พิมพ์หน้านี้ - นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Violasheep ที่ 05-02-2017 17:33:31

หัวข้อ: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 05-02-2017 17:33:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
               
                         
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 05-02-2017 17:34:07
มังกรซ่อนหิมะ

               บทนำ

             

พรรคมังกรพิโรธอยู่ตรงหุบเขาใหญ่ในบริเวณชายแดนระหว่างแผ่นดินฉินและต้าหลี พื้นทีของหุบเขานั้นสุดแสนกว้างขวาง หมู่ตึกของพรรคตั้งปิดกั้นทางเดินข้ามผ่านระหว่างเมืองที่ถึงแม้ลึกลับ แต่หากใช้เส้นทางนี้จะสามารถเดินทางจากต้าหลีสู่แผ่นดินฉินได้โดยง่าย

           

   ด้วยเหตุนี้พรรคมังกรพิโรธจึงถือเป็นจุดยุทธศาตร์หนึ่งซึ่งดีเยี่ยมและแผ่นดินฉินก็ไม่ต้องการจะเสียมันไปให้กับต้าหลี หลายรัชสมัยที่พรรคมังกรพิโรธยึดหุบเขาหมื่นปีเป็นที่มั่น แม้นว่าจะขัดหูขัดตาชาวยุทธมากมายแต่ราชสำนักมิได้ว่ากล่าวสิ่งใด จนมีเสียงร่ำลือว่าราชสำนักถือหางพรรคมังกรพิโรธอยู่เบื้องหลัง

           

    ปัจจุบันฮ่องเต้ที่ขึ้นครองรัฐฉินมีนามว่ามู่หรงเยว่ขึ้นครองราชย์มาได้สิบปีแล้ว การที่พระองค์ไม่ใส่ใจต่อการที่พรรคมังกรพิโรธยึดจุดยุทธศาสตร์ดังเช่นเหนือหัวในรัชกาลก่อนทำให้จอมยุทธฝ่ายธรรมหลายสำนักมีความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ด้วยปรีชาสามารถที่ทำให้ไพร่ฟ้าอยู่ดีกินดี เหล่าชาวยุทธจึงคิดเสียว่าเรื่องของยุทธภพก็ให้ชาวยุทธจัดการไปน่าจะดีที่สุด

         

     พรรคมังกรพิโรธมีประมุขนามว่าจูเยว่เสวียนปีนี้อายุได้หกสิบพอดิบพอดี ทว่าด้วยพลังยุทธล้ำเลิศจึงทำให้ดูเหมือนหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ จูเยว่เสวียนผู้นี่มีนิสัยไม่อินังขังขอบต่อจารีตประเพนี มักจะทำอะไรค้านต่อสายตาของเหล่าชาวยุทธ นอกจากนั้นยังชอบท้าประลองไปทั่วเพื่อวัดฝีมือ

       

        ในสมัยที่ยังเยาว์จูเยว่เสวียนท้าประลองจนเป็นนิสัยจึงทำให้มีศัตรูทั้งทางตรงและอ้อมมากมาย ด้วยเหตุนี้พรรคมังกรพิโรธที่แต่เดิมก็มีชื่อเสียงไม่ใคร่ดีในยุทธภพอยู่แล้ว จึงยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิมเมื่อจูเยว่เสวียนขึ้นเป็นประมุข

       

        ทุกวันนี้ถึงแม้จะถูกขนานนามว่าเป็นพรรคมาร ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย เป็นเพราะวิชายุทธอันสุดหยั่งที่สืบทอดแก่ประมุขพรรคทุกรุ่น วิชานี้มีชื่อว่ากระจกเงาหมื่นบุพผา เป็นวิชาที่มุ่งเน้นฝึกลมปราณเย็นเป็นหลัก ผู้ฝึกจะสามารถทนทานต่อความหนาวเย็นและร้อน ทั่วทั้งร่างกายจะเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลซึ่งกักเก็บและสามารถเรียกออกมาใช้ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

         

     นอกจากวิชาฝึกภายในที่ล้ำลึกเช่นนี้ ยังมีวิชากระบวนท่าอีกหลายแขนงที่ถูกถ่ายทอดมาและจูเยว่เสวียนเป็นผู้คิดค้นขึ้นเอง นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนมากมายไม่กล้ากระตุกหนวดมังกรของประมุขพรรคมังกรพิโรธ

              แล้ววันนี้มันกระไรกัน เหตุใดจึงมีอริเข้าจู่โจมจูเยว่เสวียนมากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่เวลานี้อยู่ระหว่างการกบดานฝึกวิชาในสถานที่ลับแท้ๆ ความดีไม่มาความซวยกลับบังเกิด ก่อนหน้านั้นไม่กี่ยามจูเยว่เสวียนแทบกระอั่กเลือดเพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรกในการฝึกวิชาสุดยอดที่ประมุขรุ่นก่อนๆได้ทิ้งเอาไว้

     

          ตอนนี้ยังไม่ทราบได้ว่าลมปราณที่แตกซ่านจะทุเลาดีขึ้นเมื่อไหร่ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เวลา การที่ถูกจู่โจมจากยอดฝีมือรอบด้านเช่นนี้มันทำให้จูเยว่เสวียนนึกขำในโชคชะตาฟ้าลิขิต

         

      ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาตายที่นี่ ถึงแม้จะถูกธาตุไฟเล่นงาน แต่หาได้ฝีมือย่อถอยไปซักเท่าใด ทว่าความเจ็บปวดแปลบๆที่ท้องน้อยเหมือนถูกเข็มทิ่ม ทำให้ไม่สามารถรีดเร้นลมปราณได้อย่างเต็มที กระนั้นจูเยว่เสวียนยังไม่แม้แต่แสดงความเจ็บปวดออกทางสีหน้า

       

       “ผู้เฒ่าจูยอมตายเสียเถอะแล้วจะไม่เจ็บปวดดั่งที่คิด” ผู้ที่เอ่ยเตือนคือกังปัง ฉายา หอกทะลวงใจ คนผู้นี้เฉิดฉายอยู่ในยุทธภพมานานหลายปี จัดเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในอันดับต้นๆคนหนึ่ง

       

       “ท่านกังอย่าได้ใจดีกับมันผู้นี้เกินไป ความเลวร้ายของมันต่อให้สับเป็นหมื่นชิ้นยังไม่พอเพียง”



 ผู้เอ่ยคำเป็นชาวยุทธรุ่นเยาว์ที่จูเยว่เสวียนไม่เคยคุ้น ทว่าหากสังเกตชุดขาวที่คล้ายนักพรตและการเกล้ามวยอย่างเรียบง่ายคงไม่พ้นเป็นศิษย์จากเรือนญาณพิทักษ์ธรรม สำนักยุทธซึ่งมุ่งเน้นการปฏิบัติธรรมมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆในฝ่ายธรรม



“ฮ่าฮ่าวันนี้เฒ่าจูไม่มีทางรอดแล้วทางที่ดีหากกลัวตายควรร้องขอชีวิตจากพวกเรา”



 ดูจากรูปโฉมอันหล่อเหลา ท่วงท่ากรีดกรายและการแต่งตัวพิธีพิถัน ยิ่งอีกฝ่ายมีอาวุธเป็นพัดเหล็กด้วยแล้ว จูเยว่เสวียนซึ่งมีความรู้กว้างขวางจึงเดาได้ไม่ยาก คนผู้นี่คือจอมยุทธหน้าหยก หยางเหวินเป่าไม่ผิดแน่



“มากันเพียงแค่สามคนเรอะ” จูเยว่เสวียนยิ้ม นึกอยากหัวร่อก็หัวร่อออกมาเต็มเสียง



“เหตุใดจึงหัวเราะผู้เฒ่าจู หรือว่ากลัวตายจนเพี้ยนไปแล้ว” หยางเหวินเป่าคลี่ยิ้มโบกสะบัดพัดเหล็กเล็กน้อยก่อนจะรวบพัดเข้ามาไว้ในมือ



“อย่าไปเสวนากับมันผู้นี้เลย พวกเราช่วยกันจัดการมันกันเถอะ ข้ามู่เกาจง จะขอสั่งสอนเจ้า”



 มู่เกาจงชักกระบี่ กู่ร้องเสียงยาวนาน เส้นสายเงากระบี่แทงเข้ามาถี่ยิบเหมือนแหจับปลาครอบคลุมกินบริเวณกว้างเหนือร่างของจูเยว่เสวียน

ประมุขพรรคมังกรพิโรธไม่เพียงไม่หลบหากแต่จี้นิ้วไปในอากาศเข้าปะทะกับเงากระบี่เสียงดังติงติง มู่เกาจงมือสั่นสะท้านทุกครั้งที่เสียงแหลมเล็กดังกังวาล



“อย่าได้ใจไปเจ้าคนโฉดคอยดูท่าไม้ตายของข้าเสียบ้าง”



มูเกาจงถอยห่างจากจูเยว่เสวียนร่ายรำกระบี่รวบรวมลมปรานที่ฝึกมาทั้งชีวิตก่อนจะควงสว่านทั้งตัวโหมเข้าแทงด้วยความเร็วที่เกินกว่าหยางเหวินเป่าและกังปังจะคาดคิด



“กระบวนท่าเยี่ยม”



 หยางเหวินเป่าโห่ร้องชมเชย แต่ไม่คาดว่าจูเยว่เสวียนจะหัวเราะร่า ยืนตระหง่านไม่หลบหนี ตาเฒ่าจูถึงแม้จะปวดท้องน้อยยิบๆ แต่ไม่หนักหนาหากจะรีดเร้นลมปราณสายใหญ่เข้าปะทะกับกระบวนท่าสุดยอดของมู่เกาจง



เสียงฉี่ฉี่ ดังขึ้นเมื่อจูเยว่เสวียนแหวกปลายนิ้วจี้ไปประทะกระบี่ที่ควงสว่านเข้าใส่ มู่เกาจงไม่เคยรู้สึกหนักเช่นนี้มาก่อน จอมยุทธรุ่นเยาว์แห่งเรือนญาณพิทักษ์ธรรมคาดว่ากระบวนท่าถูกหยุดยั้งด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาล



พริบตานั้นกระบี่คู่ใจก็หักสะบั้นลมปรานสายหนึ่งแผ่พุ่งมากระแทกกับยอดอกอย่างแรงจนต้องกระเด็นลอยคว้างไปกระแทกกับกำแพงถ้ำอันหนาแข็ง เมื่อเห็นท่าไม่ดี กังปังและหยางเหวินเป่าต่างทะยานเข้าจู่โจมจูเยว่เสวียนพร้อมกัน



“เข้ามา” จูเยว่เสวียนหัวเราะฮาฮา เร่งเร้าพลังถึงขีดสุดแผ่พลังเป็นลมปราณอัดกระแทกจนเงาร่างทั้งสองที่พุ่งเข้าหาลอยเคว้งออกไปปะทะกับกำแพงทั้งคู่



“ฮ่าฮ่า”



เสียงหัวเราะอันเต็มไปด้วยพลัง จูเยว่เสวียนจงใจใช้มันเป็นอาวุธสุดท้าย ตอนนี้ธาตุไฟเล่นงานตนจนย่ำแย่ หากว่าใช้ลมปราณมากกว่านี้เห็นทีจะเจ็บหนักต้องใช้เวลารักษาตัวอีกนาน ดังนั้นจึงจงใจใช้ลมปราณผ่านทางเสียงเล่นงานจนแก้วหูของจอมยุทธฝ่ายธรรมะทั้งสามถูกทำลายไปกลายเป็นคนพิการ



“ฮ่าฮ่า ลาก่อน”



 ผู้เฒ่าจูโจนทะยานออกจากถ้ำก่อนที่จะกระอั่กเลือดออกมาคำใหญ่ให้ผู้ใดเห็น เมื่อก้าวพ้นจากมาหลายชั่วก้าว จูเยว่เสวียนก็ไอออกมาเป็นหยาดเลือด ใบหน้าของผู้เฒ่าซีดเซียว ทว่าแรงยังเหลืออยู่มาก ทางที่ดีควรหาที่กบดานก่อนที่จะมีผู้ใดมาพานพบจะดีที่สุด



สาวเท้าวิ่งอยู่หลายชั่วยามในที่สุดก็พบกับหมู่ตึกอันสวยงาม จูเยว่เสวียนเดาว่าต้องเป็นคฤหาสน์ของผู้มีอันจะกิน หากว่าไปกบดานในที่แห่งนี้นอกจากจะมีของดีดีให้กิน พวกอริยังคงคิดไม่ทันว่าเขาจะมาหลบซ่อนในที่กระจ่างแจ้งเช่นนี้



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

นายเอกยังไม่โผล่นะจ๊ะ คาดว่าจะโผล่ตอนหน้า สปอย จูเยว่เสวียนบ่ใจ่พระเอกนะจ๊ะ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้าง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 05-02-2017 18:04:50
รอตอนต่อไปจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 05-02-2017 18:56:49
รอออออ :impress2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 05-02-2017 18:58:46
รอตอนต่อไปยุนะคัฟ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: lilowria ที่ 05-02-2017 19:44:28
ว้าววว ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 06-02-2017 05:12:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 06-02-2017 07:48:56
ติดตามจ้า สนุกกกก บู๊ๆเราชอบ :hao7: หกสิบเลยหรอ :a5: :a5: o22 ขอลดอีกได้มั้ย(ต่อเป็นราคาของเลย5555) ใครคือพระเอกล่ะนี่   นายเอกคือฮ่องเต้? ลุ้นนนนน  อยากรู้แล้วววว มาต่อไวๆน้าาา :ling1: :hao5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทนำ 5/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-02-2017 08:52:08
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 06-02-2017 12:06:36
ตอนที่1



สกุลเสวี่ยประกอบกิจการสำนักคุ้มครองมานานจนมีชื่อเสียงเลื่องลือในยุทธภพ ด้วยความที่กิจการประสบความสำเร็จ คฤหาสน์ประจำตระกูลจึงใหญ่โตและงดงาม เต็มไปด้วยห้องหับหลายห้อง เพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับนักบู๊ที่เข้ามาทำงานให้กับตระกูล



ยิ่งผู้คนมากหน้าหลายตา เรื่องราวต่างๆก็ยิ่งวุ่นวายนัก นอกเหนือจากนักบู๊ของตระกูลยังมีบ่าวไพร์จำนวนมากที่มาอาศัยพึ่งใบบุญสำนักคุ้มภัยสกุลเสวี่ย



“เจ้าโง่หมิง ใครก็ได้ไปเรียกเจ้าโง่หมิงมาที”



 เสียงแหลมเล็กฟังดูเกรี้ยวกราด ผู้ที่แผดเสียงราวกับนางร้ายเช่นนี้ต่อบ่าวไพร่คือคุณหนูเล็กเสวี่ยถิง ลูกสาวเพียงคนเดียวของสกุลเสวี่ย เด็กสาวผู้นี้ปีนี้อายุได้สิบหกปีบริบูรณ์วันนี้เป็นวันเกิดของนาง ดังนั้นต่อให้เอาแต่ใจแค่ไหนผู้เป็นบิดามารดาย่อมไม่ขัดความต้องการของนาง



ตอนนี้บ่าวไพร์พากันโกลาหล เพราะตั้งแต่เช้าตรู่คุณหนูออกมาสั่งการด้วยตัวเองเพื่อให้งานเลี้ยงวันเกิดของตนยอดเยี่ยมที่สุด ทว่าครานี้เห็นทีจะแย่เสียแล้ว เมื่อสถานการณ์อันเรียบง่ายที่ผ่านมาตลอดช่วงเช้าแปรเปลี่ยนเป็นยุ่งยาก เพราะคุณหนูเสวี่ยถิงพบเห็นข้อบกพร่อง



“เร็วซี้ ฮุ่ยหนิง ไปตามเจ้าโง่หมิงมา”



“เจ้าคะคุณหนู”



 ฮุ่ยหนิงรีบสาวเท้ารัวเร็วกลัวจะไม่ทันการ คุณหนูเสวี่ยถิงแม้รูปงามแต่เป็นคนอารมณ์ร้าย หากชักช้าเกรงว่าจะถูกลงโทษโบยจนหลังลายเหมือนผู้อื่นที่โดนกันถ้วนหน้า



ขณะที่วิ่งไปจนแทบกระหืดกระหอบ ฮุ่ยหนิงอดสงสารเด็กน้อยที่ถูกเรียกเป็นเจ้าโง่หมิงไม่ได้ เสวี่ยหมิงอันที่จริงแล้วเป็นถึงลูกชายของมือกระบี่อันดับต้นๆในสำนักคุ้มภัยตระกูลเสวี่ย หากว่าพ่อของเด็กน้อยนี่ไม่ตายไปเสียก่อน อนาคตของเด็กน้อยน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่นี้



ทุกวันนี้ถึงแม้ได้รับโอกาสให้เรียนหนังสือจนอ่านออกเขียนได้ ได้รับโอกาสให้ใช้นามสกุลของตระกูลเสวี่ย แต่ชีวิตอาภัพนักต้องคอยเป็นลูกไล่รองรับอารมณ์คุณหนูเสวี่ยถิงอยู่ร่ำไป




ที่เลวร้ายไปกว่านั้นเป็นเพราะเด็กน้อยผู้นี้คลอดอออกมาก่อนกำหนด จึงทำให้ตัวเล็กและค่อนข้างอ่อนแอกว่าเด็กหนุ่มในวัยเดียวกันจนเห็นได้ชัดเจน กระนั้นด้วยนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนและสัตย์ซื่อ จึงทำให้เป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนไม่เว้นแม้แต่พวกเจ้านายตระกูลเสวี่ย



“หมิงน้อย หมิงน้อย” เมื่อไปถึงก็พบว่าเสวี่ยหมิงกำลังกวาดใบไม้ในสวนอยู่ ฮุ่ยหนิงไม่รอช้าแจ้งความจำนงค์ของคุณหนูเสวี่ยถิงทันที



“มีอะไรหรือพี่ฮุ่ยหนิง”



“รีบไปหาคุณหนูเถอะ คุณหนูท่านเรียกเจ้านานแล้วนะหมิงน้อย”



เสวี่ยหมิงกระตือรือล้นขึ้นทันได้ ในที่สุดคุณหนูถิงก็เรียกเขาจนได้ ก่อนหน้านั้นหลายวันหมดอาลัยตายอยากแทบตายเพราะถูกไล่ราวกับหมูหมา เพียงเพราะขัดใจไม่ยอมยิงเจ้านกที่ทำรังอยู่บนต้นไม้ในสวนให้คุณหนู



พอถูกเรียกเท่านั้นเสวี่ยหมิงก็วิ่งไปหาคนเรียกด้วยความลิงโลด อาการเช่นนี้ไม่เพียงแต่ตัวเองเท่านั้นแม้แต่คนในตระกูลส่วนใหญ่ก็รู้ดี เสวี่ยหมิงมีใจชอบพอต่อคุณหนูเสวี่ยถิง ทว่าถึงแม้จะแสดงออกชัดเจนถึงเพียงนี้แต่กลับไม่มีใครถือสาอาจเป็นเพราะสงสารในชะตากรรมของมันก็เป็นได้



“มาแล้วขอรับคุณหนู”



“มาเสียทีนะเจ้าโง่หมิง เจ้าดู” คุณหนูถิงชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารวางเรียงราย เสวี่ยหมิงย่อมไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าเยี่ยงไร



“ขอรับ” เหมือนการที่ไม่เข้าใจได้โดยง่ายจะกระตุ้นให้คุณหนูเสวี่ยถิงขุ่นเคือง เด็กสาวขยี้เท้าไปมาบอกชัดถึงอารมณ์ที่คุกรุ่น



“น่าตายนัก เหตุใดเจ้าถึงได้โง่เง่าออกปานนี้ ดูแล้วไม่เข้าใจรึ”

ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงเริ่มสังเกตอย่างถ้วนถี่ บนโต๊ะซึ่งมีอาหารเรียงราย มีบางจานที่วางเปล่าไร้อาหารจัดอยู่ในนั้น



“อาคุณหนูเดียวข้าน้อยจะตามหาคนขโมยอาหารให้ขอรับ”



“หาให้พบนะ ข้าจะไม่ยอมให้มีพวกขี้ขโมยอยู่ในบ้านของข้าอยากเด็ดขาด ไม่สิ ฮุ่ยหนิง” คุณหนูเสวี่ยถิงตะโกนเสียงดัง ไม่นานนักผู้ถูกเรียกก็รีบเข้ามาในห้อง



“เจ้าค่ะคุณหนู”



“ไปเรียกพวกคนใช้ให้มารวมกันที่นี่”



เสวี่ยหมิงกับฮุ่ยหนิงได้แต่ปาดเหงื่อ กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ใดที่กล้าขโมยอาหารจัดงานเลี้ยงของคุณหนู เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆเป็นแน่แท้ครานี้

       

       “เกิดอะไรขึ้นน้องหญิง”

       

       “ท่านพี่ซาน ท่านพี่หาน”



 เสวี่ยถิงยิ้มให้ต่อการปรากฏตัวของนายน้อยเสวี่ยซานกับลู่หานผู้เป็นคู่หมั้น เสวี่ยหมิงได้แต่มองคุณหนูถิงวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้เป็นคู่หมั้น ยอมรับว่าภายในอกปวดแปลบราวกับถูกเข็มทิ่ม

           

   เด็กหนุ่มเตือนตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เขาไม่คู่ควรกับคุณหนูถิงแม้แต่กระผีกริ้น ทว่าแม้จะรู้และเข้าใจดีแต่ไม่สามารถห้ามใจไม่ให้มองตามหรือเฝ้าคะนึงหาคุณหนูผู้แสนงดงามคนนี้ได้

       

       “เจ้าหมิงโง่ รินน้ำชาให้พี่หานทีสิ”



 เสวี่ยหมิงก้มหัวประหลกๆ รี่เข้าไปจับการินน้ำชาตามคำสั่ง ฮุ่ยหนิงมองมาด้วยสายตาเวทนา คงจะรู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไร ทว่าถึงแม้ในสายตาผู้อื่นจะเห็นว่าเขาน่าสงสาร แต่เสวี่ยหมิงไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดอะไรไป เขามีบ้านให้อยู่มีอาหารให้กินและมีเพื่อนมากมาย

           

   นายท่านนายหญิงและนายน้อยต่างก็ให้ความเมตตาต่อเขาอย่างมาก มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาคิดว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม สิ่งนั้นคือการที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกยุทธ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตนเองร่างกายอ่อนแอและตัวเล็ก แต่คงไม่เป็นการโอ้อวดไปกระมัง เขาสามารถจดจำกระบวนท่าของนักบู๊ในสำนักได้หมดแม้แต่กระบวนท่าของนายท่านและนายน้อยเองก็ตาม

         

      เรื่องนี้เพียงเท่านั้นที่เสวี่ยหมิงสามารถภาคภูมิได้บ้าง มีแค่เรื่องความจำอันดีเลิศเท่านั้นที่เสวี่ยหมิงไม่เป็นสองรองใคร ทว่าไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออกไป เพราะเกรงจะเป็นที่จับตามองของผู้คน เขาไม่ชอบเป็นจุดเด่น นี้เป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก

         

      “น้ำชามาแล้วขอรับ” หลังจากรินน้ำชาเรียบร้อย เสวี่ยหมิงก็นำมันมาส่งให้ถึงมือของคู่หมั้นของคุณหนูถิง ตอนนี้เองที่นายน้อยเสวี่ยซานกล่าวพูดด้วย

         

     “วันนี้เองก็เป็นวันเกิดของเจ้านี่นะ เสวี่ยหมิง ว่ายังไงเจ้ามาฉลองวันเกิดพร้อมกับถิงน้อยด้วยดีหรือไม่”

               ผิดท่าเสียแล้ว เสวี่ยหมิงหันไปมองหน้าของคุณหนูถิงก็พบว่านางแยกเขี้ยวไม่พอใจ

       

       “น่าตายนัก เจ้าหมิงโง่ เหตุใดเจ้าต้องมาเกิดวันเดียวปีเดียวกับข้าด้วยนะ”

       

        “แต่ข้าไม่เห็นด้วยนะ อาซาน จะให้คนใช้มาร่วมโต๊ะกับพวกเรา นอกจากจะไม่เหมาะ อาจจะทำให้มันอับอายก็ได้นะ เจ้าก็รู้ดีนี่พวกคนใช้รู้มารยาทบนโต๊ะอาหารเสียที่ไหน”



 เสวี่ยหมิงก้มหัวลงต่ำได้แต่ฟังลูหานออกความเห็น ถึงแม้ตนเองจะถูกสอนมารยาทและเรียนหนังสือแบบเดียวกับคุณหนูถิงทุกอย่าง ยังไม่กล้าเอ่ยออกไปเพราะในความเป็นจริงตัวเขาเองก็ไม่อยากร่วมโต๊ะกับคนใหญ่คนโตให้ได้อายดังที่ลู่หานพูดตรงตัวทุกประการ



“จริงด้วยๆ พี่หานพูดได้ถูกต้อง เจ้าหมิงโง่จะต้องขายหน้าแน่ๆ” คุณหนูถิงตบมือชอบใจ ตอนนี้สายตาทุกคู่มองมาที่เสวี่ยหมิงเพียงผู้เดียว



“ว่าอย่างไรเจ้าหมิง อยากร่วมโต๊ะกับพวกเราไหม ท่านพ่อท่านแม่ไม่รังเกียจเจ้าแน่ๆ เจ้าเองก็รู้สินะว่าพวกท่านเลี้ยงเจ้ามาเหมือนลูกเหมือนหลาน”



จริงดังที่เสวี่ยซานว่า นายท่านและนายหญิงสกุลเสวี่ยเลี้ยงเสวี่ยหมิงมาคล้ายลูกหลาน การที่ท่านทั้งสองให้เขาเรียนหนังสือเรียนทุกอย่างเหมือนคุณหนูถิงยกเว้นวรยุทธ มันทำให้เขาซาบซึ้งจนเกินจะเอ่ย



“ไม่ดีกว่าขอรับนายน้อย คืนนี้ข้าว่าจะขออยู่ทำความสะอาดคลังอาวุธส่วนตัวของนายท่านให้เรียบร้อย ขอบพระคุณที่นายน้อยเมตตาขอรับ”



โชคดีที่นายน้อยซานไม่ถือสาอะไร เมื่อได้รับอนุญาตจากนายน้อยให้ไปได้ เสวี่ยหมิงก็สาวเท้าออกจากบริเวณนั้น ไม่คาดคิดว่าจะถูกคุณชายลู่หานขัดขาจนล้มคว่ำลงไปเสียงดังสนั่นต่อหน้าคุณหนูถิง



“ว้าย ซุ่มซ่ามเหลือเกินเจ้าหมิงโง่” คุณหนูหัวเราะเสียงใส เสวี่ยหมิงเมื่อลุกขึ้นได้ก็ใช้มือปิดจมูกของตัวเองเอาไว้ เด็กหนุ่มไม่อยากให้ใครเห็นเลือดกำเดาที่ไหลออกมาเพียงเพราะแค่ล้มหน้าทิ่มในครั้งเดียว



“ขอตัวนะขอรับ”



เสวี่ยหมิงทำเสียงอู้อี้รีบสาวเท้าเดินออกมาจากที่ตรงนั้น แม้ว่าจะได้ยินเสียงตะโกนถามอย่างห่วงใยจากนายน้อยซาน เขาก็ไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป โชคดีที่คุณหนูถิงชวนนายน้อยคุยจนหมดความสนใจในตัวเขาไป ดีแล้วที่เป็นเช่นนั้น



กล่าวกันตามจริงนอกจากเป็นข้ารับใช้รองมือเท้าคุณหนูถิงกับช่วยงานคนอื่นอีกนิดหน่อย เสวี่ยถิงก็ไม่มีงานหนักให้ลำบากอีก งานของเขาจริงๆที่ชื่นชอบและได้รับมาจากนายท่านโดยตรง คืองานดูแลห้องเก็บอาวุธส่วนตัวของนายท่าน



และเป็นหน้าที่ของเขาทุกวันที่จะเข้าไปทำความสะอาดตรวจเช็คอาวุธให้อยู่ในสภาพดีพร้อมเสมอ ห้องเก็บอาวุธเป็นหนึ่งในห้องลับที่มีไม่กี่คนจะรู้ เสวี่ยหมิงได้รับความเมตตาจากนายท่านให้รู้ความลับอันนี้ แต่กระนั้นยังเป็นเพียงห้องลับห้องเดียวที่เขาได้รู้เท่านั้นไม่มีมากไปกว่านี้



เสวี่ยหมิงไปยังชั้นหนังสือในห้องทำงานของนายท่าน ขยับแจกันดอกไม้บนชั้นซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้ชั้นหนังสือเปิดออกเป็นทางเข้าไปสู่ห้องลับอันเต็มไปด้วยอาวุธชั้นดี เสวี่ยถิงจุดไฟบนตะเกียงไปตามทางเดินทีละอัน เมื่อไปถึงห้องก็จุดตะเกียงภายในห้องลับ



ทันทีที่จุดตะเกียงก็พบว่ามีผู้อื่นอยู่ในห้องลับซึ่งไม่น่ามีใครอยู่ วินาทีที่สบตากันเสวี่ยหมิงก็คล้ายกับถูกอะไรซักอย่างกระแทกเข้าที่ร่างกายจนจุก ที่เหนือกว่าความรู้สึกเจ็บคือร่างกายของเขาขยับไม่ได้ยืนแข็งค้างไปในบัดดล มีเพียงดวงตาหูและปากเท่านั้นที่ยังสามารถใช้การได้อยู่



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


เย้ ตอนนี้กะฟิตๆ อยู่เดียวต้องแต่งสลับกับเรื่องอื่นบ้าง เอาใจช่วยหมิงน้อยกันด้วยเด้อ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-02-2017 12:25:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-02-2017 13:30:07
มารอ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-02-2017 13:51:16
เสวี่ยหมิงคือนายเอก แล้วพระเอกล่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 06-02-2017 14:38:40
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 06-02-2017 14:56:12
รอค่าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-02-2017 17:00:07
มาตามด้วย สนุกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 06-02-2017 18:48:30
มารอครับมารอ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 06-02-2017 19:33:23
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 06-02-2017 22:18:30
 :mc4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 06-02-2017 23:28:40
คนพวกนี้ต้องเจอดีซะบ้าง พวกผี
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่1 6/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 07-02-2017 00:24:21
ปู่เสวียนจะมาเทรนวิชาให้หมิงเอ๋อร์ใช่มั้ยล่าาาา แต่อัดไปขนาดนั้นเดี้ยวเรื่องต้องตัดจบนะ5555 รอตอนต่อไปจ้าาาา อยากอ่านแล้ววว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 07-02-2017 08:00:30
ตอนที่2



ถึงแม้จะไม่มีเวลาให้คิดมากนักแต่ด้วยการมองแค่ปราดเดียวเสวี่ยหมิงก็จดจำรูปลักษณ์ของคนแปลกหน้าได้ขึ้นใจ คนผู้นี้อายุน่าจะราวๆสามสิบต้นๆ คิ้วหน้าเป็นปื้น จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมกล้า ริมฝีปากหยักหนา อีกทั้งยังกำยำล่ำสันมากกว่าคนทั่วไป มองดูโดยรวมแล้วช่างเต็มไปด้วยความดิบเถื่อน บอกได้ว่าเป็นชายงามที่น่าชื่นชมคนหนึ่ง



“พี่ชายท่านเป็นโจรหรอกรึ ขอบอกท่านซักหน่อยที่นี่คือจวนของตระกูลเสวี่ยสำนักคุ้มภัยอันเลื่องชื่อ พี่ชายไม่สามารถหนีพ้นจากการตามล่าได้หรอก”

เสวี่ยหมิงเริ่มต้นเกลี่ยกล่อมโดยหวังว่าโจรผู้นี้จะล้มเลิกความตั้งใจไปเอง ทว่าเจ้าโจรกลับหัวเราะฮาฮาคล้ายกับคนที่ได้รับฟังเรื่องเหลวไหลและน่าขัน



“ไอ้หนู ดูจากรูปกระดูกกลับหัวกลมๆทุยๆนั้นแล้วช่างเต็มไปด้วยคุณสมบัติที่ดียิ่ง แต่ว่ามีตาหามีแววไม่ สมองเจ้าช่างมีน้อยอย่างน่าอนาจใจเจ้าจำแนกไม่ออกรึว่าเราอายุเท่าไหร่ เหตุใดเจ้าจึงเรียกขานเราเป็นพี่ชายไม่เรียกผู้อาวุโสล่ะ”



ได้ฟังโจรกล่าวเช่นนั้นเสวี่ยหมิงก็ขบคิดจนสมองพองโต นี่เขาถูกโจรล้อเล่นด้วยกระนั้นหรือ ไม่ว่าดูยังไงอายุอานามของโจรผู้นี้ย่อมไม่เกินสามสิบต้นๆแน่ๆ เหตุใดจึงต้องการให้เขาเรียกขานเป็นผู้อาวุโสกัน



“เหตุใดท่านถึงอยากให้ข้าเรียกเป็นผู้อาวุโสท่านใช่หยอกเย้าข้าเล่นหรือไม่”

เป็นอีกครั้งที่โจรหัวเราะฮาฮา สำหรับมันมีไม่น้อยที่ผู้คนเข้าใจอายุของมันผิด โดยเฉพาะผู้ที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของมันย่อมเข้าใจผิดไปเช่นนี้ทุกคนไป



“ปีนี้เราอายุได้หกสิบปี เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า”



เสวี่ยหมิงตาโตทันใด แต่ใช่ว่าจะแปลกประหลาดไม่เคยได้ยิน ในหมู่นักบู๊ของตระกูลเสวี่ยมักเล่าถึงชาวยุทธฝีมือล้ำเลิศที่ไม่แก่และมีอายุยืนยาวออยู่บ่อยครั้ง



“ถ้าอย่างนั้นท่านผู้อาวุโสข้าขอยืนยันคำเดิม ท่านไปเสียก่อนที่คนในตระกูลเสวี่ยจะรู้ตัวเถอะ”

เสวี่ยหมิงทำใจดีสู้เสือ ใช้วาจาเข้าขมขู่หวังว่าโจรผู้นี่จะหวาดกลัวล้มเลิกแผนการแล้วหนีไปโดยง่าย



“อันที่จริงเรามากบดานรักษาตัวอยู่นี่เป็นเดือนแล้ว”



 โจรอาวุโสกล่าวเสียงเรียบเรื่อย หากแต่เสวี่ยหมิงกลับแทบไม่อยากเชื่อว่าจวนตระกูลเสวี่ยจะหละหลวมถึงขนาดปล่อยให้คนร้ายเข้ามากบดานได้นานถึงเพียงนี้ ทว่าคิดดูให้ดีดี หมู่นี้ทั้งอาหารและยามักจะหายไปอย่างไร้ล่องลอย กระนั้นเพราะของที่หายไปเป็นจำนวนไม่มากผู้คนจึงไม่สังเกต ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงนึกถึงอาหารจัดงานเลี้ยงของคุณหนูถิง



“ผู้อาวุโสนี่เองที่ขโมยอาหารเลี้ยงของคุณหนู”



“โฮ่ พึ่งรู้รึ” ตอนนี้เองที่โจรอาวุโสระเบิดเสียงหัวเราะ เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจว่ามันน่าขำตรงไหน



“เจ้าโชคดีนะที่นางมารน้อยนั่นไม่อาละวาดใส่ หนึ่งเดือนมานี้ที่ข้าจับตามองเจ้า คิดยังไงก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเจ้าถึงทนให้นางมารน้อยนั่นข่มเหงได้ถึงเพียงนี้”



“ไม่ใช่เรื่องของท่าน” เสวี่ยหมิงชักโกรธขึ้นมานิดหน่อยแล้วเมื่อโจรอาวุโสเฉียดใกล้เข้ามาในบริเวณที่เขาไม่ต้องการให้ใครล่วงล้ำ



“ฮิฮิ ข้าเดาว่าเจ้าหลงใหลในความงามของนางมารน้อยนั่นเข้าล่ะสิ”

โจรอาวุโสทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ชวนให้น่าโมโหยิ่งนัก หากไม่คิดว่าถูกสกัดจุดเอาไว้ เขาเองก็อยากจะลองสู้ตายดูซักตั้ง



“นี่ เจ้าไม่รู้สึกบ้างหรือว่าคนในจวนนี้ไม่ยุติธรรมต่อเจ้า ไม่สงสัยบ้างหรือทำไมเขาไม่ยอมให้เจ้าฝึกวรยุทธ”

เสวี่ยหมิงกัดฟันกรอด ไม่รู้ว่าโจรอาวุโสผู้นี้ ติดตามสืบเรื่องราวของเขาไปถึงขั้นไหน นี่ถึงกับรู้ประวัติส่วนตัวของเขาเสียอีก ช่างบัดซบนัก



“ท่านดู ร่างกายของข้าอ่อนแอ ตัวข้าเล็กกว่าผู้ชายในรุ่นเดียวกันนัก หากท่านคิดโดยตริตรองให้ดี ท่านจะเข้าใจว่านายท่านและนายหญิงหวังดีต่อข้า”



โจรอาวุโสแค่นหัวเราะดังเฮอะ สีหน้าท่าทางดูไม่เห็นด้วย สำหรับมันต่อให้เสวี่ยหมิงเป็นคนพิการ หากมันต้องการจะสอนสั่งคนพิการก็กลายเป็นยอดฝีมือได้



“ท่านไม่พอใจอะไร” เสวี่ยหมิงเห็นท่าทางหยามหยันของโจรอาวุโสแล้วก็ขุ่นเคือง อารมณ์คุกรุ่นทำให้ความกลัวลดน้อยลง ความเคารพก็น้อยตามลงไปด้วย



“เราสมเพชในความโง่เขลาของเจ้า เจ้าลาโง่ เจ้าไม่มีความมุ่งมั่นและทะเยอทะยานเลยรึ เจ้ายอมให้ใครต่อใครมาบอกเจ้าว่าทำไมได้แล้วเจ้าก็เชื่อยอมท้อถอยง่ายๆเช่นนี้รึ ช่างน่าขันยิ่งนัก”



ถูกหยามหน้ากันถึงเพียงนี้ ถึงเป็นคนใจเย็นอย่างเสวี่ยหมิงยังร้อนลุ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน ใครว่าเขาไม่เคยพยายาม หากแต่ว่าร่างกายอ่อนแอ ถึงแม้อยากฝึกกระบวนท่า ร่างกายเจ้ากรรมก็ไม่เคยทนการฝึกต่อเนื่องเกินสามสิบนาทีได้เลย ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก



“หากท่านติดตามดูข้าทุกฝีก้าว ท่านคงรู้ว่าข้าฝึกกระบวนท่าทุกวัน ท่านไม่มีสิทธิมาดูถูกข้าเช่นนี้”



โจรอาวุโสแค่นหัวเราะ ตอนนี้เองที่มันเข้ามาสำรวจตรวจตราตามร่างกายของเสวี่ยหมิง ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่เขาก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความสบใจมากยิ่งขึ้น ไม่เข้าใจว่าดีใจอะไรหนักหนา



“ดี...ดีจริงๆ”

อะไรดีเสวี่ยหมิงย่อมไม่รู้ แต่ไม่นานนักโจรอาวุโสก็มายืนตัวตรงอยู่ที่เบื้องหน้า ใบหน้าเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เสวี่ยหมิงเห็นแล้วอดขนลุกด้วยหวาดระแวงไม่ได้



“หากว่าเราจะบอกมันมีวิธีที่ทำให้เจ้าฝึกยุทธได้ล่ะ”

เสวี่ยหมิงถอนหายใจ ไม่คิดว่าโจรอาวุโสจะต้องการเล่นตลกกับความรู้สึกของเขาเช่นนี้ เสวี่ยหมิงรู้ดีไม่มีอนาคตสำหรับเขาในเส้นทางสายจอมยุทธ



“หากว่าท่านไม่โกหกข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีวิธีไหน” เสวี่ยหมิงก้มหน้าลงต่ำ หากมองหน้าโจรอาวุโสก็เกรงว่าจะทัดทานอารมณ์ไม่พอใจของตนไม่ไหว



“เจ้าสัญญามาก่อนสิว่าจะคำนับเราเป็นอาจารย์”

ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง เป็นอีกครั้งที่เสวี่ยหมิงถอนหายใจ เอาเถอะหากท่านอยากเล่นสนุกนักข้าจะยอมตามน้ำท่านให้สุดทางเลยแล้วกัน



“หากท่านสามารถสอนวรยุทธให้ข้าได้ข้าจะกราบท่านเป็นอาจารย์”



“เยี่ยม” โจรอาวุโสหัวเราะฮาฮา ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงรู้สึกเหมือนถูกดูดด้วยแรงมหาศาล ร่างของเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเข้าหาฝ่ามือของโจรอาวุโส เสวี่ยหมิงตกใจจนร้องไม่ออก



“เราไม่มีเวลาแล้ว บอกตามตรงการที่เราจะฝึกวรยุทธขั้นสุดยอดของสำนักจำเป็นจะต้องถ่ายพลังออกให้ผู้อื่นทั้งหมดก่อนจะฝึกวิชาใหม่โดยย้อนคัมภีร์ถอยหลัง ทว่าคราแรกเราเห็นว่ามันไร้สาระ เราไม่คิดจะสละพลังวัตรที่เฝ้าฝึกมาหลายปีให้ผู้อื่น ผลที่ได้นะหรือเราถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนแทบตาย ตอนนี้เองที่เราคิดว่าเราจะหาคนที่ไว้ใจได้ที่ไหนดี แล้วเราก็มาเจอเจ้า ช่างดียิ่งลักษณะอันเป็นเลิศของเจ้าหากได้รับพลังวัตรที่เราสะสมมานานไป เจ้าจะกลายเป็นคนใหม่ที่แม้แต่คิดฝันยังไม่กล้า”



เสวี่ยหมิงถูกโยนขึ้นไปในอากาศ โจรอาวุโสใช้ดัชนีจี้จุดต่างๆตามร่างกาย ชั่วเวลาเช่นนั้น เสวี่ยหมิงสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่ไหลเวียนมาผ่านทางปลายนิ้วของโจรอาวุโส



“ฮ่าฮ่า ดีๆ ร่างกายของเจ้าเป็นภาชนะที่ดีเยี่ยม ถ่ายเทได้ง่ายเหลือเชื่อ”



 ที่ว่าง่ายก็ตรงตามตัวอักษร การถ่ายพลังวัตรเป็นไปได้อย่างราบรื่นรวดเร็วเสียจนแม้แต่มันเองยังคาดไม่ถึง หลังจากถ่ายพลังวัตรจนหมด มันก็โยนร่างของเสวี่ยหมิงไปกองลงกับพื้น



“อ๊ากกกกก”



 เสวี่ยหมิงร้องโหยหวน ความเจ็บปวดตามมาหลังจากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ กระดูกของเขาลั่นเปรี๊ยะ ผิวหนังตามเนื้อตัวลอกออกเหมือนงูที่ลอกคราบ ตอนนี้เองที่โจรอาวุโสเดินเข้ามาสกัดจุดใบ้ทำให้เขาไม่อาจสงเสียงร้องออกมาได้



“ไม่ต้องกลัวไป ตอนนี้เจ้าเข้าสู่ขั้นตอนผลัดเนื้อเปลี่ยนกระดูก เป็นอาการที่จะเกิดขึ้นกับผู้ฝึกวิชากระจกเงาหมื่นบุพผาเมื่อฝึกไปถึงขั้นที่7 ปกติระหว่างการฝึกขั้นที่7ถึงขั้นสุดท้ายร่างกายจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีละน้อย แต่ข้าทะลวงจุดถ่ายลมปราณให้เจ้าเช่นนี้ จึงทำให้เจ้าสำเร็จถึงขั้นสุดยอด ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงทุกขั้นตอนในคราเดียว เจ้าจะเจ็บปวดกว่าผู้ฝึกคนอื่นหลายเท่าตัว”



ทรมานเหลือเกิน เสวี่ยหมิงขดจนตัวงอ การเปลี่ยนแปลงตามที่โจรอาวุโสพูดช่างแสนร้ายกาจ ทว่าโจรอาวุโสหาได้สนใจเขาไม่ โจรอาวุโสเริ่มต้นเดินลมปราณทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ไฟในตะเกียงดับมอดไปหมดแล้ว ความเจ็บปวดมลายหายไปสิ้น ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงตกใจ แม้จะอยู่ในความมืดทว่ากลับเห็นรูปร่างของโจรอาวุโสและสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนเหมือนอยู่ใต้แสงอาทิตย์



“อา..เสร็จแล้วรึ ตอนนี้เราเองก็ฝึกวิชาไปได้ถึงขั้นที่สองแล้วเช่นกัน ดีดีจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากให้เราสองอาจารย์ศิษย์ต้องทำ ไปกับเรา”



เสวี่ยหมิงมีแต่ความสับสน จังหวะนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนจำนวนหนึ่งเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มเริงร่าอย่างที่สุดเขาได้ยินเสียงนายท่านและนายน้อยรวมไปถึงคุณหนูถิง เสวี่ยหมิงรีบวิ่งออกจากห้องอาวุธไปตามทางเดินมุ่งสู้ห้องทำงานของนายท่าน



“นายท่าน นายน้อยซาน คุณหนู” เมื่อเห็นเหล่าผู้เป็นนายเสวี่ยหมิงดีใจอย่างยิ่ง รี่เข้าไปรายงานหวังจะเล่าให้ฟังถึงเรื่องของโจรอาวุโส ทว่านายน้อยซานกลับชักกระบี่จู่โจมเข้ามา ด้วยอารามตกใจเขาใช้มือปัดกระบี่เป็นผลให้กระบี่หักสะบั้น



“เจ้าซานพ่อเอง” นายท่านคว้าเอาทวนเหล็กกล้าจากมุมห้องเข้าจู่โจม เสวี่ยหมิงหลบซ้ายป่ายขวาอย่างลนลาน แต่ถึงแม้ลนลาน คาดว่าการเคลื่อนไหวของนายท่านยังจัดว่าช้าอย่างยิ่งจึงทำให้ไม่สามารถสร่งบาดแผลให้เขาได้เลย



“ไอ้โจรโฉด อย่าอยู่เลย” ตอนนี้เองที่นายน้อยซานคว้าดาบเข้ามาเล่นงานเขาร่วมกับนายท่าน ถึงแม้ต้องรับมือสองด้าน แต่ทั้งคู่ล้วนเชื่องช้า ไม่ทันการเคลื่อนไหวของเสวี่ยหมิงเลยแม้แต่น้อย



“คุณหนูถิงช่วยบอกให้นายท่านกับนายน้อยหยุดที” เสวี่ยหมิงโผเข้าหาเสวี่ยถิง เด็กสาวกรี๊ดร้องเสียงดัง นายน้อยกับนายท่านก่นด่าเขาว่าเป็นโจรราคะ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจอย่างยิ่ง เหตุใดพวกนายท่านจึงเข้าโจมตีและทำราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้า



“ให้ตายสิ ไม่นึกว่าลูกศิษย์เรามันจะโง่ได้ใจถึงเพียงนี้”



 เสวี่ยหมิงสะบัดหน้าไปมอง โจรอาวุโสที่ฉีกยิ้มชอบใจ จังหวะนั้นก็ถูกกระชากให้โจนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทะลุหลังคาจวนขึ้นไปพร้อมๆกัน ด้วยแรงที่มากมายมหาศาลกว่าเสวี่ยหมิงถูกพามาไกลจากจวนตระกูลเสวี่ยออกมาเรื่อยๆถึงนอกเมือง



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


เย้ มาต่อตอนใหม่แล้ว แต่ละตอนคืบหน้าไปแบบอืดๆๆๆๆๆ หวังว่าจะไม่ค้างจนเกินไป



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: momoku ที่ 07-02-2017 09:15:39
เฮ้ย มันสนุก มันดี มาต่อบ่อยๆนะจะคอยติดตาม
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 07-02-2017 09:31:23
สนุก ผู้เฒ่าคือพระเอกป่ะ รึว่าไง ติดตามมมม
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-02-2017 09:46:00
สงสัยร่างยืด
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 07-02-2017 09:55:00
 :katai2-1: แล้วจะเปลี่ยนไปแบบไหนน้าาาา หรือหมิงเอ๋อร์คือพระเอก  ได้รับพลังแล้วกล้ามเลยยังงี้อ่ะเหรอ :mew5: 555555  ติดตามจ้า อยากให้ยาวๆจังเลย อ่านแปปเดียวจบแล้วววว   :ling1: 
สนุกมากกกก นักเขียนสู้ๆ :3123:  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-02-2017 11:00:24
หน้าตาของเสวี่ยหมิงเปลี่ยนไปเหรอ ทำไมว่าเป็นโจร
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 07-02-2017 11:40:40
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 07-02-2017 11:56:43
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววว สนุกน่าติดตามมากค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่2 7/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-02-2017 14:24:23
กำลังภายในที่ได้มาจากอาจารย์
คงจะเปลี่ยนกล้ามเนื้อ เปลี่ยนกระดูก
รูปร่างเคยเตี้ย แคระแกรน เลยยืดออก สูงขึ้น
พวกในสำนักจำไม่ได้ เลยทำร้าย
ดีแล้วละเสวี่ยหมิง อย่าอยู่เลย อยู่ไปมีแต่แย่กับแย่
เป็นลูกไล่ ถูกรังเกียจ ถูกทำร้าย
ไม่ได้ฝึกฝีมือแน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 08-02-2017 11:48:13
ตอนที่3



หลังจากถูกพามายังหน้าทะเลสาบแห่งหนึ่ง เสวี่ยหมิงค่อยถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เด็กหนุ่มมึนงงไปหมดไม่สามารถปรับตัวได้ทันว่าเพราะเหตุใดตนถึงถูกพวกนายท่านทำร้ายทั้งยังกล่าวหาเป็นโจรราคะ



“เออ...ดูเอาเถอะ หากเราไม่บอกแก่เด็กน้อยคงไม่เข้าใจง่ายๆละมั้ง หมิงน้อยเจ้าจงลองมองดูรูปร่างหน้าตาของเจ้าในทะเลสาบเสียสิ”



 เพราะสงสารท่าทางสับสนงุนงงของลูกศิษย์ใหม่ มันจึงได้เสนอทางออกให้โดยง่าย เสวี่ยหมิงก็ไม่ใช่โง่งมเสียทีเดียว เด็กหนุ่มค่อยๆชะโงกหน้าลงไปมองดูเงาของตนเองในทะเลสาบ



มารดามันเถอะ เสวี่ยหมิงแทบไม่เชื่อสายตา เงาของตนที่ปรากฏในน้ำช่างแตกต่างจากตัวเขาคนเดิมเสียเหลือเกิน โครงหน้ายังมีเค้าของเขาอยู่บ้าง แต่ร่างกายซึ่งประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนกับเรือนกายที่สูงโปร่ง แม้นกล้ามเนื้อและส่วนสูงจะยังไม่อาจทัดเทียมกับโจรอาวุโสได้ แต่จัดได้ว่าเป็นรูปลักษณ์ที่งามสง่าเกินคนธรรมดา



โดยปกติผิวของเสวี่ยหมิงจะขาวซีดราวกับคนป่วยตลอดเวลา ทว่าตอนนี้ผิวเขาขาวอยู่ก็จริง แต่เป็นผิวขาวที่กระจ่างตาบ่งบอกถึงผู้มีพลานามัยสมบูรณ์ โครงหน้าหรือส่วนต่างๆในร่างกายของเขาตอนนี้ราวกับถูกจัดระเบียบเสียใหม่ ส่วนที่โดดเด่นยังคงโดดเด่นเช่นเดิม ในส่วนที่ด้อยถูกเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจนตอนนี้รูปลักษณ์ของเขากลายเป็นชายงามจนตัวเองยังต้องตกใจ



“นี่เป็นผลจากการฝึกวิชาหนึ่งอสูรพิชิตเทวะ อย่าได้ตกใจไปหมิงน้อย” โจรอาวุโสไขข้อส่งใสก่อนที่จะถามจนกระจ่าง



“ท่านเองก่อนหน้าจะสำเร็จวิชาก็มีสภาพเยี่ยงข้าหรือผู้อาวุโส” เสวี่ยหมิงแววตาเลือนลอย วันนี้เขาพบเจอเรื่องแปลกประหลาดมามาก แต่เท่านี้ก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดพวกนายท่านจึงเข้ามาเล่นงานเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย



“ไร้สาระ หน้าตาของเราย่อมดีงามมาแต่กำเนิด เพียงแต่ก่อนสำเร็จวิชาเราไม่ได้มีร่างกายกำยำเท่ากับตอนนี้เพียงเท่านั้นเอง” กล่าวจบมันก็ถอนหายใจ เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้อาวุโสถึงทำหน้าผิดหวังเช่นนั้น



“ตามจริงเราคิดว่าเจ้าจะตัวสูงใหญ่น่าเกรงขามมากกว่านี้ ในบรรดาศิษย์เราทั้งหมดเจ้าตัวเล็กที่สุด โอ...เจ้าในตอนนี้ช่างผอมบางไร้เรี่ยวแรงจนเกินจะรับ”



เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจว่าตอนนี้ตนเองดูไร้เรี่ยวแรงที่ตรงไหน กลับกันเขาสัมผัสได้ถึงพลังกายอันล้นเหลือที่พร้อมจะระเบิดออกมาตลอดเวลา



“ผู้อาวุโสถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน”



“เพ้ย...เจ้าจะไปไหน อีกอย่างตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์คนเล็กของเรา เจ้าควรเรียกขานเราเป็นอาจารย์ถึงจะถูก”



ผู้อาวุโสหรี่ตามองมาอย่างไม่พอใจ เสวี่ยหมิงอึกอักเหมือนน้ำท่วมปาก พยายามคิดหาทางออกจนสมองพองโต จะทำอย่างไรดีผู้อาวุโสถึงจะยอมปล่อยเขากลับไป



“ข้าจะกลับไปยังจวนตระกูลเสวี่ยครับอาจารย์”



“ดี เห็นแก่เจ้าเรียกขานเราเป็นอาจารย์ เราจะยอมให้อภัยที่เจ้ากล่าวไร้สาระ แต่ถึงกระนั้นเราอยากรู้เสียจริงว่าเจ้าจะกลับไปยังที่อันไม่น่าพิสมัยนั่นอีกทำไม ไหนเจ้าลองบอกให้จูเยว่เสวียนผู้เป็นอาจารย์คนนี้ฟังทีสิ”



ที่แท้แล้วนามของผู้อาวุโสก็คือจูเยว่เสวียน ได้ทราบนามเสียทีถึงแม้จะผิดมารยาทเพราะเขาไม่ได้แนะนำตัวเองก่อนก็ตาม แต่มันจะสำคัญที่ตรงไหนนะ คาดว่าอาวุโสผู้นี้คงรู้นามเขาดีอยู่แต่แรกแล้ว



“ผู้อาวุโสแซ่จู ข้าน้อยคงเป็นศิษย์ให้แก่ท่านไม่ได้ ข้ามีภาระต้องรับผิดชอบมีบ้านที่ต้องให้กลับไป”



“ไร้สาระสิ้นดี”



จูเยว่เสวียนแค่นเสียงดังเฮอะ ถึงไม่พอใจคำกล่าวของเสวี่ยหมิงแต่ยังเปิดโอกาสให้เด็กน้อยได้พูด มันเองก็ใช่จะเป็นคนไร้เหตุผลไปเสียทุกครั้ง ว่ากันตามจริงหากเป็นคนอื่นมาขัดใจบ่อยๆเยี่ยงนี้มันคงฟาดฝ่ามือเข้าใส่สั่งสอนให้รู้สำนึกไปแล้ว นับว่าเด็กน้อยนี่มีบุญวาสนาเสียจริงๆที่มันนึกเอ็นดูถึงเพียงนี้



“ไหนเจ้าบอกเราสิด้วยรูปลักษณ์ใหม่ของเจ้า คนที่ตระกูลเสวี่ยจะไว้ใจเจ้าได้เยี่ยงไร”



“ข้าจะไปอธิบายตามตรงครับ คิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจ”



“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะเอาอย่างนี้” จูเยว่เสวียนนิ่งขรึมดูจริงจัง เสวี่ยหมิงรู้สึกว่าผู้อาวุโสผู้นี้น่าจะเห็นใจเขาแล้วแน่ๆหากยืนยันความต้องการไปไม่นานคงจะปล่อยเขาไป



“ข้าแน่ใจครับ ได้โปรดเมตตาข้าเถอะ” จูเยว่เสวียนถอนหายใจโดยแรง เมื่อผู้อาวุโสส่งสัญญาณมือบอกให้เขาไป เสวี่ยหมิงดีใจอย่างที่สุดประสานมือโค้งคำนับหลายครั้งก่อนจะหันหลังกลับเตรียมจะจากไป



ทว่าไม่คาดคิดจูเยว่เสวียนคว้าจับเข้าที่หัวไหล่ เสวี่ยหมิงจนใจต้องใช้แรงเข้าสู้ คาดว่าตอนนี้พลังวัตรตัวเองบวกกับกระบวนท่าที่ครูลักพักจำมาคงสามารถช่วยให้ตัวเองเอาตัวรอดได้ ดังนั้นเพื่อให้หลุดจากการจับกุมจึงผ่อนแรงที่หัวไหล่ถ่ายเทไหลลื่นราวกับตัวปลาจนจูเยว่เสวียนมิอาจจับยึดได้



กระนั้นกลับไม่พ้นจากระยะคว้าจับของจูเยว่เสวียน พริบตาที่ออกหมัดหมายจะเล่นงานผู้เฒ่าจอมตื้อกำปั้นของเขากลับถูกปัดออก ด้วยท่วงท่าว่องไวและหนักแน่นฝ่ามือหนักๆกระแทกเข้าที่ท้องน้อยตูมใหญ่ เสวี่ยหมิงชาวาบในตอนแรกก่อนจะรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มภายในท้องเสียงจึกๆ



“อ๊ากกก” เสวี่ยหมิงเกลือกกลิ้งลงไปกับพื้นด้วยความทรมาณ นึกไม่ถึงว่าจูเยว่เสวียนจะลงมือด้วยใจอำมหิต เจ็บๆจนเกินที่จะอธิบาย เด็กหนุ่มสลบไปด้วยไม่อาจทนต่อความเจ็บได้อีก



เมื่อลืมตาตื่นขึ้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว เวลากลางวันได้เปลี่ยนเป็นค่ำคืน เสวี่ยหมิงยังคงอยู่ที่เดิม เบื้องหน้าเขาจูเยว่เสวียนนั่งขัดสมาธิคล้ายรอการตื่นของเขาอยู่



เหตุใดเขาถึงยังไม่ตายกันนะ ความเจ็บปวดสุดแสนสาหัสแม้นไม่เหลืออยู่แล้ว การที่ยังมีชีวิตอยู่หมายความว่าผู้อาวุโสไว้ไมตรีแก่เขาอย่างนั้นหรือ



“เฮอะ ตัวโง่งม หากเราไม่อธิบายคงไม่เข้าใจที่เราไว้ชีวิตเจ้าสินะ”                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                ถูกด่าเป็นตัวโง่งมหาได้โกรธไม่ ขอเพียงผู้อาวุโสยอมไปเขาไปทุกอย่างย่อมไม่มีปัญญา ทว่าครานี้คงไม่ถูกปล่อยไปง่ายๆกระมัง



“ฝ่ามือที่เราซัดใส่เจ้าคือฝ่ามือเกล็ดหิมะ หนึ่งกระบวนท่าที่เราชำนาญที่สุด มีไว้ใช้กับพวกโกหกจอมปลิ้นปล้อนที่คิดหักลังเราโดยเฉพาะ”



จูเยว่เสวียนยิ้มละเมียดละไม เสวี่ยหมิงรอฟังคำกล่าวต่อไปด้วยความกังวล เกรงว่าฝ่ามือนี้คงมีตื้นลึกหนาบาง เขาในตอนนี้จึงไม่กล้าแม้แต่จะขยับ



“ฝ่ามือนี้เป็นกระบวนพิษแขนงหนึ่งผู้ถูกฝ่ามือไม่มียารักษา มีแต่ต้องให้ผู้สำเร็จวิชานี้ขจัดเกล็ดหิมะในกายออกให้ ทุกๆหนึ่งเดือนหากไม่ได้ยาบรรเทาอาการ จะรู้สึกหนาวราวกับอยู่ท่ามกลางหิมะ ทั้งยังปวดในท้องน้อยราวกับเข็มทิ่มแทง หากไม่ได้รักษาหรือยาบรรเทาอากาศ จะรู้สึกเจ็บปวดจนแสนสาหัสเมื่อทนไม่ได้ก็จะตายไปเอง”



“เหตุใดผู้อาวุโสต้องลงมืออำมหิตกับผู้น้อยอย่างนี้” เสวี่ยหมิงปากคอสั่น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกถึงความน่ากลัวของยุทธภพ เคยได้ยินนักบู๊ในสำนักคุ้มภัยเล่ามาบ้างว่าผู้คนในยุทธภพล้วนเจ้าเล่ห์ ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะโดนเข้าเสียเอง



“เจ้าเด็กบัดซบ ใครใช้ให้เจ้าผิดสัญญากับเราก่อน เจ้าเคยลั่นสาบานว่าจะเป็นศิษย์เราเมื่อเราช่วยเจ้าสำเร็จยุทธมิใช่หรือ”

ในที่สุดเสวี่ยหมิงก็ระลึกขึ้นมาได้เป็นเขาจริงๆที่ลั่นสัญญากับผู้อาวุโส ทว่าเป็นมันเองที่ไม่คิดจะทำตามสัญญา



“ถ้าอย่างนั้นท่านทำลายวรยุทธข้าทิ้งเสียเถอะ ข้าจะได้กลับไปยังตระกูลเสวี่ยของข้า”



ลองยืนกรานความดื้อแพ่งของตนเองดู จูเยว่เสวียนขมวดคิ้วเข้าหากันตีหน้าขึงเครียดราวกับพญามารก็ไม่ปาน มันไม่เข้าใจเสียจริงๆว่าเพราะอะไรตัวโง่งมผู้นี้ถึงได้อยากกลับไปยังสถานที่นั้นนัก ชั่วขณะหนึ่งพลันคิดแผนการดีดีได้ เฒ่าจูผิวปากอารมณ์ดีขึ้นทันตา



“เจ้าอาลัยอาวรณ์ต่อนางมารน้อยนั่นหรือ เอาอย่างนี้ให้เราลักพาตัวนางมาแต่งงานกับเจ้าดีหรือไม่”



“หากท่านกล่าวไร้สาระเช่นนี้อย่าได้พูดกับข้าเลยดีกว่า ท่านก็รู้นี่ว่าข้าไม่มีอะไรเหมาะสมกับคุณหนูถิง”



“เจ้าเต่าโง่ เราอุตส่าห์เสนอหนทางแห่งสวรรค์ให้ดีดีกลับไม่ชอบ เอาอย่างนี้ไหม เรามาพนันกันซักหน่อย เจ้ากล้าไหมล่ะ”

จูเยว่เสวียนยิ้มเจ้าเล่ห์ เสวี่ยหมิงไม่มั่นใจเลยว่าผู้เฒ่ามีอุบายอะไรกับเขาอีก



“ท่านพูดมาเถอะ ข้าไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว”

เสวี่ยหมิงตัดสินใจที่จะฟัง เพราะรู้ดีแก่ใจว่าไม่อาจต่อต้านจูเยว่เสวียนได้ หากยอมผ่อนปรนอาจมีทางรอดให้เลือกก็เป็นได้



“การพนันครั้งนี้เรียกว่าเป็นการทดสอบจิตใจของพวกตระกูลเสวี่ยก็เป็นได้ เรามาคิดตรึกตรองดูแล้ว การที่เจ้ายึดติดกับคนเหล่านั้นเพราะคิดว่าพวกเขารักและเมตตาต่อเจ้า เราอยากรู้เหลือเกินว่าหากเจ้ากลับไปทั้งที่เป็นโรคร้ายคนพวกนั้นจะยังเมตตาต่อเจ้าหรือไม่”



โรคร้ายรึ เสวี่ยหมิงลังเลเล็กน้อย แต่ว่าเขาเชื่อมั่นในความดีงามและมีน้ำใจของนายท่านและคนตระกูลเสวี่ย จึงตกปากรับคำท้าของจูเยว่เสวียนโดยง่าย



“ได้ ถ้าหากพิสูทธิ์แล้วว่าพวกเขาดีจริงท่านต้องปล่อยข้าไปตามทางให้ข้าได้อยู่ตระกูลเสวี่ยต่อไปอย่าได้ตอแยข้าอีก”



“แน่นอน ทว่าหากพวกมันเป็นผู้ดีจอมปลอมหรือเจ้าเกิดความผิดหวังในใจขึ้นมาแม้เพียงนิด เจ้าจะต้องกลับมาที่นี่แล้วยอมเป็นศิษย์ที่ดีงามเชื่อฟังคำสอนของเราต่อไป”



“ได้ เสวี่ยหมิงรับคำท้า”



“เยี่ยม อย่างนั้นเรามาเริ่มเรียนวิชาปลอมแปลงตัวเสียดีกว่า รูปร่างของเจ้าตอนนี้ไม่คล้ายกับเจ้าคนเดิมแม้เพียงนิด เราจะสอนวิชาหดกระดูกผลัดหนังให้แก่เจ้า”

ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงเกิดความลังเล หากว่าเอาแต่ฝึกวิชาเกรงว่าจะกินเวลายาวนาน หายไปนานถึงเพียงนั้นมันจะดีจริงๆนะหรือ



“ผู้อาวุโสเกรงว่าหายไปนานคนในตระกูลอาจจะ....”



“เพ้ย หรือว่าเจ้าจะยอมแพ้พนันกลับไปในสภาพที่ผู้คนจำไม่ได้อย่างนี้ คิดดูสิเจ้าจะถูกจัดการอย่างไรหากคนพวกนั้นคิดว่าเจ้าแอบอ้าง”

เสวี่ยหมิงคิดตาม ไม่นานนักก็กระจ่างใจ เขาจำได้ดีตอนที่ถูกนายท่านกับนายน้อยซานไล่ทุบตีจนต้องหนีออกมา



“ไม่ต้องกลัวไป เจ้ามีพลังวัตรจากวิชาหนึ่งอสูรพิชิตเทวะอยู่แล้วการที่จะฝึกหดกระดูกเปลี่ยนหนังย่อมง่ายดายยิ่ง ตามจริงด้วยพลังวัตรเช่นเจ้าไม่ควรใช้เวลาฝึกเกินหนึ่งเดือน”



หากว่าเจ้าใช้เวลาฝึกมากกว่านั้น เจ้าก็เป็นตัวโง่งมที่สุดในบรรดาศิษย์ของเราทั้งหมดแล้ว จูเยว่เสวียนในใจคิดอย่างแต่เบื้องหน้ากลับอมยิ้มเยินยอเอาใจเสวี่ยหมิงเต็มที



“เอาน่าเรามองคนไม่ผิดเพียงเดือนเดียวเจ้าก็ฝึกวิชาแปลงโฉมสำเร็จแล้ว ไม่ยากถึงเพียงนั้น”



“ข้าเขาใจแล้วครับ ข้าจะตั้งใจฝึกท่านผู้อาวุโส”



“ดีมาก เรามาเริ่มฝึกกันเสียทีเถอะ อย่าให้เนินช้าไปเลย ยิ่งเร็วยิ่งดี”



ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงใช้เวลาทั้งหมดฝึกปรือวิชาหดกระดูกเปลี่ยนหนังกับจูเยว่เสวียนอย่างมุ่งมั่นภายในใจหวังว่าการพนันครั้งนี้เขาจะเป็นผู้ที่กุมชัยชนะเอาไว้



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ตอนใหม่มาแล้วจ้า ค่อยๆกระดืบไปเรื่อยๆ55555 



อนึ่งชื่อวิชาขอเปลี่ยนนะจ๊ะน้องสาวเรามันบอกว่ามันนารูโตะเกินไป เปลี่ยนจากเดิมเป็นหนึ่งอสูรพิชิตเทวะนะจ๊ะ



ขออภัยในความมักง่ายของเราตอนคิดชื่อวิชาไอ้ชื่อเดิมมันติดหูเราจริงๆ ขอโทษด้วยค๊าบบบบบบบ

 เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-02-2017 13:03:02
ได้มาเป็นศิษย์อาจารย์กยาว ๆ แน่นอน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 08-02-2017 15:37:12
ตกลงเป็นพระเอก ? นายเอก? กล้ามแค่ไหนกันล่ะนี้โอยยย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 08-02-2017 15:48:01
ตกลงเป็นพระเอก ? นายเอก? กล้ามแค่ไหนกันล่ะนี้โอยยย

ไม่กล้ามมากจ้าสมส่วนคือเหมาะสมสำหรับผู้ฝึกยุทธ เอาเป็นว่าตัวเล็กกว่าในบรรดาศิษย์ของจูเยว่เสวียนทุกคนเลยจ้า

อ่าสวนสูงประมาณ177เองนะจ๊ะไม่ต้องกลัว555555
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 08-02-2017 16:24:43
ชอบที่เสวี่ยหมิงดูแมนนะไม่กล้ามมากก้อดี
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-02-2017 16:51:44
ไม่ชอบที่พอได้วิชาก็จะหนี ตอนแรกไปรับคำ สมควร - -

**สงสัย พิมพ์แบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 08-02-2017 17:03:23
ในหัวเราตอนนี้คือเสวี่ยหมิงหล่ออ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-02-2017 17:21:51
หมิงน้อยโดนอาจารย์หลอกให้อยู่ฝึกวิชา (แผนหน่วงตัวระยะสั้น) แถมดูท่าการพนันก็น่าจะแพ้อีก (แผนหน่วงตัวระยะยาว) เจ้าพลาดตั้งแต่เจอหน้ากันแล้วล่ะ ฮา
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-02-2017 18:22:02
เสวี่ยหมิง ไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับอาจารย์
ไม่เข้าใจเสวี่ยหมิง เห็นดีอะไรในตระกูลนี้
ถึงได้กตัญญู ติดใจอยากอยู่
ให้อาหาร เสวี่ยหมิงก็ทำงานแลกอาหาร
ฐานะ ความเป็นอยู่ก็คนรับใช้
ที่หลับที่นอน ก็แยกส่วน นายส่วนนาย บ่าวส่วนบ่าว
เอาเถอะ แล้วก็จะรู้ว่า จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 08-02-2017 19:30:12
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่3 p2 8/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-02-2017 22:23:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 09-02-2017 12:35:10
ตอนที่4



ความทรงจำที่เสวี่ยหมิงมีต่อพ่อนั้นมีน้อยมาก เท่าที่พอระลึกได้บ้างคือท่านพ่อมักจะออกไปกับสำนักคุ้มภัยครั้งละหลายๆเดือน สิ่งที่จำได้ชัดเจนคือการที่นายท่านนำเขามาเลี้ยงดูที่ตระกูลเสวี่ยหลังจากพ่อของเขาตายไป ตอนนั้นเขาอายุได้หกขวบหากว่าไม่มีนายท่านปานนี้ไม่รู้ตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรท่ามกลางสังคมอันโหดร้าย



เสวี่ยหมิงซึ่งสำเร็จวิชาหดกระดูกเปลี่ยนหนังแล้วใช้วิชานี้หดกระดูกของตนให้ย่อส่วนลงมาจนมีรูปร่างใกล้เคียงเดิม หน้าตาหรือก็ถูกจูเยว่เสวียนแต่งเติมให้ใหม่ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีสภาพย่ำแย่ ตามร่างกายมีแผลผุพองเป็นด่างดวง รูปกายซูบผอมดูอิดโรยอย่างยิ่ง



เสวี่ยหมิงแสร้งเป็นเดินกระเพลกๆไปตามทางมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลเสวี่ย ผู้คนที่ได้พบระหว่างทางต่างแสดงทีท่ารังเกียจจนเขาเองนึกสมเพชตัวเองเป็นล้นพ้น แต่ยังมีความหวังว่านายท่านตระกูลเสวี่ยจะไม่เป็นเช่นชาวบ้านร้านตลาดซึ่งขับไล่เขาอย่างหมูหมามาตลอดทาง

เมื่อไปถึงหน้าจวน เสวี่ยหมิงตีกลองเรียกให้คนในจวนออกมา ผู้ออกมาคือพี่ฮุ่ยหนิง เสวี่ยหมิงดีใจจริงๆที่ผู้ออกมาคือนาง



“พี่ฮุ่ยหนิง นี่ข้าเอง เสวี่ยหมิงอย่างไรเล่า ช่วยไปแจ้งให้นายท่านทราบทีว่าข้ากลับมาแล้ว”

รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแม้แต่พี่ฮุ่ยหนิงที่แสนดียังแสดงท่าทางรังเกียจเขาอย่างชัดแจ้ง



“เจ้า...เสวี่ยหมิงจริงๆด้วย เจ้าไปทำอะไรมา”



“ข้าถูกทำร้ายพี่ฮุ่ยหนิง รีบเถอะช่วยแจ้งนายท่านให้ที”



หลังจากฮุ่ยหนิงกลับเข้าไป เสวี่ยหมิงก็คล้ายกับมีกลองรัวในหัวใจ ใจเขาเต้นระทึก ยอมรับว่าทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นหากนายท่านพบเขาจะมีปฏิกริยาเช่นไร ไม่นานนักพวกนายท่านก็ออกมา ทุกคนมากันพร้อมหน้าทีเดียว



“เจ้าหมิงหรือนี่ เจ้าไปทำอะไรมา” นายท่านแม้ไม่เข้ามาพยุงแต่ไม่มีสีหน้ารังเกียจ ทว่าคุณหนูถิงและนายหญิงกลับต่างกันออกไป ทั้งคู่เมื่อเห็นเขาก็เบือนหน้านี้ โดยเฉพาะคุณหนูถิงนางร้องยี้ทันทีที่พบเห็นเขา



“ท่านพ่อคุยกันตรงนี้เห็นจะไม่งาม พาเจ้าหมิงเข้าจวนเราก่อนเถอะครับ”



นายน้อยซานเสนอ ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงได้รับการต้อนรับจากตระกูลเสวี่ยอีกครั้ง เด็กหนุ่มถูกพาเขาไปนั่งในห้องรับแขก เพื่อให้สมเหตุสมผลเสวี่ยหมิงแกล้งร้องโอดโอยไปตลอดทางเขาแสร้งเจ็บแผลทีทั้งเป็นหนองและพุพอง



“นั่งก่อนเถอะเจ้าหมิง” นายท่านสั่งอย่างมีเมตตา เสวี่ยหมิงค่อยๆนั่งลงยังคงแสร้งเจ็บปวดแม้แต่แค่การนั่ง



“เจ้าไปทำอะไรมาไหนเล่าให้พวกเราฟังที่ซิ เจ้าหายไปเกือบสองเดือนเชียวนะ”



“ข้าน้อย แค่กๆ....” แสร้งไอเพื่อให้สมจริงที่สุด



“ข้าน้อยจำได้ว่าระหว่างเข้าไปทำความสะอาดอาวุธในห้องลับพบเจอคนแปลกหน้ากบดานอยู่ในนั้น ตอนแรกมันจะฆ่าข้าแต่ว่ากลับจับข้าไว้ทดลองพิษบางอย่าง มันบอกว่าเป็นพิษที่ชื่อหิมะโปรยขอรับ”



ตอนนี้เองที่นายหญิงเอามือทาบอกแล้วร้องอุทานออกมา นายหญิงส่งสายตาไปให้นายท่านราวกับมีเรื่องที่ต้องพูดกันอีกมาก เสวี่ยหมิงยอมรับว่าท่าทางของนายหญิงทำให้จิตใจของเขาไม่สงบ



“เอาเถอะ เสวี่ยหมิง นี่มันก็ดึกมากแล้ว ข้าจะจัดห้องให้เจ้าพักผ่อนเสียก่อน ไปพักผ่อนเสีย เจ้าไปพักที่เรือนไม้หลังจวนเถอะนะ ห้องเดิมของเจ้าเราให้คนอื่นพักไปแล้วเพราะไม่คิดว่าเจ้าจะกลับมา”



เจ็บปวดที่ใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินนายท่านพูดว่าเขาอาจจะไม่กลับมา แต่ถ้าคิดให้ดีแล้วหายออกไปเกือบสองเดือนใครๆก็คงคิดเช่นนั้นกระมัง



“ฮุ่ยหนิง เจ้าพาเจ้าหมิงไปยังห้องพักที”



พี่ฮุ่ยหนิงพาเขาไปยังห้องพักตลอดระยะทางนางระแวดระวังไม่ยอมเข้าใกล้เขาเลยแม้เพียงนิด เสวี่ยหมิงเจ็บที่ใจแปลบๆ การที่เขาเป็นโรคร้ายทำให้ผู้คนนึกรังเกียจได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ



“พี่ฮุ่ยหนิงท่านอยู่คุยกับข้าสักพักได้ไหม เราไม่ได้พบกันนานข้าคิดว่า.....”



“ขอโทษนะเสวี่ยหมิงพี่มีงานต้องทำอีกมาก”



กล่าวจบพี่ฮุ่ยหนิงก็รีบร้อนจากไป เสวี่ยหมิงถอนหายใจออกมาอย่างแสนเศร้า พี่ฮุ่ยหนิงเคยดีกับเขามาก พอมาป่วยเช่นนี้ก็ตีตัวออกห่างด้วยความกลัว นับว่าได้เห็นน้ำใจกันก็คราวนี้



แล้วพวกนายท่านล่ะ เสวี่ยหมิงอยากรู้เสียเหลือเกิน อยากไปพบนายท่านพูดคุยปรับความทุกข์ให้มากกว่านี้ คิดดังนั้น เสวี่ยหมิงก็ออกจากห้อง คาดว่าเวลานี้นายท่านยังคงอยู่ในห้องหนังสือ ตามปกติเวลานี้ทุกวันเขาจะเอาชาร้อนๆไปให้นายท่านที่นั่น



เมื่อไปถึงที่หน้าห้อง เสวี่ยหมิงยังไม่ทันเคาะประตูก็ได้ยินเสียงโวยวายของนายหญิงจากด้านใน เสวียหมิงถอยห่างจากประตูห้องด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ เขาเกิดความคิดประหลาด โดดขึ้นไปบนหลังคาอย่างเงียบเชียบ ถอดกระเบื้องหลังคาออกแล้วลอบฟังคนด้านล่างอย่างตั้งใจ



“ที่เจ้าหมิงมันโดนคือพิษหิมะโปรยของมารร้ายจูเยว่เสวียนไม่ใช่หรือคะท่านพี่ พิษตัวนี้มีฤทธิ์คล้ายโรคติดต่อ ผู้โดนสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ เหตุใดท่านพี่จึงยังรับมันเข้ามาไว้ในจวนเราอีก” นายหญิงร้องโวยวายเสียงเกรี้ยวกราด คุณหนูถิงเมื่อรู้ความจริงว่าเป็นเช่นไร ก็ร่วมด้วยช่วยกันบอกให้นายท่านรีบขับไล่เขาออกไป



“ท่านพ่อ รีบไล่เจ้าหมิงโง่ออกไปสิคะ โรคร้ายแรงนี่ดูท่าว่าจะไม่มียารักษาใช่หรือไม่แถมติดต่อกันได้อีก ยี้ ไม่รู้ว่าฮุ่ยหนิงจะติดโรคไปด้วยแล้วหรือยัง ไล่มันไปพร้อมกันเสียทั้งคู่เลย”



“เฮ้อคิดว่าข้าไม่อยากไล่ไปรึ” นายท่านถอนหายใจ “แต่ว่าเพราะมโนธรรมที่ยังเหลืออยู่ข้าเลยไล่มันไปไม่ลง อย่าลืมสิว่าสำนักคุ้มภัยเราอยู่มาได้เพราะเงิน5000ตำลึงทองที่เราแย่งมาจากเจ้าหมิงหลังอาจ้าวตายไปนะ”



เสวี่ยหมิงตกใจกับเรื่องราวใหม่ที่ไม่เคยได้ยิน อาจ้าวน่าจะหมายถึงท่านพ่อไม่ผิด เงิน5000ตำลึงทองนับเป็นเงินมหาศาลที่สร้างเนื้อสร้างตัวได้ทีเดียว นายท่านแย่งเงินเหล่านั้นไปจากเขาอย่างนั้นหรือ



“แต่มันก็เป็นหนี้เราไม่ใช่หรือคะ เราอุตส่าห์เลี้ยงดูมันมา น่าจะมากกว่า5000ตำลึงทองเสียแล้วด้วยซ้ำมั้ง”



ตอนนี้เองที่นายท่านครุ่นคิดเงียบๆ ท่ามกลางเสียงโวยวายของคุณหนูและนายหญิง เสวี่ยเจ็บปวดที่ท้องน้อยราวกับเข็มทิ่มแทง ไม่ทราบว่าตัวเองต้องการอะไร แต่อยากให้นายท่านปฏิเสธข้อเสนอของนายหญิงและคุณหนู ยอมให้เขาอยู่ต่อไป ถ้าเป็นเช่นนั้นยังพอทำใจได้บ้างเรื่องที่ถูกโกงเงินทั้งหมดที่ควรเป็นของเขา



ทว่าในความเป็นจริงเสวี่ยหมิงไม่อาจปฏิเสธลึกๆแล้วเขาเกิดความผิดหวังในใจ เป็นความรู้สึกเฉียบพลันเนื่องจากรับรู้เรื่องราวอันไม่คาดคิด ตามจริงแล้วเท่ากับว่าเขาแพ้พนันแก่ผู้เฒ่าจู แต่แค่เล็กน้อย เสวี่ยหมิงยังเหลือความอาลัยอาวรณ์อีกนิด เมื่อนึกถึงความเมตตาเก่าๆที่ได้รับมาถึงแม้จะเป็นเพราะว่าคนตระกูลนี้ได้แย่งชิงสมบัติไปจากเขาก็ตาม



“เจ้าเองก็พูดถูกนะ เราเลี้ยงดูเจ้าหมิงมาก็มากหมดเงินกับยารักษาโรคของมันไปมากก็ไม่น้อย มันน่าจะหักลบเงินทองที่เราเอาจากมันมาทั้งหมดได้แล้วกระมัง”



“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องแสร้งทำดีกับมันแล้วสิท่านพ่อ บอกตามตรงข้าล่ะรำคาญความโง่และอ่อนแอของเจ้าหมิงเต็มทน”



แม้แต่นายน้อยซานผู้เมตตาเขาอยู่เสมอยังแสดงธาตุแท้ เสวี่ยหมิงหัวเราะเบาต่อความจริงที่ได้รับมา คนพวกนี้ล้วนเห็นแก่ตัว ที่สำคัญกว่านั้นไม่มีใครเลยที่ทำดีต่อเขาจากใจจริง แล้วผู้เฒ่าจูล่ะ ท่านดีต่อเขาจริงหรือไม่นะ หากไม่ดีต่อเขาเหตุใดจึงต้องเขามาวุ่นวายกับคนที่ทั้งโง่ทั้งผิดสัญญาอย่างเขาด้วย



อยากกลับไปหาผู้เฒ่าจู เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว อยากไปที่ไหนก็ได้ อยากเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เขาไม่เหลืออะไรให้ยึดติดอีกแล้ว แปลกเหลือเกินทั้งที่ควรจะโกรธคนตระกูลเสวี่ยแต่เขากลับใจเย็นเสียจนตัวเองยังตกใจ



เสวี่ยหมิงค่อยๆจากไปอย่างเงียบเชียบ เขามุ่งหน้ากลับไปยังทะเลสาบซึ่งผู้เฒ่าจูรออยู่เมื่อไปถึงที่นั่น เขาคุกเข่าแล้วโขกหัวคำนับผู้เฒ่าหลายครั้ง บอกไม่ได้ว่าซาบซึ้งหรืออยู่ในอารมณ์เช่นไร เพียงแต่ได้ลิ้มรสชาติขมปร่าของหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาจากดวงตา



“เราเดาได้ว่าการที่เจ้าโขกหัวให้เราเช่นนี้ คงพบความจริงอะไรบางอย่างแล้ว เราเองไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเพราะอย่างนั้นเราจะไม่ถาม เจ้าโขกหัวให้เราหลายครั้งเราจะถือว่าเจ้ายอมรับเราเป็นอาจารย์นับตั้งแต่วันนี้”



เสวี่ยหมิงดีใจเหลือเกินที่อาจารย์ไม่ถามถึงเรื่องตระกูลเสวี่ย ตัวเขาเองอยากจะลืมมันไปให้หมด ไม่อยากจดจำวันเก่าๆอันไม่น่าพิสมัยอีกต่อไป



“ศิษย์คนเล็กของเราเอ๋ย จากนี้เจ้าจะเป็นคนใหม่ จงลืมวันคืนเก่าๆไปเสียให้หมด มาไปกับเรา เราต้องหาที่กบดานกันใหม่ ปานนี้พวกตระกูลเสวี่ยคงส่งหนังสือแจ้งให้ชาวยุทธธรรมะจอมปลอมมาเพื่อสืบเสาะหาเราที่นี่แล้วกระมัง”



คืนนั้นเสวี่ยหมิงกับอาจารย์ออกเดินทางไปจากเมืองเดิมมุ่งสู่ขุนเขาใหญ่ในป่า ที่นั่นนับเป็นสถานที่เร้นลับที่หนึ่ง เสวี่ยหมิงกับอาจารย์เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการสร้างกระท่อมเพื่ออยู่อาศัย หนึ่งเดือนผ่านไปผู้เป็นอาจารย์ยังปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ไม่มีวี่แววว่าจะสอนสั่งสิ่งใดทั้งนั้น ทว่าเสวี่ยหมิงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ตามจริงได้ใช้ชิวิตราบเรื่อยเช่นนี้ก็ดีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน



“หมิงน้อยเจ้ามานี่”



เช้าวันหนึ่งหลังจากทานอาหารเสร็จ อาจารย์เรียกเขาให้ไปยังลานกว้างหน้ากระท่อม เสวี่ยหมิงประหลาดใจวันนี้อาจารย์ดูขึงขังจริงจังกว่าทุกที อาจเป็นเพราะว่าหนึ่งเดือนที่ได้อยู่ด้วยกัน เขาสัมผัสได้ถึงลักษณะนิสัยขี้เล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ของอาจารย์ก็เป็นได้ พอท่านเคร่งขรึมจริงจังก็เหมือนได้พบมุมมองใหม่ๆ



“เรารู้มาว่าเจ้าฝึกกระบวนท่ามาจากพวกคนในสำนักคุ้มภัยตระกูลเสวี่ย ไหนลองแสดงให้เราดูหน่อยสิ”



เมื่อถูกสั่ง เสวี่ยหมิงก็ออกไปแสดงกระบวนวิชาที่ตนครูพักลักจำมา ท่าแล้วท่าเล่ากินเวลานานหมายชั่วโมงเสวี่ยหมิงจดจำสิ่งไหนได้เขาแสดงออกมาทั้งหมด ด้วยนึกอยากให้อาจารย์เห็นความสามารถที่เขาพอจะมีอยู่บ้าง เด็กหนุ่มไม่อยากให้ท่านอาจารย์รู้สึกผิดหวังที่มาทุ่มเทอบรบสั่งสอนคนแบบเขา



หลังจากแสดงกระบวนท่าทั้งหมดที่จำมาจนหมด เสวี่ยหมิงก็จรดท่ายืนตัวตรงน่าแปลกเขาออกแรงมากถึงเพียงนี้ แต่ไม่มีอาการเหนื่อยหอบแม้แต่น้อยทั้งที่กินเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะแสดงกระบวนวิชาจนครบหมด



“เฮอะ วิชาแมวสามขา พอจะเอาไปจัดการกับพวกขี้เมาในโรงเตี๊ยมได้บ้าง หาได้เทียบกับวิชาที่เรามีได้ซักกะผีก”



ยอมรับว่ามีความกังวลใจเล็กน้อยที่ท่านอาจารย์แสดงสีหน้าผิดหวัง หากว่าอาจารย์กล่าวคำเบื่อหน่ายที่จะสอนสั่งเขาแล้วเสวี่ยหมิงคงเศร้าใจ หนึ่งเดือนมานี้ความสนิทสนมที่อาจารย์มีต่อเขาช่วยหล่อเลี้ยงทั้งยังกำหนดเป้าหมายบางอย่างให้เขาก้าวต่อไป



ช่างน่าสมเพชตัวเองนัก เสวี่ยหมิงนับจากรู้ความจริงตนเองก็เคว้งคว้างราวกับอยู่ในห้วงอากาศอันปรวนแปรไม่รู้จบ เพราะแต่ไหนแต่ไรตนเป็นคนน่าเบื่อที่ไม่เคยคิดถึงอนาคตและความฝัน เป็นเพราะว่าอยู่แบบปลิดปลงต่อร่างกายอ่อนแอไร้พลังมานาน ดังนั้นจึงไม่เคยทะเยอทะยานอยากได้สิ่งใดนอกจากสถานที่อันสงบสุข



กระนั้นตอนนี้กลับมีเป้าหมายใหม่ เขาอยากฝึกยุทธให้สำเร็จอยากเป็นศิษย์อันดีเลิศในสายตาอาจารย์ อยากออกท่องไปในยุทธภพพบผู้คนมากมาย ใช้ชีวิตเยี่ยงจอมยุทธผู้หนึ่ง หากเป็นเช่นนั้นได้คงดีไม่ใช่น้อย



“เอาเถอะก่อนจะสอนกระบวนท่า เราจะสอนการเดินลมปราณและพื้นฐานของวรยุทธให้เจ้าก่อน หวังว่าคงใช้เวลาไม่นานมากเหมือนตอนฝึกวิชาหดกระดูกเปลี่ยนหนังนะ เจ้าศิษย์หน้าโง่”



เสวี่ยหมิงห่อไหล่ เริ่มจะสำนึกได้ว่าความจำดีเลิศแค่ไหน หากไม่มีความเข้าใจก็ไม่สามารถฝึกให้สำเร็จโดยง่าย ระหว่างที่ฝึกวิชาหดกระดูกเปลี่ยนหนัง ท่านอาจารย์แสนจะใจเย็นต่อเขามาก เป็นเรื่องดีงามที่ได้พบอาจารย์ที่ดีเช่นนี้จนเกลียดตัวเองไม่น้อยนที่ก่อนนั้นเล่นตัวทั้งยังไม่สำนึกบุญคุณใหญ่หลวงที่อาจารย์มีต่อตน



“มาที่ตรงนี้หมิงน้อย เราจะเริ่มสอนวิธีเดินลมปราณให้แก่เจ้า”



“ครับอาจารย์” เสวี่ยหมิงไม่รอช้ารีบปฏิบัติตนเป็นศิษย์ที่ดีเชื่อฟังคำสั่งสองของอาจารย์ ในใจคาดหวังว่าซักวันหนึ่งตนจะเป็นจอมยุทธที่เก่งกาจดังเช่นอาจารย์ของตนเอง



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


จริงๆอยากจะขยี้มากกว่านี้ แต่ไอ้เราไม่ถนัดเขียนดราม่าเอาเสียเลย5555 ได้แค่นี้แหละ ตอนหน้าจะเริ่มมีอะไรใหม่มาให้เสวี่ยหมิง ไม่สปอยน้า



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้าง 
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-02-2017 13:18:33
หมิงน้อยน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-02-2017 14:36:44
จะเป็นไงต่อน้ารีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 09-02-2017 14:48:04
 o13 o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 09-02-2017 15:04:13
สงสารเสวี่ยหมิงที่เพิ่งรู้ความจริงว่าโดนขโมยเงิน

แล้วยังโดนปฏิบัติไม่ดีใส่อีก :katai1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: saradino1 ที่ 09-02-2017 15:45:00
ติดตามหมิงน้องต่อครับ. สงสารจัง. ต้องมาเจออะไรแบบนี้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-02-2017 17:26:00
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 09-02-2017 18:48:45
ชอบท่านจูมากเลยจ้า พระเอกเมื่ิอไหร่จะโผล่อ่ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่4 p2 9/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 10-02-2017 06:21:04
เป็นเราจะจุดไฟเผาพวกบ้านั่น

ฮึ่ยยยยย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 10-02-2017 11:53:22
ตอนที่5



หนึ่งปีผ่านไปอย่างช้าๆสำหรับการเคี่ยวกรำเสวี่ยหมิงให้ฝึกวรยุทธ ในบรรดาศิษย์ทั้งหมดจูเยว่เสวียนนึกรักเสวี่ยหมิงมากกว่าใคร อาจเป็นเพราะว่ามันชมชอบความซื่อสัตย์ที่ค่อนไปทางซื่อบื้อของศิษย์ผู้นี้ก็เป็นได้



แม้ว่าในการสอนสั่งแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้ความใจเย็น ทว่าเสวี่ยหมิงไม่เคยทำให้มันผิดหวัง ถึงทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเชื่องช้า กระนั้นความรู้จริงในวิชากลับหนักแน่นปานหินผา พื้นฐานของเสวี่ยหมิงแน่นหนาเสียยิ่งกว่าตัวมันเองในวัยหนุ่มเสียอีก



นอกจากนั้นการที่มันมุ่งมั่นต้องการให้เสวี่ยหมิงเป็นศิษย์ของตนให้ได้ อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าลิขิต เสวี่ยหมิงมีคุณลักษณะดีงามที่หาได้ยากในรอบหลายร้อยปี กล่าวคือเป็นภาชนะที่มีความลึกและกว้างในการฝึกปรือพลังวัตร ในบรรดาศิษย์ทั้งหมดหากให้ฝึกฝนพร้อมกันเสวี่ยหมิงอาจจะสำเร็จวิชาได้ช้า ทว่าความกว้างของการบรรจุเหนือล้ำกว่าย่อมเพิ่มพูนพลังวัตรได้มากกว่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด



นั่นหมายความว่าเสวี่ยหมิงเป็นผู้เหมาะสมที่จะรับถ่ายพลังวัตรจากมันเป็นแม่นมั่น ซึ่งหากคนที่มันพบเป็นคนอื่น พลังวัตรในกายมันอาจจะถ่ายเทออกได้ไม่หมด ถ้าฝืนท่ายเทไปซ้ำๆอาจมีผลให้ผู้รับพลังวัตรร่างระเบิดออกเพราะพลังวัตรล้นทะลักก็เป็นได้



ในขณะเดียวกันถ้ามันถ่ายพลังวัตรไม่หมดในครั้งเดียวตามที่เคล็ดวิชาได้บอกไว้ มันเองก็จะถูกลมปราณตีกลับไม่รู้ว่าต้องพักรักษาตัวนานเท่าใดถึงจะหายดี ผลเสียนั้นหรือนอกจากจะศูนย์พลังวัตรไปเปล่าๆยังได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่มีเรื่องดีเลยแม้เพียงนิด



ระยะหลังมานี้จูเยว่เสวียนมุ่งมั่นกับการสอนเสวี่ยหมิงเพราะรู้สึกสนุก จนหลงลืมการฝึกปรือลมปราณขั้นสุดยอดของตัวเองไป ดังนั้นพลังวัตรของมันจึงมิได้ก้าวหน้าหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นราวแปดเดือนได้



