พิมพ์หน้านี้ - [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.11 Preparation part1 ☕️ 27/7/2018

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: REDtails ที่ 16-08-2017 04:13:58

หัวข้อ: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.11 Preparation part1 ☕️ 27/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 16-08-2017 04:13:58
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ






ค่อยๆ นึกตามผมนะครับ.....



   ถ้าหากคุณเป็น ชายแก่ รุ่นไม้ใกล้ฝั่ง ใช้ชีวิตผ่านร้อน ผ่านหนาว อยู่กับภรรยาวัยทองที่คุณเคยหวังตอนหนุ่มๆว่า ถ้าหากมันแก่ลงมันคงจะไม่ขี้บ่นหรอก แต่ทำไปทำมายิ่งแก่ยิ่งขี้บ่น จุกจิกมากกว่าเดิมอีกเจ็ดสิบเท่า  บ่นไม่หยุด บ่นจนกระทั่งมันตาย

     ลองนึกภาพว่าคุณ อยู่ในบ้านพักคนชรา กับพี่สาวของคุณที่ก็ยังด่าคุณเหมือนกับเด็กห้าขวบ ทั้งๆที่ตอนนี้ตัวคุณเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตไปอีกห้าปีมั้ย



คุณนึกตามผมออกมั้ยครับ .....



        แต่นี่ไม่ใช่เรื่องชีวิตผมหรอก แต่ผมเบื่อและผมคิดว่าความวุ่นวายในชีวิตผมมันก็คงประมาณๆนี้แหละครับ



กูอยากหนีไปใกล้ๆโว้ยยยย!!!!





                    ลืมบอกไปครับ ผม ฟิลลิป บุคคลที่หล่อ เท่ห์ สมาร์ท ชายหนุ่มอายุ 26ปี ที่มีความฝันจะใช้ชีวิตสงบสุข ไม่หวังอะไรมากมายในชาตินี้ครับ
 
   แต่ตลอดการเดินทางรอบดวงอาทิตย์ 26 รอบที่ผ่านมาของผมนั้น การได้ใช้ชีวิตสงบๆ ครั้งสุดท้ายของผมก็คงเป็นตอน ก่อนผมเตรียมตัวสอบเข้ามอ 1 มั้งครับ ตั้งแต่นั้นมาโลกก็เหวี่ยงความวุ่นวายมาให้ผมตลอด ชนิดที่ว่า เอ้อ ขอให้พักหายใจบ้างเถอะ

   ผมตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำ เพื่อตามหาความสงบในชีวิต และสิ่งที่ผมอยากทำจริงไปจนแก่


.
.
.

ใช่ครับ... ผมอยากทำร้านกาแฟ



ร้านกาแฟของผมเอง!!!!



     
                         ผมรู้ครับว่าชีวิตของเรานั้นไม่เคยจะอยู่ที่เดิมเสมอ ถึงแม้เรานอนอยู่เฉยๆในห้อง แต่โลกก็ยังเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ตลอดเวลา         
           
                         ผมหวังว่าคราวนี้โลกจะไม่เล่นตลก กับผม และมอบชีวิตสงบสุขที่ผมปรารถนาให้สักทีนะ         


                               

                                       เห้ยยยยยยยย!!!   ห้องข้างๆอะ เลิกสร้างแรงสั่นสะเทือนเป็นจังหวะสักที!!! รู้มั้ยยว่ามันสั่นมาถึงห้องกูว้อยยยยย!!!!!




หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], 16/08/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-08-2017 05:54:12
สงสัยอ่ะ เกิดไรขึ้น ถึงมีแรงสั่นสะเทือนข้างห้อง  :hao3:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], updated #PILOT 16/08/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 16-08-2017 19:26:56

#PILOT




“ ฮัลโหล ฟิลลิป อี๋สัสสสสสส นี่กูรอคุณมึงมาจะเกือบสี่ชั่วโมงแล้วนะคะะะ โทรไปก็ไม่รับ วอทดาเฮลอาร์ยูดูอิ้ง!!!!”

           เสียงจากปลายสายโทรศัพท์กล่าวด้วยอารมณ์สุดเกรี้ยวกราด เพราะผมปล่อยให้ ‘ปุ๊กกี้’เพื่อนสาวสุดที่รักของผมรอตั้งแต่ห้าโมงเย็นเพราะเรามีนัดกินข้าวหลังเลิกงานกัน






“มึง กูขอโทษ กูขอโทษจริงๆ กูมีเรื่องนิดหน่อยที่ทำงาน รอตรงนั้นแหละ กำลังออกไปแล้ว”
ผมบอกกับเพื่อนที่อยู่ปลายสาย


“เรียลลี่!? มึงยังคิดว่ากูยังจะอยู่รอคุณมึงตรงนั้นหรอฮะะะะ กูแดกข้าวไม่รอมึงละ นี่ตามมาเลย อยู่ข้าวสารแล้วโว้ยยยย แดกเหล้า วู้ววว!!!!  ”


“เอ้าหรอ โอเคได้ เดี๋ยวเจอกันข้าวสารเลย”

“โบกพี่วินมาเลยนะคะะะ อย่าลำไยอีก ไม่งั้น กูจะเอาเหล้ากรอกปากคุณมึง เป็นการชดเชยที่คุณมึงชักช้า”

“คร้าบบคุณเพื่อน ผมรีบไปละครับ”
 
   

      เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนวัยเพิ่งทำงานอย่างผม ที่จะนัดกันกินเหล้ากับเพื่อนทุกๆวันศุกร์ ถึงแม้มันจะไม่ได้บ่อยเกือบทุกวันอย่างสมัยเรียนมหาลัย แต่การได้สังสรรค์กับเพื่อนอาทิตย์ละครั้งก็ช่วยทำให้ผ่อนคลายได้ไม่น้อย



ผมวางสายโทรศัพท์เพื่อน เก็บของใส่กระเป๋าและรีบลงไปใต้ตึก


“เฮ้ออ”     

ผมถอนหายใจกับตัวเอง พร้อมทั้งมองดูรอบกายตัวเอง

     


     ผมเบื่อการใช้ชีวิต ทำงานในย่านสีลมจริงๆ ตอนกลางวันก็แน่นไปด้วยคนทำงาน ตอนกลางคืนก็แน่นไปด้วยคนที่มาเที่ยวย่ำราตรี การจราจรย่านนี้ก็ติดขัดตลอดเวลา ผมเหนื่อยกับงานที่ทำแล้วก็ยังจะต้องมาเหนื่อยกับการจราจรอีก








‘แต่สิ่งหลายๆอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงในชีวิตผม’





     ผมยิ้มกับตัวเองสะบัดหัวไล่ความเหนื่อยล้าและความเครียดในวันนี้ พร้อมเรียกพี่วินเพื่อมุ่งหน้าไปหาเพื่อน





     ถนนข้าวสาร เป็นที่ที่ผมชอบเสมอในการมาเที่ยวดื่ม คงเป็นเพราะการเที่ยวดื่มเหล้าแพงๆ แต่งตัวจัดเต็มและยืนยักใหญ่เฉยๆเพื่อรักษาฟอร์มแบบทองหล่อนั้นมันไม่เหมาะกับผม


               ผมชอบบรรยากาศของการที่คนจากหลายๆที่ทั้ง นักศึกษา นักท่องเที่ยว คนทำงาน ต่างมารวมกันที่ถนนข้าวสารเพื่อมีช่วงเวลาดีๆ ดื่มเหล้า เมามาย ทำความรู้จักกันและเต้นแบบไม่อายใคร มากกว่า









“ชั้นร้ากกกก เมื้องทั่ยยยย ละอยู่เมื้องทั้ยยยยย หล๊ายปีหลายปี๊”



                     
     นี่ไง ตัวอย่างของการเต้นไม่อายใคร ปุ๊กกี้เพื่อนสาวผมกำลังออกลวดลายเต้นโชว์ฝรั่ง อยู่กับต้น เพื่อนตุ๊ดร่วมอุดมการ “สาวไทยส่งออกนอก เพื่อรักษาดุลย์การค้าโลก และพัฒนาเศรษฐกิจไทย” หรือที่พวกมันเรียกกันย่อๆว่า “สทสอนพรดกคลพศกท”


“เฮีย ฮี คัมมมมมม!” ต้น ตะโกนเรียกผม ตั้งแต่ผมอยู่หน้าร้าน พร้อมเป็นการเปิดตัวผมกับกลุ่มฝรั่งเพื่อนใหม่เป้าหมายของมันคืนนี้


“แม๊กซ์ ฮิสเนม ‘ฟิลลิป’ ฮี อีส มายเอ้กซบอยเฟรนน้า แต่ฮิสดิกอะ เล็กนิดเดียวเองงงง”  ต้นหันไปบอกกับฝรั่งผมทองที่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมชูนิ้วก้อยประกอบ


“ไม่ทันไรก็เล่นกูแล้วหรอห้ะต้น ฮ่าๆ”    ผมบอกต้นที่ตอนนี้แขนขาเริ่มไปพันอยู่กับแม๊กซ์เพื่อนใหม่ของมันแล้ว


“โอ้ยยย คุณฟิลลิป คุณชาย ยูมานี่เลย นี่แก้ว แดกเลย กูกับอิต้นเมาจนจะเข้าโหมดเปลี่ยนภาษาละ จะไม่ สปีค ไทยละนะ”


“ โห ไมวันนี้พวกมึงรีบกันจังวะ “


 ผมรับแก้วจากปุ๊กกี้ที่ตอนนี้เริ่มสูญเสียการทรงตัวเล็กน้อย



“ไม่ได้โว้ยยย ตอนนี้จะห้าทุ่มละ คุณกิตติมาทำงานละ ข่าวสามมิติมาละ พวกกูต้องรีบแดกโว้ย”           

ต้นบอกพร้อมยื่นแขนโชว์นาฬิกาที่ข้อมือของมัน
 




“แม๊กซ์ ยูโนว อีต้นอะ เป็นนิวส์รีพอร์ทเตอร์ ด้วยน้าาา” ปุ๊กกี้หันไปบอกแม๊กซ์

“เรียลลี่ ท้น?” แม๊กซ์ทำหน้าสงสัยและมองที่ต้น


“ฮ่าๆๆ เยสส ไอแอม รีพอร์ทเตอร์น้า”

“ มายเนมอีส ฐาปนีย์ค้าาาาาาา แม้กซ์”



“ ซาหวัดดี๊ค้า คุณกิตติค้าาา ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่ถนนข้าวสารค่าา ตอนนี้ดิฉันเมาแล้วค๊าาาาา!!!”


“คูณกิตติค๊าาา บรรยากาศถนนข้าวสารวันนี้ คับขั่งไปด้วยชาวต่างชาติเช่นเคยค้า มีหนุ่มเกาหลีมาจีบดิฉัน แต่ดิฉันบอกเขาไปว่า ดิฉันคือแดจังกึม ดิฉันจะเป็นซังกุง ดิฉันยังมีผัวไม่ได้ค๊าาาาาาาา”


“ฮ่าๆๆ ยูกายซ์ อาร์ เวรี่ คูลลล”แมกซ์กล่าวพร้อมชวนทุกคนยกแก้วดื่มเหล้ากันต่อ

   
      บางทีผมก็คิดนะครับ ว่าพวกเพื่อนผมนี่มันตั้งใจจะหาแฟนฝรั่งจริงๆ รึแค่อยากเล่นตลกให้เขาดูเฉยๆ






“นี่ อีฟิลลิป ทำไมวันนี้มึงถึงเลิกงานช้าจังวะ แล้วพวกกูโทรไปเนี่ยทำไมไม่รับ”อีต้นหันมาถามผมพร้อมส่วสายตาสุดสงสัยมาที่ผม


“  เอ่อออ.....          พี่แผนกกู เขาเรียกกูไปคุยนิดหน่อยอะ”

“ โฟว์ อาวเวอร์?     กูว่าไม่นิดหน่อยละหละ มีเรื่องไรปะเนี่ย” ปุ๊กกี้เสริม



“เอ่อออ....”

“.....เอ่ออออ”       ต้นเลียนแบบผม

“เอ่อออออออออ.........”

“จะเอ่อออะไรรรร เอ่ออออเยอะยังกะจะเริ่มขับเสภาอะอีดอกกก”

“เอ่อออ.....กูไม่รู้จะเริ่มอธิบายไงวะ”




“เอ้าา!!!    แล้วพวกกูจะได้รู้มั้ยเนี่ย”






“ กูลาออกจากงานแล้ว!!!! ”




“ห้ะะะะ มึงลาออกจากงาน?!!?"
หัวข้อ: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], updated #Ep.1 Happiness 20/08/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 20-08-2017 18:18:55
    ตอนที่ 1 Happiness





ผมตื่นขึ้นในห้องคอนโดของผมที่คุ้นเคย แต่ในวันนี้ผมได้นอนหลับเต็มตื่นกว่าทุกๆวัน ผมตื่นโดยไม่มีเสียงนาฬิกาปลุกเจ้ากรรมนายเวรที่ดึงผมออกจากความฝัน เพราะวันนี้ คือวันเสาร์ วันหยุดพักผ่อนที่ผมรอมาทั้งอาทิตย์



                                             ‘หลังจากนี้มันคงจะเป็นความรู้สึกคล้ายๆแบบนี้ทุกวันสินะ’


นี่คือเช้าวันแรกของผม เช้าวันแรกในการเริ่มต้นชีวิตแบบใหม่ของผม เช้าวันแรกหลังจากผม ได้สถานะประจำตัวใหม่คือ ‘ว่างงาน’

   
ผมลุกขึ้นจากเตียง ไปล้างหน้าแปรงฟัน ถึงแม้ผมจะยังมีอาการ ปวดหัวแฮงค์ๆ อยู่นิดหน่อยจากการดื่นเหล้าเมื่อคืน แต่ผมก็ไม่อยากจะนอนซมแล้วปล่อยให้วันนี้เป็นวันที่ไร้ประโยชน์ไปอีกวัน ผมหยิบกล่องอาหารคลีนแช่แข็งที่ผมซื้อไว้ใส่ไมโครเวฟ และชงกาแฟดำดื่มเป็นการเริ่มต้นวันของผม

   



   ‘เฮ้อออออ’





   ผมเผลอถอนหายใจกับตัวเอง พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาและจิบกาแฟจากแก้วกาแฟสีแดงใบน้อยของผม




“แล้วชีวิตกูจะเอายังไงต่อดีวะเนี่ยยยยย!!!! ”




   
   ผมพูดกับตัวเอง ทั้งๆที่ผมนั้นก็วางแผนที่จะลาออกจากงานมาตลอด แต่พอถึงเวลาเข้าเสียจริง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี


   ผมได้แต่นั่งทอดสายตามองออกไปจากประตูกระจกของคอนโดห้องสี่เหลี่ยมของผมสี่เดียวที่ผมพอจะคิดออกในตอนนี้คือ ผมไม่อยากใช้ชีวิตในแบบที่ผ่านมา


   ผมรู้มาเสมอว่าชีวิตแบบคนเมืองนั้นไม่เหมาะกับผม การที่ต้องรีบตื่นเช้าทุกวัน เพื่อไปเจอกับการจราจรที่ติดขัดหรือขนส่งสาธารณะที่อัดแน่นทุกวันเนี่ยมันแย่จริงๆ ยิ่งถ้าวันไหนโชคร้าย เกิดระบบขัดข้องขึ้นมา กว่าผมจะไปถึงที่ทำงานก็เหนื่อยจนแทบไม่มีแรงจะทำงานแล้ว
   นี่ยังไม่รวมถึง มลพิษต่างๆ ทั้งเสียง ทั้งควัน ทั้งพื้นถนนที่สกปรก ถ้าหากผมต้องการจะหาพื้นที่สีเขียวเพื่อพักผ่อนสักที ก็ยากเย็นเหลือเกิน การเป็นคนต่างจังหวัดคนเดียวในกรุงเทพนี่มันเหนื่อยจริงๆนะครับ


   บางครั้งผมรู้สึกโชคดี ที่ตัวผมในสมัยเด็ก ตอนที่ยังอยู่ต่างจังหวัดที่ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้ เมื่อก่อนผมตื่นเจ็ดโมงเช้า โรงเรียนเข้าเจ็ดโมงครึ่งผมยังไปทันเลย เรียนเสร็จผมก็มาเล่นกับหมาที่สวนข้างบ้าน เล่นจนเหนื่อยแม่ก็เรียกให้ไปกินข้าวที่แม่ทำให้ เห้ออออ ช่วงเวลาแบบนี้ในชีวิตของผมมันหมดไปแล้วสินะ

   

   ‘ถ้ามันมีอะไรเขียวๆให้ผมนั่งมองแทนวิวตึกและถนนพวกนี้ สภาพจิตใจของผมคงจะดีขึ้นสักนิด’



   น่าแปลกตอนที่เรียนมหาลัยผมไม่เห็นมีความคิดอะไรแบบนี้เลย ปีนึงกลับบ้านสองครั้งก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ตั้งแต่ทำงานมานี่ทำไมผมถึงอ่อนแอจังวะ


   




   “แคว๊ก แคว๊ก แคว๊ก แคว๊ก” เสียงเจ้าเป็นไอโฟนของผมดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บนหน้าจอมันบอกว่าเพื่อนสาวสุดที่รักของผมโทรมา


“ฮัลโหล หายเมาแล้วหรอครับบบ มีอะไรเนี่ยโทรมาแต่เช้า”


“คุณมึงค้าาาาาา”


“หืมมม ว่าไงปุ๊กกี้”


“นี่ คือกูคิดว่านะคะ เนื่องจากเมื่อวานเราไม่ได้กินข้าวกัน แล้วกูว่าคุณมึงคงต้องมีเรื่องหลายๆเรื่องอยากเล่าให้กูฟังแน่เลยยยย”

“อ่าฮะะะ”

“เราควร มีตอัพ เมาท์มอยยย กินข้าวกันค่ะ ตอนนี้กูอาบน้ำเสร็จแล้ว มึงออกมารับกูที่คอนโดกูด้วยนะค้าาา ออกมาเลยค่ะ ไรท์นาว”


 “เดี๋ยวนะ นี่มึงคิดแทนกูให้เรียบร้อยเลย?”


“โอ้ยย อย่าทำมาเป็นบ่นหน่า บ่นไปก็ต้องทำตามอยุ่ดีนั้นแหละ ถึงแล้วก็คอลมานะคะ กูจะไดรผมละ แค่นี้แหละ ม๊วฟฟฟ”



   ให้มันได้อย่างนี้สิ55555 ปุ๊กกี้นี่หละนะ ตัวแทนผู้หญิงสมัยใหม่จริงๆ วางแผนจัดการทุกอย่างไว้ครบหมด ขาดเพียงอย่างเดียว คือลืมถามผมตอนวางแผน 55555 ผมสงสัยจริงๆถ้าวันไหนมันมีแฟนมันจะใช้แฟนเหมือนใช้ผมรึปล่าว

   

   ผมลุกขึ้นจากโซฟา หยิบผ้าเช็ดตัวและวิ่งผ่านน้ำอย่างรวดเร็ว จัดการตัวเองเล็กน้อย ไม่ให้ตัวผมอยู่ในสภาพโทรมเหมือนคนตกงาน(ซึ่งผมตกงาน5555) และรีบออกไปหาเพื่อนทันที

 







“ฮัลโหล คุณนายปุ๊กกี้ครับ กำลังจะเลี้ยวเข้าคอนโดแล้วนะครับ”

“เริศศศศศส กูนั่งรออยู่ใต้คอนโดเนี่ยเลี้ยวเข้ามาเลยเบเบ้”

“โอ้เคคครับบบ”
 
   
   ไม่ทันจะวางสายโทรศัพท์ ผมก็เห็นคุณนายปุ๊กกี้ในเดรสลายยาวสีน้ำตาล สายเดียว พร้อมกับแว่นตากันแดดอันใหญ่ของเธอ เธอเดินสับขาฟึบๆมาที่รถของผม


“เฮลโหลวว บอยยย”


“โอ้โห คุณนายครับ แต่งตัวจัดเต็มเชียว ผมเดินด้วยอย่างนี้ก็กลายเป็นคนใช้เลยสิ”


“เอ้าาาา กูต้องบอกมึงด้วยหรอว่าวันนี้กูจะแต่งตัวจัดเต็ม มึงก็น่าจะรู้ มายสแดนดาร์ท นะค้า”


“อ้ะ วันนี้เราจะไปที่ไหนกันดีครับคุณปุ้กกี้”


“ไปที่นี่สิ ตรงไลฟ์สไตล์มอลข้างๆ คอนโดกูอะ ก่อนถึงมหาลัยอะ มีร้านอาหารเพื่อนแม่กูอยู่ กูยังไม่เคยพามามึงไปกินใช่ปะะะ”

“ฮึ ยังอะ”

“โอ้ยมึงพลาดมากกกกก ไปๆๆ ต้องโดนสักหน่อยๆ”
 ​
“เคเค มึงบอกทางกูด้วยละกัน”





   ผมขับรถออกจากคอนโดปุ๊กกี้เพียงไม่นาทีก็ถึงมาไลฟ์สไตล์มอล ผมจัดแจงจอดรถในที่จอดรถแล้วเราก็เดินมุ่งหน้ากันไปที่ร้านอาหาร





“หูมึง ดูดีอะ กูยังไม่เคยมาแถวนี้เลยอะ”ผมมองบรรยากาศรอบตัวพร้อมบอกปุ๊กกี้


“ใช่ม้า เป็นงะ แถวบ้านกู เจริญนะจ้ะ อีไลฟ์สไตล์มอลนี่เพิ่งเปิดอะ ดูดิยังไม่เอาป้ายชื่อขึ้นเลย”

“เออวะ ทั้งๆที่ร้านข้างในก็เปิดกันครบหมดแล้ว ดูดิ”

“แต่นางตกแต่งดีน๊ะจ๊ะ มีความแตกต่าง มีความร่มรื่น ต้นไม้เยอะแยะ อีกนิดก็ จังเกิล ละฮ่าๆๆ”

“กูชอบนะ ร่มรื่นดี”

“เหอะ ต้นไม้เยอะแบบนี้ก็ดี แต่กูกลัวเดินๆละงูโผล่ออกมาดิ กูไม่ได้เติบโตแทบคันทรี่ไซด์ ไม่ได้รู้วิธีแก้พิษงูจากของป่าแบบมึงนะ”

 “เหย บ้านกูไม่ได้ดงดิบขนาดนั้นนน เอาดีๆถ้ามึงเจองู  มึงฆ่ามันเลาะหนังทำกระเป๋าก่อนอยู่ดีปะวะ”

“เออจริงวะ ฮ่าๆๆๆ ยูโนว์มีโซเวลนะจ๊ะ ”

   


   ผมกับปุ๊กกี้ก็เดินเข้าไปในร้านอาหารของเพื่อนคุณแม่ของปุ้กกี้ ภายในร้านตกแต่งด้วยตุ๊กตากระเบื้องตัวเล็กตัวน้อย ของสะสมต่างๆ โต๊ะทุกตัวในร้านนี้เป็นโต๊ะหินอ่อนขัดสีขาวสะอาดตา บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้เล็กๆ ตั้งคู่อยู่กับผ้ากันเปื้อนที่ถูกม้วน จานและช้อนส้อมเงินถูกจัดเข้าชุดวางบนผ้าอย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่ผมเข้ามาในร้านผมก็รู้เลยว่า ผมกำลังเข้ามาอยู่ในดินแดนของคนรวย

“ฮืออของเก่าเต็มเยอะเลย จัดซะเหมือนพิพิธภัณฑ์อะ” ผมแอบกระซิบบอกปุ๊กกี้

“อื้ออออ เลิศใช่มะ สามีป้าแกอะ เป็นผู้ดีเก่า ที่บ้านแกอะมีของแบบเนี้ย ไลค์ เอฟฟวี่แวร์”
 
   


   ผมยืนชื่นชมร้านอยู่ได้ไม่นาน ก็มีบริกร มาเชิญพวกเราไปที่โต๊ะ แต่ไม่ทันถึงโต๊ะ ปุ๊กกี้ก็เจอกับคนรู้จักซะก่อน




“น้องปุ๊กกี้ สวัสดีค่ะลูกกกก ไปยังไงมายังไงคะเนี่ย ไม่เจอตั้งนาน” ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งพุ่งตัวมาหาปุ๊กกี้พร้อมกล่าวคำทักทาย

“คุณป้าวิไลพร สวัสดีค่ะ สวยเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย”

   
   
   การเปลี่ยนเข้าสู่โหมดทักทายผู้ใหญ่ของปุ๊กกี้ ทำให้ผมแปลกใจ เพราะภาพของปุ๊กกี้ที่ผมจำได้แม่นคือ ภาพตอนที่มันเต้นเพลงฉันรักเมืองไทย ของมอคค่ากาเด้นเมื่อคืนมากกว่าเป็นสาวเรียบร้อยหวานๆ ตรงหน้าผม



“ฮ่าๆๆ น้องปุ๊กกี้ก็ ปากหวานน่ารักเหมือนดิมเลยนะ วันนี้พาเอ่ออออ เพื่อนมาทานข้าวหรอคะ”

“อ่อ ใช่ค่ะคุณป้า นี้ ฟิลลิปเพื่อน ปุ๊กกี้เองค่ะ”

“เอ่อออ สวัสดีครับ” ผมสวัสดีคุณป้าวิไลพรพร้อมยิ้มเจื่อนๆเพราะผมทำตัวไม่ถูก ผมรู้เกร็งทุกครั้งที่จะต้องมีบทสนทนากับคุณนายแบบคุณป้าวิไลพรเสมอ

 “สวัสดีค่ะ ลูก หล่อนะเราหน่ะ” คุณป้าวิไลพร พูดพร้อม เอื้อมมือที่เต็มไปด้วยแหวนมาจับที่แขนผม

“เฮอะ เออะ เออะะ ขอบคุณครับคุณ คุณป้า”

“โอ้ยยย ตอนแรกเดินเข้ามาป้าก็มองอยู่ว่า เอะ ดาราที่ไหน”

“โห ผมว่า ผมไม่หล่อขนาดนี้นมั้งครับคุณป้า”

“โอะ โฮะๆ ” คุณป้าหัวเราะและยกมือปิดปากตามสไตล์ผู้ดีเก่าแก่

“โอะ นี่มีโต๊ะนั่งกันรึยังจ้ะเนี่ย ได้จองไว้รึปล่าว” คุณป้าถามพร้อมกวักมือเรียกบริกรคนหนึ่งมา

“อ๋อ ปุ้กกี้ไม่ได้จองไว้อะค่ะคุณป้า”

“อ่อ ไม่เป็นไรๆคะ เดี๋ยวป้าให้วรรณ หาโต๊ะให้ วันหลังต้องโทรมาจองก่อนนะคะลูก ไม่งั้นเดี่ยวไม่มีที่นั่ง ช่วงนี้ลูกค้าเยอะมากเลย”

“ อ๋อออ แฮะๆ ขอบคุณคะคุณป้า”



“วรรณๆ มานี่! ”  ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาหาคุณป้าวิไลพร เธอแต่งตัวแตกต่างจากบริกรคนอื่นและดูมีอายุน้อยกว่าคนอื่นๆในร้าน

“มา ละค๊ คุลนาย”

“วรรณ วรรณไปดูโต๊ะ วีไอพีให้น้องปุ๊กกี้หน่อยสิ” คุณป้าวิไลพรพูดพร้อมกับตีแขนผู้หญิงที่ชื่อวรรณ

“ได๋ ค๊คุลนาย เอ้า คุลพู๊กกี้ คุลพู๊กกี้ตามวัล มาเลยค๊”

“ฮ่าๆ รบกวนด้วยนะน้องวรรณ ดูยุ่งมากเลยเนอะ” ปุ๊กกี้พูดกับน้องวรรณพร้อมยิ้มเป็นการทักทาย

“ก๊ ยุงเปงชั่วงๆอะค๊ คุลพู๊กกี้ ช่วงเที่ยงๆบั่ยๆบับนี้คลเยอะ วัลก็เลยต้องมาช่วยที่ร้านด้วยอะค๊”


   วรรณยังไม่ทันพูดจบผมก็ได้ยินสับดังเพี๊ยะ!!! คุณป้าวิไลพรตีน้องวรรณที่แขน


“วรรณ!!!!  ฉันได้ยินนะ!!! บอกแล้วว่าอย่าพูดห่อลิ้นสก๊อยในร้านฉัน มันขัดกับธีมร้าน!!!!!!


“ว้ายยยยย คุลพู๊กกี้ รีบบบบ มาทางนี้เลยค๊!!!!” น้องวรรณกระโดนสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมรีบวิ่งแจ่นนำพวกเราไปก่อน


“ฮ่าๆๆๆ” ผมกับปุ๊กกี้มองหน้ากันและขำกับความน่ารักและความโก๊ะ น้องวรรณและคุณป้า




“โต๊ะนี้เลยค๊” “เดี๋ยววัล เอ้ยววรณ เอาเมนูมาให้นะค๊”

   

   

   ผมกับปุ๊กกี้จัดแจงนั่งลงตรงโต๊ะในมุมวีไอพี ใกล้ๆกับเค้าเตอร์ชำระเงิน เราเปิดเมนูและสั่งอาหารสามสี่อย่าง





“มึงจะทำไงต่อ” ปุ๊กกี้ไม่รีรอ เธอยิงคำถามในใจออกมาทันที

“เอ่อออ กูยังไม่รู้เลยวะ”

“มึงคิดว่ามึงอยากลาออกแล้วมึงก้ลาออกแบบไม่คิดว่าจะทำอะไรต่อเลยเนี่ยนะ?”

“เหอะ ตามจริงเขาจะไล่กูออกแต่กูชิงพูดว่ากูลาออกก่อน”

“เอ่าาาา คุณทนายฟิลลิป มึงไปทำอะไรถึงโดนเขาไล่ออกมาได้ละเนี่ย”
 
“เอ่อออ กูว่ามึงไม่อยากรู้หรอก อุบัติเหตุนิดหน่อยนะ” ใครจะไปกล้าบอกเพื่อนละครับว่าผมสูบบุหรี่ในออฟฟิสแล้วไอ้ก้นบุหรี่เจ้ากรรมนายเวรทำเอกสารสำคัญของคดีลูกค้าไหม้วอดหมดเลย


“ออลไรท์ ถ้าคุณมึงไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรคะ”

“แล้วมึงจะกลับต่างจังหวัดเลยปะ?”

“อือออ กูก็อยากกลับนะเว่ย แต่กูอายที่บ้านอะ”

“มึงที่บ้านเขาเข้าใจมึงอยู่แล้วเว่ย แค่โดนไล่ เอ้ยลาออก จากงานเอ้งง” ใช่ปุ๊กกี้ กูรู้ แต่ระเด็นมันอยู่ที่สาเหตุที่กูโดนไล่ออกเข้าใจมั้ย ที่บ้านเขายังไม่รู้ด้วยว่ากูสูบบุหรี่



“โซ มึงก็จะหางานใหม่ทำ ที่นี่?”



“ฮืมมมมม”

   

   ผมเริ่มจมกับความคิดของตัวเองทันทีที่ได้ยินคำถามของปุ้กกี้ ความต้องการหลายๆอย่างในหัวเริ่มแข่งกันส่งเสียงจนผมไม่รู้จะเลือกฟังเสียงใด



“กูอยากพักนะมึง บางทีการที่กูลาออกอาจจะเป็นโชคดีของกูก็ได้ กูจะได้พักจากการเป็นพนักงานออฟฟิศ กูอยากลองทำงานแบบเป็นนายตัวเองดูบ้าง” ผมว่าที่ผมโดนไล่ออกเนี่ยจริงๆอาจจะเป็น ผีพลัก หรือ เจ้าที่ที่ออฟฟิสแกล้งผมก็เป็นได้ เพราะท่านคงเห็นผมสบถด่าที่ทำงานทุกวันๆ

“เอนี่ไอเดีย?”ปุ๊กกี้ถามพร้อมกับแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

“ก็เริ่มต้นจากสิ่งที่มึงชอบ สิ่งที่มึงอยากใช้ชีวิตด้วย อะไรที่เป็นความสุขของมึงสิ” เธอแนะนำหลังจากเห็นผมเริ่มนั่งอมน้ำลาย



“ฮืมมมมมมม”




ผมจมลึกเข้าไปในความคิดของตัวเองมากกว่าเดิม เพื่อที่จะค้นหาสิ่งที่เป็น ‘ความสุข’ ของผม

   

   ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของผม ผมแทบไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็น ‘ความสุข’ ของตัวเองมากเท่าไหร่ วันๆผมก็มุ่งหน้าทำงาน ขลุกตัวอยู่กับหนังสือและเอกสาร ซึ่งก็ไม่ต่างจากช่วงที่ผมเรียนมหาลัยที่วันๆนอกจากเข้าเรียนจดเลคเชอร์ต่างๆ ผมก็ขลุกตัวอยู่ตามร้านกาแฟอ่านหนังสือทุกวัน
   

   ใช่!!! ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมดื่มกาแฟมาตลอดเลยนี่หว่า ไม่ว่าตอนนั่งอ่านหนังสือสมัยเรียน ตอนท่องหรือติวหนังสือโต้รุ่ง ตอนเช้าก่อนไปทำงาน เมื่อเช้าหลังตื่นนอนด้วยนิหน่า รึว่ากาแฟมันคือส่วนสำคัญของชีวิตผมไปแล้ว จะพูดไปยิ่งช่วงไหนเป็นช่วงต้นเดือน ผมมีเงินเข้าร้านกาแฟแพงๆอร่อยๆ นั้นแหละคือ ‘ความสุข’ ของผมนี่หว่า!!!
   


“กูคิดออกแล้ว!!!”  ผมเพลอตะโกนออกไปด้วยความดีใจ

“เฮ้ยยยยย! ตกใจ!!!  มึงจะเสียงดังทำไมอีเหี้ยคนหันมามอง”

“ปุ๊กกี้กูคิดออกแล้ว  กูจะเปิดร้านกาแฟ!!!”

“กูจะเปิดร้านกาแฟร้านกาแฟ เล็กๆ เงียบๆ กูจะได้อยู่กับสิ่งที่กูมีความสุข แล้วกูจะได้ใช้ชีวิตสงบๆแบบที่กูต้องการด้วย”


“เยสสสสสส มายบอย! มึงจะต้องทำมัน และมันจะต้องออกมาดีแน่ๆ กูจะอยู่ช่วยมึงเอง ไม่ว่ามันจะยากเย็นแสนเข็นแค่ไหนก็ตาม!!!”
   
   ฮ่าๆ นี่แหละครับคือสาเหตุผมรักเพื่อนคนนี้เพราะไม่ว่าผมจะตัดสินใจทำอะไร เธอก็พร้อมที่จะสนับสนุนผมเต็มที่

​“กูจะเริ่มต้นวันนี้เลย เริ่มจากหาทำเลร้า......”

“ชะเอี้ย!!!”
   


“ขอโท่ดนะค๊!!!! ”


“ คุลพู๊กกี้ ตะกี้วัลได้ยินเสียงเรียก คุลพู๊กกี้ ต้องการอะลัยรึป่าวค๊”


“ว้ายน้องวรรณ!!! ตกใจ หมดเลย” อยู่ดีๆน้องวรรณก็พุ่งตัวมาจากทางไหนไม่รู้ พร้อมกับแบกของมาพะรุงพะรัง ทำเอาผมและปุ้กกี้สะดุ้งโดยไม่ทันตั้งตัว

 “อ๋อ พี่ไม่มีอะไรค่ะ เฮอะๆ”

“ดะเดี๋ยวเชคบิลเลยละกันครับ พี่ทานเสร็จละ เดี๋ยวจะไปธุระต่อ”


“วรรณ!!! มานี่เดี๋ยวนี้ ของที่สั่งให้ไปซื้อได้มารึยัง!!!! ” คุณป้าวิไลพรยืนท้าวสะเอว พร้อมตะโกน เรียกน้องวรรณด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จากเค้าเตอร์

“วัล วะ วรรณ มาแล้ว คุลนาย !!!”

“อ้ออ เชกบิฬ เด่วเชินที่เค้าเต่อ เลยนะค๊” น้องวรรณเอี้ยวหันมาบอกผมก่อนวิ่งไปหาคุณป้า



   ผมกับปุ๊กกี้เดินตามน้องวรรณไปที่เค้าทเตอร์จ่ายเงิน แต่เราก็ต้องหยุด เพราะภาพตรงหน้าของเราคือการเปิดฉากบ่นของคุณป้าวิไลพร   

“นี่วรรณ ฉันเหนื่อยรู้ไหม ฉันไม่เคยต้องใช้ความคิดเยอะขนาดนี้ รู้ไหมฉันรอลาเต้มัคคิอาโต้เพิ่มชอต ของฉันนานมากกกกก”

“นี่ค๊า คุลนาย กาแฟของคุลนายมาแล้วค๊”

“ความคิดไอเดียของฉันไม่มา เนี่ยก็เพราะฉันยังไม่ได้ดื่มกาแฟของฉันนะรู้ไหมม ความผิดเธอล้วนๆ”



.
.
.

“ฟรืดดดดดดดดด!” คุณป้าวิไลพรพ่นกาแฟออกมาเหมือนกับสปริงเกอร์ฉีดน้ำทันทีที่กาแฟเข้าปาก

“ว้ายยยคุลนายยย เป็นอะไลไปค๊”

“นังวรรณ!!!!!! ทำไมกาแฟฉันเย็นแบบบนี้ !!!!!!”

“วะ วัล นั่งแท๊กซี่ไปซื้อจากห้าง ร้านที่คุณนายบอกอะค๊ ขากลับรถมันติด กาแฟเลยไม่ค่อยร้อนอะค๊”

“ทำไมมมมม ฉันอยากดื่มกาแฟของฉันร้อนๆ ทำไมเธอทำให้ฉันไม่ได้!!!”

“เดี๋ยววัล ไปซื้อใหม่ให้ค๊”

“โอ้ยไม่ต้อง!!! ทำไมแถวนี้ถึงไม่มีร้านกาแฟดีๆมาเปิดสักทีนะ!!!!”





ตึ๊งงงงงง!!!

   


   ไฟไอเดียของผมสว่างจ้าขึ้นมาทันที เหมือนกับ ตอนโทมัสอัลวา เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟสำเร็จ หรือเหมือนตอนงานวัดข้างบ้านผม จั๊มไฟจากเสาไฟฟ้า และลองเปิดกังหันหลอดไฟครั้งแรก


“กูรู้ละ ว่ากูจะหาทำเลร้านกาแฟกู แถวไหนปุ๊กกี้ ฮึฮึ”







@@นั่งคุยหลังร้าน@@

สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน ผมก็ขอฝากงานเขียนนิยายชิ้นแรกของผมด้วยนะครับ

อยากให้ทุกคนช่วยกันแนะนำ รึถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขอให้ติติงกันเข้ามาได้เลยนะครับ

ใจจริงผมอยากเขียนนิยายเรื่องนี้ให้ออกเป็นแนวคล้ายๆกับซีรี่ย์ซิทคอม สบายๆขำๆ อ่านง่ายๆ ผมอาจจะไม่เก่งในเรื่องเขียนแนวนิยายเท่าไหร่ เพราะ ผมเคยแต่เขียนแต่พวกบทไดอาล๊อกมา แต่ผมจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นครับ

หวังว่าทุกคนจะรักในตัวละคอนในเรื่อง ตามตะวัน คาเฟ่ เหมือนที่ผมรักเขานะครับ รับรองว่าคุณจะสนิทกับพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ถ้ายังไงก็ขอฟากตัวนักเขียนมือใหม่คนนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจผู้อ่านทุกคนนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ

REDtails
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], updated #Ep.2 Support 04/09/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 04-09-2017 11:16:37
 ตอนที่. 2 Support



   


              ผมยืนมองร้านกาแฟของผม จากหน้าร้าน ตอนนี้ทุกๆองค์ประกอบได้ถูกเติมเต็มจนร้านของผมเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมมีความตั้งใจที่จะให้ร้านกาแฟของผมเป็นเหมือนที่พักผิงเล็กๆ ให้ทุกคนที่ได้เข้ามานั่งในร้านรู้สึกสึกความอบอุ่น จริงใจ และความยินที่จะพร้อมต้อนรับเสมอ เหมือนกับเป็นบ้านของเพื่อนสนิทของเขา ผมยิ้มให้กับความสำเร็จก้าวแรกของร้านกาแฟตรงหน้าของผม



              ผมถือกระดาษรายการสิ่งที่ผมต้องทำในมือ และเดินตรวจสอบสิ่งต่างๆ รอบๆร้านครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถึงสำคัญของร้านในวันพรุ่งนี้  “วันทดลองเปิด”     



“ไฟหน้าร้าน เช็ค”    “เปิดไฟทั้งร้านแล้ว ร้านเราก็ดูสวยเหมือนกันนะเนี่ย ฮึฮึ”

“รดน้ำต้นไม้หน้าร้าน เช็ค”  “โตไวๆนะ โตไวๆ ”

“ทดลองกางกันแดดหน้าร้าน เช็ค”

“ทดลองกางกันสาด เช็ค”   “ใครเลือกสีเนี้ย ดูดีจริงๆ ฮึฮึ”

“รดน้ำต้นไม้ในร้าน เช็ค”

“ให้อาหารปลาตรงแคชเชียร์ เช็ค” “เห้ย ห้ามตายนะพวก ถ้าอยู่ได้นานนายจะได้เป็นมาสคอทร้านนะเว่ย ฮึฮึ”

“เช็ดโต๊ะ เช็ค”

“เช็ดเก้าอี้หนัง เช็ค”

“เครื่องชงกาแฟ เช็ค”

“ลองเปิดแอร์ เช็ค”



“ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือก็เพียงแต่ ‘ป้ายร้าน’ ที่ยังไม่เสร็จสินะ”

   

              ตื่นเต้นครับ ผมว่าคุณก็น่าจะจดจำความรู้สึกครั้งแรกของหลายๆอย่างได้ จะกลัวก็ไม่ใช่ ไม่พร้อมก็ไม่เชิง ผมว่าผมประหม่าครับ ผมกลัวว่าการเริ่มต้นใหม่ของผมมันจะเริ่มมีอุปสรรค มันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคาดคิด แต่ถึงอย่างไร ผมก็มีความเชื่อครับว่าพรุ่งนี้มันจะต้องออกมาดีแน่ๆ เพราะผมเตรียมตัวพร้อมซะขนาดนี้ เอาหน่อยโว้ยย


.
.
.
.
.
.
 
   





                       แล้วเช้าวันที่ผมรอมาหลายเดือนก็มาถึง(ถ้าเอาเวลาแน่นอนก็สองเดือนครับ) วันนี้ผมตื่นแต่เช้ากว่าทุกวัน ในช่วงที่ผ่านมาผมได้เปลี่ยนกิจวัตรการตื่นนอนของผม ผมบอกเลยครับว่าผมรู้สึกดีขึ้นมากกก(กอไก่ลางยาวถึงดาวหางฮัลเลย์) หลังจากที่ผมไม่ต้องรีบตื่นไปทำงานตอนเช้า ผมได้ใช้เวลาตอนเช้าแบบที่ผมห่างหายไปในหลายปี เหมือนผมได้พบกับสเน่ห์ของวัน ที่หายไป ผมได้ใช้เวลาอยู่กับรายละเอียดของสิ่งต่างๆ กาแฟยามเช้าของผม การได้มองชีวิตของคนในกรุงค่อยๆตื่นขึ้นจากการหลับไหล เพียงแค่ช่วงเวลาของที่ดวงจันทร์ลับขอบฟ้า และแสงสว่างของดวงอาทิตย์เข้ามาแทนที่ ผมเห็นการเริ่มต้นใหม่ของคนในทุกๆวัน(ถ้าจะให้พูดความจริงก็ ยกเว้นบางวันที่ผมไปเมามาแล้วตื่นสายครับแฮะๆ )

   

                        วันนี้ก็เป็นอีกวันของการเริ่มต้นใหม่ของผม ใจผมมันเต้นตุ๊บๆไม่หยุดตั้งแต่ตื่น ผมดับบุหรี่ในมือ และคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งผ่านน้ำอย่างรวดเร็ว วันนี้ผมจะใส่เสื้อเชิ้ตตัวเก่งของผม สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง และไม่ลืมฉีดน้ำหอมประจำตัวผมเช่นกัน ผมหยิบสิ่งของเพิ่มเติมบางอย่างสำหรับร้านใส่หลังรถ และผมก็พร้อมที่จะออกไปร้านแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ผมจะลืมไม่ได้ในวันสำคัญแบบนี้

   



   ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดดดด




“ฮัลโหลลลลล ว่าไงไอ้ลูกหมาของแม่ มีอะไรถึงโทรมาแต่เช้า” เสียงแจ้วๆปลายสายก็คือ แม่ของผมเองครับ


“แม่คร้าบบ วันนี้ผมเปิดร้านวันแรกไงๆๆ แม่จำได้ป้าว”


“อ๋ออ จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ แล้วเราก็เลยจะโทรมาขอให้แม่อวยพรให้ใช่มั้ย”


“ฮ่าๆ ก็จะอะไรซะอีกละครับแม่ ”


“แกนี่นะไอ้ลูกหมา โตเท่าควายแล้วยังจะตื่นเต้น เอออยังไงก็ขอให้เอ็งโชคดีนะ ค้าขายดีๆ รวยๆ จะได้ส่งเงินให้แม่ใช้เยอะๆ”


“คร้าบบแม่ ขอบคุณนะครับ แม่ อย่าลืมกินข้าวด้วยนะครับ”


“จ้าลูก แม่ไม่ลืมอยู่แล้ว ถึงลืมเดี๋ยวพ่อหิวละบ่นให้กินอยู่ดี”


“ครับแม่ แล้วเดี๋ยวผมจะโทรหาใหม่นะครับ ฟากบอกคิดถึงพ่อด้วยนะครับ”


“จ้า พ่อเอ็งรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านโน่น เดี๋ยวแม่จะบอกให้นะ”


“ครับบบบ แม่ รักแม่นะครับ”


“แม่ก็รักเอ็งเหมือนกัน”


   

              หลังจากวางสายโทรศัพท์จากแม่ ผมก็ออกรถ ฝ่าการจราจร ไปร้านของผม ร้านของผมอยู่ไม่ไกลจากคอนโดผมมากนัก




          อ้อใช่! ผมยังไม่เล่าพวกคุณเลยนี่หน่า ว่าร้านของผมเนี่ยตั้งอยู่ที่ไลฟ์สไตล์มอล ใกล้ๆกับคอนโดปุ้กกี้

     ใช่แล้วครับ ที่เดียวกับร้านอาหารของป้าวิไลพรเลยครับ
พวกผมเนี่ยเพิ่งมาค้นพบทีหลังว่า นอกจากป้าวิไลพรจะเป็นเจ้าของร้านอาหารแล้ว ป้าวิไลพรยังเป็นหุ้นส่วนไลฟ์สไตล์มอลแห่งนี้ด้วย “โอ้ยยย ก็เป็นของสามีป้านั่นแหละ คุณวิษณุเขา ขอให้ป้าหน่ะช่วยดูแลให้หน่อย คุณวิษณุเขากลัวป้าอยู่ว่างๆเลยซื้อที่ดินแล้วก็ทำไลฟ์สไตล์มอลให้ป้าดูแล”

   

              ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องโชคดีของผมที่สามารถหาทำเลร้านดีๆใจกลางเมืองได้ ถึงแม้ว่า ที่ตรงนี้ป้าวิไลพรจะบอกว่า “เอ้ออ เดี๋ยวจะหาว่าป้าปิดบังไม่บอกนะ ที่ตรงนี้หน่ะ ซินแซเขาบอกว่าค้าขายไม่ขึ้น! มุมมันไม่ดี ! ตอนแรกป้าก็ว่าจะทำเป็นห้องน้ำเหมือนกัน” ซึ่งมันก็โอเคสำหรับผม ไม่มีลูกค้าเยอะๆก็ดี ร้านของผมจะได้สงบๆ เงียบๆไม่วุ่นวาย แบบที่ผมต้องการ(ใช่ปะวะ5555)         

         ป้าวิไลพรเลยลดค่าเช่าที่ให้ผม เพราะนอกจากจะเป็นคนรู้จักและฮวงจุ้งที่ตรงนี้ไม่ดี ผมยังทำข้อตกลงพิเศษกับป้าลิไลพรคือ ผมจะต้องทำลาเต้มัคคิอาโต้เพิ่มชอต ไปส่งให้ป้าวิไลพรที่ร้านทุกวัน


   





   ‘เก้านาฬิกา’



              ผมจอดรถของผมในที่จอดรถด้านหลังแล้วแบกลังใส่ของใบใหญ่เดินเข้ามาที่ร้าน ผมหยิบกุญแกในกระเป๋ากางเกงและไขประตูร้าน

“ทาด๊าาาาา”
 
ผมทำซาวด์ประกอบพร้อมพลักประตูเข้าร้าน

พร้อมแล้วโว้ยยย

ผมเปิดเครื่องทำกาแฟ เช็คเครื่องทำน้ำแข็ง เปิดไฟในร้าน เลื่อนม่านขึ้น และไม่ลืมที่จะ พลิกป้ายแขวนประตูหันด้าน open เพื่อบอกถึงความพร้อมที่จะเสิรฟกาแฟให้กับลูกค้าแล้ว

   




   ‘สิบนาฬิกา’



ฟรื้ดดดดดดด เสียงเครื่องทำกาแฟของผมดังขึ้น

เฮ้อออ วันแรกมันก็จะเงียบๆหน่อยเนอะ ผมอุส่าห์เตรียมใจมาพร้อม นึกว่าจะวุ่นวายแต่เช้า


   


   ‘สิบเอ็ดนาฬิกา’



ปุ๊มมม

เสียงเจ้าเบิร์ด ปลากัดสีแดง ปลาน้อยประจำร้าน ขึ้นมาหายใจ

เฮ้อออออออ คนหายไปไหนกันหมด ทั้งๆที่ร้านอื่นก็พอจะมีคนเข้าออกร้านอยู่เรื่อยๆ แต่ทำไมร้านผมถึงไม่มีคนเข้ามาเลย เนี่ย

   



   ‘สิบสองนาฬิกา’




ครืดดดดดดดด

เสียงท้องของผมร้อง ผมพึ่งนึกได้ว่าวันนี้ผมยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่หว่า

โว้ยยยยยยยยยย เบื่อโว้ยยยยยยยยย ไฟในร้านผมก็เปิด ป้ายหน้าร้านผมก็เอาไปตั้งแล้ว ทำไมยังไม่มีคนมาเฉียดร้านผมเลย

‘ไม่ไหวละ!!! ออกไปดูดบุหรี่ดีกว่า’





     ผมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ตรงมุมสำหรับสูบบุหรี่หน้าร้าน และจุดไฟบุหรี่ที่คาบอยู่บนริมฝีปาก
ฟรูดดดด ผมพ่นควันไปบนฟ้า และแหงนมองบนยอดของต้นไม้
แสงแดดอุ่นๆที่ลอดผ่านใบไม้กระทบบนหน้าผม ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย
ผมหลับตา และฟังเสียงรถราบนถนน

   



              ตอนนี้ผมอยู่ใจกลางกรุงเทพ เมืองที่ไม่มีใครเคยหยุดใช้ชีวิต เมืองที่เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แต่ทำไมการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของผมมันน่าเบื่อแบบนี้ ผมไม่ได้คิดว่ามันจะแตกต่างจากงานในออฟฟิสเก่าของผมมากขนาดนี้ มันแตกต่างกันจากงานเก่าที่ป่านนี้ผมคงหัวปั่นกับงานกองโตที่รอให้ผมสะสางตั้งแต่เช้ายันเย็น จนถึงค่ำบางวัน แต่ในตอนนี้ผมโล่ง ผมรู็สึกว่างเปล่าข้างใน ผมกลัวว่าการที่ผมเลือกที่จะทำตามสิ่งที่ผมอยากทำแล้วมันจะไม่ประสบความสำเร็จ





“เหยยย ทำไมทำหน้ามุ่ยตั้งแต่เปิดร้านวันแรกหล่ะค๊า” เห้ย เสียงใครวะ



“อ้าว ต้น อ้าว ปุ๊กกี้” ปุ๊กกี้กับต้นเพื่อนรักของผมเดินมาอยู่ตรงด้านหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่ทันรู้ตัว


“นี่ กูกับต้น ดรอปบายมา คิดว่าเปิดร้านวันแรกมึงน่าจะยุ่งๆ เลยว่าจะซื้อข้าวมาให้” ปุกกี้บอกพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ผม


“นี่อะ” ต้นยื่นถุงพลาสติกที่ด้านในมีกล่องข้าวและถุงน้ำซุปที่ซื้อมาให้


“เห้ยย ขอบใจมาก”


“เป็นง่ะ วันนี้ขายกาแฟได้กี่แก้วแล้ว” ต้นถาม


“เหอะะะ วันนี้กูยังไม่ได้ทำกาแฟสักแก้วเลยวะ”


“โอ้ยยยยย ก็ทำให้เพื่อนกินหน่อยดี๊ว้าา อยากกินกาแฟฟรีเนี่ย”


“อีต้นนน เพื่อนยังขายไม่ได้มึงก็จะขอแดกของฟรีเพื่อนเขาแล้วนะ”


“เห้ย มึง มา เดี๋ยวกูทำให้พวกมึงลองกิน ถือว่าเป็นเกียรติเป็นลูกค้าให้ร้านกูหน่อย ”

         ผมดับบุหรี่ แล้วเดินนำเพื่อนๆเข้ามาในร้าน พร้อมเปิดประตูต้อนรับเหมือนร้านอาหารหรูๆ



“เชิญเลยคร้าบบบบบ”


“ขอบคุณมากค่ะลุง” ปุ๊กกี้แกล้งทำเสียงเป็นคุณนาย ขอบคุณน้ายามที่เปิดประตูให้หน้าแบงค์


“โอ้ยยยยย มันดูเด อยู่น๊าาาาาาา ฟิลลิปปปป” ต้นมองรอบร้านและเริ่มเดินสำรวจสิ่งต่างๆเหมือนกับเด็กในร้านของเล่น


“มึงกูรักอะไรอย่างนี้อะ ความเอิทโทน ความไฟส้ม ความต้นไม้เขียว เดี๋ยวมึงถ่ายรูปให้กูหน่อยนะ”


“ฟิลลิป มึงลองถ่ายรูปร้านแล้วโปรโมทในเฟสบุคสิ ทำเฟสบุคเพจร้านอะไรแบบนี้สิ ” ปุ๊กกี้ เสนอ พร้อมกับเดินเข้ามามองผมที่กำลังทำกาแฟให้เธออยู่


“เหอะะะ มึงจะให้กูทำเพจร้านยังไงอะ กูยังไม่มีชื่อร้านเลย”


“มึงงงงพูดดดดดดจริงง!!? อีฟิลลิป” ต้นทำเสียงสูงพร้อมกับเดินมามองหน้าผมชัดๆ


“ก็กูยังหาชื่อที่ชอบไม่ได้นี่หว่า”


“นี่มึงโง่ รึบ้า รึไม่ได้เรียนหนังสือมาห้ะ ”

 
“เออออออ จริงมึง นี่มึง ยูแฮฟเอฟรี่ติงดัน เปิดร้านเรียบร้อยแต่ยังไม่มีชื่อร้านเนี่ยนะ”


“ก็กูโง่เรื่องคิดชื่ออะไรแบบนี้นี่หว่า”


“จ้าาา พ่อหนุ่มทนายความ เรียนมาก็ดี แต่เรื่องแค่นี้ทำไม่ได้”


“บนโลกนี้นี่มึงงี่เง้าสุดละ นี่ร้านมึงนะเว้ยย”


“มีปัญญาทำได้ทุกอย่าง เอ็กเซป ตั้งชื่อร้าน”


“หง่ะ ด่าเหมือนกูแดกขี้เป็นอาหาร เลิกด่ากูได้ละ อะ นี่กาแฟสำหรับพวกมึง ผู้ฉลาดทั้งหลาย จะแดกเป่า”


“โอ้ยยยย ผัวขาาาา น้องต้นผิดไปละค้าา รักผัวขาที่สุดเลยยย”


“แหมะ ทันทีเลยน้า จะแดกฟรีแล้วทันทีเลยนะอีต้น” ปุ๊กกี้ล้อเลียนการแบ๊วใสเปลี่ยนเสียงเพื่อของฟรีของต้น


   


         ผมกับเพื่อนพูดคุยเฮฮากันได้ไม่นาน ประตูหน้าร้านก็เปิดขึ้น ลูกค้าคนแรกจริงๆของร้านมาแล้วครับ




“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ” ผมกล่าวต้อนรับลูกค้าที่กำลังก้าวเข้ามาในร้าน


“อู้หู คึกคักกันจังเลยนะคะ” ผู้หญิงวัยกลางคนในชุดเดรสสั้น ลุคคุณนายกล่าว


“เอ้า คุณป้าวิไลพร” ลูกค้าคนแรกของผมก็คือเจ้าของที่ให้เช่าของผมนั่นเอง


“คุณป้าวิไลพรสวัสดีคะ” ปุ๊กกี้ยกมือไหว้คุณป้าเพื่อนของแม่ของเธอ


“จ้าสวัสดีคะ น้องฟิลลิป น้องปุ้กกี้ ” คุณป้าวิไลพรยกมือรับไหว้พวกเรา “เป็นยังไงบ้างห้ะ น้องฟิลลิป ทุกอย่างโอเคดีมั้ยฮืม”


“อ๋ออออ ก็โอเคเรียบร้อยดีครับผม  แฮะๆ ”


“ติดตรงที่วันนี้ยังขายไม่ออกเลยคะคุณป้า” ต้นพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับเอามือป้องข้างปาก


“เอ้าหรอออ ฮ่าๆๆ นี่ไงป้าเตือนแล้วไม่เชื่อป้า ว่าที่ตรงนี้หน่ะฮวงจุ้ยไม่ดี” คุณป้ากล่าวพร้อมหันไปหัวเราะคิกคักกับต้น  “ วันนี้ป้าขอ ลาเต้มัคคิอาโต้เพิ่มชอตจ่ะ ”


   

                   ผมเริ่มต้นทำกาแฟแก้วแรกของผมตอนบ่ายโมงอย่าพิถีพิถัน แต่ไม่ทันไร ป้าวิไลพรก็ชวนผมคุยซะแล้ว


 “นะ นะ นี่! ลูกๆ”


“ครับผม/ค่ะ ” ผม ต้น และปุ๊กกี้ขานรับ


“ป้ามีเรื่องจะวานพวกลูกสักหน่อย ช่วยป้าหน่อยได้มั้ย”


“ได้เลยค่ะ คุณป้าาาา พวกหนูเป็นด็กดีพร้อมช่วยเหลือคนแก่อยู่แล้วคะ” ต้นตอบป้าวิไลพร พร้อมทำท่าเหมือนตัวเองเป็นนางงาม


“บ้าสิลูก ป้าแก่ที่ไหน เดี๋ยวโดนเลยนี่”


“ฮ่าๆ คุณป้าค่ะ อย่าไปถือสานังต้นเลยนะคะ” “คุณป้ามีเรื่องอะไรให้พวกหนูช่วยหรอคะ?” ปุ๊กกี้พูด


“ก็ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรนะ แต่ป้าต้องการความช่วยเหลือแต่ไม่รู้ว่าจะให้ใครช่วยดี” ป้าวิไลพรพูดพร้อมค่อยๆลดเสียงเบาลงเหมือนเป็นเรื่องลับ


“เรื่องอะไรหรอครับ”ผมยื่นหน้าถามคุณป้าจากเค้าเตอร์


“คือว่าาา”


“…..”


“….”


“คุณวิษณุ สามีป้าหน่ะ เขาโกรธป้า”


“เอ้า เขาโกรธป้าทำไมหรอครับ”ผมถาม


“คุณป้าแก่แล้วทำการบ้านให้เขาไม่ได้หรอค่ะ?” ต้นแทรกขึ้นมาก่อนป้าวิไลพรจะได้พูด


“เอะ มันยังไงเนี่ยเด็กคนเนี้ยยย ” ป้าวิไลพรเริ่มมีน้ำโห


“ต้นมึงอย่าไปขัดคุณป้าสิ”ปุ๊กกี้พูดพร้อมตีแขนต้น


“ก็ป้าเหมือนครูหมวดภาษาอังกฤษอะ กูอดไม่ได้ ขอแกล้งหน่อยๆๆ” 


“ฮ่าๆๆ จริง กูนึกว่าคิดคนเดียว ” ผมหันไปบอกต้น


“โอ้ยยยย จะช่วยป้าไหมเนี่ย ไม่งั้นป้าจะไม่พูดแล้วนะ” ผมขอบอกตามตรงว่าผมชอบป้าวิไลพรตอนจะวีนที่สุด ดูตลกและน่ารักดี แต่วันนี้ผมขอช่วยป้าก่อนๆ


“คือคุณวิษณุ เขาโกรธป้า ”


“…….”


“ครับบบ/ค่ะะะ”

“………”


“………”


“เพราะว่าป้านะ คิดชื่อมอลล์ไม่ได้สักที! ลูกช่วยป้าคิดหน่อยสินะๆๆ”


‘ฮึฮึ’



“ฮ่าาาาาาๆๆๆๆๆ” ปุ๊กกี้และต้น ระเบิดหัวเราะออกมาลูกใหญ่


“มีอะไรตลกหรอลูก นี่ป้าเดือดร้อนอยู่นะค่ะ”


“โอ้ยยยยย ไม่มีอะไรค่ะ ป้า เรื่องคิดชื่อไม่ได้เนี่ย เป็นเรื่องปัญหาปกติค่ะ ฮ่าๆๆ” ต้นพูดและหันหน้ามามองผม ผมรู้ทันทีเลยครับว่ามันไม่ได้หมายความอย่างที่มันพูดจริงๆ


“ป้าวิไลพรคะ เดี๋ยวพวกหนูช่วยป้าเองค่ะ คิคิ” แหนะปุ๊กกี้ กูรู้นะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนแม่มึง มึงไม่พูดแบบนี้แน่นอน พอกูคิดไม่ได้นะ รุมด่าซะยิ่งกว่าอะไรอีก


“แล้วแฟนคุณป้าเขาอยากได้ชื่อแบบไหนหรอครับ” แหนะ ชื่อร้านตัวเองคิดไม่ได้ ผมยังจะอุตส่าห์ไปช่วยคนอื่นอีก


“คุณวิษณุเขาอยากได้ชื่อแบบบบบบ เพราะๆน่ารักๆแล้วก็มงคลๆหนะค่ะ”


“หูย ก็มีความยากเหมือนกันนะคะคุณป้า” ปุ้กกี้ตอบ


“ใช่ไหมลูกกกกกกก”


“เนี่ย เขาบอกอยากได้น่ารักๆมงคลๆ ป้าก็เลยบอกชื่อ แมวกระโดดวิลล่า ไหม แมวมันเป็นสัตว์มงคล มีตั้งเก้าชีวิต กระโดดก็เหมือนการเจริญก้าวหน้า แถมคำว่าแมวกระโดดก็ยังฟังดูน่ารักอีก ไม่ดีตรงไหน”


“ฮ่าาาาาาๆๆๆๆๆๆๆๆ” พวกเราระเบิดหัวเราะเมื่อฟังชื่อที่ป้าวิไลพรพร้อมพร้อมสีหน้าจริงจังของป้า


“ป้าเอาจริงอ่อคะ ฮ่าๆๆๆ วิลล่าของป้าลงทุนหลายสิบล้าน จะให้ชื่อ แมวกระโดด อ่อคะ”


“พวกลูกว่าชื่อมันไม่น่ารักหรอค่ะ!?!”


“ผมว่า มันไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่นะครับฮ่าๆ”


“ โอ้ย นี่พวกลูกก็จะไม่ช่วยป้าคิดใช่มั้ยเนี่ย โอ้ยยย ไปดีกว่า”


“คุณป้าลองให้ครีเอทีฟอะไรแบบนี้ช่วยคิดดูมั้ยคะ ปุ๊กกี้มีเพื่อนอยู่ เดี่ยวเอาเบอร์ให้คุณป้านะคะ”


“ขอบใจมากหนูปุ๊กกี้ ” “โอ้ยกาแฟได้แล้ว ป้าไปละ ไว้เจอกันลูกๆ”


“สวัสดีครับคุณป้า/ค่ะ” พวกเราบอกลาป้าวิไลพร

    



      
      หลังจากป้าวิไลพรไปได้ไม่นาน ปุ๊กกี้กับต้นก็ไปทำธุระสำคัญกันต่อ ธุระที่มันบอกว่าจะต้องพาแม๊กซ์ ชายหนุ่มตาน้ำข้าวที่พวกเราไปเจอที่ข้าวสารไปเที่ยวสถานที่ลับในกรุงเทพ ที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากรุงเทพมีที่ลับที่น่าไปเที่ยวด้วยหรอ

   


   แล้วการเปิดร้านวันแรกของผมก็ผ่านไป ทั้งวันนี้นอกจากเพื่อนๆของผมและคุณป้าวิไลพร ก็พอจะมีเด็กมหาลัย คนทำงานที่ผ่านไปผ่านมา แวะเข้ามานั่งดื่มกาแฟ อ่านหนังสือ ประปรายบ้างในช่วงบ่าย พอช่วงเย็นๆคนก็จะเริ่มเยอะหน่อย แต่ใกล้ๆค่ำคนก็เริ่มถยอยเงียบอีกครั้ง ถือว่าก็เป็นวันที่ชิลอีกวันของผม เจ้าเบิร์ดก็ทำหน้าที่รับแขกได้ดี มีเด็กประถมตัวเล็กๆหลายคนที่มากับพ่อแม่ให้ความสนใจมายืนดูจ้องเจ้าเบิร์ดหลายคนเหมือนกันครับ

   




   ผมเก็บล้างอุปกรณ์ต่างๆ คว่ำไว้ เช็ดโต๊ะ กวาดพื้นร้าน เก็บเก้าอี้และปล่อยม่านตรงหน้าต่างลง
ผมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ตรงมุมสำหรับสูบบุหรี่หน้าร้าน และจุดไฟบุหรี่ที่คาบอยู่บนริมฝีปาก
ฟรูดดดด ผมพ่นควันไปบนฟ้า และแหงนมองบนยอดเสาไฟริมถนน
แสงไฟริมถนน ความมืดที่เข้ามาแทนที่ เสียงผู้คนเดินทางกลับบ้าน ทำให้ผมรู้สึกเหงาในใจแปลกๆ
   




   ชีวิตของเราก็เหมือนกับการเดินทางรอบดวงอาทิตย์ ผ่านไปรอบแล้วรอบเล่าในแต่ละปี และมีอีกหลายปีที่กำลังจะมาถึง การใช้ชีวิตประจำวันของเราก็เป็นไปตามการหมุนรอบตัวเองของโลก ดำเนินไปตามการขึ้นและลงของดวงอาทิตย์  ถ้าหากเรามีเพื่อนร่วมทางในการเดินทางที่ไม่รู้จุดหมายนี้ มีความช่วยเหลือสนับสนุนระหว่างทาง ไม่ว่าจุดมุ่งหมายของเราอยู่ที่ไหน เราย่อมไปถึงที่นั้นได้สักวัน นี่คือ พลังของการที่มีใครสักคนคอยสนับสนุน


   ซึ่งสำหรับผมนั้นโชคดีที่มีทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนที่อยู่เบื้องหลังคอยพลักดันผมตลอด 

   
   ผมอยากให้ร้านของผมเป็นเหมือนที่พักผิงของนักเดินทาง ที่เดินทางรอบดวงอาทิตย์ทุกคน ได้มาพักเอาแรง หาแรงจูงใจ พบปะกับนักเดินทางคนอื่นๆ ให้เขาหรือใครได้รู้ว่า เรา ไม่ได้เดินทางบนเส้นทางนี้เพียงคนเดียว







                                                             “เพราเราทุกคนต่างเดินทางตามดวงตะวัน”




                      
'ตามตะวัน'





                                                             ใช่แล้ว !!!!!!!!!
                     

                  

                  ผมได้ชื่อร้านของผมแล้ว !!!!!!!!!!!!!!!!




@@นั่งคุยหลังร้าน@@

สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน ดีใจที่ได้กลับมาเจ๊อะกันอีกนะครับ บอกตรงๆว่า อห อิเอี้ยยยยยยยย เพิ่งรู้นะครับ ว่ากว่าจะเขียนนิยายได้แต่ละตอนเนี่ย ต้องใช้พลังงาน การคอนเซนเทรตอย่างมาก ผมรู้สึกเคารพและนับถือนักเขียนทุกท่านจริงๆ ตอนนี้ก็เป็นอีกตอนที่ผมใช้ความคิดในการเขียนเยอะเหมือนกัน พยายามช่างเนื้อหาหนักๆกับมุขสบายๆให้มันไม่หนักเกินไป ถ้าหากมีข้อบกพร่องยังไงก็ช่วยคอมเม้นบอกผมหน่อยนะครับบบ ผมเปิดรับฟังคำวิจารณ์ของทุ๊กคนนนน อยากฟังด้วยยยย ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนกันเข้ามาอ่าน และอยากฝากให้ทุกคนติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับบบ ขอซอกใจเล้กเล็กกกกให้นิยายเรื่องนี้อยู่ด้วย สัญญาว่าจะตั้งใจเขียนและรีบมาต่อนะครับ อ้อออถ้าใครรอเรื่องเลิฟๆบอกเลยว่า มีแน่นอนกำลังเดินทางมานะครับ จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนขอบคุณมากนะครับบบบบ

Redtails
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], updated #Ep.2 Support 04/09/2017
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 21-09-2017 05:53:54
สำนวนเขียนดีเลยครับ รอตอนต่อไปนะครับ  :กอด1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: FINALLY BACK [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], #Ep.3 COLLABORATION (50%) 02/10/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 02-11-2017 03:47:11
EP. 3  COLLABORATION (50 %)








เรื่องของความคิดสร้างสรรค์เนี่ย ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทุกคนจะมีพรสวรรค์นะครับ อย่างผมเนี่ยพระเจ้าก็พอจะมอบของขวัญเรื่องนี้มาให้อยู่บ้าง( ถึงแม้ผมจะใช้เวลาประมาณนึงในการรวบรวมไอเดียของร้านผมเข้าด้วยกันก็เถอะ แต่ผมก็เปิดร้านของผมจนได้นะโว้ยยยยยย)

      


      แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผมตอนนี้เนี่ย ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าผมขำ จะทำให้ทุกคนมองผมเป็นคนไม่ดีรึปล่าว 5555555   เพราะว่าอะไรนะหรอครับ ตรงหน้าของผมตอนนี้คือ คุณป้าวิไลพร กับคนงานอีกประมาณ สี่ห้าคนที่กำลังปีนป่ายติดตั้งป้ายคอมมูนิตี้มอลกันอยู่ครับ

      
       คอมมูนิตี้สุดหรู ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมือง ตั้งอยู่ใกล้ย่านคนรวยและมหาวิทยาลัย ที่เปิดกิจการมาตั้งหลายปี แต่ก็ไม่มีชื่อเรียก จนกระทั่งวันนี้นี่แหละครับ 555555



 “น้องฟิลลิป !!! มาทางนี้สิคะ ป้ามีอะไรจะให้ดู มาเร็ว” ป้าวิไลพร ส่งรอยยิ้มพร้อมกวักมือเรียกผม ทันทีที่คุณป้าเห็นผมเดินลงจากรถ


“คุณป้าสวัสดีครับ ทำอะไรกันอยู่หรอครับ ยุ่งแต่เช้าเลยนะครับ” ผมยกมือไหว้คุณป้าพร้อมเดินไปหาคุณป้า ผมรู้เลยครับว่าคุณป้าต้องมีอะไรอยากโม้ผมแน่นอน


“นี่ไงน้องฟิลลิป ดูสิ ป้ายคอมมูลนิตี้มอลของป้า สวยมั้ยคะ” ป้าวิไลพร ชีป้ายให้ผมดู พร้อมกับยิ้มยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ


      ผมหรี่ตาเงยหน้า มองป้ายอันใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเสาตรงหน้าผม


“เอ่ออออ ‘วีมอล’ สรุป ชื่อวีมอลหรอครับคุณป้า”


“ใช่แล้วค่ะ ‘วีมอล’  ชื่อเพราะใช้มั้ยคะ ฮุฮุ” เสียงหัวเราะของคุณป้าวิไลพร ทำให้ผมอดคิดถึงคำพูดของต้นไม่ได้ว่า คุณป้าวิไลพรเนี่ย เหมือนครูสอนภาษาอังกฤษ จริงๆ(ฮุฮุ)

 
“ต้องขอบคุณครีเอทีฟที่น้องปุ้กกี้แนะนำให้ป้าไปคุยกับเขานะคะ ถ้าไม่ได้เขานะ ป้าเนี่ย ก็คงยังคิดไม่ออก คุณวิษณุก็คงยังโกรธป้าแน่ๆเลย”


“อ๋อออ ครับบบผม แฮะๆ”

 
“สมาน!!! กดเปิดไฟป้ายสิ โชว์ให้น้องฟิลลิปเขาดูหน่อย”


.
.
.
.
.



“นี่นะ น้องฟิลลิป”


“ครับบ ครับผม” ผมขานรับป้าวิไลพร


“เรื่องนี้เนี้ย สอนอะไรป้าได้อย่างนึง” ป้าวิไลพร พูดพลางแหงนหน้ามองป้าย


“อะไรหรอครับ”


“คนเราเนี่ย ไม่เก่งไปทุกเรื่องหรอกค่ะ”


“คะ ครับ”



“ถ้าเรารู้ว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องอะไรเนี่ย ต้องรู้และยอมรับนะคะ และเมื่อเรายอมรับเนี่ย เราก็จะได้ขอให้คนอื่นที่เขาเก่งเรื่องนั้นๆเนี่ยมาช่วย”



“ครับ คุณป้า”




“วิธีนี้เนี่ย จะช่วยให้งานของเราสำเร็จลุล่วงไปได้นะคะ” ป้าวิไลพรพูดพร้อมกับเอื้อมแขนมาจับที่ข้อศอกของผมทั้งสองข้างอย่างเบาๆ



“แต่ต้องแน่ใจก่อนนะคะว่าเราเนี่ย ก็ได้ลองทำอย่างสุดความสามารถจริงๆ”
   


      
      จริงๆป้าวิไลพร ท่านก็คือผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงเราคนนึงเลยแหละเนอะ เป็นอีกครั้งนึงที่ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ได้พูดคุยกับคุณป้าวิไลพร ถึงแม้เราจะเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่ผมรู้สึกผูกพันและมีความรู้สึกที่เหมือนได้ใกล้ชิดกับแม่  ท่านก็คือผู้ใหญ่คนนึง คอยมองเราเป็นเด็กที่กำลังค่อยๆโตในหน้าที่การงาน




.
.
.
.




“เปิดเรียบร้อยแล้วครับ คุณนาย”


“สมาน ฉันต้องขอบคุณเธอนะ ที่ช่วยเปิดไฟให้ ไม่ได้เธอฉันแย่แน่เลย”


“อ๋อไม่เป็นไรหรอกครับบบบ คุณนาย เรื่องเล็กน้อย”




“แล้วเราต้องไม่ลืมที่จะขอบคุณเขาด้วยนะน้องฟิลลิป”     “ขอบใจนะสมาน”








“ห้ะะะะะะะ!!!”
    
      


         เชี่ยยยยยยยยยยยยยยๆๆๆๆ 5555555555 นี่ผมคิดไปคนเดียวหรอ ว่าป้าหมายถึงเรื่องให้ครีเอทีฟคิดชื่อมอลให้ แต่จริงๆ ป้าแกหมายถึงเรื่องให้คนงานไปเปิดไฟให้ โอ้ยยยยย ผมจะบ้าตาย อะไรของป้าแกแต่เช้าเนี่ย 55555555







“เอ้อ ถ้าอย่างงั้นตรงนี้ก็เรียบร้อยดีแล้วนะคะ ป้าขอตัวไปก่อนละกัน ป้านัดช่างทำเล็บไว้ตอนสิบโมง ไว้เจอกันนะคะ น้องฟิลลิป”


“ครับผมครับ ป้าวิไลพร สวัสดีครับ”


      แล้วป้าวิไลพรก็เดินตุ่มๆจากไป ทิ้งให้ผมปะติดปะต่อปรัชญาชีวิตเรื่องใหม่ที่ป้าโยนใส่ให้ผมคิดอย่างงงๆ กับน้าสมาน

      


      



      
      วันนี้ ตามตะวันคาเฟ่ ของผม อะแฮ้ม ใช่ครับผมลืมโม้ให้ทุกคนฟังว่าป้ายร้านของผมได้มาถึงเมื่อสามวันก่อนแล้ว ตอนนี้ร้านของผมก็เปิดทำการได้อาทิตย์กว่าแล้วครับ หลายๆอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เมนูต่างๆที่ผมคิดค้นทดลองไว้ พอเริ่มขายจริงๆ ก็กลายเป็นว่ายังคงต้องปรับสูตรกันเล็กน้อยให้ถูกปากถูกคอลูกค้ามากขึ้นครับ ภาพรวมตอนนี้ผมแฮปปี้กับร้านผมมากๆเลยครับ




      แต่จะว่าไป มันก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผม ไม่แฮปปี้กับร้านของผมร้อยเปอร์เซ็นอยู่นะครับ สิ่งนั้นคือ




                   “ ผมเหนื่อยมากเลยครับบบบT^T ”




      คราวนี้ผมเห็นกับตา สัมผัสด้วยตัวเองแล้วครับ ว่างานบริการแบบนี้นี่ก็เหนื่อยเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่เครียด หรือกดดันเหมือนตอนที่ผมทำงาน Lawfirm แต่การเปิดร้านกาแฟคนเดียวแบบนี้ ก็ถือเป็นงานหนักเหมือนกัน ยิ่งช่วงนี้คนเริ่มที่จะรู้จักร้านผม ลูกค้าก็หลั่งไหลกันมามากขึ้นด้วยกระแสปากต่อปาก ผมเองตัวคนเดียว ทั้งรับออเดอร์เอง ลงมือชงเอง แถมยังต้องเก็บโต๊ะเองอีก ยอมรับเลยครับว่าก็มีการหัวหมุนเหมือนกัน

   
.
.
.
.



“เห้ยเบิร์ด ถ้าหากแกสามารถกระโดดออกจากโหลแล้วช่วยฉันเก็บโต๊ะได้ฉันคงสบายกว่านี้เยอะเลย”
   
       ผมนั่งมองตากับเบิร์ด ปลากัดจีนตัวน้อย มาสคอตประจำร้าน ขวัญใจลูกเด็กๆทั้งหลายที่มาเยี่ยมเยียนที่ร้านครับ





   “เฮ้อออออออออ” ผมถอนหายใจกับตัวเองแล้วนฟุบตัวลงบนโต๊ะ

   


“ถ้ามันเหนื่อยมากนัก มึงจะจ้างคนมาช่วยซะสิ”





“เชี่ยยยยยยยยย!!!!!”

   

   

      ผมตกใจกระเด้งตัวออกตกจากเก้าอี้ทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากเจ้าเบิร์ด ใครจะไปคิดละครับว่าปลากัดธรรมดาๆที่ผมซื้อมาจากเจเจ จะสามารถพูดโต้ตอบกับผมได้



“โอ้ยยย!” ผมส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะว่าหัวของผมกระแทกกับขอบเค้าเตอร์ และตอนนี้ผมกำลังนั่งกองอยู่บนพื้น





“โอ้โห 555555 มึงตกใจอะไรขนาดนั้นคะ” และผู้หญิงเจ้าของเสียงที่ทำให้ผมตกใจก็ยืนอยู่ตรงหน้าของผม หลังโหลปลาของเจ้าเบิร์ด

“ปุ๊กกี้! อีเหี้ย โผล่มาตอนไหนทำไมกูไม่ได้ยินเสียง” วันนี้ปุ๊กกี้มาด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงกับกระเป๋าสีดำ พร้อมเมคอัพตาสีเบอร์กันดี้และปากสีนู๊ด


“กูก็เดินของกูเข้ามานี่แหละค่ะ!!!”   “มาถึงปุ๊บก็เห็นคุณมึง นั่งเท้าคางปรับทุกข์กับปลากัดอยู่” ปุ๊กกี้พูดพร้อมขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าของผม


“โซ เป็นยังไงค่ะ เดี๋ยวนี้ยูแฮฟโนเฟรนด์?”


“อืออออ ไม่ใช่ กูก็ยุ่งๆนั้นแหละเลยไม่ได้โทรหามึง”


“ก็นั่นแหละ โซ ยุ่งๆ มึงก็หาคนมาช่วยสิ ยากตรงไหน”


“แต่กูว่ากูก็อยากทำเองอะ งานที่ร้านมันเยอะแค่บางช่วงเอง”


“นั้นไง มึงก็ไม่ต้องจ้างแบบฟูลทามไง หาเด็กมาช่วยงานพาร์ททามเป็นช่วงๆไป”



“เออออวะ จริงเนอะ” ถูกต้องของปุ๊กกี้นะครับ ที่ผมต้องการคือนสักคนมาช่วยงานที่ร้าน ผมก็จะได้สบายขึ้น ฮิฮิ







“นี่ๆ คุณมึง” ขณะที่ผมมีสมาิกับการเช็ดแก้วกาแฟ ปุ๊กกี้ก็เรียกชื่อผมขึ้นมาจากความเงียบ


“หือ ว่าไง”


“กูถามไรหน่อยดิ” ปุ๊กกี้พูดประโยคนี้พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมแก้ม


 “บอกก่อนนะว่ากูไม่ได้จะเสือกนะ กูแค่ถามด้วยความเป็นห่วง” ดูจากน้ำเสียงและแววตาของเพื่อน ผมไม่รู้ว่ามันเป็นห่วงผมจริงๆอย่าที่พูดรึปล่าว


“ครับบบ รู้แล้วครับ อยากถามอะไรว่ามา”


“ตั้งแต่มึงเปิดร้านอะ เจอคนก็ตั้งเยอะตั้งแยะ มีคนมาจีบมึงบ้างป่าว” นี่ไงงงง ผมว่าแล้ว จะต้องเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้นอกจากเรื่องนี้


“มึงจะบ้าหรอครับ ก็บอกอยู่ว่ากูยุ่งจะตาย กูมีเวลาไปสนใจใครที่ไหน”


“เขาอาจจะจีบมึงแต่มึงไม่สนใจป่าว” ผมว่าผมให้ความสนใจลูกค้าแบบเท่ากันทุกๆคน ผมว่าไม่ใช่หรอกเนอะ


“เหอะไม่มี มีแต่ลูกค้าเนี่ย”


“ก็ลูกค้านั้นแหละ เขาจีบมึงแต่มึงไม่รู้ตัวงี้” เอะ รึว่า ผมดูไม่ออกจริงๆวะเนี่ย ไม่หรอกมั้ง


“เหอะ ไม่มีทั้งนั้นอะ”


“เอาจริงๆ ซีเรียสลี่นะฟิลลิป กูอะ ยังคุยกับอีต้นเลย ว่าตั้งแต่มึงเรียนจบมาเนี่ย กูก็ไม่เห็นมึงคุยกับใครจริงจังสักที” 


“โห มึงก็รู้ว่าที่ทำงานเก่าของกู กินเวลาส่วนตัวกูมากขนาดไหน”



“ไม่ เอาจริงๆตั้งแต่ มึงเลิกคุยกับ ‘แด๊ท แอสโฮล’ อะกูก็ไม่เห็นคุณมึ.....”



หัวข้อ: Re: FINALLY BACK [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], #Ep.3 COLLABORATION (50%) 02/10/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-11-2017 09:28:14
อ้าวๆ...........ค้างงงงง

แฟนฟิลลิป จะโผล่มาแล้วใช่ไหม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], #Ep.3 COLLABORATION ☕️ (100%) 13/10/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 13-11-2017 04:25:08

EP.3  COLLABORATION (100 %)







“เชิญด้านในเลยครับ!!! ร้านเปิดแล้วครับบบ!”

      


      โชคดีของผมครับ ก่อนที่ผมจะถูกปุ๊กกี้สาวไส้ในทอปปิคที่ผมไม่ค่อยอยากจะพูดถึง ก็มีลูกค้าเข้ามาในร้านพอดี


 

“เดี๋ยวววว! อีฟิลลิป มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!!!”

“ชู่วว​!!! กูรับออร์เดอร์ก่อน เดี๋ยวมาๆ”
      


      ผมกดสกิลสองของผมแล้วกลิ้งตัวกลุ๊กๆพุ่งตัวไปเปิดประตูให้น้องนักศึกษาผู้หญิงสองคน ที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน (จริงๆผมไม่ได้กลิ้งตัวหรอกผมแค่หนีเอาตัวรอด ถ้าหากคุณเล่นเกมMoba คุณน่าจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร ฮิฮิ)

      และไม่ต้องรอคูลดาวน์ผมก็สามารถต้อนรับลูกค้าได้ทันที



“สวัสดีครับ รับอะไรดีครับบบ”
   
 

             ปกติผมไม่ได้เดินมาต้อนรับลูกค้าแบบนี้ทุกคนหรอกครับ เดี๋ยวเขาจะรู้สึกเหมือนโดนความหล่อของผมคุกคามมากเกินไปแล้วตกใจหนีไปเสียก่อนอิอิ




‘อะเอ่ออออออ’

‘มึงมึง โกสั่งไรทีนิ กูสั่งม่ายช่ายโถกนิ’

‘อี๊ใบเตย อีบ้ันนอก ชั้ลสอนสั่งกาแฟล้าวไม่เคยจัม’

‘โก ติไปจำได้พรืออะ ภาษาหรั่งไรไม่ใช่รู้’

      
   ผมมองน้องสองคนคุยกัน แล้วแอบอดยิ้มในความน่ารักไม่ได้



“คุลฟิลิป ซะหวัดดี๊ค๊ะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในสองคนนั้นกล่าวทักทายผม

“เอ่ออ น้องวรรณ? ใช่มั้ย สวัสดีครับ ใส่ชุดนักศึกษาแล้วพี่จำไม่ได้เลย น่ารักนะครับเนี่ย”
   
      
      คุณอาจจะนึกไม่ออกว่าน้องวรรณไหน ตอนแรกนึกไอออกเหมือนกันครับ น้องวรรณผู้ช่วยสุดป่วงของคุณป้าวิไลพรผู้มีสไตล์การพูดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะไงครับ



“วัล ใส่ชุดเน้ละสวยชิมะคะ คุณฟิลลิปป”


“ฮ่าๆๆ ครับ เอ่ออ น้องวรรณกับเพื่อนเอาของวางก่อนแล้วค่อยสั่งก็ได้ครับ”


“โอเคคร๊ คุลฟิลลิป”

“มากับเพื่อนเรียกพี่ พี่ฟิลลิปก็ได้ครับน้องวรรณ ไม่ต้องเรียกคงคุณอะไรหรอก”

“ได้ค๊ะ พี่ฟิลลิป งั้นเดะวัลวางของก่อนแล้วค่อยไปสั่งนะคร๊”

“ครับผม ตามสบายเลยครับ”

      


      ผมเดินกลับไปที่เค้าท์เตอร์ และที่รอผมอยู่คือ สายตาอาฆาตของปุ๊กกี้ ถ้าคุณนึกไม่ออก มันก็คล้ายๆสายตาของสัตว์ป่าตอนที่คุณไปไนท์ซาฟารี ตอนคุณสาดไฟฉายไปโดนดวงตาและมีแสงสะท้อนกลับมา แต่ว่าต่างกันตรงที่สัตว์ตัวนี่กำลังจ้องจะบีบคอผมอยู่ครับ




“ปุ๊กกี้ ปุ๊กกี้ ปุ๊กกี้อยากลองดรอปคอฟฟี่ ฝีมือเพื่อนมั้ย”


“หยุดเลยค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง เรายังคุยกันไม่จบ” ปุ๊กกี้มองหน้าผมพร้อมหรี่ตาลงเหมือนจะคาดโทษ

“กูยังไม่เคยเห็นมึงเดทกับใครเลยตั้งแต่.... เอ่อออ หลังจากตอนนั้นเลยนะ”


“โห่ ปุ๊กกี้ มึงไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตกูหรอก เอาเป็นว่าตอนนี้กูแฮปปี้จะตาย”

“มึง กูถามตรงๆ มึงยังไม่มูฟออนเรื่อง แดทแอสโฮล  อาร์ยู?”

“เหอะ กูลืมไปตั้งนานละ เรื่องเหี้ยๆใครจะจำ”

“ฟอร์เรียล?”


“เอออออ กูเหมือนคนแบกเรื่องราวในอดีตตรงไหน”


“ออฟคอร์ส ยูดู ถ้ามึงมูฟออนได้ก็ดีแล้ว กูเป็นห่วง กูกลัวว่ามึงจะมีปมในใจ แล้วก็.....”

               
               “ไม่เปิดใจให้ใครสักที”





      ผมมองตาปุ๊กกี้และผมก็รู้สึกเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่สามารถจะพูดมันออกมาได้ ผมอยากจะทำให้ได้เหมือนกับที่ผมบอกเหมือนกันครับ แต่ว่าบางครั้งเรื่องแบบนี้มันก็หนักหนาจนผมคิดว่าไม่มีทางที่ใครจะสามารถลืมมันไปได้ง่ายๆหรอกครับ เวลาเหมือนกับจะไม่ค่อยช่วยเยียวยาผมเท่าที่ควร ตอนนี้ผมคิดเพียงว่าผมไม่อยากให้เพื่อนจะต้องกังวลหรือเป็นห่วงผม แค่นั้นเองครับ



“กูหมายความอย่างที่พูดจริงๆนะฟิลลิป”

      

      ฮือออ น้ำตามันเหมือนจ่อจะออกมาให้ได้ครับ ทำไมผมโชคดีที่มีเพื่อนดีแบบนี้




“เอ่ออออ พี่ฟิลลิปคร๊ะ เอามอคค่าสองแก้วคร๊”

“ครับผม น้องวรรณ มอคค่าเย็นใช่มั้ยครับ”

“ใช่ค๊”

“ได้เลยครับบบ มอคค่าเย็นสองแก้ว สักครู่นะครับ เดี๋ยวพี่เรียก”

“เอ้อ ปุ๊กกี้ มึงช่วยเขียนป้ายรับสมัคร พาร์ททามให้กูหน่อยดิ เดี๋ยวกูทำกาแฟให้น้องแปป”

“เขียนว่าอะไรบ้างดีคะ” ปุ๊กกี้ถามผมพร้อมรับปากกาและกระดาษจากมือผม

“เอาเป็นภาษาไทยนะมึง ง่ายๆ ว่ารับสมัคร พาร์ททาม แล้วก็ใส่เบอร์โทรศัพท์ กูให้เขาโทรหากูถ้าสนใจ”

“โอ๊เค เลทมีแฮนเดิลดิส ค่ะ”




   ผมค่อยๆบรรจงตักผงโกโก้ใส่ลงในแก้ว เทน้ำร้อนจากเครื่องชงกาแฟ



ครืดดดดดดด
   


      น้ำร้อนอุณหภูมิ 100 degreeเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะละลายผงโกโก้ ผมบดเมล็ดกาแฟสดจากเครื่องบด และค่อยๆกดลงในแฮนเดิล  ผมใส่เจ้ากาแฟเข้าไปในเครื่องเพื่อที่จะชงกาแฟร้อนกลิ่นหอมฟุ้ง ผมผสนนมสดเย็นคุณภาพดีกับโกโก้เข้าด้วยกัน และเมื่อชอทกาแฟพร้อม ผมได้นำส่วนผสมทั้งสองอย่างมาเจอกันหรือที่ผมเรียกว่าเจ้าตัวพระและตัวนางด้วยอัตราส่วนเฉพาะตัวของผม
 กลึ้งกลึ้งกลึ้ง
   

      ผมคนส่วนผสมในแก้เล็กน้อย และสุดท้ายเมื่อทั้งสองมีความรักให้กัน หรือผสมกันอย่างกลมเกลียวดีแล้ว ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะลงหลักปักฐานในแก้วที่มีน้ำแข็งนอนรออยู่เหมือนดั่งเป็นเรือนหอของทั้งสอง
   
      ผมชอบสร้างเรื่องราวให้กับกาแฟแต่ละแก้วครับ นอกจากมันจะทำให้ผมสนุกกับการชงกาแฟทุกๆวัน ผมคิดว่าเอกลักษณ์ที่แตกต่างของกาแฟแต่ละแก้วนี่แหละที่ทำให้ผมหลงรักมัน ถึงแม้จะเป็นเมนูเดียวกัน แต่ส่วนผสมต่างก็มาจากวันผลิตที่ต่างกัน ถึงแม้จะมีรสชาติเหมือนๆกัน แต่ว่าเมล็ดกาแฟที่นำมาชงนั้นก็มาจากต้นกาแฟคนละต้น ถึงแม้ว่าคุณจะดื่มกาแฟแบบเดิมทุกวัน แต่เชื่อผมเถอะครับว่ากาแฟแต่ละแก้วมันมีเรื่องราวไม่เคยเหมือนกันครับ





“มอคค่าเย็นสองแก้ว ได้แล้วครับบบ”

“วั้ยยย ได้หล่ะหลอค๊ งั้นวัลจ่ายเงินเลยละกันนะค๊”

“ได้เลยครับน้องวัล”



   ‘มึ้งๆ วัล มึงจ่ายเบี้ยให้กูก่อนตะ เป๋าตังกูอยู่ไหนไม่รู้’ เพื่อนของน้องวรรณบอกน้องวรรณพร้อมคว้านหากระเป๋าตังในย่ามใบใหญ่ของเขา

   ‘เอาอีกหล๊ ประจัมเลยน๊ อิสัส ก้ดั้ยย’



“นี่ค๊ พี่ฟิลลิป สองแก้วค๊” ผมยื่นมือไปรับเงินจากน้องวรรณที่ตอนนี้เหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

“ครับบผม นี่เงินทอนครับบ”



   “เสร็จแล้วววว!!! ฟิลลิป ให้กูติดเลยมะ” ปุ๊กกี้ชูป้ายกระดาษที่เธอบรรจงเขียนและวาดรูปตกแต่งขึ้นด้วยความภูมิใจ

“โอเค ติดไว้หน้าร้านเลยมึง อย่าให้บังสติกเกอร์นะ”

“โอ๊เค๊ เกตอิท”




   ‘มุ้งนี่เขาติดป้ายไรนิ’ หลังจากปุ๊กกี้ติดป้ายเสร็จ ป้ายก็ได้รับความสนใจทันที

   ‘มึงก็อ่านสิเขาก็เขียนยู่ว’  ‘แฮะๆๆ’ น้องวรรณหันหน้าไปดุเพื่อนขี้สงสัยของเธอก่อนที่จะหันมาส่งรอยยิ้มแห้งให้ผม


“อ๋อ ป้ายรับสมัครพนักงานพาร์ททามครับ พี่กำลังหาคนมาช่วยงานที่ร้านหน่ะครับน้องวรรณ”ผมคลายความสงสัยให้กับน้องๆ

“อ๋อออออค๊ พี่ฟิลลิป โอ้ยวัลนี่อยากสมัครเลยค๊ ได้ทำงานกับพี่ฟิลลิปทั้งวัน อรั้ยยยย ถ้ามั้ยติดทำงานกับป้าวิไลพรนะค๊ วัลสมัครแหล่วค๊”

“ฮ่าๆๆๆ ครับ พี่เขินเลยครับน้องวรรณพูดแบบนี้”

“น้องวรรณก็พูดไปงั้นแหละ ใช่มั้ยค่ะ” อ่าวปุ๊กกี้ ทำไมไม่ซัพพอร์ทเพื่อนเลยหว้า 



“แต่เอาดีๆนะคะน้องวรรณ พี่อะว่างๆพี่ยังชอบมานั่งเล่นที่นี่เลย เพราะว่าแถวนี้หน่ะ ฝรั่งดีเว่อออ” นั่งไงงงง ผมว่าหล่ะ ทำไมมันชอบหาเรื่องมาที่ร้านผมบ่อยๆ นึกว่าจะมาหาเพื่อน เห้อออ



“พี่ปุ๊กกี้ ชอบฝรั่งหรอค๊”

“โอ้ยพี่หน่ะสายฝอ. ยิ่งผู้แถวนี้นะ ใส่สูทรองเท้าหนังดีเว่อออ ฝรั่งมีการมีงาน!!! ”

“โอ้ยยย วัลมั่ยค่อยชอบฝรั่งเท่าไหร่นะค๊ คุยกับเขามั่ยรู้เรื่อง”

“หรออออ งั้นน้องวรรณชอบแบบไหน เมาท์ให้พี่ฟังงงง”

“วัลชอบตี๋ๆขาวๆ ตัวใหญ่ๆนะค๊ อร้ายยย พูดล๊เขิน”

“โอ้ยยย ชอบเหมือนอีฟิลลิปมันเลยยย” ปุ๊กกี้พูดพร้อมยื่นมือมาตีผม



“เห้ยยย กูยังยืนอยู่ตรงนี้นะเว้ยย ไหงนินทากันงี้อะ” โอยย จริงๆผมไม่ได้ชอบใครที่รูปร่างภายนอกหรอกครับ ผมชอบที่ตัง เย้ยยย ไม่ใช่ ผมชอบคนที่จิตใจดีมากกว่า



“นี่ น้องวรรณต้องชอบคนนี้แน่เลยย เขาเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนสคนใหม่ของพี่”

“ไหนค๊พี่ปุ๊กกี้ หั้ยวัลดูหน่อยย”    “อุ๊ยยย  โอ๊ยหล่อออออออมากกกกกกค๊พี่ปุ๊กกี้ ด้ัยมั้กกกกกก หุ่นเหิ่นหน้าตาผู้ดีเว่อค๊”

“นั่นไง งานเปิดวาร์ปกันก็มา”

“ใช่มั้ยคะ ไอโทลยู”

      

      ไม่ทันที่ผมจะได้เข้าไปร่วมวงดูรูปในโทรศัพท์ปุ๊กกี้ (เอ้ยไม่ใช่ครับ55555) เจ้าเป็ดไอโฟนตัวดีของผมส่งเสียงร้องเรียกผมจากในลิ้นชักเสียก่อน



แคว๊ก แคว๊ก แคว๊ก  แคว๊ก




“สวัสดีครับบบ”


“ซาวัดดีค่ะ.............”



“ครับผม สวัสดีครับบบ”





อ่าว ทำไมสวัสดีแล้วเงียบไปหล่ะ






“เอ่อออ ไม่ทราบมีอะไรรึปล่าวครับ”




“คือจิสมัครงานเท่ร้านกาแฟหนะค่ะ”


นั่นไงมีคนสนใจจะมาช่วยงานผมแล้วว


“อ๋ออ ครับบบผมมม”    “ไม่ทราบว่าชื่ออะไ....”




   ‘อีใบเตยยยยยยย!!!!!!! มึงจะโทรทัมมัย!!! มึงเดินมาบอกพี่เขาซี๊’



ตึ้งงงงงงง ภาพที่ปรากฎตรงหน้าผมตอนนี้คือ น้องวรรณ หยิบถาดใส่แก้วน้ำ ตีหัวเพื่อนของเธอดังป๊าปปปใหญ่



   ‘โอ้ยยยย มึ้งติตีกูทั้มไมมมมมม’

   ‘อ้ะอี้โง่ววว มุงจะสมัครงาน มุงก้เดินมาบ้อกเพ่เขาเสะะะะะะะะ’

   ‘ ก็โกเห็นในใบสมัครเขาแหลงว่าถ้าสนใจให้โทรอะ’

   ‘โอ้ยยยยย อิโง่ววว ตอนเดกๆแดกไรเป็นอาหารห้ะ ทำไมซื้อบื้อจังงงงงง’

   ‘กล้วยบ๊ด กับสตอต้ม’

   ‘โว้ยยยยยยย กูไม่ดั้ยจะถามมุงโว้ยยยยย’

 


“ครับ55555 น้องๆครับพี่ว่าอย่าเพิ่งทะเลาะกันดีกว่านะครับ” ผมต้องรีบห้ามน้องทั้งสองก่อนที่ลูกค้าคนอื่นในร้านของผมจะตกใจกับตลกฉากใหญ่ที่น้องวรรณกับน้องใบเตยเล่นกันอยู่ตอนนี้

“น้องชื่อน้องใบเตยใช่มั้ยครับ เดินมาสมัครกับพี่เลยก็ได้นะครับ”

“ตอนแรกหนุ่ยไม่แน่ใจนะคะ ว่าติเดินมาหาแล้ว เห็นเขาบอกให้โทร”

“อ๋อ ความผิดพี่เองครับ พี่ขอโทษด้วย5555”

“แล้วน้องใบเตยเคยทำงานร้านกาแฟมาก่อนมั้ยครับ”

น้องใบเตยเงียบ เหมือนกับครุ่นคิดกับคำถามของผม ก่อนที่จะตอบออกมาด้วยคำตอบที่ทำให้ผมตกใจ

“เคยแต่ช่วยน้าทำชาชักตอนอยู่เท่บ้านอะคะ”

“แต่หนูเคยเข้ารฮ้านกาแฟแบบนี้มาตั้งสามครั้งนะคะ”

ตึ้งงงงงงงงง ได้ยินน้องใบเตยบอกแบบนี้ ปรัชญาของป้าวิไลพรที่บอกกับผมเมื่อเช้าก็ลอยเข้ามาในหัวของผม






      “ถ้าเรารู้ว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องอะไรเนี่ย ต้องรู้และยอมรับนะคะ และเมื่อเรายอมรับเนี่ย เราก็จะได้ขอให้คนอื่นที่เขาเก่งเรื่องนั้นๆเนี่ยมาช่วย”

      
      “วิธีนี้เนี่ย จะช่วยให้งานของเราสำเร็จลุล่วงไปได้นะคะ”



      

      
      ผมรู้ครับว่าผมก็กำลังเรียนรู้ที่จะบริหารร้านกาแฟของผมอยู่เหมือนกัน ผมยอมรับเลยครับว่าผมต้องการความช่วยเหลือ แต่กรณีของน้องใบเตยแล้ว เห็นได้ชัดเลยครับว่า ปรัชญาของป้าวิไลพรนำมาใช้ในกรณีนี้ไม่ได้แน่ๆ


“เห้ย คุณมึง ดูท่าไม่ไหว กูว่าก็ปฎิเสธไปก็ได้ เดี๋ยวมึงจะมีภาระหนักขึ้นไปปล่าวๆ” ปุ๊กกี้เดินมากระซิบข้างหูผม

      แต่ถ้าหากเราไม่ให้โอกาส เขาจะได้รับโอกาสหรอ? นี่คือสิ่งที่ผมคิดครับ


“ไหวเว่ยมึง!!!” นี่คือสิ่งที่ผมบอกเพื่อนของผมและตัวผมเอง


“น้องใบเตยครับ ทำไมถึงอยากทำงานหรอครับ?”


….. “หนูอยากมีรายด้ายพิเศษคะ พี่จะให้หนูทำอะไหร หนูทำได้หมดเลยนะคะ” น้องใบเตยยืนยันคำตอบด้วยเสียงหนักแน่น ถึงแม้ว่าเหมือนจะลังเลอยู่บ้างก็ตาม


“ครับผม ถ้าอย่างนั้น ก็เริ่มงานได้เลยครับ!!!”


“จริงหรอคะพี่ แหม่หนุ่ยได้งานแล้ววววววววววว!!! ”

   


      และในที่สุด ร้านตามตะวันคาเฟ่ของผมก็มีลูกจ้างเป็นนักศึกษาพนักงานตัวอวบและผมหยักศก ที่มีดีกรีเคยเป็นมือชงชาชักจากดินแดนด้ามขวานภาคใต้ น้องใบเตย ฮึฮึ ผมพอจะมองเห็นความวุ่นวายที่ก่อตัวขึ้นในร้านของผมในอนาคตอันใกล้นี้แล้วละสิ




“อย่าพึ่งดีใจไปๆๆๆ เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้ากันเบื้องหลังร้านมาให้ เราเข้ามารอรับออร์เดอร์ด้านในก่อนนะ”


“ได้คะนายหัว” น้องใบเตยตอบรับผม พร้อมพนมมือที่อก เหมือนกับตัวเองเป็นพนักงานตอนรับบนเครื่องบินสายการบินสีม่วง55555

“ปุ๊กกี้ ฟากน้องแปปนึงนะ เดี๋ยวมา”

      


      ผมเดินตัวลอยๆไปยังที่เก็บของหลังร้าน เอะ ผมเก็บผ้ากันเปื้อนสำรองของผมไว้ตรงไหนนะ บนชั้นเก็บสต๊อกของก็ไม่มี หลังตู้เย็นก็ไม่มี


ฮืมมมมมมม

   
      นี่ไง อยู่ในลิ้นชักนี้นี่เอง ว่าแต่ น้องใบเตยจะใช้ผ้ากันเปื้อนไซส์เดียวกับผมได้มั้ยนะ แต่ว่ามันฟรีไซส์นี่หว่า



            

               ตึก! เพล้ง! ฟรืดดดดดดดดดดด!!!




   นั่นไง ระหว่างที่ผมกำลังจะออกไปด้านหน้าร้าน ผมก็ได้ยินเสียงดังมาจากหน้าเค้าท์เตอร์  ผมรีบวิ่งไปดูที่หน้าร้าน และภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าของผมก็คือ  น้องวรรณลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น น้องใบเตยยืนตัวแข็งถื่ออยู่ในเค้าท์เตอร์ ปุ๊กกี้กระโจนตัวออกมา และบนพื้นเต็นไปด้วยโหลแก้วที่แตกและเมล็ดกาแฟที่หล่นกระจาย

และที่ยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมดนั้นก็คือ ผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างดี สูงชะลูด สีหน้าของเขาก็กำลังตกใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดเช่นกัน





“เบิร์ดดด!!!”

   


      ผมพุ่งเข้าไปเกาะเค้าท์เตอร์เพื่อดูว่าเจ้าเบิร์ดปลากัดเพื่อนรักของผมได้รับอันตรายใดๆหรือไม่ แต่โชคดีที่มันไม่ได้โดนลูกหลงใด ในใจของผมนึกว่ามันลงไปกองดิ้นอยู่บนพื้นเสียแล้ว




   “ขะ ขอโทษครับ มีใครรึปล่าวครับ” ผู้ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับมองดูทุกคนรอบๆด้วยสายตาเป็นห่วง



   “คะคลเน้ เลยยยย” น้องวรรณทำตาลุกวาวแต่ก็ยังนั่งอยู่บนพื้น


   “…………” น้องใบเตยตาโต ยืนตัวแข็ง เหมือนกับเจอสิ่งที่น่ากลัวมากๆ หรือว่าผู้ชายหล่อมากๆจนทำอะไรไม่ถูก เอะ


   “ปุ๊กกี้ไม่เป็นอะไรคะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ปุ้กกี้ยิ้มให้เขา พร้อมกับขอโทษ? เอะ ปุ๊กกี้จะขอโทษเขาทำไม

   


      “ทุกคน นี่คุณอลัน เทรนเนอร์ฟิตเนสของปุ๊กกี้เอง”


               
               



                  ตึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!








@@นั่งคุยหลังร้าน@@

   สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน ตอนนี้ก็อาจจะเป็นตอนที่ใครหลายๆคนรอ (มีรึป่าวฮือๆๆๆ) ตอนนี้ทุกคนก็ได้เจอกับตัวละครที่ผมอยากให้ทุกคนเจอแล้วนะครับบบซึ่งตามจริงผมก็วางแผนให้เขามาเจอทุกคนเร็วกว่านี้ แต่นี่ก็ไม่ถือว่าช้าไปเนอะครับ เขาคนนั้นนั่นคือออ น้องใบเตยนั่นเอง เย้ยยย!!! ไม่ใช่ ก็คือคุณอลันนั่นเอง ถ้ายังไงก็ขอคุณทุกคนที่ตามอ่านนะครับ และก็ได้โปรดให้อภัยนักเขียนมือให่คนนี้ ที่กว่าจะเขียนออกมาแต่ละตอนได้ก็ใ้เวลาเยอะเหลือเกิ้นนนน สัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือและเขียนออกมาให้ทุกคนอ่านบ่อยกว่านี้นะครับ ถ้ายังไงก็ฝากด้วยนะครับ แล้วก็



 1 ความคิดเห็น เท่ากับ 1 กำลังใจ




       มาพูดคุยกับผมได้นะครับบบบบ ทุกคอมเม้นมีความหมาบกับผมจริงๆ

                              ไว้เจอกันนะครับ  Redtails


หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ], #Ep.4 ARRIVAL ☕️ (50%) 17/11/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 17-11-2017 05:28:16
 EP. 4 ARRIVAL 50%




      คุณเคยรู้สึกเหมือนผมบ้างไหมครับ บางครั้งผมก็สงสัย ว่าสิ่งใดที่นำพาให้คนสองคนที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีทางที่จะมาพบกันได้ ได้มารู้จักกัน สิ่งใดที่ทำให้คนแปลกหน้าสองคน ได้โคจรมาพบกัน
   
      
      ทั้งๆที่ในโลกนี้ก็มีคนตั้งเจ็ดพันล้านคนนะครับ คนตั้งเยอะแยะมากมาย อะไรมันถึงเลือกให้คนสองคนมาเจอกันได้นะ บางคนก็บอกว่าผมว่ามันเป็นเรื่องของ ‘โชคชะตา’ ฟังดูน่าโรแมนติกดีเนอะครับ บางคนก็บอกผมว่าเป็นเรื่องของ ‘เวรกรรม’ ที่ทำในชาติปางก่อน อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวรกรรมหน่ะมันมีอยู่จริงรึไม่  ฮืมมม โลกใบนี้จะว่าไปมันแปลกดีนะครับ แต่ผมคิดว่าความแปลกดีของโลกนี่แหละ ที่ทำให้มันน่าอยู่
   



      อย่างตอนนี้เลยครับ ผม กำลังนั่งอยู่ในร้านอาหาร ที่เต็มไปด้วยข้าวของตกแต่งเก่าๆจากหลายยุคหลายสมัยจากทั่วทุกมุมโลกตั้งวางเรียงกันอย่างพร้อมเพรียงบนเชลฟ์วางของ มีทั้งพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่ดูน่าจะมีอายุไม่น้อย วางอยู่ข้างๆตุ๊กตาแม่ลูกดกจากรัสเซีย ถัดไปเป็นกระถางดอกทิวลิปดอกไม้ที่เป็นสินค้าส่งออกจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งวางอยู่ติดกับตุ๊กตา Funkopop กัปตันอเมริกา ที่ก็วางติดกับหินหยกแกะสลักลายมังกรจีน
   
   ของประดับในร้านนี้ก็เป็นเป็นตัวอย่างที่ดีนะครับ ของความแปลกในโลกใบนี้ 55555 ถ้าหากของพวกนี้สามารถพูดคุยกันได้ พบว่ามันคงจะเป็นการพูดคุยที่น่าจะวุ่นวายน่าดู  น่าจะไม่มีใครคุยกับใครรู้เรื่องแน่นอน55555555  และผมว่านะครับ ไม่น่าจะใช่ทั้ง โชคชะตา หรือ เวรกรรม หรอกครับที่นำพาให้ของเหล่านี้มาตั้งอยู่ด้วยกันได้(จริงๆน่าจะเป็นรสนิยมสะสมของของป้าวิไลพรนะครับ5555555)
   



   จะว่าไป ของบนเซลฟ์นั้นอาจจะดูแปลกไปน้อยลงเมื่อเทียบกับโต๊ะอาหารของผมตอนนี้ ตรงข้ามของโต๊ะด้านหน้าของผมคือ ชายลูกครึ่ง ตาสีน้ำตาลผมสีดำ ครูผู้ฝึกสอนฟิตเนสบนห้างใหญ่ข้างคอมมูนิตี้มอลของร้านผม(แม่งเท่ห์จังวะ) ติดกันกับเขาที่นั่งอยู่ คือ ดีไซส์เนอร์สาวสุดสวยและไฮโซเพื่อนของผมเอง (ไอ้คุณปุ๊กกี้) และที่นั่งอยู่ข้างผมสองคนก็คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยสองคน ที่คนหนึ่งเคยเป็นมือชงชาชักจากสงขลา(ไอ้น้องใบเตย) กับอีกคนนึงเคยเป็นสก๊อยแว๊นซ้อนมอเตอร์ไซส์อยู่บนถนนเอเชีย(ไอ้น้องวรรณ) คุณว่าเป็นการรวมตัวที่แปลกไหมหล่ะครับ55555555



“เอ่อออออ ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดีแฮะ ฮะฮะๆ” ผมพยายามจะเปิดบทสนทนาเพื่อทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหารสุดแปลกนี้ครับ


“ผมว่าผมต้องขอโทษ คุณฟิลลิปนะครับที่ทำให้ร้านคุณวุ่นวายเมื่อกี้นะครับ” ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามผมบอกพร้อมกับยกมือไหว้ผมเล็กๆ แหมะ เท่ห์แล้วยังนอบน้อมอีกโว้ย


“เอ่อออ วัลว่า วัลตั้งหากค๊ ที่ต้องขอท่ด วัลเองที่เป็นคนปัดโหลแก้ว ตกแตกอะค๊”น้องวัลยกมือไหว้ผู้ชายตรงกันข้ามและผม ดูจากท่าแล้วน้องวรรณน่าจะรู้สึกผิดไม่น้อยเลยครับ


“แต่ผมก็ผิดนะครับ ผมไม่เห็นว่าพวกคุณกำลังคุยกันอยู่ แล้วเดินเข้าไปทำให้พวกคุณตกใจกันหมด” โห พ่อคุณถ่อมตัวจังวะ เห้ยย


“คุลอลันไม่ผิดเลยค๊ ต้องโทดอีใบเตยเลยพี่ฟิลลิป มันเห็นคุณอลันเขาเดินมาละไม่บอก” อ้าว เริ่มโทษกันเองละ


“ก็ ก็ ก็กูอึ้งอยู่นิมึง ” น้องใบเตยพูดด้วยเสียงสั่นๆ ตาก็จ้องแต่หน้าคุณอลัน ท่าทางนี่รู้เลยครับว่าทั้งเกร็งทั้งเขินความหล่อของเขา เฮ้ออออออ555555


“จริงๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับทุกคน แค่โหลใบเดียวเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ” ฮืออออออออออ ผมพูดไปอย่างนั้นแหละครับบบบ ฮือออ ผมเสียดายโหลของผมมมมมมมม แต่ไม่ได้ครับ ผมต้องใจกว้างๆเข้าไว้ ฮึบ


“เอ่อออ แต่ผมก็ไม่สบายใจอยู่ดี ให้ผมเลี้ยงอาหารมื้อนี้ทุกคนเถอะนะครับ” โอ้โหหห นอบน้อม ถ่อมตัวไม่พอยังจะใจดีอีกหรอว่ะ


“ถ้าอย่างงั้นปุ๊กกี้สั่งไม่เกรงใจเลยละกันนะคะ 555555” นั่นไง มีความสุขเลยเชียวหล่ะเพื่อนของผม เจอผู้ชายหล่อเลี้ยงข้าวสะหน่อย ดีใจออกนอกหน้าเลยนะครับ


“สั่งตามสบายได้เลยครับ แต่ว่าอย่าลืมว่าคุณต้องคุมอาหารอยู่นะครับปุ๊กกี้”


“อุ้ย ลืมไปเลยอะ แฮะๆๆๆ เกือบไปไหมหล่ะ” ปุ๊กกี้พูดพร้อมกับวางเมนูลง ด้วยความผิดหวัง เป็นไงหล่ะ หงอยไปเลย โดนพ่อดุ


“‘งั้นหนูสั่งอาหารเลยนะคะ นายหัว ฮิฮิ ลาภปากกูแล้ว”  นั่นไง ตลกรับประทานตัวจริงเสียงจริงอยู่ตรงนี้ครับ น้องใบเตยกับของกินนี่ ไม่ได้เลยนะครับ 55555


“ใบเตย เราทิ้งร้านมาสักพักละนะ กลับไปเฝ้าร้านให้พี่หน่อยได้มั้ย” ไม่ได้ครับ ผมต้องขัดไว้ก่อนไม่งั้นคุณอลันเนี่ย ได้กระเป๋าตังฉีกแน่ๆ


“ฮืออ ก็ได้ค่ะ นายหัว”


“เห้ย แต่ว่าถ้ามีลูกค้าเข้าหรือมีอะไร โทรถามพี่นะ” ไม่ได้ครับ จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผมยังไม่วางใจเท่าไหร่ครับ555

“ค่ะ” “ถ้าใบเตยไป งั้นวัลไปช่วยใบเตยเฝ้าร้านดีกว่านะค๊” นั้นไง คราวนี้ผมควรจะสบายใจรึเป็นห่วงมากกว่าเดิมดีละครับเนี่ย


 




   อ้าว รู้ตัวอีกที ตอนนี้โต๊ะอาหารสุดแปลกของผมก็เหลือเพียงแค่ ผม ปุ๊กกี้ และก็คุณอลัน สามคนเท่านั้น ไม่รู้ดเพราะอะไรครับ พอคนเหลือน้อยๆ ผมก็เริ่มรู้สึกเกร็งๆขึ้นมา ทั้งๆที่ปกติผมไม่ค่อยเป็นอย่างนี้นะครับ


   คุณอลันมองหน้าผมสลับกับมองปุ๊กกี้ แล้วก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ผมบอกตรงๆว่ารอยยิ้มของเขานี่แหละ เริ่มทำให้ผมรู้สึกเกร็งๆขึ้นมา จนผมต้องก้มมามองจานเปล่าด้านหน้าผมแทน




“ปุ๊กกี้กับคุณฟิลลิป เป็นเพื่อนกันมานานแล้วหรอครับ” ผมว่าผู้ชายตรงข้ามผมน่าจะสัมผัสได้ถึงความเกร็งๆของผมเขาเลยเริ่มชวนผมคุย


“อ๋อ เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนมอปลายแล้วค่ะ ตอนเรียนมหาลัยเราก็เรียนอยู่ที่เดียวกัน” ปุ๊กกี้ตอบคำถามคุณอลันพร้อมกับยิ้มและขยิบตาส่งสัญญาณมาให้ผม



“ใช่มั้ยฟิลลิป” นั้นไง ถ้าจะมีใครสักคนสังเกตอาการแปลกไปของผมได้ดีที่สุด คนนั้นก็คือปุ๊กกี้นี่แหละ



“ห้ะ อะไรนะ” ผมไม่ได้ฟังทั้งสองคนคุยกันก่อนหน้านี้ครับ และผมก็งงๆ กับท่าขยิบตาที่เป็นสัญญาณของปุ๊กกี้ด้วย ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจจะหมายความถึงอะไร


“คุณอลัน ถามว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันมานานรึยังงง ” ปุ๊กกี้ทวนคำถามของคุณอลันให้ผม


“อ่อ นานแล้วครับ” ผมตอบไปพร้อมกับยิ้มแห้งๆของผมให้กับผู้ชายตรงหน้าที่มองหน้าผมอยู่


“แล้วร้านของคุณฟิลลิปเปิดมานานรึยังครับเนี่ย” นั่นไง คำถามาอีกแล้ว คุณอลันยิ้มพร้อมกับมือตั้งบนโต๊ะ และเท้าคางมองหน้าผม


“เปิดได้ไม่นานครับ ยังไม่ถึงเดือนเลยครับ” ผมตอบเขาพร้อมพยายามควบคุมตัวเองให้มองหน้าเขาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท




“จริงๆ ผมอายุมากกว่าปุ๊กกี้แค่สองปี ฟิลลิปไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้นะ” เอ่อ คุณอลัน มันไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกหายเกร็งขึ้นเลยนะครับ


.
.
.
.
.


   “เอ่ออออ คือว่าผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ” ผมลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าเงินของผม ผมว่าที่ตรงนี้มันอึดอัด ผมว่าผมทนอยู่ต่อไม่ไหวครับ




“อ่าว เป็นอะไรหรอครับ ฟิลลิป ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนหรอครับ”  คุณอลันถามผมด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง แต่ผมไม่ชอบสายตาที่เขาส่งมาเลย ทำไมมันดูเหมือนจะขอร้องให้ผมอยู่ต่อ



     “คือผมว่า..... ผมเป็นห่วงที่ร้านนะครับ   เดี๋ยวปุ๊กกี้ไปฟิตเนสต่อเลยใช่มั้ย งั้นผมขอฝากปุ๊กกี้ไปกับคุณอลัน เอ้ย  อลัน ด้วยละกันนะครับ”



“อ๋อ ใช่ครับ ได้ครับๆ”

“เอ้ย อีคุณมึงงงง”

   


   


   ผมไม่รีรอยืนอยู่ให้นาน รีบพุ่งออกจากร้าน หลังบอกให้ทั้งสองคนทานข้าวกันตามสบายและขอบคุณสำหรับน้ำใจของเขา
   


   ผมไม่ได้เป็นห่วงร้านอย่างที่บอกเขาไปหรอกครับ จริงๆก็เป็นห่วงนิดนึง แต่มันไม่ใช่เหตุผมหลักที่ผมขอตัวออกมาก่อนหรอกครับ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ผมรู้สึกแปลก ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่ง บางสิ่งในตัวคุณอลัน ที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกแบบบอกไม่ถูก และไม่ใช่ในทางที่ดีด้วย
   

   ผมกลับมายังที่ร้านกาแฟของผมและทำงานต่อในเวลาที่เหลือ พร้อมกับสอนน้องใบเตยเล็กน้อย ด้วยกับความรู้สึกขุ่นๆแปลกๆที่เหมือนลอยอยู่ในอกของผม จนกระทั้งเคลียของและปิดร้าน ความรู้สึกนี้ก็ยังคงอยู่
อาจจะเป็นเพราะวันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยๆ เมื่อคืนผมก็นอนดึกด้วย แล้วก็บรรยากาศท้องฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนจะตกตอนค่ำๆแบบนี้ ทำให้รู้สึกไม่ดีด้วยมั้งครับ

   

   ระหว่างที่ผมเช็ดแก้วกาแฟ และค้นความคิดของตัวเองไปเรื่อยๆ ผมมองแก้วกาแฟที่ผมถืออยู่ ก็ได้เจอกับความคิดความคิดหนึ่ง ที่ผมก็ไม่ชอบ เหมือนกัน






   “ไม่ใช่หรอก คนตั้งเยอะตั้งแยะ คล้ายกันก็เป็นเรื่องไม่แปลก”
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.4 COMPETITION ☕️ (50%) 17/11/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 19-11-2017 03:49:58
เอาเพลงมาฝากครับ ก่อนที่เราจะได้อ่านครึ่งหลังที่เหลือ แนะนำให้เปิดเพลงนี้เป็น mood เวลาอ่านครึ่งหลังครับ  :katai5:


https://youtu.be/Buga_CduDv4
https://youtu.be/Buga_CduDv4
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.4 ARRIVAL ☕️ (50%) 17/11/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-11-2017 13:16:28
“ไม่ใช่หรอก คนตั้งเยอะตั้งแยะ คล้ายกันก็เป็นเรื่องไม่แปลก”

เหมือนหรือ แล้วชื่อไม่ใช่
หรือเปลี่ยนชื่อ หรือเป็นแฝด

ที่ไม่ดีก็ตรงที่ฟิลลิป รู้สึกในทางไม่ดีนี่แหล่ะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.4 ARRIVAL ☕️ (50%) 17/11/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 20-11-2017 22:25:51
EP. 4 ARRIVAL part 2







ผมสะบัดหัวไล่ความคิดที่ไม่อยากนึกถึงออกไปและขับไล่ความเหนื่อยล้า เหลือแค่ผมจัดโต๊ะและเก้าอี้นิดเดียวผมก็พร้อมที่จะกลับบ้านแล้ว




              เวลาค่ำๆแบบนี้ การจราจร ของกรุงเทพมหานครเมืองหลวงที่น่าอยู่ของเราก็เริ่มจะหนาแน่นอีกครั้ง ผู้คนต่างออกจากที่ทำงานบ้างก็มุ่งหน้าไปยังบ้าน บ้างก็มุ่งไปสังสรรค์ ท้องถนนก็ถูกย้อมด้วยแสงไฟ สีส้มและสีแดง จากรถยนต์และไฟให้ความสว่าง เป็นสัญญาณบอกว่า เมืองยามราตรี นี้ได้เริ่มตื่นขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าวันนี้รถดูจะติดเป็นพิเศษ เพราะมีเม็ดฝนจำนวณมาก โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ทำให้หลอดไฟตามที่ต่างๆ ดูจะมีประการสวยงามเป็นพิเศษ



         ผมขับรถออกจาก ‘วีมอล’ที่ทำงานของผมได้ไม่ไกล ก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนหนึ่ง หน้าตามอมแมม ผูกผมแกละสองข้าง เดินจูงมือคุณพ่ออยู่ข้างถนน ทั้งสองเดินหัวเราะเฮฮา ฝ่าฝนที่โปรยปรายลงมา เหมือนกับการที่รถติดบนท้องถนนเวลานี้ ไม่ได้เป็นปัญหาต่อความสุขของพวกเขาเลย เด็กน้อยและคุณพ่อเดินอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆร่วมงานของคุณพ่อ ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่างก่อสร้าง ในมือของพวกเขาถือปิ่นโตใส่กับกับข้าวและในมืออีกข้างหนึ่งถือกระสอบ ทุกคนต่างมีรอยยิ้มบนใบหน้า แม้ว่าในวันนี้เขาจะทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่เหมือนฝนที่ตกลงมานั้นเป็นรางวัล ช่วยชำระความเหนื่อยล้าและ เฉลิมฉลองการทำงานที่ได้ผ่านไปอีกหนึ่งวัน


         ผมที่นั่งอยู่ในรถจากที่มีความรู้สึกหม่นหมองในใจได้เห็นภาพคนอื่นมีความสุขแบบนี้ก็มีแรงบัลดาลใจที่จะมีความสุขเช่นกัน ต้องขอบคุณเด็กน้อยคนนั้นที่ช่วยเดือนให้ผมไม่ลืมที่จะมีความสุข







   
   
         ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ปราศจากแสงไฟของผม ผมถอดรองเท้า เปิดไฟ สร้างแสงสว่างสีส้มให้ห้องของผม วางกระเป๋า และทิ้งตัวลงบนเตียง



   “แคว๊กกก แคว๊กกกก แคว๊กกกกกกก”



         ผมถึงห้องยันไม่ทันได้พักผ่อน เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น บุคคลที่อยู่ปลายสายคืออีคุณต้นเองครับ     



“มึงงงงง ฮือออออือออๆๆๆๆ” เสียงค่อยต้นฟังดูสั่นเครือ เหมือนกับกำลังร้องไห้อยู่


“เห้ย มึง เป็นอะไร” ผมถามคนที่อยู่ปลายสายด้วยความเป็นห่วง แต่ต้นกลับบอกผมว่า


“มึงงงงงง ถือสายรอแปปนึงงง ฮือออออ กูโทรหาปุ๊กกี้ก่อนน ประชุมสายฮือ ฮืออออ”





   อ้าว555555 เป็นอย่างั้นไป ยังไม่ทันรู้เรื่องเลยครับ ผมก้ถูกทิ้งให้นั่งรอฟังเสียงเพลงรอสายไป สงสัยคงจะมีเรื่องอะไรแล้วอยากปรึกษาผมกับปุ๊กกี้ทีเดียวเลยมั้งครับ




‘ฮูวุ ฮุฮู ฮูวุ ฮุฮูว วู้ว ทุกครั้งก็ยังโสงสายยยยยย เมื่อทำอะรายยยยที่ดูไม่มีความหมายยยย’

   
   
     โอ่ยยยย เสียงรอสายของค่ายโทรศัพท์สีฟ้าดังขึ้นเป็นเพื่อนผมระหว่างรอ ผมเลิกทำงานมากะจะพักผ่อน ทำไมผมต้องมานั่งฟังเสียงรอสายเพลงอะไรนี่ด้วยเนี่ย มันไม่ได้ทำให้ผมชิลขึ้นในการรอเล้ย




“มึงงงงง  ฮืออออออ อีปุ๊กกี้ไม่รับสายอะ ฮืออออ เดี๋ยวกูลองโทรอีกที”

“เห้ยยยย มึงเป็นอ...” ผมก็ยังไม่รู้เรื่องอีกแล้วครับ แถมยังต้องกลับมานั่งฟังเสียงรอสายต่อ




‘โอ้ววววว อยากจะยืน อยากจะนอน อยากจะหลงทางบ้าง  อยากจะเชย   อยากจะลองรองเท้าคนละข้างงงงงง......’

    

   โอยยยยยยยย ไอ้เพลงบ้านี้ พอฟังซ้ำหลายๆรอบมันก็เหมือนเพลงสะกดจิตทำให้ผมอยากจะบ้าไปเถอะ ให้ตายสิ



‘ไม่มีเหตุผล ไม่มีความหมาย แค่อยากทำอะไรตามใจ   ก็เท่านี้   ไม่มีเหตุผล ....นะโว้วสบายใจ ลัล ลัล ลา ลา ฮู้ ฮูวววววว’



         “มึงงง ฮืออออออออ อีปุ๊กกี้มาละอ ฮืออออออ”

“ฮัลโหล คุณมึงงงง อีต้นนนนน เป็นอะไรรรร”


“เออออ ขอบคุณพระเจ้าที่มึงรับสายสักที”


“เออออออกูเพิ่งถึงบ้าน อีต้นเป็นอะไร คอมดาวน์ นะคะ”


“มึงงงงงง ฮืออออออ แม๊กซ์ ฮือออออ แม๊กซ์ ทิ้งกูแล้วมึงงงงงง”


“เฮ้ยยยยย หรอออ มึง แม๊กซ์ทิ้งมึงแล้วหรอ”


“แม๊กซ์ ฝรั่งที่เราเคยไปกินเหล้าด้วยกันที่ข้าวสารอะนะ” ผมถามต้นเผื่อความแน่ใจครับ


“ฮืออออออใช่ ฮือออออ”


“โถ่ กูก็นึกว่ามึงเป็นอะไรไปซะอีก ร้องไห้สะใหญ่โต ”ปัดโถ่ว ตอนแรกผมก็คิดว่ามีเรื่องอะไรขอขาดบาดตายรึปล่าว แต่พอให้ผมถือสายรอนานๆ ผมก็เริ่มคิดว่าไม่น่าจะใช่ละ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องผู้ชายทิ้งนะครับเนี่ย


“ว่าแต่มึงไปคบกันตอนไหนคะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เอ้า กูก็นึกว่ามึงรู้เสียอีกปุ๊กกี้ เมื่อกี้ยังถามเหมือนรู้เลย

“เอ้า กูก็นึกว่ากูไม่รู้เรื่องคนเดียว”


“ฮืออออออออออออ ก็นั่นแหละ มึง เขาจะกลับประเทศเขาแล้ว” อ้าว ผมถามอะไรผิดไปรึปล่าวครับเนี่ย อีต้นมันร้องไห้หนักกว่าเดิมเฉ้ยยยย


“เอ้า ก็เขามาเที่ยวไม่ใช่หรอ” เอออใช่ปุ๊กกี้ ผมก็จำได้ว่าเขาเคยบอกว่าอย่างนั้น


“ฮืออออออใช่”


“แล้วมึงจะร้องไห้ทำไม เขาไม่ได้จะตายไปสักหน่อย” โถ่ววว จะร้องไห้ไปทำไมเพื่อนนนน


“ฮืออออออออ ก็แม๊กซ์บอกว่า ขอบคุณมากที่เป็นเพื่อนเที่ยวเขาตลอดทริปที่ผ่านมา”


“เอ้า แล้วจะเสียใจทำไมคะ” เออออจริง ปุ๊กกี้


“ก็กูรักเขาไงมึงงงงง ฮือออออ กูนะอุส่าห์ลางาน เขาอยากไปไหนกูพาเขาไปทุกที่เลย” นั้นไงครับ ต้นเหตุมันอยู่ตรงนี้นี่เองงงง โถ่ว อีต้น ไอตุ๊ดน้อยของเพื่อน


“ตอนที่มึงเพิ่งไปพัทยามึงก็ลางาน เพื่อไปถูกมะคะ” เอออ ผมเห็นมันลงรูปอยู่นิหว่า


“ฮืออออออ ใช่”


“พอเลยอีต้น สตอป ครายอิ้งเลยค่ะ เพื่อนกูนี่เหมือนจะเป็นบ้ากันทุกคน” +1 เลยปุ๊กกี้ คนเก่งหัวใจแกร่งแบบพวกเราไม่ร้องไห้กับความรักหรอกครับ แต่เอะ ทุกคน มันหมายถึงผมด้วยเป่าเนี่ย


“เอ้า เกี่ยวไรกูด้วย กูว่ากูไม่บ้านะเว้ย” ถึงผมจะนั่งคุยกับปลากัดบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมบ้านะ


“หยุดเลยค่ะ คุณฟิลลิป อย่าให้กูพูดเรื่องวันนี้” อุ๊ยย เรื่องวันนี้ แฮะๆ


“เอ้าา ยางงงงงาย อีปุ๊กกี้อีฟิลลิปเล่าด่วน” เอ้าาา อีต้น ไม่ต้องมาอยากรู้เลยโว้ย


“เห้ย ต้น พอมึงมึงจะเสือกมึงก็หยุดร้องไห้งี้เลยหรอ”


“เงียบไปเลยค่ะ อีคุณจำเลย”


“อีต้น วันนี้อะนะ ผู้ชายจะเลี้ยงข้าวมันหน่อย ก็ทำตัวฟรีคเอ้าท์หนีออกไปเสียเฉยๆ” แฮะๆ  ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไรหรอกครับ


“เอ้าอีฟิลลิป ยางงาย มีชายใหม่ไม่บอกเพื่อนเลยน้าาาา”


“ชายเหี้ยไรอะอีต้น ไม่มี” ไม่มีโว้ย นอนยันเลย ข้อเท็จจริงนี้


“นั้นงะ ปากแข็ง!!! เขาเป็นใครอีปุ๊กกี้” เวลาสองคนนี้ร่วมมือกัน ทำให้ผมแอบกลัวจริงๆครับ


​ “เขาชื่อว่าอลัน ครูฝึกฟิตเนสใหม่ของกู ที่เคยส่งรูปให้มึงดูอะอีต้น”


“อ๋อออออ อลันนนน บุญบาปปปป บ้าจิง อีฟิลลิปทำไม ดีจังวะะะะ”


“ดีเหี้ยไรละ ไม่ได้เป็นไรกันโว้ย” คนเพิ่งเคยรู้จักโว้ย ถึงเขาจะเคยเห็นผ่านไปผ่านมาครั้งสองครั้งก็เถอะ




“เอออ ฟิลลิป กูอยากถามคุณมึง ทำไมมึงถึงเดินออกไปเฉยๆแบบนั้นวะ มึงเป็นไรปะเนี่ย”


“เอออออมึงทำไมวะ”


“วันนี้กูรู้สึกไม่ค่อยดีวะมึง”


“เอ้า รู้สึกไม่ดีแล้วเกี่ยวไรกับคุณอลันละคะ” นั้นไง คำถามนี้ มาละครับ


“เอาจริงๆมึงไม่รู้สึกบ้างหรอวะ ว่าคุณอลันแม่งหน้าเหมือนใครบางคนที่มึงรู้จักบ้าง”


“เหอะใครวะมึง” ต้นถาม


“อย่าบอกนะฟิลลิป ว่ามึงคิดว่า อลันหน้าเหมือน ‘แดทแอสโฮล’ ”



          “กูก็ไม่อยากจะคิดมากหรอก แต่แม่ง ไอ้คุณอลันเนี่ย แม่งมีอะไรบางอย่างที่ทำให้กูนึกถึงไอเหี้ย ‘พี่เอ็ด’ นั้นจริงๆวะ”  จริงๆนะครับ ไม่ว่าความรู้สึกเวลาที่ผมอยู่ใหล้เขา สายตาของเขา วิธีการพูดจาท่าทางของเขา ดันไปเหมือนกับคนที่ผมไม่อยากจะถึงเลยไปได้    

“โถ่มึง พวกลูกครึ่งเยอรมัน มันก็หน้าตาคล้ายๆกันไปหมดแหละค่ะ มึงหน่ะคิดมาก” ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้นนั้นแหละครับ แต่ผมห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริงๆ


“เอออจริง อีฟิลลิป มึงก็เลิกกับพี่แม่งไปตั้งนานแล้วไม่ใช่อ่อ อย่าให้มันมาเป็นอุปสรรคกับการเริ่มต้นใหม่ของมึงดิวะ” นั่นไง ประโยคแทงใจดำมาละครับ


“แม่งก็ไม่ได้เกี่ยวว่ากูจะชอบคุณอลันสักหน่อย เขาแค่นิสัยดีเฉยๆเขาไม่ได้จีบกูปะวะ”


“โอ้ยยยย คุณมึงคะ ก่อนจะพูดเนี่ย ให้โอกาสเขารึยัง” ปุ๊กกี้ทำไมมึงเชียร์เขาจังวะ แม่งไอ้คุณอลันนี้ไปซื้อเสียงเพื่อนผมตอนไหน


“เหอะ พวกมึงเลิกยัดเยียดเขาให้กูเถอะครับ กูเริ่มจะไม่ชอบแม่งแล้วเนี่ย”






            'แคว๊กกก แคว๊กกก แคว๊กกก'





“เห้ยมึง มีเบอร์แปลก โทรมาหากูวะ แค่นี้ก่อนนะ”


         ผมกดวางสายเพื่อนๆของผมและกดรับสายเบอร์แปลก เบอร์ใครวะเนี่ย




               “ฮัลโหล สวัสดีครับบบ”


               “ต้องทั้งฮัลโหล ทั้งสวัสดีครับเลยหรอครับฟิลลิป  555555” เชี่ย ใครวะ แถมยังมาล้อเลียนผมอีก


               “เอ่ออ ไม่ทราบว่าใครหรอครับ” ผมต้องเรียบร้อยไว้ก่อนครับ แม่ผมสอนไว้ แต่แม่งใครวะ ดึกดื่นป่านนี้ยังจะโทรมารบกวนคนอื่น

               “ผม ‘อลัน’ เองครับฟิลลิป”  เชี่ยยยยยยยยย ตายยากชิบหาย!!!! แม่งไปเอาเบอร์กูมาจากไหนวะเนี่ย


               “อ่อ คุณอลันเองหรอครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรรึปล่าวครับ”


               “ผมบอกแล้วไม่ใช่หรอครับว่าให้เลิกเรียกผมว่าคุณอลันได้แล้ว ฮืมมม” ดูการพูดการจาขอเขาสิคะ น่าหมั่นไส้ชิบเปง


               “ครับผม ครับ อลัน มีอะไรหรอครับ” หวังว่าจะพอใจแล้วนะ โว้ยยยยย

               “เอ่ออ ต้องขอโทษที่รบกวนนะครับฟิลลิป”    “ผมแค่โทรมาถามดู เพราะผมกลัวว่าคุณยังจะโกรธผมอยู่เรื่องโหลแก้วรึปล่าวนะครับ”


               “อ๋อ เรื่องนั้นผมบอกคุณไปแล้วนิครับว่าผมไม่คิดอะไร แค่โหลใบเดียวเอง”เอออ ไม่ได้ฟังรึไงห้ะ ผมก็ว่าผมบอกไปแล้วนี่หว่า


               “แล้วทำไมคุณถึงเดินออกจากร้านอาหารไปตอนนั้นละครับฮื้ม”
               
     
                    .                     
.
.

.

.

                “เอ่อออ ก็ ก็ผม ต้องไปดูงานที่ร้านนิครับ” เงิบสิครับบบบ ไม่คิดว่าจะถามกันตรงๆงี้


                “อ้ออออ ใช่แล้วครับ จำได้ละครับ คุณผมบอกผมแล้วนิหน่า ว่าคุณเป็นห่วงที่ร้าน ใช่มั้ยครับ”

               “เอ่อออออ ครับบ!” ต้องรีบสิยืนยันครับ เดี๋ยวเขาจับไต๋ผมได้


               “ไม่คิดว่ามันจะเสียมารยาทไปหน่อยไหมละครับ ดีนะครับ ที่ผมเป็นคนไม่คิดมาก” เห็นไหมครับทุกคน ดูการพูดการจาของไอ้คุณอลันนี่สิครับ เขาไม่ใช่คนดี เชื่อโผมมมม

                 “เอ่ออออ ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกว่าเสียมารยาท ผมก็ขอโทษด้วยละกันครับ” หน่ะ จะมาไม้ไหนละเนี่ย

                "ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ แค่คุณบอกว่าพรุ่งนี้คุณพอจะว่างรึปล่าวก็พอครับ” นั้นไง ผมว่าแล้วววว ว่าต้องการอะไรสักอย่าง จะให้ผมเลี้ยงข้าวหล่ะสิ จนก็ไม่บอกนะพี่

               “เอ่อออ ผมต้องเข้าร้านนะครับ ไม่น่าจะว่าง”


               “ถ้าอย่างั้นคุณไม่ต้องซื้อข้าวเที่ยงนะครับพรุ่งนี้ เดี๋ยวผมจะแวะไปหา”

              “เอ่อออ จริงๆไม่ต้องลำบากก็ได้นะครับ”


               “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไม่สบายใจ ให้ผมไปหานะครับ ไว้เจอกันตอนเที่ยงนะครับ” จอมบงการครับ เขาคือจอมบงการ


               “เอ่ออ ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้นก็ได้ครับๆ”



              “ครับผมแล้วเจอกันนะครับ.... ฟิลลิป” โว้ยยยย ทำไมต้องมาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงชวนสยิวแบบนั้น ฟังแล้วขนลุกเลยยบรึย



               “เอ่อ อลัน ผมมีเรื่องจะถามอย่างนึง”

               “ฮืมมม ครับ”



               “คุณมีเบอร์ผมได้ไงครับเนี่ย” เราต้องรู้วิธีคิดของพวก สตอร์กเกอร์ครับ เราจะได้ป้องกันตัวได้




               “ฮึฮึ ก็ โปสเตอร์รับสมัครพนักงานที่ร้านไงครับ”





                    เชี่ยยยยยยยย!!!!! ผมลืมไปได้ไงเนี่ย




               “ถ้าอย่างงั้น ไว้เจอกันนะครับฟิลลิป”


               “ไว้เจอกันครับ”




   แล้วผมก็วางสายจากไอ้คุณอลันครับ เป็นการคุยโทรศัพท์ที่ชวนขนลุกแปลกๆ แต่ผมก็ตกลงให้เขามาเจอพรุ่งนี้ไปแล้ว ครั้งต่อไปผมต้องเรียนรู้ที่จะจัดการจอมบงการ สตอร์กเกอร์ คนนี้ให้ได้ครับ เห้อวันนี้ผมเหนื่อยมากพอแล้ว เรื่องื่นไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ละกันนะครับ ฝันดีครับทุกคน :)         
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.4 ARRIVAL ☕️ (100%) 20/11/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 22-12-2017 04:50:50
Ep. 5 Challenge and Luck   

             
            อะแฮ้มม เตือนความจำกันหน่อยนะครับ ผม ฟิลลิป ชายหนุ่มรูปหล่อ ที่สุดในอำเภอที่ผมจากมา ) อดีตนักกฎหมายสายชิว ที่ลาออกจากงาน( ก่อนโดนเขาไล่ออกนั้นแหละครับ ) เพื่อตามหาความสุขและสิ่งที่ผมอยากจะทำจริงๆในชีวิต โดยผมมี ปุ๊กกี้ เพื่อนสาวดีไซส์เนอร์สุดเปรี้ยว และต้นเพื่อนตุ๊ดครีเอทีฟรายการทีวี คอยช่วยผมอยู่ตลอด และผมก็ได้เปิดร้านกาแฟของผมเองที่มีชื่อว่า ‘ตามตะวันคาเฟ่’ ชื่อเพราะไหมละครับ ฮึฮึ ที่ตั้งอยู่ในคอมมูนิตี้มอลสุดหรูใจกลางเมืองที่มีชื่อว่า ‘วีมอล’ ของ ’คุณป้าวิไลพร’ และสามี ‘คุณวิษณุ’
   
   ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตผมกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีเลยครับ เว้นเสียแต่ว่าพรรคนี้ เหมือนกับอดีตที่ผมไม่อยากจะนึกถึงเท่าไหร่กลับมาหลอกหลอนผม ไหนจะ ไอ้คุณอลัน เทรนเนอร์ฟิตเนสที่ผมมีนัดจะกินข้าวกับเขาวันนี้อีก


   เห้อ เหมือนว่าผมยังไม่ได้เจอความสงบสุขที่ผมตามหาสักทีนะสิครับ


   เอาง่ายๆนะครับ แค่เช้าวันนี้ ผมเผลอนอนเพลินไปหน่อยนึง เพราะว่าเมื่อคืนผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ยาวไปหน่อย แต่ตอนนี้ผมกลับต้องมาอยู่ในการจราจรที่โคตรติดขัด แถมยังมีไซส์ก่อสร้างรถไฟฟ้ากลางถนนเหนือหัวผมขึ้นไปกำลังทำงานอยู่แล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันจะตกลงมาใส่รถผมรึปล่าวเนี่ย ผมติดไฟแดงตรงนี้มาสามรอบแล้วยังไม่ได้ไปเลยคร้าบบบ ยิ่งตรงสี่แยกไฟแดงหน้ามหาลัยรัฐบาลระหว่างทางที่ผมพึ่งหลุดมาได้นะ โอ้โหว  มีลุงคนนึงขับมอเตอร์ไซตะโกนด่าโพยรัฐบาลต่างๆนาๆตอนติดไฟแดง ดังลั่น
   

   หลายคนคงคิดว่าลุงเขาเป็นบ้าและรำคาญลุงที่ตะโกนโวยวายอะไรก็ไม่รู้ กลางสี่แยกแดดแรงๆ แต่ผมกลับสงสารลุงเพราะผมคิดว่าลุงคงเก็บกด และไปเจออะไรที่ทำให้ลุงเครียดมากๆจนทนไม่ไหวและต้องระบายออกมา เฮ้อ นี่ละน้าการจราจรยามสาย แค่ผมออกมาช้ากว่าปกตินิดเดียว ทำเอาผมเลทกว่าเดิมไปเยอะเลย เฮอะๆ



   เอ้อ จริงสิครับ ครั้งที่แล้วผมเล่าให้ทุกคนฟังว่าผมคุยโทรศัพท์กับไอ้คุณอลันแล้วเข้านอนใช่มั้ยครับ เหอะ แต่ความจริงผมก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วปิดไฟนอนนั่นแหละครับ แต่ก็ได้นอนหลับตาแค่แปปเดียวเองแค่นั้น  เพราะทำไมนะหรอครับ เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังต่อนะครับ........

‘แคว๊กกกกก แคว๊กกกกก แคว๊กกกกกกก’ หน้าจอโทรศัพท์ของผมติดขึ้น ส่องแสงให้กับห้องที่ปิดไฟของผมสว่างขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงเตือนเสียงดัง ที่มันน่ารำคาญจริงๆเลยในเวลานี้

“ฮัลโหล-€$@&฿ ว่าไงงงงง” ผมคลำๆ คว้าโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงและหยิบมันมาแนบกับหู

“นี่ไงเห็นไหมนังปุ๊ก กูบอกว่ามันยังไม่นอน”

“เอออใช่ นี่คุณมึง ทำไมไม่โทรกลับมาคะ รู้ไหมว่าเพื่อนเขากำลังนินทามึงอยู่”   

   

   นั่นไงครับ ผมว่าแล้วเชียวไม่มีใครไปอีกหรอกครับที่จะโทรมาปลุกผมครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนไอ้เพื่อนสองคนนี้ ถ้าผมไม่รับโทรศัพท์มันนะ มันก็จะโทรจนกว่าผมจะรับนั่นแหละครับ


“หืออออออ ปุ๊กกี้กับต้นเองหรอ กูปิดไฟนอนแล้วมึง นี่มึงยังคุยโทรศัพท์กันยังไม่เสร็จอีกหรอ”

“ใช่!!! และมึงก็ต้องลุกขึ้นมาคุยกับพวกกูต่อ”

“หื้อออออออออ จะให้กูเปิดไฟมานั่งคุยกับมึงอีกหรอครับ”

“มึงปิดไฟแล้วนอนคุยก็ได้นะฟิลลิป”

   สงสัยนะครับ ว่าที่บ้านนาฬิกาพังรึไงห้ะะะ พวกมึงนี่ไม่มีการงานทำกันวันพรุ่งนี้รึไง ผมทั้งรำคาญและงัวเงีย มาก จนพลั่งปากบอกพวกมันไปว่า


“โอ้โห หื้ออออออออ ครับบบบ  ขอบคุณครับบบบ”

   
   นั้นแหละครับ ที่ผมพูดออกไปได้ คือเอออ ออ ตามที่เพื่อนสั่ง ก็เกิดมาเป็นผมสามารถคัดค้านใครได้บ้างละครับบบ T^T


“อีบ้า เวคอัพ!!! ตื่นเลยเดี๋ยวนี้ มีเรื่องจะถาม!!!”

“อีปุ๊ก มึง ถาม!!!”

   
   
   โอ้โห ผมก็อยากรู้นะครับ ว่าพวกมันจะมีเรื่องคอขาดบาดตายขนาดไหนถึง ต้องโทรมาปลุกผมกลางดึกอีกรอบแบบนี้


“เอออ คุณมึงเมื่อกี้ใครโทรมาอะ”

“เอ้ออออ” นั่นไงครับ ว่าแล้วววว สำหรับเพื่อนผม ไม่มีเรื่องไหนคอขาดบาดตายเท่าเรื่องสาระแนครับ5555555

“ใครรรรรร พูดมาอี๊เหี้ย เลิกแอ๊บงัวเงียได้แล้ว!!”

“เอ่ออ อื้อออออ หมอหมา หมอหมาที่บ้านแม่กูอะ แม่กูพาหมาไปหาหมอๆ”

“หมอหมาเหี้ยอะไรจะโทรมาตอนเที่ยงคืนห้ะ อีฟิลลิป”

“ก็หมอหมาบ้านแม่กูไง จริงๆ”

“หยุด พอ!!! อลันโทรมาหรอคะคุณมึง”

“เออใช่”  ไม่รู้เป็นเพราะความงัวเงียรึความอยากรีบคุยให้รีบจนแล้วผมจะได้ไปนอน ผมก็เลยบอกเพื่อนไปตรงๆครับ

“นั่นไงกูว่าแล้วววววว กูเคยดูอะไรผิดไปที่ไหนเห็นมั้ยอีปุ๊ก”

“ไม่เห็นจำเป็นต้องอ้างหมอหมาเลยหน่ามึง คุณอลันโทรมาก็บอกว่าเขาโทรมาสิ ”

“เหอะ พูดเหมือนกับว่ากูบอกไปแล้วพวกมึงจะไม่พูดล้ออะไรไร้สาระกับกูอีกอะ”

“เอ้าาาาา ก็ต้องหน่อยนึงสิ ย่ะ/คะ” นั้นไง พร้อมเพรียงกันเชียวหล่ะ

“ถ้ามันเป็นอย่างนี้ก็ฮึฮึ....”

“เอ้าขำๆ ขำอะไรอีกห้ะอีปุ๊ก”

“เออออย่าขำแบบนั้นได้มั้ยวะปุ๊กกี้” บอกตามตรงว่าผมแอบใจไม่ดีนะครับเนี่ย เสียงหัวเราะแบบนี้หน่ะ มาทีไร ไม่เกิดเรื่องดีทุกที

“เนี่ย พวกมึงๆ กูคิดอะไรดีๆออกค่ะ” นั้นไงละครับบบ มาแล้ว สิ่งที่น่ากลัว


“อ๊ะะะ ว่ามาาา”


.

.

.

“ไหนๆ ตอนนี้มึง....อีต้น กับคุณมึง...ฟิลลิปก็โสดสนิท ซิงเกิลพอดีเนี่ย”


“แล้ววววยังงะ”

.

.

.

“กูขอท้าให้พวกมึง
 

โก

ออน
 
 เดท!!!



“ห้ะ ปุ๊กกี้ อยู่ดีๆจะบังคับให้กูไปออกเดทเนี่ยนะ กูจะไปกับใครที่ไหน” จริงมั้ยครับ ฝงแฟนผมก็ไม่มี คนคุยก็ไม่ยัง ใกล้เคียงคนรู้ใจสุดของผมก็คงเป็นไอ้เจ้าเบิร์ดที่ร้านของผมละหล่ะครับ

“ปล่าววว ไม่ได้บังคับ! พวกมึงก็คิดดูนะ พวกเรานี่ ยี่สิบห้า ยี่สิบหกกันแล้วนะ!!! จะมารอคนผ่านไปผ่านมา รอให้คนนู้นคนนี้มาบอกชอบแบบตอนมหาลัยจะได้หรอคะ! ไม่ด้ายยยยๆๆ  กูไม่ยอมให้ตัวเองโสดไปจนแก่เป็น โอลเมด นะ” เอออวะ ที่ปุ๊กกี้พูดมาก็มีประเด็นอยู่นะครับ อีกไม่กี่ปีผมจะสามสิบแล้วนี่หว่าเห้ยยยย

“พวกเราจะปล่อยให้ ‘สทสอนพรดกคลพศกท’ อยู่เป็นโสดแบบนี้ไม่ได้แล้วนะคะ!!!!”
   
   อื้ออหือ ปุ๊กกี้พูดซะผมรู้สึกฮึกเฮิมขึ้นมาเลย อ่ะๆ คุณอาจจะงงละสิว่า ‘สทสอนพรดกคลพศกท’ คืออะไร มันคือ ‘สมาคมสาวไทยส่งออกนอก เพื่อรักษาดุลย์การค้าโลก และพัฒนาเศรษฐกิจไทย’  ที่ปุ๊กกี้กับต้นมันเคยก่อตั้งขึ้นมาตอนไปข้าวสารไงครับ ว่าแต่มันเหมารวมผมเข้าไปอยู่สมาคมเดียวกับมันด้วยหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย 5555

“อ้ะะะะะ อีปุ๊กกกกก!!! ไม่ยาก สำหรับตุ๊ดแกร่งสุราษฎร์ธานีอย่างกู โนจมกับความเศร้านานค่ะ พร้อมเว่อร์”

“เอาดีๆมึงกลัวตัวเองต้องนั่งอุ้มแมวบนเก้ากี้โยกคนเดียวตอนแก่ในบ้านพักแบบคุณลุงของมึงปะ อีต้น 555555555”

“เอ้าอีปุ๊ก อย่าว่าลุงกู!!!! ถึงลุงกูไม่มีผัวนางก็มีเป๋าบาลง บาลองนะจ้ะ ว่าไม่ได้” ผมรู้ครับว่าลึกๆ ต้นก็คิดว่าตัวเองมีโอกาสที่จะแก่แล้วอยู่คนเดียวแบบลุงตัวเองเหมือนกัน มันก็เลยไม่อยากให้เพื่อนว่าลุงของมัน 5555555

“เนี่ย อีคุณมึง ก็ไปเดทๆคุยๆกับคุณอลันเซี๊ย ไม่ต้องทำเป็นปิดกั้นความรักบ้าอะไรเลย บอริ่ง!”

“เอ่อออ จริงๆพรุ่งนี้เขาก็นัดว่าจะมาเลี้ยงข้าวขอโทษกูอยู่เหมือนกันวะ”

“อ้ะๆๆๆๆๆ เจอกันครั้งเดียวเขาชวนมึงออกเดทแล้วหรอคะ!?”

“ไม่ใช่เดทโว้ยยยยยย”

“โอโหหหหหห ไวไฟเว่ออออออ อีฟิลลิปมันร้ายนะคุณพี่”

“ไวไฟเหี้ยไรอีต้น กูไม่อยากเจอเลยเนี่ย อะไรของแม่งก็ไม่รู้ กูว่าจะหาทางชิ่งอยู่”

“นี่นี่นี่ หยุดบ่นไปเลยค่ะ  หยุดเดี๋ยวนี้ คิดไรมากมายคะ ก็ไปเจอเขาหน่อย พรุ่งนี้นะ วันนี้ก็แยก! โกทูเบด!!! ”

“เออออ เขาอุสาห์ชวนกินข้าวอีฟิลลิป เป็นกูนะ กูจะจ่ายตังให้เขาหลังกินข้าวเสร็จด้วยซ้ำ”

“ พวกมึงเนี่ย บ้าบอ ”

“อีฟิลลิป ละอย่าให้กูรู้ว่ามึงจะชิ่งเขานะ โอกาสมาทั้งที อย่าบื้อ!!!”

“เออออ เท่าโน้นนน นอน แยก!!!”

   

   แล้วบทสนทนาในค่ำคืนนั้นก็จบลงตรงที่เพื่อนของผมปลุกขึ้นมาเพื่อรีดความลับ พอได้คำตอบก็แยกกันไป แถมทิ้งมิชชั่นใหญ่ให้กับผมต้องปวดหัวอีก


   ซึ่งก็นำผมมาอยู่ตรงนี้ครับ ที่ทางเข้าคอมมูนิตี้มอลบรรยากาศสุดร่มรื่น ผมกำลังเลี้ยวรถของผมเข้าไปในทางเดินรถเล็กๆเพื่อเข้าไปยังที่จอดรถ แหมะ ว่าแต่บรรยากาศวันนี้มันชวนให้ผมขี้เกียจเสียจริงๆ ลมพัดอ่อยๆ ไม่มีแดด  เมฆลอยครึ้มๆ อยากกลับไปนอนเฉยๆที่ห้องเลยเซี้ยจริงๆ

‘ห๊าววววววว’ นั่งหาวในรถยนต์ของผมที่หาที่จอดได้โดยไม่ยาก ผมมองผ่านหน้าต่างกระจกรถยนต์เพื่อดูคนรอบๆ
   
   โอะ วันนี้คนดูน้อยๆกว่าทุกวันแฮะ วันทำงานก็เป็นแบบนี้หล่ะเนอะ ผมออกจากรถและเดินอ้อมไปข้างรถและ เอื้อมตัวไปหยิบคว้าลังใส่ของต่างๆ ที่ผมไปซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เกต
   

   ‘โอ้ยยยย ขี้เกียจจริงๆเลยโว้ยยย’ ผมร้องโอดครวญ บ่นกับตัวเอง เมื่อคืนก็ได้นอนได้ไม่เต็มอิ่ม ตื่นมาก็สมองตึ้บๆ แถมวันนี้ผมก็ขี้เกียจไปเจอไอ้คุณอลันด้วย ผมบอกตามตรงครับว่าวันนี้ผมนี่มู๊ดไม่ดีเอาซะเลย อยากให้วันนี้เวลาผ่านไปเร็วๆจริงๆเลยครับ

   ผมใช้เอวดันประตูรถเพื่อปิดอย่างขี้เกียจ กดปุ่มล๊อครถและเดินเตะเท้าพร้อมอุ้มลังใบหนักอึ้งและย้ายกายหยาบของผมไปที่ร้าน

   

               *แปะ เปาะ แปะ*

   

   นั้นไง ไม่ทันไรฝนก็ลงเม็ดแล้ว ดีนะที่ผมไม่ได้ตากผ้าไว้ ไม่งั้นผมต้องซวยและวันนี้มันคงจะแย่กว่าที่ผมคิดว่ามันจะเป็นแน่ๆ

   เม็ดฝนที่ตกลงมานั่นเป็นสัญญาณ ทำให้ผมต้องเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังที่ร้าน ผมวิ่งฝ่าเม็ดฝนที่ตอนนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  จนตอนนี้ผมก็อยู่ภายใต้ร่มของกันสาดผ้าใบที่ปกคลุมประตูด้านหน้าของร้าน

   
            
            *ฟรื้อ ฟรื้อออ ฟรื้อออออ*
   
   

   เม็ดฝนที่ตอนนี้ทวีคูณตัวเองจนกลายเป็นห่าฝน กำลังเทลงบนทั่วทุกที่ใต้ท้องฟ้า รวมถึงลงมาบนกันสาดผ้าใบที่อยู่บนหัวของผม การกระทบกันจนเกิดเป็นเสียงดั
งนี้ น่าจะอธิบายถึงความเกรี้ยวกราดของพายุที่กำลังกระหน่ำและเปลี่ยนทุกอย่างรอบๆตัวผมให้เปียกโชก ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาไม่นาน เมฆที่ลอยอยู่ข้างบนจะลงมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริเวณข้างล่างภายใต้ท้องฟ้าได้ถึงขนาดนี้ ผมยังโชคดีนะเนี่ยที่มาถึงร้านก่อนฝนจะตก ไม่อย่างงั้นผมคงกลายร่างเป็นไอ้หมาเปียกน้ำแน่ๆ

   ผมวางสัมภาระหนักอึ้งลงบนม้า และล้วงหากุญแจร้านจากกระเป๋ากางเกงเพื่อเปิดประตูเข้าไปหลบฝนในร้าน แต่ทว่า......

   ‘เห้ย กุญแจอยู่ไหนวะะะ มันอยู่ไหนวะเนี่ย ทำไมในกระเป๋าไม่มีอะ’ เอาละไงครับ ผมว่าผมหยิบกุญแจร้านใส่กระเป๋ากางเกงมาก่อนออกจากห้องแล้วนะครับ แต่ไหงมันไม่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผมละเนี่ย เอ้อออ แต่ไม่เป็นไร เพราะว่าผมยังมีกุญแจดอกสำรองเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์นี่หว่า

   ‘เชี่ยยยยย ไม่มี! กุญแจสำรองไม่อยู่ในกระเป๋าตัง!!!!’ เวรเอ้ยยยย ผมเพิ่งเอากุญแจสำรองของผม ให้น้องใบเตยติดตัวไว้ แล้วผมยังไม่ได้เอากุญแจไปปั้มเพิ่มเลย เห้ออออ โถ่วเว้ยยยย


        ‘เออออ กุญแจที่พี่ยาม พี่ยามมีกุญแจสำรองนิหว่า’  ใช่แล้วผมเคยปั้มกุญแจฝากพี่ยามที่โครงการ ไว้ให้ช่วยคอยรักษาความปลอดภัยให้นี่หว่า แต่ว่าป้อมยามอยู่หน้าโครงการนู้นเลยนี่หว่า เอาวะ ยังไงถ้าจะเข้าร้านให้ได้ก็ต้องฝ่าฝนไปเอาอยู่ดีวะ

   ผมคว้ากระดาษหนังสือผมคู่นึงเอาไว้กางบังฝนและวิ่งหลบๆตามชายคาร้านไปที่หน้าโครงการ แต่ยังไงก็ไม่วายต้องวิ่งตากฝนไปตรงทางเข้าโครงการอยู่ดี

   ‘ตึกๆๆๆๆ พี่ยามครับบ ผมเอง เปิดประตูหน่อยครับ’ ผมเคาะประตูป้อมยามเพื่อเรียกพี่ยาม แต่ดูเหมือนจะไม่มีเสียงตอบรับเลย ผมเลยวิ่งอ้อมไปข้างป้อมยาม เพื่อเรียกพี่ยามทางกระจก

   ฮ่า นั่นไงผมเห็นหลังของพี่ยาม นั่งอยู่ตรงโต๊ะไง ฮ่ะฮ่า

   ‘ตึกๆๆๆๆๆ พี่ยามมมม’ ผมเคาะไปที่กระจกเพื่อเรียกพี่ยาม แต่ทว่าพี่ยามเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงผมเลย คงเพราะฝนตกเสียงดังมากด้วย

   ‘พี่ย้ามมมมมมมมมมมมมม’ ผมพยายามตะโกนเรียกพี่ยามสุดเสียง แต่ทำยังไงพี่ยามก็ไม่ได้ยินเสียงผม ผมพยายามชะเง้อมองพี่ยามว่าพี่ยามทำอะไรอยู่

   ‘พี่ยามมมมมมมมมม พี่จะทำกับผมแบบนี้ไม่ได้ พี่ถอดหูฟังก่อนนนนน’ ครับบบบ พี่ยามตอนนี้กำลังใส่หูฟัง ใช้ไวไฟโครงการ ดูละครย้อนหลังอย่างเพลิดเพลินใจอยู่ พี่คร้าบบบ นี่เวลางานนะครับ พี่ช่วยผมก่อน

   ผมเหมือนจะระเบิดประตูป้อมยาม แต่เหมือนพี่ยามก็ไม่ได้ยินเสียงผม แล้วฝนก็ตกอย่างต่อเนื่องตอนนี้ผมเปียกทั้งตัวแล้วครับ โอ้ยยยยย

   นั่นไงงงงง เชี่ยยยยย พี่ยามจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้ พี่ยามล้มตัวฟุบกับโต๊ะเพื่อนอนกลางวัน พร้อมใส่หูฟังดูละครด้วย โอ้ยยยย พี่ ผมรู้ว่าวันนี้อากาศมันน่านอนสำหรับพี่แต่ผมต้องการให้พี่ช่วยอยู่นะะะ ฮือออออออ

   เมื่อมันเป็นอย่างนี้ ผมก็ต้องจำใจ ถอดใจจากพี่ยามแล้ว เดินตากฝนกลับไปที่ร้านครับ โถ่ว ไม่รู้จะโทษใครได้นอกจากความขี้ลืมของตัวเองครับ แต่ถึงแม้รู้ว่าเป็นความผิดตัวเองแต่ก็อดนอยไม่ได้นะสิครับ โว้ยยยยยยยยยย



   ‘แคว้กกกก แคว้กกกกกกก แคว้กกกกกก’



    โทรศัพท์ของผมดังขึ้น บนหน้าจอแสดงให้เห็นว่าคนที่โทรมาคือเหตุผลที่ผมอยากให้วันนี้ผ่านไปเร็วๆ

   
‘รึว่าเราชิ่งนัดเขาเลยดีวะ ไหนๆวันนี้ก็เข้าร้านไม่ได้อยู่ดีนี่หว่า ฮ่ะฮ่า’

   เออออ คิดได้อย่างงี้ผมกดตัดสายแล้วชิ่งกลับคอนโดดีกว่า ฮึฮึ

‘ฟลื้ดดดดดด’   ‘กึ้กก กึ๊ก กึ๊กกกกกก’  เชี่ยยยยย ไอ้มือเจ้ากรรมนายเวรของผมครับบ มันเปียกน้ำครับ แล้วตอนนี้โทรศัพท์ของผมก็ลื่นหลุดมือแล้วหล่นไปนั่งแช่น้ำในแอ่งน้ำแล้วครับบบ 

   ผมรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นจากที่น้ำขังแล้วเช็ดกับกางเกงและถอดเคสโทรศัพท์ออก แต่พอผมเชคสภาพหน้าจอโทรศัพท์เท่านั้นแหละครับ ผมจึงพบว่า........

   ผมกดรับสายไอ้คุณอลันเสียเข้าแล้ว

‘ฮัลโหล ฟิลลิป ทำไมรับสายแล้วไม่พูดหล่ะครับบ’

‘ฮัลโหล คุณ.........’

   แล้วผมจะเลือกทำอะไรได้มั้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.5 Challenge&Luck☕️ (100%) 22/12/2017
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 22-12-2017 07:49:45
อ่านๆแล้วตลกดีค่ะตอนปล่อยมุก ทำให้ไม่น่าเบื่อ สู้ๆนะค้าาาา กำลังสนุก
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.5 Challenge&Luck☕️ (100%) 22/12/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-12-2017 09:31:02
รู้สึกหนีไม่พ้นอลันนะ ฟิลลิป
เพื่อนจอมจุ้น ก็ช่วยกันเชียร์อลัน  :z3: :z3: :z3:
แล้วตอนนี้ก็สถานการณ์บังคับ ฝนก็ตกหนัก
ตัวก็เปียกฝนชุ่มโซกเลย เข้าร้านไม่ได้  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อลัน ก็โทรมา
ฟิลลิป จะแก้ปัญหายังไง  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.6 Unexpected☕️ (100%) 25/12/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 25-12-2017 03:46:17
Ep.6 Unexpected





   ฝน คือ หายนะ
ฝน นำมาซึ่งอุทกภัย
ฝน นำมาซึ่งน้ำขังและรองเท้าเลอะ

      ฮื้อออออออ ผมกำลังนั่งนึกถึงข้อดีแล้วก็ประโยชน์ของฝนครับ แต่คิดยังไงผมก็คิดไม่ออก ก็มันมีแต่ข้อเสียนิหน่า เนอะ คุณชอบใช้ชีวิตโดยที่เสื้อผ้าคุณเปียกเพราะฝนหรอ ผมไม่เอาด้วยคนละครับ ผมไม่ชอบ เฮ้อ คิดไปคิดมา ผมเริ่มจะไม่เข้าใจน้องผู้หญิงวันก่อน ที่เดินจูงมือเล่นกลางสายฝนกับคุณพ่อแล้วนะสิครับ น้องเขาลั้ลลาขนาดนั้นได้ไงเนี่ย ผมไม่เข้าใจจริงๆ โวะ (จริงๆผมเข้าใจนั้นแหละครับ แต่วันนี้ผมนอยด์แล้วก็งอนโลก ไม่เข้าใจทำไมตอนนี้ผมถึงตัวเปียกตั้งแต่หัว ยันกางเกงใน รวมถึงถุงเท้าขนาดนี้5555555 )
   

      ฝนเป็นสิ่งที่ผมไม่ถูกโฉลกด้วยอยู่แล้ว และเมื่อมาประกอบกับการรอคอย ซึ่งทั้งสองอย่างเนี่ยคือสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในโลกสองอันดับแรกเนี่ย มันทำให้วันที่แสนซวยของผม แย่ขึ้นไปกว่าเดิมห้าร้อยเท่าไปอีกครับ ผมกำลังรออะไรในวันที่ฝนตกแบบนี้นะหรอครับ เหอะ ก็ไอ้คุณอลันนะสิครับ เวรกรรมอะไรของผมก็ไม่รู้ที่ชักนำผมมาให้มาเจอแม่งวันนี้ให้ได้ วันที่ผมลืมกุญแจร้านแล้วต้องมารออยู่หน้าร้าน ร้านของตัวเองแท้ๆแต่ก็เข้าไปในร้านไม่ได้ แหมะ มันช่างน่าให้ผมพาลไปเกลียดเขาด้วยจริงๆ ตอนแรกผมก็ว่าผมจะชิ่ง ไม่รับโทรศัพท์แล้วหนีกลับคอนโดแล้วค่อยแคลเซิลเขาทีหลังนะครับ แต่ว่ามือเจ้ากรรมนายเวรของผมดั้นนน ไปกดรับโทรศัพท์เขาได้ เห้อออออ
ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าใกล้จะถึงแล้ว ผมก็มีหน้าที่ต้องนั่งรอเขาไปนะสิครับ   

   ผมนั่งโยกตัวไปมาพร้อมกับดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือของผมเรื่อยๆ ลมพัดหนาวได้ใจผมจริงๆ เอ้ออนั้นไงครับ ให้ผมรอตั้งนาน ในที่สุดคุณชายก็เสด็จมาสักที (จริงๆก็ไม่นานนะครับ แต่มันเป็นเจ็ดนาทีที่ทรมานเหลือเกินT^T) แล้วแค่มากินข้าวเนี่ย คุณชายเขาต้องเอารถหรูขนาดนั้นมาเลยหรอ โห กลับไปก็ต้องล้างอยู่ดี ถ้าคันนั้นเป็นของผมนะ พ่อจะคลุมไว้ไม่ให้ฝุ่นเกาะเลยคอยดู โถะ ดูๆท่าคุณชายเขาถอยรถ โอ้โห ลำไยจัง ตอนนี้เขาลงจากรถมาละครับ เขาปิดรถแล้วกำลังเดินมาหาผม  โถ มีรถตั้งแพงไม่มีตังซื้อร่มไว้ติดรถหรอพ่อคุณ ฮะฮ่าๆๆ และนั้นเดินฝ่าฝนมาแบบสโลวโมชั่น คิดว่าถ่ายเอ็มวีอยู่รึไงเนี่ย เบาๆโหน่ยพ่อออออ


    “โหหหหหห ตอนแรกที่บอกว่าตากฝนเนี่ย ผมไม่คิดว่าฟิลลิปจะเปียกมากขนาดนี้นะ ฮึๆๆ” ดูมันครับ ไอ้ผู้ชายคนนี้ มาถึงก็มาล้อสภาพดูไม่ได้ของผมเลย โห ถ้าผมเปียกน้ำพอหมาดๆ(เหมือนเขา) ผมก็เหมือนพระเอกเอ็มวีอยู่เหมือนกันแหละหน่า คิดว่าตัวเองดูดีคนเดียวเลยรึไงห้ะ อ้ะ ยังไม่หยุดหัวเราะอีก


   “ก็ใช่นะสิ อย่างที่เห็นนี่แหละครับ แล้วเราจะไปที่ไหนกันดี” ผมตอบเขาไปแบบห้วนๆ ก็ผมรอเขาตั้งนานนี่หน่า( สิริรวม8นาทีรวมเวลาที่เขาเดินลงมาจากรถด้วย )


   “เอ้ยจริงสิ รอผมตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเอาของแปปนึง”


   อ่าว แล้วคุณชายเขาก็วิ่งผ่าฝนกลับไปที่รถ แล้วก็วิ่งกลับมาพร้อมกระเป๋าและถุงใส่ของในมือครับ ไปเอาไรมาเนี่ย


   “แล้ววันนี้ ฟิลลิปไม่เปิดร้านหรอครับ” อลันถามผมพร้อมเปิดหาของอะไรในกระเป๋าของเขาก็ไม่รู้

   “ตอนแรกก็ว่าจะเปิด แต่ว่าเข้าร้านไม่ได้ แล้วก็มาตากฝนอีก ผมก็เลยว่าจะหยุดสักวันนะครับ”

   “อ้ะนี่ เอาผ้าไปเช็ดตัวก่อนนะครับ”


เห้ยยยยยยยยยย เห้ยยยยยยย ไอ้ผู้ชายคนนี้ ทำไมมันเตรียมพร้อมจังว่ะ หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติที่พวกคุณชายๆ เขาทำกันครับเนี่ย พกผ้าเช็ดตัวเนี่ย

   “เอ้ย ไม่เอาดีกว่าครับ ผมเกรงใจ แฮะๆ เดี๋ยวผมตากลมซักพักมันก็แห้งแหละ ”

   “โถ่คุณ ใช้เถอะ ผืนนี้ผมยังไม่เคยใช้เลยนะ ไม่ต้องกลัวว่ามันซกมกหรอก”

   “ไม่ ผมไม่ได้กลัวผ้ามันซกมก ผมกลัวทำผ้าคุณซกมกมากกว่า เนี่ยผมเลอะดินด้วยเนี่ย”

   “เอาเถอะหน่า รึว่าคุณไม่อยากใช้เพราะรังเกียจผม ฮืม” แหมสายตาเราอะพ่อ รู้เลยนะว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์

   “โห ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย ถ้าจะยืนยันขนาดนี้ ผมใช้ก็ได้” แล้วผมก็รับผ้าขนหนูสีขาวมาจากไอ้คุณอลัน หืมมมมม แค่ขนาดถือยังหอมเลย ที่บ้านใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อไรวะเนี่ย

   “เอ่อ แล้วปกติคุณพกผ้าเช็ดตัวไปไหนมาไหนตลอดหรอ” ผมถามเขาพลางเช็ดหัวด้วยผ้าของเขา

   “อืมม ผมเอาติดรถไว้ตลอดแหละ หลายๆผืน เผื่อวันไหนผมไปฟิตเนสแล้วผมลืมหยิบไป จะได้มีใช้”

   “อ๋อออ ใช่คุณเป็นเทรนเนอร์นิหน่า”

   “อื้ออออ เขาส่งเสียงตอบรับในลำคอ”

   “แล้วทำไมถึงอยากเป็นเทรนเนอร์ไม่เป็นอย่างอื่นอะ”

   “ก็ตอนผมอยู่นอกอะ เทรนเนอร์ฟิตเนสเนี่ยได้เงินเดือนเยอะดี แล้วผมก็ชอบด้วย”

   “อื้มมมมม ดีเนอะ ได้ทำสิ่งที่ชอบแล้วได้เงินด้วย”
   
   “ฟิลลิปก็ทำร้านกาแฟอยู่ ไม่ได้ชอบร้านกาแฟหรอ”

   “ชอบสิ ทำไมจะไม่ชอบ แต่คุณเป็นเหมือนผมปะ พอลองตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ชอบดู มันก็กลัวๆว่าจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน”

   “อื้อออ ผมก็เคยเป็นนะ ช่วงแรกๆ แต่คุณ เชื่อมั่นสิ เอาพลังใจเข้าสู้ถ้าพลังกายมันไม่ไหว”

   “อู้หู คารมคมคาย ใช่เล่นเลยนะเนี่ย”

   “ฮ่าๆ นิดหน่อยหน่ะ เขาเรียกว่าสเน่ห์” แหมะ รู้แล้วจ้าว่ามีเสน่ห์ ไม่ต้องทำท่าทำทางขยิบตาข้างเดียวเลย


   “อื้ออออ แล้วอลันอยากไปกินข้าวที่ไหนอะ” ผมถามเจ้าตัวที่ยืนกอดอกอยู่ตอนนี้ รีบเปลี่ยนเรื่องครับ เดี๋ยวเจ้าตัวได้ใจถ้าผมให้เวลาเขาเล่นเยอะ

   “แล้วแต่ฟิลลิปเลย อยากกินที่ไหน ตามใจเลย”   



   ยากละสิครับ ใจจริงผมหน่ะก็ไม่อยากรบกวนด้วยซ้ำ แอบอยากจะบอกขอบคุณที่มาเจอแล้วแยกย้ายเลยซะอีก


   “แค่นี้ก็คิดหนักเลยหรอครับ ถ้างั้นไม่ต้องไปไหนก็ได้ครับ อยู่ที่นี่แหละ” เขาพูดพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆผม


อ้าว พลิกล๊อค หรือว่าเขาก็รู้สึกขี้เกียจเจอเหมือนเราวะ

   “แล้วอลันไม่หิวข้าวหรอครับ เดี่ยวต้องไปทำงานต่อไม่ใช่หรอ”

   “ที่บอกว่าไม่ต้องไปไหน ก็เพราะว่า ผมทำข้าวกล่องมาเผื่อฟิลลิปหนะครับ” อลันพูดพร้อมขว้างถุงที่มีกล่องข้าวสองกล่อง และหยิบกล่องข้าวออกมายื่นใส่มือผม

   “เพราะว่าครั้งที่แล้วผมเห็น เหมือนคุณมีท่าทางแปลกๆเวลาทานอาหารในร้าน ผมก็เลยคิดว่าคุณอาจจะไม่ชอบร้านคนเยอะๆ เลยทำมาให้คุณกินแบบนี้เลยดีกว่า สะดวกดี ไม่ต้องไปไหนด้วย”

เอ่อออ ผมไม่รู้จะว่าจะพูดอะไรดีครับ คนที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่กลับสังเกตและใส่ใจผมมากขนาดนี้ แถมผมไม่ค่อยได้กินกับข้าวฝีมือใครนอกจากแม่ของผมกับร้านน้องแอมใต้คอนโดผมซะด้วย

   “ขอบคุณนะ จริงๆไม่ต้องลำบากถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ”

   “ฮื้ออออ ไม่ได้ๆๆ ก็นี่มันแทนคำขอโทษของผมนี่หน่า ก็ต้องทำให้ดีสิ ปกติคุณทานเนื้อรึปล่าวๆ”

   “เอ่อออ ไม่ครับ ผมไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่”

   “อื้ออออ ถ้างั้นคุณเอากล่องนั้นมาให้ผม คุณทานอันนี้แทน แล้วเขาก็ยื่นกล่องอาหารในมือเขามาให้ผมแทน พร้อมรับกล่องในมือผมไปแทน”

   “สปาเกตตี้มีตบอล? หรอครับ”

   “ใช่ครับ แต่ของฟิลลิปเป็นเนื้อหมู แต่เสียดายผมว่า มีตบอลเนี่ยต้องเป็นเนื้อถึงอร่อยกว่า”

   “นี่คุณลงทุนทำทั้งสองอย่างเผื่อให้ผมเลือกเลยหรอเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับเปิดกล่องสปาเกตตี้ในมือ ฮืมมมมมมม ยังร้อนอยู่เลย แค่เปิดกล่องกลิ่นหอมก็ลอยขึ้นมาละครับ

   “ไม่หรอกครับ ที่บ้านผมทำกินกันวันนี้พอดี แล้วก็เผื่อคุณด้วยผมเลยทำหลายๆอย่าง”

   “เอ่ออ แล้วนี่ คุณกินหมูมั้ย”

   “กินได้ๆๆๆ มีอะไรอีกหรอ” ผมยอมรับว่าผมแพ้จริงๆกับของกินโฮมเมดเนี่ย อย่าเอามาล่อผมเลย

   “เจ๋งไปเลย ผมมีนี่ ไส้กรอก” แล้วเขาก็หยิบกล่องขึ้นมาอีกกล่อง ข้างในเต็มไปด้วยไส้กรอกชนิดต่างๆและไซส์ต่างๆ

   “หูยยยยยย ทำไมน่ากินอะ”

   “นี่ ถ้าคุณไม่กินนี่พลาดเลยนะ พ่อผมเพิ่งกลับมาจากเยอรมันแล้วก็เอาไส้กรอกจากบ้านมาด้วย”

   “หู งั้นผมลองอันนี้ละกันนะ ฮึฮึ” ผมจิ้มไส้กรอกอันเล็กๆสีเหลืองน้ำตาลขึ้นมาชิ้นนึง ฮืมมม น่ากินจังโว้ยยย

   “ตามสบายเลยครับ ฮึฮึ​​“ 

   จริงๆ เห็นอย่างนี้ไอ้คุณอลันก็เป็นคนดีคนนึงเลยนะครับเนี่ย ผมไม่ควรจะให้เฟิสอิมเพรสชั่นที่ผมรู้สึกมาตัดสินเขาสินะ ดูภายนอกถึงจะดูเป็นคุณชายหยิ่งๆห้าวๆ แต่ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนละเอียดอ่อนและมีความคิดคนนึงเลย
   ระหว่างที่ผมนั่งฟังเสียงฝนและเคี้ยวมีทบอลอยู่ ไอ้คนที่นั่งข้างๆผม ก็ทำลายสมาธิในการเคี้ยวของผมซะนี่



   “ชอบมั้ยคุณ” 


   “ห้ะ ฮึ หือออออ อะไรนะ” ตะกี้เขาพูดว่าอะไรนะ อะไรชอบๆ ผมไม่ได้ตั้งใจฟัง

   “ผมถามว่าคุณชอบอาหารมั้ย” อ๋ออออแล้วไป ทำเอาผมตกใจนะเนี่ย นึกว่าจะโดนไอ้ฝรั่งจู๋โจมตั้งแต่ข้าวมื้อแรกซะและ

   “อื้ออออ ขอโทษทีผมกินเพลินจนลืมชมเลย ชอบครับ อร่อยมากๆ พูดจริงๆนะ”
.
.
.

   “ถ้าชอบ ว่างๆก็มาที่บ้านผมได้นะ”
.
.
.
   
   “แม่ผมชอบให้พาเพื่อนไปที่บ้าน”

   “อื้มมมมม ขอบคุณที่ชวนครับ” อีเหี้ยยยยยยยยยยยย ภายใต้คำว่าอื้มมมมม ขอบผม มีคำว่าอีเหี้ยยยยยยยอยู่ข้างในครับ ผมนึกว่าผมรอดแล้วเชียว
.
.
.
.

   “.......มาเถอะ ผมอยากให้มา”

   โอ้มายยยกอชชช พระเจ้าพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ผมอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร ผมไม่ทันเห็นว่าคำชวนฮาร์ดเซสนั่นของเขาจะโผล่มาตอนนี้ เขาไม่รู้รึไงว่าคนไทยเขาหน่ะชวนเฉพาะคนที่สนิทๆมากๆเท่านั้นไปที่บ้าน แต่จริงๆเขาก็อาจจะชวนแบบปกติไม่คิดอะไรก็ได้นิหน่าเนอะ ผมก็ได้เพียงมองหน้าเขาและยิ้มให้เป็นการตอบรับคำชวนนั้น ก็โถ่ ผมไม่รู้นิหน่าว่าจะตอบเขาว่าไงอะ

   และเราก็ปล่อยให้เสียงของฝนที่ตอนนี้ซาลงบ้างแล้ว เป็นเหมือนเสียงเพลงบรรเลง ประกอบกับการทานอาหารเที่ยงรสเลิศ และวิวบรรยากาศลานจอดรถ โอ้โหโรแมนติกจริงๆครับ

   จริงๆผมบอกทุกคนก่อนนะครับว่าผมเนี่ยเป็นคนไม่ค่อยชวนใครคุยก่อนเท่าไหร่นะครับ แต่ผมก็กลัวว่าผมจะดูเงียบจนเสียมารยาท ผมก็เลยเริ่มชวนเขาคุย (จริงๆผมก็มีคำถามอยากถามเขานั้นแหละ แฮะๆ)
   
“เอ่อออ อลัน”

   “ครับบบ”โอ้โหพ่อ ตอบรับเร็วเหมือนรออยู่เลย แค่เรียกชื่อแค่นี้ทำไมต้องยิ้มกว้างขนาดนั้นละวะ

   “ถามไรหน่อยดิ”

   “ครับผม ด้วยความเต็มใจ”

   “เอ่ออออ มันไร้สาระหน่อยนะ แต่ก็ผมสงสัยจริงๆนิครับ”

   “ครับบ ถามได้ครับ ถ้าผมตอบได้ผมจะตอบ”

   “เอ่ออออ”

สายตาของเขาที่มองผมอย่างตั้งใจ ทำให้เพิ่มความยากในการถามมันเพิ่มขึ้นไปอีก

   “เอ่อออออออออ”

เขาก็ยังมองผมและเลื่อนหน้ามาข้างหน้า พ่อคุณ ผมไม่ได้บอกให้เขียนตามคำบอกไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้นนนนน(ตลกกลบเกลื่อนครับ จริงๆคือผมเกร็ง)

   “คุณไม่ได้เคย ฆ่าคนตายใช่มั้ย?”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ นี่คือเหตุผลที่คุณทำตัวแปลกเวลาผมอยู่ใกล้ๆคุณใช่มั้ย”

   “เห้ย มันน่าขำขนาดนั้นเลยหรอคุณ”

   “คุณกลัวผมหรอฟิลลิป ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

   “ก็ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย ก็ข่าวฝรั่งโรคจิตในทีวีมีตั้งเยอะแยะนี่หว่า”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แล้วยิ่งผมชวนคุณไปบ้านคุณก็เลยคิดว่าผมจะลากคุณไปฆ่ามั้ยเนี่ย”

   “ไม่ๆ อลันเลิกล้อผมได้แล้ว ความสงสัยมันห้ามกันได้ที่ไหน”

   “ฟิลลิป เดี๋ยวก่อนครับ ปากคุณเลอะ”
   
   “ตรงไหนอะ ข้างขวาหรอ”

   “เดี๋ยวครับ ให้ผมเช็ดให้นะ” แล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ถูกพับไว้อย่างดีจากกระเป๋ากางเกงออกมา

   “เอ้ยย ไม่ตะ-ต้อง...”
   
   ไม่ทันที่ผมจะห้ามเขาไว้ได้ เขาค่อยๆเคลื่อนตัวมาชิดกับผม ใบหน้าของเขาห่างจากใบหน้าของผมเพียงนิดเดียวจนผมได้ยินเสียงลมหายใจของเขา สายตาเขาจ้องมองที่ริมฝีปากของผม เขาลูบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยบนริมฝีปากผมอย่างบางเบาสองสามครั้ง ก่อนถอยตัวออกไป ทำเอาผมที่ไม่ทันตั้งตัว ใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ

    “โถ่อลัน แล้วกลายเป็นว่าผ้าเป็นหน้าของคุณก็เลอะหมดนะสิ”

   “ผ้าเช็ดหน้าหน่ะ มีไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของคนอื่นอยู่แล้วครับ”เขาตอบผม




   
   ‘ ผ้าเช็ดหน้าหน่ะ มีไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของคนอื่นอยู่แล้วครับ ’
   



ประโยคนี้มันคุ้นจังวะ เหมือนมันเคยได้ยินมาก่อนที่ไหนเลย




   “เอ่ออออ ขอบคุณมากนะ อลัน แล้วก็อาหารวันนี้ก็อร่อยมากเลย ขอบคุณจริงๆนะ” ผมลุกขึ้นเก็บกล่องอาหารและหยิบของเพื่อจะกลับไปที่รถ
   “ฟิลลิป อิ่มแล้วหรอ ไส้กรอกยังเหลืออยู่เลยนะครับ”

   “ผมอิ่มแล้ว ขอบคุณมากเลยนะครับ” “ผมขอตัวไปก่อนนะครับ เราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้ครับ” ผมพูดพลางยกกล่องสัมพาระของผมและมุ่งหน้าเดินไปยังที่รถ

   “เอ้ยคุณเดี๋ยวก่อน”
   
   ผมได้ยินเสียงอลันพูดตามหลังมาแต่ผมที่อยู่กับความคิดของตัวเองตอนนี้เลยไม่ได้ยิน และสายตาก็กำลังมองไปที่รถอย่างเดียว ทันใดนั้นผมก็เหมือนกับสะดุดกับอะไรบางอย่าง ไม่สิเหมือนชนกับอะไรบางอย่างเข้าที่ขา

   “โอ้ยยยยยย อึฮึฮึ แงงงงงงงงงงงงงงงงง”

   ผมไม่ได้ชนกับสิ่งของครับ แต่ผมกลับชนกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ซึ่งตอนนี้น้องก็ลงไปร้องไห้อยู่กับพื้นแล้ว

   “เอ้ยยยยยน้องงครับบบบบบ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆๆ” ผมตกใจรีบปลอบน้องเขา เอ้าใครจะไปรู้ละครับว่าวันฝนตกๆแบบนี้จะมีเด็กมาวิ่งเล่นด้วย เอ๊ะ แต่น้องเนี่ยก็คุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ

   “แงงงงงงงงงง ฮืออออ เจ็บอะะะะ” น้องผู้หญิงยังไม่หยุดร้องไห้ แถมยังร้องโอดครวญหนักกว่าเดิมอีก

   “ฟิลลิป เดี๋ยวผมช่วยอุ้มน้อง คุณถือของกลับไปที่ร้านก่อน” อลันพุ่งตัวมาจากในร่มและวิ่งมาช้อนตัวน้องขึ้นจากพื้นพร้อมกับปลอบน้อง

   “แดแดะ ไม่เจ็บแล้วนะครับ คนเก่ง”
   
   ผมมองอลันอุ้มน้องผู้หญิงไปที่ร้าน จากมุมนี้ทำให้ผมมองหน้าน้องผู้หญิงไดชัดขึ้นและทำให้ผมนึกออกว่าผมเคยเห็นน้องที่ไหน

   “ใช่!!! น้องผู้หญิงที่เดินจูงมือกับพ่อเมื่อวันก่อนนี่หน่า ใช่เลย”

   ผมเดินตามอลันกลับไปที่ร้านและนั่งลงบนม้านั่งข้างๆน้องและอลัน
   “ผมเคยเจอน้องเขามาก่อน พ่อเขาเป็นช่างก่อสร้าง แต่ผมไม่ยักรู้ว่าที่นี้มีไซต์งานก่อสร้างเลยนะ” ผมบอกสิ่งที่ผมรู้กับอลัน

   “งั้นเดี๋ยวเราถามน้องดูก็ได้ว่าพ่อเขาอยู่ไหน”

   “คนเก่งครับ คุณพ่ออยู่ที่ไหนเอ่ยยย” โอ้โห สกิลการคุยกับเด็กของอลันทำให้ผมอดกลั้นขำไม่อยู่ครับ ใครจะไปรู้ว่าเขาก็มีมุมนี้เหมือนกัน

   “ฮึฮึฮึ555”

   “ขำไรคุณ ช่วยผมถามสิ ขำอยู่ได้” ฮั่นแน่มีเขินด้วยหรอพ่อ

   “คุณพ่อ อยู่นู้นนน” เด็กผู้หญิงตอบพร้อมกับชี้มือเข้าไปในร้านของผม

   “พ่ออยู่ทางนั้นหรอออ” ผมถามน้อง

    “งื้ออออ” เด็กน้อยพยักหน้าตอบ


‘น้องสายไหม อยู่นี่เองหรอลูกกกก!!!’ ไม่ทันที่ผมจะออกตามหาพ่อให้น้อง พ่อของเขาก็ปรากฎตัวเสียก่อน

   คุณพ่อของน้องวิ่งเข้ามาหาพวกผมพร้อมกับช้อนตัวลูกขึ้นไปอุ้มจากเก้าอี้

   “ขอบพระคุณมากนะครับ ที่ช่วยดูลูกสาวผมให้”

   “เอ่อออ จริงๆน้องเขาวิ่งเล่นอยู่เล่นผมไม่ทันมองเลยเดินชนเข้าให้นะครับ น้องเลยร้องไห้ใหญ่เลย” ผมบอกพ่อของน้อง

   “เด็กกำลังซนเลยหน่ะครับ ผมบอกก็ไม่ฟัง ว่าให้เล่นอยู่แถวๆไซต์ ดื้อออกมาข้างนอกเนี่ย เดี๋ยวพ่อตีเลย”

   “คุณน้าทำงานอยู่แถวนี้หรอครับ”

   “ใช่แล้วครับ ผมทำงานปรับปรุงร้านอยู่ด้านหลังนี้นะครับ เห็นเขาบอกว่าจะทำเป็นร้านกาแฟนะครับ”

   “ห้ะะะะะ ร้านกาแฟ แถวๆนี้หรอครับ”เห้ย ร้านผมจะไม่ได้เป็นร้านกาแฟร้านเดียวในย่านนี้แล้วหรอเนี่ย

   “ใช่ครับ เห็นบอกเป็นร้านที่เขาซื้อยี่ห้อมานะครับ” “เนี่ยครับ ร้านอยู่ข้างหลังร้านของคุณเองเลยครับ ติดกัน”



   เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย



   จะมีร้านกาแฟเปิดใหม่ อยู่หลังร้านของผม แล้วกูจะทำไงดีละเนี่ยยย เจ้าพ่อเจ้าแม่อะไรก็ได้ช่วยลูกช้างด้วยเถอะะะะะะะะ





/////

   วันหนึ่งในฤดูฝน ปี 2012 (4 ปีก่อน)

ณ มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง


   “ฮัลโหล พี่เอ็ด ผมซ้อมเสร็จแล้วนะครับ ผมมารอพี่ที่หน้าตึกกิจกรรมแล้วนะ”

   “เคคร้าบ รอพี่แปปนึงนะฟิล พี่เก็บกีตาร์อยู่เดียวลงไปละครับ”

   “ เร็วๆนะพี่ ผมจองตั๋วหนังไว้แล้ว ถ้าไปดูไม่ทันเป็นเพราะความผิดพี่ล้วนๆเลยนะ”

   “แหมะ ถ้าไม่ทันจริงๆ เดี๋ยวพี่ให้เราลงโทษพี่เลยอะ”

   “แหวะ ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลย ไอ้บ้า รออยู่นะ”

   “ครับผม จุ๊บ”

   ผมกำลังนั่งรอพี่เอ็ด แฟนคนแรกของผม ผู้ชายคนแรกในชีวิตผมที่บอกผมว่าเขารักผมและอยากดูแลผมเหมือนน้องชายของเขา ผมเพิ่งไปซ้อมการแสดงของน้องดาวเดือนคณะมาครับ เป็นหน้าที่ที่หนีไม่ได้สำหรับอดีตเดือนอย่างผมที่จะต้องมาคอยเทรนบุคคลิกภาพให้กับน้องๆสำหรับการประกวดดาวเดือนมหาลัย ส่วนพี่เอ็ดต้องฝึกซ้อมดนตรีกับเพื่อนเพื่อที่จะแสดงคอนเสิร์ตในเวทีที่ใหญ่ที่สุดของปีเช่นกัน

   
   “มาแล้วๆๆ รอนานไหมเอ่ยเด็กดีของพี่”

   “พี่อะ ผมก็บอกแล้วว่าหกโมงให้สแตนบาย เห็นมั้ยพี่ก็ช้าอีกแล้วอะ”

    “โห่ๆ ก็ซ้อมแล้วมันติดพันอะ โทษไอ้พวกนี้เลย นี่พี่อุสาห์ออกมาก่อนนะเนี่ย”

   “โถ่ ดูทำหน้า โอ๋ๆๆๆๆๆ เดี๋ยวไปกินไอติมหลังดูหนังเสร็จนะพี่เลี้ยง”พี่เอ็ดพูดพร้อมกับเอาขาเตะที่น่องผม

   “ทำหน้าไรละพี่ นี่หน้าปกติผม แต่ถ้าได้กินไอติมอะ ก็โอเคเลยนะ ฮ่าๆ”

     “อ้ะ อ้ะ ได้ครับ ไม่ต้องหัวเราะเลย มาช่วยพี่ถือของก่อน” แล้วพี่เอ็ดก็ยื่นแฟ้มอันใหญ่มาให้ผมถือ

   “ตอนนี้โมงแล้วเนี่ยพี่เชคก่อนนะ” พี่เอ็ดพูดพร้อมกับล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเพื่อเชคเวลา

   “หกโมงสิบนาที ยังทันอยู่พี่ค่อยซิ่งรถไป”

    “พี่อะช้าแล้วก็จะมาขับรถซิ่งทุกที มันอันตรายนะรู้ป่าว”ผมบอกพร้อมกับเตะน่องพี่เอ็ดกลับบ้าง

   “เห้ยพี่ ผ้าเช็ดหน้าพี่ตกอะ” ผมก้มลงเก็บผ้าเช็ดหน้าบนพื้นและยื่นให้พี่เอ็ด
   
   “โห่ เลอะดินหมดเลย” พี่เอ็ดพูดพร้อมกับปัดดินออกจากผ้าเช็ดหน้า
   
   “พี่ ผมไม่เคยเห็นพี่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเลยอะ ทำไมถึงพกมันไว้ตลอดเลยอะ”   ผมถามด้วยความสงสัย

   “เราอะ ไม่รู้อะไร ผ้าเนี่ยหน่ะ สุภาพบุรุษเขาพกกัน เขาไม่ได้เอาไว้ใช้เองกันหรอก” พี่เอ็ดพูดพร้อมกับมองผ้าเช็ดหน้าในมือ



      “ ผ้าเช็ดหน้าหน่ะ มีไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของคนอื่น”




 @@นั่งคุยหลังร้าน@@

   ไม่ได้นั่งคุยกันตั้งหลายตอนนะครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ห่างหายไม่ได้อัพอย่างต่อเนื่องมาสักพัก เพราะว่ามีภาระกิจนู่นนั้นนี่แล้วก็มีสอบ แทบไม่มีเวลานั่งหน้าคอมเลย แต่ตอนนี้กลับมาแว้ววว แล้วก็จะอัพให้บ่อยขึ้นครับผม

   เรื่องราวตอนนี้ของเรื่องก็บอกเลยนะครับเป็นตอนที่เขียนยากมากมีความกังวลหลายอย่างในการเขียนเลิฟซีน แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับหลังจากนี้ เนื้อเรื่องจะสนุกขึ้น มันส์ขึ้น เข้มข้นขึ้น ป่วงขึ้น ตลกขึ้นแน่นอน แทบรอไม่ไหวละหล่ะครับ

   ถ้ายังไงถ้าอ่านแล้วชอบก็ช่วยกันคอมเม้นพูดคุยกันหน่อยนะครับ เหงามั้กเบย พอมีคนเม้นท์ทีนึงก็ดีใจมากๆมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย นั่งอ่านคอมเม้นแล้วยิ้มคนเดียว 555555  แล้วก็ช่วยกันบอกต่อด้วยละคร้าบ
   ถ้าใครอยากจะพูดคุยไร้สาระ แลกเปลี่ยนไอเดียกับผม ก็เชิญได้นะครับ ที่ Twitter @redtails22 เขาเพิ่งสมัครมาเพราะอยากพูดคุยกับคนที่อ่านนิยาย ฟากด้วยนะครับ

                           Redtails


หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.6 Unexpected☕️ (100%) 25/12/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-12-2017 15:06:31
อลัน ดูจะชอบฟิลลิป  :mew1:
แต่ประโยคที่ว่า ผ้าเช็ดหน้ามีไว้ใช้ประโยชน์กับคนอื่นนี่
ทำไมทั้งอลัน กับพี่เอ็ด แฟนเก่าฟิลลิป พูดเหมือนกันอ่ะ

แล้วทำไงล่ะเนี่ย จะมีร้านกาแฟอีกร้านมาเปิดติดกันเลย
ฟิลิปจะทำไงล่ะเนี่ย แถมซื้อแฟรนเนมกาแฟดังๆมาด้วย  :serius2: :serius2: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.6 Unexpected☕️ (100%) 25/12/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 30-12-2017 01:26:17
อลัน ดูจะชอบฟิลลิป  :mew1:
แต่ประโยคที่ว่า ผ้าเช็ดหน้ามีไว้ใช้ประโยชน์กับคนอื่นนี่
ทำไมทั้งอลัน กับพี่เอ็ด แฟนเก่าฟิลลิป พูดเหมือนกันอ่ะ

แล้วทำไงล่ะเนี่ย จะมีร้านกาแฟอีกร้านมาเปิดติดกันเลย
ฟิลิปจะทำไงล่ะเนี่ย แถมซื้อแฟรนเนมกาแฟดังๆมาด้วย  :serius2: :serius2: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
ขอบคุณคุณ Magnolia มั้กๆ ที่คอยติดตามและคอมเม้นให้กำลังใจผู้เขียนตลอดนะครับ  T^T


มีข่าวดีจะแจ้งนะครับ คืออออออ

เราจะมีตอน NEW YEAR SPECIAL ให้ได้อ่านกันในตอนหน้าด้วย อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามมากๆๆๆๆนะครับ
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.7 Obstacle☕️ (New Year Special) 31/12/2017
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 31-12-2017 04:27:12
EP.7 Obstacle (New Year Spacial 1)

   หม้อ Moka pot เป็นหม้อต้มกาแฟขนาดจิ๋ว สำหรับการชงเอสเพรสโซ่ร้อนสไตล์อิตาลี คอกาแฟหลายคนที่หลงไหลในรสชาติที่เป็นเข้ม ดิบ เป็นเอกลักษณ์ และวิธีการชงแบบเป็นดั่งเดิม ก็จะมีหม้อ moka pot ไว้ติดบ้านกัน หม้อ Moka pot นั้นชงกาแฟ โดยอาศัยหลักการของแรงดันน้ำที่ถูกต้มจนเดือดทำให้เกิดแรงดัน ดันน้ำร้อนขึ้นไปผ่านชั้นกรองกาแฟ และกาแฟสำเร็จก็จะไหลขึ้นมาผ่านช่องเล็กๆทีละน้อยๆจนกลายเป็น เอสเพรสโซ่ร้อน ที่มีรสชาติแตกต่างไม่เหมือนกับวิธีการชงวิธีอื่น

   ผมยกหม้อ Moka pot ออกจากเตาและรินกาแฟร้อนๆจากหม้อลงในแก้วสำหรับ 2 serving ของผม วันหยุดปีใหม่ที่มีเรื่องต้องสะสางแบบนี้ ผมต้องการกาแฟของผมเข้มเป็นพิเศษครับ มีคนเคยบอกผมว่าชีวิตของเราก็เหมือนเอสเพรสโซ่ Moka potนี่แหละครับ บางครั้งกว่าจะออกมาเป็นเอสเพรสโซ่ที่รสาติอร่อย ก็ต้องผ่านแรงกดดันต่างๆ ผ่านชั้นกรอง ผ่านการดันตัวขึ้นมา ถึงจะออกมาเป็นกาแฟที่อร่อยได้ แต่เขาคงไม่ได้หมายความว่า ชีวิตคนเราก็ต้องผ่านแรงดันน้ำรึว่าชั้นกรองกาแฟนะครับ 5555555  เขาหมายความว่าชีวิตเราบางครั้งก็มีอุปสรรค แบบทดสอบต่างๆที่เราต้องผ่านไปให้ได้ เราจึงจะสามารถเป็นคนที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จได้
   
   ผมก็ยังไม่เข้าใจที่เขาบอกมากเท่าไหร่หรอกครับตอนที่มีคนบอกผมเรื่องชีวิตคนเรากับ Moka pot ผมไม่รู้ว่ามันจะมาเปรียบเทียบกับตัวผมได้อย่างไร จะผมลองนึก ผมก็นึกเทียบเคียงได้ว่าเขาก็คงหมายถึง ตอน The Face Thailand season 2 ถ้าหากติช่าไม่ได้ถูกส่งเข้าห้องดำ เราก็คงไม่รู้ว่าติช่านั้นเป็น fighter แบบที่เธอบอกพี่ลูกเกด เธอได้บอกให้พี่เกดเห็นว่าเธอได้สู้กับอุปสรรคมาตลอด เธอมีความตั้งใจ เธออยากสู้ต่อไป และเธอก็ได้กลายเป็นThe face thailand คนที่สองในที่สุดครับ แต่ถึงผมก็ไม่เคยประกวด The Face Thailand ตอนนี้ดูเหมือนผมพอจะเริ่มเข้าใจกับคำกล่าวนั้นแล้วครับ เพราะตอนนี้ผมเจออุปสรรคได้มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ตอนนี้ร้านของผมจะมีคู่แข่งแล้ววววววว T^T

   

   ผมนั่งจ้องตากับเบิร์ด ปลากัดจีนสีแดงที่ชื่อแปลว่านก มาสคอทประจำร้านและหุ้นส่วนธุรกิจของผม ใช่ครับ ปกติเบิร์ดจะประจำการคอยทำหน้าที่เป็นยามอยู่ที่ร้าน แต่ว่าวันนี้ผมพาเบิร์ดมาที่คอนโดครับ เพราะผมต้องการเรียกประชุมหุ้นส่วนด่วนกรณีพิเศษครับ

   “ผมขอเปิดประชุมครั้งที่สามครับคุณเบิร์ด วาระการประชุมครั้งนี้อย่างที่เรารู้กันและประชุมกันไปแล้วแต่ยังหามติกันไม่ได้จากสองครั้งก่อนครับคุณเบิร์ด”

“เมื่อสองวันก่อน เราได้ทราบแล้วว่า จะมีร้านกาแฟใหม่มาเปิดอยู่ในทำเลที่เดียวกับเรา ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของร้านเราแน่นอน และผลประกอบการที่ผ่านมาของเราก็ถือว่า เกินทุนไปนิดส์เดียว แถมตอนนี้เราก็ยังถอนทุนค่าตกแต่งร้านยังไม่ได้เลยครับ ”

   “แล้วกูจะทำยังไงงงงงงงงงได้บ้างวะไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย โว้ยยยยยยยยยยยยย”

ผมแหกปากส่งเสียงลั่นด้วยความเครียด ทำอะไรไม่ได้ครับได้แต่กุมหัวแล้วทิ้งหัวหนักๆลงหมอน

   “เอ่ออออ เอ้ย ขอโทษครับคุณเบิร์ด” ผมรวบรวมสติและจิบกาแฟ เพื่อหาวิธีแก้ไขอีกรอบครับ ผมจะมาสติแตกอีกไม่ได้ ผมหมกหมุ่นเรื่องนี้มาสี่สิบแปดชั่วโมงแล้ว ผมเชื่อว่าผมใกล้จะคิดออกแล้วครับ

    “คุณเบิร์ดเอากาแฟมั้ยครับ?” ผมยกแก้วกาแฟชวนเบิร์ดที่กำลังว่ายวนไปวนมาอย่างสบายใจ ผมควรเทกาแฟลงไปในตู้ให้เบิร์ดดื่มและช่วยผมคิดดีมั้ยเนอะ

   “เอ่อออ คงไม่ดีเนอะ 555555” เบิร์ดตกใจผม ว่ายหนีผมทันทีที่ผมยกแก้วกาแฟไปใกล้กับโหลของมัน

“โอ๋ ตกใจใหญ่เลย ไม่เป็นไรๆๆๆ ขอโทษนะเบิร์ด”


   ‘เฮ้อออออออออออ’



    ผมถอนหายใจพร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงระเบียง พร้อมจุดบุหรี่ที่คาบบนริมฝีปาก สูดเข้าไปเต็มปอดและปล่อยควันให้ลอยสูงออกไปบนชั้นฟ้า
   
    อีกสามวันก็จะปีใหม่แล้ว ปีที่ผ่านมาก็เป็นปีที่ดีมากและน่าจดจำอีกปีหนึ่ง สิ่งที่ได้เรียนรู้ ความผิดพลาด ความผิดหวัง ความสุข ความสมหวัง โชคลาภ ได้รวมเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อมของปีที่ผ่านมา ผมผ่านวันปีใหม่มาแล้ว 25 ครั้ง ในแต่ละปีแตกต่างไม่เหมือนกันเลยซักปี ตัวผมในตอนต้นปีกับในตอนนี้ จะว่าได้ก็เหมือนเป็นคนละคน
   แต่สำหรับปีหน้าที่จะมาถึงนี้ แค่นึกถึงมันก็ทำให้ผมรู้สึกประหม่า มันเป็นปีที่แตกต่างเพราะเป็นปีคั่นระหว่างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในชีวิตผม ชีวิตผมจะเหวี่ยงไปในทางที่ผมหวังหรือไม่ผมก็ไม่แน่ใจ ผมคงได้แค่ภาวนาให้โชคหรือสิ่งใดช่วยผมไว้เหมือนที่เคยในทุกๆปี

   ปิดปีใหม่ปีนี้ผมไม่ได้กลับบ้านครับ เพราะผมอยากอยู่สะสางปัญหาที่ร้านก่อนที่จะถึงปีใหม่ แถมพ่อกับแม่ก็หนีกันไปเที่ยวเขาใหญ่สองคนโดยที่ผมไม่รู้อีก ไม่รู้พ่อกับแม่ไปรบกวนเด็กข้างบ้านให้จองตั๋วเครื่องบินจองโรงแรมให้ตอนไหนอีก โถว เทศกาลแห่งครอบครัวแท้ๆไม่นึกถึงใจลูกเลย จะชวนสักหน่อยก็ไม่มี คิดถึงบ้านใจจะขาดแล้วเธ้อออออ ปีนี้ผมก็เลยเป็นว่าผมคงต้องอยู่สังสรรค์กับเพื่อนในกรุงเทพนี่แหละครับ

   จริงสิ จะว่าไป ทำไมยังไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องหยุดปีใหม่กันเลยเนี่ย ปกติผมกับเพื่อนก็จะไปกินข้าวกัน พูดคุยเรื่องสับเพเหระ แล้วก็ไปดื่มเหล้ากันต่อนิดหน่อยพอเป็นพิธี แล้วพอวันปีใหม่จริงๆ เราก็แยกย้ายกันไปใช้เวลากับครอบครัวของเรากันครับ

   เอออออ ลองโทรหาปุ๊กกี้ดูสักหน่อยดีกว่าแฮะ คิดได้อย่างนี้ผมจึงเลยกลับเข้าไปในห้อง คว้าโทรศัพท์ดึงออกจากที่ชาร์ทข้างหัวเตียง และโทรหาเพื่อนทันทีครับ


   ‘ตู๊ดดดดดดดดดด......’  แปลกจัง ทำไมปุ๊กกี้ไม่รับโทรศัพท์เนี่ย วันนี้ก็ไม่ได้ทำงานนี่หว่างั้นผมลองโทรหาต้นดูดีกว่า


   ‘ตู๊ดดดดดดดดดด.....’ ทางนี้ก็เงียบเหมือนกันแหะ หายไปไหนกันหมดวะเนี่ย โดนอุ้มหายกันหมดแล้วรึไง


    ‘แคว้กกกกกก แคว้กกกกกกก แคว้กกกกกกก’ เอ้ออออดีแหะ ยังไม่ทันขาดคำต้นก็โทรกลับมาแล้ว


   “ปีใหม่มึงไปไหนนนน ฟิลลิป” อ้าวพอรับโทรศัพท์ปุ๊ป ไม่มีฮัลโหลสวัสดีต้นก็ชวนผมเข้าเรื่องปีใหม่ทันที

   “เออออ กูก็กำลังโทรถามพวกมึงอยู่เนี่ยว่าเราจะไปไหนกันดี”

   “สรุปมึงว่า มึงว่างไม่ได้ไปไหน ไม่ได้กลับบ้านถูกมะะะะ”ต้นถามผมกลับทันทีที่ผมบอก

   “อื้ออออ ใช่ พ่อกับแม่กูหนีไปเที่ยวกันแล้ว”

   “เริ่ดดดดดด งั้นเปิดไลน์ กูส่งการ์ดเชิญงานปีใหม่ให้”

   “เคเค ได้ครับ”

   “ได้ยังค๊า” ต้นถามผมด้วยน้ำเสียงแจ่นแหล๋นช่องเสียงที่แปดล้านของมัน

   “เอ่ออออ โหลดแปป” “นิวเยียร์ปาร์ตี้ แอนด์โฮมดินเนอร์  อืมมมม ปีนี้เราทำอาหารกินกันเองอ่อ เออออดีวะชอบๆๆ เปลี่ยนฟีลดี ท่าทางน่าจะอบอุ่น”

   “ใช่ละค๊ะะะ ความคิดกูเอง เริ่ดมะ แล้วเราแดกเหล้าแดกเบียร์กันเองต่อเลย ซอฟท์ๆเนอะ”

   “เอออออดีๆๆ ว่าแต่จะจัดที่ไหนวะ”

   “อ่านดูเขียนอยู่ข้างล่างค่ะ”

   “วันที่ December 30th  2017 at ตามตะวัน คาเฟ่”

   “ถูกต้องใช่แล้วค๊าาาาา วันนี้ที่ตามตะวันคาเฟ่”

   “อ๋ออออ วันนี้ที่ตามตะวันคาเฟ่” “อิเหี้ยยยยยยยย จัดที่ร้านกูวันนี้ไหงกูไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะะะะ”

   “เอ้าาาาา ตอนนี้มึงก็รู้เรื่องแล้วหนิ ก็เอาเป็นว่ามึงเป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ”

   “เห้ยยยย มัดมือชกกูยั้งงงี้เลย แล้วตอนแรกถามว่ากูว่างมั้ย ถ้ากูบอกว่าไม่ว่างมึงจะไปจัดกันที่ไหนห๊ะ”   

   “อ๋ออออ ก็จัดที่ร้านมึงนี่แหละ เพราะกูขอกุญแจจากน้องใบเตยมาแล้ว แฮ่ 5555555”โถ่ว แล้วผมจะเลือกกกกอะไรรรรด้ายยยมั้ยยยยยยT^T

   “เคเค ตามนั้นก็ตามนั้น T^T นัดกันกี่โมงดี?”

   “เอ่ออออ สักหกโมงแล้วกัน เดี๋ยวกูกับมึงไปจัดสถานที่แล้วเดี๋ยวให้ปุ๊กกี้ไปซื้อของมาเตรียม”

   “โอเค ครับบบ รับทราบ เจอกันหกโมงที่ร้านกูเลยเนอะ”

   “ได้ ตามนั้น เท่าโน้นนนน แยก”
   แล้วต้นก็วางสายโทรศัพท์ไปครับ ผมนี้ชัก ชักรู้สึกว่ามันมีกลิ่นอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับงานปีใหม่ครั้งนี้แล้วสิ ทำไมมันดูไม่เรียบง่ายสบายๆเหมือนปีก่อนๆ ทำไมปีนี้ถึงต้องจัดใหญ่โตตกแต่งสถานที่ด้วย ทั้งๆที่ก็กินข้าวกันสามคนนี่หว่า แถมการคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ต้นก็ดูเหมือนรีบร้อนรีบคุยรีบถาม ผมว่าผมควรไปที่ร้านก่อนเวลาดีกว่า ออกไปตอนนี้เลยดีกว่า เผื่อพวกเพื่อนผมจะทำอะไรพิเรนๆกัน ผมจะได้สกัดแผนการ หยุดพวกมันได้ทัน
   


   วันนี้ผมขับรถมาไม่นานก็ถึงร้านของผม ช่วงปีใหม่แบบนี้ผมละรักท้องถนนของกรุงเทพจริงๆ โล๋งโล่ง เหมือนจะกลายเป็นเมืองร้างในวอคกิ้งเดท คงผิดกับเชียงใหม่ที่ผมว่าตอนนี้คงจะเมืองแตกแล้วแน่ๆ ในไอจีของผมเพื่อนๆพี่ๆน้องๆนี่ถ่ายสแนปลงกันเต้มมมม เชียงใหม่ไม่ใช่เมืองสโลวไลฟ์อีกต่อไปแล้วครับ ผมว่าคนเชียงใหม่เองคงก็หนีคนกรุงนอนอยู่บ้านแน่นอน ส่วนวีมอลวันนี้หรอครับ แทบไม่มีร้านรวงอะไรเปิดเลย ผมจอดรถตรงหน้าร้านผม ลงจากรถยังไม่เดินสวนกับใครสักคน เอะ แต่นั้น ที่เดินอยู่หน้าร้านอาหารนั่นป้าวิไลพร นี่หน่า ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณป้าหนิ


   “คุณป้าวิไลพรครับบบบบบบ” ผมตะโกนเรียกป้าวิไลพรพร้อมกับโบกมือเรียกให้ป้าเห็นผม


   “ว้าย น้องฟิลลิป” แต่กลับกันครับ แทนป้าวิไลพรจะทักทายผมกับ ป้ากลับกุลีกุจอวิ่งหนีผมทันเห็นผม ซึ่งคุณป้าเป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้วครับ แรกๆผมก็ไม่เอะใจอะไร คิดว่าคุณป้าคงยุ่ง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าป้าวิไลพรตั้งใจหลบหน้าผมเพราะไม่อยากตอบคำถามเรื่องร้านกาแฟที่จะมาเปิดใหม่หลังร้านผมแน่ๆ


   ไม่ได้ครับวันนี้ผมจะไม่ปล่อยให้ผป้าวิไลพรหลบหน้าผมแล้ว ผมจะต้องคุยกับคุณป้าให้รู้เรื่อง


   “ป้าวิไลพรครับบบ รอผมก่อนนนนน” ผมตะโกนพร้อมกับวิ่งไล่ตามวิไลพรไป ป้าวิไลพรก็วิ่งหนีผมมุ่งหน้าไปทางร้านอาหารของป้า แต่มีหรอครับที่สปีดคนแก่ของป้าจะหนีผมพ้น ผมกดสกิลติดตัววาปฟุ๊บ ไปดักหน้าป้าวิไลพรพร้อมกางแขนกันไม่ให้ป้าวิไลพรวิ่งหนีผมไปอีก

   “ป้าวิไลพรครับ เฮออออ เฮออออ ผมมีเรื่องจะคุยด้วยครับ” โอยยย ผมวิ่งไล่ป้าแค่นี้นิดเดียวแต่ก็ทำผมหอบเหมือนกันนะเนี่ย

   “หรอน้องฟิลลิปมีเรื่องจะคุยอะไรกับป้า อ๊ะ ว้ายยยโทรศัพท์เข้า ฮัลโหล คุณแหวนหรอค๊าา”นั้นไงไม่ทันผมจะได้พูดอะไรป้าวิไลพรก็ลูกเล่นแพรวพราวอีกแล้ว
   
    “พอเลยครับป้า มุขคุณแหวนโทรมาป้าใช้ไปแล้วเมื่อวานซืนครับบบ”

   “แฮะๆๆๆ หรอคะน้องฟิลลิปลูก อุ้ยดูนั่นหนุมานกินลาบเป็ด”ป้าวิไลพรชี้ให้ผมดูตรงพุ่มไม้ เตะตาตุ่มผมแล้วก็วิ่งหนีผมเข้าไปที่ร้านตัวเองครับ

   “โอ้ยยยยย คุณป้าวิไลพรครับบบบบบบบ” ไม่ได้ ยังไงผมก็ต้องรู้เรื่องให้ได้ ผมจะไม่นอนเครียดเป็นคืนที่สามหรอก

ผมวิ่งพร้อมกระโดด แต่ป้าวิไลพรกลับถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเอง ถกชายกระโปรงขึ้นและวิ่งเข้าไปในร้านตัวเองเรียบร้อยมองด้านหลังท่าวิ่งของป้าวิไลพรไม่น่าชมสักเท่าไหร่นักหรอกครับ ดูเหมือนคุณนายตีกระบังลมวิ่งหนีตำรวจที่มาจับวงไพ่ยังไงยังงั้นละครับ 555555555 แต่ไม่ทันที่ป้าวิไลพรจะล๊อกประตูร้านได้ ผมวิ่งตามจนทันจับประตูร้านไว้ได้ก่อนครับ

   “ป้าวิไลพรครับ คุณป้าต้องคุยกับผมเรื่องที่จะมีร้านกาแฟมาเปิดใหม่หลังร้านผมนะครับ” ผมพูดพร้อมกับดึงที่จับประตูกระจกไว้กับตัว

   “ป้าไม่รู้เรื่องค่ะ น้องฟิลลิป ปล่อยประตูเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” ป้าวิไลพรพูดพร้อมโยนรองเท้าส้นสูงในมือพร้อมกับกอดที่จับประตูไว้แน่น

   “เดี๋ยวก่อนครับป้าวิไลพรคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิครับ” คราวนี้ผมจับประตู้ร้านด้วยมือทั้งสองมือครับ ผมไม่มีทางปล่อยหรอก

   “น้องฟิลลิปจะจับประตูทำไมคะ ปล่อยเถอะค่ะ ป้าจะเข้าร้าน ป้าจะปิดร้าน!!!”ป้าวิไลพรพูดพร้อมคว้าโซ่เพื่อนจะล๊อกร้านไม่ให้ผมเข้าไปได้
   
   “ผมไม่ปล่อยครับป้า ถ้าป้าไม่คุยกับผม เอ่ออออ ผมจะล๊อกประตู ผมจะไปเอาไม้มาคั่นประตูให้ป้าออกมาไม่ได้นะครับ”  ผมพูดกับพร้อมหยิบท่อนไม้ที่อยู่หน้าร้านมาสอดเป็นที่คั่นประตูขังป้าวิไลพรไว้ใร้านครับ

   “เออออจริงด้วย มันล๊อกจากข้างนอกได้นิหว่า ไม่นะคะน้องฟิลลิปปปปอย่าค่ะ!!!!!!” คราวนี้ป้าวิไลพรทุบกระจกใหญ่เลยครับ555555

   “คุณป้าครับบอกผมมาเถอะครับว่าทำไมถึงมีร้านกาแฟมาเปิดในมอลอีกร้านนึง แล้วเจ้าของร้านเป็นใครครับ”

   “ป้าไม่รู้จริงๆค่ะน้องฟิลลิป เขาติดต่อมาทางคุณวิษณุ ป้าไม่รู้เรื่องเลยจริงๆค่ะ” ป้าวิไลพรพูดพร้อมทุบประตูกระจก

   “หรอครับ ติดต่อทางสามีคุณป้า.... งั้นผมขอโทษป้าที่ขังป้าด้วยกันละครับ แฮะๆ” นั้นแสดงว่าคนที่มาเปิดเนี่ยต้องเป็นคนมีเส้นสายประมาณนึงแน่ๆเลย ถึงติดต่อทางคุณลุงวิษณุขนาดตัวป้าวิไลพรยังไม่รู้เรื่อง แล้วผมจะทำยังไงดีละเนี่ย

   “ เอ่อคุณป้าครับ เอ่อ ผมไม่ได้ขังป้าแล้ว ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ ” หนีสิครับ รออะไรละครับ เล่นเหมือนจะพังร้านป้าเขา ดีนะครับน้ายามไม่เห็นไม่งั้นมีหวังน้ายามโทรตามตำรวจละผมต้องไปนอนโรงพักส่งท้ายปีเก่าแน่ๆ



ผมเดินจากร้านป้าวิไลพรไปยังหน้าร้านของผมเพื่อไปเตรียมร้านสำหรับปาร์ตี้อาหารเย็นของผมกับปุ๊กกี้และต้น ในใจผมก็อดคิดถึงสิ่งที่ป้าวิไลพรบอกไม่ได้

   ‘ปกติคุณลุงวิษณุเขาไม่ได้ทำเรื่องจัดการดูแลแะไรในมอลเลยนี่หน่า แล้วไหงคราวนี้ถึงลงมาจัดการเองได้ละเนี่ย’

   ‘แล้วทำไมร้านเก่าถึงได้ออกไปแล้วร้านกาแฟใหมก็มาแทนที่ได้เลยเนี่ย มันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันรึปล่าวนะ’

   ‘เฮ้ออออ เอาเป็นว่าค่อยมาคิดต่อละกัน ยังไงตอนนี้ก็ยังดีกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยแล้วกันเนอะ’
   
   ผมมาถึงประตูหน้าร้าน ผมหยิบกุญแจในกระเป๋าขึ้นมาไขแต่ เห้ยยยยยย ทำไมประตูร้านไม่ได้ล๊อกวะเนี่ย เมื่อวานผมเป็นคนปิดร้านผมก็ล๊อกใส่ลูกกุญแจเรียบร้อยนี่หว่า ผมไม่ลีลารอหาคำตอบ ผมพุ่งตัวเข้าไปในร้านทันที แต่สิ่งที่ผมเห็นทำให้ ผมชอค ใจผมตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มครับ

ภาพที่อยู่เบื้อหน้าคือในร้านของผมมีควันคละคลุ้งไปหมด ตรงเค้าเตอร์ในครัวก็ถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปหมด โต๊ะเก้าอี้ในร้านจากที่ถูกจัดเป็นระเบียบก็ถูกรื้อสะเปะสะปะไปหมด แถมในร้านมีกลิ่นเหม็นไหม้แรงมากๆ ร้านของผมไฟไหม้ครับบบ


    ร้านของผมไฟไหม้!!!!! พระเจ้าาาาาาาาาผมจะทำยังไง ร้านของผมไฟไหม้!!!!!!


ผมพุ่งตัววิ่งไปยังข้างร้านคว้าสายยางสีขียวที่ม้วนอยู่และลากมันมา ผมเปิดน้ำจากก๊อกและวิ่งซอยเท้าเข้าไปในร้านเพื่อดับไฟ
   
   ความรู้สึกของผมตอนนี้มันด้านชาไปหมด มือของผมสั่นโดยปราศจากการควบคุม ผมพยายามเรียกสติกลับมาที่ตัวของผม ในหัวของผมพยายามคิดว่าจะต้องจัดการกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไร อีกในห้วงความคิดหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่านี่จะเป็นฝีมือของร้านที่จะมาเปิดใหม่ เพียงแค่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันแค่นี้ถึงกับจะต้องตัดทางทำมาหากินกันเลยหรอ ร้านของผม ร้านที่ผมทุ่มเทเงินเก็บทั้งหมดของผมลงไป ผมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี แต่ตอนนี้กลับถูกทำลายด้วยเหตุผมที่ว่าผมไปขัดขาทางทำมาหากินของคนอื่นแค่นั้นหรอ



   ผมคิดว่าอุปสรรค์ครั้งนี้มันไม่ยิ่งใหญ่เกินไปที่ผมตัวคนเดียวจะรับไหวหรอ
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.7 Obstacle☕️ (New Year Special) 31/12/2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-12-2017 07:39:39
ประจวบเหมาะเกินไป  :hao3:
มันต้องมีอะไรๆเกี่ยวพันกันกับร้านกาแฟที่จะเปิดใหม่แน่ๆ
เจ้าของร้านกาแฟที่จะเปิดใหม่เป็นลูก เป็นญาติกับเจ้าของวีมอลแน่ๆ
ให้คิดว่าเป็นคนที่หักอกฟิลลิป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.8 Company 50%☕️ (New Year Special) 3/1/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 03-01-2018 07:41:21
   Ep8 Company



การจัดเตรียมงานปาร์ตีสำหรับคนที่เป็นเจ้างานมันก็ไม่ใช่ ‘อีซี่จ๊อบทูดู’ ใช่มั้ยคะ ยิ่งเป็นงานเซอร์ไพรซ์ด้วยเนี่ย ฮื้มมมมม ‘บิ๊กจ๊อบ’ เลยหล่ะค่ะ แต่ไม่ใช่สำหรับปุ๊กกี้คนนี้หรอกค่ะ เรื่องนี้ อีซี่มาก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ถ้าหากมีการจัดการที่ดี แผนที่ดีเลิศ และความช่วยเหลือจากคนอื่นนิดหน่อย แค่นี้ best party ever ก็สำเร็จแน่นอนค่ะ
   
   เมื่อสามวันก่อนกี้ให้ ชาเล้นจ์ กับเพื่อนๆไป ว่าเราจะโกเอ้าท์ แอนด์ เดทซัมวัน ใช่มั้ยคะ บอกตรงๆ ตัวกี้เองก็ยังคิดไม่ออกหรอกค่ะ ว่าจะไปหาใครที่ไหนมาเดทด้วย 55555 สวยๆเก่งๆ สตรองวูแมนแบบเราเดี๋ยวก็หาได้เองแหละใช่มั้ยคะ แต่ที่กี้เป็นห่วงเนี่ยก็คือตาฟิลลิปนี่แหละค่ะ ก็แหมแค่มีคนเข้ามาหน่อยก็เป็นอะไรของมันไม่รู้ ตัวแข็งทื่อหลบหน้าหนีแบบสุดด ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นโรคกลัวมีความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้เราคนเป็นเพื่อนของมันก็อยากให้เพื่อนมีความสุขใช่มั้ยละคะ ถึงแม้ว่าต่อไปถ้ามันมีแฟนกับเขาแล้วจริงๆ มันก็คงไม่ว่างไปรับไปส่งกี้แล้วก็เถอะ T^T ไม่เป็นไรหรอกคะ เรื่องแค่นี้เดี๋ยวกี้ค่อยหาทางของกี้เอง เรื่องเพื่อนไม่มีชายเนี้ยเรื่องใหญ่กว่าถูกมั้ยคะ

   กี้ว่าถึงเวลาแล้วที่กี้จะต้องสวมบทบาทเป็นคิวบิท หยิบคันศร เร่งให้เพื่อนเนี่ยได้ลงหลักปักฐานกับใครสักคนสักที แหมม จริงๆก็ไม่ใช่ใครสักคนหรอกเราก็รู้ๆกันอยู่นะคะ ก็ต้องให้ได้ลงหลักปักฐานสร้างเรือนหอกับอลันไงละคะ ตั้งแต่กี้ไปเล่นฟิตเนสที่ใหม่มาก็ตาคนนี้นี่แหละค่ะ เริ่ดสุด เหมาะสมสุดแล้วกับเพื่อนของเรา จริงๆกี้หน่ะ แอบเห็นเขาแวะผ่านไปผ่านมามานั่งจิบกาแฟมองฟิลลิปตั้งนานแล้ว แต่ฟิลลิปเนี่ยมันโง่ ไม่รู้จักสังเกตเลย เฮ้อ

   คราวนี้งานปีใหม่ปีนี้ ไหนๆอลันกับฟิลลิปเขาก็รู้จักกันแล้วจะรอช้าทำไมหล่ะคะ กี้ต้องชวนเขามาให้ได้ รับรองว่างานคืนนี้จะต้องมีโมเม้นต์ดีๆน่าจดจำแน่นอน คิดได้แบบนี้กี้เลยโทรวางแผนกับต้นนิดหน่อยคะ ให้ต้นเนี่ยช่วยจัดการลากฟิลลิปไป ส่วนตัวกี้เนี่ยจะลากอลันมาเอง เป็นไง ฉลาดมั้ยละคะ ว่าแล้วกี้ก็โทรชวนอลันเลยดีกว่า ฮิฮิ

   ‘เวิร์คคคค เวิ้ร์คคคคค เหวิร์คคคคคคคคค เวิร์คคเวิร์คค ฮีเซดมีฮัฟฟิ เวิร์ค’ ตายแล้วววว ริฮานน่าร้องงงค่ะ แหมะ ไม่ช่ายยยยยยยย เสียงริงโทนกี้เอง กี้กำลังจะโทรหาอลันแต่ตาเถรรรรรร อิคุณฟิลลิปโทรมาค่ะ

    “อิต้นนน ฟิลลิปโทรม๊าาาา” ตายจริง ลืมนึกไปเลย เราวางแผนของเราดิบดีแต่ลืมนึกไปว่าอิเพื่อนของเราเนี่ยก็เป็นตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้อยู่เหมือนกันเนี่ย

   “ปิดเสียงงงงไม่ต้องรับบบมึงงงงงง มึงอยู่เงียบๆไปค่ะ” อิต้นผู้ซึ่งกำลังรื้อของตกแต่งงานที่กี้เก็บไว้อยู่อีกฟากของห้องตะโกนบอกมา ใช่ค่ะ เราอยู่ด้วยกัน ก็แหมมม แผนการงานใหญ่แบบนี้จะคุยกันทางโทรศัพท์รู้เรื่องหรอ ต้องมาประชุมกันค่ะ

   “เอออออ งั้นกูไม่รับนะ มึงงงงงงงแล้วมึงชัวร์ใช่มั้ยว่าอิฟิลลิปมันไม่ได้กลับบ้านหน่ะ”

   “โอ้ยยย อีปุ๊ก เรียบร้อยค่ะ กูเนี่ย จองตั๋วจองโรงแรมจองรถ ติดต่อขอวอยเชอร์โรงแรมเพื่อนกูให้พ่อกับแม่มันไปนอนเล่นที่เขาใหญ่กันสองคนแล้วว” บ้านอิฟิลลิปเนี่ยเขารักกันมากค่ะ นี่กี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบาปรึปล่าวไปพรากพ่อแม่ลูกเขากันในวันปีใหม่ แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะเรากำลังสร้างอีกครอบครัวให้เพื่อน ฮ่ะฮ่าๆๆๆ

   “เริ่ดดดดดดดมากกกกกก นังต้น ยูอาร์เดอะเบส!!! ”

   “จฮ้าาาาาา ขอบคุณจฮ้าาาา กูเนี่ยเมื่อยตุ้มมากกว่าจะจองทุกอย่างได้ มึงเนี่ยถ้าไม่หาชายให้กูแบบอีฟิลลิปบ้างกูจะเผาบ้านมึงคอยดู”

   “ โฮวๆๆๆ เผาบ้านกูเลยหรอคะ ด้ายยยยยยเพื่อนต้นน่ารักแบบนี้เดี๋ยวเพื่อนจะหาชายให้คนนึงนะคะ”

   “หง่ะ น้องต้นจะเอาสองอะ”

   “พอเลยอีต้น ได้คืบจะเอาศอก อีบ้า5555555”

   ‘ซอมเบิ่งอยู่เด้อออออ ถ้าหากว่าเธอออออออ นั้นเลิกกันกับเขาาาาาาาาา’ โอ้ยยน้องลำไยก็มาค่ะ คราวนี้ฟิลลิปโทรเข้าเครื่องอิต้นค่ะ

   “มึงงงงงอิปุ๊กกกก อิฟิลลิปโทรเข้าเครื่องกู้วววววว ทำไงงงง”

   “มึงเดี๋ยวก่อนนนอย่าเพิ่งรับ เตี๊ยมกันก่อนนน”

   “เห้ยยยยเอาไง เอาเป็นว่าบอกอิฟิลลิปว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน หนึ่ง”

   “เยสเกิล แอนด์ มึงไปถามมันว่ามันไม่ได้ไปไหนใช่ไหม สอง ละลากมันไปที่ร้าน สาม เดะกูไปโทรหาอลันก่อน เคมะ”

   “ได้ค่ะ คุณปุ๊ก ถ้าอย่างนั้นคุณต้นก็โทรกลับหาคุณฟิลลิปละ คุณปุ๊กไปจัดการงานคุณปุ๊กนะคะ แยก”

   “เริ่ดค่ะ แยก หกโมงเจอกัน”

ตกลงกันได้อย่างนั้น คราวนี้กี้ก็แยกไปทำงานของกี้ค่ะ ว่าแต่เบอร์อลันอยู่ไหนเนี่ย อืมมมมหาก่อนๆๆ อติลล่า อเล็กซ์ อลัน ฟิตเนส นี่ไงเจอแล้ว เอาหล่ะค่ะ จะชวนแล้ว

   “ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด ตู๊ดดดดดดด”ใจเต้นสิค่ะ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่โทรหาอลันสักหน่อย แต่ถ้าเจ้าตัวมาไม่ได้จะทำไงละเนี่ย เครียดเหมือนกันนะคะ

   “สวัสดีครับบ..”

   “ไฮแดร์ อลันนนนน”

   “ว่าไงครับปุ๊กกี้ เสียงสดใสเชียว”

   “อลันนนนน วันนี้สักตอนเย็นๆค่ำๆว่างมั้ยคะ”

   “วันนี้หรอครับ อือออ ผมน่าจะไปทานข้าวกับที่บ้านนะครับ”

   “แงงงงงงงงง จริงหรอคะ”

   “เอ่อออออ ปุ๊กกี้จะชวนผมไปไหนรึปล่าวครับเนี่ย”

   “ก็ไม่มีอะไรหรอกคะ ก็แค่ปุ๊กกี้อยากจะชวนอลันไปสังสรรค์เฮฮาทำกับข้าวทาน ฉลองปีใหม่สักหน่อย”

   “เห้ย จะมีปาร์ตี้ปีใหม่กันหรอครับ ที่ไหนหรอคับ”
   
   “ที่ร้านของฟิลลิปค่ะ แต่น่าเสียดายอะอลันไปไม่ได้ก็ไ่เป็นไรคะ”

   “ อ๋อออออ ผมไปได้นะครับ”

   “แหมมมพอบอกว่าที่ไหนก็ว่างทันนี้เลยน้า”

   “ไม่ใช่นะครับ ผมอยากดื่มอยากสังสรรค์อยู่แล้ว”

   “ค้าาาา คุณอลันนี่ก็แรดเหมือนกันนะคะ 555555”

   “5555555 อะไรนะครับปุ๊กกี้ ”
   
   “อ๋อออ ปล่าวคะ กี้ไม่ได้พูดอะไร เจอกันหกโมงเย็นนะคะ”

   “5555555555 เจอกันครับ”


ในที่สุดทุกอย่างก็เรียบร้อยตามคาดไว้ทุกอย่าง ต้นก็เพิ่งส่งสัญญาณบอกว่านัดฟิลลิปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาเติมหน้าเปลี่ยนชุดแล้วก้ออกไปปาร์ตี้แล้วสิ เยสสสสสสสส





   


    “มึงอีปุ๊ก กูว่าพวกเราน่าจะไปที่ร้านกันก่อนสักหน่อยหว่ะ” ต้นหัดมาบอกกี้ขณะกี้กำลังเขียนคิ้ว

   “เอ๊า ทำไมอะ นัดหกโมงไม่ใช่หรอ? นี่เพิ่งกี่โมงอะมึงทำไมรีบ” เอออปกตินังต้นคือคนที่สายตลอดแต่ทำไมวันนี้รีบเนี่ย

   “กูว่าไปก่อนก็ดีนะมึง จะได้ไปเตรียมของด้วย อีฟิลลิปมาก็จะได้แดกเลย”

   “โอ้ยยย ไม่เอาอะ กูยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลยมึง กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว คิ้วกูก็เช่นกัน” ใช่มั้ยคะคิ้วนะรีบเขียนวันไหนพังทู๊กที

   “อีปุ๊กกกกก มึงไม่ได้จะได้ผัววันนี้ วันนี้วันของเพื่อนไม่ต้องสวยมากก็ได้” หน่ะ มาเท้าสะเอวยืนกดดันอีกกกก

   “ได้ไงอะะะะ กูก็ต้องสวยพร้อมทุกสถานการ์ณมั้ยละ”

   “อีห่าลำไย เดี๋ยวทิ้งให้ไปคนเดียวเลย” โอ้โหหหหหมีขู่ด้วยยยยยย

   “เอออมึงไปก่อนเลยก็ได้นะต้น เดี๋ยวกูค่อยขับรถกูตามไปเอง”

   “หง่ะ กุก็ขี้เกียจไปเร็วเหมือนกัน ละเนี่ย นั่งก่อนดีกว่า” เอออออนั่งก่อนสิจะรีบไปไหนวันนี้รถไม่ติดสักหน่อยเนอะ

   “เออรีทำไม ใจเย็นให้กูแต่งหน้าก่อน” ใช่มั้ยคะ ไม่ใช่ผู้หญิงไม่เข้าใจหรอกว่าแต่งหน้าก่อนออกจากบ้านมันสำคัญขนาดไหน

   ​“ไม่ได้โว้ยยยยย ไปเลยแต่งหน้าบนรถ กว่ามึงจะเสร็จกูหิวพอดี” ต้นพูดพร้อมกับรวบเครื่องสำอางบนโต๊ะยัดใส่กระเป๋า โอ้ยยยยยยทำไมไบโพล่าหรอออว้ายยยยเบามือหน่อยแต่ละอันมันไม่ใช่บาทสองบาทนะแป้งแตกจะทำไงนังต้นนน

   แล้วต้นกับกี้ก็มาอยู่ที่วีมอลค่ะ มากันก่อนนัดตั้งสองชั่วโมง เราพากันลงเดินจากที่จอดรถไปที่ร้านของฟิลลิป วันนี้ถ้าไม่มีใครบอกกี้กี้คิดว่าที่นี่ปิดปรับปรุงนะคะ ร้างเว่อ

เมื่อจะถึงหน้าร้าน เราก็เห็นฟิลลิป ท่าทางรีบร้อน วิ่งลากสายยางที่เปิดน้ำวิ่งเข้าไปในร้าน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความโกลาหลในวันนี้คะ
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.8 Company 50%☕️ (New Year Special) 3/1/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2018 14:30:07
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.8 Company /surprise☕️(New Year Special) 6/2/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 06-02-2018 22:55:00
Ep.8 Company (full)


////


   
   “ฟิลลิปปปปป มึงงงงง” ผมได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผมมาจากด้านหลัง แต่ในตอนนี้ผมไม่ได้สนใจสิ่งใดอื่นนอกจากร้านของผมอีกแล้ว
   ผมวิ่งฝ่าควันที่ลอยโขมงเต็มร้านไปเพื่อไปหาต้นตอของไฟ และเหมือนต้นเสียงที่เรียกผมเมื่อกี้ก็วิ่งตามผมเข้ามาข้างในร้านแล้วเช่นกัน

   “ฟิลลิป มึงงงงงเกิดอะไรขึ้น ทำไมควันเต็มร้านแบบนี้อะ”ปุ๊กกี้ถามผมพร้อมกับวิ่งตามผมไปที่ครัวด้านหลังของร้าน
   “ปุ๊กกี้ ร้านกูไฟไหม้!!!!! แค๊กๆ  พวกมึงช่วยกู!!!”

พวกเราช่วยกันตามหาต้นตอของไฟ จนมายืนอยู่ตรงหลังร้าน ด้านหน้าของห้องเก็บของที่มีควันลอดออกมาทั้งด้านบนและด้านล่างของประตู ผมไม่รีรอสิ่งใดใช้ตัวกระแทกพังประตูเข้าไปดับไฟ และสิ่งที่ผมเจอหลังจากนี้..... มันทำให้หัวใจผมแทบสลาย

   ซี่ๆๆๆๆ

   ฟู้วววววววๆๆๆๆ

“ไปหาอะไรดับไฟเร้วมึ้งงงงงง แค้กๆๆๆ ไม่เห็นเออะว่ามันหม่ายเหม็ดแล้ววววว”

“กุ ก้ห่ายจัยไม่อ้ออกแล้วเนี่ยมุงจะตั้ยแล้ว วฮ้วกกกอุ๊กๆ แค้กๆ ”

         ……นี่ไม่ใช่บทสนทนาของเพื่อนกับผมหรอกนะครับ............

   เสียง sizzling ของวัตถุที่โดนความร้อนดังระงม ควันจากถ่านที่กำลังไหม้แดงฉานลอยผ่านซอกเหล็กๆขึ้นสูง ผู้หญิงสองคนกำลังนั่งถือตะเกียบพลิกเนื้อหมูที่วางอยู่บนเตา

   ใช่ครับบบบบบบบบ

   ร้านผมไม่ได้ไฟไหม้

   แต่ร้านผมกลายเป็นร้านหมูกะทะไปแล้ววววววววว

   ภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมคือ ผู้หญิงสองคนอยู่ในชุดลำลอง นั่งยองๆ อยู่หน้าเตาหมูกะทะที่วางอยู่บนพื้นปูด้วหนังสือพิมพ์อย่างหยาบๆ ในมือของทั้งสองนั้นด้านขวาถือตะเกียบและด้านซ้ายถือจาน ข้างๆเตาที่กำลังร้อนซู่วมีขวดน้ำจิ้มหลายชนิด มีกะละมังใส่หมูหมักที่ยังไม่ได้ปิ้ง และมีโค้กขวดลิตรวางอยู่ข้างถังน้ำแข็งและกาใส่น้ำซุป

   เอ่ออออ......... เรียกได้ว่าเตรียมพร้อมเลยหล่ะครับ

   ผู้บุกรุกนั้นตกใจที่ผมกระแทกประตูเข้ามา ทั้งสองหันหน้าขวับมองหน้าผม และตอนนี้แหละครับที่ผมได้มองหน้าของผู้บุกรุกวางเพลิงร้านของผมอย่างชัดเจน

เห้ยยยยยยยยย วดฟ! น้องใบเตย น้องวรรณ มาทำอะไรในร้านพี่เนี่ย!!!!!

“วฮ้ายยยยยพี่ฟิลลิป นายหั้ว ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้นิ”

“พี่ต่างหากที่ต้องถามว่าทำไมเรามานั่งปิ้งหมูกะทะกันในร้านแบบนี้ ห้ะ!?”

“ฟิลลิปมึงงงงงง ร้านไม่ได้ไฟไหม้ก็ดีแล้วนะะะะ ใจเย็นก่อนนนนน หายใจเข้าฮึ้บบบบ” ปุ๊กกี้บอกผมพร้อมเกาะไหล่ผมไว้ให้ผมใจเย็นๆ
 
“แค้กกกๆๆๆ” ผมหายใจเข้าตามที่ปุ๊กกี้บอก แต่ลมที่ผมสูดเข้าไปนั้นมันมีแต่ควัน

“มึงแต่กูว่ามึงไม่ต้องใจเย็นเว้ย ด่าไปเลย คนดีๆที่ไหนมาแอบกินหมูกะทะกันแบบนี้ สมควรด่าค่า เอา
ให้แหกไปเลยยยย” ต้นพูดพร้อมกับมาเกาะไหล่ของผมอีกข้าง ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมี แอลเจิลและเดวิลเกาะไหล่คอยบอกความคิดในหัวเหมือนในการ์ตูนไม่มีผิด

“พะเพ่ฟิลลิปค๊ วัลว่าพี่ไปปิดน้ำก่อนไหมมม วัลเปียกโชกตั้งเสื้อไปถึงกางเกงนัยละค่า”

“ชะโอ้ยยยย น้องวรรณพี่ไม่เห็น ปุ๊กกี้ไปปิดน้ำให้หน่อยดิ” แฮะๆลืมไปเลยแหนะครับว่าผมลากสายยางติดมือเข้ามาด้วย

“ได้ค่ะ คุณเพื่อน”

“เอ่อออออ พี่ปุ๊กกี้ใบเตยไปด้วยตะ เดี๋ยวช่วยถือสายไปให้นิ”

“เห้ย ดะเดี๋ยวก่อนใบเตยมาเคลียเรื่องตรงนี้กันก่อนน” ผมไม่ทันจะรั้งตัวการมาสะสางเรื่องความวุ่นวายที่ทำผมหัวใจเต้นผิดจังหวะเหมือนเกือบจะตาย ใบเตยก้วิ่งฉิ่วว หนีไปกับปุ๊กกี้ซะแล้ว

“มะมึงงง นี่ ปล่อยปุ๊กกี้กับใบเตยไปๆ งั้นเรามาเก็บของ ดับไฟหมูกะทะก่อนดีมะะะะ” ต้นพูดพร้อมกับวางของอาหารสดต่างๆที่ถือมาตั้งแต่บนรถในมือลง

“เอ่อออ กูว่าไม่ต้องก็ได้ ไหนๆน้องวรรณกับน้องใบเตยอยู่ที่นี่แล้วเราก็มาฉลองด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ กินหมูกะทะด้วย คนเยอะๆ สนุกดี”

“เห้ยย จะเอางั้นอ่อออ เอ่ออออดะด้ายยย ก็ดีมึง สนุกดีคนเยอะๆ เฮอะๆๆๆ”

"พิฟิลลิป ให้วัลอยู่ด้วยแบบนี้อะ วัลดีจัยมั้กเลยค๊ โอ้ยยยยยยย ขอกอดหน่อยน๊ค้าาาาาาา"

"ฮะเฮ่ยยไม่ต้องเลยน้องวรรณ อยู่ปาร์ตี้ด้วยกันอย่างเดียวพอ ไม่ต้องกอดพี่ เดี๋ยวพี่เปียกไปด้วย เฮอะๆๆๆ"

   แล้วพวกเราก็จัดแจงยกเตาหมูกะทะออกจากห้องเก็บของไปตรงโต๊ะฝั่งหน้าร้านและเปิดพัดลมดูดควันเพื่อไล่กลิ่นเหม็นข้างใน เอาของต่างๆที่ปุ๊กกี้ไปซื้อมาไปล้าง เอาเครื่องดื่มต่างๆไปแช่ตู้เย็น วันนี้จะต้องอิ่มกันท้องแตกแน่ๆเลยครับ ฮึฮึ




////



   กี้ออกมานอกร้านกับน้องใบเตยค่ะ ใช่แล้วค่ะ แผนการที่ให้น้องใบเตยเนี่ยมาดูลาดเลาที่ร้านก่อนที่จะเริ่มงานเนี่ยเป็นความคิดของกี้เอง แต่ใครจะไปรู้ละคะว่าน้องใบเตยเนี้ยก็มีความคิดเป็นของตัวเองเหมือนกัน (ความคิดที่กี้ก็คิดนะว่า.......ซีเรียสลี่ เอาจริงดี๊)

   “นี่ ใบเตย พี่บอกให้มาแอบเฝ้าที่ร้านรอให้สัญญาณว่าฟิลลิปมาเมื่อไหร่แล้วให้บอก ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ห้ะะะะ”

   “เอ่ออ พี่ปุ๊กกี้ ใบเตยอั้น ก็เห็นว่าพี่จะปาร์ตี้กัน ใบเตยก็อยากจัดปาร์ตี้ของตั้งเองมั่งแหละ”

   “นังบ้า แล้วทำไม่ไม่ไปจัดที่อื่นละห้ะะะะะ”

   “ก็หนุ่ยเห็นว่าที่ร้านอั้น สถานที่อะไรมันก็เอื้ออำนวยดีนิ สะดวกนิ ดูสบายแรง นี่คิดมาตลอดเลยนิว่าถ้าทำหมูทะกินที่ร้านอะต้องหรอยแน่ๆเลย ก็เลยว่าเอาสักหน่อยฮิฮิ”

   “โอ้ยยยยยย นี่แหนะ!!!!” กี้ดึงสายยางฉีดน้ำจากมือน้องใบเตยมาและฟาดไปที่แขนหนึ่งที่ด้วยความหมั่นเขี้ยว

   “เจ็บบอั้นพี่ปุ๊กกี้ ฟาดเป็นแซ่ฟาดช้างเลยอั้น”

   “บ้าจริงเลย ฉันไม่น่าไว้ใจให้เธอมาร่วมแผนของฉันเลยยยย โอ้ยยยแล้วขั้นต่อไปจะเอาไงต่อดีเนี่ย”

   “พี่ปุ๊กกี้ ไม่ต้องห่วงนิ ใบเตยอั้น จัดการตามที่บอกแล้ว หายห่วงนิ ฮิฮิ” ก่อนหน้านี่ก็บอกว่าจัดการตามที่บอกแล้วเหมือนกัน กี้จะวางใจสกิลการรับสารของใบเตยได้แค่ไหนเนี่ย
 
   “แน่นะ ฉันจะวางใจเธอได้มั้ยเนี่ย ไปๆ กลับเข้าไปในร้านกันดีกว่า เดี๋ยวทุกคนจะสงสัยเอา”

ทันที่ที่กี้เดินเข้าไปในร้านต้นก็ตะโกนเรียกพร้อมส่งสัญญาณขยิบตาข้างเดียวให้รีบไปหาค่ะ

   “อีปุ๊กกกกกมึงงงมานี่ มาช่วยกูแกะนี่เร้วววว” ต้นพูดพร้อมกับกระซิบบอกให้กี้อ่านปากว่า /‘มึงมานี่เร็วมีเรื่องแล้ว’

   กี้เดินอ้อมหลังฟิลลิปไปที่ซิ้งล้างผักที่ต้นยืนอยู่ “ไหนนนน มีอะไรให้ช่วยทำบ้าง” กี้บอกต้นพร้อมกับกระซิบถามต้นว่า ‘มีอะไรวะมึง เล่า’
   
   “เอออเนี่ยมึงเตรียมวุ้นเส้นเป็นไหม ทำไมมันแข็งอะ” ต้นบอกกี้พร้อมกระซิบว่า ‘ก็อิฟิลลิปนะสิ มันให้น้องวรรณกับน้องใบเตยอยู่กินเลี้ยงด้วยกัน อย่างงี้คนก็เยอะสิ แล้วแผนสร้างโมเม้นต์สวีทให้เพื่อนอ้ะะะทำไงงง’

   “อ๋ออออ มึงอิต้น วุ้นเส้นหน่ะ เขาต้องแกะแล้วเอาไปแช่น้ำก่อน ค่อยเอาไปกิน เข้าใจไหมมมม”  กี้บอกต้นและกระซิบ ‘เห้ยยจริงหรอเนี่ยยย ทำไงดีวะ เชี่ยๆๆ เอาเป็นว่าเราค่อยหาทางลากน้องๆออกไปซื้อของแล้วให้มันอยู่กันสองคนละกัน’ เราต้องทำเป็นคุยไปกระซิบไปเพื่อไม่ให้ฟิลลิปมันสงสัยเอาได้ค่ะ

   “เอ้าจริงหรอมึง กูไม่รู้เลย นึกว่าวุ้นเส้นจะมาแบบพร้อมกินได้เลย กูก็สงสัยว่าเอ๊ ทำไมเส้นมันเล็กจัง” ต้นตอบกี้พร้อมกระซิบ ‘เออแล้วอลันอะ จะถึงรึยังๆ’

   “เอออออต้นมึงเนี่ยไม่รู้เรื่องอะไรเลย แช่น้ำไปมึงก็จะใหญ่ขึ้นมาเองง” กี้ตีเนียนด่าต้นและกระซิบ ‘เนี่ยกูติดต่อไม่ได้ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ คงจะใกล้มาละแหละ’


   “พี่สองคลจะเถียงงกัลเรื่องวุ้นเส้นอีกนานมั้ยค๊ วัลหิ้วแล้วค๊” โหหหห นังน้องวรรณทำมาเป็นส่งเสียงโวย ดูท่านั่งไขว้ห้าง ถือตะเกียบม้วนผมของมันสิคะ อยากจะจับมัน(ถีบ)ส่งขึ้นรถสองแถวกลับอยุทธยาเหลือเกิน

   “เอราะ!(เรอ) พี่ค่ะ โค้ก อยู่ตรงไหนนิ นี่หนุ่ยกินหมดแล้วติไปเอามาเหลยนิ” โอ้ยย นังน้องใบเตยก็อีกคน ปาร์ตี้ยังไม่เริ่มมันก็กินน้ำโค้กหมดไปเป็นขวดๆแล้ว

   “น้องๆของพี่กินหมูกะทะรอกันไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวอย่างอื่นพี่ทำเสร็จแล้วจะเอาไปให้” ต้นกัดฟันบอกน้องๆ พร้อมกระซิบบอกกี้ว่า ‘มึงดูไอ้พวกเด็กผีพวกนี้ดิ โหหหห อิเหี้ย นี่เราโดนมันซ้อนแผนตลกแดกของมันแน่ๆเลย วางแผนมาแดกอย่างเดียวเว่อ!’

   ‘ต้นมึงใจเย็นๆหน่า เดียวพออลันมาแล้วเราค่อยหาทางไล่มัน รอก่อนๆ’ กี้กระซิบบอกต้นที่ตอนนี้ ใช้มีดฟ้าดหั้นผักบุ้งขาดดัง ฉึบ ฉึบ ฉึบบบบ!

    “น้องๆ รอแปปนึงนะครับบ, ปุ๊กกี้ต้น มาเร็วกูช่วยอีกคนจะได้เสร็จเร็วๆเนอะ” ฟิลลิปวางไม้ถูกพื้นจากการเคลียความเสียหายที่พวกน้อง สองสหายสาวใต้กับสก๊อย ทำไว้และมาช่วยกี้ หั่นมะนาวทำน้ำยำวุ้นเส้น

   “เอ้อ น้องใบเตยมาเอาเงินที่พี่ไปซื้อโค้กมาเพิ่มสิ เอามาแพคนึงเลย นี่ขนาดซื้อมาแพคนึงละเนี่ยหมดเฉ้ย”

   “ได้เลยค่ะ นายหั้ว” แหมมมมดูหน้าตาแป้นแล้นดีใจนั่นสิคะ ได้ตังละวิ่งตัวลอยเลยนะ

   “เห้ยยยยยย พรื้อประตูมีโลกแจขบนิ (เห้ย ทำไมประตูถึงมีแม่กุญแจล๊อคไว้เนี่ย)”

   “มีอะไรหรอ น้องใบเตย” กี้ถามน้องใบเตยที่กำลังทุบประตูอยู่

   “พี่ปุ๊กกี้ ยามน่าจะมาล๊อคประตูร้านแล้วนิ ที่พี่ปุ๊กกี้บอกให้ใบเตยทำนั้น ”

   “ห้ะ ปุ๊กกี้ มึงบอกให้ยามล๊อคร้านทำไมวะ” เอาละไงซวยแล้ว อีฟิลลิปมันสงสัยแล้ว

    “เห้ยยยย ปล่าวมึง กูบอกให้ใบเตยไขกุญแจร้านเข้ามาเฝ้ารอมึงมา พอใช้กุญแจเสร็จแล้วเอามาให้กู ไม่ต้องไปให้ยาม”

   “เอ้าาาาา หนุ่ยได้ยินว่าให้ไขเข้ามาแล้วเอากุญแจไปให้ยาม ให้เขามาล๊อคร้านนิ” โอ้ยยยยยอิน้องใบเตยยยยยยยยยเล่นกี้อีกแล้วไงคะะะะ หูรึอะไรคะ การสื่อสารรรรรร

   “นี่มึงเป็นแผนมึงหรอให้น้องใบเตยมากินหมูกะทะในร้าน?”

   “อิฟิลลิป อิบ้าาาา กูกับอีปุ๊กให้ใบเตยมาดูลาดเลาที่ร้านให้ แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะมาเปิดร้านหมูกะทะในนี้ละวะะะ”

    “เอออนั่นดิคุณมึง กูไม่ได้มีแผนชั่วร้ายอะไรในวันนี้สักหน๋อยยยยยยย(เสียงสูง)”

   “แล้วไปนะพวกมึง เห้อ กูก็คิดว่าพวกมึงจะแกล้งอะไรกูซะอีก” ฟิลลิปพูดพร้อมกับถอนหายใจโล่งอก

   “โถ่มึง พวกกูจะแกล้งอะไรมึงได้ห้ะ ใช่มั้ยปุ๊กกี้ จริงจริ๊งงงงง เนอะมึ้งงงงงง(เสียงสูง)"
   
    “แล้วคราวนี้ คุลอลันเขาจะเข้ามายังไงละค๊เนี่ย รึว่าเราต้องติดอยู่นัยร้านบับนี้ กรี๊ดดดดด” อิน้องวรรณณณณณณณ หลุดพูดอะไรออกมาห้ะะะะะะะะะ

   “ห้ะ นี่มึงชวนคุณอลันมาด้วยหรอเนี่ยยย ” ได้ยินอย่างนั้นฟิลลิปเอามือกุมหัวเลยค่ะ

   “อะเอ่ออออ ก็อิต้นมันอยากเจอเขากูก็ชวนมา ทำไม ไม่ได้หรออ”

   “ก็ไม่ทำไมมม ก็เขามาก็น่าจะบอกกูก่อน กูจะได้ซื้อของมาเผื่อ เดี๋ยวคุณชายนั่นเขามาแล้วอาหารไม่พอ คุณชายเขาก็โกรธพวกมึงเอา”หน่ะดูมันๆ ทำเป็นอ้างใจจริงก็อยากเจอเขาหล่ะสิ อิแรดเงียบ



   “.....เอ่ออออ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะผมก็ซื้อของมาทำอาหารเผื่อทุกคนเหมือนกัน”

   โอมายกอชชชชชชช ทุกคนคะ อลันคะ อลันเดินออกมาจากห้องน้ำค่ะ เดินออกมาพร้อมด้วยถุงกับข้าวในมือเต็มเลยค่ะะะะะะ


   “อลันนนน!!!” ทุกคนต่างตะโกนชื่ออลันพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมายค่ะ

    “อลัน คุณมาได้ไงอะะะ” ตอนนี้อิฟิลิปหน้าเหวอมากค่ะ สงสัยมันชอคที่อลันน่าจะได้ยินมันพูดถึงเขาเมื่อกี้

    “โอ้ยพ่อคู๊ณ ดูสิเหงื่อแตกเต็มตัวไปหมดเลย ไปอยู่ในนั้นตั้งแต่เหมือนไหร่หล่ะคะ”อิต้นรีบเข้าไปมองหน้าอลันอย่างแนบชิดเลยค่ะ เหมือนเชคว่านี่ใช่ตัวจริงรึปล่าว

   “สักพักใหญ่แล้วครับ ก็น้องคนนี้นะครับ บอกให้ผมแอบรอยู่ในห้องน้ำ” อิเหี้ยยยยยพ่อคุณอย่าบอกนะว่า มาแล้วอิพวกเด็กผีก็นั่งกินหมูกะทะแล้วให้อลันแอบอยู่ในห้องน้ำ

   “อิน้องใบเตยยยยยยคะ มึงมานี่เลยยยยค่ะ มาเอาผักชีไปแดกกกกกค่ะะะะ” อิต้นลากน้องใบเตยมาและกำผักชียัดปาก

    “ โอ้ยยยยย น้องใบเตยยยพี่บอกว่าให้ไม่ต้องลอคประตูหลังร้าน ไว้ให้อลันเขาเข้ามา น้องได้ยินว่าไงคะะะะะะ”

    “เอ้าาา ก็หนุ่ยเห็นพี่แหลงว่า ให้เตรียมห้องน้ำร้าน ให้อลันเข้ามาแอบ พอพี่เขามาหนูก็เลยลากพี่เขาให้เข้ามาแอบหนิ” โว้ยยยยยยยยยยยจะเป็นบ้าาาาาาาา

   “ทุกคนครับบบบ ผมว่าไหนๆเราก็ติดอยู่ในร้านไปไหนไม่ได้ คนเราก็มาครบแล้ว รึมีใครมาอีกมั้ยวะ เราก็เริ่มปาร์ตี้ปีใหม่ของเราเลยละกันครับ”

   
   ////

ก็ชอคสิครับบบบบบบ จะเหลืออะไรหล่ะครับ อยู่ดีๆไอ้คุณอลันก็เดินออกมาจากห้องน้ำในร้านผม งงไปหมดครับ วันนี้จะโกลาหลอะไรได้มากขนาดนี้ละเนี่ย แผนการปาร์ตี้เงียบๆชิลๆ ไหงมันดูจะห่างไกลจากที่วางแผนไว้ขนาดนี้ 555555

วันนี้พอไอ้เจ้าคุณอลันมาถึงก็โชว์ฝีมือทำอาหารเยอรมันหลายอย่างที่ผมเองแล้วก็ทุกคนไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน แถมชื่อก็ยังแปลกๆใครจะไปจำได้ละครับ พอพวกเราชมว่าอาหารอร่อยเข้าหน่อยเจ้าตัวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แถมยังได้ใจเอาอาหารนู้นนี่ที่ทำมาจากบ้านมาให้กินอีกตั้งสองสามอย่าง เพื่อนของผมสองคนตอนนี้นะครับ จะนับถือไอ้คุณอลันนี่เป็นพระเจ้าไปละ ไม่ว่าคุณเขาทำอะไรก็อู้หูดีไปซะทุกอย่าง จุดนี้ไม่ต้องพูดถึงน้องใบเตยกับน้องวรรณเลยครับ55555555 ไอ้สองคนนี้นี่นับถือคนหล่ออยู่แล้ว ยิ่งพอเขามาทำอาหารให้กินอย่างนี้อีก เหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่ในสวรรค์ของคนหล่อ ผมหล่ะหมั้นไส้จริงๆ ยิ่งพอมีคนชมเขาทีนึงละเจ้าตัวก็มาทำสายตายักคิ้วเยาะเย้ยใส่ผมนี่ ผมอยากจะกระโดดไปข่วนหน้า
       
   เราก็สนุกกันมากๆเลยครับ สนุกกันจนลืมว่าเราถูกขังอยู่ในร้าน T^T ถถถถถถ การได้มาใช้เวลากับเพื่อนแบบนี้ มันเป็นเวลาที่มีค่ามากเลยนะครับ ตอนที่เราอยู่ในช่วงเวลานั้นเราอาจจะคิดว่าก็ไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่พิเศษอะไร แต่พอเราย้อนกลับมาดูแล้ว ช่วงเวลาแบบนี้นี่แหละครับที่เราโหยหาที่เราอยากจะกลับไปหาที่สุด

   ถึงแม้วันปีใหม่จะเป็นวันอีกวันในหนึ่งปี แต่คุณอย่าลืมบอกคนรอบข้างตัวคุณว่าคุณรู้สึกโชคดีแค่ไหนที่ได้ผ่านปีที่ผ่านมาด้วยกันกับเขา เชื่อเถอะ คุณจะไม่เสียใจเลยครับ โชคดีครับทุกคน :D




         /////later that night////



   ตอนนี้ทุกคนค่อนข้างที่จะเข้าสู่โหมด ไม่ได้เมา แต่ไม่เหมือนเดิมแล้ว น้องใบเตย น้องวรรณ ต้น เมื่อห้านาทีก่อนยังกอดคอกันร้องเพลงอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกองลงไปนอนอยู่คนละทิศคนละมุมแล้ว ให้ผมเดานะครับน่าจะเป็นเพราะกินอาหารไปเยอะมากๆหนังท้องตึง หนังตาหย่อนแน่เลยเพราะปกติต้นไม่ใช่คนคออ่อนขนาดนี้ ปุ๊กกี้ก็แยกวงพร้อมหิ้วขวดไวน์ ไปนั่งเอาหัวผิงเสาแล้วไหลเป็นของเหลวอยู่ตรงมุมร้าน ทิ้งให้ตอนนี้บนเค้าเตอร์ร้านมีเพียงแค่ผมกับอลันนั่งมองไฟนอกร้านกันอยู่สองคน

      “ ฟิลลิป คุณเมารึยังเนี่ย ”

      “ หื้มม ไม่อะ ผมกินไปนิดเดียวเองง ”

      “ งั้นคุณมารับผิดชอบขวดนี้กับผม อลันเดินไปหยิบไวน์อีกขวดที่แช่อยู่ตู้เย็นออกมา ”

      “ โห เอาจริงดิ๊ จะเอาให้เมาหัวฟาดพื้นเลยย? ”

      “ ไหนๆ ขอดูไหนว่าคนที่โม้ว่าคอแข็งอะ จะกินได้แค่ไหน อลันพูดพร้อมรินไวน์ใส่แก้วแล้วยัดใส่มือผม ”

      “ เห้ยนี่หลอกมอมกันรึป่าวเนี่ย ”

      “โถ่ ไม่ได้ม๊อมม คุณใจแค่ไหนก็กินแค่นั้น ถ้าไม่ใจก็ไม่ต้องกิน เค๊ ”

      “โห นี่จะมาหยามกันแบบนี้เลยหรอ ”

      “ อื้มมมมม" อลันเลิกคิ้วพร้อมกับยกแก้วในมือของตัวเองขึ้น เหมือนส่งคำท้าจะแข่งดื่มกับผม

      “ ได้ !!! ผมพูดพร้อมกับยกแก้วในมือขึ้นดื่มหมดในครั้งเดียว ”

      “ อ๊าาาา บรื้ยยยยย" "นี่เอาไวน์ดีๆมาดื่มแทนเบียร์งี้เลย เสียดายอะ ”

      “ อื้มมมมมม” อลันเองก็ดื่มไวน์ในแก้วของตัวเองจนหมดเช่นกัน

      “สำหรับคุณ.....ผมให้ได้หน่ะ”

      “……….”

      “ อย่าคิดมาก วันนี้มันก็โอกาสดีด้วย”
   

      “……….” หืมมม ผู้ชายคนนี้ ขนาดดื่มด้วยกันครั้งแรก ทำไมใจดีขนาดนี้ แล้วดูสายตากับคำพูดที่พูดสิ มันทำให้ผมรู้สึกจั๊กกะดึ๋ยแปลกๆ

   
      “นี่คุณชอบปลากัดหรอ” อลันไม่ปล่อยให้ผมเงียบได้นานเขาก็ชวนผมคุยต่อ

      “อื้อใช่ครับ ผมชอบปลากัดครับ มากด้วย”

      “สวยดีนะครับ ได้ตั้งชื่อให้มันรึปล่าวเนี่ย” ดูผู้ชายตัวใหญ่คนนี้กำลังนั่งเท้าคางดูปลากัดสิครับ เหมือนเด็กไม่มีผิด
   
      “มันชื่อเบิร์ดนะครับ เป็นปลากัดจีน ”

       “ดูท่าทางคุณน่าจะรักมันมากเลยนะครับ”

      “โห่ ปลากัดใครใครก็รักดิคุณ จะคิดว่าผมไม่รักมันได้ไง”

      “ปล่าวววว ผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณไม่ได้รักมันสักหน่อย”..... “ผมแค่นึกถึงวันแรกที่ผมเจอคุณแล้วคุณคิดว่าโหลปลากัดหล่นลงมาแตกนะสิ คุณน่าจะได้เห็นหน้าตัวเองตอนนั้นนะ 5555555”

      “เห้ยยยยยย อย่าขำดิ555555 ก็มันตกใจอะ”
   
      “ผมนะ ก็เห็นว่าฟิลลิปวิ่งหน้าตาตื่นมา พอมาถึงก็ทำหน้าโกรธ แล้วก็ตะโกนว่า เบิร์ดดดดดดดด ผมนี่ งงเลยยยย555555555”

      “ก็เขาก็รักของเขาอะคุณ หยุดล้อเลยๆ555555อย่าให้รู้นะว่ามีเรื่องน่าอายอะไรบ้างเดี๋ยวพี่จะเอาคืนไอ้น้องคอยดู”

      ….
      ….
      
   เอ้าาาา จ้องหน้าแล้วเงียบทำไมอะคุณ
      
      ….
      
      “ฟิลลิปเป็นคนละเอียดอ่อนเหมือนกันนะครับเนี่ย”

      “………..”

   ผมไม่ได้พูดอะไรตอบเขาไป ได้แต่มองแก้วเปล่าของตัวเองที่อยู่ในมือ ก็เพราะประโยคที่เขาพูดมานี้ มันทำให้ผมเหมือนหล่นเข้าไปในห้วงความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกแบบนี้มาก่อน

      “อลัน กินไวน์กันต่อดีกว่าเนอะะ รินให้ผมหน่อยยย”ผมพยายามเปลี่ยนมู๊ดและบรรยากาศบริเวณๆนี้เดี๋ยวเขาจะรู้สึกอึดอัด อลันรับแก้วจากมือผมไปรินไวน์ให้และส่งกลับมา

      “นี่ฟิลลิป ก่อนหน้านี้ผมล้อเล่นนะ ดื่มเท่าที่ดื่มไหวก็พอ ผมไม่อยากเห็นคุณเมาแล้วอ้วก”

      “โถ่ อย่างผมฟิลลิปคนนี้หน่ะ ไม่มีคำว่าเมาหรอกหน่า เอ้าอลันกินๆๆๆ”ผมยอมรับครับว่าตอนที่กินเข้าไปนี่ก็ไม่รู้สึกเมาหรอก แต่พอนั่งไปสักพัก ทำไมรู้สึกเมาเฉ้ยยยยย

      “ ฟิลลิป....” ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามเคาท์เตอร์เรียกชื่อผมจากอีกฝั่ง

      “ ฮื้มมมม ” ผมส่งเสียงขานรับเขาจากลำคอ ขณะที่เขาเดินอ้อมเค้าทเตอร์มานั่งข้างๆผม

      “ไหวมั้ยเนี่ย คุณ ฟิลลิป”

      “เอาจริงๆ ยังกินได้อีกสองขวด กินกันไปยาวๆคืนนี้” ผมว่าผมก็ยังไม่เมาจริงๆนะครับคุณ
      
      “ฟิลลิป.....” อลันเรียกชื่อผมพร้อมเอาแขนมาโอบที่ไหล่ของผม

      “ฮื้มมมมม” ผมหันหน้าไปมองหน้าคนที่เรียกชื่อผม
      
       “……….”

      “Thanks for having me today นะครับ”  (ขอบคุณที่เชิญผมมาวันนี้นะครับ)

      “ อื้มมม :)” ผมยิ้มตาปี๋ให้อลันที่ตอนนี้หน้าของเขาห่างจากผมไปคืบเดียว

                 
                 "........."
                 


      “ How’s about having me in your life next year and the years after? ” (แล้วถ้าหากผมจะขออยู่ในชีวิตคุณปีหน้าและปีถัดไปด้วยจะได้มั้ยครับ?)

      ตึ้งงงงงง
   
         …..


   ..
   
   .

          ตาสว่างเลยนะสิครับ ผมนี่ไม่ทันตั้งตัวเลย เหมือนเมื่อกี้จะได้ยินอะไรไม่ชัด อยากจะถามเขาไปอีกที่ว่าเขาพูดอย่าที่ผมได้ยินจริงๆรึปล่าว นี่เขา กำลังจะขอจีบผมตรงๆอย่างนี้หรอครับ
          ผมเรียบเรียงสติ และทบทวนสิ่งที่ได้ยิน จนคิดว่าน่าจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดไม่ผิด ก่อนจะตอบเขาไปว่า
   
      “ I’ll think about it  ”(ขอคิดดูก่อนนะกันครับ)






เห้ยเขาเงียบไปเลยหว่ะ เหมือนความต้องการของเจ้าตัวจะไม่สำเร็จ เหมือนผมไม่ได้พูดในสิ่งที่เขาอยากได้ยิน ผมจึงทบทวนคำพูดของตัวเองใหม่อีกครั้งและบอกเขาไปว่า........




        “Well, of course you’re in my life already…..bud” (เอาจริงคุณก็อยู่ในชีวิตผมแล้วหน่ะ เพื่อน)


       “Shut up”(เงียบไปเลยน่า) ไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบประโยค อลันเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผม มากๆ แล้วเขาก็ประกบริมฝีปากของเขามาที่ริมฝีปากของผม......


      เขาจูบผม!!!!



      ไม่สิ



      เราจูบกันมากว่า!!!!!
////// คุยกันหลังร้าน

   สวัสดีครับโผมมมมมมม เห้ยยยคุณ ผมหายไปนานคิดถึงกันไหมมมมมม55555 ยอมรับเลยครับว่าตอนนี้เป็นตอนที่ผมใช้เวลาเขียนนานามากกกกกกกก ใช้เวลาคิดมากกว่าเวลาเขียนอีก(จริงๆก็เป็นแบบนี้ทุกตอนแหละครับ ฮ่าๆๆๆ)

   เห้ยยยย คุณเห็นมันกำลังมามั้ยยยยย ผมก็ยังไม่พร้อมมมมเหมือนกันนนนนนน ทำไม ถึงจูบกันแล้วอะ5555555 ก็ต้องยอมนะครับบรรยากาศมันพาไป ผมรู้สึกว่าอีพีนี้แหละที่มีความเป็น ตามตะวันคาเฟ่อย่างที่ผมอยากให้ทุกคนเห็นมากที่สุด มีทั้งโมเม้นต์ชอคกิ้ง ตลกหักมุม ป่วงโวยวาย สนุกๆกันในหมู่เพื่อนฝูง และที่สำคัญมีกลิ่นโรแมนติกหน่อยๆ แน่นอนครับรสชาติและกลิ่นอายแบบนี้จะมีอีกในตามตะวันคาเฟ่แน่นอน ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ รับรองว่าจะเข้มข้นขึ้น ตลกขึ้น ป่วงขึ้นแน่นอลลลล

   รักนะครับ ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นให้กำลังใจกันหน่อย ติชมด้วยก็ดี แล้วก็มาพูดคุยกันได้ใน twitter @redtails22 นะคร้าบบบบบ


                                          Redtails
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.8 Company /surprise☕️(New Year Special) 6/2/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-02-2018 00:44:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่!!! , #Ep.8 Company /surprise☕️(New Year Special) 6/2/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-02-2018 05:44:25
ไรท์ มีหักมุมด้วย  o22

คิดว่ามีไฟไหม้ร้าน
มีคนวางเพลิง
โถๆ ถัง กาละมัง คว่ำหงาย
กลายเป็นสองลูกน้องตัวแสบ  แอบทำหมูกะทะซะนี่ ไล่ออกดีมั้ย  :angry2:

แต่อ่านๆไป ให้รู้สึกว่าร้านถูกล็อก ทำหมูกะทะอีก
คนหลายคนอยู่ในร้าน ไม่อึดอัดหรือ
มีหน้าต่าง รับลมตรงไหนหรือเปล่า หรือเปิดแอร์  /คิดมากไปคนเดียวมั้ง  :hao3:

แต่สุดท้าย บรรยากาศพาไป
เอ๊ย......อารมณ์ของอลันพาไป ไวน์เป็นตัวเร่งเร้า
อลัน ฟิลลิป  เลยจูบกัน    :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.9 Hit or Miss ☕️(50%) 27/3/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 27-03-2018 10:00:19
EP.9 Hit or Miss



“ฮัลโหล ครับแม่ สวัสดีครับบ” ผมรับสายโทรศัพท์แม่พร้อมกับยกลังใส่ของจากหลังรถ และหนีบโทรศัพท์ไว้ข้างหู


“ไอ้แมวววว เป็นยังไงบ้างลูกกกกกก” เสียงของแม่สดใสเหมือนเดิม ตั้งแต่ปีใหม่มาผมยังไม่ได้โทรไปหาแม่เลยครับ ผมจะโทรไปอวยพรปีใหม่แม่ครั้งนึงแต่ว่าแม่กำลังให้อาหารแกะอยู่ที่เขาใหญ่ ผมก็เลยรอให้แม่โทรมาหาผมหลังจากท่านไปเที่ยวดีกว่า


“ก็ดีครับแม่ ตอนนี้ผมกำลัง ฮึ้บบบ จะเปิดร้านอยู่ครับบ” ผมวางของบนมานั่งหน้าร้านพร้อมกับดันประตูเหล็กขึ้น


“ดีมากกกกกเลยลูกแม่ ตั้งใจทำการทำงานเหมือนแม่นะลูกก”

“ฮ่าๆ แน่นอนครับโผมมม ผมหน่ะเก่งได้แม่อยู่แล้วว”


“โอ้ยยยย เบาๆหน่อยโว้ย ข้าก็ทำงานหาเลี้ยงเอ็งมาเหมือนกันนะโว้ยยย แม่เอ็งไม่ได้เลี้ยงเอ็งมาคนเดียวนะไอ้แมวว”  เสียงของพ่อตะโกนมาจากปลายสาย ปกติพ่อไม่ค่อยโทรมาหาผมเท่าไหร่หรอกครับ แต่ถ้าแม่โทรมาเมื่อไหร่พ่อก็จะมีส่วนร่วมอยากคุยด้วยเสมอ ดูก็รู้ครับว่าพ่อผมท่านก็คิดถึงผมไม่แพ้ใครเหมือนกัน แต่สงสัยลุงเขาคงขี้อายที่จะโทรหาลูกเองมั้งครับ


“โอ้ยยยยไอ้พ่อมันนี่ จะคุยกับลูกก็โทรหามันเองสิ”

“ฮ่าๆๆ แม่กับพ่อไม่ต้องทะเลาะกันนะครับ ผมเนี่ยเก่งได้พ่อกับแม่นี่แหละครับ”

“จ้าๆๆ ไอ้แมว ดูคำพูดคำจา ปากหวานเสียจริงๆเลยนะ”


“อ้อ แม่ครับ ไปเที่ยวเขาใหญ่สนุกมั้ยครับ” ผมถามแม่ถึงทริปปีใหม่ที่ท่านหนีไปเที่ยวกันกับพ่อสองคนทิ้งให้ผมอยู่ที่กรุงเทพอย่างเหงาๆ T^T

“โอ้ยยยยย สบายมากลูกกกก อากาศดีมาก แฮปปี้! โรงรงโรงแรมอะไรเนี่ยก็ดีมากๆ พ่อแกนะนอน ท้างวันเลยย”


 “ฮ่าๆ หรอครับ ไว้วันหยุดยาวหน้าผมจะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวนะครับ”

 “โอ้ยยยจริงสิดีมากเลยไอ้แมววว ความจริงแค่เอ็งกลับมาบ้าน มาให้แม่กอดบ้าง แม่ก็ดีใจแล้วว ”

“ครับแม่ แล้วผมจะหาเวลากลับบ้านนะครับ ผมก็คิดถึงแม่แล้วเหมือนกันนะครับ”

“ ฮื้ออออ ปากหวานได้ใครเนี่ยหึ ไอ้แมว เดี๋ยวแม่ไปดูไอ้ฝ้ายก่อนนะ มันเห่าอะไรของมันก็ไม่รู้”

“ครับแม่ รักแม่นะครับ อย่าลืมบอกให้พ่อออกกำลังกายบ้างนะครับ”

“จ้า แม่ก็รักลูกจ้า” “พ่อเอ็งหน่ะได้ยินไหมมมม ลูกมันบอกให้เอ็งออกกำลังกายบ้างนะโว้ยยยย”

“เออออออ ข้าได้ยินแล้วโว้ยยยยย บอกให้มันอย่ามาบ่นข้าเหมือนแม่มันอีกคนสิ”

“อ้าววววว ไอพ่อนี่ เดี๋ยวแม่ก็ไม่หุงข้าวเผื่อเลย พูดแบบนี้”


“ใจเย็นๆ พ่อกับแม่อย่าเพิ่งทะเลาะกันนะครับ 5555555”


 “โอ้ยยยยยยย” ผมฟังสองตายายทะเลาะกันจนเพลินกับ จนไม่ได้มองครับว่าเจ้าประตูเหล็กมันไหลลงมาชนหัวผมเข้า



“ไอ้แมววว เสียงอะไรเป็นอะไรนะลูกกกกกก”


“อ๋อ ไม่มีอะไรนะครับแม่ ผมใจลอยเดินชนอะไรนิดหน่อยนะครับ” ผมต้องบอกแม่ไปอย่างนี้ครับ ถ้าบอกว่าประตูเหล็กหล่นใส่หัว มีหวังแม่ต้องตกใจโวยวายเอายกใหญ่

“ระวังๆหน่อยสิลูก ซุ่มซ่ามไม่ดีเลยนะ”

“ฮ่าๆๆครับแม่” ผมหัวเราะในลำคอ ทั้งที่ความจริง เจ็บ***หายเลยครับ ไม่รู้หัวจะโนมั้ยครับเนี่ย

“แม่ครับแล้วผมจะโทรไปหาใหม่นะครับบบบ”



“เอ้อออ ไอ้แมวลูกก อีกอย่างนึง”



“ครับแม่ ว่าไงครับ”


“พาเจ้าหนูต้นไปเลี้ยงข้าวขอบคุณแทนแม่กับพ่อหน่อยนะ เขาอุส่าห์เป็นธุระจองโรงแรมจองรถจองเครื่องให้แม่อย่างดีเลย”


“อะไรนะครับ ต้นหรอครับ” ไอ้ต้นนนนนนนนน อย่าบอกนะว่านี่เป็นแผนให้พ่อแม่ผมไปเที่ยว ผมจะได้อยู่ปาร์ตี้ที่กรุงเทพ เป็นฝีมือของมึงใช่มั้ยยยยยยย

“เอ้ออใช่ หนูต้นที่เคยมาบ้านเราคนนั้นนั้นแหละ แม่ฟากด้วยนะ”

“อะอ๋ออออ ได้ครับแม่” ฮื้มมมมได้เลยครับแม่ เดี๋ยวผมจะเลี้ยงต้นอย่างดีเลย ฮึฮึ ขัดขวางไม่ให้คนในครอบครัวเจอกันนักใช่มั้ย



   


      ผมเปิดเข้ามาในร้าน วันนี้เป็นวันใหม่ ความรู้สึกใหม่ การเริ่มต้นใหม่ ที่ที่แห่งเดิมของผม ทุกคนรู้ไหมครับ ว่าปาร์ตี้ปีใหม่ในวันนั้น ทำให้ผมเนี่ยต้องเข้ามาทำความสะอาดร้านตลอดช่วงทั้งปีใหม่ตั้งสี่ห้าวันกว่าจะกำจัดกลิ่นสารพัดอย่าง รอยไหม้บนเพดาน จัดโต๊ะที่อยู่อย่างกระจัดกระจายจนจำไม่ได้ว่าเคยอยู่ตรงไหน และเก็บขยะกองเท่าภูเขา ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้นะครับว่าร้านผมเนี่ยเพิ่งจัดงานปาร์ตี หรือว่าเป็นพื้นที่ฉนวนสงครามกันแน่  แผนการนอนเฉยพักผ่อนเฉยๆกระดิกเท้าไปมาของผมก็เลยถูกพับไปโดยปริยาย
      
      อ๋อ ถามว่าทุกคนเมื่อปาร์ตี้เลิกแล้วช่วยผมกันเก็บไหมนะหรอครับ ฮื้อออ(สะบัดหน้าพร้อมเสียงงองูในลำคอ) ไม่มีครับ แรงพยุงร่างกันไปนอนให้เป็นที่เป็นทางยังไม่มีเลยครับวันนั้น พอเช้ามาพี่ยามมาเจอพวกเราโดนขังในร้านแล้วก็ไขประตูให้  ปุ๊กกี้กับต้นพอได้รับอิสระก็รีบหนีเพ่นกลับบ้านกันไปเลย น้องวรรณก็บอกว่าต้องรีบกลับไปหาป้าวิไลพรพร้อมหิ้วถุงของกินที่เหลือไปด้วย น้องใบเตยก็ไม่รู้หายไปไหนครับผมตื่นขึ้นมาก็หายไปแล้ว เห็นแค่ร่องรอยหน้าต่างในร้านบ้านนึงที่ถูกเปิดทิ้งไว้...... ไอ้คุณอลันเอง ก็ไม่รู้หายไปไหนของเขาเหมือนกันด้วย


   จริงสิผมยังไม่ได้คุยกับเขาเลยนี่หน่า.....เห็นแค่ว่าลงรูปว่าไปกินข้าวกับครอบครัวของเขาตอนปีใหม่ สงสัยตอนนี้คงงานยุ่งแน่ๆ เพราะคนไทยปีใหม่ทีนึงก็แห่ไปฟิตเนสตาม New year’s Resolution
กันไงละครับ





   “กรี๊งงงง”  ในขณะที่ผมกำลังชงกาแฟให้ตัวเองอยู่นั้น เสียงกระดิ่งที่ประตูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่มุ่งหน้ามาทางผม

   “นายหั้ววววววว”  มาละครับ ลูกจ้างพาร์ททามตัวดีของผม ในที่สุดก็มาให้เห็นหน้า หายไปตั้งนาน หยุดวันปีใหม่ให้ตัวเองไปอาทิตย์นึงด้วยแหนะ มีที่ไหน

   “อ้าว น้องใบเตย มีอะไร แล้วทำไมวิ่งหน้าตั้งมาละเนี่ย”  น้องใบเตยวิ่งหน้าตั้งมาจริงๆครับ หน้านี่ยิ่งกว่าเจอผีมาอีก


   “นายหั้วววว เฮ้ออ เฮ้ออออ คือว่า ใบเตยอั้น เฮ้อออ เฮ้ออออ”

   “เฮ้ยยยย ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆพูด วางของแล้วนั่งลงก่อน” ผมเพิ่งสังเกตครับว่าน้องใบเตยไม่ได้วิ่งมาตัวเปล่าแต่แบกกระสอบ เอ้ยกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย

   
   “วางไม่ได้พี่เออะ เฮ้ออ เฮ้อออออ ใบเตยอั้น หาทางที่จะช่วยร้านเราผ่านวิกฤติโดนแย่งคู่แข่งได้แล้ว”  โอ้โห ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ นึกขึ้นได้ก็ปวดหัวจิ๊ดเลยครับ ผมยังไม่คิดหาวิธีเอาตัวรอดจากพายุที่กำลังมาลูกนี้เลย คงเพราะว่าร้านเขายังไม่เปิดเลยมั้งครับผมก็เลยยังไม่panic


   “อื้ออออ ไหนว่ามาสิว่าจะช่วยพี่ได้ไงบ้าง อ้ะพี่ฟังอยู่”

   “พี่ฟิลลิป เตินจะใจเย็นแบบนี้ไม่ได้นะ ” ..... “นี่ใบปลิว หนุ่ยได้มาตอนเดินมาที่ร้าน นี่เขาโฆษณาแล้วนะว่าอิร้านกาแฟใหม่จิเปิดอาทิตย์หน้าอั้น หนุ่ยเลยรีบมาบอกหนิ”

   “ ***หายยยยแล้ววววว จริงดิ ใบเตยมีแผนอะไรว่ามาโลดด ด่วนเลยยยย”

   “ว่าแต่พี่ฟิลลิป หัวไปโดนอะไรมาอั้น ปูดเชียว”

   “เอ้ออออ ก็บอกว่าให้รีบเล่าแผนมา อย่านอกเรื่องได้ไหมมม” เห้ยว่าแต่มันปูดจนเห็นชัดเลยหรอครับเนี่ย

   “ หนุ่ยอั้ย กลับคอน(นครศรีธรรมราช)มาตอนปีใหม่ แล้วที่บ้านอั้น เพิ่งรู้ ว่าหนูทำงานร้านกาแฟ”

   “แล้วไงต่อออ”

   “คือที่บ้านอั้นไม่รู้ว่าหนูต้องทำงานพิเศษ เพราะว่าหนูเอาตังค์ไปกินเหล้าหมดแล้วใช้ตังไม่พออั้นพี่”

   “ เอ้อ ดีนะเราเนี่ยเป็นเด็กดี ถึงกินเหล้าก็เป็นเงินที่เราหามาเอง ถุ้ยยยยยย แล้วประเด็นมันอยู่ตรงไหนครับบบบบบ” โฮ้ยยย ผมเครียดจริงๆนะครับเเนี่ย
   

   “ฮ่าๆๆๆๆ นายหัวนี้ก็เป็นคนตลกหน่ะ ” ผมเอียงคอมองน้องใบเตย “คืออออ พอที่บ้านรู้ว่าหนุ่ยทำงานร้านกาแฟอั้น แล้วคราวนี้เขาเลยบอกให้หนุ่ยอั้น เขาบอกให้ต่อยอดกับของที่เรามี”



   “เขาบอกให้เอาชาชักไปขาย!!!!!!!” น้องใบเตยพูดด้วยความภูมิใจและยกกระเป๋าใบใหญ่ของเธอขึ้น



   “ห้ะะะ ชาชัก!?”


   “พี่ฟิลลิป ที่หนุ่ยหายไปเจ็ดวันอั้น หนุ่ยไม่ได้หายไปเฉยๆนะ หนุ่ยอะ ออกตามหาชาชักที่ดีที่สุดในภาคใต้” น้องใบเตยพูดพร้อมกับเผยสิ่งที่อยู่ในกระเป่าใบใหญ่ของเธอ คือซองชาหลายสิบถุงที่อัดแน่นอยู่ในกระเป๋า


   “หู มาเต็มวะ”



   “หนุ่ยอั้นไปมาหมดเลยนะพี่ ตั้งแต่ นคร ระนอง สุราษ หาดใหญ่ จนถึงยะลาหนุ่ยก็ไปมา” น้องใบเตยค่อยๆหยิบชาออกมาทีละถุงพร้อมบอกที่มาของมัน

      
      ​ “แต่ชาที่ดีที่สุดที่หนุ่ยค้นพบคือออออ”น้องใบเตยเคลื่อนหน้ามาหาผม



      “คือออออออออออ”    ผมเคลื่อนหน้าเข้าหาน้องใบเตยด้วยความอยากรู้

   

               “สะะะะะะะะะ ตูลลลลลล”    น้องใบเตยหยิบถุงชาใบที่ใหญ่ที่สุดออกมาและโยนออกมากด้านหน้า



      
      “เฮ้ยยยยยยย”

   
   …….

   ….
   

   !!!!!!!!!!

   

      ถุงชาใบใหญ่หลุดจากมือของน้องใบเตย ด้วยแรงเหวี่ยงและน้ำหนักของถุงชา ทำให้มันลอยออกไป และมันก็พุ่งเข้าหาผม ที่ยืนยื่นหน้าหาน้องใบเตยอยู่


   
                  สะะะะะะตูลลลลลลล เต็มหน้าผมเลยสิครับ




แรงชนของถุงชาทำให้ผมถอยหลังไปสามก้าว และหงายหลังหัวฟาดกับเค้าเตอร์ด้านหลัง


มึนนนนนะสิครับจากที่ตึ๊บๆจากประตูร้าน จนมาเจอกับถุงชาถุงใหญ่จากสตูล และตอนนี้หัวผมฟาดกับเค้าเตอร์เข้าไปอีก ผมรู้สึกได้ถึงแรงโน้มถ่วงของโลกและตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนพื้นผิวของมัน




   “พี่ฟิลลิป นายหั้วววววว” ผมได้ยินเสียงน้องใบเตยแว่วๆอยู่แต่พยายามตอบสนองก็ทำไม่ได้

   “ทำพรื้อทีวะกูคร้าวนี้ ซวยแล้วหม่ายยยย”(คราวนี้กูทำไงดีวะเนี่ย ซวยอีกแล้ววว)

   “ป้าวิไลพรรรรรร ป้าวิไลพรรรค๊า มาทางนี้หน่อยยยค๊าาา” ผมได้ยินเสียงน้องใบเตยเรียกใครแว่วๆจากไกลๆ

   “ทางนี้เลยคะ พี่ฟิลลิป เป็นลมไปทำไงดีคะคุณป้า”

   “ตายยยแล้วววน้องฟิลลิปลูกกกกก” ผมได้ยินใครสักคนเรียกชื่อผมพร้อมกับเขย่าตัวผม


   “ใบเตยช่วยป้าพัดให้ฟิลลิปหน่อยเร้ว เดี๋ยวป้าหายาดมก่อน”

   ผมได้กลิ่นอะไรบางอย่างทำให้ผมแสบจมูกและมีสติสามารถโฟกัสได้อีกครั้ง ผมลืมตาขึ้นและเห็นป้าวิไลพรและน้องใบเตยนั่งมองผมอยู่


   “ปะป้า วิไลพรรร”ผมเอ่ย

   “ใช่แล้วน้องฟิลลิปลูกนี่ป้าเอง”



เนื่องจากยาดมหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผมกลับมามีสติ ในวินาทีนี้สิ่งเดียวที่ผมคิดได้และกังวลคือ



   “ป้าวิไลพรครับบบบ” ผมเอามือคว้าแขนป้าวิไลพร

   “ป้าต้องคุยกับผมให้รู้เรื่องนะครับ ร้านกาแฟจะมาเปิดอาทิตย์หน้าแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเขย่าแขนป้าวิไลพร



และคำตอบที่ผมได้รับจากป้าวิไลพรคือ.....



   “กรี๊ดดดดดดดดดดดด”

   

และสิ่งที่ผมได้รับจากป้าวิไลพรก็คือ

   “ตึ้งงงงงงงงงงงงงงงง”



ผมโดนฟาดเข้าตรงหน้าด้วยกระเป๋าของป้าวิไลพร ตอนนี้ผมว่าผมไม่ได้หลับตาแต่ทำไมผมไม่เห็นแสงนะ


   “อ้ายยยป้าขอโทดดดด ป้าตกใจ มือมันไปเองอะะะะ”





…………

……

..

.
.
.
.
   



5 ปีก่อน




หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.9 Hit or Miss ☕️ 20/4/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 20-04-2018 03:43:45
Ep.9 100%


5 ปีก่อน

“สวัสดีครับบบบบ/ค๊าาาาาาาาา” เอ็มซีมหาลัยสองคนเสียงแหลม กล่าวทักทายคนดูเหล่านักศึกษาจากหลากหลายคณะที่ยืนเบียดกันแน่นหน้าเวทียิ่งใหญ่ พร้อมแสงไฟอลังการในอาคารยิมเนเซียมของมหาลัยในงานประกวดดาวเดือนมหาลัยรอบสุดท้าย

“ยินดีต้อนรับเพื่อนๆทุกคนนะคะ เข้าสู่การประกวดดาวเดือนมหาลัย ประจำปี พศ. 2555ค๊าาาาาา”

“คืนนี้ต้องสนุกมากๆเลยใช่มั้ยครับแต้ว นอกจากเราจะได้รู้ว่าใครจะได้เป็นดาวเดือนมหาลัยประจำปีนี้แล้ว เรายังได้ดูคอนเสิร์ตจากกลุ่มกิจกรรม Folk song ด้วยครับผมมม”
   
       เอ่ออออ.....ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่หรอครับ เหอะๆๆ ก็ด้วยความที่ผมเป็นเด็กปีหนึ่งเข้ามาปีแรก ผมก็ว่าผมอยู่เงียบๆในคณะแล้วนะ พยายามร่วมทำกิจกรรมเท่าที่จำเป็น แต่ก็สุดท้ายก็มิวายโดนรุ่นพี่จับตัว แต่งหน้าเซ็ตผม แถมยังถูกส่งให้ไปฝึกเดินฝึกพูดเพื่อมาประกวดเดือนมหาลัยจนได้นะสิครับ เฮ้ออออออ ความสมัครใจของผมไม่ต้องพูดถึงครับ ไอ้เจ้าเพื่อนตัวดีกับรุ่นพี่นะสิครับรวบหัวรวบหางผมส่งผมมา ผมปฎิเสธไปแล้วก็หาว่าผมไม่ยอมทำเพื่อคณะอีก สุดท้ายผมก็เลยต้องมาอยู่ที่นี่ไงละครับ เกิดมาหน้าตาดีก็ลำบากเหมือนกันนะครับ(ถุ้ยยย เล่นเองถุ้ยยเองครับ55555)




“ค่ะ สามค่ะ ตอนนี้นะคะ ก็ถึงเวลาที่เรารอคอยแล้วค่ะ”

“ครับ แต้วครับ ต่อไปมีอะไรหรอครับ”

“ลำดับต่อไปนะคะ เราจะได้พบกับ ตัวแทนผู้เข้าประกวดดาวเดือนมหาลัยแล้วค่ะ”

              “น้องฟิลลิปพร้อมนะจ๊ะ มองที่คุณพี่ ทำตามคุณพี่บอก ไม่ต้องตื่นเต้นนะจ๊ะ ทำให้เต็มที่ เราหล่ออยู่แล้ว แสนเก๋!!!” พี่หนูเนค พี่ชายเอ้ย พี่สาวขาใหญ่ ตัวแม่ประจำคณะ บอกกับผมพร้อมจัดชุดให้ผมก่อนผมจะขึ้นเวที

      “ครับพี่หนูเนค ขอบคุณมากครับ”

      “นิติศาสตร์ขว้าสายสะพายอีกปีได้แน่นอนคุณพี่เชื่อจ้ะ สู้ๆนะลูกกกก”

      “ครับผมมมครับบ”



“ค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เรามาพบกับผู้เข้าประกวดเดือนมหาลัยกันเลยค๊าาาาาา”



   ผมหายใจเข้าเพื่อเรียกพลังและกำมือแน่น พร้อมบอกกับตัวเองว่า มันก็แค่เดินๆพูดชื่อแล้วไหว้นี่แหละ ไม่เห็นมีอะไรเลย

‘หมายเลขหนึ่งสแตนบายเลยครับ’ พี่ทีมงานแบคสเตจคนหนึ่งบอกผมพร้อมกวักมือเรียกผม

      ผมเดินขึ้นบันไดไปที่จุดปล่อยตัวด้านหลังเวที และถอนหายใจ หัวใจของผมตอนนี้เต้นดังมากจนผมได้ยินเสียงของมัน ผมแอบมองไปตรงที่คนดู ที่ยืนกันแน่นหน้าเวทีพร้อมส่งเสียงโห่ร้องกันสนั่นอาคารยิมเนเซี่ยมจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร

      “เห้ยยยย นี่มันไม่ใช่แค่เดินแล้วไหว้เฉยๆแล้ววโว้ยยยยยย กูตื่นเต้นโว้ย มือเย็นเท้าเย็นไปหมดแล้ววว แม่เอ้ยยยยยยยย”


   “หมายเลขหนึ่งครับออกเลยครับ” พี่แบคสเตจคนเดิมที่ฟังวออยู่ ส่งสัญญาณให้ผม

   “……เอ่อออออออ….”

   “ น้องฟิลลิปลูกกกกก ออกปัยยยส์ ออกปัยยยยยยส์ค่า ” พี่หนูเนคตะโกนสั่งผมจากข้างเวทีพร้อมกับชี้ไล่ให้ผมเดินออกไป

      จะทำไงได้ละครับบ เท้าของผมมันเหมือนจะก้าวไม่ออก การเดินที่ผมหัดตั้งแต่แบเบาะไม่ได้ทำให้การเดินบนเวทีที่มีสายตานับร้อยจ้องมองอยู่มันง่ายขึ้นเลย ขนาดผมเดินทุกวันทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันยากจังเนี่ย

   

         “ฟิลลิป!!!”



   ผมมองไปที่อีกด้านของหลังเวที ที่นักดนตรีกำลังสแตนบายอยู่ และใบหน้าที่ผมคุ้นเคยก็ยืนอยู่ตรงนั้น อีกฝั่งหนึ่งของหลังเวที

   
      “แปปปปป-นึงงงงง-นะะะะะ”  ผมอ่านปากของพี่เอ็ดที่พยายามคุยกับผม

“เห้ยยยย” ไอ้พี่เอ็ดครับ มันวิ่งมาหาผมจากอีกฝั่งของเวที ดีนะด้านหลังเวทีมีฉากบังอยู่บ้าง แต่นั้นก็วิ่งบนเวทีมาเลยหรอวะ คนดูเขาก็เห็นกันอยู่ดีว่ามีคนวิ่งผ่านบนเวทีมา บ้าจริงๆเลย

      “ไอ้เด็กบ้า ตื่นเวทีหรอวะเนี่ย ฮ่าๆๆ” พี่เอ็ดดึงผมเข้าไปหาเขาพร้อมกอดคอผมไว้แน่น

      “เห้ยพี่เดี๋ยวเสื้อยับ อย่าทำดิๆ”

      “ฟังพี่นะเว่ย แฟนพี่คนนี้หน่ะ ทำได้อยู่แล้ว กลัวไรวะ” พี่เอ็ดพร้อมกับจับหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง เหมือนจะบีบหน้าของผมให้มารวมกันอย่างไงอย่างงั้น



      “………..”

   
      “.............” ผมมองตาพี่เอ็ด ถึงแม้เราจะอยู่ด้วยกันบ่อยๆ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยจริงๆที่หน้าของผมจะอยู่ใกล้เขาเท่าครั้งนี้มาก่อน

      
      สายตาที่ส่งมาให้ผมตอนนี้ ทำให้ผมมีความมั่นใจขึ้นอย่างมาก ความกลัวที่มีก่อนหน้านี้ได้หายไปจนหมด เพราะผมรู้ว่าไม่ว่าอย่างไร ผมก็มีคนที่อยู่ตรงหน้าของผมตรงนี้เป็นกำลังใจให้ผมเสมอ


      พี่เอ็ดค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆผม และจุ๊บผมที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนครั้งนึง และปล่อยผมตัวออก


            “………….”

      “เจอกันตอนงานเลิกนะ รอดูพี่เล่นด้วย” พี่เอ็ดบอกผมและวิ่งผ่านบนเวทีอีกครั้งไปกลับไปอยู่กับกลุ่มนักดนตรี

      

      “หมายเลขหนึ่งครับบบบ!!! ออกได้แล้วครับบบบ” คราวนี้พี่แบคสเตจส่งสายตามองแรงเหมือนจะกินหัวผมแล้วครับ

      “คะคะ ครับผม ขอโทษนะครับ”

   ผมเดินไปยังด้านหน้าเวที ไฟสปอตไลท์ส่องหน้าผม ผมแทบไม่เห็นใครเลย พอจะได้ยินเสียงของเพื่อนของผมคุ้นๆที่ตะโกนเชียร์ผมจากด้านล่างอยู่บ้าง ผมเดิน หยุด และไหว้แบบที่ถูกเทรนมา และเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวที ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผมแทบจะจำไม่ได้เลยว่าผมเดินถูกรึปล่าวด้วยซ้ำ

      “หู้วววววว”ผมถอนหายใจกับตัวเองหนึ่งครั้งและ.... “เย๊สสสสส วู้วววววว” ดีใจดิครับ ผมผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากของผมไปได้สักที และก็โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ผมขายขี้หน้าตัวเองให้คนอื่นล้อด้วย(ซึ่งอันนี้ผมกลัวมากๆจริงๆนะครับ555555) วู้ววววว

   “น้องฟิลลิปเก่งมากลูกกกกกกกก วฮ้ายยยตายแล้ว มาให้คุณแม่กอดหน่อยค๊าาาาาาาา”พี่หนูเ นควิ่งเข้ามาพร้อมกับกอดผม

“ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับพี่หนูเนค”“พี่หนูเนคเอ่ออนี่คือผมเสร็จแล้วใช่ไหม”

“โอ๊ยยังก่อนจ้า นี่เราต้องรอฟังผลก่อนว่าผ่านเข้ารอบ 2 ไหม แต่ในสายตาคุณพี่นะะะะะะะ คุณพี่ว่าเจอกันรอบ2 แน่นอน จ้าาาาาา”

“ห้ะะะะะะะะ มีรอบสองอีกเหรอพี่” เวรกรรมจริงครับ ไอ้ผมก็นึกว่าผมจะไปหาเพื่อนได้แล้วเสียอีก

“คนหล่อของคุณพี่~~~ รอบนี้เราแค่เดินเดินแล้วก็ตอบคำถามนิดหน่อยเองจ้ะะะะะ”

“แฮะๆๆๆๆ”ผมยิ้มแหงๆให้พี่หนูเนค ทั้งๆที่ในใจผมคิดว่าผมถึงคราวซวย ดวงชิบหาย แล้วนะสิ

“โอ๊ยยืนยิ้มอยู่ทำไมลูกขาาาาาา แปะๆไปนั่งพักก่อนเดี๋ยวพี่เอาน้ำให้ดื่มนะค๊ะะะ”



   “อ๋าาาาาาาาาครับแต้ว  ผ่านไปแล้วนะครับสำหรับการเปิดตัวดาวเดือนแต่ละคณะประจำปีการศึกษา 2555 เรียกได้ว่าอู้หูวววว สวยหล่อกันทุกคนเลยนะครับ”

    “ใช่แล้วค่ะ สาม ต่อไปนะคะเราจะให้เวลาคณะกรรมการรวมคะแนนกันสักครู่นะคะ แล้วเราก็จะมารอดูกันว่าดาวเดือนคนไหนจ๊ะเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายกันบ้าง จะเป็นคนที่เพื่อนๆเชียร์กันอยู่หรือเปล่า อดใจรอสักครู่นะค้าาาาา”
 
   “ครับผมแต้วและลำดับต่อไปที่หลายๆคนกำลังรออยู่นะครับ ตอนนี้เขามาสแตนบายกันอยู่แล้วนะครับ ก็คือวงดนตรีจากกลุ่มกิจกรรมfolk song นั่นเองครับไปพบกับพวกเขาได้เลย”

เมื่อเสียงกีต้าร์ดังขึ้นเหล่าคนดูที่รออยู่ในอาคารยิมเนเซี่ยมก็ต่างส่งเสียงกรี๊ด ไม่วายแม้แต่กระทั่งเหล่าStaffที่จัดงาน ต่างพากันวิ่งพุ่งตัวจากหลังเวทีไปไปเกาะข้างขอบเวที และเมื่อนักร้องกล่าวทักทายทุกคนก็ต่างพากันโยกตัวไปตามเสียงดนตรี ผมก็เลยถือโอกาสตามฝูงคนไปยืนดูอยู่ข้างเวทีกับเขาด้วย

ผมยืนมองทุกคนต่างมีช่วงเวลาดีๆซึ่งเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน (ก็ผมไปเคยเป็นคอนเสิร์ตที่ไหนหรือกับเขาเลยนี่หว่า5555555) แสงจากหลอดไฟย้อมสีฝูงคนเป็นสีฟ้าและสีม่วงดูอบอุ่นตา เสียงดังจากลำโพงก็ทำให้หัวใจผมทุ้มเป็นจังหวะจนผมรู้สึกได้ ผมสงสัยเหมือนกันนะครับ ว่าการที่ใครสักคนจะสามารถยืนอยู่บนเวทีและสามารถทำให้คนนับร้อยนับพันสามารถมีความรู้สึกร่วมไปกับเขาได้นั้น เขาทำได้ยังไงกัน

นักร้องนำของวงที่เรียกชื่อวงตัวเองว่า No Direction เล่นกีต้าร์ที่สะพายอยู่และขับร้องเพลงที่เต็มไปด้วยเนื้อร้องแสนหวาน ในขณะที่มีดวงตานับพันคู่กำลังจ้องมองเขาอยู่แต่ดวงตาของเขากลับส่งสายตามองมาที่ผม แววตาคู่นั้นผมรู้จักเป็นอย่างดี เพราะมันคือดวงตาคู่ที่มองมาที่ผมด้วยความอ่อนโยนเสมอ

   ♫~

Baby you light up my world like nobody else
The way that you flip you’re hair gets me overwhelmed
But when you smile at the ground, it ain’t hard to tell
ที่รัก เธอทำให้โลกฉันสว่างไสวแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
ภาพตอนที่เธอสะบัดผมนั้นทำให้ฉันแทบคลั่ง
แต่เมื่อเธอยิ้มให้พื้น มันพูดได้ไม่ยากเลย

You don’t know, You don’t know you’re beautiful!
เธอนั้นไม่รู้, เธอไม่รู้ว่าเธอน่ารักแค่ไหน!

If only you saw what I can see
You’ll understand why I want you so desperatley
Right now I’m looking at you and I can’t believe
แค่เพียงเธอเห็นสิ่งที่ฉันเห็น
เธอจะเข้าใจว่าทำไมฉันต้องการเธอขนาดนั้น
ตอนนี้ฉันมองเธออยู่ และฉันไม่อยากจะเชื่อว่า
You don’t know
You don’t know you’re beautiful!
That’s what makes you beautiful!
เธอนั้นไม่รู้, เธอไม่รู้ว่าเธอน่ารักแค่ไหน! และนั้นแหละคือสิ่งที่ทำให้เธอน่ารักกว่าใคร!


“ไหนใครอยากมีความรักดีๆบ้างครับผม” นักร้องคนนั้นกล่าวหลังจากร้องเพลงจังหวะสนุกจบลง

“ฮิ้วววววววววว” สาวน้อยสาวใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าเวทีต่างกันส่งเสียงกรี๊ดสนั่นพร้อมยกมือไม้

“ฮ่าๆๆๆ ผมเป็นคนนึงนะครับที่โชคดีได้เจอกับความรักดีๆ ผมอยากจะแบ่งปันเคล็ดลับอย่างนึงให้กับทุกๆคนนะครับ”

“ถ้าหากเราเจอคนหนึ่งที่เรารักแล้วนะครับอย่าลืมบอกเขาบ่อยๆว่าเรารักเขามากแค่ไหน”

“เพลงนี้ผมขอมอบให้ไอ้เด็กดื้อของผมนะครับ”




   ♫~

I’ve been trying to do it right
I’ve been living a lonely life
I’ve been sleeping here instead
I’ve been sleeping in my bed,
I’ve been sleeping in my bed (Hey!)
ฉันพยายามจะทำให้มันถูกต้องมาเสมอ
ฉันใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาเสมอ
ฉันกลับมานอนอยู่ตรงนี้
ฉันกลับนอนอยู่บนเตียงของฉัน
ฉันนอนอยู่บนเตียงมาเสมอ
So show me family
All the blood that I would bleed
I don’t know where I belong
I don’t know where I went wrong
But I can write a song (Hey!)
แสดงให้ฉันเห็นถึงครอบครัวที
เลือดทุกๆหยดที่ฉันยอมหลั่ง
ฉันไม่รู้ว่าฉันควรอยู่ที่ใด
ฉันไม่รู้ว่าฉันทำพลาดไปตรงไหน
แต่ฉันแต่งเพลงได้นะ
I belong with you, you belong with me you’re my sweetheart
I belong with you, you belong with me you’re my sweet
ฉันเกิดมาคู่กับเธอ และเธอก็เกิดมาคู่กับฉันนะ ที่รัก
ฉันเกิดมาคู่กับเธอ และเธอก็เกิดมาคู่กับฉันนะ สุดที่รัก
   ♫~


“ ไอ้พี่เอ็ด. ”
.
.
.

“ไอ้พี่บ้า.”
.
.

“เขินนะโว้ย”




///คุยกันหลังร้าน

ตอนต่อไปเตรียมผมกับการประกวดดาวเดือนรอบต่อสองนะครับ ฮึฮึ ส่วนผลจะเป็นยังไง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น รอชมกันนะครับ ;)

                        Redtails



หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.9 Hit or Miss ☕️ 20/4/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 20-04-2018 23:23:14
https://www.youtube.com/watch?v=zvCBSSwgtg4 (https://www.youtube.com/watch?v=zvCBSSwgtg4)

แวะมาแปะเพลงสำหรับใครที่อยากลองฟังว่าพี่เอ็ดร้องเพลงอะไรนะครับ
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.10 Anxiety part1 ☕️ 25/5/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 25-05-2018 04:07:06
Ep.10 Anxiety


เสียงคนดูปรบมือ แสงไฟบนเวทีรัวกระพริบหลากสี นักร้องและนักดนตรีเดินมาหน้าเวทีเพื่อจับมือและโค้งตัว เป็นสัญญาณบอกว่าการแสดงได้จบลงแล้ว ผมก็ได้แต่มองรอยยิ้มของนักร้องคนนั้นจากมุมหนึ่งท่ามกลาลงของกลุ่มคนดู เขาหันไปหัวเราะกับเพื่อนร่วมวงของเขาและรับช่อดอกไม้มากมายจากคนดู ผมยืนมองพี่เอ็ดที่ถูกแสงไฟส่องบนเวที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข มันเป็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เมื่อเห็นคนที่ผมรักทุ่มเทแรงกายของเขาอย่างมากกับสิ่งสิ่งหนึ่งและสุดท้ายสิ่งนั้นมันก็งอกเงยจนกลายเป็นความสำเร็จในวันนี้ ผมยืนอยู่ตรงนั้นได้ไม่นานก็ถูกพี่สตาฟเรียกให้ไปเตรียมตัวและหลังเวทีเพื่อรอฟังประกาศผล


“โอเคนะครับ น้องดาวเดือนทุกคนเตรียมตัวนะครับ เดี๋ยวเดินไปเป็นแถวเรียงเบอร์แล้วไปยืนที่มาร์กหน้าเวทีนะครับ รอฟังประกาศคนเข้ารอบถัดไปนะครับ ฟังพี่เอ็มซีนะครับ โชคดีนะครับบ” พี่ทีมงานแบคสเตจวิ่งมาบอกเหล่าผู้ประกวดที่กำลังทัชอัพหน้าและแต่งผมกันอยู่

   
   “น้องฟิลลิป น้องปรายฟ้า ลูกกกกกสู้ๆนะลูกกกกก ฟังคุณพี่นะค๊ะ ตอนตอบคำถามเนี่ย ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆตอบ นะค๊ะะะะ” พี่หนูเนควิ่งเข้ามาคุยกับผมครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นเวที

“โหพี่ เขายังไม่ได้บอกเลยว่าผ่านเข้ารอบมั้ย ผมน่าจะไม่ต้องตอบคำถามหรอกพี่ เตรียมกับบ้านแล้วเนี่ย ฮ่าๆ”

   “นี่แหนะะะะะ”  “โอ้ยยยย”พี่หนูเนคฝาดผมที่แขนเข้าให้ครับ โอ้โห ใครจะไปรู้ครับว่าเห็นพี่หนูเนคอย่างงี้ แรงตีกับนักมวยต่อยนี่ ไม่รู้ว่าอันไหนเจบน้อยกว่ากันอีกครับ

   “ห้ามพูดอย่างงี้น้องฟิลลิปลูกกกก ผลงานรอบแรกของเราอะพี่บอกเลยว่าโดดเด่นมีลุ้น!!!”


‘น้องๆดาวเดือน ครับ ขึ้นเวทีได้เลยครับ’

   “อ้ะ ไปได้แล้วลูกกกก กรี๊ดดดดดดดด พี่ไปรอดูข้างหน้านะค๊ะะะะะะะ”

 



   แสงไฟบนเวทีสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับซาวด์ดนตรีจเร้าจังหวะสร้างความตื่นเต้น ผมเดินขึ้นไปยังบนเวทีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า โดยหวังในใจว่า ครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายแล้วและผมกำลังจะได้หนีไปเจอเพื่อนของผมเสียที

   “ค่ะ ขอเสียงกรี๊ดต้อนรับบบบ ผู้ประกวดดาวเดือนมหาลัย ประจำปี 2555 หน่อยค๊าาาาา”


      เสียงกรี๊ดของคนดูที่รอฟังผลประกาศดังจนผมแสบแก้วหูเลยครับ อิเหี้ย ผมถึงกับตกใจเมื่อมองไปที่คนดูและรู้ว่า คนแม่งงงงเยอะกว่ารอบแรกอีกนี่หว่า ตอนนี้คือแน่นเอี๊ยดจนไปถึงประตูทางเข้าอาคารเลยครับ


   “โอ้โห เสียงกรี๊ดนี่ดังจริงๆเลยนะครับแต้ว”
   
   “ฮ่าๆๆ ใช่ค่ะสาม เมื่อกี้สะดุ้งเลยยยย ค่ะ และใครพร้อมแล้วที่จะฟังผลประกาศบ้างแล้วคะะะะ”

‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด’ โอ้โห ผมชักกลัวแล้วครับ เสียงกรี๊ดดังขนาดนี้ ชาวบ้านแถวมอเขาไม่คิดว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุในมอรึไรครับเนี้ย กรี๊ดกันขนาดนี้



   “ครับผมม เหมือนว่าจะอยากรู้ผลกันแล้วนะครับ ถ้าอย่างงั้นครับแต้ว ผมขอซองผลประกาศเลยครับ”
   
   “ฮ่าๆๆ มาแล้วครับบบบบ”


‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดด’ ‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด’ ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ พากันกรี๊ดใหญ่เมื่อเห็นผู้อัญเชิญซองครับ

   
   “ค่ะ ฮ่าๆๆๆ อาจจะรู้สึกคุ้นๆหน้ากันนะคะ ผู้อัญเชิญผลของเราก็คือพี่เอ็ดของเรา รองเดือนมหาลัยปี 2554และนักร้องนำวง No Direction นั้นเองค่ะ”

ดูพี่เอ็ดสิครับ 5555555 แค่เดินทำหน้างงๆ ขึ้นมาเฉยๆคนก็กรี๊ดกันแทบสลบ น่าเอ็นดูจริงๆเลย


   “ขอบคุณพี่เอ็ดนะครับ ฮ่าๆๆ โอ้โห หล่อจริงๆ” “ครับผมมมมมม  และซองผลผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายของดาวเดือนมหาลัยประจำปี2555 ก็อยู่ในมือผมแล้วครับบบบบแต้ว”

   “ค่ะสามมมม ถ้าประกาศหมายเลขและชื่อคณะไหน ขอให้หมายเลขนั้นเดินก้าวออกมาด้านหน้านะคะะะะะ”

   “ครับผมมมและคนแรกนะครับที่ได้เข้ารอบ ได้แก่ หมายเลขขขขขข”


………… ‘ตรึ๊มมมมมมมมมมมม’

      โอ้ยยยยจะเปิดเสียง รัวกลองทำไมครับเนี่ย มันพาให้คนที่ไม่ลุ้นมันลุ้นไปด้วยเลยเนี่ย

          

     “หมายเลขอะไรดีคะะะะะะะะะะ”

      
    ‘ตรึ๊มมมมมมมมมมมมมมมมมม’




เสียงกองเชียร์ตะโกนหมายเลขที่ตัวเองเชียร์กันอย่างโหงเหวกโวยวายจนฟังไม่ออกว่าเชียร์หมายเลขไหน ผมที่ยืนอยู่บนเวทีก็ได้แค่ยิ้มๆทั้งที่ผมมือเย็นตื่นเต้นจนปวดฉี่แล้วละครับเนี่ย โว้ยยยย ทำไมกูถึงลุ้นกับเขาไปด้วยวะเนี่ยยยยยยยย








“หมายเลขหนึ่ง คณะนิติศาสตร์ครับบบบบ”

      
      
   ‘เย้!!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!’




   เบอร์หนึ่ง อ๋อ เบอร์หนึ่ง อ้าวเฮ้ยยยยยย! เบอร์หนึ่งนี่มันผมนี่หว่าเห้ยยยยย!!!
เห้ยยย ง่ายๆแบบนี้เลยหรอ ไม่ต้องให้ผมลุ้นว่าจะเป็นคนสุดท้ายอะไรเลยหรอ งงสิครับ ไหงผ่านเข้ารอบคนแรกละครับเนี่ย




   “ครับผม เบอร์หนึ่ง ขอเชิญหน้าเวทีเลยนะครับ” “โอ้โหเบอร์ กองเชียร์ ขนกันมาเต็มเลยนะครับ”


‘ฟิลลิป ฟิลลิป ฟิลลิป!!!!’ กองเชียร์เพื่อนๆพี่ๆในคณะตะโกนเรียกชื่อผมกันดังมาก ซึ่งต้นเสียงจะเป็นใครไปเลยไม่ได้ครับ นอกจากพี่หนูเนคและต้น

   ‘อ้ากกกกกกกกกกฮ์ เด็กชั้นเองค่าาาาา เด็กชั้นเองงงเริ่ดมากลูกน้องฟิลลิปลูกกกกก!!!!!!’

   ‘อีฟิลลิปปปปปป พ่อมันชื่อติ่งค่าาาาาาาาา’

   “เบอร์หนึ่งนี่ดูท่ากำลังใจจะดีมากเลยนะคะเนี่ย รอบที่แล้วแอบเห็นมีกำลังใจหลังเวทีด้วยนะคะ…….”


‘อูยยยยยยยยยยยยยย’ เสียงคนดูร้องโอดโอยเมื่อพิธีกรแซวผม
   
   “...........ฮ่าๆ เห็นเขาหล่อแล้ว แซวใหญ่เลยนะครับแต้ว”




เห้ยย อย่าบอกนะว่าคนด้านหน้าเวทีเขาเห็นตอนพี่เอ็ดมาหาผมก่อนขึ้นเวทีรอบที่แล้ว อายสิครับ ใครจะไปคิดว่ามีคนเห็น แถมโดนแซวออกไมค์อีก โอ้ยยยยยย

   ผมยืนรอเอ็มซีประกาศผลคนเขเารอบจนครบในขนาดที่ใจผมตอนนี้ ก็รู้สึกขุ่นๆใจแปลกๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหรอกนะครับ ที่ให้คนอื่นรู้เรื่องของผมกับพี่เอ็ด ผมไม่เคยอายเลยครับที่มีแฟนเป็นเขา แต่บางคร้ังผมก็หวั่นๆในสายตาของคนที่ไม่รู้จัก บางครั้งเราก็ห้ามในสิ่งที่เขาคิดไม่ได้ มันก็เลยทำให้ผมกลัว และยิ่งผมเป็นเด็กปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่อีก ผมก็กลัวคนอื่นจะมองผมกับพี่ในทางไม่ดีมากกว่าครับฃ
   
   ค่ะ และนี่คือผู้เข้ารอบดาวเดือนมหาลัยสิบคนสุดท้ายนะคะ เราจะให้เขาไปพักกันก่อน และในช่วงหน้าเราจะกลับมาพร้อมกับรอบตอบคำถามกันค่ะ


…………

   “ฟิลลิปปปปป คุณเก่งมากเลยยยยย เท่ห์มากกกก” ปุ๊กกี้วิ่งเข้ามาทักผมทันทีที่ผมเดินลงจากเวที

   “ฟิลลิป มึงได้ยินปะะะ ตอนที่กูเรียกชื่อพ่อมึงตอนที่เขาบอกว่าเข้ารอบอะ ได้ยินมะ ฮ่าๆๆๆ” ต้นพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจและเข้ามาเกาะไหล่

   “เอออ พวกมึงขอบใจมากๆ”

   “ฟิลลิป ทำไมคุณไม่ดีใจละค่ะ คุณเข้ารอบนะเนี่ย”

   “เอออเป็นไรปะเนี่ยมึงงงง”

   “เอออ มึง กูไม่เป็นไรๆ นี่เห็นมั้ยนี่กูยิ้มได้ปกติ แฮ่”

   “ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลยนะ ฟิลลิป ถ้าคุณไม่สบายใจก็ไม่ต้องไปแข่งรอบต่อไปก็ได้ ไม่ต้องไปฝืนยิ้มอีกแล้วนะคะ”

   “เอออใช่ค่ะมึง ถ้ามึงไม่สบายใจไม่โอเค เดี๋ยวพวกกูไปคุยกับเขาให้ได้นะเว่ย”

   “อื้ออออออออ” “ มึง กูไม่เป็นไรหรอก กูสงสารพี่หนูเนคอะ พี่เขาอุส่าห์ตั้งใจ เดี๋ยวขึ้นไปตอบๆ แปปเดียวก็จบและ”

   “ถ้าคุณยืนยันจะทำแบบนั้น เดียวต้นกับกี้รออยู่ตรงนี้นะคะ สู้ค่ะ!”

   “อื้ออออออออ!”


ผมกำลังจะแยกตัวจากเพื่อนของผมเพื่อไปเตรียมตัว แต่กลับมีคนมายืนดักรอคุยกับผมอยู่

   
   “น้อง น้องฟิลลิปใช่มั้ยคะ” พี่ผู้หญิงที่เป็นเอ็มซีบนเวทีถามชื่อของผม

   “ครับผม ใช่ครับ”

   “เพื่อนพี่อยากเจอน้องหน่อยหลังประกวดเสร็จอะคะ” พี่เอ็มซีผู้หญิงคนนั้นบอก และข้างๆเขาก็มีพี่เอ็มซีผู้ชายพร้อมกับพี่สตาฟอีกคนยืนกอดอกอยู่

   “เอ่อ ครับ มีอะไรรึปล่าวครับ?” ผมถามพี่เอ็มซีผู้หญิงคนนั้นกลับ

   “พอดีมีเรื่องจะแบบอยากคุยกับน้องนิดหน่อย ไม่มีอะไร เจอกันหลังประกวดนะคะ”

   “เอ่อออ พี่ครับ พี่” อ่าวไหงเดินไปแล้วอะ ผมหน่ะขี้เกียจจะคุยอะไรกับใครทั้งสิ้นแล้วครับ ผมอยากนอน พรุ่งนี้ก็มีเรียนนะครับ แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้วครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.11 Preparation part1 ☕️ 27/7/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 01-06-2018 05:15:11
Ep.10 Anxiety 100%



//


   “ครับผม และแล้วก็ได้ดำเนินมาถึงรอบสุดท้ายแล้วนะครับ สำหรับ การประกวด ดาวเดือนมหาลัย ประจำปีการศึกษา 2555 ของเรานะครับ เรียกได้ว่าเพียงแค่อึดใจเดียวเราก็ทำไมครับแต้ว”

   “ค่ะสาม”

   “ เราก็จะได้รู้กันแล้วว่าใครจะได้เป็นดาวเดือนมหาลัยของเราในปีนี้ครับ”

   “ใช่แล้วค่ะสาม ซึ่งในรอบนี้นะคะ ตามชื่อรอบเลย เราจะให้ผู้เข้าแค่ขันแต่ละคนตอบคำถามนะคะ ซึ่งเราเนี่ยจะสุ่มลำดับการตอบคำถามโดยการจับฉลากโดยพวกเรานะคะ และก็จะให้ตอบไล่ไปทีละคนค่ะ”

   “ครับผม ถ้างั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราจะเริ่มเลยนะครับ”



เอ้าแล้วสิเอ้าแล้วสิครับ ช่วงเวลาเยี่ยวจะเล็ดของผมมาอีกแล้ว ให้ผมยืนๆเดินๆก็ทำให้ผมหวั่นใจพอแล้ว คราวนี้ให้ผมทั้งคิดทั้งตอบคำถาม ได้ขายขี้หน้าคนก็คราวนี้ละครับ โว้ยยยยยย

   

   “และคนแรกนะคะที่จะได้ตอบคำถามนะคะ เริ่มต้นจากเดือนก่อนนะคะ ได้แก่

หมายเลขขขขขขขขขข~”


เชี่ยโว้ยยยยเอาแล้วโว้ย มาเลยกูพร้อมมมม



   “หมายเลขขขขขขขขขขขขขขขขขข~~”



มาเลยโว้ยยยยยยยยยยยยยย ถามกูมาเลยโว้ยยยยย





   “หมายเลขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข~~”


มาเลยมา ตื่นเต้นโว้ยยยยย มาเซ่ๆๆๆๆๆๆๆถามกูมาาาาาาาาา







   “หมายเลขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข~~~~~~~”


อีซั๊สสส!!! ปกติมึงต้องพูดสามครั้งแล้วบอกเลขไม่ใช่หรอ โอ้ยยยยยยยไอเหี้ย



   “หมายเลขเจ็ดค่ะ”


โวยยยยย โห่ ไร ผมนี่เยี่ยวเล็ดแล้วเนี่ย



   “ครับผมครับ หมายเลขเจ็ดตัวแทนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์นะครับ ฟังคำถามให้ดีนะครับ”

“คำถามนี้มาจากตัวแทนคณะศิลปกรรมศาสตร์นะครับ คำถามมีอยู่ว่าาาาา”



    “ในฐานะที่คุณเป็นตัวแทนนักศีกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง คุณจะทำอย่างไร ให้เพื่อนนักศึกษานั้น แต่งกายถูกต้องตามกฎระเบียบของมหาลัย อันป็นแบบแผนอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวอันดีงาม”



เชี่ยยยยยยยยย คำถามไรวะเนี่ย โหดสัส จะต้องตอบยังไงถึงจะถูกใจเขาครับเนี่ย



   “ครับผม หมายเลขเจ็ดครับ เดี๋ยวจะทวนคำถามให้ฟังอีกรอบนะครับ  ในฐานะที่คุณ.....”


   “ไม่ต้องทวนคำถามครับ ผมขอตอบเลยครับบ”


‘อูยยยยยยยยยยยยยยยยยยย’คนดูด้านล่างต่างพร้อมใจกันส่งเสียงเมื่อเดือนคณะวิศวะขอตอบคำถามทันที
 

โอ้โหอีเหี้ยยยย ชอคกันไปสิครับ คำถามก็โคตรยาก แถมแทบจะตอบได้เลยหลังจากที่ฟังคำถามเสร็จ ฉลาดขนาดนี้กินอะไรเป็นอาหารเนี่ย



   “ครับผม ในฐานะที่ผมเป็นตัวแทนนักศึกษานะครับ ผมไม่จำเป็นจะต้องไปพูดหรือไปรณรงค์อะไรเพื่อให้เพื่อนนักศึกษาทุกคนแต่งกายตามระเบียบหรอกครับ เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกคน จะต้องปฎิบัติตามกันอยู่แล้ว ตัวผมก็จะใส่ชุดนักศึกษาอย่างถูกต้องตามกระเบียบทุกครั้งที่เข้าเรียนหรือร่วมกิจกรรมมหาลัย เป็นแบบอย่างให้คนอื่นก็พอครับ”


‘กรี้ดดดดดดดดดดดดด’ คนดูด่านล่างต่าพร้อมใจกันกรี๊ดเฮ ทันทีที่เดือนคณะวิศวะตอบคำถามเสร็จ


   เชี่ยยยยยยยยยย ชอคไปสิครับ โคตรโหด คนรึอะไรครับเนี่ย ตอบได้ขนาดนี้กรรมการก็รุมเทคะแนนให้สิครับ



   “ค่ะ ขอบคุณเดือนคณะวิศวะมากเลยนะคะ ขอเชิญเดือนคณะวิศวะกลับไปยืนรอประจำที่ก่อนได้เลยค่ะ”


   “ค่ะ เรามาจับฉลากกันต่อนะคะ ต่อไปเป็นหมายเลขอะไรดีคะะะะะะะะะะ”


   ‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงง’


ใจเย็นๆกันครับกองเชียร์ไม่ต้องอยากเห็นผมตอบคำถามกันขนาดนั้นก็ได้ครับ


   ‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงง’



โอ้ยยยยไอพวกนี้มันจะตะโกนเชียร์ผมทำไมกันนักเนี่ย ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล้ยยยยยย ตื่นเต้นโว้ยยยยยยย



   ‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง’


   ‘เบอร์สี่~~~~~~~~~~~’


โอ้ยยยยยพอแล้วพวกมึงงงง ผมยังไม่พร้อมเชียร์เบอร์อื่นกันไปสิ



    ‘เบอร์หนึ่งพ่อมันชื่อติ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง’



เห้ยยยยยยยยยยยยยย

 ไม่ต้องเชียร์พ่อโผมมมม พ่อโผมมมไม่เกี่ยว ไอเหี้ยต้น เดี๋ยวมึงโดนกู ไอ้เหี้ยยยยยยยต้นนนนนนน


   “ค่ะ และเบอร์ต่อไป ที่จะได้ตอบคำถามได้แก่......”


   ‘เบอร์หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~~~~”



   “เบอร์สี่ค่ะะะะะะะ”


   “เบอร์สี่นะครับ ตัวแทนจากคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชีนะครับ”


   “ค่ะเบอร์สี่คะ เตรียมตัวฟังคำถามของคุณให้ดีนะคะ”



   “ถ้าหากคุณพบว่าเพื่อนนักศึกษาของคุณ นั้นมีอาการติดการดื่มแอลกฮอล์อย่างหนัก ทำให้ขาดเรียนบ่อยครั้งจนมีโอกาสติดเอฟ คุณจะช่วยเพื่อนของคุณอย่างไร และจะป้องกันเหตุการ์ณเช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นอย่างไรคะ”



เห้ยยยยยยยคำถามโหดอีแล้ววะเฮ้ยยยยยย ใครจะไปรู้วะครับเนี่ยว่าจะช่วยเพื่อนยังไง ปกติถ้าเพื่อนผมแดกเหล้า ผมก็ได้แดกกับมันหน่ะสิครับแฮะๆ


   “ทวนคำถามนะครับ ถ้าหากคุณพบว่า.......”

   “เอ่ออออ ผมขอตอบเลยครับ”


เชี่ยยยยย นี่หรือว่าเขามีคะแนนความเร็วในการตอบแต่ผมไม่รู้ครับเนี่ย ทำไมไอ้พวกนี้มันโหดกันจั๊ง


   “ในความคิดของผมนะครับ พวกเราเป็นนักศึกษาหน้าที่หลักของนักศึกษาคือการมาศึกษาหาความรู้........ การไปยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์หรือพวกของมึนเมาเนี่ยเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ควรไปเกี่ยวข้องในช่วงอายุนี้ครับ แต่ถ้าเพื่อนผมติดแอลกอฮอล์เนี่ย ผมจะไปคุยกับเพื่อนครับว่าเพื่อนผมเนี่ยเขาอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าถึงติดแอลกอฮอล์ และผมสามารถช่วยเขาได้อย่างไรบ้าง .......”



เห้ย เออวะ แม่งคิดได้ไงวะะะะะเนี่ย


    “และก็นะครับ เราสามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดกับคนอื่นๆโดยการที่แจ้งเรื่องไปทางมหาลัยให้จัดการกับร้านเหล้าสถานที่มอบเมาต่างๆรอบมหาลัย ถ้าหากที่ใดเปิดกิจการผิดกฎหมายก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งปิดครับ ขอบคุณครับ”


เชี่ยยยยยยยยยยย เฉียบคม ตามใจกรรมการ แต่อย่าให้ผมเห็นแม่งไปแอ๊วหญิงร้านเหล้านะ ฮื้มมมมมมมม


   “ขอบคุณเดือนจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมากนะคะ เชิญกลับไปยืนประจำที่รอได้เลยค่ะ”


   “ผ่านไปสองคนแล้วนะคะ ต่อไปอยากฟังหมายเลขไหนตอบคำถามกันค่ะ กองเชียร์​~~~~”


เชี่ยแม่งมีแต่คำถามยากๆทั้งนั้นเลยยยยยย ถึงตาผมละผมต้องตายแน่ๆครับบบบบ


   “เบอร์ไหนดีคะะะกองเชียร์”


‘ติ่งงงง! ติ่งงงงงงงง!! ติ่งงงงงงงงงง!!! ติ่งงงงงงงงงงงงงง!!!!’


ไอซั๊ซซซซซซซ คราวนี้ไอ้เพื่อนต้นมันเตี๊ยมกับกองเชียร์ให้ตะโกนชื่อพ่อผมครับบ ไอเพื่อนประเสริฐเอ้ยยยยยยย


   “สามคะ คราวนี้กองเชียร์เขาตะโกนอะไรกันคะ ได้ยินไม่ถนัดเลย”

   “อ๋อเขาตะโกนว่า ‘ติ่ง’กันใช่ไหมครับ ตัวแทนในที่นี้มีชื่อพ่อแม่ใครว่า’ติ่ง’รึปล่าวครับบบบ”


‘ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’


โอ้ยยยยยไอ้เหี้ยพี่ จะขยี้ทำไมครับบบบ ไอกองเชียร์มันก็ได้ใจกันสิครับ

‘เบอร์หนึ่งค่าาาาาาพ่อมันชื่อลุงติ่งค่าาาาาาา’


โอ้ยยยยนั้นไงเห็นไหมมมไปกันใหญ่แล้วเนี่ย


   “อ๋ออ ฮ่าๆๆๆ เบอร์หนึ่งนี่เองหรอคะ” “ค่ะสามค่ะ ลุ้นกันค่ะว่าลูกชายของลุงติ่งเนี่ยจะได้ตอบคำถามข้อต่อไปรึปล่าว”

   
“และหมายเลขที่ได้ตอบคำถามนะครับ คืออออออออ”




‘ติ่งงงงงงงงงง!!!

 ติ่งงงงงงงงงงงงงง!!!!

ติ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!! ’




   “ได้แก่หมายเลขหนึ่งค่า”


‘เฮ้!!!!!!!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!’


   “ไม่รู้เป็นเพราะพลังของ ‘ติ่ง’ เอ้ย ‘กองเชียร์’ หรือปล่าวนะครับทำให้เบอร์หนึ่งได้ตอบคำถาม”

   “เบอร์หนึ่งครับ เอ่ออออเบอร์หนึ่งครับ เชิญที่ไมค์ด้านหน้าเลยครับ”


อ้าวเฮ่ย มือของผมสั่นรัว รู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ขาของผมมันก้าวไม่ออก ยิ่งเสียงเชียร์ยิ่งดังเท่าใหญ่ ก็ทำให้การเคลื่อนไหวของผมมันยากขึ้นไปเท่านั้น เส้นประสาทต่างๆในร่างกายเหมือนหยุดสั่งกายจนตัวของผมแข็งทื่อ กล้ามเนื้อส่วนเดียวที่ขยับตอนนี้คืกล้ามเนื้อข้างแก้มของผมที่ผมพยามยิ้มอยู่แต่ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นยิ้มที่ไม่น่ามองเท่าไหร่นัก


   ผมกวาดสายตามองไปรอบ จนได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ข้างขอบด้านหลังเวที คนที่ไม่เคยสนใจว่าสายตาของใครว่าจะมองตัวเขาอย่างไร และเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างคอยทำให้ชีวิตที่มันยากๆของผมง่ายขึ้นเพราะมีเขา
   พี่เอ็ด ส่งสัญลักษณ์ชูหัวแม่โป้ง กดมันไปที่ริมฝีปากและยื่นมันไปข้างหน้า แทนความหมายส่งกำลังใจเรียกความมั่นใจของผมกลับมา เพราะว่าไม่ว่าสิ่งใดที่ผมจะทำ นั้นหมายความว่าผมไม่ได้ฝ่าฟันมันเพียงคนเดียว เพรามีเขาอยู่เคียงข้างด้วยเสมอ

   ผมสูดลมหายใจเข้าแะก้าวไปข้างหน้าเวทีด้วยความมั่นใจเตรียมพร้อมจะรับบททดสอบของผม

   “ค่ะ เบอร์หนึ่ง ตัวแทนจากคณะนิติศาสตร์ นะคะ คำถามของคุณมาจากตัวแทน๕ณะสถาปัตยกรรมนะคะ”

   ผมมองไปยังที่คนดูอยู่ ผมมองฝ่าแสงไฟจำนวนหลายดวงที่ส่องใบหน้าผมจนทำให้การมองของผมนั้นพร่อง ถึงแม้ผมจะมองเห็นไม่ชัด แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าท่ามกลางคนมากมายด้านล่างนั้น มี ต้น ปุ๊กกี้ พี่หนูเนค และใครหลายๆคนเป็นกำลังใจให้ผมอยู่


   ‘มาเลยโว้ยยคำถามจะยากซับซ้อนกว่าสองคำถามแรกแค่ไหนกูไม่กลัวมึงหรอกโว้ยยย!!!!’ ผมกล่าวกับตัวเอง



   “และคำถามของคุณมีอยู่ว่า...........”




   “ติ๋มมีเงินสี่สิบบาท และนำเงินนั้นซื้อไส้กรอกทอดมากิน ติ๋มซื้อไปสามไม้แต่ได้เงินทอนเกินมาสิบบาท ติ๋มนำเงินที่ทอนมาเกินนั้น ไปทำบุญช่วยแมวจรจัด ถามว่าติ๋มนั้นผิดหรือไม่”



   ห้ะะะะะะะะะะะะะ
      
   เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   ไรวะเนี่ยยยยยติ๋มมมมมมมมมมมมมมม
ผมบอกตรงๆครับว่าผมมัวแต่ตั้งใจมองไปข้างหน้าโฟกัสหน้ายืนตัวตรงตามที่ถูกฝึกซ้อม จนผม ลืมมมมฟังคำถามมมมมมมมมมม เชี่ยเอ้ยยซวยกูแล้วรู้ตัวอีกทีก็คือคำถามจบไปแล้ว

   “เอ่อ เบอร์หนึ่งครับฟังทันใช่ไหมคะ”

   “คคคคครับผม”

พี่หนูเนคที่ยื่นอยู่ตรงกองเชียร์ชูแขนเรียกผมและชี้ปากของเธอให้ผมอ่านปาก

‘มายตองงง ม่ายยยท้องงงงงง ไหมมมมต้องงงงงง’

   “ค่ะ จะทวนคำถามให้ฟังอีกรอบนึงนะคะ ”

   “มะมะ ไม่ต้องหรอ!?” ผมอ่านปากพี่หนูเนค

   “อ๋ออออ ไม่ต้องทวนคำถามใช่ไหมคะ หมายเลขหนึ่งโอ้โหเรียกได้ว่า เดือนแต่ละคนในปีนี้ไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยทีเดียวนะคะเนี่ย ”


      
            ชิบบบบบบบบบบบบบ

            หายยยยยยยยยยยยย

            แล้วววววววววววววววว



พ่อเอ้ยยยยยยยยยย ผมตื่นเต้นจนเพลออ่านปากพี่หนูเนคออกไมค์ไป แต่ผมยังฟังคำถามไม่รู้เรื่องเลยโว้ยยยย พ่อเอ้ยยยช่วยลูกด้วยยยยยยยยยยย

‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ฟิลลิป ฟิลลิป ฟิลลิป!!!!!’ กองเชียร์ยิ่งส่งเสียงเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นผมขมุบขบิบปากอย่างกระอักกระอ่วน  ผมได้ไม่กำลังจะตอบบบไม่ต้องเชียร์โผมมมมมมมมมม


เชี่ยมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าโชคชะตานั้นพาผมมาจุดนี้ได้ โชคชะตาก็ต้องพาผมให้ผ่านพ้นจุดนี้ไปได้เช่นกัน ยังไงผมก็ตอบๆไปละวะ

   “เอ่ออออ ติ๋ม ติ๋มไม่ควรกินไส้กรอกทอดครับ เพราะมันเป็นอาหารขยะ อะอะอา อาหารขยะหรือจั๊งฟู๊ด กินเข้าไปมากๆจะทำให้สุขภาพไม่ดีได้ครับ เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานและมะเร็ง.......ติ๋ม เอ่อ ติ๋มควรออกกำลังกายครับผม ขอบคุณครับ”


‘………………’

‘……………………….’



กองเชียร์ที่แผดเสียงเชียร์ผมอยู่ก่อนหน้า ต่างพากันเงียบเสียงโดยพร้อมเพรียงอย่างมิได้นัดหมาย

และวินาที้นี่แหละครับ ที่ผมได้รู้ว่า ผมได้ประสบความสำเร็จในการขายขี้หน้าตัวเองต่อคนหน้าคนร่วมพันคนแล้วครับ ฮือออออออออออ

ผมยืนฟังดาวเดือนคนแล้วคนเหล่าตอบคำถามผ่านไป ด้วยในใจหวังว่าจะมีคนทำพลาดตอบคำถามให้ได้น่าเกลียดกว่าผม(ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น) ตอนนี้ผมเป็นเสมือนร่างไร้วิญญาณหลังจากตระหนักถึงสิ่งที่ผมเพิ่งทำลงไป จนในที่สุดช่วงประกาศผลก็มาถึง เป็นไปตามคาดครับ เดือนมหาลัยและรองเดือนมหาลัยก็เป็นของคณะวิศวะและคณะบัญชี โชคดีที่ปรายฟ้า ดาวคณะผมได้ตำแหน่งรองดาวมหาลัย ทำให้พี่หนูเนคคงไม่ผิดหวังเท่าไหร่ในคืนนี้(ในความคิดผมนะครับ)

ผมเดินลงจากเวทีพร้อมกับคนอื่นๆ ตอนนี้ผมหมดแรงจนอยากจะลงไปกองอยู่บนบันไดเลยครับ แต่ก็มีคนมากออกยืนรอผมอยู่แล้วทันที่ที่ผมเดินลงมา


   “เห้ย ทำไมทำหน้าอย่างงั้นละว้าาาาาา”

   ผมเดินลากเท้าเข้าไปหาพี่เอ็ดอย่างหมดแรง พี่เอ็ดดึงแขนของผมเข้าไปหาตัวเขาและล๊อคคอผมไว้

   “หึ เด็กดื้อ บอกพี่มาสิว่าอยากกินอะไร..... ไม่เอา ไม่เศร้าแล้วนะครับ”

   “เศร้าไรละพี่ ผมไม่ได้เศร้า ผมเฟล อยากแทรกแผ่นดินหนีแล้วเนี่ย”

   “ ไม่เอาหน่า อย่าเฟลดิ พี่มีขอให้เราด้วยนะ” พี่เอ็ดลูบหัวผมก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างออกจากระเป๋าสะพายของเขา

   “อ้ะ พี่ให้เป็นรางวัลนะครับ”

ผมรับของจากพี่เอ็ด มันเป็นกล่องขนาดเท่าฝ่ามือ กล่องนั้นถูกหุ้มด้วยกระดาษสีน้ำเงินสีโปรดของผม และผูกด้วยริบบิ้นสีเงิน

   “เห้ยยย อะไรอะพี่ ให้จริงอ๋อ ผมไม่มีอะไรให้พี่นะ”

   “เออออไม่เป็นไรๆ พี่อยากให้ เปิดดูเร็ว”

ผมดึงริ้บบิ้นออกและเปิดดู ข้างในกล่องนั้นถูกดอกกุหลาบและดอกคาเนชั่นสีขาวถูกจัดเรียงไว้แน่นเต็มกล่อง และที่วางอยู่บนดอกไม้ในกล่องนั้นคือ กำไลข้อมือสีเงินซึ่งมีการ์ดเล็กๆห้อยไว้อยู่

   

‘For all the things my hands have held the best by far is you’
   
(จากทุกสิ่งที่มือของฉันได้กุมมา เธอคือสิ่งที่ดีที่สุด)
    
   

“โอ้ยยยยพี่ กำไลโคตรน่ารักกกก แต่การ์ดโคตรเลี่ยนเลยหว่ะ 555555555”

   “อื้ออ เอาหน่า ใส่ไปเถอะ คนอื่นจะได้รู้ว่าเด็กดื้อของพี่เจ้าของแล้ว เขาจะได้ไม่มาจับมือเรา เข้าใจมั้ย”

   “ครับบบบบ เข้าใจแล้ว 555555 หึงน้องหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย”

   “เอออ หึงสิ เป็นคนดังแล้วหนิเราอะ ทำหน้างี้กำไลหน่ะ จะเอาไม่เอา ไม่เอาพี่จะเอาไปใส่เอง”

    “โอ๋ๆๆๆพี่เอ็ดคนหล่อ คนแก่ขี้งอน ขอบคุณนะครับบบบ น้องเนี่ยช๊อบบบที่สุดเลยยย”

   “อื้อออออ ชอบก็ดีละ เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ ไอ้พวกเพื่อนในวงมันจะไปกินฉลองกัน เดี๋ยวยังไงพี่โทรหา”

   “ครับผม ไว้คุยกันนะ”




หลังจากพี่เอ็ดหันหลังเดินไปได้ไม่นานพวกเพื่อนของผมก็พุ่งตัวเข้ามาหาผมเหมือนกับดักรอดูอยู่ก่อนแล้ว

   

“แหมมมมมแหมมมมมแหมมมมมมมมมม ฟิลลิปมึง! ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ” อีต้นเท้าสะเอวและจีบปากแซวผม

   “ตอนแรกกี้ตกใจแทบแย่คิดว่าคุณฟิลลิปต้องเสียใจแน่เลยรีบเลยวิ่งมา แต่พี่เอ็ดคงทำให้ฟิลลิปรู้สึกดีแล้วเนอะ”


นั่นไงว่าแล้วเชียวครับว่าไอ้พวกเพื่อนมันต้องแอบยืนมองผมอยู่

   “เฮ้ยคิดว่ากูเป็นคนยังไงวะะะะะ”
   
   “คิกคิกคิกคิก” ปุ๊กกี้มองหน้าต้นส่งเสียงหัวเราะในลำคอ

   “ฟิลลิป มึงอยากกินไส้กรอกทอดมั้ยเดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงเองค๊าาาา” ต้นล้อผมเรื่องไส้กรอกและหัวเราะอย่างสะใจ นี่แหละครับที่เขาบอกว่า เพื่อนที่ดีจะปลอบใจ แต่เพื่อนสนิทจะซ้ำเติม

“เฮ้อออออ ยังนอยอยู่เลยนะเว่ย พวกเราออกไปจากที่นี่กันดีกว่า” ไม่ไหวจริงครับจะว่าไปแล้วผมชักจะเหนื่อยที่จะทนเป็นเป้าสายตาคนที่นี่ละครับ

“เดี๋ยวก่อนไม่คิดจะโม้เพื่อนหน่อยหรอว่าในกล่องนั้นคืออะไรห๊าาาาาาา”

   “ไม่มีอะไรของขวัญพี่เอ็ดให้ กำไลดูดิ” ผมหยิบกำไลออกจากล่องขึ้นมาให้เพื่อนดู แหมจริงๆผมเห่อนะครับแต่อยากแอบไปเห่อคนเดียวที่ห้อง

   “โอ๊ยตายแล้วสวยยยยยยอ๊ะะะ กำไลน้อยคล้องใจ ลองใส่ดูยังอะ ถ้าใส่ไม่ได้เป็นของกูนะ”

   “ไม่ได้โว้ยยยยยยย ของพี่เอ็ดให้ทั้งทีจะให้มึงได้ไงห้ะต้น” ผมพูดพลางสวมกำไลที่ข้อมือของผม แฮะๆๆๆ

   “สวยอ่ะ สวยคุณฟิลลิป คุณฟิลิปใส่แล้วเข้ากับคุณมากๆเลย”

   “เอออออ ฟิลลิป วันนี้ไปนอนห้องกูกัน  กูกับปุ๊กกี้ว่าจะสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงมึง”

   “โหจริงดิ งั้นรออยู่อะ ไปดิ ฮึฮึ” แฮปปี้สิครับ จะนอยด์แค่ไหนถ้าได้ของกินรับรองว่าหาย

ไม่ทันที่ผมกับเพื่อนๆจะเดินออกไป ก็มีกลุ่มคนมายืนดักรอพวกเราอยู่แล้ว

“ขอโทษนะะะะะะะ ไม่ทราบว่าจะรีบไปไหนกันหรอคะ เอ้ย ครับ” เสียงพูดผู้ชายที่คุ้นๆ พูดขึ้นมาจากด้านหลังของผม จนผมกับเพื่อนต้องหยุด ผมหันหลังกลับไปมองก็พบกับเจ้าของเสียงที่ยืนเท้าสะเอวอยู่

“น้องจำไม่ได้หรอคะะะะะะ ว่าพี่บอกว่าพี่อยากเจอน้องๆหลังจากประกวดไง” ผู้หญิงอีกคนในกลุ่มนั้น ถามพร้อมส่งสายตาคาดโทษมาที่ผม

“แหมอย่างนี้พี่เสียใจแย่เลยนะะะะะะ อุตส่าห์อยากจะคุยกับน้องแต่น้องกลับจะหนีนะคะ เอ้ย นะครับ” พี่ผู้ชายคนแรกพูดพร้อมกับเดินเข้ามาประชิดตัวผม
   
“อีสาม มึงจะคะหรือจะครับ มึงก็เอาสักอย่างสิ มู๊ดมันเสียเนี่ย”

“โอ้ยยยยยย อีแต้วมึงก็รู้ว่ากูทำงานมาละสมองกูปรับโหมดกลับมาไม่ทัน พูดครับ พูดครับตั้งนาน!”

“เอ่อออ พี่สามพี่แต้ว เอ็มซีมหาลัยใช่มั้ยคะ พวกพี่มีอะไรกับพวกหนูหรอคะ” ปุ๊กกี้ถามรุ่นพี่ยืนเป็นกลุ่มเกือบสิบคน ที่ผมเองก็ไม่รู้จักใครสักคนในนี้เลย

   “ถ้าพี่อยากคุยกับเพื่อนหนูมากก้โทรมาสิค่ะ แต่ถ้าพี่ไม่ได้สนิทขนาดมีเบอร์เพื่อนหนู หนูว่าเราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกัน” เมื่อเห็นท่าทางไม่ดี ต้นก็เลยออกโรงจะปัดรำคาญแทนพวกเรา

   “ปากคออออนะคะะะะะ นี่จะหาเรื่องพี่ใช่มะคะ” เอ็มซีที่ชื่อพี่ามตอนนี้เลือกพูดคะ อ่างเดียวแล้วครับ



“สาม แต้ว พอแล้ว ก็บอกแล้วไงว่าเราจะมาคุยกับน้องเขาดีๆ”ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนด้านหลังพูดขึ้นมา ดูจากการแต่งตัวแล้วเธอน่าจะไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกับผม




“เอ่อ พี่ชื่อเคทนะคะ น้องชื่อฟิลลิปใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวทักทายผม


 “ครับผม ใช่ครับ”


“พี่อยากจะคุยกับน้อง เรื่องเอ็ดหน่อยนะคะ”



“เอ่อเรื่องพี่เอ็ด มีอะไรหรอครับ?”




“น้องคุยกับพี่เอ็ดตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ…...พี่ถามได้ไหม” พี่เคทถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน




“เอ่ออออ หกเดือนครับ…  พี่... พี่เคทถามทำไมหรอครับ”



“เอ้อออ เป็นอย่างงี้อีกแล้วสินะ” พี่เคทถอนหายใจและเบือนหน้าหนี



“พี่หมายความว่าอะไรหรอครับ อย่างนี้อีกแล้ว?”




“...................”      ผู้หญิงตรงหน้าผมไม่พูดอะไร และหันหน้าไปมองเพื่อนของเธอ




“พี่ครับ หรือพี่จะบอกว่า พี่เอ็ดนอกใจผมหรอครับ”
   



“เอ่อน้องฟิลลิป ไม่ใช่อย่านั้นค่ะ แต่มันอาจจะฟังดูงงหน่อยนะคะ”


“......เอ็ดเขานอกใจพี่ต่างหาก”



ใบหน้าของผมรู้สึกชาไปหมดทันที่ที่ได้ยินอย่างนั้น ในใจก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่อะไรหล่ะถึงทำให้ผู้หญิงคนนี้มาบอกกับผมแบบนี้



“พี่หมายความว่ายังไงหรอครับ……. ที่พี่เอ็ดนอกใจพี่” ผมถามพี่เคท




“พี่หน่ะ เป็นแฟนกับเอ็ดมาสองปีแล้วนะคะ……..”


…..

‘สองปีแล้วนะคะ’

……


 

“นั้นหมายความว่าคนที่ถูกนอกใจ ก็คือพี่”



   ‘เคทเพื่อนพี่อยู่คนละมอ ปกติเขาจะอยู่กับเอ็ดตลอดวันเสาร์อาทิตย์ วันปกติเขาไม่ค่อยได้เจอกันหน่ะ’ เพื่อนของพี่เคทพูดเสริม



“พี่ต้องขอโทษน้องด้วยนะที่มาคุยกับน้องอะไรแบบนี้ แต่พี่ขอให้น้องเลิกยุ่งกับเอ็ดได้ไหม……”



……..

‘เลิกยุ่งกับเอ็ดได้ไหม’

…….



ความรู้สึก…..เหมือนกับชนเข้ากับกำแพงใหญ่ๆแบบนี้ ความจริงที่ผมเชื่อมาตลอดกลับกลายเป็นเรื่องโกหก คำว่ารักที่เคยได้ยินและเชื่อหมดหัวใจเป็นแค่เสียงลมผ่าน ผมรู้สึกแตกร้าวไปหมดเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่เคทบอกผม



“ได้ครับ ผม จะเลิกยุ่งกับพี่เอ็ด”


ผมบอกกับผู้หญิงตรงหน้าผม โดยคิดไปเองว่านั่นคือสิ่งที่เธออยากได้ยิน ซึ่งเป็นสิ่งตรงข้ามกับใจผมอยากจะพูดตอนนี้


“จริงหรอ น้องฟิลลิป พี่ขอบคุณมากนะคะะะ”



พี่เคทร้องไห้โหเมื่อได้ยินว่าผมตอบรับคำขอของเธอ และพุ่งตัวเข้ามากอดผมแทนคำขอบคุณ

ผมยืนอยู่เฉยๆให้พี่เคทกอดโดยไม่ได้พูดสิ่งใด

ทั้งที่ใจผมมันอยากจะลงไปร้องไห้ด้วยความไม่เข้าใจ

‘เคทๆ ไปตามเอ็ดมาแล้ว’


พี่เคทผละตัวออกจะผมและเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ


“.......เคท มาอยู่ที่นี่ได้ไงอะ”   



นี่คือสิ่งแรกที่พี่เอ็ดพูดหลังจากมองเห็นพี่เคทและสบตากับผม



“เอ็ด ไม่ต้องพูดเลยนะ ทำไมทำกับเคทอย่างนี้อะะะะะะะะ”


พี่เคทที่เหมือนจะหยุดร้องแล้วกลับน้ำตาไหลพรูออกมาพร้อมกับเข้าไปทั้งตบและตีที่แขนพี่เอ็ด  นั่นทำให้ผมรู้ว่า พี่เคทก็เป็นคนที่น่าสงสารไม่น้อยไปกว่าผมในเรื่องนี้


“เคทใจเย็นๆ ฟังผมก่อน” พี่เอ็ดจับแขนพี่เคทเอาไว้เพื่อให้หยุด

“ไม่ฟัง เคทจะไม่เชื่ออะไรเอ็ดอีกแล้ว”

“เคท ผมรักเคทนะ เคทฟังผมก่อนผมอธิบายได้”


คำว่า“รัก”จากปากคนที่เรารัก เมื่อได้ยินเขาบอกคนอื่นที่ไม่ใช่เรา ความรู้สึกมันก็จะเจ็บแบบนี้สินะครับ



และตอนนี้นี่เอง ที่พี่เอ็ดจับข้อมือพี่เคทอยู่ ทำให้แขนเสื้อของพี่เคทถูกดึงลงมา เผยให้เห็นกำไลข้อมือที่ถูกแขนเสื้อบังอยู่ก่อนหน้านี้


กำไลข้อมือที่เหมือนกับเส้นที่อยู่บนข้อมือของผมในตอนนี้



   “เคทผมอธิบายได้นะครับ เคทฟังผมก่อน ผมกับน้องแค่…...”

ผมไม่ปล่อยให้พี่เอ็ดพูดจนจบประโยชน์ พบไม่อยากจะฟังข้อแก้ตัวหรืออะไรที่ทำร้ายความรู้สึกของผมไปมากกว่านี้อีกแล้ว……

ผมจึงต่อยพี่เอ็ดเข้าไปที่หน้าเต็มๆหนึ่งหมัด

ผมกระชากสร้อยที่อู่บนข้อมือและปาใส่ที่เอ็ดที่ล้มอยู่บนพื้น




“ผมไม่ใช่สิ่งของที่จะให้ใครมาประกาศตัวเป็นเจ้าของ  พี่เอาสร้อยเหี้ยนี่คืนไปเถอะ”


   
   นี่คือคำพูดสุดท้าย ก่อนที่ผมจะหันหลังใหกับความรักปลอมๆที่เกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งของผม

หัวข้อ: Re: [ ตามตะวัน คาเฟ่ ] แฮ่ ! #Ep.10 Anxiety 100% ☕️ 1/6/2018
เริ่มหัวข้อโดย: REDtails ที่ 27-07-2018 05:42:58
ep.11 Preparation


“เอ่อเรียบร้อยแล้วค่ะ ตามสบายได้เลยนะคะ”

“จะไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมเนี่ย ขอบคุณมากเลยนะหนูลูกกกก”

“ถ้ามีอะไรคุณป้าสามารถติดต่อได้เลยที่ด้านหน้าเลยนะคะ”

   เสียงบทสนทนาระหว่างผู้หญิงวัยทำงานคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนที่อายุมากกว่าแว่วมาจากไกลๆ ผมไม่มั่นใจว่านี่เป็นเสียงในความคิดของผม ผมกำลังฝันอยู่ มันเป็นเสียงที่เกิดขึ้นในหัวของผม หรือว่านี่เป็นเสียงบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริงๆ

   ตอนนี้ความรู้สึก ประสาทสัมผัสของผมเหมือนค่อยๆกลับมาสู่ความจริง นี่ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และนี่ผมกำลังนอนอยู่ที่ไหน ช่วงขณะหนึ่งผมนึกว่าผมกำลังนอนอยู่บนเตียงของผม แต่ทั้งกลิ่น ความแข็งของเตียงและผิวสัมผัสของเสื้อผ้าที่ผมสวมใส่อยู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมคุ้นเคย

   ผมค่อยๆลืมตาของผมขึ้น ภาพแรกที่ปรากฏคือ ฝ้าเพดานสีขาวและมีท่อแอร์กำลังส่งเสียงทำงานพร้อมปล่อยลมเย็นมากระทบในหน้าของผมอยู่ ตรงหางตาของผม ผมเห็นผู้หญิงในชุดเครื่องแบบสีขาวยืนคุยอยู่กับคุณป้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา ผมไม่ได้นอนอยู่ในห้องของผมแน่ๆ และไอ้ควารู้สึกแปลกๆที่หลังมือและไอ้ท่อพวกนี้มาอยู่บนร่างกายของผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


“เอ้อออนี่หนู ป้าถามอะไรหนูหน่อยสิ รถเข็นผลไม้ที่หนูซื้อมากินกันหน่ะ”

“ค่ะคุณป้า”

“ของเขาหน่ะ มีมะม่วงเปรี้ยวขายมั้ยยลูกกกกก ป้าหน่ะ เปรี้ยวปากอยากกินของเปรี้ยวๆม๊ากกกกกก เช้านี้ยังไม่ได้กินแล้วรู้สึกเหมือนยังไม่ตื่นนะลูกกก”

“อ่อค่ะ น่าจะมีขายอยู่นะคะ คุณป้าลงจากตึกไปก็เจอเลยค่ะ แต่ถ้ามีน้องลงไปเดี๋ยวจะให้น้องซื้อขึ้นมาเผื่อคุณป้าก็ได้นะคะ”

“โอ้ยยขอบใจมากๆเลยหนู นี่ละหน่ะ สวยแล้วยังใจดีอีก ใครได้เป็นลูกสะไภ้ละก็ น่าอิจฉาแย่ ”

“ป้าก็ชมไปนะคะ อายแล้วเนี่ย555555 ”

   
   เสียงบทสนทนาเจื้อยแจ้วเสียงดังทำให้ผมตื่นขึ้น และผมก็แน่ใจครับ ว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในฝันแน่ๆ เพราะผมมั่นใจว่าในจิตใต้สำนึกผม คงไม่มีคนที่กินมะม่วงเปรี้ยวตั้งแต่อาหารเช้าแน่ๆครับ


“ปะ อึกอึกก ป้า-วิไล-พร” ผมกระแอมเรียกเสียงของผมครับ ตื่นขึ้นมามันก็จะไม่ค่อยมีเสียงหน่อยๆ

“โอ้ยยยตาเถรรรร น้องฟิลลิป น้องฟิลลิปลูก ฟื้นแล้วหรออออ”

“ป้า วิไลพรครับ นี่ผม อึกอึก มาอยู่ ที่นี่ได้ไงครับ” พบพูดพร้อมกับยกตัวขึ้นเพื่อคุยกับคุณป้าที่นั่งอยู่บนโซฟา

“อุ้ยยย คนไข้คะ อย่าพึ่งลุกออกจากเตียงนะคะ คุณหมอสั่งไว้ให้คนไข้พักผ่อนก่อนนะคะ” พี่พยาบาลพุ่งตัวเข้ามาจับตัวผมพร้อมบอกให้ผมนอนบนเตียง

“คนไข้คะ เดี๋ยวปรับเตียงให้นะคะ พักผ่อนนะคะ”

“เอ่อ คือ น้องฟิลิปลูก......  หนูเข้าโรงบาลเพราะว่าหนูเป็นลมสลบไปนะ แฮะๆ”

“จริงหรอครับ นี่ผมเป็นลมไปตอนไหนเนี่ย ทำไมผมจำไม่ได้เลยครับเนี่ย” แล้วนี่ผมนอนหลับไปกี่วันแล้วเนี่ย โอ้ยยยยยยยย


   “น้ายยยยยยย หั้วววววววว!!!!!”   

ประตูห้องพักถูกพลักออก น้องใบเตยส่งเสียงมาก่อนที่ผมจะเห็นตัวคนพูด เธอในชุดนักศึกษากระทืบเท้าวิ่งดังทึม ทึม ทึม ย้ายร่างกายอันตุ้ยนุ้ยมาเกาะที่ขอบเตียงคนไข้


“นายหั้ว ตื่นแล้วหรอ ฮายยยยยยย หนุ่ยอั้น ดีใจจริงอั้น เตินทำเอาหนุ่ยเป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าเตินอิตาย แล้วหนุ่ยต้องตกงานแล้วนิ้”

“โอยยย น้องใบเตย พูดเบาๆก็ได้ นี่พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ห่ายยยยยย ไม่เป็นไรได้พรืออะ(ไม่ได้เป็นอะไรไปได้ยังไง) ตอนหามมาโร้งบานอั้น หน้าเขียวตาขวางยุ”

“เห้ย ขนาดนั้นเลยหรอ พี่แค่เป็นลมไปเฉยๆเอง”

“เป็นลมไม่เท่าไหร่แหละ ที่โดนป้าวิไลพรทุบหน้าเอานั้น หนักแรง คอพับไปเลย” “นุ่ยอั้น เมื่อไปเดินหาที่สมัครงานใหม่มาแล้วนิ้”

“เห้ย เว่อไปๆ เราอะ5555555 จริงหรอน้องใบเตย ทำไมพี่จำอะไรไม่ได้ค่อยได้ละเนี่ย” ผมเริ่มจะคลับคล้ายคลับคลาจำเหตุการณ์ก่อนผมสลบไปได้แล้วครับ

“ก็โถกตีเข้าที่หัวอย่างแรงเลยอั้น สมองเทือนและ(สมองกระทบกระเทือนแล้ว)”

“……… จริงหรอครับป้าวิไลพร?” ผมถามป้าวิไลพรที่กำลังทำปากจู๋และเบือนหน้ามองไปทางอื่น

“อ้ะ…….เอ้อออ เนี่ย ใบเตยอย่าไปยุ่งพี่ฟิลิปเขา!” ป้าวิไลพรพุ่งตัวลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมาตีแขนน้องใบเตยอย่างแรง

“น้องฟิลลิปหิวรึยังลูกกกกก เดี๋ยวป้าไปหยิบข้าวมาให้นะค้าาาาา” ป้าวิไลพรรีบเดินไปที่ตู้เย็น

“ฮาย เปลี่ยนเรื่องทันทีแอ้ะ” น้องใบเตยบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับลูบแขนที่ถูกตี

“ผมยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเลยครับคุณป้า ขอบคุณนะครับ”

“ไม่ได้นะลูกกก  ต้องกินหน่อยนะ เราหน่ะหลับไปตั้งเกือบวันนึง กินข้าวหน่อยจะได้หายไวๆ”

“ก็ได้ครับ จะลองพยายามกินดู”

“นี่จ้ะ กินเยอะๆนะะะะะ เดี๋ยวป้าไปหยิบน้ำมาให้” ป้าวิไลพร เลื่อนโต๊ะอาหารข้างเตียงมาตรงหน้าผม

“ขอบคุณนะครับคุณป้า........  ว่าแต่ คุณป้าพาผมมาโรงพยาบาลยังไงกันครับเนี่ย” นึกภาพไม่ออกเลยนะครับ ป้าวิไลพรกับน้องใบเตยหิ้วปีกผมขึ้นแท๊กซี่มาโรงพยาบาล น่าจะเป็นภาพที่น่าขำน่าดู

“อ๋อจริงสิ เรื่องนั้นนะะะะะ ว่าแต่ไปไหนของเขาเนี่ย”
“ใครหรอครับคุณป้า”

“อ้อออ หละ........ ว้าาาาา นี่ไงมาพอดีเลยยยยย”

   


   ‘ได้เลยค่ะ เดี๋ยวทางเราจะส่งอีเมลล์เอกสารที่คุณวัชรพลต้องการไปให้เลยนะคะ’ ผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูห้องเข้ามา เธอกำลังคุยโทรศัพท์ และถือแฟ้มเอกสารในมือกองใหญ่

   
“น้องใบเตยไปช่วยพี่เขาหน่อยลูกกกกกก”  “เดี๋ยวหนุ่ยช่วยถือของเองงงค่า”


   ‘ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยคะ ขอบคุณนะคะพี่ ฝากขอบคุณคุณวัชระพลด้วยนะคะ ค่ะ ขอบคุณค่ะ’


“มาแล้วหรอหลานของป้าาาาาาาาา ไปไหนมาเนี่ยลูก”

“พอดี หนู เข้าไปจัดการงานนิดหน่อยมาหน่ะค่ะ”

“เอ้ออออ นี่ไงน้องฟิลลิปลูกกกก นี่น้องเคท หลานป้า ลูกของน้องสาวคุณวิษณุ”

   

   เห้ยยยยยยยยยยยยยยยย ตาฝาดไปรึปล่าววะเนี่ยยยยยย เห้ยยยยยนี่มัน เคท พี่เคท ใช่มั้ยเนี่ยยย

“น้องเคทเนี่ย เขาเป็นคนรับพวกเราแล้วก็มาส่งที่โรงพยาบาล แถมยังจัดการเรื่องต่างๆให้อีกด้วย” ป้าวิไลพรเสริม

   ห้ะะะะะะะ เป็นไปได้ไงเนี่ย พี่เคทเป็นหลานแท้ๆของป้าวิไลพร แถมมิหนำซ้ำยังเป็นคนพาเรามาโรงพยาบาลอีกหรอเนี่ย โลกมันจะกลมไปรึปล่าวเนี่ย

“สวัสดีค่ะ น้องฟิลลิป นี่พี่เคท จำพี่ได้รึปล่าวเนี่ย”พี่เคทแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้ผม

“จะ-จำ ได้ครับ พี่เคท พี่เคทสบายดีมั้ยครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนานมาก” ผมไม่ได้เจอพี่เคทนานมากจริงๆครับ ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นนั้นแหละครับ

“โอ้ย พี่อะสบายดีจ่ะ แต่เราอะ เป็นไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นรึยัง?”

“นายหั้ว ทำไมเตินหน้าเป็นพันนั้นหลาวอะ รู้สึกพรือโช้เออะ ไข้ขึ้นหลาวเออะ? (เจ้านาย ทำไมสีหน้าเป็นอย่างงั้นหล่ะ รู้สึกไม่ค่อยสบายหรอ หรือว่าไข้ขึ้นอีกแล้วหรอ?)”

“มะไม่ ใบเตย พี่ไม่ได้เป็นไร พี่แค่รู้สึกหน้ามืด หิวขึ้นมาเฉยๆหน่ะ” เห้ย นี่ผมตกใจที่เจอพี่เคทจนออกทางสีหน้าเลยหรอ ยอมรับเลยครับผมว่าผมยังชอคอยู่ เห้ยยยยยทำไงดี

“น้องฟิลลิปลูก งั้นรีบทานข้าวเลย ตั้งไว้จะเย็นหมดแล้วเนี่ยลูกกกกก”

“ครับบบบบบบ”

“คุณป้าคะ เคทไปคุยกับหมอ แล้วก็ฝ่ายการเงินเรียบร้อยแล้วนะคะ หมอบอกว่าวันนี้ถ้ารู้สึกดีแล้วก็สามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ”

“พี่เคท ไปคุยกับฝ่ายการเงินมาแล้วหรอครับบบบ”

“ใช่ค่ะ จุ๊ๆๆ เราไม่ต้องพูดอะไรเลยนะฟิลลิป” “เรื่องค่ารักษา ค่าห้องพักเนี่ย คุณป้าเขายืนกรานที่จะจัดการให้เขาบอกว่าที่ฟิลลิปต้องเข้าโรงพยาบาลเนี่ยเข้ามีส่วนด้วย”

“แฮะๆ นะ น้องฟิลิปนะลูกกกกกกก ให้ป้ารับผิดชอบเถอะนะ ไม่งั้นเนี่ยป้านอนไม่หลับแน่ๆเลย”

“ครับ ถ้าคุณป้ายืนยันแบบนั้น ผมต้องขอบคุณมากนะครับคุณป้า” ผมกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้คุณป้าอย่างงาม555555 เรื่องของฟรีมันก็ให้เกี่ยงก็ยากใช่มั้ยครับ

“ต้องขอบคุณพี่เคทด้วยนะครับ ที่ผมรบกวน”

“ไม่เป็นไรน้องฟิลลิป แค่นี้เล็กน้อยเองหน่า”

“เอ้ออออใช่สิ ถ้ายังไง น้องฟิลลิปช่วยรับนี่ไปหน่อยสิคะ” พี่เคทพูดพร้อมกับหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าถือ

“นี่จ่ะ การ์ดเชิญ ไปงานเปิดตัวร้านของพี่เป็นหุ้นส่วน ถ้าฟิลลิปว่างยังไงก็ขอเชิญนะคะ”

“อ๋อครับบบ”

‘งานเปิดตัวคาเฟ่ชื่อดังจากญี่ปุ่น สาขาแรกในประเทศไทย ’

“หู  พี่เคทครับ ร้านสวยมากเลยครับ พี่ไปซื้อเฟรนไชส์มาจากต่างประเทศเลยหรอครับเนี่ย”

“ใช่จ่ะ ก็เป็นร้านคาเฟ่ มีชา กาแฟ ขนมพวกนี้นี่แหละจ่ะ อยู่ที่วีมอลเนี่ย”

“คะครับบบ อ๋อออดีเลยนะครับ” “เห้ย อยู่ที่ไหนนะครับ”

“วีมอลไงละจ่ะ ที่ที่พี่ไปรับเรามาไง”

เชี่ยยยยยยยยยย ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ยครับเนี่ยยยยยย

   

         
พี่เคท


!!!!!!!
   
      
ผู้ที่เคยมีคดีกับผมมมม

      
เป็นหุ้นส่วนร้านกาแฟใหม่


ที่กำลังจะมาเปิดอยู่ที่เดียวกับร้านผมมมมม

   คนที่ทำให้ผมเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เจ้าของร้านคู่แข่งที่กำลังจะมาเปิดร้านที่เดียวกับผม คนที่ผมพยายามเค้นข้อมูลจากป้าวิไลพรว่าคือใคร สุดท้ายแล้วคือพี่เคทเองหรอเนี่ย!!!!!

   แล้วเราจะเป็นเพื่อนร่วมประกอบกิจการที่ดีต่อกันได้ไหมยังไงละเนี่ยย

   ทำไมโลกถึงเหวี่ยงเรื่องวุ่นๆมาให้ผมอีกแล้วห้ะะะะะ จะหนียังไงก็หนีไม่พ้นละสิเนี่ยยยยย