เรื่องนี้เป็นภาคแยกของคู่
#ช้อปมิกซ์
จากเรื่องขายครับ!!!! ....ไม่ฟรี [MONEY MAN]
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67687.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67687.0)
ฝากติดตามผลงานอีกเรื่องด้วยนะครับ
ปล.นิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกมนะครับ แค่เป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวเอกเท่านั้น
กระสุนนัดที่ 3
ผมไม่รู้ว่าตัวเองตกใจจนเผลอโพล่งออกไปดังขนาดไหน รู้ตัวอีกทีก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่ไปแล้ว
มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ ทำไมช้อปมันถึงได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น ผมคิดว่าแค่คนชื่อเหมือนเท่านั้น
ผมหันหน้าไปมองกลุ่มเพื่อนๆ ที่นั่งมองหน้าผมอยู่
“พวกเราพยายามบอกมิกซ์แล้ว” ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าที่พวกเพื่อนมีอาการเกร็งแปลกๆ เวลาคุยกับช้อป รวมถึงเรื่องที่คิมกับเอ็มพยายามลากผมออกมาคุยด้วย คงเป็นเรื่องนี้ เรื่องที่ช้อปมันเป็นรุ่นพี่ผม
แล้วทำไมช้อปมันไม่บอกผมว่ามันเป็นรุ่นพี่ แถมยังปล่อยให้ผมปีนเกลียวมันได้ขนาดนั้น
ผมหันกลับไปมองช้อปมันอีกครั้ง มันเพียงแต่ยกยิ้มและขำเล็กน้อยเท่านั้น
เอาไงละครับทีนี้ ถ้าไม่รวมวันนี้ที่ผมทั้งกอดคอ ทำตัวเหมือนเป็นรุ่นเดียวกันกับมัน ก่อนหน้านี้ที่เล่นเกมด้วยกันอีก ที่ผมเผลอไปด่ามันซะขนาดนั้น เอาไงต่อดีครับ
“มีอะไรรึเปล่าคะน้อง” พี่พิธีกรเรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง ผมทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า มุดตัวลงไปหลบสายตาของช้อป
บันเทิงกันละทีนี้มิกซ์เอ๊ย ทำไมผมไม่เอะใจตั้งแต่ทีแรกนะ แล้วผมจะมองหน้ามันยังไงละครับทีนี้
ผมหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เปิดแอพไลน์สร้างกลุ่มแชทขึ้นมา
พวกมึงความฉิบหายกำลังจะเกิดขึ้นกับกูแล้ววะ
แทนแทน : เป็นเชี่ยอะไรของมึง
ไอซ์ซี่ : มึงไปจีบรุ่นพี่ แล้วแฟนเขาจับได้หรอวะ
ไอ้สัส ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง
แทนแทน : แล้วมันเรื่องอะไร
มึงจำได้ไหมที่ไอ้ช้อปมันบอกว่าเรียนที่เดียวกันกับกู
แทนแทน : จำได้ แล้วมันฉิบหายตรงไหน
ฉิบหายสิ ฉิบหายมากด้วย ก็มันไม่ได้บอกว่ามันเป็นรุ่นพี่กู
แทนแทน : เชี่ย
ไอซ์ซี่ : เชี่ย
และกูก็เผลอไปตีสนิท ปีนเกลียวมันด้วย
ไอซ์ซี่ออกจากกลุ่มแล้ว
แทนแทน : โชคดีนะมึง
แทนแทนออกจากกลุ่มแล้ว
ดูความรักเพื่อนของพวกมันสิครับ ทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลย ผมอุตส่าห์คิดว่าพวกมันจะเป็นที่พึ่งของผมได้ ทำไมผมถึงโดนเทแบบนี้ละครับ
“น้องมิกซ์ น้องมิกซ์อยู่ไหนคะ” ผมสะดุ้งจนโทรศัพท์ในมือเกือบร่วง ผมค่อยๆ เลื่อนหน้าขึ้นมามอง ตามเสียงเรียก
“น้องชื่อมิกซ์ใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับเป็นคำตอบ
“โอเค งั้นลงมายืนหน้าเวทีเลยค่ะ” ผมยืนขึ้นหันกลับมามองหน้าเพื่อนแบบงงๆ
ผมเดินหลบขาคบข้างออกมาจากที่นั่ง เดินตัวเกร็งลงไปข้างล่าง
‘อึก’ ผมเผลอไปสบตากับช้อปมันพอดี ทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ลงคอไป ทำไมผมต้องซวยแบบนี้ด้วย
ผมพยายามเดินเบี่ยงตัวหลบให้ห่างจากช้อปมันมากที่สุด ไม่รู้จะสู้หน้ากับมันยังไงดี มิกซ์เอ๊ยมิกซ์
“เอาละถ้ามาครบแล้ว เดี๋ยวพี่จะเปิดโหวตแล้วนะคะ”
ความวุ่นวายเริ่มขึ้นทั่วห้องประชุมอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่สนใจกับบรรยากาศความวุ่นวายตอนนี้หรอกนะครับ คิดเพียงว่าจะทำยังไงกับเรื่องของช้อปมันดี แค่เป็นเพื่อนในเกมก็โดนมันด่าว่าโง่แล้วโง่อีก ตอนนี้มาเจอมันในสถานะรุ่นพี่กับรุ่นน้องอีก ชีวิตในมหาลัยที่ผมเคยวาดฝันไว้ มันจะมาพังลงแบบนี้ไม่ได้
“ปรบมือให้น้องมิกซ์ตัวแทนเดือนคณะปีนี้ของเราด้วยค่ะ”
“น้องมิกซ์ น้องมิกซ์คะ”
“คะ...ครับ มีอะไรหรอครับ” ผมมัวแต่คิดเรื่องของช้อปมันจนเหม่อไม่ได้ยินเสียงที่พิธีกรพูด
“พี่บอกว่าน้องได้เป็นตัวแทนคณะเราปีนี้”
“ฮะ ผมหรอครับ” ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ก็มัวแต่คิดเรื่องช้อปจนลืมไปว่าตัวเองมายืนตรงนี้ เพื่อคัดเลือกตัวแทนดาวเดือนของคณะ เฮ้อ เรื่องแรกก็ยังไม่เคลียร์ก็มีเรื่องใหม่เข้ามาให้ปวดหัวอีกแล้วครับ
“หึๆ” ผมหันไปมองผู้ชายหน้าหล่อที่ยื่นหัวเราะในลำคอ ผมอยากจะเดินเข้าไปถามมันจริงๆ ว่ามีอะไรให้ขำ แต่คงไม่ใช้ในเวลาและสถานะของผมกับมันตอนนี้
“น้องมิกซ์อยู่รอพวกพี่กองประกวดก่อนนะ” ผมเดินตามรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งไปยังห้องด้านหลัง
“สงสัยปีนี้คณะเราแพ้แน่ๆ เลย” ผมจำเสียงมันได้ดีครับ มันที่กำลังนั่งไขว่ห้าง มองผมจากกระจกบานใหญ่ตรงหน้า
“มึงหลอกกูทำไม” ผมปล่อยคำถามใส่มันทันที
“ใครหลอกมึง” มันยังคงยกยิ้มทำหน้าไขสือต่อ
ผมอยากจะเข้าไปซัดหน้ากวนตีนของมันตอนนี้ แต่กลัวว่าจะสู้มันไม่ไหว แถมยังมีรุ่นพี่อีกหลายคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย
“ทำไมมึงไม่บอกว่าเป็นรุ่นพี่กู”
“ก็มึงไม่ถาม” ผมคิดตามที่มันพูด ก็จริงตามที่มันบอกครับตอนนั้นผมก็ถามมันว่ามันเรียนที่ไหน พอรู้ว่ามันเรียนที่เดียวกันแถมคณะเดียวกัน ผมก็เปลี่ยนเรื่องไปเซ้าซี้ขอเบอร์มัน โดยไม่ได้ถามว่ามันอยู่ปีไหน
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตั้งแต่ตอนเช้าทำไมมึงไม่ยอมบอกกู”
“ก็มึงไม่ถามกูเอง แถมยังกอดคอลากกูไปนู่นไปนี่อีก” ก็ถูกของมันอีกครับเพราะผมเป็นคนลากคอมันไปนู่นไปนี้ด้วยตลอด แต่ก็ไม่ได้ถามมันสักครั้ง
“มึงรู้แล้วว่ากูเป็นรุ่นพี่ เมื่อไหร่มึงจะพูดกับกูแบบรุ่นน้องคนอื่น” มันเลิกคิ้วถามผม
“ไม่มีทาง” ไม่มีทางแน่ๆ ครับ จู่ๆ จะให้เรียกคนที่เคยเป็นเพื่อนว่าพี่คงยากครับ ก็มันชินกับการพูดแบบนี้ไปแล้วจะให้ผมทำยังไง และสำหรับไอ้ช้อปด้วยแล้วอย่าหวังเลยครับ
“มึงนี่นะ” ผมเบิกตาโพลง ยกมือขึ้นบังหน้าตัวเอง ก็อยู่ดีๆ มันก็ยกมือขึ้นง้าง เหมือนเตรียมจะฟาดผม
“โอ้ย...” ก็ไม่เจ็บเท่าไรนิ ผมลืมตาขึ้นมามองก็เห็นมันยืนส่ายหัวมองหน้าผมอยู่ มันไม่ได้จะฟาดผมหรอกครับ แค่เขกที่หัวผมเบาๆ เท่านั้น
ใครมันจะไปรู้ละครับก็มันเล่นง้างมือซะขนาดนั้น
“เวอร์ละมึง นู้นพี่เขาเรียกมึงแล้ว”
ผมเดินตรงไปที่รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง โดยมีช้อปเดินตามหลังมาติดๆ
ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยบอกไว้ถ้าไม่มีช้อปมันผมคงได้เป็นเดือน ตอนนี้ผมไม่รู้สึกดีใจสักเท่าไร ก็เพราะผมต้องเอาเวลาช่วงเย็นทั้งหมดไปใช้ในการซ้อมประกวด ตามที่รุ่นพี่คนนั้นบอก
แต่ก็ยังไม่ซวยเท่าที่ต้องไอ้ช้อปค่อยเป็นพี่เลี้ยงช่วยแนะนำในฐานะรุ่นพี่
ตั้งแต่รู้ว่ามันเป็นรุ่นพี่ที่คณะ ผมก็เริ่มไม่อยากเจอหน้ามันแล้วครับ ก็ไม่รู้จะทำตัวเวลาอยู่กับมันยังไง ถ้าจะให้มองว่ามันเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ แล้วยิ่งต้องมาเรียกมันว่าพี่ด้วย ฝันไปเถอะครับ ผมกัดลิ้นตัวเองดีกว่าจะเรียกมันแบบนั้น
กว่าจะคุยเรื่องการประกวดเสร็จก็ปาไปเกือบหนึ่งทุ่ม วันแรกก็เหนื่อยขนาดนี้แล้ว ผมกะว่าจะเดินไปซื้อข้าวกล่องขึ้นไปกินบนห้องสักหน่อย กินแล้วจะได้นอนเลย เหนื่อยจริงๆ ครับ
ผมเดินออกมาจากตึกเดินตรงตามทางที่จะไปประตูหลังมอ
‘ขวับ’ ผมหันไปมองด้านหลัง ผมรู้สึกเหมือนว่ามีใครสักคนแอบตามมา ตั้งแต่ผมออกมาจากห้องประชุมนั้นแล้ว
“คิดไปเองรึเปล่าวะ”
“เชี่ย” ผมตกใจขยับขาถอยหลังจนล้มลงไปกองกับพื้น ก็อยู่ดีๆ ช้อปมันโผล่มายืนขวางหน้าผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จนผมเผลอตะโกนออกไปซะเสียงดัง
“เป็นไรรึเปล่าวะ” มันยื่นมือมาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้น
“มาไม่ซุ่มให้เสียง ถ้ากูหัวใจวายขึ้นมาจะทำไง” ผมบ่นมันไป มือหนึ่งลูบก้นตัวเองปอยๆ เจ็บสิครับล้มก้นจ้ำเบ้าซะขนาดนั้น
“ขวัญอ่อนฉิบหาย” มันยังไม่สำนึกครับ ยืนขำผมอยู่
ผมเดินหนีมันออกมา ไม่อยากคุยกับมันครับ เห็นหน้ามันแล้วขัดหูขัดตาไปหมด
“กรอกๆ ๆ ๆ” เสียงท้องผมเริ่มประท้วงแล้วครับ ถ้าไม่ต้องไปนั่งฟังรุ่นพี่บ่นอะไรไม่รู้เกี่ยวกับการประกวด ผมคนกินอิ่มนอนตีพุงอยู่บนเตียงไปแล้ว
“กูคิดว่าเสียงฟ้าร้อง” มันยังไม่เลิกตามผมอีกครับ เดินตามหลังผมไม่ยอมไปไหน
“มึงจะตามกูมาทำไม”
“กูแค่จะชวนมึงไปกินข้าว”
ผมว่าจะปฏิเสธมันไปละครับ แต่ท้องเจ้ากรรมมันดันประท้วงไม่หยุด แล้วร้านข้าวทำไมมันไกลขนาดนี้ เดินเท่าไรก็ไม่ถึงสักที
“แล้วจะไปยังไงละ กูไม่เดินแล้วนะ” มันส่งยิ้มกวนมา เดินนำผมไปที่จอดรถ
รถเราเคลื่อนผ่านประตูหลังมอออกมา ตามสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย มากพอๆ กับจำนวนนักศึกษาที่กำลังเดินกันขวักไขว่
ช้อปเดินนำผมตรงเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่ง มันเป็นคนเลือกเพราะผมเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นกับสถานที่สักเท่าไร
ช้อปหยิบเมนูอาหารส่งมาให้ผม ร้านนี้ก็เหมือนร้านอาหารตามสั่งทั่วๆ ไป เพียงแต่สะอาดกว่าและที่สำคัญมีแอร์เย็นให้นั่งด้วย ช้อปมันนี้เลือกร้านได้ดีจริงๆ เลยครับ
“เลือกนานขนาดนี้ เดี๋ยวแม่ครัวได้ออกมาด่ามึงหรอก” ผมเงยหน้าขึ้นมามองช้อปที่กำลังบ่นผมอยู่
ก็เมนูมันเยอะหนิครับ ผมเลยเลือกไม่ถูก
“งั้นกูเอากะเพราหมู เพิ่มไข่ดาวด้วย”
ช้อปที่ถือกระดาษกับปากกาเตรียมจดเมนูที่ผมสั่ง ถึงกับโยนกระดาษกับปากกามาให้ผม
“จดเองเถอะ เลือกตั้งนานสุดท้ายสั่งกะเพรา” มันนี้ขี้บ่นจริงๆ เลยครับ
“แค่นี้ทำเป็นบ่น” ผมจดเมนูตัวเองลงในกระดาษ
‘กะเพราหมูกรอบ เผ็ดๆ’ ผมแอบเติมคำว่าเผ็ดๆ ต่อท้ายเมนูของมันไป ขอเอาคืนมันหน่อยละกันครับ
จานข้าวสองจานถูกวางลงที่โต๊ะ ผมแอบเหลือบตาไปมองมันเล็กน้อย เสร็จกูแน่
“ซี๊ด…” ผมซูดปากด้วยความเผ็ด แค่คำแรกที่ตักเข้าปากความเผ็ดร้อนก็แผ่ซ่านไปทั่วปากผมแล้ว
“พี่ครับ” ผมยกมือขึ้นเรียกพนักงานเสิร์ฟ
“ลูกค้ามีอะไรรึเปล่าคะ”
“ทำไมมันเผ็ดแบบนี้ละครับ” ผมพูดไปยกน้ำขึ้นมาดื่มด้วย เผ็ดจนลิ้นชาไปหมดแล้วครับ
“ก็ลูกค้าสั่งเองไม่ใช่หรอคะว่าเอาเผ็ดๆ” เธอยื่นกระดาษจดเมนูให้ผมดู
“ผมหมายถึงแค่กะเพราหมูกรอบ”
“นี่มึงจะแกล้งกูหรอ” ผมหันหน้าไปมองช้อปที่กำลังนั่งทำตาเขียวใส่ผมอยู่
“กูเปล๊า” ผมปฏิเสธมันเสียงลูง หลบตาก้มดูดน้ำในแก้วต่อ
“แล้วนี่เผ็ดขนาดนี้มึงจะกินได้หรอ” มันไม่รอให้ผมตอบ สั่งพนักงานให้ทำอาหารจานใหม่มาให้ผมแทน
แปลกครับที่มันไม่บ่นผมต่อ ผมละกลัวมันจะด่าผมแบบตอนที่เล่นเกมด้วยกัน
แล้วของมันล่ะจะกินได้ไหม ดูแล้วน่าจะเผ็ดไม่ต่างจากของผม
“แล้วของมึงละ” ผมพยักหน้าไปที่จานกะเพราของมัน
“กูกินเผ็ดได้ แต่มึงนี่โง่จริงๆ จะแกล้งเขา เสือกโดนตัวเอง” มันส่ายหัวทำหน้าเอือมๆ ผม
กูไม่ได้โง่มันแค่ผิดพลาดเล็กน้อยเท่านั้น
“แล้วนี่ไอ้รอยสักเนี่ย มึงไปสักมาตั้งแต่เมื่อไร” ผมเงยหน้าจากจานข้าว มองหน้ามันที่อยู่ดีๆ ก็ถามขึ้นมา
“สวยละสิ กูสักมาเพื่อสาวๆ เลยนะ” ผมชูแขนโชว์รอยสักที่ผมภูมิใจให้มันดู
“เลอะเทอะไอ้สัส” มันดูไม่สนใจ ด่าผมแล้วก้มลงจัดการกับอาหารของมันต่อ
อะไรของมัน เป็นคนถามผมเองกลับมาด่าผมซะงั้น สงสัยคงอิจฉาผมมั้งครับ
“แต่เดี๋ยวนะ มึงถามกูแบบนี้มึงรู้ได้ไงว่าก่อนหน้านี้กูไม่ได้สัก” ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน
มันถึงกับนั่งนิ่ง วางช้อนที่กำลังเข้าปากมันลง
ก่อนหน้านี้มันยังไม่เคยเห็นหน้าผมสักครั้ง แม้แต่เฟชบุ๊คที่ผมเป็นคนขอแอดมันเป็นเพื่อน มันเองที่เป็นฝ่ายที่ไม่ยอมบอก แล้วมันเคยเห็นผมที่ไหนมาก่อนเหรอครับ
“กูเดา” มันตอบแต่ไม่ยอมมองหน้าผม หยิบช้อนที่เพิ่งวางยื่นเข้าปากมันแทน
ยังไงของมึงกันแน่วะ