ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Nightmare Kiss
ตอน ใครอยู่ในห้อง?
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/21/Na3B61.png)
นิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียน
ไม่เกี่ยวข้องกับ ชื่อ บุคคล สถานที่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยนะคะ
บทนำ
เมื่อคุณฝังตัวเองไว้กับอดีต นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังตายลงทีละน้อย…
ชนกันต์กำลังจะตาย...
สิ่งที่ตระหนัก ทำให้สัญชาตญาณเอาตัวรอดทำงาน มือเล็กพยายามดึงรั้งเชือกเส้นใหญ่ที่กำลังรัดคอ ขาสองข้างปัดป่ายอยู่ในอากาศอย่างไร้ผล พยายามอ้าปากหวังกอบโกยออกซิเจนเข้าปอด สมองของเขาใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะ ชนกันต์ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หรือกำลังทำอะไร รู้เพียงเเต่ว่า ตอนนี้เขาต้องการออกซิเจนสำหรับหายใจ
ความทรมานที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่วินาที ยาวนานราวกับหลายชั่วโมงในความคิดของเขา มือเเละเท้าเริ่มไร้เรี่ยวเเรงจากการดิ้นรน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มพร่ามัว เขามองภาพเบื้องหน้าไม่เห็นขณะปิดเปลือกตาลงช้าๆปล่อยให้สติดับวูบเเละหวังว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาพบความเจ็บปวดอีก
ผลงานในเล้าเป็ด
รักเร่ (เเนวจีนโบราณ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70430.msg3978842#lastPost)
ใครอยู่ในห้อง? (โรเเมนติก/สืบสวน) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67383.0)
เเอคโนเซีย (โรเเมนติก/ดราม่าเล็กน้อย) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70728.0)
ผลงานทั้งหมด (https://www.facebook.com/notes/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9A-boys-love/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9A/1280233968753620/)
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/26/BWhW8v.png)
ตอนที่ 13
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้อง 710 ทำให้ชนกันต์ชะงักมือที่กำลังทำความสะอาดจาน เงยหน้ามองนาฬิกาสีขาวที่แขวนอยู่บนผนังกำลังบอกเวลาสามทุ่มกว่า มันออกจะดึกไปสักหน่อยสำหรับใครสักคนที่มาในเวลานี้
“หมอครับ…มีคนมา”
ชนกันต์เอี้ยวตัวไปมองประตูห้องนอน แล้วตะโกนเรียกผู้เป็นเจ้าของห้องที่หายเข้าไปอาบน้ำนานกว่าสิบนาทีแล้ว ยืนรอครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบรับ จึงเดินไปส่องตาแมวบนประตู ก็เห็นร่างสูงสมส่วนในชุดนายตำรวจกำลังโอบกล่องกระดาษแบบมีฝาปิดไว้ในอ้อมแขน
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าหมอกายอยากรับแขกในเวลานี้หรือเปล่า แต่อีกฝ่ายอาจจะมีธุระสำคัญก็ได้ อีกอย่างคนที่ใส่ชุดตำรวจคงไม่เข้ามาปล้นฆ่าใครหรอกมั้ง คิดแล้วก็ถือวิสาสะดึงประตูให้เปิดออก
“ช้า! มัวแต่ชัก ว…”
หมวดกรวิวัฒน์กลืนคำสบถหยาบคายแทบไม่ทัน เมื่อพบว่าคนที่มาเปิดประตูให้เขา ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องคนสนิท แต่เป็นเด็กหนุ่มหน้าซื่อ อีกฝ่ายผงะถอยหลังเพราะตกใจเสียงของเขา ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าครั้งก่อนที่มาหา เจ้ากายยังอยู่คนเดียว แล้วคนๆ นี้เป็นใคร หรือจะเคาะห้องผิด…คิดแล้วก็เอนตัวไปมองหมายเลขห้องอีกครั้ง พบว่าเป็นห้อง 710 ไม่ผิดแน่
“มาหาหมอกายเหรอครับ”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มๆ กรวิวัฒน์เลิกคิ้ว รู้ว่าเสียมารยาท แต่อดไม่ได้ที่จะกวาดตามองศีรษะจรดปลายเท้าอีกฝ่ายเนียนๆ แล้วขยับยิ้มเจ้าเล่ห์
กรวิวัฒน์รู้ว่าเจ้ากายชอบผู้หญิง แต่มีครั้งหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เจ้าตัวเคยโทรมาปรึกษาปัญหาหัวใจเพราะแอบไปหลงรักเด็กผู้ชายรุ่นน้อง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบผู้ชายหรือเปล่า แต่เด็กนั่นก็ไม่ได้ไยดีมันเลย ถึงได้อกหักรักคุดมานานจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมคบใครเป็นตัวเป็นตนเสียที แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็มีเด็กหนุ่มที่ท่าทางคล้ายกับรุ่นน้องคนนั้นโผล่มาอยู่ในห้อง ก็คงคิดได้อย่างเดียวละนะว่า…กิ๊กใหม่
“ครับ” กรวิฒน์ตอบรับแล้วผงกศีรษะเป็นเชิงทักทาย
“เข้ามาสิครับ หมออาบน้ำอยู่ แต่เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
ชนกันต์ขยับตัวหลบให้นายตำรวจก้าวเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายมองซ้ายมองขวา ก่อนจะพาตัวเองไปทรุดนั่งบนโซฟาหน้าทีวี
“ผมชื่อกรวิวัฒน์ครับ เป็นลูกพี่ลูกน้องของไอ้กาย แล้วคุณ…”
“ผมชื่อกันต์ครับ เป็นคนไข้ของหมอ…ผมอยู่ห้องข้างๆ นี้เอง”
ชนกันต์แนะนำตัว ก่อนจะรีบเสริมเมื่ออีกฝ่ายมองเขาเหมือนไม่เชื่อ แน่ล่ะ ก็ตอนนี้มันนอกเวลางาน คงไม่มีหมอที่ไหนหิ้วคนไข้กลับมาที่ห้องหรอก ระหว่างที่เขากำลังอึดอันเพราะไม่รู้ว่าควรต้อนรับญาติของเจ้าของห้องอย่างไร ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงในชุดนอนที่ก้าวออกมา
“มีอะไร ทำไมมาเอาป่านนี้”
หมอกายมีสีหน้าแปลกใจ เมื่อเห็นคนที่มาใหม่นั่งอยู่บนโซฟา แขนสองข้างยังโอบกอดกล่องใบใหญ่ไว้แน่นราวกับกลัวว่าใครจะขโมย
“เอางานด่วนมาให้”
หมอกายมีสีหน้าเรียบเฉยทันทีเมื่อนายตำรวจเอ่ยถึง ‘งานด่วน’
“ไปคุยกันในห้อง”
ชนกันต์ได้แต่มองตามร่างสูงของคนสองคนที่เดินหายเข้าไปในห้องนอน ปกติเขาไม่ชอบเสือกเรื่องของคนอื่น แต่มันอดแปลกใจไม่ได้จริงๆ ที่นายตำรวจเอางานมาให้จิตแพทย์ ช่างเป็นอาชีพที่ไม่น่ายุ่งเกี่ยวกันได้เลย
“เด็กคนนั้น…แฟนเหรอ” กรวิวัฒน์เอ่ยถามเมื่อประตูห้องถูกปิด
“เปล่า คนไข้”
“คงเป็นคนไข้พิเศษมากสินะ ดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังมาอยู่ที่นี่เลย”
“ก็พิเศษอยู่”
คำตอบที่ยอมรับกลายๆ ทำให้คนเป็นพี่ยิ้มล้อเลียน กรวิวัฒน์เคยคิดเล่นๆ ว่าเจ้ากายตายด้านแล้วซะอีก หลังจากผิดหวังกับความรักในช่วงมหาลัย อีกฝ่ายก็ไม่เคยจริงจังกับความรักเลย
“นอนด้วยกันแล้ว?”
“ยัง”
“แปลว่ากำลังจะได้…”
“มีงานอะไรก็ว่ามา”
ประโยคตัดบทพร้อมดวงหน้าที่เริ่มแสดงความเย็นชา ทำให้กรวิวัฒน์ตัดสินใจเข้าเรื่องงานด้วยการยื่นกล่องกระดาษในมือให้
“อ่ะนี่”
“อะไร”
“ผู้ต้องสงสัยที่ฉันให้ลูกน้องไปสืบมา คัดแล้วเหลือสามครอบครัวที่น่าสงสัย แล้วบางคนก็ยังไม่มีหลักฐานที่อยู่ในวันเกิดเหตุด้วย”
กายวางกล่องกระดาษลงบนปลายเตียงแล้วเปิดฝาออก ด้านในบรรจุแฟ้มเอกสารสีดำค่อนข้างหนาอยู่สามแฟ้ม เขาเลือกหยิบแฟ้มที่อยู่ด้านบนสุดออกมาเปิดอ่านคร่าวๆ ลูกน้องของกรวิวัฒน์ทำงานดี และใส่ใจรายละเอียดมาก ในแฟ้มมีทุกอย่างที่ใช้สืบหาตัวคนร้ายได้ไม่ยาก อย่างประวัติการรักษาคนไข้ที่เสียชีวิต ประวัติส่วนตัวของคนในครอบครัว รวมถึงคนรัก และหลักฐานที่อยู่ของแต่ละคนในวันเกิดเหตุ
จิตแพทย์หนุ่มวางแฟ้มในมือลง แล้วหยิบแฟ้มที่สองออกมาตรวจดู แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดอ่าน ของในมือก็ถูกลูกพี่ลูกน้องกระชากออกไป หมวดกรเปิดแฟ้มมองหน้าแรกครู่หนึ่งก่อนจะปิดลงอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เอาไปแค่สองแฟ้มพอแล้ว”
“อีกแฟ้มล่ะ” กายถาม มองท่าทางแปลกๆ ของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
“เอ่อ ไม่มีอะไรน่าสงสัย”
กายเลิกคิ้ว เขารู้ว่ากรวิวัฒน์โกหก ถ้าไม่มีอะไรน่าสงสัย เจ้าตัวจะถือมาทำไมตั้งแต่แรก
“ไหนๆ ก็เอามาแล้ว ฉันจะดูให้”
“ไม่ต้องดีกว่า ฉันจะดูเอง”
นายตำรวจตัดบท อันที่จริงเขาค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นข้อมูลในแฟ้มที่ลูกน้องนำมาให้ กรวิวัฒน์รีบร้อนมาหาเจ้ากายโดยไม่ได้โทรนัดล่วงหน้า อีกฝ่ายเป็นคนที่เขาไว้ใจ พวกเราเติบโตมาด้วยกัน เขาย่อมรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายดี สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการเปิดใจถามออกไปตรงๆ ว่า…ไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับคดีนี้จริงหรือ?
แต่ในฐานะตำรวจ…เขาไม่ควรนำความไว้วางใจของตนมาทำให้งานพัง ช่วงระยะเวลาที่เขาไม่ได้ใกล้ชิดอีกฝ่าย อาจจะทำให้บางอย่างในตัวเจ้ากายเปลี่ยนไปบ้าง และมันคงดีกว่าถ้าจะเก็บข้อมูลลับให้เป็นความลับต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ต่อให้คนในครอบครัวทำผิด…เขาก็ต้องจับมาลงโทษให้ได้!
โถงทางเดินสีขาวของแผนกนิติเวชในเวลาหกโมงเย็น เงียบสงบไม่ต่างจากปกติเลย นอกจากร่างสูงที่ยืนพิงกำแพงอยู่เงียบๆ ก็เรียกได้ว่าร้างผู้คน มีบางครั้งที่เจ้าตัวยกมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกา และชะโงกหน้าไปที่ทางเดินเพื่อมองหาใครบางคน แต่เมื่อเห็นเพียงความว่างเปล่าก็กลับมายืนกอดอกเช่นเดิม
ตึง ตึง ตึง
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้น เรียกให้ชายหนุ่มชะโงกหน้ามองทางเดินอีกครั้ง ก่อนจะขยับยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคนที่รอคอยมาเกือบครึ่งชั่วโมง อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าก้มตาเดิน ดวงตาหลังกรอบแว่นสีขาวเอาแต่จับจ้องแฟ้มสีฟ้าในมือ จนเกือบจะเดินผ่านเขาไปแล้วด้วยซ้ำ
“ไอ้เพียว”
ร่างผอมบางชะงักเท้า แล้วเหลียวมองต้นเสียงด้วยความงุงงง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ขยับยิ้มกว้าง
“อ้าวเฮีย มารอผมเปล่า”
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วเอ่ยเข้าประเด็นที่ทำให้เขาอุตส่าห์มายืนรอรุ่นน้องคนสนิท
“คืนนี้ว่างมั้ย”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าเฮียมีธุระอะไร” เจ้าคนเด็กกว่าทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“ไปดื่มกัน”
เพียวเป็นรุ่นน้องที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน อายุห่างจากเขาสองปี พวกเขาสนิทกันอย่างรวดเร็วเพราะไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียง เขาเคยช่วยเหลืออีกฝ่ายด้านการเรียนไว้มาก ส่วนอีกฝ่ายก็ช่วยเหลือทุกเรื่องที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย งานชมรม หรือแม้แต่เรื่องหนุ่มสาวก็ไม่เว้น ถือว่าเป็นทั้งเพื่อนที่ปรึกษาและเพื่อนดื่มที่ดี
“เลี้ยงปะ”
“อืม”
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเพียวคือ ‘งก’ มันชอบทุกอย่างที่เป็นของฟรี โดยเฉพาะขนม เขาไม่คิดต่อว่ามันหรอก เพราะเพียวเป็นเด็กกำพร้า โตมาอย่างยากลำบาก ดีที่เป็นคนขยันและเรียนเก่งทำให้ได้ทุนเรียนฟรีจนจบมหาวิทยาลัย
ถึงแม้ตอนนี้เจ้าเด็กนี่จะมีเงินเดือนเลี้ยงดูตัวเองแล้ว แต่ไม่เคยละทิ้งนิสัยเห็นแก่กินเลย โดยเฉพาะเมื่อเจอหน้าเขาก็มักร้องหาขนมทุกครั้ง จนเริ่มจะคิดจริงๆ แล้วว่า เด็กนี่เห็นเขาเป็นแค่เซเว่นหรือเปล่านะ
“ว่างคร้าบ” เพียวตอบเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วเข้ามากอดแขนประจบรุ่นพี่
“เห็นแก่กินเหมือนเดิม”
“ฮี่ๆ”
เพียวชอบส่งเสียงแปลกๆ เมื่อเจ้าตัวอารมณ์ดี ดวงตากลมโตเป็นประกายใสซื่อมองเขาด้วยความรักและเคารพไม่ต่างจากเดิม
“งานเสร็จแล้วใช่มั้ย”
“อืม ผมไปเอากระเป๋าแป๊บ”
“รอตรงนี้นะ”
ชายหนุ่มมองร่างผอมบางที่เดินหายเข้าไปในห้องทำงานครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกระเป๋าหนังสีดำใบใหญ่ที่สะพายอยู่บนบ่า
“วันนี้ไปร้านไหนอ่ะ”
“The moon ดีมั้ย อาหารอร่อย”
“ดีๆ แต่แพงเว่อร์ ผมเคยไปกับเพื่อนในแผนกครั้งหนึ่ง…หมดตูดเลย”
ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงบ่นหงุงหงิงตามประสาคนพูดเก่ง พวกเขาตัดสินใจไปด้วยกัน โดยเขาเป็นคนขับรถเพราะเจ้าเด็กเพียวออกตัวว่าต้องการดื่มให้เต็มที่และคงต้องรบกวนให้แบกกลับไปส่งที่คอนโด
ชายหนุ่มเลี้ยวรถยนต์คันสีขาวเข้ามาจอดในลานว่างร้าน The moon ซึ่งเป็นร้านอาหารกึ่งร้านเหล้า วันนี้คนค่อนข้างเยอะกว่าปกติเพราะเป็นวันศุกร์ พวกเขาจึงตัดสินใจเลือกนั่งโต๊ะด้านในที่มีความส่วนตัว แล้วสั่งอาหารเบาๆ กับเหล้าหนึ่งกลมพอเป็นกระสาย
เพียวเป็นคนพูดเก่ง ทำให้บทสนทนาระหว่างพวกเขาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและสนุกสนาน ชายหนุ่มอาสาชงเหล้าให้รุ่นน้อง โดยเพิ่มความเข้มขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากของตัวเองที่พยายามผสมให้เจื่อจางที่สุด
“ฉันได้ข่าวว่าหมอกวีถูกฆ่าตายเมื่อวันก่อน”
ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหน้าแดงก่ำ ศีรษะโงนเงนไปมาบ่งบอกว่ากำลังเมาได้ที่
“ช่าย ดีแล้ว…อึก ถ้าหมอแบบนี้หายไปให้หมด โรงบาลของเราคงสูงขึ้นเยอะเล้ย”
เพียวตอบด้วยเสียงยานคางพร้อมกับสะอึก แต่มือเล็กยังเกาะกุมแก้วเหล้าไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะกระชากมันไป
“เพิ่งรู้ว่านายไม่ชอบหมอกวี”
ชายหนุ่มเอ่ยถามเรียบๆ ว่ากันว่าคนเมามักจะไม่โกหก ดูท่าจะเป็นความจริง เพราะเพียวเป็นเด็กที่รักษามารยาทและคำพูดของตัวเองดีมาก ไม่มีทางเปิดเผยความชอบหรือไม่ชอบในใจเพื่อสร้างศัตรู
“เหอะ ใครชอบบ้าง เฮียเองก็คงดีใจละซี่ ที่หมอกวีตายๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องถูกบังคับให้ทำงานร่วมกับคนแบบนี้ เป็นคนเก่งก็ลำบากนะ เฮ้อ”
“ฉันรู้มาว่านายเป็นคนชันสูตรศพหมอกวี”
เพียวพยักหน้างึกๆ แล้วยื่นแก้วเหล้าในมือที่ว่างเปล่ามาตรงหน้าเขา ชายหนุ่มเหลือบมอง แต่ก็ยอมรับมาชงเหล้าให้อีกฝ่ายโดยดี แต่ลดความเข้มข้นลงเพราะเกรงว่าเจ้าเด็กนี้จะน็อกไปก่อนจะได้ตอบคำถามที่เขาต้องการ
“ช่าย ผมไปดูที่เกิดเหตุมาด้วย สวนหลังโรงบาลเรางายยยเฮีย สภาพเละมาก ถูกตีแล้วก็ใช้เชือกรัดคอให้ตาย แต่พวกตำรวจนี่แม่งก็เร่งชิบหาย พรุ่งนี้วันหยุดแต่ผมต้องรีบปั่นรายงานชันสูตรศพให้เค้าอ่ะ”
“เหรอ ว่าแต่สาเหตุการตายเป็นเพราะอะไร แล้ววิธีการใช้เชือกรัดคอล่ะ…ทำยังไง”
ชายหนุ่มเอ่ยถาม เรียกให้คนเมาผงกศีรษะขึ้นมามองแล้วขมวดคิ้วยุ่ง ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าเด็กนี่เมาหนักเกินกว่าจะตอบได้ แต่ครู่เดียวอีกฝ่ายก็เริ่มพล่ามน้ำไหลไฟดับ ใส่รายละเอียดชัดเจนจนเขาคิดว่ากำลังยืนมองการฆาตกรรมต่อหน้าต่อตา
“ตรงนี้กับตรงนี้อ่าเฮีย”
ยิ่งพูดเพียวก็ยิ่งมันส์ปาก เอื้อมมือข้ามโต๊ะมาจับๆ คลำๆ บริเวณลำคอของรุ่นพี่เพื่อหาจุดที่เชือกรัดลำคอหมอกวี เมื่อเล่าจบก็ยิ้มภูมิใจที่ตนเองความจำดี สามารถถ่ายทอดการชันสูตรออกมาได้มากมายขนาดนี้ เสียดายที่ไม่ได้อัดเสียงไว้ เขาจะได้ลอกคำพูดของตัวเองใส่รายงานส่งให้ตำรวจเลย
“นายมีรูปถ่ายมั้ย”
“มีเซ่ มีทุกๆ อย่างเล้ย บอกแล้วงายต้องเขียนรายงาน”
“นายเก็บไว้ที่ไหนล่ะ”
“ในกระเป๋าของโผม ในรถเฮียงาย แต่ดูไม่ได้นะ มันเป็นความรัก เอ๊ย ความลับของราดชากาน”
ชายหนุ่มขยับยิ้มมุมปาก…ใช่ มันควรเป็นความลับ แล้วเรื่องที่นายเล่าให้ฉันฟัง ไม่เรียกว่าเปิดเผยความลับหรือไงล่ะ
“นายเมามากแล้ว กลับเถอะ ฉันจะไปส่ง”
คนเป็นรุ่นพี่โบกมือเรียกพนักงานมาเก็บเงิน แล้วแบกร่างของรุ่นน้องที่เมาคอพับคออ่อนไปใส่ไว้ในรถ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ดวงตาสีดำมืดมิดเหลือบมองคนเมาที่คว้ากระเป๋าหนังของตัวเองมากอดไว้แนบอก…ถึงจะเมาขนาดไหน แต่ก็รู้ว่าควรรักษาเอกสารสำคัญไว้อย่างดีที่สุด
“เพียว”
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเขย่าไหล่บางแรงๆ อีกฝ่ายส่งเสียงแสดงความรำคาญแล้วเริ่มเคี้ยวน้ำลายจนเกิดเสียง
“งืมมมม แจ๊บๆ”
“ไอ้เพียว”
คนเป็นรุ่นพี่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังพอมีสติรับรู้บ้าง…ทำไมนายไม่ทำให้มันง่ายขึ้นด้วยการเมาแล้วหลับไปซะ
“จานอน”
ได้นอนสมใจแน่…
ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองที่วางทิ้งไว้บนเบาะหลังมาเปิด แล้วหยิบขวดแก้วที่บรรจุของเหลวใสออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้า นัยน์ตาเหลือบมองดวงหน้าใสของรุ่นน้องที่กำลังหลับตาเอนศีรษะพิงประตู เขาเปิดฝาขวดแก้วแล้วเทของเหลวที่มีฤทธิ์ทำให้สลบใส่ผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะค่อยๆ กดปิดลงบนจมูกและปากของรุ่นน้อง อีกฝ่ายดิ้นอึกอักแต่ไม่ได้ลืมตาก่อนจะนิ่งสนิทอย่างรวดเร็ว
TBC.
ตอนที่ 16
โรงพยาบาลเซนต์โทมัสในเวลาเที่ยงคืน เงียบสงบต่างจากเวลากลางวันที่มีเสียงจอแจ นายแพทย์จิณณ์ ศัลยแพทย์ทั่วไปประจำห้องฉุกเฉินกำลังพักดื่มกาแฟดำ เป็นโชคดีของเขาที่วันนี้ผู้ป่วยมีจำนวนน้อยมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินหลายคนมีเวลาสัปหงก รวมถึงเขาก็มีเวลาเดินเตร็ดเตร่มาจนถึงแผนกจิตเวช
“สวัสดีครับ หมอชรัญ”
จิณณ์เอ่ยทักทายร่างสูงที่ก้าวเท้ามาตามทางเดิน ฝ่ายนั้นชะงัก แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเขาก็ขยับยิ้มตามมารยาท
“อ้าวหมอจิณณ์ ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ”
“วันนี้ผมเข้าเวรครับ แล้วหมอล่ะ เป็นจิตแพทย์จำเป็นต้องเข้าเวรตอนเที่ยงคืนด้วยหรือ”
หมอชรัญหัวเราะเบาๆด้วยใบหน้าอิดโรย บริเวณใต้ดวงตาทั้งสองข้างดำคล้ำ มันไม่ใช่ภาพที่แปลกนักหรอกสำหรับคนที่ทำงานอุทิศตนเพื่อสังคม แต่ที่แปลกคือหมอชรัญไม่ใช่หมอที่ยอมเสียสละเวลาในการพักผ่อนเพื่อผลประโยชน์ของคนไข้
“มันต้องอยู่ทำวิจัยสร้างผลงานกันบ้าง ผมไม่ได้เก่งเหมือนหมอนี่ครับ”
จิณณ์ขยับยิ้มหยัน คำตอบที่ได้รับไม่ได้อยู่เหนือการเดาเสียเท่าไร
“ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
“ครับ”
จิณณ์พยักหน้า เขาไม่ได้สนิมสนมกับหมอชรัญขนาดจะไปมาหาสู่เพื่อถามไถ่เรื่องสุขภาพ นอกจากเรื่องงานหรือผลประโยชน์ที่มักจะได้ร่วมกัน พวกเขาก็แทบไม่มีเรื่องให้ต้องพูดคุยอีกเลย
“เรื่องงานวิจัยที่กำลังทำอยู่นั่นล่ะ ผมอยากได้ที่ปรึกษาเพิ่ม ไม่ทราบว่าหมอชรัญพอจะช่วยเหลือผมได้หรือเปล่า”
“หืม จิตแพทย์อย่างผมไม่มีความรู้มากพอจะช่วยศัลยแพทย์อย่างคุณหรอกครับ…เสียดายที่หมอกวีเสียไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้เป็นที่ปรึกษาให้กับคุณ”
จิณณ์กำลังทำงานวิจัยเพื่อส่งเข้าชิงทุนการศึกษาต่อในประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีหมอกวีเป็นอดีตที่ปรึกษาก่อนที่จะเสียชีวิตไปเมื่อไม่นาน
หมอกวีไม่ใช่คนเก่ง แต่เป็นหมอที่มีเส้นสายใหญ่ที่สุดในโรงพยาบาล เจ้าตัวมีเงินมากพอจะพาตัวเองไปศึกษาต่อได้ถึงดาวอังคาร แต่สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ ไม่ใช่การเรียนต่อ แต่คือการเป็นที่ปรึกษาในงานของจิณณ์ มีชื่ออยู่ในผลงานที่อาจสร้างชื่อเสียงและมีประโยชน์ต่อวงการแพทย์ในอนาคต หมอกวีจึงบีบบังคับเขาทุกวิถีทางเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในงานที่แทบไม่ได้แตะต้อง หรือให้คำปรึกษาแก่เขาเลย
“อันที่จริงงานวิจัยที่ผมทำอยู่ไม่ใช่เรื่องเฉพาะทาง หมอน่าจะช่วยผมได้ แต่ถ้าไม่สะดวก…”
จิณณ์เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับไม่ใส่ใจ แต่มีหรือที่คนเห็นแก่ตัวอย่างหมอชรัญจะปฏิเสธ มีแต่จะรีบตะครุบเหยื่ออันหอมหวานที่เขานำมาเสนอถึงปากเสียมากกว่า
“งั้นผมขอดูก่อนได้มั้ยครับ”
“แน่นอนครับ” จิณณ์ขยับยิ้มด้วยความยินดี เมื่อแผนการขั้นแรกสำเร็จอย่างง่ายดาย
“แต่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่าง ถ้ายังไงแวะไปเอางานที่รถผมให้หมอเอาไปอ่านที่บ้านดีมั้ยครับ แล้วเราค่อยนัดคุยกันอีกครั้งเมื่อสะดวก”
“ได้สิ”
จิณณ์ก้าวเท้าออกจากประตูเล็กด้านหลังโรงพยาบาล มันเป็นประตูสำหรับเจ้าหน้าที่ ที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถและใกล้กับหอพักภายใน หลายคนจึงมักเดินเข้าออกทางนี้แทนประตูใหญ่ที่คราคร่ำไปด้วยผู้ป่วย
“ว่าแต่…หมอจัดการเรื่องคุณกิมเล้งหรือยัง”
จิณณ์เหลือบไปมองหมอชรัญที่เดินตามมา โดยไม่ได้สงสัยเลยว่าเขาเดิน ลัดเลาะไปในเส้นทางที่ผิดปกติ เพราะนอกจากจะไม่มีคนใช้แล้ว ตรงนี้ยังไม่มีกล้องวงจรปิดอีกด้วย แน่นอนว่าคนในอย่างเขาย่อมรู้ดีว่าจุดไหนเป็นมุมอับ และมักจะไม่มีคนในเวลาแบบนี้
“ผมเขียนรายงานการผ่าตัดส่งให้เบื้องบนแล้วครับ หมอฌายินก็ช่วยยืนยันอีกคน รับรองว่าไม่มีปัญหา”
จิณณ์ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆชวนให้คนฟังเกิดความไว้วางใจ
“ดีครับ”
“อันที่จริงหมอคงรู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่าคุณกิมเล้ง มีโอกาสผ่าตัดสำเร็จถึง 70%”
“ใช่ครับ ผมถึงได้ส่งคนไข้ให้กับคุณ แต่อย่ารู้สึกผิดไปเลยนะหมอ เราไม่ใช่พระเจ้า เราช่วยเขาเท่าที่เราช่วยได้”
คุณกิมเล้ง คือหญิงชราวัย 69 ปี ที่เข้ามารับการรักษาโรคจิตเภทกับหมอชรัญ ต่อมาตรวจพบโรคต่างๆตามประสาผู้สูงอายุ และโรคหลอดเลือดสมอง หมอชรัญจึงส่งตัวมาให้หมอกวีซึ่งเป็นศัลยแพทย์ ซึ่งจิณณ์และฌายิน เด็กรุ่นน้องที่มีความสามารถแต่ทะเยอทะยานก็ได้เข้าร่วมการผ่าตัดด้วย
“หมอพูดถูกครับ เราไม่ใช่พระเจ้า แต่ถ้าหมอกวีไม่ใช่หมอใหญ่ในการผ่าตัด คนไข้คงไม่ต้องตาย”
จิณณ์หยุดเดินแล้วหันกลับไปมองหน้าหมอชรัญนิ่งๆ อันที่จริงเขาไม่ได้รู้จักคุณกิมเล้งเป็นการส่วนตัว แต่เขากลับรู้สึกผิดมากเหลือเกินที่ช่วยเหลือคนที่ควรรอดให้รอดไม่ได้
“คุณจะโทษว่าหมอกวีผ่าตัดผิดพลาดเหรอ คุณเองก็อยู่ในห้องผ่าตัดนะ”
ทีมแพทย์ลงความเห็นว่าควรให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด เพราะมีโอกาสสำเร็จสูง จิณณ์จึงหวังว่าคุณกิมเล้งจะเป็นผู้ป่วยอีกรายที่ช่วยเหลือไว้ได้ แต่ในความเป็นจริงเมื่อได้อยู่ในห้องผ่าตัด เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย เขาเห็นความผิดพลาดของหมอกวีที่ไม่ยอมรับฟังคำโต้แย้งของรุ่นน้องทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตผู้ป่วย
“ก็เพราะว่าผมอยู่ในห้องผ่าตัดไงถึงได้รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แล้วคุณก็รู้ดีว่าหมอกวีอีโก้สูงแค่ไหน ไม่มีทางฟังความเห็นจากคนอื่นเด็ดขาด แต่คุณก็ยังส่งคนไข้ของคุณให้เขา”
จิณณ์และฌายินไม่สามารถยื้อชีวิตคุณกิมเล้งไว้ได้ จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา…
“ทำไมหมอต้องขุดเรื่องนี้มาพูดด้วยล่ะ มันไม่มีประโยชน์ หมอกวีตายไปแล้ว”
“แล้วคุณจะกลัวอะไรกับรายงานที่ให้ผมปั้นแต่งโกหกเบื้องบน”
เหตุการณ์ในวันนั้น กลายมาเป็นตราบาปที่ตอกย้ำอยู่ในใจของจิณณ์จนถึงทุกวันนี้…เขาต้องมีส่วนรับผิดชอบ
“หมอกวีตายไปแล้ว เขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว มีแต่คนที่อยู่นั่นแหละที่จะซวย คุณคิดถูกแล้วที่แต่งเรื่องตามที่ผมบอก ถ้ายังรักตัวเอง”
“ครับ ผมรักตัวเอง ผมไม่ยอมให้ตัวเองลำบากหรอก”
จิณณ์ยอมรับว่าเป็นคนรักตัวกลัวตาย เขาจะไม่ยอมเสียอนาคตเพราะความผิดพลาดของคนอื่นเด็ดขาด เขาและหมอฌายินจึงเขียนรายงานปั้นเรื่องระหว่างการผ่าตัดซึ่งเป็นการพลิกเหตุการณ์จากสีดำให้เป็นสีขาว
“ดี แล้วรถคุณจอดอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ไม่ใช่แถวนี้หรอกครับ” จิณณ์สารภาพ
“แล้วคุณเดินมาทำบ้าอะไรตรงนี้”
หมอชรัญดูจะหัวเสียไม่น้อยที่เขาทำให้เสียเวลา แทนที่เจ้าตัวจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน
“ผมมีธุระพิเศษกับหมอ”
จิณณ์ล้วงมือเข้าไปหยิบถุงมือไวนิลจากกระเป๋าเสื้อกาวน์มาสวมลงในมือทั้งสองข้างแล้วดึงให้ตึง
“รู้มั้ย…ผมเกลียดคนแบบหมอกวี หมอฌายิน แล้วก็คุณมากขนาดไหน”
หมอชรัญมีท่าทางสับสน นัยน์ตาสีดำมองมาที่เขาด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งเขาก็เป็นคนใจดีพอที่จะเฉลยให้ฟัง
“ขนาดที่ไม่อยากอยู่ร่วมโลกไงล่ะ”
อั๊ก!
จิณณ์ใช้เชือกเส้นใหญ่รัดคอของหมอชรัญอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายไร้ทางขัดขืน เขาเลือกใช้เชือกขนาดเดียวกับฆาตกรที่ฆ่าหมอกวี ใช้วิธีการรัดคอตามรายงานการชันสูตรศพที่ได้มาจากหมอเพียว จนถึงตอนนี้เจ้าเด็กโง่นั่นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอ่านมันทั้งหมดแล้ว และก่อนที่เหยื่อจะขาดอากาศหายใจ เขาก็ก้มลงมากระซิบที่ข้างใบหูหมอชรัญ
“ไปลงนรกเป็นเพื่อนหมอกวีเถอะครับ”
ตุ้บ!
จิณณ์ทิ้งร่างไร้วิญญาณของหมอชรัญลงบนพื้นแข็งๆพร้อมกับเชือกที่ใช้เป็นอาวุธ เขาต้องการให้มันเป็นหลักฐานของการฆาตกรรมต่อเนื่อง เพื่อที่เขาซึ่งมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ในวันเกิดเหตุฆาตกรรมหมอกวี จะหลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างง่ายดาย
แม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตคุณกิมเล้งไม่ได้ แต่เขาได้ลงโทษหมอที่ไร้จิตวิญญาณของความเป็นหมอแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีผู้ป่วยคนไหนต้องเผชิญเหตุการณ์อย่างคุณกิมเล้งอีก
จิณณ์ก้มมองร่างของหมอชรัญที่นอนนิ่งอยู่แทบเท้าด้วยความรังเกียจ แล้วยกเท้าข้ามศพไปอย่างไม่ไยดี
แผนการฆาตกรรมเลียนแบบของเขาสำเร็จแล้ว และคนต่อไปที่จะได้ลงนรกก็คือ…หมอฌายิน!
(https://www.picz.in.th/images/2018/08/14/BnZdY9.png)
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นเบาๆ พร้อมบานประตูที่เลื่อนเปิดออก พยาบาลสาวที่ประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แผนกจิตเวชโผล่หน้าเข้ามายิ้มหวานให้ผู้เป็นเจ้าของห้อง
“หมอกายขา ผู้หมวดกรวิวัฒน์มาแล้วค่ะ”
ร่างสูงของหมอกายละสายตาจากแล็ปท็อปขนาดสิบสามนิ้วมามองคนพูดแล้วคลี่ยิ้มให้ตามมารยาท
“เชิญเข้ามาได้เลยครับ”
พยาบาลสาวกลับออกไป และครู่ต่อมาบานประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออกอีกครั้งพร้อมร่างสูงในชุดลำลองของนายตำรวจ
“ไง”
กรวิวัฒน์ทักทายลูกพี่ลูกน้องที่โทรนัดให้มาหาหลังเลิกงาน รู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่ต้องเลื่อนเก้าอี้ผู้ป่วยมานั่งเผชิญหน้ากับจิตแพทย์ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเจ้ากายมันสั่งห้ามเขาโผล่หัวไปหามันที่ห้องพักอีก ถึงเขาจะไม่ได้ซักไซ้อะไรแต่ก็พอจะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ต้องการให้เขาไปรบกวนเวลาที่มันอยู่กับเด็กน้อย
“มีอะไรจะให้ฉันดู”
นายตำรวจเอ่ยเข้าประเด็นแล้วอ้าปากหาว ความอ่อนล้าส่วนหนึ่งมาจากการทำงานหนักเพราะเจ้าคนที่นั่งทำหน้าไม่รู้เรื่องอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เขาต้องอดหลับอดนอนเพื่อหาหลักฐานมาแก้ต่างให้มันก่อนที่ผู้ใหญ่จะหันมาสงสัย แล้วเชิญไปสอบสวนอีกครั้ง แม้เขาจะค่อนข้างแน่ใจว่าเจ้ากายไม่ใช่ฆาตกร เพราะผลตรวจเลือดไม่ตรงกับเลือดของฆาตกรในคดีที่สี่ แต่มันจะมีส่วนรู้เห็นหรือเปล่าเขาก็ยังไม่แน่ใจ
“ฉันมีข้อสงสัยที่จะใช้สนับสนุนตัวฆาตกร”
รายงานการฆาตกรรมฉบับก๊อปปี้บางส่วนถูกยื่นมาให้ บนกระดาษมีรอยปากกาสีหลายสีที่คอมเมนต์ข้อสงสัยไว้หลายจุด
“ป้ากิมเล้งเข้ารับการรักษาโรคจิตเภทกับหมอชรัญ…ที่จริงแล้วป้าเคยเป็นคนไข้ของฉันมาก่อน”
กรวิวัฒน์เหลือบมองหน้าคนพูดครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองเอกสารในมือ อันที่จริง…เขารู้เรื่องนั้นอยู่แล้วเพราะลูกน้องในทีมคนหนึ่งแอบมากระซิบข้อสงสัยในตัวจิตแพทย์หนุ่ม แต่เขาก็เลือกที่จะปิดปากเงียบแล้วรับฟังของสันนิษฐานต่อไป
“แล้วต่อมาป้าก็ถูกส่งตัวไปรักษาโรคหลอดเลือดสมองกับหมอกวี และเสียชีวิตจากการผ่าตัด หมอจิณณ์กับหมอฌายินก็เป็นหนึ่งในทีมแพทย์ด้วยเหมือนกัน ส่วนเรื่องรายละเอียดการเสียชีวิตที่นายได้มา ฉันไม่แน่ใจว่าจะเป็นความจริงทั้งหมด แต่คิดว่าจากการผ่าตัดในครั้งนั้น อาจจะทำให้ครอบครัวของป้ากิมเล้งไม่พอใจแล้วคิดว่าหมอทั้งหมดต้องมีส่วนรับผิดชอบ”
“เออ ก็เป็นไปได้”
กรวิวัฒน์พยักหน้าช้าๆ มือเลื่อนไปเปิดเอกสารของครอบครัวคุณกิมเล้งเพื่อดูประวัติผู้ต้องสงสัยสามราย คือลูกชายและหลายชายอีกสองคน
“แต่คนในครอบครัวของคุณป้าคนนี้ ไม่เคยมีประวัติเสียหายเลยว่ะ…ว่าแต่นายสงสัยใคร?”
“ครอบครัวป้ากิมเล้งมีอยู่ด้วยกันสามคน เปิดร้านขายโจ๊กอยู่หน้า อพาร์ทเม้นท์ที่ฉันอยู่มากว่าสิบปีแล้ว”
“ร้านไหนวะ”
กรวิวัฒน์เลิกคิ้ว เขาเคยไปหาเจ้ากายที่อพาร์ทเม้นท์อยู่หลายครั้ง แต่ไม่ทันสังเกตว่ามีร้านโจ๊กที่ว่าเลย
“ป้ายหน้าร้านเขียนว่าเถ้าแก่โชค ตรงข้ามกับร้านบัวลอยที่นายบอกว่าอร่อย”
“เออๆ นึกออกละ แม่งโคตรใกล้ตัว…แล้วไงต่อ”
“ฉันสงสัยคุณใหญ่ ลูกชายคนโตของเถ้าแก่”
นายตำรวจเลื่อนเอกสารที่ระบุประวัติส่วนตัวพร้อมรูปถ่ายของคุณใหญ่มาเปิดอ่าน…ใบหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชา บ่งบอกนิสัยเก็บตัวอย่างชัดเจน ถ้าบอกว่าเป็นฆาตกรโรคจิตก็น่าเชื่ออยู่เหมือนกัน เพียงแต่เขาเป็นตำรวจไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้
“หน้าตาดูน่าสงสัยจริงด้วย แต่ฉันต้องมีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันนะถึงจะออกหมายจับได้”
“คุณใหญ่เป็นคนในพื้นที่ เรื่องลู่ทางในโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสำรวจ อีกอย่างคดีแรกกับคดีที่สองก็ใช้เวลาในการฆาตกรรมห่างกันไม่มาก เป็นช่วงที่เขายังอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วหลังจากนั้นก็ย้ายเข้าไปทำงานในกรุงเทพ ฉันอยากให้นายดูตรงนี้…คดีของหมอจิณณ์”
กรวิวัฒน์ชะโงกหน้าไปมองกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกเลื่อนมาวางตรงหน้า แล้วขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นความแตกต่างที่ตนเองมองข้ามไปหลายครั้ง
“เดี๋ยวนะ…หมอจิณณ์เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกฆาตกรรมในห้องพักของตัวเอง ต่างจากอีกสามคนที่ถูกฆาตกรรมในบริเวณของโรงพยาบาล”
“อืม หมอจิณณ์เคยอยู่ที่ห้องของฉันมาก่อน”
“ห้องนาย!”
กรวิวัฒน์ถามย้ำด้วยใบหน้าที่แสดงความเหลือเชื่อ รีบเปิดหาที่อยู่ของหมอจิณณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในรายงานสืบสวน…แต่นอกจากชื่ออพาร์ทเม้นท์ที่ต่างกัน ทั้ง เลขที่ ซอย ถนน และที่อยู่ทุกอย่างตรงกับอพาร์ทเม้นท์ร่มฤดีราวกับเป็นเรื่องตลก
“นายกำลังจะบอกว่า ห้องที่อยู่ตอนนี้เคยมีคนตาย แล้วคนที่ตายก็คือหมอจิณณ์ที่ถูกฆ่ารัดคอ”
เมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องพยักหน้านิ่งๆราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ กรวิวัฒน์ก็ได้แต่สบถเบาๆ เขาไม่รู้เลยว่าควรนับถือเจ้ากายที่มันประสาทแข็งหรือเย็นชากันแน่
“ให้ตายสิ นายรู้ก่อนหรือว่าหลังจากที่ย้ายเข้าไปแล้ว”
“รู้ตอนที่นายเอาคดีนี้มาให้ฉันทำ”
“แล้วกล้าอยู่ไปได้ไงวะ ไม่กลัวหรือไง”
กายส่ายหน้า เขาขยับยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยเรียบๆ
“ใจคนน่ากลัวกว่าผี…เยอะเลย”
เพราะว่าหัวใจของมนุษย์แปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามอารมณ์…ความรู้สึก…และเหตุผล…ต่อให้ผีจะหลอกหลอนหรือทำร้ายอย่างไร ก็ไม่มีทางทำให้เจ็บปวดเท่ากับหัวใจมนุษย์ที่หลอกลวง
“สิ่งที่ฉันอยากบอกก็คือ คนที่จะเดินเข้าไปฆ่าหมอจิณณ์ได้ถึงในห้องพักก็น่าจะรู้จักกับหมอเป็นการส่วนตัว ไม่อย่างนั้น ใครจะเปิดประตูให้เข้ามาล่ะ…นายดูรายงานจากสถานที่เกิดเหตุสิ”
กรวิวัฒน์ก้มหน้ามองภาพและข้อความอธิบายในรายงานผลจากสถานที่พบศพหมอจิณณ์
“ในห้องพักไม่มีร่องรอยของการถูกงัดแงะ อีกอย่างคนร้ายต้องรู้ดีว่าหมอจิณณ์อยู่คนเดียว…แล้วนายคิดว่าหมอจิณณ์รู้จักกับคุณใหญ่เหรอ”
กายเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาไม่ได้สนิทสนมกับหมอจิณณ์เลยนอกจากคนที่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน เรื่องที่จะให้รู้จักลักษณะนิสัยหรือการคบหาคนของอีกฝ่ายจึงเป็นไปไม่ได้เลย
“คนที่อยู่แถวนั้นต้องเคยแวะร้านเถ้าแก่โชคบ้างล่ะ มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะพูดคุยกันบ้างไง”
“แล้วนายเคยคุยกับคุณใหญ่มั้ย”
“ไม่ ฉันไม่เคยเจอตรงๆ ส่วนใหญ่จะเจอเถ้าแก่กับลูกชายคนเล็กของแก”
“แล้วหมอนี่ไม่น่าสงสัยเหรอ”
กรวิวัฒน์ชี้นิ้วไปที่รูปถ่ายของลูกชายคนเล็ก ซึ่งดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นคนอารมณ์ดีกว่าคนพี่เยอะเลย
“น่าสงสัย”
“อ้าว”
“นายว่าเวลาในการลงมือฆาตกรรมกับเวลาที่คุณใหญ่อยู่ที่เชียงใหม่มันไม่พอดีกันเกินไปหน่อยหรือ…หมอจิณณ์ถูกฆาตกรรมเมื่อสองปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่คุณใหญ่ตกงานแล้วกลับมาอยู่บ้าน แล้วนายดูคดีหมอฌายิน ทำไมต้องรอให้เวลาผ่านมาอีกหลายปีถึงจะลงมือล่ะ”
ทำไมเหรอ…นั่นสิ ทำไม?
กรวิวัฒน์เคาะนิ้วลงบนโต๊ะด้วยท่าทางคิดหนัก
อาจจะไม่ว่าง…ไม่ใช่สิ ใครจะไม่ว่างเกือบสองปี
อาจจะหาโอกาสไม่ได้…
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมอง ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น
“เพราะหมอฌายินได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วพอหมอกลับมาทำงานต่อได้ไม่นานก็ถูกฆ่าตาย ใช่มั้ยวะ?”
เมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย นายตำรวจหนุ่มก็คลี่ยิ้มด้วยความสบายใจ อย่างน้อยเขาก็เกือบจะได้สัมผัสความจริงในคดีนี้แล้ว
“ฉันจะให้คนไปสืบว่าวันที่หมอฌายินถูกฆ่าตาย คุณใหญ่กลับมาที่เชียงใหม่หรือยัง ถ้ากลับมาแล้วก็ต้องสืบดูว่าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้าง”
“แต่ที่ฉันพูดมามันก็เป็นแค่หลักฐานแวดล้อม ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานเอาผิดใครได้”
“แต่ถ้าคุณใหญ่ไม่มีหลักฐานที่อยู่หรือพยานบุคคลในวันเกิดเหตุฆาตกรรมหมอฌายิน ฉันคงต้องใช้หลักฐานแวดล้อมร้องขอต่อศาลให้มีการตรวจ DNA”
ทางตำรวจมีหลักฐานที่สามารถใช้ยืนยันตัวฆาตกรจากเลือดที่ติดอยู่ในซอกเล็บของหมอฌายิน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะควานหาตัวคนร้ายที่ถูกจำกัดวงให้แคบลงแล้ว
“งั้นก็ดี หวังว่านายจะจับตัวคนร้ายได้เร็วๆ”
กรวิวัฒน์เหลือบมองลูกพี่ลูกน้องคนสำคัญที่กำลังเก็บรวบรวมเอกสารบนโต๊ะใส่ลงในกระเป๋าสะพาย ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพราะไม่แน่ใจว่าควรถามในสิ่งที่สงสัยหรือไม่
“ไอ้กาย”
“หืม”
“มีอะไรอยากบอกฉันมั้ย”
กายชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนถามด้วยความสงบ
“เช่นอะไร”
“จักรินตายยังไง”
หัวใจของจิตแพทย์หนุ่มกระตุกเมื่อถูกสะกิดแผลเป็นในใจให้เปิดออก จักรินคือน้องชายแท้ๆของเขาที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปเมื่อสามปีก่อน
“นายก็รู้นี่ว่ามันหลับในตอนขับรถ”
กายตอบเรียบๆ วันนั้นเป็นวันเกิดของเขาที่จัดงานเลี้ยงฉลองง่ายๆกับพ่อแม่อยู่ที่บ้าน ส่วนเจ้าน้องชายที่ติดทำโปรเจคส่งเข้าประกวดในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จนดึกดื่น รีบขับรถออกจากมหาวิทยาลัยในเวลาสามทุ่ม แต่เพราะระยะทางที่ค่อนข้างไกลทำให้เหนื่อยอ่อนและเผลอหลับในทำให้รถที่ขับอยู่ตกถนน แม้จะไม่ได้เสียชีวิตคาที่เพราะหน่วยกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือแต่ก็อาการสาหัสมากแล้ว
“แต่นายไม่เคยบอกว่าไอ้รินไม่ได้ตายคาที่ มันมาตายในห้องผ่าตัด”
“แล้วมันสำคัญตรงไหน”
กายถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ความทรงจำเกี่ยวกับน้องชายเป็นสิ่งหวงห้ามที่ไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้อง เขารู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเขาที่บอกให้น้องชายกลับมาบ้าน เพราะนานๆที ก็อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาบ้างเท่านั้น
“ตรงที่หมอกวีเป็นคนผ่าตัด”
กายส่ายหน้า เขารู้ว่ากรวิวัฒน์กำลังคิดอะไร…
“ไอ้รินอาการสาหัสมากแล้วตอนที่มาโรงพยาบาล ต่อให้หมอเก่งแค่ไหนมันก็ไม่รอด”
“นายเคยบอกฉันว่าหมอชรัญเป็นรุ่นพี่ในแผนก”
“อืม”
“แต่เท่าที่ฉันฟังมาจากพยาบาล ทุกคนต่างก็บอกว่าพวกนายไม่กินเส้นกันเพราะหมอชรัญชอบใช้อำนาจมาแย่งคนไข้ของนาย”
“นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
“ตอนนี้…นอกจากคุณใหญ่ คนที่ฉันสงสัยก็คือนาย”
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ลึกๆแล้วกรวิวัฒน์อยากที่จะเชื่ออยู่ว่าลูกพี่ลูกน้องที่จิตใจดีของเขา…จะไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ว่าคนๆนั้นจะดีหรือเลว ก็ถือว่าเป็นมนุษย์ที่มีความเท่าเทียมกัน ย่อมไม่มีสิทธิตัดสินแทนกฎหมายว่าใครควรอยู่ หรือใครควรตาย!
TBC.
ขอบคุณที่ติดตามจ้า นิยายใกล้จะจบเเล้วนะ เเฮร่ๆ เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก ตามหาฆาตกร!!
มีทั้งหมด 20 ตอน กับหนึ่งบทส่งท้ายจ้า