เวลานี้มีความคิดอยู่ในใจสองประการ ประการหนึ่งคือต้องการเร่งฝึกปรือพลังวัตรของตนเอง ประการที่สองคือสืบให้รู้แน่ชัดว่าผู้ใดเป็นศิษย์ทรยศแพร่งพรายที่กบดานลับฝึกวิชาของมันให้ผู้อื่นล่วงรู้



“อาจารย์อาหารพร้อมแล้วครับ” เบื้องหน้าของจูเยว่เสวียนคือไก่ย่างทั้งตัว นับตั้งแต่มันอยู่กับเสวี่ยหมิงมาต้องยอมรับว่าศิษย์ผู้นี้มีฝีมือในการปรุงอาหารที่ใช้ได้ มันไม่เคยได้ทานอาหารที่ไม่ถูกปากเลยซักครา



“ยังก่อนหมิงน้อย เรามีเรื่องจะพูดกับเจ้าซักหลายคำ”



เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าอาจารย์จะพูดอะไรด้วย แต่เขาหาได้กังวลไม่เพราะเข้าใจว่าเรื่องที่อาจารย์จะสอนสั่งล้วนเป็นเรื่องดีสำหรับเขา หลายเดือนที่อาศัยอยู่ด้วยกันมา อาจารย์ช่างมีเมตตาต่อเขาประหนึ่งบิดาคนหนึ่ง ต้องยอมรับคงไม่มีผู้ใดอดทนต่อการสอนสั่งตัวโง่งมอย่างเขาได้ดีเท่าอาจารย์อีกแล้ว



“เราจะมอบหมายงานให้หมิงน้อยทำ” จูเยว่เสวียนเว้นระยะจิบน้ำเล็กน้อยก่อนจะกล่าว



“เราจะเขียนจดหมายให้เจ้าสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นจดหมายฝากฝังและแนะนำตัวเจ้าแก่ศิษย์ผู้พี่ อีกฉบับเป็นจดหมายลับเจ้าจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อเดินทางไปถึงพรรคมังกรพิโรธที่ตั้งอยู่บนหุบเขาหมื่นปีเท่านั้น”



“อาจารย์ท่านคงไม่ได้หมายความว่าจะไล่ข้าไป”



 เสวี่ยหมิงตกใจลนลาน เหตุใดอาจารย์จึงให้เขาไปที่อื่น เท่าที่ทราบมายังมีวิชาอีกมากที่อาจรย์ยังไม่ได้สอนสั่งเขาให้สำเร็จ เกิดเบื่อหน่ายที่จะสอนเขาแล้วหรือ เด็กหนุ่มเกิดความกลัวและน้อยใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้



“อาจารย์เบื่อที่จะสอนสั่งข้าแล้วหรือครับ อาจจารย์มักจะพูดบ่อยๆว่าในบรรดาศิษย์ทั้งหมดข้าโง่เขลาที่สุด อาจารย์จะไม่ทนต่อความโง่เขลาของข้าแล้วหรือครับ” ตอนนี้เองที่กระบอกตาเขาร้อนผ่าว ไม่อาจทัดทานต่อความสะเทือนใจได้ เด็กหนุ่มเกือบจะร้องไห้อยู่ร่อมล่อแล้ว



“เพ้ย...ใครใช้ให้เจ้าคิดว่าเราเบื่อจะสั่งสอนเจ้า ในทางกลับกันเราสนุกมากจนลืมเลือนการฝึกปรือฝีมือของเราไป ที่เราต้องการคือให้เจ้าได้รู้จักกับบรรดาศิษย์พี่ของเจ้า นอกจากนั้นยังมีเรื่องสำคัญที่เราจะฝากให้เจ้าทำเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจเราไม่อาจลบเลือนไปได้”



“เรื่องอะไรหรือครับอาจารย์” เสวี่ยหมิงปาดน้ำตา



“เราระแวงสงสัยว่าในบรรดาศิษย์เรามีผู้แพร่งพรายสถานที่ฝึกลับของเราออกไป เรื่องนี้เราอยากให้เจ้าไปสืบดูว่าใครกันแน่ที่ทรยศเรา นอกจากนั้นเราคิดว่าการที่เจ้าไปที่พรรคมังกรพิโรธเพื่อฝึกปรือวิชาจากพวกศิษย์พี่จะเป็นการสร้างความสนิทสนมเพื่อตัวเจ้าเองด้วยเช่นกัน”



เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจว่าการสนิทสนมกับบรรดาศิษย์พี่ทั้งหลายเป็นการสร้างอนาคตที่ตรงไหน แต่ทว่าหากอาจารย์เห็นดีงามเขาก็ไม่ขัด นอกจากนั้นการสืบหาศิษย์ทรยศยังเป็นงานสำคัญทีเขาไม่อาจปฏิเสธได้



“ในบรรดาศิษย์เรา เจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุด หลี่หมู่ไป๋ศิษย์คนโตแม้นเป็นคนจริงใจแต่เป็นประเภทหัวแข็งยึดมั่นอะไรแล้วมักไม่เคยเปลี่ยนแปลงทำให้เราหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง หลงเยี่ยอิงศิษย์คนรองเป็นคนฉลาดแต่ก็มีนิสัยร้ายๆปลอมปนในสันดารอยู่มากจนบางครั้งเราเหนื่อยใจต่อการคาดเดาพฤติกรรมของศิษย์ผู้นี้ อิงเฟยศิษย์คนที่สามก็แสนจะเหย่อหยิงเอาแต่ใจ มีความทะเยอะทะยานไม่สิ้นสุด ในบรรดาสามคนนี้เราเดาไม่ออกจริงๆว่าผู้ใดทรยศต่อเรา เราก็มีความหวังแค่เพียงเจ้า คาดว่าเจ้าคงไม่ทำให้เราผิดหวัง”



“เหตุใดอาจารย์ไม่ไปด้วยกันละครับ”



“เราเหนื่อยหน่ายต่อการแย่งชิง เราตรึกตรองดูอาจเป็นเพราะบรรดาศิษย์ทั้งสามคงอยากได้ตำแหน่งประมุขพรรคจากเราจนตัวสั่น เรามีความคิดว่าจะยกให้ใครคนใดคนหนึ่ง เวลานี้เราคิดเพียงแต่อยากสำเร็จยุทธขั้นสูงสุดให้ได้ เราต้องการความสงบดังนั้นจึงไม่เดินทางไปกับเจ้า แน่นอนหากเราฝึกสำเร็จคนแรกที่เราจะไปพบย่อมคือเจ้าศิษย์เราที่รักที่สุดเช่นเจ้า”



เสวี่ยหมิงเกิดความซาบซึ้งอย่างหนัก ตัวเขาแม้ไม่อยากจากอาจารย์ไปเลยก็ตาม ทว่าเมื่อฟังเหตุผลของอาจารย์จนเข้าใจดีแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ทำตามที่อาจารย์ต้องการ



“หมิงน้อย ปีหนึ่งที่ผ่านมาเจ้าสำเร็จวิชาใดไปแล้วบ้าง”



“วิชาหดกระดูกเปลี่ยนหนัง เพลงหมัดเกล็ดหิมะ เพลงกระบี่หิมะโปรย ครับ”



“โอ....หนึ่งปีที่ผ่านมาจัดว่าน้อยเหลือเกิน แต่ว่าในบรรดาศิษย์เราผู้ที่ฝึกปรือวิชาเพลงหมัดเกล็ดหิมะและกระบี่หิมะโปรยมีแค่เจ้าเพียงคนเดียว นอกจากนั้นคนที่รู้วิธีปรุงยาพิษและยาแก้พิษหิมะโปรยก็มีเจ้าเพียงคนเดียวเช่นกัน ด้วยวิชาที่มีอยู่นี้ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็สามารถต่อกรกับศิษย์พี่ของเจ้าได้ และไม่ถูกรังแกง่ายๆ”



“ขอบคุณอาจารย์ที่สอนสั่งข้าจนมีทุกวันนี้ครับ”



“แต่อย่าได้หยุดฝึกปรือต่อไปเสียล่ะ จดหมายแนะนำตัวนี้เราได้ฝากฝังให้ศิษย์พี่ของเจ้าช่วยกันฝึกวิชาที่เหลือให้เจ้าตามถนัด ก็หวังว่าคำสั่งเราจะเป็นเกราะกำบังบางอย่างช่วยให้เจ้าสร้างความสนิทสนมต่อศิษย์พี่ของเจ้าได้นะ”



“ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วง ข้าจะตั้งใจฝึกปรือ และไม่ลืมสืบหาศิษย์ทรยศให้อาจารย์ด้วย”



“โอ...ตามจริงเราไม่ถือโกรธเรื่องทรยศเท่าใดแล้ว เพราะเกิดเหตุการณ์นั้นทำให้พลังฝีมือเรารุดหน้า นอกจากนั้นเรายังได้เจอลูกศิษย์ที่ดีงามเช่นเจ้า เราเพียงอยากทราบเท่านั้นว่าผู้ใดทรยศและด้วยสาเหตุที่เราคาดการณ์ไว้หรือไม่”



“ข้าจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังครับ”



“คาดว่าเจ้าคงหิวจนท้องกิ่วแล้วเรามาทานกันเถอะหมิงน้อย”

จูเยว่เสวียนฉีกไก่แบ่งให้เสวี่ยหมิงชิ้นใหญ่กว่าตัวเองเสียอีก มันทำให้เด็กหนุ่มยิ่งซาบซึ้งในความเมตตาของอาจารย์ซึ่งเปรียบประดุจบิดาผู้หนึ่ง



“พรุ่งนี้ให้เจ้าออกเดินทางแต่เช้า เราจะกบดานอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน ทว่าเจ้าห้ามแพร่งพรายที่อยู่ของเราให้ใครทราบ เราไม่ต้องการให้ใครมารบกวน”



เสวี่ยหมิงสะดุ้งตัวเบาๆไม่คาดว่าการเดินทางออกไปผจญโลกกว้างจะเร็วเยี่ยงนี้ เขายังเข้าใจว่าจะได้อยู่ดูแลอาจารย์อีกซักเดือนสองเดือน ถูกเร่งให้ไปเร็วเช่นนี้ยอมรับว่าสะเทือนใจจนอยากจะกล่าววาจาซักหลายคำ



“แต่อาจารย์ทำไมถึงให้ข้าไปเร็วถึงเพียงนี้” เขาร้องอุทรเพียงหวังว่าอาจารย์จะยอมใจอ่อนผ่อนปรนเวลาให้เขาบ้าง



“ตัวโง่งม การไปของเจ้าทำให้เราสองต่างมีอนาคต เจ้าไปที่พรรคมังกรพิโรธไม่ใช่แค่เพื่อฝึกวิชา แต่ไปเพื่อไขว่คว้าประสบการณ์อย่างหนึ่ง ส่วนเราเมื่ออยู่อย่างสงบวิชาของเราล้วนรุดหน้าโดยไว อย่าได้หวาดเกรงไปศิษย์เรา เจ้าเองก็เป็นชาติบุรุษผู้หนึ่งคงมีความคิดอยากออกไปท่องโลกหาความก้าวหน้าบ้างกระมัง”



เสวี่ยหมิงมีความคิดเรื่องนั้นอยู่บ้าง หากแต่ก็เป็นห่วงความเป็นอยู่ของอาจารย์เหลือเกิน หากเขาไม่อยู่อาจารย์คงใช้ชีวิตลำบากขึ้นอีกเท่าตัว”



“ตัวโง่งมเจ้าอย่าได้สำคัญตัวผิดไป ถึงแม้เจ้าไม่อยู่เราย่อมดูแลตัวเองได้ เราเคยอยู่ลำพังแบบไหนเราย่อมอยู่ได้เช่นนั้น”



ราวกับอาจารย์เข้ามาอยู่ภายในใจของเขา เมื่อถูกยืนกรานหนักแน่นเช่นนี้ เขาก็ไม่มีข้อโต้แย้งอีก ดังนั้นวันรุ่งเสวี่ยหมิงจึงต้องออกเดินทางจากจูเยว่เสวียนไปมุ่งสู่พรรคมังกรพิโรธที่ตั้งอยู่ในหุบเขาหมื่นปี



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ตอนต่อไปมาแล้วน้า หมิงน้อยจะออกเดินทางแล้ว จะมีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นอีก เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-02-2017 12:06:53
หมิงน้อยเป็นศิษย์ที่อาจารย์รักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 10-02-2017 12:35:17
ต่อนะคัฟ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 10-02-2017 12:57:26
เป็นคนดีไปแล้วหมิงเอ้อร์  :katai1: อยากเห็นอิมเมจของหมิงๆจังเลยจ้าาาา  :ruready  แหมๆ ในหมู่ศิษย์พี่สุดล่ำบึกจะมีพระเอกของเรามั้ยน้าาาา   :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-02-2017 13:14:15
อ่าน ๆ ไป ทำไมรู้สึกว่าจอมมารเป็นคนดี... ที่แท้ท่านอาจารย์(น่าจะ)ดีกับบางคนสินะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 10-02-2017 13:55:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 10-02-2017 14:38:07
เพิ่งเข้ามาอ่านจ้า ชอบๆๆ สนุก
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 10-02-2017 14:46:25
หมิงน้อย เตรียมตัวท่องโลกกว้างแล้ววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2017 15:01:04
เสวี่ยหมิง รู้เช่นเห็นชาติทั้งตระกูลนายท่านแล้ว
ทั้งโกงเงินพ่อเขา ที่ว่าเมตตาปรานีก็ไม่ใช่
เลี้ยงดูดั่งคนใช้ ทั้งที่เป็นลูกเจ้าของเงินแท้ๆ
กลับไปคำนับอาจารย์ เป็นศิษย์รักคนเล็กมีฝีมือ
เสวี่ยหมิง จะเป็นศิษย์น้องโผเข้าสำนักมังกรพิโรธแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 10-02-2017 16:17:36
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-02-2017 16:39:00
ทำไมเมื่อห่วงสามีละหมิงน้อย - -
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 10-02-2017 17:43:49
จะฮาเร็มอ่ะเป่า แอบมีฟามหวัง :hao6:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 10-02-2017 19:16:38
เดาไม่ถูกเลยจะยังไงต่อจะฮาเร็มเหรอ :hao4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 10-02-2017 19:54:47
อ่านแล้วเอ็นดูหมิงน้อยเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์จะยกให้เป็นศิษย์รัก นางนิสัยซื่อๆก็หวังแค่ว่าจะไม่โดนศิษย์พี่คนไหนหลอกปั่นหัวเอานะ รอตอนต่อไปค่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-02-2017 20:57:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่5 p2 10/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 10-02-2017 21:02:52
รอพระเอก~~~  :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 11-02-2017 12:08:39
ตอนที่6



เสวี่ยหมิงเดินทางเท้าผ่านป่าเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บัดนี้เขาได้เดินทางมาถึงเมืองตงถิงทเมืองอันศิวิไลแห่งแรกนอกจากป่าเขาและหมูบ้านเล็กๆที่พบเจอมาตลอดทาง ดังนั้นเขาจึงคิดหาที่พักในเมืองก่อนจะออกเดินทางต่อไป



เสวี่ยหมิงมีเงินกระดาษหลายตำลึงทองที่ได้มาจากท่านอาจารย์ นอกจากนั้นก่อนจากกันอาจารย์ยังให้แหวนมังกรคาบมุกซึ่งตัวเรือนประดับด้วยอัญมณีหลากสีติดตัวมาด้วย อาจารย์บอกว่าสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของประมุขพรรคหากพบเจอคนในพรรคสามารถใช้แหวนวงนี้อ้างถึงตัวอาจารย์แล้วใช้สอยคนเหล่านั้นได้ตามสะดวก



ถึงอาจารย์จะกล่าวเช่นนั้น แต่เสวี่ยหมิงไม่เห็นประโยชน์ที่จะนำแหวนไปอวดอ้างใช้สอย เขาไม่ชอบแสดงตัวเอิกเกริกยังคงตัดสินใจจะเดินทางเงียบๆมุ่งสู่หุบเขาหมื่นปีโดยไม่คิดงานเจ้าแหวนวงนี้ถึงแม้จะสวมมันติดตัว



ในเมืองตงถิงช่างคึกคักและมีผู้คนมากหน้าหลายตาเสวี่ยหมิงแวะซื้อหมั่นโถจากร้านแผงลอยที่มีผู้คนเข้าแถวยาวเหยียดคาดว่ารสชาติคงล้ำเลิศ พอได้ลิ้มลองแล้วพบว่าไม่ผิดหวังแม้แต่น้อย ระหว่างที่จะกัดหมั่นโถอีกคำ ตอนนั้นเองก็พบว่ามีขอทานน้อยผู้หนึ่งยืนมองเขาตาไม่กระพริบ



เสวี่ยหมิงเมื่อมองตอบกลับไปขอทานน้อยก็หาได้หวั่นเกรงต่อสายตาของเขาไม่ มันยังคงใช้สายตาจ้องมาราวกับต้องการอะไรบางอย่าง



หรือว่าจะหิวมาก เสวี่ยหมิงมองดูหมั่นโถในมือสลับกับขอทานน้อย เด็กหนุ่มผู้นั้นอายุน่าจะราวๆ15-16ปี รูปร่างผอมแต่สูง ถึงจะสูงไม่เท่ากับเขาแต่ก็นับว่าสูงกว่าเขาก่อนที่จะได้รับการถ่ายพลังวัตร กายแต่งกายมอมแมมสมกับเป็นขอทาน แต่ด้วยหน้าตาที่ค่อนข้างฉลาดทำให้รู้สึกติดใจอยู่ไม่น้อย



“เจ้าหนู” ถึงจะเรียกขอทานน้อยว่าเจ้าหนู แต่แท้จริงแล้วอายุของเขากับมันน่าจะไม่ต่างกัน เพียงแต่ด้วยรูปร่างที่โตขึ้นของเขายังควรต้องเรียกขานขอทานน้อยให้เหมาะสมเพื่อมิให้แปลกประหลาด



“เจ้าหนูมานี่สิ” เรียกอีกครั้งเพราะคิดว่าขอทานน้อยอาจไม่ได้ยิน



“ท่านเรียกข้ารึ” ขอทานน้อยถาม



“ใช่แล้วข้าเรียกเจ้า” ขอทานน้อยเดินตรงมาหาเขา ท่วงท่าการเดินเหินดูทะมัดทะแมงต่างกับกลุ่มคนที่เป็นขอทานโดยสิ้นเชิง ดูแล้วชวนให้คิดว่าเด็กน้อยผู้นี้น่าจะมีดีอยู่ในตัว



“เรียกข้าทำไมรึพี่ชาย” เมื่อเดินมาถึงขอทานน้อยก็ยกยิ้มพร้อมทั้งยักคิ้วหลิ่วตาให้ ความทะเล้นนี้ช่างไม่เหมือนกับผู้คนที่เป็นขอทาน การที่อีกฝ่ายมีความสุขแม้จะลำบากอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ มันทำให้เสวี่ยหมิงทั้งทึ่งทั้งนับถือ



“เจ้าไม่ใช่รึที่มองข้าอยู่เป็นนาน ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้ามีอะไรกันแน่”



เผลอพูดในสิ่งที่คิดออกไปนึกอีกทีแล้วก็เห็นว่าไม่เข้าท่า จุดประสงค์ของเขาคือต้องการมอบหมั่นโถวให้ขอทานน้อยผู้นี้ไปกินไม่ใช่หรือ การที่เขาพูดคุยกับขอทานน้อยในลักษณะนี้อาจเป็นเพราะประหลาดใจต่อดวงตาพราวระยับที่ขอทานน้อยใช้มองมาที่เขาก็เป็นได้



“เฮ้อช่างเถอะ เจ้าเอาหมั่นโถวนี่ไปเสีย” กล่าวจบก็ยัดเยียด หมั่นโถวใส่มือให้ขอทานน้อย เสวี่ยหมิงไม่เสียเวลาสนทนาให้มากความเขาสาวเท้าเดินจากไป ไม่คาดว่า เจ้าขอทานน้อยจะเดินตามมาตลอดทาง



เหตุใดจึงตามเขามานะ เสวี่ยหมิงไม่ทราบจุดประสงค์ของขอทานน้อย ตั้งแต่แรกก็พบว่าอีกฝ่ายมองมาที่ตนยังเข้าใจว่ามองเพราะหิว แต่ตามติดไล่หลังมาเช่นนี้ไม่เข้าใจจริงๆว่าต้องการอะไร



“นายท่านๆ มาพักทางนี้สิเจ้าค่ะ”



 หญิงสาวมากมายหน้าตางดงาม พวกนางแต่งตัวประชันโฉมราวกับนกหลากสี เสวี่ยหมิงงุนงงอย่างหนักเมื่อถูกหญิงเหล่านั้นห้อมล้อมต้อนเขาเข้าไปในตึกที่มีป้ายเขียนว่าหอสุราสวรรค์ซึ่งเป็นหอนางโลม เด็กหนุ่มคาดว่าคงเป็นคนิกาซึ่งคอยเรียกแขกแล้วเขาก็เป็นแขกที่พวกนางหมายตา



“เอ่อแม่นางข้าแค่กำลังหาที่พักเท่านั้น” เสวี่ยหมิงพูดกับเหล่าหญิงคนิกาที่ห้อมล้อมเขาอยู่ไม่ห่าง



“คุณชายหอสุราสวรรค์ของเราก็มีที่พักนะคะ ไม่แค่ที่พักธรรมดาคุณชายยังจะได้สนุกกับพวกเราทั้งค่ำคืนอีกด้วย”



เสวี่ยหมิงหน้าแดงซ่านเมื่อนึกถึงความนัยที่หญิงคนิกากล่าว เด็กหนุ่มเคยได้ยินมาบ้างว่าพวกนางปฏิบัติเช่นไรต่อชายหนุ่มที่มาเยือน แต่ไม่เคยมีเลยซักครั้งที่เขาจะได้สัมผัสสถานที่เช่นนี้



กลิ่นแป้งหอมๆและเนื้อตัวนุ่มนิ่มซึ่งบดเบียดเข้ามาพาความคิดให้เกือบล่องลอยเตลิดไป แค่ถูกรุกเร้าหนักหน่วงจากสตรีเหล่านี้ใบหน้าก็แดงก่ำมือไม้สั่นเทาจนปฏิบัติตนแทบไม่ถูก พวกนางล้วนแล้วแต่เป็นหญิงงาม อาจจะงามกว่าคุณหนูถิงเสียอีกด้วย กริยายิ้มแย้มแช่มช้อยช่างเอาอกเอาใจ ถึงเสวี่ยหมิงจะไม่ต้องการเข้าไปสนิทแนบชิด แต่ก็ไม่กล้าแสดงท่าทีเย็นชาหยาบกระด้างทำร้ายน้ำใจ



“ตายแล้วเจ้าขอทานน้อยใครใช้ให้เจ้าเข้ามาที่นี่”



“ใครก็ได้ลากมันออกไปที”



เสียงโหวกเหวกโวยวายของนางคนิกาหันเหความสนใจของเขาจากเหล่าหญิงสาวไป ตอนนั้นก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เป็นเสียงที่เคยได้ยินมาก่อน เสวี่ยหมิงจำเสียงนี้ได้มันคือเสียงเจ้าขอทานน้อยที่ไล่ตามเขามา เวลานี้มันกำลังถูกคนคุมหอทุบตีไม่ยั้ง หากเสวี่ยหมิงไม่เข้าไปห้ามมันคงเลือดตกยางออกเป็นแน่แท้



“หยุดๆก่อนพี่ๆทั้งหลาย ได้โปรดหยุดทุบตีขอทานน้อยเถอะ” เสวี่ยหมิงขอร้อง ทำให้พวกชายคุมหอหยุดการกระทำ ขอทานน้อยตอนนี้คู้กายขดตัวกลมอยู่บนพื้นดูแล้วน่าเวทนาอย่างยิ่ง



“เหตุใดนายท่านถึงมาห้าม ขอทานผู้นี้มันไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เข้ามาสร้างความวุ่นวายในหอเรา ท่านไม่เห็นรึมันรบกวนลูกค้าคนอื่น”



“ข้าแค่ตามพี่ชายมาเท่านั้น” ขอทานน้อยกล่าวเสียงระโหย เสวี่ยหมิงไม่แปลกใจเพราะพบว่ามันตามเขามาตลอดทางตั้งแต่แรก



“เจ้าขอทานน้อยอย่ามาโกหก พวกข้าจะสั่งสอนเจ้าอีกรอบจะได้สำนึก” เหล่าชายผู้คุมหอตั้งท่าจะเล่นงานขอทานน้อยซ้ำ เสวี่ยหมิงเห็นไม่ได้การจึงตัดสินใจออกรับหน้า



“หยุดก่อน เด็กน้อยนี่มากับข้าเอง” กล่าวจบก็ยัดเงินกระดาษให้กับเหล่าผู้คุมหอ



“จะได้อย่างไรนายท่าน มันเป็นขอทาน” เหมือนผู้คุมหอจะยังไม่ยอมง่ายๆ ตอนนั่นเองหญิงคนิกาได้ตามแม้เล้ามาไกล่เกลี่ย



“นายท่านๆ หากว่าท่านจะจ่ายให้ขอทานน้อยเราก็จะถือว่าขอทานน้อยนี่เป็นคุณชายผู้หนึ่ง ขออภัยที่คนของทางเราเสียมารยาทนะคะ”



เมื่อแม้เล้าเข้าใจสถานการณ์ต่างๆได้โดยง่ายเสวี่ยหมิงก็เบาใจ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาต้องเข้าพักในหอนางโลมจนได้ เสวี่ยหมิงถูกพาไปยังห้องส่วนตัวบนชั้นสองพร้อมกับขอทานน้อยที่เดินตามมาติดๆ



ทันทีที่เข้าไปในห้องรับรอง หญิงสาวจำนวนมากก็พากันเอาอกเอาใจทั้งเขาทั้งขอทานน้อย เสวี่ยหมิงนั่งลงกับเก้าอี้ใช้สายตามองดูขอทานน้อยซึ่งดูมีความสุขต่อการเอาอกเอาใจของหญิงคนิกา



ไม่ว่าใครก็ชื่นชอบให้หญิงสาวมาเอาอกเอาใจสินะ เสวี่ยหมิงส่ายหน้ายิ้มอ่อนใจ เมื่อขอทานน้อยสนุกสนานจนลืมไปสิ้นว่าก่อนหน้านั้นพบเจออะไรมาบ้าง เสวี่ยหมิงไม่รีบร้อนนักนั่งละเลียดอาหารที่เหล่าคนิกานำมาวางตรงหน้า รอคอยให้ขอทานน้อยรู้ตัวเสียทีว่าเขารออยู่



“พี่ชายขอบคุณมากนะที่ช่วยข้าไว้” ในที่สุดเจ้าขอทานน้อยก็รู้ตัวเสียทีหลังจากเด็กน้อยนี่ทั้งกินทั้งดื่มเข้าไปมากจนเรียกได้ว่าเกินขนาดตัวอย่างน่าตกใจ



“เจ้าพูดกับข้าได้แล้วรึ ไหนบอกว่าสิว่าทำไมเจ้าถึงแอบเดินตามข้ามามีจุดประสงค์อะไร”

เสวี่ยหมิงรอคำตอบ เจ้าขอทานน้อยครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง สองมือแบมาข้างหน้าราวกับยอมจำนนต่อเขา



“บอกตามตรงข้าคิดใช้ท่านให้เป็นประโยชน์เพราะว่าท่านดูใจดีเพียงเท่านั้น”



“ข้านะหรือดูใจดี” เสวี่ยหมิงเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจเหตุใดแค่พบกันไม่กี่ครั้งจึงได้คิดเช่นนั้น



“แน่นอนหากท่านไม่ใจดีแล้วใครจะใช่อีกเล่า พี่ชายยอมให้ของกินแก่ขอทาน ยอมให้ข้าเข้ามาพัวพันท่านถึงแม้ว่าข้าจะลอบตามพี่ชายมาแล้วก่อเรื่อง คนปกติหากไม่ใช่พี่ชายคงไล่ตะเพิดข้าไปแล้วไม่มานั่งพูดคุยด้วยเช่นนี้”



“ข้าไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอก แค่เห็นเจ้าอดอยากหรือถูกทุบตีต่อหน้ามันทำให้ข้ามาสบายใจเท่านั้น”

เสวี่ยหมิงจิบน้ำชาเล็กน้อย ก่อนกล่าวปฏิเสธหญิงคนิกาที่รินเหล้าแล้วยื่นจอกมาให้



“ท่านแค่สงสารก็ยอมให้ข้าเข้ามาวุ่ยวายในชีวิตท่านได้แล้วหรือ ถามหน่อยท่านเป็นอย่างนี้กับทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตท่านหรือเปล่า”



“เจ้าพูดเช่นนี้ข้าไม่รู้จะกล่าวอย่างไร สำหรับข้าหากมีคนมาขอความช่วยเหลือ ถ้าช่วยได้ข้าก็จะช่วย แต่คงไม่สามารถช่วยได้ไปหมดทุกคนหรอก”



“ท่านพูดอย่างนี้ข้าค่อยโล่งอกหน่อย หากท่านพูดในทำนองที่ว่าท่านจะช่วยทุกคนที่ผ่านเข้ามา ข้าคงไม่พ้นคิดว่าท่านเป็นผู้ดีจอมปลอม นับว่าข้าโชคดีแล้วที่ได้พี่ชายเมตตา”



คำพูดคำจาของขอทานน้อยดูมีหลักการอยู่ไม่น้อย ท่วงท่าการวางตัวก็ดูมีสง่าราศีผิดกับการแต่งกายซอมซ่อ กริยามารยาทไม่ว่าจะเป็นการนั่งการทานดูคล้ายกับผู้มีอันจะกิน ชวนให้เสวี่ยหมิงนึกสงสัย



“เจ้ายังไม่ได้บอกชื่อข้าเลย ไหนลองเล่ามาสิว่าเจ้าไปยังไงมายังไงถึงมาเป็นขอทานที่นี่”

ตอนนี้เองที่ขอทานน้อยทำหน้าสลด เสวี่ยหมิงเห็นมันหุบยิ้มครานี้เป็นครั้งแรก



“ข้าว่าอยู่ว่าเสี่ยวหลง แต่เดิมอาศัยอยู่กับท่านพ่อที่เป็นบัณฑิต ทว่าตอนนี้ท่านพ่อมาหายตัวไป ตอนแรกข้ามีทรัพย์สินพอต่อค่าใช่จ่ายอยู่บ้าง แต่พอตามหาท่านพ่อไปนานๆเข้าทรัพย์สินก็ร่อยหลอสุดท้ายจึงต้องมาเป็นขอทานเช่นนี้”



“แล้วพ่อของเจ้าชื่ออะไร บางทีข้าอาจจะเคยรู้จักบ้างก็ได้”



“ท่านพ่อของข้าชื่อซือเยว่ ท่านคงไม่รู้จักกระมัง ไม่ใช่ผู้ที่มีชื่อเสียงอันใดเลย”

เสวี่ยหมิงยอมรับว่าเขาไม่รู้จักจริงๆ จนปัญญาที่จะช่วยเสี่ยวหลงได้



“ขอโทษนะที่ช่วยเจ้าไม่ได้เลย”

         

      “ท่านช่างใจดีนัก อันที่จริงไม่จำเป็นต้องขอโทษ อืม...ทำไมนะข้ารู้สึกว่าท่านช่างน่ารักยิ่ง” เสี่ยวหลงส่งยิ้มหวานมาให้ ดวงตาคมของมันดูพราวระยับราวกับมีดวงดาวอยู่ในนั้น

       

       “จริงสิแล้วพี่ชายจะไปที่ใดหรือ พี่ชายเดินทางคนเดียวคงมีภารกิจกระมัง”

       

        “ข้ากำลังจะเดินทางไปสถานที่แห่งหนึ่งตามคำสั่งของอาจารย์”

     

          “บอกได้หรือไม่ว่าอาจารย์ของท่านคือผู้ใด” เสี่ยวหลงดูกระตือรือร้น หากแต่เสวี่ยหมิงไม่ต้องการบอกความจริงแก่ใคร

       

        “ยังคงเก็บไว้เป็นความลับ เจ้าอย่าได้ซอกแซกเรื่องของข้าเลย นี่ก็ดึกมากแล้วเจ้าเองก็ไปพักผ่อนเถอะ”

           

   กล่าวจบเสี่ยวหลงก็ทำหน้ายินดีอย่างที่สุด เหล่าหญิงคนิกาสองคนห้อมล้อมเด็กน้อยนำพามันไปยังห้องข้างๆ เหลือหญิงคนิกาอีกนางหนึ่งอยู่ในห้องคาดว่ารอคอยรับใช้เขาตามหน้าที่

         

      “คุณชายอยากถอดเสื้อผ้าเองหรือให้ข้าถอดให้คะ”



หญิงสาวชม้ายตามองมาดูระยิบระยับ ใบหน้าซับสีกับท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความเอียงอายบอกชัดถึงความรู้สึก นางกำลังตื่นเต้น ส่วนเขาเองก็ตกประหม่า เสวี่ยหมิงไม่เคยคิดมาก่อนจะมีวันได้เขามาเหยียบในหอคนิกา

       

       การที่มีหญิงสาวมาเอาใจทั้งยังเสนอตัวเป็นรสชาติแปลกใหม่อย่างยิ่ง เพราะว่าเขามัวแต่อ้ำอึ้งหญิงสาวจึงเข้ามาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รอคำสั่ง มือเรียวพยายามจะปลดผ้าคาดเอวของเขา เสวี่ยหมิงคว้าจับมือนิ่มหยุดการกระทำเอาไว้ได้ทันท่วงที

         

      “ให้ข้าได้อยู่ลำพังเถอะ”

       

        “ข้าไม่ถูกใจนายท่านหรือคะ” หญิงสาวมีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เสวี่ยหมิงไม่รู้จะจัดการอย่างไร จึงได้ยื่นอัฐให้หญิงสาวไปจำนวนหนึ่ง

           

   “เจ้าไปพักผ่อนเถอะ คืนนี้ข้าอยากอยู่เงียบๆจริงๆไม่ใช่ว่าเจ้าไม่งดงามหรือมีตรงไหนบกพร่องหรอกนะ”

         

      “เข้าใจแล้วค่ะ ทว่าหากท่านเปลี่ยนใจเรียกข้าได้ตลอดนะคะ” หญิงสาวผละไปอย่างอิดออดเมื่อนางออกไปแล้วเสวี่ยหมิงก็ถอนหายใจโดยแรง หัวใจเขาเต้นระทึกยิ่งกว่าจังหวะรัวกลอง ใช่ว่าอยากจะปฏิเสธ แต่หากตนเองตื่นเต้นถึงเพียงนี้คงไม่พ้นทำเรื่องเปิ่นๆน่าชายหน้าออกไปเป็นแน่แท้

               เสวี่ยหมิงไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีในทางชู้สาวมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกยังไม่ทันได้เตรียมใจ จากเรื่องดีงามที่ควรเกิดเลยกลายเป็นไล่นางออกจากห้อง ระหว่างที่ลังเลว่าควรจะเรียกนางกลับมาดีหรือไม่ ประตูก็เปิดออก เสี่ยวหลงเดินเข้ามาในห้องหน้าตายิ้มแย้มสมใจ

       

        “เจ้าเหตุใดถึงมาที่นี่ ยังไม่ไปทำเรื่องดีงามของเจ้าอีกหรือ”

         

     “เรื่องดีงามอันใดแค่กอดหญิงสาวคนสองคนเป็นเรื่องดีงามถึงเพียงนั้นเชียวหรือพี่ชาย”

               คำกล่าวของเสี่ยวหลงทำให้เสวี่ยหมิงมึนงงไปหมด เด็กน้อยนี่พูดคล้ายกับว่าเคยทำเรื่องดีงามเช่นนี้มาจนชิน

         

      “เจ้าพูดราวกับว่าเจ้ารู้เรื่องราวของชายหญิงดี”

     

         “ย่อมแน่นอนพี่ชาย ทั้งเสี่ยวอิงทั้งวาวาน้อยล้วนสยบอยู่ใต้ความใหญ่โตของข้ามาแล้วทั้งนั้น”

               เสวี่ยหมิงหน้าแดงซ่านเมื่อนึกตาม

     

         “พี่ชายหน้าแดงถึงเพียงนี้ทำราวกับเป็นสาวบริสุทธิ์ไม่เคยต้องมือชายอย่างไรอย่างนั้น” เสี่ยวหลงทำหน้าเจ้าเล่ห์

       

       “ท่านยังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์ใช่หรือไม่เพราะอย่างนั้นจึงเขินอายไล่แม่นางคนนั้นออกไปอย่างนี้”

     

         เสวี่ยหมิงอ้ำอึ้ง คล้ายกับมีน้ำท่วมปาก นั่นยิ่งทำให้ข้อสันนิษฐานของสี่ยวหลงชัดเจนขึ้น เด็กน้อยลอบหัวร่อฮิฮะ ที่แท้แล้วพี่ชายท่านนี้ยังเป็นมือใหม่ในด้านนี้นี่เอง

   

            “เจ้าช่างพูดมากนัก ทำไมเจ้าไม่กลับไปทำเรื่องดีงามที่ห้องของเจ้ากันเล่า” เสวี่ยมหมิงปัดรำคาญด้วยการกล่าวถึงเรื่องของเสี่ยวหลง

     

         “ไม่ดีกว่า คืนนี้ข้าอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายดีกว่า ท่านเป็นคนจ่ายอัฐแต่กลับไม่ได้แนบชิดหญิงสาว ข้าจะเกินหน้าเกินตาพี่ชายได้อย่างไร นะนะ ขอข้านอนที่นี่ด้วยคนนะพี่ชาย”

       

       เสวี่ยหมิงสับสนงุนงงไปหมด อยากจะลุกไปทุบตีเจ้าเด็กน้อยน่าตายนี่นัก แต่หากให้คิดอีกทีถึงเขาทุบตีมันก็ใช่ว่าจะทำให้มันลืมเรื่องน่าอายของเขาไปได้ ดังนั้นจึงแกล้งทำบ้าใบ้ ล้มตัวลงนอนหันหลังให้เสี่ยวหลงหวังว่ามันจะเข้าใจแล้วล่าถอยกลับไป

       

       ไม่คาดว่า มันกลับหน้าด้านดับไฟในตะเกียงก่อนจะลดตัวลงนอนข้างๆบนเตียงเดียวกับเขา เสวี่ยหมิงหงุดหงิดคล้ายไม่หงุดหงิด ไม่ทราบได้ว่าอยากไล่มันไปหรืออยากให้มันอยู่เป็นเพื่อนกันแน่

       

       “พี่ชายข้ายังไม่รู้ชื่อท่านเลย”

     

          “เสวี่ยหมิง”

     

         “ชื่อไพเราะยิ่ง ข้าเรียกท่านว่าพี่หมิงได้หรือไม่” เสวี่ยหมิงถอนหายใจก่อนจะผลิกหันกลับมาเผชิญหน้ากับเสี่ยวหลง มันส่งยิ้มทั้งยักคิ้วมาให้

     

         “เจ้าจะไม่นอนหรือเสี่ยวหลง”

     

          “ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากคุยกับท่านไปเรื่อยๆจนกว่าจะง่วง พี่หมิงท่านอยากฟังเรื่องบนเตียงของข้าไหม”

         

      “เจ้านอนไปเถอะข้าไม่อยากฟัง”

     

          “คืออย่างนี้นะครั้งแรกของข้ามันเริ่มเมื่อตอนอายุได้สิบสาม....”

       

       น่าตายนัก เสวี่ยหมิงจนใจเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับปากช่างจ้อนี่อย่างไรดี เขาทำได้แต่นอนหันหลังให้แล้วอุดหูตัวเองปล่อยให้เสี่ยวหลงพูดพล่ามไปจนกว่าจะพอ ซึ่งนั้นยอมรับว่าเกือบทั้งคืน แถมเรื่องที่พูดยังมีแต่เรื่องราวระหว่างชายหญิงไม่มีเรื่องอื่นปลอมปน



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


        ตัวละครใหม่โผล่ 55555 เป็นตัวละครที่สำคัญตัวหนึ่งนาใบ้ได้แค่นี้



              เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 11-02-2017 13:35:59
เสี่ยงหลงหลงเสน่ห์หมิงน้อยของเราแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 11-02-2017 14:20:03
ไม่เอาฮาเร็มนะ ได้โปรดดดดดด :ling3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 11-02-2017 14:26:08
ไม่เอาฮาเร็มนะ ได้โปรดดดดดด :ling3:

อย่าชี้โพรงสิ5555 เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะไม่ฮาเร็ม อย่าได้กลัวไป
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 11-02-2017 15:32:23
ไม่ฮาเร็มเหรอเสียดายจังเลยง่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-02-2017 15:52:04
อะจ๊ากกกก......รี บน
อันหนึ่ง ไม่เอาฮาเร็ม
อีกอัน ขอฮาเร็ม   :ling1: :ling1: :ling1:
งั้นอันนี้ เอาอย่างละครึ่งละกัน
เสี่ยวหลง ชอบเสวี่ยหมิงแล้ว :mew1: :mew1: :mew1:
มองเสวี่ยหมิง ตาเป็นประกายแพรวพราวเลย 
เดินตามมาตลอดอีก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 11-02-2017 16:17:30
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 11-02-2017 16:55:48
เสี่ยวหลงนี่พระเอกป่าวสงสัยจัง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 11-02-2017 19:15:36
พระเอกค่าตัวแพงอ่ะ เมื่อไหร่จะออกมานะ :hao5:
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-02-2017 21:01:31
คิดถึงอาจารย์
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 11-02-2017 21:22:59
ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ระวังจะเงินหมดนะเสวี่ยหมิง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-02-2017 23:44:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 12-02-2017 07:29:30
ตามน้องหมิงด้วยคน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 12-02-2017 13:12:14
มีตัวเลือกเพิ่มมาอีก1 o3 รีบๆโตนะ :hao7:

ปล. ฮาเร็มก็ดีนะ ดีมากๆเลย :hao6: :hao7: :m1: :m3: :interest: :haun5: o3
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่6 p3 11/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 12-02-2017 14:47:22
ชอบแนวนี้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 12-02-2017 15:16:47
ตอนที่7

           

   “พี่หมิง....”



 เสี่ยวหลงส่งเสียงเรียกคนข้างๆซึ่งตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว นับว่าความพยายามของมันสัมฤทธิ์ผลแผนการณ์จ้อไม่หยุดทำให้เสวี่ยหมิงรำคาญจนต้องลับลึกจนได้



 ตามจริงแล้วนับว่าแผนการครานี้เท่ากับยิงนกสองตัว นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายหลับโดยง่ายอย่างไม่ระวัง มันยังได้สนุกกับการหยอกเย้าสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองจากคนที่มันสนใจอย่างยิ่งอีกด้วย



สำหรับกับมันที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี น้อยครั้งนักที่จะพบกับคนที่มีจิตใจซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้ ทว่ายังเพื่อเหลือเพื่อใจไว้บ้าง



การที่มันตามเสวี่ยหมิงมานอกจากจะสนใจใคร่รู้ในตัวเสวี่ยหมิง ยังมีเรื่องสำคัญที่เหนือกว่าความกระหายที่จะผูกสัมพันธ์เพื่อสนองความปราถณาอันร้อนแรงอีกด้วย



เสี่ยวหลงมาตีสนิทเสวี่ยหมิงเพราะมีจุดประสงค์หลายชั้น นอกจากความพึงใจยังมีสาระสำคัญอยู่ที่แหวนซึ่งเสวี่ยหมิงสวมใส่ มันย่อมจำได้ดีมันเป็นแหวนประจำตัวของประมุขพรรคมังกรพิโรธทุกรุ่น เป็นแหวนที่แสดงความชอบธรรมในการสืบทอดตำแหน่งประมุขซึ่งจะจะถูกส่งต่อไปให้ประมุขรุ่นถัดไป



แรกเริ่มเดิมทีมันเองก็ออกเดินทางจากพรรคมังกรพิโรธมาเพื่อเสาะหาตาเฒ่าจู การหายตัวไปอย่างไร้ร่องลอยสร้างความโกลาหลให้กับพรรคมังกรพิโรธเป็นอย่างมาก มันเองเป็นถึงระดับสูงของพรรคจึงไม่อาจเอาเรื่องนี้มาแพร่งพรายหรือฝากฝังให้ใครทำได้ สุดท้ายต้องออกมาเร่ร่อนตามหาเฒ่าจูด้วยตัวเองเช่นนี้



ไม่คาดว่ามันจะพบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับรูปปั้นหยก คนผู้นี้นอกจากมีจิตใจดีงามและน่าสนใจยิ่งยังพกพาแหวนประจำตัวของประมุขเอาไว้ด้วย



มันตอนนี้ครึ่งหนึ่งไม่อาจไว้ใจในสถานภาพของเสวี่ยหมิง อีกครึ่งหนึ่งกลับพึงพอใจในตัวชายหนุ่มผู้นี้ ทว่าด้วยความเป็นคนรอบคอบหากไม่สืบเสาะหาความจริงจิตใจย่อมไม่สงบ นอกจากนั้นมันยังคาดว่าเสวี่ยหมิงเป็นเบาะแสเดียวที่จะสืบเสาะหาตาเฒ่าจูได้โดยง่ายที่สุด



ตอนนี้เสวี่ยหมิงเองก็หลับไปแล้ว เสี่ยวหลงมั่นใจในความเบาของมือเท้าของมันมาก มันเคลื่อนกายอย่างเงียบงันไปยังห่อผ้าของเสวี่ยหมิง เริ่มต้นค้นหาสิ่งของที่น่าจะเป็นหลักฐานบางอย่างซึ่งบอกในสิ่งที่มันต้องการทราบ



ในห่อผ้านอกจากตั๋วเงินแล้วมีจดหมายอยู่สองฉบับ เสี่ยวหลงกระหยิ่มยิ้มย่อง มันไม่รอช้าเปิดจดหมายดูให้กระจ่างใจ มันยอมรับว่าเนื้อหาในจดหมายฉบับแรกสร้างความแปลกใจให้มันยิ่งนัก



ไม่คาดว่าตาเฒ่าจูจะรับศิษย์เพิ่มขึ้นเป็นคนที่สี่ ทั้งยังฝากฝังให้ศิษย์พี่ทั้งสามสั่งสอนวิชาต่างๆให้เสวี่ยหมิงตามความเหมาะสม เมื่ออ่านจดหมายฉบับแรกจบ มันเปิดอ่านจดหมายฉบับต่อไป จดหมายฉบับนี้จ่าหน้าเอาไว้ว่าให้เปิดอ่านเมื่อเดินทางไปถึงพรรคมังกรพิโรธ เสี่ยวหลงไม่รอช้าเปิดอ่านและพบว่าใจความในจดหมายนั้นสำคัญยิ่ง



“โอ....ตาเฒ่าจูช่างร้ายกาจ” เสี่ยวหลงอดไม่ได้ที่จะรำพันออกมาเป็นคำพูด



ตอนนี้รู้ชัดถึงจุดประสงค์ที่ตาเฒ่าต้องการแล้ว คิดว่าเป็นการเล่นตลกแบบใหม่หรืออย่างไรนะ ตาเฒ่าผู้นั้นคิดหรือว่าจะมีใครยอมฟังคำสั่งนี้โดยง่าย ทว่าด้วยลายมือกับแหวนประมุขที่เสวี่ยหมิงถือครองอยู่คงไม่มีใครกล้าขัดกระมัง



ตัวมันเองคาดว่าเป็นการหยอกล้อของตาเฒ่าจูอย่างหนึ่ง หากต้องการเล่นสนุกมันจะลองทำตามที่เฒ่าจูต้องการ เวลานี้เข้าใจว่าตาเฒ่าคงไม่ยอมกลับพรรคมังกรพิโรธโดยง่าย หากไม่เที่ยวเล่นจนพอใจ



เอาเถอะมันจะรับฝากเสวี่ยหมิงเอาไว้แล้วจะเอ็นดูให้มากตามต้องการ จะโทษว่ามันรังแกศิษย์รักของตนเองไม่ได้นะ ทว่าจะใจดีด้วยมากน้อยแค่ไหนย่อมต้องขึ้นอยู่กับว่ามันจะพอใจในตัวเสวี่ยหมิงมากเพียงใด



ตัวมันรู้จักกับเสวี่ยหมิงได้เพียงวันเดียวยังไม่รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริง กระนั้นเพียงวันเดียวเท่านั้นกลับรู้สึกดีด้วยอย่างคาดไม่ถึง จากนี้ไปมันจะตามติดเสวี่ยหมิงไปเรื่อยๆ มันอยากจะทำความคุ้นเคยกับเสวี่ยหมิงให้มากกว่านี้ในฐานะของขอทานน้อยนี่แหละ



เพราะหากเป็นฐานะเดิมอันสูงส่งของมัน มันก็เกรงว่าเสวี่ยหมิงจะเสแสร้งหลอกลวง นับว่าสถานะของมันตอนนี้เหมาะสมแล้วที่จะสืบเสาะสันดารแท้จริงจากศิษย์คนเล็กของตาเฒ่าจูผู้นี้



เสี่ยวหลงค่อยๆจัดการกับห่อผ้าให้อยู่ในลักษณะเดิม แล้วย่องเงียบขึ้นไปนอนเคียงข้างบนเตียงตั้งใจว่าจะงีบหลับเอาแรงซักนิดก่อนจะเริ่มการตามติดเสวี่ยหมิงในวันรุ่งขึ้น มันจะเกาะหนึบราวกับตีนตุ๊กแกเชียวล่ะ



เสวี่ยหมิงเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบกับความอึดอัด แน่ล่ะเขาถูกเจ้าเสี่ยวหลงกอดรัดเอาไว้แนบแน่นถึงขั้นที่ว่าแข้งขาขึ้นมาก่ายเกยอย่างถือดี เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าตอนนี้รู้สึกเช่นไร ตั้งแต่เกิดมาจนอายุเท่านี้ยังไม่เคยมีผู้ใดสนิทชิดเชื้อกับเขาจนถึงขั้นก่ายเกยร่างกายกันแบบนี้



“เสี่ยวหลงตื่น”



“งืม...งืม...วาวาน้อย...ข้าขอนอนต่ออีกหน่อย”



ไม่พูดเปล่ายังละเมอหอมแก้มเขาดังฟอดใหญ่ เสวี่ยหมิงตัวแข็งค้างไปในบัดดล รู้สึกตัวอีกทีไม่ทราบว่าเป็นเช่นไร ทั้งอยากหัวเราะทั้งอยากทุบถองเจ้าเด็กน้อยนี้อย่างบอกไม่ถูก



“เสี่ยวหลงตื่นเถอะ”



“ไป๋ฮวาให้ข้าพักผ่อนอีกนิดนะ ข้ายังง่วงอยู่เลย”



กล่าววาจาหญิงสาวออกมาไม่ซ้ำหน้า คาดว่าหากไม่ลงมือคงไม่ยอมตื่นโดยง่าย เสวี่ยหมิงจึงยกเท้าขึ้นถีบจนเสี่ยวหลงกลิ้งตกเตียงลงไป ไม่เคยใจร้ายกับใครเท่านี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ทุบถองใครเยี่ยงนี้



เสี่ยงหลงเมื่อตกเตียงลงไปโครมใหญ่ก็ตื่นตระหนกมันลนลานโวยวายราวกับฟ้าถล่ม รู้สึกตัวอีกทีก็ทำตาปริบๆมองดูเขาด้วยสายตางุนงง



“เหตุใดข้าจึงลงมานอนอยู่ข้างเตียงเล่าพี่หมิง”



“ไม่รู้สิ เจ้ากลิ้งตกเตียงลงไปมั้ง” เสวี่ยหมิงแก้ต่างให้กับตัวเอง รู้สึกผิดนิดหน่อยเมื่อเห็นแววตาซื่อๆไร้ผิดภัยของเสี่ยวหลง แต่ช่วยไม่ได้นี่ มันน่าหมั่นไส้น้อยเสียเมื่อไหร่ที่เด็กน้อยนี่เรียกขานเขาเป็นอิสตรี



“รีบลุกขึ้นเถิด ล้างหน้าล้างตาซักหน่อย แล้วค่อยไปทานอาหารกัน”

       



       พอกล่าวถึงเรื่องกินเสี่ยวหลงก็กระตือรือร้นยิ่งนัก มันรีบจัดแจงเรียกเสี่ยวเอ้อให้เอาถังใส่น้ำมาสองชุด ล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองก่อนจะกุลีกุจอช่วยเหลือเขาเอาอกเอาใจเสียจนเสวี่ยหมิงนึกขำ

       

       เมื่อไปถึงที่ด้านล่าง เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงได้ตามใจมันนัก มันอยากกินสิ่งใดเสวี่ยหมิงก็อนุญาตมันโดยง่าย ตอนนี้เองที่รู้สึกตัวว่าตนเองคล้ายถูกความเหงาเข้าครอบงำ ความอ้างว้างจากการที่ต้องเดินทางคนเดียวเป็นครั้งแรกเช่นนี้คงทำให้เขายอมให้เด็กน้อยนี่เข้ามาวุ่นวายโดยง่าย ทั้งๆที่ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น

       

       “รีบกินเถอะ อีกเดี๋ยวเราก็ต้องแยกจากกัน” พอพูดความจริงออกไป เสี่ยวหลงจากร่าเริงเปลี่ยนเป็นหงอยเหงา เด็กน้อยห่อไหล่เข้าหากัน ชวนให้นึกเวทนาสงสารมันไม่ได้

       

       “เอาอย่าชักช้าสิหากเจ้าไม่กินของอร่อยข้าจะแย่งเจ้าหมดนะ”



ตอนนี้เองที่เสี่ยวหลงน้ำตาซึม เด็กน้อยใช้สายตาละห้อยมองมาที่เขา สายตาเช่นนี้ไม่ต่างกับตัวเองตอนที่ต้องแยกจากกับอาจารย์เลยมิใช่หรือ เหตุใดต้องทำสายตาเยี่ยงนี้กับคนที่เพิ่งพบกันเช่นเขา



“หากข้ารีบกินข้าก็ต้องแยกจากพี่หมิงเร็วขึ้น ถ้าเช่นนั้นข้าสู้ไม่กินจะดีเสียกว่า”



“ไร้สาระ หากเจ้าไม่กินข้าจะกินเองนะ”



 เสวี่ยหมิงทำเป็นไม่สนใจ คาดว่าหากคีบแย่งกินอาหารจนหมดอาจกระตุ้นความอยากของเสี่ยวหลงได้บ้าง ทว่าเด็กน้อยกับไม่มีปฏิกิริยาใดใดทั้งนั้นกลับก้มหน้าลงต่ำร้องไห้กระซิกกระซิกอย่างไม่น่ามอง



เขาควรจะทำอย่างไรดีนะ เขาเองก็มีหน้าที่ทีต้องทำ การที่จะหิ้วเด็กน้อยไปไหนมาไหนด้วยเช่นนี้เห็นจะไม่เหมาะ อีกอย่างเด็กนี่ยังต้องตามหาบิดาของตนเองอีก ถึงแม้อยากจะช่วยแต่ไม่แน่ใจในตนเองว่าจะยอมเสียเวลาเพื่อเด็กน้อยนี่ได้มากแค่ไหน



“ข้าอิ่มแล้วหากเจ้าไม่กินข้าก็ขอตัวล่ะ” เสวี่ยหมิงเรียกเสี่ยวเอ้อมา จ่ายอัฐให้แล้วบอกกล่าวขอให้ดูแลเสี่ยวหลงจนกว่าเด็กน้อยจะกินเสร็จ



“เสี่ยวเอ้อช่วยรับรองน้องชายของข้าด้วยนะ”



กล่าวจบก็รีบหลบหน้าจากที่ตรงนั้น เขาไม่กล้าหันไปมองดูเสี่ยวหลง ทว่าได้ยินเสียงสะอื้นดังชัดเจน เด็กบ้าเจ้าอายุสิบหกเท่าข้านะเหตุใดจึงขี้แยได้ถึงเพียงนี้



เสวี่ยหมิงอดทนอยู่ต่อไม่ได้จึงรีบพริ้วตัวจากไปด้วยวิชาตัวเบาที่ฝึกปรือมาจากผู้เป็นอาจารย์ หลังจากพ้นมาจากหอนางโลมแล้ว ใจของเขากลับไม่สงบ ไม่อาจสลัดภาพอันน่าเวทนาของเสี่ยวหลงไปได้



บ้าชัดๆก่อนหน้านั้นเด็กน้อยนี่อยู่มาได้อย่างไรต่อไปก็จะอยู่ต่อไปอย่างนั้น ถึงแม้จะคิดได้เช่นนั้นทว่าแต่ละย่างก้าวของเขากลับหนักขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นตัวเขาเองต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพังเช่นนี้ล่ะ



เสวี่ยหมิงส่ายหน้า แล้วเด็กขอทานที่ตกทุกข์คนอื่นเล่า มันจะต่างกับที่เสี่ยวหลงต้องเผชิญตรงไหน ในตอนนั้นเองเสวี่ยหมิงก็ถูกเรียกจากซินแสผู้หนึ่ง



“เรียกข้าหรือ”



“ท่านนั่นแหละ มาเถอะถือว่าเราต่างคนต่างช่วยกัน ท่านจ่ายอัฐให้ข้า ส่วนข้าจะดูดวงชะตาให้แก่ท่าน”



ดูจากคำพูดคงไร้ลูกค้ามาตลอดช่วงเช้าเสียกระมัง เสวี่ยหมิงเดินตรงเข้าไปหานั่งลงบนเก้าอี้ มีความสนใจใคร่รู้ในโชคลางอยู่บ้าง ดังนั้นจึงบอกวันเดือนปีเกิดของตนเองให้ซินแสไป





“โอ...ช่วงนี้ท่านได้พบคนแปลกหน้าบ้างหรือเปล่า คนแปลกหน้าที่เข้ามาพัวพันกับท่านในช่วงสองปีนี้แต่ละคนมีความสำคัญต่อชะตาชีวิตของท่านมาก”

เสวี่ยหมิงพลันนึกถึงใบหน้าของอาจารย์ อีกหนึ่งที่นึกถึงคือเสี่ยวหลง



“หากเขามาขอความช่วยเหลือท่านก็ช่วยด้วยใจเมตตาเถอะ มันจะเป็นผลดีต่อท่าน ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของท่านแล้วนะ”



ถึงกับชีวิตเลยรึ เสวี่ยหมิงตกใจกับคำทำนาย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้พบกับอาจารย์ ในตอนนั้นอาจารย์เองก็เดือดร้อนถึงขั้นเสียชีวิตเช่นกัน แล้วเสี่ยวหลงเล่าการที่เขาไม่ดูดำดูดีเช่นนี้มันจะทำให้เด็กน้อยนั่นถึงกับตายเลยเชียวหรือ



เสวี่ยหมิงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขายอมรับกับความรู้สึกของตัวเอง เขาเอ็นดูเสี่ยวหลงอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะขัดต่อหน้าที่ที่ต้องทำ ทว่าหากต้องถึงกับตายไปจริงๆเขาไม่อาจทนดูดายได้



ในเมื่อฟ้าลิขิตให้พบกันแล้ว การที่เขาไม่อาจดูดายต่อเด็กหนุ่มผู้นั้นได้ก็คงเป็นชะตาลิขิตเช่นกัน ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง คงร้องไห้เป็นเผาเต่ากระมัง เสวี่ยหมิงผู้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองไม่ถึงครึ่งพริ้วกายกลับไปยังหอนางโลมที่ตรงนั้นเสี่ยวหลงยังคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมไปไหน



“เสี่ยวหลง เจ้าไปกับข้าเถอะ”



 เสวี่ยหมิงกล่าวด้วยเสียงอ่อนนุ่ม อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ นึกกังวลในความใจอ่อนของตัวเองนัก หากยังเป็นเช่นนี้ตัวเขาจะไม่ลำบากรึ ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มของเสี่ยวหลงเสวี่ยหมิงก็พบว่าตอนนี้ตนเองโล่งใจอย่างยิ่ง ยิ้มย่อมดีกว่าร้องไห้



“พี่หมิง ข้าดีใจเหลือเกินที่ท่านกลับมารับข้า” เสี่ยวหลงโผเข้ากอดเขามันซุกไซ้ใบหน้าลงมาที่ซอกคอ น้ำตาน้ำมูกเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเขาไปหมด เสวี่ยหมิงนอกจากจะไม่รังเกียจยังรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ



“เจ้าดีใจมากรึที่ข้ากลับมา”



“ย่อมต้องดีใจ การที่ท่านกลับมาเช่นนี้มันทำให้ข้ารู้สึกว่าท่านดีต่อข้าเหลือเกิน”



 เสี่ยวหลงยิ้มกว้างพลางปาดน้ำตาไปมา ท่าทางที่เหมือนกับสุนัขที่กำลังกระดิกหางเช่นนี้ เสวี่ยหมิงไม่เคยพบว่ามีผู้ใดปฏิบัติตัวกับเขาเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ยิ่งนัก



“อย่าได้มองข้าเป็นคนดีไปนัก ข้าแค่สงสารผู้อื่นหากต้องมารับมือกับเจ้าที่ร้องไห้โยเยเยี่ยงเด็กสามขวบ ไปเถอะ เราต้องรีบออกเดินทางแล้ว อย่าสร้างความลำบากให้คนที่นี่อีกเลย”



“ท่านให้ข้าตามท่านไปด้วยได้จริงๆหรือพี่หมิง” เสี่ยวหลงทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ



“หากเจ้าไม่อยากไปจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะ”



“ไปๆ ข้าย่อมต้องติดตามท่านไป” เป็นอีกครั้งที่เสวี่ยหมิงถอนหายใจ คาดว่าคงเหงาและว้าเหว่อยากหนัก เสี่ยวหลงจึงหลงเชื่อและตามคนแปลกหน้าอย่างเขาไปโดยง่าย



“จริงๆข้าเองก็มีเรื่องต้องทำเช่นกัน แต่คาดว่าหากไปถึงจุดหมายอาจไหว้วานพวกศิษย์พี่ให้ตามหาพ่อของเจ้าได้ แต่ระหว่างการเดินทางเราก็จะหาพ่อของเจ้าไปด้วย เจ้าว่าอย่างนี้พอรับได้ไหม”



“ย่อมต้องได้แน่นอน ท่านใจดีกับข้าถึงเพียงนี้ พี่ใหญ่ให้ข้าเรียกท่านเป็นพี่ใหญ่ได้หรือไม่”

ไม่ทราบว่าตอนนี้รู้สึกเช่นไร ทว่าในใจกลับคล้ายมีดอกไม้ผลิบาน เสวี่ยหมิงนอกจากท่านอาจารย์แล้วก็ไม่มีใคร การถูกเรียกขานเป็นพี่ใหญ่ช่างน่ายินดียิ่ง



“หากเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าก็ไม่ขัด”



เสวี่ยหมิงกล่าวจบก็เดินนำเสี่ยวหลงออกจากหอนางโลมไม่คาดว่าน้องชายหมาดๆจะคว้ามือของเขาไปจับ เสวี่ยหมิงตาโตจะสลัดให้หลุดเต็มแรงก็เกรงว่าแรงกายของตนเองจะทำให้บาดเจ็บ จะกล่าวเตือนก็พบว่าเสี่ยวหลงทำหน้ามีความสุขยิ่ง



การมีน้องชายซักคนเป็นเช่นนี้หรอกหรือ ช่างแปลกใหม่เกินกว่าจินตนาการเสียจริง



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ไม่รู้ว่าตอนนี้พอจะเดาที่มาที่ไปของเสี่ยวหลงกันได้หรือยัง 5555555



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-02-2017 16:11:30
เสี่ยวหลง เสแสร้งแสดงเก่งมาก
ตอนนี้เสวี่ยหมิง ใจอ่อน
ยอมให้เสี่ยวหลง เดินทางไปด้วยกันและ
จริงๆแล้ววรยุทธ์เสวี่ยหมิงน่าจะสูงกว่านะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 12-02-2017 17:07:17
จากที่บอกไว้ตอนที่แล้วว่า เสี่ยวหลงเป็นตัวละครสำคัญ คาดว่าน่าจะเป็นพระเอกชัวร์ ฟันธง!
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 12-02-2017 17:53:11
อีหลงอีแรด
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 12-02-2017 18:04:00
 o13 o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 12-02-2017 18:51:16
เสี่ยวหลงพระเอกหรา :hao4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 12-02-2017 18:56:12
ระ..ร้ายกาจ :ling1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 12-02-2017 18:57:19
เสี่ยวหลงบอกว่าตัวเองออกจากพรรคมังกร แสดงว่า ต้องเป็นหนึ่งในศิษย์พี่สินะ  :m21: รึไม่ก็ตำแหน่งใหญ่กว่านั้น?  ที่ตัวเล็กคงเพราะใช้วิชาเดียวที่หมิงน้อยใช้ตอนกลับไปจวนเก่าด้วยสินะ  :m22: o8 :o เดามั่วๆ55555 o7
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 12-02-2017 18:57:42
 :z13:เจ้าเล่ห์นัก
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-02-2017 19:32:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: fahtallll ที่ 12-02-2017 20:12:47
ชอบมากเลย หลงช่างร้ายกาจ
รอตอนต่อไปค่าาา า  :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-02-2017 07:35:12
เสี่ยวหลงเป็นใครหนอ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่7 p3 12/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 13-02-2017 10:35:52
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p3 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 14-02-2017 12:14:36
ตอนที่8



เสวี่ยหมิงเดินทางรอนแรมไปพร้อมกับเสี่ยวหลงได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว เขายอมรับว่าการมีเด็กน้อยนี้เกาะติดมาด้วยสร้างความครึกครืนให้จนเขาลืมความเหงาไปสิ้น



เสี่ยวหลงเป็นเด็กหนุ่มอัธยาศัยดี ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเมื่อเห็นมันพูดจ้อไม่หยุด มีบางครั้งก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าคุยมากถึงขนาดนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไร



“เสี่ยวหลงเจ้าช่วยหยุดพูดซักนิดแล้วทานอาหารตรงหน้าเสียเถอะ”



เสวี่ยหมิงกล่าวเตือนเด็กหนุ่มที่พูดไม่หยุดจนลืมที่จะทาน เสี่ยวหลงยิ้มกว้างเริ่มต้นจัดการกับหมี่และเนื้อตรงหน้า ทว่ากลับกินไปพูดไปจนเสวี่ยหมิงระอาใจ



“เสี่ยวหลงนี่เป็นเวลากิน หากเจ้ายังเอาแต่พูดไม่ตั้งใจกิน ข้าจะไม่พูดกับเจ้าแล้วนะ”



ได้ผล เสี่ยวหลงสงบเสงี่ยมลงแล้วเริ่มต้นตั้งอกตั้งใจกินอย่างเงียบเฉียบ กริยามารยาทกลับมางดงามน่าชมเช่นเดิม เสวี่ยหมิงยอมรับกับตัวเองว่าชมชอบที่จะดูท่วงท่าอิริยาบถต่างๆของเสี่ยวหลงเอามากๆ เพราะแม้แต่นายท่านตระกูลเสวี่ยยังไม่งดงามเท่ากับเสี่ยวหลง



เสี่ยวหลงนั้นไม่ว่าจะเดินเหินหรือนั่งลงมักจะยืดอกตรงผึ่งผายอยู่ตลอดเวลา กริยาเช่นนี้บอกชัดว่าถูกขัดเกลามาอย่างดี สมแล้วที่เด็กน้อยนี่มีพ่อเป็นบัณฑิต



“น้องสาวว่าไงจ๊ะ ไม่ไปโรงแรมกับพี่หน่อยหรือ พี่คาดว่าน้องอายุน่าจะสิบสี่แล้วน่าจะอยากเรียนรู้เรื่องดีงามของชายหญิงกระมัง”



เสวี่ยหมิงลอบมองดูคนพูด ไม่ไกลจากโต๊ะของเขานัก ชายขี้เมาสองคนเริ่มต้นลวนลามเด็กสาวซึ่งเป็นคนของโรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมเล็กๆกลางป่านี้นอกจากเด็กสาวและพ่อครัวควบเจ้าของร้านก็ไม่มีผู้อื่นใดที่น่าจะช่วยรับมือได้อีก เสวี่ยหมิงยังพยามยามใจเย็นเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ



“น่าๆมามะมาให้พี่จูบซักทีสองที”



เกิดการยื้อยุดกันขึ้น เด็กสาวพยายามขืนตัวสุดฤทธิ์ ปากก็ร้องโวยวายชอความช่วยเหลือ ในตอนนั้นเองชายชราอายุอานามน่าจะเกือบ60ปีก็ก้าวออกมาจากในร้าน ชายผู้นั้นถือมีดออกมาด้วย คงคิดจะปกป้องหลานสาวของตัวเอง



เสวี่ยหมิงตั้งใจจะยื่นมือเข้าช่วย ไม่คาดว่าเสี่ยวหลงกลับไวกว่า เด็กน้อยขว้างถ้วยชาใส่คนเมาสองคนเปิดฉากหาเรื่องอย่างโจ่งแจ้ง



“เสี่ยวหลง” ตั้งใจจะเอ่ยปรามว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัว แต่....



“พีใหญ่ให้ข้าจัดการเองเถอะแค่คนเมาสองคนไม่ครนามือข้าหรอก”

เสี่ยวหลงเดินอาดๆเข้าหาคนเมา เจ้าคนเมาสองคนคนหนึ่งเล่นงานลุงเจ้าของร้านอีกคนพุ่งเข้าหามันด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด



“ไอ้เด็กไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าขว้างถ้วยชาใส่หัวข้าเชียวรึ”



จังหวะที่คนเมาพุ่งเข้าใส่ไม่คาดว่าเสี่ยวหลงจะใช้ความแรงของการพุ่งเข้าหาถ่ายเทเหวี่ยงจับศัตรูจนลอยข้ามหัวไปกระแทกกับต้นไม้โครมใหญ่ เสวี่ยหมิงถึงกับตีเข่าดังฉาด มาตรว่าคงมีกระบวนท่าที่น่าจับตามองอีกกระมัง



“แกอย่าได้ใจไปนะ”



เจ้าคนเมาคนที่สองจับยึดลุงเจ้าของร้านเอาไว้ ตอนนี้มันแย่งมีดจากเจ้าของร้านจี้มีดไปบนคอหอยหวังว่าจะใช้ขู่เสี่ยวหลงให้ทำตาม ทว่าเสี่ยวหลงกับหัวเราะฮิฮะ



 เสวี่ยหมิงเดาว่าคงเล่นสงครามประสาท มันเดินเข้าหาคนร้าย เมื่อถูกกดดันเช่นนั้น อันธพาลขี้เมาจำต้องผลักไสเจ้าของร้านให้ออกห่างจากตัว แรงผลักทำให้เจ้าของร้านเกลือกกลิ้งไปกับพื้น



“ไอ้หนูอย่าอยู่เลย”



 อันธพาลขี้เมาถือมีดวิ่งเข้าใส่ เสี่ยวหลงลอบหัวเราะในใจ การโจมตีไร้ซึ่งพลังเช่นนี้อย่าหวังเลยว่าจะทำอะไรมันได้ ด้วยความคล่องแคล่วมันหลบฉากไปด้านข้างจังหวะที่เจ้าอันธพาลโหมตัวเข้าฟัน มันก็ยึดจับที่เอวและข้อมือพร้อมทั้งขัดขาจนเสียสมดุลออกแรงเหวี่ยงลอยหวือออกไปกองรวมกันกับเจ้าคนแรก

         

     “ฝากไว้ก่อนเถอะ” เมื่อสองอันพาลลุกขึ้นได้ แม้จะจะเข็ดหลาบอยู่บ้างแต่ไม่วายฝากแค้นก่อนจากไป เสี่ยวหลงยิ้มกว้างพลางตะโกนไล่หลัง

         

      “อยากเอาคืนให้มาหาข้านา”



เสวี่ยหมิงส่ายหน้ายิ้มอ่อนใจ กระนั้นไม่แปลกใจต่อพฤติกรรมของเสี่ยวหลง เพราะอายุยังน้อยจึงทำอะไรไม่คิด เวลานี้ต้องตักเตือนเสียหน่อยให้อย่าปากพล่อยหรือหาเรื่องใส่ตัวให้มากนัก ดังนั้นจึงพลิ้วกายเข้าไปเขกหัวมันดังโป๊ก เสี่ยวหลงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

         

     “เหตุใดพี่ใหญ่ถึงทุบตีข้า”

         

     “เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกรึว่าทำผิดอันใด อย่างนั้นให้ข้าทุบตีเจ้าอีกซักทีสองทีดีหรือไม่”

           

    “พี่ใหญ่จะใจดำทุบตีข้าเป็นครั้งที่สองลงหรือ”



เสี่ยวหลงทำตาอ้อนเป็นประกาย มันใช้สายตาเยี่ยงนี้หลอกลวงอิสตรีที่เข้ามาติดพันบ่อยทุกครั้งล้วนได้ผล ไม่คาดว่าจะได้รับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมจากเสวี่ยหมิง ผิดคาด มารยาของมันไม่สัมฤทธิ์ผลเสียนี่

           

    “โอย...โอย...พี่ใหญ่อย่าได้ทุบตีข้า ข้าเจ็บแล้ว”



 เสวี่ยหมิงไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี เขาแค่เงื้อมือจะทุบตีเป็นคราที่สองคิดไม่ถึงเสี่ยวหลงจะลงไปเกลือกลิ้งกับพื้นทำประหนึ่งเจ็บปวดเหลือแสน ช่างน่าตายนัก เด็กน้อยนี้ช่างแสดงละครเก่งทั้งเจ้าเล่ห์จนเหลือที่จะกล่าว

         

      “พี่ใหญ่ข้าเจ็บมาพอแล้ว อย่าได้ทุบตีข้าอีกเลยนะ”



 เสี่ยวหลงพินอบพิเทาสุดฤทธิ์ มันจงใจโขกศีรษะลงพื้นหลายต่อหลายครั้ง ตามจริงแล้วมันตั้งใจหยอกล้อเสวี่ยหมิง ตอนนี้คนที่มันหยอกล้อทำหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ฝืนทนที่จะไม่ยิ้มออกมา เสี่ยวหลงเริ่มต้นใช้มารยาเล่มเกวียนแบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน

         

     “พี่ใหญ่อภัยให้ข้านะ ข้าไม่รู้หรอกว่าผิดอะไร แต่ได้โปรดให้อภัยข้านะน้าน้า”



เสี่ยวหลงโผเข้ากอดขาข้างหนึ่งของเสวี่ยหมิงพลางถูไถใบหน้าเข้ากับหน้าแข้งของอีกฝ่าย เสวี่ยหมิงนึกยิ้มแต่กลับไม่อยากยิ้ม รู้แก่ใจว่าเป็นแผนการณ์มากเล่ห์อย่างหนึ่งของเด็กน้อย อยากจะทุบถองแต่ไม่ทราบได้เพราะเหตุใดจึงทำไม่ลง จังหวะนั้นเองไม่คาดว่าจะมีผู้ยื่นมือมาแก้สถานการณ์ให้

           

    “ขอบคุณนายท่านมากขอรับที่ช่วยเหลือพวกเรา” ผู้เฒ่าเจ้าของร้านคุกเข่าขอบคุณพร้อมหลานสาว ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงสังเกตว่าผู้เฒ่าผู้นี้แขนหัก คาดว่าอาจจะเป็นเพราะล้มกลิ้งเมื่อครู่เป็นแน่

       

       “ทานลุงไม่ต้องคุกเข่า ท่านคงบาดเจ็บกระมัง”

           

    “ทำอย่างไรดีคะท่านปู่ท่านพ่อเองอีกสองอาทิตย์กว่าจะกลับมาด้วย เราจะเปิดโรงเตี๊ยมกันอย่างไร แล้วหากว่าอันธพาลกลับมารังแกเราล่ะ” ตอนนี้เองที่หลานสาววัยเยาว์เริ่มร้องไห้ ผู้เฒ่าเจ้าของร้านเองก็มีสีหน้าลำบากใจ

           

    “พวกท่านจ้างข้ากับพี่ใหญ่ดูแลพวกท่านในช่วงสองอาทิตย์ดีหรือไม่”

               เสวี่ยหมิงสะดุ้งตัวหันไปมองเสี่ยวหลงไม่คาดว่าเด็กน้อยจะมีความคิดเยี่ยงนี้ออกมา

           

    “จะดีหรือนายท่าน ไม่รบกวนนายท่านหรือ อีกอย่างข้าไม่มีเงินจ้างท่านในราคาสูงนะขอรับ”

         

      “ไม่ต้องกลัวท่านจ้างพี่ใหญ่ตามอัตราจ้างปกติส่วนข้าจะอยู่ช่วยท่านฟรี แค่ท่านเตรียมที่พักอาศัยให้เราสองพี่น้องก็พอแล้ว ได้ฟังเช่นนั้นสองตาหลานก็ยิ่มกว้าง เสวี่ยหมิงเริ่มจะตามเสี่ยวหลงไม่ทันได้แต่ส่งสายตาแฝงคำถามไป

     

         “พี่ใหญ่เราเองก็ขาดที่พักใช่ไหม แค่สองอาทิตย์คงไม่เสียเวลาหรอกเนอะ”

         

     เสี่ยวหลงยิ้มกว้าง เสวี่ยหมิงทำเพียงถอนหายใจ พวกเจ้าตัดสินใจกันขนาดนี้แล้วใยยังต้องถามข้า เอาเถอะเขาจะยอมทำตาม แต่ยังไงคืนนี้ต้องตักเตือนสั่งสอนกันเสียหน่อยไม่ให้ทำอะไรตามใจชอบอีก จากนั้นเมื่อช่วยสองตาหลานปิดร้านเสร็จ พวกเขาก็ถูกพาไปยังบ้านซึ่งเป็นที่พักของผู้จ้าง

       

       “พวกท่านสองคนพักที่ห้องนี้นะคะ เดิมเป็นห้องของข้า แต่เรามีห้องพักแค่สองห้อง ดังนั้นจึงรบกวนให้พวกท่านทนซักหน่อย”

       

       “ได้แน่นอนอยู่แล้ว” เสี่ยวหลงตอบรับเสียงระรื่น

         

      “ถ้าอย่างนั้นนี่คือเสื้อผ้าที่ให้พวกท่านใช้เปลี่ยนคืนนี้ค่ะ” เด็กสาวยื่นเสื้อผ้ามาให้สองชุด เสี่ยวหลงยื่นมือไปรับ

           

    “ขอบใจนะ น้องเหมยลี่” เสี่ยวหลงเอ่ยเสียงหวานทั้งยังยักคิ้วหลิ่วตาให้เจ้าของชื่อ เหมยลี่สะเทิ้นอายเมื่อยื่นส่งสิ่งของถึงมือแล้วก็รีบจากไป ท่าทางชัดเจนเช่นนี้แม้แต่เสวี่ยหมิงยังดูออก

           

    “เจ้าไม่น่าหว่านเสน่ห์ใส่นาง”

         

      “ข้าเปล่านะพี่ใหญ่ อัธยาศัยข้าคงดีไปหน่อยแค่นั้น” เสวี่ยหมิงส่ายหน้าคร้านจะเถียงด้วย เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าที่จะสั่งสอน

     

         “เจ้ามานี่เสี่ยวหลง มาตรงหน้าข้าแล้วคุกเข่า”



เสวี่ยหมิงตีหน้าขึงขัง แม้ว่าเสี่ยวหลงจะพยายามทำหน้าตลกเข้าใส่เขาก็ไม่มีท่าทางอ่อนข้อ เมื่อเสี่ยวหลงพยายามยิ้มเท่าใดพี่ใหญ่ของมันยังคงตีหน้านิ่ง จึงช่วยไม่ได้ที่มันต้องนั่งคุกเข่าแล้วแสร้งตีหน้าสลด

       

       “เจ้าสำนึกจริงหรือแกล้งเศร้าข้าก็ไม่รู้นะ แต่เอาเถอะ ข้าจะถือเสียว่าเจ้าจริงใจแล้วกัน”

     

          “พี่ใหญ่มีเรื่องใดสอนสั่งข้าหรือ” เสี่ยวหลงช้อนตาละห้อยมองขึ้นมา เสวี่ยหมิงนึกใจอ่อนแต่หากไม่สั่งสอนเกรงว่าจะสายเกินแก้ไป เขาเริ่มด้วยเรื่องแรกที่นึกไม่ชอบใจ

     

          “อย่างแรก เหตุใดเจ้าจึงตัดสินใจแทนและมัดมือชกข้า รู้ไหมข้าไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจเองเลยเรื่องยอมรับการจ้างวานของสองตาหลานสกุลฮวา”

               เสี่ยวหลงได้ฟังก็เอียงคอมองมาด้วยดวงตาใสกระจ่าง มันทำท่าทางเสมือนไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนผิดเช่นนี้ ชวนให้เสวี่ยหมิงสงสัยนัก

         

      “พี่ใหญ่เป็นท่านเองมิใช่หรือที่ทำหน้าอดรนทนไม่ได้ ท่านจะรู้ตัวไหมนะว่าท่านแสดงสีหน้าเช่นนี้ตั้งแต่ฮวาเหมยลี่ถูกรังแกแล้ว”

               ถูกจี้ให้ตระหนักถึงความเป็นจริงที่แม้แต่ตนเองก็รู้ดีทำให้เสวี่ยหมิงนิ่งงันไป นี่เขาแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนเพียงนั้นเชียวหรือ

         

     “พี่ใหญ่แสดงสีหน้าท่าทางกระวนกระวาย ราวกับอยากจะช่วยแต่ตัดสินใจไม่ได้ กระนั้นข้าเดาได้ว่าท่านมีใจเอนเอียงในทางที่อยากจะช่วยสองตาหลานอยู่มากดังนั้นข้าจึงตัดสินใจแทนท่าน เป็นข้าที่ผิดเองพี่ใหญ่จะลงโทษทุบตีข้าก็ไม่ผิดอะไร”

         

     เสี่ยวหลงแสดงท่าทางยอมจำนนต่อความผิด สำหรับมันการถูกลงโทษทุบตีเป็นเรื่องเล็กน้อย ตอนนี้มันอย่างดูน้ำใจของเสวี่ยหมิงนัก หากมีคนสร้างเรื่องเดือดร้อนให้หรือขัดใจจะทำเช่นไร ทว่าเสวี่ยหมิงกับถอนหายใจ

       

       “เจ้าพูดถูกเป็นข้าเองที่แสดงท่าทางให้เจ้าเข้าใจผิด เรื่องนี้ถือว่าข้าผิดเอง แต่ว่าการที่เจ้าเข้าไปวิวาธกับอันธพาลแทนข้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้ารับไม่ได้”

     

          เสี่ยวหลงทำหน้าหงอยๆทั้งก้มหัวลงต่ำ การที่มันไม่โต้แย้งยิ่งทำให้เสวี่ยหมิงราวกับเป็นจอมมารก็ไม่ปาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เขาพอเรียนรู้นิสัยใจคอของเสี่ยวหลงมาบ้าง นอกจากจะอัธยาศัยดี ยังมีน้ำใจต่อพี่น้องเช่นเขา ทว่ามันมีนิสัยมุทะลุถือดีเช่นนี้ย่อมไม่ดีแน่ เขาควรจะสอนวิชาให้มันติดตัวไปป้องกันตัวเองน่าจะดีกว่า

         

     “ข้าเข้าใจว่าเป็นสันดารของเจ้า เจ้าเองก็โตแล้วคงห้ามปรามไม่ได้ง่ายๆ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจจะสอนวิทยายุทธที่ข้ามีให้แก่เจ้าบ้าง จะได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับวาศนาและความตั้งใจของเจ้า”

     

          เสี่ยวหลงหูผึ่ง นับว่าเป็นเรื่องที่ดีงามต่อมันเรื่องหนึ่งทีเดียว มันเองอยากจะรู้นักว่าเฒ่าจูสอนวิชาใดให้ศิษย์คนเล็กบ้าง มันกระหยิ่มยิ้มย่อง ปั้นยิ้มดีใจอย่างที่สุด

     

          “จริงหรือพี่ใหญ่ท่านจะสอนข้าจริงหรือ”

     

         “เจ้าอยากเรียนไหมล่ะ”

       

       “แน่นอนครับข้าอยากเรียน พี่ใหญ่ใจดีต่อข้าเหลือเกิน” เสี่ยวหลงพุ่งเข้ากอดข้าข้างหนึ่งของเสวี่ยหมิงพลางถูไถใบหน้าเข้าที่แข้งออดอ้อนจนเสวี่ยหมิงทำตัวไม่ถูก

           

   “พอ พอเถอะ เราใช่ว่าจะสอนวิชายอดยุทธใดให้เจ้า แค่วิชาแมวสามขาเท่านั้น อย่าได้ดีใจจนเกินไปนัก”

               “วิชาสามขาก็เถอะ หากพี่ใหญ่เป็นผู้สอนคงเป็นวิชาที่ดีงาม อนาคตข้างหน้าข้าจะเป็นจอมยุทธผู้เก่งกาจยืนเคียงบ่าของพี่ใหญ่ท่านว่าเหมาะสมหรือไม่”

         

     “อนาคตจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่นั่นต้องแล้วแต่ตัวเจ้าเอง”



เสวี่ยหมิงสลัดขาไล่ให้เสี่ยวหลงผละออก ตามจริงแล้วเขาตั้งใจว่าจะสอนกระบวนท่าที่ครูพักลักจำจากคนในตระกูลเสวี่ย กระบวนวิชานี้ท่านอาจารย์บอกว่าเข้าท่าที่สุดเพราะเป็นวิชาจากสำนักบู๊ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้เรือนญาณพิทักษ์ธรรม

           

    ใช่ว่าเขาจะหวงวิชา แต่กระบวนหมัดเกล็ดหิมะเป็นวิชาพิษที่อันตราย ส่วนกระบี่หิมะโปรยก็รุนแรงเกรี้ยวกราดมีแต่กระบวนท่าที่โหดร้ายทารุณ เขาไม่อยากให้เสี่ยวหลงเรียนวิชาที่เป็นเช่นนั้น กระนั้นยังมีความคิดที่จะแอบสอนวิชาหนึ่งอสูรพิชิตเทวะให้เสี่ยวหลง รู้อยู่ว่าตนอาจหาญคิดรับศิษย์ทั้งที่ยังไม่แตกฉาน ทว่าเพราะเอ็นดูบวกกับเป็นห่วงเด็กน้อยนี่จึงทำให้มีความคิดเช่นนี้ออกมา

       

        “อย่างนั้นเรามาเริ่มฝึกพื้นฐานลมปราณกันเถอะ เริ่มคืนนี้เลย”

       

        เสี่ยวหลงพยักหน้าหงึกหงัก ความกระตือรือร้นที่จะศึกษาของมัน เสวี่ยหมิงรู้สึกคุ้มค่าที่ตั้งใจสอนสั่งมันจริงๆ



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


     การเดินทางยังอีกใกล้เสี่ยวหลงคงยังป่วนเสวี่ยหมิงได้อีกนานละมั้ง55555





เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p3 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-02-2017 13:20:06
เสี่ยวหลง อ่านเสวี่ยหมิงออกหมด
ก็เสวี่ยหมิงเป็นคนซื่อ
เลยแสดงออกทางสีหน้าหมดทุกอารมณ์
รอดูว่า วิทยายุทธ์ที่เสวี่ยหมิง สอน
เสี่ยวหลงจะประเมินว่าอย่างไร
พื้นๆทั่วไป /  ดี / ดีเยี่ยม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p3 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 14-02-2017 13:34:19
 :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p3 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 14-02-2017 14:50:56
อยากให้เสวี่ยหมิงรู้ความจริงเร็วๆ :z2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p3 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 14-02-2017 15:40:47
เสี่ยวหลงไม่ใช่ตัวร้ายใช่ไหม :ling3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p3 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 14-02-2017 17:08:12
 คู่นี้เถลไถลไปแล้วววว  :hao7: อยากแอบสวีทกันก็บอกสิ ฮุๆๆๆๆ  :haun5: แต่ก่อนหน้านั้นหลงๆต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการบอกความจริงกับหมิงเอ๋อร์ก่อนนนน  :m12: o3
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p3 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 14-02-2017 19:04:42
ไม่เปลี่ยนระบุหน้าหน่อยเหรอหน้า4แล้วนะจ๊ะ เดาว่าเสี่ยวหลงเป็นพระเอกล่ะค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่8 p4 14/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 14-02-2017 21:09:16
เสี่ยวหลง คือ หลงเยี่ยอิงศิษย์รอง ปลอมตัวมาหรือเปล่า 
ช่างเป็นวิชาที่ร้ายกาจมาก ย่อกระดูก ผลัดผิว แอ๊บเด็ก อยากฝึกบ้างอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 15-02-2017 12:25:59
ตอนที่9

           

   เสวี่ยหมิงแปลกใจเหลือเกินเพราะเพียงแค่บอกกล่าวคร่าวๆเท่านั้น เสี่ยวหลงก็สำเร็จหนึ่งอสูรพิชิตเทวะขั้นที่หนึ่งได้โดยง่าย เขามีความคิดบางอย่างเด็กน้อยนี่อาจมีพื้นฐานวรยุทธอยู่แล้วแต่ไม่ยอมบอก

           

    “เสี่ยวหลง เจ้าเคยฝึกปรือวรยุทธมาแล้วใช่หรือไม่”

               คำถามเช่นนี้ไม่ทำให้เสี่ยวหลงตื่นตกใจ เนื่องจากว่ามันหาข้อแก้ตัวเอาไว้บ้างแล้วมันจึงตอบแบบจริงบ้างผสมโกหกบ้างออกไป

         

      “ใช่ครับพี่ใหญ่ เป็นวรยุทธที่ท่านพ่อของข้าสอนให้ จริงๆที่ข้าทำตามได้โดยง่ายเพราะวิชาที่ท่านสอนข้าคล้ายกับวิชาที่ท่านพ่อสอนให้ข้ามากทีเดียว”

               คล้ายรึ เสวี่ยหมิงนึกสงสัย

         

      “วิชาของพ่อเจ้ามีชื่อว่าอะไร”

         

      “หนึ่งอสูรพิชิตเทวะครับพี่ใหญ่ จริงๆก่อนหน้าที่ท่านพ่อจะเป็นบัณฑิตสอนหนังสือ ท่านเคยเป็นคนของพรรคมังกรพิโรธมาก่อน ข้ารู้มาจากท่านพ่อว่าลูกพรรคในพรรคมังกรพิโรธทุกคนจะได้รับอนุญาตให้ฝึกหนึ่งอสูรพิชิตเทวะได้หนึ่งขั้น แต่ว่าท่านพ่อของข้าในสมัยนั้นอยู่ระดับสูงท่านจึงได้ฝึกถึงขั้นที่สาม ดังนั้นข้าจึงได้ฝึกปรือวิชานี้ถึงขั้นที่สามเช่นกัน”

               อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าตอนที่สู้กับอันธพาลคราวก่อนเสี่ยวหลงถึงไม่มีท่าทางเกรงกลัว ฝีมือหรือก็จัดว่าเข้าขั้นดี ความจริงข้อนี่สามารถอธิบายได้โดยง่าย

         

     “เสี่ยวหลงแล้วกระบวนท่าของเจ้าเล่า เจ้าได้ฝึกปรือสิ่งใดมาบ้างจากท่านพ่อของเจ้า”

         

      “เป็น72เพลงหมัดชุดใหญ่และ16เพลงเตะชุดเล็กครับ เป็นวิชามาตรฐานที่เจ้าสำนักอนุญาตให้ลูกพรรคฝึกฝนได้”

               นี่เท่ากับว่าเสี่ยวหลงมีความเกี่ยวข้องกับพรรคมังกรพิโรธ เสวี่ยหมิงเกิดความรู้สึกเหมือนเด็กน้อยนี่ใกล้ชิดกับตัวเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

       

       “บางทีเรื่องการหายตัวไปของพ่อเจ้าอาจจะเกี่ยวข้องกับพรรคมังกรพิโรธก็ได้นะ”

       

        เสวี่ยหมิงตั้งข้อสังเกต เสี่ยวหลงแสร้งทำเป็นเห็นด้วย แต่ในความเป็นจริงชื่อซือเยว่ของท่านพ่อนั้นเป็นเพียงชื่อเล่นของตาเฒ่าจูซึ่งมีน้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ มันตามหาคนชื่อนี้เพราะคาดว่าหากตาเฒ่าจูจะปลอมตัวย่อมต้องใช้ชื่อนี้ไม่ผิดแน่นอน

     

         ทว่าการที่เสวี่ยหมิงไม่รู้จักชื่อเล่นนี้ คงเพราะตาเฒ่าจูอาจใช้ชื่อจริงและไม่ได้บอกถึงชื่อเล่นก็เป็นไปได้

     

          “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ราค่อยเริ่มฝึกปรือขั้นต่อไปกัน”

       

       กล่าวจบเสวี่ยหมิงก็เดินไปดับไฟแล้วกลับมานอนบนเตียง เสี่ยวหลงลดตัวลงนอนบ้าง กระนั้นมันกลับไม่ยอมหลับลงง่ายๆ เด็กน้อยใช้มือสะกิดเขาก่อนจะเริ่มพูดความในใจ

         

      “พี่ใหญ่คงไม่โกรธข้าที่เก็บเรื่องวรยุทธเป็นความลับใช่หรือไม่” เสวี่ยหมิงพลิกกายหันมาเผชิญหน้า

     

         “ทำไมข้าจะต้องโกรธเจ้า” เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจจริงๆเหตุใดเสี่ยวหลงถึงได้กลัวเรื่องนี้ มีเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ

     

          “ก็......”



เสี่ยวหลงแสร้งทำท่าอึกอัก มันตอนนี้ไม่อยากจะเผยตัวให้เสวี่ยหมิงรู้เร็วนัก แต่การที่มันแสดงพื้นฐานวรยุทธออกมาโดยลืมตัวไปจนถูกจับได้เช่นนี้ มันเกรงว่าความสัมพันธ์ที่มันพยายามถักทอจะพังพินาศไปสิ้น แปลกใจตัวเองนักเหตไม่ทราบได้ว่าทำไมมันถึงได้เกิดกลัวการสูญเสียขึ้นมา ทั้งทีอันที่จริงแล้วมันเองสามารถสานสัมพันธ์กับเสวี่ยหมิงในทางอื่นก็ย่อมได้



ทว่าตอนนี้มันกลับหวงแหนความสัมพันธ์เล็กๆนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น มันอยากจะอยู๋ใกล้ชิดในฐานะน้องชายของเสวี่ยหมิงอีกหน่อย อยากเรียนรู้ความเป็นตัวตนของพี่ใหญ่ให้มากกว่านี้ มันเองก็รู้ว่านิสัยเยี่ยงนี้ของมันช่างกลับกลอกยิ่ง แต่มันผู้ไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสันดารได้โดยง่าย



“เพราะว่าวรยุทธที่ข้ามีมาจากสำนักมังกรพิโรธ บ่อยครั้งที่ข้ามักจะถูกรังแกจากวิชาเหล่านี้ ในสายตาชาวยุทธพรรคมังกรพิโรธเป็นเสมือนพรรคมารพรรคหนึ่งเพราะเหตุนั้นข้าจึงไม่กล้าบอกใครหรือแสดงวรยุทธที่ข้ามีให้ใครรู้”



เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่ยอมใช้วรยุทธที่มีให้เป็นประโยชน์สินะ เคยได้ยินจากอาจารย์อยู่บ้างว่าคนภายนอกมองพรรคมังกรพิโรธว่าเป็นพรรคมาร แต่ไม่คาดว่าจะถูกรังเกียจรุนแรงถึงเพียงนี้ เป็นเช่นนี้เขาเองก็ควรระวังตัวเองไว้บ้าง ดีจริงๆที่อาจารย์ตักเตือนเขาไม่ให้แพร่งพรายชื่อของอาจารย์



“พี่ใหญ่ท่านเองก็น่าจะมีวรยุทธสูง ท่านฝึกปรือมาจากผู้ใดรึ”



“เหตุใดเจ้าถึงอยากรู้”



เสวี่ยหมิงทำเสียงเย็นชาส่งสัญญาณปรามให้เสี่ยวหลงรู้ตัว เสี่ยวหลงรู้แจ้งในทันที มันแสร้งลนลานขอโทษขอโพย หากเจ้าไม่อยากพูดในตอนนี้ก็ไม่เป็นไรข้าจะใช้เวลาค่อยๆตะล่อมถามเจ้าเองในซักวันหนึ่ง



“หากพี่ใหญ่ไม่อยากพูดถึงท่านไม่ต้องเล่าให้ข้าฟังก็ได้ ข้าแค่อยากรู้จักท่านให้มากขึ้นอีกนิดเพียงเท่านั้น”

เสี่ยวหลงทำเสียงอ่อยๆ เสวี่ยหมิงไม่ถือโกรธในความอยากรู้อยากเห็นของเด็กน้อย หากอยากรู้นักเขาจะเล่าแค่คร่าวๆเท่านั้นก็เพียงพอกระมัง



“ข้าแต่เดิมเป็นแค่บ่าวไพร่ต่ำต้อย อาจเป็นเพราะมีวาศนาทำให้ได้พบกับอาจารย์โดยบังเอิญ เรื่องของข้ามีเท่านั้นเอง”



“พี่ใหญ่คงลำบากมากสินะ”

เสี่ยวหลงคาดเดาจากสีหน้าเลื่อนลอยแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าของเสวี่ยหมิงก็สามารถคาดเดาได้ อดีตของพี่ใหญ่ผู้นี้คงมีแต่เรื่องทุกข์ทนเป็นแน่แท้



“จะว่าลำบากก็ลำบากจะว่าไม่ลำบากก็ไม่ลำบาก เจ้านอนเถอะเสี่ยวหลงข้าง่วงนอนแล้ว”



เสวี่ยหมิงรอคอยให้เสี่ยวหลงนอนหลับ ทว่าถึงแม้เด็กน้อยจะหลับไปแล้ว เขากลับนอนหลับไม่ลง ได้แต่พลิกตัวหันกลับมามองดูใบหน้ายามหลับของคนข้างๆ



เขาไม่น่าพาลเสี่ยวหลงเพราะเรื่องแค่นี้เลย เด็กน้อยนี่เพียงแค่อยากสนิทสนมกับเขาให้มากขึ้นเพียงเท่านั้น นี่นับว่าตัวเขาเองยังไม่เป็นผู้ใหญ่ เห็นที่ว่าเขาจะโตแค่เพียงร่างกาย แต่จิตใจไม่ได้โตตามไปด้วย ทำอย่างไรได้ปีนี้เขาเองก็เพิ่งแค่สิบหกเท่านั้นไม่ได้ต่างจากเสี่ยวหลง



คิดแล้วก็ถอนหายใจ การปิดบังตัวตนที่แท้จริงต่อผู้อื่นเป็นเรื่องเหนื่อยถึงเพียงนี้เชียวรึ เสวี่ยหมิงเองบางครั้งก็มีความคิดที่ว่าอยากจะให้อาจารย์ซึ่งรู้ชาติกำเนิดของเขาดีมาอยู่ตรงนี้กับเขาด้วย



การที่ออกท่องไปในยุทธภพเพียงลำพังโดยไม่สามารถไว้ใจใครได้ เป็นเรื่องที่สร้างความปวดร้าวให้เขานิดหน่อย ถึงแม้ว่าตอนนี้ความฝันจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นการออกท่องไปในยุทธภพในฐานะจอมยุทธ ทว่ามีบางครั้งที่นึกถึงความฝันเก่าๆเช่นการได้อาศัยอยู่ในบ้านอันเงียบสงบกับคนรู้ใจซึ่งซักวันหนึ่งต้องพบเจอ



ยามนี้การได้พบเจอเสี่ยวหลงซึ่งอุปโลกน์ตัวเองเป็นน้องชายของเขา สร้างความครึกครืนและสีสันให้แก่ชีวิต เด็กน้อยนี่ค่อยๆรุกคืบเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาอย่างช้าๆ การที่เขาไม่ผลักไสเด็กน้อยออกไปอาจเป็นเพราะตัวเขาเองที่โหยหายิ่งกว่าก็เป็นได้



“พี่ใหญ่....ข้าหิวแล้ว....”



ขณะที่คิดจู่จู่เสี่ยวหลงก็ละเมอพร้อมทั้งยกแขนขาขึ้นก่ายกอดเขา เสวี่ยหมิงส่ายหน้ายิ้มๆแล้วจัดท่าทางให้มันเสียใหม่ เขาเองก็ควรจะนอนได้แล้ว ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยให้มากความ



ถึงแม้ว่าเขากับเสี่ยวหลงจะผูกพันกันมากแค่ไหน แต่ซักวันหนึ่งก็ต้องมีแยกจาก ทางที่ดีไม่ควรยึดติดให้มาก ทว่าไม่อาจปฏิเสธว่าการมีอยู่ของเสี่ยวหลงสร้างความอบอุ่นสบายใจให้เขามากมายทีเดียว



“งืม...”



ถึงแม้จะผลักไสออกไปครั้งหนึ่งแต่ยังไม่วายเข้ามากอดรัดอีก เสวี่ยหมิงจนปัญญาและเหนื่อยที่จะจัดการกับมันแล้ว ดังนั้นจึงปล่อยให้คนละเมอทำตามใจชอบไปก่อน เอาเถอะถือว่าข้ายอมเจ้าก็แล้วกัน



เมื่อเสียงลมหายใจของเสวี่ยหมิงราบเรียบและสม่ำเสมอ เสี่ยวหลงก็ลืมตาตื่นขึ้นมา มันกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะแสดงความย่ามใจยิ่งกว่าเก่าด้วยการสูดกลิ่นกายหอมๆจากตัวเสวี่ยหมิง



กลิ่นกายของเสวี่ยหมิงช่างหอมนัก มันคาดว่าเสวี่ยหมิงคงฝึกหนึ่งอสูรพิชิตเทวะสำเร็จถึงขั้นเก้าเช่นเดียวกับมัน นั่นเป็นเพราะว่าผู้สำเร็จถึงขั้นเก้าในแต่ละคนจะมีกลิ่นกายหอมเฉพาะตัวลอยฟุ้งออกมา ด้วยเหตุนี้มันจึงคาดเดาถึงพลังฝีมือของพี่ใหญ่ของมันได้ไม่ยาก



ผิวกายของเสวี่ยหมิงช่างเรียบลื่นนัก เสี่ยวหลงยิ่งลูบยิ่งเพลินมือ การที่มันแสร้งละเมอเป็นการหาเศษหาเลยวิธีหนึ่ง ระยะหลังมานี้ชักรู้สึกว่าตนเองถลำลึก ความใสซื่อใจดีของเสวี่ยหมิงมันยอมรับว่าไม่เคยสัมผัสได้จากผู้ใดที่อยู่รอบตัวมัน



 เนื่องจากคนรอบตัวมันล้วนแล้วแต่แสวงหาความยิ่งใหญ่ ตัวมันเองก็มีหน้าที่และอุดมการณ์สูงส่งไม่แพ้กัน การที่ได้พบแต่ผู้คนที่กลิ้งกลอก เมื่อได้มาบังเอิญพบคนที่รูปกายพึงใจทั้งยังนิสัยน่าสนใจยิ่ง ด้วยเหตุนี้กระมังมันจึงรู้สึกเอ็นดูเสวี่ยหมิงมากเป็นพิเศษ



แปลกนักมันพบว่ามันไม่เคยรู้สึกพิเศษอย่างนี้กลับใครถึงเพียงนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะทั้งรูปลักษณ์และนิสัยตรงกับความชื่นชอบของมันก็เป็นได้ ตาเฒ่าจูเองกคงจะถูกใจนิสัยเยี่ยงนี้ด้วยเช่นกันกระมัง



“หึหึ พี่ใหญ่ช่างน่ารักยิ่ง” มันกระซิบเสียงแผ่วก่อนจะโถมกายเข้ากอดรัดอีกฝ่ายก่ายกอดอย่างแนบแน่นถือดี



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


คิดไหมว่าเสี่ยวหลงเป็นตัวอันตราย 5555 หางจิ้งจอกเริ่มโผล่ป่าวนะ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 15-02-2017 12:53:48
ขอบเสี่ยวหลง ถึงจะเจ้าเล่ห์ไปนิด ว่าแต่เรื่องนี้ พระเอกคนเดียวใช่ไหม หรือ 3 คน

แบบว่า กลัวนายเอกรับศึกหนักไป ชอบความรักมั่น แหะๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 15-02-2017 13:19:38
เสี่ยวหลงตีบทแตกอีกเช่นเคย :hao3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 15-02-2017 13:53:31
เสี่ยวหลงร้ายกาจจจ หลอกแต๊ะอั๋งง่ายๆเลยหรอ :katai3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 15-02-2017 14:01:50
โอเคเสี่ยวหลงเราเชียร์นาย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 15-02-2017 15:23:13
อย่าลืมไปอัพเรื่องอื่นด้วยน้า :hao5: เจ้าหลงหางโผล่แล้ว อิอิ รอดูว่าจะสวีทหวานกันป่าว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-02-2017 15:26:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-02-2017 16:13:40
เนียน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 15-02-2017 18:56:10
ไม่คิดว่าเสี่ยวหลงเป็นตัวอันตราย แต่คิดว่านี่แหละ คาแรคเตอร์พระเอกที่ชอบ :-[
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 15-02-2017 19:55:34
เดี๋ยวนะ เสี่ยวหลงนี่จิ้งจอกในคราบลูกแกะชัดๆ หๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2017 20:34:37
วิชามารอะไร แปลกมาก
สำเร็จขั้นที่เก้าจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกมา
เสี่ยวหลง คิดไรกับเสวี่ยหมิง
แถมเนียนละเมอกอดจูบอีก
ช่างเจ้าเล่ห์ หากำไรจากเสวี่ยหมิง จริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่9 p4 15/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 15-02-2017 23:37:10
แม่ยกมาล๊าวววว ชูป้ายไฟ   :pig2: :hao7: ฮี่ๆ  หมิงๆก็ยังคงคอนเซปสดใส ซื่อ---เหมือนเดิม 5555 :laugh: รอๆอยากรู้ความจริงแล้ววว  :ling1:  แต่ไม่เป็นไรเป็นแม่ยกต้องอดทนอดกลั้นนน รอวันที่หมิงๆจะไล่ตามความเจ้าเล่ห์ของหลงๆทัน  :m4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 16-02-2017 12:32:49
ตอนที่10



เป็นเวลาสี่วันแล้วที่เสวี่ยหมิงเข้าครัวรับหน้าที่แทนผู้เฒ่าฮวาซาน เขาถูกชมจากผู้เฒ่าไม่ขาดปากว่าฝีมือเยี่ยมและรู้จักพลิกแพลงจนลูกค้าที่แต่เดิมก็มากอยู่แล้วพากันมาอุดหนุนกันมากมาย ดังนั้นเสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงจึงทำงานกันมือระวิงแทบไม่มีเวลาพัก



แต่ถึงแม้จะกรำงานหนัก เสวี่ยหมิงก็ไม่งดเว้นการฝึกปรือฝีมือให้เสี่ยวหลง ยิ่งวรยุทธของเด็กน้อยนี่รุดหน้าเขาก็ยิ่งรู้สึกกระตือรือร้นที่จะสอนสั่ง เสี่ยวหลงนับว่ามีสติปัญญาอันชาญฉลาดสอนสิ่งใดไปก็เข้าใจได้ง่ายและปฏิบัติตามได้ถูกต้องทุกกระบวนความ



คืนนี้ก็เช่นกันหลังจากปิดร้านแล้วกลับมาที่บ้าน เสวี่ยหมิงใช้ลานกว้างหน้าบ้านของผู้เฒ่าฮวาในการฝึกฝนวรยุทธ เสี่ยวหลงตั้งอกตั้งใจฝึกมุ่งมั่นเสียจนเขาไม่ชื่นชมไม่ได้



“แต่เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะสอนกระบวนวิชาประจำตัวของข้าให้แก่เจ้า ทว่ากระบวนท่าที่ข้ามั่นใจนั้นเป็นกระบวนท่าที่เต็มไปด้วยท่วงท่าดุดันโหดร้าย เกรงว่าจะไม่เหมาะกับเจ้า ดังนั้นวิชาหมัดกระจกของหมู่ตึกหรงก็นับว่าเป็นวิชาที่ดีงามวิชาหนึ่ง”



เสวี่ยหมิงกล่าวพลางมองดูเสี่ยวหลงออกกระบวนท่า เนื่องจากเด็กน้อยนี่มีพื้นฐานแน่น ท่วงท่าการออกหมัดจึงมั่นคงหนักหน่วงปานหินผา นับว่าคุ้มค่าที่อุตส่าห์สอนสั่ง



สำหรับเขานี่เป็นครั้งแรกที่ได้เป็นอาจารย์สั่งสอนใคร ดังนั้นจึงมีความตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ นอกเหนือจากตื่นเต้นแล้วยังกังวลกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ทว่าลูกศิษย์อันประเสริฐเฉกเช่นเสี่ยวหลงกลับทำให้ทุกอย่างราบรื่นเสียจนเขาต้องอมยิ้มไม่หุบ



“เอาล่ะ พอได้แล้วเสี่ยวหลง”



เมื่ออนุญาตให้หยุด ฮวาเหมยลี่ก็รีบถือผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าไปหาเสี่ยวหลง สองวันมานี้เด็กสาวมักมาดูเสียวหลงฝึกยุทธ จากแววตาหวานเยิ้มที่มองจ้องไปยังเด็กน้อยตาไม่กระพริบ เขาแจ้งแก่ใจได้ไม่ยากเหมยลี่นั้นปักใจต่อเสี่ยวหลงไม่ผิด



เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าตนเองรู้สึกแบบไหนกันแน่ ภายในส่วนลึกทั้งดีใจกับโชคดีของมันแต่ในขณะเดียวกันก็หงอยเหงาขึ้นมาวูบหนึ่งเพื่อปัดความคิดเช่นนั้นทิ้งไปจึงกล่าวคำหยอกเย้าต่อเสี่ยวหลง



“เสี่ยวหลงช่างโชคดียิ่งมีเด็กสาวรูปโฉมน่ารักมาเอาอกเอาใจ สงสัยว่าจะมีข่าวดีก็ครานี้กระมัง”



ทันทีที่กล่าวเช่นนั้นเหมยลี่ก็สะเทิ้นอาย กระนั้นเด็กสาวไม่คลาดสายตาจากเสี่ยวหลง แม่นางน้อยช้อนตามองระยิบระยับช่างชัดเจนเหลือเกินถึงความรู้สึกจนไม่ต้องพูดออกมา



“พี่ใหญ่อย่าได้พูดจาเหลวไหล ข้าเป็นผู้อาศัย นอกจากนั้นยังไม่ต่างกับคนแปลกหน้า ข้าย่อมไม่อาจเอื้อมเด็ดดอกไม้สกุลฮวามาย่ำยี”



ตอนนี้เองที่เหมยลี่หน้าเผือดสี คำปฏิเสธชัดแจ้งของเสี่ยวหลงนำพาความเสียใจให้เด็กสาว นางผละจากไปโดยไม่กล่าววาจา เสวี่ยหมิงเข้าใจว่าเหมยลี่คงอยากให้เสี่ยวหลงตามไปง้องอน



“เจ้าพูดจาเย็นชานัก ไม่ไปง้อนางเสียหน่อยรึ”



“พี่ใหญ่ล่ะก็”



 มันแสร้งดัดจริตขยี้เท้าเลียนแบบกริยาดังอิสตรี เสี่ยวหลงไม่อยากให้พี่ใหญ่ของมันกล่าววาจาหยอกเย้าเรื่องนี้อีก จึงจงใจสร้างเสียงหัวเราะให้ลืมเลือนไปเสียด้วยการแสดงท่าทางงี่เง่าเง้างอนประหนึ่งเด็กสาว นั่นได้ผลเสวี่ยหมิงหัวเราะขบขันออกมาจนได้



“พี่ใหญ่บอกตามตรง เหมยลี่นางน่ารักทั้งนิสัยและหน้าตาก็จริง ทว่าข้าไม่อาจเอาทั้งชีวิตมาจมอยู่กับนางได้ ข้ายังต้องตามหาท่านพ่อของข้าอยู่ พี่ใหญ่ก็ทราบดี ดังนั้นอย่าได้คิดเป็นพ่อสื่อให้ข้าอย่างเด็ดขาด”



เสวี่ยหมิงเกิดความละอาย ตนเองนั้นไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นพ่อสื่อให้เสี่ยวหลงเลยแม้แต่น้อย นอกจากนั้นลึกๆแล้วยังมีความเห็นแก่ตัวเกรงว่าจะต้องกลับไปเดินทางตามลำพังอีกหน นับว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวยิ่ง เหตุใดจู่จู่ตนจึงมีความยึดติดต่อเสี่ยวหลงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้นะ



เป็นเพราะความผูกพันที่เขามีต่อเสี่ยวหลงได้ถูกถักทอขึ้นมาแล้วกระนั้นหรือ ช่างอันตรายนักเขาเกิดความคิดพึ่งพิงผู้อื่นเชื่อใจผู้อื่นดังเช่นสมัยเมื่อยังเป็นบ่าวไพร่ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้มันดีแล้วหรือ



“อีกอย่างหากข้าอยากจะแต่งงานซักครา ข้ามีความทะเยอทะยานอยู่ข้อหนึ่ง หากว่าไม่ได้คู่แต่งงานที่รูปงามทัดเทียมพี่ใหญ่ ข้าจะไม่ตกลงปลงใจง่ายๆเป็นอันขาด”



“ไร้สาระ ข้าเป็นบุรุษแถมไม่ได้รูปงามซักเท่าใด การที่เจ้าเอาข้ามาเป็นบรรทัดฐานไม่เป็นการมักง่ายเกินไปหน่อยรึ”



“พี่ใหญ่ตั้งแต่ข้าอยู่มาจนทุกวันนี้ ไม่เคยมีผู้ใดที่จะรูปงามและนิสัยถูกใจข้ายิ่งเท่ากับพี่ใหญ่อีกแล้ว ท่านถือเป็นบุคคลในอุดมคติของข้าเชียวนะ”



เสวี่ยหมิงกระพริบตาปริบๆ การถูกวาจาเทาะโลมจากบุรุษเยี่ยงนี้เขาไม่เคยถูกกระทำมาก่อน ได้แต่คิดว่าเด็กน้อยนี่ช่างร้ายกาจยิ่ง หากว่าเขาเป็นหญิงสาวคงตกหลุมพลางไปแล้วอย่างง่ายดาย กระนั้นไม่ปฏิเสธว่าการได้รับคำพูดเช่นนี้ทำให้เขาคันยุบยิบในหัวใจเช่นกัน



“เจ้ากล่าววาจาจีบสตรีด้วยวิธีนี้ทุกครั้งไปรึ”



“ปัดโถ่ พี่ใหญ่ข้าจริงจังนะ”



เสี่ยวหลงขยี้เท้าอีกครั้ง ครานี้มันทำไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดแท้จริงของมัน มันรึอุตส่าห์ตั้งใจกล่าวความรู้สึกที่อยู่ในใจ คาดว่าจะได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของพี่ใหญ่ แต่ผิดไปไกลพี่ใหญ่กลับไม่แสดงท่าทางน่ารักให้มันเห็นแม้เพียงนิด



“พี่ใหญ่ข้าตั้งใจเกี้ยวพาราสีท่านถึงเพียงนี้เหตุใดท่านถึงทำเฉย”



 เสี่ยวหลงฮึดฮัดไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เสวี่ยหมิงทำเพียงแค่ยักไหล่ จงใจก่อกวนให้เด็กน้อยนี่กระวนกระวาย น่าตายนักอยากมาล้อเล่นกับเขาทำไม เขาไม่คิดจะเดินตามแผนการเล่นสนุกของเด็กน้อยนี่เด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะอายุเท่ากันเขาก็หาใช่หมูในอวยให้มาแกล้งง่ายๆไม่



“พี่ใหญ่อ่า พี่ใหญ่อ่า ท่านช่างร้ายยิ่งนัก ท่านใจดำกับข้าเกินไปแล้วนะ ”



 พอเห็นเขาทำเฉยเสี่ยวหลงก็เริ่มวาดลวดลายอีกครั้ง เด็กน้อยรี่เข้ามาหาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างทุบตีลงมาบนแขนเบาๆทั้งซ้ายและขวา ส่งเสียงหงุงหงิงเง้างอนไม่หยุด จริตจะก้านอันไม่ต่างกับสาวน้อยเช่นนี้ชวนให้ครื้นเครงยิ่งนัก



“พี่ใหญ่ หากว่าข้าเป็นสตรีข้าคงพลีกายให้ท่านไปแล้ว ท่านไม่สนใจความรู้สึกของข้าบ้างหรือ”



เสี่ยวหลงกอดแขนพลางอ่อยเหยื่อด้วยการใช้ใบหน้าซบลงบนหัวไหล่ของเสวี่ยหมิง ในระยะประชิดมันจงใจช้อนตามองส่งสายตาเป็นประกายร้อนแรงไปให้พี่ใหญ่ของมัน ครานี้ได้ผลเสวี่ยหมิงผงะไปชั่วครู่ใบหน้างดงามแดงระเรื่อคล้ายถูกทาทับด้วยสี



“พี่ใหญ่ท่านหน้าแดงด้วย ท่านมีใจให้ข้าแล้วใช่ไหม”

มันรุกเข้าหาด้วยคำพูดไม่หยุด ไม่คาดว่าจะถูกเสวี่ยหมิงโจมตีด้วยการดีดนิ้วใส่หน้าผาก ไม่แรงมากนักแต่เจ็บๆคันๆอยู่เหมือนกัน



“ท่านทุบตีข้าทำไม”



“อยากไร้สาระทำไม”



เสวี่ยหมิงผลักไส เจ้าตัวดีให้ออกห่างก่อนสาวเท้ารัวเร็วเดินหนีมันไปยังห้องนอน เสี่ยวหลงตามมาติดๆไม่ลดละพลางพูดจาบอกรักไร้สาระไปตลอดทาง เสวี่ยหมิงใช้มือลูบใบหน้าที่ยังร้อนไม่หาย บัดซบที่สุดนี่เขาตื่นเต้นกับวาจาไร้สาระของเสี่ยวหลงไปเสียได้



“พี่ใหญ่ ใยเข้าห้องไปคนเดียวเล่า แล้วจะให้ข้านอนที่ไหน ท่านให้ข้าเขาไปด้วยซี้”



เพราะเกรงว่ากลัวเด็กน้อยจะหยอกเย้าไม่เลิก เสวี่ยหลงจึงจงใจไม่ให้มันเข้าห้อง เขาลดตัวลงนอนบนเตียงสาแก่ใจไม่น้อยที่ได้ยินเสียงโอดครวญขอโทษขอโพยจากเสี่ยวหลงที่ด้านนอก



ผ่านไปหนึ่งชั่วยามในที่สุด เสี่ยวหลงก็หยุดโวยวาย เสวี่ยหมิงตอนนี้เริ่มจะใจอ่อน ทั้งยังสงสัยว่าเสี่ยวหลงทำอะไรอยู่กันแน่ ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงเปิดประตูเยี่ยมหน้าไปดูภายนอก เขาพบว่าเด็กน้อยนอนหลับขดตัวอยู่ตรงหน้าประตูไม่ไปไหน



“พี่ใหญ่ช่างใจร้าย”



 แม้ละเมอยังกลายเป็นการตัดพ้อเขา ลมเย็นพัดพามาสำหรับกับผู้ฝึกปรือจนถึงขั้นสูงสุดดั่งเขาไม่สามารถสร้างความเหน็บหนาวให้เขาได้ แต่เสี่ยวหลงนี่สิหากปล่อยให้อยู่ด้านนอกเช่นนี้ต่อไปเกรงจะป่วยเอา เสวี่ยหมิงจึงตัดสินใจอุ้มเสี่ยวหลงเข้าไปด้านในจัดแจงให้เด็กน้อยนอนบนเตียงเดียวกับเขาเช่นเดียวกับที่ผ่านมา



เสวี่ยหมิงพอลดกายลงนอนเคียงข้าง เสี่ยวหลงก็ผวาเข้ามากอดรัดแนบแน่น หลังจากที่พบเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้งเขา เขาก็เกิดความชินชา คาดว่านิสัยละเมอกอดเยี่ยงนี้คงเป็นสันดารเดิมของมัน ถึงจะกล่าวเตือนในตอนเช้าหากทำไปโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้ง่ายๆ



“เจ้าบ้า เหตุใดเจ้าถึงได้ทำให้ข้าปั่นป่วนใจได้ถึงเพียงนี้นะ”



เสวี่ยหมิงพึมพำพลางใช้มือลูบศีรษะกลมทุยของเสี่ยวหลง เด็กหนุ่มเฝ้ามองดูใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายได้ไม่นาน ความง่วงก็จู่โจมจนในที่สุดเขาก็หลับลึกลงไปเช่นกัน



เช้าวันต่อมาบรรยากาศบนโต๊ะอาหารช่างอึมครึมนัก ฮวาเหมยลี่ลอบมองเสี่ยวหลงด้วยสายตาละห้อยหลายครั้ง เสวี่ยหมิงรู้สึกได้ว่าเด็กน้อยรู้ตัวแต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ กระนั้นเสวี่ยหมิงก็อดสงสารนางไม่ได้ จึงจงใจส่งสัญญาณให้เสี่ยวหลง



“เสี่ยวหลง เจ้าช่วยฉีกแบ่งไก่ให้เหมยลี่หน่อยสิ”

พอกล่าวเช่นนั้นไป เสี่ยงหลงก็โคลงศีรษะไปมา มันยิ้มกว้างไม่ปฏิเสธ



“น้องเหมยลี่ เจ้าทานน้อยเกินไป ทานน่องไก่นี่เสียหน่อยนะ”



 เมื่อได้รับความเอาใจใส่และรอยยิ้มจากเสี่ยวหลง เหมยลี่ก็ยิ้มได้เสียที ตอนนี้เองที่ผู้เฒ่าฮวายิ้มอ่อนใจ เสวี่ยหมิงกับผู้เฒ่าสบตากัน คาดว่าคงรู้อยู่แล้วเป็นแน่ว่าหลานสาวหลงรักเสี่ยวหลงเข้าแล้ว



วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน เสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงช่วยกันตระเตรียมร้าน เมื่อเสร็จเรียบร้อย เขาก็ไปประจำในครัวกับผู้เฒ่าฮวาเริ่มปรุงอาหารให้แก่ลูกค้าที่มาอุดหนุนโรงเตี๊ยมกลางป่าแห่งนี้



ช่วงนี้เป็นเพราะฝีมือการทำอาหารของเสวี่ยหมิงทำให้มีผู้มาอุดหนุนมากกว่าปกติ ผู้เฒ่าฮวากล่าวขอบคุณและชมเชยเขาไม่ขาดปาก มีบางครั้งยังถามไถ่ถึงการเป็นลูกจ้างประจำของเขาอย่างจริงจัง หากแต่ว่าก็ได้อธิบายไปว่าตัวเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่นานๆได้ ผู้เฒ่าฮวาจึงต้องล้มเลิกความคิดไป แน่นอนคนที่พลาดหวังไม่ได้มีแต่ผู้เฒ่าเหมยลี่เองก็แสดงท่าทางเศร้าสร้อย



นางคงคิดว่าหากเขาอยู่ต่อเสี่ยวหลงก็ต้องอยู่ต่อไปด้วยกระมัง จริงๆนางก็คิดถูก เสี่ยวหลงเกาะหนึบเขาอย่างกับปลิง คาดว่าต่อให้ไล่ไปก็คงไม่ไปง่ายๆ



เวลาผ่านไปหลายชั่วยามตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ผู้เฒ่าบอกให้เขากับเสี่ยวหลงเตรียมตัวปิดร้าน ไม่คาดว่าจะมีลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเข้ามา ผู้เฒ่าจึงต้องเปิดร้านอีกหน่อยต้อนรับลูกค้าซึ่งมาใหม่



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ตอนต่อไปมาแล้ว ตอนหน้าจะเริ่มต้นปัญหาใหม่ๆที่เข้ามาพัวพัน หวังว่าจะติดตามอ่านกันต่อน้า



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-02-2017 13:01:03
เจ้าหลงยังมารยาเก่งเหมือนเดิม55555
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-02-2017 13:30:48
เสี่ยวหลง ช่างเจ้าเล่ห์แสนกล เจ้าเสน่ห์อีกด้วย
เสวี่ยหมิง ก็ถูกมันพัวพันออดอ้อน
ทั้งอ่อยทั้งจีบเปิดเผยเลยทีเดียว
“พี่ใหญ่ข้าตั้งใจเกี้ยวพาราสีท่านถึงเพียงนี้เหตุใดท่านถึงทำเฉย”
แล้วเสวี่ยหมิง จะทนทานได้หรือ
“เจ้าบ้า เหตุใดเจ้าถึงได้ทำให้ข้าปั่นป่วนใจได้ถึงเพียงนี้นะ”
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-02-2017 13:54:33
เสี่ยวหลงเจ้าเล่ห์เกินไป
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-02-2017 14:46:10
รุกหนักมาก :ling1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: pawara123 ที่ 16-02-2017 16:20:29
สนุกมากครับน่าติดตามมากมาลงไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 16-02-2017 17:06:16
ทำคะแนนต่อไปเสี่ยวหลง :katai5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่10 p4 16/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-02-2017 18:59:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 17-02-2017 11:44:34
ตอนที่11



เสวี่ยหมิงสังเกตได้ว่าการมาของลูกค้ากลุ่มใหม่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้เฒ่าฮวา ตามจริงเขาเองก็อยากถาม กระนั้นการตั้งหน้าตั้งตาทำงานก่อนย่อมเป็นเรื่องสำคัญกว่า



หลังจากเตรียมอาหารที่สั่งไว้จนหมด เสี่ยวหลงก็ลำเลียงอาหารแต่ละอย่างไปวางลงบนโต๊ะของลูกค้า เสียงคุยกันขโมงโฉงเฉง เสวี่ยหมิงหาได้ใส่ใจต่อเนื้อหาคำพูดไม่ เขาเริ่มเตรียมเก็บข้าวของในครัว เมื่อเก็บส่วนที่ไม่จำเป็นไปได้ครึ่งหนึ่ง ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายก็เรียกให้เสี่ยวหลงเข้าไปคุยด้วย



“เสี่ยวเอ้อ ถามหน่อยสิถ้าข้าจะจ้างพ่อครัวที่นี่ไปทำอาหารในวันจัดเลี้ยงของหมู่ตึกพวกข้า ข้าจะต้องติดต่อใคร”



ผู้เฒ่าฮวาได้ยินดังนั้นจึงออกไปรับหน้า ด้วยท่าทางพินอบพิเทามากกว่าปกติของผู้เฒ่าเสวี่ยหมิงเดาว่าคนเหล่านี้อาจจะเป็นผู้มีอิทธิพลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เด็กหนุ่มสังเกตการณ์แต่งตัวของคนทั้งหมดอย่างละเอียดลออ ทุกคนต่างแต่งตัวด้วยเสื้อสีแดงกางเกงสีดำและมีตรากิ่งเหมยอยู่ที่ด้านหลังเสื้อ ตัวอักษรใต้ดอกเหมยอ่านว่า หมู่ตึกเหมยนิรันด์



“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปถามพ่อครัวของเจ้ามาอย่าให้ข้ารอนานนัก ข้าจะรอคำตอบอยู่ที่นี่แหละ”



เสวี่ยหมิงได้ยินคำพูดของคนด้านนอกชัดเจนทุกคำ ไม่นานนักผู้เฒ่าฮวาก็กลับเข้ามาในร้าน ผู้เฒ่าปาดเหงื่ออยู่หลายครั้งมีท่าทางอึกอักเหมือนน้ำท่วมปาก



“มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ ข้ารอฟังอยู่” เสวี่ยหมิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทั้ง ผู้เฒ่าฮวาค่อยใจชื้นขึ้นบ้าง



“คุณชายเสวี่ย คนด้านนอกนั่นต้องการจ้างท่านไปทำอาหารที่งานจัดเลี้ยงของหมู่ตึกเหมยนิรันด์ อาจจะดูเป็นการเห็นแก่ตัว แต่ข้าว่าท่านตอบตกลงเถอะ”



“เหตุใดท่านถึงหวาดกลัวคนพวกนั้นถึงเพียงนี้” เสวี่ยหมิงถาม



“หมู่ตึกเหมยนิรันด์เป็นสาขาหนึ่งของพรรคมังกรพิโรธ แม้แต่พวกจอมยุทธฝ่ายธรรมยังไม่กล้าบุกสุ่มสี่สุ่มห้า เกรงว่าท่านไม่ทำตาม ท่านกับครอบครัวข้าคงจะมีภัย”



อย่างนี้นี่เอง เสวี่ยหมิงเพิ่งแจ้งแก่ใจว่านอกจากชื่อเสียงด้านลบพรรคมังกรพิโรธยังมีอำนาจบางอย่างที่สร้างความหวาดเกรงให้คนทั่วไปอีกด้วย อาจารย์นะอาจารย์ ท่านทำอะไรลงไปบ้างกันแน่ คนทั่วไปถึงได้หวาดกลัวพรรคของท่านมากถึงเพียงนี้



“เข้าใจล่ะ ผู้เฒ่าท่านตอบตกลงไปเถอะ ข้าตกลงที่จะไป ท่านไม่ต้องกังวลไปนะ”



ทันทีที่ได้รับคำตอบอันดี ผู้เฒ่าฮวาก็คำนับขอบคุณหลายต่อหลายครั้ง เสวี่ยหมิงตัดสินใจว่าจะถอดแหวนที่อาจารย์ให้มาซ่อนเอาไว้กับตัว ด้วยไม่ต้องการให้คนในพรรครู้ฐานะของเขาให้ยุ่งยาก



หลังจากที่ผู้เฒ่าฮวาคุยกับคนจากหมู่ตึกเหมยนิรันด์เรียบร้อยเสวี่ยหมิงก็เก็บครัวเสร็จพอดี คนจากหมู่ตึกไปแล้วเมื่อเดินออกไปที่ด้านนอก ผู้เฒ่าฮวาฉีกยิ้มกว้างอย่างยิ่ง



“คุณชายเสวี่ย คนจากตึกดอกเหมยนิรันดิ์ให้ค่าจ้างมาเยอะถึง1000ตำลึงเงิน พวกเขาพอใจกับฝีมือทำอาหารของท่านมากเชียวล่ะ” กล่าวจบผู้เฒ่าฮวาก็ยื่นเงินมาให้



“ท่านสามารถนำผู้ช่วยไปได้ด้วยนะ” ผู้เฒ่าฮวากล่าว



“ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวหลงเจ้าไปกับข้าไหม” เสวี่ยหมิงแสร้งถามทั้งที่พอจะเดาได้



“ต้องแน่นอนอยู่แล้วพี่ใหญ่ ท่านกล้าไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่มีข้าอย่างนั้นหรือ”

 เสี่ยวหลงยักคิ้วหลิ่วตามาให้ ชวนให้น่าทุบถองยิ่งนัก



“หวังว่าเจ้าจะไปช่วยข้ามากกว่าไปทำเสียเรื่องนะ”



ตอนนี้เองที่เสี่ยวหลงแสดงท่าทางแง่งอนราวกับผู้หญิงอีกแล้ว เสวี่ยหมิง และตาหลานสกุลฮวาพากันหัวเราะครื้นเครง คืนนี้ก็เหมือนทุกวันเขากับเด็กน้อยพากันฝึกยุทธ ฝีมือของเสี่ยวหลงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วเสียจนเขาต้องนึกทึ่ง



“แค่ไม่กี่วันเจ้าก็ชำนาญเพลงหมัดกระจกแล้ว หากข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ามีพื้นฐานวรยุทธ ข้าคงคิดว่าเจ้าเป็นยอดของยอดอัจฉริยะก็เป็นได้”

เสี่ยวหลงเมื่อจรดเพลงหมัดท่าสุดท้ายกลับมายืนตรง มันก็หัวเราะฮิฮะก่อนจะกล่าววาจาถือดีกับเสวี่ยหมิง



“พี่ใหญ่ใยไม่คิดว่าอันที่จริงข้าเองเป็นยอดของยอดอัจฉริยะมาแต่กำเนิดเล่า”  เสวี่ยหมิงส่ายหน้ายิ้มๆให้กับความหลงตัวเองของมัน



“อัจฉริยะตัวจริงย่อมไม่อวดโม้สรรพคุณตัวเอง เจ้าอย่าได้พูดจาแบบนี้ให้ผู้อื่นฟัง เกรงว่าจะมีแต่คนหัวเราะเยาะเจ้า”



“โถ่พี่ใหญ่ใครจะหัวเราะอย่างไรขอเพียงตัวเองมั่นใจเท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วนี่นา”



“เหลวไหลเลอะเทอะ”



“แต่ข้าว่าพี่หลงเก่งมากเลยนะคะ”



เหมยลี่ที่โผล่มาอย่างกะทันหันกล่าวชม เสวี่ยหมิงรู้ตั้งนานแล้วว่าเด็กหญิงผู้นี่แอบมองและแอบฟังอยู่แต่แรก เพียงแต่นางเลือกเวลาเช่นนี้ในการปรากฏตัวพร้อมกับผ้าเช็ดตัวกับตะกร้าบรรจุอาหารและน้ำจำนวนหนึ่ง



“เห็นหรือไม่พี่ใหญ่ เหมยลี่นางยังเห็นด้วยกับข้าเลยนะ”



เสี่ยวหลงพูดด้วยท่าทางลำพองใจ หากหลงตัวเองถึงเพียงนี้เขาคงไม่สามารถจัดการอะไรกับมันได้ คงทำเพียงเดินหนีปล่อยให้มันโอ้อวดกับเหมยลี่ต่อไปเท่านั้น



“อ้าวพี่ใหญ่จะไปไหน” เสี่ยวหลงเมื่อเห็นเสวี่ยหมิงเดินหนีไปก็รู้สึกว่าผิดท่า ไม่นะเจ้าคงไม่คิดทิ้งข้าไว้กับเด็กหญิงคลั่งรักนี่ใช่หรือไม่



“พี่ใหญ่รอข้าด้วยซี้”



มันเตรียมจะเดินตามไป ทว่ากลับถูกเหมยลี่ยื้อยุดเอาไว้ พอหันไปมองนางก็ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้พร้อมทั้งกล่าวคำชวนให้มันอยู่ชมจันทร์เป็นเพื่อน ช่างแก่แดดนักสำหรับเด็กสาววัยสิบสี่



“เจ้าอยู่เป็นเพื่อนางไปเถอะ”



เสวี่ยหมิงตะโกนบอกกลับมา โถ่เอ๋ยกล่าววาจาบังคับมันเสียอย่างนั้น หากเป็นมันคนเดิมล่ะก็คงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำดีถึงเพียงนี้ ตัวมันเองเป็นคนที่นึกอยากใจดีก็ดีนึกอย่างเลวร้ายก็ร้าย หาได้คิดถึงจิตใจของผู้อื่นเสียเท่าไหร่ ทว่านับแต่มันมาอยู่กับเสวี่ยหมิง มันกลายเป็นคนใจดีตามพี่ใหญ่ผู้น่ารักคนนี้ไปเสียแล้ว



“ข้าเตรียมขนมกับชามาด้วยนะพี่หลง” เหมยลี่หยิบของออกจากตระกร้า เสี่ยวหลงได้แต่ยิ้มแฮะๆ ไม่ทราบว่าจะจัดการกับเด็กหญิงอย่างไรดี มันจึงเลยตามเลยยอมอยู่ด้วยจนกว่านางจะพอใจ



เช้าวันรุ่งขึ้นเสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงก็ออกเดินทางไปยังหมู่ตึกเหมยนิรันด์ตามแผนที่ เมื่อไปถึงที่ประตูด้านหน้า เขาก็ยื่นจดหมายแนะนำตัวให้แก่คนเฝ้ายาม



“อ้อ ที่แท้ก็พ่อครัวจัดเลี้ยง แล้วนี่คนข้างหลังใคร”



“นี่น้องชายข้า เขาเป็นผู้ช่วยครับนายท่าน” คนเฝ้ายามทั้งสองคนเข้ามาสำรวจตรวจตราพวกเขา เมื่อพบว่าเสวี่ยหมิงพกกระบี่ก็ทำท่าคับข้องใจ



“เจ้าพกกระบี่ด้วยรึพ่อครัว”



เสวี่ยหมิงไม่คาดว่าจะมีปัญหาเป็นความผิดพลาดของเขาเองที่พกมันจนเคยชิน และเขาเองก็ไม่คิดจะเข้าไปในตึกโดยไร้กระบี่เสียด้วย



“โธ่นายท่านทั้งสอง พวกเราเดินทางมาไกลย่อมต้องกลัวมีภัย การพกกระบี่ไว้เพื่อป้องกันตัวท่านคงไม่คิดว่าพวกเราเป็นคนร้ายกระมัง”



 เสี่ยวหลงอธิบายด้วยท่าทางยำเกรง ท่าทางเช่นนั้นกับวาจาที่สมเหตุผลทำให้คนเฝ้ายามทั้งสองเห็นด้วยไม่มากก็น้อย ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงถูกปล่อยผ่านเข้าไปในเวลาถัดมา



“เจ้าพูดมันก็ถูก เอาเถอะ แค่พ่อครัวไร้วรยุทธพกกระบี่ไปก็ไม่เห็นว่าจะทำอะไรใครได้ เข้าไปได้แล้ว”



“ขอบคุณๆๆขอรับ”



เสี่ยวหลงประสานมือคำนับหลายต่อหลายครั้ง มันยังไม่ลืมแทงศอกเข้ามาที่สีข้างของเขา เสวี่ยหมิงแจ้งใจทันทีเขากล่าวขอบคุณทั้งยังคำนับเลียนแบบเสี่ยวหลงก่อนจะพากันผ่านเข้าหมู่ตึกไป



เมื่อเข้าไปด้านในก็มีคนผู้หนึ่งมานำทางให้ เสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงถูกพาไปยังห้องครัวทันที ที่นั่นมีผู้ช่วยอีกจำนวนสี่คนรอเขาอยู่แล้ว



“นายท่านบอกว่าให้เจ้าแสดงการทำอาหารอย่างสุดฝีมือ อย่าได้กักเก็บเอาไว้ วันนี้เป็นวันสำคัญของนายท่าน เป็นงานเลี้ยงวันเกิด หวังว่าเจ้าคงไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”



กล่าวจบผู้นำทางก็จากไป เสวี่ยหมิงมองดูห้องครัวที่หรูหราใหญ่โต คาดว่าเป็นผู้มีอันจะกินยิ่งกว่าตระกูลเสวี่ยเสียอีก เนื่องจากสมัยที่อยู่กับตระกูลเสวี่ยเขาไปช่วยเป็นลูกมือให้พ่อครัวอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจึงมีฝีมือในการปรุงอาหารมากทีเดียว



“ยินดีที่ได้รู้จักขอรับทุกท่านข้าเสี่ยวหลงฝากตัวด้วยขอรับ”



 เสี่ยวหลงไล่คำนับผู้ช่วยในครัวซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสตรีมีอายุทุกท่าน ด้วยความที่มันตั้งใจทำตัวตลก บรรดาอิสตรีจึงพากันหัวเราะถ้วนหน้า มันยังไม่ลืมแนะนำเสวี่ยหมิงให้ทุกคนรู้จัก



“ส่วนนี่พี่ใหญ่ของข้าเสวี่ยหมิง จะมาเป็นพ่อครัวใหญ่ในวันนี้ พี่ข้าเป็นคนซื่อๆพูดน้อยหวังว่าพวกท่านจะเอ็นดูน้า” กล่าวจบเสี่ยวหลงก็แทงศอกเข้ามาอีก แล้วกระซิบสั่งเขาเสียงเข้ม



“แนะนำตัวสิพี่ใหญ่ยิ้มกว้างๆด้วยนา”



“ข้าเสวี่ยหมิงครับฝากตัวด้วย”



 เขาแนะนำตัวพลางโปรยยิ้มตามที่เสี่ยวหลงบอก คาดไม่ถึงว่าเสียงตอบรับจะดียิ่ง พวกผู้ช่วยพากันเข้ามาแสดงท่าทางสนิทสนมใกล้ฃิดอบอุ่นจนร้อนขึ้นมาทันใด



“ต๊าย....น้องหมิงช่างหล่อเหลานัก ข้าไม่เคยพบพ่อครัวที่ไหนหล่อเหลาเท่าเจ้ามาก่อนเลย”



“อายุขนาดนี้น่าจะเป็นลูกข้าได้ หากข้ามีลูกอย่างเจ้าคงกราบไหว้เทพเซียนทุกค่ำเช้า”



“น้องหมิงเจ้ามีฮูหยินแล้วหรือยัง ข้ามีน้องสาวที่ยังไม่ออกเรือนเจ้าสนใจนางไหม”



“ฮ่าฮ่า น้องสาวเจ้าขี้ริ้วจะตาย หมิงน้อยลูกสาวข้างดงามกว่ามากนัก เจ้าสนใจไหม”



เสวี่ยหมิงถูกรุมล้อมด้วยอิสตรีทั้งสี่ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆทำอะไรไม่ถูก เสี่ยวหลงเองก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ เขาอดไม่ได้ที่จะถลึงตาให้คนที่เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวไม่ช่วยเหลือกันบ้างเลย



“เอ่อ ข้าว่าเริ่มต้นเตรียมอาหารกันเดี๋ยวนี้เลยจะดีกว่าละมั้งครับ”



เสวี่ยหมิงยิ้มแฮะๆ ได้แต่หวังว่าคำขอร้องของเขาจะทำให้พวกสาวๆเริ่มต้นทำงาน แน่นอนว่าพวกนางล้วนเป็นงานพอเขาบอกให้เริ่มต้นทำหน้าที่ทุกคนต่างก็แยกย้ายไปทำงานในส่วนของตัวเอง แต่ก็ไม่วายส่งเสียงจอแจชวนเขาคุยโน้นคุยนี่ไปตลอดการทำงาน



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



เย้ หมิงน้อยกลายเป็นพ่อครัวเสียแหล่ว 55555 หวังว่าคนอ่านจะติดตามอ่านต่อนะคะ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้าง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-02-2017 12:26:11
เข้าทางเลย อยากเข้าพรรคมังกรพิโรธ
ก็ได้เข้าแล้ว แต่ไปในฐานะพ่อครัว
ก็ดีเหมือนกัน จะได้สืบแบบลับๆไปด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2017 12:58:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-02-2017 13:09:51
เป็นพ่อครัวซะแล้ว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-02-2017 14:10:41
 :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 17-02-2017 14:11:46
ดีมากกกก แบบนี้จะได้สืบก่อนค่อยเปิดตัวแบบปังๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 17-02-2017 14:19:17
เสน่ห์ปลายจวักก็มา  :hao6: ใครคือนายท่านนะ ติดตามมม  :katai2-1: :m7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: rutchi ที่ 17-02-2017 15:06:12
ติดเรื่องนี้แล้วสิ่เนี่ย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่11 p5 17/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 17-02-2017 20:45:54
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 18-02-2017 12:12:03
ตอนที่12



หมู่ตึกเหมยนิรันด์เป็นสาขาหนึ่งของพรรคมังกรพิโรธ มีผู้นำนามว่าเยิ่นเสียนฉีตัวมันปีนี้อายุได้ห้าสิบห้าปี และวันนี้มันได้จัดงานเลี้ยงวันเกิดอย่างเอิกเกริกในหมู่ตึกทั้งยังเชิญผู้รู้ใจมาร่วมงาน



วันนี้มันมีความสุขยิ่ง กระนั้นใช่ว่าจะไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล มันยังมีงานอีกมากที่ได้รับมอบหมายจากนายน้อยผู้ที่มันสนับสนุนและได้รับสนับสนุนเสมอมา



งานเลี้ยงอันหรูหราดำเนินไปได้สองชั่วยามแล้วบรรดาอาหารเลิศรสต่างถูกนำมาสนองต่อความต้องการหลายต่อหลายจาน ไม่เพียงแค่แขกที่มาในงานเท่านั้น ตัวมันเองยังรู้สึกว่าอาหารเหล่านี้ช่างอร่อยเลิศจนมีความคิดที่อยากจะพบหน้าหัวหน้าพ่อครัวซักครา



มันรู้จากลูกน้องคนสนิทว่าหัวหน้าพ่อครัวเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่มาแทนพ่อครัวประจำที่ป่วยกะทันหัน เมื่อได้พบหน้ากันมันนึกทึ่งในความมีสง่าราศรีและรูปโฉมของพ่อครัว



มันผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ตอนนี้จึงเชื่อมันว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคงไม่ใช่แค่พ่อครัวธรรมดา แล้วความเป็นจริงก็ปรากฏเมื่อความวุ่นวายเล็กๆเกิดขึ้นจากการมาเยือนของจงฮั่นเหลียงคู่อริซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่ตึกโบตั๋นสาขาหนึ่งของพรรคมังกรพิโรธ



“ฮ่าฮ่า ใยพี่เยิ่นไม่เชิญข้ามาร่วมงานด้วยเล่า ทั้งที่เขตปกครองของเราก็อยู่ไม่ห่างกันแท้ๆ”



การปรากฏตัวของมันทำให้การสนทนาระหว่างเขากับพ่อครัวเสวี่ยหมิงชะงักงัน ช่างน่าบัดซบนัก มันไม่รู้หรือว่าการไม่เชิญเท่ากับไม่อยากให้มา



แรกเริ่มเดิมทีความบาดหมางของมันกับจงฮั่นเหลียงเริ่มมาจากการชิงดีชิงเด่นกันในพรรค ยิ่งเมื่อพวกมันถือหางหนึ่งในศิษย์ทั้งสามที่มีอนาคตเป็นถึงผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขต่างคนกัน ความไม่กินเส้นกันจึงยิ่งรุนแรงขึ้นตามลำดับ



แน่นอนว่าในบรรดาศิษย์ทั้งสาม นายน้อยหลี่มู่ไป๋เป็นคนที่สันโดษและทะเยอทะยานน้อยที่สุด ขุมกำลังและผู้สนับสนุนจึงน้อยกว่าผู้อื่น ผิดกับนายน้อยของมันและนายน้อยที่ตัวบัดซบจงฮั่นเหลียงให้การสนับสนุน นายน้อยทั้งสองต่างโดดเด่นและมีคุณสมบัติที่มองข้ามไม่ได้



“เจ้าช่างโง่นักการที่ข้าไม่ส่งเทียบเชิญย่อมหมายความว่าไม่อยากเชิญเจ้า มาทางไหนไสหัวกลับไปทางนั้น”

เยิ่นเสียนฉีไม่ไว้หน้ามันขี้เกียจอยู่ร่วมหายใจในอากาศเดียวกันกับตัวกลับกลอกดั่งเช่นจงฮั่นเหลียง



“ฮ่าฮ่าท่านจะพูดอะไรก็พูดไป ในเมื่อข้ามาแล้วอย่างน้อยต้องได้ดื่มชาซักนิดไม่อย่างนั้นข้าไม่ไปง่ายๆ”



เยิ่นเสียนฉีรู้ว่ามันคงไม่ไปง่ายๆหากไม่ได้ตามประสงค์ดังนั้นจึงสั่งให้สาวใช้รินน้ำชาให้แก่ตัวบัดซบ สาวใช้รินน้ำชาตามคำสั่งทว่าด้วยการก้าวเท้าอันไม่แข็งแรงทำให้นางสะดุดหกล้มน้ำชาร้อนๆพลันสาดใส่ร่างของจงฮั่นเหลียงสร้างความโกรธาแก่มันยิ่งนัก ในขณะเดียวกันเยิ่นเสียนฉีหัวเราะสะใจยิ่ง



“มันน่านัก นางผู้หญิงต่ำช้า”



จงฮั่นเหลียงเกร็งมือหวังตบหน้าด้วยกำลังภายในเต็มอัตรา เยิ่นเสียงฉีเตรียมรับมือมันจะใช้สาวใช้นางนี้เป็นข้ออ้างสั่งสอนคู่อริซักครา ทว่ากลับมีผู้เคลื่อนกายว่องไวกว่ามันรับฝ่ามือต่ำช้าของจงฮั่นเหลียง



“บัดซบ เจ้าเป็นใครกล้ามาขัดขวางการสั่งสอนนางแพศยานี่”



เสวี่ยหมิงไม่ตอบคำแต่หลังจากปัดฝ่ามือของคนเลวร้ายออกไปเขาก็เข้าไปพยุงสาวใช้โชคร้ายให้ลุกขึ้นยืน ไม่คาดว่าคนเลวร้ายจะซัดฝ่ามือมายังด้านหลัง เสวี่ยหมิงที่ไวกว่าซัดฝ่ามือของเขาไปประทะกับมันด้วยกำลังภายในอันลึกล้ำพิสดาร คนเลวร้ายถูกกระแทกลอยลมไปจนเกือบชนกับกำแพง โชคดีของมันที่เสวี่ยหมิงยังยั้งมือมีไมตรีให้อยู่



“แก.....”



จงฮั่นเหลียงไม่ทราบว่าวันนี้มันเจอกับตัวอะไร เหตุใดจึงมียอดยุทธปะปนอยู่ในคราบคนใช้ของหมู่ตึก มันยิ่งคิดยิ่งสงสัย หรือว่านี่จะเป็นแผนหลอกมันมาฆ่าของตาเฒ่าเยิ่นเสียนฉีกันแน่ มันที่มาวันนี้ตั้งใจจะแกล้งให้ตาเฒ่าคู่อรินี้ปั่นป่วนใจ ไม่คาดว่าจะเหยียบกับดักเข้าเต็มๆ วันนี้มันยังไม่พร้อมจึงได้แต่หาคิดหลบเลี่ยงการปะทะอย่างรวดเร็ว



“ไอ้บัดซบแกกล้าทำร้านนายใหญ่รึ” ลูกน้องที่มาด้วยเตรียมจะล้างแค้นให้ จงฮั่นเหลียงจึงตะคอกห้ามปรามพวกมันด้วยเสียงอันดัง



“ข้าไม่ได้สั่งใครกล้าขยับ” ดังนั้นพวกลูกน้องจึงหยุดการกระทำอันขัดต่อคำสั่งของมัน มันเมื่อตั้งตัวได้จึงรีบสะบัดตัวเดินจากไปไม่ร่ำลาแม้ซักคำ



“เอ้อ...ดีดี ไปได้เสียที....”



เยิ่นเสียนฉีหัวเราะชอบใจก่อนจะใช้สายตามองจ้องพ่อครัวคนใหม่ด้วยมีแผนการ มันเองตอนนี้ได้รับคำสั่งจากนายน้อยให้ไปขโมยสูตรและแปลนสร้างอาวุธจากหมู่ตึกศาตราวุธ แน่นอนว่ามันมีความคิดที่จะใช้คนนอกเผื่อแผนการณ์รั่วไหล่จะได้จัดการกับความผิดพลาดได้ง่ายๆ



วันนี้มันเจอยอดฝีมือลึกลับที่หน่วยก้านใช้ได้ มันจะใช้เงินทองตีหัวจ้างคนผู้นี้ซักครา หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี



“พ่อครัว อื้อ น้องชาย ข้ายังไม่ได้ทราบนามเจ้าเลยไหนบอกข้าทีสิ”



“เสวี่ยหมิงขอรับ”



“ดีดี น้องเสวี่ยหมิงเชิญเจ้านั่งข้างๆนี่”



เสวี่ยหมิงไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่ตึกเยิ่นเสียนฉีต้องการอะไร แต่เมื่อเขามาในฐานะลูกจ้างจะปฏิเสธคำขอสร้างความบาดหมางก็ใช่ที่ ดังนั้นจึงลดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ



“ข้าจะไม่ขออ้อมค้อมละนะน้องชาย ด้วยฝีมือของเจ้าข้าเห็นแล้วมีความคิดจะจ้างเจ้าด้วยเงินห้าพันตำลึงทองเจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร”



เสวี่ยหมิงใช้สมองครุ่นคิด ด้วยเงินจำนวนที่ตั้งตัวได้เช่นนั้นคาดว่าคงเป็นงานสกปรก ตามจริงการที่เขามามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของพรรคมังกรพิโรธถึงขั้นนี้ก็ไม่ใช้ความต้องการของเขา ตอนนี้กลายเป็นว่าถูกเล็งเห็นความสามารถมากกว่าเก่าคิดใช้สอยเขาให้ทำงานสกปรก



“เป็นงานเล็กๆง่ายๆอย่างการขโมยของบางสิ่งให้กับข้า เจ้าว่าช่างง่ายดายหรือไม่”



“ข้าขอปฏิเสธขอรับ”



ดูจากสีหน้าของเยิ่นเสียนฉีแล้วคงโกรธอย่างหนัก ทันทีที่เขาปฏิเสธ เส้นเลือดบนขมับของฝ่ายนั้นก็ปูดบวม มือหยาบกร้านกำหมัดแน่น คาดว่าคงคิดใช้กำลัง



ตอนนี้บรรยากาศไม่สู้จะดีนัก เยิ่นเสียนฉีแผ่รัศมีคุกคามเห็นชัดเสวี่ยหมิงใช่ว่าจะกลัวทั้งสองจ้องตากันไม่ลดละ ในที่สุดเสวี่ยหมิงก็ลุกขึ้นยืนอย่างองอาจ



“ต้องขออภัยด้วยที่ข้าไม่สามารถรับงานนายท่านได้ หลังงานเลี้ยงจบข้าจะรีบเก็บของจากไปขอรับ”



เสวี่ยหมิงประสานมือเคารพ พริบตาที่หันหลังเดินจากมาเขาได้ยินเสียงทุบโต๊ะดังปัง เขาเตรียมตัวรอรับการปะทะ ไม่คาดว่าจะเกิดเรื่องเสียก่อน



“ว้ากกกกก”



เสวี่ยหมิงได้ยินเสียงร้องของเสี่ยวหลง เมื่อหันไปก็พบว่าเด็กน้อยล้มทับเยิ่นเสียนฉีทั้งร่าง รอบกายของทั้งคู่มีอาหารหล่นเกลื่อนกราด เขาคาดว่าเด็กนี่คงยกอาหารมาแล้วสะดุดล้มทับเยิ่นเสียนฉีก็เป็นได้



เยิ่นเสียนฉีเมื่อถูกล้มทับทั้งตัวก็เต็มไปด้วยความโกรธ มันนึกอยากทุบตีตัวบัดซบนัก ทว่าเมื่อมันปะหน้าในระยะประชิด ก็เห็นเด็กน้อยขยับริมฝีปากพูดโดยไร้เสียง มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันมีวิชาอ่านริมฝีปาก และยิ่งที่เด็กน้อยพูดออกมากลับเป็นรหัสลับที่มีแต่นายน้อยรู้และมักใช้ออกคำสั่งมันทุกครั้งที่นายน้อยปลอมตัวมา

     

          “โอ้...เจ้ามัน....เสี่ยวหลงใช้หรือไม่นี่”

   

           เสวี่ยหมิงยอมรับว่างุนงงต่อท่าทางของเยิ่นเสียนฉี มันไม่เพียงไม่โกรธยังเรียกขานชื่อของเสี่ยวหลงได้ถูกต้อง

 

             “ลุงเองไงเสี่ยวหลง ลุงเยิ่นเสียนฉีเพื่อนสนิทของซือเยว่พ่อเจ้า”

       

       “อ๋อข้าจำได้แล้วท่านลุงนี่เอง ดีใจเหลือเกินข้าไม่รู้เลยว่านี่คือที่อยู่ของท่านลุง”

         

      “วันนี้มันวันดีอะไรกันนี่ ไม่คาดว่าจะได้มาพบหลานชายตัวน้อย”

 เยิ่นเสียนฉีหัวเราะฮาฮา มันมั่นใจครึ่งหนึ่งว่าคนผู้นี้คือนายน้อยของมัน ดังนั้นเมื่อนายน้อยสั่งมันโดยไร้เสียงมันจึงทำตามทุกขั้นตอน

         

      “ท่านลุงเยิ่นนี่คือพี่เสวี่ยหมิงพี่ใหญ่ของข้า พวกท่านรู้จักกันแล้วหรือยัง”



เสี่ยวหลงรี่เข้ามาจูงมือลากเขาไปตรงหน้าเยิ่นเสียนฉี เสวี่ยหมิงนอกจากงุนงงยังเกิดแรงต้านอยู่บ้างดังนั้นจึงขืนตัวนิดๆระหว่างที่ถูกจูงเดิน แต่ใช่ว่าจะขัดขืนไปตลอดทางในที่สุดเขาก็ผ่อนแรงตามเสี่ยวหลงไป



“ดีดี ข้ารู้จักแล้วเสี่ยวหลง จริงๆข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าอีกมาก ถ้าอย่างไรเชิญเจ้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าพักที่หมู่ตึกของข้าเถอะ”



“ขอบคุณมากท่านลุง ข้าดีใจเหลือเกิน”



 เสี่ยวหลงดูยินดีเหลือเกินที่ได้พบกับญาติผู้ใหญ่ ทว่าภายในใจของเสวี่ยหมิงกลับเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก การที่เด็กน้อยนี่ได้พบคนรู้จักเยี่ยงนี้ ไม่ได้หมายความว่าการเดินทางร่วมกับเขาต้องจบลงอย่างนั้นหรือ



พลันภายในอกกลับเกิดช่องว่างกลวงโบ๋บางอย่าง เป็นความรู้สึกที่รุนแรงและอ้างว้างเกือบเทียบเท่ากับตอนที่เขาจากอาจารย์มา



“ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวหลง ข้าว่าข้ากลับไปที่บ้านสกุลฮวาดีกว่าผู้เฒ่าฮวายังต้องการให้ข้าช่วยจนกว่าลูกชายของเขาจะกลับมาที่บ้าน”



ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆเหตุใดจึงใช้ตาหลานสกุลฮวาเป็นข้ออ้าง ทว่าสิ่งหนึ่งที่รู้แก่ใจดี เขาไม่อยากทนต่อความรู้สึกอึดอัดยามที่ต้องแยกจาก หากว่าต้องแยกจากกันสู้แยกกันเสียแต่ตรงนี้เลยน่าจะดีที่สุด



เสี่ยวหลงเมื่อสังเกตสีหน้าของพี่ใหญ่แล้วให้เกิดความแปลกนัก มิใช่ว่าพี่ใหญ่คิดการณ์ไกลอะไรบางอย่างหรอกหรือ จากใบหน้าที่ดูเหงาหงอยอย่างชัดแจ้งเยี่ยงนี้ มันเองยังรู้สึกได้ว่าพี่ใหญ่กำลังเศร้า ดังนั้นมันจึงรี่เข้าไปหากุมมือของพี่ใหญ่เอาไว้พลางใช้เสียงอ่อนหวานกล่าวพูดด้วย



“พี่ใหญ่จะไปรอข้าที่บ้านสกุลฮวาก็ได้ ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่านลุงไม่นานนัก ดังนั้นได้โปรดรอข้ากลับไปนะ”



เสี่ยวหลงส่งสายตาอ้อนวอนมา เด็กน้อยนี่ยังคิดจะเดินทางกับเขาต่อไปอีกหรือ การได้เจอญาติสนิทมิใช่จุดจบของการเดินทางกระนั้นหรือ มันยังคิดตามติดเขาต่อไปจริงๆนะหรือ



อา.....แล้วเหตุใดเขาถึงต้องทั้งเศร้าและเหงาหงอยถึงเพียงนี้เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกจากเสี่ยวหลง ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ





 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ความจริงบางอย่างใกล้เปิดเผย 5555555  รู้สึกตอนนี้กับตอนหน้าจะเขียนยากชอบกล



เม้นเป็นกำลังใจบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-02-2017 13:09:22
สนุกค่ะ เพิ่งเริ่มต้นเดินทางแต่ความสัมพันธ์นี่ถือว่าไปไวนะ ชอบค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: orange_object ที่ 18-02-2017 13:14:00
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านไปลุ้นไปมันจะยังไงต่อ 5555 มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นตลอด ตอนนี้เดาว่าเป็นศิษย์พี่รอง ไม่รู้เรื่องจะเปิดเผยอีท่าไหน แล้วพี่ใหญ่คนซื่อพอรู้แล้วจะเป็นยังไง แกโดนแน่เสี่ยวหลงหลอกเค้ามาเยอะ เงื่อนงำในพรรคก็อีกมากมี ศิษย์พี่อีกสองคนอีก ติดตามค่ะ
 
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-02-2017 14:03:06
รอรอว่าจะเปิดเผยอัลไล
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 18-02-2017 15:33:11
มารอด้วยคน o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-02-2017 17:15:49
ความจริงบางอย่างใกล้เปิดเผย  :katai1:
แล้วมันคือความจริงอะไร ของใครล่ะ
ของเสี่ยวหลง ของเสวี่ยหมิง
หรือเรื่องคนทรยศของพรรคมังกรพิโรธ
แหมๆ......เสี่ยวหลง ไม่เบาๆ
เป็นถึงนายน้อยของพรรคเชียวนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 18-02-2017 20:14:39
เสี่ยวหลงไม่ธรรมดาจริงๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-02-2017 20:23:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่12 p5 18/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 19-02-2017 23:52:21
ไม่นานหรอก จากฐานะศิษพี่ใหญ่ก็จะกลายเป็นน้องเล็ก เอ้ะ!!! แต่หรือจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแทนน้าาาา :hao6: :hao7:   :-[
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 20-02-2017 11:58:09
ตอนที่13



ระหว่างทางเดินกลับมาบ้านเสวี่ยหมิงเอาแต่ครุ่นคิดว่าตนเองจะทำอย่างไรต่อไปดีหากว่าต้องเดินทางตามลำพังโดยปราศจากเสี่ยวหลง ตามจริงแล้วเขาไม่ควรยึดติดต่อเด็กน้อยนั่นถึงเพียงนี้ แต่มาบัดนี้เขาทำราวกับว่าเด็กน้อยนั่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียอย่างนั้น



แต่แรกเดิมทีเขาวางแผนการณ์สำหรับตัวเองและเสี่ยวหลงไว้ประการหนึ่ง เมื่อถึงเวลาต้องแยกจากกันจึงจำต้องเริ่มต้นวางแผนใหม่อีกครั้ง



มันจะยากอะไรเล่าแค่ใช้แผนการเดิมก่อนที่เขาจะพบกับเสี่ยวหลงมันก็เท่านั้น สิ่งที่เขาจะทำก็แค่เดินทางไปให้ถึงหุบเขาหมื่นปีอันเป็นที่ตั้งของพรรคมังกรพิโรธตั้งแต่แรกเริ่มตามคำสั่งอาจารย์



ใช่แล้วเขายังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมาก ทั้งฝึกวิชากับศิษย์พี่ตามคำสั่ง ทั้งสืบหาคนที่เปิดเผยสถานที่ฝึกวิชาของอาจารย์ มีเรื่องราวให้ต้องทำมากมายถึงเพียงนี้ ใช่จะมีเวลาจมอยู่กับความรู้สึกโดดเดี่ยวยามต้องแยกจากเสี่ยวหลง



สำหรับกับเสวี่ยหมิงนับว่าการมีอยู่ของเสี่ยวหลงในจิตใจนับเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายไปไกล คิดไม่ถึงว่าตนเองจะปวดใจเช่นนี้เมื่อต้องแยกจากเด็กน้อยนั้นจริงๆ



คืนนี้เสวี่ยหมิงนั่งรอเสี่ยวหลงกลับมาจนยามดึก ทว่าเมื่อคิดให้ดีจะช้าหรือเร็วเด็กน้อยก็ต้องไปตามทางของตัวเอง เขาก็เริ่มทำใจกลับเข้าไปนอนในห้องหับ แปลกกลับรู้สึกไม่คุ้นชินที่ต้องนอนเพียงลำพังเช่นนี้ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด



ภายในห้องรับรองแขกเยิ่นเสียนฉีได้พาผู้ที่มันคาดว่าจะเป็นนายน้อยของมันมาที่นั่น แต่ถึงจะเชื่อว่าเด็กน้อยเสี่ยวหลงเป็นท่านผู้นั้นมันก็ยังมีความคลางแคลงใจอยู่เรื่องที่เด็กตรงหน้านี่ใช่ตัวจริงหรือไม่



“เอ่อนายน้อยถ้าเป็นไปได้ช่วยใช้วิชาหดกระดูกผลัดหนังกลับคืนสภาพเดิมทีขอรับ”



มันถูมือเข้าหากันแล้วแสร้งหัวเราะ เยิ่นเสียนฉีเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับเด็กน้อยนี่หากว่ามันมิใช่ตัวจริง และถ้าสามารถใช้วิชาที่มันกล่าวได้มันย่อมยอมรับโดยดุษฏีว่าเป็นนายน้อย เพราะวิชาหดกระดูกผลัดหนังเป็นวิชาลับที่ประมุขจูสอนให้แค่กับนายน้อยของมันเพียงผู้เดียว เกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้ทำให้มันยิ่งมั่นใจว่านายน้อยของมันเป็นที่เอ็นดูของประมุขมากกว่าใคร



ไม่นานนักที่เบื้องหน้าเยิ่นเสียนฉี ร่างกายของคนที่อ้างว่าเป็นนายน้อยเกิดการเปลี่ยนแปลง เสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบรวมถึงสัดส่วนและใบหน้าที่จัดเรียงกันอย่างรวดเร็ว มันยอมรับว่าเคยเห็นนายน้อยในสภาพนี้หลายต่อหลายครั้ง



เมื่อการเปลี่ยนกระดูกจบลงนายน้อยผู้มีรูปลักษณ์หล่อเหลาเหนือผู้คนก็ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วที่โก่งโค้งอย่างสวยงาม ดวงตาคมเป็นประกาย ริมฝีปากบางเฉียบ และจมูกโด่งเป็นสันกับร่างกายที่สูงใหญ่กำยำ ในบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องมันยังไม่เห็นใครรูปงามได้เท่ากับนายน้อยของมัน



“คารวะนายน้อยหลงเยี่ยอิ่ง” มันรีบคุกเข่าให้นายน้อยของมันอย่างนอบน้อม



“ไม่ต้องมากพิธี” หลงเยี่ยอิ่งหรือร่างจริงของเสี่ยวหลงสั่งให้เยิ่นเสียนฉีลุกขึ้นก่อนจะก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ในห้อง



“ต้องขอโทษด้วยขอรับนายน้อยคำสั่งที่ให้มาข้ายังดำเนินการไปไม่ถึงไหน”



หลงเยี่ยอิ่งเลิกคิ้ว สงสัยนักว่ามันหมายถึงเรื่องใด ตั้งแต่เขาออกมาจากพรรคมังกรพิโรธและทิ้งให้เงาของตนรักษาการณ์แทนตัว มันนอกจากไม่ได้บอกผู้ใด คำสั่งอื่นๆย่อมไม่มีด้วยเช่นกัน



“คำสั่งอันใด ไหนเจ้าบอกมาสิ”



เยิ่นเสียนฉีเมื่อเห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ทั้งยังแสดงท่าทีจำไม่ได้มันก็รู้สึกแปลกพิลึกพิลั่น มันไม่รอช้ารีบหยิบเอาจดหมายคำสั่งลับที่มันรับมายื่นให้นายน้อยดู



หลงเยี่ยอิ่งเมื่ออ่านจดหมายลับก็พบว่า ในจดหมายเป็นลายมือของมันทั้งยังมีตราประจำตัวอีกด้วย นอกจากนั้นที่คาดไม่ถึงคือคำสั่งที่ใช้ให้ไปขโมยแบบแปลนอาวุธชนิดใหม่ที่หมู่ตึกศาสตราคิดค้นขึ้นได้ คำสั่งเหล่านี้มันไม่ได้ออกคำสั่งสั่ง การที่มีการปลอมแปลงจดหมายของมันเช่นนี้ ทำให้มันเริ่มสงสัยในสิ่งที่คนร้ายต้องการ



“ลายมือนี้กับตราประจำตัวเป็นของข้าก็จริง แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของปลอม ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะปล้นเอาสิ่งของจากหมู่ตึกศาสตราแม้เพียงนิด”

เพียงคำพูดเท่านี้ก็ทำให้เยิ่นเสียนฉีลนลานอย่างที่สุด มันรีบโขกศีรษะลงกับพื้นขอความเมตตา



“นายน้อยโปรดให้อภัยด้วยเป็นข้ามีตาหามีแววไม่ไม่รู้ถึงแผนการร้ายอันแยบยลของพวกสวะ นายน้อยได้โปรดเมตตาข้า”



หลงเยี่ยอิ่งไม่ได้ฟังหรือสนใจเยิ่นเสียนฉีแม้แต่น้อย มันตอนนี้เอาแต่ครุ่นคิด ผู้ใดกันที่อ้างชื่อของมันทำเรื่องเยี่ยงนี้ เดิมทีมันไม่ใช่ไม่รู้ว่าตึกศาสตราวุธผลิตอาวุธร้ายกาจขึ้นมา เกี่ยวกับเรื่องนี้มันรู้ดีว่าตึกศาสตราวุธต้องการขายแบบแปลนอาวุธนี้ให้กับราชสำนัก ตัวมันเองทราบเรื่องนี้ได้เพราะมันเองก็เป็นผู้ที่มีฐานะในราชสำนักผู้หนึ่งเช่นกัน



หลงเยี่ยอิ่งรู้แต่แรกว่าแบบแปลนอาวุธเหล่านี้ถูกส่งไปถึงมือของราชสำนักแล้ว แต่ไม่แปลกใจนักที่ตึกศาสตราวุธจะยังผลิตทั้งยังเก็บแปลนอาวุธนี้เอาไว้อยู่ ความลับที่ผู้คนน้อยนักที่จะรู้หากคนในตำหนักศาสตราวุธไม่เกลือเป็นหนอน ก็ไม่รู้ว่าคนร้ายปริศนาทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร



มันเองเคยเห็นแบบแปลนนี้ครั้งหนึ่งจากการที่ผู้สูงศักดิ์มอบให้มันดู มันสามารถจดจำรายละเอียดอาวุธนั้นได้ดียิ่ง เป็นอาวุธน่าอัศจรรย์ที่ที่สามารถยิงลูกกลมบางอย่างซึ่งเรียกว่ากระสุนดินปืนออกมาจากปลายกระบอก อาวุธที่ว่ามีทั้งอันใหญ่และเล็ก



หากว่ามันจงใจเขียนสูตรกระสุนดินปืนและแปลนอาวุธจริงบ้างเท็จบ้างผสมกันไปแล้วให้เยิ่นเสียนฉีนำไปส่งมอบให้นายน้อยตัวปลอมเพื่อดูสอดแนมย่อมเป็นแผนการณ์ที่ดีงามประการหนึ่ง



“เอาพู่กันกับหมึกมาให้ข้า”



เยิ่นเสียนฉีร้องเรียกให้สาวใช้นำสิ่งที่นายน้อยของมันต้องการมา หลงเยี่ยอิ่งเมื่อได้รับไปก็เริ่มต้นวาดและเขียนในสิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนจะยื่นให้เยิ่นเสียนฉี

เยิ่นเสียนฉีเป็นคนฉลาดมันเข้าใจการกระทำของนายน้อยมันได้ทุกประการ มันเดาว่าคงเป็นแผนการณ์ยื่นของปลอมให้แล้วดักจับ



“ข้าน้อยจะทำงานนี้ด้วยมือตัวเองแน่นอนขอรับนายน้อย”

หลงเยี่ยอิ่งพยักหน้าตอบรับ ทว่าเยิ่นเสียนฉียังมีเรื่องสงสัยประการหนึ่งเกี่ยวกับพี่ใหญ่ของนายน้อยนามเสวี่ยหมิง



“เอ่อนายน้อยแล้วเพราะเหตุใดท่านถึงได้เดินทางมากับหนุ่มน้อยนามเสวี่ยหมิงเล่าขอรับ”



“เรื่องมันยาวเอาเป็นว่า เจ้าเอาแบบแปลนปลอมๆนี้ไปส่งให้คนร้ายก่อนจะตลบหลังจับพวกมันมาเค้นความจริง จะทำยังไงก็ได้ให้มันสารภาพความจริงมา”



“แน่นอนขอรับ ข้าไม่ให้อภัยมันที่แอบอ้างชื่อของนายน้อยแน่นอน”



หลังจากพูดคุยกันเสร็จเวลาก็ผ่านไปมากกว่าหลายชั่วโมง หลงเยี่ยอิ่งผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนจะใช้วิชาหดกระดูกเปลี่ยนหนังปลอมแปลงกลับเป็นเสี่ยวหลงอีกครั้ง



เมื่อมันกลับมาถึงบ้านสกุลฮวาก็ผ่านไปครึ่งค่อนคืน พี่ใหญ่ของมันคงนอนหลับไปแล้ว เสี่ยวหลงย่องเงียบเข้าไปในห้องแล้วตะกายขึ้นไปนอนเคียงข้างเสวี่ยหมิงบนเตียง



“เจ้ากลับมาแล้วรึ”

ไม่คาดว่าเสวี่ยหมิงยังคงไม่หลับ มันรีบปั้นยิ้มเอาอกเอาใจพี่ใหญ่ของมัน



“พี่ใหญ่ยังไม่หลับอีกหรือให้ข้านวดให้ท่านดีหรือไม่”



“ไม่ต้อง บอกตามตรงตอนนี้ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ เหตุใดเจ้าจึงกลับมาทั้งๆที่พบญาติมิตรของบิดาเจ้าแล้ว”

เสวี่ยหมิงผลิกตัวหันมาพูดคุยด้วย



“เหตุใดพี่ใหญ่ถึงคิดเช่นนั้นเล่า”



“ก็ปกติมิใช่หรือ การได้อยู่กับมิตรสหายของบิดาย่อมอุ่นใจกว่าเดินทางไปไกลกับคนแปลกหน้าอย่างข้า หรือไม่จริง”



เสวี่ยหมิงเกลียดตัวเองนักเหตุใดคำพูดคำจาของเขาถึงคล้ายกับตัดพ้อได้ถึงเพียงนี้ เพราะว่ารู้สึกละอายใจใบหน้าของเขาจึงแดงก่ำโชคดีที่อยู่ในความมืด ความเสียหน้านี้ทำให้เขาต้องชะงักงันไป



“ข้าจะนอนล่ะ” เสี่ยวหลงคล้ายไม่สนใจคำพูดของเขามันลดตัวลงนอนข้างๆ เสวี่ยหมิงนิ่งงันอยู่นานชักสงสัยว่าตอนนี้เสี่ยวหลงรู้สึกอย่างไรและตั้งใจจะทำอะไรกันแน่



“พี่ใหญ่คงรำคาญข้ามากสินะ ถึงได้คิดผลักไสข้า” หลังจากกล่าวเช่นนั้น เสี่ยวหลงก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา การถูกจ้องมาด้วยสายตาเจ็บปวดยอมรับว่ามันทำให้จิตใจเขาไม่สงบ



“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่คิดว่าการที่เจ้าอยู่กับลุงของเจ้าน่าจะดีกับเจ้าที่สุด”



“เขาไม่ใช่ญาติข้านะพี่ใหญ่” เสี่ยวหลงเถียงด้วยเสียงที่แผ่วเบา



“จริงๆท่านเองก็ไม่ใช่ญาติของข้าเช่นกัน ท่านคงรู้สึกรำคาญที่ต้องดูแลข้าสินะ”



“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าแค่” เสวี่ยหมิงนึกอยากถอนหายใจแต่ก็กลั้นใจเสียไม่ได้ทำเช่นนั้น ตอนนี้พวกเขาสองคนต่างไรคำพูดใดใดแก่กัน บรรยากาศอึดอัดลอยคว้างอยู่รอบตัว



“ท่านคงแปลกใจหากข้าจะบอกว่าข้าชอบท่านมาก” เสี่ยวหลงเป็นคนเปิดปากพูดก่อน



“ถึงแม้เราจะเดินทางด้วยกันแค่เพียงเดือนเดียวก็ตาม แต่ข้ากลับรู้สึกว่าท่านเอาใจใส่และดีต่อข้ายิ่ง”

               เสวี่ยหมิงรอฟังว่าเด็กน้อยนี่ตั้งใจจะกล่าวอะไรต่อไป

       

        “จริงๆแล้วตอนแรก ข้าก็ไม่คิดว่าจะชอบท่านมากถึงเพียงนี้หรอก แต่พอนานๆไปข้ากลับรู้สึกว่าการได้อยู่กับท่านทำให้ข้าสบายใจ”

     

         นี่เป็นสิ่งที่อยู่ภายในใจจริงแท้ของมัน มันตอนแรกแค่คิดเพียงเข้ามาสอดแนมเรื่องอาจารย์จากเสวี่ยหมิง การที่รูปร่างหน้าตาพี่ใหญ่ของมันถูกใจมันยิ่งนับเป็นผลพลอยได้ ทว่าที่ผ่านมาการได้ชิดใกล้ผัวพันกันเช่นนี้มันไม่ปฏิเสธว่าบ่อยครั้งมันคันที่หัวใจจนอยากจะกล่าว



ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มหรือท่วงท่าอันเป็นธรรมชาติของพี่ใหญ่ล้วนน่าสนใจและเข้ามาประทับอยู่ภายในใจของมันจนบัดนี้ยากที่จะบอกได้ว่ามันเข้ามาใกล้ชิดเพียงเพราะเป็นเรื่องงานแค่อย่างเดียว



“ข้าชอบท่านอยากจะเดินทางตามหาท่านพ่อไปพร้อมท่านก็ไม่ได้หรือ”



 เสี่ยวหลงจงใจใช้สายตาเว้าวอนช้อนมองพี่ใหญ่ของมันในความมืด เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าตนเองเป็นอะไรไปแล้ว หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะไปชั้วเสี้ยว ตึกตักๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเช่นนี้เกรงว่าจะป่วยเป็นโรคอะไรไปแล้ว



“ท่านอย่าไล่ข้าไปเลยนะพี่ใหญ่ ข้าสัญญาว่าจะทำตัวดีดี ไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน”



“ตามใจเจ้าสิ”



 เสวี่ยหมิงยอมรับว่าไม่อาจทนมองจ้องตากับเสี่ยวหลงไปได้มากกว่านี้ เด็กหนุ่มพลิกตัวนอนหันหลังให้มัน เสี่ยวหลงไม่มีที่ท่าว่าจะกล่าวอะไรอีก ลมหายใจของเด็กน้อยช่างราบเรียบ คาดว่าคงจะพึงพอใจต่อคำอนุญาตของเขากระมัง



“ขอบคุณนะพี่ใหญ่”



เสี่ยวหลงกล่าวขอบใจ มันยิ้มออกมา มันรู้ตัวว่ามันตอนนี้กำลังยิ้ม ไม่คิดเลยจริงๆว่ามันะจะทั้งโล่งใจและสบายใจถึงเพียงนี้ เพียงแค่เสวี่ยหมิงไม่ขับไล่มันไป มันถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจได้ถึงเพียงนี้เชียว



ช่างอันตรายนักนี่มันปล่อยให้ตัวเองถลำลึกลงไปในหลุมรักต่อศิษย์น้องของมันเสียแล้วรึ ทว่าเมื่อมองดูแผ่นหลังของเสวี่ยหมิงมันกลับนึกอย่างโอบกอดขึ้นมา แล้วมันก็ทำอย่างใจนึกสวมรัดพี่ใหญ่ของมันเอาไว้แน่น มันได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่ใหญ่หนึ่งเฮือก



เสี่ยวหลงเกรงว่าพี่ใหญ่จะสลัดมันออก ทว่าไม่เป็นเช่นนั้น เสวี่ยหมิงหลับไปในเวลาไม่นาน พี่ใหญ่ปล่อยให้มันกอดรัดดังเช่นคืนก่อนๆที่ผ่านมา เสี่ยวหลงดีใจเหลือเกินที่ความสัมพันธ์ของมันกับพี่ใหญ่ยังคงแน่นแฟ้นดีอยู่



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

คอนใหม่มาแล้ว รู้สึกว่ามีไรตกหล่นไปหรือเปล่าน้า กำลังคิดว่าถ้ามีอะไรตกหล่นไปอาจมีกลับมาแก้55555



เม้นเป็นกำลังใจด้วยน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 20-02-2017 12:10:22
ไปกอดเขาทุกคืนจนเขาขาดไม่ได้ ร้ายกาจจริงๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-02-2017 12:14:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-02-2017 12:16:32
รอชมต่อไป

เสี่ยวหลงเป็นใครระหว่าง ศิษย์พี่ใหญ่ กับ ศิษย์พี่รอง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 20-02-2017 12:22:09
รอชมต่อไป

เสี่ยวหลงเป็นใครระหว่าง ศิษย์พี่ใหญ่ กับ ศิษย์พี่รอง

หลงเยี่ยอิ่งเป็นศิษย์พี่รองค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-02-2017 12:32:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 20-02-2017 15:00:31
เริ่มมีใจต่อกันแล้ว เริ่มขาดกันไม่ได้แล้ว  :katai2-1:

รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-02-2017 15:07:38
เสี่ยวหลงมีเงา ที่คอยทำหน้าที่แทน
แล้วเงาเสี่ยวหลง หรือศิษย์พี่ใหญ่หรือเปล่านะ ที่เป็นคนทรยศ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-02-2017 17:13:17
รอชมต่อไป

เสี่ยวหลงเป็นใครระหว่าง ศิษย์พี่ใหญ่ กับ ศิษย์พี่รอง

หลงเยี่ยอิ่งเป็นศิษย์พี่รองค่ะ

ขอบคุณที่มาตอบจ้ะ

พอดีพิมพ์ค้างไว้ พอกดส่งกลายเป็นว่าตอนใหม่มาโพสต์แล้ว

อั๊ยย่ะ! ศิษย์พี่ล่อลวงเด็กน้อยชัด ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-02-2017 17:40:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 20-02-2017 19:28:04
เริ่มงงๆว่าใครเป็นใคร ใครพี่ใหญ่ รอง เล็ก
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 20-02-2017 19:35:18
เริ่มงงๆว่าใครเป็นใคร ใครพี่ใหญ่ รอง เล็ก

ศิษย์พี่ใหญ่คือหลี่มู่ไป๋ ศิษย์พี่รองคือหลงเยี่ยอิ่ง ศิษย์พี่สามคืออิงเฟยค่า 5555 พยายามหาวิธีลงรูปคาแรคเตอร์อยู่แต่ทำไมได้ซักที


หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 20-02-2017 20:34:09
สนุกจังเลยมาเป็นกำลังใจให้น้องหมิง โดนล่อลวงทุกคืน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่13 p5 20/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 20-02-2017 23:29:43
มาต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 23-02-2017 11:41:39
ตอนที่14



หลังจากที่รู้ว่ามีคนปลอมแปลงจดหมายของตัวเองเสี่ยวหลงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มันใช้นกสื่อสารติดต่อกับเงาของตนเองที่รักษาการณ์อยู่ในพรรคมังกรพิโรธ เพียงสองวันเท่านั้นจดหมายลับก็ถูกส่งกลับมายังมือของมัน



เนื้อหาใจความของสารยิ่งตอกย้ำว่าตัวมันตอนนี้ตกอยู่ในอันตรายเกินกว่าที่จะคาดคิด ที่มั่นใจเช่นนั้นเพราะจดหมายที่ส่งไปล้วนเขียนด้วยรหัสลับซึ่งรู้กันแค่เขากับเงาเท่านั้น ใจความจดหมายไม่ว่าจะอ่านดูอย่างไรก็เป็นการรายงานลับของสายสืบที่มีต่อนายเนื้อหัวทั่วๆไป



แน่นอนว่าถ้าเป็นเงาของเขาที่รู้รหัสลับดีย่อมจะตอบจดหมายกลับมาด้วยรหัสซึ่งวางไว้ ทว่าจดหมายกลับมีเนื้อหาใจความเป็นอย่างอื่น เนื้อหาใจความนั้นระบุว่าให้มันตามหาตาเฒ่าจูต่อไป



เป็นคำสั่งเรียบง่ายแต่เห็นได้ชัดถึงความจริง เงาของมันตอนนี้คงไม่ใช้คนเดิมอีกต่อไปแล้ว อาจถูกสับเปลี่ยนหรือถูกฆ่าทิ้งไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เสี่ยวหลงใช้เวลาครุ่นคิดจนนอนไม่หลับทั้งคืน



มันมีความสงสัยในตัวของหลี่มู่ไป๋กับอิงเฟย คิดไปคิดมาการหายตัวไปของอาจารย์กับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจเป็นผู้ลงมือคนเดียวกัน สำหรับกับมัน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พี่หลี่มู่ไป๋หรือศิษย์น้องอิงเฟยก็นิสัยเข้ากันไม่ได้ทั้งนั้น



หลี่มู่ไป๋ เป็นคนทำอะไรตรงๆราวกับไม้บรรทัด เป็นคนแข็งกระด้างทำอะไรตรงไปตรงมาจนผิดใจกับมันอยู่บ่อยครั้ง อิงเฟยนั้นเล่าก็เจ้าเล่ห์ทะเยอทะยาน ทว่าหากจะให้คาดเดาว่าใครเป็นคนวางแผนร้าย มันก็เอนเอียงไปทางอิงเฟย กระนั้นก็ใช่จะปล่อยสมมุติฐานเรื่องหลี่มู่ไป๋เองก็เป็นผู้ลงมือเช่นกัน



เรื่องราวที่อาจารย์ถูกพบโดยหมาลอบกัดแห่งยุทธภพทั้งสามใช่ว่ามันจะไม่ลอยตามลมมาเข้าหู เสี่ยวหลงมีความคิดที่จะไปเยี่ยมเยียนคนทั้งสามถึงที่ ทว่าเป็นเพราะมันได้พบกับเสวี่ยหมิงที่เป็นเบาะแสชัดเจนถึงตาเฒ่าเสียก่อน ดังนั้นมันจึงไม่ได้เดินทางไปตามความมุ่งมั่นแต่เดิม



หลังจากได้รู้ว่าตอนนี้สถานภาพของตัวเองง่อนแง่นเต็มทน เสี่ยวหลงรีบมาพบกับเยิ่นเสียนฉีเป็นการส่วนตัว คราแรกมันตั้งใจจะใช้ลูกน้องผู้ภักดีคนนี้สืบเสาะตลบหลังหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอม ทว่าจากการคาดเดาเจ้าตัวปลอมคงยึดอำนาจพรรคมังกรพิโรธเอาไว้แล้ว



 ฉะนั้นการมาของมันครั้งนี้เพื่อออกคำสั่งใหม่แก่เยิ่นเสียนฉี มันไม่ต้องการให้ที่อยู่หรือตัวตนของมันเองแพร่งพรายไป มันตัดสินใจว่าจะปลอมตัวเป็นเสี่ยวหลงเช่นนี้ต่อไป สืบเสาะข่าวคราวอย่างลับๆและติดตามพี่ใหญ่ของมันกลับเข้าพรรคมังกรพิโรธ



อยากจะรู้นักว่าการปรากฏตัวของเสวี่ยหมิงจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเช่นไร เสี่ยวหลงยอมรับว่าตัวมันกำลังใช้ประโยชน์จากพี่ใหญ่ของมัน ทว่ามันมีทางเลือกไม่กี่ทาง ตอนนี้มันไม่ทราบเลยว่าผู้ใดทรยศมันและผู้ใดเป็นมิตร แม้กระทั่งเยิ่นเสียนฉีมันยังหวาดระแวงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน



ตัวมันนั้นนอกจากจะมีความทะเยอะทะยาน ยังมีหน้าที่ที่ต้องให้ทำอีกมาก โดยเฉพาะหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาคือการดำรงตำแหน่งประมุขพรรคมังกรพิโรธให้ได้ มันถูกปลูกฝังสิ่งนี้มาตั้งแต่ยังเยาว์ มันยอมรับว่ามีบางครั้งมันเหนื่อยหน่ายต่ออุดมการณ์อันนี้



แต่เมื่อเป็นหน้าที่มันย่อมต้องทำให้สำเร็จ สิ่งที่มันแบกรับไว้ทำให้มันจำต้องทำในสิ่งที่เลวร้ายต่อเสวี่ยหมิง มันยอมรับว่ามันปวดร้าวใจ หากว่าวันใดวันหนึ่งพี่ใหญ่ของมันรู้เข้า มันจะถูกเกลียดมากมายแค่ไหนกันนะ



ถ้ามันสามารถละทิ้งหน้าที่และอุดมการณ์ไปได้แล้วไปมีความสุขข้างกายพี่ใหญ่ของมัน คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย ทว่ามันไม่สามารถปล่อยมือจากสิ่งนั้นได้ ระหว่างหน้าที่กับความผูกพันที่เพิ่งก่อเกิดขึ้นมา มันไม่อยากจะเลือกสิ่งใดแต่ก็ไม่อาจวางเฉยปล่อยให้สิ่งที่มันทำมาสูญเปล่าไปได้



“นายน้อยมีเรื่องใดสั่งหรือขอรับ”



เยิ่นเสียนฉีเมื่อมาถึงก็แสดงความเคารพต่อมัน เสี่ยวหลงไหวตัวเล็กน้อย ไม่ถึงกับสะดุ้ง แต่ไม่คาดคิดเช่นกันว่ามันจะกลายเป็นคนที่ปฏิกิริยาเชื่องช้าเช่นนี้ไป การที่มันเอาแต่คิดถึงความรู้สึกของเสวี่ยหมิงในอนาคตมันทำให้เหม่อลอยได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ



“เจ้ายังไม่ได้ลงมือทำตามคำสั่งที่ข้าสั่งไว้ใช่หรือไม่”



“ยังขอรับ ข้ารอคอยให้ถึงวันนัดของเจ้าตัวปลอมซึ่งเป็นวันพรุ่งนี้” เยิ่นเสียนฉีตอบ



“ดี เรื่องตลบหลังเจ้าตัวปลอมข้าขอยกเลิกไป เจ้าทำเพียงแค่ส่งแปลนอาวุธปลอมๆให้มันก็เพียงพอแล้ว”



เยิ่นเสียนฉีฟังแล้วเริ่มครุ่นคิด มันเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนไร้สติปัญญา มันเดาว่านายน้อยของมันคงมีปัญหา หากใช้มันสมองอีกนิด มันยังกล้าคาดเดาว่า บางทีตัวปลอมของนายน้อยในพรรคมังกรพิโรธอาจจะยึดอำนาจจากนายน้อยแล้วก็เป็นได้



“นายน้อย ให้ข้าระดมพลสาขาบุกเข้าพรรคมังกรพิโรธดีหรือไม่ขอรับ”



“ยังก่อน ข้ายังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บงการณ์ นอกจากนั้นยังไม่รู้ว่าเงามืดของมันครอบคลุมไปถึงที่ใดบ้าง หากแหวกหญ้าให้งูตื่นเกรงว่าจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิต”



เยิ่นเสียนฉีเห็นด้วยกับนายน้อยของมัน ในบรรดาหมู่ตึก ที่อยู่ใต้อาณัตินายน้อย ถึงแม้ว่ามันจะรู้จักเจ้าของหมู่ตึกเหล่านั้นดี กระนั้นก็ใช่ว่าจะคาดเดาความจงรักภักดีที่มีต่อนายน้อยได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน



หากว่ามีหมู่ตึกที่ทรยศนายน้อยแล้วไปเข้ากับเจ้าตัวปลอม การที่มันป่าวประกาศเช่นนี้ไม่เป็นการชี้โพรงให้มันมาจัดการกับนายน้อยของมันหรือ กระนั้นในบรรดาหมู่ตึกก็ใช่ว่ามันจะไม่มีผู้ไว้วางใจเช่นมันไม่ได้เสียทีเดียว



“มีหมู่ตึกบางที่ที่พอไว้ใจได้บ้าง นายน้อยจะให้ข้าแจ้งข่าวหรือไม่ขอรับ”



“ไม่ต้องยิ่งรู้น้อยยิ่งดี ระหว่างนี้ให้เจ้าทำตัวเป็นปกติรอข้าแจ้งข่าวเป็นระยะๆ”



“ทราบขอรับนายน้อย”

มันไม่มีคำถามได้ต่อไปอีก มันคาดเดาว่าจากนี้นายน้อยคงจะเดินทางต่อไปกับเด็กหนุ่มนามเสวี่ยหมิง



สองสามวันมานี้เสี่ยวหลงเอาแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเพียงคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะยังร่าเริงเช่นเดิม แต่เสวี่ยหมิงสังเกตได้ถึงความผิดปกติอันนี้



นอกจากท่าทางที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากพ้นจากสามวันไป เด็กน้อยก็ขอไปทำธุระที่หมู่ตึกเหมยนิรันดิ์ เสวี่ยหมิงไม่รู้ว่าเสี่ยวหลงกำลังคิดเรื่องใดอยู่ มีความคิดที่อยากจะถาม แต่ก็เกรงจะเป็นการณ์ก้าวก่ายจนเกินไป ดังนั้นจึงเลือกที่จะเมินเฉยพฤติกรรมแปลกๆช่วงนี้ของเสี่ยวหลงไปเสีย



ผ่านไปได้อีกสี่วัน ในที่สุดบุตรชายของผู้เฒ่าฮวาซานก็กลับมา เสวี่ยหมิงได้ปลดเปลื้องภาระอันนี้ลงจากบ่าเสียที คืนนั้นเขาจึงพูดกับเสี่ยวหลงให้เป็นกิจลักษณะ เด็กหนุ่มอยากมั่นใจเรื่องของเสี่ยวหลง ตอนนี้เริ่มจะสงสัยแล้วว่าเด็กน้อยยังอยากเดินทางไปกับเขาอยู่อีกไหม



“ในเมื่อบุตรชายของผู้เฒ่าฮวาก็กลับมาแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางต่อไปได้เสียที เจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร”



เสวี่ยหมิงระทึกใจนิดๆรอคอยปฏิกิริยาของเสี่ยวหลง ยอมรับว่าคงรู้สึกเหงาหงอยยิ่งหากขาดเด็กน้อยนี่ไป ทว่าเกือบเจ็ดวันมานี้ใช้เวลาครุ่นคิดมากพอดู ถึงแม้แยกจากกันวันนี้ใช่ว่าวันหน้าจะไม่ได้พบกัน หากเด็กน้อยนี่ตัดสินใจอยู่กับเยิ่นเสียนฉีเป็นที่มั่น หลังจากเขาสะสางเรื่องราวของตนเรียบร้อย เขาตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมเยียนเสี่ยวหลงให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้



การแยกจากครั้งนี้ใช่ว่าจะเป็นการตัดสัมพันธ์เสียหน่อย ชั่วชีวิตนี้ยังมีเวลาอีกมาก ไม่วันใดก็วันหนึ่งเขากับเสี่ยวหลงจะได้กลับมาพบกันอีก คิดดังนั้น เขาก็สบายใจขึ้นมากทีเดียว



“ข้าพร้อมแล้วพี่ใหญ่ พร้อมมานานมากแล้ว”



 เสี่ยวหลงหัวเราะฮิฮะ เสวี่ยหมิงเมื่อเห็นว่ามันไม่มีทีท่าอิดออดแต่อย่างใด รอยยิ้มน้อยๆก็ผุดบนใบหน้า เขาไม่สามารถห้ามตนเองไม่ให้ยิ้มได้ ยิ่งไม่อาจปฏิเสธว่าตนเองดีใจเพียงเพราะเสี่ยวหลงตัดสินใจจะเดินทางร่วมกับเขาต่อไป



“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เรารีบนอนกันเถอะพี่ใหญ่ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า”



เสวี่ยหมิงเห็นด้วยกับมันจึงเอนตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไปในเวลารวดเร็ว

เช้าวันรุ่งขึ้น ไม่คาดว่าเยิ่นเสียนฉีจะมาหาถึงบ้านสกุลฮวาแต่เช้า เสวี่ยหมิงเข้าใจว่าชายผู้นี้มาหาเสี่ยวหลง แต่กลายเป็นว่าจุดประสงค์ที่มาคือตัวเขาเอง ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงไม่ได้ไปตามเด็กน้อยที่กำลังช่วยงานจิปาถะในบ้านสกุลฮวา



 “พ่อหนุ่มเจ้ารับตราของหมู่ตึกเหมยนิรันดิ์แล้วก็ตั๋วเงินเหล่านี้ไปเถอะ”



เสวี่ยหมิงเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงมอบมันให้เขาเพียงเพราะไม่อยากให้เสี่ยวหลงลำบาก บางทีการไม่มอบให้เด็กน้อยโดยตรงคงคิดว่าดีแล้วอย่างแน่นอน



“มีหมู่ตึกจำนวนมากที่เป็นพันธะมิตรเราและอยู่ใต้อาณัติของนายน้อยหลงเยี่ยอิ่ง ตราสัญลักษณ์นี่มันจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าไม่มากก็น้อย”



หลงเยี่ยอิ่งคือชื่อของศิษย์พี่รองไม่ผิด อาจารย์พอจะเล่าเรื่องในพรรคให้เขาฟังอยู่บ้างว่าหมู่ตึกต่างๆซึ่งเป็นสาขาของพรรคมังกรพิโรธ ถือหางศิษย์ทั้งสามคนต่างกันไป เสวี่ยหมิงหวนระลึกถึงคำพูดของอาจารย์



“ศิษย์เราทั้งสามคน หลี่มู่ไป๋ หลงเยี่ยอิ่ง และอิงเฟย ต่างเป็นศิษย์รุ่นเล็กที่ถูกผลักดันมาจากการรวมตัวของหมู่ตึกในแต่ละกลุ่ม ดังนั้นเจ้าศิษย์สามคนนี้จึงมีขุมกำลังเป็นของตัวเองอยู่มาก เราขอเตือนเจ้าจะทำอะไรให้คิดระวังไว้ให้มาก ตอนนี้คนที่เราไว้ใจให้ดูแลพรรคในฐานะรักษาการณ์ประมุขคือหลงเยี่ยอิ่ง เรื่องราวก็มีเท่านี้”




หลงเยี่ยอิ่งคนนี้จากปากของอาจารย์นับเป็นคนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจผู้หนึ่ง เสวี่ยหมิงมีความสงสัยในคำสั่งที่มีต่อเยิ่นเสียนฉีเล็กน้อย แรกเริ่มคนผู้นี้ตั้งใจจะจ้างเขาไปขโมยของ คาดว่าอาจเป็นคำสั่งของศิษย์พี่หลงเยี่ยอิ่งก็เป็นไปได้



“ขอบคุณในความหวังดีของท่านเยิ่นขอรับ ข้าจะขอรับไว้แทนเสี่ยวหลง”



ถึงแม้ไม่อยากจะรับของเหล่านี้มา แต่เพื่อเสี่ยวหลงแล้วก็ช่วยไม่ได้ เมื่อรับมาแล้วเยิ่นเสียนฉีก็ยิ้มชอบใจ ก่อนจะเข้าไปกล่าวลากับเด็กน้อยที่ยังอยู่ในบ้านสกุลฮวา



การเดินทางต่อไปของเสวี่ยหมิงเริ่มต้นได้ช้ากว่ากำหนด เนื่องจากเสี่ยวหลงมีเรื่องคุยกับเยิ่นเสียนฉีอีกมาก ทั้งยังมีเหมยลี่ที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้จนเสี่ยวหลงต้องเข้าไปปลอบ



เสวี่ยหมิงสงสารเสี่ยวหลงนัก เด็กน้อยนี่คงลำบากใจอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีใจต่อเหมยลี่ แต่ก็ยังต้องรักษาน้ำใจเธอตามคำขอร้องของผู้เฒ่าฮวา เวลาผ่านไปจนช่วงสายในที่สุดเหมยลี่ก็ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ เสวี่ยหมิงโล่งใจสุดท้ายก็ออกเดินทางได้เสียที



“เจ้าเกลี่ยกล่อมนางอย่างไรนางถึงหยุดร้องไห้” เสวี่ยหมิงถาม



“ก็ไม่อะไรมาก ข้าเพียงแค่บอกนางตามตรงว่า ข้ามีคนในใจอยู่แล้ว ขอให้นางตัดใจจากข้า ก็เท่านั้นเองพี่ใหญ่”



“เจ้ามีคนอยู่ในใจแล้วรึ”



เสี่ยวหลงหัวเราะฮิฮะ เสวี่ยหมิงรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกหยอกล้อ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะสนใจเรื่องนี้มากเพียงใดเขาก็จำต้องแสร้งไม่ใส่ใจ เพราะไม่อยากให้เสี่ยวหลงเอาข้อสงสัยของเขามาเล่นสนุก



“พี่ใหญ่อยากรู้ไหมล่า”



“ข้าไม่อยากรู้”



เสี่ยวหลงทำเสียงจิ๊จ๊ะในปาก ท่าทางจะสนุกต่อการได้เย้าแหย่เขา เด็กน้อยเอาแต่เซ้าซี้เขาไปตลอดทางพยายามเกลี่ยกล่อมให้เขาพูดคำว่าอยากรู้ให้ได้ แต่เรื่องอะไรเสวี่ยหมิงจะยอมแพ้ล่ะ รู้อยู่แล้วว่าเป็นแผนการเล่นตลกอย่างหนึ่ง ฉะนั้นจึงตีหน้าขรึมนิ่งเงียบไปตลอดการเดินทางหวังว่าเสี่ยวหลงจะเหนื่อยแล้วหยุดเล่นซนไปเอง



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



มีเรื่องราวที่ต้องเขียนให้เคลียอีกมาก 5555 รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้เขียนยาก ช่วงนี้มีเรื่องให้ทำเยอะ



งานเข้าหลายอย่างทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่จะรีบๆเอามาลงอย่างต่อเนื่องนะจ๊ะ



เม้นเป็นกำลังใจบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 23-02-2017 12:10:28
มีเงื่อนงำซะแล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 23-02-2017 12:51:42
 o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-02-2017 13:47:48
เสี่ยวหลงคือพระเอกใช่ไหม
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 23-02-2017 16:35:54
 :hao7: เดินทางๆ ในที่สุดก็ได้รู้จักศิษย์พี่รองเสียที รอหมิงๆก้าวเข้าสู่พรรคกล้าม เอ้ยยย มังกรพิโรธๆๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: orange_object ที่ 23-02-2017 17:45:58
เรื่องราวเยอะจริง หมิงๆก็ยังคงไม่รู้อะไรต่อไป เสี่ยวหลงดูมีอะไรกับราชสำนักด้วย เหยยยย ดูเป็นคนใหญ่คนโตใช่เล่น ที่อ่านๆมา คนชื่อ หลงๆ อะไรทำนองนี้ชอบเป็นองค์ชาย แกนี่ยังไงกันเสี่ยวหลง แล้วถ้าวันดีคืนดีหมิงๆถูกตาแก่เขี่ยตำแหน่งเจ้าสำนักให้ล่ะ สนุกจริง 55555

รอพบศิษย์พี่ทั้งสองอยู่นะ ตามหมิงๆไป
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-02-2017 18:12:30
พรรคมังกรพิโรธ ภายในพรรคมีการแก่งแย่งอำนาจ
เสี่ยวหลง ปลอมตัวเข้าไปก็ดีนะ จะได้สืบไปด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-02-2017 18:23:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่14 p6 23/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 23-02-2017 18:48:14
ใครทำกันแน่นะอยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 26-02-2017 18:17:45
ตอนที่15



เดินทางออกจากบ้านสกุลฮวามาได้หลายวัน เสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงนอนกลางป่ามาหลายคืนแล้ว เนื่องจากในระยะใกล้นี้ยังไม่พบหมู่บ้านแม้แต่ที่เดียว



“พี่ใหญ่ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่าน” เสี่ยวหลงเริ่มคำถามหลังจากจ้อเรื่องของตัวเองไม่หยุดมาตลอดทาง



“ที่แท้แล้วท่านต้องการเดินทางไปที่ใดกันแน่ คนเราย่อมต้องมีจุดมุ่งหมาย แต่ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่ข้าได้ใกล้ชิดร่วมทางกับท่าน นอกจากพี่ใหญ่จะไม่ยอมเล่าเรื่องส่วนตัว ข้ายังไม่รู้เลยว่าพี่ใหญ่เดินทางครั้งนี้เพื่อสิ่งใดกันแน่”



เสวี่ยหมิงถอนหายใจ เขารู้อยู่แล้วว่าซักวันเด็กน้อยนี่ต้องมีคำถามเช่นนี้ ตามจริงแล้วทุกอย่างของอาจารย์และตัวเขาควรเก็บไว้เป็นความลับ ทว่าบอกไปแค่เพียงนิดหน่อยคงไม่เป็นไรกระมัง



“ข้าได้รับคำสั่งอาจารย์ให้เดินทางไปยังพรรคซึ่งเป็นที่มั่นแห่งหนึ่งทั้งหมดเพื่อไปฝึกวิชากับศิษย์พี่ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันแม้แต่ครั้งเดียว”

“ตายล่ะ ท่านไม่กลัวว่าท่านจะเข้ากับพวกเขาไม่ได้หรือพี่ใหญ่”



เสี่ยวหลงแสร้งทำเป็นสงสัย อันที่จริงตอนนี้มันเริ่มจะกังวลเรื่องของพี่ใหญ่ของมันไม่น้อย แผนการของมันคือลอบเข้าไปพร้อมกับพี่ใหญ่จับตาดูพฤติกรรมของหลี่มู่ไป๋กับอิงเฟย ทว่าถึงแม้จะวางแผนเอาไว้ดิบดี แต่ยิ่งนานวันมันยิ่งปวดใจนักที่ต้องหลอกลวงหลอกใช้พี่ใหญ่ของมันจนถึงขั้นนั้น



มันมีความคิดที่จะเปิดเผยความจริงต่อพี่ใหญ่ ทว่าด้วยหน้าที่ที่มันได้รับไว้มันไม่สามารถเอาตัวเข้าไปเสี่ยงมากกว่านี้ได้ อีกอย่างการที่เสวี่ยหมิงไม่รู้เรื่องราวของมัน ทุกอย่างจะง่ายดายยิ่ง คนซื่อๆอย่างพี่ใหญ่หากให้โกหกว่าไม่รู้เรื่องของมันอาจจะทำได้ยาก ถึงตอนนั้นคงส่งผลเป็นอันตรายให้แก่พี่ใหญ่มากกว่าที่มันคาดไว้ก็เป็นได้



ตอนนี้การที่มันไม่สามารถรู้การเคลื่อนไหวภายในพรรคมังกรพิโรธก็นับว่าอันตรายมากอยู่แล้ว หากว่ามันกลับไปกับศิษย์น้องที่ถือจดหมายลับซึ่งกำหนดความเป็นไปของพรรคมังกรพิโรธเอาไว้ได้ในฐานะหลงเยี่ยอิ่งอีก เกรงว่าศัตรูจะลงมืออำมหิตปลิดชีวิตทั้งมันและพี่ใหญ่ในทันที



ถึงแม้จะกลัวว่าจะถูกลงมือฉับพลัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันหาได้หวาดกลัวอันตรายไม่ ด้วยฝีมือของมันที่บรรลุหนึ่งอสูรพิชิตเทวะไปจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว ภายในพรรคไม่มีผู้ที่สามารถจัดการมันลงได้ง่ายๆ พี่ใหญ่ของมันเองก็คงไม่ต่าง มันแน่ใจว่าเสวี่ยหมิงสำเร็จวิชาจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว



“ต้องกลัวอันใด ข้าไปเพื่อฝึกวิชา หากพวกเขาไม่สอน ข้าก็แค่เดินทางกลับไปหาอาจารย์เพียงเท่านั้น หาได้มีเรื่องใหญ่ไม่”



เสี่ยวหลงพบพี่ใหญ่ของมันครั้งแรกที่เมืองตงถิง มันคาดว่าตาเฒ่าจูเองก็ไม่น่าจะอยู่ไม่ไกลจากเมืองนั้น ดังนั้นมันขอเพียงแค่ตามติดดูแลเสวี่ยหมิงเรื่อยไปคาดว่าไม่นานนักคงได้เจอตาเฒ่าจูไม่วันใดก็วันหนึ่ง



เรื่องการหายตัวไปของตาเฒ่าก็ดี เรื่องที่เงาของมันถูกสับเปลี่ยนก็ดี การที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงในระยะเวลารวดเร็วอย่างนี้คาดว่าคนทำต้องวางแผนมานาน เป็นความผิดของมันเองที่ประมาทคิดว่าสถานการณ์ในพรรคทุกอย่างเรียบร้อยอยู่ในมือโดยสมบูรณ์



นอกจากนั้นมันยังตำหนิตนเองที่เกิดความผูกพันต่อตาเฒ่า นึกเป็นห่วงจนต้องออกตามหา หากมันเลือกที่จะเมินเฉยปล่อยให้ลูกน้องออกมาจัดการมันเองก็น่าจะยังอยู่รักษาการณ์ในพรรค ไม่สิ อาจเป็นโชคดีก็ได้ หากมันยังอยู่ในพรรคไม่คาดว่าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร



ตามจริงแล้วเงาของมันเองก็ได้รับการฝึกปรือหนึ่งอสูรพิชิตเทวะจนถึงขั้นเจ็ด ไม่ว่าฝีมือหรือมันสมองยังจัดอยู่ในขั้นยอดบุคคล แน่นอนว่าความจงรักภักดียิ่งเชื่อถือได้ บางทีอาจถูกจัดการด้วยแผนการบางอย่าง ระหว่างทางกลับไปยังพรรคมันจะต้องสืบหาข่าวสารจากหมู่ตึกต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้



“ถึงตอนนั้นพี่ใหญ่จะให้ข้าติดตามท่านไปหรือไม่”



เสวี่ยหมิงนิ่งคิด ตามจริงเขาตั้งใจจะฝากฝังเสี่ยวหลงไว้กับศิษย์พี่ที่พรรคมังกรพิโรธ ทางหนึ่งคือให้พรรคตามหาบิดาของเสี่ยวหลงให้ อีกทางหนึ่งคือเพื่อให้เด็กน้อยเจริญก้าวหน้า ได้ฝึกฝนวิชาของพรรคทั้งยังมีตำแหน่งในพรรคบ้างไม่มากก็น้อย



ทว่าด้วยนิสัยขี้เล่นซุกซนของเสี่ยวหลง อาจทำให้ผิดใจกับผู้อื่นก็เป็นได้ คิดได้ดังนั้นก็นึกห่วงเสียเหลือเกิน เขาไม่กล้าปล่อยให้เด็กน้อยนี่อยู่ตามลำพังเสียแล้ว คาดว่าคงมีแต่ต้องยอมให้เด็กน้อยติดสอยห้อยตามต่อไป



“หากว่าเจ้าต้องการย่อมสามารถตามติดข้าไปได้ อันที่จริงอาจจะดีกับเจ้ามากกว่าการถูกฝากฝังไว้กับพวกศิษย์พี่”



“พี่ใหญ่ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าท่านจะเดินทางไปหาศิษย์พี่ที่ใด” มันถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ



“พรรคมังกรพิโรธ”



“ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ต้องเกี่ยวข้องกับพรรคมังกรพิโรธ ก็วิชาที่ท่านสอนมันเป็นวิชาของพรรคที่ท่านพ่อข้าสอนให้ข้า”



“เจ้าฉลาดมาก” เสวี่ยหมิงกล่าวชมเฉยเสี่ยหลง เด็กน้อยทำแค่เพียงยักไหล่



“ใครก็คาดเดาได้ทั้งนั้นไม่จำเป็นต้องฉลาดนักหรอกพี่ใหญ่ ท่านอย่าได้ชมข้านักเลย” เสวี่ยหมิงแทบไม่อยากเชื่อหู เสี่ยวหลงถ่อมตัวเป็นด้วยกระนั้นหรือ



“เจ้าเองก็ถ่อมตัวเป็นด้วยนะ”



 เสวี่ยหมิงใช้สายตาตื่นตะลึงจ้องมองเสี่ยวหลงอย่างไม่ลดละ เด็กน้อยเมื่อรู้สึกคล้ายโดนหยามหมิ่นก็ขยี้เท้ากับพื้นทำตัวประหนึ่งอิสตรีก็ไม่ปาน เสวี่ยหมิงเห็นมาจนชินตา



“พี่ใหญ่ๆๆๆๆท่านพูดจาร้ายกาจอีกแล้ว” เสี่ยวหลงตรงเข้ามาใช้กำปั้นทั้งสองข้างทุบลงบนแขนเขาอย่างแง่งอน



“ท่านทำราวกับว่าข้าเป็นคนชอบพูดจาโอ้อวด”



“ไม่จริงรึ บ่อยครั้งที่เจ้าชอบอวดโม้ตัวเอง บ่อยครั้งพอข้าชม เจ้าก็พองตัวทั้งสรรเสริญตัวเอง อย่างนี้ไม่ให้ข้าคิดว่าเจ้าถ่อมตัวเป็นได้อย่างไร”



“พี่ใหญ่ก็ข้าก็แค่อยากจะดูเก่งในสายตาท่านเท่านั้นแหละ ปกติข้าไม่ใช่คนอย่างนี้เลย”



 จริงอย่างที่มันกล่าว โดยปกติมันไม่ใช่คนเล่นหัวกับใครอย่างนี้ มีเพียงเสวี่ยหมิงเท่านั้นที่มันเปิดเผยทั้งยังปล่อยอารมณ์ตามใจชอบ การที่มันเอาแต่โอ้อวดต่อหน้าพี่ใหญ่ มันเพียงแค่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น นานเท่าไหร่แล้วนะที่มันไม่ได้เปิดเผยตัวตนเช่นนี้กับผู้อื่น



นับตั้งแต่มันจากบิดามารดามา มันก็ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่โดยถูกส่งเข้าไปในหมู่ตึกเหมยนิรันดิ์ เยิ่นเสียนฉีเป็นผู้หนึ่งที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อมัน ทั้งยังผลักดันมันให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย ตัวมันถูกเลือกจากเด็กที่หน่วยก้านดีจากสาขาต่างๆมากมาย สุดท้ายมีเพียงมันศิษย์พี่หลี่มู่ไป๋และศิษย์น้องอิงเฟยที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหฤโหดจนสามารถมาเป็นศิษย์เอกของตาเฒ่าจูได้



ทุกอย่างดำเนินไปได้สวยมันเองก็ได้เป็นถึงผู้รักษาการพรรค ตัวมันเองคาดการณ์ว่ามันคงได้เป็นประมุขพรรครุ่นต่อไปตามจุดมุ่งหมายเดิม ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับไปในทางย่ำแย่



 ตามจริงมันสามารถรายงานไปถึงเหนือหัวเพื่อขอยืมกองกำลังทหารจากรัฐฉินแก้ปัญหาข้อนี้ได้ในพริบตา ทว่ามันเองกลับไม่อยากทำเช่นนั้น หากต้องพึ่งผู้อื่นให้มาจัดการทุกสิ่ง มันขอเลือกลองแก้ไขด้วยตัวเองดูก่อน ไม่อย่างนั้นการที่มันจากบิดามารดามาสู่หนทางลำบาก ไม่เป็นการกระทำที่สูญเปล่ามาตลอดหลายปีอย่างนั้นหรือ



การที่มันต้องกระทำในสิ่งที่อ้อมค้อมเช่นนี้ แต่แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นเพราะตาเฒ่าจูนั่นแหละ ตั้งแต่แรกพรรคมังกรพิโรธถูกตั้งโดยแม่ทัพเอกแห่งรัฐฉิน มีไว้เฝ้าระวังชายแดนปกป้องมาตุภูมิมิให้ศัตรูบุกเข้ายึดพื้นที่สำคัญของรัฐฉินโดยง่าย



หลายร้อยปีมาแล้วที่พรรคมังกรพิโรธเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพขับไล่กองทัพของรัฐหลีออกไป การมีอยู่ของพรรคมังกรพิโรธทำให้รัฐหลีไม่สามารถนำทหารผ่านเส้นทางลับอันง่ายดาย จำต้องหันไปใช้เส้นทางที่ทุรกันดารและลำบากอย่างการผ่านภูเขาใหญ่และป่าทึบแทน



หากไม่เป็นอย่างนั้นก็จำต้องยกทัพผ่านรัฐฉู่ซึ่งบัดนี้เป็นพันธมิตรเหนี่ยวแน่นกับรัฐฉินด้วยการส่งเชื้อพระวงศ์มาเชื่อมสัมพันธ์อยู่ตลอดทุกรัชสมัย



แต่ไหนแต่ไรมารัฐหลีกับรัฐฉินถูกขวางกั้นด้วยรัฐเล็กๆอย่างรัฐฉู่ส่วนหนึ่ง รัฐหลีอุดมไปด้วยเพชรพลอยและทองจำนวนมากก็จริง แต่ขาดทรัพยากรอันสมบูรณ์ และรัฐหลีก็ไม่มีทางออกสู่ทะเลดังเช่นรัฐฉิน ดังนั้นจึงมุ่งมั่นที่จะบุกยึดรัฐฉินมาแต่ไหนแต่ไร



หลายรัชสมัยที่พรรคมังกรพิโรธอยู่เคียงข้างราชสำนักอย่างลับๆ หากประมุขพรรคก่อนหน้าจูเยว่เสวียนไม่เพี้ยนไปจนเลือก ตาเฒ่านี่มาเป็นประมุขพรรคคนปัจจุบัน ราชสำนักคงไม่วุ่นว่ายต้องทำเรื่องอ้อมค้อมเช่นนี้



ประมุขคนก่อนหน้าตาเฒ่าเดิมทีเป็นองค์ชายลำดับที่สิบสามของรัฐฉินถูกส่งมาที่หุบเขาหมื่นปีเพื่อรับตำแหน่งประมุขพรรคโดยเฉพาะ ไม่คาดว่าประมุขพรรคผู้นี้จะตั้งตาเฒ่าจูซึ่งเป็นบุตรลับๆขึ้นเป็นประมุขแทนตัวเอง



ราชสำนักก็หาได้ตำหนิองค์ชายสิบสามไม่ องค์ชายสิบสามได้แนะนำตัวตาเฒ่าจูอย่างเป็นทางการแก่ราชสำนักเช่นกัน ทุกอย่างคล้ายจะเป็นไปโดยง่าย แต่ตาเฒ่าจูก็ทำในสิ่งที่นอกเหนือจากที่คาด มันประกาศรับคัดเลือกเหล่าเด็กน้อยจากหมู่ตึกเพื่อที่จะนำมาเป็นประมุขแทนตนเอง



ร้อนไปถึงองค์ชายสิบสามซึ่งชราภาพมากแล้วต้องมาคอยไกล่เกลี่ย สุดท้ายตาเฒ่าจูยังยืนกรานทำในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นราชสำนักจึงส่งคนไปลอบสังหารตาเฒ่าจูอยู่บ่อยครั้ง ตาเฒ่าจูเองก็รู้ตัวดี



ทุกอย่างดำเนินไปจนขั้นคล้ายแตกหัก แต่คาดไม่ถึงเมื่อถึงยามที่รัฐหลีส่งทหารมาประชิด จูเยว่เสวียนทำหน้าที่ของผู้ภักดีโดยไม่บกพร่อง มันขับไล่ทหารหลีออกไปอย่างชาญฉลาด ทำให้ผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งรัฐฉินเห็นความดีงามของมัน



สุดท้ายผู้มีอำนาจยังต้องทำตามการละเล่นบ้าๆของตาเฒ่า เรื่องนี้เป็นเพราะท่านผู้นั้นถูกอกถูกใจในผลงานและลักษณะนิสัยอันกว้างขวางทั้งชาญฉลาดของตาเฒ่า ดังนั้นนอกจากจะปล่อยให้ทำตามใจทั้งยังยกตำแหน่งขุนนางอย่างลับๆ หากแต่ตาเฒ่าโง่เง่ากลับปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย



แล้วเป็นอย่างไรล่ะผลจากการคัดเลือกศิษย์มั่วซั่วตามใจอย่างไม่ไว้หน้า ไม่รู้ว่าบ่มเพาะตัวอะไรขึ้นมาบ้าง สุดท้ายตาเฒ่าต้องระหกระเหินอยู่อย่างหลบซ่อน แถมตัวมันเองตอนนี้ยังไม่รู้ว่าพรรคมังกรพิโรธเวลานี้อยู่ในสภาพเช่นใด



ถึงตอนนี้ถึงแม้อยากจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่ก็ใช่เหตุผลที่มันจะละเลยไม่ส่งจดหมายไปยังราชสำนัก เสี่ยวหลงส่งจดหมายไปเมื่อสองวันก่อนคาดว่าไม่นานนักคงได้จดหมายตอบกลับมา



“เชื่อข้าสิพี่ใหญ่”



เสวี่ยหมิงไม่รู้ว่าจะเชื่อเด็กน้อยนี่ดีหรือไม่ เห็นวันๆเอาแต่คิดจะเล่นสนุกทั้งยังอวดตัวจนเป็นเรื่องปกติ ทว่ากลับไม่คิดตำหนิ เพราะเด็กน้อยนี่มีความสามารถจริงเห็นได้จากการฝึกวรยุทธที่รุดหน้าอย่างรวดเร็ว จนน่าตกใจ

           

   “ช่วยด้วยๆ”



ขณะที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะของเสี่ยวหลง เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้น ไม่ไกลนักปรากฏหญิงสาวผู้หนึ่งควบม้ามาอย่างเร็วโดยมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งไล่ตามมาติดๆ

         

      “ใครก็ได้ช่วยที”



 ระหว่างที่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ พวกที่ไล่ล่าตามมาก็ใช้ธนูยิงลูกศรเข้าใส่บั้นท้ายของม้า เจ้าม้าร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเริ่มอาละวาดสลัดหญิงสาวลงจากหลัง เสวี่ยหมิงพลิ้วกายเข้าไปรับไว้ได้อย่างทันท่วงที



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ตัวละครใหม่เริ่มโผล่ 55555 หวังว่าจะยังตามอ่านตามเม้นกันอยู่น้า



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 26-02-2017 18:33:04
ชอบแนวจีนกำลังภายในแบบก้าวใจ จะรอติดตามตอนต่อไปจ้า
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ajkub ที่ 26-02-2017 18:38:54
อยากอ่านต่ออย่างที่สุด ขอบคุณมากครับที่เอามาลงให้อ่านสนุกและน่าติดตามมาก
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-02-2017 18:46:48
ตามต่อ  :ling1: :ling1: :ling1:
หลงเยี่ยอิ่ง เสวี่ยหมิง  :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-02-2017 19:10:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 26-02-2017 19:37:21
ความจริงเริ่มเปิดเผยแล้ว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 26-02-2017 21:16:16
กลัวเสี่ยวหลงจะสาวแตกเข้าสักวัน :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 26-02-2017 21:58:20
บางทีเสี่ยวหลงอาจจะเป็นเคะหรือเปล่า55555 ล้อเล่นน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 26-02-2017 22:22:25
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 26-02-2017 22:43:01
 :a5: แย่แล้วตัวละครใหม่มา แค่นี้ยังมึนๆกับชื่ออยู่เลย5555 ถ้าออกมาบ่อยๆก็คงจะจำได้เอง เนอะ(คุยกะใครฟะ) :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่15 p6 26/2/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-02-2017 07:28:55
อื้อหืออออ ที่มาที่ไปของพรรคซับซ้อนจริง ๆ

เสวี่ยหมิงถูกส่งเข้าพายุแท้ ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 02-03-2017 22:14:03
ตอนที่16

           

   “ส่งนางมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้”

           

   หนึ่งในกลุ่มคนที่ไล่ตามตะโกนสั่ง เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าเด็กสาวในอ้อมแขนถูกตามล่าเพราะเหตุใด ชั่วเวลาที่สบตากัน คนในอ้อมกอดก็ร้องขอความช่วยเหลือจากเขา

         

     “โปรดช่วยเหลือข้าทีเถอะคุณชาย”

       

       “เจ้าไปทำอะไรมาถึงถูกตามล่าเช่นนี้”



เสวี่ยหมิงไม่ลงมือช่วยเหลือใครบุ่มบ่าม เขาต้องการที่มาที่ไปจากเด็กสาว ทว่ากลุ่มคนซึ่งไล่ตามกลับไม่รอเวลาชิงลงมือต่อยตีกับเขาเสียก่อน ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงส่งตัวแม่นางน้อยให้เสี่ยวหลงที่อยู่ด้านหลังด้วยการผลักออกเบาๆแล้วรับมือกับชายสามคนที่กลุ้มรุมเข้ามา



เมื่อรับมือคนทั้งสาม ดูจากฝีมือที่ต่ำชั้นกว่ามาก เสวี่ยหมิงจึงออมมือเว้นไมตรี เขาลงมือเพียงแค่หนึ่งคนต่อกระบวนท่า ทำแค่ออกหมัดและซัดฝ่ามือ ชายทั้งสามก็ล้มกลิ้งลงไปไม่เป็นท่า คนเหล่านั้นต่างแสดงสีหน้าตื่นตะลึงก่อนจะพากันล่าถอยจากไป



“ขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยข้าไว้”



เด็กสาวปริศนาประสานมือคำนับ พร้อมทั้งส่งสายตาเป็นประกายมาให้เสวี่ยหมิง เด็กสาวนี่คงนึกชอบพอพี่ใหญ่ของมันแต่แรกเห็น เสี่ยวหลงยอมรับว่าพี่ใหญ่ของมันหน้าตาหมดจดงดงามท่วงท่าหรือมารยาทก็ดีพร้อมจนน่าชื่นชม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีหญิงสาวมาชอบพอ กระนั้นมันกลับไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่เด็กสาวนี้มองพี่ใหญ่ของมันด้วยดวงตาเช่นนี้



“อ่ะแฮ่ม มองอย่างนี้คงชอบพอพี่ใหญ่ของข้าใช่หรือไม่” เสี่ยวหลงตั้งใจจะเย้าแหย่ให้นางได้อาย แต่แทนที่นางจะอายพี่ใหญ่กลับร้อนตัวแทนเสียนี่



“อย่าพูดเหลวไหล เสี่ยวหลง นางเพิ่งพบข้าครั้งแรกจะชอบพอข้าได้อย่างไร”



“ถูกของเขาแล้วล่ะคะ ข้าในตอนนี้ยอมรับว่าถูกใจท่านไม่มากก็น้อย” เสวี่ยหมิงผงะไม่ทราบว่าจะทำสีหน้าเช่นไร เด็กสาวนี่พูดจาได้หมิ่นเหม่ยิ่งนัก เกิดมาเขาไม่เคยถูกสตรีที่ไหนพูดจาด้วยเช่นนี้มาก่อน



ในทางกลับกันเสี่ยวหลงยิ่งรู้สึกว่าเด็กสาวนี้ช่างกล้านัก ถึงกับพูดจาเกี้ยวพาราสีพี่ใหญ่ของมันซึ่งๆหน้า มันยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด ยิ่งพี่ใหญ่แสดงสีหน้าขวยเขินกระดากอายนิดๆมันยิ่งเกิดความหวงแหนขึ้นมาอีกขั้น เสี่ยวหลงทำเสียงจิ๊จ๊ะในปากตั้งใจว่าจะประกาศความเป็นเจ้าของทั้งที่มันเองก็ยังไม่ใช่



“ถูกใจนะได้อยู่ แต่หากอยากได้มาเป็นเจ้าของเห็นจะไม่ได้ เพราะพี่ใหญ่เป็นของข้าผู้นี้แล้วนะจะบอกให้”



เสี่ยวหลงประกาศพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้เด็กสาว เสวี่ยหมิงอับอายอย่างยิ่งยวด ไม่คาดว่ามันจะกล่าวไร้สาระถึงเพียงนี้ ดังนั้นจึงลงไม้ลงมือด้วยการบิดหูเจ้าตัวแสบอย่างไม่ออมมือ



“อย่าเข้าใจผิดนะแม่นาง น้องชายของข้าพูดเหลวไหล เช่นนี้จนเคยตัว”



“เหลวไหลอันใด เราสองคนนอนกอดกันทุกคืน ผิดผีกันถึงขนาดนี้ข้ายังแต่งงานกับใครได้อีก”

ตอนนี้เองที่เด็กสาวเอามือปิดปากใบหน้าที่สวยงามบ่งชัดว่าประหลาดใจและสนอกสนใจในขณะเดียวกัน



“ได้ยินมาจากบิดาเหมือนกันว่ามีบุรุษไม่น้อยที่รักใคร่ชอบพอกัน ข้าเพิ่งได้เห็นก็วันนี้”



“ใช่แล้วๆ พี่ใหญ่กับข้าเราสองคน.....โอ้ย...พี่ใหญ่อย่าลงมือหนักนักซี้...”



เสวี่ยหมิงไม่เห็นว่าตนลงมือหนักที่ตรงไหน แค่ทุบตีให้หยุดพูดไร้สาระนิดหน่อย หากเด็กน้อยนี่ยังไม่หยุดพ่นพิษออกจากปากสุนัขเห็นทีว่าจะต้องเอาจริง เมื่อเสี่ยวหลงหยุดวาจาได้เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องเสียใหม่ ยังมีเรื่องที่ยังติดใจเกี่ยวกับเด็กสาวผู้นี้อยู่



“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลยนะแม่นางเจ้าไปทำอะไรมาถึงได้ถูกตามล่า”



“เรื่องนั้น”



อาการครุ่นคิดชั่วเสี้ยวไม่หลุดไปจากสายตาของเสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลง สำหรับกับเสี่ยวหลงที่ชั่วชีวิตคอยจับผิดผู้คนมาตลอด มันเริ่มนึกอยากให้พี่ใหญ่สลัดเด็กหญิงนี่โดยเร็วก่อนที่นางจะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้



“หากแม่นางไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร พวกเราขอตัวก่อน คงต้องแยกจากกันตรงนี้”



เสวี่ยหมิงรีบสาวเท้าจากมาโดยมีเสี่ยวหลงที่พึงพอใจจนออกนอกหน้าตามติด ความจริงเขาไม่อยากปล่อยเด็กสาวทิ้งไว้เพียงลำพัง จะว่าเขาใจดำโหดร้ายอย่างไรก็ช่าง แต่แค่เสี่ยวหลงคนเดียวก็เป็นภาระมากพออยู่แล้ว ดังนั้นจึงพยายามไม่มองใบหน้าที่แสดงออกถึงความผิดหวังของเด็กสาวให้นานเกินไป



เป็นเวลาสองชั่วโมงนับจากกล่าวลากับเด็กสาวแปลกหน้า หลังจากเดินทางออกจากป่ามายังทุ่งหญ้าระหว่างทางเริ่มพบผู้คนเดินทางประปรายคาดว่าอีกไม่นานคงใกล้ถึงเมืองหรือหมู่บ้าน



“ชิ นางต้องแอบตามเรามาแน่ๆพี่ใหญ่”



เสวี่ยหมิงไม่หันกลับไปมอง แต่จากเสียงฝีเท้าที่ตามหลังมา ถึงจะเว้นระยะห่างแต่แน่ใจว่าตามติดมาอย่างไม่ลดละ เกี่ยวกับเรื่องนี้เสี่ยวหลงดูจะไม่ชอบใจเอามากๆมันเดาะลิ้นเสียงจิ๊จ๊ะหลายต่อหลายครั้ง



“เฮ้แม่นาง เจ้าไม่ต้องหลบก็ได้นะพวกเรารู้แล้วว่าเจ้าตามเรามา”



 ช่างน่าตายนัก เสวี่ยหมิงไม่ต้องการให้เสี่ยวหลงเอ่ยเรียกนาง นางจะมีปฏิกิริยาเช่นไรนะ ด้วยความอยากรู้เขาจึงหันไปมอง เด็กสาวแปลกหน้าตอนนี้แสร้งทำเป็นเด็ดดอกหญ้าข้างทาง เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่านางตามเขามาเพราะเหตุใด กระนั้นกลับไม่ได้ขับไล่ ได้แต่ถอนหายใจหนักๆแล้วสาวเท้าเดินหน้าต่อไป



“นี่เจ้าเลิกตามเราได้แล้วนะแม่ตัวดี เจ้าชอบพี่ใหญ่มากนักหรือไง” เสี่ยวหลงยังหันไปตะโฏนถามระหว่างออกเดิน เสวี่ยหมิงจำต้องทุบตีที่หัวของมันเบาๆเป็นการตักเตือน



“เจ็บนะพี่ใหญ่”



“เจ็บสิดี หากไม่เจ็บเจ้าคงไม่เลิกยุ่งกับนางใช่หรือไม่ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเจ้าถึงได้ตั้งท่าเป็นศัตรูกับนางนัก”



“ก็ข้ากลัวพี่ใหญ่สนใจนางมากกว่าข้านี่นา”



 นั่นเป็นเพียงความรู้สึกส่วนหนึ่งที่กระตุ้นเร้ามันเท่านั้น อีกส่วนคือมันคาดว่านางจะนำเรื่องเดือดร้อนไม่ทางใดทางหนึ่งมาให้พี่ใหญ่ของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ใหญ่เป็นคนใจดีและขี้สงสาร การที่พี่ใหญ่ยอมรับมามันมาดูแลเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจน หากมันไม่ลงมือจัดการกับนางไม่นานนักเด็กหญิงนี่คงมาเกาะติดกับพี่ใหญ่ของมันประหนึ่งเห็บตัวหนึ่ง



“อีกอย่างนางไม่น่าไว้ใจ พี่ใหญ่ไม่รู้สึกหรือ”



แน่นอนว่าเขาเองก็รู้สึก แต่เวลานี้ไม่อาจสลัดคำพูดของเสี่ยวหลงออกจากห้วงความคิดได้ เด็กน้อยนี่ยึดติดต่อเขามากถึงเพียงนี้เชียวรึ กี่ครั้งแล้วนะที่เขาคันยุบยิบในหัวใจเพราะเด็กน้อยนี่



“นางก็เดินทางของนาง เราก็เดินทางของเรา อย่าได้สนใจเลย”



“แต่ถ้าหากนางตามเรามาไม่เลิกล่ะพี่ใหญ่ ข้าว่าไปพูดกับนางให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า”



“เสี่ยวหลง หากว่าเจ้ายังไม่เชื่อฟังพี่ใหญ่อีก ข้าจะถือว่าเจ้าไม่อยากเดินทางร่วมกับข้านะ”



ได้ผลเขาหยุดความคันไม้คันมือของเสี่ยวหลงได้อย่างไม่มีที่ติ เด็กน้อยหยุดโวยวาย แต่ยังไม่ยอมเลิกหันไปมองเด็กสาวที่แอบตามมาเป็นระยะๆ อย่างน้อยก็ทำให้เสี่ยวหลงเลิกหาเรื่องคนอื่นหรือพูดจาผล่อยๆได้ เสวี่ยหมิงถึงจะยังไม่บรรลุจุดประสงค์แต่ก็นับว่าทำได้ดี เสี่ยวหลงสงบปากไม่นานก็เริ่มต้นพูดไร้สาระอีกระลอกหนึ่ง ดีแล้วที่เด็กน้อยลืมเรื่องเด็กสาวไปได้



เวลาบ่ายแก่ๆ ในที่สุดก็พบกับโรงเตี๊ยมเล็กๆ เสวี่ยหมิงเห็นว่าควรจะพักเสียหน่อยก่อนออกเดินทางต่อ เขาเดินนำเสี่ยวหลงไปนั่งลงบนเก้าอี้และโต๊ะที่จัดวางไว้ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหาร



“บะหมี่ สองชามแล้วก็ไก่ย่างอีกหนึ่งตัว เอ่อนี่เสี่ยวเอ้ออีกนานไหมกว่าจะถึงเมือง” เสวี่ยหมิงถาม



“อีกไม่ไกลขอรับเดินทางอีกวันสองวันก็ถึงเมืองเหวยกังแล้ว”



เมื่อไม่มีอะไรที่อยากทราบแล้วเสวี่ยหมิงก็ปล่อยให้เสี่ยวเอ้อไปทำงาน ไม่นานนักอาหารก็มาถึงที่โต๊ะ เสี่ยวหลงจ้องเชม็งไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก เสวี่ยหมิงพบว่าเด็กสาวที่ตามเขามาตลอดทางนั่งอยู่ที่ตรงนั้น



“พี่ใหญ่คิดว่านางจะตามเราไปจนถึงเมื่อไหร่”

เสวี่ยหมิงได้แต่ถอนหายใจ



“หากนางอยากตามก็ให้นางตาม เราก็ทำเรื่องของเราไปใยต้องสนใจนางนัก”



เสี่ยวหลงท่าทางคับข้องใจแต่ก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าไปอย่างเงียบๆ มันคาดว่าเด็กหญิงนี่ต้องนำพาโชคร้ายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วก็คาดไม่ผิด มีกลุ่มคนจำนวนเก้าคนอาวุธครบมือควบม้ามาจากทางทิตใต้จนฝุ่นตลบ หากเดาไม่ผิดคงมาตามเด็กหญิงนี่อีกกระมัง



“ตามเรากลับไปเสียดีดีคุณหนู” เมื่อลงจากหลังม้าครบทุกคน ชายซึ่งเป็นหัวหน้าก็ประกาศเจตนา มันย่างสามขุมตรงเข้าหาเด็กสาว ทว่านางกลับวิ่งโผเข้ามาหลบหลังของเสวี่ยหมิง



“พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย” เด็กสาวแอบอ้างเรียกเขาเป็นพี่ใหญ่ ตามจริงจะทำนิ่งเฉยไปก็ได้ ทว่า...



“เฮ้ยแกใช่ไหมที่ทำร้ายคนของเรา”



เสวี่ยหมิงจะทำนิ่งเฉยก็ไม่ได้ เพราะหนึ่งในคนที่มาด้วยคือคนในกลุ่มที่เขาขับไล่ไปเพื่อเด็กสาวไม่ผิด ยิ่งพวกเดียวกันยืนยันว่าเขาเป็นศัตรู พวกมันก็พากันมาห้อมล้อมเขากับเสี่ยวหลง



“พี่ใหญ่ให้ข้าจัดการเถอะ” เสี่ยวหลงขานอาสา



“ระวังตัวด้วยล่ะ” จากการประมือกันคราวก่อนเสวี่ยหมิงคาดเดาว่าฝีมือของพวกมันอ่อนด้อยกว่าเสี่ยวหลงหลายขั้นดังนั้นจึงกล้าปล่อยให้เด็กน้อยไปต่อยตีแทนที่จะลงมือเอง



“บอกมาตามตรงเจ้าตามพวกเรามาทำไม” ขณะที่เสี่ยวหลงจัดการกับพวกอันธพาลทีละคนเสวี่ยหมิงก็คาดคั้นเอาความจริงจากเด็กสาว นางไม่เพียงมาหวาดกลัวต่อสายตาของเขายังกล้ายื่นข้อเสนอว่าจ้างตามใจชอบ



“ข้าเห็นว่าท่านหน่วยก้านดี ก็เลยจะว่าจ้างท่านพาข้าไปส่งที่เมืองเหวยกัง ไม่คาดว่าท่านนอกจากจะไม่ฟังข้าก่อนยังทิ้งข้าไว้ ข้าตัวคนเดียวมีทางอื่นให้เลือกนอกจากเดินตามท่านมาเพราะคิดว่าปลอดภัยด้วยหรือ”



เสวี่ยหมิงนิ่งเงียบ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดีกับเด็กสาว การนิ่งเงียบของเขาคงไปกระตุ้นให้นางเกิดความลนลาน นางรีบหยิบตั๋วเงินจำนวนมากออกมาให้แก่เขา



“เอานี่ ตั๋วเงินจำนวนนี้น่าจะพอแก่ค่าจ้างท่านนะ”



“......”



“นี่...ท่านจะไม่สนใจข้าเลยหรือ ท่านเอาแต่นิ่งเฉยแบบนี้มันทำให้ข้ากลัวนะ”



ในที่สุดเสวี่ยหมิงก็ถอนหายใจออกมา ไม่รู้นะว่านางไปทำอะไรให้ถูกตามล่า จะปล่อยทิ้งไว้ก็ได้ แต่นางก็คงจะตามเขามาอีก สู้รับว่าจ้างนางแล้วไปส่งตามที่นางต้องการเรื่องคงจะจบลงง่ายๆ



“เข้าใจล่ะ ข้าตกลงรับงาน”



“จริงนะ” เด็กสาวมีท่าทางดีใจจนออกนอกหน้า แต่เสี่ยวหลงนี่สิ หลังจากจัดการกับพวกศัตรูจนล่าถอยไปหมด เด็กน้อยก็บ่นอุบอิบไม่หยุดหาว่าเขาตัดสินใจโดยพละการ



“พี่ใหญ่ไม่ถามข้าก่อนที่จะตัดสินใจ พี่ใหญ่รับงานนางทั้งที่ไม่รู้จักชื่อแซ่นางเลยด้วยซ้ำ”



“ข้าชื่ออู่เม่ยเหนียง” อู่เม่ยเหนียงบอกล่าวนามก่อนจะตรงเข้ามาเกาะแขนเสวี่ยหมิงอย่างถือวิสาสะ



“พี่ใหญ่ช่วยบอกนามให้ข้ารู้หน่อยสิคะ”



พี่ใหญ่ของมันตกใจเล็กน้อยที่ถูกถึงเนื้อถึงตัว เด็กหญิงนี่ช่างฉอเลาะนัก ขณะพยายามออเซาะพี่ใหญ่ก็ส่งสายตาประหนึ่งล้อเลียนมาที่เขา เฮอะคิดหรือว่าคนอย่างมันจะยอมแพ้ เสี่ยวหลงรี่เข้าไปเกาะแขนข้างที่เหลืออย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ



“พี่ใหญ่ของข้ามีนามอันไพเราะว่าเสวี่ยหมิง ส่วนข้านามว่าเสี่ยวหลง เจ้ารู้แล้วก็ปล่อยมือจากแขนพี่ใหญ่ได้”



“แต่ข้ากลัวนี่แถวนี้มันเปลี่ยวๆให้ข้าเดินเกาะแขนพี่ใหญ่เถอะนะคะ” อู่เม่ยเหนียงส่งสายตาวอนขอมา



“เฮอะอย่ามารยานักเลยเม่ยเหนียง นี่กลางวันแท้ๆเจ้าหาข้ออ้างลวนลามพี่ใหญ่ใช่หรือไม่”



“เจ้าพูดอะไร พี่ใหญ่มีข้าเกาะแขนย่อมดีกว่าเพศเดียวกันอย่างเจ้ามาออเซาะแน่นอน....ข้ากลัวจริงๆนะคะพี่ใหญ่”



ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ทั้งสองคนใช้เวลาโต้เถียงกัน ถึงแม้ว่าเสวี่ยหมิงจะสลัดทั้งสองออกแล้วปลีกตัวออกมา เด็กน้อยทั้งสองต่างก็ยังไม่ลดละแก่กันง่ายๆ เหนื่อยใจเสียเหลือเกิน เสวี่ยหมิงถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


มาดึกเลย55555 เพิ่งว่างแต่งตอนนี้เอง



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-03-2017 22:37:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-03-2017 22:43:43
ก็แย่ละ อู่เม่ยเหนียง ดูท่าประทับใจเสวี่ยหมิง
เสี่ยวหลง จะทำยังไงถึงสลัดหลุดละเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 02-03-2017 23:02:03
อ๊ายยย :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 02-03-2017 23:13:46
ต่อไปอู่เม่ยเหนียงจะกลายเป็นบูเช็คเทียนอิอิอิ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-03-2017 00:05:26
สงสารเสวี่ยหมิง ต้องทนปวดหูกับเด็กน้อยสองคน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 03-03-2017 04:50:46
อ่านแฃ้วติดพันมากกกเงื่อนงำเยอะเหลือเกินเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 03-03-2017 06:12:12
เพิ่งรู้ว่าเสี่ยวหลงก็ปากร้ายใช่ย่อยเหมือนกันนะเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่16 p6 2/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 03-03-2017 12:28:21
แหม......แม่เหนียงช่างกล้านะยะหล่อน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 03-03-2017 12:48:49
ตอนที่17



ในที่สุดค่ำคืนก็มาเยือน หลังจากหาที่พักเหมาะๆกับก่อกองไฟเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสามคนก็นั่งล้อมวงรอบกองไฟเสี่ยวหลงยังคงเป็นเสี่ยวหลง เด็กน้อยไม่ยอมหลับนอนง่ายๆชวนเขาคุยเรื่องนี่นั้นไปเรื่อยเปื่อย ปกติก็วุ่นวายมากอยู่แล้วตอนนี้กลับมีอู่เม่ยเหนียงร่วมวงด้วยยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวครึกครื้นจนเกินความจำเป็น



“พี่ใหญ่กับเสี่ยวหลงเป็นพี่น้องกันหรือ ทำไมข้ารู้สึกว่าพวกท่านสองคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย”

ถ้าเป็นคำถามประมาณนี้เสวี่ยหมิงย่อมสามารถตอบได้ ดังนั้นจึงบอกความจริงไปไม่ปิดบัง



“ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ เป็นเด็กน้อยนี่เองที่ต้องการให้ข้าเป็นพี่ของมัน” ตอนนี้เองที่เสี่ยวหลงส่งเสียงประท้วงหงุงหงิง



“พี่ใหญ่อ่า ท่านจะบอกว่าท่านไม่อยากมีข้าเป็นน้องอย่างนั้นหรือ”



ท่าทางกระเง้ากระงอดแสนดัดจริตชวนให้หมั่นไส้ยิ่งนัก เสวี่ยหมิงจะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย เขาอ่อนล้าพอดูที่ต้องรับมือกับสองเด็กน้อยมาทั้งวัน ดังนั้นจึงไม่มีอารมณ์จะแกล้งหยอกเย้าเสียเท่าใด



“เฮ้อ...ข้ามีทางเลือกด้วยหรือ”



“พี่ใหญ่คะ แล้วพี่ใหญ่กับเสี่ยวหลงพบเจอร่วมเดินทางกันด้วยเพราะเหตุใดคะ”



“แหม ก็ต้องเป็นเพราะพี่ใหญ่ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบนะสิ”



เสี่ยวหลงรี่ตีสีใส่ไข่ เม่ยเหนียงทำหน้าพะอืดพะอมบอกชัดว่าไม่เชื่อง่ายๆ ในขณะเดียวกันเสวี่ยหมิงก็ซัดมะเหงกลงกลางกบาลของมันตูมใหญ่ เสี่ยวหลงลูบบริเวณที่ถูกตีพลางแสร้งทำน้ำตาตก



“อย่าได้เชื่อวาจาจากปากสุนัขไม่ เราพบเด็กน้อยนี่ที่เมืองตงถิง ตามจริงเราแค่ให้ซาลาเปาเพียงจำนวนหนึ่ง ไม่คาดว่าเป็นกรรมของข้าเด็กน้อยนี่ตามติดไม่ลดละทำให้ข้าต้องรับผิดชอบรับมาไว้ข้างตัวทั้งยังต้องตามหาบิดาให้มันด้วย”



“พี่ใหญ่อ่า ไม่ใช่เพราะว่าท่านหลงใหลในตัวข้าหรอกหรือ” เสี่ยวหลงจีบปากจีบคอ ดูท่าจะไม่หยุดเหลวไหลง่ายๆ



“โธ่เอ๊ย ที่แท้เจ้าก็ไม่ต่างจากข้า”



เม่ยเหนียงหัวเราะคิกคิก ที่แท้แล้วพี่ชายท่านนี้ก็เป็นพวกใจอ่อนชอบช่วยเหลือนับว่านางเลือกเข้ามาพัวพันได้ถูกคนจริงๆ นอกจากนั้นนางยังถูกใจพี่ชายท่านนี้อย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าเพราะอะไรนางจึงรู้สึกเช่นนี้กับคนแปลกหน้า ไม่สิอาจเป็นเพราะประทับใจในตอนที่ถูกช่วยในครั้งแรก นอกจากนั้นทั้งที่นางถือวิสาสะตามมาอย่างเอาแต่ใจ พี่ใหญ่คนนี้ยังยื่นมือช่วยนางทั้งที่ไม่จำเลยอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้นางจึงเกิดความคิดที่อยากชิดใกล้สนิทสนมกับพี่ใหญ่ให้มากยิ่งขึ้น



ตามจริงแล้วหากว่านางอยากหนีให้พ้นจากปัญหาของนาง นางย่อมต้องหลบหนีทั้งหลบซ่อนตามลำพังให้แนบเนียนที่สุด แต่เพราะเกิดติดใจในตัวพี่ใหญ่ผู้นี้เสียแล้ว นางจึงใช้ตั๋วเงินว่าจ้างหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกันขึ้นอีกนิด ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่นานจะต้องแยกย้ายกันไปคนละทาง



“ย่อมต้องแตกต่างอยู่แล้วเม่ยเหนียง เพราะข้าเป็นผู้เดียวที่ได้นอนก่ายกอดพี่ใหญ่ทุกค่ำคืน” เสี่ยวหลงกล่าววาจาวางโต เนื้อหาคำพูดที่ชวนให้อับอายเช่นนี้เสวี่ยหมิงยอมรับว่าอยากทุบตีมันเสียหลายๆที



“พี่ใหญ่ท่านกับเสี่ยวหลงคบหากันเป็นคู่รักหรือคะ”



ตามจริงแล้วนางหาได้แปลกใจไม่ นับตั้งแต่เล็กจนเติบโตมาถึงขนาดนี้ นางได้ออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ พบผู้คนมาก็มาก แค่บุรุษรักชอบบุรุษด้วยกัน นางเห็นมาหลายคู่จนชาชิน ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกรังเกียจ ทั้งยังเกิดความสนใจในชีวิตรักของเสี่ยวหลงกับพี่ใหญ่



“เฮ้อ...เสียดายที่ยังไม่ใช่เช่นนั้น พี่ใหญ่กับข้าเรายังไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ กล่าวคือมีเพียงข้าคนเดียวที่กระตือรือร้นจะสานสัมพันธ์”



เสี่ยวหลงยักไหล่ นับว่าปากสุนัขยังกล่าวเรื่องเท็จจริงได้ไม่มากก็น้อย เสวี่ยหมิงที่ปากคอสั่นเทาในคราแรกด้วยความอับอาย กลับมากล่าววาจาต่อได้อีกครั้ง



“เด็กน้อยนี่น่าตายนัก ชอบนอนละเมอก่ายกอดข้าจนถึงเช้า เม่ยเหนียงเจ้ามีวิธีแก้ไขบ้างหรือไม่”

เม่ยเหนียงหัวเราะเสียงใส ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสนกล บอกได้เลยว่าเสี่ยวหลงไม่ชอบซักนิด คิดจะเล่นงานมันอย่างนั้นหรืออย่าได้หวังว่ามันจะยอมง่ายๆ



“จับมัดไว้ทั้งคืนดีหรือไม่พี่ใหญ่ สมัยข้ายังเป็นเด็กคนในบ้านข้าก็ชอบละเมอเดิน พวกข้าเลยจับมัดเอาไว้ทั้งคืนมิให้ออกไปปเดินเตร่จนเกิดอันตราย”



“น่าสนใจยิ่ง ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวหลงคืนนี้ลองนอนทั้งถูกมัดเป็นอย่างไร”



 เสวี่ยหมิงยอมรับว่ากำลังล้างแค้นเสี่ยวหลงที่พูดจาเลอะเทอะให้เขาได้อาย นอกจากนั้นยังเกรงว่าเด็กน้อยนี่จะเข้ามาก่ายกอดเขาตลอดคืนจนเช้าให้เม่ยเหนียงดูตำตา หากไม่มีผู้พบเห็นยังทำใจได้ แต่ถ้าต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นเห็นจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้



“พี่ใหญ่ให้ข้ามัดเสี่ยวหลงให้เองเถอะค่ะ” เม่ยเหนียงขานอาสา เสี่ยวหลงฮึ่มแฮ่แสดงท่าทางข่มขู่อย่างโจ่งแจ้ง



“ลองเข้ามาสิ ข้าจะจูบเจ้าเสียให้เข็ด” เสี่ยวหลงถูมือไปมาแล้วหัวเราะฮิฮะ ท่าทางเจ้าชู้ยักษ์แบบนี้ เม่ยเหนียงขยาดเล็กน้อยจนต้องหันไปฟ้องพี่ใหญ่



“พี่ใหญ่เขาคิดลวนลามข้า”



“ถ้าเจ้าไม่เข้ามาเชิญชวนใครจะกล้าลวนลาม” เสี่ยวหลงทำปากจู่แล้วส่งเสียงจุ๊บๆๆ สองมือทำท่าขยำขยี้คล้ายตาเฒ่าลามกก็ไม่ปาน แน่จริงก็เข้ามาสิข้าจะลงโทษเสียให้หนำใจไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งพี่ใหญ่ของมันอย่างแน่นอน



“เสี่ยวหลงอยู่นิ่งๆนะห้ามขยับ” คำประกาศิตจากพี่ใหญ่ทำให้มันไม่กล้าขัดขืน แน่ล่ะมันไม่อยากขัดใจพี่ใหญ่ของมัน ดังนั้นจึงได้แต่เข้นเขี้ยวมองดูให้เด็กหญิงจับมันมัดเป็นบ๊ะจ่าง เอาเถอะอย่างน้อยตอนนี้มันก็ถูกจัดวางให้นอนเคียงข้างพี่ใหญ่



“พี่ใหญ่โหดร้าย” มันแสร้งทำกระซิกกระซิก ทว่าพี่ใหญ่กับเม่ยเหนียงหาได้สนใจมันไม่ ทั้งสองต่างพากันเข้านอน เสี่ยวหลงนอนตาโพลงรอคอยให้คนทั้งคู่หลับลึก จึงเริ่มต้นวางแผนการ



คิดหรือว่าเชือกแค่นี้พันธนาการมันเอาไว้ได้ เสี่ยวหลงแค่ใช้ลูกไม้เล็กน้อยก็สามารถแก้เชือกที่เม่ยเหนียงมัดได้จนหมด ทว่าครานี้มันจะแสร้งทำเป็นแก้ไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากพี่ใหญ่ ดูสิว่าคนใจร้ายจะทนต่อลูกอ้อนของมันไหวหรือไม่



เสวี่ยหมิงลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่าเสี่ยวหลงนอนขดอิงแอบเขาทั้งที่ถูกมัดอย่างน่าสงสาร ดูจากคิ้วที่ขมวดเข้าหากันทั้งที่ยังหลับคาดว่าคงผ่านค่ำคืนมาอันทรมานไม่มากก็น้อย



เสวี่ยหมิงไล่มองไปตามจุดที่ถูกมัดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาพบว่าข้อมือของเสี่ยวหลงมีรอยช้ำจากการมัด เม่ยเหนียงคงรัดเชือกแน่นไปหน่อยกระมัง เกิดเป็นรอยแผลเช่นนี้ คิดแล้วก็สงสารทั้งยังรู้สึกผิด ดังนั้นจึงรีบแก้มัดให้เสี่ยวหลงอย่างเบามือ



“พี่ใหญ่ใจร้าย” ระหว่างที่แก้มัดเสี่ยวหลงก็ละเมอตัดพ้อเขา ยิ่งตอกย้ำให้เสวี่ยหมิงรู้สึกผิดมากขึ้น



“พี่ใหญ่ขอโทษนะเสี่ยวหลง” เสวี่ยหมิงกระซิบเสียงแผ่ว พอแก้มัดออกหมด ก็ใช้มือลูบหัวเด็กน้อยเบาก่อนกล่าววาจาอ่อนโยนปลุกให้มันตื่นขึ้นจากการหลับไหล



“เสี่ยวหลงตื่นเถิด เช้าแล้ว”



“พี่ใหญ่....” เสี่ยวหลงตื่นจนได้ เด็กน้อยยิ้มหวานให้เขาทั้งสะลึมสะลือ



“เอ๊ะ...พี่ใหญ่แก้มัดข้าแล้วรึ” เสี่ยวหลงทำหน้างงงันแต่ไม่นานนักก็ยิ้มกว้างออกมา ท่าทางไม่ถือโทษโกรธแม้เพียงนิด นอกจากจะทั้งน่ารักน่าสงสารยังทำให้เสวี่ยหมิงนึกไม่ให้อภัยตัวเองขึ้นมา



“เสี่ยวหลงพี่ใหญ่ทำเกินไปหน่อย เจ้าอย่าได้ถือโทษโกรธพี่เลยนะ”



“ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่คงรำคาญที่ข้าละเมอกอดท่านอยู่ทุกค่ำคืนข้าไม่โทษท่านหรอก”

 เสี่ยวหลงไม่เพียงไม่โกรธเท่านั้นแต่ยังแสดงออกถึงความเข้าอกเข้าใจ นั่นยิ่งทำให้เสวี่ยหมิงย่ำแย่ หากเด็กน้อยนี่ตัดพ้อมาซักนิดเขาคงจะรู้สึกดีกว่านี้มาก



“พี่ใหญ่ท่านลูบหัวข้าที่สิ คืนนี้ทั้งคืนข้ารู้สึกหวาดกลัวมาก ท่านช่วยปลอบขวัญข้าทีนะ” เสี่ยวหลงยื่นศีรษะกลมทุยมายังเบื้องหน้าทั้งยังหลับตาพริ้ม เสวี่ยหมิงหากว่าทำให้มันดีใจได้บ้างก็ไม่คิดที่จะขัดใจ



เสวี่ยหมิงลูบมือลงไปบนศีรษะของเสี่ยวหลงแผ่วเบา เด็กน้อยหลับตาดื่มด่ำไปกับฝ่ามือของเขา ไม่นานนักเขาก็อดใจไม่ได้ที่จะไล้มือไปยังแก้มนิ่มของเสี่ยวหลง เด็กน้อยคลอเคลียมือของเขาด้วยการถูไถใบหน้าไปมากับมือเบาๆทั้งยังเอนหน้าซบลงบนฝ่ามือส่งสายตาหวานซึ้งกินใจมาให้



เหตุใดจึงมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้นะ ทันทีที่คิดเช่นนั้นหัวใจของเสวี่ยหมิงก็กระตุกสั่น ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ การที่เขาเป็นเช่นนี้มิใช่เกิดความรู้สึกบางอย่างต่อเด็กน้อยนี่หรอกหรือ



ทั้งๆที่กังวลต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน แต่ร่างกายเจ้ากรรมกับไม่ฟังความคิด มือของเขายังคงลูบไล้แก้มนิ่มของเสี่ยวหลงอยู่เช่นเดิม จิตใจเผลอไผลไปกับรอยยิ้มยั่วยวนของเด็กน้อยจนไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก



กระนั้นใช่ว่าจะเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้นาน เมื่อเม่ยเหนียงพลิกตัวเล็กน้อยและมีทีท่าว่าจะตื่น เสวี่ยหมิงก็ผละมือออกแทบไม่ทัน เสี่ยวหลงได้แต่บิดปากอย่างเสียดาย มันกำลังรุกคืบเข้าหาพี่ใหญ่อยู่แท้ๆ ดันมีตัวมารมาขัดความสุขเสียได้



“พวกท่านตื่นกันแล้วหรือ” เม่ยเหนียงบิดขี้เกียจไปมา นางช่างกระฉับกระเฉงนักเมื่อตาสว่างก็ลุกขึ้นจัดแจงอาสาไปหาฟื้นมาหุงหาอาหารแทบจะในทันที



“ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวหลงไปเป็นเพื่อนเม่ยเหนียงนะ ข้าจะไปหาปลาที่แม่น้ำใกล้ๆนี่”



หลังจากจัดแจงหน้าที่กันเรียบร้อย พวกเขาก็พากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ เสวี่ยหมิงยังไม่อาจสลัดภาพรอยยิ้มของเสี่ยวหลงไปจากใจได้ เหตุใดเจ้าถึงได้ยิ้มยั่วยวนกวนราคะข้าถึงเพียงนั้นนะเจ้าเด็กบ้า



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



เฉลยเกี่ยวกับเม่ยเหนียงนิดหน่อย 5555555



ชื่อนาง555555 เราดูบูเซ็คเทียนแล้วชอบชื่อนี้ อย่าล้อมากนะอายยยย 55555



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-03-2017 12:57:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 03-03-2017 14:10:53
เสี่ยวหลงนี่มารยาเยอะจิงๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 03-03-2017 14:13:27
 :z2: เม่ยเหนียงแน่ใจแล้วรึที่จะมาสู้กับหลงน้อย(?)  :hao7: มารยาหญิงกับมารยาชาย(!?) อะไรจะเหนือกว่า???  :laugh:  o17
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 03-03-2017 14:57:11
หลงๆเอ็งแรดยกกำลัง10เล๊ยยยย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-03-2017 16:15:19
มาต่ออย่างไวเลยทันใจมาก
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-03-2017 18:20:33
เสี่ยวหลง เสวี่ยหมิง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 03-03-2017 19:15:22
เสวี่ยหมิงเริ่มหวั่นไหวแล้ววว :katai5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 03-03-2017 20:31:09
เป็นกำลังใจให้ยุแล้วคัฟ สู้ๆนะคัฟ รออ่านตอนต่อไปยุนะคัฟ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 03-03-2017 20:44:44
เสี่ยวหลงงงงง มารยาจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 04-03-2017 17:27:51
มายานี้..ตาเฒ่าจูก็สอนเจ้าด้วยหรือเสี่ยวหลง ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่17 p7 3/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-03-2017 17:42:53
นี่ ๆ ๆ เสี่ยวหลง "กวนราคะ" ล่ะ ไม่ใช่ "กวนประสาท"
ว้าย ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 05-03-2017 15:14:23
ตอนที่18



หลังจากพี่ใหญ่ของมันใช้ให้มาช่วยอู่เม่ยเหนียงเก็บฟื้นมาทำเชื้อเพลิง มันกับเด็กหญิงก็พากันเดินหาทิ้งระยะห่างจากพี่ใหญ่ของมันมาไกลโข ระหว่างที่ช่วยกันหาสิ่งที่ต้องการอยู่นั้นจู่ๆอู่เม่ยเหนียงก็เปิดบทสนทนาหลังจากต่างคนต่างเงียบอยู่นาน



“เจ้าชอบพี่ใหญ่หรือเสี่ยวหลง”



“แน่นอน” มันตอบไปตามตรงไม่ได้คิดจะปิดบังแต่อย่างใด



“ก็น่าจะมีหวังอยู่หรอก พี่ใหญ่เองก็ดูมีใจให้เจ้าอยู่นะ”



“เมื่อเช้าเจ้าตื่นอยู่สินะ” สิ่งที่มันคาดไว้ไม่ผิด เม่ยเหนียงเผยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบาย



“ข้าเองก็นอนอยู่ไม่ไกล นอกจากเจ้ากับพี่ใหญ่จะสนทนาเสียงดัง บรรยากาศร้อนระอุยังประทุจนข้าทนนอนแทบไม่ไหว”



 เม่ยเหนียงหัวเราะคิกๆ การที่นางไม่แสดงที่ท่ารังเกียจหรือไม่พอใจ เสี่ยวหลงอนุมาณเอาว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้คิดแย่งชิงพี่ใหญ่กับมัน นับว่าเด็กหญิงนี้ทำถูกต้องแล้ว คนอย่างมันมีหรือจะยอมให้คู่แข่งมาลอยหน้าลอยตาแม้แต่จะเป็นสตรีก็ตาม



“ถ้าเจ้าสมหวังก็ดีนะ”



เม่ยเหนียงกล่าวขณะก้มลงเก็บกิ่งไม้แห่ง เสี่ยวหลงไม่คาดว่าจะได้รับคำอวยพรจากเด็กหญิงที่เพิ่งพบกันแค่ไม่กี่วัน กระนั้นมันรู้สึกชอบรอยยิ้มปราศจากการปั้นแต่งยามกล่าวคำนั้นออกมา



โอ....ถ้าเป็นแผนการก็นับว่าเด็กหญิงนี่เล่นละครได้ถูกบท มันยอมรับว่ารู้สึกดีกับนางมากขึ้น แต่ใช่ว่าจะไม่ระแวงที่มาที่ไปของนาง ไม่ว่าจะเป็นการโผล่มาอย่างกะทันหันก็ดี การตามติดอย่างหน้าด้านก็ดี ล้วนเป็นเรื่องราวที่ไม่ปกติธรรมดา



 เฮอะ ก็หวังว่าเจ้าจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเราพี่น้องมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน



หลังจากนั้นต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เม่ยเหนียงรู้สึกได้โดยสัญชาติญาณว่าเสี่ยวหลงไม่ชอบนางอาจจะเพราะว่าเกรงนางจะแย่งความรักไปจากพี่ใหญ่ นอกจากนั้นนางเข้าใจดีการปรากฏตัวแบบมีพิรุธของตนเองใครๆก็คงไม่ไว้ใจ มีแต่พี่ใหญ่เสวี่ยหมิงนี่แหละที่ยอมรับสภาพของนางง่ายๆ ข้อนี้ทำให้นางประทับใจอย่างยิ่ง



เมื่อเสี่ยวหลงและเม่ยเหนียงกลับมาพร้อมฟืน เสวี่ยหมิงที่มีทั้งปลาและกระต่ายก็ทำการจุดไฟเพื่อปรุงอาหารก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งในตอนที่รับประทานมื้อเช้าจนอิ่มหนำกันทุกคนแล้ว



การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เสวี่ยหมิงนำพาเด็กน้อยทั้งสองข้ามทุ่งหญ้ามาจนถึงสถานที่หนึ่ง ที่นั่นมีแปลงผักสวนดอกไม้และบ้านหลังเล็กๆอยู่ไม่ห่างไปนัก



“ว้าวดอกไม้สวยเหลือเกินค่ะพี่ใหญ่” เม่ยเหนียงชี้ชวนให้เขาดู นางไม่รอช้าเกี่ยวแขนลากเขาไปดูใกล้ๆ



“เหมาะกับข้าไหมคะ” เม่ยเหนียงเด็ดดอกไม้มาทัดหูตามใจชอบ ดอกไม้กับอิสตรีเป็นของคู่กันโดยเฉพาะกับเม่ยเหนียงที่มีความงามโดดเด่นยิ่งส่งเสริมรูปโฉมนางให้ดูกระจ่างตากว่าเดิม



“พี่ใหญ่ๆ เหมาะกับข้าไหม”



เสี่ยวหลงเลียนแบบเม่ยเหนียงแทบจะในทันที ดูก็รู้แล้วว่ากำลังล้อเลียนเม่ยเหนียงและเรียกร้องความสนใจจากเขา ยิ่งมันบิดตัวไปมาแสดงท่าทางเขินอายยามที่เขาปรายตาไปมอง กับเม่ยเหนียงที่ชัดแจ้งว่าตนถูกล้อเลียนนางถึงกับขยี้เท้าไปมาแล้วเบ้ปาก แต่เขานี่สิคาดไม่ถึงจริงๆที่แอบคิดว่าท่าทางอันเต็มไปด้วยจริตจะก้านนี่ช่างน่ารักเหลือเกิน

       

        “ใช่เจ้าน่ารักมาก”



เผลอกล่าวชมออกไปตามใจคิด ตอนนี้เองที่เม่ยเหนียงดวงตาเบิกกว้าง นางทำสีหน้าเอือมระอา ที่นางทำเช่นนั้นเพราะเสี่ยวหลงยิ้มกว้างตรงเข้ามาออดอ้อนออเซาะด้วยการกอดแขนแล้วถูไถใบหน้าลงมาบนแขนของเขา



“พี่ใหญ่ไม่ได้เอ่ยนามซักนิดอย่าได้หลงตัวว่าพี่ใหญ่ชมเจ้า”



 เม่ยเหนียงเท้าเอวไม่ยอมแพ้ นางไม่ยอมแพ้เสี่ยวหลงเรื่องความงามอย่างเด็ดขาด ยิ่งเสี่ยวหลงทำสีหน้าเหนือกว่าทั้งยังแลบลิ้นปริ้นตา นางพลันรู้สึกเหมือนมีกองรบลั่นอยู่ในใจ



“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้ชมเสี่ยวหลงใช่หรือไม่ ท่านชมข้าสินะ”



ถูกเม่ยเหนียงเขย่าแขนไปมา เสวี่ยหมิงคิดว่าตนทำในสิ่งที่ผิดผลาดมากไปเสียแล้ว ได้แต่ยิ้มแห้งๆอยู่ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุระหว่างเสี่ยวหลงและเม่ยเหนียง



ขณะที่อยู่ในช่วงวิกฤตินั้นเอง ตรงหน้าเขาพบชายสามคนกำลังฉุดลากเด็กสาวชาวบ้านมาตามทาง เด็กสาวผู้นั้นพอเห็นเขาก็ขอร้องให้ช่วยทั้งน้ำตานองหน้า



“คุณชายช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”



“อย่าเข้ามายุ่งนะ เจ้าคนแปลกหน้า เด็กสาวนี่เป็นของท่านเหลยเฟิง มือขวาของรักษาการณ์พรรคมังกรพิโรธหลงเยี่ยอิ่ง อย่าเข้ามาสอดจะดีกว่าถ้าไม่อยากมีปัญหากับพรรคมังกรพิโรธอันยิ่งใหญ่”



เสวี่ยหมิงขมวดคิ้วเข้าหากัน หลงเยี่ยอิ่งนี่คือศิษย์พี่รองไม่ผิด คราวก่อนที่มีเรื่องกับเยิ่นเสียนฉีก็เป็นคนของศิษย์พี่รอง ครานี้คนพวกนี้ก็เป็นคนของศิษย์พี่รองเช่นเดียวกัน



ใจหนึ่งไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้ตัวตนเปิดเผยสร้างความบาดหมางกับศิษย์อาจารย์เดียวกัน แต่เห็นเด็กสาวร่ำไห้น้ำตาเป็นสายทำให้เขาไม่อาจทนดูดายได้



“นางเหมือนไม่เต็มใจไปกับท่าน แน่ใจหรือว่านางเป็นคนของท่านเหลยเฟิง” เสวี่ยหมิงถาม



“เพ้ย เจ้าอย่าได้สอดนางผู้นี้ติดหนี้นายท่านของเรา ย่อมต้องตามไปเป็นวัวใช้จนกว่าจะหมดหนี้”

หนึ่งในสามลูกน้องของเหลยเฟิงขู่ตะคอก ตอนนี้พวกมันมองมาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร พร้อมจะต่อยตีกับเสวี่ยหมิงได้ทุกเมื่อ



“ไม่จริงเลยเจ้าค่ะคุณชาย คนพวกนี้ฉุดคร่าหญิงสาวมากมายไปจากบ้านเพื่อนำไปให้คนชั่วเหลยเฟิง คุณชายช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”



“หุบปากนางแพศยา” กล่าวจบหนึ่งในชายทั้งสามก็ตบหน้าเด็กสาวเคราะห์ร้ายฉาดใหญ่ ไม่คาดว่าคนที่ขยับไปก่อนเขาจะกลายเป็นอู่เม่ยเหนียง นางกระโจนเข้าไปต่อยตีกับชายสามคนอย่างไม่กลัวเกรง



“นางก็มีฝีมือเหมือนกันนะพี่ใหญ่” เสี่ยวหลงเอ่ยชม เนื่องจากว่าถึงแม้จะสามรุมหนึ่งแต่เม่ยเหนียงก็หาได้เพลี่ยงพล้ำไม่



“ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาอีก รีบไปช่วยเม่ยเหนี่ยงจัดการสิ”



 ต้องรอให้กระตุ้นเร้าเสี่ยวหลงถึงจะยอมลงมือตามจริงมันแค่แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ทว่าภายในที่นี้คงไม่มีใครอยากรู้เรื่องของเหลยเฟิงมือขวาของหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมไปมากกว่ามันอีกแล้ว มันช่างน่าบัดซบนัก ตอนนี้มันได้แต่ต้องอยู่เฉยปล่อยให้ผู้อื่นแอบอ้างชื่อของมันไปทำเรื่องที่ไม่เห็นชอบมากมายเยี่ยงนี้



“พวกแกอย่าคิดนะว่า ว่าเรื่องมันจะจบลงง่ายๆ” พวกมันล่าถอยพร้อมกับฝากรอยแค้นหลังจากที่ถูกเสี่ยวหลงและเม่ยเหนียงจัดการจนราบคาบ



“อย่ากลับมาอีกนะไอ้พวกสวะ”



ท่าทางดุดันด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวของเม่ยเหนียงไม่คลาดจากสายตาของเสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลง ทั้งคู่ครุ่นคิดว่าเหตุใดนางจึงมีความรู้สึกร่วมกับการถูกรังแกของเด็กสาวแปลกหน้าถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้มีคุณธรรมล้ำลึกถึงขั้นนั้นเชียวหรือ เสวี่ยหมิงคาดว่าเม่ยเหนียงอาจมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก็อาจเป็นได้



“ขอบคุณทุกท่านมากเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไรไปดื่มชาที่บ้านของข้าก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ”



เสวี่ยหมิงรับคำทันที ถ้าเป็นไปได้อยากจะสืบหาตัวตนของศิษย์พี่หลงเยี่ยอิ่งดูซักหน่อย จากเหตุการณ์ครานี้และเหตุการณ์ของเยิ่นเสียนฉี เขาคาดว่าศิษย์พี่ผู้นี้คงมิใช่คนดี ทำให้นึกถึงวาจาของอาจารย์ที่ว่าหลงเยี่ยอิ่งมีนิสัยค่อนไปทางร้ายและเจ้าเล่ห์เจ้ากลมากที่สุดคนหนึ่ง



เมื่อตัดสินใจจะไปตามคำเชิญ เสวี่ยหมิงกับพรรคพวกก็เดินไล่หลังเด็กสาวชาวบ้านไปนางมีชื่อว่าอาเจิน พวกเขาเดินติดอาเจินไปได้ไม่นานนักก็พบว่ามีชายผู้หนึ่งนอนสลบอยู่ที่หน้าบ้าน ลักษณะคล้ายถูกทำร้ายโดยการเอาไม้ฟาดหัวเพราะมีเลือดไหลออกจากที่ตรงนั้นมาจนถึงขมับ



“ท่านพ่อ” อาเจินรีบเข้าไปดูอาการชายผู้นั้น เสวี่ยหมิงไม่รอช้าตรงเข้าไปช้อนอุ้ม



“บ้านของเจ้าคือหลังนี้ใช่หรือไม่”



 อาเจินพยักหน้า เสวี่ยหมิงพาคนเจ็บเข้าไปในบ้านโดยมีอาเจินนำทางไปจนถึงเตียง ถึงแม้มีเรื่องหลายเรื่องที่จะถามแต่ต้องอดใจรอจนกว่าอาเจินจะปฐมพยาบาลผู้เป็นพ่อเสร็จ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยนางก็นำชามาต้อนรับขับสู้พวกเขา



“ต้องขออภัยที่เรามีแต่ชาถูกๆนะเจ้าคะ”



“ไม่เป็นไรหรอกแม่นางเจินชากานี้ก็ชุ่มคอดี” เม่ยเหนียงกล่าวหลังจากจิบชาจนหมดถ้วย เสวี่ยหมิงรออยู่นานแล้วในที่สุดก็ได้โอกาสถามเสียที



“เหตุใดคนของเหลยเฟิงถึงมาฉุดคร่าเจ้าเช่นนี้ล่ะอาเจิน”



“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ ข้ารู้มาไม่มากนัก กล่าวคือในละแวกนี้เหลยเฟิงใช้คนของเขามาซื้อบุตรีซึ่งยังไม่แต่งงานไปจากพ่อแม่หลายต่อหลายคนเจ้าค่ะ คนส่วนใหญ่ขายบุตรสาวไปเพราะเงิน แต่บางคนจำต้องขายให้เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของพรรคมังกรพิโรธ ตัวข้าเองก็ถูกพวกมันติดต่อมาเพื่อที่จะซื้อเช่นกัน แต่ว่าท่านพ่อของข้าไม่ยอมดังนั้นมันจึงทำร้ายพ่อของข้าแล้วฉุดลากข้าไปเจ้าค่ะ”



“เหลยเฟิงผู้นี้แปลกมากเหตุใดจึงกวาดต้อนหญิงสาวมากมายไป” เสวี่ยหมิงตั้งข้อสังเกต จะว่าเป็นคนมักมากในกามก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนเช่นนี้ แต่ว่าจะใช่เรื่องเพียงแค่นี้เท่านั้นหรือ



“พี่ใหญ่ข้าได้ยินมาว่ามีวิชาบางประเภทจำต้องดูดพลังหยินจากการมีเพศสัมพันธ์กับอิสตรี คาดว่าอาจเป็นเช่นนั้นก็ได้” เสี่ยวหลงตั้งข้อสังเกต



“ชั่วช้านัก วิชามารเยี่ยงนี้ส่วนใหญ่มีมากในรัฐหลี นึกไม่ถึงว่าชาวยุทธในรัฐฉินเองก็ฝึกปรือวิชาอุบาทว์พรรณ์นี้ด้วย ช่างน่าขยะแขยง....”

เสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงต่างมองหน้ากัน การที่เม่ยเหนียงรังเกียจจนออกนอกหน้านี่มีความนัยหลายอย่าง ทว่ายังคงพับเรื่องนั้นไว้ก่อน



“แล้วจากนี้เจ้าจะเอาอย่างไร บิดาของเจ้าก็บาดเจ็บอยู่เกรงว่าพวกนั้นอาจจะกลับมาอีก” ขณะมี่เสวี่ยหมิงถามบิดาของอาเจินก็ได้สติขึ้นมา อาเจินรี่เข้าไปดูอาการ



“ท่านพ่อฟื้นแล้วหรือคะ”



“อืม....อาเจินคนพวกนี้เป็นใคร”



“คนพวกนี้ช่วยข้าเอาไว้ค่ะท่านพ่อ”



ได้ยินดังนั้นบิดาของอาเจินก็ลุกจากเตียงก้มหัวขอบคุณนับครั้งไม่ถ้วน เสวี่ยหมิงกับพรรคพวกอยู่ดูอาการบิดาอาเจินอีกสองชั่วยามเมื่ออาการน่าจะคงที่ก็เริ่มสอบถามว่าสองพ่อลูกจะเอาอย่างไรต่อไป



“ข้ากับลูกจะหนีไปกบดานที่บ้านของญาติซักพักขอรับ พวกคุณชายไม่ต้องเป็นห่วง” หลังจากกล่าวเช่นนั้นสองพ่อลูกก็พากันเก็บของส่วนตัวเล็กน้อย ในที่สุดทั้งคู๋ก็พร้อมเดินทาง



“อาเจินรับนี่ไปสิ” เสวี่ยหมิงยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งให้อาเจินไม่ใช่เงินจำนวนมากแต่สองพ่อลูกซาบซึ้งในน้ำใจของเขายิ่ง



“ขอบคุณขอรับ/ขอบคุณเจ้าค่ะ” เสวี่ยหมิงมองดูสองพ่อลูกห่างออกไปจนไกลลิบ ใจจริงอยากจะช่วยไปส่งให้ถึงท่าเรือ ทว่าสองพ่อลูกยืนกรานจะเดินทางไปด้วยตนเอง



“พี่ใหญ่ช่างเป็นคนดียิ่ง” เม่ยเหนียงใช้สายตาปลื้มปิติมองมาที่เขา



“แค่ช่วยเหลือนิดหน่อยเงินทองที่ให้ไปก็ไม่ได้มากอะไร”



“แต่ท่านก็ยังมีน้ำใจต่อคนแปลกหน้า” เม่ยเหนียงไม่ยอมแพ้ง่ายๆตอนนี้ประกายตาของนางพร่างพราวดุจดวงดาว เสี่ยวหลงชักรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงเริ่มล้อเลียนนางเพื่อให้นางได้อาย



“เจ้าคงไม่ได้หลงรักพี่ใหญ่หรอกใช่ไหมเม่ยเหนียง”



ผิดคาดไปจากที่มันคิดไปไกลคาดว่าเม่ยเหนียงจะยอมรับอย่างหน้าด้านว่าชมชอบ ตอนนี้นางกลับหน้าแดงก่ำไม่พูดไม่จาซักคำได้แต่สะเทิ้นมองพี่ใหญ่ของมันอยู่เนืองๆ นังตัวแสบคงหลงรักพี่ใหญ่ของมันแล้วจริงๆ



“เอาเถอะอย่าแกล้งเม่ยเหนียงเลย เรารีบเดินทางต่อกันเถอะ”



มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เสี่ยวหลงต้องยอมสงบศึกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่อาจจะโกรธมันที่ตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องเม่ยเหนียงก็เป็นได้ นอกจากนั้นเรื่องของเหลยเฟิงมันอาจจะต้องหาเวลาปลีกตัวไปสืบดูซักเล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องนี้มันต้องวางแผนให้รอบคอบว่าจะทำอย่างไร



เสวี่ยหมิงเดินไปตามทางโดยมีเสี่ยวหลงเข้ามาเกาะแขนข้างซ้ายของเขา น่าแปลกครานี้เม่ยเหนียงไม่เข้ามาเกาะด้วย ปกติสองคนนี้ชอบแข่งกันไปทุกเรื่องแปลกไม่น้อยที่เม่ยเหนียงเอาแต่เดินเงียบๆ กระนั้นใช่ว่าเขาจะจมอยู่กับความคิดเช่นนั้นนานนัก เรื่องของเหลยเฟิงและศิษย์พี่รองสองคนนี้ดึงดูดเขามากกว่าที่จะคิดถึงเรื่องอื่น



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตัวละครใหม่ปรากฏอีกล้าววววววววววววววววววววววว



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 05-03-2017 15:45:54
โอ้เงื่อนงำใหม่
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 05-03-2017 16:38:47
ตามโคนันมาสิบด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :ling3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-03-2017 17:04:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-03-2017 18:18:51
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 05-03-2017 18:19:35
อยากให้เสี่ยวหลงบอกความจิงกับเสวี่ยหมิงอะ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหา นี่คิดว่าตอนนี้ปัญหาเริ่มจะบานปลายละ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 05-03-2017 20:08:06
มีปมหลายปมนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 05-03-2017 20:31:18
งือออ แลดูชั่วร้ายยย :katai1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่18 p7 5/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 05-03-2017 21:42:05
 :hao3: จะกลายเป็นคู่แข่งจริงรึเปล่าน้าาาา เห็นนิยายอัพรีบเข้ามาอ่าน แต่พน.จะสอบหนังสือยังไม่เข้าหัวเท่านิยาย :katai1: :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 06-03-2017 10:28:56
ตอนที่19



หลังจากเดินทางเข้าสู่วันที่สามในที่สุดก็มาถึงเมืองเหวยกังเสียที เสวี่ยหมิงคล้ายโล่งใจที่ได้ปลดปล่อยภาระเรื่องเม่ยเหนียง แต่อีกใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงว่าต่อแต่นี้ไปเด็กสาวจะทำเช่นไรต่อ



“ฮิฮิ ในที่สุดก็ถึงเมืองเหวยกังเสียที ตอนนี้เรากับเจ้าก็ต้องแยกทางกันแล้วสิ เม่ยเหนียง” เสี่ยวหลงดูยินดีปรีดา ในขณะที่เม่ยเหนียงหน้าง้ำลงเรื่อยๆ คาดว่าคงมีเรื่องไม่สบายใจ



“เม่ยเหนียงจากนี้ไปเจ้าจะไปที่ใด ญาติของเจ้าอยู่ที่เมืองนี้หรือไม่”



“โถ่พี่ใหญ่นางให้มาส่งที่เมืองนี้ นางก็น่าจะมีญาติอยู่ที่เมืองนี้ไม่ผิดหรอก”



เสวี่ยหมิงฟังคำไร้น้ำใจของเสี่ยวหลงแล้วก็นึกตำหนิ เขาใช้สายตาพิฆาตมองดูเด็กน้อยจนเด็กน้อยต้องคอหดลงไปเหมือนเต่า ให้ตายสิไม่นึกว่าเสี่ยวหลงจะอิจฉาเม่ยเหนียงอะไรมากมายขนาดนี้ หรือว่าเด็กน้อยนี่กำลังหึงหวง คิดเช่นนี้แล้วใบหน้าของเขาก็เห่อร้อน เสวี่ยหมิงใช้มือลูบแก้มซีกซ้ายคล้ายจะขับไล่ความร้อนระอุออกไป



หมู่นี้รู้สึกว่าจิตใจชักไม่อยู่กับเนื้อตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เสี่ยวหลงเข้ามาออเซาะ เขาเกรงว่าตอนนี้จะถลำลึกตกหลุมพลางใหญ่ที่มีชื่อเสี่ยวหหลงเสียแล้ว และแม้ว่าไม่ต้องมีใครมาบอกเสวี่ยหมิงยังรู้ตัวได้จากหัวใจที่เต้นถี่แรงของตัวเอง เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ตนไม่อาจห้ามใจไม่ให้หลงชอบเด็กน้อยนี่แบบนี้



ช่างน่าตายนัก เป็นเพราะเสี่ยวหลงทำเสน่ห์มารยาใส่เขาหลายครั้ง โดนกระทำเยี่ยงนี้เข้าทุกวันต่อให้เป็นสตรีสูงศักดิ์ผู้แสนเหย่อหยิ่งยังไม่รู้ว่าจะทานทนความน่ารักของเด็กน้อยนี่ไหวหรือไม่ ตามจริงเขาควรจะหักห้ามใจ กับเด็กชายที่เป็นเพศเดียวกันทั้งยังมีศักดิ์เป็นน้อง เขาไม่ควรคิดมีใจด้วยเช่นนี้



ยิ่งเข้าใจสันดานเสี่ยวหลงดีเพราะอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง ควรคิดได้ว่าเด็กน้อยนี่อาจแค่หยอกเย้าเล่นสนุก ทว่าภายในใจลึกๆกลับไม่ยอมให้เป็นการล้อเล่น มาตอนนี้เสวี่ยหมิงกลับนึกเป็นจริงเป็นจังอย่างไม่ควรจะเป็น ช่างน่าบัดซบนัก



“ไม่มีหรอกคะพี่ใหญ่”



คำตอบของเม่ยเหนียงทำให้เสวี่ยหมิงหยุดคิดไผลถึงเสี่ยวหลงได้ในที่สุด เขาจะทำอย่างไรกับนางดีนะ ตามจริงเขาควรจะปล่อยนางไปตามทางแล้วมุ่งหน้าเดินทางไปยังพรรคมังกรพิโรธต่อ ทว่าจิตใจกลับมีความเป็นห่วงเกิดขึ้น เข้าใจว่าเขาเองรู้สึกเอ็นดูเม่ยเหนียงอยู่ไม่มากก็น้อย



“พี่ใหญ่ เราไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมก่อนจากกันดีหรือไม่คะ”



 ไม่ว่าใครก็ดูออกว่านางต้องการจะถ่วงเวลา เสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงเดาว่านางอยากจะอยู่กับพวกเขาให้นานที่สุด ใช่แล้วสำหรับกับนางที่ดันมีใจให้พี่ใหญ่เสียแล้วการที่ต้องมาจากกันโดยไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกหรือเปล่าช่างสร้างความทรมาณให้นางนัก ดังนั้นก่อนจากขอร่ำสุรากับคนในดวงใจเป็นครั้งสุดท้ายเห็นที่จะไม่มากเกินไปกระมัง



“ก็ดีนะพี่ใหญ่ข้าเองก็หิวแล้วเหมือนกัน ตรงนั้นมีโรงเตี๊ยมดูเข้าท่า ครั้งนี้เราสองคนถล่มนางครั้งใหญ่ ให้เม่ยเหนียงเลี้ยงดูให้อิ่มหนำซักครา”



เม่ยเหนียงยิ้มกว้างดูดีอกดีใจ ตอนแรกนางคิดว่าเสี่ยวหลงจะผลักไสนางเต็มที่ ซึ่งในใจเสี่ยวหลงมันแค่เกิดความสงสารเม่ยเหนียงเพียงนิดหน่อย ถึงมันจะหวงพี่ใหญ่ของมันอยู่มาก แต่ไม่ใช่คนใจดำถึงขนาดกีดกันมิให้สังสรรค์ก่อนจากลา



“เข้าใจล่ะ ข้าเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน เราไปที่นั่นกันเถอะ”



หลังจากเข้ามาจับจ้องที่นั่งในโรงเตี๊ยม เม่ยเหนียงสั่งสุราแล้วกับแกล้มมามากมาย ดูแล้วมีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้น ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงเริ่มต้นร่ำสุราอย่างครื้นเครง ปกติเสวี่ยหมิงไม่ได้ดื่มเช่นนี้บ่อยนัก เคยคาดว่าไม่กี่จอกก็คงจะเมาไม่รู้เรื่อง ทว่ายามนี้แม้จะดื่มไปหลายต่อหลายอึก ทุกครั้งที่ใกล้กับความเมามาย ท้องน้อยจะร้อนผ่าวคล้ายกับมีลมปรานหมุนเวียนในกระเพราะ จากนั้นความมึนเมาก็หายไปเอง



“พี่ใหญ่กับเสี่ยวหลงช่างคอแข็งนัก”



 เม่ยเหนียงกล่าวชมขณะเทเหล้าลงจอกให้เขากับเสี่ยวหลง ทว่าขณะที่สนุกสนานอยู่นั้นปรากฏมีชายแปลกหน้าผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา ดูจากลักษณะร่างกายที่สูงใหญ่กำยำ เสียงฝีเท้าหนักแน่น คาดว่าเป็นชาวยุทธผู้หนึ่ง



“ข้ามีนามว่าอู่เหว่ยกั๊วะ ขอนั่งสังสรรค์กับพวกท่านได้หรือไม่”



เพียงคนแปลกหน้าประกาศนาม เขากับเสี่ยวหลงก็หันไปมองอู่เม่ยเหนียงอย่างไม่ได้นัดหมาย ทั้งสองมีแซ่เดียวกัน เขาคาดเดาว่าคนผู้นี้คงเป็นญาติของเม่ยเหนียงก็อาจเป็นได้



“เชิญท่านนั่งเถอะ”

               เมื่อได้รับคำเชิญจากเสวี่ยหมิง อู่เหว่ยกั๊วะก็ลดกายลงนั่ง

     

         “ก่อนอื่นข้าขออภัยท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก ที่คนของข้าทำร้ายท่านถึงสองครั้งสองครา”

     

         “อ้อ” เสวี่ยหมิงเดาว่าคงเป็นกลุ่มอันธพาลที่ตามล่าเม่ยเหนียงก็เป็นได้ ตอนนี้เขามองดูใบหน้างดงามของเม่ยเหนียง นางก้มหน้าลงต่ำทั้งยังมีใบหน้าซีดเผือดคล้ายยอมรับต่อชะตากรรม

       

        “นอกจากนี้ยังขอบคุณที่ช่วยดูแลบุตรสาวของข้า นางตามจริงแล้วต้องเข้าพิธีดูตัวกับเหลยเฟิง แต่ก็หนีมาเสียก่อนอย่างเอาแต่ใจ ช่างน่าอายนักที่ปล่อยให้มารบกวนพวกท่านอยู่นาน”

       

        เหลยเฟิงรึ เสวี่ยหมิงพอจะเดาออกแล้วว่าเพราะอะไรเม่ยเหนียงถึงหนีพิธีดูตัวมา นางคงจะรู้ข่าวคราวเลวร้ายของคนผู้นั้นมาไม่มากก็น้อยกระมังจึงไม่ยอมทำตามบิดานางโดยง่าย ทว่าไม่คิดว่านางจะช่างกล้านักถึงกลับหนีออกจากบ้านมารอนแรมโดยไร้จุดหมาย เสวี่ยหมิงทั้งนับถือและตำหนิในความไม่คิดหน้าคิดหลังไปพร้อมๆกัน

       

       “ข้าจะไม่เข้าพิธีดูตัวกับมันเด็ดขาดท่านพ่อ ข้ามีคนรักอยู่แล้วคือพี่ใหญ่ของข้าพี่เสวี่ยหมิงท่านนี้ ท่านพ่อกลับไปเถอะ ข้าจะออกเดินทางไปกับพี่ใหญ่ของข้า”

       

        เสวี่ยหมิงสะดุ้งตกใจกับการกล่าวอ้างของนาง ตอนนี้เมื่อเขามองไปยังเม่ยเหนียง นางส่งสายตาวอนขอดวงตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้ ตามจริงเขาควรปฏิเสธให้แน่ชัด ทว่าเมื่อหันไปสบตากับอู่เหว่ยกั๊วะผู้เป็นบิดาของนาง อีกฝ่ายใช้ดวงตาจับผิดมองจนเกิดความอึดอัดนอกจากนั้นเจ้าเสี่ยวหลงตัวดีดันพูดจาไร้สาระออกมาเสียได้

       

        “พี่ใหญ่ก็จะอายอะไรเล่า ท่านคบหากับนางอย่างลับๆมานานแล้วไม่ใช่รึ วันนี้ก็ให้รู้กันไป พ่อของนางจะได้ไม่จับนางสมรสผิดตัว”



เสี่ยวหลงหัวเราะฮิฮะ มันไม่ได้นึกอยากช่วยเม่ยเหนียงแต่อย่างใด แต่การที่พี่ใหญ่ของมันเข้าไปผัวพันกับนาง มันจะทำให้ตัวมันสามารถเข้าไปสืบเรื่องของเหลยเฟิงได้โดยง่าย แวบหนึ่งมันเกิดความปวดร้าวในใจ รู้สึกผิดที่มันวางแผนใช้งานพี่ใหญ่ของมันอีกประการหนึ่งแล้ว

         

      “เอ่อ....คือ.....”

เสวี่ยหมิงมึนงงไปหมด ไม่ว่าจะมองไปทางเสี่ยวหลงหรือเม่ยเหนียงต่างก็มองมาที่เขาด้วยแววตาร้องขอสุดท้ายจำต้องยอมรับสถานะอย่างช่วยไม่ได้

       

       “ข้าเสวี่ยหมิงขอรับ คบหากับเม่ยเหนียงมาพักหนึ่งแล้ว”



 ไม่กล้าโกหกไปมากกว่านั้น เพราะขัดกับความต้องการของตัวเอง แต่ใจหนึ่งก็เกิดความโล่งใจที่ได้ช่วยเหลือเม่ยเหนียงจากการบังคับดูตัวกับเหลยเฟิง ตามจริงคิดดูอีกทีแล้วก็ดีเหมือนกัน เสวี่ยหมิงเองก็อยากจะรู้ว่ามือขวาของศิษย์พี่รองคนนี้เป็นอย่างไร คนส่วนใหญ่มักพูดว่าเจ้านายกับลูกน้องมักมีบางอย่างคล้ายกัน การไปสอดแนมซักคราคงจะไม่ผิดไปหรอกมั้ง



“เฮ้อ....หากท่านยอมรับเช่นนี้ ข้าก็มีเรื่องจะพูดกับท่านอีกมาก คุณชายเสวี่ย ข้าขอเชิญท่านไปพำนักยังค่ายอาชาของข้าซักครา ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไร”



เสวี่ยหมิงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเสี่ยวหลงทีเม่ยเหนียงที แววตาทั้งสองคู่ยังคงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน การตัดสินใจครั้งนี้ไม่รู้ว่าดีหรือผิดพลาดกันแน่ ทว่าเสวี่ยหมิงตอบรับคำเชิญของอู่เหว่ยกั๊วะ



“ขอรบกวนด้วยท่านด้วย”

ดังนั้นทั้งหมดจึงออกมาที่ด้านนอกโรงเตี๊ยม ที่ด้านนอกพบผู้คนจำนวนหนึ่งน่าจะเป็นคนของอู่เหวยกั๊วะ



“พวกเจ้าแบ่งม้าให้แขกและลูกสาวของข้าสามตัว”



“สองตัวก็ได้ ข้าจะนั่งกับพี่ใหญ่ของข้า” เสี่ยวหลงกล่าววาจาวางโต แต่อู่เหว่ยกั๊วะไม่ได้ถือสาไม่นานนัก คนของเขาก็นำม้ามาจากคอกม้าจำนวนหนึ่ง ทันทีที่เห็นม้าเสี่ยวหลงก็อุทานอย่างสบใจ



“นี่มันม้าพันธ์เหงื่อโลหิตนี่”



“ม้าเหงื่อโลหิตหรือ”



 เสวี่ยหมิงเคยแต่ได่ยินไม่เคยเห็นม้าจริงมาก่อน ดังนั้นจึงเข้าไปสำรวจใกล้ๆ ว่ากันว่า ตามตำนานม้าพันธุ์ดังกล่าวยามที่ออกวิ่ง บริเวณแผงคอจะมีเหงื่อไหลออกมา เป็นสีแดงสดคล้ายเลือด นอกจากนั้นม้าเหงื่อโลหิตมีฝีเท้าเร็ว ความอดทนสูง มักจะใช้เป็นพาหนะในการเดินทางระยะไกล และใช้ในพิธีการเดินสวนสนามของเหล่าเชื้อพระวงค์กับแม่ทัพนายกองชั้นสูงของรัฐฉิน ครานี้ได้มาเห็นนับเป็นบุญตาแท้ๆ



“ตระกูลอู่ของเรา มีอาชีพต้อนม้าและเพราะพันธ์ม้าเหงื่อโลหิตมาหลายรุ่นแลวค่ะพี่ใหญ่”



 เม่ยเหนียงกล่าวกับเขาก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าที่เตรียมมาเพื่อนาง เมื่อเห็นดังนั้นเสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงก็ไม่รอช้าจัดแจงขึ้นบนหลังม้าของตนบ้าง แล้วเริ่มต้นออกเดินทางไปยังที่ตั้งของค่ายอาชา



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ตอนนี้มาสั้นๆตอนหน้าจะพยายามให้ยาวกว่านี้ เย้ๆๆๆๆหวงัว่าจะมีคนตามอ่านอยู่น้า



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-03-2017 10:56:01
สั้นเกินไปจะเอายาวๆๆๆๆๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 06-03-2017 11:43:44
 o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-03-2017 12:40:07
อ้าว พัวพันหนักกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 06-03-2017 15:43:03
เสี่ยวหลงจะเอาไงต่อไป
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-03-2017 16:58:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 06-03-2017 19:02:45
สั้นไปปปป  :ling1: มาหลังสอบเสร็จ เย้ๆ พน.ก็สอบแต่หนังสือก็อ่านหลังนิยาย  :hao5: มาต่อเร็วๆน้าาา :กอด1: o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่19 p7 6/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 06-03-2017 21:32:57
มาต่อเร็วๆนะ รออยู่จ้าาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 07-03-2017 12:54:34
ตอนที่20



ถูกคณะของอู่เหว่ยกั๊วะนำพามาสู่ทุ่งหญ้าซึ่งห่างออกไปไม่ไกลจากเมืองเหวยกัง เมื่อมาถึงพวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดี เสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงเข้าพักที่กระโจมใหญ่โตซึ่งจัดเตรียมไว้ให้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง



“เพราะอะไรเจ้าถึงสนับสนุนให้ข้ายอมรับว่าเป็นคนรักกับเม่ยเหนียงเล่าเสี่ยวหลง” ทันทีที่ได้อยู่ตามลำพังเสวี่ยหมิงก็ถามในสิ่งที่คับข้องใจมาตลอด



“เพราะข้าคิดว่ายังไงพี่ใหญ่ก็จะไม่แต่งงานกับเม่ยเหนียงน่ะสิ”



“เพราะอะไรเจ้าจึงเชื่อเช่นนั้น” เสวี่ยหมิงรอฟังคำตอบอย่างสนอกสนใจ



“เพราะว่าข้ารู้ว่าในใจของพี่ใหญ่มีข้าแล้วอย่างไรเล่า”



 เสี่ยวหลงยิ้มกว้างทั้งยักคิ้วหลิ่วตา เสวี่ยหมิงไม่แน่ใจว่าเด็กน้อยนี่แค่พูดเล่นหรือรับทราบความในใจของเขาจริง ดังนั้นจึงตกประหม่าและตั้งตัวไม่ทัน ใบหน้าซับสีเรื่อจนเห็นได้ชัด



“อ๊ะพี่ใหญ่หน้าแดงด้วย” ยิ่งเสี่ยวหลงล้อเลียนยิ่งทำตัวไม่ถูก เมื่อตั้งสติได้เขาจึงลงมือเขกศีรษะเด็กน้อยหนึ่งทีเป็นการตักเตือน



“พี่ใหญ่ใยทุบตีข้า” เสี่ยวหลงลูบหัวทั้งแสร้งทำหน้าเสียขวัญ หากว่าเขาไม่รู้จักนิสัยเด็กน้อยนี่ดี คงใจอ่อนไปแล้ว



“บอกเหตุผลที่แท้จริงมา ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ยอมพูดกับเจ้าอีกเลย”



“โธ่พี่ใหญ่ ข้าก็พูดความจริงนะ ที่ข้าสนับสนุนให้ท่านโกหกเป็นคนรักของเม่ยเหนียงเพราะสงสารนางอยากจะแก้สถานการณ์ให้นางชั่วคราว อีกอย่างคาดว่าถึงตกกะไดพลอยโจนไปคาดว่าพี่ใหญ่คงไม่แต่งงานกับนางหรอก”



“ใยเจ้าถึงคิดเช่นนั้น”



“เพราะพี่ใหญ่มีหน้าที่ที่ต้องทำนะสิ ถึงท่านไม่บอกข้าก็เดาได้ พี่ใหญ่ยังมีที่ที่ต้องให้เดินทางไป ดังนั้นคงไม่รีบตกแต่งภรรยา เอหรือว่าข้าเข้าใจผิด”



เสี่ยวหลงทำท่าทางราวกับผู้หยั่งรู้ มันกอดอกแล้วยักคิ้วด้วยความภาคภูมิ



“เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าบางทีข้าอาจจะอยากตกลงปลงใจกับเม่ยเหนียงดูก็ได้ เจ้าไม่รู้หรือว่าหากนางไม่ต้องแต่งงานกับเหลยเฟิงเพราะข้า พ่อของนางย่อมต้องมุ่งหวังให้นางแต่งงานกับข้า”



ตอนนี้เองที่เสี่ยวหลงลูบคางทำท่าครุ่นคิด มันไม่ใช่ว่าไม่คิดถึงเรื่องนี้ ทว่าขอเพียงมันจัดการกับเหลยเฟิงได้ทุกอย่างย่อมง่ายดายยิ่ง ด้วยฝีมือของมันแค่จัดการปลิดชีวิตตัวเกะกะซักหนึ่งคนทำได้ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ กระนั้นยังอยากให้วิธีนั้นเป็นขั้นสุดท้ายจริงๆ



“ข้าลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปเลยพี่ใหญ่”

มันยักไหล่แล้วแลบลิ้นอย่างซุกซน มันน่าทุบตีให้น่วมนัก ทว่าขณะที่คิดจะเข้าไปสั่งสอนด้วยมือไม้เม่ยเหนียงก็เข้ามาในกระโจมเสียก่อน



“ข้ามารบกวนหรือเปล่าคะ”



“แหมจะว่ารบกวนก็ใช่ แต่ถึงเราจะบอกอย่างนั้น เจ้าก็ยังมีธุระกับเราใช่ไหมเล่า” เสี่ยวหลงยังปากคอเราะร้ายไม่เปลี่ยนสุดท้ายเสวี่ยหมิงต้องลงมือทุบตีเด็กน้อยอีกครั้ง



“อย่าไปฟังเด็กน้อยนี่พูดไร้สาระ เม่ยเหนียงมีอะไรก็พูดมาเถอะ”

เมื่อได้รับอนุญาตเม่ยเหนียงก็ยิ้มกว้างนางเดินเข้ามาข้างในพร้อมกับลดกายลงนั่งบนเบาะที่เตรียมไว้ตรงหน้าเสวี่ยหมิง



“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่ใหญ่กับเสี่ยวหลงมากที่ช่วยโกหกเรื่องเป็นคนรักของข้า ขอบคุณจริงๆ” เม่ยเหนียงก้มหัวให้เสวี่ยหมิงหลายครั้ง จนเขาต้องเข้าไปประคองให้นางหยุดการกระทำ



“หากอยากขอบคุณเจ้าช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเจ้าและเหลยเฟิงมาจะดีกว่านะเม่ยเหนียง” เสี่ยวหลงกล่าว ซึ่งเสวี่ยหมิงเองก็เห็นด้วย



“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ เดิมที่เหลยเฟิงมาในนามพรรคมังกรพิโรธ มาเพื่อเกลี่ยกล่อมค่ายอาชาของเราให้ทำการต้อนม้าทั้งหมดที่เรามีไปยังรัฐหลี ซึ่งแต่เดิมพวกเราตระกูลอู่ตามจริงใช้ชีวิตร่อนเร่ไม่ติดที่อยู่แล้ว ทว่าประมาณสามชั่วอายุผู้นำจนถึงท่านพ่อเราปักหลักอยู่ในรัฐฉินและมีสถานะมั่นคงถึงขั้นไม่อยากจะย้ายถิ่นฐานไปไหน”



นางเว้นจังหวะพูดชั่วครู่ เสวี่ยหมิงฟังอย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะเสี่ยวหลง ยามนางกล่าวถึงความเกี่ยวพันธ์ของพรรคมังกรพิโรธกับรัฐหลี ดวงตาของมันพลันลุกวาวประดุจเสือร้าย



“เหลยเฟิงมาเข้าพบท่านพ่อหลายครั้ง ทว่าครั้งล่าสุดที่มาพบเขาบังเอิญได้พบข้า ไม่รู้ว่าทำไมหัวข้อเจรจาครั้งต่อมาจึงได้มีการสู่ขอข้าไปเป็นภรรยาด้วย พี่ใหญ่เองก็รู้ใช่ไหมคะว่าเหลยเฟิงผู้นี้รวบรวมหญิงสาวมากมายมาไว้ในมือ ข้าได้ยินข่าวลอยลมมาบ้าง”



“ดังนั้นเจ้าถึงรังเกียจเขาหรือ” เสวี่ยหมิงถาม



“ไม่แค่นั้นหรอกค่ะ คนผู้นี้มักช่วยโอกาสลวนลามข้าเมื่ออยู่ตามลำพังบ่อยครั้ง ข้าเกลียดเขาค่ะ เรื่องนี้ข้าบอกท่านพ่อบ่อยครั้ง ทว่าท่านพ่อมีเรื่องให้ต้องลำบากใจหลายอย่าง ตามจริงท่านพ่อไม่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปรัฐหลี ทว่าพวกเราเองก็ใช่ว่าจะมีเส้นสายหรือพวกพ้องนอกจากพี่น้องในค่ายอาชา ดังนั้นเมื่อเหลยเฟิงข่มขู่ว่าจะรวบรวมคนของพรรคมังกรพิโรธมาขยี้เรา ท่านพ่อจึงคิดหนักเพราะชีวิตของคนในค่ายอาชาย่อมต้องสำคัญ”



“สำคัญกว่าชีวิตของเจ้าทั้งชีวิตด้วยสินะ” เสี่ยวหลงกล่าวอย่างเราะร้าย ตอนนี้เม่ยเหนียงน้ำตาคลอทั่วดวงตา เสวี่ยหมิงใช้สายตาตำหนิมองดูเด็กน้อยหากแต่มันทำแค่เพียงยักไหล่



“อย่างนี้จะให้เราช่วยเจ้าอย่างไรดี” เสวี่ยหมิงถาม



“ไม่มีอะไรที่พี่ใหญ่กับเสี่ยวหลงจะช่วยได้หรอกค่ะ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าก็ทำใจขึ้นมาได้บ้างแล้ว”



เม่ยเหนียงยิ้มทั้งน้ำตา เสวี่ยหมิงเข้าไปปลอบโยนนาง ในขณะที่เสี่ยวหลงครุ่นคิดถึงแผนการณ์ของผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด หากมันคาดไว้ไม่ผิดหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมอาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อรัฐหลี เรื่องสำคัญเช่นนี้ยิ่งต้องควรแจ้งไปยังนายเหนือหัว นับว่าการที่มันพาทั้งพี่ใหญ่และตัวเองเข้ามาพัวพันครั้งเป็นเดินหมากได้ถูกทางอยู่ไม่น้อย



มันตัดสินใจจะให้ราชสำนักติดต่อเข้ามาจัดการกับค่ายอาชา เพราะเล็งเห็นความสำคัญของม้าเหงื่อโลหิต ม้าชั้นเลิศขนาดนี้หากมีจำนวนมากไว้ในกองทัพคาดว่าจะช่วยให้กองกำลังของรัฐฉินมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว



จากการอนุมานเพียงเล็กน้อยทั้งการที่หลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมใช้ให้เยิ่นเสียนฉีไปชโมยแปลนอาวุธทางการทหารจากตึกศาสตราก็ดีหรือการเรียกร้องให้ค่ายอาชาซึ่งเพาะม้าชั้นเลิศต้อนม้าไปรัฐหลีก็ดี ตอนนี้ข้อเท็จจริงในใจของมันกระจ่างชัด คาดว่าพรรคมังกรพิโรธคงถูกแทรกซึมด้วยคนของรัฐหลีเป็นแน่แท้



มันเป็นใครกันนะ ใครกันที่มีเส้นสายถึงกับยึดพรรคมังกรพิโรธได้ในพริบตา คนที่จะทำเช่นนี้ได้มีแค่สองคนเท่านั้น หากไม่ใช่หลี่มู่ไป๋ก็ต้องเป็นอิงเฟย การติดต่อกับราชสำนักครั้งนี้นอกจากช่วยเหลือค่ายอาชาแล้วมันยังต้องขอให้ช่วยสืบประวัติของศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคนของมันด้วยเช่นกัน



“พี่ใหญ่เราไปทานอาหารเย็นกันเถอะค่ะ ที่ข้ามานี่ก็เพราะท่านพ่อให้ข้ามาชวน”

กล่าวจบเม่ยเหนียงก็นำพาไปยังกระโจมซึ่งบิดานางรอคอยอยู่ เมื่อไปถึงพวกเขาจึงร่วมรับประทานอาหารค่ำกับเม่ยเหนียงและอู่เหว่ยกั๊วะ



“อิ่มแปล้เลย”



 เสี่ยวหลงลูบท้องไปมาหลังจากกลับมายังกระโจมที่พักของตัวเอง เสวี่ยหมิงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เด็กน้อยนี่ทั้งดื่มทั้งกินไปมาก แถมปากยังกล่าวชมว่าอร่อยๆไม่ขาดปากทำให้อู่เหว่ยกั๊วยิ้มพึงพอใจตลอดการรับประทานอาหารมื้อนี้



“เจ้าทานมากเกินไปแล้วนะ”



“ก็มันอร่อยนี่พี่ใหญ่”



กล่าวพลางล้มตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่มซึ่งเตรียมเอาไว้ เสี่ยวหลงพลิกตัวนอนตะแคงพลางใช้มือตบลงบนฝูกข้างตัวเป็นสัญญาณเรียกให้เสวี่ยหมิงเข้าไปนอนร่วมเตียงกับมัน



“พี่ใหญ่มามะเราเข้านอนกันเถอะ”

ไม่พูดเปล่าเด็กน้อยยังส่งจูบมาให้ เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าจะควบคุมความรู้สึกได้เช่นไร เพราะตอนนี้เขาคันในหัวใจจนยากที่จะเกา



“พี่ใหญ่เร็วๆสิ ข้ารอท่านอยู่น้า”

เด็กน้อยชักจะงอแง เสวี่ยหมิงทำเพียงส่ายหน้า ทว่าก่อนจะเดินเข้าไปหา พลันได้ยินเสียงเรียกของอู่เหว่ยกั๊วะที่หน้ากระโจม



“คุณชายเสวี่ยนอนแล้วหรือยัง”



“ข้ายังไม่นอนท่านอู่เหว่ยกั๊วะ มีเรื่องอันใดหรือ”



“ข้าขอเวลาคุยกับท่านหน่อยได้หรือไม่”



“ย่อมได้อยู่แล้ว” เสวี่ยหมิงเดินออกไปนอกกระโจมแล้วพบว่าอู่เหว่ยกั๊วะยังอยู่ในชุดเต็มยศ



“ไปเดินเล่นพูดคุยกับข้าหน่อยเถอะคุณชายเสวี่ย”



กล่าวจบอู่เหว่ยกั๊วะก็เดินนำทางเสวี่ยหมิงไป ขณะที่เดินไปตามทางอย่างเงียบๆเขาก็รอคอยอย่างใจจดจ่อให้อีกฝ่ายกล่าววาจาเสียที เมื่อพวกเขาสองคนเดินไปถึงคอกม้าในที่สุดอู่เหว่ยกั๊วะก็เริ่มพูดจนได้



“ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าท่านกับเม่ยเหนียงหาได้เป็นคนรักกันไม่”



 อู่เหวยกั๊วะกล่าวพลางมองดูดวงดาวยามค่ำคืน เสวี่ยหมิงนึกอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้ เพราะเขากับเม่ยเหนียงยังไม่สามารถแสดงเป็นคนรักกันได้แนบเนียนอย่างแท้จริง



“ท่านไม่เคยได้ยินชื่อเสียงในทางเลวร้ายของเหลยเฟิงหรือขอรับท่านอู่”

ตอนนี้เองที่อู่เหว่ยกั๊วะถอนหายใจ



“เจ้ามีใจให้บุตรีของข้าบ้างหรือไม่” คำถามนี้เสวี่ยหมิงตอบได้ในทันที



“ข้าเห็นเม่ยเหนียงเป็นแค่น้องสาว”



“ถ้าอย่างนั้นเพราะเหตุใดเจ้าถึงยอมโกหกว่าเป็นคนรักเพื่อช่วยนาง”



“เพราะว่าข้าสงสารนาง ส่วนอีกเหตุผลที่เหลือข้าไม่สามารถบอกท่านได้” ใช่แล้วเหตุผลคืออยากจะสืบเรื่องของพี่รองซักเล็กน้อย ทว่าคราแรกไม่ได้คิดว่าจะเป็นการสืบในสถานะอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้



“เจ้าคล้ายมีเรื่องลำบากใจ” ตอนนี้เองที่อู่เหว่ยกั๊วะหันมาเผชิญหน้า เสวี่ยหมิงมองเข้าไปในดวงตาอันนิ่งสงบของอีกฝ่าย



“หากเป็นเรื่องส่วนตัวข้าคงไม่กล้าถาม ทว่าการยื่นมือเข้าช่วยเหลือของเจ้าครั้งนี้นับว่ามาได้ถูกเวลา ตามจริงข้าพยายามหาข้อบ่ายเบี่ยงเรื่องบุตรีอยู่หลายทาง แต่ไม่มีผู้ใดที่งามสง่าพอจะนำมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธการดูตัวของเหลยเฟิงได้”



“หมายความว่าท่านอู่อยากให้ข้าช่วยโกหกเรื่องเป็นคนรักของเม่ยเหนียงต่อไป” อู่เหว่ายกั๊วะยิ้มกว้างแทนคำตอบ



“เรื่องย้ายถิ่นฐานก็อีกเรื่องที่เราลำบากใจ เรื่องบุตรีเราก็ลำบากใจไม่แพ้กัน แต่เรื่องบุตรีของเราย่อมสำคัญกว่า เราไม่อยากให้บุตรีเราแต่งงานไปใช้ชีวิตอย่างไร้สุข”



คำพูดของเสวี่ยหมิงกับอู่เหว่ยกั๊วะเสี่ยวหลงซึ่งแอบฟังอยู่ได้ยินทุกถ้อยคำ เมื่อคิดถึงการแต่งงานอันมีความสุขของเม่ยเหนียงมันก็ได้แต่เหยียดยิ้ม สำหรับกับนางผู้นั้นที่แสนเอาแต่ใจทั้งยังเชื่อมั่นในตัวเองสูง หากไม่ได้เลือกสามีด้วยตัวเองเห็นทีว่าคงจะมีความสุขได้ยาก



หลังจากแอบฟังจนคาดเดาว่าการพูดจาสาระสำคัญจบลงจนหมด เสี่ยวหลงก็พลิ้วกายไปยังสถานที่นัดพบกับผู้ส่งสาร มันรีบเร่งด้วยวิชาตัวเบาขั้นสูงสุดตั้งใจว่าจะกลับไปถึงกระโจมก่อนพี่ใหญ่ของมัน



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



ใกล้จะถึงฉากบู๊แล้วละมั้งอิอิ ขอบคุณที่สละเวลากันเข้ามาอ่านนะคะดีใจมั่กๆ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 07-03-2017 13:51:02
ชอบตรงที่มาต่อได้รวดเร็วนี่แหละอิอิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 07-03-2017 15:10:23
ชอบมากค่ะ สนุก อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกับอ่านนิยายจีนที่เป็นเล่ม ๆเลย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 07-03-2017 15:35:46
อยู่หน้าห้องสอบก็ยังมาส่องนิยาย  :katai1: :hao7: รอฉากบู๊ค่าาาา  :z6: รอกรี้ด เตรียมป้ายไฟรอ o17 :pig3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-03-2017 18:00:47
กลัวแม่นางเหนียงจะฉุดรั้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-03-2017 18:13:41
น่าจะเป็นอย่างที่เสี่ยวหลงคิด
คนที่กล้าทรยศ อาจเป็นพี่ใหญ่หลี่มู่ไป๋
หรือน้องเล็กอิงเฟย
ตัวปลอมกล้าทำเรื่องเลว ไม่กลัวเอิกเกริก
แสดงว่ากุมกำลังส่วนให๋ไว้ได้
และมีกองกำลังหนุนหลังที่แข็งแกร่ง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 07-03-2017 20:57:32
ติดตามๆ สนุกดี
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-03-2017 21:59:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 07-03-2017 22:08:12
ลุ้นทุกตอน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 08-03-2017 01:40:12
ลุ้นทุกตตอนว่าเมื่อไหร่นังเสี่ยวหลงจะยอมบอกความจิงงงงง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่20 p8 7/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: numberll ที่ 08-03-2017 12:40:33
ไม่นะ ไม่แต่งงงง    :ling1:
ไม่ถึงพรรคสักกะที มีแต่เรื่องมามัดเต็มตัว  :a5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 09-03-2017 11:47:25
ตอนที่21



เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เสี่ยวหลงต้องวิ่งเต้นติดต่อราชสำนักเพื่อช่วยเหลือค่ายอาชาในฐานะหลงเยี่ยอิ่งซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของมัน ถึงแม้ว่าจะกรำงานหนักจนต้องเหินห่างจากพี่ใหญ่ของมันเป็นช่วงๆแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ไม่สามารถละเลยได้



“องค์ชายแปดตอนนี้ข้าพระองค์เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วพะยะค่ะ เหลือแค่ส่งคนไปเจรจาเพียงเท่านั้น จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนสกุลอู่จะรับไมตรีของเราไว้ไม่”



หลงเยี่ยอิ่งพยักหน้ารับโดยไม่ตอบคำ ตามจริงแล้วด้วยฐานะองค์ชายของมันกับตราทองคำที่ได้รับมาจากบิดาย่อมสั่งการณ์ให้ลงมือได้โดยไม่ต้องสืบ เพียงแต่ว่ามันต้องการความระเอียดทุกการทำงานดังนั้นจึงรอจนกว่าบิดาของมันจะส่งจดหมายลับมาซึ่งกินระยะเวลาถึงเจ็ดวัน



“วันพรุ่งเจ้าก็เริ่มทำตามแผนการได้ ขอให้ส่งคนที่เฉี่ยวชาญการพูดและเกลี่ยกล่อมที่สุดไป ข้าไม่ยอมรับความผิดพลาดใดใดทั้งสิ้นเข้าใจหรือไม่”



“พะยะค่ะ”

จ้าวเมืองเหวยกังรับคำสั่งของมัน เมื่อปรึกษาหารือจบมันก็รีบจำแลงกายกลับเป็นเสี่ยวหลงแล้วเดินทางไปยังกระโจมของมันกับพี่ใหญ่ในค่ายอาชา



“พี่ใหญ่ดูสิ ปิ่นหยกนี้เหมาะกับข้าไหมคะ”



 เม่ยเหนียงปักปิ่นลงบนมวยผมของนาง เสวี่ยหมิงคล้ายกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว นั่นก็เป็นเพราะหลายวันมานี่เสี่ยวหลงทำตัวเหินห่างจากเขามากเหลือเกิน



“อื้อ...เหมาะๆมาก”



“จริงนะ ถ้าอย่างนั้นข้าซื้อปิ่นหยกนี่ดีกว่า”



ขณะที่เม่ยเหนียงจ่ายอัฐ เสวี่ยหมิงก็อดมองไปรอบๆไม่ได้ ในใจแอบหวังว่าเสี่ยวหลงจะตามติดมาที่หลัง ทว่าก็ได้แต่ถอนใจ หลายวันมานี่ทุกครั้งที่เม่ยเหนียงชักชวนเขาออกมาเที่ยวเสี่ยวหลงจะอ้างว่าอยากพักผ่อนท่าเดียว



เด็กน้อยนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่นะ ไม่ใช่ว่าต้องการจะหลีกทางให้เขากับเม่ยเหนียงหรอกใช่ไหม คิดได้ดังนั้นภายในใจก็ร้อนระอุ เสวี่ยหมิงไม่นึกยอมให้เด็กน้อยทำเช่นนั้น ไหนว่าเจ้าชอบข้านักอย่างไร คำบอกรักบ่อยครั้งที่พ่นออกมา เป็นแค่เสียงเห่าจากปากสุนัขรึ



คิดๆดูแล้วก็รู้สึกใจหายวาบ ชั่วเวลาที่สติกลับมาก็เกิดความละอาย เสี่ยวหลงยังเด็กอาจมีพฤติกรรมเกินเลยไปบ้าง คนที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นพี่อย่างเขาควรจะมีสติคิดให้มากกว่าเด็กน้อยนั่นสิ



แต่จะให้เขากลับไปคิดอย่างพี่น้องแบบเดิมทั้งที่ไฟสุมอกมากขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ก็ช่างทรมาณเหลือเกิน หากว่าตนเองกล้าพอที่จะบอกรักกลับมันจะดีซักแค่ไหนนะ ทว่าเกิดกล่าวคำหวานไปแล้วเด็กน้อยปฏิเสธเขาล่ะ แค่คิดก็ราวกลับถูกมีดเฉือนก็ไม่ปาน นี่เขาถลำลึกต่อเสี่ยวหลงมากเกินจะถอยหลังแล้วเชียวหรือ



“พี่ใหญ่เราไปที่ร้านขายผ้ากันเถอะค่ะ”



เม่ยเหนียงซึ่งมีความสุขยิ่งจูงมือเสวี่ยหมิงเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ตามจริงสมัยที่ยังเป็นบ่าวไพร่เขาก็ถูกคุณหนูเสวี่ยถิงใช้ให้เดินตามแบกของเช่นนี้ประจำ ดังนั้นจึงไม่เกิดความเบื่อหน่ายถึงแม้เม่ยเหนียงจะเดินพล่านไปทั่วเมืองเหวยกัง



“พี่ใหญ่ทางนี้ค่ะ”



 อู่เม่ยเหนียงพยายามปั้นยิ้ม ใยนางจะไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กำลังเบื่อหน่าย หลายวันมานี้คาดว่าเป็นเพราะเสี่ยวหลงปฏิเสธที่จะมาเที่ยวเล่นด้วย ตามจริงการที่เสี่ยวหลงไม่มาเป็นก้างทำให้นางดีใจนัก ทว่ากลับไม่สดชื่นเท่าใดเพราะพี่ใหญ่ทำหน้าเหงาๆบ่อยครั้งเมื่ออยู่ตามลำพังกับนาง



พี่ใหญ่คงมีใจให้เสี่ยวหลง ไม่อย่างนั้นคงไม่โหยหาจนแสดงออกถึงเพียงนี้ นางทั้งเจ็บใจและเสียใจ นึกน้อยใจในชะตาฟ้าลิขิตเหตุใดนางถึงไม่ได้เป็นคนเจอพี่ใหญ่ก่อนเจ้าตัวน่าตายนั่นกันนะ ทว่าใช่ว่านางจะเป็นคนโง่เขลา นางยังเหลือหนทางให้กลับหลัง เพราะยังยับยั้งชั่งใจไม่ให้ถลำลึกในตัวพี่ใหญ่มากไปกว่านี้



“เม่ยเหนียงหนึ่งอาทิตย์มานี้เหลยเฟิงมีการติดต่อมาบ้างไหม”



เสวี่ยหมิงถามเพราะว่าหลายวันมาแล้วที่เขามาอาศัยอยู่ในค่ายอาชาเพื่อรอเผยตัวให้เหลยเฟิงรู้จะได้ตัดใจจากเม่ยเหนียงไปเสียที ตามจริงหลายวันมานี้เขาตามสืบเรื่องของเหลยเฟิงมามาก แต่ข่าวคราวที่ได้มีแต่จำนวนหญิงสาวที่ถูกฉุดและซื้อไป การกระทำเยี่ยงนี้เลวร้ายเสียจนเขายอมรับไม่ได้ ทว่าใช่ว่าจะยื่นมือก้าวก่ายช่วยเหลือใครได้ เพราะไม่มีใครเป็นจ้าวทุกข์และเขาเองก็ไม่ใช่มือปราบของทางการเสียด้วย



บางครั้งก็มีใจคิดอยากจะเดินเดี่ยวเข้าไปถล่มช่วยเหลือหญิงสาวหลายนางออกมา ทว่ายังมีความลังเลอยู่มาก หากทำเช่นนั้นจริงมิเท่ากับว่าเผยตัวให้ศิษย์พี่รองทราบและสร้างความบาดหมางกระนั้นหรือ คิดได้ดังนี้ก็ขัดกับความรู้สึกของตนนักถึงแม้จะรู้ว่าเหลยเฟิงกระทำการชั่วช้าซักเพียงไหน แต่ไม่อาจผดุงความยุติธรรมได้ดังใจเพราะหน้าที่ในฐานะศิษย์ของอาจารย์มันรัดตัวจึงต้องคิดให้มากก่อจะลงมือ



“เหลยเฟิงส่งคนมาบอกค่ะว่าจะเข้ามาหาท่านพ่อในอีกสามวัน คงจะมาพูดเรื่องเดิมๆทั้งยังเรื่องของข้าอีกด้วย”



เม่ยเหนียงทำหน้าสลด เสวี่ยหมิงเห็นใจนางก็จริงแค่คาดว่าคงจะอยู่ที่นี้ต่อให้อีกแค่เจ็ดวันเท่านั้น ภายในเจ็ดวันนี้เขาคงจะตัดสินใจขาดได้ว่าจะผดุงความยุติธรรมหรือจะปล่อยเฉยแล้วเดินทางต่อไปดี



เสวี่ยหมิงเดินในเมืองกับเม่ยเหนียงจนเย็นย่ำ ได้ข้าวของกลับมามากมาย เมื่อกลับมาถึงยังค่ายอาชาก็ตรงไปยังกระโจมกลางเพื่อเตรียมรับประทานอาหารเย็นทันทีที่นั้นเสี่ยวหลงกับอู่เหว่ยกั๊วะรออยู่แล้ว



“พี่ใหญ่กลับมาแล้วหรือข้ารอท่านอยู่เลยนึกว่าท่านจะกลับมาไม่ทันอาหารเย็นเสียแล้ว”

แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเสี่ยวหลงเขาก็รู้สึกแช่มชื้น ทว่าพอคิดได้ว่าเด็กน้อยนี่ทอดทิ้งตัวเองให้หงอยเหงาพลันใบหน้ากลับบึ้งตึงขึ้นมา



“เจ้าต่างหากที่ข้านึกว่าจะเอาแต่นอนจนไม่ตื่นเสียแล้ว”



“พี่ใหญ่ก็พูดเกินไป ข้าแค่เปิดโอกาสให้ท่านกับเม่ยเหนียงได้อยู่ตามลำพังบ้างก็เท่านั้น”



เจ็บแปลบในอกเพราะคำพูดของเสี่ยวหลง นี่เจ้าไม่ใส่ใจข้าแล้วกระนั้นหรือ เขาอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาตัดพ้อไปแต่แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะเกรงว่าผู้อื่นจะเห็นท่าทางอันไม่น่าดูนี้



หลังจากรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อย เขาอยู่พูดคุยกับท่านอู่อีกนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกลับมายังกระโจมส่วนตัวพร้อมเสี่ยวหลง เมื่อกลับมาถึงความอัดอั้นตันใจก็ประทุขึ้นมาทันที



“หลายวันมานี้เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปเดินเที่ยวกับข้าและเม่ยเหนียง”



“ท่านไม่ชอบรึที่ได้อยู่ตามลำพังกับนาง” เสี่ยวหลงยิ้มกว้างตามนิสัยของมัน ในขณะที่เสวี่ยหมิงอึกอัก



“เจ้าก็รู้ว่าชายหญิงอยู่กันตามลำพังสองคนเป็นเรื่องไม่งาม”

พอได้รับฟังคำตอบ เสี่ยวหลงก็หัวเราะฮิฮะ มันยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกลดูแล้วทั้งน่ารักและน่ากลัวไปพร้อมๆกัน



“พี่ใหญ่คิดถึงข้าใช่หรือไม่”



“.........”



“จริงหรือไม่” มันย้ำคำเดิมชวนให้น่าหงุดหงิด ทว่ากลับไม่อยากนึกโกหกรักษาหน้าของตัวเองเท่าใดดังนั้นจึงตอบไปตามตรง



“ใช่” ตอบออกไปแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของเขาเห่อร้อน เสี่ยวหลงเมื่อได้ฟังก็ยิ้มหวาน มันเดินเข้ามาหาทั้งยังใช้มือทั้งสองข้างคล้องโอบรอบคอเขา



“พี่ใหญ่ท่านช่างน่ารักยิ่ง”



 มันยื่นหน้าเขามาใกล้เขาทั้งยังจุมพิตแผ่วๆลงมาบนริมฝีปาก แปลกนักเขาไม่เกิดความต่อต้าน ยิ่งเวลาถัดมาเด็กน้อยยังคลอเคลียอย่างอ้อยอิ่งทั้งยังหลับตาพริ้มคล้ายรอคอยให้เขาเสนอจูบครั้งต่อไป เสวี่ยหมิงลังเลใจว่าจะทำอย่างไรดี ไม่ปฏิเสธว่าเขามีความคิดอยากประทับจูบกับเสี่ยวหลง ทว่าร่างกายตอนนี้คล้ายกลายเป็นหินก็ไม่ปาน



“ฮิฮิ....พี่ใหญ่ถ้าท่านไม่รุกข้าจะรุกท่านนะ” กล่าวจบเด็กน้อยก็ประทับจูบแผ่วๆลงมาอีกหน สติสัมปชัญญะของเขาโบยบินไปไกลเสียแล้วในตอนนี้



“พี่ใหญ่เราเข้านอนกันเถอะ”



ทั้งที่ผ่านเวลาเย็นย่ำไปไม่นานเท่าไหร่ ทว่ากลับไม่คิดต่อต้านคำชวนของเสี่ยวหลง เด็กน้อยจับจูงลากพาเขาไปยังที่นอนนุ่ม สุดท้ายต้องลดตัวลงนอนปล่อยให้เสี่ยวหลงก่ายเกยเหมือนทุกค่ำคืน



เทพเซียนเอ๋ยเหตุใดถึงเล่นตลกให้หัวใจเขาเต้นแรงถึงเพียงนี้ เหตุใดข้าถึงได้ลุ่มหลงต่อเด็กชายเพศเดียวกันได้เยี่ยงนี้ ทว่าถึงแม้มีคำถามต่อฟ้า แต่หาได้มีความคิดว่าความรู้สึกของตนเป็นเรื่องผิดแปลกไป



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



มีคนถามเยอะเลยว่าเสวี่ยหมิงเคะหรือเมะ555555 ไม่บอกดีกว่า ปล่อยให้ลุ้น ขอบคุณที่ตามอ่านกันตลอดนะคะ



เม้นเป็นกำลังใจบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-03-2017 12:15:46
เจ้าเด็กน่าตายปากสุนัข กลับมาเห่าใกล้ ๆ พี่ใหญ่ได้แล้ว!
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2017 13:10:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 09-03-2017 13:13:52
  :z1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 09-03-2017 15:30:51
หมิงๆ ติดเล่ห์มารยาหนุ่ม(?)ซะแล้วววววว :hao7: ง่ะ ตอนนี้ยังไม่บู้หรอเนี่ย รอตอนหน้าก็ด้ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 09-03-2017 16:20:12
หมิงๆ ตกหลุมขอเด็ก(ปลอม)เจ้าเล่ห์แล้วว
#เชียร์ศิษย์พี่สองให้รุกค่ะ #อิ้อิ้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 09-03-2017 17:23:30
รักกันล้าววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-03-2017 19:30:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-03-2017 19:59:56
เสี่ยวหลง - หลงเยี่ยอิง - องค์ชายแปด 
หลายบทบาทเลยนะ คนๆเดียว :katai2-1:
เสี่ยวหลง เสวี่ยหมิง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
กล้าลวนลาม รุกเสวี่ยหมิง ใหญ่เลยนะ เสี่ยวหลง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 10-03-2017 08:05:00
 :hao4: แอบเชียร์เสียวหลงให้เป็นอุเคะ แฮดซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่21 p8 9/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 10-03-2017 09:18:17


ตามขอรับ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 10-03-2017 13:32:40

ตอนที่22

“พี่ใหญ่ที่ข้าไม่ตามติดท่านกับเม่ยเหนียงไปทั้งหมดเพื่อให้การเล่นเป็นคนรักของพวกท่านสมจริง ดังนั้นข้าถึงได้อดทนเพียงเท่านั้นเอง”

นี่เป็นคำพูดอธิบายของเสี่ยวหลงก่อนที่ต่างคนจะหลับตานอนไป เสวี่ยหมิงเมื่อตื่นนอนแล้วคิดไปคิดมาก็พบว่ามีเหตุผล บางทีการที่เขาออกไปไหนมาไหนตามลำพังกับเม่ยเหนียง เรื่องราวเหล่านี้อาจลอยลมไปถึงหูของเหลยเฟิงบ้างก็ได้ ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้คงทำให้เหลยเฟิงเชื่อถือในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนาง เป็นแบบนี้แล้วจุดประสงค์คงบรรลุง่ายดายดั่งที่เสี่ยวหลงกล่าว

             

  เช้าวันนี้คล้ายว่าเสี่ยวหลงจะอารมณ์ดีกว่าทุกๆวัน เด็กน้อยเข้ามาประจ๋อประแจ๋รอบตัวเขาเหมือนเดิมอีกครั้ง เสวี่ยหมิงด้วยความอายจึงแสร้งทำเป็นเย็นชา ทว่าเสี่ยวหลงหาได้สนใจไม่มันยังคงหน้าด้านหน้าทนไม่สนความรู้สึกผู้ใดนอกจากตัวเองอยู่เหมือนเดิม

         

     “พี่ใหญ่กลิ่นกายท่านช่างหอมนัก” ไม่พูดเปล่ายังซูดดมกลิ่นกายเขาจนชื่นปอด เขาไม่เคยสังเกตกลิ่นกายของตัวเองเท่าใดนัก แต่กับเสี่ยวหลงหมู่นี้บ่อยครั้งที่เขาลอบซูดกลิ่นกายหอมๆจากตัวเด็กน้อย

           

   “มีแต่กลิ่นเหงื่อกับคราบไคลข้ายังไม่ได้อาบน้ำจะหอมอันใดกัน”

           

   “ถ้าอย่างนั้นเราไปอาบน้ำกันดีหรือไม่พี่ใหญ่”

           

   ถูกชักชวนให้ไปอาบน้ำย่อมไม่แปลก ทว่าอาบน้ำย่อมต้องเปลือยกาย แต่ก่อนที่เขาจะรู้ใจตัวเองก็เคยเห็นเสี่ยวหลงเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเผยผิวกายอยู่บ่อยครั้ง แต่ครานี้ไม่รู้ว่าเขาจะทนความตื่นเต้นยามเห็นเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเด็กน้อยนี่ได้หรือไม่

         

     “เอ่อ....”

           

    ยังไม่ทันได้กล่าวตกลงเสี่ยวหลงก็ออกจากกระโจมไป หายไปนานพอสมควรเด็กน้อยก็กลับเข้ามาในกระโจมพร้อมกับคนของค่ายอาชา คนของค่ายนำอ่างอาบน้ำขนาดที่พอให้สองคนอาบร่วมกันได้มาจัดวางก่อนจะเริ่มต้นต้มน้ำตามคำขอของเสี่ยวหลงตรงหน้าเขา

           

    “น้ำร้อนพอดีหรือไม่ขอรับคุณชายหลง”

 คนของค่ายอาชาถาม เสี่ยวหลงทดสอบโดยการจุ่มมือลงไปในอ่างซึ่งเต็มไปด้วยน้ำร้อน เมื่อมันคิดว่าพอเหมาะมันจึงกล่าวขอบคุณและขอให้คนของค่ายอาชาออกไปทั้งหมด

             

  “ฮิฮิ”

 เสี่ยวหลงอารมณ์ดียิ่ง มันรีบเปลื้องผ้าทีละชิ้นพลางฮัมเพลงในลำคอ เมื่อผ้าผ่อนหลุดออกจากกายทั้งหมดมันหันไปเผชิญหน้ากับพี่ใหญ่ของมัน

             

  “...........”

 พี่ใหญ่ของมันแข็งค้างเป็นหิน ช่างน่ารักยิ่งนัก นอกจากนั้นดวงตาที่จ้องมองมาที่มันยังเบิกโพลงมันสงสัยว่ามองดูที่ตรงไหน ทว่าถ้าสังเกตให้ดีดีย่อมเข้าใจว่าพี่ใหญ่จดจ่อที่มังกรน้อยของมันไม่ผิดแน่   

“.........”

เสวี่ยหมิงจ้องมองจนตาค้าง ผิวกายเปลือยเปล่าของเสี่ยวหลงนับว่าเรียบเนียนทั้งยังขาวใสยิ่ง ไม่รู้ทำไมตาเจ้ากรรมกลับไม่อาจละสายตาจากเครื่องเพศของเสี่ยวหลงได้ เหตุใดนะเด็กน้อยจึงได้ใหญ่โตเกินตัวเยี่ยงนี้

“พี่ใหญ่.......หากท่านไม่ถอดอย่างนั้นช่วยถูหลังให้ข้าก่อนดีหรือไม่ ข้าหนาวนะ ท่านช่วยอาบน้ำให้ข้าที่สิ”

เสียงของเสี่ยวหลงช่างกวนราคะ เด็กน้อยค่อยๆหย่อนกายลงในอ่างน้ำ พลางวักน้ำใส่ตัวลูบไล้เนินเนื้อตามร่างกายดูแล้วช่างเย้ายวน เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าวิญญาณและความคิดอ่านไปอยู่ที่ใด ร่างกายกลับเดินไปหาเสี่ยวหลงหยิบเอาผ้าหนึ่งผืนจุ่มลงในน้ำบิดหมาดแล้วถูลงไปบนแผ่นหลังของเด็กน้อย

“คิกๆพี่ใหญ่ถูหลังเก่งจัง ท่านเชี่ยวชาญการอาบน้ำถึงเพียงนี้ ข้าคงต้องให้ท่านมาช่วยข้าบ่อยๆแล้ว”

ด้วยน้ำเสียงยั่วเย้ากับร่างกายขาวใสตรงหน้า ร่างกายของเสี่ยวหลงใช่ว่าจะผอมบางอย่างอิสตรี แต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามสมวัยของเด็กชาย กระนั้นก็ยังทำให้เลือดลมสูบฉีดจนรู้สึกร้อนผ่าวที่ปลายจมูก

“พี่ใหญ่ท่านถูหลังข้าพอแล้วข้างหน้าบ้างสิ”

เสี่ยวหลงหันกลับไปหาพี่ใหญ่ของมันตั้งใจหว่านเสน่ห์หยอกเย้าเสวี่ยหมิงสุดฤทธิ์ ตามจริงแล้วมันพอทราบอยู่บ้างว่าพี่ใหญ่คงมีใจให้มันไม่มากก็น้อย ครั้งนี้มันจึงได้จงใจรุกเข้าหาอย่างจริงจัง เพื่อดูปฏิกิริยาของพี่ใหญ่ให้มั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าแท้จริงแล้วคิดกับมันมากน้อยแค่ไหน

ทว่าเมื่อหันหลังไปก็พบว่าพี่ใหญ่ของมันเลือดกำเดาไหลโกรก เสี่ยวหลงคาดไม่ถึงว่าแผนการเย้ายั่วของมันจะกระตุ้นเร้าพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้

“พี่ใหญ่ท่านอยู่นิ่งๆก่อนนะ”

 เสี่ยวหลงทั้งดีใจทั้งสงสารพี่ใหญ่ของมัน มันดีใจที่พี่ใหญ่รู้สึกกับมันจนถึงขั้นนี้ ในขณะเดียวกันนึกตำหนิตัวเองที่ล้อเล่นมากไปจนพี่ใหญ่ถึงกับต้องหลั่งเลือดออกมา เสี่ยวหลงลุกออกจากอ่างน้ำรีบไปหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดให้เสวี่ยหมิง ไม่คาดว่าพี่ใหญ่ของมันจะผลุนผลันออกไปนอกกระโจมทั้งที่หน้ายังแดงก่ำ ตอนนี้เองที่มันฉุกคิดขึ้นได้ตอนนี้มันเปลือยเปล่าโล้งโจ้งเห็นกระจ่างตายิ่งกว่าตอนที่อยู่ในอ่างน้ำเสียอีก

เสวี่ยหมิงเดินออกมานอกกระโจมด้วยแววตาเหม่อลอย หัวใจของเขาเต้นตึกตักจนแทบทะลุออกมานอกอก เด็กน้อยช่างน่าตายนัก กล้าล้อเล่นกับเขาถึงเพียงนี้ คิดแล้วก็นึกโกรธขึ้นมา ทว่าในหัวไม่อาจสลัดภาพกายเปลือยเปล่าของเสี่ยวหลงไปได้ ถึงแม้ว่าความเป็นชายอันใหญ่โตเกินรูปร่างจะสร้างความตระหนกให้เขาบ้างก็ตามที

ขณะที่ครุ่นคิดด้วยความเหม่อลอย พลันได้ยินเสียงหวานใสดังอยู่ข้างหู เสวี่ยหมิงหลุดออกจากภวังค์และพบว่าเม่ยเหนียงมาอยู่ตรงหน้าเขา

“พี่ใหญ่มีข่าวดีค่ะ”

“อะไรหรือเม่ยเหนียง”

“จ้าวเมืองเหวยกังติดต่อมาที่ค่ายอาชาของเรา มีพระราชสารจากฮ่องเต้พระราชทานยศให้กับท่านพ่อในตำแหน่งเจ้ากรมม้าหลวง ทั้งยังขอให้เราย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองหลวงภายในสองอาทิตย์ด้วยค่ะ”

“เป็นเรื่องจริงหรือ”

“จริงค่ะพี่ใหญ่ ตอนนี้จ้าวเมืองเหวยกังคุยกับท่านพ่ออยู่แถมยังส่งกองกำลังทหารมาช่วยดูแลเคลื่อนย้ายคนและม้าของค่ายอาชาเป็นจำนวนมาก”

“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแต่เรื่องของเหลยเฟิงสิ” เสวี่ยหมิงถาม

“ท่านพ่อส่งจดหมายไปปฏิเสธการดูตัวกับเหลยเฟิงแล้วค่ะ เมื่อวันก่อนดังนั้นวันนี้เหลยเฟิงจึงส่งคนมาแจ้งเพื่อขอเข้าพบท่านพ่ออีกครั้งเย็นนี้ค่ะ ยังไงต้องรบกวนพี่ใหญ่ช่วยเล่นละครด้วยนะคะ”

“ย่อมได้อยู่แล้วเม่ยเหนียง เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”

เสวี่ยหมิงดีใจกับการได้รับตำแหน่งของท่านอู่ และคิดว่าท่านอู๋คงไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังรู้สึกยินดีที่เรื่องของเม่ยเหนียงกับเหลยเฟิงจะจบลงได้เสียที เพราะตอนนี้มีราชสำนักคอยหนุนหลังค่ายอาชา ถึงแม้ว่าจะปฏิเสธข้อเสนอทุกอย่างของเหลยเฟิงไปหมด ฝ่ายนั้นย่อมไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม

“พี่ใหญ่แล้วเสี่ยวหลงล่ะคะ”

“ช่างเจ้าลูกเต่านั่นเถอะ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่าไหมเม่ยเหนียง”

“ดีเลยค่ะ ท่านพ่อคงสนทนากับจ้าวเมืองเหวยกังอีกนาน คงไม่ได้มาทานร่วมกับเรา ข้าเองก็หิวจนท้องกิ่วแล้วเราสองคนไปทานกันก่อนน่าจะไม่ผิดอะไร”

กล่าวจบเม่ยเหนียงก็จูงมือเขาไปตามทาง เดินออกไปยังไม่พ้นกระโจมดีนัก เสี่ยวหลงก็ออกมาจากกระโจมส่งเสียงโวยวายกระเง้ากระงอดหาว่าพวกเขาไม่รอทั้งยังกีดกัน

“พวกท่านตั้งใจจะกีดกันไม่ให้ข้าร่วมวงใช่หรือไม่ถึงได้ไปทานอาหารโดยไม่รอข้า” เสี่ยวหลงแสร้งขยี้เท้าแสนงอนต่อหน้าพี่ใหญ่ของมัน

“ใครกีดกันเจ้ากันหา คาดว่าเจ้าตื่นสายพี่ใหญ่ต้องหิ้วท้องรอเจ้าด้วยรึ”

 เม่ยเหนียงยืนเท้าเอวตำหนิเสี่ยวหลง ตามจริงเสวี่ยหมิงยังโกรธที่เด็กน้อยเย้าหยอกเขาในอ่างน้ำไม่หาย แต่เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำกับท่าปาดน้ำตาปอยๆก็ให้นึกใจอ่อน สุดท้ายต้องยอมลืมความแค้นเมื่อครู่ไปเสียแล้วปล่อยให้มันเกาะติดไปทุกหนทุกแห่งเช่นเดิม

“พอทีเสี่ยวหลงหิวก็รีบมา เร็วเข้า”

เสวี่ยหมิงยื่นมือไปให้เสี่ยวหลงจับ เด็กน้อยรีบคว้าหมับใบหน้าเปลี่ยนจากสลดเป็นยิ้มกว้างสดใส ภาพสองพี่น้องสนิทสนมชิดใกล้ช่างบาดตาและทรมาณจิตใจของเม่ยเหนียงนัก นางเองก็อยากให้พี่ใหญ่เอาอกเอาใจนางทุกการกระทำอย่างที่ทำกับเสี่ยวหลงบ้าง ทว่านางในตอนนี้ไม่อาจทัดเทียมกับเจ้าตัวน่าตายนี้ได้แม้เพียงนิด ภายในใจของพี่ใหญ่คงมีแต่เสี่ยวหลงอยู่ทั่วทุกแห่งแล้วกระมัง

“เม่ยเหนียง รีบมาเถอะ” พี่ใหญ่หันมาทั้งยังยื่นมือมาให้จับ นางลิงโลดอย่างหนัก พี่ใหญ่ใจดีกับนางเพียงแค่นี้นางก็เหมือนกับจะลอยให้ได้

“รอข้าด้วยสิพี่ใหญ่”

 นางสาวเท้าวิ่งไปคว้าเอามือของพี่ใหญ่มาจับ แม้ว่าหลังจากนั้นเสี่ยวหลงจะกล่าวล้อเลียนนาง นางก็หาได้ใส่ใจไม่แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นนางอยากจะใกล้ชิดกับพี่ใหญ่ให้มากก่อนที่จะจากลากันไปแสนไกล

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

คนเขียนเขียนฉากบู๊ไม่เก่งเลย ทว่าอีกไม่กี่ตอนต้องเขียนและ กระนั้นไม่ใช่ฉากใหญ่โตอะไร

อย่าคาดหวังมากคนเขียนกลัวล้าววววววว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันตลอดนะคะ

ที่ช่วงนี้มาสั้นๆเพราะมันเขียนยากแต่จะมาให้บ่อยนะจ๊ะ

เม้นเป็นกำลังใจกันบ้าง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 10-03-2017 13:46:48
ติดตามอยุ่จ้าาา
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-03-2017 14:15:52
ถ้าเห็นตัวจริงของเสี่ยวหลง พี่ใหญ่อาจช็อคได้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 10-03-2017 15:39:01
 :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 10-03-2017 18:09:36
ถึงกับเลือดกำเดาไหลกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 10-03-2017 19:21:59
 o13 ไม่ต้องซีเรียสเรื่องฉากบู้หรอกเราอ่านหมด 5555 :hao7:  แต่อย่างไรก็ตามหลงๆต้องเมะแน่นวล ฮุๆๆๆโฮะๆๆๆ :laugh: :hao6: คนอ่านสอบเสร็จแล้วววว ดีใจมั่ก5555 จะเข้ามาเช็คบ่อยๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 10-03-2017 20:15:50
เสี่ยวหลงเคะก้อดีนะอิอิ แรดเหลือเกิน :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-03-2017 20:23:12
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ
เค้าอ่านได้หมดเลย
ขอแค่มาต่อบ่อยๆนะคะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 10-03-2017 20:24:29
 :laugh: พี่ใหญ่ช่างไม่มีภูมิต้านทานเอาซะเลย แค่นี้ก็เลือดกำเดาไหลแย้ว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 10-03-2017 21:07:14
ติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-03-2017 22:30:22
พี่ใหญ่เด็กน้อย 55555

ถึงกับเลือดกำเดาพุ่ง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 10-03-2017 22:41:48
มาแล้ว.....

มาต่ออีกนะขอรับ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-03-2017 02:33:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 11-03-2017 08:30:42
สงสารพี่ใหญ่เหลือเกิน  :mew2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 11-03-2017 11:14:30
อ่านทันแล้ว สนุกมากๆครับ ต่อๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 12-03-2017 22:10:27
สนุกมากเลยครับ  ขอเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยคน แต่มีเรื่องขัดใจอยู่ตรงเดียว  ที่(คาดว่าตัวเอกคงจะเป็นนายเอกแน่ๆดูจากความโง่งมขนาดนี้ คงโดนกดแน่ๆ)  อยากให้ตัวเอกฉลาดๆกว่านี้หน่อย  แค่นี้ก็โดนเขาหลอกใช้จะแย่แล้ว  แถมใจดีเกินเหตุ  เดียวก็ได้ตายก่อน ดูที่ผ่านๆมา  ยังไม่มีใครจริงใจเท่าอาจารย์เลย  ถึงตอนแรกจะหวังผล  แต่ตัวเอกก็ยังได้ประโยชน์จากการหวังผลนั้นมากกว่าเสียอีก  ไม่รู้จะมีใครที่จะเสียสละให้ตัวเอกมากกว่านี้รึเปล่า  จากที่ดูมามีแต่หวังผล  มากกว่าได้ประโยชน์  แถมรักครั้งนี้จะทำพิษพอดู  กว่ารู้ความจริงจะทำใจไม่ได้จะเสียคนเสียเปล่า  รอๆๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่22 p8 10/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: orange_object ที่ 13-03-2017 14:14:47
ตบเข่าฉาด! วุ้ย องค์ชายแปด หมั่นใส้ 55555 ยิ่งอ่านยิ่งมัน ติดเรื่องนี้จริงจัง
เค้าจุ๊บกันแล้วด้วยล่ะ รุกเลยเสี่ยวหลง ทำดีมาก เดี๋ยวดูต้นทางให้ ตามหมิงหมิงต่อไป ใครจะได้บู๊นะ รอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 15-03-2017 10:51:44
ตอนที่23



หลังจากทานอาหารเช้าเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงดูเหมือนว่าเหลยเฟิงจะมาขอเข้าพบก่อนถึงกำหนดการ ขณะนั้นเป็นเวลาที่พวกเสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงอยู่กับอู่เหว่ยกั๊วะ ท่านอู่เชิญให้แขกมาเข้าพบโดยที่มีพวกเสวี่ยหมิงอยู่ด้วยตามแผนที่วางไว้



“คารวะท่านอู่เหวยกั๊วะ”



 เหลยเฟิงประสานมือเคารพอู่เหวยกั๊วะ ทันทีที่เสวี่ยหมิงได้พบเห็นคนผู้นี้เขาก็อดชื่นชมในความหล่อเหลาของมันไม่ได้ เหลยเฟิงนับว่าเป็นชายรูปงามผู้หนึ่ง อีกทั้งลักษณะท่าทางยังดูชาญฉลาด คาดว่าคงมีอิสตรีไม่น้อยลุ่มหลงในตัวของมันในทันทีที่พบหน้า



“ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองนักหรอกท่านเหลยเชิญนั่งเถิด”



 เหลยเฟิงไม่พูดพล่ามนั่งลงบนเบาะที่ถูกจัดเตรียมไว้ มันใช้ดวงตายาวรีเพ่งมองไปยังบุคคลแปลกหน้าซึ่งอยู่ร่วมสถานที่ คนหนึ่งเป็นชายรูปงามที่นับว่าหาได้ยาก รูปร่างสูงโปร่งอีกทั้งยังกริยางามหมดจด ส่วนอีกคนยังเยาว์กว่าเป็นเด็กชายผอมสูงเตี้ยกว่าคนแรกไม่มากน้อย ลักษณะท่าทางและหน้าตาดูฉลาดเฉลียว



 เนื่องจากภายในห้องเต็มไปด้วยคนที่มีลักษณะดีเลิศเหลยเฟิงจึงรู้สึกละลานตา จะคนแปลกหน้าทั้งสองก็ดี จะอู่เหว่ยกั๊วะและอู่เม่ยเหนียงก็ดี จัดว่าต้องตาต้องใจมันทั้งนั้น หากว่าตัวมันไม่ได้ฝึกวิชาหยกรัญจวนซึ่งจำต้องดูดธาตุหยินจากสตรีในการฝึกมันคงสนใจอยากลิ้มลองมั่วสุมดูซักครา



เหลยเฟิงไม่มีความรู้สึกว่าความต้องการของมันผิดแปลกสำนักกุสุมาลย์ของมันมุ่งฝึกวิชาที่เน้นความสมดุลของหยินและหยาง ดังนั้นจึงเห็นการเสมสมทางกายเป็นเรื่องดีงามไม่ว่าจะกับชายหรือหญิงหากทำให้มีความสุขย่อมไม่ขัดต่อกฏสำนัก



ด้วยสำนักกุสุมาลย์ปลูกฝังศิษย์ทุกรุ่นให้เชื่อในเรื่องสุขนิยม ในร่างกายของบุรุษและสตรีล้วนต่างมีธาตุหยางและหยินแตกต่างกัน ฉะนั้นวิชาหยกรัญจวนจึงว่าด้วยการมีเพศสัมพันธ์เพื่อดูดกลืนธาตุจากเพศตรงข้ามเพื่อนำมาปรับสมดุลแล้วฝึกฝนจนร่างกายไม่ธรรมดาเหนือผู้อื่น ตัวมันเองตอนนี้นับว่าฝึกไปถึงขั้นที่สิบเหลือเพียงอีกสองขั้นเท่านั้นก็จะบรรลุถึงขั้นสุดยอด



หากว่ามันบรรลุวิชาหยกรัญจวนถึงขั้นสุดยอดแม้แต่ประมุขพรรคมังกรพิโรธอย่างจูเยว่สวียนที่สำเร็จวิชาหนึ่งอสูรพิชิตเทวะยังไม่อาจทัดเทียมมัน ดังนั้นมันจึงรวบรวมหญิงสาวมากมายมาเพื่อฝึกวิชา สำหรับมันอิสตรีงดงามแค่ไหนล้วนมีค่าแค่เพียงยามที่นางบริสุทธิ์เท่านั้น เพราะวิชาของมันจำเป็นต้องดูดธาตุหยินบริสุทธิ์ซึ่งมีในสาวพรหมจรรย์เท่านั้น



กระนั้นมีเพียงอู่เม่ยเหนียงที่มันต้องตาต้องใจอยากจะได้ไปเป็นฮูหยินของมันแล้วพากลับไปยังหลีที่ซึ่งเติบโตมา ตามจริงมันไม่ควรเหลวไหลเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องในเวลานี้ ยิ่งได้รับคำสั่งจากองค์ชายตวนมู่หรงมันยิ่งต้องทำอย่างสุดความสามารถ



ทว่ามันไม่อาจหักห้ามใจต่อเม่ยเหนียงผู้งดงามได้จริงๆ ดังนั้นจึงฉวยโอกาสใช้อำนาจในมือกดดัน ทั้งที่อันที่จริงแล้วจะลักพาตัวไปโดยไม่บอกก็ได้นับว่ารักครั้งนี้ของมันใสซื่อบริสุทธิ์จนน่านับถือยิ่งนัก



“ที่ข้ามาวันนี้เพราะอยากทราบเหตุผลที่ท่านปฏิเสธข้าน้อย โปรดชี้แจ้งให้ข้าได้ทราบด้วยท่านอู่”

อู่เหวยกั๊วะยิ้มพราย มันตอบคำถามอย่างชัดแจ้งทันที



“ตามจริงข้าตั้งใจจะบอกว่าเม่ยเหนียงมีคนรักอยู่แล้ว และนางตั้งใจจะแต่งงานกับคนผู้นั้น”



“อันใดกัน ไหนตอนแรกท่านบอกว่านางยังไม่มีผู้ใด” เหลยเฟิงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเฉียบพลันแต่ยังรักษาอาการเอาไว้ได้อยู่



“แล้วผู้ใดกันที่เป็นคนรักของนาง”



“คุณชายเสวี่ยหมิงที่นั่งอยู่ข้างๆบุตรีข้านั่นไงเล่า”



อู่เหว่ยกั๊วะผายมือไปทางเสวี่ยหมิง เหลยเฟิงจ้องมองตาแถบไม่กระพริบ ตามจริงมันมีใจชอบพอในรูปร่างหน้าตาของเสวี่ยหมิงอยู่ไม่น้อย ทว่ามันเองก็มีความคิดเป็นของตัวมัน มันไม่พอใจอย่างหนักที่มีคนมาแย่งในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นจึงส่งสายตาลุกวาวไปปะทะบอกล่าวเป็นนัยๆให้อีกฝ่ายถอนตัวไปเสีย



เสวี่ยหมิงใช่ว่าจะไม่เข้าใจความต้องการที่สื่อออกมาทางแววตาของเหลยเฟิง ทว่ากลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยมิตรภาพไปให้ ตามจริงจากรูปปลักษณ์หน้าตาหากไม่รู้มาก่อนว่าคนผู้นี้ฝึกวิชานอกรีตเขาคงไม่สามารถเดาได้แน่ๆ เนื่องจากบุคลิคท่าทางการวางตัวล้วนบ่งชี้ว่าถูกขัดเกลามาอย่างดี



คนเรานี่มองด้วยเพียงตาเปล่าไม่ได้จริงๆ หากไม่ได้ศึกษาลักษณะนิสัยให้ลึกซึ้งก็จะไม่รู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นเช่นไร



“เข้าใจล่ะ ข้าไม่ใช่คนพูดไม่รู้ความเรื่องของบุตรีท่านถือว่าข้าเลิกราเท่านี้ แต่เรื่องต้อนม้าไปยังรัฐหลีเล่าท่านอู่จะว่าอย่างไร” เหลยเฟิงถาม



“เห็นทีเรื่องนั้นเองก็ต้องปฏิเสธเช่นกัน เมื่อเช้าข้าพึ่งได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ให้รับตำแหน่งเจ้ากรมม้าหลวงอีกไม่นานข้าจะย้ายถิ่นฐานไปประจำอยู่ที่เมืองหลวง ดังนั้นคงทำตามที่ท่านประสงค์มิได้”



เหลยเฟิงแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวแวบหนึ่ง กระนั้นไม่อาจหลุดรอดจากสายตาของผู้คนในกระโจมได้ มันนอกจากจะพลาดหวังเรื่องส่วนตัวแล้ว กระทั่งเรื่องที่ได้รับมอบหมายมายังผิดพลาด ครานี้คาดว่าคงถูกตำหนิอย่างหนัก โชคดีที่ด้วยฐานะและความสัมพันธ์อันดีระหว่างมันกับองค์ชายตวนมู่หรง ท่านผู้นั้นคงไม่ลงโทษมันหนักหนาเกินไป



เหลยเฟิงได้แต่สงสัยอยู่ในใจว่าเหตุใดฮ่องเต้รัฐฉินจึงได้มีราชโองการมาในประจวบเหมาะถึงเพียงนี้ ทว่าอาจเป็นความบังเอิญก็เป็นได้ เพราะว่าชื่อเสียงของค่ายอาชาก็ใช่ว่าจะไม่มี ในยุทธภพนี้ค่ายอาชาของอู่เหว่ยกั๊วะเลื่องชื่อในด้านเพาะม้าเหงื่อโลหิตซึ่งใครๆต่างก็รู้ดี



“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ยินดีกับท่านด้วย ยังไงข้าขอตัวลาเลยก็แล้วกัน”



ฉากหน้ามันแสร้งทำเป็นยอมไปแต่โดยดี แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่ม แค่เห็นอู่เหมยเหนียงหันไปส่งยิ้มให้ชายคนรักมันยิ่งเหมือนถูกไฟสุมทรวง เฮอะ ขอดีดีไม่ให้ อย่ามาหาว่ามันเลวร้ายก็แล้วกัน ไม่ว่ายังไงมันจะต้องพาเด็กหญิงนี้ไปกับมันให้ได้



หลังจากเหลยเฟิงกลับไปเม่ยเหนียงก็อยู่ในอาการร่าเริงยิ่ง นางทั้งยิ้มทั้งหัวเราะจนพลอยทำให้คนรอบตัวมีความสุขสดชื่นไปด้วย



“ถ้าอย่างนั้นอีกไม่กี่วันข้าจะขอตัวลาเพื่อเดินทางต่อไปนะขอรับท่านอู่” สวี่ยหมิงเริ่มเปิดประเด็น เม่ยเหนียงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หุบยิ้มทันที



“พี่ใหญ่จะไปเมื่อไหร่คะ”



“คาดว่าจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเลย” เสวี่ยหมิงตอบ



“เร็วอะไรอย่างนี้”



เม่ยเหนียงได้แต่พึมพำกับตัวเอง ตามจริงนางใช่ว่าจะไม่เตรียมพร้อมรับการลาจาก หลายวันมานี้นางคาดว่าวันใดวันหนึ่งพี่ใหญ่ของนางต้องจากไปดังนั้นจึงได้สั่งทำป้ายหยกเอาไว้เป็นของขวัญเพื่อให้พี่ใหญ่รำลึกถึงนาง เป็นเรื่องโชคดีจริงๆที่ป้ายหยกที่สั่งทำไว้น่าจะเสร็จในช่วงเช้าของวันนี้ เพื่อไม่ให้ของขวัญชิ้นนี้เป็นหมันไปนางจึงวางแผนที่จะไปรับเอาสิ่งนั้นมาอย่างเร่งด่วน



“ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อพี่ใหญ่เสี่ยวหลงข้ามีธุระนิดหน่อยข้าตัวก่อนนะคะ” นางรีบปลีกตัวจากสถานที่นั้น ก่อนจะสาวท้าวไปยังคอกม้า สั่งให้ข้ารับใช้ของค่ายอาชานำม้าออกมาให้นางหนึ่งตัว



“คุณหนูจะไปที่ใดหรือขอรับ” พ่อบ้านของค่ายอาชากล่าวกับนาง



“ข้าจะไปรับของที่เมืองเหวยกัง ตอนนี้ข้ากำลังรีบ อย่าได้ซักถามมาก”



“ถ้าอย่างนั้นนำคนติดตามไปด้วยสิขอรับคุณหนู” กล่าวจบพ่อบ้านก็เรียกคนของค่ายอาชามาสี่ถึงห้าคนแต่ละคนล้วนหน่วยก้านดีทั้งนั้น



“ถ้าจะตามไปด้วยก็รีบเข้าข้ามีเวลาไม่มาก” เมื่อนางอนุญาตเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็เตรียมม้าของตัวเองก่อนจะตามติดเม่ยเหนียงไปยังร้านเครื่องประดับที่เมืองเหวยกัง



...



ยอมรับว่าตอนนี้มาน้อยและสั้นแถมหายไปหลายวัน ขออำภัยนะจ๊ะแต่ไม่เกินสองวันจะเอามาต่อลงน้า


เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 15-03-2017 11:47:42
สั้นเกินไปแล้ว หายไปหลายวันด้วย งอล....ชิชิ

ล้อเล่น5555 มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 15-03-2017 12:24:56
 สรุปว่าแอบอ้างเป็นลูกน้องศิษย์พี่รองใช่มั้ยเนี้ยยย !!!
:pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-03-2017 12:35:18
อูเม่ยเหนียง ไปรับหยกแกะสลักในเมือง
แบบนี้เข้าทางเหลยเฟิงเลย
เหลยเฟิง ต้องแอบซุ่มรอ นอกค่าย
เพื่อดักจับอูเม่ยเหนียงแน่เลย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.ไรท์ ต้องเป็นหนอนหนังสือแน่เลย
อ่านเรื่องของหวงอี้  อย่าง
มังกรคู่สู้สิบทิศ จอมคนแผ่นดินเดือด
และเทพมารสะท้านภพ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 15-03-2017 12:51:38

รอต่อขอรับ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 15-03-2017 14:30:02
ชะล่าใจไปแล้ว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-03-2017 16:13:31
ช่างเป็นวิชาบัดซบจริง ๆ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 15-03-2017 17:55:23
เย้มาแว้ววว เข้ามาเช็คทุกวันเบยยยย รอบนี้หลงๆไม่มีบท ฮาาา หมิงๆก็ต้องชิดซ้ายเมื่อตัวโกงมา บทนี่มีแต่เฟย  :hao7: รอดูสิ นางจะทำอะไร จะลักตัวหญิงเรอะ :z2: :z10:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 15-03-2017 20:30:37
เม่ยเหนียงโดนลักพาตัวแน่เลยอะะะะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่23 p9 15/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-03-2017 20:33:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 16-03-2017 14:04:03
ตอนที่24


หลังจากเม่ยเหนียงผละไปเสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงยังอยู่พูดคุยกับอู่เหว่ยกั๊วะในกระโจม พวกเขาสนทนาถกเถียงกันหลายเรื่องรวมไปถึงเรื่องที่ท่านอู่ได้รับราชโองการอีกด้วย


“จริงๆพวกเราต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงในอีกไม่นาน คุณชายเสวี่ยหากว่าการเดินทางของเจ้าไปในทางเดียวกับเราก็เดินทางร่วมไปกับเราเถอะนะ”


เสวี่ยหมิงนิ่งคิดตามจริงพรรคมังกรพิโรธนั้นอยู่ในหุบเขาหมื่นปีซึ่งตั้งอยู่ทางชายแดนทิศเหนือ หากเดินทางไปกับท่านอู่ซึ่งจะไปยังเมืองหลวงที่อยู่ตรงภาคกลางก็น่าจะไม่มีปัญหาอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นได้เม่ยเหนียงคงจะดีใจน่าทีเดียว


“ว่าอย่างไรเล่าคุณชายเสวี่ย ข้อเสนอของข้าเจ้าเห็นเป็นเช่นไร”


“ถ้าไม่เป็นการรบกวนท่านอู่มากเกินไปพวกเราก็ขอร่วมเดินทางไปด้วยจนถึงเมืองหลวงนะขอรับ”


เสวี่ยหมิงตกลงใจได้ในที่สุด อู่เหว่ยกั๊วะยิ้มกว้างท่าทางพึงพอใจ ตามจริงแล้วมันใช่ไม่รู้ว่าบุตรีหลงไหลในตัวเสวี่ยหมิง การที่มันชวนให้ร่วมเดินทางไปด้วยนอกจากอยากรักษาไมตรียังต้องการเปิดโอกาศให้ลูกรักสานสัมพันธ์อันดีงามกับคนแซ่เสวี่ย


“นายท่าน” ขณะที่กำลังจะกล่าววาจาต่อไป พ่อบ้านของสกุลอู่ก็วิ่งเข้ามาหน้าตื่น คนในกระโจมทั้งหมดหันไปมองพ่อบ้านเป็นจุดเดียว


“คนของเราถูกทำร้ายกลับมา ทั้งคุณหนูก็ถูกลักพาตัวไปด้วยคนชุดดำขอรับ”


 กล่าวจบคนของค่ายอาชาก็แบกคนเจ็บเข้ามา อู่เหว่ยกั๊วะร้อนใจถึงที่สุดรี่เข้าไปซักถามคนเจ็บ เสวี่ยหมิงรีบขยับลุกตามไปดู


“นายท่านข้าไร้ความสามารถ ทำให้คุณหนูถูกชายชุดดำลักพาตัวไประหว่างการเดินทางไปเมืองเหวยกัง”


คนเจ็บพยายามเค้นวาจาพูดดูจากบาดแผลตามร่างกายเสวี่ยหมิงคาดว่าคงพยายามอย่างมากที่จะหนีกลับมาเพื่อแจ้งข่าวร้าย


“เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าคนลักพาตัวบุตรีข้าไปเป็นใคร”


“ไม่รู้ขอรับนายท่านพวกมันปกปิดหน้าตาและล้วนใส่ชุดดำ พวกมันไม่พูดไม่จาตรงเข้าทำร้ายพวกเรา มีข้าแค่คนเดียวที่รอดกลับมาได้ขอรับ”

อู่เหว่ยกั๊วะฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ


“นำคนเจ็บไปพักผ่อน”


 เมื่อไม่รู้จะสืบหาความอะไรอีกจึงสั่งให้ข้ารับใช้นำคนเจ็บออกไป เสวี่ยหมิงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ครุ่นคิดอยู่แต่แรก เขาใช่จะเดาไม่ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง กระนั้นก็ยังเป็นแค่การคาดเดา


“ท่านลุงอู่ข้าคิดว่าเม่ยเหนียงอาจจะถูกเหลยเฟิงลักพาตัวไปก็ได้”

เสี่ยวหลงเป็นคนพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาออกไป ทุกคนในกระโจมหันไปมองที่เด็กน้อยเป็นจุดเดียว



“เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้นเสี่ยวหลง” อู่เหว่ยกั๊วะถาม ในขณะที่เสี่ยวหลงยักไหล่


“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกขอรับท่านลุงอู่ ข้าแค่คิดว่ามันมีทางเป็นไปได้ แล้วอีกอย่างเหลยเฟิงเองก็ยอมถอยง่ายเกินไป ตามจริงระหว่างทางที่เราเดินทางมาพบเห็นพฤติกรรมของลูกน้องคนผู้นี้มาก็มาก จากคำสั่งและการกระทำของชนชั้นมุสิกที่ฉุดคร่าสาวชาวบ้านอยู่เนืองๆ ใครๆก็อาจคิดได้ว่าเหลยเฟิงเป็นคนลงมือ”


เสวี่ยหมิงและอู่เหว่ยกั๊วะรู้สึกว่าคำพูดของเสี่ยวหลงมีเหตุผล แต่ทุกอย่างยังเป็นข้อสันนิษฐานเพียงเท่านั้นจึงยังไม่ปลงใจเชื่อเสียทีเดียว


“หากว่าพี่ใหญ่กับท่านลุงอู่ยังแคลงใจในข้อสันนิษฐานของข้า ถ้าอย่างไรรอให้ข้ากับพี่ใหญ่ลอบเข้าจวนของเหลยเฟิงไปสืบข่าวเม่ยเหนียงซักคราดีหรือไม่”


เสี่ยวหลงเสนอความคิดดีดีออกมา มันหวังว่าทุกคนจะเห็นด้วย ตามจริงถึงมันจะไม่พอใจที่เม่ยเหนียงมีใจให้พี่ใหญ่ แต่มันใช่เป็นคนไร้น้ำใจ มันเองรู้สึกดีกับเม่ยเหนียงไม่มากก็น้อย หากเด็กหญิงนั่นถูกฉุดคร่าไปย่ำยีทั้งที่มันยังอยู่ที่ตรงนี้ มันยอมรับ ตัวมันเองก็ทนไม่ได้เช่นกัน


“หากว่าข้าจะฝากให้คุณชายเสวี่ยรับเรื่องนี้ไปทำจะเป็นการรบกวนหรือไม่” อู่เหว่ยกั๊วะเอ่ยถามสีหน้าดูเคร่งเครียดแต่ยังมีความเกรงใจอยู่ในแววตา


“ไม่มีปัญหาขอรับท่านอู่ เม่ยเหนียงเองก็เป็นเหมือนน้องสาวข้าคนหนึ่ง ไม่แค่ไปสอดแนมเท่านั้นข้าจะช่วยตามหาเม่ยเหนียงให้ท่านด้วย”


เสวี่ยหมิงใช่ว่าจะกล่าววาจาลอยๆ เขาตัดสินใจที่จะยื่นมือเข้าช่วยท่านอู่อย่างจริงจัง ด้วยไม่อาจเมินเฉยต่อการหายตัวไปของเม่ยเหนียงได้ ยิ่งมีเบาะแสให้พอจับต้องได้อยู่บ้าง เขาเองก็จะตั้งใจตามหาเม่ยเหนียงอย่างสุดความสามารถ


“ถ้าอย่างนั้นลอบเข้าจวนของเหลยเฟิงคืนนี้เลยดีหรือไม่พี่ใหญ่”


 เสี่ยวหลงเสนอ เสวี่ยหมิงกับอู่เหว่ยกั๊วะเองก็เห็นพ้องต้องกัน ยิ่งเร็วยิ่งดี ก่อนที่อะไรๆจะเสียไปจนไม่อาจทวงคืนกลับมาได้


เม่ยเหนียงหลังจากถูกคนชุดดำลักพาตัวมาก็ถูกพามายังหมู่ตึกหรูหราแห่งหนึ่ง นางโดนบังคับให้อยู่แต่ในห้อง สิ่งที่นางทำได้อย่างเดียวคือรอคอยให้เจ้านายของคนชุดดำโผล่หัวออกมาพูดกับนาง


รอคอยอยู่นานหลายชั่วยามในที่สุดการรอคอยของนางก็จบลง คนที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในห้องหับคือคนชั่วเหลยเฟิง นางไม่น่าจะลืมคนผู้นี้ไป พฤติกรรมชั่วช้าอย่างฉุดคร่าหญิงชาวบ้านจากพ่อแม่ แค่ลักพาตัวนางมาอีกคนใช่จะทำไม่ได้


“คนชั่วอย่าคิดว่าจะทำอะไรได้ตามใจชอบนะ”


เม่ยเหนียงถลึงตาใส่เหลยเฟิง คนตรงหน้าถึงแม้จะถูกด่าทว่าหาโกรธไม่ กลับเอาแต่ยกยิ้มพึงพอใจ แววตาที่เต็มไปด้วยความกรุ้มกริ่มนางเห็นแล้วก็ให้ขนลุกชัน


“เจ้าห้ามเข้ามาใกล้ข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะกัดลิ้นตายให้ดู”


 นางไม่ได้ล้อเล่นแน่นอนหากต้องสูญเสียความบริสุทธิ์นางยอมเป็นหยกแหลกสลายแต่จะไม่มีวันที่นางจะปล่อยให้ใครมาย่ำยีอย่างเด็ดขาด ทว่าเหมือนคำขู่ไม่ได้ผลเหลยเฟิงยังคงยิ้มละไมและยังรักษาระยะห่างกับนาง


“ฮูหยินอย่าได้พูดจาเหลวไหล เจ้ายังไม่ทราบความร้ายกาจของข้า ตัวข้าเองนอกจากจะเรียนรู้กลวิชากามาอันเป็นวิชาสุดยอดของสำนักกุสุมาลย์ ยังมียาปลุกกำหนัดที่ใช้ได้ผลยิ่ง ด้วยสองสิ่งที่มีอยู่ในมือนี้เชื่อว่าฮูหยินจะมีความสุขทั้งยังไม่ปันใจไปหาชายอื่นนอกจากข้า”


เหลยเฟิงไม่ได้โกหก สำนักกุสุมาลย์ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงล้วนได้เรียนรู้วิถีแห่งกามารมณ์จนเจนจัด การฝึกเรื่องโลกียะเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกวิชาหยกรัญจวน สำหรับศิษย์ซึ่งเป็นบุรุษนับเพื่อมอบความสุขสุดยอดให้แก่เหยื่อที่ใช้ฝึกวิชา สำหรับศิษย์สตรีนอกจากมอบความสุขให้แก่เหยื่อยังเป็นการฝึกฝนการเป็นสายลับบนเตียงให้กับสำนักกุสุมาลย์อีกด้วย


“ชั่วช้าต่ำทรามนัก”


“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮูหยินจะว่าข้าต่ำทรามก็ได้ ข้าจะให้เวลาฮูหยินได้ทำใจซักหน่อย ข้าเป็นสุภาพบุรุษเยี่ยงนี้ คาดว่าอีกไม่นานฮูหยินคงรักข้าจนหมดใจ”


กล่าวจบเหลยเฟิงก็ออกจากห้องหับไป เม่ยเหนียงอยากจะกรีดร้องให้เต็มเสียงนัก ทว่านางกลับทำไม่ได้ เนื่องจากความเสียใจและหวาดกลัวขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอย กระนั้นนางยังมีความหวังว่าพี่ใหญ่และพ่อของนางจะมาช่วย แต่ใช่ว่านางจะยอมงอมืองอเท้า นางมองไปยังไฟในตะเกียงตรงหน้า มีความคิดที่จะจุดไฟเผาตึกนี้ให้วอดวายแล้วฉวยโอกาสหลบหนีไปในเวลาฉุกละหุก


ทว่ากลับไม่เป็นดั่งใจคิด หลังจากเหลยเฟิงออกไปไม่นานนัก คนของเหลยเฟิงก็พากันเข้ามาในห้องพวกนางล้วนเป็นสตรีที่รูปโฉมงดงาม นี่คงมาเฝ้าดูการกระทำของนางช่างน่าตายนัก ไม่เพียงแค่สตรีจอมจุ้นพวกนี้ที่หน้าประตูยังมีชายหลายคนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง


“พวกเจ้าใช่คนที่ถูกเหลยเฟิงลักพาตัวมาใช่หรือไม่” เม่ยเหนียงไม่ยอมแพ้คิดจะหาพวกด้วยการพูดคุยหากนางเกลี่ยกล่อมสตรีเหล่านี้ให้ช่วยนางได้ นางนอกจากจะเอาตัวรอดได้ก็จะพาพวกนางหนีไปด้วยกัน ทว่าพวกนางกลับหัวเราะเสียงเจื้อยแจ้ว


“ฮูหยินอย่าได้คิดหาพวก พวกเราหาใช่พวกเดียวกับฮูหยินไม่” สตรีนางแรกกล่าวกับนาง


“ตามจริงพวกเราล้วนเกลียดชังฮูหยินนัก เพราะว่ามีฮูหยินมาเพิ่มนายท่านจึงเอาใจใส่พวกเราน้อยลง” สตรีอีกนางพูด


“บอกกล่าวตามตรงพวกเราพอใจต่อรสรักของนายท่าน อีกทั้งนายท่านยังฝึกสอนวรยุทธให้แก่พวกเรา พวกเราต่างชั้นกับสตรีที่ถูกขังอยู่ในคุกของจวนแห่งนี้มากมายนัก ยังมีสิ่งใดให้เราไม่พอใจคิดทรยศนายท่านอีก”


กล่าวจบพวกนางก็พากันหัวเราะเยาะเย้ยเม่ยเหนียง นางคล้ายกลายเป็นตัวตลกไป อยากจะเอามีดกรีดหน้าของพวกนางนัก ทว่าพวกนางมีกันหลายคนจึงได้แต่คิดหนทางหนีอื่นต่อไป หากไม่ถึงที่สุดนางไม่ยอมกัดลิ้นตายไปง่ายๆอย่างเด็ดขาด


นอกจากนั้นจากที่สตรีชั่วช้าเหล่านี้พูด ยังมีเด็กสาวอีกมากถูกขังอยู่ในจวน เม่ยเหนียงรู้สึกสงสารพวกนางที่ต้องมารับชะตากรรมเดียวกัน ทว่าแค่เอาตัวรอดยังไม่มีหนทาง นางจึงไม่กล้าคิดเรื่องช่วยเหลือใครอื่นอีกได้แต่ทำใจให้นิ่งสงบครุ่นคิดหาทางออกต่อไปเงียบๆ


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาต่อกันแล้วนาจา รู้สึกว่าเขียนยากเลยกระดืบๆๆๆๆๆ น้อยอีกแล้ว555555

ตอบคำถามนิดหน่อยกับคุณแมคโนเลีย เราเป็นแฟนหนังสือของคุณหวงอี้ค่ะ5555

 ดังนั้นนิยายเราจึงเฉียดกรายเนื้อหาใกล้ๆกันมาก หวงัว่าคงไม่เหมือนมากเกินไปนะ

เราชอบทั้งสามเรื่องเลยค่ะทั้งมังกรคู่สู้สิบทิศ จอมคนแผ่นดินเดือด เทพมารสะท้านภพ ตอนนี้เริ่มอ่านเหยี่ยวมารอยู่อิอิ

อ่านเยอะแต่เวลาเขียนกลับทำไม่ได้ดีเท่าไหร่55555 ถ้ายังไงฝากท่านผู็อ่านติดตามต่อด้วยนะคะ


เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 16-03-2017 14:14:28


ช่างน่ากลัวจริงวิชานี้

อย่าไปยอมจ้าเม่ยเหนียง

รอขอรับ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-03-2017 15:16:34
ดีนะเม่ยเหนียงไม่โดนทำร้าย จะมาช่วยทันไหมนี่พี่ใหญ่ :ling3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-03-2017 15:42:33
เป็นสำนักมารที่โครตอีโรติค
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 16-03-2017 21:27:24
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 16-03-2017 21:45:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-03-2017 21:52:35
เหลยเฟิง จับตัวอูเม่ยเหนียงไปดูดพลังจากสตรี
เป็นคนชั่วช้า ที่คุกคามหญิงสาวไปทั่ว
เสวี่ยหมิง เสี่ยวหลง จะตามไปช่วยทันมั้ยนะ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล. ชอบหวงอี้มากเหมือนกัน
อ่านนิยายของหวงอี้ หลายรอบเลย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-03-2017 22:08:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่24 p9 16/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 20-03-2017 12:54:51
มาต่อได้แล้วจ้าา รออ่านอยุ่น้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p9 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 22-03-2017 12:00:29


ตอนที่25



เสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงลอบเข้ามาในจวนของเหลยเฟิงในยามวิกาล สำหรับเสวี่ยหมิงนี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาลอบเข้าบ้านคนอื่นเพื่อสืบหาข่าวสาร แต่ถึงแม้ไม่เคยทำมาก่อนเขาเองก็ไม่ได้ตื่นเต้น ทว่าเสี่ยวหลงนี้สิ ทั้งที่คิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับเขา กระนั้นเด็กน้อยนี่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สอดแนมได้อย่างไม่มีที่ติ



“จวนนี่ใหญ่น่าดูเลยนะพี่ใหญ่” เสี่ยวหลงตั้งข้อสังเกต ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา



“เราแยกกันตามหาดีหรือไม่” เสวี่ยหมิงถาม



“ถ้าพี่ใหญ่ไว้วางใจในตัวข้า ข้าก็ไม่รังเกียจ”



พูดถึงเรื่องไว้ใจเสวี่ยหมิงก็ฉุกคิดขึ้นได้ เขาเป็นห่วงเด็กน้อยกลัวว่าจะถูกจับได้เมื่ออยู่ตามลำพัง ดังนั้นจึงเกิดความลังเลขึ้นมา



“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงข้าหรอก หากจวนตัวจริงๆข้าจะหนีกลับไปค่ายอาชาโดยไม่สนใจใดใดทั้งสิ้น อีกอย่างถึงข้าถูกจับได้ เชื่อว่าพี่ใหญ่ต้องมาช่วยข้าทันแน่ๆ”



เสวี่ยหมิงครุ่นคิดอยู่อีกชั่วครู่ ตามจริงถ้ามัวแต่เกาะกลุ่มกันอาจจะตามหาตัวเม่ยเหนียงได้ช้า ในเมื่อเสี่ยวหลงมั่นใจถึงเพียงนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะยอมเชื่อในฝีมือของเด็กน้อยนี่ดู



“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปทางปีกตะวันออก เสี่ยวหลงเจ้าไปทางปีกตะวันตกนะ”



“รับทราบขอรับพี่ใหญ่”



กล่าวจบต่างคนต่างก็พลิ้วกายแยกย้ายกันไป เสวี่ยหมิงย่องเบาผ่านยามดึกเข้าไปอย่างเงียบเฉียบ เขาลอบเข้าห้องโน้นผ่านห้องนี้หลายห้องทว่ากลับเป็นเพียงห้องหับว่างเปล่าเท่านั้น



“คิดว่านายท่านจะอนุญาตให้เราเฉยชมพวกสาวๆเมื่อไหร่”



เสียงคนพูดเข้าลอยลมมา เสวี่ยหมิงรีบแฝงตัวอยู่บนคานจวนขนาดพอเหมาะเงี่ยหูฟังเรื่องราวต่างๆ ที่แท้แล้วผู้พูดก็เป็นหนึ่งในคนเฝ้ายามของเหลยเฟิง พวกมันมากันสองคนและพูดจ้อไม่หยุด



“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า ผู้หญิงบางส่วนที่ผ่านมือนายท่านแล้วเราก็สามารถนำมาใช้สอยได้ รีบสนุกก่อนที่นายท่านจะนำพวกนางไปขายที่หอนางโลมดีกว่าน่า”



“ฮ่าๆๆๆเห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราเปลี่ยนเวรแล้วก็สนุกกันซักตั้ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าพวกก่อนหน้าเราจะไม่สนุกกันไปก่อนแล้ว”



เสวี่ยหมิงฟังแล้วก็ให้เกิดความรังเกียจนัก เขาคาดว่ายังมีผู้หญิงมากมายถูกขังในจวน ถูกย่ำยีและเตรียมถูกขายไปอย่างน่าเวทนา จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้หรือ เสวี่ยหมิงกำหมัดแน่น ตามจริงเขาควรจะลอบเข้ามาสืบข่าวของเม่ยเหนียงเพียงอย่างเดียว ทว่าทนไม่ได้จริงๆที่จะปล่อยให้หญิงสาวจำนวนมากต้องมีชะตากรรมเช่นนั้น



เสวี่ยหมิงทั้งที่ยังคิดไม่ถี่ถ้วนเท่าใดนักแต่ร่างกายกลับไปไวกว่าความคิดเสียอีก เขาตามเจ้าคนเฝ้ายามสองคนไปติดๆ เมื่อไปถึงคุกขนาดใหญ่ซึ่งขังหญิงสาวจำนวนมากเขาเว้นระยะห่างเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ



เสียงอิสตรีร้องไห้ทั้งขอความเมตตาระงมไปทั่วทั้งห้องขัง อีกทั้งยังได้ยินเสียงหวีดร้องจากการถูกย่ำยีทางเพศดังมาจากด้านใน เสวี่ยหมิงกัดฟันกรอด



“ฮ่าๆนึกแล้วว่าพวกเจ้าต้องทำเรื่องดีงามกันอยู่” เสียงหยาบช้าดังประสานกับเสียวงหวีดร้องแทบขาดใจของอิสตรีที่ถูกล่วงระเมิด



“แล้วใครเล่าจะไม่คิดทำเรื่องสนุกเช่นนี้ อยากร่วมวงก็เอาเลยยังมีผู้หญิงที่นายท่านไม่เหลียวแลแล้วอีกมาก”



เดรัจฉานที่สอดประสานร่างกายกับหญิงสาวใต้ร่างกล่าวเชิญชวน มันหัวเราะเสียงหยาบกระด้างเมื่อเพื่อนร่วมงานที่มาใหม่อีกสองคนเปิดประตูคุกแล้วย่างสามขุมเข้าไปเลือกเอาสตรีอีกหลายนาง ทว่าไม่คาดว่ามีคนแปลกหน้าโผล่เข้ามา ใบหน้าของคนผู้นี้เต็มไปด้วยความโกรธและชัดเจนว่ากำลังดูหมิ่นเหยียดหยามพวกมัน มันรีบถอนกายจากสตรีที่มันย่ำยีเตรียมรับมือกับคนร้ายที่ลอบเข้ามา



“แกเป็นใครวะ” มันถามพร้อมทั้งรีบสวมกางเกง ตอนนี้เพื่อนร่วมงานของมันที่อยู่ในคุกก็ทยอยออกมาด้านหน้าเตรียมรับมือ



“แกรู้ไหมว่าจวนนี่คือที่ทำการของท่านเหลยเฟิงแห่งพรรคมังกรพิโรธ ลอบเข้ามาอย่างนี้แกไม่ได้ตายดีแน่ๆ”



เสวี่ยหมิงไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาออกหมัดเข้าใส่เจ้าสวะที่พูดกับเขาจนอีกฝ่ายกระอักเลือดออกมา พวกผู้หญิงพากันหวีดร้องด้วยความตกใจและคนเฝ้ายามที่เหลือพากันรุมล้อมเข้ามาเล่นงานเขา



เสี่ยวหลงหลังแยกจากเสวี่ยหมิงก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่กำหนดเอาไว้ เรื่องลอบเข้าจวนผู้อื่นในยามวิกาลสำหรับมันเป็นเรื่องง่าย เพราะงานลักษณะนี้มันผ่านมามากจนคุ้นเคย



“ได้ข่าวว่าโฉมสะคราญที่พามาใหม่ที่อยู่ในห้องด้านในสุดคือว่าที่เจ้าสาวของนายท่าน ข้ายังไม่ได้เห็นหน้าแต่คิดว่าคงงดงามยิ่ง”

 

เสี่ยวหลงลอบหัวเราะฮิฮิ ดีใจที่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับเม่ยเหนียงจากคนเฝ้ายาม หลังจากฟังจนรู้ที่อยู่ของเม่ยเหนียงแน่ชัดแล้ว มันก็ย่องเงียบไปยังห้องหับที่ขังเม่ยเหนียงเอาไว้



เป็นตามที่คาดมีคนเฝ้ายามเอาไว้ที่ด้านหน้า เสี่ยวหลงครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยหากรีบสกัดจุดแล้วบุกซึ่งๆหน้ามันจะเอิกเกริก สู้ขึ้นบนหลังคาเงี่ยหูฟังซักเล็กน้อยให้แน่ใจว่าคือเม่ยเหนียงจริงย่อมน่าจะดีกว่า ดังนั้นมันจึงโดดสู่บนหลังคาแล้วถอดกระเบื้องส่องมองลงไปยังด้านล่าง



เยี่ยม



มันลอบโห่ร้องในใจ เป็นเม่ยเหนียงจริงๆด้วย ดังนั้นมันจึงเริ่มครุนคิดอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรดี ขณะที่มีความคิดที่ว่าจะช่วยเหลือตรงๆแบบไม่สนหน้าผู้ใดหรือจัดการอย่างเงียบเฉียบดี เสียงตีฆ้องร้องป่าวจากบ่าวไพร่ของจวนก็ทำให้รู้ว่าพี่ใหญ่ของมันเผยตัวตนเสียแล้ว



“มีผู้บุกรุก”



พวกทหารยามพากันกรูไปยังตึกฝั่งที่พี่ใหญ่ของมันอยู่ เสี่ยวหลงถึงแม้เป็นห่วงอยู่บ้าง แต่ถ้าให้ว่ากันตามจริงด้วยฝีมือของเสวี่ยหมิงที่สำเร็จหนึ่งอสูรพิชิตเทวะแล้วย่อมไม่มีผู้ใดทำร้ายให้บาดเจ็บได้ ดังนั้นจึงดำเนินแผนการณ์ช่วยเหลือเม่ยเหนียงต่อไปเป็นอย่างแรก



ในเมื่อพี่ใหญ่เปิดเผยตัวแล้ว ใยมันต้องอ้อมค้อมด้วยดังนั้นจึงเดินอาดๆไปยังประตูห้องแล้วปะกับคนเฝ้ายามที่ด้านหน้า



“แกเป็นใครวะ” ถูกถามด้วยเสียงหยาบกระด้าง



“มันเป็นคนร้ายเห็นๆยังไปถามมันอีกจับมันสิวะ”



เสี่ยวหลงหัวเราะชอบใจให้กับการเล่นตลกเล็กๆของพวกมัน เมื่อพวกมันกระโจนเข้ามา เสี่ยวหลงย่อมจัดการได้โดยละม่อม เพียงซัดฝ่ามือใส่ไม่กี่ครั้งพวกมันล้วนลงไปนอนหมอบร้องโอดโอยกันถ้วนหน้า



“ใครก็ได้ช่วยที”



คนที่ยังมีแรงร้องขอความช่วยเหลือ เสี่ยวหลงหัวเราะอย่างย่ามใจ ป่านนี้คนส่วนใหญ่คงไปอออยู่ที่พี่ใหญ่หมดแล้วกระมัง มันควรจะรีบช่วยเม่ยเหนียงแล้วตามไปสบทบกับพี่ใหญ่โดยเร็วที่สุด



“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เสียงอึกทึกที่ด้านนอกทำให้เม่ยเหนียงเอ่ยถามเหล่าสตรีทั้งสี่ที่มาเฝ้ายามนางในห้อง



“อย่าได้สนใจไปฮูหยิน แค่มดปลวกลอบเข้ามาเดี๋ยวพวกคนของนายท่านก็จัดการได้แล้ว”



“ช่างตื่นตูมจริง ไร้สง่าราศีแบบนี้ใยนายท่านถึงเมตตาฮูหยินนักนะ”



พวกนางพากันหัวเราะคิกคัก ท่าทางย่ามใจของสตรีเหล่านี้เม่ยเหนียงนึกแช่งชักหักกระดูก หากว่าเรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นเหลยเฟิงตกตายไป นางจะหัวเราะเยาะเย้ยสตรีพวกนี้ให้สาแก่ใจเลยทีเดียว



“แกเป็นใครวะ”



หลังจากพยายามทำตัวให้นิ่งสงบ ไม่นานนักเสียงยามที่หน้าห้องก็ดังขึ้น บทสนทนาข้างนอกดังเข้ามาในห้องชัดเจน เม่ยเหนียงภาวนาให้คนร้ายคือพี่ใหญ่ที่ลอบเข้ามาช่วยนาง



“ยิ้มอะไรฮูหยิน” สตรีที่น่าชังถาม



“ข้าเปล่า” เม่ยเหนียงตอบ พลางหน้าลอยตาจงใจกวนโมโหพวกนาง



“ถึงมีคนมาช่วยฮูหยินแต่อย่าหวังว่าจะผ่านพวกเราไปได้ง่ายๆนะ พวกเราสี่คนฝีมือก็ใช่ว่าจะด้อย ยังไงฮูหยินก็หนีไม่พ้นเงื้อมือนายท่านหรอก”



ตอนนี้พวกนางไม่ได้หัวเราะอีกต่อไปแล้ว พวกนางจดจ้องไปยังเงาที่ด้านนอก เกร็งตัวเตรียมรับมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกันทุกนาง



“เม่ยเหนียงข้ามาแล้ว”



คนพูดเปิดประตูเข้ามาอย่างผ่าเผย เม่ยเหนียงคราแรกดีใจแต่จำเสียงของเสี่ยวหลงได้ อีกทั้งเมื่อเห็นหน้าก็ทำสีหน้าผิดหวัง

 

“ใยคนช่วยจึงเป็นเจ้าเล่าเสี่ยวหลง แล้วพี่ใหญ่ล่ะ”



“ฮ่าฮ่า หากไม่ได้พี่ใหญ่ช่วยก่อกวนอีกด้านคิดหรือว่าทุกเรื่องจะง่ายดายเพียงนี้ เร็วเข้าเม่ยเหนียงเราไปกันเถอะไปช่วยพี่ใหญ่อีกแรง”



นางเชื่อว่าการสนทนาข้ามหัวเช่นนี้ย่อมทำให้เหล่าสตรีชั่วช้าไม่พอใจทว่ากลับไม่เป็นดั่งคาด พวกนางส่งสายตาชม้ายมองไปยังเสี่ยวหลง หัวเราะเสียงหวานใสก่อนจะพากันเข้าไปรุมล้อมรอบเสี่ยวหลงประดุจดาวล้อมเดือน



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


หายไปตั้งเกือบหกวัน 55555 ทำงานพิเศษหนักมาก ปั่นเงิน แถมตอนนี้มาสั้นอีก ขออำภัย


ตอนนี้กับตอนหน้ามันแต่งยากขอเวลากระดืบ แต่ไม่น่าจะเกินสองวันตอนต่อไปจะมาลงนะ5555


เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p9 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 22-03-2017 12:23:27

เอ้าฮึบๆ

สู้ขอรับ

ตามมาอ่าน

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p9 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-03-2017 12:52:24
แทนที่จะดีใจที่เสี่ยวหลง มาช่วย
กลับถามหาคนที่ไม่เห็นหน้า
ชัดเจนมาก เม่ยเหนียง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p9 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 22-03-2017 13:46:01
จัดการนังตัวประกอบให้หมดเว้ยยยย

เม่ยเหนียงนางท่าจะรักหมิงจริงจัง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p9 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 22-03-2017 13:56:41
รออยู่น้าาาาาาาาาาเร็วๆน้าาาาาาาาาาคร้าบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p10 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-03-2017 15:16:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p10 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Rabbitongrass ที่ 22-03-2017 16:43:02
​ พวกนางส่งสายตาชม้ายมองไปยังเสี่ยวหลง หัวเราะเสียงหวานใสก่อนจะพากันเข้าไปรุมล้อมรอบเสี่ยวหลงประดุจดาวล้อมเดือน

เดี่ยวๆๆๆๆ ทำใมเป็นงั้นไป เเทนที่จะออกเพลงหมัดดันกลายเป็นคลุกวงในซะงั้น 555 ว่าเเต่ความจะเเตกกันทั้งพี่ทั้งน้อง(เก๊)ใหมเนี่ย

ตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไป ...
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p10 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 22-03-2017 18:53:40
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p10 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 22-03-2017 19:30:20
มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p10 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 22-03-2017 23:00:37
ความเจ้าชู้มันก็ชอบเรียกหาคนแบบเดียวกันนะแหละ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p10 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 23-03-2017 04:55:20
กลัวพี่ใหญ่จะโดนปล้ำซะก่อน 5555
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่25 p10 22/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-03-2017 06:01:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 23-03-2017 12:04:33


ตอนที่26



พวกนางรายล้อมเข้ามาด้วยท่วงท่าเย้ายวนราวกับเสี่ยวหลงเป็นเทพบุตรในใจของพวกนาง ตามจริงใช่ว่ามันจะไม่รู้กลอุบายทว่าเพียงแสร้งเปิดโอกาสให้พวกนางทำตามใจชอบเท่านั้น



“คุณชายช่างหล่อเหลายิ่งเจ้าค่ะ”

 

พวกนางพากันเข้ามานวดเฟ้นเอาอกเอาใจ เสี่ยวหลงหัวเราะฮิฮะ ส่วนเม่ยเหนียงได้แต่ตะลึงมองดูสภาพการณ์ประหลาดพลางขยี้เท้าไปมา



“ใยเจ้าจึงยอมให้นางหญิงชั่วช้าเหล่านี้พัวพันช่างน่าตายยิ่งนัก”



“อ่าว ในเมื่อพวกนางอยากใกล้ชิดข้าก็สงเคราะห์พวกนางหน่อยเป็นอย่างไร”



ขณะที่พูดคุยกับเม่ยเหนียงคาดว่าสตรีชั่วช้าเหล่านี้คงคิดว่ามันชะล่าใจ พลันทั้งสี่นางเผยประกายโฉดชั่วมีดสั้นลื่นไหลออกมาจากแขนเสื้อยาวกรุยกราย พวกนางสะอึกเข้าหาหมายแทงเสี่ยวหลงจากทั้งสี่ทิศ



เสี่ยวหลงหาได้ลนลานไม่มันนึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่เม่ยเหนียงไม่คิดเช่นนั้นนางหวีดร้องออกมาเบาๆขณะที่เสี่ยวหลงย่อตัวลงหลบการจ้วงแทงหมุนบิดตัวเป็นเกลียวกวาดขาเตะจนนางทั้งสี่ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า



แน่นอนว่าเหล่าสตรีชั่วช้าทั้งสี่หาได้ยอมแพ้ไม่ พวกนางกลุ้มรุมจ้วงแทงเข้ามาพร้อมกันไม่ยั้ง ท่วงท่ากระบวนยุทธเต็มไปด้วยความเย้ายวนประหนึ่งนางโลมชั้นยอด เสี่ยวหลงได้แต่ถอดถอนใจแม้แต่ลีลาสังหารยังเต็มไปด้วยจริตจะก้านถึงเพียงนี้ ชวนให้มันนึกถึงสำนักกุสุมาลย์แห่งรัฐหลี



มันคาดว่าเหลยเฟิงจะต้องมาจากสำนักนี้ไม่ผิดแน่ มันเดาจากกระบวนท่าปลุกเร้าของสตรีทั้งสี่นางกับวิชาอุบาถว์ที่เหลยเฟิงฝึกและไม่คิดว่าเป็นข้อสันนิษฐานที่คลาดเคลื่อนแม้เพียงนิด



“ตัวพี่สาวช่างหอมยิ่ง”



มันจงใจหยอกเย้าเล่นกับทั้งสี่นาง จับนู้นนิดหยิกนี่หน่อยทั้งแสร้งสูดดมกลิ่นหอมจากกาย ผลุบโผล่หลบหลีกแต่หาได้ลงมืออำมหิตแต่อย่างใด ด้วยอยากรู้ว่าสตรีเหล่านี้จะแสดงท่วงท่าใดออกมาบ้าง



“ขอทานน้อยอย่าได้ดูหมิ่นพวกเรามากไปนัก”



พวกนางตวาดเสียงดัง ครานี้เริ่มจู่โจมด้วยความอำมหิต ทำให้ท่วงท่ายั่วกำหนัดประหนึ่งค่ายกลแต่แรกเริ่มหมดสิ้นอานุภาพไป เสี่ยวหลงหัวร่อชอบใจ ที่แท้แล้วพวกนางเป็นชนชั้นมุกสิกเรียนรู้กลกามารมณ์มายังไม่ทันแตกฉาน หาได้มีสิ่งใดน่ากลัวหรือต้องระวังไม่ เสี่ยวหลงพลิ้วกายซ้ายทีขวาทีสกัดจุดให้พวกนางหมดสติล้มลงไปกองทีละคนจนหมดสิ้น



“เจ้าทำให้ข้าหงุดหงิดนักเสี่ยวหลง คิดแต่จะเล่นสนุกหาได้เป็นห่วงพี่ใหญ่ไม่” เม่ยเหนียงบ่นด้วยไม่พอใจเสี่ยวหลงในทุกๆด้าน แต่คนถูกด่ากลับทำแค่โคลงศีรษะไปมา



“อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย เจ้ายิ่งกล่าววาจามากไปพี่ใหญ่ก็ยิ่งรอนานนะ”



จริงอย่างที่เสี่ยวหลงเตือนสติ แต่นางก็หาได้เลิกขุ่นเคืองไม่ระหว่างทางที่วิ่งตามหาพี่ใหญ่นางไม่อาจห้ามตัวจิกด่าเสี่ยวหลงเป็นระยะๆ



เสวี่ยหมิงยังไม่ได้ปล่อยเหล่าหญิงสาวผู้โชคร้ายออกมาจากห้องขังด้วยเกรงว่าพวกนางจะมีอันตราย นอกเหนือไปจากนั้นเพื่อให้นางปลอดภัยเขาตัดสินใจจะกวาดล้างแหล่งซ่องสุมนี้รวมทั้งตัวเหลยเฟิงด้วย



“อ๊ากกก”

 

เสียงร้องโหยหวนจากผู้คนที่ถูกทำร้ายดังระงมไปทั่ว บางคนบาดเจ็บสาหัสบางคนตกตาย สิ่งเหล่านี้แม้เสวี่ยหมิงไม่ได้เต็มใจทำถึงขั้นนั้น แต่เด็กหนุ่มคล้ายถูกบีบบังคับ เหล่าคนชั่วรุมล้อมเข้ามาพร้อมกันหวังปลิดชีพเขาด้วยกระบวนท่าป่าเถื่อนยิ่ง ดังนั้นจึงไม่อาจออมมือไว้ไมตรีด้วยได้ดั่งใจนึก นอกจากนั้นพฤติกรรมเยี่ยงโจรทำให้จิตเมตตาแต่เดิมลดลงไปมากทีเดียว



บัดนี้กระบี่คู่ใจของเสวี่ยหมิงชุ่มโชกไปด้วยเลือด เมื่อจัดการกับเหล่าลูกกระจ๊อกจนหมดสิ้นแล้วก็พบว่าเหลยเฟิงยื่นอยู่ไม่ห่างไปนัก คนคนนี้ดูไม่ยินดียินร้ายต่อความตายของลูกน้อง มันปรบมือทั้งยังยิ้มกล่าวชื่นชมเขาด้วยสีหน้าที่คล้ายจริงใจ



“คุณชายเสวี่ยช่างเก่งกาจนัก การมาครั้งนี้หากข้าเดาไม่ผิดคิดว่าคงมาเพราะเม่ยเหนียงใช่หรือไม่”



“ในเมื่อรู้ก็ดีแล้วเหตุใดท่านถึงไม่คืนคนมาเล่า”



เสวี่ยหมิงสะบัดกระบี่ให้เลือดที่จับตัวอยู่หลุดออก เขาไม่อยากพูดกับโจรราคะนี่ให้มากความ ดังนั้นจึงเผยประกายดุดันแจ้งให้ทราบแต่เนิ่นๆ



“ดูเหมือนคุณชายเสวี่ยไม่อยากจะพูดจาภาษาดอกไม้กับข้าแล้วกระมัง”



เหลยเฟิงหัวเราะ ตามจริงรู้สึกพึงใจในตัวเสวี่ยหมิงอยู่บ้าง ตัวมันเองก็ใช่ว่าไม่เคยลิ้มลองบุรุษมาก่อน การที่เนื้อกวางเดินทางมาหามันเยี่ยงนี้นับว่าน่าสนุกยิ่ง หากจัดการเด็กหนุ่มนี้จนหมดท่าแล้วได้ละเลียดสั่งสอนเรื่องโลกียะได้นับเป็นเรื่องน่ารื่นรมย์ประการหนึ่ง คิดดังนั้นมันจึงพริ้วกายไปยังเบื้องหลังของเสวี่ยหมิง ใช้มือเกลี่ยเส้นผมนิ้มเย้าหยอกอย่างย่ามใจ 



“เส้นผมและกลิ่นกายของคุณชายช่างหอมยิ่ง...”



 ชั่วเวลาที่กระทำตามใจชอบไม่คาดว่าเสวี่ยหมิงจะตอบโต้ได้เร็วเกือบจะเท่าๆกัน เด็กหนุ่มตวัดกระบี่แทงกลับหลังก่อนจะบิดตัวมาจู่โจมอย่างดุดันด้วยรัศมีทำร้ายล้างอันน่าพรั่นพรึง



เหลยเฟิงด้วยความตกใจในความรุนแรงของไอสังหารมันถอยร่นไปไม่เป็นกระบวน ทว่าคมกระบี่ดุดันกลับตามติดราวกับเป็นเงาแทงซ้ายทีขวาทีก่อนจะกรีดแหวกอากาศเป็นเงากระบี่พร่างพราวโปรยลงมาประดุจหิมะ ไร้ช่องโหว่ให้มันหลบหลีกไปทางอื่น



ดังนั้นเหลยเฟิงจึงทำได้อย่างเดียวคือเกร็งลมปราณเตรียมรับคมกระบี่ อย่างไรก็ตามมันฝึกพลังหยกรัญจวนมาถึงขั้นหยกหินไม่บุบสลายดังนั้นมันคาดว่าเงากระบี่คงทำอันตรายมันไม่ได้มาก มันมั่นใจเช่นนั้น



 ทว่ายามเมื่อเงากระบี่จรดลงมาใกล้เนื้อหนังของมัน พลันเกิดความหวาดกลัวจนขนลุกชัน ด้วยเสียงกู่ร้องยาวนานแล้วดวงตาดุร้ายของเสวี่ยหมิง ทุกสิ่งทุกอย่างกดดันมันให้เกิดความกลัวตายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้



มันยังไม่อยากตายที่นี่



 เหลยเฟิงกัดริมฝีปากสลัดสิ้นความกลัวเร่งลมปราณเต็มกำลังสมาธิกลับมาอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวที่เงากระบี่กรีดร่างของมันเป็นริ้วๆจนเลือดไหลโทรมกาย



“อั่ก......”



มันยอมรับว่าเจ็บมากตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครทำมันเจ็บได้ถึงเพียงนี้นอกจากศิษย์พี่เจ้าสำนักซึ่งเป็นพี่สาวของมัน มันคับแค้นใจยิ่งนัก ครานี้เสวี่ยหมิงทำให้มันนึกถึงวันเก่าๆที่ต้องจมอยู่กับการเหยียดหยามและแรงเสียดทานจากพี่สาวของมัน หากแต่ว่าแรงแค้นไม่ได้ช่วยให้มันรอดพ้นอย่างแน่นอน



เหลยเฟิงควักเอาระเบิดควันจำนวนหนึ่งออกมาโยนใส่เสวี่ยหมิงแล้วพลิ้วกายหนีไปจากที่ตรงนั้นอย่างสุดกำลัง นี่ถือเป็นการล้างแค้นของมันอย่างหนึ่ง ระเบิดควันที่มันโยนออกไปไม่ใช่ควันธรรมดา แต่เป็นควันพิษซึ่งมีฤทธิ์ปลุกกำหนัด มันจะออกฤทธิ์เร็วมาก ในระยะเวลาไม่นานเด็กหนุ่มจะมีสภาพไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานยามติดสัด กระทำเรื่องลากมกไม่เลือกหน้า



“ฮ่าฮ่าฮ่า”



 เหลยเฟิงหัวเราะชอบใจทั้งที่เจ็บหนัก กว่าที่ยาจะหมดฤทธิ์ไม่รู้ว่ามีสัมพันธ์สวาทกับผู้ใดไปบ้าง อาจไม่ใช่แค่เพียงคนเท่านั้นอาจร่วมไปปถึงเดรัจฉานด้วยก็เป็นได้ เสวี่ยหมิง มันจะจำชื่อนี้จนขึ้นใจ รอให้มันสำเร็จวิชาหยกรัญจวนขั้นสูงสุดก่อนเถอะมันจะกลับมาล้างแค้นให้จงได้



“อึก....อา.....”



 ถึงแม้ว่าจะพยายามไม่สูดควันประหลาดนี้เข้าไป ทว่าเพราะไม่ทันตั้งตัวจึงดมกลิ่นไปชั่วระยะหนึ่ง เพียงไม่นานเท่านั้นเสวี่ยหมิงรู้สึกร้อนรุ่มในกายเหมือนไฟถูกเผา ถึงแม้พยายามผนึกลมปรานกลับรู้สึกเหมือนขุมพลังในร่างล้วนตีบตันทำไม่ได้ดั่งใจนึก



“อา......”

ช่างทรมานนัก เสวี่ยหมิงรู้สึกได้ว่าแก่นกลางกายกำลังตื่นตัว ได้ยินมาบ้างว่าในยุทธภพมียาอุบาถว์ที่ใช้ปลุกกำหนัดทำให้อิสตรีหลายนางล้วนเสียกริยาไป



“บัดซบ” เสวี่ยหมิงกัดฟันกรอด เขาจะทำอย่างไรดี ขณะที่คิดเช่นนั้นเสี่ยวหลงกับเม่ยเหนียงก็โผล่พรวดเข้ามา



“พี่ใหญ่”



ทั้งสองประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน เด็กน้อยทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาดูอาการเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง คงตกใจที่เห็นเขาทรุดนั่งและแสดงสีหน้าพิลึกพิลั่นอย่างนี้



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



มาแล้วน้าตอนหน้าน่าจะซักสองวันตะเอามาลงอีก ค่อยๆเขียนกระดืบไป



ฉากบู๊เราเขียนไม่ค่อยเก่งเลย55555 นี่พยายามมาก ยังรู้สึกว่าธรรมดาไปนี้ด



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-03-2017 12:09:08
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2017 12:09:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 23-03-2017 12:35:14
มาสั้นไม่ว่าแต่ห้ามดอง เด็ดขาด
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 23-03-2017 14:00:55
เอาชะนีไปไกลกรายยย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 23-03-2017 15:29:27
ได้แน่ๆ โดนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 23-03-2017 16:21:43
หมดกันๆ ตอนหน้าหมิงเอ๋อร์เสร็จเจ้าหลงหลงแน่เลย ฮุ๊ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 23-03-2017 16:51:55
โดนๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 23-03-2017 17:42:24
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 23-03-2017 19:30:18
 :hao7: เข้าทางหลงๆน้อยหล่ะนี่ ยิ่งจำไม่ได้ว่ากับ ใคร  :hao6: :laugh: ฉากบู๊มันส์มากกก  o13 เราชอบบบบบ :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-03-2017 22:36:52


มาน้อย

มามาก

ขอให้มา

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-03-2017 22:39:23
เหลยเฟิง ชั่วช้าสมเป็นตัวร้าย
ใช้ระเบิดควันปลุกกำหนัด
เอ่อ......เข้าทางเสี่ยวหมิงป่ะ แอร๊ยยยยย  :ling1: :ling1: :ling1:
เข้าทางคนอ่านด้วย  :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 24-03-2017 01:33:51
วั่ยตายแล้ววว แบบนี้เสี่ยวหมิงคนดีจะเสร็จโจรพี่รองรึไม่คะเนี่ยยย  :katai5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่26 p10 23/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 24-03-2017 02:15:50
ต้องโดน ต้องโดน ขอจัดหนักๆๆเลยน้าาาาา อิ้อิ้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่27 p10 24/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 24-03-2017 12:01:58

ตอนที่27



“พี่ใหญ่เป็นอะไรไปคะ”



เม่ยเหนียงถาม เสวี่ยหมิงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี เขาได้แต่อดทนอย่างสุดความสามารถลุกขึ้นจากพื้นโดยไม่กล่าวคำหวังจะเสาะหาที่เงียบสงบเพื่อจัดการกับความแข็งขืนของตนเอง



“พี่ใหญ่”



 เม่ยเหนียงใช้มือยึดจับแขนข้างหนึ่งเอาไว้ แค่เพียงแตะเบาๆเท่านั้นเขายังเกิดความเสียวซ่าน เสวี่ยหมิงขนลุกเกรียวสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามตั้งสติไม่ให้เตลิดไปกับไฟในกายที่ยิ่งนานยิ่งร้อนระอุ



“ได้โปรด เม่ยเหนียงให้ข้าอยู๋ตามลำพัง ข้า....อา....ถูกพิษปลุกกำหนัดของเหลยเฟิง”



เม่ยเหนียงเบิกตากว้าง ที่แท้แล้วพี่ใหญ่ก็ถูกเล่นงานด้วยพิษชั้นต่ำนี่เอง จะทำอย่างไรดีถึงจะช่วยพี่ใหญ่ได้นะ นางได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนี้ผู้ถูกพิษจะเกิดอาการติดสัตว์คล้ายกับเดรัจฉาน วิธีแก้มีทางเดียวคือให้ผู้ถูกพิษมีสัมพันธ์ทางกายไปจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์



“พี่ใหญ่ให้ข้าช่วยดีหรือไม่”



นางรู้ตัวดีว่าคำพูดคำจาช่างคล้ายกับหญิงแพศยายิ่ง แต่นางไม่อาจทนเห็นพี่ใหญ่เป็นเช่นนี้ได้ และหากว่าพี่ใหญ่ไปสมสู่กับอิสตรีผู้อื่นนางยิ่งไม่อาจฝืนทน นางยอมพลีกายให้กับชายที่เป็นรักแรกผู้นี้ ไม่ได้หวังว่าจะให้พี่ใหญ่รับผิดชอบ แค่ต้องการช่วยเหลือพี่ใหญ่เพียงเท่านั้น



“พี่ใหญ่”



 นางหมายจะเข้าไปประคอง ทว่ามือของนางกลับถูกคว้าจับด้วยมือของเสี่ยวหลง เม่ยเหนียงประสานสายตาเข้ากับมัน พบว่าถึงแม้เสี่ยวหลงจะยิ้มแต่แววตากลับไม่ได้ยิ้มไปด้วย



“เม่ยเหนียงเจ้าอย่าได้คิดเอาตัวเข้าแลกจะดีกว่า” ไม่พูดเปล่าเสี่ยวหลงถือวิสาสะช้อนตัวพี่ใหญ่ที่อ่อนระทวยไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะทรงตัวขึ้นอุ้ม



“หากข้าไม่ช่วยพีใหญ่ พี่ใหญ่จะทรมานกว่านี้นะ”  นางกล่าวด้วยท่าทางฮึดฮัด เม่ยเหนียงรู้สึกว่าหากปล่อยพี่ใหญ่ให้ไปกับเสี่ยวหลง นางจะหมดโอกาสได้ใกล้ชิดพี่ใหญ่ไปตลอดกาล



“เด็กหญิงโง่เง่า เจ้าอาจจะยินดีที่ได้สละความบริสุทธิ์เพื่อช่วยพี่ใหญ่ แล้วบิดาเจ้าเล่าจะคิดอย่างไร หรือว่าเจ้าคิดเปลี่ยนข้าวสารให้เป็นข้าวสุกเพื่อยึดจับพี่ใหญ่เอาไว้ในมือ”



ย่อมไม่ใช่เช่นนั้นแน่ นางไม่ได้คิดเลวร้ายเช่นนั้น เมื่อไม่รู้จะเถียงอย่างไร นางจึงได้แต่เดินตามอีกฝ่าย เสี่ยวหลงนำพาพี่ใหญ่ไปยังห้องหับแห่งหนึ่งเปิดประตูแล้วก้าวเท้าเข้าสู่ด้านใน เม่ยเหนียงทำได้แค่เพียงมองตามเท่านั้น



“หากเจ้าไม่อยากฟังเสียงระคายหู เจ้าก็ไปที่อื่นเถอะ บ้างทีอาจมีหญิงสาวถูกขังอยู่รอคอยให้เจ้าไปช่วย”



เสี่ยวหลงพูดกับนางก่อนจะปิดประตูลงกลอนจากด้านใน เม่ยเหนียงราวกับมีรากงอกออกจากฝ่าเท้านางไม่อาจขยับกายไปไหนได้ เนื่องจากคาดเดาเหตุการณ์ที่ใกล้จะเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆแล้วทั้งผิดหวังและน้อยใจ



เสี่ยวหลงเมื่อเข้าไปในห้องก็นำพาพี่ใหญ่วางลงบนเตียงอย่างทนุถนอมไม่คาดว่าทันทีที่หลังของพี่ใหญ่กระทบกับความอ่อนนุ่ม พี่ใหญ่ของมันผวาเข้ามากอดรัดมันทั้งยังพรมจูบไปทั่วใบหน้าอย่างขาดสติ



“อา....ข้า....ขอโทษ....”



หลังจากกระทำเรื่องน่าอายลงไป พี่ใหญ่ที่คล้ายสติคืนมาชั่วครู่ก็กล่าวกับมันอย่างอดสู ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยความหลากอารมณ์ ทั้งละอายทั้งเย้ายวนจนมันรู้สึกตื่นเต้น



“เสี่ยวหลงเจ้าออกไปเถอะ หากเจ้ายังอยู่เกรงว่าข้า”



 พี่ใหญ่ดูอึดอัดนักท่าทางยุกยิกไม่สงบ คงจะกระสันอย่างหนัก ที่ต้องอดกลั้นถึงเพียงนี้คงเป็นเพราะมันยังอยู่ตรงนี้เป็นแน่แท้



“อา....อึก....เจ้าไปเสียทีสิ...”



“ข้าไม่ไปพี่ใหญ่ ให้ข้าได้ช่วยเหลือท่านเถอะนะ”



แววตาของพี่ใหญ่ดูสับสน ส่อชัดว่าทั้งอยากรับข้อเสนอและอยากปฏิเสธ เสี่ยวหลงตามจริงไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาสแต่จะปล่อยให้พี่ใหญ่ของมันทรมานหรือไปสานสัมพันธ์กับสตรีอื่นมันเองก็ไม่ยอมเช่นกัน



“พี่ใหญ่ท่านอย่าลังเลไปเลย ไม่ได้มีเพียงท่านหรอกนะที่มีความต้องการเช่นนี้อยู่ข้าเองก็ต้องการท่านเช่นกัน”



กล่าวจบพี่ใหญ่ก็กระชากตัวเสี่ยวหลงเข้าไปหาแล้วกดลงไปกับเตียง เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนรุนแรงหนักเสวี่ยหมิงระดมจูบลงมาตามซอกคอของมัน ตะกระตะกรามเยี่ยงนี้หากเป็นผู้อื่นมันคงตบตีฐานทำให้เกิดความขยะแขยง หากแต่กับพี่ใหญ่แล้วช่างเร้าอารมณ์และเป็นเรื่องน่ายินดีนัก



“พี่ใหญ่ใจเย็น ข้าไม่หนีไปไหนหรอก”



 มันกล่าวเตือนเบาๆเมื่อเสวี่ยหมิงลงมือแก้ผ้าผ่อนอย่างรีบเร่งจนเสื้อผ้าของมันเกิดฉีกขาด คาดว่าฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดคงรุนแรงจนพี่ใหญ่ลืมความอายไปสิ้น เสี่ยวหลงปล่อยให้พี่ใหญ่จับตัวเองเปลืองผ้าจนเผยผิวกายให้ชมดูจนหมดสิ้น



“พี่ใหญ่พอใจหรือไม่” เสี่ยวหลงถามเสียงหวานพลางใช้มือลูบไล้เสี้ยวหน้าของเสวี่ยหมิง พี่ใหญ่คว้ามือแล้วประทับจูงลงมาบนอุ้งมือของมัน



“เจ้าช่างสวยยิ่งนัก อา....ข้า.....”



คล้ายว่าอยากจะกล่าวขอโทษ แต่กลับโน้มตัวประทับจูบฟ้อนเฟ้นไปตามเรือนร่างของมัน เสี่ยวหลงยอมรับว่าพอใจนักถึงแม้การกระทำของพี่ใหญ่จะสะเปะสะปะไร้ชั้นเชิง



“เสี่ยวหลง....อา....ข้าชอบเจ้าเหลือเกิน.....”



“ข้าเองก็ชอบท่านมากเหมือนกัน”



เสี่ยวหลงหัวเราะฮิฮิ มันมีความสุขยิ่งที่ถูกบอกรักเช่นนี้ ทว่าหลังจากฟ้อนเฟ้นร่างกายมันจนหนำใจพี่ใหญ่ก็หยุดนิ่ง สีหน้าดูเลิ่กลั่กคล้ายกับงุนงงมาจะทำอย่างไรต่อไปดี



“โธ่....พี่ใหญ่”



 มันส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดูและสงสาร พลันมันพลิกกายกลับจับกดเสวี่ยหมิงให้ลงไปนอนอยู่ใต้ร่าง



“ให้ข้าเป็นผู้นำดีหรือไม่พี่ใหญ่”



เสวี่ยหมิงทั้งผงกหัวทั้งส่ายหน้าให้วุ่นวายไปหมด เสี่ยวหลงตัดสินใจเอาเองว่าท่าทางของพี่ใหญ่คืออนุญาตให้มันทำตามใจชอบ



“อา.....”



 เสวี่ยหมิงครางเสียงหวานเมื่อมันลากปลายลิ้นไปตามเนื้อหนังทั้งยังหยอกเย้ายอดอกอย่างช่ำชอง เพียงเท่านี้พี่ใหญ่ของมันก็ดิ้นพล่านด้วยความสุขสม แล้วอย่างนี้มันจะอดใจไม่ล่วงเกินไปมากกว่านี้ได้อย่างไร



“อื้อ....”



 เสวี่ยหมิงเหยียดกายมือจิกเข้าที่ผ้าปูเตียงเมื่อเสี่ยวหลงใช้ปากครอบครองเครื่องเพศ ทั้งโลมเลียทั้งกระตุ้นด้วยปลายลิ้นและกระพุ้งแก้ม เสวี่ยหมิงน้ำตาคลอด้วยความสุขสมในหัวพร่างพราวไปด้วยดาวระยิบระยับ



เฉียบพลันน้ำพิสุทธิ์ฉีดออกมาเป็นสายเลอะเทอะเปรอะเปื้อนใบหน้าของเสี่ยวหลง เสวี่ยหมิงสติคืนมาชั่วแวบหนึ่งด้วยความละอาย



“พี่ใหญ่ขอโทษนะ...เสี่ยวหลง....พอเถอะ...อย่าทำไปมากกว่านี้เลย”



เสี่ยวหลงยิ้มอ่อนใจ เพียงแค่ใช้ปากช่วยเท่านี้ยังละอายแก่ใจถึงขั้นมีสติทั้งที่ถูกยาปลุกกำหนัเล่นงานอย่างหนัก แล้วอย่างนี้หากว่ามันเกินเลยถึงขั้นประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวพี่ใหญ่ของมันจะรู้สึกแย่มากถึงเพียงไหน



ทว่าตัวมันเองก็หาใช่นักพรตไม่มันมีเลือดมีเนื้อ หากไม่ให้มันทำถึงขั้นสุดท้ายคงมีแต่ลงมือปลุกปลอบทั้งตัวมันและพี่ใหญ่ด้วยมือคู่นี้กระมัง



“พี่ใหญ่อย่าได้กังวล ข้าแค่จะช่วยให้พี่ใหญ่ปลดปล่อยไปจนกว่าจะหมดฤทธิ์ยาเพียงเท่านั้น หยาดรักที่พี่ใหญ่ปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนใบหน้าข้า ข้าหาได้รังเกียจไม่”



กล่าวจบเสี่ยวหลงก็ขยัยกายแนบมังกรน้อยอันโอฬารเข้ากับเครื่องเพศของเสวี่ยหมิง มันใช้มือกำแล้วชักรูดทั้งขยับกายเสียดสีไปพร้อมกัน



“พี่ใหญ่ขยับสะโพกสิ ทำอย่างนั้นพี่ใหญ่จะได้มีความสุขไปด้วย”



เสวี่ยหมิงพยักหน้าและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตอนนี้ความเป็นชายของมันกับพี่ใหญ่เสียดสีกันไปมาในอุ้งมือ ดูแล้วเป็นภาพที่น่าหวาดเสียวยิ่ง ทว่ามันกลับมีความสุขนักและพี่ใหญ่เองก็คงไม่ต่างกัน



“อา.....เสี่ยวหลง.....”



“พี่ใหญ่...อา....ท่านช่างน่ารักยิ่ง...น่ารัก....อึก....”



 เสี่ยวหลงกัดฟันกรอดมันใกล้จะปลดปล่อยแล้ว ดังนั้นจึงเร่งสาวมือขยับกายเสียดสีหนักหน่วงกว่าเดิม วินาทีที่ปลดปล่อยมันโน้มตัวประทับจูบพี่ใหญ่อย่างดูดดื่ม



สำหรับพี่ใหญ่คงเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดบวกกับพลังวัตรอันเหลือล้นถึงจะคายหยาดน้ำไปสองครั้งแล้วก็ยังสู้มืออยู่ ตัวมันเองก็ไม่ต่างกัน คาดว่าคืนนี้คงยาวนานกว่าที่คาด เสี่ยวหลงเฝ้าปรนเปรอเสวี่ยหมิงทั้งยังต้องลำบากหักห้ามใจไม่ให้ล่วงเกินไปมากกว่านั้นทั้งที่ใจปรารถนาอย่างยิ่งยวด



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



สั้นชิบเลย แต่ก็ยังหน้าด้านเอามาลง555555  คนเขียนนอกจากจะแต่งฉากบู๊็ไม่เก่งncยังไม่สุดอีก5555



ทนหน่อยนะ เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างเน้อ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่27 p10 24/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 24-03-2017 13:59:45
สั้นปะล้าววววววววววววววววววววววววววจะรอncของจริงนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่27 p10 24/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 24-03-2017 16:20:30
มาต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่27 p10 24/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-03-2017 16:33:59


น้ำหมดตัวแน่ๆ

อดใจไว้ก่อนนะเสี่ยวหลง

มาต่ออีกนะขอรับ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่27 p10 24/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 24-03-2017 21:54:55
ทั้งสองอย่าเพลิดเพลินกันเกินไปป เจ้าอยุ่ในถิ่นของศัตรูนะอย่าลืมมม
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่27 p10 24/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 24-03-2017 22:31:38
 :hao6: รอออ ว้าาาา หมิงๆยังรู้สึกตัวแย่จัง 5555 :hao7: สั้นจังเลยยย :ling1: รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่27 p10 24/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 26-03-2017 14:38:03
เล็กๆน้อยๆก็ถือว่าดี  ให้พี่ใหญ่เตียมใจมากกว่านี้สักหน่อย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 27-03-2017 15:52:54


ตอนที่28



ช่วงเวลาแห่งความร้อนรุ่มกินเวลากว่าสามชั่วยาม เมื่อยาปลุกกำหนัดหมดฤทธิ์เสวี่ยหมิงก็ค่อยๆได้สติกลับมา ถึงแม้ว่าจะปลดปล่อยออกไปหลายครั้งแต่ด้วยพลังวัตรที่มากล้นทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเท่าใดนัก



“เสี่ยวหลงพอได้แล้ว....อา....ยาหมดฤทธิ์แล้ว.....”



บอกล่าวให้เสี่ยวหลงเข้าใจ เด็กน้อยแม้จะมีท่าทีอิดออดแต่ก็รามือตามเขาสั่ง เสวี่ยหมิงรีบลุกขึ้นมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองทันทีเพื่อกลบเกลื่อนความอายของตน



“เจ้าเองก็รีบแต่งตัวเข้าเถิด”



ออกคำสั่งรัวเร็วไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเสี่ยวหลง เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จหันไปเผชิญหน้ากับเสี่ยวหลงเด็กน้อยเองก็แต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกัน



“เอ่อ....” เสวี่ยหมิงอึกอักไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี ขอบคุณหรือขอโทษล้วนแต่กล่าวออกไปได้ยากทั้งนั้น



“พี่ใหญ่ เม่ยเหนียงรออยู่ด้านนอกนานแล้วเราออกไปกันเถอะ”



ไม่คาดว่าเสี่ยวหลงจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงรู้สึกไม่ถูกต้อง เขาเกิดความสับสนในใจจนต้องเอ่ยเป็นคำพูด



“เจ้าไม่โกรธพี่ใหญ่ที่บังคับให้ทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นรึ”



“เหตุใดต้องโกรธด้วยเล่า พี่ใหญ่ก็พูดเองว่าท่านชอบข้า ก่อนหน้านั้นข้าเองก็เพิ่งบอกว่าชอบท่านเช่นกัน เราสองคนต่างใจตรงกันหาได้มีเรื่องต้องบาดหมางกันไม่”



ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงหน้าแดงก่ำ เขายังจำได้ว่าได้พร่ำเพ้อสิ่งใดให้เสี่ยวหลงฟัง พวกเขาสองคนต่างบอกรักเร่าร้อนถึงเพียงนั้น คำพูดที่พ่นไปแล้วไม่สามารถนำกลับไปเก็บไว้กับตนเองอีกได้



“พี่ใหญ่หากท่านลำบากใจล่ะก็ ข้าจะถือว่าท่านไม่ได้พูด ตามจริงมันก็เป็นคำพูดตอนท่านขาดสติข้าไม่เก็บมาคิดจริงจังหรอก”



“จะได้อย่างไร”



เสวี่ยหมิงกลับรู้สึกว่าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้เกิดความคิดคล้ายต้องการรับผิดชอบต่อเสี่ยวหลงอย่างจริงจัง



“ให้ข้าได้รับผิดชอบเถอะนะหลงเอ๋อ”



เสวี่ยหมิงเดินเข้าไปหาแล้วจับมือของเด็กน้อยขึ้นมากุมไว้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววตามุ่งมั่นจนแม้แต่เสี่ยวหลงยังรู้สึกได้ แต่มันยังแสร้งโง่เล็กน้อยเปิดทางให้พี่ใหญ่ได้ถอยหลัง



“รับผิดชอบอันใดพี่ใหญ่”



“ก็เรื่องที่ข้าล่วงเกินเจ้าเมื่อคืนอย่างไรเล่า”



“พี่ใหญ่”



 ตามจริงแล้วมันดีใจยิ่งที่พี่ใหญ่ตั้งใจรับผิดชอบ ทว่ามันกลับไม่อยากนำเรื่องราวเช่นนี้มาบังคับให้เสวี่ยหมิงรับรักมัน ดังนั้นมันจึงพูดจาให้โอกาสพี่ใหญ่หลีกหนี



 “เรื่องสุดวิสัยเช่นนั้น ข้าไม่ถือสาเลยซักนิด อย่าได้ตัดสินใจผลีผลามสิ”



“ข้าหาได้ผลีผลามไม่ ข้าจริงจังนะหลงเอ๋อ จากนี้ไปให้ข้าได้รับผิดชอบตัวเจ้าเถิดนะ”

 

เสวี่ยหมิงอ้อนวอน ไม่เคยจริงจังกับใครเช่นนี้มาก่อน เขาถึงขั้นคุกเข่าลงตรงหน้าหวังให้เสี่ยวหลงเห็นใจ



“พี่ใหญ่อย่าได้คุกเข่าเช่นนั้น”



“หากเจ้าไม่อยากเห็นข้าทำแบบนี้ เจ้าก็รับรักข้าเสียสิ”



สองคนประสานสายตาจ้องมองกันเนิ่นนาน เสี่ยวหลงรู้ใจตัวเองดีว่าทั้งรักและลุ่มหลงในตัวพี่ใหญ่ ทว่าหากมันตกลงปลงใจเรื่องราวที่ปิดบังไว้อีกเล่าจะทำเช่นไร ตอนที่ยังไม่ได้เป็นคนรัก มันก็ทรมานใจมากพอดูกับการที่ต้องหลอกใช้พี่ใหญ่ หากเป็นคนรักแล้วมันจะทนหลอกลวงพี่ใหญ่ต่อไปได้หรือ



“พี่ใหญ่ข้าตามจริงหาใช่คนดีไม่ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ปิดบังซ่อนเร้นท่านไว้ ข้าเป็นคนเลวร้ายเช่นนี้ท่านยังรับได้หรอกหรือ”



“ปิดบังอันใด” เสวี่ยหมิงอดสงสัยไม่ได้ หลงเอ๋อยังมีความลับใดหลบซ่อนอยู่อีกหรือ



“เป็นความลับที่พอท่านทราบแล้วท่านอาจโกรธข้ามากก็เป็นได้”



“บอกตอนนี้ได้หรือไม่” เสวี่ยหมิงลองถามหยั่งเชิงดู ถึงแม้มีความสงสัยในตัวตนที่แท้จริง แต่หาได้มีความระแวงในตัวหลงเอ๋อ



“หากบอกไปตอนนี้เกรงว่าพี่ใหญ่จะเป็นอันตราย”



“เจ้าจะบอกว่าเจ้าเป็นห่วงข้ารึ”



“พี่ใหญ่ ข้าเองก็รักท่านนะ ข้ายินดีที่จะตอบสนองท่านทุกเมื่อหากท่านต้องการ แต่ว่าข้าไม่สามารถบอกความจริงแก่ท่านตอนนี้ได้ และเมื่อถึงเวลาที่ความจริงปรากฏท่านอาจจะเกลียดชังข้าแล้วทิ้งข้าไป สู้เราไม่ถลำลึกให้มากเกินไป เป็นพี่น้องกันเช่นนี้ไปก่อน ไว้ข้าพร้อมจะบอกความจริงแก่ท่านเมื่อไหร่ เมื่อถึงวันที่ความจริงทุกอย่างเปิดเผย หากท่านยังรักและเอ็นดูข้าอยู่ถึงตอนนั้นเราสองคนจะไม่แยกจากกันอีกตลอดกาล ท่านว่าดีหรือไม่”



“เป็นความลับที่ไม่สามารถบอกข้าได้ในตอนนี้หรือ”



เสี่ยวหลงพยักหน้า ตอนนี้มันเริ่มจะหวาดกลัวต่อปฏิกิริยาต่อไปของเสวี่ยหมิง เปิดเผยไปมากเช่นนี้หากเป็นคนอื่นคงสลัดมันทิ้งเพราะหวาดระแวง มันเกลียดตัวเองนักที่เลือกความรักมากกว่าหน้าที่ไปเสียแล้ว



จากนี้ไปมันอาจจะต้องหาทางลอบเข้าไปในพรรคมังกรพิโรธด้วยวิธีใหม่ นอกจากนั้นแล้วมันอาจจะต้องสูญเสียพี่ใหญ่ไปนับแต่ตอนนี้ก็เป็นได้



“พี่ใหญ่ ข้าหาได้คิดร้ายต่อท่านไม่ หากท่านไม่เชื่อใจข้าแล้วท่านจะไล่ข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ก็ได้ ข้าจะไม่โทษท่านแม้เพียงนิด”



เสี่ยวหลงยิ้มเศร้า สำหรับเสวี่ยหมิงแล้วยิ่งทำสีหน้าเช่นนี้เขายิ่งรู้สึกว่าหลงเอ๋อช่างงดงามยิ่งนัก ตามจริงเขามีความขุ่นเคืองอยู่บ้างที่เด็กน้อยไม่ยอมบอกความจริงท่าเดียว ตอนนี้ความคิดอ่านของเสวี่ยหมิงแล่นฉิว เด็กน้อยนี่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคมังกรพิโรธ ความลับที่ปิดบังเอาไว้คงเป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับพรรคและตัวเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง



เสวี่ยหมิงเองใช่ว่าจะลืมเรื่องที่ตนเองถูกคนสกุลเสวี่ยหลอกใช้ ความเจ็บปวดที่ถูกหลอกลวงยังคงอยู่ในความทรงจำ เวลานี้หลงเอ๋อที่เขาปักใจรักเองก็สารภาพว่ากำลังหลอกใช้เขาเช่นกัน เสวี่ยหมิงหาได้ไม่ทราบว่าตอนนี้ตนเองรู้สึกเช่นใด



หากบอกว่าไม่ผิดหวังก็โกหกตัวเอง ทว่ายามที่มองดูรอยยิ้มเศร้าๆของคนที่รักแล้วก็ให้เกิดเจ็บที่อก ทั้งสงสารทั้งเจ็บปวดที่ถูกปฏิเสธรักและเลือกจะหลอกลวงเขาต่อไปถึงแม้ว่าจะเพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพของเขาก็ตาม กระนั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความทรมาณของเด็กน้อย มันทำให้เขาตัดสินใจได้



“ข้าไม่ไล่เจ้าไปหรอกหลงเอ๋อ”



เสี่ยวหลงกลั้นหายใจ รอคอยพี่ใหญ่ของมันว่าจะพูดอะไรต่อ



“บอกตามตรงข้าชอบเจ้ามากจนไม่สามารถตัดใจจากเจ้าได้ในพริบตา ตอนนี้ข้าอยากทดสอบตัวเองให้โอกาสทั้งเจ้าและตัวข้า ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะบอกความจริงต่อข้า ตอนนี้หากมันจะทำให้เจ้าสบายใจ เราสองคนจะเป็นพี่น้องกันไปก่อน ข้าหวังว่าเมื่อความจริงปรากฏเจ้าจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง”



“พี่ใหญ่”



ไม่ทราบว่ามันเป็นอะไรถึงบ่อน้ำตาตื่นเช่นนี้ มันซาบซึ้งในความใจกว้างของพี่ใหญ่จนสุดพรรณนา



“ตอนนี้ภายในใจท่านคงไม่ไว้วางใจเสี่ยวหลงแล้วใช่หรือไม่”



“ข้าไม่โกหกหลงเอ๋อมีความคิดเช่นนั้นบ้าง แต่คงไม่มีใครมาบอกคนอื่นให้รู้ตัวว่ากำลังโกหก ดังนั้นจึงไม่ทำให้ความรักที่มีต่อเจ้าเบาบางไป ทว่าต่อแต่นี้เราจะรักกันแบบพี่น้องตามที่หลงเอ๋อขอเอาไว้ เช่นนี้แล้วคงจะดีที่สุดต่อสถานการณ์ตอนนี้ของเรา เจ้าว่าดีหรือไม่”



“พี่ใหญ่”



เสี่ยวหลงผวาเข้ากอดรัดเสวี่ยหมิงด้วยความตื้นตันก่อนจะเผลอไผลประทับจูบบนริมฝีปากของพี่ใหญ่ กว่าจะรู้ตัวมันก็ล่วงเกินเสวี่ยหมิงไปมาก มันรีบผละออกด้วยความลำบากใจ



“โกรธข้าหรือไม่” เสวี่ยหมิงส่ายหน้า



“ไม่โกรธ แค่เสียดายที่มันจะกลายเป็นจูบแรกและจูบสุดท้ายต่อการเป็นคนรักของเรา เสี่ยวหลง เจ้าแน่ใจนะว่ายังไม่อยากบอกความจริงกับพี่ใหญ่ตอนนี้”



“ให้เวลาข้าครุ่นคิดอีกซักหน่อยเถิดพี่ใหญ่”



“เข้าใจล่ะ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเม่ยเหนียงรออยู่ข้างนอกรึ”



“ถูกต้องพี่ใหญ่”



ตอนนี้เองที่ใบหน้าของเสวี่ยหมิงแดงซ่าน นางรออยู่ข้างนอกไม่ใช่ว่าได้ยินเรื่องดีงามของเขากับเด็กน้อยทุกเรื่องแล้วรึ จังหวะที่คิดเช่นนั้นเสี่ยวหลงก็เปิดประตูห้อง เสวี่ยหมิงจะบอกให้เด็กน้อยช้าก่อนก็ไม่ทันเสียแล้ว



เมื่อเปิดปะตูออกไปก็พบว่าเม่ยเหนียงนั่งซุกใบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง นางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพวกเขา นัยดวงตาบอกชัดว่าเจ็บปวดเสียใจ



“พี่ใหญ่ ออกมาแล้วหรือคะ”



เม่ยเหนียงกล่าวเสียงระโหย นางตอนนี้รู้ตัวว่าเทียบไม่ได้กับเสี่ยวหลง นางได้ยินคำบอกรักและเสียงครางชัดเจนทุกถ้อยคำ แต่กระนั้นก็ยังทนยืนฟังเพราะต้องการที่จะตัดใจจากพี่ใหญ่ให้ได้ กระนั้นช่วงหลังของความเร่าร้อนนางยอมรับว่าจิตใจเหม่อลอยแทบไม่รับรู้ความจริงไปแล้วเช่นกัน นางภาวนาให้พี่ใหญ่กับเสี่ยวหลงออกมาจากภายในห้อง รอคอยอยู่หลายชั่วยามในที่สุดพวกเขาก็ออกมาเสียที



“เม่ยเหนียงเจ้านั่งรออยู่ตรงนี้ตลอดเลยรึ” เสวี่ยหมิงถาม นางพยักหน้า



“เอ่อ.... จริงสิเราไปช่วยผู้หญิงที่ถูกขังไว้ในคุกกันดีกว่านะ ป่านนี้พวกนางไม่รู้เป็นอย่างไรไปกันเถอะ”



เบี่ยงประได้สวย เม่ยเหนียงไม่ถามถึงเรื่องราวภายในห้อง ไม่นานนักเสวี่ยหมิงก็นำทั้งสองคนมายังห้องขังปลดปล่อยเหล่าสตรีผู้น่าสงสารกลับคืนสู่บ้านของพวกนางได้เป็นผลสำเร็จ



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



เป็นตอนที่คิดหนักว่าจะเขียนออกมาแบบไหน แต่เลือกจะเขียนออกมาแบบนี้ 5555



หวังว่าคนจะไม่ด่าเจ้าเสี่ยวหลงกับเสวี่ยหมิงมากไปน้า คนเขียนก็รู้นะว่าเขียนไรไป



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 27-03-2017 16:51:21
หมิงควรตะโกรธบ้างนะตอนรุความจริง

แต่ไม่ต้องโกรธนานมากนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 27-03-2017 17:04:20
คงไม่จบเศร้านะไรต์ ถ้าจบไม่นี่ไรต์เตือนล่วงหน้าหน้าไปให้ไปทำใจก่อนนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-03-2017 17:05:44
ก็นะ.....

ความจริงมันไม่งายที่จะบอก

รอกันต่อไป

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-03-2017 18:24:20
หลงๆถึงแม้จะยังไม่ถูกเสียทีเดียวแต่เจ้าก็หันหัวเรือถูกทิศอยู่น้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 27-03-2017 19:18:07
แอบสงสารเม่ยเหนียงนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2017 19:50:53
บอกตอนไหนก็ไม่ง่ายทั้งนั้น
ความรู้สึกถูกหลอกใช้ มันเจ็บปวด
ต้องมองจุดประสงค์การถูกหลอกด้วย
แต่ถ้าไม่เข้าใจก็เสียความรู้สึก เจ็บปวด
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่28 p11 27/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-03-2017 21:06:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 28-03-2017 12:16:09


ตอนที่29



หลังจากเรื่องราวคลี่คลายลงเสวี่ยหมิงก็ร่วมเดินทางไปกับอู่เหว่ยกั๊วะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง เสวี่ยหมิงตัดสินใจเช่นนั้นเพราะอย่างไรเสียหมิงคงก็เป็นทางผ่านของการมุ่งสู่หุบเขาหมื่นปี



เสวี่ยหมิงและคณะรอนแรมมาได้เกือบสามสิบวันในที่สุดก็มาถึงหมิงคงเสียที เนื่องจากทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทางอู่เหว่ยกั๊วะจำต้องตั้งค่ายพักอยู่นอกเมืองไปก่อน



“พี่ใหญ่คะเราไปเดินเที่ยวกันในเมืองหมิงคงดีหรือไม่” เม่ยเหนียงกล่าวชวนทันทีหลังจากที่มาถึงนอกเมืองหมิงคง



“เจ้าอยากไปเที่ยวในเมืองก่อนออกเดินทางต่อหรือไม่เสี่ยวหลง” เสวี่ยหมิงหันไปถามความเห็น



“ถ้าพี่ใหญ่เห็นว่าดีข้าก็ว่าดีเช่นกัน”



“อย่างนั้นก็ดี”



กล่าวจบเสวี่ยหมิงก็คว้ามือลากเสี่ยวหลงไปตามทาง มันจ้องมองมือที่ยึดจับมันอย่างทนุถนอมแล้วก็ให้เกิคความรู้สึกหลากหลายในใจ  หนึ่งเดือนมานี้พี่ใหญ่ปากก็บอกว่าเป็นพี่น้องแต่กระทำการรุกล้ำมันอย่างต่อเนื่องและตั้งใจ



ไม่ว่าจะเป็นการจับมือถือแขนบ่อยครั้ง หรือแม้แต่การจงใจส่งยิ้มหยาดเยิ้มมาให้ ทุกครั้งที่ทำเช่นนี้จะทำให้มันแทบคลั่งตาย ตัวมันหาใช่นักพรตไม่ย่อมมีทั้งอารมณ์รักและหวามไหวต่อพี่ใหญ่ของมันเพิ่มขึ้นทุกขณะ



ครานี้ยิ่งมาถึงเมืองหลวงยิ่งเห็นได้ชัด พี่ใหญ่เอาอกเอาใจมันด้วยการซื้อขนมปรนเปรอมันมากมายยิ่ง ถึงแม้ว่าจะซื้อให้เม่ยเหนียงเช่นกัน ทว่าดวงตาชม้ายมองทั้งยังการเอาอกเอาใจต่างกันจนใครๆก็ต้องรู้สึกได้



“เจ้าไม่ชอบพุทราเชื่อมหรือเสี่ยวหลง”



 เสวี่ยหมิงเมื่อเห็นเด็กน้อยถือขนมที่ตนซื้อให้เอาไว้เฉยๆก็ให้เกิดความสงสัย หากแม้นไม่ชอบคงต้องหาขนมชนิดอื่นให้ ตัวเขานั้นไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อเลยที่จะต้องเอาอกเอาใจเด็กน้อยนี่



คิดๆดูแล้วก็ให้นึกถึงสมัยอยู่กับคุณหนูเสวี่ยถิง เขาในตอนนั้นก็เอาใจนางเช่นนี้ ด้วยมีใจหลงใหลได้ปลื้มจนลืมความเป็นจริง ทว่านั่นเป็นเรื่องเก่า ณ ตอนนี้เพียงต้องการให้เสี่ยวหลงลุ่มหลงในตัวเขาให้มากยิ่งขึ้นหากรักเขาหมดใจเมื่อไหร่เด็กน้อยนี่คงยอมคายความจริงออกมาให้ได้รู้กัน



เขากลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไรกันนะ คิดเพียงแค่ว่าหากหว่านเสน่ห์ให้เสี่ยวหลงทั้งรักทั้งหลงจนหมดหัวใจ ความรักของพวกเขาคงจะก้าวหน้าขึ้นและความจริงทุกอย่างจะปรากฏ รู้อยู่ว่าการกระทำขจองตนเป็นการผิดคำพูดที่ว่าจะเป็นพี่น้องกันไปก่อน ทว่ากลับไม่เห็นการกระทำของตัวเองเป็นเรื่องหน้าด้านบิดพลิ้วต่อคำกล่าวเดิมไม่



“หลงเอ๋อให้ข้าป้อนให้ดีหรือไม่” กล่าววาจาอ่อนหวานทั้งยังถือวิสาสะยื่นพุทราเชื่อมเม็ดหนึ่งไปยังเบื้องหน้าเสี่ยวหลง เด็กน้อยมีสีหน้าตะลึงพึงเพริด ตลกนักเสี่ยวหลงไม่เคยเห็นมันทำท่าทางเช่นนี้มาก่อน



“พี่ใหญ่หากไม่อายผู้คนก็เกรงใจเม่ยเหนียงบ้างเถิด”

 

เสี่ยวหลงตามจริงใช่ว่าจะอาย แต่ตั้งตัวไม่ถูกจริงๆเมื่อเป็นฝ่ายโดนยั่วเย้า พี่ใหญ่ของมันยิ่งมายิ่งร้ายกาจ นับวันยิ่งทวีความเจ้าชู้จนมันสุดจะอดกลั้น ให้ตายเถอะหากข้าอดทนไม่ไหวจะหาว่าข้าใจร้ายไม่ได้นะเสวี่ยหมิง มันลอบขบฟันก่อนจะเปลี่ยนท่าทางเป็นยิ้มยั่ว



“พี่ใหญ่ล่ะก็อยากป้อนข้าก็ไม่บอก”



กล่าวจบมันก็อ้าปากรอรับการป้อน จงใจส่งสายตาพราวระยับไปให้พี่ใหญ่ของมันอย่างท้าทาย ตอนนี้เองที่พี่ใหญ่ของมันกลืนน้ำลายดังเอือก ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องมารยาหรือจะสู้เสี่ยวหลงผู้นี้ได้



พี่ใหญ่ยิ้มค้างในบัดดลก่อนจะยื่นส่งพุทราเชื่อมเข้าปากมันมือไม้สั่น เสี่ยวหลงจงใจให้ริมฝีปากของมันกระทบถูกกับปลายนิ้วของพี่ใหญ่ ขณะที่จ้องตากันอยู่นั้นมันสัมผัสได้ถึงความปรีดาภายในดวงตาของเสวี่ยหมิงซึ่งส่งผ่านมาอย่างชัดเจน พลันตอนนั้นได้ยินเสียงกระแอมกระไอของเม่ยเหนียงขัดจังหวะเสียนี่



“พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าท่านกับเสี่ยวหลงเป็นคนรักกันทว่า ช่วยระวังหน่อยเถิดค่ะผู้คนมองมาตรงนี้กันใหญ่แล้ว”



เม่ยเหนียงหน้าแดงก่ำมากทีเดียว เป็นจริงอย่างที่นางว่าผู้คนมากหน้าต่างมองมา เสวี่ยหมิงรีบทำตัวเป็นปกติแต่ไม่เลิกคว้าจับมือของเสี่ยวหลงไปตลอดทาง



“พี่ใหญ่เราแวะโรงเตี๊ยมเพื่อทานอาหารกลางวันดีหรือไม่คะ” เม่ยเหนียงกล่าวชวนอีก เสวี่ยหมิงยังไม่หิวนักแต่หันไปถามความเห็นจากเสี่ยวหลง



“เจ้าหิวหรือยัง”



“หากพี่ใหญ่ว่าดีข้าก็ว่าดี”



“เม่ยเหนียงหิวใช่หรือไม่” เสวี่ยหมิงหันไปถามเม่ยเหนียงนางผงกหัวตอบรับ



“ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปที่โรงเตี๊ยมกันเถอะ”



จากนั้นพวกเขาก็พากันเข้าไปยังโรงเตี๊ยมใกล้ๆ ภายในนั้นมีผู้คนมากหลายแต่ละคนแต่งตัวด้วยชุดรัดกุมพร้อมทั้งพกอาวุธทั้งนั้นบ่งชัดว่าเป็นผู้มีวรยุทธ เสวี่ยหมิงหาได้สนใจไม่เขาพาเด็กน้อยทั้งสองไปนั่งตรงที่ว่างเรียกเสี่ยวเอ้อแล้วสั่งอาหาร



“อีกไม่กี่วันจะมีการคัดเลือกจ้าวยุทธภพคนใหม่ ยังไงเสียข้าก็คิดว่าพี่ใหญ่หรงเกอเอ่อของเราต้องเป็นผู้ได้รับเลือกแน่ๆ”



เสียงห้าวหาญของชาวยุทธที่โต๊ะใกล้ๆดังกังวานไปทั่ว คาดว่าคงมั่นใจในความคิดของตัวเองนักจึงไม่กลัวเกรงที่จะกล่าววาจายกยอกันเองอย่างเอิกเกริก เสวี่ยหมิงแม้ไม่สนใจแต่ก็ได้ยินชัดเจน



“พี่ใหญ่คาดว่าคงมีงานประลองคัดเลือกจ้าวยุทธภพกันใกล้ๆนี่” เม่ยเหนียงกระซิบ



“เจ้าสนใจหรือเม่ยเหนียง” เสวี่ยหมิงถาม



“ค่ะข้าได้ข่าวมาเหมือนกันว่าจ้าวยุทธภพคนเก่าจะล้างมือในอ่างทองคำในงานนี้ด้วย สถานที่จัดงานประลองน่าจะอยู่นอกเมืองไม่ไกลจากที่ตั้งค่ายอาชาของเรานัก”



“เจ้าพูดอย่างนี้คงอยากไปดูล่ะสิ” เสี่ยวหลงพูดราวกับรู้ทัน เม่ยเหนียงยักไหล่ส่งยิ้มมาให้อย่างยอมจำนน



“ข้าอยากไปดูค่ะพี่ใหญ่ แต่ก็รู้ว่าพี่ใหญ่คงรีบออกเดินทางต่ออีกไม่นาน”



“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รีบไปหรือไม่ แต่เราไม่ได้มีเทียบเชิญนี่สิ พวกเราโผล่ไปอาจเป็นการผิดมารยาท”   



 เสวี่ยหมิงแสดงความคิดเห็นอย่างนุ่มนวล ตามจริงเรื่องประมุขยุทธภพคนต่อไปจะเป็นใครมันไม่เกี่ยวกับเขา แต่พอเม่ยเหนียงพูดก็เกิดความสนใจขึ้นเล็กน้อย



“เฮ้ย ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมีโอกาสได้พบกับมือปราบหน้าหยกกับเขาด้วย” เสียงพูดส่อไปในทำนองเหยียดหยามดังจากคนพูดเดิม เสวี่ยมหมิงและพวกอดจะหันไปมองดูไม่ได้



“คารวะท่านหรงเกอเอ่อแห่งหมู่ตึกหรงขอรับ” คนที่ทำความเคารพเสวี่ยหมิงคาดว่าเป็นคนที่ถูกเรียกขานเป็นมือปราบหน้าหยก เนื่องจากคนผู้นี้แต่งชุดขุนนางฝ่ายบู๊และมีตราห้อยผูกไว้ที่เอว



“เฮอะเรามีศักดิ์ศรีเหนือชั้นกว่ามันใยศิษย์น้องต้องเคารพนอบน้อมมันด้วย” คนในชุดขาวซึ่งอยู่ด้านหลังของมือปราบแสดงออกชัดว่าไม่พอใจทั้งยังส่งสายตาเหยียดหยามไปให้คู่สนทนาของศิษย์น้อง   



“ใยพูดจาเช่นนั้นมู่เกาจง”



“ข้าหาได้พูดผิดไม่หมู่ตึกหรงหาได้มีศักดิ์อันใดเทียบเทียมกับเรือนญาณพิทักษ์ธรรม ยิ่งหรงเกอเอ่อหาได้มีส่วนใดนำมาเปรียบเทียบกับฉินจวิ้นเจี๋ยศิษย์น้องข้าได้”



“หนอย” ตอนนี้คนของหมู่ตึกหลงลุกขึ้นยืนกันหมด เหลือแต่คนผู้หนึ่งเท่านั้นยังนั่งอยู่ เสวี่ยหมิงคาดเดาว่าอาจเป็นหรงเกอเอ่อผู้นำก็เป็นได้



“ขออภัยศิษย์ของข้าพูดจาไร้สาระทุกท่านจากหมู่ตึกหรงอย่าได้ถือสา” เป็นศิษย์น้องฉินจวิ้นเจี๋ยเสียอีกที่ต้องค้อมคำนับหลายครั้ง ทว่าหาได้ทำให้ไฟในตัวของคนหมู่ตึกหรงดับมอดไม่



“ไปขอโทษมันทำไมศิษย์น้อง หรงเกอเอ่อกับพวกหลงตัวเองนักคิดว่าจะได้เป็นเจ้ายุทธคนต่อไป ฟังนะตราบใดยังมีศิษย์น้องฉินอยู่พวกเจ้าอย่าได้หวัง”



“หุบปากสุนัขเสียเจ้าคนหูหนวก ถูกจูเยว่เสวียนเล่นงานมาจนเพี้ยนไปแล้วหรือไร”



เสวี่ยหมิงหูพึ่งทันทีเมื่อมันผู้นั้นกล่าวถึงอาจารย์ เขาคาดว่ามู่เกาจงคงเป็นคนเดียวกับที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟัง หนึ่งในสามคนที่หูหนวกไปเพราะเข้ามาลอบกัดอาจารย์ของเขา



จะทำอย่างไรดีถึงจะเข้าไปตีสนิทสืบเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของคนที่แพร่ความลับของอาจารย์ได้นะ เสวี่ยหมิงคิดว่าถ้าได้ถามโดยตรงกับมู่เกาจงคงได้เบาะแสตัวคนร้ายซึ่งบอกที่ซ่อนลับของอาจารย์ไม่มากก็น้อยเป็นแน่



“หนอยอย่าอยู่เลยไอ้คนหูหนวก” ไม่คาดว่าสุดท้ายกลายเป็นการวิวาทจนได้ ทว่าหรงเกอเอ่อกลับใช้มือคว้าจับลูกน้องที่ลงมือคนแรกเอาไว้หยุดยั้งการเคลื่อนไหวของมัน พลางยกยิ้มเป็นกันเอง



“เจ้าไม่ต้องลงมือ เดี๋ยวข้าจัดการเอง” เสวี่ยหมิงได้แต่ถอนหายใจ นึกว่าหรงเกอเอ่อจะเป็นคนใจเย็นที่ไหนได้แค่ห้ามไม่ให้ลงมือเพราะจะจัดการเสียเอง หรงเกอเอ่อใช้กระบวนท่าหมัดกระจกออกหมัดแรงหมายปะทะกับมู่เกาจง





 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ตัวละครใหม่มาอีกแล้ว55555 นิยายมาถึงครึ่งเรื่องแล้วมั้ง ความจริงของเสี่ยวหลงอยู่อีกไม่ไกล

อีกไม่นานคงได้เปิดเผยตัว รอกันอีกนิดนะ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 28-03-2017 12:56:06
เอาจิงๆ ตอนนี้สับสนไปหมดละ ใครเป็นใครรร
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 28-03-2017 13:11:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 28-03-2017 13:47:36
รอวันที่เสี่ยวหลงจะเปิดเผยความจริง :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-03-2017 14:10:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-03-2017 15:16:09
ตัวละครใหม่ๆ ก็โผล่มาเรื่อยๆละ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 28-03-2017 18:00:04
ติดตามค่ะ รักเรื่่องนี้ก็ตรงมาอัพบ่อยๆนี่แหละ 5555 สนุกมากก เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 28-03-2017 20:39:57
เสวี่ยหมิงออกตัวแรงนะเนี่ย :-[
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-03-2017 23:25:33
ทนได้ทนไป ข้าจะยั่วใครก็ห้ามไม่ได้ 5555

หมิงเอ๊ยยยย น่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่29 p11 28/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-03-2017 03:36:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 29-03-2017 12:16:33
ตอนที่30



ชั่วขณะที่หรงเกอเอ่อกับมู่เกาจงจะปะทะกัน ที่โต๊ะด้านหลังไม่ห่างไปนักคนของหมู่ตึกหรงเตรียมใช้อาวุธลับลอบกัดจอมยุทธจากเรือนญาณพิทักษ์ธรรมซึ่งพิการทางหู เสวี่ยหมิงนึกไม่ชอบใจในการกระทำของคนจากหมู่ตึกหรงทั้งยังรู้สึกว่าการช่วยเหลือครั้งนี้อาจเป็นโอกาสให้นำตัวเขาไปสนิทชิดเชื้อเพื่อสืบข่าวคราว ดังนั้นจึงซัดตะเกียบเข้าใส่เจ้าหมาลอบกัดจนเกิดเสียงดังปัง ทำให้หรงเกอเอ่อ ฉินจวิ้นเจี๋ย และมู่เกาจงรู้ตัวในทันที



“พวกท่านโปรดยั้งมือด้วยถือว่าเห็นแก่หน้าข้า แต่ว่าหากพวกท่านไม่ยอมรามือข้าจะขอใช้อำนาจมือปราบของทางการจับพวกท่านฐานหาเรื่องวิวาทนะ”



 ฉินจวิ้นเจี๋ยรู้ดีว่าตนเองใช้อำนาจในมือไม่ถูกต้องเสียทีเดียว แต่จะให้ทำเช่นใดเล่าหากไม่ใช่วิธีนี้ก็ไม่รู้จะหลีกเลี่ยงการปะทะอย่างไร



หรงเกอเอ่อเมื่อได้ฟังก็แค่นเสียงดังเฮอะ “คนขี้ขาดมักอ้างกฎหมาย โชคดีที่เจ้าเป็นมือปราบนะฉินจวิ้นเจี๋ย พวกเราไป” กล่าวจบคนของหมู่ตึกหรงก็ทยอยเดินตามหรงเกอเอ่อออกจากโรงเตี๊ยมไป เสี่ยวเอ้อที่หลบดูสถานการณ์อยู่แสดงสีหน้าดีอกดีใจที่คนก่อเรื่องออกจากโรงเตี๊ยมของมันไปได้เสียที



“ท่านผู้นี้ไม่ทราบว่ามีชื่อเสียงเรียงนามใด” มู่เกาจงถึงแม้หูหนวกจากการทำร้ายของจูเยว่เสวียนแต่มันได้ฝึกวิชาอ่านปากจนช่ำชองมาก่อนดังนั้นการสนทนาจึงไม่ทำให้มันลำบากแต่อย่างใด



“ข้ามีนามว่าเสวี่ยหมิง ส่วนสองคนนี้คือน้องชายน้องสาวของข้า เสี่ยวหลง และอู่เม่ยเหนียง”



มู่เกาจงมองดูลักษณะของแต่ละคนแล้วก่อให้เกิดความละลานตา ทั้งสามล้วนมีรูปลักษณ์ดีเยี่ยมคาดว่าคงเป็นลูกผู้มีอันจะกิน หรือเป็นศิษย์จากสำนักยุทธอันล้ำเลิศจากที่ใดที่หนึ่ง ทว่าจากการแต่งตัวเรียบง่ายคงมิใช่บุตรของคหบดีกระมัง



“ข้าขอทราบนามของอาจารย์ท่านได้หรือไม่”



“อาจารย์ฝึกยุทธของข้าหาใช่คนมีชื่อเสียงที่ท่านจะรู้จักไม่ ท่านมีนามว่าอาจารย์จิ้ง”



มู่เกาจงคล้ายผิดหวัง คนผู้นี้รูปกายเหมาะแก่การฝึกยุทธยิ่งแต่กลับมิได้มีอาจารย์เลิศเลออะไร ที่แท้ผู้ที่ช่วยมันในยามคับขันหาใช่เก่งกาจเท่าใดแค่บังเอิญพบจังหวะเหมาะเพียงเท่านั้น ทว่ามันยังรักษามารยาทได้ดีอยู่ มันหาใช่คนลืมบุญคุณไม่ ช่วยก็คือช่วยดังนั้นมันจึงปั้นยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณตามมารยาท



“ต้องขอบคุณคุณชายเสวี่ยมากที่ช่วยข้าเอาไว้จากพวกลอบกัด” มู่เกาจงประสานมือคารวะ



“ถ้ายังไงให้ข้ากับศิษย์น้องเลี้ยงอาหารท่านซักมื้อดีหรือไม่”



“ถ้าไม่รบกวนพวกท่านละก็” เสวี่ยหมิงลอบโห่ร้องในใจ นับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่ทาง เท่านี้ก็มีโอกาสถามถึงเรื่องของอาจารย์ได้แล้ว



“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นไปจับจองห้องส่วนตัวบนชั้นสองดีหรือไม่ศิษย์พี่” ฉินจวิ้นเจี๋ยที่เงียบอยู่นานเสนอ มู่เกาจงพยักหน้า ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงขึ้นไปยังห้องบนชั้นสอง



ถึงแม้ว่ามู่เกาจงจะมีบ้างที่ทำให้ลำบากใจเวลาพูดด้วย แต่เสวี่ยหมิงใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทั้งหมดพูดคุยเพื่อให้สนิทสนมกับคนผู้นี้ให้มากที่สุด ผ่านไปครึ่งชั่วยามนับว่าความพยายามได้ผล มู่เกาจงแสดงออกชัดถึงความพึงใจที่จะคบหากับเขาต่อไป



“ตามจริงด้วยลักษณะล้ำเลิศอย่างท่าน ข้าสามารถตอบแทนด้วยการนำท่านเข้าสู่สำนักของเราโดยง่าย” มู่เกาจงกล่าวพลางแย้มยิ้ม เนื่องจากดื่มไปมากจึงเริ่มพูดจาด้วยเสียงป้อแป้



“ศิษย์พี่ท่านดื่มมากไปแล้วกระมัง”



 ฉินจวิ้นเจี๋ยกล่าวเตือน ตามจริงศิษย์ของเรือนญาณพิทักษ์ธรรมจำต้องงดเว้นสุรา ทว่าศิษย์พี่มักเป็นเช่นนี้เสมอจนมันเหนื่อยที่จะตักเตือนดังนั้นจึงมีเพียงมันที่ดื่มน้ำเปล่าระหว่างสังสรรค์



“เพ้ย อย่าวุ่นวายนักเลยข้ากำลังคุยกับน้องเสวี่ยอย่างถูกคอ”



“จอมยุทธมู่เมื่อครู่ตอนท่านเข้าปะทะกับคนพวกนั้น พวกมันกล่าวว่าท่านได้ประมือกับจอมมารจูเยว่เสวียนนั่นจริงหรือไม่”



เป็นเม่ยเหนียงเองที่ตั้งคำถาม เสวี่ยหมิงนึกอยากให้รางวัลนางนักเท่านี้เขาก็ไม่ต้องเผยตัวตนให้มู่เกาจงกับฉินจวิ้นเจี๋ยระแวง



“ตามจริงหากไม่เพราะถูกพันแข้งขาจากพวกกังปังกับหยางเหวินเป่าข้าคงมีโอกาสได้ปลิดชีพจอมมารนั้นเป็นผลสำเร็จ น่าเจ็บใจนักนอกจากผิดหวังยังพลาดท่าต้องมาพิการอีก”



“แล้วท่านรู้ได้อย่างไรละขอรับว่าจูเย่วเสวียนกบดานอยู่ที่นั้น”



“เฮอะ ง่ายดายยิ่ง มีคนแปลกประหลาดมาร่วมโต๊ะกับพวกเราในวันนั้นแล้วบอกข่าวนะสิ”



มู่เกาจงหวนระลึกกถึงวันนั้น วันที่มันร่วมเดินทางกับกังปังและหยางเหวินเป่าเพื่อนสนิทต่างวัยของมัน



“วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนัก ชายแปลกหน้าเดินเข้ามาหาเราแล้วถือวิสาสะร่วมโต๊ะ ตามจริงเราจะไล่ไปแต่คนผู้นั้นเสนอเลี้ยงเหล้าเราจำนวนมากทั้งยังบอกว่าเลื่อมใสในตัวพวกเรา”



“ท่านเชื่อด้วยรึจอมยุทธมู่” เสี่ยวหลงถาม



“เฮอะต่อให้โกหกยังต้องกลัวอันใด พวกข้าสามคนล้วนวรยุทธสูงส่ง ยังคงต้องถล่มเจ้ารูปหล่อแปลกหน้านั่น”



มันหวนระลึกถึงช่วงเวลานั้นอีกครั้งพร้อมเล่าออกมาเป็นฉากๆ



“เจ้าชื่อเสียงเรียงนามอันใด” มู่เกาจงถาม



“ข้าแซ่หลงชื่อเยี่ยอิ่ง พวกท่านคงเคยได้ยินมาบ้างกระมัง”



เพียงเท่านั้นกังปัง มู่เกาจงและหยางเหวินเป่าก็พลันลุกจากโต๊ะและชักอาวุธ พวกมันทั้งสามรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนผู้นี้ดี มันคือศิษย์คนรองของจูเยว่เสวียนไม่ผิด ทว่าถึงแม้จะอยู่ในหน้าสิ่วหน้าขวานคนแซ่หลงกลับยังนั่งยิ้ม



“ทีข้ามาวันนี้เพราะมีข้อเสนอน่าสนใจยิ่ง พวกท่านสนใจหรือไม่”



“อย่าไปฟังมันเลย จัดการมันเถอะ” กังปังโวยวายก่อนใคร แต่หยางเหวินเป่ากลับต่างออกไป



“ข้าอยากจะฟัง ท่านมู่ท่านคิดอย่างไร” ตอนนี้มู่เกาจงกลายเป็นคนกลางเสียแล้ว และมันก็สนใจในสิ่งที่คนแซ่หลงพูดไม่น้อย



“คนแซ่หลงเจ้าพูดมา” มู่เกาจงกล่าว



“ข้ารู้ที่ซ่อนลับของจูเย่วเสวียน ตอนนี้มันอ่อนแอยิ่ง พวกท่านสามารถร่วมมือกันพิทักษ์ธรรมให้แก่ยุทธภพโดยง่าย”



เพียงคำกล่าวของคนแซ่หลงดวงตาของพวกมันล้วนเป็นประกาย แต่กังปังยังสงสัยอยู่ดี



“เหตุใดเจ้าต้องเอามาบอกเรา จูเยว่เสวียนมิใช่อาจารย์เจ้ารึ”



“เฮอะพวกมารฆ่ากันเองย่อมดีกับพวกเรา” มู่เกาจงสันนิษฐานว่าคงแย่งชิงกันภายใน กับจูเยว่เสวียนที่ฝีมือล้ำลึกมันยังหากลัวไม่ กับเจ้าหนอนบ่อนไส้เช่นนี้จะจัดการปลิดชีวิตที่หลังจะยากอะไร



“เจ้าบอกมาเสียว่ามารร้ายนั่นกบดานอยู่ที่ใด” มู่เกาจงตัดสินใจแทนทุกคน



“เรื่องนั้นง่ายดายยิ่ง”



คนแซ่หลงยกยิ้ม จังหวะนั้น มีสตรีนางหนึ่งงามหยดย้อยโผล่หน้าเข้ามา นางผู้นั้นกระซิบกระซาบข้างหูคนแซ่หลง เฮอะพวกมันคงไม่รู้ว่ามู่เกาจงผู้นี้ฝึกวิชาอ่านปากอยู่ ดังนั้นมันจึงรู้ได้ทุกถ้อยคำ



“นายน้อยตวนมู่หรงเจ้าค่ะแผนจัดการกับหลงเยี่ยอิ่งพร้อมแล้วนะเจ้าคะ”



เฮอะที่แท้แล้วมันก็ไม่ใช่หลงเยี่ยอิ่ง เรื่องนี้คาดว่าภายในพรรคมังกรพิโรธคงกำลังปั่นป่วน ถึงว่าจอมมารจูจึงได้หนีออกมากบดานด้านนอก นับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่ง ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใครย่อมเป็นผลดีต่อยุทธภพของเรา



ดังนั้นมันจึงเชื่อในสิ่งที่คนแปลกหน้าพูดมาครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าเรื่องนี้มันได้บอกกล่าวกับกังปังและหยางเหวินเป่า จากนั้นยังมิได้นิ่งนอนใจนำพาผู้คนจำนวนมากไปล้อมจับมารเฒ่า แต่ไม่คาดว่าจะถูกกับดักที่รายล้อมเล่นงานจนเหลือแต่เพียงพวกมันสามคนเท่านั้น



“แปลก ท่านจะบอกว่าคนที่แจ้งข่าวให้ท่านทราบคือหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมรึ” เสวี่ยหมิงถาม



“แน่นอนวิชาอ่านปากของข้าไม่เคยพลาด” มู่เกาจงถึงแม้เมายังตอบอย่างมั่นใจ



เสวี่ยหมิงตอนนี้สมองถึงกับพองโต ไม่ทราบว่าภายในพรรคมังกรพิโรธอยู่ในสภาพใด ตอนนี้คงเต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างหนัก พลันมีความคิดว่าในเมื่อมีคนปลอมตัวเป็นศิษย์พี่รอง แล้วพี่รองตัวจริงซึ่งรักษาการณ์พรรคอยู่เล่าทำอะไรอยู่ ชักไม่ดีเสียแล้วสิ เสวี่ยหมิงคิดว่าการเดินทางไปยังพรรคมังกรพิโรธครานี้อ่านมีเรื่องอันตรายรออยู่ก็เป็นได้



ทว่าเท่านี้ก็สามารถตัดเป้าหมายออกไปได้หนึ่งคน หากเป็นอย่างที่มู่เกาจงพูดจริงศิษย์พี่รองย่อมไม่ใช่คนทรยศต่ออาจารย์ จะมีคนชั่วคนใดเล่าทำชั่วแล้วบอกชื่อเสียงเรียงนามของตน นับว่าเป็นโชคดีของเขาที่ได้พบข่าวคราวข้อนี้ก่อนไปถึงที่หมาย



ในขณะที่เสวี่ยหมิงครุ่นคิดอย่างหมายมั่นเสี่ยวหลงเองก็มีความคิดของมัน ตวนมู่หรงเขาไม่เคยได้ยิน แต่แซ่ตวนเป็นนามเฉพาะของเชื้อพระวงศ์แห่งต้าหลี นั่นชี้ชัดว่ารัฐหลีจงใจแทรกแซงพรรคมังกรพิโรธ เฮอะคงจะเจ็บใจที่บุกมาคราวก่อนไม่สามารถตีพรรคมังกรพิโรธแล้วผ่านทางอันง่ายดายมาได้กระมัง



เป็นเช่นนี้แล้วมันยิ่งต้องการรู้ประวัติส่วนตัวของหลี่มู่ไป๋กับอิงเฟยมากกว่าเดิม คนแซ่ตวนจะเข้ามาแทรกแซงพรรคมังกรพิโรธมิได้หากไม่มีมือเท้า คงเป็นหนึ่งในศิษย์พี่ศิษย์น้องของมัน หรืออาจจะเป็นคนใดคนหนึ่งเองที่อาจมีเชื้อสายของเชื้อพระวงศ์หลีก็เป็นได้



ตามจริงมันหาใช่ไม่สืบประวัติของทั้งสองมาก่อนไม่ มันเคยให้คนของมันตามสืบไปถึงบ้านเกิด มันทราบว่าหลี่มู่ไป๋เป็นลูกชายแม่นมของสกุลหลี่ซึ่งเป็นคนของตึกโป๊ยเซียนสาขาพรรคมังกรพิโรธ ส่วนอิงเฟยก็เป็นเด็กกำพร้าที่หัวหน้าสาขาบัวสวรรค์เก็บมาตั้งแต่ยังเล็ก ตามจริงสืบมาเท่านี้น่าจะเพียงพอ แต่ครานี้กลับเห็นมีแต่ช่องโหว่



มันไม่ได้สืบถึงที่มาของมารดาบิดาของหลี่มู่ไป๋ และไม่ได้สืบค้นให้ลึกว่าอิงเฟยก่อนหน้านั้นอยู่มาอย่างไรที่จะมาถึงมือของหัวหน้าหมู่ตึกบัวสวรรค์ ตัวมันเองช่างสะเพร่าและปล่อยปละละเลยนัก ทุกสิ่งเป็นความผยองของมันที่คิดว่าอะไรๆล้วนอยู่ในกำมือเพราะมีราชสำนักคอยหนุนหลัง นึกแล้วก็ให้เกลียดตัวเองยิ่ง



“เป็นข่าวที่แปลกประหลาดมาก แต่มันอาจจะดีกับยุทธภพนะพี่ใหญ่ การที่ภายในพรรคมังกรพิโรธรำส่ำระส่าย ยังไงก็เป็นผลดีต่อชาวยุทธฝ่ายธรรมะ”



เม่ยเหนียงออกความเห็น มันทำให้มู่เกาจงพอใจ ถึงกลับกล่าวชมความคิดของนางหลายครั้ง



“จริงสิจอมยุทธมู่ขอรับ เหตุใดคนพวกนั้นถึงหาเรื่องพวกท่านเล่า” เสี่ยวหลงถาม



“ฮ่าฮ่า คงเป็นเพราะหรงเกอเอ่ออยากเป็นเจ้ายุทธภพคนต่อไป ทว่ายังมีศิษย์น้องฉินขวางทางมันอยู่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย”



“อ้อที่แท้แล้วก็หมายถึงประลองคัดเลือกจ้าวยุทธภพนี่เอง” เม่ยเหนียงกล่าวด้วยท่าทางดีใจยิ่ง



“ข้าอยากไปจังเลยค่ะพี่ใหญ่”



“โอ้ถ้าเจ้าอยากไปย่อมไปได้ ข้ามีเทียบเชิญเหลืออยู่อีก ถือว่าตอบแทนที่พวกเจ้าช่วยข้าเป็นอย่างไร”



มู่เกาจงควักเทียบเชิญออกมาแล้วยื่นให้เสวี่ยหมิง



“คุณชายเสวี่ยท่านต้องไปร่วมเป็นพยานการรับตำแหน่งของศิษย์น้องข้าให้ได้นะ” ถูกรบเร้าถึงเพียงนี้ตามจริงจะปฏิเสธ แต่เม่ยเหนียงกลับเขย่าแขนเขาไปมาคล้ายต้องการให้รับปาก



“ข้าถือว่าท่านรับปากว่าจะไปแล้วนะ”



 เพราะมัวแต่ครุ่นคิดกลายเป็นว่าถูกบังคับให้ตกปากรับคำ รู้สึกว่าครั้งนี้ตนเองชักจะเถลไถลเกินความจำเป็นไปแล้ว ทว่าเม่ยเหนียงกลับโห่ร้องดีใจที่นางจะได้อยู่กับพี่ใหญ่นานขึ้นอีกหน่อย



“เม่ยเหนียงเจ้าต้องไปขออนุญาตท่านอู่ก่อนนะ”



“เจ้าค่ะพี่ใหญ่”



นางทำหน้าระรื่นเสวี่ยหมิงได้แต่ถอนหายใจ ขณะที่เสี่ยวหลงปั้นหน้าขรึม มันวางแผนจะเข้าวังพบบิดาซักครั้งตามหมายกำหนดการซึ่งก็คือคืนนี้ กลับไปครานี้คงมีเรื่องให้สนทนากันอีกมากทีเดียว



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:





รู้สึกว่าปมมันเยอะคนเขียนเองก็ชักงงงง555555 พยายามคลี่คลายปม แต่ทำไมรู้สึกเหมือนขมวดปมแทนกะไม่รุ





งงเด้ๆๆ





เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 29-03-2017 12:44:26
ลุ้นมากว่าใครคือคนร้าย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 29-03-2017 14:40:41
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-03-2017 15:46:37
มีพยานยืนยันว่าคนที่บอกข่าว เป็นหลงเยี่ยอิงตัวปลอม
น่าจะซักถามถึงรูปร่าง หน้าตาของหลงเยี่ยอิงตัวปลอม
แต่นี่ก็ทำให้เสวียหมิง เข้าใกล้ไปอีกนิด
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 29-03-2017 16:45:07


งงเด้

แต่ก็รอ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 29-03-2017 17:17:23
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 29-03-2017 19:44:56
เถลไถลจริงๆนะหมิงหมิง
แล้วอย่าไปร่วมวงชิงเจ้ายุทธภพกับเขาด้วยล่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-03-2017 20:00:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่30 p11 29/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 29-03-2017 20:27:38
อ่านไปแอบบบ งงงเด้อออออ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p11 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 31-03-2017 13:38:49
ตอนที่31



เสี่ยวหลงฉวยโอกาสไปพบบิดาหลังจากอาสาไปส่งเม่ยเหนียงกลับค่ายอาชาที่นอกเมือง หลังจากปรึกษาหารือกับบิดาเสร็จมันก็กลับมาหาพี่ใหญ่ที่โรงเตี๊ยมและพบว่าทุกคนยังนั่งดื่มสุรากันไม่เลิกรา



ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่กับมู่เกาจงจะคุยกันถูกคอ ตอนนี้แม้แต่ฉินจวิ้นเจี๋ยผู้ทรงศีลคาดว่าถูกบังคับให้ร่วมดื่มด้วยจนเมาสลบไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เสี่ยวหลงเห็นดังนั้นรีบเข้าไปนั่งข้างๆพี่ใหญ่ของมันดุจเดิม



“พี่ใหญ่นี่ก็เลยเที่ยงคืนมามากแล้วพี่รีบปลีกตัวไปพักผ่อนเถอะ” มันกระซิบ



“รีบร้อนอันใดเล่าน้องหลงข้ายังมีเรื่องอีกมากเล่าให้น้องเสวี่ยฟัง” มู่เกาจงกล่าวเสียงป้อแป้ เสวี่ยหมิงยิ้มละเหี่ยใจไม่ขาดว่าคนผู้นี้พอเมาแล้วจะพูดจ้อไม่หยุด



 “เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิดเสี่ยวหลง”



“จะได้อย่างไร” เสี่ยวหลงนึกไม่พอใจมู่เกาจง ถึงแม้มันจะเป็นแหล่งข่าวชั้นดีแต่รบกวนพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้มันยอมไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นมันจึงเดินเงียบไปยังด้านหลังแล้วจัดการสกัดจุดหลับส่งผลให้มู่เกาจงหน้ามืดสลบคาโต๊ะไป



“เท่านี้พี่ใหญ่ก็ไปนอนได้แล้ว”



เสวี่ยหมิงส่ายหน้าไปมา นึกอยากตำหนิแต่ไม่ได้กล่าวออกไปเพียงเพราะเข้าใจว่าเด็กน้อยหวังดีต่อเขานั่นเอง จากนั้นเขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย เสี่ยวหลงเรียกขานเสี่ยวเอ้อให้เตรียมห้องให้สามห้อง สองห้องของมู่เกาจงและฉินจวิ้นเจี๋ยอีกห้องสำหรับพวกเขาเอง



เมื่อเสี่ยวเอ้อมาแบกมู่เกาจงกับฉินจวิ้นเจี๋ยไปพวกเขาสองคนก็ไปที่ห้องพัก สวี่ยหมิงล้มตัวลงนอนโดยมีเสี่ยวหลงซึ่งดับไฟในตะเกียงตามลงมาติดๆ



“หลงเอ๋อเจ้าหายไปไหนมา”



เสี่ยวหลงถอนหายใจเบาๆมันหลอกพี่ใหญ่ไม่ได้จริงๆ ยิ่งพี่ใหญ่เดินแผนการนุ่มนวลใช้เสียงอ่อนหวานเข้าตะล่อมมันยังไม่มีความคิดปิดบัง



“ข้าไปหาบิดามาพี่ใหญ่”

เสวี่ยหมิงอุทานดังเอ๊ะ หากพูดถึงบิดามิใช่ว่าเด็กน้อยตามหาบิดาชื่อซือเยว่อยู่หรอกรึ



“ข้าสงสัยนะที่ผ่านมาเจ้าโกหกเรื่องใดบ้าง”



น้ำเสียงของพี่ใหญ่บอกชัดว่าเริ่มไม่พอใจ เสี่ยวหลงรีบเอาอกเอาใจเสวี่ยหมิงทันทีด้วยการนวดเฟ้นขาให้



“เจ้านวดให้ข้าทำไม”



“บอกตามตรงข้าเพียงหวังให้พี่ใหญ่อารมณ์ดีขึ้น...พี่ใหญ่ตอนนี้ข้ายังบอกอะไรไม่ได้มาก ทว่ากลับไปพบบิดาครั้งนี้เหมือนทุกอย่างจะคืบหน้าขึ้น พี่ใหญ่ข้า.....”



“เจ้ายังคิดไม่ตกว่าจะเล่าให้ข้าฟังดีหรือไม่ใช่ไหม”

เสวี่ยหมิงถอนหายใจ พลันพลิกตัวเข้าหาเสี่ยวหลง



“นอนเถอะ ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก”



“พี่ใหญ่....” มันเรียกขานคำหนึ่งก่อนจะทิ้งช่วงยาวนาน เสวี่ยหมิงหาได้สนใจไม่ เขาสวมกอดเสี่ยวหลงกดให้ใบหน้าของมันซบลงกับอก



“พี่ใหญ่ท่านช่างดีกับข้ายิ่ง”



“เจ้ารู้ก็ดีแล้วดังนั้นอย่าทำให้ข้าผิดหวัง”



บอกความรู้สึกจากใจจริงออกไป เสวี่ยหมิงคาดว่าดำเนินแผนการเจ้าเล่ห์ถอยไปตั้งรับเช่นนี้ อาจทำให้เสี่ยวหลงคิดอยากบอกความจริงขึ้นมาบ้างก็เป็นได้ ในขณะที่เสี่ยวหลงแม้นอนซบอกแต่หาหลับลงไม่เฝ้าครุ่นคิดวางแผนว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานะของมันกับพี่ใหญ่ตอนนี้ดี ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเศร้ามันร่ำร้องอยากบอกความจริงทั้งหมดเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็หาได้ทำดั่งใจต้องการไม่



เช้าวันรุ่งขึ้นเสวี่ยหมิงถูกเสี่ยวหลงปลุกให้ตื่น เด็กน้อยเข้ามาเอาอกเอาใจเขาแบบเกรงๆ ทั้งยังเฝ้ามองสีหน้าและปฏิกิริยาของเขาด้วยแววตาคล้ายหวาดกลัว



 “พี่ใหญ่วันนี้เป็นวันชุมนุมชาวยุทธคัดเลือกจ้าวยุทธภพ นี่ก็ใกล้เวลาแล้วดูเหมือนว่ามู่เกาจงกับฉินจวิ้นเจี๋ยยังไม่ตื่นนอนเราควรไปปลุกดีหรือไม่”



“ไว้เราทานอาหารเสร็จก่อนเราค่อยปลุก”



“พี่ใหญ่ดูไม่กระตือรือร้น”



“ก็คนอยากไปเขาไม่อยู่นี่อีกอย่างเจ้าก็บอกเองว่าเราอาจไปไม่ทัน”



กล่าวจบพวกเขาก็ตั้งตาตั้งตาทานอาหารที่เสี่ยวเอ้อนำมาให้ หลังจากทานเรียบร้อยเสวี่ยหมิงก็พาเสี่ยวหลงไปเคาะเรียกมู่เกาจงทว่าเมื่อเห็นไม่ตื่นจึงไปห้องฉินจวิ้นเจี๋ย



“โอ รอซักครู่เถอะ” ฉินจวิ้นเจี๋ยตอบรับจากด้านในไม่นานเท่าใดเขาก็เปิดประตูออกมา



“มือปราบฉินได้เวลานัดที่หุบเขาเทียมฟ้าแล้วนะขอรับ” เสี่ยวหลงแจ้งให้ทราบ ทันทีที่กล่าวจบฉินจวิ้นเจี๋ยก็ดวงตาเบิกกว้าง รีบเดินไปยังห้องของศิษย์พี่ปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับ



มู่เกาจงเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะไปร่วมงามชุมนุมสายก็ให้เกิดความกระวนกระวายทว่ายังมึนเมาและเดินเซอยู่บ้าง เป็นเช่นนี้จะเดินทางไปงานชุมนุมได้อย่างไร



“ศิษย์พี่อยู่พักผ่อนที่โรงเตี๊ยมดีหรือไม่”



“เจ้าพูดอะไรศิษย์น้องอย่าทำให้ข้าอารมณ์เสียหน่อยเลย ยังไงข้าก็ต้องไปให้ได้”



“แต่ศิษย์พี่คงเดินทางไม่ไหวกระมัง”

เสวี่ยหมิงเห็นทั้งสองคนทุ่มเถียงกัน พลันนึกบางอย่างขึ้นได้



“ข้ากับน้องชายมีม้าเหงื่อโลหิตอยู่สองตัวคาดว่าคงทุ่นแรงและเดินทางได้รวดเร็วไม่ต่างกับการวิ่งด้วยวิชาตัวเบากระมัง”



“โอ้ช่างเป็นสหายที่ประเสริฐแท้” มู่เกาจงร้องชื่นชม



“น้องเสวี่ยรีบเข้าเถิดเจ้าเองก็ไปด้วยกันเถอะนะ ครั้งนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาดเพราะอย่างไรศิษย์น้องฉินต้องได้เป็นจ้าวยุทธภพแน่ๆ”



คราแรกจะปฏิเสธ แต่เมื่อถูกรุกเร้ากับใจหนึ่งอยากสำรวจการชุมนุมนี้อยู่บ้างดังนั้นจึงออกเดินทางไปกับมู่เกาจงและศิษย์น้องฉิน การเดินทางไปหุบเขาเทียมฟ้าครั้งนี้ไม่ลำบากนักเพราะหุบที่ว่าอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปแค่ไม่กี่หมู่บ้านเท่านั้น ด้วยฝีเท้าของม้าที่รวดเร็วยิ่งนักใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็มาถึงตีนเขาจนได้



เสวี่ยหมิงกับพรรคพวกเดินเท้าขึ้นเขาไปตอนนี้คล้ายว่ามู่เกาจงจะสร่างเมาแล้ว คนผู้นี้ยิ่งใกล้ถึงด้านบนยิ่งกระปรี้กระเปร่า ทั้งยังพูดจ้อวิเคราะห์ฝีมือของชาวยุทธที่มาร่วมงานไปตลอดทางไม่หยุด



ระหว่างทางขึ้นเขาพวกเขาก็พบกับชาวยุทธนอนร้องโอดโอยเกลือกกลิ้งไปตามพื้น ดูจากอาการเสวี่ยหมิงคาดเดาว่าคงถูกพิษและพิษที่ว่าเขาเองก็รู้จักดีเสียด้วย



“พิษหิมะโปรย” เสวี่ยหมิงกล่าวเบาๆพลางมองดูไปรอบๆ เขาไม่รอช้าควักเอายาต้านพิษขึ้นมาสามเม็ดมอบให้พวกพ้องรับไป



“ยานี่คืออันใดคุณชายเสวี่ย” ฉินจวิ้นเจี๋ยถาม



“ยาต้านพิษพวกท่านรีบทานเถอะ”



ฉินจวิ้นเจี๋ยลังเลจึงถูกมู่เกาจงต่อว่า “ใยไม่ทานเข้าไปเล่าศิษย์น้องมียาป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าถูกพิษ สหายเสวี่ยข้าเชื่อในตัวเจ้าหวังว่าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ”



“ท่านไม่ผิดหวังในตัวช้าแน่ๆ”



 ดังนั้นทุกคนจึงรีบทานยาที่เสวี่ยหมิงยื่นให้ เสวี่ยหมิงเดินนำคณะเริ่มสำรวจดูผู้คนโดยรอบ เสวี่ยหมิงต้องการรู้ว่ามีคนเจ็บเท่าใดก่อนที่จะรักษาจึงเดินไปเรื่อยจนถึงลานกว้างบนหุบเขาตอนนี้เองที่พบกับคนกลุ่มหนึ่งดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:




ใกล้เข้าสู่เนื้อเรื่องช่วงท้ายๆๆๆแล้ว อยากจะเร่งสปีดเต็มพิกัด



แต่ยังเชื่อมพล็อตต่อได้ไม่ดีพอ55555



แต่จะพยายามนะ ดองไว้หลายเรื่องแล้วเรื่องนี้กะอยากเขียนให้จบ





เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 31-03-2017 14:01:41
เร่งเครื่องก้อดีอยากอ่านติดต่อกัน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 31-03-2017 15:21:04

รอต่อขอรับ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-03-2017 16:04:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 31-03-2017 17:47:21
มันจะคลี่คลายออกมายังไงนะ
มีความลับซุกซ่อนเต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 31-03-2017 18:37:26
ตกใจมาก จะจบแล้วเหรอ เพราะเรายังเชื่อมอะไรไม่ได้เลย :mew5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-03-2017 19:42:35
ค้าง สั้นไปนะ  :ling1:
เสี่ยวหลง บอกไปเถอะ สองหัวดีกว่าหัวเดียว
เสวี่ยหมิง ก็ช่วยได้ จะได้เข้าใจกัน
ไม่ต้องหลอกลวงปิดบังกัน
ให้เสียความรู้สึก
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 31-03-2017 19:53:17
ขอบคุณครั ติดตามๆ เอาให้เสร็จ เอ้ยจบก็พอ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 01-04-2017 13:23:12
รีบบอกความจริงไปเถอะเสี่ยวหลง
ถ้าหมิงหมิงรู้เองจะโกรธเอานะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 01-04-2017 20:16:52
โอ้ย  ค้างอะ  เฮ้อตัวเองเราจะเทพรึเปล่านะ  รอๆๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 01-04-2017 23:59:53
ค้างคาเหลือเกิน ท่านพี่ทั้งหลาย :katai1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 02-04-2017 15:54:18
เอาใจช่วยน้า สู้สู้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่31 p12 31/3/60
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-04-2017 12:56:47
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่32 p12 3/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 03-04-2017 12:59:32
ตอนที่32



ด้านบนของหุบเขาคือลานกว้างและหน้าผาสูงชัน เสวี่ยหมิงพบคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง แต่ใช่ว่าจะไม่รู้จักใครเลย เขาจำใบหน้าหล่อเหลานั่นได้ดี มันคือเหลยเฟิงไม่ผิดแน่



“สตรีผู้นั้นถ้าจำไม่ผิดคือลูกน้องของหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอม”



 เสวี่ยหมิงหันไปมองมู่เกาจงที่พึมพำเบาๆ ทั้งเหลยเฟิงและสตรีซึ่งเป็นลูกน้องของศิษย์พี่รองตัวปลอมอยู่กันพร้อมหน้า เขาคาดว่าการวางยาผู้คนครั้งนี้คงมีแผนการใหญ่โตบางอย่างอยู่กระมัง



“เจ้าคนชั่วช้าเจ้าใช้คนวางยาเหล่าชาวยุทธใช่หรือไม่” มู่เกาจงไม่สืบหาราวเรื่องใดใดทั้งนั้นมันปักใจว่าคนกลุ่มนี้คือคนวางยาแทบจะในทันที



“ศิษย์พี่มู่” ฉินจวิ้นเจี๋ยกล่าวท้วงมันกลัวว่าอาจเป็นการใส่ร้ายผู้อื่น ทว่าบทสนทนาของเสวี่ยหมิงกับคนในกลุ่มนั้นทำให้มันกับศิษย์พี่ต้องนิ่งฟัง



“เหลยเฟิงก่อเรื่องคราวก่อนได้รับการสั่งสอนจากข้ายังไม่พออีกหรือ”



เหลยเฟิงร้องเฮอะอยู่คำหนึ่งมันไม่คิดเสวนากับเสวี่ยหมิงให้มากความครานี้มันมีศิษย์พี่จ้าวสำนักมาด้วยใยมันต้องกลัว



“อุ๊ยตาย อาเฟิงหรือนี่คือบุรุษหยกที่เจ้าเล่าว่าทำร้ายเจ้าจนเกือบตาย”



 สตรีผู้มีรูปโฉมงามเย้ายวนกล่าว สำหรับกับเสวี่ยหมิงแม้นางผู้นี้ยืนเฉยๆยังรู้สึกได้ถึงเสน่ห์อันอบอวล ยามนางกล่าววาจาไพเราะเสียงหวานๆนั้นคล้ายกับทำนองดนตรีก็ไม่ปาน



ในขณะที่เสี่ยวหลงลอบร้องว่าผิดท่า สตรีนางนี้คงฝึกพลังหยกรัญจวนจนถึงขั้นสุดยอด นอกจากนั้นยังสำเร็จกระบวนแห่งกามาจนแม้แต่ยืนนิ่งๆก็สามารถยั่วยวนให้หลงไหลได้



โชคยังดีที่มันเป็นผู้มีสมาธิตั้งมั่นคนหนึ่งดังนั้นจึงไม่หลงใหลไปกับรูปรสกลิ่นเสียงโดยง่าย แต่กลับพี่ใหญ่เล่ามันลอบมองดูคนข้างๆด้วยสายตาเป็นห่วง พี่ใหญ่ของมันมีอาการตะลึงในความงามอันหายากของสตรีนางนี้ไม่มากก็น้อย



“พี่ใหญ่อย่าได้หลงเสน่ห์นาง นางมารนี้มาจากสำนักกุสุมาลย์แห่งหลีฝึกวิชาเน้นยั่วกำหนัด จอมยุทธฉินจอมยุทธมู่เองก็อย่าหลงกลเชียว”



มันกล่าวเตือนทุกคนให้มีสติ พี่ใหญ่ของมันในที่สุดก็เลิกสนใจรูปลักษณ์ของนางมารได้ ฉินจวิ้นเจี๋ยถึงแม้จะยังตะลึงอยู่บ้างแต่ก็ยังมีสติ มีเพียงมู่เกาจงเท่านั้นที่น่าชื่นชมสมกับที่ฝึกปรือทางพรตมามากไม่มีอาการของความปิติยินดียามที่เห็นโฉมงามแต่อย่างใด



“อาเฟิงข้ายอมรับว่าบุรุษหยกผู้นี้หล่อเหลายิ่ง แต่ร่างกายอ้อนแอ้นกว่าเจ้ามากเหตุใดจึงจัดการมันลงไม่ได้เล่า”



“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านลองทดสอบฝีมือมันดูเถิด ถือว่าแก้แค้นให้กับผู้เป็นน้องกำจัดเสี้ยนหนามให้ข้าเถิดพี่สาว”



“เฮ้อใครใช้ให้ข้าเหลยไห่เหยียนมีน้องชายไม่ได้เรื่องอย่างเจ้ากันล่ะ”



พลันนางพุ่งเข้าหาเสวี่ยหมิงด้วยความเร็ว นางจู่โจมด้วยกรงเล็บซึ่งๆหน้า เร็วมากจนเสวี่ยหมิงเกือบหลบไม่



“พี่ใหญ่” เสี่ยวหลงจะเข้ามาช่วยทว่าเหลยเฟิงไม่นิ่งเฉยมันเข้ามาประมือกับเด็กน้อย ดึงความสนใจของเสี่ยวหลงไปอีกทาง เมื่อผู้นำเริ่มต่อสู้ลูกน้องของพวกมันก็กลุ้มรุมเข้าหาฉินจวิ้นเจี๋ยกับมู่เกาจงทันที



“คิกคิก บุรุษหยกท่านช่างหล่อเหลายิ่ง เอาไว้เรามาสนุกกันก่อนแล้วค่อยให้ข้าปลิดชีพเจ้าดีหรือไม่”



เหลยไห่เหยียนพัวพันไปรอบๆกลิ่นกายหอมหวานและท่วงท่าบิดเร้นอ่อนแอ่น ชวนให้สมาธิไม่อยู่นิ่ง ทว่ากับเสวี่ยหมิงที่ปักใจรักในตัวเสี่ยวหลงกลวิธีอันนี้เห็นจะใช้ไม่ได้กับเขาอย่างที่นางตั้งใจ



เหลยไห่เหยียนเห็นว่าบุรุษหยกยังแทงกระบี่ตอบโต้กลับมาอย่างดุดันว่องไว ไม่ตกหลุมค่ายกลอันเย้ายวนของนาง ตามปกติด้วยท่าท่างร่ายรำอันรุกเร้าเช่นนี้ทุกผู้คนต้องจ้องมองนางละลานตามือไม้สั่นเทาอาวุธในมือย่อมตกลงพื้นไป ทว่าบุรุษหยกผู้นี้กลับตายด้านนัก หรือว่าคนผู้นี้ฝึกทางพรตมาหรือก็ไม่น่าใช่ด้วยอายุเพียงเท่านี้การจะตัดรูปรสของสตรีออกไปได้คงมีเพียงแต่บุรุษที่มีคนรักอยู่ในใจแล้วเท่านั้น



“บุรุษหยกเจ้าคล้ายมีคนรักแล้วใช่หรือไม่”



“แม่นางเดาได้ถูก”



เมื่อได้รับคำตอบนางหัวเราะเสียงเจื้อยแจ้ว ตะปบกงเล็บหมายสังหารแต่ไม่คิดสังหาร หยอกเย้าราวกับแมวหยอกหนูเช่นนี้เสวี่ยหมิงยังคาดเดาได้ว่านางฝีมือเหนือล้ำกว่าตนหลายเท่า



ในขณะเดียวกันเสี่ยวหลงรับมือกับเหลยเฟิงได้อย่างไม่ลำบาก เป็นเพราะว่าฝีมือของมันกับมารผู้นี้หากชั้นกันหลายขั้นเช่นกัน ตอนนี้มันคิดเผด็จศึกต้องการปลิดชีวิตของตัวบัดซบนี้ภายในกระบวนท่าเดียว



เสี่ยวหลงฉวยจังหวะที่เหลยเฟิงโถมเข้ามาอย่างเผ็ดร้อนรวบรวมลมปราณออกผสานท่วงท่าให้เป็นหนึ่งเพลงหมัดภูติอุดรเป็นวิชาหมัดอันรุนแรงที่เฒ่าจูเลือกสอนให้มันเป็นพิเศษเพียงผู้เดียว



ถูกใช้ออกมาอย่างรวดเร็วแม่นยำปะทะเข้าที่สีข้างของเหลยเฟิงท่าไม้ตายนี้เมื่อออกหมัดไปกระทบกับสิ่งใดจะทำให้สิ่งนั้นระเบิดออก หลักการวิชานั้นเรียบง่ายเป็นการส่งลมปราณมหาศาลไปทำปฏิกริยากับภายในคล้ายกับสูบลมอย่างหนึ่ง เหลยเฟิงสะดุ้งเฮือกก่อนที่ร่างกายจะบวมพองและระเบิดออกในเวลาถัดมา



ถือว่าสาสมแล้ว ครานี้มันลงมืออำมหิตเพื่อเป็นการล้างแค้นที่พี่ใหญ่ต้องพิษปลุกกำหนัดจากเหลยเฟิง เสียงระเบิดดังสนั่นทำให้เสวี่ยหมิงและเหลยไห่เหยียนหันเหความสนใจไปยังต้นกำเนิด



เสวี่ยหมิงจิตใจคล้ายถูกเบี่ยงเบนไปวูบหนึ่งความลับของเสี่ยวหลงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง ขณะที่เหลยไห่เหยียนกลับสงบยิ่งถึงแม้จะเห็นน้องชายร่วมบิดามารดาถูกระเบิดไปต่อหน้าต่อตา



“พี่ใหญ่”



ไม่ทันการเสียแล้วเมื่อเบนสายตากลับไปพบว่าเหลยไห่เหยียนร่ายรำเพลงหมัดกระบวนหนึ่งดูแล้วคล้ายกับเพลงหมัดเกล็ดหิมะยิ่ง นอกจากนั้นยังเป็นกระบวนท่าสุดยอดเกล็ดหิมะหยาวยะเยือกกระบวนพิษที่เสวี่ยหมิงได้รับคำยืนยันจากอาจารย์ว่าไม่มีผู้ใดได้ฝึกวิชานี้นอกจากเขา



เสวี่ยหมิงคิดแทงกระบี่ย้อนกลับหมายต่อต้านแต่คาดว่าไม่สามารถบิดตัวเข้ากระบวนท่าได้ทันการ ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเสี่ยวหลงเข้ามารับเอากระบวนท่าสังหารแทนที่



เสี่ยวหลงใช้ฝ่ามือรับเอาหมัดของเหลยไห่เหยียนไม่คาดว่าพลังกายและพลังวัตรของนางจะมากกว่ามันไปไกลนัก เสี่ยวหลงถูกแรงผลักกระเด็นลอยคว้างไปในอากาศมุ่งหน้าไปยังเหวลึก



 มันรู้สึกเหมือนมีความเย็นเยือกขุมหนึ่งวิ่งผ่านจากฝ่ามือไปยังท้องน้อยพลันเกิดหนาวเหน็บรวดร้าวที่บริเวณนั้นจนเร่งเร้าลมปรานไม่ได้อีกทั้งตัวยังชาคล้ายกับถูกยาพิษก็ไม่ปาน



มันคงตกเหวลึกนี้แล้วตกตายไปเป็นแน่แท้ ไม่คาดว่าพี่ใหญ่ของมันจะกระโจนเข้ามารับมัน ทว่าเหลยไห่เหยียนไม่ยอมปล่อยโอกาสนางเหินพริ้วหมายซัดฝ่ามือเข้าใส่เสวี่ยหมิงจากด้านหลัง เสวี่ยหมิงเมื่อคว้าจับเสี่ยวหลงไว้ได้ยังต้องหันมารับเอาฝ่ามือ แรงกระแทกส่งผลให้ยิ่งลอยระลิ่วลงไปยังหุบเหวด้านล่าง



เสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงร่วงลงไปยังด้านล่างเร็วยิ่ง ทว่าหาได้คิดยอมตายไม่ที่ด้านล่างพลันเห็นตนไม้ตนใหญ่และเถาวัลย์เกาะติดตามหินผา เสวี่ยหมิงตะเกียกตะกายคว้าจับเอาเถาวัลย์หนาคิดใช้เป็นเครื่องชะลอความเร็ว นอกจากนั้นยังเล็งให้ตกลงไปยังต้นไม้ใหญ่อันหนานุ่ม มันได้ผลเถาวัลย์กับต้นไม้ใหญ่ช่วยให้เขาลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัยแม้จะเจ็บตัวทั้งยังทุลักทุเลอยู่บ้าง



เมื่อลงถึงพื้นอันดับแรกที่เสวี่ยหมิงสนใจคืออาการของเสี่ยวหลง เด็กน้อยคล้ายเจ็บปวดทุรนทุรายอย่างหนัก มันผลักไสเข้าออกห่างและเริ่มต้นเดินลมปราณ ขณะทำเช่นนั้นก็ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ใบหน้าและร่างกายปูดบวมกระดูกและเนื้อหนังถูกผลัดเปลี่ยนใหม่ ลักษณะเช่นนี้เสวี่ยหมิงเองใช่ไม่เคยเห็น นี่คือวิชาผลัดกระดูกเปลี่ยนหนังที่อาจารย์สอนเขามา



เสี่ยวหลงพยายามเดินลมปราณเต็มกำลังการที่จะกลับมาใช้พลังวัตรได้ครบถ้วนจำต้องคืนร่างเดิมดังนั้นจึงใช้วิชาผลัดหนังเปลี่ยนกระดูกจัดเรียงรูปร่างให้เป็นอย่างแรกเริ่ม ระหว่างพยายามเดินลมปราณมันเจ็บที่ท้องน้อยยิ่ง ชีพจรทั่วร่างล้วนตีบตันไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ไม่สามารถส่งพลังวัตรกรุยทางให้ลมปราณเดินผ่านไปยังจุดต่างๆได้



“อั่ก...”



มันกัดฟันกรอด เพราะเจ็บที่ท้องน้อยคล้ายถูกทิ่มแทงทั้งหนาวเยือกยิ่ง ครานี้มันหมดหนทางจริงๆคาดว่าไม่นานนักมันคงตกตายไปเป็นแน่แท้ วิชาประหลาดและพิษประหลาด มันไม่เคยเห็นเคยพบมาก่อน แต่ก่อนตายไปมันอยากจะให้คนที่มันรักรู้จักตัวตนจริงแท้ของมัน



“พี่ใหญ่ข้าคงไม่อาจอยู่ร่วมกับท่านได้นานกระมัง มีสิ่งที่ข้าอยากจะพูดกับท่านหลายอย่าง ท่านคงตกใจที่เห็นรูปร่างข้าเปลี่ยนไปเยี่ยงนี้ พี่ใหญ่ชื่อที่แท้จริงของข้าก่อนสิ้นชีวิตไปอยากให้ท่านเรียกขาน ชื่อของข้าคือหลงเยี่ยอิ่ง....อั่ก...”



มันพยายามไม่เกลือกกลิ้งไปตามพื้นด้วยความเจ็บปวด มันอยากให้พี่ใหญ่จดจำวาระสุดท้ายอันองอาจของมันมากกว่าสภาพทุรนทุรายราวสุนัขตัวหนึ่ง



“พี่ใหญ่....ไม่สิเสวี่ยหมิงข้าขอโทษที่โกหกเจ้า ความจริงแล้วข้าคือศิษย์พี่รองของเจ้า ทว่ายังเหลือเรื่องอื่นอีกมาก ข้ากังวลเหลือเกินตกลงมายังหุบเหวไร้ทางออกเช่นนี้หากข้าตายไปเจ้าจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร”

ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บอย่างสุดแสนแต่ยังพอมีสติสังเกตรอบด้าน ใต้หุบเหวลึกนี้ถึงมีแอ่งน้ำมีปลาและผลหมากรากไม้พอให้เก็บกินอยู่บ้างแต่ด้านบนเป็นผาสูงชันใช่ว่าจะปีนป่ายขึ้นไปได้ง่ายๆ ตกลงมายังที่แห่งนี้หากไม่ตายก็ต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพียงผู้เดียวไปทั้งชีวิต หลงเยี่ยอิ่งกลัวเสวี่ยหมิงจะต้องอยู่ลำพังยิ่งกว่าความตายที่กำลังมาเยือนตัวมันถึงเสียอีก



               ครานั้นไม่คาดว่าพี่ใหญ่ของมันจะถอนหายใจออกมา เสวี่ยหมิงคล้ายไม่สนใจต่อเหตุกาณ์ล่อแหลมตรงเข้ามาช้อนอุ้มมันที่ใหญ่โตกว่า” เจ้าอย่าพูดเพ้อเจ้อนักเลย ใครจะปล่อยให้เจ้าตาย เจ้ายังมีเรื่องต้องสารภาพให้ข้าฟังอีกมาก เสี่ยว...ศิษย์พี่รอง ข้าไม่ปล่อยให้ท่านตกตายไปทั้งยังปกปิดความลับยิ่งใหญ่เอาไว้แน่ๆ”

 

             เสวี่ยหมิงอุ้มเสี่ยวหลงไปยังถ้ำเล็กๆซึ่งอยู่ไม่ห่างไปนัก โชคดีที่หุบเหวนี้เป็นสถานที่ซึ่งพออยู่อาศัยได้ ก่อนจะทำการอื่นใดเขาต้องแก้พิษหมัดเกล็ดหิมะให้ศิษย์พี่รองเสียก่อน



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



ตกเหวปะแหล่ว งานนี้หลงต้องบอกทุกอย่างละนะ55555



หายไปสามวันจะบอกว่าปะงานสัปดาห์หนังสือมา



กวาดทั้งนิยายวายนิยายปกติอื้อซ่าหมดไป5000 5555



ที่แน่ในบรรดาที่ซื้อมาคือเรื่องเทียนซือคู่ป่วนผจญวิญญานคือสนุกมาก



 อย่างแต่งแนวนี้ได้บ้างงงงงง



เวิ่นเว้อเกินปะละ เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่32 p12 3/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-04-2017 13:17:02
ได้เวลาบอกความจริงแล้วนะหลง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่32 p12 3/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 03-04-2017 13:56:30
ความจริงกำลังถูกเปิดเผย  ว่าแต่อิแม่นางมันไปรู้วิชาเกล็ดหิมะมาจากไหน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่32 p12 3/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-04-2017 15:54:49

    :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่32 p12 3/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 03-04-2017 17:40:44
เขาจะได้กันไหมอ่ะ อิอิ ไม่ได้คาดหวังแต่กะอยากได้
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่32 p12 3/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-04-2017 17:42:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่32 p12 3/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-04-2017 20:51:00
นังอสรพิษ

เยี่ยอิงสารภาพหมดตัวมาซะดี ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 05-04-2017 11:54:37
ตอนที่33

           

   “เสวี่ยหมิง....อึก....เจ้าจะทำอะไร” หลงเยี่ยอิ่งถามพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บแต่ใบหน้ายังบิดเบี้ยวไปเล็กน้อยเสวี่ยหมิงรู้สึกได้ในทันทีแม้ว่าศิษย์พี่รองพยายามจะปิดบัง

           

    “ข้าก็จะช่วยท่านอย่างไรเล่า”

       

       “อย่าทำเรื่องเสียเปล่าให้ข้าได้พูดในสิ่งที่ข้าอยากพูดเถอะหมิงเอ๋อ”



เสวี่ยหมิงส่ายหน้าไปมานึกสงสารคนที่คิดแต่ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆเสียเหลือเกิน เด็กน้อยนี่ไม่สิศิษย์พี่รองใยท่านถึงอยากตายนัก ทว่าถึงท่านอยากตายข้าก็จะฉุดท่านกลับมาให้ได้ ท่านหลอกลวงข้านับเป็นเรื่องใหญ่ ยอมรับว่าก็โกรธไม่น้อย แต่จะไม่ยอมให้อารมณ์เช่นนั้นชี้นำจนต้องสูญเสียเสี่ยวหลงไปอย่างเด็ดขาด



ถึงแม้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลงจะเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นหลงเยี่ยอิ่ง แต่ใบหน้างดงามนี้มีเค้าลางของเสี่ยวหลงอยู่มาก ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงไม่รู้สึกแปลกแยกแต่อย่างใด



“หมิงเอ๋อวางข้าเถิดให้ข้าได้พูดกับเจ้า.....”



น่ารำคาญนัก จะทำอย่างไรให้ศิษย์พี่ซึ่งโยเยไม่ต่างกับเด็กน้อยหยุดพูดเสียที ดูท่าว่านิสัยที่แสดงออกยามเป็นเสี่ยวหลงจะไม่ใช่สิ่งที่ปั้นแต่งขึ้นมากระมัง



 เด็กน้อยที่น่าหงุดหงิด



คิดเช่นนั้นพลันประกบจูบลงบนริมฝีปากศิษย์พี่รองอย่างดุดันปิดกั้นคำกล่าวไร้สาระให้หมดไป



“อือ...อุ....”



เสวี่ยหมิงประคองร่างของศิษย์พี่รองลงบนพื้นถ้ำ ทว่าขณะทำเช่นนั้นยังไม่ละริมฝีปากจากคนเจ็บ หลงเยี่ยอิ่งถึงแม้เจ็บอย่างสุดแสน แต่กลับตอบสนองการจูบไม่ลดละ เสียงแลกจุมพิตอันวาบหวามเร้งเร้าให้เสวี่ยหมิงและหลงเยี่ยอิ่งเกิดอารมณ์ร้อนแรง



“อื้อ....อือ....”



เสวี่ยหมิงผลักหลงเยี่ยอิ่งนอนลงบนพื้นก่อนจะจู่โจมฟอนเฟ้นตามร่างกายด้วยจูบและมือ หลงเยี่ยอิ่งไม่ยอมแพ้ ใช้แรงที่มีทั้งหมดพลิกกลับมาทาบทับ เริ่มต้นโลมเล้าคืนบ้างเสวี่ยหมิงยอมรับว่าการถูกปรนเปรอด้วยคนรักเช่นนี้ทำให้เขามีความสุขยิ่ง



“อั่ก....” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลงเยี่ยอิ่งทำให้เสวี่ยหมิงกลับมามีสติ นี่เขาลืมไปเลยว่าศิษย์พี่ป่วยอยู่



“ศิษย์พี่รองข้าขอโทษ”



 ดีดตัวลุกขึ้นก่อนจะจัดแจงเริ่มถ่ายลมปราณเพื่อรักษาคนป่วยอย่างเร่งด่วน ตามจริงนึกเสียดายอยู่บ้างกับที่ต้องหยุดการสานสัมพันธ์แนบชิดดังที่ใจปรารถนา ทว่าความเป็นความตายของศิษย์พี่รองย่อมสำคัญกว่า



“อุก....ข้าดีใจเหลือเกินหมิงเอ๋อที่เจ้าไม่รังเกียจข้าที่เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้”



คนป่วยยังไม่หยุดเพ้อเจ้อ เสวี่ยหมิงทำเป็นไม่สนใจส่งผ่านลมปราณเพื่อขจัดเกล็ดพิษในกายศิษย์พี่รองอย่างมุ่งมั่น   



“ศิษย์พี่รอง ท่านอย่าได้ประมาทความจริงใจของข้าไป ไม่ว่าท่านจะเป็นเสี่ยวหลงหรือหลงเยี่ยอิ่ง ขอเพียงท่านรักและจริงใจต่อข้า ข้าพร้อมที่จะรักให้อภัยและเข้าใจในตัวท่าน ....ได้โปรดมีสติแล้วเริ่มเดินลมปราณไปพร้อมข้า ไม่อย่างนั้นข้าคงเสียใจไปชั่วชีวิตเพราะไม่อาจช่วยท่านได้ เสี่ยวหลงให้ความร่วมมือกับพี่ใหญ่นะ”



“อั่ก...แน่นอน...ข้าจะไม่ทำให้พี่ใหญ่ต้องผิดหวัง”



หลงเยี่ยอิ่งลองเรียกขานเสวี่ยหมิงเป็นพี่ใหญ่ ตามจริงมันคิดว่าหากเปิดเผยตัวตนไปคงจะถูกหมางเมินและรังเกียจ ดังนั้นจึงมีความปิติยินดีและเห็นแก่ตัวอยู่บ้างที่มีจังหวะเปิดเผยตัวตนยามใกล้ตาย ทว่าเสวี่ยหมิงกลับมั่นใจว่าจะรักษาอาการเขาได้แถมยังหาเกลียดชังเขาไม่ ทำให้อดขอบคุณเทพเซียนที่อุตส่าห์มอบเสวี่ยหมิงมาให้เขาไม่ได้



ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามในที่สุดเสวี่ยหมิงก็ขจัดเกล็ดหิมะออกจากกายศิษย์พี่รองได้จนหมด นับว่าเป็นการรักษาที่ง่ายดายยิ่งเมื่อเทียบกับความเป็นจริงของอาการที่ควรได้รับจากการถูกหมัดเกล็ดหิมะ เท็จจริงในข้อนี้เสวี่ยหมิงรู้ดี ท่วงท่าและวิถีโคจรลมปราณของเหลยไห่เหยียนถึงคล้ายวิชาเกล็ดหิมะแต่ยังไม่ถูกเสียทีเดียว



เสวี่ยหมิงมั่นใจในคำพูดของอาจารย์เรื่องที่เคยกล่าวว่าไม่เคยสอนวิชาปรุงยาพิษและเพลงกระบี่หิมะโปรย รวมถึงหมัดเกล็ดหิมะให้ใคร อาจารย์จะโกหกเขาไปเพื่ออะไร ท่วงท่าที่คล้ายกันแต่การโคจรลมปราณยังผิดส่งผลให้วิชาไม่สมบูรณ์ หากผู้ฝึกไม่ครูพักลักจำมาก็คงตีความการฝึกมาแบบผิดๆจนทำให้ผลของวิชาไม่ร้ายแรงเท่าที่ควร



ดูเหมือนว่าเมื่อขจัดพิษจากหมัดเกล็ดหิมะออกไปหมด ศิษย์พี่รองดูจะดีขึ้นมาก ร่างสูงใหญ่ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวดอีก ทันทีที่เสวี่ยหมิงหยุดการส่งผ่านลมปราณ หลงเยี่ยอิ่งก็โถมกายเข้ามากอดรัดเขาแน่นทั้งพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยความเสน่หา



“หมิงเอ๋อ หมิงเอ๋อของข้า....ข้ารักเจ้าเหลือเกิน”



ไม่พูดเปล่ายังฉวยโอกาสกอดจูบลูบคลำ เสวี่ยหมิงชักร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ตามจริงคิดผลักไสศิษย์พี่รองออกไป แต่ด้วยเค้าหน้าที่ยังหลงเหลือความเป็นเสี่ยวหลงอยู่บ้างทำให้นึกอยากจมหายไปในพายุรักดั่งที่ใจต้องการมาตลอด



“เสี่ยวหลงพี่ใหญ่ก็รักเจ้านะ”



 หลงเยี่ยอิ่งรับรู้ว่าถึงแม้ปากจะบอกว่ายอมรับมันในสภาพนี้ แต่ภายในจิตใจยังยึดติดตัวมันในสภาพเสี่ยวหลงอยู่มาก มันเองตอนนี้เต็มไปด้วยความต้องการ แต่จะให้ฉวยโอกาสกับศิษย์น้องที่จิตใจไม่มั่นคงยังเกิดความละอายจนไม่กล้าล่วงเกิน



“ไม่จูบต่อแล้วหรือ”



เสวี่ยหมิงส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้มือเรียวงามลูบไล้เสี้ยวหน้าของมัน ปลุกราคะในตัวมันขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ไม่กระโตกกระตากแสดงท่าทางกักขฬะหยาบช้าออกไป



“คนที่หมิงเอ๋ออยากให้จูบคงไม่ใช่ศิษย์พี่รอง ข้ารู้ว่าเจ้าอยากให้เสี่ยวหลงจูบมากกว่า” กล่าวเท่านั้นเสวี่ยหมิงก็หัวเราะเสียงใส



“ใยเจ้าถึงโง่นัก ผู้อื่นยอมให้ล่วงเกินถึงขนาดนี้ ยังคิดว่าข้าแบ่งแยกเสี่ยวหลงหรือหลงเยี่ยอิ่งอีกหรือ”



กล่าวจบเสวี่ยหมิงก็ใช้แขนโน้มศิษย์พี่รองลงมาประทับจูบ หลงเยี่ยอิ่งคล้ายถูกจุดไฟในตัวมันตั้งอกตั้งใจสนองตอบยิ่ง ครานี้ถึงจะเรียกร้องให้หยุดก็อย่าหวังมันจะหยุดง่ายๆ ปีศาจน้อยนี่เป็นเจ้าเองนะที่กวนราคะข้าถึงเพียงนี้



ภายในถ้ำกว้างสองร่างนัวเนียกอดจูบกันด้วยไฟราคะที่ลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ เสวี่ยหมิงและหลงเยี่ยอิ่งผลัดปรนเปรอกันและกันอย่างสุดความสามารถที่มี ศิษย์น้องเสวี่ยยอมรับว่าศิษย์พี่รองช่างเชี่ยวชาญเรื่องนี้นักในขณะที่เขายังเป็นมือใหม่ ทั้งยังไม่รู้ว่านอกจากกอกจูบแล้วชายกับชายจะสมรักกันอย่างลึกซึ้งเฉกเช่นชายหญิงได้อย่างไร



“หลงเอ๋อ....เจ้าทำตามใจชอบเถอะ ถึงแม้ว่าข้าอยากจะเป็นฝ่ายรักและทุ่มเทให้เจ้ามากกว่า แต่ตัวข้าไม่รู้จริงๆว่าต้องทำเช่นไร”



ได้ฟังดังนั้นหลงเยี่ยอิ่งพลางลิงโลดในใจ ตามจริงมันมีความคิดบางอย่างหากว่า เสวี่ยหมิงต้องกายล้ำลึกเข้าสู่กายมัน มันจะยอมจำนน ที่แท้แล้วมันไม่เคยคิดยอมให้ใครเช่นนี้มาก่อน แต่กับเสวี่ยหมิงที่รักจะให้มันทำอย่างไรมันก็ยอมทำ ขอเพียงให้ได้สอดประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นก็พอ



“ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด”



เสวี่ยหมิงทำเพียงแค่ยิ้มตอบรับก่อนจะปล่อยให้หลงเยี่ยอิ่งถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมด หลังจากนั้นเสวี่ยหมิงก็ช่วยหลงเยี่ยอิ่งถอดเสื้อผ้าออกเช่นกัน เมื่อต่างคนต่างเปลือยเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรูปร่างแท้จริงของเสี่ยวหลง



“อา.....สวย.....”



 เสวี่ยหมิงกล่าวชมพลางลูบไล้มือไปยังกล้ามท้องของหลงเยี่ยอิ่ง สมัยที่เป็นเสี่ยวหลงรูปร่างก็งดงามด้วยกล้ามเนื้อสมวัย เมื่อมาเป็นหลงเยี่ยอิ่งก็น่าอิจฉาด้วยรูปร่างแกร่งดั่งหินผา



ศิษย์พี่รองท่านเป็นปีศาจจิ้งจอกหรืออย่างไรกันนะ ใยท่านจึงทำให้ข้าลุ่มหลงได้ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ไหน ถึงตรงนี้เสวี่ยหมิงก็ถอดถอนใจ เขากลายเป็นคนรักใครง่ายๆเช่นนี้ไป หากต้องเจ็บช้ำหรือถูกหลอกก็โทษใครไม่ได้อีก



“เจ้าชอบหรือไม่” หลงเยี่ยอิ่งจับมือของเสวี่ยหมิงแล้วจุมพิตลงไป



“หากบอกว่าไม่ชอบก็นับว่าข้าโกหก ทว่าข้ากลับนึกชอบรูปร่างของเสี่ยวหลงมากกว่านิดหนึ่ง”

ได้ฟังเท่านั้นหลงเยี่ยอิ่งก็คำรามอย่างราชสีห์



“ข้าจะพยายามให้เจ้าชอบข้าในตอนนี้ด้วยเช่นกัน”



กล่าวจบก็จัดแจงเปลี่ยนท่าทางให้เสวี่ยหมิงเสียใหม่ เสวี่ยหมิงตอนนี้ถูกจับนอนคว่ำหน้าทั้งยังโก่งสะโพกขึ้น เขายอมรับว่าท่วงท่าแปลกและน่าอายยิ่ง เสวี่ยหมิงพยายามหันหน้ากลับไปมองด้านหลังเพื่อดูว่าศิษย์พี่รองต้องการจะทำอะไร



“อื้อ...หลงเอ๋อเจ้า.....อ๊ะ....”



พูดออกมาแทบไม่เป็นคำ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะถูกใช้ปลายลิ้นไล้เลียตรงช่องทางเร้นลับที่บริเวณบั้นท้าย หลงเยี่ยอิ่งเลาะเล็มไปตามรอบจีบไม่พอยังแหวกสอดปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสผนังด้านในส่งผลให้เสวี่ยหมิงดิ้นพล่านด้วยความสุขจนศิษย์พี่รองต้องยึดจับไว้



“อ๊า....อื้อ.....หลง.....อ๊ะ” เสวี่ยหมิงสัมผัสได้ว่าเครื่องเพศของเขาชูชัน หลงเยี่ยอิ่งเองก็เช่นกัน ทว่าฝ่ายนั้นยังเอาแต่เล้าโลมตรงจุดนั้นละเลียดอ้อยอิ่งไม่เร่งรีบแต่อย่างใด



“อ๊ะ....เดี๋ยว....อื้อ.....” ร้องห้ามเมื่ออีกฝ่ายสอดนิ้วเข้าไป ถึงแม้เป็นเพียงนิ้วเดียวแต่ก็ยังรู้สึกแปลกปลอม ยิ่งถูกขยับเข้าออกด้วยแล้วยิ่งพิลึกพิลั่นจนต้องเอ่ยปากถาม



“นี่ใช่เกี่ยวกับการเป็นหนึ่งเดียวของเราหรือไม่”



ยังไม่ทันได้รับคำตอบ ขณะที่ปลายนิ้วแทงเข้ามาเสวี่ยหมิงพลันเสียวปลาบจนตัวชา ลืมไปสิ้นว่าจะถามสิ่งใดได้แต่ร้องครางออกมาเพื่อระบายความรู้สึกที่ได้รับ



“อ๊า.....อื้อ....ทำไมมันดี....อะ....แปลกๆ....อึก”



“เดี๋ยวจะดีมากกว่านี้อีกนะหมิงเอ๋อ” หลงเยี่ยอิ่งกล่าวเสียงแหบพร่า ลงมือสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มสอดเน้นย้ำตรงจุดกระสัน มือข้างหนึ่งเอื้อมไปปรนเปรอเครื่องเพศของเสวี่ยหมิงกระทำการรุกล้ำทั้งสองด้าน



“อึก....ดี....อ๊ะ....” เสวี่ยหมิงรู้สึกดีก็ว่าดี ตอนนี้ส่ายสะโพกรับการเสียดแทงสอดประสานโดยไม่รู้ตัว จังหวะร้อนแรงเยี่ยงนี้พาให้ใจหลงเยี่ยอิ่งสั่นไหว มันทนไม่ไหวอีกต่อไปกล่าวขอความเมตตากับเสวี่ยหมิงด้วยเสียงแหบพร่า



“ให้ข้าได้ประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้านะหมิงเอ๋อ”



“อื้อ.....” เสวี่ยหมิงตอบรับอย่างเลื่อนลอย เวลานี้รู้สึกดีราวกับได้ขึ้นสวรรค์ จิตใจเผลอไผลปล่อยให้หลงเยี่ยอิ่งสอดแทรกเข้ามาตามความชอบ



“อึก.....” เนื่องจากเป็นผู้ฝึกยุทธถึงแม้จะรู้สึกเจ็บบ้างแต่ หาใช่ว่าจะอดทนไม่ได้ เสวี่ยหมิงพอจะเข้าใจได้บ้างเมื่อเปรียบเทียบกับการทำรักของชายหญิง ตอนนี้ศิษย์พี่รองคงสอดใส่มังกรน้อยเข้ามาในช่องทางของเขานั่นเอง



“อึก....อื้อ....หมิงเอ๋อ.เจ้าช่างคับแน่น.ยิ่งนัก.....”



“แล้วมันดีหรือไม่” เสวี่ยหมิงนึกอย่างทราบว่าเป็นเช่นไร ตอนนี้เห็นแต่ศิษย์พี่รองหลับตาพริ้มทั้งซูดปากออกมา เขาเดาว่าน่าจะมีความสุขยิ่งกระมัง

“เจ้าช่างดีเหลือเกิน.....”

กล่าวจบก็ขยับกายสอดประสานอย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าเสวี่ยหมิงเคลิบเคลิ้มสุขสันต์ มันจึงเร่งสอดแทรกถี่กระชั้น สองร่างก่ายกอดพัวพัน เร่งจังหวะหนักหน่วงปากพร่ำบอกคำว่ารัก



“อ๊ะ.....เสี่ยวหลง....อื้อ......”



“เรียกเยี่ยอิ่งเถิด หมิงเอ๋อ.....”



“เยี่ยอิ่ง....จากนี้ไปท่านต้องสาบานว่าจะไม่หลอกลวงข้าอีก.....อ๊ะ.....”



“อา......ข้าจะไม่หลอกลวงเจ้าอีก.....”



เสวี่ยหมิงไม่รู้ว่าคำกล่าวของศิษย์พี่รองเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทว่าคล้ายความต้องการของตนได้บรรลุ เขาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่รัก รักครั้งที่สองของเขาถือว่าสมหวังแต่ใช่ว่าจะราบเรียบ หากว่าศิษย์พี่รองคิดไม่ซื่อหลอกลวงเขาอีก เสวี่ยหมิงใช่ไม่สามารถตัดใจจากคนผู้นี้ได้ หากแต่ต้องใช้เวลาอยู่บ้างก็เท่านั้น



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



จริงๆคิดหนักกับเอนซีมั่กๆ แถมยังเอามาเป็นสาระสำคัญยิ่งกว่าการเฉลยตัวตนอีก55555



ตอนหน้าจะเริ่มให้เขาได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง สมรักกันแล้วนิ



ตอนแรกใจจริงไม่อยากให้เขาได้กันหรอก เพราะคนเขียนคิดอยู่ว่ามันเร็วไปป่าวนะ



แต่มีคนเรียกร้อง เลยลองพยายามอย่างสุดความสามารถพอจะหาช่องว่างแทรกเข้าไปจนได้



ถ้าออกมาไม่ดีขออภัยฉากเอนซีไม่หวือหวามาก



เป็นคนเขียนเอนซีมะเก่ง สงสัยต้องหาgvมาศ฿กษาบ้างและ555



เทียนซือสนุกมากกกกกอ่านเล่มสองแล้วเหลือเล่มสาม



 โอ๊ยอ่านวันละเล่มเบย เหลืออีกหลายเรื่องที่ต้องอ่าน



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 05-04-2017 14:13:45
ได้กันล้าวววว :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2017 16:28:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 05-04-2017 17:08:34
เค้าได้กันนนแล้วววววว
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2017 18:19:31
 :hao4: :hao3: :hao7: :hao5:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 05-04-2017 20:38:15
ปริ่มมาก ในที่สุดพี่ใหญ่ก็รู้ควาทจริงของเสี่ยวหลงแล้ววว เหนือสิ่งอื่นใดคือตอนท้ายของตอนนี้ :pighaun:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 05-04-2017 22:14:33
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-04-2017 22:29:07
ขำตอนเยี่ยอิ่งลิงโลดที่ได้เป็นฝ่ายทำ 555

เสวี่ยหมิงใจเด็ดพอสมควร ทั้ง ๆ รักยังคิดตัดใจเลย


ปล.

สู้ ๆ กับเหล่าหนังสือน๊าาาา
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 06-04-2017 09:41:15
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 06-04-2017 12:54:40
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

ไม่มีคำพูดใดๆนองจากอีโมนี้แล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-04-2017 00:34:58
อุ้ย อ๊ายๆๆ ทำความดีกันแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-04-2017 01:48:02
เดี๋ยวๆ ข้างบนสู้กันแทบตาย พวกเอ็งมาชะลาล้าอะไรกันตอนนี๊! ฮ่าๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-04-2017 14:52:54
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่33 p12 5/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 08-04-2017 18:10:38
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 09-04-2017 12:20:04


ตอนที่34



หลงเยี่ยอิ่งจุมพิตลงบนหัวไหล่ของเสวี่ยหมิงด้วยยังไม่อาจสลัดอารมณ์พิศวาสออกไปได้ ตามจริงมีความคิดอยากสานต่อไปเรื่อยๆจนถึงรุ่งเช้า หากศิษย์น้องไม่เอ่ยปากสอบสวนความจริงเสียก่อนมันคงเริงรักต่อจนกว่าจะเหน็ดเหนื่อย



หลงเยี่ยอิ่งเริ่มต้นเล่าความจริงทุกอย่างที่มันเก็บไว้ให้เสวี่ยหมิงฟัง เวลานี้มันกับศิษย์น้องเชื่อมสัมพันธ์กันแน่นแฟ้น มันไม่อยากโกหกอีกต่อไป



เสวี่ยหมิงยิ่งฟังประวัติส่วนตัวของหลงเยี่ยอิ่งยิ่งตกใจ นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวหลงตัวน้อยนอกจากคือศิษย์พี่รองยังมีฐานะเป็นถึงองค์ชายแปดอีกด้วย เรื่องราวที่เล่ามาสลับซับซ้อนนัก ครานี้ได้รู้ตื่นลึกหนาบางของพรรคมังกรพิโรธจนปรุโปร่ง



“ถ้าเยี่ยอิ่งว่าเป็นฝีมือของศิษย์พี่คนอื่น ท่านว่าผู้ใดที่ทรยศอาจารย์และกุมอำนาจพรรคไว้ในมือตอนนี้”



“คาดว่าเอนเอียงไปทางอิงเฟย แต่ไม่มีหลักฐานมากพอ ตอนนี้ทราบจากสายว่าศิษย์พี่ใหญ่เดินทางออกจากพรรคมังกรพิโรธหลังจากข้าทิ้งตัวแทนเอาไว้มาตามหาอาจารย์ ตอนนี้ที่พรรคจึงเหลือแต่อิงเฟยกับหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอม”



“เยี่ยอิ่งท่านวางแผนว่าอย่างไร”



“ข้ากับเจ้าเราจะเดินทางเข้าสู่พรรคอย่างเปิดเผย ทว่าข้ายังคงแอบซ่อนไปในฐานะของเสี่ยวหลงเพื่อดูท่าที”



“ท่านมีเส้นสายในพรรคหรือไม่ หากเราสืบหาคนร้ายได้แล้วะทำเช่นไรต่อไป”



“เส้นสายของราชสำนักตอนนี้มีอยู่มากทุกคนกบดานตามคำสั่งขอเพียงแค่ข้าแจ้งแก่ใจการยึดพรรคคืนมาย่อมทำโดยง่าย”



“ท่านช่างทำอะไรอ้อมค้อมนัก” เสวี่ยหมิงถอนหายใจ



“ข้าก็แค่อยากจัดการเรื่องราวของตัวเองโดยไม่พึ่งพาเสด็จพ่อให้มากไปนัก เจ้าเห็นว่าข้าเป็นเด็กเกินไปหรือไม่”



“ตามจริงแล้วถ้าอยากให้เรื่องรวดเร็วยิ่งก็ควรส่งทหารบุกยึดพรรคมังกรพิโรธ แต่หากเยี่ยอิ่งอยากทำเช่นนี้ ข้าก็จะให้ความร่วมมือกับท่าน”



กล่าวถึงตรงนี้หลงเยี่ยอิ่งก็ยิ้มขมขื่น มันอยากกระทำตามแผนที่วางไว้ แต่ครานี้ตกลงมาในเหวลึกไร้ทางออกมันจำต้องคิดหาทางขึ้นไปให้จนได้ ทว่าหลังจากสำรวจพื้นที่หาหนทางทุกอย่างผ่านไปหลายวันพบว่ามืดแปดด้าน



เมื่อหมดสิ้นหนทางกลับขึ้นไปด้านบนหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านั้นศิษย์พี่รองหดหู่ใจจนเขารู้สึกได้ ทว่าสองสามวันมานี้หลงเยี่ยอิ่งกระตือรือร้นทำอะไรบางอย่างอยู่เพียงลำพัง บางครั้งครุ่นคิดบางครั้งตั้งใจเดินลมปราณ ผ่านไปได้อีกสองวันศิษย์พี่ของเขาก็กลับมาซึมเซาอีก



“ตามจริงข้าว่าจะปล่อยให้ท่านหมกมุ่นตามใจชอบจนกว่าจะพอใจ แต่พอเห็นเยี่ยอิ่งเป็นเช่นนี้แล้วข้ารู้สึกไม่สบายใจเลย”



เมื่ออดทนไม่ได้เสวี่ยหมิงก็เผยความในใจ หลงเยี่ยอิ่งรู้สึกผิดทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของศิษย์น้อง มันไม่รอช้าเปิดเผยสิ่งที่ครุ่นคิดมาตลอด



“หมิงเอ๋อ ตามจริงใช่ว่ามีเรื่องทุกข์ร้อนใจ เพียงแต่อยากฝึกปรือวิชาขั้นสูงสุดจากที่เรียนรู้มาจากอาจารย์เท่านั้น ทว่าขั้นตอนสุดท้ายข้าหาได้รู้ไม่ ดังนั้นครานี้จึงอับจนหนทางอีก คิดแค้นใจที่ไม่สามารถหาทางบรรลุได้”



“เรื่องบรรลุวิชาสุดยอดสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”



“หมิงเอ๋อ วิชาสุดยอดของหนึ่งอสูรพิชิตเทวะ ตามที่ได้ยินมาจากอาจารย์หากฝึกแล้วกับแค่ผาสูงเพียงเท่านี้ใยปีนป่ายขึ้นไปไม่ได้ ด้วยพลังวัตรไร้ขีดจำกัดที่ได้มาจากการฝึกรวมกับวิชาตัวเบาของเราการจะขึ้นไปคงง่ายดายยิ่ง”



“เหตุใดท่านถึงไม่ถามข้าเล่าเยี่ยอิ่ง” เสวี่ยหมิงระบายยิ้ม เรื่องเคล็ดวิชาขั้นสุดยอด เสวี่ยหมิงแจ้งแก่ใจดีมาตั้งนานแล้ว อาจารย์เผยเคล็ดวิชาทั้งหมดให้และเขาจำมันได้ขึ้นใจ



“มานี่เถิดเยี่ยอิ่งข้าจะขยายความให้ท่านเข้าใจ”

เมื่อเล่าเคล็ดวิชาออกไปคราแรกหลงเยี่ยอิ่งก็ยิ้ม ต่อมาสีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นสลดจนเสวี่ยหมิงรู้สึกได้



“เยี่ยอิ่งเป็นอะไรไปอีก”



“หากข้าเดาหมิงเอ่อคงสำเร็จวิชาหนึ่งอสูรพิชิตเทวะด้วยการรับถ่ายพลังจากอาจารย์ใช่หรือไม่” เสวี่ยหมิงพยักหน้า



“วิชานี้การจะฝึกจุดสำคัญคือถ่ายเทพลังวัตรออกไปให้หมดในคราเดียว ทว่าเราสองคนเต็มเปี่ยมด้วยพลังวัตรเหมือนน้ำเต็มแก้ว ไม่ว่าใครคงจะถ่ายเทให้ใครไม่ได้อีกกระมัง”



ได้ฟังคำกล่าวเศร้าสลดของหลงเยี่ยอิ่งเสวี่ยหมิงก็อดหัวเราะไม่ได้ ตามจริงจากที่ได้ฟังจากอาจารย์มา ท่านกล่าวกับเขาว่า เสวี่ยหมิงเป็นภาชนะที่กว้างลึกยิ่งกว่าผู้ใด ด้วยพลังวัตรเท่านี้ยังไม่สามารถเติมเต็มจนหมด ยิ่งลองทดสอบโดยส่งผ่านพลังวัตรเข้ามาสำรวจอาจารย์จึงได้กล่าววาจาริษยาต่อตัวเขา



“เยี่ยอิ่ง ขั้นสุดยอดของวิชาหนึ่งอสูรพิชิตเทวะคือการเพิ่มพลังวัตรให้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว เมื่อเริ่มฝึกร่างกายจะปรับเปลี่ยนให้บรรจุพลังวัตรได้มากขึ้น ส่วนตัวข้าเองอาจารย์กล่าวไว้ว่าเป็นภาชนะรองรับพลังที่กว้างและลึก ดังนั้นเรื่องถ่ายพลังวัตรมาเพื่อให้ท่านฝึกคงไม่ยากลำบากอะไร”



“เจ้าแน่ใจรึ หากผิดพลาดไปล่ะ แค่ข้าบาดเจ็บไม่เท่าไหร่ แต่ตัวเจ้าเล่า หากเจ้าเป็นอะไรไปข้าคงทนไม่ได้”



“เยี่ยอิ่ง” ครานี้เองที่เสวี่ยหมิงมีสีหน้าดุดัน นึกไม่พอใจที่ศิษย์พี่รองไม่เชื่อฟังตนเองอย่างที่สุด



“เรื่องถ่ายเทพลังขนาดอาจารย์ยังมั่นใจ แล้วท่านเป็นชนชั้นใด คิดว่าท่านอยู่เหนือกว่าอาจารย์อีกหรือ หากท่านไม่เชื่อฟังข้า เราก็ต่างคนต่างอยู่ในหุบเหวนี้ไปจนกว่าจะตายจากกันก็แล้วกัน”



“ได้ เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่าให้เจ้าตกตาย”



“เยี่ยอิ่ง” เสวี่ยหมิงไม่รู้จะทำเช่นไร ได้แต่เม้มปากเข้าหากันแน่นคนดื้อด้านทำอย่างไรถึงจะเข้าใจนะ



“เยี่ยอิ่ง” โดยไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัว เสวี่ยหมิงโผเข้ากอดรัดศิษย์พี่ไว้แน่น เริ่มต้นหว่านล้อมปลอบประโลม



“ใยท่านลืมสิ่งที่ต้องทำไปสิ้นเล่า ท่านมีหน้าที่ต้องทำไมใช่หรือ พวกเราต้องขึ้นไปด้านบนให้ได้ ถึงแม้ท่านจะไม่มั่นใจในข้อเสนอของข้า หากข้าตกตายไปหากท่านอยู่ไม่ได้ ท่านค่อยฆ่าตัวตายตามข้าไปที่หลังดีหรือไม่ แต่ถึงแม้ว่าตามจริงข้าจะไม่ต้องตายก็เถอะ พูดถึงขนาดนี้แล้วท่านทำไมยังดื้อแพ่งอยู่อีกนะ”



“เจ้าไม่อยากอยู่กับข้าไปนานๆรึ เหตุใดจึงพูเรื่องตายเสวี่ยหมิง”



“เยี่ยอิ่ง ข้างล่างนี้ท่านคิดหรือว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ทั้งชีวิต ท่านเป็นคนฉลาดท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ ทั้งแหล่งอาศัยทั้งแหล่งอาหารมีจำกัด คิดว่าถึงเราไม่ลองเสี่ยงตายฝึกวิชาคาดว่าไม่นานเราคงตายด้วยสภาพภูมิประเทศอย่างไม่มีโอกาสได้เลือก”



ขณะเกลี่ยกล่อมเสวี่ยหมิงพยายามพูดด้วยเสียงนุ่มนวลที่สุด ทว่าภายในใจกลับร้อนรุ่ม หากศิษย์พี่ยังไม่ตอบตกลงครานี้คงต้องลงมือทุบตีกระมังไม่อยากใช้วิธีนี้เลยจริงๆ



“หากข้าต้องตายเพราะการถ่ายพลังท่านสัญญาหรือไม่ว่าจะตายตามข้าไป”



“ใยเจ้าต้องบังคับข้าถึงเพียงนี้” หลงเยี่ยอิ่งมองเสวี่ยหมิงด้วยแววตาปวดร้าว



“หากเจ้าตายข้าเองก็คงบาดเจ็บสาหัสถ์คงตายตามเจ้าไปในระยะเวลาไม่นาน เข้าใจล่ะหากเจ้าต้องการจะใช้วิธีนี้.....” หลงเยี่ยอิ่งถอนหายใจทั้งยังห่อไหล่ ดูคล้ายคนสิ้นหวังจนเสวี่ยหมิงนึกสงสาร “ถือว่าข้ายอมแพ้เสวี่ยหมิงแล้วกัน”



เสวี่ยหมิงลิงโลดนัก จากนั้นพวกเขาสองคนจึงเริ่มต้นกระบวนการถ่ายพลังวัตร หลงเยี่ยอิ่งใช้นิ้วจี้ไปตามจุดต่างๆบนร่างของเสวี่ยหมิงกรุยทางเดินพลังให้ส่งผ่านพลังวัตรโดยง่าย



การถ่ายพลังวัตรเริ่มต้นขึ้นแล้วยิ่งเวลาผ่านไปเสวี่ยหมิงยิ่งรู้สึกถึงพลังกายมากมายมหาศาลไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง และเมื่อสามชั่วยามผ่านไปในที่สุดหลงเยี่ยอิ่งก็รามือ ทั้งคู่สบตากันเนิ่นนานเมื่อไม่มีความผิดปกติใดใดเกิดขึ้นเสวี่ยหมิงและหลงเยี่ยอิ่งต่างก็เริ่มต้นเดินลมปราณอีกครั้ง



เสวี่ยหมิงเดินลมปราณเพื่อปรับสภาพ เมื่อจัดการกับลมปราณภายในร่างเรียบร้อยครานี้เมื่อมองไปยังทิวทัศน์รอบตัว เขากลับรู้สึกเหมือนเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้ว่าจะอยู่ในระยะใกล้มากก็ตาม นอกจากนั้นยังได้ยินสรรพเสียงของแมกไม้และสิ่งมีชีวิตจากที่ไกลๆคล้ายกับว่าอยู่ใกล้ เสวี่ยหมิงในตอนนี้คล้ายกับร่างกายได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติก็ไม่ปาน



เสวี่ยหมิงไม่รอช้าเริ่มทดสอบกำลังกายที่มี เขาออกวิ่งปีนป่ายขึ้นไปบนผาสูงด้วยวิชาตัวเบา สุดท้ายแล้วในเวลาไม่นานนักตนเองก็สามารถขึ้นจากหุบเหวลึกได้อย่างไม่ลำบาก



เมื่อขึ้นมาด้านบนเสวี่ยหมิงก็เดินสำรวจลานกว้างบนยอดเขาไม่พบผู้คนบนนี้เลยแม้แต่คนเดียว ทำให้อดเป็นห่วงสองศิษย์พี่น้องแห่งเรือนญาณพิทักษ์ธรรมกับคนสกุลอู่ไม่ได้ กระนั้นคนที่เป็นห่วงที่สุดยังคงเป็นหลงเยี่ยอิ่งมากกว่า ดังนั้นจึงพลิ้วกายกลับลงไปยังหุบเหวด้านล่าง



...



ดองมาหลายวันอ่านนิยายในกองดองอยู่จ้า ช่วงสงกราณนี้จะไปเที่ยวอีก ถ้ามีเวลาว่างสัญญานะว่าจะแต่งต่อ



5555 สัญญาว่าจะไม่มัวแต่เล่นสงกราณจนลืม



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-04-2017 12:35:33
จะเป็นไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 09-04-2017 12:40:19
เยี่ยอิงจะเก่งเทียบอาจารย์ได้ไหมน้าา :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 09-04-2017 13:13:52
เสี่ยวหมิงเก่งขึ้นเรื่อยๆเลยทีเดียว เสี่ยวหลงจะตามทันไหมเนี่ย 5555

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 09-04-2017 14:13:47
หมิงหมิงเก่งขึ้นอีกล้าววววววววววววววววววววววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-04-2017 22:02:26
ว้าว! เสวี่ยหมิงช่างสุดยอด
ส่วนเยี่ยอิ่งก็ช่างง้องแง้งราวกับยังเป็นเจ้าเด็กน้อยเสี่ยวหลง น่าตีนัก!

อย่างนี้ควรโดนกดมากกว่าเป็นฝ่ายทำนะเนี่ย

คุณ Violasheep ไปเที่ยวสงกรานต์ของให้เดินทางปลอดภัยเสมอ ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2017 22:45:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่34 p13 9/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-04-2017 16:45:31
 :3123: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 11-04-2017 12:02:26
ตอนที่35



ครั้นกลับมาถึงด้านล่างก็พบว่าหลงเยี่ยอิ่งเดินลมปราณอย่างต่อเนื่อง เสวี่ยหมิงเข้าใจว่าพี่รองกำลังฝึกวิชาดังนั้นจึงไม่รบกวน เขาเริ่มจัดการหุงหาอาหารทำอะไรไปพลางๆรอให้ศิษย์พี่ดำเนินการเสร็จสิ้น



ผ่านไปได้เกือบสองวันที่หลงเยี่ยอิ่งเดินลมปราณโดยไม่กินไม่นอน จากขั้นตอนการกำหนดลมปราณเสวี่ยหมิงเชื่อว่าตอนนี้ศิษย์พี่รองเริ่มฝึกปรือหนึ่งอสูรพิชิตเทวะอีกรอบได้ถึงขั้นที่สามแล้ว พอครบสามวันในที่สุดศิษย์พี่ก็หยุดการฝึกฝนจนได้



“ท่านหิวหรือไม่เยี่ยอิ่ง”



“คล้ายว่าไม่รู้สึกเช่นนั้น แต่ตามจริงย่อมต้องสมควรดื่มและกินบ้าง”



หลงเยี่ยอิ่งหัวเราะ ครานี้มันเริงร่าอย่างหาใดเปรียบเพราะการฝึกวิชาขั้นสุดยอดเป็นไปด้วยความราบรื่นยิ่ง เพียงแค่ขั้นสามเท่านั้นมันรู้สึกได้ถึงพลังวัตรที่มากขึ้นอย่างมหาศาล หากฝึกจนถึงขั้นสุดท้ายคงกลายเป็นเทพเซียนดั่งที่อาจารย์เคยเปรยให้ฟัง



“ท่านดูมีความสุขเหลือเกินเยี่ยอิ่ง ใช่เป็นเพราะฝีมือดีขึ้นใช่หรือไม่” หลงเยี่ยอิ่งยิ้มละไมแทนคำตอบ



“เป็นเช่นนั้นเรามาประลองฝีมือกันดีหรือไม่เยี่ยอิ่ง”

ไม่พูดพร่ำทำเพลง เสวี่ยหมิงชักกระบี่เข้าจู่โจม หลงเยี่ยอิ่งนึกสนุกพลิ้วหนีให้ศิษย์น้องถือกระบี่ไล่ฟาดฟันจนออกไปยังนอกถ้ำ



“เยี่ยอิ่งใยเอาแต่หลบ”



“หากไม่หลบข้าคงช้ำในตายคามือเจ้าเป็นแน่แท้หมิงเอ๋อ”



หลงเยี่ยอิ่งหาใช่โกหกไม่ ตอนนี้ถึงแม้ว่าฝีมือมันรุดหน้า ทว่าพลังวัตรเหนือชั้นที่เคลือบฉาบลงบนกระบี่สร้างแรงเสียดทานกดดันจนมันขนลุกไปทั้งร่าง การได้รับพลังวัตรของมันไปคงทำให้ศิษย์น้องมีพลังวัตรมากมายมหาศาลกว่าคนฝึกยุทธปกติ มันเดาว่าหากอยากทัดเทียมเสวี่ยหมิงคงต้องฝึกวิชาขั้นสุดยอดให้สำเร็จกระมัง



“เยี่ยอิ่งท่านไม่สู้กับข้าซึ่งๆหน้าแบบนี้เรียกว่าขี้ขลาดหรือไม่”



เสวี่ยหมิงแม้อัดพลังวัตรเต็มแรงแต่ก็แสร้งแทงกระบี่ผิดถูกหยอกเย้า ทั้งยังเปิดโอกาสให้หลงเยี่ยอิ่งผลุบๆโผล่ๆ จับนู้นนิดนี่หน่อยตามร่างกายของเขา การละเล่นเช่นนี้ทำให้นึกถึงยามเมื่อเล่นกับลูกสุนัขก็ไม่ปาน

         

      “ข้าจะจริงจังแล้วนะเยี่ยอิ่ง” กล่าวคำขู่แต่หลงเยี่ยอิ่งหาได้กลัวไม่ ทั้งยังกล่าววาจาน่าตบตีเสียอีก

         

     “ภรรยากล้าตบตีทำร้ายสามีรึ ถึงไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ด้านนี้ของเรา ความสัมพันธ์ในฐานะศิษย์ร่วมสำนักคงทำให้เจ้าออมมือให้ข้าบ้างจริงหรือไม่ที่รัก”

         

     น่าหมันเขี้ยวนัก เสวี่ยหมิงกู่ร้องเสียงดังตวัดกระบี่แผ่พลังวัตรไปตามการวาดฟัน ส่งผลให้เกิดมวลพลังแล่นฉิวไปกระทบกับหน้าผาเกิดระเบิดเสียงดังปังปัง หลงเยี่ยอิ่งหัวร่อฮิฮะนอกจากจะหลบพ้นมันยังปีนป่ายหนีขึ้นหน้าผาไป สุดท้ายเสวี่ยหมิงต้องเก็บกระบี่พลิ้วกายไล่ตามหลังไปติดๆ

       

       “หยุดเดี๋ยวนี้นะคนเจ้าเล่ห์”

       

        “ฮ่าฮ่าฮ่า”

     

          หลงเยี่ยอิ่งหัวเราะเสียงดัง ทั้งสองจากไล่กวดกันไม่ลดละ หากเอาจริงเสวี่ยหมิงย่อมตามจับหลงเยี่ยอิ่งได้โดยละม่อม แต่เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจของศิษย์พี่จึงออมมือหมายให้การละเล่นสนุกสนานมากขึ้น

       

        “เจ้าออมมือให้ข้าแล้ว” ในที่สุดหลงเยี่ยอิ่งก็ขึ้นมาบนยอดเขาได้สำเร็จ มันรู้ดีว่าศิษย์น้องออมมือ แต่มันหาได้ใส่ใจไม่ กลับคิดว่าเสวี่ยหมิงช่างถนุถนอมมันยิ่ง คิดถึงความรู้สึกของมัน ถึงแม้ตามจริงจะไม่ต้องทำเช่นนั้นเลย

       

        “พวกเราจะเอาอย่างไรต่อไปดี” เสวี่ยหมิงถามตามความคิดของตนเองคือไปที่โรงเตี๊ยมจัดการกับสภาพยาจกเช่นนี้ก่อนค่อยปรึกษาหารือ กระนั้นเสวี่ยหมิงยังไว้หน้าให้หลงเยี่ยอิ่งเป็นผู้นำทางความคิด

       

       “ไปที่เมืองหมิงคงก่อน หาโรงเตี๊ยมจัดการกับสภาพเช่นนี้ อาจจะต้องให้หมิงเอ๋อรอหน่อย แต่คาดว่าเราหายไปอยู่ใต้หุบเหวเกือบหนึ่งเดือนเช่นนี้ ข้าควรติดต่อท่านพ่อก่อนเป็นอันดับแรก”

     

          เสวี่ยหมิงเห็นด้วยกับคำกล่าวของหลงเยี่ยอิ่งทุกประการดังนั้นจึงพากันพลิ้วกายมุ่งหน้าไปยังเมืองหมิงคงในเวลาถัดมา

     

          หลังจากเข้าพักโรงเตี๊ยมเรียบร้อย หลงเยี่ยอิ่งพอผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ขอตัวไปพบกับท่านพ่อ ท่านพ่อที่ว่าหมายถึงฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสวี่ยหมิงคิดกี่ครั้งก็อดทึ่งไม่ได้ที่ชนชั้นล่างอย่างเขาได้มีโอกาสคลุกคลีกับคนชั้นสูง

       

       ตามจริงหลงเยี่ยอิ่งอยากให้เขาเดินทางไปด้วย แต่เสวี่ยหมิงปฏิเสธ ไม่ต้องการเข้าไปก้าวก่ายเรื่องงานของศิษย์พี่รองให้มากไป ในเวลาสำคัญอย่างนี้การจะแนะนำตัวให้เขารู้จักกับฮ่องเต้คิดอย่างไรก็ไร้สาระเสียเวลาเปล่าๆ

     

         ทว่าหลงเยี่ยอิ่งกลับไม่ยอมแพ้ในคราแรกดึงดันจะพาเขาไปพบฮ่องเต้ให้จงได้ ถึงกับพูดว่ายังไงก็อยากให้พบหน้ากันอย่างเป็นทางการ หากเกรงที่จะถูกแนะนำในฐานะคนรักก็จะขอแนะนำในลักษณะศิษย์น้องซึ่งสนิทสนมกันยิ่งกว่าผู้ใด

       

        สุดท้ายต้องลงมือทุบตีไปหนึ่งตุบ แจกแจงเตือนสติให้กลับมาสู่ความจริง แน่นอนว่าเข้าใจได้ไม่ยากนักแต่ก็ยังเห็นสีหน้าคล้ายผิดหวังอยู่ไม่น้อย ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆในที่สุดศิษย์พี่รองก็กลับมา ทว่าสีหน้าแปลกพิลึกพิลั่นคล้ายมีข้อสงสัยติดอยู่ในใจ

       

        “ทำไมเยี่ยอิ่งถึงทำหน้าพิลึกเช่นนี้” เสวี่ยหมิงถามหลังจากพากันนั่งลงบนเก้าอี้

     

          “ตามจริงข้าคิดว่าการหายตัวไปของข้าจะทำให้ท่านพ่อออกคำสั่งเฉียบขาดบุกยึดพรรคมังกรพิโรธ แต่ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ท่านยังยอมให้ข้าทำตามความต้องการเดินทางไปสอดแนมที่พรรคมังกรพิโรธได้ตามใจชอบ ทั้งยังกล่าวว่ากองกำลังทั้งหมดที่เป็นสายในพรรคมังกรพิโรธยังคงอยู่ในมือของข้าเช่นเดิม”

     

         “แล้วไม่ดีต่อท่านหรือเยี่ยอิ่ง”

       

        “ไม่สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่ว่าท่านพ่ออาจวางแผนบางอย่างโดยไม่บอกให้ข้ารู้ ปล่อยให้ข้าทำตามใจชอบรึ อาจเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของท่านพ่อก็เป็นได้”

       

       “ฮ่องเต้คงไม่คิดร้ายกับท่านกระมัง”

     

         “ย่อมไม่ใช่ แต่คิดว่าคงมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ซึ่งท่านไม่บอกข้า” หลงเยี่ยอิ่งทำหน้าเคร่งเครียดครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ยักไหล่กลับมายิ้มได้อีกครั้ง

       

       “เจ้าแน่ใจนะว่าอาจารย์ของเรายังอยู่ที่เดิม”

       

       “อาจารย์บอกว่าหากยังฝึกวิชาไม่สำเร็จจะไม่เคลื่อนย้ายไปที่ใด” เสวี่ยหมิงตอบคำถาม หลงเยี่ยอิ่งนิ่งคิดอีกครา

       

       “ข้าเดาว่าการที่ท่านพ่อยังนิ่งเฉยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์ไม่ทางใดทางหนึ่ง หมิงเอ๋อช่วงเวลาที่เราเถลไถลหลายเดือน หากเดาว่าอาจารย์แฝงตัวไปจนถึงพรรคมังกรพิโรธแล้ว คิดเช่นนั้นก็ได้เหมือนกัน”

       

        “ก็อาจเป็นได้ บางทีท่านอาจารย์คงฝึกวิชาสำเร็จแล้วกระมัง ขนาดเยี่ยอิ่งยังฝึกถึงขั้นสามในระยะเวลาเพียงแค่สามวัน”

       

        “หมิงเอ๋อการฝึกแบบย้อนหลังหากเข้าใจกระบวนการย่อมไม่ยากอะไร ตาเฒ่านั้นเองก็เป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งหากได้สถานที่สงบใยไม่ใช่ง่ายดายยิ่งหรือ หากว่าข้อสันนิษฐานเรื่องอาจารย์เป็นจริงค่อยเข้าใจได้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงนิ่งเฉยปล่อยให้ข้าทำตามใจชอบ หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ข้าก็ไม่เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”

     

         เสวี่ยหมิงได้ฟังข้อสันนิษฐานแล้วลิงโลดนัก นานแล้วที่เขาไม่ได้พบหน้าอาจารย์ หากว่าท่านอยู่ที่พรรคมังกรพิโรธจริง ไม่ใช่เป็นเรื่องน่ายินดีหรือ

       

       “ทว่ายังคงเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน จากรายงานที่ท่านพ่อให้ข้าอ่าน สถานการณ์ปัจจุบันคือยอดฝีมือจากพรรคต่างๆในยุทธภพล้วนตกตายไปอย่างปริศนาจากเหตุการณ์ชุมนุมเลือกประมุขยุทธภพ เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในเรืองนี้ข้าแจ้งให้ท่านพ่อทราบแล้ว อีกอย่างพรรคมังกรพิโรธยังอยู่ในมือของหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอม ส่วนศิษย์พี่ใหญ่และอาจารย์ยังหายสาปสูญเช่นเดิม”

     

         “ท่านบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่หายสาบสูญไป เป็นไปได้ไหมว่าเขาปลอมตัวเป็นท่าน”

       

        “อาจใช่และไม่ใช่ อย่าได้เดาสุ่ม ในเมื่อท่านพ่อเปิดโอกาสให้เราสืบเสาะด้วยตัวเองก็ทำตามแผนไป ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะวุ่นวายมากจนคิดอยากใช้กำลังทหารบุกยึดพรรคในคราเดียวแล้วก็ตาม”

       

        “ท่านพ่อท่านว่าอย่างไรบ้าง”

     

          “ท่านบอกเพียงแค่ว่าตวนมู่หรงเป็นองค์ชายลำดับที่สามของรัฐหลี ระหว่างที่เราจัดการกับคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วยึดพรรคกลับมาหากพบตวนมู่หรงกบดานอยู่ในพรรคก็ให้จับตัวมาเป็นๆ”

               หลงเยี่ยอิ่งนิ่งเงียบไปอีกครา

       

        “คงตั้งใจจะจับเป็นเฉลยทั้งยังเค้นความลับของรัฐหลีออกมาจากเจ้าชายองค์นี้กระมัง”

   

           “ท่านโชคดีนะที่ฝ่ายนั้นไม่รู้ว่าท่านเองก็เป็นองค์ชายเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงพวกนั้นคงมีความคิดไม่ต่างกัน”

               เสวี่ยหมิงออกความเห็นด้วยความเป็นห่วง

     

          “เจ้าอย่าได้กังวลไป ทุกวันนี้ข้าปลอมแปลงตัวได้แนบเนียนยิ่ง วันนี้เรารีบออกเดินทางจะดีกว่า ข้าอยากไปให้ถึงพรรคมังกรพิโรธโดยเร็วที่สุด”

   

            กล่าวจบก็ไปยังม้าเหงื่อโลหิตที่ได้รับมาจาดฮ่องเต้ เสวี่ยหมิงและหลงเยี่ยอิ่งพากันควบม้าออกจากเมืองมุ่งตรงไปยังพรรคมังกรพิโรธที่หุบเขาหมื่นปี

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


5555 ที่หายไปนี่ไปอ่านนิยยายแปลเรื่องyoujo senki ของค่ายฟีนิกมา ไลท์โนเวลนะจ๊ะ



เรื่องนี้มีอนิเมะด้วย สนุกพระเอกไปเกิดใหม่เป็นสาวน้อยในโลกยุคสงคราม มันมากตะบอกคนอ่านต้องไปหาดูน้า



อยากเขียนแนวนี้บ้าง แต่ยังมะมีพลอต55555



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า


หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 11-04-2017 14:18:42
ใกล้จะถึงพรรคแล้วชิมิ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2017 14:37:06
สู้ๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
 :katai2-1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-04-2017 15:57:28
ฮ่องเต้ วางแผนอะไร  :katai1:
อาจารย์ของเยี่ยอิง เสวี่ยหมิง
น่าจะหลบซ่อนอยู่ในพรรคมังกรพิโรธแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 11-04-2017 19:43:50
จะเดินทางถึงแล้วลุ้นมากมาย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-04-2017 20:07:37
 :3123: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-04-2017 22:01:30
หยอกล้อกันมุ้งมิ้งมาก

หมั่นไส้!
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 11-04-2017 22:09:07
ลุ้นได้อีกอยากอ่านต่อไปเร็วๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 12-04-2017 08:22:24
แหมๆ เล่นกันราวกับอยู่ในสวนดอกไม้ มุ้งมิ้งมา5555 :hao7: ศิษย์พี่ใหญ่หายไปไหน?? :m28: รอลุ้นว่าใครจะเป็นตัวร้าย
เจอคำผิด เฉลย-->เชลย
วาดFAมาฝากจ้าาา จริงๆวาดเสร็จนานแล้วแต่ไม่ได้ลงเพราะความอืด :m29: แล้วก็เป็นเพราะวาดกล้ามได้แค่นี้ คิดว่าจริงๆคู่นี้น่าจะล่ำกว่านี้ แต่วาดได้แค่นี้ :sad4: 5555 ไม่ได้ลงสีให้นะคะ  :hao5:
(http://i1248.photobucket.com/albums/hh492/Hojicha/20170412_080730_zpsyp5h0nos.jpg) (http://s1248.photobucket.com/user/Hojicha/media/20170412_080730_zpsyp5h0nos.jpg.html)
หรงเยี่ยอิ่ง
(http://i1248.photobucket.com/albums/hh492/Hojicha/20170327_222921_zpsy7l7q9uy.jpg) (http://s1248.photobucket.com/user/Hojicha/media/20170327_222921_zpsy7l7q9uy.jpg.html)
เสวี่ยหมิง
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 12-04-2017 10:04:43
แหมๆ เล่นกันราวกับอยู่ในสวนดอกไม้ มุ้งมิ้งมา5555 :hao7: ศิษย์พี่ใหญ่หายไปไหน?? :m28: รอลุ้นว่าใครจะเป็นตัวร้าย
เจอคำผิด เฉลย-->เชลย
วาดFAมาฝากจ้าาา จริงๆวาดเสร็จนานแล้วแต่ไม่ได้ลงเพราะความอืด :m29: แล้วก็เป็นเพราะวาดกล้ามได้แค่นี้ คิดว่าจริงๆคู่นี้น่าจะล่ำกว่านี้ แต่วาดได้แค่นี้ :sad4: 5555 ไม่ได้ลงสีให้นะคะ  :hao5:
(http://i1248.photobucket.com/albums/hh492/Hojicha/20170412_080730_zpsyp5h0nos.jpg) (http://s1248.photobucket.com/user/Hojicha/media/20170412_080730_zpsyp5h0nos.jpg.html)
หรงเยี่ยอิ่ง
(http://i1248.photobucket.com/albums/hh492/Hojicha/20170327_222921_zpsy7l7q9uy.jpg) (http://s1248.photobucket.com/user/Hojicha/media/20170327_222921_zpsy7l7q9uy.jpg.html)
เสวี่ยหมิง

ชอบจังเลยค่ะ ขอบคุณคุณshiroinuมากนะคะที่วาดแฟนอาร์ตน่ารักๆมาให้ นี่กำลังคิดว่าจะเอาไปอวดนักอ่านท่านอื่นที่

ธัญวลัยกับเด็กดี แต่ต้องดูก่อนว่าคนเขียนแปะลงเป็นไหม ปัจจุบันกล่องอัพนิยายธัญใช้ยากมาก ถ้ามีความสามารถพอก็ขอ

อนุญาตล่วงหน้านะคะ ดีใจมั่กๆไม่นึกว่าจะมีคนวาดแฟนอาร์ตให้ ฟินเลยค่ะอิอิ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: Soda.wine ที่ 13-04-2017 18:58:14
 :pig4: มาต่อให้หน่อยนะ เค้ารออยู่  :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 14-04-2017 16:52:50
งานบู๊แหลกมาอีกแน่
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่35 p13 11/4/6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-04-2017 20:00:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 16-04-2017 11:09:17


ตอนที่36

             

  สถานะที่แท้จริงของอิงเฟยคือตวนมู่หรงองค์ชายลำดับที่สามแห่งรัฐหลี ด้วยอุดมการณ์ที่ถูกปลูกฝังมามันจึงเดินทางออกจากวังหลวงปลอมตัวอย่างแนบเนียนเข้าสู่หมู่ตึกบัวสวรรค์ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของพรรคมังกรพิโรธ

         

     หน้าที่ที่ได้รับมาจากบิดาคือสร้างความวุ่นวายในยุทธภพเพื่อไม่ให้ชาวยุทธรวมกันเป็นปึกแผ่นคอยต่อต้านราชสำนักหลี ทั้งยังต้องเป็นประมุขพรรคมังกรพิโรธอำนวยความสะดวกให้แกทหารของหลีเคลื่อนทัพผ่านเข้าสู่รัฐฉิน

       

       แผนการระยะยาวครั้งนี้ของจ้าวรัฐหลีไม่ใช่เรื่องง่ายดาย อิงเฟยหรือตวนมู่หรงต้องใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา ทางหนึ่งฝึกวิชากับจูเยว่เสวียนอีกทางหนึ่งลอบติดต่อกับราชสำนักหลีสร้างเครือค่ายของมันอย่างเป็นระบบ

       

       ไม่คาดว่าทุกสิ่งทุกอย่างหาได้ทำตามใจโดยง่าย เพราะนอกจากลูกพรรคจะจงรักภักดีต่อจูเยว่เสวียนอย่างยิ่ง หมู่ตึกต่างๆยังแตกย่อยออกเป็นสามคอยถือหางมัน หลงเยี่ยอิ่งและหลี่มู่ไป๋

       

       หลายครั้งที่มันวางแผนลอบสังหารศิษย์พี่ทั้งสอง ทว่าเพราะมีจูเยว่เสวียนคุ้มกะลาหัวพวกมันอยู่ทุกอย่างจึงไม่ราบรื่น สุดท้ายมันค่อยมีโอกาส หากจัดการกับศิษย์พี่ทั้งสองยังไม่ได้จัดการตาเฒ่านี่ก่อนเป็นไร



มันวางแผนเป็นอย่างดี หลังจัดการกับจูเยว่เสวียนก็ปล่อยข่าวลวงล่อหลี่มู่ไป๋ออกไปปลิดชีพโดยละม่อม ทุกอย่างง่ายดายยิ่งแม้กระทั่งรักษาการณ์พรรคหลงเยี่ยอิ่งยังตกตายด้วยพิษหิมะโปรยที่มันแอบลอบโขมยเคล็ดลับมาจากอาจารย์



ตอนนี้หลงเยี่ยอิ่งที่บริหารพรรคมังกรพิโรธอยู่เป็นตัวปลอมซึ่งมันสร้างขึ้นมา ภายใต้การบงการของมันถึงแม้จะยังไม่ได้ขึ้นเป็นประมุขพรรค ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมไม่มีทางบิดเบือนไปจากคำสั่งของมัน



“ท่านคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ นายน้อยอิงเฟย”



 ผู้ที่ถามขณะนวดเฟ้นไหล่สองข้างของมันคือหญิงชราข้ารับใช้ประจำตัว ตามจริงสตรีนางนี้หาใช้หญิงแก่ตามที่เห็นไม่ นางคือเหลยไห่เหยียนประมุขพรรคกุสุมาลย์ซึ่งแฝงกายมาอยู่เคียงข้าง การปลอมตัวครั้งนี้เป็นคำสั่งของมันเพื่อมิให้มีใครคาดเดาความเกี่ยวข้องของมันกับรัฐหลีได้โดยง่าย



“ไห่เหยียน วิชาปลอมแปลงกายของเจ้าช่างล้ำเลิศ หากแต่ว่ากลิ่นกายหอมฟุ้งนี่ยังไม่เหมาะกับหญิงชราหรอกกระมัง” อิงเฟยกล่าวเตือนขณะหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับความสบายยามถูกนวดเฟ้นอย่างต่อเนื่อง



“หญิงชราก็เป็นอิสตรีเช่นกันนะเจ้าคะ จะมีกลิ่นหอมติดกายบางย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก”



เหลยไห่เหยียนไม่มีความคิดที่จะเลิกใช้เครื่องหอมแต่อย่างใด นางแค่ต้องปลอมตัวเป็นหญิงชราก็น่าเบื่อพออยู่แล้ว กลิ่นหอมนี้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถใช้ยั่วยวนนายน้อยให้หลงใหลในตัวนางได้



“เจ้าใช่หลงเหลือกลิ่นไว้เพื่อยั่วยวนข้าหรือไม่”



เหลยไห่เหยียนมองสบตากับนายน้อยอิงเฟย นายน้อยเป็นคนฉลาดคงรู้ความนัยจากแววตาของนางได้ดี ยามนี้ผู้เป็นนายยิ้มละไมพลางขยับมือลูบไล้บนหลังมือของนาง ประมุขหญิงแห่งพรรคกุสุมาลย์สยิวกายวูบวาบ นางรอคอยให้ผู้เป็นนายมอบความหฤหรรษ์ให้นางมาพักใหญ่



ว่ากันตามจริงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับองค์ชายตวนมู่หรงผู้นี้จะว่าล้ำลึกก็ไม่ถือเป็นการเรียกผิด นางเป็นคู่ขาบนเตียงของนายน้อยมานานและเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่นายน้อยได้อย่างไร้ที่ติ



หากให้ระบายความในใจนายน้อยเป็นบุรุษเพียงผู้เดียวที่นางคิดจริงจัง ถึงแม้ว่านายน้อยจะไม่แสดงท่าทีว่านางสำคัญ แต่นางเป็นผู้เดียวที่ใกล้ชิดนายน้อยที่สุด ด้วยรูปการเช่นนี้ทำให้นางลำพองใจอยู่ไม่น้อย



ขณะที่ประสานสายตาร้อนแรงเข้ากับนายน้อยเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เหลยไห่เหยียนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา อิงเฟยเลิกสนใจในตัวนางบอกกล่าวให้ผู้เคาะเรียกก้าวเข้ามาในห้อง



ผู้ที่ก้าวเข้ามาคือพ่อบ้านของพรรคมังกรพิโรธ ตาลุงผู้นี้เป็นคนพิการคือเป็นใบ้ทั้งยังไม่รู้หนังสือ การที่อิงเฟยรับคนผู้นี้เข้ามาทำงานเมื่อสี่เดือนก่อนเป็นเพราะคุณสมบัติที่กล่าวมาล้วนตรงตามความต้องการของมันอย่างที่สุด



จะอย่างไรก็แล้วแต่การที่เป็นใบ้ทำให้พ่อบ้านผู้นี้ไม่อาจแพร่งพรายความลับของพวกมันไปได้ นอกจากนั้นการไม่รู้หนังสือย่อมไม่อาจเขียนเล่าสิ่งใดให้ใครอ่าน กระนั้นถึงแม้จะเป็นใบ้แต่พ่อบ้านผู้นี้ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ครบถ้วน ทั้งยังฉลาดไม่ก้าวก่ายเรื่องของผู้เป็นนาย อิงเฟยยอมรับว่าพอใจลุงใบ้ผู้นี้มากพอดู



“อา....อา.....” พ่อบ้านใบ้ส่งภาษามือแจ้งข่าวให้เขาทราบ จากภาษามือเข้าใจว่ามีผู้บุกรุกที่ตีนเขากำลังสู้รบปรบมือกับคนของพรรคและกำลังรุดหน้าขึ้นเขามา



“ให้ข้าจัดการดีหรือไม่เจ้าคะนายท่าน” เหลยไห่เหยียนในร่างหญิงชราเสนอ อิงเฟยครุ่นคิดแวบหนึ่ง



“ไม่ดีกว่า ข้าจะลงไปดูเอง อยากรู้นักว่าผู้ใดกล้ามาหาเรื่องพวกเราถึงที่”



กล่าวจบอิงเฟยก็พลิ้วกายลงไปยังสถานที่เกิดเหตุที่นั้นลูกพรรคถูกเล่นงานไปเป็นจำนวนมาก และคนส่วนใหญ่รุมล้อมเข้าหาคนผู้หนึ่งซึ่งอยู่กลางวงล้อม ขณะนั้นได้ยินเสียงเอาใจช่วยจากเด็กน้อยผู้หนึ่งบนต้นไม้ใหญ่



“พี่ใหญ่ จัดการมันเลยขอรับ พี่ใหญ่ยอดเยี่ยมที่สุด”



อิงเฟยคาดเดาว่าเด็กน้อยที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วคงเป็นพวกเดียวกันกับคนในวงล้อม จังหวะหนึ่งที่คนผู้นั้นพริ้วกายเหินขึ้นสะบัดกระบี่จู่โจมด้วยท่วงท่าเฉียบคมรุนแรง วินาทีที่ได้เห็นกระบวนท่าองอาจและรูปโฉมงดงามหัวใจของอิงเฟยพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ คนผู้นี้ช่างเลิศเลอนัก มันไม่เคยรู้สึกชอบพอคนผู้ใดเพียงแค่แรกเห็นอย่างนี้เลย



เมื่อเกิดความชอบพอขึ้นมาอย่างเฉียบพลันความคิดที่ว่าจะจัดการให้สำนึกก็พลันลดน้อยลงไป อิงเฟยคิดแผนประนีประนอมได้เฉียบพลัน มันพริ้วเหินไปยังต้นไม้ใหญ่จับตัวเองเด็กน้อยบนต้นไม้ไว้ในอุ้งมือพลางร้องเตือนให้คนงามรู้ตัว



“ท่านจอมยุทธข้าไม่รู้ว่าท่านชื่อแซ่อันใดและบุกมาที่พรรคมังกรพิโรธด้วยเหตุใด ทว่าเด็กน้อยนี่คงเป็นพวกเดียวกับท่านกระมัง”



“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย” เด็กน้อยในมือดิ้นกระแด่วๆ แต่แรงหาสู้มันได้ไม่อิงเฟยลงมือบีบหลังคอของเด็กน้อยหนักหน่วงขึ้นจนเด็กน้อยหน้าเหยเก ครานี้คนงามแสดงสีหน้าร้อนรนแต่หาได้หยุดสู้รบกับคนของพรรคไม่



“ขี้ขลาดหยาบช้านักจับคนเป็นตัวประกันหาใช่วิสัยจอมยุทธไม่” คนรูปงามตวาดเสียงแข็ง



“หากท่านยอมรามือ คนของข้าก็จะรามือเช่นกันท่านว่าดีหรือไม่ ท่านจอมยุทธเรามาคุยกันดีดีเถิด”



อิงเฟยหาได้โกหกไม่ มันนึกอยากพูดจาภาษาดอกไม้กับคนงามผู้นี้ ด้วยทั้งรูปโฉมและฝีมือช่างถูกใจมันยิ่งนัก ดังนั้นมันมีความคิดจะสานต่อสัมพันธ์อันดีหากสามารถทำได้ เหมือนว่าการเจรจาของมันจะได้ผลคนงามหยุดเล่นงานคนในพรรค ดังนั้นมันจึงสั่งให้คนในพรรคล่าถอยมา



“ปล่อยเสี่ยวหลงก่อน” ที่แท้เด็กน้อยหน้าตาฉลาดนี่คือเสี่ยวหลง ตอนนี้มันอยากทราบนามของคนงามใจแทบขาด



“ในเมื่อข้าปล่อยน้องชายของท่านแล้ว คงได้เวลาแนะนำตัวกันแล้วกระมัง นามของข้าคืออิงเฟย” อิงเฟยประสานมือเข้าหากันแสดงความน้อมนอบ



“ข้ามีนามว่าเสวี่ยหมิง”

     

          ชื่อช่างไพเราะยิ่ง อิงเฟยกล่าวชมในใจ

     

         “แล้วคุณชายเสวี่ยมาที่พรรคมังกรพิโรธนี่เพื่อจุดประสงค์ใดกันเล่า”

     

          “มาตามคำสั่งอาจารย์ ไม่คาดว่าคนพวกนี้จะไร้เหตุผลเข้ามารุมทำร้ายข้ากับน้องชายก่อน”

         

      “นี่มันเรื่องอันใด” อิงเฟยหันไปถามลูกพรรคที่อยู่รายล้อม ในที่สุดก็มีผู้หนึ่งกล่าวรายงาน

       

       “คนผู้นี้โกหกว่าเป็นศิษย์อันดับสี่ของท่านประมุขขอรับ เราแค่จัดการคนที่แอบอ้างเพียงเท่านั้น”

         

     “ข้าไม่ได้โกหกข้ามีแหวนประมุขพรรคแทนตัวอาจารย์”

     

         เสวี่ยหมิงชูมือให้ดูแหวนมังกรคาบมุกบนนิ้วมือ อิงเฟยดวงตาเบิกกว้าง มันนึกคิดอยากจะดูใกล้ๆขึ้นมา

       

       “คุณชายเสวี่ยขอข้าดูได้หรือไม่”

           

    “ท่านก็เข้ามาใกล้ๆสิ” มันขยับเข้าไปประคองมือขาวผ่องของเสวี่ยหมิง พินิจดูไม่นานมันก็กระจ่างใจเชื่อว่านี่เป็นแหวนของตาเฒ่าจูจริงๆ

         

      “เจ้าบอกรูปประพรรณสัณฐานของอาจารย์ได้หรือไม่”



มันคิดทดสอบดูว่าคนผู้นี้โกหกหรือไม่ทว่ากลับบอกลักษณะออกมาได้ตรงกับความเป็นจริง กระนั้นมันยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากจะทำการพิสูจน์มากกว่านี้มีแต่ต้องเชิญไปยังที่ทำการของพรรคเท่านั้น

       

       “คุณชายเสวี่ยท่านสามารถขึ้นไปยังหมู่ตึกเพื่อแสดงหลักฐานที่มากกว่านี้ได้หรือไม่” อิงเฟยถาม

       

       “ย่อมได้แน่นอนข้ามีจดหมายแนะนำตัวจากท่านอาจารย์”

       

       “ดี ข้าเองก็อยากรู้ว่าในจดหมายท่านว่าอย่างไร”

       

        กล่าวจบอิงเฟยก็นำพาเสี่ยวหลงกับเสวี่ยหมิงขึ้นไปยังหมู่ตึกด้านบน



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


หายไปห้าวันเลย กองดองยังไม่หมดเลย55555 ระหว่างที่หายไปก็คิดอยู่นะว่าจะเขียนไงต่อดี



คือพลอตมันยังไม่แน่น เลยออกมาได้ช้าและน้อย ต่อจากนี้จะเป็นช่วงท้ายๆของเรื่องแล้ว



รู็สึกว่าเขียนยาก อาจจะลงได้ถี่น้อยกว่าเดิมเพราะต้องใช้เวลาครุ่นคิดซักนิด



กระนั้นสมองคนเขียนก็ขี้ปบาทองมากกกกกกก คงไม่ได้พลอตที่สุดยอดอะไรหรอก55555



แต่จะรีบมาต่อนะ เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 16-04-2017 11:24:46

หนุกหนานมากมายอะเรื่องนี้    :give2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_Love ที่ 16-04-2017 12:22:42
โอ๊ยยยย สนุกมากๆอ่ะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
ลุงใบ้ใช่อาจารย์ปลอมตัวมาหรือเปล่าน้าาา
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 16-04-2017 12:42:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-04-2017 14:04:39
เฮ้ยมาต่อแล้วดีจายยยมาอีกนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 16-04-2017 14:46:00
อิงเฟยนี่เองไอ้งูพิษ!!!
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 16-04-2017 15:05:48
รอค่ะ รอ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2017 16:30:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-04-2017 16:58:41
เอาอย่างที่ไรท์ สบายใจ
คนอ่านก็อ่านอย่างมีความสุข

เสวี่ยหมิง เสี่ยวหลง เข้าพรรคมังกรพิโรธแล้ว
ดูท่า อิงเฟย ถูกตา ถูกใจเสวี่ยหมิงและ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-04-2017 18:57:08
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 16-04-2017 21:57:01
กำลังพีคเลยอะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-04-2017 22:33:42
 o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-04-2017 22:34:23
คล้ายจะคลี่คลาย
แต่ก็ยังซ่อนเงื่อนให้ติดตาม


สนุกมาก ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ เขียนนะ

เรารออ่านเสมอ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่36 p13 16/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 17-04-2017 08:26:01
อร้ายยยย มาถึงพรรคแล้วววว  :hao7: แอบมีบู้นิดๆด้วย  :3123: o13 เยี่ยอิงต้องคอยดูแลหรงๆแล้ว 5555 เดี้ยวโดนฉกไป
อ้างถึง
ชอบจังเลยค่ะ ขอบคุณคุณshiroinuมากนะคะที่วาดแฟนอาร์ตน่ารักๆมาให้ นี่กำลังคิดว่าจะเอาไปอวดนักอ่านท่านอื่นที่

ธัญวลัยกับเด็กดี แต่ต้องดูก่อนว่าคนเขียนแปะลงเป็นไหม ปัจจุบันกล่องอัพนิยายธัญใช้ยากมาก ถ้ามีความสามารถพอก็ขอ

อนุญาตล่วงหน้านะคะ ดีใจมั่กๆไม่นึกว่าจะมีคนวาดแฟนอาร์ตให้ ฟินเลยค่ะอิอิ
:mew1: ได้เลยจ้าาา นี่ก็พึ่งรู้ว่าอัพที่ธัญวลัยนะเนี่ยยย เดี้ยวไปตามมมม อิอิ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 17-04-2017 12:03:04


ตอนที่37

               

จดหมายลับของอาจารย์ถูกเปิดออกทั้งสองฉบับต่อหน้าอิงเฟยและหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอม สำหรับองค์ชายแห่งหลียอมรับว่าประหลาดใจยิ่งต่อการปรากฏตัวของคนงามในฐานะศิษย์คนที่สี่ของจูเยว่เสวียน

             

  “ศิษย์น้องสามเจ้าคิดอ่านอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”



อิงเฟยไม่แปลกใจที่หลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมจะถามความเห็นของผู้เป็นนายอย่างมัน จดหมายฉบับแรกมีเนื้อหาใจความคือแนะนำตัวฝากฝังให้บรรดาศิษย์พี่ฝึกปรือฝีมือให้คนงาม ทว่าจดหมายอีกฉบับนั้นเล่าจะเรียกว่าเป็นคำสั่งยุ่งยากก็ว่ายุ่งยาก แต่สำหรับอิงเฟยตอนนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรทุกอย่างก็ไม่หลุดจากการควบคุมของมัน



“ศิษย์พี่รองคงหมายถึงเรื่องที่อาจารย์ระบุในจดหมายมอบสิทธิเลือกเฟ้นประมุขคนถัดไปให้ศิษย์น้องสินะขอรับ”



“ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ข้าใช่ตัดสินได้โดยลำพังไม่” หลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมกล่าว ในขณะที่คนงามยังนิ่งฟังเฉยๆด้วยท่วงท่าสง่างามยิ่ง



“พี่รอง ในจดหมายคือลายมือท่านอาจารย์จริงๆ ส่วนแหวนประมุขก็เป็นของจริง อย่างไรข้าเห็นว่าควรทำตามคำสั่งของอาจารย์” มันกล่าวเช่นนี้เพราะไม่ว่าจะเลือกใครก็ล้วนเป็นผลประโยชน์ต่อมันทั้งนั้น จะหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมหรือมัน หรือจะเลือกหลี่มู่ไป๋ซึ่งตายไปแล้วก็ตาม



“ถ้าอย่างนั้นแล้วตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ล่ะขอรับ การมาของข้าครั้งนี้เพื่อคัดเลือกประมุขพรรค หากไม่ได้พบหน้าตัวเลือกทั้งหมดข้าจะคัดเลือกได้อย่างไร”



“ศิษย์พี่ใหญ่ออกเดินทางตามหาอาจารย์ แม้แต่พวกเราเองยังไม่ทราบข่าวคราว หากเจ้ากล่าวว่าหากไม่เห็นตัวเลยเลือกไม่ได้ เจ้าก็คัดเลือกเพียงข้ากับศิษย์น้องสามก็น่าจะพอกระมัง” ตอนนี้เองที่คนงามขมวดคิ้วไม่พอใจเท่าใดนัก แม้แต่ยามโกรธยังดูดีถึงเพียงนี้ อิงเฟยจึงพอจ้องมองอยู่นานก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสวี่ยหมิงมองสบตามา



“อย่างนี้มันก็ไม่ยุติธรรมสิขอรับ จริงหรือไม่พี่ใหญ่” เป็นเด็กน้อยหน้าตาฉลาดเฉลียวพูดแทรกขึ้นมา อิงเฟยและหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมหันไปมองมันเป็นจุดเดียว



“พี่ใหญ่ควรจะรอให้ศิษย์พี่ใหญ่กลับมาก่อนดีหรือไม่ขอรับ”



คล้ายว่าคนงามจะเห็นด้วย เสวี่ยหมิงพยักหน้าน้อยๆ ในความคิดของอิงเฟยจะเลือกช้าเลือกเร็วมันย่อมดำเนินแผนการได้เช่นเดิม ทว่าทางที่ดีควรให้คนงามรีบเลือกให้มันจบไปเสียจะเป็นผลดีต่อมันมากกว่า นอกไปจากนั้นยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่ง



“ศิษย์น้องแล้วอาจารย์เล่า ท่านไปอยู่ที่ใด” อิงเฟยถามสิ่งที่อยากรู้



“จริงด้วยแล้วอาจารย์เล่า” หลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมถาม



“ท่านอาจารย์หลังจากออกคำสั่งกับข้าก็ออกท่องยุทธภพตามใจชอบ แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านไปอยู่ที่ใดเช่นกัน”



อิงเฟยถอนหายใจ การที่มันไม่สามารถกำจัดจูเยว่เสวียนให้เด็ดขาดได้เช่นนี้นับเป็นเรื่องอัปยศอย่างหนึ่ง เสี้ยนหนามที่ลิดไม่หมดทำให้มันกังวลกลัวว่าจะย้อนมาตำมือมันอย่างที่สุด



“ถ้าอาจารย์ต้องการเช่นนั้นใครจะกล้าค้าน เอาเถอะระหว่างที่ยังเลือกประมุขพรรคคนใหม่ไม่ได้ข้าจะรักษาการณ์ไปก่อน อิงเฟยฝากเจ้าดูแลความเป็นอยู่ของศิษย์น้องเสวี่ยด้วยแล้วกัน” กล่าวจบหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมก็ผละตัวไป ทิ้งให้อิงเฟยอยู่กับคนงามและน้องชาย



“ถ้าอย่างนั้นข้าพาพวกเจ้าไปที่ห้องพักดีหรือไม่” กล่าวจบอิงเฟยก็พาทั้งสองไปยังห้องพัก มันเลือกห้องที่ดูดีเหมาะสมกับตำแหน่งของคนงามและกำหนดห้องพักของน้องชายให้อยู่ไม่ไกลจากคนงามให้มากไปนัก



“ตามจริงข้าอยู่ห้องเดียวกับพี่ใหญ่ก็ได้ขอรับ” เด็กน้อยพูดพลางใช้นิ้วถูจมูกไปมา



“เจ้าอย่าได้เรื่องมากเสี่ยวหลงพี่สามจัดให้อย่างนี้เจ้าก็ทำตามที่เขาจัดให้เถอะ” คนงามตำหนิเบาๆ



“จริงๆที่แยกห้องให้น้องหลงกับศิษย์น้องเป็นเพราะว่าอยากให้พวกเจ้าได้รับความเป็นส่วนตัวที่สุด หากว่าไม่สะดวกจะพักห้องเดียวกันก็ได้” อิงเฟยเสนอความเห็นด้วยรอยยิ้ม



“หากท่านตัดสินใจแล้วก็ช่างมันเถอะขอรับ หากข้าเรื่องมากไปกว่านี้เกรงว่าพี่ใหญ่จะทุบตีข้าเสียก่อน” เด็กน้อยยักคิ้วลิ่วตาใส่คนงาม คนงามแสดงสีหน้ากระเง้ากระงอดแวบหนึ่งมือไม้ลงมือทุบตีผู้เป็นน้องตุบใหญ่



“เจ้าอย่าทะลึ่งให้มากนักเสี่ยวหลง”

อิงเฟยเห็นท่าทางหยอกเย้าประดุจคนรักเช่นนี้ให้คิดสงสัย มันรีบถามสิ่งที่คิดในใจออกไป



“พวกเจ้าสองคนเป็นพี่น้องกันจริงหรือไม่” ยังไม่ทันคนงามจะอ้าปากเด็กน้อยกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน



“เป็นพี่น้องกันจริงแท้แน่นอนขอรับ”



“ถูกอย่างที่เสี่ยวหลงว่ามานั่นแหละศิษย์พี่สาม”



อย่างนั้นก็ดีไป หากว่าเสวี่ยหมิงยังไม่มีคนรัก มันก็นึกอยากจะสานสัมพันธ์อันดีกับคนงามนี่ ครานี้แม้แต่ตัวมันเองยังแปลกใจในความกระตือรือร้นของตนเองนัก มันไม่เคยมีความคิดอยากเข้าไปใกล้ชิดผู้ใดมากเท่านี้มาก่อน แม้แต่ตอนนี้ภาพเคลื่อนไหวยามสะบัดกระบี่ฟาดฟันศัตรูของเสวี่ยหมิงยังไม่หลุดไปจากมโนความคิดของมัน



“ศิษย์พี่สามขอบคุณท่านมากนะที่จัดหาห้องดีดีให้เราพี่น้อง”



“เจ้ายังไม่ทันเห็นกลับกล่าวชมข้าเสียแล้ว อย่าป้อยอข้าไปหน่อยเลย”



“ข้าแค่อยากขอบคุณท่านเท่านั้นตามจริงที่รู้สึกดีกับท่านเช่นนี้เป็นเพราะท่าทีต่อการปรากฏตัวของข้า มีท่านผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่แสดงท่าทางเป็นปฏิปักษ์”



ถูกพูดด้วยน้ำคำและสีหน้าไว้ใจหวังพึ่งพิงเช่นนี้ ทำให้มันรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ



“บอกตามตรงตอนแรกข้าคิดว่าพวกท่านอาจจะรวมหัวกันขับไล่ข้าไปด้วยซ้ำหรือไม่งั้นก็อาจรุมทำลายข้า ทว่ารูปการณ์ออกมาอย่างนี้ทำให้ข้าสบายใจขึ้นมานิดหนึ่ง”



“ใยเจ้าเผยความรู้สึกต่อข้าเช่นนี้” อิงเฟยถามด้วยมีความคิดระแวงอยู่บ้าง หากไม่มีแผนการเจ้าเล่ห์การเผยความจริงเช่นนี้ย่อมมีแต่คนเบาปัญญาเท่านั้นที่ทำ ตอนนี้มันจึงอยากทราบนักว่าเพราะเหตุใด



“พี่สามข้ามาทำตามคำสั่งของอาจารย์ การเลือกเฟ้นประมุขพรรคเป็นเรื่องสำคัญ การที่ข้าผูกมิตรต่อท่านเปิดเผยความในใจต่อท่าน ก็เหมือนกับเป็นการทำตามแผนเรียนรู้นิสัยใจคอของท่านชนิดหนึ่ง ท่านถามเช่นนี้หมายความว่าข้าไม่สามารถวางใจท่านในฐานะศิษย์พี่คนหนึ่งได้อย่างนั้นหรือ”



“เจ้าย่อมไว้วางใจในตัวข้าได้ เพียงแต่หากอยากเรียนรู้นิสัยใจคอ การเปิดเผยความรู้สึกเช่นนี้แต่แรกยังคงไม่ถูกกระมัง” ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงแสร้งทำเหมือนนึกขึ้นได้ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ



“จริงของท่าน เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าท่านไม่ใช่คนร้ายจึงพูดจาเช่นนี้ ขออภัยที่ล่วงเกินพี่สามแล้ว”

เสวี่ยหมิงกล่าวพลางประสานมือคารวะอิงเฟยพอเป็นพิธี



“อย่าได้ทำท่าน้อมนอบต่อข้าถึงเพียงนี้ เจ้าหาได้ทำผิดอะไรไม่”



“ขอบคุณพี่สามที่เมตตา ถ้าอย่างนั้นข้ากับน้องชายขอเข้าไปพักผ่อนชั่วครู่”



“ตามสบายเถอะ เดี๋ยวตอนเย็นข้าจะมารับพวกเจ้าสองคนไปทานอาหารนะ”



“ขอบคุณขอรับพี่อิงเฟย” เสี่ยวหลงกล่าวขอบคุณเสียงเจื้อยแจ้ว อิงเฟยเมื่อกล่าวลาก็หมุนตัวมุ่งหน้าไปยังห้องส่วนตัวของมัน



เมื่ออิงเฟยจากไปเสี่ยวหลงก็ลากเสวี่ยหมิงเข้าห้องแล้วลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา มันเงี่ยหูฟังเสียงลมและเสียงฝีเท้าว่ามีผู้ใดอยู่ในระยะใกล้นี่หรือไม่ เมื่อรู้สึกปลอดภัยมันดึงพี่ใหญ่เข้ามากอดรัดทั้งแนบจูบลงไปอย่างดูดดื่ม



“เสวี่ยหมิงเจ้าช่างฉลาดยิ่งนัก” หลังจากผละจากจูบมันจึงกล่าวชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



“ฉลาดอันใด”



“ก็ฉลาดที่เข้าใจลวงล่อหว่านเสน่ห์แกอิงเฟยอย่างไรเล่า ถึงแม้ว่าข้าจะหึงหวงเจ้ามากก็ตามที”



“ข้าไม่ได้หว่านเสน่ห์นะเสี่ยวหลง ข้าแค่ผูกมิตรไปตามแผนการเท่านั้นเอง” เสวี่ยหมิงปฏิเสธ กระนั้นหากว่าเสี่ยวหลงเห็นเป็นเช่นนั้น เขาคงแสดงละครสมจริงเกินไปกระมัง



“เจ้ารู้สึกไหมว่าหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมไม่ว่าจะทำอะไรมักต้องถามอิงเฟยก่อนเป็นอันดับแรก” เสี่ยวหลงกล่าวพลางจูงมือพาเสวี่ยหมิงเอนกายลงบนเตียง มือไม้ลูบไล้กอดจูบหลังถามจบ



“อื้อ...เจ้าอย่าทำเช่นนี้....หากใครมาเห็นเข้า....มันไม่ดี.....” เสวี่ยหมิงเอ็ดเบาๆ แต่เสี่ยวหลงหาได้หยุดลูบไล้ปลุกปั่นอารมณ์เขาไม่



“เจ้าตอบคำถามข้ามาก่อนสิ” เสวี่ยหมิงเมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนเอาแต่ใจ เขาคร้านที่จะทุบตีจึงได้แต่ปล่อยให้ทำตามใจชอบทั้งยังตอบคำถาม



“อือ....ข้าก็รู้สึกเช่นกัน....อ๊ะ....” ครานี้เสวี่ยหมิงทนการรุกเร้าไม่ไหวจึงหยิกเข้าที่มือของเสี่ยวหลงถลึงตามองอย่างมาดร้าย ได้ผลเด็กน้อยหัวเราะฮิฮะหยุดการลวนลามในที่สุด



“ข้ารู้สึกได้ว่าคล้ายหลงเยี่ยอิ่งตัวปลอมไม่กล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองผิดวิสัยของคนเป็นผู้นำ”



“หึ...อิงเฟยอาจคิดว่ามันไม่แปลกเพราะเข้าใจว่าเราสองคนเพิ่งเคยพบหน้าพวกมันครั้งแรก แต่กับข้าผู้เป็นตัวจริงมีพิรุธเยี่ยงนี้ ทำให้ยิ่งระบุชัดว่าอิงเฟยน่าสงสัยกว่าผู้ใด หมิงเอ๋อจากนี้ไปข้าอยากให้เจ้าตีสนิทกับอิงเฟยไว้ให้มากก่อนที่จะทำตามแผนการต่อไป”



“เจ้าต้องการให้ข้าหว่านเสน่ห์ต่อศิษย์พี่สามรึ”



“ไม่ใช่เช่นนั้นแค่อยากให้เจ้าสนิทสนมกับอิงเฟยไว้ให้มากในฐานะศิษย์ร่วมสำนัก แต่หากอิงเฟยจะเข้าใจผิดก็เป็นเรื่องของมัน ตามจริงแค่เจ้าสนทนากับมันสนิทสนมเยี่ยงนี้ข้าก็หึงหวงเจ้ามากนะ”



เสี่ยวหลงเข้ามาออดอ้อนออเซาะอีกคราเสวี่ยหมิงหมันไส้เด็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก



“เจ้าก็เอาแต่หึงหวง แน่ใจนะว่าอยากให้ข้าสนิทสนมกับอิงเฟยจริงๆ”



“ขอโทษนะที่ให้พี่ใหญ่ต้องกระทำแผนการประหนึ่งหญิงแพศยา”



“หากว่าไม่เป็นการทำเพื่อจับผิดคนร้ายข้าจะไม่มีทางทำตามที่เจ้าบอกเช่นนี้ง่ายๆแน่”



“ขอบคุณท่านมากนะพี่ใหญ่”



 เสี่ยวหลงเอนศีรษะซบลงบนแผ่นอกของเสวี่ยหมิง ถูกอ้อนด้วยมารยาเช่นนี้จะให้ทำอย่างไร เสวี่ยหมิงถึงแม้ว่าไม่ชอบใจนักทว่าไม่มีแผนการอื่นในหัวเช่นกัน ดังนั้นจึงทำตามอย่างเสียไม่ได้ หวังว่าแผนการณ์นี้จะคลี่คลายหมอกทึบที่ปิดบังความจริงเอาไว้ในที่สุด





 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:




เขียนยากจังเลยอ่า เขียนไปกะร้องไห้กระซิกกระซิกไป กลัวว่าเขียนไปแล้วตะต้องกลับมาแก้เพราะเนื้อหาย้อนแย้ง



แต่ก็นะลองเขียนชิมลางให้คนอ่านชำแหละดูก่อน555555



บทเฉลยความจริงนี่ยากมากคิดจนสมองพองโต ปวดหัวมาก



 นี่เขียนไปตามสัญชาติญาณไร้เหตุผลใดใดมายึดเหนียว ถ้าออกมาไม่ดีก็ขออภัย ขอโทษค๊าบบบบบ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-04-2017 12:19:31
อย่าลืมไปต่อเรื่องอื่นบ้างน้า
เรื่องนี้ก็สู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-04-2017 13:03:36
สู้ ๆ นะ

เท่าที่ได้อ่านก็ยังถือว่าสมเหตุสมผลอยู่

จะไม่สบอารมณ์ก็ตอนเสี่ยวหลงนัวเนียเสวี่ยหมิงเนี่ยแหละ! อิจแรง!
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 17-04-2017 15:07:47
เยี่ยอิ่งระวังอกแตกตายนะ คิดแผนมาทำร้ายตัวเองชัดๆ :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: wnkth ที่ 17-04-2017 17:10:42
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 17-04-2017 17:41:36
คนแต่งสู้ๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-04-2017 18:25:50
เป็นกำลังใจให้นะคะคนแต่ง
สู้ๆนะคะ
 :mew1: :mew1:
มาต่อบ่อยๆน้า
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-04-2017 19:08:24
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-04-2017 19:15:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-04-2017 20:47:33
อิงเฟย หลงเสน่ห์คนงามเสวี่ยหมิงและ
เยี่ยอิงตัวปลอม แสดงกิริยาชัดเจนว่าเชื่อฟังอิงเฟย
เสี่ยวหลง อยู่ในถ้ำเสือ ไม่ระวังตัวซะเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Moonuglygirl ที่ 19-04-2017 02:23:46
บทดูไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังเดาได้หมดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรยังไง บอกตรงๆมันค่อนข้างจืดชืด ไม่น่าติดตามสักเท่าไหร่ อยากมฟ้ปรับปรุงแก้จุดตรงนี้ให้ดียิ่งขึ้นนะคะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ บทที่37 p14 17/4/60
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 19-04-2017 18:06:53
โอ้ยอิงเฟยบทเด่นมาก จะยังไงต่อนี้รอนะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ประกาศ p14 1/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 01-07-2017 19:35:34
ประกาศ

​ขอโทษเน้อที่หายไปนานคนเขียนใกล้จะกลับมาเขียนต่อละ

ชีวิตลำเค็ญมากช่วงนี้กำลังจะได้เปลี่ยนงานจ้า

เราต้องเคลียงานในที่ทำงานเก่าทั้งหมดในสามเดือน

แล้วสิ้นปีเราจะไปเริ่มงานที่ใหม่งานหนักมากไม่มีเวลาเขียนนิยาย

ตอนนี้จะเบาๆลงหน่อยจะเริ่มปั้นแล้วแต่อาจจะกระดืบๆ

คิดว่าอีกไม่นานแต่คงจะนานมั้ง

เพราะนิยายของคนเขียนเรื่องเกิดใหม่ทั้งทีดันมีคู๋หมั้นเป็นสไลม์

ได้รับการตอบกลับจากธัญวลัยอุ๊คบีว่าจะจัดพิมพ์ให้

โคตรดีใจ ดังนั้นยังยังต้องใช้เวลาตรวจแก้นิยายส่งให้ธัญอีก

มังกรแต่งยากมากแต่อีกนิดเดียวจะจบแล้ว

จะพยายามแต่งให้จบตอนนี้อ่านเรื่องอื่นรอไปก่อนน้า

ขออภัยที่ต้องให้รออีกหน่อยจ้า​​
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ประกาศ p14 1/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 01-07-2017 19:50:44
ยังไงก้อรออ่านยุนะคัฟ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ประกาศ p14 1/7/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-07-2017 20:43:26
คนแต่งสู้ๆนะคะ
รอได้ค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่38 p14 3/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 03-10-2017 15:56:57
               มังกรซ่อนหิมะ38

               เป็นเวลาหลายอาทิตย์แล้วที่อิงเฟยสร้างความสนิทสนมกับเสวี่ยหมิง ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของมันกับศิษย์น้องผู้นี้จะคืบหน้าไปได้ไม่ยาก มันกระหยิ่มในใจทุกครั้งเมื่อรู้ว่าคนงามเองก็กระตือรือร้นที่จะเข้าหามันเช่นกัน

               แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องขัดหูขัดตา ทุกครั้งเมื่อเรื่องดีงามมาเยือน เจ้าเด็กหน้าเป็นเสี่ยวหลงมักจะเข้ามายุ่งวุ่นวายจนมันพลาดหวังเรื่อยไป เป็นเช่นนี้จะให้มันอารมณ์ดีได้อย่างไร

               ตัวมันเองก็เป็นคนเอาแต่ใจนักเมื่ออยากได้ก็ต้องได้ มันไม่เคยต้องรอคอยอดทนอะไรนานเยี่ยงนี้ สำหรับกับเสวี่ยหมิงแม้ยึดพื้นที่ในใจมันได้ แต่หาได้สามารถชักจูงความคิดมันจนเลอะเลือน ถึงแม้ว่ามันจะหลงใหลอยู่ไม่น้อย กลับมีแผนการในใจต่อคนงามนี้หลายประการ มันเป็นคนไม่เชื่อถือในตัวใครดังนั้นจึงคิดวางแผนเลวร้ายและดำเนินการไปแล้วโดยใช้เหลยไห่เหยียนเป็นตัวหมาก

               “มือของเจ้าช่างเรียวงามทั้งนุ่มนิ่มนัก” ไม่พูดเปล่าอิงเฟยยังถือวิสาสะลูบคลำมือของเขาไปมา เสวี่ยหมิงตามจริงหาชอบไม่ ทว่าแสร้งยิ้มหวานเอียงอายให้อีกฝ่ายเห็นตามแผนการของเสี่ยวหลง

               “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว” ขณะที่เอื้อนเอ่ยคำหวานพลันมีน้ำชาสาดใส่เสื้อผ้าของเขา เสวี่ยหมิงอุ่นวาบจากความร้อนของน้ำหันไปมองคนกระทำแล้วพบว่าเป็นสาวใช้ประจำตัวคนเดิมของอิงเฟย นางผู้นี้บ่อยครั้งที่แสร้งเป็นทำงานผิดพลาดจนเป็นผลให้เขาต้องรับบาดเจ็บทุกครั้งไป

               “อีกแล้วรึวาวา”

อิงเฟยแสร้งทำเป็นโกรธถึงแม้ตัวจริงของวาวาคือเหลยไห่เหยียนปลอมตัวมาทั้งยังได้รับคำสั่งให้มาระรานเสวี่ยหมิง ซึ่งนางทำได้ยอดเยี่ยมมากอิงเฟยเดาว่านางคงทำไปตามอารมณ์จริงแท้ของนางไม่อย่างนั้นคงไม่มีสีหน้าสะใจเยี่ยงนี้ เฮอะคิดแล้วก็รำคาญนัก นางเป็นชนชั้นใดถึงกล้าตามหึงหวง หากเป็นเวลาปกติมันคงตบสั่งสอนสตรีผู้นี้ซักหลายฉาด

“ขออภัยเจ้าค่ะนายท่านข้ามิได้ตั้งใจ”

นางแสร้งลนลานขอโทษ ตามจริงเสวี่ยหมิงรู้อยู่แล้วว่านางโกหก แต่หาได้ถือสาเข้าใจว่านางเป็นสาวใช้คนสนิทคงมีความสัมพันธ์ลึกล้ำกับอิงเฟยไม่มากก็น้อย ทว่าที่ติดใจมากกว่านั้นคือกลิ่นหอมเย้ายวนอันคุ้นเคยยิ่ง เขาเคยได้กลิ่นหอมนี้จากนางมารเหลยไห่เหยียนจำไม่ผิดแน่นอน

“เจ้าไปเสียอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าซักพัก” อิงเฟยไล่วาวาไป หลังจากนางสะบัดหน้าหนี ศิษย์พี่สามก็เข้ามาดูอาการของเขา

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างร้อนหรือไม่เปียกปอนเช่นนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าออกดีไหม”

เสวี่ยหมิงพลันคิดว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ดี ดังนั้นเขาจึงไปที่หีบเสื้อหยิบผ้าผ่อนออกมาถอดผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่คาดว่าอิงเฟยจะเข้ามาสวมกอดที่ด้านหลังรุกล้ำอุกอาจ ถึงแม้ว่าสถานะการณ์คืบหน้าไปถึงขั้นนี้ได้เป็นเพราะเขาทำตัวเองก็ตามที

“ศิษย์พี่อย่า.....”

“เจ้าช่างงดงามนัก” ไม่พูดเปล่าประกบจูบลงมาแผ่วๆ เสวี่ยหมิงจำต้องยอมไปตามน้ำ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เกินเลยไปกว่านี้

“เจ้าช่างน่ารักนัก มาให้ข้าช่วยแต่งตัวให้เจ้าเถิด”

ขณะที่ถูกแต่งตัวให้มือไม้ของอิงเฟยลูบคลำหาเศษหาเลยตามใจชอบ เสวี่ยหมิงอึดอัดใจเหลือเกินแต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่ถือสาปล่อยให้ทำตามใจชอบ หลังจากแต่งตัวให้เขาเรียบร้อยศิษย์พี่สามก็จุมพิตลงมาบนแก้มของเขาแผ่วๆ

ตามจริงอิงเฟยอยากประกบปากจูบอย่างเร่าร้อน คนเช่นมันต้องมาทำทุกสิ่งแบบค่อยเป็นค่อยไปเยี่ยงนี้ ล้วนผิดปกติและไม่ใช่วิสัย แต่กระนั้นในบรรดาคนทีพึงใจเป็นเสวี่ยหมิงคนเดียวทำให้มันหลงใหลได้มากที่สุดจึงมีทะนุถนอมไม่มากก็น้อย

“เราไปเดินเล่นที่สวนกันเถอะเสวี่ยหมิง”

เสวี่ยหมิงพยักหน้า จากนั้นปล่อยให้อิงเฟยจับจูงมือไป พลันได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากห้องของเสี่ยวหลง เสวี่ยหมิงตกใจยิ่งผละจากอิงเฟยวิ่งเข้าไปในห้องที่เกิดเสียง

เมื่อเข้าไปข้างในพบว่าเสี่ยวหลงบาดเจ็บ เด็กน้อยซบลงกับพื้นห้อง มีสาวใช้นามวาวายื่นตะหง่านเนื้อร่าง

“เจ้าทำอะไรวาวา” เป็นอิงเฟยที่ไปถึงตัวสาวใช้ก่อน

“เป็นเด็กน้อยนี่ลวนลามข้าก่อนเจ้าค่ะ”

เหลยไห่เหยียนในคราบวาวาแก้ตัว การทำร้ายเด็กน้อยน่าชังนี่เป็นไปตามแผนการของนายน้อย ทว่าตามจริงนางทุ่มเทพลังเกือบทั้งหมดเข้าใส่ด้วยรู้ว่าฝีมือของเด็กน้อยนี่ไม่ธรรมดา นอกจากนั้นยังเป็นเพราะเจ้าสุนัขตัวน้อยลงมือฆ่าน้องชายของนางไป ถือเป็นการลงมือล้างแค้นทั้งยังได้สะใจที่ทำให้ไอ้จิ้งจอกที่มายั่วยวนนายน้อยที่รักได้เจ็บปวดใจอีกด้วย

“ยังจะแก้ตัวอีกหรือ” ครานี้อิงเฟยตบหน้านางฉาดใหญ่จนกระเด็น เหลยไห่เหยียนเจ็บตัวครั้งนี้นับว่าไม่ขาดทุน หากว่านายน้อยได้สมใจเมื่อใดนางย่อมเป็นที่โปรดปรานต่อนายน้อยมากกว่าเดิม

“ใครก็ได้เอานางไปขังทีสิ” คนของพรรคมังกรพิโรธกรูกันเข้ามาลากนางไป

“เสี่ยวหลง...ศิษย์พี่ทำอย่างไรดีเสี่ยวหลงท่าทางจะบาดเจ็บ” เสวี่ยหมิงแสร้งทำเป็นลนลานเสียใจ ถึงแม้จะรู้ว่าด้วยการทำร้ายเพียงเท่านี้ไม่อาจทำอะไรเสี่ยวหลงได้

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าจะเรียกท่านหมอมาดูอาการ”

จากนั้นอิงเฟยก็เรียกท่านหมอมาตรวจ เสี่ยวหลงแสร้งเดินลมปราณย้อนกลับหนึ่งส่วนให้ลมปราณไม่คงที่คล้ายคนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่มีพิรุธอันใด

“แค่ช้ำในเล็กน้อยขอรับนายน้อยอิงเฟย เดี๋ยวจัดยาตามทำเนียบนี้เอาก็น่าจะหาย”

หลังจากยื่นทำเนียบยาให้ท่านหมอก็ขอตัวลาไป อิงเฟยรีบทำตามแผนการกำจัดเสี้ยนหนามทั้งยังสร้างบุญคุณแก่เสวี่ยหมิงไปในตัวมอบยาลูกกลอนซึ่งเป็นยาพิษที่มันพัฒนาขึ้นมาจากยาพิษหิมะโปรยของอาจารย์ให้แก่เสวี่ยหมิง

“นี่เป็นยาบำรุงที่ข้าได้มา เจ้าก็เอาให้เสี่ยวหลงกินเถอะเสวี่ยหมิง”

“ขอบคุณศิษย์พี่มาก” เสวี่ยหมิงรับมากล่าวคำขอบคุณหลายต่อหลายครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปจัดการกับวาวาก่อนนางต้องได้รับการสั่งสอนอย่างสาสมแน่

“ฝากท่านด้วยนะศิษย์พี่”

“อืม...”

 หลังจากรับคำอิงเฟยก็มุ่งหน้าไปยังห้องขังซึ่งจองจำเหลยไห่เหยียนในคราบวาวาไว้เมื่อไปถึงเหลยไห่เหยียนโผเข้ากอดรัดมันแนบแน่น

               “นายน้อยอิงเฟยข้ารอท่านนานแล้วเจ้าค่ะ” นางออดอ้นออเซาะด้วยการซบหน้าลงบนแผ่นอกของอิงเฟย

               “วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก มาข้าจะให้รางวัล”

               ในที่สุดนางก็ได้ตามใจปรารถนานางกับอิงเฟยรวมร่างกันอย่างเร่าร้อน หลังจากความร้อนแรงผ่านพ้นไป อิงเฟยก็ปล่อยให้นางคลอเคลียตามใจชอบ

               “ท่านได้ให้ยาพิษแก่ศิษย์น้องท่านแล้วหรือไม่” เหลยไห่เหยียนถาม

               “ย่อมต้องให้ไปแล้ว ครานี้เมื่อน้องชายของเขาอยู่ในมือข้าเสวี่ยหมิงย่อมต้องทำตามใจข้าทุกอย่าง”

               “นายน้อยช่างร้ายกาจยิ่ง ท่านคิดเผยตัวตนจริงต่อคนผู้นั้นเมื่อใดเจ้าคะ”

               “หากว่าเสวี่ยหมิงดื้อดึงไม่ยอมทำตามใจข้าก็จำต้องใช้ไม้แข็ง แต่หากว่าโอนอ่อนผ่อนตามยังคงเล่นละครเป็นศิษย์พี่แสนดีต่อไป”

               “นายน้อยช่างดีต่อคนผู้นั้นยิ่ง” นางรู้สึกขัดใจเหลือเกิน ไม่คิดว่านายน้อยจะรักถนอมน้ำใจไอ้จิ้งจอกนั่นถึงเพียงนั้น

               “หึหึ เจ้าหึงหรือไห่เหยียน” อิงเฟยแสร้งทำเป็นเอาอกเอาใจ เพียงเพราะว่านางมารนี้ยังสามารถใช้สอยได้อีกมากมาย

               “ข้ามีสิทธิหึงท่านได้ด้วยหรือเจ้าค่ะ”

               “ย่อมได้สิ ถึงแม้ว่าข้าจะหลงใหลในตัวของเสวี่ยหมิงมาก แต่เจ้ากับเขาต่างเพศกันย่อมไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้”

               “แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ สตรีอย่างข้าย่อมให้กำเนิดบุตรแก่นายน้อยได้ นี่ย่อมแตกต่างกันมาก”

               อิงเฟยฟังแล้วลอบหงุดหงิดในใจ สตรีผู้นี้นึกหรือว่ามันจะยอมให้นางกำเนิดบุตรของตน คงไม่รู้ตัวสินะว่าทุกครั้งที่มีสัมพันธ์กันมันลอบให้นางกินยาป้องกันหลังจากนั้นไว้ครานี้ก็เช่นกัน มันสั่งให้สาวใช้นำยามารอไว้ก่อนแล้ว

               “ช่างเรื่องนั้นเถอะเจ้าดื่มยาบำรุงนี้เสีย” มันเทตัวยาจากกาน้ำชายื่นส่งให้เหลยไห่เหยียน นางมารดื่มลงไปด้วยความซาบซึ้งยิ่ง

               “นายน้อยช่างดีต่อข้ายิ่งเจ้าค่ะ”

               “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว แต่ครานี้เจ้าจะใช้ร่างวาวาไม่ได้อีก เจ้าปลอมแปลงเป็นหญิงชราตามเดิมเถิด”

               “เจ้าค่ะ”

               โดยมิได้รู้ตัวว่าการกระทำของตัวเองอยู่ในการสอดแนมของเสวี่ยหมิงและเสี่ยวหลงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากับเด็กน้อยแอบสอดแนมอิงเฟย ทว่าการสอดแนมครานี้นับว่ามาได้ถูกจังหวะนัก หลังจากฟังมามากก็หันไปส่งสัญญาณมือต่อเสี่ยวหลงเตรียมจะกลับไปที่ห้องวางแผนตลบหลังอิงเฟ ไม่คาดว่าหลังจากลงมาจากหลังคากลับพบพ่อบ้านพิการยืนตระหง่านอยู่ที่ตรงนั้น

               เสี่ยวหลงตึงเครียดอย่างที่สุด มันมีความคิดที่จะปลิดชีพพ่อบ้านผู้โชคร้ายผู้นี้หากทว่าพ่อบ้านพิการกลับทำสิ่งที่มันไม่คาดฝัน



...



หายไปนานขอโทษที่ต้องให้รอน้า ไม่ได้เขียนนานไม่รู้ว่าจะต่อติดกับของเดิมไหม



นี่เขียนโครงเรื่องไปจนจบแล้วเหลือแต่เขียนออกมา5555



ขอโทษน้าที่ต้องให้รอนาน แล้วก็อาจจะมีความแปลกประหลาดไมสมเหตุผลบ้าง ก็ขออภัยเน้อ



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่38 p14 3/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-10-2017 20:28:57
ส่งแรงใจขอรับ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่38 p14 3/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-10-2017 20:39:19
 :pig4: :pig4:
มาต่อแล้ว
ดีใจมากกกกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่39 p14 4/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 04-10-2017 11:52:05
มังกรซ่อนหิมะ39

            การได้เห็นสีหน้าจนตรอกของศิษย์คนรองซึ่งแสนเจ้าเล่ห์ทำให้จูเยว่เสวียนสนุกสนานเป็นที่สุด มันส่งสายตาอ่อนโยนไปยังศิษย์คนเล็ก อดไม่ได้ที่หวนนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะมาถึง ณ ที่ตรงนี้

            ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน มันกับเสวี่ยหมิงศิษย์รักวางแผนออกเดินทางกลับสู่พรรคมังกรพิโรธ ศิษย์คนเล็กของมันหาใช่คนกลิ้งกลอกแม้แต่นิดเดียว ทว่าการได้ฝึกปรือเรียนรู้จากมันทำให้เด็กน้อยพอจะมีมันสมองอยู่บ้าง

               ดังนั้นจึงไม่แสดงพิรุธให้หลงเยี่ยอิ่งรับรู้แต่อย่างใด หลังจากที่ปล่อยให้เสวี่ยหมิงออกเดินทาง จูเยว่เสวียนได้มอบจดหมายให้ศิษย์คนเล็กสามฉบับ มันสั่งให้เด็กน้อยเปิดอ่านหลังจากเดินทางเข้าสู่เมือง และแน่นอนว่าจดหมายฉบับสุดท้ายมันกำชับว่าอ่านแล้วให้ทำลายไปเสีย

               เมื่ออ่านจดหมายทั้งสามฉบับแล้วเสวี่ยหมิงจะเข้าใจแผนการของมันดียิ่ง เนื้อความในจดหมายฉบับที่สามกล่าวว่า ตัวมันจะออกเดินทางไปตามติดไปในฐานะซินแส ดังนั้นหากถูกเรียกด้วยคนจำพวกนี้เมื่อใดให้ตีความหมายถึงตัวมันเป็นอันดับแรก

               นอกจากนั้นเมื่อพบกันจะเห็นสัญลักษณ์คือแหวนหยกทรงมังกรที่สวมใส่อยู่บนมือ จูเยว่เสวียนตามติดเสวี่ยหมิงไปเรื่อย จวบจนพบว่าเด็กขอทานผู้หนึ่งเข้ามาตีสนิทศิษย์คนเล็ก ทีแรกจูเยว่เสวียนนึกสงสัยว่าเป็นผู้ใด

               สุดท้ายเด็กขอทานก็เผยพิรุธจนได้ การที่ลอบมองแหวนบนมือของศิษย์มันบ่อยครั้ง จูเยว่เสวียนคาดไม่ผิดคงเป็นคนของพรรคมังกรพิโรธ ดังนั้นจึงส่งคลื่นเสียงต่ำพูดคุยกับเสวี่ยหมิง วิชานี้มันสำเร็จหลังจากฝึกปรือหนึ่งอสูรพิชิตเทวะย้อนหลังจนถึงขั้นที่ห้า และในเมื่อมันสำเร็จวิชานี้ก็ย่อมต้องสอนสั่งให้ศิษย์รักมันเช่นกัน ดังนั้นละครลิงของเด็กขอทานจึงถูกเปิดโปงทันที

จูเยว่เสวียนแสร้งทักเสวี่ยหมิงในฐานะนักทำนาย เพื่อไม่ให้เผยพิรุธมันให้คำทำนายชี้นำให้เด็กน้อยกลับไปหาตัวปัญหา

โดยที่เด็กขอทานไม่ทันรู้ตัว จูเยว่เสวียนติดตามเสวี่ยหมิงไปตลอดทาง มันโผล่ไปในฐานะนักทำนายเร่ร่อน ดังนั้นไม่นานนักจึงรู้ตัวตนแท้จริงของตัวลวงโลกอย่างกระจ่างแจ้ง

               “ไม่คิดว่าตัวบัดซบน้อยนี่จะเป็นหลงเยี่ยอิ่ง” จูเยว่เสวียนในชุดซินแสหัวเราะฮาฮา แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาถูกปลอมแปลงจึงไม่มีใครจำได้

               “เผยตัวตนชัดแจ้งขนาดนี้ ศิษย์พี่รองเป็นคนเจ้าเล่ห์อาจารย์คงกล่าวเกินไปกระมัง” ขณะที่กล่าวถึงหลงเยี่ยอิ่งเสวี่ยหมิงมีสีหน้าอ่อนโยน ทว่าวินาทีต่อมาในดวงตาประกายวาบวับ คล้ายกับเสือร้ายที่จ้องตะครุบเหยื่อ

               “บางครั้งเจ้าก็มีสีหน้าอ่อนโยนเวลาพูดถึงเจ้าเด็กนั่น บางครั้งแววตาก็ประกายแวววับราวกับคมดาบ ไหนบอกเรามาสิเจ้ารู้สึกเช่นไรกับมันกันแน่” มันผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ทว่ากับเสวี่ยหมิงที่ผ่านเหตุการณ์ร่วมกับมันมา มีจิตใจที่ซับซ้อนขึ้น บ่อยครั้งที่เด็กน้อยแสดงออกถึงความฉลาดเฉลียวทันคนให้ได้เห็น

               “อาจารย์คิดว่าข้าควรทำเช่นไรกับศิษย์พี่ดี บางครั้งเขาก็ทำให้ข้าร้อนรุ่ม บางครั้งข้ากลับรู้สึกว่าเขาเป็นตัวบัดซบสมควรตาย”

               “หากเจ้าไม่ชอบที่มันหลอกลวง เมื่อถึงเวลาเราอนุญาตให้จัดการมันได้ตามใจชอบ ลงมือเท้าตามต้องการ ศิษย์เราว่าดีงามหรือไม่” เสวี่ยหมิงยิ้มละมุนละไม ยกมือขึ้นประสานกันคารวะอาจารย์เช่นมัน

               “อาจารย์ข้าเองก็หลอกเขาเช่นกัน ต่างคนต่างถือว่าสมน้ำสมเนื้อกันแล้ว”

               “เจ้าจะทำอย่างไรกับมัน”

               “เล่นสนุกกับศิษย์พี่รองซักครา ดูซิว่าเขามีลูกไม้แพรวพราวมากมายแค่ไหน”

 เสวี่ยหมิงยิ้มน้อยๆ ในใจอดนึกถึงช่วงเวลาขมขื่นยามถูกทรยศจากคนสกุลเสวี่ยไม่ได้ แม้ว่าตนเองจะไม่ใช่คนที่ชอบจดจำความแค้น แต่ไม่มีความคิดเป็นลาโง่ให้คนอื่นหลอกซ้ำสองอย่างแน่นอน

               เช่นนั้นความใจดีที่มอบให้ทั้งเสี่ยวหลงและคนอื่นๆ เสวี่ยหมิงทำไปบนพื้นฐานนิสัยดั้งเดิมของเขาก็จริง แต่พูดได้ว่าหากอาจารย์ไม่อนุญาตย่อมไม่กล้าลอยชายนานสองนานเช่นนี้

               การที่ต้องเอ้อละเหยอยู่นานนั่นเป็นเพราะคำสั่งของอาจารย์ที่หมายขึ้นไปกบดานในพรรคมังกรพิโรธก่อนและปล่อยให้เขาสืบข่าวคราวจากด้านนอกไปด้วยพร้อมกัน

แผนการเช่นนี้ถูกคิดขึ้นเพราะการปรากฏตัวของศิษย์พี่รอง อาจารย์หมายใจจะได้บางอย่างจากศิษย์พี่ ทั้งยังมอบหมายให้เขาจับผิดคนผู้นี้ จึงได้ปล่อยให้ตามติดสนิทสนมล่วงเกินจนถึงทุกวันนี้

 เสวี่ยหมิงส่งจดหมายติดต่อให้จูเยว่เสวียนบ่อยครั้ง แน่นอนว่าเบาะแสแต่ละอย่างเทียบไม่ได้กับสิ่งที่อาจารย์รู้แจ้งด้วยตนเอง กระนั้นก็ใช่ว่าจะเปล่าประโยชน์

               ทว่าจิตใจคนเรามักจะเล่นตลก ถึงแม้เสวี่ยหมิงจะรู้ว่าถูกหลอกและตนเองก็ตลบหลังกลับเล่นสนุกไปกับสถานการณ์ที่หลงเยี่ยอิ่งสร้างขึ้น กระนั้นบ่อยครั้งที่ทั้งหวานและขมอยู่ร่ำไป หลายครั้งหลายคราที่เขาปล่อยให้จิตใจสั่นไหว สุดท้ายยอมใจอ่อนเพียงเพราะความน่าเวทนาของศิษย์พี่

ยามที่คนใกล้ตายจะเผยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา ที่ก้นหุบเหวลึกนั่นใช่ว่าเสวี่ยหมิงคิดวิธีที่ศิษย์พี่คิดออกไม่ได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้อาจารย์ได้สอนสั่งจนแจ้งแก่ใจ ดังนั้นเมื่อหลงเยี่ยอิ่งเสนอวิธีมา ภายในใจมีแต่ความลิงโลด

               เท่านี้เขาก็ไม่ต้องเอ่ยปากให้ผิดวิสัย เสวี่ยหมิงยอมรับกับตัวเองว่าได้อนุญาตให้อีกฝ่ายทำตัวเป็นเจ้าของตนเอง และมั่นใจว่าเขาเป็นเจ้าของๆศิษย์พี่รอง ความสัมพันธ์อ่อนหวานเย้ายวนนี้ช่างเปราะบางนัก

               เสวี่ยหมิงเดิมพนันกับตนเองเอาไว้เมื่อความจริงเปิดเผยออกไปในวันหนึ่ง ถ้าหลงเยี่ยอิ่งยอมรับทุกสิ่งโดยง่ายเขาก็จะให้อภัยที่ฝ่ายนั้นใช้กลลวงเข้าล่อหลอก กลับกันหากอีกฝ่ายตัดพ้อด้วยทำใจยอมรับไม่ได้ เสวี่ยหมิงจะถือเสียว่าที่ผ่านมาเป็นแค่ลมหมอกที่พัดผ่านไปวูบหนึ่งเท่านั้น

            เขายอมโดนหลอกครั้งสุดท้ายด้วยคนตระกูลเสวี่ยเท่านั้น มากกว่านี้จะขอให้ไปตายซะ นับว่ามารยาล้านเล่มเกวียนที่ศิษย์พี่รองใช้กับเขามีอานุภาพมากมายเหลือเกิน สุดท้ายเขาก็อดที่จะนึกเอ็นดูรักใครฝ่ายนั้นไม่ได้ แม้บ่อยครั้งจะนึกอยากขยี้อีกฝ่ายให้สาแก่ใจ

               ศิษย์คนเล็กกับอาจารย์ประสานสายตาอ่อนโยนเข้าด้วยกัน สำหรับกับหลงเยี่ยอิ่ง มันเป็นคนหัวไวย่อมสังเกตปฏิกิริยาออกโดยง่าย พ่อบ้านพิการผู้นี้ย่อมต้องรู้จักมักจี่กับเสวี่ยหมิงของมันเป็นแน่แท้ แต่จะเป็นผู้ใดเล่า หรือว่า....   

               “เราไปที่ห้องของเจ้าหมิงแล้วค่อยพูดคุยกัน”

เป็นเสียงของอาจารย์แน่นอน เสียงนั่นถูกส่งมาในลักษณะคลื่นความถี่ต่ำ มาตรว่าหากไม่ฝึกปรือวิชาจนถึงขั้นหรือฝึกการฟังมาก่อนคงไม่สามารถจำแนกโดยง่าย

 หลงเยี่ยอิ่งนึกดีใจและเสียใจไปพร้อมกัน ทั้งหมดมาจากกิริยาตอบรับของเสวี่ยหมิง คนรักของมันไม่แสดงท่าทางตกใจใดใดทั้งนั้น รอยยิ้มน้อยๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าบอกชัดถึงความนัยอันน่าจะเป็น

               หลงเยี่ยอิ่งรู้ว่าเวลานี้ไม่ควรทำตัวโวยวาย แต่มีคำถามเป็นล้านคำอยากจะกล่าว เสวี่ยหมิงสบตากับมัน มือเรียวกุมมือมันไว้แล้วจับจูงให้เดินตาม

รสชาติของการถูกหลอกกลับเป็นเช่นนี้นี่เอง ทว่าหาได้รู้สึกโกรธเกลียดแม้เพียงนิด ภายในใจคิดว่าก็สมน้ำสมเนื้อแล้ว ทว่าที่หวั่นเกรงคือคำบอกรักจากปากเสวี่ยหมิงเป็นเรื่องจริงหรือคำลวงกันแน่

อาจารย์ในคราบพ่อบ้านพิการนำทางพวกมันไปยังห้องพักของเสวี่ยหมิง เมื่อเข้าไปด้านในห้องหับอันมิดชิด ทุกสิ่งทุกอย่างก็กระจ่างแจ้ง

“ตามจริงเราคิดว่าศิษย์คนรองของเราจะฉลาดที่สุด แต่ว่าเสียทีให้กับอิงเฟยและเสวี่ยหมิงเช่นนี้คงไม่อาจเรียกว่าฉลาดได้กระมัง” อาจารย์หัวเราะ เสียงที่ถูกส่งมาทั้งหมดอยู่ในลักษณะคลื่นความถี่ต่ำ อย่างนี้แล้วความกังวลว่าใครจะได้ยินหรือแอบฟังก็หมดลงไป

“ถึงตอนนี้พอจะเดาได้หรือไม่ว่าเราทำอะไรลับหลังเจ้าไปบ้าง” ระหว่างที่พูดอาจารย์ก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ตรงหน้าคือพ่อบ้านพิการที่ไม่เปิดปากจัดการทำความสะอาดจัดห้องหับให้ผู้เป็นแขก

               เพราะอย่างนี้นี่เองท่านพ่อถึงวางเฉยทั้งที่เขาทำผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง ที่แท้ก็มีอาจารย์อยู่เบื้องหลัง มันน่าจะมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเอง หากคิดอีกนิดเสวี่ยหมิงเองก็น่าสงสัยเช่นกัน แต่ช่างเรื่องถูกหลอกไปเถอะ

               “อาจารย์มีแผนอันใดให้ศิษย์โปรดบอกมาเถอะขอรับ” 



...



คนอ่านอาจจะคิดว่าประหลาด แต่เป็นสิ่งที่คนเขียนวางพลอตไว้แต่แรกแล้ว



แต่ก็นะ เข้าใจว่าคนเขียนยังอ่อนหัดมากกก เลยออกมาไม่ค่อยจะเข้าเค้า



บางทีเขียนจบแล้วอาจจะรีไรท์ใหม่อีกนิด เอาให้มันสมเหตุสมผลกว่าเดิม



เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้าTT

                             
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่39 p14 4/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-10-2017 17:13:40
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่39 p14 4/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-10-2017 17:54:03
ติดตามจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่39 p14 4/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-10-2017 18:43:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่39 p14 4/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 04-10-2017 22:14:52
สนุกมากกกกก เป็นกำลังใจให้นะคะ รอติดตามทุกตอนเลย  :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่40 p15 7/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 07-10-2017 10:59:35
มังกรซ่อนหิมะบทที่40

               “ศิษย์พี่น้องชายของข้าอ่อนแอลงเรื่อยๆข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี”

               เป็นเวลาสองอาทิตย์มาแล้วที่เสี่ยวหลงป่วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะทำเนียบยาที่อิงเฟยส่งไปให้เสวี่ยหมิงทีละนิด พิษร้ายได้ผลดียิ่งไม่ว่าท่านหมอจะตรวจอย่างไรก็ไม่พบต้นสายปลายเหตุมีเพียงชีพจรเท่านั้นที่ปั่นป่วนจนน่ากังวล

               “เจ้าไม่ต้องห่วงนะเสวี่ยหมิงข้าจะหาวิธีรักษาเสี่ยวหลงให้ได้” มันยืนยันเป็นมั่นเหมาะ ครานี้ชีวิตของเด็กน้อยจอมจุ้นอยู่ในมือจะให้อยู่หรือรอดขึ้นอยู่กับความเมตตาของมัน

               “พี่อิงเฟย” เสวี่ยหมิงปลาบปลื้มจนน้ำตาคลอ คนงามโผเข้าหาซบอกมันร่ำไห้ครั้งใหญ่ ทำให้มันเกิดความเอ็นดูคิดปลอบโยนคนในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม

               “เสวี่ยหมิงอย่าร้องไห้”

               อิงเฟยกล่าวพลางเชยคางของคนงามให้เงยหน้าขึ้นก่อนจะใช้ปลายลิ้นซับหยาดน้ำซึ่งเอ่อคลอดวงตา จากนั้นไล่จูบไปตามใบหน้ารุกล้ำเลยเถิด กอดรัดและประทับจูบลงไปอย่างดูดดื่ม

               เสวี่ยหมิงถูกมันผลักลงให้นอนลงบนโต๊ะก่อนจะตามลงไปฟ้อนเฟ้นเล้าโลม คนงามคล้ายว่าจะเผลอไผล ร้องครางเบาๆตอบสนองต่อมือและจูบของมัน ดูแล้วช่างน่ารักเสียเหลือเกิน

               “เสวี่ยหมิงเจ้าช่างน่ารักยิ่ง” อิงเฟยพึมพำเสียงแหบพร่าพลางแหวกสาบเสื้อเผยให้เห็นเนื้อใน ทว่าเสียงครางเครือของเด็กน้อยน่ารำคาญบนเตียงทำให้เสวี่ยหมิงมีสติพลันผลักไสมันออกอย่างลนลาน

               “หาใช่ที่นี่ไม่ศิษย์พี่”

               “ถ้าอย่างนั้นเราไปที่ห้องของเราดีหรือไม่” ด้วยแรงปรารถนาอันร้อนแรงอิงเฟยแทบอดทนไม่ไหว ทว่าเสวี่ยหมิงกลับเทชาในกาส่งยื่นให้มัน มันรับมาดื่มอย่างเสียไม่ได้

               “ศิษย์พี่เมื่อดื่มชาแล้วก็โปรดสงบสติอารมณ์ เวลานี้ข้าไม่มีความคิดสานสัมพันธ์ล้ำลึกต่อผู้ใดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อน้องชายของข้าป่วยหนัก”

               ในที่สุดอิงเฟยก็ถูกไล่ให้กลับไปยังที่ของตน มันหงุดหงิดใจนัก ด้วยไม่เคยมีใครขับไล่มันมาก่อนทั้งยังส่วนกลางกายที่แข็งขืนขึ้นมาแล้วอีกเล่า มันเดินปึงปังไปยังห้องของตนที่นั่นเหลยไห่เหยียนซึ่งปลอมแปลงเป็นสาวใช้อีกคนรอคอยมันอยู่

               “เหตุใดเจ้าไม่ปลอมแปลงเป็นหญิงชราเล่าไห่เหยียน”

               “ข้าคิดว่าแบบนี้จะเจริญหูเจริญตานายน้อยมากกว่าเจ้าค่ะ”

คราแรกเมื่อรู้ว่านางมารขัดคำสั่งมันโกรธยิ่งนัก แต่ทว่าคิดให้ดีแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มันจะใช้นางเป็นที่ระบายความร้อนรุ่ม สุดท้ายจึงลงมืออย่างป่าเถื่อนฉุดกระชากฉีกผ้าผ่อนของนางสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันเยี่ยงสัตว์ร้ายไม่มีความเมตตาใดใดทั้งสิ้นต่อนาง

หลังจากพายุใคร่ผ่านไปมันเรียกให้พ่อบ้านใบ้เข้ามาจัดการความเรียบร้อยของห้อง มันไม่ได้นึกอายแต่อย่างใดถึงแม้พ่อบ้านพิการจะเข้ามาเห็นมันนอนก่ายเกยกับเหลยไห่เหยียนบนเตียง

“ท่านคล้ายมีเรื่องไม่พอใจ คงเป็นเรื่องของศิษย์น้องท่านใช่หรือไม่”

“ใช่”

อิงเฟยตอบรับตรงไปตรงมาในหัวคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ตัวของเสวี่ยหมิงมาไว้ในมือโดยไว มันอดทนมากพอแล้ว รอนานจนรู้สึกว่ามันช่างเก่งเหลือเกิน ตอนนั้นเองพลันนึกแผนการบ้างอย่างขึ้นมาได้

“ข้าได้ยินมาว่าสำนักกุสุมาลย์มียาปลุกกำหนัดมากมาย เจ้าใช้มีติดตัวหรือไม่”

“มีแน่นอนเจ้าค่ะ นายน้อยคงคิดใช่กับศิษย์น้องกระมัง”

“เจ้าฉลาดมาก คืนพรุ่งนี้ข้าจะจัดการกับศิษย์น้องผู้นี้ มิยอมให้ลีลาบิดพลิ้วอีกต่อไป”

หลังจากวางแผนอย่างหมายมั่นครั้นเมื่อถึงเวลากำหนดการมันก็ไปหาเสวี่ยหมิงที่ห้องส่วนตัวของเสี่ยวหลง คนงามกำลังเฝ้าไข้เจ้าเด็กจอมจุ้นซึ่งตอนนี้หลับอยู่

“ศิษย์พี่เชิญเข้ามาก่อน”

มันถูกเชิญเข้าไปด้านใน เสวี่ยหมิงรีบเทน้ำชาให้มันรับถ้วยน้ำมาดื่มรวดเดียวก่อนลงมือตามแผนการ

“ข้าได้ใบชาชนิดใหม่มาจากรัฐฉู่เป็นชาชั้นดีตั้งใจว่าจะนำมาให้เจ้าดื่ม”

กล่าวจบมันเรียกสาวใช้ให้นำกาน้ำร้อนเข้ามาก่อนเริ่มต้นชงชาอย่างคล่องแคล่วแล้วยื่นให้เสวี่ยหมิงรับไป

“ชารสดีมากศิษย์พี่”

มันลอบกระหยิ่มยิ้มย่อง ใบชาตัวนี้ความจริงคือยาปลุกกำหนัดชนิดหนึ่ง อีกไม่นานเสวี่ยหมิงจะร้อนรุ่มเหมือนไฟ แล้วก็เป็นดั่งคิดศิษย์น้องเกิดอาการระส่ำระส่ายลุกลี้ลุกลนอย่างชัดเจน

“เจ้าเป็นอะไรไปหรือเสวี่ยหมิง” มันแสร้งถามด้วยความเป็นห่วง

“ศิษย์พี่ข้าร้อน ร้อนอย่างแปลกประหลาด ข้า....”

อิงเฟยปราดเข้าไปดูอาการเมื่อมันแตะมือลงบนบ่าของเสวี่ยหมิง คนงามก็ช้อนตาหวานเยิ้มขึ้นมองมัน

“เจ้าใยมองข้าเช่นนี้”

“ข้า.....ข้า.....”

อิงเฟยหัวเราะย่ามใจมันประทับจูบลงไปบนริมฝีปากสั่นระริกของคนในอ้อมกอด มือไม้ลูบโลมไปตามร่างปลุกเร้าอารมณ์ที่น่าจะคุกรุ่นอยู่แล้วโหมให้ไฟราคะยิ่งรุนแรงขึ้น

“เจ้าใช่ต้องการข้าใช่หรือไม่”

“ศิษย์พี่....อา....ข้าเป็นอะไรไปแล้ว....”

“เจ้าอย่าได้คิดให้มากความ เรามามีความสุขกันเถอะ”

กล่าวจบมันก็ประคองร่างเสวี่ยหมิงนอนแนบพื้น ขณะที่มันพยายามปลดเสื้อผ้าคนใต้ร่างอยู่นั้นมันรู้สึกได้ถึงเงาและเสียงมีคนลอบทำร้ายมัน เมื่อมันหันไปรับมือก็พบว่าเป็นเสี่ยวหลงที่น่าจะนอนป่วยยื่นตระหง่าน

“เจ้ามิใช่ป่วยอยู่รึ”

 อิงเฟยงงงันเสี่ยวหลงไม่พูดพล่ามทำเพลงซัดฝ่ามือออกหมัดใส่มันจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งว่องไวหนักหน่วงยิ่ง ดังนั้นมันจึงตั้งท่ารีดเร้นลมปราณเตรียมรับมือไม่คาดว่าลมปราณกลับติดขัดไม่สามารถใช้งานได้อย่างใจนึก

“เฮอะคงรีดเร้นลมปราณไม่ได้ล่ะสิ จะได้อย่างไรเล่าก็ในเมื่อยาพิษที่เจ้าให้มาใช้กับข้าทั้งหมดถูกใช้คืนกลับไปยังเจ้าทุกครั้งที่มาดื่มชาที่ห้องของข้ากับพี่ใหญ่”

“ว่าอะไรนะ”

อิงเฟยสับสนไปหมด ทว่าหากเป็นยาพิษของมัน มันย่อมต้องมียาแก้ ดังนั้นมันจึงควักเอายาขึ้นมากินต่อหน้าเสี่ยวหลงก่อนจะรีดเร้นลมปราณอีกครั้งเตรียมรับมือกับศัตรู แต่ลมปราณกลับตีบตันเช่นเดิม ไม่สามารถทำการดั่งใจหมายได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดหรือว่าจะรีดเร้นลมปราณได้ นอกจากยาพิษของเจ้าเองเรายังผสมยาพิษของเราเข้าไปอีกหนึ่งอย่างคาดว่าหากไม่มียาแก้คงไม่สามารถรีดเร้นลมปราณได้กระมัง” เสี่ยวหลงหัวร่อเสียงดัง อิงเฟยกัดฟันกรอด มันโผเข้าหาเสวี่ยหมิงคิดคว้าจับคนซึ่งนอนอ่อนระทวยเอาไว้เป็นตัวประกัน แต่ทว่า

“อ๊ากกกกกก” อิงเฟยกรีดร้องโหยหวน ขณะจะคว้าจับคนที่ควรจะอ่อนระทวยกลับยกขาถีบมัน แรงดีดหนักหน่วงส่งผลให้มันกระเด็นลอยไปกระแทกกำแพงโครมใหญ่

“พวกเจ้านี่มันหมายความว่าอย่างไร ไห่เหยียนไม่สิใครก็ได้เข้ามาข้างในทีมีคนร้าย”

มันพูดได้ไม่ทันจบประโยคเสี่ยวหลงก็ซัดฝากาน้ำชาเข้าใส่สกัดจุดทำให้มันไม่สามารถพูดหรือเคลื่อนไหวได้ อิงเฟยทำได้แค่เพียงมองดูเสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลงที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือศีรษะ จังหวะนั้นร่างของคนผู้หนึ่งก็ถูกโยนเข้ามาในห้องประตูถูกปิดลงตามด้วยการก้าวเข้ามาของพ่อบ้านใบ้

“อื้อ..อือ....”

อิงเฟยพยามยามอย่างยิ่งที่จะกล่าววาจาทว่ากลับไม่มีเสียง ร่างหมดสติที่ถูกโยนเข้ามาคือเหลยไห่เหยียน เหตุใดพ่อบ้านใบ้ผู้นี้จึงพาตัวนางมาในสภาพเยี่ยงนี้ ตามจริงมันไม่น่าจะคิดไม่ได้ แต่ไม่อยากยอมรับความจริง เจ้าพ่อบ้านพิการนี่น่าจะเป็นหนอนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น

“เจ้าคงตกใจใช่หรือไม่อิงเฟย จำเสียงข้าได้หรือไม่ เอาเถอะให้ข้าคืนร่างก่อนค่อยตกใจก็ยังได้”

กล่าวจบใบหน้าและรูปร่างของพ่อบ้านพิการก็เกิดความเปลี่ยนแปลง เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงก็พบว่าที่ตรงหน้ามันคือจูเยว่เสวียนผู้เป็นอาจารย์

“อื้อ....อา....” มันอยากร้องตะโกนว่าบัดซบ แต่หาได้พูดได้ไม่ ครานี้มันคงจบสิ้นแน่แท้แล้ว

“หึหึ อีกไม่นานคนของข้าคงจะจัดการกับคนของเจ้าจนหมด สัญญาณถูกส่งออกไปแล้ว“

อิงเฟยถลึงตามองด้วยความคับแค้น ทว่าเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวเมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้เป็นอาจารย์

“รู้ไหมว่าเรารู้สึกอย่างไรต่อเจ้าตอนนี้ เราเข้าใจว่าคนเราต้องทำเพื่อประเทศชาติ แต่เราสนใจเพียงแค่หนี้แค้นที่เจ้าลงมือกับศิษย์คนโตของเราหลี่มู่ไป๋”

 จูเยว่เสวียนย่างสามขุมเข้าหาอิงเฟย มันโคจรลมปราณไปยังฝ่ามือจนเกิดเสียงลั่นตามข้อดังก็อกๆ กลิ่นไอการฆ่าฟันคุกรุ่น เสวี่ยหมิงกับหลงเยี่ยอิ่งมองอิงเฟยที่แสดงความหวาดกลัวด้วยสายตาเย็นชา

“ตามจริงโทษของเจ้าต้องปล่อยให้ฮ่องเต้เป็นผู้ตัดสิน ทว่าเจ้าเองก็เป็นศิษย์เราคนหนึ่ง การที่เจ้าปลิดชีวิตศิษย์ร่วมสำนักแท้แล้วสมควรตาย แต่เราจะทำแค่ทำลายวรยุทธของเจ้า”

อิงเฟยถูกสกัดจุดร่างกายขยับไม่ได้เสียงก็เปล่งออกมาไม่ได้เช่นกัน ทว่าแววตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด หากมันถูกทำลายวรยุทธจนสิ้นหนทางหนีคงไม่มีอีกแล้ว มันเข้าใจดีว่านี่คือจุดจบของคนแพ้ แต่ไม่คิดว่าเมื่อประสบกับตนเองจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้

“ไม่ต้องกลัวไป เจ็บแค่นี้ยังน้อยกว่าสิ่งที่จะเจอเมื่อไปยังคุกหลวง” จูเยว่เสวียนหัวเราะเสียงต่ำ จัดการลงมือทำลายวรยุทธของอิงเฟยทันที



...



จะจบแล้วน้า ดองไว้นานพอลงปุ๊บกลายเป็นจะจบ 5555



ยังไงก็ขออภัยนักอ่านที่ต้องให้รอนานถึง6เดือน



รู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่กับนิยายเรื่องนี้ ได้รับคำติคำให้กำลังใจเยอะมาก



รู็สึกดีใจ555 ขอบคุณนักอ่านทุกคนน้า



มีความคิดจะรีไรท์ใหม่หลังจบแก้ส่วนที่ไม่สมเหตุสมผลแต่คงต้องรอซักพัก

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่40 p15 7/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-10-2017 11:28:57
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่40 p15 7/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-10-2017 13:20:12
ศิษย์พี่ใหญ่ตายจริงๆหรอ ยังไม่ได้เจอกันเล้ยยย ฮือออ  :hao5:
สมน้ำหน้าอิงเฟย!!
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่40 p15 7/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-10-2017 15:40:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่40 p15 7/10/60
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-10-2017 18:40:59
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 08-10-2017 12:57:12
บทที่41 บทส่งท้าย

หลังจากจัดการกับอิงเฟยได้สำเร็จ จูเยว่เสวียนก็กลับมาควบคุมพรรคมังกรพิโรธอีกครั้ง สิ่งที่หลงเยี่ยอิ่งกังวลใจที่สุดตอนนี้นั้น คือความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสวี่ยหมิง แม้ว่าคนรักจะไม่ได้มีสิ่งใดแตกต่างไปจากปกติ แต่มันก็อดคลางแคลงใจมิได้

“หลังจากผ่านอะไรมามากมาย วันนี้เราตัดสินใจได้เสียที” จูเยว่เสวียนกล่าวต่อหน้าผู้คุมหมู่ตึกที่เข้ามาชุมนุมหน้าลานกว้าง คนจำนวนมากนิ่งเงียบสนิทรอฟังคำสั่ง

ที่ข้างซ้ายของมันคือหลงเยี่ยอิ่ง ส่วนด้านขวามีเสวี่ยหมิง จูเยว่เสวียนหันไปมองดูศิษย์ทั้งสองคนแล้วตรึกตรองชั่วขณะ ตามจริงมันอยากจะมอบตำแหน่งประมุขพรรคให้ศิษย์คนเล็ก ทว่าหากมองการณ์ไกลคนที่สมควรกว่าย่อมเป็นหลงเยี่ยอิ่ง   

“เราจะลงจากตำแหน่งแล้วยกตำแหน่งประมุขพรรคให้หลงเยี่ยอิ่งศิษย์คนรองของเรา” กล่าวจบหลงเยี่ยอิ่งก็ขยับกายคุกเข่าคำนับลงต่อหน้า ศิษย์คนรองกล่าวขอบคุณหลายครั้งก่อนจะกลับไปยืนที่เดิม

“มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่”

 เมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พิธีการสืบทอดตำแหน่งถูกจัดในอีกอาทิตย์ให้หลัง ทว่าถึงแม้จะบรรลุจุดมุ่งหมายหลงเยี่ยอิ่งก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี มันยังกลุ้มใจเกี่ยวกับเรื่องเสวี่ยหมิง

ค่ำคืนนั้นงานเลี้ยงสังสรรค์ดำเนินมาเป็นวันที่สาม หลงเยี่ยอิ่งจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว ไม่กล้าเพ้อถามความจริงในใจเสวี่ยหมิงและยิ่งไม่สามารถหยุดความแคลงใจได้เลย

“เสวี่ยหมิง” มันกำมือของเสวี่ยหมิงเอาไว้แน่น คนรักซึ่งนั่งอยู๋ข้างๆ หันมาสบตา หลงเยี่ยอิ่งตัดสินใจได้ทันที

“ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า เราไปที่ห้องกันได้หรือไม่” เสวี่ยหมิงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามแรงฉุดของหลงเยี่ยอิ่งไป เมื่อไปถึงห้องมันนิ่งงันอยู่พักหนึ่งก่อนจะเริ่มเปิดใจตนเอง

“ข้ารู้ว่าข้าหลอกใช้เจ้า ดังนั้นจึงคิดว่าถึงเจ้าจะหลอกกลับก็สมน้ำสมเนื้อกันอยู่ แต่ว่า....” มันลังเลอีกครั้ง

“เจ้ารักข้าบ้างไหม” เสวี่ยหมิงยิ้มน้อยๆ มันถูกบังคับลากจูงไปยังเตียงกว้างแล้วนั่งลงเคียงข้างเสวี่ยหมิง

“เจ้ารับไม่ได้หรือที่ถูกข้าหลอก” เสวี่ยหมิงยิ้มอ่อนโยน

“ไม่...ไม่ใช่สิ...ข้ารับได้”

“แล้วเหตุใดจึงต้องเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้”

นั่นสิใยมันเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ มันเองก็หลอกลวงเสวี่ยหมิงมิใช่หรือ คนผู้นี้ยังอภัยให้มันได้ ทำไมมันจะต้องเก็บมาน้อยใจด้วยเล่า

“ข้ารักเจ้านะเสวี่ยหมิง”

“ข้าเองก็เช่นกัน”

หลังจากได้รับคำกล่าวเช่นนั้นมันก็โผเข้าจูบกอดรัดคนรักของมันแนบแน่น มันไม่คิดมาก่อนว่าแค่หลอกคนเพียงแค่นี้จะต้องมาผูกหัวใจติดกับคนคนนั้นเหนียวแน่นจนกะไม่หลุด มันใช่ว่าไม่มีโอกาสเลือก แต่มันตัดสินใจเข้าหาเสวี่ยหมิงด้วยตัวเองต่างหาก

“เสวี่ยหมิงข้าอยากนอนหลับไปกับเจ้าเมื่อตื่นขึ้นมาทุกเช้าก็เจอหน้าเจ้า เจ้าว่ามันเป็นไปได้หรือไม่”

หลงเยี่ยอิ่งนอนอิงแอบซบหน้าบนแผ่นอกของศิษย์น้อง เสวี่ยหมิงยิ้มละไม คนใต้ร่างยกมือขึ้นลูบไล้ปลอบโยนบนแผ่นหลังของมัน

“ท่านที่เอาแต่ออดอ้อนอ่อนหวานเช่นนี้ มันทำให้ข้านึกรักยิ่งนัก มาให้ข้าจูบท่านซักทีศิษย์พี่รอง”

หลงเยี่ยอิ่งขยับกายเสนอจูบแก่คนใต้ร่าง จูบหวานล้ำดูดดื่ม เพียงพอที่จะให้คนอย่างมันขายวิญญาณให้ทั้งชีวิต

“เจ้าจะยอมอยู่กับข้าตลอดไปหรือไม่” หลงเยี่ยอิ่งถามเพื่อยืนยันความมั่นใจ

“หากท่านอยากให้ข้าอยู่ข้าจะอยู่ต่อไป ทุกอย่างแล้วแต่การตัดสินใจของท่าน” เสวี่ยหมิงใช้มือลูบไล้เสี้ยวหน้าอีกฝ่ายแล้วกล่าวต่อไป

“แต่ถ้าหากว่าครั้งต่อไปท่านเล่นลูกไม้กับข้าอีก ข้าจะจากท่านไปโดยไม่หันกลับมา”

แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับการหลอกลวง หลงเยี่ยอิ่งปรีดานักมันระดมจูบราวห่าฝนทั่วใบหน้าของเสวี่ยหมิง ใยต้องคิดเล็กคิดน้อยอีกว่ารักหรือไม่รัก ขอแค่เจ้ายอมอยู่ข้างข้าตลอดไปเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว



...



จบแล้วจ้า อ่านจะห้วนไปเยอะเลย ขออภัย อ่า แต่คราวหน้าเดี๋ยวจะกลับมาพร้อมกับเกมส์แจกหนังสือเน้อ



กำลังลังเลว่าจะแจกจอมใจจ้าวหมาป่าหนึ่งรางวัลดี

หรือจะแจกamante del diabloรักร้ายพี่ชายปีศาจด้วยอีกรางวัลเป็ฯสองรางวัลดี



ว่าจะให้เล่นเกมส์โดยแอดแฟนเพจของเราแล้วรันตัวเลขกับแชร์เพจเน้อ 5555

เดี๋ญวรอให้หนังสือจากสนพ ดารินมาส่งเกินไม่น่าจะเกินสองอาทิตย์คงได้มีเล่นเกมส์แน่นอน



https://www.facebook.com/Violasheep-143717016230496/



อันนี้ลิงค์เพจเราเน้อ

หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-10-2017 13:57:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-10-2017 18:23:46
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 08-10-2017 20:47:39
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-10-2017 22:07:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 10-10-2017 15:05:17
ข้าน้อยขอคำนับขอบคุณๆนักเขียนจริงๆ ไม่ผิดหวังที่เข้ามาอ่าน อ่านแล้วติดงอมแงมเลย อิอิอิ ขอบคุณน้าาาาา
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-10-2017 20:08:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 12-10-2017 20:11:49
สนุกมากๆๆๆๆ
นึกตอนจบไม่ออกเลย
มาแบบกระชับ สั้น ฉับไวมาก
แต่ก็โอเคค่า เข้าใจว่าแต่งยากอยู่
แอบสะใจตอนเฉลยท้ายๆ
มีการซ้อนแผนพระเอกที่เหมือนนายเอกของเราซะเนียน
มีการพลิกบทบาทบนเตียงซะด้วย
แต่ก็สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 12-10-2017 22:46:10
สนุกดีค่ะ 
แต่ตัวละครเยอะมันก็จะมึนๆกับชื่อหน่อย
ศิษย์พี่ใหญ่ มาแต่ชื่อ T___T ไม่มีบทบาทเลย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 12-10-2017 22:48:27
สำนวนดีมากค่ะ
ชอบมาก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 13-10-2017 10:45:37
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 21-10-2017 22:11:29
สนุกมาก ยอดเยี่ยม  ขอบคุณ สิ่งดีๆ ที่แบ่งปัน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: frayfay ที่ 22-10-2017 15:10:58
สนุกดีค่ะ ชอบที่แต่ละตอนไม่ยาวเกินไป เนื้อเรื่องก็กระชับทำให้เป็น41ตอนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าอ้าว จบแล้วเหรอ? (ถึงตอนแรกจะแอบขัดที่หมิงเอ๋อใจดีช่วยคนอื่นไปทั่ว แต่ก็ถึงบางอ้อว่ามันเป็นแผนน) คนเม้นไม่เยอะแต่คนอ่านเยอะนะคะ กลัวคนเขียนไม่มีกำลังใจ แหะ ๆ อย่างเรานี่ก็ไม่เคยไปใกล้บอร์ดนิยายยังไม่จบเลย มันจะค้างง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อ ๆ ไปด้วยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 24-10-2017 00:03:10
เป็นเรื่องที่พอจะเดาทางได้และเคลียร์ปมรวดเร็วฉับไวมาก อาจเป็นเพราะนักเขียนกำหนดให้ตัวละครอาจารย์จูเป็นคนเก่งกล้าสามารถมากเลยทำให้เฉลยไวแบบคนอ่านยังแอบตกใจ เหอๆๆ ยังรู้สึกอ่านติดขัดเพราะบางช่วงบางตอนอาจดำเนินเรื่องเร็วไปหน่อยแต่ก็พอเข้าใจได้นะคะ ที่ชอบที่สุดคงเป็นความหยอดตลอดเวลาของน้องหลง เอ๊ย ศิษย์พี่รองเยี่ยอิ่ง มีความออดอ้อนและจริตมารยาได้ใจจริงๆค่ะ เผลอคิดไปว่าเสวี่ยหมิงอาจเป็นพระเอกที่จับน้องกดก็เป็นได้ 5555 สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนพัฒนาฝีมือดียิ่งๆขึ้นไปนะคะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 23-01-2018 10:47:33
 o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 23-01-2018 22:24:59
สนุกๆมากยอดเยี่ยมกะเทียงดอง ชอบๆ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 26-01-2019 23:26:29
เรื่องนี้สนุกมากๆเลย  เพิ่เพิ่งจะมีโอกาสได้มาอ่านมาติดตาม

 ขอบคุณผู้แต่งที่แต่งเรื่องสนุกสนุกมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-02-2019 22:37:03
สนุกมากค่ะ ชอบ  :L2:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 10-03-2019 23:37:35
 o13 o13
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 19-03-2019 01:50:40
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 11-04-2020 22:39:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 12-04-2020 22:30:43
สนุกค่ะ อ่านรวดเดียวเลย
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 16-04-2020 22:20:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Pitachio ที่ 08-08-2020 23:00:52
 :3123: :mc4:บต
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-08-2020 21:32:23
จบแล้วอ่ะ
สนุกมากเลยค่ะ
เราชอบอ่านแนวจีนโบราณมากๆ
แบบเห็นแลล่วต้องรีบพุ่งไปอ่าน
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายสนุกๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 11-06-2021 21:13:22
สนุกดีค่ะ ชอบนิยายแนวนี้มากขอบคุณมากค่ะ สำหรับนิยายสนุกค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: นิยายจีน มังกรซ่อนหิมะ ตอนที่41 บทสรุป p15 8/10/60 จบแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 09-07-2021 08:42:55
 :z13: