พิมพ์หน้านี้ - แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Hades Novel ที่ 29-08-2015 17:57:23

หัวข้อ: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 29-08-2015 17:57:23
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

----------------------------------------------------------------------------------


                                             แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES


คำโปรยเรื่อง


                  “เอาแล้วไง “นายอัคนี” เมื่อมีชีวิตที่อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปร่วมมือกับน้องสาวสุดสวยอย่าง “น้องธีน่า” เพียงเพื่อหวังจะมัดใจ “นายนอร์ส” พี่ชายสุดที่รักของเธอ!!! ปฏิบัติการแผนการร้ายชวนวุ่นวายหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น อย่าลืมมาลุ้นและมาเอาใจช่วยนายอัคนีคนนี้ด้วยนะ”





                 แผนการร้ายครั้งที่ 1 : ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เราทุกคนสามารถทำสิ่งเล็กๆน้อยๆด้วยความรัก
             


       กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเจ้าหญิงแสนสวยนามว่า ‘สโนวไวท์’ เธออาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายในปราสาทแห่งหนึ่ง

 ทุกๆวันแม่เลี้ยงมักใช้งานเธอเยี่ยงทาส แต่เธอไม่สามารถขัดคำสั่งนางได้ ด้วยนางอันเป็นที่รักของบิดาตน นางจึงจำใจยอมรับ

วิถีชีวิตและชะตากรรมที่โหดร้ายนี้ ส่วนแม่เลี้ยงใจร้ายนั้นก็เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ภายในห้องลึกลับส่วนตัวของนางเพียงเพื่อถาม

กระจกวิเศษในทุกๆวันว่า ‘กระจกวิเศษจงบอกข้าเถิดใครงามเลิศในปฐพี’ ด้วยความที่กระจกกลัวแม่เลี้ยงใจร้ายจึงจำ

ต้องบอกออกไปว่านางเป็นผู้งดงามที่สุดในปฐพี แต่ครั้งนี้กระจกกลับเปลี่ยนคำตอบเมื่อนางย้ำถามคำถามเดิมเหมือนทุกๆครั้ง

 ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับยิ่งทำให้นางโกรธกริ้วโกรธาเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าคนผู้นั้นเป็น ‘สโนวไวท์’ ไม่ใช่ตน นางจึงสั่งคนไปกำจัด

สโนวไวท์แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ สโนวไวท์เองที่ถูกลวงไปฆ่าในป่าแต่รอดพ้นมาได้ก็อาศัยอยู่กับเหล่าคนแคระ แต่แล้ววันหนึ่งแม่

มดผู้ชั่วร้ายก็กลับมาในคราบของหญิงชราผู้น่าสงสารพร้อมกับตะกร้าแอปเปิ้ล นางชักชวนให้ สโนวไวท์ลิ้มลองรสชาติของ

แอปเปิ้ลแต่ สโนวไวท์ก็หารู้ไม่ว่ามียาพิษเคลือบอยู่ที่ผลแอปเปิ้ล อนิจจา นางกัดคำแรกเข้าไป ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงและในไม่

ช้านางก็สลบไป เหล่าคนแคระไม่สามารถทำอะไรได้ได้แต่พาร่างของนางไปฝังไว้ในโลงแก้ว เจ้าชายจากต่างแดนได้ท่องเที่ยว

ไปในป่าใหญ่บังเอิญเห็นร่างของหญิงสาวผู้งดงามนอนแน่นิ่งไร้สติอยู่ในโลงแก้ว เจ้าชายอยากที่จะเห็นหน้าของนางจึงเปิดฝา

โลงแก้วขึ้น ด้วยมนตราชะตาฟ้าลิขิต เจ้าชายหลงรักสโนวไวท์ตั้งแต่แรกเห็นจึงก้มลงไปใกล้ใบหน้าของนางเพื่อจุมพิษรัก ราว

กับมีปาฏิหาริย์  สโนวไวท์ฟื้นขึ้นอีกครั้งและได้กลับไปครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุขตราบนิจนิรันดร์

   แปะ แปะ แปะ

           เสียงปรบมือดังระงมทั่วทั้งหอประชุมจัดงานดังขึ้นเมื่อม่านการแสดงถูกปิดลงและเหล่านักแสดงที่เดินออกมาทัก

ทายผู้ชม

         “ทำมันออกมาได้ดีมากเลยไฟไม่เสียแรงที่อาจารย์สอนเรามา”

         “ขอบคุณที่ชมครับอาจารย์” ลูกศิษย์ที่ถูกอาจารย์ชมเมื่อครู่ยืนยิ้มหน้าบานไปกับคำชมที่ได้รับพร้อมยืนมองผลงานที่เพิ่ง

จบไปอย่างภาคภูมิใจ งานละครเวทีที่ตนตั้งใจสร้างมันมากับมือพร้อมด้วยเหล่าทีมงานทั้งหลายที่ช่วยสร้างสรรค์มันขึ้นมาและถึง

แม้งานเวทีที่สร้างนี้จะเป็นนิทานก่อนนอนสำหรับหนูน้อยทั้งหลายแต่ผลตอบรับก็กลับดีเกินคาด

           ‘อัคนี ธีระชานันท์’ หรือ ‘ไฟ’ นักศึกษาจบใหม่ไฟแรงที่เลือกใช้ชีวิตโดยการก้าวเข้าสู่สายงานบันเทิงในฐานะผู้กำกับ

น้องใหม่หน้าละอ่อนแต่ฝีมือการสร้างภาพยนตร์นั้นไม่ได้ละอ่อนตามหน้าเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อยและยิ่งผลงานที่จบไปเมื่อครู่ก็เป็น

ตัวการันตีความสามารถของเจ้าตัวได้ดีทีเดียว

         “อย่างนี้มันต้องฉลองเว้ย!” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นใกล้ๆกับน้ำหนักของแขนที่อีกฝ่ายทิ้งมาที่เขาคงไม่ต้องบอกว่าคนๆนั้นคือ

ใครถ้าไม่ใช่เจ้าเพื่อนรักอย่าง ‘ปฐวี’ หรืออีกนัยหนึ่งคือทีมงานของเขาในครั้งนี้

         “แน่นอนอยู่แล้วผลงานออกมาดีวันนี้ก็ต้องมีฉลอง พี่ๆครับเตรียมตัวให้พร้อมเย็นนี้เรามีฉลองงงง”

         “เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” และเสียงที่ได้รับกลับมาก็พาเอาไฟยิ้มขำ

         “เออนี่ไอ้ไฟเห็นว่างานนี้มีผู้ใหญ่จากหลายๆค่ายเขามาดูผลงาน แล้วอย่างนี้มีคนเขาเข้ามาติดต่อหรือทาบทามให้เราไป

กำกับให้บ้างป่ะ” ปฐวีหันมาถามอีกฝ่าย แต่ไม่ได้รับคำตอบกลับไปแต่กลับปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเจ้า

เพื่อนรักตัวดี

         “ของแบบนี้ไม่มีพลาดหรอกเพื่อนรัก ไป เราไปเตรียมตัวฉลองกันดีกว่า” ไม่ว่าเปล่าไฟยังลากเจ้าเพื่อนสนิทให้ตามมาด้วย


                                              เอากับมันเถอะ นายปฐวีอยากจะปลง!!


                       
             ขณะนี้เวลาสิบเก้านาฬิกาศูนย์นาทีศูนย์วินาที.....

         “อย่างนี้มันต้องชนหน่อยพวกเรา เอ้า!! ชนแก้ว!!” เสียงหนึ่งในทีมงานเอ่ยขึ้น พร้อมเสียงแก้วที่กระทบกันดังกังวาน

ไฟที่นั่งมองดูเหล่าพี่ๆทีมงานมีความสุข คนที่เป็นหัวหน้าอย่างเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย

         “เฮ้ย ไอ้ไฟ” เสียงเรียกข้างตัวทำให้ไฟต้องละสายตาจากภาพตรงหน้าและหันมามองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มีไรก็ว่ามา

         “อย่าว่าอย่างนู้น อย่างนี้เลยนะเพื่อน นายไม่คิดจะมีความรักใหม่เลยเหรอวะ” เมื่อเจอคำถามที่ไม่คิดว่าจะมีคำตอบเข้าไป

ไฟถึงกับชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเพื่อนรักด้วยสีหน้าปกติ

         “ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลยว่ะ อาจจะอยู่เป็นโสดก็ได้ ถามทำไมหรือนายจะเป็นคนเอาเราลงจากคาน” ได้ทีไฟก็ขอหยอดสัก

หน่อย  ทุกๆคนที่ทำงานร่วมกับไฟรู้ดีว่าไฟชอบผู้ชายแล้วก็เพิ่งจะผิดหวังกับความรักมาเมื่อไม่นานมานี้และหลายๆคนก็รู้ว่าไฟ

เป็นคน sensitive ในเรื่องของความรักเป็นอย่างมากก็กลัวว่าเจ้าตัวจะทำใจไม่ได้จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ไฟลืมเรื่องราว

ไม่ดีๆที่ผ่านมา แต่ไฟก็พิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าเขาโตพอที่จะทำใจยอมรับมันได้และไม่นานไฟคนเดิมก็กลับมา

         “ใครจะกล้ายุ่งกับคุณมึงล่ะครับเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โกรธขึ้นมาทีนึกว่าเป็นพระศิวะปางทำลายล้างซะอีก” เหอะๆ ดูไอ้เพื่อนรัก

มันพูด ไฟได้แต่ส่ายหน้ากับคำเปรียบเปรยของไอ้เพื่อนรักสุดสวาทขาดใจดิ้นคนนี้เสียจริง ก็จริงอยู่ที่เขาเป็นคนโมโหร้ายจน

เพื่อนๆในมหา’ลัยตั้งฉายาให้ว่า        ‘เฮฟเฟตัส’ เทพเจ้าแห่งไฟ

         “เอ่อไอ้ไฟแล้วเรื่องที่เราคุยกันที่งานวันนี้เรื่องทำหนังอ่ะว่าไงวะ” มันเป็นสิ่งที่ค้างคาใจกับนายปฐวีคนนี้มากจริงๆว่าไอ้เจ้า

เพื่อนตัวดีมันไปคุยเจรจาพาทีกันตอนไหน แล้วเรื่องราวต่อไปเป็นไงก็ไม่รู้

         “เออใช่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพี่ๆเลย แต่ว่าไม่เป็นไรบอกวีก่อนก็ได้ คืองี้ คุณสมศักดิ์เขาขอให้เราไปกำกับภาพยนตร์ที่มา

จากซีรีย์ของหนังสือชุดหนึ่งที่กำลังฮิตติดชาร์ตกันในเวลานี้”

         “เรื่องไรวะ” ปฐวีย้อนถามแต่ก็ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ เป็นอันรู้กันว่า ตูก็ไม่รู้

         “แล้วพรุ่งนี้คุณสมศักดิ์ให้เราไปคุยกับเขาและนักเขียนเพื่อตกลงกันอย่างแน่ชัดว่าเราจะทำภาพยนตร์เรื่องนี้กัน และรับรอง

ว่าถ้างานนี้ผ่านเรารับเต็มๆ ” เมื่อพูดถึงรายได้ของงานในครั้งนี้คนอย่างนายไฟตาลุกวาวเป็นประกายเลยทีเดียว ก็จะไม่ให้วาวได้

ยังไง ถ้าทุกฝ่ายยินยอมตกลงทำกันเขาและทางบริษัทก็จะได้รับเงินค่าเหนื่อยล่วงหน้ากันก่อน 10 ล้าน แค่คิดไอ้ไฟก็ฟินไปถึง

ชาติหน้าแล้วโว้ย!!

         “ก็ขอให้พรุ่งนี้เราได้งานทำก็แล้วกัน” เพราะคนอย่างนายปฐวีรู้ดีว่าถ้างานไหนที่ไอ้ไฟเพื่อนรักของเขาหมายปองไม่มีทาง

พลาดแน่นอนและรู้ยิ่งกว่านั้นคือถ้างานที่มันหมายปองแล้วไม่ได้มาคนรอบข้างเตรียมรอรับไฟบรรลัยกัลป์เผาได้เลย!!

         “มันต้องได้อยู่แล้ว ถ้าคนอย่างไฟอยากได้อะไรมันก็ต้องได้ ฮ่าๆๆ” ยังไม่ทันขาดคำนายปฐวีเล้ยยย

         “เดี๋ยวมานะเว้ยไอ้วีไปซื้อของที่เซเว่นก่อน ฝากบอกเรื่องนี้กับพี่ๆทีมงานด้วยนะ” ว่าจบเจ้าตัวก็ลุกเดินออกไป



                   
   “สี่ร้อยยี่สิบบาทค่ะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยบอกจำนวนราคาสิ้นค้าและแน่นอนว่าประโยคถัดมาหลายๆคนคงต้องคุ้นๆเป็น

แน่

         “รับขนมจีบกับซาลาเปาร้อนๆเพิ่มไหมคะ” น่านไงครับยังไม่ทันขาดคำประโยคนี้ก็มาเลย

         “ไม่ครับ” ผมรีบจ่ายเงินแล้วเดินออกมาก่อนที่จะต้องเสียเงินเพิ่มเพราะซื้อขนมจีบกับซาลาเปากลับมาด้วย?!

           นานแล้วที่ผมไม่ค่อยได้ออกมาเดินเล่นยามเย็นแบบนี้ถึงแม้ว่าย่านนี้จะเป็นย่านที่เต็มไปด้วยผับบาร์และรถที่วิ่งกัน

ให้วุ่นอยู่บนท้องถนน สถานที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ที่ผมกับเหล่าพี่ๆทีมงานมักมาฉลองกันเป็นประจำ ถึงแม้ว่าสถานที่ตรงนี้จะอยู่

ในย่านของผับบาร์แต่ก็ยังมีร้านอาหารกึ่งบาร์ที่บรรยากาศเงียบสงบ สบายๆเป็นกันเองตั้งอยู่จึงตอบโจทย์ของผมได้ดีเพราะถ้าจะ

ไปฉลอง ผมขอที่เงียบๆ คนไม่พลุกพล่านเท่าไร บรรยากาศสบายๆเป็นกันเองเหมาะที่จะนั่งคิดงานในโปรเจกถัดไป ซึ่งพี่เม่นก็

สามารถหาสถานที่ที่ผมเสนอไปได้ เราจึงมาที่นี่เพื่อฉลองกันเป็นประจำ

         “ช่วยด้วยค่ะ มีคนขโมยกระเป๋าค่ะ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ผมที่อยู่บริเวณนั้นพอดีก็รีบวิ่งไปหา

สาวเจ้าเพื่อถามถึงไอ้คนร้ายที่ขโมยของเธอไป

         “คุณครับคนร้ายมันวิ่งไปทางไหนครับ”

         “ทางนั้นค่ะ” หลังจากที่เธอชี้บอกทางที่ไอ้คนร้ายมันวิ่งไป ผมก็รีบทำหน้าที่พลเมืองดีตามไปช่วยจับเจ้าโจรวายร้ายและ

ไม่นานกระเป๋าสะพายใบสวยของหญิงสาวเมื่อครู่ที่ถูกโจรขโมยไปก็ได้กลับมาอยู่ที่เจ้าของอย่างปลอดภัยหายห่วง

         “ขอบคุณมากเลยนะคะ..เอ่อ..คุณ..”

         “ไฟครับ”

         “ขอบคุณนะคะคุณไฟ”

         “ไม่เป็นไรครับ”

         “ดิฉันอาธีน่าค่ะ ถ้าไม่รังเกียจฉันขอเลี้ยงข้าวขอบคุณที่คุณช่วยฉันได้ไหมคะ”

         “ได้ครับ แต่ขอเวลาสักครู่นะครับ” ผมตอบรับสาวเจ้าก่อนจะขอเวลาโทรไปบอกไอ้วีให้กลับบ้านเลยถ้ากินเสร็จ ส่วนเรื่อง

ค่าใช้จ่ายให้เจ้าตัวออกไปก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเข้าบริษัทค่อยไปเคลียร์กันอีกที ส่วนเจ้าเพื่อนรักก็โอดครวญแต่พอเขาบอกว่าจะ

ให้พิเศษถ้างานพรุ่งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีทางนั้นจึงหยุดคร่ำครวญ

         “ไปรถผมดีกว่าครับ” ฝ่ายสาวเจ้าก็พยักหน้ารับ เขาจึงนำเธอไปที่รถก่อนจะพามุ่งหน้าไปร้านอาหารตามที่เธอบอก

           ร้านอาหารที่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆผมพามาเป็นร้านอาหารสไตล์วินเทจเล็กน้อยเพราะเห็นเจ้าตัวบอกว่านัดพี่ชายให้มาหา

ที่ร้านอาหารแห่งนี้แล้วเจ้าตัวยังบอกอีกว่าร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านที่พี่ชายเธอชอบมาก ผมจึงได้แต่พยักหน้ารับไปตามมารยาท

และดูจากท่าทางและน้ำเสียงในการเล่าของเธอที่เล่าถึงพี่ชายคนนี้ดูเธอจะภูมิใจกับพี่ชายของเธอเสียเหลือเกิน เราทั้งคู่เดินเข้า

มาภายในร้านอาหาร ผมว่าภายนอกที่ดูดีแล้วยังเทียบไม่ติดกับภายในที่ดูดีมีสไตล์กว่ามากกว่า สงสัยเจ้าของร้านคนนี้คงจะไม่

ธรรมดาเสียแล้ว

         “รับอะไรดีครับคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย” เสียงบริกรที่ยืนรอรับออเดอร์เอ่ยถามหลังจากที่ผมและเธอนั่งลงเรียบร้อยแล้วพร้อม

กับยื่นใบเมนูอาหารมาให้ ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้ว่าจะทานอะไรดีเพราะก่อนหน้านี้ผมก็เพิ่งทานไปกับเหล่าพี่ๆทีมงาน

         “ฉันขอเป็นสเต็กแซลมอนที่หนึ่งค่ะ ” เธอบอกบริกรชายก่อนส่งเมนูกลับคืนให้เขา ส่วนบริกรเมื่อรับเมนูกลับคืนก็หันมา

มองหน้าผมเป็นเชิงถาม

         “ผมสั่งแบบคุณผู้หญิงอีกที่หนึ่งครับ” ผมบอกพนักงานไปซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับพร้อมเก็บเมนูของผม

         “คุณไฟไม่อยากทานอาหารเหรอคะ” ผู้หญิงที่นั่งตรงหน้าผมเอ่ยถาม จะให้ผมปฏิเสธตรงๆเลยรึไงว่าผมเพิ่งกินมาแล้วใคร

มันจะไปอยากอีก

         “เอ่อ พอดีผมยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไร แต่ว่าอีกเดี๋ยวก็คงหิวแล้วล่ะครับ” ผมตอบเธอกลับไปด้วยรอยยิ้มสุภาพ

         “จะเป็นการละลาบละล้วงไหมคะ ถ้าธีน่าจะถามคุณว่าอายุเท่าไรแล้ว” เป็นครับ!!เพราะคำถามนี้เป็นหนึ่งในคำถามที่ผมไม่

อยากจะตอบให้เจ็บปวดตัวเองเท่าไร

         “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมอายุ 26 ปีครับ” แต่ถึงผมจะไม่ชอบยังไงก็คงจะปฏิเสธไม่ได้

         “โห ยังดูเด็กอยู่เลยนะคะ” เธอตกตะลึงกับอายุของผม แน่นอนครับผมหน้าเด็ก ฮ่าๆ

         “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

         “ขนาดนี้แหละค่ะ ก็พี่ชายของธีน่าสิคะหน้าตายังดูแก่กว่าคุณตั้งเยอะทั้งๆที่อายุน้อยกว่าคุณแท้ๆเลย” เอ๋?

         “นินทาพี่ชายแบบนี้ไม่กลัวถูกจับได้เหรอครับ”

         “ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณไฟไม่พูด ธีน่าไม่พูด พี่ก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ” ดูเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้นินทาพี่ชายเธอ

         “คุณไฟมีพี่น้องไหมคะ”

         “ไม่ครับ ผมลูกคนเดียว แค่วีรกรรมของผมคนเดียวก็ทำให้ที่บ้านปวดหัวจะแย่แล้วล่ะครับ” สมัยก่อนผมเป็นเด็กเกเร

มากๆๆๆถึงมากที่สุดเลยล่ะครับ ม๊าต้องคอยว่าผมอยู่ทุกวันนึกแล้วก็คิดถึงวันเก่าๆ

         “จริงเหรอคะ เล่าให้ธีน่าฟังบ้างได้ไหมคะ”

         “ได้สิครับ แต่ตอนนี้อาหารมาแล้วผมว่าทานไปเล่าไปน่าจะดีกว่า” เพราะผมเห็นว่าบริกรคนเมื่อครู่เดินมาพร้อมกับถาด

อาหารผมจึงเลือกที่จะทานไปเล่าวีรกรรมแสบๆของผมให้กับคุณธีน่าฟัง

           บรรยากาศในโต๊ะดูเป็นกันเองมากกว่าเมื่อสักครู่เพราะเราทั้งคู่ก็เล่าประสบการณ์ในวัยเด็กของเราให้ต่างคนต่างได้

ฟังกันมีบ้างที่ในบางครั้งน้องธีน่าเล่าวีรกรรมแสบๆของพี่ชายเธอให้ผมฟังซึ่งนั้นก็ทำให้ผมรู้เรื่องพี่ชายของเธอและตัวเธอมากขึ้น

         “พี่ไฟนี่มีแต่วีรกรรมแสบๆทั้งนั้นเลยนะคะ” หลังจากที่เราคุยกันมาได้สักพักสรรพนามที่เคยใช้ก็ถูกเปลี่ยนเพื่อให้ดูสนิทกัน

มากขึ้น

         “ยังไม่หมดแค่นั้นนะครับจริงๆแล้ววีรกรรมของพี่ยังมีมากกว่านี้อีกนะครับ โดยเฉพาะในช่วงชีวิตมหา’ลัย”

         “เฮ้อ!! ธีน่าอยากจะให้พี่ไฟเป็นผู้หญิงจังเลยค่ะ” เมื่อเธอพูดจบผมแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองตาย ดีนะที่ผมยังไม่ได้ทาน

น้ำไม่งั้นมีหวังผมต้องได้สำลักน้ำลายหรือไม่ก็น้ำตายแน่ๆ

         โศกอนาถกรรมผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งสำลักน้ำลายตัวเองตายกลางร้านอาหารสุดหรูเพียงเพราะประโยคของหญิงสาวที่

ว่า ‘อยากให้เจ้าตัวนั้นเป็นผู้หญิง’!? ช่างภูมิใจอะไรเช่นนี้ เหอะๆ

         “ทำไมถึงอยากให้พี่เป็นผู้หญิงล่ะครับ”

         “ก็เพราะว่าธีน่าอยากได้พี่เป็นพี่สะใภ้น่ะสิคะ”

         “แค่กๆๆ” และแล้วครั้งนี้ผมก็สำลักจริงๆ หรือว่านี่จะเป็นจุดจบของผมจริงๆซะแล้ว?

         “เป็นไรไหมคะพี่ไฟ ค่อยๆดื่มสิคะ” หญิงสาวตรงหน้าส่งกระดาษทิชชู่มาให้ผมก่อนที่ผมจะรับมันไปเช็ดอย่างอนาถ

จิตอนาถใจ

         “ทำไมถึงอยากได้พี่ไปเป็นเอ่อ..สะใภ้ล่ะ แต่พี่ก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงนะครับ ฝันของน้องธีน่าคงจะไม่เป็นจริง”

         “ที่ธีน่าอยากได้พี่เป็นสะใภ้เพราะว่าพี่น่ารัก มีอะไรหลายๆอย่างที่สามารถเข้ากันได้กับพี่ชายธีน่าได้แล้วที่สำคัญคุณแม่จะ

ให้พี่ชายของธีน่าแต่งงานกับยัยปากแดง เอ้ย! คุณหนูเจนสิญาซึ่งธีน่าไม่ชอบเลยอยากได้ใครสักคนไปเป็นอีกตัวเลือกให้กับพี่

ชายบ้างก็แค่นั้น”

         “ส่วนเรื่องที่พี่เป็นผู้ชายก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยค่ะเดี๋ยวนี้สังคมออกจะกว้างเพราะตอนอยู่เมืองนอกพี่ชายก็ยังเคยควงหนุ่ม

หน้าสวยเลย เรื่องนี้ครอบครัวธีน่ารับได้ไม่ต้องห่วงค่ะ” เอ่อ คุณน้องธีน่าครับถามพี่รึยังครับว่าพี่จะยอมไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้

กับพี่ชายคุณน้องรึเปล่าครับ

         “และอีกอย่างนะคะธีน่าก็ชอบพี่ไฟมากกกเลยล่ะค่ะ ช่วยธีน่าหน่อยนะคะถือว่าน้องคนนี้ขอร้อง” เอาแล้วไง น้องธีน่าเริ่ม

เอื้อมมือมาจับมือผมพร้อมกับกระพริบตาปริบๆเป็นเชิงอ้อนวอน ร้องขอ

         “แล้วพี่ชายของน้องธีน่าจะว่ายังไงล่ะครับ” เอาสิผมก็ยังพอมีทางอื่นให้เฉได้

         “ไม่ต้องห่วงเรื่องพี่ชายค่ะเพราะธีน่าจะบอกว่าพี่ไฟเป็นรุ่นพี่ที่สนิทของธีน่าแล้วพี่ก็ยังเคยช่วยธีน่ามาก่อนด้วยเรื่องนี้พี่ชาย

เชื่อแน่นอนและเดี๋ยวธีน่าเองจะเป็นแม่สื่อให้กับพี่ไฟแล้วก็พี่ชายของธีน่า พี่ไฟไม่ต้องห่วงค่ะ” ไปไม่เป็นเลยล่ะครับงานนี้ จะว่า

ดีใจก็คงจะดีใจที่อยู่ดีๆก็จะมีคนแนะนำผู้ชายสักคนมาให้ได้รู้จักและจะได้ลืมเรื่องราวของ ‘เขา’ คนนั้นได้สนิทสักที แต่นี่รูปร่าง

หน้าตาก็ยังไม่เคยได้เห็นจะไม่ให้ผมเครียดได้ยังไงล่ะครับ

         “ยังมีอีกเรื่องที่ธีน่าลืมถาม พี่ไฟยังไม่มีแฟนใช่ไหมคะ”

         “ครับ ยังไม่มีครับ” เพราะถ้าพี่จะบอกว่ามีธีน่าคงจะต้องให้พี่ตอบว่าไม่มีใช่ไหมครับเพราะดูจากแววตาเธอแล้ว

                                               ถ้ามีก็ต้องตอบว่าไม่มีนะคะพี่ไฟ

         “งั้นก็ยิ่งดีเลยล่ะค่ะเราจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย” แน่ใจนะครับว่าทั้งสองฝ่ายไม่ใช่น้องธีน่าแค่ฝ่ายเดียว

           ครืดๆๆ

         เสียงโทรศัพท์ยี่ห้อดังมาแรงแพงสุดติ่งกระดิ่งแมว!?ของน้องธีน่าดังขึ้น เจ้าตัวจึงหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามอง

ผมพร้อมสัญญาณปากที่ว่า

                                      พี่ชายมาแล้วค่ะ

         ผมก็ได้แต่พยักหน้าและยิ้มรับกับการมาของพี่ชายน้องธีน่า น้องธีน่าจะรู้ไหมนะว่าพี่ไฟคนนี้นั่งน้ำตาซึมอยู่ภายใน

 กระซิกๆ ผมเอาแต่ก้มหน้ามองอาหารที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในจานแต่ตอนนี้แม้แต่ซากยังไม่เหลือเงาให้เห็น

         “รอนานไหมคะ พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้เรารอนาน” มาแล้วไงพี่ชายของน้องธีน่า

         “ไม่นานหรอกค่ะพี่นอร์ส” ชื่อนอร์สซะด้วย

         “พี่นอร์สคะนี่พี่ไฟค่ะ” เมื่อน้องธีน่าแนะนำผมให้กับพี่ชายเธอรู้จักและตามมารยาทที่ดีแล้วผมจึงต้องจำใจเงยหน้าขึ้นมา

มอง เท่านั้นล่ะครับ    ออร่าความหล่อของคนตรงหน้ากระแทกเข้าตาผมอย่างจัง

               พระเจ้า!!เขาหล่อมาก

           เรียกได้ว่าเขาเป็นเทพบุตรที่มาจุติบนโลกมนุษย์ก็ว่าได้

         “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณไฟ ผมชื่อนอร์สเป็นพี่ชายอาธีน่า” พี่ชายของอาธีน่ายื่นมือมาทักทาย

         “ครับยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนอร์ส” ผมจึงยื่นมือออกไปทักทายเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

         ตึกตัก ตึกตัก

        เสียงใจเจ้ากรรมดันเต้นซะแรงเชียว โอ๊ย!ผมอยากระเบิดตัวตายให้กลายเป็นโกโก้ครั้นช์ท่วมทุ่งข้าวสาลีกันไปข้างเลย

         “พี่ไฟเป็นพี่ชายที่สนิทมากๆของธีน่าเองค่ะแถมพี่ไฟยังช่วยธีน่าอีกด้วยนะคะ” หลังจากที่ผมทักทายพี่ชายของธีน่าอย่าง

เป็นทางการเรียบร้อยแล้ว น้องธีน่าชวนพวกเราให้มาเดินห้างเพื่อช่วยเธอเลือกซื้อของให้กับเพื่อนของเธอเนื่องในวันเกิดของ

เพื่อนเจ้าตัวซึ่งพวกผมก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ถือที่ดีและดูเหมือนว่าน้องธีน่าจะเริ่มปฏิบัติการจับคู่ผมกับพี่ชายของเธอซะแล้ว

         “พี่ไฟคะช่วยหยิบตุ๊กตาที่อยู่ด้านบนให้ธีน่าหน่อยสิค่ะ ธีน่าหยิบไม่ถึงอะค่ะ” น้องธีน่าตะโกนออกมาจากชั้นในสุดของ

แผนกตุ๊กตาหมี ใช่แล้วล่ะครับตอนนี้พวกเราอยู่ในร้านขายตุ๊กตาคิขุอาโนเนะที่เหล่าสาวๆชอบเลือกซื้อไปให้กับเพื่อนๆในงานวัน

เกิด ผมจึงต้องเดินเข้าไปหาเธอเพื่อหยิบตุ๊กตาเจ้าปัญหานี้ให้เธอ แต่เมื่อผมเดินไปถึงกลับพบว่าเจ้าตุ๊กตาตัวที่ธีน่าต้องการให้

ผมช่วยหยิบนั้นมันสูงเกินกว่าผมจะเอื้อมถึง ผมจึงหันไปถามเธอทางสีหน้าว่าพี่หยิบให้ไม่ถึงเจ้าตัวก็ไม่ได้มีทีท่าทุกข์ร้อนอะไร

มิหนำซ้ำยังตะโกนเรียกอีกคนให้เขามาหยิบให้อีกต่างหาก

         “พี่นอร์สคะพี่นอร์ส พี่ไฟหยิบตุ๊กตาให้ธีน่าไม่ถึงพี่นอร์สมาช่วยหยิบให้หน่อยค่ะ” หลังจากที่น้องธีน่าตะโกนออกไปไม่นาน

อีกฝ่ายก็เดินมาถึง ผมกำลังจะผละออกจากที่ๆยืนหยิบตุ๊กตา แต่แล้วพี่ชายของน้องธีน่าก็เอื้อมมือมาหยิบตุ๊กตาให้น้องสาวทั้งๆที่

ผมก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย กลายเป็นว่าพี่ชายของน้องธีน่ากำลังกอดผมอยู่กลายๆ โอ๊ย!คุณครับแค่ออร่าความหล่อของคุณมันก็ทำ

ให้ผมใจเต้นผิดจังหวะไปแล้ว แล้วนี่คุณยังมาทำแบบนี้ต้องการให้ผมละลายแล้วค่อยออสโมซิสหายไปกับตุ๊กตาตัวนั้นเหรอครับ

คุณเทพบุตร!!!

         “ได้แล้วค่ะ น้องธีน่า” เมื่อคุณพี่ชายแสนดีของน้องธีน่าหยิบตุ๊กตาตัวนั้นได้ เจ้าตัวก็ยื่นมันไปให้กับน้องสาวสุดที่รักพร้อม

กับเดินออกไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์กับน้องสาวแล้วก็ทิ้งผมไว้อยู่ที่เดิมคนเดียว

           ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

           โอ๊ย!!จะเต้นอะไรนักหนาฟร้ะ เพราะพอสองพี่น้องเดินออกไปผมจึงได้ถอนหายใจเพื่อปรับร่างกายให้สามารถ

หายใจได้อย่างทั่วทองก่อนจะจับสัมผัสถึงพลังงานบางอย่างที่เต้นแรงอยู่ในอกข้างซ้ายได้และแน่นอนว่าเสียงมันชัดถึงชัดมาก

เลยทีเดียวเชียวค่ะคุณผู้ชม สงสัยงานนี้ผมควรจะต้องเข้าโรง’บาลเพื่อไปเช็คร่างกายซักหน่อยเพราะดูเหมือนว่าก้อนเนื้อในอก

ซ้ายจะทำงานผิดจังหวะบ่อยเหลือเกิน



                           

         

หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES 290858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 29-08-2015 17:58:17
“พี่ไฟไหวแน่นะคะ”

         “ไหวครับ”

         “แต่ธีน่าไม่เชื่อ พี่นอร์สคะช่วยขับรถไปส่งพี่ไฟที่บ้านให้หน่อยสิคะ”

         “พี่ไม่เป็นไรจริงๆครับน้องธีน่า”

         “จะไม่ให้เป็นอะไรได้ยังไงคะก็ตั้งแต่ที่พี่ไฟเดินออกมาจากร้านตุ๊กตาหน้าพี่ไฟก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดอย่างนี้จะไม่ให้ไม่เป็นไร

ได้ไงล่ะคะ” ครับ จะไม่ให้พี่หน้าแดงได้ไงล่ะครับก็ในเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อครู่มันยังวนเวียนอยู่ในหัวของพี่จะไม่ให้หน้าซีด หน้า

แดงก็คงจะกระไรอยู่มั้งครับ ก็คนมันยังเขินไม่หายหนิครับ

         “ไม่รู้แหละพี่ไฟต้องให้พี่นอร์สไปส่งเพราะธีน่าเป็นห่วงสวัสดิภาพของพี่ พี่นอร์สขับรถพี่ไปส่งพี่ไฟก็ได้ค่ะเดี๋ยวธีน่าเรียกให้

ที่บ้านมารับ”

         “ได้ครับ งั้นก็ถ้าถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วยนะ” เสียงของผู้ที่ไร้ซึ่งบทสนทนาแต่กลับถูกพาดพิงซะหลายประโยคก็ได้ฤกษ์

เอ่ยขึ้น

         “แต่ว่ารถพี่...”

         “ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่ไฟเอารถจอดไว้ที่ห้างนี้ได้ไม่ต้องห่วงเพราะห้างนี้ที่บ้านของธีน่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ไม่ต้องกลัวหายหรอก

ค่ะแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ธีน่าให้คนที่บ้านเอารถของพี่ไฟไปคืนให้ถึงที่เลยล่ะค่ะ” ผมก็ได้แต่ทำปากพะงาบๆ เถียงไม่ทันคุณน้องเขาเลย

ให้ตายเหอะ  ไม่รู้ว่าแม่คุณไปเรียนศาสตร์ด้านการพูดแบบไร้คนขัดได้จากที่ไหนเผื่อผมจะได้สมัครไปเป็นลูกศิษย์ด้วยอีกคน

เพราะเอากับเธอเถอะ เหอะ คงจะทัน เมื่อเทพบุตรสุดหล่อของผม(?)เดินนำหน้าไปก่อน ผมจึงต้องเดินตามไปแต่ก็ไม่วายหัน

หลังไปหาตัวต้นเรื่อง ซึ่งก็มิได้คำตอบใดๆจากเธอแม้แต่น้อยเพียงแต่สิ่งที่ได้มาคือวาจาอันเชือดเฉือนของหล่อนแทน

            โชคดีนะคะพี่ไฟ พร้อมกับขยิบตาเป็นนัยๆส่งให้อีกต่างหาก

           คอยดูนะผมจะป่าวประกาศให้โลกได้รู้เลยล่ะว่า เพศหญิงคือเพศที่เจ้าเล่ห์ เผด็จการ สายตาสังหาร น่ากลัว และที่

สำคัญ เธอคือ จอมมารในคราบสาวงามชัดๆ!!!!!!!!!



                       
            และแล้วก็ใช้เวลาไม่นานมากผมก็เดินทางมาถึงคอนโดของตัวเองด้วยอาการที่ครบสามสิบสอง ไม่มีขาด ไม่มีเกิน

ผมจึงลากสังขารของตัวเองมายังลิฟท์ที่พอเดินเข้าไปเจ้าลิฟท์ที่ต้องการก็เปิดกว้างรอรับคนอย่างผมให้เดินเข้าไปข้างในก่อนที่

ผมจะบอกจุดหมายปลายทางให้กับมันและนั่นก็หลังจากที่ราชรถที่มาส่งผมเมื่อครู่พุ่งทะยานออกไป

         ติ๊ง ติ๊ง

         หืม? เสียงไลน์ ใครส่งอะไรมาและก็ไม่รอช้าผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดดูก่อนจะเจอกับข้อความของคนที่มาส่งผมเมื่อครู่

และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟท์เปิดออกพอดี

                                                            NORSE : ฝันดีนะครับ

   และหลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าผมเดินเข้ามาถึงห้องได้ยังไงไม่รู้ว่าหลังจากนั้นตัวเองทำอะไรบ้างเพราะสิ่ง

เดียวที่ผมรู้ ณ ตอนนี้คืออาการหวิวๆในอกซ้ายซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรไม่รู้ว่าเป็นเพราะลิฟท์ที่ขึ้นมาหรือคำบอกฝันดีของ

ใครอีกคนกันแน่......











สวีดัส สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ เฮดีสมากับเรื่องเก่าเล่าใหม่อีกแล้วจร้าาาา นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่ดีสเคยแต่งลงเว็บเด็กดี แต่เป็นเรื่องใหม่สำหรับเว็บนี้ ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องแผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชาแล้วก็อย่าลืมไปอ่านตอนพิเศษคุณสะใภ้ที่รัก //กระซิบดังๆว่ามีฉากเอ็นซีนิดหน่อยค่ะ อุอิ ครุคริ แล้วก็ฝากเรื่องที่กำลังแต่งอย่าง #จอมใจ ด้วยนะคร้าาาาา

หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 2 290858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 29-08-2015 18:27:51
                                แผนการร้ายครั้งที่ 2 : หัวใจมีเหตุผลของมันเอง...เป็นเหตุผลที่มิอาจหยั่งรู้ได้

                    เช้านี้ช่างเป็นเช้าที่แสนสดใสสำหรับใครหลายๆคนและแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คงจะมีนายอัคนีผู้นี้อยู่ด้วยเป็น

แน่เพราะหลังจากเมื่อวานที่เจ้าตัวได้รับข้อความบอกฝันดีของใครบางคนก็พลอยทำให้เลือดในร่างกายสูบฉีด ส่งผลให้เจ้าตัว

กระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้า

         “แหม ไอ้คุณไฟเช้านี้อารมณ์ดีจังเลยนะครับ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาเชียว”  พอผมก้าวเท้าเข้าสู่ออฟฟิศตัวเองก็โดนเจ้าเพื่อน

ตัวดีแซวแต่เช้า ผมเองก็พอจะรู้ตัวอยู่หรอกนะว่าวันนี้ตัวเองอารมณ์ดีแปลกๆ ซึ่งนานทีปีหนที่ผมจะเดินเข้าบริษัทด้วยรอยยิ้ม

เพราะทุกครั้งที่ย่างกายเข้าเหยียบบริษัทหน้าผมจะต้องบอกบุญไม่รับเพราะเครียดเรื่องงานไม่ก็เดินเหมือนคนร่างไร้วิญญาณเข้า

มาเพราะไม่มีเวลานอนแต่นี่มันผิดกันจึงไม่แปลกที่จะโดนไอ้เพื่อนตัวดีแซว

         “อ้าว ก็เช้านี้เราต้องไปคุยกับคุณสมศักดิ์เรื่องทำหนังจะให้ไม่อารมณ์ดีได้ไงวะครับคุณเพื่อนครับ” ใช่แล้วล่ะครับวันนี้เป็น

วันที่ทางคุณสมศักดิ์ได้นัดผมกับเหล่าทีมงานให้เข้าไปคุยเรื่องการทำหนังที่มีบทประพันธ์มาจากหนังสือขายดีติดชาร์ตอยู่ใน

เวลานี้

         “งั้นเราก็ควรที่จะไปได้แล้วนะครับคุณไฟครับ เชิญครับ ไปครับพี่ๆ”       
 
           หลังจากที่ไอ้วีแขวะผมก็หันไปเรียกพี่ๆทีมงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องไปฟัง ไปคุยคอนเซปของงานในวันนี้ พวกเราทั้ง

หมดจึงได้เริ่มเดินทางกัน

           บริษัทของคุณสมศักดิ์ไม่ได้จัดว่าใหญ่มาก แต่ก็จัดได้ว่าใหญ่ทีเดียว ผมและพี่ๆทีมงานหลังจากที่เราเดินทางมาถึง

ก็เข้าไปคุยกับพนักงานที่มาคอยต้อนรับว่าตอนนี้คุณสมศักดิ์ได้รอพบอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว พนักงานคนดังกล่าวจึงพาพวกผมไป

เข้าพบ

         “อ้าวคุณไฟ เชิญครับๆ”  พอพนักงานคนที่พาผมเข้ามาเปิดประตูให้ คนที่อยู่ด้านในที่รออยู่ก่อนแล้วก็กล่าวต้อนรับ

ผมจึงรีบยกมือไหว้ทักทายเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

         “สวัสดีครับคุณสมศักดิ์” เมื่อทักทายเรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินไปนั่งที่ที่ทางคุณสมศักดิ์จัดให้พร้อมกับเหล่าทีมงานที่มาด้วย

         “รอสักครู่นะครับ พอดีทางนักเขียนติดธุระตอนเช้าเล็กน้อยแต่เจ้าตัวบอกว่าอีกเดี๋ยวจะเข้ามา” ผมพยักหน้ารับและไม่นาน

ประตูห้องที่ผมนั่งอยู่ก็เปิดออกพร้อมๆกับร่างบุคคลที่ถูกกล่าวว่าเป็นเจ้าของนิยายซีรีย์นี้

         “ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ให้รอนาน พอดีผมติดธุระกับทางบ้านเล็กน้อย” เมื่อเจ้าตัวเปิดประตูเข้ามาก็รีบขอโทษ

ทุกคนที่ให้รอนานโดยมีเจ้าตัวนั้นเป็นเหตุ ส่วนตัวผมที่ได้แต่นั่งนิ่งไม่ไหวติงเพราะเกิดอาการตกใจกะทันหันเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่

ตรงหน้า ก็จะไม่ให้ผมตกใจได้อย่างไรในเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่ทำให้ผมอารมณ์ดีตั้งแต่เข้า จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่

นอร์ส!!!!!

           ส่วนอีกฝ่ายที่เพิ่งจะหันมาเห็นผมก็มีอาการตกใจไม่ต่างจากผมเพียง แต่ว่าอีกฝ่ายจะเก็บอาการได้ดีกว่าผมจึงทำ

เพียงแค่ส่งยิ้มบางมาให้พร้อมเอ่ยทักทาย

         “สวัสดีครับคุณไฟ” ผมจึงต้องทักทายกลับ หลังจากที่โดนไอ้เพื่อนรักที่นั่งข้างๆใช้เท้าสะกิดเบาๆเพื่อให้ผมเลิกนั่งเอ๋อสัก

ที

         “คุณสองคนรู้จักกันด้วยเหรอครับ งั้นดีเลยเราจะได้คุยกันง่ายๆหน่อยจริงไหมครับคุณไฟ คุณนอร์ส”

           หลังจากนั้นคุณสมศักดิ์ก็ได้คุยรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างซีรีย์ชุดนี้ ซึ่งซีรีย์ชุดนี้นั้นมีทั้งหมดสามเรื่องคือ บ่วงมน

ตรา มายากลางใจ และ ไฟอัคนี ซึ่งเรื่องแรกนั้นจะเป็นเรื่องราวความรักของชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งทางบ้านของทั้งคู่เป็นมาเฟียที่มี

อิทธิพลที่ไม่ลงรอยกัน ส่วนเรื่องที่สองเป็นเรื่องของความรักที่ถูกกีดกันจากครอบครัวซึ่งฝ่ายหญิงถูกทางบ้านคลุมถุงชนให้แต่ง

งานกับคนที่ไม่ได้รัก ส่วนเรื่องสุดท้ายจะเป็นการแก้แค้น ทั้งสามเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อสะท้อนชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันที่มีทั้ง

เรื่องครอบครัว การอาฆาต และการมีทิฐิ

                 “คุณสมศักดิ์ครับเรื่องนักแสดงผมขอเป็นคนเลือกเองนะครับว่าจะให้ใครเล่นเป็นตัวไหน”

           “ได้เลยครับ ส่วนเรื่องสถานที่หรือฉากต่างๆทางคุณไฟคงต้องจัดการหลังจากที่ได้อ่านเรื่องราวนี้ หวังว่าจะไม่ยาก

สำหรับคุณนะครับ”

         “ไม่เลยครับ รับรองงานนี้จะออกมาอย่างดีแน่นอนคุณสมศักดิ์ไม่ต้องกลัวผิดหวัง” ผมรับคำ ถึงแม้งานการกำกับการแสดง

ภาพยนตร์ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกแต่สำหรับตัวผมเองการกำกับนี้ไม่ใช่ครั้งแรกจึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไร แต่ผมกลับมองว่ามัน

เป็นสิ่งที่ท้าทายการทำงานของผมและพี่ๆทีมงานมากกว่า

         “งั้นนี่ก็คงไม่มีอะไรแล้ว ผมว่าเราแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองกันดีกว่า” เมื่อคุณสมศักดิ์เอ่ยจบเหล่าพี่ๆทีมงานก็เริ่ม

เก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับที่ทำงานเพื่อที่จะได้ไปวางแผนการทำงานกับเจ้าหัวข้องานที่ได้รับมาใหม่ ส่วนผมก็กำลังนั่งอ่านราย

ละเอียดอีกครั้งเผื่อว่าจดไม่ครบจะได้ถามอีกคนที่นั่งอยู่ในห้อง

         “ไอ้ไฟ ไอ้คุณมึงไปรู้จักคุณนอร์สนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะครับ” ไอ้วีที่ผมเห็นมันเอาแต่นั่งจ้องนอร์สไม่วางตาตั้งแต่เข้ามาพร้อม

ทั้งสายตาที่มันเต็มไปด้วยคำถามมากมายถูกยิงส่งมาที่ผม แต่ผมเห็นว่าตอนนี้มันเป็นเวลางานเลยเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่ถูกส่ง

มา แต่จนแล้วจนรอดไอ้เพื่อนตัวดีก็ทนความสงสัยไม่ไหวจึงได้เอ่ยปากถาม

         “เรื่องมันค่อนข้างจะยาวว่ะเพื่อน ไว้ไปถึงบริษัทค่อยเล่าให้ฟัง”

         “ได้ไงวะ เล่ามาเลยนะเว้ยหรือว่านี่จะเป็นคนใหม่วะ” ไอ้สลัดผัก!!

         “ใหม่กับผีมึงน่ะสิ คนนี้คือพี่ชายของคนที่กระผมไปช่วยเมื่อวานขอรับคุณมึง” ไอ้วีพยักหน้ารับแต่ก็ไม่วายที่จะจ้องมอง

นอร์สไม่เลิก ผมจึงสะกิดมันว่าเป็นมารยาทที่ไม่สุภาพมันจึงละสายตาไป

         “เอ่อ คุณไฟพอจะว่างไหมครับ พอดีว่าผมจะชวนคุณไฟไปดูสถานที่ที่ผมจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำหนึ่งในซีรีย์น่ะ

ครับ” นอร์สที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องประชุมไม่ได้ลุกไปไหนเอ่ยชวนผมไปดูสถานที่ถ่ายทำ ผมจึงหันไปถามความคิดเห็นของไอ้วีซึ่ง

มันก็พยักหน้าแล้วจะบอกพี่ๆทีมงานให้ว่าผมไปดูสถานที่กับนักขียน

         “ไปครับ”





                       
           สถานที่ที่นอร์สพาผมไปนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนักที่สำคัญ สถานที่ที่ผมถูกพาไปจัดได้ว่าเป็นสถาน

ที่ทางประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ สถานที่นี้ก็คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

         “เอ่อคุณนอร์สครับจะพาผมไปดูสถานที่ที่ไหนครับเหรอครับ”

         “ก็อยุธยาไงครับ” ผมรู้ครับว่าพามาอยุธยาแต่ก็ช่วยระบุให้มันชัดๆไปเลย ซึ่งผมคิดว่าผมคงจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ออกไป

เจ้าตัวจึงหันมายิ้มบางๆให้ผม

         “โอเคครับผมบอกก็ได้ คือว่าผมจะพาคุณไฟไปตลาดน้ำอโยธยาเพราะเรื่องที่สองเราจะใช้สถานที่นี้อยู่ในฉากด้วยครับ”

 นอร์สหันมาบอกพร้อมๆกับมาถึงสถานที่ที่เจ้าตัวเพิ่งพูดถึงไป

         ติ๊ง

         เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่นอร์สวนหาที่จอดรถเจอพอดี ซึ่งเสียงโทรศัพท์ที่ว่ามันเป็นเสียงข้อ

ความจากน้องสาวของคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้

   Arthyna : พี่ไฟคะ วันนี้พี่เจนจะตามพี่นอร์สไปอยุธยาค่ะ

   Firer : แล้วคุณเจนเธอจะมาทำไมครับ

   Arthyna : ก็ธีน่าบอกพี่เจนว่าตอนนี้พี่ไฟอยู่กับแฟนที่อยุธยาค่ะ

   Firer : ห๊า!!

   Arthyna : ไม่ต้องหาหรอกค่ะเดี๋ยวพี่ไฟก็เจอพี่เจนเองล่ะค่ะ สู้ๆนะคะ

   Firer : แต่ว่า...

   Arthyna : หรือว่าพี่ไฟไม่ชอบพี่นอร์ส?????

         แล้วจะให้ผมตอบว่ายังไงได้ล่ะครับ ถ้าถามว่าชอบไหม ก็คงจะต้องตอบว่าชอบ ผู้ชายอะไรดูดีไปหมด หล่ออย่างกับ

เทพบุตรขนาดนี้ถ้าหลุดมือไปก็คงจะต้องเสียดายน่าดู

   Firer : แล้วพี่จะต้องทำไงบ้างครับ

   Arthyna : งั้นก็เริ่มปฏิบัติการแผนร้ายมัดใจพี่ชายขั้นที่ 1 เลยค่ะ แผนมีอยู่ว่า.............................................







                       
         “นอร์สไฟหิวแล้วอ่ะ ไปหาร้านอาหารในนี้ทานกันนะ”

         “เอ่อ ครับคุณไฟ”

         “คุณไฟอะไรกันเรียกไฟก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ”

         “เอ่อ..ครับไฟ” และแล้วปฏิบัติการแผนที่น้องธีน่ากับผมได้วางไว้ก็เริ่มขึ้นซึ่งหนึ่งในแผนการครั้งนี้คือการทำความสนิทชิด

เชื้อกัน ซึ่งนั่นควรเริ่มจากการเรียกชื่อก่อน ส่วนเจ้าตัวที่งงๆกับการกระทำของผมก็ได้แต่ทำหน้าแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

            เราทั้งคู่เลือกร้านอาหารในตลาดน้ำเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวน่าทานที่หนึ่งโต๊ะที่เลือกก็ค่อนข้างจะติดกับแม่น้ำ บรรยากาศ

โรแมนติ๊กโรแมนติก ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงไม่พึงประสงค์วี๊ดว้ายอยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่

         “Hi ฮันนี ดีใจจังเลยที่เจอคุณ”

         “อ้าวเจนคุณมาได้ยังไงครับเนี่ย” หลังจากที่ตัวมารผจญมาถึงก็ตรงดิ่งเข้ามาทักทายผมกับนอร์ส ซึ่งก็คงไม่ต้องบอกว่า

เธอเข้ามาทักใครแต่ที่แน่ๆมันคงไม่ใช่ผม

         “ก็ไม่ไงค่ะ พอดีเจนผ่านมาทางนี้แล้วเห็นคุณก็เลยเข้ามาทักพอดีว่าเจนก็กำลังคิดถึงคุณอยู่น่ะค่ะ” ว่าจบคุณเจนสิญาก็

ปลายหางตามาทางผมซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่เฉหันไปมองด้านอื่นแทน

          “ครับ นั่งก่อนสิครับเจน” พออีกคนเชื้อเชิญ สาวเจ้าก็รีบคว้าโอกาสตรงนี้ไว้ แหม!แม่คุณรีบเชียวนะ

         “ขอบคุณค่ะ” เธอเลือกนั่งฝั่งเดียวกันกับนอร์สซึ่งแน่นอนว่าผมนั้นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่ก็ยังตรงกับนอร์สอยู่ดี

         “นั่นใครเหรอคะนอร์ส” พอนั่งเสร็จเธอก็หันไปถามนอร์สว่าผมนั้นเป็นใคร ผมที่นั่งมองเจ้าตัวอยู่ก่อนแล้วจึงรู้ว่าอีกฝ่ายก็หัน

มามองผมแวบหนึ่งแล้วก็หันไปให้คำตอบกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง

         “เพื่อนครับ ชื่อไฟ ไฟครับนี่เจนครับ เพื่อนของผมเอง” พอแนะนำผมให้อีกฝ่ายจบนอร์สก็แนะนำอีกฝ่ายให้ผมได้รู้จัก

เหมือนกัน และนั่นก็ทำให้อีกคนไม่พอใจกับสถานะที่นอร์สแนะนำให้ผมรู้จัก

         “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ นี่น่ะเหรอคะคุณไฟ” สาวเจ้ายื่นมือออกทักทาย ผมจึงยื่นมือออกไปทักทายเช่นเดียวกัน พร้อมกับ

ประโยคถัดมาที่ทำให้ผมคิ้วกระตุก เหอะ ร้ายใช้ได้อย่างนี้มันค่อยสมน้ำสมเนื้อกับนายอัคนีคนนี้หน่อย

         “ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันครับ นี่น่ะเหรอครับคุณเจน” แถมยักคิ้วส่งไปให้อีกข้างหนึ่ง เอาสิในเมื่อคุณเริ่มมันก่อน จากนั้นเรา

ทั้งคู่จึงผละมือออกจากกัน นอร์สที่เห็นท่าจะไม่ดีจึงเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร พอสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยคุณเจนก็เริ่มเปิดบท

สนทนาขึ้นใหม่อีกครั้ง

         “นอร์สคะทำไมช่วงนี้นอร์สถึงไม่ค่อยไปหาเจนเลยคะ เจนเหง๊าเหงา” ไม่ว่าเปล่ายังทำทีมาซบไหล่ผู้ชายเขาอีกต่างหาก

อยากรู้เหรอครับว่าทำไมเขาถึงไม่ไปหาก็เพราะเขาก็คงจะเบื่อคุณน่ะสิ

         “นอร์สคะทำไมพักนี้คุณถึงไม่โทรหาเจนเลยล่ะคะ”

         “นอร์สคะพักนี้คุณไม่ค่อยได้ไปทานข้าวเย็นกับเจนเลยนะคะ” และนอร์สคะ อีกมากมายที่สาวเจ้าเอาแต่ถามนอร์ส ซึ่งมี

วี่แววว่าจะยังไม่หยุดถามอีกนาน ผมที่นั่งฝังประโยค นอร์สคะ จนคิดว่าวันนี้ผมคงจะเอามันเข้าไปอยู่ในฝันของผมแน่ๆแค่คิดก็

นอร์สคะ เอ้ย! ขนลุกแล้ว ผมจึงขอตัวออกมาสูดอากาศด้านนอกซึ่งนอร์สก็คงจะรู้ว่าผมอึดอัดกับบรรยากาศนี้พอควรจึงลุกตาม

ผมออกมาด้วย ผมจึงหันไปหาอีกคนที่ได้แต่ทำหน้าเหวอกับการที่ถูกผู้ชายทิ้งออกมาแบบยังไม่ทันตั้งตัวและเผอิญกับที่อีกฝ่าย

หันมาสบตากับผมเข้าพอดี ผมจึงส่งข้อความผ่านสายตาไปบอกด้วยความหวังดีว่า

            ก็ไม่รู้สินะ โฮะๆๆ แล้วจึงเดินออกไปพร้อมกับอีกคนที่เดินตามมาข้างกาย


                         
         “ไม่ไปนั่งเป็นเพื่อนคุณเจนเขาสักหน่อยเหรอ” ผมหันไปถามคนที่วิ่งตามผมออกมาด้านนอก อันที่จริงผมก็ไม่ได้เดินไป

ไหนไกลเท่าไรนักหรอกเพราะไม่ใช่อะไรนู่นนี่นั้นทั้งนั้นเพราะอันที่จริงผมก็เริ่มรู้สึกหิวๆขึ้นมาบ้างเพียงแต่เบื่ออีกคนที่อยู่ด้านใน

มากกว่า

         “แล้วไฟไม่อยากให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนเหรอครับ” คนที่ผมเพิ่งหันไปถามเมื่อครู่ย้อนถามคำถามกลับ พร้อมกับกระตุกยิ้มที่

มุมปากนิดๆ

        โอ๊ย!!เจ้าเล่ห์นักนะพ่อคุณ ผมได้แต่บ่นในใจ

        “แล้วแต่” ว่าจบผมก็หันไปมองแม่น้ำด้านหน้า

           ตอนนี้ผมกับนอร์สยืนอยู่ด้านนอกของร้านอาหารที่คราคร่ำไปด้วยบรรดาผู้คนมากมายแต่สถานที่ตรงนี้กลับเงียบและ

ดูสงบมากว่าอีกด้านต่างกันแค่ระยะทางไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง

         “นอร์สคะออกมาทำอะไรตรงนี้คะเข้ามาทานอาหารดีกว่านะคะ” คงไม่ต้องบอกว่าเสียงนี้มาจากผู้ใดเพราะแม่คุณเล่นให้

เสียงมาก่อนตัวซะขนาดนี้เรียกจากตรงโน้นได้ยินถึงตรงนี้ คิดดูก็แล้วกันว่าเสียงนางจะขนาดไหน

         “ครับๆ” คนที่ยืนข้างๆผมตอบรับกลับไป

         “เราเข้าไปข้างในกันดีกว่านะ” นอร์สหันมาบอกผม

         “อืม” ผมตอบรับ แต่ยังไม่ทันที่ผมกับนอร์สจะได้เดินเข้าไปในร้านคนที่หลายๆคนก็รู้ว่าใครดันมาถึงซะก่อนพร้อมกับเสียง

 18 หลอดที่นางพกมาด้วย

         “ว้าว! ที่นี่สวยจังเลยนะคะนอร์ส บรรยากาศก็โรแมนติกอีกต่างหาก” ผมก็ได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ ส่วนคนข้างๆผมก็ได้แต่

เออออห่อหมกตามไป ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมยืนอยู่ด้านขวามือ แม่เสียง 18 หลอดอยู่ทางซ้ายมือและแน่นอนว่ามีนอร์สเป็น

คนคั่นกลาง

         “นอร์สคะเจนรู้สึกหนาวจังเลยค่ะนอร์ส” ไม่พูดปล่าวสาวเจ้าก็ทำท่าเหมือนคนหนาวเต็มที่ส่วนนอร์สก็เป็นสุภาพบุรุษที่ดี

เหลือเกินยอมสละเสื้อคลุมตัวนอกให้กับสาวเจ้า พอยายเสียง 18หลอดได้เสื้อคลุมของนอร์สก็ปรายตามามองทางผมพร้อมกับสี

หน้าเยาะเย้ยนิดๆ อ๋อ!จะเล่นมารยาร้อยเล่มเกวียนใช่ไหม ได้เลยครับคุณน้องเดี๋ยวดูรุ่นพี่เป็นตัวอย่างนะครับ!!

         “นอร์สไฟรู้สึกไม่สบายยังไงไม่รู้มันเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวอ่ะ” พร้อมกับเอามือขึ้นมากอดอกอีกนิดเพื่อสร้างความสมจริง

         “งั้นไฟรอนอร์สตรงนี้นะเดี๋ยวนอร์สจะไปเอาเสื้อคลุมแล้วก็เอายามาให้” นอร์สว่าพร้อมทำท่าจะเดินไป ผมเลยรีบคว้ามืออีก

ฝ่ายไว้ก่อน

         “ไม่เป็นไรหรอกนอร์สลำบากนอร์สเปล่าๆแค่นี้ไฟทนได้” ผมบอกพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ ซึ่งเจ้าตัวก็ดูจะคิดหนักอยู่และ

แล้วก็ดูเหมือนว่าตัวเองนั้นคิดไอเดียดีๆได้

         “งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกันนะ” ว่าจบก็ดึงผมเข้าไปกอด ส่วนตัวผมทีแรกก็ทำทีขัดขืนนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายกอดอยู่ดี

แต่อย่าลืมกันสิครับว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่ผมกับนอร์สแค่สองคนยังมีบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญยืนเสื..สั่นอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน

         “เอ่อ..มันจะดีเหรอนอร์สที่ทำแบบนี้ คือว่าคุณเจนก็อยู่นะ มัน..เอ่อ..มัน”ว่าจบผมก็หรุบตาลงซบหน้าอยู่กับอกกว้างของ

เจ้าของอ้อมกอดพร้อมกับท่าทีขวยเขินอีกเล็กน้อยให้ดูมีจริตเป็นพิธี

         “มันทำไมเหรอไฟ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ก็ในเมื่อไฟไม่สบาย ไฟหนาวแล้วตอนนี้นอร์สก็ไม่มีเสื้อคลุมเพราะเจนใช้อยู่เจน

เขาจะมาว่าเราเรื่องอะไร จริงไหมครับเจน” นอร์สหันไปถามความคิดเห็นอีกคนซึ่งก็ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับร่างที่สั่นๆ

ไม่รู้ว่าสั่นเพราะหนาวหรือสั่นเพราะโกรธ ก็พี่บอกแล้วไงว่าระดับพี่แล้วมันขั้นสุดส่วนคุณน้องน่ะขั้นกว่า

         “เจนหิวแล้ว เจนว่าเราเข้าไปข้างในร้านดีกว่า” ว่าจบสาวเจ้าก็ตั้งท่าเดินไปนอร์ศเลยโอบผมเข้าไปด้านในร้านแต่ยังไม่ถึง

ร้านดีคนที่เดินนำหน้าก็หยุดชะงักพร้อมกับร่างที่ล้มลงไปกองกับพื้นและแน่นอนว่ามันต้องตามมาด้วยเสียง 18 หลอดของเจ้าตัว

         “โอ๊ย!!!!” น่านไงล่ะครับ ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกทั้งๆที่ผมก็แม่นขนาดนี้ เฮ้อ!

         “เป็นไรไปครับเจน” คนที่ตอนแรกโอบประคองผมอยู่ก็ผละออกไป ไม่ต้องถามว่าไปไหนก็ไปดูแม่คนที่เพิ่งจะล้มไปกองอยู่

ที่พื้น

         “เจนเจ็บข้อเท้าค่ะ โอ๊ย!!” มีเสียงร้องประกอบเพื่อความสมจริง

         “ผมขอดูหน่อยนะครับ คุณขาพลิกหนิครับ”

         “เหรอค่ะ โอ๊ย เจ็บจังเลยค่ะนอร์สไม่รู้ว่าจะเดินไหวรึเปล่า โอ๊ย”

         “ผมว่าเดี๋ยวผมนวดข้อเท้าคุณก็แล้วกับเผื่อจะดีขึ้น”

         “ค่ะ” แล้วนอร์สก็ลงมือนวดข้อเท้าให้กับยัยเจนสิญา ผมที่ยืนดูเหตุการณ์นี้ตั้งนานก็พอจะดูออกว่าอะไรเป็นอะไรเพียงแต่

ปล่อยไปก่อนเพราะผมอยากจะดูการเล่นชุดใหญ่ของผู้หญิงคนนี้สักหน่อยว่าจะมีอะไรเด็ดๆสักแค่ไหน เผื่อเข้าตาจะได้พามาเป็น

นักแสดงด้วย

         “เสร็จแล้วครับ ผมว่าเจนลองลุกเดินดูนะครับ”

         “ค่ะ” ว่าแล้วเธอก็พยายามที่จะลุกโดยมีนอร์สยืนประคองอยู่ข้างๆ

         “โอ๊ย! เจ็บค่ะนอร์ส เจนว่าเจนคงจะเดินไม่ได้นอร์สอุ้มเจนเข้าไปข้างในได้ไหมคะ” โหย แม่คุณมันจะมากไปแล้วนะ

ผมที่ยืนดูมาตั้งนานก็ขอออกโรงจัดการมารยาของเธอสักหน่อย ในเมื่อเล่นแบบนี้ผมก็ต้องเล่นแอด-วานซ์กลับไป จากนั้นผมจึง

ตัดสินใจ

         ฟรุบบบ!!

         “ไฟ!!!!” แล้วความรู้สึกต่อมาคือตัวเองเหมือนลอยหวือขึ้นมาเหมือนถูกใครอุ้มให้ลอย

         “นอร์สคะคุณมาช่วยเจนก่อนสิคะ เจนเจ็บขาอยู่นะคะ นอร์ส!!” และสิ่งต่อมาที่ผมรู้คือรู้ว่าตอนนี้ใครอุ้มผม

           คุณเจนครับคุณรู้รึเปล่าว่าผมเป็นผู้กำกับฉะนั้นคนที่ต้องตีบทบ่อยๆเพื่อสอนนักแสดงให้เข้าถึงอารมณ์มันจะเป็นใคร

ไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ผู้กำกับแนวหน้ามากความสามารถอย่างผม!! คารวะมาเป็นลูกศิษย์ผมตอนนี้ยังทันอยู่นะครับ

                       
         “ไฟครับ ไฟ” อืม เหมือนมีคนมาสะกิดเลยแฮะ วู้ คนกำลังหลับสบายได้ที่อย่าเพิ่งมาปลุกกันตอนนี้สิ กำลังฝันหวานเลย

ฝันว่านอร์สกำลังอุ้มซะด้วยสิ     

                   นอร์สกำลังอุ้ม

         “เฮ้ย!!” ผมสะดุ้งตัวตื่นทันทีหลังจากที่ระลึกได้ว่าตัวเองแกล้งเป็นลม จากนั้นนอร์สก็เป็นคนอุ้มมาขึ้นรถ จากนั้นเราก็หลับ

จริง คิดแล้วก็เขิน ตอนแรกว่าจะแค่แกล้งเป็นลมดูเหมือนว่าเราจะเล่นได้สมบทบาทนักแสดงตุ๊กตาทองจริงๆเอาซะหลับจริงเลย

แล้วคนข้างๆผมจะว่าไงเนี่ย

         “ไฟครับค่อยๆลุกสิครับ คุณเป็นลมนะเดี๋ยวก็หน้ามืดอีกรอบหรอก” นั่นสินะเราเป็นลมอยู่ ผมจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆไปให้อีกคน

แทน ว่าแต่ว่าตอนนี้ผมกับนอร์สเราอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ยเพราะจำได้ว่าขึ้นรถมาก็หลับเป็นตาย

         “อืม ว่าแต่ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันเหรอ” ผมหันไปถามนอร์ส

         “คอนโดไฟครับ พอดีนอร์สเห็นไฟเป็นลมเลยว่าจะพามาส่งที่นี่เลยไฟจะได้พัก”

         “ขอบคุณนะ”  ผมกล่าวขอบคุณก่อนที่จะเปิดประตูรถเพื่อเดินกลับเข้าไปพักผ่อนในคอนโด แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูรถ

สุดหรูก็มีอันทำให้หน้ามืดไปชั่วขณะ

         “ไฟครับ เป็นอะไรรึเปล่า” โชคดีที่ผมได้นอร์สช่วยดึงเอาไว้ไม่งั้นผมคงได้ล้มหน้าแหกหมอไม่รับเย็บอยู่ที่พื้นข้างรถของ

นอร์สแน่ๆ

         “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะนอร์ส มันวูบๆไงไม่รู้ดิ” อันนี้ของจริงครับไม่ได้อำเล่นหรือแกล้งแบบเมื่อครู่นี้ สงสัยผมคงจะหิวจัดเพราะ

ตั้งแต่เช้าอาหารยังไม่ตกถึงกระเพาะเลยสักมื้อเดียว

         “นอร์สว่าเดี๋ยวนอร์สพาไฟไปส่งที่ห้องดีกว่าเพราะถ้าไฟไปเองนอร์ส กลัวว่ามันจะต้องเป็นแบบเมื่อกี้นี้แน่ๆ” นอร์สว่า

ผมจะไปมีแรงเถียงอะไรได้ยังไงเพราะตอนนี้แค่นั่งหายใจยังดูเหมือนจะไม่รอด ถ้าขืนไปเองผมว่าสามวันก็คงจะไม่ถึงห้องแน่ๆ

ผมจึงพยักหน้าตกลงนอร์สจึงดึงประตูฝั่งผมให้ปิดลงเพราะเมื่อครู่ผมเปิดประตูเพื่อเดินออกแต่กลับหน้ามืดเสียก่อน

จากนั้นนอร์สจึงพารถสุดหรูคันนี้ไปจอดไว้ในที่จอดรถของคอนโดพร้อมกับเปิดประตูรถเพื่อพาผมเดินไปที่ห้อง
                       
           
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 1 290858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 29-08-2015 18:30:26
            คอนโดที่ผมอยู่นี้ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายนัก แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับคนที่จะอยู่มากกว่าเพราะอุปกรณ์

อำนวยความสะดวกที่มีอยู่นั้นก็มีครบครันเรียกได้ว่าไม่แพ้คอนโดหรูๆอย่างในเมืองสักเท่าไร ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับคอนโด

ของผมอยู่แถบชานเมือง แต่ถึงจะอยู่แถบชานเมืองแต่ก็ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองสักเท่าไรเพียงแต่ที่นี่เงียบสงบกว่าในตัวเมือง ไม่

ได้เต็มไปด้วยแสง สี เสียง เหมือนอย่างในกรุงฯที่ทุกๆวันไม่เคยได้หลับใหล จนชาวต่างชาติพากันเรียกว่า ‘ เมืองศิวิไลซ์ ’ นั่น

เอง

         “ค่อยๆนั่งนะไฟ” หลังจากที่นอร์สพาผมเข้ามาในห้องโดยมีผมเป็นผู้บอกทาง พอเข้ามาในห้องก็จัดแจงให้ผมนั่งลงตรง

โซฟาก่อนที่ตัวเองจะขออนุญาตผมเข้าไปหยิบแก้วน้ำในห้องครัว

         “นอร์สขอเข้าไปในครัวนะจะได้เอาน้ำมาให้ไฟนะ”

         “อืม ได้สิแก้วจะอยู่ในชั้นนะลองเปิดดู” ผมว่าก่อนที่อีกคนหายเข้าไปในครัว ส่วนผมก็เอนหลังลงกับโซฟาหน้าทีวี

         “น้ำเย็นๆกับยาแก้เวียนหัวมาแล้วครับ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นนอร์สเดินมาพร้อมกับแก้วน้ำเย็นกับเม็ดยาสีสวย

แต่รสชาติอย่างที่ว่าคงจะไม่ได้สวยเหมือนสี

         “ขอบคุณนะ ” ผมรับแก้วน้ำและยาจากนอร์สมากิน  แหวะ รสชาติยาไม่เห็นจะน่าพิศมัยเท่าไร

         “ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าเข้าสิไฟ ทานเถอะครับ ไฟจะได้หาย”

         “ก็ไฟไม่ชอบกินยาหนิไม่เห็นจะอร่อยตรงไหนเลย” ผมว่า

         “ครับๆไม่อร่อยก็ไม่อร่อย ไฟพักผ่อนเถอะนะเดี๋ยวนอร์สจะออกไปหาข้าวมาให้” นอร์สว่า ก่อนจะทำท่าผละจากผม แต่ด้วย

ความที่ผมไวกว่านอร์สจึงทำให้ผมคว้าข้อมือนอร์สไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไป

         “มีอะไรรึเปล่าครับไฟ หืม”

         “เอ่อ…” เอาแล้วสิ ผมจะบอกกับนอร์สว่าผมรั้งเขาไว้ทำไมทั้งๆที่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ารั้งเขาไว้ทำไม!!!

         “เอางี้เดี๋ยวนอร์สอยู่เป็นเพื่อนไฟจนกว่าไฟจะหลับก่อนก็ได้ พักเถอะครับ” ว่าแล้วนอร์สก็นั่งลงข้างๆผมก่อนที่จะหยิบ

หนังสือที่อยู่บนโต๊ะหน้าโซฟามาอ่านเล่นรอผมหลับแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมายิ้มบางๆให้กับผม ผมจึงเผลอส่งยิ้มกลับไปให้คนที่ส่ง

ยิ้มมาให้เมื่อครู่ก่อนที่จะรีบหุบยิ้มได้แต่ก้มหน้าอย่างเขินๆเพราะสัมผัสได้ถึงไอร้อนบริเวณใบหน้าซึ่งมันคงจะต้องแดงมากแน่ๆ

 ผมสลัดไล่ไอร้อนบนใบหน้าก่อนที่หนังตาหนักๆจะปิดลงพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

           ผมรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังจะเข้าสู่ห้วงความฝันและแน่นนอนมันต้องเป็นฝันที่ดีมากๆๆๆแน่ แต่แล้วผมก็สัมผัสได้ถึงมือ

หนานุ่มของใครบางคนกำลังลูบไล้อยู่บนเรือนผมแพรไหมสีน้ำตาลอ่อนของผม มือนั้นมันทั้งนุ่มและอบอุ่น

         “อืมม” ผมเผลอครางรับในลำคอกับสัมผัสอ่อนนุ่มที่ได้รับ แต่สัมผัสเมื่อครู่กับหายไปเสียแล้วหายไป สงสัยผมคงจะฝันไป

เองมากกว่า แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงที่ถูกเอื้อนเอ่ยถึงจะแผ่วเบาแต่ก็ชัดเจนในความรู้สึก

                                                                          ฝันดีนะครับไฟ   





                     
           ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบจะสองทุ่มก่อนจะลุกขึ้นนั่งบิดไล่ความขี้เกียจที่ก่อตัวขึ้น จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระ

ส่วนตัว พอรู้สึกว่าตัวเองสดชื่นจึงค่อยออกมาหาของกินในครัว แต่แล้วผมก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ว่ามีใครอีกคนที่อยู่ในห้องกับผมก่อน

หน้านี้ด้วย ผมจึงออกเดินหาทั้งในครัว ห้องน้ำก็ไม่พบจึงกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะหันไปเห็นกระดาษโน๊ตใบเล็กแปะอยู่

ข้างๆโซฟา ผมจึงหยิบโน๊ตนั้นขึ้นมาอ่าน

           ‘ไฟครับนอร์สมีธุระขอตัวกลับก่อนนะ นอร์สซื้อโจ๊กมาให้แล้วอยู่ในครัวแล้วก็อย่าลืมทานยานะครับ จะได้หายไวๆ^^

นอร์สเป็นห่วงนะแล้วก็..อย่าลืมฝันถึงนอร์สบ้างนะครับ ’ อ่านจบรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของผม ผมไม่รู้ว่ายิ้มอะไรแต่ที่รู้ๆมัน

คงจะอีกนานนะกว่าที่รอยยิ้มนี้จะหุบลง

















ตามาติดๆกับตอนที่ 2 จร้าาา ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 3 290858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 29-08-2015 19:16:58
                             แผนการร้ายครั้งที่ 3 : การที่เราตกหลุมรักนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแรงโน้มถ่วงของโลก

                  ถึงแม้ว่าตอนนี้จะปาเข้าไปวันใหม่แล้วผมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ไม่ว่าจะนอนนับแกะ จะอ่าน

หนังสือให้ง่วง ปิดไฟทั่วห้องนอน อาบน้ำให้สดชื่นร่างกายจะได้ผ่อนคลายไม่อึดอัดแล้วจะได้หลับฝันดีพร้อมกับฝันถึงเจ้าของ

โจ๊กรสเลิศเมื่อตอนเย็น

         “หลับสิไฟ หลับสิ มึงไม่อยากฝันถึงพ่อเทพบุตรสุดหล่อรากดินเหรอ ” ผมได้แต่บ่นกับตัวเองที่ตอนนี้ก็ได้แต่กลิ้งไปกลิ้ง

มาอยู่บนเตียงนอน จำได้คร่าวๆว่าตอนนี้ตัวเองจะกลิ้งอยู่ที่ประมาณรอบที่ล้านแปดและดูท่าว่าจะมีรอบที่ล้านเก้า!?

                ทำยังไงให้หลับซะทีนะ?? ได้แต่คิดอย่างนี้วนเวียนไปวนเวียนมาแต่ก็ยังคิดไม่ออกซะที แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไร

เตลิดเปิดเปิงจนลมปานเข้าแทรกและทำให้ตัวเองเสียสติ(ดูท่านายจะใกล้ขั้นบ้าแล้วนะไฟ)ก็มีเสียงโทรศัพท์ที่สั่นคล้ายแผ่นดิน

ขนาดย่อมสั่นไหว ผมจึงต้องสะบัดความคิดบ้าๆนี้ออกไปก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียง

         “ฮัลโหล สวัสดีครับไฟครับ” ผมกรอกเสียงลงไป

         “สวัสดีค่ะพี่ไฟ นี่ธีน่าเองนะคะ” ห๊า!!

         “ครับน้องธีน่า มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามปลายสายก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง

        โอ้!! พระเจ้าช่วยกล้วยทอดนี่มันปาเข้าไปตีสามแล้วเหรอเนี่ย ทำไมเรายังไม่หลับไม่นอนอีกเนี่ย แล้วน้องธีน่าโทรมาทำ

อะไรเอาป่านนี้

         “มีสิคะ คือธีน่าอยากจะถามพี่ไฟว่าแผนของธีน่าสำเร็จไหมคะ” จะว่าไปเมื่อตอนกลางวันของเมื่อวานผมตกลงที่จะยอมทำ

ตามแผนของน้องธีน่าเพื่อพิชิตใจนายนอร์ส

         “ก็ดีครับ”

         “ก็ดี ก็ดียังไงคะ ขอแบบละเอียดๆอ่ะค่ะนะคะพี่ไฟเล่าให้ธีน่าฟังหน่อยนะ ธีน่าจะได้มีกำลังใจคิดแผนต่อไปไงคะ” ยังมี

แผนอีกเหรอครับ!! เอากับคุณน้องธีน่าเถอะครับ เอาคุณพี่ไฟใส่พานถวายคุณพี่ชายเลยไหมครับ

         “แหม น้องธีน่าครับจับพี่ใส่พานถวายพี่ชายเลยดีไหมครับ” ผมเอ่ยแซวแต่ก็ยังได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะสนุกสนานเหมือนกับ

เจอมุกตลกก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส

         “เอาอย่างนั้นก็ได้นะคะ ว่าแต่พี่ไฟจะโอเครึเปล่าคะเพราะธีน่ากับพี่นอร์สเซย์เยสไม่เซย์โนแน่นอนค่ะ” พี่ประชดครับ!!

         “พี่ไม่เอาด้วยหรอกนะครับ น้องธีน่าก็นะก็ดูแต่ละแผนของน้องธีน่าสิครับ…..”

         “ทำไมคะแผนของธีน่าทำไมเหรอ” ก็จะให้พี่ตอบน้องธีน่ายังไงได้ล่ะครับว่าแต่ละแผนของน้องทำเอาพี่ไปไม่ถูกทั้งเขิน

ทั้งอาย เกิดมาจนอายุป่านนี้เต็มที่ก็ได้แค่นั่งเฉยๆแล้วก็ส่งยิ้มแต่นี่เมื่อวานนี้พี่ถึงกับต้องเล่นใหญ่อย่างที่ไม่เคยทำจะไม่ให้พี่อาย

 พี่เขิน พี่ไปไม่เป็นก็ยังไงๆอยู่นะ

         “เอ่อ…” ผมอ้ำอึ้ง

         “หรือว่าพี่ไฟเขิน??” ก็ใช่น่ะสิครับ

         “เปล่าครับ ว่าแต่เราเถอะโทรมาหาพี่มีอะไรรึเปล่า” ผมรีบโยงเข้าเรื่องก่อนที่มันจะออกทะเลไปไกล

         “คือธีน่าจะมาบอกแผนต่อไปของเรากันค่ะ”

         “แผนต่อไป??”

         “ค่ะ แผนแรกที่เราวางกันเอาไว้ก็ใช้ได้ผลนั่นก็คือการทำความรู้จักกันให้มากขึ้นใช่ไหมคะ”

         “ครับ”

         “ฉะนั้นแผนที่สองของเราก็คือการสร้างความสนิทชิดเชื้อกันค่ะ”

         “แต่พี่กับนอร์สเราก็สนิทกันแล้วนะ” นั่นน่ะสิครับผมกับนอร์สเราก็รู้จักกันแล้ว สนิทกันก็ระดับหนึ่งยังจะต้องมาทำความ

สนิทกันอีกเหรอ

         “แหม มีเรียกชื่อกันด้วยน่ารักดีแฮะ”

         “น้องธีน่า” เฮ้อ!!ยังมาแซวผมอีก ผมเลยต้องดุเธอเบาๆแต่เธอกลับหัวเราะใส่ผมซะงั้น

         “โอ๋ๆขอโทษค่ะ ถึงแม้ว่าพี่ไฟกับพี่นอร์สสนิทกันแล้วก็จริงแต่นั่นมันคือการสนิทกันแบบเปลือกนอก” มีงี้ด้วยแฮะ

         “แล้วพี่ต้องสนิทกับนอร์สยังไงล่ะครับถึงจะได้ไม่เรียกว่าแค่เปลือกนอก” ผมว่า

         “ก็ต้องใช้เวลาร่วมกันไงคะ อย่างเช่นใช้เวลาร่วมกันแบบดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว ช้อปปิ้ง เดินเล่น อะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ”
 
         “อืม…พี่จะลองดูนะครับ ใช่สิพอดีวันนี้พี่กับนอร์สเรานัดกันแคสนักแสดงด้วยพี่อาจจะใช้เวลาหลังจากที่แคสนักแสดงเสร็จ

ไปสร้างความสนิทชิดเชื้อกัน” เหมือนโชคจะเข้าข้างเลยครับเพราะว่าวันนี้ผมกับนอร์สเราต้องไปหานักแสดงเพื่อมาเล่นในซีรีย์

ชุดนี้ที่ผมจะนำมาทำภาพยนตร์และหลังจากที่หานักแสดงได้แล้วเราทั้งคู่ก็คงจะพอมีเวลาว่างอยู่บ้าง

         “ดีเลยค่ะพี่ไฟ โชคดีนะคะ สู้ๆค่ะเรื่องคืบหน้าอะไรยังไงก็โทรมาเล่าด้วยนะคะ เฮ้อ แค่คิดก็ฟินไปอีกสามโลก ธีน่าขอตัว

ไปนอนต่อนะคะพอดีว่าอยากรู้เรื่องของพี่ๆมากเกินไปจนอดใจให้ถึงเช้าไม่ไหว แหะๆ”

         “ครับ ฝันดีนะครับ” ที่แท้ก็อยากรู้รเองเรากับนอร์ส จริงๆเล้ยยย

         “ฝันดีนะคะ อย่าลืมฝันถึงพี่นอร์สสุดหล่อด้วยนะคะ บายค่ะ” พูดจบน้องธีน่าก็วางสายไป อะไรกันสองพี่น้องบอกให้เราฝัน

ถึงนอร์สอยู่ได้เดี๋ยวพ่อก็ฝันถึงให้ดูเลยซะนี่!!




                         
               กว่าผมจะตื่นก็ปาเข้าไปพระอาทิตย์ชี้ตรงศีรษะพอดิบพอดี หลังจากที่วางสายจากน้องธีน่าไปได้สักพักผมจึงล้มตัว

ลงนอนและแน่นอนผมไม่ได้ฝันถึงนอร์สจะให้ผมฝันถึงนอร์สได้ยังไงก็ในเมื่อทั้งคืนผมไม่ได้นอนซะขนาดนั้นคงจะฝันดีหรอกนะ

คิดแล้วก็เซ็งเป็ดตัวเองไม่หาย เฮ้อ! ไม่เป็นไรไม่ฝันถึงก็ไม่เป็นไรเจอตัวจริงเลยก็แล้วกันนะ

           ผมขับรถมาด้วยความเร็วมาตรฐานและแน่นนอนว่ามาตรฐานนั้นมันคือมาตรฐานของผมซึ่งมันอยู่ที่ 180กม./ชม.ไม่

ตายกลางสี่แยกก็นับว่าบุญเท่าไรแล้วก็จะไม่ให้ผมเหยียบเกือบมิดก็ไม่ได้ก็ในเมื่อพี่ชายของผมมา!! แต่ไม่ต้องแปลกใจเพราะ

ไหนผมบอกว่าเป็นลูกคนเดียวแล้วจะมีพี่ชายได้ยังไง มีได้ก็แล้วกันล่ะครับพี่น้องก็ในเมื่อพี่ชายผมเป็นลูกบุญธรรมของป๊ากับม๊า

ซึ่งท่านทั้งสองเข้าใจว่าชาตินี้ตัวเองคงจะไม่มีลูกเลยไปรับพี่ชายของผมมาเป็นลูกบุญธรรมซะเลย แต่วันดีคืนดีเทวดาท่าน

เมตตาเลยประทานลูกน้อยกลอยใจหน้าตาดีคนหนึ่งมาให้ซึ่งเด็กหน้าตาดีเทวดาเรียกพี่คนนั้นก็คือตัวผมไงล่ะครับ

         “พี่ลม!!” เมื่อมาถึงที่ทำงานผมรีบหาที่จอดรถแล้วรีบวิ่งขึ้นมาก่อนเปิดประตูบริษัทแล้วพบใครอีกคนที่นั่งคอยผมอยู่ในห้อง

ทำงานและพอรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครผมก็รีบโผเข้ากอดด้วยความดีใจ

         “โอ๊ย!เบาๆหน่อยน้องไฟกอดทีกระดูกพี่ร้าวไปถึงไส้ติ่ง” พี่ลมเอ็ดผมหลังจากที่ผมผละออกจากพี่ลมแล้วพาพี่แกไปนั่งที่

โซฟาตัวยาวในห้องทำงาน

         “ก็คนมันคิดถึงนี่ไปอยู่เมืองนอกซะนานคนที่อยู่ทางนี้คิดว่าลืมกันไปแล้วซะอีก” ผมว่าพลางน้อยใจ ก็จะไม่ให้น้อยใจได้ยัง

ไงก็พี่ชายตัวดีนี่สิทิ้งน้องนุ้งไปเป็นดาราฮอลลีวูดที่เมืองนอกปล่อยให้ใครบางคนที่อยู่ที่นี่คิดถึงกันเป็นว่าเล่น

         “โอ๋ๆทำเป็นน้อยอกน้อยใจเป็นเด็กเล็กๆไปได้นะเราพี่ไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อยเห็นไหมเนี่ยไปแป๊บเดียวก็กลับมา

แล้ว”

         “แป๊บเดียวของพี่นี่มันตั้ง 3 ปีเชียวนะ” เพราะถ้านับดูแล้วพี่ไฟก็ไปเมืองนอกตั้งแต่ผมเพิ่งจะจบใหม่ๆ

         “ฮ่าๆๆเอางี้เดี๋ยววันนี้อยากกินอะไรพี่เลี้ยงเต็มที่” พี่ลมว่า ผมรีบพยักหน้าตกลงทันทีของฟรีหนิครับ แหะๆ

         “ขี้งกเหมือนเดิมน้องเรา” พี่ลมบ่นพลางบีบจมูกผม ผมก็ได้แต่ทำหน้ายู่ใส่

         “ไม่ได้งกสักหน่อยเขาเรียกว่ามีการวางแผนในการใช้จ่ายที่ดีและมีความรอบครอบ” เห็นมะบอกแล้วไม่ได้งกพี่ลมนั่นล่ะที่

เรียกผิด

         “โอเคๆไม่งกก็ไม่งก” ผมกับพี่ลมเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่เรื่องที่ผมเรียนจบพี่ลมไปทำงานที่ต่างประเทศและงาน

ใหม่ที่ผมได้รับกับการใช้ชีวิตของพี่ลมตอนอยู่เมืองนอกเล่าไปก็ขำไปเพราะต่างคนต่างเลือกแต่เรื่องราวเจ๋งๆมาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง

กันอย่างสนุกสนาน มีบ้างที่บางครั้งผมก็โดนพี่ลมเอ็ดในบางเรื่องที่ผมวู่วามใจร้อนเกินไปดีที่มีไอ้วีคอยช่วยเตือนสติอยู่ ผมเองก็

เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าไม่มีไอ้วีเพื่อนรักก็คงจะไม่มีนายไฟสุดหล่อคนนี้เหมือนกัน พูดแล้วก็คิดถึงเพื่อนเพราะตั้งแต่ที่ผมเข้า

บริษัทมาทุกครั้งจะต้องเจอไอ้วีก่อนเป็นคนแรกแต่นี่แม้แต่เงาก็ยังไม่เห็น

         “เฮ้ยไอ้ไฟคุณนอร์สมาให้มึ-” นั่นไงครับพูดยังไม่ทันขาดครับเสียงเรียกก็มาพร้อมกับบานประตูห้องถูกเปิดออก แต่แล้ว

เสียงเรียกก็ดันหยุดชะงักขึ้นมาเสียดื้อๆ และผมก็พอจะรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

         “วี” ผมได้ยินเสียงพี่ลมเรียกไอ้วีแผ่วเบาก่อนที่จะหลุบตาลงพร้อมกับหันไปให้ความสนใจกับแจกันที่โต๊ะด้านหน้าของ

โซฟาตัวเก่งของผม

         “เอ่อ..มีอะไรวะไอ้วี” ผมถามไอ้วีที่ตอนนี้ยืนหน้าไม่รับแขก ผมสังเกตเห็นไอ้วีมองมาที่พี่ลมเล็กน้อยก่อนที่ประกายตาจะ

ไหววูบลงซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร

         “คุณนอร์สมาหามึงเขาบอกให้มึงไปแคสนักแสดงกับเขาตอนนี้เขานั่งคอยอยู่ที่ด้านนอก กลับมาแล้วเหรอ” ไอ้วีหันมาบอก

ผมก่อนประโยคสุดท้ายที่จะหันไปถามคำถามกับคนข้างๆผม

         “อืม สักพักแล้วล่ะ” พี่ลมเงยหน้าขึ้นมาบอกไอ้วีก่อนที่จะหลุบตาลงเหมือนเดิม ผมที่ไม่ชอบไอ้บรรยากาศมาคุแบบนี้เลย

ขอเป็นคนทำลายมันซะเอง ผมจึงบอกให้พี่ลมไปพักผ่อนที่คอนโดก่อนจะไล่ไอ้วีให้ไปรับรอง

นอร์สด้านนอก
                   
         “สวัสดีครับไฟรู้สึกดีขึ้นรึยังครับ” พอผมเดินออกมาด้านนอกหลังจากที่เคลียร์กับพี่ลมและไอ้วีได้แล้วก็ออกมาหาอีกคนที่

รอพบอยู่และพอเห็นหน้าผมก็ถามถึงไอ้อาการหน้ามืดเมื่อวานนี้ แต่หัวสมองดันพลันไปนึกถึงข้อความในกระดาษโน๊ตซะนี่ก็เล่น

เอาผมวางหน้าไม่ถูกก็เลยส่งยิ้มให้แทนเป็นอันรู้กันว่าผมสบายดีแล้ว แต่ไอ้อาการที่แสดงออกไปคงจะไม่พ้นไอ้เพื่อนตัวดีที่

สะกิดยิกๆอยู่ข้างๆ

         “คุณมึงเป็นอะไรไม่ทราบเมนส์ไม่มาเหรอถึงได้รู้สึกไม่ดี” ไอ้เพื่อนรักถ้าคุณมึงจะถามก็ขอคำถามที่มันสร้างสรรค์สังคม

ไทยเสียบ้าง ผู้ชายบ้านบรรพบุรุษคุณมีเมนส์ได้กระมังครับถามไม่ดูเลย

         “คุณกูก็ไม่ได้เมนส์มาเพียงแต่หน้ามืดนิดหน่อยคุณนอร์สเขาช่วยไว้เลยถามถึงเชยๆ” เหนื่อยจริงไรจริงที่มีเพื่อนอย่างไอ้

คุณปฐวี

         “อ้อ แล้วไปนึกว่าปวดหัวตัวร้อนนอนไม่หลับกระสับกระส่ายไอเป็นเลือดเหงือกพังตังค์หมด” โห คุณเพื่อนครับถ้าจะให้

เป็นกันขนาดนี้ไม่จองวัดแล้วเผาไอ้ไฟไปเลยเหรอครับ

         “ถ้ากระผมเป็นขนาดนั้นคุณมึงไม่จองวัดแล้วเผาคุณกูเลยล่ะครับ” ผมว่า

         “เอาไหมไอ้ไฟเดี๋ยวกูโทรไปจองวัดกับหลวงพอท่านจะได้ลัดคิวให้ คืนแรกเอาไรดีข้าวต้มหรือกระเพาะปลา” ยังไม่จบอีก

นะครับไอ้คุณวีในเมื่อส่งมุกนี้มาคุณเพื่อนไม่รับต่อก็กระไรอยู่ผมจึงยอมเล่นไปตามน้ำทั้งๆที่มีอีกคนนั่งฟังอยู่ด้วยซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่

ได้ว่าอะไรมีบ้างที่หันมายิ้มกับมุกที่พวกผมสองคนเล่น

         “คุณกูว่าขอกระเพาะปลาดีกว่าต้องน้ำแดงด้วยนะ พอๆเลยมึงเยอะแล้วเนี่ยไอ้วีคุณนอร์สเขารำคาญเราสองคนจะแย่แล้ว”

 ผมว่าพร้อมบอกหยุดไอ้มุกบ้าๆนี้ขืนถ้าเล่นต่อคงจะอีกยาว

         “ไม่เป็นไรหรอกครับสนุกดีออกไม่คิดเลยนะครับว่าไฟจะมีมุมนี้ด้วย น่ารักดี” โอ๊ย!โดนเข้าไปอีกหนึ่งดอกละลายเลยเรา

         “น่ารักอะไรเล่าไหนว่ามาคุยงานไงมีไรก็ว่ามาสิไฟไม่ว่างทั้งวันนะ” ผมรีบเข้าเรื่องก่อนที่ตัวเองจะได้ละลายจริงๆ

         “แต่วันนี้มึงว่างนะไอ้คุณไฟว่างทั้งวันด้วย” ไอ้วีตอบ ถ้ามึงไม่พูดจะดีมากนะไอ้คุณเพื่อน

         “หึๆ” ส่วนอีกคนก็นั่งอมยิ้ม เอ้าเอากันเข้าไปต้องให้ผมองค์ลงก่อนใช่ไหมถึงจะได้เลิกแกล้งกันเนี่ย!?
                         
         “ผมว่าคนนี้เหมาะที่จะไปเล่นเป็นเพื่อนพระเอกมากกว่านะครับ” หลังจากที่ผมกับนอร์สคัดนักแสดงกันโดยดูจากรูปถ่าย

ใช่แล้วล่ะครับฟังกันไม่ผิดหรอกผมดูจากรูปถ่ายดารากันเลยเพราะนักแสดงที่ผมกับนอร์สเราเลือกๆกันไว้ส่วนใหญ่เป็นคนในวง

การบันเทิงมีชื่อเสียงเรื่องการแสดงเป็นต้นทุนอยู่แล้วทำให้ผมไม่ต้องไปนัดเจ้าตัวให้มาหาเพื่อดูฝีมือการแสดง เพียงแต่ถ้าผม

กับนอร์สและแน่นอนพ่วงไอ้วีไปด้วยถูกใจคนไหนก็ลองวางคาแรกเตอร์ของตัวละครกับนักแสดงคนๆนั้นถ้าเหมาะก็ค่อยติดต่อกับ

ทางผู้จัดการส่วนตัวถ้าวางตัวละครแล้วไม่เหมาะกับคนนั้นก็อาจจะลองเปลี่ยนตัวหรือเปลี่ยนตัวละครไปเลยซึ่งผมว่ามันก็ง่ายดี

แต่ปัญหาตอนนี้เรายังหาพระเอกไม่ได้ส่วนตัวละครอื่นๆเราเลือกกันเอาไว้จนครบแล้ว เฮ้อ!แค่เรื่องแรกยังวุ่นวายขนาดนี้แล้วนี่มี

ตั้งสามผมว่าถ่ายทำเสร็จคงจะขอพักร้อนตัวเองยาวเลยล่ะ

         “จริงด้วยไฟก็เห็นด้วยกับวีนะ”

         “ก็ตามนั้นนะครับ” นอร์สบอกก่อนจะพลิกดูรูปดาราแต่ละคนเพื่อดูว่าจะพอมีใครสักคนที่เหมาะจะรับบทพระเอกของเรื่องนี้


         “ไฟว่านะที่เราดูๆกันมายังไม่ค่อยโอเลยอ่ะไม่มีใครเหมาะที่จะรับบทพระเอกเลย” ผมว่า หลังจากที่ดูรูปนักแสดงผ่านไป

หลายรอบก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหาคนที่เหมาะจะมารับบทบาทสำคัญบทนี้

         “แต่วีพอจะรู้แล้วล่ะว่าใครจะมารับบทพระเอกเรื่องนี้” หืม? ใครกัน

         “ใครเหรอครับคุณปฐวี” นอร์สที่นั่งเลือกรูปนักแสดงปิดรูปพวกนั้นลงก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับไอ้วีที่พอจะรู้ว่าใคร

เหมาะที่จะมาเป็นพระเอกที่พวกผมช่วยกันหาแทบตายแต่ก็ไม่เจอสักที

         “ก็คุณวายุภัคไง” ห๊า!!!หูผมไม่ดีหรือไอ้วีกินยาลืมอ่านวันหมดอายุ พี่ลมเนี่ยนะ พระเจ้า!! งานงอกแน่ๆ

                       
         “เฮ้อ!” ผมนั่งถอนหายใจกับตัวเองรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้เพราะตั้งแต่ที่ผมขับรถออกมาหาอาหารกลางวันทานผมก็นั่งถอน

หายใจแบบนี้มาเรื่อย ไอ้วีมันคิดอะไรพิเรนท์ๆแน่ๆถึงได้ให้พี่ลมมาแสดงเรื่องนี้ ผมก็พอจะรู้ว่าสองคนนี้ไม่ค่อยจะถูกกันแต่ก็ไม่รู้

ว่าไปทะเลาะกันตั้งแต่เมื่อไรเพราะพอผมเรียนจบทั้งคู่ก็ดูจะตึงๆใส่กันแล้วไม่กี่วันหลังจากนั้นพี่ลมก็บินไปต่างประเทศ แต่ก่อน

หน้านั้นทั้งคู่ก็ดูจะสนิทกันดีนะ เฮ้อ!ช่างเถอะมาคิดเรื่องของตัวเองดีกว่า

         “เฮ้อ!ไอ้ไฟเรื่องตัวเองยังคิดไม่ตกยังจะไปคิดเรื่องของชาวบ้านเขาอีก” ผมบ่นกับตัวเองเพราะหลังจากคุยงานกันเสร็จผม

ว่าจะชวนนอร์สไปกินข้าวกันแต่แม่เจนสิญาดันโทรมาบอกว่าจะไปทานข้าวกลางวันด้วยและนอร์สก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่

ปฏิเสธหญิงสาวและนี่จึงเป็นเหตุให้ผมต้องมานั่งกินข้าวคนเดียว เฮ้อ!

         “ถอนหายใจบ่อยๆทำให้เม็ดเลือดแดงตายไปเจ็ดตัวนะครับ” หืม?เสียงคุ้นๆ ผมจึงหันไปมองเจ้าของเสียง

         “นอร์สมาได้ไงเนี่ย”

         “ขับรถมาไงครับคิดว่านอร์สหายตัวได้เหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์เหรอครับ” แหมะ คนเขาถามดีๆยังจะตอบกวนอีก

         “รู้น่าว่าขับรถมาแล้วไม่ไปกินข้าวกับคุณเจนสิญาเหรอ” นั่นน่ะสิครับไหนบอกว่าไปกินข้าว กินข้าวอะไรจะเร็วขนาดนั้น

         “พอดีว่าเจนเขาติดธุระเข้ามาด่วนนอร์สก็เลยไม่ได้ไปกินข้าวด้วย ทำไมเหรอครับหรือว่าไฟหึง”

         “ไม่ได้หึง!เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ผมตอบ

         “แล้วอยากเป็นรึเปล่าครับ” นอร์สว่า

         “ก็อยากให้เป็นรึเปล่าล่ะ” รู้สึกว่าตัวเองจะใจกล้าหน้าด้านเพราะอีกคนที่ได้ยินผมย้อนถามก็ได้แต่ยืนอึ้งๆอยู่ที่เดิม

         “ล้อเล่น มาๆนั่งก่อนสิ” ผมบอกก่อนจะชวนให้อีกฝ่ายนั่ง นอร์สจึงเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับผม

         “นอร์สคิดว่าไฟจะจริงจังซะอีก” เอ่อ..สงสัยผมคงหูฝาด เปลี่ยนเรื่องเถอะนะ

         “แล้วเมื่อกี้ที่บอกว่าถอนหายใจบ่อยๆเม็ดเลือดแดงจะตายเจ็ดตัวพูดจริงป่ะเนี่ย” ผมถามเพราะตอนที่นอร์สเดินมาหาเขา

เอ่ยบอกผม

         “จริงสิครับหรือไฟไม่เชื่อ?” นอร์สถามท่าทางสงสัยพร้อมกับหันไปเรียกเด็กเสิร์ฟของร้าน

         “ไม่เชื่อ นอร์สเป็นหมอเหรอที่บอกแล้วไฟต้องเชื่อ”

         “ถ้านอร์สบอกว่าใช่แล้วไฟจะเชื่อรึเปล่า”

         “อืม ขอคิดดูก่อน นี่นอร์สหมอมักจะบอกว่าการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพใช่ป่ะ”

         “ครับ” ดูนอร์สจะงงๆกับคำถามที่ผมถามแต่ก็ยังตอบรับ เข้าทางแผนที่สองของผมแล้ว

         “อืม งั้นถ้าอยากให้ไฟเชื่อว่านอร์สเป็นหมอก็มาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะข้างคอนโดไฟเย็นนี้สิว่าได้ผลรึเปล่าแล้วไฟ

ถึงจะเชื่อ”


                         
               บรรยากาศยามเย็นมีลมพัดไหวอ่อนๆพอให้ต้นไม้ได้พลิ้วไหวตามแรงลมจัดได้ว่าเป็นเวลาดีที่เหล่านักออกกำลังกาย

เพื่อสุขภาพจะมาทำกิจกรรมกันเป็นอย่างยิ่ง บางคนเลือกที่จะปั่นจักรยาน เดินเล่นกับกลุ่มเพื่อนๆ วิ่งกับแฟนหรือจะพาสัตว์เลี้ยง

มาวิ่งเล่นเป็นเพื่อนสำหรับคนที่ยังไม่มีคู่หรือจะเป็นอากงอาม่าที่มารำไทเก็กกันที่ลานกว้างไม่ก็แอโรบิคแดนซ์กับพวกชอบเต้น

แต่สำหรับผมที่จะมาออกกำลังกายในวันนี้ไม่ได้มากับเพื่อนหรือแฟนเพียงแต่มากับ ‘คนพิเศษ’

         “ขอโทษนะครับไฟที่นอร์สมาช้า” วันนี้ผมชวนนอร์สมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ๆคอนโดผมซึ่งทำให้ผมได้เห็น

การแต่งตัวอีกแบบที่ดูดีไม่แพ้ทุกวันที่เห็น กางเกงกีฬาสีพื้นคลุมเข่ากับเสื้อโปโลสีเทา ผ้าใบสีดำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กพาด

คอดูเหมาะกับการมาออกกำลังกายยามเย็นเสียจริงๆ

         “ไม่เป็นไรหรอกไฟก็เพิ่งจะมา” ถึงแม้สวนสาธารณะจะใกล้กับคอนโดผมแต่ผมก็เสียเวลาไปกับการแต่งตัวซะมากกว่าจึง

ทำให้ผมมาช้า วันนี้ผมก็มาเต็มเหมือนกันกางเกงกีฬาขายาวสีเทากับเสื้อสีโอโรสพร้อมกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจสีเทาแล้วก็ไม่ลืมผ้า

ขนหนูซับเหงื่อ

         “วันนี้จะออกกำลังกายอะไรดีครับปั่นจักรยาน เดินหรือวิ่งดีครับ”

         “เดินดีกว่าเพราะช่วงหลังๆไฟไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกลัวร่างกายจะปรับไม่ทัน” จริงครับเพราะเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งผมไม่ได้

ออกกำลังกายมาสามวันมาออกอีกทีหืดขึ้นคอเลยล่ะครับตั้งแต่นั้นมาผมก็ใช้วิธีปรับสภาพก่อนแล้วค่อยพิ่มระดับไป

         “ก็ได้ครับเดินรับลมเย็นๆแบบนี้ดีต่อสุขภาพปอด ปอดจะได้รับออกซิเจนบ้าง”
           
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 3 290858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 29-08-2015 19:20:23
            สวนสาธารณะแห่งนี้จะว่ากว้างก็กว้างจะว่าแคบก็แคบเพราะตอนนี้ผมกับนอร์สเดินรอบสวนมาได้ห้ารอบแล้วยังไม่รู้สึก

เหนื่อยเลย ผมจึงหาข้อสรุปให้กับตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะสวนสาธารณะแคบหรือมีคนที่ชอบเดินอยู่ข้างๆมันจึงทำให้ทำอะไรก็

รู้สึกดีไปหมด ก็อย่างว่านะครับมีคนเขามักบอกกันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วกว่าเวลาแห่งความทุกข์แต่ผมว่ามันก็จริง

ส่วนหนึ่งผิดส่วนหนึ่งจริงตรงที่ว่าเวลาเราสุขเวลามักหมดเร็วแต่ผิดตรงที่ถึงเวลาจะหมดเร็วแต่เราก็ยังได้ใช้เวลาร่วมกันกับความ

สุขนั้น

         “เหนื่อยรึยังครับไฟ” นอร์สหันมาถามเพราะตอนแรกผมบอกไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแต่นี่ก็เดินไปซะหลายรอบ

         “ยังเลยหรือว่านอร์สเหนื่อย ถ้าเหนื่อยจะพักก็ได้นะ” ผมว่าแต่อีกคนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

         “เปล่าหรอกนอร์สแค่ถามดูเฉยๆกลัวว่าไฟจะเหนื่อย”

         “ไม่เหนื่อยหรอกแต่ถ้าจะพักก็ดีเพราะไฟเริ่มหิวน้ำแล้วล่ะ” ใช่แล้วล่ะครับไม่เหนื่อยแต่หิวน้ำมากกว่า

         “งั้นไฟไปนั่งพักที่ม้านั่งตรงนั้นก่อนนะเดี๋ยวนอร์สไปหาน้ำมาให้”

         “อืม ขอบคุณนะ” ผมจึงเดินไปนั่งที่ม้านั่งตามที่นอร์สบอกก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งไปหาน้ำมาให้

         “ใช่ไฟใช่ไหม?” หืม ใครกันหน้าคุ้นๆเดินเข้ามาทัก

         “เมฆ?” ผมเลยลองเสี่ยงเรียกชื่ออีกคนดูซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มออกมาที่ผมทักถูก


         “ไฟจริงๆด้วยเป็นไงบ้างสบายดี?”

