผมยังรับรู้ได้ถึงความรัก เหมือนเดิม เหมือนที่ผ่านมา


ทว่าอยู่ดีๆ ร่างใหญ่ก็สะดุ้งแล้วผลักผมออกฉับพลัน ตาของมันเบิกกว้างขึ้นเหมือนคนตกใจ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงผลักผมออก


ผมทำอะไรพลาดไปตรงไหน?












=====================
เคานท์ดาวสู่ตอนจบ

คิดว่าน่าจะมีคนเดาเหตุผลของพี่ชมพูได้นะคะ


Undel2Sky

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-10-2012 02:14:18
เ้ง้อ,,,ไม่ค่อยเข้าใจพี่ภู เหรอว่าไม่อยากทำอะไรให้มันประเจิดประเจ้อกลัวคนที่บ้านรู้หรือว่าอะไรเนี่ย
แต่ทำแบบนี้สงสารยีนจัง หรือพี่ภูอยากทำให้ยีนรู้สึกเหมือนตอนที่ยีนไม่สนใจ เหมือนตอนที่จะตบตาเด็กเมืองนอกคนนั้น (ขอออภัยนึกชื่ออะไรไม่ออก อิอิ)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-10-2012 02:44:15
ต้องมีใครเข้ามาในห้องแน่เลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Ticha ที่ 12-10-2012 03:30:54
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Bowbonk ที่ 12-10-2012 04:33:40
 :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 12-10-2012 04:49:26
 :a5:
 :o12:   มาต่อด่วนๆเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarunghaja ที่ 12-10-2012 06:49:19
อ๊ากกก ค้างงง

ทำไมพี่พูทำแบบนี้ สงสารยีนอ่ะ :z3:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 12-10-2012 07:44:54
เดาไม่ถูกอ่า
คนเขียนมาเฉลยที
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 12-10-2012 09:32:38
เฮ้ยยยยยยยยยยย เชี่ยไรเนี่ย!!!!!
พาเขามาเปิดตัวกะพ่อแม่
พาเขามาพิสูจน์รักของตัวเอง
พาเขามาทั้งๆที่เขาฝากหัวใจ ฝากความหวังเอาไว้
แล้วมรึงทำงี้ได้ไง ไอ้พี่ชมภู
มรึงเป็นไร ผีคุ้มเข้าสิงหรือไง
ทิ้งน้องอย่างนี้ได้ยังไง

หรือน้องมรึง มาบอกอะไร
บอกว่าเคยคบ เมียมรึงหรือไง
จะยกเมียให้เป็นผัวน้อง รึไง???
อีนังน้องก็นะ เขาบอกว่ามีแฟนแล้ว แถมรักมากกว่าหล่อนอีก
ยังจะด้านมาตื้อเขาอยู่ได้


ไม่เข้าใจ ไม่เข้าในโว้ย
ยังไงกันแน่ไอ้พี่ชมภู
ตกลงมรึงรักน้องไหมเนี่ย
หรือคิดแทนน้อง รู้ว่าน้องเคยจีบผู้หญิง
เลยจะให้เขากลับไปคบกับน้องตัวเองหรือไง
ถ้าคิดงี้ก็ปัญญาอ่อนว่ะ ไม่แมนเลย
ไหนรับปากพ่อเขาว่าจะดูแลน้องอย่างดี
แล้วมาทำน้องเจ็บได้ยังไง
ไม่นึกถึงจิตใจน้องบ้าง

หนูยีนส์หนูไม่ร้องไห้ประกาสให้ก้องโลก
ให้ดังลั่นคุ้มไปเลยสิลูก ว่าหนูเสียใจ
ลุ้นแทบตายให้หนูร้องไห้
ไอ้คนใจร้ายมันจะได้รู้ว่าหนูเจ็บ
พี่มั่นใจว่ามันจะเจ็บกว่าหนูหลายเท่า


แล้วนี่ยังไง ยังไงค่ะคุณคนแต่ง
มาค้างไว้เจ็บลากปอดแบบนี้
แล้วบอกว่าตอนหน้าจะจบแล้ว
หรือยังไงคะ หรือว่าแค่ใกล้จบ
ไม่รู้ละ  ยังไงต้องหวานแบบอีโรๆ ก่อนจบด้วย
ไม่งั้นโป้ง (แกไปสนิทอะไรกะเขา - -")
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 12-10-2012 09:50:08



    ดูน้องทีจะรักยีนมากเลยนะ
    แต่พี่ภูจะรักน้องสาวมากกว่าที่รักยีนรึเปล่า



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 12-10-2012 10:22:09
 :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 12-10-2012 11:05:23
อิพี่ภู พาน้องยีนส์มาแล้วทำตัวแบบนี้เรอะ ทำแบบนี้แล้วพาเขามาทำไมห๊ะัะะะ   :angry2:

ก็รู้ว่าน้องอึดอัดอ่ะ หนอยๆๆ ถ้ายีนส์หนีกลับไปละจะสมน้ำหน้า เชอะๆ  :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-10-2012 11:26:07
รอจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 12-10-2012 18:41:35
พี่ภูเป็นอารายยยยยย ทำไมทำแบบนี้กับยีนอ่ะ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 12-10-2012 18:52:12
ไม่เข้าใจตามชื่อตอนเลย  :z3:
ว่าแต่...มีใครเปิดประตูมาเห็นมั้ยนั่น จะได้รู้ๆกันไปเลย o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 12-10-2012 20:30:33
เดาๆ อย่าบอกนะว่าคนอื่นๆในบ้านรู้เรื่องนี้แล้ว โดยให้พี่ภูทดสอบ (อาจจะเป็นน้องยีนที่โดนทดสอบก็ได้) ว่าให้ทำเหมือนไม่รักยีน
เพื่อทดสอบว่ายีนรักพี่ภูจริงรึเปล่าสิเนอะ?

ใช่มิ๊ๆๆ


แต่แอบสงสารน้องยีนอ่ะ
T__T มาต่อไวๆนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 12-10-2012 21:42:38
โอ้ยเครียดแทนยีนส์ ถ้าจะเป็นแบบนี้งั้นกลับดีกว่าไหม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 12-10-2012 22:07:06
ชมนทียืนอยู่ที่ประตูห้อง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-10-2012 10:07:07
โหหห !! นักเขียนค้าบบบ กว่าจะมาอัพรอน๊านนาน พอมาอัพก็เจอฉากเครียดอีก โอยย ชั้นล่ะเครียดดด แล้วพี่ชมพูเป็นอะไรไปอีกเนี๊ยยยยยยยย ทำไมแบบนี้ ยีนเสียใจรู้หม๊ายยยย น่าฆ่าเจงงงง เข้าใจว่ามีเหตุผล แต่ก็เข้าข้างยีนอยู่ดีง่ะ แฮ่ๆ ยังไงก็ขอให้พ่อแม่พี่ชมพูยอมรับได้เร็วๆ น้าาา ความรักจะได้ราบรื่นซะที T^T ตอนแรกติดตามมากนึกว่าจะเป็นนิยายดองเค็มซะแล้ววว ยังไงก็ติดตามต่อนะค้า คนเขียนอย่าพึ่งหนีคนอ่านไปน้าาา มาอัพไวๆ น้าาา รอค่า :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 15-10-2012 16:24:37
เดาไม่ออกเลยTT
ทำไมไอ้พี่ชมพูทำงี้วะ?
มีไรทำไมไม่คุยกัน
สงสารป๊า
สงสารน้องยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 15-10-2012 23:37:55
ที.. - -+
เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ใช่ม้ายบอกมา  :m31:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-10-2012 12:42:42
ไอพี่ชมพูเป็นอารายวะเนี่ยยย  :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 16-10-2012 19:13:13
สมกับชื่อตอนจริงๆๆๆ
มีแต่ความไม่เข้าใจ :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 18-10-2012 13:57:56
เมื่อไหร่เรื่องนี้จะมาเนอะ เรารอแล้วรออีก

อยากอ่านใจจะขาดแว้วอ่า!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: i.tim.zecret ที่ 18-10-2012 15:18:37
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ทำไมต้องทำให้ค้างด้วย -*-
พี่ชมพูเป็นอะไรอ่ะเนี่ย ไม่เข้าใจ
เฮ้อออ

มาต่อไวๆด้วยน้าาาาาาาาา  ^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ /ตอนที่ 33 : มีแต่ความไม่เข้าใจ [12/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 18-10-2012 15:45:14
เพราัะน้องตัวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 18-10-2012 23:38:04
ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ






















คำถามเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของผมคือคำว่า ทำไม ทำไม ทำไม ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดกับสิ่งที่ไอ้พี่ชมพูทำ ทำไมมันเมินเฉยกับผม ทำไมมันไม่สนใจไยดีผม ทำไมมัน... ถึงผลักผมออก


บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมตัวชา มันเจ็บจนชาไปทั้งตัวและใจ ผมมองมันอย่างหาคำตอบหรืออย่างน้อยให้มันรู้สึกตัวว่ามันควรอธิบายให้ผมรู้สักนิด ถ้าผมรู้เหตุผลที่มันทำแบบนี้ ผมจะยอมรับและไม่รู้สึกย่ำแย่แบบนี้


“เอ่อ... กู”


มันคงเห็นสีหน้าผมว่ากำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจขนาดไหนล่ะมั้ง ถึงได้ส่งเสียงออกมา ผมไม่เคยคิดเลยว่าความรู้สึกในใจของผมจะถูกส่งผ่านมาทางสีหน้าจนคนตรงหน้ารู้สึกได้ แต่คราวนี้ผมจงใจ ผมอยากให้มันรู้ว่าผมเจ็บกับสิ่งที่มันทำ ผมไม่ชอบที่มันทำเหมือนผมเป็นไอ้บ้าคนนึงที่ยอมรักมันแล้วสุดท้ายมันก็ถีบหัวผมส่ง


“กูขอโทษ กูแค่... กลัวจะเผลอตัวทำอะไรมึงมากกว่าจูบ”


คำแก้ตัวของมันฟังดูเข้าท่า แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันคือคำโกหก แววตาสับสนของมันทำให้ผมสับสนได้พอๆ กัน ไม่รู้ว่าอะไรทำให้มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แต่ผมก็อยากลอง อยากรู้ว่ามันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ อย่างที่ผมคิดหรือเปล่า ผมเลยขยับตัวไปอยู่ใกล้ๆ มันให้มากกว่าเดิม วางมือบนบ่ามันเบาๆ จ้องหน้าหล่อที่สายตาของมันเปลี่ยนมามองผมอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงที่ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นยังไงกันแน่


“แล้วผมบอกเหรอว่าผมจะไม่ยอม”


พี่ชมพูชะงักไปครู่หนึ่ง ผมเห็นมันนิ่งทั้งร่างกายและแววตา ทว่าสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดยิ่งกว่าคือมือใหญ่ทั้งสองข้างจับที่แขนของผมเอาไว้แล้วดึงออก ไม่ให้ผมแตะตัวมันได้อีก


“กูขอโทษนะ แต่กูรู้ว่ามึงยังไม่พร้อม”


ประโยคที่มันพูดออกมาผมคงยินดีหากว่าสถานการณ์ระหว่างเรายังปกติ ไม่ใช่เป็นอะไรที่น่าอึดอัดเหี้ยๆ แบบนี้ ขอบตาของผมร้อนขึ้นจนรู้สึกได้ แต่ผมก็ไม่คิดจะสนใจ มองคนตรงหน้าและพูดเป็นประโยคสุดท้าย


“ผมให้โอกาสพี่เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพี่ปฏิเสธ ผมก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ผมถึงจะพูดประโยคนี้ออกมา...อีกครั้ง”


เสียงของผมสั่นตอนท้าย แต่ตาก็ยังจ้องมันไม่หยุด มันเองก็มองผม แต่สายตาคู่นั้นกลับทำให้ผมรู้สึกว่ากระบอกตาชื้นขึ้นมาจนห้ามไม่ไหว


“กูรอได้”


เหมือนอะไรคมๆ ที่ฟาดลงบนหัวใจของผมจนชาไปทั้งตัว หัวของผมมึนตื้อ ขอบตายังร้อนไม่หยุด และเริ่มชื้นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจึงผละตัวจากไอ้พี่ชมพู แล้วเดินตรงไปที่ประตูห้องของมันให้เร็วที่สุด ไม่คิดหันกลับไปหาคนที่ตัดรอนผมหมดทุกทาง ก่อนจะเข้าห้องของตัวเองไป และปิดประตูลงอย่างช้าๆ


ปิดแล้ว ประตูมันปิดไปแล้ว


ประโยคนี้ดังขึ้นมาในหัวของผมอย่างไร้สาเหตุ ดังวนซ้ำอยู่เกือบสิบรอบแล้วความชื้นที่ตาก็ไหลลงมากระทบแก้มทั้งสองข้าง


ผมรู้ดี ประตูที่ว่า ไม่ใช้ประตูห้อง แต่เป็นประตูในใจของคนที่ไล่ผมออกมาแล้วปิดลงไปโดยไม่ให้ผมก้าวเข้าไปในนั้นได้อีก


“โธ่เว้ยยยยย!!!!”


ผมตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมกับกำปั้นที่กระทบเข้ากับกำแพงเข้าอย่างจัง ความรู้สึกอุ่นและมีอะไรหนืดๆ ไหลออกมาไม่ได้เรียกความสนใจให้ผมหันไปมองได้เลย ผมทรุดตัวลงกับพื้นตรงนั้น กอดเข่าและซุกหน้าของตัวเองลงบนนั้น โดยที่ความชื้นจากขอบตากลายเป็นหยดน้ำที่เอ่อขึ้นจนล้นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า


















อ่อนแอสิ้นดี คือประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผม หลังจากลืมตาและเห็นว่าทีกำลังทำหน้าร้อนใจอยู่ตรงหน้า แล้วพอจะลุกจากเตียงขึ้นมาผมกลับต้องล้มลงไปนอนแผ่ไม่เป็นท่า ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กหล่นลงมาจากหน้าผาก จนทีลนลานมาหยิบผ้าผืนนั้นวางบนหน้าผากของผมอีกครั้ง


“ยีนไข้ขึ้นน่ะ ทีมาหาตอนเช้าก็เจอว่านอนฟุบอยู่ตรงประตู”


“อืม”


“เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวมั้ย”


“อืม... ปวด”


หัวของผมหนักมาก เหมือนมีคนเอาหินมาถ่วงเอาไว้ แถมยังเหมือนถูกอะไรแข็งๆ บีบอย่างรุนแรงจนมองอะไรก็พร่าไปหมด ร่างกายไม่มีแรงจะขยับไปไหน หนำซ้ำยังรู้สึกว่ามีไอร้อนแผ่ออกมาจากทั่วทั้งตัว


“งั้นเดี๋ยวกินข้าวต้มก่อนนะ ทีทำมาให้ จะได้กินยา อ้อ ทีทำแผลที่มือให้แล้วด้วยนะ”


ผมเหลือบตาไปมองมืออย่างที่ทีบอก เห็นผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่เรียบร้อยอย่างที่ทีบอกแล้วก็จำต้องพูดออกมาทั้งที่ในคอมันแห้งจนเหมือนมีผงทรายโรยอยู่


“ขอบ...ใจ”


“ไม่เป็นไร ทีเต็มใจช่วยยีนอยู่แล้ว เดี๋ยวยีนลุกขึ้นมานิดนึงนะ จะได้กินข้าวต้มได้สะดวกๆ”


พยายามดันตัวตามที่ทีบอก ทว่าผมไม่มีแรงจะลุก ทีเองก็เข้ามาช่วยพยุง แต่ดูเหมือนจะไม่ไหว ทีเลยบอกผมว่ารอเดี๋ยว แล้วก็วิ่งหายออกไปจากประตู แต่กลับมาอีกที พร้อมมีอีกคนตามมาด้วย


“พี่ภูมาช่วยทีพยุงยีนลุกขึ้นนั่งน่ะ”


จบประโยคของที เธอก็หลบให้พี่ชายตัวใหญ่เข้ามาประคองร่างผมเอาไว้ ถึงตอนนี้ผมอยากจะเอาตัวเองออกมาจากวงแขนของมันเท่าไหร่ แต่ผมก็ทำไม่ได้ แถมหน้าที่ใกล้ชิดกันยังทำให้ผมรู้สึกปวดหัวใจขึ้นมาอีกแล้ว


“โอเค ขอบคุณค่ะ”


หลังจากหนังผมแตะหมอนที่ทีเอามาวางพิงหัวเตียงไว้ให้ เธอก็รีบขอบคุณคนที่มาช่วยทันที แต่ไอ้พี่ชมพูก็ยังไม่ออกไปจากห้อง


“เดี๋ยวทีป้อนข้าวยีนเอง พี่ภูไปทำงานเลยก็ได้ค่ะ”


“แล้วตอนนอนใครจะประคอง”


มันพูดเสียงเรียบๆ เหมือนห่วงใยกัน แต่แววตากลับไม่มีอะไรในนั้นจนผมไม่อยากจะมองหน้ามันอีกแล้ว ผมเลยหันมาทางทีแทน เธอก็ยิ้มให้ผมแล้วขยับตัวมานั่งใกล้ผมมากกว่าเดิม แล้วหยิบชามข้าวต้มมาถือไว้ ตักอาหารเช้าของคนป่วยมาจ่อปากผมให้ แต่ก็กินได้อย่างยากลำบาก รู้สึกเหมือนเมล็ดข้าวที่กลืนลงไปมันขูดผนังลำคอจนเจ็บไปหมด


“ที ไปทำโจ๊กไป”


“อะไรพี่ภู ทีป้อนข้าวต้มให้ยีนอยู่ จะให้ไปทำโจ๊กอีกทำไม”


พี่น้องทะเลาะกัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจมันไหวแปลกๆ ไม่อยากฟังประโยคต่อไปที่จะหลุดออกมาจากปากของคนที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นไอ้อ่อนแออยู่แบบนี้ แต่ผมก็ไม่สามารถปิดหูของตัวเองได้


“ยีนเจ็บคอ กลืนข้าวไม่ลงหรอก”


เสียงของไอ้พี่ชมพูเจือแววอ่อนโยนอยู่นิดๆ และมันก็ทำให้ผมเผลอรู้สึกดีกับการที่มันเข้าใจความรู้สึกของผม แต่ไม่นานนักหรอก ผมก็รู้สึกตัว


ไอ้เหี้ยยีน มึงอย่าคิดสิวะว่าน้ำเสียงที่มันใช้มีแววห่วงใยมาด้วย มึงบ้าไปแล้ว ไอ้สัด เมื่อคืนมันทำยังไงกับมึงจำไม่ได้เหรอวะ ไอ้โง่!!


ผมด่าทอตัวเองที่อยู่ๆ ก็ทำตัวโง่ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร ผมถึงได้อ่อนไหวกับไอ้ห่านี่นัก แต่ทีก็ทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่เพราะพอไอ้พี่ชมพูบอกแบบนั้น เธอก็หันมาถามผมเรื่องเจ็บคอ แต่ไม่รอคำตอบก็รีบออกจากห้องไป คงไปทำโจ๊กให้ตามคำสั่งของพี่ชาย


ผมไม่หันไปมองหน้าอีกคนที่อยู่ในห้อง แต่ทอดสายตาออกไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย ได้แต่คิดว่าอยากให้ทีกลับมาเร็วๆ ให้ผมกินโจ๊ก กินยา แล้วก็นอนซะ จะได้ไม่ต้องเห็นไอ้พี่ชมพูอีก แต่ช่วงเวลาที่ผมอยากให้ผ่านไปเร็วๆ กลับเชื่องช้าจนผมอึดอัด แทบหายใจไม่ออก เพราะไอ้คนตัวใหญ่ไม่ได้พูดกับอะไรออกมาสักคำ มีแต่ความเงียบที่กำลังทำให้ผมประสาทเสีย แต่โชคดีที่ทีกลับเข้ามาก่อน


“ได้แล้วจ้ะ โจ๊กร้อนๆ”


เสียงสดใสดังอยู่ใกล้ๆ ตัวผม เพราะทีขึ้นมานั่งบนเตียงๆ ผมเหมือนเดิม แล้วตักโจ๊กขึ้นมาให้ผมกิน แต่ผมกินไม่ได้ ทีเลยถามอย่างแปลกใจ


“อ้าว ไม่กินเหรอ”



“ยีนกินไม่ได้ มันลิ้นแมว”


เสียงทุ้มขัดขึ้นมาก่อนตัวใหญ่ๆ จะเคลื่อนมาอยู่ข้างเตียง พี่ชมพูคว้าชามจากทีไปถือไว้เอง แล้วยังไล่


“หลบ เดี๋ยวพี่ป้อนเอง”


ทีดูงงๆ แต่ก็ยอมลุกไปแต่โดยดี จึงกลายเป็นพี่ชมพูที่ลงมานั่งแทน แล้วพอนั่งได้ตำแหน่งดีแล้ว มันก็ตักโจ๊กขึ้นมาเป่าเกือบชิดปาก เพื่อให้ข้าวป่นๆ หายร้อนโดยเร็วที่สุด เท่านั้นไม่พอ ยังชิมดูด้วยว่าโจ๊กสีส้มเพราะใส่ไข่มาด้วยหายร้อนหรือยัง ก่อนจะยื่นช้อนมาให้ผม


ทั้งที่ไม่อยากจะกิน ไม่อยากรู้สึกดีกับการกระทำของมันทั้งที่เพิ่งทำผมเจ็บมา แต่ปากของผมก็ไวกว่า เพราะงับช้อนที่จ่ออยู่ตรงปากไปแล้ว และพอเห็นผมกินได้ พี่ชมพูก็ตักโจ๊กขึ้นมาเป่า ชิม และป้อนผมอีก ทำอย่างนี้ซ้ำๆ จนโจ๊กเกือบหมดถ้วย ผมกินไม่ไหวแล้วเลยเบี่ยงหน้าหนีช้อนที่มือใหญ่ส่งมา พี่ชมพูจึงเอาช้อนนั้นใส่เข้าปากตัวเองแทน ก่อนจะหยิบแก้วน้ำเปล่าไม่เย็นที่ทีเป็นคนเตรียมไว้ขึ้น แล้วจับหลอดจ่อปากผมอีกที


ผมดูดน้ำเข้าไป ก่อนจะกินยาที่พี่ชมพูส่งมาให้อีกครั้ง จนเรียบร้อยแล้วมันก็วางแก้วบนโต๊ะที่หัวเตียงเหมือนเดิม และบอก


“รอสักพักค่อยนอน”


ผมยังคงเงียบ ส่วนทีก็เข้าเปลี่ยนมานั่งอีกฝั่งนึงของเตียงแล้วชวนผมคุย


“อิ่มมั้ย”


“อิ่มครับ”


“ยังเจ็บคอมากอยู่หรือเปล่า ทีขอโทษนะที่ตอนแรกทำข้าวต้มมาให้ แล้วยังไม่รู้ด้วยว่ายีนกินของร้อนไม่ได้ ทีไม่ทันสังเกตเองแหละ”


ทีทำหน้าสำนึกผิด ผมเลยยิ้มให้เธอ ให้รู้ว่าผมไม่ได้โกรธกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้


“ดีขึ้นนิดนึง”


“ถ้างั้นทีไม่ชวนคุยแล้ว เดี๋ยวยีนเจ็บ หายไวๆ นะคะ ทีเป็นห่วง”


หน้าหวานๆ ฉีกยิ้มให้ผมอย่างน่ารัก ผมก็ยิ้มตอบ แต่ได้เพียงแค่นิดๆ เท่านั้นเพราะไม่มีแรง ทว่ารอยยิ้มของผมก็ต้องลดลงจนกลายเป็นเรียบเฉยเพราะประโยคต่อมาของที


“ต้องขอบคุณพี่ภูนะ ที่อุ้มยีนมาวางบนเตียง แถมยังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ไม่งั้นล่ะก็ ทีแย่แน่”


ได้ยินแบบนั้นผมก็ต้องบังคับตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้หันหน้าไปทางคนที่ถูกพูดถึง แต่มันก็ไม่สำเร็จ เพราะพี่ชมพูขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม


“เลิกพูดได้แล้วที พี่จะให้ยีนนอนแล้ว”


“ค่ะ”


จบคำสั่งนั้น มือใหญ่ก็ยื่นมาโอบใต้เอวอีกด้านของผม แล้วประคองให้ลงไปนอน แต่ช่วงท้ายทอยขึ้นไปก็ถูกยกขึ้นไว้ ก่อนมันจะจับหมอนที่ผมพิงอยู่เมื่อครู่มาวางลงแล้วค่อยๆ ปล่อยหัวของผมให้แตะหมอนเบาๆ


“ออกไปได้แล้วล่ะที ให้ยีนพักผ่อน”


“ค่ะ ค่ะ สั่งจังเลยนะพี่ชายเนี่ย”


ทำเหมือนต่อว่า แต่น้ำเสียงที่ทีใช้ก็ยังคงสดใส เหมือนหยอกพี่ชายเสียมากกว่า แต่ไม่เพียงสั่งแค่น้องเท่านั้น คนอายุมากที่สุดยังหันมาสั่งผม


“มึงก็หลับตาได้แล้ว จะได้พักผ่อน”


สิ้นเสียงนั้น ผมก็เห็นมันพยักหน้าให้ที ก่อนทั้งสองคนจะลุกจากเตียงไป และตามด้วยประตูที่ปิดเบาๆ เหลือเพียงผมที่อยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียว ผมเลยหลับตาลงช้าๆ เพื่อพักผ่อนร่างกาย จะได้หายเร็วๆ เพราะผมไม่ชอบเลยจริงๆ ที่ตัวเองกลายเป็นคนป่วย เพราะมันเหมือนคนอ่อนแอ และผมไม่ใช่แบบนั้น


ตอนนี้ ...ก็แค่ตอนนี้ ถ้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งผมจะไม่เจ็บอีก


บอกตัวเองแบบนั้นแล้วผมก็หลับตา พยายามทิ้งตัวเองลงในความฝันจนสำเร็จ โดยที่ผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ทว่าอยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีมืออุ่นๆ มาวางบนหน้าผาก มันอบอุ่น อ่อนโยน ทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนตอนที่แม่ยังอยู่


มืออุ่นลูบหน้าผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมาจับมือผมเอาไว้ มือนั้นใหญ่กว่ามือของผมจนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นมือของใคร เสียงทุ้มคุ้นหูดังเบาๆ เหมือนล่องลอยผ่านไปแต่ผมเผลอได้ยิน


“กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ ทำให้มึงเสียใจ แต่ถึงยังไง กูก็รักมึงเสมอ”


สัมผัสอุ่นนุ่มแตะลงบนหน้าผาก เหมือนริมฝีปากของใครคนนั้นกดลงมา มือหนายังกระชับมือของผมเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวเหมือนกับว่าผมกำลังฝันอยู่ และผมก็แน่ใจ เพราะหากเป็นความจริง ผมคงไม่ได้ยินประโยคเมื่อกี้


เป็นฝันดีที่เจ็บฉิบหายเลย




















ตื่นมาอีกที ฟ้ายังสว่าง แต่ผมไม่แน่ใจว่าความสว่างที่เห็นอยู่เป็นของวันเดิมหรือเปลี่ยนเป็นวันใหม่แล้ว จึงขยับตัวไปคว้าหาโทรศัพท์ขึ้นมาดูวันที่ และมันก็ชัดเจนว่าผมหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ โดยไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย เรี่ยวแรงที่เคยหายไป ตอนนี้กลับมาแล้ว อาการตัวร้อนก็กลับเป็นปกติ และที่สำคัญ.. เสื้อผ้าของผมเปลี่ยนจากชุดเมื่อวานไปแล้ว คงไม่ต้องสงสัยว่าใครเป็นคนจัดการกับตัวของผม เพราะเรื่องที่ทีพูดเมื่อวานผมจำได้ทั้งหมด


ผมถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง โลกที่เคยโคลงเคลงเมื่อวาน วันนี้กลับมานิ่งอีกครั้ง ผมเลยลุกจากเตียงช้าๆ ไปยืนอยู่ข้างหน้าต่าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้รู้สึกปลอดโปร่ง ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำไปจัดการกับความเหนอะหนะบนตัว เพราะถึงไอ้พี่ชมพูจะเช็ดตัวให้ผม ซึ่งผมไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว แต่มันก็สู้การอาบน้ำไม่ได้


หลังจากอาบน้ำเสร็จและเดินออกมานอกห้อง ผมก็เห็นทีมายืนอยู่ในห้องแล้ว และไม่ใช่ทีแค่คนเดียว พี่ชายของเธอก็มาด้วย และผมคิดว่าทีน่าจะเป็นคนเรียกมาเพื่อช่วยผมเหมือนเมื่อวาน ตาเรียวคมมองมาที่ผม ผิดกับคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะเธอเบี่ยงหน้าหลบผมไปแล้ว เหตุผลคงไม่ใช่อะไร นอกไปจากผมที่มีผ้าเช็ดตัวคลุมแค่ช่วงล่าง


“หายดีแล้วเหรอ ถึงไปอาบน้ำ”


เสียงทุ้มเหมือนในฝันของผมถามมา แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะมาทำเป็นห่วงใยอะไรผม ในเมื่อมันเป็นคนทำตัวห่างเหิน ทิ้งขว้างความรู้สึกของผมอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ผมเจ็บและร้องไห้อย่างน่าอายทั้งที่ไม่คิดว่าผมจะเสียน้ำตาให้มันถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน


“ครับ” ผมตอบแค่นั้นแล้วหันไปทางทีแทน “แล้วทีมีอะไรหรือเปล่า”


“เอ่อ.. คือ ทีอยากมาดูว่าอาการของยีนเป็นยังไงบ้าง แล้วนี่ยีนหายแล้วเหรอ”


“หายแล้วครับ”


ผมยิ้มให้ทั้งที่เธอยังไม่หันหน้ากลับมา ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อย ทีจะได้ไม่ต้องหลบหน้าผมไปอีกคน


“ว่าแต่วันนี้มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่า เมื่อวานเราเบี้ยวทีไปเฉยเลย ขอโทษครับ”


“อ๋อ เอ้อ...ก็มีนะ แต่ว่ายีนเพิ่งหาย ถ้าไปเดี๋ยวก็ไข้กลับหรอก”


ทีเหลือบมามองผมอย่างไม่แน่ใจ แต่พอเห็นผมแต่งตัวเรียบร้อยถึงได้หันมาเต็มๆ


“ไม่เป็นหรอก เราแข็งแรงแล้ว ไข้ไม่กลับแน่นอน ไปตามกำหนดเดิมเลย”


ผมบอกทีแล้วก็ยิ้มให้ด้วย ไม่สนใจคนที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของเธอ และไม่คิดจะหันไปมอง ผมลองคิดทบทวนกับตัวเองแล้วว่าควรจะทำยังไงต่อไปกับสถานการณ์แบบนี้ สาเหตุที่ทำให้มาเชียงใหม่ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว มันล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็น่าขำที่ผมโง่ยอมตกลงมาในความรักที่หลอกลวงครั้งนี้


“ยีนแน่ใจนะ”


“อืม”


ไม่แค่บอกเธอแบบนั้น แต่ผมยังเดินเข้าไปหา แล้วพยักหน้าชวนให้ออกจากห้องไปด้วยกัน ทีเลยให้ผมไปกินข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยออกไป ผมก็ไปนั่งรวมโต๊ะกับคนในครอบครัวของทีอีกครั้ง แม่ของที หรือแม่ของไอ้พี่ชมพูนั่นแหละ ถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง หายแล้วหรือยัง ผมก็ตอบๆ ไป ก่อนจะชวนทีออกมาด้วยกันหลังจากกินข้าวเสร็จ ส่วนไอ้พี่ชมพูก็ปล่อยแม่งทำงานไปแล้วกัน อยากทำดีนักก็ปล่อยให้แม่งทำจนพอใจไปเลย ไม่สนใจกูอยู่แล้วนี่


ความเสียใจของผมกลายเป็นความคับแค้นใจไปแล้ว เพราะผมไม่อยากอ่อนแอ ไม่อยากให้คนที่คิดจะทิ้งกันมองว่าผมไม่เอาไหนและน่ารำคาญ ไม่อยากตื๊อมันเพื่อให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมเคยขอโอกาสมันไปแล้ว แต่มันกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลที่เรียกว่าข้ออ้าง เพราะงั้นผมจะไม่สนใจมันเหมือนกัน


ทีพาผมไปไหว้ครูบาศรีวิชัย แล้วก็ขึ้นดอยสุเทพ แต่ระหว่างที่เราเดินขึ้นบันไดไปเจดีย์ ผมมองทีแล้วก็อดที่จะถามไม่ได้


“ไหวมั้ย”


“ไหวสิ”


เธอตอบมาแบบนั้น แต่ว่าหอบแฮ่ก หน้าก็แดงไปหมด


“บอกให้ขึ้นกระเช้าแต่แรกก็ไม่เชื่อ”


“ก็มาที่นี่แล้ว มันต้องเดินขึ้นสิ นั่งกระเช้ามันไม่ขลังนะ”


“แต่เธอเหมือนจะเดินไม่ไหวแล้ว”


“ทีก็แค่เหนื่อยแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย”


ผู้หญิงตรงหน้าผมยังทำเป็นเก่งทั้งที่แรงจะเดินต่อยังไม่มี ผมเลยยื่นมือไปจับมือเธอไว้เพื่อช่วยดึงขึ้นบันไดต่อ และก็ป้องกันไว้ก่อน เผื่อเธอพลัดตกบันได แต่พอผมจับมือเธอเท่านั้น ทีก็มองหน้าผมเหมือนอยากรู้คำตอบว่าทำไมผมต้องจับมือเธอ


“เดี๋ยวหมดแรงตกลงไปข้างล่าง เราก็ช่วยเธอไม่ทันหรอก”


“ขอบคุณนะ”


ทียิ้มให้ผม ก่อนเราจะเดินเข้าบันไดสูงต่อ กว่าจะถึงขั้นสุดท้ายก็เล่นเอาหอบ ถึงผมจะไม่ได้เป็นพวกเหลาะแหละแต่ต้องคอยดึงคอยระวังไม่ให้คนที่มาด้วยพลัดลงไป ก็ทำให้เหนื่อยได้พอดู เพราะงั้นผมกับทีเลยหยุดพักเหนื่อยกันก่อนจะเข้าไปไหว้พระและสวดมนต์เดินรอบเจดีย์ แต่พอทำอย่างที่ตั้งใจเสร็จ ผมก็เดินออกมาจะไปขึ้นกระเช้าเพื่อกลับไปที่รถ เพราะทีคงเข็ดแล้วไม่อยากเดินอีก และขาก็ยังไม่มีแรงแล้ว ผมก็เห็นว่าท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าก่อนหน้านี้กลับเป็นสีทะมึน มันครึมๆ มืดๆ ไม่ต้องบอกเลยว่าทำไม


“คงขึ้นดอยต่อไม่ได้แล้วล่ะ ฝนท่าจะตกแรง”


“ก็ต้องเป็นอย่างนั้น”


ทีบอก ผมก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย โปรแกรมที่จะขึ้นดอยอินทนนท์ต่อเลยต้องพับเก็บไว้ก่อน เราสองคนนั่งรถแดงลงมาด้านล่างแล้วผมก็อาสาขับรถให้ทีต่อ


“เดี๋ยวขากลับเราขับรถให้”


ผมเสนอตอนที่เรากำลังเดินไปที่รถ แต่ทีก็ค้าน


“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวทีขับเอง ยีนไม่รู้ทาง แถมถนนก็ไม่ได้ราบแบบกรุงเทพด้วย”


“ไม่เป็นไร แค่บอกทางก็พอ”


ไม่ว่าดูยังไง ผมก็รู้ว่าทีคงขับรถไม่ไหว เพราะแค่เดินเฉยๆ ยังขาสั่นด้วยซ้ำ เกิดขับรถไปแล้วหมดแรงขึ้นมา เดี๋ยวจะได้ตายก่อนถึงคุ้ม แต่ตอนเธอกำลังอ้าปากจะแย้งอีก อยู่ๆ ก็สะดุดล้มลงไปกับพื้น


“เป็นไงมั่ง”


ผมก้มลงไปถามเพราะเห็นเธอร้องเสียงค่อนข้างดัง ท่าทางจะเจ็บไม่น้อย


“เจ็บอะ”


“ไหน เราดูหน่อย”


ผมลงไปนั่งยองๆ เพื่อดูแผลที่ขาที เห็นว่ามีเลือดเปื้อนอยู่บนกางเกงตรงเข่า ก็เงยหน้ากลับไปมองคนตัวเล็กว่าอีกครั้ง


“เห็นมั้ย แค่เดินก็ล้มแล้ว ยังจะขับรถ”


“ก็..”


“ลุกมา เดี๋ยวช่วยพยุง”


ไม่รอให้เธอหาข้ออ้างอะไรมาต่อ ผมก็รีบพูดขึ้นมาก่อน จับแขนเล็กๆ มาพาดบ่าของตัวเองแล้วประคองคนเจ็บมาที่รถ พาเข้าไปนั่งที่เบาะด้านข้างก็เห็นว่าน้ำตาปริ่มตรงขอบตาของทีอยู่นิดๆ ผมก็รีบไปขึ้นรถและขับออกไปทันทีเพราะจะได้ให้เธอกลับไปทำแผลเร็วๆ


ใช้เวลาไม่นาน ผมก็ขับรถมาถึงคุ้ม แต่ตอนลงรถ เหมือนทีจะลุกไม่ไหวแล้ว เพราะหน้าซีดๆ เลือดที่แผลซึมอยู่นิดๆ ผมเลยพยุงเธอลงมา แต่ลำบากตอนพาเดิน เพราะทีแทบไม่ขยับขาเลย


“เดินไหวมั้ย”


“ไม่อะ มันชาไปหมดแล้ว”


ได้ยินอย่างนั้น ผมเลยเปลี่ยนจากประคองให้เดินไปด้วยกัน เป็นเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ แล้วย่อตัวนิดหน่อย ก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นมาบนหลัง


“ยะ..ยีน ยีนไม่ต้องแบกก็ได้”


“ก็เดินไม่ไหว หรือจะให้อุ้มไป”


เจอผมถามกลับไปแบบนั้น ทีก็เงียบลงทันที ผมเลยพาเดินเข้ามาในบ้าน และวางเธอลงบนเตียงที่ห้องของเธอ


“ทีเปลี่ยนกางเกงก่อน แล้วก็เอาน้ำล้างแผลเบาๆ เดี๋ยวเราไปเอายา ยาอยู่ตรงไหน”


“ตู้ในห้องนั่งเล่น”


ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินไปเอายาที่อยู่นอกห้อง และกลับเข้ามาอีกครั้งตอนที่ทีเปลี่ยนกางเกงเสร็จแล้ว ผมก็ไปนั่งบนที่นอนข้างๆ เธอ และจับขาเรียวนั้นขึ้นมาวางพาดบนตัก ใช้สำลีชุบน้ำหมาดๆ เช็ดรอบแผลให้ แต่หน้าหวานๆ นั้นก็นิ่วลงเพราะความเจ็บ


ผมไม่เคยพูดถึงหน้าตาของทีอย่างจริงจังใช่มั้ยครับ เธอเป็นสวย แต่ที่เหนือกว่าความสวยคือความน่ารัก เพราะแบบนั้นผมถึงเข้าไปจีบเธออย่างไม่ต้องลังเล ผมว่าเรื่องหน้าตานี่คงได้เชื้อดีๆ มาจากพ่อกับแม่กันทั้งพี่ทั้งน้อง เพราะไอ้พี่ชมพูมันก็หล่อไม่น้อยเหมือนกัน แต่.. ผมจะนึกถึงแม่งอีกทำไมวะ


ผมทิ้งความคิดเหี้ยๆ ของตัวเองไปให้พ้นตัว พลางเช็ดแผลให้ที ก่อนจะใส่ยาตามลงไป และจบลงด้วยเอาผ้ากอซปิดแผลให้ ส่วนทีก็ยิ้มและขอบคุณผม ผมเลยอดสั่งไม่ได้


“ทีหลังไม่ไหวก็อย่าดื้อ เดี๋ยวได้เจ็บตัวอีก”


“เข้าใจแล้วค่าาา”


ทีลากเสียงยาวในตอนจบเหมือนคนไม่สำนึกด้วยซ้ำ ผมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วก้าวขาจะเดินออกจากห้องของเธอ แต่ผมกลับเห็นคนตัวใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูพอดี มันมองเข้ามาในห้อง แต่สายตาพุ่งมาที่ผมอย่างไร้ความหมาย ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินผ่านมันไปโดยที่ต่างคนก็ไม่มีคำไหนจะพูดกัน


บอกตัวเองไว้แล้ว จะเฉยเมยใส่มัน จะไม่เจ็บ จะไม่อ่อนแออีก แต่พอเห็นสายตาของมันที่มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งที่ไม่ได้อยากมอง แต่ตาของผมเสือกทรยศไปเห็นเองแล้วก็ต้องปวดใจเอง

โง่ชะมัดเลยมึง มึงมันโง่มากที่ยังคาดหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม


ผมไม่เถียงความคิดนั้นของผมเลย เพราะผมรู้ดีที่สุดว่าความรู้สึกตอนนี้ของผมเป็นยังไง ผมยังหวัง ผมยังคิดว่ามันจะเดินมาบอกผมว่ามันแค่แกล้งผมเล่นเฉยๆ หรือมันบอกว่านี่เป็นบทพิสูจน์ที่พ่อแม่ให้มันเอาไว้ เพื่อจะดูว่าผมรักมันมากแค่ไหน เพราะผมหวังให้เป็นแบบนั้น ผมถึงได้ยังทนอยู่ที่นี่


ผมเดินเข้าห้องนอนแล้วโยนตัวขึ้นเตียงอย่างอัดอั้นใจ อยากจะตะโกนออกมาดังๆ ระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในตอนนี้ออกมา ให้มันเลิกเจ็บ เลิกทรมาน


ทำไมความรักถึงเจ็บปวดอย่างนี้วะ!!











อ่านต่อด้านล่างะ

v

v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 18-10-2012 23:40:53
ต่อจากด้านบน


v


v









เพราะทีขาเจ็บวันต่อมาผมเลยไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ใช่ว่าจะว่าง เพราะตอนบ่ายๆ ผมเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากออกไปเดินเล่นรอบๆ คุ้มแก้เบื่อแล้ว ก็เจอทีกับแม่ของเธอนั่งทำขนมอยู่ด้วยกัน สีเหลืองอมส้มทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคงไม่พ้นขนมพวกทองๆ แต่มันแปลกตานิดหน่อยเพราะทีกำลังตัดขนม


“ทำขนมอะไรกันอยู่เหรอครับ”


“ทำฝอยทองกับทองหยอดมาจัดจานจ้ะ ยีนสนใจจะช่วยแม่ทำมั้ย”


“อ้อครับ ให้ผมช่วยทำอะไร บอกได้เลยครับ”


ผมตอบอย่างนอบน้อมตามปกติ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ไอ้นิสัยห่ามๆ ของผมจะถูกเก็บ เพราะแม่ปลูกฝังผมมาแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ต่อหน้าใครจะเป็นยังไง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอายุมากกว่าก็ต้องสุภาพด้วย ยิ่งอีกฝ่ายอายุมากกว่าเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งให้เกียรติเขาเท่านั้น ผมทำแบบนั้นได้กับทุกคน ยกเว้นก็แต่ลูกชายคนโตของบ้านนี้


“ช่วยทีแล้วกันจ้ะ ของแม่คงยากไป อ้อ ไปล้างมือให้สะอาดก่อนด้วยนะจ๊ะ”


“ครับ”


รับคำแล้วผมก็ไปล้างมือก่อนจะกลับมานั่งลงข้างๆ ที มองขนมทีที่ทำแล้วก็สงสัย เพราะมองยังไงทองหยดก็ไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ถึงฝอยทองจะไม่ได้มีอะไรแปลกไปก็เถอะ


“อันนี้คืออะไร”


“ทองหยอด”


“แล้วทำไมเป็นใบไม้”


“ก็ตกแต่งไงคะ”


ไม่ตอบอย่างเดียว แต่ทียื่นไม้จิ้มฟันมาให้ผมด้วย แล้วทำท่าจะสาธิตวิธีทำให้ผมดู ผมเลยรับไม้ซี่เล็กมา ก่อนจะพยายามทำตามที แต่ก็ไม่วายโดนดุ


“เบาๆ สิยีน เดี๋ยวขนมก็เละหมด”


“ครับ”


ผมพยายามจะลงน้ำหนักมือให้น้อยลงกว่าเดิม เพราะก็กลัวว่ามันจะเละคามือไปซะก่อนเหมือนกัน ผมจึงค่อยๆ ใช้ไม้เล็กๆ นั่นกดลงบนเนื้อขนมเป็นลายทางกลางชิ้นที่ทีเป็นคนตัดไว้ให้ได้ทรงเหมือนใบไม้ แล้วย้ายมากดเป็นแนวทะแยง จากเส้นกลางใบให้เป็นลาย จนเสร็จอันนึง สภาพดูพอจะรับได้....ยาก ผมเลยหยิบอันใหม่ขึ้นมาทำอีก แล้วก็ตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะต้องทำมันให้ออกมาดีจนทุกคนชม


ใบไม้อันแล้วอันเล่าผ่านมือของผมไป มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนออกมาดีที่สุด ผมตั้งใจทำโคตรๆ เพราะเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมาดูถูกหาว่าไม่เรื่อง แต่ความตั้งใจและความหมกมุ่นของผมก็หยุดลงด้วยเสียงนุ่มๆ จากแม่ของไอ้ห่าพี่ชมพู


“จะว่าไป แม่ก็ยังไม่ได้คุยกับยีนจริงๆ เลยนะลูก”


น้ำเสียงที่ส่งมาถึงผม อ่อนโยนมาก จนอดคิดไม่ได้ ว่าถ้าหากว่าเจ้าของเสียงนี้รู้เรื่องของผมกับไอ้พี่ชมพู ผมจะโดนโกรธเกลียดขนาดไหน เพราะเป็นคนทำให้ท่านผิดหวังหนัก แต่มานึกอีกที อาจจะไม่ต้องรู้สึกแบบนั้นแล้วก็ได้ เพราะว่าผมกับไอ้พี่ชมพู อาจจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก


“ครับ”


“ยีนรู้มั้ย ยีนหล่อมากเลยนะลูก”


“แม่คะ จะนอกใจพ่อเหรอ”


จบประโยคของแม่ ทีก็รีบแทรกขึ้นมาทันที มีการเอาพ่อมาข่มขู่ด้วย ทำให้ผมยิ้มกับคำพูดของแม่ลูกคู่นี้ แต่ผมก็ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงที แล้วขานเสียงรับ


“ผิวพรรณดี ดูมีสกุลรุนชาติที่ดี”


“ขอบคุณครับ”


ผมยกมือไหว้ ขอบคุณทั้งสองข้อ แต่ยังไม่จบแค่นั้น


“เป็นคนนอบน้อม และยังมารยาทดีอีก”


“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”


ผมทำได้แค่ออมแอ้มตอบ เพราะหากคนที่พูดเป็นคนอายุดียวกันหรือต่างกันไม่มาก ผมคงโอ้อวดไปแล้ว


“รู้จักถ่อมตัวด้วย แบบนี้สิ ผู้ใหญ่ถึงเอ็นดู”


คราวนี้ผมไม่ตอบแล้ว แต่ส่งยิ้มให้ แม่ไอ้ห่าพี่ชมพูก็เลยยิ้มให้ผมด้วย จากนั้นผมจะก้มหน้าลงไปทำขนมต่อ แต่คนชมผมแล้วชมผมอีกยังไม่หยุด


“ตั้งอกตั้งใจทำงาน รู้จักเรียนรู้ด้วย ดีมากๆ”


ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปยิ้มแบบเกรงใจอีกรอบ คือแม่มันอวยผมเกินไปละ จริงๆ ผมไม่ได้นิสัยดีอะไรขนาดนั้นเลย แค่มีมารยาทกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ดีด้วยก็ไม่จำเป็นต้องร้ายเหมือนพวกรุ่นๆ เดียวกันที่มันชอบหาเรื่อง แล้วก็ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจทำงาน แต่แค่ชอบเอาชนะเท่านั้นเอง


ไม้จิ้มฟันในมือผมค่อยๆ กดลงบนเนื้อสีเหลืองอมส้มช้าๆ ให้เกิดเป็นร่องตามลายของใบไม้ ทั้งที่ผมพยายามจะทำให้เบามือที่สุด แต่เสียงของคนคนเดิมก็ดังขึ้นครั้ง แล้วครั้งนี้ก็ทำให้ไม้ซี่เล็กที่ผมใช้อยู่กลายเป็นมีดฝ่ากลางลงบนเนื้อแป้งหวานนุ่มเพราะลงน้ำหนักแรงเกินไป มันเลยขาดครึ่ง


“นิสัยดีๆ แบบนี้ น่าจะให้มาเป็นลูกเขยของแม่นะ”









===================
แล้วจะเป็นยังไงต่อดีนะ?


ขอบคุณคนที่รออ่านนะคะ
ความจริงแต่งเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านแก้ เลยเพิ่งเอามาลงค่ะ



Undel2Sky

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 18-10-2012 23:51:04
เอ้ออ แล้วจะได้บอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่เนี่ย
คุณแม่ยีนส์ไม่ได้จะมาเป็นลูกเขยนะ
ยีนส์เค้ามาเป็นสะใภ้ต่างหาก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 19-10-2012 00:10:24
หวังว่ามันจะผ่านพ้นไป (เร็วๆ) :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

กว่าจะรักกัน มันไม่ง่ายเลย ทำไมยอมแพ้อะไรง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ ไอ้พี่ชมพู๊ววววววววววว :angry2:

ทำน้องยีนเค้าเสียใจนะ ฮึ :m15:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pimmae12 ที่ 19-10-2012 00:17:28
อ่านตอนนี้น้ำตาพรากเลย U_U
สงสารยีนอ่า พี่ชมภูไม่หนักแน่นเลย พายีนมาบ้านปล้วก็ทิ้งๆขวางๆ
สงสารยีนที่สุดดดดดด

ตอนนี้กดดันมากเลย ฮื่อออ เกือบทนอ่านต่อจนจบไม่ไหว
ขอให้มาม่าผ่านพ้นไปเร็วๆนี้นะคะ  o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 19-10-2012 00:59:53
เซ็งพี่ชมพูมากๆ อ่านตอนสองตอนนี้แล้วรู้สึกอยากให้ไปคบกับทีอีกรอบ

น้อยใจแทนนนนนนนนน แง้งๆ อย่าละเลยยีนสิ หล่อดูดีมีชาติระกูลหาไม่ได้ง่ายๆนะคุณเธอ ><!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 19-10-2012 01:09:58
รู้สึกรำคาญความน่ารักใสซื่อของที ขวางหูขวางตามาก พี่ชายเชี่ยวซะขนาดนั้น
ทำไมน้องสาวเหมือนเด็กสิบขวบที่เพิ่งมีประจำเดือน
แยกไม่ออกรึไงว่าผู้ชายที่ตัวเองชอบน่ะ มันรู้สึกยังไงกับตัว

ตอนนี้เหมือนกรรมที่ยีนส์เคยไปทำอะไรกับผู้หญิงกำลังย้อนมาหาตัว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 19-10-2012 04:16:00
สุดท้ายก็ยังไม่เฉลยย T^T

สงสารยีนมากอ่าา พี่ภูทำไมทำตัวแบบนี้อ่าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 19-10-2012 04:32:11
ซวยหมาเลยจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 19-10-2012 07:05:51
ยังไม่เคลียเลยนะพี่ภู
แถมยังทำยีนร้องไห้อีก
กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 19-10-2012 08:56:42
อ้าวไอ้พี่ชมภู ยังไม่สำนึกอีกหรือไง
แม่ง อ่านแล้วอารมณ์เสีย เป็นเชี่ยไรนักหนา
น้องมันยอม ยอมเพราะรัก เพราะรักนะเว่ย
ยอมเพื่อยื้อความรักจากมึงกลับมา
แล้วดูดิ๊ มึงทำอะไร ทำร้ายจิตใจน้องอีก
แล้วมึงเอาเขามาด้วยทำไม
อยากให้พ่อน้องยีนรู้เรื่องจริงๆ
ให้พ่อเพ่นกบาลให้แตกไปเลย

อีน้องทีนี่ก็หน้าด้านจริง
อีแม่ก็อีกคน ยังไงเห็นคนหล่อ
รู้จักกันแค่ไม่กี่วัน จะประเคนลูกสาวใส่พานให้ผู้ชายแล้ว
เขาถึงว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่


น้องยีนส์ ออกจากบ้านมันมาลูก
ออกไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ปลอดภัย
แต่อย่าให้มันรู้ว่าหนูอยู่ไหน
ให้ไอ้พี่ชมภูมันตามหา
ให้มันเจ็บปวด เพราะความผิดที่ทำกับหนู
ทิ้งจดหมายขู่มันว่าถ้ามันไม่รักกัน ยีนก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
เอาให้มันดิ้นทุรนทุราย
แล้วเดี๋ยวมันก็เลิกเป็นบ้าเอง

เคืองคนแต่ง รีบๆมาลงโดนเร็ว
ไม่งั้นจะพาลด่าไปแม่งทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarunghaja ที่ 19-10-2012 09:44:39
ไอ้พี่ชมพูเป็นอะไร แงงงงงงงงงงง  :beat:

แล้วจะเป็นยังไงต่อ อยากอ่านแล้ว ตอนนี้ค้างอีกแล้ว ><

มาต่อไวไวนะค้าาาา  :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 19-10-2012 13:21:49
ลูกสะใภ้ค่ะคุณแม่  :z3:

สงสารน้องยีนเหลือเกิน T^T
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 19-10-2012 13:44:53
เรื่องนี้มีเบื้องหลังแน่ๆ พี่ภูไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้จริงๆแน่ๆ

อาจจะเป็นแผนการอะไรซักอย่าง

 :เฮ้อ:

สู้ๆนะทั้ง2คน จะได้หลุดพ้นซักที
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 19-10-2012 14:15:03
T^T เีิรื่องกำลังเครียดเลยเนาะ สงสารยีนนะ แต่พี่ภูคงมีเหตุผลแหละ อยากให้พ่อแม่ พี่ภูยอมรับซะที แม้ว่าแลมันจะยากก็ตาม U U
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2012 18:11:32
รอจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yongsulewa ที่ 19-10-2012 18:43:24
ลูกสะใภ้ สิถึงจะถูก555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 19-10-2012 19:26:35
ไม่ใช่ลูกเขยซะหน่อย ลูกสะใภ้ต่่างหาก o13
ที่ชมพูเปลี่ยนไปเพราะแม่หรือเปล่านะ :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 19-10-2012 20:29:09
คุณแม่จะได้ลูกเขยแน่ค่า แต่ต้องเป็นกรณีที่พี่ภูยอมให้น้องยีนกดเท่าน้านนนน! ฮ่าาา  :laugh:
เดาไม่ถูกเหมือนกันว่านี่เป็นแผนการอะไรหรือเปล่า
หรือพี่ภูรู้อดีตของสองคนนี้แล้วเกิดรู้สึกผิดสำนึกในฐานะพี่ชายที่ดี หรือเห็นว่ายีนควรได้คู่กับผู้หญิงมากกว่าอะไรงี้
ไหนว่ามีอะไรให้บอกกันไงฟระ พอมาทีตัวเองละไม่เห็นทำตามที่พูดไว้เลย เชอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 20-10-2012 00:25:30
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-10-2012 21:18:44
ตกลงไอพี่ชมพูมันจะเอายังไงวะเนี่ยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 20-10-2012 22:27:25
โกรธอีพี่ภู บังอาจมาทำให้น้องยีนนอยด์ เสียใจ ชริ

น้องยีนสู้ๆๆ หนีมันไปเลยหนูไอ้พี่ภูเนี่ย แมร่ม อารมณ์เสีย มีเหตุผลอะไรมาทำกะน้องยีนแบบนี้ เชอะ นิสัย โกรธๆๆๆ


เอ่อคุณแม่ค่ะ น้องยีนเค้าไม่ได้จะมาเป็นเขยนะค่ะเค้าจะมาเป็นสะใภ้ค่ะแม่
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 21-10-2012 02:38:41



    ง่ะ. . . คุณแม่เล่นพูดงี้เลยเหรอเนี่ย ลูกสาวก็นั่งอยู่ข้างๆอ่านะ
    หรือว่าทีเคยคุยเรื่องนี้กะคนในครอบครัวแล้ว
    ถ้ายีนสวนมาว่าขอเป็นลูกสะใภ้แทนได้ไหมแล้วจะหนาว หึหึ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 24-10-2012 23:27:30
ThankS
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 25-10-2012 00:31:44
เลวร๊ายT^T'
คุณแม่ออกตัวแรงอะ!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 25-10-2012 00:50:43
พี่ชมภูคงมีเหตุผล


แต่ทิ้งขว้างกันแบบนี้ก็ไม่ดีเลยนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 25-10-2012 17:28:51
 :serius2:  อร๊ายๆๆๆ  เค้ารอตะเองมาอัพต่ออยู่น๊าาาาาาา 

พี่ชมพูทำไมทำเยี่ยงนี้

ทีเธอเข้าใจบ้างสิว่าเรื่องของเธอมันจบไปแล้ว

คุณแม่ของชมพูเปลี่ยนจากคำว่าลูกเขยมาเป็นคำว่าลูกสะใภ้เดี๋ยวนี้เลยนะคะ

สงสารเกงยีนอ่าาาาาา :o12:


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kiizkziekiizk ที่ 26-10-2012 14:37:47
เฮ้อออออออ ลุ้นนจนเหนื่อยแบบนี้ อ๊ากกกต่อไปจะเป้นไงงง

รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ [18/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 26-10-2012 15:10:09
ตะลึ่งตึ่งโป๊ะ!! แหมะ มาสะดุดเอาตอนท้ายนี่แหละ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 26-10-2012 23:59:33
ตอนที่ 35 : หมดเวลา
















ผมกับทีพากันอึ้งกับประโยคเมื่อกี้ของแม่เธอ รู้สึกหัวตื้อไปพักใหญ่เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาพูดกับผมแบบนี้ แต่ดูเหมือนผมจะได้สติก่อนทีเลยต้องรีบบอก


“เอ่อ... คงไม่ได้หรอกครับ”


“ใช่ๆ แม่พูดอะไรเนี่ย”


พอได้ยินเสียงผม ทีก็รีบเสริมขึ้นมาทันที แต่ว่าคนที่พูดประโยคชวนช็อกกลับยิ้มให้นิดๆ ไม่รู้สึกทุกร้อน แต่เล่นเอาผมแทบนั่งไม่ติด ที่อยู่ๆ จะถูกจับไปเป็นเขยของบ้านนี้


“แม่แค่บอกว่าถ้าได้แบบนี้ก็คงดี ไม่ได้หมายความถึงยีนสักหน่อย”


ถึงจะตอบกลับมาแบบนั้น แต่มันก็มีจุดที่ฟังดูขัดหู เหมือนกับว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ก็ดียังไงไม่รู้ แล้วทีก็ดูเหมือนจะเข้าใจอย่างเดียวกับผม เธอเลยอ้างเหตุผลที่ผมเคยบอก


“ยีนมีแฟนแล้วนะคะแม่”


“แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”


ตัดจบด้วยประโยคนั้น แล้วแม่ของทีก็กลับไปสนใจขนมในกระทะทองเหลืองเหมือนเดิม ปล่อยให้ผมกับทีมองหน้ากันอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ยังช่วยทำขนมต่อไปจนเสร็จ ฝีมือของผมพัฒนาขึ้นจนพอใจ ทีกับอาผู้หญิงก็เอ่ยปากชมเพราะห่วงว่าผมจะทำไม่ได้


โธ่ มือชั้นนี้แล้ว จะทำไม่ได้ได้ยังไง ไม่เคยมีอะไรที่นายพชรตั้งใจแล้วทำไม่ได้ ผมกระหยิ่มยิ้มกับตัวเองอย่างมั่นใจ แต่แล้วในตอนท้ายความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาจนการยิ้มต้องสะดุด


เรื่องเดียวที่ผมทำไม่สำเร็จ คือ...มัน


ยิ่งคิดก็ดราม่ากับตัวเองเปล่าๆ แม่งงงง ผมสะบัดหัวไล่สิ่งที่คิดอยู่ออกไป ไม่อยากนึกถึงภาพวันนั้นที่ทำให้ผมเสียใจ ผมเดินกลับเข้าห้องที่ใช้ซุกหัวนอนมาสี่วัน เหลืออีกแค่สองวันที่ผมจะอยู่ที่นี่ แต่ผมคิดว่าถ้าหาตั๋วเครื่องบินของพรุ่งนี้ได้ ผมก็จะกลับพรุ่งนี้ เพราะไอ้คนที่พาผมมาคงไม่ใส่ใจแล้วมั้งว่าผมจะกลับบ้านเมื่อไหร่


โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยย มึงจะคิดถึงไอ้ห่านั่นทำไมอีก!!


ผมหงุดหงิดตัวเอง ทั้งที่บอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะไม่นึกถึงมัน ไม่นึกถึงเรื่องของมัน แต่เสือกทำตรงข้ามกับคำสั่งของตัวเอง ผมได้แต่ด่าทอตัวเองที่ยังโง่งมคิดถึงเรื่องนั้นอีก


เข้ามาในห้องแล้ว ผมก็ฉวยกระเป๋าเงินแล้วออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากเรือน ทีก็เรียกผมไว้ก่อน ผมจึงเดินเข้าไปหาเพราะทีคงเดินมาหาผมไม่สะดวก


“จะไปไหนเหรอ”


“ซื้อตั๋วเครื่องบินครับ”


“จะกลับแล้วเหรอ”


ทีทำท่าตกใจที่ได้ยินคำตอบของผม แถมยังถามเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ดีว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากทีและผม ส่วนแม่ของทีน่าจะไม่อยู่เพราะปกติผมจะเห็นอาผู้หญิงอยู่ที่ห้องนั่งเล่นหรือห้องครัวถ้าท่านอยู่ที่เรือน



“วันมะรืน แต่ไปซื้อตั๋วก่อน”


“ไม่เห็นต้องออกไปเองเลย”


จริงๆ ผมจองตั๋วเครื่องบินผ่านเน็ตก็ได้แหละครับ แต่ว่าผมไม่อยากอุดอู้อยู่ในบ้าน อยากออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยตัวเองบ้าง เพราะไม่อยากให้ทีเดือดร้อนอีก


“เผื่อไปเที่ยวแถวๆ นั้นด้วยไง”


“ขอโทษนะ เพราะทีเจ็บ เลยไม่ได้พายีนไปเที่ยวต่อเลย”


ผมตอบแบบนั้น ทีก็ทำหน้าสลดขึ้นมาทันที แต่ผมกลับยิ้มและลูบหัวเธอเบาๆ ผมรู้ว่าทีเป็นคนดี น่ารัก และจิตใจดี และที่เธอกำลังเสียใจอยู่ ผมก็รู้ว่ามันคือความรู้สึกของเธอจริงๆ จึงอดที่จะเอ็นดูเธอไม่ได้


เธอเป็นเพื่อนที่น่าคบ หากเป็นน้องก็เป็นน้องที่น่ารัก แต่ถ้าเป็นแฟน... ผมคงรักเธอไม่ได้ ถ้าผมรักเธอได้ ผมคงจะหยุดที่เธอตั้งแต่เมื่อช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


“ทีเจ็บก็พักเถอะ เราไปคนเดียวได้ ไม่ต้องห่วงด้วย เราจะได้เที่ยวแบบผู้ชายๆ มั่ง”


ประโยคสุดท้ายทำเอาทีตวัดตาฉับมาที่ผมเลย คงเดาไปเองแล้วว่าเที่ยวแบบผู้ชายๆ คืออะไร แต่ผมกลับหัวเราะเบาๆ ที่คาดเดาความคิดของเธอแบบนั้นและดูว่าจะถูกต้อง


“ไม่ได้เที่ยวกลางคืนหรอกน่า เชียงใหม่มีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะแยะ”


เธอคงจะคลายใจจากที่ผมพูดกึ่งสัญญานั่น ตอนนี้ถึงได้ยิ้มหวาน


“ถ้างั้นก็อย่ากลับดึกมากนะ อ้อ เอารถไปใช้มั้ย เดี๋ยวทีหยิบกุญแจให้”


“ไม่ต้องหรอกครับ เราไปได้ ไปก่อนนะครับ”


ผมยิ้มให้เธอก่อนจะออกมาจากเรือน เดินไปทางหน้าคุ้มเพื่อไปต่อรถอีกที แต่เดินไปได้ไม่ห่างจากเรือนเท่าไหร่ รถกอล์ฟที่มีไว้วิ่งบริการรับส่งแขกที่เข้ามาพักก็หยุดลงข้างๆ ให้ผมนั่งออกไปนอกคุ้ม


ความจริงแล้ว หน้าคุ้มไม่มีรถรับจ้างผ่านหรอกครับ ผมก็อาศัยโบกรถที่วิ่งผ่านแถวนั้นแหละครับ พอดีว่ารถคันที่สองจะไปทางสนามบินอยู่พอดี ผมเลยขอติดรถเขาไปด้วย แต่ก็ไม่ลืมให้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน ตอนแรกเขาก็ไม่รับหรอก เพราะว่าเป็นทางที่เขามาพอดี แต่ผมก็ยัดเยียดไปจนได้


เมื่อถึงสนามบินแล้ว ผมก็ตรงไปจองตั๋วล่วงหน้าที่เคาน์เตอร์ของสายการบินสีม่วง ที่นั่งก็เป็นบิสสิเนสนั่นล่ะ เพราะไม่อยากอึดอัดกับที่นั่งแคบๆ จัดการให้พนักงานของสายการบินรูดบัตรเรียบร้อยผมก็ต่อรถที่หน้าสนามบินออกมา เขาพาผมไปที่ประตูท่าแพ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อถนนคนเดินตามคำแนะนำของคนขับรถรับจ้าง เพราะตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว


ตามทางที่เดินผ่านมีร้านขายของทั้งตั้งโต๊ะและวางกับพื้นแบ่งเป็นสี่แถว แต่แบ่งเป็นสองบล็อก โดยที่สองแถวกลางหันหลังชนกัน ถนนกว้างเลยเหลือเล็กลง คนที่มาเดินซื้อของมีทั้งพวกฝรั่งแล้วก็คนไทยที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนในพื้นที่


ผมใช้เวลาในการเดินค่อนข้างนานครับ ถนนเส้นนี้ก็ยาวจนผมยังไม่เห็นว่ามันสุดที่ไหน แต่ก็แวะดูตามร้านขายของเรื่อยๆ เพราะบางอย่างผมก็ไม่เคยเห็น เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอเด็กใส่ชุดไทยนั่งสีซ้ออยู่คนเดียว ข้างๆ มีกล่องรับบริจาคอยู่ ผมจึงเดินไปหย่อนแบงก์ร้อยใส่ในกล่องให้


มันไม่ใช่จำนวนเงินที่เยอะจนผมต้องรู้สึกเสียดาย เพราะผมมองว่าน้องเขาใฝ่ดี มีความสามารถ ทั้งที่อายุน่าจะประมาณแค่สิบขวบ มันดูน่าชื่นชมกว่าเด็กที่วันๆ ทำได้แค่นั่งเล่นเกม และอีกอย่างบางวันผมใช้เงินเป็นพันเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าเงินผมช่วยคนอื่นได้ มันก็น่าจะดีกว่าไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมั่วซั้ว


มองเห็นชีวิตคนในถนนสายนี้แล้วผมรู้สึกว่าชีวิตของผมต่างกับคนเหล่านี้มาก ผมไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหรือต้องลำบากมานั่งขายของก็มีเงินใช้ตามสบายอย่างไม่ต้องเสียดายว่าจะควักหรือรูดไปเท่าไหร่ หนำซ้ำพื้นเพการใช้ชีวิตของคนที่นี่ก็แตกต่าง ที่นี่อยู่กันอย่างสบายๆ ไม่แก่งแย่งกันเกินไป หรือใช้ชีวิตฟู่ฟ่าเกินกว่าจำเป็น ไม่เหมือนสังคมของกรุงเทพ


ผมดูของที่ขายกันสองข้างฝั่ง เพราะคิดว่าค่อยเดินย้อนกลับไปดูอีกฟากนึง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลามากแค่ไหนเหมือนกัน แต่ก็อยากดูให้ทั่วๆ เผื่อจะซื้อของไปฝากป๊ากับพวกเพื่อนๆ ด้วย ซึ่งก็มีของที่สะดุดตาของผมหลายอย่าง แต่ผมเลือกหน้ากากไม้ที่หน้าตาแปลกๆ ไปฝากเพื่อนครับ ซื้อสี่อันเลย เผื่อผมด้วย เอาไว้เล่นแปลงร่างกัน ฮ่าๆ บางทีพวกผมก็ปัญญาอ่อนไปหน่อยครับ ส่วนของป๊ากับพี่กล้วยก็มีหลายอย่างครับ ผ่านร้านใหม่เห็นว่ามันเหมาะจะให้ป๊ากับพี่กล้วยก็ซื้อไป ตอนนี้ของเลยเริ่มเต็มมือผมแล้ว


ดูนาฬิกาข้อมืออีกที ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้ว ผมเดินนานมาก ประมาณชั่วโมงนึงได้ แต่ผมก็เดินย้อนกลับมาอีกฟากนึงแล้วโทรหาที เผื่อเธออยากได้ ก็ลำบากนิดหน่อยกว่าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาได้ก็เหอะ แต่จะไม่โทรไปถามสักหน่อยก็คงไม่ดี แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกดีกับเธอกว่าตอนที่มาเจอกันที่คุ้มวันแรก เพราะทีไม่ได้เรียกร้องให้ผมสนใจหรือแสดงออกว่าเธอยังชอบผมอยู่ ถึงจะรู้สึกได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน ผมเลยสบายใจที่จะคบหากับเธอแบบเพื่อน ส่วนเรื่องเบอร์โทร ผมแลกกับเธอตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว เผื่อไว้เวลาฉุกเฉิน


[อยู่ไหนแล้วคะ]


เธอถามเป็นประโยคแรกหลังจากรับสาย ส่วนเรื่องพูดเพราะ มีหางเสียนี่ก็แล้วแต่อารมณ์เธอครับ ผมเองก็เหมือนกัน


“ท่าแพ”


[ถนนคนเดินเหรอ]


“ครับ ทีจะเอาอะไรหรือเปล่า”


[ทีฝากซื้อโยเกิร์ตปั่นใส่สตรอเบอร์รี่หน่อยสิ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้กี่บาทเหมือนกัน]



ผมเข้าใจสิ่งที่ทีพูดครับ เพราะว่าเธอบอกผมแล้วว่าตอนนี้ไม่ใช่หน้าสตรอเบอร์รี่ อาจจะหาซื้อยาก ไม่ก็มีราคาแพงกว่าช่วงปลายปี และที่เธอฝากผมซื้อ คงเพราะไม่อยากรบกวนแม่ครัวของคุ้มให้ทำให้เธอ


“ได้ครับ เอาอย่างอื่นอีกหรือเปล่า”


[ไม่เอาแล้วล่ะ แล้วนี่ใกล้เสร็จหรือยัง]


“น่าจะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า เราเดินไปเรื่อยๆ คนมันเยอะ”


[ก็งี้แหละ ว่าแต่ยีนจะกลับยังไงล่ะ ของเยอะหรือเปล่า]


“ของไม่เยอะมากหรอก ถือไหว เดี๋ยวเราคงจ้างรถไปส่งที่คุ้ม”


[มันก็ไกลอยู่นะ จ้างรถแพงด้วย ทีว่าให้พี่ภูไปรับดีกว่านะ]


ชื่อที่ถูกเสนอให้มารับ ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ และไม่อยากให้ทีทำอย่างนั้นด้วย ผมไม่อยากเจอมัน ไม่อยากอยู่ใกล้มัน มันคงไม่ผิดใช่มั้ยถ้าผมจะกลัวเจ็บอีก เพราะผมรู้ว่าตอนนี้ผมตัดความรู้สึกที่มีต่อไอ้พี่ชมพูไม่ขาด แล้วมันก็มีแต่จะทำให้ผมรู้สึกย่ำแย่


“ไม่ต้องหรอก รบกวนเปล่าๆ เราจ้างรถได้”


[ห้ามปฏิเสธสิ ให้พี่ภูไปรับแหละดีแล้ว ทีเป็นห่วงนะถ้ายีนจะกลับมาคนเดียว ให้พี่ภูไปรับนะคะ]


ท้ายประโยคเธอพูดเสียงอ่อนเสียงหวานจนผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างลำบากใจ แต่ก็คงขัดเธอไม่ได้ เลยต้องยอมตามใจเธออย่างช่วยไม่ได้


“โอเคครับ”


[งั้นทีให้พี่ภูไปรอที่หน้าประตูนะ ยีนออกทางด้านหน้าใช่มั้ย]


“ครับ”


[โอเคค่ะ งั้นทีไปบอกพี่ภูก่อนนะ]


“ครับ บาย”


ผมวางสายจากทีไป แล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ ก่อนจะปลงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และเดินต่อไป ดูของตามทางเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่ทำกับอีกฟาก แต่จุดหมายสำคัญเลยก็คือของที่ทีฝากซื้อ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะละลายก่อนไปถึงคุ้มหรือเปล่า แต่คิดว่าถ้าซื้อแล้วรีบกลับทันที มันอาจจะละลายไม่เยอะ


ร้านขายโยเกิร์ตปั่นอยู่ช่วงหน้าด้านหน้าๆ ของถนน ผมเลยเบาใจไปได้หน่อยว่ามันคงจะไม่เหลวจนเป็นน้ำก่อนถึงมือที คนขายกำลังทำให้กลุ่มผู้หญิงที่มาก่อน ผมเลยต้องต่อคิวสาวๆ พวกนั้นอีกที


“ใส่สตรอเบอร์รี่แก้วนึงครับ”


เพราะเห็นจากแก้วที่เขาทำแล้ววางไว้บนโต๊ะเป็นตัวอย่าง ผมเลยสั่งตามที่เห็น แต่พอผมสั่งเท่านั้นล่ะ ผู้หญิงสี่คนที่มาซื้อก่อนก็หันมาทางผมกันหมด ผมเห็นผู้หญิงคนนึงกระตุกแขนเพื่อนเหมือนจะกระซิบกระซาบอะไรกัน


“มาจากกรุงเทพเหรอคะ”


ผู้หญิงคนนึงถาม ใช้ภาษากลาง แต่น้ำเสียงฟังเนิบๆ หน่อยตามสำเนียงของคนทางเหนือ ไม่เหมือนทีกับพ่อแม่ของเธอที่พูดภาษากลางชัด แต่คงไม่แปลก เพราะทีบอกผมว่าครอบครัวของเธออยู่กรุงเทพจนไอ้พี่ชมพูเข้ามหา’ลัย ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่คุ้มชมจันทร์


“ครับ”


“คนกรุงเทพนี่หล่อจังเลยนะคะ”


อีกคนพูดขึ้นมาบ้าง เธอมองผมตาเยิ้มเลยครับ ผมไม่ได้คิดไปเอง เลยยิ้มๆ ให้เธอไป แต่ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรมากไปกว่านั้น ทั้งที่ถ้าเมื่อก่อนผมคงจะเล่นด้วยไปแล้ว แต่ตอนนี้.. ไม่รู้ดิ ผมเบื่อๆ ไม่อยากยุ่งกับใคร เรียกง่ายๆ คือไม่มีอารมณ์จะไปเล่นเกมตกเบ็ดกับใคร


“แล้วมาคนเดียวเหรอคะ”


“ครับ”


พวกเธอเริ่มทำงานกันเป็นทีม ผลัดกันถามทีละคน ผมก็ตอบไป แต่เป็นแบบตัดบทมากกว่า ทว่าพวกเธอก็ยังไม่ยอมหยุด



“ถ้าไม่มีเพื่อนเดิน เดินกับพวกเราก็ได้นะคะ หรืออยากไปไหน ก็บอกได้ พวกเราจะเป็นไกด์ให้”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินทั่วแล้ว จะกลับกรุงเทพพรุ่งนี้ด้วย ขอบคุณนะครับสำหรับความหวังดี”


ผมติดยิ้มจางๆ ให้ ก่อนจะหันไปถามคนขายว่าของที่ผมสั่งได้หรือยัง เขาก็บอกว่าทำเสร็จพอดีแล้วยื่นแก้วให้ ผมจ่ายเงินเสร็จก็รีบเดินไปทันที


ดีว่าพวกหล่อนๆ ทั้งหลายไม่ได้ตามผมมาด้วย ผมเลยเดินออกไปด้านนอกได้สบายตัวหน่อย เพราะใกล้ทางออกคนไม่แออัดแล้ว และหลังจากเดินออกมาด้านนอกได้ ผมก็เจอคนที่ทีบอกว่าจะให้มารับยืนรออยู่แถวหน้าประตูก่อนแล้ว พอมันเห็นผม มันก็เดินเข้ามาหาผมทั้งที่ผมนึกว่าไอ้หมียักษ์จะยืนอยู่เฉยๆ


“กูช่วยถือ”


ผมรู้สึกใจกระตุกไปครั้งนึง หลังจากได้ยินมันพูดแบบนั้น เพราะเหนือความคาดหมาย ผมไม่คิดว่ามันจะถาม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำเฉยเมย เพราะคิดว่ามันคงเป็นการถามตามมารยาทมากกว่า


“ไม่เป็นไรครับ ไม่รบกวนพี่ดีกว่าครับ ผมถือไหวครับ”


ผมตอบมันอย่างสุภาพ แล้วยังใส่หางเสียงทุกประโยค ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะรู้สึกหรือเปล่า แต่ผมคงทำได้แค่นี้ ทำให้เหมือนมันเป็นแค่รุ่นพี่คนหนึ่ง แบบพี่เจ๋ง พี่ต้น พี่ปาล์ม เพราะสถานะของผมในตอนนี้ก็ไม่ไกลจากคำนั้นสักเท่าไหร่ ไม่เหลือคำว่าแฟนอยู่อีกแล้วสำหรับมันกับผม


คิดแล้วก็รู้สึกสมเพชตัวเองที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำว่าผมจะต้องมาสิ้นท่าเพราะความรักบ้าๆ นี่ แต่มันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากจะทำให้วันต่อไปผมไม่ต้องมาเสียใจกับเรื่องเดิมๆ อีก


“ถือพะรุงพะรังทั้งที่มือยังเจ็บอยู่งั้นเหรอ”


ผมชะงักไปนิดนึงเพราะลืมไปว่าแผลที่มือของผมยังไม่หายดี ถึงตอนนี้จะไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วก็ตาม แต่มันก็ขยับมือลำบากอยู่เหมือนกัน ถึงจะใช้มือไม่สะดวก ผมก็ยังยืนยันที่จะถือของเอง ทว่าไอ้พี่ชมพูไม่ยอม มันคว้าถุงในมือผมไปถือเอาไว้เองแล้วยังมีหน้ามาถาม


“แก้วนั่นของใคร”


“ทีฝากซื้อครับ”


“กินไปให้หมด”


“มันเป็นของทีครับ”


“กว่าจะถึงคุ้มก็ละลายหมด ไม่อร่อยแล้ว เพราะงั้นมึงกินไปให้หมด”


ไอ้พี่ชมพูพูดเหมือนสั่ง ผมเลยตัดปัญหาด้วยการตักโยเกิร์ตที่มีสตรอเบอร์รี่หั่นครึ่งอยู่สี่ซีกกินให้หมด ส่วนมันก็เดินถือถุงหลายถุงนำไปทางรถที่จอดห่างจากตรงนี้ เพราะไม่มีที่จอด ผมเองก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับมัน เพราะผมกับมันคงเถียงกันไม่จบ





















ในรถมีแต่ความเงียบ ไม่มีเสียงพูดคุยกันเหมือนทุกที เพราะถ้าไม่ใช่ผมพูดขึ้นมา ไอ้พี่ชมพูก็ต้องหาเรื่องชวนผมคุย หรืออย่างน้อยที่สุดก็เปิดเพลงฟัง แต่ในตอนนี้ ทั้งที่เป็นรถคันเดิมที่ผมเคยนั่งอยู่ตรงนี้ มันกลับทำให้รู้สึกอึดอัดได้มากจนผมอยากลงจากรถ อยากหายไปจากรถคันนี้


ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเดียว ไม่หันกลับไปมองอีกคนเลยสักครั้ง ผมไม่รู้หรอกว่ามันมองมาทางผมบ้างหรือเปล่า ผมไม่สนใจ ...พยายามจะไม่สนใจ แต่เสียงของมันกลับดังขึ้นมาทั้งที่ผมกำลังพยายามอยู่แท้ๆ


“ทีพาไปเที่ยวที่ไหนมั่ง”


“หลายที่ครับ”


ผมตอบรวบ เพราะไม่อยากพูดอะไรมาก ซึ่งมันก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่ม ระหว่างเราจึงกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ผมทนอึดอัดอยู่อย่างนั้นจนถึงบ้านของมันที่เรียกกันว่าเรือนใหญ่ แต่พอไอ้พี่ชมพูลงจากรถแล้ว มันก็เปิดประตูของที่นั่งเบาะหลังไปหยิบถุงของฝากที่มันเป็นคนเอาไปวางไว้ออกมา ผมจึงรีบไปดักหน้ามันเอาไว้


“พี่ภูครับ ให้ผมถือเองนะครับ”


ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมเห็นว่าพี่ชมพูมันชะงักไปนิดนึง แล้วแววตาของมันก็เปลี่ยนไปด้วยกับชื่อที่ผมเรียก แต่มันก็เพียงแค่แป๊บเดียว จนผมแน่ใจว่าถ้าผมไม่ได้จ้องหน้ามัน ผมคงไม่สังเกตเห็น


“กูถือให้เอง”


ผมรู้สึกเหมือนเสียงของมันห้วนกว่าเดิม ยังไงไม่รู้ว่ะ หน้ามันก็ดูขึงๆ ตึงๆ กว่าเดิมด้วย หรือว่ามันจะโกรธ แต่มันจะโกรธทำเหี้ยอะไร ไม่ได้สนใจผมอยู่แล้วนี่


“ผมไม่อยากให้พี่ต้องลำบากครับ”


“ถ้าแค่นี้กูลำบาก กูก็ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรแล้ว”


คราวนี้เสียงของมันเหมือนตะคอกมากกว่าพูด พอมันตะคอกเสร็จ ก็รวบถุงไปอยู่มือเดียว แล้วใช้มือที่ว่างมาจับมือผมแล้วลากเข้าบ้านเลย เฮ้ย อะไรของแม่งวะ!


บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมงงกับไอ้เหี้ยพี่ชมพูมากว่ามันจะเอายังไงกันแน่ เดี๋ยวแม่งก็เฉยใส่ ทำไม่สนใจ แล้วตอนนี้เป็นห่าอะไรของมันอีก กูตามมึงไม่ทันแล้วนะเว้ย!!


เข้ามาในบ้าน ทีก็ปรี่เข้ามาหาผมเลย เธอมองผมกับไอ้พี่ชมพูจนทั่วตัวแล้วผมก็เดาได้ไม่ยากว่าเธอกำลังหาอะไร พลอยให้ผมรู้สึกเสียใจที่ทำให้เธอผิดหวัง ทั้งที่ผมไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่ไอ้พี่ชมพูมันบังคับผม


“เรากินไปหมดแล้ว”


ทีมองผมอย่างงงๆ ว่าทำไมผมกินของที่เธอสั่งไป ตากลมจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเบนสายตาไปทางที่ต่ำลง แล้วนั่นก็ทำให้ผมนึกได้ว่าไอ้พี่ชมพูยังจับมือผมอยู่ ผมเลยรีบดึงมือออก ยังดีที่มันไม่ยึดมือของผมจนไม่ยอมปล่อย ไม่งั้นผมต้องตอบคำถามของทียาวแน่


“เอ่อ.. เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บในห้องก่อนนะ”


ผมบอกเธอแค่นั้นแล้วฉวยถุงทั้งหมดจากมือใหญ่ ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปเลย เพราะครั้งสุดท้ายที่มองที ผมเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ซึ่งผมไม่อยากตอบ เพราะงั้นพอเก็บของในห้องแล้ว ผมก็ออกไปนั่งที่ชานเรือน หรือเรียกอย่างเป็นทางการหน่อยก็คือเฉลียง เหมือนอย่างคืนวันแรกๆ เพราะคิดว่าทีคงไปหาผมที่ห้อง


อากาศเย็นๆ ตอนกลางคืนทำให้ความคิดของผมย้อนวนกลับไปกลับมากับเรื่องเดิมๆ ทั้งที่ผมไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแล้ว ไม่อยากจำความรู้สึกของการถูกเฉยเมยและปฏิเสธอย่างวันนั้น


“งี่เง่าอีกแล้วกู”


บ่นกับตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมา ผมเอนตัวลงบนพื้นไม้ มองท้องฟ้าดำมืดที่มีแสงดาวดวงเล็กๆ กระจายอยู่ ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร หรือควรรู้สึกยังไงต่อไป เหมือนตอนนี้ลอยเคว้งอยู่ในความมืดที่ไม่รู้ทางออก มองไม่เห็นแสงสว่าง สุดท้ายเสียงถอนหายใจของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย


เขาว่ากันว่า ถอนหายใจครั้งนึง อายุสั้นลงหนึ่งปี ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมอาจจะตายพรุ่งนี้ก็ได้ เพราะช่วงนี้ผมถอนหายใจบ่อยฉิบหาย ผมหลับตาลง พยายามจะปล่อยวางสิ่งที่กำลังรุมเร้าในใจตอนนี้ แต่ระหว่างที่ผมพยายามจะทิ้งตัวลงในความดำมืดนั้น เสียงหนึ่งกับดังขึ้นข้างๆ


“กลุ้มใจอะไรเหรอ”


หันไปทางต้นเสียง ก็เห็นว่าทีมานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ แล้ว ผมสบตาเธอก่อนจะพูดขึ้นมาคนละเรื่องกับสิ่งที่เธอถาม


“เราขอโทษที่เรากินของที่ทีฝากซื้อ พี่ภูบอกว่ามันละลายแล้ว ให้กินไปเลยน่ะ”


จากนั้นผมก็หันหน้ากลับมาทางเดิม มองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่อยากจ้องตากับเธอมาก เพราะกลัวว่าทีจะมองเห็นความลับที่อยู่ข้างในว่าผมกำลังเป็นอย่างที่เธอสงสัย


“ไม่เป็นไร ทีก็ลืมไปว่ามันจะละลาย แล้วอร่อยมั้ยล่ะ”


“อร่อยครับ เราเคยเห็นที่กรุงเทพเหมือนกัน แต่ว่ายังไม่เคยซื้อกินสักที”


ผมหันไปยิ้มให้เธอนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปทางเดิมอีกรอบ แต่ผมก็ต้องพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หันไปทางทีอีกครั้งกับคำถามต่อมา


“แล้วจะบอกทีได้หรือเปล่าว่ายีนกลุ้มใจเรื่องอะไร”


“ไม่มีอะไรสักหน่อย”


“แต่ท่าทางของยีนดูเป็นอย่างนั้น”


“ทีคิดไปเองน่ะสิ”


ตอบอย่างนั้นไป ผมก็แกล้งทำเป็นหัวเราะเหมือนขำที่เธอเข้าใจผิด แต่ทีก็ยังไล่ต้อนผม


“เรื่องพี่ภูเหรอ”


คำถามนั้นเล่นเอาผมเกือบสะดุ้ง ต้องบังคับตัวเองให้มากที่สุด ไม่ให้แสดงอาการอะไรออกไป และไม่ยอมหันไปทางที ทั้งที่รู้ว่าตอนนี้สายตาของเธอกำลังจดจ้องผม


“ที่วันนั้นยีนบอกทีว่ายีนมีแฟนแล้ว และก็รักมากด้วย คนนั้นคือพี่ภูใช่มั้ย”


“...”


ผมเงียบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอรู้ได้ยังไง เพราะตั้งแต่มาที่นี่ผมกับไอ้พี่ชมพูดคุยหรืออยู่ด้วยกันน้อยมาก หรือว่าจะเป็นเพราะเมื่อกี้ที่กลับมาบ้านมันจับมือผม แต่ก็ไม่น่าจะชัดเจนจนทีคิดว่าผมกับมันเป็นแฟนกันได้


“จะไม่ตอบทีเหรอ”


“ทีเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”


“ทีเข้าใจไม่ผิดหรอก ทีแน่ใจว่าพี่ภูกับยีนเป็นแฟนกัน”


ผมหันไปมองเธอและหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขบขัน ซึ่งมันก็แค่ฉากบังหน้าที่ผมทำขึ้นมาเท่านั้น


“เรากับพี่ภูเนี่ยเหรอจะเป็นแฟนกัน เป็นไปไม่ได้หรอก ตลกแล้ว”


“อย่าโกหกสิ”


“เราไม่ได้โกหก”


ผมยังคงปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้ ต่อให้จะเป็นยังไง ทีจะรู้หรือไม่รู้ความจริง และผมจะยอมรับหรือไม่ มันก็ไม่มีผลต่อความรู้สึกของไอ้พี่ชมพูที่ถดถอย และความเจ็บปวดของผมที่เกิดขึ้นโดยไม่ลดลง


“งั้นยีนจะอธิบายยังกับการที่พี่ภูร้องไห้วันนั้น”


ผมโคตรตกใจกับคำพูดนั้นของที อยากจะหันไปถามให้รู้ว่าทีพูดถึงเรื่องอะไร ไอ้พี่ชมพูนี่นะร้องไห้ ร้องเมื่อไหร่ ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมยังไม่เห็นน้ำตามันสักหยด มีแต่ผมที่ร้องไห้เพราะมัน คิดแล้วก็อดสมเพชตัวเองซ้ำอีกไม่ได้ ถ้าร้องเพราะเขายังรัก ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ร้องเพราะเขาหมดรัก มันน่าสังเวชจริงๆ แล้วกูก็เสือกเป็นคนที่น่าสังเวชคนนั้น สัด!


“ตอนยีนไม่สบาย ทีเห็นพี่ภูกอดยีน แล้วก็พร่ำพูดแต่ขอโทษซ้ำไปซ้ำมา แล้วตอนนั้นพี่ภูก็ร้องไห้ออกมาด้วย”


เสียงของทีเบาลง ดูเหมือนคนสลด แต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น ทั้งที่บอกตัวเองว่าอย่าเชื่อคำพูดนั้น แต่ทีไม่ได้พูดแค่นั้น


“ปกติพี่ภูไม่ใช่คนที่ร้องไห้ง่ายๆ ขนาดตอนเด็กๆ โดนตียังไม่ร้องเลย แล้วยิ่งโตมา ทีไม่เคยเห็นพี่ภูร้องไห้สักครั้ง แล้วยีนคิดว่าคนที่ทำให้พี่ภูร้องไห้ได้เพียงเพราะเห็นว่าเขาบาดเจ็บไม่สบาย คือคนที่สำคัญสำหรับพี่ภูแค่ไหน”


ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่าสีหน้าของผมกำลังเป็นแบบไหนด้วยซ้ำ ทีถึงได้ทำหน้าเหมือนสงสารผมขนาดนั้น ทั้งที่ผมพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ ทำเหมือนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่พี่ชมพูจะขอโทษแล้วร้องไห้ในวันนั้น แต่ใจของผมสิ เสือกไม่แข็งเหมือนความคิด เลยต้องใช้ความพยายามมากขึ้น


“ทีขอร้องล่ะนะ คืนดีกันนะ”


ทีจับมือผมเอาไว้ เหมือนจะบอกให้ผมรู้ว่าเธอจริงใจมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังหาทางเลี่ยง


“ทีไม่ได้ชอบเราแล้วหรือไง ถึงจะยัดเยียดเราให้พี่ชายของที”


“ทียังชอบยีนอยู่ แต่มันไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว ทีอยากเห็นคนที่รักกันมีความสุขมากกว่า”


“เรากับพี่ภูไม่ได้เป็นคนรักกัน”


“อย่าโกหกแล้วทำปากแข็งสิ ทีมองออก”


“...”


“ยีน...”


ในเมื่อเธอยังไม่ลดละที่จะพูดแบบนั้น ผมเลยเงียบแทน แต่ทีก็เรียกผมเสียงอ่อน เหมือนกับจะใช้เสียงนั้นทำให้ผมยอมรับในสิ่งที่เธอพูด ผมจึงลุกขึ้นยืน และหันไปบอกเธอที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมอย่างอ่อนใจ


“คนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เรา”


บอกแค่นั้นแล้วผมก็เดินเข้าไปด้านในเรือน แต่เดินไม่กี่ก้าวก็โดนทีรวบตัวกอดจากด้านหลัง แล้วผมก็รับรู้ได้ถึงความยินดีของเธอ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงดีใจนักหนา


“ขอบคุณที่ยอมพูดความจริงสักทีนะ”


“...”


ผมเงียบเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ดึงเธอออก และเธอก็ยังไม่ยอมปล่อยผมเหมือนกัน


“ทีมีเรื่องอยากถามอีกเรื่องนึง”


“เรื่องอะไร”


คราวนี้ผมตอบ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องเดิมแล้ว ในเมื่อเธอได้คำตอบจากผมไปแล้ว ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด


“เรื่องเมื่อวันนั้น...ของเรา”











อ่านต่อด้านล่าง

v


v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 27-10-2012 00:01:09
ต่อจากข้างบน

v


v













หลังจากคุยกับทีเสร็จ ผมก็เข้าไปบอกพ่อกับแม่ของเธอว่าผมจะกลับพรุ่งนี้แล้ว พวกท่านก็ชวนให้ผมอยู่ต่อ เพราะยังไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะอาผู้ชายที่ต้องไปทำงานทุกวัน และส่วนมากทีจะพาผมไปข้างนอก แต่ผมก็บอกท่านว่าถึงวันที่ผมต้องกลับตามกำหนดแล้ว ท่านทั้งสองจึงไม่ได้ว่าอะไร


เพราะงั้นเช้ามาผมถึงมานั่งจัดกระเป๋า เพื่อเตรียมออกไปสนามบินหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เพราะผมจองไฟล์ทบินตอนเที่ยงไว้ ผมลากกระเป๋าออกมาวางที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปกินข้าวเช้ารวมกับครอบครัวบริวัตรสหการเป็นครั้งสุดท้าย


“ยีนจะกลับวันนี้จริงๆ เหรอ”


ทีพูดขึ้นตอนที่พวกเรากำลังกินข้าวกับอยู่ แล้วไอ้พี่ชมพูก็อยู่ด้วย มันหันมามองหน้าผมเหมือนจะตกใจ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้งครับ เพราะผมไม่ได้บอกมันว่าผมจะกลับกรุงเทพวันนี้ แต่ตามจริงผมกับมันคุยกันแล้วว่าจะกลับกันวันไหนตั้งแต่ก่อนมาเชียงใหม่ เพียงแค่ตอนนี้ผมอยากกลับเร็วขึ้นหนึ่งวันเพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่จะอยู่ต่อไป ผมทำเป็นไม่สนใจมัน เหมือนไม่เห็นสายตาของมันที่จ้องมาที่ผม


“ครับ เราบอกป๊าว่ามาแค่อาทิตย์เดียว”


“แล้วยีนไม่อยากอยู่ต่ออีกสักหน่อยหรือ อีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดเทอม”


หลายวันของแม่ไอ้พี่ชมพู ก็แค่อาทิตย์เดียวเองแหละครับ


“ขอโทษคุณอาทั้งสองด้วยนะครับที่ผมไม่ได้แจ้งล่วงหน้าให้ทราบก่อน”


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้”


“ครับ”


“แล้วไม่กลับพร้อมภูเหรอ” เจ้าของคุ้มโดยชอบธรรมเป็นฝ่ายถามบ้าง ผมเลยหันไปมองไอ้พี่ชมพู มันก็ค้างมือที่ตักข้าวเอาไว้ แต่ไม่คิดจะตอบหรอกครับ คำตอบจึงเป็นของผมแทน


“ครับ พี่ภูเขาอยากอยู่ช่วยงานคุณอาก่อนครับ”


ไม่มีการปรึกษาหารือขอความเห็นจากคนที่ถูกถามถึงหรอกครับ เพราะมันไม่จำเป็น ผมรู้ว่ายังไงไอ้พี่ชมพูก็ไม่กลับพร้อมผมอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ผมคงไม่ได้เป็นอะไรกับมันแล้ว ผมกลับกรุงเทพอย่างไร้พันธะ ไม่มีคำว่าแฟน ระหว่างผมกับมันอีก


“อย่างนั้นหรือ แล้วมีใครรอรับที่กรุงเทพหรือเปล่า”


“ครับ ผมโทรให้เพื่อนมารับ”


“อืม... ตอนไปสนามบินภูก็ไปส่งน้องด้วยแล้วกัน ยังไม่ต้องเข้าไปทำงาน เพราะทีคงขับรถไม่ไหว ให้พี่ภูไปส่งนะลูก”


หลังจากสั่งการลูกชายของตัวเองแล้ว พ่อของไอ้พี่ชมพูก็บอกผม แล้วผมจะตอบอะไรได้ นอกจากรับคำ ทุกคนจึงยิ้มให้ผม ยกเว้นก็แต่คนเดียว กระทั่งกินข้าวเสร็จ ก็ไปรวมกันที่ห้องนั่งเล่น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะนั่งลง อาผู้ชายก็เรียกผมไว้


“ยีนมานั่งตรงนี้ลูก”


แปลกดีเหมือนกัน เวลาพ่อของไอ้พี่ชมพูคุยกับผมมักจะลงท้ายด้วยคำว่าลูก แต่ตอนนี้ผมสงสัยว่าท่านเรียกผมไปตรงตรงหน้าท่านทำไมมากกว่า พอหันไปหาที ทีก็กลั้วหัวเราะบอก


“พ่อจะเล่นของน่ะยีน”


เพราะบอกอย่างนั้น ทีเลยโทรแม่ตีนที่แขนเบาๆ ผมจึงเดินไปนั่งตรงพื้นหน้าอาผู้ชายตาม


“ให้ผมทำอะไรเหรอครับอา”


“พ่อเขาจะอวยพรให้ลูกจ้ะ”


เป็นฝั่งแม่ที่เฉลยคำตอบ แต่ผมก็ยังงงๆ อยู่ดี จนพ่อไอ้พี่ชมพูบอกให้ผมพนมมือ ผมก็พนมมือตามที่บอก จากนั้นอาผู้หญิงก็หยิบพานที่มีสายสิญจน์ม้วนใหญ่จากบนโต๊ะหน้าทีวีมาให้อาผู้ชาย อาผู้ชายก็ดึงให้เส้นขาวๆ นั่นขาดจากกัน


สายสิญจน์ความยาวพอประมาณถูกมัดปลายเข้าด้วยกัน ก่อนจะถูกนำมาวางบนหัวของผม คราวนี้ผมยิ่งงงนานกว่าเดิมเสียอีก แต่ทุกคนกลับนั่งเงียบ เหมือนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย อาสวดอะไรไม่รู้ ผมฟังแล้วจับความไม่ได้ เหมือนเป็นบทสวดอะไรสักอย่างอยู่พักนึง ก่อนจะพูดกับผม


“พ่อขอให้ยีนปราศจากโรคภัย สิ่งเลวร้ายไม่กร้ำกราย สุขภาพแข็งแรง มีแต่ความสุขความเจริญ และเดินทางอย่างปลอดภัย”


พ่อของไอ้พี่ชมพูอวยพรให้ผมพร้อมกับเอามือสองข้างลูบหัวของผม ลูบหลายครั้งซ้ำกันระหว่างที่อวยพรไปด้วย และเมื่อจบประโยค ท่านก็เอาสายสิญจน์ผมหัวของผมออก


รู้สึกแปลกๆ หน่อยแฮะ เพราะผมไม่เคยเจอแบบนี้ แล้วก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเอาสายสิญจน์มาวางบนหัว


“พ่อเขาเป็นพวกธรรมะธรรมโมน่ะจ้ะ ถือศีลนั่งสมาธิอยู่ตลอด เลยอยากแบ่งผลบุญให้ลูกบ้าง ภูกับทีจะไปไหนไกลๆ หรือพวกเพื่อนๆ ของทั้งสองคนจะลากลับบ้าน พ่อก็จะอวยพรให้ทั้งนั้น ไม่ต้องแปลกใจไป”


อาผู้หญิงบอกผม สงสัยคงเห็นว่าผมงงๆ ล่ะมั้ง ทีก็ยิ้มให้ผมเหมือนจะช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจ ผมเลยยิ้มให้เธอไป ก่อนจะก้มดูนาฬิกาข้อมือว่ากี่โมง ซึ่งตอนนี้ก็เกือบเก้าโมงแล้ว ถึงเวลาที่ผมคิดว่าน่าจะไปสนามบิน เพราะยังไม่อยากมีประสบการณ์ตกเครื่อง อีกอย่าง กว่าจะขับรถไปถึงสนามบิน ก็กินเวลาไม่น้อย ไปถึงน่าจะพอดีกับเวลาเช็คอิน ผมจึงล่ำลาทุกคน ยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วหันไปยิ้มให้ที เธอก็ยิ้มให้ผม


“โชคดีนะ แล้วกลับมาเยี่ยมกันบ้าง”


“อืม แล้วเจอกันใหม่”


ผมตอบทั้งที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหรือเปล่า เพราะผมกับลูกชายเจ้าของบ้านต่อจากนี้คงได้เดินคนละทางกันแล้ว


หลังจากบอกลากันเสร็จ ผมก็ลากกระเป๋าแล้วเดินออกจากคุ้ม ไม่มีอารมณ์จะทำเหมือนตัวเองเพิ่งออกมาจากบ้านเอเอฟครับ พอลงจากเรือนและพ้นสายตาของคนอื่นๆ แล้ว ผมก็หันไปเปิดบทสนทนากับคนที่เดินตามหลังมาเพราะมันมีหน้าที่ไปส่งผมที่สนามบิน


“พี่ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ ผมไปได้ครับ ลำบากจะพี่เปล่าๆ ครับ”


ผมยังคงใช้คำพูดเหมือนเมื่อวาน ลงท้ายประโยคด้วยคำว่าครับทุกครั้ง ทั้งที่บางทีมันไม่จำเป็นต้องใช้ แต่สิ่งที่แปลกไปอย่างที่ผมไม่เข้าใจคือไอ้ตัวยักษ์ดึงกระเป๋าเดินทางของผมไป


“พี่ภูครับ”


“เลิกพูดแบบนั้นกับกูสักที”


มันโวยใส่ผม แต่เสียงไม่ได้ดังมาก คงกลัวว่าคนในเรือนจะแห่ออกมาดูกันมั้ง


“เอากระเป๋าผมคืนมาเถอะครับ ผมจะกลับแล้วครับ”


“กูไม่ให้มึงกลับ”


“พี่ภูครับ ผมต้องกลับครับ ถ้าโชคดี เราคงเจอกันที่มหา’ลัยครับ”


ผมพยายามดึงกระเป๋าคืน แต่ว่ามันก็จับไว้แน่น เท่านั้นไม่พอ ยังเอาแขนอีกข้างมาโอบผมเข้าไปกระแทกอกของมันอย่างแรง ไอ้เหี้ย ทำอะไรวะ!


ถลึงตาใส่มันเลยครับ แต่มันทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อน จ้องหน้าผมเขม็งกว่า พูดช้าๆ ชัดๆ ทั้งที่ยังรัดตัวผมไว้แน่น


“กูไม่ให้กลับ”


“แต่ผมจะกลับครับ”


“มึงต้องกลับพร้อมกู”


“พี่จะให้ผมอยู่ที่นี่ต่อไปทำไมล่ะครับ หรือว่า...”


ผมหยุดเสียงไว้นิดนึง ไอ้พี่ชมพูก็จ้องผมมากไปกว่าเดิมซะอีก จนผมแน่ใจว่าถ้าตามันเป็นมีด หน้าของผมคงเละไปแล้ว เพราะงั้นผมเลยพูดต่อให้จบประโยค


“อยากให้ผมมาเป็นเขยของที่นี่ แม่ของพี่ยิ่งอยากได้ผมเป็นลูกเขยอยู่”


ประโยคนี้ผมตัดคำว่าครับออกแล้ว เพื่อความสะใจของตัวเอง แต่ดูเหมือนไอ้หมีควายนี่จะไม่สะใจไปกับผม เพราะหน้าของมันสลดลง ทีนี้ผมก็ได้ใจสิครับ ยิ้มหยันใส่มัน แล้วผลักตัวออกจากวงแขนของมัน แต่แทนที่ผมจะทำสำเร็จ ไอ้พี่ชมพูกลับปล่อยกระเป๋าเดินทางของผมที่มันยึดเอาไว้แล้วใช้แขนทั้งสองข้างรวบผมแล้วกอดแน่น ซุกหน้าเข้ากับซอกคอของผม เสียงทุ้มติดสั่นจนรู้สึกได้อย่างที่ผมไม่เคยได้ยินดังเบาๆ ของหู


“กูขอโทษ”




 



=====================
เริ่มจะคลี่คลาย (?)
ตอนหน้าเป็นตอนของพี่ภูค่ะ
พี่หมีควายจะว่ายังไงบ้างนะ


Undel2Sky


(http://upic.me/i/5v/166596c_17.jpg)



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-10-2012 00:22:48
เมินใส่แล้วกลับกทม.เลย ยีน
ช่างหัวภูมัน -*-
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 27-10-2012 00:37:57
โอยย ยังอึมครึมอยู่เลยอ่าา สงสารยีนส์ อยากรู้เหตุผลของพี่ชมพูไวๆ ว่าทำไมถึงทำกับน้องยีนส์ขนาดนี้

รอตอนต่อไปค่าาา

ปอลอ. จะว่าไปเราเป็นคนเชียงใหม่เพิ่งเห็นว่าเขาเอาสายสิญจ์วางบนหัว เพราะปกติจะผูกข้อมือเอา -..-

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 27-10-2012 00:38:16
 :o12: :o12: :o12: ยีน เข้าใจพี่พูหน่อยนะลูก นั่นก็น้อง นี่ก็แฟน แง๊วววววว  หน่วง   :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 27-10-2012 00:39:55
เซงอิตาภู แล้วจะพายีนส์มาบ้านเพื่อ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 27-10-2012 01:15:36
มันค้างง่ะ T__T


เค้าอยากอ่านต่อๆ :serius2:

เค้าอยากอ่านต่อๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 27-10-2012 01:28:47
ขอตอบคนนี้นิดนึงนะคะ

โอยย ยังอึมครึมอยู่เลยอ่าา สงสารยีนส์ อยากรู้เหตุผลของพี่ชมพูไวๆ ว่าทำไมถึงทำกับน้องยีนส์ขนาดนี้

รอตอนต่อไปค่าาา

ปอลอ. จะว่าไปเราเป็นคนเชียงใหม่เพิ่งเห็นว่าเขาเอาสายสิญจ์วางบนหัว เพราะปกติจะผูกข้อมือเอา -..-

 :L2: :L2:

ปกติเขาก็ผูกข้อมือกันค่ะ แต่จะให้ยีนผูกข้อมือ มันก็ไม่ใช่แนวเขา
แบบดูท่าทางว่ายีนคงไม่ชอบถ้าจะใส่ไว้ พ่อก็เลยวางบนหัวให้เฉยๆ ค่ะ
เหมือนอย่างเวลางานแต่ง เขาก็จะวางบนหัว เพื่อเป็นสิริมงคล
อันนี้ก็เหมือนกัน เป็นกรณีที่ทำเพื่อสิริมงคล แทนที่จะใช้เพื่อคุ้มภัยค่ะ


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pimmae12 ที่ 27-10-2012 02:22:40
ขอสารภาพว่า กว่าจะอ่านตอนนี้จบใช้เวลาพอสมควร เพราะพอถึงจุดที่อึดอัดก็ทำใจอ่านต่อไม่ได้ กดปิดแล้วเปิดใหม่อยู่ประมาณ 3 รอบได้ 5555
สงสารน้องยีนมากๆแต่พออ่านถึงตอนพี่ภูร้องไห้แล้วก็ใจอ่อน เพราะสงสารพี่ภูเหมือนกัน(แอบเข้าข้างไปไหม555)
เอาเป็นว่าขอให้ตอนต่อไปทั้งสองคนรีบๆทำความเข้าใจกันสักทีนะ คือเวลาอ่านช่วงอึดอัดแล้วมันเจ็บปวดใจ  :sad4:
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ อัพบ่อยๆนะ คนอ่านติดตามอยู่  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 27-10-2012 05:38:16
แอร้ยยยยยยยยยยยยย

จะค้างไปไหนค้าาา รีบมาต่อด่วนๆเลยไม่งั้นโกรธจริงๆน้าตัวเ้อง

ชอบให้ยีนส์เสน่ห์แรงอะ เนื่องจากหมันไส้พี่ภูเล็กน้อย แต่ไปๆมาๆก็แอบสงสาร แอบงงความคิดตัวเองอยู่ตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 27-10-2012 05:40:57
โอ้ยยย เศร้า อึดอัด

อยากอ่านต่อจังเลยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 27-10-2012 07:57:21
ค้างจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 27-10-2012 08:54:20
ยีนก็ใจแข็งเหมือนกันนะเนี่ย
ทั้งๆที่รักมากแต่ก็ยอมตัดใจอ่ะ
พี่ภูก็ทำอะไรให้มันชัดเจนหน่อยนะ สงสารยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 27-10-2012 12:51:54
ชอบแบบยีนส์อ่ะได้ใจมาก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kiizkziekiizk ที่ 27-10-2012 13:04:13
อะไร อะไร อะไร บอกเหตุผลมาาาาว่ามันอะไรพี่ภู ~

รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 27-10-2012 13:07:42
สะใจ!!!
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 27-10-2012 14:02:48
รีบคืนดีกันได้แล้วววววววววววววววววววววววว! ! !
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 27-10-2012 14:09:53
ใกล้แล้วใกล้จะเคลียแล้ว
ตอนหน้ามาไวๆน้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 27-10-2012 14:26:26
ขอเหตุผลดีๆนะพี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-10-2012 14:50:29
สมน้ำหน้าี่พี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 27-10-2012 16:01:00
มีอะไรในใจทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่อง พี่ภูก็บอกเองไม่ใช่หรออ ถ้าคราวหน้ามีปัญหาอีกก็คงเป็นแบบนี้อีก เลืกกันเถอะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 27-10-2012 16:05:14
อารมณ์สีเทา :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 27-10-2012 17:52:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-10-2012 18:09:51
ช่างอิพี่ภู  :m31: :m31: :m31: :m16:

กลับไปเลยยยน้องเกงยีนนนนน!!!!
 :bye2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 27-10-2012 19:15:25
จะเอายังไงต่อล่ะพี่ชมพู จะง้อยังไงต่อ o18
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 27-10-2012 19:34:21
โอ้ย น้องยีนน่าสงสาร
จะหอบใจบอบช้ำ กลับบ้านแล้ว
มาเชียงใหม่กับคนรัก อทนที่จะได้เที่ยวหนุงหนิง
กลับต้องไปเดินคนเดียวให้ชะนีตอด
มันน่านักไอ้พี่ภู มาเร่าๆขอความรักเขา
พอน้องเขารักแล้วเสือกมางี่เง่า เป็นห่าอะไร

นังน้องที ยังดีที่ฉลาดพอรับรู้
ว่าแต่คุยอะไรกับน้องยีน อยากรู้เว้ย

แล้วยังไงนี่ มารั้งน้องไว้ทำไม
มากอดไรตอนนี้ เหมือนจะยอมบอกว่าเป็นเหี้ยไร
เออจะรอดู ถ้าเหตุผลไอ้พี่ภูมันฟังไม่ขึ้น
ตอนหน้าก็ขอด่าอีกรอบนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 28-10-2012 00:11:17
น้องยีนส์เชิดใส่แล้วกลับไปเลยลูก กระป๋งกระเป๋าไม่ต้องเอามันแล้ว กลับให้เร็วที่สุดไปจากไอ้พี่ภูจอมใจร้าย
เคืองอีพี่ภูอยู่ ยังไม่เคลียร์ เชอะ!

เคืองๆๆๆๆๆๆ  :fire: :angry2: :z6: :m16:

อ่านแล้วสงสารน้องยีนส์ที่สุด :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Aphrodisia ที่ 28-10-2012 01:55:50
 อย่าทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้เลย   :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 28-10-2012 02:37:19
อึ ด อั ด . . .    :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-10-2012 07:37:51
กำลังจะได้เคลียร์กันแล้วววววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Aphrodisia ที่ 28-10-2012 14:44:20
 :z3: :z3: :z3: รอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sulsul ที่ 28-10-2012 20:26:53
เม้นยาวๆ เพราะเพิ่งเข้ามาอ่าน
 
ตอนแรกๆ เบื่อพี่ชมพูหน่อยๆ
คืออะไรจะแกล้งน้องขนาดนั้น

พอบทจะดีก็ดีใจหายเลย
บทจะหวานก็ หว้านหวานนนน

น้องยีนไม่น่ารักนะ หมายถึงไม่โมเอ้ ขี้อ้อน ตาหวาน
แต่ก็น่ารักแบบยีนๆอ่ะ 555

แรกๆอ่านแล้วแบบกราฟกะยีน ยังไงๆ
แล้วตอนถ่ายละครอีก คือแม่ง ไอ้พี่ชมพู
 
แล้วยังไนล์อีก อยากรูัเรื่องมากกกก
แต่ของพี่ต้นกะพี่ปาล์มเฉยๆอ่ะ
ไม่ค่อยหวือหวาน่าอ่านเท่าไหร่ ในความคิดเราอะนะ

ตอนสุดท้ายคืออะไร  พี่ชมพูคิดอะไรอยู่  หรือใครมาทำอะไร
เดี๋ยวก็ให้ยีน ทำใจแข็ง มองพี่เปนอากาศทาสซะหรอก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 28-10-2012 20:45:05
งื้อออออออออออออออออออออออออออออออออ อดใจรอตอนต่อไป
พี่ภูต้องมีเหตุผลแน่นอน แต่เห็นจัยทั้งพี่ภูแล้วก้อยีนอ่าาาาาาา :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 28-10-2012 20:54:20
ถ้าเป็นเเบบนี้นะพี่ภู หนูจะเชียร์กราฟยีนส์เเล้วนะ ฮึฮึ :m16:

รอตอนต่อไป :กอด1:

บวกเป็ดก๊าบๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 29-10-2012 01:10:12
เราเข้าใจพี่ชมพูน่ะ

บางทีชมพูอาจจะรู้เรื่องของยีนกับที

ก่อนมาชมพูก็คิดหนักว่าจะทำยังไงให้พ่อแม่เข้าใจเรื่องตนกับยีน  (เครียด)
พอมาถึงมารู้เรื่องยีนกับที  (ช็อก อึ้ง วางตัวไม่ถูก)
พอจะทำอะไร ก็ทำไม่ได้ เพราะช่วยงานน้า (ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำอะไร)
ความมั่นใจเริ่มหมดลงเรื่อยๆเมื่อยีนกับทีไปเที่ยวด้วยกัน (เริ่มหมดกำลังใจ สับสน เครีดเพิ่ม)
ร้องไห้ขอโทษเพราะความผิดของตนที่ทำให้ยีนต้องไม่สบาย เอ่ะ หรือสลบอะไรนั้นแหล่ะ จำไม่ได้แล้ว :z2:  (โทษตัวเอง)
ยิ่งพอฟังยีนบอกว่า 'แม่บอกอยากได้ลูกเขย' อะไรทำนองนั้น (ความรู้สึกของพี่ชมพูคงหมดแล้วจริงๆ)

เราว่าพี่ชมพูน่าจะมีอาการตาม(...) อ่ะน่ะ   
เดาล้วนๆมั่วได้อีก :laugh:

รอความจริงตอนต่อไป o13 :impress3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 29-10-2012 10:40:28



    อ่าง่า. . . เรื่องของทีก็เคลียแล้ว
    ที่เหลือเป็นเรื่องของสองคนนี้ล้วนๆเลย
    อย่าทำให้เรื่องง่ายๆมันยุ่งยากสิพี่ภู ตกลงกันดีๆนะ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: loveryuichi ที่ 29-10-2012 23:06:06
 :dont2:โอ๊ยยยย เจ็บแทน!
โบกหัวอิพี่ภูไปทีนึง ข้อหาทำให้เจ็บโดยไม่บอกเหตุผล :fcuk:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 31-10-2012 13:18:00
ไม่ว่าเหตุผลอะไรมันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะพี่ภู
คนรักกันมีอะไรกันก็ต้องพูดกันสิ-_-
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kreamxiiz ที่ 31-10-2012 15:26:30
ตามทันแล้ว ฮื้อออออออออ
น้ำตาจะไหลอ่ะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพี่ภูจะทำยังไงกันแน่

เอาใจช่วยนะคคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-10-2012 19:07:35
คิดถึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: vassalord4822 ที่ 01-11-2012 22:17:55
 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-11-2012 21:58:49
เลิกมาม่าได้แล้ว อ่านแต่ละทีแล้วเหนื่อยอ่าาาา

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 08-11-2012 20:06:23
นั่งเฝ้่รอตอนต่อไปปเพิ่งสมัครเว็บนี้้ :oo1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-11-2012 19:47:31
ดันดัน :3059:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 11-11-2012 16:02:39
เข้ามาชะเง้อรอคนแต่งง

ไปไหนน้อออ...
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: RitoeY ที่ 12-11-2012 00:23:06
มาต่อไวๆน้าาา  :call: :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา [27/10/55] *ครบ 1 ปี*
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 18-11-2012 01:30:09


ยังไม่มีนิยายให้อัพค่ะ
เพราะเพิ่งรอดชีวิตมาจากงาน  :z3:
ได้นอนวันละ 2-3 ชั่วโมงเอง จากปกติที่นอน 4-5 ชั่วโมง (ดูไม่ต่างกันเท่าไหร่)

แต่เข้ามาบอกว่าครบรอบหนึ่งปีแล้วค่ะกับนิยายเรื่องนี้
จริงๆ ก็ผ่านมาวันนึงแล้ว แต่ก็ไม่ทันได้เข้ามาบอก
ดูเหมือนจะนานมากที่นิยายเรื่องนี้ยังอยู่ จำนวนตอนค่อนข้างน้อย
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ยังตามอ่านอยู่
ทั้งคนที่อ่านตั้งแต่เริ่มแรกแล้วยังอ่านอยู่ในตอนนี้ หรือเลิกอ่านไปแล้ว
เพราะถ้าไม่มีคนเริ่ม คนต่อมาก็ไม่มี
และก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ด้วย
ไม่ว่าจะตามอ่านตั้งแต่กลางเรื่อง หรือสองสามตอนที่ผ่านมา

ไว้แต่งตอนต่อไปเสร็จแล้วจะมาต่อให้นะคะ


แจกเค้กฉลองให้ทุกคนค่ะ  :bye2:

(http://geekcrafts.com/wp-content/geek_craft_images/mario_cake_02.jpg)

Undel2Sky






หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pimmae12 ที่ 18-11-2012 01:54:33
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ   o13
จริงๆเราก็พึ่งมาตามอ่านเมื่อไม่นานแต่ชอบมากเลย
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 18-11-2012 01:55:20
ไม่รู้ตัวเลยว่าครบหนึ่งปีแล้ว เป็นเรื่องที่อ่านตั้งแต่ต้นและรออ่านตลอด

นั่งรอคนแต่งอยู่ในเล้านะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 18-11-2012 08:15:52



     โฮ่ ครบ 1 ปีแล้วเหรอเนี่ย
     อย่างงี้ต้องบอกว่า Happy birthday รึเปล่านะ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 18-11-2012 19:59:13
มาตั้งป้อมรอ
คิดถึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-11-2012 22:41:28
1 ปีแล้วหรอ ไวจริง

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 19-11-2012 02:45:32
 :mc4: :mc4:..เย้ๆๆรออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 20-11-2012 17:46:16
เข้ามารอทุกวันนน

คิดถึงงงมากก

แต่เข้าใจคนทำงานครับว่าไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น แต่ก็สู้ๆนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 20-11-2012 18:57:56
หน่วงๆในความรู้สึก
คือไม่เข้าใจพี่ชมพูอ่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pimmae12 ที่ 02-12-2012 20:43:49
ยังรออยู่นะคะ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 02-12-2012 20:57:39
อ๋อ ตอนนี้เข้าใจแล้วครับว่่าหายไปไหนนานเลยย
ตอนแรกคิดว่านักเขียนทิ้งให้มันเป็นนิยายดองเค็มไปแล้วครับ แต่ปรากฎว่ายังเขียนต่อรู้แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ  :sad4:
ยังไงก็ติดตามตอนต่อไปนะค้าบบบ ลุ้นซะเหลือเกิน ชมภู-ไฮยีนเนี่ยย อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อค้าบบบ  :call:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 35 : หมดเวลา *ครบ 1 ปี* [27/10/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 02-12-2012 22:23:11
ในที่สุดก็ตามอ่านทันแล้ว  :o12:
เฮ้ออออ สงสารทั้งพี่ภูทั้งน้องยีนเลยสำหรับตอนล่าสุด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 05-12-2012 00:07:46
ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด (Chomphoo’s Part)



















สายตาของคนสองคนที่ผมรักดูแปลกเมื่อสบตากันเป็นครั้งแรก เสียงของน้องสาวดังขึ้นมาอย่างผิดปกติและผมก็รู้ได้ หลังจากนั้นผมรู้สึกว่ามีอะไรติดค้างอยู่ในใจของผมตลอดเวลา กระทั่งทีเดินเข้ามาหาผมในห้องนอน ผมก็ได้รู้เหตุผลนั้น


“พี่รู้จักยีนมานานแล้วเหรอ”


“ก็ประมาณสามเดือนกว่า”


“เหรอ แต่ทีดีใจมากเลยนะที่พี่พายีนมาที่บ้านเรา เพราะว่าทีไม่เจอยีนมาเกือบปีแล้ว”


ประโยคท้ายของเธอทำให้ผมต้องบังคับตัวเองไม่ให้เบิกตากว้างอย่างตกใจ ซึ่งมันก็สำเร็จ เธอจับไม่ได้ ผมจึงถามเสียงนิ่ง


“รู้จักกันมาก่อนเหรอ”


“ค่ะ” ทีพูดยิ้มๆ “ช่วงที่ทีลงไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพปีที่แล้วเราเป็นแฟนกัน”


“ทำไมพี่ไม่รู้ ทีก็อยู่กับพี่”


ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมสั่นมากตอนถามกลับไปแบบนั้น ผมไม่เข้าใจ เหมือนสมองจะไม่รับรู้เสียด้วยซ้ำกับคำบอกของน้องสาว มันเกินกว่าที่ผมจะคาดเดาได้


“ก็ทีไม่บอกพี่น่ะสิ จะบอกได้ไง มาเรียนพิเศษแต่กลับได้แฟนเฉยเลย”


เธอทำปากยู่พูดกับผม ทำอย่างกับว่าถ้าผมรู้จะกีดกั้นอย่างร้ายกาจงั้นแหละ ผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดที่จะขัดขวางความรักของน้องสาว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดูเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร นิสัยเป็นยังไง แต่มารู้ตอนนี้ผมค่อนข้างช็อก และยิ่งช็อกมากกว่าเดิมที่คนคนนั้นเป็น...แฟนของผม


“แล้วตอนนี้...”


“หลังจากทีกลับเชียงใหม่ก็ไม่ได้ติต่อกันอีก แต่เมื่อกี้ทีคุยกับยีนแล้ว ที่บ้านยีนมีปัญหานิดหน่อย ยีนก็เลยไปอยู่ต่างประเทศมาพักหนึ่ง”


คำตอบนั้นผมไม่รู้ว่ามีความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน แต่จากที่เคยคุยกับกัส เค แม้แต่กราฟ มันทำให้ผมเดาว่าคนที่ชื่อไฮยีนไม่ได้ไปต่างประเทศอย่างที่บอก ที่ไม่ติดต่ออาจจะเพราะเบื่อแล้ว หรือเจออะไรที่น่าสนุกกว่า ก่อนที่จะมาเจอผมยีนเป็นแบบนั้น ยีนคนนั้นที่ผมไม่ค่อยได้รู้จัก


“แล้วตอนนี้ ยังชอบอยู่หรือเปล่า”


แม้จะถามอย่างนั้น แต่ผมก็รู้สึกว่าหัวใจมันเจ็บทุกครั้งที่ขยับปากพูดออกไป ไม่ว่าใคร ถ้าเจอสถานการณ์อย่างผม คงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่


พี่ชายกับน้องสาวมีแฟนเป็นคนเดียวกัน


มันแย่ยิ่งกว่าที่ผมกับยีนเป็นแฟนกันทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันซะอีก แต่ผมย้อนอดีตไม่ได้ ย้อนให้ผมไม่รักยีนไม่ได้ และผมก็เลิกรักยีนในตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน


“ชอบสิ พี่ภูรู้หรือเปล่า ยีนเป็นรักแรกของทีเลยนะ แล้วถ้าตอนนี้เราได้กลับมาคบกันอีกคงดีมากๆ เลยแหละ พี่ภูว่าอย่างนั้นมั้ย”


“อือ”


ท่าทางระหว่างที่พูดออกมาของน้องสาวสดใสร่าเริง หน้ามีแต่รอยยิ้ม จนผมรู้สึกเหมือนความรู้สึกของผมกำลังจมดิ่งลงเรื่อยๆ ผมทำร้ายความรู้สึกของทีโดยการบอกออกไปไม่ได้ว่าตอนนี้ยีนเป็นแฟนของผม ตอนนี้ผมกับยีนรักกัน เพราะผมไม่รู้ว่าทีจะเสียมากแค่ไหน ผมรู้ว่ารักแรกมันลืมยาก โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีเสมออย่างที ตอนนี้ผมทำได้แค่กำมือแน่นและเม้มปากเข้าหากัน เพื่อไม่ให้หลุดคำพูดพวกนั้นออกไป


“งั้นพี่ภูช่วยทีนะ ทีอยากอยู่กับยีนสองคน สักวันนึงก็ได้”


“อืม ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะเข้าไปช่วยงานพ่อที่ออฟฟิศแล้วกัน”


น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่เต็มที่ แต่ผมก็เค้นเสียงออกมาให้ชัดเจนที่สุด เพื่อไม่ให้ทีจับได้ว่าผมกำลังรู้สึกย่ำแย่แค่ไหนกับความจริงในอดีต แต่ทีคงจับสังเกตไม่ได้ เพราะเธอกำลังดีใจที่ผมยอมเปิดโอกาสให้



















เป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามาทำงานของรีสอร์ท ครับ รีสอร์ท เพราะไม่ใช่งานภายในคุ้มเท่านั้น แต่รวมรีสอร์ททั้งหมดของครอบครัวผม ซึ่งมันค่อนข้างน่าปวดหัว ผมไม่ถนัดงานแบบนี้ ทั้งแผนการพัฒนา แนวทางปรับปรุงรูปแบบการบริการ หรือค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่ผ่านมา เป็นเรื่องยากสำหรับผมมาก เพราะแค่เห็นตัวเลข ผมก็จะอ้วกแล้ว


ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังเลือกมาเข้ามาทำงานที่ผมเต็มใจยกบาททุกสตางค์ และพื้นที่ทุกตารางหน่วยให้กับทีที่ชอบงานบริหาร เพราะผมมั่นใจว่าผมคงฟุ้งซ่านหากปล่อยให้ตัวเองว่าง แต่ใช่ว่ามาทำงานให้ยุ่งๆ แล้วผมจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้


เป็นการทำงานที่ผมรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นครั้งแรก ไม่ใช่เหตุผลว่าเพราะผมเพิ่งเคยมาทำงานของรีสอร์ท แต่เพราะใจของผมพะวงถึงคนสองคนที่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่ไหน และทำอะไรกันอยู่ ผมได้แต่บอกตัวเองให้นิ่งเฉยเข้าไว้ อย่าไปสนใจ แม้ว่าจะร้อนรนจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ตาม


ผมคิดว่าผมผิดที่เปิดโอกาสให้ที แต่ถ้าจะให้ผมไปไปไหนมาไหนกับยีนโดยไม่แคร์ความรู้สึกของที ผมก็คงทำไม่ได้ และผมก็คงรู้สึกทนไม่ได้เหมือนกัน


ไม่ว่าเลือกทางไหน ก็เป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับผมอยู่ดี


เพราะงั้นถึงจะตกเย็นแล้ว งานที่ผมทำก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่ผมรู้ว่าพ่อก็คาดหวังในตัวผมอยู่ว่าจะเรียนรู้และสามารถช่วยงานน้องได้ เพราะถึงผมจะไม่รับช่วงดูแลกิจการต่อ ผมก็ยังต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับทีในวันที่สมบัติทุกชิ้นของพ่อกลายมาเป็นของผมและทีอยู่ดี


ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเหน็ดเหนื่อยใจ ก่อนจะกลับเรือนไปอาบน้ำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ถึงจะสบายตัวขึ้น แต่ความรู้สึกของผมก็ยังหม่นหมองอยู่ดี แล้วความรู้สึกนั้นก็เพิ่มขึ้นไปอีกหลังจากยีนเข้ามาหาผมที่ห้อง


คำพูดที่ยีนพูด สิ่งที่ยีนทำ เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากว่าเราอยู่ในสภาวะปกติ ผมนึกถึงสัญญาของเราที่ผมเป็นคนเริ่ม ผมบอกให้ยีนพูดตรงๆ กับผม มีอะไรก็ให้บอกกัน แต่ผมกลับกำลังผิดสัญญา ผมรู้ตัว แต่ผม... ทำตามมันไม่ได้ ผมพูดไม่ได้ว่าผมทิ้งระยะห่างจากยีนเพื่อน้องสาว น้องสาวเพียงคนเดียวที่ผมมีอยู่


ริมฝีปากที่ประกบกันอยู่ของเรามันถ่ายทอดความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ผมรู้ว่ายีนกำลังรู้สึกแบบไหน และผมก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่ผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ผมอาจจะดูโหดร้ายที่เลือกทำร้ายความรักของตัวเอง ทำให้คนที่รักผมต้องเจ็บปวด โดยที่ผมเจ็บปวดกว่าเขาเสียอีก แต่เพราะผมเป็นพี่ชาย พี่ชายที่ไม่เคยทำให้น้องสาวเสียใจ และ...


เหตุผลเดียววิ่งวนอยู่ในหัวผม ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวว่าเราจูบกันนานเกินไปแล้ว ทั้งที่ผมอยากจะดึงยีนเข้ามากอด อยากเอ่ยคำขอโทษกี่ครั้งก็ได้ถ้าทำให้มันไม่โกรธเคืองผม แต่ผมก็ต้องหยุดความคิดนั้นและดันตัวบางๆ ออก ซึ่งมันก็ทำให้ผมเห็นแววตาเศร้าๆ และเจ็บปวดของยีนเต็มตา


ผมเม้มปากแน่นและเอ่ยปากขับไล่คนที่รักทางอ้อม ทั้งที่ยีนพยายามเหนี่ยวรั้งด้วยคำพูดที่ผมคงดีใจหากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ แต่ผมก็ตอบสนองไม่ได้ แม้จะดีใจที่ได้รู้ว่ายีนยอมแลกเพื่อให้ผมกลับไปเป็นเหมือนเดิม


“กูรอได้”


เป็นคำเดียวที่ผมพูดออกไปได้ จากนั้นยีนก็เดินออกจากห้องของผมไป และผมก็ทำได้แค่มองประตูห้องที่ปิดลงอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมได้แต่เฝ้ามองประตูไม่ละสายตา กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ประตูห้องเปิดออกและทีวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา


“พี่ภู ยีน... ยีนเป็นไข้สูงมากเลย มือ... มือก็เป็นแผลด้วย ม่วงช้ำแล้วก็เลือดแห้งติดเต็มมือเลย”


หัวใจของกระตุกรุนแรงจนมันแทบจะหลุดลงไปกองบนพื้น ผมรีบพุ่งตัวไปยังประตูห้องทันที ไม่ถึงครึ่งนาทีด้วยซ้ำสำหรับเวลาที่ผมใช้ในการเข้าไปอยู่ในห้องที่มีร่างของยีนนอนกองอยู่บนพื้นใกล้กับประตูห้อง ผมก้มลงไปอุ้มยีนขึ้นมา เลือดที่เปื้อนอยู่บนผนังใกล้ๆ กันนั้นให้คำตอบกับผมว่าทำไมมือของยีนถึงได้มีเลือดกรังอยู่ รู้อย่างนั้นผมยิ่งรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม


ผมทำให้มันเป็นแบบนี้ ผมทำให้มันต้องมาเจ็บตัว ต้องมาไม่สบายอยู่แบบนี้


อุ้มยีนไปนอนบนเตียงได้ ผมก็รีบหันไปสั่งทีที่ตามเข้ามาในห้องด้วย ให้ไปเอาผ้าขนหนูกับอ่างใส่น้ำมา ก่อนจะไล่ทีออกจากห้องเสียงดังจนแทบเรียกได้ว่าตะคอกด้วยซ้ำ ใจของผมมันร้อนรนไปหมด มือของผมสั่น มันสั่นเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำตั้งแต่จำความได้ ผมเสียใจ ผมกลัวว่ายีนจะไม่สบายหนัก เพราะแค่ตอนอุ้มยีนมา ผมก็รู้แล้วว่าตัวของยีนร้อนมากขนาดไหน


ความรู้สึกผิดท่วมทะลักอยู่ในใจของผม ยิ่งเห็นหน้าซีดเผือด แต่ว่าตัวร้อนระอุ มือที่ช้ำและบวมเลอะเลือดจนแห้งไป ตาที่ปิดสนิทมีคราบบางอย่างเปื้อนอยู่ ตอกย้ำให้ผมรู้ว่าผมทำให้ยีนเสียใจมากแค่ไหน ผมทำร้ายยีน ทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย ผมมันเป็นคนที่แย่มาก เหี้ยมาก ผมทำร้ายความรู้สึกของตัวเองยังไม่พอ แต่ยังทำให้คนที่รักต้องเจ็บปวดไปด้วย


น้ำอุ่นๆ ค่อยๆ เอ่อออกจากตาของผม หล่นลงบนหน้าของยีนที่ยังนอนนิ่ง ผมจึงต้องรีบปาดน้ำตาออกจากตาของตัวเอง แล้วก็น้ำที่หยดลงหน้าของยีนด้วย ผมพยายามไม่ร้องไห้ ไม่แสดงออกถึงความเสียใจ เก็บมันเอาไว้ข้างใน ให้ลิ้มรสของความทรมานที่ทำให้ยีนต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ทำไม่สำเร็จ น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุดจนผมทนไม่ไหว ดึงตัวของยีนมากอดเอาไว้แล้วได้แต่พร่ำคำคำเดียว


“กูขอโทษ ....ยีน ....กูขอโทษ ..พี่ขอโทษ ...พี่ขอโทษ”


















ยีนทำให้ผมเป็นห่วงตลอดเวลา ผมต้องออกไปทำงานด้วยใจพะวักพะวน ทั้งที่อยากจะเฝ้ายีนอยู่ที่ห้อง แต่ผมก็ต้องยอมอดทนเพราะทีขอเฝ้ายีนเอง ผมทำได้แค่รับปากแล้วเดินออกมา งานไม่คืบหน้าสักนิด เพราะผมมันโง่เรื่องการบริหารอยู่แล้ว พอมาตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมอ่านอะไรก็ไม่เข้าหัว ได้แต่ทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้อย่างเลื่อนลอย ใจเฝ้าแต่คิดถึงคนที่นอนอยู่บนเตียงว่าจะเป็นยังไงบ้าง จนเย็น ผมถึงได้กลับไปที่เรือนอีกครั้ง และสิ่งแรกที่ผมทำก็คือเข้าไปหายีน เข้าไปดูอาการว่าเป็นยังไงบ้าง


“ยีนเป็นยังไงบ้าง”


“ไข้ลดลงนิดหน่อยแล้วค่ะ พี่ภูช่วยเช็ดตัวให้ยีนหน่อยสิ เปียกไปทั้งตัวแล้ว ทีเช็ดไม่ได้อะ ยีนตัวหนักมาก”


ได้รับฟังคำขอของน้องสาวแล้วผมก็รีบพยักหน้าอย่างไม่ต้องลังเล ทีเลยไปเอาผ้ากับอ่างน้ำมาให้ผมอีกรอบ ก่อนจะออกจากห้องไป ให้ผมได้ทำหน้าที่ดูแลคนป่วยเท่าที่พอจะทำได้ ผมจึงค่อยๆ เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ยีน


ผมอดไม่ได้ที่จะลูบหน้าผากของมันแล้วเลื่อนมากุมมือที่เล็กกว่าเอาไว้เพื่อถ่ายทอดความห่วงใยให้มันรับรู้ แม้ตอนนี้มันจะไม่สติก็ตาม เพราะหากยีนรู้สึกตัว ผมคงไม่สามารถพูดออกไปได้


“หายเร็วๆ นะ มึง กูเป็นห่วงมึงมาก”


“กูขอโทษที่ทำให้มึงต้องไม่สบายอย่างนี้”


“กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ ทำให้มึงเสียใจ แต่ถึงยังไง ...กูก็รักมึงเสมอ”


ผมจูบที่หน้าผากมันเบาๆ แล้วไล่มาที่ปาก พยายามเก็บเกี่ยวความรู้สึกและสัมผัสจากมันให้ได้มากที่สุด ก่อนจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะคิด


“หายเร็วๆ นะมึง”


ผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกของผมมันนานมากกว่าผมจะยอมทำใจปล่อยยีนไปแล้วเดินออกจากห้องนั้น ให้ทีรับช่วงดูแลต่อ ทั้งที่รู้ว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ใกล้มัน


“ทีรักยีนมากใช่มั้ย”


“ค่ะ”


ผมรู้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะถามความรู้สึกของทีให้แน่ใจ แล้วพอได้คำตอบ ก็ทำให้ผมเจ็บได้อย่างที่คิด เป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ ที่พี่ชายกับน้องสาวมารักคนเดียวกัน แล้วยัง... รักมาก


“ถ้างั้นก็ดูแลมันดีๆ นะ คงใกล้หายแล้ว”


“แน่นอนอยู่แล้ว”


ได้ยินเสียงของทีจบ ผมก็รีบเดินออกจากห้องไป ไม่อยากเห็นรอยยิ้มของทีที่ทำให้ผมปวดใจ ถึงผมจะตัดสินใจว่าจะปล่อยยีนให้กับที แต่ผมก็ยังไม่เก่งพอจะปัดความเสียใจของตัวเองทิ้งได้


ผมไม่เคยรักใครเหมือนมัน


แต่ผมไม่มีทางเลือก ความสุขของน้องสาวมาก่อนตัวผมเสมอ ไม่ว่าจะตอนเด็กหรือว่าโตแล้ว มันก็เป็นสิ่งที่สมควรที่สุด ผมทำถูกแล้ว ยีนไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชายมาตั้งแต่ต้น กว่าจะยอมรับผม ต้องใช้เวลาตั้งเท่าไหร่ ยีนคงยินดีมากกว่าถ้าได้รักผู้หญิง แล้วยังความสัมพันธ์ของทีกับยีน...


ผมรู้ว่ายีนไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไร ที่ผ่านมาก่อนจะเจอผมคงใช้ชีวิตไม่ต่างจากกัสหรือเค เพราะไม่อย่างนั้นป๊าของมันคงไม่สั่งห้ามทำตัวเสเพลอีก แล้วทีกับยีนก็เคยคบกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรเกินเลย ถึงผมจะรู้ว่าน้องสาวไม่ได้เป็นพวกปล่อยตัวหรือใจง่าย แต่... คนเป็นแฟนกัน


นั่นเป็นเหตุผลใหญ่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมถอยห่างจากยีน คงไม่มีพี่ชายคนไหนปล่อยให้น้องสาวเสียตัวฟรี แล้วเอาแฟนของเขามาเป็นของตัวเองหรอก






















ถามว่าทรมานมั้ย ผมตอบได้เลยว่าผมทรมานมาก ต้องคอยหลบเลี่ยงคนที่รัก ไม่ให้เผชิญหน้ากัน เพราะนับจากวันนั้น ผมก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวยีน เย็นชา ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจว่าผมจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร ไม่สนใจว่าเราได้เจอกันหรือเปล่า ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผมควรยินดี แต่ความจริงแล้ว ผมกลับรู้สึกเจ็บหนักกว่าเดิม เจ็บยิ่งกว่าที่เห็นทีกับยีนอยู่ด้วยกัน


แต่มันก็สมควรแล้ว สมควรกับการกระทำของผม ผมทำร้ายมันก่อน จะได้รับความรู้สึกนั้นกลับมาก็คงไม่แปลก ก็ดีแล้ว ที่ผมต้องเจ็บปวดคนเดียว มันไม่ต้องมารู้สึกแบบนั้น ผมผิดคนเดียว เพราะงั้นผมก็ควรยอมรับความปวดร้าวในครั้งนี้


อย่าให้ยีนต้องเจ็บเลย ผมคนเดียวก็พอ ผมทนได้


“ทำไมนั่งอยู่คนเดียวซะล่ะ”


วานซืน ทีไปหกล้มอีกท่าไหนไม่รู้จนได้แผลที่เข่ามา ทั้งเมื่อวานและวันนี้เลยไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน แต่ผมแปลกใจว่าทำไมเธอนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่คนเดียว ทั้งที่น่าจะมีใครอีกคนอยู่ด้วยกัน แล้วตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว


“เห็นบอกว่าจะออกไปจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่บ่ายๆ แล้ว ยังไม่กลับมาเลย”


คำตอบของทีทำให้ผมรู้สึกาช็อกอยู่หน่อยๆ เพราะตามกำหนดการเดิม ผมกับมันจะกลับด้วยกันวันมะรืน แต่นี่มันหนีไปจองตั๋วเครื่องบินคนเดียวโดยไม่บอกผม เกลียดกันแล้วสินะ สมควรแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้สึกแย่อยู่ดี


“แล้วไม่ห่วงเพื่อน เอ่อ... แฟนของเรามั่งหรือไง แล้วจะกลับมายังไง คุ้มก็ไม่ได้ใกล้ตัวเมืองหรือสนามบิน”


ผมรู้สึกว่าตัวเองขึ้นเสียงมากไปหน่อย พอเผลอสบตากับทีเข้าเลยต้องเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง คงเพราะผมลืมตัว แล้วก็เป็นห่วงยีนด้วย


“เดี๋ยวทีโทรถามให้นะ”


ผมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ รอให้ทีโทรหาคนหนีเที่ยว จนได้ความมาว่ายีนอยู่ที่ไหนก็ยิ่งอารมณ์เสีย ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้จนทีต้องหันมาถามอย่างตกใจ


“พี่จะไปไหน”


“ไปรับหมอนั่นไง หนีเที่ยวแล้วไม่บอกใครว่าไปไหน มันควรหรือไง”


“งั้นเดี๋ยวทีบอกยีนก่อนนะ”


แล้วทีก็กลับไปคุยโทรศัพท์อีกรอบ แต่แค่แป๊บเดียวก็หันมาบอกผม


“ยีนบอกว่าจะจ้างรถมาส่ง”


“บอกมันไปว่าไม่ต้อง พี่จะไปรับเอง รออยู่ที่หน้าประตูท่าแพ”


ให้ทีเป็นคนส่งสารต่อ ส่วนผมก็รีบไปเอากุญแจรถมาแล้วบึ่งไปประตูท่าแพทันที และด้วยถนนนอกเมืองที่ไม่ค่อยมีรถวิ่งในเวลานี้ ทำให้ผมเร่งความเร็วได้เต็มที่ แต่ก็ชะลอลงเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่ตัวเมือง ก่อนจะไปหยุดและจอดรถบริเวณที่สามารถจอดได้ แล้วจึงเดินไปรอที่จุดนัดหมาย


ผมชะเง้อคอมองหาคนที่รออยู่เพราะกลัวว่ายีนจะหนีผมไปก่อน มองหาอยู่สักพัก ผมก็สะดุดกับร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนอยู่หน้าร้านขายสตรอเบอร์รี่โยเกิร์ต แล้วก็เดาไม่ยากเลยว่ามันซื้อไปให้ใคร เพราผมได้ยินเต็มสองหูว่าทีเป็นคนฝากซื้อ


แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากไปกว่าการที่ยีนยังไม่ยอมกลับคุ้มก็คือสาวๆ เมืองเหนือที่กำลังเกาะแกะมัน ทั้งที่รู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไร แต่ผมก็อดได้ที่จะโมโหอยู่ดี เพราะการที่ผมปล่อยให้ยีนไปหาทื ไม่ได้หมายความว่าผมจะให้ผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับมันได้


ผมรอยีนซื้อของด้วยความไม่พอใจ จนมันเดินออกมา ผมก็รีบเข้าไปหาแล้วคว้าถุงในมือมันมาถือไว้ ออกเดินนำแล้วยังสั่งให้มันกินของที่ทีฝากซื้อให้หมด จะว่าผมไม่พอใจก็ได้ เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หงุดหงิดมาตั้งแต่เห็นมันยืนยิ้มคุยกับผู้หญิงพวกนั้นแล้ว แล้วยังเห็นว่ามันต่อคิวซื้อของให้ทีหลายคิวอีก ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าตอนคบกัน ทีจะถูกยีนเทคแคร์ดีแค่ไหน ทั้งที่ตอนที่มันคบกับผม แทบนับครั้งได้ ที่มันทำอะไรดีๆ ให้ผมก่อน


รถออกตัวค่อนข้างกระชาก แล้วก็เป็นอย่างนั้นมาตลอดทาง กระทั่งถึงคุ้ม ผมแย่งมันถือของ มันก็หงุดหงิดใส่ แล้วยังคำพูดที่ตีตัวออกห่างนั่นอีก พูดอย่างสุภาพ แต่ให้อารมณ์ประชดประชัน


สิ่งที่มันไม่รู้ก็คือ ความเฉยชาที่มันแสดงออกมาเหมือนแท่งน้ำแข็งที่เหลามาอย่างดี พุ่งปักลงมาบนอกของผม เลือดไม่ไหล เพราะความเย็นเยียบนั้นทำให้ความเจ็บปวดแข็งตัว อัดแน่นอยู่ในหัวใจจนทรมาน แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือ การนิ่งเฉย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะแยกย้ายกันไป



















ผมนอนแผ่อยู่บนเตียง คิดอะไรมากมายกับเรื่องที่ผ่านมา ตอนที่ผมรู้จักกับยีน ตอนที่ผมแกล้งมัน ตอนที่ผมเอาแต่คิดถึงมัน ตอนที่มันหน้าแดงเพราะผม ตอนที่... เราจูบกัน ผมกอดมันครั้งแล้วครั้งเล่า ช่วงเวลาที่ผมมีความสุข แต่ตอนนี้มันไม่มีคำนั้นเหลืออยู่แล้ว


เสียงถอนหายใจดังอยู่หลายครั้ง เพราะถึงจะบอกว่าผมถอยห่างจากมันมา ผมก็ยังทำใจไม่ได้ ผมตัดใจจากมันไม่ได้ และผมก็ไม่คิดที่จะตัดใจ มันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมผมต้องเลิกรักมัน แต่ถ้ามันจะเลิกรักผม ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง


“หลับหรือยังคะ”


ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ทีเข้ามาในห้อง แต่พอได้ยินเสียง ผมก็รีบลุกพรวดขึ้นนั่ง มองหน้าน้องสาวที่ส่งยิ้มให้ รอยยิ้มที่สดใส ไม่มีพิษมีภัยอะไรกับใคร


“มีอะไรหรือเปล่า”


“ทีอยากมาคุยกับพี่ภู”


“มาคุยอะไรกับพี่”


ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกย่ำแย่ที่ครอบคลุมอยู่ในใจทั้งหมด ขณะที่ทีเดินมานั่งข้างๆ ผมบนที่นอน


“เรื่องของยีน”


หัวใจของผมกระตุกไปหนึ่งจังหวะแรงๆ แต่ผมก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า และจ้องหน้าทีที่มองตอบผมอย่างไม่หลีกเลี่ยง


“ทีรู้นะว่าพี่กับยีนรักกัน”


“ว่าอะไรนะ”


ผมค่อนข้างตกใจ ไม่ล่ะ ตกใจมากที่ทีพูดแบบนี้ออกมา ผมไม่ได้แสดงออกด้วยซ้ำว่าผมรู้สึกยังไงกับยีน ไม่ได้ทำให้ทีเห็นว่าผมรู้สึกกับยีนมากเกินกว่ารุ่นน้อง ผมแทบไม่ได้อยู่กับมันเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมทีถึงพูดแบบนี้ แล้ว... ทีพูดออกมาด้วยความรู้สึกแบบไหน


“อย่าปิดบังเลย ทีรู้แล้ว แล้วทีก็ไม่โกรธด้วย แต่ทีอยากมาขอโทษพี่ภู”


“ขอโทษพี่? ทำไม”


จากตกใจ ตอนนี้ผมกลับงงแทน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกไหวระรัว ยังไม่เข้าใจว่าทีรู้ได้ยังไง


“ที... ทีทำให้คนที่รักกันผิดใจกัน ทีขอโทษนะคะ ตอนแรกทีไม่รู้ ทีก็แค่อยากเล่าให้พี่ฟังเฉยๆ ว่าทีได้เจอแฟนเก่า แต่ทีไม่คิดว่าพี่จะเปิดโอกาสให้ทีกับยีนได้อยู่ด้วยกัน”


ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกว่าคำพูดมันจุกอยู่ในคอ ได้แต่ฟังคนตัวเล็กพูดต่อ


“แต่พอทีรู้ ทีก็ยังไม่ทำอะไร ทียังปล่อยให้เป็นแบบนั้น จนทีมารู้ว่ายีนจะกลับ ทียอมรับไม่ได้ ทีทำใจไม่ได้ที่ยีนจะกลับทั้งที่ยังผิดใจกับพี่อยู่”


ความเสียใจของทีผมรับรู้ได้ เพราะตอนนี้ตาของทีกำลังเคลือบด้วยน้ำใสๆ ทำให้ผมรู้สึกปวดใจขึ้นมาอีกที่ทำให้น้องสาวร้องไห้ ผมดึงตัวทีมากอดเอาไว้ แล้วลูบหัวเบาๆ


“บอกพี่ซิ ทีรู้ได้ยังไง”


“คือ... ที วันที่ยีนไม่ได้สบาย พี่จะเช็ดตัวให้ยีนเลยไล่ทีออกไปนอกห้อง แต่ทีออกมานานแล้วพี่ก็ยังไม่ออกมา ทีเลยเปิดประตูเข้าไปดูว่ามีอะไรหรือเปล่า แล้วทีก็เห็นว่าพี่กอดยีนอยู่ เอาแต่พูดว่าขอโทษ ทีไม่เคยเห็นพี่ร้องไห้เลยสักครั้ง แต่พี่กอดยีนร้องไห้ ทีก็เลยรู้ว่าทีทำผิด”


คำอธิบายทั้งหมดทำให้ผมเข้าใจว่าทีคงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน ผมเลยกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก เพื่อบอกให้ทีรู้ว่าผมไม่ได้จะต่อว่าอะไรเลย


“มันถูกแล้วล่ะ ทีกับยีนควรจะคู่กัน ไม่ใช่พี่”


“ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ ยีนเขารักพี่นะ แล้วพี่ก็รักยีน ไม่ใช่ที ถึงทีจะรู้สึกกับยีนอยู่บ้าง แต่มันผ่านมาปีหนึ่งแล้วนะคะ ความรู้สึกมันไม่มากเท่าเดิมแล้ว ทีไม่ได้รักยีนมากเหมือนแต่ก่อน เป็นพี่ต่างหากที่รักยีน”


ผมรู้ว่าทีกำลังพยายามเสียสละ แต่ไม่ได้หรอก ผมต่างหากที่ควรทำแบบนั้น ทีเป็นน้องสาวคนเดียวของผม ผมจะต้องทำให้เธอมีความสุข ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง


“แต่ทีกับยีนเคยมีอะไรกันแล้ว พี่.. พี่ยอมรับได้หรอกที่จะเอาแฟนน้องสาวมาเป็นของตัวเอง”


“พี่ภู”


ทีดูตกใจมากที่ผมพูดแบบนั้น แต่มันก็คือความจริงที่ผมต้องยอมรับ


“พี่รู้ว่าทีไม่ใช่คนใจง่าย แต่ยีนเป็นคนที่ทีรัก พี่เข้าใจ แล้วพี่ก็รู้ว่ายีนเป็นคนแบบไหน”


“ไม่ใช่นะ มันไม่ใช่แบบนั้น” ทีส่ายหัวแล้วพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของผม “ที่พี่ยอมห่างกับยีนแล้วเปิดโอกาสให้ทีก็เพราะแบบนี้เหรอ”


ถูกเจาะถาม ผมก็อ้ำอึ้ง ตอบไม่ถูก แต่เพราะโดนสายตาคาดคั้นของที จึงยอมตอบไป


“ก็.. ส่วนหนึ่ง”


“พี่ภูบ้า ทำไมไม่ถามทีก่อน ทีกับยีนไม่เคยมีอะไรกันนะ”


ผมรู้สึกว่าตาของตัวเองเหลือกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แถมยังพูดอะไรไม่ออกด้วย ทุกอย่างมันดูกลับตาลปัตรไปหมด


“ทีไม่เคย?”


“ก็ไม่เคยน่ะสิ”


ทีพูดเสียงแข็งเหมือนโกรธที่ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้น แต่การคาดเดาของผมไม่ได้ผิดไปเสียทีเดียว เพราะทีอ้ำอึ้งบอกมา


“จริงๆ ก็มีโอกาสแหละ แต่ว่ายีนเขาไม่ทำ”


“ไม่ทำ?”


ผมค่อนข้างงงนะ ที่ทีบอกว่ายีนไม่ทำ ทั้งที่คนอย่างไฮยีนที่น่าจะไม่ปฏิเสธใคร และไม่เคยให้ใครปฏิเสธ ไม่ทำเรื่องแบบนั้นทั้งที่มีโอกาส


“ใช่ เมื่อกี้ทีเพิ่งไปถามยีนมาเอง รู้มั้ยยีนตอบว่าอะไร”


ทีถาม แต่เหมือนไม่ต้องการคำตอบมากกว่า และผมเองก็ส่ายหัวตอบไป เพราะไม่รู้จริงๆ ยีนมักทำอะไรเหนือความคาดหมายของผมเสมอ


“ยีนบอกว่าทีจริงจังกับยีนเกินไป ยีนทำไมไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะโดนทีจับ ตลกใช่มั้ยล่ะ ยีนน่ะ บอกว่าจะยอมมีอะไรกับคนที่ไม่จริงจังกับตัวเองเท่านั้น เพราะกลัวปัญหาตามมาทีหลัง”


ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนี้เหมือนมุมปากของผมพยายามจะยกตัวขึ้น หรือผมจะดีใจที่ทีกับยีนไม่เคยมีอะไรกันอย่างที่ผมคิด ถ้าอย่างนั้น ผมจะทำยังไงต่อดี แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกที่เหมือนเมฆดำคลุมมาหลายวันตอนนี้เหลือเพียงหมอกขาวจางๆ


“ว่าแต่พี่เถอะ เคย... กุ๊กกิ๊กๆ อะไรกับยีนหรือยัง”


“คิดอะไรของเราน่ะ” ผมเขกหัวของทีไปเบาๆ ทีเห็นสีหน้าทะเล้นถามมาแบบนั้น ก่อนจะถามถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง “ที... ไม่ได้รักยีนแล้วจริงๆ เหรอ”


“อืม ไม่ได้รัก ก็แค่ชอบ นิดๆ หน่อยๆ”


ไม่ตอบแค่อย่างเดียว แต่เธอยังเอานิ้วโป้งมาแตะที่ปลายนิ้วก้อยเพื่อบอกปริมาณเสียอีก


“แน่ใจเหรอ จะไม่เสียใจเหรอ”


“คนที่เสียใจน่ะ เป็นพี่ต่างหากถ้าเกิดว่าทีคบกับยีนต่อไป”


“พี่เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ”


ตอนนี้เหมือนทุกอย่างกระจ่างแล้ว และมันก็ทำให้ผมเหมือนคนที่บ้าไปเองคนเดียว ทำทุกอย่างเพราะคิดว่ามันถูกต้อง แต่จริงๆ แล้วมันกลับเป็นน้ำที่ระหายไปจนมองไม่เห็นด้วยตา


“ถ้างั้นก็... พรุ่งนี้ง้อยีนให้ได้นะคะ ทีบอกยีนไปแล้วล่ะว่าทีรู้เรื่องพี่กับยีนแล้ว เพราะงั้นก็ไม่น่าจะยาก แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรด้วย จะมีก็แต่... พี่จะหาทางคืนดียังไงเท่านั้น”


“นั่นแหละ ที่ยากที่สุด”


ผมดึงทีมากอดอีกครั้ง คล้ายกับเป็นการขอบคุณไปในตัว พลางคิดว่าควรจะทำยังไงกับพรุ่งนี้ เพื่อไม่ให้คนที่ผมทำผิดด้วยหนีกลับไปกรุงเทพก่อน และยอมอภัยให้กับความคิดงี่เง่า ทำอะไรไปโดยพลการของผม







อ่านต่อด้านล่าง

v

v




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 05-12-2012 00:09:22
ต่อจากข้างบน

v


v









แม้แต่วันที่บอกว่าจะกลับ ยีนก็ยังไม่มองหน้าผม ที่โต๊ะกินข้าว หรือกระทั่งตอนที่พ่ออวยพรเสร็จแล้ว เพราะงั้นผมเลยต้องอาศัยจังหวะเดียวทีเหลืออยู่ ดึงมันเอาไว้ตอนที่กำลังจะออกจากบ้านไป และผมก็บอกทีแล้วไม่ต้องตามลงมา ไม่ต้องให้ใครไปส่งยีน เพราะมันจะไม่ได้กลับวันนี้ แต่ต้องกลับพรุ่งนี้พร้อมผม


ยีนทำไมหน้าไม่พอใจแบบโคตรมากตอนที่ถูกผมดึงกระเป๋าเสื้อผ้าของมันเอาไว้ แล้วก็ไม่ใช่แค่สีหน้าที่แสดงออกว่าไม่พอใจ เพราะมันพยายามยื้อตัวประกันไว้สุดแรง แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะผมดึงตัวมันมากอดเอาไว้ก่อน ผมอยากให้มันรับฟังเหตุผลของผม ถึงจะเป็นเหตุผลงี่เง่าที่ไม่สมควรมีก็ตาม แต่ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของมันทำให้ผมอึ้ง


“พี่จะให้ผมอยู่ที่นี่ต่อไปทำไมล่ะครับ หรือว่า... อยากให้ผมมาเป็นเขยของที่นี่ แม่ของพี่ยิ่งอยากได้ผมเป็นลูกเขยอยู่”


ผมไม่รู้เลยว่าแม่พูดอะไรกับมันเอาไว้ แล้วยีนพูดจริงหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้ผมใจหล่นวูบลงไปที่ก่อนแล้ว ผมรู้ได้เลยว่าตอนนี้สีหน้าของผมกำลังเป็นยังไง ผมสบตามันด้วยแววตาแบบไหน ผมเสียใจ ผมผิดเอง และผม... ไม่ต้องการเสียมันไปอีกแล้ว


“กูขอโทษ”


ไม่รู้ว่าเสียงของผมเป็นยังไงนอกจากความอู้อี้เพราะผมเอาหน้าซุกกับซอกคอมันเอาไว้ กระชับอ้อมกอดเอาไว้ให้ผมได้รับรู้การมีตัวตนของยีนมากขึ้น


ผมอยากอยู่อย่างนี้ อยากกอดยีนเอาไว้นานๆ


“มาขอโทษอะไรตอนนี้”


แต่สิ่งที่ตอบรับกลับมาตรงข้ามกับสิ่งที่ผมต้องการโดยสิ้นเชิง เพราะเสียงของมันแข็งกร้าว และยังพยายามจะดันตัวผมออก ผมเลยต้องออกแรงกอดมันให้มากกว่าเก่า


“มึงฟังกูก่อนได้มั้ย กูผิดไปแล้ว ฟังกูก่อนนะ”


“มีอะไรที่ผมต้องฟังด้วยเหรอครับ” มันเงยขึ้นมองผมด้วยแววตามหยามหยัน “ผมเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”


“กูขอโทษ กูผิดที่ถอยห่างจากมึงมา แต่กูมีเหตุผล กู... กู”


“ไม่ต้องพูดหรอกครับ มันจบแล้ว ผมไม่อยากฟัง”


มันหันหน้าหนีผมไปอีกทางเพราะไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมกอดของผมได้ แต่ผมประคองหน้าของมันให้หันกลับมา


“แต่มึงต้องฟัง กู... กูก็แค่เข้าใจผิดคิดว่ามึงกับทียังรักกันอยู่”


ในที่สุดผมก็พูดออกมาได้ แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมากลายเป็นท่าทีไม่ยี่หระของคนที่ผมต้องการอธิบายความผิดพลาดให้ฟัง


“แล้วไงครับ ตอนนี้ผมกับทีก็รักกันดี”


“อย่ามาประชดกูเลย ทีบอกกูแล้วว่าระหว่างมึงกับทีไม่มีอะไร ทีไม่ได้รักมึงแล้ว แต่เป็นกูนี่ที่ยังรักมึงอยู่”


“รัก? อย่าพูดอะไรตลกๆ หน่อยเลยครับ”


“เกงยีน มึงเข้าใจกูนะ ทีเป็นน้องสาวกู กูคิดว่ามึงกับทียังรักกัน แล้วกูก็ทำให้น้องเจ็บปวดไม่ได้”


“เลยทำผมแทนว่างั้น”


ท่าทีกร้าวร้าวแสดงออกมาให้ผมเป็นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาผมเพิ่งเคยเห็นมันในรูปแบบนี้เป็นครั้งแรก ในช่วงที่เราเพิ่งรู้จักกัน มันไม่ชอบผมก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ ไม่ได้ทำให้ผมสะอึกและหน้าชาอย่างตอนนี้


“กูไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น กู... กูเป็นพี่ชาย มึงเข้าใจความรู้สึกกูมั้ย พี่ชายที่อยากปกป้องน้องสาว พี่ชายที่อยากให้น้องสาวมีความสุข แล้วกูก็... คิดว่ามึงกับทีมีอะไรกันแล้ว กูก็เลยไม่อยากให้น้องเสียตัวฟรี มึงเข้าใจกูมั้ย กูไม่อยากให้ผู้ชายมาเอาเปรียบน้องกูแล้วก็ทิ้งไป”


“พี่คิดว่าผมมีอะไรกับที?”


“ก็.. มึงก็น่าจะรู้ตัวว่ามึงเป็นยังไง แล้วจะไม่ให้กูคิดได้ยังไง ไม่ใช่ว่ากูอยากให้เป็นแบบนั้น แต่พอคิดว่ามึงกับทีเคยเป็นแฟนกัน กูก็ตัดความคิดนั้นไม่ได้ แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงกับทีไม่เคยมีอะไรกัน ทีบอกกูแล้ว แล้วก็บอกด้วยว่าทีไม่รักชอบอะไรมึงแล้ว”


“ทีบอกแล้วพี่ก็เชื่อ?”


“กู...”


“ไม่คิดว่าทีโกหกหรือไง พี่ก็รู้ดีนี่ว่าผมเป็นคนยังไง ผมจะพลาดเหรอ”


“กูเชื่อ มึงอย่ามาทำให้กูเขวเลย มึงให้อภัยกูเถอะนะ กูขอร้องมึงจริงๆ กูยอมรับผิดทุกอย่าง กูมันโง่เอาที่คิดไปเองคนเดียว กูยังรักมึง กูรักมึง เข้าใจหรือเปล่า”


ผมพยายามพูดเพื่อให้ยีนใจอ่อน แต่กลับไม่มีอะไรที่ทำให้ผมเชื่อมั่นได้เลยว่ามันจะยอมอ่อนให้ผม แววตาของมันยังสงบนิ่ง แฝงแววเชือดเฉือนผมเสียด้วยซ้ำ


“เข้าใจสิ เข้าใจว่าเพราะทีบอกอย่างนั้น พี่ก็เลยรีบมาขอโทษผม หน้าด้านจังนะครับ”


“เกงยีน...” ผมเรียกมันเสียงอ่อน เพราะดูเหมือนมันจะไม่ยอมให้อภัยผมเลย “มึงบอกกูมา มึงจะให้กูทำอะไร กูจะยอมมึงเท่าที่กูทำได้ ขอแค่มึงยอมให้อภัยกู หายโกรธกู”


ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อนในชีวิต นอกจากคนในครอบครัว แต่ตอนนี้ผมกำลังกลายเป็นไอ้ขี้แพ้ต่อหน้ามัน แต่ศักดิ์ศรีของผมไม่มีเหลือตั้งแต่ได้รู้จักกับมัน เพราะงั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ สิ่งที่ผมควรแคร์มากที่สุดก็คือยีน


“ถ้าผมสั่งพี่ให้ไปตายพี่คงไม่ทำ”


“เกงยีน มึงโกรธกูขนาดนั้นเลยเหรอ”


“หึ แล้วพี่คิดว่าความเสียใจของผมมีค่าเท่าไหนล่ะครับ”


“กูขอโทษ”


“แล้วความเจ็บปวดของผมมันไร้ค่าหรือไง”


น้ำเสียงของมันเยียบเย็นกว่าครั้งไหนๆ จนใจของผมสั่นไปหมด กลัวว่ามันจะไม่ให้อภัย ผมไม่มีอะไรไปต่อรองกับมันแล้ว


“กูทำผิดกับมึง กูสำนึกผิดแล้ว ยกโทษให้กูเถอะนะ”


“พี่คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลย”


“ก็ทำให้มันง่ายหน่อยได้หรือเปล่า”


ผมต่อรองด้วยเสียงอ้อนๆ แล้วก็แทบกระโดดตัวลอยกับคำตอบของมัน


“ก็ได้ งั้นสาบานมา”


“สาบาน?”


“ใช่ ไม่ต้องถามมากแล้วพูดตามผม หรือทำไม่ได้”


“ทำได้ ทำได้ครับ”


“ดี งั้นยกมือขึ้น”


ถึงจะยังงงๆ อยู่ แต่ผมก็ยกมือขึ้นมาสูงระดับหน้าของตัวเอง ซึ่งยีนก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เริ่มประโยคที่ผมต้องสาบาน


“ข้าพเจ้า นายชมภู บริวัตรสหการ ขอสาบานว่า ข้าพเจ้ารัก นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ เพียงคนเดียว จะไม่นอกใจ และจะเอาใจ”


ผมเกือบยิ้มออกมากับประโยคแรก พลางคิดว่าถ้าให้สาบานแบบนี้ก็ดีสิ ไม่เห็นจะร้ายแรงตรงไหนเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอใส่ความรู้สึกของตัวเองเข้าไปหน่อย


“ข้าพเจ้า นายชมภู บริวัตรสหการ ขอสาบานว่า ข้าพเจ้ารัก นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ เพียงคนเดียว จะไม่นอกใจ และจะเอาใจใส่”


แต่ดูเหมือนยีนจะไม่เห็นด้วยกับผมเท่าไหร่ ถึงได้ถลึงตาให้ ผมก็เลยยิ้มให้นิดๆ แสดงความจริงใจว่าผมจะทำอย่างนั้นจริงๆ


“ขอสาบานว่าจะไม่ทำให้ นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ ผิดหวัง เสียใจ หรือเจ็บปวด จะทำตามที่ นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ บอกโดยไม่คัดค้านหรือโต้แย้ง และจะไม่กระทำการเชี่ยๆ หมาๆ อย่างที่แล้วมาอีก”


คราวนี้ผมมองหน้ายีน รู้สึกไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่เพราะช่วงค่อนๆ ท้ายประโยค ไอ้เรื่องไม่ทำให้เจ็บปวดหรือเสียใจ ผมน่าจะทำได้ เพราะมีบทเรียนจากครั้งนี้แล้ว แต่ไอ้ที่ว่าไม่คัดค้านโต้แย้ง ผมคงทำไม่ได้ชัวร์ๆ แล้วนี่ยังถูกด่าทางอ้อมว่าเป็นหมาอีก


แต่ใช่ว่าจะทำอย่างใจได้ เพราะยีนจ้องหน้าผมเขม็ง ใช้ตาคู่นั้นบีบบังคับให้ผมพูด ผมก็เลยต้องพูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะอึกอักสักหน่อยก็เถอะ และผมก็หวังว่ายีนจะเปลี่ยนใจทีหลัง ไม่โหดร้ายกับผมถึงขนาดนั้น


“หากข้าพเจ้าไม่สามารถทำตามคำสาบานของข้าพเจ้าได้ ขอให้ถูกกะเทยยักษ์เอาตูดร้อยที”


ผมชะงักหลังได้ยิน เพราะไอ้ประโยคที่ยีนให้ผมสาบานเมื่อกี้มันโคตรน่ากลัว แล้วผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมคงจะทำไม่ได้ แต่ยีนยังพูดต่อ


“ถูกกระทืบพันครั้ง”


เหงื่อของผมเริ่มตกกับประโยคต่อมา ทั้งโดนกะเทยเอาตูด แล้วยังให้โดนกระทืบอีก แฟนใครว่ะ โคตรโหดเลย กลัวชักกลัวๆ มันแล้วว่ะ


“และจู๋ด้วนใช้การไม่ได้ตลอดชีวิต”


มาถึงอันสุดท้ายผมพูดไม่ออกแล้ว มันยิ่งกว่าไอ้ข้อข้างบนๆ นั่นอีก แต่พอผมไม่พูด ยีนก็เขม็งตาใส่ บังคับให้ผมเลือกระหว่างพูดหรือไม่พูด ถ้าไม่พูดก็จบกัน แล้วผมจะทำยังไงได้ ก็ต้องแพ้อีกเหมือนดิม ผมค่อยๆ พูดออกมาอย่างยากลำบาก


“ข้าพเจ้าของสาบาน”


จบคำของผม ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น แต่มันไม่ได้ออกมาจากปากของผม และก็ไม่ได้ออกมาจากปากของยีน แล้วมันมาจากไหน


ผมหันไปมองรอบตัว มองอย่างละเอียดถี่ถ้วน และก็ได้เห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ที่เฉลียง ทั้งสามคนต่างมองมาที่ผมกับยีน  และไม่ต้องเดาว่าเสียงหัวเราะนั้นมาจากใคร ...เสียงจากคนในบ้านของผม


พอเห็นอย่างนั้นผมก็คว้ามือของยีนมาจับเอาไว้ทันที เราสองคนมองหน้ากัน หัวใจที่เต้นเป็นปกติเมื่อกี้ ตอนนี้กำลังเร่งจังหวะอย่างหวาดหวั่น และผมก็รับรู้ได้ว่ายีนคงไม่ต่างกัน เพราะตอนนี้คนทั้งบ้านคงรู้แล้วว่า... ผมกับยีน เป็นอะไรกัน







===================
กลับมาแล้วค่ะ แต่พร้อมหายตัวเสมอ  :z10:

เดือนที่แล้วหลายอย่างที่ต้องทำมันมาพร้อมๆ กัน เลยไม่ได้แต่ง
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ให้รอเป็นเดือน
ขอบคุณคนที่ยังรออ่านอยู่จริงๆ ค่ะ


ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ


Undel2sky



 

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 05-12-2012 00:19:42
ฮากับคำสาบานจริงๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 05-12-2012 00:30:16
โหยยย รอนานมากค่าแต่ก็รักคนแต่งเหมือนเดิมม อิอิ

พี่ชมพูนี่เกือบทำให้ดราม่าแล้วนะรู้มั้ย อ่านไปแบบมึนๆ หน่วงๆ ก็รู้ว่ารักน้อง

แต่คุณพี่ลืมนึกถึงความรู้สึกของยีนอ่ะ น่าจะถามก่อนแต่นี่เล่นทิ้งห่างให้น้องเลย เกงยีนเจ็บปวดน้าา

ว่าแต่ว่าทั้งบ้านรู้ถึงความรักของพี่ภูกับยีนแล้ว? รับได้ด้วย? โอ้ววจอร์ดดด

ตอนจบแฮปปี้เอ็นดิ้งแน่ค่าาา รอตอนหวาน อิอิ

ปอลอ. คำสาบานนั่นเกงยีนเล่นงานได้เจ็บแสบค่า ชนะเริดด  o13 o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-12-2012 00:40:14
เกือบไปแล้วไม๊ล่ะพี่ภู แต่ว่า คำสาบานน่ากลัวมากๆอิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-12-2012 00:43:35
ขอบคุณจริงๆที่น้องยีนส์ไม่งี่เง่า เฮ้ออออออออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-12-2012 01:06:25
แหมๆๆๆๆ อยากจะขอก้านคออิพี่ภูซักทีเป็นการลงโทษ


คิดเอาเองไปโลกหน้าจนเรื่องวุ่นวายไปหมด
น่าหมั่นไส้อ่ะ สาบานแค่นี้มันยังน้อยไป
ต้องเพิ่ม หมดสมรรถภาพเป็นการถาวร
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 05-12-2012 02:18:10
แงงงงงงงง เค้าจะร้องไห้งอแง หายไปนานง่า ตอนมาม่าอี๊ก T^T
กลับมาครั้งนี้กำลังคืนดีกันแล้ว แต่ค้างอีก แอร้ยยยยยยย ฮืออ
ว่าแต่ยีนส์ยกโทษง่ายไปอะ เป็นเราจะหนีกลับแล้วให้มาตามง้อหนักๆ จะได้เข็ด หึหึ

+เป็ด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 05-12-2012 04:45:30
น้องยีนช่างน่ารัก กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!!! :-[ :o8: :impress2:

เป็นคำสาบานที่สุดสยองเลยอ่ะ  o22

เอาซี๊พี่ชมพู ลองทำน้องเกงยีนเสียใจอีกซี๊ 5555555555 :laugh: :m20:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 05-12-2012 06:32:56



     เหอๆๆ ไหงจบฮาๆอย่างงี้ล่ะ
     ไอ้ที่เครียดๆมันหายไปไหนหมด
     แล้วนี่แอบดูกันทั้งบ้านเลยเหรอ



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 05-12-2012 07:03:19
ดีกันซะที
แต่พี่ภูอ่ะคิดตื้นไปมั้ย
น่าตีจริงๆ
คำสาบานยีนเจ๋งมาก
ลองดูสิสาบานไปแบบนี้จะกล้าทำผิดอีกมั้ยพี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 05-12-2012 08:47:02
ตอนหน้าจบแล้ว  :a5:
ตอนนี้น้องยีนเอาคืนได้สะใจมาก 55
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 05-12-2012 12:51:42
ทำไมจะจบเร็วเยี่ยงนี้ -0-
ดีใจละครับที่อุส่ามาต่อหลังจากที่หายไปน๊านนาน
ยังไงก็รอตอนสุดท้ายตอนหน้านะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 05-12-2012 15:34:37
โหดชิบหายยยยยยยยย 5555555555555555555555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 05-12-2012 15:51:35
คือ อีน้องทีดอกทองมากอ่ะ หน้าด้านจริงๆมาขออยู่กับผู้ชายตามลำพัง
อีพี่ชายนี่ก็งี่เง่า คิดเองเออเอง แล้วก็คิดได้นะว่าไม่อยากให้น้องเสียตัวฟรี
โทษนะ ถ้าคิดว่าน้องสาวตัวยอมเสียตัวให้แฟน งั้นน้องยีนรงไม่ใช่ผัวแรกและผัวสุดท้ายอ่ะ


ทำเขาเจ็บปวดเจียนตาย เลือกที่จะทำร้ายคนที่ตัวบอกว่ารัก
แล้วมาตามง้อขอให้เขายกโทษง่ายๆ รึไง

แต่อีน้องยีนดันยอม ก็เอาเหอะ ทำตัวให้ดีๆอย่างที่สาบานล่ะ

จบโหมดโหดแล้ว เรารออะไรที่หวามๆหวานๆอยู่นะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 05-12-2012 16:19:43
น่ารักจุงเบย..........      ♥ :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 05-12-2012 19:07:26
เรื่องที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดเนี่ย พี่ภูทำตัวเองแท้ๆ :เฮ้อ:
แต่ยีนก็น่ารัก ตลกกับคำสาบานด้วย จะโหดไปไหนเนี่ย :m20:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nong PeePee ที่ 05-12-2012 19:09:54
น่ารักมากๆคู่นี้ดีกันแล้วอิอิ  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 05-12-2012 20:18:43
โอ๊ะลืมถามมม เรื่องนี้จะจัดทำหนังสือมั้ยค่ะ อยากเก็บไว้^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 05-12-2012 21:35:34
ยังไงก็ยังรู้สึกหมั่นไส้อีพี่ภูอยู่ดี ชริชะ คิดเองเออเอง เอาแต่ความคิดความรู้สึกตัวเองเป็นใหญ่ เข้าโหมดนางเอกน้ำเน่าหลังข่าวมากๆๆ
น้องยีนส์ต้องเอาให้เข็ดนะ อย่ายอมง่ายๆๆ แค่สาบานมันยังน้อยไป ชริ ทำน้องยีนเค้าร้องไห้ ต้องโดนอย่างสาสม เอาใจสู้ช่วยน้องยีนส์ กำหราบพี่ภูเอาให้อยู่หมัด จะได้เข็ด ชริ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 05-12-2012 23:41:31
น้องยีนให้อภัยง่ายอะ พี่ภูน่าจะโดนเยอะกว่านี้อีกหน่อยนะ
ทำน้องเสียใจขนาดนี้ :z10:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 06-12-2012 17:16:32
“หากข้าพเจ้าไม่สามารถทำตามคำสาบานของข้าพเจ้าได้ ขอให้ถูกกะเทยยักษ์เอาตูดร้อยที”  -->> อันนี้ว่าร้ายแรงแล้วนะคะ แต่พออ่านไปเจออีกคำแช่งนึ

“และจู๋ด้วนใช้การไม่ได้ตลอดชีวิต”  OMG!!!!! พระเจ้าถ้าไอ้พี่ชมพู ผิดคำสาบานนี่ เหอๆๆ ไม่อยากจะคิดเล้ยยยยย

ปล รอคอยตอนจบนะคะ ><
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-12-2012 19:04:21
เหอะๆ เกงยีนยกโทษง่ายไปนะ ยังไม่สะจายเลย 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-12-2012 23:44:01
มาม่าหมดชามแล้วช่ายม่ายอ่าาาา  :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 07-12-2012 00:28:40
นึกว่าจะง้อยากกว่านี้นะเนี่ย คำสาบานฮามาก

ดีจังที่มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 07-12-2012 09:57:52
เย้ๆ มาแล้ว ขอบคุณที่มาแต่งต่อครับ สนุกมากเลยย

ตอนแรกดราม่ามาก น่าสงสารจริงๆ

คำสาบาน น่ากลัวไปนะ -..-

ปล.ตอนหน้าจบแล้วแต่งตอนพิเศษต่อรึเปล่าครับ?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: khunniejang ที่ 14-12-2012 08:59:37
 :z6: <<สำหรับภู
อยากให้ยีนด่าอีกอ่ะ - -* อย่าเพิ่งยอมให้อภัยมันง่ายๆ
ครั้งนี้ถือว่าให้อภัยง่ายกว่าครั้งก่อนๆเยอะเลย
ทั้งๆที่ภูก็รู้อยู่ว่ายีนง้อยาก แต่มันก็ไม่เคยเลยที่จะเลี่ยงไมให้ยีนโกรธ
คิดอะไรข้างเดียวฝั่งเดียว แม่งงงง หลายครั้งแล้วน่ะ หมั่นไส้ว่ะ
คิดว่ารักอยู่ฝ่ายเดียวหรือไง รักมากรักน้อย รักมันก็คือรัก แล้วอีกอย่างน่ะ เจ็บมากเจ็บน้อย เจ็บมันก็คือเจ็บเหมือนกัน
พี่ชายที่เสียสละให้น้องสาวงั้นหรอ เหอะ อยากปรินิพพานรึไง ใครขออะไรก็ให้ ทำทานที่ยิ่งใหญ่
เหมือนจะเป็นคนดี!!! ไอ่xxx คิดว่าเจ็บมากอยู่คนเดียวหรอห๊ะ เอาอะไรมาวัด
ถ้วยตวง? ตาชั่ง? ตลับเมตร? ไม้เมตร? ไม่บรรทัด? บารอมิเตอร์? เทอโมมิเตอร์? ใช้สูตรไหนคิด? ใช้กฎข้อไหนคำนาญ?
ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก รู้อยู่แล้วว่ายีนไม่ใช่เกย์!!! แล้วกว่ายีนจะยอมรับว่ารักคุณยีนต้องคิดมากขนาดไหน
ต้องหาเหตุผลอะไรมากมายมาค้านมาสนับสนุนเพื่อให้แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเอง
แล้วครั้งนี้ยีนยอมคุณทั้งๆที่ยีนไม่ผิด ถึงขนาดที่เรียกได้ว่ายอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้คุณมาด้วยซ้ำ
มันบอกอะไรรู้ไหม๊ ยีนโคตรรักคุณเลย แต่ถึงจะรักคุณมากแต่ศักดิ์ศรียีนก็มีมากเหมือนกัน ยีนอยู่ได้ถ้าไม่มีคุณ!!!
เพราะแค่ไม่เห็นหน้า ความรู้สึกก็ไม่รุนแรง ถ้าคุณรักยีนอย่าทำให้ยีนรู้สึกแบบนี้ ไม่มีรักอยู่ได้แต่ถ้าไร้ศักดิ์ศรีขอตายดีกว่า
เราคิดว่ายีนเป็นคนแบบนั้นน่ะ แล้วยีนก็พิสูจน์แล้วด้วยว่าอยู่ได้ ไม่ได้คิดมาจนไม่เป็นอันทำอะไร ยีนเก่ง^^
แล้วตอนนี้ครอบครัวของคุณภูก็รู้แล้วว่าทั้งสองเป็นอะไรกัน คิดว่าคงไม่มีอะไรต้องคิดมากดูจากเสียงหัวเราะ
เฮ้ออออออออออ รู้สึกว่าตัวเองอินจัด อินมาก กรี๊สสสสสสสสส ดูจากคอมเม้นก็คงจะรู้ว่าเรารักใคร 5555.
รักยีนอ่ะ >< ตั้งแต่อ่านมายังไม่เคยคิดว่าครั้งไหนภูน่ารัก จริงๆน่ะ 5555. ภูชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อไม่ระวัง
เราเลยหมั่นไส้ เชอะ ก็คนมันอิจฉา ก็เค้ารักยีนของเค้าอ่ะ คิๆ สรรพนามการเรียกภูจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ณ ขณะนั้น
กร๊ากกกกกกกกกก รู้สึกตัวเองทำตัวเหมือนแม่ยายที่กำลังกีดกันลูกเขยเลยอ่ะ 5555.
หวังว่าพี่ภูจะทำตัวดีขึ้นน่ะ ไม่ใช่ดีกันแล้วก็กลับมาทำตัวเหมือนเดิม เอาใจยีนหน่อย ตามใจยีนหน่อย
ถ้าทำให้ยีนเสียใจอีกครั้งล่ะก็ ฉันจะไปแย่งยีนมากจากคุณ!!!! <<อินี่เป็นเอามากว่ะเห้ย

อืมมมมมแม่ยกภูจะกระทืบเราไหม๊เนี่ย 55555. คนเขียนมาต่อเยอะๆน่ะค่ะ
กำลังถึงช่วงเวลาระทึกขวัญ ขาดไปนานเดี๋ยวมันไม่ตื่นเต้นนนนนนนน >..< *จูบดูดดื่มลิ้นพันกันน้ำลายไหนเยิ้มกับคนเขียน*
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 30-12-2012 18:15:08
รอนานแล้วน๊าาา เรื่องนี้อ่ะ

มาต่อได้แล้วน๊าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 31-12-2012 19:00:44
ยังรออยู่นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 02-01-2013 00:57:34
ThankS
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 03-01-2013 14:47:31
 :m29: ไงมางี้อะ 

โห หน่วงมานาน จบแบบ สยองปนฮาเลย 

 :m31: :m31: :m31:

คนนะไม่ใช่ตั่กโต เปลี่ยนรมแทบไม่ทัน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Eshardy ที่ 08-01-2013 20:45:34
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 รอนาน ข้ามปี แล้วววววววววว ครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: fiat_so_cute ที่ 13-01-2013 22:30:43
^
^
^
^
รอข้ามปีด้วยคนค้าบบบ  :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: Fordfies_ta ที่ 13-01-2013 22:50:32
มาต่อเร็วๆนะครับ แต่ไม่อยากให้จบเลย อยากเห็นความกวนของคู่นี้ ต่อไปเรื่อยๆ 555   o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 14-01-2013 19:44:27
เฝ้ารอเธอมานานแสนนานนนนน

  :o12: :sad4: :o12: :sad4: :o12: :sad4: :o12: :sad4: :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 24-01-2013 22:32:51
เมื่อไรจะมาน้อ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 28-01-2013 01:20:21
ฉันคิดถึงเธอ ตั้งแต่หัวค่ำยันอุษาสาง :z3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 28-01-2013 10:30:31
ภูแรก ๆ ก็กวนประสาทยีนจริง ๆ นะนั่น แล้วบังคับยีนนั่นโน่น ทำให้ยีนต้องถูกพ่อลงโทษอีก แต่ยีนกับกราฟอะไรกันนะนั่น ยีนมีเพื่อนที่รักยีนน่าดูนะเนี่ย ทั้งกราฟ กัส และก็เคเนี่ย กราฟไนล์นี่ยังไง ๆ อยู่ แล้วทำไมกราฟแรก ๆ ถึงทำเมินไนล์นะ แต่ไนล์ทำยังไงนะกราฟถึงยอมเล่าเรื่องให้ฟัง ไนล์คงคิดจะช่วยกราฟจริง ๆ นั่นแหละ ให้เผชิญความจริง ภูก็ไม่ค่อยเลยนะมีการลองใจยีนนะนั่น ดีนะที่เจ๋งช่วยอธิยายเนี่ย ต้นปาล์มน่ารักดี ภูก็คิดไปได้ไม่คิดจะถามกราฟก่อนเลยหรือไง แล้วกราฟก็ไม่ค่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด [5/12/55]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 29-01-2013 08:21:10
โผล่หัวออกมาแล้วค่ะ
ที่หายไปนานเพราะทำงานอย่างทรหดจริงๆ
ไม่ได้แตะเล้าเลย
อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งป่วย ไข้ขึ้น จนต้องพึ่งหมอ
เพราะดันทุรังเร่งงานจนเสร็จ
ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว แต่ต้องกินยาอยู่
ไว้แต่งตอนสุดท้ายนี่จบแล้ว จะมาอัพนะคะ
ขอโทษคนที่รอนานด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 29-01-2013 09:02:39
ห๊า!!!! จะจบแล้วเหรอ?!

จะรอนะคะ ><
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 29-01-2013 09:03:04
สู้ๆจ๊ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 29-01-2013 09:11:30
ดูแลตัวเองด้วยนะคะ คนอ่านรักและคิดถึง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-01-2013 11:05:52
ดูแลตัวเองและรักษาสุขภาพน๊า
ไม่ต้องรีบรอได้ :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 29-01-2013 12:12:24
 :กอด1:  รอเสมอคร่าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 29-01-2013 21:20:50
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-01-2013 21:28:51
หายไวไวนะคะ และก็รอนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-01-2013 21:38:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 30-01-2013 14:26:01
หายไวๆนะค้าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 36 : ไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวด // แจ้ง [29/1/56]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 01-02-2013 21:17:39
ห๊ะ! จะจบแล้วจริงๆหรอเนี่ยย

T^T อยากอ่านเรื่องนี้ไปเรื่อยๆจัง ยังไงก็แวะมาลงตอนพิเศษบ้างก็ได้นะครับ

รอเสมอคร้าบผม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมาก (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 01-02-2013 22:42:28
ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ)





















เสียงหัวเราะจากคนที่ยืนอยู่บนเฉลียงทำให้ผมตกใจหน่อยๆ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครยืนอยู่ตรงนั้น แล้วยังหัวเราะอีก แต่ถึงจะตกใจ ผมก็หวั่นๆ ใจอยู่เหมือนกัน ก็ไม่รู้นี่หว่าว่าที่หัวเราะนี่แกล้งหัวเราะให้ตายใจหรือเปล่า ตอนนี้ผมกับไอ้พี่ชมพูเลยจับมือกันแน่น แล้วมันก็เสือกทำใจดีสู้เสือสามตัวด้วยการถึงผมให้เดินตามมันไปโดยที่มือใหญ่อีกข้างลากกระเป๋าเสื้อผ้าของผมไปด้วย


“มาๆ ขึ้นมาคุยกันบนเรือน”


แม่ของไอ้หมีควายบอก แล้วยังกวักมือเรียกอีกต่างหาก คราวนี้ก็เลยหนีไม่ได้แล้ว พี่ชมพูกึ่งลากกึ่งจูงผมขึ้นเรือนไป ผมแทบจะได้นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้นต่อหน้าพ่อกับแม่ของมันเพราะเริ่มทำตัวไม่ถูก ดีว่ามันดึงผมไปนั่งที่ม้านั่งก่อน ผมเลยได้นั่งตามปกติ แต่สายตาของคนทั้งสามของบ้านบริวัตรสหการก็ทำให้ผมรู้สึเกร็งอยู่หน่อยๆ ทั้งที่เกือบสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย


แล้วจะให้ผมเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อถูกจับได้เต็มๆ ว่ากิ๊กกับลูกชายของบ้าน


ถึงผมจะเป็นคนเก่ง กล้าหาญ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถนัดกับการพูดคุยกับผู้ใหญ่โดยเฉพาะประเด็นแบบนี้ ซึ่งไอ้คนตัวใหญ่ข้างๆ ตัวนี่ก็รู้ มันเลยยังกุมมือของผมไม่ปล่อย ผมก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่อย่างน้อยมันอยู่ข้างๆ ผม แต่ก็แอบระแวงอยู่ว่าจะโดนตอกอะไรกลับมาหรือเปล่า เพราะถ้าโดนเล่นงาน ผมคงโดนก่อน ก็ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของใคร คงไม่พอใจนักหรอกที่ลูกชายกลายเป็นเกย์ แถมคนที่ทำให้กลายเป็นเกย์ ทั้งที่จริงๆ แล้วผมต่างหากที่ถูกทำให้เป็น ยังมานั่งหน้าแป้นสลอนขวางหูขวางตา


“ไม่ต้องกังวลหรอกจ้ะ พ่อกับแม่รู้เรื่องของเราสองคนแล้ว”


“ครับ”


รู้ตัวเลยว่าผมกำลังทำหน้างงแบบมหาศาลอยู่ ทีที่นั่งฝั่งตรงข้ามผม ข้างพ่อกับแม่ของเธอกำลังยิ้มให้ ก่อนจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้น


“ทีเป็นคนบอกพ่อกับแม่เองแหละ”


ทั้งผมทั้งไอ้พี่ชมพูหันไปมองทางคนพูดทันที แล้วก็ได้รับรอยยิ้มกลับมาเหมือนเดิม แต่แค่แป๊บเดียว เจ้าของเรือนและคุ้มชมจันทร์นี้ก็เสริม


“ทีบอกพ่อกับแม่ตั้งแต่ยีนมาอยู่ที่นี่แรกๆ แล้ว”


ผมเห็นเลยว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถลึงตาใส่น้องสาวทันทีหลังจากอาผู้ชายบอกมาแบบนั้น แค่นั้นไม่พอ ยังโวยใส่เสียอีก


“แล้วทำไมไม่บอกพี่”


“ก็ทีอยากพิสูจน์ให้แน่ใจไงว่าพี่กับยีนรักกันจริงๆ พ่อกับแม่ก็อยากรู้ ทีก็เลยจัด”


ผู้หญิงตัวเล็กสวนกลับมาอย่างไม่เกรงกลัวเลยว่าพี่ชายตัวใหญ่อย่างกับหมีควายจะกระโดดทับจนแบน เท่านั้นไม่พอ ทียังหันไปหาแนวร่วมอีกสองคน


“ทีแค่แกล้งหลอกว่าทีรักยีนมากกกกกก แค่นั้นเอง แล้วก็รอดูว่าทั้งสองคนจะทำยังไง นี่ถ้าพี่ไม่ง้อยีนจนยีนกลับกรุงเทพไปล่ะก็ จบแน่ จบแน่ๆ”


“ก็เรามันร้าย มาแกล้งพี่แบบนี้ได้ยังไง”


“ถ้าทีไม่ทำ จะรู้ได้ยังไงว่าพี่รักยีนขนาดไหน เนอะ”


คราวนี้เธอหันมาพยักพเยิดหน้ากับผม ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ กลับไป ทั้งที่ในใจรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง เพราะเหมือนตัวเองกลายเป็นของเล่นของที โดนล้อเล่นกับความรู้สึกมันไม่ตลกนะครับ เพราะตอนนั้นผมเสียใจจริงๆ นี่ถ้าทีเป็นเพื่อนในกลุ่มผม โดยเฉพาะไอ้เคลมล่ะก็ คงโดนปล่อยใส่สักหมัดสองหมัด


“แต่พี่ภูน่ะ ไม่ดีเลยนะ จะสละคนรักให้น้องสาว แมนเกินไปหรือเปล่า ไม่มีใครอยากให้คนที่ตัวเองรักทำแบบนี้หรอก ถึงจะเพื่อน้องก็เถอะ พี่น้องน่ะตัดการไม่ขาด ถ้าทำผิดด้วยก็แค่รู้สึกผิด เสียใจ ยังไงก็ต้องให้อภัยกัน แต่กับคนรัก มันทำให้ต่างฝ่ายต่างเสียใจแล้วก็เจ็บปวด ถ้าแตกไปแล้ว มันก็กลับคืนมายาก เข้าใจหรือเปล่า”


สิ่งที่ผมคิดตั้งแต่ทีบอกว่ารู้ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้พี่ชมพูถูกถ่ายทอดออกมา ทำให้ผมต้องอมยิ้มเอาไว้ ไม่ให้หลุดเสียงหัวเราะออกมา เพราะจะเป็นการเสียมารยาทกับคุณอาทั้งสองคน แต่ก็อดขำไม่ได้ที่พี่ชายถูกน้องสาวสั่งสอนแบบนี้


“เออ เห็นน้องสาวสำคัญก็โดนว่าอีก”


“ก็มันไม่เข้าเรื่องนี่นา”


ทียังคงยืนยันความคิดตัวเอง หน้าหล่อแบบหมีๆ ของคนที่นั่งอยู่ข้างผมเลยได้แต่หงิกลงๆ จนสุดท้ายผมก็หัวเราะออกมา และก็พานให้คนอื่นๆ หัวเราะตาม เว้นก็แต่คนที่ถูกหัวเราะนั่นแหละ


“ยีนอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันแล้วกันนะ ค่อยกลับพรุ่งนี้กับภู”


“ครับ คุณอา...” ผมอึกอักไปหน่อย เพราะท่าทีของอาผู้หญิงยังไม่เปลี่ยนไป “แล้วคุณอาไม่ว่าอะไรผมเหรอครับ ที่...”


“ที่เราเป็นแฟนกันน่ะครับ”


ก่อนที่ผมจะพูดจบ ไอ้คนหน้าด้านก็แทรกขึ้นมาก่อนแล้ว แถมยังกระชับมือที่จับผมให้แน่นขึ้นอีก เฮ้ย ผมลืมไปแล้วว่าถูกมันกุมมือเอาไว้ ผมรีบดึงมือตัวเองออก แต่ว่ามันก็ไม่ยอมปล่อย อุ้งตีนหมีบีบมือผมเอาไว้แน่น จนผมต้องตวัดตาขวางๆ ใส่มัน แต่มันจะมีประโยชน์เหรอครับกับคนที่ชอบบงการ


“ถ้าให้พูดจากความรู้สึกจริงๆ แม่นึกว่าจะได้ยีนมาเป็นลูกเขยซะอีก”


“แม่ครับ แฟนผมนะ ไม่ใช่แฟนที”


พอคุณอาบอกมาแบบนั้น ไอ้พี่ชมพูก็ทำเป็นตอแหลรับไม่ได้ทันที ยังมีการพูดเสียงอ้อนตีนอีกต่างหาก เลยโดนแม่ของมันสวนกลับ


“ก็ยีนเหมาะจะมาเป็นลูกเขยของแม่มากกว่านี่”


เห็นว่าคุณอาอยากได้ผมเป็นลูกเขยซะเหลือเกิน ผมเลยเอียงตัวไปทางคนตัวใหญ่แล้วกระซิบให้มันได้ยิน


“แม่พี่อยากได้ผมเป็นลูกเขย งั้นพี่เป็นสะใภ้นะ”


ผมพูดเท่านั้นแหละ ไอ้ตัวดีก็รีบบอกแม่ของมันทันที อย่างกับกลัวว่าถ้าบอกช้าอีกหน่อย มันจะได้เป็นเมียผมจริงๆ ณ วินาทีนั้น


“สะใภ้นะแม่ สะใภ้”


“จ้าๆ สะใภ้ แต่ยีนเป็นคนแรกเลยนะที่ภูพามาเปิดตัว คนอื่นๆ ไม่เคยหรอก ไม่ให้รู้ด้วยซ้ำว่าคบหากับใครอยู่ แถมยีนยังให้ภูสาบานเสียขนาดนั้น ถ้าแม่ไม่อนุญาต เดี๋ยวจะเกิดอาเพสเอา”


“ก็ผมไม่ได้คบใครนี่ครับ ยีนนี่จริงจังคนแรก”


พี่ชมพูโม้กับแม่ของมันอย่างกับผมไม่ได้นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ผมเลยหันไปถามผู้ใหญ่อีกคนแทน เพราะอย่างน้อยก็อยากให้เขายอมรับผมโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ถึงจะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะอยู่ในระดับที่ดีแล้วก็ตาม


“แล้วคุณอาผู้ชายล่ะครับ”


“พ่อเหรอ ถ้าจากใจของพ่อ พ่อไม่พอใจที่ภูกับยีนรักกัน เข้าใจหรือเปล่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนดีใจที่ลูกชายเป็นเกย์ โดยเฉพาะลูกชายคนเดียวของบ้าน”


ได้ยินอย่างนั้น ผมก็รู้สึกหดหู่หน่อยๆ แล้วยังรู้สึกผิดด้วยที่ผลมันออกมาแบบนี้ เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น แต่... ในเมื่อผมกับไอ้พี่ชมพูรักกันไปแล้ว คงได้แต่รอโอกาสที่ผู้ใหญ่จะยอมรับ


“แต่มันก็ไม่ได้เสียทีเดียว ตอนแรกที่ทีบอก พ่อรู้สึกโมโห เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกชายจะชอบผู้ชาย แต่ทีก็พยายามอธิบาย พยายามบอกให้พ่อเข้าใจ และให้พ่อคอยดูว่าความรู้สึกของทั้งสองคนเป็นอย่างไร พอเห็นทั้งภูทั้งยีนเสียใจ พ่อก็รู้สึกไม่ดี เหมือนพ่อทำร้ายทั้งสองคน พ่อเลยไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ในเมื่อลูกเลือกที่จะรักคนคนนี้ พ่อก็ต้องยอมรับ และยินดีต้อนรับเขา”


ไม่รู้ว่าคนที่เป็นลูกชายจริงๆ ของบ้านนี้รู้สึกยังไง แต่ผมตื้นตันในสิ่งที่คุณอาบอก ไม่ใช่ดีใจที่เขายอมให้ผมกับพี่ชมพูคบกัน แต่มันเป็นความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจว่าพ่อคนนี้ อ้าแขนยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น


“พ่อพูดซึ้งแบบนี้ เดี๋ยวยีนก็ร้องไห้หรอกครับ”


บรรยากาศดีๆ ถูกทำลายลงด้วยปากหมาๆ ปากเดียว ผมเหลือบตาไปมองคนตัวโตแบบเหยียดเต็มที่ แต่มันกลับยิ้มให้ มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหัวผม ทำเหมือนผมเป็นหมา ผมเลยจ้องมันหนักขึ้นให้รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ มันก็เลยเอามือออก แต่ก็ยังยิ้มเหมือนเดิม


“พ่อก็แค่พูดตามที่รู้สึก เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าพ่อกับแม่จะคิดเล็กคิดน้อยหรืออะไร พ่อกับแม่รับได้ที่เราสองคนรักกัน”


“ขอบคุณมากนะครับ คุณอา”


ผมยกมือไหว้พ่อกับแม่ของพี่ชมพูด้วยความรู้สึกขอบคุณจริงๆ เพราะทางฝ่ายนี้ยอมรับ เรื่องที่ป๊าสัญญาไว้ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไอ้พี่ชมพูยังไม่จบแค่นั้น มันหันไปถามน้องสาวตัวเอง


“เราน่ะ ไม่ได้ชอบยีนแล้วจริงๆ ใช่มั้ย”


“ถ้าบอกว่าชอบอยู่ พี่จะยกให้ทีหรือเปล่าล่ะ”


“ไม่ให้ คนนี้ของพี่”


เหมือนทีจะลองใจพี่ชาย ซึ่งคราวนี้แผนการของเธอไม่สำเร็จ เพราะไอ้หมีตัวโตมันดึงผมไปกอดแน่น ทำอย่างกับผมเป็นตุ๊กตาแล้วมันเป็นเด็กเกเรหวงของงั้นแหละ ผมเลยเอามือยันหน้าผากมันออก เพื่อให้มันปล่อยตัวผม แต่ก็ยาก เพราะยิ่งผมดัน มันก็ยิ่งกอดให้แน่นขึ้นจนผมแทบจะจมหายเข้าไปในอกมันแล้ว ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ เลย


“ของพี่ก็ของพี่สิ ทีไม่แย่งหรอก ที่บอกว่าชอบน่ะ ชอบอยู่แค่นี้”


ทีเอานิ้วโป้งแตะกับปลายนิ้วชี้และหัวเราะออกมา พลอยให้คนในครอบครัวนี้หัวเราะกันทั้งบ้าน ผิดกับผมที่ชักเอือมเพราะไอ้พี่ชมพูปัญญาอ่อนมากขึ้นทุกที























สิ่งแรกที่ทำทันทีหลังจากลับมากรุงเทพก็คือมาทวงสัญญากับป๊า ไอ้พี่ชมพูแม่งหน้าระรื่นมากเว่อร์ตอนที่ขับรถมาบ้านผม แต่ถึงอย่างนั้นพอยู่ต่อหน้าป๊า มันก็ปั้นหน้าจริงจังออกมาได้ ตอแหลฉิบหายเลย แล้วมันยังกลัวว่าป๊าจะไม่เชื่อที่มันบอกเลยหาคนเป็นพยาน


“คุณป๊าโทรถามพ่อเลี้ยงภูชัยกับแม่เลี้ยงชมนภา บริวัตรสหการได้นะครับ ให้ทั้งสองท่านยืนยันได้ว่าผมกับน้องได้รับอนุญาตให้คบหากันอย่างถูกต้องแล้ว”


ไม่ต้องสงสัยว่าพ่อเลี้ยงภูชัยและแม่เลี้ยงชมนภาเป็นใคร เพราะดูจากนามสกุลก็รู้แล้ว แม้แต่ชื่อยังบอกได้เลยว่ามาจากบ้านเดียวกัน ผมไม่สงสัยแล้วว่าชื่อชมภูนี่มาจากการไปคลอดลูกกลางเขาของอาผู้หญิงหรือเปล่า รวมถึงชมนทีด้วย


ทำเหมือนพ่อแม่เป็นคนอื่นแล้วมาอ้างหน้าตาเฉย ผมส่ายหัวเบาๆ กับอาการหนักของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่พยายามวางมาดเป็นผู้ใหญ่ น่าเชื่อถือ ทั้งที่มันไม่เคยอยู่ในความคิดของผมแม้แต่ครั้งเดียวตอนที่มองหน้าของพี่ชมพู


“เอาล่ะๆ ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจพวกเธอเถอะ ในเมื่อฉันสัญญาไปแล้ว”


ป๊าพูดออกมาอย่างอ่อนใจ ผมเลยย้ายจากที่ที่นั่งอยู่ไปนั่งข้างๆ ป๊าแล้วกอดเบาๆ หนึ่งที พลางบอกขอบคุณ เพราะรู้ว่าป๊าต้องพยายามมากแค่ไหนถึงจะยอมรับในความสัมพันธ์ของผมกับไอ้พี่ชมพูได้ คำบอกจากพี่กล้วย ผมยังจำได้ดี


“ในเมื่อคิดจะคบหากันแล้ว ก็ต้องดูแลกันให้ดี อย่าให้ใครมาว่าได้เสียล่ะว่าคบกับผู้ชายมันไม่ดี มีแต่ปัญหา หรือทำให้ชีวิตตกต่ำลง”


“ครับป๊า”


“ครับ คุณป๊า ผมจะทำตัวดีๆ ดูแลน้องดีๆ ให้คนเขาอิจฉาแทนที่จะนินทาเสียๆ หายๆ นะครับ”


มันสัญญากับป๊ากับเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทำได้จริงๆ หรือเปล่า ผมไม่อยากคาดหวังอะไรกับมันมาก อีกอย่าง ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องมานั่งดูแล เอาใจ ทะนุถนอม สารพัดกับความเรื่องมาก เพราะงั้นก็คงไม่ยากเท่าไหร่มั้ง


หลังจากได้รับการอนุญาตจากป๊าอย่างเป็นทางการ ผมก็กลับเข้าห้องนอน และก็แน่นอนว่าต้องมีตัวเสือกติดตามมาด้วย


“ไม่กลับคอนโดหรือไง”


ผมถามมันโดยไม่ได้หันไปมอง สองมือยกกระเป๋าขึ้นเตียงก่อนจะเปิดออกและหยิบเสื้อผ้ามาจัดใส่ตู้ เพราะว่าตอนที่อยู่คุ้มชมจันทร์ เสื้อของผม คุณอาผู้หญิงให้คนเอาไปซักให้


แต่ใช่ว่าผมจะได้ยืนจัดเสื้อผ้าอย่างสบาย เพราะก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมก็ถูกกอดจากด้านหลังเสียก่อน ไม่ต้องเดาว่าคนที่ทำคือใคร เพราะมีอยู่คนเดียวที่จะทำแบบนี้โดยที่ผมไม่รู้ตัว และยังอยู่ในห้องตอนนี้ ผมพยายามดึงแขนที่รัดเอวออก


“กอดทำไม”


“คิดถึงมึงนี่หว่า ตอนอยู่บ้านกู กูไม่ได้กอดมึงเลย”


“แล้วเป็นความผิดของผมหรือเปล่าครับพี่ชมพู”


ผมเน้นเสียงนิ่งๆ ใส่ ให้รู้ว่าคนที่ผิดไม่ใช่ผม ซึ่งก็เหมือนว่ามันจะรู้ตัวว่าผมยังมีอารมณ์กรุ่นๆ อยู่ ถึงได้พูดเสียงอ้อนขึ้นหน่อย แต่ก็ยังกอดผมไม่ปล่อยอยู่ดี


“พี่ผิดไปแล้วครับเกงยีน พี่คิดถึงแต่ตัวเอง แต่เกงยีนก็ยกโทษให้พี่แล้วนี่”


“จะว่ายกโทษมั้ย ก็ถือว่ายกโทษให้ แต่ว่าเรายังไม่มีสัญญากันอยู่ พี่คิดว่าผมเป็นคนที่จะไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น หรือไม่ชอบเอาคืนคนที่ทำร้ายๆ กับตัวเองหรือไง”


คำพูดนี้ผมใช้เตือนสติมันอย่างเต็มที่ ว่าการอภัยของผมเป็นการอภัยที่มีสิ่งแอบแฝง แล้วก็ดูว่าจะได้ผลมากเสียด้วย เพราะพี่ชมพูค่อยๆ ปล่อยผมออกจากวงแขน แต่มันไม่ใช่แค่นั้น ผมลืมไปได้ยังไงว่ามันเป็นพวกเผด็จการ หน้าด้าน แม่งเอ๊ย พลาดเลยกู!


ผมใช้แรงที่มีผลักคนที่ตัวสูงใหญ่กว่าเพื่อให้ปากของเราหลุดออกจากกัน เพราะอยู่ๆ แม่งก็จับผมหมุนตัวแล้วประกบปากลงมาเลย แถมแม่งยังดูดปากของผมซะแรง จนตอนผลักมันออก ปากผมเกือบจะถูกมันดูดติดกลับไปด้วย


“เราเป็นแฟนกัน แถมพ่อแม่ยังยอมรับทั้งสองฝ่าย ก็น่าจะทำความเข้าใจ แล้วก็ให้อภัยกันง่ายๆ หน่อยสิ มึงไม่คิดถึง ไม่อยากให้กูกอด ไม่กูจูบมั่งหรือไง”


“เหอะ” ผมสะบัดเสียงกลับไปอย่างไม่สนใจคำพูดของมัน ก่อนจะเตือน “ถ้าคราวหน้าพี่จูบผมโดยที่ผมไม่อนุญาตอีก ผมจะต่อยปากพี่”


“เฮ้ย ได้ไง”


“ถือว่าผมเตือนแล้ว”


ว่าอย่างนั้นเสร็จ ผมก็เดินเอาชุดไปเก็บในตู้เสื้อผ้า เพราะไม่มีตัวมารมาขัดขวางแล้ว แต่ร่างใหญ่ๆ นั่นก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน แถมยังทำเสียงไม่พอใจถามผมอีก


“แล้วจะให้กูทำยังไง ให้ขอจูบมึงทุกครั้งเหรอ”


“มันไม่ลำบากขนาดนั้นหรอกครับ พี่ไม่ต้องถาม เพราะพี่ไม่ต้องทำ ไม่ว่าจะกอด จูบ จับมือ หรือว่าอะไรทั้งนั้น แล้วพี่ก็ห้ามปฏิเสธด้วย เพราะพี่สาบานไปแล้วว่าจะตามใจผม จะไม่ขัดใจผม”


“เกงยีน”


เหมือนคนที่อยู่ตรงหน้าผมจะกำลังสับสนในตัวเอง เพราะเสียงของมันทั้งแข็งแล้วก็อ้อนในเวลาเดียวกัน บุคลิกทั้งสองอย่างนี้ของมันทำให้ผมงงอยู่หลายครั้งว่ามันจะเอายังไงกันแน่ แต่คราวนี้จะเป็นมันที่สับสนเพราะผมบ้างล่ะ ให้ผมถือไพ่เหนือกว่าบ้างแล้วกันนะครับ คุณพี่ชมพู คุณแฟนตัวหมีควาย


“หรือพี่จะไม่ยอมทำตาม อยากโดนกะเทยยักษ์แทงตูดร้อยครั้ง โดนกระทืบพันครั้งหรือไง”


“ไม่มีทาง”


“ถ้ายืนยันหนักแน่นขนาดนั้น แล้วจะไม่ยอมทำตามได้ยังไงล่ะครับ”


ผมยังถามเหมือนเป็นเรื่องสนุก แน่ล่ะ มันสนุกสำหรับผม แต่ไม่สนุกสำหรับอีกคนเลย เพราะคิ้วหนาๆ เริ่มขมวดเข้าหากันแล้ว


“แต่มันยากเกินไป กูต้องเป็นบ้าแน่ๆ ถ้าไม่จูบมึง อย่างน้อยๆ ได้กอดก็ยังดี”


“แล้วก่อนจะเจอผมพี่อยู่มายังไงล่ะครับ ไล่จูบผู้หญิงไปทั่วหรือไง ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะได้ใจดี ให้พี่ไปจูบคนอื่นตามแต่จะพอใจ พี่ก็รู้นี่ว่าผมไม่มายด์เรื่องพี่ ว่าจะตีตัวออกห่าง หรือทำอะไรกับใคร ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว และผมก็ไม่ได้อ่อนแอที่จะทำใจยอมรับไม่ได้ถ้าเราจะจบกัน”


“แต่กูยอมรับไม่ได้”


แค่ผมหยุดพูด มันก็แทรกขึ้นมาแบบเร็วโคตรๆ แถมเสียงนั้นยังดังใช่เล่นด้วย ทำให้ผมแอบยิ้มอยู่ในใจที่ตอนนี้เหมือนว่าผมจะยืนอยู่เหนือกว่ามันจริงๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันทำตัวเอง


“ยึดติดน่า”


“กูจะยึด จะติด หรือจะอะไร มึงไม่จำเป็นต้องสน แต่รู้เอาไว้ว่ากูไม่ยอมเสียมึงไปอีกแล้ว”


“รักผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ”


ผมตีหน้านิ่งให้มากที่สุดแล้วถามมันไป เหมือนกับว่าไม่สนใจว่าคำตอบจะออกมาเป็นยังไง ทั้งที่ในใจรอลุ้นอยู่หน่อยๆ เพราะอยากได้ยินคำว่ารักจากมัน ทั้งที่ผมก็ได้ยินมาบ่อยพอสมควร เป็นมันต่างหากที่ไม่เคยได้ยินจากปากของผมแบบจริงจังสักที


“กูรักมึงมาก มึงก็รู้”


คำตอบนั้นทำให้ผมยิ้มกริ่มในใจอีกครั้ง แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาให้มันรู้ว่าผมชอบคำตอบของมัน ก่อนจะเสนอสิ่งที่มันน่าจะพอใจ


“ถ้าพี่ทำตามที่สาบานไว้ เอาใจผม ไม่ต่อต้านผม เห็นดีเห็นงามกับการตัดสินใจของผม ผมจะให้รางวัลพี่เป็นบางครั้งบางคราวก็ได้”


“รางวัล?”


มันมองผมด้วยความสนใจทันทีว่ารางวัลที่ว่าคืออะไร ผมเลยแกล้งใช้นิ้วชี้เขี่ยปากตัวเองเบาๆ


“ก็คงจะเป็นจูบ ดีมั้ย”


“ห้ามผิดคำพูดนะ”


“พี่คิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง”


ผมไหวไหล่แบบไม่สนใจเสียงย้อนถาม ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ในกระเป๋าอีกสองสามชุดไปใส่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง มันเลยเปลี่ยนคำถาม


“แล้วหมดเขตเมื่อไหร่”


มันนึกว่ากำลังจะส่งห่อกางเกงในแบบใช้แล้วทิ้งไปชิงโชคหรือไงถึงมีหมดคงหมดเขต ประสาท แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ผมก็ยอมที่จะตอบคำถามเพราะว่ามันทำให้ผมสะใจ


“ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะห้าเดือน ปีนึง หรือสองปี”


“เกงยีนนนนนนนน”


เสียงโหยหวนของมันดังออกมาทันที ทำเอาผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างสะใจ เพราะทำให้มันรู้สึกแพ้ เสียหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มันรู้สึกว่าตกเป็นเบี้ยล่างของผมได้สำเร็จ มันเลยยกมือใหญ่ๆ นั้นทำท่าจะมาขยี้หัวของผมให้ป่น แต่มีหรือว่าผมจะยอมให้มันทำแบบนั้น


“ถ้าทำ ถือว่าผิดคำสาบาน ระวังจะโดนของนะครับ”


ผมขู่มันด้วยท่าทางเหี้ยมๆ หน่อย ไอ้พี่หมีควายแฟนสุดที่รัก (?) ของผมเลยได้แต่กัดปากและดึงมือลงอย่างอัดอั้นตันใจ คงจะซาบซึ้งมากล่ะสิที่ผมตอบแทนความรักของมันแบบนี้ ฮ่าๆๆๆๆ


“มึงนี่มันร้ายจริงๆ”


“แล้วพี่รักผมเพราะผมหัวอ่อนว่านอนสอนง่ายหรือไง”


“เออๆๆ กูผิดเองแหละที่มาหลงคนหัวดื้อ เอาแต่ใจ เก่ง ฉลาด แถมยังกวนส้นตีนแบบนี้”


“ขอบคุณมากครับที่ชม ผมซาบซึ้งจังเลย”


คราวนี้มันเลยยกตีนขึ้นมาจะถีบผมแทน เพราะผมไปท้าทายมัน เพิ่งรู้ว่าไอ้การแกล้งคนนี่มันสนุกแบบนี้นี่เอง โดยเฉพาะคนที่ยอมเราหมดทุกอย่างเนี่ย


“แน่ะๆๆ อยากเป็นเมียกะเทยเหรอครับ พี่ชมพูวววววววว”


“มึงนี่ๆ อย่าให้พ้นกำหนดนะมึง กูจะฟัดมึงให้เดี้ยงเลย”


“ถ้างั้นผมไม่ยอมให้มีวันนั้นแล้วกันนะครับ”


ผมเย้ยมันแล้วทำท่าส่งจูบให้สามสี่ทีทั้งที่หน้านี่มีรอยยิ้มเกลื่อนอย่างสะใจมาก แถมยังหันตูดไปหามันแล้วใช้มือตัวเองตีอีกสองสามครั้งเพื่อให้มันรู้ว่าผมต้องการกวนตีนมัน และกำลังมีความสุขมาก ไอ้คนตัวโตเลยได้แต่ถลึงตามองผม มือกำหมัดแน่น และไม่ต้องเดาว่าทำไมเป็นแบบนั้น มันคงอยากเตะผมเต็มที่ แต่ว่ายากว่ะครับ!


เดาได้เลยว่าตอนนี้มันคงเสียดายมาก เสียดายมากถึงมากที่สุด เสียดายมากถึงมากที่สุดและสุดๆ ที่ตอนนั้นที่อยู่บ้านมัน มันไม่ยอมทำตามที่ผมเรียกร้อง แต่มาเสียดายตอนนี้ก็สายไปแล้วครับ เพราะว่านั่นจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมยอมเสนอตัวให้มัน เสียใจด้วยนะครับ คุณแฟนที่รักมากๆ (?) ของผม ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ









======================
จบแล้วค่ะ
ทุกคนแบบ ห้ะ อะไร จบแล้ว :a5:
แต่มันจบจริงๆ นะ มาจบแบบสั้นๆ ด้วย ไม่สมกับที่หายไปนานเลยค่ะ
ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่เอาจริงๆ ก็เหมือนกับตอนแรกที่สั้นๆ เหมือนเป็นบทนำกับบทส่งท้ายมากกว่า
ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากเลย ไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยจนจบแบบงงๆ
อยากให้เรื่องมันไม่เครียดๆ :z10:

บางคนอาจจะรู้สึกแปลกๆ ว่าตอนที่แล้วทำไมยีนยอมง่ายจัง
มาตอนนี้คงรู้แล้วว่ายีนไม่ง่าย แล้วก็ไม่รู้ว่าจะยอมให้พี่ภูกอดจูบลูบคลำได้เมื่อไหร่เหมือนกัน  o18

นิยายเรื่องนี้ไม่มีสาระอะไรเลยจริงๆ ถ้าให้บอกตามตรงเลยว่าพล็อตไม่มี
เพราะตอนแรกกะแต่งสนองตัณหา (?) ของตัวเอง แต่มีคนมาตามอ่าน แม้ว่าเราจะอู้ไป(เยอะ)บ้าง
ก็รู้สึกว่าอยากทำมันอีกเรื่อยๆ ค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนที่ทำให้เราแต่งมันจนจบ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาปีกว่าๆ นะคะ

ตอนพิเศษน่าจะตามมา เพราะมีคิดไว้อยู่บ้าง
ส่วนเรื่องต่อไปที่จะแต่งต่อก็คงเป็นเรื่องของกราฟไนล์ค่ะ
คงจะสั้นกว่านี้ เพราะน่าจะตัดน้ำๆ ทิ้งไป ไม่เหมือนเรื่องนี้
แค่ 37 ตอน ก็ล่อเข้าไป 334 หน้า A4 แล้วค่ะ

ก็หวังว่าจะติดตามกันในภายภาคหน้านะคะ

ขอบคุณสำหรับคำถามนี้ด้วย เป็นคนแรกและคนเดียวจริงๆ


โอ๊ะลืมถามมม เรื่องนี้จะจัดทำหนังสือมั้ยค่ะ อยากเก็บไว้^^

เราก็อยากทำหนังสือนะคะ แต่ไม่รู้ว่ามีคนจะอยากได้มันหรือเปล่า
ถือโอกาสถามคนในนี้เลยแล้วกันนะคะว่าอยากได้หนังสือมั้ย
ถ้าเกิน 20 เล่มก็น่าจะพิมพ์ได้ค่ะ


ปล. ที่ไม่สบาย หายแล้วค่ะ แต่ยังไม่หายดี พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอ  (อีกแล้ว)
ขอบคุณทุกคนนะคะ


ไว้เจอกันในตอนพิเศษนะคะ

Undel2sky


(http://upic.me/i/l3/04-kn.jpg)


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-02-2013 23:14:34
มาเม้นๆๆๆไว้ แต่ยังไม่ได้อ่านนะครับ 55555

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 02-02-2013 00:50:43
รอตอนพิเศษจ้า คนเขียนหายไวๆนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 02-02-2013 01:50:30
ยีนก็ใจร้ายใช่เล่นนะ ภูก็ไม่ค่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 02-02-2013 06:43:56
หายไวๆนะคะคนเขียน
คนอ่านรอตอนพิเศษอยู่
รอกราฟกับไนล์ด้วย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 02-02-2013 07:31:35
โอ้ย สนุกอะค่ะ แต่สั้นมากเลย

ชอบเกงยีนจัง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 02-02-2013 08:36:17
พี่ภูโดน 5555555
รออ่านตอนพิเศษค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 02-02-2013 10:30:05
พี่ภูโดนจัดหนัก :laugh: ทำกับน้องเขาไว้เยอะ โดนเล่นกลับเลย
ปล.รอตอนพิเศษ จะมีมั้ยน้อ :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 02-02-2013 12:10:20
สมน้ำหน้าพี่ภู ไม่ได้แอ้มน้องเกงยีนนนน สะใจโว้ย 5555555

รอตอนพิเศษด้วยย จุ๊บๆๆ

ปล. ลงชื่อๆๆ เค้าอยากได้หนังสือจ้่า จะทำเมื่อไหร่บอกด้วยน้่่่าาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 02-02-2013 18:29:39
 :z2: สมน้ำหน้าพี่ภู  อดเลย 555+

 :กอด1: คนเขียนแน่นๆ เรารอตอนพิเศษอยู่นะจ้ะ

+1&+เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 02-02-2013 18:50:17
รักษาสุขภาพให้หายก่อนก็ได้
ไม่เป็นไรรอได้จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 02-02-2013 20:14:11
ต้นเรื่องรู้สึกพี่ภูมายุ่ง วุ่นวายกับน้องยีนมากมาย จนคนอ่านรู้สึกอึดอัดแทน
แต่พี่ภูก็แสดงให้เห็นว่ารักน้องยีนมากมาย
สงสารพี่ภูตอนถูกยึดเฟอร์รารี่ไป แต่ก็ฮามากเช่นกัน
ตอนจบพี่ภูน่วมเลย คงเพราะน้องยีนเค้ารัก แล้วก็หวงพี่ภูมากอะเนอะ  :L2:

ขอบคุณนักเขียนด้วยคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 02-02-2013 21:20:40
อยากอ่านตอนพิเศษษษษษษษ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: rnonimo ที่ 02-02-2013 21:38:51
จบ.... :a5:

จบแล้วจริงเด้ o22

#รอตอนพิเศษนะฮาฟฟฟฟฟฟ o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 03-02-2013 12:43:09
เพิ่งได้ตามมาอ่านค่ะ
สนุกมาก
รอตอนพิเศษด้วยคนค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: •ไนท์คลุง• ที่ 11-02-2013 21:46:54
น่ารักที่สุด >.,<

รอตอนพิเศษนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 14-02-2013 23:53:16
อ่านจบแล้ว นิยายสนุกมากๆๆๆ ครับ

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไป

 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-02-2013 10:35:35
 :laugh: :laugh: :laugh: พี่ภูหงายเงิบไปดิ โดนเกงยีนแกล้งกลับไป

ปล.รอคู่ต่อปายยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 23-02-2013 11:14:46



      เหอๆๆๆ ร้ายจริงๆนะน้องยีน
      แต่ไม่อย่างนั้นจะเอาพี่ชมพูอยู่ได้ยังไงละนะ
      และนี่ก็แสดงว่าคำสาบานเค้าศักสิทธิ์จริง!



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 24-02-2013 14:54:18
เดี่ยวนะ..จบแล้ว
อะไร  อะไร  อะไร  มันคืออะไร
คุณณณณณณณ จะมาจบแบบนี้ได้ไงอ่า
เขาไม่ยอมมมมมมมน๊า

ยังไงอ่ะ ลุ้นมาตั้งนาน
คำรักจากน้องยีน พี่ภูยังไม่ได้ยินเลยนะ
และที่เขารอล่ะ nc โหดมันฮาที่เขารอล่ะ
มันจะไม่มีหรือ ได้ไงอ่ะได้ไง

คุณคนแต่งเอาตอนพิเศษ หลายๆพิเศษมาเลยนะ
เอามาเลยนะ เอามาเลยนะ
เขาอุตส่าห์รอลุ้นแทบแย่

เอามาเลยยยยยยยยยย    :fire:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ ตอนที่ 37:คุณแฟนที่รักมากๆ(จบ)[1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 02-03-2013 10:25:02
จบแล้วหรอ !?  :serius2:
น้องยีนโหดใช่เล่นนะเนี่ยย

อย่าลืมตอนพิเศษ น่ะ

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 02-03-2013 22:34:41
หมดอุปสรรคก็เลยจบเรื่องเลย งั้นขอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 03-03-2013 08:12:23
อ่านรวดเดียวจนจบเลย   สนุกมากค่ะ 

พี่ชมพูน่ารัก 5555 แอบสะใจตอนท้าย  เป็นไงทำให้น้องเสียใจ อดเลย ดูท่าว่าจะอดยาวด้วย 
ขอตอนพิเศษนะค่ะ  อยากอ่าน NC.5555555  จบแล้วยังไม่มีจริงๆเลย  ให้พี่ภูได้สมหวังซักตอนนะค่ะ


ปล. รออ่านกราฟไนล์ อยู่นะค่ะ  อยากรู้เรื่องราวมากเลยเป็นไงมาไง ไหง๋รักกันซะงั้น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 03-03-2013 11:30:49
กว่าจะรักกัน กว่าจะลงเอ่ย กันได้ ปวดจิต ไปเลย
เรื่องนี้ ^.^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 04-03-2013 06:55:27
สนุกมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 04-03-2013 15:54:13
รอตอนพิเศษ หวังว่าพี่ชมพูคงสมหวังซะทีนะ 5555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Vavaviz ที่ 04-03-2013 21:33:17
อ่านรวดเดียวจบ

สนุกมากเลยค่ะ รอตอนพิเศษๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 05-03-2013 21:58:19
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 06-03-2013 05:39:50
อยากอ่านตอนพิเศษไวๆจัง :z3:
ขอแบบตอนหมดเขตด้วยนะ :z1:
เรื่องกราฟกับไนล์ก็จะรอติดตามอ่านน้า :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 06-03-2013 22:43:10
โชคดีนะที่พ่อแม่ยอมรับ น่ารักกันจริงๆ

พี่ภูกับยีนน่ารักดี เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะ อิอิ
 
อยากอ่านเรื่องของกราฟกับไนล์จัง :)
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 07-03-2013 17:58:04
สนุกมาก เกงยีนน่ารักมาก

อยากอ่านตอนพิเศษจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนที่ 37 : คุณแฟนที่รักมากๆ (จบ) [1/2/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 08-03-2013 21:33:31


สนุกมาก....ชมภูกับไฮยีน  น่ารักมาก

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 09-03-2013 00:59:43
ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ


















ผมคิดว่าไอ้พี่ชมพูเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากนะครับ เพราะมันทำตามคำสาบานที่เคยให้ไว้ได้ อย่างที่คงไม่ใครเชื่อเท่าไหร่ ถึงจะมีการบิดเบือนหาลู่ทางหลบบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำตามที่ผมต้องการอยู่ดี นับๆ ดูก็ครึ่งปีได้แล้ว อย่าเพิ่งมองว่าผมร้ายขนาดนั้น คนที่ร้ายก่อนคือมันต่างหาก คราวนี้มันคงจดจำไปอีกนานว่าผมไม่ใช่คนที่มันจะมาทำอะไรด้วยได้ตามสะดวก แล้วผมเองก็มีของแถมให้มันบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ถือเป็นรางวัลของความพยายาม แถมผมก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องคำสาบานเหมือนตอนแรกๆ แล้ว


ตอนนี้เปิดเทอมใหม่ ผมขึ้นปีสองแล้วก็ต้องมีอะไรใหม่ๆ ใช่มั้ย ผมเองก็มีเหมือนกัน เป็นเรื่องเหมือนเซอร์ไพร์สแต่ก็ไม่เซอร์ไพร์สเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็คือ การมีน้องรหัส แต่ที่ว่าเซอร์ไพร์สนี่เพราะน้องรหัสของผมสวยมากครับ แล้วผมก็ชักรำคาญไอ้เพื่อนเวรที่มันพยายามจะหาทางแงะน้องรหัสผมมากินอย่างเอร็ดอร่อย


เข้าใจไม่ผิดหรอกครับที่ใช้คำแบบนั้น เพราะไอ้เชี่ยเคลมมันพยายามหยอดน้องรหัสผมเหลือเกิน แค่ไอ้คนในคณะที่จ้องเธอตาเป็นมันนี่ผมก็เพลียแล้วเหอะ จะอะไรกันนักกันหนา แถมแค่นั้นไม่พอ ไอ้คนพวกนั้นยังเอาผมไปเปรียบกับ แซน น้องรหัสของผมอีก ว่าผมมันเฉิ่มเชย หน้าตาห่วยแตก แต่กลับมีน้องรหัสเป็นสาวสวยรวยฟีโรโมนขนาดนี้ได้ยังไง เสียของ บลาๆ ผมขี้เกียจจะจำ แต่ความหมายโดยรวมก็เป็นแบบนี้แหละ เหอะ คงยังไม่ลืมกันนะครับว่าเวลาอยู่มหา’ลัยผมต้องเป็นไอ้เนิร์ดหน้าซื่อ


“พอละไอ้เหี้ยเคลม เลิกมองแบบแทะโลมน้องรหัสกูสักที”


“กูมองน้องรหัสมึง ไม่ได้มองมึง อย่ากระแดะเดือดร้อน”


ดูแม่งเถียงผมกลับ ผมล่ะอยากจะเอาตีนยัดปากมันเหลือเกิน ทีต่อหน้าผู้หญิงล่ะแม่งทำปากเก่ง คล้อยหลังให้สิ เจอตีนผมแล้วจะพูดไม่ออก


แต่น้องรหัสผมคนนี้ก็นิสัยดีนะครับ โชคดีหน่อยที่ไม่ได้สันดานเหมือนไอ้พี่ชมพู ไม่อย่างนั้นผมคงต้องต่อกรด้วยแล้วหลุดนิสัยจริงออกมาชัวร์ เพราะงั้นตอนนี้แซนเลยยังคิดว่าผมเป็นคนดี เรียบร้อย มีแค่หยอกกับเพื่อนหรือด่าไอ้เคลมบ้างเวลาที่มันม่อเธอ ส่วนเรื่องไอ้พี่ชมพู แซนยังไม่รู้ครับ ผมไม่ได้บอก ตอนที่ไอ้เคลมมันจะล้อ ผมก็อุดปากมันไว้ทัน ยังไงก็เก็บนิดนึง เพราะใช่ว่าเรื่องนี้จะรู้กันทั่ว นอกจากกลุ่มผม กลุ่มไอ้พี่ชมพู ก็ไม่มีใครคิดเป็นจริงเป็นจัง คิดว่ามันแค่จีบผมเล่นๆ เพราะอยากลองของแปลก


แต่ก็เหมือนที่ใครๆ ว่าเอาไว้ครับ ความสวยของผู้หญิงเป็นหายนะ หลายครั้งที่ผมเห็นว่าเธอแอบมองผมอยู่ สลับกับมองไอ้พี่ชมพูบ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรให้เธอคิดอะไรมากหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าไม่ เพราะผมกับไอ้พี่ชมพูก็ไม่ได้อะไรกันมากมายตอนอยู่มหา’ลัย แถมมันยังโดนทัณฑ์บนจากผมอยู่ด้วย เลยแตะผมไม่ได้ ถือเป็นมาตรฐานที่ให้ผลน่าพอใจ เพราะถ้าผมไม่ได้ลงโทษมันด้วยการทำตามใจผมทุกอย่างแบบนี้ เรื่องผมกับไอ้พี่ชมพูคงฉาวโฉ่เหม็นฉึ่งไปทั้งมหา’ลัย


ถึงตอนนี้ผมจะอยู่ในคราบเด็กเนิร์ด แต่ก็รำคาญบ้าง คันตีนบ้างเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเก็บอาการได้ทั้งหมด เพราะถึงจะผ่านมาหนึ่งปีแล้วกับการเรียนที่นี่ แต่เวลาเจอใครครั้งแรก ก็มักจะถูกซุบซิบนินทาเรื่องรสนิยมการแต่งตัวของผมตลอด แถมผมยังทำหน้าบื้อได้แนบเนียนขนาดหนักซะอีก คนแม่งเลยเชื่อกันหมดว่าผมเป็นไอ้อ่อน


“กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวแซนต้องไปเรียนต่อใช่ไหมครับ”


ผมใช้คำพูดอย่างสุภาพเต็มที่เพื่อให้สมบทบาท แต่ถึงจะบอกแบบนั้น เอาจริงๆ แล้วเวลาผมพูดกับผู้หญิงผมก็พูดเพราะอยู่แล้วครับ มันเป็นสันดานของผมเอง พูดเพราะๆ หน้าหล่อๆ สาวไหนก็เสร็จทุกราย แม้ว่าตอนนี้เหมือนว่าผมจะต้องเสร็จผู้ชายก็เหอะ


“ค่ะ แล้วพี่ยีนมีเรียนหรือเปล่าคะ”


“ไม่มีแล้วครับ”


คนที่ตอบไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้คนตัวโตที่เสนอหน้ามานั่งกินข้าวกลางวันข้างๆ กัน แถมยังมานั่งเบียดผมซะอีก ผมเลยทำตาขวางใส่แล้วเอนตัวไปกระซิบกับมันเบาๆ ไม่ให้น้องรหัสของผมได้ยิน


“สะเหลือกจังนะครับ”


“ขอบคุณครับ พี่หล่ออยู่แล้ว”


มันยิ้มกวนตีนให้แล้วยังทำเหมือนคนหูมีปัญหา ฟังผมแล้วไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ทั้งที่มันน่าจะเข้าใจดี จนผมอดไม่ได้ เอาศอกกระทุ้งพุงแม่งเลย แล้วเพราะว่ามันไม่ทันตั้งตัวนั่นแหละ เลยร้องออกมาซะเสียงดังจนหันมามองกันทั้งโต๊ะ


“มึงทำร้ายร่างกายพี่ภูอีกแล้วนะ”


ไอ้เคลมรีบเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่สุดที่รักของมันจนออกหน้าออกตา ผมเลยหันไปพูดกับมันที่นั่งอยู่เยื้องกันเพราะแซนนั่งอีกข้างของผม แต่พูดแบบไม่ออกเสียงนะครับ ให้แม่งอ่านปากเอาเอง


เสือก


“ถ้ามึงจะเดือดร้อนเรื่องพี่ชมพูขนาดนี้มึงก็มาเป็นเมียเขาไป๊”


ผมตัดบทกันมันโอดครวญเหี้ยอะไรอีก แต่แม่งเสือกอ้าปากพะงาบเหมือนจะพูดอะไรออกมา โชคดีว่าไอ้กราฟที่นั่งอยู่ข้างๆ มันอุดปากไว้ทัน กูขอบใจมึงโคตรเลยว่ะ ไอ้กราฟเพื่อนรัก ผมส่งสายตาให้เพื่อนซี้ปึกรู้ใจผมสุดๆ เพราะพวกผมเดาได้ว่าไอ้สัดเคลมมันจะพ่นอะไรออกจากปาก ถ้ามันไม่พูดว่า ‘มึงสิ เป็นเมียพี่ภู’ ผมให้เตะปากเลยเอ้า


“พี่ว่าแซนไปเรียนก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวเข้าสาย”


ในเมื่อจัดการกับไอ้เพื่อนหลงฝูงไม่สะดวก ผมก็เปลี่ยนมาจัดการปัจจัยที่ทำให้เป็นอย่างนั้นก่อน ซึ่งแซนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอกินข้าวเสร็จแล้ว จึงขอตัวลุกจากโต๊ะไป แต่ถึงจะทำตามคำที่ผมบอกแต่โดยดี เธอก็ยังหันมามองผมด้วยหน้าสวยที่ดูซื่อๆ ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ไอ้พี่ชมพูแล้วเดินออกจากโต๊ะไป


“กูว่า... น้องแซนหวังจะกินแฟนมึงแล้วว่ะ”


เสียงไอ้กัสดังก่อนเป็นคนแรกหลังจากแซนเดินไปจนน่าจะไม่ได้ยินที่เราคุยกัน ผมเลยรีบหันไปมองหน้ามันทันที


“มึงคิดไปเองแล้ว”


“หรือมึงไม่เห็นว่าเขาชอบแอบมองพี่ภู”


“แต่เขาก็แอบมองกูด้วยเหมือนกันนะเว้ย”


ผมเถียงมัน ไอ้กราฟเพื่อนเกลอที่ตอนแรกนั่งอยู่อีกฝั่งย้ายมานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตบบ่าผมเบาๆ เหมือนจะปลอบ


“กูไม่แน่ใจ แต่กูก็เห็นเหมือนไอ้กัส น้องเขามองมึง มองพี่ภูทั้งคู่ แต่สายตาที่มองไม่เหมือนกันว่ะ ของมึงเหมือนเป็นรุ่นพี่ แต่ของพี่ภูเหมือนชื่นชม พอใจ กูคิดว่าอย่างนั้นนะ”


“ไม่จริง น้องแซนเป็นของกูนะเว้ย”


ไอ้นอกคอกมันโหยหวนขึ้นมาทันที ผมเลยตอกมันกลับไป แต่ไม่ได้ดังมาก เอาแค่ให้พอได้ยินกันทั้งโต๊ะ เพราะยังไงผมก็ต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเองไว้ก่อน


“ไอ้หอก ประสาทเสื่อมเอ๊ย ใช่เรื่องที่มึงจะมาโวยวายเหมือนโดนเมียทิ้งแบบนี้มั้ย”


“ก็กูถูกใจนี่หว่า กูตกลงใจแล้วว่ากูจะเอาคนนี้”


“ทำเหมือนมึงไม่เคยเล็งใครไว้”


ไอ้กัสตอกเข้าไปอีกที ไอ้เคลมเลยทำหน้ายู่ใส่เหมือนเด็กโดนขัดใจ แม่งปัญหาอ่อนเว่อร์ว่ะไอ้เหี้ยนี่


“เออๆ แต่คนนี้กูรักจริงหวังแต่ง เหมือนที่มึงกับพี่ภูเลิฟๆ กันนั่นแหละวะ”


แล้วแม่งก็วกมาถึงผมจนได้ ผมได้แต่ส่ายหัวกับคำพูดของมันแล้วตบบ่าไอ้กราฟเบาๆ สองสามทีเป็นการบอกว่า มึงจัดการไอ้ปัญญาอ่อนนี่ไปแล้วกัน กูไปล่ะ แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเลย แต่ใช่ว่าผมจะออกมาคนเดียวนะครับ ไอ้คู่แฝดไม่ได้รับเชิญของผมเดินตามมาด้วย


“มึงไปรอที่รถกูก่อนได้ป่ะ คุยต้องไปคุยกับอาจารย์เรื่องโปรเจกต์ก่อน”


“เออๆ”


ผมตอบมันไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับมัน ไอ้นี่มันไฟแรงอยากทำโปรเจกต์จบเร็วๆ ตอนหลังจะได้ชิล หลังจากมันยื่นกุญแจรถมาให้ผม ก็แยกตัวไป ส่วนผมเดินเอ้อระเหยไปที่รถของมันอย่างที่นัดกันไว้ เพราะมันคงไปไม่นาน แล้วผมก็ไม่รู้จะไปไหน ไอ้กราฟก็ไปหาไนล์ ส่วนไอ้กัสกับไอ้เคลมก็ไปใช้ชีวิตหนุ่มโสดของมันให้คุ้ม


แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงเลกซัสของไอ้พี่ชมพู ผมก็ถูกเด็กปีหนึ่งที่น่าจะอยู่คณะเดียวกันมาดักหน้าเอาไว้ก่อน มันมองผม ผมก็มองมันตอบ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่ามันมาขวางทางผมทำไม


“พี่น่ะ เป็นพี่รหัสของแซนใช่มั้ย”


ถึงจะเรียกผมว่าพี่ แต่น้ำเสียงที่มันใช้ไม่ได้มีเคารพยำเกรงผมแม้แต่น้อย แล้วยังสายตาร้ายๆ ของคนที่พูดกับผมนั่นอีก ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นใคร แต่มันไม่ได้มาหาผมอย่างเป็นมิตรแน่นอน


“ครับ น้องมีอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”


“พี่สิครับ มีเยอะเลยทีเดียว”


น้ำเสียงของมันยังไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ ดูเหมือนจะแสดงความไม่พอใจผมมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แล้วที่เป็นอย่างนั้นก็คงเพราะท่าทางนุ่มนิ่มของผมล่ะมั้ง


“ผมรู้สึกว่าพี่จะสนิทกับแซนมากเกินไปหน่อย ทำไมต้องตามติดเธอทุกที่ด้วย”


คำถามนี้ทำให้ผมพอจะเข้าใจรางๆ ว่าไอ้เด็กนี่มาหาผมทำไม แต่เห็นแบบนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกอยากกวนตีนขึ้นมาตงิดๆ มันช่วยไม่ได้นี่ครับ เพราะสันดานผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถึงตอนนี้จะสวมบทเด็กเนิร์ดเอ๋อๆ ตามใครไม่ทันอยู่ก็เหอะ


“ก็พี่เป็นพี่รหัสของแซนนี่ครับ”


“พี่รหัส หึ ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องตอบแบบนี้ แต่มันเกินหน้าที่ไปมั้ย เพราะพี่คอยยื้อให้เธออยู่กับพี่ เธอเลยไม่ว่างมาหาผม”


ฟังมันพูดแล้วผมอยากจะหัวเราะ ไอ้เหี้ยนี่คิดว่าผมเป็นคนดึงแซนเข้ามาหาจนมันไม่มีโอกาสงั้นเหรอ ไอ้พวกขี้ขลาดเอ๊ย


“ทำไมถึงคิดว่าพี่ทำแบบนั้นล่ะครับ ทั้งที่ถ้าน้องชอบแซน ก็น่าจะพยายามด้วยตัวเอง เข้าหาเธอเอง ไม่ใช่อ้างว่าเพราะพี่คอยตามติดเธอ ทำให้น้องไม่มีโอกาส”


“มึงนี่ เห็นหงิมๆ แต่พูดจากวนตีนนะ”


คงไปจี้จุดอะไรสักอย่างของมันล่ะมั้ง หรือเพราะหน้าตากวนตีนแบบเนิร์ดๆ ของผมที่มองมัน ทำให้อารมณ์โมโหของมันคุขึ้นมา แต่ถามว่าผมกลัวมั้ย คงยากครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นซะด้วย


“ถ้ายังไงพี่จะบอกแซนให้นะครับว่าไม่อยากให้พี่ยุ่งกับแซน ว่าแต่ น้อง... ชื่ออะไรนะครับ”


ผมถามมันอย่างใจดี ในความรู้สึกผมนะ แต่คงกวนตีนมากสำหรับมัน ไอ้เหี้ยเด็กปีหนึ่งถึงสวนหมัดเข้ามาเต็มหน้าผม แต่เสียใจ ผมไวกว่านั้น เพราะจังหวะที่หมัดมันเกือบจะถึงหน้าของผม ผมก็เบี่ยงหน้าหลบทัน แล้วก็ทำให้มันโมโหมากกว่าเดิม


ไอ้เด็กที่ผมไม่รู้จักชื่อ เหวี่ยงหมัดกลับมาอีกครั้ง แต่ผมไม่ตอบโต้หรอกครับ ผมยังหนักแน่นกับบทบาทของผม เอนตัวหลบหมัดมันอย่างรวดเร็ว ถึงผมจะรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของผมฝืดไปบ้างก็เหอะ แต่ก็เร็วกว่ามันอยู่ดี


“พวกมึงช่วยกันจับมันไว้ดิ”


มันคงโมโหมากขึ้นที่ทำอะไรผมไม่ได้ ถึงได้เรียกเพื่อนของผมมันมาช่วย สำหรับผม ฝีมืออ่อนๆ ของไอ้เด็กพวกนี้คงไม่คณามือหรอก แต่ผมไม่อยากให้เสียลุค ถึงไม่สวนหมัดกลับให้พวกมันหน้าหงาย แค่ใช้แรงที่มีสะบัดตัวออกจากการถูกล็อกเอาไว้ ซึ่งก็ไม่ง่ายที่จะหลุดออกมา เพราะถึงไอ้เด็กสองคนจะตัวพอๆ กับผม แต่มันมีคนเยอะกว่า แล้วผมไม่ได้คิดสู้จริงจัง ผมเลยถูกอัดหมัดเข้าแก้มซ้ายไปหนึ่งที


นับเป็นความเสียสละอย่างสูงสุดของผมก็ได้ ที่ไม่ใช้กำลังตอบโต้ เพราะผมแน่ใจว่าถ้าผมหลุดเผยธาตุแท้ออกมามล่ะก็ ทุกคนในมหา’ลัยต้องรู้แน่นอน ไอ้เด็กพวกนี้ท่าทางปากสว่างจะตายห่า แล้วหมัดของมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บอะไรเท่าไหร่ เพราะหนักกว่านี้ผมเจอมาแล้ว ตอนนี้เลยเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้มันเอากำปั้นที่หนักกว่าเดิมกระแทกมาที่อกของผม


คราวนี้ผมรู้สึกจุกขึ้นมา เพราะมันกระแทกเข้ามาเต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังฝึกความอดทน ปล่อยให้ตัวเองถูกไอ้เด็กไม่รู้หัวนอนปลายตีนซ้อม เพราะรู้ว่ายังไงเดี๋ยวไอ้พี่ชมพูก็ต้องมา ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น เพราะผมโดนไปไม่ถึงสิบหมัด คนที่ผมรออยู่ก็ทำหน้าเหี้ยมเข้ามาถีบตัวไอ้เด็กเวรนั้นออกไป แถมด้วยยันเพื่อนของมันอีกสองคนที่ล็อกตัวผมเอาไว้จนกระเด็น


แฟนผมโคตรแมน กระทืบเด็กอ่อนกว่าสามปี


“พวกมึงทำเหี้ยอะไร!!!”


แค่เสียงก็สะเทือนไปทั้งคณะได้แล้วครับ หน้ามันขึงมาก โคตรน่ากลัวเหอะ จากที่เป็นหมีควายตอนนี้มันกลายเป็นหมีควายตกมันไปแล้ว แต่คิดว่าผมจะไปห้ามมันเหรอครับ คนดีๆ อย่างผม แค่ยืนมองก็พอแล้ว


“มึงกล้าต่อยรุ่นพี่ของมึงเหรอ ไอ้เหี้ยเนตรประธานปีสองสั่งสอนรุ่นน้องยังไง”


ไม่มีใครไม่รู้หรอกครับว่าตอนนี้ไอ้พี่ชมพูเป็นประธานปีสี่แล้ว เรียกว่าเหนือกว่าทุกคนก็ว่าได้ ถึงจะมีคนหมั่นไส้มัน แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรมันหรอกครับ เพราะมันใหญ่ ทั้งตัวใหญ่แล้วก็บ้าอำนาจ พรรคพวกมันเยอะด้วย แค่คิดสู้ก็นึกถึงตอนดับอนาถได้แล้ว ไอ้เด็กสามตัวที่มันหาเรื่องผมเมื่อกี้เลยหน้าซีดกันใหญ่ เห็นแล้วตลกฉิบหาย


“บอกชื่อมึงมา กูจะบอกให้ไอ้เนตรจัดการ หรือถ้ามึงไม่อยากให้ไอ้เนตรเดือดร้อน ก็ให้กูจัดการตรงนี้”


ไอ้พี่ชมพูมันเน้นเสียง ตรงนี้ จนไอ้พวกที่เหลือหัวหดตัวสั่นไปหมด ผมเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้วจริงๆ เพิ่งเห็นว่ามันบ้าอำนาจแบบสุดพลังก็วันนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนกลัวมันมากขนาดนี้มาก่อน มิน่าดูพวกเพื่อนๆ ของมันถึงได้สนับสนุนผมเหลือเกินเวลากวนตีนมัน


“ชื่อ ทิว เสก มาร์ค ครับ”


พวกมันตอบมาแบบพร้อมเพรียงกันมาก เรียงชื่อตรงกันแบบอัตโนมัติ แล้วพอรู้ชื่อพวกมัน ไอ้พี่ชมพูก็ไล่พวกแม่งไป ก่อนจะโทรหาไอ้เนตร ประธานปีสองที่ถูกเลือกจากความเห็นชอบของพวกปีเดียวกันตั้งแต่ช่วงที่รับน้องเมื่อปีที่แล้ว ผมเองก็เลือกมันเหมือนกัน เพราะมันเนี่ย คนจริง


“มึงบ้าหรือเปล่า ปล่อยให้มันต่อยอยู่ได้”


พอพวกนั้นไปกันหมด กลายเป็นผมที่โดนว้ากแทน ผมทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ เพราะคุยตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่ หมีควายตกมันเลยเดินตามมานั่งฝั่งคนขับอย่างเลี่ยงไม่ได้


“มันจะได้จบๆ พี่ก็รู้ผมให้ใครรู้ไม่ได้ว่าผมเป็นแบบไหน ไอ้พวกนั้นดูปากมากจะตายห่า”


“มึงคิดว่ากูจะปล่อยให้มันพูดได้งั้นเหรอ”


“ใครจะรู้ มันอาจจะแอบทำก็ได้ แค่โดนต่อยไม่กี่ที ผมไม่ตายหรอกน่า เห็นผมสำออยขนาดนั้นหรือไง”


ผมตัดบท ไม่อยากพูดต่อ แล้วดึงเบลท์มาคาดซะ เป็นการจบการคุยเรื่องนี้ ไอ้พี่ชมพูก็รู้ว่าผมไม่อยากจะเถียงกับมันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ทำให้ทะเลาะแล้วเสียอารมณ์เปล่าๆ ถึงได้ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนเป็นสตาร์ทรถแทน


จะเรียกว่ายังไงดี เวลาทำให้เราสองคนเข้าใจกันมากขึ้นมั้งว่าใครต้องการอะไร แล้วเวลาฝ่ายนึงทำแบบนี้ อีกฝ่ายควรจะทำยังไงต่อที่จะไม่ทำให้เถียงกันยืดเยื้อ แต่เอาจริงๆ เหมือนมันเป็นไปเองมากกว่าโดยที่ไม่ทันได้สะกิดใจ ซึ่งผมก็คิดว่ามันดี


“สองสามวันนี้นอนคอนโดกูแล้วกัน”


“เฮ้ย ไม่เป็นไร”


หลังจากมันออกรถแล้วก็บอกผมแบบนั้น ผมก็รีบตอบเลยสิครับ ผมไม่ได้คิดลึกอะไรนะ อย่ามองผมแบบนั้น ผมก็เริ่มเกรงใจมันเป็นบ้างไรบ้างเหมือนกัน แต่ไอ้พี่ชมพูมันไม่ยอมครับ เหลือบตามามองผมแวบนึงแล้วหันไปมองทางต่อ


“มึงคิดว่าป๊าเห็นหน้ามึงตอนนี้แล้วจะสบายใจ?”


เหมือนเดจาวู ผมคิดได้ขึ้นมาทันที เพราะคราวก่อนก็เป็นแบบนี้ แล้วผมก็ต้องนอนคอนโดของมัน คราวนี้ก็คงเหมือนเดิม


“แต่ป๊าจะไม่คิดมากหรือไงที่ผมมาค้างกับพี่”


ผมว่าเรื่องนี้น่าห่วงกว่าผมหน้าเยินกลับบ้านซะอีกนะ พ่อที่ไหนจะปล่อยลูกชายหล่อๆ มาอยู่กับแฟนผู้ชายโดยที่ไม่ห่วงสวัสดิภาพว่าลูกชายจะโดนสอยตูดหรือเปล่า แต่มันไม่ใช่เรื่องยากเลยครับกับการที่ไอ้พี่ชมพูจะทำให้ป๊ายินยอมโดยไม่ต้องกังวล


มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปที่บ้านของผม ผมจำได้ว่าเสียงที่รับโทรศัพท์เป็นเสียงพี่กล้วย ก่อนมันจะบอกขอสายป๊า แล้วที่ผมได้ยินทุกอย่างก็ไม่ใช่อะไร ไอ้พี่ชมพูมันเปิดลำโพงเอาไว้แล้ววางโทรศัพท์ตรงคอนโซลด้านหน้า พอป๊ารับโทรศัพท์ ไอ้หมีที่ขับรถอยู่ก็ทักทายอย่างคุ้นเคย ก่อนจะเข้าประเด็นที่โทรหาแบบตรงไปตรงมาจนผมแทบช็อก


“คุณป๊าครับ สองสามวันนี้ผมขอให้น้องมานอนค้างที่คอนโดกับผมได้หรือเปล่าครับ”


ผมอ้าปากจะด่ามันอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดที่ว่าป๊าจะได้ยินด้วย ผมเลยต้องหุบปากต่อไปแล้วฟังคำตอบของมัน


“แล้วภูจะให้ป๊าตอบแบบไหน”


ครึ่งปีมานี้ มันคืบหน้าแล้วนะครับ สนิทสนมกับป๊าจนป๊าเรียกชื่อมัน แล้วก็แทนตัวเองว่าป๊าด้วย


“คุณป๊าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่ทำอะไรเกินเลยแบบที่คุณป๊าเป็นห่วง เพราะผมสัญญากับน้องแล้วว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นถ้าน้องไม่อนุญาต แล้วถ้าผมทำมันลงไป ผมจะไม่ปิดบังคุณป๊าครับ”


ไอ้ประโยคแรกๆ แม่งก็ดีอยู่หรอก แต่ประโยคสุดท้ายคือเหี้ยอะไร ผมถลึงตาใส่มัน แต่ไอ้คนพูดเสือกไม่ได้มองมาทางผมเลย เพราะมันยังขับรถอยู่ ผมว่าตอนนี้ป๊าคงช็อกไปแล้วที่ไอ้พี่ชมพูตอบแบบนี้กลับไป แต่ผิดคาด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของป๊าก่อนจะตามด้วยประโยคนี้


“ถ้าภูกล้าหาญที่จะทำอย่างที่บอก ป๊าก็คงไม่มีเหตุผลจะห้าม”


“ขอบคุณครับ คุณป๊า”


แล้วไอ้พี่ชมพูก็หยิบโทรศัพท์มากดวางสายไป ก่อนจะหันมามองผมพลางไหวไหล่


“ว่าไง”


“เออๆ พูดกับป๊าแบบนั้นได้ยังไงวะ”


ผมตัดบทอีกรอบ ไอ้พี่ชมพูก็หัวเราะออกมาแล้วขับรถต่อไปที่คอนโดของมันอย่างอารมณ์ดี พอไปถึง มันก็บอกให้ผมไปนั่งที่โซฟา ส่วนมันไปหยิบกล่องยาสามัญกับน้ำมาให้ผม ผมรับแก้วน้ำมากระดกเข้าปาก แล้วหันหน้าไปทางเสียงที่เรียก


“หันมา เดี๋ยวกูทายาให้”


ยาแก้อักเสบบวมช้ำถูกป้ายลงบนหน้าเบาๆ ตรงจุดที่น่าจะเป็นรอยแผล เสื้อเชิ้ตขาวที่ผมใส่อยู่ถูกถอดด้วยมือผมเอง ส่วนมันก็ทายาให้ช้าๆ เหมือนระวัง กลัวว่าผมจะเจ็บ แต่ผมก็ไม่ได้เจ็บสาหัสอย่างที่มันกลัวหรอกครับ แค่นิดหน่อยเอง


พอทายาเสร็จ ผมก็กลับมาใส่เสื้อเหมือนเดิม พี่ชมพูก็หยิบยาแก้อักเสบมาให้ผมกิน ซึ่งผมไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะส่วนมากอาการอักเสบ ปวด ช้ำจะหนักขึ้นในวันต่อไป


“นอนมั้ย”


“ก็ดี”


สิ้นคำ ผมก็ลุกเดินตรงไปห้องนอนของมันเลย ไหนๆ ก็ถามเป็นเชิงอนุญาตแล้ว ส่วนเจ้าของห้องก็เดินตามผมเข้ามาในห้องด้วยเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปล้างมือล้างตีนในห้องน้ำให้สะอาดก่อนจะขึ้นเตียงไป ตามนิสัยที่ทำอยู่ประจำ เพราะชอบนอนบนที่นอนสะอาดๆ


เตียงยวบลงไปค่อนข้างเยอะ เรียกสายตาผมให้หันไปมอง ก็เห็นว่ามีตุ๊กตาหมีควายตัวใหญ่ล้มตัวลงมานอนข้างๆ กัน มองผมตาแป๋ว (?) ผมยิ้มให้มันทีนึงก่อนจะปิดตาลงช้าๆ แต่แค่แป๊บเดียวก็ต้องเปิดตาขึ้นอีกรอบ เพราะสัมผัสบางอย่างที่อยู่บนหัวของผม


พี่ชมพูกำลังมองผม แล้วก็ลูบหัวผมช้าๆ เหมือนผมเป็นเด็กคนนึง แต่... ผมรู้สึกว่าผมชอบความรู้สึกนี้นะ มันบอกไม่ถูกว่ะ เหมือนว่ามันอุ่นๆ อยู่ในอก แล้วก็รับรู้ได้ว่าแววตาที่มองผมอยู่กำลังถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจนมาให้


“กูรักมึง”


ผมหลุดยิ้มออกมานิดหน่อยกับประโยคนั้น มันบอกให้ผมฟังตั้งหลายรอบแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยิน แล้วก็หวังว่าจะได้ยินต่อไปอีกนานๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าอยากได้ยินก็เท่านั้น


“ดูแลตัวเองหน่อย อย่าทำอะไรบ้าบิ่นให้มากนัก มึงก็รู้ว่ากูเป็นห่วง”


“อืม”


ผมครางเสียงตอบไปสั้นๆ แค่นั้น แค่ให้รับรู้ว่าผมเข้าใจความเป็นห่วงของมัน ถึงจะไม่แน่ใจว่าผมจะทำได้อย่างที่มันขอไว้หรือเปล่า


“พี่ก็อย่าบ้าพลังแล้วใช้อำนาจให้มาก เดี๋ยวจะเจอดีเข้าสักวัน”


คำเตือนของผมเรียกเสียงหัวเราะจากมันได้ พลอยให้ผมหัวเราะออกมาด้วย เราต่างมองกันแล้วก็ยิ้ม ก่อนผมจะล่ำลา


“ไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนนะคร้าบบบบ”







อ่านต่อด้านล่าง

v

v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 09-03-2013 01:01:05
ต่อจากข้างบน

v

v







ควรจะเรียกว่าอะไรดี ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก หรือพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก? สถานการณ์ตอนนี้มันยังไงไม่รู้ว่ะ รู้แต่เหมือนจะมีเรื่องอีกแล้ว เรื่องที่ผมไม่ได้ก่อด้วยเหอะ แม่ง เซ็งโคตรๆ


ผมมองหน้าเด็กปีหนึ่งที่คราวนี้เป็นผู้หญิง กำลังมองผมด้วยหน้าเหยียดๆ เหมือนผมเป็นตัวโสโครกอะไรสักอย่าง เห็นแล้วรู้สึกอยากจะควักลูกตาออกมาให้ได้ซะจริงๆ ทั้งที่ปกติแล้วผมออกจะใจดีกับผู้หญิง แต่เด็กคนนี้ไม่ไหว ปากคอเราะร้าย


“ตุ๊ดก็อยู่ส่วนตุ๊ดสิ มายุ่งกับเรื่องหญิงชายทำไม”


“น้องพูดอะไรครับ พี่ไม่รู้เรื่องนะ อยู่ๆ มาพูดแบบนี้พี่จะเข้าใจได้ยังไงครับ แล้วพี่ก็ไม่ได้เป็นตุ๊ดนะครับ”


“อย่ามาตอแหล”


ผิดมั้ยครับถ้าผมจะอยากจับหัวยัยเด็กนี่กดน้ำให้ตายสักสองสามรอบ


“คำว่าตอแหลไม่เหมาะกับพี่หรอกครับ เพราะพี่ไม่เคยทำ ถ้าน้องจะหาคนแบบนั้น คงต้องไปหาที่อื่นแล้วล่ะครับ เพราะเดี๋ยวจะรบกวนคนอื่นเขา”


ผมสวนเธอกลับบ้าง เธอก็ทำท่าฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดใส่ ความผิดกูหรือไงวะเนี่ย?  ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายัยเด็กนี่มาเรียกผมไว้ทำไม ทั้งที่ผมกำลังจะเข้าห้องเรียนคาบเช้า คนอื่นเข้าห้องไปหมดแล้ว เหลือผมเนี่ย


“อย่าคิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะมาข่มได้ มีคู่เกย์ของตัวเองเป็นประธานปีสี่แล้วยังไง ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกเด็กงั้นเหรอ ทั้งที่คนที่ไปยุ่งกับทิวก่อนคือยัยแซนดี้แซนด้าอะนั่น”


ได้ฟังประโยคนี้ ผมก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วครับ ว่ากระบอกไม้ไผ่ที่ฟักยัยนี่ออกมา อยู่ตรงไหน ไม่พ้นน้องรหัสคนสวยของผมจริงๆ ถ้าถามผม ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าแซนจะทำอะไรแบบนั้น ตั้งแต่เรื่องเด็กปีหนึ่งที่ทำร้ายผมแล้วยังผู้หญิงคนนี้อีก


“พี่ว่าน้องคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ”


“เข้าใจผิดเหรอ” เธอทำหน้าและเสียงไม่พอใจ เหลือบมองผมทั้งตัวทั้งที่ผมสูงกว่าแบบเหยียดหยัน เบะปากใส่ซะอีก นี่ถ้าเป็นผู้ชาย เป็นคนรู้จัก คงโดนผมตบกบาลคว่ำไปแล้ว “ตัวก็ผอมแห้งอ้อนแอ้นแบบนี้ แถมใครๆ ก็รู้ว่าไอ้ประธานปีสี่เส็งเครงนั่นมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เหมือนหมาตอมขี้ อย่ามาทำเป็นรับไม่ได้แล้วก็เลิกเสือกเรื่องทิวซะ บอกยัยน้องรหัสร่านๆ ไว้ด้วยว่าอย่ามายุ่งกับผัวคนอื่นอีก!!”


คำพูดคำจาของเธอทำให้ผมรู้สึกรับไม่ได้เลยจริงๆ ถึงผมจะเคยขึ้นเตียงกับผู้หญิงมาหลายคน พวกที่เจอในสถานที่อโคจรก็มีเยอะ แต่ไม่เคยมีใครที่ผมหิ้วไปด้วยแล้วใช้คำพูดคำจาแบบนี้ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในชุดนักศึกษาหรือชุดนักเรียน


“พี่มั่นใจว่าน้องรหัสของพี่ไม่ร่านนะครับ แต่น้อง... ควรจะพิจารณาดูตัวเองบ้าง ที่มาโวยวายเรื่องนี้ สมควรต่อว่าคนอื่นแล้วเหรอครับ”


ผมพยายามพูดกับเธอให้ดีที่สุดแล้ว ถึงมันจะดูกวนอารมณ์อยู่ก็เหอะ แต่จะให้ผมตอบกลับแบบไม่รู้สึกอะไรผมคงทำไม่ได้ แล้วก็เหมือนเดิมที่สิ่งที่ผมเสนอไปเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายรับไม่ได้ เพราะเธอร้องกรี๊ดๆ ก่อนจะตบหน้าผมเข้าเต็มแรง แล้วโวยออกมาอีกรอบ


“ถ้ายัยแซนนั่นมายุ่งกับทิวอีก ระวังไว้เลย ฉันไม่ปล่อยไว้แน่!!”


ยัยผีเน่าฝากความแค้นไว้กับผม ก่อนจะวิ่งหนีไป เป็นการกระทำที่เด็กและสิ้นคิดจริงๆ แถมกูโดนตบฟรีอีกต่างหาก ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตรงที่โดนตบ ดีว่ามันไม่ไปซ้ำรอยเดิมกับที่โดนต่อยเมื่อวาน เลยไม่รู้สึกแย่สักเท่าไหร่ ผมคิดว่าผมต้องคุยกับแซนเรื่องนี้แล้ว ความสวยเป็นเหตุจริงๆ ให้ตายเหอะ


ผมเดินเข้าห้องเรียนไป ทุกสายตาก็มองมาที่ผมเหมือนกันหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ปลายที่เป็นประธานเมเจอร์ของผม ยัยนี่ก็ชอบหาเรื่องแซวผมจริงๆ


“ไหงจ๊ะเธอ มาช้าเชียวนะ ล่ำลาอยู่กับสามีสุดหล่อเหรอ”


“สามีอะไร ปลาย เราไม่มี”


“ไม่มีจริงอะ แล้วใครนะ มาตามเทียวไล้เทียวขื่อตลอดๆ เอ หรือคนนี้จะไม่ใช่สามี แต่เป็นอีกคน”


“อีกคนอะไร เราไม่มีจริงๆ เข้าใจแล้วผิดแล้ว”


ผมยังตอบเธอไป ทำเหมือนไม่มีอะไรทั้งสิ้น เพราะมันก็ไม่มีอะไรจริงๆ ถ้าไม่นับรวมไอ้พี่ชมพู ผมนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตัว หยิบชีทกับปากกาขึ้นมาเตรียมเรียนเต็มที่แต่ไอ้ปลายก็ยังเดินมาอยู่หน้าโต๊ะ จะไม่แซวผมสักวันนี่ไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย


“ก็กราฟสุดหล่อไง ได้คนใหม่เลยลืมคนเก่าเหรอ แบบนี้กราฟคงน้อยใจแย่”


“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เรากับกราฟเป็นเพื่อนกันนะปลาย”


“แล้วพี่ภูล่ะ หื้ม หื้ม”


โดนถามมาแบบนี้แล้วจะตอบยังไงดีล่ะครับ โกหก เดี๋ยวจับได้ จะมาหาเรื่องแซวผมอีก แล้วมันคงเปิดโปงแน่นอน เพราะไอ้ปลาย แม่งเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ไหน แค่มาคอยแซวคอยล้อว่าผู้ชายเป็นเกย์นี่ก็ประหลาดพอแล้ว


“ไม่ตอบเหรอ”


“ก็มันไม่มีอะไรให้ตอบ”


ผมเบี่ยงหน้าหลบไปด้านข้าง จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ายัยจอมเสือกอีก แต่ดันลืมไปว่าไอ้ด้านที่หันให้มันเห็นเป็นด้านที่เพิ่งถูกตบมา แล้วมันก็ยังชาอยู่หน่อยๆ เพราะไอ้เด็กบ้านั่นไม่ยั้งมือเลย ตบมาเต็มแรงจนผมหน้าหัน พอไอ้ปลาย เห็นก็ตาเหลือกมองผมอย่างตกใจ ถลาเข้าหาผมจนติดโต๊ะ ชะโงกหน้าเข้ามามองใกล้ๆ


“มึงไปโดนอะไรมา”


สันดานมันเริ่มออก ปกติมันจะกูมึงกับผมนี่แหละครับ แต่เวลาแซวผมเรื่องไอ้พี่ชมพูหรือเรื่องกราฟ จะชอบเรียกผมว่าเธอมากกว่าเพื่อความบันเทิง (?)


“กราฟ เมียมึงโดนรุมโทรม!!!”


หลังจากเห็นว่าหน้าผมมีรอยไม่พึงประสงค์ ทั้งรอยมือที่โดนตบ รอยช้ำที่โดนต่อย ไอ้ปลายก็โหวกเหวกเสียงดังตลาดแตก เรียกเพื่อนรักของผมเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไอ้กราฟเลยรีบลุกขึ้นมาดูด้วยท่าทีตกใจ แป๊บเดียวมันก็มาหยุดที่โต๊ะผมแล้ว ว่าแต่กูไปโดนรุมโทรมตั้งแต่เมื่อไหร่??!!


กราฟใช้มือจับคางผมแล้วพลิกเบาๆ ดูรอยแดงที่หน้าของผม คงเพราะผมขาวเกินไป เวลาเป็นรอยมันถึงเห็นชัดแบบนี้ ไอ้กราฟเพ่งสายตามองผมเหมือนจะสแกนว่าหน้าผมมีรอยอะไรมั่ง ก่อนจะทำตาดุใส่ผม มึงเป็นเพื่อนนะ เพื่อนร้ากกก ไม่ใช่ป๊า อย่าทำตาดุกูแบบนั้น


“โดนอะไรมา”


มันถามผมเสียงเบา เพราะปลายยังยืนอยู่ข้างๆ ผมก็ตอบมันเสียงเบาเหมือนกัน พยายาให้ได้ยินกันแค่สองคน หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้ไอ้ปลายจับความได้


“นิดหน่อยน่า”


“พี่ภูรู้หรือยัง”


มันทำเสียงโหดใส่ผม ได้ไงๆ ทุกครั้งผมข่มมันนะ ทำไมมีเมียแล้วโหดกับเพื่อนเหรอ ผมเลยพูดกับมันเพราะๆ ซะ มันจะได้ไม่ทำเสียงโหดใส่ผมอีก


“ยังครับ กราฟไม่ต้องบอกหรอก ยีนไม่เป็นไร”


“ยีนคิดว่ากราฟทำได้เหรอครับ”


“ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย”


“ยีนคิดว่างั้นเหรอ”


กราฟถามกลับพลางเอานิ้วลูบที่แก้มผมเบาๆ ตรงรอยที่โดนตบ แล้วมันก็คงทำให้คนอื่นๆ รู้สึกถึงรัศมีสีม่วงเข้มหรือไงไม่รู้ พอผมเหลือบตาไปรอบข้าง ก็เห็นคนอื่นๆ ในเมเจอร์ที่กำลังรออาจารย์เข้ามาสอน มองมาทางผมกับไอ้กราฟกันหมด หนำซ้ำเสียงไอ้เหี้ยปลายยังยิ่งกว่าป่าวประกาศ


“นี่ถ้ากูเป็นสาววายนะมึงงงงงง กูฟินไปถึงดาวพลูโต ทะลุไปจักรวาลอันไกลโพ้นแล้ว”


ผมล่ะอยากจะหันไปด่ามันเหมือนเวลาด่าเพื่อนในกลุ่มเหลือเกิน ปากมาก ชอบหาเรื่องให้กูตลอด พยายามอะไรนะ จิ้น? ผมกับไอ้กราฟให้เป็นผัวเมียกันอยู่ได้ มันไม่ใช่โว้ยยยยยย ถึงผมจะรักมันมาก จนกอดจูบกันเป็นเรื่องปกติได้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังไม่แอดวานซ์ขนาดนั้น


แต่ไอ้กราฟก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ มันหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครสักคนที่ผมไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร พูดอยู่สองสามประโยคก่อนจะวางสายไป นาทีนั้นแหละที่ทุกคนเพ่งสายตาไปหามัน เหมือนกับกำลังรอลุ้นว่ากราฟโทรหาใคร ทั้งที่น่าจะรู้ๆ กันอยู่ เหอะ ผมว่าคงจะปิดใครต่อไปไม่ได้นานหรอกครับ ถ้าทุกคนพยายามทำให้มันชัดเจนแบบนี้


ถ้าให้พูดตามตรงแล้ว ผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรที่จะบอกคนอื่นว่าผมกับไอ้พี่ชมพูเป็นอะไรกัน เพียงแต่ผมไม่อยากถูกไอ้ปลายคอยล้อคอยแซวต่างหาก มีผู้ชายคนไหนบ้างชอบให้คนอื่นมาเรียกว่าตัวเองเป็นเมีย ถึงตอนนี้ผมจะถูกแปรสภาพกลายเป็นเกย์โดยไม่รู้ตัวแล้วก็เหอะ ทั้งที่ผมก็แค่มีแฟนเป็นผู้ชายคนเดียว ไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน


ไม่นานเกินรอ คนที่ถูกคนคาดหวังว่าจะโผล่มาก็มาจริงๆ มันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องเรียนของผมเหมือนไม่สนใจว่าใครจะคิดอะไรยังไง ก็แน่ล่ะครับ มันเคยทำอะไรเหี้ยๆ บ้าๆ บอๆ จนคนรู้กันหมดแล้วว่ามันพยายามจะซัมติงรองกับผม แล้วพอมันมาหยุดที่โต๊ะของผมก็มองหน้าผมเหมือนจับสังเกต


“ไป”


หลังจากที่มันเห็นสภาพหน้าของผมที่ได้แผลเพิ่มมาอีกหนึ่งรอย ก็พูดแค่คำนั้นแหละครับ แล้วก็ดึงมือผมให้เดินออกจากห้องไปด้วยกันเลย แถมยังไม่วายสั่งไอ้กราฟ


“เก็บของให้ยีนด้วยนะมึง”


“ครับ”


ไอ้กราฟก็รับคำว่าง่ายเหลือเกิน ผมเลยได้แต่เดินตัวปลิวมาตามแรงดึงของหมีควายที่ดูอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ จนมาถึงรถ มันถึงได้ปล่อยมือผมออก ไม่รู้เหมือนกันว่าคนเห็นมากี่ร้อยแล้ว เพราะเล่นเดินฝ่ากลางคณะมา แล้วบางคนไม่มีเรียนก็นั่งสุ่มหัวกันตามโต๊ะหน้าคณะอีก


“ใครทำมึง”


“ไม่รู้จัก”


ผมตอบมันไปตามความจริง แต่มันคงคิดว่าผมกวนตีนนั่นแหละครับ ถึงได้บอกให้ผมตอบดีๆ ผมไม่ได้มียี่ห้อกวนตีนแปะอยู่บนหัวตลอดเวลานะเว้ย


“ไม่รู้จัก แต่เห็นพูดถึง ทิวกับแซน”


“แซน? น้องรหัสมึงนี่สร้างเรื่องให้มึงอีกแล้วเหรอ แล้วทิวนี่ใครวะ มึงรู้จักเหรอ”


ไอ้พี่หมีควายโวยอยู่หน่อยๆ พลางเอนหลังพิงกับประตูรถของมัน ตาก็จ้องมองผมเหมือนจะเอาคำตอบ ผมรู้จักก็บ้าละ คนที่ผมรู้จักนี่มันเก็บข้อมูลมาหมดแล้วมั้ง ยิ่งกว่าป๊าอีกเหอะ


“เด็กที่มีเรื่องกันเมื่อวาน”


“เออ ให้มันได้แบบนี้” ท่าทางมันออกจะเซ็งๆ ครับ แต่ยังแสดงความเป็นห่วงผมนิดๆ นิดจริงๆ “กูว่าเรียกแซนมาคุยเรื่องนี้ซะให้จบ น้องรหัสมึงก็สวยดีหรอก แต่สวยแล้วสร้างปัญหาแบบนี้กูว่ามึงไม่ควรเข้าไปยุ่ง เกิดคราวหน้ามันทำมึงเจ็บตัวกว่านี้จะทำยังไง มึงนี่ก็มัวแต่ห่วงภาพพจน์อยู่ได้”


“ผมก็กะจะคุยอยู่ แต่พอดีวันนี้มันเกิดเรื่องก่อน ความผิดผมที่ไหนวะ คิดว่าผมอยากโดนต่อยโดนตบฟรีดิ แล้วผมก็ไม่ได้ห่วงภาพพจน์เหี้ยอะไรขนาดนั้นด้วย แต่ถ้าผมเผยตัวจริงออกมา อาจจะโดนเล่นหนักกว่าเดิมก็ได้ เห็นผมเป็นคนดี เรียบร้อยนักหรือไง”


“เออๆ มึงมันกวนตีน ปากหมา ไร้สัมมาคารวะ น่าเอาตีนลูบปากเป็นที่สุด”


ได้ที่มันเลยใส่ผมฉอดๆ ถึงผมจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พอได้ยินจากปากมันแล้วก็รู้สึกอยากเอาตีนลูบปากแม่งเหมือนกันนั่นแหละ ผมกับมันต่างกันแค่ไหนกันเชียว แถมมันยังบ้าพลัง บ้าอำนาจ เผด็จการอีกต่างหาก อาการหนักกว่าผมซะอีก ไม่เข้าใจเลยว่าผมไปรักมันได้ยังไง


“ยังเจ็บอยู่มั้ย”


มันคงเห็นว่าผมทำหน้าไม่พอใจ เลยถามเสียงเบาลงหน่อย ดูเป็นห่วงผมมากขึ้น แต่อารมณ์ของผมยังไม่ลง เลยตอบกลับไปห้วนๆ


“หายแล้ว”


แต่ดูมันจะไม่เชื่อที่ผมบอกว่ะ แม่งเลยจิ้มนิ้วลงมาบนแก้มผมเต็มแรง ย้ำว่าเต็มแรง เหี้ย แก้มกูจะทะลุละแม่งเอ๊ยยยย


“ไอ้สัด เจ็บนะเว้ย!!”


“อ้าว เมื่อกี้บอกว่าหายแล้ว”


“มาลองโดนจิ้มมั่งเปล่าล่ะ แรงแม่งยิ่งกว่าหมีควายทลายผา”


ไม่พูดอย่างเดียว ผมยื่นนิ้วไปกระทุ้งแก้มมันบ้าง มันต้องรีบจับมือผมเอาไว้ ก่อนที่มันจะถูกผมประทุษร้ายจริงๆ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมถูกล็อกตัวเอาไว้ ไม่รู้ว่าแม่งเห็นว่าเป็นโอกาสหรือเปล่า ถึงได้ฉวยซะ เอาแขนวางรอบเอวผมเหมือนจะกอดเอาไว้


“โอเคๆ กูผิด”


“งั้นก็ปล่อยได้แล้ว คนอื่นมาเห็นจะยุ่งอีก”


“มึงนี่นะ จะไม่ยอมให้คนอื่นรู้เลยใช่มั้ยว่าเป็นแฟนกัน แถมพ่อแม่ ป๊าก็รับรู้แล้วก็ยอมรับแล้ว”


มึงต่างหากไม่รู้อะไร เขารู้กันจะทั้งคณะแล้ว แค่กูกับมึงยังไม่พูดออกมาแบบชัดเจนเท่านั้นแหละเว้ย ก็เล่นทำซะแบบนี้ ผมถลึงตาใส่มันตามด้วยกระทืบเท้ามันอีกที จากที่กอดผมอยู่ มันเลยปล่อยออกอย่างเร็ว ผมจึงถือโอกาสนี้รีบขึ้นรถก่อนแม่งจะทำบ้าอะไรอีก


“ไปคอนโดกราฟนะ ผมจะเอาเฟอร์รารี่ออกมาระบายอารมณ์หน่อย”


หลังจากไอ้ตัวใหญ่ขึ้นนั่งประจำที่ ผมก็ถอดแว่นที่เกะกะออกแล้วสั่ง แต่มันก็ขัดผมเหมือนเดิมแหละครับ ไอ้นี่แม่งขัดผมทุกเรื่อง


“แต่หัววันเลย แล้วมึงจะไปซิ่งที่ไหน”


“สนามของพี่เคนไง โทรไปบอกพี่เขาด้วยว่าผมจะไป”


ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไรที่ถูกทำซะหน้าหล่อๆ เยิน ถึงจะแค่เป็นรอยช้ำ รอยตบไม่มาก แต่จริงๆ แล้วผมก็อารมณ์เสียอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาเท่าไหร่ อีกอย่างผมไม่ได้ออกมาซิ่งรถเลยนับจากวันที่แข่งกับไอ้พี่ชมพูวันนั้น เลยนึกอยากยืดเส้นยืดสายขึ้นมา แล้วท่าทางผมคงเอาจริง มันเลยพาไปแต่โดยดี โทรหาพี่เคนให้ด้วย แหล่ม!!







=====================
น่าจะมาช้าเกินไปนะเนี่ย
เข้ามาอีกทีโดนย้ายห้องซะแล้ว
คงต้องรอลุ้นว่าจะมีใครเข้ามาส่องหรือเปล่า

ตอนพิเศษนี้แบ่งเป็น 3 ตอนจบนะคะ
ก็ไม่มีอะไรมาก ไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ไปตามประสาแหละค่ะ
แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า พอดีติดนั่นนี่นู่น กว่าจะจูนกลับมาก็แทบแย่  :sad4:

หวังว่าคนที่อ่านตอนนี้ จะอ่านอย่างมีความสุขนะคะ



Undel2Sky


(http://upic.me/i/8c/beqnjamcaaajc4f.jpg)




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 09-03-2013 02:04:24
น้องรหัสนี่ยังไงๆกับพี่ชมพูหรือยีนต์หรือเปล่าเนี่ย

น้องยีนต์เผยธาตุแท้ออกมาเล้ย หมั่นไส้น้องปีหนึ่งจริงๆ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 09-03-2013 09:04:22
สนุกมากค่ะ รอตอนพิเศษจ้า

 :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ ตอนพิเศษ 1.1 :ความสวยคือหายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 09-03-2013 09:29:39
น้องยีนประกาศเลย ๆๆๆ
ตกลงน้องรหัสยีน ร่าน ไม่ร่าน ????

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 09-03-2013 09:39:56
น้องยีนโดนตบ  :fire:

ชะนีทั้งหลายไม่ควรมีที่ยืนเพราะแบบนี้ ตายซะเหอะ มาทำน้องยีนของป้าได้งัย  :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 09-03-2013 10:12:15
รู้สึกตงิดๆกับน้องรหัสง่ะๆ สนุกๆๆๆจ้ามาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2013 23:16:54
รอ ร๊อ รอ c(:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 10-03-2013 00:33:43
รอๆ มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 10-03-2013 14:35:50
ตอนพิเศษน้องยีนเจ็บตัวตลอด พี่ภูดูแลชิดใกล้ด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 10-03-2013 16:04:26
น้องรหัสของยีนจะแรดเงียบหรือเปล่า อ่านแล้วมันแปลก ๆ  รอลุ้นตอนหน้าๆ

ยังติดตามอยู่ค่ะ รวมถึงกราฟไนล์ด้วยน้า ยังไม่ลืม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 10-03-2013 16:32:24
 :angry2: อยากตบยัยแซนจิงว๊อย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 10-03-2013 16:32:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 10-03-2013 17:57:04
ตามมาอ่านแน่นอนจ้า

ปล.รวมเล่มไหมเอ่ย

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-03-2013 23:01:55
รุ่นน้องยีนแต่ละคนอะไรกันนะนั่น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 10-03-2013 23:17:07
น้องแซนทำพี่ยีนซวยไปหลายรอยแล้วนะเนี่ยย
แต่แอบคิดว่าคุณเธอเป็นสาววายอะป่าว อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 10-03-2013 23:37:04
รอตอนต่อไปจ้า :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-03-2013 00:22:21
เด็กสมัยนี้มันแรงแท้
เป็นนศ.แต่ประกาศว่าคนนี้นั้นโน้นผัวหนู


อือหือ กลัวไม่มีขนาดหนักนะ

ถึงจะรู้ว่านี่มันนิยายแต่ก็อดคิดไม่ได้แฮะว่า ถ้าในความเป็นจริงมีแบบนี้ หรือเจอแบบนี้
ต้องสงสารพ่อแม่หรือลูกของเด็กคนนี้ในอนาคต
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 11-03-2013 04:29:44
 :z2: :z2: มาแว้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 11-03-2013 15:06:08
แอบสงสัยว่ายัยแซนจะไม่ได้สวยอย่างเดียว อาจแสบด้วยรึเปล่า

เม้นรวมนะ
เรื่องนี้สนุกมาก พี่ภูกับน้องยีนกวนกันได้โหดมันส์ฮา
ต่างคนต่างเจ๋งมาเจอกัน อ่านแล้วติด วางไม่ลงเลย
ก๊วนเพื่อนๆก็รักกันดีจัง
บวกๆจ้า^^
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ [9/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ChaaChu101 ที่ 12-03-2013 22:09:25
ชอบบมากกกคะ สนุกมากกกก
เนื้อเรื่องอ่านได้ต่อเนื่องไม่สะดุดเลยยยยย
ชอบความรักของเพื่อนแบบนี้มากก น่ารักก
พี่สีชมภูตอนแรกที่อ่านไม่ชอบบบเลยยย
อ่านไปอ่านมาเริ่มชอบบบ ยิ่งมีมุมน่ารักมากขึ้นเวลาอยู่กับน้องกางเกงยีน

ขอบคุณมากกค่าาา ชอบมากกจริงๆ
ปล. อยากอ่านฉากถอดแว่นจริงๆๆ อยากให้คนอื่นรู้บ้างงน้องกางเกงยีนเราหล่อนะ นะ นะ เนอะๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 13-03-2013 01:18:43
ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ
























แล้วผมก็ได้เสพสุขอย่างเต็มที่ ความสุขของผมอยู่ตรงนี้แหละครับ ความสุขที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กำลังกระหึ่ม คันเร่งที่ถูกเหยียบด้วยผมเอง ความเร็วของสิ่งรอบตัวที่วิ่งฝ่าไป มันทำให้ผมอารมณ์ดีได้จริงๆ ผมแตะเบรกก่อนอจะหยุดลงหลังจากวิ่งวนในสนามที่กว้างที่สุดมาห้ารอบจนหนำใจ แล้วก็ลงมาสูดอากาศข้างนอกที่ค่อนข้างสดชื่นสำหรับผม


“ท่าทางมีความสุขจริงๆ นะมึง”


“มันแน่อยู่แล้ว ไม่ได้ขับเลยนี่หว่า พังพืดจะเกาะตีนผมหมดแล้วเนี่ย”


ผมยื่นขาออกมาแล้วกระดิกตีนไปด้วย คำตอบของผมทำให้มันหัวเราะแล้วส่ายหัวเบาๆ แถมยื่นมือมาขยี้ผมของผมอีกต่างหาก แต่ตอนนี้ผมอารมณ์ดีเกินกว่าจะอารมณ์เสียใส่มันครับ อนุญาตให้มันสักหน่อยก็ได้ ไหนๆ ก็บริการผมขนาดนี้แล้ว แม้แต่รถก็เป็นรถมัน


นึกแล้วก็ขำ ไม่คิดว่าแม่งจะง้อผมด้วยการยกรถให้ แล้วไม่ใช่รถแค่คันละเป็นแสน ถ้าแม่งไม่บ้า ก็โคตรบ้ามากเหอะ ทั้งที่จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะเอาของมันจริงๆ ยังไงผมก็มีจิตสำนึกอยู่นะครับ แต่ในเมื่อมันยินยอม ผมก็ขอสักหน่อยแล้วกัน ค่อยบอกมันทีหลังตอนที่ผมพอใจ


“ว่าแต่พี่ไม่มีเรียนเหรอวะ ถึงออกมากับผมเนี่ย”


“มึงคิดว่าปีสี่มีวิชาที่ต้องเรียนมากแค่ไหนเชียว”


“เออๆ ถึงมีพี่ก็โดดอยู่ดีใช่ป่ะล่ะ”


ผมตอบแบบรู้ทัน หันไปยักคิ้วกวนๆ ให้มันด้วย มันก็ขยี้หัวผมอีกรอบแล้วหัวเราะ ดูจะมีความสุขมาก แต่ผมก็ไม่ต่างจากมันสักเท่าไหร่หรอก


“อะแฮ่ม ขออนุญาตที่ขัดจังหวะสวีท”


เสียงที่สามเรียกผมกับไอ้พี่ชมพูให้หันไปมองพร้อมกันได้ แล้วคนที่มาก็ไม่ใช่ใคร พี่เคนเจ้าของสนามนี่แหละ เขาเป็นเพื่อนกับไอ้พี่ชมพู แล้วก็สนิทสนมกับกลุ่มผมพอสมควร เพราะเมื่อก่อนผมมาใช้สนามนี้บ่อยๆ


“สวีทอะไรพี่ แค่คุยกัน”


“เออๆ พวกมึงอาจจะบอกว่าคุยกัน แต่ออร่าความสุขมันกระจายว่ะ ใครเห็นก็รู้ มาคราวก่อนยังแข่งกันอยู่เลย มึงด้วยไอ้ภู ลากน้องเขาไปต่อหน้าต่อตา แต่กลับมาคราวนี้หวานเจี๊ยบ มีซัมติงอะไรไม่บอกกันหรือเปล่า”


เอาจริงๆ พี่เคนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผมหรอกครับ เขาก็คงพูดเท่าที่เห็น แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมก็คุยกับไอ้พี่ชมพูแบบนี้มานานแล้ว กวนตีนกันบ้าง หัวเราะบ้าง หรือเพราะไอ้พี่ชมพูมันวางแขนพาดบ่าผมอยู่ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะผมกับพวกเพื่อนๆ ก็ทำกันบ่อย ผมว่าผมทำตัวไม่ต่างจากเวลาอยู่กับเพื่อนเลยด้วยซ้ำเหอะ


“ออร่าความสุขยังไง ก็เหมือนเวลาผมคุยกับพวกกราฟ กัส เคลมนี่ครับ”


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่กูรู้สึกเฉยๆ ว่ะว่าบรรยากาศมันไม่เหมือนกัน เหมือนพวกมึงไม่ได้เป็นพี่น้องกันน่ะ กูอธิบายไม่ถูก”


พี่เขาพยายามอธิบาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ผมกระจ่างขึ้นเลย ผมหันไปมองไอ้พี่ชมพู มันก็ทำหน้าไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เพราะว่ากันตรงๆ ก็มีบ้างที่พี่ชมพูจะออกหน้าออกตา แต่อย่างเมื่อกี้มันก็ไม่ได้ทำอะไร หรือผมกับมันจะแผ่รังสีได้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกันวะ ยิ่งพูดก็ยิ่งงง


“ผมก็งงกับพี่เหมือนกัน”


“แล้วสรุปนี่ยังไง พวกมึงเป็นหรือเปล่า”


“เป็นอะไรพี่”


ผมถามแบบซื่อๆ พี่เคนเลยส่ายหัวหน่อยๆ เหมือนเอือมคำถามผม ก็ผมอยากรู้นี่หว่าว่าเขาจะมองออกจริงๆ อย่างที่ว่าหรือเปล่า


“เป็นอะไรที่มากกว่าพี่น้อง เป็นแฟนกันอะไรแบบเนี้ย”


“พี่คิดว่ายังไง ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ”


คราวนี้ไอ้พี่ชมพูตอบ ผมก็ไม่ได้ค้านอะไร เพราะสักวันพี่เคนคงต้องรู้ แล้วเขาก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับชีวิตผมด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นที่ต้องปิดบัง ซึ่งพอได้คำตอบ พี่เคนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะยื่นกระป๋องเบียร์ในมือที่พี่แกถือเอาไว้ ให้ผมกับไอ้พี่ชมพูคนละกระป๋อง เพราะเขาเอามาสามกระป๋อง


“ขอบคุณครับพี่”


“เออๆ ไม่เป็นไร นานๆ จะมาที เห็นแต่ไอ้กัสกับไอ้เคโผล่หัวมา กูนึกว่ามึงกับกราฟจะไม่มาอีกแล้ว”


“ผมเลิกแล้ว ตอนนี้เป็นเด็กดี”


“เด็กดีของไอ้ภูน่ะเหรอ”


ถามแบบนั้นแล้วพี่เคนก็หัวเราะออกมา ผมเลยต้องรีบแก้ต่างก่อนที่จะถูกเข้าใจผิด แต่ถึงจะแก้ พี่เขาก็หัวเราะอยู่ดี อะไรวะ น่าขำอะไรขนาดนั้นหรือไง


“ของป๊าเหอะพี่”


ผมกับพี่ชมพูเปิดกระป๋องแล้วก็กระดกเบียร์ที่อยู่ในนั้นเข้าปาก แต่ผมล่ออึกใหญ่สักหน่อย ก็คนมันไม่ค่อยได้มีโอกาส คงเข้าใจกันนะครับ ไอ้พี่ชมพูหรี่ตามองผมมาเหมือนจะปรามๆ


“อย่าแดกมากนะมึง”


“แค่กระป๋องเดียว”


“อะไรมึง แค่นี้ก็หวงแล้วเหรอวะ”


พี่เคนเหลือบตามองแบบอยากรู้อยากเห็นเชิงล้อ ผมเลยยกให้เป็นหน้าที่ไอ้พี่ชมพูเป็นคนตอบ แต่พอได้คำตอบ ผมชักไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ตัดสินใจแบบนี้


“เวลาเมาแล้วมันน่ารัก”


“โอ๊ะโห ไม่เคยเจอเลยแฮะ แสดงว่าพวกเพื่อนๆ มันคงเห็นมากันหมดแล้วดิ”


เหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟที่กำลังลุก จากที่เมื่อกี้ยิ้มขำๆ ตอนนี้ไอ้พี่ชมพูหันมามองผมหน้าตึงกว่าเดิม แถมเสียงเรียบอีกต่างหาก ผมต้องเหลือบตาไปทางอื่น ไม่มองหน้ามันแล้วยกเบียร์ขึ้นซด


“ก็มีบ้าง”


“แล้วมึงอ้อนไอ้กราฟบ้างหรือเปล่า”


“ไม่พอใจย้อนหลังก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะครับ พี่ชมพูววววว”


ผมตลกกลบเกลื่อนไปก่อน เพราะเอาจริงๆ เพื่อนคบกันมานาน เมาๆ ก็มีบ้างล่ะครับ ไปเล่นกับคนนั้น คุยกับคนนี้ จะอ้อนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้ามีก็คงกับไอ้กราฟนี่แหละครับ เพราะผมสนิทกับมันที่สุด แล้วมันก็เทคแคร์ผม ตามใจผม แต่มันก็ไม่ได้มีอะไร เพราะผมไม่ได้เมาบ่อย แล้วก็ไม่ได้คออ่อน


“ตลกนะมึง”


มันตบหัวผมเบาๆ เหมือนไม่ขำด้วย ผมเลยเลิกสนใจแม่งละ ก็รู้ๆ กันอยู่ผมไม่ชอบง้อใครอยู่แล้ว แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต มันเป็นแฟนผมตั้งแต่คบกับไอ้กราฟหรือไง ก็เปล่า แล้วจะมาคิดหยุมหยิมอะไร


“เอาน่ามึง หึงไม่เข้าเรื่องเด็กจะเบื่อเอานะ มาๆ ไม่ต้องแดกแล้ว เดี๋ยวกูแดกเองหมดนี่แหละ ไม่มีใครเดือดร้อนอยู่แล้วถ้ากูจะเมา ส่วนพวกมึงก็กลับไปเคลียร์กันซะ”


“ครับพี่”


ผมยื่นกระป๋องเบียร์คืนพี่เคนแล้วก็เดินขึ้นรถไปประจำที่คนขับ เพราะตอนมา ผมก็เป็นคนขับมาจากคอนโดไอ้กราฟ ส่วนเลกซัสสีดำของไอ้หมีควายจอดอยู่ที่คอนโดไอ้กราฟแทน พอผมขึ้นรถมา สักพักคนตัวใหญ่ขี้น้อยใจก็ตามขึ้นมานั่งเบาะข้างๆ ผมจึงออกรถไป ไม่วายเปิดกระจกรถลงขอบคุณพี่เคนอีกรอบที่ให้ยืมสนาม




















กลับมาถึงห้องของไอ้คนงี่เง่า ผมก็ประจำที่เดิมคือโซฟา ส่วนมันมานั่งข้างๆ ผม ยังไม่เปิดปากพูดสักคำหลังจากขึ้นรถมา แล้วก็ดูท่าว่ามันจะไม่ยอมเปิดปากด้วยถ้าผมไม่เริ่มก่อน อะไรวะเนี่ย ผมผิดตรงไหนวะ??


“นี่ถ้ากูไม่พูด มึงก็จะไม่พูดเลยใช่มั้ย”


ไม่ใช่ผมแน่นอนครับ มันนั่นแหละ เงียบแล้วก็ทนไม่ได้เอง บ้าเปล่าวะ


“ก็นึกว่าไม่อยากพูด เลยไม่อยากรบกวน”


“กวนตีน”


“งี่เง่า”


“เกงยีน”


“พี่ชมพู”


มันไม่ยอม ผมก็ไม่ยอมมั่งล่ะคราวนี้ เพราะมันไม่ใช่เหตุผลที่ผมต้องยอม ซึ่งมันก็คงรู้แหละ เลยถอนหายใจออกมายาวๆ


“มึงนี่ แสดงออกว่าแคร์กูบ้างก็ได้”


“แล้วผมทำเหมือนไม่แคร์พี่ตรงไหน”


“มึงแม่งใจร้าย”


“ใจร้ายห่าอะไรล่ะ” มันเริ่มทำผมอารมณ์ขึ้นอีกรอบ ตอนนี้ไอ้หมีควายทำตัวปัญญาอ่อนฉิบหายเลย อะไรของมัน กูเริ่มเซ็งละนะ “ถ้าเรื่องที่ว่าเมาแล้วผมไอ้อ้อนไอ้กราฟหรืออะไรนั่นก็เลิกคิดไปเลย ผมแทบไม่เคยทำด้วยซ้ำเหอะ คิดไปเองหมดแม่ง หึงไม่เข้าท่า”


“กูหึงก็จริง แต่มันผ่านไปแล้ว กูรู้ กูแค่รู้สึกว่าอยากให้มึงแสดงออกว่ามึงรัก มึงแคร์ กูบ้าง มึงทำตัวเหมือนเดิมแบบนี้ก็ดี แต่บางครั้งกูก็อยากให้มึงดีกับกูมากกว่านี้อีกนิด เอาใจกูบ้างสักหน่อย ได้ไหมวะ”


สิ่งที่อยู่ในใจของมันถูกระบายออกมา และก็ทำให้ผมรู้สึกโหว่งๆ ในใจ เพราะไม่คิดว่ามันจะอยากให้ผมเป็นแบบไหน ผมคบกับมันมาครึ่งปีกว่าแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้มันโอเค เป็นสิ่งที่ผมกับมันรับได้ เราเข้าใจกันมากขึ้น ถึงบางครั้งจะยังเถียงกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อน


ผมลืมมองไปว่าผมไม่เคยทำอะไรดีๆ กับมันอย่างที่มันทำกับผม แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ว่ะ มันห่วงผม มันดูแลผม ทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด แต่อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผม มันก็ทำให้ ยอมรับในสิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมทำ ถึงมันจะไม่เห็นด้วย ทั้งที่มันจะไม่ทน จะขอเลิกแล้วไปคบกับคนอื่นที่ให้มันได้มากกว่านี้ ตามใจมัน แทนที่มันจะต้องมาทำตามความเอาแต่ใจของผมก็ได้


มันมีทางเลือก ไม่ใช่ไม่มี แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ แต่มันไม่เคยคิดที่จะเดินออกจากทางที่ผมขีดเอาไว้ ถึงมันจะหึงบ้าบอในบางครั้ง แต่มันก็ไม่ได้แย่จนผมรับไม่ได้ แล้วทำไมผมไม่ดูแลความรู้สึกของคนที่รักผมแบบนี้ให้ดีวะ?


ผมหันไปมองมันแบบเต็มๆ ตา มองเข้าไปในตาของมันแบบไม่หลบเลี่ยง ให้มันรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องจริงจัง และผมก็มั่นใจว่ามันเข้าใจสายตาของผม


“ผมถามจริงๆ นะพี่ เหนื่อยมั้ย ลำบากใจมั้ยที่คบกับผม ผมไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พี่ต้องการสักอย่างเพราะผมยึดติดแต่ว่าผมเป็นคนแบบนี้ ผมให้พี่ทำตามใจผม ทั้งที่ผมไม่เคยตามใจพี่จริงๆ สักที พี่เอาใจใส่ผม แต่ผมไม่เคยมองกลับกันว่าพี่ต้องการให้ผมทำอะไรบ้าง ผมได้ทุกอย่างที่ผมต้องการ แต่พี่ไม่ได้มันเลย จะจับมือ กอด หรือจูบแต่ละทีก็ลำบาก ต้องต่อปากต่อคำกับผมจนผมอนุญาต ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องทน”


ตาคมๆ นั่นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยกับสิ่งที่พูดออกมา แต่ผมก็อยากจะรู้จริงๆ ว่า...


“เหนื่อยมั้ยที่มีแฟนแย่ๆ อย่างผม”


“เฮ้ย กูไม่ได้หมายความแบบนั้น”


ผมถามจบ มันก็ร้องออกมาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ตัวใหญ่ๆ นั่นรีบกระเถิบเข้ามาแทบชิดผม


“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ผมก็อยากรู้ว่าพี่เคยรู้สึกแบบนั้นมั้ย เพราะพอมาคิดๆ ดูแล้ว ผมไม่ได้เป็นแฟนที่ดีเลย”


“กูไม่ได้หวังให้มึงเป็นแฟนที่ดี เพราะกูรู้ว่ามึงเป็นแบบไหนมาตั้งแต่แรก การที่กูคบมึงมาถึงตอนนี้ก็แสดงจุดยืนของกูชัดเจนแล้วว่ากูยอมรับในตัวมึง เพราะฉะนั้นมึงไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพวกนี้เลย กูก็แค่รู้สึกว่าอยากให้เราหวานกันบ้าง เหมือนคู่รักอื่นๆ ให้กูได้รู้สึกว่ามึงรักกู ไม่ใช่แค่กูที่รักมึงฝ่ายเดียว”


คำอธิบายของมันทำให้ผมเข้าใจอะไรชัดเจนขึ้น แล้วก็ทำให้ผมสบายใจมากขึ้นด้วย ทั้งที่เมื่อกี้ความรู้สึกของผมยังเหมือนดิ่งลงเลว มันสามารถมาก ผมยื่นมือไปจับมือมันเอาไว้ สอดนิ้วไปประสานมือกับมันช้าๆ โดยที่สายตาก็จ้องอยู่แต่ที่มือ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองมัน เพราะกลัวว่าถ้าผมเผลอมอง ผมจะไม่กล้าพูดสิ่งที่อยากพูดออกมา


“ถ้าอย่างนั้นผมก็ทำตัวเหมือนเดิมได้ใช่หรือเปล่า”


“อืม”


“ผมไม่จำเป็นต้องพยายามทำตัวดีๆ กับพี่”


“ถ้ามันไม่ใช่ตัวมึง ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกของมึงก็อย่าเลย ยังไงกูก็ยอมรับทุกอย่างที่มึงเป็นได้อยู่แล้ว”


ได้ยินแบบนั้นผมก็หลุดขำออกมาหน่อยๆ ที่สถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว ขำมันด้วยเหอะที่ทำอย่างกับผมเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่มีอยู่ในโลกใบนี้แล้วต้องการการยอมรับ ไม่ได้แตกหน่อออกมาจากเมือกเหนียวๆ แล้วโตมาเป็นก็อตซิลล่านะเว้ย


“งั้นก็ดี ผมก็จะเป็นของผมแบบนี้ต่อไปแล้วกัน” ตอนนี้ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับมันแล้ว รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะพูดสิ่งที่ผมเก็บเอาไว้มานาน “นี่พี่”


“อะไร”


มันยิ้มให้ผม ทำให้ผมใจชื้นนิดหน่อย มือของเราสองคนยังคงจับกันเอาไว้ มันไม่ปล่อย ผมก็ไม่ได้ปล่อยออก


“รู้หรือเปล่าทำไมผมไม่เคยบอกว่าผมรักพี่ให้ได้ยิน”


“เพราะยีนไม่ได้รักพี่มั้งครับ”


“ตลกละ”


ผมยกมือข้างที่จับกันเอาไว้ไปเขกหน้าผากมัน มันก็หัวเราะออกมา ผมเองก็หัวเราะเหมือนกัน เป็นความสุขที่เราได้รับกันทั้งคู่


“งั้นทำไม”


“เพราะกลัวบอกไปแล้วพี่จะได้ใจ จะเหลิงอะดิ ยิ่งชอบบ้าอำนาจ เผด็จการกับผมอยู่”


“แล้วตอนนี้ใครเป็นคนกุมอำนาจ”


มันถามกลับ แต่ผมไม่ต้องหาคำตอบเลย เพราะรู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นผมแน่นอนอยู่แล้ว ก็ตอนนี้ผมมีตัวประกันเป็นคำสาบานอยู่นี่หว่า


“แล้วก็อีกอย่าง...” ผมเงียบเสียงลงไปแป๊บนึง พลางมองหน้ามันไปด้วย มันก็มองผมเหมือนสงสัย รอฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไป “ผมไม่ได้หน้าด้านเท่าพี่ว่ะ”


จี้จุดครับ จี้เข้าไปเต็มๆ ไอ้พี่ชมพูเลยผลักผมหน้าหงายลงไปกองบนโซฟาเลย แต่แค่นั้นยังไม่เท่าไหร่ มันเสือกตามลงมาคร่อมทับผมไว้อีก มือที่จับกันเมื่อกี้กลายเป็นมาบีบแก้มผมแล้ว โอ๊ยยย ไอ้เหี้ย มึงลืมว่ากูเจ็บหน้าอยู่หรือไงเนี่ย!!!


ผมถีบมันกระเด็นเลยครับ หมดซึ้งแล้ว เพราะแม่งเลย ไอ้ห่านี่


แต่ใช่ว่าจะหมดแค่นั้นนะครับ เพราะพอผมลุกจากโซฟาที่หงายเงิบอยู่ มันก็ฉุดแขนไว้ผมได้พอดึง แถมยังกระชากผมให้ร่วงลงไปบนตักมันได้แบบพอดีซะอีก อะไรจะแม่นขนาดนั้น


“อะไรอีกวะ”


“เปล่า กูแค่คิดว่าอีกหน่อยกูต้องใช้วิธีนี้”


“วิธีอะไร”


“ลูกถีบมึงคือคำบอกรัก”


“ไอ้ควายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”


ผมด่ามัน แต่ดูมันจะมองว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่าเพราะหัวเราะโคตรพ่อโคตรแม่ดัง จะหัวเราะให้ถึงเชียงใหม่เลยใช่มั้ยวะ แถมแค่นั้นไม่พอ มันหัวเราะจนเสียหลัก ล้มลงไปบนโซฟา แล้วยังลากผมลงไปด้วย แขนสองข้างมันกอดผมเอาไว้ไม่ปล่อย ทั้งที่ผมพยายามดันตัวมันออก แต่ก็ไม่รอด มันรัดผมจนจะกลายเป็นกล้วยปิ้งติดกับมัน


“ปล่อยเลยๆ ปล่อยเว้ย อยากโดนกระทืบเหรอวะ สาดดดดดดดด”























รอยบนหน้าของผมจางลงหน่อยแล้วครับ เพราะที่ถูกตบไม่ได้ร้ายแรงอะไร เลยทำให้หน้าของผมไม่ดูผิดสังเกตมากนัก แต่ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้หน้าของผมไม่สะดุดตาชาวบ้านชาวช่องก็คือ เครื่องสำอาง ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะถูกจับมาแต่งหน้าอีก แต่ไอ้ปลายมันไม่ยอมครับ


“มึงอยากให้คนอื่นคิดว่ามึงโดนผัวซ้อมมาหรือไง พี่ภูเขาเป็นคนดังนะเว้ย ไว้หน้าเขาบ้าง”


ดูแม่งดิครับ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรแต่ก็ยังเป็นตุเป็นตะมาได้ แล้วแรงแม่งก็ไม่ได้น้อยๆ แถมกราฟยังดูเห็นดีเห็นงามไปด้วย แล้วผมจะเหลือเหรอ ก็ต้องให้ไอ้ปลายมาทารองพื้น ทาอะไรของมันมากมายไม่รู้ตรงที่เป็นรอยช้ำ แต่ก็ได้ผลจริงแหละครับ ตอนนี้หน้าผมเลยเนียนใส ไร้ริ้วรอยยิ่งกว่าใช้สมูทอีมาพันปี


หลังจากหนังหน้าของผมกลับมาหล่อเหมือนเดิม ผมก็เรียกแซนมาคุยเรื่องที่มีคนมาหาเรื่องผม เพราะอยากจะเคลียร์กันไป ไม่ใช่ว่าผมจะเอาตัวรอดแล้วปัดความรับผิดชอบให้น้องรหัสนะครับ แต่ถ้าไม่จัดการ เรื่องอาจจะใหญ่โตมากขึ้น แล้วผมก็เชื่อมั่นอยู่แล้วว่าแซนไม่ได้เป็นคนที่จะไปแย่งแฟนใคร เพราะแค่เธอกระดิกนิ้ว ไอ้เคลมก็พร้อมกระดิกหางเข้าไปหาอยู่แล้ว จะไปยุ่งกับคนมีเจ้าของทำไมให้โดนด่า จริงมั้ยครับ


ผมนั่งรอแซนอยู่ที่โต๊ะด้านหลังคณะ ด้วยไม่อยากเป็นเป้าสายตาเท่าไหร่ เพราะแค่แซนเดินมา ก็เรียกสายตาจากคนในคณะได้ไม่น้อยแล้ว อย่างว่าล่ะครับ เธอสวย สวยมากจริงๆ ยังคิดอยู่เลยว่าปีนี้คนที่เป็นดาวคณะคงไม่พ้นเธอหรอก


“พี่ยีนมีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงเรียกแซนมาคุยที่นี่” หลังจากเดินมาถึง แซนก็นั่งลงที่ม้านั่งตรงข้ามผมแล้วถามทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากพูดอะไร เธอก็โพล่งออกมาก่อน “เอ๊ะ พี่ยีนแต่งหน้าด้วยเหรอคะ”




“นิดหน่อยครับ อย่าสนใจเลย คือ ที่พี่เรียกแซนมาเพราะว่าพี่มีเรื่องจะคุยกับแซนแบบส่วนตัว”


“คุยกับแซนแบบส่วนตัวเหรอคะ”


เธอถามพลางเบิกตาขึ้นกว้างกว่าเดิมหน่อย ทำให้ตาเรียวกลมกลมมากกว่าเดิม แล้วก็ทำให้เธอน่ารักมากขึ้น ผมเชื่อว่าถ้าไอ้เคลมเห็นคงต้องพร่ำเพ้อไม่หยุดแน่นอน


“ครับ พี่อยากรู้ว่าแซนมีแฟนหรือยัง”


“อะไรนะคะ” คราวนี้เธอตกใจกว่าเดิมเสียอีก ร้องเสียงดังขึ้นเหมือนไม่คิดว่าผมจะถามเธอแบบนี้ “พี่ยีนถามว่าแฟนมีแซนแล้วหรือยังเหรอคะ”


“ครับ แซนมีหรือยังครับ”


“ยังนะคะ” เธอตอบผมงงๆ “แซนยังโสดอยู่ โสดสนิทด้วย แซนยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนด้วยซ้ำ”


“จริงเหรอ”


ผมรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับคำตอบแบบนี้ เพราะสวยระดับเธอนี่ไม่น่าจะหาแฟนยากนะ แต่เข้ามหา’ลัยแล้วกลับยังไม่มีแฟน


“จริงๆ ใครๆ ก็คงไม่เชื่อหรอกที่แซนไม่มีแฟน แต่แซนไม่มีจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นถามถึงคนที่ชอบล่ะก็... มีแล้วค่ะ”


ประโยคท้ายผมรู้สึกว่าเธอหน้าแดงหน่อยๆ ตากลมนั่นช้อนขึ้นมองผมเหมือนเขินๆ ยังไงไม่รู้สิครับ ผมเพิ่งเห็นเธอเป็นแบบนี้ครั้งแรก ทั้งที่รู้จักกันมาเกือบเดือนแล้ว คนที่เธอชอบคงไม่ได้หมายถึงผมหรอกใช่มั้ยครับ


“เอ่อ... แล้วแซนรู้จักคนทื่ชื่อทิวหรือเปล่าครับ”


ไม่อยากคิดอะไรให้ไกลกว่านี้แล้วหน้าแตก เพราะสภาพผมในตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแบบที่ใครจะมาหลงรัก ผมเลยจบประเด็นเรื่องนั้นไปแล้วเข้าเรื่องที่ผมต้องการรู้จริงๆ แทน แต่พอถามไปอย่างนั้นแล้วก็เหมือนว่าแซนจะตกใจอยู่หน่อยๆ เธอโพล่งเสียงออกมา


“พี่ยีนรู้จักมันได้ยังไงคะ หรือมันมาทำอะไรพี่ยีนหรือเปล่า”


“ทำไมแซนต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะครับ”


“คือ แบบนี้ค่ะ”


จากที่นั่งอยูม้านั่งอีกด้าน แซนรีบย้ายมานั่งติดกับผมทันที มือสองข้างของเธอเกาะที่แขนผมเอาไว้ ทำเหมือนเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจนระงับไม่ไหว แต่ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร นอกจากรอฟังคำตอบของเธอ


“ทิวเคยเรียนโรงเรียนใกล้ๆ กับโรงเรียนของแซนค่ะ แล้วเขาก็มาจีบแซน แต่แซนไม่ชอบเขา พยายามเลี่ยง ไม่คุยด้วย พยายามอยู่ในกลุ่มเพื่อนคอนแวนต์ด้วยกันตลอด เขาก็เลยไม่มีโอกาส แต่เขาชอบมาดักรอแซนหน้าโรงเรียน มันน่ากลัวมากๆ นะคะพี่ยีน แซนกลัวว่าเขาจะมาทำร้ายแซน พอแซนบอกคุณพ่อ คุณพ่อก็ให้คนขับรถไปรับไปส่งแซนทุกวันเลย แซนไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะตามแซนมาเรียนถึงที่นี่”


“แสดงว่าแซนเจอเขาแล้ว”


“ค่ะ เจอตั้งแต่ตอนช่วงรับน้องแล้ว แซนก็เลยต้องอยู่กับพี่ยีน หรือไม่ก็เพื่อนตลอดเลย”


มือของเธอที่จับแขนผมเอาไว้จับแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แถมยังติดสั่นนิดๆ เสียด้วย เป็นการยืนยันได้ดีเลยว่าเธอไม่อยากยุ่งกับไอ้เด็กเวรนั่น แต่เอาจริงๆ ผมก็ว่ามันน่ากลัวนะครับที่มาทำอะไรแบบนี้กับคนที่ตัวเองชอบ แล้วยิ่งน้องรหัสของผมสวยด้วย ก็ยิ่งน่ากลัวว่าไอ้เด็กทิวนั่นจะดักฉุดหรือเปล่า


“แล้วแซนรู้มั้ยครับว่าทิวมีแฟนแล้ว”


“แซนไม่รู้หรอกค่ะ”


เธอส่ายหัวเบาๆ ตอบผมกลับมาพลางเม้มปากเข้าหากัน มองผมด้วยสายตาที่ผมคิดว่ามันน่าสงสาร ไม่รู้ว่าเธอต้องคอยหวาดผวาเพราะผู้ชายคนนั้นมานานเท่าไหร่ แต่ถึงเธอจะน่าเป็นห่วง เธอก็ยังห่วงผมด้วยเหมือนกัน


“ว่าแต่พี่ยีนถามถึงมันทำไมคะ”


“เขามาหาพี่ครับ เพราะคิดว่าพี่เป็นคนที่แย่งแซนไป เขาเลยไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใกล้แซน แถมเขายังมีแฟนอยู่แล้วด้วย แฟนเขาก็มาหาพี่เหมือนกัน”


“แล้วเขาทำร้ายพี่ยีนหรือเปล่าคะ!!”


น้องรหัสผมถามเสียงดังอย่างตกใจทันที ท่าทางของเธอดูเป็นห่วงเป็นใยผมมาก เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วพยายามสังเกตร่างกายของผมว่ามีอะไรผิดปกติหรือบุบสลายหรือเปล่า ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเศร้า


“ที่พี่ยีนต้องแต่งหน้าเพราะมันทำพี่ใช่มั้ยคะ”


“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เรื่องเล็กน้อย”


“เพราะแซนแท้ๆ แซนขอโทษนะคะ”


“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่เป็นอะไรจริงๆ” ผมปลอบเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่เลิกคิดมากอยู่ดี ผมเลยต้องเปลี่ยนคำปลอบใจ “ไม่เอาน่า แซนอย่าทำหน้าแบบนี้สิครับ ยิ้มๆ หน่อยนะ พี่ชอบแซนเวลายิ้มมากกว่า”


ได้ผลจริงๆ ครับ เธอระบายยิ้มออกมานิดหน่อย แม้จะดูฝืนไปบ้าง แต่ก็คงเพราะไม่อยากให้ผมไม่สบายใจ ถึงได้พยายาม


“แต่พี่ว่าน่าจะรีบจัดการเรื่องนี้นะ แซนจะได้สบายใจ ไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงทิวอีก แล้วก็จะได้ไม่มีใครถูกทำร้ายอีกด้วย”


“แซนก็อยากจัดการให้มันจบไป แซนไม่อยากให้ใครต้องโดนอย่างพี่ แต่แซนไม่รู้จะทำยังไงนี่คะ แค่เจอหน้ามัน แซนก็ไม่กลัวแล้ว แซนไม่ชอบสายตาของมันเวลามองแซน”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ว่าเราสองถามคนอื่นๆ ดีมั้ยว่าจะทำยังไงดี”


“จะไม่รบกวนพี่ๆ เกินไปเหรอคะ ทั้งที่เป็นเรื่องของแซน”


ถึงจะสนิทสนมกันอยู่พอสมควร แต่แซนก็ยังเป็นคนที่รู้ว่าสิ่งไหนควรไม่ควรล่ะครับ เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ดีทั้งหน้าตา แล้วก็นิสัยเลย ผมไม่ได้อวยน้องรหัสตัวเองนะครับ แต่แซนเป็นแบบนั้นจริงๆ


“พี่ว่าทุกคนเต็มใจช่วยแซนนะครับ”


“ขอบคุณมากนะคะ พี่ช่วยแซนหลายเรื่องเลย ถ้าพี่มีอะไรให้แซนช่วยพี่ได้บ้าง พี่บอกแซนนะ แซนจะช่วยพี่เต็มที่เลยค่ะ”


จากที่ดูเศร้าๆ อยู่เมื่อกี้ เธอก็กลับมาเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิมอีกครั้ง หน้าสวยๆ ติดยิ้มแบบนี้ ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนล่ะก็... คงจะขอจีบเธอแข่งกับไอ้เคลมล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมไม่มีความคิดอะไรแบบนั้นเลย คงเพราะ... มัน... คนเดียว







อ่านต่อข้างล่าง

v

v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 13-03-2013 01:21:35
ต่อจากด้านบน



v


v







หนังเข้าใหม่ประจำสัปดาห์กับอาหารตามร้านอาหารในห้างเป็นสิ่งที่ผมกับพี่ชมพูขาดไม่ได้ไปแล้ว เพราะผมกับมันชอบดูหนังเหมือนกัน แล้วมันก็เกี่ยวกับสิ่งที่เราทั้งคู่เรียนด้วย เพราะงั้นนอกจากออกมาดูหนังด้วยกันที่โรงแล้ว บางครั้งที่มีหนังเก่าๆ ดีๆ ไอ้พี่ชมพูก็จะไปหาผมที่บ้าน แล้วดูด้วยกันที่ห้องของผม


วันนี้อาหารที่เลือกเป็นอาหารญี่ปุ่นครับ ถือเป็นของชอบอย่างหนึ่งของผมเลยด้วยซ้ำ ผมเลยค่อนข้างมีความสุขกับการกิน เนื้อแซลมอนนิ่มแทบละลายในปากเป็นอะไรที่สวรรค์สุดๆ แล้ว ถึงผมจะชอบต้มยำกุ้งฝีมือแม่เป็นอันดับหนึ่งก็ตาม แต่แซลมอนสดนี่ก็ตามมาติดๆ เหมือนกัน


“ผมคุยกับแซนเรื่องไอ้เด็กเวรสองคนนั่นแล้ว”


ผมกลืนข้าวคำสุดท้ายที่ส่งเข้าปากไปเมื่อกี้ก่อนจะบอกพี่ชมพู เพราะจบบทสนทนาเรื่องหนังที่เพิ่งดูไปแล้ว พี่ชมพูเงยหน้ามองผมหน่อยๆ พลางเคี้ยวของที่อยู่ในปาก


“แล้วแซนว่ายังไงมั่ง”


“แซนบอกว่าเป็นคนที่มาจีบ แต่เธอไม่ได้ยุ่งอะไรด้วย มันคอยตามตื๊อจนเธอกลัว ผมเลยว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างที่จะให้มันเลิกยุ่งกับแซน”


“มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าแซนเชื่อได้”


คำถามของมันทำให้ผมตวัดหางตาไปมองแบบดุๆ แต่คิดว่ามันจะสะทกสะท้านเหรอครับ มันแค่ไหวไหล่แบบไม่ยี่หระว่าคำพูดของมันเข้าหูของผมหรือเปล่า


“แล้วมึงคิดวิธีการไว้ว่ายังไง”


“ยังไม่ได้คิด”


ผมตอบง่ายๆ เลย เพราะกะจะให้คนอื่นช่วยออกความเห็น แต่ไอ้พี่ชมพูก็ดูจะไม่มีไอเดียอะไรเหมือนกัน หนำซ้ำมันยังเสนอ


“ทำไมมึงไม่ให้ไอ้เคช่วยคิด มันคงเต็มใจช่วยน้องรหัสมึงเต็มที่”


“ถ้าให้ไอ้เคลมจัดการ คงไม่พ้นให้มันเป็นแฟนแซนแหละวะ ไอ้เหี้ยนี่มีโอกาสก็กอบโกยหมด พี่รู้หรือเปล่า ตอนนี้แม่งพยายามเอาใจแซนฉิบหาย แทบไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว”


“มันจริงจังขนาดนั้นเลย”


พี่ชมพูถามเหมือนไม่เชื่อ เพราะอย่างไอ้เหี้ยเคลม สันดานขุดยากว่ะ ถ้าเป็นไอ้กัสคงพอเชื่อได้หน่อย ผมคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าใครจะมาทนเป็นแฟนมันได้ คงน่าสงสาร


“จริงจัง แต่ไม่ที่สุด ผมว่าคงไม่มีใครบนโลกทำให้มันเลิกได้”


ถึงผมจะไม่ต่างจากมันเท่าไหร่ แล้วผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาหยุดผมได้ แต่วันนี้ผมกลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า ไม่คิดจะมองหาใครอีก เพราะไอ้พี่ชมพู ถึงจะเริ่มด้วยป๊า แต่ใจของผมก็เป็นอิสระพอที่จะชอบใครสักคน หรือหลายๆ คน แต่คนที่ผมรักกลับกลายเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมตอนนี้ ทั้งที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้เลยด้วยซ้ำ


“มันก็ไม่แน่หรอก มึงกับกูยังเลิกได้”


“ผมสงสารผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นว่ะ”


“ไม่เหมือนมึงกับกูที่โชคร้ายพอกันใช่ป่ะ ถึงมาเข้าคู่กันพอดี”


“ตีนดิ ผมออกจะคนดี”


ผมเตะขาไอ้พี่ชมพูใต้โต๊ะข้อหาที่มันด่าผม แต่พอมันโดนเตะไปทีก็ตอบโต้กลับ ใช้ขาใหญ่เป็นท่อนซุงของมันเกี่ยวขาของผมเอาไว้ พอผมกระชากกลับ มันก็รัดขาผมให้แน่นขึ้น แถมยังมีการยักคิ้วเย้ยผมเสียอีก


“วันนี้ไปคอนโดนกูหรือเปล่า”


“มีเหตุจำเป็นอะไรที่ผมต้องไปอีกเหรอครับ หน้าผมหายแล้ว”


ถึงจะไม่หายสนิท แต่ถ้าไม่สังเกตมากก็เห็นไม่ชัด ถ้าผมเลี่ยงเจอหน้าป๊าสักวัน คงไม่เป็นอะไร เพราะสองคืนที่ผ่านมา ผมว่ามันอันตรายสำหรับผมพอแล้ว ไม่อันตรายต่อการเสียตูดที่ผมไม่รู้ว่ามันจะนึกคึกผิดสัญญาขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็อันตรายต่อการเจ็บตัว เหมือนที่เมื่อวานมันรัดผมจนแทบจะเป็นจิ้งจกโดนประตูหนีบ


แต่ถึงผมจะมีเหตุผลดีๆ ให้ ก็ไม่เคยจะได้ผลอยู่ดี มันยิ้มๆ ตอบกลับมาจนผมหวั่นในใจ พลางเอาตะเกียบในมือจิ้มไหล่ผมเบาๆ อย่าว่าแต่ไอ้เคลมเลย หมีควายนี่แม่งก็ปัญญาอ่อนพอกัน


“อะไร”


สวนเสียงกลับไป แต่พอผมถามเท่านั้นแหละ ไอ้พี่ชมพูแม่งยิ้มกริ่ม ปากจะฉีกถึงหูอยู่ล่ะ แม่งบ้า


“ไปเหอะน่า”


มันไม่ตอบตรงประเด็นครับ แต่ว่าวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงแล้วดูดน้ำชาเขียวในแก้วไปอึกใหญ่ ก่อนจะฉุดมือผมให้เดินตามมันไป โดยที่มันหยิบสลิปสำหรับจ่ายเงินติดมือไปด้วย ผมที่ดูดน้ำในแก้วค้างอยู่เมื่อกี้ก็เหวอสิครับ มารู้ตัวอีกทีตอนที่มันจ่ายเงินที่แคชเชียร์แล้ว


ผมรีบดึงมือกลับ แต่อุ้งตีนหมีก็จับไว้แน่นเกินกว่าผมจะดึงออกได้ เพราะไอ้ชมพูแม่งแรงหมีควายสมชื่อที่ผมเรียกจริงๆ และยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากทวงถึงสัญญากับมัน ตัวผมก็ปลิวมาถึงรถแล้ว แสรดดดดดด ไม่ได้ใกล้ๆ เลยนะเว้ย!!


สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้คือการขึ้นรถไปแต่โดยดีแหละครับ เอาไว้ค่อยไปลุ้นเอาแล้วกันว่าแม่งจะทำเชี่ยอะไร เพราะถึงยังไงผมก็ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของมันง่ายๆ อยู่แล้ว ไหนจะสัญญาแล้วก็... ผมยังใช้ความสามารถในการตอแหลได้อยู่นะ ถึงจะไม่ได้ชอบทำอะไรแบบนั้นเลยก็เหอะ


ไอ้พี่ชมพูขับรถตรงไปคอนโดของมันอย่างที่ปากบอก ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงโดยสวัสดิภาพ ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องมันขับรถเท่าไหร่เพราะเห็นฝีมือกันอยู่ ถึงจะเจ็บใจที่ผมเคยแข่งแพ้มัน แต่รถมันอยู่ที่ผม ยังไงผมก็เหนือกว่าจริงมั้ยครับ


พวกเราขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน ตรงไปห้องมัน แล้วพอประตูห้องปิดเท่านั้นแหละ ไอ้เหี้ยยยย!!!!! แม่งกอดหมับรัดผมเข้าเต็มวงแขน ถ้าผมเตี้ยกว่านี้อีกสิบเซนต์ตัวผมคงจมลงไปในอกมันแน่ๆ ผมพยายามดันตัวแม่งออก แต่ไม่ออกครับ มันใช้พลังช้างสารของมันรัดผมแน่นกว่าเดิมจนตอนนี้ผมจะเละเป็นขี้อยู่แล้ว


“ไอ้พี่ชมพู ปล่อยเว้ยยยยยยยย!!!!”


“แป๊บเดียวนะ ขอกอดหน่อย”


มันทำเสียงอ้อนอย่างตอแหล แต่อย่าคิดว่าผมจะยอมตามใจมันนะครับ


“ผิดสัญญาเหรอ ฮะ!! อยากโดนกระทืบใช่มั้ย เออดีเลย แม่งจะเรียกพวกมากกระทืบกันให้ม้ามแตก หน้าหัก ปอดระเบิด”


“โอเคๆ ยอมแล้ว”


ผมบรรยายสรรพคุณยังไม่ทันเสร็จ มันก็รีบปล่อยผมให้เป็นอิสระทันที โด่ แม่งไม่แน่จริงนี่หว่าแล้วมาทำเป็นเก่ง


“เหอะ ผมยังไม่อนุญาตเลย อยากตายมากนักงั้นสิ”


ผมทำหน้าเอาเรื่องมันสุดๆ หลังจากช่วงหลังๆ ไม่ได้ทำมานาน แล้วก็ได้ยินเสียงมันบ่นอุบอิบเบาๆ เลยทำเสียงเข้มใส่


“เมียใครวะแม่งโคตรดุ”


“เมียเหี้ยอะไร อยากโดนว่าที่เมียกระทืบคอหักตายก่อนจะได้เป็นเมียมะ”


แต่ประโยคที่สวนกลับไปของผมดันทำให้มันยิ้มออกมาซะกว้าง อมดาวเสาร์ได้ทั้งดวง พึมพำ ‘ว่าที่เมีย’ แล้วมันก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหลุดพูดเหี้ยอะไรออกไป แสรดดดดดดดดด ไอ้ไฮยีนนนนนนนนน มึงบ้าไปแล้ววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!


“เฮ้ยๆ อันนั้นไม่ใช่ เข้าใจผิด ไม่ใช่ ผมไม่ได้พูด”


ผมพยายามปฏิเสธสุดชีวิต แต่แม่งไอ้พี่ชมพู ไอ้แฟนเวรๆ ของผมมันไม่เลิกพูดสักทีกับไอ้คำว่าว่าที่เมียเนี่ย จนผมทนไม่ไหว ต้องแหกปากดัง


“หยุดได้แล้วโว้ยยยยยย”

“สู้ไม่ได้ก็เอาเสียงข่มตลอดเลยนะ แล้วก็... จะโวยวายใส่ว่าที่ผัวไม่ได้นะ เพราะว่าผัวไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเมียเลย ไม่ได้ผิดสัญญา”


โอ๊ยยยยย กูจะประสาทตายห่าละ เจอไอ้กวนตีนนี่ ผมเลิกเถียงมันแล้วเดินดุมไปนั่งที่โซฟา หยิบรีโมตโทรทัศน์มาเปิด ตัดแม่งออกจากวงโคจรของโลกส่วนตัวเลย ไม่พอยังสั่ง


“เอาเป๊ปซี่ด้วย”


หลังจากผมสั่งมันให้รับบททาสในเรือนเบี้ย แม่งก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปห้องครัวแป๊บนึงแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเป๊ปซี่แก้วใหญ่ แต่มีแก้วเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องกินแบ่งกัน เออ ไม่เป็นไร ไม่ลำบากผมหรอกครับ แต่ลำบากมันต้องไปเติมใหม่หลายรอบ


ผมยกแก้วเป๊ปซี่กระดกน้ำสีน้ำตาลดำๆ นั่นเข้าปากไปสองสามอึกใหญ่ๆ ก่อนจะส่งคืนมัน มันก็รับไปดื่มต่อ ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะหน้าโซฟา แต่หลังจากนั้นดิ ทำให้เอาผมสะดุ้ง เพราะอยู่ๆ แม่งก็ล้มตัวลงมานอนแล้วเอาหัวหนุนตักผมเสียดื้อๆ


“หนุนตัก”


“ผมอนุญาตหรือยัง”


“อย่างกเลยนะ ตั้งแต่วันที่สัญญา ไม่ใช่ดิ สาบานเลย กูก็ไม่ได้ขัดใจมึงเลยนะ ขอกูได้แตะนิดๆ หน่อยๆ ให้กูครึ้มอกครึ้มใจบ้าง”


ดูแม่งใช้คำพูด เหมือนพวกหื่นกามฉิบหาย ผมเลยตบหน้าผากมันไปหนึ่งที แต่ดูค่าเสียหายที่แม่งคิดกับผม


“จูบชดเชยเลย เมื่อกี้มึงตบหน้าผากกู”


“มีคำสาบานข้อไหนที่ผมต้องชดเชยพี่เวลาที่ทำพี่เจ็บตัวหรือไง”


“มึงเอาเปรียบกูตลอด”


มันบ่นใส่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ จะเรียกร้องความสนใจก็เรื่องของมึงนะครับพี่ชมพู ผมหันไปมองทีวีที่เปิดค้างไว้อยู่ ไม่ได้มีรายการอะไรน่าสนใจหรอก แต่เปิดไว้อย่างนั้นเอง ให้มีจุดสนใจอย่างอื่นนอกจากมันบ้าง แต่ถึงผมจะทำอย่างนั้นแล้ว มันก็ยังไม่เลิกเรียกร้องความสนใจจากผมอยู่ดี


มือใหญ่ๆ นั่นดึงมือผมเอาไปกุมเอาไว้ ไม่ใช่กุมธรรมดาด้วย แต่แม่งสอดนิ้วมาตามง่ามนิ้วของผมให้มือของเราประสานกัน มือของมันอุ่นดีครับ แล้วก็ใหญ่กว่าผม... มันทำให้รู้สึกดีแบบแปลกๆ นะครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังทำหน้านิ่ง เสียงแข็งอยู่ดี


“ทำอะไรอีก”


“จับมือหน่อย”


เหมือนเป็นการบอก ไม่ใช่การขออนุญาต แต่ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ถือเป็นกำไรให้มันนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ เพราะตั้งแต่สาบานครั้งนั้น โคตรจะไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะทำได้ ถึงจะคอยหาลู่ทางเอาตัวรอดอยู่หลายครั้งก็เหอะ แต่พอผมท้วง มันก็ไม่เคยดื้อดึงเอาชนะจริงๆ สักที


ผมปล่อยให้มันจับมือผมอย่างนั้น มันก็ลูบเล่นบ้าง บีบมือผมเล่นบ้างเหมือนคนไม่มีอะไรทำ แต่สักพักก็หลับไป ผมที่คอยเหลือบมองมันอยู่บ่อยๆ เลยหลุดยิ้มออกมานิดๆ เพราะมันเล่นนอนกอดมือของผมเอาไว้เลย นึกว่าจะมีคนแย่งไปหรือไง


คิดแบบนั้นแล้วผมก็ขำกับตัวเอง พลางมองหน้ามันไปด้วย หน้าตอนหลับของมันไม่ได้ทำให้มันหล่อขึ้นกว่าตอนตื่นหรอกครับ ก็ยังเป็นหน้าหล่อๆ ของไอ้พี่ชมพูหมีควายคนเดิม ยังดูไว้ใจไม่ได้เหมือนเดิมว่ามันจะลืมตาตื่นขึ้นมาตอนไหน แต่ถึงจะไม่รู้ ผมก็ทำในสิ่งที่อยากทำลงไปอยู่ดี …จูบเบาๆ ที่ปากของมัน


ถ้าแม่งรู้ต้องร้องโห่ฮิ้วยิ่งกว่าชะนีได้ผัวแน่







=======================
ย่องมาตอนดึกๆ เหมือนเดิม
ตอนนี้มาเร็วหน่อย ถือเป็นการแก้ตัว
มีการตัดพ้อกันเล็กๆ น้อยๆ ด้วย
แต่ที่สุดคือน้องยีนหลุด "เมีย" ออกมา
แล้วก็น่ารักตรงแอบจุ๊บพี่ภูนี่แหละ นานๆๆๆๆๆ จะมีแบบนี้  :z2:


ตอบคำถามเรื่องรวมเล่มนะคะ
อยากทำค่ะ ตอนนี้ก็ดูๆ รายละเอียดเกี่ยวกับการทำหนังสืออยู่
ไว้จะอัพเดทอีกทีนะคะ ขอบคุณที่สนใจค่ะ


ปล. ขอบคุณคนใหม่ๆ ที่เข้ามาตามอ่านด้วยนะคะ


ตอบอันนี้อีกนิดนึง



เด็กสมัยนี้มันแรงแท้
เป็นนศ.แต่ประกาศว่าคนนี้นั้นโน้นผัวหนู


อือหือ กลัวไม่มีขนาดหนักนะ

ถึงจะรู้ว่านี่มันนิยายแต่ก็อดคิดไม่ได้แฮะว่า ถ้าในความเป็นจริงมีแบบนี้ หรือเจอแบบนี้
ต้องสงสารพ่อแม่หรือลูกของเด็กคนนี้ในอนาคต

ไม่ต้องถึงขั้นเป็นนักศึกษาค่ะ ตอนนี้เด็กมัธยมเป็นแบบนี้ก็หลาย
เรื่องจริงมันกลัวกว่าในนิยายเสียอีก


Undel2Sky
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 13-03-2013 02:12:50
อ่านจนจบ... (ในมือถือเลยไม่ได้โพส) แต่ตอนพิเศษได้อ่านในคอม

รู้สึกชอบไฮยีน แต่ก็หมั่นไส้
โดยใจจริงไม่เข้าใจว่า... ศัตรูเยอะ แต่ถึงขั้นต้องพรางขนาดนี้เลยหรอ
โอ้ว *-*

ยังไงก็ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ ตอนพิเศษ1.2:ความสวยคือหายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 13-03-2013 06:32:29
น้องแซนนี่น่ารักใส ๆ จิงรึป่าวเนี่ย??

คู่นี้น่ารักอีกแล้ววว ถ้าเอาคำสาบานออกจะดีมาก -..-
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 13-03-2013 08:09:57
ตอนแรกแอบคิดว่าแซนน่ารักแต่รู้สึกว่าแอบไม่น่าเชื่อนิดนุงงงงง แถมพี่ชมพู ยังจะถามอีกว่าเชื่อได้มั้ยถึงกับเงิบเลยทีเดียววว
แต่คิดไปคิดมา  หรือว้าแซนจะดี แต่ที่ไม่น่าไว้ใจสำหรับพี่ชมพูคือแซนชอบยีน แต่เรื่องอื่นไว้ใจได้น่ะ กร๊ากกกกก
ปล.อยากเห็นพี่ชมพูร้องดีใจเป็นชะนีได้ผัวววสะจริงๆๆๆเบยยยยยย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 13-03-2013 13:17:05
เมื่อไรไฮยีนจะใจอ่อนให้พี่ชมภูอ่าคะ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-03-2013 13:47:46
แซนตกลงเป็นคนยังไง?
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 13-03-2013 15:47:02
เมื่อไหร่น้องยีนจะเป็นเมียจริงๆล่ะเนี่ย.

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 13-03-2013 16:16:46
มาต่อไวๆนครับ มันแบบว่าอยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 13-03-2013 17:55:47
เกงยีนแอบจุ๊บด้วยอ่า :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bowstory2 ที่ 13-03-2013 21:06:45
ยีนเหมือนเด็กเลยอะ น่ารักเป็นบ้า <3
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 16-03-2013 07:52:09
 :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 16-03-2013 09:39:24
มาคอยติดตามกันต่อ แซน จะดีหรือร้าย
คงจะได้รู้กัน ใน "ตอนต่อไป"
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ [13/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: auw ที่ 22-03-2013 18:47:06
รอตอนไป อิอิ  o13  :L2:  :กอด1:  :pighaun:    :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 22-03-2013 21:22:41
ตอนพิเศษ 1.3 (จบ) : ความสวย คือ หายนะ





















วันนี้ผมก็เจอแซนครับ เรียกได้ว่าเจอกันทุกวันเลยดีกว่า ตอนนี้เธอมานั่งยิ้มๆ ที่โต๊ะประจำของผม ด้วยเหตุผลที่ผมเพิ่งจะรู้เมื่อวาน และก็เหมือนเดิม แขกประจำไม่ได้รับเชิญ ไอ้พี่หมีควายนั่นแหละครับ ตอนนี้สงสัยแม่งไม่มีคนคบแล้ว เพราะพี่เจ๋งก็ไปอยู่กับพี่ต้นพี่ปาล์มประหนึ่งสามผัวเมียกันเลยทีเดียว ทิ้งให้ไอ้เหี้ยนี่เกาะผมเหนียวหนึบยิ่งกว่าขี้ผสมกาวตาช้างชักว่าวเสียอีก


แต่ช่างเถอะครับ ตอนนี้ผมมีสิ่งสำคัญมากกว่านั้นที่จะปรึกษาหารือกับพวกเพื่อนๆ นั่นก็คือการทำให้แซนเป็นอิสระจากไอ้เด็กเวรที่ชื่อว่าทิวกับเมียของมัน ผมเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้เพื่อนฟัง เพราะถึงมันจะเป็นเรื่องที่ยังไม่ก่อความเสียหายกับแซน แต่มันก็ทำให้เธอกลัวเวลาที่นึกถึง และตลอดเวลาที่ผมเล่า ผมก็หันไปยิ้มให้เธอเรื่อยๆ เพื่อให้เธอสบายใจและวางใจว่าพวกผมจะช่วยเธอได้


“พวกมึงคิดว่ายังไง มีวิธีที่จะจัดการมันหรือเปล่าวะ”


“เอากูไปเปิดตัวเลย บอกว่ากูนี่แหละแฟนน้องแซน ใครหน้าไหนกล้ายุ่ง กูจะบึ้มหัวแม่ง”


เป็นอย่างที่ผมคิดไม่มีผิด ไอ้พี่ชมพูเลยหันมายิ้มๆ กับผมแบบรู้กัน ซึ่งความคิดของไอ้เคลมก็ไม่ได้เข้าตากรรมการอีกสองคนเหมือนกัน ไอ้กัสสวน


“เขาจะแจกตีนให้มึงกินเล่นๆ ล่ะสิ หน้าตามึงน่ากลัวมากนะไอ้ตี๋”


“ถึงจะตี๋ แต่กูก็หล่อนะเว้ย”


“เกี่ยวตรงไหนวะ”


ไอ้กราฟตอบกลับอย่างปลงๆ ไอ้กัสเลยเสนอแบบแฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่าย


“พี่ว่าแซนควรไปคุยกับเขานะครับ พูดกันไปตรงๆ ทำความเข้าใจกัน จะได้เคลียร์กันไป”


“อันนี้พี่ก็เห็นด้วยอยู่ มันน่าจะง่ายที่สุดแล้ว แต่แซนไม่ต้องกลัวนะครับที่จะต้องไปคุยกับมัน เพราะพวกพี่ก็จะไปด้วย”


โอ้วววว นอกจากมันจะดีกับเพื่อนอย่างผมแล้ว ไอ้กราฟมันยังเผื่อแผ่ความใจดีของมันไปถึงน้องรหัสของผมด้วย สมกับเป็นนายกฤติกรที่แสนดีและเอาใจใส่คนรอบข้างเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ใครได้เป็นผัวโชคดีตายเลยครับ ตอนนี้ไอ้ไนล์คงเปรมปรีดิ์ มีผัวดีเหมือนถูกล็อเตอร์รี่สิบปีซ้อน


“ใช่ครับ พี่ก็จะไปกับแซนด้วย ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก มันอาจจะไม่กลัวพี่ แต่มันก็คงกลัวไอ้กัส ไอ้กราฟบ้างล่ะ”


“แล้วกูล่ะ”


ไอ้เคลมยังเสือกเหมือนเดิมเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ยกยอเชิดชูความดีความชอบของมัน แต่ผมทำหูทวนลมครับ เสนอชื่ออีกคน มันเลยทำปากแง่งๆ ใส่ผม ผมมีเพื่อนเป็นหมาบ้าตั้งแต่เมื่อไหร่


“หรืออย่างน้อยๆ มันก็ต้องกลัวพี่ภู”


“ครับ ถ้ามันยังไม่เลิกยุ่งกับแซน พี่จะให้คนของพี่จัดการ”


“มาเฟียว่ะ”


ผมเอนตัวไปทางคนวางกล้าม แขวะมันนิดๆ ให้ได้ยินกันสองคน มันเลยเอนตัวมากระซิบผมเหมือนกัน


“ก็คนมันมีคนนับหน้าถือตาเยอะ”


“เก่งแต่ใช้กำลังหรือเปล่าครับ”


“แล้วน้องยีนอยากถูกพี่ใช้กำลังด้วยหรือเปล่าครับ หึหึหึ”


มันหัวเราะเจ้าเล่ห์ท้ายประโยคจนน่าเอาตีนยัดปาก แต่ผมทำแบบนั้นไมได้ครับเพราะน้องรหัสสุดสวยอยู่ด้วยเลยต้องสร้างภาพโดยการเลื่อนมือไปหยิกพุงมันแทนจนมันร้องออกมาเสียงดัง เรียกสายตาจากทุกคนที่โต๊ะได้ แต่ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมคงรู้หมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีแค่แซนที่ทำหน้างงๆ ผมจึงได้แต่บอกว่า ไม่มีอะไร แล้วก็ชวนให้ไปหาไอ้ทิว


ผมจับมือแซนเอาไว้เพื่อให้เธอสบายใจ และรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญอันตรายคนเดียว พวกผมหกคนรวมแซนเดินตรงไปยังชั้นเรียนของเด็กปีหนึ่ง เมเจอร์ทีวี ให้ใครคนหนึ่งเรียกคู่กรณีออกมาคุยให้รู้เรื่องเพราะอาจารย์ยังไม่เข้าสอน ซึ่งไอ้คนที่ถูกเรียกก็ทำสีหน้าตกใจเพราะเห็นพวกผมมาครบแก๊ง ถึงผมจะดูไม่เข้าพวกที่สุดก็ตาม


มือของแซนกระตุกนิดหน่อยเพราะผมเป็นคนเรียกเธอหลังจากพวกเรามาหาที่สงบๆ คุยกันได้แล้ว ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ ก็หลังคณะที่ผมกับแซนเคยมาคุยกันเรื่องนี้ ส่วนคนที่เหลือยืนล้อมวงให้อารมณ์เหมือนจะมารุมกระทืบไอ้เด็กทิว


“คือ... เราขอโทษนะ” แซนพูดแบบตะกุกตะกัก เหมือนกล้าๆ กลัวๆ ผมเลยบีบมือของเธอที่ผมยังกุมเอาไว้เบาๆ เพื่อให้กำลังใจ ซึ่งมันก็ช่วยแซนได้อย่างที่คาดหวังไว้ เพราะเธอพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจนขึ้น “แต่อย่ามายุ่งกับเราอีกเลย”


“แซนมาพูดกับทิวแบบนี้ แล้วยังเรียกพวกพี่พวกนี้มาข่มขู่ทิวอีกงั้นเหรอ”


ไอ้เด็กเวรนั่นหาเรื่อง คงเพราะเห็นว่าผมจับมือแซน แต่ผมก็ยังรักษาอาการให้สงบได้ ผิดกับไอ้เหี้ยเคลมที่ดูเหมือนจะอารมณ์ขึ้นอยู่หน่อยๆ ที่ถูกกล่าวหา


“พวกพี่ๆ เขาไม่ได้มาข่มขู่ทิว แต่เขามาเพราะเป็นห่วงเรา ทิว... เราบอกตรงๆ เลยนะ เราไม่ได้ชอบทิว แล้วก็ไม่ได้คิดจะชอบด้วย แล้วที่เราต้องมาพูดแบบนี้เพราะเราไม่อยากให้ทิวต้องทำร้ายใคร ทิวทำร้ายพี่รหัสของเรา คิดว่าเราจะชอบเหรอ”


“แต่แซนก็เอาแต่อยู่กับมันไม่ใข่หรือไง ทิวเลยไม่ได้อยู่กับแซนสักที”


“ไม่ใช่ ที่ทิวไม่ได้เข้าใกล้เราเพราะเราเลี่ยงเอง เรารู้ว่าทิวหาโอกาสที่จะเข้ามาคุยกับเรา แต่เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เราไม่อยากคุยกับทิว แล้วเราก็...กลัวด้วย”


ประโยคท้ายนี่เหมือนจะทำให้ไอ้เด็กนั่นช็อกอยู่เหมือนกัน ตลอดมามันไม่รู้ตัวหรือไงว่าทำให้คนที่มันชอบกลัวขนาดไหน


“เรากลัวจริงๆ นะทิว เราไม่รู้ว่าทิวจะทำอะไรเราหรือเปล่า แล้วยิ่งเห็นทิวคอยตามเรา เราก็ยิ่งกลัว เพราะงั้นเลิกเถอะนะ ต่างคนต่างอยู่ ทิวก็มีคนของทิวแล้ว”


“ทิวทำไม่ได้ ทิวไม่ได้มีใครนะแซน”


มันพยายามอ้าง แต่คำอ้างของมันฟังขึ้นที่ไหน งั้นยัยเด็กที่มาตบผมนี่ใคร? แม่มันหรือไง


“ทิว อย่าโกหก เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขามาทำร้ายพี่ยีน มาทำร้ายพี่รหัสของเรา เราทนไม่ได้จริงๆ ที่ดึงคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วย แล้วยังทำร้ายเขาอีก ทั้งที่พี่ยีนดีกับเรา ดูแลเราอย่างน้องรหัสคนหนึ่ง แต่กลับถูกทำแบบนี้”


มือของไอ้ทิวกำแน่น เหมือนกำลังโมโห อย่างกับจะไปซ้อมผู้หญิงคนนั้นเสียให้ได้ กูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นนะเว้ย ถึงเมื่อก่อนผมจะมีเรื่องกับคนไปทั่ว กวนตีนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แต่ผมก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงโดยใช้กำลังนะครับ เพราะแบบนั้นมีแต่พวกหน้าตัวเมียทำกัน


“ทิวอย่าทำร้ายผู้หญิงคนนั้นนะ แซนขอ ในเมื่อทิวกับเขาคบกันแล้วก็ดูแลกันให้ดี อย่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ สักวันนึงทิวกับเราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้ แต่ตอนนี้เราอยากให้ทุกอย่างจบ จะได้มั้ย”


“ทำไมต้องเป็นทิวที่ต้องจบ ทำไมแซนไม่ลองเปิดโอกาสให้ทิวบ้าง”


“เพราะตอนนี้ทิวมีคนของทิว แล้วแซนก็มีคนที่แซนชอบแล้ว”


ไม่ใช่แค่ไอ้ทิวนั่นที่ตกใจหรอกครับ เพื่อนของผมที่หมายปองเธอก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน มันหันขวับมามองผม เสร็จแล้วก็หันไปหาไอ้พี่ชมพู เหมือนจะหาตัวการที่ทำให้เธอชอบ ผมจึงไหวไหล่นิดๆ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนคนนั้นเป็นใคร


“ใคร แซนชอบใคร”


“เรายังบอกทิวตอนนี้ไม่ได้ แต่สักวันถ้าเราสมหวัง ทิวก็จะได้เห็น หรือถ้าเราผิดหวัง เราก็คงไม่ต่างจากทิวที่ต้องตัดใจ ไม่มีใครสมหวังในทุกอย่าง แต่ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะตัดใจและปล่อยวาง”


ผมว่าประโยคสุดท้ายนี่เด็ดพอดูนะครับ น้องรหัสของผมเป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดอะไรแบบนี้ได้ ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน แล้วผมก็คงแสดงออกทางสีหน้ามากพอดู ไอ้พี่ชมพูที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงได้เหล่ตามองแบบล้อเลียน


ทำไมล่ะวะ ก็คนมันภูมิใจ อะโด่ ไม่มีน้องรหัสให้รู้สึกแบบนี้อะดิ


ผมไม่ได้โม้นะครับ แต่ผมว่าสายรหัสของไอ้พี่ชมพูคงสูญพันธ์ในรุ่นมันแน่นอน เพราะหลานรหัสปีหนึ่งของมันก็ชิ่งหนีตั้งแต่วันปฐมนิเทศ ไร้ทายาทสืบสถุลแล้วมึงเอ๊ย (ไม่ใช่สกุลนะครับ)


“แซนจะไม่เปิดโอกาสให้ทิวจริงๆ เหรอ”


จากที่เสียงแข็ง ตอนนี้เสียงมันอ่อนลงมาก แทบจะอ้อนวอนอยู่แล้ว มันคงจะชอบแซนมากล่ะครับ แต่แม่งเสือกโง่ ใช้วิธีไม่ถูกเอง เพราะงั้นก็บาย มึงหมดโอกาสแล้วว่ะ


“เรา... ขอโทษนะ แล้วทิวก็ทำตัวดีๆ กับผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ เพราะที่เขามาทำร้ายพี่ยีนก็เพราะว่าเขารักทิว”


น้องรหัสผมพูดอย่างนิ่มนวลที่สุด แล้วก็ดูเหมือนไอ้เด็กทิวจะยอมรับ หรือจะเรียกว่าจำใจยอมรับก็แล้วแต่ พวกผมจึงเดินออกมาจากตรงนั้น ให้มันได้ใช้เวลาทำใจเงียบๆ คนเดียว แต่ไอ้เหี้ยเคลมก็ไม่วายไปขู่มันอีก แมนมากเพื่อนกู


“แซนบอกมึงอย่างนี้แล้วก็ทำให้ได้ด้วยล่ะ ถ้ามึงยังรังควานแซนอีก มึงเจอกูแน่”


แต่ไอ้เคลมก็ไม่ได้ปากมากตามสะดวกหรอกครับ เพราะเจอไอ้กัสตบกบาลเข้าให้หนึ่งที่แล้วลากมันออกมาซะ เออ สมควรเป็นอย่างยิ่ง


พวกเรากลับมานั่งที่โต๊ะประจำ แซนก็ขอบคุณพวกเรากันใหญ่ ทั้งที่พวกผมไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เป็นเพราะแซนจริงใจที่จะบอกไอ้เด็กเจอร์ทีวีอย่างตรงไปตรงมา แล้วคำพูดของเธอก็พอจะเรียกสติมันได้ เรื่องถึงจบลง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ค้านอยู่ดี


“แต่ถ้าไม่มีพวกพี่ๆ แซนก็คงไม่กล้าไปพูดกับทิวนะคะ ถ้าพี่กัสไม่เสนอให้ทำแบบนี้ พี่กราฟไม่บอกว่าจะไปด้วย พี่เคไม่พร้อมจะช่วยแซน ไม่มีพี่ภูที่ทำให้มั่นใจ แล้วก็... ไม่มีมือของพี่ยีนที่คอยจับเอาไว้ ให้กำลังใจแซนอยู่ตลอด แซนคงทำไม่ได้ แซนขอบคุณมากนะคะ”


พวกเราต่างยิ้มให้เธอครับ แต่ติดอยู่หน่อยๆ ตรงที่หางตาของใครต่อใครทำไมต้องมองผม แถมฟิลก็ต่างกันด้วย ไอ้กัสกับไอ้กราฟออกแนว... กูว่ามึงต้องกำลังแย่งเรตติ้งจากแซนไม่ให้ไปเกยที่ผัวมึง/พี่ภูแน่ จริงๆ นะครับ สายตาของไอ้ห่ากัสมันบอกผมแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่ผมกับพี่ชมพูยังไม่ได้เป็นผัวเมียกันเลยยยยย แม่งจะรีบยกตูดกูให้ไอ้หมีควายอะไรนักหนา ส่วนไอ้เคลมจะเป็นแบบ... มึงอย่าแย่งกู ออกแนวอาฆาตๆ แล้วคนสุดท้าย ให้อารมณ์เหมือน มึงอย่าอ่อยน้อง ไม่งั้นมึงจะโดนกูสอย (ตูด) แน่ แต่ถามว่าผมกลัวมั้ย รู้ๆ กันอยู่... ถ้ามันทำจริงก็กลัวสิครับ


“เอ่อ...” เมื่อสถานการณ์เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น แซนก็เกริ่นเสียงออกมาอย่างไม่แน่ใจ “วันนี้แซนกลับบ้านด้วยมั้ยคะ เพื่อนมันทิ้งแซนไปกับแฟนอีกแล้วอะ”


ถึงคำถามนี้จะดูเหมือนถามผม แต่ก็เป็นการถามไอ้พี่ชมพูด้วยเหมือนกัน เพราะเธอรู้ว่าผมกลับกับมันทุกวัน แต่ใช่ว่าคำตอบจากผมจะทันไอ้เพื่อนหน้าหม้อนะครับ ไอ้สัดเคลมมันโพล่งออกมาทันทีเหมือนกลัวว่าจะไม่ทันคำตอบของผม แต่คำตอบของมันก็ช่างเอาใจตีนผมเหลือเกิน


“ให้พี่ไปส่งก็ได้นะครับน้องแซน พี่เต็มใจ อย่าไปขัดคอไอ้ยีนกับพี่ภูเลย”


ผมใกล้จะยกมือตบกบาลมันแล้ว ดีว่าแซนสวนกลับมาเสียก่อน ผมแทบหลุดหัวเราะ


“ถ้าให้พี่เคไปส่ง แซนกลัวจะไม่ถึงบ้านน่ะสิคะ แต่ถ้าเป็นพี่กัส...อาสา แซนจะไป”


ตอนพูดถึงไอ้กัสที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ แซนก็หันไปยิ้มๆ ให้แถมด้วยเม้มปากนิดหน่อย ไม่แปลกหรอกครับที่จะอ้างถึงไอ้กัส เพราะนอกจากไอ้เคลมกับไอ้กัส ก็ไม่มีใครที่ไร้พันธะแล้วในที่นี้ แต่ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าตาของเธอเป็นประกายขึ้น แล้วเพราะอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของเธอขึ้นมาได้ว่าเธอมีคนที่ชอบแล้ว


ผมพยายามสังเกตน้องรหัสของตัวเองที่ยังมองไอ้กัสอยู่ ผมว่าตอนนี้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วนะเนี่ย ความคิดก่อนหน้าของทุกคนคงเงิบหมดถ้ารู้ว่าคนที่แซนพูดถึงไม่ใช่ผมและไอ้พี่ชมพูอย่างที่คาดไว้ โดยเฉพาะไอ้หมาเคลม


“เหอ น้องแซนไม่รู้อะไรซะแล้ว เห็นเงียบๆ มาดดีแบบนี้ แต่มันก็เหมือนพี่นั่นแหละครับ พี่ออกจะปลอดภัย คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น ไม่เหมือนมัน น่ากลัวจะตาย คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ บรึ๋ยๆ”


เพื่อนปัญญาอ่อนของผมทำเสียงประหลาด พลางเอาแขนสองข้างไขว้กันแล้วใช้มือลูบต้นแขนของตัวเองไปมา ทำอย่างกับกำลังฝ่าพายุหิมะแล้วหนาวจนตัวจะแข็งอย่างนั้นแหละ แต่ก็ทำให้แซนหลุดหัวเราะออกมาได้หน่อยๆ


“แต่เพื่อนๆ แซนเคยบอกว่าคนที่เป็นแบบนี้มีเสน่ห์ น่าค้นหา น่าหลงใหล มันเหมือนมีแรงดึงดูดให้เราอยากเข้าใกล้นะคะ”


“ครับ หึหึ”


ไอ้พี่ชมพูแม่งหัวเราะแบบกวนตีนแล้วเหล่ตาไปทางไอ้กัสเหมือนตัวเองชนะยังไงยังงั้นแหละ เพราะไอ้กัสเคยเตือนว่าแซนจะชอบมัน แต่ตอนนี้เหมือนว่าทุกอย่างจะกระจ่างแล้วว่าคนที่แซนชอบเป็นใคร อาจเพราะว่าผมไม่เคยสังเกตมาก่อนก็ได้ แต่พอมามองชัดๆ แล้ว มันมองเป็นแบบอื่นไม่ได้ เพราะสายตาของแซนเวลามองผมหรือไอ้พี่ชมพูเป็นอีกอย่างเลย


“ถ้างั้นให้พี่ไปส่งแทนมั้ยครับ”


พ่อเทพบุตรของผม ที่ไม่ใช่ไอ้พี่หมีควายอย่างแน่นอนเสนอตัว แต่ก็โดนเพื่อนกามๆ ของผมสกัดกลับไป


“มึงไม่ต้องเสือกเลยกราฟ มึงมีเมียแล้ว ดูแลเมียมึงนู่น”


เมียของไอ้กราฟที่พูดถึงก็ไม่ใช่ใครครับ รู้ๆ กันอยู่ ตอนนี้มันก็ไม่ได้ปิดบังอะไรใครแล้วว่ามันเป็นแฟนกับไอ้ไนล์ ถึงผมจะเจ็บใจอยู่บ้างที่มันเอาไอ้ไนล์ที่เคยทำเหี้ยๆ กับมันมาเป็นแฟน แต่ในเมื่อมันตัดสินใจแล้ว ผมคงทำอะไรไม่ได้


บางทีมันอาจจะดีก็ได้ เพราะเพื่อนรักที่สุดของผมก็มีความสุขและลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตแล้ว แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ลืมเรื่องมิ้น แต่มันไม่จำว่าความรู้สึกที่มีต่อมิ้นมีมากแค่ไหน แต่ผมกับมันก็สมกับเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ นะครับ มีแฟนในเวลาใกล้ๆ กัน แล้วยังเป็นผู้ชายเหมือนกันเสียอีก แถมไม่มีใครนึกถึงว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้


“ไม่ต้องเสนอหน้ากันแล้ว กูไปส่งน้องเอง”


ผมตัดปัญหาไป เพราะไม่อย่างนั้นไอ้เคลมคงก่อเรื่องอีกนาน ไอ้กราฟกับกัสเลยพยักหน้าเห็นดีเห็นชอบด้วย ถึงไอ้พี่ชมพูจะไม่พูดอะไร แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ยังดีว่าช่วงนี้อยู่ในช่วงระงับสัญญาณ มันเลยเรียกร้องอะไรจากผมไม่ได้ ถ้าไม่ติดล่ะก็ มันโวยแน่ที่เสียเวลาในการลวนลามผม


ต้องใช้คำว่าลวนลามจริงๆ ถึงผมจะไม่เคยคิดว่าต้องเอาคำนี้มาใช้กับตัวเองก็เหอะ แต่ตั้งแต่เป็นแฟนกับมัน เปลืองตัวฉิบหายเลย แล้วผมเป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยไง แม่ง ถึงบางครั้งผมจะเริ่มจูบมันก่อนตามสัญชาตญาณผู้ชายก็เหอะ แต่ไอ้เรื่องล้วงควัก ผมก็ยังพอมียางอายอยู่นะครับว่าไอ้คนที่ผมทำด้วยนี่มันผู้ชาย เลยไม่เคยจะเริ่มก่อน ไม่เหมือนไอ้พี่ชมพู ไม่รู้พิศวาสอะไรผมนักหนา ถ้าผมยอมมัน ผมอาจจะโดนมันเสียบ ทะลวงถึงไส้ ม้ามไหลเป็นสิบๆ รอบแล้วมั้ง


ต้องยอมรับแหละครับว่ากลัวเหมือนกัน ก็มันใช่ทางปกติที่เขาจะทำอะไรแบบนี้กันซะที่ไหนเล่า ถึงตอนเล้าโลมมันจะรู้สึกดีก็ตามเหอะ นั่นแหละ คือหนึ่งในเหตุผลที่ผมให้มันสาบานแบบนั้น ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดก่อนล่ะวะ เพราะจะให้ผมเป็นฝ่ายแทงมันก่อน ผมก็กลัวว่ามันจะแทงผมกลับมาแบบไม่ยั้ง ไอ้นี่ยิ่งบ้าพลังอยู่ เอาแบบให้ผมสมยอมดีกว่า อย่างน้อยก็น่ากลัวน้อยกว่า (มั้ง)


ออกทะเลไปไกลแล้ว เข้าเรื่องๆ ผมกับไอ้พี่ชมพูเดินมาที่รถหลังจากล่ำลาเพื่อนรักแอนด์เดอะแก๊งแล้ว แซนก็เดินตามมาเหมือนกัน เพราะผมสัญญาว่าจะไปส่งเธอ แต่พอมาถึงรถ ผมก็คว้าประตูด้านหลังก่อนเลยครับ โยนตัวเข้าไปทันที แล้วยังตบเบาะเรียกให้แซนมานั่งข้างๆ ด้วย ฮ่าๆ วันนี้ผมจะให้ไอ้พี่ชมพูเป็นคนขับรถให้ แต่ดูเหมือนแซนจะไม่เก็ทเท่าไหร่ ผมเลยตบเบาะอีก


“เข้ามาสิครับแซน”


“แต่... แล้วพี่ภูล่ะคะ”


“พี่ภูก็ให้ขับรถไปสิครับ รถของเขานี่นา”


“ยีนจะให้พี่เป็นคนขับรถสินะครับ”


ไอ้พี่ชมพูมองผมตาขวางแฝงแววอยากขย้ำผมเหลือเกิน แต่ผมก็ลอยหน้าลอยตากวนตีนมันเหมือนทุกที ตอบด้วยเสียงที่เพิ่มความกวนเข้าไปอีก


“พี่จะเข้าใจว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ผมอยากนั่งกับน้องรหัสนี่ครับ ถ้าให้แซนนั่งคนเดียวจะเหงา”


ผมลากมือแซนให้ลงมานั่งข้างกันทันที แซนเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากมองหน้าผมแบบจะดีเหรอพี่ แต่ผมก็ยิ้มให้แล้วบอกให้เธอปิดประตู น้องรหัสผู้เชื่อฟังพี่รหัสที่เป็นเทวดาหน้าจืดทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นมารร้ายรูปหล่อแบบผมก็เลยต้องทำตาม


ไอ้พี่ชมพูที่ปฏิเสธไม่ได้เลยต้องขึ้นรถมาด้วยหน้าบูดหน่อยๆ แต่แค่แป๊บเดียวแหละครับ เพราะมันหันมาถามแซนด้วยหน้ายิ้มแย้ม เหอะๆ สร้างภาพตลอด แล้วพอรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก็ออกรถไป ผมจึงนั่งคุยกับแซน ไม่สนใจคนขับรถที่มองผมผ่านกระจกส่องหลังเป็นพักๆ จนไปหยุดอยู่หน้าเซเว่นเอาดื้อๆ ผมกับแซนหันไปมองหน้ากันทันที


“พี่อยากกินไอติม แวะกินแป๊บนึงคงไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”


คนขับรถหันไปบอกสาวสวยที่นั่งข้างผมก่อนจะลงจากรถ ดีหน่อยที่มันเลือกแวะเซเว่นตรงตึกแถวที่มีที่จอดรถ เลยไม่เกะกะรถคันอื่น


“ทำไมมากินไอติมที่นี่ล่ะคะ หรือว่ามีร้านอร่อยอยู่ข้างใน”


แซนถามผมอย่างสงสัย แน่ล่ะ เพราะครั้งแรกที่ผมกินไอติมกับไอ้พี่ชมพู ผมก็งงเหมือนกัน ผมเลยตอบเธอกลับไปยิ้มๆ


“เดี๋ยวก็รู้ครับ”


แล้วมันก็เดี๋ยวอย่างที่ผมบอก เพราะแค่แป๊บเดียวพี่ชมพูก็กลับเข้ามานั่งในเลกซัส มันหักไอติมยักษ์คู่รสส้มอย่างที่เคยทำให้ผมแท่งนึง แล้วยื่นแมกนั่มแท่งละสี่สิบบาทให้แซน ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนครับ??????????


“ทำไมพี่สองคนถึงกินยักษ์คู่ด้วยกันล่ะคะ”


แซนยังคงเป็นเจ้าหนูจำไม ผมเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน  แต่ไอ้พี่ชมพูไหวไหล่แล้วตอบกลับมาแบบไม่ค่อยแยแสเท่าไหร่ว่าผมจะรู้สึกเหมือนมันหรือเปล่า


“พี่ชอบน่ะครับ”


“พี่ยีนก็ชอบเหมือนกันเหรอคะ”


คราวนี้สายตาของแซนเป็นประกายมากขึ้นกว่าเดิมนิดนึง เหมือนอยากรู้จริงๆ ว่าผมชอบกินยักษ์คู่รสส้มนี่หรือเปล่า ผมเลยตอบได้แค่...


“มันก็ดีนะครับ”


จากนั้นผมก็บอกให้แซนรีบกินแมกนั่มให้หมด จะได้ไม่หกเลอะเทอะ ไม่ได้ห่วงรถไอ้พี่ชมพูหรอกครับ แต่ห่วงน้องรหัสว่ามือจะเลอะมากกว่า ไอ้พี่ชมพูยัดๆ แท่งสีส้มนั่นเข้าปาก แป๊บเดียวก็หมดก่อนจะยื่นไม้มาให้ผมแล้วบอก


“ฝากหน่อย”


จากนั้นมันก็ขับรถออกไป ผมจึงต้องถือไม้ไอติมที่หมดแล้วเอาไว้ โดยที่มืออีกข้างยัดแท่งเย็นๆ เข้าปากตัวเอง จนถึงบ้านของแซน ล้อรถหยุดหมุน แต่ว่าน้องรหัสผมไม่ยอมลงรถนี่แหละ ผมหันไปมองเธอพลางทำหน้างงๆ หน่อย ก่อนจะดูดไม้ไอติมเป็นครั้งสุดท้าย แล้วมาถือรวมกับไม้ของพี่หมีควาย เพราะบ้านของเธอห่างจากเซเว่นไม่เท่าไหร่ ผมที่ละเอียดกินเลยเพิ่งกินหมด


“ไม่ลงเหรอ”


“ก่อนลง แซนมีเรื่องจะถามพวกพี่ๆ ก่อนค่ะ”


แซนหันมาบอกผมก่อนจะหันไปทางพี่ชมพู เห็นท่าทีแบบนี้แล้วผมยิ่งงงหนัก แต่เธอไม่ได้ทิ้งช่วงไว้นาน เพราะคำถามต่อมามาแบบไม่ทันตั้งตัว


“แซนสงสัยนานแล้ว พี่สองคนเป็นอะไรกันเหรอคะ แซนเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด พี่ภูไปส่งพี่ยีนที่บ้านทุกวัน แถมมาด้วยกันอีก ขนาดพวกพี่ๆ ในกลุ่มพี่ยีนยังไม่ตัวติดกับพี่ยีนขนาดนี้เลยค่ะ”


แต่ไอ้พี่ชมพูก็แรงไม่แพ้กัน มันหันมายิ้มหวานให้แซนจนผมขนลุกแล้วถาม


“แซนอยากรู้จริงๆ เหรอครับ”


“ค่ะ แซนอยากรู้ว่าเป็นอย่างที่แซนคิดหรือเปล่า”


“แล้วแซนคิดว่าพี่กับยีนเป็นอะไรกันล่ะครับ”


ไอ้พี่ชมพูถามย้อนอีก ส่วนผมได้แต่มองหน้าแซน เพราะไม่คิดว่าเธอจะรู้จริงๆ ถึงมันจะน่าสงสัย แล้วผมก็ไม่ได้ถึงขนาดปิดบัง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยให้รู้ชัดขนาดนั้น เหมือนเธอมีเรดาร์พิเศษอยู่ ถึงโพล่งตอบกลับมาอย่างมั่นอกมั่นใจ


“เป็นแฟนกัน ใช่มั้ยคะ”







อ่านต่อข้างล่าง

v


v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 22-03-2013 21:24:06

ต่อจากข้างบน


v


v


“แล้วแซนรับได้หรือเปล่าล่ะครับ ที่พี่กับกับพี่รหัสของแซนเป็นแบบนั้น”


“ไม่เลยค่ะ” แซนรีบตอบกลับมาเร็วเกินคาด ผมเหลือบไปทางไอ้พี่ชมพูหน่อยๆ ก่อนจะหันกลับมาหาอีกคน “พี่ยีนนิสัยดี แล้วเวลาอยู่กับพี่ภูต้องน่ารักแน่ๆ ไม่แปลกหรอกค่ะที่พี่สองคนจะรักกัน”


ไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหนครับว่าผมน่ารักเวลาอยู่กับไอ้พี่ชมพู อย่างผมนี่นะ???


“ไม่ได้น่ารักเท่าไหร่หรอกครับ ที่แซนเห็นนี่ก็สร้างภาพทั้งนั้น จริงๆ ทั้งหยาบคาย ชอบใช้กำลัง ชอบด่าพี่ด้วย แต่...เวลาที่น่ารักก็น่ารักมากจริงๆ ครับ”


“ไอ้เหี้ยพี่ชมพู!!”


มันทำหน้ากวนตีนเย้ยๆ จนผมทนไม่ไหว หลุดธาตุแท้ของตัวเองออกมา แต่ดูท่าแซนจะไม่ตกใจเลยสักนิด มีการมาหัวเราะผมเสียอีก หนำซ้ำไอ้เหี้ยหมีควายนี่ยังพยายามสร้างเรื่องให้ผมมากขึ้น


“ดูอย่างตอนนี้สิ ปากสีส้มๆ น่ารักมั้ยครับ พี่ชอบให้พี่รหัสของแซนกินยักษ์คู่รสส้มก็เพราะแบบนี้ มันน่ารัก แล้วก็น่าจูบดี”


“ปากมากว่ะ”


“แซนดูสิ เวลาพูดก็ยิ่งน่ารัก น่ามอง”


“จริงด้วยค่ะ”


แทนที่จะเข้าข้างพี่รหัสตัวเอง กลับไปเป็นพวกของคนจากคอมมิวนิสต์เฉยเลย ผมทำหน้าเซ็งใส่แม่ง อยากจะหาพวกอยู่ฝั่งเดียวกันก็เอาเลย ตามสบาย แต่ไอ้พี่ชมพูเสือกยิ้มอีก แถมยิ้มแบบมีเลศนัยด้วย ทว่ายังไม่ทันให้ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น อุ้งตีนหมีจากเบาะหน้าก็ยื่นประกบเข้าที่ตาของแซน แค่นั้นไม่พอ มันยังยื่นหน้าเข้ามาหาผมแบบเร็วโคตรจนผมผงะแทบไม่ทัน แต่ว่าด้านหลังของผมติดเบาะไปแล้วเลยหลบไปไหนไม่ได้อีก สุดท้ายไอ้เหี้ยพี่ชมพูก็ผิดสัญญา


ปากของผมถูกทาบด้วยปากอุ่นๆ เพราะมันกินไอติมเสร็จไปนานแล้ว ไม่เหมือนผมที่พิ่งกินเสร็จ อุณหภูมิที่ต่างกันมากทำให้ผมรู้สึกหวิวอยู่ในอกหน่อยๆ แต่ใช่ว่าผมจะเคลิ้มตามนะครับ ผมตะลึงอยู่ประมาณสองวินาทีที่มันทำแบบนั้น แล้วใช้เวลาอีกสามวินาทีในการรับรู้รสสัมผัสจากมันที่ทำให้รู้สึกดีเหมือนอย่างเคย ก่อนเวลาที่เหลือทั้งหมดจะเป็นการออกกำลังกาย


ผมเอามือวางลงบนท้ายทอยของไอ้พี่ชมพู แต่ไม่ได้กดลงมาให้มันจูบผมได้ถนัดหรือดูดดื่มขึ้น แต่จิกผมของมันแล้วดึงให้หน้ามันถอยห่างจากผม และมันก็เป็นอย่างที่วางแผนเอาไว้ในใจโดยง่าย เพราะไอ้พี่ชมพูร้องโอดครวญออกมาอย่างกับว่าผมกำลังจุดไฟเผามันทั้งเป็น ไอ้เว่อร์!!!


“เพิ่มอีกเดือนนึง”


“เฮ้ย อะไรอะ”


มันร้องเสียงหลงขึ้นมาทันทีเพราะคงเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ส่วนน้องรหัสของผมก็นั่งหน้างงๆ แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มชวนให้แปลกใจ


“แซนยิ้มทำไม”


“ก็แซนเชื่อที่พี่ภูบอกแล้วน่ะสิคะ ว่าพี่ยีนไม่ได้น่ารักอย่างเดียว โหดด้วย”


ไม่แค่ตอบ แต่เธอยังหัวเราะคิกๆ ออกมาด้วย ทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดกับไอ้หมีควายมากกว่าเดิมเสียอีก ภาพพจน์ของผมที่สร้างมา พังลงแล้ว ไอ้เวรรรรร


“ไหนๆ แซนก็รู้แล้ว งั้นก็เปิดตัวไปเลย มึงจะได้ไม่ต้องลำบากปิดบังให้อึดอัดอีก”


คราวนี้ไอ้แฟนตัวดีของผมไม่เรียกชื่อผมต่อหน้าแซนเหมือนทุกครั้งแล้ว แต่ใช้คำพูดเหมือนเวลาที่เราอยู่ด้วยกันหรืออยู่ในกลุ่มเพื่อนผมกับเพื่อนของมันแทน แค่นั้นไม่พอ มันยังดึงแว่นที่ผมสวมอยู่ออกด้วย แล้วก็แน่นอน เสียงของแซนดังตามมา


“ว้าว แซนเพิ่งเห็นพี่ยีนถอดแว่นออกครั้งแรก หล่อมากเลย”


ไหนๆ ก็เปิดเผยโฉมหน้าแล้ว ผมก็เลยสะบัดหัวหน่อยๆ แล้วเอามือปัดผม จัดให้มันเป็นทรงที่เหมาะกับผมมากกว่าไอ้ผมเรียบแปล้ เหมือนเด็กเนิร์ด ก่อนจะยื่นมือไปผลักหัวไอ้พี่ชมพูที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ บอกมันเสียงลอดไรฟันไป


“อย่าให้อยู่กันสองคน”


“จะทำอะไรครับ”


มันถามย้อน แต่ผมไม่ตอบ ใช้แต่สายตาพิฆาตมองไปที่มัน แต่มีหรือว่าไอ้บ้าอำนาจ บ้าพลัง หลงตัวเองอย่างมันจะหลบสายตาของผม ผมเลยปล่อยแม่งไปก่อน ไว้คิดบัญชีทีหลัง


“ถ้ายังไงแซนช่วยเก็บเป็นความลับให้พี่ด้วยนะครับ”


“ความลับเรื่องไหนคะ ที่ว่าพี่กับพี่ภูเป็นแฟนกัน หรือว่าเรื่องที่พี่ยีนหล่อมากกก”


คำถามนี้เหมือนจะเป็นคำถามลวงผมยังไงไม่รู้แฮะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตอบกลับไปอย่างที่ต้องการ


“ทั้งสองอย่างก็ดีครับ”


“แน่นอนค่ะ แต่ว่าพี่กับพี่ภูอย่าทะเลาะกันเยอะนะคะ รักกันนานๆ ด้วย แซนจะคอยเป็นกำลังใจให้”


ไม่มีคำถามถึงเหตุผลว่าทำไมผมต้องให้ปิดบัง ผมว่าไอ้เรื่องที่ผมเป็นแฟนกับไอ้โชเฟอร์หน้าหมีนี่เธอคงเข้าใจ ส่วนไอ้เรื่องที่ผมต้องทำตัวเป็นเด็กเนิร์ดนี่เธอคงไม่อยากซักไซ้ ซึ่งมันก็ดี เพราะดูท่าเธอจะเข้าใจผม


“ขอบคุณนะครับ”

“ไม่ต้องขอบคุณแซนหรอกค่ะ แซนสนับสนุนพี่สองคนอยู่แล้ว หล่อทั้งคู่ แถมพี่ยีนก็น่ารักด้วย แซนชอบค่ะ แซนชอบเวลาเห็นผู้ชายรักกัน โดยเฉพาะคนที่เหมาะสมกันเหมือนพี่ทั้งสองคน”


น้องรหัสผมพูดด้วยท่าทางดีใจ เหมือนไม่เสียดายเลยสักนิดที่ผู้ชายหล่อๆ อย่างผม แล้วก็หน้าตาขี้เหร่อย่างไอ้พี่ชมพูจะเป็นแฟนกัน แถมยังพูดออกมาอย่างเต็มปากว่าชอบเวลาเห็นผู้ชายรักกัน ด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊า ประหลาดดี แต่มันก็ทำให้ผมพอเข้าใจว่าทำไมชอบแอบมองผมกับไอ้พี่ชมพูบ่อยๆ เหอะๆ แต่ว่าเธอไม่ได้บอกผมแค่นั้นน่ะสิครับ ยังมีต่ออีก เล่นทำเอาผมแทบจะหันไปอัดไอ้พี่ชมพูในวินาทีนั้น


“ฉากจูบเมื่อกี้...น่ารักดีนะคะ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นกับตาตัวเอง คิก แซนไปก่อนค่ะ บ๊ายบาย”


ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้วน้องรหัสแสนสวยของผมก็ลงจากรถไปหน้าตาเฉย ผมเลยต้องหันไปเอาเรื่องกับตัวต้นเหตุแทน แต่ก่อนจะทำอะไรอย่างที่หวังไว้ ผมก็ปีนข้ามเบาะไปนั่งที่เบาะข้างๆ คนขับเสียก่อน จากนั้นก็... หมัดหลุนๆ ประเคนเข้าที่ต้นแขนไอ้พี่ชมพู


“ทำเหี้ยอะไรเนี่ย ต่อหน้าน้องรหัสผมนะเว้ย สัดเอ๊ย”


“ก็พี่เห็นปากของน้องเกงยีนแล้วมันอยากจูบนี่หว่า เลยจูบ”


“จูบพ่องดิ ไอ้ควาย”


“กูจะจูบพ่อทำไม จูบมึงนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว”


“เออ ผมจะจำไว้ว่าพี่ผิดสัญญา แล้วพี่จะไปโดนกะเทยเสียบ โดนกระทืบที่ไหนผมจะไม่สนใจ”


ไม่แค่บอกมันอย่างนั้น ผมยังชูนิ้วกลางให้มันเป็นการแถมด้วย แต่มันเสือกหัวเราะพลางถามเหมือนไม่สะทกสะท้าน


“พี่ทำตัวดีมาตลอดครึ่งปี ไม่เห็นใจกันบ้างเหรอ แล้วไม่กลัวเป็นม่ายเหรอถ้าพี่เป็นอะไรไป”


“ยินดีสิไม่ว่า”


“ปากดีจริงๆ”


“ปากมากว่ะ หุบปากไปเลย”


“ครับๆ”


มันเลิกเถียงผมแล้วยอมยุติสงครามน้ำลายซะ ซึ่งมันก็ดีต่อสุขภาพของหูผมมาก แต่ความกวนตีนของมันยังไม่หมดแค่นั้นหรอกครับ เพราะตอบที่มันยื่นมือมาจับเกียร์เพื่อจะได้ออกรถ ยังถามผมด้วยน้ำเสียงกวนตีนเชี่ยๆ


“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอจูบอีกทีได้ป่ะ”


“สัด เรื่องดิ”


“สัญญาว่าถ้าได้จูบอีกทีแบบที่มึงเต็มใจ จะยอมทำตามสัญญาเหมือนเดิม ไม่เกี่ยงเลย”


“คนอย่างพี่ เชื่อได้ที่ไหน ผมง่ายพอจะอนุญาตหรือไง”


“ไม่ง่ายหรอก ไม่งั้นมึงรักกูไปนานแล้ว”


มันย้อนกลับมาอีก ต่อปากต่อคำฉิบหาย ผมเลยกระชากคอเสื้อมันมาจูบแม่ง ตัดรำคาญซะ แต่พอหลังจากปากประกบกันได้สักพัก ก็เหมือนว่าจะกลายเป็นผมเสียมากกว่าทีถูกมันจูบ มันดูดปากผมซะแรงอย่างกับมันกำลังไม่พอใจผม แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นหรอกครับ


มือใหญ่ดันท้ายทอยของผมให้หน้าช้อนขึ้นเพื่อรองรับริมฝีปากของมันได้ดีมากกว่าเดิม ก่อนมันจะเล็มเลียไปตามกลีบปากของผมอย่างกับกำลังชิมมาร์ชเมลโล่ ปากกูไม่ใช่ขนมนะเว้ย! ทำแบบนี้แล้วกูเคลิ้ม!!!


ผมเผยอปากออกแล้วแหย่ลิ้นออกไปเลียปากของมันบ้าง มันก็ยอมอ้าปากให้ผมแทรกเข้าไปสำรวจเล่นภายในของมัน แต่ก็แค่แป๊บเดียว เพราะต่อจากนั้นไม่นาน ลิ้นชื้นที่ใหญ่กว่าก็เข้ามารุกไล่เล่นกับผม กวาดต้อนเปลี่ยนแดนในการหาความสำราญ ซึ่งผมก็ตอบรับมันบ้าง ผลักไสมันบ้าง พลางขบดูดไปตามกลีบปากของมัน เช่นเดียวกับไอ้คนที่กำลังทำให้ผมรู้สึกดีอยู่ตอนนี้


กระทั่งผมรู้สึกว่ามันชักจะนานเกินไปแล้ว แถมอยู่หน้าบ้านคนอื่นเสียอีก เลยผลักมันออกทั้งที่ยังรู้สึกว่าอยากให้จูบของเรานานกว่านี้ แต่ไม่ได้ครับ ผมมีประสบการณ์มาหลายครั้งแล้วว่าถ้าเลยจุดที่จะหยุดได้ ต่อยาวแน่นอน แล้วคนที่จะซวยก็คือผม เพราะงั้นแค่นี้แหละ มันมากพอแล้ว


“สัญญาแล้วนะเว้ย”


“โอเคๆ สัญญาแล้ว”


มันยอมปล่อยมือจากท้ายทอยของผม รวมทั้งมืออีกข้างที่มันสอดเข้าไปใต้เสื้อด้านหลังของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไวฉิบหาย แต่ไม่ใช่แค่มือของมันที่ไวนะครับ ตาแม่งก็ไวมากด้วยเหมือนกัน เพราะหลังจากหน้าของเราห่างออกจากกัน มันก็มองผมด้วยสายตาเป็นประกายพอใจจนผมต้องเบี่ยงหน้าหนีหน่อยๆ ไม่รู้ทำไมผมต้องรู้สึกเขินๆ มันด้วยวะ


“มึงรู้ป่ะ ไม่มีใครที่กูอยากจะกอด อยากจะจูบเท่ามึงมาก่อนเลย”


ไอ้ควายเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย คุณคิดว่าผมจะทำยังไงกับคำพูดประโยคนี้ของมันเหรอครับ


หนึ่ง ด่ามัน


สอง ต่อยมัน


สาม... หันหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง


ให้เวลาคิดสิบวินาที


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


หมดเวลา!!


ถ้าผมบอกว่า...ผมตอบข้อสาม คงไม่ผิดคอนเซปต์ใช่มั้ย


มึงก็เป็นคนที่ทำให้กูเขินได้มากที่สุดในชีวิตเหมือนกันแหละว่ะ ไอ้ห่าาาา!!







=====================
เรื่องนี้ไม่มีนางร้าย เหมือนทุกคนจะระแวงแซนกันมากจริงๆ
ตั้งแต่จีจี้ ที แล้วก็แซน ไม่มีนางร้ายสักคน มีแต่คนที่ทำตามบทบาทของตัวเอง แล้วก็ต่างกันออกไป
คนที่ตบยีนนี่ร้ายที่สุดแล้วค่ะ ฮา   :laugh:

ตอนพิเศษอันนี้ก็จบลงด้วยดี
แล้วเดี๋ยวแต่งตอนพิเศษตอนใหม่เสร็จ จะมาลงต่อนะคะ

ส่วนเรื่องหนังสือ มีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งในนี้นะคะ

ปล. เบื่ออาการป่วยจังเลยค่ะ หายใจไม่ออกอีกแล้ว  :sad4:

ปล. อีกที ตอนนี้มีเพจเฟซบุ๊คแล้วค่ะ มีอะไรสอบถามติดต่อได้ทางเพจนะคะ
http://www.facebook.com/pages/Undel2Sky/383946215046392


Undel2Sky


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 22-03-2013 22:09:11
น้องแซนเธอเป็นสาววายยยย มาแท็กมือหน่อยสิจ๊ะที่รัก เธอน่ารักจริงๆ สมแล้วที่เป็นน้องรหัสยีนนนนน

สรุปเรื่องนี้จะจบน้องยีนไม่เสียตัวหรออออออ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 22-03-2013 23:08:01
แซนเธอโคตรโชคดีเลย อยากเจอเเบบนี้อยาก อิอิ

หวานเเบบโหดนะยีน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2013 15:04:04
อั๊ยย้ะ หวานเนอะ  :m25:
แซนน่ารักอ่า 5555 สาววายป่าวเนี่ย :jul3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 24-03-2013 00:51:45
อยากเห็นยีนเสียตัว~

เมื่อไหร่จะเสียตัวสักทีอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 24-03-2013 02:45:53
ไม่มีนางร้ายจริงๆด้วยค่ะ5555

ว่า แต่หมั่นไส้คนที่ตบยีนมากๆๆค่ะ ยีนโดนดูถูกด้วย ไม่ยอมๆ ยีนเผยไปเลยว่าตัวจริงหล่อขนาดไหน สะใจดี อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-03-2013 03:51:51
 o13  ม่ะไหร่ยีนจะเสียสาวนี่
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ/ตอนพิเศษ1.3:ความสวยคือหายนะจบ[22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 24-03-2013 06:06:01
ยอมพี่เขาหน่อยก่ดีนะน้องยีนนนนนน  :o8:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 24-03-2013 17:11:16
ขอบคุงคร้าบบบบบบบ


 :impress3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 25-03-2013 16:28:25
แซนนนนนน

เราขอโทษที่แอบระแวงเธอ  :o11:

กลายเป็นสาววายซะงั้น  :laugh:

ยีนมันซึนนนนนนนอีกและ  :เฮ้อ:

ยอมพี่ภูซักทีสิ  :haun5:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 25-03-2013 18:21:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 25-03-2013 19:47:03
รอยีนเสียตัว  :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 25-03-2013 21:35:48
เหยยยยยยยยยยย น่ารักอ่ะ แซนก้น่ารัก
คนที่สวยและนิสัยดีมีอยู่จริงนะเออ 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 26-03-2013 17:48:29
พี่ชมพูทำหวาน
เนียนเลยน๊า :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 27-03-2013 11:17:01
ค่อยยังชั่วที่แซนไม่ได้ร้ายอย่างที่กลัว
ที่มองๆยีนกับพี่ภูเพราะเป็นสาววายนั่นเอง
ทีนี้ก็รอวันยีนกับภูจะรวมร่างเป็นหนึ่งเดียว อิอิ :กอด1:

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-03-2013 14:00:52
ฮาพี่ปาย555555555555555555 :katai4: :katai4: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: omeye ที่ 30-03-2013 23:15:29
    สนุกค่่ะ
   สนุกมากค่่ะ
   สนุกมากมากเลยค่่ะ
อ่านยาว2 วันเลย เป็น นิยายที่สุดยอดมากๆเลยค่่ะ 
ชอบมากเลยค่่ะ จะรอตอนพิเศษอีกหลายๆตอนนะค่่ะ^^

[ตอนดราม่านี้นั่งร้องไห้เลยค่่ะ ชอบมาก]
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 30-03-2013 23:57:00
นิยายสนุกมากๆครับ ชอบนิยายเรื่องนี้ทุกตัวละครเลยทั้งไฮยีนแล้วก็ชมภูด้วย

ขอบคุณน่ะครับสำหรับการสละเวลามาแต่งนิยายดีๆให้พวกเราได้อ่าน

ปล อยากอ่านเรื่อของกราฟอ่ะ อย่าลืมแต่งต่อน่ะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 02-04-2013 10:14:24
มารอ กราฟ - ไนล์ ค่ะ ไม่ได้มากดดันนะค่ะ จริ๊งจริง   :laugh:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ
เริ่มหัวข้อโดย: love2you ที่ 03-04-2013 00:20:45
พึ่งเริ่มอ่านนะคะ แต่อยากมาเม้นท์ให้ก่อนเพื่อเป็นกำลังใจค่ะ จริงๆ มีเพื่อนแนะนำให้ลองอ่านเรื่องนี้นานแล้วค่ะ แถมยังบอกอีกว่าอ่านเรื่อยๆ แล้วจะหลงรักแบบไม่รู้ตัว

ถ้าอ่านจบแล้วจะมาเม้นท์ให้อีกทีนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^






ดิท (ตอน 6 โมงกว่าๆ ของเช้าวันที่ 03.04.2013)






ตอนนี้กำลังอ่านถึงตอน "ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ" แล้วค่ะ อยากบอกออกจากใจเลยว่าถ้าเราเป็นน้องยีนเราคงเหวี่ยงสุดๆ อ่ะค่ะ เพราะสำหรับเรานะคะ อิพี่ภูน่ารำคาญมากกก~

คือตอนก่อนหน้านึ้ ทั้งๆ ที่น้องยีนก็บอกอยู่แล้วว่าต้องรีบกลับบ้านก่อนตี 2 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พี่ภูไม่ควรทำให้น้องต้องผิดคำพูดกับป๊าน้อง ถึงพี่ภูจะบอกว่าไม่รู้ก็เถอะ แต่มันใช่เรื่องไหมที่น้องต้องโดนลงโทษเพราะผิดคำพูดน่ะ อ่านแล้วหมั่นไส้พี่ภูสุดๆ คนไรไม่น่ารักเลย -"-

(อย่าถือสานะคะ แค่อินไปหน่อย ^^)

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 1.3 : ความสวย คือ หายนะ จบ [22/3/56]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 04-04-2013 18:08:17
แซน..สาววายชัดๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 07-04-2013 22:20:42
ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ




















ไปเสม็ด เสร็จทุกรายนะมึง


คำอวยพรของเพื่อนรักที่ชื่อ ปฐมพงศ์ พิรุณกานต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ เคลม มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนให้ผมอยากถีบยอดหน้ามันเหลือเกิน แต่... ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าผมจะไปเสม็ด กระทั่งถึงวันออกเดินทาง ผมก็ไม่ได้บอกมันครับ อยากเข้าใจยังไงก็เรื่องของมึงแล้วกัน


“ของมึงมีแค่นี้ใช่มั้ย”


“เห็นอยู่เท่าไหน ก็มีเท่านั้นแหละพี่”


ไอ้พี่ชมพูมารับผมที่บ้าน พร้อมกับขออนุญาตเรื่องพาผมไปเที่ยวสุดสัปดาห์อีกรอบ ตามมารยาทที่ดี ถุย จริงๆ ผมบอกป๊าไปแล้ว ป๊าก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มันอยากทำให้เป็นทางการหน่อย ผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู ก็เหตุผลบ้าบอของมันแหละครับ ผมก็ช่างแม่ง


พอล่ำลากับป๊าเสร็จ มันก็ช่วยผมแบกกระเป๋าไปขึ้นรถ สุภาพบุรุษซะไม่มี ทำอย่างกับผมไม่มีแรงจะหิ้ว ทั้งที่ในกระเป๋าก็มีเสื้อผ้าอยู่แค่สองสามชุดกับของใช้นิดหน่อย ผมเลยเดินสบายตัวปลิวไปขึ้นรถมัน ทริปนี้ผมชิลครับ ไม่ต้องสร้างภาพ ไม่ต้องใส่แว่น เป็นตัวเองอย่างสุดๆ


เราจะไปเกาะช้างกัน สามวันสองคืน คือออกเดินทางวันเสาร์ตอนเช้าตรู่ กลับบ่ายๆ วันจันทร์ ตอนแรกที่ตกลงกันว่าจะไปที่ไหน ไอ้พี่ชมพูก็เสนออยู่เหมือนกันว่าให้ไประยองเหมือนปีที่แล้ว ไปรีสอร์ทแมกไม้อะไรของมัน ที่พวกผมกับพวกรุ่นพี่ไปถ่ายหนังสั้นกันนั่นแหละครับ แต่ผมไม่อยาก เพราะคราวนี้ไปเที่ยวกันแบบส่วนตัว แค่ผมกับมันสองคน แล้วคนที่รีสอร์ทก็รู้จักมันกันทั้งนั้น ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่หากว่าไอ้พี่ชมพูจะมาล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่ตลอด


ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะครับ แต่ไอ้พี่ชมพูเป็นแบบนั้นจริงๆ มันตามติดผมแจยิ่งกว่าอะไร ผมคงได้กลายเป็นเป้าสายตาของคนในรีสอร์ท ซึ่งมันก็เข้าใจ เลยเปลี่ยนเป้าหมายแล้วก็จัดการเรื่องจองที่พักให้ ไม่ขัดใจผมแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นแฟนที่ดีอยู่นะครับ


รถที่ใช้ในทริปนี้ก็เหมือนเดิมครับ มันเอาเลกซัสออกมาตะลุยเหมือนตอนไปเชียงใหม่ ขับออกนอกเมืองแล้วก็ชิล เพราะมีเวลาเหลือเฟือ ผมมองวิวทิวทัศน์รอบตัว จนพระอาทิตย์เริ่มจ้ามากกว่าเดิมอีกหน่อย ก็เปิดกระจกรถรับลมกับแสงแดดธรรมชาติ ให้ความรู้สึกว่ากำลังออกไปท่องเที่ยวจริงๆ


พอเห็นว่าผมทำแบบนั้น ไอ้พี่ชมพูก็ทำบ้าง ผมเหลือบไปมองมันหน่อยๆ มันก็หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่รู้เหตุผลหรอกครับว่ามันหัวเราะทำไม แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้เหมือนกัน เป็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ว่ามันมาจากที่ไหน


“เดี๋ยวแวะเซเว่นหน่อย”


ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีร้านที่ผมถามหาหรือเปล่า อาจจะเป็นแค่ร้านค้าในปั๊มน้ำมันใหญ่ๆ ระหว่างทางสักที่ แต่ก็เอาเหอะ แบบไหนก็ได้ให้มีของที่ผมต้องการ


“มึงจะซื้ออะไร”


“อยากได้บุหรี่เย็นๆ สักตัว”


ดูมันจะงงหน่อยๆ ที่อยู่ๆ ผมก็บอกมาแบบนั้น เพราะใช่ว่ามันจะไม่รู้ว่าผมดูดบุหรี่ แต่ผมเลิกไปนานแล้วตั้งแต่รับปากป๊าว่าจะทำตัวเป็นเด็กดี มันถึงได้สงสัย


“อยู่ๆ ก็อยากดูด บรรยากาศก็ดี พี่ไม่ว่าอย่างนั้นหรือไง”


“เอาจริง”


“พูดเล่นมั้ง”


ผมรู้ว่ามันไม่ได้กวนตีนหรอก เพราะน้ำเสียงของมันดูห่วงมากกว่า อย่างว่าแหละครับ ผมไม่ได้ดูดแล้ว จะมาดูดอีก มันก็ไม่ง่ายเหมือนตอนหัดครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้คิดห้ามอะไร เพราะมันเองก็มีดูดอยู่บ้างเรื่อยๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้ดูดบ่อยอะไร เพราะงั้นพอเห็นปั๊มน้ำมันที่เป็นจุดพักรถมันถึงได้ขับเข้าไป


ผมเข้าไปในร้านขายของก่อน เลือกพวกขนมมาส่วนหนึ่งกับเป๊ปซี่เอาไว้ก่อนระหว่างทาง ส่วนไอ้พี่ชมพูยืนรออยู่ที่เคาน์เตอร์ครับ ทั้งที่เราไม่ได้นัดแนะกันว่าจะทำอะไรแต่เหมือนเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรบางอย่าง เพราะพอผมไปถึง วางขนมที่หน้าเคาน์เตอร์มันก็ถามพร้อมหยิบกระเป๋าเงินของมันออกมา


“คริปมินต์?”


“อืม”


ตอบมันไปแค่นั้น คนตัวโตก็หันไปบอกพนักงานว่าผมกับมันต้องการอะไรเพิ่ม แล้วก็รอให้พนักงานคิดเงิน และมันเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด ซึ่งพอได้ถุงมา มันก็เป็นฝ่ายคว้าไปถือเอาไว้โดยที่ผมไม่ต้องหิ้วอะไรสักอย่าง แค่เดินตามมันกลับไปที่รถเท่านั้น


ผมจุดมาร์ลโบโรที่ซื้อมาก่อนจะสูดเอาความเย็นนั้นเข้าปากเบาๆ อยู่สองสามครั้ง พลางปล่อยควันให้ลอยออกไปทางกระจกหน้าต่างที่เปิดอยู่ ผมที่ยาวจนระต้นคอปลิวไปตามลมที่พัดตีหน้าเข้ามา รู้สึกดีแบบสุดๆ กับบรรยากาศแบบนี้ เหมือนที่ผมหวังเอาไว้ก่อนที่จะได้ของในมือมานั่นแหละครับ


“ดูดป่ะ”


แต่ใช่ว่ามีความสุขแล้วผมจะมีคนเดียวนะครับ ผมหันไปถามคนที่กำลังขับรถอยู่ มันก็แต้มยิ้มมุมปากแล้วพยักหน้าเบาๆ ผมเลยยื่นมือที่คีบบุหรี่ไปให้มันสูดความเย็นบ้าง พอมันรับกลิ่นหอมๆ กับความเย็นไปแล้ว ก็หันไปพ่นผ่านหน้าต่างรถด้านมันบ้าง แล้วค่อยถาม


“มึนหรือเปล่า”


มันคงห่วงแหละครับ เพราะผมยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอย่างที่มันห่วงอยู่หน่อยๆ ผมพยักหน้าเบาๆ ครางเสียง อืม ในคอ มันเลยบอกพลางละมือจากพวงมาลัยแล้วมาลูบหัวผมเบาๆ


“ไม่ไหวก็พอ”


“ขออีกหน่อย กำลังรู้สึกดีเลย”


ผมตอบยิ้มๆ แล้วอัดควันเข้าไปอีกรอบ แต่ไม่แรงมากเพราะเดี๋ยวจะน็อคซะก่อน พี่ชมพูเลยเปลี่ยนจากลูบหัวเป็นขยี้ผมของผมแรงขึ้นหน่อย ทั้งที่หน้ายังมีรอยยิ้ม


มันเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักความสุขที่มาจากความอิ่มใจ






















ถึงที่พักแล้ว ไอ้พี่ชมพูก็จัดการเรื่องเช็คอินโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเหมือนเดิม มีคนบริการแบบนี้ก็ดีครับ นั่งรออยู่ไม่ถึงสิบนาทีมันก็เรียกผมให้เดินตามมันขึ้นรถกอล์ฟเพื่อไปห้องพักส่วนที่เป็นวิลล่า โดยที่มีเบลบอยขนกระเป๋าตามมาด้านหลัง ที่มันจองห้องวิลล่าให้ก็เพราะทั้งมันทั้งผมชอบแบบนี้มากกว่าจะอยู่บนตึกที่ไม่ต่างกับตอนอยู่คอนโด แล้วแบบนี้ก็เป็นส่วนตัวกว่าด้วย


ห้องพักที่จองไว้เป็นห้องพักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรีสอร์ทแล้วมั้งผมว่า แถมยังค่อนข้างแยกห่างออกจากห้องพักอื่นๆ อย่างเป็นเอกเทศด้วย เรียกได้ว่าเป็นส่วนตัวสุดๆ แล้ว ห้องพักเหมือนเป็นบ้านชั้นเดียว แยกห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นเสร็จสรรพ ในห้องนอนเป็นเตียงคู่คิงไซส์ น่าทุ่มตัวลงนอน เพราะงั้นพอได้รับกระเป๋าเสื้อผ้ามา และไอ้พี่ชมพูทิปให้พนักงานนิดหน่อย ผมก็เข้าไปล้างหน้า ล้างมือ ล้างเท้าแล้วกระโจนขึ้นเตียงทันที


“มาถึงก็จะนอนเลยเหรอ”


มันพูดกลั้วหัวเราะ ลูบหัวผมอีกแล้ว แต่ผมก็ชอบนะครับแบบนี้ ผมยิ้มให้มันนิดๆ แล้วจับมือที่ลูบหัวผมเอาไว้ ออกแรงดึงให้มันเอนตัวเข้ามาหา มันก็มองผมงงๆ แต่คงไม่นานหรอกครับ เพราะผมยื่นหน้าเข้าหามันแล้วแตะปากลงบนปากของมันเบาๆ


“ก็เตียงมันน่านอน ขอบคุณนะครับ”


มันดูอึ้งๆ อยู่นิดหน่อยที่อยู่ๆ ผมก็จูบมัน แล้วยังพูดจาลื่นหูมันเสียอีก แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที มันก็ยิ้มแล้วล้มตัวลงนอนกอดผม พูดชิดริมหู เสียงกระซิบ


“ทำไมวันนี้มึงน่ารักจังวะ”


“คนทำดีด้วยต้องตอบแทนไม่ใช่หรือไง”


ผมคิดแบบนั้นจริงๆ อีกอย่าง นานๆ ผมจะดีกับมัน (มากๆ) สักที แถมวันนี้ได้มาเที่ยวด้วย ผมก็ไม่อยากจะทำอะไรที่มันขัดกับบรรยากาศดีๆ เลยตามใจเขาหน่อย แล้วที่สำคัญวันนี้ ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับมันด้วย เป็นเรื่องที่ผมคิดเอาไว้มาได้พักใหญ่ๆ แล้ว


“งั้นตอบแทนอีกทีได้ป่ะ”


มันมองผมตาเป็นประกาย แถมยังอมยิ้ม เห็นแบบนั้นผมก็อดยิ้มด้วยไม่ได้ ผมยื่นหน้าให้มันนิดหน่อยแล้วหลับตาลง ให้มันทำอย่างที่มันอยากทำ ซึ่งก็ไม่ต้องรอนาน เพราะมันก้มลงมาจูบปากผม จากที่ค่อยๆ แตะเบาๆ ก็ทิ้งน้ำหนักลงมามากขึ้น ดูดไซ้ที่ริมฝีปากของผมให้ทั่วแล้วสอดลิ้นเข้ามาในปากช้าๆ ซึ่งผมก็เปิดปากให้มันเข้ามาสำรวจอย่างที่เคยทำ


ผมตอบรับปากและลิ้นของมันกลับไปบ้างเล็กน้อย ก่อนจะดันตัวมันออก เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเลยเถิดมากกว่านี้ จะบอกว่ายังไงดี ไอ้นี่มันเป็นพวกติดไฟง่ายมั้ง ทั้งที่ดูก็ไม่น่าจะใช่ แต่พอจูบกันทีไร มันพานให้เตลิดเปิดเปิงทุกที เพราะงั้นผมต้องเป็นฝ่ายขัดมันก่อนทุกครั้ง ซึ่งมันก็ทำหน้าเสียดายตลอด


“พอแล้ว ไปล้างมือล้างตีนแล้วมานอนเหอะ ตื่นมาบ่ายๆ จะได้ออกไปเที่ยว”


มันฟังผมนะครับ แต่ก่อนจะทำตามก็จูบปากผมหนักๆ ไปอีกหนึ่งทีแล้วค่อยลุกจากเตียงไปไม่กี่นาที และกลับมานอนกอดผมเหมือนเดิม ผมยังไม่ได้ยกเลิกเรื่องสัญญานั่นหรอกนะครับ แต่มันก็ไม่ได้มากมายจนต้องปฏิเสธ เลยไม่ได้ขัด อีกอย่าง นี่ก็ผ่านมาแปดเดือนได้แล้วมั้ง


ยอมรับครับ ความอดทนกับความพยายามของมันทำให้ผมใจอ่อน


“พี่มีโปรแกรมหรือเปล่า”


ผมเงยหน้ามองมันนิดๆ ถึงจะมองไม่เห็นหน้ามันเท่าไหร่ เพราะมันกอดผมเอาไว้ หน้าของผมเลยอยู่ตรงอกของมันก็เหอะ แต่มันชินที่ต้องมองหน้าแล้วคุยกัน ส่วนพี่ชมพูเองก็ก้มลงมามองผมเหมือนกัน


“จองดำน้ำไว้ตอนเที่ยง”


“อืม ตั้งเวลาไว้มั้ย เดี๋ยวตื่นไม่ทัน”


มันไม่ตอบครับ มือที่กอดผมอยู่ข้างหนึ่งละออกไปล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของมันขึ้นมา กดยุกยิกอยู่แป๊บนึงมันก็เอาไปวางไว้ตรงหัวเตียง ผมก็เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงเลยหยิบขึ้นมาแล้วส่งให้มันที่เหมือนรู้ล่วงหน้า ยื่นมือมารับเอาไว้แล้วเอาไปวางคู่กัน


“กูตั้งปลุกไว้ตอนสิบเอ็ดโมง”


“อืม เจอกันตอนตื่น”


ผมล่ำลาแล้วขยับตัวนิดหน่อย ให้สบายตัวมากขึ้น ก่อนจะปิดเปลือกตาลง แล้วก็ได้รับสัมผัสเบาๆ ที่หน้าผาก มันชอบทำแบบนี้เวลาผมจะหลับ ทุกครั้งที่มันขอป๊าให้ผมไปค้างกับมันที่คอนโด


“แล้วเจอกัน”























ชาร์จพลังแบบเต็มเปี่ยมเลยครับ ตื่นมาเลยรู้สึกกระปี้กระเปร่าขึ้นมาอีกหน่อย ตอนนี้ผมกับไอ้พี่ชมพูนั่งเรือออกมาจากหาดตามโปรแกรมที่ไอ้พี่ชมพูจองเอาไว้ ถึงมันจะดูท้าแดดไปสักหน่อยที่มาดำน้ำตอนบ่าย แต่เพราะเลือกมาทะเลช่วงฤดูฝนด้วยแดดไม่เผามาก แล้วก่อนออกจากห้องพักมา ผมกับไอ้พี่ชมพูก็พอกครีมกันแดดมากันเต็มสตรีมแล้วครับ มันบอกตัวผมยิ่งขาวๆ อยู่ เดี๋ยวจะเกรียม


ผมกระโดดลงน้ำทะเลที่ใสมากจนเห็นเป็นสีฟ้าหลังจากใส่เสื้อชูชีพกับตีนกบแล้วเรียบร้อย ส่วนไอ้พี่ชมพูกระโดดลงมาก่อนผมแล้วครับ จากนั้นเราก็สวมสน็อกเกิ้ลก่อนจะเริ่มดำน้ำออกไปด้วยกัน พี่ชมพูจับมือผมเอาไว้ด้วยตอนที่เราดำน้ำดูปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ไม่สนใจลูกค้าคนอื่นที่ลงเรือมาพร้อมกัน แต่ก็ช่างเถอะครับ เพราะคงไม่มีใครมาจับสังเกตดูผมกับมันหรอก


นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็คิดถึงน้องรหัสคนสวยของผมครับ เพราะหลังจากที่เธอรู้ว่าผมไม่ได้เนิร์ดอย่างที่แสดงออก แล้วยังเป็นแฟนกับไอ้พี่ชมพู ผมก็รู้สึกว่าจะถูกทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นใจกับไอ้พี่ชมพูยังไงไม่รู้ แถมหลังๆ มานี้แซนกับไอ้เคลมยังเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วย ไม่ใช่ว่าแซนเปิดใจให้ไอ้เคลมหรอกครับ แต่เป็นเชิงว่าจะหาทางให้ผมถูกไอ้พี่ชมพูเสียบมากกว่า


ทำไมพวกสนับสนุนมันเยอะจังวะ??


ส่วนเรื่องคนที่เธอชอบ ก็คือไอ้กัสอย่างที่ผมสงสัยนั่นแหละครับ เหมือนว่าแซนจะบอกไอ้กัสไปแล้ว แต่ไอ้กัสมันโง่ครับ มันปฏิเสธน้องรหัสสุดสวยของผมได้หน้าตาเฉย ผมที่ลอบสังเกตการณ์เลยค่อนข้างงง เคยถามมันแบบแย้บๆ ไปอยู่ แต่มันบอกกลับมาแค่ว่ามันไม่ได้สนใจแซนในเชิงนั้น แค่เห็นว่าเป็นรุ่นน้อง ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าใครจะมาเป็นแฟนมันได้ คุณชายเล่นเฉยชาแบบนี้


“คิดอะไรอยู่”


มือใหญ่ของคนข้างกายดึงตัวผมให้ทะลึ่งพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ มันจับผมถอดสน็อกเกิ้ลโดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แล้วผมก็มาได้สติเพราะเสียงทุ้มๆ นั่นเอ่ยถาม


“คิดเรื่อยเปื่อย”


“อยู่ด้วยกันยังกล้าคิดถึงคนอื่นอีกเหรอ”


มันหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แต่ทำเอาผมอยากหัวเราะมากกว่า ผมหลุดยิ้มนิดๆ ก่อนจะเชยหน้าตอบคนสูงกว่าแม้กระทั่งตอนอยู่ในทะเลแล้วลอยตุ๊บป่องเพราะเสื้อชูชีพแบบนี้


“คนเราใช่ว่าจะต้องนึกถึงคนคนเดียวตลอดเวลานี่”


เหมือนว่ามันจะฉุนครับ หน้าหงิกขึ้นมาทันที ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็เป็นแบบนี้เสมอ แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกพอใจที่เห็นมันตกอยู่ในอารมณ์แบบนี้ เรียกได้ว่า... โรคจิตหน่อยๆ มั้งที่ชอบเห็นมันหึงหวง แต่มันออกจะทำให้ผมต้องเจ็บตัวอยู่เหมือนกัน เพราะมือใหญ่นั่นปล่อยมือผมแล้วมาหยิกแก้มผมทั้งสองข้างเลย


“เจ็บนะเว้ย”


ผมบ่นป้อยๆ แต่มันยังทำหน้าตึงอยู่เหมือนเดิม พูดกับผมด้วยเสียงแข็งๆ เหมือนคนหงุดหงิดไม่พอใจ


“เจ็บสิดี จะได้จำไว้ว่าห้ามคิดถึงคนอื่นเวลาอยู่ด้วยกัน”


“ถ้าแบบนั้นผมก็แย่สิ เพราะพี่เล่นอยู่กับผมเกือบตลอดเวลาแบบนี้”


ยังหยอกไอ้คนตัวโตต่อครับ มันเลยหน้าบูดกว่าเดิมเสียอีก หมีควายนี่ไม่มีสมองหรือยังไง พูดแค่นี้มันก็งอนซะแล้ว เห็นหน้าบูดๆ ของมันแบบนั้นแล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมา มันเลยแยกเขี้ยวใส่ ผมจะโดนหมีตะปบมั้ย?


“ผมก็แค่คิดเรื่องแซนกับกัส”


ถลึงตามองผมตาเขียวเลยครับหลังจากที่ผมบอกไปแบบนั้น อุ้งตีนใหญ่ๆ นั่นวางบนบ่าของผมทั้งสองข้าง เรียกว่าทุ่มมาวางเลยดีกว่า เจ็บฉิบหาย แต่ผมก็ยังแกล้งยิ้มแหย่มันต่อไป


“มึงหลอกกู”


“ก็พี่อยากคิดไปเองนี่หว่า”


“กล้ามากนะมึง”


สิ้นเสียงนั้น ผมก็รู้สึกถึงสัญญาณอันตรายที่ดังก้องจนปวดหู ไอ้พี่ชมพูดึงผมเข้าไปรัดเอาไว้ทั้งตัว หน้ามันซุกลงกับบ่าของผมไม่ให้ผมหนีไปได้ โอ๊ยยย ตัวผมจะหักมั้ยเนี่ย ขนาดอยู่ในน้ำแรงมันยังเยอะอยู่เลย ผมดิ้นๆ ตีนกบกระพือพึ่บพั่บในน้ำเพื่อเอาตัวรอด แต่ก็สู้มันไม่ได้ แถมมันยัง


“เฮ้ยยยย อย่ากัดหู”


มันกัดหูผม ไอ้เหี้ย กัดหู! ภาพซ้อนไมค์ ไทสันที่เคยดูตอนเด็กๆ แวบขึ้นมาเลย หูกูจะแหว่งมั้ยยย!!


ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทันทีก่อนจะหลุดออกมาจากอ้อมแขนที่มันรัดตัวผมเอาไว้ มืออีกข้างก็ชี้หน้ามัน แต่แม่งเสือกหัวเราะแบบโคตรพอใจ อารมณ์ดี แสรดดดดดดดดดดด


“กลัวหูแหว่งเหรอวะ”


“เออดิ ใครไม่กลัวมั่ง โรคจิตว่ะไอ้เหี้ย”


ผมด่ามัน แต่มันขยับเข้ามาใกล้ครับ ผมก็ผงะหนีดิ เดี๋ยวแม่งเอาอีก แต่ก็ไม่พ้น มันคว้ามือผมไว้ก่อนแล้วลาก ย้ำว่าลากผมเข้าไปใกล้มัน นี่ถ้าไม่มีเสื้อชูชีพ ผมคงล้มคะม่ำ ตีลังกาหัวปักทะเลไปแล้ว


“มาดูซิ”


คราวนี้ไอ้หมีควายมันพูดด้วยเสียงปกติแล้ว มันโน้มหน้ามาดูหูของผมใกล้ๆ ก่อนผมจะสะดุ้งวาบขนตั้งไปทั้งตัว เพราะมันจูบหูผมตรงที่ถูกมันฝังเขี้ยวเอาไว้ ไอ้สาดดดดดดดด ทำอะไรของมึงงงงง


ผมหันขวับมองไปรอบทิศทางกลัวว่าคนอื่นๆจะอยู่แถวนี้ ถึงจะแน่ใจว่าผมกับมันดำน้ำมาไกลพอที่จะไม่มีคนมาเจอฉากสวีท (?) เลือดสาดของเราทั้งคู่ก็เหอะ


“พี่แม่ง หมดคำจะด่า”


“ก็ไม่ต้องด่า”


มันทำหน้ากวนส้นตีนผม ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยว่าเมื่อกี้ทำให้ผมเจ็บ แล้วก็กลัวด้วย น่าถีบฉิบหาย ผมหมุนตัว เตรียมว่ายน้ำกลับไปที่เรือ หรือไปอยู่ในบริเวณที่มีคนอื่นๆ อยู่ซะ ขี้เกียจจะพูดกับไอ้พี่ชมพูอีก แต่มันก็ดึงมือผมเอาไว้ แล้วค่อยๆ สอดนิ้วให้มือของเราประสานกันช้าๆ เหมือนถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด


ไม่อยากจะพูดหรอกนะครับ แต่... ตอนนี้ใจของผมสั่นฉิบหายเลย


“จะไปไหนก็ไปด้วยกัน กูไม่ทิ้งมึง แล้วมึงก็ห้ามทิ้งกู”























เสร็จจากดำน้ำผมกับไอ้พี่ชมพูก็กลับมาที่ห้องอีกครั้ง จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ค่อนข้างเสียเวลาไปมาก เพราะไอ้พี่ชมพูมันตื๊อว่าอยากอาบน้ำด้วยกัน แต่ผมไม่ยอม ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปสักหน่อยนะครับที่จะทำแบบนั้น ถึงผมกับมันจะมีสัญญาร่วมกันอยู่ก็เหอะ


“มึงนี่โคตรงกเลย อาบน้ำด้วยกันก็ไม่ได้”


“ให้อาบน้ำกับพี่แล้วผมถูกแทะโลมทางสายตาจนพรุนทั้งตัวเหรอ”


ผมตอบมันแล้วเอาผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเองอยู่บนเตียง แต่ไอ้พี่ชมพูมันถือไดร์เป่าผมจากห้องน้ำมาเสียบปลั๊กแล้วเป่าผมตัวเองแบบชิลๆ


“มึงคิดมากไปหรือเปล่า”


“หน้าตาหื่นกามแบบพี่ให้ผมคิดแบบอื่นได้ด้วยเหรอครับ”


ผมกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ที่รู้ทันมัน มันหัวเราะ หึ แล้วส่ายหัว ก่อนจะขยับเข้าใกล้ผม เอนหัวให้ติดกัน เป่าลมร้อนๆ จากไดร์ในมือมันให้ผมของเราสองคนแห้งไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผมก็ยอมให้มันทำนั่นแหละครับ ดีจะได้ไม่ต้องเช็ดให้เมื่อยมือ


“แล้วใครให้มึงใส่เสื้อกล้าม”


ทั้งที่มือนึงถือไดร์เป่าผมอยู่ แต่มืออีกข้างมันเสือกเอามาเกี่ยวสายเสื้อกล้ามสีขาวที่ผมใส่อยู่ครับ ผมหันไปมองมันนิดๆ แต่มันขมวดคิ้วมองที่บ่าผมมากกว่าจะมองหน้าผม


“ผมจะใส่เสื้อนี่ต้องถามใครด้วยหรือไง”


“ก่อนออกไปเปลี่ยนเสื้อด้วย”


“อะไรของพี่วะ”


พูดมาแบบนี้ก็งงดิ ปกติผมก็ไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามไปไหนมาไหนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ แต่นี่มาทะเลทั้งที จะให้ใส่เสื้อแขนยาวก็บ้าไป ผมหมุนตัวกลับไปมองมัน เลิกสนใจไดร์เป่าผมที่อยู่บนหัวเพื่อที่จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง


“กูบอกให้มึงเปลี่ยน มึงก็เปลี่ยนแล้วกัน”


“เหตุผล”


“กูไม่ชอบ”


“แล้วทำไมไม่ชอบ”


เสียงหึ่งๆ ของไดร์เป่าผมทำให้ผมชักรำคาญ ผมดึงไอ้เครื่องนั่นออกจากมือของไอ้พี่ชมพูมาปิดซะแล้วจ้องหน้ามันแบบหาคำตอบ มันเองก็มองผมกลับเหมือนกัน หน้าของเราประจันกันห่างไม่ถึงช่วงแขนด้วยซ้ำ แล้วมันก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ


“มึงก็รู้ว่าตัวมึงขาว .......แล้วกูก็ขี้หวง”


“พี่คิดว่าจะมีผู้ชายที่ไหนหน้ามืดตามัวมาหลงผมเหมือนพี่หรือไง ตลกแล้ว ไม่มีใครหรอกน่า คิดมากทำไม”


เหมือนผมจะเข้าใจที่มันอธิบายมาแบบกำกวมนี่นะ ซึ่งผมก็ไม่ได้นึกไปถึงผู้หญิงคนไหนด้วยที่มันจะเก็บมาหึงมาหวงอะไรผมได้


“กูรู้ แต่มึงหล่อ มึงน่ารัก แล้วมึงก็มีเสน่ห์ กูยังชอบมองมึง แล้วคนอื่นจะไม่มองได้ยังไง”


คำตอบของมันทำให้เปลี่ยนเป็นผมที่ต้องผ่อนลมหายใจออกมาจากจมูกแทน ผมมองมันชัดๆ หน้าหล่อๆ ของมันมีแววของคนคิดมากอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นแฟนผมแล้วจะยังคิดอะไรแบบนี้อีกทำไม ทั้งที่ผมก็ไม่เคยทำตัวให้ชวนคิดว่าจะนอกใจได้


“แต่ไม่มีใครมองผมแล้วอยากปล้ำผมเหมือนพี่ โอเคป่ะ”


“มึงไม่รู้หรอก ขนาดตอนนั้นยังเคยมีคนจะปล้ำมึงเลย”


เออ มันรำลึกความหลังมาแบบนี้เล่นเอาผมเกือบสะอึก เพราะคิดว่าเป็นคำตอบที่ดีแล้วเชียว แต่ผมลืมไปสนิทจริงๆ ว่าเคยถูกไอ้เหี้ย ชื่ออะไรสักอย่างพยายามจับกดอยู่ครั้งนึง แม่งวอนตายฉิบหาย


“ไอ้เหี้ยนั่นมันบ้า อย่าไปใส่ใจเลย นอกจากนี้ก็คงไม่มีแล้ว”


“มึงไม่รู้ตัวหรือไงว่ามึงมีเสน่ห์ขนาดไหน หุ่นบางแบบกำลังดี ตัวขาว ปากแดง มึงน่ะดูดีมากไม่ว่าจะในสายตาใคร โดยเฉพาะตอนที่มึงเป็นตัวของมึงเองแบบนี้มึงยิ่งดึงดูดคนให้เข้าหา แล้วมึงใส่เสื้อกล้ามพอดีตัว เห็นกล้ามแขนนิดๆ กับหัวนมผ่านเสื้อที่แนบตัวมึงอีก กูไม่รู้จะพูดคำไหนดีให้มึงรู้ตัว”


“...”


“แต่... กูพูดจริงๆ ตอนมึงใส่เสื้อกล้ามนี่อีโรติกเหี้ยๆ”


ผมอึ้ง อึ้งจริงๆ นะครับกับประโยคสุดท้าย ผมไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาพูดกับผมอย่างนี้ ถึงผมจะมั่นใจว่าผมหล่อ ดูดีจนผู้หญิงที่ไหนก็อยากควงผม อยากเป็นคู่นอนของผม แต่ผู้ชายที่มาพูดแบบนี้ เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ เล่นเอาผมพูดไม่ออกเลย เราสองคนต่างก็มองหน้ากัน พักใหญ่เลยครับกว่าผมจะเค้นเสียงออกมาได้


“พี่...ตลกอยู่เปล่าเนี่ย”


“กูพูดจริง ให้กูมองมึงแล้วช่วยตัวเองกูก็เสร็จ จินตนาการกูไปไกลมากกว่าที่มึงคิดอีกถ้ากูยังเห็นมึงใส่เสื้อตัวนี้อยู่”


ไอ้แสรดดด พูดซะผมสยองเลย ผมมองมันแบบหวั่นๆ แต่สายตามันไม่หวั่นกับผมเลย บอกให้ผมรู้ว่ามันคิดแบบนั้นจริงๆ แล้วจะให้ผมยังไงได้ นอกจาก...


“เออๆ ไปเปลี่ยนก็ได้”


หลังจากมาอยู่ในชุดใหม่ที่ค่อนข้างสบายเพราะเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนแต่ทำให้ทั้งผมกับไอ้พี่ชมพูดูดีมากๆ จนสาวๆ มองกันเป็นตาเดียวแบบเลือกไม่ถูกแล้วว่าควรจะเข้ามาอ่อยไอ้ตัวใหญ่เหมือนหมีควาย หรือเจ้าชายรูปงามแบบผม หึหึ


ตอนนี้เราเดินกินลมชมวิวอยู่ริมหาดครับ เพราะเย็นจนแดดร่มแล้ว แต่ก็ยังมีคนออกมาทำกิจกรรมเดียวกันและเล่นทะเลกันอยู่ เพราะงั้นผมกับไอ้พี่ชมพูเลยตกเป็นอาหารตาของสาวๆ ที่นุ่งบิกินี่บ้าง วันพีช ทูพีชบ้างแล้วแต่ความมั่นใจในเรือนร่าง


“มึงดู ขนาดมึงใส่เสื้อยืด ยังมองกันทั้งหาด”


“เขามองพี่มั่งก็ได้มั้งครับ โบ้ยให้ผมหมดทำไม หรือจะยอมแพ้เพราะผมหล่อกว่า”


ผมพูดแบบเย้ยๆ มันนิดหน่อย เลยทำมันหมั่นไส้ล่ะมั้ง ถึงได้ยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมอย่างที่มันชอบทำกับผมบ่อยๆ แต่ก็เรียกสายตาของคนอื่นได้พอดู แล้วก็ใช่ว่าไอ้พี่ชมพูจะแคร์กับสายตาพวกนั้น เพราะมันเลื่อนมือลงมากุมมือผมอีก


“ทำให้เขารู้หน่อยว่ามึงเป็นของกู อย่ามองมาก”


ยิ้มครับ มันเอนตัวมาพูดกับผมยิ้มๆ แล้วสอดนิ้วประสานกับผมเหมือนเคย ซึ่งผมก็ยอมตามน้ำมันไป เพราะถ้าขัดก็กลัวว่ามันจะทำอะไรให้ผมต้องอับอายกลางหาด อย่างที่รู้ๆ ว่ามันหน้าด้านขนาดไหน มันไม่แคร์หรอกว่าใครจะมองมันยังไง แถมเป็นการเจอกันแค่ครั้งเดียวด้วย มันยิ่งไม่ต้องสนใจเลย


“กับผู้ชายก็หวง กับผู้หญิงก็หึง เยอะนะ”


“แฟนเสน่ห์แรง ก็ต้องหวงต้องหึง รักมากด้วยนะมึง รู้หรือเปล่า”


ผมหัวเราะอีกครั้งที่มันเนียนบอกรักเอาเสียเฉยๆ เป็นคำคล้องจองอีกต่างหาก แต่ก็ชอบนะครับที่มันคอยแสดงว่ามันรักผมแบบนี้ ผมต่างหากที่ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่ หรือจะเรียกว่าไม่แสดงออกเลยดี แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำออกมายังไง ทั้งที่ก็คบกับมันมาเกือบปีแล้ว


เหมือนจะเคยบอกรัก... แต่ก็ไม่เคยบอก


“มึงก็หึงหวงกูบ้างด้วยล่ะ กูอยากให้มึงทำแบบนั้นเหมือนกัน”


“ผมไม่ใช่พวกหึงดะเหมือนพี่นี่หว่า”


“งั้นถ้ามีโอกาส อย่าลืมหึงพี่ด้วยนะครับ”


มันพูดติดตลกแล้วยังขยิบตาให้ผมอีก ทำให้ผมต้องหลุดหัวเราะอีกรอบแล้วส่ายหัวกับความบ้าของมัน





v


v

อ่านต่อข้างล่าง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 07-04-2013 22:23:35

ต่อจากข้างบน


v


v















ผ่านมื้อเย็นไปแบบโคตรอิ่มแปล้แล้วก็เสียเวลาค่อนข้างมาก เพราะมาทะเล ไอ้พี่ชมพูเลยสั่งแต่ของทะเลมาหมด แล้วก็ไม่ใช่พวกที่ต้มยำทำแกงพร้อมเข้าปากแล้ว แต่เป็นกุ้งย่าง ปูนึ่ง หอยลวก หมึกปื้ง พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ให้มานั่งแกะเองที่หน้าบ้านพัก เอาท์ดอร์กันสุดๆ


ยอมรับล่ะครับว่าอร่อยที่ได้กินของสด แต่มันลำบากต้องมานั่งแกะนั่นแหละ พอผมจะสั่งอย่างอื่นมันก็ไม่ยอม บอกว่าของแบบนั้นหากินที่กรุงเทพก็ได้ มาไกลถึงตราด จะมานั่งกินของแบบนั้นทำไม จนผมต้องเถียงไปว่าอยู่กรุงเทพก็กินแบบนี้ได้เหมือนกัน แต่ใช่ว่าคำค้านของผมจะเป็นผล มันแกะกุ้งแล้วจับยัดใส่ปากผมเป็นการปิดประเด็น


เพราะงั้นกว่าจะกินเสร็จก็เสียเวลาไปสองชั่วโมงได้ แกะกันจนมือนี่แทบจะเหี่ยวเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังดีที่ไอ้พี่ชมพูมันแกะไว ผมเลยแย่งของที่มันแกะใส่จานไว้มากิน ตามหน้าที่แฟนที่ดีของมัน


หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็มาถึงกิจกรรมยามดึกของพวกเรา เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างบริหารกล้ามเนื้อ... กล้ามเนื้อสมองน่ะครับ ไม่รู้ว่าไอ้พี่ชมพูมันเอาอุปกรณ์มาจากไหน แต่คาดว่ามันน่าจะพกมาเอง วงไพ่เริ่มมา สุราก็วางเรียงราย ถึงจะอยู่กันสองคน แต่มันก็สามารถพาผมตั้งวงไพ่ได้ แล้วก็ไม่ใช่แค่เล่นไพ่ แต่มันยังกินเงินจริงๆ ด้วย


“เลิกๆ ผมไม่เล่นแล้ว”


ผมโวยหลังจากโยนไพ่ทิ้ง เพราะเล่นมาเกินยี่สิบตาได้แล้วผมก็ยังแพ้เจ้ามือแบบมันอยู่ดี เทพเจ้าแห่งโชคลาภคงจะเข้าข้างมันวันนี้ ผมถึงชนะมันไม่ถึงห้าครั้ง และพอผมร้องแบบนั้น มันก็หัวเราะหึหึ กอบโกยแบงก์จากกระเป๋าเงินของผมไปอย่างสบายอุรา เห็นแล้วน่าถีบฉิบหาย


แก้วเหล้าที่ถูกผสมเอาไว้จางๆ เลยถูกผมซัดเข้าไปเต็มอึกก่อนผมจะเดินออกจากห้องไป ส่วนไอ้พี่ชมพูเก็บไพ่แล้วก็เก็บเงินให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามออกมา ผมมานั่งอยู่หน้าห้องพักเพราะมีเก้าอี้หวายตั้งอยู่ด้วย เหยียดขาออกไปวางพาดกับโต๊ะที่ทำจากหวายเหมือนกันเพื่อให้สบายตัว หลังเอนพิงเบาะที่รองเอาไว้


“มานั่งข้างนอกไม่กลัวโดนยุงหามหรือไง”


“ผมตัวหนัก คงหามไหวหรอก”


ตอบมันแล้วผมก็เอนหัวพิงกับพนักด้านบน มองท้องฟ้าสีค่อนข้างดำ เห็นดาวอยู่ประปรายบ้าง ท้องฟ้าที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพครับ ไม่ค่อยมีแสงสีทำลายบรรยากาศ เห็นแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยไม่มีเหตุผล ก่อนจะรู้สึกถึงไออุ่นจากอีกคนที่มานั่งตรงพนักเก้าอี้


“ตรงนู้นก็ว่าง มานั่งเบียดทำไม”


“โกรธที่กูกินตังค์มึงเยอะหรือไง”


“ก็เสียไปหลายร้อยพอดู”


ขนาดเล่นตาละห้าสิบบาทนะครับ ผมยังเสียไปเกือบพัน โชคไม่เข้าข้างชัดๆ


“มึงคิดว่ากูจะเอาเงินมึงหรือไง ขนาดทุกวันนี้มึงจะกินจะซื้ออะไร กูยังจ่ายให้หมดเลย”


“เหอะ เหมือนผมเป็นอีหนูของเสี่ยเลยเนอะ”


พอคิดตามที่มันบอกแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่บางทีผมก็อยากจะออกเงินเองบ้าง เพราะมันก็ใช่ว่าจะทำงานหาเงินเองได้แล้ว แต่ไอ้พี่ชมพูก็ไม่ยอมทุกครั้ง แล้วมันก็ทำให้ผมอดรู้สึกในบางคราวไม่ได้ว่าผมเหมือนเกาะมันกิน แต่มันคงจับอารมณ์ของผมได้ว่าไม่พอใจ เลยจับมือของผมเอาไว้ ยกขึ้นมาอย่างเบามือแล้วแตะปากลงกับหลังมือของผม


“ไม่ต้องเป็นอีหนูของเสี่ยที่ไหน แค่เป็นเกงยีนตัวแสบของกูก็พอแล้ว”


“น้ำเน่าว่ะ”


ผมผลักหัวมันเบาๆ รู้สึกร้อนวูบๆ บนหน้ายังไงชอบกล เลยต้องรีบหันหนีไปอีกทาง ทำไมผมรู้สึกว่าผมแพ้มันอีกแล้ว และท่าทีแบบนั้นของผมล่ะมั้งที่ทำให้มันหัวเราะออกมาหน่อยๆ


“มึงไม่ต้องคิดมากหรอก มึงเป็นแฟนกู กูก็อยากดูแล อยากทำอะไรเพื่อมึงเท่าที่กูทำได้ แค่มึงมีความสุข กูก็ดีใจมากแล้ว ขออย่างเดียว... ให้มึงรักกู อย่าไปรักคนอื่น”


มันพูดซึ้งนะครับ เป็นสิ่งที่มันไม่ได้พูดบ่อยๆ ผมเลยเอนตัวพิงต้นแขนของมัน แขนอุ่นๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกดีได้จริงๆ มือที่มันจับผมเอาไว้เปลี่ยนเป็นผมที่พลิกกลับไปจับมันแทน สิ่งที่ไม่ได้ออกจากปากผมบ่อยๆ หลุดออกมาท่ามกลางความเงียบด้วยเหมือนกัน


“ไม่ไปรักคนอื่นหรอก ...แค่พี่คนเดียวก็วุ่นวายพอแล้ว”


ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันกำลังยิ้ม ทั้งที่ผมมองไม่เห็น แค่พิงหัวไว้กับแขนของมัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น โคตรจะน่าประหลาดใจเลย แต่มันก็ทำให้ผมระบายยิ้มออกมานิดๆ ได้เหมือนกัน


“อืม... มึงคนเดียวก็ทำให้กูมีความสุขมากพอแล้ว”


เลียนแบบผมเลย แต่ว่าคำที่ใช้ต่างกันมาก มันก็เป็นแบบนี้ ชอบพูดอะไรหวานๆ เลี่ยนๆ แล้วก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูกได้ตลอด แต่ผมก็ยอมรับว่าผมก็ไม่ต่างจากมัน


มันมีความสุข ผมมีความสุข เราทั้งคู่มีความสุข


“พี่...” ผมครางเสียงออกมาเบาๆ เรียกมันให้ก้มลงมามองผม ทั้งที่ผมไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด “เรื่องสัญญานั่นน่ะ นานแค่ไหนแล้ว”


“แปดเดือน”


“จำแม่นดีนะ”


ผมหัวเราะออกมาเบาๆ หลังจากได้ยินคำตอบของมันที่ใช้เวลาไม่นานก็ตอบออกมาได้ ก่อนจะบอกถึงการตัดสินใจที่ผมคิดมาตลอดว่าสักวันผมจะต้องพูดถึงมัน แล้วผมก็ตัดสินใจให้เป็นวันนี้ ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่ว่าผมจะยุติการเอาเรื่องนั้นมาข่มขู่มันสักที บอกแล้ว... มันทำให้ผมใจอ่อน


“ก็กำลังรอดูอยู่ว่ามึงจะให้กูรักษาสัญญาถึงปีหนึ่งเลยหรือเปล่า”


“แล้วถ้าผมให้ทำสองปีล่ะ”


ดึงตัวกลับมานั่งตามปกติเหมือนเดิมแล้ว ผมก็แกล้งบอกมันแบบนั้น เลยเห็นว่ามันหันขวับกลับมามองผมตาโตแบบตกใจโคตรๆ ที่ผมบอกแบบนั้น แถมยังถามผมกลับมาด้วยเสียงแห้งเหี่ยวสุดๆ


“มึงจะใจร้ายกับกูถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”


“พี่คิดว่าผมเป็นคนใจร้ายกับแฟนตัวเองขนาดนั้นหรือไง”


“มึงนั่นแหละ ใจร้ายมากกกก”


ดูมันครวญคราง ถ้าผมให้เป็นแบบนั้นแล้วมันยอมรับได้นี่มันคงได้เป็นกามตายด้านแน่ๆ เชื่อผมเหอะ


“เออ มึงอะ สุดๆ แล้ว”


ไอ้หน้าหล่อๆ นั้นทำอินซะเต็มที่ ผมเลยตะปบแก้มทั้งสองข้างของมันไว้ ตรึงให้มองหน้าผมที่ยิ้มหวานแบบสุดๆ


“ถ้างั้นก็อดทนไปอีกสักปีสองปีแล้วกันนะ ผมไม่ต้องรีบยกเลิก”


“เฮ้ย ได้ไง”


เป็นอย่างที่คิด มันรีบโวยขึ้นมาทันที ผมเลยยักไหล่แบบไม่แคร์ มันจึงตีหน้าเศร้าอีกรอบ เหมือนคนใกล้ตายได้เนียนสุดๆ มึงจะเป็นผู้กำกับนะ ไม่ใช่พระเอก ไม่ต้องอินเนอร์มาเต็มขนาดนั้นก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ใจอ่อนกับมันอยู่ดี แค่คนเดียวเลยจริงๆ


“เออๆ ก็ได้ๆ ไม่ต้องสองปี แค่สองนาทีนี่ก็พอ”


“ฮะ?”


ดูมันงงครับ จ้องผมตาเขม็งเหมือนไม่อยากเชื่อที่ผมพูด เหมือนระบบประมวลผลของมันจะถูกไวรัสเจาะเข้าทำลายหรืออะไรก็ตามที่ทำให้สมองมันเออเรอร์ชั่วคราว


“แค่สองนาที ตอนนี้อาจจะเหลือหนึ่งนาทีแล้ว”


“พูดจริง”


“กำลังโกหกอยู่มั้ง”


“มึงพูดจริงๆ เหรอ”


ถึงผมจะบอกมันไปตรงๆ แล้ว แต่ก็เหมือนไอ้ตัวใหญ่นี่จะไม่เชื่อสักที ผมเลยจิ้มหน้าผากมันไปทีหนึงแล้วดันตัวมันออก ให้หลบทางผม เพราะผมจะเข้าไปข้างในแล้ว อยู่นานๆ ยุงชักจะมาหามเหมือนอย่างที่มันบอกเอาไว้


“ไม่เชื่อก็เรื่องของพี่แล้วกัน”


แต่หลังจากบอกมันแบบนั้น ผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปในบ้านอย่างที่คิดเอาไว้หรอกครับ เพราะแค่ลุกขึ้นผมก็ถูกมันกระชากให้ลงไปนั่งที่เดิมแล้ว และไม่ทันได้อ้าปากโวย ก็ถูกปิดปากเอาเสียดื้อๆ แม้ว่าผมจะพยายามดันมันออกแล้วแต่มันก็ไม่ปล่อยผม


ผมรู้สึกว่าไม่ได้คิดไปเองว่ามีอะไรแข็งๆ ที่เหมือนจะเป็นเข่าของมันมาดันหว่างขาของผมให้ตัวยิ่งแนบไปกับพนักเก้าอี้ หน้าผมของเชยขึ้นรับริมฝีปากของมันที่เพิ่มความเผ็ดร้อนมากขึ้น ปากอิ่มนั่นขบเม้มปากของผมอย่างเมามันจนผมเริ่มมึนงงแล้วก็ตั้งรับไม่ทัน ได้แต่คล้อยตามจังหวะที่ถูกป้อนมาและเผยอปากรับลิ้นร้อนที่ถูกสอดเข้ามาอย่างรวดเร็ว


โพรงปากของผมถูกกวาดต้อนไปทั่ว ขณะที่ริมฝีปากก็ยังถูกดูดดึงไม่หยุด คนตรงหน้านี่กำลังสูบอากาศออกจากปอดของผมอย่างรวดเร็วจนผมรู้สึกหายใจไม่ทัน มันเป็นจูบที่ร้อนแรงและดุเดือดกว่าครั้งไหนจนผมรู้สึกว่าปากของตัวเองกำลังเจ่อ


ผมทุบบ่ามันไปแรงๆ หนึ่งทีเพื่อให้มันปล่อยผมเป็นอิสระแล้วสูดอากาศเข้าปอดก่อนจะขาดอากาศตาย ซึ่งมันก็ได้สติแล้วละริมฝีปากออกช้าๆ


“ขอโทษ... กูดีใจมากไปหน่อย เจ็บหรือเปล่า”


มันเอานิ้วแตะๆ ที่ปากของผมแบบระวัง เหมือนกลัวว่าผมจะเจ็บ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่มันคิดหรอกครับ


“ไม่เจ็บ แต่หายใจไม่ทัน ช้าๆ หน่อยดิ”


คำตอบของผมทำให้มันหัวเราะออกมาเบาๆ พลางเกลี่ยนิ้วบนแก้มผม ก่อนจะเลื่อนมันไปที่กกหู นวดคลึงช้าๆ แล้วดันหน้าผมให้เชยขึ้นมองมันและรับริมฝีปากอุ่นที่ประทับลงมาแผ่วเบา


“จะทำช้าๆ”


ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนคำพูดของมันจะไม่ได้หมายถึงแค่จูบ









==================
จริงๆ ชื่อตอนไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ไปเสม็ด
แต่ก็อย่างที่เคลมพูดล่ะเนอะ เลยให้คำนี้เป็นตัวแทน
คิดไม่ออกแล้วด้วย :katai1:

สรุปแล้วน้องยีนจะเป็นยังไง ติดตามต่อพาร์ทหน้านะคะ

Undel2Sky




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me:กวนนัก แต่รักนะครับ/ตอนพิเศษ 2.1:เสม็ดเสร็จไม่เสร็จ[7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 08-04-2013 01:30:24
สัญญาหมดแล้ว น้องยีนเสร็จพี่ภูแน่ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 08-04-2013 02:11:52
ชอบมาก่อ่ะ แค่2นาทีก็พอ อั๊ย
รอตอนต่อไป มาต่อเร็วๆเห้อออ!!  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 08-04-2013 02:41:13
 :mew1: :mew1:  เค้าจะได้กันแล้ว55+
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 08-04-2013 03:16:13
โถ่ววว น้องยีนนนของพี่ TT จะพลีชีพแล้วหรอ

โชคดีนะที่รักกของพี่

**อยากแย่งพี่ชมพูรัวๆ**
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 08-04-2013 05:02:44
ยีนใจอ่อนแล้ว เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!! :mc4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-04-2013 10:54:29
ในที่สุดความหวังของพี่ชมภูก็ไหล้จะเป็นจริงแล้ว อย่่าให้รอนานน่ะมาต่อเร็วๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 08-04-2013 11:35:51
รอตอนหน้าๆๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 08-04-2013 11:52:51
น่ารักกันจัง พี่ชมพูก็หยอดตลอดๆ คนอ่านยิ้มไม่หุบเลย :-[
คนทำดีต้องตอบแทน ทีนี้น้องยีนเราจะตอบแทนพี่ชมพูได้สมน้ำสมเนื้อแค่ไหน
น่าติดตามสุดๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-04-2013 13:36:29
ค้างอ่ะ
ไม่ยอมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Moe-z ที่ 08-04-2013 17:51:44
  อุ๊บส์ !!! รวดเดียว อ่านแบบรวดเดียวววว ฟินมากกกกกก

         เชียร์ ๆ เฮียภู ก่ะ น้องยีน >O<'
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 08-04-2013 18:56:48
ฮึ่ยยยยยยยย น่ารักจังยีนนนนนน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 08-04-2013 20:51:48
น้องยีน พี่ภู หวานๆ
ชอบคะ รอตอนหน้าด้วยคนจ้า อิอิ   :mew3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 08-04-2013 21:25:59
อั๊ยยะ !!! ตอนที่รอคอยกำลังจะมาถึง อิอิ  :hao6:

ชอบตอนนี้จัง หวานๆ

อ๊ายยยยยย ชอบ!!  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 09-04-2013 00:25:23
เพิ่งเห็นตอนพิเศษ แอร๊กกกกกกกกกกกก


หวานนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: p_a_n ที่ 09-04-2013 00:51:22
กรี๊ดกร๊าด พี่ภูน่ารักสุดๆเอาใจสุดๆ ยินดีด้วยน้าา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 09-04-2013 01:15:38
ในที่สุด เกงยีนส์ก็ใจอ่อนซะที
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 09-04-2013 11:00:56
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:  ตอนที่รอคอยจะมาแร้ววว เกาะขอบจอ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 09-04-2013 22:48:54
กรี๊ดดดดเกงยีนพี่ภูน่ารักมากกกกกก
หวานกันจังเล้ยยยย
น้องยีนส์เสร็จพี่ภูแน่ๆๆ  :hao7: :hao6: :o8: :z1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: pilar ที่ 10-04-2013 18:57:25
ค้างแสรดดดดดดดดดดดดดด

มาต่อไวๆ นะคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 11-04-2013 12:43:05
พี่ภูกับน้องกางเกงยีนส์2คนนี้ไม่รู้ใครกวนกว่ากันรู้แต่ว่าน่ารักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 13-04-2013 00:55:50
สัญญาหมดแล้วน้องยีนส์ระวัพี่ชมพูจัดเต็ม จัดหนัก จัดแน่นนะจ้าาา อิอิ

แอบค้างเบาๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 13-04-2013 12:16:49
สิ้นสุดสัญญาแล้ววววว
ในที่สุดน้องเกงยีนก็จะเสร็จพี่ชมพูซะแล้ว อิอิ
รอตอนหน้าๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 13-04-2013 13:39:02
กรี้ดดดดดด รอตอนหน้า
กรี้ดดดดดด
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 13-04-2013 17:02:16
รอตอนหน้า :hao6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-04-2013 21:19:08
กรี๊ีดดดดดดดดด น้องยีนยกเลิกสัญญาแล้วอ่ะ
พี่ภูสู้ๆ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: golf7777 ที่ 14-04-2013 21:33:43
สนุกมากเลยคับจะรออ่านตอนต่อไปนะคับ หวังว่าหลังสงการนต์จะได้อ่านนะคับ   :z3: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 15-04-2013 11:17:34
สวัสดีค่ะ เพิ่งอ่านจบไปแบบหามรุ่งหามค่ำ 2 วัน ค่ะพอดีเป็นคนอ่านช้าอะ ชอบมากคะอ่านแล้วเข้าใจง่ายภาษาไม่วกวน :really2: เนื้อเรื่องก็มีอะไรให้สงสัยตลอด ชวนติดตามดี ตอนดราม่าก็แบบ
สงสารทั้งพี่ชมพูวว และน้องเกงยีน ยิ่งตอนไปบ้านพี่ชมพู อ่านไปน้ำตาแทบไหล :hao5: แต่ตอนหลังน้องเกงยีน
ก็ได้แก้แค้นคืน ถึงแอบสะใจแต่ก็สงสารพี่ชมพูนิดหน่อย จะรออ่านตอนพิเศษต่อๆไป อย่าหายไปนานนะคะ :mew2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [7/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 15-04-2013 22:09:32
 :mew2: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 15-04-2013 23:08:16
ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ (จบ)





















แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกว่าตัวกำลังลอยวืดขึ้นจากเก้าอี้หวายที่นั่งอยู่ พอลืมตาก็เห็นว่าหน้าไอ้พี่ชมพูอยู่ห่างคืบกว่าๆ ผมรีบลนลานถามทันที เพราะไม่คิดว่ามันจะอุ้มผม ถึงผมจะผอมกว่ามันเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตัวเบาๆ ให้มันอุ้มไปได้ง่ายๆ


“เฮ้ย พี่จะอุ้มผมไปไหน”


“เข้าไปข้างใน ข้างนอกยุงมันเยอะ”


มันตอบผมแค่นั้นแล้วประกบปากลงมาอีกรอบ ผมจึงต้องเบี่ยงหน้าหนีเพราะกลัวมันเดินสะดุดหัวทิ่มแล้วเป็นเวรเป็นกรรมกับผมเสียก่อน แต่ก็ไม่สำเร็จ มันกลายร่างเป็นหมึกตัวยักษ์ ดูดปากแรงจนติดแน่นหนึบไม่ยอมปล่อย ผมเลยได้แต่เหลือบๆ ตาคอยมองทางตลอดเพราะกลัวจะล้มไปจริงๆ แต่สุดท้าย ไอ้พี่หมีควายก็พาผมมาถึงเตียงจนได้


แต่ใช่ว่ามาถึงเตียงแล้วผมจะเป็นอิสระ มันยังตามมาคร่อมผมอีก ไม่เว้นช่วงให้พักหายใจหายคอเลย ไหนเมื่อกี้บอกว่าจะช้าๆ ไงวะ! ผมโวยกับตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นมาตบแก้มมันทั้งสองข้างพร้อมกันดังป้าบ เหมือนลิงตีฉาบ มันถึงได้ลืมตาขึ้นมามองหน้าผม


“ตบทำไม”


“ก็พี่จะทำอะไรล่ะวะ”


“กูอยากกอดมึงว่ะ”


ตอบผมกลับมาหน้าด้านๆ เลยครับ เล่นเอาผมไปต่อไม่ถูก งึมงำๆ อยู่กับตัวเองอยู่ช่วงนึง ซึ่งก็กลายเป็นการเปิดโอกาสให้นักฉวยโอกาสมือทองอย่างมัน เพราะหน้าหล่อๆ นั่นซุกเข้าที่ต้นคอของผม มันลากลิ้นแล้วใช้ปากดูดจนผมสะดุ้งขึ้นมา มือสองข้างของผมจึงพยายามผลักมันออก


“พี่ๆ ใจเย็นๆ เฮ้ย อย่าเพิ่ง”


“กูไม่รอแล้ว”


มันบอกแค่นั้นแหละครับ ก่อนจะก้มลงมาหมกมุ่นกับคอของผมต่อ แต่ไม่แค่นั้นแล้ว เพราะมันดึงเสื้อยืดที่ผมใส่อยู่ออกให้พ้นคอไปอย่างรวดเร็ว เฮ้ยยยยยยยยยยยยย กูยังไม่ได้สมยอมเลยนะเฟ้ยยยยยยยยยยย


ตาเหลือก รู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหน จะผลักมันออกยังไง จะดิ้นให้พ้นจากตัวมันดี หรือจะทำยังไงต่อ สมองมันช้าไปหมด ได้แต่นอนเบิกตากว้างๆ ให้ไอ้พี่ชมพูเล็มเลียมาถึงหน้าอก มันงับหัวนมของผมเข้าปากอย่างกับกำลังกินเยลลี่ ทั้งเลียทั้งดูดแบบไม่เว้นจังหวะ มือก็คลึงที่ยอดหยุ่นอีกข้างอย่างเมามัน


ผมไม่มันด้วยหรอกครับ แต่สะดุ้งแบบสุดตัว มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก เหมือนอยากให้เลิกทำก็ไม่ใช่ อยากให้ทำต่อก็ไม่เชิง ผมสับสนในตัวเองแบบเหี้ยๆ โอ๊ยยย ใครก็ได้บอกกูที กูควรจะทำยังไง ผมอยากจะกรีดร้องออกมาแบบนั้นเลย แต่ไม่ทันแล้วครับ


ไอ้เหี้ยยยยยย มันต่ำลงมาแล้ว!!


ตอนนี้หน้าไอ้พี่ชมพูมาซุกอยู่ที่ท้องของผมแล้ว แล้วดูท่าว่ามันจะซุกลงไปต่ำกว่านั้นอีก โอ้ พระเจ้าๆ บุดดา มายก็อดดดด ผมคิดอะไรไม่ออก มือทั้งสองข้างเลยพยายามดึงเสื้อไอ้พี่ชมพูเพื่อให้มันผละออกจากตัวของผม แต่ไอ้สัดนี่เข้าใจผิดหรือไงไม่รู้ มันเลยถอดเสื้อตัวเองทิ้งเอาซะเฉยๆ แสรดดด แล้วกูจะดึงอะไรรรรรร


ไม่มีตัวช่วยแล้วผมก็ต้องออกแรงผลักบ่ามันออกแทน แต่แทนที่มันจะสะดุ้งสะเทือน หรือเงยหน้าขึ้นมามองผมบ้างว่ากำลังทำหน้าตกใจสุดขีดสติแตกขนาดไหน แต่มันไม่ครับ ไอ้เหี้ยหื่นกามนี่มันดึงมือผมไปจูบ แล้วก็จับนิ้วผมยัดเข้าปากมันเฉยเลย มันดูดนิ้วผมมมม ย้ากกกกกกกกก!!!!


ไอ้เหี้ย ผมโกรธตัวเองโคตรๆ ที่ตอนนี้ขาอ่อนไปหมดแล้ว ไม่มีแรงจะถีบมันออกไปเลย สัดๆๆๆ กูต้องเสร็จมันแน่แล้วใช่มั้ยเนี่ย อยากจะร้องครวญครางออกมาดังๆ ว่ากูยังไม่พร้อมมมมมมมมมมม แต่เสียงแม่งไม่หลุดออกมา


“พะ... พี่...”


“หื้ม ว่าไงครับ”


มันตอบกลับมาด้วยเสียงนุ่มมาก มาก... มากแบบสุดๆ แล้วหัวใจกูจะเต้นตึกตักๆๆๆๆ หาพ่อมึงเหรอ แสรดดดดด ผมมองหน้ามันที่เงยขึ้นมามองผมแล้วรู้สึกร้อนวูบยังไงไม่รู้ สายตาของมันที่มองผมฉ่ำเว่อร์ เหมือนแบบอยากจะกินผมเข้าไปทั้งตัวจริงๆ ผมต้องเค้นเสียงออกมาสุดชีวิต


“คือ... พี่.... พี่จะทำ..... เอ่อ......ทำจริงๆ เหรอ”


ท้ายประโยคนี่เหมือนเสียงของผมลอยไปในอากาศแล้วครับ คอตีบแบบสุดๆ ไม่คิดเลยว่าเกิดมาในชีวิตนี้จะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้


“ครับ”


เป็นประโยคที่สั้นมาก สั้นโคตรพ่อโคตรแม่ แล้วมันก็เลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากผม จูบแบบเน้นๆ ดูดปากผมแบบเมามัน ขณะที่มือก็ยุกยักอยู่ที่กางเกงผมอยู่แป๊บเดียว แค่แป๊บเดียวแหละครับ ผมก็ล่อนจ้อน แสรดดดดดดดดดดดด มึงมันฉวยโอกาส มือไวฉิบหาย


ผมรู้สึกว่าตอนนี้ส่วนล่างมันโล่งมาก โล่งแบบสุดๆ แล้วก็อายแบบสุดๆ ด้วยเพราะไอ้พี่ชมพูมันถอนปากออกไปจากปากของผม แล้วเปลี่ยนไปพิจารณากับเป้าของผมแทน ผมไม่ได้ล็อกเป้าหมายผิดนะ มันมองจริง มันมองแต่ตรงนั้นแล้วกดยิ้มมุมปาก ยิ้มแบบร้ายมาก สาดดดดดดดดดด


ใช่ว่าผมกับมันไม่เคยทำข้างนอกกันนะ ถึงได้ตื่นเต้นจนหัวใจจะทะลุออกมาจากอกแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกเลยสักนิดว่ามันจะทำแต่ข้างนอก ดูท่ามันแล้วอยากแทงผมสุดๆ โอ้ แม่เจ้า เจ้าพระคุณ ช่วยลูกช้างด้วย


“พะ...พี่”


ผมเรียกมันเสียงอ่อย แต่มันไม่รอให้ผมพูดอะไรแล้วครับ มือใหญ่คว้าขมับที่คันบังคับของผมแล้วก็รูดเลย แค่นั้นไม่พอ มืออีกข้างยังดึงมือผมให้ไปลูบของมันผ่านกางเกงที่สวมอยู่ด้วย อยู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของมันขึ้นมาเลย ไม่ใช่กูที่ใส่เสื้อกล้ามแล้วอีโรติก ไม่ใช่ มึงต่างหากที่ตอนนี้อีโรติกสุดๆ


“อื้อ...”


แสรดดด ใครคราง กูไม่ได้ครางนะ ไม่ได้ครางจริงๆ


ผมหาข้ออ้างให้ตัวเองสุดๆ พยายามเม้มปากแน่นไม่ให้หลุดเสียงร้องที่โคตรน่าอายนั่นออกมาอีกรอบ แต่ไอ้เชี่ย ตัวผมสั่นสุดๆ โดยเฉพาะตรงสะโพกนี่ที่มันเริ่มขยับเข้าหามือที่กำอาวุธคู่กายของผมเอาไว้ไม่ปล่อย ไอ้พี่ชมพูทั้งชัก ทั้งรูดจนมันแข็งโป๊กแทบฟาดกบาลใครแตกได้


“ไม่ต้องกลั้นไว้หรอก พี่อยากฟังเสียงยีนชัดๆ”


แต่กูไม่อยากฟังเสียงตัวเองเว้ยยยยยยย ถึงแม้จะร้องขัดอยู่แบบนั้นในใจ ผมก็รู้สึกว่าปากของผมกำลังขยับออกจากกันทั้งที่เมื่อกี้เม้มไว้แน่น เสียงร้องเบาๆ แห่งความสุขที่ถูกปรนเปรอหลุดออกมาเป็นระยะ หน้าของผมน่าจะแดงมากเพราะผมรู้สึกมันร้อน ร้อนมากโคตรๆ จนแทบจะไหม้ได้แล้ว


พี่ชมพูเลื่อนตัวขึ้นมาจูบผมอีกรอบโดยไม่หยุดมือที่กำลังหยอกเล่นกับน้องชายของผมจนมันน้ำตาคลอ ปากอุ่นนั่นจูบซับที่ขมับของผม เลื่อนมาที่ปากแล้วคลอเคล้ากับลิ้นของผมที่สอดเข้าไปหามัน มือข้างหนึ่งของผมกอดตัวมันเอาไว้เพราะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่ผมเป็นฝ่ายถูกกระทำคนเดียว


ใช่ๆ ผมรู้สึกแบบนั้น ถึงได้ตอบโต้มันไปบ้าง แต่มันเหมือนป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยครับ เพราะไอ้พี่ชมพูมันเบียดตัวเข้ามาหาผมมากขึ้น มือข้างที่ยังลูบของมันอยู่รู้สึกถึงการพองขยายของสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกง แล้วผมก็ต้องสะท้านขนลุกชันไปทั้งตัวตอนที่เสียงทุ้มๆ นั่นกระซิบข้างหู


“ให้พี่ทำนะครับ”


“เอ่อ...”


ผมกะจะปฏิเสธมันนะครับ แต่ไม่ทันพูดอะไร มันก็ผละตัวไปจากผมแล้ว เดินไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าที่วางไว้ในตู้ขนาดใหญ่ที่ทางห้องพักมีไว้ให้ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมอะไรบางอย่างในมือ มันบีบสิ่งที่อยู่ในนั้นชะโลมมือของมันเอาไว้ ขณะที่ผมได้แต่มองตาเหลือก


“พี่... เอามาจากไหน”


“พี่เตรียมเอาไว้ เผื่อมีโอกาส”


ไอ้เหี้ย ไอ้ลามก ไอ้บ้ากาม ไอ้ ไอ้ แสรดดดดดดดด มันเตรียมเจลมาเรียบร้อยเลย นี่มันกะเอาผมจริงๆ ใช่มั้ย!!!


ผมมองมือมันที่อาบไปด้วยของเหลวแบบกึ่งๆ นั่นอย่างไม่ไว้ใจ เตรียมตัวกระโดดหนีเต็มที่ทั้งที่ตรงหว่างขายังแข็งตั้งอยู่แบบนั้น แต่ความจริงไม่เหมือนในจินตนาการครับ ไอ้พี่ชมพูมันเดินมาคร่อมผมอีกครั้ง ผมจะบิดตัวหนี มันก็กั้นเอาไว้ได้หมด


“คือ... พี่...... ผมยัง.....ยังไม่พร้อม”


“แล้วยีนจะหนีพี่ไปถึงเมื่อไหร่ครับ”


มันพูดกับผมเพราะมากนะ แต่ผมรู้สึกเหมือนได้รับสายตาอำมหิตจากมันยังไงไม่รู้ เหมือนมีสายฟ้าแล่นป๊าบๆ อยู่ในตาของมันที่จ้องผมอยู่ ผมก็ใจสะท้านเลยสิครับ หัวใจกระตุกไปหนึ่งที ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่ากำลังทำให้มันเสียใจ


“ยีนคิดว่าพี่ไม่รู้เหรอว่าคำสัญญาที่พี่รักษามาตลอดแปดเดือนนั่นก็เพราะยีนกลัว ยีนถึงตั้งขึ้นมาเพื่อหนีจากพี่ ตอนแรกมันอาจจะเป็นแค่การลงโทษ แต่หลังๆ เจตนาของยีนเป็นแบบนั้น ไม่ใช่เหรอครับ”


เคยมั้ยครับที่รู้สึกเหมือนถูกใครเอามีดแทงเข้ามากลางอก ผมรู้สึกแบบนั้นเลย มันแทงลงมาได้แม่นมากจนผมจุก พูดอะไรไม่ออก เพราะมันตรงกับความรู้สึกของผมจริงๆ ซึ่งหลังจากนั้น ผมกับมันต่างเงียบ เงียบกันไปพักหนึ่ง ราวๆ หนึ่งนาทีได้ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายพูดออกมา


“ก็... ก็ได้ แต่..... แต่ถ้าผมไม่ไหว บอกให้พี่หยุด............พี่ต้องหยุด”


ไม่รู้ว่าผมพูดแบบนั้นไปได้ยังไง แต่มันหลุดปากไปแล้วครับ จะแก้ตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เลยได้แต่หลับตารอรับชะตากรรม หลังจากเห็นว่าหน้านิ่งๆ ปนสลดของไอ้คนตรงหน้าเปื้อนรอยยิ้ม


ผมรู้สึกถึงริมฝีปากของมันที่ประทับลงบนหน้าผากของผม มันอุ่นแล้วก็ทำให้ผมรู้สึกวางใจได้หน่อยนึง ก่อนผมจะต้องเบิกตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะขาทั้งสองข้างถูกจับแยกออกจากกัน ถึงจะไม่ได้รุนแรงรวดเร็ว แต่มันก็ทำให้ผมตกใจได้เหมือนกัน


พี่ชมพูยิ้มให้ผมอีกครั้งแล้วจูบที่ปาก พลางชะโลมนิ้วของมันด้วยเจลลื่นๆ นั่นที่ผมภาวนาขอให้มันเป็นตัวช่วยที่ดี ไม่ทำให้ผมต้องกระอักตายเพราะความเจ็บหรือความเหี้ยอะไรต่างๆ ที่ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังจากนี้ ก็เคยแต่เสียบชาวบ้านนี่ครับ ไม่เคยถูกเสียบมาก่อนในชีวิต


นิ้วใหญ่เหนอะๆ นั่นแตะที่ปากทางของผมเบาๆ แต่เล่นเอาสะดุ้งวาบ ผมเผลอกำมือแน่นขณะที่ก็ลุ้นไปด้วยว่าตอนไอ้พี่ชมพูเอานิ้วเข้ามาจะเป็นยังไง แต่รู้สึกว่ามันจะง่ายกว่าที่คิดครับ นิ้วแรกเข้ามาอย่างไม่ทรมานทรกรรมผมเท่าไหร่ แค่รู้สึกแปลกๆ ที่มีอะไรแหวกรูตูดเข้ามา


ขี้ของผมจะไหลออกมาด้วยหรือเปล่า?


เป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวเป็นสิ่งแรก แต่เห็นว่าไม่มีอะไรที่น่าจะทะลุด่านออกมาอย่างที่คิดก็รู้สึกโล่งใจ ไม่งั้นมันคงอัปรีย์จัญไรมาก ผมหายใจเข้าลึกๆ พยายามกระดกหัวมองนิ้วที่กำลังผลุบหายเข้ามาในร่างกายของผมอย่างลุ้นระทึก


“โอเคมั้ย”


มันถามเสียงอ่อน ผมพยักหน้า ตอบ อือ ให้มันเบาๆ ทั้งที่ยังทำแข็ง ทั้งคxยแข็ง เสียงแข็ง หน้าแข็ง ใจแข็ง แข็งแม่งทุกอย่าง แล้วเริ่มรู้สึกหน้ามืดหน่อยๆ แต่ไอ้พี่ชมพูก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มันชักนิ้วเข้าออกทางด้านหลังพร้อมกับชักรูดที่ด้านหน้า ปากเลื่อนลงมาขบยอดอกผม เล้าโลมผมแม่งทุกส่วน ตอนนั้นแหละครับที่ผมรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทัน มันสะท้านไปทั้งตัวเพราะโดนรุกไปทุกส่วน ทั้งเสียดทั้งเสียว ผมจะขาดใจตายมั้ย อยู่ดีๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกแล้ว


“อื้อ ปล่อยกู อย่าทำสิวะ”


พอผมโวย มันก็ละปากออก มองหน้าผมแบบขอร้อง แววตาจริงจัง แล้วทำเสียงอ้อนกว่าเดิม ทำตัวซะน่าสงสาร


“นะๆๆ นะครับ ให้พี่ทำนะ”


แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกใจอ่อนหน่อยๆ ทำไมกูต้องใจอ่อนด้วยวะ แต่พอเห็นสายตาของมันตอนนี้แล้วก็ยอมผ่อนท่าทีแข็งๆ ลงให้นิดหน่อย มันก็ยิ้ม ค่อยชักนิ้วเข้าออกช้าๆ ระมัดระวัง แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเสียดๆ อยู่ดี ทว่าแค่นั้นยังไม่พอ พี่ชมพูมันยัดอีกนิ้วเข้ามาด้วย


“ไอ้เหี้ย เยอะไปแล้ว!!”


“ถ้าไม่ใส่เพิ่ม ตอนพี่เข้าไป ยีนจะเจ็บนะ เพราะงั้นอย่าเกร็งสิครับ นะ นะ”


มันมานะๆ อีกแล้ว มือก็ยังไม่หยุดทำงาน ผมกัดปากแน่น เพราะมันเริ่มเจ็บ แถมยังน่าอายฉิบหาย เกิดมาไม่เคยนึกเลยว่าต้องมานอนอ้าขาให้ใครเอานิ้วมาแหย่ตูดแบบนี้ แต่ไอ้คนทำมันก็รู้ดี ถึงได้พยายามเล้าโลมผมที่ด้านหน้าให้มากขึ้น ดึงผมให้คล้อยตามสิ่งอื่นแทนที่จะพุ่งความรู้สึกและความคิดไปยังจุดที่มันกำลังรุกราน


แล้วพอมันยัดนิ้วที่สามเข้ามา ผมก็ชักไม่ไหว มันเจ็บจริง แถมยังอึดอัดอีกต่างหาก เหมือนอะไรคาอยู่ในตูด แล้วก็ไม่อยากนึกเลยว่าถ้ามันยัดไอ้นั่นเข้ามา ตูดผมจะระเบิดเลยหรือเปล่า


“พอแล้ว แค่นี้ไม่ได้หรือไง”


ผมพยายามเค้นเสียงออกมา แต่มันโคตรลำบากเลยที่ต้องพูดในขณะที่ไอ้พี่ชมพูมันยังชักนิ้วเข้าออกไม่หยุดแบบนี้ แถมบางครั้งมันยังกระทุ้งเข้ามาอีก เล่นเอาผมสะดุ้ง ผวากอดมันแบบไม่ทันตั้งวัน มันก็ยิ้มแล้วจูบหน้าผากผม ก่อนจะไล่ลงมาที่แก้ม แล้วก็ปาก


ชักกลัวตัวเองแล้วครับ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนสะโพกของผมจะขยับไปตามการเคลื่อนไหวของนิ้วมัน ทั้งที่รู้สึกว่าไม่ยอม แต่ร่างกายมันเป็นเอง แถมยังรู้สึกดีเสียด้วย ผมต้องหายใจเข้าลึกๆ เพื่อบังคับตัวเองไม่ให้คล้อยตามมันมากนัก แต่เหมือนมันจะรู้ตัวครับ มันใช้นิ้วทั้งสามที่อยู่ข้างในกวาดควานเหมือนหาอะไรบางอย่าง และก็เหมือนว่าจะไปโดนจุดจุดนึงเข้า ที่เล่นเอาผมสะดุ้งวาบไปทั้งตัว น้องชายของผมน้ำตาเล็ดออกมาหน่อยๆ เลยครับ


ไอ้พี่ชมพูหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนพอใจที่เห็นท่าทีแบบนี้ของผม มันยังคลึงเล่นกับจุดนั้นสลับกับกดเบาๆ เพื่อให้ผมตัวกระตุกเป็นพักๆ เสียงร้องหลุดออกมาจากปากของผมแบบควบคุมไม่ได้ หน้าของผมแดงไปหมดเพราะโคตรอายที่ครางออกมาแบบนี้


แต่ไม่นานไอ้พี่ชมพูก็ถอนมือออก แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยขึ้นเลย เพราะมันเลื่อนมือไปถอดกางเกงที่มันสวมอยู่ออก ทั้งชั้นนอกแล้วก็ชั้นใน โชว์ท่อนเนื้อขนาดใหญ่สมตัวของมันกำลังชี้หน้าผมอยู่ เห็นแบบนั้นแล้วผมก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ นึกภาพตามว่าไอ้ท่อนซุงนี่กำลังมุดเข้ามาในตัวของผมแล้วก็อยากจะเป็นลมเดี๋ยวนั้น ขนาดสามนิ้วของมันยังทำให้ผมหน่วงจนปวดตูด แล้วถ้าเป็นของมันผมไม่ตายคาเตียงเลยเหรอ


แต่เหมือนแววตาอ้อนวอนให้เห็นใจที่ผมพยายามส่งไปให้จะไม่เป็นผล เพราะไอ้พี่ชมพูบีบเจลมาชะโลมของมันจนทั่ว ก่อนจะขยับเข้ามาหาผมอีกรอบ จับแท่งนั้นจ่อเข้าปากทางของผม แล้วผมจะทำอะไรได้ในตอนนี้ นอกจาก...


“พี่ เดี๋ยวๆ”


“มีอะไรครับ”


“คือ... ขอผมทำใจก่อนแป๊บนึง”


ผมบอกมันไปตรงๆ มันก็หัวเราะออกมา ลูบหัวผมช้าๆ แล้วจูบแก้มเหมือนผมเป็นเด็ก


“ใช้เวลานานเท่าไหร่”


“เอ่อ... ก็”


ผมคิดทบทวนแป๊บเดียวพลางมองหน้าไอ้พี่ชมพูไปด้วย พยายามคิดว่าจะใช้วิธีไหนถึงจะทำให้ตัวเองยอมรับเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่พังกลางครัน ก่อนจะมองคนตรงหน้าที่คร่อมผมอยู่ พูดเสียงอ้อนให้มันเห็นใจ ไม่ปฏิเสธสิ่งที่ผมจะทำ


“อยากดื่มย้อมใจ พี่ไปเอาเหล้า...ให้ยีนหน่อยได้มั้ย”


เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมแทนตัวเองด้วยชื่อกับมันแบบนี้ เลยทำเอามันยิ้มแก้มปริ จูบปากผมไปหนึ่งจ๊วบ แล้วรับปาก ครับ ก่อนจะพุงตัวออกจากห้องนอนไปทั้งที่ยังล่อนจ้อนโทงเทงอยู่แบบนั้น เพราะตอนเล่นไพ่ผมก็ดื่มค้างไว้อยู่เหมือนกัน


เมื่อได้ของที่ต้องการ ผมก็คว้าหมับมากรอกปากทันที พี่ชมพูดูตกใจที่ผมกรอกเหล้าเข้าปากแบบนั้น แต่ไม่ทำแบบนี้ไม่ได้ครับ ผมกลัวว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจ กลัวว่าถ้าไม่เมา ผมจะอาละวาด แล้วสุดท้ายผมจะทำให้มันรู้สึกไม่ดี คิดดูสิ ผมแคร์มันขนาดนี้เชียวนะ


“เฮ้ยๆ ยีนๆ พอ อย่าดื่มเยอะ กรอกเข้าไปแบบนั้นไม่แสบคอหรือไงครับ”


“ก็ผมกลัว ถ้าไม่เมาผมคงทำไม่ได้แน่ๆ ให้ผมเมาเหอะนะ”


ผมบอกมันไปตามตรง แล้วกรอกเหล้าเข้าปากไปอีกหนึ่งอึกใหญ่ จนมันไหลล้นออกมาจากปาก ไอ้พี่ชมพูเลยรีบดึงขวดเหล้าออกจากมือผมไป


“ถ้ายีนเมาก็ไม่มีประโยชน์สิ พี่อยากกอดยีนตอนที่ยีนมีสติ แล้วยีนก็ยอมรับพี่ ไม่ใช่เพราะยีนเมา”


ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองมันตาปริบๆ จะเมาก็เมาไม่ได้ แล้วกูจะทำยังไงล่ะ


“ไม่ต้องกลัวหรอก แค่ปล่อยทุกอย่างไป แค่คล้อยตามไปกับพี่ก็พอ นะครับเด็กดี”


มันปลอบผม ลูบแก้มแล้วจูบปากเบาๆ ผมก็เลยยอมที่จะทำตามที่มันบอก ไม่มีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว เราสอดลิ้นประสานและเกี่ยวพันกัน ขณะที่มือของมันก็เล้าโลมร่างกายของผมไปด้วย ผมรับจูบจากปากอุ่นๆ นั้นอย่างเต็มใจ ก่อนจะผละออกช้าๆ เมื่อมันถอนปากออก


ขาทั้งสองข้างของผมถูกจับแยกออกจากกันอีกครั้ง พี่ชมพูลูบของของมันให้แข็งขึ้นอีกหน่อยเพื่อให้พร้อมรบ มันชะโลมเจลบนแท่งรวมประสาทของมันอีกครั้ง ก่อนจะจ่อมาที่ร่องของผม นิ้วชี้ทั้งสองข้างของมันช่วยกันแหวกทางให้นิดๆ ก่อนมันจะกดน้ำหนักลงมาที่ตรงนั้น ให้ท่อนเนื้อของมันค่อยๆ แหวกเข้ามาในร่างของผม ช้าๆ เนิบๆ ไม่รีบร้อน ขณะที่ผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆ


“ดี... ดีครับ ยีนไม่ต้องเกร็งนะ หายใจลึกๆ แล้วผ่อนออกมา สบายๆ”


มันพยายามช่วยให้ผมสบายใจขึ้น ผมก็ทำตามที่มันบอกทุกอย่าง พยายามไม่เกร็ง ไม่ต่อต้าน แม้จะรู้สึกว่าการเข้ามาของมันจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บเหมือนมีดกรีดเบาๆ แล้วตรงนั้นแน่นมากจนอึดอัด แต่มันก็ไม่ได้แย่มากเท่าที่คิดเอาไว้ อาจจะเพราะมีตัวหล่อลื่นทำให้ไม่ลำบากนัก


เข้ามาครึ่งทาง พี่ชมพูก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ มันเงยขึ้นมามองหน้าผมแล้วยิ้มให้ ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจมากกว่าเก่า มือใหญ่เลื่อนมันกุมมือผมเอาไว้ ผมไม่คิดเลยว่ามันจะอ่อนโยนกับผมแบบนี้


“ไม่แย่ใช่มั้ย”


“อืม”


ผมพยักหน้าเบาๆ ตอบมัน มันก็ยิ้มให้ผมอีกรอบ ก่อนจะบอกว่า ต่อนะ แล้วดันตัวเข้ามาอีกครั้ง ผมพยายามแยกขาให้มากขึ้นเพื่อว่าจะทำให้มันเข้ามาได้สะดวกมากขึ้น เป็นการทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในชีวิต แต่ทำยังไงได้ล่ะครับ ผมรักมันไปแล้ว ยอมให้มันหมดแล้วจริงๆ


เพราะทำแบบนั้น พี่ชมพูเลยเข้ามาได้ง่ายมากขึ้น มันดันตัวเข้ามาจนสุด ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง ผมเองก็เหมือนกัน เราสบตากันและยิ้มไปด้วยกัน ปากอิ่มนั่นจูบจมูกผมเบาๆ แล้วเปล่งเสียงพูดแผ่ว


“รักนะครับ พี่รักยีนมากนะ”


ผมยิ้มมากกว่าเดิมกับคำบอกรักนั่น แขนทั้งสองข้างยกขึ้นไปล็อกคอมันเอาไว้แล้วออกแรงดึงให้มันขยับเข้ามาใกล้ มันดูตกใจนิดหน่อย แต่ก็แค่แป๊บเดียว เพราะเสียงของผมที่เค้นออกมาจนเป็นคำพูดคงทำให้มันตกใจมากกว่า


“รัก”


แค่คำสั้นๆ คำที่ผมไม่ได้พูดออกไปกับมันตรงๆ เลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันหลุดออกมาจากปากของผม ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันตกใจมาก และไม่ใช่แค่นั้น ผมรู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในตัวของผมทั้งที่ไม่ใช่ของผมมันพองโตขึ้น คงไม่ต้องบอกว่าต่อไปจะเป็นยังไงนะครับ เพราะแค่นี้ผมก็โคตรอายเลย






















เช้าแล้วยังอยู่บน ที่นอน... คงจะร้องเพลงนี้ไม่ได้ เพราะว่าสายแล้วก็ยังอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ผมเพิ่งตื่น ไอ้พี่ชมพูก็เหมือนกัน มันนอนมองหน้าผม แต่ผมหันหลังหนี ก็ใครจะไปทนได้ล่ะวะ ให้มาจ้องตากับคนที่เมื่อคืนเพิ่งทำอะไรกัน ถึงผมจะหน้าด้านในบางครั้ง แต่ก็ยังมียางอายอยู่นะครับ


แล้วยิ่ง... ไอ้ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี่แม่งโคตรน่าอับอายที่สุดในชีวิต ผมทำไปได้ยังไงวะ


คิดแล้วก็แอบรับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ก็เล่นจำได้ทั้งเสียงครางของเรา เสียงตอนที่มันกำลังกระแทกเข้ามาในตัวผม แล้วก็เสียงกระซิบข้างหู ผมอยากจะเป็นบ้า ไม่อยากนึกถึงเลยจริงๆ


แต่ไอ้พี่ชมพูไม่เหมือนผมครับ มันกระเถิบตัวเข้ามากอดผมเอาไว้ หอมเบาๆ ตรงซอกคอที่น่าจะมีรอยแดงๆ ที่มันทิ้งเอาไว้ด้วย อยากเอาเหล้ามากรอกปากตัวเองให้ลืมๆ ไปซะจริงๆ หรือใครมีน้ำยาลบความทรงจำช่วยบริจาคมาให้ผมด้วยนะครับ


“ไม่คิดจะมองหน้ากันหน่อยหรือไง”


“ไม่”

“เสียงห้วนจริงๆ”


มันบ่นครับ ก็กูไม่หน้าด้านเหมือนมึงนี่! อยากจะโวยออกไปแบบนั้น แต่กลัวโดนตอกอะไรกลับเข้าตัว เลยได้แต่เงียบปากเอาไว้


“แล้ววันนี้จะไปเที่ยวไหวหรือเปล่า”


“ไหวดิ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”


ผมหันขวับกลับมาทันที แต่คงพลิกตัวแรงไปหน่อย เลยรู้สึกกระเทือนถึงส่วนล่าง เกือบจะร้องอูยออกมาด้วยซ้ำ แต่ดีที่อุดปากทัน ไอ้พี่ชมพูเลยเหล่มองหน่อยๆ เหมือนไม่เชื่อเท่าไหร่


“แต่วันนี้พี่ไม่ไปนะ ยีนจะได้พัก”


“ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย”


ความจริงผมไม่ได้เจ็บอะไรมากมายหรอกครับ เพราะผมเป็นชายหนุ่มสุขภาพแข็งแรง เลยแค่รู้สึกเจ็บนิดๆ แล้วก็หน่วงๆ ขาสั่นบ้าง ไม่ได้อ่อนเปลี้ยจนขยับร่างไม่ได้ ไข้ขึ้นขนาดนั้น ส่วนหนึ่งคงมาจากคนข้างๆ ด้วยที่มันไม่ได้รุนแรงกับผม


แล้วก็ถือว่ามันเป็นแฟนแสนดีล่ะครับ เพราะหลังจากเสร็จ ผมก็ขอชิงหลับไปก่อนเลย ไม่กล้ามองหน้ามันต่อ แต่พอตื่นขึ้นมาจากที่คิดว่าคงนอนเป็นชีเปลือย ตัวเปรอะเหม็นคลุ้ง กลับกลายเป็นว่าผมใส่เสื้อกับบ็อกเซอร์แล้วเรียบร้อย ถ้าไม่ใช่มัน จะเป็นใครล่ะครับที่ทำให้แบบนี้


“ยีนไม่เป็นอะไร แต่พี่ก็เป็นห่วง แล้วใช่ว่าเมื่อคืนพี่จะไม่รุนแรงเลย ตอนจะถึงพี่ก็กระแทกไม่ยั้งเหมือนกัน ไม่เจ็บหรือไง”


แสรดดดด กูอุตส่าห์บอกคนอื่นเขาว่ามึงไม่ได้รุนแรง ผมอยากจะเอาหน้ามุดเข้าประตูมิติของโดราเอมอนหนีไปที่ไหนก็ได้ ตอนนี้หน้าร้อนฉ่าไปหมดแล้วจริงๆ


“เลิกๆ ห้ามพูดเรื่องนี้อีก”


ผมประกาศกร้าวเสียงห้วนแล้วลุกพรวดขึ้นจากที่นอนขนาดใหญ่แต่เราเสือกใช้ประโยชน์กันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ไอ้พี่ชมพูก็ลุกตามมา ถามเหมือนสงสัย


“ทำไม”


“ผมอาย โคตรอาย อายฉิบหาย เข้าใจยัง”


“เป็นเมียพี่แล้วมันน่าอายมากเลยเหรอ”


เสียงของไอ้พี่ชมพูที่ผมได้ยินทำให้รู้สึกหน่วงๆ ในใจยังไงไม่รู้ ผมเหลือบตาไปมองมันก็เห็นว่ามันทำหน้านิ่งเรียบ ดูเจ็บปวดหน่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า สุดท้ายผมก็เลยต้องแก้คำพูดตัวเองใหม่


“เออ ไม่ได้อาย แต่เขิน เข้าใจเปล่าวะ คนมันเขินอะเฮ้ย แม่งงงงง”


ไม่มีคำแก้ตัวอะไรแล้ว เลยบอกไปมันไปตรงๆ หน้าก็ร้อนสัดๆ เลยตอนนี้ แต่เพราะอย่างนั้นแหละ จากสีหน้าที่ไม่ค่อยดี ตอนนี้ผมได้รับเสียงหัวเราะจากมันมาเบาๆ กับเสียงพึมพำว่า เข้าใจแล้ว ไม่พูดก็ไม่พูด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยื่นหน้ามาจูบแก้มผมอยู่ดี


“มึงน่ารักว่ะ”


“กลับมาพูดว่า มึง เป็นแล้วหรือไง”


ผมหันไปชูนิ้วกลางใส่มันแล้วย้อนกลับไปแบบนั้น เพราะตั้งแต่เมื่อวานตอนที่ เออ นั่นแหละ มันก็ยังไม่พูดมึงกูกับผมเลย ไม่รู้ว่าเพราะแม่งเอาแต่เรียกตัวเองว่า พี่ หรือเปล่า ถึงทำให้ผมใจอ่อนกับมันได้ ทั้งที่ผมก็ไม่ใช่พวกอ่อนไหวง่ายสักหน่อย


“หรืออยากให้เรียกพี่ แต่เออ แบบนั้นก็ดีนะ ดูยีนจะเชื่อฟัง แล้วก็ใจอ่อนเวลาเรียก”


“ไม่ต้อง เรียกแบบที่เป็นตัวเอง แล้วก็ถนัดปากเหอะ”


ผมรีบปฏิเสธมันอย่างมีฟอร์มไว้ก่อน เพราะไม่อยากจะเสียท่ามันไปมากกว่านี้ แต่พอเห็นหน้ากับสายตาของมันที่หรี่มองแบบรู้ทัน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกเป็นเบี้ยล่างมันยังไงไม่รู้


“กูถนัดทั้งสองอย่างนั่นแหละ แล้วแต่อารมณ์”


“ก็เรื่องของพี่ดิ” ผมรีบเลี่ยง ก่อนจะดันตัวขึ้นจากเตียง แต่ก็ถูกไอ้พี่ชมพูดึงมือไว้ก่อน เลยหันไปบอก “จะไปอาบน้ำ”


“ไปด้วย”


มันรีบตอบด้วยหน้าตาเริงร่า แต่ขอโทษนะครับ ถึงเมื่อคืนจะโดนมันเสียบไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ง่ายขึ้นนะเว้ย ผมตอบมันพลางยกอวัยวะประกอบ เรียกเสียงหัวเราะของมันได้ดังพอดู


“ตีนดิ”






อ่านต่อข้างล่าง

v


v

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 15-04-2013 23:09:15

ต่อจากข้างบน


v


v




เมื่อวานไม่ได้เที่ยวไหนครับ โปรแกรมล่มเพราะไอ้พี่ชมพูไม่ให้ไป ทั้งที่ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาเหมือนผ่านสงครามโลกมาอย่างที่มันห่วง เลยได้แค่เดินเล่นกินลมชมวิว นั่งอาบแสงอาทิตย์ยามเย็นอีกนิดหน่อยแค่นั้น ส่วนตอนนี้ผมกับหมีควายตัวยักษ์กำลังเก็บของกันอยู่ครับ เตรียมกลับกันแล้ว ดูเป็นการมาเที่ยวที่ไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่ก็ช่างเหอะ มันบอกว่าไว้คราวหน้ามาใหม่ก็ได้ ผมจึงได้แต่เออออตามมันไป


หลังจากเก็บของเสร็จ พี่ชมพูก็เรียกให้พนักงานมาเช็คห้อง เพราะจะเช็คเอาท์แล้ว รวมทั้งให้พนักงานเอารถกอล์ฟมาขนกระเป๋าออกไปที่ล็อบบี้ด้วย กระทั่งทุกอย่างเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางจากรีสอร์ทที่พักมาสองวันสองคืน


“จะแวะซื้อของฝากหรือเปล่า”


คนขับรถหันมาถามผมครับ ผมก็พยักหน้าหงึกหงักว่าตามกัน แต่ในหัวนี่ก็คิดไปด้วยว่าจะซื้ออะไรฝากเพื่อนๆ ดี ของผมก็คงมีแค่กราฟ กัส เคลม แซน ป๊ากับพี่กล้วย อ้อ เผื่อแฟนของกราฟด้วย แค่นั้น เพราะพวกพี่เจ๋ง พี่ต้น พี่ปาล์มนี่ให้พี่ชมพูเป็นคนซื้อแทน จะได้ไม่ต้องเปลือง เป็นความคิดที่จัญไรดีนะครับ ฮ่าๆๆ


เราสองคนตระเวณซื้อของฝากกัน แต่ไอ้พี่ชมพูได้ของอย่างรวดเร็วเพราะมันซื้อพวกของทะเลแห้งแบบรวมๆ ไปเพราะพี่ปาล์มชอบเอาไปกินแกล้มเหล้า ก็แปลกดีครับ ท่าทางพี่ปาล์มคนสวยก็ออกจะผู้ดี แต่แดก พูดง่ายๆ เลยแล้วกันครับว่าแดกเหล้าได้ชาวบ้านมาก แถมเรื้อนอีกต่างหาก นี่ไม่อยากคิดว่าถ้าไปเมาอยู่ที่ไหนโดยไม่มีพี่ต้นจะเป็นยังไง คงโดนลากไปปู้ยี้ปู้ยำไม่เหลือล่ะครับ


ส่วนผมก็ได้เป็นของที่ระลึกให้ป๊ากับพี่กล้วย ส่วนไอ้กราฟ มันชอบใส่เสื้อสกรีนลาย ผมเลยลองหาร้านที่ขายเสื้อพวกนี้ดู แต่ไม่มีตัวไหนถูกใจเลย ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาร้านที่รับเพนท์เสื้อแทน โชคดีว่าเจอร้านที่ว่านั่นผมก็ตรงไปขอเขาจัดการเองเลยครับ ได้เสื้อมาสองตัวไซส์เอ็มกับแอลเป็นของกราฟกับไอ้ไนล์ คงไม่ต้องบอกว่าของใครตัวไหน ผมเพนท์ลงไปว่า เพื่อนไปเกาะช้าง กับ เพื่อนแฟนไปเกาะช้าง พร้อมวาดรูปงวงช้างสกิลอนุบาลประกอบ


ของไอ้กัสผมเลือกหมวกให้มันใบนึง เป็นหมวกสานที่ดูเท่ๆ ของแซนเองก็เหมือนกันครับ ทีนี้ก็เหลือแต่ของไอ้เคลมคนเดียวที่ผมยังไม่ได้หาซื้อให้มัน แต่ผมมีของที่อยู่ในใจแล้ว


“พี่ แวะเซเว่นหน่อย”


“จะซื้อบุหรี่อีกเหรอ ของตอนขามายังเหลือเต็มกล่อง”


มันเหลือบมองผมเหมือนจะดุหน่อยๆ ที่ผมจะซื้อบุหรี่อีกแล้ว แต่มันเข้าใจผิดไปไกลมาก


“เปล่า จะซื้อของ”


พอผมตอบไปอย่างนี้มันก็ทำหน้างงๆ หน่อย แต่ก็ยอมตามผมมาเซเว่น ซึ่งหลังจากไปถึง ผมก็ตรงไปหน้าเคาน์เตอร์เลยครับ เพราะของที่ผมต้องการอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องตามหาให้ยุ่งยาก ผมเลือกมาสามกล่องตามที่ตั้งใจเอาไว้ ก่อนจะหยิบให้พนักงานคิดเงิน และพอรับใบเสร็จมา ผมก็หยิบมันใส่ถุงแล้วผูกเอาไว้อย่างดี หันมาอีกทีก็เจอพี่ชมพูกำลังมองผมแบบงงๆ ปนจับผิด


“มีอะไร”


“ที่ซื้อนี่ จะใช้กับกูเหรอ”


ผมล่ะอยากตบปากมันจริงๆ เพราะเล่นถามซะเสียงดังจนพนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์หันมามองหน้าผมกับมันสลับกันเลย


“ซื้อเป็นของฝากไอ้เคลมต่างหากเว้ย”


คำตอบของผมทำให้มันเหมือนเป็นคนหูบอดไปชั่วคราว มันมองหน้าผมแบบมึนๆ แป๊บนึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตึงๆ แทน


“แล้วมึงไปรู้ขนาดมันได้ยังไง”


“อ้าว เพื่อนกันนี่พี่ อยู่ด้วยกันมาเจ็ดปีแล้ว ก็ต้องเคยเห็นกันมาบ้าง”


ผมพูดแบบดูดีที่สุด ไม่ให้น่าสงสัย เพราะเอาจริงๆ เห็นนี่มันก็เห็นอยู่ ไม่แปลกหรอก แต่ไอ้ตอนม.ปลายที่บ้าๆ มานั่งวัดขนาดกันด้วยความอยากรู้ว่าใครใหญ่กว่านี่ก็ขอเป็นความลับหน่อย ไม่งั้นผมจะศพไม่สวยก่อนถึงกรุงเทพ แฟนขี้หวงถึงไม่ได้ติดใจอะไร มันหัวเราะออกมาแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวผม


“มึงนี่ร้าย”


มันว่าอย่างนั้นก่อนจะกอดคอผมแล้วเดินออกจากร้านไป เป้าหมายต่อไปของเราก็คือกรุงเทพครับ ไอ้พี่ชมพูขับรถออกจากเกาะช้างแบบชิลๆ จนไปถึงกรุงเทพช่วงเกือบๆ หัวค่ำ เพราะกลางวันรถค่อนข้างเยอะกว่าช่วงเช้าตรู่ที่ออกจากกรุงเทพตอนขามา


ผมโทรนัดคนอื่นๆ ให้มาเจอกันที่คอนโดของไอ้พี่ชมพูแล้ว ให้มาเอาของฝากกันเองเพราะพรุ่งนี้ผมขี้เกียจแบกไปให้ที่มหา’ลัย ซึ่งทุกคนก็โอเค ยินดีพร้อมใจ ยกเว้นแซนที่ผมเห็นว่าไม่เหมาะถ้าจะให้มาด้วย ถึงเธอจะตะแง้วๆ บอกว่าอยากเห็นรังรักของพี่ผมกับไอ้พี่ชมพูก็เหอะ เพราะพวกผมมีแต่ผู้ชาย แถมไอ้เคลมยังเป็นตัวตั้งตัวตีให้เอาเหล้ามาอีก แล้วก็ได้รับการสนับสนุนจากพี่ปาล์ม เอ่อ... รุ่นพี่คนสวยของผมขี้เหล้าไม่เบานะครับ


ถึงคอนโดของพี่ชมพูก็เห็นคนที่นัดไว้มานั่งรอกันหน้าสลอนอยู่ที่ล็อบบี้ ผมกับไอ้พี่ชมพูเลยช่วยกันขนของลงจากรถ โดยที่ไอ้กราฟเดินนำมาช่วยกันก่อนเป็นคนแรก ช่างเป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ ทางฝั่งแฟนผมก็ไม่น้อยหน้าครับ พี่เจ๋งเองก็มาช่วยหิ้วของด้วยเหมือนกัน ส่วนคนที่เหลือเหรอครับ สุราเมรัยที่เอามานี่ก็ช่วยกันแบกขึ้นห้องไปจนหมด


ขึ้นห้องได้ผมก็แจกจ่ายของฝากให้ครบ เริ่มที่ไอ้กราฟกับไนล์ ได้รับเสียงหัวเราะจากทุกคนแหละครับกับคำที่อยู่บนเสื้อที่ดูจะเกรียนไปหน่อย แล้วยังรูปประกอบนั่นอีก แต่ไอ้กราฟก็แสนดีเหมือนเดิม ขอบอกขอบใจผมสำหรับของฝากที่หาที่ไหนไม่ได้อีก ไอ้กัสก็ได้ของที่เสริมความหล่อ ดูดีมีชาติตระกูลของมันไป เหลือไอ้เคลมที่มองผมด้วยตาวิ้งวับแบบมีความหวังมากมาย แต่พอผมยื่นถุงเซเว่นให้มันไป มันก็ทำหน้าเบะ


“อะไรของมึง”


“ของฝากของมึงไง กูตั้งใจให้สุดๆ”


ผมบอกไปแบบนั้นแล้วเพื่อนรักก็แกะถุง หยิบออกมาดูแล้วก็ได้รับเสียงหัวเราะแบบฮาครืนยิ่งกว่าตอนไอ้กราฟโชว์เสื้อที่มันได้เสียอีก


“มึงนี่ กูยกนิ้วให้เลย”


พี่ปาล์มเป็นคนพูดประโยคนี้พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ผมอย่างที่บอก พี่ต้นเองก็ทำตามเหมือนกัน ตามด้วยพี่เจ๋ง ส่วนไอ้กัสกับไอ้กราฟหัวเราะท้องแข็งไปแล้ว ไอ้พี่ชมพูก็หัวเราะแบบเก็บอาการ ไอ้ไนล์ด้วย แต่ไอ้คนที่ได้รับของฝากสิ ทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ได้เสแสร้งสุดตีน


“มึงแม่ง ไอ้เหี้ยยยยยยยย”


“โธ่มึง กูอุตส่าห์ตั้งใจซื้อให้มึงเลยนะ มึงไม่ดีใจเหรอ นี่ๆ มึงดูสลิปนี่นะ” ผมถลาหาไอ้เคลมแล้วล้วงมือไปในถุง หาสลิปที่ยัดลงถุงไว้อย่างดี พอได้มาก็กวาดสายตา มองหาชื่อสาขาที่อยู่บนกระดาษแล้วชี้ให้มันดู “จากเกาะช้างเชียวนะมึง ดูสิ”


“ไอ้แสรดดดดดดด ถุงยางกูมีปัญญาซื้อที่กรุงเทพเว้ย ไอ้เพื่อนเวรรรรร”


แล้วเสียงหัวเราะก็ฮาครืนอีกรอบ ทุกคนแทบจะลงไปดิ้นๆ อยู่บนพื้นอยู่แล้ว ผมก็ฮาแม่งจริงๆ แต่เหมือนกรรมตามสนองแบบติดจรวดครับ เพราะหัวเราะได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้เคลมกลับเป็นฝ่ายหัวเราะแทน มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผม จ้องหน้าผมแล้วถามเสียงดังฟังชัด


“ว่าแต่มึงไปเสม็ดแล้วเสร็จพี่ภูยังวะ”


“กูไม่ได้ไปเสม็ดเว้ย มึงแม่งมั่ว เมื่อกี้กูเพิ่งชี้ให้ดูอยู่ว่ากูไปเกาะช้าง”


ผมรีบสวนมันกลับทันทีแบบไม่ให้มีพิรุธ แต่แม่งก็จับสังเกตผมเหลือเกินจนผมไม่กล้ากระดิกตัว เหลือบตาไปมองทางไหนก็เห็นคนอื่นๆ กำลังจับจ้องผมเป็นตาเดียว คือ... มันไม่ได้น่าสนใจเลยนะเว้ยประเด็นนี้อะ ปล่อยผ่านสิวะ


“เออๆ มึงไปเกาะช้างก็ได้ แล้วมึงเสร็จช้างพี่ภูหรือยัง”


ไอ้สาดดดดดดดดด มึงก็ยังแถไปได้นะ ผมยกตีนขึ้นถีบมัน แต่มันไวกว่า กระโดดหลบได้ แถมยังมีการชี้หน้าฟ้องพี่ภูของมันอีก


“พี่ภูดูเมียพี่ดิ จะเอาตีนให้ผมกิน”


แต่แทนที่ไอ้พี่ชมพูจะพูดอะไรที่เข้าหูผม มันเสือกพูดให้ผมแทบหงายเงิบอยู่ตรงนั้น


“มึงก็รู้อยู่แล้วว่า เมียกู ชอบแจกตีน แล้วมึงจะถามวอนตีนอีกทำไม”


ผมยกมือขึ้นตบกบาลไอ้คนปากมากนั่นไปเต็มๆ แต่มันดันคว้ามือผมเอาไว้ได้ก่อน เสียงหัวเราะจากคนอื่นที่ดูอยู่เลยดังไปทั้งห้อง ดังมาก ดังแบบล้อเลียนจนผมไม่รู้จะถอดหัวตัวเองไปเก็บตรงไหนเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นว่าตอนนี้มันกำลังแดงแค่ไหน แม่งงงงงงง เกิดมาไม่เคยถูกล้อแล้วอายขนาดนี้มาก่อนเลย


บัดซบจริงๆ!!








==================
เป็นของขวัญวันสงกรานต์เลย
น้องยีนก็โดนเจี๋ยะไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่หวังหรือเปล่า
ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษตอนสุดท้ายที่จะอัพค่ะ
เป็นตอนของพี่ชมภู เขามีความลับบางอย่างมาบอก

แล้วก็เรื่องสำคัญๆ
เปิดจองหนังสือ It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ
คนที่สนใจจองเข้าไปดูรายละเอียดที่ลิงค์นี้นะคะ >>จิ้มๆ<< (https://docs.google.com/forms/d/16WkDI6QYGiPgVKZCb8oOD4832uUZMpZ3_Dkd6QNRBkA/viewform)


ปล. ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านใหม่นะคะ ถือว่าอ่านเร็วแล้วค่ะ ^^


Undel2Sky


(http://upic.me/i/8u/160128a-1_23.jpg)

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 16-04-2013 01:04:31
สุดอะเรื่องนี้ ไม่มีncก็สนุกได้เหอะจะบอก ใช่ม้าาา ชอบค่ะ น่ารักมากๆ รอตอนหน้า ความลับอะไรหนอพี่ภู อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-04-2013 02:07:56
ตอนนี้ต้องขอบอกว่า "ไม่ต้องไปเสม็ดก็เสร็จได้" 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 16-04-2013 03:37:05
ยีนส์เสร็จพี่ภูจนได้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 16-04-2013 05:01:16
ขอบคุณมาก ๆ ครับ สนุกมากครับ  :mew3:  :L2:
หัวข้อ: Re:It's U,It's Me:กวนนัก แต่รักนะครับตอนพิเศษ2.2:เสม็ดเสร็จไม่เสร็จ(จบ) 15/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 16-04-2013 07:50:05
สนุกมาก ๆ เลย

ขอบคุนนะค้ะ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 16-04-2013 07:50:54
น่ารักกกกกกกกกกกกกก กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ ฟินเวอร์ จุ๊บบบบบ รอตอนพิเศษของพี่ภู จะเอาความลับอะไรมาบอกเราน้าาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 16-04-2013 08:05:43
ขอบอกว่าสนุกมากๆคะ น่ารักตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆ ถึงจะมี :hao5: บ้าง จิ๊ดใจดีคะ
จะรอตอนพิเศษของพี่ชมพูต่อไปนะคะ  :L2: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่อ่านแล้วรู้สึกดีๅแต่เช้าค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-04-2013 09:12:43
น่ารักอ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 16-04-2013 10:52:36
ตอนพิเศษน่ารักมากๆค่ะ อ่านแบบจุใจเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2013 11:17:54
น้องยีนเสร็จพี่ภูจนได้ 555
เป็นไงไปเกาะช้าง ได้กินช้างพี่ภูเลย 555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nutjung19 ที่ 16-04-2013 16:28:25
ในที่สุด น้องยีนก็เสร็จพี่ภู
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bryden ที่ 17-04-2013 14:06:20
นังเด็กน้องรหัสนี่สร้างความเดือดร้อนจริงๆ
แล้วอย่าบอกนะว่าจะมาชอบพี่ภูของน้องยีนส์อีก

ไม่ต้องเจอยินส์จัด อีนี่จะขอจัดก่อน
แต่ก่อนอื่น คันมืออยากตบอีร่านเมียไอ้ทิวมากกกกกก
ปากคอหน่าตบเป็นที่สุดอ่ะ

สุดท้าย น้องแซนเป็นสาววายยยย
น่าอิจฉาไปเลยอ่ะน้อง


น้องยีนต้องบอกรัก แค่คำสั้นๆ แต่หวานมากๆๆๆๆๆ
อย่างนี้แล้วพี่ภูจะอดใจไหวได้ยังไง

นี่ดีแค่ไหนที่พี่ภูเขาอดใจ..แค่รอบเดียว
เป็นพระเอกเรื่องอื่นนะ
อาบน้ำก้ไม่รอด
แต่นี่อาจเป็นเพราะ น้องยีนมีลูกถีบพิฆาต
พี่ภูเลยดูแมนขึ้นมาทันที 555

สนุกมากกกกก ไม่เอ็นซีก้มีคนติดตามได้

รอเรื่องของกราฟกะไนล์นะคะ


หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 18-04-2013 12:47:03
ไปเกาะช้างน้องยีนส์ก็เสร็จช้างพี่ภูจนได้ 55555
ยีนส์เขินได้น่ารักมากด้วย ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 18-04-2013 15:01:05
ไฮ้ น่ารักโพดๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-04-2013 21:27:44
น่ะ ,,,พี่ภูมีความสุขมากล่ะสิ ชอบเวลาพี่ภูแทนตัวเองว่า "พี่" จริงๆ
ปล. อยากรู้ความลับของพี่ภูเร็วๆจังค่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 22-04-2013 21:09:51
ชอบค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก ๆ ค่ะ
พี่ภูน่ารักจัง อยากได้แบบพี่ภู 555555+ แลดูอบอุ่นดี >.<


ตามมาอ่านตอนพิเศษ


 :mew3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 22-04-2013 22:18:38
พี่ภูได้น้องยีนเป็นเมียเเล้วดูเเลดีๆละ :jul3:

 :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 2.2 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ(จบ) [15/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2013 02:50:51
ช่างกล้าเนอะยีน แต่ไอเดียโคตรเจ๋งเลยชอบมาก
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบ} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-04-2013 23:13:14
ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา (Chomphoo’s Part)






















ทุกคนเคยมีความทรงจำในแต่ละช่วงวัยที่ต่างกัน และเมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำเล่านั้นก็ค่อยๆ ซีดจางลงเรื่อยๆ ภาพสีสดที่เคยมีแปรสภาพเป็นสีขาวดำ และสีของมันก็อ่อนลงตามฤดูกาลที่ผันผ่าน ผมเองก็เช่นกัน ช่วงเวลาหนึ่งผมเคยมีสิ่งเหล่านั้น


ภาพสีเทาที่เกิดจากการเสื่อมตามกาลเวลา




“มึงเตะให้แรงๆ กว่านี้หน่อยสิวะ มีแรงอยู่แค่นี้หรือไง”


หลังเลิกเรียนเป็นเวลาของกิจกรรมชมรม ผมซึ่งเป็นประธานชมรมฟุตบอลจึงมีหน้าที่ที่ต้องคอยเข้มงวดกับคนในชมรม เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ทุกคนรวมทั้งอาจารย์ประจำชมรมยกให้ผมเป็นหัวหน้า เพราะฉะนั้นบางทีใครหลายๆ คนก็หาว่าผมโหด ทั้งที่จริงๆ แล้วผมโหดเฉพาะในเวลาชมรมเท่านั้น


“โหยพี่ ถ้าผมมีแรงเตะมากกว่านี้คงเตะไปแล้ว ห่า ให้ผมวิ่งรอบสนามยี่สิบรอบแล้วมาฝึกฟรีคิกอีก ผมไม่ได้จะไปโอลิมปิกนะเว้ย”


เสียงของไอ้เด็กมีปัญหาอันดับหนึ่งของชมรมที่อยู่ ชั้นม.4 โอดครวญ ไอ้เหี้ยนี่ชื่อ เค ครับ ถือว่ามันสนิทสนมกับผมพอควรด้วยความที่มันเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยคิดเรื่องจุกจิก แล้วยังพูดมาก บ้าๆ บอๆ ก็เลยพูดคุย บ่นกับผมอยู่บ่อยๆ เรื่องเรียนบ้าง เรื่องสาวบ้าง ตามประสา


“งั้นมึงก็ออกจากชมรมไป”   


“โหยยยยยยยยยยย” มันร้องยาวกว่าเดิม ทำท่าว่าจะลงไปแดดิ้นกับพื้น เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่น่าถีบ ทั้งที่มันก็สูงโย่งกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน แต่ก็ยังไม่เท่าผม “ถ้าผมออกก็โดนซ่อมอ่วมดิครับบบบบ”


เป็นกฎเหล็กตายตัวที่รุ่นพี่ตั้งเอาไว้ว่าหากเข้าชมรมแล้วจะไม่มีสิทธิ์ออกกลางเทอมโดยเด็ดขาด นอกเสียจากจะเจ็บป่วยรุนแรง เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาชมรมมีวินัย รู้จักรักษาระเบียบ หากใครจะออกจากชมรมช่วงกลางเทอม หรือคิดโดดร่มจะโดนลงโทษหรือที่เรียกกันว่า ‘ซ่อม’ ยิ่งกว่าซ้อมบอลประจำวันหลายเท่า


กรณีนี้เคยมีคนลองดีมาแล้ว สุดท้ายก็ต้องคลานเป็นหมาอ้อนวอนขอเข้าชมรมเหมือนเดิม จนหมดเทอมจึงได้ลาออกไป ทำให้ชมรมฟุตบอลยิ่งขึ้นชื่อเรื่องโหดมากขึ้น คนในชมรมก็น้อยตามไปด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นชมรมที่มีประสิทธิภาพและสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนอย่างมาก


“เออ ถ้าไม่อยากมึงก็อย่าพูดมาก”


“ก็ได้ๆ แต่ซ้อมเสร็จแล้วพี่เลี้ยงน้ำผมด้วย”


“เออ มึงก็อย่างนี้ทุกที บ้านก็รวยยังให้กูเลี้ยงอีก”


ผมบ่นมัน ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะมีหลายครั้งที่ผมต้องเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมมันบ่อยๆ ทำไงได้ล่ะครับ ผมเป็นรุ่นพี่แสนดี แล้วบางทีก็ไม่ได้เลี้ยงมันคนเดียว เพราะมีรุ่นน้องในชมรมคนอื่นๆ ด้วย แต่นานๆ ทีครับ อย่างที่รู้ว่ามันกลัวผมกัน เพราะฉะนั้นหลักๆ นอกจากไอ้เคจึงกลายเป็นเพื่อนในกลุ่มมันที่ไม่ได้อยู่ชมรมฟุตบอลแทน ทำให้ผมรู้จัก แล้วก็สนิทกับเพื่อนในกลุ่มมันด้วย


ในกลุ่มของมันมีกันอยู่สี่คน แต่ที่ผมเจอบ่อยๆ มีแค่สามคน นับรวมไอ้เคด้วย ส่วนอีกคน รู้มาว่าชื่อ ไฮยีน ผมยังไม่เคยเจอมันเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกับไอ้เค เห็นมันบอกว่าเพื่อนมันชอบไปกับสาว ไม่ได้เข้าชมรมอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนไอ้กัสกับไอ้กราฟที่อยู่ชมรมดนตรีด้วยกัน ถึงมารอไอ้เคตอนเลิกชมรมบ่อยๆ ได้ เพราะบ้านมันอยู่ทางเดียวกันทั้งนั้น


ดังนั้นความคิดแรกของผมเกี่ยวกับรุ่นน้องที่ชื่อ ‘ไฮยีน’ จึงเป็น ...เด็กเกเรที่ไม่เคยเห็นหน้า






















นอกจากเป็นประธานชมรมฟุตบอลแล้ว ผมยังพ่วงตำแหน่งประธานนักเรียนอีกด้วย ไม่รู้ว่าเลือกจากขนาดตัวหรือยังไง เพราะผมก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าฉลาดล้ำได้ที่หนึ่งของโรงเรียน แค่เรียนอยู่ในระดับที่พอใช้ แต่ตัวใหญ่กว่านักเรียนคนอื่นๆ สักหน่อย


ผมสูง 183 เซนติเมตร ตั้งแต่ตอน ม. 6 และมาสูงขึ้นอีกสามเซนติเมตรตอนเข้ามหา’ลัย แล้วก็ค่อนข้างมีกล้ามเนื้อเพราะการฝึกและการเล่นฟุตบอล เลยทำให้ผมดูโหดจนนักเรียนกลัวเกรง เป็นที่มาของตำแหน่งประธานที่ใครๆ ก็อยากยกให้


แต่หน้าที่ของผมไม่ได้มีอะไรมาก มีเวรที่ต้องออกมาพูดหน้าเสาธงวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนอังคารกับพฤหัสผมก็ตรวจตรานักเรียนที่มาสายที่หน้าประตู จริงๆ ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้แล้ว แต่ไหนๆ ก็มีสิทธิ์จะอู้ ไม่ต้องไปยืนตากแดดกลางสนามแล้ว ผมก็ควรจะเลือกหน้าประตูมากกว่าใช่มั้ยครับ


นักเรียนที่มาสายก็มีตั้งแต่ชั้น ม.1 จนถึง ม.6 จำนวนเกือบยี่สิบคน เป็นแบบนี้ทุกวัน บางวันก็เยอะหน่อย บางคนก็มาสายประจำ บางคนวิ่งเข้าประตูทันเลยรอดไป แต่ดูว่ามีคนหนึ่งที่พยายามจะเอาตัวรอดทั้งที่ประตูโรงเรียนปิดไปแล้ว ผมจึงเดินไปหาคนที่กำลังปีนกำแพงโรงเรียนและค้างเติ่งอยู่ตรงด้านที่เป็นมุมอับ


โชคร้ายหน่อยที่ผมดันเห็นเข้าพอดี


“นี่น้อง ลงมาเร็วๆ”


ผมเรียกคนที่ดูยังไงก็เป็นรุ่นน้อง จากที่กะๆ คงสูงไม่ถึงคางของผมด้วยซ้ำ ตัวมันเล็กมากถ้าเทียบกับผม แล้วก็ผอมบาง ผิวขาวจนเหมือนคนไม่เคยโดนแดดมาก่อนในชีวิต แต่ปากกลับแดงจนเด่นสะดุดตา มันเบิกตามองผมหน่อยๆ เหมือนไม่คิดว่าจะถูกผมจับได้


แต่แทนที่ผมเรียกให้ลงมาแล้วจะมันจะทำตามนะครับ ไอ้ตัวเล็กนั่นดันหย่อนตัวไปทางด้านหลังที่มันเพิ่งปีนขึ้นมา เหมือนจะหนี ผมเลยต้องกระโดดคว้าแขนมันเอาไว้ก่อนที่มันจะหนีไปได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไอ้ตัวเล็กแทบจะหัวทิ่มข้ามกำแพงลงมาฝั่งโรงเรียน ดีว่าผมรองตัวมันเอาไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นผมอาจจะต้องรีบทำลูกคืนพ่อแม่ของมันก็ได้


ผมผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ที่ทั้งผมและมันต่างอยู่รอดปลอดภัย แต่มันกลับไม่อยู่เฉย พยายามขยุกขยิกเพื่อให้หลุดจากมือผมที่ยังจับมันเอาไว้แน่น ตัวมันทั้งตัวหล่นอยู่บนตัวผมเหมือนผมกลายเป็นเบาะรองนอนให้มัน


“ปล่อยดิวะ สัด”


อ้าว ปากหมานี่หว่า


ผมขึงตามองคนที่พูดจาหมาไม่แดกกับรุ่นพี่ มันเองก็ขึงตากลับเหมือนกัน แววตาสู้คนที่จ้องผมมาบอกให้รู้ว่ามันไม่ยอมผมง่ายๆ แน่ แต่ผมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน


“พูดจาให้มันดีๆ หน่อย กูเป็นรุ่นพี่ แล้วนี่ถ้ากูไม่รับมึงไว้ มึงคงตกลงมาหน้าแหก ยังไม่สมนึก”


“ก็มึงไม่ใช่เหรอที่ดึงกูลงมา”


ผมกูมึงใส่ มันก็กูมึงกลับ ยังจ้องผมเหมือนเดิม แต่ก็พยายามดิ้นขลุกขลักไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ผมเลยดึงมือมันไว้แน่นกว่าเดิม เอาดิ ถ้ามึงไม่ขอโทษกูก่อน กูก็ไม่ปล่อยมึง นอนเล่นกันอยู่แบบนี้แหละวะ เพราะยังไงผมก็มีตำแหน่งไว้อ้าง ส่วนมันก็แค่เด็กที่มาสายแล้วยังปีนรั้วเข้าโรงเรียน


แต่ทั้งที่ผมคิดเอาไว้แบบนั้น กลับเกิดเหตุที่ผมไม่ทันคำนวณเอาไว้ นั่นก็คือไอ้เด็กเหี้ยนี่มันกัดผม กัดลงมาที่มือผมเต็มเขี้ยว จนเลือดซิบเลยครับ ผมเผลอปล่อยมือมันให้หลุดออกทั้งที่ไม่ตั้งใจ มันจึงรีบกระเด้งตัวขึ้นยืน แถมยังชูนิ้วกลางให้ ก่อนจะเผ่นแน่บไป


ตอนนั้นผมแค้นฝังใจเลย จะต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้เด็กเวรนี่เป็นใคร ถึงไม่รู้ว่าผมเป็นประธานนักเรียนแล้วยังกล้ากัดมือผมจนเลือดไหลอีก





















ทั้งที่ตั้งใจไว้แบบนั้นแล้ว และคิดว่ามันคงง่าย แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะผมหาไอ้เด็กนั่นไม่เจอ คนที่กัดมือผมจนได้แผล ใช้เวลารักษาอยู่อาทิตย์ถึงจะหายดี กลายเป็นที่สงสัยของใครต่อใครที่เห็นผมพันผ้าพันแผลที่มือว่าไปโดนอะไรมา แต่มีตัวเสือกอยู่ตัวนึงที่มันรู้


“มือหายแล้วเหรอพี่”


ไอ้เคทักผม วันนี้มันมากินข้าวกลางวันกับผมด้วย รวมทั้งไอ้กัสไอ้กราฟ เพราะวันนี้ห้องมันเลิกช้า เลยหาโต๊ะไม่ได้ ทั้งที่จริงๆ มันจะไปขอนั่งกับโต๊ะไหนก็ได้ โดยเฉพาะสาวๆ เพราะพวกมันก็หล่อๆ กันทั้งนั้น แถมยังคารมดี


“เออ มึงไม่เห็นผ้าพันแผล ก็น่าจะรู้ ถามโง่ๆ ว่ะ”


“เอ้า ก็ถามด้วยความเป็นห่วง”


“พี่เป็นอะไรเหรอครับ”


เสียงไอ้กราฟถาม ผมว่ามันสุภาพกับผมที่สุดในกลุ่มแล้ว อาจเพราะว่าผมสนิทกับมันน้อยที่สุด อ้อ ไม่สิ มีอีกคนที่ผมยังไม่เห็นหัวมันเลย เจ้าของชื่อ ไฮยีน ที่หาตัวยากฉิบหาย พอๆ กับไอ้เด็กเตี้ยนั่น


“อ้อ พี่ภูเจอเด็กเหี้ยที่ไหนไม่รู้วะ กัดมือตอนจับได้ว่ามันปีนรั้วเข้าโรงเรียน”


“กัดมือเลยเหรอ เล่นแรงว่ะ กล้าทำพี่ภู ประธานนักเรียนนี่แม่งไม่เจียม”


ไอ้กัสเสริม ผมเองก็เห็นด้วยกับมัน เพียงแต่ไอ้เตี้ยนั่นคงไม่รู้ว่าผมเป็นประธานนักเรียน ถึงได้กล้าทำ หรือถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็แสดงว่ามันเป็นคนที่ระห่ำมาก


“ว่าแต่เพื่อนมึงอีกคน ไฮยีนนั่นน่ะ ไม่มาด้วยเหรอวะ กูยังไม่เคยเห็นหน้าสักที”


ผมเปลี่ยนเรื่องคุยบ้าง ตักข้าวเข้าปาก ถามตามมารยาทนั่นแหละครับ เพราะไม่ได้อยากรู้อะไรนักหนา เพียงแต่แปลกใจที่ผมไม่เคยเห็นเพื่อนมันคนนี้สักที ทั้งที่ก็ดูว่าพวกมันสี่คนสนิทกัน


“อ๋อ ไอ้ยีนเหรอ มันโดดเรียนพี่”


“เออ ดีเนอะ เพื่อนมึงโดดเรียนถี่ฉิบหาย แต่กูเป็นประธานนักเรียน ยังไม่เคยเห็นหัวมันเลย”


“จะว่าไปก็จริง”


ไอ้กราฟผงกหัวอย่างเห็นด้วย เพราะมันออกจะประหลาดๆ สักหน่อย ทั้งที่อยู่ใกล้ตัวแค่นี้ กลับไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ากันสักแวบ


“กูว่าสักวันกูได้จับเพื่อนมึงเข้าห้องปกครองแน่”


“โหพี่ คนใกล้ตัวน่า อย่าทำเลย”


ไอ้เคขอแทนเพื่อนมัน แสดงให้รู้ว่าพวกมันรักกันจริง แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ออกรับแทนกัน


“แต่ถ้ากูปล่อยเพื่อนมึง ใครรู้คงเสื่อมศรัทธากันหมด”


ผมพูดหยอกๆ ไอ้พวกนี้เลยทำหน้าปุเลี่ยนกันหมด ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วปิดท้ายด้วยไอ้กัสที่พูดคล้ายท้าทายผมกลายๆ


“ถ้าพี่เจอตัวมัน จะลงโทษมันบ้าง ก็พอไหวนะ แต่พี่จะเจอตัวมันหรือเปล่านั่นแหละ”


กลายเป็นว่าผมต้องหาคนสองคนในเวลาเดียวกัน เพื่อลบคำสบประมาททั้งของไอ้กัสและไอ้เตี้ยนั่น




 
















เหมือนผมจะเห็นไอ้เตี้ยแวบๆ เมื่อกี้ ไม่รู้ว่าตาฝาดไปเองหรือเปล่า แต่ผมเจอตัวมันแล้ว ไม่รอช้า ผมรีบวิ่งไปดักหน้ามันทันที มันก็ผงะเหมือนตกใจที่อยู่ๆ มีอะไรพุ่งมาหยุดตรงหน้า หน้าขาวนั่นเชยขึ้นมองผมที่สูงกว่า ปากของมันยังแดงเหมือนเดิม


“อะไร”


เสียงตวัดห้วนของเด็ก... ม.4 ผมก้มลงไปดูสัญลักษณ์ที่อกเสื้อของมันที่บอกให้รู้ว่าอยู่ระดับชั้นไหน พลางกวาดตามองชื่อของมันไปด้วย ‘พชร วัฒนกิตติพงศ์’ แล้วก็จำเอาไว้ให้แม่นๆ จะได้ไม่พลาด คลาดกับมันอีก ก่อนจะมองหน้าขาวจัดที่ทำสีหน้าไม่พอใจอยู่


“จำกูไม่ได้หรือไง”


“แล้วมึงเป็นใครที่กูต้องจำวะ”


เอาอีกแล้ว ปากแม่งหาเรื่องอีกแล้ว วอนตีนฉิบหายเลยไอ้ห่านี่ ไม่กลัวบ้างหรือไงว่าผมตัวใหญ่กว่ามันตั้งเยอะ ถ้าผมคิดจะอัดมัน แค่เหวี่ยงหมัดทีเดียวมันก็กระเด็นแล้ว


“รุ่นพี่มึง”


“แล้วไง”


มันไหวไหล่เหมือนเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรับรู้ ใส่ใจ หรือถามต่อ เห็นแล้วผมนี่อยากจะเตะแม่งจริงๆ ให้ตายเหอะ เด็กห่าอะไรวะเนี่ย


“มึงกัดมือกู”


“กัดมือ?” มันถามย้อนเหมือนจำไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าเบาๆ เหมือนเพิ่งนึกได้แล้วกดมุมปากยิ้มเยาะ “อ๋อ จำได้ละๆ ทำไม อยากโดนกูกัดอีกข้างหรือไง ยื่นมือมาดิ”


“มึงเห็นกูโง่หรือไง”


“ก็โง่พอจะวิ่งตามหาคนที่กัดมือตัวเองล่ะวะ”


ปรี๊ดเลยครับ ไอ้หอกนี่ ผมกัดฟันกรอด ห้ามตัวเองไม่ให้ทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง ก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟัน


“มึงแม่งกวนตีนฉิบหาย”


“แล้วไง” มันไหวไหล่กลับมาอีกครั้ง “ถ้าไม่มีอะไร ขอตัวก่อนนะครับ คุณรุ่นพี่ ผมต้องไปเรียนต่อ”


ว่าแบบนั้นแล้วมันก็เดินกระแทกตัวผ่านผมไป ทั้งที่เตี้ยกว่า ดูยังไงก็สู้ผมไม่ได้ แต่มันใจนักเลงมากจนผมไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนที่ไม่กลัวผมแบบนี้อยู่ด้วย แล้วก็นับตั้งแต่วันนั้นล่ะมั้ง ที่ผมเริ่มเห็นหน้ามันบ่อยขึ้นเวลาที่อยู่ในโรงเรียน จนไอ้แมกซ์เพื่อนสนิทของผมถึงกับทัก


“มึงมองเด็กนั่นอีกแล้ว”


“อะไรของมึง”


ผมหันไปถามมันที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ ผมที่ห้องสมุด ตอนนี้ผมเรียนเทอมสองแล้ว ต้องขยันเรียนหน่อย ถึงจะตัดสินใจว่าจะไม่สอบเข้ามหา’ลัยของรัฐ แต่ก็อยากจบด้วยเกรดสวยๆ ให้สมกับเป็นประธานนักเรียน เลยต้องมาเข้าห้องสมุดกับไอ้แมกซ์ที่จะสอบเข้ารัฐศาสตร์ของมหา’ลัยชื่อดัง


“ไอ้เด็กนั่นไง ชื่ออะไรวะ พะชอน อะไรสักอย่าง”


“กูว่ามันอ่าน พะชะระ ไม่ใช่พะชอน”


ผมค้านการเรียกชื่อแสนอุบาทว์ของมัน ไอ้แมกซ์ก็ทำเสียงจึกจักในคอที่ไปขัดคำมัน ก่อนมันจะตัดบทมาเข้าประเด็นเดิม


“เออ นั่นแหละวะ จะชื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่มึงมองมันอีกแล้ว”


“กูก็มองทั่วๆ ไป เผื่อมันทำผิด กูจะได้ส่งมันเข้าห้องปกครอง”


ไม่รู้ว่าเป็นคำแก้ตัวหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เพราะจะว่าไปผมก็รู้สึกตัวเหมือนกันว่าทุกครั้งที่เห็นมัน ผมมักจะมองตาม ยิ่งตอนนี้เห็นความเปลี่ยนแปลงของมันเยอะขึ้น


ตัวมันสูงขึ้นอีกนิดหน่อย ไม่เตี้ยเหมือนเดิม แต่ถ้าเทียบกับผมก็ถือว่าเตี้ยอยู่ดี เสียงที่ได้ยินไกลๆ ห้าวมากขึ้นดูเป็นหนุ่มเต็มตัว หน้าหล่อขึ้นอีกหน่อย ผมที่เคยสั้นเตียนยาวขึ้น เพราะโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนชายที่ขึ้นชั้นม.ปลายไว้ผมรองทรงได้ แต่ที่เหมือนเดิมคือมันยังปากแดงเหมือนเดิม คงเพราะมันไม่ดำขึ้นเลย


“แต่กูว่าสายตามึงไม่ใช่แบบนั้น มึงมองเหมือนมึงแอบชอบมัน”


“กูไม่ได้เป็นเกย์”


“กูรู้” ไอ้แมกซ์ตอบแบบไม่ต้องคิด “ถ้ามึงเป็นนี่กูต้องเสียวตูดกูไว้ก่อนเลย นอนกับมึงบ่อยฉิบหาย”


มันว่าแบบนั้นแล้วทำหน้าสยอง ผมเองก็สยองเหมือนกัน เพราะต่อให้ผมเป็นเกย์จริง ผมก็ไม่เอาแม่งหรอก ตัวไม่ได้ใหญ่ขนาดผม แต่ก็ไม่ได้หน้าตาน่ารักชวนพิศวาสสักนิด ออกเถื่อนหน่อยๆ มากกว่าด้วยซ้ำ


“เออ กูก็ไม่เอามึงเหมือนกันแหละวะ”


“แต่กูพูดจริงๆ นะเว้ย กูเห็นมึงมองเด็กนั่นมาเกือบเทอมนึงแล้ว ยังไงมันก็แปลก คนไม่คิดอะไรจะคอยมองเวลาเห็นเพื่ออะไรวะ แถมมึงก็ไม่เข้าไปคุยกับมันด้วย”


“ไม่รู้ดิ” ผมตอบจากความรู้สึกจริงๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ตอนแรกก็โมโหมันอยู่ แต่พอผ่านไปนานเข้า ผมกลับไม่คิดที่จะลากคอมันมากระทืบให้หายแค้นที่หยามผมอีก “เพราะมันมีแรงดึงดูดบางอย่างให้กูรู้สึกว่าอยากมองมั้ง อาจจะเพราะบุคลิกของมัน เหมือนนิ่งๆ แต่กวนตีนฉิบหาย แถมยังกล้า ไม่กลัวใคร กูว่ามีเสน่ห์ดีว่ะ”


“มึงหลง”


ไอ้แมกซ์ตอบมาง่ายๆ ให้ผมรู้สึกขำอยู่ในใจ แล้วตอบมันกลับไป


“ถ้ากูหลง กูคงจะคลั่งไคล้มันมากกว่านี้”


“หลงรักไงวะ ฮ่าๆๆ”


มันพูดติดตลกแล้วขำออกมา ลืมไปแล้วมั้งว่ากำลังอยู่ในห้องสมุด ผมเลยตบหัวมันไปทีนึงเพราะเราตกเป็นเป้าสายตา ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนอื่นๆ เป็นการขอโทษที่ใช้ห้องสมุดผิดประเภทไปหน่อย ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มจากสาวๆ กลับมาแหละครับ เพราะผมก็ไม่ได้หน้าตาแย่ ออกจะดีด้วยซ้ำ เพียงแต่ผมไม่ค่อยได้เล่นสนุกกับผู้หญิงเท่าไหร่ ภาระหน้าที่มันค้ำคอ


“กูไม่ได้อยากได้มันเป็นแฟน”


“ก็จริงของมึง” เหมือนมันเพิ่งนึกได้ว่าผมไม่เคยมีลักษณะหรือแสดงท่าทีอะไรแบบนั้น ทฤษฎีที่มันวิเคราะห์จึงเป็นอันตกลงไป แต่ถึงอย่างนั้นไอ้แมกซ์ก็ยังพึมพำเบาๆ “แต่กูว่าเคสมึงนี่ประหลาดจริงๆ”


ผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าทำไมผมไม่เข้าไปคุยหรือหาเรื่องมันอีก แต่กลับเพียงแค่มองมันอย่างเดียวทุกครั้งที่มีโอกาสเห็น



   

















ถึงจะอยู่ ม.6 เทอมสองแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เลิกทำกิจกรรมชมรม เพราะความเคยชินด้วยล่ะมั้ง ผมเลยรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เตะบอลหลังเลิกเรียนคงจะว่างน่าดู ซึ่งไอ้เคเองก็ไม่ได้ออกจากชมรมอย่างที่มันชอบบ่นๆ กับผม ขณะที่มีหลายคนออกไป และมีคนใหม่เข้ามาแทน


เรื่องของไฮยีนเพื่อนไอ้เค ผมยังไม่ลืมหรอกครับว่าทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เห็น ไม่รู้ว่ามันไปแอบคบกันหรือเปล่า เด็กนั่นถึงได้เป็นตัวละครปริศนาจนถึงตอนนี้ แต่ถ้าให้พูดตามตรง ผมก็ไม่ได้ถึงขนาดตามล่าหาตัวมันอย่างจริงจังด้วยความอยากรู้ ถ้าคนมันจะเห็นก็คงได้เห็นเอง ซึ่งในวันนึง ความคิดนั้นของผมก็เป็นจริงขึ้นมาตอนที่ไอ้เคมันบอกกับผม


“พี่ยังไม่เคยเจอไอ้ยีนใช่ป่ะ”


“อืม เพื่อนมึงตัวละครลับโคตรๆ”


“จริงๆ ก็ไม่ได้ลับอะไรหรอก มันก็ลอยไปลอยมานี่แหละ พี่อาจจะเคยเจอมันแล้ว แต่ไม่รู้ก็ได้”


ก็อาจจะจริงอย่างที่มันว่า ผมพยักหน้าเออออไป ก่อนจะสะกิดใจที่อยู่ๆ มันก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา


“แล้วมึงมีอะไร ถึงถามกู”


“อ๋อ ก็วันนี้ไอ้ยีนมันจะมาหาผมตอนเลิกชมรมไง หายากนะเว้ย ที่มันจะไม่ไปเดทกับไอ้กราฟหลังเลิกเรียน”


มันพูดกลั้วเสียงหัวเราะหน่อยๆ แต่ทำให้ผมงง เพราะจะว่าไป ช่วงหลังๆ มานี้ผมก็เจอไอ้กราฟน้อยมาก จนเรียกว่าแทบไม่เจอเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่ช่วงที่รู้จักกันแรกๆ ก็เจอพวกมันอยู่ด้วยกันสามคน แต่ตอนนี้เจอแบบแพ็คคู่ ไอ้เคกับไอ้กัสตลอด แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกมัน


ว่าแต่ เมื่อกี้ไอ้เคมันว่าอะไรนะ เดท?? ไอ้กราฟกับไอ้ไฮยีนอะไรนั่นเป็นแฟนกันเหรอวะ?


ผมค่อนข้างงุนงงหน่อยๆ กับความคิดของตัวเองที่ผุดขึ้นมา เพราะดูท่าไอ้กราฟก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะเป็นเกย์ หรือเพราะเพื่อนมันที่ชื่อไฮยีนจะสวย น่ารัก เลยตกหลุมรัก?


ยิ่งคิดก็ยิ่งงง ผมเลยปัดมันทิ้งไป เพราะรู้ไปก็เท่านั้น ถ้าคนมันจะรักกันก็ต้องปล่อยให้เขารักไป แถมไอ้กราฟก็เป็นคนดี ดีกว่าพวกไอ้เคไอ้กัสเสียด้วยซ้ำ ก็หวังแต่ว่าไอ้เด็กเกเรไฮยีนนั่นจะไม่พาไอ้กราฟไปเสียคน


“สรุปว่าวันนี้กูจะได้เจอมันตอนเลิกชมรม”


“เยสเซอร์”


ไอ้เคตอบอย่างกระตือรือร้น ผมก็พยักหน้ารับมันไป พลางคิดว่าในที่สุดก็จะได้เห็นหน้าเพื่อนล่องหนของมันสักที แต่ทั้งที่โอกาสมาถึงแล้ว ผมกลับโดนอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องชมรม เพราะจะมีการแข่งฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนที่เป็นธรรมเนียมกันมา


อาจารย์ให้ผมช่วยออกความคิดเห็นว่าจะส่งใครลงตำแหน่งอะไรบ้าง เพราะผมคงไม่ลงเอง กว่าจะเสร็จก็กินเวลาพอดู ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกไอ้เคจะกลับกันไปแล้วหรือยัง แต่ถึงจะไม่แน่ใจ ผมก็เดินไปหาไอ้เคที่สนามฟุตบอลอยู่ดี เผื่อว่ามันยังอยู่รอ แต่ยังเดินไปไม่ทันถึง ก็มีคนคนนึงหยุดสายตาของผมได้เสียก่อน


คนที่คุ้นตา คนที่ทำให้ผมถูกไอ้แมกซ์กรอกหูว่าชอบเผลอมองตามอยู่เรื่อยกำลังเดินผ่านผมไป เราเดินสวนกัน แต่มันไม่ได้มองผมเลย เหมือนไม่รู้จักกัน แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผมไม่เคยเข้าไปทักทายมันเลยตั้งแต่วันนั้น มีแต่ผมที่ยังคงมองมันด้วยเหตุผลที่ไม่รู้ว่าคืออะไร


พชร วัฒนกิตติพงศ์ ยังคงเหมือนเดิม หล่อ ขาว และตอนนี้มันสูงเลยคางของผมขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว มันดูนิ่งสงบ เหมือนคนที่ใจเย็น สุขุม แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นคนที่ร้อนเหมือนเปลวไฟ ที่สำคัญมันยังดึงดูดสายตาของผมได้เสมอ


นี่คงเป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นมันใกล้ๆ ขนาดนี้ หลังจากที่เห็นมันจากระยะไกลมาครึ่งปี


ผมมองตามมันไปจนเห็นแต่แผ่นหลังแคบๆ นั่นกับเส้นผมที่ลู่ตามลมที่พัดผ่านมา และถึงจะเป็นแค่ภาพด้านหลัง ผมก็ยังรู้สึกว่าเด็กเวรนั่นน่ามองอยู่ดี


“พี่ภู!”


เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังทำให้ผมต้องละสายตาจากภาพตรงหน้า พอเห็นว่าไอ้เคยืนอยู่ก็เดินเข้าไปหา และไม่ลืมถามถึงเพื่อนรักของมัน เพราะตอนนี้มันอยู่กับไอ้กัสแค่สองคน


“แล้วเพื่อนมึงล่ะ”


“ถ้าหมายถึงไอ้ยีนล่ะก็ นั่นไง ที่เดินสวนกับพี่เมื่อกี้ มันบอกว่ารอนาน ขี้เกียจรอพี่แล้ว ไม่เห็นมันเหรอ”


ที่เดินสวนไปเมื่อกี้? ผมทวนคำของไอ้เคอีกรอบ ก่อนจะหันไปทางด้านหลัง มองหาคนที่ผมเพิ่งเดินสวนมา ภาพด้านหลังแบบเดิมแต่ขนาดเล็กลงเพราะระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกเหมือนภาพที่เห็นมันขยับช้าลง ผมอ้าปากถามไอ้เคเสียงเบาจนแทบไม่มีน้ำหนัก


“นั่น...เพื่อนมึง”


“ใช่ นั่นแหละ ไอ้เหี้ยยีน จอมก่อปัญหา แต่เป็นเพื่อนรักมากๆ ของพวกผม”


“พชร วัฒนกิตติพงศ์?”


ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด ไอ้เคก็ตอบ ‘อืม ใช่พี่’ กลับมา แล้ววันนั้นผมก็ได้รู้ว่าโรงเรียนที่ดูกว้างใหญ่มันแคบแค่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังกว้างอยู่ดี





















ผมลืมเรื่องของคนคนนึงไปแล้ว เพราะว่ามันผ่านไปนาน สองปีเต็มที่ผมเรียนจบม.ปลาย สองปีที่ผมไม่ได้กลับไปที่โรงเรียนและรับรู้ถึงการมีอยู่ของใครบางคน ไม่ได้ติดต่อพวกรุ่นน้อง พวกมันเองก็ไม่ได้ติดต่อผมเหมือนกัน


กระทั่งวันนึงที่ทุกอย่างเหมือนหมุนกลับมาที่เดิม ผมบังเอิญเจอไอ้เคกับไอ้กัสที่โรงอาหารของคณะนิเทศที่ผมเรียนอยู่ เราทักทายกันเหมือนไม่มีช่วงเวลาสองปีที่ไร้การติดต่อ พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองตามนิสัย โดยเฉพาะไอ้เค เป็นแบบไหนก็ยังคงเดิม เปลี่ยนแค่มันดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทางกายภาพ ส่วนไอ้กัสยังมีมาดคุณชาย และก็ดูจะเสน่ห์แรงมากขึ้น


“แล้วไอ้กราฟเป็นยังไงบ้างวะ”


ผมถามถึงอีกคนที่เคยตัวติดกับพวกมัน แม้ว่าช่วงหลังๆ จะห่างหายไป ไอ้กัสก็ยินดีตอบให้ผมรู้ว่าพวกมันยังรักกันดี


“ตอนนี้มันเรียนอยู่นิเทศนี่แหละพี่ พวกเราเลยมากินข้าวกันที่นี่ไง ไอ้เคลมมันหวังว่าจะได้เจอสาวๆ สวยๆ ด้วย”


“โห่ มึงอะ หาว่ากูอยากเจอคนสวยๆ มึงเองก็เหมือนกัน”


ไม่วายยังมีค่อนแขวะเพื่อนตามประสา ให้ผมได้หลุดยิ้มนิดหน่อย เพราะพวกมันทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ จริงๆ แล้วพอรู้สึกอย่างนั้น ก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ผมนึกถึงใครอีกคน


มันจะเป็นยังไงบ้างวะ?


“แล้ว... ไฮยีน”


“ไอ้ยีนเหรอพี่ อยู่นิเทศเหมือนไอ้กราฟนี่แหละ แต่พี่ต้องไปดูมันเองว่ะ”


ไม่พูดอย่างเดียว แต่ไอ้เคหลุดหัวเราะออกมาด้วย ทำให้ผมรู้สึกงุนงงหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้อะไร ไอ้เคกับกัสชวนผมให้นั่งกินข้าวด้วยกัน เพราะมันกำลังรอไฮยีนกับกราฟเลิกเรียนอยู่ เลยมาที่โรงอาหารก่อน แต่ผมนัดกับไอ้เจ๋งและจีจี้แล้วว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน เพราะจีจี้อยากให้ผมช่วยเป็นแบบให้อีกแล้ว เลิกกับแฟนทีไร เดือดร้อนผมทุกที วันนั้นผมก็เลยไม่ได้เจอไฮยีน


แต่ใช่ว่าวันนั้นไม่เจอ ผมจะไม่มีโอกาสเจอเลย เพราะมันมาอยู่คณะเดียวกับผมแล้ว คงหาตัวไม่ยาก แถมยังมีไอ้กราฟอยู่ด้วย คงตัวติดกันเหมือนเดิม และกราฟก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ เพราะงั้นตอนที่รุ่นน้องปีสองมาขอให้ผมช่วยเสนอคนที่จะมาลงประกวดเดือนปีหนึ่ง ผมถึงได้เสนอชื่อไอ้กราฟไป พลอยให้มันต้องมาพบผมที่เป็นประธานปีสาม


ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด กราฟปฏิเสธที่จะลงสมัคร คนอื่นก็เลยได้เป็นเดือนแทน ซึ่งตามนิสัยของมันแล้วคำตอบแบบนี้คงไม่แปลกนัก แต่ที่แปลกคือมันไม่ได้พ่วงเพื่อนของมันมาด้วย ผมจึงยังไม่มีโอกาสได้เจอไฮยีน


กระทั่งวันนึงที่ผมสะดุดตากับคนบางคน ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้หยุดสายตาอยู่ที่คนคนนั้น ...รุ่นน้องปีหนึ่งที่แต่งตัวถูกระเบียบเป๊ะ หวีผมเรียบแปล้ แล้วยังใส่แว่นหนาเตอะ


แต่ที่รู้คือผมรู้สึกขัดตามากจนเผลอทำอะไรที่ไม่คิดว่าจะทำลงไป มือของผมตบลงบนหัวของไอ้เด็กคนนั้นจนมันหันมามอง และเมื่อสบตากันผ่านเลนส์แว่น ผมก็รู้สึกถึงบางอย่าง... ยิ่งคนตรงหน้าถูกกราฟ เรียก ‘ไอ้ยีน’ ลมหายใจของผมก็ชะงัก


ความรู้สึกในวันที่ผมได้รู้ว่าคนที่ชื่อพชร วัฒนกิตติพงศ์ กับ ไฮยีน เป็นคนเดียวกันย้อนคืนมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับความรู้สึกของผมตอนมองไอ้เด็กเวรนั่นไกลๆ ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนภาพสีเทาเก่าๆ ที่ร่วงตกลงไปในจานสี ทำให้สีที่ขาดหายไปค่อยๆ ปรากฏเป็นภาพใหม่ที่ไม่ต่างจากของเดิม


ภาพเด็กปีหนึ่งหน้าตาเฉิ่มเชยเพราะกรอบแว่นหนา ซ้อนทับกับเด็กหน้าหล่อ ม.4 ที่ดูตัวเล็กกว่านี้นิดหน่อย แต่แววตากลับเหมือนที่ผมเคยเห็นและรู้สึกว่ามันมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้ผมมั่นใจว่าไม่ผิดคน...


คนตรงหน้าผม คือ พชร วัฒนกิตติพงศ์








อ่านต่อด้านล่าง


v



v
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบ} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 24-04-2013 23:14:08
ต่อจากข้างบน



v



v







ถนนสายเดิมกับม้านั่งริมทาง ขณะที่ลมกำลังพัดเบาๆ ทำให้อากาศไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เสียงของเด็กนักเรียนชั้นม.ปลายกำลังซ้อมกีฬาตามชมรมยังคงชวนให้คิดถึงบรรยากาศที่ห่างหายไปสามปีเต็ม


“อ่านอะไรอยู่”


เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูจนทำให้ผมสะดุ้ง รีบปิดสมุดที่เต็มไปด้วยลายมือของตัวเองทันที ส่อแววพิรุธจนคนตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าหล่อแต่กลับน่ารักในความรู้สึกของผมปรากฏคำถามที่ผมตอบได้แค่...


“เปล่า”


“เปล่าอะไรวะ ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้อ่าน เอามาอ่านมั่งดิ”


คนตัวเล็กกว่าและยังผอมบางไม่ต่างจากเมื่อหลายปีก่อนร้องบอก แต่ผมก็เอาสมุดในมือหลบเอาไว้ไม่ให้มันฉวยไปได้


“คนเราก็ต้องมีความลับมั่งสิวะ”


ผมตอบมันก่อนจะเปลี่ยนมาถือสมุดด้วยมืออีกข้าง ส่วนมือข้างเดิมคว้ามือเรียวมากุมจับเอาไว้ เจ้าของมือเลยถลึงตาใส่ผมนิดหน่อยเหมือนกับทุกครั้งที่ผมจับมือมันในที่สาธารณะแล้วมันไม่ชอบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ดึงมือกลับ คงจะชินแล้วมั้งว่าถึงทำไป ผมก็ไม่ปล่อยอยู่ดี


“งกว่ะ อะไรวะ แค่นี้ให้แฟนดูไม่ได้”


ผมยิ้ม ยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า ‘แฟน’ จากปากแดงๆ ของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่มันจะพูดจาแสดงความรู้สึกว่ามันรักหรือเป็นคนรักของผม


“ก็อยากบอกอยู่ แต่มันยังไม่ถึงเวลา”


“เวลาอะไรเล่า”


ไฮยีนสะบัดเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ผมยังปฏิเสธ ไม่ยอมให้มันรู้ในสิ่งที่มันอยากรู้ ผมเลยต้องยิ้มสู้ไว้ก่อน และตอบกลับด้วยคำตอบที่จะเป็นที่พอใจสำหรับมัน


“มึงรู้ว่ากูกำลังทำโปรเจกต์จบอยู่ใช่มั้ย”


“อ๋อ หรือเป็นบทหนังสั้น โปรเจกต์ของพี่เหรอ”


มันถาม ดูท่าจะเก็ตในสิ่งที่ผมอยากบอก ผมเลยพยักหน้าให้ มันถึงได้เลิกสนใจประเด็นนี้ไป แต่แค่แป๊บเดียว เสียงห้าวๆ ก็ถามอีกครั้ง


“แล้วพี่เขียนบทเป็นด้วยเหรอ เห็นคราวก่อนที่ทำหนังก็เป็นคนกำกับ ให้พี่เจ๋งเขียนบท ตอนปิดเทอมที่ไปฝึกงานก็ไปฝึกในกองถ่าย”


“มึงนี่ดูถูกกูจัง กูจะเขียนบทมั่งไม่ได้หรือไง”


“ก็แค่อยากรู้ เอามาอ่านมั่งดิ เรื่องเป็นยังไง”


แล้วก็วกกลับมาที่เดิมจนได้ ทั้งที่ผมยังไม่อยากให้มันรู้ เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ลับที่ผมไม่ได้บอกใครเลยนอกจากแอดไวเซอร์ ตอนไปเสนอบท แอดไวเซอร์ยังบอกว่าผมประหลาด ไม่คิดว่าจะทำหนังเกย์เป็นโปรเจกต์จบ


แต่พอผมบอกว่าผมอยากทำเพราะผมมีแรงบันดาลใจจากคนที่เป็นภาพวาดสีเทา แอดไวเซอร์ก็เลยอนุมัติแล้วบอกว่าหนังเรื่องนี้คงน่าสนใจไม่น้อย เพราะผมชอบทำหนังแนวอาร์ต สื่ออารมณ์มากกว่าการถ่ายทอดแบบตรงไปตรงมา และอาจารย์ก็เชื่อในการเลือกมุมมองที่จะนำเสนอของผม


“ไว้เสร็จแล้วมึงก็จะได้ดู”


“เปิดให้ผมดูคนแรกเลยนะเว้ย ห้ามเบี้ยว”


ยีนใช้นิ้วจากมืออีกข้างชี้หน้าผมเป็นเชิงออกคำสั่ง ผมก็พยักหน้ารับอย่างไม่อิดอดด เพราะตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดูแล้วจะเข้าใจเรื่องราวจากการนำเสนอของผมหรือเปล่า


จะเข้าใจมั้ยว่า...คนที่ทำให้ตัวละครหลักเหมือนถูกดึงดูดได้ตลอดเวลาก็คือมัน


เป็นภาพวาดสีเทาที่กลับมามีสีอีกครั้งในชีวิตของผม โดยที่มันไม่ได้ทำอะไรเลย และผมก็ไม่เคยคิดสักครั้งนับจากวันแรกที่เจอกัน ว่าสุดท้ายแล้วผมจะได้กลับมาเจอมันอีก และรักมันมากขนาดนี้


“ถ้าทำเสร็จแล้วจะเรียกไปดูที่ห้องกูเลย”


“เออ ดี แต่คิดอะไรเปล่าเนี่ย สายตาหื่นว่ะ”


มันพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เหมือนแกล้งปรักปรำผมมากกว่า ผมจึงอดไม่ได้ที่จะขยี้ผมของมันเบาๆ อย่างที่ทำบ่อยๆ จนตอนนี้ติดเป็นนิสัยไปแล้ว และแกล้งบอกกลับไป


“ทำก็ดี”


“กามฉิบหาย”


“อืม กูกามกับมึงโคตรๆ เห็นมึงแล้วอยากฟัดตลอด”


ไอ้ยีนพูดไม่ออกครับ โดนผมอัดเข้าใส่เต็มแรงขนาดนี้ แก้มของมันแดงขึ้นมานิดๆ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารัก นี่ถ้าไม่ได้อยู่กลางที่สาธารณะผมจะจับมันฟัดจริงๆ


“ไปเดินเล่นดีกว่า ไม่ได้กลับมาโรงเรียนนานแล้วไม่ใช่หรือไง”


มันรีบหาข้ออ้างเอาตัวรอดไว้ก่อน ผมก็ไม่ใจร้ายหรอกครับ ปล่อยๆ มันไป ตามใจแฟนบ้าง มันจะได้ตามใจผมเหมือนกัน เพราะเวลาแม่งพยศ ผมเหนื่อยฉิบหาย ทั้งร้าย ทั้งกวนตีน ผมนี่จุกเพราะโดนต่อย โดนถีบมานักต่อนัก ทั้งที่ตัวก็บาง ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน


อีกอย่าง ผมเป็นคนชวนมันมาเอง เพราะอยากเก็บบรรยากาศเก่าๆ ในตอนที่ผมกับมันเจอกัน เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง และก็อยากกลับมาอยู่กับมันในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับตอนนั้นด้วยสถานะระหว่างเราที่ต่างออกไป


เราสองคนลุกจากม้านั่งที่นั่งอยู่ ก่อนจะเดินไปพร้อมกันบนถนนสายเดิมที่เคยย่ำเดินซ้ำไปซ้ำมาคนละหกปี แต่กลับไม่เคยเดินร่วมกันเลยสักครั้งกระทั่งวันนี้


หากให้เปรียบความรักของผมกับยีน คงไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่มีเวลาและโอกาสมากมายเพื่อสร้างความรัก แต่สุดท้ายกลับมีเพียงแค่วินาทีสั้นๆ ที่ทำให้ความรักเริ่มต้นขึ้น และใช้เวลาที่เหลือในการรักษาให้มันอยู่ยืนยาวที่สุด








================
จบบริบูรณ์แล้วค่ะ สำหรับเรื่องนี้
เป็นตอนพิเศษที่เหมือนเป็นตอนแรกและตอนสุดท้ายของเรื่องไปในตัว
ไม่รู้ว่าอ่านตอนนี้แล้วจะรู้สึกหรือคิดยังไงกันบ้างนะคะ
มันออกแนวสนใจ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะรักกัน  :katai5:

ในตอนสุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกหรือทยอยมากันเรื่อยๆ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่ทำให้มีกำลังใจในการพาพี่ภูกับน้องยีนมาถึงตอนสุดท้ายค่ะ

มีคอมเมนต์นึงบอกไว้ว่า มีคนเพื่อน (หรือพี่น้อง) แนะนำมาให้อ่านเรื่องนี้
เพราะอ่านๆ ไปแล้วจะรู้สึกว่าตกหลุมรัก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอ่านจบหรือยัง และรู้สึกแบบนั้นมั้ย
แล้วจะมีคนคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า แต่หวังว่าหลายๆ คนจะรู้สึกว่าแบบนี้นะคะ
เพราะแรกๆ พี่ภูก็ก่อวีรกรรมไว้จนโดนคนอ่านหน่ายๆ กันไปเยอะ ก็เลยห่วงอยู่ว่าคนจะเลิกอ่าน  :mew5:

ส่วนเรื่องของกราฟไนล์ อัพเดทแล้วค่ะ
ใครที่สนใจตามไปอ่านกันได้ที่ลิงค์นี้นะคะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38553.0


Undel2Sky



หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 25-04-2013 04:40:17
 :hao7:  อยากได้อีกตอนอ่าค่ะ ..แบบอยากรู้ตอนยีนได้เห็นหนังสั้นอ่า
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-04-2013 08:41:54
โรแมนติก
ฟินไปไกลแว้ววววววววว
พี่ภูหลงรักเลยป่าวววว  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 25-04-2013 11:31:20
สั่งจองหนังสือไปแล้ว ไม่พลาดค่ะเรื่องนี้

อะไรกันน พึ่งรู้ว่าพี่ภูแบบสนใจไฮยีนมาก่อนหน้านี้ แล้วรู้มาก่อนหน้านี้อีก มันน่าจริงๆเลยนะพี่ภู

เห็นว่าตอนพิเศษที่เหลือมีอยู่ในเล่มใช่ไหมคะ อยากให้พี่ภูหึงบ้างจัง เพราะเห็นมีตอนน้องยีนหึงด้วยใช่ม้า รีเควสค่ะๆ555

ปล.ไม่กล้าอ่านเรื่องไนล์เลย เพราะรู้สึกอคติกับตัวละครไนล์ค่อนข้างมากอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อยากติดตามทุกเรื่องของนักเขียน ขอเราทำใจแปบนึงนะคะ555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ/ตอนพิเศษ 3:ภาพวาดสีเทา{จบบริบูรณ์}24/4
เริ่มหัวข้อโดย: GGG24 ที่ 25-04-2013 12:25:25
อยากอ่านตอนยีนเล่นหนังสั้นอ่ะ :mew2:

น่ารักมากๆเลย

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 25-04-2013 13:14:24
อ่านเรื่องนี้แล้วตกหลุ่มรักจริงๆ ยิ่งหลังๆนี่พี่ภูความอดทนสูงมาก
จะรอเรื่องของกราฟไนล์นะค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 25-04-2013 21:22:41
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 26-04-2013 01:31:20
 :o8: :o8:

เรื่องนี้น่ารัก กวนๆ ชอบมากกกกกกกกกก ทั้งชมพูและน้องเกงยีน  :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 26-04-2013 16:10:40
ซึ้งอ่ะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Lily teddy ที่ 26-04-2013 19:09:16
น่ารักจังค่ะ อ่านตอนพิเศษจบแล้วต้องย้อนไปอ่านตอน 1 ใหม่  :L2:
จะรอติดตามเรื่องของกราฟต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-04-2013 00:11:43
 :L2: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ / ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา {จบบริบูรณ์} [24/4/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Orangewitch ที่ 06-05-2013 15:10:29
เนื้อเรื่องน่ารักอ่ะ ชอบๆ มีผลงานออกมาอีกนะ ติดตามค่ะ :mew3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทเเรื่องหนังสือ [7/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 07-05-2013 23:10:35
อัพเดทเกี่ยวกับการเปิดจองหนังสือนะคะ


สรุปว่าทำหนังสือค่ะ แต่ว่าระยะเวลาในการทำหนังสือจะนานสักหน่อย เพราะยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย แล้วตอนนี้ติดปิดจ๊อบงานอื่นอยู่ด้วย เลยไม่ค่อยว่าง คิดว่าคงเริ่มจริงจังได้อาทิตย์หน้า แฮะ เพราะฉะนั้นระยะเวลาเปิดจองก็จะต่อจากที่ประกาศเปิดจองเอาไว้คราวก่อนนะคะ เผื่อว่าจะมีคนจองเข้ามาเพิ่ม

จากที่แจ้งเอาไว้ตอนเปิดจอง หนังสือ It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ จะมีตอนพิเศษเพิ่มเติมจากตอนที่อัพในเด็กดีและเล้าเป็ดอีกสองตอนนะคะ สองตอนนี้ยังไม่ได้แต่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรื่องกราฟไนล์ก็อาจจะต้องเลทออกไปเหมือนกันค่ะ (แจ้งเผื่อไว้)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะพยายามเคลียร์เรื่องหนังสือให้ปิดเล่มได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน เพราะต้องทำเองทั้งหมด ตั้งแต่รีไรท์ จัดหน้า ทำปก (ที่อาจจะง่อยๆ แต่ใครทำเก่งแล้วอยากเสนอตัวช่วยก็ได้นะคะ จะลดค่าหนังสือให้ 50% ค่ะ) ปรู๊ฟ และยังมีสองเล่ม เพราะเหตุนี้เลยทำให้ต้องใช้เวลานาน ขอโทษคนที่ต้องรอด้วยนะคะ

ส่วนเรื่องโอนเงิน จะเปิดให้โอนเงินช่วงกลางเดือนมิถุนายนนะคะ จะได้ใกล้ๆ กับช่วงที่หนังสือปิดเล่ม เพื่อทุกคนที่จองหนังสือมาจะได้สบายใจด้วย ถึงตอนนั้นจะแจ้งไปทางอีเมลเป็นการเตือนอีกทีนะคะ ใครที่อีเมลที่แจ้งไว้ตอนจองฟิคใช้ไม่ได้ หรือว่ามีอีเมลที่ติดต่อสะดวกกว่าส่งเมลมาที่ undel2sky ที่จีเมล เพื่อแจ้งแก้ไขอีเมลได้ค่ะ

และเรื่องสุดท้ายที่แจ้ง เรื่อง ID ซื้อ-ขายในเล้าเป็ด จะจัดการให้เรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้านะคะ ถ้าเรียบร้อยแล้วจะไปแปะ ID ไว้ในกระทู้ให้ค่ะ


Undel2Sky


(http://upic.me/i/mr/preorder.png) (https://docs.google.com/forms/d/16WkDI6QYGiPgVKZCb8oOD4832uUZMpZ3_Dkd6QNRBkA/viewform?pli=1)

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทเเรื่องหนังสือ [7/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 07-05-2013 23:47:25
รอค่ะ จองไวะแล้ว ไม่พลาดค่ะน้องไฮยีนน อิอิ

อยากได้ตอนพิเศษพี่ภูหึงด้วยอ่า รีเควสได้ไหมนี่555
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดท ID ซื้อขาย [13/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 13-05-2013 00:23:07
แจ้งเรื่อง ID ซื้อ-ขาย ในเล้าเป็ด
ตอนนี้ได้ ID มาเรียบร้อยแล้วนะคะ ตั้งกระทู้ในห้องซื้อขายแล้วเหมือนกัน
กระทู้นี้นะคะ > http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37973.0

เพราะฉะนั้นถ้ายังมีใครลังเลอยู่เพราะยังไม่มี ID ซื้อ-ขาย ตอนนี้ก็สบายใจได้เลยค่ะ
หวังว่าจะมีคนจองเพิ่มเข้ามาอีกนะคะ  :mew2:



^
^
ตอบคนข้างบน เรื่องพี่ภูหึงนี่ก็หึงบ่อยอยู่นะ หึงเรี่ยราด ฮ่าๆๆ ไว้จะพิจารณาดูนะคะ


Undel2Sky




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดท ID ซื้อขาย [13/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 14-05-2013 00:35:31
เก๊ารออยู่น้าาา ขอให้มีคนจองเข้ามาเยอะๆๆๆจ้าาาา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ [15/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 16-05-2013 00:12:15
สวยค่ะ น่าหยิบเอามาอ่านเนอะ^^

สู้ๆค่าา
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 16-05-2013 23:09:25
^

^
ขอบคุณทั้งสองคนที่เข้ามาดูการอัพเดทนะคะ


====================


เมื่อวานเพิ่งเอาปกมาแปะ วันนี้เอาปกแก้มาแปะแทน  :mew2:

ทำไปแล้วรู้สึกว่ามันหวานไปค่ะ ไม่ค่อยเข้ากับเรื่องเท่าไร
ก็เลยมาแก้เป็นแบบที่คิดไว้ทีแรก (อันเมื่อวานมันชั่ววูบว่าใส่ทะเลก็สวยดี ฮาาา)

สรุปเป็นอันนี้นะคะ


v

v

(http://upic.me/i/sl/preview-itsu1color.jpg)
(http://upic.me/i/a3/preview-itsu2color.jpg)




หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 19-05-2013 03:49:44
รู้สึกเป็นเรื่องที่คุ้มจริงๆที่เข้ามาอ่าน
สนุกมากกกกกกกกกกกก
พี่ภูน่ารัก ฮ่าๆ อยากให้มีตอนพิเศษอีกเยอะๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: B_O_M ที่ 20-05-2013 01:45:55
สนุกดีครับ ชอบนะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 20-05-2013 11:24:52
 :katai4:  จองด้วยคนค่าาาาาาาา     อิอิ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 21-05-2013 20:36:28
พรหมลิขิตสินะ :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: mybomkub ที่ 25-05-2013 00:08:49
น่ารักกกกกกก >\\\\\<
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 27-05-2013 22:15:28
จบได้ละมุนมากเลยจ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ {ชมภู x ไฮยีน} / อัพเดทปกหนังสือ(แก้) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 01-06-2013 00:19:31
พี่ภูแอบปิ๊งๆน้องยีสมานานแล้วนี้เอง :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: tatae ที่ 22-07-2013 10:24:34
พึ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบมากเลยอะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 22-07-2013 20:15:30
ตามอ่านรวดเดียวจบ ห้าชั่วโมงรวดแม่เจ้าาา
เป็นเรื่องน่ารักมากๆทีเดียว อ่านไปแบบเพลินๆ
พี่ชมพูน่ารักสุดๆอ่ะ เกงยีนก็กวนทรีนสุดๆเหมือนกัน
แอบอยากรู้เรื่องกราฟกับไนล์นะเนี้ยยย เป็นมายังไงหนอสองคนนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 18-12-2013 22:17:16
อ่านจบแล้ววว   :katai2-1:
น้องเกงยีนกะพี่ชมพูน่ารักอ่ะๆ   :m3:
 o13
 ............:bye2:............
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bblimwg01 ที่ 24-12-2013 13:58:38
อ่านจบล๊าว เห้ยคือเรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบสไตล์การเขียนของคนเขียนมาก ๆ นี่คืออยากมีรวมเล่มม้ะ อยากได้สุด โอ้ย

อ่านนิยายในบอร์ดมาแทบหมดล้ะ พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง :hao7: :katai2-1: :katai2-1:

ชอบคาแรคเตอร์ตัวละครที่คนเขียนเมคมามากๆ ค่ะ รู้สึกมันพอดี ไม่อารมณ์เกินหญิง
กริ้ดดดดๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: รมมี่ ที่ 24-12-2013 16:41:16
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: hayatosan ที่ 29-12-2013 16:54:48
 :z13: จิ้มไว้ก่อนเน้อออออ
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 01-01-2014 19:41:42
พี่ภูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากๆ โชคดีสำหรับเกงยีน
มีความสุขตลอดปี 2557 ทั้งสองคนนะคับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: namminzz ที่ 09-01-2014 18:41:14
น่ารักมากๆเลยค่ะ ชอบมากกกกกกกกกกก :L1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 10-03-2014 08:15:09
อ่านจบแล้ว
อินมากกก ลุ้นมากก
แบบว่า เอ้ยมีให้ลุ้นตลอดอะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 11-03-2014 04:34:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 20-03-2014 21:15:08
สนุกมากเลยครับขอบคุณสำหรับนิยายดีนะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 07-04-2014 16:51:59
ThankS
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 09-04-2014 12:37:24
ไม่ค่อยปลืมยีนเท่าไหร่ ตั้งแต่อ่านๆมานางมักจะบอกว่าตัวเองหล่อ น่าตาดี อะไรประมาณเนี่ย คือนางไม่ถ่อมตัวอ่ะ ไม่สเปคเราเลยอีกอย่างนางซึนเกิ๊น คิดเองทำเอง เอาความคิดตัวเองเป็นหลัก มั่นใจในตัวเองเกินไปจนบางครั้งทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ อย่างเรื่องไอ้น้ำมันเเบล็คเมล์แทนที่ยีนนางจะปรึกษาภูนะเพราะคนที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบตรงนี้โดยตรงคือนางกับภูเองแต่นางกลับคิดเองทำเองถ้าเราเป็นภูเราก็น้อยใจ ไม่ปลื้มกับนิสัยหลายๆอย่างของยีนมากมาย :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:แต่ก็ชอบภูมากมายเหมือนกันตรงไปตรงมาชัดเจนดี ปลื้มภูจร้า :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 09-04-2014 14:04:37
ตายๆพึ่งเม้นชมพี่ภูไปแหมบๆ แต่มาเจอตอนที่ภูทำตัวออกห่างยีนเพราะน้องสาวตัวเองนี่ นี่มันอารายก๊าน เดี๊ยนรับไม่ได้ค่ะภู ภูคิดถึงความรู้สึกของน้องตัวเองแต่ไม่คิดถึงความรู้สึกของยีน น้องตัวเจ็บไม่ได้แต่ยีนเจ็บได้งั้นเหรอ ถึงยีนจะอภัยให้ภูง่ายๆแต่เรายังทำใจอภัยให้ไม่ได้นะจ๊ะภูถึงจะจบแบบแฮปปี้ก็เถอะแต่คะแนนติดลบเลยค่ะนายชมภู   :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 23-11-2014 01:55:43
ร้อนแรงแซงทางโค้งมาก55555
ชอบมากๆเลยค้า ><~
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 27-11-2014 22:04:24
สนุกมากเลย ชอบๆ พี่ภูเท่จัง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 08-12-2014 16:14:19
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 27-12-2014 15:13:57
ขอบคุณค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ กวนๆ แบบนี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Bong ที่ 26-02-2015 22:37:16
ขอบคุณมากๆน่ะคะสำหรับนิยายดีๆ ชอบมากๆเลยอะ รักน้องยีน ร้กกราฟ รักเคลม รักกัส รักพี่ภู รักเพื่อนพี่ภูทุกๆคนเลย
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 01-03-2015 17:59:51
ขอบคุณสำหรับยิยายสนุกๆๆนะคร๊าา
อ่านแล้วอยากจะบอกว่าชอบมากกก สนุกมากก
คือแบบไงดี ผู้ชายแมนๆมาลงเอยกัน
บอกได้เลยว่าฟินนนมาก 55555

ชอบพี่ภูกะน้องยีนนสุดๆๆๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Brow_Ney ที่ 03-03-2015 14:27:23
สนุกมากค่ะ เนื้อเรื่องอ่านแล้วเพลินเลย ไม่น่าเบื่อ
ชอบบุคลิกของตัวละคร ทั้งพระเอก และนายเอก พี่ภูน้องยีน
โดยเฉพาะยีน สเป็คเลย  ชอบนายเอกแบบนี้ หล่อแต่น่ารัก แมนๆๆ 555

หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 03-03-2015 18:57:45
พี่ชมพู เข้าสมาคมเกียมัวแล้ว
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 05-03-2015 16:44:30
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ. เพื่อนๆพี่ภูกับน้องยีน  น่ารักทุกคน. ไม่ดราม่ามาก แอบงอนพี่ภูที่ทำนิสัยไม่ดี. แต่ก็รู้ว่ารักยีนมาก ให้อภัยละกัน. จบหวานซึ้งดีค่ะ.
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [16/5/56]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 29-04-2015 21:49:06
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน แต่ก้ออ่านจบแล้วว


บอกเลยว่า "ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.................ก"




แบบว่าอ่านแล้วยิ้มตลอด มันรุ้สึกได้ถึงความรัก ความหวานที่ไม่ได้หวานเลี่ยน มันละมุนๆๆ   :กอด1:



ชอบมากจิงๆๆๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) // รีปริ๊นท์หนังสือ P47 [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: panpraserd ที่ 08-08-2015 01:54:01
อ่านมาสนุกมาก ถึงตอนพี่ภูทำให้ยีนเจ็บเรื่องน้องสาว คือโกรธมาก
แต่ไหงกลายเป็นให้อภัยง่ายๆ สาบานไม่กี่คำจบให้อภัยละ คือตลกอ่ะ
ถึงต่อให้ตั้งกฎต้องตามใจยีนห้ามกอดห้ามจูบอะไรนั่น มันก็ง่ายไปอยู่ดี
ตัดจบได้รวดเร็วมาก แผ่วปลายไปนิด แต่ยังไงขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) // รีปริ๊นท์หนังสือ P47 [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Rosnest ที่ 12-08-2015 16:25:28
คำเดียวสั้นๆ  :hao6:  ฟิน  :jul1:   
(ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่า)   
น้องยีนน่ารักแท้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) // รีปริ๊นท์หนังสือ P47 [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 12-08-2015 16:43:13
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จบเมื่อคืน แต่ไม่ได้มีโอกาสล็อกอินเข้ามาเม้นต์เลย
เปิดคอมแล้ว มาเมนต์ให้สักหน่อย

ยอมรับเลยว่าอ่านเนื้อเรื่องตอนแรกๆ น่าสนใจมาก แต่พอไปประมาณ 5-10 ตอนแรก ความสัมพันธ์ตัวละครมันไม่พัฒนาสักที เกือบจะหยุดอ่านไปแล้ว รู้สึกตลอดว่ายีนมันจะอะไรนักหนา พี่ภูยอมลงให้ขนาดนี้แล้ว
แต่พออ่านไปได้เรื่อยๆ มันเริ่มจะโอเค อยู่ในจุดที่พอใจ(มากกกกก) เขินแทน เลือดจะหมดตัว จูบกันบ่อยมาก พี่ภูกะหวังเคลมยีนตลอด 5555555

สนุกมากๆค่า

ปล.ตามไปอ่านกราฟ-ไนล์มาแล้วนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) // รีปริ๊นท์หนังสือ P47 [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 23-09-2015 19:06:43
อ่านจบแล้ว บอตรงๆว่าแอบหมั่นไส้ในความเรื่องเยอะและท่ามากของนายเอก :angry2: ถ้านี่เป็นพี่ชมภูนะจะไม่ทนหรอก คนรักกันต้องยอมๆกันบ้างสิ ไม่ใช่จะให้อีกฝ่ายยอมแต่ฝ่ายเดียวได้ไง #ทีมชมภู :hao3:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 20-10-2015 17:51:48
อยากมีแฟนอย่างพี่ชมพูเลยอ่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 31-12-2015 21:21:35
พี่ภูแอบชอบน้องยีนตั้งแต่แรกเจอเลย น่ารักอ่า น้องยีนถึงจะกวนแต่ก็น่ารัก พี่ภูถึงจะกวนแต่ก็อบอุ่น
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 01-01-2016 19:28:29
เราลุ่นพี่ภูมากกว่าจะได้เมียจจริงๆ ยีนสายแข็งจริงๆไม่อ่อนไมาหวานเลย อยากให้ยีนง้อพี่ภูบ้าง
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: klebkamol ที่ 02-01-2016 19:57:05
ทีแรกก็  งงๆ ว่าทำไมเมื่อก่อนอ่านเรื่องนี้ไม่จบ  พอกลับมาอ่านใหม่  ชักเริ่มจำได้ เลยไปแอบอ่านตอนจบ  ก็เลยอืมมมมม.......จำได้ล่ะ   คือทั้งเรื่องมันแบบ จะหวานก็ไม่หวาน  ดราม่าก็ไม่สุด   
    เนื้อเรื่องมันเคลียร์หมดนะ  ครอบครัวยอมรับทั้งคู่  แต่มาตายตรง นายเอกนี่ล่ะ เยอะจริงๆ  มันเป็นลุคที่ ผมว่า ในชีวิตจริง ทั้งผู้หญิง และ ผู้ชายคงรับ สไตล์แบบ ยีนยากหน่อย
      เอาเป็นว่าเป็นอีกเรื่องที่อ่านไม่จบ  เพราะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่จบจริงๆ   
        ขอติดตามเรื่องอื่นของผู้เขียนแทนแล้วกันนะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Jploiiz ที่ 22-01-2016 22:52:34
ชอบตอนพิเศษตอนสุดท้ายมากเลยค่ะ
สนุกมากๆ ยีนเอาแต่กวนชมภูตลอดเลย เคมีเข้ากันสุดๆ  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 02-07-2016 21:22:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [8/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 14-07-2016 16:09:37
สนุกดีค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: undersky ที่ 21-07-2016 22:34:27
รวมเล่ม ภูยีน & กราฟไนล์


พอดีว่ามีคนอยากให้รีปริ๊นท์ "It's U, It's Me - กวนนัก แต่รักนะครับ" (ภูยีน) ก็เลยทำแบบฟอร์มมาเพื่อหาแนวร่วมค่ะ ใครสนใจมาลงชื่อไว้ได้ที่แบบฟอร์มในลิงค์นี้นะคะ
https://docs.google.com/forms/d/1mQVmMbZOeArCbsmhvFKZnt0FmerVSONq2NJJE_gFRnc/viewform?edit_requested=true

แล้วเราก็ขอถือโอกาสนี้สอบถามเรื่อง "It's U, It's Me - รุก ไล่ รัก" (กราฟไนล์) เลยนะคะ ใครที่อยากจะเก็บเรื่องนี้แบบเป็นเล่ม ช่วยไปทิ้งคอมเมนต์ไว้ในเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/undel2sky ด้วยนะคะ ถ้ามีสัก 15 เล่ม เราจะพิมพ์ไปพร้อมการรีปริ๊นท์ภูยีนรอบนี้ค่ะ ถ้าไม่ถึงก็จะไม่พิมพ์นะคะ
ราคาหนังสือกราฟไนล์ 440 บาท มี 470 หน้าโดยประมาณค่ะ มีตอนพิเศษเพิ่มจากที่อัพในเว็บ 1 ตอนค่ะ
รีไรท์ใหม่ บรรยายกระชับ อ่านง่ายกว่าเดิมค่ะ

หมดระยะเวลาสำรวจจำนวน สิ้นเดือนกรกฎาคมค่ะ






หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 23-07-2016 11:23:06
อบอุ่นมากเลย ขอบคุณนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-07-2016 08:14:55
เนื้อเรื่องสนุกมากนะคะ น่ารักๆกุ๊กกิ๊กๆ
แต่บอกเลยว่าไม่ปลื้มยีนค่ะ ไม่ปลื้มนายเอกของเรื่องมากๆ
อ่านไปแล้วรู้สึกรำคาญยีนมาก จะเยอะไปไหน คือพี่ภูยอมลงให้ทุกอย่างแต่กะนะอ่านแล้วแบบหงุดหงิดยีนมากๆ
คือนายเอกจะมั่นไปไหน
แล้วช่วงแรกๆกะแอบรำคาญอีพี่ภู  และแอบเชียร์ กราฟ-ยีน

ตัวละครที่ชอบมากที่คือกราฟค่ะ ดูอบอุ่นดี
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 25-07-2016 14:31:47
สนุกมากๆค่ะ และก็ลุ้นมากด้วยค่ะว่าจะ...กันเมื่อไหร่ นี้สินะไม่เสม็ดก็เสร็จได้
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 30-07-2016 16:56:07
กลับมาอ่านรอบ 2 นะครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 03-08-2016 14:55:28
 :katai2-1: ขอบคุณครับ อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจัง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 09-08-2016 07:40:47
ตอนแรกๆยีนประชดประชันเยอะไปรึเปล่า แทบทุกประโยคเลย
นึ่ขนาดไม่นับรวมที่ประชดอยู่ในใจอีกนะ
ถ้าเราเป็นพี่ภู เราคงรำคาญ
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) *รีปริ๊นท์หนังสือ* [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-08-2016 16:08:50
พี่ชมภูแอบชอบน้องมาตั้งนานแล้วนี่เอง

สนุกมากค่ะ  อ่านรวดเดียวจบ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 05-12-2017 00:13:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 05-02-2019 00:19:32
.
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 28-02-2019 21:51:36
นี่มาอ่านรอบสอง
เหมือนรอบแรกเราจะอ่านไม่จบเพราะรำคาญยีนมาก
มาอ่านรอบนี้ก็รำคาญยีนเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 14-03-2019 19:09:09
 :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 07-04-2019 16:37:57
 :pig4: :z6:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-04-2019 12:51:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: konfaibint ที่ 12-04-2019 10:43:04
เกงยีนของพี่ชมภู น่ารักแบบร้ายกาจมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 20-04-2019 22:43:20
ม่วนขนาดคับ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 15-05-2023 01:18:37
มาอ่านอีกรอบครับ
หัวข้อ: Re: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 16-03-2024 20:02:33
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)