         “อืมสบายดี แล้วเป็นไงมาไงเนี่ยไหนบอกว่าจะไปอยู่เมืองนอกไงหรือว่าเขาไล่กลับไทย” ผมทักทายเพื่อนเก่า ไอ้นี่ชื่อเมฆ

ครับเป็นเพื่อนสมัยมัธยมอยู่ห้องเดียวกันสนิทพอๆกันกับไอ้วีแหละครับแต่ไอ้เมฆเนี่ยพอจบ

ม.ปลายแม่มันก็ให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ มันร้องไห้แทบตายเพราะมันมีคนที่ชอบอยู่แล้วแต่ต้องมาไปต่างประเทศส่วนผู้หญิง

คนที่มันชอบก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็รุ่นน้องโรงเรียนข้างๆเพราะตอนมัธยมพวกผมเรียนชายล้วนกันแต่ก็ยังมีโรงเรียนหญิงล้วนอยู่

ข้างๆจึงพอทำให้ไอ้พวกแสบๆไม่ต้องมองแต่หัวเข่าด้านๆได้มองหัวเข่าขาวๆได้กระชุ่มกระชวยปอดกันหน่อย

         “ยังเว้ยแต่ที่กลับมาเนี่ยมาแต่งเมีย”

         “เฮ้ยใครวะ”

         “ก็รุ่นน้องคนนั้นไง น้องกิ่งอ่ะ” โอโหมันยังคบกันอยู่อีกเหรอเนี่ยถึงขั้นแต่งงานกันด้วย

         “แล้วนี่มึงแต่งกันเมื่อไรแต่งกันยัง”

         “เมื่อสองวันก่อนเนี่ยว่าจะพามาเดินเล่นก่อนกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นเลย”

      “โชคดีนะเพื่อนมีความสุขมากๆล่ะ โทษทีที่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่ก็ขอให้มีลูกเร็วๆล่ะ” 

         “เออๆขอบคุณไปก่อนนะเมียคอยนานแล้วเดี๋ยวจะคิดถึง” ไอ้เมฆว่าก่อนจะรีบวิ่งไปหาเมียสุดที่รักมันที่ตอนนี้โทรตามยิกๆ

 ทุกคนแต่งงานกันไปหมดแล้วเมื่อไรจะถึงทีผมบ้างนะ

         “น้ำมาแล้วครับ” แหม คิดถึงเรื่องแต่งงานว่าที่เจ้าบ่าวก็มาซะแล้ว

         “ขอบคุณนะ” ผมรับขวดน้ำมาจากนอร์สก่อนที่อีกคนจะนั่งลงข้างๆกัน

         “เพื่อนเหรอครับ” นอร์สถามแต่สายตากลับมองไปทางอากงอาม่ารำไทเก็ก

         “อืม หึงเหรอ” ผมเล่นมุกเมื่อกลางวัน

         “แล้วอยากให้หึงรึเปล่าล่ะ” แหนะๆ

         “ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันหนิ” ตามน้ำครับๆ

         “แล้วอยากให้เป็นมากกว่านั้นรึเปล่าล่ะ” ตอนนี้นอร์สไม่ได้ดูอากงอาม่าแล้วแต่หันกลับมามองหน้าผมตรงๆ เอ่อ พอโดน

เองมันจักกะจี้ยังไงไม่รู้ดิแปลกๆอ่ะ

         “ไม่รู้” ผมตอบเสียงเบาก่อนหลุบตาลงมองขวดน้ำในมือ นอร์สค่อยๆดึงขวดน้ำในมือผมออกก่อนที่ผมจะหันมองไปตาม

ขวดน้ำที่ถูกดึงไปแต่ก็ไปปะทะกับดวงตาคู่คมที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว

         “เอ่อ…” เมื่อความเงียบเข้าปกคลุมผมก็พยายามใช้หัวสมองอันชาญฉลาดของตัวเองคิดหาทางออกแต่ก็คิดได้สุดๆก็เป็น

คำว่าเอ่อ คำเดียวเท่านั้นเพราะดวงตาคมเข้มที่อยู่ตรงหน้าผมนี่สิกลับสะกดผมให้ตรึงอยู่กับที่แต่มันก็เหมือนว่าจะมีแรงดึง

ดูดมหาศาลอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน เพราะตอนนี้ใบหน้าของเราทั้งคู่ใกล้กันมากจนลมหายใจร้อนของอีกฝ่ายรินรดอยู่บนใบหน้า

 เอาเข้าจริงผมกลับประหม่าอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนข้างหน้าหรือเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสานกันจนเป็นจังหวะ

เดียวกันนี่น่ะหรือที่เขาเรียกว่า ‘ใจตรงกัน’ ผมจึงพริ้มตาหลับรอรับสัมผัสที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าและไม่นานผมก็สัมผัสได้ถึง

ความนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปาก

    มันแผ่วเบาแต่หนักแน่นในความรู้สึก

   มันนุ่มละมุนแต่ก็ลึกซึ้งในความหมาย

   มันชั่วครู่แต่เหมือนเนิ่นนาน

       สำหรับแค่นี้ก็คงจะเพียงพอแล้วสินะกับการทำความรู้จักกันมากขึ้นเพราะมันมากเกินความคาดหมายสำหรับตัวผม

จริงๆ……….












และตอนที่ 3 ก็ตามมาติดๆอีกเช่นกัน ไว้เจอกันพรุ่งนี้ในตอนที่ 4-6 นะคะ วันนี้บายยยค่ะ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 3 290858
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 30-08-2015 07:28:02
 :pig4: รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 3 290858
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-08-2015 09:24:24
นอร์สตั้งใจเดินตกลงมาในหลุมรักที่พี่ไฟกับน้องธีน่าขุดเอาไว้เองใช่ไหมเนี่ย :-[
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 4 300858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 30-08-2015 19:10:47
                                            แผนการร้ายครั้งที่ 4 : วันใหม่มักมาพร้อมกับพลังและความคิดใหม่
           
                   อ๊ากกกกก ผมอยากระเบิดตัวตายแล้วค่อยๆหายไปจากโลกใบนี้จริงๆเลย คงจะไม่ต้องถามให้มากความเพราะ

ร่องรอยบางอย่างนั้นยังคงตราตรึงอยู่ แค่เพียงเอื้อมมือไปสัมผัสที่ริมฝีปากอวบอิ่มก็พาลทำให้ต้องนึกถึงเรื่องราวที่มันผ่านมา

แล้วถึงสองวัน ถึงแม้วันเวลาจะล่วงเลยมาถึงสองวัน สัมผัสนุ่มหยุ่นกับลมหายใจร้อนผะแผ่วยังคงไม่ลาเลือนหายไป จัดว่าเป็นยา

ชั้นดีที่ทำให้ผมกระปรี้กระเปร่าได้โดยไม่ต้องเจอหน้าเพราะความรู้สึกที่ได้รับมันกำลังอบอวลอยู่ในอก ลอยฟุ้งราวกับว่ามีผีเสื้อ

นับร้อยกำลังบินวนไปมาเพื่อสร้างความหฤหรรษ์

   นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองวันแล้วที่ผมกับนอร์สเราไม่ได้เจอกันอีกเพราะอีกฝ่ายติดเรียนพร้อมกับทดสอบ

ย่อย นี่ละวิถีชีวิตของการจะเป็นหมอ อ่านหนังสือ—เรียน—สอบ วัฏจักรของชีวิตที่ต้องวนเวียนอย่างไม่จบสิ้นจนกว่าจะเรียนจบ

ไม่ใช่เพียงแต่หมอเท่านั้นทุกสาขาวิชาก็มีวัฏจักรคล้ายๆกันเพียงแต่เราต้องมุ่งมั่น ขยัน อดทนมีมานะเชื่อว่าต่อให้มีวัฏจักรแบบนี้

อีกสักสองร้อยเราก็ยังไหว…………มั้ง!? แต่ก็อย่างว่าการเรียนกับนักเรียนเหมือนเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่ไม่สักวันมันฆ่าเราหรือเราก็

อาจจะฆ่ามันให้ตายกันไปข้าง คิดแล้วก็เพลียแถมยังพาให้นึกย้อนถึงวันเก่าๆพอนึกถึงเมื่ออดีตก็พลอยนึกถึงเจ้าพี่ชายตัวดี เออ

ใช่สิตั้งแต่เมื่อเย็นของสองวันก่อนพี่ลมบอกว่าจะไปพักอยู่บ้านเพื่อนแล้วเดี๋ยวจะกลับมาหาแต่ดูท่าว่าพี่แกคงจะยังไม่ได้กลับบ้าน

ตั้งแต่วันที่ไล่ให้ไปพักเพราะป่านนี้ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหรือมาหาที่คอนโดเลย พี่ลมนะพี่ลมชอบทำให้น้องนุ้งเป็นห่วงอยู่เรื่อย

เลย

        “ขออนุญาตครับ” เสียงพนักงานหน้าห้องเรียกสติของผมที่เอาแต่คิดถึงเรื่องของพี่ลมก็ต้องพลันหยุดชะงักลง

         “เข้ามาเลยครับ” ผมตะโกนบอกไปเพื่อให้คนข้างนอกเข้ามา

         “เรื่องสถานที่พี่หาได้ตรงตามเนื้อเรื่องเล่มแรกแล้วนะ” พี่เม่นฝ่ายจัดหาสถานที่เข้ามารายงานสถานที่ที่เราจะไปถ่ายทำ

เรื่องแรกจากสามเรื่อง

         “ที่ไหนเหรอครับพี่เม่น” ผมถามออกไป ส่วนคนที่เข้ามารายงานสถานที่หยิบข้อมูลพร้อมกับรายละเอียดที่พักยื่นมันให้กับ

ผมก่อนที่ผมจะอ่านออกมาอย่างแผ่วเบา

         “กรุงโรม ประเทศอิตาลี”




                   
         “โรมเลยเหรอเพื่อน เจ๋งอ่ะ”  หลังจากที่ผมได้รับข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่จากพี่เม่น ผมก็ศึกษาและอ่านราย

ละเอียดที่พี่เม่นหามาให้ซึ่งค่อนข้างจะละเอียดพอควรพร้อมกับสถานที่พักในการถ่ายทำเพื่อให้เหล่าผู้กำกับและนักแสดงได้พัก

ผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นจากภารกิจลง เมื่อผมศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วจึงทำการเรียกประชุมพนักงานในบริษัท

         “ใช่แล้ว เรื่องแรกที่เราจะถ่ายทำคือบ่วงมนตราซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้คือความไม่ถูกกันของสองตระกูลยักษ์ใหญ่แห่งวงการ

มาเฟียและสถานที่ที่ถือได้ว่าขึ้นชื่อเรื่องของมาเฟียทางแถบยุโรปก็คงจะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี” และ

หลังจากนั้นผมก็ชี้แจงรายละเอียดให้กับแต่ละคนว่าใครมีหน้าที่อะไรและจะต้องเตรียมตัวกันยังเมื่อแจงงานเรียบร้อยก็ให้ทางพี่ๆ

ที่ดูแลติดต่อเกี่ยวกับนักแสดงให้ติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงที่ทำการติดต่อไว้ว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมเพราะเราจะออก

เดินทางกันในวันพรุ่งนี้

                         
           ติ๊ง ต่อง


         “อื้มมมมมมม”  เสียงใครมากดออดที่หน้าห้องล่ะเนี่ย รู้บ้างไหมว่าคนจะหลับจะนอน ผมเลือกที่จะเอาหมอนมาอุดหูเพื่อให้

เจ้าเสียงน่ารำคาญนั่นหายไป แต่กลับกลายเป็นว่าเสียงของมันทั้งถี่และเร็วจนทำให้ผมทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นไปเปิดมันออก

         “มาแล้วคร๊าบบ เฮ้ย!พี่ลม” ผมตะโกนออกไปเพื่อให้อีกคนรับรู้ว่าผมมาถึงแล้วจากนั้นเสียงออดก็หายไปแต่ผมกลับต้อง

ตกใจสุดขีดเมื่อเปิดบานประตูออกไปพบกับพี่ชายสุดที่รักเพราะสภาพพี่ลมที่มีไอ้วีหิ้วปีกอยู่นั้นดูไม่ได้เอาเสียเลย ไม่ว่าจะกลิ่น

ละมุดที่มาจากเสื้อราคาแพงของเจ้าตัว เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมเหมือนคนไม่เคยได้รีดก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวไปทำอะไรมา

                                                            คงจะดื่มหนักยันเช้า

   แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักเพราะพี่ไฟก็กินของประเภทนี้อยู่แล้วแต่ก็ไม่เคยเมาค้างแถมยังหมดสภาพขนาดนี้แสดงว่ามัน

ต้องมีเรื่องไม่สบายใจที่ค่อนข้างจะสาหัสอยู่พอควร

           หลังจากที่ผมกับไอ้วีช่วยกันพาพี่ไฟเข้ามาในห้องก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้โดยไอ้วีอาสาไปซื้อของกินมาให้

         “ขอบใจมากว่ะเพื่อน” หลังจากที่ผมจัดการกับพี่ลมเรียบร้อยไอ้วีก็มาพร้อมกับโจ๊กร้อนๆสองถุงพร้อมกับยาแก้ปวดหัว

เพราะดูจากรูปการ ถ้าพี่ลมไม่ไม่ปวดหัวเลยก็คงแปลก

         “ไม่เป็นไรก็นี่พี่ชายไฟไม่ใช่เหรอ”

         “ว่าแต่ว่ามึงไปเจอพี่ลมที่ไหนวะ” อันนี้สงสัยมากครับ??

         “ร้านอาหาร”

         “ห๊า!” ร้านอาหารเนี่ยนะ อย่าบอกนะมึงว่าเป็นร้านตามสั่ง!?

        “ร้านอาหารกึ่งบาร์” ค่อยยังชั่วที่ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่งไม่งั้นมีหวังคงจะต้องถามกันยาว

         “แล้วเขาเปิดแล้วเหรอวะ” นั่นสิปกติก็น่าจะเย็นๆหน่อยเพื่อเอาใจนักดวลคอแข็งกัน

         “มึงหันไปดูนาฬิกาที่ผนังห้อง” อะไรของมันวะ? ผมจึงหันหน้าไปดูนาฬิกาตามที่ไอ้วีบอก อุ้ย!! ห้าโมงเย็นแล้วนี่น่า

เขินจัง แหะๆ ผมเลยหันมายิ้มแห้งๆกับไอ้วีที่ตอนนี้มันมัวแต่สาละวนอยู่กับการแกะโจ๊กแต่ก็ยังไม่วายส่ายหน้าละอาให้กับผม

                                                                     อะไรเล่าก็คนมันไม่รู้นี่หว่า!!
                       
         “โชคดีเพื่อน” หลังจากที่ไอ้วีช่วยผมจัดของกินให้กับพี่ลมที่ป่านี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเสร็จเรียบร้อยมันจึงขอตัวกลับไปจัด

เตรียมข้าวของสำหรับเดินทางในวันพรุ่งนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าพี่ลมแกจะตื่นทันวันพรุ่งนี้รึเปล่าแต่ก็ยังดีหน่อยที่สองถึงสามวันที่ถ่าย

ทำพี่ลมไม่ต้องเข้าฉากเพราจะเปิดเรื่องโดยหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียผู้ทรงอำนาจทั้งสองซึ่งเป็นนักแสดงรุ่นพ่อนั่นเอง

         “อาบน้ำดีกว่า” ผมบอกกับตัวเองหลังจากที่นั่งเก็บของเพื่อเตรียมเดินทางในวันพรุ่งนี้พร้อมเช็คความเรียบร้อยก่อนที่จะถูก

ความง่วงและความเมื่อยล้าเข้าครอบงำทำให้ผมต้องไปชำระล้างสิ่งเหล่านั้นให้ออกไปก่อนเพราะคืนนี้ยังมีงานอีกตัวที่ผมยังคง

ต้องสะสางก่อนออกเดินทาง

           สายน้ำจากฝักบัวทรงสวยค่อยๆรินรดร่างไร้อาภรณ์ที่อยู่ภายใต้ฝักบัวให้ผ่อนคลายและบรรเทาความเหนื่อยล้า

สายน้ำค่อยๆไหลช้าๆจากบนลงล่างตามวิสัยของสรรพสิ่งที่ทุกสิ่งล้วนแต่จะต้องตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ สายน้ำช่ำเย็นค่อยๆชะ

ล้างดวงตากลมโตที่บัดนี้กลับปิดสนิทรอสายธารไหลลงสู่ตามร่างกายอย่างช้าๆ ต่อจากนั้นก็ไหลผ่านบริเวณใบหน้านวลเนียน

ขาวผ่อง ลำคอขาวสะอาดและลาดไหล่ที่สั่นระริกเล็กน้อยเมื่อยามต้องสายธาราช่ำเย็นก่อนจะลงสู่เบื้องล่างไม่นานนักก็ทำให้

ต้องพลันนึกถึงใครอีกคน

         “ใช่สิเรายังไม่ได้บอกนอร์สเรื่องไปโรมเลย” การผ่อนคลายกับสายน้ำเย็นช่ำอย่างช้าๆของผมก็ต้องปรับให้ไวและรวดเร็ว

ขึ้นเมื่ออีกคนที่ต้องเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ยังไม่ทราบข่าว ผมรีบแต่งตัวอย่างเร็วเชื่อได้ว่ามันคงไม่ถึงห้านาทีเพราะตอนนี้ผม

กำลังจดจ่ออยู่กับเจ้าโทศัพท์ที่เพิ่งจะโทรออกหาใครบางคน

         “รับสินอร์ส ทำอะไรของเขาอยู่นะ” ผมบ่นน้อยๆที่อีกฝ่ายยังไม่รีบรับโทรศัพท์ แต่จะว่าไปเพลงรอสายของนอร์สก็เพราะดี

นะเป็นหนึ่งในเพลงที่ผมชอบซะด้วยสิ

                                   พูดไม่เก่งแต่รักหมดใจ ของอ้น เดอะสตาร์ ผมว่ามันเข้ากับนอร์สดีนะ?

           ผมฟังเพลงรอสายได้ไม่นานเสียงปลายสายที่รอมานานก็กดรับ

         “สวัสดีครับไฟมีอะไรรึเปล่า” เสียงนอร์สดูเหมือนจะอู้อี้ไปหน่อยเหมือนคนไม่สบายเลยแฮะ

         “เอ่อ…” นั่นสิเราจะโทรมาบอกนอร์สเรื่องไปโรมพรุ่งนี้นี่หน่า แต่ทำไมถึงไม่พูดออกไป!?

           โทรคุยเรื่องงานนะไฟไม่ได้โทรมาสารภาพรักกล้าๆหน่อยเซ่!!!

         “ว่าไงครับมีอะไรรึเปล่า” นอร์สถามย้ำเมื่อเห็นว่าผมเงียบเสียงไป

         “คือพรุ่งนี้เราจะไปโรมเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์จากหนังสือสามเรื่องที่นอร์สเป็นคนเขียนเลยจะโทรมาบอก” เฮ้อ! และแล้ว

ผมก็กล้าพูดออกมาจนได้เพราะกว่าที่ผมจะรวบรวมความกล้าที่เคยมีก่อนหน้านี้กลับมาจนครบก็เล่นเอาเหนื่อยใช่ย่อยนะนั่น

         “ครับ แล้วออกเดินทางกี่โมงครับ”

         “ประมาณบ่ายโมงถึงสนามบินก็คงสักประมาณเที่ยงกว่าๆ” ผมบอกกำหนดการที่จะเริ่มออกเดินทาง

          “ครับๆงั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ” นอร์สบอกพลางจะตัดบทสนทนา ผมที่ยังอยากจะคุยกับเจ้าตัวต่อจึงรีบขัดขึ้น

         “เดี๋ยวก่อน!!...คือ..ไฟได้ยินเสียงนอร์สมันแปลกๆก็เลยสงสัย..ไม่สบายเหรอ?” ผมถามออกไปอีกฝ่ายจึงรีบตอบกลับอย่าง

เร็ว

         “ก็นิดหน่อยครับ ช่วงนี้นอร์สเรียนหนักใกล้จะจบแล้วเหลืออีกไม่กี่ตัว ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง” น้ำเสียงของนอร์สที่

ตอบกลับมาดูร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อครู่ ผมที่รอฟังคำตอบเมื่อได้ยินแบบนั้นก็พลอยโล่งอกไปหน่อย

         “ใครเป็นห่วง นอร์สมั่ว!” ผมแกล้งว่าอีกฝ่ายซึ่งมันก็ค่อนข้างจะขัดจากความเป็นจริงเสียลิบลับ จากนั้นก็ได้ยินเสียงปลาย

สายหัวเราะเบาๆก่อนจะมีเสียงกระแอมไอดังลอดออกมา

         “เป็นอะไรรึเปล่านอร์ส” ผมที่ได้ยินเสียงก็กระวีกระวาดถามออกไป

         “ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นห่วงไงครับ” น่านไงไอ้ไฟโดนย้อนเข้าตัวจนได้

                                                          ให้ตายเหอะไม่เคยตามพี่น้องคู่นี้ทันเอาซะเลย

         “ก็ไม่ได้เป็นห่วงไงแค่กลัวว่าพรุ่งนี้จะไปโรมด้วยไม่ได้ก็แค่นั้น” ผมก็คงยังแถต่อไปเรื่อยๆ

         “โอเคครับไม่ได้ห่วงก็ไม่ห่วงแต่คิดถึงนอร์สมากกว่าใช่ไหมล่ะกลัวว่าถ้านอร์สไม่ได้ไปด้วยใครบางคนแถวๆนี้คงต้องนอน

ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆ ฮ่าๆๆ” หนอย ได้ทีล่ะแซวไม่เลิกเลยนะ

                    รู้แล้วยังมาจะทำยียวนอีก!!!!

         “นอร์สไม่กวนไฟดีกว่า ฝันดีนะครับ” นอร์สเห็นผมไม่ว่าอะไรต่อก็วางสายไป ผมที่ได้แต่จ้องโทรศัพท์อย่างอาฆาตอีกคนที่

คุยด้วยกันก่อนหน้านี้จะไม่ให้โกรธได้ไงก็ในเมื่อ…..

               ใครเขาให้เอาความจริงมาพูดกันเล่า เขินนะรู้ไหม!!!!!

           เฮ้อ!จะว่าไปแล้วแค่ได้ยินเสียงก็พาลให้หัวใจกระชุ่มกระชวยขึ้นเป็นกอง ผมจึงลุกขึ้นปิดไฟด้านนอกก่อนเดินเข้าไป

ในห้องนอน ซุกตัวเองอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนานุ่มพร้อมกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังตัดกับบรรยากาศที่ดูเงียบสงบแต่ก็ไม่เท่า

หัวใจดวงน้อยๆของเจ้าของห้องที่ดังระงมอยู่ภายในอกด้านซ้าย ผมค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสมันบางเบา

    คืนนี้คงจะเป็นคืนที่หลับฝันดีหลังจากที่ไม่ได้หลับฝันดีมาหลายคืน….

                   
         “มากันครบแล้วนะครับ” เสียงผมตะโกนถามออกไป หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันที่สนามบินเรียบร้อยผมก็ซักถามความ

เรียบร้อยอีกทีเพื่อกันพลาด วันนี้เป็นวันที่ผมและทางทีมงานต้องเดินทางเพื่อไปทำงานกันที่กรุงโรม ผมที่เตรียมตัวเสร็จตั้งแต่ยัง

ไม่เที่ยงก็ว่าจะออกมาหาอะไรทาน แต่ก็ต้องมาเจอกับคนที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอแถมยังยืนอยู่หน้าห้องของผมอีกด้วยและนั่น

ก็คงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ นอร์ส จากนั้นผมจึงชวนอีกฝ่ายไปหาอะไรทานใกล้ๆคอนโดและเมื่อถึงเวลานัดผมกับนอร์สจึงออก

เดินทางมาสนามบินพร้อมกัน แต่พอมาถึงสนามบินที่คิดว่าตัวเองคงจะมาถึงคนแรกกลับต้องมาเจอสายตาแปลกๆของไอ้เพื่อน

รักที่มันมาถึงก่อนผมเมื่อไม่กี่นาทีมองมาที่ผมทั้งคู่ ผมรู้ว่ามันคงจะสงสัยแต่ผมก็ทำทีมองไม่เห็นมันจนทุกคนเริ่มทยอยกันมามัน

จึงหันไปเช็คความเรียบร้อยกับทีมงานผมจึงรอดตัว

         “ยังว่ะเหลือแต่นางเอก” เสียงไอ้วีกระซิบบอก

         “น้องธีน่าบอกว่าเธอจะมาพร้อมกับเจนให้ทุกคนไปได้เลยเดี๋ยวเธอจะตามมาทีหลัง” ใช่ครับ นางเอกของเรื่องนี้คือเจนสิ

ญา ยัยเสียงมหาประลัยที่มาเล่นเป็นนางเอก ผมที่ตอนแรกก็ไม่เห็นด้วยแต่ผู้ใหญ่ขอมาผมจะทำอะไรได้ ใช้เส้นสิไม่ว่า เหอะ

           ส่วนพระเอกที่ยังหลับใหลไม่ตื่นผมก็ได้แต่แปะโน้ตทิ้งไว้ให้ตามผมไปก็ได้   แต่หวังว่าพี่ลมคงจะอ่านโน๊ตแผ่นนั้น

นะ เฮ้อ! คิดมาถึงตรงนี้ก็กลุ้มกลัวจริงๆว่ามันจะต้องผิดพลาด แต่ว่านายไฟคนนี้ซะอย่างมันต้องเพอร์เฟคเท่านั้น หมอไฟฟันธง!!

ผมจึงบอกทุกคนให้ไปขึ้นเครื่องเพราะเที่ยวต่อไปคือเที่ยวที่ผมต้องออกเดินทาง

         “ไอ้ไฟกูมีเรื่องจะคุยด้วย” หลังจากที่ขึ้นเครื่องหาที่นั่งกันเรียบร้อยแล้วไอ้วีมันเดินเข้ามาหาผมที่กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ

ก่อนจะลากไปคุยที่ที่นั่งมัน

         “มีอะไรว่ามา” ผมที่ถูกมันฉุดกระชากลากถู(?)ก็รีบยิงคำถามถามคนที่ลากมา

         “มึงมากับคุณนอร์สได้ยังไง” ไอ้วีถาม ตรงดีแฮะ

         “ก็พอดีนอร์สเขามาหาที่คอนโดแล้วเห็นว่ากูจะไปสนามบินเขาก็เลยอาสาพามาส่งเพราะยังไงเขาก็ต้องไปโรมกับเราอยู่

ดี” ผมตอบคำถามกลับไป

         “แค่นี้??” ไอ้วียังคงสงสัยไม่เลิก

         “หรือมึงไม่เชื่อใจกู” ผมถามมันกลับก่อนที่มันจะตอบปฏิเสธแล้วก็ไล่ผมไปเข้าห้องน้ำ ผมไม่ได้กลัวมันไม่เชื่อใจก็จริงแต่

ผมก็ยังไม่อยากจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังก็แค่นั้น แต่จะว่าไปไอ้วีก็เหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ทั้งๆที่อายุเราก็

เท่าๆกันแต่ไอ้วีกลับมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผมหลายเท่า มันคอยช่วยเหลือผมทุกอย่าง คอยให้คำปรึกษาทุกๆเรื่องแม้กระทั่ง

เรื่องความรัก ใช่แล้ว ความรักเมื่อครั้งก่อนที่มันเคยเกิดขึ้นมันเคยหอมหวานเมื่ออดีตแต่กลับขมขื่นในปัจจุบัน ผมผิดเองที่ตอน

นั้นไม่ยอมเชื่อมันเมื่อครั้งก่อน แต่ครั้งนี้ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแบบเดียวกับครั้งก่อนหน้านั้น ผมขอเวลา ขอลองดูอะไรๆให้มัน

แน่ใจก่อนว่าครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่ถ้าหากมันใช่ผมก็พร้อมที่จะปล่อยมันไปเพราะผมรู้ว่าความรู้สึกบางอย่างที่มัน

เกิดขึ้นในครั้งก่อนกับครั้งนี้มันต่างกันมาก มันมีบางอย่าที่ซ่อนเร้นเหนือคำว่ารู้สึกดี บางทีนี่ก็อาจจะเป็นสัญญาณเตือนก็ได้ว่ามี

อะไรหลายๆอย่างได้ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป

            อาจช้าหรือเร็วก็คงจะต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์…..


                   
         โรม ยังคงสวยเหมือนเดิมนะ  มันคือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมหลังจากที่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้งหลังจากที่เคย

มาเหยียบที่นี่กับใครอีกคนในครั้งก่อน ผมจึงสลัดหัวไล่ความคิดเพี้ยนๆออกไปนอร์สที่เห็นผมสะบัดหัวเอาเป็นเอาตายก็เอ่ยทัก

ขึ้น

         “เป็นไรครับไฟ เมาเหรอ” นอร์สถามเสียงนุ่มก่อนที่จะเอื้อมมือมาสัมผัสกับหน้าผากมนของผมสลับกับหน้าผากของตัวเอง


         “ร่างกายก็ปกติดีนี่ครับ เอ แต่ทำไมหน้าแดงจัง” ผมก็พอจะรู้ตัวเองอยู่หรอกนะว่าหน้าคงต้องแดงเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น

กว่าเดิมคงจะไม่ต้องเดาให้ยากว่ามันเป็นแบบนี้เพราะใคร

            ก็เล่นดูแลดีแบบนี้ ใครไม่ใจสั่นก็บ้าแล้ววว

        “หรือว่า” ผมที่เห็นอีกคนคิดหนักอย่างเอาเป็นเอาตายก็อุทานขึ้นมาพลอยทำให้ผมต้องสงสัยในท่าทางไปด้วย จากนั้นเจ้า

ตัวก็ค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปชิดใบหูของผมก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

         “เขินนอร์สเหรอ” ผมที่ทั้งตกใจทั้งเขินอายก็รีบผละออกจากนอร์สทันทีก่อนที่มือจะรีบตะครุบที่ใบหูตัวเอง

               เล่นอะไรบ้าๆ ก่อนที่ผมจะต่อว่าอะไรอีกคนไอ้เพื่อนรักตัวดีที่เดินมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็กระแอมไอขึ้น

      .   “อะแฮ่ม!!ทำอะไรก็ควรที่จะเกรงใจกันบ้าง ไปได้แล้วไอ้ไฟวันนี้จะถึงที่พักไหม” ไอ้วีที่เดินมาถึงก็ว่าผมพร้อมทั้งขนของ

ผมออกไปก่อนจะหันมองนอร์สอย่างคาดโทษ แต่ดูท่าอีกคนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรทั้งสิ้นกลับส่งยิ้มบางๆมาให้แต่สายตาที่ส่งมา

นั่นมัน….น่ากลัวแฮะ

         “ไปกันเถอะนอร์ส”

         “ครับ” นอร์สจึงเดินตามมากับผมไม่นานเราทั้งหมดก็มาถึงที่พักถึงแม้มันจะไม่ได้หรูหราถึงห้าดาวแต่ก็สวยงามใช้ได้

เหมาะกับจำนวนเงินที่จ่าย 

           ที่พักในครั้งนี้มีการแบ่งแยกกันระหว่างที่พักของผู้หญิงและผู้ชายโดยผู้หญิงจะอยู่โซนถัดไปแต่เป็นที่พักที่เดียวกัน

         “เอางี้ไอ้คุณไฟมึงนอนห้องเดียวกับคุณนอร์สเดี๋ยวกูนอนกับพี่ลมที่เหลือก็จับคู่กันเองก็แล้วกัน” ไอ้วีที่หาข้อสรุปให้ผม

หลังจากที่มาถึงแล้วยืนเกี่ยงกันถึงห้องพักอยู่นานก็ได้ข้อสรุปแต่ข้อสรุปที่ได้มันทะแม่งๆชอบกลส่วนนอร์สที่ฟังไอ้วีสรุปบ้าบอ

ตามที่มันพูดก็ไม่ได้แย้งหรือทักท้วงเออออห่อหมกไปกับมันอีกต่างหาก

           สงสัยนอร์สต้องไปซื้อเสียงไอ้วีแน่ๆ  แต่จะถามว่าดีไหมมันก็ดีหรอกนะแต่มันก็คงจะทำอะไรไม่ถูกอยู่เหมือนกัน

         “แยกย้ายกันเข้าไปพักได้แล้วครับพี่ๆ” หลังจากที่ทีมงานเคลียร์เรื่องคู่ที่จะมานอนกับตัวเองเสร็จสรรพไอ้วีก็บอกให้ทุกคน

แยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเพราะตอนนี้ยังเหลือเวลาอยู่อีกมากกว่าจะถึงเวลาถ่ายทำกันเพราะว่าเวลาของประเทศไทยกับ

ที่กรุงโรมต่างกันประมาณห้าชั่วโมงเห็นจะได้เพราะตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงกว่าๆเท่านั้นเอง

         “ไปกันเถอะครับไฟ” นอร์สสะกิดผมให้เดินตามก่อนที่ตัวเองจะลากกระเป๋าเดินทางทั้งของผมและของตัวเองเข้าห้องพัก

           
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 4 300858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 30-08-2015 19:14:09
           ห้องพักของผมกับนอร์ส อยู่ติดกันกับห้องพักของไอ้วีกับพี่ลมตอนแรกนั้นผมจะอยู่กับพี่ลมแต่ไอ้วีมันบอกว่าถ้าให้มันอยู่

กับนอร์ส ถ้าเกิดนอร์สจะคุยเรื่องปรับฉากให้ตรงกับเนื้อเรื่องแล้วมันจะรู้เรื่องไหม? นั่นแหละครับจึงเป็นสาเหตุให้ผมต้องมาอยู่

ห้องเดียวกับนอร์ส   ภายในห้องมีเตียงกว้างเพียงเตียงเดียวแต่นั่นก็ไม่ได้กว้างมากนักสำหรับผู้ชายสองคนที่ต้องนอนร่วมเตียง

เดียวกัน

           “ไฟจะพักผ่อนหรือว่าจะไปเที่ยวก่อนดีครับ” เที่ยวเหรอ!!ผมหูผึ่งทันทีที่พูดถึงการไปเที่ยว อาการที่เมื่อครู่ทั้งปวด

เมื่อยและง่วงหงาวหาวนอนก็หายไปเป็นปลิดทิ้งทันที

         “ไปเที่ยว” ผมรีบตอบนอร์สอย่างไม่ลังเลก่อนผมกับนอร์สจะช่วยกันจัดของก่อนเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวกัน

         “เดี๋ยวไฟลองโทรถามวีก่อนนะว่ามันจะไปด้วยกันรึเปล่า” ผมตะโกนถามอีกคนที่ตอนนี้กำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ใน

ห้องน้ำพอได้ยินเสียงตอบรับก็กดโทรศัพท์หาไอ้เพื่อนรักทันที

         “เฮ้ยไอ้วีไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกันไหม”

         “ไม่ว่ะขี้เกียจอยากพักมึงไปเหอะ”

         “เออๆแล้วมึงอยากได้อะไรป่ะ”

         “ขอแหม่มขาวๆ สวยๆ อึ๋มๆ สักคนสองคนคงจะดีไม่น้อย”

         “ไอ้เวรกูหมายถึงของกินหรือของใช้ มึงนี่นะเจ้าชู้ไม่เลิกสาธุถ้ามึงมีแฟนขอให้โดนแฟนมึงเจื๋อนไปให้เป็ดกิน”

         “อ้าวไอ้คุณเพื่อนรักพูดอะไรแมวๆระวังเด็กมึงให้ดีๆเหอะกูรู้นะมึง” ไม่ต้องบอกว่าน้ำเสียงอีกฝ่ายจะดูเจ้าเล่ห์ขนาดไหน

         “เด็กไรของมึง มึงนั่นแหละที่พูดแมวๆแค่นี้ละกัน”

         “เออ กูจะพักผ่อนจะได้ฝันถึงแม่ยอดยาหยีของกู”

         “เออไอ้เพื่อนเวร ฝันดีผีรอบเตียงเถอะมึง” ผมพูดจบก็รีบตัดสายแต่ไม่วายได้ยินเสียงของอีกคนตะโกนด่าตามมา หลอน

เลยสิมึงยิ่งอยู่คนเดียวด้วย ฮ่าๆๆๆ

         “มีอะไรครับไฟแล้วคุณวีเขาจะไปกับเราด้วยรึเปล่า” นอร์สที่เดินออกมาจากห้องน้ำที่แต่งตัวหล่อเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า

แค่ทุกวันนี้ก็หล่อลืมตะวันแถมวันนี้แต่งเต็มซะเล่นเอาดวงตาพร่าเลือนไปเรียกได้ว่าความหล่อเข้าตาเต็มๆ   
 
           (ว่าที่)แฟนใครหล่อจริงๆ  แค่คิดก็ภูมิใจ

         “ไม่อ่ะเราไปกันเถอะ” ดีแล้วล่ะผมจะได้ไม่ต้องมีก้างมาขวาง
                       
         “ว้าว สวยจัง” ตอนนี้ผมกับนอร์สเรากำลังล่องแม่น้ำผ่านสถานที่ต่างๆในโรมหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นสวนวิลลาบอร์เกเซ

สวนสวยเมืองโรม เฮ้อ!ความสุขจริงๆก่อนที่จะแวะพักทานอาหารกลางวัน จากนั้นจึงออกเที่ยวชมเมืองโรมเมืองแห่งประวัติ

ศาสตร์โลกโดยมีนอร์สอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวในครั้งนี้ แต่การที่เรามาเที่ยวที่สวยๆแบบนี้สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ กล้องถ่าย

ภาพ
         “เราจะไปที่ไหนกันต่อเหรอ” ผมหันไปถามนอร์สก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นจากการเช็คภาพถ่ายในกล้องถ่ายรูปของเจ้าตัว

         “ไปพิพิธภัณฑ์วาติกัน” จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ

           พิพิธภัณฑ์วาติกันแห่งนี้เป็นสถานที่รวบรวมสุดยอดผลงานศิลปะตะวันตกทุกชิ้นเอกจากทุกยุคทุกสมัย มีทั้งภาพ

วาด งานจิตรกรรมฝาผนัง งานประติมากรรมที่สวยงามมากมายให้เหล่านักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะได้มาเที่ยวชมกัน

อย่างตื่นตา แน่นอนผมก็ไม่พลาดที่จะแอบเก็บภาพรายละเอียดสิ่งสวยงามตรงหน้าไปอวดไอ้วีกับพี่ลม เก็บทุกรายละเอียดของ

สถานที่และอีกคนที่มาด้วย แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนที่ตัวเองแอบถ่ายนั้นเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้กับจุดโฟกัสภาพ

         “แอบถ่ายรูปนอร์สอยู่เหรอ”

         “เปล่าซะหน่อยนอร์สนั่นแหละที่เข้ามาบังจุดโฟกัสภาพของไฟ”

         “ว้า!!แย่จังนอร์สอยากให้ไฟถ่ายรูปนอร์สนะ” อะไรของนอร์สกันเนี่ยตั้งแต่ที่หายหน้าหายตาไปสองวันบวกกับอาการไม่

สบายที่เพิ่งจะหายทำให้นอร์สสมองกลับขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย??

         “นอร์ส ไฟมีอะไรจะถาม”

         “อะไรเหรอครับ”

         “นอร์สไม่สบายจนสมองกลับรึเปล่า” ผมถามคำถามที่ตัวเองสงสัย

         “ฮ่าๆๆ นอร์สปกติดีสมองไม่ได้กลับด้วย”

         “แล้วทำไมนอร์สถึง…เอ่อ…หยอดไฟจนไฟเขินทำตัวไม่ถูกด้วยล่ะ” ผมถามออกไป เขินก็เขินแต่ทำไงได้ก็คนมันอยากรู้นี่

หน่า ผมก็ได้แต่เกาท้ายทอยตัวเองแก้เขินแต่ก็ต้องใจเต้นกับประโยคถัดมาของอีกคน

         “ก็…นอร์สแค่อยากจะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาดูแลเท่านั้นเองไฟว่าไม่ดีเหรอ”

         “ก็ดีนะ เอ ว่าแต่ว่าคนๆนั้นจะใช่ไฟไหมนะ” ผมแกล้งกระเซ้าอีกคน แต่สิ่งที่ได้รับคือรอยยิ้มบางๆกับคำตอบที่มันทำให้ผม

ยิ้มจนแก้มแทบปริ

         “เวลา” คำตอบสั้นๆของนอร์สแต่ผมกลับรู้ความหมายของมันดี

             เวลา  นั่นสินะ  เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์



                       
         “ที่นี่สวยมากเลยนอร์สที่นี่เขาเรียกว่าที่ไหนเหรอ” ตอนนี้ผมกับนอร์สเราหยุดยืนชมความงามของพระอาทิตย์ตกดินบนสะ

พานซิสโตใกล้กับแม่น้ำไทเบอร์ที่นอร์สเพิ่งบอกผมไปเมื่อครู่แถมสะพานนี้เมื่อมองไปยังนครรัฐวาติกันในยามพระอาทิตย์กำลัง

ค่อยๆลาลับขอบฟ้าช่างเป็นภาพที่งดงามดุจภาพวาดที่หาดูได้ยากพร้อมกับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติกที่เริ่มราย

ล้อมอยู่ ณ บริเวณรอบๆนี้

         “ไฟรู้ไหมที่ตรงนี้นอร์สก็เอาไปเป็นแรงบันดาลในการแต่งนิยายรักโรแมนติกเหมือนกันนะ”

         “จริงเหรอ อิจฉาพระนางในเรื่องจังที่ได้ไปอยู่ในสถานที่โรแมนติกๆแบบนี้” ผมว่าอดอิจฉาตัวละครในนิยายไม่ได้

         “แล้วไฟจะอิจฉาพระนางทำไมล่ะก็ในเมื่อตอนนี้ไฟก็มายื่นอยู่ในที่ที่พระนางเคยยืนอยู่” นั่นสินะแถมตอนนี้เราก็อยู่กับคน

พิเศษอีกต่างหาก

         “ไฟครับดูโน่นสิ” นอร์สเรียกให้ผมหันไปมองภาพสุดท้ายของพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ภาพนั้นมันช่างงามเหนือคำ

บรรยายเสียจริง แสงสีส้มสวยสดตัดกับขอบฟ้ายามพลบค่ำแต่นั่นก็คงไม่งดงามเท่ากับมือของผมและนอร์สที่ค่อยๆขยับมากอบ

กุมกันเบาๆท่ามกลางดวงตะวันลาลับไป










รู้สึกว่าแต่งตอนนี้เองอยากจะไปเที่ยวที่โรมจริงๆ เมืองอะไรก็ไม่รุ้โรแมนติกจริงๆ 5555 ช่วงนี้ดีสไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ หลัง

จากกลับจากต่างจังหวัด เฮ้อ! เซ็งชีวิตจริงๆ ยังไงก็ติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 5 300858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 30-08-2015 19:25:31
                                           แผนการร้ายครั้งที่ 5 : ถ้าคุณฝันได้ คุณก็ทำมันได้
           
                  หลังจากที่ผมกับนอร์สชื่นชมความงามของอาทิตย์ยามลาลับขอบฟ้าจนอิ่มหนำอุราก็เดินทางกลับที่พักกัน

ก่อนที่ความมืดมิดจะเข้าปลุกคลุมรอบบริเวณมากกว่านี้ แต่ถึงจะให้มืดมิดอย่างไรก็ยังมีแสงสว่างจากนีออนที่คอยส่องแสงนำ

ทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและผู้ที่ชอบท่องเที่ยวยามราตรี แน่นอนสถานที่สวยงามเช่นนี้จะมีใครกันเล่าที่จะละเลยความสวยงาม

แบบนี้ลงได้……….

         “ไฟว่าเรากลับกันเถอะนะเดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วง” ผมหันไปบอกนอร์สแต่ยังยังไม่คลายมือที่กุมกันอยู่

     ความสุขที่ตามเฝ้าตามหา ตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าเพียงเอื้อมมือคว้าไว้..

         “ครับ” จากนั้นเราทั้งคู่ก็เดินทางกลับที่พักแต่ฝ่ามือของเราสองก็ยังคงสอดประสานเช่นเดิมจนกระทั่งถึงที่พัก

         “อ้าว กลับกันมาแล้วเหรอนึกว่าจะหลงทางที่โรมซะแล้ว” พอผมกับนอร์สมาถึงที่พัก ผมก็อาสาที่จะไปหาทุกคนเพื่อตาม

ไปทานอาหารเย็นที่ทางโรมแรมจัดไว้ให้ แต่ยังไม่ทันได้เคาะประตูเรียกคนที่อยู่ในห้อง ประตูห้องก็เปิดออก

         “นี่ใครครับคุณวี นายอัคนีเชียวนะครับคุณ จะมาหลงทางเป็นเด็กสามขวบได้ยังไงกัน วู้” ผมว่าไอ้วี ไอ้วีมันเป็นคนใช้ได้นะ

ครับแต่มันมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันไม่ใช่คนดีก็เท่านั้นเพราะว่ามันดีไปหมดแล้วไงครับ…ดีไปหมดแล้วจริงๆ

         “เหรอออออออ” ไอ้วีมันลากเสียงยาวแกมไม่เชื่อ

                            เรื่องของมึงเหอะ!!!

         “เอออ แล้วนี่มึงจะไม่ไปกินข้าวรึไงวะมาว่ากูอยู่ได้เนี่ย” ผมว่ามันไปเพราะเห็นว่าป่านนี้มันยังไม่หยุดว่าผมซะที

         “ทำไม จะได้มีเวลาไปจู๋จี๋กับเด็กมึงเหรอ” ไอ้วีมันว่าพลางยักคิ้วหลิ่วตาทำท่ายียวนใส่ผม ผมว่าไอ้วีมันคงจะถึงคราว

เคราะห์ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้แล้วแหละครับ

         “อะไรของมึงอย่ามามั่ว” ผมโวยวายใส่ก็เพราะในเมื่อผมเพิ่งจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินกับนอร์สมาภาพความโรแมนติกยัง

คงอยู่ ถ้าถามว่าโรแมนติกขนาดไหน……..โรแมนติกมากขอบอกเลย

         “แหมๆ ถ้ากูมั่วแล้วมึงหน้าแดงทำไม” ตายแล้วไอ้ไฟเผลอให้ไอ้วีมันรู้จนได้

         “ไม่รู้เว้ยย!!กูไปกินข้าวกับนอร์สดีกว่า” ผมโวยวายใส่ไอ้วีเสร็จก็รีบชิ่งเดินออกจากหน้าห้องไอ้วีแล้วตรงไปยังห้องอาหารที่

พี่ๆทีมงานทยอยกันออกมาทานอาหารเย็นกัน ผมเลยสอดส่ายสายตาหาคนที่คุณก็รู้ว่าใครจนทั่ว แต่แล้วก็ต้องไปสะดุดเมื่อเขา

นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งริมห้อง

         “รอนานไหม” พอมาถึงผมรีบถามเจ้าตัวทันทีพร้อมกับอีกคนที่ผละออกจากสมาร์ทโฟนคู่ใจ

         “ไม่ครับ ไฟทานอะไรดีเดี๋ยวนอร์สไปเอามาให้”

         “นอร์สกินไรไฟก็กินอันนั้นแหละ ขี้เกียจคิด” ผมบอกนอร์สก่อนคนที่อาสาจะไปหาอะไรอร่อยๆมาให้ทานลุกออกไป

        ความรู้สึกเหมือนคนมาเดทเลยอ่ะ โอ๊ย!!ไอ้ไฟเขิน ผมก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับความคิด อันนี้บอกเลยว่าไม่ได้เข้าข้าง

ตัวเองแต่อย่างใด ลองดูกันสิครับ ไหนจะไปล่องเรือด้วยกันหรือเดินเที่ยวด้วยกันแม้กระทั่งตอนสุดท้ายของทริปยังได้ไปดูพระ

อาทิตย์ลับขอบฟ้ายามค่ำคืนที่บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกเวอร์ๆแล้วยังมีหาอาหารอร่อยๆมาให้ทานนี่ก็ติดตรงที่ว่ายังไม่ได้

เป็นอะไรกันนะ ถ้าเกิดว่าเป็นแฟนกันล่ะก็บรรยากาศแบบนี้แหละใช่เลย เดทชัวร์!!

         “เป็นไรมากไหมมึงเพ้อใหญ่เชียว”ไอ้เพื่อนเวรคนกำลังฝันหวาน ไอ้วีที่ไม่รู้ว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็เข้ามาขัดฝันหวานของ

ผมได้ซะนี่

         “ยุ่ง!” ผมบอกไอ้วีพลางทำหน้าเหม็นเบื่อมันเต็มทน

         “กูถามไรมึงหน่อยดิ” ไอ้วีที่อยู่ดีๆมันก็ถือวิสาสะนั่งโต๊ะร่วมกันกับผมทั้งที่เจ้าของโต๊ะอย่างผมก็ยังไม่ได้อนุญาตเลยสักนิด

แถมยังมาตั้งคำถามใส่เฉยเลย

         “มีไร”

         “มึงกับคุณนอร์สคบกัน?” เฮ้ย!!!!!! ไมมันถามตรงจังวะ ผมที่ได้ยินคำถามก็ทำนิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่

มันถาม แต่แล้วผมก็ทนสายตาสงสัยของมันไม่ได้ทำให้ต้องพูดออกไป

         “ยัง แค่ดูๆกันอยู่”

         “เหรอ กูนึกว่าเป็นแฟนกันเห็นมึงมองเขาซะตานี่เยิ้มเชียว น้ำลายนี้แถบจะหกออกมาจากปาก”

         “ไอ้บ้า สาบานเถอะว่าที่พูดนั่นปาก” จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้เพื่อนสุดที่รักดังขึ้น ผมจึงหันไปมองค้อนมัน

ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือยอมแพ้

        “กูล้อเล่น ก็แค่เห็นมึงกับเขามันดูแปลกๆแล้วนี่คิดไงถึงไปชอบคุณนอร์ส”

         “ก็ไม่คิดไงอ่ะ มึงจำวันที่กูช่วยผู้หญิงคนหนึ่งได้ป่ะ” ผมถามไอ้วีมันพยักหน้าว่าให้ผมเล่าต่อ

         “นั่นแหละผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวของนอร์ส เธออยากให้กูมาเป็นคู่แข่งกับยัยเจนสิญาเพื่อให้พี่ชายเธอได้มีตัวเลือก

เพราะน้องเขาไม่ชอบยัยนั่น”

         “แล้วมึงก็ช่วยเขาว่างั้น”

         “ตอนแรกก็ไม่นะ แต่พอเจอนอร์สก็....ปล่อยเลยตามเลย” ก็จะไม่ให้ปล่อยเลยตามเลยได้ไงก็ในเมื่อผม...รู้สึกดีกับนอร์ส

         “มึงชอบเขาว่างั้น”

         “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ตอนนี้ก็รู้สึกดีนะ”

         “มึงอยากรู้ใจตัวเองไหม??” ไอ้วีถาม ส่วนผมก็พอจะรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิมแต่ก็อยากพิสูจน์อีกเพื่อให้ตัวเองแน่ใจ

         “อยาก” ผมตอบไอ้วีกลับไป

       “งั้นเดี๋ยวกูช่วย”
                 





         “ไฟอาบน้ำก่อนนะ” หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จพวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายไปพักผ่อนเป็นอันว่าเย็นนี้ก็ไม่ได้เริ่มถ่ายทำ

เพราะนางเอกของเรื่องติดธุระยังไม่ว่าง ยังมาไม่ได้ต้องเป็นพรุ่งนี้เท่านั้นที่เธอจะมาได้ เหอะ ถ้าไม่ติดว่าใหญ่มาจากไหนพ่อ

ปลดออกจากนางเอกเรื่องไปนานแล้วล่ะ ผมที่เข้าห้องมาก็ขอตัวอาบน้ำก่อน แต่น้ำที่ผมอาบน่ะมันเป็นน้ำอุ่นนะครับ ถ้าหากว่า

เป็นน้ำเย็นล่ะก็ต่อให้เน่าตายผมก็ไม่แตะ

           อาบน้ำไปคิดถึงงานในวันพรุ่งนี้แล้วก็ยังมีเรื่องที่ไอ้วีมันจะช่วยแต่ช่วยอะไรของมันก็ไม่รู้ แต่ช่างเหอะรีบอาบรีบไป

พักผ่อนดีกว่า

         “นอร์สไฟอาบเสร็จแล้วนอร์สใช้ห้องน้ำได้ตามสบายเลยนะ” ผมตะโกนออกไปพร้อมกับตัวเองที่เดินออกมานอกห้องน้ำ

แล้วก็เห็นอีกคนที่กำลังสาละวนอยู่กับกล้องตัวเก่งที่เพิ่งจะไปเก็บภาพถ่ายเมื่อกลางวันก็อดสงสัยไม่ได้

         “ทำไรอยู่เหรอนอร์ส”

         “เช็คภาพครับ” นอร์สตอบกลับมา

         “ให้ไฟช่วยไหม ไฟถนัดเรื่องของภาพถ่ายนะ” ผมอาสาที่จะช่วยนอร์สเช็คภาพแต่เจ้าตัวก็ตอบปฏิเสธไปแล้วก็ขอตัวไป

อาบห้องน้ำ ส่วนผมจึงเดินไปจัดที่นอน เอาล่ะสิ แล้วเราจะนอนกันยังไงเนี่ย ช่างเถอะนอร์สมาค่อยถามก็แล้วกัน ผมจึงหยิบบท

ภาพยนตร์มาอ่านเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานวันพรุ่งนี้

           บรรยากาศยามค่ำคืนของโรงแรมจะว่าดีก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ยังไงซะความมืดก็คือความมืดอยู่วันยังค่ำเพราะมันคงจะ

ยังไม่สว่างขึ้นมาหรอก ผมจึงทำทีไม่สนใจบรรยากาศภายนอกแต่ดูเหมือนว่าการกระทำของตัวเองมันชั่งขัดกับการสั่งการของ

สมองเสียจริง ผมจึงค่อยๆชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกของระเบียงแล้วก็เห็นเหมือนมีเงาตะครุ่มๆพลิ้วไหวอยู่ จึงตัดสินใจลุกขึ้น

ไปดู

           ถามว่าผมกลัวไหม เอาคำตอบจากใจจริงของผมไปเลยคือ..กลัวมาก แต่ผมก็พยายามไม่คิดฟุ้งซ่านยิ่งอีกคนยังอาบ

น้ำไม่เสร็จก็เหมือนกับผมที่อยู่คนเดียว แต่พอผมไปถึงไอ้เงาพลิ้วๆที่เห็นเมื่อครู่คือการพลิ้วไหวของผ้าม่านเพราะระเบียงยังคง

เปิดอยู่ผมจึงจัดการปิดมันซะ

               เฮ้อ เอาซะหลอนไปเลย

           หมับ!!

         “เฮ้ย!!!” ผมร้องลั่นตกใจสุดขีด แต่ก็ไม่กล้าหันหน้ากลับไปดู พ่อแก้วแม่แก้วสิ่งศักด์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยลูกช้างด้วย ใครก็

ได้ช่วยด้วย ผมก็ได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจพร้อมทั้งท่องนะโมไม่รู้กี่จบ แต่ก็เพิ่งจะนึกได้ว่าผมอยู่ต่างประเทศไม่ใช่ประเทศไทย

               แล้วผีต่างชาติมันจะกลัวบทสวดไหมวะ!!

         “ไฟครับ” ผีต่างชาติมันพูดภาษาไทยได้ด้วยเหรอวะ ชัดอีกต่างหากแถมยังรู้จักชื่อเราอีกด้วย

         “ไฟครับนอร์สเองนะ” นอร์สเหรอ??จากนั้นผมจึงค่อยๆหันหน้ากลับไปมอง สรุปว่าคนที่จับที่ไหล่ผมก็คือนอร์สเล่นเอาผม

กลัวจนฉี่จะราดไปตั้งนานสองนาน

         “นอร์สอ่ะเล่นอะไรไม่รู้เรื่องถ้าไฟหัวใจวายตายไปจะทำไงเนี่ย” ผมต่อว่าอีกคนก่อนที่จะเดินมานั่งที่เตียงโดยที่อีกคนก็เดิน

ตามมาติดๆ

         “ก็ช่วยไฟไงครับลืมไปแล้วรึเปล่าว่านอร์สเป็นหมอนะ” เออเนอะ

         “นี่นอร์สไฟอยากรู้ว่าคนเป็นหมออ่ะเขาต้องเรียนกับศพเหรอ”

         “ครับแต่พวกเรานักเรียนแพทย์จะเรียกท่านว่า ‘อาจารย์ใหญ่’ ” นอร์สอธิบาย

         “แล้วแบบนี้นอร์สเคยเจอมั่งป่ะ” ผมถามออกไปทั้งๆที่บรรยากาศรอบๆก็หลอนแปลกๆแต่ผมก็ยังอยากรู้อยู่ดี ผมก็คิด

เหมือนกันนะว่า

     มีที่ไหนเล่าเรื่องผีตอนกลัวผีแถมบรรยากาศก็ชวนเห็นผีอีกต่างหาก!?

         “เจอ..อ๋อ ตัวนอร์สเองก็ยังไม่เคยเจอแบบจังๆนะแค่ผ่านๆแต่รุ่นพี่นี่สิเห็นจังๆเลย” หวา แค่คิดขนแขนก็แสตนอัพกันเป็น

แถว ผมจึงรีบเขยิบเข้าไปใกล้กับนอร์สพร้อมกับหยิบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมบริเวณปลายเท้าหลังจากที่ขอร้องให้อีกฝ่ายช่วย

เล่าเรื่องต่อ

         “แล้วรุ่นพี่ที่เห็นได้เล่าให้นอร์สฟังรึเปล่าว่ามันเป็นยังไง”

         “ก็..เล่านะครับ แล้วนี่ไฟไม่กลัวแล้วเหรอครับ” นั่นสิจะว่ากลัวก็กลัวแต่ความอยากฟังมันมีมากกว่าฉะนั้นเสียงข้างมากจึง

ชนะ!?

         “กลัวนะ..แต่อยากฟัง แหะๆ” ผมบอกนอร์สเสียงอ่อย นอร์สขมวดคิ้วน้อยๆแต่ก็ยอมเล่าให้ผมฟัง

          “รุ่นพี่เล่าให้นอร์สฟังว่าการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างที่เรารู้ๆกันว่าทุกคนที่เข้าใหม่นั้นเรียกง่ายๆก็คือปีหนึ่งจำเป็นที่จะ

ต้องมาพักอยู่ที่หอใน แต่ถ้าขึ้นชั้นปีใหม่จึงจะสามารถออกไปอยู่หอนอกได้ไม่จำเป็นต้องอยู่หอใน” นอร์สเล่าพลางมองหน้าผม

 ผมที่ทำหน้ารอลุ้นฉากต่อไปก็ลุ้นจนใจระทึก

         “ตอนนั้นตัวของรุ่นพี่เองก็เพิ่งจะเข้าเรียนเป็นปีแรกก็ต้องอยู่หอในแต่เผอิญวันที่ย้ายเข้ามาอยู่รูมเมทยังไม่มาตัวเองเลย

ต้องอยู่ที่ห้องคนเดียว”

         “รุ่นพี่เล่าว่าคืนสองคืนแรกนั้นก็ไม่มีอะไรแต่พอคืนที่สามเท่านั้นแหละ” นอร์สที่อยู่ดีๆก็หยุดพูดทำเอาผมที่รอฟังไม่ไหว

ต้องรีบเร่งเร้า

         “คืนที่สามทำไมเหรอ” นอร์สยังไม่ยอมเล่าต่อแต่กลับค่อยๆโน้มตัวเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับเฉลยสิ่งที่มันยังคงค้างคา

         “ก็...ไม่มีอะไรครับเพราะรุ่นพี่ผมเขาไม่ได้กลับหอพอดีไปอยู่บ้านแม่เพราะตอนนั้นยังไม่เปิดเรียน” พอนอร์สเฉลยสิ่งที่ค้าง

ไว้ออกมาก็ทำเอาผมแถบอยากจะถีบเจ้าตัวให้ตกเตียงไปเสียตอนนี้เลย ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกดีด้วยนะนอร์สอาจจะถูกหามส่งโรง’บาล

แล้วก็ได้!?

         “โห ไรเนี่ยไอ้เราก็อุตส่าห์ตั้งใจฟังคิดว่ามันคงต้องหลอนแน่ที่แท้ก็เรื่องหลอกเด็ก” ผมค่อนขอดอีกคน แต่เจ้าตัวกลับ

หัวเราะออกมาซะนี่

      “ก็นอร์สเห็นไฟกลัวก็เลยไม่อยากเล่าให้กลัวเข้าไปอีก”

         “ทำอย่างกับตัวเองไม่กลัวงั้นแหละ” ผมว่าเข้าให้

         “ก็ยังไม่ได้บอกซะหน่อยว่าไม่กลัว” นอร์สว่า ทำเอาผมต้องเลิกคิ้วมองอย่าสงสัย

                   เป็นหมอแต่กลัวผี แล้วเป็นได้ไงวะ!!!

         “นอร์สอำไฟเล่นป่ะ เป็นหมอแต่กลัวผีเนี่ยนะ”

         “อ้าวเป็นหมอแล้วไม่ต้องกลัวผีด้วยเหรอครับ..โธ่ ไฟครับมันไม่เกี่ยวกันซะหน่อย”

         “อ้าว แล้วเวลาเรียนกับอาจารย์ใหญ่ของนอร์สอ่ะไม่กลัวไม่ใช่เหรอ”

         “นั่นคืออาจารย์นี่ครับไม่เหมือนกัน แต่ที่หลายๆคนคิดว่าหมอไม่กลัวผีอาจจะเป็นที่ว่าหมอต้องอ่านหนังสือจนดึกก็เลย

เพลียไม่มีแรงมาวิ่งหนีผีมากกว่าและที่สำคัญอาจจะน่ากลัวกว่าผีก็ได้ใครจะไปรู้” นอร์สร่ายยาวก่อนที่จะให้ผมรีบนอนเพราะพรุ่ง

นี้จะต้องเตรียมตัวทำงานกัน ส่วนเรื่องที่นอนนอร์สบอกว่าให้ผมนอนบนเตียงไปคนเดียวส่วนเจ้าตัวจะไปนอนที่โซฟาแทนผมจึง

เอ่ยท้วง

         “ไม่ต้องนอนที่โซฟาหรอกนอร์สก็นอนบนเตียงด้วยกันนั่นแหละเดี๋ยวเอาหมอนข้างกั้นก็ได้” ผมพยายามหาทางออกให้

เพราะไม่อยากให้นอร์สไปนอนที่โซฟาเพราะมันทั้งหนาวทั้งอึดอัดแล้วที่สำคัญ

                                                                   ผมเป็นห่วง....

         “แต่ถ้านอร์สนอนด้วยไฟจะอึดอัดเอาเปล่าๆเตียงนอนมันเล็กไปนอร์สไปนอนที่โซฟานั่นแหละดีแล้ว” นอร์สยังดึงดันที่จะ

ไปผมจึงส่งสายตาดุๆไปให้เท่านั้นแหละเจ้าตัวจึงจะยอมมานอนด้วยกัน

                 
           กึกๆๆๆ

           เสียงอะไรบางอย่างกำลังกระทบอยู่ที่ระเบียงด้านนอกทำให้ผมต้องงัวเงียตื่นขึ้นกลางดึกและเมื่อสายตาสามารถ

ปรับโหมดให้คุ้นชินได้ผมก็เริ่มเพ่งมองออกไปนอกระเบียงก็เห็นเงาอะไรบางอย่างหลบมุมอยู่ตรงระเบียงห้อง ผมพยายามปลอบ

ใจตัวเองว่ามันไม่มีอะไรอาจจะเป็นเงาของผ้าม่านปะทะกับลมหนาวด้านนอกก็ได้ แต่แล้วผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า

         กูเป็นคนปิดประตูระเบียงนี่หว่า  แล้วลมจากข้างนอกก็ไม่สามารถที่พัดเข้ามาได้ งานงอกแล้วไอ้ไฟ!!!

         “นอร์ส” ผมเรียกคนที่นอนอยู่อีกด้านของหมอนข้าง  สักพักเจ้าตัวก็ค่อยๆพลิกตัวหันมาหาผม

         “มีอะไรเหรอครับไฟ” นอร์สถามผมเสียงงัวเงีย

         “คือไฟอยากถามว่าเอาหมอนข้างออกได้ไหม” นอร์สเลิกคิ้วมองหน้าผม ผมก็เลยรีบอธิบาย

         “คือ..ไฟว่าบรรยากาศมันค่อนข้างจะ..เอ่อ..แปล-”

         “ได้สิครับ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบนอร์สก็ตอบตกลงแถมยังช่วยหยิบหมอนข้างออก จากนั้นผมก็มุดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม

แล้วก็ค่อยๆเขยิบตัวเข้าไปหาอีกคนเพราะรู้สึกเสียวด้านหลังยังไงชอบกล

         “เขยิบมาอีกก็ได้ครับ”  นอร์สหันมาบอกเพราะผมที่ขยุกขยิกไม่เลิกซะที สงสัยเจ้าตัวคงจะรำคาญ ผมจึงส่งยิ้มแห้งไปให้

แต่ก็ยอมเขยิบตามที่อีกคนบอก ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าผมตกอยู่ในอ้อมกอดของนอร์สเพราะจากตอนแรกที่นอร์สนอนหันหลังให้

ผมกลับพลิกตัวหันมาหาผมซะงั้นและที่สำคัญตอนนี้ใบหน้าของผมก็ซุกอยู่ที่อกแกร่งของอีกฝ่าย สัมผัสเดียวที่ผมรู้สึกได้คือ

ความอบอุ่นและปลอดภัย ผมจึงค่อยๆหลับตาลงเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองปลอดภัยแล้ว แต่แล้วสัมผัสอันคุ้นเคยที่ผมได้รับมา

เมื่อครั้งก่อนก็หวนย้อนกลับมาอีกครั้ง

           ฝ่ามือที่แสนจะอบอุ่นค่อยๆลูบไล้เส้นผมแพรไหมสีน้ำตาลอ่อนของผมอย่างอ่อนโยนราวกับทะนุถนอม ความรู้สึกนี้

เหมือนเดจาวูและนั่นก็ทำให้ผมได้รู้ว่าฝ่ามือที่อบอุ่นในครั้งนั้นกับครั้งนี้แท้จริงแล้วใครเป็นเจ้าของ         

                   
         “งานงอกแล้วไอ้ไฟ!!” เสียงไอ้วีตะโกนเรียกผมมาแต่ไกลเพราะตอนนี้เราเตรียมเซตฉากกันเอาไว้ให้พร้อมเพื่อรอนักแสดง

เข้าฉากเพียงเท่านี้ก็เริ่มถ่ายทำกันได้

         “เมียมึงคลอดลูกเหรอตะโกนซะกลัวชาวบ้านเขาไม่รู้จักกู” ผมว่าไอ้วีเพราะมันตะโกนเรียกผมซะคนแถวนั้นหันมองกันเป็น

แถบ

                      กูล่ะเพลียกับมึงจริงไอ้วีเพื่อนรัก!!

         “มึงเหอะจะมีสวามีเป็นตัวเป็นตนก็บอกมาดีกว่า” แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย

         “มีไรก็ว่ามาอย่าลีลา” ผมรีบดึงเข้าเรื่องก่อนที่ผมจะไม่รู้เรื่องว่าไอ้วีมันมีเรื่องอะไร??

               “คือคุณเจนสิญาเธอโทรมาบอกว่า...” ไอ้วีเงียบเสียงไปทำให้ผมเริ่มจะรู้สึกถึงลางร้ายกำลังจะมาเยือนชอบกล

         “คุณเจนโทรมาว่าไงมึง”

         “คือ..เธอมาไม่ได้แล้ว” อะไรนะ!!!!! ผมหูฝาดไปใช่ไหม

         “แล้วจะเอาไงกันดีวะมึง” ไอ้วีถามความเห็นผม  นั่นสิ แม่คุณก็ช่างหาเรื่องมาให้ผมเครียดได้ตลอดทั้งเรื่องงานลามไปถึง

หัวใจ?

         “ก็ถ่ายต่อไงคะ” หืม??นั่นมันเสียงผู้หญิงนี่หน่าแต่สาบานได้เลยว่าไม่ใช่ยัย 18 หลอดแน่นอน ผมจึงหันกลับไปดูที่มาของ

เสียงนั่น

         “พี่เคธี่!!”





                         
           นี่มันเกิดปรากฎการณ์อะไรกันขึ้น!! วันรวมญาติงั้นเหรอ??แล้วทำไมพี่เคธี่เธอต้องมาที่นี่ด้วย อย่าบอกนะว่าเธอจะมา

เป็นนางเอกแทนยัย 18 หลอดนั่น ถามว่าดีไหม? ผมว่ามันดีมากเลยล่ะแต่จะดีกว่านี้ถ้าคนที่มาแทนจะไม่ใช่พี่เคธี่

         “สวัสดีนะน้องไฟไม่เจอกันนานเลยนี่ สบายดีนะ” พี่เคธี่เอ่ยทัก พี่เคธี่เป็นคนที่สวยและสวยมากผู้ชายร้อยทั้งร้อยถ้าได้เห็น

เธอเป็นอันต้องหลงรัก แม้กระทั่ง ‘เขาคนนั้น’ ด้วย

         “ก็ตามที่พี่เห็น” ผมตอบแบบขอไปที สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้ว...แค่นี้ก็คงพอ

         “เหอะ ยังคงความอวดดีและหยิ่งทระนงได้อย่างคงเส้นคงวาดีนะ อ้อ!เกือบลืมไปพี่มีอะไรจะบอกเธอด้วย” เธอเหน็บผม

เล็กน้อยเหมือนทุกครั้งที่เราคุยกันก่อนที่จะเปลี่ยนอารมณ์ในประโยคถัดมา ผมที่ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป เธอจึงพูดต่อในสิ่งที่

เธออยากจะบอกผม

         “พี่กับต้-”

         “ผมว่าคุณหยุดพูดเรื่องไร้สาระสักทีเถอะแล้วมาเข้าเรื่องของคุณดีกว่า คุณมาที่นี่ทำไม” ยังไม่ทันที่พี่เคธี่เธอจะได้พูดจบ

ประโยคไอ้วีที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็พูดขัดขึ้นก่อน

         “จะรีบไปไหนล่ะน้องวีเราก็คนกันเองทั้งนั้น” พี่เคธี่หันไปคุยกับไอ้วีแถมยังไม่สนใจในสิ่งที่ไอ้วีพูดเลยแม้แต่น้อย จากนั้น

เธอจึงปรายตากลับมามองที่ผม ผมจึงหันมองทางอื่นทำเป็นไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้นบ้าง

         “พี่กับต้าร์เรากับลังจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้ยังไงก็..ขอเชิญน้องไฟไปงานนี้ด้วยนะ”

         “แล้วพี่จะมาบอก มาชวนผมไปงานแต่งพี่กับเขาทำไมไม่ทราบ ผมกับพี่แล้วก็เขาไม่ได้สนิทกันถึงขั้นไปงานแต่งงานกัน

หรอกนะ” ผมโต้กลับไปบ้างทั้งๆที่ในตอนนี้ผมเรียกได้ว่าแทบจะล้มทั้งยืน

         “เราจะไม่สนิทกันได้ยังไงล่ะคะ ก็ในเมื่อน้องไฟเคยเป็นแฟนเก่าของต้าร์มาก่อนไม่ใช่เหรอคะ เอ๊ะ!หรือว่าน้องไฟจะยังทำ

ใจไม่ได้” เธอจงใจเน้นประโยค แฟนเก่า ให้ผมฟังชัดๆ  ก่อนจะถามประโยคถัดมาที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะสงสัยมาเป็นชาติ!?

         “เรื่องที่ผมจะทำใจได้ไม่ได้นั้นมันไม่ใช่ปัญหาเพราะยังไงผมก็ไม่ไปยุ่งกับของรักของหวงของพี่อยู่ดี แต่ผมกลัวว่าคนของ

พี่เขาจะกลับมาหาผมซะมากกว่า อย่าลืมสิครับว่าถ่านไฟเก่ายังไงก็รอวันประทุอยู่ดีถ้าหากว่ามันมีเชื้อเพลิงดีๆมาสุม” ผม

พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้แล้วปั้นหน้าหยิบหน้ากากที่คิดว่าคู่ควรที่จะใช้มันกับคนตรงหน้าขึ้นมาใส่และนั่นก็

ทำให้ผมได้เห็นประกายตาที่วาวโรจน์ของคนผู้หญิงคนนี้

       อย่าคิดว่านะมีแต่พี่เท่านั้นที่จะอ่านเกมนี้ออก  เราทั้งคู่ไม่มีใครได้โต้ตอบกลับไปมีแต่สายตาที่จ้องกันอย่างไม่ลดละเท่านั้น

ที่ทำให้บรรยากาศรอบๆดูจะอึดอัดได้ไม่น้อย

         “เคธี่” แต่แล้วก็มีอีกหนึ่งเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าผม น้ำเสียงนั่นถึงแม้จะแผ่วเบาแต่ก็ยังคงกังวานผสานกับ

น้ำเสียงที่ซ่อนเร้นความรู้สึกบางอย่างที่สะกดออกมาได้สั้นๆว่า โหยหา........
                   
           
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 5 300858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 30-08-2015 19:28:49
            ผมรู้สึกชาวาบที่ได้ยินน้ำเสียงนั่นของใครบางคนที่ทำให้ผมใจเต้นแรงแถมไม่เป็นตัวของตัวเองทุกครั้งที่เราใกล้กัน

แต่ตอนนี้เขากลับใช้น้ำเสียงนั่น น้ำเสียงที่ฟังดูทั้งปวดร้าวและโหยหาจนทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองเพื่อความแน่ใจว่าใช่

เขาจริงๆเหรอ

         “นอร์ส” ผมเรียกชื่อนอนร์สแผ่วเบาคล้ายคนละเมอเสียมากกว่า จากนั้นผมก็เดินออกจากสถานที่ตรงนี้ ไปไม่สนใจแม้

กระทั่งเสียงเพื่อนรัก

เจ็บ...ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน

เจ็บ...เมื่อได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นของเขาเอ่ยเรียกอีกคน

เจ็บ...ที่รับรู้ว่าเขาเคยรู้สึกดีต่อกัน

เจ็บ...ที่ทำไมคนๆนั้นถึงไม่เป็นเราสักที.....

           ผมหลบเข้ามานั่งพักที่ลอบบี้ของโรงแรมเพราะผมรูว่าผมคงจะฝืนยืนต่อไปไม่ไหว แปลกดีนะทั้งๆที่พี่เคธี่พูดถึงเรื่อง

ของเขาเพื่อต้องการให้ผมเจ็บจนทนไม่ไหว แต่ผมกลับรู้สึกแค่โหวงๆเล็กน้อย แต่กลับเป็นใครอีกคนมากกว่าที่ทำให้ผม...เจ็บ

จนเป็นแบบนี้

         “ไฟครับ  ไฟเป็นอะไรรึเปล่า” นอร์สที่วิ่งเข้ามาดูจะรีบร้อนเป็นพิเศษผมจึงพยายามเก็บหยดน้ำในที่เริ่มจะคลอเบ้าให้กลับ

เข้าลงไปในที่ที่มันควรจะอยู่

         “เปล่า มีอะไรเหรอ” ผมถามออกไปพลางทำหน้ายิ้มให้อีกคนรู้ว่าผมสบายดี

         “นอร์สเห็นไฟวิ่งเข้ามาในนี้ทั้งๆที่ดูอาการไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่คุณวีเลยให้นอร์สเข้ามาดู”

         “เหรอ” ไอ้วี ไอ้เพื่อนเวรรร!!!

         “นั่งสิ” ผมบอกให้คนตรงหน้านั่งพักลงก่อน เจ้าตัวจึงนั่งลงตรงข้ามผม

         “นอร์สมีเรื่องจะคุยกับไฟแต่ตรงนี้ไม่สะดวกไปที่อื่นเถอะ” นอร์สบอกกับผมท่าทางจริงจัง ทั้งที่ตัวเองยังสงสัยแต่ก็ยังจะ

พยักหน้าตกลง





                     
         “นอร์สพาไฟมาที่นี่ทำไมอ่ะ”

         “ก็พามาเดินเล่นไง” อะไรของเขาเนี่ยไหนบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย นี่ผมยังไม่หานน้อยใจเขานะ!!

         “มาที่น้ำพุเทรวี่เนี่ยนะ” ครับ นอร์สพาผมมาที่น้ำพุเทรวี่ที่ออกแบบโดยนิโกลา ซาลวี สถาปนิกชาวอิตาลี ซึ่งเขาเชื่อกันว่า

เมื่อหันหลังให้กับน้ำพุแห่งนี้แล้วอธิษฐานจากนั้นโยนเหรียญลงไปในบ่อนี้ได้ ผู้โยนจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง

         “มีไรก็พูดมา” ผมรีบบอกวัตถุประสงค์แรกของเจ้าตัว ซึ่งนอร์สเองก็ไม่ได้ดูอิดออดอะไร แต่ก็เริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง

         “นอร์สรู้จักกับเคธี่” นอร์สเกริ่นประโยคแรกพลางมองหน้าผมเผื่อว่าผมจะแย้งอะไร ผมไม่ได้ว่าอะไรออกไปเขาจึงพูดต่อ

         “นอร์สกับเคธี่เราเคยเป็นแฟนกัน”

         “บอกไฟทำไมไม่เห็นจะอยากรู้สักหน่อย” ของขึ้นน่ะสิครับ

         “หึๆ” พอผมพูดไปอีกคนก็หัวเราะกับคำพูดของผมเฉยเลยไหนจะแววตาแปลกๆนั่นอีก ผมเลยหรี่ตามองว่า ขำไรมิทราบ

         “โอเคครับไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องรู้งั้นนอร์สไม่เล่าต่อดีกว่า” เฮ้ย!ได้ไงอ่ะเกริ่นมาซะทำให้อยากรู้ต่อจะมาหยุดเอาดื้อๆแบบนี้

ไม่ได้นะ

         “เฮ้ย!เล่าต่อเดี๋ยวนี้เลยนะนอร์ส” ผมรีบสั่งให้เจ้าตัวเล่าต่อทันที ส่วนเจ้าตัวก็ยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนคนรู้ทันว่ายังไงผมก็ต้องขอ

ร้องทั้งๆที่เจ้าตัวก็ต้องเล่าให้ผมฟังอยู่ดีและนั่นก็ทำให้ผมได้รู้สัจธรรมของชีวิตข้อหนึ่งเกี่ยวกับมนุษย์ที่ชื่อนอร์สได้ว่า

               นอร์สเป็นมนุษย์ที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในสามโลกกก!!!!

         “ตอนนั้นนอร์สรียนอยู่ปี3 ถ้าจำไม่ผิดนอร์สกับเคธี่เราเป็นแฟนกันและนอร์สก็รักเคธี่มาก” แหวะ! แต่ผมก็สามารถเก็บ

อาการได้โดยที่ไม่หลุดออกไปแม้แต่น้อย

         “ผมให้เธอทุกอย่างที่เธอต้องการแต่สุดท้ายแล้วเขาก็แค่ต้องการที่จะรู้จักลูกพี่ลูกน้องของผมมากกว่า” อย่าบอกนะว่าพี่

ต้าร์เป็นญาติกับนอร์ส แต่ผมก็ยังไม่ถามเจ้าตัวเพราะยังอยากฟังเรื่องของพี่เคธี่มากกว่า

         “จากนั้นเธอก็บอกเลิกผมอย่างไม่ใยดี แต่นั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมอยากเป็นหมอ” เอ๋?

         “ยังไงเหรอ”

         “ก็เขาว่ากันว่าหมอสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค”

         “แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่เคธี่ด้วยล่ะ” หรือว่าเสียใจจนอยากเก่ง ทฤษฎีอะไรของนอร์สเขาวะ??

         “เกี่ยวสิไฟรู้ไหมว่าพอนอร์สมาเรียนหมอจนใกล้จบมันทำให้นอร์สได้รุ้ความจริงอย่างหนึ่งเกี่ยวกับหมอเลยล่ะ” เอ๋?

         “หมอน่ะรักษาให้ทุกคนหายป่วยและก็สามารถรักษาได้เกือบทุกโรคก็จริง แต่มีสิ่งเดียวที่คนเป็นหมอรักษาไม่ได้นั่นก็คือ...

หัวใจตัวเอง ตั้งแต่นั้นมามันก็ทำให้นอร์สกลัวที่จะรักเพราะนิยามความรักที่นอร์สเคยให้ไว้กลับพังทลายเพราะผู้หญิงคนนั้นคน

เดียว”นอร์สหยุดพูดก่อนหันมาถามผม

         “แล้วไฟล่ะนิยามรักของไฟคืออะไร” นั่นสินะนิยามความรักสำหรับตัวผมคืออะไร แต่แล้วมันก็มีคำๆหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัว

         “ความว่างเปล่า..”

        “ยังไงเหรอ”

         “ไฟว่านิยามความรักสำหรับไฟถ้าเป็นเมื่อก่อนคือการเสียสละการให้และมากมายแต่พอไฟมาถึง ณ จุดๆหนึ่งมันก็ทำให้ไฟ

รู้ว่าการที่เรารักใครมากๆคนหนึ่งเราก็ไม่อยากที่จะเสียเขาไป เราอยากครอบครอง เราอยากให้เขาเป็นของเราคนเดียว เราไม่

อยากให้เขาไปกับใครทั้งนั้น ไฟจึงมองว่าความรักคือความว่างเปล่าเพราะมันไร้ตัวตน แต่เราก็ยังสามมารถสัมผัสมันได้ด้วยใจ”

 จากนั้นผมก็หันไปมองอีกคนที่มองผมอยู่ก่อนแล้วก่อนที่ผมจะยิ้มบางๆส่งไปให้พร้อมกับอธิบายต่อ

         “อย่างเช่นอะไรก็ตามที่ทำให้ไฟยิ้มได้ หัวเราะได้และมีความสุขไฟก็เรียกสิ่งเหล่านั้นว่าความรัก” จากนั้นอีกคนที่ฟังผม

อธิบายนิยามรักในความคิดของผมจบกลับคลี่ยิ้มที่เขาเรียกกันว่า กระชากวิญญาณให้ออกจากร่าง ผมก็ไม่เคยจะชินกับมันซะที

แถมเจ้าตัวยังยื่นมือมาจับมือผมที่ตอนนี้ยืนเป็นหุ่นแข็งทื่อที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็จู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ฟังทีไร

ก็ไม่เคยเบื่อ

         “ถ้างั้นคนที่ทำให้นอร์สยิ้มได้ หัวเราะได้และมีความสุขได้ก็เรียกได้ว่าคนๆนั้นทำให้นอร์สตกหลุมรักใช่ไหม?” ผมที่สมอง

เบลอๆฟังอะไรไม่ค่อยชัดก็พยักหน้าไปส่งเดชไม่ได้เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดสักนิด

         “ถ้างั้นคนๆนั้น คนที่ทำให้นอร์สตกหลุมรักได้..คนนั้นก็คือ.......ไฟ” จากเมื่อกี้ที่สมองไม่รับรู้อะไรแต่ตอนนี้กลับมาใช้งาน

ได้ล้านเปอร์เซ็นต์แถมยังประมวลผลคำพูดของนอร์สได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชัดแบบHD

           คนๆนั้น... คนที่ทำให้นอร์สตกหลุมรักได้...ก็คือ.....เรา!!








ตอนที่ 5 มาแล้วจร้าาาาา หวังว่าเรื่องนี้คงจะทำใ้ทุกคนสนุกไปกับการอ่านนะคะ ^^ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 6 300858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 30-08-2015 19:34:04
                                     แผนการร้ายครั้งที่ 6 : เคล็ดลับในการก้าวหน้า... คือการเริ่มต้น
     
                  จากวันนั้นจนถึงวันนี้เรียกได้ว่าราวๆเกือบสามอาทิตย์ หลังจากที่ผมอนุญาตให้พี่เคธี่มารับบทเป็นนางเอก

แทนเพราะเห็นว่าถ้าไปหาใหม่เราคงจะมาโรมกันเสียเที่ยว ส่วนพี่ชายสุดที่รักของผมก็สามารถเดินทางมาถ่ายทำได้อย่างไม่มี

ปัญหาและนั่นมันก็ทำให้ผมคลายความกังวลลงไปได้เป็นเท่าตัวเพราะอีกไม่นานหนึ่งเรื่องในซีรีย์สามเรื่องก็จะถ่ายทำเสร็จก่อนที่

เราจะเดินทางไปถ่ายทำเรื่องที่สองกันต่อ แต่ถึงแม้ว่างานในครั้งนี้อีกไม่นานก็คงจะถ่ายทำกันเสร็จแต่นั่นช่างต่างจากความรู้สึก

ของผมและใครอีกคนที่ตอนนี้ค่อยๆเริ่มต้นขึ้นราวกับดอกไม้ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่กำลังผลิใบสวยงามเหมือนอย่างในฤดูกาลที่

กำลังเป็นอยู่ตอนนี้

         “เอาล่ะครับทุกๆคนวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะครับก็ขอให้ทุกคนทำมันออกมาอย่างเต็มที่นะครับ” เสียงผมที่เอ่ยบอกกับนัก

แสดงและทีมงานให้สร้างสรรค์ตัวงานชิ้นนี้ให้ออกมาดีที่สุด

         “ถ้างั้นพี่ๆเตรียมแสตนบายให้พร้อมนะครับ นักแสดงพร้อมไหมครับ” ไอ้วีที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับก็สั่งกับทีมงานพร้อม

ถามความพร้อมของนักแสดงแล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงความพร้อมที่นักแสดงตอบกลับมา

         “5 4 3 2 แอคชั่น!!” เสียงผมบอกสัญญาณการเริ่มต้นของการแสดง

           ฉากนี้เป็นฉากสุดท้ายสำหรับเหล่านักแสดงชุดนี้และเป็นฉากสุดท้ายที่พระนางจะต้องบอกความในจากห้วงลึกของ

ใจให้อีกฝ่ายได้รู้ พี่เคธี่ที่เข้ามารับบทลูกสาวเจ้าพ่อมาเฟียคู่แข่งของลูกเจ้าพ่อมาเฟียอีกคนอย่างพี่ลมก็สวมบทบาทที่เรียกได้ว่า

สามารถดึงผู้กำกับอย่างผมให้จินตนาการได้ว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งในบรรยากาศที่ถูกคนทั้งคู่ถ่ายทอดมันออกมา นับว่าเป็นนัก

แสดงที่ใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนพี่ลมนั้นไม่ต้องพูดถึงดีกรีระดับพระเอกฮอลลีวูดไม่มีฉากไหนที่เจ้าตัวจะทำมันออกมาไม่สำเร็จ

           “คัททททท!!!!” ผมที่กำลังนั่งลุ้นอยู่กับจอมอนิเตอร์ที่ตอนนี้พระนางกำลังพร่ำบอกคำรักกันอย่างหวานหูพร้อมปิด

ท้ายด้วยรสจูบที่จะตราตรึงคนดูให้จมอยู่กับห้วงลึกของความรู้สึกไปพร้อมๆกับนักแสดงที่ถ่ายทอดมันออกมา แถมยังมี

บรรยากาศยามเย็นที่สะพานซิสโตแสนโรแมนติกที่ผมกับนอร์สเราเคยมาด้วยกัน ก่อนหันไปตวาดไอ้เพื่อนรักที่ตอนนี้นั่งเป็นผู้

ช่วยผู้กำกับอยู่ข้างๆ

         “ทำบ้าอะไรของมึงวะเนี่ยไอ้วี” ไอ้วีมันหันหน้ายุ่งๆของมันซึ่งขัดกับลุกชายเจ้าสำราญแฝงความเจ้าเล่ห์นิดๆที่ทำให้สาว

น้อยสาวใหญ่หรือจะเป็นหนุ่มหน้าสวยเหลียงมองกันอย่างไม่วางตา

         “ทำไมต้องจูบจริงด้วยวะ!!” ไอ้วีที่คิ้วยังคงขมวดมุ่นพร้อมกับน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยกล่าวออกมา

         “ก็เพื่อความสมจริงไง จูบนิดเดียวก่อนโฟกัสภาพไปที่วิวโรแมนติกนี่ไง” ผมอธิบายให้อีกคนเข้าใจซึ่งตัวผมเองตอนแรกก็

ไม่เห็นด้วยกับฉากนี้แถมบางครั้งยังอยากจะตัดมันทิ้ง แต่พอลองปรึกษากับนักเขียนเจ้าของเรื่อง นอร์สจึงกลับบอกผมว่า

         ‘ถ้าเราตัดฉากนี้ออกไปเพราะไฟมีอคติกับนักแสดงมันจะเรียกว่าผู้กำกับมืออาชีพได้ยังไงล่ะครับ’

         ‘ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่ ’ ผมแย้ง แต่นอร์สกลับหัวเราะอย่างกับคนที่ผ่านโลกมามากทั้งๆที่ตัวเองอ่อนกว่าผมแท้ๆ

         ‘ไฟครับ คุณลองหลับตาลงช้าๆนะครับ’ ผมลองทำตามที่อีกคนบอก

         ‘ไฟลองจินตนาการว่าตัวเองกำลังถือพู่กันด้ามหนึ่งก่อนจะจุ่มมันลงไปในถังสีพร้อมกับปาดปลายพู่กันลงบนเฟรมที่วางอยู่

ตรงหน้าช้าๆ ไฟสัมผัสอะไรได้บ้างครับ’

         ‘อือ มันบอกไม่ถูกนะ มันเหมือนเรากำลังมีความสุข มันบางเบาเมื่อเรากำลังจินตนาการอยู่กับภาพในหัว’

         ‘ถ้าเราลองเปรียบสิ่งเหล่านี้โดยให้ไฟเป็นคนวาด ส่วนนอร์สเป็นคนสร้างจินตนาการ เมื่อกี้นี้นอร์สไม่ได้บอกไฟว่าจะให้ไฟ

วาดภาพอะไรเพียงแต่บอกให้ไฟเป็นคนวาดตามจินตนาการของไฟเองไฟรู้สึกมีความสุข แต่ถ้านอร์สบอกว่าให้ไฟหลับตาแล้วนึก

ถึงภาพทะเลที่ไม่มีหาดทรายไฟรู้สึกยังไงครับ’ เสียงทุ้มนุ่มค่อยๆบอกผมช้าๆ ผมจึงลองคิดตามที่อีกคนพูด

         ‘ขาดจินตนาการส่วนตัว’ ผมตอบกลับอีกคน

         ‘คนดูก็เหมือนกันครับ’

         ‘ยังไงเหรอ’

         ‘ตอนแรกที่นอร์สให้ไฟจินตนาการเองก็เหมือนกับคนที่กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่เขาสามารถจินตนาการมันได้ด้วยความ

รู้สึกและความนึกคิดส่วนตัว’

          ‘แต่พอนอร์สบอกหัวข้อไฟแต่จำกัดว่าไฟต้องทำตามนอร์สไฟรู้สึกขาดจินตนาการส่วนตัวก็เหมือนกับไฟนำหนังสือเล่มนั้น

มาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่มันก็กำหนดกรอบความคิดคนดูอยู่แล้ว แล้วนี่ไฟยังจะตีกรอบความคิดของคนดูเพิ่มเข้าไปอีกไฟคิดว่า

คนดูเขาจะมีความสุขกับการดูไหมล่ะครับ’ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมคิดได้ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะใช้ความรู้สึกของคนดู

มาสร้างภาพยนตร์ของตัวเองตามที่นอร์สบอก

         “ยังไงกูก็ไม่เห็นด้วยกับการจูบจริง กูรู้นะเว้ยไอ้ไฟว่ามึงออยากให้คนดูเขาได้จินตนาการหลังจากภาพนั้นจบแต่มึงใช้มุม

กล้องไม่ได้รึไง” ผมก็อธิบายให้ไอ้วีเข้าใจพร้อมทั้งยกเรื่องที่นอร์สบอกผมมาบอกมันแต่มันก็ยังรั้นท่าเดียว  มุมกล้องก็มุมกล้อง

ไม่จูบจริงก็ได้วะ  ผมสบถอย่างหัวเสีย

         “แล้วแต่มึงเลยมุมกล้องก็มุมกล้อง” ผมขี้เกียจเถียงกับมันกลัวว่างานจะไม่เสร็จก่อนจะบอกนักแสดงกับตากล้องว่าใช้มุม

กล้องแทนจากนั้นจึงเริ่มถ่ายทำต่อ ไอ้วีที่ผมตามใจที่มันขอก็ดูจะพอใจไม่น้อยถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่สายตาเจ้า

เล่ห์ที่ตอนนี้กลับพราวระยับพออกพอใจจนชัดแจ้งทำให้ผมที่ลอบสังเกตก็อยากจะถามเจ้าตัวว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ จากนั้น

สายตาผมก็โฟกัสไปที่จุดๆหนึ่งในหน้าจอมอนิเตอร์ก็พอจะเดาได้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เพื่อนตัวดีค้านการจูบจริง!!


                         
         “เป็นยังไงบ้างนอร์ส” ผมเดินเข้ามาดูอาการคนป่วยที่กำลังกระพริบตาปริบๆปรับโฟกัสให้ชัดก่อนเอ่ยตอบผมด้วยเสียง

แหบพร่า

         “ก็ดีขึ้นนิดหนึ่งน่ะครับ” นอร์สตอบก่อนจะพยุงตัวเองให้ขึ้นนั่งผมจึงเข้าไปช่วยพยุง

           นอร์สเริ่มไม่สบายเมื่อสองสามวันก่อนทำให้วันนี้ไม่ได้ไปดูการถ่ายทำเพราะถูกผมไล่มานอนพักเพราะดูจากสภาพ

เจ้าตัวที่เป็นอยู่ตอนนี้เหมาะที่จะนอนพักเอาแรงเสียมากกว่า หลังจากที่ฉากสุดท้ายถ่ายทำสำเร็จภายในสองเทคก็พาเอาผมยิ้ม

หน้าบานที่จะได้พักรวมถึงทีมงานและนักแสดงด้วย ผมจึงวานให้พี่เม่นที่แกค่อนข้างจะเจนจัดเรื่องของสถานที่ช่วยหาสถานที่จัด

เลี้ยงปิดกล้องเรื่องนี้แบบเล็กๆพอ จากนั้นจึงให้ทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนตามสบายผมจึงได้มาดูแลคนป่วยที่นอนซมอยู่ในห้อง

         “เดี๋ยวไฟไปดูของกินมาให้นอร์สกินดีกว่าจะได้ทานยาแล้วพักผ่อน” ผมบอกก่อนยิ้มให้อีกคนแล้วก็หายออกไปด้านนอก

เผื่อเจอร้านอาหารใกล้ๆที่พักจะได้เอามาให้คนป่วยทาน

           ร้านอาหารที่ผมไปซื้อของกินมาให้นอร์สโชคดีที่วันนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าที่ควรจึงทำให้ผมได้รายการเมนูอาหาร

อย่างรวดเร็ว อาหารสำหรับคนป่วยในมื้อนี้ผมไม่รู้ว่าจะให้ทานอะไรดีเพราะไม่ค่อยจะสัดทัดเรื่องของอาหารอิตาลีเท่าที่ควรจึง

ซื้อ Pasta Primavera อาหารมังสวิรัติที่ขึ้นชื่อของที่นี้ด้วยเห็นว่าเป็นอาหารที่นิยมทานกันในฤดูใบไม้ผลิเพราะพืชผักเหล่านี้มัก

ผลิตดอกออกผลกันในหน้านี้  แล้วยังมี Shrimp fra diavolo อาหารที่มีรถชาติเผ็ดจัดจ้านสไตล์ Devil เผื่อคนป่วยที่ทานเข้าไป

แล้วรสชาติความเผ็ดร้อนจะช่วยให้หายไข้เร็วขึ้น

         “ไฟกลับมาแล้วนอร์ส” ผมตะโกนบอกอีกคนที่อยู่ด้านในห้องก่อนจะเปิดประตูออกมาพบกับความเงียบสงบ

               สงสัยจะหลับแฮะ  ผมค่อยๆเดินเอาอาหารไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะมาดูอีกคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน

         “นอร์สเวลาหลับนี่ก็ยังดูดีเนอะ” ผมเปรยออกมาเบาๆพร้อมกับขยับหน้าตัวเองเข้าไปใกล้เพื่อแอบสำรวจโครงหน้าของอีก

ฝ่าย

           ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาคมโตที่ตอนนี้กำลังหลับพริ้มพร้อมกับแพขนตายาววางเรียงรายอยู่รายรอบ ดวงตาคู่นี้ที่เมื่อ

ลืมตาตื่นขึ้นแล้วหากมีผู้ใดเผลอสบเข้าคงยากจะถอนตัว เหมือนเช่นเราตอนนี้ไงไฟที่เผลอใผลรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จมูก

โด่งเป็นสันที่ดูเจ้าตัวคงจะมีเค้าโครงมาทางชาติตะวันตกจากเหล่าญาติพี่น้อง ริมฝีปากบางที่มักมีรอยยิ้มส่งให้กับเราตลอดเวลา

หรือแม้กระทั่งผู้อื่น นึกถึงตรงนี้ทีไรผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเราต้องยกมือมาสัมผัสที่ริมฝีปากของตัวเองด้วยทั้งๆที่เรื่องราว

มันก็ผ่านมานาน อาจจะเป็นเพราะสัมผัสนั้นถูกมอบโดยคนตรงหน้าก็เป็นได้

         “เฮ้อ!!นายมันคนนิสัยไม่ดีเลยนะนอร์สที่ชอบทำให้คนอื่นหลงรักตัวเองอยู่เรื่อย” ผมว่าพลางบีบจมูกอีกคนด้วยความมัน

เขี้ยวก่อนที่จะผละออกมาเพื่อไปจัดเตรียมอาหารให้คนที่กำลังนอนหลับฝันหวานเมื่อตื่นขึ้นมาจะได้พร้อมทานทันที

         “อ๊ะ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลุกออกไปคนที่คิดว่านอนหลับอยู่กลับรวบเอวผมลงไปนอนซบอกแกร่ง ดิ้นเท่าไรเจ้าตัวก็ไม่ยอม

ปล่อยและนั่นจึงทำให้ผมต้องร้องห้ามอีกฝ่าย

         “ทำบ้าอะไรของนอร์สเนี่ย ปล่อยไฟนะ” ผมว่าแต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนอบอุ่นนี้ ถึงแม้จะ

รู้สึกดีก็เถอะที่ถูกอีกฝ่ายกอด แต่มันก็อดที่จะไม่เขินอายก็คงไม่ได้

         “อืมม” อีกคนที่ไม่ยอมตอบแถมตอนนี้ก็รัดอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ผมที่คิดว่าดิ้นไปก็เปล่าประโยชน์จึงยอมอยู่เฉยๆเพื่อเก็บ

แรงไว้คุยกับเจ้าตัวดีกว่า

         “นอร์สไฟอึดอัด” ผมพยายามบอกอีกฝ่าย

         “แต่นอร์สไม่สบาย นอร์สหนาว นอร์สอยากได้ความอบอุ่น” คนที่กอดผมตอบกลับมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ฟังดู..เอ่อ..ออด

อ้อน??

         “นอร์สก็ปล่อยไฟก่อนสิไฟจะได้ห่มผ้าให้นอร์สไง” ผมอ้าง

         “ไฟใจร้ายจัง” น้ำเสียงน้อยใจถูกอีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ผมหน้าสลดลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตัวเองไปใจ

ร้ายใส่นอร์สตอนไหน

         “ไฟไปใจร้ายใส่นอร์สตอนไหนไม่ทราบ” ผมถามออกไป

         “ก็ตอนนี้ไง นอร์สไม่สบาย นอร์สอยากได้ความอบอุ่นจากไฟ....จากคนที่นอร์สรัก” ครับคำเดียวเท่านั้นจบเลย ตอนนี้ตัว

ผมเหมือนถูกสตาร์ฟเอาไว้ยังไงยังงั้น ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่พูดเผื่อนอร์สจะพูดอะไรมั่วซั่วเพราะฤทธิ์จากพิษไข้ แต่ก็

ต้องปะทะเข้ากับดวงตาของอีกฝ่ายที่มองสบก่อนอยู่แล้ว แววตาที่จริงจังไร้ความล้อเล่นเหมือนเช่นที่เคยเป็นยิ่งทำให้สามารถ

เรียกไอร้อนให้ขั้นมาท่วมใบหน้ากับริ้วแดงๆที่เริ่มมีเล็กน้อยบริเวณใบหน้านวลเนียน

           เหมือนแรงดึงดูดของโลกจะทำงานมากเกินไปหรืออะไรยังไงไม่ทราบได้เพราะที่รู้ๆตอนนี้ใบหน้าของนอร์สที่ค่อยๆ

โน้มต่ำใกล้กับใบหน้าของผมจนสามารถรับรู้ถึงลมหายใจร้อนๆที่รินรดอยู่บนใบหน้าของตัวเอง ริมฝีปากที่ห่างกันแค่เซนเดียวใน

ตอนแรกกลับไร้ซึ่งช่องว่างที่แม้ธาตุอากาศก็ไม่สามารถพาดผ่านได้ ผมค่อยๆหลับตาลงซึมซับกับความรู้สึกใหม่ๆที่ค่อยๆก่อตัว

ขึ้นช้าๆ   ไม่รุนแรงแต่เร้าอารมณ์....  สามารถสร้างความวาบหวามในอารมณ์ได้อย่างดี สติสัมปชัญญะที่เคยมีก่อนหน้านี้กลับ

ค่อยๆจางหายไป แม้นั่นจะเป็นเพียงแค่สัมผัสจากรสจูบเท่านั้น......

         “เอ่อ..ขอโทษ” ผมที่ตั้งสติได้เมื่อมีมือร้อนๆของอีกฝ่ายค่อยๆลูบไล้บริเวณแผ่นหลังภายใต้สาบเสื้อก่อนจะลูบวนมาบริเวณ

หน้าท้อง จากนั้นจึงผลักอีกฝ่ายออกแต่อีกคนก็ยังคงกอดเอวผมแน่นไม่ปล่อย ผมที่ก้มหน้าลงเพื่อเก็บความแดงซ่านบริเวณใบ

หน้าก่อนจะออกแรงผลักอีกฝ่ายเบาๆซึ่งครั้งนี้กลับให้ความร่วมมือ ผมจึงหลุดออกจากพันธการแกร่งนั่นก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ

เพื่อควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจที่ดังไม่หยุดหย่อน

           
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 6 300858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 30-08-2015 19:44:07
            ผมที่ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำก็ค่อยๆยื่นมือออกไปสัมผัสอกด้านซ้ายที่เจ้าก้อนเนื้อมีชีวิตกำลังเล่นงานผมอยู่

                 เสียงดังจัง  อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะมันคงมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์เมื่อครู่ คิดถึงแล้วก็ชวนให้

วาบหวามชอบกล

         “เกือบไปแล้วไงไอ้ไฟ” ผมที่บอกตัวเองก่อนจะเปิดน้ำจากก๊อกเพื่อล้างหน้าลบความร้อนที่เห่อขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

หย่อนและหลังจากปรับตัวเองให้กับมาเป็นปกติได้เหมือนเคยจึงค่อยๆแง้มประตูห้องน้ำออกจึงเห็นอีกคนที่ตอนแรกนอนอยู่บน

เตียงกลับลุกขึ้นนั่งยีหัวตัวเองจนเสียทรงพร้อมกับสบถอะไรบางอย่างเพื่อระบายความหงุดหงิดที่ตัวเองมี ผมมองภาพนั้นด้วย

รอยยิ้ม

    เจ้าชายน้ำแข็งอย่างนอร์สเนี่ยนะที่จะมีโมเมนต์แบบหลุดๆกับเขาด้วย!?

           ผมจึงปิดประตูที่แง้มออกไปเมื่อครู่ก่อนจะปรับสีหน้าท่าทางให้ดูปกติก่อนจะเปิดประตูออกไปอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้า

กับอีกคน แต่พอเปิดออกไปมันก็ทำให้ผมปิดเข้ามาใหม่อย่างนี้อยู่หลายหนจนไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้อีกคนไม่ได้อีกคนอยู่ที่

เตียงแล้ว

         “เอาวะไอ้ไฟ เป็นไงก็เป็นกัน กล้าๆหน่อย” ผมบอกกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูออกไปแต่ก็ดันเจอกับอีกคนที่ทำให้ความ

กล้าของผมหายหดไปแทน

      “เอ่อ....”
 
         “นอร์สเห็นไฟไม่ออกมาก็เลยกลัวว่าจะเป็นอะไรไป แล้วนี่ไฟโอเคไหม” ไม่!! ผมอยากจะตอบคำๆนี้ให้อีกคนได้ยินดังๆ

เสียจริงๆ จะให้ไม่เป็นไรได้ไงก็ตัวเองเล่นมาทำแบบนั้นกับคนอื่น แถมตอนนี้ยังมีหน้ามายืนถามทำหน้าสลอนอีกต่างหาก

         “เอ่อ..สบายดี” แต่ถ้าตอบแบบนี้มันจะดีกว่า

         “นอร์สหิวแล้วอ่ะ”

         “อืม งั้นไฟไปเอาของกินมาให้เลยนะ” ผมรีบหาวิธีปลีกตัวเองออกมา

           ผมจัดของกินที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ให้อีกคนนั่งทานส่วนผมก็นั่งมองอีกคนทานอย่างมีความสุข

         “หน้านอร์สมีอะไรเหรอ” นอร์สที่เห็นผมนั่งจ้องหน้าตัวเองไม่ละสายตาก็ยกมือไม้ขึ้นมาปัดป่ายไปทั่วใบหน้าเผื่อจะเจอกับ

ความผิดปกติที่ทำให้ผมมอง ผมก็ยิ่งยิ้มให้กับภาพตรงหน้าที่นานๆทีจะได้เห็นโมเมนต์เด็กๆและหลุดๆของอีกฝ่ายที่มักชอบทำ

ให้ใจผมเต้นแรงอยู่ตลอด

             เฮ้อ!!ไอ้ไฟเอ้ยยยไม่เข็ดสักทีนะมึง

         “หน้านอร์สไม่ได้มีอะไรติดอยู่หรอกแต่ที่ไฟมองนอร์สเพราะเห็นว่านอร์สดูกินแบบเด็กๆ....น่ารักดี” ผมว่าออกไปตามตรง

ก่อนจะส่งยิ้มจริงใจให้อีกฝ่าย

         “แล้วรักปะล่ะ” แล้วผมก็เพิ่งจะสำเหนียกตัวเองได้ว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่ ถ้าเรายังไม่ตายก็ไม่ควรพูดมัน

         “แล้วคิดว่าไงล่ะ”

         “ไม่รู้สิก็คงต้องแล้วแต่ไฟ”

         “แล้วถ้าไฟบอกไม่ล่ะ” ผมลองแหย่อีกฝ่ายดู

         “นอร์สก็คงต้องทำใจสักระยะเพราะนอร์สรู้ว่านอร์สอยู่โดยขาดไฟไม่ได้” แหวะ เลี่ยน! แต่ชอบนะ ผมพยายามกลั้นยิ้มก่อน

จะพูดกับอีกคนต่อ

         “แล้วถ้าไฟบอกว่า...รักล่ะ” ผมลองเชิงถาม

         “นอร์สก็จะได้เดินหน้ารุกฆาตเต็มตัวไงครับ!!!”




                     
         “นอร์สไม่ต้องรัดแน่นขนาดนั้นก็ได้มั้ง ไฟอึดอัด” ผมว่าใส่อีกฝ่าย

         “ก็นอร์สหนาวเป็นโรคขาดความอบอุ่นก็ต้องกอดไฟแน่นๆไง” แถได้อีกนะนอร์ส

         “สงสัยกับคนอื่นก็คงจะพูดแบบนี้ด้วยล่ะมั้ง” ผมว่าเข้าให้

         “ไม่สักหน่อย ไฟถือว่าเป็นคนแรกเลยนะที่นอร์สพูดจาเลี่ยนๆแบบนี้” สงสัยเจ้าตัวก็คงจะรู้ตัวเองล่ะมั้ง แล้วไอ้ที่ผ่านๆมาคง

จะยังคิดไม่ได้

         “ไฟไม่เชื่อหรอก”

         “จริงๆนะ”

         “แต่ก็นอนกอดคนอื่นแบบนี้ทุกคนล่ะสิ” ผมอดที่จะคิดไม่ได้ว่าจะมีกี่คนกันนะที่ได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดจากคนๆนี้ คิดแล้ว

ก็อิจฉา

         “นอร์สไม่ปฏิเสธนะที่นอร์สก็กอดคนอื่นแต่ถ้าทำแบบนี้....คนพิเศษเท่านั้นที่นอร์สจะทำด้วย” นอร์สกระซิบบอกผมที่ข้างหู

ก่อนที่มือเจ้าตัวจะลูบไล้แผ่นหลังที่ยังมีคงมีเสื้อเชิร์ตตัวเก่งของผมอยู่ก่อนจะไล้ลงต่ำเรื่อยๆก่อนที่มันจะไปหยุดที่สะโพกกลมมน

โชคดีที่ผมบอกอีกฝ่ายให้หยุดไว้ได้ทันก่อนหันไปมองตาเขียวซึ่งก็ได้รับเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของอีกคนมาแทน ก่อนจะสั่ง

ให้เจ้าตัวนอนพักซะทั้งๆที่ยังคงมีผมอยู่ในอ้อมกอด

           หลังจากที่ให้นอร์สทานข้าวก่อนจะทานยาเสร็จเจ้าตัวก็อ้อนว่ารู้สึกหนาวแอร์ที่พักเย็นเกินไป พอผมบอกจะปรับให้ก็

บอกไม่ต้องมันอึดอัด ซึ่งมันก็ทำให้ผมไม่เข้าใจ จากนั้นอีกฝ่ายจึงเสนอมาว่ากอดผมแล้วอุ่นดีตอนแรกผมก็คงยังปฏิเสธแต่สุด

ท้ายแล้วผมเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้ตัวเองว่าไปตอบตกลงตอนไหนสุดท้ายจึงได้ปล่อยเลยตามเลย แต่ก็

ยังไม่ลืมที่จะกำชับบางเรื่องที่ต้องห้ามกับอีกคน ฝ่ายนั้นก็พยักหน้ารับรู้ แต่นั่นก็ยังไม่วายที่เจ้าตัวจะหาเศษหาเลย ตอดนิดตอด

หน่อยกับผม คนอะไรมือไวอย่างกับปลาไหล!?






                     
         “เอาล่ะครับทุกคนเช็คข้าวของและความเรียบร้อยให้ดีนะครับเราจะเดินทางกลับกันแล้วนะ” ผมบอกพี่ๆทีมงานและทีมนัก

แสดงทุกคนให้ตรวจดูสัมภาระของตัวเองว่ายังอยู่ครบดีไหมก่อนจะ check out ออกจากโรงแรมในอิตาลีก่อนเดินทางกลับ

ประเทศไทย

         “ถ้าทุกคนเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางได้เลยครับ” ผมหันไปบอกกับทุกคนก่อนที่นอร์สจะเดินมาช่วยถือกระเป๋าผมออก

ไป

           การเดินทางกลับครั้งนี้มันคงจะทำให้ผมคิดถึงกรุงโรมมากแน่ๆเพราะอะไรหลายๆอย่างที่ก่อตัวขึ้นจากที่นี่ คนที่เดิน

ทางกลับก่อนก็เห็นจะมีแต่พี่ลมที่ติดงานถ่ายละครที่กรุงเทพฯผมจึงให้ไอ้วีไปเป็นเพื่อนแต่กว่าเจ้าตัวจะยอมก็ต้องกล่อมอยู่นาน

สองนานเพราะผมกลัวเหลือเกินว่าพี่แกจะเป็นอะไรไปยิ่งเจอสภาพเมื่อคราวก่อนผมยิ่งอดที่จะทิ้งพี่ลมให้ไปไหนมาไหนคนเดียว

ไม่ได้โชคดีหน่อยที่ไอ้วีมันอาสาจะดูแลพี่ลมให้

         “จะกลับแล้วเหรอคะนอร์ส น้องไฟ” ผมกำลังคิดถึงอยู่พอดี คิดถึงยังไม่ทันขาดช่วงเสียงพี่แกก็เรียกถาม   ตายยากจริงๆ..

         “ครับ” เป็นนอร์สที่ตอบแทนผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

         “เดี๋ยวค่อยกลับสิคะน้องไฟอยู่รอพบคนรู้จักอีกสักเดี๋ยวก่อนสิคะ”

         “ใครครับ” ผมถามแต่สาวเจ้ากลับไม่ตอบกลับมองไปทางด้านหลังผมแทน ผมจึงหันมองแล้วก็กระจ่างชัดทันทีว่าคนที่ผม


รู้จักเป็นใคร

         “พี่ต้าร์!!” พร้อมกับการ์ดแต่งงานสีลูกกวาดที่พี่เคธี่หยิบออกจากมือของพี่ต้าร์แล้วยื่นให้ผม    เคธีย่า & ทิวากร!!!

















อ่าฮ่าาา ตอนนี้เรื่องกำลังเข้มข้นเลย อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันด้วยน้าาาาาาาาาาาา ไว้เจอกันในตอนที่ 7-9 จร้าาา

หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 4-6 300858
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 31-08-2015 15:13:36
ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ไฟจะต้องเต้นเร่าๆไปกับเกมส์ของเธออีกแล้วล่ะค่ะเคธี่ เพราะตอนนี้ไฟเขากำลังปลูกต้นรักต้นใหม่กับนอร์สอยู่จ้า :laugh3: อีกอย่างอดีตก็คืออดีตป่ะ? อย่าพยายามรื้อฟื้นขึ้นมาให้ตัวเองดูแย่ลงเลยค่ะ เพราะว่ากว่าที่เธอจะได้ผู้ชายคนนั้นมาครอบครองก็ทำร้ายใจใครต่อใครเขาไว้เยอะไม่ใช่เหรอคะ? เฮ้อ~ สงสัยเสียจริ๊งว่าเรื่องแบบนี้เธอภูมิใจตรงไหนนัก o16

รอตอนหน้านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 7 310858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 31-08-2015 19:04:39
                                    แผนการร้ายครั้งที่ 7 : เมื่อผมเห็นคุณ ผมตกหลุมรักคุณ คุณยิ้ม........เพราะคุณก็รู้

      โอ้!ทะเลแสนงาม...ฟ้าสีครามสดใส...มองเห็นเรือใบ...แล่นอยู่ในทะเล....

           เพลงนี้ช่างเข้ากับบรรยากาศตอนนี้ดีเสียเหลือเกินเพราะตอนนี้ทั้งผมและนอร์สเรากำลังจะออกเดินทางมุ่งหน้าสู่

ทะเลอันดามันสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศและที่สำคัญเพื่อไปเยี่ยมชมทะเลกระบี่อีกด้วย หลังจากที่ผมนำภาพยนตร์

เรื่องแรกที่ถ่ายทำเสร็จให้คุณสมศักดิ์ได้ดูก็ได้รับคำชื่นชมมาอย่างล้นหลามในเรื่องคุณภาพฝีมือการกำกับของผม มันช่างภูมิใจ

เสียนี่กระไร(?)แถมคุณสมศักดิ์ยังใจดีให้บัตรที่พักฟรีที่กระบี่มาให้ผมตั้งสองใบ โดยแต่ละใบพักฟรีได้สามคืนสี่วัน ผมจึงจะไป

ชวนพี่ลมแต่รายนั้นบอกไม่อยากเที่ยวอยากจะพัก ผมจึงไปชวนไอ้วีรายนั้นก็ตอบคล้ายๆพี่ลมอย่างกับว่านัดกันไว้อย่างนั้น

แหละ? เมื่อชวนสองคนนั้นไม่ได้ผมจึงตัดสินใจชวนน้องธีน่าไปแทนเพราะเห็นเจ้าตัวเคยเปรยๆไว้ว่าอยากไปเทียวหาดไร่เล

แต่เธอดันบอกว่าให้ผมชวนนอร์สไปจะได้ตรงตามแผนที่เธอวางเอาไว้เพราะหลังจากกลับมาจากโรมได้ไม่กี่วันผมก็โทรปรึกษา

น้องธีน่าเรื่องของนอร์สพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่โน่นระหว่างผมกับนอร์สให้เธอฟัง มีบ้างที่บางเรื่องผมก็ไม่ได้เล่าให้เธอ

ฟัง เธอจึงสรุปใจความให้ผมสั้นๆว่า

               พี่ไฟชอบพี่นอร์ส! พี่นอร์สก็ชอบพี่ไฟ!ค่ะ

   เธอจึงจะให้ผมรีบดำเนินแผนต่อไปของเธอคือการออกเดท!แล้วยังเป็นการพัฒนาขั้นความสำคัญของผมกับนอร์สเข้าไป

อีก ผมจึงลองโทรชวนนอร์สตามที่น้องธีน่าบอกในตอนแรกเจ้าตัวก็ปฏิเสธอยู่เพราะตอนนั้นติดช่วงสอบผมจึงบอกเลื่อนวันก็ได้

เพราะบัตรนี้ใช้ได้ถึงสิ้นปีนี้เจ้าตัวจึงตกลงและใช้วันนี้เป็นวันเดินทาง

         “ที่พักอยู่แถวไหนเหรอครับไฟ” นอร์สหันมาถามผมหลังจากที่ผมละจากหน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งคุยงานเรื่องสถานที่ถ่ายทำ

เรื่องต่อไปกับพี่เม่น

         “อยู่แถวๆหาดไร่เลอ่ะ” ผมหยิบบัตรขึ้นมาอ่านก่อนจะบอกอีกคนไป นอร์สจึงหันไปบอกคนขับรถว่าให้ไปส่งตัวเองที่อ่าว

นางเพราะสะดวกที่สุดในการเดินทางไปหาดไร่เล

           วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปเหยียบในรั้วบ้านของนอร์สซึ่งคงไม่ต้องให้ผมบรรยายสภาพบ้านเพราะมันช่างใหญ่

โตเหลือเกิน แต่นอร์สกลับบอกว่าตัวเองไม่ชอบบ้านหลังใหญ่ที่มีคนอยู่น้อยเพรามันให้ความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว แต่ชอบอยู่

บ้านหลังเล็กๆกับคนรักมากว่าถึงแม้บ้านจะเล็กแต่มันก็ให้อารมณ์ความรู้สึกที่ดูอบอุ่น ซึ่งนั่นผมก็เห็นด้วย จากนั้นคนขับรถที่บ้าน

ของนอร์สก็บอกว่าจะขับรถไปส่งผมกับนอร์สจึงทำให้ตอนนี้ผมกับนอร์สเรานั่งคู่กันที่เบาะด้านหลังรถ

         “ไฟหิวรึเปล่าครับ” นอร์สหันมาถามผมเพราะผมยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า

         “ไม่อ่ะ” พร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธแต่เสียงท้องเจ้ากรรมที่ดันร้องออกมาขัดกับคำตอบก็พาเอาผมเขินแทบมุดดิน ยิ่งหันไป

เห็นพี่คนขับอมยิ้มยิ่งทำให้เขินเข้าไปอีก

         “หิวก็บอกว่าหิวสิครับ” นอร์สบอกผมยิ้มๆก่อนจะไปสั่งให้คนขับรถแวะปั๊มเพื่อไปหาอะไรทาน หลังจากที่ลงจากรถมาได้ผม

ก็รีบตรงดิ่งเข้าเซเว่นในทันที เลือกขนมปังได้ไม่กี่อย่างก่อนจะเดินไปกดกาแฟ ส่วนอีกคนที่มาด้วยกันหายไปไหนก็ไม่รู้เพราะผม

รีบเข้ามาก่อนสงสัยเจ้าตัวคงจะหาอะไรทานในนี้ก็ได้ พอคิดเงินเสร็จออกมาดื่มกาแฟยืนรอนอร์สข้างนอก แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าอีก

คนจะออกมาสักทีผมเลยตัดสินใจว่าจะเดินไปดูที่รถเผื่อนอร์สคงจะไปคอยผมก่อนก็ได้

         “มาแล้วเหรอครับ ได้อะไรมาบ้าง” พอมาถึงรถคนที่คิดว่าอยู่เซเว่นก็ดันอยู่ในรถซะได้ ดีนะที่ผมตัดสินใจเดินมาดู พอผม

ขึ้นรถเสร็จเราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ

         “ก็มีแยมโรล เค้กเนยสดแล้วก็มินิไส้กรอก” ผมบอกอีกฝ่ายที่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหยิบมินิไส้กรอกขึ้นมากิน ส่วนตัวผมก็

นั่งจิบกาแฟกับแยมโรลพร้อมกับมองวิวสองข้างทางของถนน

               บรรยากาศดีจริงๆ  ผมที่มองบรรยากาศด้านนอกรถที่นานๆตัวเองจะได้มองอย่างจริงจังพร้อมกับคิดอะไรเพลินๆอยู่

นั้นก็มีมือของใครก็ไม่รู้มาเช็ดที่ริมฝีปากของผมแต่พอผมหันกลับไปก็รู้ว่าใครเป็นคนเช็ดมัน

         “นอร์สเห็นว่ามันเลอะอยู่ก็เลยเช็ดออกให้ ไม่ว่ากันนะ” นอร์สที่เข้าใจว่าผมอาจจะโกรธที่ทำให้ผมต้องละสายตาจากด้าน

นอกรถมาด้านในรถแทน

         “ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” ผมกล่าวขอบคุณอีกคนยิ้มๆ

         “ไฟนี่กินเหมือนเด็กๆเลยนะ เลอะมุมปากด้วย” ผมยู่หน้าใส่อีกคนที่เพิ่งพูดจบไป

         “ทำไม นอร์สมีไรงั้นเหรอ” ผมที่ทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ว่าอีกคน แต่อีกคนกลับหัวเราะชอบใจแทนแถมยังก้มลงมากระซิบที่หู

ผมอีกต่างหาก

      “ก็ไฟอยากให้นอร์สจูบไม่ใช่เหรอ” ผมที่ฟังจบก็รีบเอามือกุมหูตัวเองพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

         “นอร์สพูดอะไร ใครอยากให้เป็นแบบนั้นเล่า!!”

         “ก็นอร์สเห็นกาแฟมันเลอะมุมปากคิดว่าไฟอยากให้นอร์สจูบเช็ดให้แบบในหนังเกาหลีอะไรแบบนั้นไง”

         “มั่วแล้ว” ผมว่าเข้าให้ แต่ก็คิดขึ้นได้ถึงแผนที่จะดำเนินต่อจากนี้

         “แล้วถ้าไฟอยากให้มันเป็นแบบนั้นล่ะ” ผมมองหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดประโยคนั้นอย่างจริงจังไม่ได้มีทีท่าล้อเล่นแต่อย่างใด

แต่อีกคนกลับนิ่งงันเสียอย่างนั้น ผมคิดว่าตัวเองคงจะรุกมากไปเลยจะบอกอีกคนว่าผมพูดเล่นแต่ในจังหวะที่ผมจะเอ่ยปากพูดคน

ที่คิดว่านิ่งเฉยในตอนแรกกลับดึงผมเข้าไปจูบเสียอย่างนั้น ผมที่ตกใจกับการกระทำของนอร์สที่ชอบทำให้ผมตั้งรับไม่ได้สักครั้ง

ก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆทั้งสิ้นเพราะสัมผัสที่อ่อนโยนเหมือนในทุกๆครั้งที่ผมมักจะได้รับจากคนตรงหน้าเสมอ

         “นอร์สก็จะจัดให้ไง” ผมที่เริ่มท้วงอีกคนเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะขาดอากาศหายใจ นอร์สจึงยอมผละออกจากผมให้ผมได้

นั่งหอบหายใจเพื่อโกยอากาศเข้ปอดเจ้าตัวจึงตอบคำถามที่ผมพูดค้างไว้เมื่อครู่

         ผมที่ได้แต่นั่งมองอีกคนด้วยสายตาคาดโทษ โถ่!ไอ้เราก็คิดว่าจะโกรธหรือไม่พอใจที่ไหนได้ เจ้าเล่ห์จริงๆ

         “แล้วทำไมนอร์สไม่บอกไฟก่อนล่ะ” ผมที่ตอนนี้กลับมาเป็นปกตินั่งมองหน้าหาเรื่องอีกคนอยู่

         “ก็นอร์สแค่พูดเล่นไงครับ นอร์สไม่คิดว่าไฟจะพูดจริงซะหน่อย” หนอย!นอร์สนะนอร์สก็ปล่อยให้เราคิดเข้าข้างตัวเองคน

เดียว

         “พูดเล่น ก็บอกสิว่าพูดเล่นแล้วมาทำจริงทำไม” ผมเริ่มไม่พอใจ

         “โอเคครับนอร์สขอโทษ ตอนแรกก็ว่าจะบอกอยู่หรอกแต่ไฟพูดจริงจังขนาดนั้นนอร์สก็กลัวไฟจะเสียใจถ้าไม่ทำแบบนั้น

ไป” โอ๊ย!ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อยนอร์สเลยล่ะนั่น?!

         “ก็ใครจะไปรู้ ยังไงๆนอร์สก็ผิดไฟโกรธนอร์สแล้วนะ” เชอะ!! ผมสะบัดหน้าใส่อีกคน แต่แล้วสายตาก็ดันเหลือบไปเห็น

บุคคลสามที่มาด้วยกันนอกจากผมกับนอร์ส อีกคนพยายามที่จะกลั้นยิ้มเอาไว้แล้วก็ยังไม่มองเข้ามาภายในรถมองแต่ทางข้าง

หน้าอีกต่างหาก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ต้องเห็นภาพเหตุการณ์ระหว่างผมกับนอร์สเมื่อครู่นี้แน่ๆ

                    ตายแล้วไอ้ไฟมึงลืมคนขับรถ!!




               
         “ไฟครับตื่นได้แล้วนะครับเรามาถึงแล้วนะ” อืม เสียงใครงุ้งงิ้งๆอยู่ที่ข้างหูผมนะ ผมจึงขยับตัวพลิกหลบหนีจากเสียงชวน

ตื่นจากฝันหวานนั่น แต่เอ๊ะ!ทำไมหมอนผมมันถึงแข็งกว่าปกติล่ะ

         “ไฟครับถึงแล้วนะ” เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ผมจึงค่อยๆกระพริบตาตื่นขึ้นมาดูว่าเสียงนั่นคืออะไร

         “นอร์ส” ผมรียกชื่ออีกคนด้วยความมึนๆเบลอๆเพราะเพิ่งจะตื่นก่อนจะขยี้ตาเอาซากน้ำตาที่แห้งเกรอะกรังติดอยู่ที่หัวตา

ออก

         “ถึงแล้วครับ” นอร์สบอกผมอีกครั้ง ผมที่พยักหน้ารับรู้ก็ค่อยๆลุกออกจากรถตามอีกฝ่ายไป แต่อีกคนก็ยื่นมือออกมารับผม

 ผมจึงจับมือนั่นอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

         “ถึงนานแล้วเหรอ” ผมถาม

         “ไม่นานเท่าไรหรอกครับ” นอร์สหันมาบอกผมก่อนจะไปคุยกับคนขับให้กลับไปก่อนพอพวกเราจะกลับค่อยให้เขามารับเรา

ที่นี่

         “เที่ยวกันให้สนุกนะครับคุณนอร์ส คุณไฟ” พี่คนขับรถบอกก่อนจะเดินจากไป ผมจึงพยักหน้ารับเล็กน้อย

           ตอนนี้ผมกับนอร์สเราอยู่ที่อ่าวนางเพื่อที่จะเดินทางไปหาดไร่เลซึ่งเป็นที่พักของพวกเราทั้งสองคน โดยเราจะนั่งเรือ

หางยาวไปหาดไร่เลกันจากที่อ่าวนางนี่เพราะมันจะทำให้เราสะดวกสบายที่สุดแล้วที่สำคัญนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็นิยมลงเรือกัน

ที่นี่ ทำให้ไม่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมากนัก โดยเฉลี่ยประมาณสิบห้านาทีเท่านั้นเอง

         “ระวังนะครับไฟ” นอร์สบอกผมขณะที่เรากำลังลงเรือเมื่อถึงที่หมาย


        “ขอบคุณมาก” จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ที่พักริมชายหาดกัน

           ที่พักที่ผมได้ฟรีมาจากคุณสมศักดิ์เป็นบ้านพักตากอากาศที่ค่อนข้างจะหรูหราระดับเกือบๆจะห้าดาวแถมเมื่อดูจาก

สภาพการแล้วราคาคงจะไม่น้อยเลยทีเดียว ผมเดินไปขอกุญแจบ้านจากเคาน์เตอร์ด้านหน้าก่อนจะเดินเข้าไปพักผ่อนที่บ้าน ที่นี่

เขาทำบ้านพักตากอากาศให้ได้บรรยากาศเหมือนเราไปพักที่โรงแรมหรือรีสอร์ทหรูๆเพียงแต่ตัวที่ให้เราพักนั้นคือบ้านเป็นหลังๆ

         “ทำไมเขาถึงไม่ทำเตียงคู่นะ” เมื่อถึงห้องผมก็เดินสำรวจบ้านซึ่งก็ถือว่าบรรยากาศรอบๆใช้ได้เลยทีเดียวที่สำคัญเมื่อยืน

อยู่ตรงริมระเบียงของบ้านสามารถมองเห็นวิวชายทะเลได้ชัดแจ๋วอย่าบอกใคร จากนั้นผมก็สำรวจห้องน้ำก่อนจะเลยมาดูห้องนอน

จึงได้รู้ว่าเตียงที่ต้องใช้นอนตลอดสามคืนสี่วันนั้นเป็นเจ้าเตียงเดี่ยวขนาดคิงไซด์นี่

         “เป็นอะไรไปครับไฟ ไม่ชอบที่นี่เหรอ” นอร์สที่มาถึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเลยไปดูสวนหลังบ้านก่อนที่จะเดินเข้ามา

สมทบกับผมด้านในเพื่อช่วยจัดของให้เข้าที่เห็นผมยืนเฉยก็กลัวจะไม่ชอบใจสถานที่นี้

         “เปล่าหรอกเพียงแต่ว่า..เอ่อ...” ผมพูดพลางเหลือบมองเจ้าเตียงตัวปัญหาที่มันมักจะชอบสร้างปัญหาให้ผมกับนอร์สอยู่

เรื่อยๆเมื่อเราต้องพักห้องเดียวกัน นอร์สซึ่งพอจะรู้ว่าผมพูดอะไรเจ้าตัวจึงพูดขึ้นมาก่อน

         “ไฟยังไม่ชินอีกเหรอครับ” นอร์สบอกกับผมยิ้มๆก่อนจะหยิบกระเป๋าที่อยู่หน้าบ้านเข้ามาเก็บด้านใน

                        ก็ใครมันจะไปชินลงกันเล่า!!



                 
           หลังจากที่ผมกับนอร์สเราช่วยกันจัดของเข้าที่เรียบร้อยต่างคนก็ต่างสลบไสลกันเป็นทิวแถวเพราะอาการเมื่อยล้าที่

ช่วยกันจัดของและก่อนหน้านั้นที่ต้องนั่งรถอีกไกลกว่าจะเดินทางมาถึงที่พักที่หาดไร่เลแห่งนี้ทำให้ทั้งผมและนอร์สเราต้องขอ

ชาร์จแบตตัวเองเพื่อเอาแรงด้วยการนอนหลับพักผ่อนเสียหน่อย

         “อืมมมม” ผมที่กำลังงัวเงียเพราะเพิ่งจะตื่นจากการนอนหลับพักผ่อนเมื่อครู่ก็ลุกขึ้นมานั่งขยี้หัวตัวเองให้มันฟูๆก่อนจะหัน

ไปหยิบโทรศัพท์เพื่อดูเวลาที่หัวเตียงว่าตอนนี้มันเป็นเวลาเท่าไร

         “โห บ่ายสี่โมงแล้วเหรอเนี่ย” ผมที่กดเปิดโทรศัพท์เพื่อเช็คเวลาว่าในตอนนี้มันเป็นเวลาเท่าไร แต่ก็ต้องตกใจกับตัวเลขที่

ปรากฏอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ว่าทำไมเวลามันถึงเดินเร็วแบบนี้

         ผมหันไปมองคนที่ยังคงนอนหลับอยู่ข้างๆที่ดูท่าว่าอีกนานเจ้าตัวนั้นคงจะตื่น ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่

จะปลุกอีกคนเพื่อไปเดินเล่นริมชายหาด

         “ไฟไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมกระซิบบอกอีกคนที่ข้างหูก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ

           หลังจากที่ผมออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าที่พร้อมเตรียมลุยสำหรับเดินชายหาดอย่างในค่ำคืนนี้อย่างเต็มที่ก็

ตรงเข้าไปปลุกอีกคนที่ยังไม่ยอมตื่นให้ตื่นเสียที

         “นอร์ส ตื่นเถอะนะไฟอยากไปดูพระอาทิตย์ตกดิน” ผมเขย่าแขนอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิท ผมจึงออกแรงเขย่าขึ้นเรื่อยๆ

จนอีกคนเริ่มรู้สึกตัวตื่น

         “ครับๆได้ครับ” นอร์สงัวเงียตอบผมแต่ก็ยอมลุกไปอาบน้ำแต่โดยดี (ว่าที่)แฟนใครนะน่ารักจริงๆ  พอนอร์สเดินหายเข้าไป

ในห้องน้ำผมก็รีบสำรวจตนเองว่าตอนนี้ตัวผมเองพร้อมแล้วหรือยัง วันนี้ผมใส่เสื้อยืดขอวีสีขาวไม่หนาไม่บางมากนักกับกางเกง

ขาสั้นสีดำตัวเก่งแทบจะเรียกได้ว่าไปทะเลเมื่อไหร่กางเกงตัวนี้ไม่เคยจะพลาด พอสำรวจตัวเองจนพอใจแล้วก็เป็นจังหวะเดียว

กับที่อีกคนอาบน้ำแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำเสร็จพอดี

           วันนี้นอร์สใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาวทับด้วยเสื้อเชิร์ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาสี่ส่วนสีน้ำตาลอ่อนพร้อมกับผมที่เซ็ดออก

มาเรียบร้อย ผมที่เห็นนอร์สในตอนแรกคิดว่านายแบบจากหนังสือนิตยสารชื่อดังหรือไม่ก็ดาราฮอลลีวูดหรือยิ่งไปกว่านั้นอาจจะ

เป็นเจ้าชายที่ชอบอยู่ในนิยายรักน้ำเน่าที่สุดแสนจะดูดีหลุดออกมามีชีวิตในโลกนี้เสียอีก

         “มีไรเหรอครับไฟ” นอร์สถามผมที่ตอนนี้คงยืนอ้าปากพะงาบๆแทบจะเช็ดน้ำลายที่หกเลอะพื้นไม่ทัน?เลยรีบตอบออกไป

         “ไม่มีอะไรหรอกพอดีไฟคิดว่าวันนี้นอร์สแต่งตัวดูดีจัง” ผมตอบอีกคนตามความจริง นอร์สจึงส่งยิ้มมาให้ผมนั่นยิ่งทำให้ออ

ร่าความดูดีที่เจ้าตัวมีมันจนล้นหลามพุ่งทะลักออกมาแทบจะบังตาผมจนมองสิ่งรอบข้างอย่างอื่นแทบไม่เห็น

         “ถ้าไฟคิดว่านอร์สดูดีแบบนี้ไม่คิดจะหลงเสน่ห์นอร์สหน่อยเหรอ”

         “ไม่!!” ผมสวนอีกคนอย่างทันควัน เพียงแต่ผมยังต่อประโยคที่ตอบอีกคนไม่จบก็เท่านั้นเอง

         “ว้า!!แย่จัง” อีกคนทำหน้าเศร้าๆ

         “ไม่ปฏิเสธต่างหากล่ะ” พูดเสร็จจากนั้นผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปและผมก็รู้หรอกน่าว่าคนที่อยู่ข้างในคงจะมีรอยยิ้ม

ประดับบนใบหน้าไม่น้อยเหมือนอย่างของผม แต่ผมก็อดที่จะเสียดายที่คงไม่ได้เห็นมันก็เพราะผมเล่นพูดออกไปแบบนั้นแล้วจะ

ทำไงได้

            เพราะยังไงซะ ผมก็คงไม่อยู่ให้อายอีกคนเล่นหรอก!!!!!



                     
           ผมที่รีบชิ่งหนีอีกคนออกมาเดินรับลมยามเย็นของชายหาดแถวๆบ้านพักก็อดที่จะชื่นชมอยู่ลึกๆถึงชายหาดแห่งนี้

ไม่ได้ว่าช่างเป็นชายหาดที่สวยและสะดุดตานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมที่นี่เสียจริง น้ำทะเลที่ใสสะอาดเมื่อกระทบกับแสงยามเย็น

ของดวงอาทิตย์มันช่างเข้ากันอย่างกับกินไข่ต้มคู่กับอะไรก็อร่อยเหมือนที่เซเว่นโฆษณาเอาไว้จริงๆ?              
 
           ผมที่มัวแต่เหม่อมองความงดงามของธรรมชาติจนลืมไปว่ายังมีอีกคนที่ตามมาเพียงแต่อยู่ด้านหลัง แต่แล้วผมก็มา

รู้สึกตัวได้ว่ามีมือของใครก็ไม่รู้มาโอบกอดผมจากทางด้านหลัง

         “อ๊ะ” ผมสะดุ้งตกใจก่อนจะหันไปมองว่าเป็นใครจนเมื่อรู้ว่าเป็นนอร์สผมเลยดุอีกคนไปที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง

         “ทำอะไรของนอร์สเนี่ย”

         “ก็กอดไฟไง” คนที่กำลังกอดผมอยู่ก็ตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจแถมยังรัดอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก

         “ปล่อยก่อนนอร์ส” ผมบอกคนที่กำลังกอดผมยืนดูพระอาทิตย์ที่ตั้งท่าพร้อมจะลาลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

         “ปล่อยทำไมก็ไฟบอกนอร์สเองไม่ใช่เหรอครับว่าเราจะมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่ชายหาดกัน” แต่มันต้องไม่ใช่ยืนกอดกัน

แบบนี้สิฟร้ะ!!

         “ก็ใช่ แต่นอร์สดูคนอื่นสิยืนกันอยู่เต็มชายหาดเลย” ตอนนี้ผู้คนที่กำลังรอดูพระอาทิตย์ตกดินก็เริ่มหันมามองนอร์สที่กำลัง

กอดผมอยู่

         “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยไม่ใช่เหรอครับก็แค่คนเต็มชายหาดกับคนมอง” นอร์สตอบผมออกมาอย่างคนไม่ยี่หระอะไรซึ่งนั่น

แหละที่มันทำให้ผมอาย

         “แต่ไฟเขินนี่” ผมอ้อมแอ้มตอบ อีกคนจึงยอมคลายอ้อมกอดออกจากตัวผมก่อนจะจับผมหันหน้าไปหาเจ้าตัว แต่ผมก็หัน

ไปมองไปทางอื่นไม่กล้าที่จะสบตานอร์สตรงๆเพราะด้วยอารมณ์เขินที่ยังคงมีอยู่

         “นอร์สว่าเราไปยืนดูพระอาทิตย์ตกดินที่อื่นดีกว่าเพราะตรงนี้

นอร์สว่ามันเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไร” ผมที่ฟังนอร์สพูดจนจบประโยคก็กำลังจะหันกลับไปถียงอีกคนแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรดวง

ตาของผมก็ถูกปิดทับด้วยผ้าสีดำที่ตอนนี้กำลังมีนอร์สผูกปมผ้าอยู่ด้านหลัง

         “ทำอะไรของนอร์สเนี่ย!” ผมถามอีกคนทั้งๆที่ก็ยังคงงงๆกับการกระทำจากอีกฝ่าย

           นอร์สเป็นคนที่ชอบทำอะไรให้ผมแปลกใจอยู่เสมอ...

         “ค่อยๆเดินตามนอร์สมานะครับ” นอร์สไม่ตอบคำถามผมแต่ค่อยๆออกแรงดึงผมให้เดินตามตัวเองไปซึ่งผมก็ยอมตามอีก

คนไปแต่โดยดี

         “นอร์สจะพาไฟไปไหนเหรอ” ผมที่ถามคำถามเดิมกับอีกคนที่กำลังลากผมมาตั้งเมื่อครู่จนตอนนี้เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมหยุด

เดินจึงทำให้ผมอดถามอีกไม่ได้ว่านอร์สจะพาผมไปไหนกันแน่

         “นอร์สไม่อยากได้ยินคำถามจากไฟแต่นอร์สต้องการคำตอบจากไฟมากกว่า” ตอนนี้นอร์สหยุดเดินพร้อมกับแกะผ้าปิดตาที่

มันปิดตาผมในตอนแรกเอาไว้ออกพร้อมกับพูดประโยคเมื่อครู่กับผม ผมที่ดวงตาเป็นอิสระก็ลืมตัวถามคำถามอีกคนออกไป อีก

ฝ่ายจึงยื่นหน้ามาประกบกับริมฝีปากของผม ผมที่ตกใจในตอนแรกที่โดนอีกคนจู่โจมแบบไม่ได้ทันตั้งตัว แต่ไม่นานผมก็ค่อยๆ

โอนอ่อนผ่อนตามเกมชักนำที่มีอีกคนเป็นผู้คุมเกมส่วนผมก็ยอมเป็นผู้ตามเกมที่ดีให้กับอีกฝ่าย แต่การสัมผัสในครั้งนี้ช่างแตก

ต่างออกไปจากทุกครั้ง เพราะในครั้งนี้มันไม่ได้มีแค่บรรยากาศเป็นตัวพาไปหรืออะไรก็ตามที่เป็นตัวชักนำให้ดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์

นี้ แต่มันมาจากความรู้สึกหลากหลายที่ทั้งผมและนอร์สเป็นผู้ที่ค่อยๆสรรค์สร้างและปล่อยอารมณ์แบบนั้นให้ออกมาจึงเกิดเป็น

บรรยากาศแปลกๆรายล้อมอยู่รอบๆตัว มันมีทั้งความสับสน ความงุนงง ความตื่นเต้น ความวาบหวามและความรัก......... ที่มันไม่

ได้มาจากการปรุงแต่งหรือหนึ่งในแผนการของผมแม้แต่อย่างใด

         “นอร์ส” ผมครางเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบาอีกคนจึงโอบกอดผมก่อนจะบอกให้ผมหันไปมองดวงอาทิตย์ยามค่อยๆลาลับขอบ

ฟ้า ผมมองดูแสงสีส้มที่ว่าร้อนแรงของดวงอาทิตย์ แต่คงจะต้องแพ้อุณหภูมิบนใบหน้าที่สูงขึ้นเรื่อยๆและรอยริ้วบางๆสีแดงสดที่

ค่อยๆเผยให้เห็นชัดขึ้นแล้วยังมีความรุ่มร้อนที่มันค่อยๆปะทุทั้งในตัวผมและนอร์สในเวลาแบบนี้ก็เป็นได้ ผมค่อยๆเอนศีรษะซบที่

อกกว้างของอีกคนที่กำลังโอบกอดผมไว้พร้อมๆกับยืนชมบรรยากาศที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ผมอยากจะซึมซับบรรยากาศดีๆ

แบบนี้  อยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้เอาไว้นานๆ

บรรยากาศที่มีแค่ผมและนอร์ส

บรรยากาศที่มีแค่เราสองคนเท่านั้นพอ...............
       
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 7 310858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 31-08-2015 19:07:46
             
         “อาหารอร่อยไหมครับ” นอร์สที่ไม่ยอมกินอะไรสักอย่างมีแต่ตักแต่ของกินอร่อยๆให้ผมกินอยู่เรื่อยๆซึ่งเจ้าตัวก็ถูกผมดุ

บ่อยๆแต่ก็ไม่เคยเชื่อกันเลยสักครั้ง

         “เดี๋ยวนอร์สก็หิวหรอกนะถ้าไม่กินอ่ะ ไม่ต้องตักให้ไฟอีกก็ได้แค่นี้ไฟก็กินไม่หมดอยู่แล้วนะ” ผมบอกอีกคน แต่เจ้าตัวก็ยัง

คงไม่ยอมหยุดตักอาหารให้ผมสักที

         “นอร์สเห็นไฟกินอย่างมีความสุขแค่นี้นอร์สก็อิ่มถึงเช้าแล้วล่ะครับ” บ้า! พูดอะไรเลี่ยนๆ

         “ตอนนี้ไฟรู้สึกว่านอร์สจะหยอดไฟจนเลี่ยนแล้วนะ”

         “ก็นอร์สอยากทำคะแนน อยากให้ไฟเขิน ไม่แน่นะไฟจะได้ยอมเป็นแฟนนอร์สก็ได้” ผมตาโตทันที เมื่อกี้นี้นอร์สว่าอะไร

นะ เป็นแฟนงั้นเหรอ!

         “อะไรกันงานนี้มันใครจีบใครกันแน่วะ” ผมที่ก้มหน้าก้มตากินก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

         “อะไรเหรอครับ”

         “เปล่า ไฟแค่คิดว่ามันอร่อยดี”

           จากนั้นทั้งผมและนอร์สเราก็นั่งทานอาหารและของหวานกันจนอิ่มหนำสำราญและแน่นอนว่าคนที่อิ่มหนำสำราญก็

เป็นผมเพียงคนเดียวเพราะอีกคนมัวแต่ตักให้ผมกินตัวเองไม่ยอมกินสักอย่าง

         “นอร์สว่าเราไปเดินเล่นที่ตรงโน้นดีกว่า” นอร์สชี้บอกผมก่อนที่เจ้าตัวจะดึงมือผมเบาๆเพื่อให้ผมเดินตามอีกคนไป แน่นอน

ว่าเมื่อเราทานอาหารจนอิ่มกำลังดีแล้วควรที่จะลุกออกมาเดินเพื่อย่อยอาหารที่กินไปให้มันย่อยสะดวกขึ้นอีกผมกับนอร์สจึงเลือก

ออกมาเดินกินลมชมวิวยามเย็นของชายหาดและเจ้าตัวก็ลากผมมาที่ที่หนึ่ง

         “สวยจัง” เมื่อเดินมาถึงผมก็ต้องอุทานด้วยความตกใจพร้อมกับตกตะลึงก็เพราะบรรยากาศของที่ที่ผมโดนนอร์สลากมา

อย่างกับสวนดอกไม้ที่ชายหาดเพราะมีแต่ดอกไม้สีสันสวยสดนานาพันธุ์ประดับตกแต่งอย่างลงตัวกับบรรยากาศพร้อมกับเทียนที่

ถูกจุดแล้ววางอยู่บนเชิงเทียนรูปหัวใจอย่างสวยงาม    อย่างกับจะมาขอใครแต่งงาน ผมคิด

         “เขามีจัดงานแต่งงานกันเหรอนอร์ส” ผมหันไปถามอีกคนแต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า

         “หายไปไหนของเขานะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆก่อนจะออกเดินหาอีกคน แต่ก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรเสียงข้อความบางอย่าง

เข้าผมจึงเปิดเข้าไปดู

           เมื่อเปิดเข้าไปดูก็เห็นแต่รูปตัวเองที่ถูกแอบถ่ายแต่มันก็ยังออกมาดูดีบ่งบอกได้ว่าคนที่ถ่ายรูปพวกนี้คงจะมีความ

ชำนาญในการถ่ายภาพไม่น้อย ภาพที่ผมถูกแอบถ่ายถูกส่งมาให้เรื่อยๆและภาพที่ได้รับทั้งหมดล้วนแต่เป็นภาพที่ผมอยู่ที่โรมทั้ง

สิ้น ผมที่ดูภาพของตัวเองไปยิ้มไปเมื่อรู้ว่าคนที่ถ่ายภาพเหล่านี้เป็นใคร แต่แล้วไฟล์วีดีโอก็เด้งขึ้นผมก็คลิกดูพบว่ามีผู้ชายหน้า

ตาดีๆคนหนึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการตั้งกล้องเพื่อทำการอัดวีดีโอแต่แล้วไม่นานเจ้าตัวก็จัดมันสำเร็จพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง

ที่สื่อถึงผม

         “เอ่อ...ไฟครับ คือว่า...นอร์สมีอะไรบางอย่างที่จะบอกไฟ แต่ถ้าไฟฟังมันจบแล้วอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจตอบนะครับ นอร์ส

อยากให้ไฟเอ่อ...ทบทวนอีกสักนิดนะครับ” ผมที่ฟังอีกคนเกริ่นแล้วเกริ่นอีกไม่ยอมพูดสักทีผมจึงต้องพูดเร่งอีกคนทั้งๆที่มันก็

เป็นแค่วีดีโอ

         “มีอะไรก็พูดมาสินอร์ส”

         “ใจเย็นๆสิครับไฟ นอร์สรู้ว่าไฟใจร้อน แต่ขอนอร์สเรียบเรียงคำหน่อยนะ” เหมือนนอร์สจะรู้นิสัยผมดีจึงพูดขึ้นมาในคลิป

แต่แล้วผมก็ต้องอมยิ้มให้กับมันเพราะนี่เป็นการแสดงว่านอร์สสังเกตและใส่ใจในรายละเอียดในตัวผม

         “ไฟครับไฟจำวันที่เราเจอกันที่ร้านอาหารได้ไหม ครั้งแรกที่นอร์สเจอไฟมันทำให้นอร์สรู้สึกแปลกๆ แปลกแบบที่มันไม่เคย

มีอาการแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีแม้กระทั่งคนที่ไฟเคยคบด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งเราได้ร่วมงานกัน มันทำให้นอร์สได้รู้จักไฟมากยิ่ง

ขึ้นได้เห็นไฟในอีกหลายๆมุมมองที่นอร์สคิดว่าคนแบบนี้คงจะไม่มีให้เห็น ตอนแรกก็แค่รู้สึกแปลกๆแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า

จากอาการแปลกๆธรรมดาก็กลายเป็นอาการสั่น..แต่สั่นในที่นี้มันเกิดขึ้นที่ใจของนอ์ส” นอร์สหยุดพูดไปจากนั้นจึงพูดต่อ

         “นอร์สเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบและนอร์สไม่เคยมีความคิดที่จะต้องมาสารภาพรักอะไรกับใครแบบนี้ แต่นี่มันเกิดขึ้น

แล้วแล้วมันก็เกิดขึ้นเพราะคุณนะครับ...ไฟ นอร์สรู้ว่าคำสารภาพรักที่นอร์สพูดออกไปนั้นมันอาจจะดูไม่โรแมนติกเหมือนพระเอก

ละครหรือเหมือนอย่างใครๆเขา แต่นอร์สอยากให้ไฟรู้ว่าคำสารภาพรักที่นอร์สพูดนี้มันจะไม่เกิดขึ้นกับใครอีก...นอกจากไฟนะ

ครับ” ผมที่อมยิ้มกับคำสารภาพที่ไม่โรแมนติกตามที่เจ้าตัวบอก แต่ไม่รู้ทำไมว่ามันทำให้ผมกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

         “มันอาจไม่หวาน ไม่ซึ้ง ไม่โรแมนติกและไม่กินใจ แต่มันมาจากใจของผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ชื่อว่านอร์สคนนี้ ถ้าหากว่า

ไฟไม่รังเกียจล่ะก็จะลองมารักผู้ชายธรรมดาๆคนนี้จะได้ไหมครับ”

         “ไฟจะยอมมาคบกับผู้ชายธรรมดาๆคนนี้ได้ไหมครับ” เสียงของนอร์สดังขึ้นจากด้านหน้าของผม ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองก็

เห็นนอร์สยืนอยู่พร้อมกับถือช่อดอกไม้ช่อโตก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆคุกเข่าลงและถามคำถามซ้ำกับผม

         “อืม!!” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกไม้ที่อีกคนยื่นให้พร้อมกับเจ้าตัวที่กระโดดกอดผมซึ่งผมก็กอดอีก

ฝ่ายไว้พร้อมกับน้ำตาแห่งความสุขค่อยไหลลงอาบแก้ม อีกคนที่เห็นก็ค่อยๆปาดมันทิ้งอย่างแผ่วเบา

    จะทำยังไงได้ล่ะเมื่อผมรักผู้ชายธรรมดาๆที่ชื่อ’นอร์ส’คนนี้ไปแล้ว!!









ตอนที่ 7 จร้าาาา มาหวานเลี่ยนกันแบบเบาๆ 555555555 เรื่องนี้นี่เลี่ยนจริงๆเลย ถถถถถ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 8 310858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 31-08-2015 19:13:51
                                        แผนการร้ายครั้งที่ 8 : วันนี้ข้าพเจ้าไม่มีอะไรทำสักอย่าง นอกจากยิ้ม

                  แสงอาทิตย์ยามเช้าที่นานทีปีหนจะสาดส่องเข้ามาถึงภายในห้องนอนของเจ้าของห้องที่กำลังหลับใหลอย่าง

เป็นสุขให้ได้ตื่นขึ้นเพื่อรับวิตามินให้แก่ร่างกายเพราะผมเชื่อว่าชีวิตของคนกรุงอย่างเราๆคงจะไม่ได้มีโอกาสนอนรอให้พระ

อาทิตย์ส่องแสงถึงในห้องแบบนี้แน่ๆเพราะการใช้ชีวิตที่ต้องเร่งรีบและเป็นเวลาอยู่ตลอดจึงทำให้ชีวิตที่สุดแสนจะสงบสุขของ

เราถูกสิ่งเหล่านั้นเบียดบังไปเสียหมด

           วันนี้ผมตื่นนอนแต่เช้าหรือจะพูดให้มันถูกก็คือเมื่อคืนทั้งคืนนั้นผมไม่สามารถข่มตาของตัวเองให้หลับลงได้ประกอบ

กับที่มือของอีกฝ่ายนอนกอดเอวผมไว้หลวมๆซึ่งมันก็ไม่ได้สร้างความอึดอัดอะไรให้กับผมสักเท่าไรแต่เหตุปัจจัยจริงๆที่ทำให้ผม

นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนมาจากคำสารภาพรักธรรมดาๆที่มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องธรรมดาๆสำหรับผมเลยแม้แต่น้อยจึงทำให้ผมนอน

ตาค้างตลอดทั้งคืน

         “วันนี้จะทำอะไรกินดีนะ” ผมเปรยกับตัวเองเมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่ตลาดใกล้ๆกับที่พักที่ผมและนอร์สพักอยู่แน่นอนว่าคงไม่

ได้มีอีกคนตามผมมาด้วยเป็นแน่เพราะหลังจากที่เรากลับเข้าบ้านพักต่างคนก็ต่างสลบกันไปเป็นแถวๆ โดยเฉพาะนอร์สที่หัวถึง

หมอนก็หลับเป็นตาย โถ่!!!! ไอ้เราก็นึกว่าสารภาพรักเสร็จก็คงจะเหมือนกับพระนางในนิยาย พอพระเอกสารภาพรักกับนางเอก

เสร็จทั้งคู่ก็ได้เสียกันแต่ไหงกลายเป็นว่านอร์สสารภาพรักกับผมเสร็จก็นอนหลับเป็นตายไม่สนใจคนที่นอนอยู่ข้างๆอย่างผม

บ้าง........ คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็พาลทำให้หงุดหงิดแปลกๆ ผมจึงสะบัดไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกไปจากสมอง ผมนี่ก็ท่าจะแปลกดี

เหมือนกันนะ หลังจากกลับมาเป็นปกติก็เดินเลือกซื้อข้าวของสำหรับทำอาหารเช้าสำหรับคนสองคน

         “เช้านี้ทำอะไรดีนะ” ผมก็ยังคงคิดไม่ตกเรื่องของอาหารเช้าเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีระหว่างโจ๊กกับข้าวต้ม แต่แล้วผมก็

หันไปเห็นเจ้ากุ้งตัวโตๆที่ร้านขายอาหารทะเลที่มีแต่อาหารทะเลสดๆหน้าตาน่าทานจึงตัดสินใจทำ ข้าวต้มกุ้งสำหรับมื้อช้านี้เลย

ดีกว่า

         “ป้าครับกุ้งโลละเท่าไรครับ” ผมเดินเข้าไปถามป้าเจ้าของร้านอาหารทะเล ป้าแกก็มัวแต่สาละวนกับการขายของให้กับ

ลูกค้าที่เข้ามารอซื้อของที่ร้านแต่ป้าแม่ค้าก็ยังดีที่ยังหันมาตอบคำถามผม

         “โลละสองสองร้อยห้าสิบพ่อหนุ่ม เอากี่โลดีล่ะ”

         “สองโลก็แล้วกันครับ” ผมบอกป้าแม่ค้าไป เธอจึงหยิบกุ้งให้ผมสองกิโลเกินไปเล็กน้อยเพราะตอนท้ายป้าแกหยิบแถมให้

ผม

                นี่ล่ะนะเกิดมาหน้าตาดีแบบนี้จะทำไงได้?!

   ผมเดินดูซื้อต้นหอมผักชีและผลไม้อีกสักเล็กน้อยก่อนจะกลับที่พัก

           พอผมเดินมาถึงที่พักก็ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำพร้อมกับร่างของอีกคนที่เคยนอนหลับอยู่ก่อนหายไปก็รู้ได้ทันทีว่า

สงสัยอีกฝ่ายคงจะตื่นได้สักพักแล้ว ผมก็ไม่รีรอนำข้าวของที่ซื้อได้จากตลาดออกมาทำอาหารเช้าระหว่างที่รออีกคนอาบน้ำ

ผมจัดแจงล้างผลไม้ที่ซื้อมาให้ดูดีน่าทานก่อนจะหันไปล้างผักล้างกุ้งให้สะอาดก่อนนำมาทำข้าวต้มกุ้ง

           ผมเตรียมของเสร็จก็เริ่มตั้งไฟและลงมือทำกับข้าวก็เป็นเวลาเดียวกันที่เสียงน้ำในห้องน้ำเงียบหายไปและไม่นาน

อาหารน่าตาน่าทานนามว่า ข้าวต้มกุ้งสูตรเด็ดส่งตรงจากนายไฟ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย รับประกันความอร่อยเลิศจากคุณอัคนีที่

การันตรีเองได้เลย(?)

         “ทำอะไรอยู่เหรอครับไฟหอมเชียว” นอร์สที่เดินเข้ามาตามกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอของเจ้าข้าวต้มกุ้งนี้เอ่ยทักขึ้น

         “ทำข้าวต้มกุ้งอยู่อ่ะ นอร์สชิมให้ไฟหน่อยนะ” ผมคะยั้นคะยอให้อีกคนลองชิมข้าวต้มกุ้งฝีมือผม บางคนอาจจะมองว่าแค่

ข้าวต้มกุ้งธรรมดาๆทำไมต้องชิมกันด้วย รสชาติก็เหมือนๆกันหมด ผมจึงอยากเป็นคนไขข้อข้องใจนี้ให้กับหลายๆคนได้กระจ่าง

กันเสียทีว่า

      การที่เราทำให้คนที่เรารักมันต่างกับการที่เราทำกินเองหรือทำให้คนอื่นเพราะเราใส่บางสิ่งที่มีเฉพาะคนพิเศษเท่านั้นที่ได้

ไปนั่นก็คือ....ใจของเราเอง

         “หืม อร่อยที่สุดในโลกเลยครับไฟ”

         “เวอร์!!” ผมว่าอีกคน ก่อนจะใช้ให้อีกฝ่ายช่วยกันไปจัดโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารเช้าที่พิเศษสุดๆเพราะมื้อนี้จัดได้ว่าเป็น

มื้อที่มีคนพิเศษเป็นคนทำให้

         “ถ้าอร่อยนอร์สต้องกินให้หมดนะ” ผมวางชามข้าวต้มที่มีควันบางๆกับกลิ่นที่หอมฉุยชวนเรียกเอนไซม์ให้ออกทำงานกัน

ตั้งแต่เช้า ส่วนอีกคนก็วางชามของผมให้แล้วเจ้าตัวจึงเดินไปนั่งทานข้าวฝั่งตรงข้ามกับผม

         “รับทราบครับ” นอร์สบอกพร้อมทำท่าตะเบ๊ะรับทราบคำสั่งอย่างนายตำรวจ นายทหารก็ทำให้ผมอดที่จะยิ้มกับความ

ทะเล้นของเจ้าตัวไม่ได้

         “เป็นไงบ้างกำลังดีไหม” ผมถามนอร์สถึงรสชาติของข้าวต้มที่ผมปรุงให้ ใช่แล้วครับก่อนหน้านี้ที่ผมตักข้าวต้มเสร็จก็

เลยอยากจะลองปรุงรสที่ตัวเองชอบให้กับอีกคนได้ชิมกันส่วนอีกคนก็ทำบ้างกลายเป็นว่าเรากำลังกินข้าวต้มจากรสชาติที่ชื่น

ชอบของอีกคนกัน

         “ก็อร่อยดีนะครับ แต่ติดตรงที่ว่าไฟกินเค็มไปหน่อยนะ แล้วของนอร์สเป็นไงบ้างครับ” นอร์สตอบคำถามของผมก่อนจะ

ถามถึงรสชาติของตัวเองในชามผมต่อ

         “ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่ ดูดินอร์สเล่นไม่เติมอะไรเลย” ผมบอกอีกคนเพราะรสชาติที่นอร์สปรุงให้เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้

เติมอะไรลงไปให้ผมได้ชิมเลยแม้แต่น้อยเพราะรสชาติที่กินอยู่ตอนนี้ก็เป็นรสชาติเดิมที่ผมปรุงในตอนแรก

         “ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่ต้องกินเค็มไป หวานไปหรือว่าเผ็ดจัดจนเกินไปแค่นี้ก็ถือว่าอร่อยแล้วไม่ใช่เหรอครับ” นอร์ส

บอกผมยิ้มๆ

         “แต่ว่า”

         “ที่นอร์สไม่อยากให้ไฟกินของจัดๆพวกนั้นเพราะนอร์สเป็นห่วงสุขภาพไฟนะครับ ผิดด้วยเหรอที่นอร์สจะเป็นห่วงที่รักของ

นอร์ส” นอร์สบอกผมด้วยน้ำเสียงเศร้าๆแต่ดวงตากลับเป็นประกายวาววับ ส่วนตัวผมที่ได้ยินก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์สงสารอีกคนแม้

แต่น้อยแต่กลับสงสารหัวใจเจ้ากรรมที่ยังคงไม่ชินกับสถานการณ์หวานชวนเลี่ยนแบบนี้เสียมากกว่า

         “พักนี้เลี่ยนบ่อยไปป่ะนอร์ส” ผมว่า

         “ไม่นี่ครับปกติดีออก”

         “เอ๊ะ!หรือว่าอากาศแปรปรวนกันนะ”

         “ก็คงเป็นแบบนั้นมั้งครับเพราะสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจแต่สภาพความห่วงใยยังคงเต็มร้อย” พอพูดจบเจ้าตัวก็ทำท่าชู

สองนิ้วส่งมาให้ผม  แหวะ!! เลี่ยน

         “คนบ้า!!” ผมว่าอีกคนก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มของตัวเองต่อไปทั้งๆที่ก็รูว่าอีกคนยังคงจ้องผมด้วยดวงตาเป็น

ประกายวาววับ นั่นยิ่งเรียกเลือดฝาดบนใบหน้าให้มากองรวมกันที่พวงแก้มใสของผมได้เป็นอย่างดี ผมก็อยากจะบอกนอร์ส

เหมือนกันว่า สภาพอากาศยังคงเปลี่ยนแปลงแต่สภาพความรักยังคงแข็งแรงเสมอนะ....

                   
         เวลาความหวานของผมและนอร์สตลอดสามคืนสี่วันก็ได้สิ้นสุดลงเพราะถึงกำหนดที่ผมและนอร์สต้องเดินทางกลับไปถ่าย

ทำภาพยนตร์เรื่องที่สองคือ มายากลางใจ ที่มีน้องธีน่าน้องสาวสุดน่ารักของนอร์สเล่นเป็นนางเอกของเรื่องและคู่กับซุป’ตาร์เมือง

ไทยที่กำลังมาแรงแซงโค้งในขณะนี้

           ผมและพี่ๆทีมงานออกเดินทางมุ่งหน้าสู่มาเก๊าหลังจากที่เราตกลงกันว่าจะไปถ่ายทำตอนที่สองกันที่นั่น แต่ก่อนหน้า

ผมก็ได้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับทางคุณสมศักดิ์ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดข้องหรือมีปัญหาอะไรแต่อย่างใดแถมยังกำชับอีกว่าถ้าหากค่า

ใช้จ่ายขาดเหลือยังไงก็ให้เบิกได้ตามสบาย ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งผมและพี่ๆทีมงานพากันยิ้มกริ่มกันถ้วนหน้า ก็ในเมื่อเสนอมาผมก็

กลัวคุณสมศักดิ์จะเสียใจเดี๋ยวตอนงานใกล้เสร็จค่อยสนองกลับคุณสมศักดิ์ก็แล้วกัน โฮ๊ะๆๆ ก็ไม่รู้สินะ..

         “เป็นยังไงบ้างคะพี่ไฟเรื่องของพี่ไฟกับพี่นอร์สอ่ะค่ะ” หลังจากที่ถ่ายทำติดต่อกันยาวนานจวนใกล้จะเสร็จน้องธีน่าจึงเดิน

เข้ามาคุยกับผมที่ตอนนี้ปลีกตัวออกมาทานข้าวกลางวัน

         “ก็ดีนะครับ ตอนนี้นอร์สขอพี่เป็นแฟนแล้ว” ผมตอบน้องไปตามความเป็นจริง

         “จริงเหรอคะ!!” น้องธีน่าดูจะตกใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินพร้อมกับอุทานซะเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนี้เริ่มหันมา

มองผมกับน้องธีน่า

         “ครับ” ผมตอบไป

         “ไม่ได้การแล้วเรื่องใหญ่ระดับนางเอกฮอลลีวูดตกพรมแดงขนาดนี้ต้องแชร์พร้อมบอกต่อกันซะหน่อยแล้ว” เอ่อ..น้องธีน่า

ครับมันยิ่งใหญ่และสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอครับ

         “ถึงขนาดต้องแชร์เลยเหรอครับ”

         “ก็ใช่น่ะสิคะ อย่าลืมสิคะว่าประชากรสาวายบนโลกใบนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นสามส่วนสี่ของประชากรโลกแล้วนะคะ

อีกหน่อยนะคะพี่ไฟสาววายนี่ล่ะค่ะที่จะครองโลก ” เธอพูดด้วยสีหน้าและท่าทางที่มาดมั่นเอาเสียเหลือเกินกับการเป็นเอ่อ...

อะไรนะ..สาววายงั้นเหรอ?? ผมก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับเธอ เฮ้อ!ผมน่าจะชินกับมันได้แล้วนะ

         “โอเค เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะทีนี้เรามาเข้าเรื่องของเรากัน” น้องธีน่าบอกกับผมก่อนที่เธอจะเก็บอุปกรณ์สื่อสารลงกระเป๋า

แล้วจึงหยิบสมุดอะไรสักอย่างขึ้นมา

         “อะไรเหรอครับน้องธีน่า” ผมถามน้องธีน่าออกไปแต่เจ้าตัวไม่ตอบคำถามอะไรแต่กลับเปิดไปหน้าหนึ่งที่มีตัวอักษรที่เขียน

เอาไว้จนเต็มหน้ากระดาษที่มองแล้วชวนเวียนหัว

         “เคล็ดลับของการเป็นแฟนที่ดี” ผมอ่านข้อความที่น้องธีน่าส่งให้อ่านแบบออกเสียงก็ต้องสะดุ้งตกใจกับข้อความที่อ่าน

         “นี่มันอะไรกันครับน้องธีน่า” ผมไม่เข้าใจว่าเธอต้องการจะให้ผมทำอะไร

         “ก็เคล็ดลับของการเป็นแฟนพี่นอร์สไงคะ” น้องธีน่าบอกผมก่อนจะอธิบายรายละเอียดให้ผมฟังต่อ

         “คือในคู่มือนี้เขาบอกว่าการที่เราเริ่มคบใครคนหนึ่งเป็นแฟนแล้ว เราก็ควรที่จะรู้และใส่ใจในรายละเอียดของแฟนของเรา

ให้ดี อย่างเรื่องของพี่นอร์สที่พี่ไฟควรที่จะรู้เอาไว้ไงคะ”

         “อย่างเช่น?”

      “พี่นอร์สชอบคนทำอาหารเป็นค่ะ โดยเฉพาะของหวานที่เรียกกันว่าขนมเค้ก” มิน่าล่ะว่าทำไมเจ้าตัวดูจะดีอกดีใจไม่น้อยที่

เห็นผมทำอาหารให้ทานในครั้งที่เราไปเที่ยวด้วยกัน

         “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเค้กล่ะครับ”

         “ก็เพราะเค้กเป็นขนมที่ทำยากน่ะสิคะ” อืม ก็จริงอยู่

         “พี่ไฟรู้ไหมคะว่าในการทำเค้กแต่ละครั้งไม่ใช่แค่ว่าเราทำตามสูตรที่เรารู้แล้วจบเท่านั้นนะคะเพราะการทำเค้กให้ถูกใจพี่

นอร์สอ่ะมันต้องมาจากนี่ค่ะ...จากข้างในนี้” น้องธีน่าจิ้มมาที่อกซ้ายของผมแล้วจึงยิ้มให้

         “เพราะการทำเค้กก็เหมือนกับการที่เราใส่ใจแฟน ถ้าเราทำเค้กตามสูตรทั่วๆไปรสชาติที่ออกมาก็อร่อยล่ะค่ะแต่มันขาด

ความกลมกล่อมและลงตัวในสูตรของเรา” ผมพยักหน้าตามที่น้องธีน่าพูด

         “แต่ถ้าเรามัวแต่ให้ความสำคัญกับมันน้อยไปเค้กที่ได้ก็อาจจะไม่สุกหรือสุกแต่ก็กินไม่ได้”

         “แต่ถ้าเรามัวแต่สนใจมันมากจนเกินไปจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นหรือเตรียมของที่จะต้องแต่งหน้าเค้ก เค้กที่ทำก็คงจะไม่

สมบูรณ์แบบ ฉะนั้นเราก็ไม่ควรที่จะจดจ่ออยู่กับมันอย่างเดียวจนลืมเอาเวลาไปเตรียมอย่างอื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ใส่ใจมันเลย

และที่สำคัญเราก็ควรที่จะทำมันออกมาจากใจนะคะ” น้องธีน่าพูดจบก็ลุกออกไปเพราะพี่ทีมงานมาตามให้เข้าฉากต่อไป ผมจึง

ให้ไอ้วีกำกับแทนโดยให้ข้ออ้างว่าปวดหัวอยากจะพักแต่แท้จริงแล้วผมเก็บเอาสิ่งที่น้องธีน่าพูดเมื่อครู่มาคิดทบทวนอะไรหลายๆ

ซึ่งนั่นมันก็เป็นความจริงทั้งสิ้น ผมจึงลองเสิร์ชหาวิธีทำขนมเค้กและจดรายละเอียดกับเทคนิคที่ทางเว็บได้บอกไว้ก่อนจะไปค้นดู

อุปกรณ์ในการทำ แต่การทำเค้กของผมในครั้งนี้จะต่างออกไปจากทุกครั้งที่เราจะท่องจำสูตรให้ขึ้นใจแต่มันจะมาจากการที่ผมใช้

ใจในการทำมันแล้วก้อยากจะลองดูสิว่าสิ่งที่น้องธีน่าได้บอกไว้มันจะตรงกับความเป็นจริงรึเปล่า

         “ต้องใช้ใจเป็นนายสั่งให้ทำสินะ” ผมย้ำกับตัวเองก่อนจะปิดเว็บนี้แล้วหาเว็บอื่นที่บอกทริปเด็ดๆในการทำเค้กต่อไป แต่ก็

ต้องมาเอ๊ะใจกับอะไรบางอย่างในคำพูดของน้องธีน่า บ้านนี้สอนลูกด้วยหลักจิตวิทยางั้นเหรอ?? มิน่าล่ะถึงได้เจ้าเล่ห์เป็นกรดซะ

ขนาดนั้น แต่ถึงจะบ่นไปก็เท่านั้นในเมื่อผมเดินหน้าแล้วก็จะต้องไม่ยอมถอย

        เพราะคนอย่างนายอัคนีมีแต่เดินหน้าไม่ถอยหลัง สู้เว้ยยย!!!!


                           
         “อืม ใส่อันนี้ลงไปจากนั้นหยิบอันนี้เพิ่มอีกหน่อยเท่านั้นก็-”

           ติ๊ง ต่อง  เสียงกดออดหน้าห้องดังขึ้นทำให้ผมต้องละจากการมุ่งมั่นทำเค้กไปเปิดประตูให้กับแขกที่มาหา

         “อ้าว นอร์ส” แต่แขกคนที่มาหาผมถึงห้องวันนี้ก็ทำเอาผมแปลกใจที่ทำไมเจ้าตัวถึงรู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ห้อง

         “ทำอะไรอยู่ครับไฟ”

         “เอ่อ...” จะให้ผมบอกเจ้าตัวยังไงดีล่ะว่าตอนนี้ผมกำลังจะทำอาหารมัดใจคนตรงหน้าอยู่น่ะ!!

         “ว่าแต่ว่านอร์สรู้ได้ยังไงอ่ะว่าตอนนี้ไฟกลับมาจากมาเก๊าแล้ว” ใช่แล้วล่ะครับผมเพิ่งกลับมาจากมาเก๊าได้แค่สามวันหลัง

จากที่ต้องตรากตรำทำงานอยู่ที่นั่นนานนับเดือนกว่าจะปิดกล้อง บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพวกผมถึงถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง

หนึ่งถึงใช้เวลาไม่เท่าไร อันที่จริงแล้วตัวคนแต่งหรือนอร์สอยากจะให้งานเขียนของตัวเองถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ

ภาพยนตร์สั้นมากกว่าเรื่องยาว โดยเราจะดึงจุดพีคของแต่ละเรื่องมาทำเป็นภาพยนตร์เพื่อสื่อถึงคนดูได้สะดวกมากขึ้นหรือจะพูด

กันให้ง่ายๆเลยก็คือ ขอเนื้อๆไม่เน้นน้ำๆ

         “พอดีวันนี้น้องธีน่าโทรมาบอกว่าไฟกลับมาแล้วนอร์สก็เลยอยากมาหา ไฟไปตั้งนานเสียดายที่คราวนี้นอร์สไม่ได้ไปด้วย”

อีกคนบอกอย่างเศร้าๆ ผมก็เห็นใจนอร์สอยู่หรอกนะแต่จะทำยังไงได้ก็ในเมื่ออีกคนเรียนใกล้จะจบแล้วตอนนี้ก็เป็นว่าที่นาย

แพทย์หนุ่มอีกไม่เท่าไรก็จะได้เป็นนายแพทย์สมใจอยาก

         “งั้นก็เข้ามาข้างในก่อนสิ” ผมบอกให้อีกคนเข้ามานั่งพักในห้อง แต่จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณน้องธีน่าอยู่เหมือนกันเพราะ

ว่าตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกคิดถึงอีกคนอยู่พอดี

         “อ่ะ น้ำ” ผมเดินไปหยิบน้ำเย็นจากตู้เย็นมาให้อีกคนดื่มที่ตอนนี้กำลังเอนหลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาซึ่งดูท่าว่าอีก

คนคงจะเหนื่อยอยู่ไม่น้อย

         “เหนื่อมากเลยเหรอ” ผมถามก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆอีกคนที่ยังไม่ทันได้นั่งดีก็ถูกอีกคนรวบตัวไปกอดกลายเป็นว่าผมกำลัง

นั่งตักอีกคนอยู่

         “ครับ เหนื่อยมากเลย แต่ว่ายังดีหน่อยที่ได้มาเห็นหน้าสุดที่รักเพราะตอนนี้นอร์สหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ” เฮ้อ!เลี่ยน

แต่เช้าเลยนะนอร์ส

         “ให้มันจริงเถอะ” ผมว่า ตั้งแต่ที่ผมตกลงคบกับนอร์สเป็นเอ่อ..เป็น..เอาเป็นว่าตอนนี้นอร์สได้กลายเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดที่

ผมเคยมีก็แล้วกันเราก็แทบจะไม่ค่อยได้เจอกันหรือจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้เพราะผมต้องบินไปถ่ายภาพยนตร์ที่ต่างประเทศ ส่วน

นอร์สก็ติดเรียนทำให้ช่วงเวลาว่างของเราไม่ตรงกัน แต่จะอะไรยังไงก็แล้วแต่ ‘ระยะทาง’ หรือ ‘เวลา’ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือจุด

เริ่มต้นของการ ‘เลิกลา’ ถึงผมกับนอร์สเราอาจจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่เราก็ยังคงใช้สิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเรียกว่า ‘ความรัก’ ในการ

สานสัมพันธ์ให้อยู่ดี

         “เค้ก?”

         “หืม?” ตอนแรกที่โดนกอดก็เคลิ้มๆจะหลับกันทั้งคู่ผมก็ต้องมาตกใจเพราะเสียงสงสัยของอีกคน

         “ไฟทำเค้กอยู่เหรอ” นอร์สถามผมออกไปแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดดมหาต้นเหตุของกลิ่น

          “เฮ้ย!!!” ผมที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำพลาดอะไรลงไปก็ตอนที่ได้กลิ่นไหม้ๆออกมาจากในห้องครัว ซวยแล้วไงเพราะ

ก่อนออกไปเปิดประตูตามเสียงออดหน้าห้องผมก็ได้ตัดสินใจนำเค้กเข้าเครื่องอบเพราะพอคุยกันเสร็จผมจะได้ยกเค้กลงและนั่นก็

จะได้เค้กที่สมบูรณ์แบบตามที่ใจต้องการ แต่แล้วผมก็ดันลืมสิ่งสำคัญจนได้

                    มึงพลาดอย่างรุนแรงเลยล่ะไอ้คุณไฟเอ้ยย!!



                   
         “อ๊ะ นอร์สแกล้งไฟเหรอ”

         “เปล่าครับ”

          “เปล่าได้ไงแล้ววิปปิ้งครีมที่แก้มไฟมาจากไหน”

         “มือไฟเปื้อนอยู่แล้วไปปาดโดนเองรึเปล่าครับ อย่ามาใส่ร้ายนอร์สสิครับ” นอร์สอธิบายแต่ไอ้สายตาวาววับเป็นประกาย

เจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มมุมปากน้อยๆนี่มันอะไรกัน!!!

          “มาให้ไฟแก้แค้นกลับเลยนะนอร์ส” ผมบอกอีกคนก่อนจะหยิบวิปปิ้งครีมที่อยู่บนหน้าเค้กไปป้ายอีกคนที่แกล้งผมก่อน
           
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 4-6 300858
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 31-08-2015 19:14:28
 :-[ จีบกันหวานจนน่าอิจฉา
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 8 310858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 31-08-2015 19:18:51
            หลังจากที่ผมยอมรับชะตากรรมของเจ้าเค้กน้อยผู้น่าสงสารของตัวเองได้แล้วนอร์สเลยเสนอไอเดียว่าให้เรามาช่วยกัน

ทำเค้กกัน ตอนแรกผมก็ไม่อยากให้อีกคนช่วยทำเพราะผมตั้งใจที่จะทำให้นอร์สกินมากกว่า แต่พอหันไปมองเห็นเค้กที่นอน

แอ้งแม้งอยู่ในถังขยะก็เป็นตัวที่ทำให้ผมตัดสินใจให้อีกคนช่วยทำจนสุดท้ายก็ได้เจ้าเค้กที่น่าตาน่าทานและตอนนี้ทั้งผมและ

นอร์สต่างก็ช่วยกันออกแบบหน้าเค้กนี้ด้วยกัน

         “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะนอร์ส” ผมตะโกนบอกอีกคนที่กำลังวิ่งหนีการแก้แค้นของผม ตอนแรกทั้งผมละนอร์สก็ช่วยกันแต่งหน้า

เค้กด้วยกันดีๆอยู่หรอกแต่ไปๆมาๆนอร์สก็เอาวิปปิ้งครีมที่แต่งหน้าเค้กมาป้ายหน้าของผมเฉยเลยทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าเกิด

สงครามวิปปิ้งครีมย่อมๆที่ครัวของผม

         “ถ้านอร์สไม่หลบไฟก็เอาวิปปิ้งครีมมาป้ายหน้านอร์สน่ะสิครับ” นอร์สบอกผมทั้งๆที่เจ้าตัวก็วิ่งหนีการไล่ตามของผม

         “ก็นอร์สอยากแกล้งไฟก่อนทำไมเล่า” ตอนนี้ผมกับนอร์สวิ่งจากในห้องครัวมาจนถึงโซฟาที่วางอยู่ที่ห้องรับแขก โดยผม

อยู่ด้านหลังของโซฟาส่วนนอร์สก็อยู่อีกด้านของผม

         “ไม่ต้องคิดจะหนีไฟซะให้ยากเพราะตอนนี้นอร์สก็วิ่งไปไหนไม่ได้แล้วมาให้ไฟเอาคืนซะดีๆ ฮ่าๆๆ” ผมบอกนอร์สที่ตอนนี้

วิ่งไปทางไหนก็หนีผมไม่พ้น ผมจึงค่อยๆเดินก้าวไปหาอีกคนอย่างช้าๆพร้อมกับเจ้าวิปปิ้งครีมอาวุธล้างแค้นที่พร้อมเอาคืนอีกคน

อยู่ในมืออย่างเตรียมพร้อม แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่ค่อยอยากจะเข้าข้างผมสักเท่าไรเพราะสมุดที่มันควรจะอยู่บนโต๊ะกลับมา

นอนหลับสบายใจไทยแลนด์(?)อยู่บนพื้นทำให้ผมไม่ทันได้สังเกตเผลอไปเตะสมุดเจ้ากรรมนั่น

         “อ๊ะ” ผมที่คิดว่ายังไงตัวเองได้ไปนอนกองอยู่สภาพเดียวกับหนังสือแต่กลับลอยหวือขึ้นมาพร้อมกับอีกคนที่คว้าตัวผมไว้

ทัน จึงกลายเป็นว่าผมยืนซบอยู่ที่อกแกร่งของอีกคนแทน

         “ซุ่มซ่ามจังเลยนะครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของอีกคนดังขึ้นทำให้ผมที่ยืนโกยอากาศเข้าปอดอยู่แทบจะสำลักอากาศที่สูดเข้า

ไปเมื่อครู่ตายไปซะเดี๋ยวนั้น เพราะเหตุการณ์น่าขำเมื่อครู่ของผมต้องทำให้ตัวเองกลายสภาพมาอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนซะได้

แค่คิดก็แทบอยากจะระเบิดตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ

         “อะไรกันเล่า” ผมงึมงำตอบอีกคนอยู่ในลำคอ แต่ก่อนที่ทั้งผมและนอร์สจะผละออกจากกัน เจ้าตัวก็จับไหล่ผมเอาไว้ทั้ง

สองข้างก่อนจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย

         “ทีหน้าทีหลังไฟจะทำอะไรก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะครับ รู้ไหม หืม?” นอร์สถามผม ผมที่เจอกับน้ำเสียงห่วงใยระคนรักใคร่

ก็อดที่จะรู้สึกผิดที่ตัวเองมัวแต่เล่นเพลินจนไม่ได้ระมัดระวังทำให้ต้องเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่นี้ขึ้น

         “อืม ทีหลังไฟจะระวังตัวนะ” ผมบอกอีกคนก่อนที่จะก้มหน้าสำนึกผิด

         “ครับ” อีกคนเดินเข้ามาสวมกอดผมก่อนจะพูดอะไรบางอย่างกับกลุ่มผมนุ่มของผมก่อนจะผละออกไป น่ารักจริงๆสุดที่รัก

ของใครเนี่ย!

           บึ้ม!! เสียงอะไรบางอย่างกำลังระเบิดอยู่ในหัวพร้อมๆกับมีไอความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นเพราะตอนนี้มันมากองรวมตัวกัน

อยู่ที่บนใบหน้าของผมวะจนกลัวว่ามันจะเป็นแผลไหม้เพราะไอร้อนนี้

         “ไฟครับไม่มาแต่งหน้าเค้กต่อเหรอครับ” นอร์สตะโกนออกมาจากห้องครัว ผมจึงหันหน้าไปตามเสียงตะโกนนั่นก็ต้อง

ปะทะเข้ากับสายตาและสีหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นเทพบุตรในเทพนิยายที่ดูยังไงๆก็สุดแสนจะเพอร์เฟค แต่กลับมีอะไรบางอย่างที่

ซุกซ่อนอยู่ในสีหน้าและแววตาของนอร์สในตอนนี้ ซึ่งมันบ่งบอกได้ชัดว่ามันค่อนข้างจะขัดแย้งจากสิ่งที่ตาเห็นเอาจริงๆ นี้สินะที่

เขาเรียก สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ เอ๊ะยังไง?


                         
         “เค้กอร่อยมากเลยนะครับ”

         “นอร์สมีความสุขจังที่ได้ทำเค้กร่วมกับไฟ”

         “อืม ไฟก็มีความสุขเหมือนกันนะ”

           ตอนนี้ทั้งผมและนอร์สนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่หน้าห้องรับแขกหลังจากที่ทานเค้กที่เราทั้งคู่ช่วยกันทำเรียกได้ว่าเป็นสิ่ง

แรกที่ทั้งผมและนอร์สได้ช่วยกันทำมันออกมาและค่อนข้างจะออกมาดีทีเดียว

         “หืม?” ผมตกใจกับการกระทำของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันที่อยู่ดีๆเจ้าตัวก็ทิ้งตัวนอนบนโซฟาพร้อมกับวางศีรษะมาหนุนที่

ตักของผม

         “ขอหนุนหน่อยนะ” นอร์สว่าก่อนจะค่อยๆหลับตาลง

         “อืม” ผมไม่ได้ว่าอะไรก่อนจะยื่นมือของตัวเองมาสัมผัสกับผมของคนตรงหน้า จากนั้นก็ค่อยๆลูบไล้จากปลายผมข้างบน

ลงสู่ด้านล่าง

         “อืมมม” อีกคนครางออกมาจากในลำคอแผ่วเบาก่อนที่ศีรษะนั่นจะขยับเข้าใกล้ฝ่ามือของผม

         “ชอบให้ลูบหัวเหรอ” ผมที่ตอนนี้ค่อยๆลูบหัวอีกคนที่นอนหนุนอยู่บนตักตัวเองอย่างแผ่วเบาแล้วถามคำถามนั้นออกไป

         “ครับ ยายนอร์สชอบลูบหัวให้นอร์สตอนเด็กๆแบบนี้เสมอ” นอร์สเล่าพร้อมๆกับที่ริมฝีปากถูกยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัว

พูดถึงผู้เป็นยาย

         “นี่นอร์สหาว่าไฟเป็นยายเหรอ” ผมแกล้งว่าอีกคน

         “ฮ่าๆๆใครจะไปกล้าว่าไฟล่ะครับ” ผมอมยิ้มให้กับคนที่นอนอยู่ รู้ทั้งรู้ว่านอร์สคงไม่ได้เห็นแต่ก็อดที่จะยิ้มไมได้

         “ไฟรู้ไหมตั้งแต่ที่นอร์สไม่ได้อยู่กับยาย นอร์สก็ไม่เคยให้ใครสัมผัสศีรษะของนอร์สอีกเลยนะ”

         “ทำไมล่ะ” ผมสงสัย ถ้านอร์สไม่ให้ใครอื่นสัมผัสศีรษะตัวเองแบบนี้แล้วแม่ของนอร์สล่ะ?

         “ก็ไม่มีใครสัมผัสได้อบอุ่นเท่ายายของนอร์สไงครับ”

         “แล้วไฟล่ะ” ผมพูดสวนออกไป นอร์สที่ในตอนแรกหลับตาอยู่ก็ลืมตาตื่นขึ้นมองหน้าผมซึ่งผมก็มองหน้าอีกฝ่ายไม่ไหว

หลบ

         “สำหรับไฟคือคนพิเศษของนอร์ส อันนี้จัดอยู่ในกรณียกเว้นครับ” ผมยิ้มให้อีกฝ่ายซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นคำตอบที่ใช้ได้ทีเดียว

         “แล้วตอนนี้ยายนอร์สอยู่ไหนล่ะ” ผมถามอีกคนแต่ก็ยังคงลูบหัวให้นอร์สต่อไป นอร์สที่ตอนนี้ค่อยๆหลับตาลงก่อนจะพูด

ถึงยายตัวเอง

         “ยายนอร์สท่านจากไปไม่มีวันกลับแล้วครับ” นอร์สบอกผมด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

         “เอ่อ..คือไฟไม่ได้ตั้งใจที่จะถามขอ-”

         “ไม่เป็นไรหรอกครับ ไฟไม่รู้ คนที่ไม่รู้ก็ย่อมถือว่าเป็นคนที่ไม่ผิดนะครับ” นอร์สบอกผม

         “ก่อนที่ท่านจะจากนอร์สไปท่านเคยบอกว่าท่านจะอยู่ถึงวันที่ได้เห็นนอร์สประสบความสำเร็จ แต่ท่านก็ไม่สามารถทำได้

อย่างที่ท่านบอกนอร์ส นอร์สโกรธท่านมากที่ท่านโกหกนอร์สถึงแม้ว่าตอนนี้นอร์สจะโตพอที่จะเข้าใจอะไรแล้ว แต่นอร์สก็ไม่

ชอบคนโกหกอยู่ดี ไฟครับไฟมีอะไรก็บอกนอร์สได้นะครับ อย่าโกหกกันเลยนะ” นอร์สบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมที่ได้ยินก็

ถึงกับชะงักไปแต่ก็ยังคงตอบรับอีกคน นอร์สจึงเปลี่ยนเรื่อง

         “วันนี้เป็นวันที่นอร์สมีความสุขที่สุดเลยนะ แล้วไฟล่ะครับ” ผมไม่ตอบนอร์สไปเพราะสิ่งที่ผมจะตอบนอร์สก็คงจะไม่ต่าง

จากที่อีกฝ่ายพูดเท่าไร.....................................














ตอนที่ 8 ตอนนี้ก็หวานกันเบาๆอีกแล้ว แต่อย่าลืมว่าเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากการเกิดสึนามิ เมื่อน้ำลดลงเหมือนไม่มีอะไร

แต่สุดท้ายมวลน้ำมหาศาลก็กลับก่อตัวขึ้นมา//ดีสนี่พูดซะน่ากลัวจริมๆ จริงๆมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดน้านนน ยังไงก็รอติดตาม

ตอนต่อไปนะคะ ^^
 
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 9 310858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 31-08-2015 19:24:10
                                                     แผนการร้ายครั้งที่ 9 : ความรักเป็นนายที่ดีกว่าหน้าที่

                  การถ่ายทำภาพยนตร์ตอนนี้ดำเนินเรื่องมาถึงเล่มสุดท้ายของซีรีย์ซึ่งนั่นก็คือเรื่อง ‘ไฟอัคนี’ ผมว่าชื่อเรื่องมัน

ค่อนข้างจะเหมือนชื่อของผมแต่เท่าที่ผมอ่านมันจนแทบจะสิงเข้าไปอยู่ในบทก็คงจะไม่ใช่แค่เหมือนแต่มันใช่เลยล่ะ?

         “แล้วสรุปว่าใครจะมาเป็นพระนางของเรื่องนี้ล่ะเนี่ย” ผมบ่นให้ไอ้วีฟัง

         “แล้วคุณกูจะไปรู้กับคุณมึงไหมครับนั่น โน่นไงแฟนนักเขียนของคุณมึงมาละ ลองถามดูสิครับ” ไอ้วีบอกผมแซวๆพร้อมกับ

ส่งซิกว่าตอนนี้เจ้าของผลงานกำลังเดินตรงมาหาผมสองคน แต่วันนี้แปลกไปกว่าทุกทีเพราะแทนที่จะมีนอร์สมาคนเดียวเพื่อคุย

เรื่องงาน แต่ครั้งนี้กลับมีน้องธีน่าเข้ามาร่วมแจมด้วยอีกคน

         “สวัสดีครับไฟ คุณปฐวี” พอนอร์สเดินมาถึงที่ที่ผมกับไอ้วีนั่งรออยู่ก็เอ่ยทักทาย ผมกับไอ้วีก็ทักทายตอบก่อนที่นอร์สจะ

เลือกนั่งทางด้านซ้ายมือของผมตามคำบอกของน้องสาวสุดที่รักที่เธออาสาจะนั่งข้างๆไอ้วีแทนนอร์ส

         “สวัสดีค่ะพี่วี พี่ไฟ”

         “สวัสดีครับ” ผมกับไอ้วีทักตอบน้องธีน่า

         “พอดีวันนี้น้องธีน่าว่างนอร์สก็เลยชวนมาคุยงานน่ะเผื่อจะมีไอเดียอะไรดีๆเสนอบ้าง” นอร์สบอกผมก่อนที่เราจะเริ่มต้นคุย

งานกัน

           วันนี้ผม ไอ้วีและพี่ทีมงานบางส่วนที่เป็นเฮดหลักในการประสานงานนัดประชุมคุยกันก่อนจะเริ่มเดินหน้าถ่ายทำ

ภาพยนตร์กันต่อซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางปีหน้าภาพยนตร์ที่พวกผมทำกันคงจะได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเป็นทาง

การและก็หวังว่าจะทำยอดขายได้ทะลุเป้าที่วางไว้

         “ตอนนี้เรื่องที่เราต้องการความคิดเห็นจากในที่ประชุมคือเรื่องของนักแสดง” ผมพูดก่อนจะเว้นวรรคให้ทุกคนได้หยิบ

เอกสารตามที่เลขาผมแจกให้

         “เนื่องจากนักแสดงที่เราเคยจองตัวเอาไว้ให้เล่นเป็นบทพระนางเกิดมีปัญหา” ทุกคนพยักหน้ารับรู้

         “ซึ่งทางด้านคนที่จะมารับบทเป็นพระเอกขอถอนตัวเนื่องจากเวลาว่างไม่ตรงกับวันที่เราจะเริ่มถ่ายทำกัน ส่วนนางเอกก็มี

แพลนจะแต่งงานในอีกสองเดือนข้างหน้าจึงของดรับงานทุกชนิด”

         “และนั่นจึงเป็นปัญหาสำหรับเราทุกคนเพราะตัวละครหลักสองตัวก็มาติดเหตุที่ทำให้ไม่ว่าง ไฟจึงอยากจะถามความคิด

เห็นในที่ประชุมว่าใครมีความเห็นอะไรกันบ้าง” ผมหยุดพูดก่อนจะมองดูทุกคนที่เริ่มมีสีหน้าครุ่นคิดว่าเราจะแก้ปัญหากับเรื่องนี้

อย่างไรดี แต่จู่ๆน้องธีน่าเธอก็ยกมือขึ้นท่ามกลางความคิดของอีกหลายๆคน ผมจึงเชิญให้เธอออกความคิดเห็น

         “ก็ในเมื่อตัวละครที่วางไว้มีปัญหาพี่ไฟก็เปลี่ยนตัวสิคะ”

         “มันไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่น้องธีน่าพูดหรอกนะครับที่เราจะหานักแสดงใหม่มาแทนเพราะแต่ละคนที่เราเล็งๆเอาไว้งานก็รัด

ตัวแทบจะไม่มีเวลาว่างให้ปลีกตัวมาแสดงภาพยนตร์ได้หรอกนะครับ”

         “แล้วเราจะไปหาดาราคนอื่นทำไมล่ะคะ ก็ในเมื่อเราก็มีคนที่พร้อมจะเป็นดาราให้กับเราอยู่แล้ว”

         “หืม?” ผมสงสัยในสิ่งที่น้องธีน่าพูด

         “อย่าบอกนะคะพี่ไฟว่าพี่ไฟยังอ่านเรื่องนี้ไม่จบ??” น้องธีน่าถามผม

         “ก็ทำนองนั้นล่ะครับ” ใช่ครับผมอ่านเรื่องนี้ไปได้ไม่เท่าไรเองก็ในเมื่อเนื้อเรื่องมันก็เชื่อมโยงกันก็ไม่เห็นจะต้องไปคิดอะไร

มากอย่างน้อยผมก็กำกับอีกสองเรื่องแรกไปแล้ว

         “แล้วพี่ไฟรู้รึเปล่าคะว่าเล่มสุดท้ายนี้ใครเป็นคนแต่ง?”

         “ก็นอร์สไม่ใช่เหรอ” ผมตอบเชิงไม่แน่ใจ

         “เอ่อ...ไอ้คุณเพื่อนไฟครับเล่มสุดท้ายนี้คุณนอร์สไม่ได้เป็นคนแต่งนะครับคุณเพื่อน แต่เป็นน้องธีน่าแต่งเองต่างหาก”

ห๊ะ!! อะไรนะ

         “ใช่ค่ะ เรื่องสุดท้ายนี้ธีน่าเป็นคนแต่ง ส่วนนักแสดงนั้นธีน่าได้เลือกเอาไว้แล้ว มีแค่ตัวละครหลักที่มีปัญหาใช่ไหมคะทุก

คน” น้องธีน่าชี้แจงให้ผมเข้าใจก่อนประโยคหลังจะหันไปพูดกับเหล่าทีมงานที่ยิ้มกรุ้มกริ่มกันเป็นทิวแถวไม่เว้นแม้กระทั่งนอร์ส

         “ครับ/ค่ะ” พี่ๆทีมงานบอกน้องธีน่า จากนั้นเธอจึงหันกลับมามองที่ผมก่อนจะบอกว่าใครกันจะมาเล่นบทหลักของ

ภาพยนตร์เรื่องนี้

         “เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ธีน่าแต่งให้สะท้อนในเรื่องมุมมองของเพศที่สาม ฉะนั้น...” น้องธีน่าเว้นสิ่งที่จะพูดเอาไว้ทำให้ใคร

หลายๆคนรวมทั้งผมที่รู้สึกเหมือนจะมีลางไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่เป็นประกายพราวระยับเช่นเดียวกับ

เด็กน้อยได้ของถูกใจถูกส่งพุ่งตรงมาที่ผม

    ไอ้ตาขวามึงจะกระตุกทำแมวอะไรของมึงเนี่ย!!!

         “ผู้ที่จะมารับบทเป็นพระเอกก็คือพี่นอร์ส พี่ชายของธีน่าเองค่ะ” น้องธีน่าบอกทุกคนในที่ประชุมซึ่งเสียงส่วนใหญ่ลงมติ

เห็นชอบ

         “ส่วนคนที่จะมาเล่นเป็นบทคู่กับพระเอกอย่างพี่นอร์สก็คือ.....พี่ไฟนั่นเองค่ะ” น้องธีน่าบอกทุกคนด้วยความมั่นใจ ก่อนที่

ทั่วทั้งห้องประชุมจะปรบมือกันดังเกรียวกราวที่แสดงออกถึงดีใจอย่างความสุดซึ้งที่ผมได้มาเล่นบทคู่กับพระเอกอย่างนอร์ส

         “แล้วใครจะมากำกับแทนพี่ล่ะครับน้องธีน่า” นั่นสิครับ ถ้าให้ผมเล่นแล้วใครกำกับ

         “ไม่ต้องห่วงค่ะพี่ไฟเพราะธีน่าได้เลือกผู้กำกับไว้แล้ว”

         “ใครครับ?”

         “กูเองไอ้เพื่อนเลิฟ” อยู่ๆไอ้วีก็พูดขึ้น อย่างไอ้วีเนี่ยนะผู้กำกับ เหอะ ถ้ามันเป็นผู้กินกับผมจะไม่ว่าอะไรสักคำ

         “อย่างมึงเนี่ยนะ” ผมบอกแบบไม่อยากจะเชื่อ

         “อ้าว อย่ามาพูดแมวๆแบบนี้กับคุณเพื่อนนะครับ โถ่ ไอ้เราไม่อยากจะคุยอย่างกูนี่ถูกเลือกจากมติในที่ประชุมมาเลยนะ

เว้ย” ห๊า!!ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองจะทำของหายบ่อยๆ หาตลอดดดด

         “ไปลงมติกันตอนไหนวะ” นั่นสิทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย

         “มึงก็ลองถามแฟนสุดที่รักมึงสิ” พอไอ้วีพูดจบผมก็หันไปเอาเรื่องคนที่นั่งด้านข้างแทน

         “นี่มันอะไรกันนอร์สทำไมไฟไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

         “นอร์สก็ไม่รู้เหมือนกันครับ นี่ก็เพิ่งจะรู้พร้อมไฟเมื่อกี้นี้จริงๆนะครับ” ผมหรี่ตามองอีกคนอย่างจับผิดแต่ก็ไม่พบพิรุธใดๆ

         “แล้วไป”

         “แล้วสรุปว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันครับพี่ๆ” ผมเค้นเอาจากไอ้วีไม่ได้ ส่วนนอร์สก็คง(อาจ)จะไม่รู้ก็ได้จึงหันไปเค้นกับผู้ใต้

บังคับบัญชาตัวเองน่าจะดีกว่า

         “เอ่อ....” ทุกคนอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบมัวแต่มองหน้ากันอย่าเลิ่กลั่ก ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่สำเร็จผมก็คงต้องใช้ไม้แข็งเข้าช่วย

         “งั้นโบนัสสิ้นปีกับเที่ยวเกาหลีอีกหนึ่งอาทิตย์ก็คงต้องง-”

         “น้องธีน่าบอกให้พวกพี่ทำอ่ะค่ะน้องไฟ น้องไฟอย่างงดโบนัสกับเที่ยวเกาหลีพวกพี่เลยนะคะ นะคะ” พี่ที่เป็นหนึ่งในทีม

งานที่เข้าประชุมรีบบอกผมก่อนที่ผมจะทันได้พูดจนจบประโยค ผมจึงหันไปมองน้องธีน่า ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆมาให้ผม

         “แหะๆ แต่ก็เอาเป็นว่าทุกคนก็ลงมติเห็นชอบกับสิ่งที่ธีน่าบอก ฉะนั้นวันนี้ก็.......ปิดประชุม!!!!!”
                   
         
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 9 310858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 31-08-2015 19:30:43
        “เฮ้อ” ผมนั่งถอนหายใจรอก่อนที่จะเข้าฉากต่อไป ตั้งแต่ที่ประชุมเสร็จในครั้งนั้นไอ้วีก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้กำกับส่วนน้องธีน่า

ก็ได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับถือว่าเป็นผู้ช่วยกิตติมศักดิ์ของกองถ่ายที่เคยมีมาก็ว่าได้

         “อย่าทำหน้าเซ็งแบบนั้นสิครับไฟ เดี๋ยวไม่สวยหรอก” ผมหันขวับกลับไปมองคนพูด อะไรนะ ใครสวยกันฟร้ะ!!

         “ใครสวยไม่ทราบนอร์ส พูดให้มันดีๆเลยนะ” ผมว่าอีกคนให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นขวดน้ำที่เปิดแล้วมาให้ผมดื่มก่อนเข้าฉาก


         “แอบใส่อะไรลงไปในน้ำแล้วให้ไฟกินรึเปล่าเนี่ย” ผมแกล้งแซวอีกคน

         “โถ่ ไฟครับเก่าไปรึเปล่าครับที่พระเอกเขาจะใส่ยาให้นางเอกกินแล้วพาไปฟิชเชอร์ริ่งน่ะ เดี๋ยวนี้เขาใช้วิธีแบบจำเลยรักกัน

หมดแล้วครับ”

         “โรคจิต” ผมว่า

         “อะไรกันร้อนแรงดีออกไฟสนใจไหมครับ” นอร์สว่าพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ก็พาเอาผมทำอะไรไม่ถูกก็ใครมันจะไปรู้ว่า

นอร์สจะพูดเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะน่ะ!!

         “โอ๊ย!! พระนางตรงโน้นน่ะยังไม่ถึงเวลาเข้าฉากอย่าเพิ่งรีบสวีทกันก่อนสิครับเกรงน้ำตาลบ้าง จืดหมดแล้ววว!!” ไอ้วี

ตะโกนบอกผมกับนอร์ส ไอ้วีนี่ปากหาเรื่องใช้ได้สงสัยผมคงต้องหาวิธีเอาสิ่งไม่ดีในปากมันออกซะแล้ว หึ้ย!!

         “ฮิ้ววววว” ยังไม่ทันขาดคำไอ้วีเสียงพี่ๆทีมงานในกองก็พากันโห่แซวผมกับนอร์สเป็นเหมือนลูกคู่รับกับไอ้ไฟ แหม ทีอย่าง

นี้ล่ะสามัคคีกันจังเลยนะ ผมที่ตอนนี้อายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แต่อีกคนที่โดนแซวด้วยกลับไม่สะทกสะท้านหรือทุกข์ร้อน

อะไร แถมยังมีหน้ามายิ้มระรื่นหน้าบานเป็นจานดาวเทียมอยู่ข้างๆแทนซะงั้น!?

         “อายบ้างไรบ้างก็ได้นะนอร์ส” ผมหันไปบอกนอร์ส ส่วนอีกคนแทนที่ถูกบอกไปแบบนั้นจะอายบ้างอย่าที่บอก แต่กลับตอบ

ผมกลับมาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

         “จะอายทำไมครับก็เรารักกันนี่” แถมยังมีการทำหน้ายิ้มอย่างกับเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณายาสีฟันคอลเกตส่งให้ผมอีกต่าง

หาก??

         “เฮ้อ!!” นี่ล่ะครับสิ่งที่ผมอยากจะบอกตอนนี้จริงๆ



                         
         “คัทททททททท!!! มึงตั้งใจหน่อยดิวะไอ้ไฟ”

         “แต่กูก็ตั้งใจสุดๆแล้วนะมึง”

         “กูว่าให้เด็กอนุบาลมาแอคติ้งแทนมึงยังจะดูดีเสียกว่า”

         “แล้วมึงจะเอาอะไรอีกล่ะ!!”

         “ก็กูให้มึงทำตามที่กูบอกแต่มึงกลับทำอะไรก็ไม่รู้”

         “ก็กูไม่เคยเรียนแอคติ้งนี่หว่า”

         “งั้นกูขอแนะนำให้มึงไปเรียนกับหม่อมน้อยซะไอ้เพื่อนไฟไม่งั้นงานนี้มึงได้ล่มจมแน่”

         “ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง”

         “ก็มึงเล่นไม่ดีเองนี่หว่าไอ้ไฟกับอีแค่ฉากโรแมนติกๆเนี่ยนะมึงยังทำไมได้ มึงกลับไปเรียนอนุบาลหมีน้อยเหอะว่ะ!! พี่ๆ

ครับเดี๋ยวไปพักกันก่อนนะครับ เริ่มถ่ายเมื่อไหร่เดี๋ยวผมบอกอีกที” ไอ้วีหันไปมองพี่ๆทีมงานให้แยกย้ายกันไปพัก

           ตั้งแต่ที่เริ่มเข้าฉากในวันนี้วันแรกก็ถือได้ว่าเป็นงานหินสำหรับตัวผมเองจริงๆเพราะถ้าเป็นบทบู๊ล้างผลาญหรือดรามา

น้ำตานองอะไรแบบนั้นผมทำได้หมด แต่ทำไมวันนี้ถึงต้องเป็นฉากโรแมนติกด้วยวะ!! ผมไม่เข้าใจ

         “อย่าเกร็งสิครับไฟ” นอร์สบอกผมก่อนที่เราจะเข้าไปหาที่นั่งพักในกองถ่าย

         “ก็จะไม่ให้ไฟเกร็งได้ยังไงล่ะ ก็ไฟเล่นกับนอร์สนะ”

         “ไฟก็แค่คิดว่าคนที่ไฟเล่นด้วยไม่ใช่นอร์ส ส่วนนอร์สก็จะคิดว่าคนที่นอร์สเล่นด้วยไม่ใช่ไฟเราทั้งคู่จะได้ไม่ต้องเกร็งกันทั้ง

สองฝ่าย”

         “ไม่นะ!!” ผมโพล่งออกไป แต่กลับเห็นอีกคนส่งยิ้มมาให้ผมแทน แค่นี้ผมก็รู้แล้วล่ะว่านอร์สแค่แกล้งผม

         “ทำไมล่ะครับ ดีออกเราจะได้ไม่เกร็งกันด้วย” นอร์สบอกผมอย่างอ่อนโยน แต่จะมาให้ผมคิดเอาเองว่าตอนนี้ผมไม่ได้เล่น

กับนอร์สก็คงจะไม่ได้เพราะมีเพียงคนเดียวที่ผมจะเล่นบทนี้ด้วยนั่นก็คือ......นอร์ส

         “ไม่!ไฟจะเล่นให้ได้นอร์สคอยดูนะ” ผมบอกอีกคนอย่างแน่วแน่ นอร์สจึงยื่นมือมาลูบศีรษะผมอย่างกับผมเป็นเด็กตัว

น้อยๆ ยังไม่ทันที่ผมกับนอร์สจะได้เก็บบรรยากาศอบอุ่นแบบนี้เอาไว้ก็ดันมีเสียงจากนรก(?)ดังขัดขึ้นเสียก่อน

         “ไอ้ไฟฟฟฟ!!!!!!! งานเข้าอีกแล้วมึง”

         “ทำไมวะ มีคนมาจ้างมึงไปเป็นพรีเซนเตอร์อาหารสุนัขเหรอ เอ มึงจะได้ขึ้นปกเพ็ดดีกรีเหรอวะ” ผมว่าไอ้วี มันจึงมอง

ค้อนกลับมาที่ผม

         “เอาไว้ให้มึงขึ้นคนเดียวเหอะ กูไม่ชอบแย่งงานเพื่อน” โห ดูมันย้อน เอาซะผมไปไม่เป็นเลย

         “มึงมีอะไรก็ว่ามาชอบพากูออกนอกเรื่องตลอด” ผมทำท่าเซ็งๆใส่ไอ้วี มันจึงยื่นมือมาเขกหัวผม โคตรจะเจ็บเลย

                 แรงคนหรือแรงควายวะเนี่ย โคตรเจ็บเลย!?

         “เหรอ มึงเหอะที่พากูนอกเรื่อง”

         “เออ มีอะไรก็ว่ามาเวลากูเป็นเงินเป็นทอง” ผมพูดเร่งไอ้วีที่ตอนนี้มันทำหน้าเหม็นเบื่อผมเต็มทน

         “คือว่านักแสดงที่ต้องมาแสดงเป็นเพื่อนรักมึงอ่ะ” ไอ้วีพูดแค่นั้นก่อน จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบไลน์ที่เด้งเมื่อครู่

จากนั้นก็หันมาคุยกับผมต่อ

         “เมื่อกี้กูพูดถึงไหนแล้วนะ กูนึกก่อน....อ้อ กูนึกออกแล้ว คือว่าผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงคนนั้นเขาบอกว่าคนที่จะมารับ

บทนี้ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู”

         “แล้วเขาเป็นอะไรวะ” ผมถามขัดไอ้วี

        “เห็นทางผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าประสบอุบัติเหตุขณะถ่ายหนังว่ะ ได้ข่าวว่าเป็นหนักอยู่เหมือนกัน”

         “แล้วไงต่อ”

         “ก็คุณพี่ผู้จัดการนี่สิบอกว่าจะส่งนักแสดงในสังกัดมาให้แทนนักแสดงคนนั้นน่าจะมาถึงเย็นๆนี้ว่ะ”

         “แล้วมึงรู้ป่ะว่าใครมาแทน” ผมถามไอ้วีออกไปซึ่งนอร์สก็พยักหน้าอยากรู้เช่นกัน ไอ้วีก็ได้แต่ส่ายหน้าก่อนตอบผมกับ

นอร์ส

         “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ คงต้องรอดูเย็นนี้เอาเอง”   

                     
                       
         “โอเคครับทุกคน ฉากนี้นะครับจะเป็นฉากที่เมคินจะบอกรักภัทรซึ่งภัทรจะต้องแสดงสีหน้าที่ซะใจที่เราสามารถทำให้คนที่

เราเกลียดมาหลงรักเราแล้วการแก้แค้นที่ตัวเองวางไว้จะเริ่มต้นขึ้น เฮ้ย ไอ้ไฟมึงฟังอยู่ไหมเนี่ย” 

         “มึงว่าไรนะ” ผมถามไอ้วีในเรื่องที่มันพูดไปเมื่อครู่เพราะผมไม่ได้สนใจในสิ่งที่มันพูดเลยสักน้อยเพราะตอนนี้ผมกังวลใจว่า

ใครจะมารับบทเพื่อนสนิทของผมแทนนักแสดงที่มาเล่นไม่ได้กันแน่

         “มึงจะเหม่อไปถึงไหนเนี่ย”

         “เชียงใหม่” ผมเล่นมุกไปเผื่อไอ้วีมันจะขำ แต่นั่นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

         “กูไม่ตลก” เอ่อ...ตอนนี้ผมเริ่มจะรับรู้ถึงรังสีที่ค่อนข้างจะน่ากลัวออกจากตัวของไอ้วีซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายที่รังสีนั้นจะพุ่ง

ชนก็คงไม่พ้นผมแน่ๆ

         “กูขอโทษ กูเห็นมึงเครียด กูแค่อยากให้มึงหายเครียด” ผมว่าอย่างสำนึกผิด

         “ถ้ามึงอยากจะให้กูหายเครียดมึงก็ต้องตั้งใจทำงานสิ เอาเร็ว ทุกคนพร้อม ประจำที่ 5 4 3 2 1 แอคชั่น” สิ้นเสียงที่ไอ้วีสั่ง

ผมและนอร์สเราทั้งคู่จึงต้องรีบสวมบทบาทของตัวละครที่ได้รับนั้นทันที

           ผมรับบทเป็น ‘ภัทร’ เด็กหนุ่มผู้ที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้นที่ถูกฝังใจมาตั้งแต่เด็กเพราะความเข้าใจผิดว่าครอบ

ครัวของ ‘เมคิน’ เป็นคนทำลายครอบครัวตัวเอง เมื่อโตขึ้นภัทรจึงคิดล้างแค้นเมคิน ส่วนนอร์สก็รับบทเป็นเมคินผู้ชายสุดแสน

เพอร์เฟค แต่ต้องมารับผลกรรมที่ตนและครอบครัวไม่ได้ก่อและยิ่งไปกว่านั้นคนที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างก็คือคนที่เมคินรักสุด

หัวใจคือ ภัทร นั่นเอง

         “คัททท!! ฉากนี้เล่นได้ดีมาก คุณนอร์สส่งอารมณ์ให้ไอ้ไฟได้สุดยอดจริงๆ แต่มึงต้องดูเหมือนสะใจอีกนิดนะเว้ยไอ้ไฟ

แต่โดยรวมวันนี้ถือว่าดีมาก โอเคพอแค่นี้พรุ่งนี้เช้าค่อยลุยกันใหม่ แยกย้ายครับ แยกย้าย” ไอ้วีเดินไปคุยกับตากล้องเพื่อเช็ค

เรื่องภาพ แสง และสิ่งเพิ่มเติมที่ต้องใส่ลงไป ก่อนจะสั่งแยกย้ายทุกคนเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน

         “น้ำค่ะพี่นอร์ส พี่ไฟ” น้องธีน่าเดินถือขวดน้ำมาให้ผมกับนอร์สคนละขวดซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ผมกับนอร์สยื่นมือ

ออกมาหยิบขวดน้ำพร้อมกันพอดี

         “เอ่อ..” ผมรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเกิดเหตุการณ์เมื่อครู่ต่อหน้าน้องธีน่า คงไม่ต้องให้พูดถึงสีหน้าของเธอ

ป่านนี้คงจะอมยิ้มแก้มแทบฉีก

         “แหม พี่สองคนใจตรงกันจังเลยนะคะ” น้องธีน่าแซวผมกับนอร์ส ผมที่ตอนนี้รู้สึกว่าทุกอย่างดูจะเกะกะอยู่ไม่น้อยส่วนอีก

คนก็ได้แต่เกาท้ายทอยส่งยิ้มให้น้องสาว

         “ธีน่าไปดีกว่าไม่อยากอยู่รบกวนเวลาสวีทของพวกพี่ จะทำอะไรก็อย่าหักโหมนะคะพี่นอร์ส” น้องธีน่าหันไปบอกกับ

นอร์สก่อนจากไปยังมีการหันมาขยิบตาให้นอร์สเป็นเชิงส่งซิกซึ่งอีกคนก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

         “นอร์สว่าเราไปพักผ่อนที่ห้-” ยังไม่ทันที่นอร์สจะได้พูดจบประโยค พี่ทีมงานก็วิ่งมาบอกถึงเรื่องราวของนักแสดงแทนที่ถูก

ส่งตัวมาแทนนักแสดงคนเก่า ดูท่าว่าตอนนี้คงจะมาถึงที่นี่แล้ว   

      “น้องไฟคะนักแสดงคนใหม่มาแล้วค่ะตอนนี้รอทุกคนอยู่ที่ล๊อบบี้ค่ะ” พี่คนนั้นบอกเสร็จก็รีบวิ่งไปเคลียร์งานที่ค้างอยู่ต่อ

ผมกับนอร์สจึงเดินไปดูนักแสดงที่ถูกส่งมาแทนตามที่พี่คนนั้นบอก แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมถึงกับผงะก็คงจะเป็นใบหน้าหลังแว่นที่

ถูกอีกคนค่อยๆบรรจงถอดมันออกมาจากใบหน้าคมเข้ม

         “พี่ต้าร์!!” ผมไม่รู้เลยจึงจริงๆว่าหายนะของแท้กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า


                   
           บรรยากาศภายในห้องของไอ้วีดูจะเข้าสู่โหมดดาร์กและค่อนข้างจะอึมครึม หลังจากที่ถูกคุณผู้กำกับจำเป็นเรียกรวม

เพื่อประชุมถึงนักแสดงคนใหม่ที่ถูกส่งมาแทน

      “สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อต้าร์นะครับ พี่แยมส่งผมให้มาทำงานแทนรุ่นน้องที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุ ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ

ที่มาช้าแบบนี้พอดีผมก็เพิ่งจะเสร็จงานก็บินตรงมาที่นี่เลย” พี่ต้าร์กล่าวทักทายและอธิบายเหตุผลที่ตัวเองมาช้า

           พี่ต้าร์ยังคงเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและแสนดีสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับคนที่โดนอีกฝ่ายบอกเลิกอย่างไม่ใยดี

สำหรับผม ผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าของผมตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากจอมมารในร่างเทวดาสักเท่าไร ร้ายและสามารถทำลายอย่าง

ทุกอย่างได้เยือกเย็น นั่นแหละคือพี่ต้าร์

         “ไม่เป็นไรครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน” ไอ้วียื่นมือออกไปทักทาย ส่วนพี่ต้าร์ก็จับมือไอ้วีตามมารยาท

         “เช่นเดียวกันครับ” พี่ต้าร์ตอบไอ้วีเสียงเรียบ แต่ผมก็ยังสังเกตเห็นแววตาที่ดูดุดันของทั้งสองฝ่ายที่ต่างคนต่างจับจ้องมอง

อีกคนเอาไว้ ซึ่งนั่นต่างจากหน้าตาที่ดูยิ้มแย้มในภายนอกอย่างสิ้นเชิง

         “ผมว่านี่ก็ถึงเวลาที่นักแสดงและทีมงานควรไปพักผ่อน ฉะนั้นวันนี้ก็พอแค่นี้นะครับ ฝันดีครับ” ไอ้วีบอกก่อนที่ทุกคนจะเริ่ม

ทยอยกันเดินออกจากห้อง แต่ผมก็ยังเห็นว่าไอ้วีมันคอยหันมามองหน้าผมอยู่เป็นระยะๆขณะที่คุยกับพี่ต้าร์ มันคงจะคิดว่าผมคง

จะต้องเสียใจหรือไม่ก็รับไม่ได้อะไรประมาณนั้น ถึงไอ้วีมันจะปากแมว??แต่มันก็รักและเป็นห่วงเพื่อนอย่างผมเสมอ ผมจึง

พยายามทำให้มันเห็นอยู่เสมอว่า ผมเข้มแข็งพอที่จะเจอกับเรื่องเลวร้ายได้

         “มึงโอเคนะไอ้ไฟ” ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องไอ้วีก็เดินมากระซิบถามผมเรื่องพี่ต้าร์

         “สบายมากเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมบอกไอ้วีก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมนอร์ส

         “สวัสดีครับไฟ พี่ไม่ได้เจอเรานานเลยนะ” ระหว่างทางที่ผมกับนอร์สกำลังจะเดินกลับห้อง แต่กลับได้ยินเสียงของคนที่ผม

ไม่อยากได้ยินเอ่ยทัก

         “สวัสดีครับ ผมก็ไม่ได้เจอพี่มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน” นอร์สชิงพูดตัดหน้าผมไป

         “นอร์สว่าเราไปกันเถอะครับไฟ” นอร์สทักทายพี่ต้าร์เสร็จก็เร่งผมให้รีบกลับห้องทันทีเพื่อที่จะได้รีบๆออกไปจากบริเวณที่

น่าอึดอัดนี้เสียที

         “อืม” ผมตอบรับก่อนที่เราจะเดินกลับไปพักผ่อนที่ห้อง



                       
         “เดี๋ยวไฟขอนอนเล่นก่อนนะ นอร์สไปอาบน้ำก่อนได้เลย” ผมบอกนอร์สก่อนจะปีนขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงนอน

         “ครับ ตามสบายเลยที่รัก”

         “บ้า!!” ผมตะโกนตามหลังอีกคนที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ คนอะไรก็ไม่รู้ชอบแกล้งให้คนอื่นเขินตลอด ถึงแม้ช่วงหลังๆ

มานี้เวลาที่ผมกับนอร์ส เราอยู่ด้วยกันสองคน นอร์สจะเรียกแทนผมว่าที่รักเสมอ คิดแล้วก็ปริ่ม

   ติ๊ง! เสียงไลน์ในโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมจึงเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งมาจึงได้รู้ว่าใครกันเป็นคนส่ง

   Tar_tar  : พี่ไม่เข้าใจบท ไฟช่วยมาอธิบายให้พี่เข้าใจหน่อยได้ไหม

   Firer : คงจะไม่ได้เพราะตอนนี้ไฟไม่ว่าง

   Tar_tar  : ไฟจะโกรธพี่จะเกลียดพี่อะไรยังไงก็ได้ แต่ไฟต้องไม่เอาเรื่องงานเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เรื่องนี้พี่ก็เคย

บอกไฟแล้วนะครับ

   Firer : ก็ได้ แล้วจะให้ไฟไปหาพี่ที่ไหน

   Tar_tar  : พี่พักอยู่ห้องข้างๆไฟ แล้วเจอกันนะครับ สุดท้ายผมก็ตอบตกลงพี่ต้าร์ไป

           ก๊อกๆๆ ผมเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ด้านในไม่นานอีกฝ่ายก็เปิดออก

          “เข้ามาข้างในก่อนสิครับ” พี่ต้าร์ผายมือเข้ามาด้านในเพื่อให้ผมเดินเข้าไป ผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ แต่ก็คิดว่าตัวเอง

คงจะคิดมากจึงเดินเข้าไปตามคำเชิญของอีกคน พอพี่ต้าร์ปิดประตูห้องเรียบร้อยก็โผเข้ามากอดผมแบบไม่ทันตั้งตัวทันที

         “อ๊ะ” ผมที่ตกใจก็รีบดันอีกคนออก

         “พี่ต้าร์ปล่อยไฟนะ” ผมร้องบอกอีกคน

         “จะให้พี่ปล่อยไฟได้ยังไงก็ในเมื่อพี่คิดถึงไฟตลอดเวลา” พี่ต้าร์ว่าก่อนจะก้มลงไปสัมผัสที่ซอกคอขาวเนียนของผม

         “อืมมม.....แต่พี่กำลังจะแต่งงานนะ อ๊ะ!!” ผมที่พยายามผลักพี่ต้าร์ออกจากตัวแต่ก็สู้แรงพี่แกไม่ได้ก็เลยได้แต่ดิ้นขลุก

ขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของอีกคน

         “ไฟก็รู้ว่าพี่ไม่เคยรักเคธี่เลย คนเดียวที่พี่รักและทุกวันนี้ก็ยังคงรักคือไฟนะ” พี่ต้าร์บอกผมเสียงอ่อนนุ่ม ผมที่ขัดขืนอยู่ใน

ตอนแรกก็หยุดชะงักลงเพื่อคิดทบทวนอะไรบางอย่าง

         “งั้นตอนนี้พี่ต้าร์ปล่อยไฟก่อนได้ไหม” ผมหันไปบอกอีกคนเสียงหวาน พี่ต้าร์มองหน้าผมแวบนึงก่อนจะคลายอ้อม

แขนออก

         “พี่ยังรักไฟอยู่เหรอ”

         “ครับ” พี่ต้าร์ตอบผมกลับพร้อมกับยื่นมือมาสัมผัสกับแก้มขาวนุ่มของผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาหาผมอย่าง

ช้าๆ ผมเลยยิ้มให้กับพี่ต้าร์ก่อนจะเอ่ยประโยคที่คิดไว้ออกมา

         “ขอบคุณพี่ต้าร์มากนะครับที่ยังคงรักไฟอยู่” ผมบอกพี่ต้าร์ เจ้าตัวจึงรวบตัวผมเข้าไปกอด

         “ไม่เป็นไ-”

         “ไฟยังพูดไม่จบครับ” ผมรีบบอกขัดอีกคน ก่อนที่อีกฝ่ายจะผละออกจากผมแต่ก็ยังคงโอบกอดเอวผมเอาไว้หลวมๆ

ผมจึงค่อยๆคลายมือที่โอบกอดอยู่ที่เอวออกซึ่งนั่นก็สร้างความแปลกใจให้กับอีกคน ผมยังคงไม่พูดอะไรออกไปได้เพียงแต่ส่ง

ยิ้มบางๆไปให้ แต่เมื่อหลุดออกจากพันธการของพี่ต้าร์ ผมจึงเอ่ยประโยคที่ค้างไว้ออกมา

         “ไฟแค่อยากขอบคุณในความรู้สึกดีๆที่พี่ยังคงมีให้ไฟ แต่สำหรับไฟสิ่งๆนั้นมันคืออดีต อดีตที่คอยย้ำเตือนไฟอยู่ตลอด

เวลาว่าไฟมันโง่เองที่ไปรักคนไร้หัวใจอย่างพี่ ไฟผิดผิดที่หลงมัวเมาในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นคุณค่าของเรา แต่ตอนนี้ไฟเจอสิ่งที่

ไฟคิดว่าดีสำหรับตัวเองและใจที่บอบช้ำของไฟแล้วเพราะฉะนั้นเราควรที่จะทิ้งอดีตไว้ข้างหลังให้มันเป็นเพียงความทรงจำที่ดีที่

เราเคยมีต่อกันดีกว่านะครับพี่ต้าร์” ผมอธิบายให้อีกคนฟังก่อนจะเดินออกมา แต่ยังไม่ทันที่ผมจะทันได้ก้าวเดิน พี่ต้าร์ก็ยื่นมือ

มากระชากแขนผมให้ไปหาตัวเอง

         “มันเป็นใครกันไฟ!!” ดวงตาของพี่ต้าร์วาวโรจน์ดูดุดันน่ากลัว ต่างจากพี่ต้าร์ผู้แสนดีอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงทำให้ผมรู้สึกหวาด

กลัว นอร์สช่วยไฟด้วย!     
















ความเข้มข้นกำลังเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ยังไงก็รอติดตามตอนไปนะคะ ^^ วันนี้ บ๊ายบายยย ค่าาาา

หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 7-9 310858
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 31-08-2015 21:03:12
ไฟประมาทตั้งแต่ตอบตกลงว่าจะมาเจอกับอีกฝ่ายในห้องของเจ้าตัวเขาแล้วล่ะค่ะ 
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 7-9 310858
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2015 15:59:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 7-9 310858
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-09-2015 21:59:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 10 050958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 05-09-2015 22:39:25
                           แผนการร้ายครั้งที่ 10 : มนุษย์มักชอบนับปัญหา แต่ไม่เคยคำนวณความสุขที่เขามี

         “มันเป็นใครกันไฟ บอกพี่มานะ!!” พี่ต้าร์ขึ้นเสียงใส่ผม

         “โอ๊ย! พี่ต้าร์ก็ปล่อยไฟก่อนสิ ไฟเจ็บนะ” ผมพยายามแกะมือของพี่ต้าร์ออกจากข้อมือของตัวเอง

         “ไม่ พี่ไม่ปล่อยจนกว่าไฟจะบอกพี่” พี่ต้าร์ยืนยันคำเดิม ก่อนจะเพิ่มแรงที่บีบข้อมือของผมให้แรงขึ้นไปอีก

         “เขาจะเป็นใครมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่เพราะตอนนี้ไฟก็ไม่ได้รักพี่แล้ว!!” ผมตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย พี่ต้าร์ที่ถูกผมตะโกนใส่ก็ยิ่ง

กลายเป็นว่าเหมือนผมไปเติมเชื้อเพลิงจุดความโกรธของพี่ต้าร์ให้พุ่งสูงขึ้นมากกว่าเดิม พี่ต้าร์จึงดึงตัวผมเข้ามากอดรัดอย่างแรง

         “ไอ้เพื่อนรักของไฟนั่นใช่ไหมที่มันเป็นแฟนใหม่ของไฟ” พี่ต้าร์ถามผมทั้งๆที่ตัวเองก็ยังคงรัดผมไว้แน่น

         “ไม่!!” ผมตอบอีกคนไปก่อนที่จะหาจังหวะที่อีกคนเผลอเตะเข้าไปที่น้องชายสุดรักสุดหวง

         “อึก!” พี่ต้าร์ล้มตัวลงนอนกองอยู่ที่พื้นทันทีที่ผมประทุษร้ายน้องชายพี่ต้าร์ได้สำเร็จ จากนั้นผมจึงรีบวิ่งออกไป แต่ก็ยังถูก

อีกฝ่ายดึงรั้งข้อเท้าเอาไว้จนล้มลง

         “โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อสัมผัสถึงความเย็นของพื้นห้อง

         “ไฟยังไปไหนไม่ได้เพราะเรายังคุยกันไม่จบ” พี่ต้าร์บอกก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นมาพร้อมกับเดินตรงมาที่ๆผมล้มลง
         “อย่าเข้ามานะ” ผมร้องบอกอีกคนที่เดินตรงมาที่ผมพร้อมกับช้อนตัวผมขึ้นอุ้ม
         “พี่ต้าร์จะพาไฟไปไหน ไฟบอกให้ปล่อยนะ!” ผมบอกอีกคนที่อุ้มอยู่ ตอนนี้ผมทั้งทุบทั้งดิ้นเพื่อหวังให้ตัวเองหลุดออกจาก

อ้อมแขนนี้

         “อยู่เฉยๆ” พี่ต้าร์บอกก่อนจะพาผมเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

              งานเข้ามึงแล้วไอ้ไฟฟฟ!!!! ตอนนี้ผมรู้สึกหน้าซีดอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจเริ่มสะดุดเมื่อเห็นอีกคนผลักบานประตู

ห้องนอนออก

         “โอ๊ย!” พี่ต้าร์โยนผมลงบนเตียง ก่อนที่อีกฝ่ายจะยืนกอดอกมองผมอยู่ที่ข้างเตียง ผมจึงมองอีกคนกลับด้วยสายตาไม่พอใจ
         “ไม่ต้องมามองพี่แบบนั้นเลยนะไฟ ไฟรู้ไหมพอพี่ได้ยินไฟบอกว่าหมดรักพี่แล้วพี่แทบจะล้มทั้งยืน” พี่ต้าร์เปลี่ยนโหมดอารมณ์จากที่โกรธเกรี้ยวในเมื่อครู่กลับกลายเป็นอบอุ่นนุ่มนวลแต่ก็แฝงไปด้วยการตัดพ้อ
                 พี่ต้าร์จะมาไม้ไหนกันเนี่ย!!! ตอนนี้ผมเดาอารมณ์ของอีกคนไม่ถูกจริงๆ จากที่เมื่อกี้ยังอารมณ์เสียอยู่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าน้อยใจที่ผมไม่ได้รักตัวเองแล้วอย่างนั้น ผมไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายแต่กลับจ้องหน้าอีกคนอย่างครุ่นคิด แต่ก็ไม่เห็นพิรุธ

หรือความผิดปกติใดๆของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่สัญชาตญาณของผมก็บอกเป็นนัยๆว่า นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

         “พี่ต้าร์จะมาไม้ไหนเนี่ย มีอะไรก็พูดมาตรงๆทีเมื่อกี้ยังโกรธไฟเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาพูดดีกับไฟล่ะ”

         “ไฟรู้ไหมพี่รอไฟมาตลอด รอวันที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง แต่พอพี่เจอไฟ ไฟกลับบอกพี่ว่าไฟมีคนใหม่แล้ว แล้วไฟคิดว่าคน

ที่รอคอยมาตลอดอย่างพี่มาเจอแบบนี้มีเหรอที่จะไม่โกรธ” พี่ต้าร์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆกับแววตาที่ดูหม่นลงเล็กน้อย นั่นเป็นสิ่งที่

ทำให้ผมเกือบจะยอมเชื่อและใจอ่อนตาม แต่ก็มานึกได้ว่าพี่ต้าร์เป็นถึงดาราดังมีเหรอเรื่องแค่นี้จะทำให้มันดูหน้าเห็นใจนิดๆ

หน่อยทำไมจะทำมันไม่ได้

         “พี่มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”

         “พี่แค่อยากให้ไฟอยู่กับพี่ตอนนี้ก่อนก็เท่านั้นเอง”

         “แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงทำไม่ดีกับไฟ”

         “พี่ขอโทษ พี่แค่คิดถึงไฟ พี่คิดถึงไฟจริงๆนะ” พี่ต้าร์บอกผมเสียงเศร้าๆซึ่งนั่นดูเหมือนไม่เป็นการแสดงที่เจ้าตัวมักชอบทำ

เลยแม้แต่น้อย นั่นก็ทำให้ผมใจอ่อนและตอบตกลงที่จะอยู่เป็นเพื่อน ทั้งๆที่ก็ยังคงระแวงอีกฝ่ายเพียงแต่ผมไม่อยากจะทำเรื่อง

ราวให้มันบานปลายใหญ่โตก็เท่านั้นเอง

         “ก็ได้ แต่ไฟอยู่ได้ไม่นานนะ” ผมบอกพี่ต้าร์ อีกคนก็พยักหน้ารับตกลงอย่างดีใจ

         “ได้ แต่ต้องแลกกับการตอบคำถามของพี่หนึ่งข้อนะ” พี่ต้าร์ยื่นข้อเสนอ ผมคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบตกลง

         “ตอนแรกที่เราคุยกัน ไฟบอกกับพี่ว่าไฟไม่ได้รักพี่แล้ว” พี่ต้าร์พูดกับผมก่อนจะหันมามองผมเป็นเชิงถาม ผมจึงพยักหน้ารับ

         “งั้น....พี่อยากจะขอเป็นพี่ชายไฟแทนจะได้ไหม??” พี่ต้าร์ถาม ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลกๆที่ทำไมอยู่ๆพี่ต้าร์ก็อยากจะ

เปลี่ยนสถานะจากที่ในตอนแรกพยายามที่อยากจะให้ผมกลับไปรักกับตัวเองอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้ก็กลับเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ

 ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมไม่สามารถเข้าถึงความคิดของอีกฝ่ายในตอนนี้ได้จริงๆ

         “ก็แล้วแต่พี่ละกันไฟยังไงก็ได้ ถ้าพี่อยากจะเป็นพี่ไฟ ไฟก็ไม่ได้ว่าอะไร” ผมบอกอีกคนถึงแม้ผมจะรู้สึกแปลกๆก็เถอะ แต่ก็

คิดซะว่า มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียด เป็นมิตรดีกว่าเป็นศัตรู

         “งั้นพี่ว่าเรามาฉลองกันดีกว่า ถึงแม้ว่าการฉลองในครั้งนี้สถานะของพี่อาจจะลดลงก็ตาม” พี่ต้าร์บอกผมก่อนจะเดินออกจาก

ห้องไป ผมที่อยู่ในห้องของพี่ต้าร์ก็พลางสำรวจห้องของอีกคนทั้งๆที่นี่มันก็เป็นที่พักโรงแรมแถมห้องก็ยังเหมือนของผมอีกต่าง

หาก แต่ยังไงจะสำรวจไว้สักหน่อยก็น่าจะดี

    ติ๊ง!! เสียงไลน์ในโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นเพื่อหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่ก็ดันลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองยัง

เจ็บข้อเท้าอยู่ ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ จี๊ดจริงๆครับ บอกเลย

   NORSE : ตอนนี้ไฟอยู่ที่ไหนครับ นอร์สไปหาไฟที่ห้องคุณปฐวีก็ไม่เจอ ทำไมไฟจะไปไหนไม่ยอมบอกนอร์สล่ะครับรู้ไหมนอร์ส

เป็นห่วงไฟมากเลยนะครับ

   Firer : เอ่อ..ไฟขอโทษ พอดีว่าไฟมาคุยงานกับพี่ๆทีมงานน่ะเดี๋ยวอีกสักพักไฟก็กลับแล้ว ไม่มีไรต้องเป็นห่วง

   NORSE : ทีหน้าทีหลังก็บอกกันก่อนนะครับ รู้ไหมว่ายังมีใครหลายๆคนเป็นห่วง อย่ากลับดึกนะครับนอร์สคนหนึ่งล่ะที่เป็นห่วง

   Firer : คร๊าบบบ!!คุณพ่อ

   NORSE : พ่อของลูกไฟน่ะใช่ครับ!!

         “เครื่องดื่มสำหรับฉลองมาแล้วนะ” ผมที่คุยไลน์กับนอร์สในตอนแรกก็สะดุ้งกับเสียงของอีกคนที่หายออกไปจากห้อง จึง

ทำให้ผมรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงทั้งๆที่ก็ยังคุยกับนอร์สไม่ทันจบ

         “พี่ต้าร์ไปไหนมาเหรอครับ ไปซะนานเชียว” ผมพยายามเฉไปเรื่องอื่นก่อนที่พี่ต้าร์จะถามผมเรื่องคุยโทรศัพท์กับใครเพราะ

ผมเห็นว่าพี่ต้าร์มองมาที่โทรศัพท์ที่ผมเพิ่งเก็บลงกระเป๋า

         “พี่ลงไปซื้อไวน์ข้างล่าง ขอโทษทีที่ทำให้เรารอ อ่ะ” พี่ต้าร์บอกผมก่อนจะยื่นแก้วไวน์มาให้ ผมจึงรับแก้วไวน์นั้นมา แต่ก็ยัง

คงถือไว้อย่างเดิมไม่ได้แตะมันแม้สักหยดเดียว

         “ไฟไม่ดื่มเหรอ ไวน์แดงของชอบเราไม่ใช่เหรอ” พี่ต้าร์ถามผม ผมจึงหันไปมองอีกคนที่ยังคงมองผมยิ้มๆ พี่ต้าร์ยังคงจำ

เรื่องของผมได้และผมก็ยังจำเรื่องของพี่ต้าร์ได้ดี แม้เรื่องราวระหว่างเรามันจะจบลงไปแล้วก็ตาม

         “ครับ แต่ว่าถ้าไฟดื่มแก้วนี้แล้วไฟคงต้องขอตัวกลับก่อน”

         “แล้วแต่ไฟได้เลย แค่ไฟยอมอยู่กับพี่แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว” พี่ต้าร์ว่าก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนเหมือนเมื่อครั้ง

ก่อน
     
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 10 0509858
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 05-09-2015 22:49:35
               
         “อ๊ะ” หลังจากที่ผมดื่มไวน์เสร็จก็เตรียมจะลุกออกจาห้องพี่ต้าร์ แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะหน้ามืดยังไงชอบกล พี่ต้าร์ที่ยืนอยู่จึงเข้ามาพยุงผมไว้
         “ไฟเป็นอะไรไปเหรอ ไหวรึเปล่า” พี่ต้าร์ถามผมพร้อมกับพยุงผมเอาไว้
         “ไหวครับ” ผมบอกพี่ต้าร์ก่อนจะค่อยๆปรับสภาพตัวเองให้ดูเป็นปกติซึ่งนั่นมันเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผมในตอนนี้
         “พี่ว่าไฟพักที่นี่สักคืนก็ได้นะ” จากนั้นพี่ต้าร์ก็พยุงผมมาที่เตียง ผมจึงรีบขืนตัวออกขณะที่พี่ต้าร์กำลังจะให้ผมล้มตัวนอนลงกับเตียง
         “ไม่เป็นไรครับ ไฟยังไหว ไฟว่าไฟกลับไปพักที่ห้อ- อ๊ะ” ยังไม่ที่ผมจะได้พูดจบประโยคพี่ต้าร์ก็ผลักผมล้มลงนอนกับเตียงพร้อมกับที่ตัวของพี่ต้าร์เองก็คร่อมทับผมไว้ แต่คราวนี้ผมไม่สามารถขัดขืนอะไรพี่ต้าร์ได้เลยแม้แต่น้อยเพราะเรี่ยวแรงที่ผมเคยมีก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับหายไปที่ไหนไม่รู้เสียหมด ประกอบกับอุณหภูมิภายในร่างกายที่ดูท่าว่าน่าจะสูงขึ้นกว่าปกติ
         “พี่ต้าร์จะทำอะไร!” ผมถามออกไปทั้งๆที่คิดว่าตัวเองก็รู้อยู่แล้ว
         “ทั้งพี่ทั้งไฟต่างก็อยู่ในสภาพแบบนี้ทั้งคู่คงไม่ต้องให้พี่บอกอะไรหรอกมั้งว่าต่อจากนี้เราจะทำอะไรกัน” ผมขัดขืนพี่ต้าร์เพื่อที่ตัวเองจะได้หลุดออกจากเรื่องบ้าๆนี้เสียที แต่ก็นึกเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
                      ไอ้ไฟมึงโดนพี่ต้าร์วางยา!!!

         “สงสัยยาคงจะออกฤทธิ์แล้วล่ะ ดูไฟของพี่สิไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนพี่เลยแม้แต่น้อย” ผมที่ตอนนี้นอนหายใจรวยระรินอย่าง

คนจะขาดใจก็ไม่ปาน พี่ต้าร์ค่อยๆยื่นมือมาเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าแถมยังชุ่มไปด้วยเหงื่อของผมออกจากใบหน้าอย่างแผ่วเบา

ผมที่นอนอยู่เมื่ออีกคนยื่นมือมาสัมผัสก็อยากจะปัดมือนั่นให้ออกไปให้พ้นๆใบหน้าของตัวผมเอง แต่เรี่ยวแรงที่จะใช้ในการ

หายใจยังแทบจะไม่มีเลยได้แต่ต้องยอมให้อีกคนเกลี่ยปอยผมนั่นต่อไป

         “ถ้าไฟไม่ต่อต้านพี่ ดื้อใส่พี่ป่านนี้เราคงจะมีความสุขไปตั้งนานแล้ว” พี่ต้าร์ว่า ก่อนจะขยับตัวเข้ามาแนบชิดกับผมมากขึ้น

         “พี่ต้าร์จะ...จะทำอะไร” ผมร้องเสียงหลงที่พี่ต้าร์เริ่มปลดกระดุมเสื้อผมทีละเม็ด

         “ไม่ต้องกลัวนะไฟ ยังไงซะวันนี้ไฟก็ต้องเป็นของพี่ ถ้าในเมื่อพี่ไม่ได้ก็อย่าหวังว่าใครหน้าไหนมันจะได้ไฟของพี่ไปครอบ

ครอง” พูดจบพี่ต้าร์ก็ก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนของผมทันที

           ผมที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรอีกฝ่ายได้แถมยังโดนฤทธิ์ของยาที่อีกคนหลอกให้กินเข้าไปเริ่มจะเล่นงาน ความต้องการและ

ความปรารถนาที่เกิดจากฤทธิ์ของยาเริ่มสูงขึ้นยากเกินกว่าที่ผมจะต้านทานเอาไว้ได้ ชิ้นส่วนของเสื้อเชิร์ตที่ผมใส่อยู่ในครั้งแรก

กลับร่วงหล่นลงไปอยู่ ณ ที่พื้นข้างเตียงก่อนที่จะตามมาด้วยเสื้อเชิร์ตของอีกคนเช่นเดียวกัน

         “อืมมม” เมื่ออีกคนเริ่มที่จะลงต่ำเรื่อยๆจนมาหยุดที่แผ่นอกขาวเนียน จากนั้นทุกอย่างก็หยุดชะงักลง

         “ทีนี้ไฟรู้แล้วรึยังว่าไฟยังรักพี่อยู่แล้วทำไมพี่จะทำเรื่องแบบนี้กับไฟไม่ได้” ผมที่เรียกสติของตัวเองกลับเข้ามาได้ หลังจาก

ที่มันหลุดลอยออกไปเพราะฤทธิ์ของความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าด้วยฤทธิ์ของยาที่อีกฝ่ายใช้

         “ที่มันเป็นแบบนั้นเพราะพี่ต้าร์ใช้ยากับไฟ..อ๊ะ..ต่างหาก..อืมม...เพราะตอนนี้ไฟไม่..อืมม..อ๊ะ..รักพี่...แต่ไฟรักนอร์ส”  ผม

บอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมกับความต้องการที่สูงขึ้นเรื่อยๆ พี่ต้าร์ที่ได้ยินผมเอ่ยชื่อนอร์สก็ถึงกับนิ่งชะงักไป ก่อนที่จะ

หัวเราะเยาะเย้ยออกมา

         “หึ ไอ้ลูกพี่ลูกน้องของพี่คนนั้นน่ะเหรอ เหอะ พี่จะบอกอะไรไฟให้รู้นะว่าคนอย่างมันไม่มีน้ำหน้ามาทำให้ไฟของพี่มีความสุข

ได้หรอก” พี่ต้าร์ว่าก่อนจะจะก้มลงมาที่หน้าอกนวลเนียนของผมเพื่อที่จะทำสิ่งที่ทำค้างไว้ในเมื่อครู่ต่อ ริมฝีปากร้อนของพี่ต้าร์

ต่อยๆลากผ่านบริเวณอกนวลเนียนของผมแผ่วเบา เนิบช้า แต่ก็ปลุกความต้องการให้สูงขึ้นได้ และนั่นก็พาลทำให้ผมแทบดิ้น

พล่านเพราะความทรมานจากสัมผัสที่คล้ายจงใจจะแกล้งเล่นและจากฤทธิ์ของยากับความรู้สึกแปลกๆที่ก่อตัวขึ้น ไม่ใช่ความรู้สึก

รัก แต่เป็นความปรารถนาและความต้องการอีกฝ่ายมากกว่า

         “ตอนนี้ไฟต้องการพี่แล้วใช่ไหม” พี่ต้าร์บอกผม ซึ่งในตอนนี้หัวสมองของผมไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้นรู้เพียงแต่อยากที่จะปลด

ปล่อยความต้องการและความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ให้หมดไปเสียทีและความทรมานที่มีอยู่นี้จะได้เลือนหายไป ผมจึงพยักหน้า

ตอบรับอีกฝ่าย แต่ก่อนที่อีกคนจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ประตูห้องก็ถูกพังด้วยแรงของผู้มาใหม่อีกสองคน

         “ไฟ/ไอ้ไฟ” ผมจึงหันไปตามเสียงเรียกชื่อของตัวเองที่ดังออกมาจากหน้าห้องนอน

         “นอร์ส” ผมเรียกนอร์สด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

         “ไอ้ชาติชั่ว” เสียงไอ้วีว่าพี่ต้าร์ก่อนที่มันจะลากพี่ต้าร์ไปจัดการ ส่วนผมที่ตอนนี้มีนอร์สเข้ามาดูแล

         “ไฟเป็นอะไรรึเปล่า ไอ้ต้าร์มันได้ทำอะไรไฟไหม นอร์สขอโทษที่นอร์สช้า แต่ถ้านอร์สเอะใจเร็วกว่านี้เรื่องบ้าๆแบบนี้ก็คงไม่

เกิด” นอร์สค่อยๆพยุงผมให้นั่ง แต่ทันทีที่อีกคนยื่นมือมาผมก็รีบโผเข้ากอดอีกฝ่ายไว้พร้อมกับหยดน้ำที่ค่อยๆไหลออกมาจากลูก

แก้วใสอย่างช้าๆ

         “ฮึก..ไฟขอโทษนะ ไฟไม่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ นอร์ส ไฟกลัว ฮึก ไฟกลัว” ผมบอกอีกคนไปพลางสะอื้นไห้ไป นอร์สจึง

ยื่นมือมาลูบหัวผมเพื่อปลอบประโลม

         “ไฟไม่ต้องกลัวนะครับ ตราบใดที่ไฟยังมีนอร์สอยู่ นอร์สจะปกป้องไฟเองนะ” นอร์สพูดกับผม ก่อนจะปาดหยาดน้ำตาที่เลอะ

ทั้งสองข้างแก้มให้

         “สัญ..ฮึก...สัญญานะ” ผมยื่นมือไปเกี่ยวก้อยสัญญา

         “สัญญาครับ” นอร์สก็ยื่นมือมาเกี่ยวก้อยเพื่อตอบรับคำสัญญากับผมเช่นกัน








                   
            ผมถูกนอร์สพาออกมาจากห้องพี่ต้าร์พร้อมกับสวมเสื้อคลุมของนอร์สเอาไว้เพราะเสื้อผ้าของผมตอนนี้สภาพก็คงจะไม่

เหลื้อชิ้นดีไปแล้ว และตอนนี้สภาพพี่ต้าร์ก็ค่อนข้างที่จะย่ำแย่เอามากๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เกิดจากฝีมือของไอ้เพื่อนรักตัวดีของผม

         “มึงเป็นไงบ้างไอ้ไฟ ไอ้เลวนี่ได้ทำอะไรมึงรึเปล่า” ไอ้วีถามผมหลังจากที่จัดการพี่ต้าร์เสร็จ ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

         “ผมว่าไฟโดนวางยา” นอร์สบอกไอ้วีเพราะสภาพผมตอนนี้ที่ถูกนอร์สอุ้มออกมาจากในห้องพี่ต้าร์ดูจะย่ำแย่ ความร้อนที่เคย

ก่อตัวขึ้นแต่ค่อยๆจางไป ตอนนี้ได้เริ่มก่อตัวขึ้นภายในร่างกายอีกครั้งและนั่นแทบจะทำให้ผมอยากจะขาดใจเสียให้ได้ ความ

อึดอัดและความทรมานผสานกับความปรารถนาที่มีมากล้น แต่ไม่ได้รับการปลดปล่อย

      “อืมม” ความอึดอัดเริ่มเล่นงานมากขึ้นทำให้ผมอยู่ไม่สุขในอ้อมแขนของอีกคน ผมรีบเอื้อมมือไปโอบรอบคอของนอร์ส

พร้อมกับซุกหน้าลงกับอกแกร่งของอีกคนเพื่อบังคับไม่ให้สิ่งที่ซ้อนเร้นได้หลุดลอดออกมา

         “ผมว่าคุณนอร์สพาไอ้ไฟไปที่ห้องน่าจะดีกว่าเดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง” ไอ้วีหันมาบอกนอร์ส ซึ่งเจ้าตัวก็พาผมออกมาจาก

ห้องพี่ต้าร์โชคดีที่ห้องของพี่ต้าร์อยู่ไม่ไกลจากห้องของผมนักจึงทำให้ผมและนอร์สมาถึงห้องโดยเร็ว

         “เดี๋ยวนอร์สไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้นะครับ” หลังจากที่นอร์สพาผมเข้ามาในห้องก็ตรงดิ่งมายังเตียงเพื่อให้ผมได้พักผ่อนซึ่ง

เจ้าตัวก็จะไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้

         “อย่าไปนะ ไฟกลัว มัน..อืม..อึดอัด..มันร้อน” ผมรีบจับมืออีกคนที่ทำท่าจะผละออกไปให้อยู่ต่อ

         “ถ้าไม่ให้นอร์สไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ไฟแล้วไฟจะหายร้อน หายอึดอัดไหมครับ” ผมชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าให้นอร์ส

ออกไป

         ทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเดินออกจากห้อง ผมที่นอนอยู่คนเดียวภายในห้องนอนกลับรู้สึกเหมือนบางอย่างเป็นสัญญาณเตือนว่า

ครั้งนี้มันทนไม่ไหวเสียแล้ว แต่ผมก็ยังพยายามกัดฟันและข่มตาหลับเพื่อไม่ให้นึกถึงสัมผัสที่หยาบโลนของอีกคนเพราะตอนนี้

บางอย่างเริ่มจะสิ้นสุดขีดความจำกัดที่วางไว้ มันเริ่มค่อยๆลดลงทุกทีๆและอีกไม่นานมันคงจะต้องประทุออกมา

         “ไฟครับ” ผมที่ได้ยินเสียงนอร์สเรียก แต่ก็ไม่สามารถลืมตาไปมองได้เพราะตอนนี้ผมข่มตาลงเพื่อระงับความปรารถนาที่

กำลังจะประทุเช่นเดียวกับภูเขาไฟที่ไม่นานคงได้ระเบิดและปะทุแมกมาออกมาสู่ภายนอก

         “คืออ..นอร์ส..ออกไปก่อน..ได้ไหม” ผมพยายามบอกอีกคนทั้งๆที่เสียงของตัวเองนั้นแหบพร่ากับความปรารถนาที่พวยพุ่ง

สูงขึ้น

         “…………” นอร์สไม่ได้ตอบอะไร แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงแรงที่ทำให้เตียงด้านข้างยุบลง

         “นอร์ส!!” ผมตกใจที่เห็นอีกฝ่ายลงมานั่งอยู่ที่เตียงด้านข้าง

         “ไฟครับให้นอร์สได้ดูแลไฟนะครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสที่ข้างแก้มผมอย่างแผ่วเบาเพราะความอบอุ่นและ

อ่อนโยนที่อีกคนมีให้ ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการนี้ได้

            ไฟอยากจะให้นอร์สดูแลไฟจากนี้และตลอดไป......





                     
           บรรยากาศภายในห้องนอนร้อนระอุไปด้วยแรงปรารถนาและแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นยากที่จะหาสิ่งใดมาทานไว้ได้ ถึงแม้จะ

มีความเย็นของเครื่องปรับอากาศเปิดอยู่ภายในห้องก็ตามที ซึ่งความเย็นนั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรหลายๆอย่างดีขึ้น ไม่ได้ช่วยลด

อุณหภูมิความร้อนภายในห้องให้เย็นลงได้ เปรียบเหมือนดั่งยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุที่มีพายุทรายพัดผ่าน ความแรง

ของพายุโหมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีทีท่าว่าจักหยุดจักหย่อน แต่กลับเกิดขึ้นในทางตรงกันข้าม ความแรงของพายุทรายกลับ

ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิมที่มีพายุเพียงลูกเดียวกลับเพิ่มขึ้นไปทีละลูกตามแรงของความร้อนในทะเลทรายและ

ความต้องการของจิตใจ  แต่ถึงแม้ทะเลทรายจะมีพายุพัดผ่านหรือร้อนแรงมากแค่ไหนก็ยังคงมีแหล่งโอเอซิสคอยหล่อเลี้ยงชีวิต

ให้ชุ่มช่ำและบรรเทาความร้อนแรงของพายุทรายในครั้งนี้ได้และไม่นานความรุนแรงของพายุก็สงบลงจนกลับคืนสู่ความปกติเช่น

เดิม

                     
         “อืม เช้าแล้วเหรอ” ผมที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกใครกอดรัดร่างตัวเองเอาไว้

         “ครับ เช้าแล้ว” ผมได้ยินเสียงเหมือนนอร์สตอบกลับมาจึงหันไปมองเตียงฝั่งด้านข้างก็พบว่ามีอีกคนนอนกอดผมเอาไว้

หลวมๆ

         “นอร์ส” ผมเรียกชื่ออีกคนแผ่วเบา จากนั้นภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ค่อยๆไหลเข้าสู่สมองที่กำลังประมวลภาพและความคิดที่

งุนงงของตัวเองให้เข้าที่ เมื่อเรียงลำดับความคิดได้ลงตัว ก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ทำเรื่องน่าอายอะไรให้อีกคนได้เห็น

บ้าง ยิ่งประกอบกับตอนนี้ตัวผมก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าติดตัวอยู่เลยสักชิดต่างจากอีกคนที่เสื้อผ้ายังคงอยู่ครบดีทุกชิ้นส่วน

          “นอร์สว่าไฟควรไปอาบน้ำนะ เดี่ยวนอร์สพยุงไปส่งที่ห้องน้ำ” นอร์สลุกจากเตียงก่อนจะทำท่าอุ้มผมไปห้องน้ำ ผมจึงต้อง

รีบลุกจากเตียงและออกปากปฏิเสธ

         “เอ่อ...ไม่เป็นไร ไฟไปเองได้” ผมบอกนอร์สก่อนจะทำท่าลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะยืนและทรงตัวก็มีอันต้องล้มลงไป

กองที่พื้นเพราะความเจ็บร้าวบริเวณสะโพกที่แล่นริ้วขึ้นมาทำให้ผมไม่สามารถยืนขึ้นได้

         “โอ๊ย!!” ผมร้องเสียงหลง อีกคนที่เห็นผมล้มลงไปกองที่พื้นก็รีบเข้ามาพยุงให้ผมพืนขึ้น

         “นอร์สบอกแล้วไงว่าไฟเดินไม่ไหวหรอก นอร์สว่าไฟต้องให้นอร์สพาไปส่งที่ห้องน้ำแล้วล่ะ” นอร์สบอกก่อนจะอุ้มผมไปส่งที่

อ่างน้ำที่มีน้ำอุ่นๆอยู่ในอ่าง

         “นอร์สเป็นคนเตรียมให้ไฟเหรอ” ผมถามออกไป อีกคนไม่ตอบคำถามแต่กลับส่งยิ้มมาให้แทน

         “อาบน้ำให้สบายนะครับ เดี๋ยวนอร์สไปหาข้าวมาให้ไฟทานนะครับ”

         “อืม” ผมตอบคนที่เดินออกจากห้องน้ำไป

           การที่ผมได้แช่น้ำอุ่นๆมันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยและเมื่อยล้าที่สะสมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน มันทำให้ผมสบาย

ตัวขึ้นไปได้เยอะ ผมใช้เวลาไม่นานมากในการแช่น้ำอุ่น เพราะผมรู้ว่าอีกสักเดี๋ยวคนที่ออกจาห้องไปก็จะกลับเข้ามาในห้องแล้ว

          “อย่าดื้อสิครับไฟ ไฟต้องทานนะครับไม่งั้นเดี๋ยวไม่สบาย”

         “ไม่เอาอ่ะ นอร์สก็รู้ว่าไฟไม่ชอบกินยา มันขม!!” ผมบอกนอร์สออกไปเพราะตอนนี้นอร์สบังคับผมให้กินยาลดไข้กันเอาไว้

แต่ผมเป็นคนที่เกลียดการกินยามาแต่ไหนแต่ไรมีเหรอที่ผมจะยอม  ฝันไปเถอะ!!

         “อย่าให้นอร์สต้องบังคับไฟนะ”

         “นอร์สจะทำอะไรไฟ”

         “ก็ทำอย่างนี้ไงครับ!!” นอร์สเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะนำยาแก้ไข้ใส่ปากตัวเองพร้อมกับดื่มน้ำ จากนั้นก็ก้มลงมาประกบปาก

ผมทันที เม็ดยารสชาติไม่ถูกปากค่อยๆไหลลงคอตามน้ำที่อีกฝ่ายค่อยๆปล่อยออกมาให้ร่วงลงสู่ลำคอ แต่การกินยาของผมใน

ครั้งนี้รสชาติของยาที่ว่าขมเมื่อถูกอีกคนป้อนแบบนี้กลับรู้สึกว่าหวานขึ้นทันตา

         “อืมม” จากตอนแรกผมถูกนอร์สป้อนยาแต่ต้อนนี้กลับกลายเป็นการจูบที่ดูดดื่มระหว่างผมและนอร์สไปเสียแล้ว

         “อุ้ย!!” ผมและนอร์สที่ได้ยินเหมือนเสียงคนผลักประตูกับเสียงร้องตกใจของแขกผู้มาใหม่ที่เข้ามาโดยไม่ได้เคาะห้องจึง

ต้องรีบผละออกจากกันแทบจะทันที

         “เอ่อ...ขอโทษนะครับคุณนอร์สที่เข้ามาไม่ได้เคาะประตูก่อน” ผมที่ผละออกจากนอร์สก็ได้แต่นั่งหอบหายใจเพราะขาด

อากาศจากรสสัมผัสที่ดูดดื่มเมื่อครู่แล้วก็ได้รู้ว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาโดยพละการคือใคร

         “ไม่เป็นไรครับคุณปฐวี ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอครับ” นอร์สให้ไอ้วีเข้ามานั่งห้องก่อนจะถามถึงสาเหตุที่มันมาหาผมและ

นอร์ส ระหว่างที่ไอ้วีเดินเข้ามานั่งมันก็ชำเลืองมองมาทางผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยก่อนจะปรับให้ปกติแล้วหันไปคุยกับ

นอร์ส ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่สนใจ

         “อ้อ คือผมจะมาเรียกทุกคนไปประชุมเรื่องการยกเลิกถ่ายทำต่อน่ะครับ”

         “ได้ครับแล้วให้เจอกันที่ไหนครับ”

         “ที่ล๊อบบี้โรงแรมครับ”

         “งั้นอีกเดี๋ยวผมกับไฟจะไปที่ล๊อบบี้นะครับ”

         “ครับ แต่ว่าจะทำอะไรก็เห็นใจเพื่อนผมหน่อยนะครับ ไอ้ไฟน่ะมันลูกคุณหนู” ไอ้วีบอกนอร์สก่อนจะหันมาพูดกับผม

         “มึงก็เหมือนกันอย่าอ่อยคุณนอร์สเขาให้มากนักล่ะเดี๋ยวตัวเองจะเจ็บตัวซะเปล่าๆ ฮ่าๆๆ” หนอย!!!ไอ้เพื่อนวี ไอ้เพื่อนเวร

ผมไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาสรรเสริญ?มันจริงๆ  มีอย่างที่ไหนมาหาว่าผมอ่อยนอร์ส ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริงมาตั้งแต่ต้นก็เถอะ!!?

         “ไปก่อนนะครับคุณนอร์ส อย่าลืมที่ผมพูดนะครับ จัดเบาๆ ให้เพื่อนผมก็พอ” พูดจบไอ้วีก็เดินออกจากห้องไป นอร์สจึง

ตะโกนไล่หลังไอ้วีไปว่า

         “ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดเบาๆ ให้ก็แล้วกัน”  โอ๊ย!!ผมอยากจะบ้าตาย

         “มองอะไรไม่ทราบ”

         “ก็มองไฟน่ะสิครับ”

         “กวนไฟเหรอ”

         “เปล่าครับ แต่นอร์สว่าเราน่าจะมาจัดเบาๆตามที่คุณปฐวีเสนอดีกว่านะครับ” พูดจบนอร์สก็เดินตรงมาที่ผมก่อนจะอุ้มผมไปที่

เตียง

           มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย แล้วทำไมผมไม่ขัดขืน นอร์สนะนอร์สบทจะหื่นก็หื่นเอาแบบไม่แคร์ใครเลยจริงๆ !!!



                 
         “วันนี้ที่ผมเรียกประชุมกับพี่ๆทุกคนเพราะเมื่อคืนเกิดเหตุร้ายบางอย่างขึ้นกับไอ้ไฟซึ่งสาเหตุก็มาจากไอ้ผู้ชายเลวๆที่ชื่อต้าร์

ผมเลยอยากจะบอกพี่ๆว่าเราคงต้องงดการถ่ายทำและเดินทางกลับประเทศไทย”

         “ซึ่งเราจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ฉะนั้นผมอยากจะให้พี่ๆเตรียมตัวเก็บของเพื่อออกเดินทางให้เรียบร้อยนะครับ” ไอ้วีชี้แจง

รายละเอียดและเหตุผลที่งดการถ่ายทำต่อและให้เตรียมเก็บของเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้

         “พี่ไฟเป็นอย่างไรบ้างคะ ธีน่าก็เพิ่งจะทราบข่าวจากพี่นอร์ส” น้องธีน่าตรงเข้ามาถามผมเมื่อเธอเห็นผมกำลังจะเดินออก

จากล๊อบบี้โรงแรมหลังจากที่ฟังไอ้วีชี้แจงจบ

         “พี่ว่าเราไปคุยกันที่อื่นเถอะนะ”

         “ค่ะ” ผมกับน้องธีน่าจึงไปคุยกันร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ แต่ผมก็ยังต้องบอกนอร์สอยู่ดีเพราะเจ้าตัวได้สั่งกำชับผมเอาไว้ว่า

ถ้าผมจะไปไหนไม่ว่าจะใกล้หรือไกลและไปกับใครก็ต้องรายงานตัวเองตลอด ตอนแรกผมก็ไม่ยอม แต่พอนอร์สอ้างถึงเรื่องที่

เกิดขึ้นกับพี่ต้าร์ผมจึงยอมทำตาม

         “เรื่องมันเป็นไงมาไงคะ” เมื่อมาถึงน้องธีน่าก็รีบตรงเข้าประเด็น

         “พี่ถูกพี่ต้าร์วางยาน่ะ” ผมบอกน้องธีน่าตามตรงเพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบอ้อมค้อมไปทำไม

         “เลวจริงๆ แล้วนี่พี่ไฟปลอดภัยนะคะ”

         “ครับ โชคดีที่ไอ้วีกับนอร์สช่วยพี่ทัน”

          “พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอก เฮ้อ!!!ช่างโรแมนติกเสียจริง”เกี่ยว? ผมจึงรีบเข้าเรื่องที่จะคุยกับน้องธีน่าไว้

         “คือที่พี่ให้น้องธีน่ามาคุยกับพี่ที่นี่เพราะพี่มีเรื่องอยากจะบอกน้องธีน่า”

         “อะไรเหรอคะ??”

         “พี่ว่าเราน่าจะยกเลิกไอ้แผนบ้าๆนี้นะ”

         “ทำไมเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ หรือว่าพี่สองคนทะเลาะกัน!!”

         “เปล่าครับ คือ..พี่ไม่อยากจะโกหกนอร์ส พี่กลัวว่า ถ้านอร์สรู้ว่าที่พี่ดีด้วยมันเป็นเพราะแผนการที่เราสองคนได้วางไว้ พี่-”

         “งั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาไฟก็ไม่เคยรักนอร์สเลยน่ะสิ!!!”

         “นอร์ส!!! มันไม่ใช่อย่างที่นอร์-”

         “นอร์สเกลียดคนโกหก!!!!!”
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 11 050958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 05-09-2015 22:59:40
                                       แผนการร้ายครั้งที่ 11 : เพื่อน..คือคนที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณและยังรักคุณ

                  ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมกับนอร์สก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย หลังจากที่อีกคนรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น มันมาจากการ

วางแผนของผมและน้องธีน่า แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างผมกับนอร์สไม่ได้

เป็นเรื่องล้อเล่นหรือแผนการแต่อย่างใด

         “เฮ้อ!”

         “มึงจะถอนหายใจอีกนานไหมวะไอ้ไฟ” ผมที่ตอนนี้นั่งถอนหายใจอยู่ในห้องทำงานพร้อมกับมีไอ้วีเพื่อนรักเข้ามาคุยงานด้วย

         “ก็กูเครียดนี่หว่า มึงรู้ไหมไอ้วีกูติดต่อนอร์สไม่ได้เลยนะ” ผมบอกถึงสาเหตุที่ตัวเองเอาแต่นั่งถอนหายใจให้เพื่อนฟัง

         “คุณนอร์สเขาอาจจะติดธุระก็ได้นะมึง อย่าเพิ่งคิดมากสิ” ไอ้วีปลอบใจ

         “กูว่าคงไม่ใช่ว่ะ” ผมบอกไอ้วีเสียงเศร้าๆเพราะเท่าที่คบกันมาไม่ว่านอร์สจะงานยุ่งแค่ไหนหรือว่าจะเรียนหนักมากเท่าไร

ก็ตาม นอร์สจะต้องรับสายผมทุกครั้ง ถ้าหากว่าเจ้าตัวรับไม่ทันจริงๆก็จะต้องโทรกลับมาหาผมโดยเร็ว แต่นี่ผมโทรไปหานอร์ส

เกือบๆจะร้อยสายเห็นจะได้อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับสายผมซักสายเดียว

         “เอาน่า เขาอาจจะไม่ว่างจริงๆก็ได้” ไอ้วีพยายามพูดปลอบผมอีกครั้ง

         “กูว่าจริงๆแล้วที่นอร์สไม่ยอมรับสายกูเพราะนอร์สรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”

         “หืม? คุณนอร์สเขารู้อะไรมึง”

         “นอร์สรู้ว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมาจากแผนบ้าๆของกูกับน้องธีน่า”

         “เฮ้ย! เรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะมึง ทำไมมึงไม่บอกกูวะ กูจะได้หาทางช่วย”

         “กูว่ามันคงไม่มีประโยชน์แล้วว่ะเพราะนอร์สเขาเกลียดคนโกหก กูโกหกเขา เขาคงจะเกลียดกูมาก” คิดถึงเรื่องนี้ก็พาล

ทำให้ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ยังไงก็ไม่รู้

         “มึงฟังกูให้ดีๆนะไอ้ไฟ” ไอ้วีบอกก่อนจะจะลากเก้าอี้มานั่งพูดข้างหน้าผม ผมจึงหันหน้าไปฟังในสิ่งที่มันจะพูด

         “การที่มึงมีความรักสักครั้งหนึ่งในชีวิตมันย่อมต้องมีทั้งสุขและเศร้าคละเคล้ากันไปในความรักนั้น มันถึงจะเรียกได้ว่า

‘สีสันแห่งความรัก มึงต้องค่อยๆคิดว่าจะเอายังไงในความรักครั้งนี้ดี เวลาและการให้โอกาสจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างเอง

เพียงแต่ตอนนี้มึงต้องลองทำอะไรสักอย่างเพราะโอกาสมันไม่ได้มาเคาะประตูหน้าบ้านมึงหรอกนะ มึงต้องลงมือทำจากนั้นก็รอ

กูบอกมึงได้แค่นี้ว่ะเพื่อน.....”




                           
         “เป็นไงก็เป็นกันวะไอ้ไฟ ไหนๆมึงก็ยังไม่ได้ขอโอกาสเลยสักครั้งลองดูครั้งนี้คงไม่เสียหายอะไร” ผมบอกตัวเองก่อนจะเดิน

ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่คนที่ผมติดต่อไม่ได้เรียนอยู่ ผมไม่รอช้าหลังจากที่ถามทางกับพี่ยามหน้าโรงเรียนก็บอกที่ตั้งของที่ที่

ผมกำลังจะไป

                         ‘คณะแพทย์ศาสตร์’

         “เอ่อ...ขอโทษนะครับไม่ทราบว่า-” ผมที่ตอนนี้เดินเข้ามาถึงตัวตึกคณะแต่ก็ไม่พบใครเลยว่าจะลองเรียกถามนักศึกษาที่เดิน

ผ่านแถวๆนั้น แต่ก็ดันมีเสียงๆหนึ่งขัดขึ้นก่อน

         “ไฟ!!” ผมหันหน้าไปตามเสียงเรียกก็พบผู้ชายในเครื่องแบบนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ซึ่งนั่นก็เป็นคนๆเดียวกับที่ผมตามหา

         “นอร์ส!!”

           บรรยากาศภายในร้านกาแฟใกล้กับมหาวิทยาลัยที่อีกคนเรียนอยู่ดูจะอึดอัดขึ้นมาทันตาเมื่อรังสีบางอย่างถูกส่งตรงมาจาก

คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของผมปล่อยมันออกมา

         “ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ” แต่ก็ยังโชคดีหน่อยที่ได้เสียงของพนักงานภายในร้านเดินเข้ามารับเมนู บรรยากาศจึงดูผ่อนคลาย

ลง

         “คาปูชิโน่ร้อน” อีกคนหนึ่งสั่ง ผมจึงสั่งของตัวเองบ้าง

         “ผมขอเป็นลาเต้ใส่วิปปิ้งครีมครับ”

         “ขออนุญาตทวนรายการที่สั่งนะคะ คาปูชิโน่ร้อนกับลาเต้ใส่วิปปิ้งครีมอย่างละที่นะคะ” ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ว่าตามนั้น

 พนักงานของร้านจึงเดินออกไปและบรรยากาศชวนอึดอัดก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

         “เอ่อ.......” ผมไม่รู้ว่าจะเกริ่นอะไรออกไปในสถานการณ์แบบนี้ดี ยิ่งอีกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านแต่หนังสือ


         “นอร์สเรียนหนักเหรอ” อ๊ากกก ไอ้ไฟอยากจะตายเพราะพอผมถามคำถามนั้นกับอีกคนออกไป อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมา

เพียงแต่เงยหน้ามามองผมแว๊บเดียวแล้วจากนั้นก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือเหมือนเดิม

         “คาปูชิโน่กับลาเต้มาแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าทั้งสองจะรับอะไรเพิ่มอีกดีคะ” พนักงานสาวคนเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับ

แก้วกาแฟหน้าตาน่าทานสองแก้วถูกวางไว้คนละฝั่งตามที่เจ้าของสั่ง ก่อนจะถามถึงรายการเพิ่มเติม ผมหันไปมองคนที่นั่งฝั่งตรง

ข้ามแว๊บนึงก่อนจะตัดสินใจสั่งขนมเค้กเพิ่ม

         “ขอเป็นบราวนี่ครับ/บราวนี่ครับ” เสียงแรกเป็นของผมแต่อีกเสียงเป็นของอีกคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ

         “เอ่อ..” ผมเห็นพนักงานสาวยังคงงงๆกับเมนูที่สั่ง ผมจึงหันไปสั่งใหม่อีกครั้ง

         “ขอเป็นบราวนี่สองที่ก็แล้วกันครับ” แล้วพนักงานเสิร์ฟสาวก็เดินไปพร้อมกับรายการที่สั่ง

         “ไฟมีอะไรกับนอร์สหรือเปล่า” หลังจากที่ทั้งผมและนอร์สต่างคนต่างเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมมีใครพูดอะไรกันออกไปก็กลาย

เป็นนอร์สเองที่ทำลายบรรยากาศชวนน่าอึดอัดนี่

         “คือไฟอยากจะอธิบายเรื่องเมื่อวันก่อน”

         “ถ้าไฟจะมาพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นนอร์สก็คงไม่ว่างที่จะฟัง”

         “แต่ไฟยากให้นอร์สฟัง!!”

         “เหอะ ไฟจะโกหกอะไรนอร์สล่ะทีนี้”

         “ไฟไม่ได้จะมาโกหกนอ์สนะ อย่างน้อยก็เรื่องต่อจากนี้”

         “งั้นแสดงว่าที่ผ่านมาไฟก็โกหกนอร์สตลอดเลยล่ะสิ”

         “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะนอร์ส” ผมพยายามอธิบายให้อีกคนเข้าใจ แต่ดูท่านอร์สจะไม่ยอมรับฟังอะไรผมเลย

         “แล้วมันยังไงล่ะไฟ!!แล้วไอ้สิ่งที่นอร์สได้ยินทั้งหมดมันคืออะไรกัน!!นอร์สบอกเลยนะว่าตอนนี้นอร์สไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเชื่อ

ใครดีระหว่างตัวนอร์สเองหรือถ้อยคำที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าของไฟ!!!” นอร์สระเบิดอารมณ์ที่มี ทำให้คนที่อยู่ภายในร้านต่างหัน

มามองผมกับนอร์สจนเป็นตาเดียว

         “ไฟขอโทษ” ตอนนี้ผมบอกเลยว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนที่กำลังโมโหค่อยๆใจเย็นลงได้

         “ขอโทษ ขอโทษแค่นี้เหรอไฟ แค่นี้ใช่ไหมคือสิ่งที่ไฟอยากจะบอกนอร์ส!!”

         “………………” ผมเลือกที่จะใช้ความเงียบเข้าช่วยเผื่อคนที่กำลังโมโหจะได้เย็นลงเพราะผมรู้ว่าถ้าผมพูดอะไรออกไปตอนนี้

ยังไงซะนอร์สก็ไม่มีทางเชื่อผม

         “นอร์สต้องการคำตอบ!!!!!” แต่สิ่งที่ผมคิดกลับตรงกันข้ามเมื่ออีกคนกระชากแขนผมให้ลุกขึ้น ความเจ็บปวดที่ถูกอีกฝ่ายบีบ

รวดร้าวทำให้ผมต้องเบ้หน้าเพราะความเจ็บ

         “ถ้าไฟอธิบายให้นอร์สฟังตอนนี้แล้วนอร์สจะเชื่อไฟไหม!!!!” ผมที่ตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งโกรธที่อีกคนใช้แต่อารมณ์คุยกัน

         “นอร์สเคยฟังอะไรไฟบ้าง!!นอร์สคิดว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันคือสิ่งที่นอร์สเข้าใจทั้งหมดแล้วเหรอ!!”

         “แล้วไฟคิดว่าถ้าไฟเป็นนอร์สแล้วได้ยินคนที่ตัวเองรักพูดแบบนี้ไฟจะคิดยังไง!!!”

         “ไฟก็จะไม่คิดอะไรแล้วเดินเข้าไปถามความจริงจากปากคนที่ไฟรักเพราะไฟเชื่อว่าถ้าหากให้โอกาสคนที่เรารักได้อธิบาย

เหตุผลมันก็ยังดีกว่าที่เราจะคิดไปเองและปล่อยให้เรื่องมันเลวร้ายแบบนี้!!!!!” อีกคนที่ฟังผมพูดก็ค่อยๆปล่อยแขนผมออกซึ่ง

แน่นอนว่าตอนนี้มันเริ่มที่จะขึ้นริ้วแดงๆแล้วแน่

         “นอร์สว่าเราออกไปหาที่เงียบๆกว่านี้คุยกันดีกว่า” ว่าจบอีกคนก็วางเงินค่าขนมเค้กกับกาแฟไว้ที่โต๊ะก่อนจะออกแรงลากผม

ให้เดินตามไปด้วย

         “นอร์สจะให้โอกาสไฟได้อธิบาย ไฟอยากจะอธิบายอะไรก็ว่ามา” อีกคนพาผมเข้าไปคุยในสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่ไม่ใกล้ไม่

ไกลจากร้านกาแฟเมื่อครู่นัก

         “เรื่องที่นอร์สได้ยินวันนั้นมันไม่ใช่อย่างที่นอร์สคิด ไฟกับน้องธีน่าเรา-”

         “อ้าวฮันนีไม่เจอกันนานเลยนะคะ” โอ๊ย!ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมยังไม่ทันได้อธิบายให้นอร์สได้ฟังถึงเรื่องที่อีกคนเข้าใจผิดก็มี

สัมภเวสีไร้ที่อยู่โผล่มาขัดเสียก่อน

         “เจน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นอร์สหันไปถามหญิงสาวด้วยท่าทีฉงน

         “ก็พอดีว่าคุณป้าอยากจะให้เจนไปเดินแบบงานการกุศลของท่านน่ะค่ะ เจนเลยรีบบินกลับมาก่อนแล้วที่สำคัญเจนก็คิดถึง

ฮันนีที่สุดเลยนะ” ว่าจบสาวเจ้าก็ทำทีซบหน้าลงกับอกแกร่งของอีกคน ผมเลี่ยงที่จะไม่มองภาพนั้นแต่ก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะ

อยู่ดูทำไม

         “นอร์สว่าเจนกลับไปก่อนนะพอดีนอร์สจะคุยธุระกับไฟ” นอร์สว่าก่อนจะค่อยๆแกะสาวเจ้าออกจากการเกาะกุม

         “อ้าว คุณไฟอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะตายจริงเจนไม่เห็นจะเห็นคุณเลย” เหอะ ทำอย่างกับผมอยากเห็นคุณเจนนักล่ะครับ!!

         “ยังไม่ตาย เอ้ย! สบายดีนะครับคุณเจน” ผมกล่าวทักอีกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ก็ยังไม่วายเหน็บอีกคนเข้าให้ ซึ่งผมก็พอ

เห็นดวงตาที่ดูจะโตกว่าปกติของสาวเจ้าที่ถลึงตาใส่ผม

         “สบายดีค่ะแล้วคุณไฟล่ะคะยังไม่เลิกยุ่งกับคนที่เขามีเจ้าของอีกเหรอ”

         “ผมว่าคุณเจนควรจะต้องเปลี่ยนคำถามใหม่เป็นอะไรดีน้า อ้อ ต้องถามว่า ผมกับนอร์สสถานะของเราไปถึงไหนแล้ว

ใช่ไหมนอร์ส” ผมตอบใส่คุณเจน จนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแต่ดีที่นอร์สห้ามไว้และไล่ให้อีกคนกลับไปก่อน ตอนแรกเจ้าตัวก็ไม่

ยอกแต่พอเจอสายตาเย็นชาของนอร์สเข้าไปแทบจะหมอบออกไปเลยก็ว่าได้

         “จะอธิบายยังไงก็ว่ามา” นอร์สยังคงวางสีหน้าเรียบนิ่งใส่ผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากอธิบายอะไรเสียงเรียกเข้าจาก

โทรศัพท์อีกคนก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

         วันนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรือไงฟร้ะ!! ขัดกันอยู่ได้!!!!!!!

         “ครับคุณแม่ ครับ ได้ครับเดี๋ยวนอร์สไป” หลังจากที่นอร์สวางสายโทรศัพท์จากปลายสายก็หันหน้ามามองผม ผมที่เตรียม

กำลังจะอธิบายให้อีกคนได้ฟังก็ต้องรีบหุบปากลงแทบจะทันที

         “นอร์สไม่วางพอดีคุณแม่โทรมาให้ไปงานการกุศลไว้วันหลังไฟค่อยอธิบายให้นอร์สฟังก็แล้วกัน” พูดจบอีกคนก็เดินจาก

ไปทิ้งผมให้อยู่กับความไม่เข้าใจในโชคชะตาของตัวเอง

         ไหนจะยัยเสียง 18 หลอด โทรศัพท์เข้าแล้วนี่ยังหญิงแม่โทรตาม บอกได้คำเดียวว่า ‘ผมนี่เครียดเลยครับ’

                       
         “กูหล่อยังวะไอ้ไฟ” ไอ้วีสะกิดถามผมยิกๆตั้งแต่ออกจากบริษัท

         “เออ หล่อแล้วแต่ก็น้อยกว่ากูหน่อยนะมึง ทำใจๆ” ผมว่า

           หลังจากที่ผมไปหานอร์สเพื่อจะอธิบายเรื่องที่อีกคนเข้าใจผิดได้ฟังแต่โชคก็ยังไม่เข้าข้างผมเท่าที่ควรเพราะพอผมจะ

อธิบายให้เข้าใจ อีกคนก็ดันมาติดธุระกลายเป็นว่าผมไปเสียเปล่า


         “เออ พ่อคนรูปหล่อ” ตอนนี้ผมกับไอ้วีอยู่ที่งานเลี้ยงการกุศลซึ่งเป็นงานเดียวกบที่คุณหญิงแม่ของนอร์สจัดขึ้น แต่ที่ผมได้

มางานนี้ก็เพราะพี่ลม พี่ชายสุดที่รักของผมถูกจ้างวานให้มาเดินแบบที่งานในครั้งนี้  ผมกับไอ้วีเลยขอติดสอยห้อยตามมาด้วย

และก็ถือว่าเป็นจังหวะดีที่ผมจะได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้นอร์สได้เข้าใจเสียใหม่

         “ไอ้วีทำไมกูยังไม่เห็นนอร์สเลยวะ” หันไปถามไอ้วีที่ยืนยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับสาวเล็กสาวใหญ่ที่เดินผ่านกันไปมา

       ไม่ค่อยเจ้าชู้เลยเพื่อนกู  ผมส่ายหัวระอากับไอ้เพื่อนตัวดี นี่ถ้าใครเป็นแฟนมันนะคงได้ตามเช็ดตามล้างกันยาวเลยล่ะ

         “คุณหญิงแม่อะไรนั่นเป็นเจ้าของงานไม่ใช่เหรอวะ ถ้าลูกเขาจะมาช้าจะเป็นอะไรไป” ก็จริงอย่างที่ไอ้วีว่า

         “อ้าวไฟมาอยู่นี่เองพี่ก็ตามหาเราแทบแย่” พี่ลมเดินเข้ามาหาผม ว่าแต่ว่าพี่แกต้องอยู่ที่ห้องแต่งตัวไม่ใช่เหรอ?

         “ไฟต้องถามพี่ลมมากว่าว่ามาทำอะไรที่นี่”

         “พอดีพี่เบื่อๆน่ะว่าจะออกมาเดินเล่น แต่พอดีพี่ไปเห็นพวกยุง ลิ้น ไร ที่มันชอบตอมไปทั่วน่ะ เห็นแล้วไม่ค่อยชอบเลยว่า

จะมาตบมันเสียก่อน ทำบาปก่อนจากนั้นค่อยทำบุญ” พี่ลมว่าเสียงเหี้ยมๆแต่ไอ้วีกลับหน้าซีด

         “เอ่อ...ปล่อยมันไปเถอะนะไฟว่าพี่ลมควรที่จะเข้าไปในห้องแต่งตัวได้แล้วล่ะ” ผมรีบให้พี่ลมกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวโดย

เร็วเพราะรู้สึกถึงรังสีพิฆาตที่ค่อยๆออกจากตัวพี่ลม

         “ได้ แต่พี่ก็อยากให้ไฟช่วยดูหน่อยละกันถ้าเห็นมันไปตอมที่ไหนอีกล่ะก็ฆ่ามันได้เลย” สั่งจบพี่แกก็เดินกลับเข้าไปในห้อง

แต่งตัว

         “เป็นไรไปมึง” ผมหันไปถามไอ้วีที่ตอนนี้แทบจะซีดไปทั้งตัว

         “เอ่อ..เปล่าว่ะแค่กลัว เอ้ย! ปวดหัวนิดหน่อย” พูดเสร็จไอ้วีก็เดินไปดูรอบๆงานทิ้งให้ผมยืนไม่เข้าใจกับกิริยาของทั้งพี่ชาย

และเพื่อนรัก  ตอนแรกพี่ลมดูเหมือนจะไม่อยากเจอหน้าไอ้วี ไอ้วีก็ดูเหมือนจะโกรธๆพี่ลม แต่ตอนนี้ไหงกลายเป็นว่าไอ้วีกลัว

พี่ลมซะงั้น  ใครก็ได้อธิบายให้ไฟเข้าใจที!!!
                         
         “สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะคะ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเดินแบบเพื่อการกุศลค่ะ” หลังจากที่พิธีกรดำเนินรายการ

กล่าวขบเหล่าแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายที่มาร่วมงานในครั้งนี้ต่างปรบมือกันเกรียวกราวพร้อมๆกับเหล่านางแบบ นายแบบที่เดินโชว์

ความสวย ความหล่อกันอยู่บนเวที

         “ชาติที่แล้วมึงเป็นยีราฟรึไงวะไอ้วี ชะเง้อซะคอยาวเชียวนะมึง” ผมว่าไอ้วี ตอนนี้พวกผมสองคนออกมายืนดูการเดิน

แบบอยู่ใกล้ๆกับเวทีที่เหล่านายแบบนางแบบเดินกันก็หันไปเห็นไอ้เพื่อนรักตัวดีชะง้อคอยาวเป็นยีราฟอย่างกับมองหาใครบน

เวที
         “เรื่องของกูหน่า” เอ๊ะ ไอ้นี่ ผมจึงเลิกสนใจไอ้วีแล้วหันกลับมามองเวทีตรงหน้าก็เห็นพี่ชายสุดที่รักเดินออกมาก่อนที่จะมี

ฟินเนเล่

      พี่ใครวะเนี่ย โครตดูดีเลยยยยย!!! ผมยืนชื่นชมในความหล่อเหลาของพี่ลมอยู่ดีๆไฟก็เกิดดับขึ้น แต่แล้วก็ค่อยๆสว่างออก

เมื่อการเดินแบบชุดสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น

           
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 11 050958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 05-09-2015 23:04:40
      นอร์สควงแขนมากับเจนสิญาที่เดินเคียงคู่กันมาบนเวทีในชุดฟินเนเล่ปิดท้ายของงานเดินแบบการกุศลในครั้งนี้ หลายคน

ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาว่าทั้งคู่ดูเหมาะกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโหวงๆในอกยังไงบอกไม่

ถูกแต่ก็พยายามบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดอะไรให้มาก แต่เมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นคุณหญิงแม่ของนอร์สที่ยืนยิ้มภูมิใจในตัว

ของลูกชายแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องระหว่างผมกับนอร์ส

           ผมรู้ว่าคุณหญิงแม่ของนอร์สเลือกเจนสิญาให้มาเป็นลูกสะใภ้ถึงแม้นอร์สจะยอมรับหรือไม่อยากที่จะยอมรับมันก็ตามทีแล้ว

ยิ่งตอนนี้ผมมีชนักติดหลังอยู่เรียกได้ว่าเข้าหน้านอร์สได้ก็ดีแค่ไหนแล้วเพราะนอร์สเป็นคนเกลียดคนโกหก แต่คำโกหกของผมก็

มีเพื่อคนที่ผมรักเท่านั้น

         “ยืนทำหน้าหมาหงอยเชียวนะมึงกลัวแม่สามีไม่ปลื้มเหรอ” ไม่ทันไรไอ้วีก็ปล่อยลูกสุนัขที่อยู่ในปากออกมาวิ่งเล่นซะแล้ว

         “ปากมึงเหรอนั่น”

         “อ้าวก็กูจะไปรู้ได้ไงเห็นมองคุณหญิงแม่แล้วทำหน้าหงอยๆ ไอ้เรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้น่ะมันเป็นของคู่กันไว้มึงแต่งงาน

กับคุณนอร์สเมื่อไรค่อยกังวลก็ยังทัน” ไอ้วีว่า ซึ่งนั่นก็จริงของมัน

         “แต่กูว่ากูคงไม่มีวันนั้นหรอก” นั่นนะสิครับ ผมคงจะไม่มีวันนั้นหรอกเพราะดูๆเอาก็รู้ว่าคุณหญิงแม่ท่านปลื้มคุณเจนสิญา

ขนาดไหน ถ้าไม่ปลื้มก็คงไม่ถึงขั้นอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้หรอก

         “นั่นมันเรื่องของอนาคตเว้ย ตอนนี้ทำปัจจุบันให้ดีก่อนเพราะอนาคตที่สดใสจะเกิดขึ้นได้เมื่อปัจจุบันสวยงาม”

         “วันนี้มาคมเชียวนะมึง” ผมแซวไอ้วีมัน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะพูดอะไรคมๆแบบนี้ สงสัยต้องจัดเข้าอยู่ในสิ่ง

มหัศจรรย์ของโลกซะแล้ว

         “ก็นะ อยากจะคมบ้างไรบ้าง” ไอ้วีว่าเขินๆ ตอนมันเขินก็ดูดีไปอีกแบบนะ

         “ยังไงก็ขอบใจมากๆเพื่อนรัก”

         “เออ กูว่านะตอนนี้มึงควรจะรีบไปปรับความเข้าใจกับนอร์สดีกว่าก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายกว่านี้”

         “อืม”

           ผมที่ตอนนี้เดินตามหานอร์สที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวหายไปไหนเพราะตั้งแต่ที่นอร์สเดินแบบกับเจนสิญาในชุดสุดท้ายของงานก็

เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว ผมเลยลองเข้ามาดูก็ไม่เห็นมีใครก็เลยลองออกมาเดินหาแต่ก็ยังหาไม่พบซะที

         “จริงรึเปล่าคะที่คุณหญิงอยากได้คุณเจนมาเป็นลูกสะใภ้” ผมเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆกับซุ้มประตูดอกไม้ในโซนหนึ่งของงาน

ก่อนจะได้ยินเสียงนักข่าวสัมภาษณ์อะไรบางอย่าง

         “ก็ใช่อยู่นะคะ แต่ก็คงต้องถามหนูเจนน่ะค่ะว่าอยากมาเป็นลูกสะใภ้รึเปล่า” ผมที่ได้ยินเสียงเหมือนคุณหญิงแม่ของนอร์ส

ตอบเลยชะโงกหน้าเข้ามาดู แล้วก็เห็นเต็มสองตาเลยว่าไม่มั่วชัวร์แน่นอน คุณหญิงแม่ชัดๆ!

         “ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นหละคะของแบบนี้ก็คงต้องถามลูกชายคุณแม่ด้วยนะคะว่าอยากจะได้เจนมาเป็นคนรักรึเปล่า”

เสียงของเจนสิญาตอบคำถามคุณหญิงแม่กับพี่ๆนักข่าวก่อนจะทำทีเขินอายใส่นอร์ส ชิ! เห็นแล้วหมันไส้!!!!

         “ครับ” นอร์สตอบกลับเสียงเรียบถึงแม้จะเป็นการตอบคำถามเพื่อรักษาหน้าตาของผู้เป็นแม่ แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกหวั่นๆใน

อกอยู่ไม่น้อย เอาน่าก็แค่การตอบคำถามเพื่อรักษาชื่อเสียง ผมปลอบตัวเอง แต่ก็ยังคงแอบฟังการสัมภาษณ์ต่อไป

         “แล้วอย่างนี้คงต้องมีข่าวดีเกิดขึ้นในเร็ววันแน่ๆเลยสิคะคุณหญิง”

         “แน่นอนค่ะเพราะตอนนี้ทางเราก็ได้เตรียมหาฤกษ์หมั้นหมายให้กับเด็กทั้งสองแล้วล่ะค่ะ”

         “แล้วคุณนอร์สล่ะคะรู้สึกยังไงที่จะได้แต่งงานกับคุณเจน ได้ข่าววงในมาว่าตอนนี้คุณนอร์สกิ๊กอยู่กับใครสักคนในแวดวง

วงการบันเทิงใช่รึเปลาคะ” นักข่าวสาวถามนอร์ส ซึ่งนั่นก็พลอยทำให้ผมตกใจกับคำถามที่ไม่คาดคิดนี้ แต่คนที่ถูกถามกลับมี

ท่าทีเฉยเมยเหมือนกับเรื่องที่ได้ยินนั้นไม่ได้หนักหนาอะไร ซึ่งดูเหล่านักข่าวสำนักอื่นดูจะให้ความสนใจในคำถามนี้ ผมก็อยาก

จะได้ยินคำตอบจากคำถามนั้นเหมือนกัน

         “ไม่มีอะไรทั้งนั้นครับ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันทั้งนั้นไม่มีอะไรมากกว่านั้น” อีกคนตอบคำถาม ซึ่งมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ

ที่นอร์สจะตอบคำถามแบบนั้นเพราะยังไงซะเรื่องระหว่างผมกับนอร์สก็เกิดจากแผนบ้าๆนั่นอยู่แล้ว แต่ทำไมผมต้องเจ็บจี๊ดที่อก

ซ้ายด้วยนะ?

      “งั้นดิฉันขอถามอะไรอีกสักเล็กน้อยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณทั้งคู่จะหมั้นกันเมื่อไหร่คะ” ผมที่ได้ยินคำถามนี้ก็ยิ่งลุ้นอยากจะ

รู้คำตอบไม่แพ้เหล่านักข่าวที่เหลือสักเท่าไร และคำตอบที่ได้มานั้นแทบทำเอาผมล้มทั้งยืน

         “อาทิตย์หน้าค่ะ!!” 











                             
         “อาทิตย์หน้าค่ะ!!”

         “อาทิตย์หน้าค่ะ!!”  เสียงคำตอบของคุณหญิงแม่ของนอร์สยังคงชัดเจนในหัวของผม

ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้.........................

ทำไมผมไม่รู้ว่านอร์สกำลังจะหมั้นกับคุณเจนสิญาอาทิตย์หน้า!!........

ทำไมไม่มีใครบอกอะไรผมเลย???...........................

         “ไฟเป็นอะไร” ผมที่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของพี่ลมที่สภาพตอนนี้ก็คงจะเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณเต็มที

         “ไฟ” เสียงของพี่ลมเรียก แต่ผมกลับไม่อยากตอบ

         “อาทิตย์หน้า”

         “อะไรอาทิตย์หน้าพูดให้มันจบๆไอ้ไฟ” เสียงไอ้วีถามผมอย่างหัวเสีย

         “เขาจะหมั้นกันอาทิตย์หน้า” ผมบอกไอ้วีกับพี่ลมก่อนจะค่อยๆทรุดลงแต่โชคดีที่ไอ้วีคว้าตัวไว้ได้ทัน

         “เขาของมึงน่ะคือใคร มึงจะบอกอะไรก็บอกมาให้เร็วๆหน่อยไม่ได้เหรอไงวะคนยิ่งอยากจะรู้”

         “นอร์ส...นอร์สกับเจนจะหมั้นกันอาทิตย์หน้า มึงได้ยินไหมว่านอร์สกับ ฮึก..เจน..เขาทั้งคู่จะหมั้นกันอาทิตย์หน้า!!!”

ผมตอนนี้แทบจะร่วงลงไปกองกับพื้น แต่ไอ้วีที่ยังคงประคองผมในตอนแรกช่วยพยุงตัวผมไม่ให้ทรุดลง ผมที่ตอนนี้ซบหน้าลง

กับอกของไอ้วีเพื่อระบายความหน่วงในอกที่มันเกิดขึ้นให้มันบรรเทาโดยการปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลริน และผมก็รู้ว่าตอนนี้เสื้อ

ของไอ้วีก็คงจะฉ่ำไปด้วยน้ำตาของผมขนาดไหน

         “มึง..ฮึก..ได้ยินไหม...ฮือๆๆๆ..ว่าเขาจะแต่งงานกันแล้ว..ฮือ..มึงได้ยินกูไหมไอ้วี!!!!.....ฮึก..ฮือๆๆ”

         “กูรู้แล้ว มึงก็อย่าร้องให้มันมากนักสิวะเดี๋ยวก็หมดหล่อกันพอดี”

         “ใจเย็นๆก่อนนะไฟ พี่ว่าเราอาจจะเข้าใจผิดอะไรก็ได้เดี๋ยวนี้ข่าวเท็จก็มีออกจะเยอะแยะไป” พี่ลมลูบหัวผมเพื่อปลอบ

ประโลมก่อนจะอธิบายให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ผมได้ยินอาจจะเป็นเรื่องโกหก

         “มันไม่ใช่เรื่องโกหกนะพี่ลม...ฮึก..แต่มันเป็นเรื่องที่ออกมาจากแม่ของนอร์สเอง” ไหนบอกว่าเกลียดคนโกหก ไหนบอกว่า

อย่าโกหกกัน แต่ทำไมทำไมนอร์สไม่เคยที่จะบอกเรื่องนี้กับผมเลย!!!!!!!!

         “ขออนุญาตค่ะ ไม่ทราบว่าคนไหนคือคุณไฟคะ” พี่สตาฟเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของพี่ลมก่อนจะถามถึงผม ผมจึงผละออก

จากไอ้วีก่อนจะตอบรับอีกคน

         “ผมเองครับ”

         “คุณนอร์สขอพบที่ห้องแต่งตัวค่ะ”

         “ได้ครับเดี๋ยวผมตามไป”

           ผมเดินไปที่ห้องแต่งตัวของนอร์สตามที่ทีมงานเข้ามาบอก พอเปิดประตูออกไปก็เห็นคนที่เรียกผมนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว

ผมจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไป

         “นอร์สมีอะไรเหรอถึงได้ให้คนไปตามไฟ”

         “นอร์สแค่อยากจะถามไฟถึงเรื่องที่นอร์สได้ยินเมื่อคราวก่อน”

         “ไฟกับน้องธีน่าเราวางแผนกันก็จริงแต่ที่เราทำไปเพราะน้องธีน่ารู้ว่าไฟไม่อยากจะแต่งงานกับคุณเจน แต่ตอนนี้ไฟว่ามันคง

ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วล่ะ” ผมอธิบายให้อีกคนฟังทั้งที่ก็ไม่ได้มองหน้าอีกคน

         “หมายความว่ายังไง นอร์สไม่เข้าใจ”

         “ไฟสิต้องถามว่ามันหมายความว่ายังไง นอร์สจะหมั้นกับคุณเจนแต่นอร์สไม่เคยบอกไฟ!!!!” ผมหันไปมองหน้าอีกคน

พร้อมตาแดงๆที่ดูก็รู้ว่ามันผ่านการร้องไห้มามากขนาดไหน เสียน้ำตาไปมากเท่าไรก็ดื่มน้ำชดเชยได้ แต่การที่เสียความรู้สึกทำ

ยังไงก็รักษาไม่หาย

         “ไฟรู้” นอร์สตกใจในสิ่งที่ผมรับรู้

         “ใช่ไฟรู้ ถ้าวันนี้ไฟไม่รู้เองไฟก็คงเป็นคนโง่ที่ถูกนอร์สหลอกอยู่เรื่อยๆใช่ไหม”

         “มันไม่ใช่อย่างที่ไฟเข้าใจ นอร์สก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้เหมือนกับไฟ”

         “งั้นเหรอ ไหนบอกว่าเกลียดคนโกหกไงแล้วเรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอกที่นอร์สจะไม่รู้  นอร์สเคยบอกว่านอร์สเกลียดคน

โกหก ไฟก็อยากจะบอกว่าไฟก็เกลียดคนโกหกมากกว่านอร์สหลายเท่า!!!!!”

         “ไฟ” นอร์สเรียกผมเสียงแผ่ว

         “ไฟว่าเรื่องระหว่างเรามันควรที่จะจบลงแล้วล่ะ....เรา-เลิก-กัน-เถอะ!!”

   
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 10-11 050958
เริ่มหัวข้อโดย: zombieztoon ที่ 06-09-2015 02:15:47
 :serius2:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 10-11 050958
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-09-2015 17:39:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 10-11 050958
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-09-2015 19:36:01
อธิบายความจริงไปก็เท่านั้นจริงๆ นั่นล่ะค่ะไฟ ในเมื่อทางฝั่งนอร์สก็ยังไม่เคลียร์เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตของตัวเองดี การที่ไฟเลือกถอยออกมาก่อนอย่างนี้เราว่าก็ดีแล้วล่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 10-11 050958
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 06-09-2015 22:11:54
 :mew1:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 12-13 200958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 20-09-2015 23:59:13
                                                      แผนการร้ายครั้งที่ 12 : หลังพายุมักเกิดความสงบ

                  บรรยากาศของธรรมชาติลอยคละคลุ้งอยู่รอบๆอาณาบริเวณ บ้านไม้ทรงไทยตั้งสวยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสวน

ธรรมชาติแลดูคล้ายเรือนไทยย้อนยุคสมัยแต่ก่อน ผมหันมองไปรอบๆสองข้างทางเป็นสวนผักผลไม้ของชาวไร่ชาวสวนที่

ออกดอกออกผลน่าชิมลิ้มลอง

         “ถึงแล้วนะ ไฟยังจำบ้านสวนได้ใช่ไหม” พี่ลมที่นั่งอยู่ด้านคนขับถาม ผมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นอันบ่งบอกว่าจำได้

         “อื้ม”

           เหตุการณ์ในเมื่อคืนวานที่ผ่านมาทำให้ผมดูสภาพย่ำแย่ พี่ลมกับไอ้วีจึงออกความคิดเห็นว่าควรให้ผมได้มาพักรักษาใจ

ของตัวเองให้เข้มแข็งที่นี่เสียก่อน ไว้หายดีเมื่อไหร่ค่อยกลับไปกรุงเทพฯ

         ปี๊ดๆๆๆๆ เสียงแตรรถของพี่ลมดังขึ้นคนที่อยู่ภายในบ้านต่างกระวีกระวาดออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านให้

         “มาแล้วค่ะมาแล้วว” น้ำเสียงสำเนียงติดเหน่อๆแบบคนสุพรรณของสาวใช้ภายในบ้านทรงไทย ที่ตอนนี้รีบวิ่งออกมาเปิด

ประตูรั้วหน้าบ้านให้พี่ลม

         “ตายแล้ว!!คุณนายขาคุณหนูใหญ่กับคุณหนูเล็กมาค่า” หลังจากที่พี่ลมขับรถเข้ามาจอดข้างในเรียบร้อยแล้ว ผมจึงเปิด

ประตูรถลงจากรถก่อนที่สาวใช้คนเดิมจะเห็นหน้าและวิ่งกระหืดกระหอบไปบอกคนที่อยู่ในบ้าน

         “โอ๊ย!อะไรของเธอเนี่ยมะลิรู้ไหมถ้าฉันหกล้มหัวฟาดพื้น-”

         “ม๊า!!!” ผมกับพี่ลมรีบวิ่งเข้าไปกอดหญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรัก วิ่งเข้าไปกอดทั้งๆที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ

         “พี่ลมน้องไฟ!!” ม๊าเรียกผมกับพี่ลมก่อนจะกอดเราทั้งคู่แน่นกว่าเดิม

         “มะลิเธอรีบไปบอกคุณผู้ชายนะว่าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูเล็กมาบ้านสวน” เสียงของม๊าสั่งสาวใช้ให้ไปบอกป๊าว่าตอนนี้ผมกับ

พี่ลมกลับมาบ้านสวนแล้ว

         “น้องไฟคิดถึงม๊ามากที่สุดเลย” ผมอ้อนม๊า

         “พี่ลมก็คิดถึงม๊าเหมือนกันนะครับ” พี่ลมก็อ้อนม๊าไม่น้อยหน้าผม ม๊าจึงพาผมกับพี่ลมเข้าไปคุยกันในบ้าน

         “เป็นไงมาไงล่ะเรา ม๊าอยากฟังเรื่องของพี่ลมก่อน” พอเข้ามาในบ้านได้ม๊าก็รีบซักถามว่าเป็นไงมาไงทำไมผมกับพี่ลมถึง

กลับมาที่บ้านสวนอย่างฉุกละหุกกลับมาโดยไม่แจ้งที่นี่ไว้ล่วงหน้า

         “คือพี่ลมก็ไปทำงานที่ต่างประเทศ พี่ลมได้เป็นดาราฮอลลีวูดด้วยนะครับม๊า” พี่ลมเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ม๊าฟัง

         “มันต้องได้อย่างนี้สิ ลูกชายของม๊าออกจะหล่อ” ม๊าว่าพลางทำสีหน้าชื่นชมลูกชายเสียเต็มประดา

         “แล้วเราล่ะน้องไฟเป็นไงมาไงถึงกลับมาบ้านสวนฮึ” ซักถามพี่ลมเสร็จมาก็มาซักถามผมบ้างเพราะม๊ารู้นิสัยผมดีที่ผมไม่

ชอบกลับมาที่บ้านสวนบ่อยๆเพราะผมไม่ถูกกับคนที่นี่บางคนและตั้งแต่ที่ผมได้เข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เลย

แต่ผมกับครอบครัวเราก็ยังคงติดต่อและรักกันดี

         “คือน้องไฟอยากพักผ่อนน่ะม๊าไม่มีอะไรหรอกหรือว่าม๊าไม่คืดถึงน้องไฟแล้ว” ผมถามม๊าเสียงเศร้าพี่แกเลยดึงผมเข้าไป

กอดไปจูบเอาแบบให้หายคิดถึงกันไปข้าง

         “คิดถึงสิทำไมม๊าจะไม่คิดถึงเราล่ะน้องไฟ”

         “แล้วพี่ลมล่ะม๊าคิดถึงไหม” พี่ลมรีบถามบ้าง

         “เฮ้อ!ไอ้ลูกสองคนนี้ คิดถึงสิทำไมจะไม่คิดถึงล่ะคิดถึงทั้งคู่ด้วยนะ” ม๊าว่าอย่างเอือมๆ

         นานทีปีหนที่ผมกับพี่ลมจะได้กลับบ้านสวนเพื่อมาอ้อนม๊า ผมกับครอบครัวเราสนิทกันมากถึงแม้ว่าพี่ลมจะเป็นลูกบุญธรรม

ของม๊ากับป๊าแต่เราก็รักกันเพราะม๊ากับป๊าสอนพวกเราเสมอว่า ถ้าเราไม่รักกันแล้วใครจะมารักเรา

         “ว่าไงพี่ลมน้องไฟ” เสียงห้าวๆเหมือนเสียงของชายวัยกลางคนเรียกผมกับพี่ลมที่ตอนนี้นอนหนุนตักม๊าคนละข้าง พอเงย

หน้าขึ้นไปดูจึงได้รู้ว่าเป็นใคร

         “ป๊า!!!” ผมกับพี่ลมรีบลุกเข้าไปหาชายกลางคนที่เนื้อตัวดูจะมอมแมมเล็กน้อยเพราะเพิ่งจะทำสวนเสร็จใหม่ๆ

         “น้องไฟคิดถึงป๊าจัง”

         “พี่ลมก็ด้วย”

         “ป๊าก็คิดถึงทั้งคู่นะ” จากนั้นม๊าที่เดินหายเข้าไปในครัวตอนที่ผมกับพี่ลมวิ่งเข้าไปกอดป๊าก็ออกมาบอกว่ากับข้าวตั้งโต๊ะแล้ว

ผม พี่ลมและป๊าจึงเดินไปทานข้าวที่ม๊าเตรียมไว้

           โต๊ะทานข้าวของที่บ้านผมจะตั้งอยู่ด้านหลังของบ้านหรือที่เราๆจะเรียกกันว่า 'เรือนน้ำ' เพราะสถานที่ตรงนั้นอยู่ติดกับริม

แม่น้ำที่ไหลผ่าน ทำให้บรรยากาศตอนกินข้าวดูจะสุนทรียะพอควร

         “โห หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลย” พี่ลมที่เดินมาถึงโต๊ะอาหารก่อนใครก็ทำตาวาวกับอาหารตรงหน้าที่เห็น บนโต๊ะอาหารมีทั้ง

น้ำพริกปลาทู ผักลวกสำหรับจิ้มน้ำพริก ปลาทับทิมตัวใหญ่ทอดกรอบ ต้มยำกุ้งน้ำข้น แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักรวมมิตรและข้าว

สวยที่อยู่ในโถข้าวร้อนๆเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

         “แน่นอนอยู่แล้วก็ฝีมือม๊านี่หน่า” ม๊าผมบอกพี่ลมก่อนที่เราทั้งสี่คนจะนั่งลงทานข้าว

         “เป็นไงมาไงถึงได้มาที่บ้านสวนล่ะน้องไฟ” ป๊าที่ตอนนี้เริ่มถามคำถามผมเหมือนที่ม๊าเคยถาม

         “ก็น้องไฟคิดถึงป๊ากับม๊าก็เลยชวนพี่ลมมาเยี่ยมป๊ากับม๊าที่นี่” ผมตอบป๊าไปถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นจริงทั้งหมดก็ตาม

         “ไม่ใช่ว่าเราไม่สบายใจแล้วอยากหนีมาหลบที่นี่นะ” ป๊าผมพูดอย่างรู้ทัน ผมชะงักกับคำของป๊าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดง

ท่าทีพิรุธออกไป

         “มีที่ไหนกันเล่า”

         “แล้วครั้งก่อนๆที่ทะเลาะกับแฟนล่ะ” ครับ เมื่อก่อนเวลาที่ผมทะเลาะกับพี่ต้าร์ผมจะหนีมาอยู่ที่บ้านสวน บางทีอยู่นานเป็น

อาทิตย์พอสบายใจผมค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับปัญหานั้นๆและผมก็จะถูกป๊าดุประจำที่ชอบหนีปัญหามากกว่าเผชิญหน้ากับมัน

         “ก็นั่นมันเมื่อก่อนหนิป๊า น้องไฟไม่พูดกับป๊าแล้วอ้อนม๊าดีกว่า” ว่าจบผมก็หันไปอ้อนม๊าให้แกะปลาทับทิมทอดกรอบให้

           หลังจากที่ทานอาหารคาวเสร็จม๊าก็สั่งให้พี่มะลิไปเอาผลไม้จากสวนที่ม๊าเตรียมแช่เย็นเอาไว้ในตู้เย็นเอามาให้พวกเราได้

ทานกัน ป๊าถามถึงหน้าที่การงานของพี่ลมก่อนจะถามถึงเรื่องของความรัก

           ทางบ้านผมทุกคนรู้ว่าผมกับพี่ลมชอบผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนแรกที่ป๊ารู้เป็นเรื่องของพี่ลม ป๊าจับได้ตอนนั้นป๊าโกรธมาก

แต่ม๊าก็อธิบายให้ป๊าเข้าใจซึ่งป๊าก็เข้าใจและไม่ขัดขวาง แต่พอป๊ามารู้อีกทีว่าผมก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมเพิ่ง

เข้ามหาวิทยาลัยได้สองปีและกำลังอยู่ในช่วงที่เริ่มดูใจกับพี่ต้าร์ ตอนนั้นป๊าโกรธมากทั้งโกรธทั้งเสียใจที่ทั้งผมและพี่ลมเป็นแบบ

นี้ ผมเลยพิสูจน์ให้ป๊าได้รู้ว่าถึงผมจะชอบผู้ชายแต่ผมก็สามารถทำให้ครอบครัวภูมิใจได้ โดยการที่ผมสามารถเรียนจบออกมา

ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ป๊าจึงยอมรับและเข้าใจผม

         “แล้วเราล่ะน้องไฟเรื่องความรักเป็นยังไงบ้างเลิกกับคนเก่าแล้วไม่ใช่เหรอ” ป๊าหันมาถามผมบ้าง ป๊ารู้ว่าตอนนั้นผมคบกับพี่

ต้าร์แต่ตอนนี้เราเลิกกันแล้วซึ่งป๊าก็รู้มาจากไอ้วี

         “ก็เอ่อ....” ผมไม่รู้จะพูดไงดีใจหนึ่งก็ไม่อยากโกหกแต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่อยากบอกให้ท่านไม่สบายใจ

         “ป๊าถามไรเนี่ยอยากให้ลูกรีบมีแฟนเหรอม๊ายังไม่อยากให้รีบมีหรอกนะ” ม๊าผมเข้ามาได้ทันจังหวะพอดีก่อนจะดุป๊าเบาๆที่

ยุยงส่งเสริมให้ลูกรีบมีแฟน

         “โธ่ม๊าป๊าก็แค่อยากจะรู้เท่านั้นเอง” ป๊ารีบอธิบายก่อนจะรับจานผลไม้ที่ม๊าส่งมาให้

         “ไม่ทันแล้วล่ะป๊าม๊า” อยู่ดีๆพี่ลมก็พูดขึ้นคล้ายบ่นกับตัวเองแต่ป๊าดันไปได้ยินเข้า ตายแน่ๆไอ้ไฟ!

         “ไม่ทันอะไรพี่ลม” ป๊าที่ตอนนี้หันมาคะยั้นคะยอถามคำถามเพื่ออยากรู้ให้ได้ว่าไม่ทันอะไร

         “ไม่มีอะไรหรอกป๊า พี่ลมแค่บอกว่าสงสัยคงไปทำงานไม่ทันแค่นั้นเองเชื่อน้องไฟสิ” ผมรีบบ่ายเบี่ยง แต่ป๊ายังไงก็เป็นป๊าอยู่

วันยังค่ำไม่มีใครสามารถโกหกพี่แกได้แนบเนียนหรอก

         “ไม่ต้องมาตอบแทนพี่ลมน้องไฟ ป๊าถามได้ยินไหม” ป๊าดุผมก่อนจะเริ่มขึ้นเสียงกับพี่ลม พี่แกก็หันมามองหน้าผมเป็นเชิง

ขอโทษ

         “ก็ไม่ทันเพราะตอนนี้ไฟมีแฟนแล้ว แล้วตอนนี้เพิ่งจะอกหักมาเพราะแฟนของไฟจะแต่งงานอาทิตย์หน้า!!”




                   
           บรรยากาศตอนนี้เหมือนผมเป็นนักโทษทำผิดกฎรายแรงแล้วถูกสอบสวนโดยมีป๊าเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน

         “เรื่องมันเป็นยังไงกันน้องไฟเล่าให้ป๊าฟังให้หมด”

         “คือเอ่อ.........” เอาไงดีวะไอ้ไฟ!

         “อย่ามาอ้ำอึ้ง น้องไฟก็รู้ว่าป๊าไม่ชอบคนอ้ำอึ้ง” ตอนนี้ป๊าผมเริ่มเข้าโหมดโหด

         “ม๊าว่าป๊าใจเย็นๆก่อนนะ น้องไฟเล่าทุกอย่างให้ป๊าเขาฟังสิ” ม๊าบอกผมอ่อนโยน ผมจึงต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้ป๊าฟัง

         “ไอ้เลว ถ้าป๊าเจอมันที่ไหนป๊าจะยิ่งมันให้พรุนเลย!!” ตอนนี้ป๊าคงจะไม่พอใจเรื่องของนอร์สที่ผมเล่าให้ฟัง

         “ม๊าว่าป๊าใจเย็นก่อนลูกเรากับเขาอาจจะเข้าใจผิดก็ได้เท่าที่ม๊าฟังมาเขาก็ดูจะรักลูกเราอยู่ไม่น้อยนะ”

         “ถ้ามันรักลูกเราจริงแล้วมันจะไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนได้ยังไงแล้วลูกเราล่ะใครมันจะรับผิดชอบ” เอ่อ..ป๊า ผมเป็นผู้ชาย?

         “แต่ม๊าว่าเขาอาจจะไม่ได้รู้เรื่องเรื่องงานแต่งงานก็ได้นะ”

         “แต่น้องไฟได้ยินมาจากปากคุณหญิงแม่ของนอร์สนะ” ผมแย้ง

         “แล้วเราได้ยินมาจากปากของเจ้าเองเองรึเปล่า” นั่นสินอร์สก็บอกว่าไม่รู้ แต่มันก็ไม่แน่เพราะยังไงนอร์สก็ต้องแต่งงานกับ

เจนสิญาอยู่ดี

         “แต่ยังไงคุณหญิงแม่ของนอร์สก็ต้องให้นอร์สแต่งงานกับคนที่แม่เขาหามาให้อยู่ดี”

         “แต่ม๊าว่าเขารักลูกของม๊ายังไงเขาก็ต้องเลือกลูกม๊า เชื่อม๊าสิ!!!” ม๊าบอกผม ก่อนจะมีคนตะโกนเรื่องป๊ากับม๊าที่หน้าบ้าน

ป๊ากับม๊าผมจึงลุกไปดู ส่วนผมกับพี่ลมก็นั่งคอยป๊ากับม๊าอยู่ที่โต๊ะทานข้าว แต่ก็ยังได้ยินเสียงแว่วเหมือนคนรู้จัก

         “สวัสดีครับป๊า สวัสดีครับม๊า”

         “สวัสดีครับผู้หมวดไปไงมาไงครับเนี่ย”

         “พอดีผมคิดถึงป๊ากับม๊าก็เลยแวะมาหาน่ะครับ”

         “ปากหวานจริงเชียวผู้หมวดเข้ามาก่อนสิครับ”

         “ครับ” เหมือนเสียงของคนคุยกันก็เริ่มดังขึ้นผมกับพี่ลมจึงหันไปดูว่าใครมาหาป๊ากับม๊า

         “ไอ้ไฟ!!”

         “ไอ้อิฐ!!!!”

         “มึงเข้ามาในบ้านกูทำไม” ผมที่เห็นไอ้อิฐนี่เรียกได้ว่าของขึ้นเลยครับ นี่แหละครับที่ทำให้ผมไม่อยากกลับบ้านสวน

         “ก็กูอยากจะเข้าที่สำคัญป๊ากับม๊ามึงก็อนุญาต” มันตอบผมกวนๆแถมยังอ้างป๊ากับม๊าผมอีกต่างหาก

         “ป๊าม๊าให้ไอ้อิฐเข้ามาในบ้านเราทำไมก็รู้อยู่ว่าน้องไฟไม่ชอบ”

         “แต่ผู้หมวดเขาเปลี่ยนไปแล้วนะ” ป๊าผมแย้ง

         “เมื่อกี้ป๊าเรียกไอ้อิฐว่าอะไรนะ” ผมถาม เหมือนจะได้ยินแว่วๆว่าผู้หมวด

          “ผู้หมวด”

          “ห๊า!!ไอ้อิฐนี่นะเป็นผู้หมวด”

         “ใช่น้องไฟ ร้อยโทอิฐิรัตน์ พงผาเทพ” ม๊าบอกผม ผมที่ได้ยินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!

         “เออทำไม กูเป็นตำรวจอย่างที่มึงต้องการแล้วนะทีนี้มึงควรที่จะทำดีๆกับกูได้แล้ว”

         “ไม่เห็นจะเกี่ยว!!” ผมว่า เมื่อก่อนไอ้อิฐมันเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับผมตั้งแต่อนุบาลยันม.ปลายและมันก็ไม่ถูกกับผมตั้งแต่

อนุบาลยันม.ปลายเหมือนกันเพราะตอนนั้นไอ้อิฐมันเป็นคนกวนๆชอบหาเรื่องผมตลอด ทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็ต้องด่ากันตลอด

ที่สำคัญไอ้อิฐมันเป็นเด็กแวนซ์ซึ่งผมเกลียดเด็กแวนซ์ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมจะเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯมันไม่ค่อยหาเรื่องผม

เหมือนเมื่อก่อน ผมเลยบอกว่าถ้าอยากจะให้ผมคบด้วยมันต้องเป็นคนในเครื่องแบบก่อนเพราะผมชอบคนในเครื่องแบบ แต่ผมก็

ไม่รู้ว่ามันจะทำจริง!!

         “จะไม่เกี่ยวได้ไงก็มึงบอกเองว่าถ้ากูได้เป็นคนในเครื่องแบบมึงจะคบกับกู” ไอ้อิฐรีบทวง ตอนนี้ทั้งป๊ากับม๊า พี่ลมแล้วยังมีพี่

มะลิหันมามองหน้าผมกันเป็นตาเดียว

                 ผมไม่ได้จะคบกับมันแบบนั้นนนนน!?

         “มันอะไรกันไฟไปตกลงคบกันอะไรตอนไหนทำไมป๊าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

         “นั่นสิ ผู้หมวด” ทั้งป๊าทั้งม๊าถามผมกับไอ้อิฐ

         “คือน้องไฟบอกไอ้อิฐว่า ถ้ามันได้ทำงานเป็นคนในเครื่องแบบน้องไฟจะคบกับมันแต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น” ผมอธิบายให้ทุก

คนฟังเสียงหนักแน่นมีแต่ไอ้อิฐเท่านั้นที่ขมวดคิ้วจนเป็นปม

         “ค่อยยังชั่วหน่อย” พี่ลมว่า แต่อยู่ดีๆไอ้อิฐก็พูดแทรกขึ้นมา

         “แต่กูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน” เสียงมันนิ่งมากแถมยังมองมาที่ผมอีกต่างหาก ตอนนี้ทั้งป๊าทั้งม๊าตกใจกับสิ่งที่ไอ้อิฐพูด

ส่วนผมนี่ยืนตัวแข็งเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้เลย

         “กูบอกว่ากูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน แต่กูอยากอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทของมึง” ไอ้อิฐบอกต่อหน้าตายิ้มๆ แต่ผมว่ามันยิ้มได้

กวนตีนมากเลยล่ะ ดูดิเนี่ยเล่นเอาผมแทบช็อก

       ไอ้อิฐ ไอ้เวร ฆ่ามันทิ้งแล้วเอาศพโยนไว้ท้ายสวนดีไหมเนี่ย!?




                         
           ตอนนี้ผมกับไอ้อิฐเรากำลังเดินเล่นกันอยู่บนคันนาของบ้านไอ้อิฐ ครอบครัวผมอาศัยอยู่ที่สุพรรณบุรี  ป๊าผมเป็นคนสุพรรณ

แต่กำเนิด ป๊าเล่าให้ฟังว่าป๊าเป็นคนจีนแท้ๆ แต่อากงต้องมาทำงานที่เมืองไทยเลยย้ายกันมาทั้งครอบครัว อากงรักเมืองไทยเลย

ไม่ยอมกลับเมืองจีนจนอาม่าคลอดป๊าเลยให้ป๊าเป็นคนสุพรรณตั้งแต่เกิด ส่วนม๊าเป็นลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์จึงทำให้ผมมีเชื้อสาย

ทั้งไทย-จีนและนอร์เวย์

         “ไปอยู่กรุงเทพเป็นไงบ้าง” ไอ้อิฐชวนผมคุยเพราะมันคงเห็นผมเงียบๆไป

         “ก็เรื่อยๆวุ่นวายตามประสาคนเมืองแล้วมึงอ่ะคิดไงมาเป็นตำรวจ” ผมถามมันบ้างเพราะสมัยเรียนมันไม่มีแววเลยสักนิดว่าจะ

มาเป็นตำรวจ

         “ก็คิดจะจีบมึงไงเลยมาเป็น” ไอ้อิฐตอบหน้าตาย ผมเลยยกนิ้วกลางส่งให้มัน

         “ไอ้เวร มึงตอบดีๆดิอย่ามาเล่น”

         “ก็กูพูดจริงมึงคิดว่ากูเล่นเหรอ” ตอนนี้ไอ้อิฐมันหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมตรงๆ

         “กูชอบมึงว่ะไอ้ไฟ” ไอ้อิฐบอกผมได้หน้าตายมาก แต่ผมก็แอบหวั่นๆนะ

         “ฮ่าๆๆๆกูคิดถูกละที่กูหลอกมึงหน้ามึงนี่แดงเป็นลูกตำลึงเลยว่ะ ไงอยู่กรุงเทพฯไม่มีคนบอกรักเหรอวะ” ไอ้เวร ไอ้อิฐมัน

แมร่งง ผมไม่รู้จะด่ามันยังไงดีโดยเฉพาะไอ้นิสัยที่ชอบหลอกคนอื่นไปทั่วชอบมาทำให้คนอื่นเขินแล้วกวนตีน แต่ผมก็ต้องมา

ชะงักกับประโยคหลังที่มันพูด

     เมื่อก่อนน่ะมีคนบอกรัก แต่ตอนนี้คนที่บอกรักเขาไม่รักกูแล้วว่ะ….

         “เฮ้ย!เป็นไรมึง กูเอ่อ..ไปพูดสะกิดต่อมเศร้ามึงเปล่าวะ” ไอ้อิฐที่ตอนนี้สีหน้ามันดูเครียดแปลกๆ มันคงเห็นผมทำหน้าเศร้าๆ

กับสิ่งที่มันพูด ตอนแรกผมก็เศร้าอยู่หรอกแต่เจอหน้ามันเหมือนหมาหงอยเลยอยากแกล้งมันเล่น   ได้เวลากูเอาคืนมึงแล้วไอ้

อิฐ!!!

         “……………” ผมไม่ตอบแต่เดินหนีไอ้อิฐ ตอนนี้มันรีบเดินตามมาง้อผมแทบจะทันที

         “มึงอย่าเงียบดิไอ้ไฟ กูขอโทษ กูไม่รู้ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้กูยอมทุกอย่างเลย” ผมที่ได้ยินมันบอกว่ายอมทำทุกอย่างถึง

กับตาวาวเลยทีเดียวแต่ก็ยังคงเก็บอาการเอาไว้ ตีหน้านิ่งๆไปหามัน ก่อนจะยกนิ้วกลางใส่ มันทำหน้าเหวอก่อนผมจะหัวเราะร่วน

         “มึงแกล้งกูเหรอไอ้ไฟ” ตอนนี้หน้ามันเหวอมากเลยครับ

         “กูเปล่าแกล้งมึงนะ มึงนั่นแหละเข้าใจผิดเอง” ผมว่ามันก่อนจะยกนิ้วกลางส่งไปให้อีกครั้ง

         “ต้องการขนาดยกให้กูถึงสองครั้งเลยเหรอวะ”

         “ต้องการบ้านมึงดิ กูด่ามึงโว้ยยย” จากนั้นผมก็วิ่งหนีไอ้อิฐที่ตอนนี้มันวิ่งไล่กวดผมมาอย่างเร็ว แต่อย่างว่าผมเข้าไปอยู่ใน

กรุงนานเกินจนทำให้วิ่งไม่ค่อยคล่องเลยสะดุดก้อนหินนั่งแหมะอยู่กับพื้น

         “เป็นไรเปล่ามึง” ไอ้อิฐที่ตอนนี้ลงมานั่งดูข้อเท้าให้ผม

         “เจ็บข้อเท้าว่ะ จี๊ดเลย” น้ำตาผมแทบจะร่วงเมื่อมันยื่นมือมาขยับข้อเท้าผม

         “ลุกไหวไหม” ไอ้อิฐถามผม ผมจึงพยักหน้าว่าไหวก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับลงไปนั่งแหมะอยู่ที่พื้น

อย่างเดิม

         “สงสัยข้อเท้ามึงแพลง” ไอ้อิฐว่าก่อนจะทำท่าให้ผมขี่หลัง

         “มึงจะทำอะไร” ผมร้องถามเพราะตอนนี้มันจับให้ผมขี่หลังมัน

         “ก็ขี่หลังกู” ไอ้อิฐตอบก่อนจะค่อยๆประคองผมให้ขี่หลังมัน

         “จับดีๆล่ะมึงตกไปตายกูไม่มีค่าทำศพ” มันว่า ผมเลยตบหัวมันไปทีโทษฐานที่พูดจาไม่รื่นหู

           ไอ้อิฐพาผมขี่หลังมันมาหยุดอยู่ที่เพิงสำหรับชาวนาที่เอาไว้พักเหนื่อยก่อนจะเดินหายไปไหนสักพัก พอกลับมาก็ถือชุด

ปฐมพยาบาลมาพร้อม

         “เดี๋ยวกูจะลองนวดๆก่อนก็แล้วกันเผื่อจะดีขึ้น” ไอ้อิฐบอกผมก่อนจะลงไปนวดข้อเท้าให้ ตอนแรกผมก็เกรงใจที่มันมาทำ

อะไรแบบนี้ให้ ผมบอกมันไปหลายครั้งว่าไม่ต้องทำ แต่มันก็ส่งสายตาดุๆมาให้ผม ผมจึงต้องยอมให้มันนวดข้อเท้าต่อไป

         “ไหนมึงลองขยับดิ” พอมันนวดเสร็จก็สั่งให้ผมขยับข้อเท้า ผมลองขยับตามที่มันบอกก็รู้สึกว่าตอนนี้ข้อเท้าของตัวเองกลับ

มาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้วก่อนจะกล่าวขอบคุณมัน

         “ขอบคุณนะ”

         “อื้ม” มันรับคำก่อนจะลุกมานั่งข้างๆผม

           บรรยากาศยามเย็น ท้องฟ้าสีแสดกับทุ่งนาสีเขียวขจีที่ดูตัดกันก็ให้ความรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย แต่มันก็ทำให้ผมนึกถึงใครอีกคน

ที่เรามักชอบยืนดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันบ่อยๆ

         “เป็นไรไปมึงประจำเดือนมาไม่ปกติเหรอ” ไอ้อิฐถามผม

         “มึงเหอะที่มาไม่ปกติ”

         “ฮ่าๆๆ” ไอ้อิฐหัวเราะร่วน

         “เออนี่ กูถามมึงจริงๆนะ มึงคิดไงถึงมาเป็นตำรวจ” ผมถามไอ้อิฐ

         “กูก็อยากจะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ก็แค่นั้น”

         “ตอบเป็นพระเอกเชียวนะมึง” ผมว่ามัน มันยิ้มๆให้ผม

         “แต่กูก็ไม่ได้เป็นพระเอกของมึงอยู่ดี” ไอ้อิฐว่า ไอ้นี่นี่ไม่ได้เลยเผลอเมื่อไรเป็นหยอดทุกที

         “มึงนี่ วู้ อย่ามาเสี่ยวแถวนี้นะมึง” ผมว่ามัน

         “เออ ก็มึงไม่อยู่ตั้งนานปล่อยให้กูหยอดของกูเหอะ” ไอ้อิฐมันว่า

         “แล้วตอนนี้มึงก็ไม่ได้แวนซ์แล้วอ่ะดิ” ผมถามมันเพราะถ้ามันมาเป็นตำรวจคงจะกลับไปทำตัวแบบเดิมก็คงจะไม่ได้

         “อืม มึงรู้ป่ะเมื่อก่อนกูเป็นเด็กแว๊น แต่เดี๋ยวนี้กูต้องมาจับเด็กแวนซ์ อารมณ์มันคนละแนวเลย” ไอ้อิฐเล่า

         “ก็แหงล่ะมึง” แล้วเราทั้งคู่ต่างก็เงียบเพื่อซึมซับบรรยากาศดีๆที่หาไม่ได้ในกรุงเทพให้เต็มปอด ก่อนที่ผมจะเป็นคนทำลาย

ความเงียบโดยการถามคำถามอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

         “มึง” ผมเรียกคนที่นั่งข้างๆ

         “หืม?” มันตอบรับผมแต่ตาก็ยังคงปิดเพื่อรับบรรยากาศของทุ่งนายามเย็น

         “มึงรู้สึกยังไงกับกูกันแน่” ผมถามไอ้อิฐที่ตอนนี้มันลืมตามามองหน้าผม มันไม่ยอมตอบแต่กลับหลับตาลงอีกครั้ง

         “มึงได้ยินกูป่ะเนี่ย” ผมถามมันอีกครั้ง

         “กูไม่ได้หูหนวกก็ต้องได้ยินดิวะ”

         “งั้นกูถามทำไมมึงไม่ตอบ” ผมเริ่มโมโห

         “กูหลับตาอยู่” ไอ้อิฐมันตอบกวน

         “งั้นมึงก็ลืมตาดิ” ผมเริ่มจะขึ้นเสียง

         “มึงหลับตาก่อนแล้วกูจะตอบ” อะไรของมันวะเนี่ย แต่ผมก็อยากจะรู้จึงหลับตาตามที่มันบอก

           ผมหลับตาลงตามที่มันบอกแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น จึงจะหันไปต่อว่ามัน แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่ริมฝีปาก

 ผมจึงลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นหน้าไอ้อิฐที่ผละออกไป ก่อนมันจะตอบคำถามผม

         “ถึงกูจะชอบหลอกมึง แต่สำหรับเรื่องความรู้สึกแล้ว........กูไม่เคยหลอกมึง”
               
         
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 12-13 200958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 21-09-2015 00:02:28
       “ฝันดีนะมึง” ไอ้อิฐบอกผม

         “อืม เหมือนกัน” ผมบอกลาไอ้อิฐ

         ตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นมาผมก็ไม่เห็นว่าไอ้อิฐจะมีท่าทีแปลกๆใส่ผม แถมยังทำเหมือนกับไม่มีอะไรใส่ผมซะงั้น

         “กลับมาแล้วเหรอน้องไฟสนุกไหม” พอผมเดินขึ้นมาบนบ้านม๊าที่นั่งรอผมอยู่แล้วเรียกถาม

         “ก็สนุกนะครับแล้วนี่พี่ลมไปไหนเหรอทำไมน้องไฟไม่เห็นเห็นเลย” ผมถามม๊าเพราะตั้งแต่เดินขึ้นมาบนบ้านก็ไม่เห็นวี่แวว

ของพี่ลมเลยสักนิด

         “ไปอ้อนยายจ๋าที่บ้านเล็กน่ะ” ม๊าบอกผม ผมเดินเข้าไปหนุนตักม๊าก่อนจะถอนหายใจยาวๆออกมา

         “ไม่สบายใจอะไรบอกม๊าได้นะ ม๊ารับฟังทุกปัญหา” ม๊าบอกผมก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

         “น้องไฟไม่รู้จะทำยังไงดีอ่ะม๊า น้องไฟสับสน”

         “แล้วตอนนี้น้องไฟสับสนเรื่องอะไรอยู่ล่ะ หืม”

         “น้องไฟไม่รู้ น้องไฟเครียด น้องไฟกลัว น้องไฟ ฮึก ม๊า” ผมซุกหน้าลงกับตักของม๊า ม๊าจึงลูบหัวผมเบาๆเพื่อปลอบโยน

         “น้องไฟฟังม๊านะ ตอนนี้น้องไฟสับสนทั้งๆที่น้องไฟยังไม่รู้ว่าตัวเองสับสนเรื่องอะไร น้องไฟต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้น้องไฟ

เครียดหรือกลัวและสับสนเรื่องอะไรแล้วน้องไฟก็ค่อยดูว่าเรื่องที่น้องไฟกลัวนั้นมันมีทางแก้ไหม” ม๊าบอกผมอย่างอ่อนโยน

         “แล้วถ้ามันไม่มีทางออกล่ะม๊า” ผมถาม

         “มันต้องมีสิอยู่ที่เราจะหามันเจอไหม ไหนน้องไฟลองเรียบเรียงใหม่ซิว่าตอนนี้น้องไฟสับสนเรื่องอะไรม๊าจะได้ช่วยน้องไฟ

ได้”

         “น้องไฟทะเลาะกับนอร์สเพราะนอร์สเข้าใจผิดว่าที่น้องไฟรักนอร์สมันมาจากแผนที่น้องไฟวางไว้ แต่ม๊าน้องไฟรักนอร์ส

จริงๆนะน้องไฟไม่ได้ทำไปเพราะแผนอะไรเลย” ผมบอกม๊า

         “งั้นน้องไฟได้บอกเขาไปรึยัง” ม๊าถามพร้อมกับมองหน้าผม

         “ยังเลย...” ผมตอบเสียงอ่อน

         “แล้วมีอีกไหมเรื่องที่ทำให้น้องไฟสับสน” ม๊าถามผมต่อ

         “เรื่องที่นอร์สกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า น้องไฟไม่รู้จะทำยังไงดีน้องไฟไม่อยากให้นอร์สแต่งงาน”

         “แล้วน้องไฟถามนอร์สรึยังว่าเขาอยากจะแต่งงานรึเปล่า ไม่ต้องมาเถียงม๊าเพราะม๊ารู้ว่าเราจะบอกว่ายังไงเขาก็ต้องแต่ง

เพราะแม่บังคับ” ผมยู่หน้าใส่ม๊า

         “แต่ก็นั่นแหละ น้องไฟว่ายังไงเราก็ไปกันไม่รอด” ผมพูดออกมาเบาๆ

         “ฟังม๊านะน้องไฟ” ม๊าบอกผม ผมจึงลุกขึ้นนั่งฟังในสิ่งที่ม๊าจะพูด

         “เท่าที่น้องไฟเล่าให้ม๊าฟังน้องไฟกับคุณนอร์สต่างคนต่างก็ยังไม่ได้คุยกันหรือรับฟังเหตุผลของอีกฝ่าย การที่เราไม่คุยกัน

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอีกคนเขาคิดอะไร”

         “การที่เราจะมีคนรักหรือคู่ครองสิ่งที่จะทำให้ชีวิตรักของเราราบรื่นนั้นมันก็มีอยู่ไม่กี่สิ่งหรอกนะ สิ่งแรกคือความรัก ถ้าเราไม่มี

ความรักให้กันต่อให้ทุกคนบนโลกบอกว่าเราเหมาะสมกันยังไงสุดท้ายเราก็ไปกันไม่รอด สิ่งที่สองคือความเชื่อใจกัน การที่เราจะ

ทำอะไรเราไม่มีความเชื่อใจกันชีวิตเราก็ย่อมต้องหวาดระแวงและไม่มีความสุข สิ่งที่สามคือการช่วยเหลือกัน คนรักกันถ้าไม่ช่วย

เหลือเกื้อกูลกันก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว”

         “อย่างที่สี่คือการเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเพราะถ้าหากเราไม่ใส่ใจคนรักของเรา เราไม่สามารถจดจำรายละเอียดในเรื่องที่คน

รักเราชอบได้ ความสุขในชีวิตรักก็ย่อมไม่เกิด อย่างที่ห้าคือการเปิดอกคุยกันซึ่งม๊าคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่เราจะ

ใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนเพราะบางครั้งสิ่งที่เราทำออกไปอาจจะทำให้เขาเข้าใจเราผิด แต่ถ้าเราอธิบายสิ่งที่เราทำลงไปนั้น เรื่อง

ทุกอย่างก็ย่อมดีขึ้น ส่วนอย่างสุดท้ายคือการให้อภัยซึ่งกันและกัน โบราณว่าไว้การให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การอภัยทาน ถ้าเรา

ไม่รู้จักให้อภัยกันต่อให้มีครบทุกสิ่งที่ม๊าพูดยังไงซะ เราก็อยู่ด้วยกันไม่รอด” ผมนั่งฟังม๊าพูดแล้วก็คิดตามแต่ละข้อที่ม๊าสอน ซึ่ง

มันก็จริงอย่างที่ม๊าว่ามาทั้งหมด

         “ม๊าสอนน้องไฟได้แค่นี้เพราะเรื่องความรักมันเกิดจากคนสองคนฉะนั้นถ้ามีปัญหาในเรื่องนี้ก็ต้องให้คนสองคนที่เป็นคนผูก

ปมต้องเป็นคนแก้ปมออก คนนอกช่วยอะไรไม่ได้ทำได้ก็เพียงแต่ช่วยแนะนำเท่านั้น”

         “ลองปรับเข้าหากันอะไรที่ตึงมากไปย่อมไม่ดี ส่วนอะไรที่หย่อนมาไปก็ย่อมไม่ดีเช่นเดียวกัน ม๊าก็ให้คำแนะนำน้องไฟได้แค่

นี้ล่ะ” ม๊าบอกผมก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือมาลูบหัวผมก่อนจะลูบมาที่ข้างแก้มผมเบาๆ

         “ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน.....จงใช้ใจในการตัดสินปัญหาไม่ใช่ใช้สมองในการตัดสินปัญหา”








มาต่อให้แล้วนะคะ วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดี เลยมาอัพเพิ่มให้ เดี๋ยวดีสจะพยายามอัพให้ทุกวันนะคะ ส่วนเรื่องจอมใจ ขอเวลาไป

ปั่นสัก 3-4 วัน เดี๋ยวจะเอามาลงให้เหมือนเดิมตามปกตินะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 12-13 200958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 21-09-2015 00:07:59

                 แผนการร้ายครั้งที่ 13 : โอกาส......ไม่ได้มาเคาะที่ประตูเรียกคุณ.....แต่มันจะปรากฏขึ้นเมื่อคุณพังประตูนั้นลง

                  วันนี้ผมตื่นนอนขึ้นมาด้วยอาการที่มึนๆเบลอๆเล็กน้อยเพราะผมมัวแต่คิดถึงเรื่องของนอร์สจนนอนไม่หลับ นี่ก็ใกล้จะถึง

วันที่นอร์สจะต้องแต่งงานกับคุณเจนแล้วสินะ ยิ่งคิดก็ยิ่งโหวงๆแปลกๆ

           ผมกับพี่ลมเรามาอยู่ที่นี่กันจะได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ผมมาอยู่ที่บ้านสวนเพราะเหตุการณ์ในวันงานวันนั้นและมาอยู่ที่นี่เพื่อที่

จะได้ทำใจให้ลืมใครอีกคนให้ได้

         “น้องไฟตื่นหรือยังลูก ผู้หมวดมาหาน่ะ” เสียงม๊าตะโกนเรียกผมอยู่หน้าห้อง

         "ครับม๊า น้องไฟตื่นแล้วบอกไอ้อิฐให้รอน้องไฟอีก 20 นาที น้องไฟจะออกไป“ ผมตะโกนบอกม๊ากลับไปก่อนจะรีบไปอาบ

น้ำแต่งตัวเพราะไอ้อิฐมันมารอผมแล้ว

           วันนี้ผมนัดกับไอ้อิฐว่าจะเข้าไปดูคนงานในสวนสักหน่อยเพราะวันนี้ป๊าผมต้องไปคุยกับเกษตรจังหวัด ม๊าต้องอยู่ดูแลบ้าน

 ส่วนพี่ลมก็ไม่ค่อยจะสันทัดเส้นทางเท่าไรเพราะพี่แกก็ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านบ่อยๆ  ผมเลยชวนไอ้อิฐให้ไปสวนด้วยกันเพราะตัว

เองก็จำเส้นทางไปสวนไม่ค่อยจะได้
 
           สวนของที่บ้านผมกับตัวบ้านนั้นอยู่ห่างกันไม่ไกลเท่าไร แต่เส้นทางที่จะไปค่อนข้างจะซับซ้อนไปหน่อย ผมที่ไม่ค่อยจะ

ชินทางอยู่แล้วก็เลยต้องหาคนในพื้นที่ช่วยนำทางไปให้ 

         “รอนานไหมมึง” ผมที่ตอนนี้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกจากห้องมาหาคนที่มารออยู่ที่ห้องรับแขก แต่พอเดินเข้ามาก็

เห็นอีกคนนั่งคุยกับป๊าอย่างออกรส

         “อ้าวป๊าไหนบอกว่าจะไปคุยกับเกษตรจังหวัดไง” ผมถามป๊าเพราะยังเห็นป๊านั่งคุยอยู่กับไอ้อิฐ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ

ไอ้อิฐที่ยังว่างอยู่

         “พอดีเกษตรเขาโทรมาบอกป๊าว่าวันนี้ไม่ว่างคงต้องเป็นวันพรุ่งนี้” ป๊าบอกผม

         “งั้นอย่างนี้ป๊าก็พาน้องไฟไปที่สวนได้น่ะสิ” ผมถามป๊า

         “คงจะไม่ได้นะน้องไฟเพราะผู้หมวดเขาจะไปกับน้องไฟไม่ใช่เหรอ”

         “ก็ไม่ต้องให้ไปแล้วไงให้ป๊าไปกับน้องไฟ”

         “อย่าเสียมารยาทสิน้องไฟเราเป็นคนชวนผู้หมวดเองนะ” ป๊าดุผม

         “ไม่เป็นไรหรอกครับป๊าไว้ผมไปกับไอ้ไฟวันหลังก็ได้ครับ” ไอ้อิฐบอกป๊า แต่ป๊าก็ยังคงไม่ยอมอยู่ดีเพราะป๊ารีบแย้งกลับทันที

         “ไม่ได้ครับผู้หมวด น้องไฟไปกับผู้หมวดไปแล้ววันหลังป๊าค่อยพาไป” ประโยคหลังป๊าหันมาบอกผม ซึ่งผมก็ต้องทำตามแต่

โดยดี


                         
           สวนของที่บ้านผมปลูกผลไม้หลากชนิดซึ่งทำให้สวนค่อนข้างใหญ่โตทีเดียว ใช้เวลาไม่นานมากนักผมกับไอ้อิฐก็มาถึง

สวนของบ้านผม

         “อ้าวคุณหนูเล็กสวัสดีครับ” พอผมลงจากรถก็มีลุงมิ่งที่คอยดูแลสวนเข้ามาทัก

         “สวัสดีครับลุงมิ่ง วันนี้เป็นยังไงบ้างครับลุงมิ่งสบายดีนะครับ” ผมจึงทักลุงมิ่งกลับ

         “ลุงสบายดีครับ ส่วนวันนี้ผลไม้ที่สวนเพิ่งจะเริ่มออกดอกแต่ก็คงไม่นานที่ผลของมันจะออกตามมา คุณหนูเล็กจะเข้าไปดู

ก่อนก็ได้นะครับ วันนี้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไรด้วย” ลุงมิ่งบอกผม ผมกับไอ้อิฐเลยเดินเข้าไปดูภายในสวน

           ผมเดินดูรอบๆสวนโดยมีลุงมิ่งคอยอธิบายและนำทางแถมยังมีไอ้อิฐที่คอยเดินเป็นเพื่อนและอธิบายบางเรื่องบางส่วนที่ลุง

มิ่งอธิบายแล้วผมไม่เข้าใจ ลุงมิ่งยังบอกอีกว่าช่วงนี้คนงานอาจจะไม่ค่อยมาหรือมีเยอะเท่าไรเพราะผลไม้เพิ่งจะออกดอกคนงาน

เลยขอพักผ่อนบ้าง ส่วนคนงานที่ทำงานในสวนของผมก็เป็นญาติพี่น้องหรือไม่ก็คนรู้จักหรือคนคุ้นเคยกันและคนงานส่วนใหญ่

ของที่สวนก็มักจะเรียกผมว่า ‘คุณหนูเล็ก’ แล้วเรียกพี่ลมว่า ‘คุณหนูใหญ่’ เหมือนอย่างที่พี่มะลิและคนงานในบ้านเรียก

         “บรรยากาศดีเนอะ” ผมหันมาบอกไอ้อิฐหลังจากที่เราเดินดูรอบๆสวนเสร็จแล้ว ส่วนลุงมิ่งก็ขอตัวเพราะมีธุระต้องไปทำ

         “อืม ว่างๆมึงก็มาเที่ยวที่นี่บ้างสิ...รู้ไหมมีบางคนที่นี่คิดถึง” ไอ้อิฐบอกผมยิ้มๆ ผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่เฉไฉหันหน้ามองไป

ทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง

      แหม!!ถึงผมจะชอบนอร์ส แต่มีคนมาหยอดผมก็เขินเป็นนะเอา!!!

         “คุณหนูเล็กคะมีคนมาหาที่บ้านค่ะ คุณหนูเล็กมีคนมาหาค่า!!!” เสียงของพี่มะลิตะโกนเข้ามาดังถึงตรงที่ผมกับไอ้อิฐยืนรับ

ลมอยู่ ผมเลยหันไปมองก็เห็นพี่แกวิ่งกระหืดหระหอบเข้ามาหา

         “คุณหนูเล็กขามีคนมาหาคุณหนูเล็กค่ะ” พอพี่มะลิวิ่งมาถึงที่ที่ผมยืนอยู่ก็รีบรายงานเรื่องที่ถูกใช้ให้มาบอกทันทีทั้งๆที่ตัวเอง

ก็ยังหอบอยู่

         “แล้วพี่มะลิรู้ไหมครับว่าเป็นใคร” ผมถามเพราะถ้าเป็นพี่ๆที่บริษัทก็คงจะไม่ใช่เพราะผมบอกว่าขอลางานยาวแบบไม่มี

กำหนด แต่ให้ไอ้วีคอยดูแลงานที่โน่นแทน ส่วนถ้าเป็นไอ้วีมาที่บ้านพี่มะลิก็คงไม่วิ่งแตกตื่นมาขนาดนี้เพราะที่บ้านผมทุกคนรู้จัก

ไอ้วีเป็นอย่างดี แล้วใครกันที่มาหาผม??

         “พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณหนูเล็ก แต่พี่ได้ยินคนที่บอกว่ามาหาคุณหนูเล็กแทนตัวเองกับคุณผู้ชายว่านอร์สนะคะ” พี่มะลิ

บอกผมไปพรางทำท่าครุ่นคิดไปด้วย

         “อะไรนะ!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อรู้ว่าใครมาหา

               นอร์สมางั้นเหรอ มาได้ไงแล้วใครพามาแล้วมากับใคร ซวยแล้วไงสงสัยสึนามิจะเข้าภาคอีสานก็วันนี้ซะ

แล้ว................

         “มีอะไรเหรอไอ้ไฟ” ไอ้อิฐถามผม

          “มึงอย่าเพิ่งถามอะไรมาก ตอนนี้มึงรู้แค่ว่ากูกับมึงต้องกลับบ้านไม่งั้นสึนามิเข้าอีสานแน่ๆไปเร็วมึง” ผมบอกไอ้อิฐซึ่งผมก็

ไม่รู้ว่ามันเข้าใจหรือไม่เข้าใจอะไรยังไง ก่อนจะลากให้มันไปขับรถพาผมกลับบ้านสวน

     เพราะถ้าไปช้ากว่านี้ผมเชื่อเลยล่ะว่า.....สึนามิเข้าอีสานแน่ๆงานนี้!!



                 
           พอไอ้อิฐขับรถพาผมมาถึงที่บ้านสวน ผมก็รีบวิ่งขึ้นบ้านทันที ไอ้อิฐที่ตกใจกับท่าทีแปลกๆของผมก็รีบวิ่งตามมา แต่พอผม

เข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจกับภาพที่เห็น

       เอ่อ....มีผู้ชายหน้าตาดีสองคน คนหนึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อ ส่วนอีกคนหนึ่งก็มีศักดิ์เป็นคนรัก เขาทั้งสองนั่งคุยกันอย่างออกรสที่

ห้องรับแขกไม่มีทีท่าว่าจะทะเลาะกันแต่อย่างใดแล้วยังดูเหมือนว่าจะคุยกันถูกคออีกต่างหาก งั้น......ไอ้ที่ผมเข้าใจมาตลอดว่า

 ภาพตรงหน้าที่ตัวเองต้องได้เห็นนั้น คือป๊าต้องกำลังสอบเครียดนอร์สและทุกคนก็ต้องนั่งกดดันนอร์สอยู่หรือไม่ก็กำลังวางหน้า

ขรึมๆเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม แต่เอ่อ...ไอ้ที่ผมเข้าใจทั้งหมดหรือเข้าใจไปเองมันคือ???

         “อ้าวน้องไฟมาแล้วเหรอ พอดีคุณนอร์สมาหาน่ะ” ป๊าทักผมหลังจากที่เห็นผมกับอิฐยืนอยู่หน้าห้องรับแขก ไอ้อิฐที่มันเห็น

ผมยืนทำหน้าเอ๋อๆเพื่อประมูลลำดับความคิดในสมองก็ใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างผมเบาๆเพื่อเป็นการเรียก

         “อ้อ..เอ่อ..ครับป๊าพอดีน้องไฟกับไอ้...เอ่อ..ผู้หมวดอิฐเพิ่งมาน่ะครับ” ผมรีบตอบป๊าแต่ก็เกือบหลุดเรียกไอ้อิฐต่อหน้าป๊าดีที่

คิดได้ทันเพราะป๊าผมเขาบอกว่าตอนนี้ไอ้อิฐมันเป็นผู้หมวดเป็นคนในเครื่องแบบมียศถาบรรดาศักดิ์แล้วจะเรียกหรือจะทำอะไรก็

ควรที่จะให้เกียรติกันบ้าง ผมก็เลยต้องทำตามที่ป๊าบอก...แต่ก็เฉพาะต่อหน้าป๊าเท่านั้นที่ผมจะเรียกไอ้อิฐว่าผู้หมวดอิฐ แต่ถ้าลับ

หลังล่ะก็ หึๆมีเหรอที่คนอย่างนายอัคนีจะเรียก ฝันไปเถอะ!!!ถึงแม้มันอาจจะทำให้ผมหวั่นไหวไปบ้างก็ตามที แต่เรื่องแบบนี้ผม

ไม่เอามาเกี่ยวกันอยู่แล้ว บอกเลยความสุขล้วนๆ

         “เหรอ งั้นนั่งคุยกับคุณนอร์สเขาไปก่อนนะ ผู้หมวดผมมีเรื่องที่จะวานผู้หมวดหน่อยไปกับผมสักครู่นะ” ป๊าบอกให้ผมอยู่คุย

กับนอร์สไปพลางๆก่อนเดี๋ยวตัวเองจะกลับมาคุยด้วยอีกทีแล้วก็หันไปใช้งานไอ้อิฐแล้วป๊าผมก็ทิ้งผมให้อยู่กับนอร์ส

         “ไฟมาที่นี่ทำไมไม่เห็นบอกนอร์สเลย” นอร์สถามผมหลังจากที่ผมเดินมานั่งลงตรงข้ามกับนอร์สพร้อมกับหยิบหนังสือ

นิตยสารที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาอ่านจะได้รู้สึกว่าไม่ได้มีอีกคนนั่งอยู่

         “ไม่จำเป็น” ผมตอบนอร์ส แต่สายตาก็ไล่อยู่ที่ตัวอักษรของหน้าหนังสือ

         “ทำไมจะไม่จำเป็นล่ะก็เราเป็นคนรักกันไม่ใช่เหรอ” นอร์สว่า ผมจึงลดหนังสือลงเพื่อมองหน้าอีกคนให้ชัดๆก่อนจะพูดอะไร

บางอย่าง

         “คนรักเหรอ นอร์สช่างกล้าพู ดคำนี้กับไฟอีกเหรอ นอร์สยังกล้าพูดมันทั้งๆที่ตัวนอร์สเองก็กำลังจะแต่งงาน” ผมว่าอีกคน

ผมว่าเพื่อให้นอร์สเจ็บแต่ผมกลับรู้สึกว่าคนที่เจ็บไม่ได้มีแค่นอร์ส

         “แล้วนอร์สบอกไฟเหรอครับว่านอร์สจะแต่งงาน”

         “ก็ในงานวันนั้นวันที่-”

         “แล้วไฟได้ยินว่าไฟพูดหรือเปล่าว่าจะแต่ง แต่ถ้าไม่ได้ยินก็อยากให้รู้ไว้ว่าถ้านอร์สไม่โอเคกับอะไรทุกอย่างก็ต้องจบไม่ว่า

จะเป็นเรื่องทั่วไปหรือแม้กระทั่งเรื่องของเจน”

         “นอร์สหมายความว่ายังไง”

         “จะไม่มีงานแต่งงานระหว่างนอร์สกับเจนไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้นเพราะหัวใจของนอร์สไม่ได้อยู่ที่เจน.........แต่อยู่ที่ไฟ”

นอร์สบอกผมด้วยท่าทีที่ดูจริงจังก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผม ผมมองตามมือของนอร์สที่จับอยู่กับมือของผม แต่นอร์สก็จับได้ไม่

นานผมก็ค่อยๆแกะมือของนอร์สออก ถามว่าผมรู้สึกดีใจไหมที่นอร์สไม่ได้แต่งงานแล้วก็คงจะต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษ

มากๆ แต่ผมก็อยากจะดัดนิสัยคนตรงหน้าบ้าง ผมอยากจะงอนต่อแล้วดูซิว่านอร์สจะง้อผมยังไง

         “แล้วนอร์สมาบอกไฟทำไมในเมื่อเราเลิกกันไปแล้ว”

         “ก็จริงอย่างที่ไฟพูดเราเลิกกันไปแล้ว” นอร์สบอกผมเสียงเบาแถมยังทำหน้าเศร้าๆอีกต่างหากแค่ผมได้ยินนอร์สพูดเสียง

เบาก็ทำเอาผมใจไม่ดียิ่งมีท่าทางประกอบนี่ผมใจหล่นวูบ บอกเลยไม่อยากเห็นคนหล่อเศร้า!! ผมกำลังจะอ้าปากบอกนอร์สว่า

ผมแค่ล้อเล่น แต่เจ้าตัวดันขัดขึ้นมาก่อนทำให้ผมหุบปากที่อ้าค้างไว้แทบจะไม่ทัน

         “ถ้าเราเลิกกันแล้ว งั้นนอร์สก็ขอจีบไฟใหม่ได้ไหม ไฟให้นอร์สจีบไฟนะคราวนี้นอร์สจะต้องจีบไฟให้ไฟกลับมารักนอร์ส

เหมือนเดิมและสัญญาว่านอร์สจะไม่ทำให้ไฟผิดหวังเด็ดขาด ฉะนั้นนอร์สก็ขอเริ่มจีบไฟอย่างเป็นทางการนะครับ!!” นอร์สบอก

ผมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเหมือนเราจะโล๊ะทุกอย่างที่ไม่ดีออกแล้วเริ่มต้นกันใหม่และนั่น

มันก็ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ แต่ติดตรงที่ว่า นอร์สขอเริ่มจีบไฟอย่างเป็นทางการ มันหมายความว่ายังไง ทำไมจะจีบผมต้อง

ประกาศขอด้วยว่าจะจีบอย่างเป็นทางการ หรือผมได้ยินอะไรผิดไป แต่ผมว่านะสงสัยนอร์สจะเรียนหนักเข้าขั้น..เอ่อ....ไม่เต็ม

หรือไม่ก็เกินแน่ๆ!?   

                               
                     
         “เอ่อ...” ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีเพราะตอนนี้จานข้าวผมเต็มไปด้วยกับข้าวเกือบจะทุกอย่างที่ม๊าทำและนั่นก็มาจากฝีมือ

การตักไม่บันยะบันยังของนอร์สจะไอ้อิฐ

         "ไม่ต้องเอ่อหรอกมึงกินๆเข้าไปเหอะจะได้โตไวๆ" ไอ้อิฐบอกผมแถมยังมีการตักกุ้งตัวโตที่นอนแช่ตัวอยู่ในแกงส้มมานอน

แอ้งแม้งอยู่ที่จานของผม

         “นั่นสิไฟ..เอ่อ..พี่ไฟกินเยอะๆอย่างที่ผู้หมวดว่าน่ะดีแล้ว” จากนั้นนอร์สก็ตักไข่เจียวหมูสับมาวางที่จานผม

            แหม!!อีกคนตักแกงส้ม อีกคนตักไข่เจียว ช่างสามัคคี รู้น่าที่กันดีเหลือเกิน!?

         “แต่ไฟว่านอร์สตักให้ไฟเยอะมากแล้วนะ มึงก็อีกคนไอ้ผู้หมวดมึงจะตักเอากูอิ่มยันชาติหน้าตอนเช้าเลยเหรอวะ” ผมหันไป

ว่าทั้งสองคน แต่แทนที่ทั้งคู่จะสำนึกผิด แต่ที่ไหนได้กลับตักกับข้าวมาเพิ่มให้ผมอีก

                     เฮ้อ!!อะไรของมันกันวะ!!

           วันนี้หลังจากที่นอร์สมาบ้านผมแล้วเจ้าตัวก็มาขอเริ่มต้นกับผมใหม่ด้วยการมาขอจีบผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าอีกคนจะ

ทำมัน คุยกันได้ไม่นานป๊ากับม๊าก็ชวนไปทานข้าว ส่วนไอ้อิฐที่ป๊าเรียกมันไปคุยตั้งแต่ตอนที่ผมคุยกับนอร์สก็มานั่งทานข้าวด้วย

มันจะไม่อะไรเลยถ้าไม่ใช่ว่าตั้งแต่ที่เริ่มทานข้าวทั้งนอร์สทั้งไอ้อิฐไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปนึกคึกอะไรมาจากไหนเพราะเล่นตักแต่

กับข้าวที่ผมชอบมาวางไว้จนล้นจานกินทีนี่แทบจะไม่ไหวและดูท่าว่าจะไม่หยุดเอาง่ายๆอีกด้วย

         “กินไปเถอะน้องไฟ ป๊าว่ามีคนบริการให้ดีกว่าบริการเองนะ” ป๊าบอกผมยิ้มๆ ผมที่ได้แต่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็

ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะนั่นมันก็จริงอย่างที่ป๊าพูด แต่อีกนัยหนึ่งผมก็รู้สึกเขินเหมือนกันที่มีคนมาคอยบริการ

         “นั่นสิครับพี่ไฟ” นอร์สสนับสนุนที่ป๊าพูด แต่มีอยู่อย่างที่นอร์สเปลี่ยนไปซึ่งนั่นก็คือสรรพนามเรียกแทนตัวของผม ตอนแรกที่

ป๊าได้ยินนอร์สไม่ได้เรียกผมว่าพี่เพียงแต่เรียกชื่อตัวเฉยๆ แต่ป๊าผมค่อนข้างจะซีเรียสเรื่องนี้มากเลยให้นอร์สเรียกผมว่าพี่เฉพาะ

ตอนอยู่ที่นี่ก็ได้ ซึ่งนอร์สก็ไม่ได้ปฏิเสธยอมทำตามที่ป๊าบอก

         “ทานเถอะลูกน้องไฟ” ม๊าบอกผม

         “ครับ” ผมรับคำก่อนจะลงมือทานอาหารที่ดูจะมีความสุขมากเกินไปหน่อย
                     
         
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 12-13 200958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 21-09-2015 00:15:25
       “น้องไฟก็ให้นอร์สนอนที่ห้องข้างน้องไฟก็ได้เพราะอีกห้องพี่มะลิยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย”

         “ก็ได้ครับม๊า งั้นเดี๋ยวน้องไฟจะไปบอกนอร์สนะครับ” ผมบอกม๊าก่อนจะเดินไปตามนอร์สที่ตอนนี้อยู่คุยกับป๊ากับไอ้อิฐ ซึ่ง

พอผมเดินเข้าไปใกล้แต่ละคนมีสีหน้าดูจริงจังและเคร่งเครียดแปลกๆแถมยังไอ้สายฟ้าที่ออกจากตาของนอร์สกับของไอ้อิฐที่

มองกันอีกหรือว่า!!........สองคนนั่นจะสปาร์คกัน แต่ดูท่าจากสถานการณ์แล้วทั้งคู่น่าจะกัดกัน?เสียมากกว่าและสงสัยว่าผมคงจะ

ยืนเด่นไปหน่อยป๊าที่กำลังคุยเครียดๆกับนอร์สแล้วก็ไอ้อิฐที่หันมาเห็นผมก็หันไปยิ้มคุยเล่นกับทั้งคู่แล้วทั้งสองคนก็หันมามองที่

ผมก่อนที่ปาจะลุกเดินมาคุยกับผม

         “น้องไฟมีธุระอะไรหรือเปล่าแล้วทำไมไม่เข้ามาข้างในล่ะ” ป๊าเดินมาหาผมแต่สองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม

         “คือม๊าให้น้องไฟมาบอกนอร์สว่าคืนนี้ให้นอนอยู่ห้องข้างๆของน้องไฟ ส่วนที่น้องไฟไม่เข้าไปเพราะเห็นป๊ากำลังคุยอยู่กลัว

ว่าจะเป็นการรบกวน” ผมอธิบายให้ป๊าฟังซึ่งป๊าก็พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็หันไปเรียกนอร์สกับไอ้อิฐ

         “นอร์ส ผู้หมวดมาทางนี้หน่อยครับ” ป๊าบอกทั้งสองคนที่นั่งอยู่ให้เดินมาหา

         “เดี๋ยวนอร์สไปดูห้องกับน้องไฟนะ ส่วนผู้หมวดก็ไปทำงานส่วนตัวได้แล้วล่ะ” เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงป๊าผมก็ให้นอร์สเดิน

ไปดูห้องนอนของตัวเองแล้วก็ให้ไอ้อิฐกลับไปทำธุระส่วนตัว จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป

         “นี่ห้องของนอร์สนะ” ผมพานอร์สมาดูห้องพัก

         “ครับ แล้วห้องไฟอยู่ที่ไหนเหรอ” นอร์สถามผมหลังจากที่ตัวเองเดินสำรวจภายในห้อง

         “ก็อยู่ข้างๆกันนั่นแหละแล้วเย็นนี้จะไปเที่ยวที่สวนไหม” ผมถามนอร์ส ขณะเดินเข้าไปช่วยอีกคนจัดผ้าปูที่นอนที่เตียง

         “น่าจะนะครับ แต่นอร์สอยากอยู่กับไฟมากกว่า” ว่าจบอีกคนก็ดึงผมเข้าไปกอด ผมที่ดิ้นขัดขืนเพื่อไม่ให้อีกคนกอดก็ไป

สะดุดเข้าที่ขาเตียงจากนั้นทั้งผมและนอร์สก็ล้มลงไปนอนกองกันอยู่ที่เตียง

         “เอ่อ....หนัก” ผมบอกอีกคนเบาๆเพราะตอนนี้สภาพผมกับนอร์สที่นอนอยู่บนเตียงค่อนข้างจะไม่ค่อยโอเคสักเท่าไร ซึ่งภาพ

นี้อาจจะทำให้คนที่เดินผ่านเข้ามาเห็น อาจจะเข้าใจผิดได้เพราะภาพนั้นคือภาพที่นอร์สนอนคร่อมผมไว้ที่เตียงนอน แถมเจ้าตัวก็

ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นจากตัวผมอีกด้วย

         “นอร์สขอโทษนะครับ” หืม?

         “ขอโทษ ขอโทษอะไรไฟเหรอ” ผมถาม

         “ขอโทษที่นอร์สเข้าใจไฟผิด คุณปฐวีกับธีน่าเล่าให้นอร์สฟังหมดแล้วว่าสิ่งที่ไฟทำกับนอร์สเพราะไฟรักนอร์ส” นอร์สบอก

ผม โดยเฉพาะประโยคที่ว่า สิ่งที่ไฟทำกับนอร์สเพราะไฟรักนอร์ส นอร์สบอกผมเหมือนกับนั่นเป็นเพียงแค่ประโยคธรรมดาๆ

แต่ไอ้ประโยคที่อีกคนคิดว่ามันธรรมดาก็พาลทำให้ผมรู้สึกเขินอายได้เหมือนกัน

         “ใครว่าไฟรักนอร์ส” ผมรีบแย้งเพื่อที่จะได้กลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง

         “งั้นเหรอ อืม...นอร์สว่าเราควรจะมาพิสูจน์กันดูนะ” นอร์สพูดกับผมพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ที่อีกคนมองมาก็พาลทำให้หัวใจ

ดวงน้อยๆของผมเริ่มอยู่ไม่สุข

         “พิสูจน์..พิสูจน์อะไร อย่ามาเล่นอะไรบ้าๆกับไฟนะนอร์ส” ผมรีบพูดดักทางอีกคนเอาไว้เสียก่อน

         “ก็พิสูจน์ไงว่าตอนนี้ไฟก็ยังรักนอร์สอยู่ แต่ตอนนี้นอร์สไม่ทำอะไรไฟหรอกเพราะนอร์สจะใช้ความรักที่นอร์สมีให้ไฟพิสูจน์

ความรักของเรา” พูดจบนอร์สก็ฟุบหน้าลงกับอกของผมก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างแล้วหลับไป

         “นอร์สขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมาให้โอกาสผู้ชายงี่เง่าคนนี้ได้พิสูจน์รักแท้กับคนที่เขารักสุดหัวใจได้ไหม ขอให้นอร์สอยู่

แบบนี้สักพักนะครับ”

         “อืม ไฟให้โอกาสนอร์สเสมอนะ” จากนั้นผมก็เอื้อมมือไปลูบเส้นผมของอีกฝ่ายเล่น แต่นั่นก็เพื่ออยากจะให้อีกคนได้ผ่อน

คลายลงบ้างและเพราะเท่าที่จำได้นอร์สชอบบอกผมเสมอว่าชอบที่จะให้ผมลูบหัวให้ตัวเองแบบนี้ ซึ่งกับคนอื่นไม่มีใครที่จะมา

ทำแบบนี้ได้และนอร์สก็ชอบบอกกับผมเสมออีกว่าสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่เราสามารถทำได้เพราะ เราเป็นคนพิเศษของกันละ

กัน..........................
                       



         “อืม”

         “ตื่นแล้วเหรอครับไฟ”

         “กี่โมงแล้วเหรอนอร์ส”

         “สองทุ่มเห็นจะได้ครับ ค่อยๆลุกสิครับเดี๋ยวหน้ามืดหรอก” นอร์สบอกผมก่อนที่เจ้าตัวจะมาพยุงผมขึ้นนั่งกับที่ดีๆเพราะผม

เป็นประเภทที่ถ้าลุกเร็วมากเมื่อไหร่จะเกิดอาการวูบขึ้นทันที ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากการที่เลือดผมน้อยทำให้วูบได้ง่าย

         “ขอบคุณนะ แล้วนี่ไฟหลับไปนานมากไหมอ่ะ”

         “ไม่นะครับน่าจะประมาณสองชั่วโมงกว่าได้”

         “โห ไหนบอกว่าไม่นานตั้งสองชั่วโมงเลยนะ” โห สงสัยผมคงจะเพลียจัดเพราะเมื่อคืนเล่นไม่ได้นอนเกือบแทบจะทั้งคืน

พอได้นอนก็หลับเป็นตายเลยทีนี้

         “ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับเพราะเห็นม๊าบอกว่าไฟนอนไม่หลับเมื่อคืน” นอร์สถามผม

         “ก็นะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแหละ” ผมบอกอีกคนที่นั่งทำหน้าขมวดคิ้วมุ่น

         “ไม่ได้นะครับไฟจะเครียดแคไหนแต่การดูแลสุขภาพสำคัญมากนะครับทีหน้าทีหลังต้องพยายามหลับให้ได้นะครับ” นอร์ส

บอกผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย ตอนนี้ผมรู้สึกว่าบรรยากาศเก่าๆที่ผ่านมาค่อยๆเริ่มที่จะกลับมาอีกครั้ง

         “อืม ไฟจะพยายามนะ” ผมรับปาก นอร์สเลยบอกว่าจะไปส่งผมที่ห้อง แต่พอเปิดประตูห้องออกก็เห็นป๊ากำลังจะเคาะประตู

เรียกนอร์สพอดี

         “เอ่อ......” ผมเห็นป๊ามองด้วยสายตาขวางๆแปบนึงก่อนจะกลับมาเป็นปกติ

         “น้องไฟเข้าไปทำอะไรในห้องนอร์ส” ป๊าถามผม แม้หน้าตาจะดูไม่มีอะไรแต่น้ำเสียงที่สื่อออกไปตรงกันข้ามกับหน้าตาและ

ท่าทางอย่างสิ้นเชิง

         “คือ..น้องไฟช่วยนอร์สเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้วเผลอหลับไป” ผมอธิบายให้ป๊าฟัง

         “แค่นี้??” ป๊าถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
         “ครับ แค่นี้” นอร์สตอบคำถามของป๊าแทนผม

         “อืม แล้วไป แต่ก็อย่าลืมนะนอร์ส” ป๊าผมหันไปคุยกับนอร์ส แต่ไอ้รูปประโยคที่ป๊าพูดกับนอร์สมันแปลกๆยังไงบอกไม่ถูก

แล้วเรื่องนี้มันมีอะไรต้องอย่าลืมด้วยนะ?

         "ครับผมจำได้ ป๊าไม่ต้องห่วงยังไงซะ..................ก็ต้องเป็นผมแน่นอน" นอร์สตอบป๊าและนั่นยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปอีก

ทำไมต้องเป็นนอร์ส ผมว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรปิดบังผมอยู่แน่ๆ

         “อืม ดี แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารสิ หึๆ” ป๊าว่า

         “ครับ ขอบคุณที่เตือน” นอร์สพูดกับป๊าก่อนที่ทั้งคู่จะพูดเรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวต่อไปอีกสองสามประโยคนอร์สจึงเดิน

มาส่งผมที่ห้อง

         “นอร์สกับป๊าพูดเรื่องอะไรกันทำไมไฟไม่เห็นจะเข้าใจเลย” พอนอร์สมาส่งผมถึงห้องเจ้าตัวก็ทำท่าจะเดินกลับห้องไป

เหมือนจะรู้ว่าผมต้องถามคำถามนี้

         “ตอนนี้ไฟอย่าเพิ่งรู้เลย รู้เพียงแต่ว่าไฟต้องเชื่อใจนอร์สแค่นั้นพอ”

         “แล้วจะให้ไฟเชื่อใจนอร์สได้ยังไงในเมื่อเรื่องแค่นี้นอร์สยังบอกไฟไม่ได้เลย”

         “เชื่อใจนอร์ส เวลาจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ทุกอย่าง ตอนนี้ไฟรู้แค่ว่าเรื่องราวของเราที่ผ่านมาขอให้มันจบไปกับอดีตที่ไม่สวยงาม

 แต่ให้รับรู้ไว้ว่ามันกำลังจะเริ่มต้นใหม่และสวยงามมากกว่าครั้งที่ผ่านมา.............”













อะแฮ่มๆ เอาเรื่องราวความรักของนอร์สกับไฟมาเสิร์ฟต่อแล้วจร้าาา ตอนนี้ก็คงต้องดูสถานการณืของทั้งสองคนกันต่อปายยย

วันนี้ดีสอัพดึกมากๆๆ 55555 ยังไงก็ฝันดีทุกคนนะคะ ^^ แล้วเจอกันตอนหน้าคร่าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 12-13 200958
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 21-09-2015 06:00:54
พ่อตากับว่าที่ลูกเขยวางแผนการอะไรกันเอาไว้หนอ?
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 12-13 200958
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 21-09-2015 12:38:01
พ่อตากับลูกเขยวางแผนอะไรกันนะ แล้วใช้อิฐมาร่วมแผนอีกคนล่ะสิ พิสูจน์ตัวเองนะนอร์ส ผ่านไปให้ได้ เชื่อใจกันนะไฟ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 22-09-2015 00:09:21
                     แผนการร้ายครั้งที่ 14 : ไม่มีความรักใดปราศจากการให้อภัยและไม่มีการให้อภัยใดที่ปราศจากความรัก

                  เช้านี้ผมรู้สึกว่าตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วมีความสุขกว่าทุกเช้าที่เคยได้ตื่นหลังจากที่ผมกลับมาอยู่ที่บ้านสวนและนั่นอาจจะ

เป็นเพราะว่ามีคนพิเศษบางคนที่ผมเฝ้ารออยู่ที่นี่ด้วยแล้วก็ได้

         “นอร์ส” วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเลยแวะไปช่วยม๊าในครัวจนมาไล่ให้ผมมาปลุกนอร์สในห้องเพราะอีกไม่นานคงจะได้ตั้งโต๊ะทาน

อาหารเช้ากันแล้ว

         “เอ๋?ไม่อยู่เหรอ” ผมที่ถือวิสาสะผลักประตูห้องนอร์สเข้าไปดูภายในห้องเพราะผมยืนเรียกนอร์สอยู่หน้าประตูห้องตั้งนาน

แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะเปิดประตูออกมา แต่พอผมเปิดเข้าไปกลับไม่พบเจ้าของห้อง

         “นอร์ส นอร์สอยู่รึเปล่า” ผมลองเรียกอีกคนดูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...........................

         “อ้าว ไฟ” ผมที่กำลังจะหันกลับออกจากห้องไปเพราะดูแล้วเจ้าของห้องคงจะไม่อยู่ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้หันหลังเดินออก

จากห้องไปเสียงของคนที่ผมตามหาก็เรียกชื่อผมขัดขึ้นจากทางด้านหลังเสียก่อน

         “อ้าว นอร์สไปไหนมาเหรอ” ผมถามอีกคนที่ตอนนี้เดินเข้ามาในห้องเพื่อจะเตรียมอาบน้ำแต่งตัวเพราะสภาพของอีกคนตอน

นี้ไม่ต่างจากไปนอนคลุกดินคลุกทรายมาเลย

         “ไปช่วยป๊าไฟทำสวนมาหนะ” ห๊ะ!!
         “แต่เช้าเลยเนี่ยนะ” ผมถามนอร์สที่ตอนนี้สาละวนอยู่กับการเลือกเสื้อผ้า ผมจึงเดินไปนั่งคุยกับอีกคนที่เตียง
         “ครับ ก็ทำนองนั้น” นอร์สตอบผม

         “ป๊าเขาคิดอะไรของเขาอยู่นะ” ผมบ่นๆ

         “ป๊าเขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้นะครับ ไฟอย่าไปโกรธป๊าเลย” นอร์สบอกผมยิ้มๆก่อนจะเตรียมตัวไปอาบน้ำ

         “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยนะ นอร์สก็เหมือนกันไฟรู้นะว่านอร์ส ป๊าแล้วก็ไอ้อิฐมีอะไรบางอย่างปิดบังไฟอยู่ แต่อย่าให้ไฟรู้นะ

จะว่าให้เรียงตัวเลยคอยดูสิ!!!” ผมว่านอร์สงอนๆ อีกฝ่ายจึงเดินมาหาผมก่อนจะก้มลงหอมแก้มผมแล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป

         “อ๊ะ!อีตาบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ หึ่ย!!” ผมตะโกนไล่หลังอีกคนที่ตอนนี้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอย่างสบายใจ แต่ก็ยังไม่วายที่

จะตอบผมกลับอีก

         “ฝากไว้ได้แต่ต้องรีบมาเอาคืนนะครับไม่งั้นนอร์สคิดทั้งต้นทั้งดอกเลยนะ แล้วเดี๋ยวไฟจะหนาว ฮ่าๆๆๆ” นอร์สตะโกนออกมา

แข่งกับเสียงน้ำที่เปิดไว้ในห้องน้ำ

         “ทะลึ่ง!!” ผมว่าอีกคน แต่อีกฝ่ายกับหัวเราะร่วนจากในห้องน้ำซะงั้น   นอร์สนะนอร์สเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เล่นให้เขินแต่เช้า

เลย!!!



                           
         “อ้าว กินกันสิจะมัวมองอะไรเดี๋ยวกับข้าวที่ม๊าเขาทำไว้จะเย็นชืดหมดนะ น้องไฟด้วยกินซะสิ ป๊าเห็นเราเอาแต่จ้องมองอะไร

ก็ไม่รู้ตั้งนานแล้วนะ” ป๊าว่าที่ผมเอาแต่นั่งมองแล้วก็ไม่ยอมกินข้าว แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวที่มอง ทั้งผมทั้งนอร์สและไอ้อิฐเราทั้ง

สามต่างคนต่างจ้องมองกันเป็นระยะๆ ก็จะไม่ให้ผมมองได้ยังไงเพราะอยู่ดีๆวันนี้ป๊าก็นัดให้ไอ้อิฐมันมากินข้าวเช้าที่บ้านผมด้วย

น่ะสิ!!!

           หลังจากที่ม๊าไล่ผมไปตามนอร์สให้ไปเตรียมตัวทานข้าวเช้าก็เลยนั่งเล่นอยู่ที่ห้องของอีกฝ่าย จนอีกฝ่ายอาบน้ำแต่งตัว

เสร็จเราทั้งคู่จึงไปทานข้าวกัน แต่พอผมกับนอร์สเดินมาที่โต๊ะอาหารก็เห็นแขกที่ไม่รู้ถูกเชิญมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่งคุยกับป๊าผม

อย่างออกรสที่โต๊ะทานข้าวแล้วป๊ายังบอกอีกว่าวันนี้จะชวนไอ้อิฐมันทานข้าวเช้า กลางวันและเย็นที่บ้านด้วยเลย

 แหม มาทีเล่นกินครบทั้งสามมื้อเชียว?! ผมก็ได้แต่เออออห่อหมกไป แต่ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่ป๊าทำ แต่ผมก็ได้แต่สงสัยยัง

ไงก็คงต้องรอดูท่าทีของป๊าต่อไป.....

         “ทานสินอร์สหรือว่ากับข้าวที่ม๊าทำไม่ถูกปาก เปลี่ยนก็ได้นะเดี๋ยวม๊าเปลี่ยนให้” ม๊าผมว่าก่อนทำท่าจะหยิบกับข้าวบางอย่าง

ไปเปลี่ยนให้นอร์ส แต่นอร์สกลับคว้ามือม๊าไว้ก่อน

         “ไม่เป็นไรครับม๊ากับข้าวของม๊าอร่อยแล้วก็ถูกปากผมมากเลยครับเพียงแต่ผมยังรู้สึกอิ่มๆอยู่เลยทานได้น้อยเท่านั้นเองครับ”

 นอร์สอธิบายให้ม๊าผมฟัง ผมจึงหันไปมองจานข้าวนอร์สที่ข้าวในจานแทบจะไม่พร่องไปแม้แต่น้อย

         “เหรอลูก แต่ม๊าว่าเราก็น่าจะทานอีกนิดนะเพราะข้าวเช้าดีต่อสุขภาพ” ม๊าบอกนอร์สอย่างเอ็นดู นอร์สเลยพยักหน้ารับ

         “เป็นอะไรรึเปล่านอร์ส” ผมถามนอร์สเพราะอีกคนดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจให้คิดอยู่ตลอดเวลา

         “เปล่าครับ พี่ไฟก็ทานเถอะครับเดี๋ยวจะเป็นลมเอา ข้าวเช้ามีผลโดยตรงต่อสุขภาพนะครับ นอร์สเป็นห่วง” นอร์สบอกผม

แถมยังโชว์เลี่ยนต่อหน้าทุกคนอีกต่างหาก

         “อืม นอร์สก็เหมือนกันนะกินเยอะๆล่ะ” ผมรับปากก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวเพราะรู้สึกเหมือนใบหน้าของตัวเองเริ่มมี

อุณหภูมิที่เริ่มสูงขึ้นจากปกติเล็กน้อย แล้วไหนจะมีสายตาและรอยยิ้มของม๊าที่ส่งมาให้ผมกับนอร์สแค่นี้ก็เล่นเอาผมแทบจะมุด

ดินหนีจะมีก็แต่......

         “ห่วงตัวเองก่อนไหมนอร์ส ได้ข่าวว่าเรียนแพทย์ไม่ใช่เหรอกี่ปีล่ะกว่าจะจบ” ป๊าผมถามนอร์ส เจ้าตัวจึงวางช้อนส้อมก่อนจะ

ตอบคำถามป๊า

         “ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วครับ” นอร์สตอบ

         “อืม ดีนี่แล้วถ้าจบนี่จะไปทำงานที่โรงพยาบาลไหนล่ะคงไม่บอกว่าต้องไปอยู่ต่างจังหวัดหรอกนะ” ป๊าผมถาม

         “ไม่ครับทำงานโรงพยาบาลในกรุงเทพฯนี่ล่ะครับ”

         “แล้วอยากไปทำโรงพยาบาลที่ไหนในกรุงเทพฯล่ะ แต่ว่าถ้าเป็นโรงพยาบาลชื่อดังคงจะต้องเก่งหน่อยนะเพราะเขารับคนที่

ความสามารถไม่ใช่หน้าตา” ป๊าผมว่า แต่ผมว่าบทสนทนาการถามคำถามของป๊าที่ถามนอร์สมันเริ่มแปลกๆ ผมเลยจะขัดป๊าว่าที่

นอร์สเรียนมันไม่ใช่ธรรมดาๆเกียรตินิยมอันดับสองแทบจะมากองวางอยู่ตรงหน้าเจ้าตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอยู่แล้ว แต่ม๊า

กลับส่งสายตาห้ามผมไว้ ผมจึงได้แต่สงบปากสงบคำทั้งที่ใจอยากจะแย้งอยู่รอมร่อ

         “ครับ เรื่องนี้ผมทราบดี ผมว่าไว้ป๊ารอไปงานผมรับปริญญาก่อนก็ค่อยว่ากันนะครับเพราะผมยังไม่สามารถบอกอะไรป๊าได้ใน

ตอนนี้เพราะปัจจุบันคือสิ่งที่เรากำลังทำ ส่วนอนาคตคือสิ่งที่เรากำลังจะเผชิญ ซึ่งนั่นมันก็เกิดหลังจากที่มันผ่านปัจจุบัน” นอร์ส

ตอบป๊า ผมลอบสังเกตสีหน้าของป๊าเหมือนว่าจะมีอยู่แวบหนึ่งที่ป๊ายิ้มมุมปากล็กน้อย แต่นั่นก็แค่แวบเดียวจริงๆ แต่ยังไงก็เถอะ


               ผมสาบานได้ว่าป๊าพอใจในคำตอบของนอร์สแน่นอน!!




                     
         “วันนี้อากาศอาจจะร้อนสักหน่อยนะ ไหวไหมนอร์ส ผู้หมวด” ป๊าหันมาบอกและหันมาถามนอร์สและไอ้อิฐ

         “ไหวครับ!!” ทั้งนอร์สทั้งไอ้อิฐตอบรับป๊า

         “งั้นก็ดี น้องไฟเดี๋ยวไปช่วยม๊าเขาเตรียมขนมและน้ำในครัวแล้วกลางวันๆค่อยเอามาให้ป๊านะ” ป๊าหันมาบอกผม

         “แต่ป๊า น้องไฟก็-”

         “ไม่มีแต่น้องไฟ มีแต่ตามนั้นเท่านั้น หวังว่าน้องไฟจะเข้าใจที่ป๊าพูด”

         “ครับป๊า” ผมรับคำป๊าอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไร แต่ทำไงได้ขืนขัดไปก็มีหวังโดนทั้งป๊าทั้งม๊าแถมถ้าพี่ลมอยู่ด้วยตอนนี้คง

เทศน์ผมหูชาแน่ๆ

         “งั้นน้องไฟกลับบ้านก่อนนะครับเดี่ยวกลางวันจะมาใหม่” ผมบอกป๊าก่อนจะหันไปคุยกับนอร์ส


         “ไฟไปก่อนนะนอร์สเดี๋ยวกลางวันมาหา ถ้าเหนื่อยก็พักนะ” ผมบอกนอร์สเพราะการที่จะมาทำสวนแถมยังกลางแดดร้อนๆ

และปัจจัยสำคัญคือการที่ทำไม่เป็นมันยิ่งดูเหมือนเป็นการทรมานร่างกายตัวเองเต็มๆ ผมก็เลยอดที่จะห่วงนอร์สไม่ได้

         “ครับพี่ไฟ ไม่ต้องห่วงนอร์สหรอก นอร์สดูแลตัวเองได้ แต่พี่ไฟก็ต้องรีบมาหานอร์สนะเดี๋ยวนอร์สจะคิดถึง” นอร์สบอกผม

ยิ้มๆ

         “อื้ม!!”

         “แล้วกูอ่ะ” เสียงของไอ้อิฐขัดขึ้น

         “เกี่ยวไรกับมึงด้วยล่ะ” ผมว่า

         “มึงไม่กลัวกูจะคิดถึงมึงบ้างเหรอ” ไอ้อิฐถามผม ส่วนนอร์สที่ยืนอยู่ข้างๆก็หันไปมองหน้าไอ้อิฐตรงๆ

         “แล้วกูจะกลัวทำไมล่ะ” ผมว่า ไอ้อิฐเลยปรายตาไปมองนอร์สที่ยืนอยู่ข้างๆผมก่อนจะหันกลับมาพูดกับผมต่อ

         “อ้อ!ใช่สิกูลืมไปว่ามึงคงมีคนที่มึงคิดถึงอยู่แล้ว กูมันก็แค่คนนอกที่ไม่มีค่าอะไร” ไอ้อิฐว่าอย่างตัดพ้อ

         “เออ กูล้อเล่นไม่ต้องมาทำเป็นเศร้าเลยนะ” ผมว่าไอ้อิฐก่อนจะหันไปบอกนอร์สว่าผมต้องรีบกลับ

         “ไฟกลับก่อนนะ”

         “ครับ เดินทางกลับดีๆนะครับ”



                     
         “กลับมาแล้วเหรอน้องไฟ”

         “ครับม๊า ม๊ามีอะไรให้น้องไฟช่วยไหม”

 .        “งั้นน้องไฟช่วยคว้านเม็ดลำไยออกให้ม๊านะเดี๋ยววันนี้ม๊าจะทำลำไยลอยแก้ว” ม๊าบอกผมก่อนจะเรียกพี่มะลิให้มาทำน้ำ

เก็กฮวยต่อจากที่ม๊าทำไว้ ส่วนผมก็จัดแจงหาที่นั่งก็หยิบมีดคว้านมาคว้านเม็ดลำไยออกแล้ววางใส่จาน ส่วนม๊าก็เดินมานั่งข้างๆ

ผม

         “น้องไฟได้คุยกับนอร์สรึยังลูก” ม๊าถามผม

         “คุยกันแล้วครับม๊า” ผมตอบ

         “แล้วเป็นยังไงบ้างลูกเข้าใจกันแล้วใช่ไหม หืม” ม๊าผมถามก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวผม ผมจึงหยุดคว้านเม็ดลำไยแล้วหันมา

ยิ้มให้ม๊าบางๆ

         “ครับม๊า ขอบคุณม๊ามากนะครับที่คอยให้คำปรึกษาน้องไฟตลอด

น้องไฟรักม๊ามากนะครับ รักมากที่สุดในโลกด้วย” ผมบอกม๊าอ้อนๆ ม๊ายิ้มให้ผมน้อยๆก่อนจะถามคำถามผมต่อ

         “ม๊าก็รักน้องไฟมากนะ แล้วนี่กลางวันนี้ต้องเตรียมอาหารไปให้สามทหารเสือด้วยรึเปล่าลูก” ม๊าผมถามถึงป๊าแล้วก็นอร์ส

กับอิฐ

         “ด้วยครับม๊าเห็นป๊าบอกว่าช่วงบ่ายๆให้เอาไปให้”

         “อืม งั้นเดี๋ยวม๊าไปเตรียมทำอาหารไว้ก่อนดีกว่า คว้านดีๆระวังมือนะน้องไฟ” ม๊าเตือนผมก่อนจะขอตัวไปทำอาหารมื้อกลาง

วันให้กับสามหนุ่มสามมุมที่ตอนนี้คงจะตากแดดตัวดำกันอยู่กลางสวนแน่ๆ

         “เฮ้อ!!” ผมถอนหายใจเมื่อคิดถึงทั้งสามคนไหนจะเรื่องที่คิดไม่ตกกับท่าทีและบางอย่างที่ดูแปลกๆไปของทั้งสามคน

         “ป๊ากับนอร์สและอิฐต้องวางแผนหรือแอบมีความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเราแน่ๆ ต้องรู้ให้ได้ซะแล้ว” ผมตั้งใจแน่วแน่ว่า

ยังไงซะวันนี้ผมก็ต้องขอตัวเป็นนักสืบจำเป็นเพื่อรู้ความลับนี้ให้ได้ ผมรีบคว้านเม็ดลำไยออกให้หมดก่อนจะไปอ้อนม๊าเพื่อถาม

เอากับม๊าแทนเพราะผมเชื่อว่าถ้าหลอกถามทั้งสามคนคงต้องรอคำตอบยันลูกบวชแน่ๆ!!?

         “ม๊าคร๊าบบบน้องไฟคว้านเม็ดเสร็จแล้วม๊ามีอะไรให้น้องไฟช่วยทำอีกไหมครับ” ผมเดินเข้าไปหาม๊าพลางถามอ้อนๆ

ม๊าจึงหันมาเลิกคิ้วเชิงสงสัยในท่าทีของผม

         “มีอะไรจะถามม๊าก็ถามม๊ามาตรงๆก็ได้นะน้องไฟไม่ต้องมาทำทีเป็นอ้อนม๊าเลยนะ เฮ้อ!เจ้าลูกคนนี้” ม๊าถามผมอย่างรู้ทัน

         “โห ม๊าอ่ะรู้ทันน้องไฟตลอดเลยงี้ก็ไม่สนุกอ่ะ” ผมว่าพลางทำหน้างอนๆใส่

         “เล่นเป็นเด็กๆไปได้นะน้องไฟ” เสียงบุคคลปริศนาดังขึ้น ผมจึงหันไปมองตามเสียงนั้นก็พบกับพี่ลมแถมยังมีไอ้วีมาด้วยอีก

ต่างหาก

         “พี่ลม!!” ผมตะโกนเรียกชื่อพี่ชายก่อนจะโผเข้ากอดให้หายคิดถึงเพราะตั้งแต่ที่มาที่บ้านสวนพี่ลมก็แทบจะไม่ได้อยู่ติดบ้าน

และเมื่อสามสี่วันก่อนก็ถูกเรียกตัวให้ไปถ่ายแบบที่ญี่ปุ่นทิ้งน้องนุ่งไปทำงานให้นั่งคิดถึงอยู่ที่นี่

         “โอ๊ย!เบาๆก็ได้นะน้องไฟตัวก็ไม่ใช่เบาๆหนักขึ้นรึเปล่าเนี่ย” พี่ลมถามผมพลางทำท่าสำรวจรูปร่างของผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

         “อืมมม พี่ว่านะน้องไฟ พี่มีอะไรจะบอก” พี่ลมทำหน้าจริงจัง

         “หืม?อะไรเหรอ” ผมถามพี่ลม

         “ก็.........น้องไฟดูอ้วนเหมือนหมู ฮ่าๆๆๆๆ” พี่ลมว่าก่อนจะปล่อยฮาออกมาเสียชุดใหญ่ แถมคนที่อยู่ในบริเวณรอบๆก็พากัน

ขำขันอย่างอารมณ์ดีไม่เว้นแม้แต่ม๊า!!

         “พี่ลมน่ะสิที่อ้วนเหมือนหมู” ผมว่ากลับ

         “ไม่อ้วนซะหน่อยพี่ออกจะฟิตแอนด์เฟิร์มใช่ไหมวี” พี่ลมบอกผมก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นของไอ้วีที่ยืนอยู่ข้างกัน

         “จริงแท้แน่นอนทีเดียวเชียว” ไอ้วีตอบพี่ลมซะยาวเหยียด ผมก็อดไม่ได้ที่จะแขวะทั้งคู่

         “แหม!!รับกันเป็นลูกคู่เชียวนะมีซัมติงอะไรกันรึเปล่าเนี่ย” ผมถามแหย่ทั้งคู่ พี่ลมไม่ยอมตอบแถมยังเฉหน้ามองไปที่อื่น

ถ้าวันนี้ประสาทการมองเห็นของผมยังคงดีอยู่หรือผมปกติดีไม่ได้เพี้ยนก็คงต้องบอกว่าเหมือนหน้าของพี่ลมจะอมชมพูขึ้นมานิดๆ

 ส่วนไอ้วีก็ไม่ตอบอะไรก็ได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม สำหรับไอ้วีผมไม่แปลกใจหรอกถ้ามันจะชอบพี่ลมเพราะมันกับผมก็รู้จักกันมาตั้งนาน

รู้ไส้รู้พุงกันหมดทุกอย่าง แต่ที่ผมสงสัยก็คือพี่ลม!! ผมอยากจะถามอะไรบางอย่างสั้นๆ มันไปสปาร์คกันตอนไหนห๊ะ!!!!!

         “มากันเหนื่อยๆ ม๊าว่าพี่ไฟพาวีไปพักก่อนไปลูกไป ส่วนน้องไฟก็อยู่ช่วยม๊าต่อในครัวนี่หละ” ม๊าบอกตัดบททุกคนเพราะถ้า

ขืนช้ากว่านี้คงจะได้เห็นใครแถวนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงริมรั้วแน่ๆ

         “ครับม๊าเดี๋ยวพี่ลมกับวีขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ” พี่ลมบอกกับม๊าก่อนจะลากไอ้วีให้เดินตามออกไปด้วยพร้อมกับมีพี่ๆคน

งานช่วยลากกระเป๋าเดินตามไปเก็บที่ห้องด้วย

         “ม๊าว่าคู่นี้น่ารักไหม” ผมหันไปถามความเห็นม๊ากับเรื่องของพี่ลมกับไอ้วีถึงแม้ทั้งคู่จะยังไม่ยอมบอกใครถึงสถานะความ

สัมพันธ์ตอนนี้ แต่สำหรับผมศิษย์เดียวกับเจน ญาณทิพย์ก็สัมผัสได้ว่าทั้งคู่ต้องรู้จักกันมากกว่านั้นแน่ๆ

         “อืม ก็น่ารักดีนะดูแล้วไม่เบื่อ พ่อแง่แม่งอนรักเคารพเชื่อฟังเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามัน แต่การเป็นข้าวใหม่ปลามันบางครั้งมัน

ก็หอมหวานและบางครั้งมันก็ขมขื่นนะน้องไฟ” ม๊าหันมาบอกกับผมก่อนจะลงมือทำกับข้าวต่อ แต่ก็ยังคงพูดต่อจากเมื่อครู่เช่นกัน

         “ข้าวใหม่มันย่อมรสชาติอร่อย ชวนลิ้มลอง แต่อย่าลืมว่าเราต้องกินคู่กับปลาซึ่งในตัวปลาก็มีก้าง เหมือนกับคู่รักที่เริ่มใช้ชีวิต

ด้วยกันมันย่อมมีทั้งความหอมหวานของความรัก แต่ก็ต้องมาเจออุปสรรคที่คอยกีดขวางเส้นทางรัก”

         “งั้นการเป็นข้าวใหม่ปลามันก็ไม่ดีหนะสิครับ” ผมถามม๊า

         “จะว่าดีก็ดีแต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ดีเพราะการใช้ชีวิตคู่อะไรหลายๆอย่างมันต้องขึ้นอยู่กับคนสองคน” ม๊าอธิบาย

         “ม๊าไม่รู้ว่าน้องไฟจะถามอะไรม๊า แต่ม๊าอยากจะบอกน้องไฟก่อนเลยว่า บางครั้งบางสิ่งบางอย่างที่แต่ละคนทำนั้นมันก็ย่อม

ต้องมีเหตุผมอยู่ในตัวของมันอยู่แล้วและยิ่งถ้าเป็นเรื่องราวของความรักจะทำอะไรให้ใช้ใจของคนสองคนในการตัดสินใจไม่ใช่ใช้

เพียงแค่ใจของคนๆเดียวในการกระทำอะไรลงไป เข้าใจในสิ่งที่ม๊าบอกนะ” ม๊าหันมาถามผมก่อนจะเดินไปยกหม้อต้มยำที่ถูกตั้ง

ค้างไว้ลงจากเตา

         “ครับม๊า” ผมรับคำ

         ไม่ว่าอะไรจะเกิด เมื่อเรามีความรักแล้ว การตัดสินใจอะไรก็ไม่ควรที่จะใช้ใจของคนเพียงคนเดียว แต่ควรที่จะใช้ใจจากคน

ทั้งสองคนในการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจในทุกเรื่อง………
                 
     
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 22-09-2015 00:16:50
          “ข้าวกลางวันรสเลิศมาเสิร์ฟแล้วคร๊าบบบบ!!” ผมตะโกนเรียกป๊า ไอ้อิฐแล้วก็นอร์สให้หยุดพักเที่ยงแล้วมาทานข้าวกลางวัน

กันก่อน

         “ไหนป๊าดูซิว่ากลางวันนี้น้องไฟเอาอะไรมาเสิร์ฟ” ป๊าว่าก่อนจะทำการเปิดปิ่นโตข้าวที่ผมกับม๊าช่วยกันทำ จากนั้นเจ้าตัวก็

ก้มลงไปสูดกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอของกับข้าวที่ผมกับม๊าทำ

         “หือ?กลิ่นหอมใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะอร่อยถูกปากรึเปล่าน้า” ป๊าแกล้งแซวอาหารที่ผมทำพลางขยิบตาล้อๆส่งมาให้

         “ของแบบนี้อร่อยแน่นอนอยู่แล้วและที่สำคัญมีเชฟมืออาชีพอย่างน้องไฟทำนะอร่อยชัวร์ บอกเลยคุณหรีดต้องชิดซ้าย”

ผมบอกป๊าอย่างภูมิใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเอง

         “อ้าว?มึงไม่ได้เป็นผู้กำกับหรอกเหรอ” เสียงไอ้อิฐดังขัดขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับนอร์สที่กำลังเดินตามเข้ามาสมทบอีก

คน

         “แล้วไมวะ กูเป็นผู้กำกับแล้วทำกับข้าวไม่ได้งั้นเหรอ? ‘งั้นแสดงว่ามึงพลาดในฝีมือกู บอกเลยว่าโปรมากไม่ได้โม้ด้วย”

ผมบอกสกิลการทำอาหารขั้นเทพของตัวเองที่ค่อนข้างจะมั่นใจอย่างเกินร้อยว่าอร่อย......รึเปล่า?

         “งั้นถ้ามึงไม่อยากให้กูพลาดมึงก็มาทำให้กูกินตลอดชีวิตเลยสิ” ไอ้อิฐว่าก่อนจะมองตาผม แต่ไม่นานก็ต้องละสายตาไป

เพราะนอร์สที่กระแอมไอเบาๆพร้อมกับเดินแทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับไอ้อิฐที่เรายืนคุยกันอยู่

         “อะแฮ่ม!! มีอะไรอร่อยๆทานบ้างครับ แต่นอร์สว่านะพี่ไฟทำอะไรก็อร่อยหมดล่ะครับเพราะยังไงนอร์สก็เคยทานอาหารฝีมือ

พี่ไฟมาแล้ว” นอร์สบอกผมก่อนจะปรายตาหันไปมองไอ้อิฐที่ยืนอยู่ด้านหลัง ไอ้อิฐที่ถูกนอร์สมองด้วยสายตาและท่าทางแบบนั้น

ก็ดูจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แถมยังทำท่าว่าทั้งสองคนจะมีเรื่องกันอีกด้วยซ้ำ ป๊าผมเลยเป็นคนพูดขัดขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะวางมวย

กัน ไอ้อิฐและนอร์สจึงดูสงบลงเมื่อป๊าเริ่มพูด 
       
         “เอาล่ะ ป๊าว่าเรามาทานข้าวกลางวันกันดีกว่า ผู้หมวดครับป๊าว่าเรามาคุยงานทางนี้กันต่อดีกว่าครับ” ป๊าหันไปบอกไอ้อิฐ

ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินแยกตัวออกไปคุยธุระกับป๊า

         “ไฟทานอะไรมารึยังครับ” นอร์สถามผมก่อนจะจัดแจงหาที่นั่งกินข้าว วันนี้โชคดีที่ในรถของม๊ามีเสื่อติดมาด้วยสงสัยว่าจะ

เอาไว้ใช้เวลาไปปิกนิกก็เลยได้มาปูนั่งทานข้าวกันอย่างสะดวกสบายหน่อย

         “ทานแล้ว นอร์สรีบกินเลยดีกว่าเดี๋ยวป๊ามาตามไปช่วยงานแล้วเดี๋ยวไม่ทัน” ผมบอกนอร์สก่อนจัดแจงจัดกับข้าวที่เตรียมมา

ให้ทาน

           วันนี้ค่อนข้างโชคดีหน่อยที่อากาศไม่ร้อนหรืออบอ้าวมากเกินไป ท้องฟ้าสดใส ปลอดโปร่งและนั่นจึงทำให้บรรยากาศ

ภายในสวนดูจะสดชื่นกว่าในทุกๆวัน  ผมกับนอร์สเราปูเสื่อเพื่อนั่งทานข้าวมื้อกลางวันที่สวน ผมกับนอร์สนั่งคุยกันไปทานอาหาร

กันไป มีบ้างที่บางครั้งที่ผมและนอร์สต่างคนต่างแกล้งอีกฝ่าย แถมยังมีแหย่กัน หยอกล้อกันบ้างนานทีที่เราจะได้ทำอะไรแบบนี้

 ผมว่าบรรยากาศมันดู....น่ารักๆและอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก.....มันรู้สึกสดชื่น.....และมีความสุข  คล้ายหัวใจพองโต

         “แล้วนี่ไฟจะกลับไปที่บ้านหรือว่าจะอยู่รอนอร์สที่สวนแล้วกลับพร้อมกัน” นอร์สถามผม จากนั้นเจ้าตัวก็ใช้หน้าตักผมแทน

หมอนหนุนนอน

         “ไม่แน่อ่ะ ไฟก็คงต้องรอดูป๊าก่อนว่าป๊าจะให้ไฟกลับหรืออยู่รอที่นี่” ผมตอบก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวอีกคน

         “แต่นอร์สอยากให้ไฟอยู่กับนอร์สที่นี่จัง” นอร์สบอกผมเสียงอ้อนๆก่อนจะดึงมือที่ผมใช้ลูบศีรษะของเจ้าตัวไปกุมไว้ก่อนจะ

ค่อยๆหลับตาลงซึมซับบรรยากาศสุดแสนจะสดชื่นของพืชพรรณธรรมชาติ 

         “ไฟก็อยากอยู่ที่นี่กับนอร์สนะ แต่ว่า...”

         “นอร์สเข้าใจครับว่าป๊าไม่ค่อยชอบนอร์สเท่าไร” นอร์สพูดขัดขึ้นก่อนผมจะพูดจบ

         “ใครว่าป๊าไม่ชอบนอร์สล่ะ พิสูจน์ให้ป๊าเห็นสิ ไฟเชื่อนะว่าป๊าก็แค่วางมาดเท่านั้นเอง” ผมพูดปลอบใจอีกฝ่าย

         “ครับ..เอ่อ..นอร์สมีเรื่องอยากจะถามไฟสักเรื่องสองเรื่องได้ไหมครับ” นอร์สลืมตาขึ้นมามองหน้าผมก่อนจะขอถามคำถาม

จากผมด้วยแววตาและสีหน้าท่าทางที่ดูจริงจัง

         “อืม ได้สิ ถามมาเลยถ้าคิดว่าคำถามนั้นไม่ยากที่ไฟจะตอบ” ผมบอกนอร์สก่อนที่เจ้าตัวจะถามคำถามผม

         “ไฟกับผู้หมวดอิฐรู้จักกันนานแล้วเหรอครับ”

         “อืม..ก็นานนะรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว เมื่อก่อนไฟไม่ค่อยชอบไอ้อิฐมันเท่าไรเพราะมันเป็นเด็กแว๊น ไฟไม่ชอบพวกเด็กแว๊น

เราทั้งคู่เลยไม่ถูกกัน” ผมเล่าให้นอร์สฟัง เมื่อก่อนไอ้อิฐมันเป็นเด็กแว๊นขอบแว๊นป่วนเมืองแล้วก็ชอบมีปัญหากับชาวบ้านเขาไป

ทั่ว แต่ที่จะหนักหน่อยก็คือมันชอบมามีปัญหากับผมจึงทำให้ผมกับมันทะเลาะกันอยู่เรื่อย แต่ก็เริ่มห่างๆกันเมื่อผมจะเข้าไปเรียน

ในกรุงเทพฯนั่นล่ะครับ

         “แล้วทำไมหมวดอิฐเขาถึงมาเป็นตำรวจได้ล่ะครับ”

         “เห็นมันบอกว่ามันอยากทำให้ที่บ้านภูมิใจในตัวมันอ่ะนะ” ผมตอบนอร์ส แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังแคลงใจอะไรบางอย่าง

         “แค่นี้?” นอร์สเลิกคิ้วถามผม

         “ก็...เพราะมันอยากเป็นเพื่อนกับไฟมั้งเพราะไฟเคยบอกว่าถ้าคนที่ไฟจะให้เป็นเพื่อนด้วยต้องเป็นคนในเครื่องแบบเท่านั้น”

ผมบอกนอร์สถึงแม้จะมีบางเรื่องที่บอกไม่หมดก็ตามที

         “แล้วผู้หมวดก็เลยมาเป็นตำรวจเพื่อที่ต้องการจะเป็นเพื่อนกับไฟงั้นสิ”

         “ก็ทำนองนั้น”

         “งั้นตอนนี้นอร์สไม่ได้เป็นคนในเครื่องแบบอย่างที่ไฟชอบแล้วไฟยังจะรักนอร์สอยู่ไหม” นอร์สถามผม...คล้ายไม่แน่ใจในสิ่ง

ที่ถาม

         “ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนะ บางทีความรักมันก็เกิดขึ้นแบบที่ใจเราไม่ได้ปรารถนาก็ได้นะ อย่างที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ไง ตั้งแต่แรก

สเปคของนอร์สอาจจะเป็นสาวสวยหน้าตาดีที่ไม่ใช่ไฟในตอนนี้ก็ได้นี่หน่า”

         “ไม่หรอกเพราะสเปคตั้งแต่แรกของนอร์สคือไฟคนเดียวเท่านั้น...คนเดียวที่นอร์สรักตั้งแต่แรกเห็น” นอร์สบอกผมยิ้มๆเล่น

เอาผมเขินซะไปไม่ถูกเลยพยายามหาอย่างอื่นเพื่อเรียกความสนใจของอีกคนให้ไปที่อื่นและเพื่อ......ลบความเขินอายของตัว

เอง

         “เลี่ยนไปไหม วู้ เล่นอะไรกันไม่รีบไปทำงานเหรอไงเดี๋ยวป๊าก็ว่าเอาหรอกนะ” ผมเฉไปเรื่องอื่น

         “ป๊าไม่ว่าหรอกครับ งั้นเอาเป็นว่าไฟรอนอร์สก่อนนะครับ นอร์สจะรีบทำให้ป๊าของไฟใจอ่อนให้ได้” นอร์สบอกผม

         “อื้ม รีบๆเข้านะไฟไม่ชอบรออะไรนานๆ” ผมตบบ่าอีกคนเพื่อเป็นกำลังใจให้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะชักมือกลับก็ถูกอีกคนรวบ

ตัวไปกอดเสียแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

         “อย่าเพิ่งมองใครนอกจากนอร์สนะครับ” นอร์สบอกกับผมเหมือนเป็นเด็กตัวน้อยๆที่หวงของรักของตัวเองและกลัวของสุดรัก

จะจากไป

         “นั่นมันก็ขึ้นอยู่ที่ว่านอร์สยังรักไฟเหมือนที่ไฟรักนอร์สรึเปล่า แต่ถ้าวันไหนที่ไฟไม่รักนอร์สวันนั้น...ไฟก็คงที่จะเลือกมองคน

อื่น” ผมบอกนอร์สตามความเป็นจริง

         “และนอร์สเชื่อว่ามันจะไม่มีวันนั้นครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะผละออกมาเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆโน้มลงมาจนสัมผัส

กับริมฝีปากของผม อีกฝ่ายค่อยๆละเลียดชิมความหวานจากริมฝีปากผมก่อนที่จะค่อยๆเริ่มสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล เป็น

สัมผัสที่ดูลุ่มหลงและน่าหลงใหล มันจึงทำให้ผมเผลอครางผะแผ่วกับความรู้สึกดีจากรสสัมผัสนี้ แต่ทว่าไม่นานมันก็ค่อยๆแปร

เปลี่ยน จากความนุ่มนวลชวนหลงใหลให้กลายเป็นความรุ่มร้อนชวนน่าค้นหา จนผมเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดช่วงของตัวเองจึง

ค่อยๆดันอีกฝ่ายออกเพื่อรับอากาศที่ขาดหายไป

         “เล่นบ้าอะไรของนอร์สเนี่ย!!!” หลังจากที่สูดอากาศที่ขาดหายเข้าไปจนเต็มปอด ผมก็หันไปจัดการกับคนตรงหน้าที่เป็นต้น

เหตุให้ขาดอากาศ

         “นอร์สไม่ได้เล่นนะครับ แต่นี่มันคือคำสัญญาของนอร์สที่มีให้ไฟนะครับ เดี๋ยวนอร์สขอตัวไปเอาใจว่าที่พ่อตาก่อนนะครับ

แล้วเดี๋ยวคืนนี้นอร์สค่อย..ทำการบ้านที่ค้างไว้ต่อนะครับ ไปก่อนนะครับคุณสุดที่รัก” ว่าจบนอร์สก็วิ่งออกไปปล่อยให้ผมต้องนั่ง

ระงับอาการเขินอายของตัวเองที่ตอนนี้หน้าผมต้องแดงปลั่งเหมือนสีมะเขือเทศแน่ๆเลย

         “อีตาบ้า!เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” ผมว่าอีกคนที่วิ่งห่างไกลออกไป ก่อนที่มือจะเอื้อมไปสัมผัสริมฝีปากของตัวเองที่ตอนนี้มันยัง

คงมีไอร้อนจากสัมผัสเมื่อครู่ แต่นั่นก็ทำให้สามารถเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่น้อย สู้ๆนะนอร์ส!
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 22-09-2015 00:25:59
                                   แผนการร้ายครั้งที่ 15 : ถ้าคุณเป็นนกตัวหนึ่ง .............ผมก็เป็นนกตัวหนึ่ง

         “โอ๊ย!เบาๆหน่อยสิครับไฟ”

         “ขอโทษ แต่นี่ไฟก็ทำเบาสุดแล้วนะ”

         “โอ๊ย!ๆๆ”

         “อดทนหน่อยสิ แผลแค่นี้ทำเป็นสำออยร้องเสียงดังไปได้” ผมว่านอร์ส ก่อนจะเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์แล้วกดที่แผลของอีก

คนที่แกล้งทำมาเป็นสำออย

         “โอ๊ย!ไฟครับนี่จะฆ่านอร์สใช่ไหมเนี่ย นอร์สเจ็บจริงๆนะครับ แผลถลอกนะครับ ไม่ใช่รอยคิสมาร์กที่นอร์สทำไว้บนตัวไฟสัก

หน่อยที่จะไม่เจ็บน่ะ” นอร์สบอกผมก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าไม่พอใจในสิ่งที่ผมทำ

         “ไอ้บ้า ไอ้หื่น ไอ้ลามก ใครเขาให้นอร์สพูดเรื่องบ้าๆแบบนี้กันอย่างหน้าตาเฉยห๊ะ!!!!” ผมว่าอีกคนกลับ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้

ร้อนรู้หนาวแถมยังยิ้มหน้าระรื่นชวนหมั่นไส้อีกต่างหาก!

         “ใจนอร์สสั่งให้พูดครับ” เจอประโยคนี้ของนอร์สเข้าไป บอกได้คำเดียวครับเดียว  ผมนี่อวกเลยครับ

         “ไม่คุยกับนอร์สดีกว่า ไฟว่าไฟไปหาไอ้อิฐน่าจะดีกว่ามายืนทำแผลให้นอร์สนะ” ผมแกล้งแหย่อีกคนเพราะผมรู้สึกว่าเวลา

นอร์สหึงผมมันดูน่ารักไปอีกแบบดีเหมือนกัน

         “ไปทำไมครับ เบื่อคนแถวนี้แล้วเหรอไม่เป็นไรครับเดี๋ยวนอร์สทำแผลให้ตัวเองก็ได้ส่วนไฟจะไปหาใครก็เชิญครับ” นอร์ส

บอกผมเสียงน้อยใจแถมยังแย่งสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ที่ผมเตรียมไว้เช็ดแผลอีกคนก็ถูกอีกฝ่ายหยิบเอาไปเช็ดแผลเอง

         “โอ๋ๆใครจะเบื่อคนแถวนี้ลงกันเล่า เอามานี่เลยเดี๋ยวไฟทำแผลให้” ผมดึงสำลีที่ถูกอีกคนดึงไปก่อนหน้านี้กลับมาไว้ที่ตัว

เองก่อนจะเริ่มเช็ดแผลให้อีกคนอย่างระวังมือ

           หลังจากที่นอร์สแยกจากผมเพื่อไปช่วยป๊าทำงานในสวนต่อ ผมก็ขอตัวกลับมาบ้านเพราะที่นี่ม๊าไม่มีคนช่วยทำอาหารไว้

รอสำหรับหนุ่มๆที่ทำงานตากแดดตากลมอยู่ในสวนกันทั้งวันเพราะม๊าใช้พี่ลมกับไอ้วีไปซื้อวัตถุดิบเพิ่มและให้พี่มะลิเอาข้าวกลาง

วันกับข้าวเย็นไปให้ยายจ๋าอีกที่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ไกลจากบ้านที่ผมกับครอบครัวอยู่เท่าไรและไม่นานคนที่ไปทำงานในสวนก็กลับ

มา สภาพแต่ละคนที่กลับมาเรียกได้ว่าแทบจะดูไม่จืดกันเลยทีเดียว คนแรกเป็นป๊าที่สภาพยังคงดูดีที่สุดในบรรดาสามคน คนที่

สองไอ้อิฐ รายนี้ที่เห็นว่าเห็นเป็นตำรวจ แต่ก็ยังมีรอยขีดข่วนตามตัวให้เห็น ส่วนคนสุดท้ายบอกได้เลยว่าหนักสุดยิ่งป๊าบอกว่า

นอร์สไปช่วยคนงานยกของแล้วอยู่ดีๆคนที่นำหน้าไปเกิดเสียหลักล้มทำให้คนอื่นๆพลอยล้มตามไปด้วย ผมจึงต้องมานั่งทำแผล

แถมยังต้องต่อวาทะกับอีกคนด้วยอีกต่างหาก แต่โชคดีที่แผลของนอร์สไม่ได้รุนแรงมาก แค่ถลอกบริเวณหัวเข้า ข้อศอก ข้อมือ

และฝ่ามือ แต่นั่นก็เป็นจุดสำคัญๆทีเดียว

         “อื้ม!เสร็จแล้ว” ผมบอกนอร์สก่อนจะปิดปลาสเตอร์ที่แผลบนฝ่ามือถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นการทำแผล

         “ขอบคุณครับ” นอร์สบอกผม แต่ก็ยังคงจ้องผมไม่เลิก

         “ไฟมีอะไรผิดปกติเหรอ” ผมเลิกคิ้วถามอีกคน

         “เปล่าครับเพียงแต่นอร์สชอบโมเมนต์นี้ของไฟเท่านั้นเอง” นอร์สบอกผม

         “ทำไมเหรอ โมเมนต์นี้ของไฟมันมีอะไรพิเศษอย่างนั้นเหรอ” ผมถามอีกคน

         “ก็.....มันดูอบอุ่น ดูละมุน เอาใจใส่ ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของการเป็นหมอเลยล่ะครับ” อ๋อ!ที่แท้ก็คุณสมบัติของการเป็น

หมอนี่เองมิน่าล่ะทำไมอีกคนถึงเอาแต่จ้องมองไม่เลิก ผมคิดอะไรบางอย่างได้ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้อีกฝ่าย

         “แต่ไฟไม่ชอบเป็นหมอนี่หน่า...แต่ว่า....ถ้าจะให้เป็นเมียหมอก็โอเคอยู่นะ” ผมบอกนอร์สยิ้มๆ ก่อนจะหลุดขำเมื่อเห็นหน้า

อีกคนที่ทำหน้าเหวอเพราะปากที่เปิดกว้างจากอาการตกใจก็อดไม่ได้ที่ต้องแซว

         “หุบปากลงได้แล้วมั้งเดี๋ยวแมลงวันก็บินเข้าไปหรอก!! ฮ่าๆๆๆ” นอร์สจึงรีบเอามือปิดปาก แต่ก็ยังทำหน้าตกใจเหมือนเดิม

 เฮ้อ!นอร์สนะนอร์ส โดนแค่นี้ก็เหวอซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ผมนี่ขำเลยครับ!!



             
         “พี่ก็บอกถูกแล้วนะว่าม๊าให้ซื้ออันนี้”

         “แต่ม๊าบอกให้ซื้ออันนี้ไม่ใช่เหรอครับ”

         “นี่นายเถียงพี่เหรอ”

         “ผมเปล่าเถียงพี่นะครับก็ม๊าบอกมาแบบนั้นจริงๆ”

         “ดี!งั้นคืนนี้วีกับพี่เราแยกห้องกันนอน”

         “เฮ้ย!ได้ยังไงกันครับพี่ลม โอเควีผิดวีขอโทษแต่เราอย่าแยกห้องกันเลยนะ นะครับ นะๆๆๆ”

         “ไม่!!!คืนนี้วีเตรียมหาห้องนอนห้องอื่นได้เลย”

           เฮ้อ!!เสียงเอะอะโวยวายเหมือนคู่รักสามีภรรยา(?)ทะเลาะกันดังขึ้นอยู่ในห้องครัวของผมก่อนคนที่เป็นภรรยา(?)จะเดิน

หน้าหงิกหน้างอเพราะไม่พอใจคุณสามีออกมาจากครัว แถมยังไล่คุณสามี(?)ให้ไปนอนที่อื่นอีกต่างหาก ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะ

แหย่ทั้งคุณภรรยาและคุณสามี

         “ระวังไว้เถอะพี่ลมไล่เขาไปเดี๋ยวเขาไปนอนกับหญิงอื่นจะทำไง น้องไฟไม่อยากจะพูด ไอ้วีทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ทั้งรวย เสน่ห์

อย่าให้บอก เรื่องเจ้าชู้ก็อย่าให้พูด แค่สาวเล็กสาวใหญ่เห็นมันเดินผ่านก็แทบจะเอาตัวเองใส่พานถวายให้มันอยู่แล้วนะ” ผมแหย่

พี่ลม ดูพี่แกจะหยุดชะงักไป ไอ้วีที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆก็แทบจะยืนไม่ติดเพราะอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อ

           พี่ลมหยุดเดินก่อนจะหันหน้ามามองผมกับไอ้วีช้าๆ แต่จากสายตาที่มองผม

ว่า......................................................................

         “ถ้าวีกล้าทำอย่างที่น้องไฟพูดล่ะก็....เรา-เลิก-กัน!!!” ว่าจบพี่ลมก็เดินจากไป ไอ้วีที่หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มก็รีบวิ่งตามพี่ลม


ไป

         “เฮ้ย!!!พี่ลมเดี๋ยวก่อนรอวีด้วย มึงนะไอ้ไฟอย่าให้กูเคลียร์กับพี่ลมได้นะกูจะกลับมาฆ่าสุนัขในปากมึงงงงงง!!!” แล้วไอ้วีก็รีบ

วิ่งตามไปง้อพี่ลมที่ป่านนี้คงจะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่แน่ๆ

         “เสียงเอะอะโวยวายอะไรกันเหรอน้องไฟ เมื่อกี้ม๊าเห็นพี่ลมเดินทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนออกไปจากห้องครัวแล้วยังมีเจ้าวี

เพื่อนน้องไฟวิ่งตามไปอีก” ม๊าที่เก็บผักอยู่ที่ริมรั้วเพื่อเตรียมทำอาหารเย็นเดินเข้ามาถามผมถึงเสียงเอะอะโวยวายเมื่อครู่

         “ไม่มีอะไรหรอกครับม๊า แค่สามีภรรยาทะเลาะกันเฉยๆ” ผมตอบม๊า

         “หืม?” ม๊างงกับสิ่งที่ผมตอบ

         “ไม่มีอะไรหรอกครับม๊า” ผมบอกปัดม๊าเพราะม๊ากับป๊าคงจะยังไม่รู้ว่าสองคนนี้คบกัน ผมจึงไม่อยากเสี่ยงที่จะบอกเพราะรอ

ให้เจ้าตัวมาพูดกันเองน่าจะดีกว่า แต่ถ้าจะพูดถึงในตอนแรกผมก็สงสัยว่าทั้งคู่อาจจะคบกัน แต่พอฟังประโยคที่พี่ลมขู่ไอ้วีก็รู้ทัน

ทีว่าทั้งสองคนกำลังคบหาดูใจกันอยู่ แต่จะว่าไปไอ้วีนี่ก็แน่อยู่เหมือนกันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเพื่อนสนิทของผม แต่มันก็เป็นคน

ที่เจ้า...เอ่อ...เสน่ห์แรงไปนิดซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ป๊าของผมไม่อยากได้มาเป็นลูกเขยของบ้านเพราะกลัวจะทำให้ลูกตัวเอง

ต้องมาร้องไห้เพราะกินน้ำตาใต้ศอก เฮ้อ!!งานช้างหน่อยนะเว้ยไอ้วีเพื่อนรัก อยากจะได้ลูกเสือก็ต้องเจอกับพ่อเสือ!?

         “ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ มีอะไรให้นอร์สช่วยไหมครับ” นั่นไงครับยังพูดไม่ทันขาดคำผู้กล้าคนแรกที่กำลังเผชิญอยู่กับพ่อ

เสือเพราะอยากได้ลูกเสือ!

         “นอร์สมาก็ดีเลยลูก ม๊ากำลังอยากได้ผู้ช่วยทำอาหารเย็นอยู่พอดี” ม๊าหันไปคุยกับนอร์ส

         “อ้าวแล้วน้องไฟล่ะครับม๊า” ผมถามม๊า ถ้าเกิดม๊าจะให้นอร์สมาช่วยเป็นลูกมือทำกับข้าวแล้วผมจะมาทำหน้าที่อะไร

         “น้องไฟ?น้องไฟทำไม้เหรอ ม๊าไม่ได้บอกให้นอร์สมาเป็นผู้ช่วยม๊าสักหน่อย แต่ม๊าจะให้นอร์สมาเป็นผู้ช่วยน้องไฟทำอาหาร

ต่างหากล่ะ”

         “ห๊า!ม๊าจะให้น้องไฟทำอาหารจริงๆเหรอ ม๊าอย่ามาพูดเล่นกับน้องไฟนะ” ผมรีบถามม๊าเพราะกลัวม๊าจะแกล้งแหย่ผมเล่น

แต่พอผมมองหน้าม๊ากับแววตาที่ม๊ามองมา ผมว่านะวันนี้มันคงเป็นวันอภิมหาซวยของผมแล้วล่ะ

         “ม๊าไม่ชอบพูดเล่นนะน้องไฟ น้องไฟจะกลัวอะไรล่ะก็ในเมื่อมีนอร์สมาช่วยเป็นลูกมือ” มันก็ดีอยู่หรอกที่มีลูกมือมาคอยช่วย

แต่มันไม่เหมือนที่ผมทำกับม๊าเพราะม๊าทำอาหารขั้นเทพ บางครั้งผมทำไม่ถูกม๊าก็จะคอยแนะแล้วก็ไม่ใช่ว่านอร์สจะทำอาหารไม่

อร่อย แต่ผมไม่เคยโชว์ฝีมือตัวเองแบบฉายเดี่ยวโดยไม่มีม๊ามาแนะน่ะสิ ตายแน่ๆเลยไอ้ไฟงานนี้ ฮือๆๆ

         “แต่น้องไฟ..”

         “ไม่มีแต่น้องไฟ เชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองหน่อยสิ” ม๊าบอกผม

         “นั่นสิครับไฟ ไฟทำได้อยู่แล้ว ไฟยังมีนอร์สช่วยนะครับไม่ได้ทำคนเดียวซะหน่อย” นอร์สบอกผม

         “เดี๋ยวม๊าไปดูป๊าก่อนนะ ฝากน้องไฟด้วยนะนอร์ส” ม๊าหันไปพูดกับนอร์สก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป

         “นอร์สว่าเรามาทำอาหารเย็นกันเถอะครับ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ให้ตัวเองก่อนจะหยิบมาให้ผม

         “อื้ม” ผมตอบรับ ก่อนจะยื่นมืออกไปรับผ้ากันเปื้อนมาใส่เอง แต่ถูกอีกคนหันหนีแล้วเดินมาใส่ผ้ากันเปื้อนให้ผมแทน

         “นอร์สใส่ให้ครับ” นอร์สบอกก่อนจะจัดแจงใส่ผ้ากันเปื้อนให้ผม

         “ขอบคุณนะ” ผมขอบคุณอีกคน

         “ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับเชฟ ไม่ทราบว่าวันนี้เชฟคนพิเศษของนอร์สจะรังสรรค์เมนูน่าทานๆอะไรดีครับ” นอร์สถามผม

เหมือนผมเป็นเชฟประจำภัตตาคารหรู ส่วนเจ้าตัวก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเชฟอย่างดี
 
         “วันนี้เราจะมาทำสปาเกตตี้ผัดขี้เมาทะเล เดี๋ยวคุณนอร์สต้องหยิบกุ้ง หอยแมลงภู่ เนื้อปลาและปลาหมึกที่อยู่ในตู้เย็นออกมา

ล้างทำความสะอาด ส่วนเชฟไฟจะตั้งน้ำลวกเส้นสปาเกตตี้” ผมบอกนอร์ส

         “รับทราบครับเชฟไฟ” ว่าจบเจ้าตัวก็ทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งเชฟอย่างผมแล้วเราทั้งสองคนก็ต่างไปทำหน้าที่ในส่วนของ

ตนเอง

           พอนอร์สล้างเจ้าพวก กุ้ง หอย หมึกเสร็จแล้วก็เอาเจ้าเนื้อสัตว์ทั้งหลายไปลวกในน้ำร้อนให้ พอลวกเสร็จก็เตรียมหยิบ

เครื่องปรุงมาเตรียมไว้ให้ผมทั้ง น้ำมันพืช ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาล พริกไทย ส่วนผมที่ลวกเส้นสปาเกตตี้เสร็จก็สับกระเทียม

หั่นพริกชี้ฟ้าเขียว-แดงพอหยาบ หั่นข้าวโพดอ่อน จากนั้นก็เด็ดใบกระเพราเพื่อเตรียมสำหรับทำสปาเกตตี้ขี้เมาทะเล

         “ทีนี้ก็ลงมือผัดสินะ” ผมบอกตัวเองก่อนตั้งน้ำมันบนกระทะไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมผัดจนเป็นสีเหลืองนวลหน้าทาน

ใส่เจ้าอาหารทะเลทั้งหลายลงผัดเกือบสุก นำเส้นสปาเกตตี้ที่ลวกในตอนแรกลงผัดพร้อมกับข้าวโพดอ่อน โดยมีผู้ช่วยคนพิเศษ

คอยช่วยหยิบวัตถุดิบต่างๆ จากนั้นปรุงรสด้วยเหล่าเครื่องปรุงรสทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ซีอิ๊วขาว น้ำปลา พริกไทย น้ำตาลแล้วใส่

ใบกระเพรา พริกชี้ฟ้าลงไปเพื่อเพิ่มสีสันของเมนูอาหาร เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันจึงตักใส่จาน โดยที่นอร์สอาสาจัดจานให้

ทั้งหมด 7 ที่สำหรับคนในบ้าน

         “เรียบร้อย” เมื่อผมตักสปาเกตตี้ลงจานสุดท้ายเสร็จนอร์สจึงจัดแจงถ่ายรูปเก็บไว้ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งที่ได้แสดงบทบาทเป็น

เชฟและผู้ช่วยเชฟ

         “ทีนี้ไฟก็ยกจานเหล่านี้ไปให้ทุกคนได้ลองลิ้มชิมรสชาติกัน ไปครับเดี๋ยวนอร์สช่วยถือจานไปให้ด้วย” ว่าจบนอร์สก็ช่วยผม

ถือจานไปที่โต๊ะทานอาหารของบ้านที่ตอนนี้ทุกคนในบ้านนั่งรอทานอาหารจานนี้ของผมโดยเฉพาะ

         “มาแล้วคร๊าบบบบ ผัดสปาเกตตี้ขี้เมาทะเลโดยฝีมือเชฟไฟกับผู้ช่วยเชฟนอร์ส” ผมบอกทุกๆคนก่อนจะวางจานอาหารที่

ทำให้ทุกคนได้ลองชิมกัน

         “หน้าตาน่าทานใช้ได้เลยนะน้องไฟ ใครจัดจานล่ะ” ป๊าชมหน้าตาเจ้าสปาเกตตี้ที่ผมกับนอร์สช่วยกันสรรค์สร้างมันขึ้นมา

         “นอร์สเป็นคนช่วยน้องไฟจัดจานแล้วก็ทำอาหารครับป๊า” ผมบอกป๊า

         “อืม ใช้ได้ทีเดียวทีนี้ก็อยู่ที่รสชาตินะ” ป๊าว่าก่อนจะตักเส้นสปาเกตตี้ทาน ส่วนคนอื่นๆก็เริ่มลงมือทาน ส่วนผมกับนอร์สก็ยืน

ลุ้นกับรสชาติอาหารที่ตัวเองทำจนเผลอจับมืออีกฝ่ายไว้จนแน่น

         “ไฟตื่นเต้นจังเลยนอร์ส” ผมกระซิบบอกอีกคนพร้อมกับแรงบีบที่มือของนอร์สที่ผมบีบลงไปด้วยความตื่นเต้น จนอีกคนต้อง

คอยพูดปลอบเพื่อให้ตัวผมคลายความตื่นเต้นลง

         “ไฟทำได้อยู่แล้วครับ นอร์สเชื่อ” จากนั้นนอร์สก็บีบมือผมเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจให้

         “อืม ป๊าว่านะรสชาติทุกอย่างโดยรวมโอเคมาก แต่......” ป๊าพูดเว้นวรรคเอาไว้ทำเอาผมลุ้นตัวโก่ง

         “มือที่จับกันไว้เมื่อไหร่จะปล่อยออกจากกันซะที” ป๊าว่าผมก่อนจะปรายตาลงมามองที่มือของผมกับนอร์สที่จับกันแน่นเพราะ

มัวแต่ตื่นเต้นแถมยังลุ้นกับคำติชม แต่พอป๊าพูดมาแบบนี้ผมกับนอร์สเราจึงรีบปล่อยมือออกจากกันโดยเร็ว

         “ทำอะไรก็หัดเกรงใจพ่อคนอื่นเขาบ้าง ลูกเขามีพ่อมีแม่จะมาจับมือต่อหน้าพ่อกับแม่เขาก็ให้มันรู้กาละเทศะหน่อยนะ” ป๊าว่า

นอร์ส ผมที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดที่จะยิ้มขำกับคำพูดของป๊าไม่ได้ ม๊าที่นั่งทานสปาเกตตี้อยู่ข้างป๊าก้เอ่ยขึ้นขัดป๊า

         “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อยป๊า ลูกเรากับนอร์สเขาเป็นแฟนกันจะจับมือถือแขนกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่ามาทำตัวหัว

โบราณหน่อยเลยป๊า” ม๊าผมว่าป๊าเข้าให้

         “ป๊าไม่ได้หัวราณนะม๊า แต่..”

         “ไม่มีแต่ป๊า ไม่เป็นไรนะนอร์สเราเป็นแฟนกันจะจับมือถือแขนมันก็เป็นสิทธิ์ของเรา แต่ก็อย่าทำอะไรที่มันลุ่มล่ามเกินเลยก็

พอ” ม๊าดุป๊าก่อนจะหันมาคุยกับนอร์สซึ่งเจ้าตัวก็รับคำตามที่ม๊าบอก ส่วนป๊าก็ได้แต่นั่งทำหน้ามุ่ยไม่พอใจม๊าที่ไม่ยอมเข้าข้างตัว

เอง

         “ผู้หมวดดูนะครับถ้าผู้หมวดมีแฟนอย่าเอาแบบม๊านะดูสิไม่เข้าข้างแถมยังว่าเราต่อหน้าลูกอีกต่างหาก” ป๊าหันไปคุยกับไอ้อิฐ

เพื่อหาพวก

         “ฮ่าๆๆๆครับป๊า ผมว่าชาตินี้ผมคงไม่มีหรอกครับเพราะรู้สึก...รักข้างเดียวแล้วมันเจ็บ” ไอ้อิฐบอกป๊ายิ้มๆ แต่หางตามันที่

เหลือบมามองผมกับแววตาเศร้าๆของมันก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร

         “งั้นมึงก็ควรเลือกคนที่เขารักมึงสิ มึงจะได้ไม่ต้องเจ็บเพราะรักข้างเดียว” ผมว่าทั้งๆที่ก็รู้ว่าใครเป็นเหตุให้มันต้องเจ็บ

         “นั่นสิครับ บนโลกใบนี้ไม่ได้มีคนๆนั้นเพียงคนเดียวเพียงแค่คุณตัดใจจากคนนั้นแล้วเปิดใจเพื่อมองหาคนใหม่คุณก็จะได้ไม่

เจ็บ” นอร์สพูดสนับสนุนผมพร้อมทั้งบอกให้ไอ้อิฐมันยอมเปิดใจรับใครอีกคนที่ไม่ทำให้มันต้องเจ็บเข้ามาในชีวิต

         “งั้นถ้าผมบอกให้คุณตัดใจจากไอ้ไฟคุณจะทำได้ไหมครับ” ไอ้อิฐถามนอร์สกลับ ทั้งป๊าทั้งม๊าที่นั่งทานสปาเกตตี้กันอยู่ต่างก็

หยุดเพื่อรอฟังคำตอบของนอร์ส แต่คนที่ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆก็คงจะมีผมนี่แหละที่อาการหนักกว่าเพื่อนเพราะผมกลัวกับคำตอบที่จะ

ได้รับจากอีกฝ่าย

         “ได้ครับ” เป็นเวลานานกว่านอร์สจะตอบคำถามไอ้อิฐ แต่คำตอบที่นอร์สตอบก็ทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกันและตอนนี้ป๊าเริ่มจะ

มองนอร์สอย่างไม่พอใจ แต่ก่อนที่ป๊าจะว่าอะไรนอร์สอีกคนก็พูดขึ้นก่อน

         “ที่ผมบอกคุณว่าผมสามารถตัดใจจากพี่ไฟได้ก็ต่อเมื่อพี่ไฟเจอคนที่ดีกว่า พร้อมกว่า ให้พี่ไฟได้มากกว่าและรักพี่ไฟ

มากกว่าที่ผมรักและพี่ไฟก็รักเขาด้วยเช่นกัน วันนั้นผมก็จะเป็นคนเดินจากไป แต่ถ้าตราบใดที่พี่ไฟยังรักผมเหมือนที่ผมรักพี่ไฟ

ไม่มีวันเปลี่ยนต่อให้ผู้ชายคนนั้นเขาจะพร้อมยอมทำทุกอย่างให้พี่ไฟ ผมก็จะไม่มีวันยอมยกสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมให้กับ

ผู้ชายคนนั้นไป ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตผมก็ยอม” นอร์สบอกกับทุกคนเสียงหนักแน่น

         “นอร์ส” ผมเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่วเบากับน้ำตาที่คลอบริเวณขอบตาเพราะสิ่งที่ผมได้ยินมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เป็นสิ่งที่

ทำให้หัวใจพองโต จากนั้นผมจึงโผเข้ากอดอีกคนแน่น ความรู้สึกมากมายหลากหลาย ทั้งรัก ทั้งโหยหา และในทุกๆสิ่งที่ผู้ชาย

ตรงหน้าที่ชื่อนอร์สได้ทำให้ผมเสมอมา มันไม่ใช่แค่คำพูดที่หลายคนคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ลมปาก แต่ทุกคำพูดที่อีกคนพูดมามัน

เป็นสิ่งที่เขามอบให้ผมเสมอมา มันทำให้ผมได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้รักผมและไม่มีวันทอดทิ้งผม
 
นอร์สไม่ได้พูดให้ไอ้อิฐรับรู้

นอร์สไม่ได้พูดให้ป๊ายอมรับ

นอร์สไม่ได้พูดให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นคนดี

   แต่...นอร์สพูดให้ผมรู้ว่าเขารักผมและตราบใดที่ผมยังรักเขาเราจะไม่มีวันทอดทิ้งกัน
                           
     
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 22-09-2015 00:31:23
         “เอาล่ะเรื่องทุกอย่างมันก็เป็นแบบนี้แหละ”

         “แล้วทำไมทุกคนถึงไม่บอกน้องไฟเลยล่ะ ไอ้อิฐมึงก็อีกคนทำอะไรก็ไม่ยอมปรึกษา นอร์สก็เหมือนกันมีอะไรก็ไม่ยอมบอก

กัน” ผมว่าเรียงทีละคน

           หลังจากที่ป๊ายอมรับนอร์สและอนุญาตให้เราทั้งสองคนรักกัน โดยที่ป๊าจะไม่ขัดขวางใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม

แถมป๊ายังเล่าให้ฟังอีกว่าที่ใช้นอร์สไปทำงานในสวนก็เพื่อจะฝึกให้นอร์สทำงานให้ได้เพราะถ้าต้องมาคบกับลูกเจ้าของสวนต่อ

ไปตัวเองก็ต้องหยิบจับงานตรงนี้ให้เป็น ส่วนที่ให้ไอ้อิฐเทียวไปเทียวมาก็เพื่อที่จะทดสอบใจของนอร์ส ถ้าหากเจ้าตัวมาเห็นคน

รักอยู่กับคนอื่นแล้วคนอื่นมาจีบคนที่ตัวเองรักจะทำอย่างไร ซึ่งป๊าไม่ชอบคนที่หึงแล้วใช้กำลังแล้วนอร์สก็เลือกที่จะไม่ใช้กำลัง

เพียงแต่ทำให้คนรักของตัวเองเลือกที่จะรักตัวเองพยายามทำตัวเองให้คนรักเห็นว่ามีอะไรที่ดีกว่าคนที่มาจีบ ซึ่งนอร์สทำผ่าน

หมดทุกข้อจนมาถึงข้อสุดท้ายคือความจริงใจและจริงจังที่นอร์สมีต่อผม เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ป๊ากับไอ้อิฐร่วมมือกันเพื่อ

พิสูจน์ข้อสุดท้ายและคำตอบของนอร์สในตอนแรกก็ทำให้ป๊าเลือดขึ้นหน้า แต่พอมาเจอประโยคถัดไปก็ยอมอ่อนข้อและรับนอร์ส

เข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเรา

         “ที่ป๊าไม่อยากบอกก็เพราะอยากจะทดสอบนอร์สแล้วก็อยากให้มันเป็นความลับ ถ้าหากป๊าบอกน้องไฟเรื่องทุกอย่างก็ไม่

เป็นความลับน่ะสิ” ป๊าผมหาข้ออ้างเพื่อให้มันดูดี ผมเองก็ไม่รู้จะว่าอะไรอีกเพราะยังไงป๊าผมก็ต้องหยิบยกข้ออ้างที่ดีกว่านี้มาพูด

กับผมอีกแน่

         “แล้วนี่พี่ลมไปไหนซะล่ะ ตอนที่ป๊ามาถึงเหมือนจะเห็นแวบๆว่ามาแล้วนะ” พอเคลียร์เรื่องทุกอย่างลงตัวป๊าก็ถามถึงพี่ชาย

ตัวดีของผมที่ตอนนี้พี่แกยังไม่กลับบ้าน

         “นั่นไงป๊าเดินยิ้มมาแต่ไกลโน่นเลย” ผมที่หาข้ออ้างมาเพื่ออ้างป๊าไม่ให้รู้ว่าที่ตอนนี้พี่ลมไม่ยอมกลับบ้านเพราะงอนไอ้วีแล้ว

ไอ้วีก็กำลังตามไปง้อ แต่พอหันกลับไปที่ประตูก็เจอเจ้าของเรื่องเดินยิ้มหน้าบานพร้อมถือช่อดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่

         “อ้าวป๊าสวัสดีครับ ป๊ากลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะทำไมพี่ลมถึงไม่เห็นรู้เลย” พี่ลมวางดอกกุหลาบขาวช่อโตไว้ที่โต๊ะก่อน

จะเดินเข้ามากอดป๊าอย่างอ้อนๆ

         “แล้วพี่ลมจะรู้ได้ไงล่ะว่าป๊ากลับมาบ้านแล้วก็พี่ลมมัวแต่หายไปไหนก็ไม่รู้แล้วยังมีหน้ามาถามป๊าอีก” พูดจบป๊าก็ยื่นมือไป

บีบจมูกเล่นเบาๆ

         “ทำไรเนี่ยป๊า อายน้องไฟกับไอ้วีบ้างเหอะ” พี่ลมบอกป๊าก่อนจะส่ายหัวไปมาเพื่อให้ป๊าเอามือออกจากจมูกตัวเอง ป๊าชอบมา

เล่าให้ผมฟังตลอดเลยว่าชอบบีบจมูกพี่ลมเล่นเพราะจมูกพี่แกเล่นโด่งอย่างกับคนเชื้อสายชาวตะวันตก

         “ไม่เห็นต้องอายอะไรเลยพี่ลม น้องไฟว่าน่ารักดีออก” ผมมองสองพ่อลูกเล่นกันเป็นเด็กๆซึ่งมันก็เป็นภาพที่น่ารักดีทีเดียว

         “เมื่อกี้พี่ลมพูดถึงวี ใช่นายปฐวีเพื่อนน้องไฟรึเปล่า” ป๊าถามพี่ลม

         “ใช่ครับป๊า สวัสดีครับป๊า” คำตอบนี้พี่ลมไม่ได้เป็นคนตอบแต่ไอ้วีเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของผมมันเป็นคนตอบป๊าแทน

         “อืม สวัสดีแล้วนี่มานานรึยังล่ะ” ป๊ารับไหว้ไอ้วีก่อนที่จะผายมือให้อีกคนนั่ง ซึ่งไอ้วีเลือกนั่งข้างๆพี่ลมโดยที่มีสายตาของป๊า

จ้องไม่ห่าง จากนั้นจึงถามเรื่องทั่วๆไป

         “ก็เพิ่งมาถึงวันนี้ครับ” ไอ้วีตอบป๊า

         “แล้วพักกับใครอะไรยังไงล่ะ” ป๊าเริ่มซักถามถึงห้องพักคืนนี้ของไอ้วี

         “เอ่อ...ผมพักอยู่กับพี่ลมครับ” ไอ้วีอ้ำๆอึ้งๆตอบป๊า

         “หืม? พักห้องเดียวกับพี่ลมอย่างนี้มันจะไม่อึดอัดแย่เหรอ ห้องรับแขกของบ้านก็มีเหลืออีกหลายห้องเปลี่ยนไปนอนห้องอื่น

น่าจะสะดวกกว่านะ” ป๊าเริ่มจะทำการแยกสองคนนี้ออกจากกัน ผมที่นั่งฟังป๊าซักถามโดยมีไอ้วีเป็นคนตอบก็อดสงสารมันไม่ได้ที่

ต้องมาตอบคำถามของป๊า สู้ๆนะเพื่อน กูรู้ว่ามึงทำได้

         “ไม่เป็นไรหรอกป๊าห้องของพี่ลมใหญ่จะตาย พี่ลมกับวีขอตัวไปจัดของที่ห้องก่อนนะ ไปวีไปจัดของที่ห้องเถอะ” แล้วพี่ลมก็

ลากไอ้วีให้ไปจัดของที่ห้องพัก

         “เฮ้อ!เจ้าลูกคนนี้”

         “โถ่ป๊าปล่อยๆพี่ลมบ้างก็ได้” ผมบอกป๊า

         “ปล่อยพี่ลมเหมือนอย่างกับปล่อยเรางั้นเหรอ มันคนละเรื่องกันเลยนะน้องไฟ นอร์สเขาได้พิสูจน์ตัวแล้วแต่เพื่อนน้องไฟคน

นี้ป๊าไม่ไว้ใจเลย” ป๊าส่ายหัวเมื่อพูดถึงไอ้วี

         “มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะป๊า บางทีคนที่เราคิดว่าดีอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เราคิดก็ได้นะ เดี๋ยวน้องไฟขอตัวไปดูนอร์สก่อนนะ

ครับ อย่าคิดมากล่ะ” ผมบอกป๊าก่อนจะเตรียมลุกไปหานอร์สที่ห้อง แต่ก็ต้องชะงักกับประโยคตัดพ้อของป๊า

         “มีลูกลูกก็ทิ้งปล่อยให้เราต้องนั่งเหงาเดียวดายเป็นตาแก่หงำหงึกอยู่คนเดียวเปลี่ยวใจไทยแลนด์ เฮ้อ!ชีวิตหนอชีวิต

อนิจจังทุกขังอนัตตา” ป๊ารำพึงรำพันในความละเลยของลูกที่ต้องปล่อยให้ตัวเองอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆก็อดทำให้ผมยิ้มขำกับ

คำรำพึงมากกว่าสงสารที่ป๊าต้องอยู่คนเดียว

         “ป๊าก็มีม๊าไม่ใช่เหรอน้องไฟว่าน้องไฟไปดีกว่าไม่อยากเห็นคนแก่ตัดพ้อ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมว่าทิ้งท้ายก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากป๊า

เพราะไม่งั้นระเบิดจะลงที่ผมแน่ๆ

           ก็อกๆๆๆ

         “นอร์สไฟเองนะ” ผมเดินตรงดิ่งมาหานอร์สก่อนจะเคาะประตูเพื่อเรียกอีกฝ่ายเพราะได้ยินเสียงเหมือนอีกคนจะคุยโทรศัพท์

กับใครบางคนอยู่ถึงได้เดินมาเปิดประตูให้ช้า

         “ขอโทษนะครับพอดีคุยธุระนิดหน่อยเลยเปิดประตูให้ช้า”

         “ไม่เป็นไรหรอกแล้วนี่คุยเสร็จแล้วยังอ่ะ ไฟเข้ามากวนรึเปล่า” ผมถามอีกคนก่อนจะเดินไปนั่งที่ปลายเพราะกลัวว่าตัวเองจะ

เข้ามาขัดธุระของอีกฝ่าย

         “ไม่เลยครับ นอร์สคุยเสร็จพอดี” ว่าจบนอร์สก็เดินขึ้นมาบนเตียงนอนก่อนจะเอนนอนหนุนตักผมเหมือนเช่นทุกครั้งที่เราอยู่

ด้วยกันสองคน

         “วันนี้นอร์สมีความสุขที่สุดเลยนะครับ”

         “อื้ม วันนี้ไฟก็มีความสุขที่สุดเหมือนกัน ขอบคุณนะสำหรับเรื่องในตอนนั้น” ผมขอบคุณอีกคนจากใจ

         “นอร์สต่างหากที่ต้องขอบคุณไฟที่ทำให้นอร์สได้รู้จักกับคำว่ารัก” นอร์สบอกผมก่อนจะกุมมือผมขึ้นจุมพิตเบาๆ

         “แล้วเรื่องของคุณเจนแล้วก็คุณหญิงแม่ของนอร์สล่ะจะว่ายังไง ไฟคิดว่าท่านคงจะไม่ยอมให้เราได้คบกันหรอกนะ” ผมคิด

มาตลอดถึงเรื่องแม่ของนอร์สที่ต้องไม่เห็นดีเห็นงานกับการคบกันของผมกับนอร์สแน่ๆ

         “เรื่องนั้นไฟไม่ต้องห่วงหรอกนะครับเดี๋ยวนอร์สจัดการเองแล้วเราก็หยุดพูดเรื่องเครียดๆดีกว่านะครับเพราะนอร์สอยากจะ

เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแบบนี้เอาไว้เยอะๆ” นอร์สบอกผม ผมจึงพยักหน้ารับ

         “นอร์สเรื่องวันนี้อ่ะ นอร์สพูดจริงๆเหรอว่าจะไม่ทิ้งไฟ”

         “จริงสิครับก็ไฟเป็นคนที่นอร์สรักแล้วนอร์สจะทิ้งไฟได้ยังไง นอร์สว่านี่ก็ดึกแล้วเรานอนพักผ่อนกันดีกว่า” ว่าจบนอร์สก็

รีบดึงผมให้นอนลงข้างกัน

         “เดี๋ยวก่อนสินอร์สเรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลยนะ ไฟเหม็นรึเปล่าก็ไม่รู้”

         “งั้นก็ให้นอร์สพิสูจน์สิครับว่าเหม็นรึปล่า” นอร์สบอกผม แต่สายตาเจ้าเล่ห์ชอบกล

         “บ้า!!” จากนั้นผมก็หลับอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้................................
















มาแล้วกับตอนต่อไป ตอนนี้รู้สึกจะเน้นหนักไปทางของกินมากกว่าตอนอื่นๆ 555555 ยังไงซะเรื่องราวของสองคนกำลังไปได้

สวย แต่ไม่รุ้ว่าจะเจอกับอุปสรรคอะไรกันบ้าง เอาเป็นว่าอยากรู้ก็อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ อ้อ ลืมบอกไปว่าใครที่อยากรู้

เรื่องราวของ ปฐวี กับ พี่ลม ล่ะก็ ดีสอัพลงเด็กดีไปนานแล้ว ถ้าหากว่าใครอยากจะรุ้ก่อนก็ตามไปอ่านได้นะคะเพราะเดี่ยวหลัง

จากลงเรื่องนี้จบจะลงเรื่องของนายปฐวีกับพี่ลมค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-09-2015 08:24:04
คุณพ่อขี้หวงเริ่มออกอาการอีกแล้วสินะคะ :m20:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 16-17 230958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 23-09-2015 18:51:29
              แผนการร้ายครั้งที่ 16 : ความรักก็เหมือนสายลม........คุณไม่อาจมองเห็น แต่รู้สึกถึงมันได้เสมอ

         “อืม นอร์ส” ผมที่เพิ่งจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดจากทางหน้าต่างที่เล็ดรอดเข้ามาตามช่องหน้าต่างที่ถูกเปิดแง้มเอา

ไว้

         “หืม?นอร์สไม่อยู่เหรอ” ผมลุกจากที่นอนก่อนจะมองหาเจ้าของห้องอีกคนที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าตัวภายในห้องก็อดนึก

สงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวนั้นไปอยู่ที่ไหน

         “เอ หรือว่านอร์สจะอยู่กับป๊า” พอนึกได้ผมก็รีบกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไปถามป๊าว่าเห็นนอร์สบ้างรึเปล่า

         “ป๊าเห็นนอร์สบ้างไหมครับ” ผมที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินมาหาป๊าที่หน้าบ้านซึ่งป๊ากำลังนั่งดื่มกาแฟและคุยงานอยู่กับ

ไอ้อิฐ

         “ไม่นะป๊ายังไม่เห็นนอร์สตั้งแต่เช้าแล้ว” ป๊าบอกผม

         “แหม ตัวติดกันเชียวนะมึง” ไอ้อิฐค่อนขอดผม

         “มึงไม่ต้องมาว่ากูเลย แหมทีมึงมาบ้านกูทุกวันกูยังไม่ว่ามึงเลยหรือว่าที่มึงมาที่นี่ทุกวันเพราะมึงคิดอะไรกับพ่อกู” ผมว่าไอ้

อิฐมันกลับ

         “ไอ้เวร กูไม่ได้คิดอะไรกับพ่อมึงซะหน่อย แต่กูคิดอะไรกับลูกเขาต่างหาก” ไอ้อิฐมันพูดก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตา

         “อะแฮ่ม!ผู้หมวดครับเรายุติข้อตกลงกันหมดแล้วครับไม่ต้องเล่นเพิ่มหรอกครับเพราะยังไงผมก็ไม่จ่ายค่าตัว แต่ผู้หมวดอาจ

จะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองนะครับ” ป๊าผมพูดกับไอ้อิฐน้ำเสียงนิ่งๆ ผมที่เห็นหน้ามันส่งยิ้มแหยๆให้ป๊าก็นึกขำ ไหนตอนแรก

เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่ตอนนี้ไหงตอนนี้ดังแล้วแยกวง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ   
         
         “อุ้ย!ครับ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองแกลบเกินไปยังไม่อยากรีบจ่ายค่ารักษาพยาบาลครับ” ไอ้อิฐบอกป๊า

         “แล้วสรุปว่าไม่มีใครเห็นนอร์สเลยเหรอครับ” ผมถามป๊ากับไอ้อิฐซึ่งทั้งคู่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

         “เฮ้อ!แล้วนอร์สไปอยู่ที่ไหนนะ” ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปโทรศัพท์หาอีกฝ่ายที่ห้อง

         “อ้าว พี่ลมจะไปไหนเหรอออกข้างนอกแต่เช้าเชียว” ผมทักพี่ลมที่ดูท่าทางรีบร้อนออกจากบ้าน

         “ธุระนิดหน่อยน่ะ” พี่ลมหยุดตอบผม

         “แล้วนี่องครักษ์ส่วนตัวของพี่ไปไหนซะล่ะ” ผมถามถึงไอ้วีเพราะทุกทีพี่แกกับไอ้วีตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก

         “อ๋อกำลังตามมาน่ะ” ว่ายังไม่ทันจบไอ้วีก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมา

         “ช้าจริงวีรู้นะว่าพี่รีบยังจะช้าอีกเดี๋ยวก็ไม่ทันฤกษ์ทันเวลากันพอดี” พอไอ้วีเดินมาถึงพี่ลมก็สวดอีกคนชุดใหญ่ แต่เดี๋ยวนะเมื่อ

กี้พี่ลมกลัวไม่ทันฤกษ์ เอ่อ...ฤกษ์อะไร?

         “เอ่อ...พี่ลมไม่ทันฤกษ์อะไรเหรอ” ผมถามพี่ลม

         “เอ่อ...ฤกษ์...ฤกษ์ซื้อน้องหมาน่ะ” พี่ลมตอบผม

         “ห๊ะ!ซื้อน้องหมาต้องมีฤฏษ์ด้วยเหรอพี่ลม พี่ลมเพี้ยนปะเนี่ย” ผมว่าพี่ลม แต่เจ้าตัวไม่ตอบอะไรได้แต่ส่งยิ้มแหยๆมาให้แล้วก็

ลากไอ้วีให้ตามออกไป

                                                       ฤกษ์อะไรของเขากันนะ!?
                   
         “น้องไฟไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นมาให้ม๊าหน่อยสิม๊าจะได้ปลอกแช่เย็นเอาไว้”

         “ครับม๊า” ผมจึงเดินไปหยิบผลไม้สองสามอย่างมาให้ม๊าปลอกแช่เย็นไว้

           หลังจากที่พี่ลมกับไอ้วีออกจากบ้านไปพร้อมกับทิ้งคำพูดแปลกๆอย่างเช่น ไม่ทันฤกษ์ ไม่ทันเวลา แต่พอถามอีกคนก็บอก

ว่าฤกษ์ซื้อน้เองหมา บ้านไหนที่เขาจะซื้อน้องหมาต้องดูฤกษ์ดูยามกันบ้างฟร้ะ!!! ผมเลยเข้ามาช่วยม๊าทำกับข้าวในครัว แต่ก่อน

หน้านั้นผมลองโทรหาอีกคนแต่ก็ไร้วี่แววเพราะอีกคนไม่ยอมรับสายยิ่งทำให้ผมเป็นกังวลมากขึ้นเพราะอีกคนหายไปที่ไหน อะไร

ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้และที่สำคัญก็ไม่ยอมบอกผมอีกต่างหาก

         “คุณผู้หญิงขาคุณผู้หญิงมีคนมาหาคุณผู้หญิง คุณผู้ชายแล้วก็คุณหนูเล็กค่า คุณผู้หญิงขา” เสียงพี่มะลิตะโกนเรียกม๊ากับป๊า

ดังมาแต่ไกลถึงแขกที่มาหา ผมไม่แปลกใจเท่าไรที่จะมีใครมาหาป๊ากับม๊าเพราะทั้งป๊าและม๊าก็มีคนรู้จักมากพอสมควรแต่ที่น่า

แปลกที่คนที่มาหาป๊ากับม๊าจะมาหาผมด้วย!?

         “โอ๊ย!ตะโกนครั้งเดียวเขาก็ได้ยินกันทั้งบ้านแล้วมะลิจะตะโกนอะไรนักหนาแล้วคุณผู้ชายล่ะมารึยัง” ม๊าเอ็ดพี่มะลิก่อนจะถาม

ถึงป๊า

         “ตอนนี้คุณผู้ชายกำลังคุยกับแขกอยู่ค่ะ” พี่มะลิบอกม๊า

         “ดีแล้วงั้นเดี๋ยวมะลิมาจัดผลไม้ต่อก็แล้วกันนะ” ม๊าสั่งพี่มะลิ

         “ได้ค่ะคุณผู้หญิง” พี่มะลิรับคำ

         “ไปน้องไฟแต่งตัวให้เรียบร้อยไปดูกันซิว่าใครมาหา” ม๊าบอกผมก่อนจะจัดเสื้อผ้าของผมให้เข้าที่ให้เรียบร้อยก่อนที่เราทั้ง

สองคนจะเดินออกไปที่ห้องรับแขกของบ้าน

           ผมกับม๊าเราทั้งคู่เดินมาที่ห้องรับแขกของบ้านเห็นป๊ากำลังนั่งคุยอยู่กับแขกที่มาหาเมื่อครู่ก่อนจะเรียกผมกับม๊าเข้ามา

         “อ้าว มาโน่นแล้วครับ มานั่งเร็วม๊า น้องไฟ” ป๊าเรียก ผมจึงเดินเข้าไปแต่พอเดินเข้าไปแล้วรู้ว่าแขกที่มาหาทั้งป๊าม๊าแล้วก็ผม

เป็นใครก็ทำเอาผมช็อกไปชั่วครู่ นั่นมันพ่อนอร์สนี่หน่า แล้ว.....แล้ว..พ่อนอร์สมาทำแมวอะไรที่นี่!!!!

         “เราคงจะรู้จักพันตำรวจเอกอนุเทพ เกรียงณรงค์รักษ์นะ แต่ป๊าก็จะให้เรารู้จักกันอย่างเป็นทางการพันเอกอนุเทพ เกรียง

ณรงค์รักษ์หรือพ่อของนอร์ส” ป๊าแนะนำพ่อนอร์สให้ผมได้รู้จักอย่างเป็นทางการ ผมจึงยกมือไหว้ท่านตามมารยาท

         “สวัสดีครับคุณลุง” ผมทัก พ่อของนอร์สรับไหว้ผมก่อนจะยิ้มให้อย่างเอ็นดู

         “อืม สวัสดีแล้วทีหน้าทีหลังไม่ต้องเรียกลุงนะเรียกพ่อก็ได้เพราะยังไงซะเราก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว” พ่อนอร์สว่า

         “เอ่อ..ครับ..คุณพ่อ” ผมว่าแต่ก็ยังงงๆอยู่ดีถึงแม้จะรู้ความหมายที่อีกคนสื่อแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเราจะมาเป็นทองแผ่น

เดียวกันพูดอย่างกับจะมาสู่ขอผมงั้นแหละ.... เฮ้ย!!!!หรือว่า?!

         “ส่วนนี่คือน้องไฟลูกชายผมครับ” ป๊าบอก จากนั้นพ่อของนอร์สก็คุยถึงธุระที่มาในวันนี้

         “เอาล่ะผมว่าเรามาคุยถึงธุระที่ผมมาวันนี้ดีกว่าอย่างว่าล่ะครับผมเป็นทหาร ฉะนั้นผมก็เป็นคนตรงๆที่ผมมาในวันนี้คือจะมา

สู่ขอลูกของคุณอัศวินให้เจ้านอร์สมันไม่ทราบว่าทางคุณอัศวินมีปัญหาขัดข้องอะไรรึเปล่าครับ” พ่อของนอร์สไม่พูดพร่ำทำเพลง

มาถึงก็พูดถึงธุระของตนเองที่มาในวันนี้ได้ไม่อ้อมค้อม แต่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกเขินเสียมากกว่า

         “ผมกับภรรยาก็ไม่ได้มีปัญหาขัดข้องแต่อย่างใดหรอกครับเพราะเรื่องนี้คงต้องรอการตัดสินใจของน้องไฟเสียมากกว่า ว่ายัง

ไงล่ะน้องไฟเราจะตกลงไหม” ป๊าบอกพ่อของนอร์สก่อนจะหันมาถามเอาคำตอบจากผม ผมที่โดนคำถามนี้เข้าไปก็ไม่รู้ว่าจะตอบ

ยังไง ไอ้ครั้นจะให้ปฏิเสธมันก็ดูจะเป็นการทำลายหน้าพ่อของนอร์สละความรู้สึกของอีกคนไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากตอบรับเพียงแต่

มันยังมีปัญหาคาราคาซังเหลือให้ผมกับนอร์สกลับไปแก้ปัญหาอีกเยอะและถ้าหากผมตอบรับแล้วเกิดมีปัญหากับคุณหญิงแม่ของ

นอร์สขึ้นมาจะทำยังไง

         “เอ่อ....คือว่า” ผมได้แต่อ้ำๆอึ้งๆไม่ตอบเสียทีนอร์สเลยพูดขัดขึ้น

         “ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณแม่หรอกครับเดี๋ยวนอร์สกับคุณพ่อจะไปคุยกับท่านเอง” นอร์สบอกกับผม

         “แต่ว่า” ผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าท่านจะยอม

         “งั้นก็เอาอย่างนี้สิเราทั้งสองคนก็หมั้นกันไปก่อนแล้วค่อยเคลียร์ปัญหาต่างๆได้เรียบร้อยก็ค่อยแต่งกัน ป๊าว่ามันก็ไม่ได้เสีย

หายอะไรนะ” ป๊าผมเสนอซึ่งหลายๆคนก็ดูจะเห็นด้วยกับความคิดนี้

         “นั่นสิครับแล้วพี่ไฟว่ายังไงครับจะยอมหมั้นกับนอร์สไหม” คราวนี้นรอร์สเป็นคนถามผมเองคือจะให้ผมตอบตอนนี้มันก็ดูจะ

เขินปากตัวเองน่าดู ผมได้แต่เม้มปาก กัดปากทำมันสารพัดวิธีเพื่อให้ตัวเองพูดให้ได้สุดท้ายผมเลยต้องส่งเสียงผ่านลำคอก่อนจะ

พยักหน้าตกลง

         “อืม” โอ๊ย!เขินชะมัดเลย

         “ทีนี้เราก็มาดูวันหมั้นกันคือผมอยากได้ให้เร็วที่สุดคุณอัศวินว่ายังไงครับ” พ่อนอร์สถามป๊า

         “เอาไงดีม๊าเห็นด้วยไหม” ป๊าก็หันมาถามม๊าอีกทีซึ่งมาก็เห็นด้วยก่อนจะแสดงความคิดเห็น

         “ม๊าเห็นด้วยนะป๊าแล้วคุณอนุเทพอยากได้วันไหนดีคะ” ม๊าหันไปถามพ่อนอร์ส ก่อนที่อีกคนจะยิ้มพร้อมกับตอบคำถาม

         “พรุ่งนั้ครับ”
                       
         “ผมหวังว่าค่าสินสอดทองหมั้นแค่นี้ก็คงพอนะครับ”

         “แค่นี้ก็เกินความคาดหมายแล้วครับ”

         “งั้นก็ดีเลยครับผมจะได้ไม่รู้สึกผิดหวังที่เตรียมค่าสินสอดมาได้ถูกใจว่าที่พ่อสะใภ้ ฮ่าๆๆๆๆ”

         “ถูกใจแน่นอนครับพ่อของว่าที่ลูกเขยจัดสินสอดชุดใหญ่ให้ทั้งที”

           บทสนทนาระหว่างป๊ากับพ่อของนอร์สคุยกันเรื่องค่าสินสอดทองหมั้นที่จะใช้ในงานหมั้นในวันพรุ่งนี้เพราะหลังจากที่พ่อ

ของนอร์สบอกจะจัดงานหมั้นในวันพรุ่งนี้อยู่ดีๆพี่ลมกับไอ้วีก็เดินถือสินสอดที่พ่อของนอร์สเตรียมาไว้ให้ขึ้นมาในบ้านและนั่นก็

ทำให้ผมรู้ความจริงว่า ไอ้ฤกษ์ที่พี่แกกลัวนักกลัวหนาว่าจะไม่ทันก็คือไอ้ฤกษ์ที่นอร์สจะพาพ่อมาขอหมั้นผม!!!

           ค่าสินสอดทองหมั้นที่ทางพ่อของนอร์สจะมอบให้นับได้ว่าเป็นจำนวนเงินที่เรียกได้ว่าทอล์คออฟเดอะทาวน์เลยก็ว่าได้

เพราะแค่จำนวนเงินที่เอามาหมั้นก็เยอะมากพอแล้วไหนจะมีสร้อยทอง รถยนตร์และคอนโดอีกหนึ่งห้องเบ็ดเสร็จรวมทรัพย์สินก็

เกือบๆ 30 ล้านเข้าไปแล้วแถมยังบอกอีกว่านี่แค่ค่าสินสอดงานหมั้น แต่ถ้าผมกับนอร์สแต่งกันเมื่อไหร่รับรองว่ายิ่งใหญ่กว่านี้แน่

         “นอร์สนะนอร์สทำอะไรไม่ยอมปรึกษไฟเลยนะ” ผมว่านอร์ส

         “ก็ถ้านอร์สบอกไฟมันจะเซอร์ไพรส์ไหมล่ะครับ” นอร์สอธิบายให้ผมฟัง ผมจึงเดินหนีอีกคนไปนั่งที่โต๊ะกลางทุ่ง

           หลังจากที่ป๊าผมกับพ่อของนอร์สคุยกันเรื่องสถานที่และแขกที่จะมางานกันเสร็จผมกับนอร์สเลยขอตัวซึ่งผมพาอีกคนออก

มาที่ทุ่งนาคุยกันเรื่องงานหมั้นที่เจ้าตัวทำเองโดยไม่ปรึกษาหารือผมซักคำ

         “โถ่!ไฟครับก็นอร์สอยากให้ไฟเซอร์ไพรส์ไงครับไฟไม่ชอบเหรอครับ” นอร์สว่าก่อนจะเดินตามผมมาที่โต๊ะก่อนเจ้าตัวจะนั่ง

ลงข้างกัน

         “ไม่ ก็นอร์สทำอะไรไม่ยอมปรึกษาไฟก่อนนี่หน่าแล้วถ้าเกิดคุณหญิงแม่ของนอร์สรู้เข้าท่านจะไม่โกรธนอร์สเหรอแล้วถ้าหาก

เราหมั้นกันแล้วท่านไม่ยอมรับไฟล่ะคราวนี้คนที่เสียใจไม่ใช่เราสองคนเหรอ”

         “ไฟครับไฟฟังนอร์สนะครับเราทั้งคู่ก็เคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาด้วยกันแต่ถ้านี่จะเป็นบททดสอบความรักที่เรามีต่อกันมันยิ่ง

ไม่ทำให้เรารักกันมากยิ่งขึ้นหรอกเหรอครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะหยิบมือผมขึ้นไปกุมจากนั้นเจ้าตัวก็ก้มลงจุมพิตแผ่วเบา

         “นอร์สเชื่อว่าเราจะต้องผ่านมันไปได้ครับเชื่อนอร์สนะครับ ผมเชื่อในความรักของเรานะครับไฟ” นอร์สบอกผมก่อนที่จะรวบ

ตัวผมเข้าไปกอด มันเป็นกอดที่ทั้งแนบแน่นและให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

         “อื้ม ไฟจะเชื่อในความรักของเราและเราก็จะผ่านมันไปด้วยกันนะ”  ผมบอกนอร์ส เราสองคนจะเชื่อมั่นในความรักและเราก็จะ

ต้องข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน

         “นอร์สมีเรื่องอยากจะถามไฟครับ”

         “หืม มีอะไรเหรอ”

         “มีใครที่เคยนอนตักไฟแล้วไฟลูบหัวให้แบบนี้ไหมครับ” นอร์สถามผมเพราะตอนนี้เจ้าตัวนอนตักผมและให้ผมลูบหัวเหมือน

อย่างที่เจ้าตัวมักชอบทำ

         “อืม ก็มีนะ” ผมตอบนอร์สเพราะเท่าที่จำได้ก้เคยทำแบบนี้เพียงแต่ไม่บ่อยเท่านั้นเอง

         “กับใครเหรอครับ” นอร์สถามผมแต่น้ำเสียงดูจะติดห้วนๆขึ้นนิดนึง

         “เจฟสัน”

         “ลูกครึ่งเหรอครับ” หืม?สุนัขเขาใช้คำว่าลูกครึ่งด้วยเหรอเห็นเคยได้ยินแต่ลูกผสม

      “ไม่รู้สิ ต้องลองถามเจ้าของเขาดู แต่ว่าตอนนี้เจ้าของเขาย้ายบ้านไปแล้วล่ะไม่รู้ว่าจะกลับมาเที่ยวที่นี่อีกรึเปล่า” ผมตอบแต่

นอร์สกลับเลิกคิ้วงงๆซะงั้น

         “เจ้าของ?” นอร์สทวนคำ

         “อืม เจ้าเจฟสันมันมีเจ้าของแล้วเป็นสุนัขที่น่ารักแล้วก็เชื่องมากๆๆด้วยนะเสียดายที่เจ้าของบ้านเขาย้ายไปแล้วไม่งั้นนะนอร์ส

จะต้องรักเจ้าเจฟสันจนลืมไฟแน่ๆเลย” เพราะขนาดพี่ลมที่ไม่ค่อยจะถูกกับบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลายยังหลงรักเจ้าเจฟสันเหมือน

เป็นลูกของตัวเองเลย

         “เดี๋ยวก่อนนะครับเอ่อ..เจ้าเจฟสันนี่คือสุนัขเหรอครับ” นอร์สถาม

         “ใช่ ป่านนี้ก็คงจะได้หลายเดือนแล้วล่ะพูดแล้วก็คิดถึง” ผมลูปบหัวให้อีกคนแต่อยู่ดีๆนอร์สก็ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างที่ผมแทบจะ

ไม่ทันได้ตั้งตัว

          “โถ่!ไฟครับผมถามเนี่ยหมายถึงคนไม่ใช่เจ้าตูบสักหน่อย” นอร์สดูจะเหวี่ยงหน่อยๆ ผมเลยคิดว่าสิ่งที่เจ้าตัวเข้าใจคงจะเป็น

คนไม่ใช่สุนัข

         “อ้าวก็นอร์สถามว่าไฟเคยทำแบบนี้กับใครแต่นอร์สไม่ได้ระบุว่าเป็นคน สัตว์หรือสิ่งของจะมาโทษไฟไม่ได้นะ” ผมว่านอร์ส

ทั้งๆที่ผมก็เข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่านอร์สหมายถึงคนไม่ใช่เจ้าตูบ

         “เฮ้ย!เล่นบ้าอะไรของนอร์สเนี่ย” หลังจากที่ผมว่าอีกคนไปอยู่ดีๆเจ้าตัวก็ผลักผมนอนกับโต๊ะก่อนจะขึ้นคร่อมผมไว้ซะงั้น

แถมยังมาทำท่าล่อแหลมกลางทุ่งนาอีกต่างหาก ผมล่ะเครียดกับนอร์สจริงๆ

         “ก็ไฟอยากแกล้งนอร์สก่อน นอร์สจะทำอะไรมันก็เรื่องของนอร์สไฟไม่มีสิทธิ์มาว่านอร์ส” นอร์สพูดกับผมและท่าทางที่ดูเอา

จริงของอีกคนก็ทำเอาผมขนลุกซุ่เหมือนกัน

         “ไฟขอโทษก็ไฟอยากให้นอร์สคลายเครียดเท่านั้นเอง” ผมพยายามพูดดีๆกับอีกคน แต่อีกคนกลับไม่สนใจแถมยังโน้มหน้า

เข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ อ๊ากกกกกกกก ผมอยากจะมีแหวนแบบโฟรโด้จะได้สวมแล้วหายไปจากสถานการณ์ตอนนี้จริงๆ ผมได้แต่

หลับตาปี๋แล้วยิ่งอีกคนที่โน้มหน้าลงต่ำเรื่อยๆ ลมหยใจที่ห่างจากหน้าผมเหลือไม่ถึงคืบก็ชวนเอาหัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ แต่เมื่อเวลา

ผ่านไปเกือบห้านาทีก็ไม่เห็นวี่แววว่าอีกคนจะทำอะไรผมเลยลองค่อยๆลืมตาที่หลับขึ้นก็เห็นอีกคนมองจ้องอยู่

         “คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้นะครับ ไฟก็รู้ว่านอร์สไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนที่นอร์สรักเพราะนอร์สหึงและหวงมาก”

พออีกคนพูดเสร็จก็ลุกออกจากตัวผม ผมจึงค่อยๆลุกตามอีกฝ่าย

         “ขอโทษนะ” ผมรู้สึกสำนึกผิดที่ไปแกล้งอีกฝ่ายเล่น นอร์สไม่ได้ว่าอะไรผมเพียงแต่เอื้อมมือมาขยี้หัวผมเล่นเหมือนผมเป็น

เด็กน้อยคนหนึ่ง

         “อย่ามาขยี้หัวไฟเล่นนะ ไฟเป็นพี่นอร์สนะแก่กว่านอร์สตั้งสองปี” ผมดุอีกคน แต่คนที่โดนดุกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านอะไร

แม้แต่น้อย

         “แต่ในสายตานอร์สไฟไม่เหมือนพี่เลยสักนิดเหมือนเด็กเอาแต่ใจมากกว่า” นอร์สว่าผม หนอย!!อีตาบ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าเรา

เป็นเด็กเอาแต่ใจอย่างนี้มันต้องจัดการซะแล้ว

         “นี่นอร์สกล้าว่าไฟเป็นเด็กเอาแต่ใจเหรอ นี่แหนะ” ผมไล่ตีอีกคนก่อนที่นอร์สจะลุกขึ้นวิ่งหนีฝ่ามือพิฆาตของผมไปตามคันนา

         บรรยากาศช่วงสายๆอากาศไม่ร้อนอบอ้าวมากเท่าไร แต่ถ้าเลยช่วงเวลานี้ไปได้ล่ะก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยากจะออก

มาวิ่งเล่นกันเลยทีเดียว

         “โอเคครับไฟนอร์สยอมไฟแล้ว พอเถอะครับนอร์สวิ่งจนเหนื่อยแล้ว” นอร์สยกมือยอมแพ้ผม

         “ตั้งนานก็ไม่ยอมนะนอร์สแล้วก็ใช่ว่านอร์สจะเหนื่อยเป็นคนเดียวดูเหงื่อไฟสิอย่างกับคนอาบน้ำเลย” ผมว่านอร์สก่อนที่เราทั้ง

คู่จะนั่งลงที่คันนาสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดและยิ่งเป็นอากาศจากธรรมชาติแล้วยิ่งดีต่อสุขภาพปอดเข้าไปใหญ่เลย

         “นอร์สเล่นอะไรก็ไม่รู้เหมือนเด็กๆเลย” ผมว่านอร์ส

         “หืม?ใครกันแน่ครับที่เล่นเป็นเด็ก แล้วนี่ยังมาโทษคนอื่นอีกอย่างนี้มันต้องโดนลงโทษ” แล้วนอร์สก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม


           ฟอด!!


         “หืม แก้มไฟนุ๊มนุ่ม” นอร์สว่าทำท่าเคลิบเคลิ้ม

         “พูดไรของนอร์สเนี่ย” ผมว่าอีกคนที่นึกจะพูดอะไรก็พูด แถมแต่ละคำพูดก็พาลเอาผมเขินตลอด

         “ฮ่าๆๆๆก็มันเรื่องจริงนี่หน่าดูสิหน้าแดงหมดแล้วนะ” นอร์สว่าก่อนจะดึงแก้มผมเล่น ดูการกระทำของนอร์สแต่ละอย่างให้

ความเคารพผมจริงไร-จริงเหลือเกิน เฮ้อ!ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนรักนะ!!

         “พี่ว่าแล้วว่าเราสองคนต้องอยู่ที่นี่ ไปเร็วน้องไฟ นอร์สป๊ากับม๊าเรียกไปร้านชุดแต่งงานน่ะรีบไปเร็ว ดูเนื้อตัวน้องไฟสิ

มอมแมมอย่างกับเจ้าตูบเลย” พี่ลมมาตามผมกับนอร์สให้ไปลองชุดแต่งงาน จากนั้นพี่ก็ก็ว่าเรื่องเสื้อผ้าของผม แต่ถ้าดูๆไปแล้ว

ชุดของผมกับนอร์สมันก็เลอะพอๆกันแต่ไหงพี่แกไม่เห็นว่านอร์สเลยอ่ะ ไม่เห็นยุติธรรมเลย!!

         “น้องไฟไม่ได้เลอะคนเดียวซะหน่อยนอร์สก็เลอะพอๆกับน้องไฟนะทำไมพี่ลมไม่เห็นว่านอร์สเลยอ่ะ” ผมแย้งพี่ลม ไม่รู้แหละ

ยังไงผมก็จะไม่ยอมโดนว่าคนเดียวหรอกนะ

         “เฮ้อ!อย่าทำตัวเป็นเด็กๆสิน้องไฟเราแก่กว่านอร์สแต่ดูทำตัวเข้าสิยิ่งกว่าเด็กน้อยซะอีก” พี่ลมไม่ได้ว่าอะไรนอร์สแม้แต่น้อยมี

แต่ผมที่โดนว่าแถมยังถูกว่าทำตัวเป็นเด็กอีกต่างหาก ได้แล้วทุกคนจะได้รู้ว่าผมไม่ใช่เด็ก!!
                     
     
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 23-09-2015 19:02:00
           “ม๊าว่าให้น้องไฟใส่ชุดสีครีม ส่วนนอร์สก็ให้เป็นสีดำ ป๊าว่าดีไหม” ม๊ากับป๊าช่วยกันเลือกชุดให้ผมกับนอร์สถึงแม้งานที่จะ

เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะเป็นเพียงแค่งานหมั้นในครอบครัว แต่ม๊ากับป๊าแล้วก็พ่อของนอร์สก็อยากจะให้ใช้ชุดที่เลือกใส่ในงานหมั้นมา

ใส่ในวันงานแต่งที่คาดว่าคงจะได้เกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ส่วนตัวผมเองก็ภาวนาให้มันเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

         “ป๊าว่าก็โอเคอยู่นะ” ป๊าบอกม๊าก่อนที่ม๊าจะหันไปถามความคิดเห็นจากพ่อของนอร์สซึ่งท่านก็ไม่ได้ขัดอะไรผมและนอร์สจึง

เอาชุดไปลองที่ห้องลองโดยมีพนักงานสาวสวยเป็นคนพาเดินไป

         “เดี๋ยวไฟจะพิสูจน์ให้นอร์สดูว่าไฟก็เป็นผู้ใหญ่มากพอที่นอร์สจะต้องเคารพ” ผมกระซิบทิ้งท้ายกับอีกคนก่อนจะเดินแยกไป

เปลี่ยนชุดที่ห้องลอง

           ชุดของผมกับนอร์สเป็นชุดรูปแบบเดียวกันนั่นก็คือทักซิโด้เพียงแค่แตกต่างกันตรงสีของผมเป็นสีครีมส่วนนอร์สเป็นสีดำ

ผมใช้เวลาไม่นานมากในการเปลี่ยนชุดก่อนจะรีบออกจากห้องเพื่อไปหาอีกคนที่ลองชุดอยู่ที่ห้องตรงข้ามกัน

           แอ๊ด!! เสียงผมเปิดประตูห้องดังขึ้นคนที่ยืนแต่งตัวอยู่ในห้องชะงักเล็กน้อยที่เห็นผมเดินเข้ามาหาถึงในห้องลองชุด

         “มีอะไรรึเปล่าครับไฟถึงได้มาหานอร์สถึงในห้องเลย” นอร์สถามก่อนจะละจากการแต่งตัวเพื่อหันมาคุยกับผม

         “ก็ไม่มีอะไรหรอก...เพียงแต่ไฟคิดถึงนอร์สเท่านั้นเอง” ผมเดินเข้าไปหาอีกคนก่อนจะโอบรอบคออีกฝ่าย นอร์สจึงจึงดึงตัว

ผมพร้อมกับรวบเอวผมไว้หลวมๆ

         “วันนี้ไฟไม่สบายรึเปล่าครับหรือว่าลืมกินยาแล้วไม่ได้เขย่าขวด” นอร์สถามผมยิ้มๆก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมของ

ผมที่มันตกลงมาปรกหน้า

         “เปล่าซะหน่อยเพียงแต่ไฟจะพิสูจน์ให้นอร์สได้รู้ว่าไฟไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ” พูดเสร็จผมก็ก้มลงจูบกับอีกฝ่ายซึ่งจูบคราวนี้ต่าง

ไปจากทุกทีเพราะคนเริ่มมักจะเป็นนอร์สและผู้ตามก็มักจะเป็นผมเสมอ แต่วันนี้ผมขอเป็นคนเริ่มและให้อีกฝ่ายเป็นคนตามซึ่ง

นอร์สก็ยอมทำหน้าที่ผู้ตามอย่างดี จนกระทั่งรสสัมผัสที่ดูหวานละมุนในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นรุ่มร้อนคนที่ทำหน้าที่คุมเกมอย่าง

ผมก็ต้องถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นผู้ตามเกมนี้แทน

         “ไฟนี่เป็นเด็กเอาแต่ใจจริงๆนะครับ” นอร์สว่าผมแต่ริมฝีปากร้อนของเจ้าตัวยังคงแนบชิดอยู่ที่ริมฝีปากของผมไม่ห่าง ผมที่

ขาดอากาศหายใจจากจูบที่อีกคนมอบให้และไม่ว่าเราทั้งคู่จะเคนจูบกันบ่อยแค่ไหนผมก็ไม่เคยชินกับมันซะทีและดูเหมือนว่าอีก

คนก็จะอับสกิลในเรื่องนี้มากขึ้นทุกครั้ง ผมจึงต้องก้มหน้าซบลงที่อกของนอร์สเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลงไป

กองกับพื้น นอร์สก็คงจะรู้ว่าผมพยุงตัวเองให้ยืนตรงได้ไม่ถนัดนอร์สจึงกระชับอ้อมกอดที่เอวให้แน่นขึ้น

         “นายก็เป็นเด็กที่เอาแต่ใจแถมยังเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวอีกต่างหาก” ผมว่าค้อนอีกคนเพราะเล่นสูบไปซะวิญญาณแทบจะ

หลุดออกจากร่าง

         “หึๆๆ นอร์สรักไฟนะครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะก้มลงมาจุมพิตเบาๆบริเวณขมับ ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ทุบอกอีกฝ่ายเพื่อ

กลบอาการเขินอายของอีกคนมากกว่า

          แชะๆๆๆๆๆๆ

         “แหมๆๆแอบมาสวีทดรีมอะไรกันไหนนี้ห๊ะน้องไฟยังไม่ทันเข้าหอเลยนะ” พี่ลมที่ไม่รู้ว่าพี่แกเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่แถมยังถ่าย

รูปที่ผมซบนอร์สอีกต่างหาก น่าอายชะมัดเลย

         “พี่ลมเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ผมกับนอร์สรีบผละออกจากกัน ก่อนที่ผมจะถามคำถามพี่ลมว่าพี่แกเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อ

ไหร่กัน

         “เข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้แต่ที่รู้ๆมาทันช็อดเด็ดของเรื่องก็แล้วกัน” พี่ลมว่าท่าทางเจ้าเล่ห์

         “ช็อตดงช็อตเด็ดอะไรกัน พี่ลมนี่พูดเพ้อเจ้อหลบไปเลยนะน้องไฟจะไปให้ม๊าดูชุด” ผมรีบทำทีไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่ข้างใน

แทบจะระเบิดกลายเป็นผุยผงเพราะท่าทางของพี่ลมอยู่แล้ว

         “แหมๆๆเขินก็ไม่บอกนะ นอร์สทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็ให้มันอยู่ในบ้านหรือที่ส่วนตัวสักหน่อยนะเพราะถ้ารุนแรงแล้วมีเสียง

เล็ดลอดชาวบ้านเขาจะตกใจกันหมด ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมที่เดินทิ้งห่างออกมาไกลจากนอร์สแล้วก็พี่ลม แต่ก็ยังคงได้ยินสียงพี่ลมแซว

ผมอย่างชัดเจน ไอ้พี่ลมมีความสุขมากนักใช่ไหมที่ชอบแกล้งให้น้องเขินเนี่ย!!

         “อ้าวมากันโน่นแล้วค่ะ” ม๊าเรียกป๊ากับพ่อของนอร์สที่คุยกันเรื่องธุรกิจให้หันมาดูชุดของผมกับนอร์ส

         “โหลูกป๊าดูดีจริงๆ นอร์สก็หล่อเหมาะกับตำแหน่งลูกเขยป๊าจริงๆเนอะม๊าเนอะ” ป๊าว่า จากนั้นทุกคนก็ตกลงเลือกชุดที่ผมกับ

นอร์สลองในวันนี้ไว้สำหรับใส่หมั้นและแต่ง เฮ้อ!รู้สึกตื่นเต้นจัง อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆจัง

           หลังจากที่ผมกับนอร์สแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะป๊าถือฤกษ์ว่าให้หมั้นกันก่อนแล้วค่อยมาอยู่ห้องเดียวกันทั้งผมและนอร์ส

เราทั้งคู่จึงต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเอง พอมาถึงที่บ้านม๊าก็บังคับให้ผมอาบน้ำขัดตัวเพื่อเตรียมสำหรับงานในวันพรุ่งนี้ โดยมีพี่

ลมคอยเป็นคนดูแล

         “พี่ลมดีใจกับน้องไฟด้วยนะที่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที” พี่ลมเดินเข้ามาเช็ดผมให้ผมเพราะผมเพิ่งจะอาบน้ำสระผม

ออกมาจากห้องน้ำ

         “ขอบคุณนะครับพี่ลม แต่น้องไฟก็อยากเห็นพี่ลมมีบรรยากาศแบบนี้บ้างนะครับ” ผมบอกกับพี่ลม พี่ลมไม่ไตอบอะไรเพียงแต่

ส่งยิ้มบางๆมาให้ผมแทนคำตอบ

         “นอร์สเป็นคนดีพี่เชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้น้องพี่ต้องเสียใจเพราะถ้าเขาคิดทำเมื่อไหร่พี่กับป๊าจะไม่เอาเขาไว้แน่” ผมยิ้มให้กับ

คำขู่ของพี่ลม ไม่ว่าเราจะมีชีวิตแบบไหน ไม่ว่าตอนนี้ผมกำลังจะหมั้นหรือแต่งงานอยู่ก็ตามครอบครัวก็ยังคงเป็นครอบครัวอยู่

เสมอ

                 
         “เอาล่ะเป็นอันว่าพิธีเสร็จสิ้นแล้วนะทีนี้เราทั้งคู่ก็เป็นว่าที่คู่บ่าวสาวกันแล้วนะ จะทำอะไรก็ขอให้คิดถึงวันที่ต้องฝันฝ่าอุปสรรค

มาด้วยกันนะ ป๊าเชื่อว่าถ้าเราฝ่าอุปสรรคที่ยากเย็นแสนเข็ญมาด้วยกันได้ยังไงซะเราทั้งคู่ก็เป็นคู๋แท้กัน” ป๊าบอกผมกับนอร์ส

         “ส่วนพ่อก็อยากให้ลูกทั้งสองคิดและตัดสินใจไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ขอให้ใช้ใจไม่ใช่ใช้สมองเพราะความรักมันเกิดขึ้นจากจิตใจ

เราไม่ได้ใช้สมองจดจำ ฟังคำพ่อเอาไว้นะ” พ่อนอร์สบอกผมกับนอร์ส

         “ครับป๊า ครับคุณพ่อ” ผมกับนอร์สรับคำท่านทั้งสองก่อนจะก้มลงกราบท่าน

         “สำหรับม๊า ม๊าอยากจะบอกนอร์สว่าถึงแม้น้องไฟจะชอบทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ขี้งอนหรืออะไรก็แล้วแต่อะไรที่ยอมๆกัน

ได้ม๊าก็อยากจะให้เรายอมๆกันไป การเริ่มใช้ชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ยังไงก็เป็นของที่ขาดกันไม่ได้”

ม๊าบอกก่อนจะลูบหัวเราทั้งสองคนอย่างเอ็นดู ผมกับนอร์สรับคำก่อนจะก้มลงกราบม๊า

         “อืม...คิดไม่ออก เพราะทุกคนแย่งพี่พูดไปหมดเลย แต่ว่านะนอร์ส ถ้านอร์สทำน้องพี่ร้องไห้หรือเสียใจเมื่อไหร่พี่ไม่เอาเราไว้

แน่แล้วพี่ก็อยากให้เรารักน้องพี่เหมือนอย่างที่ทุกคนในบ้านรักนะเพราะยังไงเราก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพี่แล้ว”

พี่ลมว่า นอร์สรับปากว่าจะไม่มีทางทำให้ผมเสียใจเด็ดขาด

         “คือตอนนี้กูอวยพรเป็นคนสุดท้ายเลยเหรอวะ ไม่เป็นไรคืออยากจะบอกว่ารักกันนานๆนะมีหลานให้กูเร็วๆนะมึงไอ้ไฟ” ไอ้วี

อวยพรให้ผม

         “หลานบ้านมึงสิกูไม่ใช่ผู้หญิงนะที่จะท้องได้แล้วนี่กูก็เพิ่งหมั้นยังไม่ได้แต่งเว้ย” ผมบอกไอ้วีแต่นอร์สกลับขัดขึ้น

         “แต่ก็ในไม่ช้าหรอกครับ” นอร์สว่า

         “เอาล่ะวันนี้ก็ถือว่าพิธีหมั้นผ่านไปได้ด้วยดีนะทีนี้ก็ให้คู่หมั้นทั้งสองคนได้ไปพักผ่อนกันดีกว่า” ป๊าบอกก่อนที่จะให้ผมกับ

นอร์สแยกตัวออกไปพัก ผมจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนในห้อง
 
         “อ๊ะ” ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆคนที่เดินนำหน้าเข้าห้องมาก่อนกลับยืนกอดผมอ้อนๆจากทางด้านหลัง

         “นอร์ส” ผ่านไปเป็นเวลานานผมจึงเรียกอีกคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะขยับหรือทำอะไร

          “ขอนอร์สอยู่อย่างนี้สักพักนะครับ” นอร์สบอกผมด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ

         “อืม ได้สิ แต่ว่านะไฟว่าเราควรที่จะกลับกรุงเทพฯเพื่อไปสะสางปัญหาทุกอย่างกันได้แล้วนะ ไฟกลัวตอนนี้ไฟยังทำใจพร้อม

ที่จะรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้แต่ถ้าช้ากว่านี้ไฟก็กลัวว่าตัวเองจะทนรับสิ่งที่เกิดไม่ได้” ผมบอกนอร์สและผมก็รู้สึกได้ว่าดูอีกคนจะ

ถอนหายใจอย่างหนักใจก่อนจะพูดกับผม

         “ได้ครับ ไฟพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้วใช่ไหมครับ” นอร์สถามผม ผมจึงพยักหน้ารับ

         “อืม”








รู้สึกตอนนี้อะไรหลายๆอย่างกำลังจะลง แต่มันก็ยังไม่สุด ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าอุปสรรคอะไรที่ทั้งไฟและนอร์สต้องพบเจอ

ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นที่มีมาทุกตอนนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 16-17 230958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 23-09-2015 19:18:00
               แผนการร้ายครั้งที่ 17 : ความสุขนั้น.........จะเป็นความสุขที่แท้จริงก็ต่อเมื่อเราได้แบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่น...

                  หลังจากที่ผมตัดสินใจพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆและพร้อมที่จะเคลียร์และสะสางปัญหาที่มันคาราคาซังให้มัน

หมดไปและนี่ก็เป็นปัญหาระดับสึนามิที่ผมกับนอร์สเลือกที่จะเคลียร์มันให้เสร็จสิ้นเพื่อที่เราทั้งคู่จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย

         “สวัสดีครับแม่ ไฟครับนี่แม่นอร์สครับ” นอร์สแนะนำคุณหญิงแม่ให้ผมรู้จัก

         “เอ่อ....สวัสดีครับคุณหญิงแม่” ผมกล่าวทักทายแม่ของนอร์สซึ่งก็โชคดีที่ท่านรับไหว้ผม

           ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในบ้านของนอร์ส แต่จะให้เรียกว่าบ้านก็คงจะยังไม่พอกับความใหญ่โต โอ่อ่าและหรูหรา การตกแต่ง

ภายในไม่ได้ดูสีสันฉูดฉาดทันสมัยจนเกินไปออกจะติดแนววินเทจนิดๆแต่กลับทำให้ดูโมเดิร์นและทำให้เจ้าของบ้านดูภูมิฐานเมื่อ

อยู่ภายใต้การตกแต่งแนวนี้

         “เอ่อ...แม่ครับนี่ไฟครับ” หลังจากที่ผมทำความเคารพแม่ของนอร์สเสร็จเจ้าตัวก็แนะนำผมให้กับแม่ได้รู้จัก

         “มาก็ดีแล้วตานอร์ส นี่ลูกหายไปไหนตั้งเป็นอาทิตย์แม่กับหนูเจนติดต่อลูกไม่ได้เลยนะ” คุณหญิงแม่ว่านอร์ส

         “ขอโทษครับพอดีนอร์สติดธุระที่ต่างจังหวัด สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรครับ” นอร์สอธิบายให้คุณหญิงแม่เข้าใจ

แต่ยังไม่ทันที่นอร์สจะได้เริ่มเกริ่นเรื่องของเราสองคนก็มีเสียงรถที่หยุดอยู่ที่หน้าบ้านกับเสียง 18 หลอดอันเป็นเอกลักษณ์ของคน

ที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในรอบหลายล้านปีก็ดังขัดขึ้น

         “สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่ อ้าวฮันนี่หายไปไหนมาหลายวันคะเจนกับคุณแม่ติดต่อคุณไม่ได้เลยนะคะ” ยัยเสียง 18 หลอดกล่าว

ทักทายคุณฆญิงแม่ของนอร์สก่อนจะเดินเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับนอร์สแถมยังถือวิสาสะคล้องแขนอีกคนและทำทีเป็น

เจ้าข้าวเจ้าของอีกฝ่าย ผมไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกไปเพียงแต่ส่งสายตาหาอีกคนที่พยายามแกะมือของเจนสิญาออกเพราะรู้ว่า

ผมเริ่มไม่พอใจกับการกระทำแบบนี้

         “เอาล่ะเมื่อกี้นอร์สจะพูดอะไรกับแม่นะ” คุณหญิงแม่ถามนอร์ส

         “คือนอร์สอยากจะคุยเรื่องแต่งงานกับแม่ครับ คือ-” ยังไม่ทันที่นอร์สจะทันได้พูดจบคุณหญิงแม่ก็แทรกขึ้นกลางบทสนทนา

         “ใช่เลย แม่เกือบลืมจนได้ ขอบใจมากนะนอร์สที่ลูกพูดเรื่องงานแต่งเพราะตั้งแต่แม่โทรหาลูกไม่ได้แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง

สรุปว่าเรื่องงานแต่งของลูกกับหนูเจนแม่ไปหาฤกษ์มาให้แล้วนะน่าจะเป็นราวๆช่วงต้นเดือนหน้าซึ่งนั่นก็หลังจากลูกรับปริญญาไม่

กี่วันแม่ว่ามันเป็นฤกษ์ที่ดีทีเดียวเลยนะ” คุณหญิงแม่พูดกับนอร์สถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างนอร์สกับยัยเสียง 18 หลอดนั่นจน

นอร์สไม่รู้ว่าจะขัดท่านได้ตรงไหนเพราะท่านเล่นพูดเองสรุปเองจนไม่รู้ว่าจะแย้งยังไง

         “มันจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างนอร์สกับเจนครับแม่” นอร์สบอกคุณหญิงแม่เสียงหนักแน่น

         “นอร์สว่าอะไรนะคะ” ยังไม่ทันที่คุณหญิงแม่จะได้ถามยัยเสียง 18 หลอดกลับโพล่งขึ้นมาเสียก่อน

         “ผมก็ว่าอย่างที่ผมพูดนั่นล่ะครับ แม่ครับมันจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างนอร์สกับเจนเกิดขึ้นไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตามครับ”

นอร์สบอกซึ่งนั่นก็ทำให้คุณหญิงแม่ไม่พอใจกับสิ่งที่ท่านได้ยิน ผมที่เป็นคนนอกก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะยังไงซะถ้าผมพูดอะไร

ออกไปคนที่แย่ที่สุดอาจจะเป็นผมก็ได้ฉะนั้นผมจึงเลือกที่จะเงียบและฟังบทสนทนาต่อไป

         “แม่ต้องการเหตุผล” คุณหญิงแม่บอกนอร์สซึ่งนอร์สก็ไม่ลังเลที่จะตอบเหตุผลในการยกเลิกงานแต่งระหว่างตัวเองกับเจน

สิญา

         “เพราะนอร์สมีคนที่นอร์สรักแล้วครับแม่” นอร์สตอบ แค่คำตอบธรรมดาแต่ก็ทำให้ผมมีรอยยิ้มได้

         “เรื่องงี้เง่านั่นน่ะเหรอเหตุผลของเราตานอร์ส แม่ไม่คิดเลยนะว่าลูกจะมีเหตุผลที่งี้เง่าและไร้สาระแบบนี้” คุณหญิงแม่ว่านอร์ส

แต่อีกคนก็ไม่ได้มีสีหน้าหรือท่าทางโกรธที่ถูกคนเป็นแม่ว่ากล่าว


         “การที่นอร์สรักใครด้วยใจสักคนสำหรับนอร์สแล้วมันไม่ใช่เรื่องงี้เง่าสักนิดเลยนะครับแม่ แม่ครับนอร์สกับเจนเราไม่ได้รักกัน

เลยนะครับ” นอร์สพยายามอธิบายให้คุณหญิงแม่เข้าใจ จากนั้นจึงดันเจนสิญาออก

         “นี่นอร์สกล้าทำแบบนี้กับเจนเหรอคะ!!” ยัยเจนสิญาไม่พอใจที่ถูกนอร์สดันตัวเองออกจนต้องขยับตัวไปนั่งอีกโซฟาหนึ่ง

ส่วนนอร์สก็เขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆกับผมแทน

         “เพราะไอ้นี่ใช่ไหมคะ คุณถึงทำแบบนี้กับเจน อ๋อ คุณหญิงแม่คะเจนว่าที่นอร์สจะยกเลิกงานแต่งทั้งหมดก็คงจะมีสาเหตุมา

จากไอ้นี่แหละค่ะ แกต้องทำยาเสน่ห์ใส่นอร์สแน่ๆ” ยัยเสียง 18 หลอดชี้หน้าว่าผมและนั่นก็เป็นตัวจุดชนวนที่ทำให้ผมฟิวส์ขาด

เพราะผมเกลียดที่สุดที่มีคนมาชี้หน้าว่าและโดยเฉพาะยัยเสียง 18  หลอดนี่!!

         “เหรอครับ คุณเจนคิดว่าผมไม่มีความสามารถขนาดต้องพึ่งยาเสน่ห์เลยเหรอครับ แต่ผมว่าถ้าเป็นตัวคุณเจนเองที่ต้องพึ่งมัน

ผมจะไม่สงสัยอะไรสักนิดเลยนะครับ” ผมตอกกลับยัยเจนสิญาจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องลุกออกจากที่นั่งมากรี๊ดใส่ผม แต่ก็โชคดี

ที่ผมกับทุกคนยกมือขึ้นปิดหูทันไม่งั้นมีหวังต้องเข้ารักษาแก้วหูด่วนแน่ๆ

         “แม่ว่าหนูเจนอยู่เฉยๆก่อนนะเดี๋ยวแม่จะเคลียร์เรื่องนี้เอง” คุณหญิงแม่บอกให้ยัยเสียง 18 หลอดสงบจิตสงบใจซึ่งอีกคนก็

ยอมนั่งลงและทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นแม่นอร์สก็เริ่มทำการซักถามนอร์ส แต่ก่อนที่ท่านจะได้ถามอะไรนอร์สท่านก็ได้ปรายตา

มามองผมชั่วแวบหนึ่งก่อนหันไปหานอร์ส ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้ว่า ลางร้ายกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า

         “มันยังไงกันนอร์ส จริงอย่างที่หนูเจนพูดรึเปล่าที่ว่าลูกกับนายคนนี้คบกัน” คุณหญิงแม่ถามซึ่งคำถามของท่านก็ค่อนข้างจะ

ตรงประเด็นเสียเหลือเกิน

         “ครับ นอร์สกับไฟเราทั้งคู่คบกันและตอนนี้เราสองคนก็หมั้นกันแล้วครับ” นอร์สบอกคุณหญิงก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือผมไว้

ผมจึงเงยหน้ามองอีกคน นอร์สที่มองผมก่อนอยู่แล้วยิ้มให้ผมบางๆก่อนที่ผมจะสัมผัสถึงแววตาที่มั่นคงและแน่วแน่ของอีกฝ่าย

ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะสอดมือของตัวเองประสานกับมือของอีกคนเพื่อที่จะได้สร้างความมั่นคงของเรา

         “นอร์ส นอร์สฟังแม่นะลูกไอ้สิ่งที่นอร์สกำลังทำอยู่แม่ว่าลูกกำลังสับสนมากกว่านะ” คุณหญิงแม่บอก

         “ไม่ครับ นอร์สไม่ได้สับสนนอร์สรู้ทุกเรื่องและนอร์สก็รู้ทุกอย่าง”

         “ถ้าในเมื่อลูกรู้ทุกอย่างแล้วทำไมลูกถึงทำแบบนี้และลูกก็อย่ามาอ้างว่าลูกรักนายนี่นะ” คุณหญิงแม่ว่าก่อนจะปรายตามามอง

ผมอย่างดูถูกนิดๆ ผมพยายามเก็บอาการเอาไว้ แม้ลึกๆข้างในก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจกับสายตาที่คุณหญิงแม่ของอีกฝ่ายมองมาที่ตัว

เองก็ตามทีเถอะ     

         “ไฟชื่อไฟครับแม่ไม่ใช่นายนี่กรุณาเรียกให้เกียรติคู่หมั้นของนอร์สด้วยนะครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่และนั่นก็ทำให้ท่านไม่

เริ่มพอใจ

         “นี่นอร์ส เรากล้าว่าแม่เพราะผู้ชายคนนี้น่ะเหรอ เหอะ ยังไงซะแม่ก็ไม่มีวันรับผู้ชายคนนี้มาเป็นคนในครอบครัวของแม่หรอก

นะเพราะคนที่แม่จะยกให้เป็นตำแหน่งลูกสะใภ้ต้องเป็นหนูเจนคนนี้เท่านั้น คนอื่นแม่ไม่รับ!!!” คุณหญิงแม่แม่บอกนอร์ส แต่นั่นก็

ทำให้ผมเริ่มกังวล

         “งั้นเหรอครับ คุณแม่แน่ใจเหรอครับที่จะยอมรับผู้หญิงที่ฉาวโฉ่แบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านเราน่ะครับ” นอร์สบอกคุณหญิง

แม่ ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ดูจะธรรมดาแต่ก็ติดจะเยือกเย็นและเหยียดหยามอยู่ในน้ำเสียงนั่น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงยัยเจนสิญา

         “นอร์สพูดอะไรคะ คุณไม่มีสิทธิมาว่าเจนแบบนี้นะคะ ยังไงซะเจนก็ยังเป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณนะคะ อย่าบอกนะคะว่าคุณหลง

นายนั่นจนกลายเป็นคนแบบนี้” ยัยเสียง 18 หลอดนั่นบอกนอร์ส แถมยังหาว่าผมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้นอร์สต้องเป็นแบบี้อีกด้วย

 นอร์สเพียงแต่มองยัยเสียง 18 หลอดนั่นยิ้มๆ แต่รอยยิ้มนั่นเปรียบเหมือนรอยยิ้มอาบยาพิษซะมากกว่าเพราะมันดูน่ากลัวและ

แปลกๆชอบกล แถมนอร์สยังหันไปมองอีกคนด้วยแววตาที่ดูสมเพชเวทนาเสียเต็มทน

         “เจนคิดว่าที่นอร์สเป็นแบบนี้ก็เพราะไฟเหรอครับ นั่นก็อาจจะใช่นะครับแถมตอนนี้นอร์สก็ทั้งรักและหลงไฟเอามากเสียด้วย

แต่นอร์สก็มีอะไรจะถามเจนเหมือนกันนะครับ เจนครับเท่าที่นอร์สจำได้คนที่มีสิทธิในตัวของนอร์สและเป็นว่าที่เจ้าสาวของนอร์ส

ไม่ใช่เจนนะครับแต่คนที่มีสิทธิทุกอย่างทั้งหมดและเป็นว่าที่เจ้าสาวเพียงคนเดียวของนอร์ส คนๆนั้นคือไฟต่างหากครับไม่ใช่

เจน!!รู้ไว้ซะด้วยครับ” นอร์สว่ายัยเสียง 18 หลอดนั่นจนเจ้าตัวหน้าซีดแถมยังตกใจกับสิ่งที่นอร์สพูด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงและแวว

ตา นอร์สที่เคยอ่อนโยนกลับแปรเปลี่ยนมาเป็นแข็งกร้าว ไม่ใช่แค่ยัยเสียง 18 หลอดนั่นที่ตกใจ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับยัยนั่นเท่าไร

แต่ก็ได้ทำให้ผมรู้ว่า เวลาที่นอร์สโกรธน่ากลัวอย่าบอกใครเลยล่ะและแน่นอนผมจะไม่ทำให้นอร์สโกรธ.....เพราะผมกลัว!? จาก

นั้นจึงหันไปหาคุณหญิงแม่ก่อนจะพูดในสิ่งที่ไม่มีใครรู้และนั่นรวมก็ถึงผมด้วย

         “แม่ครับนอร์สว่ามันถึงเวลาที่แม่ต้องรู้ความจริงทั้งหมดสักทีนะครับตลอดเวลาที่ผ่านมานอร์สได้ให้คุณอนุชา ทนายความ

ประจำตระกูลช่วยสืบเรื่องของเจนให้ผมและนั่นก็ทำให้ผมได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้!!และแม่เองก็น่าจะรู้ดีว่า

ข้อมูลที่คุณอนุชาเป็นคนหาเชื่อถือได้และถูกต้องที่สุด ฉะนั้นวันนี้นอร์สก็ได้ให้คุณอนุชานำข้อมูลที่ให้นอร์สได้ดูในวันนั้นมาให้แม่

ได้ดูและได้รับรู้เหมือนที่นอร์สรู้มาก่อนด้วยครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่ก่อนจะหันไปเรียกคุณอนุชาทนายคนดังกล่าว

         “เชิญครับคุณอนุชา” นอร์สหันไปเรียกอีกคนที่มาคอยพวกเราทั้งหมดอยู่ก่อนแล้วซึ่งนั่นผมเองก็ยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่

เมื่อไหร่!?
         
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-09-2015 13:54:21
เจนสิญากำลังจะถูกเปิดโปงแล้วสินะคะ คุณหญิงแม่จะได้รู้เสียทีว่าตัวเองน่ะมีตาหามีแววไม่ คนที่ดูเท่าเทียมกันในบางครั้งก็ใช่จะดีเสมอไปอย่างที่แสดงออก ^^
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่16-17 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 24-09-2015 19:47:51
        “คุณทนายอนุชานี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอนอร์ส” ผมกระซิบถามอีกคน

         “ก็มาในเวลาใกล้เคียงกัยเรานั่นหละครับ” นอร์สบอกก่อนจะหันไปจัดการกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อ

         “สวัสดีครับคุณหญิง” คุณทนายเอ่ยทักคุณหญิงแม่

         “สวัสดีค่ะคุณทนายอนุชา” คุณหญิงแม่ทักคุณทนายอนุชากลับ แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะรู้จักและดูคุ้นเคยกับทนาย

คนนี้นักนะเพราะไหนจะท่าทางและลักษณะการเดินและคำพูดคำจาของทนายอนุชาคล้ายกับคนที่ผมรู้จักยังไงยังงั้น

         “เรื่องจริงเหรอคะคุณทนายที่นอร์สเป็นคนให้คุณช่วยสืบเรื่องของหนูเจนน่ะค่ะ” คุณหญิงแม่ถามคุณทนายอนุชา

         “ครับคุณหญิง ส่วนนี่ครับคือหลักฐานที่ผมไปสืบมาและได้ให้คุณนอร์สได้ดู” คุณทนายอนุชายื่นซองสีน้ำตาลส่งให้คุณหญิง

แม่ก่อนที่ท่านจะเปิดซองแล้วหยิบรูปภาพที่อยู่ด้านในซองออกมาดู ทันทีที่ท่านหยิบรูปขึ้นมาดูสีหน้าและแววตาที่ท่านมองภาพ

เหล่านั้นทั้งตกใจและเหลือเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้เห็น

         “มันคือรูปอะไรเหรอนอร์ส” ผมกระซิบถามคนที่ยืนอยู่ข้างกัน นอร์สจึงก้มลงมากระซิบบอกผมเสียงเบา

         “เดี๋ยวไฟก็รู้ครับ” นอร์สไม่ยอมบอกผมว่ารูปภาพที่คุณหญิงแม่ดูนั้นมันเป็นรูปอะไร แหม!!เดี๋ยวนี้กล้ามีความลับกับไฟนะ!!

         “นี่มันอะไรกันหนูเจน!!!” คุณหญิงแม่ตวาดกร้าวพร้อมกับโยนรูปในมือใส่ยัยเสียง 18 หลอดนั่น ผมที่อยากรู้มานานว่ารูปที่

ทำให้คุณหญิงแม่โกรธเกรี้ยวได้ขนาดนี้มันคือรูปอะไรกันแน่ แต่แล้วก็มีรูปหนึ่งที่ดันหล่นลงมาใกล้กับที่ผมยืนอยู่และนั่นก็ทำให้

ผมรู้ว่ามันคือรูปอะไร นี่มันรูปยัยเสียง 18 หลอดกำลังมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น!!!!!! โอ้!พระเจ้า ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะ

กล้าทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้

         “มันไม่ใช่อย่างที่คุณหญิงแม่และทุกคนเข้าใจนะคะ นี่ไม่ใช่รูปของเจนรูปทั้งหมดนั่นถูกตัดต่อ!!!!” ยัยเสียง 18 หลอดแก้

ต่างให้กับตัวเองทั้งๆที่หน้าของตัวเองนั้นซีดเสียจนเหมือนไก่ต้ม

         “ถ้าในรูปพวกนั้นไม่ใช่คุณจริงแล้วคุณจะต้องหน้าซีดไปทำไม นอกเสียจากว่าคนในรูปนั่นจะเป็นคุณจริงๆ” ผมว่าและนั่นยิ่ง

ทำให้เธอหน้าซีดหนักกว่าเดิมและมีทีท่าไม่พอใจ แถมยังหันมาเล่นงานผมอีกต่างหาก แต่โชคดีหน่อยที่นอร์สเข้ามาขวางเอาไว้

           “หนอย!แกนั่นแหละที่อยากได้นอร์สจนตัวสั่นถึงได้ใส่ร้ายฉันแบบนี้ นอร์สคะในรูปนั่นไม่ใช่เจนจริงๆนะคะ คุณทนายอะไร

นั่นอาจจะใส่ร้ายเจนก็ได้นะคะหรือไม่มันสองคนอาจจะร่วมมือกันกลั่นแกล้งเจนก็ได้นะคะนอร์ส นอร์สต้องเชื่อเจนนะคะ” ยัยเจนสิ

ญากล่าวหาผมว่าผมร่วมมือกับคุณทนายแล้วใส่ร้ายป้ายสีเธอ ผมก็ใช่ว่าตัวเองจะเป็นพระอิฐพระปูนที่ต้องมานั่งให้คนอื่นกล่าวหา

ตัวเองเสียๆหายๆก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะตอบโต้กลับบ้าง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทันทำอะไร นอร์สก็ห้ามผมไว้เสียก่อน ก่อนจะนอร์สจะ

หันไปว่ายัยเสียง 18 หลอดนั่นแทนผม

         “เจนครับคุณจะพูดหรือคุณจะว่าอะไรใครก็ช่วยดูตัวเองบ้างนะครับ ถ้าในรูปนั้นไม่ใช่คุณจริงแล้วคุณจะร้อนตัวแล้วโยนความ

ผิดไปให้คนอื่นทำไม แม่ครับแม่ลองคิดดูให้ดีๆนะครับ” นอร์สว่ายัยเจนสิญาก่อนจะหันไปบอกคุณหญิงแม่ ยัยเจนสิญาเลยรีบวิ่ง

ไปหาท่านเพื่อขอความเห็นใจ

         “คุณหญิงแม่คะ คุณหญิงแม่ต้องเชื่อเจนนะคะ” ยัยเสียง 18 หลอดทำทีเป็นสะอื้นร้องห่มร้องไห้สียใจเพียงเพื่อขอให้คุณ

หญิงแม่เห็นอกเห็นใจตัวเอง ผมที่นั่งมองดูอยู่ก็แทบจะจะลุกออกห่างจากภาพชวนน่าหมันไส้แบบนี้เอาเสียจริง

         “ออกไป” คุณแม่บอกยัยเสียง 18 หลอดนั่นเสียงเรียบจนอีกฝ่ายงงในสิ่งที่คุณหญิงแม่ท่านพูด

         “คุณหญิงแม่ว่าอะไรนะคะ”

         “ฉันบอกให้หล่อนออกไปจากบ้านหลังนี้!!!” คุณหญิงแม่ตวาดใส่ยัยเสียง 18 หลอดนั่นก่อนที่ท่านจะหันไปเรียกรปภ.ให้มา

พาตัวยัยเสียง 18 หลอดนั่นออกไป

         “รปภ.มาเอายัยผู้หญิงน่าไม่อายคนนี้ออกไปจากบ้านของฉันและอย่าให้หล่อนได้เข้ามาเหยียบในนี้ได้เป็นอันขาด” คุณหญิง

สั่งรปภ.เสียงกำชับ ก่อนที่พี่ยามทั้งหลายจะช่วยกันลากยัยเสียง 18 หลอดนั่นออกจากรั้วบ้าน

         “แกไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะอีแก่!!ถ้าไม่ติดว่าบ้านแกรวยฉันคงไม่อยากจะคบกับลูกแกที่เป็นเกย์แบบนี้หรอกนะรู้ไว้ซะ

ด้วย ปล่อยฉันนะ!!ฉันบอกให้ปล่อยยยยยยยย!!!!!!!” เสียงยัยเจนสิญาว่าคุณหญิงแม่และนอร์สเสียๆหายๆก่อนที่เหล่ารปภ.จะ

โยนนางออกไปจากรั้วบ้านพร้อมกับเสียงรถที่ดังไกลออกไป จากนั้นคุณทนายจึงขอตัวกลับ

         “ฉันอยากจะเป็นลม” หลังจากที่ให้ยัยเจนสิญาออกไปพ้นจากรั้วบ้านได้คุณหญิงแม่ก็มีทีท่าว่าจะเป็นลม ผมกับนอร์สเลย

ต้องรีบเข้าไปดูแลท่าน

         “เอ่อ...คุณหญิงแม่ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆนะครับ” ผมบอกคุณหญิงแม่ก่อนจะล้วงหยิบยาดมในกระเป๋ามาให้ท่าน

ดม ส่วนนอร์สก็บีบนวดท่านเพื่อให้ท่านได้ผ่อนคลาย

         “ขอบใจมาก” คุณหญิงแม่เอ่ยขอบคุณผมก่อนที่ผมกับนอร์สจะกลับไปนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามกับท่าน

         “ลูกรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วทำไมไม่ยอมบอกแม่” คุณหญิงแม่ถามนอร์ส

         “นอร์สกลัวว่าแม่จะเป็นแบบนี้ไงครับ” นอร์สบอกท่าน

         “ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะแม่ก็รู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน” คุณหญิงแม่บอกผมกับนอร์ส

         “ห๊ะ!คุณหญิงแม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ตั้งนานแล้วเหรอครับ” เป็นผมเองที่ถามท่านเพราะผมกับนอร์สไม่คิดเลยว่าท่านจะรู้เรื่องนี้

ขนาดผมที่อยู่กับนอร์สเกือบจะตลอดเวลาก็เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายไหว้วานให้ทนายไปสืบหาข้อมมูลเรื่องยัยเสียง 18 หลอดนั่น

         “ใช่ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกทั้งหมดอะไรแบบนี้” คุณหญิงแม่บอก

         “แล้วทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกนอร์สล่ะครับ” นอร์สถามคุณหญิงแม่กลับ

         “ก็แม่ไม่อยากจะยอมรับน่ะสิว่าลูกจะมีแฟนเป็นผู้ชาย” คุณหญิงแม่ว่าละนั่นก็ทำให้ทั้งผมและนอร์สตกใจกับเรื่องที่เราได้ยิน

         “แล้วแม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ” นอร์สถามคุณหญิงแม่ซึ่งผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน

         “ก็พ่อของลูกนั่นแหละที่บอกแม่ แถมมาบอกเอาตอนที่ลูกมาขอให้ตัวเองไปเป็นคนขอหมั้นน้องไฟ” คุณพ่อของนอร์สเนี่ย

นะ แต่เอ่อ....สรรพนามที่คุณหญิงแม่ของนอร์สใช้เรียกผมทำไมมันช่างต่างกับตอนแรกลิบลับเลยล่ะ?

         “แล้วทำไมแม่ถึงไม่คัดค้านล่ะครับ” นอร์สถาม

         “ก็ตอนแรกแม่อยากจะค้านอยู่หรอกนะ แต่พ่อของลูกอีกนั่นแหละที่ยอมพูดให้แม่ใจอ่อน แต่แม่ก็ไม่พอใจนะที่เรื่องมันเป็น

แบบนี้จนแม่ได้รู้ความจริง”


         “ความจริง?ความจริงอะไรเหรอครับ”

         “ก็ความจริงที่ว่าน้องไฟเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่น่ะสิ” นี่มันวันตกใจแห่งชาติรึยังไงเพราะแต่ละเรื่องที่ผมรับรู้มันทำให้

ผมทั้งตกใจและประหลาดใจเสียจริงและโดยเฉพาะความจริงที่รู้ว่า คุณหญิงแม่ของนอร์สกับแม่ผมท่านทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน!!!

         “เพื่อนรักกันเหรอครับ” นอร์สถาม

         “ใช่จ๊ะ แม่กับเกตแม่ของน้องไฟเราทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่ยังเด็ก เราสองคนสัญญากันว่าถ้าโตขึ้นเราทั้งคู่มีลูกก็จะให้ลูก

ของเราแต่งงานกัน แต่พอแม่กับเกตขึ้นม.ปลายเกตก็ต้องถูกย้ายไปเรียนที่สุพรรณเพราะพ่อของเกตต้องไปทำงานที่โน่น ตั้งแต่

นั้นมาแม่กับเกตเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนวันที่พ่อไปสู่ขอน้องไฟนั่นแหละแม่ถึงได้รู้ว่านน้องไฟเป็นลูกของเกต” คุณหญิง

แม่เล่าให้ฟังซึ่งผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้จากม๊าอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคุณหญิงแม่ของนอร์ส


         “แล้วแม่รู้ได้ไงครับว่าแม่ของไฟเป็นเพื่อนรักของแม่ก็ในเมื่อวันนั้นแม่ไม่ได้ไปด้วย”

         “ก็ในคืนวันนั้นนั่นหละ แม่อยากจะรู้ให้ได้ว่าใครกันที่ทำให้ลูกของแม่ต้องเป็นแบบนี้ แม่จึงให้คนขับรถที่ไปส่งพ่อแล้วกลับ

มาบ้านช่วยให้เขาพาไปที่บ้านของน้องไฟและแม่ก็ได้เจอเกต แต่แม่ก็ไม่อยากให้ลูกๆรู้ว่าเรารู้จักกันจึงให้ทุกคนปิดไว้เป็นความ

ลับ”

         “งั้นอย่างนี้ก็แสดงว่า.....แม่ก็จะยอมให้เราสองคนแต่งงานกันเหรอครับ” นอร์สถามคุณหญิงแม่อย่างตื่นเต้น

         “ใช่จ๊ะ แต่ฤกษ์ต้องเป็นหลังจากที่นอร์สรับปริญญาไปแล้วนะ” คุณหญิงแม่บอกยิ้มๆ

         “ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ” นอร์สขอบคุณคุณหญิงแม่ เฮ้อ!!และเรื่องราวก็ผ่านไปได้ด้วยดี!!

         “นอร์สไฟมีอะไรจะถาม” ผมถามนอร์สหลังจากที่อีกคนหาที่จอดรถในห้างจนเจอ

         “ครับ ได้สิครับ ไฟมีอะไรเหรอครับ” นอร์สถามผม

         “ไฟว่าทนายของนอร์สดูคุ้นๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ นอร์สว่าอย่างงั้นไหมอ่ะ” นั่นน่ะสิครับ ผมสงสัยตั้งแต่เริ่มเห็นคุณทนายนั่นแล้ว

         “เดี๋ยวไฟก็ได้รู้เองล่ะครับ” นอร์สบอกผมก่อนที่เราจะเดินเข้าห้าง

           หลังจากที่เคลียร์ปัญหาของคุณหญิงแม่ได้เรียบร้อย นอร์สก็ชวนไอ้วีกับพี่ลมมาฉลองกับเราด้วย โดยนอร์สนัดเจอทั้งสอง

คนเพื่อมาฉลองกันที่ห้างใกล้กับบ้านของนอร์สเอง

         “อ้าว คุณวีกับพี่ลมมาคอยโน่นแล้วครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะดึงมือผมให้ตามเข้าไปสมทบกับอีกสองคนที่สั่งอาหารมาทาน

รออยู่ก่อนแล้ว

         “ทำไมมึงกับพี่ลมถึงได้มากันเร็วจังวะ” ผมถามไอ้วีเพราะขนาดบ้านนอร์สว่าอยู่ใกล้ยังมาถึงทีหลังทั้งสองคน นอกเสียจากว่า

ทั้งสองคนจะมาคอยอยู่ก่อน?

         “……………..” ไอ้วีไม่ตอบผมกลับหันไปมองหน้าพี่ลมพร้อมกับหันหน้ามามองนอร์สยิ้มๆ เดี๋ยวก่อนนะ ผมว่าเรื่องนี้มัน

แปลกๆแล้วล่ะ

         “เข้าไปนั่งด้านในก่อนสิครับไฟแล้วเดี๋ยวนอร์สจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไฟฟังเองว่าทำไมคุณวีกับพี่ลมถึงได้มาอยู่ที่นี่ก่อนเรา”

นอร์สบอกผม ไม่รู้ล่ะเรื่องนี้นอร์สต้องรีบเคลียร์ให้ผมรู้ด่วน!!

         “คือว่าเรื่องของคุณทนายอนุชา นอร์สไม่ได้คุณทนายหาข้อมมูลเรื่องเจนให้หรอกครับ” ห๊ะ!

         “แต่ว่าข้อมูลที่นอร์สหามาเป็นความจริงทั้งหมดนะครับ” นอร์สรีบอธิบายก่อนที่จะโดนผมว่า

         “แล้วนอร์สให้ใครปลอมเป็นทนายเข้าไปหาคุณหญิงแม่” ผมถามนอร์ส เจ้าตัวเลยอ้ำๆอึ้งๆแถมยังหันไปมองไอ้วีเป็นระยะๆ

นี่อย่าบอกนะว่า

         “นี่นอร์สอย่าบอกนะว่าให้ไอ้วีปลอมเป็นทนายอนุชาเข้าไปหาคุณหญิงแม่น่ะ” โอ๊ย!ผมอยากจะบ้าตาย ถ้าหากถูกท่านจับได้

จะเป็นยังไงล่ะเนี่ย

         “เออกูเองแหละที่เข้าไปหาว่าที่แม่สามีมึงอ่ะ มึงไม่ต้องมาทำหน้าเครียดแบบนั้นเลยนะไม่ใช่เพราะกูเหรอที่เป็นคนหาข้อมูล

มาให้คุณหญิงแม่ดูมึงถึงได้ลงเอยแถมมีความสุขแบบนี้” ไอ้วีว่า ทีอย่างนี้ล่ะทวงบุญคุณ

         “เออ ขอบคุณมาก ก็กูแค่กลัวว่าคุณหญิงแม่จะจับได้นี่หว่า”

         “ระดับกูไม่มีทางพลาดอยู่แล้วล่ะ” ไอ้วีชมตัวเอง ผมได้แต่ส่ายหัวหมั่นไส้กับท่าทางของมันจริงๆ

         “พี่ดีใจกับน้องไฟแล้วก็นอร์สด้วยนะที่เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันซะที พอแต่งกันไปแล้วก็รักกันมากๆๆๆๆล่ะ” พี่ลมบอกผม

กับนอร์ส ผมและนอร์สเงยหน้ามองสบตากัน ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้มีช่วงเวลาแบบนี้ มันช่าง...มีความสุขเสียจริงและ

ที่สำคัญ ผมกำลังจะได้แต่งงานแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!













เมื่อวานเกิดเหตุการณ์เน็ตหลุดกลางคันขณะอัพ ทำให้ดีสอัพได้แค่ครึ่งเดียว ต้องขอโทษทุกๆๆคนด้วยนะคะ เหลืออีกแค่ไม่กี่

ตอนเรื่องนี้ก็จะมาถึงเส้นชัยแล้ว ขอบคุณทุกคอมเม้นและขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ตอนนี้ไฟกับนอร์สก็ผ่านเรื่อง

ร้ายๆมาๆด้ด้วยดี รออยากจะให้ถึงวันงานแต่งงานจริงๆ 55555
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 24-09-2015 19:57:09
แผนการร้ายครั้งที่ 18 : หากคุณรักใครสักคนของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถให้ได้คือการอยู่เคียงข้างเขา

         “แหม แต่งตัวซะดูดีเลยนะมึง” ไอ้วีแซวผม

         “ดูดีไรมึง กูก็แต่งตัวดูดีแบบนี้อยู่ตลอด” ผมแย้งไอ้วี

           วันนี้เป็นวันรับปริญญาของนอร์ส ผมและครอบครัวเลยจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าตัวเสียหน่อย ซึ่งตอนนี้ผม พี่ลมและไอ้วี

ล่วงหน้าไปหาอีกคนที่กำลังเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรอยู่ภายในห้องประชุม ส่วนป๊ากับม๊าจะตามมาสมทบทีหลังให้พวกผม

ล่วงหน้าไปก่อนและโชคดีที่พวกผมไปถึงก็เจอกับคุณหญิงแม่และพ่อของนอร์สที่มารอลูกชายของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว  พวกผม

จึงเข้าไปทักทายท่านทั้งสอง

         “สวัสดีครับคุพ่อ สวัสดีครับคุณหญิงแม่” ผมทักทายท่านทั้งสอง

         “สวัสดีจ๊ะน้องไฟแล้วนี่ป๊ากับม๊ายังไม่มาเหรอ” คุณหญิงแม่เรียกผมลงมานั่งข้างๆท่าน  ก่อนจะถามถึงป๊ากับม๊า ส่วนพี่ลมกับ

ไอ้วีขอตัวไปหาของทานเล่นรอนอร์ส

         “ครับ ป๊ากับม๊าบอกว่าให้พวกผมล่วงหน้ามาก่อน ส่วนท่านทั้งสองจะตามมาสมทบทีหลังครับ” ผมตอบคุณหญิงแม่ จากนั้น

ท่านก็ชวนผมคุยเรื่องอื่นๆทั้งเรื่องการเรียน เรื่องการทำงาน ส่วนพ่อของนอร์สขอตัวไปคุยธุระกับลูกน้อง จึงเหลือผมกับคุณหญิง

แม่นั่งคุยกันเพียงสองคน

         “แล้วทำไมน้องไฟถึงเรียนนิเทศศาสตร์ล่ะ” คุณหญิงแม่ถามถึงเหตุผลที่ผมเข้าเรียนิเทศ เอ่อ....ผมก็ไม่รู้จะตอบท่านยังไงดี

ว่าทำไมผมถึงเลือกเข้าเรียนนิเทศเพราะเหตุผลในตอนนั้นที่ผมเลือกนิเทศก็เป็นเพราะพี่ต้าร์......

         “ไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะแม่เข้าใจ” คุณหญิงแม่บอกผมยิ้มๆจากนั้นท่านจึงยื่นมือมาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

         “คือ...ที่ผมอยากเข้านิเทศก็เพราะเอ่อ......เพราะผมเคยหลงรักรุ่นพี่คนหนึ่งแล้วเขาเข้าเรียนนิเทศที่ผมเรียนอยู่ ผมอยากที่

จะอยู่ใกล้ๆเขาผมเลยเลือกเรียนที่นั่น แต่สุดท้ายเราก็ไปกันไม่รอด” ผมบอกคุณหญิงแม่เพียงแต่ไม่ได้บอกว่ารุ่นพี่คนนั้นเป็นใคร

เพราะยังไงซะผมก็ไม่อยากจะนึกถึงมันอีก แต่พอลองนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เคยมีความสุขนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า....ผมเอา

เวลาที่มีค่าของตัวเองไปสูญเปล่ากับความรักที่จอมปลอมนั่นได้ยังไง แต่ถึงแม้ผมจะเสียดายเวลาที่ใช้ไปอย่างไร้ค่านั่นผมก็ไม่

สามารถย้อนเวลาแล้วนำมันกลับคืนมาก็คงจะไม่ได้และคิดซะว่าสิ่งที่ผ่านไปเป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่ผมเคยเจอ ถึงแม้เวลาที่เสียไป

จะทำให้ผมเสียดาย แต่ในเมื่อตอนนี้ผมได้เจอนอร์ส เจอคนที่รักผมสุดหัวใจผมก็ไม่นึกเสียดายเวลาเหล่านั้นแต่อยากจะขอบคุณ

ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับรักแท้....

         “แล้วน้องไฟก็มาเจอนอร์สใช่ไหม นอร์สเป็นคนดีมากๆๆนะลูก แม่เชื่อว่านอร์สเขาจะต้องไม่ทำให้น้องไฟต้องมานั่งเสียใจ

เหมือนที่รุ่นพี่คนนั้นเคยทำกับน้องไฟแบบนั้นหรอกนะ” คุณหญิงแม่บอกผม

         “ครับ ผมก็เชื่อแบบนั้น” ผมบอกคุณหญิงแม่และไม่นานเหล่านิสิตนักศึกษาที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จต่างก็

ทยอยๆกันออกมาถ่ายภาพกับครอบครัว ผมเลยขอคุณหญิงแม่ไปโทรศัพท์ตามพี่ลมกับไอ้วีและโทรบอกป๊ากับม๊า

         “พี่ลมทางนี้” ผมโบกมือเรียกพี่ลมกับไอ้วี

         “อ่ะ กุหลาบขาว” พี่ลมยื่นกุหลาบขาวช่อโตให้ผมซึ่งผมก็รับช่อกุหลาบนั่นมาอย่างงงๆ

         “พี่ลมให้น้องไฟไมอ่ะ” ผมถามพี่ลมอย่างงงๆ

         “ก็ให้น้องไฟเอาไปแสดงความยินดีกับนอร์สไง ไปเรา นอร์สกำลังเดินมาโน่นแล้ว” พี่ลมบอกก่อนจะผลักผมไปหาอีกคนที่

กำลังเดินตรงมาทางนี้

         “ลูกแม่ดูดีจริงๆเลยนะเนี่ย แม่ภูมิใจในตัวลูกมากเลยนะนอร์ส แม่รักลูกนะ” คุณหญิงแม่บอกนอร์สก่อนที่ท่านจะดึงลูกชาย

สุดที่รักเข้ามากอดแล้วน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจของผู้เป็นแม่ก็ค่อยๆหลั่งไหลลงมา ผมที่ยืนมองภาพนี้ก็รู้สึกนึกถึงตอนที่ม๊ากอด

ผมในวันที่ผมรับปริญญา ม๊าภูมิใจมากและก็ร้องไห้เหมือนอย่างที่ตอนนี้คุณหญิงแม่กำลังเป็น

         “นอร์สก็รักแม่เหมือนกันนะครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่ จากนั้นทั้งคู่จึงผละออกจากกัน พ่อของนอร์สจึงเข้ามาแสดงความ

ยินดีกับนอร์สจากนั้นท่านจึงยื่นกล่องของขวัญให้อีกคน และบอกว่าของขวัญที่ให้เป็นของขวัญที่ทั้งคุณหญิงแม่และพ่อเป็นคน

เลือกให้

         “ขอบคุณครับ” นอร์สไหว้ท่านทั้งสอง

         “เอาไปให้นอร์สได้แล้วน้องไฟ” พี่ลมกระซิบบอกผม

         “เอ่อ....ยินดีด้วยนะ” ผมยื่นช่อกุหลาบขาวให้อีกคน นอร์สจึงยื่นมือมารับช่อกุหลาบขาวไป ก่อนจะก้มลงมองช่อกุหลาบขาว

แล้วจึงมองหน้าผม ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำหน้ายังไงส่งให้อีกฝ่ายจึงได้แต่เฉตามองไปบริเวณรอบๆแก้อาการเขินอายของตัวเอง

เพราะดอกไม้ที่ผมให้นอร์สไปมันเป็นดอกไม้ที่ผมชอบซึ่งเจ้าตัวก็คงจะรู้จึงได้มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้น!!

         “สวยจังเลยนะครับ” นอร์สพูด ผมจึงหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะก้มลงมองช่อกุหลาบ มันก็สวยอย่างที่อีกคนว่าจริงๆ และยัง

ไม่ทันที่ผมจะได้แสดงความคิดเห็นคุณหญิงแม่ก็ถามขึ้นมาเสียก่อน

         “คนให้หรือช่อดอกไม้ล่ะ” คุณหญิงแม่ถามนอร์สก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม ให้ตายเหอะเจ้าเล่ห์กันทั้งบ้านเลย!!

         “ก็คง...........ทั้งสองนะครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่ก่อนจะหันมามองหน้าผมยิ้มๆ แต่ไอ้รอยยิ้มที่เจ้าตัวยิ้มให้มันไม่น่าไว้

วางใจเอาซะเล้ยย!!

         “เอาล่ะม๊าว่าเรามาถ่ายรูปครอบครัวกันดีกว่ามา” ม๊าผมที่มาสมทบกับป๊าทีหลังเดินเข้ามาพร้อมกับช่างภาพที่พวกเราก็ไม่มี

ใครรู้ว่าม๊าแกมาตั้งแต่เมื่อไร แต่เท่าที่รู้พอม๊ามาถึงก็จัดแจงให้พี่ช่างภาพมาช่วยถ่ายรูปให้ โดยรูปแรกเป็นรูปของนอร์สและครอบ

ครัวนอร์ส รูปที่สองคุณหญิงแม่ชวนม๊ากับป๊าใหไปถ่ายรูปด้วย รูปที่สามก็เป็นรูปครอบครัวนอร์สกับครอบครัวผมแถมมีไอ้วีร่วม

แจมเป็นว่าที่(?)คนในครอบครัวด้วย ก่อนรูปต่อมาจะเป็นรูปผม นอร์ส พี่ลมแล้วก็ไอ้วี ส่วนรูปสุดท้ายก็เป็นรูปของผมกับนอร์ส

         “ไฟถือช่อดอกไม้ให้นอร์สหน่อยนะครับ” นอร์สยื่นช่อดอกกุหลาบขาวมาให้ผมถือ ผมจึงรับช่อดอกไม้นั่นมาช่วยถือให้อีกคน

พอนอร์สส่งช่อดอกไม้มาให้ผมถือเสร็จเจ้าตัวก็ยื่นมือมาโอบผมเอาไว้ ผมพยายามขัดขืนไม่ให้อีกคนกอดก็โดนพี่ช่างภาพดุเอา

         “ใกล้ๆกันหน่อยครับ คุณไฟครับอยู่เฉยๆแล้วก็เขยิบเข้าใกล้คุณนอร์สหน่อยครับ” พี่ช่างภาพบอกให้ผมเขยิบเข้าใกล้อีกคน

เล็กน้อย ผมก็ทำตาม แต่ย้ำนะครับว่าเขยิบ ‘เล็กน้อย’

         “ไฟไม่ได้ยินที่พี่ช่างภาพพูดเหรอครับ พี่เขาให้ไฟเขยิบเข้ามาใกล้นอร์สอีกนะ” นอร์สก้มลงมากระซิบข้างหูผมจนผมต้องรีบ

เอามือปิดหูของตัวเองเอาไว้ก็เพราะอีกคนไม่ได้ก้มลงมากระซิบอย่างเดียวแถมยังเป่าลมร้อนออกมาอีก ใครเขาใช้ให้นายทำ

แบบนี้กานนนนน!!

         “นี่นอร์สทำบ้าไรของนอร์สเนี่ยอายคนอื่นเขาซะบ้างซินี่เราอยู่ในที่สาธารณะนะ” ผมว่าอีกคนเสียงเบาพร้อมทั้งเกรงใจบรรดา

พ่อแม่พี่น้องที่พยายามซะเหลือเกิน พยายามที่จะไม่ให้ผมรู้ว่าทุกคนกำลังแอบมองอยู่ผมกับนอร์สอยู่ เฮ้อ!จริงๆเลยนะแต่ละคน

         “ก็ไฟไม่เห็นเหรอครับพวกนักศึกษาคนอื่นๆกำลังมองมาที่ไฟกันทั้งนั้นเลยนะครับ โดยเฉพาะพวกนักศึกษาชาย ไฟนะไฟ

ทำไมไม่รู้จักหัดดูแลตัวเองซะบ้าง ไฟก็รู้ว่าตัวเองน่ารักแถมยังใส่ชุดแบบนี้มันยิ่งน่ารักและดึงดูดคนพวกนั้นเข้าไปใหญ่ คราวหน้า

คราวหลังท่าจะแต่งตัวก็ปรึกษากันบ้างนะครับเพราะนอร์สหวง” นอร์สว่าผมซะชุดใหญ่ไม่ได้เว้นที่ไว้ให้ผมได้อายเลยสักนิด

เพราะตั้งแต่เจอเข้ากับคำว่า น่ารัก ก็พาลเอาสติสตังค์ที่นานๆครั้งจะอยู่กับตัวล่องลอยหายไปและยิ่งหนักเข้าไปใหญ่กับ

ไอ้ประโยคสุดท้ายที่อีกคนพูด เพราะนอร์สหวง อ๊ากกกก ผมนี่แทบจะละลายกองไปนอนอยู่บนพื้น นอร์สนั่นแหละที่จะพูดอะไร

ไม่ปรึกษาหัวใจไฟเลย!!

         “นี่นอร์สกำลังหึงไฟอยู่เหรอ” ผมแกล้งถาม

         “ไม่ใช่มั้งครับ” นอร์สตอบ

         “โอ๋ๆไม่หึงนะไม่หึง เดี๋ยวพี่ซื้อลูกอมให้กินสองเม็ดนะ” ผมบอกนอร์สยิ้มๆ อีกคนที่เจอประโยคนี้ของผมเข้าไปก็ถึงกับหลุด

ขำพรืดซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันน่าขำตรงไหน

         “ขำอะไรของนอร์สเนี่ยไฟจริงจังนะ” ผมว่า แต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขำเลยแม้แต่น้อย

         “ก็ขำไฟไงขำ เฮ้อ!ไฟนะไฟชอบทำตัวหน้ามันเขี้ยวจริงๆเลย” นอร์สว่าก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกผม ให้ตายเถอะ!เขาเล่น

อย่างกับผมเป็นเด็กๆ

           แชะๆๆๆเสียงรัวชัดเตอร์ดังขึ้นที่ด้านหน้า ผมและนอร์สจึงหันกลับไปดูเห็นพี่ตากล้องลดกล้องลงส่งยิ้มให้ผมกับนอร์ส

และนั่นก็ทำให้ผมได้ตรัสรู้แล้วว่า................................

           ชิบหายยยยย!!!ผมลืมตากล้องงงงงงงง!!!!





                 

         “นอร์สแย่งไฟเหรอ ไฟจะกินอันนั้นนะ”

         “นอร์สไม่ได้แย่งไฟ...เอ่อ...พี่ไฟซะหน่อยพี่ไฟนั่นแหละเตี้ยหยิบไม่ถึงเอง”

         “นอร์สกล้าว่าไฟเตี้ยเหรอ งอนแล้วนะ ”

           หลังจากที่ถ่ายรูปและชื่นชมกับวันที่นอร์สได้รับปริญญาบัตรเป็นคุณหมอนอร์สอย่างเต็มตัวแล้ว คุณหญิงแม่ของนอร์สจึง

ชวนกันไปฉลองที่ร้านอาหารแถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

           บรรยากาศยามเย็นแถวริมน้ำเจ้าพระยาช่างให้ความรู้สึกโรแมนตี๊กโรแมนติก โดยเฉพาะเวลามานั่งทานอาหารชิวๆ สบายๆ

แบบนี้ แต่!!บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกที่ผมวาดไว้กลับต้องสลายเมื่อนอร์สแย่งลูกชิ้นลูกที่ผมเล็งเอาไว้ไปกินอย่างหน้าตา

เฉย แถมยังมาล้อหาว่าผมเตี้ยอีก คอยดูนะผมจะงอนไปเจ็ดวันเลย!!

         “นอร์สไปแกล้งพี่ไฟเขาทำไมล่ะลูก ขอโทษพี่เขาเลยนะ” คุณหญิงแม่ว่านอร์ส เหอะ!!ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นลูกรักคุณ

หญิงแม่

         “ไม่เป็นไรหรอกผกาให้น้องไฟโดนแบบนี้ซะบ้างจะได้เลิกเอาแต่ใจ นอร์สไม่ต้องไปง้อน้องไฟนะให้เจอแบบนี้ซะบ้าง”

ม๊าผมหันไปบอกนอร์ส

         “ครับม๊า” นอร์สรับปากม๊ายิ้มๆ

         “อะไรม๊า น้องไฟเป็นลูกม๊านะทำไมไม่ยอมเข้าข้างน้องไฟบ้างอ่า” ผมว่าม๊าอย่างน้อยใจ อะไรกัน ผมเป็นลูกแท้ๆของม๊า

ทำไมไม่ยอมเข้าข้างผมไปเข้าข้างนอร์สทำไม!

         “ม๊าไม่เข้าข้างเด็กเอาแต่ใจหรอก” ม๊าบอกผมแถมยังยักคิ้วข้างเดียวส่งให้อีก

         “ม๊าอ่ะ!!” ม๊าไม่ยอมเข้าข้างผมแถมยังมาว่าผมเป็นเด็กเอาแต่ใจอีกต่างหาก ทำไมชีวิตไอ้ไฟถึงไม่มีใครเข้าข้างบ้างนะ!!

         “อ่ะนี่ครับ นอร์สรู้ว่าไฟชอบ” นอร์สตักกุ้งกับลูกชิ้นหมูมาวางไว้ให้ที่จานของผม ผมที่งอนอีกคนตั้งแต่ครั้งแรกก็ไม่ยอมตัก


กิน...ถึงแม้ผมจะชอบมันมากก็ตามที แต่จะให้ผมกินมันลงได้ยังไงอ่ะก็ผมกลัวเสียฟอร์มเหมือนกันนะ

         “นอร์สกินเถอะไฟไม่กิน” ผมดันจานที่มีกุ้งกับลูกชิ้นหมูให้อีกคน

         “ไฟไม่กินจริงๆเหรอครับ” นอร์สถามผมเสียงหงอยๆ ไม่ต้องมาทำเสียงหมาหงอยเลยนะนอร์ส ไฟไม่ใจอ่อนหรอก......มั้ง

         “เอามาๆนี่ไฟเห็นแก่น้องกุ้งกับน้องลูกชิ้นหมูนะที่มันต้องไปจบชีวิตในท้องของคุณหมอใจร้ายสู้ให้มาจบชีวิตในท้องของผู้

กำกับไฟสุดหล่อยังจะดีกว่า” ผมว่าก่อนจะคีบลูกชิ้นหมูกับกุ้งมานั่งกิน ส่วนคนอื่นๆก็นั่งหัวเราะกับการกระทำของผม อะไรกัน

เล่า!!

         “สงสารน้องกุ้งกับน้องลูกชิ้นหมูหรืออยากกินเองมากกว่าครับคุณผู้กำกับไฟ” ไอ้วีว่าผม นั่นปากใช่ไหมไอ้วี?

         “ว่างๆก็พาลูกๆในปากไปหาสัตวแพทย์บ้างนะไอ้วีเผื่อมันจะมีปัญหาทางสมอง” ผมว่าไอ้วีก่อนจะแย่งกุ้งในจานของนอร์สไป

กินอย่างสบายใจเพราะตอนนี้นอร์สเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นคนตักกุ้งกับลูกชิ้นให้ผมแทน ฟินอ่ะ!มีคนหล่อบริการ

         “อุ้ย!แรงแต่ชิน ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูให้คุณหมอนอร์สดูแลลูกๆในปากให้ คุณหมอครับลูกๆในปากผมฉลาดมากใช่ไหมครับเพราะ

ผมเห็นมันว่าไอ้ไฟทีไรเป็นเรื่องจริงทุกที” ไอ้วีว่าก่อนจะหันไปถามเรื่องลูกๆในปากของมันกับนอร์สซึ่งอีกคนที่ได้ยินคำถามของ

ไอ้วีถึงกับยิ้มขำก่อนจะตอบคำถามให้มัน

         “อันนี้ผมว่าคงต้องไปถามพี่ไฟเองดีกว่านะครับเพราะยังไงซะผมก็เป็นได้แค่หมอส่วนคนที่เป็นใหญ่กว่าหมอก็คือเมียหมอ

อย่างพี่ไฟนั่นแหละครับเพราะเรื่องนี้...นอร์สจะไม่ยุ่ง ฮ่าๆๆๆๆ” นอร์สว่าก่อนจะทำเอาหลายๆคนที่นั่งร่วมโต๊ะขำกันสนุกสนานและ

นั่นก็รวมถึงตัวผมเองด้วย

      “แล้วนี่ถามไฟยังว่าไฟอยากเป็นเมียหมอรึเปล่า ไม่ใช่ว่ามาคิดเองเออเองแบบนี้” ผมแกล้งว่าอีกคน แต่ถึงนอร์สจะไม่ให้ผม

ผมก็ต้องเป็นให้ได้เพราะไม่มีอะไรใหญ่เท่าการเป็นเมียหมอนอร์ส หึๆๆๆๆ

         “ถามแบบนี้แสดงว่าไม่อยากเป็นเหรอครับ” นอร์สถามผม

         “ก็ไม่เคยเห็นขออ่ะ” ผมบอกอีกคน

         “อืม...งั้น.....เอ่อ..สักครู่นะครับพอดีรุ่นพี่ที่รู้จักกันโทรมา” ยังไม่ทันที่นอร์สจะได้ขอผมแต่งงานเสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดัน

ดังขัดขึ้นมาซะก่อนและที่สำคัญผมไม่รู้ด้วยว่ารุ่นพี่ที่นอร์สรู้จักที่โทรเข้ามาหานั้นเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง!!

         “เป็นไรไปน้องไฟพี่เห็นเรามองตามนอร์สตั้งนานแล้วนะ หึงรึไง” พี่ลมว่าผมเพราะตั้งแต่ที่นอร์สเดินออกไปรับโทรศัพท์ป่าน

นี้ยังไม่เดินกลับเข้ามายิ่งทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก

         “ไม่ได้หึงสักหน่อยพี่ลมอย่ามามั่วนะ” ผมทำทีเป็นว่าพี่ลมทั้งที่ลึกๆในใจของผมแล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังหึงอีกคนอยู่รึเปล่า

         “เหรออออกูเห็นมึงมองนอร์สตั้งแต่เขาเดินออกไปจนถึงตอนนี้สายตามึงยังไม่ยอมละออกจากทางที่เขาเดินไปเลยนะอย่าง

นี้แถวบ้านกูเขาเรียกว่ากำลังเริ่มหึงเว้ย” ไอ้วีบอกผม

         “แต่กูก็ไม่อยากหึงนะ มันไม่รู้สิแต่กูคิดว่ากูกำลังกลัว” ผมบอกไอ้วี ส่วนไอ้วีก็กับพี่ลมก็หันหน้ามองกันเพราะทั้งคู่รู้ดีว่าทำไม

ผมถึงกลัว...

         “พี่ว่าประวัติศาสตร์มันคงไม่ซ้ำรอยเดิมหรอกนะ” พี่ลมพูดปลอบใจผม ผมจึงส่งยิ้มบางๆไปให้พี่ลมกับไอ้วีเพราะผมกลัวว่า

ทั้งสองคนจะเป็นกังวลในเรื่องของผมและทำให้ตัวเองต้องมาหมดสนุกเอาเสียเปล่าๆ

         “อืม น้องไฟก็เชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น” ผมบอกพี่ลมกับไอ้วีก่อนจะหันไปมองตามทางที่อีกคนเดินออกไปและพยายามเชื่อใจ

อีกคนทั้งๆที่ตอนนี้ตัวของผมเองก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจในตัวเองสักเท่าไร.....................
                       
       
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 24-09-2015 20:15:14
           “เฮ้อ!!” ผมออกมายืนถอนหายใจคนเดียวอยู่บริเวณจุดชมวิวของร้านอาหาร

           หลังจากที่ผมนั่งคุยกับพี่ลมและไอ้วีเพื่อที่จะได้เลิกคิดฟุ้งซ่าน แต่ก็คุยกันได้ไม่นานเมื่อนอร์สเดินเข้ามาท่าทางเหมือนกับ

คนรีบร้อนจะไปไหนสักแห่งก่อนจะขอตัวออกไปธุระแล้วอีกสักพักจะกลับมา แต่ก็ไม่ยอมบอกเหตุผลว่าตัวเองจะไปที่ไหน ผมที่

ได้แต่มองตามอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆจึงขอตัวออกมาเดินเล่นเพื่อคลายความฟุ้งซ่าน แต่ผมว่ามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกฟุ้งซ่านมากกว่า

เดิม

         “มึงก็หัดเชื่อใจเขาหน่อยสิไอ้ไฟ ประวัติศาสตร์มันคงไม่ซ้ำรอยเดิมหรอก.....มั้ง” ผมบอกกับตัวเองทั้งๆที่ก็ยังไม่แน่ใจ ผม

พยายามบอกกับตัวเองประวัติศสตร์มันคงไม่ซ้ำรอยเดิมแต่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นกลับคล้ายกับภาพเหตุการณ์ในวันนี้ คล้ายมาก

ซะจนผมกลัว...กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก

           วันนั้นเป็นวันที่ผมมาเลี้ยงฉลองรับปริญญาเฉกเช่นเดียวกับวันนี้ วันนั้นมีทั้งผม พี่ลม ไอ้วีและพี่ต้าร์ที่มางานฉลองวันรับ

ปริญญาให้กับผมและไอ้วีและยิ่งไปกว่านั้น วันนั้นก็คือเป็นวันที่พี่ต้าร์จะขอผมแต่งงานอีกเช่นเดียวกัน เราอยู่กินเลี้ยงกันจนใกล้

งานจะเลิกอยู่ดีๆพี่ต้าร์ก็คุกเข่าลงพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีแดงที่ด้านในมีแหวนเพชรเม็ดงามถึงแม้เม็ดของเพชรจะไม่ได้ใหญ่

มากแต่นั่นมันกลับมีค่ามากในจิตใจและสายตาของผม แต่ยังไม่ทันที่พี่ต้าร์จะได้ขอผมแต่งงานก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาหาพี่ต้าร์

แล้วยังบอกว่าตอนนี้เขากำลังถือสายอยู่ด้านหลังผม จากนั้นเธอจึงเดินเข้ามาหาพี่ต้าร์แล้วยังบอกอีกว่าเธอเป็นคู่หมั้นตัวจริงของ

พี่ต้าร์ ส่วนผมก็เป็นได้แค่ของเล่นแก้เหงาของพี่ต้าร์.....วินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนมีคนเอาน้ำเย็นมาสาดทั้งหน้าและตัวผมเพราะ

ความรู้สึกมันทั้งหนาว ชาและเจ็บ....เหมือนสะเก็ดน้ำแข็งมันกระเด็นไปบาดลึกในใจจนกลายเป็นแผลที่ยังคงฝังใจผมมาถึงใน

ตอนนี้........................................

         “ไอ้ไฟ!!!แย่แล้วมึง ไอ้ไฟ!!” เสียงแตกตื่นของไอ้วีที่ตะโกนเรียกผมทำให้ผมต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนจะหันไป

ตามเสียงเรียกของอีกคนแทน

         “มีอะไรมึงตะโกนซะเหมือนเมียมึงกำลังจะคลอด” ผมว่าไอ้วี

         “เมียกูเป็นผู้ชายท้องไม่ได้ มึงนี่ก็นะชวนกูออกนอกเรื่องตลอด” ไอ้วีมันว่าผม ผมจึงขอโทษมัน

         “เออๆกูขอโทษแล้วนี่มึงมีอะไรถึงได้ตะโกนซะชาวบ้านแถวนี้เขาแตกตื่นกันไปหมดแล้วเนี่ย” ผมถามไอ้วี

         “มึงแย่แล้ว” ไอ้วีทำหน้าตื่นนิดๆ

         “อะไรแย่วะมึง”

         “นอร์ส นอร์ส” ไอ้วีได้แต่เรียกชื่อนอร์สและนั่นยิ่งทำให้ผมเริ่มใจคอไม่ค่อยดี

         “นอร์สทำไมนอร์สแย่อะไรมึงรีบบอกกูมาเร็วๆเลยนะ” ผมคะยั้นคะยอถามไอ้วี

         “กูว่ามึงรีบไปดูเองดีกว่าว่ะ รีบๆเลยนะมึงไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ทัน” ไอ้วีบอกผมก่อนจะรีบดันผมให้รีบไปดูอีกคน

         “เออๆงั้นกูไปดูนอร์สก่อนนะ” ผมว่าก่อนจะรีบวิ่งออกไป

         “เร็วๆเลยนะมึงไม่งั้นนอร์สจะแย่เอา” เสียงของไอ้วีตคะโกนตามหลังผมจึงหันไปพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มออกแรงวิ่งสุดตัว

เพื่อไปดูอีกคนจนผมไม่ได้นึกเอะใจและไม่ได้ยินในสิ่งที่ไอ้วีกำลังจะพูดต่อจากนี้เพราะเสียงที่มันกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเสียงที่ผ่าน

ไปตามสายลมที่ผมได้แต่เอะใจแต่ไม่ได้ฉุกคิด......

              รีบๆเข้านะไอ้ไฟเพราะตอนนี้นอร์สกำลังจะแย่...เพราะตอนนี้เขารอขอมึงแต่งงานจะแย่อยู่แล้ว!!โชคดีนะเว้ย....ไอ้ไฟ

เพื่อนรัก!

           ผมรีบวิ่งกลับไปที่เดิมเพราะกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไปและดูจากสีหน้าและท่าทางของไอ้วีที่มันวิ่งหน้าตาตื่นมาหาผมมัน

คงไม่ได้อำผมเล่นหรอกมั้งนะ?

         “เอ๋?” ผมที่รีบวิ่งกลับเข้ามาในร้านอาหารแต่กลับไม่พบใครอยู่ในร้านแต่กลับเต็มไปด้วยแสงไฟสลัวๆก่อนจะหันมองไปรอบๆ

บริเวณจนไปสะดุดเข้ากับ...ดอกกุหลาบขาวที่ประดับรายรอบอยู่บริเวณนี้พร้อมกับเสียงเพลงสบายๆที่ค่อยๆเปิดคลอเบาๆเพื่อขับ

ให้บรรยากาศดูอบอุ่นและโรแมนติก พอให้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนี้ได้จั๊กจี้หัวใจเล่น

         “โรแมนติกดีจัง” ผมว่าก่อนจะหันมองดูเชิงเทียนรูปหัวใจที่ประดับตกแต่งพร้อมกับดอกกุหลาบขาว ดอกไม้ที่ผมชอบ

จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นอยู่ทางด้านหน้าและนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่ามันยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้ผมยิ้มได้จนกว่าเจ้าของงานจะเปิดเผย

ตัว

         “สวัสดีครับไฟ นอร์สอยากจะบอกไฟว่า ถ้าตอนนี้ไฟกำลังดูคลิปวีดีโอนี้อยู่แสดงว่าตอนนี้นอร์สเอ่อ.....กำลังจะขอไฟ

แต่งงานนะครับ ฮ่าๆ มันเป็นวีดีโอที่นอร์สได้รวบรวมภาพที่เราทั้งคู่ได้ไปเที่ยวกันและภาพที่เราไปเที่ยวตอนที่ไปถ่ายทำหนังที่

ต่างประเทศ นอร์สอยากจะเอาช่วงเวลานั้นมาถ่ายทอดเป็นภาพความทรงจำดีๆที่เรามีร่วมกันและฝ่าฝันมันจนมาถึงทุกวันนี้และ

สุดท้ายนี้ ถ้าไฟเก็บภาพเหล่านั้นเข้าไว้ในความทรงจำของไฟแล้วไฟก็อย่าลืมคนในความทรงจำคนนี้ของไฟด้วยนะครับ”

จากนั้นก็ขึ้นภาพที่ผมไปเที่ยวกับนอร์สที่อยุธยาบ้าง ที่กรุงโรมและที่อื่นๆที่ผมกับนอร์สได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน บางภาพก็เป็นภาพที่

อีกคนตั้งใจถ่ายให้มันออกมาดูเป็นธรรมชาติซึ่งผมว่ามันดูดีมากแถมยังนึกทึ่งในฝีมือของอีกคน บางภาพที่ถูกใส่มาในคลิปก็เป็น

ภาพที่ผมนอนซบไหล่อีกคนซึ่งตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไปเผลอนอนซบไหล่อีกคนได้ยังไงกัน ภาพในคลิปค่อยๆเปลี่ยน


ไปทีละภาพ...ทีละภาพจนไปหยุดอยู่ที่อีกคนที่เดินมาพร้อมกับจักรยานสีชมพูหวานแหววที่มีช่อดอกกุหลาบขาววางอยู่บนหน้า

รถและข้อความที่ถูกฉายอยู่บนสไลด์ มันเป็นเพียงข้อความสั้นๆแต่กลับทำให้ผมรู้สึกมีความสุขที่สุด


                                                                  Wil  you marry me?

         “แต่งงานกับนอร์สนะครับไฟ” นอร์สจูงจักรยานสีชมพูหวานแหววที่ค่อนข้างจะขัดกับลุคของเจ้าตัวเล็กน้อยพร้อมกับช่อดอก

กุหลาบขาวช่อโตที่วางไว้อย่างสวยงามที่หน้ารถ จากนั้นอีกคนจึงถามย้ำกับผมอีกครั้ง

         “แต่งงานกับนอร์สนะครับไฟให้นอร์สได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนในความทรงจำของไฟได้ไหมครับ” นอร์สถามก่อนตั้ง

จักรยานให้เรียบร้อยแล้วนั่งลงคุกเข่ายื่นช่อดอกกุหลาบขาวช่อโตมาให้ผม

         “ไม่” ผมตอบอีกคนที่ได้ฟังคำตอบของผมถึงกับชะงักพร้อมกับหน้าเสียไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่อีกคนจะพูดอะไรตัดพ้อ

ต่อผมกลับยื่นมือไปรับช่อกุหลาบขาวของอีกคนพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายงงกับสิ่งที่ผมทำ


         “ไฟจะไม่ให้นอร์สได้เป็นแค่เพียงคนในความทรงจำของไฟ แต่ไฟจะให้นอร์สเป็นคนในชีวิตจริงของไฟต่างหากล่ะ ไฟจะ

แต่งงานกับนอร์สนะ” ผมเฉลยให้อีกคนฟัง นอร์สที่หน้าเสียในตอนแรกกลับยิ้มแก้มปริที่ผมยอมตกลงแต่งงานกับตัวเองด้วย

จากนั้นนอร์สก็โผเข้ากอดผมจนผมรู้สึกว่าเท้าแทบจะไม่ได้ติดพื้น นี่สินะที่เรียกว่า โดนกอดจนตัวลอย

เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!! เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดีใจของกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของผมดังขึ้นและทำให้ผมรู้ว่าทุกคนที่เหลือไม่ได้

หายไปไหนกันหมดเพียงแต่แอบซุ่มยืนดูเหตุการณ์นี้กันทั้งหมด

         “ม๊าดีใจด้วยนะน้องไฟ พอใจรึยังล่ะอยากให้นอร์สขอแต่งงานไมใช่เหรอเอาซะโรแมนติกเชียวนะ” ม๊าแสดงความยินดีกับผม

พร้อมกับแซวผมเรื่องที่ผมอยากให้อีกคนขอแต่งงาน

         “ม๊าก็น้องไฟก็เขินเป็นเหมือนกันนะ” ผมว่าพลางเกาแก้มตัวเอง ก็มันทำไงได้ทุกคนก็อยู่เห็นเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด

ถ้าจะไม่ให้ผมเขินอายเหมือนอีกคนที่ยืนยิ้มหน้าบานก็คงจะกระไรอยู่หรอกนะ

         “ฮ่าๆๆๆๆ” ทุกคนหัวเราะครื้นเครงกันอย่างสนุกสนานมีบ้างที่มาแหย่และมาแซวผมกับนอร์ส แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมลืมผู้สมรู้

ร่วมคิดที่ทำให้ผมได้มาอยู่ที่นี่

         “ไอ้วี” ผมเรียกไอ้วีมันจึงหันกลับมาเลิกคิ้วมองผม มีไรว่ามาน้อง     

         “มึงโกหกกู มึงโกหกว่านอร์สกำลังจะแย่” ผมว่า ไอ้วีถึงกับหลุดขำซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไอ้ประโยคเมื่อกี้มันน่าขำตรงไหน

         “โถ่!ไอ้ไฟกูก็นึกว่าจะมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรก็มึงนั่นแหละที่คิดตีโพยตีพายไปเองไม่ยอมฟังกูให้จบ” ไอ้วีว่าผม

         “ก็กูฟังจนหมดแล้ว มึงนั่นแหละที่โกหกกู” ผมว่า เอาสิงานนี้ผมต้องเถียงมันให้ชนะให้ได้...อย่างน้อยก็สักครั้งเถอะ!?

         “มึงยังฟังไม่จบ กูบอกว่านอร์สแย่ก็จริง แต่เขารอขอมึงแต่งงานจะแย่อยู่แล้วต่างหาก” โอเคครับ ผมเจอคำตอบของไอ้วี

เข้าไปผมยกธงขาวให้ดีกว่า

         “แต่มึงก็ได้ในสิ่งที่มึงอยากได้ไม่ใช่เหรอ ไปๆมึงเนี่ยจักรยานมีไว้ทำไมครับคุณนอร์สครับ” ไอ้วีว่าผมก่อนจะหันไปบอกกับ

นอร์ส

         “ครับๆคุณปฐวี ไฟครับไปนั่งรถเล่นกันนะ” นอร์สชวนผมก่อนที่ตัวเองจะขึ้นขี่จักรยานและให้ผมซ้อนท้ายอีกคน ผมที่ทำท่า

จะฝากช่อกุหลาบไว้กับพี่ลมก็ถูกเจ้าพี่ชายตัวดีบังคับให้ถือไปด้วย จากนั้นนอร์สจึงปั่นจักรยานไปเรื่อยๆชมวิวริมน้ำเจ้าพระยา

           นอร์สปั่นจักรยานมาเรื่อยๆตามทางก่อนจะปั่นขึ้นสะพานเพื่อเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างชัดเจนและตลอดทางที่ผ่าน

มาเราทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะเราต้องการที่จะได้เก็บความรู้สึกอุ่นซ่านในอกแบบนี้เอาไว้นานๆ

         “มีความสุขไหมครับไฟ” นอร์สจอดจักรยานก่อนจะหันมาถามผมที่ลงจากจักรยานมายืนรับลมยามเย็นพร้อมชมวิวจากด้าน

ล่างของสะพาน

         “อื้ม!มีความสุขสิ มีความสุขที่สุดด้วยล่ะ” ผมบอกอีกคน จากนั้นนอร์สจึงดึงผมเข้ามายืนใกล้ๆก่อนจะก้มลงก้มกระซิบที่ข้างหู

ผม

         “งั้นไฟลองทำตามนอร์สนะครับ” นอร์สบอกผมก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปตะโกนคำว่าวันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยครับซะจนเสียง

ดังจนผู้คนที่สัญจรไปมาต่างหันมามองผมกับนอร์สกันเป็นทิวแถว เจ้าตัวที่ตะโกนเสร็จก็หันกลับมายิ้มให้กับผมก่อนที่จะบอกให้

ผมลองทำบ้าง

         “ลองสิครับไฟแล้วเดี๋ยวไฟจะรู้สึกดี” ผมลองทำตามอีกคน จากตอนแรกเสียงที่ตะโกนออกไม่ถูกใจอีกฝ่ายจนต้องตะโกน

ใหม่อีกหลายรอบและนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างที่อีกคนพูดไว้จริงๆ

         “ไฟคิดว่าหลายๆคนเขาเริ่มหันมามองเรากันแล้วนะนอร์ส” ผมบอกนอร์สก่อนจะหันไปเห็นคนที่เดินออกกำลังกายยามเย็น

บนสะพานหันมามองผมกับนอร์ส

         “ไฟไม่ต้องไปสนใจใครหรอกครับคิดซะว่าที่นี่มีเราแค่สองคน” นอร์สบอกผมยิ้มๆ

         “ไฟเพิ่งเคยเห็นนอร์สในมุมแบบนี้นะเนี่ย” ผมบอก

         “เดี๋ยวไฟก็จะได้เห็นนอร์สในหลายๆมุมเหมือนอย่างที่นอร์สจะได้เห็นไฟในหลายๆมุมไงครับ” นอร์สตอบ นั่นสินะอีกไม่นาน

ผมกับนอร์สเราทั้งคู่ก็จะได้เห็นอีกคนในส่วนที่เราไม่เคนได้เห็น เห็นในอีกมุมที่เราอาจไม่คาดคิด เห็นเพื่อเปลี่ยนให้เข้ากันเพราะ

อีกไม่นานเราสองคนก็จะกลายเป็นคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันตลอด ไม่ว่าสุขหรือเศร้าเราก็จะอยู่ด้วยกันจากนี้และตลอดไป.........

แค่คิดก็ทำให้ผมไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย!!





                                            นอร์สขอไฟแต่งงานแล้วสินะ โฮะๆ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 24-09-2015 20:30:55
                                                    แผนการร้ายครั้งที่ 19 : ที่ใดมีรัก...ที่นั่นมีชีวิต

               หลังจากที่ผมกับนอร์สเริ่มปั่นจักรยานเพื่อกลับไปที่ร้านอาหารเพราะเกรงว่าคนที่เหลือจะเป็นห่วงเอา แต่ระหว่างทาง

กลับในครั้งนี้ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนใน ครั้งแรก

         “เออ...นอร์สไฟมีอะไรจะถามนอร์สอ่ะ” ผมเกริ่นถามอีกคน

         “มีอะไรเหรอครับ” นอร์สหันมาถามผม จากนั้นเจ้าตัวจึงหันกลับไปมองทางต่อเพราะตอนนี้นอร์สทำหน้าที่เป็นสารถีปั่น

จักรยานให้กับคนซ้อนกิติมศักดิ์ที่มีศักดิ์เป็นถึงว่าที่ภรรยาอย่างผม นึกถึงคำนี้มันจั๊กจี้หัวใจแปลกๆ แต่มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน

         “คืออย่าหาว่าไฟละลาบละล้วงนะคือไฟอยากจะรู้จริงๆอ่ะ” ผมไม่กล้าถามอีกคนเกรงว่าอีกคนจะหาว่าผมก้าวก่ายเรื่องส่วน

ตัวของอีกคนมากจนเกินไป

         “ไฟอยากจะถามอะไรนอร์สเหรอครับ ถ้าจะถามอะไรก็ถามมาเถอะครับเพราะเราจะไม่มีความลับต่อกัน” นอร์สบอกผมเพื่อให้

ผมรู้สึกสบายใจที่จะถามคำถามที่ผมสงสัยออกไป

         “คือไฟอยากจะรู้ว่าตอนนั้นนอร์สคุยโทรศัพท์กับรุ่นพี่เรื่องอะไรเหรอ”

         “อ๋อ นอร์สก็คุยเรื่องการจัดงานขอไฟแต่งงานไงครับ พอดีว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นแฟนกับพี่ชายของรุ่นพี่น่ะครับแล้วพี่เขาก็มีร้านจัด

ดอกไม้แถมยังเป็นออแกไนซ์ นอร์สก็เลยขอให้พี่เขาช่วยจัดสถานที่แล้วก็เตรียมเรื่องดอกไม้ให้กับไฟไงครับ” นอร์สตอบผม

แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกไม่ดีที่คิดระแวงอีกคน

         “ขอโทษนะนอร์ส” ผมกล่าวขอโทษนอร์สอย่างสำนึกผิดก่อนจะก้มหน้าซบลงกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายแล้วหยิบช่อดอกไม้ที่

อีกคนให้ขึ้นมากอดเอาไว้หลวมๆ ไฟขอโทษที่ไม่ได้เชื่อใจนอร์ส

         “ขอโทษ?ขอโทษนอร์สทำไมกันครับไฟยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย” นอร์สถามผมอย่างสงสัย

         “ขอโทษที่ไฟระแวงนอร์ส ไม่เชื่อใจนอร์สแล้วก็คิดเรื่องไร้สาระไปเอง” ผมสารภาพกับอีกคน นอร์สที่ปั่นจักรยานอยู่ก็หยุด

ปั่นเอาเสียดื้อๆก่อนจะหันหน้ากลับมาตอบผม

         “ไฟไม่ผิดไม่ต้องมาขอโทษหรอกครับเพราะถ้าเป็นนอร์สนอร์สก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกับที่ไฟเป็น นอร์สก็ต้องขอโทษไฟ

เหมือนกันนะครับ” นอร์สบอกผม ผมจึงเงยหน้าที่ซบอยู่กับแผ่นหลังของนอร์สขึ้นไปมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะพบว่าอีกคนมองผม

แล้วยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว

         “อืม ต่อไปนี้ไฟจะเชื่อใจนอร์สให้มากยิ่งขึ้นนะ” ผมให้คำสัญญา

         “ครับต่อไปนี้นอร์สก็จะเชื่อใจไฟอย่างที่ไฟเชื่อใจนอร์ส แต่นอร์สก็อยากจะบอกไฟว่าไม่ว่ายังไงนอร์สก็จะไม่มีทางที่จะ

ทำให้คนที่นอร์สรักต้องเสียใจแน่นอนครับ” นอร์สบอกผมเสียงหนักแน่นคล้ายราวกับให้คำมั่นสัญญา

         “……..” ผมไม่ตอบอีกคนแต่ก้มหน้าลงไปซบกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายพร้อมกับหลับตาลงเพื่อซึมซับทุกห้วงของอารมณ์และ

เพื่อแทนคำตอบที่ผมจะมอบให้กับเจ้าตัว

         “แต่นอร์สก็มีอีกเรื่องที่อยากให้ไฟได้สบายใจนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราสองคน นอร์สสัญญาว่านอร์สจะไม่ยอมให้

ประวัติศาสตร์มันต้องมาซ้ำรอยอีกครั้งและจะไม่ทำให้ไฟต้องเจ็บช้ำอีกเป็นอันขาดแน่นอนครับ” นอร์สบอกผม แต่ผมกลับสะดุ้ง

กับคำพูดของอีกคนที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่       
                     
         “นอร์สรู้?” ผมลืมตาจากการซึมซับบรรยากาศแสนสุขเมื่อชั่วครู่พร้อมกับเบิกตากว้าง แหงนหน้ามองอีกคนเพราะตกใจกับคำ

พูดที่นอร์สพูด

         “ก็ไม่ได้รู้มากมายหรอกครับ แต่ถึงแม้นอร์สจะรู้มากหรือรู้น้อยนั่นมันก็คืออดีตสำหรับไฟ แต่ตอนนี้นอร์สกำลังจะเป็นปัจจุบัน

และอนาคตของไฟ นอร์สเลยไม่อยากให้ไฟต้องกลัวว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก” นอร์สบอกผม ซึ่งมันก็จริงอย่างที่อีก

คนพูด ไม่ว่านอร์สจะรู้มากหรือรู้น้อยยังไงซะสิ่งเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นอดีต อดีตที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่นอร์ส...ผู้ชายที่

ปั่นจักรยานให้ผมนั่งซ้อนท้ายอยู่ตรงหน้าผมนี่สิที่เขาจะเข้ามาเป็นปัจจุบันและอนาคตให้กับผมและเราก็จะเข้ามาเป็นปัจจุบันและ

อนาคตของกันและกันจากนี้และตลอดไป..............................


                         
           เช้าวันนี้ดูสดใสมากกว่าเช้าไหนๆที่ผมเคยเจอเพราะแน่นอนว่าเช้าวันนี้เป็นวันที่ผมกับนอร์สกำลังจะเริ่มจัดเตรียมงาน

สำหรับงานแต่งที่จะเริ่มต้นขึ้นในอาทิตย์หน้า แค่คิดชีวิตก็มีความสุขขึ้นเป็นกอง เฮ้อ!

         “สวัสดีครับคุณหญิงแม่” ผททักทายคุณหญิงแม่ของนอร์ส

         “อ้าว สวัสดีจ๊ะน้องไฟมาเร็วจังเลยนะนอร์สยังไม่ตื่นเลยแม่ว่าจะขึ้นไปปลุกอยู่พอดี งั้นเอางี้แม่จะช่วยวานให้น้องไฟไปช่วย

ปลุกตานอร์สให้แม่ทีเพราะเดี๋ยวแม่ต้องรีบไปแต่งตัวพอดีเพื่อนแม่เขาจะมาคุยเรื่องธุรกิจยังไงแม่ก็ฝากตานอร์สด้วยนะน้องไฟ”

ว่าจบคุณหญิงแม่ก็เดินจากไป เออว่าแต่ว่าผมยังไม่ทันจะได้ค้านหรือโต้แย้งอะไรคุณหญิงแม่ซักคำเพราะท่านเอาแต่พูดเองเออ

เองสรุปเองแล้วก็เดินจากไปเองปล่อยให้ผมต้องมานั่งคิดเองและงงเองและสรุปว่าผมต้องไปปลุกนอร์สเองและทำอะไรๆเอง?

งั้นเหรอ

         “ว่าแต่ว่าห้องนอนของนอร์สอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์หลังนี้หละเนี่ย!” ผมบ่นงึมงำอยู่คนเดียวก่อนจะเดินไปถามพี่แม่บ้านที่

เดินผ่านมาพอดี

           วันนี้ผมกับนอร์สนัดกันว่าจะไปคุยในเรื่องของการ์ดแต่งงานที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่ช้า แต่พอผมเห็นอีกคนยังไม่โทรศัพท์

ไปหาสักทีเลยตัดสินใจมาหาอีกฝ่ายที่นี่แทนและก็ทำให้ผมได้รู้ว่าตอนนี้อีกคนกำลังนอนอุดอู้อยู่ภายใต้ผ้านวมผืนหนาอย่าง


สบายใจจนทำให้ผมต้องโดนคุณหญิงแม่ใช้ให้มาปลุกคนที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่ภายในห้องนอนอย่างนาย

นอร์ส....นักศึกษาแพทย์ที่เพิ่งจบมาหมาดๆ

           ผมเดินขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์หลังนี้ตามคำบอกของพี่แม่บ้านสาวสวย..และถ้าไม่ติดว่าผมกำลังจะแต่งงานกับลูก

เจ้าของบ้านป่านนี้ผมคงจะได้เบอร์สาวเจ้ามาเก็บไว้ในเมมเมอร์รี่แล้วนำกลับไปอวดไอ้วีได้อย่างสบายใจ แต่ถึงแม้มันจะไม่ใช่

รสนิยมของผมก็ตามทีเถอะ แต่นั่นมันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ลูกผู้ชายอย่างเราๆก็ควรจะทำ.........นายปฐวีเพื่อนซี้สุดที่รักของผมได้

กล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว

         “ขึ้นชั้นสองเดินตรงไปเลี้ยวซ้ายจากนั้นก็ให้มองไปทางด้านขวาซึ่งเป็นห้องนอนของนอร์ส” ผมเดินท่องตำแหน่งห้องนอน

ของอีกก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าบานประตูที่เป็นหน้าห้องนอนของนอร์สซึ่งเชื่อได้เลยว่าป่านนี้เจ้าของห้องยังคงนอนคุดคู้อยู่ภายใน

ห้องเป็นแน่

           ผมเตรียมยกมือขึ้นเพื่อจะเคาะประตู้ห้องนอนของอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงหัวใจเจ้ากรรมดันดังขึ้น

ขัดจังหวะเสียก่อน

         ตึกตัก ตึกตัก

         “จะมาเต้นทำแมวอะไรตอนนี้ด้วยเนี่ย” ผมว่าตัวเองก่อนจะลดมือลงเพื่อมากุมหัวใจที่เต้นรัวราวกับมีคนตีกลองชุดอยู่ภายใน

อก

         “หายใจเข้าลึกๆช้าๆอย่างนั้น..ดีมากไอ้ไฟทีนี้ก็พร้อมลุย” ผมบอกตัวเองให้สงบจิตสงบใจแต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถ

เอื้อมมือไปเคาะประตูห้องนอนของอีกคนได้

         “มันจะอะไรกันนักกันหนากับการแค่เอื้อมมือไปเคาะประตูของนอร์ส เฮ้อ! แล้วทีนี้จะเอายังไงดีหละเนี่ย” ผมถามตัวเองอย่าง

ใช้ความคิดก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องนอนของอีกคนอย่างถือวิสาสะ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ก็ในเมื่อนี่เป็นทางออกทาง

เดียวที่จะทำให้ผมเข้าไปปลุกอีกคนที่นอนอยู่ภายในห้องได้

         “ขออนุญาตนะนอร์สที่ไฟถือวิสาสะเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะประตูเรียกเพราะถ้าจะให้ไฟเคาะประตูจริงๆไฟว่าวันนี้เราคงไม่ได้

ไปดูแบบการ์ดแต่งงานแน่ๆ” ผมพูดกับอีกคนที่ตอนนี้คงจะไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้นเพราะพอผมเปิดประตูและทำทุกอย่างให้เบา

ที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เห็นอีกคนยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้างไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นตื่นโดยแม้แต่น้อย

         “เฮ้อ!ยังนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อีกเหรอเนี่ย” ผมเดินเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนเตียงอย่างช้าๆเพื่อลดการสั่น

ไหวแล้วไปกระทบให้อีกคนต้องรู้สึกตัวตื่นก่อรจะเอื้อมมือไปเขี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าของอีกคน

         “คนอะไรก็ไม่รู้ขนาดหลับยังดูดีได้อีก!!” ผมว่า ก่อนจะสำรวจโครงหน้าอีกคนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายนอนหลับผมก็ต้อง

แอบเผลอสำรวจโคงหน้าของนอร์สทุกที ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร จนบางครั้งผมเองยังคิดว่าตัวเองอาจจะเป็น

พวกโรคจิตก็ได้!? แต่ก็ชั่งเถอะผมว่ามันเป็นสิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุขแค่นี้ก็พอ

         “เฮ้ย!!!!” ผมที่นั่งสำรวจโครงหน้าของอีกคนจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่จนต้องทำให้ตัวเองพลาดท่าเสียทีที่

ถูกอีกคนจับพลิกตัวแล้วกดผมแนบลงกับเตียงนอน ส่วนอีกฝ่ายก็คร่อมทับผมเอาไว้ แถมยังใช้แรงมหาศาลที่มีบีบข้อมือของผม

ลงกับเตียงไว้จนแน่น ซึ่งผมว่าท่ามันค่อนข้างจะเอ่อ...ล่อแหลมอยู่พอควร

         “เอ่อ.....เออ….” ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลยได้แต่พูดเอ่อ อืม เออ ออไปเพราะมันเป็นเพียงประโยคเดียวที่คิดได้ในตอน

นี้และผมว่ามันค่อนข้างจะเป็นอะไรที่จะสิ้นคิดจริงๆที่เอ่ยประโยคฆ่าตัวเองตายแบบนี้เพราะประโยคพวกนี้ถ้าเอ่อเมื่อไหร่คำต่อ

ท้ายก็จะมา และปัญหา.....ผมจะเอาประโยคไหนมาต่อท้ายหละเนี่ย!!

         “คือคุณหญิงแม่ใช้ให้ไฟมาตามนอร์สน่ะ ไฟก็เลยจะเข้ามาปลุก” ผมตอบอีกคนและโชคดีที่ผมยังมีสติพอที่จะตอบแบบนั้น

เพราะนอร์สที่คร่อมผมเอาไว้อยู่จ้องมองผมเขม่งคล้ายคนต้องการคำตอบ แต่ลมหายใจของผมแทบหยุดชะงักเพราะผมคิดว่าท่า

ที่ผมกับนอร์สคุยกันอยู่ตอนนี้ล่อแหลมมากเกินไป แต่ผมกลับคิดผิดเมื่อสายตาถูกเลื่อนไปยังเสื้อผ้าที่อีกคนสวมใส่ เสื้อกล้ามตัว

บางที่โชว์กล้ามเนื้อแขนที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่ก็ถือว่ากำลังพอเหมาะพอดีกับเจ้าตัวและกางเกงผ้าฝ้ายตัวบางที่สามารถมอง

ผ่านเห็นอะไรต่อมิอะไรได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนมากกว่าดูทีวีช่อง HD เสียอีก

         ฉ่าๆๆๆ ความร้อนและอุณหภูมิในร่างกายถูกไหลรวมมากองอยู่บนใบหน้าผมแทบจะทันที ผมจึงจำต้องเสหน้าไปทางอื่นเพื่อ

กลบเกลื่อนรอยริ้วแดงๆบนใบหน้าที่ผมเชื่อว่าป่านนี้มันคงจะปรากฎชัดให้อีกคนได้เห็นเป็นแน่

         “แล้วทำไมไฟไม่เคาะประตูหละครับ” ใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่อีกคนจะถามผมเพราะเหมือนนอร์สจะรู้เพราะจากอาการ

หน้าแดงและเสียงหัวใจของผมที่เต้นรัวๆส่งเสียงประท้วงซะดังชัดเจนไม่เกรงใจเจ้าของอย่างผมเอาเสียเลย

         “เอ่อ..คือ” ผมไปไม่ถูกกับคำถามง่ายๆแบบนี้เพราะจะให้ผมตอบได้ยังไงหละว่าที่ผมไม่เคาะประตูเรียกอีกคนเป็นเพราะผม

ตื่นเต้นที่จะได้เข้าห้องนอนของนอร์สเป็นครั้งแรกอย่างนั้นเหรอ?

         “คือที่ไฟไม่เคาะประตูห้องของนอร์สก็เพราะไฟตื่นเต้นที่จะได้เข้าห้องนอนนอร์สเป็นครั้งแรก ไฟเลยทำอะไรไม่ถูก” ตลก

บริโภคได้อีก!!   

         “คือ....ไฟกลัวจะรบกวนนอร์สเลยว่าจะเข้ามาเรียกข้างในตัวต่อตัวน่าจะดีกว่า” ผมตอบ นอร์สมองผมอยู่แวบหนึ่งก่อนจะ

พยักหน้าเข้าใจ แต่ทำไมสายตาที่อีกคนใช้มองกลับดู....เจ้าเล่ห์?  สนุก? ขบขัน? และที่สำคัญลางสังหรณ์ของผมมันก็ชักจะ

บอกว่ามันไม่ดีแน่ๆ ถ้าผมยังจะอยู่ท่านี้นานกว่านี้


         “เอ่อ...คือ” ผมที่จะบอกให้อีกคนลุกออกจากตัวผมก็เป็นต้องมีอันชะงักค้างทันทีเพราะสายตาที่อีกคนจ้องมองผมนั้นราวกับ

เวทมนต์ที่กำลังสะกดจิตผมอยู่ มันทำให้ผมไม่สามารถขยับเขื้อนไปไหนได้และนั่นก็ต้องทำให้ผมเสียจูบแรกของวันไป............


         “อื้ม อืออ” ผมส่งเสียงประท้วงอีกฝ่ายเมื่อลมหายใจของตัวเองเริ่มหยุดชะงัก นอร์สยอมผละออกจากริมฝีปากของผมเพื่อให้

ผมได้สูดอากาศหายใจ

         “นอร์ส...จะ..จะ..ทำอะไรอ่ะ!” ผมถามอีกคนอย่างตกใจเพราะหลังจากที่นอร์สผละออกมาจากการลิ้มชิมรสริมฝีปากของผม

แล้วเจ้าตัวกลับโน้มใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผมจนทำให้มันอยู่ห่างกันแทบจะไม่ถึงเซน แต่นั่นก็มากพอที่จะ

ทำให้ผมคิดอะไรไปต่างๆนาๆ

         “ก็ทำในสิ่งที่จะแสดงความเป็นเจ้าของในตัวไฟไงครับ” ว่าจบนอร์สก็ก้มลงไปกัดบริเวณซอกคอของผมจนมันขึ้นรอยแดงๆ

         “ทำอะไรของนอร์สเนี่ยเดี๋ยววันนี้เราต้องไปดูการ์ดแต่งงานอีกนะแล้วถ้าคนอื่นเขามาเห็นล่ะจะทำยังไง” ผมโวยวายใส่อีกคน

 จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรในสิ่งที่อีกคนทำ แต่ติดที่ว่านี่เป็นวันที่ผมกับนอร์สต้องออกไปข้างนอกเพื่อไปเลือกแบบการ์ด

แต่งงาน ถ้าคนอื่นเกิดมาเห็นรอยแบบนี้เข้ามันอาจจะ....

         “ก็ดีน่ะสิครับ ทุกคนเขาก็จะได้รู้ว่าไฟเป็นของนอร์ส ก็ดูสิครับวันนี้ไฟเล่นแต่งตัวน่ารัก ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าเป็นใครก็ต้องมอง

ก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละ” นอร์สบอกผม ที่แท้ก็หวงน่ะสิ เฮ้อ! นอร์สนะนอร์สแฟนใครนะน่ารักจริงๆ

         “แล้วนอร์สชอบที่ไฟแต่งตัวแบบนี้ป่ะ” ผมถามอีกคนยิ้มๆ

         “ถามนอร์สแบบนี้แสดงว่าวันนี้จะไม่ไปเลือกแบบการ์ดแต่จะออกกำลังกายยามเช้ากันแทนใช่ไหมครับ” นอร์สถามผม

ผมจึงออกแรงผลักหน้าอกอีกคนออกน้อยๆซึ่งเจ้าตัวก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี

         “จะบ้าเหรอ!ไปอาบน้ำได้แล้ว ไปเลยไปเร็วๆเลย” ผมดันหลังอีกคนให้เดินเข้าห้องน้ำ

         “ไฟมาอาบให้นอร์สหน่อยสิครับ”

         “ไม่ต้องมายุ่งกับไฟเลยเข้าไปอาบน้ำเร็วๆเลยนะ ไฟให้เวลานอร์ส 20 นาที ถ้าทุกอย่างไม่เสร็จไฟโกรธจริงๆด้วย” อีกคนจึง

รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อย ผมจึงลงไปรออีกคนที่ด้านล่าง  เกือบจะไม่ได้ไปเลือกแบบการ์ดซะ

แล้วไอ้ไฟ!

      “นอร์สยังไม่ตื่นเหรอน้องไฟ” ทันทีที่ผมเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน คุณหญิแม่ของนอร์สที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยที่รอคุย

งานกับเพื่อนของท่านก็รีบเอ่ยถามผมทันที

         “อ๋อ ตื่นแล้วครับอีกสักพักก็คงจะลงมา” ผมตอบคุณหญิงแม่ซึ่งท่านก็พยักหน้ารับก่อนที่เพื่อนของท่านจะมาถึงท่านจึงขอตัว

ไปคุยธุระ

         “คุณไฟจะรับอะไรระหว่างรอคุณนอร์สไหมคะ” พี่แม่บ้านสาวสวยเดินเข้ามาถามผมหลังจากที่ผมลงนั่งตรงโซฟาเพื่อรออีก


คน

         “ไม่ล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมตอบปฏิเสธไป พี่แม่บ้านจึงขอตัวไปทำความสะอาดบ้านต่อ

           ผมนั่งรออีกคนได้ไม่นานเจ้าตัวก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน วันนี้นอร์สมาด้วยเสื้อผ้าสบายๆแต่ก็ทำให้เจ้าตัวดูดีได้ไม่

ยากขนาดว่าเป็นเสื้อเชิร์ตธรรมดาๆกับ กางเกงยีนส์สีดำเข้ม แต่กลับช่วยขับให้อีกคนดูหล่อในแบบลุคหนุมเซอร์กระชากใจสาว

ได้ไม่ยาก เหอะ!มาทำเป็นไม่พอใจที่เราแต่งตัวแบบนี้ทีตัวเองนะแต่งซะเต็มเชียว ผมคิดค่อนขอดอีกคนอยู่ในใจ

         “รอนานไม่ครับ” เมื่อนอร์สมาถึงก็รีบตรงดิ่งมาหาผมทันที

         “นานมากกกกกกกก” ผมทำทีเป็นลากเสียงยาวตอบ นอร์สจึงก้มลงไปหอมแก้มผมเสียงดังฟอดจนทำให้เหล่าแม่บ้านที่อยู่

ในบริเวณนี้ต่างพากันหันมองอย่างยิ้มๆ

         “ทำบ้าอะไรของอนอร์สเนี่ยหัดอายคนอื่นเขาซะบ้าง” ผมเอื้อมมือไปตีอีกคนเบาๆ แต่คนที่ถูกตีกลับไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกเลย

สักนิด

         “จะไปอายทำไมกันครับคนกันเองทั้งนั้นและที่สำคัญที่นี่คือบ้านของนอร์สซึ่งมันก็เหมือนบ้านของไฟเราจะทำอะไรก็ไม่เห็น

ต้องอายใครเลยนะครับ อย่าคิดมากสิครับไฟเดี๋ยวไม่น่ารักหรอก” นอร์สบอกผมก่อนจะเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ก็มันเป็นซะแบบ

นี้ไงเล่า ใครกันจะกล้าไปโกรธลงได้

         “อืมก็ได้แล้วเราจะไปกันได้รึยัง” ผมถามนอร์สเพราะป่านนี้ทางโน่นคงจะรอผมกับนอร์สนานแย่

         “เชิญขอรับองค์หญิงเดี๋ยวองครักษ์ผู้นี้จะเป็นคนดูแลการเสด็จขององค์หญิงในครั้งนี้เองสบายใจหายห่วงได้ครับ”

 นอร์สลุกขึ้นพูดพลางผ่ายมือและทำท่าทางเหมือนองครักษ์พิทักษ์องค์หญิง?

         “กินยาลืมเขย่าขวดเหรอนอร์ส เรียนจบแล้วบ้าว่างั้น” ผมว่าพลางส่ายหัวกับการกระทำของอีกฝ่าย

         “ถ้านอร์สบ้าแล้วไฟรักนอร์สป่ะล่ะ” นอร์สถามผม เล่นถามคำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วซะด้วย

         “ไม่รักก็คงไม่แต่งหรอกพ่อองครักษ์สุดหล่อ” ผมว่าก่อนจะรีบวิ่งไปรออีกคนที่รถก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังที่ดังมา

จากอีกฝ่าย ต่อให้นอร์บ้าแล้วให้ไฟเลิกรักนอร์สมันก็คงจะไม่ทันแล้วหละเพราะยังไงไฟก็รักนอร์สหมดหัวใจไปซะแล้ว!!!               
                             
         
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 24-09-2015 20:36:46
      “ไฟว่าลายของแบบนี้น่ารักดีนะ”

         “แต่นอร์สว่าลายนี้เก๋กว่านะครับ”

         “ไม่เอาอ่ะไฟไม่ชอบไฟชอบแบบนี้มากกว่าเอาแบบนี้นะนอร์สนะๆๆๆ”

         “แต่นอร์สว่า..............”

         “แล้วทำไมน้องไฟกับนอร์สถึงไม่เอาการ์ดสองแบบมามิกซ์กันล่ะ” พี่ลมเสนอความคิดเห็นให้ผมกับนอร์ส

         “นั่นสินะ ไฟว่าถ้าเราเอาสองแบบมามิกซ์มันต้องน่ารักมากๆเลยนอร์สว่าไงอ่ะ” ผมหันไปถามความคิดเห็นของอีกคน

         “ครับนอร์สก็เห็นด้วย” จากนั้นผมจึงหันไปคุยเรื่องรายละเอียดของการ์ดโดยมีพี่ลมเป็นคนคอยต่อรองเรื่องราคาเพราะร้าน

ออกแบบการ์ดร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนพี่ลมจึงไม่ยากในเรื่องของราคาและที่สำคัญยังสามารถการันตีรับรองความสวยงามของรูป

แบบการ์ดได้อีกด้วย

         “’งั้นน้องไฟกับนอร์สก็กลับไปก่อนก็ได้นะเดี๋ยวพี่จะอยู่คุยเรื่องของการ์ดให้” พี่ลมบอกผม ผมกับนอร์สจึงขอตัวกลับไปทำ

ธุระของตนเองทั้งเรื่องของธีมงานแต่ง ติดต่อสถานที่จัดงานซึ่งก็เป็นริมหาดส่วนตัวของครอบครัวนอร์สซึ่งคุณหญิงแม่เป็นคน

อนุญาตให้ใช้สถานที่นั้นในการจัดงาน ส่วนเรื่องรายละเอียดยิบย่อยก็มีพี่ลมกับไอ้วีและที่สำคัญยังมีไอ้ผู้หมวดอิฐคอยช่วยเหลือ

         หลังจากที่ผมกับนอร์สเคลียร์ธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาช่วงเย็นๆ ผมจึงคิดว่าอยากจะกลับมาพักที่คอนโดของตัว

เองบ้างหลังจากที่ห่างหายจากมันมาเสียนานเพราะตั้งแต่ที่มีปัญหากับนอร์สในครั้งนั้นผมก็แทบจะไม่ได้มาที่นี่อีกเลย

         “ไปส่งไฟที่คอนโดของไฟนะ” ผมบอกนอร์สเพราะเจ้าตัวจะเลี้ยวเข้าที่พักของพี่ลม

         “ทำไมถึงไม่พักอยู่กับพี่ลมล่ะครับ”

         “ไฟคิดถึงที่โน่นน่ะ” ผมบอกอีกคนตามตรงก่อนที่อีกฝ่ายจะถอยรถแล้วมุ่งหน้าพาผมไปคอนโดที่ผมเคยพักอยู่

           ระยะทางของคอนโดผมกับที่พักของพี่ลมอยู่ห่างกันไม่ไกลมากจึงทำให้ใช้เวลาไม่นานมากในการเดินทางมาถึงที่คอนโด

ของผม

         “นอร์สจะกลับเลยหรือว่าจะเข้าไปข้างในก่อน” ผมลงจากรถก่อนจะหันไปถามอีกฝ่ายซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าอยากเข้าไปพักข้าง

ในก่อน

      “อ่ะน้ำ” ผมยื่นแก้วน้ำเย็นไปให้อีกคนซึ่งนอร์สก็รับมันแต่โดยดีก่อนจะเดินไปนั่งพักที่โซฟา

         “วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลยนะครับ” นอร์สบอกผมขณะที่ผมเดินมานั่งลงตรงโซฟาข้างกันเจ้าตัวจึงโน้มตัวมานอนตักผมเหมือน

เช่นทุกครั้ง

         “อืม แต่ก็มีความสุขดีนะ” ผมตอบนอร์สยิ้มๆ

         “ไฟครับช่วยจูบนอร์สหน่อยสิ”

         “ทำไมล่ะ”


         “ก็นอร์สจะได้รู้ว่านอร์สไม่ได้ฝันไป”

         “เขามีแต่ให้ตบหน้าหรือไม่ก็ตีแขนเพื่อให้รู้สึกตัวว่าไม่ได้ฝันไปเรียนมาจากสถาบันไหนกันเนี่ย”

         “สถาบันนอร์สสคูลครับที่นั่นสอนดีมากไฟไม่สนใจไปเป็นนักเรียนที่นั่นเหรอครับ” นอร์สถามผม

         “ไม่ดีกว่าครูที่นั่นเจ้าเล่ห์แถมชอบเอากำไรจากนักเรียนด้วย” ผมว่าก่อนจะบีบจมูกอีกคนแก้มันเขี้ยว

         “โถ่!ไฟครับนิดๆหน่อยๆเอง” นอร์สบอกพลางทำหน้าน่าสงสาร

         “นิดหน่อยของนอร์สแต่คนที่เสียกำไรมันคือไฟไม่ใช่เหรอ” ผมว่า

         “แหะๆ” อีกคนว่ายิ้มๆก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

         “คืนนี้นอร์สขอนอนกับไฟที่นี่นะครับ” นอร์สบอผมทั้งๆที่ตายังคงหลับอยู่

         “แล้วคุณหญิงแม่ไม่ว่าเหรอ” ผมถามเพราะอีกคนยังไม่ได้โทรบอกทางบ้านและกลัวว่าคุณหญิงแม่ท่านจะเป็นห่วงเอา

         “ไม่หรอกครับ นะครับไฟให้นอร์สอยู่ที่นี่กับไฟนะครับ” นอร์สบอกผมเสียงอ้อนซึ่งมันค่อนข้างที่จะขัดกับลุคของอีกฝ่าย

แต่นั่นมันกลับทำให้อีกคนดูน่ารักไปในอีกแบบซึ่งมันก็ทำให้ผมใจอ่อนเหมือนทุกๆครั้งรวมทั้งครั้งนี้อีกด้วย

         “อืม แล้วคิดยังไงถึงอยากอยู่กับไฟล่ะ” ผมถามอีกคน

         “ก็เพราะนอร์สอยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดในอาทิตย์หน้าไม่ใช่เพียงแค่ความฝันหรือสิ่งที่นอร์สคิดไปเอง

คิดว่านอร์สจะได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับคนที่นอร์สรักสุดหัวใจอย่างไฟและได้แชร์ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในชีวิตของนอร์สให้ไฟ นอร์ส

ต้องการสิ่งยืนยันให้กับตัวเองครับ” นอร์สบอกผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมอยากจะยืนยันกับตัวเองเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น

นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันหรือความคิดไปเองเพียงฝ่ายเดียว

         “ได้สิ ไฟก็อยากจะหาคำตอบให้กับตัวเองเหมือนกันว่าไฟก็ไม่ได้ฝันหรือคิดไปเอง”


                           
           ช่วงเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเพราะเพียงไม่กี่อึดใจข้างหน้าก็จะเป็นฤกษ์ที่ผู้ใหญ่ของทางผมและทางนอร์สได้จัดเตรียม

ไว้สำหรับงานมงคลซึ่งนั่นก็คืองานแต่งงานของผมและนอร์ส มีความสุขจริงวุ้ยยย!!!!

         “พี่ลมน้องไฟตื่นเต้นอ่ะ” ผมหันไปคุยกับพี่ลม

         “สู้ๆน้องพี่ทำได้อยู่แล้วเดี๋ยวรอเจ้าบ่าวมาพาออกไปดีกว่าจะได้ไม่ตื่นเต้น” พี่ลมพูดก่อนจะตามนอร์สให้พาผมออกไปรับ

แขกเหรื่อที่มางานแต่งเราสองคน

           งานแต่งงานของผมกับนอร์สเป็นธีมเรียบๆเน้นแนวสบายๆเสียมากกว่า โดยงานในช่วงเช้าเราจะจัดกันตรงริมหาดคล้ายเป็น

งานปาร์ตี้มากกว่างานแต่งเพราะหลักๆ นอร์สไม่อยากให้ผมต้องมานั่งเกร็งเลยอยากให้งานมันออกมาดูเป็นกันเองมากกว่า ส่วน

ตอนเย็นก็จะเป็นงานเลี้ยงกลางคืนคล้ายกับกาลาดินเนอร์เพราะคุณหญิงแม่เชิญเหล่าคุณหญิงคุณนายและผู้ที่มียศมีตำแหน่ง

สูงๆมางานก็เลยต้องจัดให้เกียรติแขกที่มางานในช่วงเย็นเพราะช่วงเช้าก็จะเป็นสำหรับเด็กๆเสียมากกว่า

         “ไม่ต้องเกร็งนะครับไฟคิดซะว่าเรามาปาร์ตี้กับเพื่อนๆแล้วก็คนพิเศษ” นอร์สบอกผมเพราะดูผมจะมีอาการประหม่าเล็กน้อย

         “อืม” ผมรับคำซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมดีขึ้น

         “เอาล่ะครับแขกผู้มีเกีรติทั้งหลายตอนนี้ก็มาถึงจุดไคลแม็กซ์ของงานกันแล้วนะครับเพราะเราจะทำการโยนเจ้าสาว เอ้ย!

โยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ต้องขอประทานอภัยด้วยนะครับที่ผมรีบพูดจนรวบคำเร็วเกินไปหน่อย” พิธีกรประกาศเชิญผมขึ้นไป

บนเวทีที่ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ ส่วนพิธีกรก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลก็เป็นไอ้วีเพื่อนซี้ของผมนี่   
         
         “เอาล่ะครับเจ้าสาวกำลังจะโยนช่อดอกไม้แล้วครับ โยนไปแล้วครับ” หลังจากที่ผมโยนเสร็จก็หันกลับไปดูว่าใครกันที่ได้รับ

ช่อดอกไม้ช่อนี้และก็ได้รู้ว่ารายต่อไปที่จะได้แต่งงานต่อจากผมก็คือ.....พี่ลมนั่นเอง ผมจึงหันไปยิ้มกับไอ้วีซึ่งมันก็ส่งยิ้มมาให้

ผมก่อนที่นอร์สจะมาพาผมลงเวทีไป

         “เป็นยังไงบ้างครับ ไฟชอบไหม” นอร์สถามผมขณะที่เราสองคนกำลังเดินเล่นรับลมอยู่บริเวณชายหาดยามสายที่แสง

อาทิตย์สาดส่องมากระทบกับผืนน้ำที่ทำให้ชวนหลงใหล

         “อืม ชอบมากเลยล่ะ ขอบคุณนะที่ทำให้ไฟได้มีวันนี้” ผมบอกนอร์สเพราะถ้าไม่มีนอร์สผมก็คงไม่ได้มีวันนี้ วันที่ผู้ชายธรรม

ดาๆอย่างผมมีความสุขที่สุด นอร์สไม่ได้ตอบอะไรผมเพียงแต่หยุดเดินแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม จากนั้นจึงจับมือผมไปกุมไว้

แน่นก่อนจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้หัวใจผมพองโตและมีความสุขที่สุดในชีวิต

         “นอร์สขอสาบานว่านอร์สจะรักและจะดูแลไฟเป็นอย่างดีและจะไม่ทำให้ไฟต้องร้องไห้หรือเสียใจเป็นอันขาดเพราะนอร์สจะ

ไม่มีวันทำร้ายคนที่เป็นหัวใจของนอร์สเด็ดขาด ไม่ว่าไฟจะสุขหรือจะทุกข์ขอให้ไฟรู้เอาไว้ว่านอร์สจะคอยอยู่เคียงข้างกายไฟ

เสมอและนอร์สจะรักและดูแลไฟตราบเท่าที่นอร์สยังมีลมหายใจอยู่ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ทำให้นอร์สได้รู้จักกับคำว่า ‘รัก’

อีกครั้งนะครับ” พอนอร์สพูดจบผมและนอร์สต่างก็อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ก่อนที่น้ำตาที่ผมพยายามกักกั้นไว้ได้ไหลลงมา

อย่างไม่ขาดสาย มันเป็นน้ำตาของความดีใจและความซาบซึ้งใจในสิ่งที่อีกคนได้กระทำมัน

ไม่ต้องหวาน.................

...................ไม่ต้องซึ้ง

ไม่ต้องทำโรแมนติกอะไรให้วุ่นวาย........................

.....................ไม่ต้องป่าวประกาศบอกใครหลายๆคนว่ารู้เรารักกัน

ไม่ต้องให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป....................

..........................แค่ขอให้รักกันอย่างนี้ มากกว่านี้ และจะดูแลกันอย่างนี้ แค่นี้....ก็มากพอสำหรับผู้ชายธรรมดาอย่างผม

 ขอบคุณนะนอร์ส ขอบคุณขอบคุณที่ทำให้ไฟได้รู้จักกับศรัทธาของความรัก ขอบคุณที่เกิดมาเพื่อกันและ

กัน.......................................










                                                      ตอนหน้าก็เป็นตอนจบแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 24-09-2015 20:50:26
                                                   แผนการร้ายครั้งที่ 20 : เรารักด้วยรักที่ยิ่งกว่ารัก

                  งานเลี้ยงช่วงเย็นได้เริ่มต้นขึ้นมีเหล่าบรรดาคุณหญิงคุณนายและเหล่าเพื่อนๆของพ่อของนอร์สหลายต่อหลายคนที่เดิน

ทางมาร่วมงานในช่วงเย็นนี้ นอกจากนั้นยังมีเพื่อนๆของป๊ากับม๊าที่มางานในช่วงเย็นเช่นเดียวกัน งานช่วงหัวค่ำคล้ายกับงาน

กาลาดินเนอร์จึงทำให้ผมค่อนข้างประหม่าและเกร็งเล็กน้อย

         “ไม่ต้องเกร็งนะครับไฟ” นอร์สจับมือผมเพื่อให้ผมรู้สึกคลายความกังวลลงไป

         “อืม จับมือไว้แบบนี้นะ” ผมบอกนอร์สก่อนจะออกแรงบีบมือของอีกฝ่ายและนอร์สก็ยอมจับมือผมไว้ตามที่ผมขอจนงาน

ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย

           หลังจากที่ผมและนอร์สส่งแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในช่วงเย็นเสร็จแล้ว จึงเหลือเพียงแค่คุณหญิงแม่ คุณพ่อของนอร์สและ

ป๊ากับม๊าของผมแล้วยังมีพี่ลม ไอ้วี ไอ้ผู้หมวดอิฐที่ยังคงรออยู่ด้วย

           ป๊ากับม๊าและยังมีคุณหญิงแม่และคุณพ่อนั่งรอผมอยู่ที่เตียงในห้องหอของที่จัดเตรียมเอาไว้ ซึ่งเป็นห้องพักของทาง

โรงแรมของครอบครัวของผม ผมกับนอร์สจึงเดินเข้าหาท่านทั้งสองก่อนจะนั่งลงตรงหน้าท่าน

         “และแล้ววันนี้ก็มาถึงสักทีเนอะป๊า” ม๊าหันไปบอกป๊า

         “นั่นสินะ เฮ้อ! ป๊าก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ป๊ายังรู้สึกเหมือนน้องไฟยังเป็นเด็กชายตัวน้อยๆน่ารักๆที่วิ่งเล่นอยู่

กับป๊าและม๊า แต่ไหงวันนี้กลับต้องมาเข้าหอกับคนอื่นไปเสียแล้ว” ป๊าเอื้อมมือมาลูบหัวผมยิ้มๆพลางพูดถึงเรื่องสมัยเด็ก

         “คิดแล้วก็ใจหาย น้องไฟของป๊ากับม๊าดูโตขึ้นเยอะเลยนะ น้องไฟกำลังจะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับคนที่น้องไฟรัก ม๊าอยากให้น้อง

ไฟประคับประครองความรักนี้ให้อยู่ตลอดรอดฝั่งนะ นึกถึงวันที่เรารักกันใหม่ๆยามที่เราทะเลาะกัน เชื่อใจกันเหมือนอย่างวันที่เรา

ผ่านอุปสรรคต่างๆมามากมาย หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะ” ม๊าบอกผมกับนอร์ส ผมและนอร์สจึงก้มลงกราบท่าน

         “รักลูกของป๊าให้เหมือนที่ป๊ารักนะนอร์ส ชีวิตของเราทั้งสองคนไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้วนะ เรายังมีอีกคนที่จะมาคอยแชร์สุข

และทุกข์ มีอะไรก็ควรที่จะหันหน้าปรึกษากันนะ” ป๊าบอกผมก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผมและนอร์ส ผมและนอร์สจึงก้มลงกราบ

ท่าน

         “ไงไอ้ลูกชายเลือกคู่ครองได้เหมาะดีนะ เฮ้อ และแล้วแกก็ได้เลือกในสิ่งที่ตัวเองได้เลือกเองสักทีนะดีกว่าต้องให้แม่แกคอย

มาเลือกให้อย่างที่ผ่านๆมา” พ่อของนอร์สว่ายิ้มๆก่อนจะโดนคุณหญิงแม่ตีเข้าที่แขนอย่างแรง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมกับนอร์สลงมติว่า

ภาพที่เห็นนั้นมันก็......น่ารักดี

         “นี่คุณงานแต่งลูกนะพูดอะไรให้มันดีๆบ้าง” คุณหญิงแม่เอ็ด

         “ก็มันจริงนี่คุณ โอ๊ยๆ! โอเคๆผมยอมแพ้” คุณพ่อยกมือสองข้างเป็นนัยๆว่ายอมแพ้เพราะคุณหญิงแม่ง้างมือกำลังจะฟาดลง

มาที่ต้นแขนของตัวเองอีกที

         “มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพ่อเพราะถ้าไม่ได้แม่ผมก็ไม่รู้ว่าจะได้แต่งกับไฟรึเปล่า อาจจะต้องขอบคุณท่านก็ได้ที่รู้จักกับม๊า

ของไฟ” นอร์สว่าก่อนจะหันมามองหน้าผมยิ้มๆ

         “โอเคพ่อก็ขอให้เรารักกันนานๆถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะ นอร์สเวลาที่ลูกทะเลาะกันให้ดูคู่ของพ่อกับแม่เอา

ไว้เข้าใจไหมเพราะถึงแม้พ่อกับแม่จะทะเลาะกันแค่ไหนแต่เราก็รักกัน จริงไหมคุณ” คุณพ่อมองคุณหญิงแม่ยิ้มๆ

         “คุณนี่ก็ยังเล่นไม่เลิกซะจริงๆ” คุณหญิงแม่บอกคุณพ่ออย่างเอือมระอา แต่บนใบหน้ากลับปรากฏริ้วสีแดงบางๆ

         “ส่วนแม่นะนอร์ส แม่อยากจะบอกลูก นอร์สรู้ไหมว่าทำไมแม่ถึงรักพ่อของลูก ที่แม่รักพ่อของลูกเพราะพ่อของลูกเป็นคนตรง

จริงใจและรักแม่ ใครหลายๆคนที่มีความรักเขาก็อยากให้คนรักของเรารักเขาอย่างจริงใจกันทั้งนั้น ฉะนั้นในฐานะที่นอร์สเป็นลูก

ของแม่ไม่ว่าลูกจะรักใครควรรักเขาจากใจจริงและจริงใจ ไม่เชื่อลูกลองถามน้องไฟดูสิ” อยู่ดีๆแม่ของนอร์สที่สอนอีกคนอยู่กลับ

หันมาถามผมแถมยังขยิบตาส่งให้ผมอีกต่างหาก

         “จริงไหมครับไฟ” นอร์สก็ดันมาเล่นถามอย่างที่คุณหญิงแม่บอกให้ถาม ผมที่เจอคำถามนี้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถึงกับชะงัก

แถมยังยังรู้สึกขัดเขินกับรอยยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ของอีกคนที่ส่งมาให้ ผมจึงเกาท้ายทอยแก้เขินก่อนจะพนักหน้าตอบอีกคน

         “เอาล่ะเหล่าพ่อๆแม่ๆก็ควรที่จะออกมาให้ลูกๆได้ใช้เวลาส่วนตัวกันได้แล้วเนอะ ไปป๊าไป ไปเร็วทุกคน” ม๊าเรียกให้ทุกคน

ออกจากห้องก่อนที่จะเหลือพี่ลม ไอ้วีและก็ไอ้ผู้หมวดอิฐ

         “อ่ะน้องไฟ ของขวัญวันแต่งงาน” พี่ลมยื่นกล่องของขวัญสีทองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยโบว์สีสวย

            “ขอบคุณครับพี่ลม” ผมเอ่ยขอบคุณก่อนจะเอื้อมมือไปรับกล่องของขวัญ

      “ส่วนอันนี้ของนอร์สนะ” พี่ลมยื่นกล่องของขวัญแบบเดียวกับที่ผมได้รับส่งให้นอร์ส

         “อ่ะมึงไอ้ไฟอันนี้ของกูให้ในวันแต่งงาน เก็บรักษาให้ดีนะมึงของกูเปรียบเสมือนสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมีชิ้นเดียวในโลกสั่งทำ

ขึ้นมาเพื่อมึงกับคุณนอร์สเขาเลยนะเว้ย รักกันนานๆนะเว้ยมึง มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง ฮ่าๆๆๆ” ไอ้วีว่า มันกวนตีนมาตั้งแต่

ผมรู้จักและตอนนี้มันก็ยังคงกวนตีนผมต่อไปและผมคิดว่ามันคงจะไปอัพเลเวลความกวนตีนมาเพิ่มอีกแน่ๆ ไอ้วี ไอ้เพื่อนเวร!!

         “ทีกับนอร์สเรียกคุณทีกับกูขึ้นมึงกูเชียวนะ” ผมค่อนขอดมันเพราะยังไงผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่มันจะเรียกผมแบบนั้น

เพราะยังไงซะผมก็ถูกมันเรียกแบบนี้มาตั้งแต่รู้จักกันแล้ว

         “โอเคได้ๆเดี๋ยวกูจัดให้เพราะๆเลยนะ อะแฮ่ม! ยินดีด้วยนะครับคุณมึงคุณกูขอให้คุณมึงมีความสุขกับเด็กของคุณมึงนะครับ”

ไอ้วีว่า

         “เด็กบ้านมึงสิ เดี๋ยวเหอะเดี๋ยวกูก็แช่งให้มึงอกหัก!” ผมว่าสะใจดีครับเห็นพี่ลมยืนอมยิ้มน้อยๆอีกต่างหาก

         “อ้าวไอ้ไฟอย่าพูดแบบนี้นะเว้ย ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาเดี๋ยวพี่มึงก็เป็นโสดจนตายดิวะ” ไอ้วีบอกผมท่าทางซีเรียส แต่นั่นช่าง

ตรงกันข้ามกับสีหน้าของพี่ลมตอนนี้เสียจริงเพราะดูสิครับ แดงได้อีก ฮ่าๆๆๆๆ

         “พี่จะโสดหรือไม่โสดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับวีด้วยไม่ทราบออกไปเคลียร์กันข้างนอกเลย” ว่าจบพี่ลมก็ดึงไอ้วีออกไปคุยข้าง

นอกทีนี้ก็เหลือแต่ไอ้ผู้หมวดอิฐ ผมและนอร์ส

         “ยินดีด้วยนะมึง นอร์ส” ไอ้ผู้หมวดมันยื่นกล่องของขวัญให้ผมกับนอร์ส

         “ขอบใจนะมึง” ผมเอ่ยขอบคุณ

         “ขอให้มึงกับนอร์สรักกันนานๆนะมึง แต่ถ้าวันไหนที่นอร์สเขาหมดรักมึงแล้ว มึงยังมีกูนะเพราะกูจะยังรอมึงถึงแม้กูจะรู้ว่ามัน

คงไม่มีวันนั้น” ไอ้อิฐบอกกับผมก่อนจะหันไปพูดกับนอร์ส

         “ยังไงก็รักมันให้มากๆนะครับถึงแม้มันจะเป็นคนนิสัยไม่ดี ขี้งอนในเวลาที่ไม่ควรงอนและเอาแต่ใจ  แต่ถ้าเกิดว่ามันรักใคร

แล้วมันรักจริง ผมจึงอยากบอกคุณว่าถ้าวันไหนที่คุณทำให้มันต้องเสียใจหรือร้องไห้ผมพร้อมที่จะจัดการกับคุณแน่และถ้าคุณ

หมดรักมันแล้วก็ขอให้บอกผมเพราะผมจะเป็นคนที่ดูแลมันต่อจากคุณเอง” ไอ้อิฐบอกนอร์ส

         “ครับผมจะรักไฟให้มากๆและผมเชื่อว่าผมจะไม่มีวันทำให้ไฟต้องร้องไห้หรือผมจะหมดรักไฟ คุณอิฐไม่ต้องรอและไม่ต้อง

เป็นห่วงหรอกนะครับเพราะมันจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด” นอร์สบอกไอ้อิฐซึ่งดูมันจะชะงักไปกับคำพูดของนอร์ส แต่ก็เพียงแค่

ชั่วครู่เท่านั้นเพราะตอนนี้มันกลับมาตอบนอร์สได้อย่างปกติดีเหมือนอย่างเดิม

         “งั้นก็ดีครับ โชคดีนะไอ้ไฟ” ไอ้อิฐมันบอกผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

         “ไฟอยากจะอาบน้ำก่อนไหมครับ” นอร์สถามผมหลังจากที่ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้ว

         “อืม ก็ดีเหมือนกันนะรู้สึกเหนียวตัวยังไงก็ไม่รู้” ผมว่า

         “งั้นนี่ครับผ้าเช็ดตัวเดี๋ยวนอร์สจะดูเก็บของให้นะครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะหาที่เก็บเหล่าของขวัญที่พี่ลมและคนอื่นๆเอามา

ให้

           ผมใช้เวลาในการอาบน้ำนานพอสมควรเพราะรู้สึกเหนื่อยและเพลียและยิ่งอีกคนที่คอยทำให้ผมทุกอย่างซึ่งก็ไม่รู้ว่าป่านนี้

ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง

           ผมค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออกอย่างเบามือ หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงชะโงกหน้ามองหาอีกคน

จนทำให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกำลังเป็นห่วงและมองหาอยู่นั้นกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนเสียแล้ว

         “สงสัยคงจะเหนื่อยน่าดูเลยนะ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะยืนมองดูอีกคนที่น่าจะกำลังหลับเป็นตายอยู่บนที่นอน

         “จะปลุกหรือไม่ปลุกดีนะ” ผมสองจิตสองใจว่าจะปลุกอีกคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนดีหรือไม่ดีเพราะกลัวว่า

อีกคนที่เพลียมาทั้งวันถ้าถูกปลุกมันจะเป็นการรบกวนหรือเปล่านะ เอาไงดีวะไอ้ไฟ!!

           ผมค่อยๆนั่งลงข้างเตียงฝั่งที่มีอีกคนนอนอยู่อย่างเบาเสียงที่สุด จากนั้นจึงค่อยๆเรียกชื่ออีกคนอย่างแผ่วเบา

         “นอร์ส” ผมเรียกชื่อนอร์สแต่เจ้าตัวก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา

         “นอร์สลุกไปอาบน้ำดีกว่านะจะได้สบายตัวด้วย” ผมเพิ่มความดังของเสียงเล็กน้อยพร้อมกับเขย่าตัวอีกฝ่ายเพื่อให้รู้สึกตัวตื่น

 อีกคนที่ในตอนแรกนอนนิ่งไม่ไหวติงกลับขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะดึงผมลงไปกอด

         “เฮ้ย!ไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะนอร์ส ดูสิกลิ่นเหงื่อเต็มไปหมดเลย” ผมพยายามบอกให้อีกคนลุกไปอาน้ำให้สดชื่น แต่ยิ่งบอก

อีกฝ่ายกลับยิ่งทำตรงกันข้าม กลับกอดรัดผมแน่นกว่าเดิมเสียอีก

         “อืม แต่นอร์สอยากนอนกอดไฟแบบนี้ วันนี้เป็นวันเข้าหอไม่ใช่เหรอครับมันก็น่าจะมีอะไรที่ตื่นเต้นๆในวันเข้าหอไม่ใช่เหรอ

ครับ” นอร์สบอกผมทั้งๆที่ตายังคงหลับอยู่ แต่มีของอีกคนกลับอยู่ไม่สุขลูบไล้เลื่อนลงต่ำไปตามแนวแผ่นหลังของผมเรื่อยๆ

ผมจึงต้องเอื้อมมือไปหยุดมือที่กำลังลูบไล้นั่นไว้เสียก่อน

         “ไว้เอ่อ..ไว้วันหลังก็ได้นี่หน่า วันนี้นอร์สก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วพักผ่อนน่าจะดีกว่านะ” ผมพยายามต่อรองเพราะยังไงซะผมก็

ยังไม่ชินกับเรื่องแบบนี้อยู่ดี ก็มันจั๊กจี้หัวใจอ่ะ!!

         “ได้ยังไงกันครับวันนี้เป็นวันสำคัญเชียวนะครับ” นอร์สพยายามบอกเหตุผล

         “งั้นนอร์สก็ไปอาบน้ำก่อนสิ อาบเสร็จแล้วเราค่อยว่ากัน” ผมบอกอีกคนเสียงหวาน นอร์สที่กอดผมอยู่ในตอนแรกก็คลาย

อ้อมกอดออกเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่ปิดอยู่ในตอนแรกก็ค่อยๆเปิดออก

         “งั้น.....นอร์สไปอาบน้ำก่อนนะครับ แต่นอร์สขออะไรมัดจำไว้ก่อนได้ไหมครับ” นอร์สถามผม

         “อะไรเหรอ?” ผมถามอีกฝ่ายอย่างงงๆ เจ้าตัวที่ใช้จังหวะที่ผมกำลังมึนงงขโมยหอมแก้มผมไป ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปใน

ห้องน้ำปล่อยให้ผมได้แต่นั่งเขินอายอยู่คนเดียว เจ้าเล่ห์นักนะนายนอร์ส!     
                       
         
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 24-09-2015 21:07:56
       “รอนานไหมครับไฟ” นอร์สโอบกอดผมจากทางด้านหลังเพราะตอนนี้ผมกำลังนอนอ่านหนังสือจึงนอนหันหลังให้อีกคน

         “ไม่นานนะว่าแต่ทำไมอาบเร็วจัง” ผมถามอีกคนก่อนจะปิดหนังสือเล่มที่อ่านวางไว้บนโต๊ะและหันหน้ามาหาอีกฝ่ายจนกลาย

เป็นว่าตอนนี้หน้าของผมซุกอยู่ที่อกของอีกคนแถมยังทำให้ได้กลิ่นครีมอาบน้ำกลิ่นเดียวกันอีกต่างหาก รู้สึกดีจังแฮะ! ความรู้สึก

นี้อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่ใช้เป็นนอร์สจึงทำให้ผมรู้สึกดีทั้งๆที่ครีมอาบน้ำกลิ่นนี้ผมก็ใช้อยู่เป็นประจำ

         “ก็นอร์สคิดถึงไฟไงครับเลยต้องรีบออกมาหาว่าแต่ว่าไฟคิดถึงนอร์สไหมครับ” นอร์สถามผมพร้อมกับคลอเคลียร์อยู่กับผม

ของผม

         “อืม...คิดถึงดีไหมน้า” ผมแกล้งทำเป็นเอียงคอใช้ความคิด

            ฟอด!

         “อ๊ะ” ผมที่ตกใจกับการกระทำของอีกคนเพราะอยู่ดีๆนอร์สก็ก้มหน้ามาหอมแก้มผมเฉยๆทั้งๆที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

         “อะไรของนอร์สเนี่ย” ผมถามอีกคนก่อนจะยกมือขึ้นถูแก้มบริเวณที่ถูกอีกคนหอม รู้ว่าคนมันไม่ชินยังจะทำให้เขินอีกนะ!

         “ก็ไฟทำตัวน่ารักน่าฟัดทำไมล่ะครับดูสิน่ามันเขี้ยวซะขนาดนี้” นอร์สว่าก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกผมเล่นเหมือนผมเป็นเด็กๆ

ผมจึงทำหน้ายู่ใส่อีกฝ่าย

         “เดี๋ยวก็ไม่คิดถึงซะเลย!!!” ผมว่านอร์สจึงรีบเข้ามาง้อผม แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน

         “โอ๋ๆอย่างงอนอย่าหายคิดถึงนอร์สเลยนะครับเดี๋ยวนอร์สจะพาไปเล่นชิงช้าสวรรค์ที่เอเชียทีค” นอร์สง้อผมก่อนที่ผมจะหลุด

คำกับวิธีง้อของอีกคน

         “ฮ่าๆๆๆๆนั่นง้อไฟเหรอนอร์สชิงช้าสวรรค์เอเชียทีคเนี่ยนะสูงจะตาย.....แต่อยากรู้ป่ะว่าจะทำไงให้ไฟหายงอน” ผมเงยหน้า

ขึ้นไปถามอีกคนที่เลิกคิ้วสงสัย

         “อะไรเหรอครับ”

         “ก็.......................” ผมทำเป็นลากเสียงยาวเพื่อให้อีกคนได้ลุ้น

         “ก็รักไฟแบบนี้ตลอดไปไง” ผมบอกอีกคนพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานจ๋อยหยดย้อยที่สุดไปให้

         “งั้น.....................” นอร์สพูดเสียงยาวพลางทำหน้าครุ่นคิดหลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูด ผมก็รอลุ้นว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง

ต่อ

         “งั้นนอร์สก็จะเริ่มง้อไฟโดยการรักไฟมากๆตั้งแต่ตอนนี้เลยก็แล้วกัน” นอร์สว่าก่อนจะก้มลงมาจูบผมโดยที่ผมก็ยังไม่ทันได้

ตั้งตัว แต่ถึงอีกฝ่ายจะทำโดยที่ผมตั้งตัวอยู่แล้วผมก็ไม่มีแรงมากพอที่จะไปขัดขืนอีกคนได้ ก็ดูหุ่นพี่แกสิห่างกับผมลิบลับขนาดนี้

ใครจะไปสู้แรงไหวกันเล่า!

         “อืม อืออ อ๊า” มือของอีกคนที่ไม่ยอมอยู่สุขก็ค่อยๆลูบไล้ผ่านเข้าไปในสาบเสื้อปะป่ายไปทั่วบริเวณแผ่นหลังจนลามมาถึง

ด้านหน้า แถมยังมีแรงกระตุ้นจากริมฝีปากร้อนที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างทำให้อุณหภูมิภายในร่างให้สูงขึ้นและเกิดเป็นความรู้สึกวาบ

หวิวน้อยๆ ทั้งๆที่ภายในห้องก็ไม่ได้ร้อนมากจนเกินไปติดจะหนาวเพราะอุณหภูมิของแอร์ที่เปิดไว้เสียด้วยซ้ำไป แต่ร่างกายของ

ผมกับนอร์สกลับร้อนลุ่มอย่างบอกไม่ถูก

         “ไว้พรุ่งนี้เถอะนะ วันนี้ไฟเหนือยอ่ะอยากพักด้วย” ผมบอกอีกคน ถึงแม้ผมกับนอร์สจะเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาด้วยกัน

ก็หลายครั้งแต่ถ้าจะให้เป็นวันนี้ก็รู้สึกเอ่อ......เขินๆยังไงก็บอกไม่ถูกหรืออาจจะเป็นเพราะว่า...วันนี้เป็นวันแต่งงานของผมกับ

นอร์สก็ได้

         “แต่ว่า” นอร์สพยายามจะคัดค้าน แต่ว่าวันนี้ผมอยากจะนอนกอดอีกคนแบบที่เรียกว่า ‘กอด’ เฉยๆ โดยที่ไม่ได้มีความหมาย

ใดๆแฝงอยู่

         “นะๆๆๆนะนอร์สนะนะๆสุดที่รักของไฟ” ผมออดอ้อนอีกคนเพราะผมเชื่อว่ายังไงๆนอร์สก็ต้องยอมใจอ่อนให้กับผมอยู่ดี

         “หืม?เมื่อกี้ไฟเรียกนอร์สว่าอะไรเหรอครับ” เอ๋?

         “เอ๋? ก็เรียก.....” ผมนั่งคิดว่าตัวเองเผลอเรียกอีกคนว่าอะไรหรือว่าหลุดปากเรียกคำแปลกๆออกไป คำแปลกๆงั้นเหรอ

งั้นก็....ตายแล้วไอ้ไฟหลุดจนได้! ผมรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดเรียกอีกคนแบบนั้นไปได้ยังไงเพราะ

จริงๆแล้วคำเรียกนั้นเป็นคำเรียกที่ผมเอาไว้เรียกอีกคนภายในใจหรือไม่ก็...ในฝันของผม แต่ก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเผลอเรียกอีก

แบบนั้นออกไปจริงๆ

         “เรียกแบบนั้นอีกสิครับนอร์สชอบ นอร์สอยากให้ไฟเรียกนอร์สแบบนั้น” นอร์สบอกผมก่อนจะดึงมือผมที่ปิดปากตัวเองเอาไว้

ออก

         “นะครับที่รัก....เรียกนอร์สแบบนั้นอีกนะครับ” นอร์สคะยั้นคะยอขอร้องให้ผมพูดคำนั้นอีกครั้ง

         “ที่รัก” พอผมพูดจบอีกคนก็รวบตัวผมเข้าไปกอดนั่นจนผมแทบจะหายใจไม่ออกจนต้องรีบดันอีกฝ่ายออก

         “นี่กะจะกอดให้ตายแล้วหนีไฟไปแต่งงานใหม่ใช่ไหมเอาซะไฟแทบหายใจไม่ออก” ผมเหน็บอีกคน แต่เจ้าคนที่โดนเหน็บ

กลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อยแถมยังดึงผมกลับไปกอดอีก แต่โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนครั้งแรก หวังว่า

กระดูกของผมคงจะไม่หักนะ

         “ก็นอร์สดีใจไงครับ ไฟรู้ไหมตลอดเวลาที่เราคบกันนอร์สอยากจะเรียกไฟและอยากจะให้ไฟเรียกนอร์สแบบนั้นมาตลอด

แต่นอร์สก็กลัวว่าไฟจะไม่ชอบ แต่มาวันนี้ไฟรู้ไหมครับว่านอร์สดีใจมากๆเลยที่เราสองคนใจตรงกัน” นอร์สบอกผม ผมที่พูดได้แต่

ส่งเสียงอู้อี้ออกมาแทบจะไม่ได้เป็นคำเพราะติดที่ว่าหน้าของผมซุกอยู่กับหน้าอกของอีกฝ่าย ถึงแม้คำพูดที่ผมพูดไปมันอาจจะ

ไม่ได้เป็นคำๆ แต่ผมเชื่อว่าอีกคนจะต้องเข้าใจเพราะเราใช้ใจในการสื่อสารกัน

         “ไฟว่าอะไรนะครับ?” นอร์สก้มหน้าลงมาถามผม เกือบจะหวานละ เกือบละ ถ้านอร์สไม่ก้มลงมาถามไฟ ผมจึงแสร้งส่ายหัว

ว่าไม่มีอะไรอีกคนจึงเลิกสงสัย แต่ถึงแม้มันอาจจะไม่ใช่ในตอนนี้แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานสักวันเราคงจะคุยกันด้วยภาษาใจโดยไม่

ต้องออกเสียงใดๆก็ทำให้เข้าใจกันได้และแน่นอนว่ามันต้องเกิดจากการใช้ชีวิตร่วมกันและใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งผมกับนอร์ส เรา

กำลังจะก้าวผ่านขั้นบันไดนั้นไป........................

         “ทำไมนอร์สถึงชอบไฟเหรอ” ผมถามอนร์สเพราะผมยังไม่รู้เลยว่าอีกคนมาชอบผมได้ยังไง

         “ก็....ไฟน่ารักดีนอร์สก็เลยชอบครับ” นอร์สตอบผม

         “บ้า! ไม่จริงอ่ะ มันต้องมีมากกว่านั้นสิบอกมาเลยนะ” ผมคะยั้นคะยอเพราะยังไงซะผมก็เชื่อว่าที่นอร์สชอบผมมันต้องมีต้น

สายปลายเหตุมากกว่าการที่ผมน่ารัก!

         “ก็ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ๆมั้งครับ”

         “หืม?ปีหนึ่งอย่าบอกนะว่านอร์สก็เคยเรียนที่เดียวกับไฟมาก่อน” ผมถามอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่ผมรู้มานอร์สเป็นแค่

นักศึกษาแพทย์ไม่ใช่เหรอ?

         “ก็ประมาณนั้นครับ คือตอนนั้นไฟอยู่ปีสามส่วนนอร์สก็เพิ่งเข้าปีหนึ่ง นอร์สอยู่คณะเดียวกับไฟแล้วก็สาขาเดียวกัน”

จริงเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าคนอย่างนอร์สจะเคยเรียนคณะเดียวกับผม

         “แล้วทำไมถึงไม่เรียนต่อให้จบล่ะ”

         “คือช่วงนั้นนอร์สมีปัญหากับพี่ต้าร์ แล้วมันก็เกี่ยวกับเรื่องของไฟ” นอร์สหนยุดพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมแล้วเล่าเรื่องต่อ

         “คือนอร์สชอบไฟตั้งแต่เห็นไฟครั้งแรกและนอร์สก็รู้ว่าตอนนั้นไฟก็กำลังคบอยู่กับพี่ต้าร์ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะครับก็คนมัน

รักตั้งแต่แรกเห็นแล้วนี่หน่า” นอร์สบอกผมก่อนจะหันมามองผมแถมยังทำหน้าน่าสงสารมาให้อีก ผมจึงทำการหยิกแก้มอีกคนให้

หายหมั่นไส้

         “อารมณ์ปประมาณรักแรกพบ พรหมลิขิตว่างั้น” ผมถามอีกคน

         โถ่ ไฟอ่ะมันเป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ” นอร์สบอกผม ผมจึงแกล้งทำหน้ายู่ใส่อีกฝ่ายแม้ในใจอยากจะกรี๊ดเต็มที?แต่ก็ต้อง

เก็บเอาไว้อาการอย่าไปเยอะ ฮ่าๆๆๆเดี๋ยวอีกคนจะรู้ทันเอาแล้วมันจะเสียฟอร์ม

         “แล้วไงต่ออ่ะ” ผมทำทีเป็นแกล้งถามต่อทั้งๆที่ใจอยากจะรู้ใจจะขาด   

         “นอร์สว่าดูเหมือนไฟจะไม่ค่อยอยากจะรู้นะครับ งั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับนอร์สไม่เล่าแล้วก็ได้” นอร์สบอก จากนั้นทำทีเป็นหัน

หน้าเตรียมนอนจึงทำให้ผมรีบร้องห้ามเพราะอยากจะรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไรต่อไป

         “เดี๋ยวก่อนสินอร์สไฟอยากจะรู้ว่าต่อไปมันเป็นยังไงเล่าให้ไฟฟังต่อก่อนนะ” ผมเรียกอีกคนพลางกระพริบตาปริบๆให้ดูน่า

สงสาร แต่ผมก็ดันลืมไปว่า ไม่น่าไปเล่นกับคนเจ้าเล่ห์แบบนอร์ส!!

         “งั้นไฟก็พูดให้เพราะๆหน่อยสิครับแบบ ที่รักครับไฟอยากจะรู้จังเลยว่าเรื่องมันเป็นยังไงต่อไป อะไรประมาณนี้ไงครับ”

ผมที่อยากจะรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไปก็ยอมทำตามคำขอตามที่อีกฝ่ายเสนอทั้งๆที่เจ็บใจที่หลงกลอีกฝ่ายง่ายๆ ไอ้ไฟนะ

ไอ้ไฟรู้ทั้งรู้ว่านอร์สเจ้าเล่ห์!!

         “ที่รักคร๊าบบบบไฟอยากรู้จังเลยอ่ะว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อเหรอ” ผมส่งเสียงออดอ้อนพลางเอาหน้าซุกไซร้กับอกแกร่ง

ของอีกคนก่อนจะช้อนสายตาขึ้นไปมองอีกฝ่ายแล้วกระพริบปริบๆสองทีพอให้ดูน่ารัก(?) ก่อนจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงมันมันได้ผล

ดีเกินคาด

         “ภรรยาใครน้าน่ารักที่สุดในโลกเลย” นอร์สบอกก่อนจะยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง

           หลังจากที่นอร์สเริ่มชอบผมก็อยากจะแข่งกับพี่ต้าร์และที่สำคัญ

นอร์สก็รู้ว่าพี่ต้าร์ไม่ได้รักผมจริงเพราะพี่ต้าร์มีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่นอร์สก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร จนสุดท้ายพี่ต้าร์ขู่ว่าจะทำให้ผมเสียใจถ้า

นอร์สยังไม่เลิกที่จะยุ่งกับผมเพราะนอร์สรู้ดีว่าตอนนั้นผมรักพี่ต้าร์มากจึงไม่อยากให้ผมเสียใจเลยยอมที่จะเป็นฝ่ายไปเองและ

นอร์สก็ได้มาเจอกับพี่เคธี่ นอร์สจึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะลืมผม คอยดูแล เอาอกเอาใจพี่เคธี่ แต่สุดท้ายนอร์สก็มารู้ความจริงว่าพี่

เคธี่คือคู่หมั้นของพี่ต้าร์

         “ชีวิตนอร์สนี่น่าสงสารดีเหมือนกันเนอะ” ผมว่าก่อนจะทำหน้าสงสารในชีวิตของอีกคน

         “งั้นก็รักนอร์สให้มากๆสิครับ” นอร์สบอกผม

         “ก็รักอยู่นี่ไงถ้าไม่รักแล้วจะยอมแต่งด้วยเหรอ” ผมบอกอีกคนเสียงแผ่วในประโยคท่อนหลัง ก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะ

มองสบตาของอีกฝ่ายที่ก้มมองอยู่ก่อนแล้ว ก็คนมันเขินทำไงได้อ่ะ!! นอร์สที่เห็นผมก้มหน้าหลบสายตาของตัวเองก่อนจะค่อยๆ

เชยคางผมให้ไปมองสบกับดวงตาของตน ดวงตาของนอร์สช่างเหมือนลูกแก้วที่ถูกประดับประดาด้วยสีสันสวยงามพร้อมกับมี

เวทมนตร์ที่ทำให้คนมองหลงใหล นอร์สค่อยๆโน้มหน้าลงมาหาผมในขณะที่ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปหาอีกคนจวบจนกระทั่งเรา

ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่บริเวณริมฝีปาก ก่อนจะปรับเอียงองศาของหน้าให้รับกับอีกคนให้ได้มากที่สุด เขาว่ากันว่ามนุษย์

เราฝึกการจูบตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่เพราะศีรษะของเราขณะอยู่ภายในท้องแม่นั้นกลับเอียงด้านขวา ซึ่งนั่นทำให้นัก

วิทยาศาสตร์รู้ว่าเราก็เรียนรู้เรื่องแบบนี้กันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดาแล้ว แต่ทำไมกันนะคนตรงหน้าของผมถึงได้ช่ำชองและ

เชี่ยวขาญขนาดนี้?

           หลังจากที่อีกคนดื่มด่ำกับรสจูบจากริมฝีปากของผมจนพอใจจึงผละออกมา แต่ริมฝีปากที่ถูกผละออกมาก็ยังคงแนบชิดอยู่

ที่ริมฝีปากของผม

         “รักนะครับที่รักของนอร์ส” นอร์สบอกผมทั้งๆที่ริมฝีปากของผมและอีกฝ่ายยังแนบชิดกันอยู่

         “อื้ม” ผมตอบอีกคนเพราะไม่กล้าที่จะขยับปากตัวเอง

         “แค่นี้เองเหรอครับ นอร์สอยากได้ยินมากกว่านี้อ่ะ” นอร์สบอกผม

         “อยากได้อะไรอีกเล่าแค่นี้ก็พอแล้ว เขาว่าโลภมากลาภมักหายนะ” ผมบอกอีกคน แต่ดูท่าทางแล้วอีกฝ่ายจะไม่สนใจในสิ่ง

ที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย

         “ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลยนะครับเคยได้ยินแต่......” นอร์สบอกค้างไว้แค่นั้นก่อนจะ

         “เฮ้ย!!” ผมอุทานอย่างตกใจที่อยู่ดีๆอีกคนก็ผุดลุกขึ้นมาก่อนจะคร่อมทับผมเอาไว้ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผมเรียกเอา

เสียววาบไปแทบทั้งด้านหลัง

         “รักมากๆรักมากที่สุด รักไฟนะครับ รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” อีกคนกระซิบคำบอกรักข้างหูผมเล่นเอาผมเขินแทบไปไม่ถูก

         “ไฟครับ ไหนๆวันนี้นอร์สก็บอกรักไฟไปตั้งเยอะแล้วงั้นนอร์สก็เลยอยากจะขอ คืนความสุข ให้ตัวเองบ้างนะครับ” นอร์สบอก

ผม ผมที่สองจิตสองใจไม่รู้จะตอบยังไง แถมอีกคนยังทำน่าตาน่าสงสารเหมือนลูกหมาไม่ได้แทะกระดูก

         “แต่ว่าวันนี้นอร์สเหนื่อยมาทั้งวันนะ นอร์สน่าจะพักนะ” ผมหาเหตุผลมาอ้าง

         “ไม่เป็นไรครับ นอร์สไม่เหนื่อย นะครับที่รักนะๆๆ” นอร์สกระพริบตาปริบๆเล่นเอาผมใจอ่อนยวบยาบ โอ๊ย!พ่อคู๊ณทำอะไร

สงสารระบบไหลเวียนโลหิตกันบ้าง หัวใจนี่เต้นผิดจังหวะหรือยังก็ไม่รู้!!

      “แต่ว่าครั้งเดียวนะไฟอยากพั-” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบอีกคนก็รีบก้มหน้าลงมาประกบปากผมทันที

         “อื้มมม อ๊า อ๊ะ เบา อืม หน่อยสิ อ๊ะ นอร์ส พรุ่งนี้ไฟ อ๊า มีงานแต่เช้านะ” ผมพูดได้แค่นั้นก่อนที่อีกคนจะไม่ยอมให้ผมได้พูด

อะไรอีกเลย เฮ้อ!สงสัยผมต้องลางานพรุ่งนี้ซะแล้วล่ะและตอนนี้เอาเป็นว่าผมกับนอร์สขอตัดฉากไปที่โคมก็เลยแล้วกันนะครับ

เพื่อป้องกันเด็กที่อายุต่ำกว่า 118 ปีที่ไม่ยอมใช้จักรยานในการรับชม สำหรับค่ำคืนนี้ก็.....ราตรีสวัสดิ์นะครับ!!

        ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาจะเลวร้ายขนาดไหน ผมก็ยังมีคนข้างกายที่ชื่อ นอร์ส คอยให้กำลังใจอยู่เสมอมาและไม่ว่ามันจะมา

จากแผนการบ้าๆที่ผมกับน้องธีน่าเป็นคนทำขึ้นมาก็เถอะ! แต่ผมว่ามันก็คุ้มดีนะกับการที่ใช้แผนการร้ายที่ทำขึ้นมัดใจคุณชาย

อย่างนายนอร์สคนนี้ได้ ผมว่ามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มจริงๆ!!



                                                                              - The End -

















จบแล้วจร้าาาา และแล้วก็จบไปอีกหนึ่งเรื่อง ทีนี้ก็เตรียมเรื่องต่อไปนั่นก็คือ "จอมใจ" ที่ดีสแต่งค้างเอาไว้นั่นเอง 55555

ส่วนเรื่องนี้มีตอนพิเศษมาลงด้วยน้าาาา อย่าเพิ่งหายไปไหนกันนะคะ ไว้ดีสจะอัพตอนพิเศษของเรื่องนี้อาทิตย์หน้าพร้อมกับ

จอมใจ ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ทั้งเรื่องนี้แล้วก็จอมใจ ใครที่ยังไม่เคยอ่านคุณสะใภ้ที่รักก็ไปอ่านกันได้นะจ๊ะ ขอบคุณ

ทุกคนมากๆค่าาา
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 14-15 220958
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-09-2015 21:13:29
โชคดีจังเลยน้าที่คุณแม่ทั้งสองท่านรู้จักและสนิทสนมกันมาก่อน อะไรๆ ที่ควรจะยากก็กลับง่ายขึ้นมาทันตาเห็นเลย ^^

ดีใจกับนอร์สและไฟด้วยค่ะที่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที :-[ มีความสุขมากๆ นะค้า~~

ปล. น้องธีน่าหายไปไหนแล้วคะเนี่ย เพราะปกติจะได้ยินเสียงน้องคอยชงพี่ๆ ทั้งสองคนตลอดเลย ><

รอตอนหน้าจ้า..
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-09-2015 18:55:51
 :3123: :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 26-09-2015 22:27:24
ดีใจกับทั้งสองคนด้วยนะที่ฝ่าฟันอุปสรรคกันมาได้
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 26-09-2015 22:40:24
 :กอด1: ในที่สุดก็สมหวังกันสักที
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ 240958
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-09-2015 22:49:03
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+SP 1 280958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 28-09-2015 15:47:49
                                                               SPECIAL PART 1 : ฝัน..ไม่ฝัน??

      “วันนี้ผมมีเคสที่ต้องไปตรวจคนไข้เพิ่มอีกไหมครับ”

      “ไม่แล้วค่ะคุณหมอ วันนี้มีแค่นี้ค่ะเวลาที่เหลือคุณหมอก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะวันนี้คุณหมอก็เจอเคสผ่าตัดมาเยอะแล้ว”

      “งั้นเดี๋ยวถ้ามีอะไรคุณพยาบาลก็ช่วยเรียกด้วยนะครับ หมอจะนั่งพักอยู่ที่ห้อง” ผมบอกพยาบาลสาวสวยก่อนเดินตรงดิ่งมา

พักที่ห้องพัก

        วันนี้ผมมีเคสผ่าตัดตั้งแต่ช่วงเช้าและนั่นจึงทำให้ผมยังไม่ได้มีเวลาส่วนตัวในการพักผ่อน แต่เห็นจะมีช่วงนี้แหละที่ผมจะได้

พักกับคนอื่นบ้างซะที

      “เป็นหมอนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ”

        ผม หรือ หมอนอร์ส หรือ นายแพทย์นอร์สที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐบาลได้เมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็

ทำให้ผมสัมผัสได้ว่าช่วงเวลาที่ผมเข้ามาเป็นหมอที่นี่สุดโหดใช่ย่อย

      “ป่านนี้ไฟจะทำอะไรอยู่นะ” ผมว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเช็คไลน์ที่อีกคนส่งรูปภาพขนมเค้กหน้าตาน่าทานมาอวดผม

ก่อนจะส่งข้อความมาบอกสุขสันต์วันเกิด เฮ้อ!แฟนใครนะน่ารักจริงๆ

      “อยากจะกลับไปฉลองวันเกิดกับไฟจัง เฮ้อ!!” ผมอยากจะกลับไปฉลองวันเกิดกับไฟตอนนี้เลยจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเผื่อมีเคส

ฉุกเฉินเข้ามาหลายรายและจำนวนหมอที่มีไม่มากพอเพราะช่วงนี้หมอของที่นี่จัดกิจกรรมแพทย์อาสาไปรักษาผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล

จากในเมืองหลงเหลืออยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่กี่คนเท่านั้น

      “อยากให้เวลาเดินเร็วๆจัง เฮ้อ!” ผมว่า ก่อนจะหันไปหยิบเอกสารงานที่ทำค้างมาเช็คและ.................
                       
      “นอร์สตื่นได้แล้วเช้าแล้วนะ” อืม เสียงเหมือนมีใครมากระซิบอะไรข้างหู แต่ทำไมเสียงมันคุ้นๆเหมือนเสียงไฟเลยแฮะ?

      “นอร์สตื่นเถอะนะไม่งั้นวันนี้ไฟไม่ให้ของขวัญสุดพิเศษกับนอร์สนะ” ของขวัญ? ของขวัญสุดพิเศษ? เดี๋ยวนะ...ถ้ามีของขวัญ

แสดงว่าวันนี้ต้องมีงานหรือไม่ก็เป็นวันสำคัญอะไรสักอย่าง แต่ที่แน่ๆเสียงเซ็กซี่ๆที่กระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหูผมต้องเป็นไฟอย่าง

แน่นอนไม่มีทางผิดเพี้ยนแน่ๆ!!

       “อืม ของขวัญ ของขวัญอะไรเหรอครับไฟ” ผมพยายามลืมตาเพื่อมองอีกคนจนเห็นเป้าหมายก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด

แต่ก็กลับถูกอีกฝ่ายตีเข้าให้อย่างเต็มแรง ไฟก็อย่างนี้หละครับไม่เคยชินกับมันสักที แต่ผมว่ามันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของไฟนะ

ครับ

      “เล่นอะไรแต่เช้าเนี่ย คนกำลังจริงจังอยู่นะ แต่ว่านอร์สจำไม่ได้จริงๆเหรอว่าวันนี้เป็นวันอะไร?” อีกคนถามผมด้วยสายตางงๆ

 วันนี้....วันนี้เป็นวันอะไรอ่ะ วันตรุษจีน เข้าพรรษา ออกพรรษา วันเสาร์ วันอาทิตย์หรือวันจันทร์ เอ....แต่ว่าที่รู้ๆวันนี้ผมต้องไปทำ

งานแน่ๆ!

      “วันอะไรเหรอครับ นอร์สจำไม่ได้จริงๆ” วันนี้มันวันอะไร?

      “อย่าบอกนะว่าทำงานจนเบลอจำไม่ได้แม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง?” ไฟบอกผม อ๋อ!อย่างนี้นี่เองไอ้เราก็คิดว่าวันอะไรก็แค่วัน

เกิด............วันเกิด...วันเกิดเรา.....ห๊ะ!!!

      “วันนี้วันเกิดนอร์สเหรอครับ”

      “ก็ใช่ไงไฟก็เลยจะมาปลุกนอร์สให้ไปอาบน้ำแต่งตัวจะได้ไปใส่บาตรกันเพื่อรับสิริมงคลในวันเกิด” ไฟบอกผม จากนั้นผมจึง

ก้มหน้าลงไปสำรวจอีกฝ่ายที่ถูกผมกอดเอาไว้ด้วยชุดไปรเวทที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็แต่ผมเท่านั้น

      “งั้นเดี๋ยวไฟลงไปรอนอร์สข้างล่างก่อนก็ได้ครับเดี๋ยวนอร์สจะรีบอาบน้ำตามลงไป” ผมบอกอีกคน จากนั้นอีกฝ่ายจึงขอตัวลง

ไปจัดเตรียมอาหารสำหรับใส่บาตร

        ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วตามลงไปสมทบกับอีกคนที่อยู่ข้างล่างแล้วก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พระสงฆ์เดินมารับบิณฑบาต

พอดี

      “ขอให้โยมทั้งสองประสบพบเจอแต่เรื่องดีๆในชีวิตนะ” หลวงพ่อให้พรผมกับไฟ เราทั้งคู่จึงรับพรของหลวงพ่อและหวังว่าพร

ที่ท่านให้นั้นจะเป็นจริง ก่อนที่ท่านจะเดินไปรับบิณฑบาตที่อื่นต่อไป

      “อ๊ะ!” ผมเห็นไฟทำท่าเซเหมือนคนจะล้มจึงรีบเข้าไปประคอง

      “เป็นอะไรรึเปล่าครับไฟ” ผมถามไฟเพราะวันนี้เห็นเจ้าตัวตื่นแต่เช้ากลัวว่าจะได้พักผ่อนน้อยและอาจจะเป็นลมเป็นแล้งไปได้

      “ไม่เป็นอะไรหรอก ไฟแค่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ” ไฟบอกผมก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ว่าไม่เป็นอะไร ผมจึงพยักหน้ารับทั้งๆที่ก็

ยังไม่วางใจในอาการของอีกคน แต่ผมก็ไม่อยากให้ไฟคิดมากว่าผมไม่เชื่อใจในสิ่งที่อีกคนบอก

      “งั้นเดี๋ยวไฟเข้าไปทำข้าวต้มทรงเครื่องของโปรดนอร์สดีกว่านะ” ไฟบอกผม ผมจึงช่วยอีกคนยกของเก็บเข้าบ้านก่อนจะ

อาสาขอเป็นลูกมือเชฟไฟในการทำอาหารเช้ามื้อนี้

      “มีอะไรให้นอร์สช่วยบ้างครับที่รัก” ผมเดินเข้าไปหาอีกคนที่กำลังขมักเขม้นในการทำข้าวต้มก่อนจะกอดอีกฝ่ายจากด้าน

หลัง

      “ช่วยไปนั่งรอไฟดีกว่าเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ไปนั่งรอเป็นเด็กดีนะครับคุณสุดที่รัก” ไฟหันมาบอกผม ผมจึงยื่นมือไปบีบจมูกเล็กๆ

ของอีกฝ่ายอย่างหมันเขี้ยว จากนั้นจึงเดินไปนั่งรอข้าวต้มจากอีกคน

        ผมเดินไปนั่งรออีกคนที่กำลังทำอาหารอยู่ที่หน้าบ้านก่อนจะหาขนมปังเพื่อมาทานรองท้องไว้เสียก่อน จากนั้นจึงหยิบรีโมท

ทีวีเพื่อปฺดหารายการยามเช้าที่น่าสนใจ แต่ก็เปิดหาได้ม่านอีกคนก็เดินเข้ามาตามผม

      “ข้าวต้มเสร็จแล้วนะนอร์ส” ไฟเดินเข้ามาหาผมก่อนจะหยุดชะงักไป

      “ไฟเป็นอะไรครับ!” ผมตกใจเพราะอีกคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมหน้าซีดราวกับไก่ต้มก่อนจะรีบวิ่งสุดตัวหายวับเข้าไปใน

ห้องน้ำ ผมจึงวิ่งตามเข้าไปดูอีกคนที่ตอนนี้โก่งคออาเจียนอย่างหนักจนทำให้ผมรู้สึกใจไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

      “ไปหาหมอไหมครับไฟ” ผมถามก่อนจะเข้าไปลูบหลังอีกคนที่ดูอาการจะดีขึ้นจากเมื่อครู่

      “ไปหาทำไมล่ะหมอก็ในเมื่อมีหมอประจำตัวนั่งอยู่นี่ด้วยทั้งคน” ไฟหันมาขยิบตาบอกผม

      “ยังจะมาทำเป็นเล่นอีกนะครับไฟ นอร์สว่าไฟควรจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะครับ นอร์สรู้จักพี่หมอที่เก่งๆจะได้ให้พี่เขา

ช่วยตรวจดูอาการให้” ผมบอกไฟ แต่อีกคนกลับส่ายหน้าเป็นพัลวัน

      “ไม่เอาอ่ะไฟไม่ถูกกับเข็มฉีดยาของหมอ นอร์สก็รู้อ่ะไฟไม่ไปนะ ไม่ไปนะๆๆๆๆๆ” ไฟจับที่ต้นแขนผมก่อนจะทำหน้าตาน่า

สงสาร เฮ้อ!รู้ว่าผมเป็นคนใจอ่อนยังจะมาทำหน้าเศร้าๆแบบนั้นอีกนะ!

      “ก็ได้ครับ แต่ไฟต้องพักผ่อนเยอะๆนะครับ” ผมบอกอีกคน ส่วนคนที่ไม่ต้องถูกบังคับให้ไปหาหมอกลับดีใจตาโตราวกับเด็ก

ได้ของเล่นชิ้นใหม่

      “รับทราบครับคุณแฟนสุดที่รัก” ไฟรีบรับปากผม จากนั้นผมจึงประคองอีกฝ่ายให้ค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำไปนั่งพักที่โต๊ะ

ทานข้าว

      “ทานเยอะๆนะครับจะได้หายไวๆ” ผมบอกก่อนจะยกจานข้าวต้มที่หอมฉุยไปวางไว้ตรงหน้าของอีกคนและวางไว้ที่ของผม

เอง

        ผมและไฟชอบใช้เวลาไปกับการนั่งรับประทานข้าวและพูดคุยกันในเวลาทานข้าวเพราะผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน

ที่สุดจากเวลาทั้งหมดที่ผมต้องใช้มันไปกับการเข้าเวรและผ่าตัด

        ติ๊งต่อง!!! เสียงออดดังขึ้นจากทางหน้าห้องพักผมจึงบอกอีกฝ่ายให้นั่งรออยู่กับที่เพราะอีกคนเตรียมที่จะลุกไปเปิดประตู

      “อ้าว ป๊าม๊าสวัสดีครับ” ผมทักทายป๊ากับม๊าของไฟ ส่วนคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารคงจะได้ยินผมพูดถึงป๊ากับม๊าเจ้าตัวเลยรีบ

ปรี่เข้ามาหา

      “น้องไฟคิดถึงม๊ากับป๊าที่สุดในโลกเลย” ไฟเข้าไปกอดม๊ากับป๊าเหมือนเด็กน้อยๆที่พลัดหลงกับผู้ปกครอง

      “ไม่ต้องทำมาเป็นพูดว่าคิดถึงป๊ากับม๊าเลยนะ ถ้าเราคิดถึงแล้วจะไปแต่งงานกับนอร์สทำไม หย่าเลยดีไหมจะได้มาอยู่กับป๊า

กับม๊าแล้วน้องไฟจะได้หายคิดถึงดีหรือไม่ดี หืม?” ม๊าถามแหย่ไฟเล่นๆ ซึ่งอีกคนรีบส่ายหัวปฏิเสธทั้งๆที่หน้าเริ่มจะมีสีชมพูเรื่อๆ

เป็นริ้วๆที่ใบหน้ายิ่งทำให้อีกคนดูน่ารักเหมือนเด็กทั้งๆที่อายุก็มากกว่าผมถึงสองปี

      “ป๊ากับม๊าเข้ามาในห้องก่อนนะน้องไฟมีเรื่องเล่าให้ป๊ากับม๊าฟังเยอะแยะเลย” ไฟว่าก่อนจะเดินคุยกะหนุงกะหนิงเข้าไปที่

ห้องนั่งเล่นกับม๊าทิ้งให้ผมกับป๊าได้แต่ยืนมองภาพของสองแม่ลูกที่คุยกันอย่างสนุกสนาน

      “เป็นยังไงบ้างล่ะได้ข่าวว่าที่ทำงานใกล้กับคอนโดของเราเลยให้น้องไฟย้ายออกจากที่เก่าแล้วมาอยู่ด้วยกันที่นี่หนิ” ป๊าหัน

มาถามผม

      “ก็...ทำนองนั้นครับเพราะผมคิดว่าบ้านหลังนั้นที่ทางครอบครัวให้ใช้เป็นเรือนหอผมคิดว่าจะเข้าไปอยู่กับไฟเมื่อเราทั้งคู่หมด

ภาระแล้วครับ” ผมหันไปตอบป๊า

        ตามจริงแล้วผมมีบ้านอยู่อีกหลังที่ทางครอบครัวของผมกับครอบครัวของไฟลงมติให้ใช้เป็นเรือนหอเพื่อที่ผมกับไฟจะได้

ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ว่ามันค่อนข้างที่จะอยู่ไกลจากที่ทำงานของผม ผมจึงย้ายให้ไฟมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดของผมซึ่งอยู่ใกล้กับ

ที่ทำงานมากกว่าที่บ้านหลังนั้น

      “แล้วชีวิตเรากับน้องไฟเป็นยังไงกันบ้าง” ป๊าถามผมแต่คราวนี้สายตายังคงมองอยู่ที่ภาพของสองแม่ลูกคุยกันอย่างออกรส

      “มีความสุขดีครับ ตอนนี้ไฟอยู่ว่างๆก็เลยขออาสาเป็นคนดูแลบ้านส่วนผมช่วงนี้ก็ค่อนข้างยุ่งๆกับเรื่องของงาน แต่เราก็

พยายามหาเวลาให้กันเสมอนะครับ” ผมบอกป๊า ซึ่งท่านก็หันมายิ้มให้ผมก่อนจะตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ

      “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะนะ รักกันให้มากๆเข้าไว้” ป๊าบอกผม

      “ครับป๊า” ผมรับคำป๊าก่อนที่ป๊าจะเดินเข้าไปหาม๊ากับไฟ

      “ทำอะไรกันอยู่เหรอม๊า” ป๊าเดินเข้าไปถามม๊าที่ตอนนี้เหมือนคุยเรื่องของกินกับไฟ งานถนัดของไฟเขาเลยหละครับไอ้

เรื่องกินเนี่ย!

      “ก็...พูดเรื่องอาหารค่ำของวันนี้ไง ก็วันนี้เป็นวันเกิดของลูกเขยสุดหล่อไม่ใช่เหรอม๊าก็อยากจะเอาใจบ้างนะ” ม๊าบอกก่อนจะ

หันมามองหน้าผมยิ้มๆ ผมจึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆไฟ ส่วนป๊าก็เดินไปนั่งข้างๆกันกับม๊า

      “งั้น....นี่ของขวัญของป๊ากับม๊า” ป๊ากับม๊ายื่นกิ๊ฟท์วอชเชอร์ของที่พักในมัลดีฟส์ให้ผมกับไฟ

      “ม๊ากับป๊าให้เราเอาไว้ใช้ฮันนีมูนกันหลังจากที่เราเคลียร์เรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้เข้าที่เข้าทางแล้ว แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้

ภายในปีนี้นะไม่งั้นมันจะหมดอายุซะก่อนเพราะม๊าเสียดาย ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องไฟนะ ม๊าจะเอาไปฮันนีมูนกับป๊ารอบที่สิบหกแล้ว

นะ” ม๊าบอกผมกับไฟซึ่งเจ้าตัวดูท่าจะชอบทะเลมากเพราะนัยน์ตานี่แวววับพริบพราวกันเลยทีเดียว


      “มัลดีฟส์เลยเหรอม๊าทำไมม๊ามีแบบนี้แล้วไม่เคยเอามาบอกน้องไฟบ้างอ่ะ งอนม๊าแล้วนะ” ไฟว่าม๊าอย่างงอนๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่

ได้งอนจริงงอนจังอะไรขนาดนั้น แต่งอนเพียงเพื่อต้องการที่คนทำให้งอนมาง้อก็เท่านั้นเอง ซึ่งนั่นก็เป็นผมด้วยที่อยู่ในกรณีนั้น

ของอีกคน

      “จะมางอนม๊าไม่ได้นะน้องไฟก็ในเมื่อม๊าจะเก็บอันนี้เอาไว้ให้น้องไฟกับคนที่น้องไฟรักได้เอาไปใช้ด้วยกันไงล่ะ” ม๊าว่าก่อน

จะเอื้อมมือมาลูบหัวไฟอย่างรักใคร่เอ็นดู

      “น้องไฟรักม๊าที่สุดในโลกเลย” ว่าจบเจ้าตัวก็กอดม๊าเสียแน่นจนทำให้ป๊าที่นั่งอยู่ข้างๆม๊าเอ่ยแซว

      “น้อยๆหน่อยนะน้องไฟนี่เมียป๊านะ โน่นเรามีคนรักก็ไปกอดกับคนรักเราโน่น” ป๊าว่าก่อนที่อีกคนจะหันหน้ามามองผมเขินๆ

      “กอดนอร์สก็ได้นะครับไฟ นอร์สไม่กัด” ผมบอกอีกคนยิ้มๆ แต่อีกคนกลับยู่หน้าใส่ ฮ่าๆๆๆเด็กจริงๆแฟนใครเนี่ย!!

      “เออเกือบลืมไปเลย ม๊ากับป๊าเอามะม่วงที่สวนมาฝาก แต่ว่าตอนนี้มันยังเปรี้ยวๆอยู่เพราะว่ามันเพิ่งจะสุก แต่ว่าเราต้องรอให้

มันสุกก่อนนะเพราะมันอร่อยมาก ม๊ารับประกัน” ม๊าว่า ก่อนจะให้ป๊าเดินไปหยิบมะม่วงจากที่รถขึ้นมาให้ผมกับไฟที่ห้อง มะม่วงที่

สวนของบ้านไฟแต่ละลูกใหญ่มากราวกับคัดไซต์มาอย่างดี

      “เป็นอะไรไปน้องไฟทำหน้าอย่างกับอยากที่จะกินซะขนาดนั้น” ม๊าหันไปถามเพราะอีกคนมองมะม่วงที่ป๊าเอาไปเก็บให้ไม่

วางตา

      “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะม๊า แต่ว่ามันน่ากินดีนะ ม๊าทำมะม่วงน้ำปลาหวานให้น้องไฟหน่อยสิ น้องไฟชอบกินฝีมือม๊าที่สุด” ไฟหันไป

พูดกับม๊าอ้อนๆ จากนั้นท่านจึงไปทำมาให้ ผมจึงได้อยู่กับไฟสองคน

      “ไฟไม่สบายอยู่นะครับกินของแบบนั้นมันไม่ค่อยดีนะเดี๋ยวท้องก็เสียหรอก” ผมว่าอีกคน

      “แต่ไฟอยากกินอ่ะนอร์สให้ไฟกินนะๆๆๆๆ” ไฟคล้องแขนผมก่อนจะทำหน้าอ้อนๆ เอ...วันนี้ไฟมาแปลกแฮะทุกทีไม่เคยอ้อน

หรือว่าไม่สบายแล้วการกระทำเปลี่ยน??
                     
      “ค่อยๆกินก็ได้น้องไฟเดี๋ยวก็ติดคอหรอก” ม๊าบอกไฟเพราะตอนนี้เจ้าตัวนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานอย่างเอร็ดอร่อยราวกับ

อยากกินมานาน

      “ก็น้องไฟอยากกินนี่หน่า” อีกคนตอบ แต่ก็ยังไม่หยุดกิน

      “ปกติน้องไฟไม่ชอบกินของเปรี้ยวไม่ใช่เหรอ ทำอย่างกับเป็นคนท้องไปได้” ม๊าว่า แต่ว่าไฟจะท้องได้ยังไง??

      “แล้วน้องไฟจะท้องได้ยังไงกันม๊า น้องไฟเป็นผู้ชายนะ” อีกคนบอกม๊าอย่างขบขัน แต่ว่า....ถ้ามันเป็นไปได้ล่ะจะทำยังไง
 
        ผมนั่งคิดถึงอาการของอีกคนตั้งแต่เช้าเพราะเมื่อเช้าไฟดูหน้าซีดราวกับคนจะเป็นลม แถมยังอ้อนผมกับทุกคนอย่างที่ไม่

ค่อยจะได้อ้อนเท่าไรโดยเฉพาะผมเพราะไฟเป็นคนที่เขินมากเวลาจะอ้อนผมและที่สำคัญไม่ไม่ชอบของเปรี้ยวแต่กลับกินอย่าง

เอร็ดอร่อย??

      “ตอนนี้เย็นแล้วม๊ากับป๊าขอตัวกลับก่อนนะนอร์ส น้องไฟ”

      “ครับ เดี๋ยวผมไปส่งครับ” ผมเดินไปส่งป๊ากับม๊าแทนไฟที่ยังนั่งทานมะม่วงต่ออย่างเอร็ดอร่อย

      “ไฟครับนอร์สว่าไฟหยุดกินเถอะเดี๋ยวท้องเสียนะครับ” ผมเดินเข้ามาหาอีกคนก่อนจะนั่งลงข้างๆและยึดจานมะม่วงไป

      “อ่า ก็ได้ๆ” ไฟทำตามอย่างว่าง่าย

      “เอ่อ...ไฟครับ” ผมเรียกไฟ จะบอกดีไม่ดีนะ? ผมชั่งใจอยู่ครู่ทั้งๆที่อีกคนมองหน้าผมเพื่อรอฟังผมต่อ

      “ไฟครับคือนอร์สมีที่ตรวจครรภ์ที่ได้จากทางโรงพยาบาลมาคือ...นอร์ส

อยากจะให้ไฟลองใช้ดูน่ะครับ” ผมบอกอีกคนไป ไฟที่มองหน้าผมแปลกๆเหมือนกับสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งผมก็รู้

ว่าเรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า......ถ้าลองสักหน่อยก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ?

      “อืม ก็ได้อยู่ไหนล่ะ” ไฟยอมทำตาม ผมจึงรีบวิ่งไปหยิบที่ตรวจครรภ์มาให้อีกคน ก่อนจะประคองไฟไปเข้าห้องน้ำ

      “โอ๊ย!!ตื่นเต้น” ผมว่าเพราะตอนนี้ไฟก็เข้าไปตรวจในห้องน้ำซึ่งก็ได้เวลาที่จะรู้ผลและไม่นานอีกคนก็เปิดประตูเดินออกมา

      “เป็นยังไงบ้างครับไฟ ขีดเดียวหรือสองขีด” ผมถามอีกคน แต่หน้าของไฟกลับดูเหมือนคนตกใจกับอะไรบางอย่าง

หรือว่า.............

      “สอง...สองขีด....ไฟท้องเหรอนอร์ส มันเป็นไปไม่ได้อ่ะ มันจะเป็นไปได้ยังไงอ่ะนอร์สไฟเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ แล้ว..แล้ว

ไหนจะลูกในท้องของไฟอีกอ่ะ ไฟเป็นผู้ชายนะร่างกายไฟมันไม่ได้มีมารองรับเด็กที่อยู่ในครรภ์นะ อึก” ไฟบอกผมราวกับคน

หวาดกลัว ผมจึงรวบตัวอีกคนมากอดปลอบให้กำลังใจ

      “ไม่เป็นไรนะครับไฟ ไม่เป็นไรนะ” ผมบอก แต่อีกคนกลับร้องไห้หนักกว่าเดิม

      “เป็นสิ!! ไฟเป็นแบบนี้นอร์สก็จะต้องทิ้งไฟไป ฮือๆๆ นอร์สจะทิ้งไฟใช่ไหม ฮึก ฮือๆ” ไฟพยายามจะผละออกจากผม แต่ผม

กลับกอดอีกฝ่ายแนนเพราะรู้ว่าสิ่งที่ไฟเป็นอยู่ตอนนี้มันมาจากการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย

      “ไม่ครับ นอร์สจะไม่มีวันทิ้งไฟกับลูกไปแน่นอน นอร์สสัญญาว่าจะรักไฟและลูกนะครับ” ผมว่าอีกคนที่ร้องไห้อย่างหนักก็

สลบอยู่ในอ้อมแขนของผม






                         
      “นอรส นอร์ส” อืม เสียงใครมาเรียกอีกแล้วเนี่ย

      “เลิกงานแล้วจะไม่กลับบ้านไปหาไฟเหรอ” ไฟ เอ๊ะ!เสียงไฟนี่หน่า

      “อืม ก็นอร์สอยู่ที่-” ผมกำลังจะตอบว่าตอนนี้ผมก็อยู่บ้านกับไฟ แต่พอหันไปมองสิ่งที่อยู่รอบๆตัวก็เห็นอีกคนอยู่ให้ห้องพัก

แพทย์ที่โรงพยาบาล ผมจึงนั่งทบทวนเรื่องราวตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ที่ผมผ่าตัดเสร็จแล้วเข้ามาพัก จากนั้นก็.............ฝัน? ผมฝันเหรอ

เนี่ย?

      “เป็นอะไรรึเปล่านอร์ส” ไฟถามผม

      “เอ่อ...เปล่าครับ แต่ว่าไฟไม่ได้รู้สึกแปลกๆอะไรใช่ไหมครับ แบบเวียนหัว? อยากกินของเปรี้ยว?” ผมถามไฟ แต่อีกคนก็งง

กับสิ่งที่ผมพูดแต่ก็ยอมตอบผม

      “ไม่นะ ไฟก็ปกติดี นอร์สนั่นแหละที่เป็นอะไรรึเปล่า” ไฟถามผมก่อนจะเดินเอามือเข้ามาอังหน้าผากผมไว้

      “ตัวก็ไม่ร้อนนะ” ไฟว่า ผมจึงบอกอีกคว่าไม่เป็นไรไปอีกฝ่ายจึงเลิกคิดมาก

      “เรากลับไปฉลองวันเกิดนอร์สที่บ้านเถอะครับ” ผมบอกอีกคนซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี

      “เอ...วันเกิดนอร์สปีนี้ไฟจะให้อะไรเป็นของขวัญนอร์สน้า” ผมแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่อีกคน

      “ไม่บอก!!” ว่าจบไฟก็รีบเดินหนีผมออกจากห้องไป

      “เฮ้อ!!” ผมถอนหายใจกับการกระทำเด็กๆของอีกคน แต่จะว่าไปวันนี้ผมก็ได้ของขวัญที่ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมา

ก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความฝันของผมเท่านั้นก็ตามที แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงและไม่ได้ฝันไป นั่นคือการที่ผมได้อยู่

กับคนที่ผมรักอย่างไฟ แค่นี้ก็เป็นของขวัญวันเกิดที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมแล้ว















                   ตอนพิเศษมาแล้วนะคะและงานมโนของหมอนอร์สก็มาเช่นเดียวกัน 55555 ไว้เจอกันกับตอนพิเศษตอนหน้านะคะ

 อัพพร้อมจอมใจเช่นเดียวกันจร้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 1 280958
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-09-2015 17:35:35
อยากให้ความฝันของนอร์สเป็นจริงจังเลยน้า~~ :heaven
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 2 300958
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 30-09-2015 15:02:46
                                                         SPECIAL PART 2 : หึงนะ!!!บอกเลย

            เช้านี้เป็นเช้าวันเสาร์เป็นเช้าที่ใครหลายๆคนก็ปรารถนา ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่และนั่นก็รวมถึงตัวผมด้วย แต่ถึงแม้ผม

จะปรารถนามันมากขนาดไหน ผมก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ใช้เวลาในวันสาร์ได้อย่างเต็มที่เหมือนกับคนอื่นๆเพราะด้วยหน้าที่และ

งานที่ผมทำ

      “คุณหมอคะพอดีวันนี้มีนักศึกษาแพทย์บอกว่าเป็นรุ่นน้องของคุณหมอมาหาอ่ะค่ะ” คุณพยาบาลเดินเข้ามาถามผมในห้อง

ผมจึงพยักหน้าให้เชิญอีกคนเข้ามา

      “สวัสดีครับพี่หมอนอร์ส” รุ่นน้องผมเอ่ยทัก

      “อืม สวัสดีโจเป็นยังไงบ้างสบายดีไหม” ผมถามอีกคนก่อนจะวางมีอจากงานที่ทำ

      “ก็เรื่อยๆครับ ช่วงนี้ใกล้จบแล้วเลยเหนื่อยนิดหน่อย” จากนั้นโจก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัวบ้างเป็น

บางเรื่องให้ผมฟัง

        โจกับผมรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะโจเป็นน้องรหัสของผมโดยตรง โจเป็นคนที่ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ตาตี่ๆเหมือนคนจีนและที่

สำคัญหน้าตาดีมาก จนทำให้มีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องทั้งชายและหญิงต่างเข้ามารุมล้อมจนทำให้อีกคนอึดอัดและชอบที่จะมาอยู่กับ

ผมเพราะอีกคนไม่ต้องการที่จะให้คนอื่นเข้ามายุ่งและก้าวก่ายชีวิต จนบางครั้งโจก็แอบเอาชื่อผมไปอ้างว่าเราเป็นแฟนกันเพราะ

อีกคนอยากที่จะตัดปัญหาไร้สาระนั่นไป

      “ได้ข่าวว่าพี่หมอนอร์สแต่งงานแล้วเหรอครับ” โจถามผม

      “อืม ก็ทำนองนั้นแหละ” ผมตอบอีกฝ่าย

      “งั้นทีนี้โจก็ไม่มีคนที่จะมาเป็นข้ออ้างในการไล่คนพวกนั้นแล้วน่ะสิครับ” น้องโจบอกผมเศร้าๆ ซึ่งนั่นมันก็น่าเห็นใจน้องอยู่

เหมือนกันนะครับ

      “ไม่เป็นไรหรอก โจก็เอาชื่อพี่ไปอ้างได้แต่ว่าพี่ก็ต้องขอคุยกับแฟนพี่ก่อนเพราะพี่ไม่อยากมีปัญหากับคนรัก” ผมบอกน้องไป

เพราะจริงๆแล้วถ้าเป็นตัวผมคนเดียวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะสงสารน้องมัน แต่ถ้าเป็นไฟอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเพราะแค่ชื่ออีกคนก็

น่ากลัวเกินครึ่งไปแล้วแหละ

      “งั้นถ้าโจจะรบกวนอะไรพี่หมอนอร์สักอย่างสองอย่างจะได้ไหมครับ” น้องโจถามผม

      “เรื่องอะไรล่ะ ถ้าพี่ช่วยได้ก็จะช่วยนะ” ผมบอกน้องไปซึ่งเจ้าตัวทำหน้าดีใจราวกับเจอของเล่นถูกใจ

      “งั้นโจขอบคุณพี่หมอนอร์สมากเลยะครับ” น้องโจไหว้ขอบคุณผม เฮ้อ!ว่าแต่ว่าไอ้เรื่องที่อีกคนขอมันเป็นเรื่องอะไรกันหละ

เนี่ย??






                     
      “ไปดูหนังด้วยกันเนี่ยนะ”

      “ครับ คือโจอยากจะให้พี่หมอแกล้งมาเป็นคู่รักกับโจหน่อยอ่ะครับเพราะตอนนี้มีรุ่นน้องที่คณะมาตามจีบโจอยู่ แต่โจก็ปฏิเสธ

เข้าไปโดยบอกว่าโจมีแฟนแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมเชื่อโจเลยอยากจะให้โจพาแฟนมาให้เขาดูก่อนเขาถึงจะเชื่อ ตอนนั้นโจก็แค่คิด

ว่าถ้าบอกแบบนั้นไปเขาจะเลิกตามตื้อโจแต่มันกลับกลายมาเป็นแบบนี้แล้วที่สำคัญโจก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจะมีก็

แต่................พี่หมอนอร์สเนี่ยแหละครับที่โจเชื่อว่ายังไงพี่ก็ต้องช่วยโจ” น้องโจร่ายซะยาวกับเหตุผลที่ต้องให้ผมไปดูหนังกับ

อีกคนเพียงเพราะอยากจะให้ผมไปเล่นบทบาทสมมติเป็นคนรักจอมปลอมเพราะต้องการให้คนที่มาตามจีบเลิกมายุ่งกับตัวเองซะ

ที

      “แต่ว่า.....” ผมไม่แน่ใจว่าถ้าตัวเองยอมตบปากรับคำไปแล้วถ้าเกิดไฟจับได้ทีนี้หละน่าจะเรื่องใหญ่น่าดู

      “นะครับพี่หมอนอร์สแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง โจรับรองว่าเดี๋ยวโจจะคุยกับแฟนพี่ให้เข้าใจเอง” เอ่อ....น้องโจครับขนาดพี่เป็น

คนรักไฟยังไม่ยอมฟังแล้วถ้าเป็นน้องโจที่เป็นใครก็ไม่รู้ที่ไปยุ่งกับแฟนฉันไฟคงจะฟังน้องอยู่หรอกนะครับ!?

      “แล้วต้องไปนานไหมครับเพราะพี่ไม่อยากมีปัญหากับไฟ” ผมถามน้อง ส่วนอีกคนที่เห็นผมน่าจะยอมตกลงไปก็ถึงกับตาวาว

รีบแจ้งรายละเอียดทันที

      “ไม่นานครับๆ น่าจะประมาณสามชั่วโมงได้เพราะเรากะเวลาไปและกลับเวลาประมาณนี้ก็น่าจะได้อยู่ครับพี่หมอนอร์สสะดวก

ไหมครับ” น้องโจถามผม ผมจึงยกนาฬิกาข้อมือมาดูเวลา ตอนนี้เวลาบ่ายโมงใช้เวลาสามชั่วโมงก็น่าจะประมาณสามโมงถึงสี่โมง

ผมเลิกงานเวลาห้าโมงซึ่งไฟก็จะมาหาผมเวลานี้ก็น่าจะโอเคได้อยู่ ผมจึงตบปากรับคำไปเล่นเป็นคู่รักกำมะลอกับน้องโจ

      “ได้ครับ แต่ว่าเราห้ามเลทเด็ดขาดนะ” ผมย้ำกับอีกคน

      “ไม่เลทแน่นอนครับ ขอบคุณพี่หมอนะครับ” น้องโจว่าก่อนที่ผมจะไปบอกคุณพยาบาลว่าผมจะไปธุระกับโจแล้วจะกลับเข้า

มาอีกทีตอนใกล้เลิกงาน หวังว่าคงจะมาทันก่อนที่ไฟจะมานะ.....
               



        ตอนนี้ผมกับโจมาที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงแห่งหนึ่งตามที่รุ่นน้องที่ตามจีบอีกคนได้นัดเอาไว้

      “พี่หมอนอร์สชื่ออาร์ทเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คบกับโจมาตั้งแต่โจอยู่ปีหนึ่งจนตอนนี้โจอยู่ปีหกก็ประมาณห้าถึงหก

ปีแล้วก็ถ้าโจเรียนจบเราก็จะไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ตามนี้เลยใช่ไหมครับ” น้องโจหันมาถามผม

      “ใช่ แล้วพี่ก็จะบอกอีกว่าโจเป็นของพี่คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว โอเคงั้นก็ท่องตามนี้เลยนะ เอาให้เนียนๆเข้าไว้และที่

สำคัญอย่าทำพิรุธให้เขาจับได้ด้วยนะ” ผมย้ำเตือนอีกคน อีกคนจึงพยักหน้ารับก่อนที่เราทั้งคู่จะสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆสองที

ก่อนจะก้าวลงจากรถเพื่อพร้อมที่จะไปเล่นละครบทบาทสมมติ

      “นั่นไงครับพี่หมอนอร์ส คนนั้นไงครับที่ตามจีบโจ เขาชื่อกล้าเรียนบัญชีปีสาม” น้องโจหันมากระซิบบอกผม ผมจึงเอื้อมมือ

ไปจับมืออีกคนเพี่อสร้างความเนียนไม่ให้อีกคนที่กำลังมองหาผมกับโจเห็นแล้วสงสัย

      “หวัดดีกล้า” พอผมกับโจเข้าไปหาคนชื่อกล้า โจก็เป็นฝ่ายทักอีกคน ส่วนอีกคนที่ถูกทักก็หันมายิ้มให้กับโจก่อนจะหันมา

เห็นผมที่ยืนจับมืออยู่กับโจ ก่อนที่สีหน้าในตอนแรกจะแปรเปลี่ยนมาไม่พอใจ ผมที่รู้อยุ่แล้วว่ายังไงซะคนที่ชื่อกล้านี่ต้องไม่พอใจ

เพราะระดับการแสดงของผมก็ไม่ได้น้อยหน้าเพราะยิ่งถ้าผมทำให้อีกคนไม่พอใจมากเท่าไรนั่นก็แสดงว่าผมเล่นละครได้สม

บทบาท

      “นี่เหรอครับพี่โจที่พี่บอกว่าเป็นแฟนพี่” กล้าถามโจ อีกคนจึงพยักหน้า

      “สวัสดีครับ ผมชื่อกล้าเรียนอยู่บัญชีปีสามเห็นพี่โจเคยบอกว่าคบกับพี่ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งแล้ว แต่ทำไมช่วงที่พี่โจเรียนอยู่ผมถึง

ไม่เคยเห็นพี่ไปรับไปส่งพี่โจเลยล่ะครับ” น้องกล้าถามผมซึ่งผมคิดว่าคำถามที่อีกคนถามก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวสมแล้วล่ะที่เรียน

บัญชีปีสาม

      “พอดีโจเขาไม่ต้องการให้เรื่องของเราสองคนเป็นที่รู้จักมากก็เท่านั้น แต่ถึงแม้พี่จะไม่ได้ไปรับไปส่งแต่เวลาที่โจอยู่คอนโด

พี่ก็ดูแลโจเป็นอย่างดี” ผมบอกอีกคนซึ่งอีกฝ่ายดูน่าจะตึงๆไปนิดเพราะซึ่งที่ผมพูดมันค่อนข้างที่จะน่าเชื่อถือเพราก่อนหน้านั้นผม

ก็ถามรายละเอียดของโจทั้งหมดทั้งที่อยู่ ของที่ชอบทานและอะไรหลายๆอย่างเพราะถ้าอยากจะทำให้อีกคนเชื่อเราก็ต้องปิดช่อง

โหว่ของข้อผิดพลาดที่เราอาจจะทำพลาด เรามันมวยคนละชั้นนะไอ้น้อง

     “งั้นพี่ว่าเราไปทานไอติมสเวนเซ่นของโปรดโจกันดีกว่า” ว่าจบผมก็เดินพาโจไปทานไอติมส่วนอีกคนก็เดินตามหลังผมมา

พร้อมกับพยายามจับผิดผมกับโจ ผมจึงบอกให้โจพยายามทำตัวให้เนียนเข้าไว้แล้วทุกอย่างจะดีเอง เชื่อพี่!!!!

      “ทำเฉยๆไว้นะ ทำเป็นเหมือนว่าเราเป็นคนรักกันจริงๆ” ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของอีกคน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าทำตาม

      “เชิญครับ” ผมเลื่อนเก้าอีให้กับโจ

      “ขอบคุณครับ” อีกคนเอ่ยขอบคุณผมก่อนที่ผมจะนั่งลงเก้าอี้ข้างๆโจ ส่วนกล้าก็เดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับผม

        ตอนนี้ผม โจ และกล้านั่งรับประทานไอศกรีมอยู่ที่ร้านสเวนเซ่นซึ่งผมก็เลือกสั่งแต่ไอศกรีมรสที่โจชอบเพราะทำให้คนที่นั่ง

อยู่ฝั่งตรงข้ามของผมเชื่อว่าผมกับโจเป็นคู่รักกันจริงๆ

      “เออ กล้าพอดีพี่ยังไม่ได้แนะนำให้เรารู้จักแฟนพี่อย่างเป็นทางการเลยนะ” โจบอกกล้าก่อนจะแนะนำผมให้อีกคนรู้จัก

      “นี่พี่อาร์ทเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนพี่อาร์ทครับนี่กล้ารุ่นน้องที่มหาลัยของโจ” โจแนะนำกล้าให้ผมรู้จัก ผมจึง

ทำทีเป็นหยักหน้ารับ

      “พี่อาร์ทเป็นนักธุรกิจแล้วพี่เจอกับพี่โจได้ยังไงเหรอครับ” กล้าถามผม

      “ก็..พอดีพี่เป็นเพื่อนกับพี่ชายของโจ กล้าคงรู้จักพี่เจ็ตนะ” ผมบอกอีกคน ซึ่งจริงๆแล้วผมก็รู้จักกับไอ้เจ็ตนะเพราะมันเคย

เรียนโรงเรียนเดียวกับผมมาก่อนตอนเรียนมัธยมปลายซึ่งนั่นทำให้ผมยอมช่วยโจเพราะโจเป็นน้องของเพื่อนผม

      “ครับ คือผมอยากจะถามอะไรพี่ตรงๆสักอย่างนะครับ” กล้าถามผม ผมจึงพยักหน้าเป็นอันว่ามีไรก็พูดมา

      “ผมถามจริงๆนะครับว่าพี่กับพี่โจเป็นแฟนกันจริงๆรึเปล่าไม่ใช่ว่าพี่กับพี่โจโกหกผมโดยการเล่นละครสมมติว่าเป็นแฟนกัน

เพื่อให้ผมเลิกยุ่งกับพี่โจ” กล้าถามผม ซึ่งเป็นคำถามที่ตรงมาก ผมกับโจจึงหันหน้ามองกันก่อนที่ผมจะตอบอีกคนไป

      “ทำไมกล้าถึงคิดว่าพี่กับโจต้องแกล้งเป็นแฟนเพื่อมาหลอกเราด้วยล่ะ เราลองคิดดูนะถ้าพี่กับโจไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วใครจะ

กล้าให้คนที่ไม่รู้จักมาอ้างตัวว่าเป็นแฟนกัน” ผมบอกอีกคน ส่วนอีกฝ่ายที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นก็นั่งชั่งใจอยู่ครู่ แต่ผมก็ภาวนาให้

อีกคนเชื่อในสิ่งที่ผมพูดด้วยเถอะ

      “งั้นถ้าพี่สองคนเป็นแฟนกันพี่ก็จูบกันให้ผมดูหน่อยสิถือซะว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน” ห๊า!!อะไรนะให้ผมจูบกับโจงั้นเหรอ

 แค่ผมยอมมาช่วยโจก็ไม่รู้ว่าจะโดนไฟโกรธรึเปล่าก็ไม่รู้แล้วนี่ยังจะมาให้ผมจูบกับโจอีก ไอ้นอร์สได้ชะตาขาดก็วันนี้แหละ!!!!

      “ได้!!” ถึงแม้ผมจะตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายขอ แต่ถ้าอยากให้เรื่องมันจบๆผมก็จำเป็นต้องทำ แต่พอหันหน้ากลับไปกลับเจอ

สีหน้าตกใจของอีกคนแทน

      “ไม่ต้องเกร็งหรอกนะโจ” ผมบอกโจในสถานะพี่ชายและคู่รักจำเป็น ซึ่งอีกคนก้พยักหน้ารับแต่ก็ยังคงหวาดๆอยู่ดี

      “งั้น...” ผมว่าก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้กับอีกคนทีละนิด อีกนิด อีกนิดและอีกนิดเดียวเท่านั้นที่ริมฝีปากของผมกับโจ

จะประกบกัน ถ้าไม่ติดว่าผมหันไปเห็นหน้าคนที่รู้จักและรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีเข้าเสียก่อนและแน่นอนว่าอีกคนก็คงจะเห็นผมเช่น

กัน

      “ไฟ!!//นอร์ส!!!!!!” งานใหญ่ระดับล้างโลกเลยล่ะครับงานนี้ ไอ้นอร์สนะไอ้นอร์สวันตายของมึงก็คงจะเป็นวันนี้แหละ!!!!!



                   
        หลังจากที่ผมผละออกมาจาโจก็รีบตรงดิ่งวิ่งมาตามทางที่เห็นไฟวิ่งออกไป แต่ตามเท่าไรก็ยังไม่เห็นทั้งๆที่ผมก็วิ่งตามอีก

คนมาติดๆ

      “หายไปไหนของเขานะ” ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะหันไปเห็นอีกคนแวบๆที่ร้านตุ๊กตาซึ่งดูเหมือนจะคุ้นๆว่าเป็นร้านเพื่อนของ

ไฟ

      “ตามไปดูดีกว่า” ผมที่คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งตามไปเห็นอีกคนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนก่อนจะหันมามองผมทันทีที่ผมเปิดประตู

เข้าไปในร้าน

      “งั้นแอนไปธุระหน่อยนะ ฝากดูร้านให้ด้วยนะไฟ” เพื่อนของไฟบอกก่อนจะออกไปและหันมายิ้มทักทายผม ภายในร้านจึง

เหลือเพียงผมกับไฟสองคนเท่านั้น

      “ตามมาทำไมทำไมไม่ไปอยู่ดูแลกับคนรักใหม่ล่ะ” ไฟว่า จากนั้นเจ้าตัวจึงทำทีเป็นหยิบนิตยสารที่วางไว้อยู่บนโต๊ะขึ้นมา

อ่าน

      “โถ่!ไฟครับ ไฟฟังนอร์สอธิบายก่อนสิครับ นอร์สกับน้องโจเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะครับ” ผมพยายามบอกให้อีกคน

เข้าใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้ามเมื่ออีกคนนอกจากจะไม่เชื่อแล้วยังไม่อยากจะฟังในสิ่งที่ผมพูดอีกต่างหาก ไฟเวอร์ชั่นนี้น่า

กลัวสุดๆ!!

      “พอดีว่าน้องเขากำลังเดือดร้อนก็เลยมาขอให้นอร์สช่วยก็เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆเชื่อนอร์สได้” ผมบอกก่อน

ที่ไฟจะวางนิตยสารลงแล้วหันมามองหน้าผมตรงๆ อ่า!และผมก็ทำให้ไฟฟังผมจนได้!!!

      “เรื่องที่ขอร้องให้ช่วยนี่มันกี่ยวกับการที่นอร์สต้องไปจูบอีกคนด้วยเหรอ” ไฟถามผม ซึ่งสีหน้าของไฟตอนนี้ดูน่ากลัวแปลกๆ

      “ก็...เอ่อ...ก็ทำนองนั้นอ่ะครับ แต่ว่ามันไม่ได้มีอะไรอย่างที่ไฟเข้าใจผิดเลยนะครับ คือน้องเขาไม่ต้องการที่จะให้ผู้ชายอีก

คนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับน้องมาจีบตัวเองก็เลยอยากจะให้ผมช่วยมาเล่นเป็นแฟนกำมะลอเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นเลิกตามตื้อก็เท่านั้น

เองครับ” ผมบอกไฟตั้งแต่ต้นจนจบและหวังว่าไฟจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด

      “นอร์สคิดว่าไฟอายุเท่าไร นอร์สคิดว่าไฟจะเชื่อไอ้เรื่องบ้าๆที่นอร์สอาจจะแต่งมันขึ้นมาก็ได้งั้นเหรอ ไม่พอใจอะไรไฟก็บอก

กันมาตรงๆไม่ใช่มาใช้วิธีแบบนี้ไฟไม่ชอบ!!!” ไฟว่าก่อนจะลุกเดินออกจากร้านไป ไฟไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดเพราะผมคิดว่าถ้าเป็น

ผมผมก็คงจะไม่เชื่อเหมือนกัน เอาไงดีล่ะทีนี้ นอกจากไฟจะไม่เชื่อ ไม่ฟังแล้ว แถมยังโกรธและเข้าใจผมผิดอีกต่างหาก เฮ้อ!!

ไอ้นอร์สหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แล้วทีนี้ผมจะง้อไฟยังไงดีเนี่ย!?



                     
            หลังจากที่ไฟเดินออกมาจากร้านตุ๊กตาผมก็รีบวิ่งตามอีกฝ่ายออกมาอย่างติดๆ แต่สุดท้ายผมก็ต้องคลาดสายตาจากอีก

ฝ่ายและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อีกคนอยู่ส่วนไหนของในห้าง

      “มีทางเดียวแล้วสินะ เอาวะเป็นไงก็เป็นกัน!!” ผมตัดสินใจทำในบางสิ่งที่คิดออกและคิดว่านั่นมันคงเป็นทางเลือกสุดท้าย

สำหรับผมแล้วล่ะ

      “ท่านผู้มีเกียรติโปรดทราบตอนนี้มีญาติของคุณอัคนีมารอพบที่ประชาสัมพันธ์ เนื่องจากผลัดหลงกัน ขอให้คุณอัคนีมาพบ

ญาติที่ประชาสัมพันธ์ในเวลานี้ด่วนค่ะ หากคุณอัคนีได้ยินแล้วให้รีบมาพบญาติด่วนค่ะ ขอบคุณค่ะ”

      “ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยประกาศให้”

      “ไม่เป็นไรค่ะเพราะมันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ขอให้คุณเจอกับคุณอัคนีนะคะ” พนักงานประชาสัมพันธ์บอกกับผมยิ้มๆ

ผมจึงยิ้มตอบเธอเป็นการขอบคุณ

        หลังจากที่ผมหาไฟไม่เจอผมก็คิดว่าให้พนักงานช่วยประกาศตามหาให้น่าจะดีกว่าการที่ผมต้องมาเดินตามหาอีกคนซึ่งผม

เองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่ไหน ผมจึงวิ่งไปซื้อกุหลาบขาวที่สวยที่สุดและดอกใหญ่ที่สุดในร้านมาหนึ่งดอกเพื่อซื้อมาง้ออีกคน

 ก่อนจะวิ่งมารบกวนประชาสัมพันธ์และผมก็หวังว่าไฟคงจะได้ยินเสียงประกาศนี้นะ

      “นอร์สทำบ้าอะไรเนี่ย!!ให้ประชาสัมพันธ์เขาประกาศหาไฟทำไมเล่า” นั่นไงครับยังไม่ทันขาดคำอีกคนก็รีบวิ่งตรงดิ่งเข้ามา

หาผม

      “ก็นอร์สไม่เห็นไฟก็คิดว่าไฟคงจะหลบนอร์ส นอร์สก็เลยให้ประชาสัมพันธ์เขาประกาศซตามหาหัวใจของนอร์สไงครับ”

ผมบอกอีกคนและสังเกตเห็นริ้วแดงๆบนใบหน้า แต่สีหน้าเจ้าตัวกลับดูราบเรียบ สงสัยคงจะเก็กอยู่สิท่า ขนาดเขินยังจะฝืน

วางมาดอีก แฟนใครนะฟอร์มเยอะเสียจริง!?

      “ไฟแค่ไปเข้าห้องน้ำเฉยๆ”

      “งั้นก็แสดงว่าไฟไม่ได้โกรธนอร์สหรืองอนนอร์สใช่ไหมครับ”

      “ใช่ ไฟไม่ได้โกรธ แต่!...” ไฟหยุดพูดไว้แค่นั้น

      “แต่อะไรครับ?” ผมถามอีกคน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบเอาแต่กัดปากตัวเองแทนเสียอย่างนั้น

      “แต่.....แต่...แต่ไฟหึงนอร์สต่างหากล่ะ!!” ไฟหลับหูหลับตาบอกผมเสียงดังพร้อมกับใบหน้าและใบหูของเจ้าตัวที่ดูจะขึ้นสี

อมชมพูน้อยๆและสายตาที่เริ่มหันมามองของผู้คนรอบข้าง

      “หึง? ไฟหึงนอร์สเหรอครับ” ผมถามอีกคนอย่างงงๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบแถมยังเมินหน้าหนีแต่สิ่งที่หนีไม่พ้นก็คือรอย

แดงจางๆบนใบหน้าของเจ้าตัว

      “ไม่น่าเชื่อว่าไฟจะหึงนอร์สด้วยนะเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นไฟหึงนอร์สเลย” เพราะตั้งแต่ที่ผมเริ่มคบกับไฟก็ไม่ค่อยได้

เห็นอีกคนแสดงอาการประชดประชันหรือหึงหวงแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก้ดีเหมือนกันนะ...........ผมชอบ

      “ทำไมไฟจะไม่หึงล่ะเพียงแต่ไฟไม่อยากจะพูดเท่านั้นเองเพราะไฟเชื่อใจนอร์สไง ไฟรู้ว่านอร์สจะไม่มีทางทำให้ไฟเสียใจ

 แต่...แต่วันนี้มันไม่ใช่” ไฟพูดพร้อมกับน้ำตาเริ่มคลอที่เบ้าตา ผมจึงต้องรีบอธิบายให้อีกคนเข้าใจอีกครั้ง

      “ไฟครับ ไฟฟังนอร์สนะครับ สิ่งที่ไฟเห็นและที่ไฟเข้าใจมันคนละเรื่องนะครับ นอร์สแค่ไปช่วยรุ่นน้องเฉยๆไม่ได้คิดอะไรกัน

แบบนั้นจริงๆนะครับ”

      “นอร์สไม่คิด แต่น้องเขาอาจจะคิดก็ได้นี่!!” ไฟยังคงหาข้อมาโต้แย้งผม

      “งั้นนี่ครับ” ผมยื่นดอกกุหลาบขาวดอกใหญ่ให้อีกคน ไฟจึงมองผมงงๆแต่ก็ยอมที่จะเอื้อมมือมารับมันไป

      “รู้ไหมครับทำไมนอร์สถึงซื้อให้ไฟแค่ดอกเดียว” ไฟส่ายหัว ผมจึงบอกให้อีกคนได้เข้าใจ

      “ก็เพราะว่าไฟเป็นคนเดียวที่นอร์สรักไงครับ นอร์สรักไฟคนเดียวและไม่เคยคิดที่จะไปมีคนอื่น มันก็เหมือนกับการที่นอร์ส

เลือกดอกกุหลาบดอกนี้ให้กับไฟ นอร์สเลือกดอกกุหลาบที่ขาวและสวยและที่สำคัญต้องเป็นดอกที่ใหญ่และดีที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว

ดอกไม้ภายในร้านมันก็มีทุกสิ่งตามที่นอร์สต้องการหมดทุกดอกเพียงแต่ที่นอร์สไม่เลือกดอกที่เหลือแล้วมาเลือกดอกนี้ก็เป็น

เพราะว่า ดอกนี้คือดอกที่ใช่สำหรับนอร์สเหมือนอย่างที่ไฟคือคนที่ใช่เพียงคนเดียวสำหรับนอร์สไงครับ” ผมอธิบายให้อีกคนฟัง

ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดและขอโทษที่ทำอะไรโดยที่ไม่ยอมปรึกษากันก่อนเพราะถ้าหากผมปรึกษาอีกคนเรื่องแบบนี้ก็คงไม่

เกิดขึ้น

      “นอร์สขอโทษนะครับ ขอโทษที่ทำอะไรไม่ยอมปรึกษาไฟก่อน แต่นอร์สก็ขอบคุณนะครับที่ไฟเชื่อใจนอร์ส” อีกฝ่ายไม่ยอม

ตอบอะไรเพียงแต่กอดผมแน่นและปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลริน เฮ้อ!นอร์สรู้แล้วนะครับว่าไฟอ่ะหึงนอร์สมากขนาดไหน!!!

















           เลี่ยนได้อีกคู่นี้ เวลาหมอนอร์สง้อไปก็น่ารักไปอีกแบบ 5555 ขอบคุณทุกคำคอมเม้นนะคะ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 2 300958
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 08-10-2015 16:21:28
น้องโจนี่ยังไงๆอยู่นะ
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 2 300958
เริ่มหัวข้อโดย: noohxuehua ที่ 09-10-2015 11:54:08
เขิน นอร์สกับพี่ไฟ ขอบคุณนะไรท์
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 3 111058
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 11-10-2015 22:28:04
                                           SPECIAL PART 3 : My heart…………Sweet heart

      “ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะโดนไม่เสียบ เอ้า! มันจะโดนไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆๆๆ”

      “พี่ๆว่ายังไงให้น้องๆผ่านหรือไม่ผ่าน”

      “ไม่ผ่านๆ เอาใหม่ๆเต้นให้มันดูมีชีวิตชีวาหน่อย เฮ้ย รุ่นพี่คนนึงเต้นให้น้องมันดูหน่อยซิ” เสียงของบรรดารุ่นพี่ทั้งหลายแหล่

ที่มาเตรียมรอรับน้องต่างก็จัดกิจกรรมนันทนาการเพื่อต้อนรับน้องๆปีหนึ่งที่เพิ่งจะได้เข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัยในครั้งแรก ซึ่งนั่นก็

รวมถึงตัวผมด้วย

      “อ้าว ไอ้นอร์สติดคณะนี้เหมือนไอ้กันเหรอวะ” ไอ้เกมส์ทักผม

      “อืม แล้วมึงอ่ะได้คณะ’ไร” ผมหันกลับไปถามมันบ้าง

      “วิศวะว่ะแม่งไม่มีสาวๆสวยๆให้กูม่อเลย” ไอ้เกมส์บ่น

      “เสียใจด้วยนะมึง งานนี้ขอให้กูได้เกิดบ้างอะไรบ้างเพราะที่ตรงนี้เขามีไว้ให้คนหน้าตาดีอย่างกูยืนเท่านั้น ส่วนพวกหน้าตา

บ้านๆอย่างมึงกับไอ้นอร์สก็คงต้องรอไปก่อนนะ” ไอ้กันมันว่า ไอ้เกมส์ที่ยืนฟังไอ้กันเยาะเย้ยไม่ไหวจึงเตะก้นไอ้กันไปหนึ่งทีเพื่อ

ความสะใจของมันล้วนๆ

      “เออ!พ่อคนหน้าตาดี งั้นกูไปที่คณะก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวรุ่นพี่แมร่งบ่นอีก” ไอ้เกมส์ว่าก่อนจะวิ่งตรงไปที่คณะของตัวเอง ส่วน

ผมกับไอ้กันก็นั่งฟังพี่ๆรับน้องต่อไป แต่ก็ต้องไปสะดุดกับใครคนหนึ่งที่นั่งเขียนป้ายชื่อแจกให้กับน้องๆที่เข้าใหม่

      “เฮ้ย!ๆไอ้นอร์สมึงเห็นอย่างที่กูเห็นเปล่าวะ” ไอ้กันสะกิดผมยิกๆ

      “เห็น?เห็นอะไรของมึง” ผมถามมันก่อนจะมองตามนิ้วชี้ที่มันชี้ให้ผมดู แต่ผมก็ภาวนาอย่าให้มันเห็นเหมือนอย่างที่ผมเห็น

เลย....แต่ผมว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะในเมื่อตอนนี้นิ้วชี้ของมันชี้ตรงไปที่ใครคนนั้นที่ผมสะดุดตาในตอนแรก

      "แมร่งผู้ชายหรือผู้หญิงวะ โคตรน่ารักสุดๆเลยว่ะ“ ไอ้กันมันบอกผมก่อนที่จะมองอีกคนตาเป็นมัน

      “ผู้ชาย มึงไม่เห็นว่าเขาใส่กางเกงนักศึกษาอยู่รึไง” ผมบอกมันและเริ่มที่จะไม่ค่อยจะพอใจในสายตาที่มันมองอีกคนที่นั่งอยู่

ที่โต๊ะ

     “แมร่งนางฟ้าชัดๆเลยว่ะ มึงว่าถ้ากูไปจีบพี่เขามันจะติดไหมวะ”

      “ไม่!” ผมรีบตอบ แต่ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดพูดในสิ่งที่คิดไปก่อนแล้ว

      “โหมึง บ่งบอกว่าให้กำลังใจกูมากเลยนะ เอ๊ะ!หรือว่ามึงจะแอ้มพี่เขาเองวะ” ไอ้กันหันมาถามผมสีหน้าเจ้าเล่ห์

      “กูจะแอ้มพี่เขาหรือไม่แอ้มมันก็เป็นเรื่องของกูมึงไม่ต้องมายุ่ง” ผมว่าแต่ไอ้กันก็ไม่ยอมเลิกเซ้าซี้ผมเสียที

      “มึงแน่ใจนะว่ามึงจะแอ้มพี่เขาจริงๆน่ะ มึงดูโน่นมีรุ่นพี่คนนึงเดินเอาน้ำมาให้ถึงโต๊ะแถมยังเช็ดหน้าให้กันอีกอย่างนี้บ้านกู

เรียกแฟนกันชัวร์ๆ มึงเตรียมกระดาษซับน้ำตาได้เลยเว้ยเพื่อน” ไอ้กันว่าก่อนที่มันจะหันกลับไปให้ความสนใจกับการรับน้องด้าน

หน้า ส่วนผมก็ได้แต่มองภาพนั้นอย่างเศร้าสลดใจที่ผมจะไม่ได้มีโอกาสได้จีบพี่เขาจริงๆ คิดแล้วมันเศร้าจริงๆ

                     
      “ฮือๆๆๆๆ” เสียงใครมานั่งบ้าร้องไห้ในห้องสมุดกันนะ!!

     “ฮือๆๆๆ ไอ้พี่ต้าร์บ้า ไอ้พี่ต้าร์เฮงซวย” เฮ้ย!!มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!! ในนี้มันเป็นห้องสมุดที่เขามีไว้ให้อ่านหนังสือไม่ใช่ให้

มานั่งร้องไห้

        ผมคิดในใจก่อนจะเงยหน้าหันไปมองหาต้นตอของเสียงร้องไห้ แต่ก็ต้องตกใจเพราะเสียงที่มันดังขึ้นนั้นมันมาจากเก้าอี้ฝั่ง

ตรงข้ามที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่!!

      “เอ่อ...คุณครับที่นี่ห้องสมุดนะครับ คุณไม่ควรจะมานั่งร้องไห้เสียงดังแบบนี้นะครับ” ผมว่าเพราะคนที่นั่งร้องไห้อยู่ด้านตรง

ข้ามผมก็คือรุ่นพี่คนที่ผมแอบชอบไง!! งานเข้าแล้วไงไอ้นอร์ส

      “ใครสน!!” รุ่นพี่ที่นั่งร้องไห้ฝั่งตรงข้ามผมว่า สงสัยคงจะทะเลาะกับแฟนมาสิท่าถึงได้ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดเสียที ผมคิดใน

ใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะเกรงว่าจะยิ่งเป็นการตอกย้ำอีกคน

      “แต่ว่าตอนนี้คนอี่นในห้องสมุดเขากำลังมองคุณอยู่นะครับ” ผมบอกอีกคน ซึ่งอีกฝ่ายก็มองรอบๆในห้องสมุดก็เจอกับสายตา

ที่ไม่พอใจของคนที่เข้ามาหาความเงียบสงบในการอ่านหนังสือ

      “ผมว่าคุณควรจะออกไปร้องไห้ข้างนอกนะครับ” ผมบอกอีกคนก่อนที่ผมจะเดินเอาหนังสือที่หยิบมาอ่านในตอนแรกไปเก็บ

ในชั้นให้เขาที่และพาอีกคนออกมาสงบสติอารมณ์ด้านนอก

      “นี่นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย” ทันทีที่ผมดึงอีกคนออกมาจากห้องสมุดอีกฝ่ายก็รีบโวยวายใส่ผมอีกที

      “ตามผมมาเงียบๆน่าจะดีกว่านะครับ ผมไม่พาคุณไปทำมิดีมิร้ายหรอก” ผมว่า แต่อีกคนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจผมเท่าไร

 แต่จะว่าไปอีกคนก็มือนุ่มใช่เล่นนะเนี่ย ก่อนที่ผมจะก้มลงไปมองมือของอีกคนที่ผมกำลังกุมไว้อยู่

      “มองอะไรของนายไม่ทราบ” อีกคนว่าผม จากนั้นผมรีบเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายแล้วยักไหล่ไม่ยี่หระบ่งบอกว่า ไม่มีอะไร

ครับคุณผู้ชาย

      “เมื่อไรจะถึงเนี่ยเดินมาตั้งนานแล้วนะ” คนที่ผมเดินพาออกมาด้วยเริ่มที่จะบ่นถึงระยะทางที่ผมพาเดินมา

      “ถึงแล้วครับ” ผมว่าก่อนจะจับอีกคนนั่งลงที่พื้นสนามหญ้า

      “สวนสาธารณะเนี่ยนะที่นายจะพามา?” อีกคนถามผม ผมจึงพยักหน้ายืนยันว่าสิ่งที่อีกคนพูดนั่นแหละคือสิ่งที่ผมจะพามาใน

ตอนแรก

      “ก็คุณร้องไห้หนักจนรบกวนคนอื่นในห้องสมุด ผมก็เลยให้คุณออกมาร้องไห้ที่นี่ให้พอใจละไม่เป็นการรบกวนคนอื่นด้วยไม่ดี

เหรอครับ” ผมหันไปบอกอีกคนยิ้มๆ ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างผมกลับทำหน้ายู่ใส่บ่งบอกว่าสิ่งที่ผมทำเจ้าตัวไม่ได้พอใจเลยสักนิด

      “ทีหลังนายก็บอกก่อนสิ แต่ก็ขอบคุณนะ” อีกคนเอ่ยขอบคุณผมเสียงเบาก่อนจะนั่งกอดเข่ามองแหงนหน้ามองท้องฟ้ายาม

บ่าย

      “มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจก็บอกผมได้นะครับ” ผมบอกอีกคนก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหน้ามามองผมยิ้มๆ

      “อื้ม แล้ว...นายชื่ออะไร อยู่ปีไหนล่ะ” อีกคนถามผม

      “ชื่อไอซ์อยู่ปีหนึ่งครับ” ผมโกหกชื่อของตัวเองเพราะผมยังไม่อยากให้อีกคนได้รู้จักชื่อของผม

      “ปีหนึ่งเหรอ...เด็กจัง พี่ชื่อไฟนะอยู่ปีสาม ขอบคุณนะไอซ์ที่มานั่งเป็นเพื่อนพี่” ชื่อไฟเหรอ? ชื่อคนละขั้วกับผมเลย

แฮะ.....ไฟกับน้ำแข็ง

      “พอดีพี่ทะเลาะกับแฟนนิดหน่อยไม่ได้มีอะไรหรอก” อีกคนบอกผม แต่สีหน้าตอนที่บอกผมมันค่อนข้างจะขัดกับคำพูดที่พูด

ออกมา แสดงว่าเรื่องที่ทะเลาะคงเป็นเรื่องที่ใหญ่อยู่เหมือนกัน

      “ผมว่ามันคงไม่นิดหรอกนะครับไม่อย่างนั้นพี่ก็คงจะไม่มานั่งร้องไห้แบบนี้หรอก” ผมบอกอีกคนยิ้มๆซึ่งอีกฝ่ายก็หันมามอง

หน้าผมยิ้มๆเช่นกัน แต่แววตาที่มองมานั้น มันยังคงหลงเหลือความเศร้าเอาไว้เล็กน้อย ผมจะทำยังไงดีนะที่จะให้ดวงตาที่สวยๆ

ของพี่ไฟมีแต่แววตาของความสุขไม่ใช่ความเศร้าแบบนี้เพราะยังไงซะ มันก็ไม่ได้เข้ากับพี่เลยสักนิด

      “ไอซ์...ไอซ์ ไอซ์ได้ยินที่พี่เรียกรึเปล่า” อีกคนโบกมือไปมาด้านหน้าผม

      “เอ่อ..ครับ ได้ยินครับ” ผมตอบ ผมเผลอนั่งจ้องอีกคนเหรอเนี่ย?

      “พี่ต้องไปแล้วไว้พรุ่งนี้เรามาเจอกันที่นี่อีกนะ บาย” พี่ไฟว่าก่อนจะลุกขึ้นโบกมือลาผมแล้ววิ่งหายลับไป นี่คงจะเป็นจุดเริ่ม

ต้นของความรู้สึกดีๆสินะ............................



                         
        ตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมและพี่ไฟก็มานั่งคุยกันที่สวนสาธารณะกันอยู่บ่อยๆ ผมได้มานั่งฟังอีกคนเล่าเรื่อง

ราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเรียนหรือแม้กระทั่งเรื่องของหัวใจ จนทำให้ผมได้รู้ว่าอีกคนคือแฟนของลูกพี่ลูกน้องผม

ซึ่งนั่นก็ถือว่าโชคดีมากที่ผมไม่ได้บอกชื่อที่แท้จริงของผมให้กับอีกคนได้รับรู้เพราะผมก็ยังอยากที่จะมีความรู้สึกดีๆแบบนี้กับอีก

คนโดยไม่ต้องคิดว่าอีกคนคือคนรักของญาติผมและเพราะผมก็ไม่รู้ว่าในวันข้างหน้ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมอาจจะ...........

ไม่ได้เจออีกคนอีกแล้วก็ได้ ผมจึงอยากจะจดจำเรื่องราวความทรงจำที่ดีแบบนี้เอาไว้ในฐานะรุ่นน้องที่แอบชอบรุ่นพี่...............

      “วันนี้เป็นอะไรเหรอเห็นนั่งเหมอตั้งนานเชียว” พี่ไฟว่า

      “เปล่าหรอกครับ ผมคงจะเครียดเรื่องงานนิดหน่อยไม่ได้มีอะไรหรอก” ผมตอบเพื่อให้อีกคนสบายใจ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่าย

จะไม่ยอมเชื่อง่ายๆ

      “เอ่อ...พี่ไฟทำอะไรครับ” เพราะอยู่ดีๆอีกคนก็เอื้อมมือมาอังหน้าผากผม โดยที่ผมก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

      “ก็วัดไข้ไง แต่ตัวก็ไม่ได้ร้อนนะ” อีกคนพูดพร้อมกับทำท่าจะผละมืออกจากหน้าผากผมแต่ผมก็ขว้ามือเล็กๆนั่นเอาไว้

      “เอ่อ....มีอะไรรึเปล่า” พี่ไฟถามผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องจับมืออีกคนเอาไว้หรือว่าที่จริงแล้วผมต้องการที่จะรั้งอีก

ฝ่ายให้อยู่กับผมกันแน่

      “ไอซ์” อีกคนเรียกชื่อปลอมที่ผมบอกอีกคนในตอนแรก แต่ตอนนี้สมองผมมันไม่รับรู้สิ่งใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเสียงลม เสียงนก

ร้องหรือแม้กระทั่งเสียงของคนที่อยู่ตรงหน้า แต่มีเพียงเสียงเดียวที่ผมรับรู้คือเสียงของหัวใจของผมและของคนที่อยู่ตรงหน้า

แม้ตอนนี้มันอาจจะไม่ได้เต้นตรงกัน แต่ผมก็ยังคงหวังว่าสักวันหนึ่งเสียงของหัวใจของเราสองคนคงจะตรงกัน

        ผมค่อยๆโน้มหน้าไปใกล้อีกคนตามทฤษฏีแรงดึงดูดของโลก ซึ่งผมก็นึกขอบคุณนิวตันจากใจจริงก็วันนี้ที่คิดค้นทฤษฏีนี้ได้

เพราะมันทำให้ผมได้สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกคน แม้มันจะเป็นสัมผัสที่เร็วไปหน่อยก็ตามที แต่แค่นี้มันก็เป็นเหมือนน้ำ

หล่อเลี้ยงชีวิตของผมไปอีกนาน

      “เอ่อ....ขอโทษครับ” ผมรีบขอโทษอีกฝ่ายเพราะเจ้าตัวดูจะตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

      “ไม่เป็นไร...พี่จะคิดซะว่ามันคืออุบัติเหตุก็แล้วกันนะ เอ่อ....พี่ขอตัวก่อนดีกว่า” ว่าจบอีกคนก็วิ่งออกไป

      “แต่ผมไม่อยากจะให้มันเป็นแค่อุบัติเหตุเลยสักนิดนะครับ....พี่ไฟ” ผมบอกถึงแม้อีกคนจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูดก็ตามที

        ผมเดินออกมาจากสวนสาธารณะหลังจากที่พี่ไฟวิ่งออกไปก่อนจะไปเจอกับไอ้กันที่ยืนหน้าเครียดรอผมอยู่

      “งานเข้าแล้วมึง” ทันทีที่ไอ้กันหันมาเห็นผมก็รีบเข้ามาบอกผมว่าตอนนี้มีรุ่นพี่ท่าทางไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไรมารอพบ ผมจึง

ไปหารุ่นพี่คนนั้นที่รอผมอยู่ก่อนตามสถานที่ที่ไอ้กันมันบอก

      “พี่ต้าร์” ผมเรียกชื่อรุ่นพี่คนดังกล่าว

      “ไม่เจอกันนานเลยนะนอร์ส” อีกคนหันมาคุยกับผม

      “นั่นสินะครับ ไม่เจอกันนานจริงๆ” ผมตอบ

      “ได้ข่าวว่านายสนิทกับไฟ”

      “แล้วพี่คิดว่ายังไงล่ะครับ”

      “ไม่ว่านายคิดหรือจะทำอะไรนายก็ควรที่จะหยุดมันซะ!!!และเลิกยุ่งกับไฟได้แล้วเพราะยังไงนายก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในตัว

ไฟ!”

      “ทำอย่างกับพี่มีสิทธิ์อย่างนั้นแหละ!!!!” ผมเริ่มไม่พอใจอีกคน

      “แต่ยังไงพี่ก็มีสิทธิ์ในตัวไฟมากกว่านาย!!!”

      “ทั้งๆที่พี่ก็ไม่ได้คิดจริงจังกับพี่ไฟอย่างงั้นเหรอ!!” ผมว่าอีกคนเพราะทางบ้านของพี่ต้าร์ยังไงซะทางผู้ใหญ่ก็จะต้องเลือกคู่

หมั้นคู่หมายให้อยู่ดี แล้วความรู้สึกของพี่ไฟล่ะ?

      “นั่นมันเรื่องของพี่นายไม่ต้องมายุ่งและนายก็เลิกยุ่งกับไฟได้แล้วเพราะถ้านายยังไม่เลิกยุ่งล่ะก็ พี่ก็จะไม่รับรองว่าต่อไปนี้มัน

จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับไฟบ้าง!!!!!!!!” พี่ต้าร์ว่าก่อนจะเดินชนไหล่ผมออกไป

        และแล้ววันที่ผมกลัวมาตลอดก็มาถึงสักที ผมไม่ต้องการให้เรื่องที่ไม่ดีมันเกิดขึ้นกับพี่ไฟ ผมจึงตัดสินใจที่จะเลิกติดต่ออีก

คน ถึงแม้ว่าอีกคนจะพยายามติดต่อมาหาผมมากเท่าไร แต่ผมเลือกที่จะซิ่วคณะที่ผมเรียนอยู่นี้แล้วไปเข้าคณะแพทย์และเลือกที่

จะลืมอีกคน โดยการที่ผมเลือกคบกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่รู้จักกันและไม่นานผมก็เพิ่งรู้ว่าเธอคือคนที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายของพี่ต้าร์ ซึ่งมัน

ก็ทำให้ผมนึกถึงใครอีกคนที่ผมพยายามหลบและหนีมาตลอดชีวิต พี่ไฟจะเป็นยังไงบ้างนะ ผมได้แต่คิดเรื่องนี้วนซ้ำแล้วซ้ำอีก

 จนกระทั่งวันหนึ่ง น้องธีน่าก็ต้องการแนะนำคนๆหนึ่งให้ผมได้รู้จัก ราวกับมีพรหมลิขิตหรืออาจจะเป็นเพราะฟ้าดลใจให้ผมได้มา

เจอคนที่ผมรักเพราะมันทำให้ผมได้กลับมาเจอกับพี่ไฟอีกครั้ง ถึงแม้ว่าอีกคนจะจำผมไม่ได้ก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจอย่าง

บอกไม่ถูกและทำให้ผมหันกลับมามองในเรื่องพรหมลิขิตอีกครั้งที่ทำให้ผมได้มาเจอกับคนที่หัวใจผมเรียกหามาตลอดชีวิตและ

ทำให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เป็นยิ่งกว่าหัวใจของผม ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ทำให้ผมได้มีความสุขแบบนี้ และที่สำคัญ ขอบคุณพี่ไฟ

นะครับที่เกิดมาคู่กับนอร์ส.....รักนะครับ My heart Sweet heart ของผม!!

















       ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่ขอย้อนวันวานว่าทำไม๊ทำไมนอร์สถึงได้หลงรักพี่ไฟตั้งแต่แรกเห็น อาจจะเป็นเพราะพรหมลิขิตให้ทั้ง

คู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ถ้าชีวิตจริงมีแบบนี้ชีวิตคงดี๊ดีเนอะคะ 5555555 ตอนหน้าเป็นตอนพิเศษตอนสุดท้ายแล้ว เรื่องราวจะ

เป็นของใครอีกคนที่หลายๆคนไม่ควรมองข้ามน้าาาาา รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 3 111058
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-10-2015 22:49:26
สงสัยเป็นเพราะช่วงนั้นไฟเองก็ระหอง
ระแหงกับต้าร์ด้วยนะคะ ก็เลยหลงลืมไปว่าเคยมีรุ่นน้องคนหนึ่งมาขโมยจูบจากตัวเองไปเหมือนกันนี่นา :-[
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 3 111058
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-10-2015 11:11:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SPสุดท้าย 131058
เริ่มหัวข้อโดย: Hades Novel ที่ 13-10-2015 20:18:40
                                             SPECIAL PART 4 : ความในใจจาก....ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
           วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ เป็นวันที่ผู้คนเริ่มออกทำงาน เด็กนักเรียนเดินทางไปโรงเรียนและแน่นอนว่า “ผู้หมวด” อย่างผมก็

ต้องออกไปปฏิบัติงานราชการเช่นเดียวกัน

      “สวัสดีครับผู้หมวดอิฐ เช้านี้อากาศสดใสว่าไหมครับ” และแน่นอนทุกๆเช้าผมก็มักจะได้ยินประโยคเดิมๆจากคนๆเดิมทักเป็น

ประจำ ซึ่งไอ้ประโยคนี้มักจะมาทุกวันไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะวันจันทร์เท่านั้นที่ผมจะได้ยิน

      “ก็คงงั้นมั้งครับจ่ายอด” ผมตอบอีกคน ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้

      “งั้นผมไปทำงนก่อนนะครับ ขอให้วันนี้อากาศดีแบบนี้ทั้งวันนะครับ” จ่ายอดบอกผม ก่อนจะขอตัวไปทำงานที่คั่งค้างไว้

        จ่ายอดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนแรกที่ผมรู้จักหลังจากถูกโยกย้ายให้มารับตำแหน่งผู้หมวดที่โรงพักแห่งนี้ จ่ายอดแกเป็น

ตำรวจที่ขยัน เป็นข้าราชการที่น่านับถือคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ผมยังนึกคิดเลยว่าบ้านเมืองของเราก็ไม่ได้มีแต่ข้าราชการที่โกงกิน

และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเพราะอย่างน้อยๆก็มีจ่ายอดคนนึงล่ะที่ไม่คิดจะทำเช่นนั้น

      “เช้านี้ผู้หมวดจะรับอะไรดีคะ ชาเย็น กาแฟเย็นหรือว่าโอเลี้ยงดีคะ” เสียงของตำรวจหญิงอีกคนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นผมเข้ามา

ทำงานที่ห้องแล้ว

      “ขอเป็นกาแฟเย็นดีกว่าครับจะได้ไม่ง่วง ขอบคุณมากนะครับหมวดจิ๊บ” ผมบอกผู้หมวดสาวก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงไปจด

รายการที่ผมสั่ง จากนั้นจึงเงยหน้าส่งยิ้มให้ผมอย่างที่เธอทำเป็นประจำทุกครั้งที่ผมกล่าวขอบคุณเธอ

      “ยินดีค่ะ” เธอว่า ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทีนี้ภายในห้องทำงานก็เหลือแต่ผมคนเดียว ผมเอาเอกสารที่ยังสะสางไม่เสร็จ

ออกมาตรวจดูก่อนจะหันไปสะดุดตากับรูปภาพในกรอบรูป รูป....ที่ผมเป็นคนนำมาใส่กรอบและตั้งไว้เพื่อเป็นกำลังใจในการ

ทำงาน

      “เฮ้อ!” ผมถอนหายใจเมื่อรู้สึกอึดอัด คับแน่นภายในอกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกไว้ที่อกเมื่อมองไปที่รูปนั้น

ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านที่เริ่มก่อตัวก่อนมันจะสร้างความรำคาญให้ผมจนไม่สามารถทำงานต่อได้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะไล่ความ

คิดบ้าๆนั้นออกไปจากสมองเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

      “ขออนุญาตครับผู้หมวด” จ่ายอดเอ่ยก่อนจะเปิดประตูเข้ามาหาผมในห้อง

      “มีอะไรรึเปล่าครับจ่า” ผมถามจ่ายอดเพราะเห็นว่าแกขออนุญาตเข้าแสดงว่าถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่แกก็คงไม่เข้ามา

      “ผมได้ยินว่าลูกชายของแม่เกตที่อยู่กรุงเทพฯกลับมาบ้านแล้ว ผู้หมวดจะไม่กลับไปทักทายเพื่อนเก่าสักหน่อยเหรอครับ”

จ่ายอดแกบอกผมยิ้มๆ ไอ้ไฟกลับมาแล้วเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ดีน่ะสิ ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

      “แล้วตอนนี้ไอ้ไฟยังอยู่ที่บ้านรึเปล่าครับ” ผมถามจ่ายอด

      “เห็นว่าเพิ่งมาคงจะยังไม่ได้ไปไหน ถ้าผู้หมวดจะไปตอนนี้ก็ได้นะครับเดี๋ยวทางนี้ผมกับคนอื่นๆจะดูแทนเอง ไปทักทายคนที่

ผู้หมวดเฝ้ารอดีกว่าครับ” จ่ายอดแกว่า ผมไม่รอช้ารีบบอกฝากงานกับจ่าแกก่อนจะขอตัวไปหาไอ้ไฟที่บ้าน

                          ในที่สุดไฟก็กลับมา ไฟรู้ไหมอิฐเฝ้ารอไฟทุกวัน เฝ้ารอตั้งแต่วันที่ไฟเดินจากที่นี่ไป เฝ้ารอตั้งแต่วันที่อิฐรู้ใจ

ตัวเองว่าอิฐขาดไฟไม่ได้ เฝ้ารอ............ว่าสักวันอิฐจะได้สารภาพความในใจให้ไฟได้รู้




                   
        ทันทีที่ผมไปถึงบ้านของไฟ ผมไม่รอช้าตะโกนเรียกคนที่อยู่ในบ้านทันที

      “สวัสดีครับป๊า สวัสดีครับม๊า” ผมกล่าวทักทายพ่อกับแม่ของไฟ

      “สวัสดีครับผู้หมวดไปไงมาไงครับเนี่ย” ท่านเอ่ยถามผมเมื่อเดินมาเห็นผมยืนอยู่ด้านหน้าบ้าน

      “พอดีผมคิดถึงป๊ากับม๊าก็เลยแวะมาหาน่ะครับ” ผมเอ่ยออกไปทั้งๆที่สายตากลับกวาดหาอีกคน เอ....หรือว่าจะไม่อยู่ นี่ผม

คลาดกับไฟเหรอ

      “ปากหวานจริงเชียวผู้หมวดเข้ามาก่อนสิครับ” เสียงของพ่อไฟเอ่ยขัดขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดก่อนจะเดินเข้าบ้าน

ตามที่ท่านชักชวน ไม่เป็นไรถ้าไม่เขอไว้มาหาใหม่พรุ่งนี้ก็ได้

      “ครับ” ผมตอบรับก่อนสายตาจะหันไปเห็นคนที่มองหามาตลอด

      “ไอ้ไฟ!!” ผมเรียกอีกคนอย่างตกใจเพราะไฟคนที่ผมรู้จักมันต้องดูผอมแห้งกว่านี้ แต่ไหนคราวนี้กลับดูดีกว่าแต่ก่อน ผิวขาว

อมชมพูเหมือนคนไม่เคยเจอแดด ริมฝีปากแดงอวบอิ่มบ่งบอกถึงคนสุขภาพดีทั้งๆที่เมื่อก่อนกลับเป็นหวัดไม่สบายได้ง่าย อาจจะ

จริงอย่างที่เขาว่า การไปอยู่เมืองกรุงอาจทำให้คนเราดูดี และโดยรวมอีกหลายๆอย่างที่ทำให้ใจผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ซึ่งมัน

เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือไฟ.................

      “ไอ้อิฐ!!!!” เสียงของอีกคนเรียกชื่อผมอย่างดัง คงจะตกใจไม่แพ้กันเพราะไอ้อิฐเมื่อก่อนกับไอ้อิฐในตอนนี้ช่างต่างกันลิบลับ

      “มึงเข้ามาในบ้านกูทำไม” อีกคนโวยลั่นเมื่อเห็นผมอยู่ในบ้าน

      “ก็กูอยากจะเข้าที่สำคัญป๊ากับม๊ามึงก็อนุญาต” ผมแกล้งตอบกวนๆเพื่อยั่วโมโหอีกคนเล่น ทั้งๆที่ใจผมอยากจะลองพูดดีๆกับ

อีกฝ่าย แต่จะทำไงได้ในเมื่อผมกับไฟเราไม่ถูกกัน

      “ป๊าม๊าให้ไอ้อิฐเข้ามาในบ้านเราทำไมก็รู้อยู่ว่าน้องไฟไม่ชอบ” ไฟหันไปเอาเรื่องพ่อกับแม่ แต่คำพูดที่ว่า ไม่ชอบ ของอีกคน

กลับทำให้ผมรู้สึกชาไปทั้งร่างเหมือนถูกของมีคมบาดลึกลงในใจดีๆนี่เอง ถึงแม้ผมจะรู้ว่าไฟไม่ชอบผม แต่ผมกลับเจ็บทุกครั้ง

เมื่ออีกคนพูดแบบนั้น

      “แต่ผู้หมวดเขาเปลี่ยนไปแล้วนะ” เสียงของพ่อไฟอธิบายให้ไฟเข้าใจ

      “เมื่อกี้ป๊าเรียกไอ้อิฐว่าอะไรนะ” ผมเห็นไฟถามพ่อของตัวเองกับสรรพนามที่ใช้เรียกผม สงสัยคงจะงงที่เห็นป๊าตัวเองเรียก

ไอ้เด็กที่เคยเกเรคนนี้ว่า ‘ผู้หมวด’

       “ผู้หมวด” พ่อของไฟเรียกผมใหม่อีกครั้ง ส่วนไฟที่ได้ยินแน่ชัดว่าไม่ได้ฟังผิด ทำตาโตตกใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ไฟนะไฟ

ยังนิสัยเด็กเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

       “ห๊า!!ไอ้อิฐนี่นะเป็นผู้หมวด” ไฟร้องอย่างตกใจ ไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

      “ใช่น้องไฟ ร้อยโทอิฐิรัตน์ พงผาเทพ” เสียงของแม่ไฟบอกย้ำอีกรั้ง ยิ่งทำให้อีกคนทำหน้าปุเลี่ยนเข้าไปใหญ่ ผมว่าผม

คงจะขำก็เพราะหน้าของไฟนั่นแหละ เฮ้อ!

      “เออทำไม กูเป็นตำรวจอย่างที่มึงต้องการแล้วนะทีนี้มึงควรที่จะทำดีๆกับกูได้แล้ว” ผมบอกอีกคน ครับสาเหตุหลักๆและแรง

บันดาลใจที่ทำให้ผมเริ่มทำตัวเป็นคนใหม่ หันกลับมาเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ก็เป็นเพราะคำพูดของไฟเพียงคำเดียว ‘กูชอบ

คนในเครื่องแบบ’ และตั้งแต่นั้นมา ผมก็ทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือและพยายามสอบให้ติดตำรวจเพื่อที่อีกคนจะได้หันกลับมา

ชอบผมเพราะอย่างน้อยๆนี้อาจจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ไฟยอมคุยกับผม ไม่ไล่ผมเหมือนแต่ก่อน

      “ไม่เห็นจะเกี่ยว!!” อีกคนทำหน้าเลิกลั่กเพราผมเชื่อว่าไฟจำในสิ่งที่เคยพูดกับผมเอาไว้ได้ว่าตัวเองชอบคนในเครื่องแบบ

แต่ที่ทำเป็นแบบนี้ก็คงจะติดที่ว่า ‘ไอ้คนในเครื่องแบบที่ไฟชอบมันดันเป็นผมที่ไฟเกลียด’

      “จะไม่เกี่ยวได้ไงก็มึงบอกเองว่าถ้ากูได้เป็นคนในเครื่องแบบมึงจะคบกับกู” ผมท้วงอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกไปถึงแม้ไอ้คำว่า

‘คบ’ ที่อีกคนเคยพูดทันจะเป็นในฐานะเพื่อน แต่ผมก็ขอละเอาไว้ละกันเพราะผมเอง.............ก็อยากเป็นมากกว่านั้น       
       
      “มันอะไรกันไฟไปตกลงคบกันอะไรตอนไหนทำไมป๊าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เสียงของพ่อไฟดังขึ้น เจ้าตัวที่เป็นต้นเหตุรีบส่าย

หน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน

      “นั่นสิ ผู้หมวด” แม่ของไฟหันมาถามผมอย่างสงสัย

      “คือน้องไฟบอกไอ้อิฐว่า ถ้ามันได้ทำงานเป็นคนในเครื่องแบบน้องไฟจะคบกับมันแต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น”อีกคนอธิบายให้

ผู้ใหญ่ทั้งสองเข้าใจ ผมจึงทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดเหลือบไปองอีกคนไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายย้ำชัดเจนกับ สถานะ ที่ผมจะได้รับ

สถานะของอิฐสำหรับไฟคงเป็นได้แค่เพื่อนใช่ไหม ผมได้แต่ถามกับตัวเองเพราะผมไม่กล้าพอที่จะถามอีกคน ไม่ใช่ไม่กล้าถาม

แต่ผมไม่กล้าที่จะฟังคำตอบจากอีกคน

      “ค่อยยังชั่วหน่อย” เสียงพี่ชายของไอ้ไฟดังขึ้น

      “แต่กูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจหรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดของพี่ชายไฟทำให้ผมกล้าที่จะพูดแบบนั้น

แต่จากสีหน้าของอีกคนที่ดูจะตกใจในสิ่งที่ผมพูด ผมจึงต้องรีบแย้งให้อีกคนเข้าใจเสียให้เพราะผมกลัวว่าถ้าผมบอกแบบนั้นกับ

อีกคนไปจริงๆ อย่าว่าแต่สถานะอื่นเลย แค่คนรู้จักไฟจะให้ผมหรือเปล่าก็ยังไม่รู้

      “กูบอกว่ากูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน แต่กูอยากอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทของมึง” ผมเฉไฉ ใช่ ผมไม่อยากอยู่ในสถานะเพื่อน

แต่ผมอยากอยู่ในสถานะ มากกว่า เพื่อนสนิทของไฟ       










                     
      “ไปอยู่กรุงเทพเป็นไงบ้าง” ผมถามไฟ หลังจากที่เราออกมาเดินเล่นที่ที่นาบ้านผม


      “ก็เรื่อยๆวุ่นวายตามประสาคนเมืองแล้วมึงอ่ะคิดไงมาเป็นตำรวจ” ไฟหันมาถามผม

      “ก็คิดจะจีบมึงไงเลยมาเป็น” ผมตอบอีกคนจริงจัง แต่อีกฝ่ายกลับหาว่าเป็นเพียงแค่การอำเล่นเท่านั้น

      “ไอ้เวร มึงตอบดีๆดิอย่ามาเล่น”

      “ก็กูพูดจริงมึงคิดว่ากูเล่นเหรอ” ผมพูดเสียงหนักแน่นและจริงจัง ผมอยากให้ไฟรู้ว่าผมต้องการเป็นมากกว่าเพื่อนและเพื่อน

สนิท

      “กูชอบมึงว่ะไอ้ไฟ” ผมบอกอีกนอีกครั้ง เผื่อว่าครั้งนี้ไฟจะได้รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง แต่พอผมพูดจบสีหน้าของอีกคน

กลับดูกังวลชอบกลและก็เป็นผมเองที่ไม่กล้าพอที่จะทำให้มันจริงจัง

      “ฮ่าๆๆๆกูคิดถูกละที่กูหลอกมึงหน้ามึงนี่แดงเป็นลูกตำลึงเลยว่ะ ไงอยู่กรุงเทพฯไม่มีคนบอกรักเหรอวะ” ผมทำทีเป็นแกล้งอีก

คนเล่นทั้งๆที่ผมกลับเจ็บกับสิ่งที่ตัวเองพูดเองเพราะสีหน้าของไฟหลังจากที่ได้ยินผมพูดจบกลับดูเศร้าเหมือนกำลังคิดถึงใคร

บางคนและนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่า ผมมาช้าเกินไป 

         “เฮ้ย!เป็นไรมึง กูเอ่อ..ไปพูดสะกิดต่อมเศร้ามึงเปล่าวะ” ผมเริ่มใจไม่ดีเมื่อไฟทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้ แสดงว่าคนๆนั้น

คนที่ทำให้ไฟเศร้าได้ถึงเพียงนี้ต้องมีความสำคัญกับไฟมากๆ ยิ่งเป็นการตอกย้ำผมเป็นอย่างดี ผมพยายามทำเหมือนไม่มีอะไร

ทั้งๆที่ในใจผมเหมือนมันมีมีดสักพันเล่มปักอยู่ที่อก มันเจ็บจนชา

      “……………” ไฟไม่ยอมตอบคำถามของผม ยิ่งทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าเมื่อเห็นคนที่ตัวเอง รัก เจ็บแบบนี้

      “มึงอย่าเงียบดิไอ้ไฟ กูขอโทษ กูไม่รู้ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้กูยอมทุกอย่างเลย” ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้อีกคนยอม

พูดกับผม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะกลั้นยิ้มไม่อยู่เลยต้องระเบิดหัวเราะออกมา เอาซะผมอึ้งที่โดนอีกคนหลอกเอา


      “มึงแกล้งกูเหรอไอ้ไฟ” ผมถามอีกคน โห ไม่เจอกันนานสกิลการกวนนี่เพิ่มขึ้นเยอะทีเดียว

      “กูเปล่าแกล้งมึงนะ มึงนั่นแหละเข้าใจผิดเอง” ไฟว่าผม ก่อนจะยกนิ้วกลางส่งให้ ผมเลยแกล้งอีกฝ่ายกลับบ้าง

      “ต้องการขนาดยกให้กูถึงสองครั้งเลยเหรอวะ” ผมว่ายิ้มๆเห็นอีกคนหน้าแดงน้อยๆ

      “ต้องการบ้านมึงดิ กูด่ามึงโว้ยยย”ไฟว่าเสียงดังกลบเกลื่อน ก่อนเจ้าตัวจะไปสะดุดก้อนหินนั่งจุมปุกอยู่ที่พื้น ผมจึงรีบเข้าไป

ดูเพราะดูเหมือนข้อเท้าอีกคนจะแพลง

      “เป็นไรเปล่ามึง” ผมถาม

      “เจ็บข้อเท้าว่ะ จี๊ดเลย” ไฟตอบผมพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้ายิ่งทำให้ผมใจไม่ดี

      “ลุกไหวไหม”ผมถาม อีกคนดูเหมือนจะพยายามให้ตัวเองทรงตัวให้อยู่ แต่ก็ต้องกลับลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ที่พื้นดัง

เดิม

      “สงสัยข้อเท้ามึงแพลง” ผมว่าเพราะดูจากอาการเบื้องต้น จากนั้นก็จับให้อีกคนขี่หลัง แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าผละออกห่างเล็ก

น้อยเหมือนตกใจ

      “มึงจะทำอะไร” ไฟร้องถาม

      “ก็ขี่หลังกู” ผมตอบก่อนจะประคองมันให้ขึ้นขี่หลังเพื่อที่จะพาไปดูข้อเท้าที่แพลง

      “จับดีๆล่ะมึงตกไปตายกูไม่มีค่าทำศพ” ผมว่า ทั้งๆที่ใจเป็นห่วงแทบแย่ ผมนี่ปากไม่ตรงกับใจเลยเนอะ!

        ผมพาไฟขี่หลังมาหยุดอยู่ที่เพิงสำหรับชาวนาที่เอาไว้พักเหนื่อยก่อนจะเดินหายไปไหนสักพัก ก่อนจะปล่อยอีกคนลงแล้ว

รีบวิ่งกลับบ้านเพื่อไปเอาชุดปฐมพยาบาล โชคดีที่บ้านผมกับนาอยู่ไม่ไกลกันมากจึงทำให้ไปกลับได้อย่างสะดวก       
   
      “เดี๋ยวกูจะลองนวดๆก่อนก็แล้วกันเผื่อจะดีขึ้น” ผมบอกไฟ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปจับข้อเท้าที่แพลงของอีกคนเห็นไฟทำหน้า

เหยเกด้วยความปวด ผมจึงค่อยๆจับข้อเท้านั้นอย่างเบามือ แต่ไฟกลับทำท่าจะผละออกอย่างเกรงใจ ผมจึงหันไปมองหน้า

อย่างดุๆ อีกคนจึงยอมปล่อยให้ผมนวดข้อเท้าต่อไปอย่างว่าง่าย


      “ไหนมึงลองขยับดิ” หลังจากที่นวดเสร็จผมก็บอกให้อีกคนลองขยับข้อเท้าดูและเห็นว่าสีหน้าของไฟดูดีขึ้นก็ทำให้ผม


โล่งอก ส่วนเจ้าตัวก็ขอบคุณที่ผมช่วยนวดข้อเท้าให้

      “ขอบคุณนะ”

      “อื้ม” ผมรับคำ ก่อนจะนั่งลงข้างๆไฟ เก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่นำมา 
     
        ยามเย็น ท้องฟ้าสีแสดกับทุ่งนาสีเขียวมันทำให้ผมได้ปล่อยใจของตัวเองได้ทบทวนและคิดเรื่องราวต่างๆนานาเกี่ยวกับคน

ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเหลือบไปมองเห็นไฟที่เหม่อมองท้องฟ้ายามเย็น สายตาที่ดูเหม่อลอยเหมือนคิดถึงใครบางคน คนที่ไม่มีวัน

เป็นผม

      “เป็นไรไปมึงประจำเดือนมาไม่ปกติเหรอ” ผมทำใจสักพักก่อนถามอีกคนเพราะดูเหมือนดวงตาของไฟจะเอ่อคลอไปด้วย

น้ำตา ผมไม่ต้องการให้ดวงตาสวยๆของไฟต้องมีหยาดน้ำตามาปะปนเพราะมันจะทำให้ดวงแก้วแวววาวที่ผมชอบมองต้อง

หม่นหมอง

      “มึงเหอะที่มาไม่ปกติ” ไฟกลับมาว่าผมเหมือนปกติ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มได้ที่เห็นอีกคนยิ้มถึงแม้มันอาจจะดูฝืนเต็มทน

      “ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะเพื่อทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย

      “เออนี่ กูถามมึงจริงๆนะ มึงคิดไงถึงมาเป็นตำรวจ” ไฟถามผม

      “กูก็อยากจะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ก็แค่นั้น” ผมตอบ แต่เลี่ยงที่จะตอบแรงจูงใจหลักที่ทำให้ผมต้องมาเป็นตำรวจ


      “ตอบเป็นพระเอกเชียวนะมึง” ไฟเหน็บผม ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆให้อีกคน

      “แต่กูก็ไม่ได้เป็นพระเอกของมึงอยู่ดี” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมพูดประโยคนั้นออกไป บรรยากาศรอบกายจึงดูกลับมา

อึดอัดเหมือนครั้งแรก แต่เป็นไฟเองที่จะมองข้ามสิ่งที่ผมพูดไป

      “มึงนี่ วู้ อย่ามาเสี่ยวแถวนี้นะมึง” ไฟบอกปัด

      “เออ ก็มึงไม่อยู่ตั้งนานปล่อยให้กูหยอดของกูเหอะ” แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่กล้าที่จะพูดให้มันจริงจัง

      “แล้วตอนนี้มึงก็ไม่ได้แว๊นแล้วอ่ะดิ” ไฟถามผมเพราะเมื่อก่อนผมเป็นเด็กแวนซ์ เด็กเกเรเลยก็ว่าได้

      “อืม มึงรู้ป่ะเมื่อก่อนกูเป็นเด็กแวนซ์ แต่เดี๋ยวนี้กูต้องมาจับเด็กแวนซ์ อารมณ์มันคนละแนวเลย” ผมว่า ซึ่งมันให้ความรู้สึก

คนละแบบจริงๆ คิดถึงตอนนั้นผมก็ไม่รูว่าตัวเองทำลงไปได้ยังไง

      “ก็แหงล่ะมึง” ไฟว่า ก่อนที่เราจะปล่อยให้สายลมที่พัดรอบกายขับกล่อมให้ผ่อนคลาย

        ผมหลับตาลงช้าๆ ผมอยากจะตักตวงความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่มีผมแล้วก็ไฟแค่สองคน ความรู้สึกที่ไม่ต้องมีคนอื่นเข้า

มาร่วมแทรก แม้ว่าความเป็นจริงแล้วมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมหวัง อย่างน้อยผมก็ขอให้มันเป็นเพียงแค่ฝัน ฝันที่ดีที่สุดที่ใน

ชีวิตผมเคยฝัน ฝันที่ผมไม่อยากจะตื่น..

      “มึง” อยู่ดีๆไฟก็ทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้น

      “หืม?” ผมตอบรับ

      “มึงรู้สึกยังไงกับกูกันแน่” ผมลืมตาขึ้นมามองไฟที่ถามคำถามแบบนั้นกับผม นั่นสินะ ผมรู้สึกยังไงกับไฟกันแน่ ผมไม่ตอบแต่

เลือกที่จะขอกลับไปอยู่กับความฝันก่อนจะตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับความเป็นจริง ความจริงที่ทำให้ผมเจ็บปวด แต่ผมก้คงต้อง

ยอมรับมัน

      “มึงได้ยินกูป่ะเนี่ย” เสียงของไฟถามผมอีกครั้ง

      “กูไม่ได้หูหนวกก็ต้องได้ยินดิวะ” ผมตอบอีกคนเพราะผมยังไม่พร้อมที่จะตื่นมาเจอกับความเป็นจริง..........ก็แค่ในตอนนี้

เท่านั้น

      “งั้นกูถามทำไมมึงไม่ตอบ” ไฟเริ่มมีน้ำโห

      “กูหลับตาอยู่” ผมตอบไฟ ซึ่งผมไม่ได้กวนอีกคนจริงๆ

      “งั้นมึงก็ลืมตาดิ” ไฟขึ้นเสียงบังคับให้ผมลืมตา

      “มึงหลับตาก่อนแล้วกูจะตอบ” ผมให้อีกคนหลับตาลง ถึงแม้ใจผมจะรู้ดีว่าในห้วงความคิดที่อีกคนคำนึงหานั้นไม่ใช่ผม

แต่อย่างน้อยผมก็ขอแค่ในเวลานี้ที่อีกคนจะคิดถึงแต่เรื่องของผม

        ผมค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากที่เห็นว่าไฟหลับตาลงแล้ว ผมสังเกตเห็นคิ้วของอีกคนที่ขมวดกันจนเป็นปมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

 ไฟไม่ชอบให้ใครขัดใจ ซึ่งเรื่องนี้ใครๆก็รู้ ผมมองสำรวจใบหน้าของอีกคนอย่างใกล้ชิดเพราะมันอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว

ที่ผมได้ทำแบบนี้ ผมค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย กลิ่นหอมที่มาจากกลิ่นตัวของอีกคนปะทะเข้ากับใบหน้าผม มันเป็นกลิ่น

สดชื่นที่ผมจะจำไว้ไม่มีวันลืม จากนั้นริมฝีปากของผมก็สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกคน มันเป็นเพียงแค่สัมผัสบางเบา แต่ผม

เชื่อว่ามันจะไม่มีวันหายไปจากใจผม

        ไฟค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูตกใจพร้อมกับแสดงความงุนงงในสิ่งที่ผมทำลงไปอย่างเห็นได้ชัด

      “ถึงกูจะชอบหลอกมึง แต่สำหรับเรื่องความรู้สึกแล้ว........กูไม่เคยหลอกมึง”





                   
      “ฝันดีนะมึง” ผมบอกไฟ หลังจากที่เดินมาส่งอีกคนที่บ้าน

      “อืม เหมือนกัน” ไฟบอกลาผม จากนั้นจึงเดินหันหลังกลับเข้าบ้านไป

            ผมจึงค่อยๆหันหลังเดินกลับไปเมื่อเห็นอีกคนเดินหายลับตาไป-ภายในบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ แม้อีกคนจะไม่ได้

เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา แต่สายตากับสิ่งที่แสดงออกมามันมากพอที่ทำให้ผมรับรู้อะไรหลายๆอย่าง ผมพูดมันได้เต็มปากเต็มคำว่า

 ‘ผมรู้สึกชาไปทั้งร่าง’ แต่จุดที่ชามากที่สุดนั้นเป็น ก้อนเนื้อในอกซ้ายของผมที่ตอนนี้มันชาจนไร้ความรู้สึก ผมอาจจะรู้จักกับไฟ

ก่อน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะได้เป็นคนที่ไฟรู้สึกดีด้วยก่อน ผมอาจจะมาช้าไปหรือไม่.......ผมอาจจะไม่ใช่คนที่ไฟตาม

หา

            แต่จู่ๆกลับมีหยดน้ำหยดลงบนพื้นด้านล่าง ผมคิดว่ามันเป็นน้ำฟ้าที่ตกลงมาจากฟ้าด้านบน แต่เปล่าเลย มันคือหยด

น้ำตาของผม ของผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนสำคัญสำหรับไฟ..................................



























                             จบแล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ 2 ที่เป็นเรื่องยาวที่ดีสแต่งจบในเว็บนี้ ขอบคุณทุกการตอบรับที่ดี

ขอบคุณทั้งคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นให้ดีสนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปด้วยนะคะ สุดท้ายนี้ก็ขอกล่าวคำว่า

                                                                      'ขอบคุณจากใจจริงค่ะ'

ปล. ตอนนี้ดีสแต่งเรื่อง จอมใจ อยู่ในตอนนี้ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-10-2015 14:13:16
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 11:11:20
 :mew1: