พิมพ์หน้านี้ - ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: musddmp ที่ 02-05-2015 10:54:34

หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 02-05-2015 10:54:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 1-2 (02/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 02-05-2015 11:01:52
เรื่องนี้ เคะลุง/เมะน่ารักนะก๊ะ \=w=/
เรื่องนี้จะมีบางส่วนโยงกับเรื่อง รักSMของหนุ่มดอกไม้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38092.0) แต่แยกอ่านได้ เพราะเนื้อเรื่องแยกกัน โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนงับ =w=


(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/aaaaa_zpsmh8veh7g.png)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 1-2 (02/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 02-05-2015 11:06:30
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 1


          “คุณวัฒน์คะ คุณวัฒน์”

          เสียงสาวใช้ร่างท้วมวัยกลางคนเอ่ยเรียกชายผู้มีอายุน้อยกว่าเกือบสิบปีซึ่งกำลังนั่งจัดการเอกสารบนโต๊ะทำงานในห้องนอน เจ้าของชื่อหันกลับไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มให้

          “ผมบอกแล้วไงครับ พี่นางไม่ต้องเรียกผมแบบนั้นก็ได้”หนุ่มวัยสี่สิบบอกด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ “คนกันเองแท้ๆ ผมไม่ใช่คุณสิทธิ์สักหน่อย อย่าเรียกแบบนั้นเลย รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้”

          “แหม เห็นเธอนั่งทำงานแบบนี้ทีไร พี่ลืมตัวทุกทีนี่นา”สาวใหญ่ถอนใจบอกพลางพิจารณามองคนตรงหน้า“แต่พี่ว่าไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เธอเองก็เป็นลูกของคุณเอก แถมตอนนี้ยังเป็นคนจัดการงานทุกอย่างในบ้านหมด ก็เหมือนหัวหน้าของพวกพี่นั่นล่ะ”

          “ไม่เอาน่า”เขาโบกมือ “ว่าแต่พี่มีอะไรหรือครับ”

          เมื่ออีกฝ่ายทัก สาวเจ้าเนื้อก็ตบมือราวกับเพิ่งนึกออก “จริงด้วย คุณสิทธิ์เรียกเธอแน่ะ เห็นว่ามีคนงานใหม่อยากให้เธอรู้จักน่ะ”

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้ว ความรู้สึกที่กังวลมาตลอดเริ่มก่อตัวขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่พยายามกลบเกลื่อนด้วยการแสดงหน้านิ่ง เพราะไม่อยากให้ใครรู้ถึงความรู้สึกอ่อนแอและน่าสมเพชนี่

          เขารู้ดีว่าตัวเองก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว แม้ว่างานส่วนใหญ่ที่เขาทำเป็นงานที่ใช้สมองมากกว่าออกแรงก็จริง แต่ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลคอยติดตามเจ้านายที่มีกิจการออกจะเสี่ยงภัยต่อการโดนคู่แข่งทำร้ายอยู่ตลอดเวลา การแก่ตัวลงนั่นเป็นสิ่งที่โหดร้ายต่อการทำงานนี้เป็นอันมาก และตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะเก่งกาจอะไร หรือถ้าพูดให้ถูก นอกจากเรื่องใช้ปืนกับเรื่องหนี ทักษะการป้องกันตัวอย่างอื่นสุดแสนจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เขาเองยังนึกประหลาดใจเลยว่าทำไมเจ้านายตนถึงทนให้เขาเป็นผู้ติดตามอยู่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเก่งเรื่องจัดการเอกสารกับเรื่องภายในบ้านก็คงโดนเด้งไปเป็นคนสวนแล้ว

          และดูเหมือนว่าความอดทนของผู้เป็นนายคงจะสิ้นสุดลงแล้วกระมัง…

          “อ้อ หรือครับ ขอบคุณนะครับพี่นาง”วัฒน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน แล้วขอตัวออกไปจากห้อง ยังคงตีสีหน้าเป็นปกติทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

          ‘ผมว่าเปลี่ยนงานดีกว่า’

          ‘อาแก่เกินกว่าจะทำงานนี้แล้ว’

          วัฒน์ได้แต่คิดวนไปวนมาทั้งๆที่พยายามห้ามความคิดหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับอดตีตนไปก่อนไข้ไม่ได้ทุกที จริงอยู่ว่าตัวเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ครอบครัวของเขารับใช้เจ้านายบ้านนี้มาหลายชั่วอายุคน

          แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นตัวการันตีว่าจะทำงานนี้ไปได้ตลอดนี่

          ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณสิทธิ์ เราก็ต้องยอมล่ะนะ

          หนุ่มใหญ่ลอบถอนใจเดินลงบันไดเข้ามาภายในห้องรับแขกที่โอ่โถง ชายหนุ่มอายุคราวหลานกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟานุ่มภายในห้อง เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายได้รูป ไว้ผมสั้นเกือบติดหนังหัว และยังมีชายอีกคนซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง อายุไม่ห่างจากอีกคนเท่าไหร่ แต่อาจจะเด็กกว่าเล็กน้อย รูปร่างผอมบางแต่ก็ยังพอมีกล้ามเนื้อให้เห็น ใบหน้าหวานเสียจนวัฒน์ไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่า ดวงตาเรียวคมนั้นหันมามองทางวัฒน์และยืนขึ้นเมื่อหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาใกล้ และนั่นเป็นการเรียกให้อีกคนละสายตาออกมาจากหนังสือพิมพ์

          “อาวัฒน์”ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ทักผู้สูงวัยกว่าด้วยรอยยิ้มใสซื่อ แต่คู่สนทนากลับรู้สึกกระสับกระส่าย “ขอโทษนะครับที่เรียกมาตอนกำลังยุ่ง”

          “...ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็แค่จัดเอกสารไว้สำหรับวันพรุ่งนี้เท่านั้นเอง”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จงใจให้เรียบนิ่ง ดวงตาเรียวปรายมองไปทางเด็กหนุ่มอีกคน “เด็กคนนี้...”

          “อ้อ นี่เน เขาจะมาเป็นผู้ติดตามของผมอีกคน ฝากอาช่วยสอนงานให้ด้วยนะ”

          ว่าแล้ว

          “ครับ”หนุ่มใหญ่เอ่ยรับอย่างง่ายดาย และยังคงยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกภายใน

          “ฝากตัวด้วยนะครับคุณวัฒน์”เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายผู้เป็นรุ่นพี่ตามมารยาท รอยยิ้มพริ้มพรายบนใบหน้านั่นช่างชวนให้วัฒน์รู้สึกเหมือนโดนดูถูกตงิดๆ

          “ถ้าอย่างนั้น วันนี้ผมไปบริษัทคนเดียวละกัน”

          “เอ๋ แต่ว่ามันอันตรายเกินไปนะครับ”

          ทั้งหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ต่างร้องเตือนเจ้านายพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และนั่นทำให้ทั้งคู่หันมองหน้าซึ่งกันและกันแทบจะทันที แถมยังมีสีหน้าประหลาดใจปนขุ่นเคืองเหมือนกันอีกต่างหาก

          สิทธิ์เลิกคิ้วมองทั้งคู่ก่อนจะยิ้มขำๆให้ “แค่ไปบริษัทหลักเอง แล้วสองทุ่มผมจะรีบกลับมาละกัน”

          เมื่อผู้เป็นนายพูดอย่างนั้น ลูกน้องก็ได้แต่ทำตามกันอย่างเสียมิได้

          หลังจากส่งเจ้าบ้านขึ้นรถไปแล้ว วัฒน์ก็ทำตามหน้าที่ที่ได้รับทันที เขาพาเนแนะนำคนงานที่อยู่ภายในบ้านทุกคน จากนั้นก็พาเดินรอบๆบ้าน ในทีแรกวัฒน์ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะจดจำสิ่งที่เขาบอกได้ทั้งหมดในทันทีหรอก แต่เด็กหนุ่มกลับทำได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก มากเสียจนคนแก่อย่างเขาอึ้งและรู้สึกแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้แข่งกัน

          และยังมีอีกสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจด้วย

          “คุณวัฒน์ทำงานที่นี่มานานแล้วหรือครับ”ในขณะที่กำลังเดินอยู่บนทางเดินยาวซึ่งเป็นทางไปยังห้องพักคนรับใช้ในบ้าน เนก็ถามทำลายความเงียบขึ้น

          “ตั้งแต่เกิดแล้ว”เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดกวน แต่ปากมันไวเกินกว่าจะห้ามทัน หรืออาจเป็นเพราะกำลังหงุดหงิดเรื่องของตัวเองอยู่ก็เป็นได้ “แล้วนายล่ะ ดูท่าทางจะรู้จักกับคุณสิทธิ์มาก่อนหน้านั้นแล้วสินะ”

          และไม่รู้ว่าเป็นผลจากการกวนเมื่อครู่หรือเปล่า รอยยิ้มของเด็กหนุ่มถึงได้แฝงความชั่วร้ายเต็มพิกัดจนวัฒน์รู้สึกแหยงขึ้นมา “ผมเคยเรียนมัธยมเดียวกับคุณสิทธิ์น่ะครับ แล้วหลังจากผมหนีออกจากบ้านมา คุณสิทธิ์เขาก็ชวนผมมาทำงานที่ผับน่ะครับ...อ้อ แต่กับคุณผมคงไม่ต้องพูดอ้อมๆก็ได้สินะครับ ผมเป็นแมงดาคุมผับมาระยะหนึ่ง ก่อนที่คุณสิทธิ์จะให้ผมมาเป็นผู้ติดตามของเขานั่นล่ะครับ”

          เนเล่าด้วยน้ำเสียงรื่นเริงทั้งที่เนื้อหาบางส่วนไม่น่าฟังเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเขาตั้งใจพูดออกมาเพราะหวังจะดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

          “อ้อหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่านายจะเกิดกลัวแล้วลาออกไปเหมือนคนก่อนหน้านั้น ดี ฉันจะได้สอนงานนายได้เต็มที่หน่อย” นอกจากจะไม่แสดงอาการตกใจหรือรังเกียจเรื่องที่เนเคยเป็นแมงดามาก่อนแล้ว วัฒน์ยังเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องน่ายินดีเสียจนคนพูดแปลกใจแทน “วันนี้ก็เท่านี้ก่อนก็แล้วกัน แล้วพรุ่งนี้จะแนะเรื่องงานในบริษัทหลักก่อน...แต่ท่าทางเรื่องด้านหลังคงไม่ต้องพูดให้มากแล้วสินะ”

          “ไม่หรอกครับ ผมก็ยังไม่สันทัดเนื้องานนักหรอกครับ ส่วนใหญ่ผมทำงานอยู่แค่ที่ผับแถมยังแค่ที่เดียวเท่านั้นเอง เรื่องงานอื่นผมคงต้องให้คุณวัฒน์ช่วยสอนอยู่ดีนั่นล่ะ คุณเป็นคนเก่าคนแก่ คงรู้เรื่องงานทุกอย่างดีจนหลับตาทำยังได้เลยสินะครับ”

          เงียบเสียงไปครู่หนึ่ง ต่างคนต่างไม่มองหน้ากัน แต่ในใจกำลังแช่งชักซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่

          วัฒน์ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้านายอายุน้อยของตนถึงได้ให้เด็กอมมือแบบนี้มาทำงานเป็นผู้ติดตามกัน ถึงจะยอมรับว่าเนจำงานเก่ง และดูท่าทางจะทำงานเป็นมากกว่าคนที่ผ่านมาด้วย

          แต่เขาไม่ไว้ใจ ไม่รู้ว่าเด็กที่ชื่อเนนี่จะจริงใจต่อเจ้านายของตนมากเท่าไหร่เชียว

          ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนใกล้ตัวบางคนทำหน้าซื่อแต่ใจคดเสียยิ่งกว่าเขาวงกตซ้อนกันสามชั้น คอยจ้องเล่นงานสิทธิ์อยู่ล่ะก็ วัฒน์เองก็คงไม่คิดกังวลนักหรอก เมื่อเร็วๆนี้เขาเองก็ได้ยินมาเสียด้วยว่าเจ้าจิ้งจอกนั่นวางแผนส่งลูกน้อง ให้แอบมาตามติดสิทธิ์เพื่อดูความเคลื่อนไหวหาทางโกงกินเงินของสิทธิ์ หลังจากที่รู้ข่าวเรื่องที่ผู้ติดตามคนก่อนของสิทธิ์ทำงานไม่ไหวจนต้องลาออก

          และนั่นอาจจะเป็นไอ้เด็กปากดีที่เดินตามหลังเขาอยู่ก็ได้

          เนจ้องมองอีกฝ่ายที่เดินนำไม่วางตา อันที่จริงใช่ว่าเจะชอบมาทำงานแบบนี้สักหน่อย เป็นคนคุมผับมีสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังเป็นของชอบของเขาแท้ๆ แล้วนี่อะไร ต้องมาแต่งสูทยืนเก๊กขรึมกับตาลุงที่ปล่อยรังสีไม่เป็นมิตรแบบนี้ ไม่ใช่รสนิยมของเขาเลย แถมยังไม่มีอาหารตาอีกต่างหาก ถ้าไม่เป็นเพราะแอบไปได้ยินบทสนทนาคุยกันในผับที่เขาเคยทำงานอยู่ เกี่ยวกับการปองร้ายสิทธิ์แล้วล่ะก็ เขาไม่คิดจะทำหรอก แย่หน่อยที่เขาฟังไม่ถนัด อีกทั้งยังไม่เห็นหน้าคนที่คุยกัน แต่รู้เพียงแค่ว่าเป็นคนสนิทของสิทธิ์เท่านั้น

          แต่เมื่อมาได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่เหมือนกับเสียงที่เขาได้ยินดูท่าทางอาจจะเป็นตาลุงตรงหน้าเขาก็เป็นได้

          หมอนี่สินะ...

          “อาวัฒน์ค้า!!”

          เสียงใสของสาววัยหลานร้องเรียกเสียดหูขึ้น เนหน้าระรื่นเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยทีเดียว ส่วนวัฒน์เพียงแต่เลิกคิ้วมอง

          “แย่แล้วค่ะแย่แล้ว...” เด็กสาวชะงักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มรุ่นใกล้กันที่หน้าตาต้องใจ เธอรีบสำรวมกิริยาก่อนจะพูดขึ้นต่อ ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเช่นเดิม “คือว่าคุณสิทธิ์ให้หนูจัดห้องให้ผู้ติดตามคนใหม่...”

          ไม่วายยังขอเหล่มองให้ชื่นอกชื่นใจอีก

          “แล้วมีปัญหาอะไรหรือแมว”วัฒน์รู้สึกเหนื่อยใจเมื่อเห็นอาการของสาวใช้

          “อ้อ คือว่าห้องมัน...”เธอพูดโดยไม่กล้าสบตาผู้สูงวัยกว่าราวกับมีความผิด “พอดีหนูกับเอมแค่จะขนของไม่ใช้ออกมา...แล้วรีบไปหน่อย...ก็เลย...”

          ยังพูดไม่ทันจบความเด็กสาวร่างท้วมอีกคนก็วิ่งหน้าตั้ง ท่าทางไม่ทันเห็นวัฒน์กับเน ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่หลุดปากเรื่องที่ไม่น่าพูดเป็นแน่

          “แมว เตียงที่ฉันทำหักไปตอนนี้มันพังหมดแล้ว จะทำยังไงดี”

          แมวหันกลับมองหน้าตื่น ในขณะที่พนักงานคนใหม่กับผู้อาวุโสได้แต่ยืนเบิกตามองโดยไม่พูดอะไรสักคำ และทันทีที่เอมมองเห็นวัฒน์ก็กรีดเสียงลั่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงล้มโครมครามเหมือนบ้านพังดังขึ้น แค่นั้นล่ะ วิ่งไปทางต้นเสียงกันแทบไม่ทัน

          ที่หน้าห้องพักที่เปิดประตูทิ้งไว้มีฝุ่นคลุ้งออกมา วัฒน์โบกมือปัดฝุ่นที่คลุ้งตรงหน้า ภาพที่ค่อยๆชัดขึ้นสร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

          วัฒน์ได้แต่อ้าปากค้าง สภาพห้องบัดนี้ได้กลายเป็นเศษซากปรักหักพังราวกับเพิ่งเกิดแผ่นดินไหวมาก็ไม่ปาน คนอื่นๆที่ตามมาต่างก็มีสีหน้าไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะสองสาวต้นเรื่องที่ออกอาการคล้ายคนอยากจะเป็นลมเพื่อหนีความผิด

          “นี่พวกเธอทำอะไรกันเนี่ย”ถ้าบอกว่าเป็นผลจากการขนของละก็ มันก็เวอร์เกินไปแล้ว นี่ยิ่งกว่าเฮอร์ริเคนพัดผ่านเสียอีก

          “ข...ขอโทษค่ะ พ...พวกหนูไม่ได้ตั้งใจ”สาวร่างบางก้มหน้าพูดเสียงสั่น

          พอเห็นเด็กๆทำท่าจะร้องไห้ อารมณ์โมโหก็มอดเสียดื้อๆ “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะเรียกช่างมาซ่อมก่อนก็แล้วกัน ระหว่างนั้น....”

          เนเลิกคิ้วเมื่อโดนมอง ก่อนจะฉีกยิ้มให้ “งั้นไหนๆพวกเธอป็นคนทำห้องฉันพังก็ควรจะชดใช้ใช่ไหม”

          อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ซะชัดขนาดนั้น ในฐานะผู้ดูแลแล้ว ใครมันจะยอมกัน ท่าทางขอให้ไม่มีหาง พ่อคุณคงฟาดหมด

          “งั้นอยู่ห้องเดียวกับฉันก็แล้วกัน ไหนๆนายเองก็มาเป็นผู้ติดตามอยู่แล้วนี่ เวลามีอะไรจะได้บอกเลย”

          หน้าบูดเป็นตูดเป็ดซะขนาดนี้ คงไม่พอใจที่รู้สันดานล่ะสิไอ้เด็กหน้าหม้อ

          “...นั่นสินะครับมีเหตุผลดี” เด็กหนุ่มว่าขึ้น ใบหน้านิ่งคล้ายมีเลศนัย “ถ้างั้นก็ฝากตัวและหัวใจด้วยละกันนะครับคุณวัฒน์”

          หนุ่มใหญ่กระตุกยิ้ม นึกสมเพชอีกฝ่ายอยู่ในใจ โดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายก็คิดแบบเดียวกัน

          …อยู่ใกล้ๆจะได้จับตาดูง่ายหน่อย…

          ห้องของวัฒน์ไม่ได้อยู่ในส่วนของห้องพักคนรับใช้ หากแต่อยู่ในตัวบ้านใกล้กับห้องของสิทธิ์ สร้างความแปลกใจให้กับเนมาก มากเสียจนวัฒน์เห็นโดยไม่ต้องเสียเวลาสังเกต แถมด้านในก็ใหญ่และหรูเสียจนไม่น่าจะเป็นห้องคนรับใช้

          “ใหญ่โตดีนะ” เนเปรยขึ้นมาก่อนจะวางกระเป๋าสัมภาระใบเป้งใกล้กับตู้เสื้อผ้า แล้วบิดขี้เกียจ

          “คุณสิทธิ์เขาว่าอยู่ใกล้ๆแล้วเรียกใช้งานได้ง่ายกว่า อีกอย่าง ถ้าเกิดมีพวกจะลอบทำร้ายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาด้วย”

          “เหรอ...” เด็กหนุ่มลากเสียงรับเหมือนอยากยั่วโมโห “เอ...แล้วแบบนี้เมียคุณจะไปนอนที่ไหนล่ะถ้าให้ผมมาอยู่ด้วย...ถ้าให้ผมนอนพื้นไม่เอาหรอกนะ ผมยอมไปนอนโซฟาเอาดีกว่า”

          “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีเมีย” วัฒน์บอกเสียงขรึม “นายนอนฝั่งโน้นละกัน ส่วนข้าวของก็จัดตามสะดวกเลย อย่ายุ่งกับโต๊ะทำงานของฉันก็พอ”

          “กลัวผมจะไปเจอของที่ไม่สมควรหรือครับ”เด็กหนุ่มเอ่ย ยังคงน้ำเสียงยียวนไม่เลิก

          วัฒน์ชักอยากบีบคอคนขึ้นมาตงิดๆ “ฉันแค่ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้เรื่องมาเที่ยวแตะเอกสารสำคัญโดยไม่จำเป็น เดี๋ยวจะมีปัญหาไปถึงคุณสิทธิ์เอาเปล่าๆ”

          พออ้างชื่อเจ้านาย เนจึงได้แต่มุ่นหน้าให้ ยอมทำตามแต่โดยดี

          วัฒน์ยังคงมองอีกฝ่ายไม่วางตา เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรก็เข้าห้องน้ำทันที ส่วนเด็กหนุ่มก็จัดการสัมภาระของตน ก่อนจะเหล่มองโต๊ะทำงานด้วยความกังขา

          ถ้าไม่ใช่สิทธิ์ ใครก็ไม่มีทางมาเที่ยวสั่งเขาได้หรอก

          เนเดินไปหาโต๊ะต้องห้ามอย่างไม่กลัวเกรง ดวงตาคมมองเอกสารที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย เก๊ะทุกเก๊ะล็อกเอาไว้หมด เหลือแค่ลิ้นชักบนสุดที่สามารถเปิดดูได้ แต่ก็ไม่พบอะไรเป็นพิเศษ นอกจากบัญชีธนาคารซึ่งจำนวนเงินก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่

          ซ่อนหางเก่งนักนะ ตาลุงเจ้าเล่ห์

          เมื่อไม่พบอะไร เนจึงยอมตัดใจกลับไปนั่งพักบนเตียง รอใช้ห้องน้ำต่อ

          และตอนนี้กำลังอยากใช้มากๆเสียด้วย

          “เฮ้ย”

          ทันทีที่วัฒน์ออกมา เด็กหนุ่มแทบจะพุ่งตัวเข้าห้องน้ำกระแทกหนุ่มใหญ่กระเด็นไปจูบกำแพง

          “บ้าเอ๊ย ปวดนักทำไมไม่บอกเล่า” วัฒน์ตะโกนเข้าไปอย่างหงุดหงิด แต่กลับไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา “อะไรของเขา”

          ด้านในห้องน้ำ เด็กหนุ่มกำลังนั่งนิ่งอยู่บนโถส้วมด้วยใบหน้าชื้นเหงื่อ เขาแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าเจ้าของห้องพูดอะไรเข้ามา สายตาก็สนใจอยู่แต่เบื้องล่างเจ้ากรรมที่คับแน่นอยู่ภายในกางเกงของตน

          วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้ทำเลยนี่นะ

          เนไม่พูดพร่ำทำเพลง เขารีบชักอาวุธคู่ใจขึ้นมาจัดการระบายความใคร่ที่สุมไว้ มือขยับขึ้นลงเป็นจังหวะไม่หยุดหย่อน เพียงไม่นานก็เสร็จสม หากแต่กลับไม่รู้สึกพอใจเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มทำซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้งจนหมดแรงจะรีดต่อ หากทำต่ออีกเขาคาดว่าตนคงได้เป็นลมคาห้องน้ำแน่

          “โธ่เว้ย” เขาสบถออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ไม่ต้องอดทนก็มีคนพร้อมมาเป็นที่ระบายให้แท้ๆ “รอให้จับได้เมื่อไหร่นะ พ่อจะกวาดสาวให้หมดผับเลย”

          หงุดหงิดจบก็รีบจัดการอาบน้ำแล้วออกมาก่อนที่คนข้างนอกจะนึกว่าเขาตายในห้องน้ำ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบนั้น

          เพราะไม่มีใครอยู่ในห้องเลยนอกจากเขา

          และพอดูเวลาก็เข้าใจว่าทำไม
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 1-2 (02/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 02-05-2015 11:09:52
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 2


          “อะไรกัน มารับพร้อมกันเลยนะ”

          หนุ่มร่างใหญ่เอ่ยเป็นเชิงล้อเมื่อเห็นวัฒน์กับเนมารออยู่หน้าบ้านหลังโต แต่ผู้ติดตามทั้งสองได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับ

          “พอดีสอนงานเสร็จแล้วก็เลยว่างน่ะครับ เนเขาก็เป็นงานเร็วดีด้วย”

          “ยังไม่เจองานยากๆด้วยละครับ แล้วคุณวัฒน์เองก็สอนเข้าใจง่ายด้วยเท่านั้นเอง”

          ต่างฝ่ายต่างเหล่มองกันโดยแสดงความขุ่นเคืองไว้เพียงแววตาเพราะไม่อยากให้เจ้านายรู้ว่าไม่กินเส้นกันตั้งแต่แรกเจอ และไม่อยากกล่าวหาอีกฝ่ายทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานสักชิ้น…จะจัดการทั้งทีก็ต้องเอาให้ดิ้นไม่หลุด

          “งั้นหรือ งั้นก็ดีแล้ว”เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ดูจะเข้ากันดี สิทธิ์ก็ไม่ติดใจสงสัยท่าทางแปลกๆของลูกน้อง “งั้นฉันขอตัวก่อนละกัน ส่วนเอกสาร อยู่ในรถ ไปเอาได้เลยนะ”

          ทันทีที่ได้รับคำสั่ง วัฒน์แทบจะร่อนไปกับสายลม ส่วนลูกน้องคนใหม่ที่ยังไม่รู้งานก็ได้แต่วิ่งตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่น้อยหน้า

          “แล้วพวกเราจะต้องจัดการกับเอกสารยังไงล่ะครับ”

          หลังจากนำขึ้นมาไว้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว เนก็เอ่ยถามขึ้นอย่างสนอกสนใจ ดวงตาคมก็คอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลาจนวัฒน์รู้สึกถึงแรงกดดันและรังสีไม่เป็นมิตรที่ฟุ้งกระจายแบบไม่มีกั๊กของเด็กหนุ่ม

          “ก็แยกระหว่างเอกสารสัญญาออกไปไว้อีกกอง ส่วนเอกสารที่เกี่ยวกับตัวเลขแล้วก็เอกสารอันนี้เป็นของฝ่ายขาย ก็ให้ไว้อีกกอง เสร็จแล้วก็เอาเอกสารสัญญาไปไว้ที่ห้องคุณสิทธิ์เขา แล้วที่เหลือฉันจัดการเอง”

          “...ผมว่าคุณไปด้วยไม่ดีกว่าหรือ เดี๋ยวผมเอาไปไว้ผิดขึ้นมามันจะแย่เอานะ”

          หนุ่มใหญ่เหลือบมองกลับ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเนถึงพูดขึ้นมาแบบนั้น ถ้าอีกฝ่ายเป็นลูกน้องของเจ้างูพิษนั่น นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีไม่ใช่หรือที่จะได้เข้าห้องสิทธิ์ และเขาเองก็จงใจเปิดโอกาสเพราะหวังจะแอบดูพฤติกรรมด้วย

          ส่วนเนเองก็คิดไม่ต่างกันนัก เขาไม่อยากปล่อยวัฒน์เอาไว้คนเดียวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเล่นตุกติกลงบนเอกสารที่เหลือในขณะที่เขาไม่อยู่ แล้วยิ่งเอกสารส่วนใหญ่เป็นเอกสารด้านการเงินเสียด้วย แค่หนึ่งนาทีก็อาจหมายถึงค่าความเสียหายเป็นล้าน

          พูดง่ายๆก็คือตอนนี้ต่างคนต่างเข้าใจผิดกันทั้งคู่ แถมเข้าใจผิดแบบไม่น่าให้อภัยกันเสียด้วย

          “อ้อหรือ งั้นก็ได้” วัฒน์รู้สึกกดดันเพราะเข้าใจไปว่าโดนดักแผนของตัวเองได้ แต่ก็ยอมทำตาม ยังไงเสียเขาเองก็จะได้เฝ้าไม่ให้เนลอบหาข้อมูลไปด้วย

          ห้องของสิทธิ์อยู่ใกล้กับห้องของวัฒน์ชนิดเปิดประตูปุ๊บก็เคาะประตูของอีกฝ่ายได้ทันที ด้านในไม่ต่างจากห้องของวัฒน์มากนัก ผิดกันตรงที่รกกว่าเยอะ ทั้งเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้ทั่วห้องอย่างกับจงใจให้คนรับใช้ทำงานอย่างคุ้มค่าเงินเดือน ทั้งเอกสารที่กองพะเนินอยู่เต็มโต๊ะจนบางส่วนล้มครืนลงมาอยู่ที่พื้น เศษขยะกองไว้เป็นหย่อมๆ ยกเว้นขวดเบียร์เปล่าๆที่วางเรียงไว้ข้างประตูอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยที่สุดภายในห้อง

          ผู้มาใหม่ถึงกับตะลึงไปกับความรักสะอาดของผู้เป็นนาย ถ้าใครสักคนจะพยายามหาเอกสารสำคัญในห้องนี้ล่ะก็ คงทั้งเสียเวลาและน้ำตาในการใช้แรงกายเข้าสู้กับรังหนูแสนโสโครกเป็นแน่

          “เอกสารที่วางไว้ด้านขวาของโต๊ะกับบนพื้นนี่เก็บกลับไปได้เลยเพราะคุณสิทธิ์จัดการหมดแล้ว” วัฒน์เอ่ยเสียงระรื่นเมื่อเห็นสีหน้าของเน “แต่ถ้าอยู่กลางๆก็ดูก่อนละกันว่าคุณสิทธิ์เซ็นไว้แล้วหรือยัง นอกนั้นก็ยกมาไว้ในห้องฉันได้เลย

          “อ้อ ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงตื่น ท่าทางยังตกใจไม่หายกับความสะอาดสุดๆในห้อง เขารีบจัดการยกเอกสารกองโตออกจากห้องไปทันที ไม่ยักจะปากมากเหมือนเมื่อกลางวัน

          ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาคิดวัฒน์ก็รู้ดี แรกๆเขาก็ไม่ต่างจากเนเท่าไหร่นักหรอก

          “นายจะนอนเลยก็ได้นะ” วัฒน์บอกขึ้นหลังจากขนงานกลับห้องเรียบร้อย

          “แล้วคุณล่ะ” เนแสดงอาการไม่ยอมทันที

          คิดจะจัดการโกงตอนฉันหลับหรือ ไม่มีทาง

          “ฉันต้องจัดเอกสารให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้”

          นอนๆไปเหอะ คิดจะมาแอบดูตัวเลขในบัญชีบริษัทแล้วเอาไปบอกไอ้หมอนั่นล่ะสิ

          “งั้นผมขอดูด้วย ยังไงซะมันก็เป็นงานของผู้ติดตามอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”

          เมื่ออ้างถึงงาน วัฒน์ก็ได้แต่มุ่นหน้าใส่ด้วยความไม่พอใจ เขาไม่อยากโพล่งในสิ่งที่คาดคิดไว้เพราะกลัวจะเสียเรื่อง(แต่ดูแล้วท่าทางจะให้ผลตรงกันข้ามมากกว่า) เลยต้องยอมอย่างเสียมิได้

          อยากดูก็ดูไป อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง

          เกือบห้าทุ่มกว่าทั้งสองจะได้นอน อันที่จริงมันก็ไม่ใช่งานหนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้น แต่ที่เสียเวลาไปมากโขเพราะมัวแต่เหล่กันไปเหล่กันมาจนกล้ามเนื้อตาแทบจะเป็นเหน็บ

          “ราตรีสวัสดิ์”

          ไม่วายก็ยังคงรักษามารยาททิ้งท้าย เพราะต่างฝ่ายต่างกลัวจะโดนจับได้ว่ากำลังสงสัยในเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงกันเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

 

          เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นลูกน้องจะต้องตื่นก่อนเจ้านาย และวัฒน์เองก็เป็นคนที่ตื่นตีห้าครึ่งทุกวันไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหน อาจเพราะอายุที่มากแล้วเลยไม่ต้องนอนเยอะด้วย เขาจึงไม่มีปัญหาเท่าไหร่

          ยกเว้นวันนี้

          ทีแรกเขานึกว่าตัวเองโดนผีอำ ทั้งที่ลืมตาตื่นแล้วแต่โลกทัศน์กลับยังมืดอยู่ แถมขยับตัวก็ไม่ได้อีก แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพราะผีหรอก

          แต่เพราะเขาโดนเพื่อนร่วมเตียงกอดรัดเขาแน่นเสียอย่างกับเขาเป็นหมอนข้างน่ะสิ

          “....” วัฒน์พยายามจะส่งเสียงแต่ยังลังเลว่าจะเรียกอีกฝ่ายอย่างไรดี มือทั้งสองก็พยายามดันร่างหนาออกไป แล้วไม่รู้ว่าเพราะตนแรงน้อย หรือเจ้าเด็กบ้านี่มันตัวหนักเกิน ถึงได้ไม่ขยับเลยสักนิด “เน…เน”

          เจ้าของชื่อยังคงนอนพริ้ม ท่าทางไม่ได้ยินเสียงเขาเลยสักนิด สร้างความหงุดหงิดให้กับเจ้าของห้องจนวัฒน์เดือดปุดๆ

          “เฮ้ย! ไอ้เน ตื่นได้แล้ว” เขาตะโกน ยังคงขลุกอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย “เฮ้ ตื่นสิวะ”

          ทั้งที่ก็นอนพร้อมกันแท้ๆ มันจะหลับลึกเกินเหตุไปหรือเปล่าวะ

          ในขณะที่กำลังปลุกอีกฝ่าย วัฒน์ก็รู้สึกถึงวัตถุบางอย่างแถวกลางลำตัว และนั่นทำให้เขาสะดุ้งพร้อมกับเลื่อนสายตาลงไปมองในผ้าห่ม

          “โอ๊ย”

          เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มดังลั่นห้อง เขาผละออกจากเตียงราวกับติดสปริงเพราะโดนกระชากส่วนอ่อนไหว ถึงจะไม่แรง แต่ก็เจ็บจนตื่นเต็มตา เขามองกลับขึ้นไปบนเตียงด้วยความโมโห แล้วกระแทกเสียงใส่อย่างลืมตัว

          “ทำบ้าอะไรของนาย ถ้าเกิดฉันเป็นหมันไปจะว่าไง”

          วัฒน์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเด็กหนุ่มเท่าไหร่นัก “แล้วใครใช้ให้นายนอนกอดฉันแล้วเอาไอ้นั่นมาแทงเอวฉันล่ะวะ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ฉันก็เลยต้องดึงสิ”

          เนอ้าปากค้าง ท่าทางจะเริ่มเรียกสติกลับมาได้ครบแล้ว ใบหน้าที่โกรธขึ้นเมื่อครู่ถึงได้ดับวูบลง กลายเป็นสีหน้านิ่งแทน “อ้อหรือ งั้นก็ขอโทษคุณด้วยก็แล้วกัน”

          พูดจบก็เข้าห้องน้ำไปทันที ปล่อยให้คุณลุงที่ตื่นก่อนได้แต่นั่งแค้นที่โดนแย่งห้องน้ำอยู่บนเตียง

          น้ำพุ่งออกจากฝักบัวลงหัวของเด็กหนุ่มไม่ขาดสาย เนยังคงอารมณ์เสีย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนทารุณกรรมน้องชายเยี่ยงนี้มาก่อน

          แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาหงุดหงิด

          “เป็นบ้าอะไรของเราวะ”

          เขาไม่เข้าใจ ว่าตัวเองไปกอดอีกฝ่ายได้ไง มาคิดอีกทีแล้วก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า ตัวเองก็เคยไปนอนบ้านเพื่อน แต่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่อะไร ตาลุงงี่เง่าเนี่ยนะ

          “...สงสัยเพราะเมื่อวานไม่ได้อึ๊บเลยแหงมๆ”

          หนุ่มเซ็กซ์จัดเริ่มสบายใจเมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาสะบัดผมจนน้ำกระเด็นไปทั่ว สีหน้ากลับไปเป็นหนุ่มมั่นเหมือนเดิม รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วออกไป...

          “ชักช้าเป็นบ้า เดี๋ยวก็สายหรอก”

          เนอ้าปากหวอเมื่อเห็นเรือนร่างกึ่งเปลือยของชายวัยสี่สิบตรงหน้า มันไม่ควรจะดึงดูดแท้ๆ จริงๆน่าจะรู้สึกห่อเหี่ยวด้วยซ้ำ แต่เพราะเอวที่แสนบางจนผู้หญิงยังอาย กับผิวเกรียมแดดที่เรียบเนียนนั่นทำให้เขาจ้องอย่างลืมตัว ไม่คิดว่าจะซ่อนรูปขนาดนี้

          “ยืนขวางอยู่ทำไมเล่า” วัฒน์ชักเริ่มหงุดหงิดหนักข้อ ใช้มือดันอีกฝ่ายให้พ้นทาง “รีบๆไปแต่งตัวได้แล้ว เพราะนายถึงได้เสียเวลานะ”

          คำจิกกัดเรียกสติเด็กหนุ่ม เขาตอกกลับทันทีตามประสา “ครับๆ งั้นคุณก็รีบๆไปอาบน้ำได้แล้ว เพราะคุณนั่นล่ะที่จะสายกว่าผม”

          “เออ”

          วัฒน์ปิดประตูใส่อย่างไม่เกรงใจและไม่เป็นห่วงประตู ส่วนเด็กหนุ่มก็รีบแต่งตัว เนมุ่นคิ้วครุ่นคิดหลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาหันไปมองยังประตูห้องน้ำ ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่แน่ใจว่าเพราะหงุดหงิด หรือเพราะภาพที่เห็นเมื่อครู่

          ไม่มีทางหรอก...ไม่มีทาง...

          คนอย่างเราไม่มีทางใจเต้นกับเรือนร่างของตาลุงนั่นแน่นอน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 3 (03/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 03-05-2015 09:21:00
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 3


          วัฒน์แทบกระชากสายฝักบัวออกมาสาดใส่ร่าง ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อครู่แล้วอยากจะเอาสายฝักบัวไปรัดคอเจ้าคนต้นเรื่อง

          ไอ้เด็กเวรนั่น น่าหมั่นไส้ชะมัด

          เขาก้มลงมองร่างของตัวเอง คิ้วขมวดเข้าหาแสดงอาการหงุดหงิด เขาไม่ได้หงุดหงิดที่แตะของไม่น่าดูแต่เช้า แต่เพราะเห็นความคึกคักของเด็กหนุ่มแล้วทำให้คิดถึงเรื่องน่ากลุ้มของตัวเองต่างหาก มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยปริปากบอกใครเลย สำหรับผู้ชายแล้วมันเป็นเรื่องน่าอายและอัปยศเกินจะกล้าป่าวประกาศ

          ใช่...อายุอย่างเขาน่ะ ถ้าบอกว่ายังไม่มีคู่เลยก็ออกจะแปลก ที่จริงเขาเคยแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง...แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยความล้มเหลวของตัวเขาเสียเอง จนถึงกับต้องหย่า

          มันไม่ตั้ง

          แน่นอนว่าทั้งหายามาโด๊ปก็แล้ว หาทั้งหมอเถื่อนหมอผีหมอเฉพาะด้านก็แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่จะต้องสู้ศึก กลับตกม้าตายตั้งแต่ยังไม่ทันบุกปากถ้ำเสียด้วยซ้ำ แถมยังหาสาเหตุไม่ได้ด้วย ทั้งที่ถ้าช่วยตัวเองกลับทำได้สบายแท้ๆ อย่างเดียวที่หมอบอกเขาก็เพียงแค่ว่าเป็นปัญหาทางด้านจิตใจ

          บอกแค่นั้นแล้วหมาที่ไหนมันจะรู้วะ

          แน่นอนว่านอกจากหมอ ไม่มีใครรู้สาเหตุจริงๆเลย ภรรยาคนแรกเองก็เข้าใจเพียงแค่ว่าเขาไม่ได้รักเธอถึงไม่มีอารมณ์ร่วม ซึ่งเขาก็ยอมให้เข้าใจผิดไปแบบนี้ ดีกว่ารู้ความจริงแล้วอาจเอาไปโพนทะนาว่าเขาโคตรจะไร้น้ำยาอย่างไม่น่าให้อภัย ถ้าเป็นแบบนั้นยอมโดดตึกตายดีกว่า

          และนี่เป็นเรื่องที่เขาทิ้งไปตั้งหลายปีแล้ว ไอ้เด็กเวรนั่นกลับมาสะกิดแผลใจเขาเสียได้ จะไม่ให้อารมณ์เสียอย่างไรไหว

          ยิ่งพอคิดว่าอีกฝ่ายอาจมีความคิดจะปองร้ายสิทธิ์แล้ว ก็ยิ่งคั่งแค้นเข้าไปทวีคูณ

          แค้น แค้น แค้น แค้น แค้นโว้ย ฉันจะกระชากหน้ากากแกออกมาให้ได้ ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันเลย!!

 

          ถึงปากจะบ่นว่าสาย แต่อันที่จริงแล้ว นี่เพิ่งจะหกโมงสิบห้าเท่านั้นเอง นอกจากเขากับเน ก็มีนางที่ตื่นเวลานี้ พอแต่งตัวเสร็จก็ทำเป็นลืมเรื่องบาดหมางก่อนหน้า เข้าครัวไปนั่งกินข้าวอย่างเงียบเชียบและเรียบร้อย แม้ท่าทางอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าแค้นฝั่งหุ่นให้ก็ตาม

          “ช่วยยกเอกสารพวกนี้ไปไว้ในรถกับฉันหน่อย” เขาบอกโดยไม่หันไปมองคู่สนทนา ตรงไปยังโต๊ะทำงานของตนทันที

          “ครับๆ” เนตอบรับง่ายๆแต่น้ำเสียงเหมือนตอบส่งๆ ก่อนจะเข้าไปช่วยยกที่เหลือ”วันนี้มีงานง่ายๆอะไรให้ทำอีกหรือเปล่าครับ”

          “มีอยู่แล้วล่ะและก็ได้ทำเยอะแน่ ไม่ต้องห่วง” หนุ่มใหญ่สวนกลับอย่างมีอารมณ์ “งานของพนักงานบริษัทก็คงน่าเบื่อสำหรับนายน่าดูละนะ”
         
          ตีหน้าเหม็นทันทีตั้งแต่ยังไม่ทันได้เห็นงานด้วยซ้ำ

          เนแปลกใจที่วัฒน์ไม่ได้เอาเอกสารไว้ที่รถสิทธิ์ แต่กลับเป็นรถของวัฒน์ซึ่งจอดอยู่ติดกัน และยิ่งแปลกใจกว่าเมื่ออีกฝ่ายสั่งให้เขาขึ้นรถ

          “แล้วคุณสิทธิ์ล่ะ” เนร้องถาม เขาคิดว่าการเป็นผู้ติดตามน่าจะอยู่กับเจ้านายตลอดเสียอีก

          “คุณสิทธิ์จะเข้าบริษัทแค่วันจันทร์กับศุกร์ หรือไม่ก็มีธุระจำเป็นเท่านั้น นายกับฉันต้องไปจัดการรวบรวม ตรวจตรา แล้วก็แจกแจงงานให้คนในบริษัท อย่างน้อยก็ต้องเข้าสี่วันต่อสัปดาห์ แต่ช่วงแรกๆฉันคงต้องพานายเข้าไปดูงานทุกวันก่อน” วัฒน์ตอบตามประสาคนมีประสบการณ์ หน้าตาแสดงอาการหน่ายเต็มที่ “ถึงจะบอกว่าเป็นผู้ติดตามก็เถอะ แต่เรียกว่าคนรับใช้ควบตำแหน่งพนักงานในบริษัทมากกว่า จะได้ทำงานเป็นผู้ติดตามจริงๆก็ต่อเมื่อคุณสิทธิ์ไปดูงานส่วนตัวเท่านั้น”

          ส่วนตัวที่วัฒน์พูดถึง เขาไม่ต้องขยายความเนก็รู้ดีว่าหมายถึงกิจการผับ บาร์ และอาบอบนวดกว่าสิบแห่งทั่วกรุงเทพ ทั้งหมดเปิดอย่างถูกกฎหมาย แต่นั่นก็แค่ฉากหน้าเท่านั้นล่ะ ความจริงก็คือทำงานค้าเนื้อสดเป็นงานหลักต่างหาก แน่นอนว่าขายทั้งหญิงและชายเพื่อกำไรที่เทน้ำเทท่าจนเททิ้ง แต่สิทธิ์ไม่เหมือนกับผู้ค้าเนื้อสดเจ้าอื่น ส่วนใหญ่เด็กที่นำมามักจะเต็มใจกันทั้งนั้น และเขาเองก็ดูแลพนักงาน(?)ทุกคนเป็นอย่างดีเลยทำให้ใครต่อใครอยากมาร่วมงานด้วย

          เพราะอย่างนั้นถึงได้มีศัตรูคู่ค้าสายดำมืดที่คอยจ้องเล่นงานสิทธิ์อยู่ไม่เว้นแต่ละวัน มีตั้งแต่เบาะๆอย่างเช่นมาพังร้านบ้าง ปาไข่เน่าใส่สิทธิ์ตอนเผลอบ้าง ยันขั้นหนักจนถึงเอากันตายก็มี และมีจำนวนใช้ได้เสียด้วย

          แน่นอนว่าอย่างหลังวัฒน์เป่าดับก่อนจะได้เข้าถึงตัวสิทธิ์หมดทุกราย แล้วยัดใส่ถังดรัมเทปูนถ่วงอ่าวไทยหมดแล้ว

          เด็กหนุ่มรู้สึกเบื่อหน่ายและหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าต้องไปทำงานน่าเบื่อๆ และยิ่งไปกับตาลุงน่าเบื่อที่ไม่ยอมแสดงท่าทีมีพิรุธสักนิดเดียวแล้วยิ่งน่าเบื่อเข้าไปอีก นึกแล้วอยากจะเค้นคอถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย จะได้กลับไปยังสรวงสวรรค์ที่จากมาเสียที

          แต่นั่นล่ะ ใครมันจะปริปากบอกกัน ถ้าเป็นเขาเองก็ไม่คิดจะบอกแน่

          ตอนที่เนทำเสียงสูงเหมือนไม่อยากไปด้วย วัฒน์ก็นิ่วหน้าใส่แทบจะทันที มองผ่านๆเขาอาจจะคิดไปว่าเด็กหนุ่มคงเป็นห่วงเจ้านายตนมาก แต่ถ้าคิดกลับกันก็คือ อยากอยู่เพราะจะได้จับตามองแล้วเอาไปรายงานหัวหน้าที่แท้จริงของมันได้ง่ายๆมากกว่า

          ฝัน ไป เถอะ ไอ้ เด็ก เวร

 

          บริษัทหลักที่ทั้งสองเดินทางไปก็เป็นของสิทธิ์ ซึ่งเป็นงานสุดแสนจะบริสุทธิ์ผุดผ่องเฉกเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่ขาย ซึ่งสิทธิ์ตั้งไว้แค่อยากให้คนนอกเข้าใจว่าเขาทำงานเป็นประธานบริษัทขายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆก็เท่านั้น คนส่วนใหญ่ในบริษัทไม่รู้เรื่องงานจริงๆของสิทธิ์เลยสักคน

          แต่เขาไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรแบบขอไปที เพราะฉะนั้นเลยตั้งใจทำเสียจนบริษัทเติบโตเป็นอย่างดีเกินความจำเป็น แต่จะให้ทิ้งๆขว้างๆก็ไม่ใช่นิสัย แต่ก็ไม่ได้ว่างมากขนาดที่จะสามารถเข้ามาดูแลได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นงานส่วนใหญ่จึงมอบหมายให้วัฒน์เป็นคนช่วยดูแลเกือบทั้งหมดแทน

          “ยกทั้งหมดแล้วตามมา” วัฒน์ใช้ให้เนแบกเอกสารทั้งหมดลงจากรถ ส่วนตนก็เดินนำเป็นทองไม่รู้ร้อนไปยังทางเข้าบริษัทโดยไม่คิดแม้แต่จะรอเด็กหนุ่มแต่อย่างใด

          เนมองอีกฝ่ายแล้วตีหน้าหงุดหงิด ถ้าทำได้ เขาล่ะอยากจะวิ่งเข้าไปกระโดดถีบขาคู่ใส่แล้วชี้หน้าด่าพ่อล่อแม่แบบไม่ต้องมานั่งคิดเรื่องความอาวุโสเสียจริง แต่ติดตรงที่ว่าถ้าทำลงไป ความพยายามที่สู้อุตส่าห์ยอมทนอยู่คู่กับตาลุงนั่นก็เป็นอันสูญเปล่า แล้วยังไม่สามารถช่วยเจ้านายที่ตนเคารพและนับถือด้วย เขาจึงได้แต่กลั้นความโกรธทำตามคำพูดอีกฝ่ายโดยดี แต่ในสมองก็คิดหาวิธีสายมารสารพัดร้อยแปดเพื่อมาต่อกรกับตาลุงเจ้าเล่ห์นั่น

          วัฒน์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเจ้าคนที่อยู่ข้างหลังเท่าใดนัก เขากำลังคิดหาวิธีให้สิทธิ์นึกอยากไล่เนออกไปให้พ้นหูพ้นตาพ้นชีวิตทั้งเขาและสิทธิ์เสียที ถ้าให้ดีอุ้มไปนั่งยางได้ เขายินดีเป็นคนอาสาเผาเจ้าเด็กนี่เองเสียด้วยซ้ำ

          ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก เสียงกระแทกส้นดังตึงตังพรักพร้อมกันจนผู้คนในชั้นนั้นพากันสะดุ้งแล้วหันมามองกันด้วยความตื่นตระหนก แต่เจ้าของเสียงก็หาได้ลดความแรงในการกระทืบเท้าแต่อย่างใด ทั้งวัฒน์และเนต่างกระทืบเท้าจนถึงห้องกระจกด้านใน ซึ่งเป็นห้องเล็กๆมีโต๊ะทำงานหกตัวแบ่งข้างเรียงข้างละสามหันหน้าชนกัน และยังมีอีกโต๊ะที่อยู่หัวแถว โต๊ะที่อยู่ด้านปลายสุดทั้งสองโต๊ะมีเอกสารและข้าวของวางระเกะระกะบ่งบอกให้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว ส่วนโต๊ะอื่นที่อยู่แถวเดียวกันว่างเปล่า โต๊ะหัวแถวเองก็ดูสะอาดไม่แพ้กับโต๊ะเปล่า เพียงแต่ว่ามีกระดาษเปล่ากับที่ทับกระดาษวางไว้อยู่

          “วางไว้ตรงนี้” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงห้วนพลางชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่อยู่ใกล้โต๊ะหัวแถวมากที่สุด วัฒน์แทบจะไม่มองหน้าเนเสียด้วยซ้ำ เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่อยู่ถัดไปแล้วหยิบกระดาษกับที่ทับออก “จัดแยกเอกสารทั้งหมด มีเอกสารบัญชี เอกสารสัญญา เอกสารรายงานการซื้อ แล้วก็ขาย รายงานประจำเดือนของฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ ฝ่ายขาย ฝ่ายจัดซื้อ แล้วก็บันทึกการประชุมบอร์ด...อันนี้แยกวันกับแยกแผนกให้ด้วยละกัน”

          วัฒน์พูดเร็วและเยอะเสียจนดูอย่างไรเนก็ไม่มีทางจำได้หมดแน่(ซึ่งแน่นอนว่าวัฒน์ตั้งใจ) เขาปรายตามองดูท่าทีอีกฝ่าย แอบหวังไว้ว่าเด็กหนุ่มคงกำลังกระอักกระอ่วนต่องานมากมายก่ายกองขนาดนั้น แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นภาพเนนั่งหน้านิ่ง มือหยิบเอกสารออกมาแยกประเภทไว้บนโต๊ะอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียได้ ทำให้วัฒน์อดหงุดหงิดไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ นั่งจัดการงานของตนอย่างเงียบๆ รอดูท่าทีเป็นระยะ เพื่อหาพิรุธของเด็กหนุ่ม

          เนกวาดสายตามองรายละเอียดของกระดาษแต่ละแผ่นแล้วจัดเรียงตามหน้าที่ มองผ่านๆเหมือนกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นแต่ที่จริงกำลังตรวจหาความผิดปกติของเอกสาร แต่เขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการทำบัญชีเอกสารรายงานพวกนี้มากเท่าไหร่นัก ที่ทำได้ก็แค่มองดูพวกตัวเลขราคาการซื้อขายแล้วเทียบกับราคาปกติที่เขาเคยนั่งหาข้อมูลเผื่อไว้ก่อนหน้าก็เท่านั้น

          “สวัสดีค่ะ...เอ๊ะ”

          เสียงหวานทักมาจากประตูดึงดูดความสนใจจากเนเป็นอย่างมากถึงขนาดวัฒน์เขม่นใส่ หญิงสาววัยใสวัยยี่สิบกว่าผมหยักศกมองด้วยความแปลกใจ แต่ท่าทางจะเน้นความสนใจไปทางหนุ่มหน้าตาดีมากกว่า และแน่นอนว่าเนเองก็หันไปยิ้มให้หญิงสาวแทบจะทันทีราวกับไฮยีน่าอดอยาก

          และก็แน่นอนว่าวัฒน์อารมณ์เสียทันทีที่เห็นภาพนี้

          “ว่าไงเขม” วัฒน์เอ่ยเสียงขรึม อาการไม่พอใจชัดแจ้งจนหญิงสาวผวาหน้าซีดเผือด

          “เอ่อ คือว่า เอกสารที่คุณวัฒน์สั่งไว้เมื่อวานน่ะค่ะ...” หญิงสาวได้สติก็รีบรายงานเสียงกระตุก ก่อนจะรีบยื่นเอกสารให้เจ้านาย

          หนุ่มใหญ่รับเอกสารมาไว้ในมือ ตรวจผ่านๆอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งไวมากจนเนแอบสงสัยว่าตรวจจริงๆหรือแกล้งทำเป็นมองให้ดูเท่ๆ หญิงสาวผู้นำเอกสารก็ไม่ได้เดินจากไปไหน ยังคงยืนรออยู่ที่เดิม และมีท่าทางหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด

          “เอ้า” วัฒน์หยิบเอกสารในมือออกมาราวสามสี่แผ่นคืนกลับ “จำนวนสินค้ากับตัวเลขที่แจ้งมาก่อนหน้าไม่ตรงกัน ไปบอกฝ่ายขายให้กลับไปแก้ด้วย และถ้าไม่รู้ว่าเป็นตัวไหนกับบริษัทอะไรก็ให้นพดลมาหาฉันเอง ส่วนนี่...”

          เนแอบทึ่งอยู่ในใจ เขาไม่คิดว่าวัฒน์จะเก่งกาจขนาดนี้ อย่างน้อยๆเขาก็ยังทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น

          แต่ที่เขาแปลกใจจริงๆคือเนื้องานที่วัฒน์กำลังบอกให้หญิงสาวมากกว่า เพราะทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นช่องว่างที่คนอยากโกงชอบกันทั้งนั้น

          แต่วัฒน์กลับสั่งให้ไปแก้ ซึ่งผิดวิสัยของคนที่คิดจะแทงหลังเจ้านายอย่างแรง

          ไม่ แค่นี้ยังตัดสินไม่ได้ หมอนี่อาจจะทำบังหน้าเราก็ได้ ก่อนหน้านั้นต้องโกงไปเยอะแล้วแน่ๆ

อย่างน้อยๆสิ่งที่เขาฟังมามันก็เป็นเรื่องจริง เนจึงปัดความแปลกนั้นลงและยังคงตั้งหน้าหาหลักฐานการโกงของวัฒน์ต่อไปทั้งๆที่มันไม่มีอยู่จริง

 

          “ไปพักได้แล้ว”

          วัฒน์บอกเมื่อถึงเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง เขารู้สึกแปลกใจเพราะเนทำงานเร็วมาก ถ้าสิทธิ์ไม่บอกว่าเด็กหนุ่มจบแค่ม.ปลายด้วยเกรดเฉลี่ยแบบเฉียดก้น วัฒน์ก็คงไม่เชื่อ งานที่เขาให้ไปปกติต้องทำราวๆสองวันแท้ๆ แต่แค่ช่วงเช้า เนก็จัดการไปได้เกือบครึ่งแล้ว ซึ่งมองมุมไหนก็ดูไม่เหมือนคนที่เพียงเข้ามาเพื่อสอดแนมเลยสักนิด

          แต่หมอนี่อาจจะหลอกให้ตายใจก็ได้...หัวหน้าเจ้าเล่ห์ยังไง ลูกน้องก็พิษสงร้ายไม่แพ้กันสินะ

          ทันทีที่ได้ยิน เนแทบจะดีดตัวออกมาจากเก้าอี้แล้วพุ่งออกจากห้องราวกับทนไม่ไหวแล้ว วัฒน์ได้แต่มองตามอย่างตะลึง ไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากต่อว่าเรื่องที่เด็กหนุ่มวิ่งด้วยซ้ำ

          แล้วมันรู้หรือวะว่าต้องกลับมาตอนไหน

          เขายังคงสงสัยว่าเนเป็นอะไรถึงได้รีบเสียขนาดนั้น ถ้าจะบอกว่าต้องรีบไปรายงานหัวหน้าที่แท้จริงก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจนถึงตอนนี้เนก็ยังไม่ได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจหรือมีประโยชน์ต่อการโกงเลยสักนิด

          แต่เขาก็ปล่อยไป เพราะคิดว่า ถ้าไม่ฉี่ ก็อึ

 

          วัฒน์กลับเข้าตึกต่อเมื่อถึงเวลาเที่ยงครึ่ง เขาไม่พบเนที่โรงอาหารหรือตรงที่พักทานข้าวบนชั้นของพนักงานเลย ไม่เห็นแม้แต่เงาจนน่าสงสัย

          แต่สงสัยเรื่องนั้นได้ไม่นานก็มาแปลกใจกับเรื่องอื่นต่อ

          เพราะตอนนี้เขาเห็นพนักงานชายสี่ห้าคนพากันยืนอยู่แถวหน้าห้องน้ำอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คอยซุบซิบกันอย่างกับสาวช่างเมาท์กันเสียได้

          “ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มสร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดาพนักงานหนุ่มตรงหน้า ผู้เป็นลูกน้องพากันมองหน้าไปมาเที่ยวผลักหน้าที่รายงานให้กันและกันไม่ยอมหยุดราวกับกลัวโดนด่า

          แต่ไม่ต้องรายงานวัฒน์ก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องแบบไหน เพราะทันทีที่เหล่าลูกน้องเงียบ เสียงจากในห้องน้ำก็ดังชัดเสียจนเขาได้ยิน

          “อ๊ะ...ตรงนั้นค่ะ ใช่เลย โอ้ว แบบนั้นล่ะค่ะเน...แบบนั้นล่ะ!”

          “สุดยอดไปเลยครับพี่เขม...เร้าอารมณ์ดีเหลือเกิน...อ๊ะ...อืม...”

          วัฒน์ยืนค้างตาโตเป็นไข่ห่านอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้สติ แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

          แค่วันเดียวมันก็เอากันแล้วเรอะ!!!!!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 3 (03/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 03-05-2015 10:39:50
เจิมมมม
ชอบบๆ ตลกทั้งคู่555555555
พยายามจับผิด แต่ยังไงก็ไม่มีทางจับได้
เนหื่นมาก ตาลุงเอ้ยยยพี่วัฒนต่อไปเสร็จแน่
นกเขาไม่ขันไม่เป็นไร ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว
รอต่อนะะะ^^
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 3 (03/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 03-05-2015 11:02:02
ชอบเคะลุง แอร้ยยยย เอาอีกๆ เอาตอนต่อไปมาาาา  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 3 (03/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 03-05-2015 11:16:22
หื่นจริงๆนะเนี่ย(ฮา) กรี๊ดกร๊าดมาก เมื่อเปิดมาเจอเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 3 (03/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 03-05-2015 13:19:44
เคะลุงน่าย้ากกก >O<
รอวันที่คนแก่ถูกกด อะคึ อะคึ -.,-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 3 (03/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-05-2015 15:06:10
เคะลุงคือดีงาม แอร๊ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 4 (04/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 04-05-2015 07:15:28
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 4

          วัฒน์เตะป้ายห้ามเข้าที่วางขวางไว้และกระแทกประตูห้องน้ำเข้าไปแบบไม่เกรงใจและไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ เขาเดินเข้าไปยังห้องน้ำห้องที่สามที่ยังคงปิดอยู่ และกระแทกหมัดลงประตูเสียงดังลั่นจนหญิงสาวที่นำเอกสารมาให้เขาเมื่อเช้ากรีดเสียงลั่นด้วยความตกใจ

          “ออกมาเดี๋ยวนี้!”

          คำสั่งดังลั่นจนเกือบจะได้ยินกันทั้งชั้น และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวัฒน์โมโหแค่ไหน ขนาดพนักงานชายที่มายืนรวมกลุ่มฟังบทบรรเลงเพลงรักยังรีบพากันหนีหายไปยังโต๊ะทำงานของตนกันทันทีเพราะไม่อยากโดนหางเลขด้วย

          คนในห้องน้ำก็หาได้ทำตามคำสั่งแต่โดยดี แถมยังเอ่ยประโยคที่ดูเหมือนจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเสียเต็มประดา

          “ขออีกรอบแล้วจะออกไป”

          ถ้าพังประตูได้ วัฒน์คงทำไปแล้ว แต่พอดีแรงไม่มากพอ บวกกับไม่อยากทำลายทรัพย์สินของบริษัทโดยไม่จำเป็น และโดยเฉพาะต้องทำเพราะเรื่องงี่เง่าเกินบรรยายเช่นนี้

          วัฒน์ยิ่งยัวะเมื่อเนดูจะไม่แยแสเขาเลยแม้แต่น้อย หนุ่มใหญ่หันรีหันขวางมองไปรอบๆห้องน้ำ เขาพบถังน้ำที่วางอยู่ด้านในสุดของห้องน้ำ และก็เดินเข้าไปหยิบมารองน้ำอย่างไม่รอช้า และสาดเข้าไปยังช่องว่างด้านบนของห้องน้ำทันที

          แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ถึงนาที คนด้านในก็ออกมาด้วยสภาพเปียกโชกและหลุดลุ่ย หญิงสาวยังสวมเสื้อไม่เสร็จดีนัก และเธอก็กำลังเร่งแต่งตัวให้เสร็จ ส่วนเด็กหนุ่มคู่ชู้ชื่นมีสภาพเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นแค่เปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ และท่าทางโมโหสุดๆ เพียงแต่พยายามสะกดกลั้นไว้อยู่

          “มานี่”

          วัฒน์กระดิกนิ้วเรียกโดยไม่สนอารมณ์อีกฝ่ายแล้วเดินนำไปด้วยใบหน้าไม่ต่างจากเนนัก เด็กหนุ่มมองตามอย่างหงุดหงิด เขาสะบัดน้ำบนเสื้อออกก่อนจะเดินตามไปอย่างอิดออด ไปยังห้องทำงาน

          “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ!?” ปิดประตูถึงวัฒน์ก็ตวาดใส่หน้าเนเสียงดัง ยังไงเสียในห้องนี้ก็เก็บเสียงได้อยู่แล้ว เลยปล่อยอารมณ์ใส่น้ำเสียงได้เต็มที่ “ที่นี่ไม่ใช่ซ่องที่นายเคยอยู่นะ อย่านึกว่าจะมาทำอะไรตามใจชอบได้ คิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าคนที่นี่รู้เรื่องงานอื่นของคุณสิทธิ์เข้าแล้วจะเกิดเรื่องอะไรบ้าง หา!”

          เนนิ่วหน้าเบือนสายตามองไปทางอื่นอย่างไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้เถียงกลับแต่อย่างใด เพราะตนก็เห็นด้วย

          “ครับ”

          ยิ่งตอบรับง่ายดายปานหมาน้อยสำนึกผิดแล้ววัฒน์ก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก ทำไมเขาจะดูไม่ออก เนไม่สำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไปเลยสักนิด

          “ก็มันเป็นเรื่องปกติสำหรับผมนี่นา” เนบอกเสียงเฉื่อย “ขอโทษนะครับ แต่พอดีผมต้องมีเซ็กซ์กับใครก็ได้อย่างน้อยวันละสองครั้งไม่อย่างนั้นผมจะลงแดงน่ะครับ”

          ฟังแล้วยิ่งน่าโมโหสุดๆสำหรับคนที่ปลุกยังไงก็ไม่สู้อย่างวัฒน์

          “นั่นมันเรื่องของนาย นายต้องจัดการเอง และต้องจัดการยังไงก็ได้โดยไม่ทำให้คุณสิทธิ์เขาเดือดร้อน” วัฒน์ว่าต่ออย่างไม่แยแส แอบนึกดีใจด้วยซ้ำที่สามารถหาทางไล่อีกฝ่ายไปให้ไกลๆได้ “ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็ลาออกแล้วกลับไปคุมซ่องเหมือนเดิมซะ”

          นั่นเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มอยากทำสุดๆ แต่ต้องหลังจากตอนที่เขากระชากหน้ากากจอมปลอม(คิดเองเออเอง)ของคนตรงหน้าออกก่อน

          “และก็อย่าคิดจะไปเอาสาวใช้ที่บ้านด้วย ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็ ฉันจะรายงานคุณสิทธิ์ทันที” วัฒน์ใช้อาวุธสุดท้าย ซึ่งได้ผลสุดๆ

          เนนิ่วหน้า ก่อนที่จะมาทำงานตรงนี้สิทธิ์ก็ถามเขาแล้ว แต่เพราะอยากช่วยรุ่นพี่ผู้มีพระคุณ เลยโกหกสิทธิ์ไปว่าถึงไม่มีเซ็กซ์เขาก็อยู่ได้ เพื่อให้ผู้เป็นนายยอมให้เขาทำงานนี้ ขืนสิทธิ์รู้เข้าละก็ มีหวังได้กลับสวรรค์ทั้งที่ยังไม่ทันจัดการปีศาจร้ายเสร็จแน่

          แต่เขาไม่ยอมตกเป็นรองอีกฝ่ายแน่นอน ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม

          “แต่ผมไม่เห็นว่าเรื่องนี้มันจะไปเกี่ยวกับเรื่องงานอื่นของคุณสิทธิ์ตรงไหนเลยนะครับ” เนแสร้งทำเป็นไม่กลัวต่อคำขู่ของอีกฝ่าย “ผมก็แค่มีเซ็กซ์ ผิดอะไรนัก”

          ผิดโว้ย ผิดเวลาและสถานที่อย่างแรงด้วย

          “แต่มันทำให้คุณสิทธิ์เขาเสียหาย รู้รึเปล่า ถ้าคนอื่นรู้เข้า เขาก็ต้องพากันคิดสิว่าคุณสิทธิ์สั่งสอนลูกน้องยังไงถึงได้ทำตัวมั่วไม่เลือกแบบนี้”

          ว่าถึงไม่ได้หรอก เจ้านายคนนี้เขาเอาขึ้นหิ้งบูชาวันละห้าเวลาเชียวล่ะ

          “งั้นถ้าถูกที่ถูกเวลาก็โอเคแล้วสินะ”

          วัฒน์ชะงักกับคำถามนั้น อันที่จริงมันก็ได้อยู่หรอก

          ถ้าเป็นพนักงานปกติทั่วไปล่ะนะ...

          “ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะ” วัฒน์สั่งเสียงเฉียบ “ไม่ว่าเวลาไหนนายก็จะทำแบบนี้ไม่ได้ทั้งนั้น”

          “หา มันจะมากไปแล้วนะ”

          เนเกือบพลั้งปากเรียกวัฒน์ว่า ตาแก่ ไปแล้ว แต่ดีที่รั้งไว้ทัน

          “ในเมื่อนายอยากจะมาเป็นคนติดตามของคุณสิทธิ์ นายก็ควรจะห้ามใจตัวเองได้ไม่ว่าเรื่องอะไรของตาม” จริงๆก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่เพราะหมั่นไส้กับความปึ๋งปั๋งบวกกับอยากแกล้งเพราะ(เข้าใจว่า)อีกฝ่ายเป็นลูกน้องของศัตรูในคราบมิตร “ถ้าคิดว่าทำไม่ไหว จะลาออกไปก็ได้นะ”

          มีหรือโดนท้าแล้วจะยอม

          “ได้อยู่แล้วล่ะครับ” เนรับคำ แต่ใบหน้าเคียดแค้นไม่เข้ากับน้ำเสียงนอบน้อม “ไม่ว่าอะไรถ้าเพื่อคุณสิทธิ์ผมก็ยินดีทำได้ทุกอย่างล่ะ”

          ได้ยินเด็กหนุ่มรับคำเช่นนั้นแล้ว วัฒน์ก็อดเผยยิ้มออกมาไม่ได้

          เหอะ อยากรู้นักว่าจะปากดีไปได้ซักกี่น้ำกัน

 

          อยากอึ๊บโว้ย

          เนอยากจะโขกหัวให้เลือดออกจนหน้ามืดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เขาแอบนึกเสียใจทีหลังอย่างแรงที่หลวมตัวไปสัญญาเรื่องที่ไม่มีทางทำได้ลงไป แต่จะขอเปลี่ยนใจก็ไม่อยากทำ และทำไม่ได้เสียด้วย ทุกอย่างจึงต้องจบลงด้วยการนั่งช่วยตัวเองในห้องน้ำแทน

          “อุ...”

          เนพยายามกดเสียงตัวเองไว้ให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กหนุ่มปรือตามองผลงานที่เลอะตัวไปทั่วด้วยความหงุดหงิด สำหรับเขา ทำคนเดียวมันไม่สนุกเลยสักนิด อย่างมากก็แค่ทำให้เขาหมดแรงจนพอจะระงับความอยากของตัวเองได้เท่านั้น

          อยาก........ไม่ได้ว้อยยยยย

          เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด พยายามต่อสู้กับกิเลศของตัวเองอยู่พักใหญ่ กว่าจะทำใจเมินแล้วจัดการอาบน้ำได้ รอบนี้เขาอาบทีหลังจึงไม่ต้องกังวลว่าเจ้าของห้องจะบ่นหรือไม่ แม้จะรู้สึกขัดใจตัวเองตรงที่ปล่อยให้วัฒน์อยู่กับเอกสารคนเดียวตั้งนานสองนานเสียได้(ซึ่งเป็นการกระทำที่เสียเปล่าสุดๆ)

          วัฒน์เหล่มองอีกฝ่ายที่เดินอาดๆออกมาจากห้องน้ำ นึกหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเนไม่ได้มีท่าทีลงแดงอย่างที่คิด

          แน่นอนว่าเขามีแผนแกล้งให้เด็กหนุ่มตบะแตกอยู่แล้ว

          “อาวัฒน์คะ น้ำชาที่สั่งได้แล้วค่ะ”

          เด็กสาวเอ่ยเสียงใสพร้อมกับเคาะประตู ช่างมาได้จังหวะเสียจริง

          “เข้ามาเลย” วัฒน์บอกโดยไม่สนว่าตอนนี้เพื่อนร่วมห้องของตนจะอยู่ในสภาพเกือบโป๊ก็ตาม และแน่นอนว่าทันทีที่เด็กสาวเดินเข้ามาก็ต้องตะลึงพรึงเพริดไปกับอาหารตาตรงหน้า

          ตอนที่เนเห็นใบหน้าขาวนวลของเด็กสาว ความเหนื่อยล้าที่อุตส่าห์สร้างเสียนานกลับหายเป็นปลิดทิ้งกลับมาดีดดิ้นตั้งตรงแบบไม่ต้องสั่ง

          “อ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะ” แมวบอกเสียงตื่น แต่ตาจ้องไม่กะพริบ “แมวไม่รู้ว่าพี่เนยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ”

          “อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างสุภาพบุรุษ แม้ว่าอยากจะกลายเป็นคนป่าเถื่อน ณ ตอนนี้เลยก็ตาม ถ้าไม่ติดว่าวัฒน์อยู่ล่ะก็...เสร็จ!

          ว่าแล้วก็แอบเหล่ไปมองเจ้าของห้อง ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความเนก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นแผนของตาลุงนี่ชัดๆ

          เสียใจลุง แค่นี้จิ๊บๆ

          “งานฉันเสร็จแล้ว นอนเลยละกัน” หลังจากแมวออกจากห้องไปแล้ว วัฒน์ก็ทำทีเป็นลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปนอนบนเตียงแสนนุ่ม “ฉันนอนก่อนนะ”

          เนได้แต่พยักหน้าให้อย่างหงุดหงิด เขารู้ว่าวัฒน์แกล้งทำเป็นนอนก่อนเท่านั้น เพราะกะว่าเขาคงจะแอบย่องไปหาสาวใช้สุดสวยเป็นแน่
         
          เขาไม่ยอมทำตามแผนนั้นเสียหรอก....แม้ว่าจะอยากใจจะขาดก็เถอะ

          วัฒน์แปลกใจที่เนขึ้นมานอนอยู่บนเตียงนานผิดปกติ เขาคิดว่าเนน่าจะแอบย่องออกไปจากห้องภายในครึ่งชั่วโมงเสียอีก

          หรือจะไม่ได้ผล

          หนุ่มใหญ่อยากจะหันไปมองให้แน่ใจว่าเนหลับจริง แต่ก็แอบกลัวว่าอีกฝ่ายจะยังไม่นอน เขาไม่อยากให้เนรู้ว่าตนยังไม่นอน จึงได้แต่นอนนิ่งอยู่ท่าเดิมจนเหน็บรับประทาน

          เนนอนจ้องแผ่นหลังของหนุ่มใหญ่ตรงหน้าไม่วางตา เขารอให้อีกฝ่ายพลิกตัวมาดูเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ทำสักทีราวกับหลับไปแล้ว เขาเองก็อยากจะข่มตาหลับเสียเหลือเกิน จะได้ไม่ต้องนึกถึงเรื่องใต้สะดือที่แสนคิดถึง แต่ก็กลัวว่าถ้าหลับไปแล้วอีกฝ่ายจะหันมา ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้สิ ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่เป็นเรื่องที่เขาคิดไปเอง หรือเป็นแผนของคนตรงหน้านี่

          แล้วสุดท้าย ทั้งสองก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แถมยังต้องอดนอนจนเกือบเช้าอีกต่างหาก

 

          “เป็นอะไรทำไมขอบตาคล้ำกันอย่างนั้นล่ะ”

          สิทธิ์เลิกคิ้วมองผู้ติดตามทั้งสองที่มีสภาพอิดโรยทั้งคู่ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ แต่ที่เขาแปลกใจก็เพราะเมื่อวานไม่ได้มีงานมากมายถึงขนาดต้องโต้รุ่งกันเสียหน่อย

          “พอดีทำงานดึกไปหน่อยน่ะครับ” ทั้งสองตอบพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย หลังจากตอบเสร็จก็พากันเหล่มองอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ที่กล้าโกหกเหมือนกัน

          “อะไรกัน จะขยันไปแล้ว” หนุ่มผมสั้นร่างโตเอ่ยอย่างร่าเริง “แบบนี้ผมเองก็คงจะขี้เกียจอยู่ไม่ได้แล้วล่ะสิ”

          ทั้งคู่ได้แต่หัวเราะเสียงเจื่อนกับเจ้านาย ทั้งที่ภายในใจอยากจะควักมีดมาแทงใส่กันและกันเสียให้ได้

          “จริงสิ ผมมีเรื่องจะคุยกับอาวัฒน์เป็นการส่วนตัวหน่อย เดี๋ยววันนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทก็ได้นะ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหาร “เน นายกินข้าวรอก่อนก็ได้ หรือจะไปเที่ยวไหนก็ได้ วันนี้ฉันอนุญาตให้หยุดงาน”

          วัฒน์หันไปมองสิทธิ์อย่างรวดเร็วจนคอเกือบเคล็ด ส่วนเนเมื่อได้ยินประโยคยั่วน้ำลายเช่นนั้นแล้วก็ถึงกับยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

          แต่ก็แค่สามวินาทีเท่านั้น

          “ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมยังอยากทำงานต่อ” เนโกหกผู้เป็นนายพร้อมกับยิ้มสู้ทั้งๆที่ตอนนี้สู้ไม่ค่อยจะไหวเท่าไหร่แล้ว “ผมรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”

          สิทธิ์ดูจะแปลกใจ แต่วัฒน์กลับรู้สึกตรงข้ามเมื่อได้ยินคำตอบ

          “เอ้า ก็ตามใจนายละกัน” ชายหนุ่มผู้เป็นนายบอกก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนห้องทำงานซึ่งอยู่ถัดจากห้องอาหารไปอีกสองห้อง

          วัฒน์เหล่มองหน้าเน แม้จะไม่แสดงอาการใดๆแต่เด็กหนุ่มก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังข่มขู่ตน แล้วมีหรือที่เขาจะกลัว เด็กหนุ่มทำเป็นทองไม่รู้ร้อนนั่งลงกินข้าวต้มตรงหน้าสบายใจเฉิบ ไม่สนใจผู้อาวุโสกว่าแต่อย่างใด

          ถ้าถีบมันได้ก็คงทำไปแล้ว

          วัฒน์ได้แต่คิดแค้นอยู่ในใจ ก่อนจะผละออกจากห้องอาหารอย่างเสียมิได้ เขาไม่อยากให้สิทธิ์รู้เรื่องนี้เท่าไหร่นัก

          “มีเรื่องอะไรหรือครับ”

          เมื่อเข้ามาถึงห้องทำงานส่วนตัวภายในบ้านหลังโตแล้ว หนุ่มใหญ่ก็เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย

          “ก็ไม่มีมากอะไรหรอก” สิทธิ์บอกเสียงเรียบ “ก็แค่อยากถามอาว่าเนเขาเป็นไงบ้าง”

          ฟังปุ๊บ เลิกคิ้วสูงซะจนเกือบเกยไปถึงไรผมกันเลยทีเดียว

          “เป็นไงนะหรือ...” หนุ่มใหญ่ทวนคำอย่างไม่แน่ใจ ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรกัน

          “ก็อย่างเรื่องนิสัย แล้วก็เรื่องเวลาทำงาน อะไรแบบนั้นน่ะครับ” ร่างสูงพูดต่อ “คือ…เนเขาอาจจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะครับ ผมรู้จักกับเขามานานแล้ว ผมกล้ารับประกันได้เลยว่าเนเขาเป็นคนดีทีเดียวเลยล่ะ”

          เริ่มนิ่วหน้าแทนเมื่อได้ยินคำชมที่ไม่อยากจะฟัง เขาไม่เชื่อหรอกว่าไอ้เด็กนั่นมันจะดีจริง แม้ว่าคนที่กำลังพูดอยู่จะเป็นเจ้านายที่ตนภักดีก็ตาม “ไม่รู้สิครับ นี่ก็เพิ่งวันเดียวเอง ผมคงพูดอะไรมากไม่ได้...”

          วัฒน์กำลังชั่งใจว่าเขาควรจะพูดเรื่องที่เนไปฮัดช่ากับเลขาของเขาที่บริษัทดีหรือเปล่า...อันที่จริงอยากฟ้องซะเดี๋ยวนี้เลย แต่เพราะอยากเล่นงานให้หนักกว่านี้นี่ล่ะ เลยอุบเงียบไว้ก่อน กะรอรวบยอดทีเดียวไปเลย

          “อ้อ อีกเรื่อง” สิทธิ์เอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “คือ...เนเขาออกจะเป็นคนที่แรงเหลือเฟือจัดไปหน่อย แล้วก็รสนิยมแปลกกว่าคนอื่นไปนิด ถ้าผ่อนผันให้เขาออกไประบายบ้างก็ได้นะครับ ผมกลัวเขาจะลงแดงตายเสียก่อน”

          ไม่ทันแล้วล่ะครับ...

          “ได้ครับ” วัฒน์รับคำ “แล้วผมจะเป็นคนบอกเนให้เอง คุณสิทธิ์วางใจได้เลย”

          ผมจะไม่บอกมันแน่นอน เอาให้มันทนไม่ได้ขาดเซ็กส์ตายๆไปให้พ้นหูพ้นตาเลย

          “งั้นผมฝากด้วยละกันนะครับ” พอเห็นรอยยิ้มของผู้เป็นนายก็แอบรู้สึกผิดไม่ได้ แต่เพื่อเจ้านาย ต่อให้ต้องโกหกหรือกลายเป็นมารร้ายก็จะทำ “แค่นี้ล่ะครับ ฝากด้วยละกัน”

          “ครับ”

          รับฝากไว้แล้ว ผมจะจัดการให้อย่างดีเลย

 

          ตอนกลับไปห้องอาหาร วัฒน์ก็พบว่าข้าวต้มหม้อโตเกลี้ยงหมดแล้ว แถมกับยังเหลือเป็นเศษเสียจนไม่น่าดู วัฒน์ได้แต่จ้องมองจานข้าวของตนที่เหลือเพียงซาก ก่อนจะมองไปยังเจ้าคนที่กล้าบังอาจมาแย่งข้าวเช้าของเขาอย่างหน้าด้านๆ

          “อ้าว ผมไม่รู้นี่ครับ”

          จริงๆ นาง ผู้เป็นแม่ครัวบอกเขาเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความหมั่นไส้ และอยากเอาคืนเรื่องเมื่อวาน บวกกับกำลังหิวโซเลยซัดเรียบ

          “จริงๆไม่ต้องมีใครบอกมันก็น่าจะรู้ได้เองอยู่แล้ว” วัฒน์กัดใส่ เขารู้อยู่เต็มอกว่าเด็กหนุ่มจงใจแกล้งเขาชัดๆ “แล้วนี่จะอยู่ทำไม กินเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ”

          “ผมก็รอคุณไงครับ” เนยิ้มระรื่น “ผมมาฝึกฝนงานกับคุณนี่นา จะให้ผมไปไหนมาไหนตามลำพังได้ไง จริงไหม”

          ฟังดูมีเหตุผลดี แต่ที่จริงแล้ว เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายละสายตาไปทำเรื่องไม่ดีต่างหาก (ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง)

          “ก็ดี” วัฒน์ตอบสั้นๆ ก่อนจะใช้ทัพพีขูดซากข้าวต้มใส่ถ้วย แค่น้ำข้าวก็ยังดีวะ

          “ถ้าไม่อิ่มผมก็ขอโทษด้วยละกัน” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสนจะสำนึกผิดแต่ใบหน้ากลับยิ้มระรื่นอย่างสะใจ “อย่าว่ากันเลยนะครับ แบบว่าผมหิวมากเลยล่ะ”

          แล้วก็อยากเห็นคุณอดข้าวม้ากมากเลยล่ะ

          “ไม่เป็นไร ฉันกินน้อยอยู่แล้ว” ถึงจะบอกว่าน้อย แต่ถ้าเหลือแต่น้ำข้าวแบบนี้ ไม่วายพยาธิในท้องคงร้องระงมไปจนถึงเที่ยงโน่น “ว่าแต่นายแน่ใจนะว่าจะไม่พักจริงๆ คุณสิทธิ์เขาอุตส่าห์กรุณาอนุญาตแล้วนี่ จะไปก็ได้นะ”

          แล้วฉันจะได้แอบให้คนตามนายไปดูพฤติกรรมเผื่อจะได้เจอจุดอ่อนอะไรอีก ถ้ายิ่งเห็นหลักฐานว่าแกไปติดต่อไอ้เวรนั่นได้ยิ่งดี

          “ไม่หรอกคร้าบ ถึงผมจะอยากแต่ก็ไม่ถึงขั้นทุรนทุรายอดตายซักหน่อย เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”

          ฉันจะคิดบัญชีทบต้นทบดอกให้สาสมเลย ที่กล้าบังอาจทำให้ฉันต้องทรมานเจียนตายแบบนี้ ถ้ามีหลักฐานว่าแกตั้งใจหักหลังคุณสิทธิ์เมื่อไหร่นะ ฉันจะทำให้นายทรมานเหมือนกับฉันเลย คอยดู

          แม้นใบหน้าทั้งสองจะพากันยิ้มแย้มให้กันและกัน หากแต่ข้างในกลับคิดสารพัดพิษเอาไว้รอเล่นงานอีกฝ่ายไม่ขาด

          แต่ตอนนี้วัฒน์กำลังได้เปรียบกว่าสุดๆเพราะรู้จุดอ่อนสุดสำคัญของอีกฝ่ายแล้ว

          “จริงๆที่นายอดทนก็นับว่าดีล่ะน้า” หลังจากซดน้ำข้าวหมดถ้วยก็เปรยขึ้นมาเสียงสูง “ถ้าลูกน้องทำตัวไม่ดีน่ะ มันส่งผลมาถึงภาพลักษณ์ของหัวหน้าเลยนะ รู้หรือเปล่า”

          เนชักสีหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

          “อย่างน้อยๆตอนนี้ก็ถือว่านายเป็นพนักงานในบริษัทแล้วล่ะนะ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีอย่างเมื่อวานอีกล่ะก็ คุณสิทธิ์คงเสียใจที่อุตส่าห์ไว้วางใจนายซะดิบดีล่ะนะ”

          ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์

          “ผมรับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกแน่” และถึงแม้จะผิดต่อตัวเองสุดๆ แต่เพราะทิฐิงี่เง่าทำให้เขาพลั้งปากออกมา

          “ก็ดี ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ”

          ตายแน่แก ไอ้เด็กผี!!

 

          ตลอดทั้งวันนี้วัฒน์แหย่เนจนเกือบสติแตกอยู่ตลอดเวลาที่มีโอกาส สาวใช้ที่ปกติแทบจะไม่น่ามาเจอหน้าดันเที่ยวเดินผ่านหน้าผ่านตาแทบไม่ขาด เขาไม่รู้หรอกว่าวัฒน์กล้าถึงขนาดเอาคนรู้จักตัวเองมาเป็นเหยื่อล่อเขาไหม หรือแค่เอามาให้เขาสติแตกเล่นเฉยๆ และถ้าเกิดหน้ามืดไปจริงๆ ก็เข้าทางตาลุงนั่นอีก

          แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน สิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ทน ทน ทน และ ทน

          แม้นว่าจะเริ่มทนไม่ค่อยไหวแล้วก็ตาม



แก้เลขตอนงับ ขอบคุณคุณbulldog17 ที่บอกก๊าบ *////*
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 4 (04/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 04-05-2015 07:45:55
เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 4 (04/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-05-2015 08:08:25
ใส่เลขตอนผิดหรือเปล่าเอ่ย?
พอเนตบะแตกคงได้เฮแน่งานนี้
.
.
.
สาววายหน่ะเฮ5555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 4 (04/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 04-05-2015 10:07:32
จ้องจับผิดกันอย่างนี้ คนร้ายตัวจริงก็สบายไปเลยสิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 4 (04/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 04-05-2015 10:26:06
สนุกอ่ะ ชอบมว้ากกก >O<//
เมื่อไรเนจะได้กดวัฒน์สัก (หลายๆ) ทีล่ะเนี่ย รอวันเนตบะแตก ฮาาา

มาต่อไวๆ นะค้าาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 4 (04/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 04-05-2015 11:19:27
 :hao7: :hao6: :katai4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 4 (04/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 04-05-2015 11:58:14
อ๊ายย ชอบแนวเคะแก่  :katai5:

แกล้งมาก ๆ ระวังจะโดนเด็กเอาคืนนะลุง 5555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 5 (05/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 05-05-2015 08:50:29
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 5


          วัฒน์อดชื่นชมไม่ได้ นี่ก็ผ่านไปเกือบสี่วันแล้ว แต่ไอ้เด็กหื่นตัวดีกลับไม่ยอมสติแตกอย่างที่หวังไว้สักที ทั้งๆที่ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนสิงโตอดอยากใกล้ตายอยู่รอมร่อ

          เขาเองก็อุตส่าห์ยอมเอาเหยื่อชั้นดีมาวางพาดหน้าให้แล้วแท้ๆ แต่เป้าหมายกลับไม่ยอมงับเหยื่อ(อาบยาพิษ)เสียนี่

          มันจะทนไปได้ถึงไหนวะ

          ถึงจะชื่นชมแต่ก็ไม่ได้อยากรอนานเท่าไหร่นัก การอยู่นานไปก็รังแต่จะทำให้วัฒน์ต้องระวังตัวจนทำงานลำบาก หวั่นใจเสียเหลือเกินว่าจะเผลอหลุดความลับของเจ้านายออกมาเข้าสักวัน

          “ระวังหน่อย นั่นเอกสารสัญญาสำคัญนะ”

          หนุ่มใหญ่ร้องบอก เมื่อเห็นแฟ้มเอกสารลื่นหลุดมือของเด็กหนุ่มในขณะที่กำลังถือเข้าไปในห้องนอนสิทธิ์

          “ขอโทษด้วยครับ” เนตอบเสียงต่ำ ใบหน้าระโหยโรยแรงเหมือนคนอดนอนและอดอาหารไม่มีผิด ทั้งๆที่ก็นอนก่อนตื่นทีหลัง แถมยังแย่งข้าวเขากินจนพักนี้วัฒน์ได้กินข้าวแค่ครึ่งเดียวแท้ๆ แต่ท่าทางการงดกามกิจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอันมากทีเดียว

          “ไม่ไหวแล้วหรือไง” วัฒน์ถามยั่ว อยากได้ยินว่า ‘ใช่’ สักที ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

          “ไหวสิครับ” มีหรือที่เนจะยอมทำอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ ต่อให้ล้มลงเสียตรงนี้ก็ไม่มีทางเสียหรอก “ผมแค่เพลียนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

          วัฒน์อยากจะหัวเราะ ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าน่ะหรือเรียกว่าหน่อย

          กิจกรรมของวันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไปบริษัทตอนแปดโมงเช้า ตรวจเอกสาร จัดงาน รวบรวมงาน กลับบ้าน เอางานวางไว้ในห้องสิทธิ์ เอางานที่เสร็จแล้วออกมา เอามาตรวจอีกที แล้วก็นอน จะมีกิจกรรมเพิ่มมานิดหน่อยก็เรื่องที่วัฒน์ให้สาวใช้มาเที่ยวเทียวไปเทียวมาเดินโฉบฉายยั่วตบะเนเป็นบางคราว(แบบถี่ๆ)ก็เท่านั้น

          “แล้ววันนี้ก็อย่ามานอนก่ายฉันล่ะ” วัฒน์พูดในขณะที่เนอาบน้ำเสร็จ และเขากำลังจะล้มตัวลงไปนอน

          “ครับๆ” เนตอบส่งๆเหมือนอย่างทุกที “ก็ไม่ได้อยากก่ายนักหรอกครับ”

          “ไม่อยาก แต่ก่ายทุกวันเนี่ยนะ” ถ้าตบหัวมันได้คงทำไปแล้ว “จะนอนดิ้นก็ให้มันน้อยๆหน่อย”

          “ครับๆๆ” เด็กหนุ่มชักเริ่มหงุดหงิด “เลิกบ่นได้แล้วครับ กะไอ้แค่ก่าย มันคงไม่ทำให้ถึงตายหรอก”

          นึกว่าตูอยากก่ายเอ็งตายล่ะ ตาแก่หนังเหนียวอย่างเอ็งมีอะไรให้พิศวาสฟะ ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากนอนกับสาวน่ารักๆดีกว่าเยอะ...อย่างน้อยก็ไม่ขอเอาลุงอย่างเอ็งแน่นอน...ไอ้ที่ตูเผลอจ้องตาค้างไปเมื่อวันก่อนน่ะ ก็แค่แอบทึ่งที่อายุก็สี่สิบแล้วแต่เอวเล็กกว่าเด็กสาวๆก็เท่านั้นเองว้อย ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษสักหน่อย

          “มันร้อน แล้วฉันก็หายใจไม่ออกนี่หว่า ตื่นมาทีไรนึกว่าผีอำ”

          ไม่ตาย แต่ตูรังเกียจเอ็งว้อย ที่ก็กว้าง จะมานอนเบียดหาพระแสงของ้าวอะไรของแกไม่ทราบ แถมยังเอาไอ้อวัยวะเบื้องล่างมาโด่งโดนฉันอีก ขยะแขยงเฟ้ย หมั่นไส้ด้วย จะตั้งอะไรนักหนา อยากอวดนักเรอะ เดี๋ยววันดีคืนดีพ่อจะหักกลางลำเข้าสักวัน คอยดู

          ทั้งคู่จ้องหน้าด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อกันอยู่ห้านาที ก่อนจะหันหลังเข้าหากัน แล้วนอนลงบนเตียงโดยไม่พูดอะไรต่อ

          จนกระทั่งถึงตอนตีห้าครึ่ง

          “ไอ้เน”

          วัฒน์ร้องโวยวายเมื่อรู้สึกอึดอัดจนสะดุ้งตื่น เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะโดนกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนดิ้นไม่ได้อีก แล้วรอบนี้ก็หนักถึงขนาดที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียง คิดๆแล้วรู้สึกเสียใจตงิดๆ ที่ดันปล่อยให้สิทธิ์ทำผนังห้องนี้เป็นแบบเก็บเสียงเพื่อเป็นของขวัญตอนแต่งงานรอบที่สองของตน ไม่อย่างนั้นแหกปากทีเดียว ทั้งบ้านคงวิ่งขึ้นมาช่วยงัดไอ้เด็กนี่ออกไปให้แล้ว

          “ไอ้ห่าเน ตื่นสิวะ”

          ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เขาหันหลังให้เน เลยไม่ต้องเอาหน้าไปซุกอกมัน แต่นั่นก็ทำให้เขาไม่รู้จะปลุกเด็กหนุ่มอย่างไรดีนอกจากเรียก ถ้าเป็นวันก่อนๆก็ใช้มือหยิกได้อยู่

          แล้วเด็กหนุ่มแสนดีก็ตื่นยากเสียเหลือเกิน ขนาดว่าตะโกนใกล้หูเสียขนาดนี้มันยังไม่รู้สึกตัวสักนิด...หรืออาจเป็นเพราะความเพลียจนถึงขีดสุดก็เป็นได้ เลยทำให้เด็กหนุ่มยังคงนอนนิ่งไร้สติ

          โอ๊ย แล้วจะทำไงดีวะ

          ในขณะที่กำลังหาทางออกจากการโดนรัด วัฒน์ก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดต้นคอ มันเข้ามาใกล้กว่าทีแรก...

          และตอนนี้มันไม่ใช่แค่ลมหายใจ...

          “เฮ้ย”

          หนุ่มใหญ่ร้องเสียงหลงเมื่อโดนริมฝีปากเด็กหนุ่มสัมผัสเข้าที่ซอกคอ เท่านั้นยังไม่พอ ลิ้นอุ่นก็ลากเลียพร้อมกับจุมพิตอย่างดูดดื่มเสียหลายดอก พอจะหันหน้าหนี ก็ไล่ตามมาไม่มีลดละและปรานี แต่ละครั้งที่ลงจูบนั้นหนักหน่วงจนช้ำ มือหนาที่คอยพันธนาการร่างกายก็เริ่มลูบไล้ซุกซนไปตามผิวกาย แรงกดขย้ำเข้าร่างจนวัฒน์รู้สึกเจ็บและเสียวสะท้านปะปนกันไป เขาพยายามเรียกสติตัวเองและฝ่ายตรงข้าม ขืนตัวออกจากการโดนลวนลาม แต่เรี่ยวแรงก็ไม่อำนวยช่วยกันสักเท่าไหร่นัก แถมเนยังจะกอดเสียแนบแน่นกว่าก่อนหน้าเสียอีก และยิ่งโดนสัมผัสเข้าตรงส่วนอ่อนไหว ไอ้ที่ขัดขืนแทบตายก็ชักจะระทวยไปกับปลายนิ้วชวนหวิวอย่างลืมตัว

          “มะ...” วัฒน์อยากจะร้อง แต่เสียงที่ออกมากลับฟังดูน่าอายเกินกว่าจะพูดให้จบ สัมผัสที่รู้สึกดีอย่างน่าประหลาดสร้างความลังเลที่จะเอ่ยห้ามไม่ให้เลยเถิดไปมากกว่านี้ และกว่าจะมานึกได้อีกทีว่าไม่ควร เจ้ามือจอมซนก็ลงไปเดินเล่นอยู่ใต้กางเกงนอนเสียแล้ว

          วัฒน์เกือบร้องออกมาตอนที่โดนจับส่วนกลางที่มักไม่ชอบทำงานตามใจอยาก เขาตกใจมาก เพราะคิดว่าเนต้องตื่นขึ้นมาแน่ๆ ลองจับเจอหางคนอื่น มันก็ต้องรู้ว่าที่อยู่ในอ้อมแขนไม่ใช่ผู้หญิงน่ะสิ

          แต่มันก็ไม่ตื่น

          มือของเด็กหนุ่มยังคงลูบไปมาทั้งๆที่ยังไม่ตื่น ผู้เป็นเจ้าของพยายามดิ้นหนีจากมือร้อน แต่อีกใจกลับรู้สึกเสียดายความสุขที่โดนปลุกปั่นในขณะนี้

          บ้าเอ๊ย ไม่นะ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็...

          “แมวจ๋า”

          ละเมอผิดคนแล้วเฟ้ย

          หลังจากได้ยินคำพูดนั่น เรี่ยวแรงที่ไม่รู้มาจากไหนก็ถาโถมโจมตีเข้าอีกฝ่ายชนิดไม่เหลือความเมตตาไว้ให้แม้แต่น้อยวัฒน์ใช้หัวกระทุ้งเข้าที่คางเนเต็มรัก จากนั้นก็แจกศอกเข้าสีข้างสุดแรง เท่านั้นยังไม่พอ แถมถีบตกลงเตียงอย่างสวยงาม
         
          “ตื่นหรือยังหา!” และก่อนที่เนจะได้โต้ตอบใดๆวัฒน์ก็ว้ากใส่แบบไม่เว้นจังหวะให้ “ไหนบอกจะไม่นอนก่ายฉันไง”

          เขาไม่บอกรายละเอียดอื่นหรอก ว่าจริงๆมันมีมากกว่าก่าย

          สีหน้าของเนเหมือนคนยังไม่ตื่นดี ท่าทางเหมือนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ารอยช้ำที่ร่างกายมาได้อย่างไร เขามองเจ้าของห้องอย่างงงๆ เกาหัวแกรกๆ หาวหวอดๆก่อนจะลงไปฟุบต่อที่พื้นพรมอย่างไม่ใส่ใจ

          วัฒน์เลิกคิ้วมองอย่างไม่แน่ใจนัก เขาเอาเท้าเขี่ยหน้าเนสองสามครั้ง แต่นอกจากจะไม่รู้สึกตัว ยังดึงผ้าห่มลงไปนอนต่อข้างล่างเสียอีก

          ท่าทางอาการหนักแล้วแฮะ

          แต่แน่นอนว่านั่นถือเป็นเรื่องดี ดูจากท่าทางแล้วคงทนอยู่เช่นนี้ได้อีกไม่นานหรอก

 

          ยามบ่ายแก่ๆของวันเสาร์ที่ช่างชวนให้รู้สึกอยากนอนตีพุงดูโทรทัศน์อยู่กับบ้านเป็นอย่างยิ่ง วัฒน์นั่งตรวจเอกสารที่ไปหอบมาจากห้องสิทธิ์บนห้องนอนของตนอย่างที่ทำอยู่ปกติ ส่วนเนยังคงหลับเหมือนคนอดนอน แน่นอนว่าเจ้านายเขาก็เหมือนกัน ปกติสิทธิ์มักจะหมกตัวอยู่ในห้อง นั่งจัดการเอกสาร ไม่ก็เข้าไปดูหุ้นในเว็บ ถ้าออกจากห้องส่วนใหญ่ก็ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนก็ไปทำสัญญากับบริษัทอื่น

          ยกเว้นตั้งแต่ตอนเย็นของวันเสาร์จนถึงวันจันทร์ที่สิทธิ์จะว่าง...

          วัฒน์รู้สึกเหนื่อยใจ เพราะวันว่างของเจ้านายนั้น อาจหมายถึงวันงานเข้าของตน และสำหรับตอนนี้ซึ่งเหมือนงานเข้าอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เขาจึงอดเพลียไม่ได้ ไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องเจออะไรบ้าง วัฒน์ได้แต่หวังว่าวันนี้สิทธิ์จะนึกอยากนอนเล่นอยู่กับบ้าน ไม่อย่างนั้นก็ต้องไปงานเลี้ยงของบริษัทหรือของเพื่อนคนไหนก็ได้

          และเขาก็สมหวัง

          “เดี๋ยวหกโมงผมมีนัดต้องไปงานวันเกิดคริตนะ”

          สิทธิ์บอกเสียงงัวเงียในขณะที่วัฒน์เข้าไปเอาเอกสารชุดที่สอง มือหนากวัดแกว่งไปมาเหมือนกำลังหาของ

          “ตอนนี้บ่ายโมงสี่สิบครับ” วัฒน์บอกอย่างรู้ทัน สิทธิ์เองก็เลิกควานหานาฬิกาปลุกข้างตัวทันที “แล้วผมจะปลุกตอนสามโมงครึ่งนะครับ จะให้เตรียมของรองท้องไว้ด้วยหรือเปล่าครับ”

          “โจ๊กละกัน”

          หนุ่มใหญ่รับคำก่อนจะหอบเอกสารกลับห้อง และตอนนี้ไอ้เด็กฝึกงานแสนขยันมันก็ยังนอนอุตุไม่ยอมตื่นเสียที ทั้งๆที่เมื่อคืนก็นอนพร้อมกันแท้ๆ เขาไม่อยากสนใจเท่าไหร่ วัฒน์เอาเอกสารที่น่าจะสำคัญเอาไว้ในลิ้นชักและล็อกกุญแจ จากนั้นก็เดินลงชั้นล่าง ตรงไปยังห้องครัว

          “พี่นางครับ”

          “อ้าว ว่าไง นึกว่าลืมเวลากินข้าวจนสลบคาโต๊ะทำงานแล้วนะจ๊ะ” หญิงร่างท้วมละจากงานแกะกระเทียมบนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมที่วางอยู่กลางห้องครัว หันมาเอ่ยแซววัฒน์ “เอ้าๆ มานั่งตรงนี้เลย อาหารพี่เย็นชืดหมดแล้ว”

          เขาหัวเราะเสียงเจื่อน ก่อนจะยอมนั่งลงบนโต๊ะอย่างเสียมิได้ “รบกวนพี่นางช่วยทำโจ๊กให้คุณสิทธิ์ทีนะครับ คิดว่าคงประมาณสี่โมงได้”

          “จ๊ะ วันนี้คงไปออกงานที่ไหนอีกล่ะสิ” หญิงวัยห้าสิบเอ่ยอย่างรู้ดี “เอ้อ แล้วพ่อเนเขาล่ะ พี่ยังไม่เห็นเขาตั้งแต่เช้าแล้วนะ”

          ได้ยินชื่อ คิ้วก็กระตุกขึ้นทันที

          “นั่นสิอาวัฒน์ พี่เนเขาไปไหนเหรอคะ” แมวที่นั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันซึ่งช่วยนางแกะกระเทียมก็เอ่ยขึ้นมาบ้าง สีหน้าสนอกสนใจแบบไม่ปิดบัง “หรือยังไม่ตื่นคะ งั้นเดี๋ยวหนูไปปลุกให้ก็ได้นะ”

          “พูดอะไรของเราน่ะ เป็นสาวเป็นนาง เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะ” นางติก่อนที่วัฒน์จะให้คำตอบ

          “ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา ถ้ายังไง แม่ก็ให้พี่เนเป็นเจ้าบ่าวหนูก็ได้นะคะ อิๆ”
         
          รับรองว่าถ้าขึ้นไปปลุก พี่นางได้ลูกเขยเป็นไอ้เนแน่นอน...

          “หยุดเลย ถึงอยากจะให้เราเป็นฝั่งเป็นฝายังไง แต่ไอ้เรื่องไม่งามแบบนี้ ไว้รอเราสามสิบก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน”

          “เอ๋ แม่ใจร้ายอะ กว่าจะถึงตอนนั้นพี่เนแต่งงานมีลูกไปแล้วมั้ง” เชื่อเถอะแมว...อาว่าอย่างไอ้เด็กผีนั่น มันคงเป็นเอดส์ตายก่อนถึงสามสิบแน่ ไม่อย่างนั้นก็คงโดนยิงตายเพราะเผลอไปเอาแฟนชาวบ้านแหงมๆ “แหม แต่นานๆทีจะมีคนหน้าตาดีมาอยู่บ้านเรานี่นา พี่เนออกจะน่ารักน่าฟัด...จะว่าไปคนก่อนก็ใช้ได้น้า เสียดายไม่น่ารีบลาออกเลย~”

          “เลิกพูดเรื่องไร้สาระ แล้วก็ตั้งใจทำงานได้แล้ว ดูอย่างเอมสิ ไม่เห็นจะชอบพูดมากเหมือนอย่างเราเลย” นางพูดถึงสาวเจ้าเนื้อที่ขะมักเขม้นกับการแกะกระเทียมเต็มที่โดยไม่สนใจว่าวัฒน์มานั่งข้างๆเธอด้วยซ้ำ “...ว่าแต่วัฒน์ เธอจะกินให้หมดเลยหรือ เดี๋ยวก็ไม่เผื่อเหลือเนหรอก”

          เมื่อเห็นหนุ่มใหญ่ซัดข้าวเป็นชามที่สองเลยเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะปกติคนๆนี้ไม่เคยกินเกินครึ่งจานด้วยซ้ำ ไม่ว่าเธอจะทำของโปรดให้ก็ตาม

          “ก็ผมหิว” จริงๆท้องจะแตกอยู่แล้ว แต่เพราะนึกคั่งแค้นใครบางคนเลยเผลอกินเกินจำกัดตัวเอง “อีกอย่าง เดี๋ยวเย็นนี้ก็ต้องไปงานเลี้ยงเพื่อนคุณสิทธิ์ด้วย ยังไงเนก็คงได้ไปกินที่งานนั่นล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเด็กนั่นหรอกครับพี่นาง”

          ปล่อยให้มันหิวจนตายได้เลยก็ดี ผมรับผิดชอบเป็นคนโยนศพมันลงอ่าวเอง

___________________________
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านก๊าบ >w< ตอนนี้เนก็ใกล้ละ ฮา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 5 (05/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 05-05-2015 10:41:04
เขม่นกันเข้าไปปป ระวังจะได้กันไม่รู้ตัวนะ ก๊ากกกก :m20: รอตอนต่อไปจ้า เป็นกำลังใจให้เสมออ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 5 (05/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 05-05-2015 11:21:57
เกือบเคลิ้มแล้วนะ



จะรอดได้อีกนานแค่ไหนละเนี่ย



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 5 (05/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-05-2015 11:30:39
ขาดเรื่องแบบนั้นไปนี่เหมือนคนอดข้าวอดนอนเลยนะเน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 5 (05/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 05-05-2015 11:44:04
 :hao7: :hao7:
เคะลุงน่ารักเสมอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 06-05-2015 10:36:01
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 6


          เนลืมตาตื่นขึ้นอย่างงงๆ เขากำลังสงสัยว่าทำไมตัวเองมานอนบนพรมเสียได้ พอลุกขึ้นดูก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลย

          “อืม สบายจังแฮะ”

          เมื่อคืนเขาฝัน แต่พอตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย อย่างเดียวที่รู้คือรู้สึกดีมาก เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้วนับตั้งแต่ปฏิญาณตนว่าจะงดกิจกรรมใต้ผ้าห่ม(ซึ่งอันที่จริงมันก็ผ่านมาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น) เนลุกขึ้นเดินตาพริ้มเข้าห้องน้ำอย่างไม่คิดอะไร พยายามรำลึกถึงความรู้สึกซาบซ่านให้คงอยู่กับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

          “ตื่นแล้วเรอะ”

          แล้วก็วูบลงทันทีที่ได้ยินเสียงชวนห่อเหี่ยวหัวใจนั่น

          “ครับ” เนพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ เขาเหลือบมองไปยังนาฬิกาติดกำแพงบอกเวลาบ่ายสองสิบสี่ “ทำไมคุณไม่ปลุกผมล่ะ”

          “มันใช่หน้าที่ฉันหรือ” วัฒน์สวนกลับ ไม่หันหน้าไปมองเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าเหมือนคนใกล้ตายของเขา...ไม่น่าฝืนยัดเข้าไปเล้ย... “คนที่รู้ตัวว่ามาทำงาน ก็ควรจะรับผิดชอบต่อตัวเองด้วยไม่ใช่หรือไง”

          ตอกกลับซะเจ็บจี๊ดไปถึงเครื่องใน แล้วใครมันจะยอมฟะ

          “แต่คนที่รู้จักไอ้สิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบก็น่าจะแสดงให้เห็นบ้างนะครับ หรือจริงๆแค่ดีแต่ปาก สุดท้ายก็ไม่ได้รู้จักความรับผิดชอบจริงๆก็ไม่รู้”

          อยากเอามันไปถ่วงทะเล ณ บัดนี้เลยว้อยยย

          “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว” วัฒน์บอกอย่างรำคาญ “เย็นนี้นายกับฉันต้องตามไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนคุณสิทธิ์”

          ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นงานเลี้ยง เด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าห้องน้ำแทบมองไม่ทัน

 

          วัฒน์อยากจะเอาโซ่ล่ามเนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนตื่นเต้นไม่หยุดเหมือนหมาเจอของเล่นใหม่ ตั้งแต่มาถึงห้องโถงในโรงแรมซึ่งเป็นที่จัดงาน เนก็เอาแต่มองไปมองมาไม่หยุด

          “ระวังมารยาทหน่อย” วัฒน์กระซิบพร้อมกับถีบเข้าที่ข้อพับหัวเข่าจนเนเกือบคว่ำไปนอนบนพื้น

          “ฮะๆๆ ไม่เอาน่าอาวัฒน์ นี่งานเลี้ยงนะ ไม่ใช่งานทางการอะไรสักหน่อย” สิทธิ์หัวเราะเพราะนึกว่าลูกน้องกำลังหยอกกัน “วันนี้เต็มที่ได้เลยเน งานนี้ของเพื่อนฉัน ทำตัวตามสบายได้เต็มที่”

          คำประกาศิตปล่อยวิญญาณร้ายชัดๆ!

          พอสิทธิ์อนุญาต เนก็วิ่งโร่ไปที่โต๊ะวางอาหารที่ยาวเป็นทิวแถวทันที ที่จริงนี่ก็โรงแรมเจ้าของงาน แถมคนอื่นๆเองก็สนุกกันเต็มที่ยิ่งกว่าปาร์ตี้ส่วนตัวในบ้านเสียอีก กลายเป็นว่าวัฒน์ดูแปลกไปทันทีเมื่อเดินอยู่ในงาน

          หนุ่มใหญ่ยืนพิงกำแพงเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ใกล้ประตูทางเข้า เขามองสิทธิ์ซึ่งกำลังเฮฮากับเจ้าของงานได้ที่ ก่อนจะหันไปมองไอ้เด็กผีที่อยู่ห่างไปไม่ใกล้ ท่าทางกำลังมีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน แน่ล่ะ มีสาวล้อมหน้าล้อมหลังเป็นความฝันของมันเลยนี่นะ

          พอเห็นว่าในงานไม่มีสิ่งผิดปกติและเนไม่น่าจะทำเรื่องไม่ดีต่อสิทธิ์(ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่คิดจะทำอยู่แล้วด้วย)วัฒน์จึงตัดสินใจไปดูลาดเลาข้างนอกแทน

          “แหม เป็นน้องคุณสิทธิ์หรือจ๊ะ น่ารักไม่หยอกเลยนะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยเสียงนุ่ม นิ้วเรียวงามเลื้อยไล้ตามใบหน้าเด็กหนุ่ม ดวงตากลมคู่สวยจับจ้องราวกับเสือสาวที่หิวกระหาย

          “เปล่าครับ ผมเป็นรุ่นน้องน่ะครับ” ไม่ว่าเปล่ามียิ้มหวานทำตาหยาดเยิ้มให้คนมองพากันใจละลาย “ผมเป็นผู้คุ้มกันคุณสิทธิ์น่ะครับ”

          พูดให้เวอร์นิดเพื่อความดูดีเป็นงานถนัดนักล่ะ

          “เอ้าๆ จีบกันใหญ่เลยนะ” สิทธิ์แซวเพื่อนสาวลั่น “เดี๋ยวนี้กินเด็กกันแล้วเรอะ”

          “แหม นิดหน่อยจะเป็นไรไปยะสิทธิ์” สาวผมสีออกม่วงยาวเคลียไหล่พูดก่อนจะเบ้ปากให้ เธอสะบัดกระโปรงชุดราตรีสีน้ำเงินใส่เพื่อนหนุ่ม ก่อนจะหันไปโอบคอเนแล้วทำตาหวานใส่ “ใช่ไหมจ๊ะน้องเน”

          “ใช่ครับพี่หญิง” เด็กหนุ่มยิ้มระรื่นพร้อมกับโอบเอวกลับ

          งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อจนเกือบห้าทุ่ม เนก็ยังคงรื่นเริงไปกับเหล่าสาวๆที่รายล้อมเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา และกว่าจะมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่สังเกตเห็นว่าวัฒน์ไม่อยู่ในงาน

          ตูมาทำงานนี่เพราะต้องการหาหลักฐานความชั่วจับผิดตาแก่นั่นนี่หว่า ปล่อยให้คลาดสายตาได้ไงกันวะ

          เนขอตัวออกไปจากสาวรุ่นพี่อย่างเสียดาย ตอนนี้คนน้อยมากแล้ว ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนที่สนิทๆกันเท่านั้น

          “เน”

          เด็กหนุ่มหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ก่อนจะยิ้มกลับ “ครับคุณสิทธิ์”

          “เป็นไง ท่าทางสนุกล่ะสิ” ชายหนุ่มหัวเราะพร้อมกับตบบ่า ใบหน้าแดงเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ “แบบนี้ค่อยสมกับเป็นนายหน่อย ฉันเป็นห่วงนายนะ เห็นตั้งแต่มาทำงานท่าทางเหมือนคนอมโรค”
         
          “ฮะๆๆ งั้นหรือครับ” เด็กหนุ่มยังคงยิ้มให้ แต่ในใจอยากจะระเบิดออกมาเดี๋ยวนี้เลย

          แหงล่ะครับ ก็ไอ้ตาลุงหน้าบูดนั่นหาเรื่องปลุกผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันตื่นทุกวัน แถมใช้ให้ผมทำแต่งานหน้าเบื่อตั้งแต่เช้ายันเย็น จะทำอะไรทีก็จ้องมองจนแทบกระดิกไปไหนไม่ได้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังห้ามไม่ให้ผมเที่ยวออกไปไหนอีก ผู้หญิงก็ห้ามด้วย นี่ผมยังสงสัยตัวเองอยู่เลยว่ามาทำงานเป็นผู้ติดตามคุณ หรือมานั่งวิปัสสนากรรมฐานขั้นสูงในวัดก็ไม่รู้ เล่นเอาผมเหี่ยวแห้งจะตายแหล่มิตายแหล่อยู่แล้ว แล้วทั้งๆที่ห้าม แต่กลับหาเรื่องแกล้งเอาผู้หญิงมาล่อหน้าล่อตาเหมือนอยากให้ผมตบะแตก อย่างนั้นล่ะ นี่ดีนะว่าผมเป็นคนมีความอดทนสูง ไม่อย่างงั้นผมคงตกหลุมพรางตาแก่นั่นแล้ว

          “เออ ไหนๆก็มาทำงานได้เกือบอาทิตย์แล้ว ฉันมีอะไรจะถามนายหน่อย” สิทธิ์ชวนเนนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ “นายทำงานกับอาวัฒน์เป็นไงมั่ง”

          คุณสิทธิ์รู้มั้ยว่าตาแก่นั่นมันจ้องจะเล่นงานคุณนะ!!!!มันคิดจะฮุบกิจการทรัพย์สินของคุณอยู่นะ

          อยากพูดแบบนั้นจะตายอยู่แล้ว แต่พูดปากเปล่ามันจะไปน่าเชื่ออะไร

          “อาวัฒน์แกค่อนข้างเข้มงวดเรื่องงาน นายอาจจะรู้สึกกดดันบ้าง แต่จริงๆเขาไม่ได้คิดร้ายอะไรหรอกนะ”

          “คุณสิทธิ์รู้จักกับคุณวัฒน์มานานแล้วหรือครับ” อยากจะค้านใจจะขาด แต่พอเห็นเจ้านายรับรองเสียดิบดีก็อดถามไม่ได้

          “เจอหน้ากันตั้งแต่เกิดแล้ว” สิทธิ์หัวเราะ “พ่อของอาวัฒน์เขาทำงานกับพ่อฉัน แล้วพอพ่ออาวัฒน์เกษียณงาน อาวัฒน์เขาก็มาดูแลงานส่วนนี้ต่อน่ะ เห็นดุๆอย่างนั้นแต่จริงๆใจอ่อนจะตาย ตอนเด็กๆน่ะ ฉันชอบขอให้อาวัฒน์แอบพาฉันหนีเที่ยวอยู่เรื่อยเลยนะ”

          “งั้นหรือครับ” หน้าไม่ให้ว่าเป็นแบบนั้นเลยล่ะครับ...จากที่ผมโดนอยู่น่ะ “เขาดูจริงจังกับงานมากจนผมเผลอจริงจังไปด้วยเลยล่ะครับ”

          “ฮ่าๆ แล้วอย่าลืมปลดปล่อยบ้างก็แล้วกัน ฉันเป็นห่วง” ชายหนุ่มตบบ่าอีก เล่นเอาแทบหัก “ฉันรู้น่าว่าอย่างนายอยู่ห่างผู้หญิงไม่ได้ ถ้าเลิกงานก็ไปบ้างเถอะ ไม่ต้องจริงจังกับงานมาก”

          “แต่ว่ามันจะดีหรือครับ” ถึงเจ้านายอนุญาตแต่ถ้ามันทำให้เสียหายถึงสิทธิ์ เขาก็ไม่เอาด้วยหรอก

          “ทำไมล่ะ ก็ฉันฝากบอกอาวัฒน์ไปแล้วนี่ว่าให้นายออกไปเที่ยวได้”

          หา!

          “อะไรนะครับ”

          “หืม อาวัฒน์ไม่ได้บอกนายหรือ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

          เนนิ่วหน้า สายตาจ้องมองรุ่นพี่ด้วยความสงสัยอยู่สามวินาที ก่อนที่จะเริ่มรู้ตัว

          ไอ้แก่นั่น!!!!! มันกล้าหลอกให้ฉันอดอยากผู้หญิงเรอะ!!!!!

          “อ้อ บอกแล้วล่ะครับ แต่พอดีผมมัวแต่ทำงานเลยลืม” เนยิ้มตอบ ทั้งๆที่ข้างในกำลังเดือดพล่าน

          “อะไร ทำงานไม่ทันไรติดโรคบ้างานจากอาวัฒน์แล้วรึ” สิทธิ์หัวเราะก่อนจะกระดกเบียร์ดื่ม “เอาเถอะ ได้ยินอย่างนี้ฉันก็เบาใจ ไม่ต้องห่วงว่านายจะตายคางานเพราะขาดผู้หญิงล่ะนะ”

          ครับ ไม่ต้องห่วง...ผมไม่ตายง่ายๆหรอก...

          และรับรองได้เลยว่าผมจะมาทำงานแทนตำแหน่งตาแก่นั่นด้วย!!!

          “อ้าว อาวัฒน์ ไปไหนมาน่ะ”

          เจ้าของชื่อเดินมาจากฝั่งทางเข้าออกห้องโถง เขาแสดงสีหน้ารังเกียจเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะกลับเป็นสีหน้านิ่งอย่างที่มักเป็นเวลาเจอหน้าสิทธิ์ แต่ตาจ้องมาหาเนแบบอาฆาตมาดร้ายมาก

          และแน่นอนว่าเนเองก็จ้องกลับเช่นกัน และรุนแรงกว่าด้วย เพราะเพิ่งได้รู้ความจริงที่น่าแค้นมาแล้ว

          “ออกไปเดินรับลมน่ะครับ” เขาตอบตามจริง วัฒน์ไม่ถนัดงานแบบนี้สักเท่าไหร่นัก ถ้าไม่นั่งเงียบๆจนกลืนหายไปกับบรรยากาศ ก็จะออกไปสูดอากาศข้างนอกแก้มึน

          “ผมจะกลับแล้ว” สิทธิ์บอกก่อนจะลุกขึ้นหาว แล้วมองนาฬิกา “เพลินจนลืมเวลาเลย”

          วัฒน์ไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้ารับ แล้วเดินตามสิทธิ์ทันที ไม่สนใจคนที่มาด้วยแต่อย่างใด

          เนปรายตามองหนุ่มใหญ่ด้วยสีหน้าหมั่นไส้เต็มที่ ก่อนจะทำใจลุกตามหลังไปติดๆ พยายามระงับความแค้นที่สั่งสมมานานแรมอาทิตย์ที่กำลังจะระเบิดอยู่รอมร่อ

 

          “มีอะไร”

          วัฒน์ถามอย่างหงุดหงิด เขาไม่รู้ว่าทำไมเนถึงเอาแต่จ้องเขานัก และมันก็ไม่ใช่สายตาที่ชวนให้รู้สึกดีแต่อย่างใด ดูอย่างไรก็เหมือนเนกำลังคิดวางแผนสังหารเขายามเผลออยู่ชัดๆ

          มันจะมาไม้ไหนของมันอีก

          “ไม่มีอะไร”

          และเนก็ตอบแบบนี้มาตลอดทุกทีที่ถาม

          ทำเป็นไม่รู้เรื่องเก่งนักนะ

          “ท่าทางในงานจะสนุกเลยเถิดเหลือเกินนะ” วัฒน์เริ่มแขวะตามพิธี...จริงๆเขาก็หาเรื่องแขวะเด็กหนุ่มอยู่ทุกวันนั่นล่ะ หวังไว้ว่ามันจะช่วยให้เด็กผีนี่ทนไม่ไหวเผยธาตุแท้ออกมาสักที

          เนนิ่วหน้า ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเล่นจุดนี้ จุดที่เขารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว และกำลังกริ้วสุดๆด้วย

          “สนุกบ้างจะเป็นไรไปล่ะครับ คุณสิทธิ์เองก็อนุญาตด้วย” เนตอบเสียงนุ่ม โดยหันหลังไปอีกทางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นหน้าเขาในตอนนี้ “แค่ในงานนี้มันคงไม่ทำให้คุณสิทธิ์เสียหน้าหรอกครับ”

          วัฒน์เหล่กลับด้วยความขุ่นเคืองไม่แพ้กัน อุตส่าห์ทำให้แห้งเกือบตาย กลับฟื้นคืนมาได้เพียงแค่เจองานเลี้ยงครั้งเดียว

          “งั้นก็อย่าให้มันตลอดละกัน” หนุ่มใหญ่บอกน้ำเสียงรำคาญพลางถอดเสื้อนอกโยนลงตะกร้า ใจจริงอยากปาใส่หัวเพื่อนร่วมงานมากกว่า แต่เนื่องจากไม่แรงเท่าไหร่ อย่างดีก็คงทำให้โมโหมากกว่า “เดี๋ยวมันจะเสียถึงคุณสิทธิ์”

          เนได้ยินก็หัวเราะขึ้นจมูก

          “นั่นเพราะไม่อยากให้เสียหายถึงคุณสิทธิ์จริงๆ หรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่หรือครับ”

          หันกลับมามองแทบไม่ทัน

          “คุณสิทธิ์ไม่ได้ห้ามผมเรื่องผู้หญิง แต่คุณปิดผม” เนเริ่มใส่อย่างอารมณ์เสียพร้อมกับเดินเข้าไปเหมือนจะเอาเรื่อง

          ถึงจะโดนจับได้แล้ว แต่วัฒน์ก็ไม่มีท่าทีตื่นกลัวแต่อย่างใด เขายืนประจันหน้ากลับอย่างไม่กลัวเกรงด้วยซ้ำ วัฒน์ทำหน้าเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่รู้สึกรู้สาต่อสิ่งที่ทำลงไปแต่อย่างใด

          “ขนาดห้ามยังไปเอาเลขาที่บริษัท ถ้าบอกนายมิเล่นผู้หญิงทุกคนที่เจอเลยเรอะ”

          “ผมไม่ใช่คนแบบนั้น” รู้ดีนักนะตาแก่ “แต่ที่คุณทำน่ะ มันแกล้งผมชัดๆ”

          “ทำไมฉันจะต้องแกล้งนายไม่ทราบ” ถ้าแกยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆก็ไม่ต้องทรมานแล้ว หรือถ้าให้ดีเปิดปากว่าเจ้านายแกกำลังวางแผนอะไรอยู่ด้วยก็ดี “ฉันก็แค่ระวังภัยให้คุณสิทธิ์เอาไว้ก่อน ถึงคุณสิทธิ์จะให้นายทำตามใจชอบ แต่นายก็ควรจะคิดถึงว่าสิ่งที่นายทำอาจจะทำให้คุณสิทธิ์เสียหายได้ ฉันถึงห้ามไม่ให้นายไปมั่วกับผู้หญิงที่ไหนไง...แม้แต่คนใช้ในบ้านก็ไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ใคร่ของนายนะ”

          เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างในหัวขาดผึง...

          “งั้นถ้าไม่ใช่ข้างนอก แล้วก็ไม่ใช่กับผู้หญิงก็โอเคสินะ”

          “หืม”

          กว่าที่วัฒน์จะส่งเสียงจบ เขาก็พบว่าตัวเองลงไปนอนอยู่บนเตียงแล้ว

          โดยมีเนคร่อมเขาอยู่ มองด้วยสายตาโหดเหี้ยมและหื่นกระหายแบบไม่ปิดบัง

____________________________

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน/เมนท์นะก๊าบ \=w=/

และตอนนี้ เขากำลังจะได้กันโดยไม่รู้ตัว(?) ฮา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 06-05-2015 10:47:13
รอออออ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-05-2015 11:31:59
ค้างงงงงง >O<
คนแต่งใจร้ายมาก มาตัดตอนนี้ได้ยังไงงง
มาอัพต่อไวๆ เลยน้าาา
#ฉากที่รอคอยมาถึงแล้ว หึๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: chard ที่ 06-05-2015 11:40:19
รออ่านตอนต่อ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 06-05-2015 13:05:41
ลุงจะโดนกด ๆ ๆ ๆ ๆ  :z10:

ลุ้นอ่ะ มาต่อเร็ว ๆ น้า ใจจะขาด มโนไปไกลแล้วเนี่ย 555  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 06-05-2015 13:17:01
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 06-05-2015 14:02:16
อ้ากฮว๊าก!!!!!!!!!! ตอน7  ตอนที่ 7 รีบมาเลย ค้างอย่างแรง :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 06-05-2015 14:47:17
ลุงจะเสร็จเนรึเปล่า เอร้ยยยย อย่าหักมุม อย่าหักมุม อย่าหักมุม (ภาวนาให้เนกดวัตน์) :oo1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lovekodak ที่ 06-05-2015 14:47:35
เรื่องนี้อ่านได้เพลินดีมากๆเลยค่ะ ชอบทั้ง เน ที้ง วัฒเลย แต่สงสัยอย่างถ้าแก่แต่ยังน่าปล้ำนี่ ไม่น่าให้ออกจากงานนะเพราะเท่าที่อ่านทำงานเก่งแทบแทนกันได้แบบไม่ต้องคอยสอนงาน หรือคอยตรวจสอบอีกรอบแบบนี้ปรกติไม่ให้ออกกนายๆ หรอกมักคอยดึงตัวกันเอาไว้เลย แต่ถ้าหาคนมาคอยช่วยงานนั่นก็เป็นอีกเรื่องน่ะ   o13
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-05-2015 17:16:04
 :hao6: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 06-05-2015 17:43:10
ตอนหน้า น่าลุ้นมั่กๆๆๆ เค้าจะได้กินกันม้ายยย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 06-05-2015 18:05:17
เสร็จๆๆๆๆ เอ้ยย ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-05-2015 00:35:06
ตัดตอนได้น่าตีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-05-2015 02:14:10
โดนนน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 6 (06/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 07-05-2015 08:05:31
มาลุ้นๆๆๆๆๆๆ
อยากอ่านต่อจังเลย รอจร้าา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 7 (07/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 07-05-2015 09:34:19
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 7


(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/11004237_961970167148139_1876679185_n_zpsuwvt7qou.jpg)
ภาพปลากรอบ

          วัฒน์กำลังตะลึงกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ เขานึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี และไม่แน่ใจว่านี่เป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานสำหรับชายวัยสี่สิบอย่างเขาหรือเปล่า...เขาโดนผลักลงเตียงโดยที่เหลือแค่กางเกง ไอ้เด็กผีมานั่งคร่อมกลางตัวเขา จับมือขึงไว้กับที่นอน สภาพเหมือนพร้อมทำมิดีมิร้ายได้ทุกเมื่อ ผิดกันนิดเดียวก็ตรงที่ว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน และเขาก็แก่เกินกว่าจะดูน่าปล้ำ

          “งั้นถ้าไม่ใช่ข้างนอก แล้วก็ไม่ใช่กับผู้หญิงก็โอเคสินะ”

          ไม่ใช่ข้างนอก...ก็หมายถึงในบ้าน และถ้าไม่ใช่ผู้หญิง...

          อย่ามาล้อเล่นนะโว้ย! นึกว่าฉันจะตกหลุมพรางแกเรอะ

          “จะทำบ้าอะไร” เขาขึ้นเสียงอย่างหงุดหงิด “ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะไปอาบน้ำ”

          “จะรีบอาบน้ำไปทำไมล่ะครับ เดี๋ยวก็เลอะอยู่ดี” ไม่ว่าเปล่ามีใช้มือที่ว่างเลื้อยไปทั่วหน้าตั้งแต่หน้าผากจรดเคราปลายคาง และจากสัมผัสที่ไม่มีสะดุดแม้เจอรอยตีนกา หรือเคราดกๆบนหน้า ทำให้วัฒน์เริ่มผวา ดวงตากรุ้มกริ่มที่จับจ้องดูเร่าร้อน...แต่คนมองรู้สึกสยองขวัญและหนาวดึ๋งไปถึงเครื่องใน

          โอเค ท่าทางมันจะไม่ได้แกล้งเราเล่นแล้วแฮะ

          หนุ่มใหญ่ตรวจสอบสภาพของอีกฝ่ายอย่างฉับไว กลิ่นเหล้าหึ่งแสดงว่าดื่มมาเยอะมาก แน่นอนว่าสมองคงทำงานผิดไปจากปกติ และถึงวันนี้มันจะลวนลามผู้หญิงไปทั่ว แต่มันก็ไม่มีโอกาสได้ปลดปล่อยอาวุธสุดท้ายของบุรุษสำแดงเดช และนั่นหมายความว่ามันกำลังหาที่ปล่อยพลัง...ซึ่งดูจากอาการแล้ว คงไม่สนเรื่องหางแล้วเป็นแน่ ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าแล้วยิ่งน่ากังวลเข้าไปใหญ่

          “ฉันไม่เล่นด้วยนะโว้ย” วัฒน์ชักเห็นท่าไม่ดี น้ำเสียงหลุดสั่นอย่างลืมตัว “ลุกออกไปเดี๋ยวนี้...เฮ้ย”

          ปกติก็เกลียดตัวเองที่แรงน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เริ่มเกลียดสุดๆเลยว้อย

          แค่โดนอีกฝ่ายนอนทับ เขาก็แทบจะขยับไม่ได้อยู่แล้ว นี่มันเล่นใช้กำลังเต็มพิกัดจะไปสู้ยังไงไหว ขนาดเขาขัดขืนเต็มที่ แต่กลับโดนเด็กหนุ่มใช้แค่มือซ้ายข้างเดียวกดแขนทั้งสองเสียจนขยับไม่ได้ ขาทั้งสองพยามก่ายหมายจะถีบ แต่เนนั่งบนท้อง เขาเลยก่ายไม่ถึง

          “อย่าใจร้อนสิครับ” มาหัวเราะหึๆอยู่บนตัวฉันแบบนี้จะให้นอนใจเย็นอยู่ได้เรอะ ไอ้หื่น “ก็คุณเป็นคนบอกเองว่าห้ามไปเที่ยวข้างนอก แถมห้ามผมไม่ให้มีอะไรกับสาวใช้ที่นี่อีก...ผมก็เห็นทางออกเดียวที่ดีทั้งต่อตัวผมและคุณสิทธิ์...ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าผมแล้วไง”

          มันเมาสติขาดถึงขนาดจะปล้ำตาแก่อย่างฉันเลยเรอะ!!!!!!

          “ลุกเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นนายได้เสียใจไปตลอดชีวิตแน่!!” โอเค ส่วนหนึ่งฉันพูดเพื่อตัวเอง แต่อีกส่วนก็เพื่อคาสโนว่าบ้าผู้หญิงอย่างแกด้วยนะเฟ้ย ขืนใครรู้ว่าแกลงแดงจนหน้ามืดปล้ำลุงแก่อย่างฉัน รับรองว่าแกได้อายจนอยากมุดหนีลงดินแน่

          “ผมไม่เห็นคิดงั้น” แหงมล่ะ แกเมา แกยัวะ แกกระสันแทบตายแล้วนี่ จะมานึกหาเหตุผลอะไรออกอีกนอกจากรูซักรู “มีอะไรกับผู้ชายก็คงไม่น่าเลวร้ายอะไรหรอก จริงไหมครับ”

          เลวร้ายว้อย!! เลวร้ายโคตรๆสำหรับฉัน!

          และก่อนที่วัฒน์จะได้กล่อมห้ามต่อ เขาก็โดนอีกฝ่ายปิดปากเสียก่อน วัฒน์ตกใจจนค้างเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจูบเข้ามา แถมยังสอดลิ้นเข้ามาเร็วเสียจนไม่ทันตั้งตัวด้วย

          อ๊าก!! มันจะต่อจากเมื่อเช้ารึไงวะ!!!

          วัฒน์กำลังตกใจไม่รู้จะทำยังไงดี ชีวิตนี้ก็ไม่เคยโดนใครปล้ำมาก่อนซะด้วย ขัดขืนเต็มที่แต่ก็สู้แรงของคนหนุ่มกว่าไม่ได้เลย ลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาก็ก่อกวนสมาธิเขาจนกระเจิงไปหมด

          จูบเก่งดี...

          ไม่ใช่แล้วว้อย!!!

          วัฒน์เผลอเคลิ้มไปกับรสจูบ เขานึกด่าตัวเองว่ารู้สึกดีไปได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะจูบเก่งแค่ไหน แต่ไอ้ตรงหน้ามันก็ตัวผู้วัยฉกรรจ์ดีๆนี่เอง แถมยังเป็น(เข้าใจว่าเป็น)ศัตรู ซึ่งเขาไม่คิดอยากชอบมันแน่ แม้จะแอบติดใจเทคนิคมันแค่ไหนก็ตาม
         
          “โอ๊ย”

          เนผละออกจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มือที่ว่างเลื่อนไปจับปากของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เลือดสีสดเลอะมือไปทั่ว

          “ฉันบอกแล้วไงว่าให้ออกไป” วัฒน์ว่าไปหอบไปหน้าแดงก่ำ เขาหวังว่าที่กัดลิ้นคงจะทำให้อีกฝ่ายได้สติ

          แต่เขาคิดผิด...อย่างแรง

          เนจ้องหน้าวัฒน์ ซึ่งดูดุดันกว่าเดิมจนวัฒน์กลัว และเพียงไม่กี่วินาที เนก็ทำในสิ่งที่วัฒน์กลัวที่สุด

          “เฮ้ย!! หยุดนะ”

          วัฒน์ร้องโวยวายเมื่ออีกฝ่ายปลดสายเข็มขัดของเขาแล้วเอาขึ้นมารัดข้อมือทั้งสอง และผูกไว้กับโครงเหล็กของหัวเตียง ดูท่าทางจะไม่สาแก่ใจถึงได้ปลดของตัวเองมาพันเพิ่มจนแน่น

          “ปล่อยนะโว้ยไอ้ห่าเน!!” วัฒน์ตะโกนลั่นเหมือนกำลังเห็นวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ตอนนี้แหกปากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ เพราะเสียงในห้องดังถึงแค่ห้องของสิทธิ์ และวันนี้สิทธิ์ก็เมามาก ป่านนี้คงหลับเป็นตาย เพราะไม่อย่างนั้นก็ควรจะวิ่งมาเคาะประตูห้องเขาตั้งนานแล้ว “อย่าทำบ้าๆกับฉันนะ”

          มีหรือที่อีกฝ่ายจะฟังเสียงเขา ตอนนี้เนไม่ต่างอะไรกับหมาบ้าสติหลุดแล้ว

          เด็กหนุ่มจัดการถอดกางเกงวัฒน์ แน่นอนว่าเขาดิ้นเต็มที่ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายถอดกางเกงทำบากหน่อยก็เท่านั้น แต่ท่าทางเนจะไม่อยากเสียเวลา ถึงได้ถอดทีเดียวพร้อมกันทั้งนอกใน และทันทีที่ปราการด่านสุดท้ายทลายลงไปกองอยู่ปลายเตียง เนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการแยกขาแล้วสอดใส่แบบไม่มีการอารัมภบท หรือแม้แต่จะเอ่ยเตือน

          “โอ๊ย!”

          รอบนี้เสียงร้องลั่นเป็นของหนุ่มใหญ่ ความเจ็บวาบขึ้นทั่วร่างจนเหมือนจะร้าวเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งอีกฝ่ายพยายามดึงดันเข้ามาเขาก็ยิ่งเจ็บเป็นทวีคูณจนน้ำตาเล็ด

          “ไอ้ห่าเอ๊ย เอาออกไปนะ! เอาออกไปเดี๋ยวนี้” วัฒน์กระชากเสียงลั่น ขืนตัวหนีสุดแรง แต่มิอาจต้านแรงหิวกระหายของเด็กหนุ่มได้ รังแต่จะทำให้เขาเจ็บมากกว่าเดิม “ไม่นะ ปล่อยฉัน!”

          สิ่งที่เนทำคือกระทุ้งตัวเข้าไปสุดแรงแทน

          วัฒน์ถึงกับร้องลั่น ยิ่งอีกฝ่ายพยายามดึงดันเข้ามามากเท่าไหร่ตัวเขาก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น ดูเหมือนการตะคอกกลับยิ่งทำให้ผลลัพธ์ตรงข้าม วัฒน์รู้สึกเจ็บ อึดอัดและร้อนไปหมด น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลทะลักออกมาราวกับจะช่วยระบายความเจ็บที่ถาโถม เรี่ยวแรงก็หดหายลงจนไม่เหลือจะต่อต้านอีกต่อไป

          “ได้โปรด...หยุดเถอะ...ฉันเจ็บ...”

          เนหยุดชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงสั่นระริกที่เอ่ยขอร้อง ดวงตาเรียวจ้องมองใบหน้าเพื่อนร่วมงานซึ่งกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางหอบกระเส่า ใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำตาที่ไหลไม่หยุดเหมือนก๊อกแตก และกำลังมองมาที่เขาราวกับกำลังอ้อนวอนขอให้หยุดการกระทำโหดร้ายเสียที

          เด็กหนุ่มโน้มหน้าลงไปใกล้หู ก่อนจะกระซิบด้วยเสียงทุ้มเบาราวกับจะปลอบประโลม “อย่าเกร็ง”

          เขารู้ว่าแค่คำพูดคงช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่ เนประทับจูบลงแก้มอย่างแผ่วเบา มือที่ใช้กำลังบังคับก็เปลี่ยนมาลูบหัวหวังจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลาย เขาไม่มั่นใจว่าวิธีที่ใช้กับผู้หญิงจะใช้กับผู้ชายได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก

          “อย่าเกร็ง”

          เขาบอกซ้ำ เมื่อเห็นทีท่าของวัฒน์ที่ไม่คิดจะต่อต้านแล้ว เด็กหนุ่มจึงเลื่อนจากแก้มไปประกบปากแทน แม้นในใจจะแอบกลัวโดนกัดอีกก็ตาม แต่เมื่อลิ้นอุ่นตอบรับคำเชิญชวน เนก็รุกรานอย่างเต็มที่ตามแรงอยากของตน อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้รังเกียจ และตอบสนองต่อการจูบเป็นอย่างดี...ดีเสียจนเนรู้สึกเสียดายที่จะต้องถอนปากออกมา

          ดวงตาเรียวมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาซึ่งตอนนี้หยุดร้องแล้ว แต่ยังคงมีเสียงสะอื้นดังแว่วเป็นระยะ หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงและไม่เป็นจังหวะ เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่ว ยิ่งเห็นใบหน้าที่ดูทรมานของหนุ่มใหญ่ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบคลั่ง

          ความรู้สึกคับแน่นผ่อนคลายลงไปมากแล้ว แต่เนรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาจะลงมือปลดเปลื้อง เด็กหนุ่มเลื่อนสายตาลงไปยังเบื้องล่างของอีกฝ่ายที่กำลังนอนนิ่งเหมือนไร้การตอบสนอง มือหนาเอื้อมลงไปประคองหมายจะปลุกอารมณ์ หวังจะช่วยให้อีกฝ่ายลืมความเจ็บก่อนหน้า

          วัฒน์สะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีหรือขัดขืนความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้ ทั้งๆที่เป็นมือของผู้ชายด้วยกันแท้ๆ แต่วัฒน์กลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดจนเผลอส่งเสียงครางออกมาด้วยความพอใจ

          “...ผมจะทำแล้วนะ...” เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วม เขาก็เอ่ยถามขึ้นทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าควรจะถามดีไหม เพราะคิดอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายก็คงต้องตอบปฏิเสธอยู่ดี และแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่คิดจะทำตามหรอก

          เด็กหนุ่มโถมแรงเข้าใส่โดยไม่รอฟังคำตอบ วัฒน์ถึงกับเผลอร้องเสียลั่นห้อง แต่ไม่รุนแรงเท่ากับทีแรก เสียงร้องค่อยๆเบาลงไปตามจังหวะจนกลายเป็นเพียงเสียงครางแทน
         
          “ฉัน...ไม่ไหวแล้ว...” เสียงทุ้มอันแหบพร่าของคนอายุมากกว่าร้องดังขึ้น “จะเสร็จแล้ว...”

          “เสร็จไปเลย” เนตอบทันที ยังคงรักษาจังหวะและความเร็วอย่างสม่ำเสมอและช่ำชองตามประสาคนมีประสบการณ์เยอะ “เสร็จตามใจชอบได้เลย”

          เมื่อได้ยินดังนั้น วัฒน์ก็ไม่ฝืนทน ปล่อยให้อารมณ์ล้นทะลักออกมาอย่างสาแก่ใจ

          หนุ่มใหญ่รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งพรวดเข้ามาในตัว ท่อนเนื้อที่ขยับอยู่นานหยุดลงสักที วัฒน์รู้สึกปวดร้าวไปหมด ร่างกายเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงที่จะแค่กระดิกนิ้วก็ยังทำไม่ได้ ความง่วงและเพลียถาโถมเข้ามาอย่างน่าประหลาด และสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ก่อนหมดสติไป คือคำพูดงึมๆงำๆของเด็กหนุ่ม และแรงขยับที่โถมเข้ามาอีกครั้ง

          “ขออีกรอบนะ”

_______________________________

          ตอนนี้สั้นนิดหน่อย ต้องขออภัยด้วยงับ

          และก็เป็นตามที่ลุ้น ไม่มีหักมุมแต่อย่างใด ฮา จะเหลือหรือ ถ้าจะหน้ามืดกลัดมันมาแต่ไกลซะขนาดนั้น =3=

          เพราะงั้น ถึงตอนก่อนจะตัดตอนได้ใจร้ายและน่าตี ก็ได้โปรดให้อภัยคนเขียนด้วยนะ ;w;


เรื่องนี้อ่านได้เพลินดีมากๆเลยค่ะ ชอบทั้ง เน ที้ง วัฒเลย แต่สงสัยอย่างถ้าแก่แต่ยังน่าปล้ำนี่ ไม่น่าให้ออกจากงานนะเพราะเท่าที่อ่านทำงานเก่งแทบแทนกันได้แบบไม่ต้องคอยสอนงาน หรือคอยตรวจสอบอีกรอบแบบนี้ปรกติไม่ให้ออกกนายๆ หรอกมักคอยดึงตัวกันเอาไว้เลย แต่ถ้าหาคนมาคอยช่วยงานนั่นก็เป็นอีกเรื่องน่ะ   o13
       จริงๆสิทธิ์ไม่ได้บอกเลยว่าจะให้วัฒน์ออกจากงานน่ะงับ ลุงแกตีตนไปก่อนไข้คิดไปเองน่ะงับ =w=
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 7 (07/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 07-05-2015 10:16:49
 :jul1: :pighaun: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 7 (07/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 07-05-2015 10:32:31
 o13 o13 o13  :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 7 (07/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 07-05-2015 11:06:20
อั๊ก!!~ เลือด  ขอเลือดด่วน :m25:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 7 (07/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: leceto ที่ 07-05-2015 11:14:23
อร๊าย  คุณวัฒน์โดนปล้ำซะแล้ว แล้วตื่นมาจะว่าไงมั่งเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 7 (07/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-05-2015 11:22:08
ตื่นมาอาวัฒน์จะโวยวาย หลบเร้น ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่ายอมรับสถานะใหม่ได้กันนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 7 (07/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 07-05-2015 12:36:33
กรี๊ดดดดด ลุงโดนเด็กกิน  :haun4: ขอบคุณที่ไม่หักมุม ฮา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 08-05-2015 09:32:18
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 8


          ในยามเช้าที่แสนจะสดใสของวันใหม่ เสียงนกร้องทักเจื้อยแจ้วเสนาะหู เด็กหนุ่มร่างสูงเดินหน้านิ่งวนไปวนมาตามทางเดินยาวอยู่หน้าประตูห้องนอน วันนี้เขาตื่นแต่เช้ามืดโดยไม่ต้องพึ่งเสียงนาฬิกาหรือรอให้ใครปลุก ทั้งๆที่เมื่อคืนดื่มก็หนัก เสียแรงกายไปก็มาก แต่ร่างกายกลับสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอย่างไม่น่าให้อภัย

          และยิ่งไม่น่าให้อภัยสุดๆก็เพราะเรื่องเมื่อคืน

          ทำไปแล้ว...ทำไปแล้ว...ทำไปแล้ว..........ทำไปได้ยังไงวะ!!!

          เนนั่งคุกเข่าทรุดตัวลงอย่างห่อเหี่ยวชนิดที่ไม่รู้จะห่อเหี่ยวได้อีกไหมในชีวิตนี้ ในหัวยังคงถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนเสียสติ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดจนอยากจะระเบิดตัวเองตายไปซะเดี๋ยวนี้เลย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำเรื่องพรรค์นั้นลงไปได้ เขายอมรับว่าเมา แล้วก็โมโหในหลายๆเรื่อง...แต่เด็กหนุ่มก็ไม่คิดว่าจะเลยเถิดมาถึงตรงนี้...

          ถึงขนาดข่มขืน!!! แถมยังกับผู้ชาย!!!!!! แถมยังเป็นศัตรู!! แถมยังเป็นตาลุงหน้าบูดนั่นที่ดูตรงไหนก็ไม่มีอะไรให้น่าหลงใหลเลยซักเสี้ยวอีก!!!! รับไม่ได้ว้อย!!!! นี่เรากลายเป็นเศษของเศษเดนมนุษย์ไปแล้วเรอะ!!!

          เนร่ำร้องอยู่ในใจ นอนกลิ้งเกลือกกระเสือกกระสนเหมือนคนใกล้จะตาย ชีวิตนี้ทั้งชีวิตไม่เคยต้องลงทุนไปขืนใจใครมาก่อนเลย ถึงจะหน้ามืดแค่ไหนก็เถอะ ถ้าขืนใครรู้เข้าว่าคนที่สาวๆพากันเรียงแถวเข้ามาในชีวิตตลอดเวลาอย่างเขาไปเอาลุงแก่ คงได้อับอายจนไม่กล้าไปเจอใครเป็นแน่

          เด็กหนุ่มเหลือบมองบานประตูห้องของเพื่อนร่วมงาน เขารู้สึกอับอาย รู้สึกผิดและรู้สึกแย่สุดๆ แต่ที่รู้สึกแย่สุดจนอยากตายไม่ใช่เรื่องที่ตนเมาหน้ามืดไปข่มขืนศัตรูที่เป็นผู้ชายด้วยกัน...

          แต่เพราะตัวเองรู้สึกดี...ดีแบบไม่เคยไปทำที่ไหนมาก่อน....อีกทั้งสีหน้านั่น...ทำอย่างไรก็สะบัดให้หลุดจากหัวไม่ได้

          ใบหน้าที่กำลังทรมานของวัฒน์....อ้อนวอนเราทั้งน้ำตานั่น...มันดูน่าหลงใหล...

          ม่ายยยยยยยยยย

          เนรีบเอาหัวโขกพื้น สะบัดความคิดนั่นออกจากหัวโดยพลัน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนั้น...กับผู้ชาย...กับลุง!!! ลุง!!!!!!!

          ถ้าหมอนั่นเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณสิทธิ์...หรือคนอื่นๆล่ะก็............

          ไม่นะ!

 

          วัฒน์เบิกตาโพลงขึ้นมาบนเตียง แสงแดดที่แรงกล้าส่องเข้ามาในห้องบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เวลาตีห้าครึ่งซึ่งเป็นเวลาที่เขามักจะตื่น ดวงตาคมมองนาฬิกาที่อยู่ติดกำแพงฝั่งตรงข้ามบอกเวลาเก้าโมงสี่สิบ มือทั้งสองไม่ได้โดนมัดอยู่บนเตียงอย่างที่โดนเมื่อคืน แต่สายหนังเจ้ากรรมยังคงอยู่ที่เดิม หนุ่มใหญ่เลื่อนมองเตียงอีกฝั่งที่ว่างเปล่าก่อนจะมาตรวจสภาพใต้ผ้าห่มที่ยังคงเปลือยเปล่า และเมื่อเขาลุกขึ้นก็ต้องลงไปนอนทันควันพร้อมกับแสดงสีหน้ารวดร้าวเท่าที่จะทำได้

          เจ็บ..................................................ว้อย!!!

          เขาเจ็บที่บั้นท้ายอย่างแรงจนน้ำตาเล็ด แถมยังรู้สึกปวดหัวหนึบเหมือนคนเป็นไข้จนลุกต่อไม่ไหวที่มือทั้งสองก็มีรอยช้ำจากการจองจำทั้งสองข้าง

          และพอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขาก็อยากตายไปซะเดี๋ยวนี้เลย

          เราโดนไอ้ห่าเนข่มขืน

          นี่ยิ่งกว่าความอัปยศใดๆที่เคยเจอมา เขาไม่คิดเลยว่าอายุปูนนี้แล้วจะโดนขืนใจ แถมยังกับผู้ชาย...แถมยังเป็น(เข้าใจว่าเป็น)ศัตรูอีก!!!

          วัฒน์อยากจะร้องไห้เสียเหลือเกิน แต่ที่ทำให้อยากร้องไห้เหมือนสาวพรหมจรรย์เสียตัวไม่ใช่เรื่องพวกนั้น

          แต่เพราะเขารู้สึกดี...มาก...ถึงทีแรกมันจะเจ็บแทบตาย แต่พอไปๆมาๆกลับมีอารมณ์ร่วมเสียอย่างนั้น และทั้งๆที่โดนผู้ชายข่มขืนแท้ๆ แต่ไอ้เบื้องล่างแสนดีที่ไม่เคยทำงานได้ดั่งใจกลับระริกระรี้ดี๊ด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำก็มิปาน คึกคักเต็มที่จนตลอดรอบงาน แถมเหมือนจะเหลือเฟือจนต่ออีกรอบได้อีก...

          ม่ายยยยยยยยยย

          หนุ่มใหญ่ร้องโอดโอยเพราะดันเผลอขยับตัวเสียแรงจนสะเทือนไปถึงด้านหลัง นึกแค้นใจตัวเองเป็นยิ่งนัก

          ไอ้ทีเรียกให้ใช้งานทำเป็นง่อย แต่ดันไปปึ๋งปั๋งกับตัวผู้ด้วยกันเนี่ยนะ

          ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด เขาไม่มีทางให้ใครรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะกับคู่กรณีตัวดีที่ตอนนี้หายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้

          ถ้ามันเกิดเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นล่ะก็....

          ความกลัวเริ่มบังเกิดในใจ แค่เรื่องน้องชายไม่สู้ตอนจะออกศึกเขาก็อายจนไม่กล้าบอกใครแล้ว ถ้าไอ้เรื่องโดนตัวผู้ข่มขืน แถมตัวเองยังรู้สึกชอบใจไปถึงหูคนอื่น รับรองว่าเขาจะเขียนพินัยกรรมแล้วโดดตึกตาย ณ บัดนี้เลย

          แกรก

          เสียงประตูดังขึ้นสร้างความตื่นตระหนกตกใจจนวัฒน์สะดุ้ง คู่กรณีตัวดีเดินเข้ามาพร้อมกับถือถาดข้าวต้มด้วยใบหน้าอีหลักอีเหลื่อ ท่าทางเหมือนคนรู้สึกผิดเอาการ

          วัฒน์ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง สายตาก็จ้องด้วยความสงสัยและแค้นจัด ไม่รู้อีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกับเขา

          “ผมบอกให้ป้านางทำข้าวต้มให้คุณ” เด็กหนุ่มบอกเสียงนิ่ง ก่อนจะวางถาดไว้บนโต๊ะข้างเตียง “ส่วนนี่ยาแก้ปวด อย่าลืมกินด้วยล่ะ”

          วัฒน์ไม่ตอบอีกฝ่าย เขายังคงจ้อง และจ้องต่อไป

          “อะไรของคุณ” พอโดนมองนานๆก็เริ่มทนไม่ได้

          “นายทำแบบนี้ทำไม” จริงๆที่ถามเพราะเขาอยากรู้ว่า เนมาเอาใจเขาตอนนี้ทำไม

          แต่เด็กหนุ่มเข้าใจความหมายของคำถามว่า เขาข่มขืนวัฒน์ทำไม

          “ที่เรื่องบ้าๆแบบนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะคุณนั่นล่ะ” เขาบอกเสียงขุ่น “ถ้าไม่เพราะคุณหาเรื่องแกล้งไม่ให้ผมไปเที่ยวหาผู้หญิงข้างนอก ผมก็คงไม่หน้ามืดไปขืนใจคุณหรอก...นึกว่าผมอยากจะปล้ำลุงแก่อย่างคุณเหรอไง โอ๊ย จะบ้าตาย”

          ประโยคหลังที่รีบพูดขึ้นมาเสียเร็วเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้ปล้ำ...

          “หา แล้วนึกว่าฉันอยากให้แกปล้ำนักรึไงวะ ที่ฉันไม่บอกนายก็แค่อยากดูความอดทนของนายก็เท่านั้นโว้ย ไม่คิดว่าจะทนไม่ได้ถึงขนาดคว้าใครก็ได้นี่”

          แน่นอนว่าที่เถียงกลับซะเร็วก็เพราะกลัวเด็กหนุ่มจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขามีอารมณ์ร่วมซะขนาดไหน ลงท้ายด้วยการแถแหลกเพราะไม่อยากให้แผนจับผิดล่มด้วย

          ทั้งคู่จ้องมองด้วยความหงุดหงิด ต่างฝ่ายต่างทำเหมือนจะเถียงแต่ก็ไม่ยอมเริ่มกันสักที

          “...เรื่องเมื่อคืน...ทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นล่ะกัน...” ในที่สุดเนก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนเพราะหมดความอดทน

          ขอล่ะ ถ้าคุณเอาไปบอกคนอื่นมีหวังผมอายตายชัก...นี่ที่ยอมพูดก่อนก็เพราะรู้สึกผิดหรอกนะ...

          นั่นล่ะที่รอฟังมานาน ไม่ต้องเขียนพินัยกรรมแล้วเรา “อืม...ก็ได้”

          ตอบจบก็เงียบไปหลายนาที ก่อนที่วัฒน์จะเป็นคนพูดขึ้น

          “...ต่อจากนี้...ถ้านายทนไม่ได้ก็ออกไปหาที่ระบายซะ แต่กับสาวใช้ที่นี่หรือที่ทำงานฉันไม่อนุญาตเด็ดขาด” วัฒน์หันไปทางอื่น บอกเสียงอ้อมแอ้ม “จะได้ไม่ต้องหน้ามืดมาขืนใจฉันอีก”

          “แล้วจะมีอะไรเสียหายไปถึงคุณสิทธิ์หรือเปล่า” เนยังคงกังวล แม้ข้างในดีใจจนเนื้อแทบเต้น

          “แค่ที่บ้านกับที่ทำงาน ห้ามเด็ดขาด นอกนั้นอยากจะไปไหนกับใครกี่คนกี่รอบก็เรื่องของนาย และฉันจะไม่ยอมให้เรื่องเสื่อมเสียไปถึงคุณสิทธิ์แน่” คราวนี้หันมาบอกเสียงเฉียบ“เข้าใจไหม”

          พักเรื่องจับผิดไว้ก่อน ท่าทางจุดนี้เอามาใช้คงไม่ได้ผล...แถมยังจะทำให้เราแย่เองด้วย...ฮือออ

          “ครับ”

          ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถึงจะเป็นศัตรูก็เถอะ หยวนให้หน่อยละกัน...ขืนเอาแต่สังเกตการณ์จนไม่ยอมพักเดี๋ยวเราได้หน้ามืดไปปล้ำหมอนี่อีกแน่....ฮือออออ

          “งั้นคุณก็ลุกมากินข้าวกินยาได้แล้ว ผมจะได้เอาไปเก็บ” เนบอกเสียงเบาหวิว

          แต่วัฒน์ไม่ทำตามที่บอก

          “ฉันลุกไม่ไหว...” ก่อนที่เนจะอ้าปากถาม วัฒน์ก็บอกอย่างคั่งแค้น “ใครมันเล่นซะรุนแรงจนฉันเจ็บแทบตายล่ะวะ ดูสิ เตียงเลอะเลือดไปหมดแล้วจะบอกพวกแมวว่าไงตอนเอาผ้าปูไปซักน่ะ”

          ถึงจะไม่ชอบใจนัก แต่เพราะรู้สึกผิดเลยพยายามไม่เถียงกลับ “ไว้ผมบอกว่าเลือดนั่นผมเผลอทำคัตเตอร์บาดเอาละกันไม่เห็นจะยากอะไร”

          โห เพิ่งรู้ว่าปกติแกใช้คัตเตอร์บนเตียงนะ...เอาไปทำอะไรวะหา

          “ถ้าลุกไม่ไหว เดี๋ยวผมช่วยละกัน” เนบอกพร้อมกับทำท่าอย่างเสียไม่ได้ เขาเข้าไปพยุงอีกฝ่ายขึ้นมานั่ง

          “โอ๊ย เบาๆไม่เป็นหรือไงวะ” วัฒน์ร้องโอดโอยเมื่อความเจ็บสะโพกสะท้านขึ้นถึงต้นคอ “นี่มันเจ็บนะ”

          “...ครับๆ” เขาตอบแบบขอไปที “แล้วนี่ต้องป้อนให้ด้วยไหม”

          “ไม่ ฉันกินเองได้” หนุ่มใหญ่ว้ากใส่พร้อมกับทำท่าเหมือนจะกัด “นายจะไปไหนก่อนก็ไป ไม่ต้องมาเฝ้าฉันกิน เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีค่อยกลับมา”

          เนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็สาวเท้าออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไร

          บ้าเอ๊ย เผลอพูดไปทำไมวะเรา

          เด็กหนุ่มยืนพิงประตูด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องไปเสนอตัวช่วยป้อนข้าวให้คุณลุงนั่นด้วย ทั้งๆที่ถ้าไม่ใช่ผู้หญิง เขาไม่มีวันเอ่ยปากแบบนั้นแน่นอน

          แต่อย่างน้อยเขาก็โล่งใจที่เรื่องเมื่อคืนจะหายไปจากชีวิตได้สักที

          “อ้าว พี่เนมายืนทำไรตรงนี้ค้า”

          เสียงใสของสาวใช้แสนสวยของบ้านเอ่ยทักอย่างเริงร่า เนสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันไปมองพร้อมกับรอยยิ้มที่กระชากใจหญิงสาวมานับไม่ถ้วนแล้ว

          “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่น้องแมวมีอะไรหรือครับ”

          “แม่ใช้ให้มาดูคุณอาวัฒน์น่ะค่ะ” ทันทีที่ได้ยิน เนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงโลกถล่มทลาย “เห็นพี่เนบอกว่าไม่สบายเลยอยากรู้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

          “อ้อ ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ๊ะ” แค่ถึงกับลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเองไม่ไหวก็เท่านั้น “น้องแมวไปบอกป้านางได้เลยนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่จะดูแลคุณวัฒน์ให้เอง”

          เด็กสาวมองตาแป๋วอย่างลังเลเล็กน้อย “ถ้าพี่เนว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แล้วถ้ามีปัญหาอะไรมาบอกแมวได้นะคะ”

          ว่าจบก็ส่งจูบให้หนึ่งดอกก่อนจะเดินลงไปด้านล่าง พอแมวหายลับแล้ว เนก็เลิกยิ้มและกลับมาทำสีหน้าหนักใจเหมือนเพิ่งเจอมรสุมพัดผ่าน เขาชักเริ่มกลุ้มอย่างจริงๆจังๆเสียแล้ว นี่โชคดีว่าวันนี้วันอาทิตย์เลยไม่ต้องไปบริษัทยังไม่ต้องหาข้อแก้ตัวเท่าไหร่นัก และเนมั่นใจว่าถ้าสิทธิ์ตื่นเขาต้องเตรียมตัวหาข้อแก้ตัวไว้ ถ้ายังไม่อยากโดนล่วงรู้ถึงความน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

 

          วัฒน์ยังรู้สึกปวดตุบๆทั้งที่หัวและช่วงล่าง ยาแก้ปวดไม่ค่อยช่วยบรรเทาอาการเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกโล่งไปเปราะหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเสนอให้เงียบเรื่องทั้งหมดไว้

          โธ่เว้ย ถ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ ไม่ห้ามหมอนั่นซะก็ดี

          หลังจากกินยาเขาก็ผล็อยหลับต่อทันที มาสะดุ้งตัวอีกทีก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว ในห้องยังคงเงียบสงบอย่างที่อยากให้เป็น บนโต๊ะทำงานเขายังอยู่ในสภาพเดิม ไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือรื้อค้นอย่างที่หวั่น

          หนุ่มใหญ่พยายามลากสังขารลงมาจากเตียง เขาไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นว่าตัวเองนอนล่อนจ้อนอยู่อย่างนี้ มันไม่ใช่นิสัยของเขา ใครเห็นเข้าก็คงต้องถามแน่

          “อาวัฒน์”

          เสียงทุ้มที่ดังลั่นสร้างความตื่นตระหนกจนวัฒน์เผลอร้องจ๊ากในใจ เขาร่วงลงไปจากเตียงทันที...โชคดีที่คว้าผ้าห่มมาห่อตัวไว้ทัน วัฒน์ไม่เสียเวลาคิดให้มากความ รีบกลิ้งเข้าไปหลบใต้เตียงทันที

          “อาวัฒน์” สิทธิ์เดินเข้ามาท่าทางเป็นห่วง โดยมีเนที่เดินหน้าซีดตามเข้ามาติดๆ “อ้าว อาวัฒน์หายไปไหนแล้วเนี่ย”

          เนที่ตามเข้ามาทีหลังก็ได้แต่เบิกตามองด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน ก่อนจะตกใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นรอยเลือดเป็นวงๆบนเตียง ซึ่งติดเด่นเป็นสง่าตัดกับสีขาวของผ้าปูเป็นอันมาก และท่าทางอีกไม่นานเจ้านายเขาก็ต้องสังเกตเห็นแน่

          “ทำอะไรของนาย” ชายหนุ่มร่างใหญ่ถามเมื่อเห็นลูกน้องโดดลงไปนอนกลางเตียง

          “อ้อ....ไม่มีอะไรหรอกครับ” เนโกหก พร้อมกับหันมานอนตะแคง พยายามนอนทับรอยเลือดให้มิด

          “จะว่าไป...ผ้าห่มหายไปไหนน่ะ...” สิทธิ์ถามเมื่อเห็นเตียงมีแต่หมอนหนุน ตาเรียวเลื่อนลงไปมองพื้นพรมก็เห็นปลายผ้าห่มที่แพลมออกมาจากใต้เตียง “นายเอาผ้าห่มไปไว้ใต้เตียงหรือ”

          “เอ๋ เปล่านะครับ” เนตอบและเมื่อเห็นสิทธิ์ก้มลงไปดูใต้เตียง เขาก็คลานตามไปดูอย่างสงสัย

          สิ่งที่ทั้งสองเห็นคือหนอนสีเขียวที่กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ใต้เตียง

          “....อาวัฒน์เข้าไปทำอะไรในนั้นน่ะ”

          ที่ทีแรกเขาเงียบเสียงไปเพราะเจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก และต่อมาคืออับอายจนไม่กล้าส่งเสียง

          “สงสัยผมนอนดิ้นไปหน่อยมั้งครับ” เป็นข้อแก้ตัวที่ไม่ได้เรื่องที่สุดในบรรดาทุกอันที่ใช้มาเลย “คุณสิทธิ์มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          “เห็นเนบอกว่าอาไม่สบายผมเลยเป็นห่วง” สิทธิ์บอกอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่ “ว่าแต่...อาจะไม่ออกมาหรือ”

          ม่ายยย ผมไม่อยากให้คุณมาเห็นผมในสภาพนี้ที่สุดเลย!

          “ตรงนี้มันนอนสบายดีน่ะครับ...คุณสิทธิ์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมสบายดี” ลาก่อน...ภาพพจน์ตู...เอาวะ เป็นคนประหลาดก็ยังดีกว่าเป็นคนโดนข่มขืน

          “เอ้อ...คุณสิทธิ์ครับ เห็นคุณบอกว่าจะออกไปธุระข้างนอกไม่ใช่หรือครับ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะสายเอานะ เดี๋ยววันนี้ผมขับรถให้เอง” เนเห็นท่าไม่ดีก็เริ่มดึงความสนใจเพื่อช่วยตัวเองและอีกฝ่าย เขามั่นใจว่าวัฒน์ต้องอยู่ในสภาพเดิมเหมือนเมื่อคืนแน่ ถึงได้ลงไปหลบอยู่ใต้เตียงไม่ยอมออกมา
         
          “แต่ว่า...”

          “คุณสิทธิ์ไม่ต้องห่วง ผมไม่เป็นไร คุณไปกับเนเถอะ” วัฒน์รีบเสริมเสียงอู้อี้

          ถ้าคุณยังไม่ออกไป รับรองว่าผมเป็นแน่นอน...ได้โปรดเถอะคร้าบบบ

          เมื่อเห็นลูกน้องทั้งสองคะยั้นคะยอ สิทธิ์เลยรามืออย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่

          แต่แค่สามวินาทีเท่านั้น

          “เฮ้ย! บนเตียงนั่นเลือดอะไรน่ะ”

          ตายห่า

          เนอยากตบหัวตัวเองสักล้านหน เพราะมัวแต่นึกหาทางช่วยวัฒน์เลยลืมเลือดบนเตียงเสียสนิท

          “อ้อ ละ...เลือดผมเองนะครับ” เนรับหน้าตื่น

          “หา นายบาดเจ็บเรอะ” คราวนี้สิทธิ์พุ่งเป้าไปทางเด็กหนุ่มแทน “ตรงไหน แล้วไปได้แผลมายังไงน่ะ”
         
          “เอ้อ ไม่รุนแรงเท่าไหร่หรอกครับ” เนบอกปัด “ผมทำแผลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว...ใช่มั้ยครับคุณวัฒน์”

          “ใช่ๆ...คุณสิทธิ์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เนไม่เป็นอะไรมากหรอก”

          ถึงหมั่นไส้กัน แต่ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องปิดความลับอันแสนบัดซบจากเจ้านายให้ได้

          “...ฉันว่านายแปลกๆไปนะ...อาวัฒน์ก็ด้วย” พอเห็นอาการลุกลี้ลุกลนเหมือนคนมีความลับสิทธิ์ก็อดเอ่ยไม่ได้ “แต่เอาเถอะ ถ้าบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร”

          นั่นเป็นนิสัยอย่างหนึ่งของเจ้านายที่พวกเขาชอบ เป็นห่วง แต่ไม่คาดคั้น

          “งั้นถ้าผมกลับมาจะเข้ามาดูอีกทีนะ” สิทธิ์บอกอย่างเป็นห่วงก่อนจะยอมแพ้ออกไปจากห้อง “ถึงมันจะสบายยังไง แต่ผมว่ามันก็สกปรกเกินกว่าจะไปนอนนะ”

          ครับ...ตอนนี้ก็มีฝุ่นเกาะหน้าผมเต็มเลยล่ะ...ท่าทางต้องหาเวลาเทศนายัยแมวกับยัยเอมซักสองสามบทแล้วแฮะ

          ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิด วัฒน์ก็รีบชิ่งออกจากใต้เตียงอย่างทุลักทุเล ความเจ็บปวดก็คอยฉุดขาไม่ให้ขยับได้ดั่งใจ หัวที่ปวดจนแทบระเบิดก็ออกอาการเป็นระยะจนวัฒน์หน้ามืดเกือบเป็นลมไปหลายรอบ เขาพยายามหยิบชุดนอนที่อยู่ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าออกมาใส่ พอคลานขึ้นเตียงสำเร็จก็เหลือบไปเห็นจุดเลือดบนเตียง อาการระโหยโรยแรงก็หายวูบเป็นปลิดทิ้ง เพลิงแค้นก่อตัวจนวัฒน์แทบลุกเป็นไฟ

          ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์พยายามทำงานแทบตาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายังไม่แก่เกินว่าจะทำงานพวกนี้ แต่ไอ้เด็กผีตัวดีมันเข้ามาทำลายผลงานที่สร้างมาทั้งชีวิตเพียงชั่วพริบตา

          ถ้าฉันหาหลักฐานได้ว่าแกเป็นลูกน้องส่งข้อมูลไอ้เดชได้เมื่อไหร่ รับรองว่าเมื่อถึงตอนนั้นฉันจะจัดการแกอย่างสาสมกับที่ทำแบบนี้กับฉันแน่! ไม่ว่าแกจะตั้งใจหรือไม่ก็เหอะ


____________________________
เรื่องคืนนั้น ฉันจะคิดเสียว่าฝันไป ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องมาห่วงฉัน~~~ ฮา (ดักแก่มาก เพลงนี้)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 08-05-2015 10:44:01
ยังไม่เลิกระแวงกันอี๊กกก เมื่อไหร่จะรักกันล่ะเว้ย เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 08-05-2015 11:10:44
 :katai5: :katai5: :katai5: รอตอนต่อไป..อิอิ..
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 08-05-2015 12:39:21
ได้หลังไปแล้ว จะลืมหน้ารึเปล่าน่ะเน อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 08-05-2015 14:21:49
เพิ่งได้มาอ่านตอนที่เจ็ด สะดุดที่ว่าเคราดกๆ... วัฒน์มีเคราเรอะ!? เอาจริงดิ? ตีนกายังพอว่า... T T

ถ้าทั้งสองคนต่างรู้สึกดี ก็กดกันบ่อยๆ นะ อิอิ :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 08-05-2015 16:35:14
งื้อ ทำเอาเราอย่างนี้ได้ไง :ling1:
ขอให้เนทำกับคนอื่นแล้วรกเขาไม่ขัน :katai1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-05-2015 18:53:20
 o13 ฟินมากเลยจ้า อ่านแล้วนึกถึงงานของอาจารย์โบระขึ้นเลยเชียว

ยกนิ้วให้อาจารย์เขาเลยนะเรื่องลุงเคะเนี่ยะ แซ่บมากกกก ขอบอก  :heaven

ทีนี้ก็ลุ้นน้องเนล่ะว่าจะติดใจอาวัฒน์แค่ไหน จะตบะแตกกดลุงอีกเมื่อไหร่  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-05-2015 19:48:47
หมดแล้ววันนี้ ภาพพจน์ที่สร้างมานาน 5555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 8 (08/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-05-2015 19:54:22
สงสารอาวัฒน์ตอนมุดใต้เตียง ฮ่า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 09-05-2015 11:11:16
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 9


          “นายไม่เป็นอะไรแน่นะ”



          สิทธิ์อดถามเนไม่ได้ เขาเห็นเด็กหนุ่มมีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายแล้ว และตอนนี้เนก็ไม่ควรจะอยู่ในสภาพนั้นด้วย...เพราะตอนนี้เนเป็นคนขับรถ และแม้บนถนนจะไม่ค่อยมีรถรามาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนขับจะสามารถใจลอยได้ ไม่อย่างนั้นเนคงได้ขับรถพาเขาไปยังถนนสายยมโลกแน่

          “ไม่นี่ครับ”

          และก็ได้ฟังคำตอบนี้ทุกครั้งที่ถาม น้ำเสียงตื่นตระหนกเหมือนกันทุกครั้งด้วย

          “โอเค จริงๆฉันก็ไม่อยากก้าวก่ายถ้านายไม่อยากพูดน่ะนะ” สิทธิ์ถอนใจ แต่มือจับเข็มขัดนิรภัยแน่น และยังเหงื่อแตกพลั่กทั้งๆที่ในรถแอร์เย็นฉ่ำ “แต่ฉันเป็นห่วงนะ ดูสิ ทำอย่างกับคนทำความผิดร้ายแรงแล้วกลัวโดนจับได้อย่างนั้นล่ะ”

          พุ่งแทงเข้ากลางใจพอดีเป๊ะ เปรียบเทียบได้ถูกจุดมากเลยครับ...

          “...สงสัยผมไม่ได้ไปเที่ยวนานเลยออกอาการมั้งครับ” เขาก็ไม่ได้โกหกเสียด้วย

          “จริงหรือ ไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะอยู่โดยไม่มีเซ็กซ์ได้ถึงอาทิตย์” ชายหนุ่มร่างสูงทำหน้าไม่อยากเชื่อ “ถ้างั้นฉันก็ไม่แปลกใจล่ะ”

          เฮ้อ...

          “แล้วอาวัฒน์เขาเป็นอะไรนายพอจะรู้หรือเปล่า....เฮ้ย! ข้างหน้า!!”

          เนหักหลบทันก่อนที่จะบินแหกโค้งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เล่นเอาสิทธ์หัวใจเกือบวายก่อนวัยอันควร แต่สีหน้าคนขับกลับไม่มีอาการตกใจนัก ออกจะดูกลัดกลุ้มมากกว่า

          ....รู้ดีอย่างเลยเถิดเลยล่ะครับ....

          “ฉันตกใจนะตอนที่นายมาบอกว่าเขาไม่สบาย” เจ้านายแสนดีออกอาการเครียด ทั้งเรื่องที่ถามและเรื่องที่เพิ่งเฉียดตายมาเมื่อครู่ “ตั้งแต่จำความได้ ฉันไม่เคยเห็นเขาถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อมาก่อนเลย”

          “...บางทีคงเพราะเขาแก่แล้ว ก็เลยอ่อนแอลงมั้งครับ” ต้นเหตุโบ้ยสังขารที่มิได้เกี่ยวข้อง

          “นั่นสินะ...ฉันก็เป็นห่วงเขาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน” สิทธิ์ถอนใจ “เพราะงั้นถึงได้ให้นายมาเป็นผู้ช่วยเขาอีกแรงไง”

          เขาไม่แน่ใจว่าควรจะดีใจหรือเปล่าที่ได้ยิน ถึงอย่างน้อยจะทำให้เขาได้เข้าใกล้เพื่อสังเกตพฤติกรรม(ที่ไม่มีทางมีพิรุธ)ของวัฒน์ แต่เพราะอย่างนั้นนั่นล่ะ เขาถึงกลายเป็นไอ้บ้ากามที่ปล้ำชายวัยสี่สิบไปเรียบร้อย....แถมยังรู้สึกติดอกติดใจเสียด้วย

          “งั้นเดี๋ยวกลับไปถึงบ้านแล้วนายอยากจะออกไปเที่ยวก็เชิญเลย จะเอารถฉันไปก็ได้”

          “จริงหรือครับ”

          “เฮ้ย หันไปมองทางสิ” สิทธิ์ร้องหน้าตื่นเมื่อคนขับรถหันหลังมา “เออ อยากเที่ยวถึงเช้าก็เอาเลย แต่นายอย่าไปยุ่งกับแมวหรือเอมละกัน ไม่งั้นนายโดนป้านางกับอาวัฒน์ฆ่าแน่”

          ...นั่นน่ะก็โดนเตือนมาแล้วล่ะครับ

          “อ้อ กับคนที่บริษัทด้วย ฉันไม่อยากให้มีปัญหา อาวัฒน์บอกนายไปแล้วใช่ไหม”

          อย่างน้อยเนก็รู้ได้ว่ารอบนี้วัฒน์ไม่ได้แกล้งเขาแล้ว

 

          หลังจากกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย เนก็เดินลั้นลาขึ้นไปบนห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่พอเห็นบานประตูห้องนอนก็กลับมาห่อเหี่ยวทันควัน

          “...คุณวัฒน์”

          เนกระซิบเรียกพร้อมกับมองไปที่เตียง เขาเห็นเพื่อนร่วมงานนอนขดตัวนิ่งอยู่บนเตียงใหญ่ และแน่นอนว่าใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย แต่ผ้าห่มยังคงกองอยู่ที่พื้นพรม รวมทั้งผ้าปูเตียงที่เลอะร่องรอยฆาตกรรมกับเสื้อผ้าชุดเมื่อคืนของเขากับวัฒน์ เด็กหนุ่มค่อยๆย่องเข้าไปในห้องเหมือนกลัวอีกฝ่ายจะตื่น ทำการรวบรวมของต้องสงสัยนำไปไว้ข้างตะกร้าผ้า ส่วนผ้าห่มก็พับไว้ข้างตะกร้าเรียบร้อยเพราะยัดไม่ลง หลังจากจัดการเสร็จก็ลุกขึ้นมองคนบนเตียง

          วัฒน์ยังคงหลับสนิท ดูจากสีหน้ายามนอนตอนนี้เหมือนวัฒน์กำลังทรมานผสมกับคั่งแค้นอย่างสุดกำลัง ยิ่งคิ้วยิ่งเห็นชัด ขมวดเข้ากันจนแทบจะเป็นเส้นเดียว แถมยังส่งเสียงในลำคอออกมาคล้ายกับละเมอเป็นระยะ เนเองก็พอเข้าใจสาเหตุ ครึ่งหนึ่งมาจากเขาแน่ อีกส่วนก็เพราะอากาศในห้องหนาวเอาเรื่อง แล้วการนอนบนเตียงโดยไม่มีผ้าห่ม ถึงจะใส่เสื้อแล้วก็ยังหนาวเกินไปอยู่ดี

          เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจหาผ้าที่ใช้แทนผ้าห่มในตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูผืนหนาออกมาห่มให้

          “อือ...”

          เสียงครางดังขึ้นในขณะที่เนดึงผ้าวางไว้บนไหล่วัฒน์ เล่นเอาเขาสะดุ้งโหยง แต่วัฒน์แค่พลิกตัวเท่านั้น ยังคงไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด

          เนจ้องมองใบหน้ายามหลับของอีกฝ่าย เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าหน้ามืดปล้ำลงไปได้อย่างไร นอกจากเรื่องตัวบาง เขาก็ไม่เห็นว่าวัฒน์จะมีอะไรเหมือนผู้หญิงเลย หน้าก็ไม่ให้ แถมยังมีเคราอีกต่างหาก รอยตีนกาก็เยอะ นิสัยยิ่งแล้วใหญ่ ยิ่งข้างล่างยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะแข่งกับของเขาได้เลย

          แต่เมื่อคืนเขาทั้งจับทั้งลูบ...แบบไม่คิดอะไรด้วยซ้ำ ทั้งๆที่มันน่าจะรู้สึกรังเกียจออก....ตราบใดที่มันไม่ใช่ไอ้หนูของตัวเองก็ไม่มีอะไรให้น่าพิศวาสเลยสักกระเบียดนิ้วเดียว

          หลังจากสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็กลับมามองจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง วัฒน์ยังหลับไม่รู้เรื่อง และหันหน้ามาทางเขา...ถ้าเปลี่ยนเป็นหญิงสาวก็เหมือนอีกฝ่ายกำลังนอนให้ท่าเชิญชวนอยู่หรอก....

          ..................

          มุมกล้องเริ่มจับไปยังริมฝีปากที่ปิดสนิท นิ้วของเด็กหนุ่มลงไปสัมผัสผิวนิ่มสีเนื้ออมส้มจนเผยอออกเล็กน้อย เขามองแก้มทั้งสองที่ยังแดงก่ำจากพิษไข้ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมานสร้างความรู้สึกตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด ในหัวเริ่มนึกถึงสัมผัสวาบหวามที่ได้รับ

          ......

          .......................

          ...................................

          ก๊อกๆ

          เนรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที

          “อาวัฒน์ล่ะ” สิทธิ์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง สงสัยกับพฤติกรรมลุกลี้ลุกลนของเด็กหนุ่ม

          “หลับอยู่น่ะครับ” เนทำหน้าเหมือนผู้ประสบภัยน้ำท่วมเจอเจ้าหน้าที่มาช่วยออกจากบ้าน เขาพยายามแง้มประตูพอให้หัวโผล่ออกไปได้เท่านั้น “ผมว่าคุณสิทธิ์อย่าเข้าไปดีกว่านะครับ เดี๋ยวคุณวัฒน์ตื่น”

          ผมไม่อยากให้คุณเข้าไปแล้วถามถึงผ้าปูเตียงเปื้อนเลือดนั่นอีก...

          “งั้นหรือ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ” ร่างสูงเอ่ยอย่างเสียดาย “เอาเถอะ แล้วนี่นายจะออกไปแล้วใช่ไหม อย่าซิ่งเพลินล่ะ เดี๋ยวอาวัฒน์เขาจะว่าเอา”

          “ครับ ขอบคุณครับ” เนยิ้มร่ากลบเกลื่อนอาการตื่นตระหนก “ผมจะพยายามกลับมาก่อนตีสามนะครับ”

          “ฉันบอกแล้วไงว่าจะกลับเช้าเลยก็ได้ แต่ถ้ายังไงก็ไปเอากุญแจบ้านมาจากอารุตด้วยละกัน จะได้ไม่ต้องปลุกใครตอนดึกๆ” สิทธิ์บอก ยังไม่ละความพยายามในการมองเข้าไปด้านในห้อง

          แต่ก็ต้องพ่ายไปเมื่อเนตัดบทขอตัวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ

          เนไม่ได้ทำอย่างที่ปากบอกในทันที เขายังคงยืนพิงประตู ทบทวนเรื่องเหลือเชื่อที่ตนเกือบจะเผลอทำ ถ้าสิทธิ์เคาะประตูช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีล่ะก็...

          ปากเขาคงลงไปประทับที่แก้มวัฒน์ไปแล้ว

          เด็กหนุ่มพยายามไม่สนใจ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

          เราจะทำบ้าอะไรของเราวะ

          เด็กหนุ่มสะบัดหัวเหมือนคนบ้า เผลอมองหน้าลุงจนเคลิ้มก็ว่าอาการหนักแล้ว นี่เขายังคิดจะจูบอีกฝ่ายที่หลับไม่รู้เรื่องอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดไม่เข้าใจตัวเอง

          ต้องไปหาคนปลอบใจ ไม่งั้นหน้าตาลุงนั่นไม่ออกจากหัวได้แน่

 

          ในย่านสำหรับนักท่องราตรีคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเหล่าผู้รักสนุกในยามค่ำคืน คลับ ผับ บาร์ คาราโอเกะและร้านอาบอบนวดเปิดเรียงรายเป็นตับจนสุดถนน แสงไฟหลากสีจากร้านพากันส่องวูบวาบ เสียงเพลงจากในร้านดังแว่วออกมาเป็นระยะ ร้านคาราโอเกะบางร้านก็มีสาวๆร่างอ้อนแอ้นอรชรพากันโปรยยิ้มเชิญชวนลูกค้าที่สัญจรผ่านไปมา

          รถเฟอร์รารี่สีดำเงาตรงเข้าไปจอดยังที่จอดรถของบาร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดถนน เด็กหนุ่มก้าวออกจากรถคันงามด้วยท่าทางแช่มชื่น เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงินเข้มกลัดกระดุมไว้แค่เม็ดที่สามและสี่กับกางเกงยีนส์ขาเดฟแลดูเหมือนหนุ่มขาเที่ยว เนเดินไปยังประตูทางเข้าพร้อมกับยิ้มให้สาวๆทุกคนที่เจอ ที่นี่เป็นหนึ่งในกิจการของสิทธิ์ และเป็นที่ทำงานเก่าของเน

          และอีกนัยหนึ่งก็คือซ่องลับๆที่รู้กันเฉพาะลูกค้าบางคนเท่านั้นล่ะ

          “ว้าย เน~”

          หญิงสาวผมบ๊อบร้องเรียกเสียงสูงปรี๊ดทันทีที่เนก้าวเข้ามาด้านใน สาวเจ้ารีบฝ่าฝูงชนปรี่เข้ามาหาแล้วสวมกอดเข้าเต็มรักอย่างไม่อายสายตา พร้อมกับหอมเข้าที่แก้มหนึ่งที

          “ว่าไงครับพี่น้ำ” เด็กหนุ่มกอดกลับอย่างดิบดีและแนบแน่น และไม่ลืมหอมแก้มกลับด้วย “ไม่เจอหน้าผมหลายวัน คิดถึงกันหรือเปล่า”

          “แหมๆ คิดถึงสิจ๊ะ พ่อหนุ่มน้อยน่ารักของพี่” หญิงสาวเชยคางทำเสียงเซ็กซี่ “เป็นไงบ้างเนี่ย เห็นว่าไปทำงานเป็นบอดี้การ์ดคุณสิทธิ์ใช่ไหม แบบนี้ก็อันตรายแย่สิจ๊ะ โถๆ เนของพี่จะบุบสลายตรงไหนบ้างไหมก็ไม่รู้”

          “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ก็เรื่อยๆเปื่อยๆ...” เรื่อยไปหน่อยเลยเผลอไปปล้ำลุง...แง....ปลอบผมทีพี่น้ำ....

          “อ้าว เนนี่” เพียงไม่นาน ทั้งพนักงานและหญิงสาวคนอื่นก็สังเกตเห็นแล้วเริ่มเข้าไปทักทายกันจนวุ่นวาย ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็เป็นสาวๆทั้งนั้น

          อา...นี่แหละสรวงสวรรค์ที่ฉันรอมานาน...ตาลุงที่บ้านน่ะนรกชัดๆ!

          “แล้วนี่เนรีบหรือเปล่าจ๊ะ” พี่สาวหุ่นนาฬิกาทรายถามขึ้น เอามือพัดเหมือนร้อนเสียเต็มประดา เท่านั้นยังไม่พอ ต่อด้วยการเปิดคอเสื้อเล็กน้อยเผยให้เห็นเนินอกสวยอย่างจงใจ “วันนี้พี่ว่าง อยากหาเวลาส่วนตัวคุยกับเธอสองต่อสองหน่อย...จะพอมีเวลาไหมจ๊ะ”

          “เอ๋ พี่น้ำขี้โกง คราวก่อนพี่ยึดเนไปคนเดียวจนเนย้ายไปทำงานกับคุณสิทธิ์เลยอะ รอบนี้ขอติ๋มก่อนบ้างสิค้า” สาวอีกนางเอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้ก่อนจะแอบบีบก้นเด็กหนุ่มหนึ่งหมับด้วยความหมั่นเขี้ยว

          “โอ๊ย ถ้าพวกพี่ๆจะเถียงกันล่ะก็ ให้หนูก่อนก็ได้ค่ะ กว่าจะเถียงเสร็จ หนูกับเนก็เสร็จไปหลายรอบแล้วล่ะ” สาวอีกนางว่าก่อนจะเกาะแขนเนแล้วดึงเข้ามาหาตัว “จริงมั้ยคะเน”

          อา...ไม่ต้องแย่ง ได้ทุกคนแน่ครับ

          ห่างไปไม่ไกลเท่าไหร่ พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งมองมาทางกลุ่มของเนอย่างสงสัย ก่อนจะหันไปถามพนักงานรุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ตัว

          “พี่ๆ พวกสาวๆเขาไปออตรงนั้นทำไมกันน่ะ”

          “อ้อ ไอ้ห่าเนมันมาน่ะ” น้ำเสียงเบื่อหน่ายและใบหน้าหมั่นไส้อย่างเห็นได้ชัด และคนถามก็มีอาการเดียวกันทันทีที่ได้คำตอบ

          “ให้ตาย ผมนึกว่ามันโดนฆ่าตายเพราะไปนอนกับเมียชาวบ้านแล้วซะอีก” พนักงานหนุ่มเอ่ย “คอยดูเหอะ ซักวันมันต้องไม่ตายดีแน่”

          แน่นอนว่าผู้ชายที่มีอาการเช่นนี้ทุกคน ส่วนใหญ่ถ้าไม่โดนเนเผลอตีท้ายครัว ก็คือผู้หญิงที่แอบชอบไปชอบเน เพราะฉะนั้น เพื่อนผู้ชายของเนมีน้อยจนแทบนับหัวกันได้เลยทีเดียว

 

          “เป็นอะไรไปเน...หยุดทำไมล่ะ”

          เสียงใสเอ่ยถามด้วยความเสียดายที่อีกฝ่ายมาชะงักขณะกำลังได้อารมณ์

          เด็กหนุ่มจ้องหน้าคู่นอนตาไม่กะพริบ ทุกอย่างดูไม่น่าจะมีเรื่องผิดปกติ ตอนนี้เข้าอยู่บนเตียงนอนในห้องของหญิงสาว...และคู่นอนก็เป็นผู้หญิงที่ปรารถนามานาน ผิวกายที่นุ่มนิ่มน่าสัมผัส เรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชวนให้มองไม่รู้เบื่อ...ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ

          ยกเว้นบางอย่างในตัวเขา

          “นี่ จะค้างอีกนานมั้ย” เธอถามเสียงงอนเมื่อเด็กหนุ่มยังค้างเติ่ง “อ๊ะ”

          “พอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องกลับก่อนตีสามน่ะ” เนบอกเสียงกระเส่า เร่งเรียกอารมณ์สาวเจ้ากลับคืนมา “แต่ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้พี่อารมณ์ค้างแน่”

          “แหม อย่างเนไม่ต้องบอกพี่ก็รู้จ๊ะ” ว่าแล้วก็โอบคอรอความสุขอย่างเมามัน “อ๊ะ นั่นแหละ ...ตรงนั้น...อ๊า...”

          เสียงแหลมกรีดร้องลั่นเมื่อได้ขึ้นถึงฝั่ง น้ำหอบเสียงดัง ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองหน้าเด็กหนุ่ม พร้อมกับลูบไล้ใบหน้าอย่างเอ็นดู

          “เป็นอะไรหรือเน” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าคาใจเสียเหลืออีก “ถ้าอยากต่ออีกรอบพี่ก็ยังไหวนะ แต่เราน่ะจะกลับบ้านทันตีสามหรือเปล่า”

          เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบๆ ใช่ เขารู้สึกเหมือนกับยังไม่พอ ยังอยากทำต่ออีก...มันไม่รู้สึกสุดเหมือนเมื่อก่อนที่เคยทำ...

          เหมือนตอนที่เขาต้องทนช่วยตัวเองคนเดียว....

          “งั้นขออีกซักรอบสองรอบละกันครับ”


_____________________
ได้หลังแล้วเอาหน้าไม่มันอีกต่อไป ฮา XD

เพิ่งได้มาอ่านตอนที่เจ็ด สะดุดที่ว่าเคราดกๆ... วัฒน์มีเคราเรอะ!? เอาจริงดิ? ตีนกายังพอว่า... T T

ถ้าทั้งสองคนต่างรู้สึกดี ก็กดกันบ่อยๆ นะ อิอิ :hao6:
ฮา ก็มีตามรูปประกอบล่ะงับ

o13 ฟินมากเลยจ้า อ่านแล้วนึกถึงงานของอาจารย์โบระขึ้นเลยเชียว

ยกนิ้วให้อาจารย์เขาเลยนะเรื่องลุงเคะเนี่ยะ แซ่บมากกกก ขอบอก  :heaven

ทีนี้ก็ลุ้นน้องเนล่ะว่าจะติดใจอาวัฒน์แค่ไหน จะตบะแตกกดลุงอีกเมื่อไหร่  :hao6:
อาจารย์โบระนี่ ไอดอลขึ้นหิ้งเราเลยงับ แฮ่กๆ วาดลุงได้เซะซี่น่าปล้ำทุกคนเลย XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 09-05-2015 11:26:27
พูดถูก อ.โบระเนี่ย สุดยอดโอจิค่อนเลยทีเดียว คุณลุงแก่แต่น่าปล้ำจริงอะไรจริง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 09-05-2015 11:40:59
เอาล่ะเหวย เอยล่ะหว่า เน...อีกไม่นาน เอ็งจะกลายเป็นพวกคลั่งโอจิค่อนโดยไม่รู้ตัว  :laugh:

ปล.อ.โบระ โอจิค่อน FC 5555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-05-2015 12:15:34
ได้หลังจะลืมหน้าอ่ะเปล่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-05-2015 13:55:27
หึๆๆ ต่อให้ได้กับผู้หญิงกี่ครั้งมันก็ไม่พอหรอกเน... เพราะแกติดใจข้างหลังของอาวัฒน์แล้วน่ะสิ :hao6:
มันมันกว่าชิมิ -.,- อาแกเซะซี่ในแบบของแกนะ 5555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 09-05-2015 15:49:39
เมื่อไหร่ถึงจะพอหรอค้าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-05-2015 16:24:13
เอาละซิ เน  มันไม่สุด มันไม่อิ่ม ใช่มะ ใช่ม้า 

ยอมรับตัวเอง กลับไปกดลุงวัฒน์เถอะ คนอ่านไม่ว่าอะไรหรอก  o18


ปอลอ ดีใจที่เห็นเพื่อนนักอ่านชอบงานของอ.โบระเหมือนกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 9 (09/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 09-05-2015 22:19:44
ยินดีต้อนรับสู่สมาคมโอจิค่อนนะคะ น้องเน อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 10-05-2015 11:07:49
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 10


          กว่าเด็กหนุ่มจะแล่นกลับถึงบ้านเจ้านายก็ปาเข้าไปตีสี่ครึ่ง เนขับรถเข้าจอดตรงหน้าบ้านหลังโต แหงนมองฟ้าที่ยังมืดสนิท รู้สึกเหนื่อยใจทั้งๆที่ได้ทำในสิ่งที่รอมาเป็นอาทิตย์



          ปกติเขามีอะไรกับคู่นอนแค่วันละสองครั้งก็รู้สึกสบายกายและใจแล้ว แต่คืนนี้ทั้งคืนเขาทำไปตั้งสามคนสี่รอบ กลับยังไม่พอใจเท่าใดนัก

          คิดแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เขาวางแผนไว้มั่นเหมาะเลยว่าคืนพรุ่งนี้ต้องไปออกรอบต่อ อย่างน้อยๆก็เพื่อความสุข…และอยากจะทำให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด

          เสียงกริ๊กดังขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มไขกุญแจประตูบ้าน เขาแอบตกใจที่ด้านในมืดสนิทเหมือนโดนตัดไฟ เนเดินเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง ไม่อยากทำเสียงดังโดยใช่เหตุ

          ปัง

          ไม่ทันไรก็เดินไปชนขอบตู้วางรองเท้าอย่างจัง เขาเกือบทำมันล้มเสียด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่ยันเอาไว้ทัน ถึงแม้ว่ารองเท้าด้านในจะพากันเฮโลออกมาเที่ยวข้างนอกกันหมดเลยก็ตาม

          “บ้าเอ๊ย”

          เด็กหนุ่มสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้มลงไปหมายจะเก็บรองเท้ากลับขึ้นมาไว้ที่เดิม

          “อย่าขยับ ไม่งั้นตาย”

          เสียงทุ้มดังขึ้นจากมุมมืด น้ำเสียงดุดันพอที่จะขู่ให้เนรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจจนเขาไม่กล้าขยับ พอเงยหน้ามองเข้าไปด้านในบ้าน ใกล้กับผนังห้องก็เห็นเงาร่างที่ยืนห่างจากตนแค่ไม่กี่เมตร เนมองเห็นไม่ชัดก็จริง แต่ดูจากท่าทางการยืนของอีกฝ่ายก็พอจะรู้ว่ากำลังจ่อปืนใส่ตัวเอง

          “ผมเนเอง คุณวัฒน์” เขาตอบพร้อมกับยกมือขึ้น ไม่แน่ใจว่าการบอกความจริงออกไปจะทำให้วัฒน์อยากลั่นไกมากขึ้นหรือเปล่า...แน่ล่ะ ใครที่ไหนไม่นึกแค้นคนที่ปล้ำตัวเองจนไข้จับก็แปลกแล้ว

          “แกเองหรอกรึ” น้ำเสียงหนุ่มใหญ่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์อย่างแรง วัฒน์เดินลงมาเปิดไฟ เมื่อเห็นว่าเป็นเนจริง เขาก็ลดจุดสามแปดคู่ใจลง...ด้วยท่าทางเสียดายแบบไม่ปิดบัง

          “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าวัฒน์มายืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง...ฝีเท้าเงียบแถมกลบจิตเสียมิดชิด ท่าทางไปเป็นนักฆ่าได้สบายๆ...

          “ฉันได้ยินเสียงรถก็ลงมาดูแล้ว” หมายความว่าคุณลงมาตั้งแต่ผมยังไม่เข้าบ้านเลยน่ะสิ “เห็นคุณสิทธิ์บอกว่านายจะกลับเช้า ฉันก็เลยนึกว่าโจรน่ะสิ...รองเท้าก็เก็บให้เข้าที่ด้วยล่ะ”

          วัฒน์ตอบเสร็จก็เก็บปืนแล้วเดินขึ้นห้องกลับไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มจัดการผลงานของตัวเองคนเดียว

          “คุณยังไม่นอนอีกหรือ” วัฒน์เดาได้ทันทีว่าเนต้องเก็บรองเท้าลวกๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตามขึ้นมาเร็วขนาดนี้แน่ เขายังไม่ทันได้เปิดประตูห้องนอนด้วยซ้ำ

          “วันนี้ฉันนอนแทบจะทั้งวันแล้ว จะให้นอนอะไรนักหนา” หนุ่มใหญ่สวนกลับเสียงขุ่น เหล่มองตาขวางท่าทางแค้นสุดกำลัง “ถ้าไม่เพราะใครบางคนมันห้ามสันดานตัวเองไม่อยู่ ฉันก็คงไม่ต้องนอนจับไข้หรอก”

          กัดเจ็บแบบนี้ ท่าทางจะหายดีขึ้นเยอะแล้วแหงม

          “มันจะไม่เกิดถ้าไม่เพราะใครบางคนดันโกหกโง่ๆเพื่อเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอกครับ” มีหรือที่จะยอมง่ายๆ ว่ามาก็เถียงกลับอยู่แล้ว ส่วนไอ้เรื่องสำนึกผิดอะไรนั่นน่ะ โยนลงถังแล้วทำเป็นว่าไอ้เรื่องห่าเหวที่ตัวเองเผลอทำลงไปมันเป็นแค่ฝันร้ายไปซะ

          วัฒน์ชักอยากหยิบปืนขึ้นมาสอยคนตงิดๆ...ถึงแม้ว่านั่นจะจริง....แต่เพราะว่ามันจริงนี่ล่ะถึงได้อยากเป่ามัน จากที่แค้นอยู่แล้วยิ่งแค้นหนักกว่าเดิมจนชักอยากจะลืมเรื่องหน้าที่และความปลอดภัยของเจ้านาย แล้ววิ่งเข้าไปกะซวกไส้เด็กหนุ่มเอาความสะใจของตัวเองซะเดี๋ยวนี้เลย

          “จะนอนก็ไปนอน แต่ช่วยล้างกลิ่นน้ำหอมพวกนั้นออกไปก่อน” เจ้าของห้องตัดบทด้วยความรำคาญก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนโต๊ะทำงาน เก็บปืนไว้ในลิ้นชักที่มีกุญแจ จัดการกับเอกสารต่อ

          เนมองไปที่เตียง ถึงตอนนี้ในห้องจะไม่ได้เปิดไฟ แต่ไฟตั้งโต๊ะก็ส่องให้เห็นผ้าปูที่นอนผืนใหม่พร้อมกับผ้าห่มบนเตียง เขาไม่พูดอะไรต่อ เดินเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี และออกมาอย่างรวดเร็วจนวัฒน์ไม่แน่ใจว่าเนเข้าไปอาบน้ำ หรือผ่านน้ำ

          “พรุ่งนี้ตื่นกี่โมงครับ”

          หนุ่มใหญ่หันมองพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

          “ก็ผมจะตั้งนาฬิกาปลุก” เด็กหนุ่มบอกอ้อมแอ้ม พร้อมกับยกมือถือขึ้นมา “หรือคุณจะให้ผมนอนกินบ้านกินเมืองจนไม่ไปทำงานหรือไงครับ”

          นั่นล่ะที่ฉันหวัง

          “แปดโมง”

          หวังแต่ก็ทำไม่ได้แฮะ...ขืนปล่อยให้มันอยู่คนเดียวไม่รู้ว่าจะรื้อห้องเราไหม

          พอเห็นวัฒน์กลับไปนั่งทำงานบนโต๊ะ เนก็อดมองไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะนึกเสียดายที่ไม่สามารถแอบดูว่าวัฒน์กำลังทำอะไร...ตอนนี้เขาอาจจะกำลังทำเอกสารปลอมหรือวางแผนยักยอกเงินก็เป็นได้ และเนเองก็ไม่มีแรงพอจะไปถ่างตาดูด้วย

          และทั้งๆที่ไม่มีอะไรที่จะทำได้ เขาก็ดันเผลอมองอีกฝ่ายจนม่อยหลับไป

          วัฒน์เหลือบมองคนบนเตียงหลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายหลับสนิทก็ลุกขึ้นไปสำรวจเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มทันที

          ไม่มีอะไรผิดปกติ....

          เขาโยนผ้าลงตะกร้าอย่างหงุดหงิดเมื่อคว้าน้ำเหลว ดวงตาคมปรายมองเด็กหนุ่มบนเตียง ความทรงจำอันชวนขมขื่นก็เข้ามาเซย์ฮัลโหลโดยมิได้เตรียมใจ

          ไม่มีทางน่า...อย่างเราเนี่ยนะ...

          เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าทำไมถึงไปมีอารมณ์คึกคักกับคนที่ข่มขืนตัวเองได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นตัวเองหนัก

          เรื่องบ้าพรรค์นั้นจะต้องไม่มีทางเกิดขึ้นอีก

          วัฒน์สาบานกับตัวเอง และเขาก็มั่นใจว่าไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ ในเมื่อปีศาจหื่นกามเจอแสงสว่างของชีวิตไปแล้วนี่ ตัวผู้วัยกลางคนอย่างเขาจะไปน่าสนใจอะไร...

          แต่ก็แอบเสียดายนิดๆแฮะ...ตั้งแต่อยู่มาสี่สิบปีก็เพิ่งเคยรู้สึกดีสุดๆก็กับมันนั่นล่ะ.....

          ..........................

          ........................................

          ........................................................

          อ๊ากก!! คิดบ้าอะไรของเราวะ!

          หนุ่มใหญ่นั่งลงบนโต๊ะ พยายามสงบจิตสงบใจลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมด ถอนใจออกมาหลายเฮือกที่ตัวเองดันเผลอไปติดใจได้

          มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก! เด็ดขาด!!!! ไม่ว่าจะอยากลองอีกทีเพื่อความมั่นใจแค่ไหนก็ตาม อ๊าก!!!

 

          วันต่อมาทั้งสองก็ไปทำงานกันตามปกติ เนแอบแปลกใจเพราะนึกว่าวัฒน์จะพักต่ออีกรอบ ดูจากท่าเดินเขยกไม่ตรงทางแล้วคงจะยังไม่หายดีเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อยากถาม เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมตอบ แถมจะว่ากลับมาเสียเปล่าๆด้วยซ้ำ...ก็เมื่อเช้าโดนไปหลายดอกแล้วนี่

          วัฒน์ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะฟื้นขึ้นมาไหวอย่างที่ปากว่า สีหน้าของเด็กหนุ่มยังดูเพลียจากการนอนไม่พอ แต่ท่าทีดูจะคึกคักเหมือนแรกเจอ แถมท่าทางดูจะเกรียนแตกหนักกว่าทีแรกอีก เห็นแล้วแทบไม่ต้องแบ่งความเห็นใจให้เลยสักน้อย

          เป็นอีกวันที่เหล่าพนักงานพากันหันมามองเสียงกระทืบเท้าเข้าตึกด้วยความหวาดระแวง วัฒน์เดินท่อมๆสีหน้าไม่สบอารมณ์จนพนักงานรีบพากันหลีกทางก่อนถ้วนหน้า เนที่เดินตามหลังมาก็ได้แต่มองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง ไม่วายยังยิ้มให้กับพนักงานสาวทุกคนที่เจออีก

          เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองจะรู้สึกหวั่นกลัวโดนโกรธไปทำไมทั้งๆที่วัฒน์ไม่มีอะไรให้เขารู้สึกแคร์ แถมยัง(เข้าใจว่า)เป็นคนคิดร้ายสิทธิ์ ถ้าทำให้โกรธจนคลั่งตายไปได้เขาก็น่าจะชอบใจเสียด้วยซ้ำ และเขาก็รู้สึกแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งพลาดพลั้งในคืนนั้น....

          ก็พยายามโบ้ยไปว่าที่รู้สึกแบบนั้นก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่เผลอทำลงไปมันเป็นเรื่องที่ผิด...แม้จะเป็นศัตรูกันก็ตาม

          “เน”

          เสียงเรียกดังใกล้จนสะดุ้ง เจ้าของชื่อมองเพื่อนร่วมงานตาค้าง แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาถึงโต๊ะทำงานตัวเองแล้ว แถมยังมีคนอื่นอยู่ด้วยเสียอีก

          “นี่ต้น เขาจะมาสอนงานนายวันนี้” วัฒน์เผยมือไปยังชายหนุ่มร่างท้วมที่ยืนอยู่ข้างๆ “แล้วอย่าทำตัวมีปัญหาอีกล่ะ”
         
          “แล้วคุณล่ะครับ” พอรู้ว่าจะไม่ได้อยู่กับวัฒน์ก็ร้องถาม ออกอาการไม่ยอมเต็มที่...แต่เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายห่างสายตาแล้วไปทำเรื่องไม่ดีหรอกนะ...ไม่ได้รู้สึกคิดถึงห่วงหาอะไรพรรค์นั้นเด็ด.....ขาด!!

          “ฉันก็ทำงานของฉัน นายจะยุ่งอะไร” วัฒน์บอกพร้อมกับเดินเข้าไปกระซิบข่มขู่ “ฉันเป็นรองประธาน ไม่ว่างมานั่งสอนงานนายได้ทุกวันหรอกนะ”

          ตอนได้ยินตำแหน่งเนถึงกับถลึงตาไม่อยากจะเชื่อ...เขาคิดว่าอย่างมากก็น่าจะผู้บริหาร ไม่นึกว่าสิทธิ์จะไว้ใจวัฒน์ขนาดนี้

          เล่นยากกว่าที่คิดอีก

          “แล้วนั่นคุณจะไปไหนน่ะ” พอเห็นวัฒน์เดินออกจากห้องก็เผลอทักอย่างลืมตัวและมารยาท

          แน่นอนว่าอีกฝ่ายหันมองมาเหมือนจะฆ่าเขาเสียให้ได้ “ไม่ใช่เรื่องของนาย”

          เสียงประตูปิดดังจนคนทั้งชั้นพากันสะดุ้ง

          “โห นายนี่กล้าชะมัดเลยนะ กล้าถามคุณวัฒน์ห้วนๆแบบนั้นน่ะ” ชายร่างท้วมว่าพร้อมกับตบหลัง “จะว่าไปนายเป็นคนรู้จักกับคุณวัฒน์สินะ เห็นมาทำงานด้วยกันตลอดเลยนี่...หรือไม่ใช่”

          เนเพิ่งนึกขึ้นได้ ตั้งแต่มาทำงานมา วัฒน์ไม่เคยแนะนำเขาให้พนักงานคนอื่นรู้จักเลย...ที่รู้จักก็มีแต่เขมเท่านั้น...แถมนั่นก็เพราะเขาเป็นคนเข้าไปทำความรู้จักเอง(แบบแนบเนื้อแนบตัว)ด้วย

          “อ้อ ก็ประมาณนั้นล่ะ” เด็กหนุ่มตอบอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก “ผมไม่เห็นเขาจะดูน่ากลัวตรงไหนสักหน่อย”

          โอเค ไม่นับเมื่อคืนที่โดนเอาปืนจ่อหัวนะ ที่ตัวสั่นน่ะ เพราะกลัวโดนยิงหรอก ไม่ใช่โดนขู่...เชอะ!

          “แสดงว่านายต้องไม่เคยเห็นตอนเขาโกรธแน่ ถึงพูดได้น่ะ เอ๊ะ ก็เห็นแล้วนี่นะ ฮะๆๆ แต่นั่นยังไม่โกรธจัดจริงๆหรอกนะ” ต้นหัวเราะก่อนจะเดินนำไปยังโต๊ะของตนซึ่งอยู่นอกห้อง ห่างออกไปราวสี่ห้าโต๊ะได้

          “เพราะเขาเป็นรองประธานมากกว่ามั้ง คนอื่นถึงได้เกรงใจหรอก” เนยังพูดอย่างไม่สนใจนัก

          “อย่าไปพูดให้เขาได้ยินเชียว” ชายหนุ่มกระซิบ ท่าทางหวาดหวั่น “ถึงจะไม่วางท่าใช้อำนาจหรือชอบโวยวายเหมือนผู้บริหารคนอื่นๆก็จริง แต่เขาขรึมแล้วก็ไม่ค่อยพูด คุยด้วยยากจะตาย”

          อยู่บ้านเห็นโวยวายด่าพ่อล่อแม่กันเกือบประจำ...โอเคไม่หยาบคายถึงขนาดนั้นแต่คำพูดเจ็บปวดพอๆกับโดนด่าว่าพ่อเมิงตายแล้วนั่นล่ะ

          “หรือครับ” เด็กหนุ่มมองหน้านิ่งก่อนจะยิ้มให้ “ผมเองก็เพิ่งจะรู้จักคุณวัฒน์เขาไม่กี่วันเอง...ปกติเขาเป็นคนยังไงหรือครับ ทีหลังผมจะได้ระวังเวลาพูดกับเขา”

          ความหมายของประโยคก็คือ ‘ช่วยบอกสันดานหมอนั่นหน่อย ผมจะได้รู้ว่าต้องใช้วิธีไหนจัดการให้หมอนั่นหยุดเรื่องที่คิดร้ายกับคุณสิทธิ์’

          “เป็นคนยังไงน่ะหรือ...บอกยากแฮะ” หนุ่มท้วมท่าทางจะสนใจการนินทาเจ้านายมากกว่าทำงาน “เขาเป็นรองประธาน ตำแหน่งใหญ่ขนาดนั้นพนักงานอย่างเราไม่มีใครกล้าชวนเขาคุยหรอก แล้วก็อย่างที่ฉันบอกนายไปก่อนหน้านั้น เขาจะไม่พูดถ้าไม่ใช่เรื่องงาน...เคยมีคนใจกล้าชวนเขาคุยนะ แต่หมอนั่นก็หน้าซีดกลับมาทั้งๆที่คุณวัฒน์ไม่ได้พูดสักคำเลยล่ะ แต่จริงๆเขาก็เป็นหัวหน้าที่ดีนะ ทำงานเก่งมากๆด้วย ฉันไม่เคยเห็นเขาใช้อารมณ์กับคนอื่นเลย นอกจากจะทำงานผิดแบบไม่น่าให้อภัยเท่านั้นล่ะถึงได้เห็นเขาโกรธสักที...แถมโกรธที่ว่าก็โกรธแบบนิ่งๆแต่น่ากลัวน่ะ...ถ้านายเห็นก็จะเข้าใจเองล่ะว่ามันน่ากลัวขนาดไหน”

          ความหมายของน้ำท่วมทุ่งนั่นก็คือ ‘เป็นคุณลุงเงียบขรึมธรรมดาที่ไม่บ้าอำนาจ’ สั้นๆง่ายๆแต่ดันร่ายซะยาว

          “งั้นหรือครับ....” เนรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ไม่ได้เรื่องราวเท่าไหร่นัก

          “นายถามไปทำไมหรือ ทำอย่างกับนักสืบไปได้” ท่าทางไม่ใช่แค่พูดมากไปเรื่อยเลยแฮะ หมอนี่ “อย่างที่ฉันบอกนั่นล่ะ ถึงเขาจะน่ากลัวแต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรหรอก”

          เนแอบหัวเราะในใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง(ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ...)เขาก็คงไม่ต้องลงแรงมาทำงานที่ไม่อยากทำแบบนี้หรอก

_____________________________

Welcome to Ojiconland ฮา

เห็นคนชอบเคะลุงเหมือนกันแล้วปลาบปลื้ม ฮา (ไม่ค่อยมีเพื่อนชอบแนวนี้เลย ;w;)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-05-2015 12:00:28
 o13 ติดตามกันต่อไป  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 10-05-2015 12:24:20
เน.. ลุงแกเขาอยากลองอีกซักทีแหน่ะ จัดไป
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 10-05-2015 13:20:13
เรารักเคะแก่ ถึงขั้นคลั่งไคล้....
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 10-05-2015 13:38:21
เคะลุงบันซายยย~~~~~
มันก๊าวใจจังเลย >o<
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 10-05-2015 13:55:46
เคะลุงงงง อิอิ๊ :hao6: :hao7: :z1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 10-05-2015 15:38:09
เคะลุงกำลังหลอกตัวเองอยู่ ลุงนะลุง ชอบที่เป็นฝ่ายถูกกระทำก็ยอมรับมาเถ้ออออ เรื่องแบบนี้มันตายตัวที่คนเขียนเขาแล้ว เปลี่ยนตำแหน่งไม่ได้ ก๊ากกกก(หลบแป๊บ กลัวถูกลุงยิง  :hao7:)

เป็นกำลังใจให้ตัวโตๆนะจ้ะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 10 (10/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 10-05-2015 19:46:35
ทำไมขำาา ฮ่าๆๆๆ :laugh:
มีกลบจงกลบจิตด้วยอ่ะ แถมยังมี 'เซย์ฮัลโหล' อีก 555555
ชอบภาษาไรต์ฯ มากเลย มันเข้าใจง่ายดี อ่านแล้วลื่นไหล และจากคำพูด บทสนทนาอะไรงี้มันทำให้ดูเรียลอ่ะ ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วๆ ไป เขาพูดกันอ่ะ ชอบบบ >O<
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 11-05-2015 09:22:00
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 11


          วัฒน์เดินเอื่อยไปตามทางเดินกว้างของโรงพยาบาลเอกชน ดวงตาคมเลื่อนมองไปยังถุงยากับแผ่นกระดาษในมือที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ ก่อนจะถอนใจเฮือก

          ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก

          หนุ่มใหญ่รีบเดินออกจากตึกไปยังลานจอดรถด้านหน้าด้วยความเร็วสูง พยายามเก็บอาการหวาดหวั่นเอาไว้ในใจด้วยการตีหน้านิ่ง เขากลัวคนอื่นจะรู้เหลือเกินว่าตัวเองมาโรงพยาบาลเพราะอะไร แม้จริงๆแล้วจะมีคนเข้าออกโรงพยาบาลตั้งเยอะแยะ คงไม่มีหมอคนไหนมานั่งจำคนไข้ได้ทุกคนหรอก แถมบางคนก็เข้าโรงพยาบาลมาด้วยเหตุผลที่น่าอายกว่าเขาเยอะแยะ

          แต่คนมันอาย ถึงจะรู้ยังไงก็อายอยู่ดี

          นึกแล้วก็เจ็บใจไอ้เด็กผีที่เป็นต้นเหตุ อยากจะกลับไปกระทืบมันให้หายแค้นนัก

          ในขณะที่กำลังมองหารถเก๋งสีเงินของตน สายตาก็เหลือบไปเห็นชายตัวสูงร่างกำยำวัยเดียวกับเขา ใบหน้ากรุ้มกริ่มท่าทางขี้เล่นนั่นวัฒน์รู้จักและจำได้แม่น ยิ่งโดยเฉพาะรอยแผลเป็นเล็กๆที่บากเฉียงบนหน้าผากทางขวา กับอีกรอยที่มีขนาดใหญ่ตรงข้างลำคอซ้าย และที่หูด้านซ้ายมีรอยแหว่งตรงส่วนบนขนาดที่เอานิ้วไปวางไว้บนรอยนั้นได้พอดีทีเดียว ชายคนนั้นกำลังเดินมาทางเขา ดูท่าทางจะไม่เห็นวัฒน์จนกระทั่งเดินเข้ามาใกล้ในระยะสามเมตร และเมื่อเขาสังเกตเห็นวัฒน์ก็ออกอาการแปลกใจอย่างไม่ปกปิด

          “วัฒน์นี่” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับวิ่งเข้าไปเพ่งมองใกล้ๆเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น พร้อมกับกางแขนด้วยท่าทีเริงร่าท้าลมร้อนไม่เข้ากับวัย

          “ฉัตร...นายมาทำอะไรที่นี่” วัฒน์เองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เสียแต่ว่าสำรวมอาการมากกว่า เขาหลบร่างใหญ่ยักษ์ที่หมายจะเข้ามากอดเข้าอย่างรู้ดี ขมวดคิ้วแสดงอารมณ์รังเกียจให้อีกฝ่ายรู้แบบไม่ปิดบัง

          “อ้อ พอดีไอ้หนูโค้กกับไอ้หนูศาสตร์นอนโรงบาลฉันเลยมาเยี่ยมมันน่ะ” ฉัตรเอ่ย ท่าทางเสียใจน่าดูที่วัฒน์ไม่ยอมรับไมตรีจิตที่ตั้งใจจะมอบให้อย่างเต็มรัก

          สีหน้าของคนตัวเล็กกว่าแสดงอาการตกใจอย่างชัดเจน

          “เกิดอะไรขึ้น”

          “...ก็มีปัญหาข้ามกลุ่มนิดหน่อย แต่สองคนนั่นก็จัดการอยู่ล่ะนะ...ก็เกือบไปเหมือนกัน” ฉัตรบอกอย่างเหนื่อยใจพร้อมกับเกาหัวจนยุ่ง ดวงตาคมที่ดูเหมือนไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบข้างแสดงความขุ่นเคืองให้เห็น “ไอ้เดชเนรคุณชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ตั้งแต่คุณสิทธิ์มอบหน้าที่ให้มันจัดการเรื่องภายใน มันก็เริ่มด้วยการไปยั่วโมโหกลุ่มไฟฉายทานตะวันมาบุกถึงถิ่นพวกเราเลยล่ะ...จริงๆก็บาดเจ็บกันไปเยอะนะ แต่สองตัวนั่นโดนหนักกว่าเพื่อน...ดูเหมือนศาสตร์จะซี่โครงร้าวไปสองสามซี่บวกกับโดนยิงที่ไหล่ ส่วนไอ้โค้กก็หัวแตกเย็บสามสิบเข็ม แถมรูที่ท้อง...โชคดีที่พาส่งโรงพยาบาลทันก่อน ไม่งั้นหมอนั่นคงตายแล้วล่ะ ถึงตอนนี้จะยังบอกไม่ได้ว่าปลอดภัยแน่ๆหรือเปล่าน่ะนะ”

          กลุ่มที่ว่าเป็นกลุ่มค้าประเวณีที่ชอบเข้ามาหาเรื่องเป็นครั้งคราวเนื่องจากผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะหญิงบริการและหนุ่มขายน้ำส่วนใหญ่ชอบมาอยู่ใต้อำนาจสิทธิ์มากกว่าเพราะสวัสดิการดีแถมฟรีที่พัก แล้วลูกค้าก็ชอบการบริการทุกระดับเน้นประทับใจของทางสิทธิ์มากกว่า กลุ่มไฟฉายทานตะวันจึงไม่ชอบขี้หน้ากลุ่มสิทธิ์เท่าใดนัก เจอหน้ากันทีไรก็มักมีเรื่องกันเลือดตกยางออกทุกที

          แต่ถึงขนาดบุกเข้ามาถึงถิ่นนับว่าหยามหน้ากันสุดๆ ยิ่งฝ่ายตัวเองบาดเจ็บกันถ้วนหน้ายิ่งเป็นเรื่องน่าปวดใจจนหัวเราะไม่ออก

          “นายรายงานคุณสิทธิ์หรือยัง” วัฒน์ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

          “ยัง ก็ว่าจะโทรไปบอกนายก่อนพอดี” ร่างสูงยักไหล่ “ช่วงนี้ไอ้เดชมันเกาะฉันอย่างกับปลิง จะติดต่อนายทีต้องรอมันเมาพับ ไม่ก็มัวแต่สนใจเรื่องอื่นอยู่นั่นล่ะ หูตามันเป็นสับปะรดจะตาย...เป่ามันได้ฉันทำไปแล้ว รำคาญชะมัด”

          “ฉันก็เหมือนกัน” ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายฉัตรก็เบิกตามองอย่างสนใจ “หมอนั่นส่งสายมาติดตามดูคุณสิทธิ์ด้วย”

          “เอ๋ จริงอะ ไม่ยักรู้” ฉัตรถามเสียงสูง แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นอย่างโจ่งแจ้ง “ใครน่ะ บอกได้หรือเปล่า”

          “...ฉันเองก็ไม่มีหลักฐานพอจะมัดตัวมันหรอก” หรือพูดให้ถูกคือ จริงๆก็ยังไม่รู้ดีหรอกว่าใช่หรือเปล่า แต่มั่นใจเอาไว้ก่อนเพราะเนดันโผล่มาได้จังหวะเสียดิบดี ก็เลยซวยไปอย่างช่วยไม่ได้ “ไว้รอให้มันโผล่หางออกมาก่อน จะได้ให้คุณสิทธิ์รู้ไปเลยว่าสันดานไอ้เดชกับไอ้เด็กผีนั่นมันเป็นยังไง”
         
          “...แล้วนายมีปัญหาอะไรกับเด็กผีที่ว่าหรือเปล่า”

          ค้อนตาขวางจนฉัตรสะดุ้งเลยทีเดียว

          “ก็แหม...ปกตินายไม่ค่อยอาฆาตแค้นใครให้เห็นชัดๆนี่” หนุ่มใหญ่ขี้เล่นหัวเราะเสียงแห้งพร้อมกับเกาหัว “แสดงว่าไอ้เด็กที่นายว่ามันต้องทำอะไรที่เลวร้ายมากจนนายถึงกับแค้นใช่ไหมล่ะ”

          เออ มันทำ...เลวร้ายฉิบหายเลยด้วย แต่เรื่องพรรค์นั้นใครจะกล้าบอกสาเหตุจริงๆกันเล่า

          “เพราะมันคิดร้ายกับคุณสิทธิ์ไง” เขาก็ไม่ได้โกหกนี่...แถมปากเสียเหมือนเลี้ยงหมาไว้ในปากเป็นโหลอีก ใครอารมณ์ดีกับมันก็เก่งแล้ว

          “งั้นหรือ เอาเถอะ” พอเห็นเนื้อหาเริ่มไม่น่าสนใจ ฉัตรก็เปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วนายมาทำอะไรที่โรงพยาบาลนี่ล่ะ มีคนบาดเจ็บหรือ”

          ถามแทงใจเข้าอย่างแรง พยายามลืมอยู่แท้ๆ จะมาเตือนความจำหาพระแสงอะไรวะ

          “...เอ่อ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะ แต่อย่ามองฉันเหมือนจะฆ่ากันเลย” ฉัตรเอ่ยเสียงสั่นเมื่อโดนจ้องตาขวางเหมือนวัฒน์พร้อมจะสังหารตนทุกเมื่อ ยิ่งเห็นมือขวาของอีกฝ่ายล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแลคสีกรมท่านั่นแล้วฉัตรยิ่งหวาดจนเผลอถอยห่างออกมาโดยไม่รู้ตัว “เอาเป็นว่านายก็จัดการเรื่องของนายละกัน เรื่องทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันจะจัดการเอง แล้วเจอกันนะถ้ามีโอกาส”

          ว่าจบก็รีบบอกลาแล้วชิ่งหนีไปทันควัน ไม่เข้ากับร่างโตอย่างกับยักษ์แม้แต่น้อย วัฒน์เพียงแต่มองตามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก ก่อนจะขึ้นรถขับกลับบริษัทไป

 

          เนมองนาฬิกาในมือถือของตนด้วยความหงุดหงิด นี่ก็บ่ายสามแล้ว แต่เขายังไม่เห็นวัฒน์เข้ามาในอาคารแม้แต่เงา

          ไปเหวไหนของมันวะ

          “คุณต้น เสร็จตรงนี้แล้วให้ทำอะไรต่อครับ” เมื่อมองไปทั่วแล้วก็ไม่เห็นหนุ่มใหญ่ เนเลยตัดใจเดินไปส่งงานให้รุ่นพี่อย่างเสียมิได้

          “อะไรกัน เสร็จแล้วหรือ” ชายร่างท้วมร้อง “นี่นายไม่เคยทำงานที่บริษัทไหนมาก่อนจริงๆหรือเปล่าเนี่ย โปรชัดๆ”

          โฮะโฮ่ มือชั้นนี้แล้ว ให้ทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นล่ะ....ยกเว้นปล้ำลุง ที่ไม่ขอและไม่อยากทำอีก! ไม่อยากทำอีกจริงๆนะโว้ย!!!

          “ก็แค่ผมถนัดเท่านั้นล่ะครับ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก” เนถ่อมตัว ถ้าไม่ใช่คนที่เกลียดขี้หน้ากันเขาไม่ค่อยจะอวดตัวโม้เหม็นให้ชังน้ำหน้ากันนัก โดยปกติเขาก็มนุษยสัมพันธ์ดีอยู่หรอก ผู้ชายส่วนใหญ่ที่เกลียดขี้หน้าเขามีแค่เหตุผลที่ว่าไปนอนกับแฟนพวกเขา ไม่ก็หญิงที่พวกเขาชอบดันมาชอบเน หรือหมั่นไส้ที่หน้าตาดี...ก็เท่านั้น

          “เฮ้ เด็กใหม่ จะว่าไปแล้ว วันแรกที่นายมาก็ทำเรื่องเลยนี่หว่า” ชายอีกคนที่นั่งใกล้ๆหาเรื่องละจากงานแล้วชวนเนคุย “แกไปดีดน้ำมันพรายใส่คุณเขมหรือไงวะ แม่งสุดยอดชะมัดเลยว่ะ”

          หึๆ ก็คนมันหน้าตาดีคารมเป็นหลัก นี่ล่ะ ความสามารถเฉพาะตัวของตู

          “ก็นิดๆหน่อยๆ ไม่มีอะไรมากหรอกครับ” จริงๆก็ไม่ได้งกเคล็ดลับหรอก แต่มันไม่มีนี่นา “จะว่าไป เอกสารที่นี่ละเอียดดีนะครับ อ่านง่ายด้วย แบบนี้ใครจะโกงคงยากน่าดู”

          เขาเริ่มโยนหินถามทาง อีกฝ่ายเองก็ดูจะชอบคุยน่าดู ยิ่งเข้าทาง

          “โหย นายไม่รู้อะไร” นั่นไง คันปากมาเชียว “ตั้งแต่ทำงานมา ที่นี่เป็นบริษัทที่ไม่เคยมีเรื่องโกงหรือยักยอกเลยนะ ก่อนหน้านั้นฉันก็ทำงานบัญชีมาสองสามที่ ไม่เคยเห็นเอกสารบัญชีที่ไหนขาวสะอาดเท่าที่นี่แล้วล่ะ”

          เนฟังไปนิ่วหน้าไป ดูจากท่าทางของต้นก็ไม่เหมือนคนโกหกเท่าใดนัก ยิ่งมีเสียงสนับสนุนจากหนุ่มขาเมาท์โต๊ะข้างเคียงก็ยิ่งรู้สึกข้องใจหนัก

          ถึงวัฒน์จะใหญ่ขนาดไหน แต่ถ้าคนมันมีสี ลูกน้องก็ย่อมจะนินทาเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกก็ตาม...อันนินทากาเลคือความบันเทิงของทุกชนชั้น...แต่ฟังมาส่วนใหญ่จะนินทาแต่เรื่องที่วัฒน์ดูไม่เป็นมิตรกับชาวบ้านเขาก็เท่านั้น

          ประวัติใสไร้มลทินจนน่าแปลก...

          เขามั่นใจว่าเรื่องที่ตนได้ยินมาเป็นเรื่องจริง และตอนนั้นก็ไม่ได้เมา ไม่ได้เงี่ยน และก็ไม่ได้เบลอด้วย

          ทำไมมันขัดแย้งกันนักนะ...

          เพราะมัวแต่ครุ่นคิด เนจึงไม่สังเกตว่าขาเมาท์คนอื่นพากันหน้าซีดรีบกลับไปสนงานตนกันหมด

          “คุยกันสนุกเลยนะ”

          เสียงทุ้มที่บอกอารมณ์ไม่ได้ดังจากด้านหลังเน และไม่ต้องบอก เนก็พอจะเดาได้ว่าวัฒน์มีสีหน้าอย่างไร

          “ท่าทางจะให้ทำงานกันน้อยไปสินะ ถึงได้ว่างมานั่งจับกลุ่มคุยกันน่ะ” ดุเป็นกลุ่ม แต่สายตาจ้องเนแทบจะกินเลือดกินเนื้อเพียงคนเดียว

          ได้ยินปุ๊บ ต่างพากันรู้ชะตากรรมกันทันที จะมีก็แต่เนที่เหล่กลับเหมือนเด็กไม่ยอมรับผิดอยู่คนเดียว

 

          “ห่าเอ๊ย!”

          “เฮ้ย เป็นบ้าอะไร” ต้นสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆเด็กหนุ่มโพล่งเหมือนคนใกล้สติแตก “เอาน่า แค่วันนี้วันเดียวเอง คุณวัฒน์เขาไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นสักหน่อย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่พวกฉันโดนน่ะ ฮะๆๆ”

          แหงล่ะ คุณไม่ได้โดยหมายหัวเหมือนผมก็พูดได้สิ

          ใจจริงเนก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่ถ้าเผลอหลุดไป รับรองว่าเขาต้องไม่โดนแค่หมายหัวแน่...นึกถึงน้ำเสียงที่ข่มขู่เมื่อคืนแล้วเขายังขนลุกซู่ไม่หายเลย

          นี่ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว แต่เนกับต้นแล้วก็ภาษต้องมานั่งเรียงเอกสารเป็นตั้งในห้องเก็บเอกสารเก่าเป็นการลงโทษที่อู้และนินทาเจ้านายเมื่อบ่าย ท่าทางทั้งสามต่างระโหยโรยแรงจนเหมือนจะฟุบลงกับพื้นได้ทุกเมื่อ ต้นเองก็เริ่มไม่สนใจความสกปรก ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นจนเนกับอีกคนแทบไม่มีพื้นที่จะยืนกัน ห้องเองก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรสักนิด

          เนหันมองไปยังห้องรองประธานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาเห็นวัฒน์ยังคงนั่งทำงานอยู่ด้านใน ทั้งๆที่ปกติวัฒน์มักจะกลับตอนห้าโมงทุกครั้ง

          จับตาดูเราสินะ ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์จอมใช้แรงงานทาสเอ๊ย

          วัฒน์มองผ่านกระจกใสไปยังห้องเก็บเอกสาร นึกถอนใจที่ต้องมานั่งอยู่ในบริษัทจนดึกป่านนี้ ความจริงงานตรงหน้าเขามักจะเอากลับไปทำที่บ้านเป็นปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กผีที่มันกล้านินทาลับหลัง เขาก็คงไม่อยู่ตรงนี้หรอก แต่เขาจะไม่ลงโทษเนก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับพนักงานคนอื่นหมด แต่จะปล่อยให้เนอยู่กับเอกสารโดยที่เขาไม่เฝ้าก็ทำไม่ได้อีก ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นแบบนี้แทน

          นึกว่าฉันจะรู้ไม่ทันแกหรือไงวะ ไอ้เด็กผีหื่นกามเอ๊ย

          กว่าจะได้เสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มกว่าแล้ว คนทำงานปกติก็คงรีบดิ่งกลับบ้านไปพักผ่อนกันแน่นอน

          แต่ไม่ใช่เน

          “เดี๋ยวผมจะไปค้างกับผู้หญิง ตอนเช้าๆจะกลับไป” เนบอกเสียงเรียบ แต่ในใจกำลังกระโดดโลดเต้นเพราะนัดกับพี่สาวแสนสวยเอาไว้

          “...อืม” หนุ่มใหญ่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบพอกัน แต่ข้างในนึกขุ่นเคืองเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหาช่องทางติดต่อเจ้านายที่แท้จริงของมัน เขาเองก็ไม่ว่างที่จะแอบตามไปด้วย จะเรียกคนอื่นมาก็ดูจะช้าไป และจะห้ามก็กลัวมันมาหน้ามืดปล้ำตัวเองอีก เลยได้แต่ตอบโอเคแล้วแช่งให้ข้างล่างใช้การไม่ได้เข้าสักวันอยู่ในใจ

          วัฒน์ส่งเนใกล้กับป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้กับบริษัท ก่อนจะขับรถกลับบ้านไป เด็กหนุ่มมองรถอีกฝ่ายไปจนลับแล้วก็ยกมือถือขึ้นมากดอย่างอารมณ์ดี

          เพียงสิบนาที รถเก๋งสีแดงเข้มก็เข้าจอดมารับเขา เหล่าคนรอรถเมล์ต่างพากันมองเนตาเป็นมัน ที่มีหญิงสาวเซ็กซี่มารับ เนเพียงแค่ยิ้มอย่างคนมีชัย ก่อนจะขึ้นรถไปรับความสุขสมที่กำลังรอตนอยู่ไม่ไกล


________________________

เมื่อเนยังคงหนีความจริง ฮา

ขอบคุณทุกคอมเมนท์งับ >w<

เรื่องภาษานี่ เคยมีคนแซวว่าแอบเก่าเป็นบางพื้นที่อยู่เหมือนกัน แถมใช้ภาษาเขียนเสียส่วนใหญ่ด้วย ก็แอบกลัวๆว่าจะอ่านกันแล้วรู้สึกเก่าหรือไม่อิน ;w;

ถ้าอ่านแล้วสะดุดตรงไหนอย่างไร บอกกันได้เลยเน้อ ^^
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 11-05-2015 10:48:47
ลุงหึงอ่ะเปล่า..คึคึ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 11-05-2015 11:36:22
555+อย่าสำลักน้ำลายตัวเองทีหลังละกันนะเน ที่ว่าจะไม่หน้ามืดไปปล้ำลุงอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 11-05-2015 11:59:59
ตอนนี้ต่างคนต่างเข้าใจผิดกันอยู่ บ่าเนก็ยังแอ่วสาวอยู่  :z3:

ไม่ต้องคิดมากเรื่องภาษเขียนนะตัวเอง เขียนในสไตล์ตัวเอง อย่ามัวแต่กลัวคนอ่านจะไม่สนุก เดี๋ยวเรื่องมันจะสะดุดแล้วก็กร่อย สนุกไปกับการเขียนที่ถนัดดีกว่านะจ้ะ เป็นกำลังใจให้เสมออออ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: leceto ที่ 11-05-2015 12:06:21
เมื่อไหร่เนจะรู้ใจตนเองนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 11-05-2015 13:21:00
มันต้องมีสัก (หลายๆ) วันที่พวกนี้จะกลืนน้ำลายตัวเองกันมั่งแหละ หึๆๆ :hao6:
เน แน่ใจเหรอว่าแอ้มหญิงคราวนี้จะมันอ่ะ -..- กลัวว่าจะเหนื่อยฟรีเหมือนคราวที่แล้วมากกว่าม้าง อิอิ กลับไปหาคนแก่ที่บ้านเห้อ -.,-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 11-05-2015 13:51:22
อ่านแล้วลื่นมากๆสนุกๆมากๆค่า :hao7:
เนอย่ามาปล้ำลุงอีกแล้วกันลุงเค้าก็สเน่ห์แรงนะ :m31:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-05-2015 21:00:54
เนก็ยังหนีความจริงต่อไป  เอาเถอะเดี๊ยวก็รู้เองว่าอิ่มไม่อิ่ม  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 11 (11/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 12-05-2015 08:40:51
มานั่งปูเสื่อรอตอนใหม่ :a11:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 12-05-2015 09:34:35
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 12


          ค้างคา

          เนไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด เขาได้กลับมาสัมผัสชีวิตที่คิดถึง แต่ความรู้สึกกลับไม่แช่มชื่นอย่างที่เคย

          ทีแรกเขาเข้าใจว่าเป็นเพราะตนอดอยากมานานเลยรู้สึกทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ หลายวันมานี้เขาจึงออกไปนอนกับผู้หญิงแทบทุกวัน

          แต่ยันบัดนี้แล้วก็ยังรู้สึกไม่พอเหมือนเดิม แถมเหนื่อยหนักกว่าเดิมเพราะต้องไปๆมาๆระหว่างบริษัท บ้านสิทธิ์ แล้วก็สาวๆ จนชักไม่แน่ใจว่าตนได้พักผ่อนแล้วหรือเปล่า เพราะครั้งล่าสุดเขาทำจนเช้า และแน่นอนว่าต้องไปบริษัทต่ออีก เล่นเอาผงกหัวตลอดทั้งวัน

          วันนี้เนไม่ได้ออกไปนอนกับสาวที่ไหน เพราะวัฒน์เริ่มบ่นกับพฤติกรรมช่างเที่ยว กับเรื่องที่เขาเกือบหลับในที่ทำงาน เขาเลยยอมหยุดหนึ่งวันเพราะขี้เกียจฟังอีกฝ่ายบ่น ตอนนี้จึงต้องมานอนอยู่บนเตียงกับตาลุงจอมวายร้ายแทน

          “ไม่ออกไปไหนอีกหรือไง” เจ้าของห้องถามขึ้นอยากแปลกใจเมื่อออกจากห้องน้ำแล้วเห็นอีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียง

          “เหนื่อย ไว้ทนไม่ได้แล้วค่อยออกไปใหม่” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ สีหน้านิ่ง แต่ในใจกลับเต้นรัวผิดปกติเมื่อเห็นร่างเกือบเปลือยตรงหน้า นึกด่าทออีกฝ่ายอยู่ในใจว่าทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนออกมา

          วัฒน์ยืนมองด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง นึกหงุดหงิดกับการกระทำตามอำเภอใจของเน และเพราะเนไม่แสดงพฤติกรรมน่าสงสัยให้เขาจับได้เลยสักนิด

          ถึงวันแรกจะได้แต่ปล่อยไป แต่วันอื่นๆเขาก็ให้คนแอบตามไปดูว่าเนออกไปติดต่อกับคนที่เขารู้ว่าใครหรือเปล่า แต่ผลที่ได้คือแผ่นรายงานจำนวนสี่สิบแปดแผ่นที่บรรยายถึงลีลาท่าเด็ดบนเตียงของเนกับคู่นอน ซึ่งไอ้คนทำรายงานก็ตั้งใจเขียนเสียเหมือนนิยายอีโรติกก็ไม่ปาน วัฒน์จึงได้แต่ดุกลับไปข้อหาเขียนเรื่องไม่เป็นเรื่อง โดยที่ไม่ได้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการงานเลยสักกระเบียดนิ้ว

          หนุ่มใหญ่ไม่พูดอะไรต่อ หันไปใส่เสื้อผ้าโดยไม่สนใจเลยว่าเนกำลังจ้องเขม็งมาที่เรือนร่างของตน ดวงตาเรียวสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า เก็บเกี่ยวภาพตรงหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

          โดยลืมเสียสนิทว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยสี่สิบที่เหม็นขี้หน้ากัน

          ในขณะนี้เป็นเวลาห้าทุ่มสี่สิบสี่ ดูท่าทางวัฒน์จะหลับไปเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นหนุ่มใหญ่คงไม่นอนหันหน้ามาทางเนแน่ ทุกครั้งที่นอนเตียงเดียวกันเมื่อไหร่วัฒน์เป็นต้องหันหลังให้เขาทุกที ยิ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่น่าจดจำนั่นแล้ว วัฒน์ยิ่งถอยห่างเนจนสุดเตียงกันเลยทีเดียว

          แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังหันมาทางเขา และระยะก็ใกล้มากเสียจนเนเอามือไปโอบวัฒน์ได้สบายๆ

          ดวงตาเรียวมองอีกฝ่ายที่หลับไม่รู้เรื่อง...ตอนตื่นน่าหมั่นไส้แทบตาย แต่ตอนนอนกลับดูน่ารักน่ากอดดีแท้ๆ...

          .......

          ........................

          คิดห่าอะไรวะ!

          เนหันตัวไปอีกทาง สีหน้าตื่นตระหนกเหมือนเห็นผีนอนอยู่ข้างตัว

          ไม่ๆ...เราไม่ใช่แน่...ไม่มีทาง กับผู้ชายก็ว่าแย่แล้วนะ...นี่ลุง....ลุง!!!!!!!

          สมองของเด็กหนุ่มเริ่มหมุนติ้ว ความเป็นไปได้ที่ไม่อยากจะให้เป็นก็คอยหลอกหลอนไม่ขาด

          หรือว่าตูเป็นเกย์...เลยสะบัดตาลุงนั่นออกจากหัวไม่ได้

          คิดแล้วอยากจะวิ่งไปโดดตึกตายเสียเดี๋ยวนี้ สำหรับคนบ้าผู้หญิงอย่างเขานี่มันคำสาปที่ร้ายแรงสุดของชีวิตแล้ว

          ปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้คงอกแตกตายสักวันแน่ และนั่นก็ไม่ใช่ตัวเขาด้วย ของแบบนี้ถ้าคาใจมันต้องพิสูจน์!

          ว่าแล้วก็หันกลับไปมองวัฒน์ที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่อง พยายามข่มใจ สะกดจิตตัวเองให้รู้สึกรังเกียจอีกฝ่าย

          ไม่ๆ นั่นมันก็ตัวผู้เหมือนเรา แถมแก่หงำเหงือกอีกต่างหาก จะไปมีอะไรน่ามอง แค่เห็นก็หมดอารมณ์แล้ว

          ว่าแล้วก็มอง...มองทั้งใบหน้ายามนอนพร้อมกับนึกอยากจูบให้หายหมั่นไส้ อยากทำให้ใบหน้านั่นเต็มไปด้วยรอยน้ำตาและความทรมานที่แสนสุขอย่างเมื่อคืนก่อน...ยิ่งเหลือบไปมองด้านล่างก็ยิ่งอยากเอามือลงไปล้วงสิ่งที่อยู่ใต้ร่มผ้านั่น แล้วปลุกอารมณ์เสียให้เดี๋ยวนี้เลย...

          เนรีบผงะหนีออกจากอีกฝ่ายจนตกเตียง เขานอนดีดดิ้นเพราะเจ็บสะโพกกับหัวไหล่ที่จูบกับพื้นเข้าเต็มรัก ถึงแม้ว่าจะมีพรมอยู่ แต่มันก็เจ็บเสียจนเนต้องนอนนิ่งอยู่หลายนาทีกว่าจะลุกไหว

          ไม่จริงน่า คิดห่าอะไรของตูฟะ นี่เราอยากปล้ำตาลุงนี่เรอะ

          หรือว่าเราเป็นเกย์จริงๆ

 

          วัฒน์มองเนอย่างสงสัยและหวาดหวั่นขณะกำลังเดินออกจากบ้านไปยังรถ เขาเห็นเด็กหนุ่มมีสภาพเหมือนผีตายซากไร้วิญญาณตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ไม่ว่าวัฒน์จะด่า จะจิกกัด ก็ไม่โต้ตอบกลับมาสักคำ แถมยังทำตามคำสั่งเสียดิบดีไม่มีเถียงหรือออกอาการดื้อแพ่งแม้แต่นิดเดียว

          หนุ่มใหญ่ไม่แน่ใจว่าเพราะเขาไปปลุกเนอย่างรุนแรงหรือเปล่า เนดูไม่โกรธอย่างที่เขาคาด และยิ่งพอรู้ว่าที่วัฒน์เตะไปก็เพราะเนมานอนกอดเขาอีก เด็กหนุ่มก็ยิ่งช็อกหนักจนมีสภาพอย่างที่เห็นตอนนี้

          หรือมันจะสมองกลับเพราะเราเตะมันแรงไป...

          “นายเป็นอะไรหรือเปล่า” พอคิดว่าอาจจะเป็นความผิดของตนก็อดเอ่ยถามไม่ได้

          เด็กหนุ่มเลื่อนมองคนตรงหน้า ทั้งๆที่วัฒน์ใส่เสื้อทำงาน ไม่ได้เปลือยอยู่แท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาเสียได้

          อยากฉีกเสื้อพวกนั้นให้หลุดลุ่ยชะมัด ตอนนั้นคุณจะทำสีหน้ายังไงกันนะ...คงเซ็กซี่เร้าใจผมแน่ๆ

          “เน!”

          วัฒน์ตกใจที่อยู่ๆเด็กหนุ่มก็ทรุดลงเหมือนคนเป็นลม

          “ผมไม่เป็นไร” เนตอบเสียงแหบแห้ง “...วันนี้ผมต้องไปทำงานกับคุณต้นหรือกับคุณ”

          อยู่ๆมาบ้างานอะไรของมันวะ

          วัฒน์ได้แต่นิ่วหน้า งานที่เขาใช้ให้เด็กหนุ่มทำกับงานที่ของต้นไม่มีอะไรให้จัดการได้เลยแท้ๆ

          “ต้น” แต่ก็ตอบไป

          “หรือครับ” พอได้ยินก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา...เขากลัวตัวเองเหลือเกินว่าจะไปเผลอลวนลามลุงในที่สาธารณะ “งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายเสียก่อน”

          ว่าจบก็เดินนำขึ้นไปนั่งอยู่ที่ข้างคนขับอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เพื่อนร่วมงานได้แต่มองอย่างสงสัย

 

          “ว่าไง ไอ้หนูเส้นใหญ่”

          พอเนมานั่งทำงานใกล้กับต้น บวกกับวัฒน์เข้าไปทำงานในห้อง ต้นก็เอ่ยแซวขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ทันที

          “เส้นหญ่งเส้นใหญ่อะไรกับล่ะครับ คุณก็พูดไปเรื่อย” เนยิ้มหน้าเฝื่อน

          “ไม่ใหญ่ได้ไง ถึงกับนั่งรถรองประธานมาด้วยกันเลยเนี่ยนะ แถมคุณวัฒน์ยังเป็นคนขับรถให้นายอีกต่างหาก ไม่เรียกว่าเส้นใหญ่แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ เส้นก๋วยจั๊บหรือ ฉันเห็นนะโว้ย”

          ใหญ่บ้าอะไร โดนจ้องจับผิดตลอดเวลาเนี่ยนะ

          “คุณวัฒน์เขาก็แค่ห่วงรถตัวเองเท่านั้นล่ะครับ ผมมันขับรถไม่ค่อยแข็ง” เนโกหกไปก่อนจะตัดบทด้วยการเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ผมต้องทำอะไรบ้างครับ”

          “อ้อ นี่เลยรอเดี๋ยวนะ” ชายร่างท้วมทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้แล้วก็หมุนเก้าอี้ไปรื้อเอกสารในลิ้นชัก

          ในระหว่างรอ เนก็มองเรืองร่างของอีกฝ่ายทันที

          ...เรือนร่างที่อวบอัดคับแน่น อุดมไปด้วยก้อนไขมันที่โปะไปทั่วทุกส่วนสัด ไม่ว่าจะจับตรงไหนก็เจอแต่เนื้อนุ่มนิ่ม แก้มตุ้ยนุ้ยที่กระเพื่อมทุกคราในยามหัวเราะ...

          ไม่ไหว จะอ้วก...

          เขาพยายามเปลี่ยนไปหาเป้าหมายอื่นแทน ซึ่งก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หนุ่มขาเมาท์ตัวดีนี่เอง ดูจากรูปร่างแล้วก็พอๆกับวัฒน์ อาจจะทำให้เขารู้สึกเหมือนกับที่รู้สึกกับวัฒน์ก็ได้

          ....ใบหน้าตาตี่นั้นกำลังมุ่งมั่นกับงาน....รูปร่างผอมบางเหมือนคนขาดสารอาหาร...

          ไม่ไหวแล้ว....กระโถนอยู่หนใด ใครช่วยบอกที....

          “เป็นอะไรของนาย” ต้นถามเมื่อเห็นเนเกาหัวตัวเองเสียยุ่ง “ทำท่าอย่างกับคนคิดไม่ตกไปได้”

          เดาเก่งเหลือเกินนะ

          “ก็ไม่เชิงหรอกครับ แค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย” เด็กหนุ่มยังคงปั้นหน้าเป็นและหัวเราะกลบเกลื่อนความจริง

          “อะไรหรือ บอกพี่ชายคนนี้ได้นะ” ต้นเหย้าแหย่ หาเรื่องละจากงานตัวเอง “ว่าไง จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มอยู่ไง เดี๋ยวเสียการเสียงานหมดนะ”

          ไม่อยากให้คุณว่าผมเรื่องงานเลยแฮะ...

          “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ” เนเหล่มองวัฒน์ ก่อนจะของานมากองไว้ตรงหน้าให้อุ่นใจ “ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมสนใจคนๆหนึ่งมากมายทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนอื่นน่ะ”

          แน่นอนว่าต้องตัดคำว่า ‘เป็นผู้ชาย’

          ทันทีที่ได้ยิน ต้นก็ปิดปากกลั้นหัวเราะทันที จนเนรู้สึกหงุดหงิดเพราะรู้สึกเหมือนกำลังโดนล้อ

          “ก็จะไม่ให้ขำได้ไงล่ะ ฉันไม่นึกเลยนะว่าอย่างนายจะถามแบบนี้” หลังจากกลืนหัวเราะลงคอก็พูดขึ้น “ไอ้แบบนี้มันเห็นๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือวะ ว่านายชอบคนๆนั้นน่ะ”

          เหมือนโลกหยุดหมุนไปหนึ่งนาที....ก่อนจะเปิดทำการใหม่อีกครั้ง ในเวอร์ชั่นโลกาวินาศ

          ชอบ....ตาลุงนั่นเนี่ยนะ!!!!

          เนชักเริ่มเครียดหนัก พอมานึกดูดีๆแล้ว อาการของเขาเหมือนกับที่อีกฝ่ายว่ามาไม่มีผิด

          ไม่เอาโว้ย แค่เกย์ก็จะแย่อยู่แล้ว นี่เราชอบหมอนั่นน่ะนะ....ไม่จริงหรอกน่า ไม่จริงสักนิด

          .........................

          ...............................................

          ไม่ๆ เราแค่เป็นเกย์...ที่รู้สึกแบบนี้เพราะอยากนอนกับหมอนั่นแก้เงี่ยนเท่านั้นแน่ ไม่ได้ชอบ...ไม่ได้รักอะไรอย่างนั้นแน่
         
          ไม่ช่ายยยยยยยยยย!!!!

 

          คืนต่อมา เนลงทุนขับรถห่างจากพื้นที่ไกลเสียเป็นโยชน์ เขาหวังว่าคงจะไม่เจอคนรู้จักแถวนี้ อย่างน้อยๆตรงนี้ก็อยู่คนละฟากกับแถวพื้นที่ทำกินของสิทธิ์

          เด็กหนุ่มแต่งตัวด้วยชุดสีทึมหวังให้ดูไม่สะดุดตานัก เขาถึงกับเปลี่ยนลุคโดนการเสยผมใส่แว่นเผื่อบังเอิญเจอคนรู้จัก และหวังไว้ว่าคู่นอนที่เขากำลังเดินเลือกจะจำตัวเขาไม่ได้ในยามปกติ

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองเหล่าหนุ่มป้ายเหลืองที่ยืนกันให้ว่อน เขาพยายามทนไม่สนใจสาวๆที่ยืนให้ท่าเขามาตั้งแต่ลงเดินจากรถไปตามทางเดินเท้า

          คนนี้เด็กไป...คนนั้นก็ตัวเล็กไป...คนโน้นก็สูงไป...นั่นก็บึ้กไป...นี่ก็อายุไม่ถึงเกณฑ์...ทำไมไม่มีคนที่คล้ายๆตาลุงนั่นสักคนเลยวะ.........

          ......

          บ้าเอ๊ย แล้วทำไมเราต้องเลือกให้เหมือนตาลุงนั่นด้วยฟระ!!

          คิดแล้วอยากจะลงไปนอนดิ้นตาย เขาพยายามสะบัดความคิดในหัวออก แล้วหลับหูหลับตาคว้าคนที่ใกล้ตัวที่สุดมา

          “ไง” เจ้าของแขนบางยิ้มถาม พอเห็นว่าหุ่นไม่ต่างจากวัฒน์ อีกทั้งอายุก็ดูจะมากกว่าเข้าสักห้าหกปีก็เบาใจที่ไม่ได้คว้าหนุ่มล่ำที่อยู่ข้างๆ

          เนพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ นึกอยากร้องไห้ที่ตัวเองต้องมาเสียเงินซื้อบริการกับผู้ชายด้วยกัน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเหนื่อยใจ “เท่าไหร่”

          “สองชั่วโมงพันห้า...แต่ถ้าอยากต่อก็แถมให้อีกชั่วโมงก็ได้นะ” เนไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายเสนอเพราะถูกใจตนหรือเปล่า แต่ก็พยักหน้ารับส่งๆไป แล้วรีบเดินนำไปยังโรงแรมม่านรูดที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

          แล้วตูจะทำยังไงต่อไปดีล่ะวะ

          ทั้งๆที่เป็นฝ่ายจ่ายเงินและเดินเข้าห้องในโรงแรมมาเองแท้ๆ แต่พอถึงเวลาต้องเปิดศึกกลับรู้สึกอยากวิ่งหนีเหมือนโดนฉุดเข้ามาเสียอย่างนั้น ความช่ำชองด้านเซ็กซ์ที่สั่งสมมาหลายปีก็ระเหิดหายไปหมดเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มที่ตนซื้อมา...ที่จริงอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้หน้าตาแย่อะไรนัก อาจจะแค่น้อยกว่าตัวเองนิดหน่อย แต่ที่เขารู้สึกแย่ไม่ใช่เรื่องหน้าตา

          แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นตัวผู้ด้วยกันนี่ล่ะ

          ทั้งๆที่พอนึกว่าอีกฝ่ายเป็นวัฒน์กลับไม่รู้สึกรังเกียจแท้ๆ

          ม่ายยยยยย!!!!

          “เป็นอะไร จะเปลี่ยนใจหรือครับ” ชายหนุ่มหน้าใสเอ่ยถามเสียงนุ่ม เมื่อเห็นคุณลูกค้าเอาแต่ยืนชั่งใจ “หรืออยากเปลี่ยนฝ่าย ผมไม่ถือหรอกนะ จะให้รุกก็ได้นะ”

          รีบส่ายหัวดิกๆทันที

          “เอ่อ ขอเวลาหน่อย” เนบอกเสียงสั่น อาการเหมือนคนกำลังเดินขึ้นแท่นประหาร

          เอาวะ เสียเงินแล้วนี่หว่า

          พอหันไปมองก็ต้องหันกลับไปเพราะยังทำใจไม่ได้             

          ถ้าตอนนี้คนที่อยู่บนเตียงเป็นวัฒน์ล่ะก็....

          ห้วงความคิดหยุดไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาได้สติอีกครั้งเพราะโดนเรียก

          “ผมนึกขึ้นได้ว่าต้องไปดูแลคุณอาที่เป็นอัมพาตที่บ้าน” เนโพล่งขึ้นก่อนจะล้วงธนบัตรสีเงินให้สองใบ “ค่าเสียเวลา”

          ว่าจบก็รีบเผ่นออกจากห้องทันที ไม่ปล่อยช่องว่างให้อีกฝ่ายรั้งแต่อย่างใด
         
          เด็กหนุ่มขึ้นไปนั่งบนรถ ไม่อยากจะยอมรับสภาพของตัวเองในตอนนี้ ซึ่งมันชัดเจนอย่างที่ไม่รู้จะชัดอย่างไรแล้ว

          ที่เราอยากนอนกับหมอนั่น....ไม่ใช่เพราะเป็นเกย์...

          แต่เพราะหมอนั่น…

          ไม่นะ! ไม่ใช่แน่นอน!!...รู้แล้ว! ก็แค่ติดใจรสรักก็เท่านั้น…แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อจากนี้ตูก็ไม่สามารถไปนอนกับใครได้อีกแล้วสิโว้ย!!!

_____________________

เขาจะสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อไหร่ จะหนีได้อีกนานแค่ไหน โปรดติดตาม ฮา XD

ขอบคุณคุณเข็มวินาทีมากงับ >w< ขอจูบสักสามฟอด (ไม่ถงไม่ถามความสมัครใจกันสักคำ)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 12-05-2015 09:47:34
ป่านนี้ลุงวัฒของพวกเราคงได้รู้สึกสยิวตูดแปลกๆขึ้นมาแหงเลย(ดีไม่ดีอาจถึงขั้นขนตูดลุก)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 12-05-2015 10:07:02
แค่ติดใจรสรักหรอออออออออออออ เชื่อจังเลยย 555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 12-05-2015 11:17:57
อยากจิบอกว่าเรื่องนี้เป็นดั่งดินแดนสวรรค์ของข้าน้อยเลยทีเดียวเชียว
ลุงเคะสุโก่ยยยยยยยยยยยยยย  :heaven :heaven
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ อยากอ่านต่อแล้ว สนุกมากเลย  o13
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 12-05-2015 11:40:18
ในหัวเนคิดแต่เรื่องลามกกับลุงอ่ะ กรี๊ดดดด เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ระวังกลืนน้ำลายตัวเองนะเอ็ง :hao3: เป็นกำลังใจให้เสมอน้าตัวเอง :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 12-05-2015 12:07:13
เพื่อความแน่ใจ ต้องลองอีกสักทีนะเน 5555   :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: leceto ที่ 12-05-2015 12:15:01
รอวันที่เนระเบิดออกมาหา  ลุงวัฒน์จะรับมืออย่างไร
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 12-05-2015 13:00:31
 :m20: :m20: :m20: เริ่ดคร่า..  :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 12-05-2015 14:06:18
เนต้องลองอีกทีเพื่อความแน่ใจ  :z1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 12-05-2015 16:09:23
เหอๆ พวกไม่นอมรับตัวเอง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 12-05-2015 16:33:26
พวกซึนพวกนี้นี่มันอะไรกัน...
ยอมรับใจตัวเองหน่อยเซ่! (ฮิ้ววว -.,-)

กลับไปพิสูจน์กับลุงที่บ้านเลยเน อิอิ -..-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-05-2015 19:41:14
 :m20: เนรู้ตัวเองขนาดนี้แล้วยังจะแถสีข้างถลอก

ซึนซะให้พอนะ ให้มันค้างคาอยู่อย่างนั้นแหล่ะ คึคึ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-05-2015 20:36:11
โอมจงรักจงหลง...เสน่ห์ลุง 55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 12 (12/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 12-05-2015 21:04:19
เนขนาดนี้แล้วยังจะคิดว่าไม่ใช่อีกนะ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ


หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 13-05-2015 09:20:14
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 13


          วัฒน์หันมองไปที่ประตูด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆเพื่อนร่วมงานผลุนผลันเข้ามาในห้องนอนด้วยอาการเหมือนคนเห็นผีในขณะที่เขากำลังจะหลับ และยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามถึงอาการ เนก็รีบชิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความไวเหมือนติดไนตรัสไว้ที่เท้า

          เป็นบ้าอะไรของมันอีกวะ

          เมื่อเช้าอาการเหมือนผีตายซาก พอตกเย็นอาการเหมือนคนรอเมียคลอดลูก พอมาตกดึกเห็นออกไปข้างนอก นึกว่าจะกลับมาด้วยอาการแช่มชื่น แต่กลับหน้าตื่นแทนเสียอย่างนั้น

          และน่าแปลกกว่าคือออกไปตอนทุ่มครึ่ง และกลับมาก่อนสี่ทุ่มนี่ล่ะ ปกติออกไปกว่าจะกลับไม่ตีสี่เป็นอย่างต่ำก็ไปเจอกันที่ทำงานโน่นเลย

          แต่ก็ไม่อยากจะสนใจให้เสียเวลา เลยหลับต่อ

          เนนั่งกลุ้มอยู่บนโถสุขภัณฑ์ อยากจะบ้าตายกับตัวเอง เขาหันมองไปยังประตูห้องน้ำ นึกถึงเจ้าของห้องแล้วก็ยิ่งกลุ้มหนัก

          ถึงไม่อยากจะยอมรับอย่างไร เขาก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าอยากเอาตาลุงที่อยู่ด้านนอกนั่น

          บ้าเอ๊ย คนบนโลกมีเป็นล้าน ทำไมต้องเจาะจงเป็นไอ้ลุงนั่นด้วยวะ

          แล้วยังเป็นศัตรูของคุณสิทธิ์อีก...

          เด็กหนุ่มนั่งเงียบ....เขาไม่แน่ใจตัวเองว่าที่นั่งกลุ้มอยู่อย่างนี้เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายวัยคราวพ่อ หรือเพราะอีกฝ่ายเป็นศัตรูกันแน่ ถึงแม้อันที่จริงแล้วมันจะน่ากลุ้มไม่แพ้กันทั้งคู่เลยก็ตาม

          ถ้าปล่อยไว้นานๆ เดี๋ยวก็คงหายเองล่ะ ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่

          เนมั่นใจเต็มร้อยว่าอีกฝ่ายไม่มีทางอยากตกลงปลงใจกับเขาแน่นอน และเขาเองก็มีความเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะอยากขอทิ้งทวนอีกซักรอบก็ตาม แต่เชื่อเถิดว่าถ้ามีอีกรอบ เขาคงไม่พอใจอยู่แค่รอบเดียว และหลังจากนั้นอาจได้กระสุนประดับสมองก่อนลงปรโลกเป็นแน่ เลยต้องพยายามระงับใจบ้าๆบอๆที่อยากจะทำให้เรื่องเลยเถิดเอาไว้

          หลังจากนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมง เนก็เดินสะโหลสะเหลออกมา และยิ่งอาการหนักเมื่อเห็นคุณลุงวัยสี่สิบกำลังนอนหลับบนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว ตัวเองรู้สึกอยากกระโดดไปลักหลับซะเดี๋ยวนี้

          เล่นต้องนอนห้องเดียวกันแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะระงับได้ฟะ

          เด็กหนุ่มหายใจเข้าออกอยู่พักใหญ่ ก่อนจะทำใจลงไปนั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาเรียวแอบเหลือบมองอีกฝ่าย แล้วนึกเปรียบเทียบกับเหล่าหนุ่มที่ตนไปเดินดูเมื่อหัวค่ำ

          ก็เหมือนๆกันแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมทางนี้กลับน่าดูกว่าก็ไม่รู้...แถมยังอยากดูมากกว่าอีก...

          พอเริ่มคิดปุ๊บ ช่วงล่างก็ทำงานปั๊บแบบไม่ต้องปลุก เนถึงกับโขกหัวตัวเองหวังตอกให้ความหื่นออกจากหัว แล้วรีบลงไปนอนโดยหันหลังให้วัฒน์เพราะกลัวตัวเองจะหน้ามืดเข้าจริงๆ

 

          วันนี้วัฒน์ไม่โดนเนกอดอย่างทุกที ซึ่งสำหรับเขาก็ถือว่าต้องเป็นเรื่องที่ดีแท้ๆ ที่ตื่นมาโดยไม่ต้องโดนทับให้ต้องออกแรงเหนื่อยแต่เช้า

          ใช่...มันต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดีแท้ๆ

          แต่กลับรู้สึกเสียดายเสียอย่างนั้น

          ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ทุกครั้งที่เนหายไปนอนกับสาวๆ วัฒน์ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกว้าเหว่แปลกๆ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยจนกระทั่งเกิดเรื่องไม่น่าจดจำในคืนนั้น

          เขามองลงยังเบื้องล่างของตน คิ้วทั้งสองก็ขมวดเข้าหากัน

          ที่ผ่านมามันไม่ยอมตั้งขึ้น เพราะว่ามันไม่ถูกใจคู่นอนที่เป็นผู้หญิงงั้นเรอะ

          วัฒน์ไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิดเลย แต่พอนึกหรือเห็นเนทีไร เขากลับรู้สึกแปลกๆทุกที ยิ่งตอนที่นึกถึงเรื่องโดนปล้ำ ไอ้ท่อนล่างตัวดีกลับดี๊ด๊าขึ้นมาแบบไม่ต้องสั่งเสียอย่างนั้น

          หรือว่าเรา....

          หนุ่มใหญ่ลอบถอนใจ ก่อนหน้านั้นเขาพยายามไม่ใส่ใจและลืมๆมันเสีย แต่ตอนนี้มันชัดเจนแจ่มแจ้งจนไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่ใช่คนที่ความรู้สึกช้า อีกทั้งยังเคยผ่านเรื่องพรรค์นี้มาทำไมจะไม่รู้ตัว

          ไม่ใช่แน่ว้อย!! เราไม่ได้นึกชอบไอ้เด็กผีนั่นแน่ๆ...ใช่ ที่รู้สึกอย่างนี้เพราะเซ็กซ์มันต่างหาก ไม่มีทางจะชอบมันแน่! ไม่เห็นจะมีอะไรน่าหลงซักนิด

          ที่สำคัญ…เราเองก็ไม่มีสิทธิ์กับเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว…

          เขานั่งกุมขมับกับตัวเองอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นเข้าห้องน้ำด้วยความหงุดหงิดตัวเองที่รู้สึกแบบนั้นกับ(คนที่เข้าใจว่าเป็น)ศัตรูเสียได้ นี่ไม่ต้องนับเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แถมยังเด็กกว่าตั้งเกือบครึ่งชีวิต

          ตอนเจอเรื่องไอ้หนูไม่สู้ศึกก็ว่าแย่แล้ว พอโดนผู้ชายขืนใจยิ่งอยากตายใหญ่ ตอนนี้ยังจะมีเรื่องที่ตัวเองชอบใจที่โดนไอ้เด็กผีนั่นปล้ำอีก

          มันจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกมั้ยวะเนี่ย!

          วันนี้เป็นวันเสาร์ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปลุกเด็กหนุ่มขึ้น วัฒน์ออกจากห้องลงบันไดไป ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าเท่านั้น ยามเช้าตรู่ของบ้านนี้จึงมักเงียบเชียบ
         
          “ไงคุณวัฒน์”

          เสียงทุ้มของชายรุ่นเดียวกันทักขึ้นเมื่อวัฒน์เดินเข้าไปด้านในครัว ชายคนนั้นเป็นคนสวนของบ้าน เขามีรูปร่างไม่ต่างจากวัฒน์เท่าไหร่นัก ยกเว้นว่าลงพุงมากกว่าซึ่งเป็นผลจากการชอบดื่มเหล้าของเจ้าตัว และไว้หนวดเหนือริมฝีปาก ในขณะที่ของวัฒน์จะมีแต่ที่ปลายคางเท่านั้น
         
          “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกแบบนั้นน่ะ รุต” เขาทักกลับเสียงเนือย ก่อนจะลงไปนั่งยังเก้าอี้ด้านข้าง “พี่นางล่ะ”

          “ออกไปตลาดน่ะ” ตอบเสร็จก็จ้วงกับข้าวตรงหน้าต่ออย่างหิวโหย

          วัฒน์เหลือบมองคนข้างตัวเงียบๆ นึกเปรียบเทียบกับเนขึ้น

          ไม่เห็นรู้สึกอะไรแฮะ

          “มีอะไร” พอรู้สึกตัวว่าโดนมองก็เอ่ยถาม

          “เปล่า” หนุ่มใหญ่ตอบก่อนจะตักข้าวต้มใส่ปาก

          “อะไรของนาย จ้องหน้าฉันแล้วบอกว่าไม่มีอะไรเนี่ยนะ” รุตเริ่มบ่นขึ้นมา “มีอะไรก็พูดมาสิ จะมาทำเป็นเงียบทำไม”

          “แค่รู้สึกว่านายอ้วนขึ้นแล้วน่ะ” ได้ยินวัฒน์บอกแล้วก็ถึงกับลงไปดูพุงกลมๆของตัวเองทันใด “ช่วงนี้เอาแต่กินเหล้าน่ะสิ ถึงได้อ้วนซะขนาดนี้”

          “ยุ่งน่า ยังไงฉันก็ไม่จำเป็นต้องออกศึกหนักเหมือนนายนี่หว่า จะไปรักษาหุ่นหลบกระสุนทำไม” รุตสวนอย่างหงุดหงิด “จะว่าไป ช่วงนี้ท่าทางสงบสุขดีนี่ เห็นนายไม่ต้องออกไปลุยที่ไหนเลย”

          ฟังแล้วเหี่ยวลงทันควันจนรุตถึงกับตกใจ

          จริงๆแล้วมันไม่สงบสุขอย่างที่เห็นหรอก ความจริงแล้วสิทธิ์มีแผนจะไปสั่งสอนแก๊งไฟฉายทานตะวันที่กล้าบังอาจบุกมาหา แต่พอวัฒน์บอกไปว่าตอนนี้มีแค่เขากับคนอีกสิบกว่าคนที่มีสภาพพร้อมรบเท่านั้น สิทธิ์ก็บอกกับเขาทันทีว่า

          ‘งั้นรอสักพักก่อนดีกว่า ผมกลัวอาวัฒน์จะเป็นอะไรไป’

          นี่เราแย่ถึงขนาดให้เจ้านายเป็นห่วงแล้วเรอะ

          เขานึกท้อใจ ท่าทางว่าเนเป็นงานเมื่อไหร่ เขาคงโดนปลดออกเดี๋ยวนั้นแน่นอน

          “...นายว่าฝีมือฉันแย่ลงหรือเปล่า” วัฒน์ถามเสียงเนือย อาการเหมือนคนหมดอาลัยอยากโดดตึก

          รุตเลิกคิ้วให้ แล้วตอบออกมาตามตรง “จะไปรู้ได้ไง ฉันไม่ได้ไปร่วมออกศึกอะไรกับนายนี่ ไม่ถามพี่ฉัตรหรือคนอื่นๆในกลุ่มล่ะ”

          “ลืมไอ้ฉัตรได้เลย” วัฒน์บอกเสียงเฉียบ แสดงอาการว่าไม่อยากอย่างโจ่งแจ้งจนคู่สนทนาแหยง “แต่คนอื่นฉันไม่สนิทพอ ไม่รู้ถามไปแล้วจะได้เรื่องอะไรไหม...ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนอื่นถึงชอบทำท่ากลัวฉันเหลือเกิน”

          รุตเองก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าให้วัฒน์เลิกเคร่งเครียดจริงจังกับชีวิตไปเสียหมด กับหัดรับมุกเสียบ้าง คนอื่นเขาจะได้รู้ว่าไม่ใช่คนเงียบขรึมไม่น่าคบ แต่ก็บอกไปหลายที แล้วก็โดนโวยวายคัดค้านว่ากลับมาทุกที เลยเบื่อจะบอก ขนาดเขาเองที่รู้จักกับวัฒน์มาสามสิบกว่าปียังหวาดๆที่จะพูดคุยแบบเป็นกันเองด้วยเลย

          เพราะถึงวัฒน์จะไม่ใช่คนคุยยากอย่างที่คิด แต่ก็ยังยากสำหรับคนทั่วไปอยู่ดี บางทีพยายามคุยเรื่องตลกหรือล้อเล่น พ่อคุณก็นั่งหน้านิ่งใส่จนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่บ้างล่ะ คุยกันดีๆอยู่ๆก็เงียบไปเฉยๆ ไม่พูดอะไรต่อบ้างล่ะ พอชวนไปไหน หรือทำอะไรก็มักจะปฏิเสธตลอด แถมยังตอบปฏิเสธได้ขวานผ่าซากชนิด ถ้าพุ่งเข้ากลางใจไปซักทีแล้วคนพูดจะเจ็บเป็นบาดแผลเรื้อรังไม่มีวันจางหายเลยทีเดียว

          แถมพอมีปัญหาอะไรก็ไม่ค่อยปรึกษาออกมาเป็นภาษาคนด้วย ถ้าไม่รุนแรงจนถึงที่สุดแล้วล่ะก็ ส่วนมากก็จะมานั่งเงียบๆปล่อยรังสีกดดันออกมาให้คนอยู่ด้วยอึดอัดจนแทบประสาทกินอยู่เนืองๆ แต่ต่อให้มาปรึกษาจริงๆก็ใช่ว่าจะน่าคุยด้วยนักหรอก เพราะพอจะเอ่ยถามความเห็นทีก็ไม่ยอมเอ่ยตรงๆเท่าไหร่นัก ส่วนมากจะถามแค่สองสามประโยค จากนั้นก็กลับไปเงียบต่อเหมือนแกล้งกันยังไงยังงั้น

          “ฉันว่า นายอาจจะคิดมากไปก็ได้มั้ง...” รุตพยายามหาคำปลอบ “พวกเราก็เพิ่งจะสี่สิบเอง ไม่ได้แก่เกินแกงจนเตะปี๊บไม่ไหวกันนี่ ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ”

          คำตั้งใจจะปลอบกลายเป็นคำตอกย้ำหนักกว่าเก่าโดยไม่ได้ตั้งใจ

          “....ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวก่อน” วัฒน์บอกหน้านิ่ง แล้วก็ทิ้งให้รุตได้แต่งงอยู่คนเดียว

 

          หนุ่มใหญ่เดินห่อเหี่ยวกลับขึ้นห้องไป พยายามไม่สนใจเรื่องกระทบจิตเมื่อครู่ และพอเข้าห้องนอนไปก็ต้องแปลกใจ เพราะเพื่อนร่วมงานไม่ได้นอนอยู่บนเตียงอย่างที่น่าจะเป็น

          “อ๊ะ”

          เนตกใจเมื่อออกจากห้องน้ำแล้วเห็นวัฒน์ เด็กหนุ่มรีบร้อนกลับเข้าไปในห้องน้ำเสียทันที ก่อนจะกลับออกมาแบบใส่เสื้อนอนเรียบร้อยเหมือนอายที่จะโดนเห็น

          เป็นบ้าอะไรของมัน

          วัฒน์พยายามไม่สนใจ เขาอาจจะไม่ได้รู้สึกกระสันอยากเห็นร่างเปลือยของอีกฝ่าย แต่การมองหน้าเด็กหนุ่มนานๆมันพานจะเรียกความจำชวนขมขื่นแต่สดชื่นออกมา รังแต่จะทำให้รู้สึกอยากโดนปล้ำอีกเสียเปล่าๆ

          ไอ้บ้าผู้หญิงอย่างมันจะไปอยากทำอะไรกับตาแก่อย่างเรา ที่มันทำไปก็แค่หน้ามืด ไอ้เรื่องจะมีครั้งที่สองต่อน่ะ ลืมไปได้เลยว่ามันจะเผลอทำอีก ยิ่งไอ้ความคิดที่ว่าความสัมพันธ์อาจจะเลยเถิดยิ่งแล้วใหญ่ คงชาติหน้าตอนบ่ายสี่โน่น แล้วถึงเราจะติดใจแค่ไหน แต่ให้ทำใจชอบมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก กับศัตรูเนี่ย

          เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องห้ามความรู้สึกให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากและอยากแค่ไหนก็ตาม

          เนเหลือบมองวัฒน์ที่ดูท่าทางไม่ได้สนใจตนเท่าไหร่นัก หนุ่มใหญ่นั่งบนโต๊ะทำงานซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเตียงตามปกติโดยไม่พูดอะไรสักคำ

          หรือหมอนั่นจะทำเอกสารโกงอยู่

          พอคิดได้ก็ตั้งใจจะเข้าไปดูและขอทำงานอย่างที่เคย แต่พอเข้าไปใกล้ๆ หัวใจมันดันเต้นผิดจังหวะจนต้องร่นถอยกลับมาอย่างน่าสมเพช เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ถึงความในใจที่ไม่อยากให้รู้อย่างแรง

          ห่าเอ๊ย คิดไว้สิวะว่าทำเพื่องาน เพื่อคุณสิทธิ์ ก็อีแค่ขอไปดูงานด้วย ไม่เห็นจะมีอะไรน่าเป็นห่วงซักหน่อยนี่หว่า ยังไงซะหมอนั่นก็คงไม่รู้หรอก....แต่ถ้ามันรู้ล่ะ ไม่เอาด้วยหรอก นอกจากจะน่าอายตายห่าแล้ว เผลอๆจะกลายเป็นจุดอ่อนให้มันกุมอีก หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอาด้วยหรอก

          วัฒน์เองก็เอาแต่จ้องเอกสารนิ่ง ไม่ทันได้ยินเสียงตึงตังจากการทุบเตียงที่ด้านหลัง และไม่ได้จัดการงานอย่างที่เด็กหนุ่มคาด ที่เขาทำก็แค่จ้อง และพยายามทำให้ดูเหมือนว่ากำลังทำงานก็เท่านั้น ทีแรกเขาตั้งใจจะเรียกใช้งานเนให้เข็ดคุ้มอย่างที่วางแผนไว้ แต่ความรู้สึกอีหลักอีเหลื่อที่รุมเร้ามันดันค้ำคอจนพูดอะไรไม่ออกเสียนี่ เขากลัวว่าถ้าส่งเสียงออกไปแล้วจะโดนจับได้ว่ากำลังตื่นเต้น ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นสักนิด

          บ้าจริง อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนเรื่องงานสิวะเรา ก็แค่เรียกมาทำงาน ไม่เห็นจะมีอะไรน่าแปลกสักหน่อย ที่ผ่านๆมาก็ยิ่งกว่าจิกหัวใช้มันเป็นแรงงานทาสอยู่แล้วนี่นา จะคิดมากไปทำไม....ไม่สิ...ถ้ามันเกิดรู้ว่าเราชอบที่โดนมันปล้ำ มิต้องมุดดินหนีเรอะ แค่โดนข่มขืนก็น่าอายอยู่แล้ว ยังจะไปติดใจอีก จะบ้าตายกับตัวเองจริงๆเลยโว้ย

          ทั้งคู่พากันส่งเสียงงึมงำ และต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้ยินเสียงสะกดจิตของกันและกันแม้แต่น้อย ก่อนจะหยุดลงไปจนห้องเงียบเชียบจนเสียงแอร์ฟังดูหนวกหูแทน

          เนยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาเรียวมองอย่างชั่งใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร ในขณะที่อีกฝ่ายซึ่งหันหลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานก็มีอาการไม่ต่างกันนัก ทั้งสองเอาแต่นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเหมือนกับกำลังแข่งความอดทนกันไปเรื่อย

          จนกระทั่งทนไม่ไหว


_______________________

คุณ agava 1313 มาดักรอกันตอนเช้าเลยทีเดียว =[]=!!

ขอบคุณกำลังใจทุกเมนท์มากเลยงับ XD น้ำตาจะไหล ขอแชร์นะคะ #ผิด
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 13-05-2015 09:32:05
อะไร ทนไม่ไหวอะไรรรรรร :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 13-05-2015 09:39:29
ช่วงเวลาฟุ้งซ่าน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 13-05-2015 09:52:52
แข่งกันอดทน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 13-05-2015 10:59:46
ความจำชวนขมขื่นแต่สดชื่น คืออะไรอ่ะลุง  :m20: ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทนค่ะ คนอ่านก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน  :hao6:

ตัวเองงงง ตัดฉับเลย มันค้างงงงงง เป็นกำลังใจให้เสมอ ถึงจะตื่นมาดักไม่ทันเหมือนคุณ agava 1313 ก็เถอะ แต่เราก็มาน้า :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Doranaii ที่ 13-05-2015 11:00:45
แอร๊ยยยย ทนไม่ไหวแลวววว  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: jirojiro ที่ 13-05-2015 11:31:57
สนุกมากมาย ตามอ่านทุกวัน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 13-05-2015 11:45:10
ตามมาโวยวายที่ตัดกันดังฉับเลย  :ling1:
มายุต่อให้เนจัดหนักให้ลุงชุดเอาแบบบิ๊กกระหน่ำซัมเมอร์เซลเลย :hao3:
รออ่านด้วยอาการแบบนี้เลย >>> :pighaun:  :haun4:  :jul1:  อันนี้ไม่ได้หื่นน๊าาาา เชื่อเค้าสิ o18
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 13-05-2015 12:19:20
รอตอนที่เขาทนกันไม่ไหว  :hao7:
คุณวัฒน์น่ารักอ่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthip ที่ 13-05-2015 12:33:30
ใครจะเริ่มก่อนนะลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: leceto ที่ 13-05-2015 12:59:04
มันต้องยืนยันกันอีกสักรอบใช่ไหมเนี่ยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 13-05-2015 13:12:45
ทนทำไมให้ทรมาน..หุหุ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 13-05-2015 13:14:33
อัพทุกวันเลยชอบๆๆๆ


แอบใจตรงกันปะเนี่ย



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 13-05-2015 14:21:57
เล่นเกม ใครทนไม่ไหวก่อนแพ้ ป่ะลุงหลาน
แอบฟังเหตุการณ์ในห้องคุณสิทธิ์
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 13-05-2015 16:22:31
รู้สึกขำอ่ะ 5555
ผมอยากโดนปล้ำ ผมอยากโดนปล้ำาาา (โปรดร้องเป็นทำนองเพลงหนูอยากโดนอุ้ม) #วัฒน์ไม่ได้กล่าวไว้ 55555
แอบร้อนแรงนิดๆ ที่ว่า ต่างฝ่ายต่างเห็นกันแล้วรู้สึกอยากกระโจนใส่กันแล้วหนุบหนับๆ (?) อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 13-05-2015 18:26:08
สองคนเครียดกันใหญ่
แต่ทำไมนี่ฮา 5555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-05-2015 18:34:01
 :-[ นั่นแน่ ทนไม่ไหวแล้วจะทำไรเอ่ย

กระโดดเข้าปล้ำฝ่ายตรงข้ามเหรอ  :hao7: จะไปเกาะข้างฝาห้องรอดูนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 13-05-2015 18:39:29
ทนไม่ไหวแล้วยังใงต่อคะ....
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 13-05-2015 21:03:59
ตอนหน้าท่าจะมีอะไรนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-05-2015 21:10:39
ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน แอ๊บเมาจัดการไปเล๊ย... ฮา
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 13 (13/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 13-05-2015 21:22:40
 :ling1:ฮามากค่ะ ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 14-05-2015 10:06:26
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 14


          “เน/คุณวัฒน์”

          ทั้งคู่ต่างเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาพร้อมกันพอดิบพอดี และต่างพากันตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าจะโดนเรียก จึงพากันเงียบสร้างบรรยากาศกดดันอีกครั้ง

          “มีอะไร” ในที่สุด คนอายุมากกว่าก็เป็นฝ่ายถามขึ้นต่อ ยังคงนั่งหันหลังให้ท่าเดิม

          “...วันนี้ผมไม่ต้องทำงานใช่ไหม” เนเกือบจะตอบไปแล้วว่า ‘มีงานให้ผมทำหรือเปล่า’ แต่พอคิดได้ว่าประโยคนั้นมันฟังดูเสนอตัวด้วยความอยากมากไปหน่อย เลยเปลี่ยนใจทำทีเป็นว่าขี้เกียจแทน

          “นั่น” วัฒน์เกือบจะตอบไปแล้วว่า ‘ต้องทำสิ’ แต่กลัวน้ำเสียงของตัวเองจะฟังดูเหมือนอยากให้อีกฝ่ายมาทำเสียหนักหนา จึงทำทีเป็นว่า ไม่ได้อยากให้ทำนัก แต่งานมันเยอะเลยช่วยไม่ได้...แม้จริงๆแล้วมันจะแทบไม่มีงานเท่าไหร่เลยก็ตาม

          เนเงียบมองเอกสารปึกหนึ่งที่วัฒน์เอามาวางตั้งไว้บนโต๊ะทางซ้าย เขานั่งหายใจเข้าออกระงับอาการตื่นเต้น แล้วเดินไปนั่งด้านข้างด้วยสีหน้านิ่งเรียบ หยิบเอกสารขึ้นมาไว้ในมือ

          แต่ไม่ได้ดู

          แม้ตาดำจะเพ่งอยู่ตรงบรรทัดตัวหนังสือ แต่จุดสนใจกลับไปอยู่แถวขาอ่อนของคนนั่งข้างแทน เขาไม่กล้ามองตรงๆเพราะกลัวอีกฝ่ายจับรังสีหื่นของตนได้

          ไม่อยากเชื่อเลยแฮะว่าตาลุงนี่จะมีดีกว่าที่เห็น ซ่อนรูปชะมัด

          และในขณะที่เนมัวแต่สนใจกับบริเวณด้านล่าง วัฒน์เองก็ไม่ได้จับจ้องอยู่กับงานอย่างที่เด็กหนุ่มเข้าใจ พอเนนั่ง(แล้วทำเป็นว่า)จดจ่ออยู่กับงาน หนุ่มใหญ่ก็ดันเผลอไปมองหน้าเนแทนเสีย

          พอดูดีๆมันก็หน้าตาดีจนน่าหมั่นไส้จริงๆนั่นล่ะ ทำหน้าจริงจังน่ามองแบบนั้นก็เป็นแฮะ

          ก๊อกๆ

          “ครับ!”

          ทั้งสองร้องรับเสียงลั่นเมื่ออยู่ๆก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่ดังขัดความคิด พวกเขาหันมามองหน้ากันตาตื่น เพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะร้องพร้อมกัน

          “ฉันเอง” เสียงทุ้มของคนสวนเอ่ยดังอย่างหวาดระแวง เขาเกือบจะร้องออกมาอีกคนเพราะอยู่ๆก็โดนจู่โจมด้วยเสียงสังหารคูณสอง “ฉันแค่จะมาถามนายว่าวันนี้ว่างหรือเปล่า”

          “ก็ไม่เชิง มีอะไรหรือเปล่า” วัฒน์ถาม พยายามเก็บอาการเมื่อรุตเปิดประตูเข้ามา ส่วนเด็กหนุ่มก็กลับไปทำเป็นสนใจงานต่อ แต่หูหันเรดาห์ฟังบทสนทนาเต็มที่

          “ก็ไม่มีอะไรสำคัญหรอก” ผู้มาเยือนบอก ยังคงสงสัยกับท่าทีแปลกๆของคนในห้อง “ฉันก็แค่คิดขึ้นได้เกี่ยวกับเรื่องที่นายพูด ถ้าวันนี้นายว่างทำไมไม่ลองไปลับฝีมือดูบ้างล่ะ จะได้รู้ไงว่าฝีมือนายตกลงหรือเปล่า ถ้ายังไง เดี๋ยวฉันจะไปบอกแมวกับเอมให้เตรียมสนามไว้ให้”

          วัฒน์ออกอาการเคร่งเครียดทันทีจนคนแนะนำสะดุ้งเพราะไม่รู้ว่าตนพูดอะไรผิดหูไป วัฒน์นิ่วหน้ามองเด็กหนุ่ม ที่จริงมันเป็นความคิดที่ดีมากๆ เพราะนั่นก็เป็นหนึ่งในส่วนที่วัฒน์จะต้องสอนเพื่อนร่วมงานอยู่แล้ว แต่เขาพยายามเลี่ยงมาตลอดเพราะไม่อยากไปเพิ่มเขี้ยวให้งู(คิดเอาเองทั้งนั้น)โดยไม่จำเป็น แม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจว่าเนไม่น่าจะทำเรื่องรุนแรงถึงขั้นนั้นก็ตาม

          อีกเรื่องก็คือเขาไม่อยากให้เนเก่งจนทำแทนเขาได้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงได้โดนปลดจากงานเร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นแน่

          เนเห็นสายตาที่ไม่พอใจของอีกฝ่ายก็รู้สึกเจ็บปวด เพราะมันตอกย้ำกับสิ่งที่เขา(เข้าใจผิด)คิดเอาไว้

          ถึงยังไงก็เป็นศัตรูอยู่วันยังค่ำสินะ ออกท่าทางเกลียดซะชัดเชียว

          .............

          แล้วเราจะเจ็บหาพระแสงอะไรฟะเฮ้ย! บ้าเอ๊ย นั่นศัตรูนะ จะไปชอบมันได้ไง...อ๊าก!!!

          “เนเองถ้าว่างก็ไปกับวัฒน์ด้วยซะเลยสิ” คำพูดตอกย้ำดังขึ้นต่ออย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ “ว่าไงล่ะ”

          “ลับฝีมือที่อารุตว่าหมายถึงอะไรหรือครับ” เนเอ่ยถามขัดขึ้นอย่างสนอกสนใจ พยายามลืมเรื่องบ้าบอเมื่อครู่กับเรื่องที่อีกฝ่ายดูจะไม่ชอบใจนัก...แล้วก็แอบพิจารณาคนวัยอาตรงหน้าไปด้วย....ซึงก็ได้ผลลัพธ์เหมือนที่มองชายอื่น

          รุตฟังแล้วถึงกับตกใจ “อะไร นี่วัฒน์ไม่บอกอะไรเนเลยหรือ”

          จะบอกทำไม ก็นั่นมันศัตรู!

          ทั้งคู่คิดเช่นนั้นพร้อมกันทันทีที่ได้ยิน

          “...ก็หมายถึงเรื่องใช้ปืนน่ะ” พอเห็นทั้งคู่เอาแต่เงียบ รุตก็พูดขึ้นต่ออย่างลังเล “วัฒน์เขายิงปืนแม่นมากเลยนะ”

          “อ้อหรือครับ....” เด็กหนุ่มรับเสียงเรียบ ดวงตาเรียวเหลือบมองร่างผอมบาง แสดงอาการไม่อยากเชื่ออย่างชัดแจ้ง อย่างลืมตัว
         
          มีแรงถือปืนหรือเปล่าเหอะ....เหอะ เหอะ เหอะ

          เห็นหน้าตาดูถูกโจ่งแจ้งขนาดนั้น มีหรือจะไม่ยัวะ

          “ก็ดีเหมือนกัน งั้นฝากนายช่วยบอกแมวกับเอมทีละกัน เดี๋ยวสักสิบโมงจะลงไป” วัฒน์ว่าหน้าตาขึงขัง

          รุตมองหน้าอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อนอกจากขอตัวออกไป

          “เคยยิงปืนหรือเปล่า” วัฒน์หันมาถาม น้ำเสียงเหมือนข่มขู่มากกว่าอยากรู้

          “...ก็เคยบ้างไม่กี่ครั้งเมื่อตอนที่มีพวกกลุ่มอื่นบุกเข้ามา...แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกครับเพราะพี่อรรถ...ที่เป็นผู้จัดการร้านที่ผมเคยทำงาน เขาไม่ค่อยอยากให้ใช้เท่าไหร่” เนตอบด้วยท่าทางยียวนกวนส้นเหมือนเดิม “ว่าแต่ทำไมเราไม่ลงไปเลยล่ะครับ จะรออะไรตั้งสิบโมง”

          วัฒน์ไม่ตอบอีกฝ่ายในทันที เขาหันไปเปิดลิ้นชักด้านขวาที่ล็อกไว้อย่างแน่นหนา หยิบปืนมาวางไว้บนโต๊ะด้วยสีหน้าเบื่อเหนื่อยหน่ายเต็มทน

          “ก่อนจะใช้ ฉันก็จำเป็นต้องบอกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนน่ะสิ” เขาบอกเสียงเอื่อย “กว่าจะบอกหมด ก็คงสิบโมงพอดีนั่นล่ะ”

          เนรีบหันไปมองนาฬิกาที่เพิ่งจะบอกเวลาแปดโมงแล้วออกอาการตื่นตระหนก

          มันจะเยอะไปไหนวะกับไอ้แค่เรื่องปืน แถมที่วางอยู่ก็ไม่ใช่ปืนจริงๆด้วย ไม่ใช่การเปิดสุนทรพจน์ของผอ.โรงเรียนมัธยมนะเฟ้ย!

 

          เกือบสิบโมงครึ่งกว่าวัฒน์กับเนจะออกมาจากห้อง สภาพของเด็กหนุ่มอิดโรยขอบตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอนก็ไม่ปาน เนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสองชั่วโมงกว่าวัฒน์พูดอะไรไปบ้าง ที่จำได้แม่นก็แค่คำว่า ‘ปืน’

          “ตามมานี่”

          วัฒน์บอกเสียงต่ำเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำท่าจะย่องไปที่ห้องครัว เขารู้ว่าเนยังไม่ได้กินข้าวเช้า และเขาก็ไม่คิดจะให้เด็กหนุ่มได้หาของกินรองท้องด้วย หนุ่มใหญ่เดินนำเข้าไปยังห้องที่อยู่ห่างไปไม่ไกลจากห้องครัว ซึ่งเป็นห้องทำงานอีกห้อง ด้านในมีตู้หนังสือขนาดใหญ่ล้อมกำแพงไว้ทั้งสี่ด้าน และยังมีอีกสามตู้ตรงกลางห้อง จนดูเหมือนว่าโต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้กับกำแพงด้านในดูเป็นแค่ของประดับห้องไปเสียแทน

          “...เราเข้ามาทำอะไรหรือครับ” เนถามอย่างไม่แน่ใจ เขาไม่คิดว่าวัฒน์จะให้มาดวลปืนกันที่ห้องนี้แน่

          เพื่อนร่วมงานไม่ตอบ เขาเดินเข้าไปยังตู้ด้านขวา จ้องมองที่ชั้นเกือบบนสุดของตู้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักหนังสือเล่มหนาสีเทาบนชั้นนั้น เสียงครืนดังขึ้นจากอีกฝั่งเล่นเอาเด็กหนุ่มที่ยืนสำรวจห้องอยู่สะดุ้งโหยง ตู้หนังสือค่อยๆหมุนเข้าไปด้านในเหมือนประตูหมุนเผยให้เห็นทางเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน

          มีทางลับด้วย...นี่มันบ้านอะไรวะ! ไม่ใช่ในหนังนะเฟ้ย ถึงได้มีประตูลับในบ้านได้น่ะ
         
          “ตามมา”

          วัฒน์บอกอีกครั้งด้วยท่าทางที่ดูปกติและไม่ใส่ใจกับเรื่องตรงหน้า ก่อนจะเดินนำเข้าไปยังช่องทางมืดสลัว ตอนนี้เนชักไม่แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะพาไปสอนยิงปืน หรือจะพาไปฆาตกรรมในที่ลับกันแน่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก จึงเดินตามไปทั้งที่หัวใจยังหวั่น

          พอเดินลงไปได้สักพัก เนก็เริ่มใจชื้นเมื่อมองเห็นแสงสีขาวจากด้านล่าง อย่างน้อยเขาก็พอมั่นใจว่าคงเอาตัวรอดได้ถ้าเกิดวัฒน์คิดจะฆาตกรรมเขาจริงๆ

          “อุ๊ย อาวัฒน์ พี่เน สวัสดีค่า” เสียงใสของสาวน้อยหุ่นอึ๋มร้องทักอย่างร่าเริงเมื่อเห็นชายทั้งสองเดินเข้ามาในห้อง แต่ปืนกล็อกในมือเธอนั้นไม่ชวนให้เนรู้สึกดี๊ด๊าไปด้วยเท่าไหร่นัก
         
          “...น้องแมวยิงปืนเป็นด้วยหรือครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง ซึ่งมีสภาพเหมือนสนามยิงปืนในร่มขนาดหย่อมไม่มีผิด แถมตรงด้านในที่เป็นห้องรั้วลวดก็มีปืนนานาชนิดในตู้กระจกมากพอจะเอาไปทำสงครามกับแก๊งอื่นได้สบายๆ

          “บ้านนี้ยิงเป็นกันหมดนั่นล่ะ” ฟังคำตอบของหนุ่มใหญ่แล้วเนก็อดตกใจไม่ได้ “ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงกับเรื่องระบายอากาศ คุณสิทธิ์เขาทำไว้อย่างดี พอซ้อมได้ซักร้อยนัดแบบไม่สำลักตะกั่วตายซะก่อน”

          สายตาที่มองมานั้น ทำเอาเนไม่แน่ใจว่าตะกั่วที่วัฒน์พูดถึง เป็นแบบควันหรือแบบเม็ด

          “งั้นหนูกับเอมขอตัวก่อนนะคะ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวพวกหนูจะมาเก็บกวาด” หญิงสาวบอกพร้อมกับวางปืนลงในตู้กระจก ส่งสายตาหวานซึ้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องไป เหลือให้บุรุษอยู่กันสองต่อสอง

          สอง!

          ทั้งคู่ไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งแมวกับเอมออกไป บรรยากาศกดดันถาโถมเข้ามาในห้องอย่างประหลาด สร้างความตึงเครียดให้พวกเขาขึ้นมาทันที ความทรงจำเมื่อตอนที่นั่งทำงานแล่นเข้าหัวเหมือนตั้งใจจะกลั่นแกล้งก็มิปาน

          จะตื่นเต้นทำบ้าอะไรวะ

          เนหันมองไปยังทางเข้ามาอาการอึกอัก เขาหยุดหัวใจที่เต้นรัวไม่ได้ มันดังรุนแรงเหมือนกับจะระเบิดออกมาจากอกก็มิปาน เด็กหนุ่มพยายามเก็บอาการแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงได้แต่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นหินรออีกฝ่ายเริ่มก่อน

          วัฒน์เองก็นึกไม่ออกว่าจะเริ่มอย่างไรดี ถึงเขาจะไม่ได้ชวน แต่เพราะสถานการณ์พาไป ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ใจจริงอยากจะไล่ๆไปซะให้พ้นๆเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมายืนดูสมรรถนะตัวเองนัก แต่ถึงไล่ไปเขาก็มั่นใจว่าเด็กหนุ่มคงไม่ยอมง่ายๆ อีกทั้งมันคงจะดูแปลกสุดๆ ถ้าคิดจะมาไล่เอาป่านนี้แล้ว

          ช่วยไม่ได้นี่โว้ย

          “ใช้เป็นใช่ไหม” คนอายุมากกว่าหยิบปืนสั้นมาให้โดยไม่มองหน้าเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะเห็นว่าตัวเองหน้าแดง

          ...แต่จากสายตาของเนแล้ว ดูอย่างไรก็เหมือนกับว่าวัฒน์เกลียดจนไม่อยากจะมองหน้าชัดๆ

          “ครับ” น้ำเสียงเรียบนิ่งชวนเข้าใจผิดดังขึ้นเพียงครั้งเดียวก่อนจะดึงปืนมาสำรวจ จากนั้นก็มองไปยังเป้ายิงที่อยู่ห่างราวสิบเมตร “ไม่ใกล้ไปหน่อยหรือครับ”

          มันท้า

          “ไปเตรียมตัว แล้วเดี๋ยวฉันจะเตรียมเป้ายิงอย่างที่นายอยากได้เอง”

          เนฟังแล้วยืนนิ่งไปสามนาที ก่อนจะเดินเข้าช่องยิงไปเตรียมตัวให้พร้อม

          ด้วยใบหน้าแดงก่ำกับหัวใจเกิดอาการเต้นไม่เป็นจังหวะ

          บ้าเอ๊ย เมื่อกี้หมอนั่นหมายถึงเรื่องเป้ายิงปืนแท้ๆ เราดันไปคิดห่าอะไรได้วะเนี่ย

          เป้ายิง...อย่างที่อยากได้....

          ........เป้า...............

          ......เป้า........

          ....เป้า....

          “เป็นอะไร......หรือเปล่า”

          วัฒน์เอ่ยถามขึ้นอย่างตกใจในทีแรก ก่อนจะแผ่วลงพร้อมกับเก็บอาการเป็นห่วง

          “เปล่าครับ” เพราะดันไปนึกถึงเป้าเบื้องล่างของอีกฝ่ายที่อยากจะยิงเป็นยิ่งยวด ณ ตอนนี้เลยออกอาการกระอักเลือด เหนื่อยใจกับตัณหาไม่เลือกเวลาของตน

          “...งั้นถ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ลองยิงดู” หนุ่มใหญ่บอกด้วยท่าทางหวาดระแวง เพราะทีท่าของเนเริ่มเหมือนกับตอนลงแดงอดเซ็กซ์ “ลองดูซักห้านัดว่าจะเข้าซักนัดหรือเปล่า”

          เนรู้สึกขอบคุณ คำแขวะกัดนั่นดึงเขาออกมาจากโลกหื่นได้ชะงักนัก

          เด็กหนุ่มมองเป้ายิงที่อยู่ห่างยี่สิบเมตรแล้วก็ต้องออกอาการหนักใจ แต่พยายามเก๊กไว้เพราะไม่อยากเสียฟอร์ม เขาจึงเล็งปืนไปที่เป้า แล้วยิงรัวออกไปห้านัดทันที

          “ก็งั้นๆ” หลังจากเอาเป้ากระดาษมาดูวัฒน์ก็พูดไปพร้อมส่งเสียงหึๆในลำคอเป็นเชิงดูถูกจนเด็กหนุ่มชักของขึ้น

          “งั้นคุณก็ลองบ้างสิ” ทำเป็นเก่ง ฝีมือจะซักเท่าไหร่เชียวหาตาแก่

          วัฒน์ไม่พูดอะไร เขาเดินเข้าไปในช่องยิงอีกช่องซึ่งเตรียมเป้ายิงไว้แล้ว จัดการยิงออกไปห้านัดด้วยความเร็วชนิดที่เนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายได้เล็งหรือเปล่า พอยิงเสร็จวัฒน์ก็เลื่อนเป้ามาดูอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่งให้กับเนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

          เนรับมาดู ของเขาเข้าเป้าสองในห้า ที่ใกล้ๆหัวกับแถวไหล่ ส่วนของวัฒน์เข้าทุกนัด

          “ก็งั้นๆ....” เขาพูดเพราะอีกสองนัดอยู่นอกไปจากรูปคนในกระดาษ เลยหาเรื่องแขวะเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อดูดีๆแล้วก็ต้องหน้าซีดลง

          เพราะกระสุนห้านัดยิงเรียงกันเป็นแนวนอนพาดผ่านคอชนิดพอดีเป๊ะเหมือนเอาไม้บรรทัดมาทาบก็ไม่ปาน

          อีแบบนี้ไม่ใช่แค่เก่งแล้ว นี่มันเทพชัดๆ!

          เนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ พอวัฒน์เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กหนุ่มก็ยักคิ้วแล้วยิ้มที่มุมปากอย่างคนมีชัย ชวนให้คนมองรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา

          “อย่างน้อยก็ทำให้พอเข้าเป้าได้ครึ่งจากที่ลั่นไกได้ก็ดีนะ”

          อยากจะเถียงกลับ แต่กลัวโดนลูกตะกั่วเป่าใส่ชะมัด!

_____________________
แล้วก็๋ไม่มีอะไรในกอไผ่ เกาะข้างฝาฟรี =w= อย่าเพิ่งบีบคอเค้า กำลังหาจังหวะยืนยันกันและกันอยู่ก๊าบบ =[]=

@ คุณเข็มวินาที ฮา พอดีตอนลงตอนก่อน เพิ่งเห็นว่า ท่าน agava 1313 มาปูเสื่อรอ เลยอดแซวไม่ได้ XD แบบว่า วันไหนลงช้า/ลืมนี่ รู้สึกผิดเลยทีเดียว ฮา


หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 14-05-2015 10:27:05
 :ling1: เอ๊ะ เดี๋ยวสิๆ จริงๆ แล้วมันข้ามตอนไปใช่ไหม
(ตอนที่เราอยากอ่านไปไหน กร๊ากกกก ผีหื่นสิงค่ะ  :hao7:)
ยิ่งอ่านยิ่งอยากปล้ำคุณวัฒน์ แต่กลัวลูกตะกั่วอ่ะ บอกตรง
จะแม่นไปไหน  :a5: o22
กดบวกกดเป็ดให้กับความขยันค่า ชอบอ่ะมาอัพทุกวันเลย  :katai2-1:
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 14-05-2015 10:49:43
งื้อออ เมื่อไหร่จะเข้าใจกันหนออ
อยากรู้ว่าจะจีบกันยังไง5555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 14-05-2015 10:58:05
ไม่ตรงเป้า ที่คนอ่านอยากอ้ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 14-05-2015 11:09:30
ต้องขอบคุณ คุณagava 1313 ด้วยที่มาปูเสื่อรอคนแต่ง สามารถทำให้คนแต่งรู้สึกผิดได้ ฮาาาา ตอนนี้แอบสำรวจกันแล้ววุ้ย ลุงมีเขิน เนก็หื่นไม่เลือกเวลา บอกแล้วว่าถ้าทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทน!! จัดหนักเลย(แต่กลัวลุงจัดหนักตะกั่วก่อนจะจัดหนักอย่างอื่นก่อนอ่ะสิ)  :hao6: เป็นกำลังใจให้เสมออ สู้ๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Doranaii ที่ 14-05-2015 11:54:22
เน อยากยิงเป้าาาาาาาาา 555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 14-05-2015 13:27:10
ห้องยิงปืนนี่ก็บรรยากาศดีนะ ซักเป้ามั้ยเน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-05-2015 14:50:25
โอ้ย...ขำาา 5555555 >O<
เนต้องลองเป้าอาวัฒน์นะ เผื่อจะเข้าเป้ามากกว่าเดิม 555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 14-05-2015 18:43:47
มือขั้นเทพยิงเรียงกันเลยโอ้สุดยอด
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-05-2015 18:57:22
 :เฮ้อ: รอเก้อ ไม่มีอะไรในกอไผ่

ทั้งที่เนจ้องจะล่อเป้าวัฒน์แล้วเชียวน้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 14 (14/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-05-2015 19:30:45
ทะลึ่งใหญ่แล้วนะเน...
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 15-05-2015 09:17:59
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 15


          เจ็บใจชะมัด

          เนได้แต่กรีดร้องโหยหวนอย่างเคียดแค้นอยู่ภายในใจ ถึงจะไม่อยากยอมรับอย่างไร แต่เรื่องปืนเขาสู้วัฒน์ไม่ได้สักนิด เรียกว่าแพ้แบบไม่ติดฝุ่นกันเลยทีเดียว

          ยิ่งเห็นสีหน้าหนุ่มใหญ่ที่มองมาประมาณว่า ‘จะสู้กับฉันยังเร็วไปร้อยปีนะไอ้หนู’ แล้วก็ยิ่งเจ็บใจจนเผลอกัดฟัดกรอด

          “อาหารไม่ถูกปากหรือจ๊ะ” นางถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มจ้องกับข้าวด้วยสีหน้าแค้นเคืองเหมือนอยากกระทืบคน

          “อ้อ เปล่าหรอกครับ แค่เหม่อไปหน่อย”

          “แหม เหม่อของพี่เนนี่ ดูเถื่อนดีจังเลยค่ะ” เด็กสาวตัวดีแจกขนมจีบไม่เลิกอย่างสนุกสนาน “อยากให้ทำหน้าแบบนั้นแล้วมองมาทางแมวจัง”

          “นี่ๆ เอาใหญ่แล้วนะเรา รีบๆกินข้าวให้เสร็จแล้วมาช่วยแม่ได้แล้ว” นางตำหนิลูกสาวจอมแก่นที่กล้าจีบผู้ชายต่อหน้าคนเป็นแม่

          “เอ๋ ไม่เห็นเป็นไรเลย เนอะพี่เน” แมวยังไม่ยอมแพ้พร้อมกับหันไปหาพวก “ว่าแต่ไปยิงปืนกันเป็นยังไงบ้างละคะ”

          “ก็ดีล่ะครับ” นั่นเป็นคำพูดที่เนมักจะใช้เวลาไม่อยากบอกความจริงที่ตัวเองเกลียดหรืออับอาย

          “แล้วนี่คุณวัฒน์ไปไหนหรือ ป้าคิดว่าจะมาพร้อมกับเธอเสียอีก” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น

          “เห็นพอยิงปืนเสร็จก็บอกว่าจะขึ้นห้องไปน่ะครับ” ตอบปุ๊บก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอปล่อยให้อีกฝ่ายไปจัดการเอกสารห่างตาตัวเองอีกแล้ว

          “งั้นถ้าเธอกินเสร็จก็ช่วยตามเขามาด้วยละกัน เดี๋ยวจะลืมกินข้าวอีก” นางพูดพลางถอนใจ

          แต่ตอนนี้เนนึกอยากให้วัฒน์ลืมกินข้าวจนขาดสารอาหารตายไปซะได้เลยก็ดี ข้อหาเก่งเกินหน้าเกินตา ซ้ำยังทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้ชนิดลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว

          ....ไม่ได้สิ ถ้าหมอนั่นตายเราคง......

          ..............................................

          ไม่ๆ เราจะเสียใจทำหอกอะไรเล่า ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ต้องดีใจสิ ดีใจซิวะ ฮ่าๆๆๆๆ

 

          วัฒน์รู้สึกร้อนๆหนาวๆคล้ายคนเป็นหวัด เขาหันมองไปยังประตูหน้าห้องที่ยังคงเงียบเชียบ แล้วก็ถอนใจออกมา

          พอนึกว่าจะโดนปลดเพราะอายุมากทั้งๆที่ยังทำงานได้ปกติอยู่แล้วก็อดท้อใจไม่ได้ ยิ่งเห็นคนที่กำลังมาแทนที่อยู่ตำตาแล้วยิ่งหดหู่ แม้ว่าเมื่อครู่ที่ดวลปืนเขาจะชนะขาดลอยแบบไม่เห็นไรฝุ่นเลยก็ตาม

          ไม่มีทาง จะให้ใครมาแทนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ไอ้เด็กผีจอมอวดดีปากหมาหน้าหื่นนั่น! หนอย ทำเป็นอวดเก่งไม่หยุด เป็นไงล่ะ เจอตูเข้าให้บ้อท่าหน้าซีดเลย สะใจชะมัด รู้จักทำตัวดีๆให้เหมือนเด็กคนอื่นๆก็ไม่ได้

          ....................................

          แล้วเราจะอยากให้มันทำตัวดีๆหาพระแสงอะไรวะ! เรากำลังทำใจเลิกชอบเซ็กซ์ของมันอยู่ไม่ใช่เรอะ ขืนมันกลายเป็นเด็กดีเชื่อฟังขึ้นมาเรามิหลวมตัวจนโงหัวไม่ขึ้นเลยเรอะ แค่โดนมันปล้ำอย่างเดียวก็ติดใจจะแย่อยู่แล้ว

          ไม่ได้โว้ย!! ชอบยังไงมันก็ศัตรู จะหลวมตัวไม่ได้เด็ดขาด

          หนุ่มใหญ่ลุกออกจากโต๊ะทำงาน สำรวจความเรียบร้อยและกลอนลิ้นชักจนมั่นใจก็เดินออกจากห้องไป

          “อ๊ะ”

          วัฒน์หยุดชะงัก มองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา สีหน้าของเนดูแปลกใจไม่แพ้กับหนุ่มใหญ่ ทั้งๆที่การพบหน้ากันในบ้านมันน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาแท้ๆ แต่ทั้งคู่กลับออกอาการเหมือนสามีภรรยาที่หย่ากันสามปีแล้วมาเจอหน้ากันโดยบังเอิญในขณะที่ต่างคนต่างก็พาแฟนใหม่มาเที่ยวทั้งคู่

          เอาไงดี

          เนยังคงนิ่ง แต่ข้างในออกอาการลุกลี้ลุกลนปนตื่นตระหนก จะเดินต่อขาก็แข็งจนก้าวไม่ออก ยิ่งมองหน้าแล้วก็รู้สึกร้อนรนหัวหมุนจนทำอะไรไม่ถูก แต่ทั้งอย่างนั้นกลับไม่อยากละสายตาไปจากอีกฝ่าย

          “ป้านางเรียกหาคุณพอดีน่ะ” เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นมาพร้อมกับทำท่าทีสุขุมปกปิดอาการตื่นเต้น ทั้งๆที่จริงๆเขาจะทำเมินแล้วเดินผ่านไปก็ได้

          “อืม” วัฒน์แอบนึกด่าตัวเองในใจว่าไปตอบรับทำไมก็ไม่รู้ เขาพยายามรีบเดินหวังออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

          และเพราะในตอนนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวบวกกับตื่นเต้น(อย่างที่ไม่ควร)เลยก้าวบันไดพลาด

          “ระวัง!”

          เนรีบรับร่างที่ร่วงลงมาด้วยความตกใจ และในสถานการณ์ที่กะทันหันเช่นนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือก กอดร่างบางเข้าเต็มรัก ขาซ้ายของเนที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดที่สูงกว่าสอดเข้าไปในหว่างขาของอีกฝ่ายพอดิบพอดีจนสัมผัสถึงสิ่งที่อยู่ตรงนั้น ส่วนขาของวัฒน์เองก็เลื่อนไปโดนกล่องดวงใจของเนพอดีเด๊ะ ต่างคนต่างอยู่ในตำแหน่งชวนหวาดเสียวทั้งคู่

          เฮ้ย

          “อึก”วัฒน์รีบผละออกด้วยความตกใจ พร้อมกับหันไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้โดนเห็นใบหน้าแดงเถือกของตัวเอง “ข...ขอบใจ”

          “ม....ไม่เป็นไร” เนเองก็ไม่กล้ามองหน้าพอกัน สัมผัสบนขายังคงตราตรึงติดใจมิจางหาย “ผม...ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”

          “เดี๋ยวก่อน”

          พอเนขึ้นไปกำลังจะเลี้ยวเข้าไปในทางเดินก็โดนเรียกให้หยุดเสียก่อน เด็กหนุ่มค่อยๆหันหน้ามามองอีกฝ่ายซึ่งไม่ได้มองมาทางเขา ท่าทีเหมือนกำลังเจอเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

          “วันนี้คงไม่มีงานแล้ว ถ้าอยากนักก็ออกไประบายซะ”

          ว่าจบก็เดินลงไป ทำเหมือนไม่มีอะไร ทั้งๆที่ในใจตื่นตระหนกตกใจกับสิ่งที่สัมผัสโดนเมื่อครู่

          มันจะแข็งไปไหนของมันวะ

          คิดแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ และยิ่งแค้นใจยิ่งกว่าที่ตัวเองดันรู้สึกมีอารมณ์เมื่อโดนเด็กหนุ่มกอดเอา แม้ว่านั่นจะเป็นเพราะสถานการณ์มันพาไปก็ตาม

          เนมองตามไปด้วยอาการอีหลักอีเหลื่อ เป็นครั้งแรกที่นึกเสียใจกับความสามารถในการขันได้ทุกเวลาทุกนาทีและทุกที่ของตัวเองอย่างสุดเศร้า

          บ้าเอ๊ย หมอนั่นรู้จริงๆด้วย

          เขาไม่อยากเชื่อตัวเอง แค่สัมผัสโดนร่างของอีกฝ่ายเขาก็ออกอาการอยากทำจนห้ามใจไม่ไหวเสียแล้ว รู้สึกโชคดีที่อีกฝ่ายไม่รู้ลึกถึงขนาดว่าเขากำลังมีอารมณ์กับใคร

          ถ้ารู้ว่าเราอยากอึ๊บลุงแก มีหวังได้กินกระสุนปืนครบทุกนัดแหงม

          ตามปกติเขาคงดี๊ด๊าถ้าได้ออกไปปลดปล่อย แต่ยามนี้กลับไม่มีใจอยากไปเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มไม่ทำตามคำแนะของอีกฝ่าย เขาเดินกลับเข้าห้องนอนไปแล้วทิ้งตัวลงไปบนเตียงนุ่ม สูดกลิ่นที่นอนเต็มปอดเหมือนคนโรคจิต

          บ้าเอ๊ย อยากทำอีก แล้วก็อีก แล้วก็อีกๆๆชะมัด

          เขาเริ่มออกอาการลงแดง ความกลัวตายกับความอับอายคอยประคองสติเอาไว้ให้เขาไม่หน้ามืดวิ่งไปปล้ำวัฒน์ซะเดี๋ยวนี้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะช่วยเขาได้ตลอดรอดฝั่งจนกระทั่งทำงานจบเลยหรือเปล่า

          แม้ว่าตอนนี้เขาชักลังเลแล้วว่าอยากให้จบงานหรือไม่อยากให้จบงานกันแน่

 

          เมื่อถึงเวลาบ่ายสามครึ่ง เจ้าของบ้านก็ลุกขึ้นมาจากที่นอนเสียที เมื่อวัฒน์เห็นท่าทางเอื่อยเฉื่อยของเจ้านายก็โล่งใจขึ้นมาจนเนที่ยืน(แอบ)มองวัฒน์(อยู่นานมาก)เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

          “วันนี้ไปเที่ยวกันเถอะ” สิทธิเอ่ยชวนเนหลังจากกินข้าวเช้าของวันเรียบร้อยแล้ว “ได้ไปปลดปล่อยบ้างไง”

          ทั้งๆที่เป็นคำชวนที่น่าดีใจแท้ๆ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนมีใครเอาเข่ามากระทุ้งเข้าลิ้นปี่เสียเต็มรัก

          “อะไร ทำหน้าเหมือนไม่อยากเลยนะ หรือว่าวางแผนไว้แล้ว” พอเห็นลูกน้องออกอาการไม่อยากไปเลยถามขึ้นต่อ

          “อ้อ เปล่าครับ ผมว่าง...ดีเลยครับ ผมเองก็อยากเที่ยวอยู่พอดี” เนพูดเร็วจนเกือบกัดลิ้นตัวเอง “แค่แปลกใจว่าทำไมถึงชวนผมน่ะครับ”

          “อะไรกัน ยังไงฉันก็เห็นนายเป็นเหมือนเพื่อนเหมือนน้องนะโว้ย ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ อีกอย่าง ตั้งแต่นายมาทำงานให้ฉัน ยังไม่ได้เลี้ยงต้อนรับกันเลยนี่ ก็ต้องเต็มที่กันหน่อยสิ” สิทธิ์ว่า แล้วหันไปถามผู้อาวุโสต่อ “อาวัฒน์เองก็พักซักวันบ้างนะครับ เรื่องขับรถถ้าไม่ไหวยังไงก็ไว้ให้เนขับก็ได้”

          วัฒน์ฟังแล้วรู้ทันทีว่ารอบนี้สิทธิ์ตั้งใจชวนเขาดื่มด้วย และต่อให้นั่นจะเป็นการถามความสมัครใจ แต่เขาก็รู้ว่าตอบได้แค่คำตอบเดียว

          “ก็ได้ครับ”

          ‘เที่ยว’ ที่สิทธิ์เอ่ยชวนนั้นก็ไม่ได้ไปไหนไกลนัก นั่นก็คือการเที่ยวในที่ๆตัวเองเป็นเจ้าของอยู่ทั้งนั้น เรียกได้ว่าเที่ยวไปตรวจงานแบบสุ่มไปก็ว่าได้ เพียงแค่คนทำหน้าที่ตรวจจะเป็นวัฒน์ ส่วนคนสุ่มเป็นสิทธิ์

          และเป้าหมายวันนี้เป็นร้านไม่ใกล้ไม่ไกล ร้านที่ทำงานเก่าของเนนั่นเอง

          “อุ๊ยบอส สวัสดีค่ะ” สาวผมบ๊อบที่มายืนต้อนรับอยู่หน้าร้านเอ่ยด้วยความตกใจกับแขกที่ไม่คาดคิด “วันนี้มาเที่ยวหรือคะ”

          “อืม ขอที่ธรรมดาพอนะวันนี้” สิทธิ์บอกก่อนจะหันไปหาเน “อยากชวนใครมานั่งด้วยก็เต็มที่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้ฉันเลี้ยง”

          “ฮะๆๆ ครับ” เนยิ้มหน้าเจื่อน แอบเหลือบไปมองเพื่อนร่วมงานที่เดินตามหลังมาอย่างระแวดระวังปนสงสัย ท่าทีของวัฒน์ดูไม่เข้ากับบรรยากาศเฮฮาในผับเลยสักนิด เหมือนกำลังมองหาใครเสียมากกว่า

          หรือว่าจะมองหาพรรคพวก

          ว่าแล้วก็มองตามวัฒน์โดยอัตโนมัติ แต่ดูจะไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก ในร้านคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งลูกค้าและพนักงานจนเขาไม่สามารถเจาะจงได้เลยว่าวัฒน์กำลังมองหาใครอยู่

          “ผมขอตัวสักครู่นะครับ”

          วัฒน์บอกสิทธิ์ก่อนจะเดินไปหาพนักงานชายผมกระเซิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กับเคาท์เตอร์ส่งรายการอาหารให้กับห้องครัว ซึ่งไม่ใช่คนอื่นคนไกล อรรถ ผู้จัดการของที่นี่นั่นเอง

          “คุณวัฒน์เขาไปหาคุณอรรถทำไมหรือครับ” ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่จะตามไปก็ใช่ที และอาจจะไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ เลยถามกับเจ้านายโต้งๆเลย

          “อ๋อ ก็ไปตรวจดูว่าช่วงนี้ที่ร้านเป็นไงบ้างนั่นล่ะ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” เจ้าของบอกเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง “นายนี่...ขยันกว่าที่คิดนะ ขนาดมาเที่ยวยังศึกษางานจากอาวัฒน์ไม่เลิกเลย”

          “ฮะๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เนยิ้มหน้าเจื่อน ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าจริงๆเขากำลังสงสัยคุณลูกน้องที่ดูภักดีนั่น รอไว้มีหลักฐานมัดจนดิ้นไม่หลุดแล้วค่อยว่ากัน

          “แล้วทำงานกับอาวัฒน์ไม่มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม” คำถามแรกเมื่อนั่งลงบนโต๊ะโจมตีเข้าหาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งรับ ส่งผลให้เสียพลังชีวิตไปเกือบครึ่งหลอด

          ถ้าให้ตอบตามตรง วันนี้ทั้งวันคงสาธยายไม่หมดล่ะครับ....แถมถ้าคุณรู้แล้วมีหวังคงมองผมด้วยสายตาที่ต่างจากตอนนี้แน่ๆ....

          “ก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ ยกเว้นแค่เรื่องเข้มงวดเท่านั้นล่ะครับ” เนพยายามเลือกใช้คำที่แทนคำว่า ‘โหดหิน’ ‘ใช้แรงงานทาส’ ‘บ้าอำนาจ’ ให้ฟังดูดีแบบไม่มีอคติ

          “ฮ่าๆ เรื่องนั้นคงต้องทำใจนั่นล่ะ” สิทธิ์หัวเราะ พอเหล้ามาถึงโต๊ะก็จัดการรินเหล้าให้เนด้วยตัวเอง “มาๆ วันนี้ไม่เมาจนพับไม่เลิกโว้ย”

          ท่าทางสิทธิ์คงลืมไปแล้วว่าต้องมีใครสักคนขับรถกลับบ้าน


__________________________
พรุ่งนี้ของดเน้อ เพื่อสิ่งที่กำลังจะมา  XD เจอกันวันอาทิตย์งับ  ขอไปเล็งให้ถูกเป้าแป๊บ

ขอบคุณผู้อ่านผู้เมนท์ทุกท่านงับ \>w</
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 15-05-2015 09:36:56
รอเล็งเป้า :hao6: เอ้ยรออ่านจ้า   :pighaun:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 15-05-2015 09:38:37
ลงแดง เหมือนกัน  :katai5:
ติดแล้วนะเข่ามาอ่านทุกวัน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 15-05-2015 09:53:35
 :hao6: :hao6: :hao6: รอเด้อคะเด้อ..อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 15-05-2015 10:15:40
แต่ทั้งคู่กลับออกอาการเหมือนสามีภรรยาที่หย่ากันสามปีแล้วมา  :m20: ใครเป็นสามี ใครเป็นภรรยาคงรู้ๆกันอยู่ แล้วไอ้ที่ว่าอยากทำอีก อีก และอีกๆๆๆๆ ทำเลยค่ะ รอฉากอัศจรรย์รัญจวนใจอยู่  :hao6: :hao6: :hao6: เน เอ็งจงใช้โอกาสนี้แกล้งเมาแล้วไปเอาวัฒน์ซะ!! เป็นกำลังใจให้คนแต่งน้า เล็งเป้าให้ถูกล่ะตัวเอง  :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 15-05-2015 12:57:28
รอเนทนไม่ไหวอยู่นะ ลงแดงเต็มทน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-05-2015 13:45:35
เดี๋ยวววววววว !!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 15-05-2015 16:26:37
รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ -.,- :hao6:
พวกนี้จะเมาแล้ว เย่เฮท! 55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-05-2015 18:03:29
ตั้งกล้องแปบนะ :D
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-05-2015 19:01:14
เนทำเป็นเมาแล้วจัดการวัฒน์เลย :hao6: คนอ่านอยากเห็น
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 15-05-2015 19:40:09
 :impress2:
รอให้เนเมาแล้วทนไม่ไหว
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 16-05-2015 08:37:25
ตอนหน้าจัดว่าเด็ดใช่ไหมคะ คนแต่งถึงกะต้องหยุดอัพไปรวบรวมพลัง
 :pighaun: :pighaun:...... :laugh:

เพิ่งสังเกตรูปโปรไฟล์ของคนแต่ง x=y กำลังสอง นี่มันสัญลักษณ์รูปเดียวจากนิยายสองแฝดเอเรียส ล็อค นี้! กรี๊ด
คนแต่งคนเดียวกันสินะ จะบอกว่าเขาเป็นแฟนตัวเองมาตั้งแต่ในเด็กดีแล้วนะ  :-[

ติดตามๆ รออ่านตอนของวัน พน. อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 15 (15/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-05-2015 20:30:36
พึ่งมาอ่านคร้าาาาา
ชอบบทพ่อแง่แม่งอนของทั้งอาวัฒน์ และ เน จิงๆอ่ะ
อ่านแล้วจั๊กจี๊ ปนๆ กับความฟิน 5555

รออ่านตอนต่อไปจร้ส ^^
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 17-05-2015 10:28:38
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 16


          เนไม่แน่ใจว่าตัวเองสนุกกับงานเลี้ยงครั้งนี้หรือเปล่า จริงอยู่ว่ามีทั้งเหล้า ความบันเทิง และผู้หญิงอย่างที่เขาชอบ แต่ทุกครั้งที่เผลอเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพ่อเข้ามาในสายตาแล้ว เขากลับรู้สึกว้าวุ่นใจจนหัวตื๊อหัวตันไปเสียได้

          ยิ่งพยายามลบออกไปจากหัว ยามที่มันวกกลับเข้ามาก็สร้างความว้าวุ่นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

          รอบนี้คนที่ขับรถกลับมาบ้านเป็นตัวเขาเอง สิทธิ์เมาจนขับไม่ไหว ส่วนคนที่มักทำหน้าที่เป็นสารถีก็หลับพับอยู่บนเก้าอี้ข้างคนขับ ตอนนี้เด็กหนุ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องหาคนขับแทนถ้าวัฒน์ดื่มเหล้า รายนี้เป็นประเภทดื่มแล้วง่วง แค่เริ่มสองแก้วตาก็ปรือเหมือนคนอดนอนแล้ว

          เกือบตีสองกว่าจะมาถึงบ้าน ไฟในบ้านที่ดับสนิทบ่งบอกให้รู้ว่าคนอื่นๆหลับหมดแล้ว เนจึงขับช้าๆเข้าไปจอดรถตรงหน้าทางเข้าประตูบ้าน หันมองเจ้านายที่หลับปุ๋ยอยู่ด้านหลัง แล้วหันมามองคนนั่งข้างที่ยังไม่รู้สึกตัวพอกัน

          “คุณ....วัฒน์”

          เนเรียกเสียงเบาหวิว และแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีทางตื่นด้วยกำลังเสียงที่ดังเท่ามดตดนั่น

          เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือเปล่า เขาถึงได้รู้สึกร้อนทั้งๆที่ในรถก็เปิดแอร์เสียเย็นเฉียบ ยิ่งมองวัฒน์นานเข้า ความต้องการเบื้องล่างก็พุ่งขึ้นอย่างกับปรอทเจอไฟลน

          “อ้าว ถึงแล้วหรือ”

          เสียงทุ้มของคนด้านหลังกระชากเด็กหนุ่มออกจากความฟุ้งซ่านแสนหื่น อารมณ์หดกลับไปเหี่ยวจนสติกลับมาครบทุกประการ เนรีบออกจากรถไปเปิดประตูให้สิทธิ์ทันที

          “เดินไหวหรือเปล่าครับ” เนถามพร้อมกันช่วยดึงแขนให้ลุกขึ้น

          “ไหว....ไหวน่า....” สิทธิ์บอกเสียงอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ “แค่...เดินไม่ตรงทางเท่านั้นล่ะ...ฮ่าๆ”

          ว่าแล้วก็แสดงให้ลูกน้องเห็นถึงศักยภาพการเดินเลื้อยเป็นงูขั้นเทพไปจนถึงประตูบ้าน แต่เนก็ตามอยู่ห่างๆกันสิทธิ์เกิดฟุบลงไปดื้อๆ เขาเดินไปส่งจนถึงหน้าห้องนอนเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็กลับลงมาปลุกเพื่อนร่วมงานที่ยังหลับลึกไม่เลิก

          “คุณวัฒน์ ตื่นได้แล้ว” เด็กหนุ่มหลับตาปลุก ไม่กล้ามองเพราะกลัวใจตัวเองที่พร้อมจะสละสติทุกเมื่อ “คุณวัฒน์”

          ถ้ายังไม่ตื่น เดี๋ยวผมจะลวนลามคุณตรงนี้เลยนะ

          คิดเสร็จก็เอาหัวโขกขอบประตูรถห้ามตัวเองไว้ แล้วเรียกอีกหน และตามด้วยหลายๆหน จนเขาชักเริ่มเหนื่อย และลืมตามองอย่างลืมตัว

          วัฒน์ยังคงหลับสนิท ใบหน้าแดงเรื่อจากฤทธิ์เหล้าหันมาทางคนขับ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่รู้สึกอะไรนอกจากกลิ่นเหล้า แต่สำหรับเน มันชวนเร้าอารมณ์เสียเหลือเกิน

          ใบหน้าเด็กหนุ่มค่อยๆเลื่อนเข้าหาคนนั่งข้าง เนเข้าใกล้เสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย มือหนาเอื้อมไปลูบใบหน้าอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลงไปแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกพอให้ล้วงเข้าไปด้านในร่มผ้าได้สะดวก เสียงหัวใจของหนุ่มใหญ่ยังคงเต้นเป็นปกติ ผิดกับคนลักหลับที่ดังรัวเหมือนกลอง

          คุณผิดเองนะที่ไม่ยอมตื่นสักทีน่ะ

          “อือ....”

          เสียงครางในลำคอของหนุ่มใหญ่ผลักเนจนตัวเขาแทบจะติดประตูรถ

          “ถึงแล้วหรือ....” วัฒน์ปรือตามองพลางกุมหัว

          “ครับ” เนตอบเสียงห้วน อาการหลุกหลิกอย่างโจ่งแจ้ง แถมยังแกะเสื้อทิ้งไว้อีก แต่โชคดีที่อีกฝ่ายง่วงเกินกว่าจะสนใจ “ถ้าจะนอนก็ขึ้นไปนอนบนห้องสิครับ อย่ามานอนในนี้”

          “รู้แล้วน่า” วัฒน์บอกอย่างหงุดหงิดก่อนจะเปิดประตูรถออกไป เดินเลี้ยวไปเลี้ยวมา หัวก็สับหงกเหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อ

          เนอดตามไปใกล้ๆไม่ได้ เห็นแล้วกลัวเหลือเกินว่าวัฒน์จะล้มหัวฟาดพื้นเข้าจริงๆ แต่อีกใจก็ไม่อยากจะสัมผัสร่างกายของหนุ่มใหญ่นัก เนมั่นใจมากว่าเขาต้องเผลอหน้ามืดล่วงเกินลงไปแน่ โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องที่เขากลัว วัฒน์สามารถมาถึงห้องได้โดยสวัสดิภาพ และล้มลงนอนบนเตียงทันที

          “คุณวัฒน์” เนชักจะเริ่มมึนหัว ไม่แน่ใจว่าเพราะเหล้าหรือเพราะเจอเรื่องหวาดหวั่นมากเกินรับไหว “ไม่อาบน้ำก่อนหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่โบกมือบอกด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “ไม่อาบ”

          เนเห็นดังนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาเดินเข้าไปอาบน้ำหวังให้สร่างเมาขึ้นสักนิด และระบายอารมณ์ออกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

          บ้าเอ๊ย เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ

          เขาหวังว่าการช่วยตัวเองอาจจะทำให้อาการอยากปล้ำคนลดลง มั่นใจตัวเองอย่างจริงๆจังๆเสียเหลือเกินว่าต้องเผลอทำเรื่องไม่งามอีกเป็นแน่

          เด็กหนุ่มจัดการเบื้องล่างของตัวเอง แต่กลับไม่รู้สึกมีอารมณ์เท่าที่ควรแม้ว่ามันจะพร้อมรบแล้วก็ตาม เขาจึงเริ่มใช้ความคิดเพ้อเจ้อ ช่วยเร่งเร้าอารมณ์

          และแล้ว...ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนด้านนอกก็ลอยเข้ามาในหัว...เสียงหอบกระเส่าที่เอ่ยอ้อนวอนปนเสียงครางเป็นระยะดังแทรกเข้าโสตประสาทชวนให้รู้สึกวาบหวิว เรือนร่างผอมบางกับผิวกายที่คล้ำแดดเล็กน้อยชวนให้อยากสัมผัสลูบไล้...เบื้องล่างของอีกฝ่ายที่แข็งแน่นราวกับหินพร้อมจะปะทุออกทุกเมื่อ...แรงบีบรัดที่รุนแรงเหมือนกับพยายามจะกลืนเขาไปทั้งตัวนั้นยากจะลืมเลือน...

          แล้วแบบนี้มันจะหายอยากปล้ำได้ไงวะ!

          ยิ่งพยายามหักห้ามใจกลับยิ่งออกอาการหนักกว่าเดิม เนมองเบื้องล่างที่ยังดื้อดึงไม่เลิกทั้งๆที่จัดการไปถึงสองครั้งแล้วแท้ๆ

          ไม่ไหว...เปล่าประโยชน์ชัดๆ

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองไปยังประตูห้องน้ำ เด็กหนุ่มเดินออกไปด้วยร่างเปล่าเปลือยอย่างไม่นึกอาย วัฒน์ยังคงนอนหันหลังให้ไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ถึงชะตากรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามา

          เนขึ้นไปหาเจ้าของห้องที่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่อง เขาดึงไหล่ให้วัฒน์นอนหงายอย่างเบามือ หนุ่มใหญ่ส่งเสียงครางในลำคอออกมาเล็กน้อย ก่อนจะนอนแน่นิ่งอย่างคนไม่มีสติ มือหนายังคงทำหน้าที่ไม่หยุด เนเลื่อนมือเผยเสื้อเชิ้ตขึ้นจนเห็นผิวกายด้านใน แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่พอใจแค่แง้มมองอยู่แล้ว เขาจึงจัดการแกะกระดุมออกจนหมดแล้วเปิดเสื้อออกจนสามารถเห็นได้ทุกตารางนิ้วตามความต้องการ

          เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย จับจ้องเรือนร่างที่ผอมบางชวนให้อยากสัมผัสไม่วางตา เมื่อเห็นว่ายังไม่รู้สึกตัวเขาก็รุกล้ำเข้าหาอย่างลืมตัว ลืมกลัว ลืมทุกอย่างไปหมด

          หลับลึกแน่นิ่งเสียขนาดนี้ คงไม่รู้สึกตัวหรอก...มั้ง

 

          วัฒน์ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย และพอเห็นภาพตรงหน้าเขาก็ตื่นขึ้นเต็มตาด้วยความตกใจสุดขีด
         
          สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้คือเน ที่กำลังนั่งคร่อมเขาอยู่....อีกแล้ว

          “นาย! ทำอะไรน่ะ” วัฒน์ร้องลั่น พอจะใช้มือผลักอีกฝ่ายก็รู้ตัวว่าโดนผ้ามัดไว้กับหัวเตียงอีกแล้ว

          “ถ้าไม่ทำแบบนี้คุณก็ขัดขืนสิครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงนุ่ม พร้อมกับเอามือลูบหน้าวัฒน์

          “...นายคิดจะทำอะไร...” คนโดนคร่อมรู้อยู่แก่ใจ สภาพเหมือนเดิมแบบนี้ก็คงคิดออกแต่ว่าเนกำลังจะทำมิดีมิร้ายเขาอีก “อย่าทำบ้าๆนะ”
         
          ใจจริงเขาเองก็ใช่ว่าจะรังเกียจหรอก แต่ใครมันจะไปป่าวประกาศให้รู้กันล่ะ ยิ่งกับศัตรูด้วยยิ่งแล้วใหญ่

          “หลังจากคืนนั้น ผมถึงรู้สึกตัว...” สายตาที่จ้องมานั้นดูจริงจังผิดกับตอนปกติ จนวัฒน์รู้สึกหวั่นไหว “ผมเอาแต่เฝ้าคิดถึงคุณตลอด ยิ่งนานวันผมก็ยิ่งละคุณออกไปจากความคิดของผมไม่ได้...”

          ไอ้ที่พล่ามมาเป็นคุ้งเป็นแควนั่น...อย่าบอกนะว่า...

          “ผมรักคุณ”

          “หา จะบ้าเรอะ” วัฒน์ร้องด่า เขามั่นใจสุดๆว่าตอนนี้ตนหน้าแดงไปกับคำพูดนั่น ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือเมากันแน่ “อย่ามาล้อเล่นนะ”

          แต่เขาหยุดดีใจไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามห้ามตัวเองสักแค่ไหนก็ตาม

          เด็กหนุ่มยิ้มพราย คนที่พยายามจะด่ากลบเกลื่อนต่อถึงกับชะงัก มือหนาช้อนคางคนบนเตียงขึ้น ก่อนจะกระซิบข้างหูด้วยคำพูดที่ทำให้ใจคนฟังเต้นแรงกว่าเดิม “ผมรู้นะ ว่าคุณเองก็ชอบผมเหมือนกันใช่ไหม ตรงนี้มันก็บอกอยู่โต้งๆนี่นะ”

          จบประโยควัฒน์ก็รู้สึกถึงความร้อนและสัมผัสวาบหวามจากมือของอีกฝ่ายที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของตน เขาพยายามขืนหนีการรุกรานแต่ที่ทำได้ก็เพียงแค่ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างของเนเท่านั้น และเพียงแค่ลูบไม่กี่ครั้ง เบื้องล่างเจ้ากรรมมันก็ลุกขึ้นมาแข็งขันพร้อมทำการศึกเต็มอัตราจนผู้เป็นเจ้าของได้แต่เจ็บใจที่ห้ามตัวเองไว้ไม่ได้

          “เห็นไหม อย่างที่ผมบอกเลย” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมกับดูผลงาน “ที่ผ่านมามันไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครเลยนอกจากผมใช่ไหมล่ะ”

          เฮ้ย มันรู้ได้ไงวะ! ตูไม่เคยบอกใครเลยนะเว้ย

          “นายพูดบ้าอะไรของนายน่ะ...” วัฒน์ยังคงทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับหรอกว่าเนรู้เรื่องนั้นจริงๆ
         
          “ไม่ต้องปิดหรอกครับ ผมรู้หมดแล้ว” เนยิ้มหวาน “ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ แต่ว่าคุณเองก็ควรจะซื่อตรงต่อความรู้สึกให้มากกว่านี้ดีกว่านะครับ”

          อะไรของมันวะเนี่ย ทำไมมันอ่านตูออกหมดเลยวะ

          “เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ” เฮ้ย ให้ช่างได้ไง แกเล่นรู้ว่าฉันคิดอะไรไปซะหมดแบบนี้นี่หว่า “ผมว่าเรามาสนุกกันดีกว่านะครับ”

          “เดี๋ยว ไม่เอานะ...”วัฒน์ดึงดันสุดชีวิต ถึงแม้ใจจริงจะอยากเลยตามเลยด้วยก็ตาม

          “หรือว่าคุณรังเกียจผมล่ะครับ”

          วัฒน์ไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองหวั่นไหวเพราะใบหน้าที่เจ็บปวด หรือน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยของเด็กหนุ่มกันแน่ แถมเด็กหนุ่มในตอนนี้ต่างจากที่เขารู้จักไปโข จากที่เคยดูอวดดีขี้เก๊กปีนเกลียวต่อปากต่อคำไม่ยอมเลิก กลายเป็นเด็กน่ารักปากหวานขี้กลัวไปได้อย่างไร ถึงแม้ว่าไอ้เรื่องความหื่นมันจะเหมือนเดิมก็ตามที

          “ฉัน...” เขาตั้งใจจะบอกว่ารังเกียจ แต่กลับพูดไม่ออกเสียได้“ฉันไม่รู้...ก็นายเป็นผู้ชาย...เด็กกว่าฉันตั้งเยอะ...เป็นลูกฉันยังได้ด้วยซ้ำ”

          “ผมไม่สนหรอก ต่อให้คุณเป็นศัตรูผมก็ไม่แคร์” ดวงตาที่มองมาดูจริงจังและหวาดหวั่นจนวัฒน์ชักใจอ่อน “ผมรักคุณนะ รักคุณจริงๆ...อย่าปฏิเสธผมด้วยเหตุผลพวกนั้นเลย...”

          บ้าเอ๊ย อย่าพูดแบบนั้นสิวะ ฉันไม่เชื่อแกหรอก...ไม่เชื่อเลยสักนิด...

          ในขณะที่ยังหัวหมุนไม่หยุด เด็กหนุ่มก็ไม่คิดรอคำตอบ เปิดฉากรุกทีเผลอเข้าทันที เขาโน้มหน้าเข้าประกบปากอีกฝ่าย ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าหาอย่างหิวกระหาย วัฒน์ซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ปล่อยให้เด็กหนุ่มทำตามใจชอบ และพอตั้งสติได้ก็หลวมตัวติดใจกับรสจูบนั่นเสียจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

          “อึก...” หลังจากถอนจูบออก หนุ่มใหญ่ก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่เหมือนคนขาดอากาศ ใบหน้าแดงระเรื่อหันมองเด็กหนุ่มตรงหน้า เหมือนต้องการจะพูด แต่ก็พูดไม่ออก และยิ่งโดนสัมผัสไปทั่วร่างทั้งจากมือและริมฝีปากนิ่มที่กระทำการอย่างรู้งานและช่ำชอง เขาก็หัวตื๊อไปหมด จนทำได้แค่ร้องครางออกมาอย่างพึงใจ

          วัฒน์สะดุ้งเมื่อนิ้วของเนสอดเข้ามาด้านในตัว เขารู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก แต่ก็รู้สึกดีจนนึกเสียดายถ้าเกิดอีกฝ่ายถอนนิ้วออก

          “ผมจะค่อยๆทำนะ คุณจะได้ไม่เจ็บ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ผมไม่อยากให้คุณเจ็บเหมือนวันนั้นอีกแล้ว”

          วัฒน์ไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าให้ พยายามยอมรับสิ่งแปลกปลอมที่คอยกระตุ้นอารมณ์ให้ เด็กหนุ่มเองก็ค่อยๆเพิ่มนิ้วเข้าสอดใส่อย่างระมัดระวังตามที่พูดไว้ อีกมือที่ว่างก็บีบนวดตรงส่วนปลายของท่อนเนื้อจนวัฒน์ร้องครางด้วยความกระสันเสียวออกมาเป็นระยะ

          เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว เนก็ค่อยๆถอนมือออก เปลี่ยนเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่า และรอทำการเต็มแก่ เด็กหนุ่มดันตัวเข้าไปอย่างใจเย็น เขาหยุดทุกครั้งที่วัฒน์ร้องและรัดเขาจนแน่นราวกับกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ

          “...เน...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอย่างแหบพร่า

          “เจ็บหรือครับ” เด็กหนุ่มถามเสียงสั่นพร้อมกับลูบใบหน้าอีกฝ่าย “ถ้าเจ็บก็บอกนะครับ ผมจะได้หยุด”

          วัฒน์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะบอกความรู้สึกของตัวเอง ณ ตอนนี้ “...เข้ามาเลย...”

          เนเลิกคิ้วให้อย่างไม่แน่ใจนัก “คุณจะไม่เจ็บหรือครับ”

          “ฉันอยากให้นายเข้ามาเลย...” หนุ่มใหญ่ว่าด้วยท่าทีที่เหมือนกับต้องมนต์สะกด “เข้ามาสิ...”

          เด็กหนุ่มลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อโดนรบเร้าไม่หยุด เขาจึงตัดสินใจทำตามคำขอ

          “อึก...” วัฒน์กัดฟันแน่น ส่งเสียงครางอย่างพอใจ “อืม...แบบนั้นล่ะ”

          เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เป็นไร เด็กหนุ่มก็เริ่มขยับสะโพกตามความต้องการของตัวเอง ความแรงที่ถาโถมแต่ละครั้งสร้างความหฤหรรษ์ให้กับผู้รับและผู้ให้ วัฒน์รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มือทั้งสองที่โดนมัดไว้กับหัวเตียงเกร็งกระตุกดึงลงมาไม่หยุดเพราะเสียวซ่านจนทนไม่ไหว

          นี่เรา...ฝันไปหรือเปล่าเนี่ย แต่ความรู้สึกมันสมจริงจนไม่เหมือนฝันเลยสักนิด

          ไม่เหมือน...

          “เอ๋”

          ทีแรกที่เขาคิดว่าตัวเองฝันไป เพราะเนดูแปลกไปกว่าทุกที และตอนนี้เขาก็รับรู้แล้วว่าฝันไปจริงๆ

          แต่แค่ครึ่งเดียว

          มือเขาไม่ได้โดนมัดไว้กับเตียง และเสื้อเชิ้ตก็ยังคงใส่อยู่...ตรงแค่แขนเท่านั้น ส่วนเบื้องล่างนั้นเหมือนกับในฝันทุกประการ

          รวมทั้งเนที่อยู่ในท่าเดียวกับในฝันเด๊ะ ผิดกันตรงที่ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ขยับตัว ค้างนิ่งเป็นรูปปั้นมองมาทางวัฒน์ เบิกตาเสียโตจนเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้า

          “อ๊ะ”

          ค้างเพียงไม่นาน เนก็เข้ามาจับมือทั้งสองของวัฒน์ที่วางอยู่ข้างตัวแล้วทำกิจกรรมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่เพิ่งตื่นยังจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำตามใจชอบ โดยที่ไม่ได้ขัดขืนหรือโวยวายแต่อย่างใด

          หรือบางที เขาก็แค่ไม่อยากให้อารมณ์ขาดตอนจากที่ฝัน

          “อ๊ะ...อือ...” วัฒน์เผลอครางเสียงสั่นเมื่อเด็กหนุ่มกระแทกเข้าตรงส่วนกระตุ้นอารมณ์เสียว ปรือตามองใบหน้าของอีกฝ่าย เขารู้สึกสงสัย ประหลาดใจ และงง

          ไอ้ในฝันมันก็ว่าไปอย่าง แต่ไหงไอ้เด็กบ้านี่มันดันทำจริงๆล่ะวะ

          คิดได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดลงเมื่อความรู้สึกกำลังเอ่อล้นขึ้นและกำลังจะทะลักออกมาเพียงไม่กี่วินาที

          วัฒน์รู้สึกร้อนวาบที่ด้านหลัง พร้อมๆกับที่เขาปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นออกมา ของเหลวสีขุ่นพุ่งเลอะออกมาทั้งบนร่างของเขาและเด็กหนุ่ม เนยังคงกระแทกต่อเข้าไปอีกสี่ห้าครั้ง ก่อนจะหยุดลง โดยที่ยังไม่ยอมถอนตัวออกมา และยังคงจับมือวัฒน์เสียแน่น

          ไม่ทันที่หนุ่มใหญ่จะได้เอ่ยปาก เขาก็โดนชิงตัดหน้าเสียก่อน แถมดูเนจะโมโหยิ่งกว่าเขาที่โดนลักหลับเสียอีก

          “ทั้งหมดเนี่ย เป็นเพราะคุณนั่นล่ะ”

          “หา”
______________________
ไม่แกล้งเมาแล้วรอบนี้ ลักหลับ(แบบไม่สำเร็จ)โลด  :z1:

ตอนหน้าจะเป็น(จุด)ตอนจบของเนหรือไม่ XD

@คุณทิวลิปสีส้ม ใช่แล้วงับ =w= ดีใจจังมีคนจำได้ด้วย รูปดิสนี้นี่มีความหมายอย่างลึกซึ้งมาก (ฮา)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 17-05-2015 10:53:01
กรี๊ด... ทนไม่ไหวถึงขั้นแอบหลักหลับซะแล้วนะ เน เหอเหอ หายหน้าหายตาไม่เม้นท์ซะนาน เค้าลางานหนีหัวหน้าไปเที่ยวพักร้อนมา กลับมารีบหาเรื่องนี้มานั่งอ่านต่อเลยทีเดียว อร๊าย.ย.ย.ย..ย.ย..ย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 17-05-2015 11:03:50
อ่าว อิฉันนึกว่าเนบอกรักลุงจริงเสียอีก!! แต่ตอนนี้... :haun4: ตอนหน้าทั้งสองจะมองหน้ากันติดไหมหนอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเปลี่ยนไปไหมืคำว่ารักจะออกจากปากใครก่อน และเมื่อไหร่... เป็นกำลังใจให้เสมอน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 17-05-2015 11:04:26
ฝันที่เป็นจริง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 17-05-2015 12:52:45
คนเขียนเข้าใจตัดฉับกันอีกแล้ว TT
ในที่สุด... คึๆๆ -.,-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-05-2015 13:38:38
ก้อว่าอยู่ ว่าซึนๆอย่างเน อยู่ๆจะมาบอกรักลุงได้ไง
555555555
แต่ไม่เปนไร ยังไงฝันกับความจริงก้อคล้ายกัน อิอิ -.,-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 17-05-2015 18:00:00
เอ้าหื่นเองแล้วมาโทษคนอื่นซะงั้น



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 17-05-2015 19:22:37
โอ๊ยยย ฮา รู้เรื่องในทางฝั่งของวัฒน์แล้ว คราวหน้าจะรู้เรื่องทางฝั่งของเนบ้างไหมหว่า
อยากรู้ว่าวัฒน์ทำผิดระหว่างฝันอะไร (ยั่วอะไรออกมาในความจริงบ้าง)  :hao7:
เน (ที่หื่นเป็นทุนอยู่แล้ว)  :hao6: จึงทนความหื่นของตัวเองไม่ไหว กร๊าก กรั่กๆ

จำได้เพราะรูปดิสนั่นแหละค่า ติดตามากมาย เอิ๊ก 3P ในดวงใจ   :m2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 17-05-2015 19:30:20
ลักหลับไม่สำเร็จเลยทำเนียนต่อเหรอเน อาวัฒน์ถึงกับงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 16 (17/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 18-05-2015 08:16:45
มารออออออออ (นั่งพับเพียบจิบชาบนเสื่อปิกนิคสวยๆ)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 18-05-2015 09:26:44
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 17


          เนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่ออยู่ๆคนที่น่าจะหลับไม่รู้สึกตัวดันมาตื่นเอาตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม และถึงแม้ว่าจะตกใจจนสร่างเมา แต่เพราะความกระสันยังระบายไม่ถึงที่สุด เขาจึงได้แต่เดินหน้าต่อ โดยจับมืออีกฝ่ายกดเอาไว้ป้องกันการดิ้นหนี จนกระทั่งเสร็จกิจ จึงมานึกกลัวขึ้นอีกครั้ง

          เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ เอาไงดีวะ

          เด็กหนุ่มหัวหมุนติ้วไปหมด อย่างเดียวที่เขากลัวสุดๆในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองอาจจะโดนเป่าหัว(อันที่จริงนั่นก็กลัวอยู่) แต่เป็นเรื่องที่วัฒน์จะรู้ว่าเขาอยากนอนด้วยถึงขนาดต้องมาลักหลับนี่ล่ะ

          ให้ตายก็ไม่เอาเด็ดขาด

          “ทั้งหมดเนี่ย เป็นเพราะคุณนั่นล่ะ”

          “หา”

          และก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูดขึ้น เนก็รีบชิงพูดก่อนด้วยท่าทางโกรธจัด “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณใช้งานจนผมไม่มีเวลาไปไหนเลย ผมคงไม่หน้ามืดทำเรื่องแบบนี้กับคุณหรอก”

          วัฒน์มองหน้าเหวอ กะพริบตาปริบๆ “...แต่เมื่อวานฉันเพิ่งบอกให้นายพักได้นี่...”

          เออว่ะ...แถมเมื่อคืนก็เพิ่งไปซิ่งมาหมาดๆเอง...ถึงจะไม่ได้ไปทำกิจกรรมในร่มผ้าก็เหอะ

          “น...นั่นน่ะ ถึงจะให้พักแต่อยู่ๆจะหาผู้หญิงมานอนด้วยมันไม่ใช่ง่ายๆนี่นา แถมวันต่อมาก็ต้องตื่นเช้ามาทำงานอีก ผมเองก็ต้องนอนพักนะ เพราะงั้นถึงจะให้พัก แต่ก็ไม่มีเวลาระบายอยู่ดีนั่นล่ะ” เนเริ่มรัวด้วยการแถแหลกแหกโค้งชนิดพุ่งลงคูแบบไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว “เพราะงั้นคุณต้องรับผิดชอบ”

          “ยังไง...” เพราะโดนพูดรัวใส่ เลยเบลอและเผลอถามออกไป ทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดมาเลยสักนิด

          “บอกไว้ก่อนนะว่าเพราะจำเป็นหรอก ไม่อย่างนั้นให้ตายผมก็ไม่มีทางทำแบบนี้กับคุณหรอก” เนเริ่มอารัมภบทด้วยอาการโมโหกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง “คุณต้องรับผิดชอบโดยการเป็นคู่นอนของผม”

          นั่นเป็นจุดประสงค์หลักที่พยายามพล่ามเสียน้ำท่วมทุ่งจนคนฟังจับใจความไม่ทัน
         
          “หา” และแน่นอนว่าถึงจะยังคงมึน แต่ประโยคสุดท้ายนี่ชัดเจนกระจ่างแจ้ง “ทำไมฉันต้องยอมทำถึงขนาดนั้นให้นายด้วยวะ”

          ใจจริงวัฒน์ก็เห็นว่าเป็นขอเสนอที่น่าสนใจดีอยู่หรอก แต่ขืนตอบรับไปมีหวังเนคงรู้แน่ว่าตัวเขาเองติดใจท่วงท่าลีลาเซ็กซ์นั่นแค่ไหน และนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายของชีวิตที่เขาต้องการ

          เนเองก็เดาไว้อยู่แล้วว่าวัฒน์ต้องตอบปฏิเสธ เขาเลยใช้ไม้ตายที่เตรียมไว้อยู่แล้ว

          “ผมน่ะ ถ้าเพื่อให้ได้ทำงานเพื่อคุณสิทธิ์แล้ว ถึงจะต้องอดนอนกับผู้หญิงแล้วมานอนกับตาแก่บ้าอำนาจชอบใช้แรงงานเยี่ยงทาสอย่างคุณแทนผมก็หลับตาฝืนทนทำได้” แอบรู้สึกผิดที่เอาเจ้านายมาอ้างเพื่อตัณหาตัวเอง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นความจริงอยู่... “แต่อย่างคุณ แค่นี้คงทำไม่ได้งั้นสินะ ผมก็เข้าใจอยู่หรอก”

          วัฒน์ฉุนขึ้นทันทีที่โดนหยามเรื่องความภักดี แล้วยิ่งคนที่พูดดันเป็น(เข้าใจว่าเป็น)ศัตรูที่จ้องทำร้ายสิทธิ์แล้ว เขาก็โมโหจนลืมตัว...บวกกับฤทธิ์เหล้าเข้าไปนิดหน่อยด้วย

          “เฮอะ อย่ามาตลก มากกว่านี้ฉันก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร กับไอ้แค่นอนกับเด็กไร้น้ำยาบ้าผู้หญิงอย่างนายมันเรื่องเล็กอย่างกับโดนมดกัด” วัฒน์ด่าสาดเสียเทเสียจนคนฟังถึงกับระบมเพราะโดนแทงตรงลงกลางใจ “แล้วนึกว่าฉันอยากจะนอนกับนายนักหรือไง แค่อยู่ด้วยก็อยากจะอ้วกแล้ว ที่เป็นแบบนี้เพราะนายบังคับฉันหรอกนะ ไม่ได้อยากมีอารมณ์กับคนอย่างนายหรอก”

          “เออ ผมก็เหมือนกันนั่นล่ะ” เนกระแทกเสียง เริ่มไม่พอใจจริงๆที่โดนกล่าวหาว่าไร้สมรรถภาพ “สรุปคุณจะรับผิดชอบรึเปล่า”

          “เออ ก็ได้โว้ย” ด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้า วัฒน์จึงตะคอกกลับโดยไม่ทันยั้งคิด “แล้วก็หวังว่าจะเลิกเรื่องมากแล้วโทษโน่นโทษนี่อีกล่ะ ไม่อย่างนั้นก็พิจารณาตัวเองได้แล้วว่ายังสมควรทำงานต่ออีกหรือเปล่า”

          “ดี รับรองว่าผมจะไม่มีทางทำให้ผิดหวังแน่” ก็นั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่...หมายถึงเรื่องงานน่ะนะ...

          วัฒน์มองหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อคำพูดเท่าไหร่นัก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “ถ้างั้น...นายก็เลิกได้แล้ว...”

          เนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม จนวัฒน์ชักทนไม่ไหว

          “ฉันหมายถึง...นายจะอยู่ท่านี้ไปอีกนานแค่ไหน หา” ตั้งแต่ทำเสร็จ เนก็ยังคงค้างไว้ท่าเดิมไม่มีเปลี่ยนจนกระทั่งตอนนี้

          พอโดนเตือนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้ถอนตัวออกมาอย่างที่ควร

          “...งั้นไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขออีกทีละกัน”

          “หา อ๊ะ” ยังไม่ทันอนุมัติ เด็กหนุ่มก็เคลื่อนตัวโถมเข้าหาโดยไม่รีรอ

          “คุณโอเคแล้วนี่ หรือจะกลับคำเอาตอนนี้” เนบอกเสียงกระเส่า ท่าทีไม่ยอมอย่างชัดแจ้ง

          “ฉันไม่ได้หมาย...ถึงอย่างนั้น...” วัฒน์เองก็มีน้ำเสียงไม่ต่างกันนัก “แค่...อึก...จะบอกว่าขอทำใจก่อนสิวะ...อ๊ะ”

          “จะเสียเวลาทำไม” จริงๆก็แอบเห็นใจ แต่กลัวอีกฝ่ายรู้ความในเลยทำเป็นดื้อแล้วใช้กำลังเข้าขืนใจ บวกกับแอบแค้นที่โดนด่าเรื่องอ่อนไหวเลยใส่แรงไม่ยั้ง “ยังไงคุณก็ไม่อยากทำแบบนี้นานๆใช่ไหมล่ะ ผมก็เหมือนกันเพราะงั้นรีบๆทำน่ะดีแล้ว”

          ที่จริง เขาอยากทำอีกสักสามสี่ครั้งอยู่หรอก...แต่เพิ่งตกลงทำสัญญาด้วยอาการจำยอมกัน แล้วถ้ามาขยันทำอย่างกับคู่แต่งงานใหม่มันก็คงดูผิดปกติจนชวนน่าสงสัย เลยตัดใจขอสองพอ

          วัฒน์ไม่พูดอะไรต่อ....หรือจริงๆก็คือเขาพูดไม่ออกมากกว่า ความรู้สึกวาบหวามแล่นไปทั่วร่างคอยรุมเร้าทุกครั้งที่อีกฝ่ายรุกเข้าหา ถ้าเปิดปากออกตอนนี้ ก็คงมีแต่เสียงร้องครางเพราะรู้สึกดีจนทนไม่ได้เสียมากกว่า

          เนมองด้วยใบหน้านิ่ง ท่าทางของวัฒน์ตามที่ตัวเองเข้าใจ ดูจะฝืนใจทำเต็มที่ มันน่าจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดหรือน้อยใจเพราะเขาอุตส่าห์ทุ่มเต็มแรงหวังลบคำสบประมาท

          แต่ยิ่งอีกฝ่ายแสดงท่าทีไม่ยอมมากเท่าไหร่ เขากลับยิ่งมีอารมณ์มากขึ้น

          “อ๊ะ จะทำอะไรน่ะ...” วัฒน์ร้องถามเมื่ออยู่ๆก็โดนพลิกตัวลงไปนอนคว่ำ

          ถ้าอยากให้จบแค่ยกสอง ก็เลิกทำหน้าเซ็กซี่ยั่วผมซะทีสิ!

          เนก็ได้แต่คิด ไม่ยอมพูดอยู่แล้ว “เห็นหน้าคุณแล้วผมเสียอารมณ์...เดี๋ยว...ไม่เสร็จพอดี”

          วัฒน์ฟังแล้วนึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ทีก่อนหน้านั้นยังเสร็จได้ทั้งๆที่นอนหันหน้าให้แท้ๆ

 

          หนุ่มใหญ่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่ เขาจำได้ลางๆแค่ว่าจบยกสองแล้วเหมือนไอ้เด็กผีมันจะพูดอะไรสักอย่างเอาไว้ แต่เขาเหนื่อยเกินกว่าจะฟังไหว เลยไม่รู้ว่าเนพูดอะไรออกมาบ้าง แต่บางสิ่งบอกเขาว่า ไม่รู้น่ะดีแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะถามถึงด้วย

          เมื่อตื่นถึงเขาก็ต้องตกใจเหมือนกับหลายๆเช้าที่เคยเจอ เนนอนกอดเขาแน่น และดูจะแน่นกว่าวันอื่นๆเสียด้วย นอกจากนั้นทั้งเขาและเด็กหนุ่มยังนอนแก้ผ้าเสียอีก เลยได้แนบเนื้อแน่นเสียยิ่งกว่าวันก่อนๆ

          วัฒน์ไม่ได้โวยวายและพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม เขายังคงนอนนิ่งปล่อยให้เนกอดต่อไปพลางคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยความสงสัยสุดชีวิต

          บ้าพลั้งปากตกลงกับมันไปได้ไงวะ

          ถึงจะรู้สึกดีด้วย แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตกปากรับคำเพียงเพราะอารมณ์พาไป จะบอกยกเลิกเอาตอนนี้ก็คงเสียหน้าเอาการ อีกส่วนก็คือแอบเสียดายข้อเสนอที่แอบหวังไว้ในใจ และที่ไม่น่าเชื่อกว่าก็คือ การที่เนเป็นคนยื่นข้อบังคับกับเขานั่นล่ะ

          มันวางแผนอะไรอยู่วะ

          วัฒน์พยายามเงยหน้ามองเน สงสัยเสียเหลือเกินว่าเด็กหนุ่มคิดอะไรอยู่กันแน่

          ความฝันสัปดนเมื่อคืนก็แล่นเข้าหัวเหมือนจงใจแกล้งกัน ภาพของเนที่นั่งคร่อมเขาด้วยท่าทีที่แปลกไปจากทุกที...ดูจริงจังและชวนให้รู้สึกว่าน่ารักจนชวนหลง...เอ่ยคำพูดหวานเคลิ้มจนแทบจะละลายทุกครั้งที่ผ่านเข้าโสตประสาท...ทุกผิวสัมผัสที่ได้รับล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน...

          เขารีบหันหน้าลง รู้สึกร้อนวาบ ยิ่งนึกถึงเด็กหนุ่มในฝันของเขาแล้ว ก็หยุดอาการตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้

          บ้าเอ๊ย จะคิดทำหอกอะไรวะ หนังหน้าอย่างไอ้บ้านี่ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่

          หนุ่มใหญ่รีบสะบัดหัว และยังไม่ทันที่จะได้ถีบเนให้ออกไป เด็กหนุ่มก็พลิกตัวให้พอดี เลยไม่ต้องเสียแรงโดยใช่เหตุ วัฒน์จึงลุกออกจากเตียง แล้วเข้าไปในห้องน้ำ

          แต่แค่สองนาทีเขาก็รีบออกมาด้วยอาการหงุดหงิด แล้ววิ่งเข้าไปถีบหลังเนเสียเต็มรัก

          “โอ๊ย ทำอะไรของคุณน่ะ” เนโวยวายลั่น ทั้งๆที่ไม่ได้เจ็บอย่างที่ร้อง
         
          วัฒน์มองด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด ก่อนจะถามอย่างใจเย็น “เมื่อคืนทำอะไร จำได้หรือเปล่า”

          เพียงแค่นั้น จากที่โวยวาย ก็ทำหน้าเหมือนคนมีความผิดทันใด

          “...จำได้ลางๆ...” อันที่จริงจำแม่นชนิดเก็บได้ทุกรายละเอียดเลย แต่เขากลัวว่าถ้าตอบไปแบบนั้นแล้ววัฒน์จะวิ่งไปหยิบจุดสามแปดมาเป่าหัวเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย “...คุณล่ะ...”

          “เออ จำได้” หนุ่มใหญ่กระแทกเสียง “แล้วฉันก็มีข้อแม้กับเรื่องที่นายจะให้ฉันรับผิดชอบ”

          เนเลิกคิ้วให้เป็นเชิงถาม แอบโล่งใจที่อีกฝ่ายยอมรับสิ่งที่เขาบอกเมื่อคืน และไม่เอาปืนมายิงตน

          “นายต้องใช้ถุงยาง” ทันทีที่ได้ยิน เด็กหนุ่มถึงกับหน้าเหวอเหมือนมันเป็นเรื่องร้ายแรงระดับชาติ “ฉันไม่อยากไปตรวจที่โรงพยาบาลว่าติดโรคอะไรอีก แล้วฉันก็ขี้เกียจทำความสะอาดด้วย....ที่สำคัญคือฉันรังเกียจว้อย!!!”

          เนถึงกับของขึ้นทันที

          อะไรวะ ตูไม่ใช่ตัวเชื้อโรคนะว้อย

          “เออ อย่างกับผมชอบนักล่ะ” จริงๆติดใจจะตาย แต่เรื่องอะไรจะไปยอมรับกัน “ผมก็กำลังจะบอกคุณอยู่พอดีนั่นล่ะว่าจากนี้ไปผมจะใช้ถุงยาง พอใจแล้วใช่มั้ย”

          “ดี” พอได้คำตอบที่พอใจ วัฒน์ก็วกกลับเข้าห้องน้ำทันที

          ส่วนเนก็ถอนหายใจออกเสียงเฮือกใหญ่ หลังจากรู้ตัวว่ารอดพ้นจากกระสุนแล้ว

          ให้ตาย โชคดีชะมัดที่หมอนั่นยอมตกลงง่ายๆ

          ทีแรก เขาแอบกลัวอยู่เหมือนกันว่าวัฒน์จะเค้นถามหาเหตุผลที่เป็นเหตุผลจริงๆหรือไม่อย่างนั้นก็มาขอยกเลิกสัญญา แต่พอเห็นแบบนี้แล้วก็สบายใจสุดๆ

          ถึงแม้ว่าจะรู้สึกหดหู่กับตัวเองสุดๆก็ตาม...ที่ดันไปติดใจตาแก่ไร้มนุษยสัมพันธ์แถมยัง(เข้าใจไปเองว่า)เป็นศัตรูอีก

          เลวร้ายชะมัด!

 

          หลังจากนั้น เนก็ลงไปหลับต่อด้วยความเพลีย ที่จริงเขาแค่กะงีบในขณะที่ต้องรอเข้าห้องน้ำเท่านั้น แต่พอตื่นขึ้นอีกทีก็พบว่าแดดส่องแรงกว่าปกติ และวัฒน์ก็ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำแล้วด้วย

          “บ้าชิบ”

          เด็กหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย แต่ก่อนที่จะรีบผลุนผลันเข้าไปในห้องน้ำ วัฒน์ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี

          “เป็นอะไร” เมื่อเห็นเนออกอาการสะดุ้งเหมือนคนกำลังทำความผิด เจ้าของห้องก็ถามเสียงขุ่น

          “ทำไมคุณไม่ปลุกผม” เนสวนกลับอย่างหงุดหงิด ไม่คิดจะตอบคำถามอีกฝ่าย

          วัฒน์ไม่ได้ต่อว่าเรื่องที่เด็กหนุ่มเสียมารยาทต่อเขา ไม่แม้แต่จะแสดงความไม่พอใจ จนเนรู้สึกสงสัย เพราะปกติมักจะตีหน้ายักษ์แล้วสวนกลับด้วยคำพูดเจ็บแสบที่แสนระเคืองหูทุกที

          แถมยังมีท่าทางแปลกกว่าทุกที...มาก....มากจนเด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจ จริงอยู่ว่าวัฒน์มักดูสุขุมและไม่ค่อยพูด แต่เขารู้สึกได้ว่า ภายใต้ความเยือกเย็นนั่น มันแฝงไปด้วยความร้อนแรงราวกับระเบิดที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเวลา

          ดวงตาคมที่จ้องมองมาเหมือนกับมองทะลุได้ทุกสิ่งสร้างความตื่นเต้นขึ้นมาอย่างที่ไม่อยาก เนนิ่วหน้ามองเพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินเข้ามาหาที่เตียง แล้วลงมานั่งด้านข้าง

          “ฉันก็แค่คิดว่า นายไม่จำเป็นต้องรีบตื่น” มันไม่ใช่แค่แปลก...แต่มันโคตรแปลกอย่างแรง...เพราะวัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลอย่างที่ไม่เคยพูดมาก่อนเลย แถมยังเผยยิ้มบางดูเจ้าเล่ห์ให้อีกด้วย

          สำหรับคนอื่นคิดยังไงไม่รู้ แต่เนรู้สึกว่าวัฒน์กำลังเชิญชวน...ในสิ่งที่เขาก็ยินดีพร้อมทำ

          เป็นไปไม่ได้
         
          “วางแผนอะไรของคุณ” เกือบจะหลวมตัวยื่นมือเข้าไปช้อนเอวบางนั่นเสียแล้ว แต่ดีที่สติรั้งเอาไว้ทัน

          แล้วก็หลุดเอาทันทีที่ได้ยินคำพูดถัดมาของอีกฝ่าย

          “นายเองก็อยากนอนกับฉันจนตัวสั่นอยู่แล้ว ยังจะมาวางท่าให้เสียเวลาทำไมกันอีก” วัฒน์เลิกคิ้วให้ ยังคงเหยียดยิ้มที่มุมปากราวกับคนมีชัย “นึกว่าฉันไม่รู้หรือว่านายยื่นข้อตกลงนั่นด้วยความรู้สึกยังไง”

          “พ...พูดบ้าอะไรของคุณ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่อง” เนพยายามกลบเกลื่อน แต่น้ำเสียงหลุดสั่นออกมาอย่างไม่น่าให้อภัย

          “ปิดไปก็ไร้ประโยชน์ ฉันรู้หมดแล้ว” หนุ่มใหญ่เอ่ยต่อเสียงเนิบ “พักหลัง ไม่ว่าจะนอนกับผู้หญิงคนไหนก็ไม่รู้สึกถูกใจเท่ากับฉันใช่ไหมล่ะ...ถ้าคนอื่นมารู้เข้าว่าเสือผู้หญิงอย่างนายหมดท่ากับตาแก่อย่างฉัน คงอายจนสู้หน้าใครไม่ได้เลยล่ะสิ”

          เด็กหนุ่มถลึงตาใส่ ที่จริงในใจเขากลัวมาก แต่ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็นจึงออกอาการต่อต้านดื้อดึงกลบเกลื่อน

          “คุณต้องการอะไร” เมื่อจนแต้มจนต่อไม่ถูก เนก็เอ่ยถามอย่างเสียมิได้

          “นาย”


______________________________
เมื่อสัญญาว่าด้วยการขึ้นเตียงถือกำเนิดขึ้น ลุงก็เปลี๊ยนไป๋ XD

ขอขอบคุณทุกกำจังใจที่มีให้กันเสมอมาก๊าบ ><

หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 18-05-2015 09:50:19
เอ๊ะ เดี๋ยว! วัฒน์เปลี่ยนไปแบบนี้เนไม่ได้ฝันใช่ม้ายยย ชอบเลยล่ะเซ่!
ยั่วอีก ยั่วอีก  :hao6: เนเอ้ย ขำแกอ่ะ แถได้ถลอกปอกเปิกมาก
และใช้ประโยชน์จากนิสัยของวัฒน์ได้ดีทีเดียว ทำข้อตกลงกันแบบนี้...
หุหุหุ  :heaven ขอบคุณที่สิทธ์สร้างห้องเก็บเสียงให้วัฒน์เป็นของขวัญแต่งงาน
จากนี้คงใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เอาให้ทั่วทุกมุมห้องเลยนะเว้ยเน  :m12:
รึจะเปลี่ยนไปเอ้าดอร์บ้างพี่ก็ไม่ว่า  :hao7:
แต่ๆๆๆ ต่างคนต่างเข้าใจกันคนละทางแถมปากอย่างใจอย่างแบบนี้
จะรักกันยังไงน้า  :m28: ลุ้นมากกกกกกกกกก ติดตาม!  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 18-05-2015 10:01:54
กรี๊ด!!! ลุงยั่วอ่ะ ลุงยั่ว :give2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 18-05-2015 10:05:05
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-05-2015 11:15:40
นอนฝันต่อเฉย สินะ...
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-05-2015 11:36:51
มาแนวเดียวกันเด๊ะๆๆๆ นี่นายเนฝันใช่ไหม
บอกมาเรยยยยยยย 555555
แต่อิสัญญางงๆ ที่ทั้งคู่ดูจะยินดีกันแบบซึนๆ นี่คือไรอ่ะ
ข้ออ้างแต่ละอย่าง สีข้างถลอกกันหมดแร้ว
คิดได๊นะแต่ละคน 555555+
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 18-05-2015 16:13:40
รอตอนต่อไปค่ะ  :call:

ตอนนี้ชอบมาก  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-05-2015 16:25:03
เกิดไรขึ้นกับลุงเนี่ยยยยย?

55555555555555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 18-05-2015 16:57:43
ฝันอีกรึเปล่าเนี่ย? รึว่าจริงอ่ะ?
สัญญาอย่างนี้ก็เสร็จโจ๋สิ -.,-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-05-2015 17:41:47
ราชินีมากค่ะลุงงงง :D
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 18-05-2015 17:42:33
เน เอ็งแถจนสีข้างเลือดออกหมดแล้วเว้ย ขี้แถไม่พอ ขี้ตู่จริง ไม่มีสลิง ไม่มีแสตนอิน  :m20: ส่วนลุงก็บ้าจี้ตามมันอีก เอ๊ะ รึว่าความจริงลุงอยากได้แบบนี้อยู่แล้ว กรี๊ดดดดดด :hao6: ลุงเปลี้ยนไป๋!!! ลุง...ลุง...เหมือนจะรู้แต่ทำเป็นไม่รู้อ่ะ! ฮรือออ รักลุงจังเลย แม่ยกลุง ฮิ้ววววว เป็นกำลังใจให้เสมอ...เมอ...เมอ...เมอ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 18-05-2015 17:55:54
คู่นี้เหมือนกันหลายอย่างคือ
มึน  ขี้มโน ปากไม่ตรงกับใจ
55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 17 (18/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-05-2015 19:06:52
 :a5: อั๊ยย่ะ วัฒน์เปลี้ยนไป  เอ๊ะ หรือว่าเนฝัน

แหมๆ ลุงออกจะซึนซะขนาดนี้ คงไม่มายั่วเนก่อนแน่ๆ  :laugh:

อีกนิด..หมดหนทางจนต้องลักหลับลุงแล้วใช่มะ เน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 19-05-2015 08:27:30
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 18


          คำตอบห้วน สั้น แต่คนฟังแล้วถึงกับ อึ้งยาว เหมือนเป็นเรื่องเข้าใจโคตรยากเสียอย่างนั้น

          นิ้วเรียวเชยคางเด็กหนุ่มขึ้น ใบหน้าที่เข้าใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจสะกดสายตาไม่ให้เบือนหนี รอยยิ้มบางที่ชวนให้ลุ่มหลงล่อลวงเขาด้วยคำพูดแสนหวานและชวนให้เคลิบเคลิ้ม

          “ตั้งแต่ได้ขึ้นเตียงกับนาย ฉันถึงได้รู้ว่าฉันต้องการนายแค่ไหน” วัฒน์กระซิบบอกขึ้นที่ข้างหูให้เด็กหนุ่มรู้สึกเสียวซ่าน เท่านั้นยังไม่พอ เขายังใช้ลิ้นอุ่นหยอกเย้ากับติ่งหู ก่อนจะขบมันอย่างหมั่นเขี้ยว

          แม้ว่าเนจะตกใจ แต่เขากลับไม่ห้ามการกระทำที่ล่วงล้ำเข้ามาแม้แต่น้อย กลับรู้สึกอยากให้อีกฝ่ายทำมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ มือของเด็กหนุ่มโอบเข้ารอบเอวอีกฝ่ายอย่างลืมตัว เขาดึงร่างวัฒน์เข้ามาแนบใกล้กับร่างของตนจนแน่น ริมฝีปากบางเริ่มเข้าซุกไซ้ซอกคออย่างหิวโหย

          “ใจเย็น” ก่อนที่จะได้ไปถึงไหนต่อไหน หนุ่มใหญ่ก็เอ่ยห้ามเสียงนุ่มราวกับต้องการกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายอดใจรอจนคลั่ง “ก่อนอื่น ฉันอยากจะถามอะไรนายหน่อย”

          “อะไร” เนร้องถาม สีหน้าเหมือนคนจะขาดใจตาย

          “ระหว่างฉันกับคุณสิทธิ์ นายเห็นใครสำคัญกว่า”

          เนถึงกับชะงักเมื่อได้ยิน ถ้าเป็นก่อนหน้านั้น เขาคงตอบออกมาได้อย่างไม่ลังเล

          “ว่าไง” เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนิ่ง วัฒน์ก็กระเซ้าถามต่อ

          “ผม...” เนออกอาการสองจิตสองใจ สิทธิ์สำคัญสำหรับเขาแน่นอน เพราะสิทธิ์เป็นรุ่นพี่ที่เขานับถือ อีกทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณที่คอยช่วยเหลือเขาในยามลำบากอีก

          ส่วนวัฒน์ อันที่จริงแล้วเขาแทบไม่เคยนึกอยากสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความประทับใจแรกพบที่อยากจะปล่อยหมัดใส่ให้เป็นของขวัญ นิสัยที่ดูจะไม่เข้ากันได้เลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่สำคัญคือการที่อีกฝ่ายคิดไม่ดีต่อผู้มีพระคุณของตน นั่นก็เป็นเหตุผลที่มากพอแล้ว ที่เขาจะนึกรังเกียจ และอยากกำจัดออกไปจากชีวิตให้พ้นหูพ้นตา

          แต่มาตอนนี้ เขากลับสะบัดอีกฝ่ายออกไปจากหัวไม่ได้

          ถึงขนาดที่แม้จะโกหกออกไปว่ารังเกียจก็ยังไม่กล้า...เพราะกลัววัฒน์จะหายไปจริงๆ

          ยังไม่ทันได้ตอบ อีกฝ่ายก็ชิงเอ่ยพูดด้วยความน้อยใจขึ้นเสียก่อน “นั่นสินะ...ฉันก็ถามอะไรโง่ๆ ไม่ว่ายังไงนายก็คงเลือกคุณสิทธิ์อยู่แล้วสินะ”

          เหมือนกับหัวใจถูกมีดแหลมกรีดแทงก็ไม่ปาน

          “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ละนะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวังเอ่ยอย่างแผ่วเบา ใบหน้านิ่งของหนุ่มใหญ่ยังคงจับจ้องไม่วางตา สร้างความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก

          “เดี๋ยว คุณจะไปไหน” เนร้องถามเสียงตื่นเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็ลุกเดินออกไป “เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อน...อ๊ะ”

          ตุบ

          เนเบิกตามองเพดานสีขาวเกือบสามนาที กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังนอนอยู่บนพื้นพรม

          ฝัน?

          เขาลุกขึ้นมามองไปรอบๆห้อง ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่อยู่ในห้อง

          พอมองนาฬิกาก็ตกใจเพราะตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว และก็โล่งใจเพราะว่ามันเป็นคนละเวลากับในฝัน

          ไม่ปลุกเรา แอบไปไหนของเขา

          สงสัยไม่ทันไร คนที่กำลังคิดถึงก็เดินเข้าประตูมาพอดี เนถึงกับสะดุ้ง จากนั้นก็เริ่มออกอาการหวาด เพราะเหตุการณ์ตอนนี้มันดำเนินเหมือนกับในฝันพอดี

          “เป็นอะไร”

          แถมวัฒน์ก็ดันพูดประโยคเดียวเหมือนกับในฝันเด๊ะๆอีก

          “เปล่าครับ” เนเกือบจะหลุดถามออกไปเหมือนกับในฝันแล้ว แต่พอคิดได้เลยเลี่ยงด้วยการตอบอย่างนอบน้อมแทน “ไปไหนมาหรือครับ”

          และทันทีที่เห็นวัฒน์อารมณ์บูด เด็กหนุ่มก็รู้สึกดีใจอย่างประหลาด แม้ว่านั่นจะทำให้วัฒน์ยิ่งออกอาการหัวเสียมากขึ้นก็ตาม

          “ไปตรวจเลือดดูว่าติดเชื้อโรคอะไรจากนายหรือเปล่าน่ะสิ” หนุ่มใหญ่กระแทกเสียง “แล้วเมื่อไหร่จะลุกขึ้นมาซักที รีบๆไปอาบน้ำได้แล้ว หรือกะจะรอข้าวเย็นเลยล่ะ”

          กัดเจ็บเหมือนเดิมด้วย

          “คร้าบๆ” เนจงใจตอบส่งๆด้วยท่าทีไม่ยี่หระ แล้วรีบหนีเข้าไปในห้องน้ำดั่งผู้มีชัย ปล่อยให้วัฒน์ได้แต่ด่าไล่หลังมาติดๆ

          “ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย”

          หนุ่มใหญ่ยังคงด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ จัดการตรวจเอกสารที่ยังคงค้างอยู่บนโต๊ะต่อ
         
          “อ้าว” หลังจากตรวจไปได้สักพัก วัฒน์ก็พบว่าบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนของธุรกิจกลางคืนหายไปหนึ่งร้าน วัฒน์หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า เลื่อนหาเบอร์ที่เป็นผู้จัดการของบาร์ที่ยังไม่ได้ส่งเอกสารมาให้

          “สวัสดีฮ่ะ คุณวัฒน์มีอะไรหรือฮะ” เสียงทุ้มในสายที่จงใจดัดให้สูงเอ่ยทักทายขึ้นอย่างงัวเงีย

          “มีน เธอยังไม่ได้ส่งบัญชีของเดือนนี้มาให้เลยนะ” วัฒน์เข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ...แน่นอนว่านั่นเป็นนิสัยปกติของเขา ไม่ได้โมโหแต่อย่างใด...แต่ส่วนใหญ่ทุกคนจะหวาดกลัวกันไปเอง

          “อ๊ะ ว้าย ตายแล้วๆๆ” ผู้จัดการร้านร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก “ตายจริง ขอโทษจริงๆฮ่ะ งั้นเดี๋ยวมีนจะรีบให้เด็กเอาไปให้ทันทีเลยนะฮะ”

          “อืม วันนี้นะ” วัฒน์บอกไปอย่างไม่คิดอะไร อันที่จริงเขาก็ไม่ได้รีบใช้ แค่กำชับไว้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายอืดอาดไม่ใส่ใจก็เท่านั้น

          หลังจากวางหูไปเพียงไม่กี่วินาที เนก็ออกจากห้องน้ำมาเห็นตอนวัฒน์วางโทรศัพท์พอดี

          “โทรหาใครหรือครับ” ด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจจะทำการคิดร้ายต่อเจ้านาย เลยถามขึ้นมา...แน่นอนว่าไอ้เรื่องหึงหวงบ้าบออะไรนั่น ไม่ได้อยู่ในสารระบบความคิดแม้แต่น้อย

          ฟังคำถามแล้วหงุดหงิดขึ้นทันที “ไม่ใช่เรื่องของนาย”

          “ผมเองก็เป็นผู้ติดตามเหมือนกัน ทำไมจะไม่ใช่เรื่องของผม” เนสวนกลับทันควัน “หรือโทรหาใครที่บอกผมไม่ได้กันล่ะครับ”

          ไม่เสือกซักวัน เอ็งจะขาดใจตายมั้ยวะ!

          “ก็แค่โทรทวงเอกสาร” วัฒน์ตอบออกมาเพื่อตัดความรำคาญ พร้อมกับตีเอกสารบนโต๊ะดังปัง

          “ก็แค่นั้น” เพราะไม่พอใจที่อีกฝ่ายใส่อารมณ์ เนเลยกวนไม่เลิก “ทำเป็นมีลับลมคมในไปได้”

          กล้าพูดมากนะ ไอ้หน้าด้าน

          “เก็บคำนั้นไว้กับตัวนายเองเถอะ” เจอย้อนใส่แล้วเด็กหนุ่มถึงกับกระตุก “...มีอะไรอีก”

          พอเห็นเนเอาแต่มองไม่วางตาก็ถามขึ้นต่อด้วยความสงสัย หงุดหงิดและอึดอัดจนไม่มีสมาธิจะทำงานต่อ

          “เปล่า” เด็กหนุ่มส่ายหน้า แล้วเดินออกไปจากห้องทันที

          เมื่อครู่ที่เขามองอยู่คือเอกสารบนโต๊ะ เขารีบตรวจสอบด้วยความเร็วสูงดูว่ามันเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร ปลอดภัยที่จะปล่อยให้วัฒน์ทำคนเดียวหรือเปล่า ก็เท่านั้น...อันที่จริงเขาดูเสร็จตั้งแต่ห้าวินาทีแรกแล้ว ซึ่งเอกสารพวกนั้นก็เป็นแค่เอกสารทั่วไป ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่

          แต่ที่เผลอดูนานจนวัฒน์รู้ตัวก็เพราะเขาดันมองแผ่นหลังของหนุ่มใหญ่จนเพลินต่างหาก

          คิดแล้วก็นึกอยากเอาหัวโขกกำแพง เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเอามากขนาดนี้

          ไม่...ไม่เอาโว้ย

          เนรีบแจ้นเข้าห้องครัวด้วยความไวแสง จนคนที่อยู่ในครัวพากันร้องด้วยความตกใจที่อยู่ๆเนก็โผล่หน้าเข้ามาท่าทางเหมือนคนวิ่งหนีผี

          “พี่เนเป็นอะไรคะเนี่ย” แมวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับเข้าไปช่วยเหลือแบบเกินความจำเป็นด้วยการเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้

          “ไม่มีอะไรหรอกครับ” เนยิ้มหวานแสดงอาการนิ่มนวล ผิดกับข้างในที่กำลังสับสนจนอยากจะเหวี่ยงโต๊ะกินข้าวที่อยู่กลางห้อง “แค่โดนคุณวัฒน์ดุเอานิดหน่อยน่ะ”

          จบประโยค คนในห้องต่างพากันมองหน้าเนราวกับเห็นเขาเป็นตัวประหลาด

          “ไปทำอะไรไม่ดีเข้าล่ะสิเรา” นางซึ่งอยู่ตรงอ่างล้างจานเอ่ยถามขึ้นก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ

          ได้ยินหญิงสูงวัยเอ่ยถาม เด็กหนุ่มก็เผลอขมวดคิ้วออกมา “ทำไมป้านางพูดเหมือนกับผมไปทำผิดก่อนอย่างนั้นล่ะครับ”

          “ก็แหม ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงจริงๆ คุณวัฒน์ก็ไม่ค่อยดุใครง่ายๆหรอกจ๊ะ”

          “ใช่ค่ะพี่เน ขนาดแมวกับเอมทำห้องพี่เจ๊ง อย่างมากอาวัฒน์ก็แค่เอ็ดประโยคเดียว หลังจากนั้นก็ค่อยมาเทศนาจนขาแข็งก็เท่านั้นเองล่ะค่ะ ไม่เคยด่าหรือคะตอกแรงๆใส่ซักครั้งเลยนะคะ” แมวเสริมขึ้นด้วยความเริงร่า

          “งั้นหรือครับ” ฟังแล้วเนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ นอกจากเขาแล้ว กับคนอื่นๆ เวลาทำผิด อย่างมากก็แค่แสดงสีหน้าโมโห ก่อนจะลงโทษไปตามสมควร หรือมากหน่อยก็แค่เอ่ยเตือนเรื่องที่ทำผิดไปก็เท่านั้น

          ไหงของตู ทั้งเหวี่ยง ทั้งด่า ทั้งจิกกัด ลงโทษสารพัดสารพันเลยวะ...สงสัยเพราะอยากแกล้งให้เราออกไปให้พ้นทางแหงมๆ

          ก็เป็นศัตรูกันนี่นะ

          เนยังคงยิ้มให้กับเด็กสาวที่นั่งข้างกาย แต่ในใจกลับรู้สึกหดหู่ขึ้นมา เมื่อนึกถึงว่าวัฒน์รังเกียจตนมากแค่ไหน จากนั้นก็ว้าวุ่นขึ้นมาแทน

          โธ่เว้ย!

 

          วัฒน์ละจากเอกสารตรงหน้า เมื่อเสียงมือถือดังขัดจังหวะขึ้น พอดูเบอร์ก็นึกสงสัยก่อนจะกดรับสาย และยังไม่ทันได้เอ่ย คู่สายก็ร้องโฮลั่นเสียงดังเสียจนวัฒน์ต้องรีบเอามือถือออกจากหู

          “คุณวัฒน์...คุณวัฒน์...ฮืออออ” เสียงทุ้มที่ดัดให้ฟังดูมีจริตเอ่ยสะอื้นไห้ “แย่แล้วฮ่ะ...ฮือออ”

          “อะไร เกิดอะไรขึ้น” วัฒน์ถามอย่างร้อนรน “เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม”

          “ก็...ไอ้พวกไฟฉายทานตะวันน่ะสิฮะ...พอมีนกำลังจะเอาบัญชีไปให้คุณวัฒน์...พวกมันก็มาจากไหนไม่รู้ตั้งหลายสิบคน มารุมรังแกพวกมีนจนบอบช้ำกันหมดแล้ว...ฮึก...เนี่ย ตอนนี้พวกมันมาดักอยู่หน้าร้านเลยฮ่ะ...คุณวัฒน์ช่วยมีนทีสิฮะ พวกเด็กๆโดนเล่นงานทีเผลอจนหมอบกระแตกันไปหมดแล้ว โค้กกับศาสตร์เองก็ยังอยู่โรงพยาบาล...ฮือออ ว้าย”

          วัฒน์ได้ยินเสียงดังโครมใหญ่แทรกเข้ามาพร้อมกับที่ได้ยินมีนร้องวี้ด ยิ่งสร้างความร้อนรนให้คนฟังจนนั่งไม่ติดเก้าอี้

          “อดทนไว้ก่อนนะ ฉันจะรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้” เขารีบวางสาย แล้วรีบกดหาเบอร์ แต่ยังไม่ทันกดโทรก็ชะงักเสียก่อน เพราะฉุกใจนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้

          เขาเคยถามสิทธิ์เกี่ยวกับเรื่องฝีมือด้านต่อยตีของเน ฟังมาแล้วเหมือนกับว่าจะพอตัวอยู่

          วัฒน์ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ มือหนาบีบโทรศัพท์แน่น ก่อนจะกดเบอร์พร้อมกับยิ้มเยาะขึ้น

          งั้นก็ขอดูหน่อยว่าฝีมือจะแน่ซักแค่ไหนกัน


________________________________

วันไหนเปลี่ยนเวลาลงนี่ สงสัยต้องแจ้งล่วงหน้า =[]=!! ฮา

กว่าจะได้ถึงฉากในฝันของแต่ละคน คงเป็นเรื่องที่ไกลแสนไกล XD (แต่ก็จะพยายามไม่ให้ไกลเกิน =w=)

ตอนนี้พลังซึนแต่ละคนแก่กล้ามาก ท่าทางจะตีแตกยาก ฮา ต้องใช้พลังแถ+มึนกันไปก่อน xD


รีบลงก่อนมาปูเสื่อรอ :v (คนลง)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mcooky ที่ 19-05-2015 09:19:35
ตกใจจ ไม่คิดว่าฝัน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 19-05-2015 09:25:06
โหยยยย แค่ฝันเองอ่าาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-05-2015 09:32:21
กะแระว่าเนฝันแน่ๆ ปากหนักปาแข็งกันทั้งคู่ ไม่ยอมพูดตรงๆ หรอก ต้องรอให้เกิดเรื่องคอขาดปาดตายก่อนมั้งนั้น
จึงจะเปิดปากพูด แต่แนะนำลุงเลยว่ายั่วเยอะๆ แค่นี้เนมันก็หลงจนไปไหนไม่รอดแระ 5555
ขอหวานบ้างไรบ้างนะ

ปล.    :angry2: ตามมาโวยวาย  :serius2:  มะเช้าอ่านแล้วหงุดหงิดอะ เราไม่ใจร้ายพอที่จะปามีดหรอก หึหึ  o18
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-05-2015 10:09:49
ว่าแล้วว่าฝันอ่ะ สมแล้วที่เป้นเนื้อคู่กัน สมกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 19-05-2015 10:22:43
ว่าแล้วววววว  :jul3: :jul3: นึกภาพวัฒน์ใช้มือเชยคางเนขึ้น โฮกกกกก 
ใกล้อีกๆ (อันนี้อารมณ์คนอ่าน )  :haun4:
บทหน้าเขาจะบู้กันสินะ เนจะได้โชว์ฝีมือกลบเรื่องยิงปืนบ้างไหม
ให้วัฒน์ได้ประจักษ์ถึงความเท่ หรือจะล้มเหลวอีก  :laugh: มาลุ้นกัน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 19-05-2015 10:34:26
ได้เวลาลุย ใครจะเจ็บมากกว่ากันล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 19-05-2015 10:59:00
โธ่ฝันเหรอ

รออ่านต่อคร้าบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-05-2015 12:54:12
รอออออออออ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-05-2015 23:02:07
กะแล้วเชียวว่าเนต้องฝัน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 20-05-2015 09:13:59
มาอ้ะยัง  :m21: :m7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 18 (19/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 20-05-2015 09:28:22
มารอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 19 (20/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 20-05-2015 10:13:15
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 19


          เน เหล่มองวัฒน์ด้วยความสงสัย หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ วัฒน์ก็มาลากเขาออกจากบ้านโดยไม่ยอมบอกสาเหตุให้ฟังแม้แต่น้อย อันที่จริงเขาก็อยากจะถาม แต่อีกฝ่ายรีบมากเสียจนเขาไม่ทันจะได้พูด มารู้ตัวอีกทีก็นั่งอยู่บนรถเสียแล้ว

          และพอจะอ้าปากถาม เสียงโทรศัพท์มือถือของหนุ่มใหญ่ก็ดังขัดจังหวะขึ้นราวกับรู้ทัน

          “ว่าไง” วัฒน์กดรับแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายจราจร สีหน้าดูเคร่งเครียดมากเหมือนกับว่ามีใครกำลังตกอยู่ในอันตราย “เข้าใจแล้ว อีกไม่ถึงนาทีฉันก็จะไปถึง รอก่อนละกัน...อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามก่อนล่ะ ขอร้อง โดยเฉพาะ ไอ้ หมอ นั่น”

          น้ำเสียงเน้นย้ำช่วงท้ายเฉียบขาดและเหี้ยมเกรียม อีกทั้งสีหน้าดูหงุดหงิดมากจนเนเผลอสะดุ้ง

          วัฒน์ ขับเข้ามาในถนนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นย่านเริงรมย์ ซึ่งตอนนี้มีเพียงคนไม่กี่คนที่เดินอยู่ และมีร้านค้าไม่กี่ร้านที่เปิดอยู่เท่านั้น เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาทำการ แถวนี้จึงดูเงียบเชียบเหงาหงอยเปล่าเปลี่ยวจนเนเผลอนึกว่าวัฒน์พาเขามา สังหารหมกถังขยะแถวนี้

          หนุ่ม ใหญ่จอดรถข้างถนน แล้วเดินนำเข้าไปในซอยแคบที่อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ ในนี้มีสถานบันเทิงเปิดเยอะกว่าที่หน้าถนนเสียอีก เพราะฉะนั้น ด้านในเลยดูร้างหนักกว่าลิบลับ จนเนชักจะคิดจริงๆจังๆเสียแล้วว่าวัฒน์ต้องพาตัวเองมาฆ่าจริงๆ

          เดิน ลึกเข้าไปในซอยสักพัก เด็กหนุ่มก็เห็นชายสองคนที่ยืนอยู่หน้าร้านขายของชำกำลังมองมาทางตน คนหนึ่งดูมีอายุพอๆกับวัฒน์ ผิดกันตรงที่รูปร่างใหญ่โตบึกบึนและดูเป็นกันเองกว่ากันเยอะ อีกทั้งรูปแบบการแต่งตัวดูจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความเรียบร้อยนัก ปกเสื้อก็พับลงอย่างบิดๆเบี้ยวๆ แขนเสื้อก็พับอย่างลวกๆขึ้นมาถึงศอก ตัวเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มลายทางมีรอยยับเหมือนไม่ได้ผ่านเตารีดมายังไงยัง งั้น และที่ดูสะดุดตาจนเนเผลอจ้องเสียนานก็คือแผลเป็นขนาดใหญ่เหมือนโดนดาบฟันที่ คอด้านซ้าย กับหูที่มีรอยแหว่งของชายคนนั้น

          ส่วน อีกคนอายุพอๆกับเนหรือน่าจะมากกว่าหน่อย เขาไว้ผมซอยประบ่า รวบผมผูกเอาไว้ครึ่งหัว รูปร่างผอมบาง หน้าตาท่าทางดูกะล่อนและขี้เล่นเหมือนกับชายสูงวัยที่ยืนด้วย เนเห็นเพียงแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นพวกขี้หลีเป็นแน่...ก็รังสีพวก เดียวกันมันฟ้อง

          “สวัสดีครับ อาวัฒน์” เด็กหนุ่มคนนั้นเอ่ยทักทายผู้อาวุโสก่อนจะหันไปยิ้มให้กับอีกคน “นายคือ...”

          แต่ ก่อนที่เนจะเอ่ยทักทายกลับ วัฒน์ก็ขัดขึ้นมาเหมือนจงใจอย่างแรง...ที่เด็กหนุ่มคิดว่าจงใจก็เพราะว่าคน อื่นแสดงสีหน้าแปลกใจต่อการกระทำของวัฒน์นั่นล่ะ

          “จะแนะนำตัวก็เอาไว้ทีหลัง รีบไปก่อนดีกว่า” ว่าจบก็รีบเดินนำเข้าซอยต่อทันที

          “เดี๋ยวสิ คุณไม่คิดจะบอกผมหรือว่าตกลงคุณพาผมมาทำไมน่ะ”เนร้องห้าม พยายามเดินตามให้ทัน ปล่อยให้สองคนที่เหลือยืนมองหน้ากันอยู่ข้างหลัง

          หนุ่มใหญ่ออกอาการเบื่อโลกทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นเหมือนเสียมิได้ “ตอนนี้ มีพวกแก๊งบ้าชอบหมาหมู่มันมาก่อกวนที่ผับแถวนี้ของเรา เลยต้องมาจัดการน่ะสิ”

          “หา แล้วกี่คนน่ะ” เด็กหนุ่มหันมองคนด้านหลัง เขาไม่คิดว่าแก๊งที่วัฒน์ว่าจะมีแค่สี่ห้าคนแน่ แต่พอเห็นจำนวนพรรคพวกตัวเองแล้วก็แอบหวั่นใจพิกล

          หรือว่าจะมีพวกเพิ่มอีกนอกจากสองคนนั่นนะ

          ไม่ ทันที่จะได้ตอบ ทั้งสี่ก็ต้องวิ่งกลับเข้าซอยทันที เมื่อเห็นคนเป็นฝูงยืนอยู่หน้าลานจอดรถของผับขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรง ข้ามของถนน ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าต้องเป็นพวกที่กำลังมาหาเรื่องเป็นแน่ เสียงตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์ตรงแถวหน้าผับดังขึ้นมาเป็นระยะพร้อมกับ เสียงทุบดังโครมครามฟังแล้วชวนปลุกใจให้อยากเดินหนีไปเสียจริงๆ

          “เฮ้ย ไหนแกบอกว่าไม่กี่สิบคนไงวะ นั่นมันเกือบสามสิบเลยนะโว้ย” ได้ ยินเสียงทุ้มของชายรุ่นลุงที่ยังไม่รู้จักชื่อ เนก็หันมามองหน้าตื่น เขาไม่คิดว่าคุณลุงแกจะกล้าลุยกับคนสิบกว่า ในขณะที่พวกตัวเองมีกันแค่สี่

          “ก็มีนบอกว่าสิบกว่า ฉันจะไปรู้ได้ยังไงวะ” วัฒน์ตอบอย่างหงุดหงิด “แล้วไง จะให้เรียกคนอื่นมาเพิ่มหรือ”

          “ไม่ต้องเลย” ชายคนนั้นเอ่ยห้ามทันควัน ฉีกยิ้มกว้าง ท่าทางตื่นเต้นอย่างที่ไม่น่าเป็นในตอนนี้ “ฉันแค่ดีใจที่ได้ลุยกับคนเยอะขนาดนี้ต่างหากเล่า”

          ฟัง แล้วเหมือนโม้ และเนก็คิดว่าคนอื่นต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ แต่วัฒน์กลับแค่ถอนใจอย่างเอือมระอา ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนก็หัวเราะแหะๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก

          “งั้นก็ตกลงตามนี้” ยิ่งได้ยินวัฒน์ยอมง่ายๆเนก็ยิ่งประหลาดใจ “ฉันจะคอยช่วยอยู่ข้างหลังละกัน นายลุยไปกับไอ้เด็กนี่ก่อนเลย”

          “เดี๋ยวสิๆ คุณจะบ้าหรือไง” เด็กหนุ่มที่โดนหน้าที่ลุยก่อนร้องห้าม จนคนที่พร้อมลุยพากันตีหน้าเซ็ง “เรามีกันแค่สี่คน แต่พวกนั้นตั้งสามสิบกว่านะ”

          แต่วัฒน์กลับมองเหมือนเป็นเรื่องเล็ก และแสดงท่าทีดูถูกใส่เนแบบออกนอกหน้า “ทำไม นายกลัวหรือ แสดงว่าไอ้เรื่องที่คุณสิทธิ์บอกว่านายจัดการล้มคนเป็นสิบด้วยมือเปล่าก็ เป็นแค่เรื่องกุงั้นสิ ถ้าอย่างนั้นก็ยืนหลบอยู่ตรงนี้ไปละกันนะ อ้อ หนีให้ดีๆละกัน ฉันขี้เกียจช่วย เฮ้อ~”

          โดนหยามทั้งคำพูด สีหน้า น้ำเสียง ใครมันจะทนไหว

          “เฮ อะ ใครกลัวกัน ผมก็แค่เกรงว่า คนไร้เรี่ยวแรงอย่างคุณคงกลายเป็นที่รองมือรองเท้าพวกนั้นต่างหาก ถามจริงนะ คุณเหวี่ยงหมัดใส่แล้วพวกนั้นจะเจ็บ หรือมือคุณจะเจ็บกันแน่” เนแขวะใส่อย่างอารมณ์เสีย และจี้จุดได้ตรงใจหนุ่มใหญ่จนซึ้งเข้าถึงทรวง

          “ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีของฉัน และไอ้แค่คนสามสิบกว่าคน ฉันก็เคยจัดการคนเดียวมาแล้วด้วยโว้ย”วัฒน์เกทับใส่ ท่าทางเหมือนอยากกระทืบเนมากกว่าจะจัดการศัตรู “เออ เลิกเถียงแล้วรีบๆจัดการได้แล้ว...ระวัง!”

          วัฒน์ร้องตะโกนพร้อมกับเข้าไปผลักเนเซติดกำแพงอีกฝั่ง ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะอ้าปากว่า ดวงตาก็เบิกโพลงด้วยความตกใจต่อภาพที่เห็น

          “คุณวัฒน์!” เนร้องลั่นเมื่อเห็นร่างของหนุ่มใหญ่ล้มลงนอนที่พื้นเพราะรับไม้หน้าสามเข้ากลางแสกหน้าพอดี

          “เฮ้ย คนของไอ้สิทธิ์นี่หว่า” ชาย ร่างท้วมหน้าโฉดโหดฉกรรจ์ซึ่งเป็นคนทำร้ายวัฒน์ร้องเสียงดังหวังให้พรรคพวก ที่เหลือได้ยิน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ ก็โดนหมัดของชายสูงวัยอัดเข้าตรงครึ่งปากครึ่งจมูกจนลงไปนอนนับดาวทันที

          “หนอย ไอ้เวรนี่” หนุ่ม ใหญ่ร่างบึกเอ่ยอย่างหงุดหงิด แล้วหันไปมองฝูงคนหน้าผับที่กำลังกรูเข้ามาทางตน เขายิ้มที่มุมปากพร้อมกับหักนิ้ว ไม่ยี่หระต่อสถานการณ์คับขัน แล้วบุกตะลุยเข้าไปหาอย่างไม่กลัวตายทันที “ฮ่าๆ มันต้องอย่างนี้สิวะ”

          “แว้ก! รอผมด้วยสิ” เด็กหนุ่มอีกคนร้องเสียงตื่น แล้วหันมาเรียกเน หวังจะรีบไปช่วย “ฝากอาวัฒน์ทีสิ”

          แต่ถึงไม่เรียก เนก็แทบจะถลาเข้าไปหาอยู่แล้ว

          “คุณ! เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เด็กหนุ่มถามอย่างหวาดหวั่น เขามองเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผากแล้วมือก็สั่นขึ้น รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

          “ไม่...ฉันไม่เป็นไร” พอเห็นวัฒน์ค่อยๆลุกขึ้นยืนก็เบาใจลง “นายรีบไปจัดการไอ้พวกเวรนั่นเถอะ”

          เนมองหน้าอย่างลังเลนัก ก่อนจะวิ่งไปสมทบกับอีกสองคน ด้วยอาการเกรี้ยวกราดเต็มที่ เหมือนโดนอีกฝ่ายเหยียบเท้าแล้วไม่ขอโทษก็ไม่ปาน

          หนอย ไอ้พวกเวร เล่นทีเผลอกันเรอะ

          “เฮ้ย ไอ้ก้างนั่นพวกไอ้สิทธิ์ จัดการมันเลย” กลุ่มคนสี่ห้าคนพร้อมไม้หน้าสามครบมือพากันวิ่งกรูเข้ามาหาเด็กหนุ่มอย่างคึกคะนอง มั่นใจว่าพวกตนต้องชนะเป็นแน่

          “แว้ก อะไรวะ” ขณะที่กำลังฝันหวาน กลับกลายเป็นว่า หนึ่งในพวกของตนที่ชิงเข้าฟาดไม้ใส่เน กลับโดนชกกลับออกมาเสียตัวปลิวลิ่วออกไปเสียหลายเมตรแทน “ไอ้บ้านั่น ทำไมแรงเยอะอย่างนี้วะ...”

          เมื่อเห็นว่าเนื้อชิ้นนี้เคี้ยวยากกว่าที่เห็น พวกเขาก็ตกลงใจลุยเข้าพร้อมกันทันที

          แต่สิ่งที่เนทำคือยิ้ม

          ดี จะได้ไม่เสียเวลา

          เด็ก หนุ่มหยิบไม้หน้าสามตรงพื้น แล้วเหวี่ยงกวาดเป็นระยะกว้างออกไปจนได้ยินเสียงลมร้องหวีดหวิว เหล่าคนที่พุ่งเข้ามาต่างหยุดไม่อยู่ รับหน้าไม้เข้าไปเต็มแรงเสียสามคนลงไปนอนนับดาว

          “บ้าเอ๊ย” จากห้าคน กลับเหลืออยู่เพียงแค่สอง ชักเริ่มพากันกลัวแรงบ้าของเนจนถอยหลังออกไป

          และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่ปล่อยให้หนีไปเสียหรอก

          เน เขวี้ยงไม้หน้าสามออกไปอย่างฉุนเฉียว โดนเข้ากลางหลังของศัตรูที่วิ่งหนีเสียเต็มรัก จากนั้นเขาก็ปรี่เข้าไปแจกหมัดและเท้าให้อีกราวโหลครึ่ง แล้วก็เข้าตะลุยกับกลุ่มคนที่เหลือ ซึ่งมัวแต่สนใจกับพรรคพวกที่บุกนำก่อน จนฝั่งศัตรูลดลงฮวบฮาบ สร้างความแตกตื่นให้กับฝั่งศัตรูเสียยกใหญ่...

          อย่าว่าแต่ศัตรูเลย แม้แต่พวกเดียวกันอย่างวัฒน์ก็ถึงกับเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ว่าเนแรงเยอะกว่าเขา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเนจะเก่งถึงขนาดที่ว่าหมัดเดียวน็อคเอาท์ได้ จนชักแอบกลัวว่าถ้าตัวเองเผลอปากเสียใส่บ่อยๆแล้วจะโดนเข้าบ้าง รับรองว่าคงสลบไม่รู้ตัวเป็นแน่

          “โห เห็นพูดโน่นพูดนี่ เก่งเหมือนกันนี่หว่า” ชายวัยเดียวกับวัฒน์เอ่ยชื่นชม พร้อมกับถีบคนที่วิ่งเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือจนสลบเหมือด “ฮะฮ่า มันส์ล่ะว้อย”

          “ว่าแต่ ตกลงเขาเป็นใครล่ะนั่น กล้าเถียงอาวัฒน์ฉอดๆซะด้วย ท่าทางจะไม่ธรรมดาแฮะ” เด็ก หนุ่มอีกคนเอ่ยเสียงระรื่น มือทั้งสองเปรอะเลือดศัตรูจนเลอะเทอะ ดวงตาเรียวหันกลับมามองฝ่ายตรงข้ามพร้อมแจกรอยยิ้มให้ ซึ่งชวนให้รู้สึกขนลุกมากกว่าเป็นมิตร “แต่เราจะน้อยหน้าไม่ได้เหมือนกันละน้า เดี๋ยวเสียชื่อหมด”

          “อะไรกันวะ ไอ้พวกนี้ ไม่เห็นเหมือนกับที่ได้ยินเลยนี่หว่า ไหนว่ามือดีที่คุมที่นี่เข้าโรงพยาบาลไปแล้วไง” ชายคนหนึ่งซึ่งดูท่าทางจะเป็นตัวนำกลุ่มเอ่ยอย่างหวาดผวา พลางมองพรรคพวกซึ่งตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึงสิบ “บ้าเอ๊ย แบบนี้ต่อไม่ไหวแน่ หนีโว้ยพวกเรา”

          “จะหนีไปไหนไม่ทราบ”

          เสียง แค้นของคนที่เกือบโดนสอยด้วยไม้หน้าสามเอ่ยดังขึ้นอย่างนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความอำมหิตเต็มที่ เขาเดินดุ่ยๆพร้อมกับไม้หน้าสามในมือด้วยสภาพเปื้อนเลือดไปทั่วตัวชวนให้คน มองพากันขนพองสยองเกล้าจนก้าวขาไม่ออก และด้วยความปรานี(?) เนเลยหวดใส่เต็มแรง ชนิดว่าโดนไปหนึ่งทีแล้วก็ไม่ต้องลุกขึ้นมาอีก

          “โอ๊ย”

          เสียงร้องของศัตรูจากด้านหลังบอกให้เขารู้ตัว เด็กหนุ่มไม่รอช้า หันไปเหวี่ยงศอกเข้าโดนที่ใบหน้า จากนั้นก็ปล่อยหมัดเสยคางทิ้งทวน

          ไอ้พวกโง่เอ๊ย จะลอบกัดชาวบ้านเขา ดันส่งเสียงร้องใส่ ชาติหน้าคงจะสำเร็จอยู่หรอก

          คิดแล้วก็นึกหงุดหงิดเลยโยนไม้หน้าสามใส่อย่างไม่ไยดี แล้วหันไปมองรอบข้าง เนเห็นแต่คนมากมายที่นอนกองอยู่กับพื้นจนดูอย่างกับถนนมนุษย์ก็ไม่ปาน พรรคพวกสองคนที่เหลือ กำลังเดินข้ามคนสลบเข้ามาหาตน พร้อมกับนับจำนวนไปด้วย
         
          “สามสิบแปด...ไม่ทำลายสถิติแฮะ แถมมีคนช่วยเพิ่มด้วย” เด็ก หนุ่มรุ่นเดียวกับเนเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย ท่าทางของเขายังดูสบายๆ แทบไม่บาดเจ็บด้วยซ้ำ ยกเว้นที่มือซึ่งเนไม่แน่ใจว่าเลือดที่อาบเต็มมือนั่นเป็นของเจ้าตัวหรือ ศัตรูกันแน่ “แล้วเอาไงดีล่ะ ทีนี้”

          “ปลุกพวกมัน แล้วไล่กลับๆไปให้หมดสิ ขืนปล่อยไว้ตรงนี้มีหวังมันได้ตื่นมาถล่มร้านเราหรอก” หนุ่ม ใหญ่สายลุยบอกก่อนจะเตะคนที่นอนข้างเท้า พอฟื้นแล้วเห็นหน้าเท่านั้นล่ะ วิ่งหนีหางจุกตูดกันเลยทีเดียว สภาพของเขาดูดีที่สุด เพราะนอกจากเสื้อผ้าที่เลอะนิดหน่อย เขาก็ไม่บาดเจ็บตรงไหนเลย

          เนหันไปหาวัฒน์ ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม ก็อดตีหน้ามุ่ยใส่ไม่ได้

          ไหนบอกว่าสามสิบคนเดียวก็จัดการได้ ไม่เห็นจะทำอะไรสักหน่อย ขี้โม้ชะมัด

          “อาวัฒน์ ขอบคุณนะครับที่ช่วยระวังหลังให้ เกือบไปตั้งหลายรอบแล้ว”

          คำพูดของเด็กหนุ่มอีกคนสร้างความประหลาดใจให้กับเน แน่ล่ะ เขาไม่เห็นวัฒน์จะทำอะไรสักหน่อย...ถ้าลงมาร่วมวงด้วย เขาก็น่าจะเห็นบ้างสิ

          “เลือดนายยังไหลไม่หยุดเลยนี่” ชายสูงวัยเอ่ยพร้อมกับเข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง “ฉันว่านายน่าจะไปหาหมอนะ”

          มีการจับไม้จับมือ ลูบหน้าผาก แถมยังดูใกล้ชิดสนิทสนมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย...น่าโมโหชะมัด หมอนั่นมันเป็นใครกันวะ

          ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย เนกลับรู้สึกหงุดหงิดกับภาพตรงหน้าชอบกล อยากจะเดินเข้าไปขวางตรงกลาง แล้วผลักชายคนนั้นออกจากวัฒน์เหลือเกิน ยังดีที่ทิฐิคอยรั้งไม่ให้เขาทำลงไป

          “ฉันไม่เป็นไรน่า นายกับปาล์มจัดการไอ้พวกนั้นเถอะ” วัฒน์บอกปัด ดูจะไม่ถือสาที่อีกฝ่ายทำตัวสนิทสนมนัก ยิ่งทำให้เนหงุดหงิดหนักข้อ

          “ไม่เป็นไรบ้านแกน่ะสิ หัวแตกเลยนี่หว่า” เขาร้องพร้อมกับเลิกหน้าผากจนเห็นแผลแตก “จะไปหาหมอดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้มไปล่ะหา”

          “ไม่ได้นะ”

          คนที่น่าจะร้องหันไปมองต้นเสียงด้วยความสงสัย

          “...ผมหมายถึง ผมมากับคุณวัฒน์ด้วย น่าจะเป็นคนพาคุณวัฒน์ไปโรงพยาบาลดีกว่า” เนแก้ตัวทันควัน ฟังแล้วดูเหมือนจะมีเหตุผลดีจนคนฟังไม่คิดติดใจ

          แต่ท่าทางเพื่อนร่วมงานไม่คิดเช่นนั้น “ถ้าจะไปกับนาย ฉันไปกับฉัตรดีกว่า นายจัดการสารรูปตัวเองซะก่อนเหอะ อย่างกับคนร้ายฆาตกรรมมาสิบศพ ขืนไปด้วยมีหวังวุ่นวายตายชัก”

          โดนทักแล้วเนถึงเพิ่งรู้ตัว ว่าเขาดูเลอะเทอะพอๆกับเด็กหนุ่มอีกคนไม่มีผิด มองไปมองมาแล้วเหมือนคู่หูฆาตกรโรคจิตยังไงยังงั้น

          แต่เขาก็ไม่ชอบใจอย่างแรง ที่วัฒน์เลือกจะไปกับตาลุงนั่นแทนที่จะเป็นเขา

          “คุณวัฒน์ คุณฉัตร....ว้าย! ตายแล้ว” เสียง ทุ้มที่ดัดสูงดังขึ้นจากหน้าประตูเล็กของผับ เนมองเห็นคนผมยาวหยิกย้อมสีน้ำตาลแดง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีสดชวนน่ามองมีรอยแดงเหมือนโดนตบ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม ดูอย่างไรก็เป็นผู้หญิงแน่ๆ เสียตรงเสียงที่ทุ้มจัดเสียจนเนไม่กล้าฟันธงตรงๆว่าเป็นผู้หญิงจริงๆหรือ เปล่า “เป็นอะไรกันบ้างหรือเปล่าฮะเนี่ย”

          “โอ้ หวัดดีมีน พวกฉันไม่เป็นไรกันหรอก ยกเว้นไอ้บ้านี่ที่หัวแตก” อัน ที่จริง เนรู้สึกว่าตัวเองโดนอัดเข้าที่ไหล่ราวสามสี่หมัด กับตรงต้นแขนที่โดนเตะเข้าจังๆ แต่พอได้ยินฉัตรบอกแบบนั้น บวกกับเห็นเด็กหนุ่มอีกคนยังคงมีสีหน้าร่าเริง เลยไม่ยอมบอกอาการบาดเจ็บเพราะไม่อยากน้อยหน้ากว่า

          “มีน ฝากจัดการที่เหลือด้วยละกัน...แล้วนั่นก็ปาล์มกันเน ช่วยหาเสื้อผ้าให้พวกนั้นเปลี่ยนที แล้วเดี๋ยวฉันจะกลับมา” วัฒน์บอกพลางถอนใจ ท่าทางไม่อยากไปโรงพยาบาลเท่าไหร่นัก “เน อย่าก่อเรื่องล่ะ”

          ฟังแล้วฉุนทันที ทำไมต้องเน้นแค่ตูวะ

          “ครับๆ รีบๆไปได้แล้ว ก่อนที่เลือดจะไหลหมดตัวตาย” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกัดกลับไปด้วย ทำทีว่าไม่สนใจคำพูดอีกฝ่ายนัก แล้วเตะคนสลบข้างๆระบายอารมณ์

          “...เอ้อ...คุณเนสินะ” เสียงของเด็กหนุ่มทักขึ้นอย่างไม่แน่ใจ หลังจากที่วัฒน์กับฉัตรไปจากแถวนั้นแล้ว “ผมปาล์มนะ เป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่ร้านแถวฝั่ง ธ. ถ้าว่างก็แวะไปได้นะ”

          “อ้อ อืม ผมเน เป็นผู้ติดตามคุณสิทธิ์....” เนทักทายกลับอย่างไม่แน่ใจนัก แต่อีกฝ่ายดูไม่เป็นพิษภัยและแผ่รังสีเป็นมิตรจนชวนรู้สึกอึดอัด

          “งั้นหรือ มิน่าล่ะ” มิน่าอะไรวะ อย่าทิ้งให้คาใจเด่ะ “งั้นรีบจัดการงานให้เสร็จเถอะ ผมอยากพักจะแย่แล้ว เมื่อกี้โดนอัดกลับตั้งหลายที”
          พอได้ยินแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที อย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่โดนสวนกลับ


________________________

เมื่อลุงเลือดอาบ เนก็พบศัตรูหัวใจ(?) ฮา

แทนที่จะบอกว่าให้วัฒน์ประจักษ์ความเท่ น่าจะบอกว่าให้สะพรึงและคิดก่อนไฝว้สงครามน้ำลายกับเนมากกว่า  XD


อู้ย คนลงตื่นสาย *///* + มีปัญหาเรื่องเอานิยายมาลง พอดีทางนู่นเขาเปลี่ยนรูปแบบใหม่ เลยยังงงๆ ;_;
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 19 (20/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 20-05-2015 10:20:07
จิ้มๆ

เนหึงวัฒน์ล่ะสิ อิอิ
แล้วปาล์มนี่ยังไล่ะเนี่ย เดาท่าทีไม่ออกแฮะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 19 (20/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-05-2015 10:31:24
คู่นี้สมน้ำสมเนื้อดีนะ XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 19 (20/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 20-05-2015 10:37:42
ฉัตรกับวัฒน์เป็นอะไรที่ชวนจิ้นมาก ไม่แปลกถ้าเนจะคิด
ย้อนไปฉากแรกที่ฉัตรออก เรายังแอบจิ้นเลย ฮิฮิ
ไม่อยากฝอยมากเดี๋ยวเนจะเสียกำลังใจฮา แต่ไหนๆ พูดถึงแล้วขอซักหน่อย ( :laugh:)
สาเหตุการจิ้น: ด้วยความที่ฉัตรไม่เกรงกลัววัฒน์ด้วยแหละ อันนี้ข้อแรก
แถมวัฒน์ถึงจะทำเป็นรำคาญฉัตรแต่ก็ไม่เห็นอะไรมากกว่านั้น อันนี้ข้อสอง
แล้วก็บรรยากาศมุ้งมิ้งแปลกๆ เวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน อันนี้ข้อสาม
สรุป มันก็ชวนคิดจริงๆ  อ่ะ   :laugh: :laugh: เนจ๋า อย่าเพิ่งร้องไห้นะ
อยากเป็นซะมีลุงต้องอดทน วัฒน์ปืนโหด เจ็บมากมั้ย  :monkeysad:
รอตอนต่อไปค่า  :impress2: ช้าไม่ว่าแต่ขอให้มาเถอะ ติดงอมแงม
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 19 (20/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 20-05-2015 10:53:44
ไม่ต้องห่วงลุงวัฒน์หรอกเน.. ยังลุงแกติดใจในSEXของนายแล้วล่ะน่า ถึงจะยังซึนไม่ยอมบอกก็เหอะ อิอิ ไม่อยากให้วัฒน์มองหนุ่มคนใหนอีกก็จัด 108ท่าลีลาเด็ดให้ลุงแกบ่อยๆ อย่าให้เสียชื่อพ่อหนุ่มเพลย์บอย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 19 (20/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 20-05-2015 11:01:25
เกาะขอบ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 19 (20/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-05-2015 18:45:21
กลายเป็นนิยายบู๊เลือดสาดไปซะละ  :เฮ้อ:

ไม่เอาดิ เราชอบเลือดสาดบนเตียงมากกว่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 21-05-2015 08:16:07
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 20


          “เย็บหกเข็ม...ครั้งสุดท้ายที่นายบาดเจ็บขนาดนี้ก็เมื่อราวๆสามปีก่อนสินะ...”

          ฉัตรเปรยเสียงเอื่อยในขณะที่กำลังขับรถไปตามถนนที่โล่งโจ้ง

          “คงงั้น” วัฒน์ซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ รู้สึกไม่ชอบใจที่ต้องได้แผลด้วยสาเหตุไม่น่าอภิรมย์

          ทั้งๆที่บอกตัวเองตลอดแท้ๆว่าเป็นศัตรู แต่สุดท้ายก็เผลอทุกที แถมคราวนี้ถึงขนาดเข้าไปปกป้องรับแผลแทนมันอีก...

          บ้าเอ๊ย นี่ตูเป็นห่วงมันถึงขั้นพลีชีพได้เลยเรอะ

          คิดแล้วก็อยากจะกระอักเลือดตายเสียตรงนี้ให้ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องลงทุนเจ็บแทนด้วย ถึงแม้ว่าจะอยากให้มันเป็นคู่นอนด้วยมากแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าตัวเองจะเป็นเอามากขนาดนี้

          แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายมันดันทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิดเสียนี่ อย่างแผลนี่เป็นต้น...ทั้งที่จริง การที่เนบาดเจ็บระหว่างต่อสู้เป็นสิ่งที่เขาแอบหวังไว้มาตลอดแท้ๆ แถมถ้าหนักขนาดต้องส่งโรงพยาบาลได้ยิ่งดี

          แต่ในตอนนั้น....ชั่วพริบตาที่คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะมีอันเป็นไป ก็กลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          “...ไม่เป็นไรใช่ป่าว” ฉัตรถามขึ้นเมื่อรู้สึกถึงรังสีกดดันจากคนข้างตัว รู้สึกเหมือนโดนดูดพลังชีวิตยังไงชอบกล

          “เปล่า”

          แค่คิดเองก็รู้สึกอายจะแย่ แล้วเรื่องอะไรจะให้ไปบอกคนอื่นกัน

 

          เมื่อกลับมาถึง บริเวณหน้าผับซึ่งเป็นลาดจอดรถก็โล่งโจ้งสะอาดสวยงามดั่งไม่เคยเกิดเหตุนองเลือดมาก่อน พื้นหินกรวดเกลี่ยเอาไว้อย่างเรียบละเอียด รอยเลือดที่เปรอะตามกำแพงและรั้วหายเกลี้ยง คนที่พากันนอนอาบแดดก็โดนไล่กลับไปเรียบร้อย

          “โห เก็บกวาดกันเร็วชะมัด” ฉัตรเอ่ยพร้อมกับหมุนตัวมองรอบลานจอดรถ เขาออกไปโรงพยาบาลแค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น “น่าพาเด็กมีนไปอยู่ที่บ้านสักคนสองคนซะแล้วสิเนี่ย”

          วัฒน์ไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่าย เขาปล่อยให้ฉัตรพล่ามอยู่คนเดียวแล้วเดินนำเข้าไปในผับ ซึ่งเวลากลางวันด้านในจะเป็นเพียงพื้นที่โล่งๆ ส่วนโต๊ะพับจะวางเรียงไว้อยู่ข้างกำแพง

          ตรงกลางห้องมีผู้คนรุมล้อมอยู่ ซึ่งมองจากภายนอกแล้วจะเห็นเพียงแค่เหล่าสาวๆทั้งสวยทั้งถึกพากันยืนล้อมวงส่งเสียงวี้ดว้ายกันอย่างสนุกสนาน พวกเธอกำลังเข้าคิวแก้แค้นศัตรูที่บุกมาถล่มถึงถิ่น...ด้วยการประทับรอยมือให้คนละฉาดพองาม...ซึ่งกว่าจะครบคน ก็คงสาหัสพอๆกับโดนรุมกระทืบ

          “อ้าว คุณฉัตร คุณวัฒน์ มาได้จังหวะพอดีเลย” มีนหันมาทัก พร้อมกับสั่งให้เด็กๆหลีกทาง “มีนจับไอ้หัวโจกนี้มาเค้นถาม ไอ้พวกนี้มันร้ายมากเลยนะฮะ พวกมันวางแผนจะก่อกวนให้ร้านเราเปิดทำการไม่ได้ฮ่ะ...ไอ้หัวเหม่งบอสมันต้นคิดเลย แบบนี้ต้องเอาคืนฮ่ะ นี่มันหยามเกินไปแล้วนะ ฮึ ทำหน้าสวยๆของเด็กเราปูดบวมหมดเลย คิดแล้วแค้นนัก!”

          หนุ่มใหญ่ทั้งสองมองชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามซึ่งหน้าบวมฉึ่งจากการโดนตบ และนอกจากรอยแดง ยังมีสีหมึกดำวาดไว้เป็นลายเสียทั่วหน้า และยังแถมต่อไปถึงตัวเสียด้วย

          “อ๋อ อันนั้นฝีมือปาล์มกับเนเขาน่ะฮ่ะ”

          วัฒน์เลิกคิ้ว ปาล์มเขายังพอเข้าใจ เพราะมักจะชอบแกล้งศัตรูแบบนี้ประจำ แต่ไม่คิดว่าเนจะร่วมด้วย

          เจอกันไม่ทันไรก็สนิทกันแล้วเรอะ...

          คิดเสร็จก็สะดุ้งเฮือก นึกโมโหตัวเองสุดๆ

          แล้วเราจะน้อยใจมันทำไมวะ! บ้าเอ๊ย มันจะไปสนิทกับใครก็ช่างหัวมันสิวะ แถมนั่นมันศัตรู...ท่องไว้ๆ...ถึงจะเผลอไปติดใจมันแล้วก็ต้องตัดใจให้ได้โว้ย!

          “แล้วสองคนนั่นไปไหนแล้วล่ะ” ฉัตรถามพร้อมกับมองหา

          “อ้อ มีนให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะฮ่ะ...จริงๆน่าจะเสร็จแล้วนะฮะ ไม่น่าจะนานขนาดนี้...”

          “พี่มีน!”

          พูดไม่ทันขาดปาก เสียงร้องแหววดังมาจากประตูด้านในซึ่งมีป้ายแปะไว้ที่ประตูว่า ‘เฉพาะพนักงาน’ และเมื่อวัฒน์กับฉัตรหันไปเห็น ก็ต้องพากันตาโตกับภาพตรงหน้า...เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็น

          ถึงแม้ว่าใบหน้าจะแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ผมยาวถึงกลางหลัง อีกทั้งยังสวมชุดกระโปรงยาวฟูฟ่อง แต่วัฒน์จำใบหน้ากวนโอ๊ยที่ชอบแสดงสีหน้าหงุดหงิดนั่นได้ดี และยิ่งได้ยินเสียงแล้วก็ยิ่งมั่นใจ ว่าสาวร่างสูงโปร่งนั่นคือเนแน่นอน

          “พี่มีน ทำไมอยู่ๆถึงให้พวกสาวๆมาแต่งหน้าพวกเราล่ะครับ พวกผมเป็นชายแท้น้า ผมอายง่า~” ปาล์มร้องเสียงหลง รายนี้ก็โดนจับแต่งหญิงเหมือนกัน แต่ไม่ได้ใส่วิกเพราะผมค่อนข้างยาวอยู่แล้ว แต่งหน้าแต่งตัวเสียสวยเช้งจนน่าตื่นตะลึง อาจเพราะผอมและหน้าหวานด้วย เลยทำให้ดูเหมือนผู้หญิงเข้าไปใหญ่ ชนิดที่ว่าถ้าเดินสวนกันคงจำไม่ได้แน่ๆ

          “ก็แหม เจ๊ไม่มีชุดผู้ชายเลยนี่นา นี่หาไซส์ที่พวกเธอใส่ได้ก็โชคดีแล้วนะ เจ๊เห็นว่าไหนๆก็ใส่แล้ว เลยให้พวกเด็กๆไปช่วยแต่งหน้าแต่งตัวให้ด้วยเลยไงจ๊ะ พวกเธอคงเก่งแต่ถอด คงใส่เองไม่เป็นหรอก...ใช่ไหมล่ะ”

          “นั่นมันก็ใช่อยู่หรอกครับ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน ก่อนที่เนจะเริ่มสาธยาย อับอายจนอยากจะมุดดินหนีเสียเดี๋ยวนี้เลย “แต่ถ้าเกิดมีใครเห็นเข้า เขาไม่เข้าใจผิดคิดว่าพวกผมเป็นกะเทยหรือไง”

          “แหม ถือว่าแก้ขัดไปก่อนไง อีกอย่าง เจ๊ว่าเดินออกไปรับรองไม่มีใครรู้หรอกน่า...สวยแซงผู้หญิงกันได้เลยนะเนี่ยพวกเธอ”

ทั้งสองไม่แน่ใจว่าจะน้อมรับคำชมนั่นดีหรือเปล่า

          แต่พวกเขาก็มั่นใจว่า ไม่ต้องการคำชมนั่น เมื่อเห็นหน้าฉัตรกับวัฒน์

          “ฮะๆ...ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ย นี่แกหรอกเหรอเนี่ย ปาล์ม...อุ๊บ ฮ่าๆๆๆๆ” หนุ่มใหญ่หน้าบากปล่อยก๊ากออกมาเสียงดังลั่นห้องอย่างไม่อายใคร “ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้เปล่าเนี่ย...ฮ่าๆๆ”

          “ไม่เอานะพ่อ ผมอายนะ” ได้ยินสรรพนามที่ปาล์มเรียกฉัตร เนถึงกับหันไปมองขวับ...สองคนนี้อาจจะนิสัยคล้ายกันก็จริง แต่ก็แค่เรื่องนั้น เลยไม่คิดว่าจะเป็นพ่อลูกกัน “ถ้าทำจริง ผมจะฟ้องแม่เรื่องที่พ่อเที่ยวจีบผู้หญิงคนอื่นไปทั่วจริงๆนะ”

          เจอลูกขู่ถึงแม่ พ่อก็หน้าซีดเลยทีเดียว “อะจ้า พ่อล้อเล่นน่า...ก็แหม ใช่ว่าจะได้เห็นแกแต่งตัวแบบนี้บ่อยๆที่ไหน จริงมั้ยวะวัฒน์...วัฒน์”

          เจ้าของชื่อก้มหน้างุดไม่ยอมตอบ ทีแรกเนเข้าใจว่าวัฒน์คงเอือมระอากับภาพที่เห็น แต่ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด

          เพราะรายนี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะใส่ให้อีกคน แถมดังกว่าอีก

          “อุ๊บ...ฮะ...ฮ่าๆๆๆๆ” วัฒน์กลั้นหัวเราะไม่ไหว เลยต้องปล่อยออกมาชุดใหญ่จนน้ำตาไหล “ฮ่าๆๆ นี่นาย...อย่างนาย....ฮ่าๆๆ”

          ทั้งๆที่เนน่าจะรู้สึกโมโหที่โดนหัวเราะเยาะแท้ๆ แต่เขากลับโล่งใจและดีใจมากกว่าเมื่อเห็นวัฒน์หัวเราะโดยไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวใดๆเจอปน

          แถมเขายังเผลอมองอีกฝ่ายตาค้างอีกต่างหาก

          “ฮ่าๆ...ถ้าคุณสิทธิ์มาเห็น....รับรอง...ต้องจำนายไม่ได้แน่...ฮะๆๆ” วัฒน์ยังคงไม่หยุดขำ แต่พอรู้สึกถึงสายตาประหลาดใจของคนรอบตัว เขาก็เงียบลงและกลับมามีสีหน้าเหมือนคนอารมณ์เสียทันที “...อะไรของพวกนาย ไม่เคยเห็นคนหัวเราะหรือไง”

          “...ก็แค่ไม่เคยเห็นนายหัวเราะเปิดเผยซะขนาดนี้น่ะ” ฉัตรยอมเป็นหน่วยกล้าตายบอกแทนทุกคน เผยยิ้มเจื่อนเหมือนกลัวเจอวัฒน์ต่อว่า

          ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

          “ฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว พวกนายก็แค่ไม่ค่อยได้เห็นต่างหาก” ทุกคนล้วนคิดค้านในใจขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันทันทีว่า ‘ไม่ใช่ไม่ค่อยแต่ไม่เคยเลยต่างหาก’ “ช่างเรื่องไร้สาระนั่นก่อน ฉันมีธุระต้องคุยกับไอ้หมอนั่นหน่อย”

          วัฒน์เข้าไปหาหัวโจกผู้น่าสงสาร เขาพยายามดิ้นหนีจากเชือกหนาที่มัดเขาไว้กับเก้าอี้อย่างสุดกำลัง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะต่อให้หลุดจากเชือกนั่นได้จริงๆ ก็ยังมีคนเป็นฝูงรอกระทืบเขาให้สลบแล้วจับมัดกลับไปอยู่ที่เดิมอยู่แล้ว

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วมองด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่แผ่รังสีกดดันสุดๆออกมาฟุ้งเสียจนพวกเดียวกันยังรู้สึกอึดอัด แน่นอนว่าหัวโจกนั่นก็โดนแรงกดดันเล่นงานเสียจนสติแตกไปเรียบร้อย

          “อย่าทำอะไรผมเลย ผมกลัวแล้ว ผม...ผมบอกพวกคุณไปหมดแล้ว...โปรดไว้ชีวิตผมด้วยเถอะครับ” ชายคนนั้นร้องขอละล่ำละลัก ก้มหัวให้หงึกๆแสดงความจำยอม...หรือจริงๆแล้วอาจจะกลัวจนสั่นไปทั้งตัวมากกว่า

          และถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะหน้าบวมฉึ่งเพราะโดนตบมาหลายมือ อีกทั้งได้ลวดลายแสนสวยด้วยปากกามาร์คเกอร์ชนิดล้างน้ำไม่ออก เขาก็ไม่คิดปรานีศัตรูแม้แต่น้อย วัฒน์จิกหัวขึ้นมาอย่างแรง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังอื้ออึงปานคนจะขาดใจตาย ทั้งที่ดูน่าสงสารและสังเวชขนาดนั้น วัฒน์ก็ไม่คิดจะเบามือให้เลยสักนิด กลับจะยิ่งลงมือหนักกว่าเดิมอีก

          “ฝากไปบอกหัวหน้าแกด้วย ว่าเตรียมล้างคอรอดาบไว้ได้เลย รับรองว่ามันไม่จบแค่นี้แน่” หนุ่มใหญ่กระแทกเสียงใส่ แล้วสะบัดหัวอีกฝ่ายออกไป ท่าทางจะชำนาญเรื่องการข่มขู่เชลย คล่องแคล่วรู้งานไม่มีชะงัก แถมยังทำได้ดีเสียจนคนดูพากันหวาดหวั่นไปด้วย

          “คะ...ครับๆๆ” คนโดนมัดผงกหัวปะหลกๆ ท่าทางดีใจเหลือเกินที่สามารถออกจากที่นี่ทั้งๆที่ยังมีชีวิตได้

          “เดี๋ยวก่อนนะ”

          ก่อนที่วัฒน์จะสั่งให้ปล่อยตัว สาวน้อย(?)ปาล์มก็ร้องขัดขึ้น พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูน่ารักและน่าขนลุกพร้อมๆกัน...ที่ขนลุกนี่ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะรอยยิ้มเย็นเยือกนั่น หรือเพราะที่เด็กหนุ่มแต่งหญิงได้ขึ้นสุดๆกันแน่

          “ถ้าออกไปสภาพนี้ นายคงอายน่าดูเลยใช้ม้า” ขึ้นต้นมา วัฒน์ก็ออกอาการหน่ายทันที ส่วนฉัตรเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มมุมปากเหมือนรู้ทันว่าลูกชายแสนน่ารักกำลังคิดอะไรอยู่ “พี่มีนมีชุดกับเครื่องสำอางที่ไม่ใช้แล้วหรือเปล่า ช่วยสงเคราะห์ให้หมอนี่หน่อยสิครับ”

          ไม่ยอมอายคนเดียวสินะ

          มีนยิ้มเหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุก เธอรีบสั่งให้เด็กสาวใต้สังกัดจัดเตรียมอุปกรณ์มาให้ทันที “แหม งั้นเดี๋ยวเจ๊จัดเต็มเลยจ๊ะ”

          “เน เอาด้วยเปล่า” ปาล์มเอ่ยชวน สีหน้าเหมือนตัวร้ายเต็มพิกัด “แค่เมจิกคงไม่พอหรอก ใช่ไหม”

          เจ้าของชื่อหันมอง ออกอาการสนใจจนคนถามไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบเลย

          “อย่าดีกว่า” แต่วัฒน์กลับปฏิเสธเสียอย่างนั้น “ฉันต้องรีบกลับไปรายงานคุณสิทธิ์”

          เจอเหตุผลที่หนุ่มใหญ่อ้างมา เด็กหนุ่มก็ได้แต่สงบปากด้วยความขุ่นเคือง

          “งั้นหรอกเหรอ ช่วยไม่ได้แฮะ” ปาล์มเอ่ยอย่างเสียดาย ก่อนจะโบกมือให้ “งั้นเจอกันนะ”

          “อ๊ะ อืม แล้วเจอกัน” เนตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก ไม่คุ้นกับการเอ่ยลาแบบหวังพบหน้ากันอีกกับผู้ชายด้วยกันนัก จากนั้นก็ยกกระโปรงขึ้นเดินตามวัฒน์ที่ออกไปนอกร้านแล้ว

          วัฒน์ยังคงรอเขาอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นเนเดินกะเผลกออกมา เขาก็จ้องกลับตาไม่กะพริบ จนเด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดอับอาย อยากตายขึ้นมาตงิดๆ

          “มองอะไร” เนทำทีเป็นโกรธเพื่อปิดบังความอาย เขารู้สึกร้อนวูบทั่วทั้งหน้า เหมือนอยากจะเป็นลมเสียให้ได้

          วัฒน์ยังคงมองโดยไม่พูดอะไรอยู่หลายนาที จนเนนึกหวั่น...จากนั้นก็รู้สึกอายทันทีที่อีกฝ่ายกลั้นหัวเราะไม่ไหว และถึงวัฒน์จะพยายามบีบเสียงให้เบายังไง เนก็ยังได้ยินอยู่ดี

          “ก่อนกลับ แวะร้านขายเสื้อก่อนได้ไหม ผมไม่อยากกลับบ้านไปทั้งอย่างนี้” เด็กหนุ่มจำใจขอร้องอย่างไร้ทางเลือก เขายอมก้มหัวให้วัฒน์ดีกว่าที่จะให้สิทธิ์กับคนในบ้านเห็นเขาในชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่องแสนสวยนี่

          หลังจากควบคุมอารมณ์ได้แล้ว วัฒน์ก็ตอบกลับอย่างง่ายดาย “ก็ได้”

          ที่จริงก็อยากแกล้งให้สมกับที่เป็นศัตรูกันอยู่หรอก แต่เล่นยืนตัวสั่นระริกแล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ซะขนาดนั้นเลยใจร้ายไม่ลง อย่างน้อยก็คงยอมให้เรื่องนี้สักเรื่อง

          “เอ่อ อีกเรื่อง” เนรั้งขึ้นอีกครั้ง ออกอาการอึกอักเหมือนไม่อยากพูดเท่าไหร่นัก “ตอนที่สู้กันน่ะ....ขอบคุณที่ช่วยนะครับ...”

          ถ้าปาล์มไม่บอก เขาก็คงไม่มีทางรู้หรอก ว่าจริงๆแล้วตอนที่ตะลุมบอนกัน วัฒน์คอยใช้ปืนอัดลมยิงใส่พวกที่หวังจะจ้องทำร้ายพวกเขาจากด้านหลังตลอด ไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆอย่างที่เห็น

          ก็ว่า ทำไมพวกที่ลอบกัดมันถึงได้ร้องโอ๊ยอ๊าวให้รู้ตัวทุกที...

          วัฒน์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาเรียวมองใบหน้าแดงที่แสดงอาการขัดเคืองด้วยความอับจนหนทาง ท่าทางเนใช้ความพยายามอย่างมากในการรวบรวมความกล้าและกำลังใจที่จะเอ่ยคำขอบคุณ...แล้วยิ่งตอนนี้ต้องสวมเสื้อผ้าน่าอายเช่นนี้ด้วยแล้ว คงใช้เยอะชนิดที่ว่ารีดความกล้าออกมาจนหมดหลอดเลยทีเดียว

          เขาเผลอยิ้มออกมา นึกเอ็นดูเจ้าเด็กปากมอมจอมอวดดีทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร

          “ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่” หนุ่มใหญ่บอกเสียงเรียบ จากนั้นก็เดินนำออกไป “รีบเถอะ ถ้าไม่อยากให้ใครมาเห็นนายในสภาพนั้นมากกว่านี้”

          เนได้แต่ยืนหน้ามุ่ย ก่อนจะยอมตามไปอย่างเสียมิได้

__________________________________
แกล้งเนแพ้บ ฮาๆ

ต้องมีบทบู๊บ้างอะไรบ้าง เพราะจริงๆเรื่องหลักมันอยู่ตรงคนที่คิดร้ายกับสิทธิ์ (ซึ่งเป็นเหตุให้สองคนนี้มาทำงานด้วยกัน) ล่ะนะงับ XD

เลือดสาดบนเตียงมากไม่ดี เดี๋ยวคนอ่านเสียเลือดมากไป ฮา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 21-05-2015 08:28:51
ไม่เป็นไรไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ถ่ายเลือดตัวเองเตรียมพร้อมสำรองไว้แล้ว
กร๊ากกกกกกก  :hao7: :hao6:
เนแต่งหญิงล่ะ เนแต่งหญิงงงงงง ฮาาาา คนแต่งมีภาพปลากรอบไหมคะ?
อยากเห็นเชียว จี้มากๆ  :jul3: แค่อ่านตามคำบรรยายเราก็ขำกร๊ากแล้ว
กระโปรงสีขาวฟูฟ่องซะด้วย  :jul3:
วัฒน์บทนี้พระเอกๆ แม้จะยืน (ยิงปืน) นิ่งๆ เฮียแกก็เท่ได้
อร๊ายยย ซบอกอาวัฒน์แพร้บบบ //เขี่ยเนออก  :hao7:
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 21-05-2015 08:53:52
 :m20: แกล้งเด็กลุงเดะเจอลุงเป่าสมองนะจ๊ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-05-2015 09:27:54
วัฒน์มีแอบน้อยใจเล็กน้อยด้วยนะ คึๆๆ -..- เนซวยอ่ะ โดนไรต์แกล้ง 555+
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 21-05-2015 11:00:41
อ่านตอนนี้นึกถึงคำๆนึงที่เคยที่คนโพสไว้ในเว็ปมังงะดุ้นเลย "ใช่ว่าสาวดุ้นจะต้องเป็นฝ่ายรับทุกคน" ในที่นี้คือใช่ว่าหนุ่มหน้าหวานจะต้องเป็นฝ่ายรับซะทุกคนเหมือนกัน มีแรงต่อยตีขนาดนี้นี่เองถึงจับกดลุงแกได้หลายยกเหลือเกิณ(เกี่ยวไรด้วย)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 21-05-2015 17:25:21
อ๊ายยยย เค้าขอโต๊ดดดด ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งหลายตอนอ่ะตัวเอง ไม่งอนเค้าน้าาาา :ling1: เด็กลุงแต่งเป็นสาวดุ้นไปแล้ว ลุงเอามั่งสิ โชว์ sexy body ให้เนเขาหื่นหน่อย แอร้ยยย  :hao6: เป็นกำลังใจให้เสมอน้าคนแต่ง จุ๊บๆ  :katai3: ขอบคุณคนเอามาลงจ้า มากอดหนึ่งที  :man1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-05-2015 19:43:40
ถูกใจมากขึ้นทุกทีล่ะสิอาวัฒน์
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 21-05-2015 19:45:30
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 20 (21/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-05-2015 21:22:10
นั้นงะ มีแอบแกล้งพระเอก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 22-05-2015 08:05:47
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 21


          “ไอ้เหม่งนั่น มันกล้าถึงขนาดนั้นเลยหรือ”

          หลังจากฟังรายงานจากวัฒน์ยังไม่ทันจบ สิทธิ์ก็ลุกขึ้นตบโต๊ะผาง เสียงของชายหนุ่มลั่นห้องทำงานจนได้ยินถึงในครัว สีหน้าเหี้ยมเหมือนพร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

          “ครับ” วัฒน์ตอบเสียงนิ่ง แล้วพูดขึ้นต่ออย่างเคร่งเครียด “ผมว่าเราอย่ามัวแต่รออยู่เลยครับ จัดการให้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่อย่างนั้นพวกมันคงเล่นงานเราหนักกว่านี้แน่”

          ได้ยินอย่างนั้นแล้ว แทนที่สิทธิ์จะตกลงทันที เขากลับแสดงอาการลังเลแล้วมองมาทางวัฒน์ แต่ยังไม่ทันอ้าปาก คนสูงวัยก็สวนกลับเหมือนรู้ดี

          “ถ้าเพิ่มเนมาช่วยด้วยอีกคน รับรองว่าพวกเราจัดการมันได้แน่ครับ อีกอย่าง ตอนนี้คนของเราก็พร้อมหลายคนแล้วด้วย รับรองว่าไม่ต้องให้คุณสิทธิ์เป็นห่วงใครซักคนเดียวแน่”

          พูดรัวและเร็วเสียจนเนที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างถึงกับเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าคนที่มีดีแค่เรื่องยิงปืนแม่นและคิดทรยศสิทธิ์อย่างวัฒน์จะอยากแก้แค้นให้พวกพ้องและเจ้านายมากถึงขนาดเอ่ยขอเอาเป็นเอาตาย ดูแล้วเหมือนแกว่งเท้าหาเสี้ยนโดยใช้เหตุชัดๆ

          แปลก...เวลาคนจะหักหลังใคร เขาลงทุนยอมเสี่ยงกันขนาดนี้เลยหรือ

          “...ถ้าอาวัฒน์พูดถึงขนาดนี้...ก็ได้ครับ” สิทธิ์ยิ้มหน้าเจื่อน ตอบอย่างอ่อนใจ “อ๊ะ แต่ผมไปด้วยนะ”

          “ไม่ได้ครับ!”

          ร้องพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และยังหันไปมองหน้าพร้อมกันด้วย

          “ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า อาวัฒน์น่าห่วงกว่าเยอะ” เจ้านายเอ่ยเสียงอู้อี้ รู้สึกเอือมกับความเป็นห่วงเกินพอดีของลูกน้องทั้งสอง เขายิ้มพรายออกมาพร้อมด้วยสายตาเย็นชา ชวนให้รู้สึกถึงความชั่วร้ายที่แฝงลึกอยู่ในใจ “มันเล่นงานจนแสบขนาดนี้ ถ้าผมไม่ออกโรงเอง คงไม่หายหงุดหงิดหรอก”
         
          “แต่มันเสี่ยงเกินไปนะครับ เรื่องแบบนี้อย่าให้ต้องถึงมือคุณสิทธิ์เลยครับ ” เนบอก ออกอาการกังวลจนวัฒน์รู้สึกแปลกใจ ด้วยเหตุผลเดียวกับที่เนแปลกใจวัฒน์ในทีแรก

          “ผมเห็นด้วยกับเน” ถึงจะไม่ชอบใจ แต่เนก็พูดในสิ่งที่เขาคิดอยู่ เลยไม่รู้จะค้านทำไม “ฝั่งโน้นเองยังไม่คิดจะโผล่หัวออกมา คุณก็ไม่ควรจะลดตัวไปปะทะกับพวกมันเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น มันจะได้ไม่คุ้มเสียเอานะครับ....ไว้ถ้ามันออกโรงเอง ถึงตอนนั้นผมจะไม่ห้าม ตกลงไหมล่ะครับ”

          วัฒน์รู้ดีว่าถ้าเขาไม่ต่อประโยคท้าย สิทธิ์ต้องไม่ยอมทันทีแน่ ก็เล่นทำท่าตะพัดตะพือจะลุยให้ได้ซะโจ่งแจ้งขนาดนี้ เผลอๆ ต่อให้เขาชักแม่น้ำทุกสายในโลก สิทธิ์ก็คงดึงดันจะทำให้ได้แน่ๆ

          “ไม่เอาหรอก”

          ...เอาเถอะ อย่างน้อยก็ใช้เวลาคิดตั้งห้าวินาที...

          “ถ้าอาวัฒน์ห่วงขนาดนั้น ผมจะให้อากับเนอยู่คุ้มกันผมสองคนก็ได้ เอาตามนี้ละกัน” สิทธิ์สรุปเอาเองหน้าตาเฉย

          จริงๆวัฒน์ก็เห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีอยู่ ฝีมือเนก็พอเข้าขั้น ติดตรงเขาไม่ไว้ใจให้คนที่(คิดว่า)เป็นศัตรูมาระวังหลังเจ้านายเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าเอาเข้าจริง สิทธิ์เป็นคนเก่งถึงขนาดไม่ต้องพึ่งเขาทั้งสองก็ยังได้ แต่นโยบายของวัฒน์คือ แม้แต่ไรสักตัวก็ห้ามแตะต้องสิทธิ์เป็นอันขาด อย่างน้อย กันไว้ดีกว่าแก้อยู่แล้ว

          “ก็ได้ครับ” ส่งรังสีไม่ยอมขนาดนั้น กล่อมอะไรก็คงไม่ฟังแล้วล่ะ

          แต่เนยังไม่ยอมแพ้ แถมยังหันมาทำหน้าเป็นเชิงตำหนิวัฒน์ที่ยอมให้ด้วย

          “ผมว่าคิดดูให้ดีๆ เถอะ ถ้าคุณลงมือเอง เท่ากับเข้าทางมันสิครับ” เด็กหนุ่มเริ่มชักแม่น้ำแทนคนสูงวัย “ถึงผมจะไม่รู้จักศัตรูก็เถอะ แต่ผมก็มั่นใจว่าจุดประสงค์ของพวกมันคือคุณแน่”

          สิทธิ์มองหน้าเนนิ่ง ท่าทางเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะยิ้มอย่างเอ็นดู เอ่ยคำที่เนได้แต่อึ้ง

          “ฉันรู้ว่านายอยากลุยเต็มแก่ เพราะงั้นฉันจะพยายามไม่เป็นภาระก็แล้วกัน”

          ไม่ช่ายยย

          “ที่สำคัญคือ” ผู้เป็นนายขัดก่อนจะโดนเถียง รอยยิ้มบางเผยขึ้นมาชวนให้รู้สึกขนลุก “ฉันเตรียมแผนให้มันชนิดที่ว่า มันไม่กล้าโผล่มารังควานพวกเราเป็นครั้งที่สองแล้วไง”

          ไม่รู้เพราะหาคำค้านไม่ได้ หรือเพราะเสียงหัวเราะของสิทธิ์ฟังดูน่ากลัว ลูกน้องทั้งสองถึงไม่กล้าขัดต่ออีก

 

          “คุณปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ไง คุณเป็นผู้ติดตามคุณสิทธิ์ไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ห้ามไว้ให้ได้ล่ะ”

          พอเข้าห้องนอนถึงเนก็โพล่งออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ และแน่นอนว่าวัฒน์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างกันนักเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มต่อว่า

          “แล้วรุ่นน้องอย่างนาย ทำไมถึงห้ามไว้ไม่ได้ล่ะ” เจอลุงย้อนมุกนี้เข้า เนถึงกับผงะ “ลองว่าถ้าคุณสิทธิ์ตัดสินใจแล้ว ห้ามยังไงก็ไม่ฟังหรอก ปลงได้เลย” เขาชะงักเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนจะสาธยายต่อ “ตอนอยู่มัธยมก็ไปมีเรื่องตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง บอกว่ามีรุ่นน้องแสนดีช่วยด้วย ไม่เป็นไรแน่นอน”

          ไม่ต้องบอกก็รู้ ประโยคหลังนี่จงใจหาเรื่องชัดเจน ก็เขานี่ไง รุ่นน้องแสนดีที่ว่านั่น

          “แล้วพรุ่งนี้จะเอาไง” เมื่อหมดทางโต้ เลยเปลี่ยนเรื่องอย่างเสียมิได้แทน เมื่อครู่พอฉุดสิทธิ์ไม่อยู่ก็เลยไม่มีอารมณ์ฟังรายละเอียดเท่าไหร่

          สีหน้าหนุ่มใหญ่ดูประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะมุ่นคิ้วใส่ “งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ บางทีอาจบาดเจ็บปางตายได้”

          เนรู้สึกเหมือนโดนตบ ถึงรอบนี้วัฒน์จะไม่ได้พูดตรงๆ แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองเผลอเลินเล่อหน้าที่สำคัญอย่างไม่สมควร

          “ผมรู้น่า” เด็กหนุ่มขึ้นเสียงกลบความผิด ทำสีหน้าจริงจัง “แล้วตกลงพรุ่งนี้เอาไง”

          “...ไปรวมพลเช็คคนที่จะมาตอนเก้าโมง” หลังจากเงียบมองอยู่พักใหญ่วัฒน์ก็พูดขึ้น “ที่บ้านฉัตร”

          ทันทีที่ได้ยินชื่อ เนเผลอกัดฟันกรอด

          “บ้านหมอนั่นกว้างดี แล้วก็มีอุปกรณ์ครบมือ แถมทุกคนก็รู้จักบ้านนั่น” หนุ่มใหญ่อธิบายต่อด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงออกอาการหงุดหงิด “เป็นอะไร”
         
          “เปล่า”

          จะให้บอกหรือ ว่ารู้สึกไม่พอใจที่ต้องเป็นฉัตร...ภาพที่วัฒน์เลือกไปกับฉัตรแทนเขายังติดตาไม่หายเลย...

          แล้วทำไมเราถึงต้องไม่พอใจมากๆกับไอ้แค่ตาลุงนั่นไปโรงพยาบาลด้วยกันด้วยเนี่ย!

          เนรีบชิ่งเข้าห้องน้ำหวังจบบทสนทนา ปล่อยให้วัฒน์ได้แต่งงอยู่เช่นนั้น

 

          เป็นครั้งแรกที่เนรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่บ้านนอกคอกนาแล้วเพิ่งเข้ามาในกรุงก็มิปาน สาเหตุก็เป็นเพราะเหล่าชายฉกรรจ์มากหน้าหลายตาที่อยู่กันเต็มบ้านของฉัตรล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าเลยสักคน ทั้งที่เขาเองก็ทำงานกับสิทธิ์มาตั้งห้าปี แต่กลับมีแค่ปาล์มเท่านั้นที่เขารู้จัก แถมเพิ่งรู้จักเมื่อวานนี้เองด้วย

          “งายเน” เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวเอ่ยทักเสียงใส ปาล์มลุกจากโซฟาหนังสีดำเข้ามาต้อนรับอย่างดิบดีจนเนรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะไม่คุ้นชิน “แล้วอาวัฒน์ล่ะ ไม่ได้มาด้วยหรือ”

          “ไปจอดรถอยู่ เดี๋ยวตามมาน่ะ” เด็กหนุ่มตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ห้องรับแขกนี่กว้างก็จริง แต่พอเจอคนอยู่อัดกันเกือบยี่สิบเลยดูแคบถนัดตา “...คนที่นี่ใครกันน่ะ”

          คนแปลกใจกลับเป็นปาล์มแทน “นายไม่รู้จักสักคนเลยหรือ เจ้าพวกนี้เป็นพวกที่ทำงานอยู่ตามร้านของคุณสิทธิ์ทั้งนั้นล่ะ”

          ยิ่งมองเขาก็ยิ่งไม่คุ้นสักคน...ส่วนใหญ่ดูจะมีแต่พวกยังหนุ่มทั้งนั้น ที่ดูมีอายุหน่อยก็แค่สองคนที่นั่งคุยกันอยู่ที่โซฟาเท่านั้น

          “อ๊ะ” ทันทีที่เห็นคนรู้จักก็เอ่ยร้องขึ้น “ต่อ?”

          “อ้าว...เน”

          ชายที่นั่งอยู่มุมห้องทักเสียงเบาหวิว ทีแรกเนเกือบมองไม่เห็นแล้ว แต่สะดุดตาเพราะรู้สึกว่าพื้นที่แถวนั้นดูซีดจางผิดปกติ ไม่รู้เป็นเพราะชอบทำตัวล่องลอยและเป็นคนไม่ค่อยพูดหรือเปล่า การมีตัวตนของชายคนนี้ถึงได้เบาบางจนถ้าไม่สังเกตให้ดีก็คงมองไม่เห็น

          “นาย...มาร่วมด้วยหรือ” เนถามทั้งๆที่รู้คำตอบ แต่เพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่าต่อทำงานให้สิทธิ์ด้วยต่างหาก ต่อมักจะมาที่ร้านในฐานะลูกค้าตลอด เนถึงได้ออกอาการตกใจจนเกือบพูดไม่ออก

          “อ้อ...จริงสิ...ฉันยังไม่เคยบอกนายว่าฉันทำงานร้านเดียวกับปาล์มนี่นะ...เป็นบาร์เทนเดอร์เหมือนกัน...” เสียงทุ้มนิ่มนวลและเนิบนาบเอ่ยขึ้นอย่างคนรู้สึกผิด “งั้นเพื่อเป็นการชดเชยต่อสิ่งที่ฉันทำลงไป ฉันจะ...”
         
          “หยุดนะ!”

          ไม่ใช่แค่เนกับปาล์ม แต่ทุกคนในห้องต่างพากันร้องเสียงหลงห้ามปานจะขาดใจทันที ทั้งที่ปกติต่อมักจะทำตัวเลือนรางแถมยังพูดเสียงค่อยแท้ๆ

          “ผี ไม่มีจริง ไม่ใช่ของที่จะให้กับใครต่อใครได้ และก็ไม่มีใครอยากได้ไว้ในครอบครองด้วย” ชายคนที่นั่งอยู่ใกล้ประตูบ้านมากที่สุดเอ่ยเสียงเข้ม “เลิกพูดเรื่องไร้สาระซักที”

          ปากบอกแบบนั้น แต่สีหน้าซีดเซียวกับขาที่สั่นกึกๆไม่ช่วยให้คำพูดดูมีน้ำหนักสักนิด

          ต่อเพียงแต่หงอยลงก่อนจะหันมาหาเน “ขอโทษนะ...ฉันนี่แย่จริงๆ...ที่ทำให้นายลำบากใจ...”

          “เอ้อ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ฉันไม่ถือ” เนรีบบอกละล่ำละลัก พยายามเปลี่ยนเรื่อง “จะว่าไป คนของเรามีเท่านี้งั้นหรือ”

          “ยังขาดอยู่สองคนมั้ง” ปาล์มตอบพลางมองไปรอบๆ แอบดีใจที่ไม่ต้องคุยเรื่องผีสางแล้ว “เสียดายชะมัด ถ้าคุณที่หนึ่งกับที่สองอยู่ พวกเราก็คงสบายกว่านี้ ไม่น่าบาดเจ็บหนักขนาดนั้นเลย”

          อะไรฟะ ที่หนึ่งที่สองน่ะ

          “จริงสิ...ที่เนทำงานมันอยู่นอกพื้นที่ เลยไม่รู้สินะ....” ชายเสียงเบาเอ่ย “แต่ถึงนายจะไม่รู้...แต่นายก็ได้ที่เจ็ดเชียวนะ...”

          แล้วมันอะไรเล่า ไอ้ลำดับนั่นน่ะ ช่วยอธิบายทีจะได้มั้ย

          ก่อนที่จะได้สืบถามหาความ ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เดินเข้ามาเสียก่อน พร้อมกับตาลุงที่ชอบทำหน้าบูดเหมือนพร้อมจะด่าคนได้ตลอดเวลา เห็นทีไรอดสงสัยไม่ได้สักทีว่าไปกินรังแตนมาแต่ใด

          แต่เนเองก็อารมณ์เสียพอๆกับหน้าตาวัฒน์ เหตุผลก็มีแค่หนึ่งเดียว

          ทำไมต้องมาพร้อมกับฉัตร

          ทีแรกเห็นบอกว่าที่จอดรถไกลเลยทิ้งให้มาก่อน เขาเลยไม่ทันฉุกคิด ว่าจะต้องมาเห็นภาพตรงหน้า...ซึ่งอันที่จริงดูแล้วก็ไม่มีอะไรนักหรอก ตัวเนเองยังรู้ดีว่าสิ่งที่น่าคิดคือเรื่องที่ฉัตรอาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยมากกว่า

          แต่ความคิดที่ว่าสองคนนี่เดินมาอย่างสนิทสนมจนน่าหมั่นไส้กลับแวบขึ้นมาก่อนเสียได้

          ซึ่งดูเป็นเช่นนั้นจริงๆนั่นล่ะ ถึงวัฒน์จะไม่ใส่ใจ มือหนาที่เกาะบนไหล่บางนั่นชวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดเป็นยิ่งนัก ถ้าทำได้เขาอยากจะเข้าไปปัดออกเหมือนปัดยุงร้ายเหลือเกิน

          ตาลุงนั่น ปล่อยให้คนอื่นเที่ยวจับตามใจชอบแบบนั้นได้ไง

          กว่าจะรู้สึกตัวว่าเผลอคิดเรื่องไม่น่าคิดก็ปาเข้าไปสี่วินาที

          ทันทีที่ทั้งสองเข้ามา ห้องที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวจนถึงเมื่อครู่เงียบกริบลงราวป่าช้าก็มิปาน แถมยังมานั่งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอย่างกับโดนครูเรียกเข้าแถวก็มิปาน เนเองก็โดนปาล์มกับต่อลากเข้าแถวไปกับเขาด้วยอย่างงงๆ

          ในขณะที่ฉัตรยิ้มหน้าเจื่อนกับภาพตรงหน้า วัฒน์กลับเห็นเป็นเรื่องปกติ เหตุผลที่เขามุ่นคิ้วเพราะเนดันไปเข้าแถวอย่างง่ายดายต่างหาก แต่คนอื่นต่างพากันคิดไปไกลเสียแล้วว่าวัฒน์ไม่พอใจที่พวกเขาจัดแถวที่นั่งชักช้า

          เผลอไม่ทันไร ก็สนิทกับคนอื่นแล้วหรือ

          วัฒน์พยายามปัดเรื่องกวนใจไร้สาระต่องานออก เขามองจำนวนคนเหมือนกำลังนับ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ตนคิดว่าเป็นปกติ แต่คนฟังกลับหวั่นเกรงกันถ้วนหน้า “อ๊อดกับโรจน์โทรมาบอกว่าจะมาสายนิดหน่อย เพราะงั้นคงเริ่มอธิบายแผนช้ากว่าเวลาที่กำหนด ที่บอกได้ตอนนี้คือ งานนี้เป็นระดับเอ ระวังไว้ด้วย ตอนนี้ทำตัวตามสบายไปก่อน ส่วนก้อง ดิเรก พวกนายมากับฉัน”

          แม้จะเอ่ยให้พักได้ แต่ก็ไม่มียอมขยับจนกระทั่งวัฒน์เดินหายเข้าไปอีกห้องกับฉัตร และคนที่โดนเรียกชื่อ ถึงกับผ่อนคลายออกนอกหน้าเหมือนก่อนหน้านั้นโดนบังคับให้ทำเสียอย่างนั้น

          “หมายถึง ถล่มให้ราบ แต่พยายามอย่าให้ถึงตายกันก็พอน่ะ” เมื่อเห็นเนทำหน้าสงสัยมากเข้า ปาล์มก็กระซิบบอก “นายไม่เคยยกพลถล่มล่ะสิ”

          อย่างมากก็แค่ระวังภัยแถวซ่องเท่านั้นล่ะ ไม่เคยหรอก ไอ้ยกพวกถล่มกลุ่มอื่นน่ะ

          “พยายามงั้นหรือ” เนทวนอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก “หมายความว่า ถ้าถึงตายก็ไม่เป็นไรหรือไงน่ะ”

          ปาล์มเพียงแต่ยิ้ม

          “เมื่อกี้นายสงสัยเรื่องอันดับสินะ” จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องเฉยเหมือนไม่ได้ยินคำถามเสียอย่างนั้น “มันเป็นอันดับคนที่สู้เก่งไง แต่อันที่บอกนับอายุสามสิบลงมานะ เพราะถ้าเอาพวกคุณลุงด้วยมีหวังลำดับต้นๆคงโดนแย่งหมดน่ะ”

          เนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะฉุนขึ้นมา

          ตัดพวกตาลุงไป ตูยังได้แค่ที่เจ็ดเองเรอะ ใครมันเป็นคนจัดกันวะ ตาต่ำมาก

          “พวกนายท่าทางกลัวคุณวัฒน์นะ” เนื่องจากไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อครู่ เลยเริ่มทำการสืบสวนเพื่อนร่วมงานต่อ “ขนาดเมื่อกี้เขาไม่ได้สั่ง พากันนั่งเรียงเรียบร้อยอย่างกับกลัวโดนลงโทษ”

          “เขาเรียกว่าน่าเกรงขามต่างหาก” ปาล์มหัวเราะ “อาวัฒน์เขาก็แค่จริงจังไปหน่อย ใครต่อใครก็เลยกลัวก็เท่านั้น”

          “ไม่จริงหรอก....” ต่อค้านเสียงนิ่ม ทำสีหน้าหม่นหมองเหมือนวิญญาณจนทั้งคู่สะดุ้ง “คนๆนั้นน่ากลัวจะตาย...ขนาดวิญญาณยังไม่กล้ากล้ำกรายเลย”

          เนอยากจะค้าน เพียงแต่กรามค้างแข็งจนพูดไม่ออก

          “อะไรกัน ถ้ารู้จักจริงๆ อาวัฒน์ไม่ใช่คนน่ากลัวสักหน่อย เขาแค่เป็นคนจริงจังแล้วก็เคร่งขรึมต่างหาก” ปาล์มแย้งเสียงงอน เป็นเดือดเป็นร้อนแทนจนน่าสงสัย

          เนเริ่มทวนสิ่งที่สั่งสมมา คนที่บ้านสิทธิ์เองก็พูดในทำนองเดียวกับปาล์ม แต่พนักงานที่บริษัทกลับให้ความเห็นเหมือนต่อแทน

          และแน่นอนว่าตัวเขาเองก็เห็นคนละอย่างกับที่ทั้งสองเห็น

          ตกลง ตาลุงนั่นเป็นคนยังไงกันแน่นะ

          นึกแล้วอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อถามแล้วเจอไปเสียสามความเห็น ถ้าแค่สองยังพออธิบายว่าอาจทำตัวให้คนอื่นเชื่อใจ แต่จากนิสัยที่ฟังมา มันไม่ใช่นิสัยที่คนคิดร้ายอยากแสดงออกให้คนอื่นเห็นเลยสักนิด

          ความมั่นใจที่สั่นคลอนเริ่มโคลงเคลงหนัก แต่กระนั้นก็ยังฝืนใจจับมันเอาไว้ไม่ให้พังทลายลงง่ายๆ

          ไม่มีทางหรอก...หมอนั่นต้องเป็นคนคิดร้ายต่อคุณสิทธิ์แน่

          เขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงดื้อดึงเชื่อแบบนั้น

          แม้ว่าใจจริงจะอยากให้สิ่งที่ตนคิดเป็นเรื่องที่ผิดก็ตาม


______________________________________
ขอบคุณทุกเมนท์ก๊าบ ><

รูปเนแต่งหญิง ขอคนเขียนหาเวลาว่างก่อนนะงับ XD อาจจะร่างแบบสเก็ตมา

คนเขียนไม่ได้แกล้งเนนะ เจ๊มีนโน่น (โบ้ย)

@คุณagava1313 ตอนบอกว่าเว็บมังง่ะดุ้น ไม่รู้ทำไมนึกถึงเว็บแมวดุ้น ฮา// เรามีความฝันอยากเขียนเมะโมเอะมานานแล้วว ๕๕๕ เสียดายเนยังสูงว่าลุงแก XD

@คุณเข็มวินาที ฮา ไม่เป็นไรงับ นึกว่าแอบไปพักร้อนมา XD


หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 22-05-2015 08:15:20
จิ้มจึกๆ

ต่างคนต่างหึงกันเล็กๆ พวกนี้นี่มันซึนกันจริงๆ พับผ่าสิ! -_-
อยากรู้ว่าทีหนึ่งกะที่สองคือใครอ่า
ต่อนี่จืดจางแล้วทำให้นึกถึงคุโรโกะ แต่ต่อดูมึนๆ อึนๆ หม่นๆ อ่ะ แล้วต่อกับปาล์มอยู่อันดับที่เท่าไรอ่ะ อยากรู้วว ><
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-05-2015 08:29:54
แต่ละคนมั่นใจความคิด(ไปเองของ)ตัวเองเหลือเกิน ฮา
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 22-05-2015 09:58:46
แต่ละคนก็นะ ยังคิดว่าเป็นศัตรูกันอยู่อีก

ยอมเปิดใจคุยก็จบแล้วป่ะ ทั้งที่เริ่มติดใจนิดหน่อยแล้วแท้ๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 22-05-2015 10:39:23
อยากบอกว่าคุณเขียนเดาถูกส่วนนึงด้วยล่ะ แว็ปมังงะที่มีดุ้น(แปลไทย)เราก็นึกถึงเว็ปแมวดุ้นเหมือนกัน :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 22-05-2015 11:12:10
:L2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-05-2015 18:53:52
จะไปบู๊เลือดสาดกันอีกละ  :m29:

ต่างคนก็ต่างหวงอีกฝ่าย แต่ก็ซึนได้โล่ห์กันทั้งคู่  :เฮ้อ:

เลิกซึนแล้วมามุ้งมิ้งกันเถอะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 22-05-2015 21:18:16
ลุงมันพวกปากแข็งแต่ยอมโอนอ่อน(?)นะเน รุกหนักๆเดี๋ยวก็ระทวยยวบยาบแล้ว ฉากต่อไปบู้สะบั้นหั่นแหลก ตอนนี้พัฒนาความรู้สึกกันแล้วนะ มีแอบหวงกันเล็กน้อย แต่ก็ซึนกันแม่งทั้งคู่อ่ะ ยอบรับบ้างก็ได้ม้างงงง ชีวิตจะได้สงบสุข คนอ่านจะได้ฟินกันไป :hao6:

ระดับนี้เรียกพักร้อนไม่ได้ค่ะ ต้องพักร๊อนนนนนร้อน เพราะอากาศเมืองไทยช่างเย็นเสียนี่กระไร(?) เป็นกำลังใจให้ทั้งลุง ทั้งคนแต่ง :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 21 (22/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-05-2015 22:09:37
เผลอแปปเดียว ก้อต้องเม้น 2 ตอนรวดซะแร้ววว ><
แระแม้จะผ่านมา 2 ตอน ลุงวัฒน์และเนก้อยังคงความ 'ซึนเดเระ' อย่างต่อเนื่องงงงง 55555
ถ้าต่างคนต่างจะห่วงกัน หวงกัน หึงกัน ขนาดเน้
ก้ออยากมัวแต่หลอกตัวเองเรยคร้า ว่าเป็นศัตรูกันอะไรนั่น มันไม่ใช่เห็นๆๆ อิอิ ^0^

แต่ตอนหน้า เริ่มน่าเปนห่วง ไม่รุจะเจ็บตัวกันแค่ไหน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 23-05-2015 13:34:02
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 22


          ณ แถบชานเมือง ทั้งที่เป็นเวลาสองทุ่ม และส่วนอื่นยังคงแต่งแต้มด้วยสีสันแสงเสียง แต่แถวทุ่งกว้างซึ่งเต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์เก่าหลายร้อยที่วางเรียงรายจนเต็มนั้นกลับดูเงียบเหงาและอ้างว้าง ยังดีที่แถวนี้ตามไฟไว้ให้พอสว่างบ้าง ไม่อย่างนั้นคงดูน่ากลัวเหมือนป่าช้าเป็นแน่

          เนกับวัฒน์ยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้าใหญ่ซึ่งกำลังนั่งหาวรออยู่บนตู้คอนเทนเนอร์ที่ตั้งอยู่เกือบปากทางเข้า ดวงตาเรียวเหล่มองอย่างเบื่อหน่ายเหมือนกับจะหลับเสียให้ได้ และทั้งที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ดูไม่สู้ดี สิทธิ์กลับหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นฆ่าเวลา ทำเอาเนรู้สึกว่าตัวเองเครียดเสียเปล่าเหลือเกิน

          ทันทีที่เห็นเงากลุ่มคน สิทธิ์ก็โดดลงไปโดยไม่รั้งรอ ปล่อยให้ลูกน้องทั้งสองพากันตกใจรีบตามลงแทบไม่ทัน

          “เฮ้ย”

          เสียงทุ้มดังขึ้นจากกลุ่มผู้มาเยือน แสงไฟเผยให้เห็นร่างของชายฉกรรจ์นับสิบ หน้าตาล้วนโฉดเถื่อนบอกยี่ห้อกันมาแต่ไกล ยกเว้นคนที่อยู่หน้าสุด ซึ่งแต่งชุดสูทสีสันแสบตาสะท้อนกับแสงไฟจนตาพร่า แถมยังมีขนเฟอร์สีทองประดับไว้รอบคอทั้งที่ดูร้อนเสียเปล่าๆ
         
          และที่ชวนให้แสบตาที่สุดก็ศีรษะอันล้านเลี่ยนเตียนโล่งไร้รากผมใดๆนี่ล่ะ มันวาวส่องแสงแรงแข่งกับพระอาทิตย์ได้เลยทีเดียว เล่นเอาแถวนี้ที่ดูมืดทึมสว่างจ้าจนร้อนตงิดๆ
         
          “...เพราะแบบนี้สินะ ถึงได้เรียกว่าแก๊งไฟฉายทานตะวัน”

          เนเปรยโดยไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่ดูเหมือนเส้นเลือดตรงขมับของหัวหน้าฝั่งโน้นปูดขึ้นมาจนแทบปริแล้ว

          “ฮ่าๆๆ ถูกใจมาก” สิทธิ์ตบบ่าลูกน้อง ก่อนจะเหล่มองศัตรู “ฉันมาคิดบัญชีเรื่องที่แกทำไว้ เตรียมตัวล้มกิจการตัวเองได้เลย”

          น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมจนแม้แต่ลูกน้องยังแอบหวั่น

          ฝั่งที่โดนขู่เองก็มีท่าทางไม่ต่างกันนัก แต่ผู้เป็นหัวหน้าทำใจสู้ และชี้นิ้วใส่ “เฮอะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างแกจะมาทำอะไรฉันได้ มากันแค่นี้นึกว่าชนะงั้นหรือ ฝันเฟื่องไปรึเปล่า”

          ซึ่งดูแล้วก็จริง อีกฝั่งมากันเกือบสามสิบ ขณะที่ตอนนี้พวกเขามีแค่สาม หาเรื่องตายชัดๆ

          ในขณะที่หัวหน้ากำลังต่อปากต่อคำกันอย่างเมามัน เนก็สังเกตเห็นวัฒน์เอามือไพล่หลังไว้ ทีแรกนึกว่าเป็นท่ายืนปกติ จนกระทั่งมองไปยังเบื้องล่าง

          มือทั้งสองของวัฒน์กำลังจับปืนเตรียมพร้อม กะว่าอีกฝ่ายขยับเมื่อไหร่ลุงแกยิงแน่นอน

          เนมองแล้วอดลุกลี้ลุกลนไม่ได้ เขาอยากจะขยับมือไปหาปืนบ้าง แต่พอเห็นลูกน้องอีกฝั่งกำลังจ้องมาทางเขาอยู่ เลยเกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว จึงทำนิ่งไว้ รอดูท่าทีก่อน แอบนึกเจ็บใจที่ตัวเองไม่รู้จักเตรียมพร้อมได้อย่างนั้นบ้าง

          “เอ ฉันจะฝันเฟื่องหรือไม่ยังไง ได้ลองไปเยี่ยมซ่องแกดูหรือยังล่ะ”

          คนฟังถึงกับหน้าขึ้นสี เส้นเลือดบนหัวปูดโปนราวกับจะแตกเสียให้ได้

          “ฝีมือแกงั้นเรอะ” ชายหัวล้านเอ่ยพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไอ้กลุ่มที่มาโจมตีฉันเมื่อกี้ก็…”

          “เซอร์ไพรส์ไหมล่ะคร้าบ เห็นไปขายยากันหน้าเครียด เลยอยากทำให้ตื่นเต้นไง” ทั้งที่กำลังเครียดๆ แต่สิทธิ์กลับตอบออกไปด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนไม่กลัวเลือดออกหัว “อ้อ แล้วเมื่อกี้ นั่งรอๆเบื่อๆ ฉันเลยชวนผู้บริหารนายคนสองคนที่ถือหุ้นเยอะๆมาคุยเล่นอยู่ เห็นพวกเขาว่าก่อนปิดตลาดเมื่อตอนเย็นก็ขายหุ้นบริษัทนายออกไปเกลี้ยงเลยแน่ะ แบบนี้ท่าทางจะลำบากแล้วเนอะ”

          เนมองหัวหน้าอีกฝ่ายอย่างผวา นี่ถ้าตัวพองจนระเบิดได้ อีกฝ่ายคงทำไปแล้ว

          ชายผู้เป็นหัวหน้าหันไปคุยกับคนข้างตัวที่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และหลังจากคุยโทรศัพท์จบ คนเป็นลูกน้องก็โดนตบเสียหัวเกือบทิ่มพื้น ก่อนจะหันศรีษะเรียบลื่นมาหาสิทธิ์

          “แกไม่ตายดีแน่”

          “ฉันต่างหากที่ต้องพูด ทำฉันไว้ซะแสบ ยังจะมีหน้ามาว่าฉันอีก” สิทธิ์ย้อนเสียงสูงแล้วมองไปรอบๆ ยิ้มเหมือนไม่เป็นเดือดเป็นร้อนต่อสถานการณ์ชวนตึงเครียด “จะว่าไประหว่างรอแกมันน่าเบื่อมากเลยนะ…เออ ที่นี่มันที่พักยาแกนี่ ฉันลองเดินเล่นดูได้เป็นสิบถุงเลย”

          สีหน้าของชายวันสามสิบกว่าตรงหน้าบิดเบี้ยวจนน่ากลัว อาการเหมือนพร้อมจะสังหารคนได้ทุกเมื่อ “แก! ถ้าของพวกนั้นเสียหายล่ะก็ แกไม่ตายดีแน่”
         
          “ฉันเผาทิ้งหมดแล้วน่ะ”

          จบความเนก็รีบลากสิทธิ์ไปหลบที่ตู้คอนเทนเนอร์ทันที ส่วนวัฒน์ก็วิ่งไปหลบอีกฝั่งพลางสาดกระสุนใส่ไปด้วย เสียงปืนดังรัวลั่นจนหูแทบหนวก ตามมาด้วยเสียงร้องลั่นหลายต่อหลายเสียง

          “คุณสิทธิ์อย่าทำเรื่องน่าใจหายนักได้ไหมครับ!” เนต่อว่าแข่งกับเสียงปืน เหมือนอายุสั้นลงยังไงชอบกล “เป็นอะไรขึ้นมาจะว่าไง”

          “ไม่เป็นหรอกน่า ก็ทำตามแผนแล้วนี่”

          แผน...ที่ไม่มีลูกน้องคนไหนโอเคเนี่ยนะ

          “ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดเหอะ ออกไปจัดการพวกมันเร็วๆดีกว่า” สิทธิ์หัวเราะร่าและออกไปโดยที่ไม่แม้แต่จะชักปืนขึ้นมาเลยสักนิด

          เนมองอย่างเอือมระอาก่อนจะควักปืนตามไปคุ้มกันเจ้านาย เสียงปืนที่ดังรัวจนถึงเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนเป็นเรื่องร้องโอดโอยแทน ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเนเผลออ้าปากค้าง ยิ่งหันไปมองเพื่อนร่วมงานแล้วยิ่งค้างหนัก

          คนราวยี่สิบนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นดิน ทุกคนมีบาดแผลที่มือทั้งสองข้างเหมือนกันหมด นอกนั้นก็โดนกันจนพอให้ยืนไม่อยู่ แต่ดูท่าทางจะไม่มีใครตายเลยสักคน ราวกับคนทำจงใจก็ไม่ปาน ที่ด้านหน้าทางเข้ามีกลุ่มพวกตนราวสี่ห้าคนยืนเฝ้าอยู่ อีกสองคนกำลังเดินนับคนที่นอนตามแผนที่วางไว้

          ส่วนวัฒน์ไม่เป็นอะไรเลยสักนิดเดียว

          “ก็นะ อาวัฒน์ไม่ถนัดลุยตัวเปล่าแบบจัดการให้พอสลบ แต่ถนัดจัดการยิงให้ปางตายมากกว่า” ได้ยินสิทธิ์เอ่ยอย่างสบายๆก็ยิ่งสร้างความตึงเครียดหนัก

          พอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนอะไรไว้เด็กหนุ่มก็อดกลัวไม่ได้ ตอนนี้ยังเป็นพวกเดียวกันก็ถือว่าดีอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่วัฒน์เผยธาตุแท้(ซึ่งก็เผยให้เห็นอยู่)เมื่อไหร่ สิทธิ์ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

          “ฉัตรพาคนล้อมไว้ทุกด้านแล้ว ยังไงก็หนีไม่รอดแน่” วัฒน์รายงานสถานการณ์ หลังจากคุยวอกับพรรพวกคนอื่นๆ พลางเปลี่ยนแม็กกาซีนปืน “พวกเราส่วนหนึ่งเองก็คอยตามเก็บพวกที่เหลือแล้ว ถ้ายังไง...”

          “เราก็ตามไปช่วยด้วยไง”

          ว่าจบก็วิ่งฉิวด้วยความไวแสงเหมือนจงใจ จนเหล่าผู้ติดตามที่ไม่ทันระวังตัวต้องพากันติดสปีดไล่ตามไปติดๆ

          ในซอยเล็กซอยน้อยที่เกิดจากตู้คอนเทนเนอร์วางซ้อนเรียงกัน มืดกว่าทางเข้ามากโขจนแทบมองไม่เห็นเงาคน มีเพียงเสียงวิ่งดังตึกตักพอให้รู้ตัวบ้าง เนหันมองไปมาอย่างระวังตัว ถ้าเกิดศัตรูโผล่มาก็คงรู้ตอนประชิดตัวโน่น

          “แถวนี้ไม่ต้องใช้ปืนแล้ว” วัฒน์เอ่ยเสียงเรียบอยู่ทางด้านซ้าย “เจอใครซัดให้หมอบไว้ก่อนได้เลย”

          ความคิดแล่นเข้าหัวทันที เนหันมองเงาข้างกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเล

          ถ้าแสร้งว่าเป็นอุบัติเหตุล่ะก็...

          เด็กหนุ่มรีบผลักความคิดนั้นออกจากหัว แม้ว่าเขาหวังแค่ให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจนสู้ไม่ได้ แต่ส่วนหนึ่งในใจกลับรู้สึกหวาดหวั่นหากเกิดสิ่งนั้นจริงๆ

          บ้าเอ๊ย หมอนั่นเป็นศัตรูนะ ขืนปล่อยทิ้งไว้คุณสิทธิ์ต้องแย่แน่

          ประโยคที่คอยวนเวียนนั้นชวนให้ปวดหัวหนึบ อันที่จริง มันไม่น่าเป็นเรื่องหนักใจเลยสักนิด เขาเองก็รู้ตัวดีว่าต้องเลือกทางไหน แต่ความลังเลในใจกลับคอยฉุดไม่ยอมปล่อยเสียนี่

          “อยู่ทางนั้น!”

          เสียงสิทธิ์ดึงเนให้หลุดจากภวังค์ เด็กหนุ่มมองเห็นเงาคนเลือนรางกำลังวิ่งหนีอยู่ข้างหน้าราวสามสี่คน และยังไม่ทันตั้งตัว ผู้เป็นนายเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าใส่คนด้านหน้าอย่างไม่กลัวเกรง เสียงตุบตับดังอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดลง โดยเหลือเพียงร่างใหญ่ยักษ์ยืนอยู่ผู้เดียว

          “...ไม่ใช่ไอ้เหม่งแฮะ” เงาดำตรงหน้าเอ่ยอย่างเสียดาย เนไม่สงสัยเลยว่าสิทธิ์รู้ได้อย่างไรทั้งที่มืดขนาดนี้ “อาวัฒน์ เน กลับไปที่ทางออกเถอะ”

          รับคำสั่งก็ทำตามกันโดยทันที

          “เอ๋?”

          วัฒน์กับเนมองหน้ากันด้วยความสงสัย เมื่อวิ่งมาถึงด้านหน้า คนสั่งหายไปไหนแล้ว

          “บ้าเอ๊ย คุณสิทธิ์!” หนุ่มใหญ่ร้องอย่างเหลืออดต่อการกระทำแสนน่ารักของเจ้านาย “กลับเร็ว คงแอบหนีไม่ไกลหรอก”

          เนตามหลังอีกฝ่าย ดวงตาจ้องมองแผ่นหลังบางไม่วางตา หัวใจด้านในเต้นเสียงดังรัวราวกับกลอง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุเดียวกับเพื่อนร่วมงาน

          ตอนนี้เป็นโอกาสแล้ว

          เด็กหนุ่มสับสนหนัก นี่ไม่ใช่เวลามาลังเลด้วยซ้ำ พลาดแล้วคงไม่รู้จะหาโอกาสดีแบบนี้ได้เมื่อไหร่อีก

          แต่ถ้าทำลงไป...

          “ข้างบน!”

          เสียงทุ้มของเพื่อนร่วมงานดังขึ้น เงาคนบนตู้คอนเทนเนอร์วิ่งหลบเข้าไป เนกระโดดปีนตามโดยไม่รอวัฒน์ แสงสะท้อนที่เด่นเป็นสง่าบอกให้รู้ว่านั่นคือหัวหน้าของอีกฝั่งแน่นอน แถมยังอยู่แค่คนเดียวด้วย
         
          “หยุดนะ ไอ้ล้าน” เนร้องไล่หลัง อีกฝ่ายวิ่งเร็วมากจนเขาตามแทบไม่ทัน

          “แกว่าใครวะ” นายหัวเหน่งตะโกนกลับอย่างลืมตัว เขาหยุดวิ่งแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม มือทั้งสองควักไม้เหล็กท่อนหนาจากในสูทขึ้นมาแล้วฟาดใส่ทันที

          “เหวอ” เนหลบออกอย่างฉิวเฉียด และยังไม่ทันตั้งตัว อีกฝ่ายก็รุกเข้าใส่ไม่ยั้ง จนเนได้แต่ถอยหนีโดยไม่อาจตอบโต้ได้เลยสักนิด

          “เฮอะ ลูกน้องไอ้สิทธิ์ก็มีดีแค่หน้าตา ไม่เห็นเก่งเท่าไหร่นี่หว่า” ถึงจะอยากค้านแทบขาดใจ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็เกินกำลังที่เนจะกล้าค้านได้เต็มปาก อีกฝ่ายเก่งสมกับที่เป็นถึงหัวหน้าจนเด็กหนุ่มทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากหลบ

          “โอ๊ย!”

          อยู่ๆอีกฝ่ายก็ร้องทั้งที่เนไม่ได้สวนสักครั้ง และล่าถอยทันทีเหมือนรู้ว่าต้องโดนสวน

          “เน!”

          เสียงดังฟุ่บวิ่งเข้าผ่านหู เม็ดพลาสติกกลมสีเหลืองพุ่งเข้าหัวใสไร้เส้นอย่างจงใจ และเนก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจด้วย

          “หนอย ไอ้เวรเอ๊ย!”

          อย่าว่าแต่เนเลย วัฒน์ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสวนด้วยการปาท่อนเหล็กใส่ อันที่จริงการหลบจากวัตถุอัตรายที่พุ่งเข้ามานั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับหนุ่มใหญ่อยู่แล้ว

          แต่ปัญหาคือไม้ที่สองนี่ล่ะ

          “เหวอ!”

          วัฒน์ร้องลั่น ทั้งที่เป็นแค่ท่อนไม้ขนาดราวสองฟุตแท้ๆ แต่กลับหนักขนาดหลังคาตู้คอนเทนเนอร์ยุบได้

          “ฮึ่ย”

          ทันทีที่เห็นเนสนใจทางอื่น ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มรีบกระชากคอเสื้อโยนเนกระแทกลงพื้นแรงเสียจนเสียงดังลั่นไปทั่ว แล้วรีบพุ่งเข้าไปหมายจัดการวัฒน์ ซึ่งตอนนี้กำลังเสียหลักเพราะพื้นที่ยืนยุบลง

          นี่แหละโอกาส

          เนนอนนิ่งจ้องมองชายหัวล้านที่กำลังจะเข้าไปจัดการอีกฝ่าย หากปล่อยทิ้งไว้ อีกฝ่ายก็คงจะจัดการวัฒน์ให้แทนเขา และเรื่องวุ่นวายทั้งหมดก็จะจบลงเสียที…

          จะได้กลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขแบบเดิม…ไม่ต้องอดอยากอีก…ไม่ต้องอดทนเจอตาลุงบ้าอำนาจชอบแกล้งเราอีก

          ไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว…

          “หยุดนะไอ้โล้น!”

          แม้จะเจ็บหลังเจียนตาย แต่ร่างกายดันตอบสนองต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น มือหนาคว้าข้อเท้าอีกฝ่ายเอาไว้ทันจนล้มหน้าจูบพื้นโลหะเต็มรัก

          “ไอ้เด็กผีนี่!” นายหัวเหม่งหันหน้ามาด้วยความโกรธแค้นหมายจะเอาคืน แต่เนรอฟาดเท้าใส่อยู่แล้ว บอสใหญ่เลยรับเข้าชายโครงเสียเต็มรัก จนลงไปนอนตัวงอด้วยความเจ็บปวด

          ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้แผลงฤทธิ์ เหล่าพลพรรคขาลุยพากันมาสมทบอย่างคับคั่ง รวมถึงพ่อเจ้านายแสนดีที่แอบชิ่งหนีลูกน้องกลางทางด้วย เนกับวัฒน์เลยไม่ต้องออกโรงต่อ ปล่อยให้คนอื่นเฮโลเข้าไปจัดการแทน

          หลังจากจับอีกฝ่ายจนอยู่หมัดก็พาลงมาจาตู้คอนเทนเนอร์มายังพื้นที่กว้างโดยมีเหล่าลูกน้องแสนดียืนล้อมรอบ โดยมีสิทธิ์ กับลูกน้องสองคนที่ช่วยกันจับหัวหน้ากลุ่มของอีกฝ่ายเอาไว้ตรงกลาง

          “จะฆ่าก็ฆ่ากันเลยสิวะ” เมื่อหมดหนทางก็ตะคอกใส่อย่างเหลืออด ไม่คิดก้มหัวขอร้องสมกับที่เป็นหัวหน้า

          “โทษที ฉันไม่มีนโยบายให้มือเปื้อนมลทินง่ายๆน่ะ” สิทธิ์ยิ้ม ทั้งที่พูดออกมาแบบนั้นแต่กลับดูเหมือนยิ้มประหาร ชายหนุ่มหันมาทางปาล์มที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนเป็นการส่งสัญญาณ “ที่จริงฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่ที่แกทำมันเกินกว่าที่ฉันจะปล่อยผ่านไปได้...”

          ในขณะที่อารัมภบทยืดยาว ปาล์มกับชายหนุ่มอีกราวสามสี่คนที่เดินออกมาราวกับรู้หน้าที่ ในมือของแต่ละคนมีอุปกรณ์ลงสีและกระเป๋าเสื้อผ้าเต็มมือ ส่วนปาล์มเปิดกล้องวิดีโอขึ้นมาเตรียมถ่าย

          “แก...จะทำอะไรน่ะ” ท่าทางจะสัมผัสถึงรังสีอันตรายได้ถึงพยายามดิ้นหนีใหญ่ แต่แม้จะแรงเยอะแค่ไหนก็ไม่มีทางดิ้นหนีได้ อย่างน้อยคนที่จับตัวไว้ก็แรงควายพอๆกัน

          รอยยิ้มฉีกกว้างขึ้นตามมาด้วยเสียงหึๆอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลหากแต่เนื้อหาไม่น่าฟังสักนิด “ก็จะทำให้แกมีชีวิตอยู่โดยไม่กล้ามาหาเรื่องฉันอีกตลอดกาลไง”

          ลองว่ามีปาล์มเป็นแกนนำ อีกทั้งเห็นอุปกรณ์แต่งหน้าครบชุด ไม่ต้องอยู่ดูก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

          “จำไว้เลยนะ ถ้าแกกล้าโผล่มารังควานฉันอีกเพียงครั้งเดียว วิดีโอนี่หลุดว่อนเนตแน่” สิทธิ์ประกาศกร้าวหลังจากบรรเลงงานศิลปะจนสาแก่ใจ รอยยิ้มเมื่อครู่หายไปแล้ว จะมีก็เพียงแค่ความดุดันและความแค้นที่ถาโถมเข้าใส่ “โอ๊ะ แต่ว่าหมดตัวขนาดนี้แล้ว คงจะยากเนอะ แค่กลับไปตามบรรดาเมียๆแกที่หอบสมบัติหนีไป ไหนจะยังพวกผู้บริหารที่หักหลังแกอีก ใช้เวลาทั้งชีวิตก็คงตามเก็บไม่หมดหรอก”

          ว่าจบก็เดินนำออกไปพลางตะโกนขึ้น “เอ้า เลิกงาน ได้เวลาฉลองแล้ว ฉันเลี้ยงเอง”

          นี่ล่ะ ที่เหล่าลูกน้องรอคอย...พากันส่งเสียงเฮโลตามเจ้านายรอรับของฟรีกันใหญ่

          ทีแรกเนจะตามสิทธิ์ไปแล้ว แต่เห็นวัฒน์ยืนเฉยเลยเลือกที่จะอยู่ด้วยแทน ดูเหมือนวัฒน์จะไม่ทันสังเกตว่ากำลังโดนมอง เขากำลังจ้องมองสภาพแสนอดสูชวนระคายลูกตาตรงหน้า ก่อนจะก้มลงไปพูดกับชายหัวโล้น

          “ถ้ามีรอบหน้า ไม่ต้องห่วงเรื่องวิดีโอนั่นหรอก”

          คำพูดชวนเข้าใจผิดนั่นสร้างความกังขาและขุ่นเคืองให้แก่เด็กหนุ่ม เขาเกือบจะพลั้งปากต่อว่าแล้ว ถ้าวัฒน์ไม่รีบพูดประโยคต่อมาเสียก่อน

          “เพราะถึงตอนนั้นแกคงไม่มีชีวิตอยู่รับสภาพอับอายแบบนี้แน่”

          แม้ว่าจะเป็นน้ำเสียงปกติที่หนุ่มใหญ่ใช้ประจำ แต่คนฟังกลับรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ สายตาที่จ้องมองแหลมคมประดุจมีดบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้แค่ขู่

          แม้แต่เนเองยังรู้สึกกลัว แต่ที่มากกว่าคือแปลกใจ คนที่คิดทรยศเขาทำกันแบบนี้ด้วยหรือ

          ไม่...หมอนั่นอาจจะแค่ไม่อยากให้มีปัญหามากวนก็ได้

          ไม่มีทางที่จะเข้าใจผิดหรอก!

          วัฒน์ผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นเนยังยืนอยู่ด้วย ท่าทีสุขุมชวนให้หวั่นเกรงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดน่าโมโหแทน “ยืนบื้ออะไรของนาย คนอื่นเขาไปกันหมดแล้วนะ”

          เด็กหนุ่มมุ่นคิ้ว ท่าทางนั่นกระชากความรู้สึกสับสนได้ชะงักนัก “ผมก็แค่สงสัยว่าคุณทำอะไรอยู่ก็แค่นั้น”

          ยิ่งฟัง วัฒน์ก็ยิ่งแสดงอาการหงุดหงิดหนักข้อ แน่นอนว่าเขาคิดไปไกลแล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายพูดเป็นข้ออ้างที่จะรอก็เท่านั้น

          “งั้นก็รีบกลับได้แล้ว” หนุ่มใหญ่กระชากเสียง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นบาดแผลตามตัวของเน อันที่จริงมันไม่ร้ายแรงนัก เพียงแต่ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ “เน”

          เจ้าของชื่อหันมอง ความหงุดหงิดที่สร้างสมไว้มลายหายทันควันเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย

          ถึงจะไม่ได้ยิ้ม แต่ก็ไม่แสดงอารมณ์ขุ่นมัวเลยสักนิด เรียกว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักที่เนได้เห็น

          “เมื่อกี้…ที่ช่วยจัดการหมอนั่น ทำได้ดีมาก”

          ถึงจะไม่ชอบใจ แต่ที่ยอมเอ่ยชมอีกฝ่ายเพราะนึกทางเลือกใหม่ขึ้นมาได้ เขาแอบหวังให้อีกฝ่ายเลิกคิดร้ายต่อสิทธิ์สักที ด้วยการพยายามทำดีไว้ให้มากๆ หวังจะทำให้อีกฝ่ายยอมแปรพักตร์ง่ายๆ

          แน่นอน ที่ทำนั่นไม่ได้หวังถึงตัวเองซักนิด! เพราะถ้าทำไม่ได้จริงๆก็คงต้องเขี่ยทิ้งเท่านั้น

          เขาพยายามย้ำเตือนตัวเองตลอด ย้ำจนจะเป็นพันรอบแล้ว

          ได้ยินแล้วเนถึงนึกขึ้นได้ ว่าเมื่อครู่นอกจากจะพลาดโอกาสให้วัฒน์บาดเจ็บแล้ว เขายังช่วยอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย

          ช่วย...ทั้งๆที่อีกฝ่ายอันตรายต่อเจ้านายมาก...ทั้งที่คอยบอกตัวเองว่านั่นคือศัตรู แถมยังเกลียดตนอย่างกับอะไรดี

          คำพูดไม่น่าอภิรมย์ของเพื่อนร่วมงานที่บริษัทแล่นเข้ามาเหมือนจงใจ

          ‘นายชอบคนๆนั้นน่ะ’

          ไม่ว้อย!
         
          “พ...พูดอะไรของคุณน่ะ” น้ำเสียงร้อนรนดังลั่น พยายามโมโหกลบเกลื่อนความดีใจที่ล้นปรี่ “ผมก็ทำตามหน้าที่เท่านั้นล่ะ”

          ว่าจบก็รีบแผล็วตามคนอื่นไป ทิ้งหนุ่มใหญ่เอาไว้ข้างหลังผิดจากที่ตั้งใจไว้ และถึงอยากจะหันกลับไป แต่ก็เขินเกินกว่าจะกล้าทำ

          วัฒน์มองอีกฝ่ายที่เดินออกไป ก่อนจะถอนใจออกมา ลมพัดเบาเข้ากระทบร่างมีแต่ความร้อนแท้ๆ แต่หนุ่มใหญ่กับรู้สึกหนาวเสียเหลือเกิน

          นั่นสินะ...แค่ทำดีนิดหน่อยจะให้เปลี่ยนใจทันทีได้ยังไง แถมหมอนั่นก็เกลียดเราอยู่แล้วด้วย

          ก็เป็นศัตรูกันนี่นา

          แต่ก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมต้องเจ็บหน้าอกตอนที่เห็นความจริงตรงหน้าด้วย

          “บ้าน่า...ไม่มีทางหรอก”

          ที่เรารู้สึกแบบนี้ก็แค่เพราะอยากนอนกับมัน…ไม่ได้นึกชอบมันแน่นอน       

          เพราะต่อให้เป็นอย่างนั้นจริง…เราเองก็ไม่มีทางสมหวังอยู่แล้ว…

          ร่างสูงโปร่งยืนนิ่ง ดวงตาเรียวดูเหม่อ หากแต่กลับฉายไปด้วยความเศร้าจนไม่อาจหยั่งลึกลงไปได้

          คนที่ไม่มีคุณสมบัติจะรักใครอย่างเราน่ะ…


_______________________________

วันนี้ลงช้าเพราะไปทำสิ่งด้านล่าง บวกกับเครียดๆจิตตกนิดหน่อย และร้อน ร้อน ร้อน (ร้อน) คิดอะไรไม่ค่อยออกเลย อยากหนีไปพักร้อนมั่ง ฮา =3=

เรื่องลำดับ อันนี้ต้องตามกันในเรื่องงับฮา

แต่ที่หนึ่งกับที่สองนี่ก็โผล่มาแล้วนะ ถึงจะโผล่มาแต่ชื่อก็เถอะ XP

@agava1313 เดาถูกส่วนหนึ่ง...แล้วส่วนที่ผิดล่ะ =[]=!

ภาพปลากรอบที่อยากแกล้ง...เอ๊ย ตามสัญญาเฉยๆ XP


(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpspleizzif.jpg)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 23-05-2015 14:17:12
เนนนนน อ๊ายยยย นางน่าฮักขนาดหนักเจ้าาาา ถึงสาวดุ้นจะมาแรงแค่ไหน แต่ลุงเคะคือที่หนึ่งในใจเรา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 23-05-2015 15:04:39
น่ารักจังการ์ตูนข้างล่าง ว่าแต่เมื่อไหร่ลุงกับเน่จะเข้าใจตรงกันซะทีเนี่ย  รอฉากหวานๆอยู่นะ:ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-05-2015 15:25:07
น้องเนจ๋า  น่ารักขนาด  :-[
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 23-05-2015 15:53:14
ไอ้พวกปากหนักกกก ซึนนนนน คิดไรกันมากมายฮะะะ

เนสาวมากอ่ะในภาพ กร๊ากกกก โดนไรต์แกล้งงงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 23-05-2015 19:13:45
ตอบนักเขียน : อีกส่วนเป็นเว็ปสาวดุ้นและดุ้นชนดุ้นของต่างประเทศน่ะ เรท+18ชนิดเว็ปแมวดุ้นเอามาลงไม่ได้ เหอเหอ :-[
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 23-05-2015 21:49:46
รอต่อนะคับบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 22 (23/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 23-05-2015 22:11:58
 o13
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 24-05-2015 14:39:25
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 23


          เสียงโหวกเหวกเฮฮาลั่นออกมาถึงด้านนอกของผับ จนคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวหน้าร้านถึงกับต้องมองอย่างสงสัย แน่นอนว่าด้านในนั้นสนุกสนานกันยิ่งกว่า สิทธิ์เหมาร้านของตัวเองมาเพื่อเลี้ยงฉลองเหล่าลูกน้องโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็เจอกับพนักงานในสังกัดทั้งนั้น

          ท่ามกลางความรื่นเริงชนิดสุดเหวี่ยง มีเพียงสองคนที่ออกอาการไม่เข้ากับบรรยากาศ แถมทั้งคู่ยังยืนอยู่ข้างกันคอยแผ่ออร่าทะมึนใส่รอบข้างจนคนที่สนุกจนเพลินถึงกับได้สติและหน้าเจื่อนทันทีที่เผลอมอง
                   
          “...ไม่ไปสนุกกับคนอื่นล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามแต่กลับไม่ยอมมองคู่สนทนาที่ยืนข้างกาย “จะหาเวลาว่างแบบนี้คงยากอยู่นะ”

          แน่นอนว่าวัฒน์หมายถึงการไปแอ้มเหล่าสาวที่กำลังเฮฮาปาร์ตี้กันอยู่ เขาเห็นเนเที่ยวจ้องสาวนางโน้นที นางนี้ทีจนอดพูดไม่ได้...แน่นอนว่าที่พูดเพราะอยากให้มันหาที่ระบายให้จบๆ โดยไม่ต้องมาเสียเวลากับตาลุงอย่างเขา ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดที่เห็นมันทำตาเยิ้มใส่ผู้หญิงเลยสักหน่อย!

          เนถึงกับสำลักเมื่อได้ยิน เด็กหนุ่มตีหน้าแข็งเหมือนคนโดนจับได้ว่าทำเรื่องผิดแล้วไม่อยากยอมรับ จริงอยู่ว่าเขามอง แต่มองด้วยอารมณ์สุนทรีย์ ไม่ทันได้นึกเรื่องเซ็กซ์เลยสักนิด และยิ่งคิดว่าตัวเองลืมเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตขนาดนั้นได้ เขาก็ยิ่งกระอัก

          ปกติ ถ้ามองสาวเรามักจะนึกอยากเอาตลอด...แต่นี่มันอะไรกันวะ!

          คิดจบก็แอบเหลือบมองคนข้างตัว แล้วไอ้ที่ลืมคิดอยู่นานก็ออกอาการเหมือนกดสวิทซ์ถูกปุ่มสักที เล่นเอาเนหลุดอาการร้อนรนออกมา เขารู้ตัวว่าถึงจะไปฟาดสาวเป็นร้อยคนก็มิอาจพอใจเท่ากับได้นอนกับตาลุงข้างตัวเพียงทีเดียวอยู่แล้ว

          และไม่รู้ทำไม ทั้งที่โดนคะยั้นคะยอ เขากลับไม่รู้สึกอยากทั้งที่นั่นเป็นสิ่งที่ชอบเข้าเส้นเลือดแท้ๆ กลับกัน เขารู้สึกแย่ด้วยซ้ำ

          แต่จะให้ยอมรับว่าเพราะชอบลุงนี่ เขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด และไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้นด้วย!!!!!

          “ก็เพราะคุณนั่นล่ะ”

          วัฒน์ถึงกับหันขวับด้วยความเร็วสูงเสียจนเนสะดุ้ง แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างโจ่งแจ้งเหมือนกำลังถามหาเหตุผล

          “คุณหาว่าผมเป็นตัวเชื้อโรค” เนื่องจากนึกหาเหตุผลอะไรดีๆ ไม่ได้แล้ว เด็กหนุ่มเลยยกเรื่องที่ยังฝังใจอยู่ “เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ใช่คนที่ยอมนอนกับใครต่อใครง่ายๆ สักหน่อย”

          คนฟังถึงกับหน้าเบี้ยวด้วยความกังขา…แล้วมันต่างกับที่เป็นอยู่ตรงไหนวะ

          “ที่สำคัญ ผมสัญญากับคุณไว้แล้ว...เพราะฉะนั้น ผมคงไปนอนกับคนอื่นไม่ได้...”

          หนุ่มใหญ่ยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งไปนานมาก ในสมองกำลังประมวลผลในสิ่งที่ได้ยินอย่างหนัก ก่อนจะกระอักอยู่ในใจ

          ทำไมแกพูดเหมือนกับว่าฉันกับแกเป็นแฟนกันเลยวะ!! สัญญามันไม่ได้ระบุไว้ว่าฉันจะห้ามแกไปนอนกับคนอื่นเลยนี่หว่า!...ถึงฉันจะเอือมกับพฤติกรรมสำส่อนของแกก็เหอะ!...แน่นอนว่าฉันเอือมจริงๆ ไม่ได้นึกหึงเด็กบ้าเซ็กซ์อย่างแกสักนิดเดียว!!!

          ความคิดมากคิดลึกกระชากให้วัฒณ์กลับมาได้สติ คิ้วหนาวิ่งเข้าชนกันพร้อมกับขบคิดคำพูดที่(ไม่)น่าจะแฝงนัยนั่น

          นี่มันกะจะตามติดเราไม่ปล่อยถึงกับยอมทนเป็นคู่นอนกับเราเชียวเรอะ

          ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่น แต่จะให้บอกเลิกก็นึกเสียดายและกระดากใจเกินกว่าจะยอมทำ

          บ้าเอ๊ย เรามันบ้าที่สุด!

          “งั้นก็ตามใจนาย” วัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกสบายใจด้วย

          เนใจหายนิดหน่อยเมื่อเห็นวัฒน์ดูไม่ใส่ใจนัก แต่ยังไม่ทันได้คิดให้มากความก็โดนดึงความสนใจเสียก่อน

          “เฮ้ มาทำอะไรตรงนี้น่ะ...” เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยอย่างร่าเริงก่อนจะค้างไปเมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสอง ปาล์มยังคงยิ้ม แต่เหมือนจะยิ้มเพราะทำอะไรไม่ถูกเสียมากกว่า “มีอะไรกันหรือ...”

          “ไม่มี!” ตอบพร้อมเพรียงกันดั่งนัดไว้ แถมยังจะหันหน้ามาเขม่นกันอีกต่างหาก

          “ฉันว่าจะพานายไปรู้จักกับพวกเราหน่อย เห็นนายรู้จักแค่ต่ออยู่คนเดียว” หนุ่มน้อยหน้าหวานเอ่ยเหตุผลพร้อมกับดึงแขนเนมาหา “ไปเถอะ เพราะคราวหลังเวลาร่วมงานกันจะได้เป็นกันเองไง”
         
          ทีแรกเนเกือบจะขืนตัวออก แต่พอมานึกขึ้นว่าตนไม่มีเหตุผลที่ต้องยืนคู่กับวัฒน์ เลยยอมตามอีกฝ่ายไปโดยไม่พูดอะไร

          วัฒน์เองก็ปล่อยให้เนไปอย่างง่ายดาย เขาไม่คิดอยากจะให้เนมาอยู่ด้วยเท่าไหร่นัก แต่พอเห็นเด็กทั้งสองเดินควงคู่กันออกไปต่อหน้าต่อตาแล้ว เขากลับรู้สึกหายใจติดขัด แน่นหน้าอกพิกล แต่เพียงไม่นานนัก ทันทีที่มือหนาตบเข้าที่ไหล่จนวัฒน์เกือบทรุด เขาก็รีบหันไปหาเจ้าของด้วยความหงุดหงิด สีหน้าหนุ่มใหญ่ออกอาการเหม็นเบื่อปนสงสัยทันทีที่เห็นฉัตรออกอาการรื่นเริงยิ้มแป้นจนน่าหมั่นไส้

          “มีไร” คนร่างบางกว่าถามเสียงห้วน และพยายามผลักเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะกอด กลิ่นเหล้าที่ลอยมาตามอากาศบ่งบอกให้วัฒน์รู้ว่าควรจะใช้แรงเต็มที่ มิฉะนั้นได้เข้าไปซุกอยู่ในกล้ามอกหนาๆ นั่นแน่

          “อารายว้า นายเนี่ย ทำหวงไม่เลิกไปได้นะ” ฉัตรออกอาการน้อยอกน้อยใจเมื่อเห็นวัฒน์รังเกียจจนออกนอกหน้า “ฉันแค่คิดว่าพักนี้เราไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากันเท่าไหร่เลย พอเจอหน้าทีก็อยากจะสานสัมพันธ์ให้กลับมาแนบแน่นเหมือนเดิมไง”

          “มีอะไร” วัฒน์ยังคงถามคำเดิม ด้วยสีหน้านิ่งเหมือนเดิม ที่จริงเขาไม่ได้โมโหที่อีกฝ่ายทำตัวก้อร่อก้อติกใส่เลยสักนิด แต่ที่ไม่รับมุกฉัตรหรือโวยวายเพราะคิดว่าเป็นการทักทายปกติของอีกฝ่ายอยู่แล้ว เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจนัก

          แต่ร้อยทั้งร้อยคงมองว่าวัฒน์กำลังจะโกรธแน่นอน ยิ่งสีหน้าที่ไม่แม้แต่จะกระตุกนั่น ยิ่งชวนให้รู้สึกกดดันหนัก จนฉัตรที่เอาแต่เล่นลิ้นถึงกับหายเมา

          “เอ่อ...ฉันเผลอไปหน่อย โทษทีนะ” หนุ่มใหญ่ร่างบึกบึนเอ่ยอ้อนก่อนจะรีบเข้าเรื่องเหมือนกลัวโดนเขม่นไปมากกว่านี้ “ฉันแค่สงสัย คนที่นายคิดว่าเป็นสายให้ไอ้เดชน่ะ ใช่เนหรือเปล่า”

          ใบหน้าที่มักดูไม่เป็นมิตรกระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยิน ก่อนจะผงกหัวให้เป็นคำตอบ

          ฉัตรขมวดคิ้วพลางทำท่านึก มือหนายกขึ้นมาลูบเคราที่คางซึ่งเป็นนิสัยเวลาสงสัย

          “ยังไม่แน่หรอก” ถึงปากจะบอกอย่างนั้น แต่ใจมันไปเรียบร้อยแล้ว...หมายถึงเรื่องที่มั่นใจว่าเนเป็นไส้ศึกน่ะนะ... “ฉันยังไม่มีหลักฐาน แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่ของหมอนั่นก็น่าสงสัยอยู่”

          “งั้นหรือ...” ใจจริงฉัตรไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก แต่เพราะตัวเองก็ไม่มีหลักฐานมาแย้ง เลยไม่อยากสอดปากให้โดนด่าเท่าไหร่นัก “ถ้าอย่างนั้น ให้ฉันช่วยสืบทางไอ้เดชด้วยดีไหม เผื่อจะได้ข้อมูลว่าเด็กนั่นเป็นลูกน้องไอ้เดชจริงหรือเปล่า”

          วัฒน์เงยหน้ามอง อันที่จริงนั่นเป็นสิ่งที่ช่วยได้เยอะแท้ๆ

          ใช่...ทั้งที่เป็นอย่างนั้น...แต่เขากลับหวาดกลัวที่จะรับรู้ความจริงเสียได้

          “...หรือว่าไม่ต้อง” เมื่อเห็นคู่สนทนาจ้องหน้านิ่ง ฉัตรก็เอ่ยถามอย่างหวาดหวั่น

          “เปล่าๆ ...ดีสิ ถ้านายช่วยก็ดีเลย” วัฒน์รีบตอบรับเสียงตื่น “เอาแบบละเอียดยิบแล้วก็หลักฐานที่มัดไม่หลุดด้วยล่ะ ฝากด้วยละกัน”

          ฉัตรเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจต่อท่าทีร้อนของคนตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามทั้งที่กลัวโดนว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า”

          จากที่กำลังลุกลี้ลุกลนก็นิ่งเสียจนฉัตรถึงกับผงะ วัฒน์ก้มลงด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่ท่าทีจะกลับเป็นดังเดิม

          “เปล่า” ตอบเพียงแค่นั้น แล้วก็ไม่พูดสิ่งใดขึ้นมาอีกเลยจนฉัตรกลายเป็นคนที่ออกอาการลุกลี้ลุกลนแทน เพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

          แต่ถ้าเขารู้ละก็ ภาพลักษณ์ที่ฉัตรมองวัฒน์อยู่ตลอดเวลาอาจจะเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็ได้ เพราะที่วัฒน์นิ่งไปนั่นไม่ใช่ว่าฉัตรดันพูดเรื่องไม่เข้าหูจนเขาโกรธ แต่เพราะหนุ่มใหญ่กำลังตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยต่างหาก และกำลังคิดว้าวุ่นเสียมากมายว่าที่ออกอาการประหลาดนั้นก็เพราะตัวเองดันไปนึกถึงหน้าไอ้เด็กผีนั่น เลยได้แต่ยืนห่อเหี่ยวอย่างที่เป็นอยู่...ถึงแม้ว่าจากสายตาคนนอกจะเห็นว่าวัฒน์เพียงแค่กลับมามาดนิ่งหน้าไม่รับแขกก็ตาม

 

          แม้ว่าเมื่อคืนจะกลับมาราวตีสองกว่า อีกทั้งยังดื่มเหล้ากันไปด้วย แต่ทั้งเนและวัฒน์ก็สามารถตื่นและแต่งตัวอย่างเรียบร้อยก่อนหกโมงครึ่งได้ เนมีอาการเมาค้างนิดหน่อย ในขณะที่วัฒน์ดูปกติจนน่ากลัว เด็กหนุ่มเดินตามหลังอีกฝ่ายเพื่อไปยังห้องครัว นึกหงุดหงิดที่ต้องโดนปลุกอย่างรุนแรงอย่างที่มักเป็น แต่ก็ไม่อาจเถียงอะไรมากได้เพราะต้นเหตุก็มาจากตัวเขาที่ดันไปกอดอีกฝ่ายต่างหมอนข้าง

          และเหตุผลที่ยอมทำตัวเรียบร้อยจริงๆไม่ใช่เหตุผลนั้นหรอก...

          “อ้าว ว่าไงจ๊ะสองหนุ่ม”

          หญิงร่างท้วมผู้อาวุโสสุดในบ้านเอ่ยทักเสียงใส วันนี้เกือบทุกคนในบ้านอยู่ในห้องครัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา โต๊ะไม้กลมที่ไว้สำหรับรับประทานอาหารดูเล็กไปถนัดตาเมื่อโดนรายล้อมด้วยคนถึงสี่คน และยิ่งดูแออัดเข้าไปใหญ่เมื่อวัฒน์กับเนลงไปนั่งด้วย

          รุตเพียงแต่พยักหน้าให้และกลับไปสนใจกับการแกะปลาทูอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจเก็บเกี่ยวทุกอณูเนื้อไม่ให้เหลือแม้แต่เศษ ส่วนเอมก็ทักทั้งสองพอเป็นพิธีก่อนที่จะกลับไปทานข้าวอย่างเรียบร้อย จะมีก็แต่แมวที่บริการลดแลกแจกแถมให้กับเนเป็นพิเศษ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มเองก็ไม่ปฏิเสธเสียด้วย

          “นี่ เราน่ะ เป็นสาวเป็นนางทำตัวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” นางติงลูกสาวที่กำลังวางจานข้าวตรงหน้าเน แถมพอมานั่งที่โต๊ะแล้วยังตักหมูผัดขิงให้ด้วย

          “แหม ก็หนูเป็นคนรับใช้ใช่ไหมละคะ นี่ก็เป็นหน้าที่นี่คะ” ปากก็บอกแบบนั้น แต่ทีกับวัฒน์ซึ่งเป็นผู้อาวุโสกว่ากลับต้องทำเองตั้งแต่หยิบจาน “แต่ถ้าพี่เนไม่ชอบ หนูไม่ทำก็ได้นะคะ”

          ทีแรกจะบอกว่า ‘ไม่รังเกียจสักนิดเดียว’ แต่พอเห็นสายตาคมของหนุ่มใหญ่ที่มองมาเหมือนกับกำลังเอือมระอา เขากลับรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนโดนเข็มแทงก็มิปาน

          “เอ้อ...ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะครับ แต่พี่ว่าพี่ทำเองดีกว่า พอดีพี่เป็นคนชอบให้บริการมากกว่าเป็นคนได้รับน่ะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเลี่ยงอย่างสุภาพ แต่ก็ยังรับน้ำใจที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างไม่รังเกียจรังงอน

          “ใช่ ปล่อยให้มันทำเองก็ได้ เดี๋ยวเป็นง่อยกันพอดี” เนื่องจากยังหงุดหงิดจากเรื่องเมื่อเช้า บวกกับภาพที่เนทำตัวสนิทสนมกับปาล์มเกินเหตุยังติดตาไม่หาย อีกทั้งยังจะมากระหนุงกระหนิงกับสาวใช้คนงามของบ้านอีก เลยหลุดพูดออกมาโดยที่ตัวเองไม่ทันคิด

          ทั้งห้องพากันสะอึกเมื่อได้ยินวัฒน์ใช้สรรพนามเรียกเนว่า ‘มัน’ แถมวัฒน์ดูจะไม่สนใจสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะนัก...หรือถ้าพูดให้ถูกคือไม่รู้ตัวมากกว่า เพราะแต่ละคนไม่ได้มองเจ้าตัวตรงๆ สีหน้าของพวกเขาดูจะแปลกใจ หวาดหวั่นและอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเห็นวัฒน์เฉยเหมือนไม่รู้สึกว่าการกระทำเมื่อครู่นั้นเป็นเรื่องเสียมารยาท แต่ละคนก็ยิ่งตีหน้าแหยงเข้าไปใหญ่ราวกับโดนไฟลนก้นแต่ไม่สามารถลุกหนีได้เสียอย่างนั้น พวกเขาไม่เคยเห็นวัฒน์ใช้น้ำเสียงและคำพูดจิกกัดใครแบบออกนอกหน้าเช่นนี้มาก่อน

          แต่ละคนพากันอึกอัก ทำตัวไม่ถูก เที่ยวใช้สายตาเหล่มองกันไปมาเหมือนกับต้องการให้ใครสักคนช่วยทำลายบรรยากาศกดดันนี่

          มีเพียงคนโดนแขวะที่มีอาการต่างออกไปและเป็นอีกคนที่ไม่รู้ตัวเลยว่าคนอื่นกำลังรู้สึกลำบากใจต่อสถานการณ์ในตอนนี้ เนกระตุกเพียงเล็กน้อยเมื่อได้ยิน แม้ริมฝีปากจะเหยียดยิ้มหากแต่คิ้วกลับมุ่นเข้า และเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น “แหม นั่นสินะครับ ขืนเอาแต่ไม่ทำอะไรด้วยตัวเอง มีหวังได้ไร้เรี่ยวแรงจนถือไหวแค่ปืนเท่านั้นแน่เลยนะครับ”

          ถึงจะไม่พูดตรงๆ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเนกำลังด่าวัฒน์ชัดๆ

          หนุ่มใหญ่กัดฟันกรอด สวนกลับอย่างไม่ลดละ “นั่นสิ ก็มีดีแค่แรงเยอะนี่นา ต้องรักษาไว้ให้ดีหน่อย ไม่งั้นก็ไม่เหลืออะไรดีแล้ว”

          “โฮ่ พูดอะไรผิดหรือเปล่า ผมน่ะไม่ได้มีดีแค่แรงสักหน่อย งานที่คุณสอนๆ ผมก็จำได้หมด ให้ทำแทนคุณเลยยังได้” เนเกทับอย่างไม่ยอมน้อยหน้า “ผมว่าคนชราไร้เรี่ยวแรงน่าจะเกษียณตัวเอง แล้วอยู่บ้านนั่งอ่านหนังสือธรรมะหรือทำสวนอยู่กับบ้านน่าจะดีกว่านะครับ”

          “นั่นเพราะมันมีแต่งานง่ายๆ ไม่ค่อยได้ใช้สมองมากกว่า นายถึงได้ทำได้น่ะ แถมเอาเข้าจริง แค่สมาธิที่จะฟังคุณสิทธิ์พูดจนจบยังไม่มี ชีวิตนี้จะเป็นคนติดตามคุณสิทธิ์ได้หรือ ฉันว่าเป็นแค่โล่กันกระสุนยังไม่รู้ว่าจะเป็นได้หรือเปล่า” วัฒน์ยังคงจิกกัดได้อย่างแสบทรวง จนเนถึงกับหลุดสีหน้าหงุดหงิดออกมาให้เห็น “แล้วที่สำคัญ ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นโว้ย! ใช่มั้ยรุต”
         
          อยู่ๆ ก็ดันมาถามหาความเห็นในขณะที่กำลังตะลึงพรึงเพริดกับฉากสงครามน้ำลายตรงหน้า รุตถึงกับผงะพูดอะไรไม่ออก เขายังคงจ้องวัฒน์ที่กำลังรอคำตอบจากเขา จนในที่สุดก็พยักหน้าออกมาให้

          “โด่ ของแบบนี้ คนรุ่นคุณก็คิดเหมือนกันทั้งนั้นล่ะ ใช่ไหมน้องแมว น้องเอม” คราวนี้เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายหาพวกบ้าง

          เด็กสาวทั้งสองเองก็มีอาการไม่ต่างจากรุตนัก พวกเธอมองหน้ากันราวกับกำลังปรึกษากันทางโทรจิต ก่อนที่แมวจะตอบพลางลูบคางตัวเอง “เอ่อ...มันก็มีเป็นห่วงบ้างอยู่....”

          “เห็นมั้ย” เสียงหวานยังตอบไม่จบประโยค เนก็ร้องขึ้นมาราวกับเป็นผู้ชนะแล้ว “อย่างวันก่อน ถ้าผมไม่เป็นคนลุยก่อนละก็ ไอ้เหม่งมหาประลัยนั่นคงเอาหัวล้านโขกคุณทีเดียวตายไปแล้วก็ได้ ไหนจะก่อนหน้านั้นอีก ที่คุณเอาแต่ยืนอยู่ห่างๆ ก็เพราะไม่มีกำลังพอจะลุยเองใช่ไหมละ”

          วัฒน์ถึงกับกัดฟันกรอดเมื่อโดนย้ำซ้ำจุดอ่อนตัวเองไม่เลิก นึกเสียใจอย่างแรงที่ก่อนหน้านั้นดันเผลอไปชมมันได้ “เฮอะ ฉันไม่ใช่พวกดีแต่ใช้กำลังเข้าไปดาหน้าให้บาดเจ็บโดยใช่เหตุนี่ แล้ววันก่อนที่ฉันโดนไม้หน้าสามตีหัวน่ะ ก็เป็นเพราะหมาบางตัวมันมัวแต่เถียงจนไม่ดูว่าศัตรูกำลังเข้ามาทำร้ายใช่มั้ยล่ะ และถึงไม่มีแก ฉันก็จัดการคนเดียวได้โว้ย ขอถามหน่อยเถอะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืนไร้รอยหยักในสมองอย่างแกคนเดียวมีปัญญารับมือกับคนแค่สามสิบกว่าคนได้หรือไง เฮอะ ฉันว่าเตรียมเมรุไว้ให้แกขึ้นดีกว่า ท่าทางคงใช้ก่อนฉันแน่ๆ ”

          “เอ้อ...ฉันว่าถ้าห้าคนขึ้นไปก็เยอะแล้วนะ”

          รุตผงะที่ตัวเองเผลอหลุดปากออกไป เขามองหน้าคนอื่นหวังขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันไรเนก็พูดทับขึ้นมาเสียก่อน

          “โหยอารุต สิบห้าผมก็ยังไหว” พอพูดขึ้นเนก็หน้าเสียเพราะรู้ตัวว่าดันเผยความจริงที่ว่าตนไม่สามารถทำได้อย่างที่วัฒน์พูด

          รอบนี้เจ้าตัวไม่ได้เกทับอะไรออกมาทันที นอกจากยิ้มที่มุมปากแล้วส่งเสียง ‘ฮึ’ ออกมาทีหนึ่ง แต่แค่นั้นก็ทำเอาควันออกหูเด็กหนุ่มได้แล้ว

          “แหม พี่เนนี่เก่งจังเลยนะคะ” แมวรีบพูดเสริมเมื่อเห็นเนตั้งท่าจะว่าวัฒน์ต่อ แน่นอนว่าทำเอาอารมณ์ที่กำลังร้อนดับลงทันควัน จากนั้นเธอก็หันไปหาวัฒน์ ทีแรกรู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย แต่ยอมใจกล้าเอ่ยแซวขึ้น “หนูว่าเกณฑ์ของอาวัฒน์มันออกจะดูหินไปมั้งคะ กะจะให้พี่เนเขาไปเป็นกลาดิเอเตอร์สู้กับเอเลี่ยนได้เลยหรือไงคะ”

          “อะไรกัน ไม่หินซักหน่อย...” หนุ่มใหญ่ร้องตอบอย่างไม่แน่ใจนักพร้อมกับมองคนอื่นราวกับต้องการขอความเห็น แน่นอนว่ามีแต่สายตาคัดค้านส่งกลับมาทั้งนั้น จนวัฒน์ถึงกับตีหน้าเบ้ “ก็หมอนี่เป็นคนติดตามคุณสิทธิ์นะ ก็น่าจะทำได้อย่างที่ฉันว่าสิ”

          ถ้าไม่ใช่อมนุษย์ก็คงต้องเป็นยอดคนกระมัง ถึงจะทำได้อย่างที่คุณลุงหวัง

          “เอาน่าๆ เลิกเถียงกันแล้วรีบกินข้าวดีกว่านะ” นางพยายามดึงให้ทุกคนกลับมาสนใจอาหารตรงหน้า และดูท่าทางจะได้ผลดีมาก โดยเฉพาะสองหน่อที่เพิ่งเถียงกันเสียเมามันและดุเดือดยิ่งกว่าได้ไปดูมวยคู่เอกถึงสนามม้านางเลิ้งก็มิปาน

          พอเห็นเวลาใกล้เจ็ดโมงครึ่ง วัฒน์กับเนก็รีบตั้งหน้าตั้งตาพุ้ยข้าวเข้าปากกันสุดชีวิตทั้งที่วันนี้ไม่ได้ไปทำงาน คนกินน้อยเสร็จก่อนตามประสาและเดินออกจากห้องครัวทันที แถมไม่วายยังหันหน้ามายิ้มที่มุมปากดั่งผู้ชนะใส่เนอีก และนั่นทำให้คนอื่นที่พากันมองตามหลังวัฒน์เป็นตาเดียวจนเนถึงกับมองไปด้วย

          “เป็นอะไรกันหรือครับ” เด็กหนุ่มหันมองแต่ละคนที่ต่างมีสีหน้านิ่งเรียบ และเริ่มรู้สึกอึดอัดเมื่อโดนจ้องบ้าง

          “เน” อยู่ๆ รุตก็ตบบ่าทั้งสองพร้อมกับบีบเสียแน่น สีหน้าดูขึงขังจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “วัฒน์เป็นแบบนั้นกับเธอบ่อยหรือเปล่า”

          เจ้าตัวเลิกคิ้วทำหน้าเหรอหราอยู่พักใหญ่ ยังคงไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงสิ่งใด จนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคนอื่นคงไม่เคยเห็นวัฒน์แสดงอาการเช่นนั้นมาก่อนเป็นแน่ แต่ละคนทำหน้าเหมือนกับเพิ่งได้เห็นยูเอฟโอบินผ่านหน้าบ้านก็ไม่ปาน

          “เป็นประจำครับ” เนื่องจากไม่รู้จะปิดบังไปทำไม เนจึงเผยความจริงแบบไม่คิดหมกเม็ดแต่อย่างใด และอาจเพราะเมื่อครู่เถียงแพ้ เลยถือโอกาสเผาไปด้วยเสียเลย “แค่เนี้ย ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ทั้งหาเรื่องแกล้งผมสารพัด จิกกัดสับแขวะอย่างกับเกลียดผมมาเป็นชาติยังไงยังงั้นล่ะ”

          จริงๆ ก็รู้อยู่หรอกว่าเพราะอะไรบ้าง...แต่ใครมันจะบอกกัน โดยเฉพาะไอ้เรื่องที่(เข้าใจผิดไปว่า)วัฒน์เป็นหนอนบ่อนไส้น่ะ ดูท่าทางแต่ละคนในนี้จะคิดเพียงแค่ว่าวัฒน์เป็นคนเก่าคนแก่ที่จริงจังและภักดีต่อเจ้านายเท่านั้นเอง

          จบความคนใช้ทั้งสี่ต่างพากันมองหน้ากันราวกับกำลังปรึกษา ก่อนที่รุตจะเป็นคนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

          “แล้วเธอเกลียดวัฒน์เขาหรือเปล่า”

          ร่างของเด็กหนุ่มกระตุกเสียจนคนถามผงะ ดวงตาเรียวเบิกกว้างเสียจนน่ากลัว ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอที่ฟังแล้วชวนให้ผวานักกว่าเดิม

          “หึๆ ๆ  อารุตพูดอะไรของอาน่ะ...ผมน่ะเข้าใจว่าคนพออายุมากเข้าก็เป็นงี้กันทุกคนล่ะ” เขาตอบโดยลืมไปเสียสนิทว่าคู่สนทนาเองก็อายุไล่เลี่ยกับคนที่ถูกพูดถึง “ผมอาจจะไม่ชอบที่โดนว่า แต่ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่ได้เกลียดอะไรหรอก”

          ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่าก่อนหน้านั้นในหัวมันคิดว้าวุ่นไปหมดตอนที่โดนถาม ทีแรกเขาตั้งใจจะเอ่ยปากว่า ‘เกลียด’ อย่างชัดถ้อยชัดคำแท้ๆ  แต่พอคิดว่าตอนนี้ตัวเอง(เข้าใจว่า)โดนเกลียดอยู่แล้ว ไอ้ที่อยากพูดก็ดันพูดไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          “ถ้าอย่างนั้น ฉันฝากให้เธอช่วยอยู่ข้างๆ วัฒน์แบบนี้ให้นานที่สุดได้ไหม”

          “หา!!” ไม่ร้องเปล่าแต่เด็กหนุ่มยังหน้าแดงเรื่อขึ้นมาด้วย เพราะดันเข้าใจเลยเถิดไปไกลกว่าที่อีกฝ่ายตั้งใจ ยังดีที่คนอื่นไม่ได้สังเกตอาการที่ไม่ควรจะมี อีกทั้งเนพาตัวเองกลับขึ้นฝั่งมาได้เร็ว เลยไม่ต้องโดนสงสัยว่าทำไมต้องเขินขนาดนี้

          “มันอาจจะไม่ดีต่อเธอ แต่พวกฉันคิดว่าวัฒน์เป็นแบบนั้นดีกว่าที่เป็นอยู่เยอะเลยล่ะ” หนุ่มใหญ่บอกเหตุผล โดยมีทัพสามสาว(?)คอยพยักหน้าสนับสนุน

          “ดียังไงครับ” เขาเห็นวัฒน์เอาแต่ จิก ด่า เหน็บขนาดนั้น นั่นไม่ใช่พฤติกรรมน่าชื่นชอบสักนิด ถ้าเป็นตอนที่อยู่กับคนอื่น ยังจะดูน่ารักเสียกว่า...

          ....................................ไม่นะ!!!! ตูไม่ได้ตั้งใจจะใช้คำนั้นสักหน่อย!!! หมายถึงดูเรียบร้อย น่าเกรงขามต่างหาก!!! แค่เผลอใช้คำผิด....ใช่! ใช้คำผิดโว้ย!!!! ไม่ได้คิดว่าตาลุงนั่นน่ารักซักนิดเดียว

          “ก็แหม ปกติอาวัฒน์เขาคุยด้วยยากจะตาย บางทีคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้” เด็กสาวบอกเสียงใสพร้อมกับยิ้มหวานให้ “แต่พออยู่กับพี่เน อาวัฒน์เขาดูเปิดเผยดีออก...คิดอะไรก็พูดตามตรง แถมยังแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนด้วย ถ้าถามหนูนะ หนูชอบท่าทางของอาวัฒน์ตอนอยู่กับพี่เนมากๆ เลยล่ะค่ะ”

          “เพราะฉะนั้น เธอเป็นความหวังของพวกฉันนะ...อย่างน้อยช่วยอยู่จนกว่าวัฒน์จะเป็นคนแบบนั้นโดยปกติก็ยังดี”

          เล่นขอร้องกันยกกลุ่มแบบนี้...แถมยังมีคนขอเป็นสาวน้อยหน้าแฉล้มอีก คนใจไม่แข็งเท่าไหร่อย่างเขาจะกล้าปฏิเสธลงหรือ


_______________________________

ใกล้ละๆ ><
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-05-2015 15:10:57
 :z13: มาจิ้มด้วยความดีใจ  :z2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 24-05-2015 15:16:06
อ๊าาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-05-2015 15:27:31
โอ๊ยซึนจนน่าหมั่นไส้ทั้งคู่เรยอ่ะ
แต่อ่านๆไปมันก้อหวานแบบแปลกๆดีนน๊าาาาา
ลุ้นให้เลิกปากแข็งกันซะที อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-05-2015 17:05:22
ซึนอีกละพวกนี้ 5555+
รอวันที่พวกนี้จะเลิกปากแข็งสักที แล้วให้อย่างอื่นแข็งแทน แค่ก! เปล่าพูดอะไรนะเมื่อกี้ -.-; //โปรดข้ามเม้นนี้ไป
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 24-05-2015 17:49:41
ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดๆเข้าไปอีกหน่อย :oo1: เป็นกำลังจายยย ห้ายยยย น้าาาา ตัวววว เอ๊งงงงงงง :katai3: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 24-05-2015 18:55:21
เถียงกันอย่างกับแฟน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 23 (24/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 24-05-2015 19:28:05
แหม...ไม่รู้ซะแล้ว ทะเลาะแบบนี้น่ะ ต้องให้พวกเขาคืนดีกันบนเตียงสิ ฮุฮุ มีชีวิตชีวาสุดๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 25-05-2015 09:12:56
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 24


          อันที่จริงวันนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่เพราะคุณเจ้านายแสนดีเป็นผู้สั่ง วัฒน์จึงต้องยอมทำตามอย่างเสียมิได้ แต่กระนั้นเขาก็ได้โทรไปสั่งงานเลขาของตนไว้เรียบร้อย หลังจากวางหูไปแล้วหนุ่มใหญ่ก็เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ดวงตาคมเหม่อมองไปยังโต๊ะที่ว่างเปล่า พอไม่มีงานแล้วเขาก็นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี

          อยาก...

          วัฒน์สะดุ้งจนเด้งขึ้นมาจากเก้าอี้ ดวงตาเรียวเบิกโพลงจนเหมือนจะหลุดจากเบ้า เขาไม่อยากเชื่อความคิดที่หลุดจากสมองเมื่อครู่เลยสักนิด หนุ่มใหญ่รีบชิ่งเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกที่อ่างแล้วสาดน้ำเข้าหน้าหลายต่อหลายครั้งเหมือนคนบ้า จนอาการร้อนรนไหลไปพร้อมกับสายน้ำ สายตาเลื่อนมองกระจกตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่ นึกตำหนิตัวเองที่เผลอคิดเรื่องที่ไม่สมควรคิดที่สุดออกมาเสียได้

          นี่เราอยากจะทำกับมันงั้นเรอะ

          ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเอาหัวลงไปโขกกับขอบอ่างล้างมือให้รู้แล้วรู้รอด และยิ่งอยากร้องไห้สุดๆ เมื่อไอ้ตรงช่วงล่างเจ้ากรรมดันมีปฏิกิริยากับความคิดเมื่อครู่เสียได้

          “โธ่เว้ย” เขาอดสบถไม่ได้ พอหน้าของคนต้นเรื่องลอยขึ้นมาเขาก็เผลอขยี้หัวตัวเองเสียจนยุ่ง วัฒน์พยายามสงบจิตสงบใจและกล่อมอารมณ์ตัวเองให้มอดลง จากนั้นก็จัดการแต่งตัวให้เข้าที่ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ “อ๊ะ”

          เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเห็นร่างบางของเด็กหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนเตียง และนั่นพานให้เขาคิดถึงเรื่องสัปดนที่ตนพยายามลืมขึ้นมาอย่างที่ไม่ควร

          “เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...” วัฒน์เอ่ยถามเสียงเรียบ แล้วรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูบนราวแขวนที่อยู่ข้างประตูขึ้นมาเช็ดหน้า กลัวสีหน้าของตัวเองในยามนี้เสียเหลือเกิน

          เนนิ่วหน้ามองด้วยความสงสัย “ก่อนที่คุณจะร้องว่า ‘โธ่เว้ย’ ”

          ฟังแล้ววัฒน์นึกอยากกระโดดตึกเลยทีเดียว

          “อ๋อ งั้นหรือ...” เขาพยายามทำเสียงนิ่ง แล้วทำทีไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน หันหลังให้เพราะไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ  “วันนี้ว่าง นายอยากจะไปไหนก็ไปได้นะ”

          “แล้วคุณล่ะ”

          ทีแรกวัฒน์เกือนจะตอบไปแล้วว่า ‘ไม่ใช่ธุระของนาย’ แต่พอนึกได้ว่าที่อีกฝ่ายถามคงเพราะคิดว่าถ้าเขาคิดจะทำงาน คงไม่อยากปล่อยให้ตนอยู่ลำพัง

          “ฉันก็ว่าง กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรดี” หนุ่มใหญ่ตอบตามตรงพร้อมกับหันหน้ามามอง พยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

          คราวนี้เด็กหนุ่มนิ่งไปนานมากจนวัฒน์ถึงกับต้องหันมามองอีก สีหน้าของเนดูเหมือนคนกำลังคิดไม่ตกยังไงยังงั้น

          และความจริงก็เป็นเช่นนั้นนั่นล่ะ ที่เนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นก็เพราะกำลังนึกหาคำพูดดีๆ ที่จะขอขึ้นเตียงกับคนตรงหน้าไม่ออกอยู่

          ‘ผมอยากล่ะ มาเอากันเถอะ’ นี่ก็ตรงไป ‘งั้นวันนี้ก็ว่าง คุณก็ไม่มีอะไรทำ งั้นเรามาทำกันมั้ย’ ...ไอ้นี่ก็ฟังแล้วเหมือนแฟนคุยกันยังไงก็ไม่รู้โว้ย แถมฟังไปฟังมาก็เหมือนเราอยากทำกับลุงแกยังไงก็ไม่รู้...

          “....จำสัญญาได้ไหม”

          ได้ยินแล้วหน้าก็ร้อนวูบเสียจนเหมือนโดนไฟลนก็ไม่ปาน แต่วัฒน์ก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อืม ทำไม”

          เงียบต่อไปอีกราวสามสี่นาที แล้วเนก็ลุกพรวดขึ้นมา “ก็แค่ถามดู”

          จบประโยคก็ผลุนผลันเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้คนแก่กว่าได้แต่มองตามหลังด้วยความสงสัย

          แต่นึกงงอยู่ครู่เดียวก็ออกอาการซึมอย่างโจ่งแจ้ง เพราะเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกแย่ที่สุดต่อสัญญาบ้าบอนั่น ถึงขนาดทนเห็นหน้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

          ความเป็นจริงก็คือ เนเขินที่จะเอ่ยขอจนไม่กล้าทนมองหน้าวัฒน์ อีกทั้งอาวุธคู่ใจมันดันตื่นขึ้นในตอนที่เขากำลังจะอ้าปากขอนั่นล่ะ ถึงได้รีบแจ้นเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

          อ๊ากกก เอาไงดีวะ

          อยู่ๆ เขาก็ชะงักนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนที่จะลุกกลับออกไปด้านนอก ซึ่งวัฒน์ที่กำลังจ้องมาทางห้องน้ำอยู่ถึงกับสะดุ้งจนหันกลับโต๊ะไม่ทัน

          “คุณวัฒน์” น้ำเสียงนั้นนิ่งผิดปกติจนน่าสงสัย แต่พอหนุ่มใหญ่สังเกตเห็นเบื้องล่างของเด็กหนุ่มที่ล่อนจ้อนออกมาเขาก็หน้าตื่น ยิ่งเห็นไอ้ที่ไม่น่าเห็นแล้วยิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ และยังไม่ทันที่วัฒน์จะร้องถาม เนก็รีบชิงจังหวะก่อนที่จะเสียโอกาส “มันไม่ยอมลงสักที ถ้าเป็นแบบนี้ผมคงออกไปข้างนอกไม่ได้...”

          เขาก็อยากจะถามกลับว่า ‘แล้วมาบอกทำไม’ อยู่หรอก แต่พอนึกถึงสัญญาขึ้นมาแล้ววัฒน์ก็สำนึกได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ และนั่นทำให้เขาถึงกับทำหน้าไม่ถูก เพราะกำลังสรรหาคำตอบรับดีๆ ที่ฟังแล้วเหมือนเขาไม่ได้อยากทำเรื่องอย่างว่ากับเด็กหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย

          “จะทำใช่ไหมล่ะ รู้แล้วๆ ” กำลังรออยู่...เอ๊ย! เกือบหลุดปาก

          ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับว่าไม่อยากทำอย่างแรง บวกกับวัฒน์เดินมาทิ้งตัวลงเตียงจนเสียงดัง เนก็รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายขึ้นมาตงิดๆ  เขากำลังรู้สึกผิดและแย่ที่ต้องบากหน้าขอทำทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายเกลียดตนอยู่แท้ๆ  เจอกวนโมโหเข้าถึงกับหายหวั่นเป็นปลิดทิ้ง

          “ดีครับดี งั้นก็รีบๆ ทำ จะได้เสร็จๆ ซักที” ปากก็บอกแบบนั้น แต่อันที่จริงในใจเนก็รู้ตัวดีว่าเผลอๆ อาจจะเพลินทั้งวันจนต้องโดนบอกห้ามเป็นแน่

          ยังไม่ทันที่วัฒน์จะรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดเหล่านั้น เขาก็โดนอีกฝ่ายผลักลงนอนเสียก่อน คนโดนกดพยายามดิ้นหนีตามสัญชาตญาณด้วยความตกใจ แต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะยอมให้เนื้อที่หวังกินตั้งนานหลุดจากมือ เขาเองก็เตรียมการไว้สำหรับเวลานี้อยู่แล้ว

          “เฮ้ย!” วัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่อเนปลดเข็มขัดเขาออกมาหมายจะพันธนาการมือทั้งสองของตน

          “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ช่วยทนอยู่นิ่งๆหน่อยจะได้ไหมครับ” เนพยายามทำเสียงให้ฟังดูเบื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาอยากให้อีกฝ่ายเลิกดิ้นยั่วอารมณ์เขาสักที แค่นี้เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองจะพอใจแค่สองสามรอบ

          อันที่จริงหนุ่มใหญ่ก็ไม่อยากเสียเวลานักหรอก แต่พอนึกว่าถ้ายอมให้ทำง่ายๆแล้ว ก็กลัวเด็กหนุ่มจะคิดว่าเขากระสันจนตัวสั่นอยู่น่ะสิ

          “ระ...รู้แล้วน่า แต่ฉันแค่อยากจะทำใจก่อน...” วัฒน์ละล่ำละลักบอกทั้งที่อารมณ์พุ่งเสียจนห้ามไม่อยู่แล้ว

          และเนเองก็เช่นกัน

          “จะเสียเวลาทำไม รีบๆทำจะได้จบๆเรื่องไง” พอเครื่องติดเด็กหนุ่มก็ไม่อยากหยุดคิดเรื่องอื่นให้เสียเวลา เขาประกบปากโดยไม่รีรอเมื่อเห็นวัฒน์ตั้งท่าจะเถียง ความรู้สึกที่สู้เก็บกดมานานก็ปล่อยทะลักใส่อย่างไม่มีการเห็นใจแต่อย่างใด ริมฝีปากบดเบียดเข้าหาอย่างรุนแรง ราวกับต้องการเก็บเกี่ยวสิ่งที่อดรอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะโอกาสเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆ

          วัฒน์เองก็ใช่ว่าจะถอยหนีอย่างที่ทำเมื่อครู่ เขาเองก็รอสิ่งนี้อยู่นานแล้ว พอโดนรุกใส่เลยปล่อยเลยตามเลยและตอบกลับอย่างโหยหา ลืมความหวาดหวั่นเสียสิ้น เสียงครางบ่งบอกความพึงพอใจจากทั้งสองฝ่ายดังเครือออกมาเป็นระยะและเนิ่นนาน จนกระทั่งคนรุกเป็นฝ่ายถอนตัวออกมาเอง

          เนไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นหน้าตัวเองนัก เขามั่นใจว่าตอนนี้สีหน้าตัวเองต้องดูพอใจกับเหตุการณ์เช่นนี้อยู่เป็นแน่ เลยรีบดำเนินการต่ออย่างทันท่วงที

          “อ๊ะ” วัฒน์ร้องเสียงตื่น มือหนาพยายามเข้าห้ามทั้งที่ไม่อยาก แต่เพราะรู้สึกดีเกินไป จนเขากลัวว่าถ้าขืนอีกฝ่ายยังกระทำเช่นนี้ต่อ มีหวังเขาได้วิ่งเข้าเส้นชัยก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมจริงๆแน่ และถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริง ก็โดนรู้กันพอดีว่าตัวเองรื่นรมย์แค่ไหนที่ได้นอนด้วย

          “อะไร” พอโดนขัดก็ส่งเสียงใส่อย่างไม่พอใจจนชวนผวาออกมา เนปัดมือวัฒน์ออกแล้วตรงเข้าที่ซอกคอเล็ก ลิ้นอุ่นหนาลากไล้ไล่วนก่อนจะขบเม้มด้วยความมันเขี้ยว

          “เดี๋ยวสิ...ขืนทำแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นรอยหรอก” หนุ่มใหญ่ละล่ำละลัก ถ้าความสุขต้องแลกมาด้วยการนั่งตอบคำถามที่ชวนกระอักกระอ่วน เขายอมตัดใจดีกว่า แม้ตอนนี้จะชักลังเลแล้วก็ตาม

          เนชะงักเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้เสี่ยงต่อการโดนคนอื่นเห็นเป็นอย่างมาก เลยยอมตัดใจ...ลงไปหาเนินอกด้านล่างแทน

          มือหนาแกะกระดุมเสื้ออีกฝ่ายออกอย่างทุลักทุเล รู้สึกไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นักเพราะปกติปลดเป็นแต่กระดุมเสื้อผู้หญิง เลยใช้เวลานานกว่าปกติที่ควรจะเป็น...และยิ่งนานกว่าเก่าเมื่อตัวเองก็ตื่นเต้นเสียจนลน เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างกังขา

          “มองอะไร” เด็กหนุ่มพยายามมุ่นหน้าให้ดูหงุดหงิดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่จริงรู้สึกเขินจนแทบจะระเบิดตายอยู่แล้ว

          วัฒน์มุ่นคิ้วกลับ ขยับปากเหมือนจะเอ่ยคำพูด แต่กลับไร้ซึ่งประโยคใดๆดังออกมา ก่อนจะเบี่ยงหน้าไปอีกทาง “เปล่า”

          เขาเก็บความสงสัยไว้ในใจ ปกติถ้าแค่อยากทำ ก็ไม่เห็นว่าเนจะต้องมานั่งเสียเวลาเล้าโลมให้เขามีอารมณ์ร่วมไปด้วยสักหน่อย แถมเมื่อครู่ก็บอกเสียชัดว่าจะรีบๆด้วย

          แต่พอคิดว่าถ้าถามไปแล้วอีกฝ่ายอาจจะรีบรวบรัดตัดบทข้ามขั้นตอนไปจริงๆ ก็อดนึกเสียดายไม่ได้ เลยได้แต่บ่ายหน้าเอาความอายหนีไปทางอื่นเสีย ปล่อยให้เด็กหนุ่มทำตามใจชอบ

          แม้แต่ตัวเนเองยังแปลกใจที่ตื่นเต้นกับการมองเรือนร่างของอีกฝ่าย ซึ่งดูไม่ต่างจากของตัวเองเลยสักนิด ถึงวัฒน์จะอายุย่างเข้าสี่สิบแล้ว แต่ผิวกายที่ออกสีแทนเล็กน้อยกลับตึงแน่นน่าสัมผัส เอวที่บางเล็กพอๆกับของตนแลดูบอบบางน่าทะนุถนอมกว่าตาเห็น ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มหลุดครางออกมาก็ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกจนพลุ่งพล่านไปหมด จนนึกอยากแกล้งให้ร้องจนสาแก่ใจขึ้นมา

          “อื๊อ” วัฒน์เผลอกรีดเสียงออกมาเมื่อโดนปลายลิ้นอุ่นหยอกเย้ากระเซ้ายอดอก แม้จะพยายามกลั้นเสียงเอาไว้แค่ไหน สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่แรงตัณหาของอีกฝ่าย...ยิ่งเขาต่อต้านด้วยการนิ่งเงียบเนก็ยิ่งรุนแรงใส่ด้วยการขบกัด อีกทั้งยังโดนมือลูบไล้ทั้งหน้าหลังเร่งเร้าอารมณ์ไม่หยุด และเมื่อไม่อาจขืนหนีจากอีกฝ่ายได้ หนุ่มใหญ่จึงได้แต่ส่งเสียงออกมาอย่างจำยอม

          “ผม...ทำเลยนะ” หลังจากเพลิดเพลินจำเริญใจกับเสียงคราง เด็กหนุ่มก็เอ่ยกระซิบถามเสียงแหบพร่า

          ใบหน้าแดงระเรื่อเลื่อนลงมองด้านล่างทั้งของตนและอีกฝ่ายซึ่งดูพร้อมทำการเต็มที่ วัฒน์มุดหน้าหลบพร้อมกับพยักหน้าให้ “อย่าลืมข้อตกลงด้วยล่ะ”

          “ครับๆ” ทั้งที่กำลังรู้สึกดีอยู่แท้ๆ พอโดนเตือนขึ้นมาถึงกับนิ่วหน้าใส่ ความรู้สึกเห็นใจที่ตนเผลอแกล้งอีกฝ่ายเสียสนุกพลันมลายหายสิ้น รอยยิ้มผุดพรายเผยขึ้นอย่างเชื่องช้าและเจ้าเล่ห์ เนปล่อยให้อีกฝ่ายนอนมุดอยู่เช่นนั้น ส่วนตนก็เอื้อมขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ที่ตนเก็บไว้ในลิ้นชักข้างที่นอน

          วัฒน์สะดุ้งเมื่อโดนความเย็นกระทบเข้าส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเต็มที่ แต่ก็พยายามหลับหูหลับตาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ เขารู้ตัวดีว่าใบหน้ายามนี้ของตัวเองคงดูพึงพอใจต่อสภาพในยามนี้เป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าโดนเห็นแล้วต้องรู้ทันทีแน่

          นิ้วเรียวลากไล้เล้าโลมท่อนเนื้อของอีกฝ่ายอย่างเบามือตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางและวนอยู่อย่างนั้นจนร่างตรงหน้าสั่นระริก รู้สึกสนุกเมื่อเห็นอีกฝ่ายกระตุกเพราะโดนสัมผัส อันที่จริงเขาอยากจะเล่นต่อให้นานกว่านี้ แต่เพราะความอยากในกายเร่งเร้าให้เขาปลดปล่อยเสียที จึงต้องยอมยกยอดทั้งหมดไว้ยกที่สองแทน

          “อ๊า” คนนอนอยู่ร้องเสียงหลงเพราะอีกฝ่ายแทรกนิ้วเข้ามาอย่างรวดเร็ว และยังไม่ทันได้เตรียมใจ เนก็ใส่นิ้วที่สองเข้ามาทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องแม้แต่น้อย...อันที่จริง เขาต้องการแบบนี้อยู่แล้วต่างหาก

          เพียงไม่นาน นิ้วก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่หนาและใหญ่กว่า วัฒน์สะดุ้งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมกำลังจะเข้ามาในกาย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะขืนตัวออก มือของเด็กหนุ่มก็จับเอวเขาไว้เสียก่อน
         
          “ช่วยให้ความร่วมมือกันหน่อยได้มั้ย” เนเอ่ยเสียงดุพร้อมกับดันตัวเองเข้าไป วัฒน์ถึงกับนิ่วหน้าพร้อมกับร้องครางออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว

          “พยายามอยู่” พยายามที่หนุ่มใหญ่บอกไปคือ พยายามขัดขืนให้ดูเหมือนไม่อยาก เพราะที่เหลือคือร่วมมืออย่างเต็มใจเต็มกายน่ะสิ

          เนไม่ว่าอะไรต่อ เขาดันตัวเองเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า แรงบีบรัดกระตุกขึ้นทุกคราที่เขาเคลื่อนตัว ดวงตาเรียวปรือมองอีกฝ่ายที่ยังคงมุดหน้าเข้าที่นอน รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเผยสีหน้าพอใจออกมา...แต่อีกใจกลับรู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเหมือนไม่อยากมองหน้าเขาขนาดนั้น

          และทั้งที่ไม่พอใจ แต่ท่าทีเหล่านั้นกลับกระตุ้นตัณหาในกายให้พลุ่งพล่านจนฉุดไม่อยู่

          เสียงกรีดร้องเล็กดังขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มขยับตัวเสียแรงชนิดที่ไม่มีการเห็นใจใดๆทั้งสิ้น วัฒน์กัดปากแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้เสียงหลุดออกมา ความรู้สึกเสียวซ่านที่แล่นผ่านเข้ามายังร่างกายนั้นรุนแรงเสียจนเขาแทบคลั่ง จนในที่สุดทำนบที่สู้อดกลั้นไว้อยู่นานก็พังทลายลงมาจนได้

          “ผม...บอกไว้ก่อน...ว่า...รอบเดียวไม่จบหรอกนะ...” เสียงทุ้มกระซิบดังอยู่ข้างหูพร้อมกับเร่งเร้าจังหวะให้เร็วและหนักกว่าเดิมทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายเสร็จไปแล้ว ในตอนนี้เขาไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดนอกจากการปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองให้ถึงจุดที่ต้องการ “ถ้าผม...เล่นจนคุณหมดแรงก็อย่าว่ากันล่ะ...”

          ตอนนี้วัฒน์ไม่ได้ฟังที่เนพูดเลยแม้แต่คำเดียว ความรู้สึกสุขสมที่ถึงฝั่งฝันยังคงแล่นพล่านอยู่ทั่วร่างจนเขาหัวหมุนไปหมด มือทั้งสองพยายามดันอีกฝ่ายออกเพราะทนต่อไปไม่ไหว แต่มีหรือที่เด็กหนุ่มจะยอม ยิ่งโดนขัดขืนกลับรังแต่จะโดนกลับมาหนักกว่าเก่า เมื่อไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านหนุ่มใหญ่จึงได้แต่ร่ำร้องดิ้นขลุกอยู่บนเตียง

          “ฉัน...” วัฒน์พยายามจะเอ่ยห้าม แต่สุดท้ายคำพูดกลับโดนกดกลับลงคอไปหมด เหลือเพียงเสียงร้องครางที่แล่นออกมาแทน มือที่พยายามผลักร่างอีกฝ่ายออกจนถึงเมื่อครู่เปลี่ยนมาจิกเล็บใส่ราวกับช่วยระบายสิ่งที่อัดอั้นในกายออกไปได้
         
          แม้จะรู้สึกเจ็บ แต่เนก็ไม่ได้ต่อว่าหรือห้ามแต่อย่างใด เขาปล่อยให้อีกฝ่ายฝากรอยแผลไว้บนไหล่ตนตามใจชอบ ดวงตาเรียวเลื่อนมองใบหน้าของอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้ผละออกมาจากที่นอนแล้ว สีหน้าของวัฒน์บิดเบี้ยวคล้ายคนกำลังทรมาน และนั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน

          “อึก” ร่างของวัฒน์กระตุกขึ้นอย่างรุนแรง ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นภายในได้รับการปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง หนุ่มใหญ่รู้สึกโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายหยุดเสียที ถ้าขืนเนยังทำต่อไปมากกว่านี้แล้วละก็ เขากลัวว่าครั้งหน้า ตัวเองจะกลายเป็นฝ่ายอยากทำก่อนเพราะติดใจจนทนไม่ไหวเป็นแน่

          เด็กหนุ่มค่อยๆถอนตัวออกมา ใบหน้าชื้นเหงื่อดูนิ่งจนเหมือนไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ได้รับนัก เมื่อเห็นดังนั้นแล้ววัฒน์ก็อดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ ที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเหมือนกับตน

          เนใจหายขึ้นมาเมื่อเห็นวัฒน์ดูจะไม่ได้มีความสุขนักทั้งที่ตัวเขาสดชื่นและรู้สึกดีสุดๆ แต่เขาก็ไม่อาจนึกโวยวายมากได้

          ก็ไปฝืนใจ ใครมันจะไปชอบกัน

          “ยังไหวหรือเปล่า” เด็กหนุ่มถามเสียงค่อย เมื่อเห็นหนุ่มใหญ่ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ถึงจะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่แต่เขาจำเป็นต้องถามเพราะตัวเองยังไม่สาแก่ใจ ถึงแม้ว่าวัฒน์จะตอบว่าไม่ไหว เขาก็คงไม่คิดหยุดอยู่แล้วก็ตาม

          วัฒน์เกือบจะหลุดปากไปว่า ‘ไหว ต่อเลยๆ’ ไปแล้ว ดีที่สติรั้งไว้ทัน เขาเลิกคิ้วให้เล็กน้อยเมื่อเห็นเนกำลังตระเตรียมพร้อมลุยต่ออีกรอบ...หรือหลายๆรอบ ซึ่งมันบอกอย่างแม่นมั่นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ วัฒน์หันมองไปยังอีกทาง ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกอับอายเพราะดีใจที่ไม่ได้จบเพียงแค่นี้

          “จะทำต่อก็รีบทำเถอะ”


___________________________________

แม้จะตั้งแง่และซึนกัน ก็ยังสามารถกันได้ ฮา

ไม่รู้จะเรียกว่าคืนดีได้ไหม ถึงจะอยู่บนเตียงก็เถอะ =3=
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 25-05-2015 09:38:58
 :haun4:   :jul1:
ต่างฝ่ายต่างต้องการซึ่งกันและกัน แต่ปากเนี้ยจะแข็งไปไหน อย่างอื่นแข็งสู้แล้วนั้น
เฮ้อ... ฟอร์มนิวางๆ กันบ้างเถอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: jirojiro ที่ 25-05-2015 09:48:11
โอ้ย ฟินมากกกก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-05-2015 10:10:08
ไม่อยากจะทำกันเลยยยยย
ไม่มีอารมณ์กันสักกะติ๊ดดดดด
5555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-05-2015 10:42:12
ขำอีกแล้ว 5555555555555+ >O<
พวกนี้นี่มันอะไรกันเนี่ย คิดเหมือนกันแท้ๆ แต่ไม่มีใครยอมพูด และก็คิดเองเออเอง เดาไปเองกันหมด! -0-!
จงพูดความจริงออกมา~ พูดความจริง~ (ร่ายมนต์)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-05-2015 11:18:53
ซึนไปแล้วนะ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 25-05-2015 13:06:24
 :haun4: :haun4: :haun4: จะสงสารใครดีว๊าาา..สงสารวัฒน์ที่อยากแต่ก็ห้ามแสดงออก..หรือสงสารเนที่จะลงแดงตายแต่ก็ไม่กล้า.. :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 25-05-2015 13:39:01
กระอักความฟินกันเลยทีเดียวสำหรับตอนนี้ ตอนหน้าจะเล่นกี่ยก ใครจะฟ้าเหลืองก่อนกัน ต้องเตรียมนั่งหน้าจอสินะ ฮากับมุขขอขึ้นเตียง แล้วมุขหน้า เนจะชวนอาวัฒน์ขึ้นเตียงยังไงเนี่ย เหอเหอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 25-05-2015 18:48:19
ท่ามากจริงๆๆๆ



อยากก็พูดๆๆไปเหอะ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 25-05-2015 19:05:54
 พยายามขัดขืนให้ดูเหมือนไม่อยาก...<<< คืออะไรคะลุ๊งงงงง :haun4: จะตั้งแง่กันไปถึงเมื่อไรเล่าท่านทั้งสอง รักก็บอกรัก ชอบก็บอกชอบ อยากก็บอกอยากสิค้า จะรออะไรช้าอยู่ไย  :hao6:  เป็นกำลังใจให้น้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mcooky ที่ 25-05-2015 19:15:39
ซึนกันจริงๆครูนี้ ถ้าอยากก็บอกเขาปายยย :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-05-2015 19:17:46
 o22 เวลาแบบนี้ยังจะสามารถซึนกันได้อีก ข้าน้อยขอคารวะ 1 จอก

ต่อกันยาวๆ เลยเน ทิชชู่พร้อม  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-05-2015 21:17:36
เฮ้อ   :เฮ้อ:  ดาวจะไม่ทน อะไรก็ไม่รู้ ต้องให้ตายกันไปข้างละมั้งถึงจะยอมรับใจตัวเอง  แยกห้องเลยมั๊ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 25-05-2015 22:37:40
จะซึนไปหนายยย ย ยย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 24 (25/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 25-05-2015 22:58:22
ปากแข็งทั้งคู่เลยนะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 26-05-2015 09:13:22
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 25


          ไอ้รู้สึกผิดกับละอายมันก็มีอยู่หรอก แต่ปัญหาคือมันรู้สึกดีจนเผลอใจอยู่ร่ำไปนี่น่ะสิ

          แม้สายตาจะมองเอกสารในมือ แต่ภายในใจของหนุ่มวัยสี่สิบกลับว้าวุ่นไปหมด ยิ่งพอนึกถึงต้นเหตุที่นั่งอยู่ใกล้ๆแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังจะกระอักเลือดออกมายังไงยังงั้น วันก่อนถ้าไม่ใช่เพราะแมวมาเคาะเรียกไปทานอาหารเย็นล่ะก็ มีหวังเขาได้เล่นผีผ้าห่มกับเนจนลืมเวลาเป็นแน่

          ถ้าเพียงแต่หมอนี่ไม่ใช่ลูกน้องไอ้เดชล่ะก็...

          คิดถึงแค่นั้นก็ต้องรีบหยุด เพราะรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และต่อให้เนไม่ใช่(ซึ่งก็ไม่ใช่นั่นล่ะ)ลูกน้องของเดชจริงๆ อุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อมาที่น่ากลุ้มนั่นก็คือการที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่อ่อนคราวลูกอีก อีกทั้งวัฒน์เองก็มั่นใจว่า ที่เด็กหนุ่มทำกับเขาเพียงเพราะระบายความอยากเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกนอกเหนือไปจากนั้นแน่

          และเขาก็คิดว่าตัวเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน...ที่เผลอคิดไปนั่นก็แค่รู้สึกนึกเสียดายนิดหน่อยถ้าถึงเวลาที่ต้องยกเลิกสัญญาก็เท่านั้นเอง...ไม่ได้คิดเกินเลยอะไรสักนิด!

          ยิ่งพอนึกถึงประชุมที่จะมีในคืนนี้เขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวและหงุดหงิด เพราะต้องไปเจอกับคนที่เขาอยากจะมอบลูกตะกั่วฝังหัวให้เป็นที่สุด...คิดแล้วก็นึกแค้นขึ้นมาจนอยากจะลุกออกไปยิงเจ้าตัวเสียเดี๋ยวนี้เลย

          ทั้งหมดก็เป็นเพราะมันนั่นล่ะ!! ไอ้เดช!

 

          เนชักรู้สึกสับสนตัวเอง ปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกอยากนอนกับใครสักคนมากเท่านี้เลย...แถมยังสลัดอีกฝ่ายไม่หลุดจากความคิดเสียด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด นึกถึงคราวก่อนที่เพลิดเพลินจนลืมเวลาก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่านั่นคือศัตรูแท้ๆ...

          แล้วถ้าไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ...

          เนเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อที่ตัวเองเผลอคิดแบบนั้นออกมา เพราะถึงอีกฝ่ายจะไม่ใช่(ก็ไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ)ศัตรูก็จริง แต่วัฒน์เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมยังแก่กว่าตั้งเกือบหนึ่งเท่าของอายุตัวเองเลยทีเดียว ที่สำคัญคือเขาก็ดันไปทำเรื่องแบบนั้นเข้าอีก วัฒน์จะเกลียดจนไม่อยากเผาผีให้เลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

          เกลียด...

          ภายในใจรู้สึกเจ็บแปลบอย่างน่าประหลาด เนรีบสะบัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัว ถึงอย่างไรก็ไม่คิดจะยอมรับแน่

          รักน่ะหรือ...ไม่มีทางหรอก...เราก็แค่นึกเสียดายถ้าต้องเลิกเป็นคู่นอนกับเขาก็เท่านั้น

          และอีกฝ่ายก็ไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่นอน!

 

          คืนนี้เป็นวันประชุมประจำเดือนที่จัดขึ้นเพื่อให้เหล่าผู้ดูแลกิจการภาคกลางคืนมารวมตัวกันรายงานและหารือต่อสถานการณ์ของกิจการกับผู้นำสูงสุด ซึ่งจัดขึ้นในบาร์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากิจการของสิทธิ์เอง

          ทันทีที่สิทธิ์เดินเข้ามาด้านใน เหล่าพนักงานผู้คุ้นเคยต่างพากันทักทายอย่างเป็นกันเอง จนดูเหมือนสิทธิ์เป็นเพื่อนมากกว่าหัวหน้า แต่ก็ยังรักษาท่าทีไม่ให้เกินเลยนักเพราะหวาดกลัวผู้ติดตามวัยดึกที่ตามมาด้วย ปกติคนอื่นๆมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ คอยรักษามารยาทกับสิทธิ์เพราะวัฒน์อยู่แล้ว แต่วันนี้ถึงกับพากันขยาด ถอยห่างไปตั้งหลักเสียไกลเกินสามเมตร เพราะลุงแกเล่นทำหน้าอย่างกับจะมาฆ่าคน

          และพวกเขาก็รู้สาเหตุดีด้วย

          “เน นายไม่ต้องมาด้วยหรอกนะ” ผู้เป็นนายบอกพลางกลอกสายตาไปรอบร้าน “แกร่วแถวนี้ไปก่อนก็ได้ คงไม่นานมากหรอก”
         
          “เอ๋ แต่ว่า...” เจ้าของชื่อตีหน้าแหยง พอเหลือบมองเพื่อนร่วมงานที่ยืนอมยิ้มอยู่ก็เริ่มหงุดหงิด

          “ไว้เรียนงานให้มากกว่านี้แล้วค่อยว่ากันดีกว่า” ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเริงร่าของหนุ่มใหญ่ เนก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังดีใจกับชัยชนะ(ไร้สาระ)ครั้งนี้ “เข้าไปตอนนี้คงไม่เข้าใจหรอก เดี๋ยวนายจะเหนื่อยเปล่าๆ”

          ประเด็นคือกำลังหลอกด่าว่าเด็กหนุ่มโง่จนไม่สมควรเข้าประชุมด้วยเห็นๆ แต่เจ้านายที่แสนจะมองโลกในแง่ดีกลับเห็นเพียงว่าวัฒน์เป็นห่วงเนและไม่อยากให้เครียดกับงานมากไป

          “นั่นสิ แถมไหนๆก็ได้ออกมาทั้งที นายก็พักผ่อนบ้างก็ได้ เดี๋ยวอัดอั้นจนเส้นเลือดในสมองแตกหรอก”

          เด็กหนุ่มตั้งท่าจะค้าน แต่พอสิทธิ์ยกเหตุผลต้องห้ามขึ้นมา เขาก็ถึงกับชะงัก ก่อนจะยอมทำตามอย่างเสียมิได้

          “ฮ่าๆ  ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ นี่ของชอบนายไม่ใช่หรือไง” ในขณะที่กำลังรู้สึกจี๊ดที่หัวใจ ผู้เป็นนายก็พุ่งเหลนเข้าซ้ำด้วยใบหน้าอันใส่ซื่อบริสุทธิ์ ทำเอาเนออกอาการอีหลักอีเหลื่อทั้งที่ในหัวก็พยายามนึกอยากเห็นด้วยกับอีกฝ่าย

          แต่สายตาเย็นชาของหนุ่มใหญ่ที่มองมานั้นชวนให้เขารู้สึกรวดร้าวเสียเหลือเกิน...บ้าเอ๊ย! แล้วตูจะไปรู้สึกแบบนั้นทำหอกอะไรฟะ!!

          “ก็นั่นน่ะสิ โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้บ่อยๆ” ยิ่งได้ยินวัฒน์สำทับ ความรู้สึกก็ยิ่งดำดิ่งลงสู่โลกมืด จนนอตที่อุตส่าห์ขันไว้หลุดออกมา

          “...นั่นสินะ งั้นถ้าเสร็จประชุมแล้วไม่เจอผม ฝากคุณวัฒน์โทรช่วยโทรมาเรียกผมหน่อยละกัน ผมกลัวจะเพลินจนลืมเวลา” ทิ้งท้ายเสร็จเนก็เดินฉิวหนีไปทันที

          วัฒน์มองตามพลางมุ่นคิ้วอย่างหงุดหงิด ทั้งที่เขารู้อยู่แก่ใจ แต่เมื่อไหร่ที่เห็นอีกฝ่ายออกอาการดีใจดั่งหลุดพ้นจากบ่วงกรรมแล้ว เขาก็รู้สึกแย่ทุกที

          ...แล้วทำไมตูต้องรู้สึกเหมือนโดนสวมเขาซึ่งๆหน้าแบบนี้ด้วยวะ!!! ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาวุ่นวายกับเรื่องแบบนี้สักหน่อย

          คิดจบก็เหลือบมองไปยังบันไดที่อยู่อีกฝั่งซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังห้องประชุม เพลิงแค้นที่ก่ออยู่ในใจปะทุขึ้นจนวัฒน์อยากจะระเบิดมันเสียตรงนี้ แต่ก็ต้องพยายามระงับเพราะไม่อยากใช้อารมณ์ให้เสียเรื่องโดยเปล่าประโยชน์

 

          เนไม่ได้ทำอย่างที่ปากบอกไว้ เขาเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ในร้านด้วยสีหน้าเหมือนสามีรอภรรเมียคลอดลูก แต่กระนั้นก็ยังมีสาวน้อยสาวใหญ่คอยเมียงมองไม่ขาด และแม้จะโดนสาวๆส่งสายตาจีบเขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มให้ หาได้เข้าไปทำความรู้จักอย่างที่มักเป็น ขนาดบางคนเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เด็กหนุ่มกับเลือกที่จะปฏิเสธแทน เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะไปเที่ยวเล่นได้อย่างหน้าชื่นตาบาน แน่นอนว่าสาเหตุก็เพราะเพื่อนร่วมงานวัยลุงผู้ชอบทำหน้าหงิกนั่น และยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิมก็ตรงที่ตัวเองต้องมานั่งรู้สึกแบบนี้เพราะคนที่ตนควรจะรังเกียจ

          “เฮ้ หวัดดีเน” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดึงให้เจ้าของชื่อหันไปมอง เขาเห็นปาล์มโบกแก้วไวน์อยู่ตรงเคาท์เตอร์พร้อมกับเรียกต่อผู้มีตัวตนเบาบางซึ่งยืนอยู่ไม่ห่าง “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าซังกะตายแบบนั้นล่ะ”

          พอโดนทัก เนก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างว่องราวกับกดรีโมทเปลี่ยนช่อง จนคนมองพากันผงะ แต่ก็ไม่กล้าถามถึงเพราะรู้สึกถึงรังสีอาฆาตแปลกๆที่แผ่ออกมา

          “เปล่า ก็แค่สงสัยนิดหน่อย” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้า สดใสและเข้ากันมากเสียจนน่าขนลุก “ว่าประชุมกันเนี่ย ต้องเป็นความลับขนาดนั้นเลยหรือ”

          “อืม...ก็ไม่เชิงหรอก...” ปาล์มเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย แต่ก็ยอมตอบออกมา “ปกติจะประชุมกันที่ชั้นสาม แล้วบนนั้นก็ห้ามคนนอกขึ้นอยู่แล้วน่ะ แต่ก็ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดหรอก เพราะด้านบนมีห้องพักของพนักงานอยู่ด้วย บางทีพวกเราก็ขึ้นไประหว่างประชุมก็มี แต่ถ้าโดนเห็นว่าไปป้วนเปี้ยนแถวหน้าห้องประชุมก็อาจจะโดนว่าน่ะ”

          “งั้นหรือ...” เด็กหนุ่มมองไปทางบันได นึกลังเลว่าจะไปดีหรือไม่

          “อยากไปดูหรือ...” เสียงเนิบถามที่ข้างหูทำเอาสะดุ้งหลุดจากภวังค์ “นายอยากไปดูมากเลยสินะ”

          “....นี่นายอ่านใจชาวบ้านได้ด้วยหรือ...” ปาล์มถามด้วยสีหน้าออกอาการผวาสุดขีด ในขณะที่คนโดนทักได้แต่หน้าตื่นเพราะโดนรู้ความใน

          “เปล่า” ได้ยินแล้วคนฟังต่างพากันโล่งใจอย่างออกนอกหน้า ทำเอาต่อรู้สึกห่อเหี่ยวนิดๆ “เห็นเอาแต่มองไปทางโน้นนี่ แล้วเมื่อกี้ก็ถามถึง ถ้าไม่อยากไปดูแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ”

          “เห ที่น่าเบื่อพรรค์นั้น จะอยากดูไปทำไมน่ะ” ปาล์มหันมาตีหน้าหน่ายให้ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์อีกใบขึ้นมาเช็ดต่อ “มีแต่พวกอาๆลุงๆป้าๆคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ฟังแล้วจะหลับ”

          “ก็ฉันเป็นผู้ติดตามใช่ไหมล่ะ ยังไงงานแบบนี้ฉันก็ต้องเจอ” เนยกเหตุผลที่ดูดีขัดกับนิสัยของเจ้าตัวจนคนฟังรู้สึกแปลกมากกว่าเข้าใจ “ถ้าได้ไปศึกษาไว้ก่อนก็คงจะดี...” น้ำเสียงช่วงท้ายลากยาวพร้อมกับเหล่มองที่ปาล์มสลับกับทางไปห้องประชุมราวกับกำลังขออนุญาต

          “ฉันว่าอย่าดีกว่า...” ต่อเตือนด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน “โดนจับได้ขึ้นมา คุณวัฒน์ด่ายาวแน่...”

          “น่านสิ ฉันก็ว่าอย่าดีกว่า แถมนายอยู่บ้านคุณสิทธิ์ด้วยใช่ไหมล่ะ ได้โดนเทศน์ข้ามวันข้ามคืนแน่” ปาล์มเสริมพร้อมกับออกอาการหวาดหวั่นอย่างจริงจัง “ฉันเคยลองแอบดูมาแล้วโดนจับได้ อาวัฒน์แกเล่นสวดซะจนหลอนไปสามสี่วันเลยอะ”

          “แต่สรุปคือแอบไปดูได้สินะ”

          เมื่อเห็นเนดึงดังจะไปเสียให้ได้ บาร์เทนเดอร์ทั้งสองก็พากันมองหน้าราวกับกำลังปรึกษากัน ก่อนที่ปาล์มจะให้คำตอบ

          “โดนจับได้พวกฉันไม่เกี่ยวนะ”

          จบประโยคปุ๊บ เด็กหนุ่มก็ยิ้มหน้าระรื่นเดินแผล็วไปทางขึ้นห้องประชุมทันที

          “หมอนั่นพิลึกชะมัด” หลังจากเนเดินออกไปแล้ว ปาล์มก็เปรยขึ้นพร้อมกับเอียงคอมองตามด้วยความสงสัย “อยากศึกษางานขนาดต้องลงทุนแอบไปดูกันเลยหรือไงนะ”

          “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ...ว่ามีเหตุผลอื่นหรือเปล่า” เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายของเพื่อนร่วมงาน ต่อก็พูดดักคอเอาไว้ ก่อนจะถอนหายใจเสียงเนือย “แต่ที่แน่ๆ เดี๋ยวหมอนั่นจะมาลากนายไปด้วย...เพราะฉะนั้น ฉันเฝ้าตรงนี้เอง...”

          ยังไม่ทันที่ปาล์มจะถามว่าทำไม เนก็วิ่งเข้ามาที่เคาท์เตอร์ด้วยความเร็วสูงเสียจนปาล์มสะดุ้ง

          “มีคนเฝ้าทางด้วยนี่หว่า” เนแหววหน้าตื่น “แล้วจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ นายช่วยไปกับฉันทีสิ”

          บาร์เทนเดอร์หน้าหวานหันมองหน้าเพื่อนร่วมงานอย่างเหลือเชื่อ เขาได้แต่หัวเราะเสียงแห้ง ภาวนาว่าอย่าให้ตนโดนจับได้เป็นพอ

          สำหรับปาล์ม การเดินขึ้นไปชั้นสามไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยสักนิด เพราะคนที่เฝ้าทางเองก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมเหมือนกัน แค่เขาเอ่ยว่าโดนพ่อเรียก อีกฝ่ายก็เปิดทางให้โดยสดุดีแล้ว

          “ไอ้ขาขึ้นไม่ใช่ปัญหาหรอก กลัวแต่อาวัฒน์จะจับได้นั่นล่ะ” พอเดินขึ้นมาถึงชั้นสามแล้วปาล์มก็พึมพำขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นอย่างชัดแจ้ง

          “ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ฉันไปคนเดียวเอง ขอบใจนายมากนะ” เนบอกอย่างไม่ยี่หระ แต่สร้างความวิตกให้กับคนฟังมากกว่าสบายใจ

          “เอ้อ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปกับนายด้วยดีกว่า รีบลงไปตอนนี้เดี๋ยวคนเฝ้าเขาจะสงสัยเอา” ส่วนหนึ่งปาล์มกลัวอย่างที่บอก แต่อีกส่วนก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะสร้างปัญหาอะไรหรือเปล่า เลยไม่กล้าปล่อยไปคนเดียว

          ชั้นสามมีสภาพเหมือนกับชั้นสอง พื้นกว้างรูปตัวยูที่ตรงกลางของชั้นทำเป็นระเบียงสามารถมองเห็นลงมาถึงชั้นล่างๆได้ แต่ต่างกันตรงที่ชั้นนี้ไม่มีโต๊ะเก้าอี้และไร้ผู้คน เป็นเพียงพื้นที่โล่งโจ้งเท่านั้น

          ทั้งคู่เดินไปตามทางเดินยาวที่ปูพรมกำมะหยี่สีเลือดหมู ไฟสีส้มดวงเล็กที่ติดอยู่บนผนังสีน้ำเงินทึบคอยส่องให้พอเห็นทาง ห้องประชุมอยู่อีกฟากของทางขึ้นเลยต้องเสียเวลาเดินกว่าจะสุดทาง เนแอบนึกบ่นในใจว่าทำไมตั้งห้องประชุมไว้เสียไกลขนาดนี้ทั้งที่ชั้นนี้ก็ไม่ได้มีแค่ห้องๆเดียวแท้ๆ

          เสียงฮึมฮัมของเพลงที่เปิดชั้นล่างดังแว่วขึ้นมาช่วยให้บรรยากาศกดดันน้อยลงไปบ้าง ปาล์มนัดแนะเนเอาไว้ว่าถ้าเกิดจำเป็นต้องซ่อนตัว ก็ให้รีบวิ่งเข้าประตูที่อยู่ใกล้ที่สุดได้เลย...ถึงแม้ว่าไอ้ประตูที่ว่าจะห่างจากประตูห้องประชุมราวยี่สิบเมตรเลยก็ตาม

          และยังไม่ทันได้เดินเลยประตูที่ปาล์มบอก ทั้งสองก็ต้องรีบเข้าไปใช้บริการทันที เพราะประตูห้องประชุมเปิดออกมาเสียก่อน

          “ท่าทางจะประชุมเสร็จแล้วแฮะ” ปาล์มบอกก่อนจะแง้มประตูออกไปพอให้มองเห็น นึกหวั่นว่าจะโดนจับได้เสียเหลือเกิน “ท่าทางจะมาเสียเที่ยว”

          เนเพียงแต่เงียบและมองยังช่องว่างออกไป เขาได้ยินเสียงเดินดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และตามมาด้วยเสียงบ่นของคนที่เดินนำมา สีหน้าของผู้ออกมาจากห้องประชุมแลดูเหน็ดเหนื่อยราวกับต้องนั่งทำงานน่าเบื่อหน่ายมาทั้งวันก็ไม่ปาน

          “เฮ้อ ปวดก้นชะมัด” ฉัตรร้องอย่างอ่อนล้าแล้วถอนหายใจเสียลั่น

          “ส่วนฉันปวดหัว” คนที่เดินข้างหนุ่มใหญ่ร่างล่ำเอ่ยบอกพร้อมกับจับหน้าผากตัวเอง “สงสัยไมเกรนขึ้นอีกแหงมๆ”

          “จะให้บุกน้ำลุยไฟยังไงก็ได้นะ แต่ไอ้เรื่องประชุมนี่ขอเลย” อีกเสียงร้องขึ้นเหมือนคนใกล้จะเสียสติ พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาขยี้หัวจนยุ่ง “หรืออย่างน้อยก็ขอประชุมโดยไม่มีสองคนนั่นก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุด...ไม่เอาไอ้เดชก็ได้ เมื่อไหร่มันจะหายไปให้พ้นหูพ้นตาซักทีวะ นั่งปั้นหน้าเป็นคนดีพูดกวนคุณวัฒน์อยู่ได้ ฉันละอยากเป่ามันจริงๆ”

          “ฮ่าๆ ไว้เจอหลักฐานมัดไอ้จิ้งจอกนั่นก่อนเถอะ ฉันจะซัดมันให้หายแค้นเลย” ฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่ดวงตาที่เหมือนคนเมาตลอดเวลากลับแสดงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ไอ้วัฒน์คงไม่เที่ยวอารมณ์เสียไม่เลือกหน้าแบบนี้หรอก”

          “เดชนี่ใครหรือ...” เนถามเสียงเบา นึกสงสัยว่าคนที่ว่านั่นเป็นใคร ทุกคนถึงรังเกียจกันอย่างออกนอกหน้าขนาดนั้น แถมยังเป็นคนที่สามารถทำให้วัฒน์อารมณ์เสียได้อีก นอกจากตัวเขา เนก็ไม่เคยเห็นวัฒน์ตั้งแง่กับใครเลยสักคน

          ปาล์มไม่ตอบในทันที เขากำลังรอให้คนด้านนอกเดินผ่านไปให้หมดก่อน แต่พอเนสะกิดไม่เลิกเลยจำเป็นต้องกระซิบบอกอย่างเสียมิได้ “เป็นผู้จัดการสาขาอาบอบนวดแถวพระรามสี่ พ่วงตำแหน่งผู้บริหารด้วยน่ะ...แล้วก็ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบหมอนั่นหรอก หมอนั่นเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าก็ทำอีกอย่าง แต่ลับหลังเที่ยวพยายามล้มคุณสิทธิ์อยู่นั่นล่ะ”

          “ว่าไงนะ”

          ปาล์มแทบจะกระโดดเมื่ออยู่ๆเนก็ร้องถามเสียงดัง แต่โชคดีที่ดูเหมือนว่าคนด้านนอกจะไม่ทันได้ยิน

          “อย่าเสียงดังสิฟะ...ว่าแต่ นายไม่รู้หรอกหรือ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเลิกคิ้ว “ไอ้เรื่องที่พวกเราโดนไอ้แก๊งไฟฉายนั่นมาก่อกวนจนคุณสิทธิ์ต้องออกโรงเอง ก็เป็นเพราะมันทั้งนั้นล่ะ”

          เนเบิกตามองหน้าคู่สนทนา “แล้วคุณสิทธิ์ไม่รู้หรือไง”

          สิ่งที่ได้รับคือเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “มีแต่คุณสิทธิ์นั่นล่ะที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ ลองถ้าไม่มีหลักฐานคาตาละก็ คุณสิทธิ์ไม่เชื่อหรอก แต่ไอ้หมอนั่นมันร้ายจะตาย จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมโผล่หางซะที”

          เนฟังแล้วสะดุ้งขึ้นมา...รู้สึกเหมือนเขาจะเคยคิดแบบนั้น...กับวัฒน์...

          ....หรือว่าเรา...ไม่จริงน่า...

          “บางที...หมอนั่นอาจจะมีคนในร่วมมืออยู่ด้วยก็ได้...หรือเปล่า...” เนถาม พยายามเก็บความหวาดหวั่น อยากให้ได้คำตอบอย่างที่หวังเสียเหลือเกิน

          “เรื่องนั้นฉันก็ฟันธงไม่ได้หรอก” ปาล์มตีหน้าหงุดหงิด “แต่ที่แน่ๆ ในบรรดาคนที่เข้าประชุมทั้งหมด มีแต่ไอ้เดชเท่านั้นล่ะที่เป็นงูพิษคิดลอบกัดคุณสิทธิ์น่ะ”

          เนกลืนน้ำลายลงคอ ตอนนี้เขาพอจะรู้ตัวแล้ว แต่ยังพยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่

          นี่เรา...เข้าใจผิดตลอดงั้นหรือ...แต่ว่า...แต่ว่าเสียงที่เราได้ยินมันก็เสียงวัฒน์นี่นา...

          เราพลาดอะไรไปเนี่ย!

          ทั้งสองเดินออกมาหลังจากผู้คนเดินลงไปกันหมดแล้ว ในขณะที่ปาล์มกำลังจะเดินกลับลงไป เนกลับเดินไปทางห้องประชุมแทน

          “คุณวัฒน์ยังไม่ออกมาเลย ฉันอยากจะไปดูหน่อย”

          ได้ยินแล้วปาล์มถึงกับหน้าซีด แล้วขอชิ่งหนีก่อนทันที

          เนค่อยๆย่องไปยังห้องประชุม นึกสงสัยเสียเหลือเกินว่าทำไมปาล์มหรือใครๆถึงต้องกลัววัฒน์ด้วย ทั้งที่วัฒน์เองก็ใช่ว่าจะน่ากลัวสักหน่อย ถ้าไม่นับตอนที่ถือปืน วัฒน์ก็แค่เป็นพวกปากเสีย ชอบทำหน้าไม่รับแขก แต่เขาก็ไม่เห็นว่าวัฒน์จะดูน่าเกรงขามตรงไหน

          แถมท่าทางยามอยู่บนเตียงนั้น ก็ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจนชวนให้หลงด้วยซ้ำ ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่ดูน่ากลัวสักหน่อย.....

          .................................

          เนถึงกับทรุดลงพื้น นี่เขาคิดว่าตาลุงนั่นน่ารักเป็นครั้งที่สองแล้ว! แถมที่แย่ไปกว่านั้นคือ เขาดันคิดพิเรนทร์ว่าถ้าใครมาเห็นด้านที่เขาได้เห็นแล้ว ใครที่ว่านั่นก็อาจจะนึกหลงตาลุงนั่น แล้วตัวเขาก็อาจจะโดนแย่งหมอนข้างไปนี่ล่ะ ที่เขาทำใจไม่ได้สุดๆ

          หรือว่าเรา...จะชอบลุงนั่นจริงๆ...

          เนื่องจากชีวิตไม่เคยนึกรักใครมาก่อน เขาเลยไม่รู้ว่านี่ควรจะเรียกว่ารักได้หรือเปล่า แถมอีกฝ่ายเองก็ดันเป็นคนที่ไม่สมควรรักเป็นที่สุดด้วย

          “นึกว่าฉันไม่รู้รึไงว่านายคิดอะไร”

          เนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องประชุม และนั่นก็ไม่ใช่เสียงของใครที่ไหน ก็เจ้าคนที่ทำให้เขาหัวหมุนเหมือนคนบ้านี่ล่ะ

          “คิดอะไรอยู่งั้นหรือ ทำไมนายชอบมองฉันในแง่ร้ายแบบนั้นล่ะ ฉันเสียใจนะเนี่ย”

          เสียงต่อมาทำเอาเนนิ่วหน้า เพราะนั่นก็เป็นเสียงของวัฒน์เหมือนกัน

          หมอนั่นพูดคนเดียวอยู่หรือไง
         
          ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ เขารีบเดินไปแง้มประตูห้องประชุมแล้วมองลอดเข้าไปด้านในทันที และสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาก็สร้างความมึนงงและตื่นตระหนกให้กับเขา

          วัฒน์ไม่ได้คุยคนเดียวอย่างที่เนคิด คู่สนทนาของหนุ่มใหญ่ยืนยิ้มพรายอยู่ไม่ห่าง ท่าทีเหมือนไม่รู้สึกรู้สาที่โดนวัฒน์จ้องราวกับจะฆ่า ชายคนนั้นมีอายุไล่เลี่ยกับวัฒน์ ผิดกันตรงที่ร่างสูงใหญ่พอๆกับฉัตร ใบหน้านั้นฉาบไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างเหลือล้นชนิดที่ว่าแค่มองปุ๊บก็รู้ทันทีว่าหมอนี่มันเป็นคนไม่ดีแน่นอน แถมแว่นกรอบทองทรงกลมที่มีขนาดเล็กกว่าตานั่นยิ่งทำให้คนสวมดูชั่วร้ายหนักกว่าที่เป็นอยู่

          “อย่ามาเล่นลิ้นนะ” วัฒน์ตวาดใส่เสียงเข้มพร้อมกับชี้หน้า “ฉันไม่มีวันร่วมมือกับแกแน่ เจ้านายของฉันมีเพียงคุณสิทธิ์คนเดียวเท่านั้น!”

          “โธ่ ที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะหวังดีกับนายแล้วก็คุณสิทธิ์หรอกนะ” อีกฝ่ายผู้มีเสียงเหมือนกับวัฒน์อย่างไม่ผิดเพี้ยนเอ่ยขึ้น ฟังคล้ายกำลังสลดเสียใจ แต่สำหรับเน ฟังแล้วเหมือนพยายามแสร้งทำแบบห่วยแตกสุดๆ มากกว่า “ฉันก็แค่คิดว่าถ้าทำกิจการให้สะอาดแบบครึ่งๆกลางๆมันออกจะลำบาก แถมกำไรก็ได้น้อยลงด้วย ก็เลยพยายามช่วยแท้ๆ...นี่ฉันทำเพื่อคุณสิทธิ์นะ ทำไมนายไม่เข้าใจกันบ้างล่ะ”

          อย่าว่าแต่วัฒน์เลย ขนาดตัวเขาซึ่งไม่ค่อยประสีประสาเรื่องบริหารงานฟังแล้วยังรู้สึกแปลกๆเลย จริงอยู่ว่าฟังผ่านๆแล้วเหมือนจะดูดี แต่เนรู้ดีว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สิทธิ์ต้องการเลยสักนิด สิทธิ์เคยบอกว่าไม่ได้อยากทำงานแบบนี้ แต่ถ้าตัวเขาไม่ยอมรับกิจการที่สืบต่อจากผู้เป็นพ่อ ลูกน้องมากมายเกือบพันก็มีอันต้องตกงานชนิดที่ว่าอาจไม่สามารถไปตั้งต้นหางานใหม่ได้อีกแล้ว เพราะบางคนก็แก่เกินกว่าจะไปตั้งต้นหางานใหม่ บางคนก็ไม่มีทักษะในการทำงานนอกจากเรื่องตีรันฟันแทง บางคนก็มีประวัติดูดีเป็นศรีแก่ตัวมากถึงขนาดไม่มีใครที่ไหนจะกล้ารับเข้าทำงานด้วย และตัวสิทธิ์ก็ไม่ใช่คนที่จะทำตามใจตัวเองเพื่อให้คนมากมายต้องเดือดร้อนด้วย

          แต่ไอ้เรื่องอยากจะให้มือสกปรกดำปี๋เขาก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นสิทธิ์จึงพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบของกิจการให้เป็นไปในทางที่ไม่ต้องข้องแวะกับคุกหรือศาล แม้ว่ามันจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ร้อยเปอร์เซ็นก็ตาม ซึ่งเหล่าลูกน้องเองต่างก็รู้สึกซึ้งใจต่อการกระทำของเจ้านายที่อุตส่าห์ทำเพื่อพวกเขา แต่ละคนจึงคอยสนับสนุนสิทธิ์เต็มที่ และด้วยนิสัยที่เป็นกันเอง อีกทั้งความสามารถที่เก่งพอๆกับผู้เป็นพ่อ จึงทำให้สิทธิ์กลายเป็นหัวหน้าที่เคารพนับถือได้ไม่ยาก

          แน่นอนว่าคงไม่ใช่ลูกน้องทุกคนที่คิดเช่นนั้น...ดั่งเช่นคนที่กำลังคุยกับวัฒน์อยู่เป็นต้น

          “เฮอะ! นึกว่าฉันไม่รู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่งั้นรึไง ไอ้เดช!” วัฒน์แผดเสียงลั่น “อย่าได้หวังว่าจะเป็นไปตามที่แกต้องการ! ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ”

          “โอ้ย น่ากลัวจังเลยนะ” คู่สนทนาเอ่ยล้อเลียนด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกันกับอีกฝ่ายจนเนฟังแล้วรู้สึกสยองพิกล ชายผู้สวมแว่นค่อยๆเดินเข้ามาหาวัฒน์ ก่อนจะเอ่ยคำซึ่งเหมือนจะเป็นห่วง แต่น้ำเสียงบ่งบอกถึงการข่มขู่คุกคามอย่างชัดเจน “งั้นก็ระวังหน่อยละกัน ช่วงนี้พวกลอบทำร้ายเยอะด้วยนะ ฉันเป็นห่วงคุณสิทธิ์เขา”

          มาถึงตรงนี้ สิ่งที่พยายามทำเมินก็กระจ่างคาหูคาตาจนไม่รู้จะเบี่ยงไปทางไหนอีกแล้ว

          เสียงที่เขาได้ยินในตอนนั้น เป็นเสียงของเดช...ไม่ใช่เสียงของวัฒน์!

          นี่เราเข้าใจผิดไปงั้นหรือ

          เนรีบเดินออกจากประตูห้องประชุม เข้าไปยังห้องพักของพนักงาน ร่างสูงโปร่งยืนพิงประตูหน้านิ่ง ความรู้สึกภายในตีกันจนเขาออกอารมณ์ไม่ถูก

          ทันทีที่รู้ว่าวัฒน์ไม่ใช่คนคิดร้ายต่อสิทธิ์ เขารู้สึกดีใจและโล่งใจมาก แต่พอคิดได้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องเลวร้ายกับอีกฝ่ายก็รู้สึกผิดจนไม่รู้ว่าจะกล้าสู้หน้าวัฒน์ได้หรือเปล่า

          ทั้งที่เขาไม่ได้ผิดอะไร...แต่เรากลับ...

          ยิ่งเห็นว่าท่าทีที่หนุ่มใหญ่แสดงออกต่อเดชเมื่อครู่นั้น ช่างเหมือนกับตอนที่วัฒน์แสดงกับเขามาโดยตลอด ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจขึ้นจนหายใจลำบาก

          “เอ๋ อะไรกัน”

          เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง เมื่อเห็นหยดน้ำใสร่วงเผาะลงพื้น แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหงื่อแต่อย่างใด เพราะมันออกมาจากตาของเขา

          อะไรกัน...เราร้องไห้ทำไม

          เนพยายามปาดน้ำตาออก แต่มันกลับไม่มีท่าทีจะหยุด ไม่ว่าเขาจะพยายามห้ามตัวเองสักเท่าใดก็ตาม กลับทำให้น้ำตาไหลหนักกว่าเดิมจนเขาสะอื้น

          ยิ่งนึกถึงวัฒน์ เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักจนหยุดไม่อยู่

          ไม่เอานะ...หยุดสักทีสิ...ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ร้องไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาสักหน่อย

          ยังไงคุณวัฒน์ก็เกลียดเราอยู่ดี


_________________________________

และในที่สุด เนก็รู้ความจริงสักที (แฮ่กๆ)

ซึนจะแตกเหมือนที่น้ำตาจะแตกไหม....โปรดติดตาม (ฮา)

ฉากเสียเลือด ขอยกยอดไว้ตอนอื่นนะงับ XD เขียนเยอะเดี๋ยวหมดมุกเขียนตอนหลังๆ ๕๕๕
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 26-05-2015 11:05:16
ในที่สุด เนก็รู้ความจริง ที่นี้จะเอายังไงล่ะ รุกต่อหรือไม่ ต้องรอดูตอนต่อไปอิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 26-05-2015 11:06:10
เนรู้แล้ว ทำไงต่อน้อ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mcooky ที่ 26-05-2015 11:45:55
เนจะทำยังไงต่อหล่ะทีนี้  น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-05-2015 19:39:56
ทีนี้เนก็เลิกเข้าใจวัฒน์ผิดซะที  เนเอ้ย เลิกซึนด้วยนะ

ทีนี้ก็รอให้วัฒน์เลิกเข้าใจผิดเนบ้าง จะได้มุ้งมิ้งกันเสียที  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-05-2015 20:12:24
ตาสว่าง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 26-05-2015 21:42:54
เหอๆ วัฒน์ไม่เกลียดหรอกหนูจ๋า  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 26-05-2015 21:50:40
รอต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 26-05-2015 22:11:27
เนคงจะรู้สึกผิดมาก ถึงขั้นร้องไห้เลย แต่เรื่องรู้สึกผิดแค่ส่วนน้อยล่ะมั้ง แต่ที่ร้องไห้เพราะคิดว่าวัฒน์เกลียดตัวเองใช่รึเปล่า โอ๋ๆไม่ร้องนะ ลุงงงง เคลียร์ Now! มาปลอบเด็กเลยลุง :hao3: เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-05-2015 00:11:58
ผ่างๆๆๆๆ   ตาสว่าง  เอาไงต่อล่ะทีนี้  จากนี้ต่อทำดีแค่ไหน ก็ยังคงไม่มีไรดีขึ้น ตราบใจที่อีกคนยังอยู่ในความมืดมิด ที่ไร้แสงนำทาง   ตูเวิ่นเว้ออะไรเนี่ย   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 27-05-2015 01:34:33
ใจเย็นๆนะ  คุณวัฒน์ไม่เกลียดหรอก  พูดกันให้เข้าใจสักที
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-05-2015 07:30:08
เนรู้ความจริงแล้ววว ขอให้ซึนแตกสักทีละกัน ตอนท้ายแอบสงสารเนนะเนี่ย แต่พวกนี้มันชอบคิดไปเองตลอดเลยแฮะ =O=; ถามอีกฝ่ายสิครับ! ถาม!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-05-2015 19:50:06
 :katai5: ผ่านมารอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-05-2015 19:58:09
เน รู้ความจริงแล้วอ่าาาาา
ร้องไหด้วยเหตุผลที่ทำให้สงสารมากๆเรยอ่ะ ><
คุณวัฒน์ก้อรู้เร็วๆนะ ว่าเนไม่ใช่ลูกน้องเดช
จะได้ 'เลิฟๆ' กันซะที ♡
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mcooky ที่ 27-05-2015 20:53:17
วันนี้ไม่มาต่อหรอตัวเองงง   ฉันมารอพี่ที่หน้าบอร์ดทั้งวันเลยนะ :really2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 28-05-2015 11:07:31
กด F5 รัวๆ จะมาต่อใหมนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 28-05-2015 14:24:11
มารอ หลีงจากเนรับรู้ความจริง ^^
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 28-05-2015 16:10:51
ต้องขอโทษด้วยงับ พอดีคนลงติดสอบ ผู้เขียนติดธุระทำโดรักsmงับ จะมาลงอีกทีวันที่30 นะงับ

ขอโทษและขอบคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยกั๊บ *0*
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)*แจ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 28-05-2015 17:37:01
รับแซ่บบบบบ รอน้า สู้ๆทั้งคนลงทั้งคนเขียนนะจ้ะะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)*แจ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-05-2015 17:37:05
รอค่าาา ^^
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)*แจ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-05-2015 19:09:54
วันที่ 30 จะมาปูเสื่อรอนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)*แจ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 28-05-2015 19:48:55
รอจ้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)*แจ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 28-05-2015 21:54:33
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 25 (26/05/2558)*แจ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-05-2015 09:00:02
เนหายเข้าใจผิดแล้ว รอวัฒน์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 30-05-2015 14:31:36
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 26


          ปกติ สีหน้าของวัฒน์มักจะดูเย็นชาค่อนไปทางอารมณ์เสียอยู่แล้ว แต่ยามนี้ยิ่งดูน่ากลัวเป็นสี่เท่าเพราะเขากำลังโมโหจริงๆ และโมโหมากๆด้วย หนุ่มใหญ่เดินกระทืบเท้าลงไปตามบันไดเสียงดังลั่น นึกแค้นที่ไม่สามารถปกป้องเจ้านายจากผีร้ายหน้าเป็นได้สักที ครั้งนี้เองเขาก็ทำได้แค่ฟังอีกฝ่ายเย้ยหยันใส่เท่านั้น

          เมื่อไหร่มันจะตายซักทีวะ จะโดนใครตีหัวตาย หรือโดนหมาไล่กัดตายก็ได้ แต่ช่วยตายๆไปซักทีได้มั้ยวะ หรืออย่างน้อยก็หายไปจากชีวิตคุณสิทธิ์ก็ได้ ไอ้นรกขุมสิบแปดถีบส่งมาเกิดเอ๊ย! เพราะแก ฉันถึงต้องโดนไอ้เด็กผีไร้สัมมาคารวะนั่นปล้ำเอา ไอ้แว่นสี่ตาชิงหมาเกิด!!!

          วัฒน์ชะงักเมื่อนึกถึงเนขึ้นมา สีหน้าดุจดั่งมารพิโรธก็วูบลง ความรู้สึกว้าวุ่นก่อตัวขึ้นมาแทนที่ เขาพยายามสะบัดอารมณ์ที่ไม่สมควรเกิดออก แต่ยิ่งสะบัดเท่าไหร่ก็เหมือนกับจะยิ่งติดแน่นทนนานอย่างกับกาวตราช้างทาทับกันสามโหลก็มิปาน

          ห่าเอ๊ย จะมาวนเวียนอยู่ในหัวตูทำหอกอะไรฟะ

          “อาวัฒน์!”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเจ้านายหนุ่มเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกราวกับโลกกำลังจะแตก และสีหน้าของสิทธิ์เองก็ออกอาการเหมือนกับเห็นอุกกาบาตลูกแรกกำลังตกลงมาทางนี้ด้วย

          “อาวัฒน์มาพอดีเลย” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มร่าอย่างกับเด็กน้อย พร้อมกับเข้ามาฉุดวัฒน์อย่างเร่งรีบ “ช่วยทีเถอะ ผมเอาไม่อยู่แล้ว”

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วก่อนจะมองตามนิ้วหนาที่ชี้ไปทางเคาท์เตอร์ และก็ต้องตีหน้าแหยงเมื่อเห็นปัญหาของสิทธิ์ที่กำลังนอนฟุบหัวเราะเอิ้กอ้าก ในมือก็ชูแก้วเหล้าไปมาแล้วกระดกเข้าปากอย่างกับซดน้ำเปล่า แล้วยังไปกระชากขอเพิ่มจากบาร์เทนเดอร์ด้วย

          “เกิดอะไรขึ้นครับ” สิ่งที่เขาเห็นก็เพียงแค่เนเมา...เมาแบบชนิดไม่คิดหน้าคิดหลัง หัวทิ่มพื้นกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าที่ผ่านมาวัฒน์ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มเมาหัวราน้ำขนาดนี้มาก่อน และไม่เข้าใจว่าทำไมเนถึงได้เมาเละขนาดนี้

          “ตอนแรกผมแค่กะจะเลี้ยงเหล้า ไม่คิดว่าหมอนั่นจะเป็นแบบนี้” สิทธิ์สารภาพด้วยท่าทีเหนื่อยใจ “ผมถามแล้วว่าเสียใจอะไร มันก็ไม่ยอมบอกสักที เอาแต่เรียกหาอานั่นล่ะ”

          วัฒน์สะดุ้งอีกครั้งกับประโยคหลัง...มันจะเสียใจอะไรถึงต้องเรียกหาตู “ทำไมคุณสิทธิ์คิดว่าเนเสียใจล่ะครับ”

          “โธ่ ผมรู้จักกับมันตั้งหลายปีแล้ว เนน่ะ พอเสียใจอะไรหนักๆแล้วชอบดื่มจนเกินลิมิตตัวเองแบบนี้ประจำล่ะครับ” สีหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสงสัย “แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือมันไม่ยอมบอกว่าทำไมนี่ล่ะ ปกติมันมีอะไรก็บอกผมหมดนะ”

          คราวนี้สะดุ้งเป็นครั้งที่สาม เพราะวัฒน์พอจะเริ่มเดาสาเหตุได้

          มันเสียใจจะเป็นจะตายเพราะเรื่องตูเรอะ

          ทีแรกคิดว่าเนเสียใจเรื่องที่เผลอฟันลุงอย่างเขา แต่เรื่องนั้นมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว จะมานั่งเสียใจจะเป็นจะตายอะไรเอาป่านนี้กัน อีกทั้งเอาแต่เรียกหาเขา ถ้ารับไม่ได้คงไม่อยากเห็นหน้าเขาสิ ดูๆแล้วน่าจะเป็นเรื่องอื่นมากกว่า

          “งั้นเดี๋ยวผมจัดการเอง” หนุ่มใหญ่บอกก่อนจะเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย เหล่าบรรดาพนักงานพากันถอยห่างเป็นวาอย่างกับว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแถวนี้ก็ไม่ปาน จะมีก็แต่ปาล์มที่ยืนนิ่งด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก...อันที่จริงเขาก็อยากจะหนีออกมาอยู่หรอก แต่พอถอยออกมานิดหน่อย เนก็ดึงมือเขาให้กลับมาเฝ้ารินเหล้าต่อต่างหาก

          “...ผมห้ามแล้วนะครับ แต่หมอนี่โวยวายทำท่าจะอาละวาด” บาร์เทนเดอร์หนุ่มบอกอย่างหวาดหวั่น

          ยังไม่ทันที่วัฒน์จะตอบกลับ คนเมาก็เงยหน้าขึ้นมาหา กลิ่นเหล้าหึ่งจนวัฒน์เผลอขมวดคิ้ว

          “งายคร้าบบบ คุณว้าดดด” เสียงทุ้มดังอ้อแอ้พร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดี ยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่แปลกใจหนัก เพราะคิดไว้ว่าน่าจะโดนเขม่นใส่เสียมากกว่า

          เนผละออกจากแก้วเหล้าแล้วยืนขึ้น ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่เนเลิกกระดกแอลกอฮอล์เกินขนาดสักที...

          แต่ชักเริ่มไม่ดีสำหรับวัฒน์ เพราะไอ้เมานี่มันเลื้อยเข้ามาใกล้เขาจนห่างกันไม่ถึงหนึ่งฟุต

          “นาย...ทำบ้าอะไรของนาย รู้หรือเปล่าว่ามันทำให้คุณสิทธิ์เดือดร้อนน่ะ” วัฒน์ต่อว่าขึ้น แม้เขาจะแอบหวั่นว่าอีกฝ่ายอาจจะทำอะไรบ้าๆต่อหน้าสาธารณชนก็ตาม แต่ขืนถอยก็เท่ากับกลัวน่ะสิ...

          และนั่นทำให้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมถอย เพราะคนตรงหน้าดันทำเรื่องที่เขาหวั่นจริงๆ

          “...” วัฒน์ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเนโผเข้ามากอดจนเขาเซ ยิ่งนึกได้ว่าตอนนี้กำลังยืนท่ามกลางฝูงชน วัฒน์ก็ยิ่งร้อนรนเพราะไม่รู้จะแก้สถานการณ์นี้อย่างไรดี แม้อันที่จริงแล้วคนอื่นจะไม่ได้คิดถึงเรื่องที่วัฒน์หวาดหวั่นเลยก็ตาม

          “ฮะๆๆ ผมยืนไม่ไหวแล้วอะค้าบ” น้ำเสียงออดอ้อนแต่คนฟังอยากมอบฝ่าเท้าไปประดับปากนั่นเสียจริงๆ แถมยังจะมีหน้ามากอดรัดแน่นกว่าเดิมอีก “ผมไม่ไหวแล้ว...”

          น้ำเสียงช่วงท้ายหงอยลงจนวัฒน์เลิกคิ้ว และยังไม่ทันได้เอ่ยถาม เนก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน ด้วยคำพูดที่ทำเอาหนุ่มใหญ่อึ้ง

          “ผมขอโทษ”

          เจอคำนี้ไปวัฒน์ได้แต่นิ่งเป็นรูปปั้น พูดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว

          “อ้อ เพราะงี้สินะ”

          เสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างตัวดึงสติของหนุ่มใหญ่กลับมาได้อย่างชะงักนัก ดวงตาเรียวซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัยเบิกมองสิทธิ์ และไม่ต้องถามให้เสียเวลา ชายหนุ่มร่างบึกก็ให้คำตอบ

          “ท่าทางหมอนั่นคงไปทำเรื่องไม่ดีกับอาวัฒน์สินะครับ” สะดุ้งเป็นครั้งที่สี่...ขืนมากกว่านี้มีหวังได้เป็นโรคหัวใจกันพอดี “ถ้าไม่รู้สึกผิดมากๆ หมอนั่นไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ...เพราะงั้น ถ้าเรื่องมันไม่ได้ร้ายแรงมาก อาก็สงสารมันหน่อยละกันนะครับ ถึงจะไม่ค่อยแสดงออก แต่มันก็กังวลตลอดนั่นล่ะ”

          วัฒน์เพียงแต่เงียบมองผู้เป็นนาย จากนั้นก็หันกลับมามองเน

          นายรู้สึกผิดกับฉัน...เรื่องอะไรกัน...

          แต่ยังคิดไม่ทันไรหนุ่มใหญ่ก็ต้องตกใจกับแรงที่โถมเข้าใส่ ถ้าสิทธิ์ไม่รีบเข้ามาช่วยพยุง มีหวังได้เกิดฉากน่าหวาดเสียวต่อสวัสดิภาพของวัฒน์ขึ้นเป็นแน่

          “ถึงกับเมาหลับไปเลยหรือเนี่ย ฮะๆ” ผู้เป็นนายเอ่ยอย่างไม่คิดมาก แม้ลูกน้องจะประพฤติไม่สมควรสุดๆ “ท่าทางมันคงทำเรื่องเลวร้ายชนิดที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตแน่ๆเลย ใช่ไหมอาวัฒน์”

          ถ้าพรุ่งนี้ผมลางานไปตรวจหัวใจได้ ผมจะตอบว่า ‘ใช่’ ครับ...

          “ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาทำผิดอะไรให้ผมโกรธ” ต่อให้โลกถล่มฟ้าทลาย ใครจะเป็นจะตาย ผมก็ไม่มีทางบอกหรอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มันอาจจะเป็นคนคิดร้ายคุณสิทธิ์ หรือเรื่องที่มันหน้ามืดขืนใจผม แถมยังมาตกลงทำสัญญาขึ้นเตียงชั่วคราวกันด้วย...ไม่ว่าเรื่องไหนมันก็ไม่น่าบอกใครซักกระผีกเดียว

          แต่สีหน้าของสิทธิ์บ่งบอกว่าไม่เชื่อ และวัฒน์เองก็รู้อยู่แล้ว แต่ที่เขาตอบไปเช่นนั้นเพื่อเป็นการบอกโดยนัยว่า ‘มี แต่ไม่อยากพูด’ ชายหนุ่มจึงทำแค่ยักไหล่ แล้วช่วยพยุงเนขึ้นรถ เพื่อที่จะได้กลับบ้านกันสักที

          ยังดีที่เนยังสามารถฟื้นขึ้นมาพาสังขารตัวเองขึ้นบ้านได้ แม้สิทธิ์จะเอ่ยปากช่วย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นลูกน้องจึงปฏิเสธความช่วยเหลือจากเจ้านาย...

          แต่กลับส่งสายตาออดอ้อนมาทางเพื่อนร่วมงานรุ่นลุงแทน...เล่นเอาวัฒน์ที่กำลังหวั่นอกหวั่นใจกลัวจะโดนรู้ความในถึงกับร้อนรนหนัก แต่โชคดีที่สิทธิ์จะไม่ได้คิดไปทางนั้นแม้แต่น้อย...ซึ่งคนปกติก็คงไม่มีใครที่ไหนจะคิดอย่างที่วัฒน์หวั่นหรอก

          “ผมคิดว่าหมอนั่นคงรู้สึกผิดมากจริงๆนั่นล่ะ ไม่งั้นมันไม่พยายามง้ออาหรอก” เสียงกระซิบที่เหมือนดั่งเทวดาสาปส่งทำเอาหัวใจของคนวัยดึกร่วงวูบลงตาตุ่ม ถึงวัฒน์จะรู้ว่าสิทธิ์ไม่ได้คิดอะไรแต่ฟังแล้วอดกลัวไม่ได้จริงๆ

          วัฒน์ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยืนง่อนแง่นเหมือนจะร่วงเสียให้ได้ ดวงตาเรียวที่มักฉายแววกวนอยู่ตลอดเวลานั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด...ซึ่งวัฒน์เองก็ตอบไม่ได้ว่าเนกำลังแกล้งทำอยู่หรือเปล่า...แต่อาจจะเป็นเพราะแอลกอฮอล์ทำพิษอยู่ก็ได้ มันถึงได้ดูน่ารักผิดปกติ...

          หนุ่มใหญ่รีบสะบัดหน้าเสียจนสิทธิ์ที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างสะดุ้งโหยง และยังไม่ทันที่จะได้ไถ่ถาม วัฒน์ก็รีบปรี่เข้าไปพยุงเนเสียก่อน

          “เอ้อ งั้นเดี๋ยวผมรีบพาเนไปที่ห้องก่อนละกันนะครับ คุณสิทธิ์ไม่ต้องเป็นห่วง”

          ว่าจบก็รีบเข้าบ้านหนีไปที่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้แต่ยืนงงอยู่กับรถที่ยังคงเปิดประตูค้างเอาไว้

          การพาเนไปถึงห้องไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คาดไว้ ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเดินเองได้ด้วยซ้ำ เพราะถึงจะบอกว่าช่วยพยุง แต่ก็เหมือนจูงมือพาไปมากกว่า

          “อาบน้ำซะ จะได้สร่างเมา” หนุ่มใหญ่บอกพร้อมกับเดินนำไปที่เตียง พยายามไม่มองคนข้างหลังเพราะรู้สึกอึดอัดจะมอง

          “ครับ”

          ว่าง่ายเป็นลูกหมาเชื่องๆเลยทีเดียว ตอบปุ๊บเข้าปั๊บ ไม่มีการกระทืบเท้า ทำเสียงกระเดาะลิ้นแต่อย่างใดจนชักดูน่ากลัวเข้าทุกที

          เอาน่า เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จมันก็กลับไปเป็นไอ้เด็กผีกวนตีนเหมือนเดิมแน่ ไอ้ที่ทำตัวแบบนั้นก็คงเพราะฤทธิ์เหล้าเกินขนาดก็เท่านั้นล่ะ

          แต่ใบหน้าดั่งหมาน้อยเปียกฝนยังคงโผล่มาให้ใจระส่ำเหมือนเดิม...อาจจะยิ่งกว่าเดิมก็ได้ เพราะไอ้น้ำที่เกาะอยู่ตามใบหน้าและเส้นผมมันเพิ่มความน่าสงสารเป็นสองเท่าจากที่ควรเป็น

          แล้วไอ้ที่ออกมาโดยนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยิ่งชวนให้ใจระทึกยิ่งนัก ทั้งที่แต่ก่อนชอบทำเป็นเหนียมเหมือนกลัวจะโดนลุงลวนลามแท้ๆ...จะมายั่วฉันเรอะ!!! ฉันไม่ตกหลุมหรอกเฟ้ย! แค่ร่างกายเด็กกะโปโลอย่างแก เห็นแล้วใครมันจะของขึ้นกัน ไอ้ที่เผลอมองหุ่นนายตาไม่กะพริบอะไรนั่น ไม่มี้ไม่มี แค่สงสัยว่าทำไมแกโป๊ออกมาก็เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆโว้ย!!!

          “งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังหงอยเหมือนเดิม วัฒน์ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีเลยหนีไปอาบน้ำแทน หวังว่าเด็กหนุ่มคงจะหลับไปก่อนที่เขาจะอาบน้ำเสร็จ

          แต่กลับไม่ยักจะทำ

          วัฒน์ถึงกับชะงักเมื่อเห็นเนยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง แถมยังไม่ยอมใส่เสื้อผ้าเหมือนเดิม...ยังดีหน่อยที่มันไม่เอาผ้าขนหนูออก ไม่งั้นมีหวังได้เตลิดสติหลุดแน่ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ใช่ว่าจะสู้ดีนัก เพราะเนื่องจากรีบร้อน เขาเองก็ไม่ได้เอาชุดนอนเข้าไปเปลี่ยนด้วย ต่างคนต่างมีผ้าขนหนูเป็นอาภรณ์เพียงผืนเดียวเท่านั้น

          หนุ่มใหญ่อ้าปากค้าง ไม่รู้จะถามอะไรดี ระหว่าง ‘เป็นอะไรไป’ กับ ‘ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าสักที’ แต่เห็นเนห่อเหี่ยวเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิตแล้ว ก็ถามไม่ออกเสียอย่างนั้น

          “คุณวัฒน์...”

          เสียงทุ้มทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด เจ้าของชื่อซึ่งเอาแต่ยืนทื่อมะลื่ออยู่หน้าประตูห้องน้ำอยู่นานก็ขยับเขยื้อนตัวราวกับโดนคลายคำสาป
         
          “มีอะไร” วัฒน์เอ่ยถาม ดวงตาเรียวจับจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา รู้สึกหวาดๆเพราะคิดว่าอีกฝ่ายยังไม่สร่างเมา ตาปรือเหมือนจะหลับเสียให้ได้มันฟ้องเช่นนั้น

          และเขาก็มั่นใจว่ามันยังไม่สร่างเมาแน่ๆ หลังจากโดนมือของเด็กหนุ่มฉุดเข้าไปหานี่ล่ะ

          “จะทำอะไรน่ะ!” วัฒน์โวยวาย พยายามขืนตัวหนี แต่ไอ้เด็กผีนี่กลับกอดเขาเสียแน่น จนใบหน้าหนุ่มใหญ่เข้าไปซุกอยู่ในอกจนเบือนหนีไปไหนไม่ได้

          ...ซึ่งวัฒน์เองก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะอยากขืนหนีดีหรือเปล่า ถึงจะไม่อยากยอมรับอย่างไร แต่พอโดนกอดกลับรู้สึกดีอย่างที่ไม่ควร และด้วยความที่กลัวจะโดนรู้ความในใจ ถึงได้พยายามดิ้นไม่เลิกทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่โคตรจะเปล่าประโยชน์

          “คุณวัฒน์” เสียงทุ้มที่ฟังดูเศร้าสร้อยกระซิบอย่างแผ่วเบาเข้าข้างหู ทำเอาคนดิ้นสะดุ้ง

          เรียกจบก็นิ่งไปยาวซะจนหนุ่มใหญ่ชักจะเริ่มเหน็บกินตงิดๆ ไอ้ต้องอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งคุกเข่าแล้วโดนกอดแบบนี้มันไม่ใช่ว่าจะสบายสักหน่อย แถมไอ้ผ้าขนหนูตัวดีก็ทำท่าจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่อยู่รอมร่อ

          “มีอะไรก็พูดมาสิ เอาแต่เงียบทำไม” ในที่สุดผู้อาวุโสกว่าก็เป็นฝ่ายอดทนไม่ไหว ขืนอยู่ท่านี้ต่อไปมีหวังโดนเหน็บรุกรานถึงสะโพกแน่

          “ผมมันคงเลวมากเลยสินะ”

          ประโยคนี้ทำเอานิ่วหน้า แต่เพราะโดนกกอยู่ในอกเลยไม่สามารถมองว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไรตอนที่พูด แต่ฟังเอาจากน้ำเสียง มันชวนหดหู่และเหงาหงอยเสียจนแม้แต่ตัวคนฟังยังคล้อยตาม

          เอาเข้าจริงๆ วัฒน์ก็อยากถามกลับเสียเหลือเกินว่า ไอ้ที่นอนกับผู้หญิงระบายความอยากไม่เลือกหน้าเหมือนหมาตอนติดสัด เป็นแมงดาคุมซ่อง ทำงานในโลกมืดมิดชนิดหาความสว่างไม่ค่อยเจอแบบนี้แล้วยังต้องมีหน้ามาถามกันอีกหรือ

          แต่เขาเข้าใจว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายเอ่ยน่าจะเป็นเพราะเนสำนึกได้ว่าการหักหลังสิทธิ์เป็นเรื่องเลวร้าย และอาจจะรู้สึกแย่มากจนไม่กล้าบอกกับคุณสิทธิ์ตรงๆก็ได้ เลยมาบอกกับเขาที่เป็นเพื่อนร่วมงานแทน

          “ถามฉันไปมันก็เปลี่ยนในสิ่งที่นายทำไปแล้วไม่ได้หรอกนะ” ต่อให้รู้ว่าเมา และวันต่อมาก็อาจจะลืมสิ่งที่เขาพูด แต่วัฒน์ก็ยังคงเอ่ยต่อไปเพราะส่วนลึกในใจก็แอบหวังอยากให้อีกฝ่ายเปลี่ยนได้จริง...แน่นอนว่าไม่ได้นึกถึงผลประโยชน์ทับซ้อนกับตัวเองแต่อย่างใด...นี่เพื่อคุณสิทธิ์ล้วนๆ!!! “ถ้านายไม่อยากเป็นแบบนั้น ก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง แล้วพิสูจน์ให้เห็นสิว่านายไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว”

          คราวนี้เด็กหนุ่มคลายกอดเสียที วัฒน์กึ่งโล่งใจเพราะจะได้ยืนเต็มขา บวกกับจับผ้าขนหนูไว้ทันก่อนที่มันจะร่วงลงพื้น เมื่อเห็นสีหน้าของหนุ่มวัยลูก วัฒน์ก็เผลอจ้องตาค้าง ดวงตาเรียวที่มองกลับมานั้นดูเป็นประกายราวกับได้เห็นแสงสว่างของชีวิตก็ไม่ปาน

          “แล้วมันจะทำให้คุณเลิกเกลียดผมหรือเปล่า”

          เจอดอกนี้เข้าไปเล่นเอาเก๊กหลุดทันที วัฒน์แทบจะไม่อยากเชื่อหู

          “ฉัน...” เขาลืมไปแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังเมา เพราะความรู้สึกที่พุ่งปรี๊ดขัดขวางการทำงานของสมองเสียจนคิดอะไรไม่ออกกันเลยทีเดียว “นะ...นั่นก็ต้อง...ต้องดูว่านายทำได้จริงหรือเปล่าโว้ย!!!!...ฉันไม่เชื่อหรอกกว่านายจะทำได้จริง เด็กอย่างนายก็แค่ดีแต่ปากนั่นล่ะ”

          ไปๆมาๆยิ่งพูด วัฒน์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะเลอะเทอะกว่าคนเมา ทีแรกอยากจะให้เนกลับตัวแท้ๆ แต่ดันตอกกลับไปว่าอีกฝ่ายทำไม่ได้เสียเช่นนั้น...ตกลงไม่รู้จะเอาอย่างไรกันแน่

          แต่ดูเหมือนเนกลับไม่ได้กังขากับอาการของอีกฝ่าย ใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยค่อยๆเลือนหายไป และโดนเติมเต็มด้วยความหวัง จนคนที่ตั้งท่าจะต่อว่าถึงกับชะงัก

          “ถึงจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ผมก็จะพยายามทำให้ได้” น้ำเสียงทุ้มของเด็กหนุ่มช่างชวนให้ใจระส่ำเสียเหลือเกิน...แววตาที่มุ่งมั่นนั่นทำเอาวัฒน์ค้างไปนาน ก่อนจะตั้งสติได้

          “งั้น…จุดประสงค์ที่นายมาทำงานตรงนี้ล่ะ…เพื่ออะไร” เมื่อมีโอกาสแล้ว วัฒน์จึงถามทันที ในตอนนี้อีกฝ่ายอาจจะยอมหลุดปากเรื่องแผนการของเดชก็เป็นได้

          แต่ต่อให้ไม่เมา เนก็เข้าใจสิ่งที่วัฒน์ถามว่า เหตุผลที่จำใจมาทำงานตรงนี้ทั้งที่ไม่อยากเพราะอะไร

          แล้วเรื่องน่าอายชวนตายแบบนี้ใครจะบอกกัน!!

          “ผม…แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรทำแล้ว…ทั้งที่ผมไม่ได้รู้ความจริงเลยสักนิด…” เนตอบเสียงอ่อน ท่าทางสำนึกผิดจนน่าสงสาร “ถ้ารู้ว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ผมคงไม่ทำหรอก”

          แน่นอนว่าวัฒน์เข้าใจไปไกลโพ้นแล้ว

          แสดงว่าเจ้าเด็กนี่แค่โดนใช้ให้มาตามติดสิทธิ์โดยที่ไม่รู้แผนของเจ้าหมอนั่นหรือ…

          แต่เพราะยังไม่อยากปักใจเชื่อนัก เลยพยายามไม่แสดงสีหน้าเห็นใจใดๆให้…มันอาจจะหลอกให้ตายใจก็เป็นได้…ถึงแม้ใบหน้านั้นจะทำเอาใจสั่นอย่างน่าแปลกก็ตาม

          “ฮึก…”

          และก็เริ่มสั่นจนแทบจะระเบิดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเขื่อนแตก

          “เฮ้ย ร้องไห้ทำ…” เสียงทุ้มขาดห้วงเพราะอยู่ๆอีกฝ่ายก็เข้ามากอดเอวตัวเอง และนั่นทำให้ผ้าขนหนูแสนดีเริ่มหาเรื่องลงไปนอนพื้น

          “ผมขอโทษ…” เนร้องพลางเอาหน้าเช็ดผ้าขนหนูของอีกฝ่าย ที่มันกำลังจะหลุดเข้าทุกที “ผมขอโทษ…”

          เอ็งนี่มันมีความสามารถในการละลายหัวใจชาวบ้านจริงๆโว้ย!!!

          ทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อแท้ๆ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับอ่อนปวกเปียกเสียนี่ ยิ่งเห็นดวงตาเรียวที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา มองช้อนขึ้นมาแล้ว ไอ้ที่ระแวงๆอยู่ก็ดันระเหิดหายไปเสียหมด จนนึกอะไรแทบไม่ออก

          มือหนาลูบหัวคนที่ซุกอยู่ตรงเอวอย่างลืมตัว และแม้จะเกือบหลุดปากยอมเชื่อไปแล้ว แต่ฟางเส้นสุดท้ายก็คอยเตือนสติไม่ให้เขาเตลิดไปมากกว่านี้

          “นายไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างเรียบนิ่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความลังเลหายวับไปหมด เหลือไว้แต่ความเย็นชา “พิสูจน์ให้ฉันเห็นก็พอ”

          ทั้งอย่างนั้น ไอ้คนฟังกลับไม่แสดงอาการห่อเหี่ยวหรือหวาดหวั่นใส่แต่อยางใด ซ้ำยังกลับมาดีใจมากกว่าเมื่อครู่อีก ทำเอาคนที่พยายามใจแข็งเริ่มอ่อนยวบขึ้นมาอีกแล้ว

          ไอ้บ้าเอ๊ย คิดว่าทำหน้าแบบนั้นแล้วฉันจะยอมเรอะ ฝันไปเหอะ!!! ฝันไป!!!!


_______________________________________


ช่วงนี้ ปั่นโดหน้ามืดเลยขะ ;_; แถมยังปกอีก อาจจะสามสี่วันลงทีนะฮับ(ถ้ายังทำทันกำหนดการณ์น่ะนะ ฮา)

ขอลงศรัทธาในพลังซึน และพลังปากหนักกันต่อไป...ไป...ไป (เอ็คโค่)


คนลงเพิ่งสอบเสร็จ เลยลงช้านะค้าบ*3*
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 30-05-2015 15:09:35
มาแล้ว มาแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 30-05-2015 15:28:32
เนรู้ความจริงแล้วเชื่องเป็นหมาน้อยเลยวุ้ย น่าร้ากกกกกก
อาวัฒน์จะใจอ่อนไหม เพราะตัวนี่อ่อนระทวยแล้วแหงม
จนตอนนี้เหลือฝากอาวัฒน์สินะที่ยังเข้าใจผิดอยู่  :jul3:
คุยกันในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนี่มันหวิวๆ เนอะ  :hao7:
ชอบภาพปลากรอบเนแต่งหญิงมากค่า สวยงาม กร๊ากกกก
++ คนอ่านกลับมาติดตามแย้ว
(หายไปเพราะสอบ) มาอ่านทีจุใจเลยทีเดียว รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 30-05-2015 16:47:05
รอต่อคับ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 30-05-2015 17:08:25
รู้สึกว่าตอนนี้สั้นไปเลยค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 30-05-2015 17:27:31
เอาอีกกกกกก เนจะเปลี่ยนไปยังไงงง เอร้ยยยย :-[
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-05-2015 17:48:31
เนจะยังซึนอยู่มั้ยเนี่ย
ส่วนอาวัฒน์ นางยังไม่รู้ก็เลยยังซึนต่อไป -.-
แต่ตอนนี้ทั้งสองก็ยังอยู่ในสภาพหวิวกันทั้งคู่นะ หึๆ ซึ่งทุกทีที่เนเมา มันก็มักจะเกิด 'เหตุการณ์บางอย่าง' ขึ้นเสมอ -.,- รอดูอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอ๊ะเปล่า อิอิ
ตอนนี้วัฒน์เข้าใจไปนู่นนนเลยอ่ะ เหอๆ =_=
แล้วการที่เนถูหน้ากับผ้าขนหนูของวัฒน์นี่จงใจให้มันหลุดเปล่าเนี่ยเนนน -..-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 30-05-2015 19:57:58
ถึงจะเข้าใจไม่ตรงกันออกนอกเส้นทางบ้าง แต่ปลายทางเหมือนกันสินะ... อืมๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-05-2015 20:06:43
งานนี้ซึนอย่างเดียวไม่พอ ต้องมโนเก่งด้วย คิดกันไปคนละเรื่องเลย :เฮ้อ:

โอม ตอนต่อไปจงมา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mcooky ที่ 30-05-2015 20:10:38
เหมือนต่างคนต่างเข้าใจกันคนละเรื่อง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 30-05-2015 20:12:20
อาวัฒน์กลับมาก่อนนนน!!!
มโนไปไหนต่อไหนแล้ว55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Rufio ที่ 30-05-2015 21:42:46
ฮามาค่ะ

ซึนกันได้อีก :laugh:

อาวัฒน์ก็มโนเก่งมาก ไปไกลเกิ้นน เดี๋ยวเลี้ยวกลับไม่ทันนะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 30-05-2015 22:13:51
อ่านแล้วขำ  555555555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 30-05-2015 22:23:52
พูดกันคนละเรื่องยังคุยกันรู้เรื่องด้วย ก๊าก... แหม่ แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่า 'คุยกันแบบเปิดอก' น่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 30-05-2015 22:59:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 01-06-2015 21:27:00
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 02-06-2015 20:15:40
ต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดเลย
เข้าใจกันคนล่ะโยชเลย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 26 (30/05/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-06-2015 21:26:00
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 04-06-2015 12:36:18
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 27


          เนรู้สึกเหมือนมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงเข้าหัว พอพยายามจะขยับตัว หัวก็ปวดจี๊ดจนน้ำตาเล็ด เขาจึงนอนนิ่งหวังจะหลับต่อ แต่น้ำหนักที่ทับแขนของตนนั้นปลุกให้เขาต้องลืมตามองสิ่งที่ตนกอดไว้ และนั่นทำให้เขาตื่นเต็มตายิ่งกว่าโดนน้ำเย็นสาดหน้า เพราะมันไม่ใช่หมอนข้างอย่างที่ตนเข้าใจ

          คุณวัฒน์?

          เนมองตาค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ในหัวตอนนี้ยังคงสับสนและปวดตุบจนแทบจะระเบิด และยิ่งอยากจะระเบิดไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพล่อนจ้อนไร้อาภรณ์ปกปิด

          เกิดบ้าอะไรขึ้นฟะ

          เด็กหนุ่มกระตุกเล็กน้อย ดวงตาเรียวมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยปนกระอักกระอ่วน มือที่โดนทับพยายามขยับจับสิ่งที่สัมผัสโดน เพื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ได้คิดผิด

          ไม่จริงน่า...

          ด้วยความที่ไม่อยากจะยอมรับกับสิ่งที่อยู่คามือ เขาจึงใช้มือที่เหลือเปิดผ้าห่มขึ้นมาอย่างเชื่องช้า และทันทีที่พบความจริงภายใต้ผ้าห่ม เนก็ต้องรีบปิดกลับด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำด้วยความตกใจสุดขีด เพราะหนุ่มใหญ่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนก็มีสภาพไม่ต่างกับตนเลยสักนิดเดียว

          แม้จะปวดหัวแทบตาย แต่สมองก็ไม่อาจหยุดคิดทวนความจำเรื่องเมื่อคืนได้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองไปทำอีท่าไหน ถึงได้มาลงเอยกันแบบนี้

          เมื่อคืน...เรา...

          พอนึกออกใบหน้าก็แดงเถือกเหมือนโดนป้ายสี เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะพลั้งพูดออกไปแบบนั้น แถมยังมีการดึงอีกฝ่ายมากกกอดซะแน่นอีกต่างหาก ยังดีที่เมื่อคืนมันจบแค่การกอดเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งใดเกินเลยไปมากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าที่มันจบลงแบบนี้ก็เพราะตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายขอนอนกอดวัฒน์ แถมยังเร่งรัดไม่ยอมให้อีกฝ่ายเสียเวลาใส่ชุดนอนด้วยการร้องไห้อ้อนวอนสุดชีวิตอีก มารู้ตัวเอาตอนนี้ก็ได้แต่อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี...แต่ถึงจะอาย แต่จะให้คลายกอดกลับรู้สึกเสียดายเสียอย่างนั้น เพราะโอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยสักหน่อย

          ...แล้วทำไมเราต้องนึกเสียดายด้วยวะ...เรา...เราไม่ได้ชอบตาลุงนี่สักหน่อย ที่รู้สึกไม่ดีน่ะ ก็เพราะรู้สึกผิดที่ดันไปเข้าใจผิดซะยกใหญ่ แล้วทำเรื่องเลวร้ายบัดซบชนิดไม่อาจลบเลือนให้หายไปจากใจได้ต่างหากล่ะ

          แม้จะคิดได้เช่นนั้นแต่กลับนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองคนในอ้อมกอดด้วยความสงสัยตัวเอง และแม้จะยังสับสน แต่พอนึกถึงคำพูดเมื่อคืนของหนุ่มใหญ่กลับ ทำให้เขารู้สึกดีใจขึ้นมา

          ทั้งที่ผมจะทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นกับคุณแท้ๆ แต่คุณยังยอมให้โอกาสกับผมอีก...เพราะฉะนั้น คราวนี้ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่.................ใช่!! เพื่อไถ่โทษกับที่ผมทำเรื่องไม่ดีกับคุณไง แค่ไถ่โทษแล้วก็เลิกเกลียดผมเท่านั้นนะ ไม่ได้มีเรื่องอยากให้คุณมายอมรับแล้วยิ้มให้ผมอะไรแบบนั้นหรอก...ไอ้เรื่องเป็นคนรักอะไรนั่นน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก แล้วผมก็รู้ว่าคุณเองก็ไม่คิดอยากจะเป็นเหมือนกัน....

          เนชะงักเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เพราะเรื่องที่ดีที่สุดที่ควรจะทำเป็นสิ่งแรกเพื่อไถ่โทษ คือการเลิกสัญญาขึ้นเตียงนี่น่ะสิ

          ...ไม่ๆ ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่เป็นอันทำงานทำการพอดีสิ เรื่องนั้นไม่เกี่ยวหรอก เดี๋ยวเกิดอยากจนหาที่ระบายไม่ได้ก็ต้องลงเอยด้วยการหน้ามืดปล้ำลุงแกอีก มันจะแย่กว่าเดิมเอาเปล่าๆ เพราะงั้น เรื่องนั้นไม่นับ! ก็แค่นอนด้วยกันเฉยๆ ถือว่าช่วยๆกันก็เท่านั้นเอง

          “อือ...”

          ได้ยินเสียงทุ้มดังครางขึ้นมาเท่านั้นล่ะ เนรีบนิ่งทำเป็นหลับทันควัน แม้ในใจจะนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะโวยวายที่โดนตนกกกอด แต่ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะดึงมือกลับมาเสียแล้ว จึงได้แต่นอนใจระส่ำ หวังไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตนตื่นอยู่

          วัฒน์หรี่ตามองภาพตรงหน้าด้วยความงัวเงีย พอรู้ตัวว่ากำลังนอนซบอกเด็กหนุ่ม ดวงตาก็เบิกออกจนแทบจะถลน เขารีบลุกหนีไปนั่งอยู่ริมเตียง

          แต่ไม่ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอย่างที่เนคาด

          เนื่องจากหลับตาอยู่ เนจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ ไอ้ครั้นจะให้แอบลืมตามองก็ไม่กล้า ที่นอนฟากนั้นยังคงยุบลงเป็นการบอกให้รู้ว่าวัฒน์กำลังนั่งอยู่

          แต่คิดไม่ทันไรก็ต้องนอนตัวแข็งทื่อ เมื่อเจอสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือลงมาที่แก้มของตน แถมไม่ได้แค่จับประเดี๋ยวประด๋าว แต่จับอยู่นานทีเดียว เล่นเอาเนเริ่มกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าตนแกล้งหลับ นี่ถ้าเลื่อนมือมาแถวหน้าอกคงต้องรู้แน่ ก็หัวใจมันเล่นดังรัวอย่างกับกลองขนาดนี้นี่

          “ถ้าทำได้อย่างที่พูดไว้ก็คงดี” วัฒน์เอ่ยแล้วถอนหายใจ ดวงตาเรียวเลื่อนมองใบหน้ายามหลับของเด็กหนุ่ม พอคิดถึงพฤติกรรมเมื่อคืนแล้วอดนึกเสียดายไม่ได้ เขารู้ว่าที่เนทำตัวเป็นเด็กดีเสียขนาดนั้น เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าเป็นแน่แท้ หนุ่มใหญ่ลุกจากเตียงพลางถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลับอย่างที่เห็น

          และตอนนี้เนก็กำลังหน้าแดงสุดๆหลังจากได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของวัฒน์

 

          หนุ่มใหญ่ได้แต่เก็บอาการหวาดผวาของตนไว้ในใจ แต่ทันทีที่เผลอมองเนทีไร เขาก็อดสะดุ้งไม่ได้ เพราะวันนี้เด็กหนุ่มมีอาการผิดปกติอย่างชัดเจน ไม่ว่าวัฒน์จะจิก เหน็บ บ่น ด่า ว่าสารพัดสารพันแค่ไหน เนกลับไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดรำคาญให้เห็นแม้แต่น้อย ออกจะดูรู้สึกผิดด้วยซ้ำ แถมยังไม่ต่อล้อต่อเถียงกลับมาแม้แต่แอะเดียว ราวกับเป็นคนละคนโดยสมบูรณ์

          ผีเข้ามันหรือเปล่าวะ...ไม่สิ หรือว่ามันจะตั้งใจทำอย่างที่สัญญาไว้เมื่อคืน

          คิดเสร็จก็ส่ายหน้า วัฒน์ไม่คิดว่าคนเราจะกลับใจกันได้ภายในวันเดียว อีกทั้งยังเพิ่งโดนเดชเย้ยใส่มา เขายิ่งไม่ยอมเชื่อเข้าไปใหญ่

          ทำตัวดี กะให้ฉันตายใจล่ะสิ

          วัฒน์ปรายตามองเด็กหนุ่มที่ยังคงง่วนอยู่กับงานตรงหน้า ท่าทางดูขยันขันแข็งและมุ่งมั่นผิดจากทุกทีมาก มากจนหนุ่มใหญ่เองก็ลังเล

          ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆก็ดีสิ...เป็นได้ตลอดเลยยิ่งดี....

          “คุณวัฒน์ครับ!”

          เจ้าของชื่อสะดุ้ง จนต้นที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เพราะมาช่วยทำเอกสารอยู่ด้านใน ถึงกับตกใจจนเกือบร่วงจากเก้าอี้

          “คุณวัฒน์เป็นอะไรหรือครับ” หนุ่มร่างท้วมเอ่ย ทั้งๆที่ตัวเองน่าเป็นห่วงกว่าเยอะ เพราะหน้าซีดเหมือนกับคนจะเป็นลม

          หนุ่มใหญ่เลื่อนสายตามองไปทางคนถาม ด้วยใบหน้าที่นิ่งจนน่ากลัว คิ้วหนามุ่นเข้าหาเพราะกำลังคิดว่าควรจะแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้อย่างไรดี เขาไม่คิดจะบอกหรอกว่าเพราะมัวแต่คิดถึงเนเพลินจนลืมตัว

          แต่แน่นอนว่าใครมองอยู่ก็เห็นว่าวัฒน์กำลังโกรธกันเห็นๆ และเนเองก็รู้สึกไม่ดีไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่หนุ่มใหญ่ไม่ได้หันมาเขม่นใส่เขาสักหน่อย

          “เปล่า ไม่มีอะไร” รองประธานเอ่ยเสียงนิ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อโดยไม่มองหน้าเน เพราะกลัวตัวเองจะออกอาการเขินให้อีกฝ่ายเห็น “แล้วนายน่ะ มีอะไร”

          แน่นอนว่าเนไม่คิดหรอกว่าวัฒน์เขิน คนอื่นเองก็ไม่คิด ถ้าบอกว่าเกลียดจนไม่อยากจะมองหน้ายังจะเข้าทีกว่าเยอะ

          “...นี่ครับ ผมทำเสร็จแล้ว” เนยื่นเอกสารโดยพยายามทำให้เสียงให้ปกติที่สุด เด็กหนุ่มสะบัดความเศร้าหมองออกจากจิต แล้วยิ้มให้หวังจะกู้สถานการณ์ “มีงานให้ผมทำอีกหรือเปล่าครับ”

          ขนาดไม่มอง วัฒน์ยังรู้สึกถึงออร่าสว่างไสวแผ่ออกมาจากทางเนเลย

          “นั่นและนี่” หนุ่มใหญ่โกยงานที่เตรียมไว้ไปทางโต๊ะของเด็กหนุ่ม แล้วลุกพรวด “เดี๋ยวมา ขอพักหน่อย”

          ว่าจบก็เดินฉับๆด้วยความไวเหมือนทะลุประตูออกไปยังลิฟท์ทันที ปล่อยให้เนกับต้นได้แต่มองตามด้วยความสงสัย

          “เป็นอะไรของเขาเนี่ย” หนุ่มร่างท้วมเอ่ยด้วยความงุนงง “นายรู้หรือเปล่า”

          เนรู้สึกเหมือนโดนทุบลงกลางกระหม่อม ทำไมเขาจะไม่รู้ ที่วัฒน์มีท่าทีแปลกแบบนั้น ก็ไม่วายเพราะตัวเขาเองนี่ล่ะ

          ยังไม่พอใจอีกหรือ...ต้องให้เท่าไหร่ถึงจะพอใจกันนะ

          เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนดวงตาร้อนผ่าว แต่ก็พยายามสะบัดความคิดห่อเหี่ยวออกจากหัว หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า พลังใจก็ไหลเข้ามาจนล้น

          เขากำลังหวังให้เราทำได้อยู่ เพราะงั้น จะมามัวเศร้าไม่ได้ ถ้าแค่นี้ยังท้อ คงไม่มีหน้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ติดตามคุณสิทธิ์หรอก...

          ถ้าทำไม่ได้ คุณวัฒน์ก็จะนึกสมเพชเรา...เกลียดเรา...และคงไม่หันมามองเราอีกต่อไป...

          เกลียด...

          .................

          “เฮ้ย! เน เป็นอะไรวะ” ต้นร้องถามเสียงหลงเมื่ออยู่ๆคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามลุกขึ้นตบโต๊ะเสียดังลั่น โชคดีที่ห้องนี้เก็บเสียง คนที่อยู่ด้านนอกจึงไม่ได้สนใจนัก

          “ผม...” เด็กหนุ่มกัดปากแน่น ดวงตากลอกไปมาจนดูประหลาด จะให้เขาบอกได้อย่างไร ว่าตัวเองรู้สึกกลุ้มที่โดนวัฒน์เกลียดจนแทบจะระเบิด ถึงคนส่วนใหญ่จะไม่คิดไปในทางนั้น แต่เลือกได้ เขายอมตายดีกว่าต้องบอก
         
          “...ฉันไม่รู้หรอกนะว่ากลุ้มอะไรอยู่ แต่ถ้าอัดอั้นนัก จะระบายหน่อยก็ได้นะ”

          จากที่กำลังกระสับกระส่ายหาข้ออ้างแทบตาย เนก็หันมาจ้องต้นเขม็งด้วยความฉงน

          “ชัดขนาดนั้นเลยหรือครับ”

          “สุดๆ” ต้นสวนกลับอย่างไวจนคนฟังผงะ “เรื่องคุณวัฒน์อะเด่ะ...อ๊ะๆ ไม่ต้องถาม ก็ฉันเห็นคุณวัฒน์เขาลอบมองแกเหมือนกำลังหวาดหวั่นสงสัยอะไรแกตลอดตั้งแต่เช้า ทั้งที่ปกติถ้าไม่จ้องกันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ก็จะไม่สนใจกันมากกว่า ส่วนแกก็ทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังเขาซะทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งที่ปกติชอบขัดคอตลอด...นี่ฉันยังไม่เห็นแกกับคุณวัฒน์ประลองฝีปากตั้งแต่เช้าเลยนะ ชัดพอไหม”

          เนได้แต่เบิกตามองโดยไม่ค้านสักคำ เพราะมันชัดซะจนไม่รู้จะเถียงยังไงดี

          “ว่าแต่ แกนั่นล่ะ โดนคุณวัฒน์ทำอะไรมารึ ถึงได้ทำตัวหงอนัก โดนเทศนาข้ามวันมาหรือไง” ต้นหัวเราะขึ้นจมูกพลางมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความสนใจใคร่รู้ เขาชอบนักล่ะ ไอ้การได้หาเรื่องละจากงานที่ทำ กับสอดส่องเรื่องชาวบ้าน

          เด็กหนุ่มเหล่มองอยู่ครู่หนึ่งด้วยความลังเล พอคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่มีทางไปเล่าให้วัฒน์ฟังได้ อีกทั้งเขาเองก็อัดอั้น และกำลังหาที่ระบายอยู่ด้วย จึงตัดสินใจเอ่ยออกมาอย่างเสียมิได้ “เปล่า เขาไม่ได้ทำอะไรผม...ผมต่างหากที่ทำ...”

          “อะไรหรือๆๆ”

          หลุดปากไปแล้ว เด็กหนุ่มก็ได้แต่นั่งนึกเสียใจนี่ล่ะ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานที่ตื๊อไม่เลิกเสียด้วย หนีตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว

          “ก็แบบว่า...ผมเข้าใจผิดนิดหน่อย...คิดว่าเขา...เขา...” เด็กหนุ่มคิดหาคำโกหกสุดชีวิต...หรืออย่างน้อย เลี่ยงความจริงก็ยังดี “คิดว่าเขาแอบกินเค้กของผม แล้วไม่ยอมรับว่ากิน ผมเลยแกล้งเขาซะเต็มที่...จากนั้นถึงเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเขาไม่ได้กินน่ะครับ...”

          “ก็เลยรู้สึกผิดงั้นสิ” ต้นสำทับต่อ พยายามไม่ติดใจสงสัยเรื่องที่วัฒน์กินของหวานเป็นกับเขาด้วย “งั้นฉันก็ไม่แปลกใจแฮะ...ว่าแต่ คุณวัฒน์เขารู้หรือเปล่าล่ะ ว่าแกแกล้งเขาเพราะอะไร”

          ให้ตายก็ไม่บอกโว้ย เรื่องน่าอายหลุดโลกพรรค์นั้นน่ะ

          “ฉันว่าถ้าบอกน่าจะดีกว่านะ” คำแนะที่ค้านกับในใจสุดๆโพล่งขึ้นมาจากต้น “ถ้าเขารู้ว่าที่แกทำเพราะเข้าใจผิด คุณวัฒน์ต้องยกโทษให้แกแน่ ถึงฉันจะไม่ได้สนิทอะไรกับเขาก็เถอะ แต่ฉันคิดว่าคุณวัฒน์ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรหรอก...แค่มนุษย์สัมพันธ์ติดลบไปนิดหน่อยเอง”

          ข้อหลังเขาแอบเห็นด้วยขาดใจ

          “งั้นผมจะหาทางบอกเขาละกัน...” เนบอก แต่แน่นอนว่าเขาไม่ทำอย่างที่พูดหรอก เพราะเขาคิดว่ามันอาจไม่จบแค่บอกแล้ววัฒน์จะยกโทษให้แน่นอน ไอ้เรื่องที่เขาแกล้งไปน่ะ มันเลวร้ายจนขอโทษสักล้านครั้งก็คงไม่พอนี่


_________________________________
จะเกิดอะไรต่อระหว่าง ลุงจะรู้ความจริงก่อน หรือลุงจะใจอ่อนกับหมาน้อยก่อน หรือจะโดนใครบางคนมาขัดขวางก่อน โปรดติดตามฮับ XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 04-06-2015 13:07:00
เริ่มดีกันแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 04-06-2015 13:44:00
ว้าว ตอนที่ 27 มาแล้ว :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 04-06-2015 17:27:48
หาาา! มีใครจะขัดขวางใคร อะไร ยังไงล่ะเนี่ย ม่ายน้าา TOT
อยากให้ลุงใจอ่อนเร็วๆ ง่ะ แต่รู้ความจริงด้วยก็ดี หุหุ
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 04-06-2015 18:31:52
ไผสิมาขวางงงงง เขาจะฮักกั๋น ชอบกั๋นจะไปขวางตางเปิ่น (อุ้ยหลุดภาษาถิ่น) ติดตามมมม ติดตูดดด รออออ :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 04-06-2015 18:38:24
เน สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 04-06-2015 21:54:21
เอิ่ม รอต่อไป
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 05-06-2015 19:20:02
 :m13:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-06-2015 21:18:25
หายไปนาน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 05-06-2015 23:05:12
อ่านรวดเดียว27ตอน  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-06-2015 20:21:14
 :L2: แวะมาให้กำลังใจ

รอตอนต่อไปค่า  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 06-06-2015 22:15:31
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 27 (04/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 07-06-2015 09:05:10
สงสารอาวัฒน์ กร๊ากกกกกก สีหน้าอาวัฒน์นี่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องลนลานหน้าซีดตัวสั่นสินะ
เรียกได้ว่าเป็นเกราะอย่างหนึ่งของอาแกเลย
ถ้าเมื่อไหร่ที่เนตามทันหรืออ่านสีหน้าของวัฒน์ได้จริงๆ ล่ะก็ หึหึ หุหุ  :hao6:
เอาใจช่วยเน พยายามเข้าหลานเอ้ย!!!  วะฮ่าๆๆๆๆ
ว่าแต่  :a5: คนแต่งบอกว่าจะมีคนมาขวางด้วย !!!ใครหว่า ผู้ใด อ๊ากกกกก
เรื่องมันคงไม่ยุ่งไปกว่าเดิมหรอกนะ แค่คิดก็ฮาแล้ว รอๆ ตอนต่อไปค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 07-06-2015 12:46:19
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 28


    “อ้าว หวัดดีป๋า ตื่นซะบ่ายโด่งเลยนะ”

          ปาล์มเอ่ยทักชายวัยกลางคนที่กำลังเดินโซเซลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะหันกลับมาสนใจรายการทีวีตรงหน้า

          “แกนั่นล่ะ ตื่นเช้าหาอะไรของแกไม่ทราบ” ฉัตรหาวหวอดพลางขยี้ตามองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ทางขึ้นบันได ก่อนจะลงไปนั่งบนโซฟาข้างเด็กหนุ่ม “เพิ่งจะบ่ายสองเองไม่ใช่รึไง”

          “เมื่อคืนเจอเรื่องน่ากลัวจนฝันร้าย เลยไม่อยากนอนต่อน่ะ” ผู้เป็นลูกหัวเราะเสียงแห้ง “ไม่รู้จะว่ากล้าหรือบ้าดี ผมไม่เคยเห็นใครทำแบบนั้นกับอาวัฒน์เลยนะ คิดไม่ออกเลยว่าหมอนั่นจะโดนอะไรหลังจากนั้น”

          ดวงตาคมที่ปรือลงเหมือนคนอยากนอน เหม่อมองไปยังจอโทรทัศน์เบื้องหน้า เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอ ฉัตรลูบเคราตัวเอง กระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนได้เจอเรื่องน่าสนใจสุดๆเข้า

          “...ทำไมหรือ” ปาล์มเหล่มองพ่อของตน เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหัวเราะสิ่งที่อยู่ในจอโทรทัศน์แน่นอน เพราะช่องที่เปิดอยู่ตอนนี้ไม่ใช่รายการตลกแต่อย่างใด

          “แกดูสนิทกับไอ้เด็กนั่นดีสินะ” หนุ่มใหญ่ร่างบึกเกริ่นขึ้น “แกว่ามันเป็นยังไง”

          “...ก็โอเคดี เท่าที่เห็น” เด็กหนุ่มตอบโดยที่สายยังคงสนใจรายการทีวี “เพี้ยนดี”

          “งั้นก็ดี”

          เด็กหนุ่มเลิกคิ้วหันมามองบิดา “พ่อจะทำอะไรน่ะ” ปาล์มรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางแค่ถามเฉยๆอยู่แล้ว ยิ่งยิ้มกริ่มแผ่รังสีชั่วร้ายขนาดนี้ คงคิดวางแผนอะไรอยู่แน่

          “ฉันว่าจะให้เด็กนั่นมาช่วยงานของวันมะรืน” ฉัตรบอกก่อนจะหาวหวอด

          “เอ๋ แต่ว่าเนเป็นผู้ติดตามคุณสิทธิ์นี่ ให้มาทำงานกับพวกเราจะไม่เป็นอะไรหรือ”

          “ผู้ติดตาม ไม่ใช่ปลิงติดตัวสักหน่อย” หนุ่มใหญ่หัวเราะร่า “แล้วฉันก็ให้เด็กนั่นมาช่วยคนเดียวเอง ถ้าไอ้วัฒน์อยู่กับคุณสิทธิ์ด้วย รับรองหายห่วง”

          ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพยักหน้าเห็นด้วย เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เนื่องจากปาล์มนั่งอยู่ใกล้สุด จึงรับสายขึ้น “สวัสดีครับ”

          “ปาล์ม ขอคุยกับพ่อเราหน่อย”

          “อ้อ ได้ครับ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นสายไปให้ฉัตร “อาวัฒน์โทรมา”

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วตามลูกชายพลางรับโทรศัพท์มา เพราะปกติคนในสายไม่เคยโทรมาหาในเวลานี้ หากไม่ใช่เรื่องด่วนมากจริงๆ “มีอะไรหรือเปล่า”

          “นายไปสืบเรื่องไอ้เด็กเวรนั่นถึงไหนแล้ว”

          ฉัตรกะพริบตาปริบๆ นี่หรือคือเรื่องด่วน... “ก็ยังไม่ถึงไหนเท่าไหร่ ทำไมหรือ”

          “....”

          “เอ่อ...ฉันก็ว่าจะโทรไปพูดกับนายเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน” เมื่อปลายสายเอาแต่เงียบฉี่ ฉัตรจึงได้แต่ถอนใจแล้วพูดต่อ “คือ เท่าที่ฉันสืบดู ฉันไม่เห็นว่าไอ้เดชจะมีลูกน้องที่ชื่อเนเลยนะ แล้วตามประวัติไอ้เด็กนั่นเอง ก็รู้จักกับคุณสิทธิ์ด้วยนี่ ฉันค้นดูก็ไม่เห็นว่าเนกับไอ้เดชมันจะเคยเจอหน้าหรือเกี่ยวข้องอะไรกันได้เลยนะ”

          “...นายมั่นใจหรือเปล่าว่าไม่ได้พลาดอะไร”

          หนุ่มตาปรือเลิกคิ้วจนหน้าผากย่น “หรือนายมีหลักฐานที่บอกว่าเนกับไอ้เดชมันเกี่ยวข้องกันล่ะ”

          “ไม่มี”

          “แล้วนายจะสงสัยอะไรนักวะ ฉันฟันธงให้เลยเอ้า ว่าไอ้เด็กผีนั่นกับไอ้ผีนั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน!” ฉัตรร้องอย่างหัวเสีย

          “ฉันก็แค่รู้สึกว่าไอ้เนมันมีลับลมคมใน” ทั้งที่อีกฝ่ายแว้ดใส่ แต่น้ำเสียงของวัฒน์กลับนิ่งสนิทเสียจนอารมณ์ฉัตรดับวูบ “แล้วท่าทางมันก็แปลกๆด้วย”

          “แปลก...ยังไงล่ะวะ”

          วัฒน์นิ่งไปนานทีเดียว กว่าจะตัดสินใจเล่าถึงพฤติกรรมและความประทับใจแรกพบที่มีต่อเด็กหนุ่ม ให้ฉัตรฟัง แน่นอนว่าเขาตัดไอ้เรื่องที่ตนกับเนขึ้นเตียงไปซะเหี้ยน

          “เออ ก็น่าสงสัยอย่างที่ว่าจริงๆแฮะ” พอฟังจบ ฉัตรเองก็ชักจะเริ่มคล้อยตาม “ถ้าอย่างนั้นก็พอดีเลย”

          “อะไร”

          “ถ้ายังไง มะรืนฉันขอยืมตัวมันหน่อยได้หรือเปล่า ว่าจะให้มันไปช่วยงานน่ะ” น้ำเสียงทุ้มเข้มเอ่ยอย่างเริงร่า “บางทีอาจจะทำให้ฉันได้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยก็ได้”

          “ถ้ามันจะไปล่ะก็นะ”

          “เอ๋ นายก็สั่งมันสิ...หรือไม่ก็บอกมันไปก็ได้ว่า เพื่อคุณสิทธิ์ อะไรเงี้ย”

          “...จะลองดูก็แล้วกัน”

          ว่าจบก็วางสายเฉย ปล่อยให้ฉัตรได้แต่นั่งค้างด้วยความข้องใจ ถึงปกติวัฒน์จะทำตัวเข้าใจยาก แต่วันนี้ เขาตามไม่ทันสักอย่าง

          “เมื่อคืน แกเห็นไอ้วัฒน์กับไอ้เนมันเป็นไง”

          ลูกชายที่กำลังจดจ่ออยู่กับรายการทีวีหันมองด้วยใบหน้าหงิกเพราะไม่อยากจะนึกถึงเท่าไหร่นัก “ก็คิดว่าอาวัฒน์จะเอาไอ้เนไปหมกถังขยะไปแล้วละมั้ง”

          หนุ่มใหญ่พยักหน้า เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงเห็นพ้องต่อความคิดของอีกฝ่าย...เพียงแต่ไม่ทั้งหมด

          ถ้าโมโหหรือโกรธน่ะ เข้าใจ...แต่ทำไมต้องกระอักกระอ่วนด้วย ยิ่งตอนที่เนเอ่ยขอโทษ ทำไมถึงทำหน้าดีใจแล้วก็โล่งใจอย่างออกนอกหน้าขนาดนั้นกัน...ทั้งที่ใบหน้าพวกนั้น เป็นใบหน้าที่แกทำแค่ตอนที่อยู่กับปิ่นเท่านั้นนี่...

          มีอะไรกันหรือเปล่านะ...

          “เอาเหอะ เดี๋ยวก็รู้” ฉัตรพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าครุ่นคิดสงสัย อยากให้ถึงมะรืนนี้เร็วๆเสียเหลือเกิน

 

          วัฒน์พ่นควันบุหรี่อย่างเหนื่อยใจ สายตาเหลือบมองท้องฟ้าด้วยความกลัดกลุ้ม คิ้วหนามุ่นเข้าหากันเพราะคิดไม่ตกกับเรื่องที่วนอยู่ในใจ

          ปัญหาตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ว่า เป็นสายหรือเปล่าแล้ว แต่ปัญหาคือ เราจะทำยังไงกับหมอนั่นมากกว่า

          หนุ่มใหญ่หวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ใจก็นึกภาวนาให้เป็นอย่างที่ตนคิดเหลือเกิน...เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วล่ะก็ เขาคงไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มรู้สึกผิดคือสิ่งใด

          หรืออันที่จริง เขาก็รู้อยู่เลาๆ แต่พยายามคิดว่าไม่ใช่...

          แกรู้สึกผิด...ที่ทำเรื่องพรรค์นั้นกับฉันงั้นหรือ...ป่านนี้แล้วเนี่ยนะ

          แล้วมันจะทำให้คุณเลิกเกลียดผมหรือเปล่า

          คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มต้องกังวลเรื่องนั้นด้วย ถ้ากลัวโดนสิทธิ์เกลียดก็ว่าไปอย่าง แต่กับเขา ซึ่งเป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่เขม่นกันตั้งแต่เจอหน้า จะมากลัวโดนเกลียดทำไมกัน

          หมอนั่นคงอยากแค่ญาติดีกับเราเท่านั้นล่ะ

          ใบหน้าใสของเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อนั้น ช่างชวนให้รู้สึกสับสนและหวั่นไหวเสียเหลือเกิน

          วัฒน์สะบัดหัว ความว้าวุ่นในดวงตาเรียวค่อยๆจางหายจนเหลือแต่ความสงบนิ่ง หนุ่มใหญ่เงยหน้ามองท้องฟ้าที่กระจ่างใส ก่อนจะหลับตาแน่น

          อย่าเด็ดขาด...ยังไม่เข็ดอีกหรือไงนะเรา...ไปรักคนที่ไม่ควรรักน่ะ...สุดท้ายก็ต้องมานั่งเสียใจอยู่คนเดียว...เพราะงั้น ถึงหมอนั่นกลับตัวได้จริง ก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกับร่วมเตียงเท่านั้น

          ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่

          “คุณวัฒน์”

          เสียงที่คุ้นหูกระชากหนุ่มใหญ่หลุดออกจากห้วงความคิด ดวงตาเรียวปรายมองคนที่ไม่อยากจะเห็นหน้าในยามนี้เป็นที่สุด

          “มีอะไร” เจ้าของชื่อพยายามทำตัวให้สงบนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในหัวก็พยายามสะกดจิตตัวเองว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานทั่วไป ที่น่าสงสัยว่าอาจจะยังไม่แปรพักตร์ดี ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น

          เนกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของวัฒน์ดูนิ่งเฉยผิดจากทุกที ไม่เจืออารมณ์รังเกียจออกมาเลยสักนิด “ผมทำงานเสร็จแล้ว เห็นคุณออกไปนานด้วย เลยสงสัยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า...” เด็กหนุ่มบอกโดยพยายามใช้คำที่ดูเป็นกลางที่สุด...เพราะถ้าพูดว่าเป็นห่วงกับคนที่เคยอาฆาตกันคงดูแปลกเอาการ เผลอๆจะดูเหมือนประชดเสียด้วยซ้ำ

          “อ้อ งั้นหรือ...” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงค่อย ก่อนจะเดินไปทิ้งก้นกรองบุหรี่เข้าถังขยะที่อยู่ใกล้กับประตูดาดฟ้า “เออ วันมะรืน ฉัตรขอให้นายไปช่วยงานน่ะ จะไปหรือเปล่า”

          “ได้สิครับ” เด็กหนุ่มรับคำอย่างง่ายดายจนคนถามแปลกใจ “ไปทำอะไรหรือครับ”

          ...ตามหลักแกควรจะถามก่อนตกลงสิวะ นี่ไม่กลัวว่าฉันจะวางแผนลอบฆ่าแกเลยรึไง ถึงแกจะอยากเข้าพวกฉันยังไงก็เถอะ จะเชื่อใจกันง่ายไปหน่อยแล้ว!

          “ก็ไปเอาของสำคัญจากรังศัตรู รายละเอียดเดี๋ยวฉัตรจะบอกนายเอง” เสียงทุ้มเอ่ย ดวงตาเรียวพยายามมองอีกฝ่ายหวังให้ดูปกติธรรมดามากที่สุด แต่อย่างมากก็ทำได้แค่มองเท้าเด็กหนุ่มเท่านั้น

          “เข้าใจแล้วครับ” เนรับคำ แล้วเงียบไป เมื่อเห็นวัฒน์ทำท่าจะเดินกลับเข้าตึก เขาก็เรียกรั้งไว้

          หนุ่มใหญ่หันกลับมามองโดยไม่เอ่ยถาม สีหน้าของอีกฝ่ายดูลังเล เหมือนกำลังรวบรวมพลังที่จะเปล่งคำพูดออกมา และก็เป็นคำพูดที่ทำให้วัฒน์เผลอเบิกตาโตจนแทบถลน

          “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ครับ”

          ใครจะไปหวังกันวะ!

          ใจจริงอยากจะสวนกลับอย่างที่คิดเสียเหลือเกิน แต่พอเห็นใบหน้ามุ่งมั่นตั้งใจที่ไร้พิษสงนั่น เล่นเอาวัฒน์เกิดอาการใบ้กินเสียดื้อๆ

          “...นายหมายถึงเรื่องอะไร” หนุ่มใหญ่ตีหน้าไม่รู้เรื่อง

          “ก็งานที่จะไปทำยังไงล่ะครับ ผมจะตั้งใจทำเต็มที่...คุณจะได้ยอมรับผมในฐานะเพื่อนร่วมงาน”

          ทั้งที่นั่นเป็นคำพูดที่เนสมควรพูด และเขาก็คิดไว้อยู่แล้ว แต่วัฒน์กลับรู้สึกเหมือนดิ่งลงเหว โดยเฉพาะกับคำสุดท้าย

          มากสุดที่นายหวังไว้งั้นสินะ...แล้วเราจะห่อเหี่ยวทำไมวะ!

          “ฉันก็หวังไว้อย่างนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนิ่งเรียบ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรต่อ เพราะขืนให้ยืนมองหน้าเด็กหนุ่มมากกว่านี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะคุมสีหน้าไม่อยู่ แล้วต้องเผลอแสดงอาการน้อยใจกับเรื่องที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้เป็นแน่

          เนยืนมองหนุ่มใหญ่ที่เดินจากไปด้วยใบหน้ามึนตึง เขานึกก่นบ่นด่าตัวเองที่รู้สึกเช่นนั้นออกมา ทั้งที่พยายามบอกตัวเองเป็นล้านครั้งว่า เขาไม่ได้ชอบอีกฝ่าย และทางโน้นเองก็ไม่ได้ชอบตน

          แต่เมื่อเห็นความจริงที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้า เขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทุกที

          เจ็บตรงที่ใจ...

          ฮึ่ย!!! เจ็บบ้านเตี่ยสิวะ เขาเป็นผู้ชายนะโว้ย!! แถมยังอายุเกือบเท่าพ่อเราอีก อย่าคิดแบบนั้นเชียว!!

          เด็กหนุ่มทั้งสะบัดหัวแล้วตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ เขาหายใจเข้าออกลึกๆอยู่สามสี่ครั้ง ก่อนจะทำสีหน้าปกติ...ได้เพียงสองนาที เมื่อนึกถึงงานที่ตนต้องทำในวันมะรืน

          พอนึกถึงหน้าหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ ที่ชอบเที่ยวเกาะแขนโอบไหล่วัฒน์ แถมยังดูสนิทสนมกันมากจนเหมือนตัวเขาไม่อาจเข้าถึง ในใจที่เพิ่งสงบก็ว้าวุ่นเหมือนพายุกำลังตั้งเค้า

          เนหน้ามุ่ยอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะผงะ

          แล้วตูจะคิดมากเรื่องความสัมพันธ์ของสองคนนั่นหาพระแสงของ้าวอะไรฟะ เรากับตาลุงนั่นไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...ใช่ แค่เพื่อนร่วมงาน...เพราะฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกติดใจสงสัยอะไรทั้งนั้น!

 

          เนไปที่บ้านของฉัตรตามที่วัฒน์สั่งในเวลาบ่ายโมงพอดีเป๊ะ ทันที่ที่เห็นใบหน้ากรุ้มกริ่มของเจ้าของบ้าน เนก็เผลอกัดปากตัวเองด้วยความหงุดหงิดปนสับสน

          “โอ้ ว่างาย” หนุ่มใหญ่หน้าบากเอ่ยทักทาย พลางชี้นิ้วไปทางรถแวนสีเงินที่จอดอยู่ไม่ไกล “ขึ้นไปเลย แล้วเดี๋ยวจะอธิบายแผนการให้ระหว่างเดินทาง”

          “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำ สายตาก็ยังคงจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาด้วยความคาใจ “คุณกับคุณวัฒน์สนิทกันน่าดูเลยนะครับ”

          เนได้แต่นึกอยากตบปากตัวเองอยู่ในใจ ที่ดันหลุดปากไปเพราะคาใจเหลือเกิน

          ฉัตรเลิกคิ้วมองเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะเอ่ยประโยคนี้ ชายร่างยักษ์มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ท่าทีตอนที่เนถามดูไม่เหมือนคนที่ถามเพราะอยากรู้ข้อมูลจากศัตรูเลยแม้แต่น้อย

          ดูเหมือนถามเพราะสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับวัฒน์มากกว่า...ซึ่งเขาจำอารมณ์นี้ได้เป๊ะ มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ภรรเมียแสนดีเอ่ยถามเขา เมื่อตอนที่คุณเธอไปเห็นเขาคุยกับหญิงอื่นอย่างสนิทสนมเกินเหตุ

          แต่อันนี้ทั้งคนถาม คนโดนถามและคนที่โดนพูดถึงมันมีแต่ตัวผู้ เลยทำให้เขารู้สึกพิลึกพิลั่นสุดๆ ที่ตัวเองดันรู้สึกแบบเดียวกับตอนโดนเมียถาม

          ฉัตรยิ้มค้างให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงนุ่ม “ก็สำหรับพวกเรา ไม่มีใครมาแทนที่กันและกันได้น่ะ”

          “ทั้งที่คุณมีลูกมีเมียแล้วเนี่ยนะ”

          อันที่จริง เขาก็แค่เปรยลองเชิง แต่พอเจอเด็กหนุ่มตอบมา เล่นเอานึกไม่ออกว่าจะไปยังไงเลยทีเดียว

          “นายชอบวัฒน์หรือ”

          คำถามที่ตรงแบบไม่มีการอ้อมของฉัตรทำเอาเนหน้าถอดสี “เปล่า ผมไม่ได้ชอบสักหน่อย ก็แค่สงสัย เห็นคุณกับคุณวัฒน์สนิทกันดี ก็เท่านั้นล่ะครับ”

          ว่าจบก็กระทืบเท้าตึงตังขึ้นรถแวนไปทันที ปล่อยให้คุณลุงหน้าบากยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ด้วยใบหน้าที่ตื่นตะลึงเหมือนเพิ่งเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกกำเนิดขึ้นตรงหน้ามาหยกๆ

          ...ถ้าไม่ได้ชอบ แล้วแกจะทำหน้าคาดคั้นคาใจเรื่องของฉันกับไอ้วัฒน์ทำมะเขืออะไรล่ะวะ

          หนุ่มใหญ่หวนคิดสิ่งที่เอะใจ มือหนาเกาหัวจนยุ่ง ในใจนึกภาวนาไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด


_________________________________
วันนี้คนลงไปปราบมารใต้ท่อที่หอพักน้อง ถ้าลงผิดพลาดอย่างไร รบกวนบอกด้วยเน้อ ไม่ค่อยถนัดลงในนี้เท่าไหร่ ยังงงกับระบบอยู่ XD 

        ช่วงนี้ยังยุ่งมากๆอยู่ ถ้าใกล้สิ้นเดือนนี้อาจจะลงช้ามาก ต้องขออภัยด้วยงับ ปั่นโดเรื่องโน้นหน้ามืดกันเลยทีเดียว TT+TT

        จริงๆกขค.ก็โผล่มาแล้วนะ แต่บทมันยังน้อยจนมองเห็นยากก็เท่านั้นเอง ฮา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 07-06-2015 13:40:32
ขำอะ ต่างคนต่างคิดไปเอง กร๊ากก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-06-2015 15:05:57
ขี้หึงนะเราอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-06-2015 15:29:10
รอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 07-06-2015 15:35:33
กขค. ที่ว่านี่... รึว่าจะเป็นต่อ?
เนหึงเขาอ่าเด้~ -..-
ฉัตรเริ่มระแคะระคายความสัมพันธ์ของคู่นี้แล้วนะ อย่างว่า...ความรักมันย่อมชัดเจนขึ้นทุกวันจนในที่สุดมันจะปิดไม่มิด -.,- 55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 07-06-2015 15:48:29
เยอะทั้งคู่   :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-06-2015 17:49:33
เป็นอย่างที่ฉัตรคิดนั่นแหล่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 07-06-2015 18:08:31
เหอะๆ ถึงยังไงก็เป็นไปแล้วล่ะค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 07-06-2015 18:30:32
เนหึง
ชอบลุงแล้วแน่เลยย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 07-06-2015 20:26:27
ลุงฉัตรถึงกับอึ้ง นี่ถ้ารู้ว่าสองคนนี้เขามีซัมติ้งรองไปถึงใหนต่อใหนแล้วจะเป็นไงนะนั่น
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 07-06-2015 22:03:35
ชอบมากถึงมากที่สุด ลุงวัฒน์น่าอ่ะจิกอ่ะจั๊กด้วยมาก มิน่าเนถึงหลงเอาหลงเอา
แบบชอบอ่ะ โหดๆ แบบเนี้ย แต่บนเตียงเป็นรับซะงั้น
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-06-2015 19:36:20
 :katai5: ผ่านมารอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 28 (07/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 11-06-2015 08:46:16
มารอดูตอนต่อไป คู่ซึนๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 11-06-2015 09:34:59
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 29


          “แกคิดยังไงกับพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน”

          ปาล์มหันมองบิดาแสนดีแทบไม่ทันเมื่อเจอคำถามชวนผงะ ในสถานการณ์ที่ไม่ควรจะถามสุดๆ เพราะในตอนนี้ทั้งสองกำลังลักลอบเข้าไปในโกดังของฝั่งศัตรู ซึ่งถ้าโดนเจอมีหวังเสียแผนและเสียหายต่ออิทธิพลของสิทธิ์เลยทีเดียว

          “ในบาร์ก็ออกจะเยอะแยะ ผมก็เฉยๆตราบเท่าที่ไม่มายุ่งกับผม” เด็กหนุ่มตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง “เพื่อนผมก็มี...เพื่อนพ่อก็ยังมีเลยไม่ใช่หรือ”

          “นั่นสินะ” ฉัตรรับเสียงเบาด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “งั้นนั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสินะ...”

          ก่อนที่หนุ่มหน้าหวานจะเอ่ยถาม ทั้งสองก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อพบเงาคนที่เดินไปมาอยู่หน้าประตู ฉัตรยกมือชูสี่นิ้วให้ลูกชาย ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งซ้ายที่มีตู้คอนเทนเนอร์วางซ้อนจนเกือบชนเพดาน

          “เฮ้ย” เสียงทุ้มร้องดังเมื่อเห็นเงาไหว ชายที่ยืนเฝ้าตรงหน้าประตูชักปืนแล้วตรงไปทางซ้าย เขาค่อยๆก้าวอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบใคร “อุ๊บ”

          ฉัตรโดดลงจากตู้คอนเทนเนอร์เข้าด้านหลังของอีกฝ่าย หนุ่มใหญ่ปัดปืนออกจากมืออย่างง่ายดาย แล้วประเคนหมัดเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกเสียเต็มรัก จนอีกฝ่ายลงไปนอนนับดาว

          “เรียบร้อยครับป๋า” เด็กหนุ่มเอ่ยพลางโบกซองเอกสารสีน้ำตาลในมือที่ตนไปเอามาในขณะที่ฉัตรจัดการคนเฝ้าประตู “ได้ของแล้วเราก็รีบออกไปกันเหอะ”

          ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที สองพ่อลูกก็เดินละลิ่วมาถึงรถแวนที่จอดทิ้งไว้ในซอยแคบ เด็กเฝ้ารถมองทั้งคู่หน้าหงิก ก่อนจะเข้าไปสตาร์ทเครื่อง และออกรถทันทีที่สองพ่อลูกขึ้นรถ

          “ให้ผมมาช่วยแค่นี้น่ะหรือ” เนแสดงสีหน้าไม่พอใจสุดๆ เพราะนึกว่าจะต้องไปบุกน้ำลุยไฟ แต่กลับได้มานั่งรออยู่เฉยๆแทน

          “ของนายมันเป็นกรณีเผื่อศัตรูเจอรถเราไง” ผู้อาวุโสสุดเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ดวงตาปรือเหล่มองคนขับ ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันได้ข่าวมาว่าพวกนี้เป็นพวกเดียวกับไอ้เดชด้วยล่ะ เจอแบบนี้เข้ารับรองว่าหมอนั่นปั้นหน้าเป็นไม่ออกแน่”

          เนกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อ ดวงตาเรียวมองอีกฝ่ายจากกระจกมองหลัง “เดช...คนที่คิดไม่ดีกับคุณสิทธิ์น่ะหรือ”

          “ช่ายๆ ไอ้หมอนั่นล่ะ” ปาล์มตอบเสียงหน่าย ใบหน้าหงุดหงิดแปรเปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นมา “อยากเห็นหน้ามันจริงๆ ตอนที่รู้ว่าเอกสารนี้หายไป”

          “งั้นหรือ”

          ฉัตรลอบมองสีหน้าของเนผ่านกระจกมองหลังรถด้วยความสงสัย เพราะถ้าอีกฝ่ายเป็นสายของเดชจริงอย่างที่วัฒน์เชื่อ เนก็ควรจะออกอาการลุกลี้ลุกลน หรือรู้สึกไม่ดีที่มาทำงานนี้สิ แต่ที่เขาเห็นตอนนี้ เด็กหนุ่มกำลังฉีกยิ้มด้วยความสะใจแทน ซึ่งนั่นเป็นหลักฐานที่แน่นอนมากแล้วว่าเนไม่ได้เป็นลูกน้องของเดช กอปรกับข้อมูลที่ได้มา ดูยังไงก็ไม่ใช่

          แล้ววัฒน์เข้าใจผิดว่าเนเป็นสายให้ได้ยังไงกันนะ

          ถึงจะสงสัย แต่หนุ่มใหญ่เลือกที่จะทิ้งคำถามนั้นลงถังทันที เขามั่นใจว่าไม่มีทางได้คำตอบจากปากของเจ้าตัวหรอก และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเลยสักนิด เมื่อเทียบกับเรื่องที่เขากำลังสงสัยอยู่

          “นายไม่ต้องดับเครื่องหรอก เดี๋ยวฉันจะออกไปทำงาน” ปาล์มบอกเมื่อเห็นเนขับมาถึงหน้าบ้านตน และเสียบเข้าไปนั่งฝั่งคนขับทันทีที่อีกฝ่ายออกมา “อ้าว พ่อ ไม่ไปด้วยหรือ”

          เด็กหนุ่มร้องทักเมื่อเห็นบิดาลงจากรถ และไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้ามา

          “เออ แกไปก่อนละกัน พ่อรู้สึกเหนื่อยๆ ขอพักก่อนแล้วจะตามไป”

          คนฟังทั้งสองต่างพากันเลิกคิ้ว เพราะพวกเขาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีแบบนั้นสักนิด ยิ่งโดยเฉพาะลูกชายนี่แสดงอาการประหลาดใจอย่างชัดแจ้งมาก เพราะเขารู้ดีว่าพ่อตัวเองไม่ได้เหนื่อยอย่างที่ว่าจริงๆอยู่แล้ว

          “เออ ฉันขี้เกียจ อยากนอนก่อน แล้วเดี๋ยวสองสามทุ่มจะตามไป”

          ถึงบางอ้อทันที

          “คร้าบป๋า” ปาล์มโบกมือให้ “หวัดดีเน แล้วเจอกันนะ”

          “อืม แล้วเจอกัน” เจ้าของชื่อทักทายกลับ พอเห็นเวลาก็คิดว่าสมควรกลับเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันได้เดินไปหารถที่ตนขับมาที่นี่ ก็โดนหนุ่มใหญ่เรียกเสียก่อน

          “รีบกลับหรือเปล่า” ฉัตรเอ่ยถามเด็กหนุ่มข้างกายพลางยกนิ้วโป้งไปทางประตูบ้าน “พักให้หายเหนื่อยก่อน แล้วค่อยกลับก็ได้นะ กว่าจะกลับถึงบ้านคุณสิทธิ์ไกลจะตาย”

          เนไม่ทันได้อ้าปากปฏิเสธก็โดนคนร่างยักษ์ลากเข้าบ้านเสียแล้ว

          “เอาน่า คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองก็ได้” เจ้าของบ้านคะยั้นคะยอ แล้วพาเด็กหนุ่มเข้าไปยังในครัว เขาหยิบกระป๋องเบียร์จากตู้เย็นส่งให้เด็กหนุ่มที่ยังคงยืนเหรอหรา “เมื่อก่อนวัฒน์เองก็เคยอยู่ที่นี่เหมือนกัน”

          ก่อนที่จะนึกได้ว่ามันคือกับดัก ก็เผลอโดดเข้าไปเหยียบเสียแล้ว

          ฉัตรแสยะยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมาหาตนด้วยสีหน้าตกใจสุดๆ เขาทำเป็นไม่สนใจต่ออาการที่ชวนให้รู้สึกผิดปกติเหล่านั้น แล้วเอ่ยขึ้นต่อ “ฉันมีรูปหมอนั่นเป็นอัลบั้มเลยนะ เดี๋ยวเอามาให้ดู”

          ยังไม่ทันที่เนจจะตัดสินใจ ฉัตรก็เดินหายขึ้นชั้นสองไป ปล่อยให้เขาได้แต่ยืนอึ้งกับข้อเสนอที่อยากตอบตกลงแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา

          หมอนั่น...

          เนได้แต่หงุดหงิดกับท่าทีและสีหน้าของหนุ่มใหญ่ มันเห็นอยู่ชัดๆว่าอีกฝ่ายคิดว่าเขาชอบวัฒน์ และรู้สึกเหนือกว่าเพราะรู้จักวัฒน์มานานและสนิทสนมกว่าเขา

          หยามกันชัดๆ!...แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบตาลุงนั่นด้วยโว้ย จะเอามาอวดฉันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ ตาลุงถึก!...แค่เคยอยู่ด้วยกันแล้วไงวะ ฉันว้อย คนปัจจุบัน....หมายถึงที่อยู่ด้วยกันน่ะ ไม่ใช่ในแง่คนรักเหมือนของคุณหรอกนะ ลุงถึก

          พอคิดด่าอีกฝ่ายจนสบายใจ เด็กหนุ่มก็กระดกเบียร์ที่ได้รับมาจนหมดกระป๋อง เขาเดินมายังห้องนั่งเล่น แล้วหันไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ที่มาที่นี่ยังละลานตาไปด้วยผู้คน แต่พอตอนนี้อยู่เพียงคนเดียวถึงรู้ว่าห้องนี้ช่างกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน และจัดห้องได้อย่างดูดีมาก....มากจนน่าแปลก เพราะดูๆแล้ว เหมือนฉัตรจะอยู่กับปาล์มแค่สองคนยังไงยังงั้น

          เมียลุงแกล่ะ...

          สงสัยไม่เท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็สะดุดเข้ากับกรอบรูปตั้งโต๊ะที่อยู่ตรงตู้โชว์ที่ติดอยู่กับประตู รูปนั้นดูเหมือนรูปถ่ายของคู่แต่งงานที่ดูมีความสุขมาก เสียแต่ว่าคนในรูปไม่ใช่ฉัตร

          แม้ใบหน้าของชายในรูปจะหนุ่มแน่น และยิ้มแย้มอย่างมีความสุขผิดกับตอนนี้ แต่เนจำได้แม่นว่านั่นคือวัฒน์แน่นอน

          “รูปตอนงานแต่งของไอ้วัฒน์น่ะ”

          เด็กหนุ่มหันไปมองเจ้าของบ้านที่ยืนอยู่ข้างหลัง ในมือถือสมุดอัลบั้มขนาดใหญ่สามเล่มเอาไว้ อัลบั้มอันแรกมีเหลื่อมทองลวดลายสวยงาม...ซึ่งพอสังเกตหน้าปกให้ถี่ถ้วน ก็จะพบตัวอักษรที่เขียนว่า ‘งานแต่งของวัฒน์’

          “งานแต่ง...” เด็กหนุ่มทวนคำก่อนจะหันกลับไปมองรูปอีกครั้ง “เขาบอกว่าเขาไม่มีเมีย”

          “ก็หย่าแล้ว” ทันทีที่ได้ยิน เนก็เผลอยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ ซึ่งแน่นอนว่าฉัตรสังเกตเห็น “อันนั้นเป็นงานแต่งรอบสอง ส่วนอันแรกก็อยู่ข้างล่างนี่ อันแรกแต่งงานแบบคลุมถุงชน อยู่ได้แค่สองปีกว่าก็หย่าซะ ส่วนอันที่สองนี่แต่งเพราะรักกัน แต่ไม่รู้ทำไมถึงหย่ากัน ตั้งแต่นั้นมาไอ้วัฒน์ก็ไม่เคยมีคนรักให้ฉันเห็นอีกเลย”

          เนหนุ่มเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย “แล้วคุณล่ะ”

          หนุ่มใหญ่หน้าบากกระตุกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ฉันมันของตายสำหรับหมอนั่นน่ะ ประมาณว่าเหงาเมื่อไหร่ก็มาหา...”

          ถึงจะคาดไว้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินกับปากเจ้าตัว เนก็อดของขึ้นในใจไม่ได้

          “โอ๊ะ แต่อย่าไปบอกหมอนั่นว่าฉันบอกล่ะ หมอนั่นไม่ค่อยชอบให้ใครรู้เท่าไหร่” หนุ่มใหญ่เอานิ้วแตะปากตัวเอง ดวงตาปรือมองมาอย่างมีเลศนัย

          “ละ...แล้วเมียคุณล่ะ...ทำแบบนี้มันไม่ดีต่อเมียคุณเลยนะ” เขารู้ว่านั่นเป็นคำถามที่กลับเข้ามาแทงคนที่นอนกับผู้หญิงเป็นว่าเล่นอย่างเขาเป็นที่สุด แต่เนก็อดถามออกมาไม่ได้ เพราะคาใจ และข้องใจสุดๆ

          ฉัตรยิ้มค้างอยู่ห้าวินาที ก่อนจะหันมองไปรอบห้อง “ฉันได้ยินว่านายอยู่บ้านคุณสิทธิ์...ใช่ไหม”

          “นอนห้องเดียวกับคุณวัฒน์ด้วย” เนเกทับอย่างลืมตัว

          แต่หนุ่มใหญ่ไม่ได้ออกอาการตกใจหรือหงุดหงิดแต่อย่างใด ดูท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิดมากกว่า “ท่าทางนายจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวัฒน์เลยสินะ...หมอนั่นเองก็ไม่บอกอะไรเลยด้วยล่ะสิ”

          ดอกนี้แทงแรงจนจุกเลยทีเดียว

          “ก็ไม่แปลก” ฉัตรเยาะเสียงขึ้นจมูก “เทียบกันแล้ว นายมันก็เป็นแค่คนอื่นละนะ”

          หยามกันเห็นๆ

          “ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นละครับ พอดีเรากำลังอยู่ในช่วงดูใจกันน่ะ เลยต้องใช้เวลาศึกษากันหน่อย”
         
          อย่าว่าแต่คนฟังเลย ขนาดคนพูดเองยังอึ้งว่าพูดออกไปได้ยังไง

          “...” เนกำลังคิดสุดฤทธิ์ว่าจะแก้ตัวในสถานการณ์นี้อย่างไร นี่ไปๆมาๆเขากลับบอกฉัตรไปว่าตนคบกับวัฒน์ไปเสียอย่างนั้น “...ผมหมายถึงในฐานะเพื่อนร่วมงานน่ะครับ”

          “อ้อ เพื่อนร่วมงาน อ้อ...เข้าใจๆ” ปากบอกว่าเข้าใจ แต่หน้าตาไม่เห็นจะไปด้วยกันสักนิด “งั้นฉันก็ขอแนะนำนายสักหน่อยละกันนะ หมายถึงในฐานะ ‘เพื่อนร่วมงาน’ น่ะนะ ฮะๆๆ”

          เยาะเย้ยล้อเลียนแบบไม่เกรงใจกันสักนิด

          “ถ้าไม่พยายามให้มาก หมอนั่นไม่มีวันสนใจง่ายๆหรอก กำแพงของหมอนั่นน่ะ สูงกว่าชาวบ้านสามเท่าเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างจริงจังจนเนชะงัก “ยิ่งกับนายแล้ว...ท่าจะยาก”

          เด็กหนุ่มหน้าขึ้นสีทันที “เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้วล่ะน่า...คุณใส่ใจเมียคุณไปเถอะ ระวังโดนทิ้งล่ะ”

          “โอ๊ะโอ้ย เจ็บเหลือเกิน” ถ้าไม่เคยเห็นวีรกรรมประดุจปีศาจของอีกฝ่ายมาก่อนล่ะก็ เด็กหนุ่มอาจจะโมโหจนหน้ามืดแล้วกระโดดเข้าไปทำร้ายคนชราแล้วก็เป็นได้ แต่ถ้าขืนทำจริง มีหวังตัวเขานี่ล่ะที่จะกลายเป็นซาก “งั้นเลิกพูดแล้วมาดูรูปดีกว่ามั้ย...หรือไม่อยากดู งั้นฉันเอาไปเก็บ...”

          แย่งมาจากมือด้วยความไวสูง

          “...ไหนๆก็เอามาแล้ว จะรีบเอาไปเก็บทำไมล่ะครับ ก็ดูๆหน่อยไม่เห็นจะเสียหายอะไร” ทั้งที่ฉัตรยังไม่ได้พูดอะไรแท้ๆ แต่เนกลับรีบบอกลนลาน “ผมไม่ได้อยากเห็นรูปคุณวัฒน์หรอกนะ”

          คนอาวุโสกว่าได้แต่กั๊กขำไว้ในใจ...ไม่อยากดูแต่กอดอัลบั้มซะแน่นเลยนะ

          “งั้นเชิญดูตามสบาย ฉันขอนอนก่อนนะ” เจ้าของบ้านปล่อยให้คนแปลกหน้าอยู่ในห้องนั่งเล่นตามลำพังแบบไม่หวั่นเกรง แล้วลิ่วขึ้นชั้นสองไป

          เนเลิกคิ้วมองตาม ก่อนจะกลับมามองอัลบั้มในมือ ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยความคับข้องใจ เขาลงไปนั่งบนโซฟา มือหนาพลิกปกอัลบั้มออก ภาพมากมายจัดเรียงไว้อย่างสวยงามและเป็นระเบียบ เนนึกอยากด่าตัวเองตงิดๆเพราะดันไปเปิดอัลบั้มแต่งงานขึ้นมาก่อน

          “แล้วเราจะอารมณ์เสียทำไมวะ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย กะไอ้แค่รูปแต่งงาน กับคนที่เลิกกันแล้วด้วย” เด็กหนุ่มโพล่งเสียงแข็ง แล้วทำเป็นว่ารูปเหล่านั้นไม่มีผลอะไรกับตัวเอง...ซึ่งก็แข็งใจทำได้แค่สามหน้าเท่านั้น

          ยิ่งดูมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้รู้จักวัฒน์เลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเจ้าบ่าวในรูปนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ดูราวกับคนละคนในตอนนี้ก็ไม่ปาน

          เพราะได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก ถึงได้มีความสุขขนาดนี้สินะ...

          เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บในอก เหมือนหัวใจโดนบีบ เพราะบางที เขาอาจจะได้เห็นใบหน้าเหล่านี้แค่ในรูปกระมัง

          หลังจากดูรูปชวนปวดใจ เขาก็เปลี่ยนมาดูอีกอัลบั้มแทน ซึ่งอันนี้ชวนปวดใจกว่าเยอะ...ดูเผินๆเหมือนรูปถ่ายจิปาถะที่มีทั้งรูปทิวทัศน์และรูปคน แม้แต่รูปก้อนเมฆยังมี

          รูปแรกในหน้าที่สิบสอง ทำเอาเขาต้องมองอยู่นาน ก่อนจะอ้าปากค้าง รูปของเด็กวัยรุ่นใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงนักเรียนสีกรมท่าสองคน อายุราวสิบห้าสิบหกกำลังหันมาให้กล้อง คนหนึ่งตัวสูงใหญ่ และมีดวงตาปรือที่ชวนให้รู้สึกหงุดหงิด ซึ่งพอจะทำให้คนดูเดาได้ว่านั่นคือฉัตรตอนยังละอ่อน และมีใบหน้าเนียนใสไร้รอยแผลเป็น...และใบหูที่สุขภาพดีไร้รอยแหว่ง

          ส่วนอีกคนตัวผอมบาง หน้านิ่งทั้งที่โดนคนตัวโตกว่ากอดซะแนบแน่น และไม่ต้องเดาให้มากความว่าเป็นใคร ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ก็เอาแต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับเสมอ

          รู้จักกันมานานแค่ไหนวะ!

          ยิ่งพลิกไปเรื่อย อายุของคนในรูปก็ค่อยๆมากขึ้นตามลำดับ จนมาถึงปัจจุบัน ทั้งคู่ดูจะสนิทสนมและติดต่อกันมาตลอด ซึ่งดูเผินๆก็ปกติดี เพราะทั้งวัฒน์และฉัตรต่างก็เป็นลูกน้องของสิทธิ์ทั้งคู่ จะเจอหน้ากันบ่อยๆก็ใช่ว่าจะแปลก...

          จะสนิทสนมกันมากก็ไม่แปลก...

          “ฮึ่ย ก็แค่ของตาย! ไม่เห็นจะกลัว”

          ตึง

          สบถจบก็สะดุ้งจนตัวลอยเมื่อได้ยินเสียงดังจากชั้นสอง เด็กหนุ่มหันไปมองที่บันไดหน้าตื่น แต่ไร้วี่แววของเจ้าของบ้าน...ซึ่งแน่นอนว่าเนไม่ได้คิดไปเองหรอก เมื่อครู่เป็นเสียงที่ฉัตรเผลอเอาหัวไปโขกกำแพงเต็มแรง เพราะตกใจกับเสียงเหี้ยมและดังลั่นบ้าน

          “...ไอ้เด็กบ้า ตะโกนมาได้” หนุ่มใหญ่กระซิบเสียงอ่อย มือหนาลูบท้ายทอยตัวเองหวังบรรเทาความเจ็บ ดวงตาปรือเลื่อนมองทางลงของบันได แล้วแอบหัวเราะในใจ “เชื่อที่เราบอกจริงๆจังๆด้วยแฮะ...ขืนรู้ความจริง ท่าทางปรี๊ดแตกแหงม...หึๆ”

          เขายิ้มให้กับตัวเองอยู่พักใหญ่ ก่อนที่รอยยิ้มที่ตลกกับสิ่งที่ได้ยินจะกลายเป็นยิ้มเจื่อน เสียงถอนใจค่อยๆระบายออกมาอย่างใจเย็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มและครุ่นคิดกับเรื่องที่กำลังเผชิญ

          “...แกขยาดจากผู้หญิง จนมาคบกับผู้ชายแทนเรอะ...แถมยังรุ่นลูกด้วยนะเนี่ย...ไอ้วัฒน์”


_________________________
ลุงฉัตรแกล้งอย่างเดียวตอนนี้ ฮา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-06-2015 09:49:41
 :laugh: ลุงฉัตรแน่มาก เอาซะเนหลุดไม่เหลือฟอร์มเลย
แต่เสี่ยงมาว่าถ้าลุงวัฒแกรู้นิว่าไปแกล้งเด็กเค้าระวังๆ ปืนเน้อ  :m20:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 11-06-2015 11:47:25
ลุงฉัตรถึงขั้นโขกกำแพง แล้วถ้าหากรู้ว่านอกจากวัฒน์จะแอบคบ?กับเนแล้ว ฝ่ายที่เป็นฝ่ายรับก็เป็นวัฒน์อีกเช่นเดียวกัน จะทำหน้ายังไงนะ 555+ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 11-06-2015 12:52:17
 โดนฉัตรแกล้งซะอยู่หมัดเลยนะคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-06-2015 13:39:09
นั้นโดนวางยา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 11-06-2015 19:18:16
เนโดนฉัตรแกล้งจนหึงขึ้นสมองเลย 55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 11-06-2015 21:39:47
 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 29 (11/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-06-2015 20:35:11
หมดกันเน เผยไต๋ไม่มีเหลือ โดนวัฒน์อำเช็ด
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 14-06-2015 12:59:56
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 30


          วัฒน์มองนาฬิกาของตัวเองสลับกับมือถือบนโต๊ะทำงานในห้องนอน เขาไม่คิดว่าเนจะไปนานขนาดนี้ ไอ้ครั้นจะโทรไปถามก็รู้สึกประดักประเดิดชอบกล เลยได้แต่นั่งทนรอมองนาฬิกาอยู่เช่นนี้

          “อาวัฒน์ เนยังไม่กลับมาอีกหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่หันไปมองร่างสูงที่แสดงอาการเป็นห่วงปนสงสัย สิทธิ์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมองไปทั่ว

          “ครับ คุณสิทธิ์มีธุระสำคัญหรือครับ”

          “อ๋อ เปล่าหรอก” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ “ผมแค่เป็นห่วงน่ะ เห็นบอกจะกลับสองทุ่ม นี่สี่ทุ่มกว่าแล้ว ยังไม่กลับมาเลย...เขาโทรบอกอาหรือเปล่า”

          “เปล่าครับ...เดี๋ยวผมจะลองโทรถามดู” เมื่อเห็นเจ้านายดูจะเป็นห่วงเอาการ เขาจึงอาสาโทรไปให้ อย่างน้อยเขาก็มีข้ออ้างที่จะโทรไปแล้วด้วย

          “ครับ”

          “เน ฉันเอง...คุณสิทธิ์เขาเป็นห่วงนาย เห็นยังไม่กลับมาสักที”

          “อ๊ะ ป่านนี้แล้วหรือเนี่ย...ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ” เด็กหนุ่มร้อนรนตอบกลับ วัฒน์มุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเหมือนหนังสือร่วง “แค่นี้นะครับ”

          “ว่าไงอาวัฒน์” เจ้านายหนุ่มเอ่ยถามทันทีที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย

          “...ดูเหมือนจะยังอยู่ที่บ้านฉัตรน่ะครับ คงไม่เป็นอะไรหรอก” หนุ่มใหญ่เก็บมือถือเข้ากระเป๋า

          “เฮ้อ ดีแล้วๆ ค่อยยังชั่วหน่อย”

          “...เป็นห่วงเนมากเลยสินะครับ”

          “แน่ล่ะครับ” ได้ยินสิทธิ์ตอบแทบจะทันที เล่นเอาคนฟังห่อเหี่ยวใจ “หมอนั่นก็เหมือนน้องชายผมคนหนึ่งนั่นล่ะ แถมยังปากหมาบ้าพลัง ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังด้วย เลยอดห่วงไม่ได้”

          “งั้นหรือครับ” วัฒน์ตอบเสียงนิ่ง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ความหวังดีของชายหนุ่มส่งถึงเนสักที...หมายถึงดีใจที่มันเลิกคิดร้ายได้น่ะนะ...

          “เอ้อ จริงสิ นึกขึ้นได้” พอจะออกไปจากห้อง สิทธิ์ก็ร้องขึ้น แล้วหันกลับมา ด้วยใบหน้าฉีกยิ้มกว้างแต่แฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดที่เล่นเอาวัฒน์ผงะ “พรุ่งนี้นัดหมาสี่ตาไว้ว่าจะไปเตะบอล ช่วยเกณฑ์ก๊กเดิมมาให้พร้อมที่สนามกีฬาที่สวนสาธารณะแถวบ้าน ตอนห้าโมงด้วยนะครับ...อ้อ พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ยังไม่หายดีนี่นะ งั้นเอาเนกับใครสักคนที่ว่างมาก็ได้ครับ”

          “....ครับ...” ทั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยชวนเรื่องที่ธรรมดา แต่สีหน้าของวัฒน์กลับซีดเซียวเหมือนสิทธิ์บอกว่าจะไปออกรบกับผู้ก่อการร้ายยังไงยังงั้น

          “พูดถึงพี่โค้กกับพี่ศาสตร์ ผมว่าจะไปเยี่ยมสองคนนั้นอยู่ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้อาปลุกผมตอนเที่ยงละกัน ถ้าผมยังไม่ตื่น”

          “จะให้ซื้อของฝากเตรียมไว้ด้วยไหมครับ”

          “อาซื้อของที่อาอยากเอาไปฝากเลยครับ ของผม ผมสั่งเอาทางเน็ตไปแล้ว เพิ่งได้ของมาวันนี้เลย” ชายหนุ่มบอกอย่างหน้าชื่นตาบาน ท่าทางภูมิใจกับของฝากที่สั่งมาน่าดู “งั้นผมกลับห้องก่อนละกัน ถ้าเนมาเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะ...เดี๋ยวเราต้องวางแผนการรบกันซะก่อน...หึ หึ หึ”

          ร่างสูงหัวเราะเสียงสยองเสร็จก็เดินออกจากห้อง ปล่อยให้คุณลุงได้แต่มองตามด้วยใจหวาดหวั่น

 

          เนมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบห้าทุ่มด้วยใจระทึก และยิ่งชักกระตุกหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นคนที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านด้วยใบหน้าและท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังรอฟังผลอะไรสักอย่างก็ไม่ปาน

          “คุณวัฒน์” พอจอดรถเสร็จสรรพก็ห้อมาหาด้วยใบหน้าประหลาดใจ “เป็นอะไรไปครับ”

          คนโดนถามชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าของเด็กหนุ่มดูเป็นห่วงมากกว่าปกติจนวัฒน์เผลอใจเต้นทั้งที่ไม่ควร

          “เปล่า ฉันไม่ได้เป็น...แต่นาย ไม่แน่” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสร็จก็รีบลากอีกฝ่ายเข้าบ้าน “แล้วนี่กลับมาซะดึก ไปเถลไถลอะไรอยู่”

          “ขอโทษด้วยครับ...พอดีคุณฉัตรบอกให้พักก่อน...” จะให้บอกหรือ ว่ามัวแต่ดูรูปอัลบั้มครั้งยังละอ่อนของวัฒน์ ถึงเจ้าตัวอาจจะไม่คิดอะไร แต่คนดูนี่ล่ะที่คิด “ขอโทษครับ”
         
          “เออ ขอโทษทีเดียวก็พอแล้ว” วัฒน์โพล่งเสียงดัง แอบนึกขุ่นเคืองไอ้คนหน้าบากที่ทำอะไรไม่เป็นเรื่อง “คุณสิทธิ์เรียกหานาย...พรุ่งนี้จะไปเตะบอล เลยให้นายไปรู้แผนการเล่นไว้ก่อน”

          เนเอียงคอเลิกคิ้ว แค่เตะบอล ทำไมถึงต้องทำหน้าดำหน้าแดง ใช้เสียงเคร่งเครียดอย่างกับจะไปตีรันฟันแทงกับใครเสียอย่างนั้นด้วย...แล้วแค่เตะบอล ทำไมเจ้านายจะต้องถึงกับวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนกัน

          หลังจากส่งอีกฝ่ายเข้าห้องผู้เป็นนายเรียบร้อย วัฒน์ก็กลับมาที่ห้องตัวเอง เดินออกไปที่ระเบียง และหยิบมือถือขึ้นมา

          “ว่าไงที่รัก”

          “...ขอโทษที คงโทรผิด...”
         
          “เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ๆ แกโทรถูกแล้วว้อย” เสียงปลายสายร้องลั่น “ไอ้เด็กนั่นไปถึงที่บ้านหรือยัง พอดีฉันออกมาก่อน ปล่อยให้มันอยู่บ้าน”

          “...นี่แกปล่อยให้มันอยู่ในบ้าน คนเดียว งั้นหรือ” วัฒน์ถาม พยายามข่มอารมณ์โกรธตัวเอง แต่ไร้ผลสุดๆ “ทั้งที่ฉันบอกว่ามันอาจจะเป็นสายของไอ้เดชเนี่ยนะ”

          “เอาน่าๆ ใจเย็นก่อนสิวะ” ฉัตรปราม แต่เสียงสั่นเหมือนเด็กที่รู้ตัวว่าทำผิด “คือ...ฉันถามอะไรเพื่อความแน่ใจหน่อยได้ไหม”

          “อะไร”

          “...ถ้าหมอนั่นเป็นสายของไอ้เดชจริง แกจะทำยังไงกับมัน”

          เงียบฉี่เป็นป่าช้าเลยทีเดียว แต่รอบนี้คนถามก็ไม่ยอมแพ้ด้วย เลยพากันเงียบยาวอยู่เกือบห้านาที

          “ก็ไม่ทำยังไงหรอก แค่ถามเพื่อความแน่ใจ”

          “แน่ใจ? แน่ใจอะไรวะ ถ้าหมอนั่นเป็นสายไอ้เดช ตามปกติ แกจะไม่ปล่อยไว้อยู่แล้วนี่ ไหงไม่ทำอะไรมันล่ะ หรือเพราะมันเป็นรุ่นน้องของคุณสิทธิ์”

          “ไม่ใช่อย่างนั้น...ฉันเห็นท่าทางมันจะกลับตัวกลับใจแล้ว เลยคิดจะให้โอกาสดู...แต่ถ้าทำไม่ได้ ฉันก็คงต้องเอามันไปลงอ่าว...”

          ถ้าวัฒน์มาเห็นสีหน้าของฉัตรในตอนนี้ เขาคงต้องผงะ เพราะฉัตรกำลังอ้าปากค้างด้วยความตกใจต่อคำพูดของวัฒน์เป็นอย่างมาก ที่หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ตกใจไม่ใช่เพราะคำพูด แต่เป็นเพราะน้ำเสียงต่างหาก ปกติเวลาพูดเรื่องจับคนโบกปูนถ่วงน้ำ และน้ำเสียงของวัฒน์มักจะนิ่ง ไม่ก็เหี้ยม...ไม่ใช่เศร้าสร้อยละห้อยเหมือนคนเพิ่งโดนหักอกแบบนี้หรอก

          “เอ่อ...ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่ามันเป็นสายให้หรือเปล่า” ฉัตรโกหกเสียงค่อย “ไว้ฉันจะลองไปสืบดูให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน”

          “ฝากด้วยล่ะกัน...แล้วก็อีกเรื่อง...” วัฒน์เอ่ยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “...พรุ่งนี้ตอนห้าโมง...คุณสิทธิ์จะไปเตะบอลกับคุณวิน”

          ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักใจไม่แพ้กัน “เอาจริงดิ งั้นเดี๋ยวฉันจะบอกพวกนี้ให้ละกัน”

          “อืม เดี๋ยวฉันจะโทรไปหามีนให้ช่วยเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเผื่อเอาไว้เอง”

 

          วัฒน์แทบไม่แปลกใจเลยที่เนจะทำหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่ตื่นมา อย่าว่าแต่เด็กหนุ่มเลย เขาเองก็รู้สึกเหมือนกัน และด้วยความที่ไม่อยากนั่งเครียดให้เสียเวลา บวกกับต้องหาซื้อของเยี่ยมไข้ เลยออกมาเดินในห้าง...โดยมีเพื่อนร่วมงานติดสอยห้อยตามมาด้วย

          “ปกติ คุณสิทธิ์เล่นบอลกันเข้มข้นขนาดนั้นด้วยหรือครับ” เด็กหนุ่มอดถามไม่ได้ เขาเองก็ไม่อยากอยู่บ้านเท่าไหร่ ถึงได้ตามมา... และพยายามย้ำกับตัวเอง ว่าไม่ใช่เพราะอยากตามคุณลุงมาด้วยแน่นอน...เพราะวันนี้เจ้านายตนตื่นเช้า...แม้จะตื่นเก้าโมง แต่ก็ผิดปกติอยู่ดี เพราะคุณชายไม่เคยตื่นก่อนบ่าย หากไม่มีเหตุจำเป็น และพอนั่งร่วมโต๊ะทานอาหาร สิทธิ์ก็เอาแต่นั่งหัวเราะหึๆ ทำท่าเหมือนจะไปฆ่าใครยังไงยังงั้น

          “เฉพาะกับคนที่จะแข่งในวันนี้เท่านั้นล่ะ” วัฒน์ตอบเสียงนิ่ง ตาก็เลือกหาของเยี่ยมไข้ดีๆตรงหน้า “นายไม่รู้จักคนๆนี้เลยหรือ”
         
          “ไม่นี่ครับ แล้วคุณสิทธิ์เองก็ไม่เห็นจะเคยเล่าให้ฟัง...ถ้าเป็นคนที่เคยเรียนมัธยมเดียวกัน แล้วคุณสิทธิ์ไม่ถูกชะตาด้วย ผมก็น่าจะจำได้อยู่แล้ว”

          หนุ่มใหญ่เงียบพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากออกมาอย่างเสียไม่ได้ “เขาชื่อวิน...เป็นหัวหน้าใหญ่ที่ทำกิจการคล้ายๆกับคุณสิทธิ์ แต่เน้นเรื่องพวกเงินกู้กับการพนันมากกว่า”

          “แล้วทำไมเขาไม่ถูกกันล่ะครับ...หรือมีผลประโยชน์ขัดแย้ง”

          “เปล่าเลย” เสียงทุ้มตอบกลับทันควันพลางถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน “เอาจริงๆแทบไม่มีผลขัดกันเลยสักนิด...กลับกัน ถ้าร่วมมือยังจะได้ประโยชน์มากกว่า...แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรกัน ถึงได้เกลียดกันนัก...รู้แต่ว่าเรียนมหาลัยเดียวกัน”

          “แล้วไปเตะบอลร่วมสนามกันแบบนี้ จะไม่ตีกันแทนงั้นหรือครับ” เนชักเริ่มหวาดตงิดๆ ก่อนจะรับกระเช้ากล้วยล้วนๆจากหนุ่มใหญ่...เด็กหนุ่มแอบตีหน้างงตอนที่เห็นกระเช้านั่น แต่ก็พยายามไม่สนใจให้มากนัก

          “สองคนนั่นไม่เคยต่อยตีกันเลยสักครั้ง” วัฒน์ตอบกลับทั้งที่ยังแสดงอาการหวาดหวั่น “เท่าที่เห็นก็แค่แข่งอะไรกันประหลาดๆ กับเถียงกัน ก็แค่นั้นล่ะ...ถึงจะดูน่าเป็นห่วงอยู่ก็เถอะ แต่ถ้ารู้จักคุณวิน นายจะเข้าใจเอง”

          เด็กหนุ่มได้แต่สงสัยกับคำพูดเหล่านั้น ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองของที่วัฒน์กำลังเลือก...ซึ่งดูๆแล้วมันไม่น่าจะเป็นของเยี่ยมไข้เท่าไหร่นัก ไอ้กล้วยล้วนๆนี่ยังพอทำเนา แต่ไอ้ตุ๊กตาแมวเหมียวสีชมพูจ๋านั่น...ถ้าคนไข้เป็นผู้หญิงเขาก็เฉยๆ...แต่เท่าที่ฟังมา เหมือนจะเป็นผู้ชายทั้งคู่...บวกกับเด็กหนุ่มนึกภาพไม่ออกเท่าไหร่ เวลาวัฒน์เดินถือตุ๊กตานั่น

          หลังจากเลือกของเสร็จก็กลับไปรับเจ้านายแสนดีที่เตรียมตัวเรียบร้อยรออยู่แล้ว เนมองกล่องสองกล่องที่สูงราวหนึ่งฟุตซึ่งห่อไว้ด้วยกระดาษห่อของขวัญสีสด และติดริบบิ้นเอาไว้อย่างสวยงามซึ่งวางไว้อยู่ที่เบาะหลัง แอบรู้สึกสงสัยว่าของข้างในจะเหมือนกับของที่วัฒน์เลือกหรือเปล่า

          “ห้องแปดหนึ่งหกสามครับ” วัฒน์เอ่ยก่อนจะเดินนำไปโดยถือของเยี่ยมไข้ทั้งสองที่ซื้อมาแบบไม่อายฟ้าดินอย่างแรง “...โค้กยังอยู่ห้องไอซียูนะครับ ของเยี่ยมคงต้องเอาไปไว้ที่ห้องศาสตร์”

          “ครับ” สิทธิ์รับคำหน้านิ่ง แต่ผู้ติดตามทั้งสองต่างสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลและเป็นห่วงมากแค่ไหน “นี่ก็หนึ่งเดือนแล้วสินะ...ที่หมอนั่นยังไม่ได้สติ”

          มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ คนที่เดินนำอยู่ดูเศร้าหมองลงถนัดตาทั้งที่เห็นเพียงด้านหลัง นั่นทำให้เนรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

          ทั้งที่เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจแต่กลับรู้สึกยุ่งยากอยู่ในอกเสียอย่างนั้น

          “อ๊ะ ห้องนั้นสินะ” เสียงของผู้เป็นนายเอ่ยดัง พร้อมกับมองไปยังหน้าห้องซึ่งมีพยาบาลสาวราวสามสี่คนกำลังยืนอออยู่หน้าประตู “แหงมๆ...”

          “ครับ” วัฒน์เองก็รับเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ และเพียงแค่เขาเดินไปทางนั้น เหล่าพยาบาลสาวก็พากันหลีกทางให้ด้วยท่าทียำเกรงกันทันที “เชิญครับ”

          เนไม่แน่ใจว่าจะทึ่งในรังสีน่ากลัวของลุงแกดี หรือจะนับถือที่กล้าถือของเยี่ยมสุดประหลาดนั่นดีกันแน่ ของเขาเป็นแค่กล่องของขวัญ แต่เพราะความใหญ่กับสีสันสดตา เขายังรู้สึกเขินเลย แต่นี่นอกจากลุงแกยังไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆให้เห็น ยังกล้าถือแบบไม่มีแอบ จนคนอื่นพากันมองอย่างตื่นตะลึงกันเป็นแถบๆเลยทีเดียว

          “อ้าว คุณสิทธิ์...อาวัฒน์” เสียงทุ้มแหบแห้งของคนไข้บนเตียงเอ่ยดังขึ้นด้วยความดีใจและสงสัยเมื่อเห็นผู้มาเยือน ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นมานั่ง ใบหน้าเรียวคมเต็มไปด้วยความประหลาดใจต่อการมาเยือน “มาได้ไงครับเนี่ย”

          “ก็มาเยี่ยมพี่ไง” สิทธิ์หัวเราะแล้วหยิบกล่องมาจากเนกล่องหนึ่ง “นี่ของพี่ นี่กล้วยพันธุ์สาวกระทืบหอ สั่งจากปราจีนบุรีเลยนะ”

          เนเกือบสำลัก ไม่คิดว่าของในกล่องแสนสวย จะเป็นกล้วยหนึ่งหวี และชักเริ่มสงสัยต่อแล้วว่า อีกกล่องจะเป็นตุ๊กตาแมวเหมือนกับของวัฒน์ด้วยหรือเปล่า

          “โห ลำบากคุณแท้ๆเลย” ดูท่าทางคนรับเองจะปลาบปลื้มตื้นตันกับกล้วยเหล่านั้นเหลือเกิน...ซึ่งไม่เข้ากับใบหน้าคมที่ดูขรึมและเยือกเย็นนั่นเอาเสียเลย “แค่คุณสิทธิ์ให้ช่วยผมเรื่องค่ารักษาพยาบาล ผมก็ไม่รู้จะใช้คุณหมดหรือเปล่า...”

          “เฮ้ย บอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นมันอยู่ในสวัสดิการ แล้วที่ให้อยู่ห้องเดี่ยวน่ะ เพราะมันปลอดภัยกว่าไปอยู่ห้องรวมต่างหาก เกิดพวกอริบุกมาหาเรื่อง คนไข้คนอื่นโดนลูกหลงไปด้วยน่ะสิ ฮะๆๆ”

          “ฮะๆ ก็จริงนะครับ นี่ถ้าพวกอาร์มไม่มาช่วยเฝ้า ผมอาจจะได้นอนโรงพยาบาลนานกว่านี้ก็ได้” คนบนเตียงหัวเราะกับเรื่องที่ไม่น่าขำ
         
          “ศาสตร์ แล้วคนเฝ้ากลับกันไปแล้วหรือ” วัฒน์เอ่ยถาม พลางมองไปรอบห้อง แล้วเอากล่องกล้วยกับกระเช้าไปวางไว้บนเคาท์เตอร์ฝั่งตรงข้ามเตียง...ซึ่งมีตุ๊กตารูปแมวขนาดต่างๆ วางเรียงเป็นแถว

          “อ๋อ อาร์มไปซื้อข้าวอยู่นะครับ สักพักคงมา”

          เนผู้ซึ่งไม่รู้จักคนไข้เป็นการส่วนตัว จึงได้แต่มองดูอยู่เงียบๆ ตอนคุยกับสิทธิ์ยังดูปกติ แต่พอคุยกับวัฒน์ ศาสตร์กลับออกอาการดีใจเกินเหตุยังไงชอบกล...

          .......บ้าเรอะ! ใครจะเที่ยวดีใจเวลาคุยกับตาลุงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อยนี่หว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจ

          “ฉันดีใจนะ ที่เห็นเราดีขึ้นมาก ขอโทษที่มาเยี่ยมบ่อยๆไม่ได้”

          “ไม่หรอกครับ แค่อาวัฒน์มาเยี่ยม ผมก็ดีใจแล้ว”

          ....ทำไมต้องยิ้มกว้างแบบนั้นด้วยฟะ หนอย ทีกับเราล่ะทำหน้ายักษ์อยู่เรื่อย ไอ้หมอนั่นก็เหมือนกัน ทำมาพูดมักน้อยพอตัว เชื่อตายล่ะ ดีใจหน้าบานขนาดนั้น...จะสนิทกันเกินเหตุไปหน่อยหรือเปล่าวะ เห็นปกติมีแต่คนกลัวตาลุงนั่นนี่หว่า ทำไมไอ้หมอนี่มันไม่ยักจะกลัวเลยวะ...ดูๆไป ท่าทางจะชอบสุดๆด้วยซ้ำ ดูสิ ตาเป็นประกายเชียว...

          คิดเลยเถิดมาถึงตรงนี้ เนก็ฉุกคิดเรื่องที่ฉัตรเคยพูด...โดยยังคงลืมตัวว่า เรื่องที่ตนกำลังคิดอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ตนพยายามถอยห่างและอ้างว่าไม่ได้เป็น

          ถ้าลุงแกคบกับลุงฉัตรในแง่นั้นมาแล้ว...ถ้างั้น...หมอนี่เองก็อาจจะเป็นเหมือนกับฉัตร...ไม่สิ ดูจากท่าทางแล้วอาจจะเป็นมากกว่านี้ชัดๆ...แค่ไอ้ลุงนั่นยังไม่พออีกหรือไงหาคุณวัฒน์!!...

          เนสะดุ้งโหยงอยู่คนเดียว ไม่เคยคิดอยากวิ่งไปโดดตึกเท่าครั้งนี้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอหึงวัฒน์ แถมยังคิดซะยาวเหยียดและลื่นไหลอย่างไม่น่าให้อภัยเลยสักนิด

          “เน”

          “ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย!!!”

          ทั้งห้องต่างเงียบสงบดุจป่าช้าทันทีที่จบเสียงตะโกนแหววของเด็กหนุ่ม ดวงตาเรียวเบิกกว้างจนเหมือนจะหลุดจากเบ้า เนได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อสถานการณ์นี้ดี คนในห้องต่างมองเขาเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย ส่วนวัฒน์ซึ่งเป็นคนเรียกเน ดูจะไม่พอใจร่วมด้วย

          “ที่นี่โรงพยาบาล ช่วยมีมารยาทหน่อยได้ไหม” หนุ่มใหญ่เอ่ยโดยไม่ติดใจประโยคประหลาดๆที่อีกฝ่ายโพล่ง

          “เอ่อ ครับ ขอโทษครับ” แม้จะยังหงุดหงิด แต่เพราะผิดเลยยอมเอ่ยคำขอโทษออกมา “เรียกผมทำไมหรือ”

          “ก็แค่จะแนะนำให้รู้จักกันน่ะ” สิทธิ์เอ่ยขึ้นมาบ้าง ใบหน้าคมเผยยิ้มเจื่อนให้ “นี่พี่ศาสตร์ ทำงานหลักเป็นพ่อครัว...ถ้าไปลุยนอกสถานที่ก็อาจจะได้เจอกันบ่อยๆละนะ”

          เนกัดฟันยืนมองคนเจ็บบนเตียง ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างเสียไม่ได้ “หวัดดี ผมเน”

          “....เอ่อ...อืม…” ศาสตร์ตอบเสียงแห้ง คิ้วหนามุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย เหตุผลก็เพราะอีกฝ่ายปล่อยรังสีอาฆาตมาให้ ทั้งที่ตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ...”

          “เปล่า”

          ตอบเสียงกระแทกกระทั้นขนาดนั้น ใครที่ไหนจะเชื่อกัน

          “ผม...ผมเครียดกับเรื่องที่จะต้องทำในตอนเย็นน่ะครับ” เมื่อรู้ตัวว่าพลาด เนจึงรึบหาข้ออ้างที่ดูดีที่สุดทันควัน และดูท่าทางทุกคนจะเชื่อเสียสนิทใจ โดยเฉพาะสิทธิ์ “ผมขอโทษที่เสียมารยาทด้วย”

          “ไม่เป็นไรหรอกครับ” ศาสตร์ยิ้มรับ ไม่ถือโทษโกรธเลยแม้แต่น้อย ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกผิดจริงๆจังๆ

          “แต่ฉันดีใจที่นายจริงจัง” เสียงทุ้มของผู้เป็นนายเอ่ยข้างกายพร้อมกับมือหนาที่ตบเข้าไหล่ เนเกือบยั้งสีหน้าตัวเองไม่ทัน เมื่อหันไปมองสิทธิ์ที่กำลังส่งยิ้มแสยะเหมือนฆาตกรโรคจิต “จะได้มั่นใจว่าเตะบอลรอบนี้จะไปได้สวยแน่”

          ลูกน้องทั้งสามต่างพากันหน้าซีดทันที โดยเฉพาะเนที่โดนแรงกดดันมากกว่าใครเพราะต้องเป็นผู้เล่นในเย็นวันนี้ด้วย


______________________________________

ยังหึงกันต่อไป

หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 14-06-2015 15:22:46
แหม่.... เน  พิษรักลมหึงกระอักแล้วมั้งนั่น เป็นหนุ่มคาสโนว่ายังไงกัน ถึงได้ดูไม่ออกว่านายคือผู้ชายคนแรกของอาวัฒน์น่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 14-06-2015 15:35:44
 :z1: :z1: :z1: เนคิดเองหึงเอง..
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-06-2015 16:25:21
โอ๊ย อึน มึน ซึน สึงตึง ทั้งคู่   :ling1: :ling2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-06-2015 17:09:42
หึงไปทั่ว เขานั้นนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-06-2015 19:03:34
อะไรไม่รู้ล่ะ ขอหึงไว้ก่อน 55555 แต่พฤติกรรมของศาสตร์ก็น่าคิดนะเนี่ย
มาต่อไวๆ น้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 14-06-2015 19:11:18
ยังๆ ยังไม่เลิกแอบซึน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 14-06-2015 20:50:37
ไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งสามตอน... :ling1: เค้าขอโต้ดดดด จะพยายามมาเม้นต์ถี่ๆนะคะ บวกเป็ดให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 14-06-2015 22:13:54
เน ยอมรับใจตัวเองเหอะ เล่นหึงขนาดนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-06-2015 10:13:30
หึงตะพึดตะพือมากๆอ่ะ เน~~~~~!!!
นี่กะวางเฮียพัฒคุยกับใคร หัวเราะกับใครนี่จะหึงหมดเรยใไหมเนี่ย 555555555

แต่จะว่าเนคนเดียวก้อไม่ได้หร๊อก เฮีบพัฒ เราก้อน่าจะขี้หึงสูสีอยู่นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 30 (14/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-06-2015 22:47:03
้เนเอ้ยเน  :z3: :z3: :z3: จนด้วยคำพูด
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 18-06-2015 12:06:15
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 31


          สวนสาธารณะที่เป็นกำลังจะใช้เป็นสังเวียนดวลเดือดเริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจในยามเย็น บริเวณลานเอนกประสงค์ที่กว้างขวาง มีผู้คนมาทำกิจกรรมกันมากมายไม่ว่าจะเป็น ตีแบด เตะตะกร้อ รำไทเก๊ก และเต้นแอโรบิค

          เหล่าคนในสวนตาพากันมองคนสามคนที่กำลังเดินไปทางลานอเนกประสงค์ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในสวนสาธารณะ สาเหตุที่พวกเขาจ้องไม่วางตาเพราะสีหน้าของคนตัวโตสุดที่เดินนำมานั้น ดูน่าสะพรึงประดุจจอมปีศาจที่กำลังจะได้ไปสังหารศัตรูก็มิปาน ทั้งที่แต่งเนื้อแต่งตัวดูเป็นนักกีฬาผู้รักสุขภาพแท้ๆ

          “...ผมดีใจนะครับ...ว่าแต่ เราต้องใส่ชุดเหมือนกันด้วยหรือ...” ด้วยความที่ทนสายตาที่จ้องมองมาไม่ได้ เนเลยหาเรื่องคุยกับเจ้านายตน ดวงตาเรียวเลื่อนมองเสื้อกีฬาสีแดงสดที่ตนใส่ ที่อกเสื้อด้านซ้ายมีตราของทีมฟุตบอลอาร์เซนอลปักไว้อย่างสวยงาม

          “เวลาลงสนามจะได้รู้ว่าเราเป็นพวกเดียวกันไง อีกอย่าง ฉันแฟนปืน” ดูท่าทางจะหาเรื่องคุยถูกคอ จากที่ทำสีหน้าเหี้ยมเกรียมกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนมนุษย์ปกติทันควัน

          เด็กหนุ่มยิ้มแห้งก่อนจะเหลือบมองเพื่อนร่วมงานซึ่งใส่เสื้อแบบเดียวกัน สีหน้าของหนุ่มใหญ่ไม่ได้แสดงอาการกระอักกระอ่วนต่อสายตาที่จ้องมองมาอย่างที่เนคิด แต่เหมือนกำลังคิดไม่ตกมากกว่า แถมยังบ่นพึมพำเสียงเบาจนจับใจความไม่ได้มาตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาในสวนสาธารณะแล้ว

          เนอยากจะถามอยู่หรอกว่าวัฒน์เป็นอะไร เขาเห็นอีกฝ่ายมีอาการแปลกๆ แบบนี้มาตั้งแต่วันที่สิทธิ์บอกว่าจะเตะบอลแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นถามไป วัฒน์ก็บอกเพียงแค่ว่าไม่มีอะไรเท่านั้น...

          ถ้าไม่มีอะไรจริง ก็อย่าออกอาการชวนให้วิตกไปด้วยสิฟะ ตาลุงนี่!

 

          ใกล้กับลานเอนกประสงค์เป็นสนามฟุตบอลขนาดหย่อมลงมาหน่อย มีกลุ่มคนสองสามกลุ่มจับจองพื้นที่เล่นกันอยู่ สิทธิ์เดินลัดไปยังสนามที่อยู่ฝั่งไกลสุด และค่อนข้างห่างจากกลุ่มที่เล่นไปเยอะทีเดียว...ราวกับผู้คนในนี้จงใจเว้นที่ว่างเอาไว้ให้

          พอเนมองเห็นกลุ่มคนที่อยู่สนามด้านในสุด เขาเริ่มมีสีหน้าไม่ต่างจากวัฒน์เท่าไหร่นัก เพราะฝั่งของพวกตนล้วนแล้วแต่ใส่เสื้อแบบเดียวกับที่พวกเขาใส่มาเด๊ะๆ  แถมพอหันไปมองฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งประหลาดใจหนัก เพราะฝั่งโน้นเองก็ใส่เสื้อเหมือนกันทุกคน เพียงแต่ใส่คนละทีมกับฝั่งตน

          ...นี่มันแค่เล่นบอลเฉยๆ ...หรือสงครามแฟนบอลกันแน่ฟะ!! อาร์เซนอลกับเชลซีเรอะ...แต่ผมเด็กผีนะ!!!

          “...เราจะไม่เลือดตกยางออกกันใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มอดพูดออกมาไม่ได้ เหมือนเห็นลางละเลงเลือดตงิดๆ

          “...คิดว่าไม่มั้ง” คำตอบของหนุ่มใหญ่ไม่ได้ช่วยให้คนฟังสบายใจเลยสักนิด วัฒน์เดินเลยไปยังม้านั่งตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วจัดแจงนำกระเป๋าไปวาง ก่อนจะนั่งลงเฉยๆ

          “อ้าว แล้วคุณวัฒน์ไม่เล่นด้วยหรือ” เนชักรู้สึกตื่นเต้นทั้งที่ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลยสักนิด เล่นเอามือเหนียวเหงื่อหมดแล้ว

          “คุณสิทธิ์ต้องการคนที่เล่นดีที่สุด...ซึ่งไม่ใช่ฉัน” วัฒน์ตอบเสียงแข็ง รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ไม่เก่งพอจะได้รับเลือก “นายเองก็อย่าทำให้คุณสิทธิ์แพ้ละกัน”

          “ผมรู้แล้วน่า เลิกกดดันกันสักทีเถอะ” เด็กหนุ่มร้องแหววใส่ “แล้วคนไหนที่…เป็นแกนนำของอีกฝั่งล่ะครับ”

          “โน่นไง วิน คนที่ใส่แว่นไว้หางเต่าน่ะ”

          วัฒน์ชี้ไปทางฝั่งตรงข้ามที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่ ชายร่างใหญ่ยักษ์พอๆกับเจ้านายตนกำลังคุยกับคนสองสามคนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดจริงจัง...เหมือนกับตอนที่สิทธิ์พูดกับเขาเด๊ะ

          “สวัสดีครับคุณสิทธิ์” ทันทีที่ผู้เป็นนายมาถึง เหล่าลูกน้องพากันพร้อมใจเอ่ยทักทายให้ ก่อนที่ฉัตรจะเป็นคนเอ่ยต่อ “จะวอร์มก่อนก็ได้นะครับ ฝั่ง...วินเองก็เพิ่งมา คนที่เหลือของเราก็พร้อมแล้ว”

          เสียงฉัตรสะดุดเล็กน้อยตอนที่เรียกชื่ออีกฝั่ง สีหน้าเหมือนโล่งใจที่ไม่ได้พลั้งสิ่งที่ไม่ควรออกไป

          “ดี งั้นเน ไป” สิทธิ์ยิ้มเหี้ยมเอ่ยชวนเด็กหนุ่ม “จัดให้หนักเลย”

          หมายถึงบอลใช่ไหมครับ...ไม่ใช่ตีกัน...ผมชักงงๆแล้วนะ

          “วัฒน์จ๋า”

          แต่หวั่นใจไม่ทันไร ก็ของขึ้นเพราะเจอภาพไม่น่าดูเข้า และยิ่งยัวะหนักเมื่อเห็นว่าหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์จงใจทำ...ไม่งั้นคงไม่ส่งสายตาเยาะเย้ยมาหรอก

          “ทำไม” คนโดนกอดถามกลับด้วยเสียงที่นิ่งมาก...ราวกับไม่รู้สึกรู้สากับวงแขนนั่นแม้แต่น้อย

          “ฉันมีเรื่องส่วนตัวอยากคุยด้วย...” หนุ่มใหญ่หน้าบากเอ่ยเสียงอ้อน พร้อมกับโน้มหน้าไปใกล้วัฒน์ ผู้ยังคงหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ทำท่าเหมือนกระซิบกระซาบกลัวคนได้ยิน

          คิ้วเนแทบผูกกันเป็นโบว์เพราะได้ยินที่ฉัตรพูดชัดทุกตัวอักษร

          “ไปคุยในที่ลับๆ กันดีกว่าไหม...”

          “ได้สิ”

          “อ๊ากกกกก พอแล้ว!!”

          ทุกคนต่างพากันสะดุ้ง เนกระโดดถอยหลังไปด้วยความตกใจต่อสิ่งที่พลั้งทำลงไป เขาเผลอกดหลังสิทธิ์เสียจนหน้าชายหนุ่มแทบจะนาบไปกับพื้นหญ้า

          “นายจะให้ฉันตัวอ่อนจนไปแข่งยิมนาสติกเลยเรอะ” สิทธิ์หันมาว่าน้ำตาเล็ด มือก็ลูบกระดูกสันหลังอย่างเบามือ “ตั้งใจหน่อยสิ”

          “ขะ...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยหน้าหมอง แต่ยังไม่วายสอดส่ายสายตากลับไปหาทางวัฒน์

          แต่เจ้าตัวไม่อยู่เสียแล้ว รวมถึงฉัตรด้วย

          เนหันมองไปทั่วเหมือนคนบ้า และก็เห็นวัฒน์กับฉัตรกำลังเดินไปทางสวนหย่อมซึ่งมีผู้คนน้อยและสงบกว่าแถวนี้มาก

          ไม่นะ! จะไปไหนกันน่ะ!! สบโอกาสก็จะไปจู๋จี๋กันเรอะ กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!...เอ๊ย ไม่ใช่สิ...จะไปไหนก็ไปเลย! ผมไม่เห็นจะรู้สึกอะไรสักนิด คุณมันก็แค่คู่นอน ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นล่ะ!!!

          “เฮ้เน มองหาอะไรอยู่น่ะ นายจะไม่วอร์มหรือไง เดี๋ยวกล้ามเนื้อฉีกหรอก” สิทธิ์เรียกเสียงแข็งพร้อมกับฉุดเนที่ยังคงมองวัฒน์ไม่ละสายตา ไม่รู้ว่าเพราะแอบแค้นเรื่องเมื่อครู่ หรือเพราะเห็นเนไม่มีสมาธิกับการแข่งเอาเสียเลย ชายหนุ่มเลยจัดการเรียกสติ ด้วยการผลักลูกน้องตนนอนคว่ำกับพื้น จากนั้นนั่งคร่อมหลัง แล้วดึงแขนเด็กหนุ่มจนหน้าอกของเนลอยขึ้นมา

          “จ๊าก!! เจ็บๆๆๆ หลังผมจะหักแล้วค้าบบบ” เนร้องเสียงหลงพลางดิ้นเอาเป็นเอาตาย

          “เออ ตั้งใจหน่อยละกัน ถ้าเป็นอีก ฉันจะดัดให้นายตัวม้วนเป็นหอยทากเลย” สิทธิ์พูดทีเล่นทีจริง แต่ออร่าอำมหิตแผ่กระจายจนฟุ้ง

          ถึงใจจริงจะว้าวุ่นจนอยากหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เพราะสำนึกในหน้าที่บวกกับกลัวว่าผู้เป็นนายจะทำอย่างที่ว่าไว้จริง เนจึงได้แต่ก้มหน้าวอร์มร่างกาย พยายามบอกตัวเองว่าตนไม่ได้ใส่ใจกับการที่วัฒน์ไปที่ลับตากับฉัตรแม้แต่น้อย

 

          “มีอะไร”

          หลังจากเดินมาได้สักพัก วัฒน์ก็เอ่ยถามขึ้น บริเวณที่ทั้งสองกำลังเดินเป็นทางเดินเล็กๆที่ปูด้วยคอนกรีต ข้างทางเป็นสนามหญ้าเขียวชอุ่มซึ่งมีคนมาปูเสื่อปิกนิกกันประปราย

          ฉัตรยังคงเอาแต่นิ่งเงียบ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดในหัวออกมาอย่างไรดี เพื่อให้วัฒน์ตอบคำถามที่เขาต้องการได้ ปกติหนุ่มใหญ่หน้าบากไม่ค่อยคิดมากกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่เพราะเป็นความถนัดของตนอยู่แล้ว ขนาดไอ้คนที่รู้จักได้ไม่นาน เขายังหลอกถามจนได้ข้อมูลมาเสียหมดเปลือก แต่กับเจ้าคนที่ตามหลังมาด้วย ต่อให้อยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิตเขาก็ไม่เคยเข้าถึงระบบความคิดของวัฒน์ได้เลยสักที

          “คือว่า...” ฉัตรหยุดเดินและหันกลับมาหาคู่สนทนาซึ่งทำหน้านิ่งไม่เปลี่ยน “แกรู้ไหม ว่าไอ้ฤทธิ์กับไอ้ก้องมันเป็นเกย์ แล้วมันก็เป็นแฟนกัน”

          “อืม แล้วไง”

          ฉัตรผงะกับท่าทีที่ปกติเกินคาดของวัฒน์ เขากะว่าอีกฝ่ายน่าจะแสดงอาการประหลาดใจให้เห็นบ้าง สักนิดก็ยังดี

          “เอ่อ...ไม่ตกใจบ้างหรือ” ด้วยความข้องใจจัด ร่างสูงเลยอดถามไม่ได้

          “ฉันรู้อยู่แล้ว”

          กลายเป็นฉัตรที่เป็นคนเบิกตากว้าง อ้าปากค้างแทน “รู้แล้ว...ตั้งแต่เมื่อไหร่”

          “ถามแบบนั้นแล้วฉันจะจำได้ไหมล่ะ แถมมันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรด้วยนี่ คนอื่นก็รู้กันหมด แถมสองคนนั้นเองก็ไม่ได้ปิดอะไรด้วย ถึงจะไม่ได้แสดงให้เห็นตอนฉันอยู่ก็เถอะ” วัฒน์ย้อนด้วยสีหน้าออกไปทางหงุดหงิด ในขณะที่ฉัตรยิ่งตื่นตะลึงกับความจริงที่ไหลใส่เป็นชุด “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั่นหรือไง ถึงพูดขึ้นมาน่ะ”

          “เอ่อ...” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เกาหัวแกรก ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกบางอย่างออก “สองคนนั่นทำท่าจะเลิกกันอยู่น่ะ”

          คนตัวเล็กกว่าเพียงแต่เลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่เอ่ยแสดงความเห็นหรือถามใดๆ ทำเอาฉัตรใจฝ่อขึ้นมา แต่ยังไม่ละความพยายาม แล้วพูดต่อ

          “คือ ไอ้ก้องมีเด็กมาติดมันน่ะ...เหมือนจะเป็นลูกค้ามั้ง เพิ่งสิบเก้าเอง”

          มุกนี้ได้ผล สีหน้าวัฒน์ดูขึ้งเครียดขึ้นมาทันที แต่เห็นแล้วฉัตรไม่แน่ใจว่าเครียดกับเรื่องที่พูด หรือหงุดหงิดใส่ตนอยู่กันแน่

          “ทีนี้ไอ้ฤทธิ์มันเลยวีนแตก อาละวาดใส่ไอ้ก้องซะจนร้านแทบพัง...” ฉัตรเล่าไปพลางสังเกตสีหน้าและท่าทางของวัฒน์อย่างไม่ละสายตา แต่สิ่งที่ได้รับในตอนนี้มีเพียงแค่คิ้วหนาที่มุ่นเข้าหา กับมุมปากทั้งสองที่เหยียดลงของอีกฝ่าย “ฉันเองก็ไม่รู้จะทำไงดี...”

          “...แล้วร้านเสียหายเยอะไหม”

          ฉัตรยิ้มค้าง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องนี้ “...เอ่อ ไม่เสียหายมากหรอก”

          “งั้นก็แล้วไป”

          ถ้ามีรางวัลโนเบลสาขาเมินชาวบ้าน ฉัตรก็คงเสนอชื่อวัฒน์แบบไม่ลังเล และมั่นใจว่ามีโอกาสได้รางวัลแน่นอน สงสัยถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ใครจะรักใครจะเลิกกันอย่างไร ท่าทางไอ้บ้านี่คงจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก…ไม่นับสิทธิ์ที่ดูแลมาตั้งแต่ป้อนนมยันเช็ดก้นล่ะนะ กับรายนั้นแค่ซื้อปากกาสักด้าม วัฒน์คงออกตัวตามไปช่วยเลือก

          “เรื่องของพวกนั้น ก็แก้กันเองสิ คนนอกอย่างเราๆ ยิ่งไปยุ่งจะยิ่งวุ่นวายเปล่าๆ ” หนุ่มใหญ่ที่ตัวเล็กกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ฟังเท่าไหร่นัก “หรือก้องมันอยากให้ช่วย”

          “เอ่อ มันไม่ได้อยากให้ช่วยหรอก...แค่...แค่....แค่ถามความเห็นน่ะ ว่าถ้าแกเป็นก้องแกจะทำยังไง แบบว่าฉันเห็นมันคิดไม่ตกมาหลายวันแล้ว”

          “อ๋อ” ฉัตรแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ที่อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนเพิ่งถึงบางอ้อเอาตอนนี้ ถ้าเป็นคนปกติคงพูดแนะโน่นว่านี่ไปก่อนหน้านี้นานแล้ว “ฉันว่าก้องควรเลิกกับเด็กนั่นให้เร็วที่สุดเพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง ในเมื่อมีแฟนแล้วก็ไม่ควรจะมีคนอื่นอีก โดยเฉพาะแฟนที่ว่านั่นเป็นฤทธิ์ ไม่อย่างนั้นร้านได้พังจริงๆ แน่”

          คนหน้าบากเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แต่เด็กนั่นมันรักไอ้ก้องมากเลยนะ”

          “ก็ต้องเลิก” เสียงทุ้มประกาศอย่างมั่นใจเสียจนคนฟังผงะ “เด็กมันก็แค่หลงไปชั่วครั้งชั่วคราว แถมเด็กขนาดนั้น ไม่มีทางจริงจังอะไรด้วยหรอก คบไปเดี๋ยวก็ต้องเลิก แล้วก็ต้องมานั่งเสียใจเอาทีหลัง แล้วไหนจะเรื่องพ่อแม่ เรื่องที่บ้านเด็กนั่นอีก ยังไงก็เป็นครอบครัวของคนธรรมดาใช่ไหมล่ะ มาทนคบกับคนอย่างพวกเราไม่ไหวหรอก สักพักคงหนีแทบไม่ทัน”

          “...นายมั่นใจจังเลยนะ”

          “แน่นอน” พูดต่อแบบไม่มีลังเล หวนนึกถึงเด็กบางคนที่อยู่ข้างตัวซึ่งตนมั่นใจว่ามันพร้อมตีจากทันทีที่สามารถหาทางออกที่ดีกว่าการนอนกับตาลุงอย่างตน…ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้กำลังพูดเรื่องคนอื่นอยู่ “ธรรมดาของเด็กวัยแค่นั้นไม่ใช่หรือไง อย่ายุ่งด้วยนักจะดีกว่า”

          ฉัตรเอียงคอพลางลูบคาง ที่ร่ายไปเสียยาวเพราะเขาแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่เนพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และนั่นก็ชัดอย่างที่ได้ยิน ลองว่าถ้าแอบคบกันอยู่จริงๆ วัฒน์คงไม่ยกเหตุผลให้เลิกกับเด็กได้สารพัดสารพันขนาดนี้หรอก

          แต่ยกมาเยอะเหมือนเคยมีคดีกันยังไงก็ไม่รู้

          ทีแรกเขาก็ไม่ทันคิดหรอกว่าทั้งสองจะคบกัน เพราะไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่ชวนให้คิดสักนิด และสองคนนี้เองก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนสักหน่อย แต่พอนึกได้ว่าก่อนหน้านั้นวัฒน์ยังออกอาการเกลียดเนอยู่แท้ๆ แต่ครั้งล่าสุดที่คุยกับวัฒน์ เหมือนอยากเปลี่ยนใจให้อภัยเด็กหนุ่มเสียอย่างนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะถึงจะให้อภัยอย่างไร วัฒน์ก็ไม่น่าใช้น้ำเสียงเศร้าใจอย่างนั้นหรอก

          “ตกลง เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้หรือ” เมื่อเห็นคนตัวโตกว่าเอาแต่ยืนครุ่นคิด วัฒน์จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย…แต่อีกฝ่ายเข้าใจว่าวัฒน์เริ่มหงุดหงิดที่ต้องมาตอบคำถามที่ตนไม่สนใจ

          “อีกเรื่อง!เรื่องสุดท้ายแล้ว” ฉัตรโพล่งออกมาด้วยความไวแสงจนวัฒน์ผงะเล็กน้อย “พอดีมีสาวเขาสนใจแกอยู่ แล้วเขามาขอให้ฉันช่วยติดต่อให้น่ะ”

          คิ้วหน้าของคนตัวเล็กกว่าเลิกขึ้นเล็กน้อย “ใคร”

          “เอ้อ…” คนหน้าบากชะงักเล็กน้อยเพราะกำลังประมวลหาเรื่องโกหกอยู่ “ตรีไง”

          “หา” ฉัตรไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายจะร้องขึ้นมา เพราะชื่อคนที่ตนยกนี่อายุพอๆ กับเน แถมยังเป็นพนักงานในสังกัดด้วย และที่วัฒน์ออกอาการประหลาดใจเพราะคุณเธอมักจะผวาหนีหน้าหนุ่มใหญ่ตลอดที่มีโอกาส “นี่แกไม่ได้เมาใช่ไหม”

          “เปล่า…จริงๆ นะ ที่เขาหนีแกตลอดเพราะเขาเขินต่างหาก” จบจากตรงนี้ ฉัตรคิดต่อเลยว่าคงต้องคิดหาข้ออ้างเลิกชอบวัฒน์ให้กับนางสาวตรีไว้ก่อนเลย “ว่าไงล่ะ”

          “ฉันไม่ได้สนใจ เด็กกว่าตั้งเยอะ” วัฒน์อดย้ำประเด็นเรื่องเด็กไม่ได้ “ที่สำคัญคือ ฉันคงรักเขาไม่ได้หรอก ฝากบอกขอโทษด้วยแล้วกัน”

          แม้จะดีใจที่ไม่ต้องหาข้ออ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่สลดลงของอีกฝ่าย ฉัตรก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้

          “...นั่นเพราะแกยังลืมปิ่นไม่ได้หรือไง”

          คราวนี้เงียบนิ่งไปนาน ดวงตาคมที่จ้องมาหาร่างสูงนั้นเหมือนเหม่อลอย สีหน้าของวัฒน์ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว เขาก้มลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากเมื่อครู่

          “เขาขอหย่ากับฉันวันที่สิบแปดกรกฏา เมื่อห้าปีก่อน…”

          ฉัตรนิ่วหน้า ประมวลคำตอบเมื่อครู่อยู่นานมากกว่าจะเข้าใจ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายชวนคุย แต่ตอนนี้เขาชักอยากปิดหนีเอาดื้อๆเสียเหลือเกิน

          “เข้าใจแล้ว” เมื่อรู้ในสิ่งที่ต้องการ ฉัตรก็ตัดสินใจเลิกคุยสักที ดวงตาปรือเบิกกว้างเล็กน้อยเหมือนเพิ่งนึกเรื่องสำคัญออก “เออ เกือบลืม เรื่องไอ้เนน่ะ ฉันพอจะบอกอะไรได้บางอย่าง…”

          วัฒน์เงยหน้ามองแสดงอาการสนใจใคร่รู้ออกนอกหน้าอย่างที่ไม่ค่อยแสดงขึ้นมา เล่นเอาคนกำลังจะบอกเกิดอาการอัลไซเมอร์ขึ้นมาชั่วครู่

          “เมื่อวาน ตอนที่ไปเอาของมาน่ะ พอฉันบอกเนไปว่าที่นั่นเกี่ยวข้องกับเดช มันทำหน้าตกใจแล้วก็เครียดมาก แถมยังคอยขัดแข้งขัดขาฉันเหมือนไม่อยากให้ทำงานสำเร็จยังไงก็ไม่รู้…บางทีมันอาจจะเป็นสายจริงๆ ก็ได้นะ แล้วที่มันบอกว่าจะกลับใจ บางทีมันอาจจะหลอกให้แกตายใจก็ได้ แกต้องระวังๆหน่อยล่ะ ยิ่งปล่อยให้อยู่ใกล้คุณสิทธิ์แบบนี้ น่าเป็นห่วงออก”

          คิ้วของวัฒน์แทบจะติดกันเป็นเส้นเดียว เขาไม่ได้เอ่ยค้านอะไรอีกฝ่าย หนุ่มใหญ่ยืนคิดถึงท่าทีที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้นของเน ซึ่งค้านกับที่ฉัตรบอกมาก

          …หรือมันจะทำให้เราตายใจจริงๆ

          คิดได้ก็นึกผิดหวังที่เผลอหลวมตัวดีใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางที่ดีของเด็กหนุ่ม เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าที่เห็นมาทั้งหมดจะเป็นแค่การหลอกกัน...เพราะมันดูสมจริงเหลือเกิน...

          ทั้งที่อุตส่าห์มองเสียใหม่แล้วแท้ๆ...ทั้งที่คิดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันได้...

          มันไม่มีความจริงเลยอย่างนั้นหรือ...

          “เข้าใจแล้ว” น้ำเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมและทรงพลังดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ถ้างั้น ฉันกลับไปดูทางคุณสิทธิ์ก่อนแล้วกัน”

          “อื้อ เดี๋ยวฉันขอเดินแถวนี้สักหน่อยแล้วจะตามไป”

          คนร่างยักษ์ยิ้มร่าพร้อมกับโบกมือให้ เมื่อเห็นวัฒน์จากไปไกลเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่วัฒน์เชื่อเรื่องที่ตนพูดโดยไม่ติดใจสงสัย ดวงตาปรือเลื่อนมองขึ้นท้องฟ้าอัสดงแสงงาม แล้วหัวเราะในลำคอ

          “ก็ไม่ได้เกลียดอะไรหรอกนะ แต่มาขโมยของของฉัน โดนแค่นี้ถือว่าฉันเห็นแก่ไอ้วัฒน์มันแล้วนะ”


________________________________________

ความหึงทำให้คนหน้ามืด และกำลังจะโดนพายุพัด ฮา

ขอบคุณทุกเมนท์และกำลังใจที่มีให้เสมอมางับ อ่านเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้ตลอด  ><

@คุณagava1313 มันมีเหตุผลที่ดูไม่ออกนะ ฮี่ๆ XP

@คุณเข็มวินาที ไม่เป็นไรก๊าบ >< 
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 18-06-2015 13:57:51
เฮียฉัตรแกเป็นเด็กหวงของสินะ เหม่ เหม่
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 18-06-2015 14:34:24
หมั่นไส้คุณฉัตร ยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่  :mew5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-06-2015 15:28:43
ค้าง ง ง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 18-06-2015 15:37:50
ฉัตรไปชงเรื่องยังงั้นได้ไงเล่า >< เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่พอดีหรอก!
อาวัฒน์ใจเย็นๆ นะ อย่าเพิ่งคิดไปนู่น
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 18-06-2015 16:14:31
ตอนหน้า พายุไซโครนพัดกระหน่ำน้องเนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 18-06-2015 16:42:20
 :a5: :a5: :a5: ทำไมฉัตรทำอย่างนี้....................... :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-06-2015 20:04:10
ฉัตรทำเพื่อไรหรอ มีสิทธิ์ไรอ่ะมาทำหวง เพื่อนหรอ หรือเยอะกว่านั้น :z6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 31 (18/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-06-2015 22:53:00
ฉัตรโผล่มาเพื่อป่วนเนกับวัฒน์โดยเฉพาะเลยช่ายม้ายยยยยย  :ling1:

เหมือนจะดีแล้วเชียว จะติดลบกันอีกแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 32 (21/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 21-06-2015 19:36:40
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 32


          เนหอบมองสถานการณ์ตรงหน้า ในหัวพยายามคิดพิจารณาสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขากำลังมองหาจังหวะที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ และเด็กหนุ่มก็รู้ตัวดีว่า หากพลาด นั่นอาจจะหมายถึงฆาตก็เป็นได้ แม้ว่าอันที่จริงแล้ว สิทธิ์จะไม่ได้ยื่นคำขาดถึงขนาดนั้นก็ตาม แต่สีหน้าเคร่งเครียดเคียดแค้นดั่งมารพิโรธนั่น ทำเอาเขาหวาดเสียวว่าเจ้านายอาจจะน็อตหลุดแล้วเผลอพลั้งมือฆาตกรรมเขาโดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้

          ดวงตาเรียวลอบมองช่องว่างนั่น และสิทธิ์เองก็มองเห็นเช่นกัน

          “ตอนนี้ล่ะ!”

          เสียงบอลฝ่าลมดังไหววูบพุ่งตรงไปยังประตู คนเฝ้าที่เพิ่งรู้สึกตัวพยายามกลับไปสกัดบอล แต่ช้าไป

          เหล่าฝั่งพรรคพวกที่กำลังยืนลุ้นราวกับดูบอลโลกต่างพากันเฮลั่น ในขณะที่อีกฝ่ายพากันโห่ร้องแทบขาดใจ ยิ่งได้ยินเสียงหมดเวลาจากกรรมการที่มาจากทั้งฝั่งของสิทธิ์และวิน ยิ่งทำให้เสียงร้องดังขึ้นลั่นสนั่นจนคนอื่นพากันมองด้วยความตกใจ

          “เยส!!เย้”

          ชายร่างยักษ์กระโดดเด้งเป็นเด็กๆ พลางเข้าสวมกอดลูกน้องผู้ร่วมศึกทีละคนอย่างชื่นอกชื่นใจ ในขณะที่อีกฝั่งทรุดสลดลงพื้นราวกับคนหมดแรง ใบหน้าของชายสวมแว่นผมซอยสั้นไว้หางเต่าจนถึงกลางหลังเต็มไปด้วยความเจ็บใจและเคียดแค้นอย่างเหลือคณา มือหนาที่ทุบลงพื้นแรงจนดินยุบลงไปเล็กน้อย เล่นเอาเหล่าลูกน้องที่กำลังจะเข้าไปช่วยประคองพากันชะงักด้วยความเป็นห่วงสุขภาพตนเองกันถ้วนหน้า ยกเว้นชายหน้าตี๋ที่ร่างกายสูงใหญ่พอๆ กับเจ้านายที่เดินเข้าไปอย่างไม่มีกลัวเกรง ด้วยท่าทีที่เป็นห่วงมาก และเมื่อเห็นว่าวินไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวระราน คนอื่นๆก็พากันช่วยพยุงกลับฝั่ง พร้อมกับหาผ้าเย็นพัดวี

          เนกะพริบตามองสิ่งที่เกิดขึ้น อันที่จริงมันก็เป็นอาการที่ปกติอยู่ เสียแต่ว่าแต่ละฝ่ายออกอาการได้โอเวอร์เกินเหตุพิกลนี่ล่ะ แถมจากที่ฟังวัฒน์บอกมาว่าทั้งสองไม่ถูกกัน เด็กหนุ่มก็นึกว่าหลังจบเกมบอล อาจจะต้องเริ่มเกมมวยเสียอีก แต่วินกลับไม่ได้ด่า ท้าสู้ใหม่ หรือเกรียนใส่สิทธิ์แม้แต่น้อย และสิทธิ์เองก็ไม่ได้เยาะเย้ยถากถางดูถูกวิน เขาเพียงแค่ดีใจต่อชัยชนะของตนเท่านั้น ทั้งๆที่ก่อนเริ่มเกม ยังตีฝีปากกันมันหยดอยู่แท้ๆ

          แต่สงสัยอยู่ไม่นานเนก็เลิก ถึงจะรู้สึกถึงความแปลกประหลาดที่ติดอยู่บนสีหน้าของพรรคพวกก็ตาม ดวงตาเรียวสอดส่ายมองไปทั่ว เขายังไม่เห็นวัฒน์โผล่มาหลังจากไปกับฉัตรเลย

          ไปไหนกัน ทำไมไปกันนานนัก

          “อาวัฒน์”

          เนรีบหันไปทางเสียงของสิทธิ์ ใบหน้าของชายรุ่นลุงดูจะแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะตกใจที่โดนสิทธิ์กอดเข้าเต็มรัก และยิ้มหน้าบานเมื่อรู้ผลการแข่ง เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเพราะผู้เป็นนายหันมากวักมือเรียกตน

          “ทั้งหมดเพราะหมอนี่เลยนะเนี่ย” สิทธิ์เอ่ยด้วยสีหน้ารื่นเริงสุดขีด จนคนที่เดินเข้ามาเผลอดีใจตาม

          แต่แล้วก็ต้องชะงักและดับอารมณ์ลงทันที เมื่อเห็นสีหน้าของวัฒน์ที่มองมาทางตน

          “หรือครับ” น้ำเสียงที่ตอบเรียบนิ่งไร้อารมณ์ แต่สายตาที่จ้องเนคุไปด้วยเพลิงโกรธที่รุนแรงเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกร้อนที่หน้า “เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้”

          ไม่ต้องถามคนอื่นหรอก เพราะแม้แต่คนที่แทบจะไม่โดนผลจากใบหน้าถมึงทึงอย่างสิทธิ์ยังรู้สึกได้

          “เฮ้ย เน แกไปทำอะไรให้อาวัฒน์โกรธอีกวะ” ยิ่งผู้เป็นนายพูดมันก็ยิ่งตอกย้ำกับสิ่งที่เห็น

          “แล้วผมจะไปทำอะไรล่ะครับ ก่อนหน้านั้นเขาก็ยังดีๆอยู่เลย” เด็กหนุ่มตอบอย่างร้อนรน “แล้วเมื่อกี้ผมก็เล่นบอลอยู่กับคุณสิทธิ์ตลอด แล้วจะไปทำให้คุณวัฒน์อารมณ์เสียได้ตอนไหนกันล่ะครับ”

          สิทธิ์เลิกคิ้วมองพลางครุ่นคิด “ก็เห็นๆ อยู่ว่าอาเขากำลังโมโหนาย”

          “แต่ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะ” หลังจากทวนความจำจนหัวแทบระเบิด เด็กหนุ่มก็โพล่งออกมาเสียงเบา ดวงตาเรียวเหลือบมองไปทางวัฒน์อย่างระมัดระวัง

          “หืม อ้าว แข่งกันเสร็จแล้วหรือเนี่ย”

          ทันทีที่ได้ยินเสียง เนก็ประจักษ์ได้ทันทีถึงสาเหตุที่วัฒณ์หน้าบูด ยิ่งเห็นฉัตรยักคิ้วหลิ่วตาให้ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ปากตนแล้วชี้ไปทางวัฒน์ ยิ่งชัดแจ้งแบบไม่ต้องสืบหาให้เสียเวลา

          เนพุ่งไปหาคุณลุงหน้าบาก แล้วกระซิบถามเสียงเครียด “คุณใส่ความอะไรผมให้คุณวัฒน์ฟังน่ะ”

          หนุ่มใหญ่ทำหน้าเป็น แล้วเหยียดยิ้ม “พูดอะไรของนาย ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

          เชื่อตายล่ะ ตาลุงหน้าเป็นนี่

          “อย่ามาเล่นลิ้นนะ” เด็กหนุ่มขึ้นเสียงอย่างลืมตัว “ผมเห็นคุณไปกับคุณวัฒน์ ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วจะเป็นหมาที่ไหนกันล่ะ”

          “ทำอะไรน่ะ”

          ทั้งสองสะดุ้งโหยง จากนั้นก็พากันหน้าซีดและหันไปมองทางต้นเสียง สีหน้าของวัฒน์ยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม…หรืออาจจะดูน่ากลัวมากกว่าเดิมก็เป็นได้ ราวกับความโกรธมันพุ่งเป็นทวีคูณทุกครั้งที่หนุ่มใหญ่เห็นหน้าเนก็ไม่ปาน

          “ทำตัวให้มันมีมารยาทหน่อย รู้จักเคารพผู้ใหญ่ซะบ้าง ไม่ใช่อยากจะพูดเล่นหัวยังไงก็ได้ ฉัตรอายุมากกว่านายเยอะนะ”วัฒน์กระแทกเสียงใส่ และทั้งที่มันไม่ได้ดังมากมายอะไรแท้ๆ แต่ฝูงมวลชนพลพรรคกลับพากันมองเป็นตาเดียว ด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างจากเนนัก

          “ก็เขาเริ่มก่อนนี่” คนโดนว่าแบะปากลง รู้สึกเจ็บใจมากที่โดนด่าฟรี เนตวัดนิ้วไปทางฉัตร ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้โดนเข้าใจผิดอยู่เช่นนี้หรอก ยิ่งเห็นลุงยักษ์ทำหน้าล้อเลียนเขา ยิ่งยอมไม่ได้เข้าไปใหญ่ “ผมไม่ผิดสักหน่อย แล้วเรื่องอะไรที่ผม…”

          “ไม่ผิดงั้นเรอะ!” เสียงทุ้มแผดลั่น สีหน้าโมโหจัดทำเอาเด็กหนุ่มหยุดเถียง “ที่พูดออกมานี่ คิดทบทวนตัวเองดีแล้วใช่ไหม หรือว่าดีแต่แหกปากเถียงอย่างเดียว”

          เนอ้าปากค้าง แล้วหันไปมองหน้าฉัตรอย่างงงๆ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะซีดลง เพราะเพิ่งนึกได้ว่าตนเผลอพลั้งพูดเรื่องบ้าๆ ที่ไม่น่าให้อภัยขั้นรุนแรงไปให้ฉัตรฟัง

          อย่าบอกนะ…ว่าไอ้ลุงบ้านี่มันบอกเรื่องที่เราตู่ว่ากำลังคบกับคุณวัฒน์

          นึกได้แล้วก็อยากจะเอาหน้าลงไปมุดดินให้รู้แล้วรู้รอด ยิ่งเห็นแรงโกรธของวัฒน์ ยิ่งทำให้เนรู้สึกแย่จนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย อุตส่าห์ทำให้หนุ่มใหญ่ยอมให้โอกาสแล้วแท้ๆ ตัวเองกลับมาทำให้เสียเรื่องเองเสียได้

          ภายในใจรู้สึกเจ็บอย่างน่าประหลาด ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดว่า ตนแค่อยากเป็นมิตรกับอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่ได้คิดอยากเป็นมากกว่านั้นเลยสักนิด แต่พอคิด(เข้าใจผิดไป)ว่าวัฒน์โมโหแค่ไหนที่รู้เรื่องที่ตนโกหกอะไรไป ก็รู้สึกเสียใจมากเหลือเกิน

          “ผมขอโทษ”

          ฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเนจะยอมลงในเรื่องที่ไม่ได้ผิดง่ายขนาดนี้ ยิ่งเห็นสีหน้าสำนึกผิดผสมโศกสลดปานจะขาดใจตายแล้ว เขาก็ยิ่งสงสัย ทั้งที่กะจะให้ทั้งคู่ทะเลาะกันจนวัฒน์ออกปากเรื่องเดช จะได้หายเข้าใจผิดเน และเขาก็จะได้สนุกกับการเห็นไอ้ลุงนี่หน้าแตกแท้ๆ แต่เพราะวัฒน์ก็ยืนอยู่ ด้วยใบหน้าโมโหจัด ลุงหน้าบากเลยเอาแต่ยืนเงียบ เพราะถ้าวัฒน์รู้ว่าตนโกหกล่ะก็ เขาอาจจะเป็นคนที่ยืนเศร้าแทนเน

          “ผม…ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจ…” เนบอกละล่ำละลัก แต่คนฟังกลับไม่แสดงความเห็นใจออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว “มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเองนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

          คราวนี้ฉัตรเริ่มนึกสาเหตุออกแล้ว สีหน้าที่ดูเหมือนคนเบื่อโลกดูสดใสขึ้นฉับพลัน เขาเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วเดินเข้าไปขวางทางปืนที่ไม่มีใครกล้าทำ

          เด็กหนุ่มชะงักเล็กน้อยใบหน้าหวาดหวั่นแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแต่ไม่มากเท่าก่อนหน้าส่วนวัฒน์ยังคงยืนนิ่ง และจ้องมาทางเนด้วยท่าทีที่น่ากลัวเช่นเดิม…หรืออาจจะมากกว่าเดิมก็เป็นได้ ทุกคราที่เผลอสบตาของวัฒน์ เหมือนพลังชีวิตของเด็กหนุ่มมันค่อยๆ เหือดหายลงไปทีละน้อยยังไงยังงั้น

          “อยากรู้จริงเชียวว่าชั่ววูบยังไงถึงได้ทำลงไปกัน” ฉัตรเปรยเหมือนพูดกับตัวเองพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคนรุ่นลูกที่ทำท่าเหมือนลูกแมวขู่ พอเดินเข้าไปใกล้ก็กระซิบพูดเสียงเบาพอให้เนเท่านั้นที่ได้ยิน “นึกว่าเอารูปออกไปใบเดียวแล้วฉันจะไม่รู้หรือไง รูปนั้นรูปโปรดฉันเลยนะ”

          เนหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน เขามองข้ามไปทางวัฒน์ที่ทำท่าเหมือนจะสังหารเขาได้ทุกเมื่อแล้วกลับมามองฉัตร ไม่รู้จะแก้สถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนถึงได้ไปฉกรูปออกจากอัลบั้มที่ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าของเขาต้องรู้

          “เอ่อ”

          พอได้ยินเสียงของสิทธิ์ วัฒน์ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาลืมเสียสนิทเลยว่าเจ้านายตนก็อยู่ด้วย และสิทธิ์ก็เป็นคนสุดท้ายที่เขาอยากจะให้รู้เรื่อง(ที่ไม่ใช่ความจริง และกำลังเข้าใจผิดไปคนละทาง)นี้

          “เรื่องส่วนตัวน่ะครับ” ยังไม่ทันที่สิทธิ์จะได้ถาม วัฒน์ก็ชิ่งบอกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมาทางต้นเรื่องที่ออกอาการตื่นตระหนกชวนให้เขาเข้าใจถูกกว่าเดิม…เพียงแค่คนละสาเหตุกันก็เท่านั้น “ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณสิทธิ์รู้สึกไม่ดี”

          เหล่าคนมองนอกจากสิทธิ์อยากจะบอกใจจะขาดเหลือเกินว่าแค่ลุงแกมาอยู่ที่นี่ก็ทำเอาพวกตนรู้สึกไม่ดีกันเป็นแถบๆ แล้ว

          “เอาเถอะ อย่าไปว่าเด็กมันนักเลยดูท่าทางจะสำนึกผิดแล้วนะ…ถึงจะบอกไม่ได้ว่าแกล้งทำหรือเปล่าก็เถอะ เนอะ” คนต้นเรื่องโพล่งด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางโบกมือให้วัฒน์ “ฉันว่านี่ก็สายมากแล้ว รีบกลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวพวกฉันเองก็ต้องไปเตรียมตัวเปิดร้านกันด้วย เดี๋ยวจะไม่ทันเอา จริงไหม พวกเรา”

          พรรคพวกที่กำลังมุงด้วยความหวาดผวาพากันเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง

          “นั่นสิครับ ผมว่าใจเย็นๆ แล้วค่อยพูดดีกว่า ไว้กลับบ้านแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ” เสียงสวรรค์ของผู้เป็นนายทำเอาทุกคนปลื้มปิติ เพราะมีแต่สิทธิ์คนเดียวนี่ล่ะ ที่วัฒน์จะยอมให้ง่ายๆ แม้ลุงแกจะไม่อยากแค่ไหนก็ตามที

          วัฒน์นิ่งมองชายหนุ่มที่ตัวโตพอๆกับฉัตรก่อนจะเหล่มองเนด้วยหางตา ความแค้นที่ส่งผ่านมาให้ทำเอาเด็กหนุ่มเย็นสันหลังวาบ แม้คำตอบของวัฒน์จะชวนให้รู้สึกโล่งใจก็ตาม

          “ก็ได้ครับ” ว่าจบก็เดินกลับไปเอากระเป๋าจากม้านั่ง แล้วเดินกลับมาด้วยใบหน้าที่ดูเย็นลง…จนดูเย็นชา “ไปกันเถอะครับ”

          สิทธิ์เลิกคิ้วให้ก่อนจะหันไปมองเน เขายิ้มเจื่อน ก่อนจะเดินนำไปอย่างรู้ดี เพราะถึงจะอารมณ์ไม่ดีอย่างไร วัฒน์ก็ไม่มีทางเดินหนีห่างจากตนแน่นอน ส่วนเนก็รีบเดินตามทั้งคู่ไปติดๆ เด็กหนุ่มพยายามหันมองวัฒน์ด้วยใบหน้าที่แสดงอาการเสียใจอย่างไม่คิดปิดบัง แต่วัฒน์กลับเมินเหมือนอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุเสียอย่างนั้น แต่ไม่วายเนยังแอบหันมาส่งสายตาคั่งแค้นให้แด่ฉัตรทิ้งท้ายได้อีก

          “นี่ป๋า หมอนั่นไปทำไรให้อาวัฒน์โกรธอะ” พอคนน่ากลัวหายไป ปาล์มก็ปรี่เข้ามาถามด้วยความสนใจใคร่รู้ และคนอื่นๆเองต่างพากันเคลื่อนตัวเข้าหาคุณลุงหน้าบากเพราะอยากรู้ด้วยเช่นกัน “ผมรู้นะว่าพ่อรู้ บอกกันหน่อยสิ เห็นแล้วมันคาใจ”

          ผู้เป็นพ่อเหล่มองลูกชายและเหล่าพลพรรคพลางเลิกคิ้ว หนุ่มใหญ่ถอนใจเสียงดัง ทำหน้าเหมือนกับว่าเรื่องราวมันร้ายแรงและน่าสลดจนไม่อยากจะนึกถึง “อย่าดีกว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูด เดี๋ยววัฒน์หันมาเคืองฉันต่ออีก ถ้าพวกแกอยากรู้นักก็ถามวัฒน์สิ”

          ส่ายหน้าให้ทันควัน

          “โธ่ บอกนิดบอกหน่อยไม่ได้หรือไง ทำเหนียวไปได้ พวกผมไม่บอกให้อาวัฒน์รู้หรอกน่า นะ” ลูกชายแสนน่ารักเอ่ยอ้อนต่ออย่างไม่ลดละ

          รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นพ่อ ทำเอาคนถามชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าตนสมควรได้รู้หรือจริงเปล่า

          “ถามเนสิ ถ้ามันยอมบอกล่ะนะ”

          อย่างน้อย รายนั้นก็คุย(และเค้น)ง่ายกว่าให้ไปถามวัฒน์เยอะ


_______________________________________

ใจจริงฉัตรเขาแค่อยากให้เนกับวัฒน์หายเข้าใจผิดกันเฉยๆนา แต่ไม่นึกว่าจะออกมาอีหรอบนี้ ฮา XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 32 (21/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 21-06-2015 20:52:17
แล้วเมื่อไรจะหายเข้าใจผิดกันละเนี่ยะ... :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 32 (21/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-06-2015 21:29:56
กว่าวัฒน์จะรู้ตัว  เนคงต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อใครสักคนละมั้ง  :mew4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 32 (21/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 21-06-2015 21:35:34
อร๊าย.ย.ย..ย.ตอนนี้แอบค้างง่ะ ตอนต่อไปๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 32 (21/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-06-2015 21:53:50
โถววว แต่ละคน 55555
จุดเด่นของคาแร็คเตอร์ตัวละครหลักเรื่องนี้ คือชอบคิดเองเออเองและคิดไปนู่นนน 55555555555
รอตอนต่อไปจ้าา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 32 (21/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-06-2015 23:17:20
ฉัตรขุดหลุมฝังเนแบบไม่ตั้งใจใช่เปล่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 32 (21/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-06-2015 20:22:29
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 33 (26/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 26-06-2015 09:29:48
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 33


          ทั้งที่ขากลับใช้เวลาเท่ากับขาไป แต่ทั้งเนและสิทธิ์กลับรู้สึกว่ามันช้ากว่าเป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะบรรยากาศในรถมันเต็มไปด้วยความอึดอัดกดดันอย่างหนักเสียจนชวนให้อยากกระแทกประตูรถหนีไปเสียเดี๋ยวนี้นี่ล่ะ

          ถึงแม้ใบหน้าของชายวัยกลางคนจะดูนิ่งไร้อารมณ์ แต่ทั้งสองสามารถสัมผัสถึงรังสีดำทะมึนที่มองไม่เห็น แผ่ออกมาจากวัฒน์อย่างเข้มข้นชนิดที่ว่า คนโดนรังสีรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังยืนอยู่ในรถเมล์ที่มีคนแน่นขนัดในกลางเดือนเมษาก็ไม่ปาน

          สิทธิ์รีบเปิดประตูรถออกมาแล้วสูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างเงียบๆ สีหน้าโล่งใจเหมือนเพิ่งพ้นจากความทุกข์ทรมานมาหมาดๆ ในขณะที่เนออกมาด้วยท่าทีปกติ ยกเว้นใบหน้าที่ซีดเซียวเหมือนคนกำลังเดินไปยังแดนประหาร ส่วนต้นเหตุแห่งความอึดอัดออกมาด้วยท่าทางเหมือนทองไม่รู้ร้อน และแน่นอนว่ายังคงแผ่รังสีอาฆาตออกมาอย่างต่อเนื่อง แถมกำลังเดินไปหาโจทย์ด้วย

          “จริงสิ ผมมีเรื่องจะถามอาวัฒน์อยู่พอดี เดี๋ยวช่วยไปกับผมหน่อยสิครับ” เจ้าของบ้านโพล่งเสียงตื่น ดวงตาเรียวที่เต็มไปด้วยความกังวลเลื่อนไปทางรุ่นน้อง ที่ทำท่าเหมือนเตรียมใจลงปรภพยังไงยังงั้น “นายไปพักก่อนเถอะ…นี่ก็ค่ำแล้ว รีบๆไปอาบน้ำสิ แล้วลงมากินข้าวให้มีเรี่ยวมีแรงไง”

          ถึงจะพยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติอย่างไร ลูกน้องทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามหาทางช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ที่น่ากดดันนี่

          “…ครับ” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาที่เหล่ไปทางเพื่อนร่วมงานคุไปด้วยเพลิงโกรธเหมือนพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

          เนเพียงแต่พยักหน้า ก่อนจะเดินสะโหลสะเหลเข้าไปด้านใน

          “เอ่อ…อาวัฒน์ครับ”

          เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่เจ้านายหนุ่มต้องการจะพูดด้วยคือเรื่องใด วัฒน์จึงเพียงแต่ยืนนิ่ง รอฟังสิทธิ์แก้ต่างให้เจ้ารุ่นน้องแสนดีนั่น

          “อาคงไม่บอกผมสินะครับว่าโกรธเนเรื่องอะไร…” ชายหนุ่มเปรยเสียงเอื่อย พอเห็นอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนสีหน้าจึงถอนใจออกมา “มันร้ายแรงขนาดที่อาจะยกโทษให้ไม่ได้เลยหรือ”

          คิ้วหนากระตุกขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นสีหน้าอ้อนวอนของสิทธิ์ ในใจลึกๆก็รู้สึกเจ็บที่ชายหนุ่มตรงหน้าใส่ใจกับเนมากขนาดนี้

          “ประมาณนั้นครับ” วัฒน์บอกตามตรง พอคิดว่าตัวเองเผลอหลวมตัวหลวมใจให้เสียเยอะ กล้ามเนื้อใบหน้าพานจะบิดเบี้ยวหนักกว่าเดิม

          “ถึงหมอนั่นจะสำนึกผิดแล้วน่ะเหรอครับ”

          คนอายุมากกว่าชะงักเล็กน้อย ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยความแปลกใจและสับสน…อันที่จริงเขาก็เห็นหรอกว่าเนรู้สึกผิดแค่ไหน…แต่พอเอาไปหักลบกลบกับความโกรธแล้วยกโทษให้ไม่ลง…

          “อย่างน้อยก็คุยกันดีๆก่อนดีกว่านะ แล้วถึงตอนนั้น ถ้าอายังไม่คิดจะยกโทษให้มัน ผมก็จะไม่ขอร้องอีก” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอเสียงอ่อน เขารู้ดีกว่ามุกนี้ใช้กับหนุ่มใหญ่ได้ผลชะงักนักแล “หรืออย่างน้อยก็เห็นแก่ผมหน่อยเถอะครับ ผมรู้ว่าหมอนั่นไม่ได้ตั้งใจทำให้อาโกรธหรอกครับ”

          เพราะเห็นแก่คุณไง! ผมถึงได้ไม่เป่ามันแล้วโบกใส่ถังถ่วงอ่าวเลยซะเดี๋ยวนี้ รู้หรือเปล่าครับว่ามันเป็นลูกน้องของไอ้เดชที่กำลังวางแผนล้มล้างคุณอยู่นะ! แล้วที่ผมโกรธน่ะ ก็เพราะมันหลอกลวงให้ผมเชื่อใจว่ามันกลับลำ แต่ท้ายที่สุด มันก็ยังอยู่ฝั่งเดิมนี่ล่ะ แล้วจะให้ผมยกโทษให้น่ะหรือ ฆ่าผมเลยดีกว่า

          คันปากอยากจะโพล่งออกมาเหลือเกิน แต่พอวัฒน์เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นต่อรุ่นน้องแสนดีนั่น เขาก็พูดไม่ออกเอาดื้อๆ อย่างแรกคือ วัฒน์รู้ดีว่าถ้าโพล่งเอาตอนนี้ สิทธิ์ไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว และสองก็คือ เขายังไม่อยากทำลายความเชื่อใจนั่น ทั้งที่ตัวเองไม่มีหลักฐานใดมายืนยัน มันจะทำให้สิทธิ์รู้สึกแย่โดยไม่จำเป็น

          “ก็ได้ครับ” หนุ่มใหญ่ตอบทั้งที่ไม่คิดจะยกโทษให้อยู่แล้ว “ถ้าอย่างนั้น ผมจะลองคุยดีๆด้วยก่อน”

          สิทธิ์ยิ้มเจื่อน เพราะอีกฝ่ายเน้นคำว่า ‘ดีๆ’ หนักเสียจนเขารู้ว่าวัฒน์คงไม่คิดทำอย่างที่พูดนัก

 

          สายน้ำที่พร่างพรูลงสู่ร่างกายนั้นเย็นฉ่ำชวนให้รู้สึกสดชื่น แต่เพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ส่วนภายในกลับห่อเหี่ยวหดหู่และหมองหม่นชนิดที่ว่า ต่อให้อาบใหม่เป็นร้อยรอบ ก็คงไม่มีทางล้างความรู้สึกเหล่านี้ได้

          “บ้าเอ๊ย” เนสบถออกมาแล้วกัดปากจนแดง ไม่เคยนึกรู้สึกผิดเท่านี้มาก่อน เขาได้แต่ด่าตัวเอง ที่เผลอหลุดพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง กับคนที่ไม่ควรจะหลุดปากออกไป “บ้าที่สุด!”

          กำปั้นหนาทุบลงเข้ากำแพงห้องน้ำเสียงดัง รู้สึกสับสนจนเวียนหัว จากนั้นความเศร้าโศกก็โหมเข้าดั่งสึนามิ ยิ่งนึกถึงสีหน้าของวัฒน์ที่เต็มไปด้วยความโกรธนั่น เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผิดจนอยากตายไปเสียให้พ้นๆ

          ก็น่าอยู่หรอก ออกปากสัญญาขอไม่ให้อีกฝ่ายพูดแท้ๆ แต่ตัวเองกลับไปป่าวประกาศแบบนั้น มันก็เหมือนกับทำลายสัญญาเองนี่ แถมยังเป็นคนที่เกลียดกันอีก จะโกรธจนไม่อยากมองหน้ากันก็ไม่แปลก

          “อึก...”

          ภายในใจรู้สึกเจ็บเหมือนโดนมีดกรีด ความหวาดกลัวที่แทรกซึมไปทั่วร่างทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหนาวขึ้นมา เนสะบัดหัวหวังช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ก่อนจะเช็ดตัวอย่างลวกๆ ใส่กางเกงยางยืดอย่างเร่งรีบ และเดินออกไปจากห้องน้ำ หวังจะโดดลงไปบนเตียง ให้ไอ้ความทุกข์ในใจมันหลุดออกไป

          แต่ก็ไม่ได้ทำ เมื่อเห็นเจ้าของห้องนั่งหน้าบูดอยู่บนเตียง

          เนอ้าปากค้างพร้อมกับถอยหลังออกไปเล็กน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแต่เงยหน้ามอง...ด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง แต่คนมองสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านลบที่แผ่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่องจากร่างของวัฒน์

          “ผมขอโทษ”

          พูดจบก็ก้มหัวจนหน้าแทบจะทิ่มพื้น เขาเองก็นึกไม่ออกแล้วว่าควรจะทำอย่างไรดีนอกจากสิ่งนี้

          วัฒน์เลิกคิ้วเล็กน้อย ทีแรกเขาคิดว่าเนน่าจะรีบหาข้อแก้ตัวสารพัดสารเพเพื่อชักจูงให้เขายอมเชื่อเสียอีก แต่ทำท่าแบบนี้เหมือนเตรียมใจขึ้นเขียงแล้วมากกว่า

          “ทำไมถึงทำแบบนั้น” หนุ่มใหญ่ถามเสียงห้วน แม้จะพยายามอดทน แต่สุดท้ายก็เผลอปล่อยโทสะลงไปในน้ำเสียงจนได้

          “ผม...” เสียงของเด็กหนุ่มขาดห้วงไป ดวงตากลอกกลับไปมาด้วยความลนลานและหวาดกลัวที่จะต้องตอบ “...ผมโมโหคุณฉัตร...เขาพูดหาเรื่องผม…ผมก็เลยเผลอ...”

          คิ้วหนาวิ่งชนเข้าหากันทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น “นายกำลังจะบอกว่า เพราะโดนฉัตรยั่วโมโห เลยเผลองั้นสิ”

          ถ้าไม่ติดว่าอารมณ์ขึ้นอยู่ล่ะก็ น้ำเสียงช่วงท้ายคงไม่สะบัดเหมือนหาเรื่องหรอก

          “ผมรู้ว่าเป็นเพราะตัวเองคุมอารมณ์ไม่อยู่ ผมถึงไม่อยากบอกสาเหตุไงล่ะครับ” เนบอกเสียงอ่อย “แต่จริงๆ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะครับ...เชื่อผมเถอะ ไม่งั้นผมไม่คิดจะสัญญากับคุณแต่แรกหรอก”

          แต่ถึงกระนั้นคนฟังก็ยังหน้าบูดเหมือนเดิม “ที่นายเผลอทำแบบนั้น นั่นก็เพราะในใจลึกๆแล้ว นายคิดแบบนั้นจริงๆมากกว่า”

          เนชะงัก ใบหน้าถอดสีเสียจนวัฒน์เองยังเผลอตกใจไปด้วย ยิ่งเห็นเด็กหนุ่มทรุดลงไปกองกับพื้นเหมือนคนกำลังจะเป็นลม วัฒน์ก็ตกใจจนลืมตัว แล้วรีบเข้าไปประคองอีกฝ่ายเอาไว้

          “เฮ้ย!” เสียงทุ้มร้องดังพร้อมกับพยายามยกร่างของเด็กหนุ่มขึ้นมาอย่างเอาเป็นเอาตาย และแน่นอนว่าสุดท้ายก็จบลงที่พื้นพรม วัฒน์จ้องมองท่าทีเหล่านั้นด้วยความสงสัย เพราะมันไม่เจือความเสแสร้งลงไปเลยสักนิดเดียว จนเขาชักเริ่มเชื่อขึ้นมาเสียแล้ว ว่าเนพลั้งทำอย่างที่ปากบอกจริง

          ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่...แค่ตอนนี้กำลังเข้าใจกันไปคนละเรื่องกันก็เท่านั้น

          ตอนที่ได้ยินวัฒน์บอก เหมือนพื้นที่ยืนอยู่เกิดถล่มทลายหายไปก็ไม่ปาน เพราะที่ผ่านมาเนพยายามคิดมาตลอดว่าที่ตนรู้สึกเช่นนั้น เพียงเพราะรู้สึกผิด และอยากเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีด้วยก็เท่านั้น

          ที่เผลอทำแบบนั้น เพราะในใจเราคิดแบบนั้น...งั้นหรือ

          ดวงตาเรียวเหลือกมองใบหน้าของหนุ่มใหญ่ ที่กำลังมองมาทางตนด้วยความสงสัยปนเป็นห่วง เขารู้สึกดีใจและเสียใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทั้งที่อีกฝ่ายให้โอกาส แต่สุดท้ายตนกลับเป็นคนทำพังเสียเอง

          “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอีกแล้ว”

          เหตุผลที่วัฒน์เผลออ้าปากค้าง ไม่ใช่เพราะคำพูดที่หนักแน่นนั่น ไม่ใช่เพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ของเด็กหนุ่มที่มองมาทางตน แต่เพราะไอ้มือที่มากุมมือเขานี่แหละ ที่มันชวนให้ตกใจ และทำให้ใบหน้าร้อนวูบ
         
          “ผมสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก” ท่าทางของเนดูจะไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด และไม่เอะใจที่เห็นวัฒน์หน้าเหวอแม้แต่น้อย ถึงได้กุมมือของเพื่อนร่วมงานแน่นขึ้นไปอีก “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังในตัวผมอีกแล้ว”

          ที่พูดเนี่ย หมายถึงเรื่องแปรพักตร์ใช่ไหม...ไม่ใช่เรื่องอื่นที่ไม่ควรคิด...ใช่ไหมวะ!!!

          “พูดน่ะ ใครก็พูดได้” วัฒน์รีบสะบัดมือออกพร้อมกับลุกขึ้นหันหลังให้อย่างรวดเร็ว แม้ตอนนี้จะมองไม่เห็นหน้าตัวเอง แต่ก็พอจะเดาได้จากความร้อนที่รุมทั่วร่าง ว่าใบหน้าตนคงแดงเป็นลูกตำลึง “คราวนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องก็ได้ แต่ถ้ามีคราวหน้าอีกล่ะก็ อย่าหวังว่าฉันจะยอมปล่อยผ่านอีก เข้าใจใช่ไหม”

          “ครับ ผมสัญญา จะไม่มีคราวหน้าแน่”

          ถ้าวัดอุณหภูมิร่างกายตอนนี้ คงได้พุ่งทะลุเกินสี่สิบองศาเป็นแน่...ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันขู่ขนาดนั้น แกจะมาทำหน้าดีใจเหมือนลูกหมาหลงทางที่เจอหน้าเจ้านายทำไมวะ! นี่แกวางแผนให้ฉันความดันขึ้นจนเส้นเลือดในสมองแตกตายใช่มั้ย! ฉันรู้ทันหรอกเฟ้ย!!

          “ผมจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว...”

          จากที่หน้าร้อนผ่าวเพราะเลือดสูบฉีดไวเกินเหตุ ก็วูบหายลงเมื่อเห็นความกังวลปนเสียใจบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม

          “นายรู้สึกผิดอย่างนั้นจริงๆหรือ”

          เด็กหนุ่มมองหน้าคนถาม ที่ดูเหมือนจะหวังบางสิ่งบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถตอบได้ในทันทีเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหวังสิ่งใด เพราะนอกจากกำลังคาดหวัง มันทำให้เขารู้สึกดีใจและกลัวไปพร้อมๆกัน

          ไม่ใช่หรอก…ไม่ใช่…

          “นาย…ไม่มีอะไรที่จะพูดอย่างนั้นหรือ” แน่นอนว่าสิ่งที่วัฒน์หวังไว้ก็คือ การที่เนอาจจะใจอ่อนยอมปริปากเรื่องแผนการของเดช หาใช่เรื่องที่เด็กหนุ่มคิดสักนิดเดียว

          แต่คงเพราะมองตาละห้อยมากไปหน่อย เนถึงได้จินตนาการไปไกลโพ้น

          “ถ้า…ถ้าให้พูดตอนนี้ผมก็คงพูดได้แค่ว่าขอโทษ…แล้วก็จะพยายามทำงานในตอนนี้ให้ดีที่สุดละกัน…” เนตอบตะกุกตะกัก พยายามตีความอาการของวัฒน์ว่าอยากให้ตนทำตัวให้ดีขึ้นล้วนๆ “ที่สำคัญคือผมไม่อยากทำให้คุณเสียใจอีก…”

          แม้ใจจริงจะผิดหวังที่ไม่อาจรู้เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อความปลอดภัยของสิทธิ์ได้ แต่ประโยคหลังกลับกลบความรู้สึกหม่นหมองเสียสิ้น

          แล้วทำไมต้องเจาะจงตูวะ คนที่แกไม่ควรจะทำให้เสียใจควรจะเป็นคุณสิทธิ์นะโว้ย!!

          ทั้งที่ค้านอยู่ในใจ แต่ไม่รู้ทำไมกลับเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ ใบหน้าที่แสดงอาการเสียใจอย่างไร้การเสแสร้งนั้นสะกดสายตาให้ไม่อาจหันมองไปทางใดได้ ดวงตาของเด็กหนุ่มที่หลุบต่ำนั้นชวนให้คนมองรู้สึกหวั่นไหว หัวใจก็เริ่มเต้นรัวอย่างไม่ควร ทั้งความรู้สึกที่พยายามกดเก็บเอาไว้ก็พวยพุ่งขึ้นมาราวกับไอน้ำเดือด…
         
          “เน อาบน้ำเสร็จยัง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

          มือที่ค่อยๆเอื้อมจะไปลูบหน้าเนกระตุกวูบอย่างรวดเร็วจนฟาดเข้าเต็มหน้าเด็กหนุ่มแทน เมื่อได้ยินเสียงสิทธิ์ดังมาจากหน้าประตู และด้วยความลนลานต่อสถานการณ์ตรงหน้าเลยเผลอใช้นิ้วจิกเข้าไป เล่นเอาเจ้าของใบหน้าสะดุ้งโหยง และมองกลับด้วยความตกใจ

          “...ไม่ต้องพูดซ้ำซาก ทำให้ฉันเห็นก็พอ”

          ไม่รู้ว่าเพราะสีหน้าหรือเพราะน้ำเสียง เนถึงรู้สึกกลัวขึ้นมาจับจิต และเศร้าขึ้นมาจับใจอย่างไร้สาเหตุ

          “คะ...ครับ...” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงสั่น ชักไม่แน่ใจแล้วว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ไปสัญญาด้วย

          “ถ้างั้นก็ไปสิ อย่าให้คุณสิทธิ์คอยนาน” วัฒน์ยังคงทำเป็นนิ่ง ทั้งที่จริงในใจออกอาการตื่นตระหนกแทบตาย

          “เอ่อ เดี๋ยวก่อนครับ” เนรั้งเสียงตื่น เมื่อเห็นวัฒน์ทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ “วันนี้ผมขอไปหาคุณฉัตรได้หรือเปล่า”

          คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นเส้นเดียว

          “คือ ผมอยากจะไปขอโทษคุณฉัตร...เรื่องที่ผมเสียมารยาทกับเขา...” อันที่จริง นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เด็กหนุ่มอยากจะทำ แต่พอคิดว่าถ้าไม่เอารูปไปคืน หรือไม่ไปขอขมากราบกราน บางทีมันอาจจะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อตนเองในภายหลังก็ได้...ก็อีกฝ่ายเป็นถึงคนที่สนิทกับวัฒน์ม้ากมากเลยนี่นะ

          สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวของวัฒน์คือ การโดนหลอก

          “...ไว้หลังอาหารละกัน ตอนนี้รีบไปหาคุณสิทธิ์ได้แล้ว”

          ถึงจะสงสัยว่าทำไมต้องหลังอาหาร แต่พอโดนสายตาคมไล่จิกจนเจ็บ บวกกับโดนเจ้านายเรียกขึ้นอีกรอบ เนจึงได้แต่เดินออกจากห้องไปโดยไม่กล้าเอ่ยถาม

          ทันทีที่อยู่คนเดียว วัฒน์ก็ล้มลงนอนบนเตียง ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายสุดๆเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอก แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเองสุดๆ

          ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ

          ทั้งที่ตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะไม่ยอมยกโทษให้ แต่ทันทีที่เห็นสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม ใจมันก็ดันอ่อนยวบเหมือนเต้าหู้ยี้ไปเสียอย่างนั้น ทั้งที่ถ้าตามปกติ เขาควรจะรู้สึกสะใจเสียด้วยซ้ำ

          หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นจากเตียง เขายืนหายใจเข้าออกลึกๆอยู่ครู่ใหญ่ แล้วสะบัดหัวสุดแรง แถมท้ายด้วยการตีแก้มตัวเองจนชา แล้วเดินออกจากห้องไป เพื่อไปทำในสิ่งที่ต้องทำ


______________________________________

การหันหน้าคุยกันตรงๆไม่ช่วยอะไรในเรื่องนี้ ฮา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 33 (26/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 26-06-2015 09:35:43
จิ้มๆๆ
เรื่องนี้มันทั้งขำทั้งขัดใจในเวลาเดียวกันอ่ะ นี่คือพูดกันตรงๆ แล้ว?
พวกนี้นี่มันคิดมากเกินไปแล้ววว สาบานสิว่าพูดเรื่องเดียวกันอยู่ -_- แต่ละคนพูดกันคนละเรื่องและก็เข้าใจไปนู่นกัน
สงสารเนอ่ะ มัวคิดว่าวัฒน์ไม่ชอบที่อ้างว่าเป็นแฟนจนเจ็บ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 33 (26/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-06-2015 15:11:08
บางทีก็สงสารเนนะ  ต้องรอให้เดชยกปืนยิงเนทิ้งนู่นแหละมั้ง 

อยากจะขำวัฒน์จิงๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 33 (26/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-06-2015 20:08:31
จะมีวันนั้นไหม วันที่เนกับวัฒน์คุยด้วยเรื่องเดียวกันทั้งสองคน  :mew5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 33 (26/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-06-2015 09:26:59
หายไปนานเลย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 33 (26/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 27-06-2015 21:11:59
5555+ คุยกันคนละเรื่องแต่เหมือนคุยเรื่องเดียวกันสินะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 33 (26/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 28-06-2015 20:49:57
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 34 (28/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 28-06-2015 22:08:53
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 34


          “มีอะไรหรือครับ”

          เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนอนของเจ้านายที่อยู่ใกล้กับห้องพักของตนเพียงแค่ไม่ถึงเมตร ใบหน้าเรียวออกอาการตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นห้องที่รกเหมือนรังหนู ทั้งที่แมวกับเอมเข้ามาทำความสะอาดให้ทุกวันแท้ๆ

          “ก็รู้นี่ว่าเรียกมาทำไม” ชายหนุ่มพ่นเสียงหัวเราะออกมา สิทธิ์โยนเสื้อออกจากปลายเตียง ก่อนจะลงไปนั่ง “ตกลงนายไปทำอะไรให้อาวัฒน์โกรธหรือ”

          ความรู้สึกในตอนนี้ เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้วต้องมาเป็นไข้หวัดนกต่อยังไงยังงั้น

          “.....มันเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรพูดลับหลังคุณวัฒน์” เนพยายามสรรหาประโยคที่สวยหรูดูดีเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อย เขาไม่อยากทำลายสัญญา(ที่มีเนื้อหาไม่เหมือนกับของอีกฝ่าย)ที่มีให้กับวัฒน์อีกแล้ว และที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อยากให้ใครต่อใครรู้ด้วยว่าตัวเองรู้สึกแช่มชื่นที่ได้ขึ้นเตียงกับคุณลุง...แถมลุงที่ว่านี่ยังเป็นถึงคนสนิทของสิทธิ์อีกต่างหาก แม้ว่าตอนนี้จะมีคนที่น่าจะรู้แล้วอยู่คนหนึ่งก็ตาม

          ชายหนุ่มถึงกับเบิกตาเหมือนไม่อยากเชื่อ “นายคิดแบบนั้นจริงอะ ไม่ใช่เพราะกลัวอาวัฒน์หรอกหรือ”

          ถ้าเป็นตอนที่ยังเข้าใจผิด และก่อนที่จะเผลอปล้ำลุงแกลงไป ก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก พอดีตอนนี้มีคดีติดตัวเยอะ เลยไม่อยากทำให้อารมณ์ลุงแกเสียหนักกว่าเดิม

          “ก็ส่วนหนึ่งล่ะครับ แต่ผมรู้สึกไม่ดีถ้าจะต้องพูดจริงๆ” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย

          “ฮ่าๆ ฉันเข้าใจ อาวัฒน์แกเป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำตัวชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เรื่อย” ผู้เป็นนายเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง “เห็นหน้าดุดูเข้มงวดแบบนั้น ที่จริงอาแกใจดี แล้วก็ใจอ่อนจะตาย”

          กับคุณสิทธิ์คนเดียวเท่านั้นกระมังครับ...

          “จริงๆนะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเน สิทธิ์ก็รีบย้ำ “ขนาดตอนที่ฉันจะไปช่วยนายตีกับเด็กอีกโรงเรียน ก็ได้อาวัฒน์นี่ล่ะ ที่คอยช่วย ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางได้ออกมาจากบ้านตอนตีสองได้หรอก คนที่เข้มงวดจริงๆน่ะ ป้านางต่างหาก ยิ่งกว่าแม่ฉันเสียอีก”

          ฟังแล้วเหลือเชื่อเสียจนเด็กหนุ่มหน้าเหวอ ถ้าสลับกันเขาอาจจะเชื่อก็ได้

          “ที่จริง พ่อฉันยุ่งอยู่แต่กับงานตลอด ปีนึงเจอหน้ากันแทบจะนับครั้งได้ ก็มีแต่อาวัฒน์นั่นล่ะ ที่คอยเลี้ยงคอยสอนฉันมาตลอด” พอเห็นใบหน้าที่กำลังหวนรำลึกถึงความหลังของเจ้านาย ความรู้สึกผิดมันก็มากระจุกกันอยู่ในอกของเน “เขาดีกับฉันยิ่งกว่าพ่อของฉันอีก ฉันเองก็เห็นเขาเหมือนกับพ่ออีกคนเลยล่ะ”

          ถ้าคุณรู้ว่าผมได้ล่วงละเมิดทางเพศกับคนที่คุณเห็นเป็นพ่อ คุณจะฆ่าผมไหมครับ...

          “ฉันดีใจนะ ที่ได้นายมาช่วยแบ่งเบางานให้อาวัฒน์ ดูเหมือนนายจะช่วยงานอาวัฒน์ได้เยอะเลยนี่” สิทธิ์ยังพูดต่อ โดยหารู้ไม่ว่าลูกน้องมีสีหน้าเหมือนคนไข้กระอักเลือด “อาเขาก็ไม่ใช่อายุน้อยๆแล้ว ฉันเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไรเข้าสักวัน ไม่งั้นฉันคงร้องไห้แน่ ยิ่งชอบทำอะไรเกินตัวอยู่ด้วย”

          ครับ...ผมเองก็ทำเกินเลยไปมากเหมือนกัน...

          “ว่าแต่ แล้วอาวัฒน์ยกโทษให้นายหรือเปล่า”

          อยู่ๆก็วกกลับเข้าเรื่องในขณะที่คนฟังกำลังเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกผิด เนกะพริบตาปริบๆมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีที่ไม่แน่ใจนัก “แค่ไม่เอาเรื่องน่ะครับ แต่ถ้ามีรอบหน้าอีก...ผมอาจจะหายไปจากโลกนี้ก็ได้...”

          นึกถึงสีหน้าของวัฒน์ตอนที่โกรธจัดแล้ว เนก็แอบกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะทำอย่างที่ตนคิดจริง ยิ่งสิทธิ์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากตนนัก เด็กหนุ่มก็ยิ่งมั่นใจ หากมีคราวหน้า ชีวิตเขาคงหาไม่

          “งั้นก็อย่าทำละกัน ฉันไม่อยากร้องไห้” สิทธิ์เอ่ยทีเล่นทีจริง แต่ใบหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “งั้นลงไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวจะแย่ แหม วันนี้มันต้องฉลอง รอบหน้าก็เอาให้ได้อย่างนี้นะ”

          เนลืมเรื่องการแข่งฟุตบอลประหลาดไปเสียสนิท เขาได้แต่หัวเราะเสียงแห้งกลับ พลางภาวนาขออย่าให้รอบหน้ามาถึงเร็วๆ

 

          เหล่าบรรดาพนักงานภายในร้านต่างเข้ามาชื่นชมและยินดีให้กับเรื่องที่ตนทำให้ทีมฟุตบอลของฝั่งตนชนะ...แต่ละคนดีใจกันเสียยิ่งกว่าบอลไทยได้ไปบอลโลกก็ไม่ปาน

          “ไง วันนี้คุณสิทธิ์พามาฉลองหรือ” บาร์เทนเดอร์หน้าหวานร้องทักพร้อมกับทิ้งงานในเคาท์เตอร์ และปรี่เข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเกินเหตุจนผิดสังเกต

          “เปล่า ฉันมาคนเดียว” เนตอบพลางมุ่นคิ้ว พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีลับลมคมในอยู่แน่ “มาหาพ่อนายน่ะ”

          คราวนี้คนฟังเป็นฝ่ายสงสัยแทน “อยู่ที่ห้องพักชั้นสาม มีอะไรหรือ ใช่เรื่องเมื่อตอนเย็นเปล่า”

          ได้ยินน้ำเสียงสนใจใคร่รู้แบบไม่คิดปิดบังแล้วก็ถึงบางอ้อ

          “ประมาณนั้นล่ะ” เนตอบหน้านิ่ง “งั้นฉันขอตัวก่อนแล้วกัน พอดีเดี๋ยวต้องรีบกลับอีกน่ะ”

          ว่าจบก็รีบชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้รั้งถาม

          “หนอย ไวชะมัด สงสัยต้องรู้อยู่แล้วแหงม” ปาล์มดีดนิ้วด้วยความเสียดาย แต่เพียงไม่นานก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “เอาเถอะ มีเวลาอีกเยอะ”

          เนเดินแกมวิ่งขึ้นมาพลางหันหลังมองว่าปาล์มตามมาหรือเปล่า เมื่อไม่เห็นมีคนตามมาจึงเดินด้วยความเร็วปกติ เดินขึ้นบันไดชั้นสามพลางถอนใจอย่างโล่งอก ทีแรกที่เขาเห็นคนเฝ้าทางยืนอยู่ เขานึกว่าตัวเองต้องกลับไปตามปาล์มเสียแล้ว แต่ท่าทางการเล่นบอลชนะในวันนี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วผับกันเลยทีเดียว จึงทำให้เขาไม่ต้องสรรหาคำบ่ายเบี่ยงมาใช้กับปาล์มให้เสียเวลา

          “อ้าว ลมอะไรพัดมาเนี่ย ลมโกรธ ลมยัวะ ลมอาฆาต หรือลมหึงล่ะ”

          นอกจากวาจาจะกวนบาทาแล้ว ใบหน้าที่เหมือนไม่ยี่หระนั่น ทำเอาความโกรธมันพุ่งขึ้นเหมือนติดจรวด

          เนพยายามไม่ต่อปากต่อคำ เขาสาวเท้าเข้าหาหนุ่มใหญ่ที่นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟายาวสีดำ แล้วดึงรูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

          ฉัตรเลิกคิ้วมองรูปที่แทบจะทิ่มหน้าตน แล้วเงยหน้ามองเด็กหนุ่ม “อะไรหรือ”

          “ของคุณไง” เขาเกือบพลั้งด่าไปแล้ว ตาลุงตรงหน้านี่มันหาเรื่องให้เขาระเบิดเสียจริง

          “รูปน่ะ เอาไปแล้วก็เอาไปเถอะ ฉันไม่ได้หวงอะไรร้อก ที่บอกก็แค่อยากให้รู้จักขออนุญาตก่อนเอาไปก็เท่านั้น” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงนิ่มพลางยกยิ้มที่มุมปาก “ฉันว่า สิ่งที่นายควรจะทำ มันน่าจะเป็นเรื่องอื่นนา…อย่างเช่นอะไรน้า…เวลาคนทำผิดเนี่ย เขาต้องพูดอะไรน้า…นายรู้หรือเปล่า”

          พูดแบบนี้เนี่ย อยากจะให้ขอโทษ หรืออยากจะวางมวยกันซักยกแน่วะ แพ้ก็ยอมโว้ย ขอให้ได้ต่อยหน้าสักหมัดให้หายยัวะก็ยังดี

          แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยสิ่งใด เนก็ต้องกลืนคำด่าผสมคำขอโทษแบบฝืนๆลงคอ เพราะอยู่ๆสีหน้าของหนุ่มใหญ่ดูตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาเหลือกตามองฝ้าเพดานขาวก่อนจะเลื่อนไปทางประตู จากนั้นก็ออกอาการเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

          “อย่าพูดให้มันดังนักเลย ประตูมันมีหลายหูหลายตา”

          เนรีบหันกลับไปมองประตูที่ยังคงเปิดทิ้งไว้อย่างตื่นตระหนก และก็ได้พบความจริงบนพื้น เพราะมีปลายรองเท้าแพลมออกมาทั้งสองฝั่งประตู ทำเอาเด็กหนุ่มแอบผวาปนโล่งใจ ที่ไม่ได้โพล่งอะไรออกไปเสียก่อน

          ฉัตรถอนใจเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดประตู (และมีเสียงวิ่งหนีดังเสียจนเนชักสงสัยตงิดๆว่าไอ้พวกถ้ำมองนั่น มันตั้งใจแอบกันจริงหรือเปล่า) แล้วเดินกลับมาหาเน

          “…”

          เนนิ่วหน้ามองอีกฝ่ายที่มายืนใกล้ตนจนแทบตัวจะติดกัน อยากจะถามเหลือเกินว่าจำเป็นต้องมายืนใกล้ขนาดนี้ด้วยหรือ ในเมื่อปิดประตูไปแล้ว

          “พวกบ้านั่นหูดีจะตาย ไม่ทำขนาดนี้รับรองว่าเรื่องดีๆได้รู้กันไปทั่วแน่ ซึ่งนายเองก็คงจะไม่ปลื้มเท่าไหร่ใช่มั้ยล่ะ เจ้าหนูจอมกะล่อน”

          คิ้วกระตุกขึ้นทันควัน เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องอะไร

          “เรื่องนั้นน่ะ ผมก็แค่พลั้งปาก จริงๆ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย” ด้วยความไม่อยากยอมแพ้ บวกกับรู้สึกผิดที่เผลอพูดออกไป เนจึงทำทีเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก “คุณวัฒน์เองเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าที่ผมพูดไปเพราะอะไร…”

          “จะบอกว่าเพราะฉันเหรอ” พอเห็นสายตาของเด็กหนุ่มที่เหล่ใส่ หนุ่มใหญ่ก็ย้อนขึ้นเสียงสูงเหมือนต้องการจะกวนอารมณ์ “แหม เขาว่ากันว่าคนเรามักจะชอบคิดว่าตัวเองไม่ผิดไว้ก่อน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ นายว่างั้นไหม”

          หลอกด่ากันเรอะ

          เนเงยหน้ามองหมายจะด่าฉอดๆ ใส่หน้าอีกฝ่ายให้หายแค้น แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มเอ่ยร่ายคำด่าที่อุตส่าห์เตรียมไว้เป็นบทๆ เขาก็พบบางอย่างที่น่ากังขา

          ฉัตรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องหน้าตนเหมือนเห็นสิ่งประหลาด และยังไม่ทันจะได้เอ่ยถาม คนตรงหน้าก็ทำเรื่องที่ชวนกระตุกขวัญสำหรับชายวัยสี่สิบต้นๆอย่างเขา

          มือทั้งสองของเนจับเข้าที่หัวของฉัตร แล้วดึงเข้ามาใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน เนยังคงจ้องมองฉัตรด้วยความสงสัยและประหลาดใจ ในขณะที่สติของคนโดนมองหลุดไปโลกหน้าเสียแล้ว

          “ท…ทำอะไรของนายน่ะ”

          ด้วยความทนไม่ไหว ฉัตรจึงเป็นฝ่ายผงะหนีเสียก่อน สีหน้าของหนุ่มใหญ่ซีดเผือดเหมือนเพิ่งเห็นเรื่องสยองขวัญที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เขาลูบแขนทั้งสองที่ขนลุกไม่หาย และเว้นระยะห่างจากเนราวสองเมตร เพราะกลัวว่าไอ้เด็กบ้านี่จะทำอะไรแปลกๆขึ้นมาอีก

          เนยังคงทำหน้างงเหมือนไม่รู้ตัวว่าเมื่อครู่ตนทำอะไรลงไป เขาเลิกคิ้วมองฉัตร ก่อนจะส่ายหน้า

          “ไหนคุณบอกให้พูดเบาๆ แล้วมาเป็นฝ่ายตะโกนแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน”
         
          มันย้อนเรอะ

          หนุ่มใหญ่อ้าปากค้างพร้อมกับมองเนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาส่ายหัวเล็กน้อย แล้วเดินเข้ามาหาด้วยอาการที่สงบนิ่งลง แต่ยังมีความกังวลปนหวาดกลัวแฝงอยู่

          “เอาเป็นว่าเรื่องรูป ฉันยกให้ อยากเอาไปทำอะไรก็ทำ” ฉัตรกระซิบบอกด้วยท่าทีเหมือนเหนื่อยเต็มที่ “มีธุระแค่นี้ใช่ไหม ถ้างั้นก็ไปได้แล้ว”

          เนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก “ลืม ขอโทษด้วย แค่นี้ล่ะ”

          ว่าจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คุณลุงได้แต่มองตามหลังด้วยใบหน้าหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ประสบเมื่อครู่

          ด้านนอกไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียวจนไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้จะมีคนแอบถ้ำมอง เนเดินลงมายังชั้นล่างสุด อย่างเงียบที่สุด หวังจะหนีจากบรรดาคนช่างสอดที่รอรุมทึ้งตน

          “ฮาย เน”

          แต่ก็ไม่รอดพ้นอยู่ดี

          “ไงปาล์ม งานไม่ยุ่งหรือ” เนทักด้วยรอยยิ้มกว้างผิดปกติจนดูตลก และอีกฝ่ายเองก็ฉีกยิ้มไม่ต่างจากตนนัก

          “แหม่ คนน้อยแบบนี้ จะไปยุ่งได้ยังง้าย แถมต่อเองก็อยู่ด้วย ฉันก็เลยว่างไง” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยเสียงสูง มือก็จับไหล่อีกฝ่ายแน่น “ไหนๆก็มาแล้ว จะรีบกลับไปไหนกันเล่า มีคนมากมายอยากรู้จักนายเพียบเลยน้า”

          ไม่ว่าเปล่า มีชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งมีบรรดาเพื่อนร่วมทีมบอลนั่งสลอนโบกมือให้เขา ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนชวนดูขนลุก

          เนพอจะรู้ชะตากรรมดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่เขาเองก็ใช่ว่าจะไร้หนทางรับมือเสียที่ไหนกัน ที่สำคัญ ไอ้เรื่องของเขามันใช่ว่าจะหลุดปากกันง่ายๆสักหน่อยนี่

          “เลี้ยงฉลองที่ชนะวันนี้หรือ ฉันว่าแค่เตะกันเล่นๆไม่เห็นต้องเลี้ยงกันเลย” มาถึงเนก็ใช้วิชาเฉไฉใส่ทันที

          “ก็ส่วนหนึ่ง” โชคดีเหลือเกินที่เหล่าคนตรงหน้าดูจะดีใจจนไม่ทันรู้ตัว “อันที่จริงที่เลี้ยงไม่ใช่เพราะเรื่องที่ชนะหรอก แค่ดีใจที่ไม่ต้องฝึกซ้อมเตะบอลทุกเย็นไปสองอาทิตย์ก็เท่านั้นละ”

          เนกระตุกเล็กน้อย พอคิดได้ว่าพ่อคุณชายเขาเป็นพวกเกลียดความพ่ายแพ้มาแต่ไหนแต่ไร ก็ถึงบางอ้อ สมัยก่อนเองตอนที่มีงานกีฬาสีทีไร เขามักจะโดนสิทธิ์ลากไปช่วยบ่อยๆ แต่พอเจอมหกรรมการฝึกหฤโหด บวกกับช่วงนั้นยังไม่ค่อยชอบหน้าสิทธิ์ด้วย เนเลยหาเรื่องชิ่งเป็นประจำ เขาจำแม่นเลยตอนที่อยู่ม.สี่ ตอนที่สิทธิ์แพ้บาส หลังจากที่แพ้เฮียแกเล่นซ้อมเอาเป็นเอาตายทุกวันหลังเลิกเรียนอยู่คนเดียวร่วมเดือนเห็นจะได้ ทั้งที่กว่าจะได้แข่งใหม่ก็ปีหน้าโน่น…เพราะฉะนั้นเขาจึงเข้าใจที่ได้ยินอย่างถ่องแท้เลย

          “ว่าแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า” ไอ้คนที่อยากให้ลืมที่สุดดันจำได้เสียนี่ ปาล์มคว้าคอเนเข้ามาด้วยใบหน้ายียวนกวนส้นเหมือนผู้ให้กำเนิดไม่ผิดเพี้ยน “ตกลงนายจะบอกได้หรือยังว่าไปทำอะไร อาวัฒน์ถึงโกรธนายขนาดนั้น”

          พูดจบปุ๊บ ไอ้ที่เฮฮาพากันมองขวับเป็นตาเดียวทันที

          เนยังคงนิ่ง สายตาก็มองเพียงแต่คู่สนทนาที่ยิ้มแป้นแล้น ใบหน้านั้นไร้ซึ่งความวิตกต่อคำถามแต่อย่างใด

          “ว่าไงล่ะ” ปาล์มเค้นอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่ง และก็ได้รับสิ่งที่เกินคาดฝัน…ทั้งสำหรับเขาและทุกคนบนโต๊ะ

          “ถ้ามีของตอบแทนดีๆ อาจจะทำให้ฉันพูดง่ายขึ้นนะ”

          ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คำพูด แต่เป็นเพราะท่าทางของเนนี่ละที่ทำเอาผงะ โดยเฉพาะปาล์มที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็เล่นโดนชายฉกรรจ์เหมือนกันมามองตาเยิ้มแถมยังเอามือมาลูบหน้าด้วย ดูท่าทางจริงจังจนไม่เหมือนล้อเล่นนั่น ยิ่งทำให้ปาล์มขนลุกเกรียว

          “ฮะๆๆ ล้อเล่นน่า ใครมันจะไปสนตัวผู้ด้วยกันละฟะ จะอ้วก” เนหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นใบหน้าซีดของปาล์ม “ยังไงฉันก็บอกไม่ได้หรอก และฉันก็มั่นใจว่าพวกนายไม่อยากรู้ด้วย เพราะมันอาจจะเปลี่ยนชะตาชีวิตพวกนายไปตลอดกาลเลยล่ะ”

          แน่นอนว่ารวมถึงตูด้วย

          “อะไรจะขนาดนั้น…” ปาล์มพยายามไม่เชื่อ แต่พอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้วัฒน์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้แล้ว เขาก็ชักคล้อยตามขึ้นมานิดๆ  และคนอื่นเองก็ดูเหมือนจะคิดแบบนั้นเช่นกัน

          “งั้นฉันไปก่อนละกัน เดี๋ยวคุณวัฒน์จะสงสัยว่าฉันโดนใครรั้งตัวถามเรื่องที่ไม่ควรเล่า” ไม่วายมีทิ้งท้ายให้ผวาเล่น ก่อนจะเดินจากไปอย่างสบายอารมณ์

          แต่ทันทีที่ขึ้นรถเท่านั้นละ ออกอาการเหมือนคนอยากตายทันควัน

          ทำบ้าอะไรวะ!!!!!!!

          เนเอาหัวโขกเข้ากับเบาะรถจนท้ายทอยระบม เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำลงไปได้

          บ้าเอ๊ย ก่อนหน้านั้น นอกจากคุณวัฒน์ ตูยังรังเกียจตัวผู้ตัวอื่นด้วยกันอยู่เลยนี่หว่า แล้วไหงทำไมอาการต่อต้านอยากอาเจียนมันถึงหยุดทำงานเอาดื้อๆ เลยวะ

          ใบหน้าเรียวซีดจนเหมือนกระดาษ เมื่อคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องหยุดอยู่ที่วัฒน์คนเดียวแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกกลัวตัวเองสุดๆ  ไอ้เรื่องนอนกับผู้หญิงหลายคนมันก็น่าภูมิใจอยู่หรอก…แต่นับแต้มกับผู้ชายด้วยเนี่ย คิดแล้วอยากฝังตัวเองมากกว่า

          “ไม่จริง…ไม่จริง…” เด็กหนุ่มเริ่มเพ้อพลางซบหน้าลงบนพวงมาลัยรถ “ไม่…เราไม่ได้เป็น…ไม่ได้เป็น…แค่เซ็กซ์…แค่เตียง…ไม่ใช่…”

          ก๊อกๆ …

          ร่างเนแทบจะลอยจากเบาะทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะกระจกประตูหลัง พอหันไปมองก็โล่งใจระคนสงสัย

          “อะไรหรือต่อ” เนเปิดกระจกรถถามเสียงนิ่ง พยายามทำตัวให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้

          หนุ่มผู้มีตัวตนเลือนรางเหมือนวิญญาณเพียงแต่ยื่นมือที่ถือกล่องใส่แว่นมาให้ “ฝากนายเอาไปคืนให้ทีสิ”

          คืนใครละฟะ

          “เดี๋ยวนายก็จะได้เจอกับเจ้าของแว่นนี้ เพราะงั้น ฝากไว้ที่นายน่ะดีแล้ว…” บาร์เทนเดอร์หนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ชวนให้เนรู้สึกหนาวลึกไปถึงขั้วหัวใจ “…อะไรหรือ…”

          ต่อมองเนที่จับมือตน ใบหน้าของคนบนรถเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เพียงไม่นานเนก็ปล่อย

          “ไม่มีอะไร ขอบใจนายมาก”

          ว่าจบก็สตาร์ทรถขับออกไปทันที ทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่มองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่นานนัก

          “จริงเหรอ…นายไม่ได้ตาฝาดหรอกนะ” อยู่ๆ ต่อก็พูดขึ้นมาท่าทางเหมือนกำลังคุยกับใครบางคน แต่ ณ ที่ตรงลานจอดดรถนั้น มีเพียงตัวเขาอยู่คนเดียว “มิน่าล่ะ…หมอนั่นถึงทำแปลกๆ กับปาล์ม…แล้วก็กับผม…หืม…งั้นหรือ…ไม่ใช่หรอกหรือ…ถ้าแบบนั้นก็คิดได้อย่างเดียวแล้วไม่ใช่หรือไง…”

          ดวงตาที่ดูสงบนิ่งมองทางออก ก่อนจะหันกลับไปมองที่ร้าน แล้วถอนใจเฮือก

          “ผมไม่คิดเลย…ว่าเนเขาจะเป็นแบบนั้น…”


___________________________________

          ขอโทษที่ช่วงนี้หายไปเป็นพักๆงับ กำลังปั่นอีกเรื่องที่กำลังจะรวมเล่มหน้าตั้งเลยงับ T^T ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จดีเท่าไหร่เลย ฮือๆ
          สองคนนี้จะคุยกันรู้เรื่องเมื่อไหร่ สงสัยจะแล้วแต่ฉัตร กับซึนแตก XD ฮา

หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 34 (28/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-06-2015 22:19:28
ต่อดูท่าจะเชี่ยวชาญเรื่องสิ่งลี้ลับนะเนี่ย
เนห้ามรู้สึกอะไรกับตัวผู้คนอื่นนะ! ไม่งั้นโดนกระทืบ -_-+
รอตอนต่อปาย~
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 34 (28/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-06-2015 22:24:18
 :m29: ชีวิตอันสับสนของเน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 34 (28/06/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 28-06-2015 22:51:03
นี่ ต่อ ญาณทิพย์ รึป่าว ฮึ่ย  :katai1: ขนลุกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 35 (01/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 01-07-2015 19:02:55
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 35


          ใช้เวลาเพียงไม่นาน เนก็กลับถึงบ้านเจ้านาย ด้วยสภาพที่เหมือนไม่ได้พาดวงวิญญาณมาด้วย

          “อึก…”

          เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอยืนมองบ้านหลังโตตรงหน้า พอคิดว่าจะต้องไปเจอหน้าเพื่อนร่วมงานแล้ว แข้งขามันก็แข็งเอาดื้อๆ  ยิ่งนึกถึงการกระทำเมื่อครู่ของตนแล้ว ก็ยิ่งไม่อยากเข้าบ้านไปใหญ่

          แปลก…

          ทีแรกเขานึกไปว่าตอนนี้ตัวเองฟรีกับทุกเพศทุกวัย แต่ไม่ใช่เลย ความรู้สึกเฉยๆ จนออกไปทางขยะแขยงกับมือของต่อที่ตนจับไว้เป็นข้อพิสูจน์ที่ดี…ซึ่งเขาแน่ใจว่านั่นไม่ได้มาจากการที่ต่อมีสัมผัสทางวิญญาณอย่างที่เจ้าตัวบอกเป็นนัยแต่อย่างใด

          แล้วไหงกับไอ้พ่อลูกหน้าเป็นนั่นกลับไม่รู้สึกแบบนี้ฟะ แถมยังรู้สึกคล้ายๆกับคุณวัฒน์อีกต่างหาก…ถึงมันจะไม่ใช่ซะทีเดียวก็เถอะ…

          “ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น”

          เนสะดุ้งสุดตัว ยังดีที่คนทักอยู่ไกลเกินไป จึงไม่เห็นอาการประหลาดนั่น เขาเงยหน้าไปยังระเบียงชั้นสอง และนั่นทำเอาเด็กหนุ่มอยากวิ่งหนี

          ใช่…มันไม่เหมือนซะทีเดียว เพราะกับวัฒน์ ไอ้ช่วงล่างมันมีอาการร่วมด้วยนี่สิ

          “ยะ…ยังไม่นอนหรือครับ” เนถามพลางขยับชายเสื้อไปบังเป้ากางเกงเหมือนกับว่ามันจะช่วยปกปิดสิ่งที่ไม่ควรให้ใครเห็นทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ตั้งไกล แถมคนปกติก็ไม่มีใครมาเที่ยวจ้องหว่างขาคู่สนทนากันหรอก

          “นี่เพิ่งจะสี่ทุ่ม นายจะให้ฉันรีบนอนไปไหน” วัฒน์ตอบกลับอย่างหงุดหงิดกับคำถามที่ไม่น่าจะถาม “รีบเข้ามาได้แล้ว”

          รีบมาก สามวินาทีถึงห้อง แถมเข้ามาปุ๊บ มันดิ่งเข้าห้องน้ำปั๊บเลย

          “อะไรวะ” วัฒน์บ่นเสียงเบาพลางมองประตูห้องน้ำด้วยความสงสัย เขารู้สึกเหมือนเคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อน…และคิดอยู่ไม่กี่วิก็นึกออก

          เหมือนกับตอนที่มันจะขอทำเลยนี่หว่า

          คิดได้แล้ว ไอ้อาการที่ไม่ควรจะออกก็ออกอย่างไม่สมควร วัฒน์รีบท่องบทสวดทุกอย่างเท่าที่จะนึกออกเพื่อข่มอารมณ์ตัวเองไว้ จากที่ตั้งใจว่าจะหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาก่อนนอนสักหน่อย เขาเลยรีบขึ้นเตียงหวังหลับก่อนที่เด็กหนุ่มจะออกมา

          อันที่จริงเขาก็อยากอยู่ แต่เพราะวันนี้เพิ่งโกรธอีกฝ่ายจะเป็นจะตายไปตั้งเยอะ แถมความไว้เนื้อเชื่อใจมันก็ลดไปฮวบๆ  จะให้มาลั้นลาทำอย่างว่าเอาตอนนี้ มันก็รู้สึกเสียทีที่โกรธชอบกล ครั้นจะปฏิเสธ ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาเรื่องสัญญาว่าด้วยการขึ้นเตียงมาอ้าง เขาจึงต้องแกล้งทำเป็นหลับอยู่อย่างนี้แทน

          และสิ่งที่วัฒน์คิดก็ไม่ผิดนัก

          เนจ้องน้องชายเจ้ากรรมที่ลุกขึ้นมาฮึดฮัดด้วยความแค้นใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่มองหน้าคุณลุงแกแล้วจะออกอาการขนาดนี้ และที่ชวนช็อกยิ่งกว่าก็คือ เขาเพิ่งนึกได้ว่าตนไม่ได้ปลดปล่อยเกินสี่วันแล้ว ซึ่งปกติเขาทำอยู่ทุกวัน สี่เวลาไม่เคยขาด…

          ก็ตั้งแต่ไปปล้ำลุงนี่ละ ที่อาการลงแดงมันซาลงเรื่อยๆ …และมันก็ไม่ใช่การเสื่อมแต่อย่างใดเพราะปลุกเมื่อไหร่ก็ขึ้นทุกที แถมยังขึ้นเป็นพิเศษเวลานึกถึงวัฒน์เสียด้วย

          เอาไงดีวะ

          อันที่จริงเขาจะทำหน้ามึนไปขออีกฝ่ายก็ได้ หรือถ้าวัฒน์ไม่ยอมก็อ้างเรื่องสัญญาไปก็หมดเรื่อง แต่ที่ต้องมายืนลังเลเพราะรู้ตัวว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังโกรธตนอยู่ แล้วจะให้ไปขอกันดื้อๆ คงจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นจากที่โดนเกลียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คงโดนเพิ่มเป็นทวีคูณจนอาจจะถึงขั้นไม่มองหน้ากันเลยก็เป็นได้

          แต่ขืนทนฝืน วันดีคืนดีอาจจะหน้ามืดลักหลับลุงแกอีกนี่สิ ที่น่ากลัว

          “คุณวัฒน์”

          เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของห้องนอนหลับเรียบร้อยแล้ว ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่ง แต่อีกใจก็คิดหนักเพราะไม่รู้จะจัดการกับปัญหาเบื้องล่างอย่างไรดีนี่สิ

          วัฒน์ไม่ได้หลับอย่างที่เนคิด ตอนโดนเรียกชื่อ เขาลังเลว่าจะตอบดีหรือเปล่า พอคิดได้ว่าอุตสาห์ข่มใจตัวเองไว้ได้แล้ว เขาจึงเงียบไว้แม้เนจะเริ่มเรียกเขาอีกสามสี่ครั้งก็ตาม และคิดว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงจะยอมแพ้เอง…เพราะฉะนั้น แม้นมันจะมาสะกิด ก็ยังทำเป็นไม่รู้สึกตัว

          !

          ถึงจะหลับตาเขาก็รู้สึกได้ ถึงไออุ่นจางๆที่เข้ากระทบใบหน้าอย่างแผ่วเบา ทำเอาอยากตื่นขึ้นมาต่อว่าเสียเหลือเกิน แต่ด้วยความที่กลัวโดนจับได้ว่าแกล้งหลับจึงพยายามไม่ขยับตัว แม้จะชักกลัวๆ ว่าจะโดนลักหลับเหมือนคราวก่อนก็ตาม แต่อยู่ๆ เนก็ลุกออกไปจากเตียง เพียงไม่นานก็กลับมา และทำในสิ่งที่วัฒน์คาดไม่ถึง

          ตอนที่โดนดึงแขนไปก็ชวนตกใจอยู่แล้ว แต่เจอผิวสัมผัสคุ้นเคยในมือ ทำเอาชีพจรเต้นแรงจนแทบจะระเบิด

          มันเอามือตูไปจับของมันทำม้ายยย

          อยากจะลุกขึ้นไปด่าเหลือเกิน แต่ท่าทางหากลุกไปตอนนี้มีหวังคงโดนยิ่งกว่า แม้จะหัวหมุนกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่วัฒน์ก็พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้…ถ้ามันเล่นหอบกระเส่าอยู่ข้างหูตู แถมยังเอามือตูไปเป็นตัวช่วยเร้าอารมณ์หื่นให้มันแบบนี้ เห็นทีจะทำเมินเหมือนโดนหมาเลียไม่ไหวมั้ง…

          ในขณะที่กำลังสองจิตสองใจว่าจะนิ่งต่อไปหรือจะทำเป็นตื่นขึ้นมา เนก็หยุดมือเสียก่อน ดูท่าทางจะปฏิบัติกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว วัฒน์รู้สึกโล่งใจหน่อยๆ ที่จบเรื่องเสียที ในที่สุดก็จะได้หลับอย่างสงบ…ซะที่ไหนกัน!

          “…”

          สุดท้ายเนก็มากอดเขาต่างหมอนข้าง จริงอยู่ว่าปกติเด็กหนุ่มก็กอดตนทุกวันอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่ตอนที่ยังตื่นอยู่...และไม่ใช่หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อกี้ด้วย

          แล้วแบบนี้ตูจะหลับลงได้ไงวะ!!!

“คุณวัฒน์…”

          หนุ่มใหญ่แปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกระซิบเรียกชื่อตนอยู่ข้างหู และยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็กอดแน่นจนรู้สึกอึดอัดนิดๆ

          “คุณวัฒน์…” เสียงทุ้มยังคงกระซิบเรียกชื่อตน น้ำเสียงนั้นฟังดูเหงาหงอยจนน่าใจหาย และชวนให้รู้สึกสับสน

          ใบหน้าของหนุ่มใหญ่ร้อนผ่าวขึ้นมา สงสัยเสียเหลือเกินว่าทำไมเด็กหนุ่มต้องเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้นด้วย ต่อให้คิดว่าเนอยากกลับใจ ก็ไม่เห็นจะต้องมาออดอ้อนกกกอดตนเลยสักนิด ไอ้แบบนี้ดูอย่างไรก็เกินว่าที่ควรจะเป็นชัดๆ

          ไม่ ไม่ใช่…อย่าคิดแบบนั้นนะ…อย่าโดนปั่นหัวด้วยเรื่องแค่นี้เชียว นี่มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย เรามันก็แค่ที่ระบายความใคร่เท่านั้น…สำหรับเราเองก็เหมือนกันนี่ ก็แค่เซ็กซ์

          ไม่มีวันเป็นไปมากกว่านั้นหรอก

 

          เนไม่แน่ใจนักว่าโจทย์จะรู้ถึงเหตุการณ์เมื่อคืนหรือเปล่า เพราะเขาเห็นวัฒน์ทำตัวประหลาดมาตั้งแต่เช้าแล้ว สีหน้าของหนุ่มใหญ่ดูอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน ยิ่งแสดงความหงุดหงิดระคนกลัดกลุ้ม ยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่ดูแย่อย่างกับคนป่วย พอเนเรียกวัฒน์ก็ออกอาการสะดุ้งเกินเหตุตลอด แต่กลับไม่ตะคอกกลับใส่อย่างที่คาด ออกจะดูหวาดๆ ด้วยซ้ำ

          เป็นอะไรของลุงแกวะ

          อยากจะถามเหลือเกิน แต่กลัวจะได้คำตอบเป็นเรื่องเมื่อคืน จึงได้แต่เงียบอยู่อย่างนี้ ซึ่งอันที่จริง เด็กหนุ่มคิดถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

          “คุณวัฒน์เขาป่วยอะไรอยู่หรือเปล่า” ต้น นักบัญชีผู้มีความกระหายใคร่รู้มากกว่าคนทั่วไปกระซิบถามเนด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น พลางยื่นงานให้อีกฝ่าย

          “ไม่รู้สิครับ” เด็กหนุ่มตอบตามตรง “พี่ไม่ลองไปถามเขาดูละ เขาไม่กัดพี่หรอก”

          สีหน้าของหนุ่มร่างท้วมซีดลงทันที “ไม่ดีกว่ามั้ง…เอ้อ รีบทำงานเถอะ เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันเอา”

          ทำเป็นแหยเชียวนะ จะไปกลัวตาลุงนั่นอะไรกันนัก…

          “เน?”

          ต้นเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มที่จ้องหน้าตนเขม็ง แถมยังค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้จนห่างกันแค่หนึ่งฝ่ามือ

          “ขี้ตาข้างขวาครับ”

          ได้ยินแล้วถึงกับพ่นลมหัวเราะออกมาทันที “โธ่เอ๊ย นึกว่าอะไร”

          “ทำไมหรือครับ”

          “เปล่าๆ ไม่มีอะไร ไปทำงานเถอะ” หนุ่มท้วมโบกมือ นึกด่าตัวเองอยู่ในใจที่เผลอคิดอะไรแผลงๆ ออกมาเสียได้ ทั้งที่มันไม่มีทางเป็นไปได้แท้ๆ

          เนยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปที่โต๊ะตัวเองซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับต้น แล้วถอดหน้ากากออกทันที

          จะอ้วก…

          ที่เด็กหนุ่มจ้องหน้าต้นเพราะหวังพิสูจน์ว่าตัวเองกลายเป็นเกย์ไปแล้วหรือเปล่า แต่หลังจากทดสอบไปทั่วกับคนที่รู้จัก ไม่ว่าจะหนุ่มหรือชรา ผลที่ได้นั้นเหมือนกับที่เขารู้สึกกับต่อ ยกเว้นแค่สองพ่อลูกนั่นที่เขาไม่รู้สึกเกลียดหรือขยะแขยงแม้แต่น้อย โดยเฉพาะคนพ่อที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่นัก

          ทำไมกันนะ เกิดอะไรขึ้นกับเรากัน…ถ้าไม่ใช่ที่ตัวเรา แล้วมันเพราะอะไรกัน

          ทันทีที่ประตูห้องรองประธานเปิด เด็กหนุ่มก็ชะโงกมองอย่างลืมตัว สีหน้าของวัฒน์ยังคงดูอิดโรย และดูท่าทางจะมากกว่าเดิม เห็นลุงแกเดินไม่ตรงทางแล้ว ชวนให้คนมองรู้สึกระทึกยิ่งนัก

          “จะไปไหนหรือครับ” ถามจบ เนก็ได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่า เป็นห่วงในฐานะเพื่อนร่วมงานเท่านั้น

          คนโดนถามผงะพร้อมกับทำหน้าเหมือนเห็นผี ทำเอาเด็กหนุ่มเริ่มคิดจริงๆ จังๆ แล้วว่าอีกฝ่ายต้องรู้เรื่องเมื่อคืนเป็นแน่

          “…ทำงานของตัวเองไปเถอะ”

          ว่าแล้วก็สาวเท้าก้าวออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีจังหวะแม้แต่จะคิดสวนกลับ

          “อะไรวะ” เนโพล่งขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย คนอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ  “บ้าเอ๊ย แล้วอย่าไปเป็นลมกลางทางล่ะ ไม่งั้นจะสมน้ำหน้าให้”

          เด็กหนุ่มชะงัก เพราะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว แล้วก็ไม่ได้อยู่ในที่ส่วนตัวด้วย

          พอเห็นเนได้สติ เหล่าไทยมุงก็รีบกลับมาสนใจงานของตน ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้กันอย่างรวดเร็ว มีเพียงต้นคนเดียวที่ยังคงมองมาด้วยสายตาที่ตะลึงสุดๆ

          เนยิ้มหน้าเจื่อนให้ เขารู้ดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีทำหน้าแบบนั้น ก็ใครต่อใครต่างก็คิดว่าวัฒน์เป็นบุคคลที่น่าเกรงขามกันทั้งนั้น แต่ไอ้ท่าทีที่เขาทำมันตรงข้ามกันสุดๆ นี่สิ

          “…งานมันเครียดเนอะครับ” โอเค เหตุผลมันไม่เข้าท่า แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าจะอ้างอะไรดีแล้ว

          ต้นยังคงหน้าตื่น แต่สุดท้ายก็หัวเราะเสียงแห้งออกมา “นะ…นั่นสินะ ฮะๆ ๆ ”

          เนได้แต่บอกกับตัวเอง ถึงจะรู้สึกผิดหรืออยากเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดียังไงก็ช่าง แต่เที่ยวมาใช้อารมณ์ใส่แบบนี้ ขอโกรธบ้างเหอะ!

_________________________________
ตอนนี้สั้นนิดนึงนะงับ ;w;
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 35 (01/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-07-2015 19:25:47
ทำไมเนถึงรู้สึกกับพ่อลูกนั่นคล้ายๆ กับวัฒน์ล่ะ ไม่ยอมมม
หรือเป็นเพราะความสนิท? เชื่อใจ? ไม่รู้แฮะ
แต่โคตรฮาตอนที่เนยืมมือวัฒน์ไปช่วยตัวเองอ่ะ 5555555 อิเนมันฉวยโอกาสตอนที่ (คิดว่า) วัฒน์หลับอ่ะ 55555
รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 35 (01/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 01-07-2015 19:40:34
อิ๊วว.ว.ว..วว.ว.........รีบมาง้อเลย ง้อเลย :a11:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 35 (01/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-07-2015 19:02:20
เหมือนจะถอยหลังลงคลองเลยนะเน  :hao4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 35 (01/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: hczmtp ที่ 03-07-2015 15:16:24
ต่างคนต่างเข้าใจกันคนเรื่องเลย 5555
แล้วจะดีกันตอนไหนเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 35 (01/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-07-2015 16:53:57
เมื่อไรจะจูนกันติดคะเนี่ย  :serius2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 36 (05/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 05-07-2015 09:55:55
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 36


          วัฒน์จ้องมองนาฬิกาพลางมองออกไปนอกรถ ในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานนั้น เงียบเชียบไร้ผู้คน แต่แน่นขนัดไปด้วยรถมากมายที่เข้ามาจอด และนั่งรอต่ออีกไม่นาน ประตูรถข้างคนขับก็เปิดขึ้น ก่อนจะมีคนเข้ามานั่งด้วย

          “มีอะไรเหรอ ถึงได้เรียกฉันมาแบบนี้” ฉัตรถามก่อนจะปรับพนักพิงเอนลงจนสุด “เรื่องไอ้เด็กนั่นหรือเปล่า ถ้าใช่ ฉันยังไปสืบสาวหาความไม่ได้เท่าไหร่เลยนะ”

          อันที่จริง สืบมาพรุนชนิดที่มั่นใจมากว่า เดชกับเนไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ขืนบอกไปง่ายๆแบบนั้น ก็เข้าทางไอ้เด็กผีนั่นพอดีน่ะสิ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉัตรต้องการอยู่แล้ว

          “งั้นหรือ” เสียงทุ้มที่ตอบกลับราบเรียบและเจ้าตัวก็ไม่ได้มองคู่สนทนาแต่อย่างใด วัฒน์เอื้อมไปหยิบซองสีน้ำตาลที่เบาะหลัง แต่ไม่ได้เอาให้ฉัตรในทันที ท่าทางเหมือนลังเล แต่สุดท้ายก็ยื่นให้อีกฝ่าย

          หนุ่มใหญ่หน้าบากรับมาอย่างข้องใจก่อนจะเปิดดูสิ่งที่อยู่ด้านใน และนั่นทำเอาเขาหน้าซีดเหมือนเพิ่งเห็นสิ่งที่ชวนสยองที่สุดเท่าที่เคยประสบมา

          รูปถ่ายจากด้านบนของเขาเอง กับเน ในฉากล่อแหลมที่ชวนเข้าใจผิดสุดๆเมื่อคืน แถมท้ายด้วยกระดาษหนึ่งหน้าเอสี่ที่บรรยายถึงรูปนี้ได้อย่างละเอียดและถึงพริกถึงขิง จนฉัตรอยากจะบอกให้ไอ้คนเขียนมันเลิกงานสอดแนมแล้วไปเขียนนิยายอย่างเต็มตัวสักที ท่าทางจะรุ่งกว่าเยอะ

          “…พวกนาย…เอ่อ…” ยิ่งเห็นสีหน้าวัฒน์ที่หันมองมา เขายิ่งอยากจะตะโกนกู่ก้องอย่างคนจะสิ้นใจ “เป็น…”

          “ไม่ได้เป็น! ไม่เป็นแน่นอน! นายก็รู้จักฉันดีนี่!!!” ฉัตรร้องลั่น “อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น!!! ที่สำคัญคือ ถ้าฉันทำแบบนั้น ฉันได้โดนฆ่าแน่!!...แกอย่าเอาให้เขาดูนะเฮ้ย ขอร้องเลย ฉันขี้เกียจเลือดออกหัว”

          เล่นออกอาการเสียขนาดนี้ แล้วจะไม่เชื่อกันได้อย่างไร

          “ถ้างั้น แล้วนั่นคืออะไร” ใจจริงวัฒน์ก็แค่ถามเพราะสงสัย ปนหวาดหวั่นว่าไอ้สองคนนี่มันจะเป็นอย่างที่เห็นหรือเปล่า…ไม่ได้นึกหึงอะไรสักนิด!

          แต่คงเพราะหน้านิ่งเกิน ฉัตรถึงได้ออกอาการกระอักกระอ่วนหนักกว่าที่ควร เพราะเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

          แต่ถึงจะไม่รู้ก็เถอะ แต่เขารู้นี่ว่าไอ้เด็กนั่นคิดอะไร
         
          “หมอนั่นก็แค่จ้องหน้าเพราะโมโหฉัน…แต่รู้ตัวว่าผิดถึงได้ยั้งไว้ไง” ถึงจะไม่แน่ใจ แต่อันที่จริงเขารู้สึกเหมือนเนจะจูบเขามากกว่า แต่คนบ้าที่ไหนจะไปบอกแบบนั้น นี่ยังสยองขวัญไม่หายเลยนะนี่ “…ไอ้ที่เขียนเนี่ย เพ้อเอาทั้งเพ นายเชื่อจริงเหรอ”

          “ก็ดูเหมือนเป็นแบบนั้น”

          ถ้าพ่อคุณจะหน้านิ่งขนาดนี้ล่ะก็ อย่าถามผมเลยดีกว่าครับ…แบบว่าผมไม่รู้จะตอบยังไงดี…

          “…เอาเป็นว่าเปล่า” ทีแรกว่าจะแหย่เล่นเพื่อจะได้ดูอาการ แต่ลองเฉยเมยไม่แสดงออกขนาดนี้ แหย่อะไรไปก็คงไม่ได้ผลหรอก “มีอะไรอีกไหม”

          “แล้วไอ้เดชล่ะ”

          แค่เวลาตอนโกรธเท่านั้นล่ะ ที่แสดงออกนอกหน้าแบบไม่ต้องเดาให้มากความ

          “ช่วงนี้มันคงหาเรื่องไม่ได้สักพักนั่นล่ะ…ก็เจอเราเล่นงานวันนั้นไป ป่านนี้คงกำลังวิ่งเต้นแก้เรื่องกับกลุ่มที่มันติดต่ออยู่ละมั้ง” ฉัตรหัวเราะชั่วร้าย “ระหว่างนั้นพวกทิวาก็ตามจัดการงานที่หมอนั่นทำทิ้งเอาไว้ พอมันกลับมาก็คงต้องมานั่งจัดการใหม่ สะใจซะไม่มี”

          “ก็ดีแล้ว” วัฒน์หัวเราะด้วย ทำเอาคนที่หัวเราะก่อนหน้าเกิดอาการชะงัก “ถ้างั้นก็แค่นี้ล่ะ ขอบใจนะ”

          “เดี๋ยวก่อน” ชายร่างใหญ่รั้งหน้าตื่น “ไอ้หนูโค้กมันฟื้นแล้วนะ”

          ได้ยินแล้วคนฟังถึงกับเผยใบหน้าดีใจแบบไม่ปิดบัง ก่อนจะถอนใจแล้วทิ้งตัวลงเบาะรถ “เมื่อไหร่”

          “เมื่อวานนี้เอง…เห็นว่าฟื้นหลังจากที่แกกับคุณสิทธิ์ไปเยี่ยมไม่นานเองมั้ง พอตื่นถึงมันก็ถามหาแกก่อนเลย” คนพูดได้แต่เก็บความสงสัย คนอื่นพากันเกรงกลัววัฒน์จะตาย มีแค่โค้กกับศาสตร์นั่นล่ะที่ชอบตาลุงหน้าบูดนี่ สงสัยเพราะพฤติกรรมประหลาดเหมือนกันกระมัง “จะไปเยี่ยมหรือเปล่าล่ะ ถ้าไปฉันขอติดรถไปด้วยละกัน”

          สตาร์ทรถทันที

 

          เนแทบจะกระทืบเท้าตลอดทางที่เดินออกจากตึกทำงาน ยิ่งพอนึกถึงโทรศัพท์ที่ได้รับเมื่อตอนบ่าย เขาก็ยิ่งหงุดหงิดจนอยากจะระเบิดใส่ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ที่สุด ณ ตอนนี้

          ‘กลับบ้านไปก่อนเลย ฉันมีธุระ’

          เขาอาจจะไม่โมโหก็ได้ ถ้าก่อนหน้านั้นไม่โดนอีกฝ่ายทำท่าทีเหมือนเห็นแมลงสาบใส่

          แล้วไง ใครจะแคร์วะ จะไปธุระถึงนรกที่ไหนก็ไปเลยซี่…ใครเขาจะสนใจลุงกันล่ะ แล้วฉันก็จะไม่กลับบ้านก่อนด้วย มีปัญหาไหม

          คิดหงุดหงิดจบก็โบกแท็กซี่ เพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้อยู่ในใจ ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหน ถึงเวลานี้อาจจะยังไม่ถึงเวลา แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องต้อนรับเขาอยู่แล้ว

          “อ้าวน้องเน” เสียงทุ้มหนักทักดังอย่างแปลกใจที่เห็นผู้มาเยือน มีนเปิดประตูกว้างให้เด็กหนุ่มเข้ามา “ร้านยังไม่เปิดเลยนะจ๊ะ หรือว่ามาธุระกัน”

          “มาเที่ยวเฉยๆน่ะครับ แบบว่าคิดถึงพี่มีน” เนหยอดคำหวานใส่อย่างเป็นธรรมชาติ เล่นเอาผู้จัดการร้านถึงกับเผลอเคลิ้มตาม “ไหนๆก็มาก่อนเวลาเปิด งั้นให้ผมช่วยเปิดร้านด้วยก็แล้วกันนะครับ…แบบว่าผมคิดถึงตอนทำงานที่ร้านน่ะครับ”

          เมื่อโดนพูดดักทางเสียขนาดนี้ อีกทั้งยังเจอรอยยิ้มกว้างที่ชวนหลงนั่น แถมยังได้คนช่วยงานฟรีอีก มีหรือจะปฏิเสธ “แหม แต่เจ๊ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ…อ๊ะ แต่ใจดีเลี้ยงแก้วนึงนะ”

          สำหรับเขา ขอแค่อยู่ในร้านได้จนดึกโดยไม่ต้องจ่าย แค่นั้นก็พอใจแล้ว

          เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะในขณะที่เตรียมร้านใกล้จะเสร็จ ทีแรกเนไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะคิดว่าคงเป็นพนักงาน แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงผู้มาเยือนเท่านั้นล่ะ เด็กหนุ่มถึงกับหันไปมองหน้าเหวอ พร้อมกับผงะสุดๆกับของที่อยู่ในมือ นั่นก็คือซองใส่ที่ห้อยมือถือรูปแมวกวัก

          “อ้าว คุณวิน ลมอะไรพัดมาคะเนี่ย” แถมมีนเองก็ยังทักทายเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นศัตรูกับสิทธิ์ยังไงยังงั้น

          “อ้าว ผมได้ยินว่าโค้กออกจากโรงพยาบาลแล้วเลยมาเยี่ยม” ชายร่างสูงเองก็ทักกลับด้วยอัธยาศัยที่ดีเช่นกัน “ผมเลยซื้อนี่มาให้ฉลองที่ออกจากโรงพยาบาล เห็นว่าโค้กชอบแมวมากเลยนี่”

          แถมยังเข้าใจรสนิยมของลูกน้องของอีกฝ่ายอีกต่างหาก…

          “แหม ขอบพระคุณแทนโค้กมากๆเลยนะคะ แต่จริงๆเขายังไม่ได้อออกจากโรงพยาบาลหรอกค่ะ แค่ฟื้นขึ้นมาเฉยๆ” มีนบอกด้วยท่าทีเสียดายแทน

          “อ้าว งั้นหรอกหรือ สงสัยพี่อาร์มคงดีใจเกิน ตอนโทรมาบอกผมเสียงสั่นเหมือนเจ้าเข้าเลยล่ะ” ชายหนุ่มพูดติดตลก “ถ้างั้นผมฝากนี่ไว้ที่พี่มีนให้โค้กทีละกันนะครับ ผมคงไม่มีเวลาไปเยี่ยม…และเดี๋ยวจะเจอคนที่ไม่อยากเจอ”

          ต่อให้ไม่เอ่ยตรงๆ คนทั้งบางก็รู้กันว่าหมายถึงใคร

          ตุบ

          เสียงของหล่นจากกระเป๋านั้นเบาบางแต่ทำเอาเนอ้าปากค้างด้วยความสงสัยและประหลาดใจ ดวงตาเรียวเบิกจนแทบจะถลน เพราะเขาจำได้แม่นว่าตัวเองเอาของที่หล่นพื้นใส่เก๊ะหน้ารถเอาไว้ แล้วไหงมันกลับอยู่ในกระเป๋ากางเกงได้ไงก็ไม่รู้ แถมไอ้ของที่ว่านี่ก็ใหญ่เกินกว่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงเขาได้ด้วย ที่สำคัญคือมันหล่นเหมือนรู้จังหวะได้พอดิบพอดีเกินไปแล้ว

          “อ้าว นั่นกล่องใส่แว่นฉันนี่” พอได้ยินวินทัก เนชักอยากจะสาปแช่งต่อขึ้นมาตงิดๆ

          “ต่อเขาฝากมาคืนให้คุณน่ะครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยความไวแสงเหมือนกลัวจะโดนกล่าวหาว่าเป็นขโมย ทำเอาเจ้าของเลิกคิ้ว “นี่ครับ”

          เนรีบหยิบกล่องใส่แว่นมาคืนวินโดยเบือนหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดวิตกไปมองทางอื่น

          ยิ่งเจ้าตัวไม่ยอมรับของคืนไปในทันทียิ่งทำให้เขารู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
         
          “นาย...คนใหม่ที่เล่นบอลกันวันก่อนใช่ไหม”

          ถ้าตอบว่าใช่ คุณจะเคียดแค้นแล้วเข้ามาบีบคอผมหรือเปล่า…แบบว่าร้านเพิ่งจัดเสร็จ ผมไม่อยากให้มันเลอะโดยใช่เหตุ

          “แหม ใช่แล้วล่ะค่า” ผู้จัดการดันไปตอบเสียอย่างนั้น ทั้งที่เนกำลังทำหน้าเคร่งเครียดเพราะกลัวจะโดนหาเรื่องอยู่แท้ๆ

          วินเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กกว่าที่ออกอาการหวาดหวั่น และทำในสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูออกนอกหน้ากับเจ้านายตน

          “เจ๋งนี่หว่า เล่นเอาพวกฉันไล่ไม่ทันเลยนะ” หนุ่มแว่นหัวเราะและตบบ่าอีกฝ่าย “ชื่ออะไรล่ะ เพิ่งมาทำงานกับพี่มีนเหรอ”

          เนมองกลับหน้าเหวอ พยายามสำรวจท่าทีนั่นอย่างระแวดระวัง แต่พอมองท่าทีที่ดูสบายๆของเพื่อนร่วมงานแล้ว ทำเอาเขาเหมือนวิตกจริตอยู่คนเดียวยังไงยังงั้น

          “ผมชื่อเนครับ ไม่ได้ทำงานกับพี่มีนหรอกครับ ผมเป็นผู้ติดตามคุณสิทธิ์”

          “อ้าว แล้วอาวัฒน์เขาลาออกแล้วเหรอ”

          โอ้โห ถ้าจะรู้จักลูกน้องกันทั้งบางขนาดนี้ บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคุณสิทธิ์ยังจะเชื่อซะกว่า…

          “เปล่าครับ…คุณวัฒน์ก็ยังเป็นผู้ติดตามเหมือนเดิมล่ะครับ แค่มีผมมาเพิ่ม” ตอบจบก็สะดุ้งด้วยความประหลาดใจที่ตัวเผลอตอบอีกฝ่ายไปง่ายๆ

          “อ้อ อย่างนั้นหรอกหรือ ฉันนึกว่าอาวัฒน์แกเป็นอะไรไปซะอีก เห็นอาเขาชอบทำอะไรเกินตัวประจำ”

          …คุ้นๆกับประโยคนี้ชอบกลแฮะ…ชักเริ่มสงสัยขึ้มาจริงๆจังๆแล้วแฮะว่าที่จริงสองคนนี่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทสุดๆกันมาก่อน แล้วเกิดเรื่องหมางใจจนไม่อยากมองหน้ากันเอาทีหลังหรือเปล่าเนี่ย…

          “งั้นขอตัวก่อนละกัน พอดีติดงานอยู่” หนุ่มแว่นเอ่ยลาทุกคน ด้วยรอยยิ้มกว้างซึ่งไม่เข้ากับหน้าดุๆนั่นเลยสักนิด

          “ค่ะ งั้นเดี๋ยวให้เนไปส่งนะคะ”

          เจ้าของชื่อถึงกับหันขวับไปมองทันที แต่สิ่งที่ได้รับคือการขยิบตาหนึ่งทีแทน

          ถึงจะไม่ค่อยอยาก แต่หากปฏิเสธก็ดูจะเสียมารยาทเอาการ อีกทั้งมีเรื่องคาใจที่อยากจะถามตรงหน้าเหลือเกิน เลยยอมทำตามแต่โดยดี

          “คุณกับคุณสิทธิ์เป็นศัตรูกันจริงๆหรือครับ”

          ออกไปปุ๊บก็ถามทันทีแบบไม่มีการอารัมภบทแต่อย่างใด…ก็คนมันสงสัยนี่หว่า

          วินเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะด้วยความชั่วร้าย จนเนเผลอกลัวว่าตนอาจจะโดนสวนกลับข้อหาถามเรื่องไม่ควร แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำแบบนั้น แม้เนจะตั้งท่ารอสวนอยู่ก็ตาม “เป็นสิ ฉันเกลียดมันอย่างกับอะไรดี ให้ญาติดีกับมันน่ะ รอเมื่อตอนที่ฉันเกิดใหม่เป็นพยาธิใบไม้แล้วกัน”

          ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นพยาธิใบไม้ แต่เนก็ปัดข้อสงสัยนั่นทิ้งไปก่อน “แต่ปกติ…ถ้าเป็นศัตรูกัน ผมไม่เคยเห็นศัตรูที่ไหนจะมาสนิทสนมกับลูกน้องของอีกฝ่ายหรอกนะครับ”

          คราวนี้คิ้ววินตะกุยเลยหน้าผากกันเลยทีเดียว ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะแบบไม่มีกั๊ก เล่นเอาเนรู้สึกเสียฟอร์มขึ้นมาตงิดๆ

          “โทษที แต่มันทนไม่ได้จริงๆน่ะ” หลังจากขำจนพอใจ ก็เอ่ยขอโทษ แต่ไม่วายมีขำใส่อีก “ฉันเกลียดหมอนั่นคนเดียว ลูกน้องอย่างพวกนายไม่ได้ทำอะไรให้ฉันเกลียดสักหน่อย แล้วทำไมฉันจะต้องเกลียดพวกนายล่ะ”

          “ก็เป็นลูกน้องของคนที่คุณเกลียดไง…อย่าหัวเราะสิครับ ผมจริงจังนะ” เนเผลอขึ้นเสียงใส่ “กลุ่มอื่นเขาก็เป็นแบบนี้กันหมดนี่นา”

          “ก็นั่นมันกลุ่มอื่น ไม่ใช่ฉัน” วินถอดแว่นออกมาเพื่อเช็ดน้ำตาตัวเอง “นายไม่คิดว่ามันไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ ในเมื่อพวกนายไม่ได้ทำอะไรให้ฉันเลย แล้วให้ฉันไปเกลียดเนี่ย แบบนั้นมันก็แค่พาลไปทั่วเท่านั้นเอง จริงไหมล่ะ”

          พูดแบบนั้น ความหมายคือคุณสิทธิ์ไปทำอะไรให้งั้นสิ…

          “และฉันก็ถือคติว่า ถ้าไม่ใช่กำลังก่อน ฉันก็จะไม่ใช้กลับ” วินพูดอย่างภาคภูมิใจเสียเต็มประดา “มีแต่คนสิ้นคิดเท่านั้นล่ะ ถึงได้เอะอะยกพวกตีกันน่ะ ไร้รสนิยมสิ้นดี ที่สำคัญคือนี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างฉันกับไอ้หมอนั่น จะให้คนอื่นมาบาดเจ็บเพราะเรื่องแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับทำร้ายลูกน้องตัวเองหรอก”

          เพราะงั้น…เลยเปลี่ยนมาเป็นเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้าแทนเรอะ…ที่จริงมันก็ดูโอเคอยู่หรอก เว้นเสียแต่ไอ้แรงกดดันกับความจริงจังพิลึกๆของพวกคุณนี่ล่ะ ที่ทำเอาลูกน้องอย่างพวกผมจะประสาทกินเอา

          “คุณวินครับ จวนจะได้เวลาแล้ว”

          เนหันไปมองต้นเสียงที่ยืนอยู่ใกล้กับรถเก๋งสีดำเงา ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นคนฝั่งเดียวกับวิน และเป็นคนที่กล้าเข้าไปปลอบวิน ในขณะที่คนอื่นพากันอยู่ห่างๆ

          “อ๊ะ งั้นเหรอ ฉันต้องไปจริงๆแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันเอา” วินเอ่ยเสียงตื่น ก่อนจะเร่งรีบไปทางชายคนนั้นซึ่งตัวสูงใหญ่ไม่แพ้กัน “ไว้เจอกันนะ”

          “ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” เนโบกมือให้ เมื่ออีกฝ่ายขึ้นรถและขับออกไป เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอเอ่ยลาอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ ลืมความหวาดหวั่นก่อนหน้าไปจนสิ้น

          “ไงล่ะจ๊ะ” มีนเอ่ยทักพนักงานช่วยเปิดร้านชั่วคราวที่เดินหน้ามึนเข้ามา “เหมือนเลยใช่ไหมล่ะ”

          เนนิ่วหน้าให้ ก่อนจะแค่นยิ้ม “พี่มีนจงใจสินะครับ”

          ถึงเขาจะไม่รู้อยู่ดีว่าวินกับสิทธิ์เกลียดกันเพราะอะไร แต่เขารู้สาเหตุที่ความรู้สึกเป็นศัตรูกับวินหายไปจากหัวแล้ว เล่นเหมือนกับสิทธิ์ขนาดนี้ แถมยังนิสัยดีมีเหตุผลอีก เกลียดลงก็แปลกล่ะ

          “แหม ก็เห็นเธอทำท่าเหมือนลูกหมาชิวาว่าเจอพิตบูล เลยจัดให้สักหน่อย” ผู้ที่ดูเป็นหญิงสาวหัวเราะเสียงเล็ก

          “เล่นแบบนี้ ผมกลัวจริงๆนะเนี่ย…ปลอบลูกหมาตัวน้อยตัวนี้ได้หรือเปล่าล่ะครับ”

          “แหมๆ พ่อลูกหมาขี้อ้อน” แต่ละคนเริ่มทำการกระเซ้าเหย้าแหย่แบบไม่อายฟ้าดิน แต่ถึงอย่างนั้น พนักงานคนอื่นก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะผู้จัดการร้านของพวกเขาทำแบบนี้อยู่ทุกวัน

          เมื่อร้านเปิด ความบันเทิงก็บังเกิด เหล่านักท่องราตรีพากันหลั่งไหลเข้ามาในร้าน พนักงานทุกคนพากันทำงานกันอย่างจ้าละหวั่น เพลงเร็วเปิดกระหึ่มร้านเพิ่มความคึกคักให้แก่ลูกค้า จนบางคนถึงกับทนไม่ไหว ต้องออกมาเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยงราวกับจะสะบัดเรื่องปวดหัวจากที่ทำงานไปให้สิ้น

          “อยู่ถึงป่านนี้จะดีหรือจ๊ะ อ๊ะๆ พี่ไม่ได้ไล่นะ แค่ถามด้วยความเป็นห่วง กลัวจะโดนคุณวัฒน์ดุเอา” หลังจากจัดการงานจนว่าง มีนก็เดินโฉบเข้ามาเอ่ยถามเนที่เอาแต่นั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์ด้วยอารมณ์สุนทรีย์ กับค็อกเทลเพียงแค่แก้วเดียว แถมยังดื่มไม่หมดอีกต่างหาก

          “โอ๊ย ไม่ด่าหรอกครับ เขาอนุญาตให้ผมเที่ยวได้อยู่แล้ว แค่อย่าเสียงานเป็นพอ” เด็กหนุ่มตอบเสียงสูงปรี๊ด จนมีนรู้สึกตงิดๆ “ว่าแต่ผมเหงาจังเลย พี่มีนไม่มาคุยเป็นเพื่อนผมหน่อยเหรอ”

          “แหม พี่ทำงาน ไม่ว่างหรอกจ๊ะ” ผู้จัดร้านยิ้มอย่างเสียดาย ก่อนบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะอีกฝั่งที่มีกลุ่มลูกค้าสาว “แต่ถึงไม่มีพี่ ก็มีคนพร้อมจะคุยกันเนเยอะอยู่น้า”

          แล้วจะพลาดไปไย

          “มาคนเดียวหรือคะ” แต่ก่อนที่เนจะได้กระโจนไปทางกลุ่มสาว หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางจะเล็งจังหวะอยู่นาน ก็เข้ามาหยิบชิ้นปลามันก่อน “อยากได้เพื่อนคุยหรือเปล่าคะ…”

          “ดีสิครับ ได้คุยกับคนสวยๆแบบคุณ ถือเป็นโชคดีของผมเลยล่ะ….”

          เนพูดค้างไว้แค่นั้นและทำหน้าเหวอเหมือนเห็นผีจนคู่สนทนานิ่วหน้า เธอหันไปมองด้านหลังตนด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ผีอย่างที่คิด เป็นชายคนหนึ่งที่กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน ด้วยสีหน้าประหลาดใจสุดๆ

          “คุณวัฒน์?”

______________________________________
ถูกจับได้ว่ามีชู้ว XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 36 (05/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 05-07-2015 10:59:39
อ้าวเน แกทำอัลไลลงไป -_-+
ป้อสาวยังงี้ระวังโดนวัฒน์เป่าสมอง หลักฐานคาตาเลย อาวัฒน์อย่าไปยอม เอาให้อิเนมันลงแดงไปเลย!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 36 (05/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 05-07-2015 21:04:36
ฉัตรนี่ยังไม่ยอมบอกสินะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 36 (05/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-07-2015 22:18:11
 :ruready :ruready :ruready :ruready :ruready :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 36 (05/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-07-2015 19:34:26
เนเอ้ย!!! ชีวิตแกช่างน่าเศร้า :try2:

ชาตินี้จะจูนกันติดตอนไหนเนี่ยะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 37 (08/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 08-07-2015 22:55:22
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 37


          วัฒน์เพียงแต่นิ่งมองเด็กหนุ่มซึ่งกำลังมองกลับมาทางตนด้วยใบหน้าผวาเหมือนเห็นผี หนุ่มใหญ่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่…แถมยังกำลังนั่งจีบปากจีบคอกับสาวใสวัยเดียวกันอย่างสนุกสนานเป็นอันมาก…

          “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”

          นั่นไม่ใช่คำถามที่คนฟังจะคาดถึง ความจริงเขามากกว่าที่อยากจะถาม…แต่แค่นึกถึงสันดานที่ฝังรากลึกจนถึงกระดูกของเด็กหนุ่ม เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเอ่ยถามให้มากความนัก เพียงแต่ความรู้สึกหม่นหมองที่รุมเร้าจนถึงเมื่อครู่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดและเหนื่อยหน่ายต่อพฤติกรรมที่น่าจะรู้อยู่ตั้งนานแล้ว

          “ฉันไม่ได้มาหาที่ระบายเหมือนนายก็แล้วกัน” หนุ่มใหญ่พูดไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายซึ่งมีเพื่อนสาวกำลังนั่งฟังอยู่ด้วย…และทันทีที่ได้ยิน คุณเธอก็เริ่มถอยเหมือนเห็นเนเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายไม่น่าเข้าใกล้ “นายจะทำอะไรก็เรื่องของนาย แต่ถ้าจะไม่กลับก็บอกด้วยแล้วกัน ฉันจะได้แจ้งคุณสิทธิ์ให้ทราบ”

          เนของขึ้นทันควัน อยู่ๆก็มาหาเรื่องกันซะงั้น ไอ้เขารึก็อุตส่าห์นั่งกลุ้มเรื่องวัฒน์ตลอด…แน่นอนว่าเป็นห่วงกลัวเป็นอะไรไป แล้วจะเสียงาน ก็แค่นั้น

          เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้ามาหาวัฒน์เสียใกล้ จนหนุ่มใหญ่เริ่มระแวง กลัวอีกฝ่ายจะเมาแล้วลืมตัว แต่เขาไม่ได้กลิ่นเหล้าจากเนเลย วัฒน์จึงยืนนิ่งไม่ขยับ เขาไม่อยากถอยหนีเพราะมันจะดูเหมือนกลัว

          “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” เสียงทุ้มกระซิบบอกท่ามกลางเสียงเพลงในร้าน แล้วก็ดึงแขนวัฒน์ไปทางห้องสำหรับพนักงานทันที

          “เฮ้ย! เดี๋ยวสิ” วัฒน์ร้องก่อนจะเดินแกมวิ่งตามเด็กหนุ่มไปติดๆ แล้วมองไปรอบๆด้วยความตื่นตระหนก แต่โชคดีที่คนอื่นๆมัวแต่ยุ่ง จึงไม่ทันสังเกตเห็นกัน และเมื่อคนที่เฝ้าหน้าประตูเห็นเนกับวัฒน์ ก็หลีกทางให้โดยสดุดีแบบไม่คิดจะถามแม้แต่น้อย

          “เลิกลากฉันได้แล้ว” หนุ่มใหญ่ร้องเสียงดัง ก่อนจะกระชากแขนเต็มแรง…แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างที่คิด “เป็นอะไรของนาย”

          “ผมมากกว่าที่อยากจะถาม” เด็กหนุ่มสวนกลับเสียงดุจนวัฒน์ผงะ เนลากวัฒน์จนไปติดอยู่กับกำแพงด้านในสุด “คุณเป็นอะไรของคุณ วันนี้ถึงได้ทำท่าประหลาดๆใส่ผมมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

          ดวงตาเรียวเบิกกว้าง “ฉันทำเหรอ”

          ไม่งั้นจะถามเรอะ!

          วัฒน์หน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้าเหมือนยังไม่อยากจะเชื่อ เขาเหลือบมองเนด้วยท่าทีที่หวาดหวั่นจนชวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกฉุนอีกครั้ง

          “ที่คุณเป็นแบบนี้ เพราะเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม”

          คราวนี้ไม่ใช่แค่วัฒน์ที่ค้าง แต่คนยัวะก็ค้างไปด้วย…แน่ล่ะ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาแบบนี้นี่

          แทนที่วัฒน์จะหน้าซีด แล้วออกอาการพะอืดพะอมอย่างที่เด็กหนุ่มคิดไว้ อีกฝ่ายกลับตกใจและหลบหน้าลง…หน้าที่แดงแจ๋เสียจนชัดเจน

          ระ…รู้จริงๆด้วย! แต่ว่า หน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงเนี่ย อาย หรือดีใจ? ไม่สิๆ จะดีใจได้ไงกันละวะ!

          จากที่โมโหเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้เนชักอยากจะเป็นฝ่ายวิ่งหนีอีกฝ่ายแทนเสียแล้ว เมื่อเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขาคนเดียว หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนกับจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้ ความกลัวเริ่มพวยพุ่งซ้อนทับกับความดีใจจนมึนหัวไปหมด

          ไม่นะ ไม่ใช่นะ ที่เราทำลงไป มันไม่ใช่เพราะเราคิดแบบนั้นกับคุณวัฒน์…ไอ้รักอะไรนั่นน่ะ ไม่มีทาง

          “ก็คุณหลับไปก่อน ผมอยากขึ้นมา แต่ไม่อยากจะปลุกคุณ ก็เลยทำแบบนั้นแก้ขัดไปก่อน ก็เท่านั้นเอง” เนโพล่งรัวเร็วจนวัฒน์เผลอมองหน้าเด็กหนุ่ม “ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย…แล้วถ้าตอนนั้นคุณตื่นอยู่ ทำไมไม่พูดขึ้นมาละ”

          คราวนี้ คนวัยดึกเป็นฝ่ายใจเต้นแทน

          “กะ…ก็ฉันง่วงนี่หว่า ขืนนายรู้ว่าฉันตื่นอยู่ ก็ไม่จบแค่ใช้มือนี่ ใช่ไหมล่ะ” วัฒน์สวนเสียงตื่น “ละ…แล้วที่วันนี้…ฉันหลบหน้านาย…ก็ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย…”

          เนค้างไปสามวิ ก่อนจะร่ำร้องอยู่ในใจ

          แล้วเมื่อกี้ตูจะสารภาพออกไปทำไมฟะ!!!!

          “…แล้วคุณหลบหน้าผมทำไม…” เด็กหนุ่มทำเสียงนิ่ง เหมือนกับเรื่องเมื่อครู่เป็นแค่บทสนทนาทั่วไป ไม่ได้มีผลเสียต่อจิตใจแต่อย่างใดเลยแม้แต่นิดเดียว…จริงๆนะ!

          “ฉัน…” วัฒน์อยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้หลบหน้าเรื่องที่เนเอามือเขาไปแก้เงี่ยน แต่ไอ้ปัญหาจริงๆนี่แหละ ที่เขาไม่อยากจะบอก

          จะให้บอกหรือ ว่าสับสนที่เนเรียกชื่อตนเมื่อคืนน่ะ

          หนุ่มใหญ่นิ่งอยู่นาน กว่าจะยอมตอบแบบไม่เต็มใจนัก “นายจำวันที่นายบอกจะไปขอโทษฉัตรได้หรือเปล่า”

          เด็กหนุ่มเลิกคิ้วแล้วผงกหัว

          “มีคนมาบอกฉัน…เรื่องที่นาย…จะจูบกับฉัตร”

          อยากจะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว

          “แต่…แต่ว่าฉันรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วด้วย เพราะงั้น ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันรู้แล้วว่า นายน่ะเป็นไอ้หื่นโรคจิตวันๆคิดแต่เรื่องผู้หญิง” พูดรัวเร็วและสะบัดเสียงด้วยความหงุดหงิดปนเบื่อหน่าย โดยหวังว่าจะให้อีกฝ่ายคิดว่าตนไม่ได้สนใจอะไรจริงจริ๊ง…ซึ่งก็ได้ผลดีมากเสียด้วย

          สีหน้าของเนกลับมานิ่งออกไปทางหงุดหงิดที่โดนว่า เขามองอีกฝ่ายที่ยังคงก้มหน้างุด ก่อนจะเลิกคิ้ว

          “เมื่อกี้ผมก็อุตส่าห์จะได้ที่ระบายแล้วแท้ๆ แต่เพราะคุณเล่นไปพูดแบบนั้น เขาเลยหนีผมไปเลย” เสียงทุ้มกระซิบเข้าข้างหูของหนุ่มใหญ่ ชวนให้ใจระส่ำหนัก “ไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยหรือไงครับ สัญญาไม่เป็นสัญญานี่”

          วัฒน์สะบัดหน้าขึ้นมาอย่างหัวเสีย “ฉันรู้แล้วน่า ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ทำ”

          ถึงจะดีใจแค่ไหนก็เถอะ แต่จะให้ทำหน้าระรื่นใส่ มีหวังก็โดนรู้หมดสิว่ารอมานาน

          “พูดแล้วอย่าทำเป็นหลับไปก่อนอีกละกัน” ว่าแล้วก็กัดใส่เพื่อความมั่นใจว่าหนุ่มใหญ่จะไม่รู้แน่ว่าตนกระสันอยากทำกับลุงแกมานานแล้ว “งั้นรีบๆกลับไปทำให้เสร็จๆเลยละกัน จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลานอนของคุณไง”

          “รู้แล้วน่า ถ้างั้นฉันจะไปบอกฉัตรก่อน…อะไร”

          วัฒน์นิ่วหน้ามองเมื่อโดนเด็กหนุ่มดึงมือ สีหน้าของอีกฝ่ายยังคงนิ่ง แต่ดวงตาเรียวนั้นเบิกโพลง

          “…โทรบอกก็ได้นี่ครับ”

          ที่พูดเพราะอยากรีบๆไปทำ…หรือเพราะอะไรกันแน่ฟะ เสียงมันถึงได้เหงาหงอยชวนให้รู้สึกเห็นใจยังไงชอบกล

          “มะ…ไม่ได้หรอก แค่แป๊บเดียวเอง ถ้านายกลัวฉันจะชักช้าก็ตามมาด้วยซะเลยสิ” วัฒน์บอกตะกุกตะกัก แต่ก็กลับมาตั้งลำเก๊กนิ่งทันก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกต

          “ผะ…ผมก็แค่กลัวคุณไปฝอยนานจนลืมก็เท่านั้น เดี๋ยวผมไปรอที่รถคุณก็ได้ เอากุญแจมาสิ…ถ้าช้าผมจะโทรไป”

          ว่าจบก็แบมือรอเอากุญแจ พร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น ชวนให้คนเห็นเข้าใจไปว่า รำคาญจนไม่อยากจะมองหน้า

          “เออ ไม่เกินห้านาทีหรอก” วัฒน์กระแทกเสียงพร้อมกับฟาดกุญแจลงมือเนเสียงดัง ก่อนจะกระทืบเท้าเดินกลับเข้าไปในผับทันที

          ทันทีที่พ้นมาจากประตูห้องได้ราวสามเมตร จนมั่นใจแล้วว่าคนเฝ้าประตูไม่ได้มองมา หนุ่มใหญ่ถึงกับถอนหายใจยาวเหยียดจนลมหมดปอด ความรู้สึกกระสับส่ายกระส่ายปนโล่งใจตีกันจนหัวหมุนไปหมด จากนั้นก็ตำหนิตัวเองเสียยกใหญ่

          บ้าเอ๊ย เรากำลังโกรธแล้วก็ไม่ไว้ใจมันอยู่ไม่ใช่รึไงเล่า จะดีใจทำบ้าอะไรกัน…แต่หมอนั่นเองก็ดูจะดีใจเหมือนกันแฮะ…ไม่สิๆ ที่มันดีใจเพราะแค่ได้ที่ระบายแล้วมากกว่า ไม่ได้เพราะรออยากทำกับเราสักหน่อย!

          “อ้าว อาวัฒน์ หายไปไหนมาครับ”

          หนุ่มใหญ่หันไปมองตามเสียงเรียก ชายหนุ่มผมกระเซิงที่ดูหน้าอ่อนกว่าอายุจริงเดินหน้าตื่นมาทางเขา ด้วยท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ได้เจอพ่อหลังจากพลัดหลงกันอยู่นาน

          “ไปห้องน้ำมาน่ะ” วัฒน์ตอบหน้านิ่ง ซึ่งทำเอาฉัตรที่ตามมาด้วยเลิกคิ้ว เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหงุดหงิดที่ถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เจ้าคนถามกลับไม่ได้มีอาการตื่นกลัวแต่อย่างใด “ฉันคงต้องกลับก่อน”

          “เอ๋ อาวัฒน์เพิ่งจะมาเอง อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือครับ”

          ฉัตรฟังแล้วอยากจะถามจริงๆ ว่านั่นพูดจริงหรือเปล่า สำหรับเขา แค่อยู่กับวัฒน์ถึงห้านาทีก็เกินพอ

          “เฮ้ๆ เจ้าหนูโค้ก ไอ้วัฒน์มันคงมีธุระของมันนั่นละถึงได้รีบกลับ ใช่ไหม” ฉัตรตัดบทเพราะกลัววัฒน์จะอยู่นานจริงๆ

          “ใช่…แล้วนาย…”

          “เดี๋ยวเรื่องกลับ ฉันขอคนแถวนี้ก็ได้ นายรีบไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”

          “เอ๋ ลุงฉัตรจะไล่อาวัฒน์…อุ๊บ” หนุ่มผมเด้งถามไม่ทันจบก็โดนแขนล่ำล็อคคอเข้าเสียก่อน “แอ่ก…ผมเพิ่งฟื้นไข้นะ…จะให้กลับเข้าห้องไอซียู…อีกรอบหรือไง…”

          “เขาเรียกว่าบำบัดร่างกายหลังจากนอนคุดคู้อยู่นานไง อีกอย่าง คนที่นอนอยู่เป็นเดือนแล้วฟื้นขึ้นมาแค่เมื่อวาน แต่กลับแข็งแรงเร็วเวอร์จนออกจากโรงพยาบาลได้ทันทีแบบนี้ ฉันว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่หรอกมั้ง” ฉัตรยิ้มร่า แล้วปล่อยมือก่อนที่อีกฝ่ายจะขาดอากาศตาย

          “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนละกัน” น้ำเสียงและท่าทางของวัฒน์เรียบนิ่งจนเหมือนกับว่าไม่ได้มีการหยอกล้อจนถึงตายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทำเอาฉัตรรู้สึกกดดันไปเอง

          “แล้ววันหลังมาเยี่ยมด้วยนะคร้าบ ไม่งั้นผมจะบุกไปหาถึงบ้านคุณสิทธิ์จริงๆด้วย”

          ฉัตรยอมรับว่าตัวเองผวาตอนที่เห็นโค้กเข้าไปสวมกอดวัฒน์ แต่อีกใจก็อยากจะถ่ายรูปส่งไปให้เนเสียจริงๆ รับรองว่าได้สนุกแบบสยองๆแน่
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 37 (08/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-07-2015 02:33:35
ก๊ากกก กว่าพวกแกจะขอมีอะไรกันได้ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ากันเลยทีเดียว >O<
ตอนหน้านี่... หุหุ -.,-
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 37 (08/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 09-07-2015 08:01:26
เดี๋ยวเถอะลุงฉัตร ไปแกล้งเขามากนักระวังซักวันจะโดนดีซะเอง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 37 (08/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 09-07-2015 12:45:23
สั้นง่า มาต่ออีกสิคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 37 (08/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-07-2015 14:01:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 37 (08/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-07-2015 19:30:17
ขออนุญาตเดะโต่งฉัตรออกไปจากเรื่องได้ไหม

เรื่องเนกับวัฒน์ก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว มีฉัตรมาคอยป่วน มันยิ่งจะยากเข้าไปใหญ่  :mew5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 37 (08/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 09-07-2015 20:23:24
ขอกันหน้ามึนๆเลยวุ้ย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 12-07-2015 10:42:09
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 38


          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยตอนที่เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่รออยู่บนรถ เขาไม่แน่ใจว่าตนควรจะรู้สึกผิดหรือเปล่าที่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอเสียนาน แต่ก็พยายามทำเมินแล้วขึ้นรถไป

          “ช้ามากเลยนะครับ ลาอะไรกันนานนักหนา ทำอย่างกับจะลี้ภัยไปต่างประเทศ ไม่ได้เจอกันเป็นปีๆอย่างนั้นล่ะ”

          มันเริ่มก่อนนะ…

          “ฉันก็รีบแล้วไง แค่นี้ทนเอาหน่อยไม่ได้หรือไง…แว้ก!! ทำบ้าอะไรของนายวะ!”

          จะไม่ให้ร้องได้ไง ในเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็โน้มหน้าเข้ามาคล้ายกับจะจูบกันเสียตรงนี้เลย เท่านั้นยังไม่พอ มีการดึงมือไปจับของสงวนให้ชวนระทึกหนักอีก แถมที่น่าระทึกกว่าคือไอ้เบื้องล่างของมันดูจะกำลังประท้วงหาทางระบายอยู่นี่ล่ะ

          และที่ไม่น่าให้อภัยก็คือ ตัวเองที่ดันตื่นเต้นจนเริ่มเกิดอารมณ์กับสถานการณ์แบบนี้นี่แหละ

          “ก็ผมบอกแล้วไงว่าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” เสียงทุ้มแหบเอ่ยกระซิบอยู่ข้างแก้ม เล่นเอาขนลุกไปทั้งตัว “ก็เพราะคุณช้านั่นล่ะ มันถึงได้เป็นแบบนี้”

          “งะ….งั้นก็ทนเอาหน่อยสิวะ ด…เดี๋ยวฉันจะรีบขับกลับบ้านน่า…”

          “ไม่เอา”

          แกไม่เอา แล้วแกมายุ่งอะไรกับของฉันละหา

          “เดี๋ยวสิ…ปะ…ปล่อยนะเฮ้ย!” วัฒน์ร้องเสียงสั่น ใจหนึ่งก็อยากจะห้ามเพราะไม่ต้องการทำอล่างฉ่างในที่สาธารณะ แต่อีกใจมันดันดื้อดึงอยากลิ้มลองสีสันของชีวิตที่ไม่เคยสัมผัส เล่นเอาไม่รู้จะดึงมืออีกฝ่ายออกดี หรือจะปล่อยตามใจแบบนั้น แต่อันที่จริง ต่อให้เลือกข้อแรกเขาก็ต้านแรงไอ้เด็กหื่นตรงหน้านี่ไม่อยู่หรอก “ถ้าไม่เอา แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงล่ะวะ”

          “ก็ทำตรงนี้ไง”

          “ไม่ว้อยยย” อยากลองยังไงตูก็ไม่เอาเด็ดขาดดดดดด

          “ผมก็รู้ว่าคุณจะต้องพูดแบบนั้นอยู่แล้วไง ถึงต้องทำแบบนี้”

          ยังไม่ทันจะได้ร้องตอบก็โดนอีกมือปิดปากไว้ ส่วนอีกมือที่เลื้อยอยู่แถวจุดอันตรายก็พยายามทลายปราการเข้าไปแบบไม่เกรงกลัว เท่านั้นยังไม่พอ เนยังโน้มหน้าเข้าหาส่วนอ่อนไหว และลงมือจัดการปลุกเร้าโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายตั้งรับทัน

          “อื้อ!…อื้อ!!” หนุ่มใหญ่ดิ้นหนี แต่พื้นที่ก็แสนจะจำกัด แรงที่กดทับก็เยอะจนลำบากจะต้านไหว ข้างล่างก็ใส่อารมณ์เข้าหาอย่างกับคลื่นซัด จนเขาไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน

          ปลายลิ้นอุ่นยกลากไล้ผ่านผิวเนื้อที่เริ่มร้อน ท่อนเนื้อตรงหน้ากระตุกไหวเป็นจังหวะทุกครั้งที่เขากระตุ้น มือหนากอบกำและขยับเร่งเร้าอย่างไม่หยุดพัก แต่กระนั้นเนก็ยังคอยระวัง ไม่ให้เตลิดไปตามใจตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่อาจได้ในสิ่งที่ตนต้องการ

          “อึก…” วัฒน์ระบายลมหายใจออกมายกใหญ่ ทั้งที่สถานการณ์ในตอนนี้มันล่อแหลมว่าจะโดนใครเห็นมาก และเขาก็กลัวว่าใครจะมาเห็นแทบตายแท้ๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามสะกดกลั้นอารมณ์แค่ไหน ไอ้ที่ไม่ควรจะลุก มันก็ลุกขึ้นเริงร่าท้าลมร้อนแบบไม่เกรงกลัวเลยสักนิด

          นี่ตูเป็นอะไรของตูวะ!!! หรือติดใจในลีลาของไอ้เด็กบ้านี่จนไม่สนเวลาและสถานที่ไปแล้วหรือไงวะเนี่ยยยย

          แม้จะรู้ว่าเสียเปล่า แต่ก็ยังคงดิ้นไม่หยุด แม้เรี่ยวแรงในตอนนี้ไม่เหลือไว้ให้ต่อต้านมากเท่าใดแล้วก็ตาม ความร้อนที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของตนทำหน้าที่ได้ดีเหลือร้าย แรงดูดดุนเป็นจังหวะทำเอาเขาเผลอกระตุกรับตามอย่างลืมตัว ทั้งที่ในหัวก็กลัวแทบตาย แต่จะให้หยุดกิจกรรมสวาทก็เสียดายเป็นที่สุด

          “อึก” หนุ่มใหญ่กระตุกวาบเมื่อเนถอนตัวขึ้นมา ใบหน้าชื้นเหงื่อและเต็มไปด้วยความข้องใจหันมองคนนั่งข้าง ที่ยังคงมีสีหน้านิ่งเหมือนกับเรื่องที่ทำไปเมื่อครู่เป็นเรื่องสามัญธรรมดาก็ไม่ปาน

          “คราวนี้ คุณเองก็คงขับรถไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้แล้วสินะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มพราย “หรือถึงทำได้ ผมก็จะลงไปจัดการให้คุณเหยียบคันเร่งไม่ไหวอยู่ดี”

          “แกจะทำแบบนี้ไปทำไมวะ ไหนบอกว่ารีบไง” เสียงทุ้มว้ากใส่อย่างสั่นระริก ส่วนหนึ่งหงุดหงิดที่โดนปล้ำในรถ อีกส่วนคือไม่พอใจที่โดนปลุกอารมณ์แล้วจากนั้นก็โดนปล่อยให้ค้างกลางอากาศ

          ใบหน้าเรียวกลับมานิ่งอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลเลื่อนมองทางซ้ายทีขวาที ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้คนฟังเผลออ้าปากค้าง “ผมต้องการให้คุณทำกับผมอย่างที่ผมทำเมื่อกี้”

          “หา” ที่จริงก็ฟังชัดทุกพยางค์ แต่ไม่อยากจะเชื่อหูก็เท่านั้น

          “ก็ปกติเวลาผมทำกับผู้หญิง ผมก็เล่นทุกลีลาทุกท่าได้หมด เพราะฉะนั้น คุณที่บอกว่าจะช่วยระบายความใคร่ให้ผมก็ต้องทำให้ได้หมดด้วยสิครับ หรือไง แหย ไม่กล้าทำหรือครับ” เนรัวคำพูดใส่ไม่ยั้ง เพราะกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าอันที่จริงตนอยากให้ลุงแกลองใช้ปากกับตนมาตั้งนานแล้ว

          “อะ…แอะ..เออะ…ละ…แล้ว…แล้วทำไมต้องปากวะ มือก็ได้นี่นา” วัฒน์ละล่ำละลัก ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ในรถ ณ ลานจอดรถในผับ ซึ่งมีเพื่อนร่วมงานอยู่ในร้านกันตรึม และอาจจะเดินผ่านมาเห็นเมื่อไหร่ก็ได้ “ตะ…ตอนนี้ใช้มือปะ….ไปก่อนก็ได้นี่นา …ถ้า….ถ้าถึงบ้านนายอยากจะเล่นท่าไหนก็ค่อยว่ากันอีกทีสิ”

          ประโยคหลังนั่นน่ะ ผมทำแน่นอนครับ แต่ไม่ตกลงข้อเสนอของคุณหรอก

          “ก็ถ้ามันเลอะเสื้อผ้าตอนนี้คงไม่ดีใช่ไหมล่ะครับ ใช้ปากนั่นล่ะดีแล้ว ไม่เลอะแน่นอน” เนยังคงแถไม่เลิก และเริ่มออกอาการกระฟัดกระเฟียดกลบเกลื่อนและเพื่อเป็นการเร่งให้อีกฝ่ายยอมตกลงโดยง่าย “จะรีบกลับไม่ใช่หรือไงครับ ผมเองก็ไม่อยากจะให้ใครมาเห็นนักหรอก เร็วสิ! แล้วผมจะได้ช่วยคุณกลับ ไม่ต้องห่วงเรื่องโรคครับ ผมไปตรวจมาแล้ว และก่อนหน้าจะมาที่รถผมก็ไปทำความสะอาดแถมมาให้แล้วด้วย มีอะไรจะขัดอีกไหม”

          “…แต่ฉันไม่ได้ทำ…”

          “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ”

          เมื่ออีกฝ่ายดึงดันไม่เลิก บวกกับได้ข้อเสนอชวนระทึก แม้จะกลัวโดนเห็น แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกมากเท่าไหร่นัก เลยทำตามอย่างเสียไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาย่อมไม่ลืมที่จะออกอาการรังเกียจและไม่อยากทำเสียเต็มประดาออกมาแบบโจ่งแจ้ง ถ้าให้เลือกระหว่างโดนคนอื่นเห็นกิจกรรมเอาท์ดอร์ กับโดนเนล่วงรู้ความในใจ เขายอมทำโชว์ดีกว่า

          เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อโดนไออุ่นจากมือที่เข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ ความตื่นเต้นเล่นเอาเขาเกือบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เนกลัวว่าถ้าเกิดเสร็จขึ้นมาเสียก่อน แล้วอีกฝ่ายจะอ้างไม่ยอมทำในสิ่งที่ตนต้องการ จึงได้แต่พยายามอดทนคิดเรื่องอื่นไปเรื่อย…อย่างน้อยสีหน้าไม่อยากทำของวัฒน์ก็ช่วยระงับอารมณ์เขาไปได้เยอะ ถึงแม้ก่อนหน้าจะพยายามนึกท่องสูตรคูณจนถึงแม่สิบห้าไปแล้วก็เถอะ

          วัฒน์มองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลำตัวของเด็กหนุ่ม ถ้าเป็นเมื่อก่อนหน้าที่จะโดนอีกฝ่ายขืนใจ เขาต้องรู้สึกขยะแขยงเพียงแค่มองเป็นแน่แท้ เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้ปากหรอก มีหวังได้สำรอกของเก่าออกมาหมดลำไส้ใหญ่พอดี แต่ตอนนี้ ไอ้ความรู้สึกพวกนั้นดันระเหยไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มีแต่ความรู้สึกแปลกๆที่ทำเอาใจสั่นระรัว จนตาพร่ามัวเพราะเลือดสูบฉีดแรงเกิน

          แม้จะรู้สึกอายแทบตาย แต่หากยิ่งอ้อยอิ่ง ของตอบแทนก็จะช้าตาม อีกทั้งรังแต่จะหาเรื่องให้คนอื่นอาจเดินมาเห็นด้วย หนุ่มใหญ่เลยพยายามทำใจ แล้วตรงเข้าจัดการให้เสร็จๆอย่างที่อีกฝ่ายต้องการโดยเร็ว

          เสียงหอบกระเส่าของเด็กหนุ่มดังขึ้นเป็นระยะ ความรู้สึกที่ได้รับมันเย้ายวนชวนเคลิ้มจนอยากหยุดอยู่เช่นนี้ให้เนิ่นนานเสียเหลือเกิน เนเลื่อนสายตามองลงเบื้องล่าง ศีรษะของอีกฝ่ายสั่นไหวไปตามแรงเคลื่อน แม้เขาจะไม่เห็นหน้าวัฒน์ก็จริง แต่พอจินตนาการถึงใบหน้าในยามนี้แล้ว…เขาล่ะอยากจิกหัวหนุ่มใหญ่ขึ้นมาขอดูให้ชัดๆจริงๆ…

          …เฮ้ย คิดบ้าอะไรของตูวะ…ขืนทำแบบนั้น มีหวังไม่จบพอดี

          “คุณวัฒน์…คุณวัฒน์…หยุดก่อน…” เมื่อรุนแรงไปอาจจะไม่ดี เขาเลยแค่เรียกและดึงไหล่อีกฝ่ายขึ้นมาแทน

          “อะไร…” เจ้าของชื่อนิ่วหน้ามอง…จากนั้นก็นึกหวั่นว่าตนอาจจะทำเหมือนกระหายอยากได้มากไปหน่อย ถึงได้โดนเรียกให้หยุด

          “…เปล่าครับ…ทำต่อเถอะ…ผมไม่ขัดแล้ว”

          แม้จะยังงงๆแต่ก็ขี้เกียจจะเสียเวลาสงสัย เลยดำเนินการต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังหน้าแดงเป็นมะเขือเทศไปเสียแล้ว

          ทันทีที่เนถึงจุดหมาย วัฒน์ก็ผละขึ้นมา แล้วหันหน้าไปอีกทางด้วยอาการเหมือนคนจะเป็นลม ส่งผลให้เด็กหนุ่มตกใจและเป็นห่วง นึกว่าลุงแกจะหน้ามืดเพราะทำจนลืมหายใจ หรือไม่ก็สำลักน้ำจนเกือบขาดอากาศ

          “แหวะ…ขมเป็นบ้า…”

          ก่อนที่จะได้ถามเพราะเป็นห่วง เจอคำพูดของวัฒน์เข้าไปทีเดียวถึงกับผงะ ยิ่งเห็นสีหน้าเหมือนเพิ่งกินบอระเพ็ดเข้าไปแล้ว ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเสียความมั่นใจไปโข เท่านั้นยังไม่พอ มีดึงกระดาษทิชชู่หน้ารถออกมาเช็ดปากรัวๆอีกต่างหาก

          “พูดอะไรของคุณน่ะ ตั้งแต่ผมทำมา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนพูดแบบนี้เลยล่ะ ลิ้นคุณมันเสียหรือเปล่า” แม้จะเสียเซลฟ์เอาการแต่ก็ไม่คิดจะยอมรับง่ายๆเพราะไม่เคยเสียประวัติมาก่อน

          “เสียหรือเปล่าฉันไม่รู้ รู้แต่รสชาติของนายมันโคตรบรรลัยเลย” คุณลุงพ่นคำด่าออกมาอย่างสุดจะทนและไม่คิดจะเห็นใจแต่อย่างใด “เจอแบบนี้บ่อยๆมีหวังประสาทรับรสฉันได้เสียเข้าสักวันแน่”

          และไม่รู้เพราะหงุดหงิดที่โดนวิจารณ์แบบไม่ไว้หน้าหรือเปล่า ถึงได้กล้าทำเรื่องบ้าสุดโต่งขนาดนี้

          วัฒน์ได้แต่ค้างเมื่ออยู่ๆก็โดนดึงเข้าไปจูบ เนื่องจากมันไม่ใช่จูบดูดดื่มอะไรนัก อีกทั้งยังเกิดขึ้นเร็วมาก หนุ่มใหญ่จึงได้แต่ค้างนิ่งยันจบรายการ

          “…”

          ทันทีที่ถอนลิ้นออกมา เนก็รีบหันหลังและออกอาการเหมือนวัฒน์ก่อนหน้านี้เด๊ะๆ และยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ย เด็กหนุ่มก็หันมาด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้

          “เฮอะ ของแบบนี้มันก็รสชาติเหมือนๆกันนั่นล่ะ ของคุณล่ะ รสชาติดีนักหรือ ถึงได้มาว่าของผมเสียๆหายๆน่ะ”

          “ฉันจะไปรู้เรอะ คนบ้าที่ไหนเขาจะเคยชิมของตัวเองกันเล่า!” หนุ่มใหญ่อยากจะสติแตกจริงๆ ไม่คิดว่าเพื่อนร่วมงานรุ่นลูกมันจะยกหัวข้อบ้าๆนี่มาเถียง อายก็อาย งงก็งง แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรถึงได้เถียงอีกฝ่ายด้วยเรื่องบ้าบอพรรค์นี้

          “ได้ งั้นเดี๋ยวผมลองให้ ถ้าแย่ผมจะบรรยายให้ละเอียดเลย”

          ฟังแล้วอยากจะห้าม แต่ถ้าไม่ได้ทำ ก็มีหวังได้ใจสั่นตลอดการเดินทางกลับบ้านเป็นแน่…โอ๊ย ตูจะบ้าตาย…

          วัฒน์เพียงแต่ขืนหนีในทีแรก ในเมื่อหนีไม่ได้ และไม่ค่อยอยากจะหนี เลยได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ หวังจะให้มันจบให้เร็วที่สุด…

          …ไอ้บ้าเอ๊ย ถ้าแกจะรุนแรงกับฉันขนาดนี้ สู้แกเอาฉันตอนนี้เลยดีมั้ยหา จะดูดแรงอะไรขนาดนี้วะ…โอ๊ย แล้วทำไมตูถึงต้องรู้สึกดีเป็นบ้าแบบนี้ด้วยวะเนี่ยยยย!!!!

          วัฒน์หอบหายใจระรัวทันทีที่เสร็จกิจ หนุ่มใหญ่มองเจ้าเด็กบ้าที่ยังคงนิ่งค้างไม่เลิก ยังดีหน่อยที่ถอนปากออกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รับประกันว่าไอ้หนูของตนที่เพิ่งนอนมันจะลุกขึ้นมาเรียกร้องอีก

          “เรียบร้อยแล้วครับ รีบกลับเถอะ เสียเวลามามากแล้ว”

          หนุ่มใหญ่ยังคงมองหน้าอีกฝ่าย ที่ทำเก๊กนิ่งเสียจนอยากจะตบกะโหลกมันสักที “ไหนนายว่าจะบ่นไง มีอะไรก็บ่นสิ จะได้เจ๊ากับที่ฉันว่าไปไง”

          เนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปอีกทาง แล้วดึงกระดาษทิชชู่ออกมาหนึ่งผืน “ห่วยแตกพอกันนั่นล่ะ”

          เขาก็ไม่ได้หวังว่าตนจะเลิศเลอขนาดนั้น ก็แค่อยากให้พูดๆ เรื่องจะได้จบๆ แล้วไม่ต้องขุดขึ้นมาแขวะกันอีก…โดยหารู้ไม่ว่าเนไม่ได้พูดความจริง

          ทำไมหวานล่ะวะ

          เขาก็พอเคยรู้ๆมาบ้างล่ะว่าปกติมันอาจจะมีรสหวาน แต่เห็นของตัวเองโดนว่าซะเสียหาย เลยคิดว่าอีกฝ่ายที่แก่กว่าตั้งเยอะ อะไรๆมันน่าจะรสชาติเฝื่อนกว่าตน แต่กลับตรงข้ามอย่างน่าหมั่นไส้…

          ….

          ……..แล้วเราจะไปติดใจรสชาติบ้าๆพรรค์นั้นทำไมกันวะ โอ๊ย อยากจะบ้าตาย!


 
___________________________
 

ลงตอนนี้แล้ว อาจจะไปลงอีกทีตอนปลายเดือน ไม่ก็สิงหาโน่นเลยนะงับ ตอนนี้กำลังเร่งจัดการรวมเล่มของเรื่อง รัก SM ฯ อยู่ ถ้าลงเรื่องนี้ไปทำไปท่าทางจะไม่ทันแล้ว ปั่นโดแถมตาตั้งแล้วตอนนี้ T^T
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 12-07-2015 10:56:31
ฉากนี้มัน... :hao6:
เขินว่ะ -//-

แต่ตอนนี้มีดราม่าอยู่นะ...ดราม่าตรงที่บอกว่าจะอัพอีกทีปลายเดือนรึต้นสิงหาเนี่ย #ร้องไห้หนักมาก T^T
สู้ๆ จ้า จะรอน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-07-2015 11:41:53
 :pighaun: 
แต่พออ่านประโยคสุดท้าย  :katai1: นานอะ แต่ยังไงเค้าก็รอ :o12:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-07-2015 12:38:38
ลงแดงแน่เลย กว่าจะได้อ่านตอนต่อไป :hao5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 12-07-2015 13:35:37
ปลายเดือนเลยเหรอ  ฮือ..จะรอจ้ะ ยังไงก็จะรอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-07-2015 15:58:28
สึงตึงทั้งคู่

รอนานเลยที่นี้
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 12-07-2015 16:06:40
ยังรอเสมอนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 12-07-2015 16:36:09
เนอย่าบอกนะว่าเริ่มติดใจอีกแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 12-07-2015 21:18:24
ไม่กลัวคนเห็นกันรึไง  :mew3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 38 (12/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 30-07-2015 08:47:46
รอค่ะ  สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 39 (30/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 30-07-2015 21:35:15
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 39


          “อ้าว อาวัฒน์ล่ะครับ”

          สิทธิ์ผู้ยังไม่ได้นอนเดินเข้าครัวมาอย่างประหลาดใจ เพราะถ้าเดินลงมาในเวลาหกโมงกว่า เขาควรจะเห็นวัฒน์กำลังกินข้าวอยู่แท้ๆ แต่นี่กลับเห็นแค่คนสวนของบ้านที่กำลังจกแกงส้มชะอมไข่อยู่คนเดียว

          “ยังไม่ลงมาครับ” รุตตอบตามจริงหลังจากกลืนข้าวลงคอ “คงไม่มีอะไรหรอกมั้งครับ เนก็อยู่ห้องเดียวกัน ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา เด็กนั่นคงตะโกนเรียกแล้วล่ะ”

          “…ก็จริง…” ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่สีหน้าของสิทธิ์กลับกังวลไม่เลิก “ถ้าเกิดล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา เนก็คงไม่อยู่เฉยอยู่แล้วนี่นะ…”

          รุตเลิกคิ้วมองเจ้านายหนุ่มของตน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรนัก เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงแค่เป็นห่วงเพราะเห็นว่าวัฒน์ก็อายุมากแล้วเพียงเท่านั้น

          แต่ถามเขา รุตก็รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกัน เพราะเจ้าลุงหน้านิ่งทำอารมณ์ให้เข้ากับสถานการณ์ได้ห่วยนั่น ไม่เคยลงมาช้าขนาดนี้มาก่อน เรียกได้ว่าชีวิตเดินตามตารางเวลาเป๊ะๆมากอย่างกับหุ่นยนต์ยังไงยังงั้น ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจนักที่สิทธิ์จะออกอาการเป็นห่วงแบบนี้

          “อ้าว คุณสิทธิ์ วันนี้จะออกไปไหนหรือครับ”

          แต่เพียงไม่นาน เจ้าตัวก็เดินหน้านิ่งมาให้เจ้านายหายห่วงได้ประจวบเหมาะ เลยทำให้รุตเลิกคิดมากแล้วรีบเติมพลังงานต่อ

          “อ๋อ เปล่าหรอกครับ แค่มาหาอะไรกินนิดหน่อย” สิทธิ์หัวเราะเสียงแห้ง “ว่าแต่วันนี้แปลกจังนะครับ ที่อาวัฒน์ลงมาช้า…”

          น้ำเสียงที่ขาดหายไปทำให้รุตเผลอละจากจานข้าวอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นคือ วัฒน์ที่ดูเป็นปกติ แต่คนพูดกลับมีท่าทางเหมือนเห็นอุกาบาตวิ่งผ่านโลก

          “เสียเวลาเตรียมเอกสารอยู่น่ะครับ ขอโทษที่ต้องทำให้คุณสิทธิ์เป็นห่วง ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ” หนุ่มใหญ่ร่างเพรียวตอบกลับราวกับอ่านใจอีกฝ่ายได้ ก่อนจะเดินไปตักข้าว ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะรู้ว่าสิทธิ์สังเกตเห็นว่าตนกำลังหงุดหงิดอยู่ก็ตาม

          ส่วนสาเหตุน่ะหรือ คงกำลังอาบน้ำกับแก้มบวมๆเพราะโดนบาทาของเขาลูบไล้เอากระมัง

          ที่จริงเมื่อคืนเนก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง หรือจัดหนักให้หายอยากสมกับที่เว้นว่างไปสามสี่วันหรอก แต่ที่ทำให้วัฒน์หงุดหงิดก็เพราะหลังจากที่มันได้ระบายความใคร่ของตัวเองเรียบร้อยนั่นล่ะ

          เพราะเจ้าเด็กบ้านั่นเรียกชื่อเขาใส่ข้างหูด้วยน้ำเสียงโหยหานี่แหละ แถมไม่ได้เรียกแค่ทีเดียว แต่ดันเรียกเสียงอ่อนจนม่อยหลับ ปล่อยให้คนฟังได้แต่อึ้งตะลึง จนกว่าวัฒน์จะได้นอนหลับก็ปาไปเกือบตีสาม

          ตกลงมันคิดอะไรกับตูหรือเปล่าวะ

          เขายอมรับว่ามันทำให้ตัวเองใจสั่นอย่างน่าอายอยู่ แต่แน่นอนว่าต่อให้สั่นไปมากกว่านี้จนอาจจะทำให้เป็นโรคหัวใจ เขาก็ไม่มีวันอยากรักเจ้าคนที่(เข้าใจว่า)เป็นศัตรูของเจ้านายแน่

          และที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจทุกครั้งที่นึกอยากมีความสัมพันธ์เกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงานกับเนนี่ล่ะ ที่คอยฉุดรั้งให้เขาได้สติตลอด

          ถึงเธอจะบอกให้ฉันคบกับคนอื่นก็เถอะ…แต่ทำไมต้องเป็นหมอนั่นด้วย…กับไอ้เด็กปากหมา ช่างปีนเกลียวที่มีดีแค่เซ็กซ์พรรค์นั้น ฉันไม่เอามันแน่!!! ต่อให้มันพยายามทำตัวดีแค่ไหนก็เถอะ ไอ้เรื่องไปคบกับผู้ชายที่เด็กกว่าเป็นรอบแบบนั้น มันก็เหมือนกับกระโดดลงเหวทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าต้องตายแน่ๆนั่นล่ะ

          เพราะอย่างนั้น ช่วยดึงฉันเอาไว้ทีเถอะ…อย่าให้ฉันต้องลงเหวไปเลยนะ…

          ฉันไม่อยากเจ็บอีกแล้ว…

          “คุณวัฒน์ครับ…เฮ้ย!”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆหน้าของคนที่เข้ามาเดินเล่นในใจโดยไม่ได้รับอนุญาตโผล่เข้ามาตรงหน้าตน หนุ่มใหญ่เลยเผลอถอยหลังอย่างลืมตัว และด้วยความที่ก้าวเร็วไปหน่อย เลยทำท่าจะหงายหลัง ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีใครเที่ยวยืนเฉยๆเมื่อเห็นคนทำท่าจะล้มแน่นอน

          “…”

          เนเกือบจะถามออกไปแล้วว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เมื่อนึกได้ว่าสภาพในตอนนี้มันชวนหวาดเสียวแค่ไหน เขาเลยได้แต่อ้ำอึ้ง และค้างอยู่ในท่าเดิม มือหนึ่งรวบเอวบางๆของอีกฝ่ายเข้ามาแนบร่างตน ส่วนอีกมือก็ประคองไหล่เอาไว้ จนดูๆแล้วเหมือนเด็กหนุ่มกำลังกอดและทำท่าจะจูบวัฒน์ยังไงยังงั้น

          และที่สำคัญคือ เนเกือบจะทำแบบนั้นจริงๆนั่นล่ะ ตรงหน้าบ้านแถวที่จอดรถเลยด้วย ยังดีที่สีหน้าซีดๆของวัฒน์ช่วยเรียกสติเขาให้กลับมาได้เสียก่อนจะทำอนาจารคุณลุงกลางแจ้ง

          “…อะ…อะไรของคุณเนี่ย นี่จะขับรถออกไปทั้งสภาพเหมือนผีตายซากแบบนี้หรือไงกัน ผมยังอยากตายบนเตียงนะ ถ้าเหนื่อยนักให้ผมขับเองดีกว่า” เนรีบผละออกจากวัฒน์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันรู้ว่าเมื่อครู่เขาตื่นเต้นและอยากจูบลุงแกแค่ไหน

          และนั่นก็ทำเอาใจหวั่นไหวของวัฒน์กลับมาเข้าที่เช่นกัน เล่นเอากำลังคิดหนักอยู่เปลี่ยนเป็นเลิกคิดทันที

          “ก็มันเพราะใครกันล่ะ เมื่อคืนเอาแต่ละเมอเรียกชื่อฉันอยู่ได้ ถ้ายังทำไม่พอนักก็ทำให้มันหายอยากไปซะเลยสิวะ จะ…”

          ประโยคที่ว่า ‘จะมาเรียกให้ฉันรำคาญจนนอนไม่หลับทำไม’ ได้โดนพัดปลิวไปจากสมองจนสิ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่น่าจะรำคาญพอกัน ดันมาอ้าปากค้างหน้าแดงใส่นี่แหละ

          “นะ…นั่นเพราะคุณนั่นล่ะ” ตอนนี้หัวมันหมุนจนชักแถไม่ถูกทางเท่าไหร่แล้ว “ใช่ เพราะคุณนั่นแหละ ใช้งานผมจนหนัก จนผมเก็บไปฝันว่าโดนคุณทรมานใช้แรงงานเยี่ยงทาสเลยน่ะสิ ไม่งั้นผมจะเพ้อเรียกคุณทำอะไรกันล่ะ”

          วัฒน์ได้แต่งงกับคำแก้ตัวนั่น เขาว่าพักนี้นี่แทบจะไม่ได้ใช้แรงงานอะไรเนเลยนะ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายบอกแบบนั้น เขาก็ไม่รู้จะเค้นหาอะไรเหมือนกัน

          “ถ้างั้นผมขับให้แทนละกัน” เนตัดบทแล้วรีบแย่งกุญแจก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ตั้งหลักค้าน “คุณไปนอนหลังรถเถอะ”

          “ไม่ๆ ฉันไม่ได้เพลียขนาดนั้น” วัฒน์รีบแย้ง ก่อนจะยื่นมือหมายจะเอากุญแจคืน แต่มีหรือที่เด็กหนุ่มจะคืน

          “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นห่วงคุณ แต่ห่วงตัวเองว่าจะไม่ได้ไปถึงบริษัทโดยสวัสดิภาพต่างหาก” ส่วนหนึ่งเขาพูดหวังปิดหวังความรู้สึกจริงๆ และอีกส่วนก็คิดแบบนั้นจริงๆ ใครมันจะกล้าฝากชีวิตให้กับคนที่เหม่อตั้งแต่กินข้าวจนถึงตอนที่กำลังจะขับรถกันล่ะ

          วัฒน์บึ้งหน้าเล็กน้อย แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่ความจริงทำให้เขาเถียงไม่ออก “เออ ตามใจ แต่ฉันไม่นอนหรอกนะ” จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งยังฝั่งข้างคนขับ แล้วสะบัดสายตาคมกริบใส่เด็กหนุ่ม “เร็วสิ เดี๋ยวก็สายหรอก”

          ครึ่งหนึ่ง เนสุดแสนจะโล่งใจที่อีกฝ่ายกลับมาหน้าบูดดังเดิม เกิดโดนรู้ถึงเหตุผลที่เรียกอีกฝ่าย มีหวังเขาคงอยากมุดดินหนีแน่ และที่สำคัญคือ อีกฝ่ายคงพร้อมเตรียมขุดหลุมให้เขาด้วย ข้อหาผิดสัญญาซ้ำสอง

          แต่อีกส่วนลึกๆแล้วก็เจ็บเหลือเกินที่โดนรังเกียจและรำคาญออกนอกหน้าขนาดนั้นเหมือนกัน…และก็ต้องไม่เข้าใจตัวเองทุกครั้งที่เผลอคิดแบบนั้นด้วย

          และประเด็นคือเขาไม่คิดจะยอมรับด้วย ไอ้รักอะไรนั่นน่ะ เขาไม่ใช่นักโบราณคดี ที่จะปลื้มกับของลายครามสักหน่อย…ถึงจะรู้สึกติดใจนิดๆก็เถอะ!!

          แต่ต่อให้เราจริงจังก็เถอะ อีกฝ่ายจะมาคิดอะไรกับเด็กอย่างเรากันล่ะ

 

          หลังจากจบวันทำงานที่แสนจะเหนื่อยหน่ายและชวนกดดันกับบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก วัฒน์กับเนก็กลับบ้านมาด้วยสีหน้านิ่ง แต่ในใจว้าวุ่นกับเรื่องของกันและกัน ทั้งที่ตะโกนบอกตัวเองกันว่าจะต้องไม่สนใจอีกฝ่ายไปตั้งไม่รู้กี่ร้อยครั้งก็ตาม

          แต่ถึงจะบอกแบบนั้น แต่เล่นต้องทำงานที่เดียวกัน อยู่ห้องเดียวกัน แถมยังทำอย่างว่าด้วยกันอีก จะไม่ให้คิดอะไรเลยนี่สิที่แปลก

          ถึงที่ผ่านมาเนก็เคยเจอกรณีนี้มาหลายคน แต่เขาก็ไม่เห็นว่าตัวเองจะมานั่งปวดหัวกับใครนานเท่านี้มาก่อน อย่างมากก็แค่ติดใจอยู่ราวสองสามอาทิตย์ จากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรเสียนอกจากเพื่อนร่วมงานกับเพื่อนร่วมเตียง และอีกฝ่ายเองก็เช่นกัน ถ้าจะมีคนที่คิดเกินเลยสักหน่อย เพียงแค่เด็กหนุ่มทำตัวเฉยเมย ไม่นานก็จบ

          แต่กับลุงนี่ไม่จบง่ายจริงๆ หมายถึงตัวเขาเองน่ะนะ…

          รู้ทั้งรู้ว่าไอ้ทางที่อยากจะเดินมันไม่สวยเลยสักนิด แต่น่าแปลกที่กลับไม่อาจตัดใจได้สักที ทั้งที่มันไม่ควรจะรู้สึกคาใจแบบนี้เลยสักนิด

          ดูสิ ดู! แก่ก็แก่ เหี่ยวก็เหี่ยว มนุษย์สัมพันธ์ก็หาดีไม่ได้ ขนาดชาวบ้านเองเขายังไม่ค่อยอยากจะอยู่ด้วยกันเลย แล้วจะให้ไปคบด้วยเนี่ยนะ มีแต่คนบ้าเท่านั้นน่ะที่จะทำ

          แต่ทั้งอย่างนั้นกลับตัดใจไม่ได้สักทีนี่มันอะไรกันฟะ!!!!

          เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ฟังแล้วสุดแสนจะโบราณเข้ากับเจ้าของดังเรียกสติที่กำลังแตกกระเจิงของเด็กหนุ่ม เนหันไปมองวัฒน์ที่หยิบมือถือขึ้นมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ดูสงบนิ่งและชวนให้เขาอยากมองเหลือเกิน…

          …หยุดฟุ้งซ่านซักทีสิว้อยยย

          “…ไง” วัฒน์นิ่วหน้ามองเพื่อนร่วมงานรุ่นลูกที่ทำหน้าเหมือนคนคลั่ง ก่อนจะเอ่ยทักในสายด้วยอาการผวาเล็กน้อยเพราะกลัวเนจะตกมันขึ้นมา “อะไรนะ”

          น้ำเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เรียกสติเด็กหนุ่มให้กลับมาได้อีกครั้ง สีหน้าของหนุ่มใหญ่ดูข้องใจมาก และดูจะเหนื่อยใจร่วมด้วย

          “ตามมาด้วยกันหน่อย” ก่อนที่เนจะได้ถาม วัฒน์ก็เรียกอีกฝ่ายแล้วถอนใจ “เรื่องที่นายทำมันก่อเรื่องแล้วไง”

          “หมายความว่าไง ผมไม่เข้าใจ” เนนิ่วหน้า แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเท่าไหร่ แต่ก็ยอมกลับขึ้นรถแต่โดยดี

          วัฒน์เว้นช่วงอยู่นานพอสมควร ท่าทางเหมือนกระดากใจที่จะพูดเล็กน้อย “เรื่อง…ที่นายทำท่าเหมือนจะไปจูบกับฉัตร…แต่จริงๆคือไม่ได้จูบน่ะ มันแดงออกไปแล้วน่ะสิ”

          “หา” ตะโกนลั่นรถเลยทีเดียว “เดี๋ยวสิ จะว่าไป ใครเป็นคนบอกคุณเรื่องที่ผมจะจูบกับตาลุงนั่นน่ะ”

          เขาไม่ได้บอกใครแน่ และคิดว่าอีกฝ่ายก็ไม่น่าจะบอกใครด้วย อีกทั้งถ้าฉัตรเป็นคนบอกวัฒน์จริง วัฒน์ก็น่าจะบอกตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าฉัตรเป็นคนบอกเรื่องจะจูบ

          “เปล่า ไม่ใช่คนนั้น” วัฒน์เลี่ยงที่จะไม่ตอบชื่ออย่างโจ่งแจ้ง ก่อนจะนิ่วหน้าเหมือนกำลังสงสัย “แต่เป็นต่อ”

          นอกจากจะรู้สึกโกรธแล้ว ยังรู้สึกขนลุกชันอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกต่างหาก ไม่แคล้วสัมผัสที่หกของเจ้าหนุ่มหน้าตายนั่นคงมีเอี่ยวด้วยแน่นอน เพราะไม่งั้นมันควรจะเป็นปาล์มมากกว่า แต่ดูลุงแกคงจะไม่ได้เชื่อเรื่องผีสางเท่าไหร่นัก ไม่อย่างนั้นคงไม่นิ่งขรึมได้ขนาดนี้…

          เมื่อกี้ตูคิดอะไรวะ!! คิดว่าหน้านิ่งๆพรรค์นั้นดูดีน่ามองได้ยังไงวะ!!!!!!!

          “ละ…แล้วจะให้ผมไปทำอะไร” เด็กหนุ่มถามเสียงลน พยายามปัดความเพ้อเจ้อออกจากหัว “ให้ไปบอกว่าจริงๆไม่ได้มีอะไร แค่เข้าใจผิดกันเฉยๆเหรอ ถ้างั้นบอกทางโทรศัพท์ก็ได้นี่”

          “มีคนอยากฟังหลายคน แล้วเขาก็อยากได้ข้อพิสูจน์ด้วย”

          แล้วจะให้พิสูจน์เหวอะไรวะเนี่ย!

_______________________________________________________________

เราเกือบเป็นอิสระแล้วววว วะฮ่าๆๆ บ้าคลั่ง คิดถึงมากมายเลยฮับ ;w; (แต่จริงๆก็ยังไปๆมาๆอยู่แถวนี้ หาได้หายไปไหนไม่หรอก ฮา)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 39 (30/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-07-2015 21:42:07
มาอัพแล้ววว T^T
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 39 (30/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 30-07-2015 21:52:45
ยินดีต้อนรับกลับเล้าครับคุณหนู
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 39 (30/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 31-07-2015 11:46:00
เนหลงเสน่ห์เครื่องลายครามวัฒน์แล้วสิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 39 (30/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 31-07-2015 15:56:46
ฮากระจาย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 39 (30/07/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 31-07-2015 19:30:07
กลับมาแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 02-08-2015 15:33:02
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 40


          เหล่าลูกน้องในสังกัดของสิทธิ์ทั้งที่ทำงานอยู่ที่นี่และที่ไม่ได้ทำต่างพากันนั่งรวมกลุ่มคุยอยู่ที่เคาท์เตอร์กันเสียงขรม และทันทีที่ผู้ติดตามที่มีสีหน้าเป็นอาวุธเดินเข้าไปด้านใน พวกเขาก็รีบกรูมาเข้าแถวเสียเรียบร้อยราวกับนักเรียนกำลังจะเคารพธงชาติก็ไม่ปาน

          วัฒน์มองไปรอบๆร้านที่ตระเตรียมไว้จนพร้อมเปิดร้านได้ทุกเมื่อ ก่อนจะเบนสายตากลับมายังเหล่าคนที่เดินมาเรียงแถวทั้งที่เขาไม่ได้สั่ง “ว่างดีนะ”

          ใจจริง เขาก็แค่พูดจากที่เห็นนั่งจับกลุ่มโม้กัน ไม่ได้คิดเรื่องประชดอะไรสักนิด แต่แน่นอนว่าคนฟังไม่ได้คิดเหมือนกันหรอก ไม่อย่างนั้นคงไม่ตระหนกหน้าซีดกันเป็นแถบๆหรอก

          ยกเว้นคนที่ตามมาด้วยนี่แหละ ที่ไม่นึกกลัวอยู่คนเดียว และไม่ทันคิดด้วยว่าวัฒน์ประชด เพราะเนรู้ดีว่าเวลาโดนประชดจริงๆเป็นยังไง…ประสบการณ์มันเยอะ

          “ถ้าอย่างนั้น นายจัดการเอาละกัน” วัฒน์บอกก่อนจะเดินไปรอที่แถวประตู เหมือนกะว่าจบธุระก็กลับบ้านทันที

          เนนิ่วหน้ามองเหล่าผู้คนตรงหน้า ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินขึ้นเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้านักเรียนยังไงยังงั้น

          “…ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าไม่ได้คิดอะไรกับอ…คุณฉัตรทั้งนั้นแหละ ฉันชอบผู้หญิงนะ จะให้พิสูจน์ตอนนี้เลยก็ได้” เนเกือบจะหลุดเรียกคำนำหน้าคนที่แก่กว่าตั้งเยอะเป็น ไอ้ ไปเสียแล้ว ยังดีที่หน้าลูกชายลุงช่วยให้เขายับยั้งชั่งใจได้หน่อย “แต่ตา…พ่อของนายเหอะ ที่น่าจะเป็นเกย์ซะมากกว่า”

          คนฟังพากันเงียบไปห้าวินาที ก่อนจะปล่อยฮาลั่นร้าน

          “ถ้าพ่อฉันเป็นเกย์ รับรองว่าหิมะต้องตกที่ประเทศไทยแน่นอน” ปาล์มพูดด้วยสีหน้านิ่ง แต่ดูจะมั่นอกมั่นใจเสียเต็มประดา ในขณะที่เนกลับส่งเสียงแค่นหัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบัง “แล้วถ้าไม่เป็นจริงๆ ทำไมนายต้องตั้งท่าเหมือนจะจูบกับพ่อฉันล่ะวะ แถมยังมาทำกะลิ่มกะเหลี่ยใส่ฉันอีก เห็นแบบนี้ฉันไม่มีรสนิยมพรรค์นั้นนา”

          เนรู้สึกเหมือนโดนรังสีบางอย่างแทงจากข้างหลัง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากคุณลุงหน้าบูดนั่น และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวัฒน์จะต้องแผ่รังสีดำมืดใส่เขาด้วย

          “ฉันไม่ได้จูบ ฉันแค่จ้อง…จ้องหน้าหาเรื่องน่ะ เข้าใจไหม พ่อนายมันกวนส้น…กวนโมโหฉันนี่หว่า แล้วพอเห็นนาย ฉันเลยแค่นึกอยากแกล้งเพราะเห็นนายหน้าเหมือนคุณฉัตรก็แค่นั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้นแหละ” เขาพูดความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง เรื่องอะไรจะบอกว่าที่ทำไปเพราะตงิดใจที่ไม่รู้สึกรังเกียจกันล่ะ ต่อให้ไม่ได้หมายความในทางนั้นก็มีหวังไม่พ้นโดนตัดสินว่าหวังแอ้มไอ้พ่อลูกคู่นี้เป็นแน่แท้

          ท่าทางเหล่าผู้ฟังดูจะยังไม่เชื่อเท่าไหร่นัก พวกเขาพากันมองไปยังต่อที่เป็นคนเดียวที่นั่งไกลไปถึงเคาท์เตอร์ด้านใน สีหน้าที่มักจะดูนิ่งดูหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัดจนน่าแปลก เพราะตั้งแต่รู้จักมา เนไม่ค่อยได้เห็นต่อทำหน้าแบบนั้นเท่าไหร่นัก ก็สิ่งที่ชาวบ้านเขากลัวกัน มันก็คุยเป็นธรรมชาติเสียขนาดนั้นแล้วนี่ ยังจะมีอะไรต้องกลัวอีก

          “ฉันก็เล่าตามที่เขาบอกมาอีกทีเท่านั้นเอง…” เสียงทุ้มนิ่งและราบเรียบดังขึ้นพร้อมกับแสดงอาการคล้ายคนรู้ตัวว่าผิด “เห็นใกล้ขนาดนั้น ก็นึกว่าจะใช่นี่นา…”

          “ไม่ใช่ว้อย!! แล้วก็กรุณาให้ความเป็นส่วนตัวที่ควรจะเป็นส่วนตัวจริงๆบ้างเหอะ ถึงจะโดนใครขอร้องมาก็เหอะ ไม่มีใครอยากโดนถ้ำมองตอนกำลังทำเรื่องส่วนตัวหรอกนะ” และเพราะอีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิด เนเลยรุกไล่หวังไว้ว่าคงจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก นึกแล้วกลัวขึ้นมาทันทีเลยทีเดียว เกิดสิ่งปริศนาแอบล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขากับวัฒน์ในตอนนี้ มีหวังโดนฝังแน่นอน หรือถึงวัฒน์จะไม่ฝัง เขาก็จะมุดดินหนีเอง

          “ไม่เป็นก็ดีแล้ว” ปาล์มทำหน้าโล่งใจสุดขีด “เกิดมารักฉันขึ้นมา เครียดตายชัก คนยิ่งน่ารักๆอยู่ด้วย”

          ถึงแกจะหน้าตาดีจริง แต่ฉันก็ไม่คิดจะเอาหรอกว้อยย

          “หมดเรื่องแล้วใช่ไหม งั้นฉันกลับล่ะ” เนรู้สึกเหมือนโดนสูบพลังชีวิตชอบกล แต่สิ่งที่เขาทำก็เพียงแค่หันหลังเท่านั้น

          คนที่น่าจะยืนรออยู่แถวประตูเพียงคนเดียว กำลังยืนคุยกับชายสามคนอยู่ คนหนึ่งที่ตัวเล็กเหมือนเด็กประถม…ซึ่งเนจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยลุกขึ้นห้ามต่อพูดเรื่องผีเมื่อตอนรวมพลก่อนหน้านั้น ชื่ออาร์ม ส่วนอีกคนที่ยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงด้วยใบหน้าดูเป็นผู้ใหญ่ ที่ไม่รู้ทำไมเนเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา คือศาสตร์ผู้ที่แม้จะนอนพังพาบบนเตียงคนไข้ก็ยังดูดีอย่างเป็นปริศนา และคนสุดท้าย เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่เป็นคนที่ทำให้เขาอยากจะวิ่งไปเตะเดี๋ยวนี้

          เพราะไอ้บ้านั่นมันจับมือถือแขนลุง ซ้ำยังมีกอดรัดฟัดเหวี่ยงเสียจนชวนอิจฉา…เอ๊ย น่าหมั่นไส้…เอ๊ะ ไม่สิ ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรสักหน่อย แค่มันดูไม่เคารพผู้อาวุโสจนน่าติติงก็แค่น้านนนนนน

          “เสร็จแล้วหรือ” และที่ชวนให้เนหน้าบูดกว่าคือวัฒน์ก็มีใบหน้าระรื่นด้วย แค่มุมปากที่ยกขึ้นแค่เล็กน้อยนั่นก็เป็นหลักฐานเกินพอแล้ว แถมยังดูเสียอกเสียดายอีก แม้อันที่จริง สิ่งที่คนทั่วไปเห็นคือ วัฒน์ยังคงหน้านิ่งเหมือนเดิมก็ตาม

          “ครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงห้วน จนคนฟังเลิกคิ้วขึ้น

          “อ้อ นี่โค้ก ที่วันก่อนเราไปเยี่ยมแต่เขายังอยู่ในห้องไอซียูน่ะ”

          เนถึงบางอ้อ เจ้าคนบ้าแมวนั่นเอง “หวัดดีครับ ผมเน ผู้ติดตามคุณสิทธิ์ที่ทำงานกับคุณวัฒน์ตลอดเวลาครับ”

          หนุ่มใหญ่มุ่นคิ้ว ทำไมต้องขยายความเสียเยอะขนาดนั้นด้วย

          “หวัดดีไอ้น้อง” คนฟังสะดุ้งทันที เพราะมองๆแล้ว เนคิดว่าอายุโค้กน่าจะพอๆไม่ก็น้อยกว่าตนหน่อย แถมตัวก็ยังเล็กกว่าด้วย ถึงจะไม่เยอะจัดเหมือนอาร์มก็เถอะ รายนั้นถ้าไม่บอกว่าอายุยี่สิบหกนี่นึกว่าเด็กป.หก “ได้ยินว่าไปช่วยพี่มีนเปิดร้านไว้ด้วย แต๊งกิ้วมากเลยนะ”

          แม้อีกฝ่ายจะทำตัวเป็นมิตร และปกติเขาเองก็มักจะปั้นหน้ายิ้มทักทายกับคนแปลกหน้าตลอด แต่คราวนี้ไม่รู้ทำไม เลยยิ้มไม่ค่อยจะออกเท่าไหร่ จึงได้แต่ปั้นหน้านิ่งพยักรับแทน อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ดูจะร่าเริงเกินกว่าจะสังเกตเห็นอารมณ์หงุดหงิดของเน เลยไม่ต้องมีเรื่องกันไป

          “ถ้าอย่างนั้น พวกฉันขอกลับก่อนละกัน” เมื่อจบธุระ หนุ่มใหญ่ก็ขอตัวทันที นั่นทำให้เนแอบดีใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

          “อ้าว อะไรกัน เพิ่งจะมาเองไม่ใช่หรือครับ อยู่คุยกันต่อเถอะ”

          เขาพยายามระงับแล้วนะ แต่เล่นเจอพูดแบบนั้นใครจะไม่ของขึ้นไหว แถมยังมีการมาควงแขนลุงแกอีก ขึ้นโว้ย ขึ้น!!

          “เอ้อ ผมว่าคงไม่ดีมั้ง นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับน่าจะดีกว่านะครับ เดี๋ยวต้องไปสะสางงานต่ออีกนี่”

          “เอ๋ แต่…”

          “ที่สำคัญ คุณคงไม่ปล่อยให้คุณสิทธิ์อยู่ที่บ้านคนเดียวหรอกนะครับ”

          และสิ่งที่วัฒน์เข้าใจคือ อีกฝ่ายกำลังดูถูกความเป็นผู้คุ้มครองของตน

          “ฉันรู้แล้วน่า ไม่ได้บอกว่าจะไม่กลับนี่” หนุ่มใหญ่ขึ้นเสียงใส่อย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะหันไปหาโค้ก “โทษทีนะ แต่ฉันคงอยู่นานไม่ได้หรอก ไว้วันหลังละกัน”

          “เอ๋ ถ้างั้น วันไหนว่างๆผมจะไปหานะ เดินทางปลอดภัยนะคร้าบ”

          มันยังจะมาหากันถึงที่เลยเรอะ!!!

 

          “สนิทกับสองคนนั้นจังเลยนะครับ”

          ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของร้าน เนก็เอ่ยสิ่งที่อัดอั้นตันใจมานาน ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยความไม่พอใจปรายมองคนขับ ที่ดูจะสงสัยเสียเต็มประดาเช่นกัน ว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงมีพฤติกรรมประหลาดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

          “แล้วทำไมฉันจะสนิทไม่ได้ล่ะหา” วัฒน์ย้อนเสียงขุ่น “นายน่ะ โมโหอะไรอยู่ ทำหน้าเหมือนจะกัดคนอยู่ได้”

          เนชะงักเล็กน้อย นั่นสิ ในเมื่อเขาบอกตัวเองอยู่ทุกนาทีว่าตาลุงที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น แล้วเขาจะโกรธไปทำไม มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด…

          แต่ที่แน่ๆ ไม่ได้หึงแน่นอนว้อยยยย

          “ผมก็แค่เห็นคุณเลือกปฏิบัติ” เนเริ่มรายการแถแหลกแหกโค้งลงเหว “ก็วันนี้ทั้งวัน คุณเอาแต่หลบหน้าผม พอจะพูดทีก็ทำอย่างกับผมเป็นผีไปได้ ผมเป็นเพื่อนร่วมงานคุณนะ อย่างน้อยก็ช่วยเห็นผมเป็นแบบนั้นหน่อยสิครับ”

          เห็นแกเป็นศัตรูมาตั้งนาน จะให้ล้างตามองแกใหม่เลยมันยากว่ะ

          “อืม…” ปากก็พูดแบบนั้น แต่น้ำเสียงไม่ไปด้วยกันสักนิด “ก็ฉันยังโมโหเรื่องก่อนหน้าอยู่นี่หว่า จะให้อารมณ์ดีง่ายๆคงไม่ได้หรอก”

          เนชักสีหน้าเล็กน้อย “ผมไม่ทำผิดซ้ำสองหรอกน่า อีกอย่างตอนนั้นผมโดนแกล้งนี่นา ไม่งั้นไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นหรอก”

          อย่าให้รู้ละกันว่าจริงๆไม่ใช่เพราะแบบนั้น ฉันนี่แหละที่จะเอาแกถ่วงทะเล จะได้ไม่ต้องรู้สึกบ้าๆแบบนี้สักที ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย

 

          “อ้าว ไอ้วัฒน์กลับไปแล้วเหรอ”

          หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ร้องถามพลางหันมองไปทั่วร้าน ซึ่งตอนนี้เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว ฉัตรหันกลับไปหาลูกชายที่เพิ่งจะเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าสาว เพื่อรอคำตอบ

          “กลับไปตั้งนานละ มีอะไรหรือป๋า”

          “ก็ฉันกะจะบอกเรื่องที่พวกแกจะรวมตัวไปทดสอบความบ้าประจำปีนี่”

          ปาล์มหน้าเสียทันที “เดี๋ยวสิ พ่อจะบอกอาวัฒน์ทำไมล่ะ อาเขา…”

          “มันรู้หมดนั่นแหละว่าพวกแกแอบดอดไปทำอะไรที่ไหนยังไง มันก็แค่…ไม่พูด…เท่านั้นมั้ง” ประโยคหลังฉัตรไม่ได้ขู่แต่อย่างใด เพราะเขาก็หวั่นเหมือนกัน “พอดีเที่ยวนี้ฉันมีเหตุจำเป็นต้องให้มันเข้าร่วมด้วยน่ะสิ ไหนจะไอ้หนูเนนั่นอีก”

          “ถ้างั้นก็โทรไปบอกก็ได้นี่” เด็กหนุ่มว่า ก่อนจะหันไปทำงานต่อ

          จริงๆมันก็ทำได้อยู่หรอก แต่ถ้าแบบนั้นละครพิสูจน์ตนของเขามันก็ไม่ได้อารมณ์พอดีน่ะสิ

          “แล้วไอ้หนูโค้กกับไอ้หนูศาสตร์ล่ะ”

          ผู้เป็นลูกเพียงแต่ชี้ไปยังโต๊ะด้านในสุด ปล่อยให้คุณพ่อเดินจากไปโดยที่ตนก็ยังทำงานต่อ

          “อ้าว ว่าไงลุงฉัตร”

          “…ฉันว่าจะถามนานแล้วนะ ทีกับไอ้วัฒน์แกเรียกอา แต่กับฉันเรียกลุงเนี่ยนะ สองมาตรฐานไปหรือเปล่าวะ ฉันกับมันห่างกันแค่ปีเดียวเองนะโว้ย” หนุ่มใหญ่ทำหน้าบูดใส่ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นั่งอีกฝั่ง
         
          “อะไรกัน ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ก็แค่เรียกให้ดูเหมาะเท่านั้นเอง ไม่ถูกหรือคร้าบ” โค้กบอกด้วยน้ำเสียงแกมหยอก “ว่าแต่ลุงเหอะ เรียกพวกเรามาทำอะไรหรือ”

          ทีแรกเขาก็กะว่าจะได้ดูฉากคนหึงกันสักหน่อย แต่ดันติดงานมาช้า เลยต้องใช้แผนสองแทน

          “พวกแกจะมางานทดสอบความบ้าได้หรือเปล่า” เขาก็แค่อยากจะถามให้มั่นใจ แต่เจ้าพวกบ้าได้โล่อย่างสองคนนี้ ต่อให้เพิ่งฟื้นไข้มันก็คงตั้งใจจะมาพร้อมกับที่ห้อยน้ำเกลือแน่

          “แหม มาอยู่แล้วครับ ต่อให้ต้องคลานไปก็มา ใช่มั้ยศาสตร์” โค้กรับเสียงระรื่นก่อนจะหันไปถามความเห็นเพื่อนที่นั่งข้าง ซึ่งพยักหน้ารับให้ทันที “บอกไว้เลยว่าต่อให้เพิ่งฟื้นไข้ ผมก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนา ลุงก็ห้ามลำเอียงให้ไอ้ปาล์มมันละกัน”

          “ฉันไม่ทำเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นหรอกน่า” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ “เออ รอบนี้ฉันว่าจะให้ไอ้วัฒน์มันไปช่วยฉันด้วย แค่ฤทธิ์กับก้องมันจัดการไม่ทันเท่าไหร่”

          หน้ามันบานเป็นกระด้งอย่างน่าขนลุกเลยทีเดียว

          “เอ๋ จริงง่ะ แล้วไอ้พวกหัวขวดมันไม่ค้านกันหรือ เห็นผมเสนอทีไร ค้านหัวชนฝากันทุกที” โค้กว่าก่อนจะกระดกเหล้าลงคอ

          “นั่นสิครับ เอาจริงๆให้อาวัฒน์มาแทนพี่ฤทธิ์ได้ยิ่งดี รายนั้นท่าทางอยากจะเล่นเองมากกว่าเป็นฝ่ายก่อกวนละมั้ง เอาแต่แกล้งไม่หยุดอยู่ได้”

          “อย่าพูดให้หมอนั่นได้ยินเชียว แกยิ่งสเป็คมัน เดี๋ยวโดนลวนลามไม่รู้ตัวหรอก” ฉัตรขู่ศาสตร์ด้วยน้ำเสียงล้อเล่น แต่ก็ทำเอาหนุ่มหน้านิ่งออกอาการสยองขึ้นมาได้ “เพราะงั้นฉันเลยอยากจะขอร้องให้พวกแกช่วยไปบอกไอ้วัฒน์ให้หน่อยน่ะ”

          และทั้งคู่ก็ถามด้วยประโยคเดียวกันกับของลูกชายเป๊ะๆ

          “แกคิดว่าถ้าชวนแต่ไอ้วัฒน์แล้วมันจะมาหรือ” ชายหน้าบากบอกเสียงเหนื่อยใจ “ใครกันที่ต่อให้บุกน้ำตะลุยไฟ หรือต่อให้ทำเรื่องน่าอายมากแค่ไหน ไอ้วัฒน์ก็ยอมทำทุกอย่างน่ะ”

          ฉัตรเว้นช่วงเพื่อดูว่าคนฟังมันเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อหรือเปล่า ซึ่งใช้เวลาได้นานจนน่าร้องไห้ กว่าพวกคุณๆจะถึงบางอ้อ เล่นเอาหนุ่มใหญ่เกือบยิ้มไม่ออก

          “นั่นล่ะ ไปชวนคุณสิทธิ์มาด้วย”


______________________________


ตอนหน้าเราจะมาดูพายุหึงกันนะก๊ะ XD

หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-08-2015 15:36:14
มหกรรมงานซึน~
หราาา ไม่หึงจริงหราเน ^^+ หึหึ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-08-2015 16:03:28
เฮ้อ นานอ่ะ สงสารเน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 02-08-2015 16:49:43
เอิ่ม เนี่ยนะไม่หึง  :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 02-08-2015 17:19:15
ง่อววว ฉลาด   :call:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 02-08-2015 18:04:26
เมื่อไรคู่นี้จะเปิดตัวกันน้อ มีวันนั้นมั้ย 55555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-08-2015 19:27:12
พายุหึง  o22

จะหึงกุันจริงเหรอ ไม่ใช่มหกรรมแถสีข้างถลอกกันอีกนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 02-08-2015 19:50:36
แป๊ะไว้ก่อน้าา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 40 (2/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 03-08-2015 22:38:21
อื้อหือ... ลุงฉัตรนี่ชอบหาเรื่องยุ่งๆมาเป็นอุปสรรคกับคู่นี้จริงๆเลย แบบนี้ต้องให้คุณศรีภรรยามาบิดหูถึงจะเอาอยู่ล่ะมั้งเนี่ย?
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 41 (6/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 06-08-2015 19:17:14
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 41


          หลังจากกลับมาจากที่ทำงาน เนกับวัฒน์ต่างก็พากันแปลกใจเมื่อพบว่ามีรถแปลกหน้ามาจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน แต่พอเห็นท่าทีของวัฒน์ที่ดูเหมือนนึกบางอย่างออก เนจึงเดาว่าน่าจะเป็นของคนรู้จัก

          “ไงคร้าบ”

          เห็นหน้าไอ้คนที่น่าจะเป็นคนรู้จักทำเอาเนเผลอชักสีหน้าใส่ทันที แถมไม่ได้มาแค่คนเดียว แต่มาเป็นแพ็คคู่อีกต่างหาก ซึ่งเนกลับมาเก๊กหน้านิ่งทันก่อนที่โค้กกับศาสตร์จะสังเกตเห็น แม้ในใจจะลุกเป็นไฟเมื่อเห็นภาพบาดตาตรงหน้าก็ตาม

          “โค้ก? ศาสตร์? มีธุระอะไร ทำไมไม่โทรมาล่ะ” วัฒน์ถามพลางมองชายหนุ่มหน้าเป็นที่คว้าแขนตนด้วยความสงสัย

          “โทรมันจะไปได้อารมณ์ยังไงล่ะครับ มาหาดีกว่า”

          อารมณ์อะไรของเอ็ง...บ้าฉิบ อดทนไว้ๆ...

          “ที่จริงเรามาหาคุณสิทธิ์น่ะครับ” ศาสตร์บอกเสียงนิ่ง และแม้สีหน้าจะนิ่งเหมือนน้ำเสียง แต่ไม่รู้ทำไมเนกลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายอยากจะพุ่งไปคว้าอีกแขนของวัฒน์ “เรื่องงานทดสอบที่จะถึงในวันศุกร์นี้...”

          วัฒน์มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่นิ่งเช่นกัน “แล้วคุณสิทธิ์ว่ายังไง”

          “ต้องไปแน่นอนอยู่แล้วสิครับ”

          เสียงของเจ้าบ้านดังไล่หลังมาจากด้านใน สิทธิ์เดินออกมาจากห้องทำงานชั้นล่างอย่างกับเด็กที่วิ่งหาพ่อ ท่าทีระชื่นอย่างบอกไม่ถูก และนั่นทำให้หนุ่มใหญ่ได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะรู้ความหมายของอาการเหล่า นั้นดี

          “อาก็รู้ว่าผมอยากไปจะตาย ไม่ยอมพลาดง่ายๆหรอก” ท่าทีของสิทธิ์เหมือนทำเป็นไม่สนใจสีหน้าที่คัดค้านอย่างโจ่งแจ้งของคนอายุมากกว่า

          “แต่ผมว่ามันไม่ปลอดภัยนะครับ”

          “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ พวกผมเตรียมการไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สบายใจได้เลย” โค้กช่วยพูด “อีกอย่าง งานนี้ถ้าไม่ใช่คนเข้าร่วมก็ไม่รู้หรอก ว่าจัดเมื่อไหร่ที่ไหน เพราะงั้นสบายใจเถอะครับ พวกเราจัดกันมาทุกปี ยังไม่เคยเกิดเรื่องสักปีเลยนะครับ”

          “พวกเราให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้วครับ” ศาสตร์เสริมด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “อีกอย่าง พวกเราไม่ได้คิดจะชวนแค่คุณสิทธิ์หรอกครับ พวกเราตั้งใจชวนอาวัฒน์กับเนด้วยนะครับ”

          เจ้าของชื่อพากันเลิกคิ้ว

          “ส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของคุณสิทธิ์และความสบายใจของอาวัฒน์ไงครับ อีกอย่าง อาเอาแต่ทำงาน เดี๋ยวเครียดมากๆเสียสุขภาพเปล่าๆนาครับ น่าจะหาเวลาคลายเครียดบ้าง” โค้กบอกเสียงระรื่น “แล้วพวกผมก็อยากเพิ่มความสนิทสนมให้กับเด็กที่เพิ่งเข้ามาทำงานตรงนี้ ซึ่งไม่ได้รู้จักใครเลยนอกจากไอ้ปาล์ม พี่อรรถแล้วก็ไอ้ต่อไง”

          ว่าแล้วก็เข้ามากอดคออย่างสนิทสนมเสียจนเนขนลุก ไอ้เรื่องไม่ค่อยคุ้นกับการโดนเพศเดียวกันทำตัวเป็นมิตรก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งก็คงเพราะไม่ได้อยากจะสนิทนักด้วย จะด้วยเพราะเหตุอันใดก็ไม่ทราบใจตัวเองเช่นกัน

          แต่ต้องไม่ใช่เพราะมันไปทำตัวออเซาะกับลุงแกแน่นอน!

          “นั่นสิครับ นอกจากงานที่เก่า เนมันก็แทบไม่รู้จักใครเลยนอกจากผู้หญิงนี่” สิทธิ์ช่วยเสริม “ไปเถอะนะครับ”

          วัฒน์ไม่เห็นด้วยแน่ แต่เนรู้ดีว่าหนุ่มใหญ่ไม่คิดจะปฏิเสธหรอก ยิ่งคนขอเป็นสิทธิ์ด้วยแล้ว ต่อให้ไม่อยากแค่ไหน ลุงแกก็เซย์เยสอย่างเดียวนั่นล่ะ

          แต่ทั้งอย่างนั้นก็เถอะ!!

          “ไปนะครับ นะน้า”

          เนพยายามควบคุมกล้ามเนื้อบนหน้าและแขน ยิ่งเห็นโค้กอ้อนนัวเนียคลอเคลียเสียแนบชิดเกินเหตุยิ่งทำเอากล้ามเนื้อมันกระตุกๆ และที่ทำเอากระตุกยิ่งกว่าก็เจ้าคนที่โดนนัวเนียกลับไม่แสดงอาการรังเกียจ เลยสักนิด ทั้งยังไม่ว่าอะไรอีกต่างหาก

          ทีกับเรา แค่แตะนิดเดียวแทบจะกระโดดหนี...
         
          แล้วเราจะน้อยใจทำมะเขืออะไรฟะ!!!

          “ทำไมปีนี้ถึงเปลี่ยนใจ ชวนคุณสิทธิ์กันเสียล่ะ ปกติคุณสิทธิ์เองก็ขอร่วมด้วยตลอด แต่พวกนายก็ปฏิเสธกันนี่” หลังจากตอบตกลงจนโค้กและสิทธิ์พากันกระดี๊กระด๊า วัฒน์ก็ถามขึ้น
         
          “...ก็เพราะเห็นใจคุณสิทธิ์นั่นล่ะครับ ปีนี้ถึงได้ชวน” โค้กตอบเสียงระรื่น “จริงๆพวกที่บาร์ก็อยากชวนคุณสิทธิ์อยู่หรอกครับ เสียแต่ว่าพวกมันเกรงใจ แล้วก็เป็นห่วงสวัสดิภาพของคุณสิทธิ์ ถึงได้บ่ายเบี่ยงกันตลอดนั่นล่ะครับ”

          “อะไรกันเล่า ห่วงไม่เข้าเรื่องจริงๆ” สิทธิ์ส่งเสียงงอน “รอบหน้าถ้าไม่ชวนอีกนี่จะใช้อำนาจของหัวหน้าแทนแล้วนะ”

          “โอ๋ๆ อย่าโกรธสิครับ” โค้กหยอกพลางทำท่าเหมือนกลัว “เอาเป็นว่าเรื่องวันเวลาก็...”

          โค้กหันรีหันขวางอย่างกับว่าตอนนี้อยู่นอกสถานที่และอาจจะมีใครแอบฟัง จากนั้นก็ทำในสิ่งที่เนถึงกับเบิกตาจนแทบถลน

          มันกระซิบหรืออะไรฟะ ใกล้ไปแล้วเฟ้ยย

          “ใกล้ไปแล้วนะ”

          แต่ก่อนที่จะพลั้งปากออกไป ศาสตร์ก็พูดและดึงแขนของโค้กออกมาจากวัฒน์ด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างแรง...ก็แค่น้ำเสียงและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเท่านั้น ส่วนอวัยวะบนหน้าอย่างอื่นอยู่นิ่งเหมือนเดิมหมด

          “แหม ก็กระซิบ จะให้ห่างกันก็ไม่ได้ยินสิ” โค้กเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน ก่อนจะหันมายิ้มให้กับหนุ่มใหญ่ “ถ้างั้นก็ตามนั้นนะครับ พวกผมขอตัวก่อนนะครับ คุณสิทธิ์ คุณวัฒน์ เน”

          “อืม กลับดีๆล่ะ” วัฒน์รับไหว้ อดยิ้มให้กับความร่าเริงของอีกฝ่ายไม่ได้

          “เป็นอะไรน่ะเน ทำหน้าอย่างกับปวดท้อง”

          เนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนสิทธิ์ทัก จนวัฒน์ที่ยืนส่งแขกหันหลังมามองอีกคน เล่นเอาอาการขุ่นเคืองระเหิดหายไปหมดจนเหลือแต่ความหวาดหวั่นอย่างไม่รู้สาเหตุ

          “ปะ...เปล่านี่ครับ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่สงสัยไอ้งานที่เราจะไปกันก็เท่านั้น”

          “อ๋อ ก็แค่เทศกาล” ทั้งที่สิทธิ์พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ทั้งยังเป็นเรื่องสนุกด้วยซ้ำ แต่วัฒน์กลับทำหน้าเหมือนจะไปรบที่เขตชายแดน “อารมณ์ประมาณกีฬาสีนั่นล่ะ สบายๆ เอามันส์อย่างเดียว”

          สำหรับเน ถ้าไม่ต้องแข่งกันจริงจังเคร่งเครียดเหมือนตอนไปเตะบอลกับวิน เขาก็โอเคทั้งนั้น

 

          “นายคิดจะทำอะไรน่ะ”

          โค้กหันมองคนที่นั่งขับรถด้วยใบหน้านิ่งเรียบ แน่นอนว่าน้ำเสียงของศาสตร์เต็มไปด้วยความหงุดหงิด กระนั้นคนที่นั่งข้างคนขับกลับไม่แสดงทีท่าวิตกสักเท่าใดนัก ซ้ำยังกระหยิ่มยิ้มย่องราวกับสนุกเสียเหลือเกิน

          “มีโอกาสก็สาวได้สาวเอา” โค้กว่าเสียงระรื่น “ด้านได้อายอดสิ จริงไหม ฉันไม่อยากเหมือนใครบางคนที่เอาแต่นิ่งไม่ยอมพูดสักทีหรอกนะ”

          คิ้วหนามุ่นเข้าหาเมื่อได้ยินคำตอบ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดนอกจากเก็บความขุ่นข้องหมองใจเอาไว้แทน

          “นายคิดยังไงกับเด็กที่ชื่อเนนั่นล่ะ” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ โค้กจึงพูดต่อพลางเหม่อมองทิวทัศน์ด้านข้าง ซึ่งมีแต่ตึก “ท่าทางหมอนั่นสนิทกับอาวัฒน์น่าดูเลยนะ...แถมยังไม่กลัวอาวัฒน์เหมือนคนอื่นๆอีก...เหมือนพวกเราเลยเนอะ”

          คนขับก็เพียงแต่ขับรถต่อไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่แน่นอนว่าโค้กรู้ดีว่าในใจของศาสตร์ไม่ได้นิ่งเหมือนภายนอกแน่

          “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าคุณสิทธิ์จะหาผู้ติดตามมาเพิ่ม...ทำไมไม่บอกอะไรกันบ้าง เลยเนอะ ไม่อย่างนั้นคงมีคนแถวนี้รีบสมัครไปก่อนใครเพื่อนแล้วแท้ๆ...แอ่ก!”

          ถ้าไม่ได้ใส่เข็มขัดนิรภัย หัวของโค้กคงพุ่งไปจูบกระจกหน้าเต็มรักเป็นแน่

          “นายจะบอกว่าเด็กที่ชื่อเนนั่นคิดอะไรกับอาวัฒน์หรือไง” ศาสตร์ถามก่อนจะขับรถต่อไป และแม้สีหน้าจะยังคงนิ่ง แต่มือที่บีบพวงมาลัยแน่นบ่งบอกให้รู้ว่าไม่ได้นิ่งอย่างที่เห็น

          โค้กยักไหล่พร้อมยิ้มให้เหมือนต้องการจะกวน

          “หมอนั่นทำหน้าเหมือนนาย ตอนเห็นฉันคุยกับอาวัฒน์ คิดว่าไงล่ะ”

          ศาสตร์ถึงกับบึ้งหน้า

          “แหม อยู่บ้านเดียวกัน...แถมคุณสิทธิ์ยังบอกว่านอนห้องเดียวกับอาวัฒน์ด้วยนี่...ไม่รู้ว่าจะเผลอมีอะไรกัน...”

          โค้กเงียบเสียงลงเพราะศาสตร์เหยียบเบรกอีกแล้ว แต่ครั้งนี้โชคดีกว่าและตั้งตัวทัน เลยไม่ต้องพุ่งไปหากระจกเหมือนครั้งที่แล้ว

          “ไม่มีทาง อาวัฒน์ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”

          “แต่เจ้าเด็กนั่นก็ไม่แน่” โดนสวนแบบนั้น คนที่กำลังอารมณ์ขึ้นถึงกับชะงัก “นายไม่เห็นหรือไงว่าหมอนั่นทำท่าหึงอาวัฒน์แค่ไหนน่ะ”

          “ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นอะไรกันนี่”

          “เพราะอย่างนั้นฉันก็มีโอกาสไง”

          แม้จะโดนศาสตร์ทำท่าเหมือนจะงับหัว โค้กกลับหาได้กลัวแต่อย่างใด ทั้งยังยิ้มยียวนใส่อีกต่างหาก

          “ถ้าไม่อยากโดนแย่งนัก ก็รีบเสียสิ...เอ แต่คนที่เอาแต่เงียบมาเป็นสิบปีอย่างนายคงไม่คิดจะทำอะไรอยู่แล้วนี่เนอะ...”

          คนฟังชักสีหน้า แต่ก็เถียงกลับไม่ได้ เลยได้แต่นิ่งเงียบแทน

          “ฉันทำแน่ ถ้าไม่ติดเรื่องพี่ปิ่น” หลังจากเงียบไปจนเกือบจะถึงที่หมาย ศาสตร์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคับอกคับใจเต็มทน “นายก็เถอะ รู้อยู่แล้วว่าอาวัฒน์เขายังตัดพี่ปิ่นไม่ขาด ไม่คิดถึงความรู้สึกของอาวัฒน์บ้างหรือ”

          “ก็ตกลงจากกันด้วยดีไปแล้วนี่นา” โค้กว่าเสียงสูง “อีกอย่าง ถ้าไม่พยายามทำให้อาวัฒน์ลืมได้ ต่อให้สมหวังก็แพ้พี่ปิ่นอยู่ดีนี่ ใช่ไหมล่ะ”

          ศาสตร์นิ่วหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจนัก

          “ฉันไม่ยอมแน่ ไม่ว่ากับนายหรือเด็กนั่น”

          ทั้งที่โดนประกาศศึก โค้กกลับไม่ได้แสดงท่าทีร้อนรนออกมาแต่อย่างใด ชายหนุ่มเพียงแค่ผิวปาก กวนอารมณ์อีกฝ่ายไปเรื่อย

 

          เนมองตึกร้างที่สูงราวยี่สิบชั้นตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจนัก ตึกตรงหน้าตั้งอยู่แถบชานเมืองที่เงียบเหงาและวังเวง ทั้งยังชวนขนลุกกว่าเดิมเมื่อมาในยามกลางคืนเช่นนี้ ผนังด้านหน้าเป็นตึกเปลือยที่ไม่มีกำแพงกั้น แต่ด้านในมืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น บริเวณรอบตึกเต็มไปด้วยหญ้าคาที่ขึ้นสูงจนน่ากลัวว่าจะมีงูสักฝูงสองฝูง อาศัยอยู่ และเหมาะกับคนที่หมายจะลอบทำร้ายด้วย

          “ตรงนี้แน่หรือครับ” เนอดถามไม่ได้ เด็กหนุ่มปรายตามองเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างตัว ท่าทางของวัฒน์ดูไม่ค่อยกังวลเท่าใดนัก

          “ที่นี่” หนุ่มใหญ่บอกเสียงเรียบ “เคยมีอยู่สักทีหรือสองปีนี่ล่ะ ที่ใช้ที่นี่”

          “แล้วคนอื่นๆละครับ ยังไม่มากันหรือ นี่ก็ถึงเวลานัดแล้วนะ” สิทธิ์ที่เดินมองตึกตรงหน้าไปมา หันมาถามอย่างตื่นเต้น “หรือแอบเข้าไปรอเรากันแล้วหว่า

          ผู้ติดตามทั้งสองสะดุ้งเมื่อเจ้านายเดินดุ่ยเข้าไปแบบไม่กลัวเกรง จนต้องรีบตามไปติดๆ เข้าไปยังตัวตึกทันที

          ด้านในของชั้นหนึ่งมืดสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวจากด้านนอก กับแสงไฟจากด้านในที่ส่องลงมาจากบันไดที่อยู่ในสุดของตึก ซึ่งจากที่มองไปรอบๆชั้นนี้ซึ่งมืดสนิทและไร้ผู้คน พวกเขาจึงเข้าใจว่าคนอื่นน่าจะรออยู่ด้านบน ทั้งสามเลยมุ่งไปยังบันไดทันที

          “โอ๊ะ”

          เสียงอุทานดังขึ้นตัดกับเสียงวัตถุลอยแหวกอากาศเข้ามา สิทธิ์ไม่ได้หลบวัตถุปริศนานั่น แต่รับเอาไว้อย่างเผลอตัว

          “ระวังครับ!!” ด้วยความที่เข้าใจว่าเป็นระเบิด เนเลยรีบปัดสิ่งที่อยู่ในมือสิทธิ์ออกโดยเร็ว

          แผละ

          เสียงของมันทำเอาพวกเขานิ่วหน้า และเมื่อใช้ไฟฉายในมือถือส่อง ก็พบว่าสิ่งที่กองเละอยู่ที่พื้น คือน้อยหน่าตามความหมายโดยตรง

          “อึก”

          สงสัยกันได้ไม่ทันไร เสียงของวัฒน์ที่ดังขึ้นทำเอาคนที่เหลือหันไปมอง หนุ่มใหญ่กำลังโดนล็อคคอจากด้านหลัง โดยชายร่างยักษ์ที่สวมโม่งดำ

          “แก!” เนร้องเสียงหลง ก่อนจะพุ่งเข้าไปชกศัตรู “เอ๋”

          แม้จะตกใจที่อีกฝ่ายรับหมัดของตนได้ แต่เพราะคนที่โดนล็อคคอเองก็ยกมือห้ามตนด้วย และถึงจะแสดงอาการอึดอัด แต่กลับมีความหงุดหงิดร่วมด้วย

          “ปล่อยได้แล้ว ฉัตร” พอได้ยิน เนถึงกับเบิกตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

          “แหม กำลังมัน” คนสวมโม่งบอกอย่างเสียดายก่อนจะถอดโม่งสีดำออก “แกรู้ได้ไงวะว่าเป็นฉัน หมดสนุกเลย”

          “คิดว่าอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้วล่ะ แค่เห็นมือฉันก็รู้แล้วว่าเป็นนาย”

          อึก...

          เนรู้สึกเหมือนมีเข็มเล็กๆมารุมแทงเข้ากลางอก ทั้งที่ทั้งคู่ไม่ได้แสดงอาการสนิทสนมมากไปกว่านี้แท้ๆ...

          เห็นแค่มือก็รู้เลยว่าเป็นใคร...นี่สนิทกันมากแค่ไหนเนี่ย



________________________________________________

ตอนหน้าเราจะมาดูกันงับ ว่าลุงฉัตรแกจะทำอะไร เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 41 (6/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-08-2015 19:34:43
เหวอศาสตร์ คู่แข่งมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 41 (6/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-08-2015 21:46:41
รอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 41 (6/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 06-08-2015 21:47:02
แอบเนื้อหอมนะเนี่ยอาวัฒน์ :man1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 41 (6/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 07-08-2015 07:27:04
ลุงแกนี่ฮอตในหมู่เด็กๆ ไม่เบานะเนี่ย 555
เชียร์เน อิอิ
พายุลูกหึงพัดกระหน่ำเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 41 (6/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 07-08-2015 08:48:51
โอ้โห คู่แข่งเพียบนะนี่  :mc4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 42 (7/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 07-08-2015 13:05:21
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 42


          “อ้าว เจ้าหนู เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับไปเหยียบขี้หมามาเลยนะ”

          เนเพียงแต่บึ้งหน้ากลับ เห็นใบหน้ายียวนกวนส้นเท้าของฉัตร เด็กหนุ่มก็รู้แล้วว่าจงใจถามเพื่ออะไร ยิ่งเข้าไปกอดคอวัฒน์นั่นก็เป็นหลักฐานเกินพอแล้ว

          “คนอื่นเขารออยู่ที่ชั้นสามน่ะ” หลังจากแกล้งเนจนพอใจ ฉัตรก็ละออกจากคนตัวเล็กกว่า แล้วเดินนำไปทางบันได “เชิญเลยๆ”

          “ว่าแต่เมื่อกี้เล่นเอาตกใจจริงๆนะครับ” สิทธิ์ว่า แต่ท่าทีกลับไม่มีอาการดังว่าสักนิด “ไอ้เราก็นึกว่ามีคนมาลอบทำร้ายซะแล้ว”

          “ประเพณีรับน้องกับคนเข้าร่วมครั้งแรกน่ะครับ คิดซะว่าขำๆเนอะ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เนรู้สึกว่า ลูกน้อยหน่าที่บินเข้ามามันเร็วและแรงเอาเรื่อง ขนาดที่ว่าถ้าโดนหัวตรงๆคงสลบเหมือด “เอาของจริงในตึกนี้...ดี...กว่า...เนอะ...”

          อยู่ๆฉัตรก็พูดด้วยเสียงยานคางจนชวนหนาวยะเยือก แถมยังจะหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่เนเหมือนยั่วโมโหอีกต่างหาก

          “โหย ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ มาหลอกเรื่องผีแบบนี้เนี้ย” สิทธิ์ร้องงอแง “ให้อาวัฒน์เห็นผมเป็นเด็กคนเดียวพอเถอะ”

          “แหม ไม่มันส์เลย อย่างน้อยก็ช่วยร่วมมือแสร้งว่ากลัวสักนิดก็ได้นะครับ” ฉัตรบอกต่อโดยที่สายตายังคงปรายมองไปยังเน “ไหนๆที่นี่ก็อุตส่าห์มีประวัติทั้งที...”

          “ประวัติอะไรหรือครับ...” แม้จะไม่อยากคุยด้วย แต่เล่นยั่วกันเสียขนาดนี้ จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร

          “ที่นี่มีคนตายมาก่อน แล้วก็เคยมีคนเอาศพมาฝังไว้ใต้ตึก...ที่รู้เพราะขุดเจอ”

          ถึงกับเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่บอกข้อมูลให้เป็นวัฒน์ และยังใช้น้ำเสียงและสีหน้าที่ราบเรียบอีกต่างหาก

          “แล้วพอดึกๆหน่อย ใครขวัญอ่อนๆก็จะเจอดีเป็นทิวแถว” พอเห็นเนสั่น ฉัตรก็หยอกต่อ “แค้น...เหลือ...เกิน...”

          “ผมไม่ได้กลัวผีสักหน่อย” เนว่าเมื่อเห็นฉัตรหาเรื่องจะแกล้งตนเสียเหลือเกิน

          “แล้วสั่นทำไมล่ะจ๊ะ”

          สั่นสู้ไงล่ะเฟ้ย!!! กลัวผงกลัวผีอะไร ไม่มี้ไม่มี!!

          ที่ชั้นสามมีฝูงชนอยู่ราวสี่สิบกว่า คนยืนคุยจ๊อกแจ๊กกันอยู่ตรงช่วงกลางของอาคาร และทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปหา คนเหล่านั้นต่างพากันเงียบกริบและยืนเป็นระเบียบแถวอย่างกับทหารเกณฑ์

          “อะไรกัน ปกติต้องเรียงแถวหน้ากระดานแบบนี้ด้วยหรือ” สิทธิ์หัวเราะเมื่อเห็นเหล่าลูกน้องยืนเข้าแถวเสียดิบดี “ทำตัวตามสบายเถอะน่า”

          เมื่อผู้มีอำนาจสูงสุดสั่ง แต่ละคนก็คลายกังวลลงไปบาง แม้จะไม่สุดเพราะวัฒน์มองอยู่ก็ตาม

          “หมัดเมื่อกี้ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า”

          ในระหว่างที่ปาล์มเริ่มเปิดงานและอธิบายเกี่ยวกับเทศกาลประหลาดที่กำลังจะ เริ่มขึ้น ฉัตรซึ่งอยู่ข้างหลังเนก็กระซิบขึ้นมา ใกล้เสียจนเนขนลุก

          “งานนี้ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ก็แทบไม่เคยมีใครชนะในครั้งแรกที่เข้าร่วมกันนักหรอกนะ”

          “อยากจะพูดอะไรกันแน่”

          “อืม...เอาไงดีน้า” หนุ่มร่างยักษ์ยักคิ้วหลิ่วตา “ก็กำลังคิดว่า ถ้านายชนะ ว่าจะบอกอะไรดีๆเกี่ยวกับวัฒน์ให้นายสักหน่อย...รับรองว่าฟังแล้วต้องช็อกสุดๆแน่”

          เนเผลอตีหน้าเบี้ยวใส่ ฟังแล้วอยากรู้ใจจะขาด แต่อีกใจก็ไม่อยากรู้เป็นที่สุด ลองว่ามันเป็นเรื่องที่ออกจากปากของฉัตร มันก็ต้องมีโยงไปถึงเรื่องสายสัมพันธ์ที่เขาไม่มีวันเข้าถึงอยู่แล้ว

          จะเพราะดีต่อเราหรือไม่ ความจริงที่ว่าสองคนนี้สนิทจนรู้จักกันทุกเรื่องก็ไม่เปลี่ยน

          ขนาดกับเมียเก่าเขา เรายังแทบจะมองไม่ไหวเลย แค่เห็นก็หงุดหงิดจนห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว...ถ้าเป็นหมอนี่ เราไม่หยิ่งหงุดหงิดจนทนไม่ไหวหรือไง แค่ที่เห็นตอนนี้ก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว

          ......

          เจ็บบ้าเจ็บบอ เจ็บหาพระบิดาอะไรฟะ!! โอ๊ย จะมาจี๊ดใจทำไมเนี่ย เราไม่ได้คิดอะไรกับลุงแกสักหน่อย!! ที่อยากรู้น่ะ ก็แค่ในฐานะเพื่อนร่วมงาน...เท่านั้น!!!
         
          ทั้งที่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...แล้วก็ไม่ได้อยากให้เป็น...ทำไมเราถึงต้องมารู้สึกบ้าบออะไรแบบนี้ด้วยนะ ไม่เข้าใจเลย...

          “ว่าไง หรือไม่อยากฟังล่ะ” เห็นเนทำหน้าเหมือนลูกหมาจะงับคอตน แต่ก็ไม่ยอมพุ่งเข้ามาสักที ฉัตรเลยถามต่อด้วยท่าทีเหนือกว่าสุดๆ

          เนกัดฟันแน่น “จะแกล้งอะไรผมอีก”

          “เฮ้ย มองโลกในแง่ร้ายจัง ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย ออกจะเป็นคนดีมีน้ำใจ” เนอยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่แผลบากตามตัวกับหูแหว่งๆนั่น มันก็ไม่ทำให้ฉัตรดูเป็นคนดีสักนิด “รับรองว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับนายแน่ๆ”

          พอเบ็ดเริ่มใหญ่ น่ากิน และดูไม่มีพิษ คนฟังก็ชักเริ่มใจอ่อน

          “ได้ แล้วอย่ากลับคำละกัน” เนแค่นตอบ “ถ้าไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ ผมเอาเรื่องคุณแน่”

          “เอ้าๆ ป๋ากับเนเลิกเมาท์กันได้แล้ว เน มาจับฉลากเร็วๆ”

          เสียงของปาล์มดึงความสนใจของทั้งสองกลับมา ตอนนี้ หนุ่มหน้าใสยืนอยู่ใกล้ๆกับเขา และกำลังยื่นกล่องสี่เหลี่ยม ขนาดหนึ่งฟุต สีขาวที่ด้านบนมีรูวงกลมตรงกลางพอให้มือลอดเข้าไปได้

          “ยืนงงอะไรอีก อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ไม่ได้ฟังที่ฉันอธิบายเลย” ปาล์มตีหน้าเบี้ยว ก่อนจะถอนหายใจ “จับฉลากเลือกกลุ่มไง ถ้าสงสัยว่าต้องทำอะไรอีก ไว้ไปถามคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับนายละกัน”

          ด้วยความที่โดนเร่ง บวกกับตนเป็นคนสุดท้ายแล้ว เนเลยรีบจับฉลากขึ้นมา กระดาษสีขาวในมือเขียนเพียงแค่หมายเลขสี่

          “โอเค พี่โค้กกับฉันซวย” ปาล์มว่าพลางแสดงอาการท้อแท้ จนเนเผลอแยกเขี้ยวใส่ “ถ้าอย่างนั้น คุณผีที่เหลือรบกวนช่วยประจำตำแหน่งด้วยนะครับ อาวัฒน์รออยู่”

          เนหันไปมองฉัตรแทบไม่ทัน ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มกวนส้นเท้า

          “ผีอะไร” เพราะไม่ได้ฟังเลยสักนิด เนจึงถามด้วยความสงสัยและลนลานเมื่อเห็นฉัตรเดินหายขึ้นไปชั้นบนตรงบันไดอีกฝั่ง ทั้งยังไม่เห็นวัฒน์อยู่ด้วยเลย

          “ถ้ามีรางวัลผู้รับฟังยอดแย่ รับรอบว่านายชนะชัวร์ๆ” ปาล์มแขวะเมื่อเห็นสีหน้าเหรอหราของเน “เราจะเล่นเก็บธงกันในตึก แล้วทีนี้ คนที่ไม่ได้เป็นผู้เล่นจะเป็นฝ่ายคอยดักและแย่งธงพวกเรา แต่เราสามารถเอาชนะผีได้ด้วยการดึงผ้าคาดแขนสีแดง กลุ่มไหนได้ธงเยอะสุดภายในเวลาสามชั่วโมงก็ชนะตามระเบียบ...รางวัลตามปกติก็อะไรก็ได้ที่เป็นสินค้าในกลุ่ม ของเราหนึ่งอย่าง...แต่รอบนี้เด็ดกว่าเพราะมีรางวัลพิเศษจากคุณสิทธิ์ด้วย”

          แล้วคนแจกรางวัลก็แข่งด้วยเนี่ยนะ...

          “เอาน่า ฉันแข่งเล่นๆ รางวัลก็ยกให้คนที่ได้ที่สองก็พอ” คุณเจ้านายพูดเหมือนชนะไปแล้ว “แต่ถ้าใครชนะฉันได้ รางวัลพิเศษบวกเพิ่มด้วยนา”

          เนรู้ดีว่าสิทธิ์ต้องการให้ลูกน้องแข่งกันเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจตน...ซึ่งก็ได้ผลจนน่ากลัว แต่ละคนทำหน้าอย่างกับแร้งเห็นเหยื่อ

          “แหม่ งานนี้ท่าทางจะมันส์” โค้กเอ่ยก่อนจะหักนิ้ว ทำท่าเหมือนจะไปฉะกับชาวบ้าน จากนั้นก็ปรายตามองเด็กใหม่ในกลุ่ม “อ้าว เป็นอะไรน่ะเน หน้าตาท่าทางซีดๆนะ”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปมองคนทัก...จะให้บอกหรือว่ามัวแต่กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ฉัตรพูดอยู่กัน

          “...พอดีฉันไม่ถูกกับความมืดนิดหน่อย...” และถ้าให้เลือก เขายอมโดนหาว่ากลัวผีดีกว่า

          “แหม เอาน่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ” ปาล์มหัวเราะร่าแล้วตบบ่า “ก็กลุ่มเราดันมีคนที่ชอบเรื่องผีนี่นะ...”

          เสียงทุ้มขาดช่วงไป และแต่ละคนก็พากันหน้านิ่ง เพราะถ้าไม่ได้คิดไปเอง พวกเขารู้สึกเหมือนมีอะไรเดินผ่านวูบวาบทั้งที่ไม่มีลมพัด

          เมื่อเสียงสัญญาณดังขึ้น เนคิดว่าแต่ละกลุ่มจะพากันวิ่งขึ้นไปชั้นบน แต่กลายเป็นว่าเขาคิดผิดอยากแรงมาก

          “เหวอ” เนร้องก่อนจะหลบลูกถีบที่บินเข้ามาหมายจะลูบไล้ใบหน้า “ไอ้ต่อ!...แอ่ก”

          เนโดนผลักเต็มแรง แต่ก็ตั้งตัวทันก่อนจะล้มหงายหลัง ดวงตาเรียวเพ่งมองอีกฝ่ายผ่านความมืดสลัว อย่าว่าแต่เขาเลย ในตอนนี้ทุกคนกำลังตะลุมบอนกันอย่างเมามัน

          “วิธีที่ชนะง่ายสุด คือกำจัดศัตรูไง ฮะๆ” ปาล์มหัวเราะก่อนจะช่วยดึงเนให้พ้นจากวิถีหมัดของต่อ “ไฮ่ ย่ะ!!”

          อันที่จริง เนก็ไม่ได้มีปัญหากับการใช้ความรุนแรงนัก แค่ไม่คิดว่าปาล์มจะถีบต่อจนกระเด็นเสียไกลเป็นเมตร เล่นเอาเด็กหนุ่มเกิดผวาขึ้นมาว่าต่อจะมีอันเป็นไปเสียจริงๆ

          “ไม่ตายหรอกน่า ขั้นนี้แล้ว” ปาล์มว่าเมื่อเห็นเนลนลาน “มานี่”

          เด็กหนุ่มหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่เรียกให้ตนตามไป ยังมุมมืดด้านในของตึก ซึ่งกว่าจะเดินเข้าไปได้ ก็นับว่าทุลักทุเลพอสมควร แม้จะพยายามย่องๆ เดินก้มต่ำๆให้ไม่เป็นที่สังเกต แต่ก็โดนเห็นเป็นช่วงๆจนเสียเวลาพอสมควรกว่าจะฝ่าดงหมัดดงเท้าออกมาได้

          “ไง นึกว่าจะโดนไอ้ต่อเล่นงานดับซะแล้ว” โค้กที่รออยู่ก่อนแล้วแซวเมื่อเห็นสภาพสะบักสะบอมของเน “ใช้ได้เหมือนกันนะ ปกติคนที่เข้าร่วมครั้งแรก ไม่ค่อยมีใครอยู่รอดออกจากดงไปได้หรอก”

          เนเพียงแต่ยิ้มหน้าเจื่อนให้ นับว่าเคราะห์ดีที่คนโจมตีเป็นต่อ ซึ่งแผ่กระแสจิตวูบวาบให้รู้ตัวก่อนจะโดนสวนอย่างจัง

          “ไปชั้นบนเถอะ ผมเห็นคนอื่นก็มีแอบๆหนีขึ้นไปบ้างแล้วล่ะ” ปาล์มเรียกพลางชี้ไปยังช่องว่างบนเพดานที่อยู่ไม่ห่างจากที่พวกเขากำลังยืน “...พวกขาบู๊นี่ก็กะไม่ไปจนไม่เหลือใครจริงๆแฮะ”

          เนพยายายามไม่สนเสียงชกต่อยและร้องโหวกเหวก ไต่ช่องว่างตามเพื่อนร่วมกลุ่มไปติดๆ และยังไต่ต่อไปเรื่อยๆจนถึงชั้นแปด ซึ่งเงียบสงบและแทบไม่ได้ยินเสียงสู้จากด้านล่างเลย

          “เก็บธงชั้นนี้ก่อนละกัน...เดี๋ยวฉันแยกไปเก็บ พวกนายสองคนก็ช่วยกันนะ แข่งครั้งนี้ ถ้าคนในกลุ่มออกจากการแข่งไปสักคนก็แพ้ทั้งกลุ่มนะ”

          เนจะไม่ของขึ้นเลย ถ้าโค้กไม่ได้มองมาด้วยสายตาเหมือนกะว่าเขาต้องแย่แน่ๆถ้าไม่มีปาล์มไปด้วย

          “เอาน่า พี่โค้กเขาก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ” และเหมือนปาล์มจะรู้ หลังจากแยกตัวกันไปคนละฝั่ง ก็เอ่ยขึ้น “ไม่ได้คิดว่านายเป็นตัวถ่วงอะไรหรอก”

          “หรือ...เขาเป็นแบบนี้เสมอหรือ...” เมื่อได้โอกาส ก็ไม่ลืมที่จะถามข้อมูลศัตรู...เอ๊ย แค่อยากรู้จักให้มากขึ้นในฐานะที่อยู่กลุ่มเดียวกันต่างหาก!!

          “ก็เป็นคนร่าเริงดี แล้วก็สู้เก่งที่สุด...ถ้าไม่นับพ่อฉันหรือผู้อาวุโสคนอื่นๆล่ะนะ ฮะๆ จำลำดับที่ฉันเคยพูดได้ไหม ที่หนึ่งก็พี่โค้กไง ส่วนที่สองก็พี่ศาสตร์” ได้ยินจากคนที่เหมือนจะเก่งกว่าตนแล้ว เนก็ยิ่งหน้าเบี้ยว แต่โชคดีที่ชั้นนี้ค่อนข้างมืด ปาล์มเลยมองไม่เห็นสีหน้าของคู่สนทนา ทั้งยังมัวแต่มองหาธงขนาดครึ่งฟุตด้วย “พวกศัตรูตั้งฉายาให้ด้วยนะ ว่ายมทูตหน้าเป็น”

          เนไม่แน่ใจว่าจะกลัวดี หรือจะขำดี

          “แล้วอีกคน...คุณศาสตร์ล่ะ เห็นพวกเขาไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด สนิทกันหรือ”

          ปาล์มไม่ตอบคำถามนั้นในทันที พอเนพยายามมองให้ดีก็พบว่าตนโดนอีกฝ่ายเพ่งเล็งอยู่

          “ฉันแค่ถามเฉยๆ ก็อยากให้รู้จักกันนี่ ไม่ได้คิดอะไรอย่างที่นายคิดสักหน่อย” พอนึกถึงคดีเก่า เนก็กระซิบบอกเสียงตื่น

          “ก็ไม่รู้นี่หว่า สองคนนั้นเนื้อหอมจะตาย เผื่อนายจะหลงกับเขาด้วย ฮะๆ” ปาล์มยังคงพูดทีเล่นทีจริง แต่กลับเดินห่างจากคู่สนทนาชอบกล “ก็สนิทอยู่หรอก...พี่ศาสตร์เองก็เป็นคนร่าเริงเหมือนกันนะ เพียงแต่สีหน้ากับท่าทางไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่...แต่เรื่องความ บ้านี่ สองคนนั้นสูสีคู่คี่กันสุดๆ”

          “เหรอ...” เนนิ่วหน้าให้กับประโยคหลัง นึกภาพตามไม่ออกเท่าใดนัก “...จะว่าไป พวกเขาดูสนิทกับคุณวัฒน์ดีนะ แถมยังไม่ออกอาการกลัวคุณวัฒน์เหมือนกับคนอื่นๆเลยด้วย”

          “เพราะบ้าไง” คำตอบเล่นเอาเนหน้าเบี้ยวกว่า เพราะกระทบตัวเองเข้าอย่างจัง “ขนาดอาวัฒน์แกทำหน้าน่ากลัวเหมือนกำลังจะไปฆ่าคน พี่โค้กยังกล้าเข้าไปกระโดดกอดพูดหยอกเลย ถ้าเป็นคนอื่นมีหวังโดนรังสีพิฆาตจากอาจนขยับไม่ได้กันไปแล้ว”

          ขนาดนั้นเลยเรอะ...ก็อยากจะถาม แต่กลัวจะโดนหาว่าบ้าไปอีกคน

          การสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น เพราะปาล์มเร่งให้หาต่อ ทั้งสามกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง ธงที่ได้มามีอยู่ราวสิบกว่าธงได้

          “ลองไปหาชั้นบนต่อละกัน...เราไม่รู้ว่าธงทั้งหมดมีกี่ธงกันแน่ บางทีมันอาจจะน้อยก็ได้” โค้กว่าพลางฝากธงทั้งหมดไว้ให้กับปาล์ม “ตอนแยกกัน ฉันลองลงไปดูชั้นล่างๆแล้วยังเหลือกลุ่มอื่นอีกสองสามกลุ่ม ทางที่ดี เราขึ้นไปดีกว่า คนน่าจะน้อย...”

          ทั้งสามหันไปอย่างพร้อมเพรียงเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างกระแทกซีเมนต์ กระนั้นบนอาคารที่มืดสลัว กลับไม่มีเงาคนอยู่แถวนั้นเลย นอกจากเสาตึก

          “หรือจะซ่อนอยู่หลังเสา” ปาล์มกระซิบบอก พยายามไม่คิดถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ แม้บรรยากาศจะพาไปเป็นที่สุดก็ตาม

          โค้กไม่พูดพร่ำทำเพลง หรือแม้แต่จะแสดงอาการหวาดหวั่น ชายหนุ่มย่องเสียงเงียบไปสำรวจตามหลังเสาต่างๆ แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่เจออะไรผิดสังเกต

          “คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง อาจจะยังมีธงอยู่ชั้นนี้ แล้วโดนลมพัดหรืออะไรจนร่วงลงมามากกว่า” โค้กว่า แต่สายตาก็ยังสอดส่ายไปทั่วไม่หยุด “...กลัวหรือเน”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้าซีดๆไปให้ เขาไม่พูดอะไร นอกจากชี้ไปยังประตูบันไดหนีไฟที่เปิดแง้มอยู่

          ที่พื้นตรงนั้น มีมือขาวซีดโผล่ออกมา...

 

          “ตามเรื่องถึงไหนแล้ว”

          ฉัตรเลิกคิ้วมองคนถามที่ดูไม่ค่อยจะออกเท่าใดว่าคิดอะไรอยู่ หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เอียงคอมองไปทั่วอาคาร ซึ่งในตอนนี้มีเพียงทั้งสองที่อยู่ในชั้นนี้ ฉัตรออกอาการอึกอัก คิดอยู่นานสองนานกว่าจะเอ่ยปาก

          “ก็ยังไม่ถึงไหน แบบว่าไม่ค่อยว่างเท่าไหร่...แล้วไอ้เด็กนั่นมันทำอะไรผิดสังเกตบ้างหรือเปล่า”

          ดวงตาเรียวตวัดมองคนข้างกาย คล้ายกับไม่พอใจที่โดนถาม เล่นเอาคนตัวใหญ่กว่าถึงกับหวั่น ทั้งที่จริง วัฒน์แค่กำลังตื่นกับคำถามนั้นก็เท่านั้น เพราะดันไปคิดถึงอะไรที่ไม่ควรคิดก็เท่านั้น

          ก็มันดันมีแต่เรื่องพรรค์นั้นที่ผิดสังเกตนี่หว่า

          จะเป็นเพราะกลับตัวกลับใจอะไรก็เถอะ พักหลัง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ไอ้เด็กบ้านั่นเล่นเอาแต่มองด้วยสายตาแปลกๆตลอด จะเป็นเพราะมองเพื่อสังเกตการณ์ก็ไม่เห็นต้องมองด้วยอารมณ์วาบหวิว ชวนระทึกเลยนี่หว่า แล้วที่มันหนักกว่าก็คือตอนมันละเมอเรียกชื่อตนด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรงนี่ล่ะ

          หรือมันจะพยายามกลับใจมากไปจนเพี้ยน...

          ให้ตายยังไงเขาก็ไม่คิดเข้าข้างตัวเองหรอก และถึงจะเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็รู้ตัวดีว่า ตนไม่มีทางยอมรับเด็กรุ่นลูกที่ต้องสงสัยว่าเป็นศัตรูของสิทธิ์ได้หรอก

          แบบนั้น มันจะไม่แค่เจ็บปกติ แต่จะเจ็บจนเจียนตายแน่ๆ ก็ทางที่กำลังชักชวนให้เดินเข้าไป นอกจากจะโรยด้วยตะปูหนาม ยังจะมีเกลือพร้อมทาทาบแผลอีกต่างหาก

          เชือกเพียงเส้นเดียวยังคอยช่วยรั้งหัวใจไม่ให้เตลิดก็กำลังจะขาดลงอยู่รอมร่อ นึกหงุดหงิดและไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมเจ้าเด็กบ้านั่นถึงทำให้ตนสับสนว้าวุ่นได้ขนาดนี้

          ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ เธอก็จะรั้งฉันไว้แท้ๆ…รั้งไว้ได้ทุกทีจนฉันแทบจะไม่แม้แต่จะกล้านึกมีใครใหม่ แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่เป็นแบบนั้นอีกล่ะ

          หรือเธอต้องการให้มันเป็นแบบนี้กัน…นี่มันแกล้งฉันชัดๆเลยนะ!!

          ฉัตรอยากจะถาม เพราะเห็นสีหน้าของวัฒน์ดูไม่สู้ดีเอาเสียเลย แต่ในขณะเดียวกันก็แผ่รังสีอาฆาตมาเสียเต็มเหนี่ยว เลยได้แต่เหล่มองด้วยความเป็นห่วงอย่างเงียบๆแทน


_______________________________________________________

ฟิตๆ


ปล่อยให้เนไปเดินเล่นกับคู่แข่ง และให้ลุงยืนกลุ้มต่อไป
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 42 (7/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 07-08-2015 14:28:36
ซึนกับซึนนี่นะ :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 42 (7/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 07-08-2015 21:50:34
 :ruready  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 42 (7/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 07-08-2015 22:08:37
โค้กกะศาสตร์เป็นที่หนึ่งกะที่สองแฮะ แถมชอบอาวัฒน์อีก เฮ้อออ
เนจะทำยังไงต่อล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 42 (7/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-08-2015 22:23:02
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 43 (9/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 09-08-2015 11:34:26
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 43


          “ไปดินาย”

          “นายดิ ไปเลย”

          “นายนั่นแหละ ไปดิ”

          สามหนุ่มต่างจ้องหน้ากันอย่างเคร่งเครียด สายตาก็เอาแต่มองแขนปริศนาไม่วางตา กลัวว่าหากพลาดไป มันอาจจะหาย...แต่อีกใจก็อยากจะให้หายเสียเหลือเกิน

          “มันอาจจะเป็นแค่ศพก็ได้” คำสันนิษฐานที่ฟังดูไม่ช่วยให้สบายใจดังขึ้นจากปากของโค้ก “จะไปกลัวทำไม”

          “ถ้าพระคุณพี่ไม่กลัวก็ไปดิครับ ไหนตอนฟื้นไข้เห็นบอกว่าไปท่องโลกวิญญาณอยู่เป็นเดือน ได้เพื่อนเป็นผีเยอะเลยไม่ใช่เรอะ” ปาล์มแย้งเสียงตื่น ท่าทางกลัวจริงจังเสียเหลือเกิน

          “แกจะเอาอะไรกับคนเพิ่งฟื้นไข้วะ สติสตังมันจะไปอยู่กับตัวที่ไหน” โค้กพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น “เอาเป็นว่าตูกลัว จบมะ”

          บังคับจบชัดๆ...

          “ถ้างั้นเด็กใหม่ไปก่อนเลย อย่าได้ขัดรุ่นพี่” คราวนี้โค้กเริ่มใช้อำนาจ “เร็วดิ๊”

          “ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ” อันที่จริงอยากจะสวนไปหนักๆว่าไม่อยากจะทำตามคำสั่งมากกว่า แต่ยังไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูในตอนนี้ และด้วยเรื่องนี้ “ผมบอกแล้วไงว่าผมกลัว เกิดผมช็อกตายไปจะทำไง”

          “เออ นั่นดิ ไอ้เนมันก็บอกอยู่ทนโท่ว่ากลัวความมืดจะตาย พี่โค้กน่ะ อายุเยอะสุด ไปเลย แสดงความเป็นพี่ชายให้เห็นหน่อยสิครับ” ปาล์มเสริม ท่าทางอยากให้โค้กไปเป็นที่สุด

          “ทีงี้มานับอายุกันนะ” โค้กกัดฟัน ท่าทางไม่อยากไปสุดขีด “ช่วยไม่ได้ล่ะนะ แก่สุดก็เงี้ย”

          คนอายุน้อยทั้งสองต่างปลื้มปิติที่พี่ใหญ่ยอมใจกล้าไปท้าพิสูจน์ แม้จะเดินไปแช่งพวกเขาไปตลอดทางก็ตาม

          ร่างโปร่งของชายหนุ่มค่อยๆคืบคลานเข้าหาทีละน้อย คนมองก็พากันลุ้นระทึกจนหืดขึ้นคอกันไปด้วย ยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ ความเร็วในการคืบคลานก็ช้าลงตามไปด้วย
         
          “เฮ้ เพ่ ช้าเป็นเต่าคลานแล้วนะ” ปาล์มตะโกนเสียงเบาไล่หลัง เล่นเอาคนที่กำลังเดินถึงกับสะดุ้ง แล้วหันมาแยกเขี้ยวใส่

          ร่างสูงหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูบันไดหนีไฟ แล้วค่อยๆก้มตัวลงไปทีละน้อย...

          “จ๊าก!!!”

          “ว้าก!!”

          เสียงร้องดังระงมไปทั้งอาคารจนก้องไปทั่ว โค้กซึ่งแผดเสียงเป็นคนแรกกระโดดดึ๋งหนีจากตรงนั้นและพยายามสะบัดสิ่งที่เกาะแขนตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย แถมยังจะวิ่งมาทางพวกเนอีกต่างหาก

          “ว้าก! อย่ามาทางนี้สิเฮ้ย” ปาล์มร้องเสียงหลงก่อนจะหนีด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

          “ก็ช่วยฉันด้วยสิเฮ้ย” โค้กร้องลั่น วิ่งไล่ปาล์มไม่หยุด

          แต่ไม่ต้องช่วย มือผีก็หลุดออกไปด้วยแรงสะบัดแล้ว

          ทั้งสามพากันมองมือปริศนานั่น พอมองดูให้ดีๆแล้วก็เห็นเศษคล้ายเศษกระดาษหลุดลุ่ยออกมาตามรอยแผลเต็มไปหมด

          ของปลอมนี่หว่า

          “แหม ก็ร้องซะเต็มเหนี่ยวกับของเด็กเล่น” ไอ้คนร้องก่อนเพื่อนกลับมาเก็กหน้านิ่งทั้งที่สายไปหลายขุม “เอ้าๆ รีบไปดีกว่า สงสัยคงใครสักคนที่เป็นผีทำเตรียมไว้ละมั้ง...”

          โค้กเงียบเสียงไป และอยู่ๆก็ดึงตัวเนเข้ามาหา จนเด็กหนุ่มเกือบหน้าทิ่ม

          ก่อนที่เนจะได้ด่าพ่อล่อแม่ เสียงลมวูบหวีดหวิวที่เฉี่ยวเข้าปลายคางทำเอาหุบปากแทบไม่ทัน ดวงตาเรียวเพ่งมองเจ้าของหมัดที่ยืนอยู่ด้านหลังตน

          “จ๊าก!!”

          เสียงหวีดร้องดังลั่นหลังจากได้เห็นหน้าคนจู่โจมที่ดูมืดมนอึมครึม ทั้งยังผมเผารุงรัง ตาก็สะท้อนแสงแวบวับอีกต่าง

          “ใจเย็นไอ้น้อง ไม่ใช่ผี ถึงจะเหมือนก็เถอะ ฮะๆ” โค้กว่าก่อนจะเข้ามาขวางทางผีเอาไว้ “ทั้งหมดนี่ของพี่เรอะ”

          คนผมเผ้ารุงรังอย่างกับรังนกสะบัดหัวขึ้นมองคนที่สูงพอๆกันตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะใส่พลางชูธงเป็นสิบขึ้นมา

          “ก็พอจะหลอกคนบ้าๆได้หลายคนละนะ” ชายวัยราวสามสิบกว่าเอ่ย แว่นทรงกลมที่เขาใส่หนาเตอะเสียจนมองไม่เห็นดวงตา “แหม่ อีกนิดเดียวเอง นึกว่าเก็บธงไว้กับเด็กใหม่เสียอีก”

          “อะไร จะลวนลามเนหรือพี่ก้อง” ได้ยินปามพูดแล้วเนแทบหันกลับมามองและถอยหนีอีกฝ่ายแทบไม่ทัน “เดี๋ยวพี่ฤทธิ์ก็จับทุ่มเอาหรอก”

          “ฮะๆ ตอนนี้หมอนั่นก็กำลังเที่ยวลวนลามคนอื่นอยู่ชั้นสิบสี่ล่ะมั้ง” ก้องว่าพลางขยับแว่น “ถ้าขึ้นกันไปถึงน่ะนะ”

          เนนิ่วหน้า แม้จะไม่เคยประมือกันมาก่อน แต่ก็ยอมรับว่าอีกฝ่ายเก่งพอที่จะเข้าข้างหลังโดยที่เขาไม่รู้ตัวได้...ยิ่ง ฟังคำที่ปาล์มพูดก่อนหน้า ยิ่งชวนหวาดหวั่นประตูหลังเข้าไปใหญ่

          แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคุณวัฒน์แทนล่ะก็...

          คิดบ้าอะไรของตูฟะ!!!

          “เหยอ!!”

          เนร้องไม่เป็นภาษาเมื่ออยู่ๆก็มีเงาทะมึนวูบผ่านหน้า เด็กหนุ่มหลบมือมารที่พุ่งเข้าแก้มได้อย่างฉิวเฉียด หากพลาดไปคงได้ลงไปนอนนับดาว

          “ฮึ่ย” เนรู้สึกหงุดหงิดเพราะพยายามจะสวนกลับหลายต่อหลายที แต่ก็หวืดทุกที ไม่คิดว่าจะมีคนหลบหมัดของตนได้อย่างสบายๆแบบนี้

          ปาล์มฉวยโอกาสที่ก้องเอาแต่สนใจเน กระแทกเข้าหลังหนุ่มแว่นเต็มรัก แต่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร ซ้ำยังเกือบจะโดนถีบกลับอีกต่างหาก

          “รุมคนแก่งี้ขี้โกงนี่หว่า” ก้องโวยวายทั้งที่ตอนนี้ตัวเองเป็นต่อกว่าแท้ๆ ทั้งยังแฮ้บธงไปจากปาล์มได้อีกสามธง “แน่จริงเข้ามาตัวต่อตัวสิฟะ ไอ้พวกเด็กผี”

          “แหม่ ขนาดรุมยังล้มเฮียไม่ได้ หนึ่งต่อหนึ่งก็ได้ไปสวรรค์เรียงคิวสิครับ” ปาล์มแซว “โอ๊ะ แต่ไม่ใช่สวรรค์อย่างว่านะ อันนั้นพี่ไปขึ้นกับพี่ฤทธิ์คนเดียวเถอะ”

          จากที่กำลังหาทางแย่งธงกลับ เนถึงกับชะงัก สำลักน้ำลายตัวเองรัวๆ

          “อึก” และคุณผีเองก็ไม่พลาดจังหวะนี้ สวนเข้าท้องน้อยของเนเต็มรัก เล่นเอากระอัก ทรุดลงไปกุมท้องด้วยความเจ็บปวด

          ไอ้แก่นี่!!

          เนพยายามฝืนเจ็บและเตะขัดขาคนที่กำลังง่วนอยู่กับการตั้งรับเพื่อนในกลุ่ม ทันทีที่ล้ม คนที่เหลือก็จัดการจับก้องกดกับพื้นเอาไว้ทันที

          “อ๊ะ จับตรงไหนของพวกนายน่ะ จะรุมโทรมฉันเรอะ” ทั้งที่เสียเปรียบแต่น้ำเสียงที่ร้องออกมากลับไม่มีอาการร้อนรนแต่อย่างใด ทั้งยังพูดเล่นได้ “อ๊าง”

          “หยุดเหอะ” ปาล์มว่า ท่าทางสยองขวัญเต็มทน พยายามรีบๆล้วงหาสิ่งที่ต้องการ และดึงผ้าคาดแขนอีกฝ่ายออก

          “โถ หนำใจแล้วล่ะสิ ฮะๆ” ทั้งที่โดนแย่งธงไปจนหมดก็ยังแซวไม่เลิก “ไม่คิดว่าจะเสียท่าให้กับกลุ่มที่มีเด็กใหม่เลยวุ่ย”

          “ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตายนะเพ่ชาย” โค้กยิ้มเยาะ

          “ไม่อยากให้คนที่เพิ่งผ่านความตายมาพูดแบบนี้เลยว่ะ” หนุ่มแว่นค่อนแคะเสียงแหบ “เออ ไปเถอะ ไปที่ชั้นสิบสี่ พวกแกคงขึ้นไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ ฮะๆ”
         
          คำขู่ที่ทำให้ปาล์มกับโค้กถึงกับสั่น ทำเอาเนนึกสงสัย อย่างเดียวที่พอจำได้คือ คนที่ชื่อฤทธิ์อยู่ชั้นนั้น...

          “คุณเป็นเกย์หรือ”

          คำถามที่ทำเอาคนฟังพากันมองหน้า ก่อนที่ก้องจะหัวเราะ

          “อยากทดสอบไหมล่ะ”

          ถอยหลังกรูดเลยทีเดียว เพราะไอ้คนพูดมันเล่นเอานิ้วลูบปากตัวเองพร้อมกับแลบลิ้นเลียอีก

          “ถ้าไม่ได้เป็น ฉันก็ไม่ยุ่งหรอกน่า” พอเห็นเด็กหนุ่มแสดงอาการกลัวเสียเหลือเกิน ก้องก็บอกพร้อมกับหัวเราะไม่เลิก “...”

          “อะไรครับ...” พอเห็นก้องเอาแต่จ้องไม่เลิก เนก็อดถามไม่ได้

          “...ไม่ มีอะไร รีบๆขึ้นไปให้ไอ้ฤทธิ์โดนปล้ำเถอะ ถึงนายจะไม่ใช่สเป็กหมอนั่นก็ตาม” หนุ่มแว่นบอกพลางโบกมือให้ “ส่วนไอ้โค้ก เตรียมก้นให้หมอนั่นลูบเอาไว้ได้เลย”

          “ไม่เอาว้อยย” หนุ่มหน้าเด็กร้องเสียงตื่นพร้อมกับใช้มือบังหลังเต็มพิกัดอย่างหวงแหน “ขอเหอะ พี่ก้องเป็นแฟนพี่ฤทธิ์ไม่ใช่เรอะ ไม่ห้ามบ้างเหรอ”

          “แล้วคิดว่าห้ามอยู่หรือ” เสียงทุ้มย้อน “เอาเถอะ ฉันก็หาเศษหาเลยไปซะเยอะ จะไปห้ามมันก็เข้าตัวเอง...เอาเป็นว่าโชคดีก็แล้วกันนะจ๊ะ”

          แต่ละคนทำหน้าเหมือนปลาซาร์ดีนโดนแดดกันเป็นแถว

          “ให้ตายเถอะ สองคนนั่นมาเป็นฝ่ายไล่ทีไร สยองขวัญทุกที” หลังจากหนีขึ้นมาอีกชั้น ปาล์มก็บ่นขึ้นพลางลูบแขนไปมา “ชอบไล่ปล้ำคนอื่นตลอด นายเองก็ระวังไว้ล่ะ”

          “...อืม...” เนรับเสียงเบา เริ่มสยองปนสับสนตาม

          ใช่...กับคนอื่นก็ไม่ชอบ ไม่อยากจะจับ และไม่นึกอยากจะจับ...

          ...แต่ทำไมกับเขา เรากลับไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อยนะ...

          …รักหรือ...

          ไม่ๆๆ ไม่ใช่แบบนั้นแน่ ไม่มีทาง...ก็บอกว่าไม่มีทางไงล่ะโว้ย ยังไงตูก็ไม่เอาคนชรามาเป็นคู่แน่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องการหรือไม่ก็ตาม มันบ้าชัดๆ!!

          “หยุดก่อน”

          เสียงของโค้กดึงเนออกจากภวังค์ ดวงตาเรียวเพ่งมองผ่านความมืดไปยังทางที่โค้กชี้ เงาร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่เพียงคนเดียวพลางหาวหวอดๆ ท่าทางเบื่อหน่ายเต็มทน เขาไว้ผมหน้าปัดไปทางขวา ผมด้านหลังซอยสั้น ดวงตาตกนั้นยิ่งทำให้อาการเบื่อหน่ายดูมากกว่าปกติ

          “นั่นล่ะพี่ฤทธิ์” ได้ยินชื่อถึงกับสะพรึง “อย่าได้คิดว่าจะกินง่ายเหมือนพี่ก้องเชียว...ต่อให้พวกเรารุมก็ไม่แน่ใจว่าจะชนะได้หรอก”

          “แล้วจะเอายังไงล่ะ” เนหันไปถามปาล์มอย่างกระวนกระวาย

          “แย่แฮะ ไม่ไหวแน่ๆ” แม้แต่โค้กเองก็ยังตัดใจ “เอางี้ เราหลบไปชั้นอื่นดี...”

          “เฮ้ จะหลบกันอยู่อีกนานไหม”

          เสียงคนเป็นผีดังขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ทำเอาคนที่กำลังปรึกษากันสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวทั้งที่พวกเขาก็ยืนห่างจากฤทธิ์ตั้งไกล

          “ถ้าไม่ออกมา ฉันจะเข้าไปแล้วนะ” เสียงทุ้มฟังดูระรื่นมากกว่าจะหาเรื่อง “แล้วถึงตอนนั้น จะมาหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้นา...”

          ได้ยินน้ำเสียงช่วงท้ายแล้ว เนชักไม่แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาตะบันหน้า หรือทำอย่างอื่นกันแน่

          “เฮ้”

          ก่อนที่จะได้ตัดสินใจ เสียงปริศนาที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นไม่ห่าง

          “คุณสิทธิ์” เนเลิกคิ้วมอง ลืมระวังตัวเสียสนิท

          “ตอนนี้เราพักรบกันก่อนดีกว่านะ” สิทธิ์รีบกระซิบบอกเมื่อเห็นโค้กกับปาล์มยังคงออกอาการระแวดระวังเต็มที่ “ไม่งั้นผ่านพี่ฤทธิ์ไปไม่ได้หรอก”

          “นั่นสินะ...งั้นเราร่วมมือกันชั่วคราวก่อน” โค้กเห็นด้วยทันที “แล้วคนอื่นในกลุ่มคุณสิทธิ์ละครับ”

          “อยู่ตรงโน้น” สิทธิ์ชี้ไปยังมุมด้านในของตึก “พี่ศาสตร์กลัวพี่ฤทธิ์จนไม่ยอมเข้ามาเลย พี่อรรถเองก็พอกัน ไม่รู้จะกลัวพี่ฤทธิ์ทำไมนัก”

          “แหม่ คุณสิทธิ์ไม่โดนพี่ฤทธิ์ลวนลามก็พูดได้นี่ครับ” ปาล์มโวยเสียงเบา “เอาเถอะ แล้วคุณสิทธิ์มีแผนหรือเปล่า”

          “จะว่ามีก็มี ไม่มีก็ไม่มี...คือมันค่อนข้างจะเสี่ยงน่ะ” ผู้เป็นเจ้านายพูดกำกวนชวนงงจนแต่ละคนพากันนิ่วหน้า “เอาเป็นว่า...”

          ว่าแล้วก็ซุบซิบบางอย่างกับเนและปาล์ม ปล่อยให้โค้กได้แต่ยืนมึน

          “อืม...อาจจะได้ผลก็ได้นะ...” ปาล์มวิเคราะห์ “เราก็ไม่เหลือทางเลือกอย่างอื่นแล้วนี่นะ”

          “อะไรๆ” ผู้ไม่ได้เข้าร่วมแผนถามอย่างใคร่รู้...แต่ก็ชักเริ่มไม่แน่ใจเมื่อเห็นปาล์มฉีกยิ้มชั่วร้ายใส่

          “หมดเวลา”

          ก่อนที่จะได้บอกแผน ฤทธิ์ก็ประกาศเวลาขึ้นแท่นประหารเสียก่อน และเดินเข้ามาหาราวกับรู้อยู่แล้วว่าคนซ่อนอยู่ตรงไหน แถมยังเดินมาพลางขยับนิ้วมือทั้งสิบไปมาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างเหมือนมารร้าย
         
          “พี่โค้กมานี่” สิทธิ์ร้องพร้อมกับกวักมือเรียก

          แม้จะยังลังเล แต่เห็นคนในทีมพยักหน้าให้ จึงยอมไปโดยไม่ถามไถ่ ถึงอย่างไรธงก็ไม่ได้อยู่ที่ตนอยู่แล้ว

          “อ้าว คุณสิทธิ์...ไอ้โค้ก” ในทีแรกฤทธิ์ค่อนข้างแปลกใจที่เห็น แต่พอเห็นคนที่มากับสิทธิ์ด้วยถึงกับทำหน้าเหมือนเสือเห็นลูกกวาง “กำลังคิดถึงแกพอดีเลยว่ะ”

          “แหม อย่าคิดถึงผมเลย ไปคิดถึงพี่ก้องโน่น” โค้กสวนกลับด้วยน้ำเสียงติดสั่น ก่อนจะหันไปกระซิบกับสิทธิ์ “เอาไงครับ”

          “ลุยเลยครับ”

          “หา เอาจริงดิครับ” โค้กถึงกับร้องอย่างลืมตัว สายตาก็ยังคงเหลือบมองมือมารที่กำลังคืบคลานเข้ามา

          “ครับ ตามนั้นเลย”

          เมื่อสิทธิ์ยังคงยืนกราน ชายหนุ่มจึงทำตาม แม้จะยังไม่แน่ใจเท่าใดนัก และนั่นก็ทำให้เขาสำนึกได้ว่าตนคิดผิดอย่างมหันต์

          “เหวอ” แรงผลักที่หลังทำเอาเสียการทรงตัว “แว้ก!!!”

          และก็เข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่รออยู่นานแล้วเต็มรัก

          “ไม่เจอกันนาน คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยหรือ” กอดอย่างเดียวไม่พอ มือก็เลื่อนลงไปต่ำเรื่อยๆอีกต่างหาก

          “ว้ากกก ปล่อยนะ!!!” โค้กโวยวาย พยายามสะบัดตัวหนี แต่อีกฝ่ายก็แรงเยอะพอกัน แม้จะสูงพอกันและหุ่นหนากว่าแค่นิดเดียว “เลิกจับก้นผมได้แล้ววว”

          “เรื่องสิจ๊ะ” หนุ่มตาตกกระซิบตอบข้างหู ทำให้คนพยายามดิ้นแรงตกเพราะความสยอง “เด็กๆนี่ดีจังน้า เนื้อแน่นน่าจับน่าฟัดไปหมด...โอ๊ะ”

          ขณะที่กำลังลวนลามอย่างมันมือ แรงดึงผ้าคาดจากแขนทำเอาฤทธิ์ต้องละจากเหยื่อน่าเคี้ยว แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

          “เย้~~” ปาล์มถึงกับกระโดดตัวลอยเมื่อเนสามารถดึงผ้าคาดแขนได้ “เรารอดแล้ว”

          “หนอย ร้ายนักนะ” ฤทธิ์เอ่ยอย่างเสียดายที่พลาดท่าให้ง่ายๆ แต่ก็ยังบีบจับขยี้ขยำก้อนเนื้อในมือไม่หยุด “ไม่คิดว่าจะมาไม้นี้แฮะ เพราะแกเลยนะไอ้โค้ก หายหัวไปนาน ฉันเลยละมือออกจากแกไม่ได้เลย”

          “โว้ย จะยังไงก็ช่าง ปล่อยผมได้แล้ว!!!” โค้กโวยลั่น เพราะอีกฝ่ายยังลวนลามตนไม่เลิก

          “แหม อีกนิดน่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว” หนุ่มตาตกอ้อน ท่าทางไม่ยอมง่ายๆ “เสียดายจัง ไอ้ศาสตร์ไปไหนก็ไม่รู้ ก้นมันนี่น่าจับที่สุดละ”

          คงจะโผล่มาให้จับอยู่หรอก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 43 (9/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-08-2015 11:46:58
ก้องว่าน่ากลัวแล้ว แต่ฤทธิ์นี่เข้าขั้นสยองขวัญเลยครัช -O-;;
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 43 (9/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 09-08-2015 13:17:44
หว๋า..คุณฤทธิ์มือปลาหมึกล่ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 43 (9/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-08-2015 16:06:56
 :m20: สรุปว่าฤทธิ์น่ากลัวสุด มือหรือหนวดปลาหมึกน่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 43 (9/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 09-08-2015 17:23:45
โอ๊ยเหลียแก๊งค์นี้ เล่นกันเป็นเด็กๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 43 (9/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-08-2015 23:14:35
ตกลงที่ทุกคนกลัวฤทธิ์นี่เพราะว่าหื่นใช่เปล่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 44 (13/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 13-08-2015 12:29:09
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 44


          “ถ้างั้นผมนำไปก่อนละกันนะ” ด้วยความที่อยู่กลุ่มเดียวกัน สิทธิ์ก็ไม่อยากให้ศาสตร์ต้องเจอชะตากรรมเดียวกับโค้กนัก “เอาเป็นว่า เราแข่งกันเก็บธงละกันนะ แต่ถ้าไปเจอกันอีก อันนี้ก็ไม่แน่”

          ว่าจบก็เผ่นไปยังทางที่ศาสตร์กบดาน ปล่อยให้กลุ่มของเนชะงักเพราะพรรคพวกโดนลวนลามไปโดยไม่แม้แต่จะช่วยห้าม

          กว่าจะหลุดออกจากนรกแห่งการล่วงละเมิดก็ล่อไปเกือบสิบนาที สภาพจิตใจของคนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์โหดร้ายมานั้นบอบช้ำ และกระทบต่อแรงกายเป็นอันมาก เพราะโค้กทำท่าเหมือนเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว

          “หวังว่าคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วนะ...” ชายหนุ่มเดินง่อนแง่น พร้อมจะทรุดลงพื้นได้ทุกเมื่อ “ฮือ...”

          “เอาน่า...เราทุกคนล้วนซาบซึ้งกับการเสียสละของพี่โค้ก และจะไม่มีวันลืมเลือน” ปาล์มว่าทำหน้าซึ้ง และรีบหลบมือที่เข้ามาตบกะโหลกตน

          “ฝากไว้ก่อนเหอะ” โค้กขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “...อะไรเน”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเผลอมองอีกฝ่าย

          “ผมแค่สงสัย ว่าทำไมคุณดูสนิทกับคุณวัฒน์มากน่ะครับ” เมื่ออยากรู้ จึงถามออกไป และคอยบอกตัวเองว่าแค่อยากรู้เท่านั้น...ไม่ได้หึงหวงอะไรทั้งสิ้น!! “ก็เห็นคนอื่นดูจะกลัวเกรงคุณวัฒน์กัน...”

          “ฉันว่าที่แปลกน่ะคือพวกนายต่างหาก” ปาล์มกลับเป็นคนพูดขึ้นเสียอย่างนั้น “โอเค อาเขาอาจจะไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คนอื่นบอก แต่ก็คุยด้วยยากอยู่ดี บางทีก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ถ้าอย่างพ่อก็ว่าไปอย่าง”

          ซึ่งเนก็ไม่แน่ใจว่าวัฒน์คุยด้วยยากอย่างที่ปาล์มบอกหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เขาไม่อยากคุยกับฉัตรแม้จะคุยง่ายกว่าก็ตาม

          หมอนั่นจะบอกอะไรเรานะ

          ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจประดังประเดเข้ามา ใจหนึ่งก็อยากรู้แทบตาย แต่อีกใจก็อยากจะหนีไปสุดชีวิต ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าเป็นเรื่องดีก็เถอะ แต่เขาไม่อยากจะปักใจเชื่อนักหรอก...
         
          แล้วทำไมเราต้องมากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ฟะ!!! จะเคยเป็นผัวเก่าเมียเก่ามาก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ตูจะต้องมาพะว้าพะวงเลยนี่หว่า

          เนชะงักเล็กน้อยเมื่อคนในกลุ่มที่เดินนำหยุดเดินเอาดื้อๆ เมื่อชะเง้อมองก็พบคนที่กำลังคิดถึง แถมไม่ใช่แค่หนึ่งแต่มีถึงสอง

          “ตายห่า” โค้กถึงกับสบถ “มานี่”

          ทั้งโค้กและปาล์มรีบดึงแขนเนที่ยังเหรอหราออกมาจากบริเวณนั้นโดยเร็วที่สุด จนคนโดนลากเกือบจะล้มแล้ว

          “ถ้าสองคนนั้นอยู่ด้วยกันนะ ต่อให้มีพี่โค้กเป็นกองทัพก็แพ้อยู่ดี” ปาล์มว่าท่าทางหวาดหวั่นเป็นที่สุด “เพราะงั้น เลี่ยงเสียจะดีกว่า”

          สีหน้าของเนดูจะไม่อยากจะเชื่อนัก แต่พอนึกถึงสภาพปานนรกตอนไปช่วยมีนที่บาร์เมื่อครั้งก่อน บวกกับนึกถึงเป้านิ่งที่เคยยิงร่วมกับวัฒน์ เขาก็เถียงไม่ค่อยจะออกนัก

          แต่เห็นใบหน้ากวนอารมณ์ของคนร่างถึกที่ทำทีเหนือกว่าเสียเต็มประดาแล้ว ก็อดของขึ้นและไม่อยากจะหนีมาเสียอย่างนั้น

          “ไม่มีทางสู้ไหวเลยจริงๆเหรอ”

          ทั้งสองต่างพากันเลิกคิ้วกับคำพูดของเด็กใหม่ ก่อนที่โค้กจะตบบ่า

          “โลกนี้มันกว้างใหญ่นักนะเนเอ๋ย แล้วเจ้าจะเข้าใจเมื่อเวลาผ่านไป” โค้กเอ่ยคำฟังดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยายแฟนตาซีโบราณ “เอาเป็นว่าตัดใจแล้วไปที่อื่นเหอะ”

          “ทำไมถึงอยากไปฉะพ่อกับอาวัฒน์ขนาดนั้นน่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะไม่ยอมอย่างชัดแจ้ง ปาล์มก็อดถามขึ้นไม่ได้ “...หรือว่านาย...”

          “ไม่ใช่แบบนั้น!!” เนร้องอย่างเหนื่อยใจ “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพวกเขาแบบนั้น โอเคนะ”

          “จริงอะ”

          เนชะงัก เพราะคราวนี้คนที่ถามกลับเป็นโค้ก ดวงตากลมของอีกฝ่ายจ้องมองอย่างใคร่รู้ แต่ก็แอบแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เนอ่านไม่ออก
         
          “จริงสิครับ” แต่ต่อให้อ่านไม่ออก มันก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่หว่า หมอนั่นจะคิดอะไรยังไงกับคุณวัฒน์ก็ไม่ใช่เรื่องของเราทั้งนั้น...แล้วทำไมต้องรู้สึกเคืองด้วยวะ!!

          “ที่ผมอยากสู้ด้วย...ก็แค่ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะอ่อนกว่าคนชราพวกนั้นต่างหาก” เนเรียกโดยไม่สนเรื่องที่ว่าคุณลูกของลุงแกก็ฟังอยู่ “ถ้าหนีก็เท่ากับป๊อดน่ะสิ”

          สีหน้าของปาล์มเหมือนต้องการจะบอกว่า ‘ตูยอมป๊อด’

          “อยากจะประลองฝีมือด้วยว่างั้นเถอะ” แต่ดูโค้กจะไม่ได้ซีเรียสอะไรนัก “มันก็จริงนะ จะหาโอกาสสู้กับสองคนนั้นพร้อมกันไม่ได้ง่ายๆเสียด้วย”

          “เฮ้ๆ เอาจริงดิ” ปาล์มร้องเสียงตื่น “ผมว่าไม่ไหวนา แค่สามคนเนี่ย มีหวังตายฟรีแน่นอน ตัดใจเหอะ”

          “แหม ไม่สมกับเป็นลูกป๋าเลยนะ”

          เสียงทุ้มแสนกวนที่ดังขึ้นมาทำเอาคนที่นั่งสุมหัวพากันกระเจิง ฉัตรยิ้มแป้นด้วยท่าทีสบายๆและไม่มีการตั้งท่าสู้แต่อย่างใด อีกทั้งไม่เข้ามาโจมตี ในขณะที่พวกเนพากันระวังตัวเต็มที่

          “ใจกล้าๆกันหน่อยน่า กับไอ้แค่คนแก่สองคน จะกลัวอะไรนักหนา” ฉัตรว่าพลางหักนิ้ว “โอ๊ะ”

          ปาล์มกับโค้กพากันเบิกตามองภาพตรงหน้า แม้จะไม่เข้าเป้า ทั้งยังโดนปัดกลับออกมาอย่างง่ายดาย แต่เนก็ยังไม่ละความพยายาม รัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่อง

          “แหม นี่กล้าหรือแค้นส่วนตัวจ๊ะ” ฉัตรกระซิบถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า เมื่อเห็นเด็กหนุ่มพยายามซัดเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

          เนไม่ตอบ แต่ออกแรงอย่างเสียเปล่าไม่นานก็ต้องถอยหนีออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะความเจ็บที่เหมือนมีวัตถุขนาดจิ๋วพุ่งเข้ากระแทกไหล่ และไม่ต้องสงสัยนานก็เห็นตัวการที่ยืนอยู่ไกลกว่า และกำลังเล็งปืนอัดลมใส่ตน

          “มานี่” โค้กเรียกก่อนจะเข้าไปแทรกแทนเน หมัดหนาของหนุ่มใหญ่ที่สวนเข้ามาหนักจนคนที่ใช้มือปัดถึงกับเจ็บแปลบ “ทางนี้ฉันลุยเอง”

          “อะไร้ ใจคอจะให้ฉันรังแกเด็กป่วยหรือ” ฉัตรเยาะ “แกก็อย่าเอาแต่ยืนทื่อสิวะ ไม่ช่วยไอ้โค้กหรือไง”

          แม้จะไม่อยากสุดๆ แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ปาล์มจึงกลั้นใจพลีชีพร่วมกับโค้กแทน

          เนเลื่อนสายตามองคนที่อยู่ไกลๆก่อนตะรีบชิ่งหลบหลังเสา รู้สึกระบมไปทั้งตัวเพราะโดนเม็ดกระสุนอัดลมยิงใส่ นึกแค้นอยู่ในใจที่โดนยิงไม่ยั้ง

          เอาไงดีวะ

          เนเลื่อนสายตามองลงไปที่ร่างกายตัวเอง ก่อนจะนึกบางอย่างออก

          วัฒน์นิ่วหน้ามองเสาที่เนเข้าไปหลบ ที่จริง เขาจะกลับไปช่วยฉัตรก็ได้ แต่หนุ่มใหญ่กลับเลือกที่จะรอเหยื่อตรงหน้าออกมาแทน ซึ่งเขาไม่ปฏิเสธว่าจงใจเล็งแต่ทางนั้นด้วย

          สนุกชะมัด

          นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ทั้งยังสะใจอีกด้วย แน่ล่ะ โอกาสแก้แค้นแบบนี้หาได้ง่ายๆที่ไหน ได้เห็นคนที่คิดร้ายกับสิทธิ์วิ่งหางจุกตูดแบบนี้...หรือต่อให้ไม่ได้เป็นคนทรยศก็สะใจอยู่ดี ที่ได้เห็นเจ้าเด็กอวดดีขี้โม้ช่างปีนเกลียวที่มาปล้ำตนจนเผลอติดใจ มาเสียท่าให้เห็นแบบนี้

          “หึย”

          ทีแรกนึกว่าหลบอยู่ตรงนี้จะปลอดภัยแล้ว แต่กลับเจอห่ากระสุนใส่เต็มตัว ทั้งที่พอเหลือบไปมองก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ที่เดิม ทั้งทิศทางที่กระสุนมาก็ไม่มีใคร...

          เนเบี่ยงตัวหลบสิ่งที่พุ่งเข้ามาตามสัญชาตญาณ หากช้าไปนิดเดียว คงเข้ากลางกระหม่อมไปแล้ว
         
          เดี๋ยวนะ ตาลุงนั่นยิงลูกชิ่งใส่ตูเรอะ!!

          แม้จะอึ้งในความเทพ แต่ความเจ็บก็บั่นเวลาชื่นชมไปมากโข เนพยายามเค้นสมองหาทุกวิถีทางที่จะพาตัวเองให้รอดจากสถานการณ์นี้ให้ได้

          วัฒน์นิ่วหน้าเมื่อไม่ได้ยินเสียงร้องของอีกฝ่าย เขาหยุดยิงและเดินเว้นระยะจากเสา เพื่ออ้อมไปดูเหยื่อ ซึ่งเมื่อเห็นเท้าที่แพลมออกมาหนุ่มใหญ่ก็หยุดเดินและยิงใส่ทันที

          เท้าน้อยรีบถอยหนี แต่มีหรือที่วัฒน์จะยอมปล่อยให้การกลั่นแกล้งนี้จบลงง่ายๆ

          “โอ๊ย!! เล็งแต่ที่เดิมอยู่นั่นล่ะ จงใจใช่ไหมครับ!!”

          “ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมา” วัฒน์ตอบกลับเสียงเรียบ แต่ยังสาดกระสุนเม็ดเล็กใส่เท้าเนไม่หยุด “ถ้าทนไม่ได้ก็ยอมแพ้ไปเสียสิ”

          แต่ตูก็ไม่หยุดยิงหรอกนะ ฮะฮ่า~~

          เนกัดฟันกรอด จริงอยู่ว่าเมื่ออีกฝ่ายใช้แค่ปืนอัดลม กระสุนเองก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก ระดับความน่ากลัวก็ลดลงไปมาก แต่กระนั้นจะพุ่งเข้าไปรับกระสุนปืนอัดลมตรงๆมันก็เจ็บเกินไปสำหรับเขาอยู่ดี

          แต่อย่านึกว่าตูจะยอมโดนอยู่แบบนี้นะเฟ้ย!!

          วัฒน์เลิกคิ้วมองเงาตะคุ่มที่ออกมาจากเสาเพื่อประจันหน้ากับตน หนุ่มใหญ่เห็นเพียงแต่เงาทึมๆ จึงยิงต่อไปอย่างไม่ได้คิดอะไร

          “?”

          แต่พอเห็นเงาร่างนั้นพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วถึงกับชะงัก

          วัฒน์เบี่ยงหลบอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อย และด้วยความที่พุ่งแบบไม่ติดเบรก กว่าจะหยุดตัวเองได้ก็ไถลไปเสียไกล จนหนุ่มใหญ่เหยียดยิ้มกับความบ้องตื้นของอีกฝ่าย และสาดกระสุนใส่อีกครั้งทันที

          แต่คราวนี้มันไม่ยักจะชะงักเพราะความเจ็บ

          ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาตะคุ่มที่พุ่งเข้ามาดูแปลกๆ และเมื่อเข้ามาใกล้ วัฒน์ถึงได้รู้สาเหตุที่เจ้าเด็กบ้านั่นมันพุ่งเข้ามาแบบไม่กลัวเจ็บ

          แขนเสื้อเชิ้ตสีเทาปลิวไสวไปตามแรงวิ่ง เสียงดังปุปะของกระสุนอัดลมชนกับเนื้อผ้าดังรัวเร็วเสียจนน่ากลัว แต่กระนั้นกลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย

          ถอดเสื้อมากางกันกระสุน…ก็ใช้หัวเป็นเหมือนกันนี่หว่า

          เมื่อเล็งช่วงบนไม่ได้ วัฒน์จึงยิงใส่ขาแทน เพียงแต่อีกฝ่ายวิ่งมาเร็วเกินกว่าเขาจะสกัดทัน และพอเลือกที่จะหลบ ไอ้เด็กผีนั่นมันก็ไล่ตามมาราวกับมองเห็นทั้งที่เอาเสื้อมาบังหน้ามิด

          เนส่งเสียงไม่พอใจในลำคอเมื่ออีกฝ่ายหลบตนได้อีกแล้ว จริงอยู่ว่าทัศนียภาพไม่ชัดเจน แต่ใช่ว่าจะมองไม่เห็นเลย และทั้งที่พุ่งออกไปสุดแรงเกิด กลับพลาดเพียงแค่ปลายนิ้ว

          “โอ๊ย” เมื่อทนไม่ได้ก็ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง แต่ก็พยายามกัดฟันทนหวังให้กระสุนหมดโดยเร็ว...และเพียงไม่กี่อึดใจเขาก็สมหวัง

          วัฒน์นิ่วหน้ามองกระสุนที่หมดเร็วเกินคาดเพราะยิงเอามันเกินไปหน่อย และทันทีที่เห็นว่าตนหมดเขี้ยวเล็บ เด็กหนุ่มก็รีบใส่เสื้อแล้วโจนทะยานเข้าหาด้วยความเร็วกว่าเดิม

          แต่ทั้งอย่างนั้นแล้วกลับยังหวืดเหมือนกัน

          เนได้แต่หันกลับไปมองด้วยความกังขา ไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงจับตาลุงไร้เรี่ยวแรงนี่ไม่ได้สักที

          “อย่าคิดว่าฉันจะยิงปืนเป็นอย่างเดียวนะโว้ย” วัฒน์บอกราวกับอ่านใจได้ “อย่างนาย คืนนี้ทั้งคืนก็จับฉันไม่ได้หรอก”

          กระนั้นเด็กหนุ่มยังดื้อดึงคล้ายไม่อยากเชื่อ และแน่นอนก็คว้าน้ำเหลวอยู่ร่ำไป...ซึ่งเนไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ว่าตนได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังแว่วออกมาจากหนุ่มใหญ่ แม้มันจะเบามากก็ตาม

          ตาแก่นี่ ทีตอนอยู่บนเตียงไม่เห็นฤทธิ์เยอะแบบนี้เลย...

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็เร็วขึ้นกว่าเดิม แม้นั่นจะไม่ทำให้อีกฝ่ายสามารถจับตนได้เลยก็ตาม

          “ยอมแพ้ซะดีๆเถอะน่า” วัฒน์บอกอย่างรำคาญเมื่ออีกฝ่ายตื๊อไม่เลิกสักที

          “แค่นี้ผมไม่ยอมง่ายๆหรอกน่า” เนร้องพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาไม่เลิก

          วัฒน์นิ่วหน้า พอมานึกได้ว่าอีกฝ่ายปากแข็งขนาดไม่ยอมสารภาพข้อมูล(ที่ไม่มีในสมองของเนเลย แม้แต่น้อย)เกี่ยวกับเดชสักที หรืออย่างน้อยจะเสนอตัวกลับไปเป็นสายให้ทางนี้หน่อยก็ยังดี ทั้งที่อยากทำตัวดีต่อตนแท้ๆ…

          จะรู้มากหรือรู้น้อย แต่ไม่ยอมบอกเลยแสดงว่ามันก็ภักดีกับไอ้แว่นบ้านั่นน่าดู

          ความหงุดหงิดรุมเร้าเข้าในใจอีกครา คิ้วหนามุ่นเข้าหากันอย่างลืมตัว ก่อนจะเบี่ยงหลบอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อย แม้จะนึกชื่นชมในความซื่อสัตย์ แต่เพราะดันไปใช้กับคนที่ไม่ควรจะใช้ จึงไม่ชอบใจเอาเสียเลย

          ยิ่งนึกถึงตอนที่เนสารภาพเรื่องที่ตนเผลอ(บอกว่าตนคบกับวัฒน์ให้ฉัตรรู้)หงุดหงิดที่งานของเดชพังเมื่อคราวก่อน เขาก็ยิ่งขุ่นใจ

          สุดท้าย เจ้านายที่แท้จริงของมันก็ไม่ใช่สิทธิ์...ซึ่งก็คือศัตรูของเราอยู่ดี

          “ยอมไปอาจจะสบายกว่าก็ได้นะ” วัฒน์ไม่แน่ใจว่าที่ตนพูดออกไป เพราะอยากให้อีกฝ่ายเลิกบุกเข้ามาอย่างเสียเปล่าสักที หรือเพราะเรื่องอื่นกันแน่

          “ไม่มีทาง” แม้จะงงๆว่าทำไมน้ำเสียงคนถามฟังดูเหงาแปลกๆ แต่ก็ตอบออกไปเพราะไม่อยู่ในอารมณ์ใช้สมองนัก

          “นั่นสินะ”

          เนสะดุ้งโหยงเมื่อมีความเจ็บรุมอยู่ที่ท้องน้อย เนื่องจากออกตัวเร็ว จึงไม่ทันมองว่าสิ่งที่กระทบเข้ามาเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆคงมาจากวัฒน์ เพราะทันทีที่เข้าใกล้หนุ่มใหญ่อีกหน เนก็โดนทุบเข้าที่ต้นขาซ้ายอย่างแรง

          “วิ่งเข้ามาแรงเท่าไหร่ก็เจ็บเท่านั้นล่ะ” วัฒน์บอกพลางจับปลายกระบอกปืนอัดลมแน่น พร้อมจะเอาด้ามปืนทุบเต็มที่

          คราวนี้ได้ผล เด็กหนุ่มกลับมายืนนิ่งไม่หน้ามืดบุกเข้ามาแล้ว ท่าทีดูจะเคร่งเครียดมากที่ไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ดังใจนึก

          “จะดึงดันไปทำไมทั้งที่มันไม่มีประโยชน์” วัฒน์ถามเสียงกร้าว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทียอมแพ้ทั้งที่สู้ไม่ได้เลยสักนิดก็ยิ่งหงุดหงิดหนักข้อ

          “ผมก็แค่อยากจะพิสูจน์ตัวเอง” เนตอบและเริ่มสงสัยว่าทำไมวัฒน์ดูมีอินเนอร์แรงชอบกล “อยากให้คุณเห็นว่าผมไม่ได้แย่อย่างที่คุณเข้าใจ”

          “แค่ปากใครก็พูดได้” เสียงทุ้มเอ่ยเป็นเชิงดูแคลน “อยากพิสูจน์จริง ทำเรื่องที่สมควรทำก็เท่านั้น”

          เนถึงกับชะงัก แต่ก็เข้าใจไปว่าวัฒน์คงหมายถึงการหาทางชนะวัฒน์ในตอนนี้เพียงเท่านั้น

          “ก็ทำอยู่นี่ไงล่ะครับ” เด็กหนุ่มงอแงเหมือนเด็ก “เพราะต้องการให้คุณยอมรับ ผมถึงได้ทำไง”

          “จะมาให้ฉันยอมรับทำไม ไปบอกกับคุณสิทธิ์โน่น” ตอนนี้วัฒน์ลืมไปสนิทแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ “นั่นคือคนที่นายสมควรจะคิดถึงมากที่สุด”

          “แต่ผมก็คิดถึงคุณไม่แพ้กับคุณสิทธิ์นะ!”

          จากที่กำลังของขึ้น ได้ยินแล้วถึงกับค้าง และเลือดก็ดันมาสูบฉีดแรงอย่างผิดที่ผิดเวลาจนร้อนวูบไปหมด

          และเพราะเผยช่องว่าง เด็กหนุ่มก็พุ่งเข้ากระแทกโดยไม่รีรอ วัฒน์ไถลไปตามแรงผลัก มือที่กำปืนพยายามฟาดใส่อีกฝ่าย แต่เนื้อถึงมือเสือแล้ว มีหรือจะยอมให้อะไรมาขัดขวาง อีกทั้งแรงฟาดยามปกติของวัฒน์ก็เบาจนเนแทบไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

          “เสร็จผมล่ะ!” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างดีใจเมื่อกดอีกฝ่ายลงพื้นได้ “…”

          และก็เพิ่งสำเหนียกได้ว่าในตอนนี้ ตนกำลังนั่งคร่อมร่างของหนุ่มใหญ่ มือทั้งสองก็จับมือของอีกฝ่ายกดขึ้นเหนือหัว

          “เน…”

          เด็กหนุ่มมองหน้าคนเรียกชื่อของตน ที่ตอนนี้กำลังทำสีหน้าสงสัยและหวาดระแวงสุดขีด และแม้จะสงสัยแทบตายว่าทำไมคุณลุงแกถึงหน้าแดง แต่ในยามนี้อีกฝ่ายช่างดูเซ็กซี่และน่าล่วงละเมิดเหลือเกิน

          “เน…” วัฒน์สะดุ้งโหยงเมื่อเห็นดวงตาของเน ซึ่งเขารู้ดีว่าสายตาแบบนั้นมันหมายถึงอะไร “เน!”

          วัฒน์พยายามดิ้นหนีสุดกำลัง แต่สิ่งที่ทำได้คือออกแรงอย่างเสียเปล่า และทั้งที่หวาดกลัวจะโดนปล้ำนอกสถานที่จะเป็นจะตาย แต่พอได้เห็นสายตาที่หิวกระหายของเด็กหนุ่ม แรงขัดขืนกลับหายลงฮวบฮาบเอาดื้อๆเหมือนมีใครมาเป่าลมข้างหูให้เสียววาบ

          ยิ่งเนโน้มหน้าเข้ามาใกล้ แรงต้านก็หมดลง มือไม้ก็แข็งทื่อขยับไม่ได้เสียอย่างนั้น

          อย่ามาหื่นเอาตอนนี้สิวะเฮ้ย!!!



_______________________________


ตอนหน้าหนังสดกลางตึกร้าง..../โดนโบก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 44 (13/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 13-08-2015 12:36:41
หนังสดล่ะ ตอนหน้าหนังสดใช่มั้ยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 44 (13/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 13-08-2015 13:25:53
นั่งขำรัว
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 44 (13/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 13-08-2015 17:05:57
ขำอ่ะ การปะทะกันของผัวเมีย 5555555
ตอนท้ายนี่คืออัลไลคะเน จับกดเฉยเลย หึหึ เคลิ้มใหญ่แล้วแก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 44 (13/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-08-2015 22:24:54
กรี๊ดดดดด หนังสดกลางตึกร้าง  :hao6: จัดไป

คนอ่านไม่หื่นนะ แค่ปูเสื่อรอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 44 (13/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 13-08-2015 22:32:16
กว่าจะวัฒน์จะรู้ความจริงก็ตอนจบใช่มั้ยเนี่ย  :เฮ้อ:


พูดกันคนละเรื่องตลอดๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 44 (13/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-08-2015 11:40:38
เฮ้อถ้ารู้ความจริงตอนจบก็ไม่สนุกนะสิ

แต่ขอหนังกลางตึกร้างก็ดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 15-08-2015 11:22:15
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 45


          วัฒน์รู้สึกตัวเบาโหวงเมื่อน้ำหนักที่กดเข้ามาหายไป พอลืมตามอง เขาก็เผลอถอนหายใจออกมา นึกว่าจะโดนปล้ำเอากลางลานเสียแล้ว

          “แน่เหมือนกันนี่หว่า จับไอ้วัฒน์กดติดกับพื้นแบบนี้ได้เนี่ย”

          เนสะดุ้งเหมือนเพิ่งได้สติ เขาหันมองคนที่กระชากคอเสื้อของตน และยังไม่ทันจะตั้งท่า ก็โดนหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ขว้างเสียกระเด็น

          “โอ๊ย” เนกลิ้ง หลุนๆไปหลายเมตร แต่เพียงไม่นานก็หยุดลงเมื่อไปชนกับวัตถุบางอย่างที่นิ่มและอุ่น เมื่อหันไปมองก็ต้องผงะเพราะนั่นคือสมาชิกในกลุ่มนั่นเอง และแต่ละคนก็มีสภาพไม่ต่างจากตนนัก

          “แหม เล่นซะหนักเลยน้า” ฉัตรว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนจะหักนิ้วตัวเอง “รู้เรื่องเปล่าว่าค่าตัวพวกฉันมันแพ้งแพงม้ากมากเลยน้า”

          “โว้ย บ้าจริง บอกแล้วก็ไม่เชื่อ” ปาล์มบ่นขรมก่อนจะพยายามลุกถอยหนีพ่อตัวเอง “หนีเหอะ ไปเก็บธงที่เหลือก็น่าจะได้”

          แน่นอนว่าโค้กเห็นด้วยทันควัน และรีบหนีมารล่ำทันที เสียอย่างเดียว…

          “อึก”

          เนพยายาม ดิ้นหนีจากวงแขนหนาที่รัดคอตน แต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน ทำอย่างกับว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีของเน ไม่สามารถแม้แต่จะทำให้เขารู้สึกเจ็บ
         
          “พวกแกอยากจะไปก็ไปเลย แต่กับไอ้หนูนี่ขอคิดบัญชีหน่อยละกัน” ฉัตรว่าก่อนจะรัดคอเนแน่นกว่าเดิม จนเพื่อนร่วมทีมทั้งสองรู้สึกว่าหน้าของเนเริ่มออกสีเขียว “อ้อ แต่ถ้ามีใครยืนไม่ไหวจนจบเกมไปสักคนก็คงแพ้นี่เนอะ…ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าซวยไปละกัน”

          และก่อนจะได้มีใครค้าน เสียงกรีดร้องจากการลงนรกก็ดังขึ้น…

 

          “อะไรกัน นี่ไม่ได้ออมมือกันให้ใช่ไหม”

          หลังจากจบเกม และสุดท้ายกลุ่มสิทธิ์ก็ชนะไปตามระเบียบ แต่ดูเหมือนคนชนะจะยังไม่อยากเชื่อนัก ที่ตัวเองเป็นฝ่ายมีชัย

          “โอ๊ย ออมมงออมมืออะไรกันครับ พวกผมก็พยายามเต็มที่แล้ว แต่สู้คุณไม่ได้ต่างหาก” ลูก น้องคนหนึ่งที่โดนสิทธิ์ประทับรอยเท้าให้ในตอนเริ่มเกมบ่นขึ้นพร้อมกับชี้ที่หน้าของตัวเอง แต่เพียงไม่นานก็กลับมาสงบเสงี่ยมเมื่อเห็นวัฒน์เดินมาแต่ไกลๆ

          “ถึงจะออมมือให้คุณสิทธิ์ แต่พวกเขาก็ไม่ออมมือให้พวกผมหรอกครับ” ศาสตร์เริ่มให้กำลังใจด้วยใบหน้านิ่ง “แล้วปกติ ไอ้พวกบ้านี่ก็เล็งพวกผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ที่ผมกับพี่อรรถไม่เป็นอะไรเพราะได้คุณสิทธิ์นั่นล่ะ”

          สีหน้าของสิทธิ์ดูจะยังไม่เชื่อนัก แต่ก็แอบยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ

          “ช่วยไม่ได้ละนะ ถ้างั้นรางวัลก็ให้กลุ่มที่ได้ที่สองละกัน” สิทธิ์ว่าก่อนจะหันมองไปทั่ว “อ้าว แล้วกลุ่มเนล่ะ”

          พอเจ้านายถามถึงก็นึกขึ้นได้ว่าเหลือแต่กลุ่มเนเพียงกลุ่มเดียวที่ยังไม่กลับมา และไม่ต้องเสียเวลาถามหานาน เขาก็เห็นกลุ่มของเนเดินง่อนแง่นมาแต่ไกล ทันทีที่เห็นใบหน้าอิดโรยและรอยช้ำทั่วตัว ทุกคนต่างพากันนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะเละเทะกันขนาดนี้
         
          “ก็เพราะไอ้เนนั่นล่ะ” มาถึงปาล์มก็โพล่งขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย “บอกให้เลี่ยงคู่ปีศาจก็ไม่ยอม แล้วเป็นไงล่ะ เละ!”

          และไม่ต้องตีความให้เสียเวลามาก แต่ละคนก็รับรู้ได้ทันทีว่าที่ปาล์มพูดหมายถึงใคร ต่างคนต่างผวาและมองเนในสายตาชื่นชมทั้งที่สภาพดูน่าสมเพชเป็นที่สุด

          “เอาน่าๆ มีไม่กี่คนหรอกนะที่บ้าพอจะต่อกรกับลุงฉัตรและอาวัฒน์นา” โค้กซึ่งแม้จะแพ้แต่กลับดูไม่เครียดหรือหดหู่เท่าใดนัก ซ้ำยังดูดีใจเสียด้วยซ้ำ “ไม่เบาเหมือนกันนี่หว่า”

          เนเพียงแต่ยิ้มเจื่อนให้แค่ครู่เดียวเพราะช้ำจนยิ้มไม่ค่อยจะออกนัก อีกส่วนเพราะไอ้คนที่ชมดันเป็นคนที่ตนรู้สึกขุ่นเคืองใจ แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปเคืองเขาก็ตาม

          “แล้วนึกยังไงถึงกล้าไปเละวะเนี่ย” สิทธิ์เองก็ดูจะปลาบปลื้มกับความกล้าท้าทายของลูกน้องเสียมากกว่าจะเป็นห่วง “ขนาดฉันเองยังไม่ค่อยจะอยากสู้เวลาที่อาฉัตรกับอาวัฒน์ร่วมมือกันเลยนา”

          “ก็แค่ว่าไม่คิดจะแพ้คนแก่...” เนกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงคั่งแค้น เพราะไม่คิดว่าจะแพ้จนสะบักสะบอมขนาดนี้ โดยเฉพาะกับฉัตรที่ทำเอาเขานึกว่าเกือบได้ไปเยี่ยมยมบาลแล้ว

          แต่อีกใจกลับรู้สึกโล่งอย่างน่าประหลาดตอนที่แพ้ เพราะนั่นหมายความว่าจะไม่ได้ยินเรื่องที่ฉัตรจะพูดแล้ว

          บางที ไม่รู้อาจจะดีกว่าก็ได้...

          “ฮะๆ ถ้าเป็นเมื่อสิบปีก่อน แกไม่มีทางได้แผลแค่นี้หรอกนะ” คำพูดที่ดูสบายๆแต่ฟังแล้วเหมือนขู่ของเจ้านาย ทำเอาเนเริ่มหวั่น “แบบนี้ต้องแจกเพิ่มให้หน่อยล่ะ ในฐานะที่กล้าสู้กับพวกอาฉัตร”

          จากที่ปาล์มตั้งท่าจะบ่นอีกรอบ เจอแจกของรอบพิเศษทำเอาหน้าบานทันควัน

          “เอาวะ ถือว่ายังดี” ปาล์มว่า แม้จะยังดูไม่พอใจเท่าใดนัก “ถ้างั้นปิดงานๆ ไปช่วยกันเก็บของ จะได้กลับบ้านนอนโว้ย...แกด้วยไอ้เน”

          “เอ๋ แต่ว่าฉันต้องกลับกับคุณสิทธิ์...”

          “โอ๊ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันช่วยด้วย ไหนๆก็เข้าร่วมทั้งที” คนเป็นเจ้านายอาสาอย่างเต็มใจ

          “ถ้าอย่างนั้นผม...”

          “โอ๊ะ อาวัฒน์ไม่ต้องหรอกครับ ผมว่าอารอข้างล่างเลยดีกว่า” สิทธิ์รีบปฏิเสธหนุ่มใหญ่

          “แต่ว่า...”

          “เอาน่า อาวัฒน์รออยู่ข้างล่างเถอะครับ เอารถมารอผมไว้เลย...นะครับ”

          แม้จะไม่อยากเท่าใดนัก แต่ลองว่าสิทธิ์ขอร้องเสียขนาดนี้ วัฒน์ก็ตอบได้แค่คำเดียว

          “เฮ้อ พวกนายจะกลัวอาวัฒน์ไปทำไมกันนักก็ไม่รู้” หลังจากหนุ่มใหญ่ยอมเดินลงไป สิทธิ์ก็พูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย
         
          “เอาน่าครับ ให้มันอยู่มีหวังพวกเราเครียดตายห่า” ฉัตรรีบพูดพลางตบบ่าเจ้านายหนุ่ม “เอ้า พวกเราไปเก็บกวาดให้เรียบร้อยได้แล้ว...เออ แกน่ะ”

          เนนิ่วหน้ามองเมื่อหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ชี้มาทางตน และยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ก็โดนอีกฝ่ายเดินดุ่ยเข้ามาล็อคคอ

          “ไปทำความสะอาดกับฉันดีกว่าเน้อ”

          ว่าจบก็ลากแบบไม่เห็นใจว่าเนจะหายใจออกหรือไม่ ซึ่งแต่ละคนไม่มีทีท่าว่าจะช่วยห้ามแต่อย่างใด ซ้ำยังโบกมือยิ้มส่งกันให้อีก

          “จะฆ่าผมหรือไง” หลังจากเดินมาจนถึงชั้นที่เก้าและฉัตรปล่อยมือ เนก็รีบสูดอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็วและรีบถอยห่างจากหนุ่มใหญ่เพราะกลัวจะโดนล็อคคออีก ซึ่งถ้าโดนอีกทีคราวนี้ สงสัยเขาคงได้เข้าเมรุแน่ “ลากผมมาตรงนี้ทำไมเนี่ย”
         
          “ลากมาจับกดแล้วพรอดรักมั้ง” คำตอบทำเอาคนฟังถอยหลังกรูด “เหมือนใครบางคนที่ทำท่าจะปล้ำไอ้วัฒน์ไง”

          โดนทวนความจำแล้วหน้าขึ้นสีทันควัน

          “ผมเปล่าสักหน่อย” เนปฏิเสธเสียงแข็ง “ผมก็แค่กดคุณวัฒน์ให้อยู่ก็เท่านั้น ขืนดิ้นออกมาได้ มีหวังผมก็โดนยำต่อสิ”

          “แหมๆ เพิ่งรู้ว่าจับกดนี่ต้องใช้หน้าช่วยด้วยเนอะ” เจอฉัตรย้อนเข้าดอกนี้ เนถึงกับชักสีหน้าแดงเถือกใส่ “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ฉันจะให้รางวัลสักหน่อย”

          เนนิ่วหน้า “แต่ผมไม่ได้ชนะ”

          “รางวัลที่กล้ามาท้าฉันไง แถมยังกดไอ้วัฒน์หลังติดพื้นได้ด้วย...ถึงจะเป็นเพราะไอ้วัฒน์มันพลาดเสียเองก็เถอะนะ บอกไว้ก่อนเลยว่า ตั้งแต่รู้จักกันมา นอกจากฉัน ไม่เคยมีใครทำให้มันหงายหลังล้มไม่เป็นท่าแบบนั้นได้หรอก” ฟังแล้วเนไม่แน่ใจว่าจะดีใจที่ตนเป็นคนเพียงไม่กี่คนที่ทำได้ หรือจะแค้นใจที่ตนไม่ใช่คนแรกดี “หรือว่าไม่อยากฟังกันจ๊ะ”

          จะไม่อยากฟังก็เพราะไอ้ท่าทางกับน้ำเสียงนี่แหละ...จะมาทำเสียงอ่อยแล้วส่งจูบให้ทำไมฟะ…แล้วทำไมตูถึงไม่ขนลุกฟะ!!!!

          เนบึ้งหน้า เพราะระดับความอยากรู้และไม่อยากฟังมันสูสีเท่ากันเสียจนลังเล

          “ว่างาย ที่เอาแต่นิ่งนี่เพราะอยากอยู่กับฉันนานๆหรือจ๊ะ”

          “โว้ย ใครจะไปอยากวะ” เนถึงกับขึ้นเสียง และหงุดหงิดและสยองตัวเองเป็นที่สุดที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับอีกฝ่ายจริงๆ

          “ก็เอาแต่เงียบนี่หว่า...แล้วตกลงว่าไงล่ะ” ฉัตรยักไหล่ “บอกไว้ก่อนนะว่าพลาดแล้วพลาดเลยไม่มีรอบสองนะจ๊ะ รับรองว่าถ้าไม่ได้ฟังนี่เสียใจไปตลอดชาติเลยนา”

          “งั้นก็พูดมาเลย” ในเมื่ออยากพูดนัก บวกกับอยากรู้และไม่อยากจะอยู่กับอีกฝ่ายนานไปมากกว่านี้ เลยโพล่งออกไปอย่างไม่ยั้งคิด
         
          “มันเป็นเรื่องความสัมพันธ์อันแสนลึกซึ้งซึ่งไม่มีวันตัดขาดระหว่างฉันกับวัฒน์”

          ตอนนี้ชักไม่อยากฟังขึ้นมาจริงๆจังๆเสียแล้ว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเคลิบเคลิ้มน่าเตะนั่นแล้วอยากจะปิดหูแล้ววิ่งหนีเสียเดี๋ยวนี้เลย

          “ไหนบอกว่าเป็นเรื่องดีไง” เนโพล่งถามอย่างลืมตัว เพราะโดนความกลัวครอบงำ

          “อ้าว ก็เรื่องดีจริงๆนี่...ดีสำหรับฉันกับวัฒน์อะนะ” ฉัตรหาเรื่องหยอกไม่เลิก

          “เหอะ! ก็แค่อดีตเท่านั้นล่ะ เขาไม่สนใจคนมีลูกมีเมียแล้วอย่างคุณหรอก” ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริง เนก็ไม่แน่ใจหรอกว่าวัฒน์จะเป็นอย่างที่ตนเอ่ยหรือเปล่า รู้อย่างเดียวคือความกลัวที่จะสูญเสียมันผลักดันให้เขาโพล่งออกไปแบบนั้น

          และที่น่าหงุดหงิดกว่าคือตัวเขาที่ต้องมารู้สึกและทำตัวเหมือนคนบ้าแบบนี้ ทั้งที่บอกตัวเองอยู่ตลอดว่าไม่ได้คิดอะไรกับวัฒน์เกินไปกว่าเพื่อนร่วมงาน

          ฉัตรเหยียดยิ้มกว้าง ท่าทางพอใจ แต่นั่นยิ่งทำให้คนที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่

          “แล้วคิดว่าหมอนั่นจะสนใจเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนายหรือ กับเด็กน่ะ อยู่ไปก็ไร้อนาคตจะตาย”

          “เรื่องแบบนี้มันก็ต้องลองกันก่อนสิ” ตอนนี้นึกอะไรไม่ออกแล้วนอกจากอยากจะเถียงให้ชนะอีกฝ่ายเพียงเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ!! “บางทีมันอาจจะดีกว่าอยู่กับคุณก็ได้”

          “นั่นสิน้า ยังไงก็ต้องดีกว่าอยู่กับพี่ชายตัวเองอยู่แล้วล่ะ”

          เหมือนโลกหยุดหมุนไปสองนาที

          “คุณว่าอะไรนะ” ที่จริงก็ได้ยินชัดอยู่ เพียงแต่สมองกำลังโดนอารมณ์ตีจนรวน เลยประมวลสิ่งที่ได้รับมาไม่ค่อยจะดีนัก “คุณจะบอกว่าคุณ...”

          “เป็นพี่ไอ้วัฒน์มัน...พี่แบบพี่น้องท้องเดียวคลานกันตามมาติดๆเลยจ้ะ”

          เนอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มออกอาการเหมือนคนกำลังจะระเบิด

          “คุณ...” เด็กหนุ่มชี้นิ้วใส่อีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่ได้เป็น...”

          “เป็นอะไรจ๊ะ เป็นคู่ขาของไอ้วัฒน์มันน่ะหรือ ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อยนา” ไม่ว่าเปล่ามีจุ๊ปากให้อีก

          “แต่คุณบอกว่าคุณเป็นของตายของคุณวัฒน์”

          “เอ้า ก็เป็นพี่น้องกัน ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ เหมือนของตายอยู่แล้วนี่ จริงไหม” ฉัตรถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “นายตีความไปทางนั้นเองนี่”

          “ไอ้!!...” เนได้แต่ชี้หน้าอีกฝ่าย ตัวสั่นด้วยความโกรธและความอับอายที่ปล่อยไก่ใส่อีกฝ่ายไปเสียหลายเล้า อยากจะมุดดินหนีเสียเหลือเกิน

          บ้าจริง ทำไงดี...

          “แหม แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าจะมีเด็กผู้ชายน่ารักมาชอบไอ้วัฒน์มันได้เนี่ย โคตรอะเมซิ่งเลย...”

          “ไม่ได้ชอบแบบนั้นสักหน่อย!!”

          ก่อนที่ฉัตรจะได้แซวจบ เนก็เถียงลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ

          “ผม...ผมบอก แล้วไงว่าผมต้องการสนิทกับเขาในฐานะเพื่อนร่วมงานน่ะ แล้ว...แล้วที่ผมเข้าใจผิดเรื่อง คุณกับคุณวัฒน์ ก็เพราะคุณทำตัวชวนให้เข้าใจผิดเป็นแบบนั้นเองนี่หว่า ผมไม่ได้คิดจะเป็นอย่างพวกคุณสักหน่อย...ผม...ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ แล้วก็…แล้วก็…ผมน่ะ เห็นเขาเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่เคารพต่างหาก!!”

          มีหรือฉัตรจะเชื่อ ยิ่งทำท่าลนลานขนาดนั้น รังแต่จะทำให้ความลับที่ปิดไม่อยู่กระจายออกมากว่าเดิมมากกว่า

          “จ้าๆ ตอนนี้เอาตามนั้นก็ได้” ได้ยินแล้วเจ้าลูกแมวก็ขนพองใส่ “เอาเถอะ ที่บอกไปก็เพราะไม่อยากให้เข้าใจผิดเรื่องฉันกับไอ้วัฒน์มันละนะ แค่โดนเอาไปลือว่าเป็นกิ๊กกับเด็กเหลือขออย่างแก ฉันก็เสียภาพพจน์จะแย่แล้ว”

          “เหอะ ผมก็เหมือนกันนั่นล่ะ” คิดแล้วแค้นสุดๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขู่ฟ่อๆใส่ “มีแค่นี้ใช่ไหม”

          พอเห็นฉัตรยักไหล่แล้วไม่พูดอะไรต่อ เนก็กระทืบเท้าตึงตังเดินลงไปทันที

          หนุ่มใหญ่ยืนยิ้มเยาะอย่างไม่ปิดบัง เห็นท่าทีของเนแล้วก็อดนึกถึงเจ้าน้องชายหน้าบูดของตัวเอง

          บางที…มันอาจจะดีก็ได้ละมั้ง




_____________________________________________________

ไม่มีหนังสด มีแต่คนปล่อยไก่ XD


จริงๆฉัตรเขาก็เชียร์นะ....ถึงจะขี้แกล้งไปหน่อยก็เถอะ =3=
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 15-08-2015 12:10:42
จิ้ม
เอ๊าา ไอ้เรารึก็นึกว่าจะมีฉากเอาท์ดอร์ซะหน่อย -3-
แต่ก็โดนฉัตรแกล้งเข้าเต็มเปา 55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 15-08-2015 14:14:21
 :z3: ใครปล่อยไก่ ไม่มี๊
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-08-2015 23:24:47
รอเกาะขอบ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 16-08-2015 00:01:27
เหนื่อยใจแทนเน สู้ๆนะเน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 16-08-2015 00:35:00
สบายใจแล้วดิ เขาเป็นพี่น้องกันอ่ะ
รออยู่น้า~   :z13:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 16-08-2015 11:22:23
แปะภาพตัวละคร =w=/ (เขียนมาตั้งนาน เพิ่งจะได้ใส่)


วัฒน์
(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpso9bgkuev.jpg)

เน

(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpsis6cnbxp.jpg)

ปาล์ม
(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpsf1ynqehy.jpg)

ต่อ
(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpsifgh399r.jpg)

ฉัตร
(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpsfir4jtef.jpg)

โค้ก
(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpsqh1bwwyl.jpg)

ศาสตร์
(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpsjzehmgjl.jpg)

เดช
(http://i515.photobucket.com/albums/t354/vardaemoss/_zpstdlzf02n.jpg)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 16-08-2015 11:31:02
เดชไม่เหมือนตัวร้ายเลยอ่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 45 (15/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-08-2015 17:33:49
เนปล่อยไก่  :hao7:

เสียใจนิดหน่อย นึกว่าจะมีหนังสดกลางตึกร้าง  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 46 (19/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 19-08-2015 13:10:44
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 46


          เนนิ่วหน้าหันมองไปด้านหลัง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ตามลงมา หัวที่ร้อนไปด้วยอารมณ์ก็เย็นลง ใบหน้าบูดบึ้งเริ่มขึ้นสี และไม่รู้ทำไมถึงห้ามความรู้สึกนี้ไม่ได้

          พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน...

          บ้าเอ๊ย!! จะอยากยิ้มทำไมฟะ ทำไมเราต้องดีใจด้วยเนี่ย!!

          ทั้งที่พยายามสั่งตัวเอง แต่ก็ห้ามรอยยิ้มที่พยายามจะแทรกใบหน้าบูดบึ้งไม่ไหว ใบหน้าก็แดงเรื่ออย่างไม่น่าให้อภัย ในใจก็โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก

          “เป็นอะไรของนาย…”

          ปาล์มถอยหลังอย่างลืมตัวเมื่อเนกระโดดเกือบจะชนเพดาน

          “โดนพ่อล็อคคอขาดอากาศจนสติสตังไปหมดแล้วเรอะ” เด็กหนุ่มว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง
         
          “เปล่าๆ” เนรีบปฏิเสธเมื่อปาล์มทำท่าจะมาแตะหน้าผาก ดวงตาเรียวเพ่งมองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจนัก ก่อนจะนึกถึงบางอย่างออก

          เพราะมีสายเลือดเดียวกับคุณวัฒน์ เราถึงไม่รู้สึกรังเกียจหรือ

          “ฉันว่าฉันไม่เชื่อว่ะ” น้ำเสียงของปาล์มทำเอาคนเหม่อได้สติ ยิ่งเห็นสีหน้าของคู่สนทนา เนก็พอจะเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายเข้าใจเขาผิดไปไกลแค่ไหน “มองหน้าฉันแบบนั้นคืออะไรวะ…”

          “บ้าเรอะ ฉันก็แค่เหม่อเพราะง่วงเท่านั้น” เด็กหนุ่มว้ากเสียงหลง “เออๆ รีบๆเก็บของเหอะ”

          แม้จะยังคงระแวง แต่เมื่อเห็นท่าทางที่กลับมาเป็นปกติ ปาล์มจึงไม่พูดอะไรต่อ นอกจากยื่นถุงดำที่เหลือให้

 

          กว่าจะเก็บของเสร็จเล่นเอาเกือบเที่ยงคืน หลังจากโดนปล่อยให้กลับได้ เนก็เดินบิดขี้เกียจลงมาพร้อมกับหาวหวอด ความง่วงทำเอาชักฝืนลืมตาไม่ขึ้น อีกทั้งวันนี้ยังใช้พลังงานไปเยอะโขกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง…

          “อ้าว ไงเน”

          และไม่รู้ทำไม แค่เห็นหน้าโค้กก็รู้สึกเสียพลังงานแล้ว

          ท่าทางของโค้กเองก็เหมือนจะเพิ่งเก็บของเสร็จ และดูเหมือนจะมาคนเดียว ไม่มีศาสตร์ตามมาด้วย ซึ่งไม่รู้ทำไมถึงทำให้เนรู้สึกแปลกใจ

          “วันนี้ถึงจะแพ้ก็อย่าซีเรียสไปเลยนะ ไว้รอบหน้าค่อยแก้มือกัน กล้าๆแบบนี้ฉับชอบ ฮะๆ” โค้กเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร แต่ไม่รู้ทำไมคนฟังกลับรู้สึกขุ่นเคืองชอบกล “เอ้อ จริงสิ ฉันมีเรื่องจะให้นายช่วยนิดหน่อยน่ะ”

          “อะไรหรือครับ” เนเลิกคิ้วมอง “ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมก็คงช่วยได้”

          โค้กไม่ได้บอกในทันที ดวงตากลมเหล่มองไปอีกทาง ชวนให้เนรู้สึกแปลกใจ แต่ก็เพียงไม่นานนัก เมื่อได้ยินคำพูดถัดไปของอีกฝ่ายที่ทำเอาคนฟังนึกว่าตัวเองกำลังละเมอ

          “ฉันชอบอาวัฒน์”

          และไม่รู้ว่าเพราะวันนี้เจอแต่เรื่องที่ต้องใช้สมองมาเยอะแล้วหรือเปล่า เนจึงได้แต่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น คิดอะไรไม่ออกเลยสักนิด

          “อ้อ ชอบแบบคนรักน่ะนะ” และไม่ต้องใช้สมองให้เหนื่อยเปล่า โค้กก็แจงแจกอย่างแจ่มแจ้งด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดไปถึงแก้วหู “เห็นคุณสิทธิ์บอกว่านายกับอาวัฒน์ทำงานด้วยกัน เพราะงั้น ช่วยเป็นพ่อสื่อให้ฉันหน่อยสิ ได้ไหม”

          เด็กหนุ่มได้แต่ยืนค้างนิ่ง เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองช็อกที่อีกฝ่ายชอบผู้ชายคราวพ่อ หรือเพราะเหตุอื่นกันแน่

          ไม่สิ…เราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับคุณวัฒน์สักหน่อยนี่…

          บางที…ถ้าเขาไปสมหวังกับคนอื่น อาจจะทำให้ความรู้สึกบ้าๆนี่หายไปก็ได้

          เราไม่ได้ชอบเขาแบบนั้นสักหน่อย!

          “ได้สิครับ”

 

          วัฒน์เงยหน้ามองตึกร้างตรงหน้าด้วยความสงสัย จากนั้นก็ดูนาฬิกา ที่บอกเวลาเกือบตีหนึ่ง ทีแรกก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มกลับไปแล้ว แต่พอถามคนอื่นๆถึงได้รู้ว่า เนยังอยู่ข้างใน จัดการเก็บกวาดของที่เหลือเป็นอย่างสุดท้ายอยู่

          ใจจริงเขาก็ไม่อยากจะกลับมารับอีกฝ่ายเลย แต่สิทธิ์ก็ดันมาขอให้เขามาเป็นสารถีให้ไอ้เด็กผีนั่นเสียนี่ จะปฏิเสธก็ใจอ่อนกับใบหน้าวิงวอนของเจ้านาย เลยได้แต่ยืนหงุดหงิดอยู่เช่นนี้แทน

          หนุ่มใหญ่เงยหน้ามองตึกร้างอีกครั้ง แล้วนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า มุมปากก็ชักลงอย่างอารมณ์เสีย ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด ความจริงที่ว่าเขาพลาดจนเกือบแพ้เนก็ไม่เปลี่ยน

          ถ้าฉัตรไม่มาช่วย เขาก็แพ้ไปแล้ว

          แถมไม่ใช่แพ้ธรรมดา แพ้แบบโดนลงโทษกลางลานทันทีเสียด้วย

          “เฮอะ” หนุ่มใหญ่อดส่งเสียงออกมาไม่ได้ ที่เขานึกแค้นไม่ใช่แค่เด็กหนุ่ม แต่เป็นตัวเองที่ดันไปใจเต้นในเวลาไม่ควรแบบนั้น ทั้งยังเผลอไปพูดเรื่องพรรค์นั้นใส่โดยไม่รู้ตัวเอง

          แบบนั้นเหมือนกับเราอยากให้มันกลับใจมาอยู่กับเราแทบตายน่ะสิ...ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่ต้องไม่ใช่เพราะตัวเราเองสิ!!

          ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว้าวุ่นไปหมด หนุ่มใหญ่ปัดความคิดรังควานใจที่พยายามแก้ไขไม่ได้ออกจากหัว ก่อนจะกลับมาสนใจมองทางเข้าตึกร้าง และมองเวลาอีกครั้ง

          นานไปไหมวะ

          ทั้งที่ไม่มีอะไรแท้ๆ แต่กลับใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนที่ตรงเวลา แถมจะหายไปไหนบางทีก็ไม่ได้บอกเขาเท่าไหร่ด้วย และที่สำคัญคือ เขาไม่มีความจำเป็นต้องห่วงอะไรอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

          แต่กังวลเพียงไม่นานก็กัดปากตัวเองแน่น

          ทำไมเราต้องรู้สึกบ้าบอพรรค์นี้ด้วยวะ เพราะไอ้เด็กนั่นคนเดียว!! ออกมาพ่อจะเทศนาโต้รุ่งเลย คอยดู!

          แต่ยังคิดคำด่าได้ไม่เท่าไหร่ ร่างสูงโปร่งของคนที่กำลังมองหาก็เดินออกมาพอดี และไม่ได้มาเพียงคนเดียว โค้กกับศาสตร์ก็ตามมาด้วย

          “ดีคร้าบอาวัฒน์”

          โค้กโบกมือทักทายอย่างเริงร่าโดยไม่มีเค้าความอ่อนเพลียให้เห็นแม้แต่น้อย ก่อนจะกระโดดเข้าไปกอดวัฒน์แน่น จนคนที่เหลือต่างพากันสะดุ้งพร้อมกับตีหน้าเหยเกเหมือนกัน

          “เดี๋ยวอาวัฒน์เขาก็ล้มหรอก” ศาสตร์ติงเพื่อนแล้วพยายามกระชากโค้กออกมา

          “โหย นิดเดียวเอง” โค้กร้องเป็นเด็กๆก่อนจะหันไปหาคนในอ้อมแขน “หรือว่าอาวัฒน์ไม่ชอบละครับ”

          “ทำไมล่ะ เมื่อก่อนก็กอดกันบ่อยไม่ใช่หรือ” ได้ยินแล้วเนถึงกับหน้าเบี้ยวกว่าเดิม แต่ก็พยายามสะกดจิตตัวเองให้อดทน “ฉันดีใจเสียอีกที่พวกนายยังทำตัวเหมือนเดิมน่ะ เด็กคนอื่นโตมาแล้วไม่ค่อยจะสนิทกับฉันเหมือนเดิมหรอก”

          “เห็นไหม” ดวงตากลมเหล่กลับมาหาเพื่อน ก่อนจะดึงมือตัวเองกลับ แต่ไม่ได้กลับมาแค่มือตัวเอง “แกก็มาด้วยสิ ฮะๆ”

          เนรู้สึกหน้าตึงๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นคุณลุงโดนชายหนุ่มสองคนตระกองกอดจนเขามองร่างของวัฒน์แทบไม่เห็น และแม้จะอยากเดินไปดึงตัววัฒน์ออกมากอดไว้เสียเอง เขาก็ต้องทน

          เราไม่ได้ชอบเขานะเว้ย!!

          “อ...อาวัฒน์ไม่เป็นอะไรนะครับ” คนที่โดนดึงมาทีหลังร้องเสียงตื่น ก่อนจะพยายามถอยกลับ หากแต่เจ้าเพื่อนตัวดีมันก็แรงเยอะใช่ย่อย จะขืนตัวออกแรง ก็กลัวคนตรงหน้าจะเจ็บไปด้วย

          โอ๊ย แกจะหน้าแดงไปทำไมวะ!! ทีตอนปกติก็เห็นทำหน้านิ่งเป็นรูปปั้นอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ!!...แล้วตูจะหงุดหงิดทำไมฟะ ไม่ได้ไปร่วมสงครามแย่งคุณวัฒน์ด้วยสักหน่อย เขาจะคบกับใครก็เรื่องของเขาสิ

          “ไม่หรอก...แต่ถ้าไม่ชอบ ก็อย่าไปฝืนศาสตร์สิ” ตอนที่ได้ยินวัฒน์ติง อารมณ์พลุ่งพล่านในกายเนก็ลดลงอย่างน่าประหลาด “แล้วนี่กลับกันยังไงล่ะ”

          “อ้อ ไม่รู้เหมือนกันครับ พวกผมติดรถไอ้ปาล์มมา แต่มันดันกลับไปแล้ว...” น้ำเสียงของโค้กออดอ้อนชัดเจน จนเนเริ่มของขึ้นอย่างไร้สาเหตุอีกหน

          “ไม่เป็นไรหรอกครับ อากลับไปเถอะ บ้านพวกผมอยู่ไม่ไกลจากนี้เอง”

          ศาสตร์บอกเสียงตื่นพร้อมกับปิดปากเจ้าเพื่อนตัวดีที่ทำท่าจะขอร้องให้อีกฝ่ายไปส่ง เล่นเอาเนถึงกับเผลอยิ้มที่มุมปาก

          “แต่ถ้าเดินไปมันก็ไกลอยู่ดีไม่ใช่หรือ” ความเป็นห่วงของวัฒน์ทำเอาเนเพ่งหนุ่มใหญ่เขม็ง

          “เอาเถอะครับ พวกผมไปได้ ถ้ายังไงผมลาเลยละกัน” ศาสตร์รีบพูดรัวเร็ว ก่อนจะรีบลากเพื่อนที่ดิ้นไม่หยุด และดูไปดูมาโค้กเริ่มทำท่าเหมือจะขาดอากาศ

          “พอแล้ว ฉันไม่พูดแล้ว” พอหลุดมาได้โค้กก็รีบโพล่งใส่เหมือนกลัวจะโดนปิดปากปิดจมูกอีก “เออๆ เดินกลับก็เดินกลับ”

          แต่ทั้งที่พูดอย่างนั้นกลับส่งสายตามาหาเนเหมือนต้องการขอความช่วยเหลือ

          เด็กหนุ่มรู้ดีกว่าโค้กต้องการอะไร และเขาก็รู้ว่าตนควรจะทำอะไร

          แต่ทั้งอย่างนั้น…

          “ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันดีๆละ” วัฒน์เอ่ยลาขึ้น นั่นทำให้คนที่กำลังขอความช่วยเหลือถึงกับเหี่ยวเป็นหัวไชโป๊

          “คร้าบ แล้วถ้าวันไหนว่างเราไปเที่ยวกันนะครับ...แอ่ก!!”

          ถ้าศาสตร์รัดคอแรงกว่านี้ โค้กคงได้เข้าไอซียูอีกรอบเป็นแน่

          “เออๆ” หนุ่มใหญ่ตอบพลางส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู “เน กลับกัน...”

          วัฒน์นิ่วหน้ามองร่างสูงโปร่งที่ยืนนิ่งงันราวกับรูปปั้น ท่าทางเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูดเลยสักนิด แม้จะลองเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าก็ตาม

          “เน” หนุ่มใหญ่เดินเข้าไปมองอีกฝ่ายใกล้ๆ ตอนนี้เนดูเหม่อและเหมือนจะไม่ได้ยินที่เขาเรียกเลยสักนิด “เน...”

          ทันทีที่เขาแตะไหล่อีกฝ่าย เด็กหนุ่มก็สะดุ้งโหยงพร้อมกับถอยไปเสียไกล

          “เป็นอะไรวะ...”

          วัฒน์นิ่วหน้าตั้งท่าจะด่า แต่พอเห็นใบหน้าแดงเถือกที่ดูหวาดกลัวของเด็กหนุ่ม เล่นเอาเขาค้าง

          “มะ...ไม่มีอะไรครับ” และดูท่าทางจะรู้ตัว เนถึงได้ก้มหน้างุดเหมือนกลัวโดนเห็น “เรากลับกันเถอะ”

          วัฒน์อ้าปากหมายจะพูด แต่พอโดนดึงแขนแน่นเขาก็พูดไม่ออก

          ทำไมมือมันสั่นขนาดนั้นละวะ

          จะบอกว่าเพราะกลัวก็ฟังดูไม่เข้าที สำหรับคนที่เคยทำงานกลางคืน ทั้งยังกลับบ้านดึกบ่อยๆ หรือบอกว่ากลัวผีก็ไม่น่าจะขนาดนี้

          “เฮ้ เป็นอะไรหรือเปล่า” เพราะสั่นเสียจนน่ากลัว วัฒน์เลยอดท้วงถามไม่ได้ พร้อมกับพยายามชักมือกลับ แต่ก็ทำได้แค่รั้งให้อีกฝ่ายหยุดเดิน

          “มะ...ไม่ครับ” ปฏิเสธทั้งที่เสียงสั่น ฉันคงเชื่อตายล่ะ “ไม่มี...ทั้งนั้น...”

          มันมีแหงๆแหละ ตูไม่เชื่อหรอก

          แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะบอก เขาก็ไม่อยากจะถามนัก ไม่อยากจะเป็นห่วงอีกฝ่ายเท่าไหร่ อีกทั้งตอนนี้เองก็ดึกมากแล้ว ยุงก็เที่ยวบินกัดไม่เลิก จึงขี้เกียจจะเค้นคอถามด้วย

          “…เจ็บหรือเปล่าครับ…”

          ในขณะที่แล่นรถไปตามถนนที่เงียบเชียบ อยู่ๆคนที่นั่งข้างก็เอ่ยถามขึ้น โดยไม่หันมามองคู่สนทนาเลยสักนิด

          “เจ็บอะไร…” วัฒน์นิ่วหน้ามองท่าทีที่ดูน่าสงสัย เสียงของอีกฝ่ายฟังดูไม่สู้ดีเอาเสียเลย

          “ที่ผมผลักคุณจนล้มวันนี้”

          คราวนี้เงียบไปนานมาก เพราะดันนึกถึงเหตุการณ์ชวนหวาดเสียว…ไอ้เรื่องเจ็บมันก็ใช่ เพียงแต่สิ่งที่น่ากลุ้มกว่าคือการที่เกือบจะโดนปล้ำต่อสาธารณชนมากกว่า และที่ทำเอาหนุ่มใหญ่อยากตายก็คือตัวเองที่ไม่คิดขัดขืนอย่างที่ควร

          และทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูแท้ๆ แต่พอเนเป็นห่วงตนกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น กลับไม่อาจห้ามความรู้สึกที่พองโตอยู่ในใจเอาไว้ได้

          “นิดหน่อย” วัฒน์ตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นอาการยอมแต่โดยดีของตน “แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่โดนนายผลักแค่นี้ มดกัดยังเจ็บกว่า”

          ที่เขากัดเพราะหวังจะทำลายบรรยากาศอึมครึมนี่ แต่คราวนี้กลับดูจะไม่ได้ผลนัก เพราะเนยังคงนั่งหันไปมองวิวข้างกระจกเหมือนเดิม

          “อย่างนั้นหรือครับ ก็ดีแล้ว”

          มันต้องเมาแน่ๆ…ไม่เมาเหล้าก็ต้องเมาเห็ดแน่ๆ!!


_____________________________________


สงครามกำลังจะเริ่มแล้ว...

หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 46 (19/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-08-2015 13:24:22
สงครามแย่งชิงอาวัฒน์...
ยกที่หนึ่ง... เป๊ง!
เริ่มได้!!

อาวัฒน์นี่เสน่ห์แรงกะหนุ่มวัยเอ๊าะๆ ทั้งนั้นเลยแฮะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 46 (19/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-08-2015 18:59:58
 :a5: คู่แข่งโผล่ กรรมเลยเนเอ้ย  ตอนไม่มีคู่แข่งก็ซึนกันสะบัด แล้วอย่างนี้  :mew5: ไม่อยากจะนึกเลย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 46 (19/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-08-2015 20:20:15
เมารัก ฮ่าๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 46 (19/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-08-2015 21:57:13
สงครามเยน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 46 (19/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-08-2015 07:31:46
 :hao4: :hao7: :mew6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 22-08-2015 15:06:17
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 47


          “ทำบ้าอะไรของนายวะเนี่ย อีกนิดเดียวแล้วแท้ๆ”

          หลังจากเดินออกมาจากตึกร้างได้สักพัก โค้กก็เอ่ยขึ้นมาด้วยอาการไม่พอใจ ก่อนจะหยิบกุญแจรถของตนออกมา

          “นายไปโกหกอาวัฒน์ทำไมล่ะ เราก็เอารถกันมาแท้ๆ” ศาสตร์ย้อนถามเสียงนิ่งก่อนจะเปิดประตูรถตรงที่นั่งด้านหน้า “ทิ้งไว้ตรงนี้ เกิดโดนขโมยขึ้นมาจะว่าไง”

          “ที่ปฏิเสธน่ะ แค่ห่วงรถ หรือเพราะกลัวกันแน่”

          ใบหน้าเรียวมองอีกฝ่าย โค้กดูไม่พอใจเอามากๆ แต่ก็ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดอะไรนัก นอกจากบึ้งหน้าให้

          “แค่ให้ไปส่ง มันเรียกว่าโอกาสดีตรงไหน…” ศาสตร์บอกเสียงอ้อมแอ้ม “ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นพิเศษ…”

          “มีสิ มีเยอะแยะ แต่นายก็เลือกที่จะปล่อยมันไปเอง” โค้กว่าแล้วส่งเสียงเดาะลิ้น “โธ่เว้ย ถ้าไม่อยากได้นัก ก็อย่ามาขวางกันสิวะ ยังไงนายก็เลือกที่จะหนีแล้วนี่ ฉันจะได้ลดคู่แข่งไปไง”

          “ฉันไม่ได้หนีสักหน่อย!”

          “หนีชัดๆ จะไม่ว่าเพราะเกรงใจอาวัฒน์หรือเพราะอะไร สุดท้ายก็เพราะนายหนีอยู่ดีนั่นล่ะ” หนุ่มผมเด้งว่าต่ออย่างไม่สะทกสะท้านที่โดนเพื่อนขึ้นเสียงใส่ “อาวัฒน์เองเขาก็ไม่ได้อายุน้อยๆแล้ว ถ้านายคิดจะปล่อยไปเรื่อยๆ ก็เรื่องของนาย แต่ไม่ต้องมารั้งฉัน โอเคไหม”

          “ฉันไม่ได้ปล่อยสักหน่อย” หนุ่มหน้านิ่งขึ้นเสียงอีกครั้ง “ฉันแค่…”

          โค้กเหล่มองคนนั่งข้าง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เหตุผลที่อีกฝ่ายเอาแต่อมพะนำ แต่เพราะรู้นี่แหละถึงได้หงุดหงิด

          “โทษทีนะ แต่ระหว่างเสียใจโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร กับเสียใจเพราะได้ทำไปแล้ว ฉันเลือกอย่างหลังว่ะ” โค้กเปรยเสียงขุ่น

          “ก็ถ้าทำลงไป มันอาจจะกลับไปเป็นเหมือนตอนนี้ไม่ได้นี่…” สีหน้าของศาสตร์เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “นายก็รู้ว่าเรื่องแบบนั้นมันออกจะ…”

          “อาวัฒน์ไม่ใช่คนที่จะหันหลังให้นายเพียงเพราะเรื่องแค่นั้นสักหน่อย นายก็รู้” คนขับรถตอบกลับด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มทน “นี่เพราะฉันถือว่าเป็นเพื่อนหรอกนะ ถึงได้บอก จะมีคนบ้าที่ไหนยอมให้คู่แข่งมาเดินขวางแบบนี้กัน ไม่มี้”

          น้ำเสียงช่วงหลังทำเอาคนที่กำลังกลุ้มเผลอหัวเราะออกมา ทั้งที่ยังหน้านิ่ง

          “กับนายฉันยอมแข่งแบบแฟร์ๆอยู่หรอก แต่กับไอ้เด็กนั่นก็อีกเรื่อง”

          หัวข้อต่อมาทำเอาคนฟังเลิกคิ้ว

          “นายไม่กลัวหรือไงว่าเนจะเอาเรื่องที่นายพูดไปบอกกับอาวัฒน์”

          “ก็ดีสิ เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้นสำหรับฉัน ฮะๆ” โค้กตอบกลับด้วยน้ำเสียงระรื่นปนกวน “เผลอๆอาจจะได้ตกลงปลงใจเรียบร้อยกับอาวัฒน์เลยก็ได้”

          ศาสตร์กลับมาหน้ามุ่ยอีกครั้ง

          “แต่หมอนั่นไม่พูดหรอก” หนุ่มหน้าเป็นพูดต่ออย่างสบายอารมณ์ “เล่นทำท่าหวงอาวัฒน์ซะขนาดนั้นนี่นะ ฮะๆ…”

          “ทั้งที่หมอนั่นบอกว่าจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้นายเนี่ยนะ”

          “ก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลยนี่ ขนาดจ้องจนตาฉันจะถลนอยู่แล้วนะ” โค้กว่าแล้วแบะปาก “หนอย คิดว่าจะง่ายกว่าที่คิดซะอีก สงสัยต้องรุกหนักๆหน่อยแล้ว”

          ศาสตร์เพียงแต่เหล่มองคนขับรถ รู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย

          “อะไร กลัวนักก็ขวางฉันสิ” และทั้งที่เอาแต่มองทาง โค้กกลับดูเหมือนจะอ่านใจเพื่อนออก

          “ฉันทำแน่” เสียงทุ้มตอบอย่างหนักแน่น “ฉันไม่ยอมให้นายแย่งอาวัฒน์ไปง่ายๆหรอก”

          คนฟังเพียงแต่ยักไหล่ ไม่พูดอะไรต่อนอกจากผิวปากและขับรถต่อไปเรื่อยๆ แม้ใจจริงนั้นจะไม่ได้สบายอารมณ์อย่างที่เห็นเลยก็ตาม

          คนที่นายต้องระวังจริงๆน่ะ ไม่ใช่ฉันหรอก…

 

          วัฒน์มองเด็กหนุ่มที่เดินนำหน้าตนไปยังห้องนอนอย่างไม่แน่ใจนัก หลังจากถามไถ่อาการของเขา เด็กหนุ่มก็เงียบตลอดทางจนถึงบ้าน ทำเอาเขาได้แต่นึกกังวลปนเป็นห่วงแทน…

          ไม่สิ เราจะเป็นห่วงไปทำไมฟะ

          คิดแล้วก็ได้แต่ตำหนิใจตัวเองที่ชอบทำอะไรไม่ฟังคำสั่งเจ้าของ แต่พอมองอาการของเน เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

          แต่พอเข้าห้อง หนุ่มใหญ่ก็รับรู้ว่าตนคิดผิดที่เป็นห่วง

          “เฮ้ย”

          อยู่ๆเนก็เข้ามากอดรัดตัวเองจากด้านหลังแน่นเมื่อวัฒน์เดินมาถึงเตียง เล่นเอาคนไม่ทันตั้งตัวเผลอใจเต้นอย่างที่ไม่ควร

          “วันนี้ผมขอทำนะ”

          “หา เดี๋ยวสิ นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ…” ใช่ว่าจะไม่อยาก แต่เพราะนี่ก็ดึกแล้วจริงๆ อีกทั้งไม่ค่อยอยากจะแสดงออกมาเท่าใด เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าตัวเขาเองก็พร้อมจะกระโดดเข้าหานี่ล่ะ

          “คุณสัญญาแล้วไม่ใช่หรือ”

          หนุ่มใหญ่รู้ว่ายังไงเสียอีกฝ่ายก็ต้องงัดไม้นี้มาใช้ แต่ที่ตนเผลอนิ่วหน้าและเงียบค้างไป เพราะน้ำเสียงที่ขอมันฟังดูแปลกๆ ทั้งยังสั่นเสียจนน่ากลัวนี่ล่ะ

          เป็นอะไรของมันกันแน่วะ…

          “คุณสัญญาแล้วนี่ ว่าจะให้ผมทำถ้าผมต้องการ” เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเพราะโดนกอดจากด้านหลัง วัฒน์จึงไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำสีหน้าอย่างไรอยู่ “คุณจะผิดสัญญากับผมหรือ”

          “มะ…ไม่ใช่สักหน่อย…” คนโดนกอดตอบอย่างไม่แน่ใจนัก “นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ เอาไว้พรุ่งนี้ไม่ดีกว่าหรือ”

          “ผมอยากทำตอนนี้นี่” เด็กหนุ่มเอ่ยเอาแต่ใจ “ยังไงพรุ่งนี้ก็วันหยุดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องรีบตื่นเลยนี่ครับ”

          วัฒน์ได้แต่อ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะอ้างอะไรดี

          “แต่ฉันง่วงมากแล้วนะ…”

          “ถ้าอย่างนั้นคุณจะนอนเฉยๆก็ได้ ผมจัดการเอง”

          แกจะเอาให้ได้เลยใช่ไหมวะเนี่ย!

          “เออ ตามใจ” เมื่อไม่รู้จะอ้างอะไรแล้ว อีกทั้งก็แอบๆรออยู่ เลยได้แต่ตอบรับส่งๆเหมือนต้องทำอย่างเสียมิได้ “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปอาบน้ำก่อน…”

          เสียงทุ้มขาดห้วงไปเพราะโดนจับพลิกตัวหันไปหา และยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงหรือตั้งตัว ก็โดนอีกฝ่ายประกบปากเข้ามาเสียแล้ว
วัฒน์พยายามส่งเสียงประท้วง แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ยอมลดละเลยสักนิด ลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาควานไปทั่วอย่างบ้าคลั่งและหิวกระหาย หนุ่มใหญ่พยายามฝืนต้านอย่างลืมตัว แต่ก็โดนมือของอีกฝ่ายรั้งหัวของตนไว้แน่นจนไม่อาจบ่ายหน้าหนีไปได้ เนยังคงรุกล้ำเข้ามาอย่างไม่มีถนอมหรือเกรงอกเกรงใจกันเลยสักนิด ริมฝีปากเข้ากดบดเบียดจนระบม กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังพยายามเข้ามาราวกับจะพังเขาให้ตายกันไปข้าง

          วัฒน์ได้แต่ดิ้นขลุกอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลนัก ความสับสนและความต้องการทำเอาเขาหัวหมุน แต่เขาก็ยังไม่อยากจะยอมแพ้ หนุ่มใหญ่พยายามดันลิ้นอีกฝ่ายออก แต่อีกฝ่ายก็ชำนาญการเกินกว่าจะชะงักกับการต่อต้านของคนด้อยประสบการณ์ เพราะทันทีที่โดนต้าน เจ้าเด็กบ้ากลับผ่อนแรงจนตัวเขากลับเป็นฝ่ายถลำเข้าไปหาอีกฝ่ายแทน ซ้ำยังโดนดูดดุนและประโลมเลียจนยากที่จะถอยกลับหรือต่อต้าน รสจูบในครานี้ช่างแตกต่างจากครั้งก่อนมากเสียเหลือเกิน มันทั้งร้อนแรง เต็มไปด้วยกิเลศตัณหา และความต้องการอย่างไร้ที่สิ้นสุด

          เมื่อวัฒน์ตอบกลับและแสดงความต้องการออกมาเมื่อหลงไปกับอารมณ์ของตนเอง เด็กหนุ่มจึงเลิกปลุกเร้าและกลับไปเก็บเกี่ยวความต้องการของตนต่อ เมื่อหนุ่มใหญ่เลิกขัดขืน มือทั้งสองจึงผ่อนแรงพันธนาการ และค่อยๆดันให้อีกฝ่ายลงไปนอนกับเตียงแต่โดยดี

          “อือ…”

          เสียงครางดังขึ้นในลำคออย่างพึงใจ ความง่วงก่อนหน้าบินหายไปเสียสิ้น ลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้าตนอ้างอะไรกับเด็กหนุ่มไว้ มือทั้งสองโอบคอคนตรงหน้า ยังคงแลกจูบตอบรับอย่างไม่รู้เบื่อ

          วัฒน์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนมือเย็นของอีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาด้านในเสื้อเชิ้ต และเพียงไม่นานมันก็เลื่อนลงไปยังที่ต่ำกว่า แต่เขาก็ไม่ได้นึกท้วงห้ามแต่อย่างใด ปล่อยให้เด็กหนุ่มหยอกเย้าและปลุกปั่นตามใจชอบ

          หนุ่มใหญ่ปรือตามองคนตรงหน้า อันที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรที่อีกฝ่ายจะจูบตนนานขนาดนี้…แต่เขาชักเริ่มรู้สึกว่ามันนานเกินไปเสียแล้ว และอะไรๆที่ไม่ควรจะมาในเวลานี้ มันก็เริ่มประท้วงอยู่ในร่างกายแล้ว

          วัฒน์ตีหลังเป็นการเตือน แต่อีกฝ่ายยังคงจูบตนไม่เลิก มือก็คอยขยับขึ้นลงปลุกเร้าอารมณ์อย่างเป็นจังหวะและไม่มีขาดตอน จนวัฒน์ชักจะอดทนไม่อยู่

          บ้าเรอะ ขืนยังทำแบบนี้ต่อไปละก็…

          หนุ่มใหญ่เริ่มประท้วงแรงขึ้น แต่ทั้งตีก็แล้ว ทั้งผลักก็แล้วทั้งพยายามเม้มปากกั้นก็แล้ว แต่เจ้าเด็กบ้านี่ก็ดึงดันไม่หยุด ครั้นจะให้กัดลิ้นก็กลัวจะโดนทำอะไรรุนแรงอีก ที่สำคัญคือ เขาเองก็เริ่มจะอดกลั้นไม่ไหวแล้วด้วย

          ในที่สุด เนก็หยุดมือและถอนจูบออกเมื่อของเหลวสีขุ่นเปรอเต็มมือ ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองผลงานตรงหน้า ก่อนจะกลับไปมองหนุ่มใหญ่ที่นอนหอบกระเส่าอย่างคนหมดแรง ใบหน้าแดงก่ำ

          “ฉันพยายามจะบอกนายแล้วนะ…” วัฒน์ว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าตนหลงไปกับรสจูบอีกฝ่ายแค่ไหน

          เนนิ่งเสียจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และท่าทางเด็กหนุ่มจะไม่ได้สนใจเรื่องที่อีกฝ่ายวิ่งเข้าเส้นชัยก่อนนัก เนลุกขึ้นนั่งคร่อมร่างของวัฒน์ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อของตน

          วัฒน์รู้สึกร้อนวูบ เพราะปกติอีกฝ่ายมักจะรีบร้อนดำเนินการโดยเร็วแท้ๆ แต่ในตอนนี้ เนกลับใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะถอดเสื้อของตัวเองออก

          นั่นก็ว่าชวนระทึกแล้ว ตอนที่โดนแกะกระดุมเสื้อตัวเองนี่ยิ่งระทึกกว่า เล่นเอาใจเต้นโครมครามเลยทีเดียว

          แค่กระดุม เอ็งจะใช้เวลาแกะนานไปมั้ยวะ!! จะมาทำมือขยุกขยิกแล้วมันจะช่วยให้แกะง่ายขึ้นเรอะ กระดุมนะเฟ้ย ไม่ใช่ตู้เซฟ ไม่เห็นจะต้องเสียเวลาแกะขนาดนั้นสักหน่อย!

          “อยู่นิ่งๆสิครับ” เนว่าเมื่อเห็นวัฒน์ทำท่าจะขัดขืน “ไหนว่าง่วงนี่ จะหลับไปก่อนก็ได้นะครับ”

          โอ๊ย มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันคงจะหลับลงอยู่หรอกนะ ไอ้บ้านี่

          แม้จะหงุดหงิด แต่ก็ได้แต่นิ่งอย่างจำยอม

          วัฒน์เลื่อนสายตามองมือของเด็กหนุ่มที่แกะกระดุมของตนอย่างอ้อยอิ่งไปทีละเม็ด ทำเอาเขาใจเต้นโครมคราม ยิ่งช้า ความตื่นเต้นในใจก็พุ่งสูงจนแทบบ้า แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนนับสูตรคูณเลขเพื่อระงับอาการตื่นเต้นในกายตน

          กว่าจะแกะกระดุมเสร็จ เล่นเอาคนที่นอนอยู่นิ่งๆเหนื่อยแทบตาย ครั้นจะต่อว่าก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งที่ดูไร้อารมณ์ของเด็กหนุ่ม

          ทำไมล่ะ…

          ก่อนจะคิดสงสัยไปมากกว่านี้ก็ต้องสะดุ้ง และให้ความสนใจยังมือที่ทาบอยู่ตรงอกของตน ซึ่งก็ไม่ยอมขยับไปไหน จับนิ่งอยู่ที่เดิม…ตรงหัวใจ

          วัฒน์พยายามดึงมือออก แต่อีกฝ่ายดื้อดึงและใช้มือที่เหลือปัดออก เมื่อถึงที่สุดเด็กหนุ่มก็ดึงมือทั้งสองไปกดเอาไว้เหนือหัววัฒน์ และกลับมาทำต่อเช่นเดิม

          “…”

          คนที่นอนอยู่บนเตียงได้แต่เบิกตามองเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าเด็กนี่มันต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่รู้คือ อีกฝ่ายคงรู้แล้วว่าในตอนนี้หัวใจของตนเต้นตัวเร็วมากแค่ไหน

          บ้าเอ๊ย!

          “ระ…รีบๆทำเข้าสิ จะรออะไรเนี่ย” วัฒน์พยายามแสดงน้ำเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความรู้สึกเขินอาย ถ้าหนีออกไปจากตรงนี้ได้คงทำไปแล้ว

          “คุณอยากให้มันจบเร็วๆหรือ”

          คนฟังถึงกับเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยสักนิด

          “ก็…นี่มันดึกมากแล้วนี่นา จะเสียเวลาทำไม…” วัฒน์ตอบละล่ำละลักและหลบหน้าแดงก่ำของตัวเองไปอีกทาง นึกด่าตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมไม่ตอบไปเสียว่าอยากให้จบเร็วๆ

          ก็เล่นมองตาละห้อยแบบนั้น ใครจะไปกล้าพูดกันเล่า!

          วัฒน์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเข้าหาซอกคอตนเอง ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งเสียเหลือเกินที่ไม่โดนวัดอัตราเต้นของหัวใจแล้ว ทั้งยังโดนปล่อยมือด้วย

          “เอ๊ย เดี๋ยวสิ” แต่วางใจไม่ทันไรก็ต้องลุกลี้ลุกลนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อโดนอีกฝ่ายจูบคอเสียแรง “อย่าดูดแรงแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็เป็นรอยหรอก”

          ถ้าเป็นก่อนหน้า อีกฝ่ายก็คงจะถอยไปแต่โดยดี เขารู้ว่าเนเองก็ไม่ได้อยากให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์นี้สักเท่าไหร่

          แต่คราวนี้ไม่ยักจะยอม

          “อึก…” วัฒน์พยายามกดเสียงตัวเองไม่ให้เล็ดลอดออกมา แต่อีกฝ่ายก็รุนแรงกับเขาเสียเหลือเกิน “เดี๋ยวมัน...เป็น…อื๊อ…อ๊า”

          หนุ่มใหญ่เผลอกรีดเสียงลั่น เพราะโดนฟันงับเข้ามาเสียแรง เขาได้แต่ร่ำร้องและพยายามผลักอีกฝ่ายออกตามสัญชาตญาณ แต่ยิ่งต้าน เหมือนจะยิ่งไปกระตุ้นบางอย่างในตัวอีกฝ่ายแทน

          นี่แกจะทำหรือจะกินฉันกันแน่วะเนี่ย

          พอหมดแรงจะต้านก็ได้แต่ระบายความเจ็บปวดด้วยการใช้เล็บจิกหลังอีกฝ่าย มือทั้งสองกรีดกำผิวเนื้อตรงหน้าแน่น ความรู้สึกทรมานผสมกับความวาบหวามจนแยกไม่ออก ชักเริ่มสับสนเสียแล้วว่าต้องการให้อีกฝ่ายหยุด หรือทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆดี

          “อึก…”

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งเมื่อโดนมือกอบกุมส่วนที่อ่อนไหวอีกครั้ง คราวนี้เนไม่ได้เร่งเร้าให้เขาแต่อย่างใด เด็กหนุ่มค่อยๆประคองท่อนเนื้อที่เพิ่งหมดแรงอย่างเบามือ นิ้วเรียวลากไล้ลูบไปมาอย่างเชื่องช้าตั้งแต่โคนจรดปลาย จากนั้นก็ใช้นิ้วจิ้มบดวนอยู่ตรงยอดจนผู้เป็นเจ้าของถึงกับกระตุกวาบ

          เนเลื่อนจากซอกคอลงมาตรงยอดอก ดูดดุนเสียจนวัฒน์ร้องเสียงหลง เท่านั้นยังไม่พอ มือที่ยังว่างก็คอยลูบยอดอกไม่หยุด พอคลึงเล่นเสียจนหัวนมชูชัน ก็เริ่มบีบไปมาเหมือนต้องการกลั่นแกล้ง

          ทั้งที่อยากจะร้องห้ามแทบตาย แต่ความเสียวซ่านที่โหมกระหน่ำเข้ามาทำเอาในหัวว่างเปล่าไปหมด ร่างกายที่เพิ่งอ่อนแรงกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง กระนั้นอีกฝ่ายกลับไม่คิดจะลงมือจริงสักที เอาแต่ปลุกเร้าอารมณ์เสียวของเขาไม่เลิก

          “เฮ้…พอ…พอได้แล้ว…” วัฒน์พยายามร้องห้าม แม้นเสียงที่ออกมาตอนนี้จะปนเสียงหอบกระเส่าจนน่าอายแทบตาย แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ต้องพูด “ถ้านายยังไม่ทำ…ฉันจะเสร็จอีกแล้วนะ…”

          เขาร้องเตือนหมายจะให้อีกฝ่ายเริ่มดำเนินการให้จบเรื่อง จะได้หลับๆกันเสียที

          “ยังไม่ได้ครับ”

          “หา…อ๊ะ…เอ๊ย…”

          อยู่ๆอีกฝ่ายก็เคลื่อนทัพลงไปตีประตูด้านล่างเสียเฉย ความอุ่นร้อนที่โอบล้อมแก่นกายทำเอาความอดทนที่มีอยู่หมดลงไปทันที

          แม้วัฒน์จะเสร็จสมอารมณ์หมาย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเสียง่ายๆ ยังคงใช้ปากปลุกปั่นอีกฝ่ายไม่เลิก จนหนุ่มใหญ่ได้แต่ร้องครวญครางด้วยน้ำเสียงน่าอายอยู่เช่นนั้น ครั้นจะถอยหนีก็โดนรั้งไว้ จะผลักไสก็ไม่มีกำลังมากพอ เลยได้แต่รอรับชะตากรรมเช่นอย่างนี้แทน

          “บ้าเอ๊ย…” วัฒน์ได้แต่สบถ ไม่เข้าใจว่าเนเป็นอะไรกัน ถึงได้ทำแบบนี้ ในเมื่อเด็กหนุ่มก็เป็นคนออกปากเองว่าจะทำแท้ๆ แล้วทำไมถึงได้ไม่ทำเสียที เอาแต่ปลุกอารมณ์เขาไม่หยุดอยู่นั่นล่ะ

          ถึงจะคิดแบบนั้น แต่จะขืนหนีก็เสียดายเป็นที่สุด และเขาก็รู้ดีว่าเข้ามาอยู่ในอุ้งมือมารขนาดนี้แล้ว จะหลบลี้หนีไปยังไงก็ไม่ได้แน่ แค่เผลอถอยตามสัญชาตญาณ เด็กหนุ่มก็จับรั้งไว้เหมือนกลัวเขาจะหนีแล้ว

          ร่างกายของหนุ่มใหญ่กระตุกวาบเมื่อโดนนิ้วเรียวชอนไชเข้ามาภายในร่างกาย แรงหมุนของนิ้วและแรงดูดดุนทำเอาเขาจะคลั่งตายให้ได้ทุกขณะ และเพราะเสร็จไปถึงสองที เขาก็ชักเริ่มจะหมดแรงต่อต้าน ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ

          “อือ…” วัฒน์ได้แต่ปล่อยเสียงครางออกมาอย่างจำยอม ราวกับมันจะช่วยให้ความรู้สึกบ้าคลั่งที่แล่นไปทั่วร่างทุเลาลงได้ “อื๊อ…”

          นิ้วที่สอดเพิ่มเริ่มขยับไหวรุนแรงขึ้น เนพยายามสอดใส่และหมุนนิ้วไปมาคล้ายกับกำลังจะหาบางอย่าง และทันทีที่ร่างตรงหน้ากระตุกวาบ เขาก็หยุดทันที

          “ดะ…เดี๋ยวสิ…ตรงนั้นมัน…”

          พูดได้เพียงแค่นั้น ก็ได้แต่ร้องครางออกมาสุดเสียง นิ้วเรียวเข้ากระแทกตรงจุดเดิมซ้ำไปมา จนอารมณ์ที่ดับไปไม่นานเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง วัฒน์ได้แต่กัดมือตัวเองแน่น อีกมือก็กำผ้าปูเตียงจนแทบจะกระชากออกมา สะโพกยกรับกับนิ้วที่รุกล้ำเข้ามาอย่างลืมตัว ในตอนนี้เขาเลิกที่จะสนใจทุกอย่าง ไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร หรือตัวเองจะหมดแรงตายหรือเปล่า

          ไม่สนแม้กระทั่งว่าคนที่กำลังปลุกปั่นทำให้ตัวเองบ้าคลั่งเจียนตายจะเป็นศัตรูของตัวเองก็ตาม



_________________________________________________

=3=คนลงลืมส่วนหลัง ฮา มาดูก็ว่าทำไมมันสั้นๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: dumpWINNY ที่ 22-08-2015 23:53:59
กรี๊ดดดด เรามาทวงตอนต่อไปปปปปปปป ทวง! ทวง! ให้ไว! เร็วเร็วววววววว ทนไม่ไหวแล้ว แงงงง  :katai1:

เพิ่งจะมาเล้าโลมนานๆ เอาอะไรตอนนี้อิคุณเนนนนนน แต่อย่างไรก็ตาม จงทำต่อไป  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 23-08-2015 02:18:46
 :hao5: มาต่อเร็วววววว
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 23-08-2015 07:11:16
อยากอ่านต่อแล้ววว
มันยังไม่สุดเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 23-08-2015 08:19:29
ง๊า แบบนี้ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า ค้างง๊า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-08-2015 09:53:26
ค้างเฉย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 23-08-2015 12:27:32
 :hao6: แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 23-08-2015 13:51:24
 :hao6: มาเร็วๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 47 (22/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-08-2015 21:45:51
ตอนต่อไปอยู่ไหน   :call:  :call:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 48 (25/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 25-08-2015 15:04:58
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 48


          ตามปกติรุตจะลงมาที่ครัวในตอนเกือบหกโมง ซึ่งเขาจะเป็นคนที่สองที่เข้ามาที่นี่ หลังนาง ที่ทำอาหารช่วงเช้าเตรียมไว้เสร็จสรรพ ก่อนจะออกไปจ่ายตลาด

          แต่วันนี้ เขาไม่ใช่คนที่สอง

          “อ้าว คุณวัฒน์…”

          รุตจะทักเรื่องที่อีกฝ่ายตื่นเช้ากว่าตัวเอง แต่พอเห็นสีหน้าของคนที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็นเขาก็พูดไม่ออก ท่าทางของวัฒน์ดูโทรมและหมดเรี่ยวแรงมาก ขอบตาล่างก็คล้ำเสียจนชัด ไปๆมาๆท่าทางจะลืมตายังไม่ค่อยจะไหวเลยด้วยซ้ำ

          “เป็นอะไรหรือเปล่า” หนุ่มใหญ่ร่างท้วมชักเริ่มเป็นห่วง ท่าทางของวัฒน์เหมือนจะล้มลงไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อ

          “แค่หิวน้ำ” เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาแหบแห้งเสียจนน่ากลัว พอมองกระป๋องน้ำเปล่าที่วางเรียงรายไว้บนเคาท์เตอร์ครัวก็ทำเอารุตผงะ แถมยังหยิบอีกกระป๋องมาซดโฮกจนเห็นแล้วอิ่มน้ำแทน “บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกแบบนั้น…”

          “แล้วคอนายไปโดนอะไรมาล่ะนั่น” รุตถามต่อเมื่อสังเกตเห็นผ้าก๊อชแปะเสียเต็มคอ และนั่นทำเอาเขาต้องผงะ เมื่อเจออีกฝ่ายมองกลับมาตาขวาง

          “แมงงี่เง่ามันกัดเอา”

          รุตได้แต่อ้าปากค้าง ยิ่งเห็นคนตัวผอมเดินไปนั่งบนโต๊ะด้วยสีหน้าคั่งแค้นเสียเต็มประดา เขาก็ไม่อยากจะเอ่ยปากถามแล้ว คิดไปว่าคงไปเจอยุงหามเมื่อคืน หนุ่มใหญ่เลยได้แต่เดินเลี่ยงออกไปจากครัว ไปรดน้ำในสวนฆ่าเวลา ดีกว่ามานั่งกินข้าวกับระเบิดเวลาเป็นไหนๆ

          ไอ้เด็กบ้านั่น

          วัฒน์ได้แต่นั่งคั่งแค้นปนสงสัยพลางบีบกระป๋องน้ำแน่น ท้ายที่สุดเนก็เอาแต่โลมเลีย ดูด กัด ซุกไซ้ สอดนิ้วใส่ แต่กลับไม่ชักอาวุธของตัวเองออกมาเลย

          มันต้องการอะไรกันแน่วะ บอกว่าอยากแต่สุดท้ายก็ไม่ทำเนี่ยนะ

          นั่งครุ่นคิดอยู่ไม่นาน ข้อสงสัยหนึ่งที่ผุดออกมาทำเอาหน้าเบี้ยว

          หรือมันจะฆ่าเราด้วยเซ็กซ์

          เขาพยายามปัดความคิดนั้นออก ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คงไม่ทำได้เร่าร้อนดูดดื่มเสียจนเหมือนจะกลืนกันไปทั้งตัวแบบนี้หรอก ที่สำคัญกว่าคือเขาไม่เข้าใจสีหน้าและท่าทางแปลกๆของเนอยู่ดี

          หมอนั่นกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่นะ…

          คิดแทบตายยังไงก็คิดไม่ออก ครั้นจะไปถามก็แลดูเป็นห่วงเกินเหตุ หนุ่มใหญ่ไม่อยากเสียเวลาคิดให้มากนัก ในชีวิตยังมีเรื่องสำคัญกว่าอีกเยอะ

          มันอาจจะกลัดมันขาดผู้หญิงจนเพี้ยนก็ได้

          พอคิดได้ดังนั้นบวกกินข้าวเสร็จ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เขากลับขึ้นห้อง หวังจะขึ้นไปนอนต่อให้ได้สักงีบ

          แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังคงนอนอยู่บนเตียง

          อยู่ๆหน้าก็ร้อนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ใบหน้าที่ดูหวาดกลัวของเนเมื่อคืนโผล่ขึ้นมาจ๊ะเอ๋ในหัว จากที่กำลังง่วงเหงาหาวนอนก็กลับมาตาค้างแข็งอีกครั้ง

          หนุ่มใหญ่มองอีกฝ่ายที่ยังคงหลับสนิท เขาเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วทิ้งตัวลงข้างเตียง มือหนายื่นเข้าแตะใบหน้านวลขาว เสียงลมหายใจของเด็กหนุ่มดังเป็นจังหวะและสงบ ช่างดูผิดกับเมื่อคืนเสียเหลือเกิน

          “แต่ผมก็คิดถึงคุณไม่แพ้กับคุณสิทธิ์นะ!”

          วัฒน์เบี่ยงหน้าหลบไปทางอื่น ทั้งที่รู้ว่าเจ้าคนที่นอนหลับก็ไม่เห็นใบหน้าแดงเรื่อของตัวเองในยามนี้แน่ แต่ยังไงเขาก็ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ

          มันดูเหมือนจะเป็นทางนั้น...เพียงแต่เขาไม่อยากที่จะคิด...หรือที่จริง เขาอาจจะไม่กล้าคิด...

          มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้

          วัฒน์ดึงมือออก เขายังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียง ความสับสนทำเอามึนหัว รู้ทั้งรู้ว่าหากเดินเข้าไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับเดินลงเหวแท้ๆ แต่ใจบ้าๆมันกลับสั่งให้เดินเข้าไปเสียอย่างนั้น

          “บ้าจริง” หนุ่มใหญ่อดสบถไม่ได้ พยายามปัดความคิดบ้าๆพร้อมกับตำหนิตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปหาที่นอนที่อื่นแทน

          แต่ไม่ทันได้ยืนก็ต้องกลับลงไปนั่งต่อเพราะโดนคนละเมอดึงชายเสื้อ

          วัฒน์หันไปหมายจะร้อง แต่ดูทรงแล้วอีกฝ่ายยังหลับเหมือนเดิม สีหน้าของเนดูทรมานแปลกๆ ราวกับกำลังฝันร้ายอยู่ก็ไม่ปาน

          “คุณวัฒน์...”

          เจ้าของชื่อกระตุกเล็กน้อย น้ำเสียงที่เรียกเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

          “คุณวัฒน์” ยิ่งโดนเรียก เหมือนรู้สึกอุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นไปหนึ่งองศา “คุณวัฒน์...”

          “เน...” เห็นอาการแล้ว หนุ่มใหญ่ชักเป็นห่วง เลยคิดจะปลุกขึ้นมา “อ๊ะ”

          ทีแรกแค่โดนดึงชายเสื้อ พอเอื้อมมือเข้าไปหมายจะจับไหล่ ก็โดนอีกฝ่ายดึงเข้ามากอดเสียอย่างนั้น

          “...” วัฒน์พยายามจะส่งเสียง แต่กรามดันค้างขึ้นมาเสียดื้อๆ ครั้นจะพยายามถอยหนีก็โดนอีกฝ่ายรัดเสียแน่น พอจะคิดหาทางก็นึกอะไรไม่ค่อยออก ยิ่งใบหน้าของตนไปแนบเข้ากับแผงอกอุ่นของอีกฝ่าย เลือดมันก็สูบฉีดจนสมองหมุนติ้วไปหมด

          “คุณวัฒน์...” เนยังคงพร่ำเรียกชื่อเขาไม่หยุด และทุกครั้งที่เรียก น้ำเสียงนั้นก็เจือไปด้วยความเศร้าและความกลัวมากขึ้น “คุณจะไม่หายไปจากผมใช่ไหม...”

          เหมือนโลกหยุดหมุนไปเกือบห้านาที

          วัฒน์เริ่มขยับอีกครั้ง คราวนี้อีกฝ่ายไม่ได้รัดเขาแล้ว หนุ่มใหญ่จึงค่อยๆถอยออกมาจากอีกฝ่ายอย่างช้าๆ เมื่อหลุดออกมาจากเตียงได้ เขาก็วิ่งหนีออกไปจากห้องทันที

          หมายความว่ายังไงวะนั่น

          ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกบ้าๆที่พองโตอยู่ในใจเอาไว้ได้ ใบหน้าก็แดงจนร้อนไปหมด

          หมอนั่นมันแค่ละเมอ...มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้...มันอาจจะเรียกชื่อเรา แต่ประโยคหลังอาจจะไม่ได้พูดกับเราก็ได้...

          แต่ถึงจะใช่ ก็แล้วยังไงเล่า! เราจะไปคิดแบบนั้นกับมันไม่ได้นะ

          วัฒน์นั่งนิ่งพิงกำแพงอยู่นอกห้องนอน รู้สึกสับสนไปหมด

          มันต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่

 

          เนนิ่วหน้าหรี่ตามองแดดที่แยงเข้ามา เด็กหนุ่มนอนเบลออยู่บนเตียงพักหนึ่ง ก่อนจะเบิกตาโพลง เด้งออกจากเตียงราวกับติดสปริง

          เขาหันมองไปทั่วห้อง แต่ในตอนนี้มีเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ซึ่งดูจากเวลาที่สายโด่งแล้วก็ไม่แปลกใจนัก

          ความทรงจำเมื่อคืนแล่นเข้ามาทักทาย ทำเอาความเบลอปลิวหายไปจากหัว ใบหน้าเรียวเริ่มร้อนผ่าว ก่อนจะก้มงุดลงไปกอดเข่าตัวเองอยู่ที่ปลายเตียง ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ปากบอกว่าอยากทำ แต่สุดท้ายก็เอาแต่ทำให้อีกฝ่าย แถมไม่ได้ทำแค่ทีสองที แต่เล่นจนอีกฝ่ายแทบจะตัวแห้งเลยทีเดียว

          เขานั่งนึกทบทวนตัวเอง ตอนแรกเขาก็จะทำด้วยแล้ว แต่พอนึกถึงโค้กและคำพูดเมื่อคืน อยู่ๆก็หงุดหงิดขึ้นมา ไอ้ความอยากทำก็ไม่รู้หายไปไหน ไปๆมาๆก็เอาความหงุดหงิดในใจไประบายที่วัฒน์หมด

          ทำไมกันนะ...

          เนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องหงุดหงิดโค้ก...แล้วพอหงุดหงิดก็ไม่รู้ทำไมถึงได้ อยากเห็นหน้าวัฒน์ตอนทรมานเจียนตายเพราะความสุขทางกายด้วยก็ไม่รู้

          เด็กหนุ่มบึ้งหน้า อย่างหนึ่งที่เขามั่นใจแน่ๆคือ เขาหวงวัฒน์

          แล้วจะไปหวงทำบ้าอะไรเนี่ย

          เขาไม่ยอมรับหรอกว่ารักอีกฝ่าย ต่อให้ตายยังไงก็ไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่

          มันต้องเป็นเพราะอย่างอื่นสิ...แต่อะไรล่ะ

          เมื่อคิดไม่ออก เลยอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมาจากห้อง หวังว่าหากเจอหน้าต้นตอ อาจจะช่วยอะไรได้

          “อ๊ะ”

          เนไม่คิดว่าหนุ่มใหญ่จะยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้องนอน พอเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลน ใบหน้าขึ้นสีของหนุ่มใหญ่ คนมองก็พานหน้าแดงไปด้วยเหมือนติดโรค

          “สะ...สวัสดีครับ...” เด็กหนุ่มเอ่ยทักอย่างตะกุกตะกักและกระอักกระอ่วน “วะ...วันนี้อากาศดีเนอะครับ...”

          “...นะ...นั่นสินะ...” อีกฝ่ายเองก็ออกอาการไม่ต่างจากตนนัก “เอ่อ...ฉันขอเข้าห้องก่อนละกัน ว่าจะพักต่ออีกสักหน่อยน่ะ...”

          “ครับ...”

          ว่าจบต่างคนต่างหนีออกจากตรงนั้นไปคนละทาง ทันทีที่ประตูปิด เนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กลัวเหลือเกินว่าจะโดนถามหาสาเหตุของเรื่องเมื่อคืน

          แต่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแบบนั้นแล้ว ไอ้ความรู้สึกขุ่นหมองข้องใจก็ปลิวหายไปไหนก็ไม่รู้

          เดี๋ยวสิ นี่เราจะดีใจทำหอยหลอดอะไรฟะเนี่ย

          เด็กหนุ่มแล่นลงมายังห้องครัว พยายามห้ามหัวใจที่เต้นผิดจังหวะจนทำให้มึนหัว แต่พอโผล่หน้าไปที่ประตูก็ต้องชะงัก เพราะไม่ได้มีแค่นางกับแมวที่อยู่ในนั้น

          “ฮายเน” ปาล์มทักเสียงใสพลางเคี้ยวไข่ชะอมเต็มปาก “แน่นี่หว่า ตื่นสายโด่งเอาป่านนี้ อาวัฒน์ไม่ว่าเอาหรือไง...”

          ปาล์มค้างไปเล็กน้อยเมื่อคู่สนทนาทำหน้าเหมือนเห็นผี

          “ก็โดนว่าอยู่...” เด็กหนุ่มโกหกเลิ่กลั่ก “ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ มีธุระกับคุณสิทธิ์หรือ”

          “เปล่า พ่อใช้ให้มาหาแม่เฉยๆน่ะ”

          เนค้างไปสามวิ ก่อนจะมองนางที่ยังคงง่วนอยู่กับหมูผัดขิงในกระทะ จากนั้นก็มองแมวที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้

          “จริงสิ ยังไม่ได้บอกพี่เนเลยนี่เนอะ ตาบ้านี่เป็นพี่หนูน่ะค่ะ”

          “โวะ นี่เรียกพี่ชายแสนน่ารักคนนี้ว่าตาบ้าหรือจ๊ะ ยัยแมว” ปาล์มว่าเสียงเข้มพลางมองเน “...นายไม่ได้ทำอะไรน้องฉันใช่ไหม”

          “รออยู่ แต่พี่เนไม่ยอมทำสักทีอะ”

          “เรานี่!” นางเอ็ดลูกสาวตัวดี ก่อนจะหันหน้าเหนื่อยใจไปทางเน “ถ้าไม่ชอบก็พูดออกมาเลยนะ ลูกสาวป้าน่ะชอบแหย่คนอื่นนัก”

          “ฮะๆๆ ไม่หรอกครับ น้องแมวแซวแบบนี้น่ารักดีออก”

          “เห็นไหมล่ะ แม่อะชอบว่าหนูอยู่เรื่อย ทีกับปาล์มไม่เห็นจะว่าสักคำ” เด็กสาวบ่นอุบ “จะว่าไป วันนี้พี่เนว่างหรือเปล่าคะ เราไปเที่ยวกันนะ”

          นางหันมาค้อนแมว ส่วนเจ้าพี่ชายหันมาค้อนเนแทน

          “งั้นฉันไปด้วย” ยังไม่ทันที่คนโดนชวนจะตกลง ปาล์มก็เอ่ยอาสาแกมบังคับเสียแล้ว เล่นเอาแมวทำแก้มป่องใส่ “ไม่งั้นฉันไม่ให้ไป”

          “ได้สิครับ” ได้ยินคำตอบที่ออกมาง่ายๆจากเด็กหนุ่ม แมวถึงกับตัวลอย “ถ้าป้านางไม่ว่าอะไรน่ะครับ”

          “...ถ้าเราโอเค ป้าก็ไม่ว่าหรอกจ๊ะ แต่รีบกลับก็แล้วกัน”

          “ค่า งั้นหนูไปแต่งตัวก่อนนะ ขอเวลาสิบนาที”

          ได้รับคำอนุมัติจากมารดา เด็กสาวก็แผ่นหายออกไปในครัวทันที ปล่อยให้คนเป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของลูกสาว


____________________________________________

มะ....มีแค่นี้นะตัวเอง ;w;
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 48 (25/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-08-2015 16:03:20
จิ้มจึกๆ
อาวัฒน์เขินนน กิ๊วๆๆ //แซวคนแก่จะบาปมั้ย 55555
อาแกจะหึงเนกะแมวป่ะเนี่ย
แต่ที่ช็อคคือนางเป็นแม่ปาล์ม!? เงิบบ ค้างสามวิเหมือนเนเลย
รอตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 48 (25/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-08-2015 21:49:22
เงิบไปสามวิ นางเป็นแม่ปาล์ม
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 48 (25/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-08-2015 23:16:29
สั้นไปนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 48 (25/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 26-08-2015 08:59:59
เดี๋ยวมีลมหึงอีกหรอก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 48 (25/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-08-2015 15:01:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 49 (29/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 29-08-2015 10:52:51
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 49


          “นี่ตกลงนายชอบแมวหรือ”

          พอเดินออกจากครัวมาถึงหน้าบ้าน ปาล์มก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าขึงขังจริงจังมาก ทำเอาเนเผลอหลุดหัวเราะออกมา

          “ฉันก็เห็นเป็นแค่น้องสาว...น้องนายก็คิดกับฉันแค่พี่เหมือนกันนี่” เขาก็ไม่ได้อยากจะอวด แต่เพราะเคยคบและอยู่กับผู้หญิงมาเยอะ ถึงดูออกว่าใครคิดอะไรกับตน…แต่ไม่รู้ทำไมกับตาลุงนั่นถึงดูไม่ออกสักที

          หรือจริงๆ มันก็ดูคล้ายๆ และดูน่าจะใช่ แต่เพราะไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นแบบนั้น ถึงได้ว้าวุ่นไม่เลิก

          มันก็แค่เซ็กซ์เท่านั้น…

          เนสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าของปาล์มที่กำลังมองมาด้วยความสงสัย เพราะอยู่ๆเขาก็นิ่งไปเสียดื้อๆ

          “เชื่อไหมล่ะว่าเดี๋ยวออกไป น้องนายก็แยกกับเราไปหาตัวจริงของเขาโน่น” เนรีบพูดกลบอาการ ซึ่งได้ผลชะงัก

          “เดี๋ยวนะ นายรู้ได้ไงวะ”

          “ก็เมื่อกี้ตอนแมวชวนฉัน เธอแอบขยิบตาแถมยังทำหน้าขอร้องฉันด้วยนี่หว่า” คำอธิบายของเนยิ่งทำเอาปาล์มหน้าเหวอ “เอาเถอะ ฉันเองก็อยากจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน เลยตกลงไง...พอดีมีเรื่องอยากปรึกษากับนายหน่อย ถ้าไม่ว่าอะไรละนะ”

          ปาล์มนิ่วหน้าท่าทางไม่แน่ใจนัก “ก็ได้...แต่ต้องหลังจากรู้ว่าแฟนแมวเป็นใครน่ะนะ”

          “หวงน้องเหลือเกินนะ” ปากก็แซว แต่ก็อดหวั่นไม่ได้ ดีนะที่ตอนแรกที่เขามาที่บ้านนี้ ไม่หน้ามืดงาบแมวไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้น คงได้โดนรุมประชาทัณฑ์จากบรรดาพ่อแม่พี่อาเป็นแน่

          “ไม่ได้หวงเว้ย แค่เป็นห่วง” ปาล์มแหวว “ว่าแต่ นายมีเรื่องอะไรจะปรึกษาหรือ”

          ไหนว่าต้องหลังจากไปหาแฟนแมวไงวะ ไอ้นี่

          “บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ใช่เรื่องรักๆใคร่ๆ ไม่ต้องให้ความเห็นไปทางนั้นเลย” ได้ยินเนกำชับ ปาล์มถึงกับเลิกคิ้ว “นายคิดว่าจะมีสาเหตุอะไรที่ทำให้เรารู้สึกหวงอีกฝ่าย ไม่อยากให้ไปอยู่กับแฟนหรือคนที่ชอบเขาบ้างไหม”

          “หวงเพื่อนมั้ง...อ้อ แต่นายไม่ค่อยมีเพื่อนเลยไม่เคยเจอสินะ เห็นต่อบอกมา ฮะๆ” คู่สนทนาว่าเสียงใส “ก็มีนะ พวกที่บ้าแฟนจนลืมเพื่อน ถึงจะไม่ต้องมาตัวติดกันตลอดเวลา แต่พออยู่ๆมันหายหัวไป เอาแต่ตามก้นสาว ก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี”

          “งั้นหรือ...” เนรู้สึกเหมือนเห็นแสงส่องทางในความมืด

          “แล้วคนที่ว่านี่ใครหรือ”

          จากที่กำลังวิ่งไปทางแสง ถึงกับเลี้ยวกลับมาแทบไม่ทัน

          “เอ่อ...จะเรียกว่าเพื่อนก็กระไรดี...คือ เขาเป็นญาติสนิทของฉันน่ะ” ครั้นจะบอกว่า เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ ก็กลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจไปถูกจุด เลยพยายามเบี่ยงแต่ใกล้เคียงแทน “อ้อ ญาติผู้ใหญ่น่ะนะ เขาเคยช่วยฉันหลายอย่างตอนลำบาก...”

          “อ๋อ ก็คงอาการเดียวกันนั่นล่ะ เหมือนลูกที่หวงพ่อแม่ตอนพ่อแม่จะมีแฟนใหม่ไง ใช่ไหมล่ะ ฮะๆ” ปาล์มพูดคล่องจนเนเริ่มสงสัยว่าเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า “พอดีเมื่อก่อนพ่อฉันก็มีผู้หญิงมายุ่งเยอะเหมือนกัน เลยพอจะนึกออกน่ะ...แต่เห็นแบบนั้น พ่อเขาไม่นอกใจเลยนะเว้ย”

          ถ้างั้นแกกับแมวได้นิสัยโปรยขนมจีบไปทั่วจากใครมาฟะ จะบอกว่าป้านางเรอะ?

          “แต่ไอ้เรื่องเจ้าชู้ ปากหวานมันก็มีบ้างล่ะน่า เพียงแต่คนที่เข้ามามันไม่ใช่สเป็ก เลยรอดปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ไง” เห็นสีหน้าเหยเกของคนฟัง ปาล์มก็พูดเหมือนจนแต้ม “พอดีป๋าฉันชอบผู้หญิงอายุมากกว่าตัวเองสักสิบกว่าปีไง เพราะงั้นแม่เลยไม่กังวลที่พ่อไปทำงานที่บาร์ เพราะยังไงก็ไม่มีทางนอกใจแหงม...ถ้าไปวัด หรือไปตลาดตอนเช้าก็ว่าไปอย่าง ฮะๆ”

          ฟังแล้วเนถึงนึกขึ้นได้ เพราะดูแล้วฉัตรน่าจะสี่สิบต้นๆ ในขณะที่นางอายุห้าสิบกว่า

          “อ้อ...” เนลากเสียง รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก

          ใช่ เขาไม่ได้รักวัฒน์แบบนั้นหรอก ก็แค่นับถือ รู้สึกผิด และไม่อยากให้ใครมาแย่งก็เท่านั้น...ส่วนเรื่องนอนนั่นของแถมเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น…

          แค่นั้นเท่านั้น...

          ปาล์มนิ่วหน้าใส่คนที่กำลังเหม่อ เขาอ้าปากเหมือนต้องการจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เงียบลงเมื่อน้องสาวตัวดีปรี่เข้ามาหา

          “รอนานมั้ยค้า” แมวทักเสียงใส ก่อนจะขยิบตาให้เนอีกครั้ง “ขอบคุณนะคะพี่เนที่ยอมมาเป็นเพื่อน…”

          “ไม่ต้องเลย ฉันก็ไปด้วย” ได้ยินปาล์มพูดแล้วหน้าบูดทันควัน “แกแอบไปมีแฟนเมื่อไหร่ที่ไหนวะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้”

          ทำหน้ายู่ยับเสียจนใบหน้าที่แต่งจนสวยกลายเป็นผ้าขี้ริ้วเลยทีเดียว

          “ถ้าบอกแล้วอย่าไปบอกแม่ได้ไหมล่ะ” เด็กสาวทำแก้มป่อง ก่อนจะยิ้ม “อ้อ เอาเถอะ ถ้านายบอก เดี๋ยวฉันจะลิสต์รายชื่อบรรดาว่าที่สะใภ้ของนายให้แม่ฟัง ฮิๆ”

          คราวนี้ปาล์มเป็นฝ่ายหน้าเบี้ยวแทน

          “เออๆ ไม่บอกหรอกน่า แล้วตกลงเป็นใคร ใช่คนที่ฉันรู้จักหรือเปล่า”

          เด็กสาวยิ้มพราย “ถ้างั้นเราไปเจอเขาเลยดีกว่าเนอะ”

          สุดท้ายเธอก็ปล่อยให้สองหนุ่มรอเซอร์ไพรส์เสียอย่างนั้น แล้วเดินนำออกไปยังรถเก๋งของพี่ชายตัวเอง จากนั้นก็โบกมือเร่งพวกเขา ราวกับทั้งสองเป็นฝ่ายที่ชักช้าเสียเอง

          จุดหมายปลายทางนั้นก็ไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนั่นเอง ในวันนี้เป็นวันหยุด ผู้คนจึงเยอะกว่าปกติ แต่กระนั้นแมวกลับไม่ได้สนใจพี่ชายที่เดินตามมาติดๆราวกับกลัวเธอหลงนัก ทำเอาเนได้แต่ลอบยิ้มกับความหวงน้องอยู่ข้างหลังทั้งสอง ทั้งสามหยุดลงตรงหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งแมวบอกว่าได้นัดแฟนเอาไว้ระหว่างที่นั่งรถมา

          “ไหน ใคร...” ปาล์มเค้นเสียงเข้ม ซึ่งเนก็ไม่แปลกใจนัก เพราะตอนแมวไลน์คุยกับแฟน ปาล์มก็ทำท่าเหมือนจะไปคว้ามือถือเด็กสาวเสียให้ได้ ผิดแต่ว่าเขาขับรถ และคนเป็นน้องเองก็ระวังตัวแจเหมือนรู้ทัน “ผู้ชายที่ไหนให้ผู้หญิงมาก่อนฟะ ท่าทางไม่ใช่คนดีนักหรอก”

          “ขอโทษละกันนะ...แต่ฉันมาตั้งนานแล้ว...”

          เสียงทุ้มเย็นยะเยือกฟังแล้วชวนขนลุกดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจากด้านหลังของทั้งสอง และพอหันไป ปาล์มก็ทำหน้าเหมือนเห็นกาลอวสานของโลก

          “แก...นี่แก...” คุณพี่ชายดูจะอึ้งมากมาย ท่าทางจะไม่รู้เลยสักนิดว่าเพื่อนร่วมงานจะเป็นแฟนน้องสาว

          “งี้แหละ เอาแต่ปล้ำอยู่กับสาว ไม่สนใจน้องนุ่ง” แมวทำปากจู๋ใส่ ก่อนจะปรี่เข้าไปคว้าแขนต่อ เล่นเอาคนที่กำลังค้างถึงกับได้สติและหน้าเบี้ยวอย่างกับผ้าขี้ริ้วโดนบิด

          “อย่ามองแบบนั้นสิ...ฉันกลัวนะ...” คนที่ดูน่าสะพรึงกว่าพูดเสียงค่อย ก่อนจะวาร์ปหลบไปอยู่หลังแฟน “ถ้าพี่เป็นอะไรไป...สงสัยไอ้ปาล์มก่อนเลยนะ”

          ปาล์มชักสีหน้าใส่ “ฉันมากกว่าที่น่าจะเป็นอะไรไปน่ะ โอ๊ย จะบ้าตาย ทำไมไม่เห็นจะบอกกันบ้างเลยวะเนี่ย”

          “บอกแล้วนายจะยอมหรือ เมื่อก่อนมีคนมาจีบแมวออกจะเยอะ นายยังกันไม่ยอมให้เข้าใกล้เลย” ได้ยินที่ต่อพูดแล้วแมวยิ่งส่งสายตาปานจะยิงแสงเลเซอร์ออกมาได้ใส่ปาล์ม

          “เอ้า ก็พวกที่เข้ามามีแต่พวกสิงสาราสัตว์ทั้งนั้นนี่หว่า ฉันไม่อยากรีบมีหลานนะเว้ย” ปาล์มพยายามพูดขึ้นเสียงเหมือนจะกลบความกลัวเพราะโดนแมวจ้องจนจะกินเลือดกินเนื้อ

          “กลัวอะไร ทีพ่อยังมีนายตอนสิบเจ็ดเลย ฉันยี่สิบแล้วนะ เลยมาตั้งสามปีแล้ว” ได้ยินแม่ม้าดีดกะโหลกว่า พี่ชายก็ได้แต่หน้ามืด จนเนชักกลัวว่าปาล์มจะล้มทั้งยืน “เอาน่า พวกฉันไม่พลาดก่อนแต่งหรอก ห่วงตัวเองเถอะ”

          โดนย้อนโดนเถียงขนาดนี้ แต่พี่ชายก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆเพราะเถียงไม่ออก

          “เอาน่าๆ นายก็หัดเชื่อใจน้องตัวเองบ้างสิ แมวเขาไม่ใช่คนแบบนั้นน่า” เนพยายามกล่อมให้ปาล์มเลิกกังวลเสียที “นี่มาเที่ยวไม่ใช่หรือไง เราเลิกพูดเรื่องเครียดๆแล้วไปสนุกกันดีกว่าน่า”

          สีหน้าของปาล์มบ่งบอกว่าไม่ยอมอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่อาจห้ามหรือรั้งอีกฝ่ายได้

          “เออ พาน้องฉันกลับบ้านก่อนห้าโมงนะเฟ้ย” ได้ยินพี่ชายกำชับแล้ว ทั้งเนและแมวถึงกับหลุดขำ ทำเอาปาล์มชักสีหน้าใส่

          “ครับคุณพี่”

          “ใครพี่แกฟะ! ไอ้นี่”

          “น่าๆ” เนื่องจากเบื่อจะดูละครดราม่าแล้ว เนจึงพยายามตัดบทและดึงปาล์มที่ทำท่าจะกระโดดกัดคอต่อ “ถ้างั้นพวกเราไปก่อนนะ เที่ยวกันตามสบายเลย”

          แมวกับต่อรีบเผ่นอย่างรวดเร็วจนปาล์มได้แต่แยกเขี้ยวใส่

 

          “อ้าว คุณวัฒน์ เห็นรุตบอกว่าขึ้นไปพัก นอนยาวเลยนะ”

          คนเพิ่งตื่นปรือตามองคู่สนทนาอย่างยากลำบาก หนุ่มใหญ่ทรุดกายลงบนเก้าอี้ไม้ในครัว ก่อนจะคว้ากระป๋องน้ำตรงหน้าขึ้นมาซดโฮกจน นางที่กำลังหั่นเนื้อเผลอจ้องหนุ่มใหญ่ด้วยความกังวลปนเป็นห่วง

          “ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ต้องเรียกแบบนั้น” วัฒน์ว่าพลางยิ้มเจื่อน ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบห้อง “...แล้วนี่ เอมกับแมวไปไหนล่ะครับ”

          “ยัยเอมไปนอนกลางวันในห้องน่ะ ส่วนยัยแมวขอออกไปเที่ยวกับเนน่ะ” จากที่กำลังง่วงๆถึงกับตื่นเต็มตา จนหญิงวัยกลางคนสะดุ้ง “...แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ตาปาล์มก็ไปด้วย คงไม่เกิดอะไรไม่ดีหรอก”

          แต่เห็นสีหน้าของหนุ่มใหญ่แล้ว นางก็ชักกังวลขึ้นมาจริงๆจังๆ

          “อ๊ะ...ไม่หรอกครับ ไปกับปาล์มคงไม่เกิดอะไรไม่ดีหรอก” วัฒน์โบกมือให้ ทั้งที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด

          ในทีแรกเขายอมรับว่ากังวล...แต่เรื่องที่กังวลกลับไม่ใช่เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายอาจจะใช้โอกาสนี้แยกตัวไปหาเดช

          ทำไมเราต้องหงุดหงิดโหวงเหวงที่รู้ว่าไอ้เด็กนั่นสนิทกับปาล์มและแมวถึงขั้นไปเที่ยวด้วยกันละวะ จริงๆเราควรจะเป็นห่วงแมวมากกว่าสิโว้ย!

          คิดแล้วก็ได้แต่เหนื่อยใจตัวเอง วัฒน์พยายามสะบัดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกจากหัว หลับหูหลับตายัดข้าวลงท้อง หวังจะรีบกลับขึ้นห้องไปหาอะไรทำเพื่อให้เลิกฟุ้งซ่านเสียที

          กิ๊งก่อง...

          เสียงกระดิ่งดังขึ้นในจังหวะที่หนุ่มใหญ่กินข้าวเสร็จพอดี วัฒน์จึงอาสาไปเปิดประตูให้แทนนางที่กำลังมือเลอะ

          “อ้าว” พอเห็นว่าเป็นโค้กกับศาสตร์ หนุ่มใหญ่ก็อดประหลาดใจไม่ได้ “มีธุระอะไรกับคุณสิทธิ์หรือ”

          “เปล่าคร้าบ กับอาวัฒน์หรอก” นั่นยิ่งทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นไปอีก “นั่นคออาไปโดนอะไรน่ะครับ”

          “…โดนแมลงกัดน่ะ” ทั้งที่โค้กก็ไม่ได้เข้ามาจับ แต่มือมันก็ดันยกขึ้นปิดคอตัวเองเสียอย่างนั้น “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย”

          “แต่ถึงขนาดแปะผ้าพันแผลเอาไว้แบบนี้ ผมว่าไปโรงพยาบาลน่าจะดีกว่านะครับ” ศาสตร์ช่วยเสริมด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน

          “มะ…ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย”

          ถ้าไปหาหมอแล้วรู้ความจริง ฉันคงต้องหายไปจากโลกนี้เลยล่ะ…คิดแล้วก็แค้นไอ้เด็กบ้านั่น!!

          “แล้วมาหาฉันทำไมหรือ” วัฒน์พยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากจะนึกถึงความทรงจำบาดจิตสะท้านหัวใจนัก

          “ก็…จำได้ไหมครับเมื่อคืนที่ว่าจะชวนไปเที่ยวน่ะ วันนี้ว่างไหมครับ ไปเที่ยวกันน้า”

          หนุ่มใหญ่นิ่วหน้า ที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจหรืองานยุ่ง เพียงแต่แปลกใจที่คนหนุ่มกว่าชวนคนวัยอาไปเที่ยวนี่ล่ะ เขาก็นึกว่าโค้กแค่ชวนพอเป็นพิธีเท่านั้น

          “คือแบบว่า ไหนๆก็จะถึงวันเกิดอาแล้วไงครับ พวกเราอยากซื้อของขวัญให้น่ะครับ แต่อยากให้อาเป็นคนเลือก เลยจะชวนไปด้วย”

          “อะไรกัน ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก แค่น้ำใจก็เกินพอแล้ว แถมยังอีกตั้งเดือนกว่าเลยนะ” หนุ่มใหญ่หัวเราะขึ้นอย่างเอ็นดู พลางคิดถึงคนใกล้ตัว ที่ดูแล้วคงไม่มีทางมาทำแบบนี้กับตนหรอก

          เดี๋ยวๆ...แล้วเราจะไปนึกถึงไอ้เด็กเวรนั่นทำไมวะ

          “น่าครับ พวกผมกลัวไม่มีเวลา…ไม่อย่างนั้นก็เพื่อพวกผมที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลก็ได้ ไปด้วยกันเถอะน้า” โค้กออดอ้อนพร้อมกับเข้าไปเกาะแขนวัฒน์ จนศาสตร์เผลอชักสีหน้า “หรืออาไม่อยากไปกับพวกผมละครับ”

          ถึงใครจะหาว่าเย็นชาดูใจร้าย ไม่สนใจใครยังไง แต่เอาเข้าจริงๆถ้าโดนคนรู้จักอ้อนขึ้นมา วัฒน์ก็ปฏิเสธไม่ค่อยจะออกหรอก

          “เอ้า ก็ได้ ถ้าไม่เบื่อจะไปกับคนแก่ละนะ”



______________________________________________


แยกย้ายกันไปเที่ยว แต่เดี๋ยวจะได้เจอกัน XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 49 (29/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-08-2015 11:14:47
ก็ไม่รู้สินะ  ปล่อยไปตามยะฐากรรมแล้วกันสองคนนี้อะ  รอวันที่เนกับเดชโคจรมาพบกัน แล้ววัฒน์มาจะะเอ๋พอดีอยู่นะ จะได้ตายกันไปข้าง    o18
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 49 (29/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 29-08-2015 11:27:40
โค้กกับศาสตร์นี่ แท็กทีมกันมาอีกแล้วนะ   :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 49 (29/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 29-08-2015 15:40:22
เป็นแมลงที่ร้ายจริงๆ กระชากผ้าพันแผลออกแหม่ม!!   :haun5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 49 (29/08/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-08-2015 16:14:16
เดี๋ยวก็โป๊ะเชะกันอีกจนได้สิน่า -.-
รอน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 01-09-2015 12:54:42
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 50


          “บอกเลยนะว่าถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่คิดอะไรหรอก แต่พอมากับนายแล้วเสียวหลังยังไงพิกลก็ไม่รู้”

          เนมองปาล์มที่ออกอาการโอเวอร์แอคติ้งเสียเหลือเกิน ท่าทางจะเลิกเป็นห่วงแมวแล้ว แต่คราวนี้คงเพราะโดนสายตามากมายมองมาทางพวกตนที่กำลังนั่งแกร่วอยู่ในร้าน อาหารฟาสฟู้ดส์แห่งหนึ่ง ทั้งยังสาวๆบางโต๊ะก็แอบซุบซิบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่ ปาล์มถึงได้อดพูดออกมาไม่ได้

          “ทำไมไม่คิดว่าเขาอาจจะอยากเข้ามาคุยกับเราบ้างวะ” อันที่จริง เขาเองก็แอบสงสัย แต่เพราะไม่ได้คิดอะไรกับคุณหลานเลยสักนิด จึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรนัก อันที่จริง เขาก็ไม่ได้อยากจะมาเที่ยวอะไรนักด้วย

          แต่พอคิดว่าต้องอยู่ในบ้านกับคนที่ทำให้ในหัววุ่นวายจนแทบบ้า เลยคิดว่าออกมาข้างนอกห่างจากอีกฝ่ายไปบ้างน่าจะดีกว่า

          “ว่าแต่คนที่นายหวงนี่ ผู้ชายหรือผู้หญิงวะ”

          เจอปาล์มเปลี่ยนเรื่องทีเดียว เนถึงกับสำลักน้ำโค้กออกจมูก

          “จะถามทำไมวะ” หลังจากเช็ดน้ำหูน้ำตาแล้วก็โพล่งออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว ก่อนจะหรี่เสียงกลับมาเบาหวิว “เขาเป็นญาติผู้ใหญ่ฉันจะ จะไปคิดอะไรเกินเลยได้ยังไงเล่า”

          “ก็ไม่แน่ เดี๋ยวนี้เอากันเองเยอะไป” สีหน้าท่าทางในการให้คำตอบของปาล์มนั้นจริงจังจนเนไม่กล้าสวนกลับ “ที่สำคัญคือ ฉันไม่เชื่อว่าเป็นญาติว่ะ ถ้าเป็นงั้นจริง แกคงบอกว่าเป็นญาติ ก่อนจะบอกว่าห้ามฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆอยู่แล้ว...ว่าไง ตกลงเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไอ้ ‘ญาติ’ ผู้ใหญ่ของแกน่ะ”

          คราวนี้ถึงกับคิดไม่ตก

          “...ผะ...ผู้หญิง” และไม่รู้ว่านึกอะไรถึงได้พลั้งปากเปลี่ยนเพศให้เสียเฉยๆ

          “ว่าแล้ว” เห็นอาการเหมือนผู้ชนะของปาล์มแล้วเนอยากจะตะบันหน้าอีกฝ่ายตงิดๆ “ถามจริง ไม่คิดไปทางนั้นเลยสักนิดจริงๆอะ”

          “ไม่” เด็กหนุ่มตอบเสียงเฉียบ “ไม่มีทาง แล้วก็ไม่มีวันแน่”

          ได้ยินอีกฝ่ายยืนยันเสียงหนักแน่น คนฟังถึงกับเลิกคิ้ว

          “นายมีปัญหาอะไรถึงไม่อยากรักเขาขนาดนั้นวะ”

          ก็เป็นผู้ชาย แถมเป็นอาแกอีก...จะให้พูดได้ไงวะ!

          “ก็เขาแก่กว่าตั้งเยอะ” นั่นเป็นเหตุผลที่ฟังดูเข้าทีที่สุดแล้ว “ฉันไม่ได้อยากเป็นนักโบราณคดีนะเฟ้ย”

          “ก็ไม่แน่นา อาจจะแหล่มกว่าสาวๆก็ได้” เห็นสีหน้าปาล์ม เนก็รู้เลยว่า เพราะไม่ใช่เรื่องตัวเองถึงได้พูดเชียร์ จนเนชักคิดผิดที่มาปรึกษา “เฮ้ย นี่ฉันจริงจังนะ ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องเล่นๆเลยนา”

          ไม่เห็น แต่หุบยิ้มไม่อยู่เนี่ยนะ

          อยู่ๆเจ้าคนที่ยิ้มชั่วร้ายก็นิ่วหน้าพลางมองข้ามไหล่เนไป จนเด็กหนุ่มต้องหันตาม

          “มองอะไร…” ทีแรกว่าจะถามเพราะทางที่มองเป็นแค่ทางเดินในห้างที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ แต่ยังไม่ทันถามจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นร้านเสื้อผ้าชายที่อยู่อีกฝั่ง ซึ่งมีคนหน้าตาคุ้นเคยอยู่ด้านใน

          เขาเห็นวัฒน์ยืนดูเสื้ออยู่แค่คนเดียว ซึ่งอันนั้นก็ชวนแปลกใจมากพอแล้ว เพราะตั้งแต่อยู่กันมา เขาแทบไม่เคยเห็นวัฒน์มาเที่ยวเลย ยกเว้นตอนไปซื้อของฝากเยี่ยมไข้ให้ไอ้หน้านิ่งกับไอ้หน้าเป็นที่โรงพยาบาล

          แต่พอสักพัก ไอ้หน้าเป็นก็ปรี่เข้ามาจากไหนก็ไม่รู้ พร้อมกับเนคไทในมือเป็นกอง แน่นอนว่าไอ้หน้านิ่งก็ตามมาอย่างไม่ลดละ เที่ยวพากันแย่งเสนอเนคไทของตนให้วัฒน์กันวุ่นวาย

          เดี๋ยวสิ ไหงไปอยู่ด้วยกันแบบนั้นฟะ...แล้วไอ้ท่าทางกระหนุงกระหนิงนั่นมันอะไร...แล้วทำไมต้องแตะเนื้อต้องตัวกันขนาดนั้นวะ นี่ลองเนคไทหรือหาจังหวะลวนลามกันฟะ ทำไมมือพวกบ้านั่นไปแตะในที่ๆไม่น่าจะแตะแบบนั่นเล่า...

          แล้วเราจะปรี๊ดแตกทำไมเนี่ย!!!

          “ไหงอาวัฒน์กับพวกพี่โค้กไปทำอะไรในร้านเสื้อผ้าชายหว่า...” ปาล์มทักด้วยความสงสัยก่อนจะตีหน้าเหวอ “หรือว่าสองคนนั่นแอบชอ...”

          “จะบ้าเรอะ! คิดได้ไงวะ” เนรีบขัดขึ้นอย่างหัวเสีย เนื่องจากไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดไปทางนั้น ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม และก็ไม่อยากฟังอะไรที่มันบาดหูด้วย

          “ก็มันน่าคิดนี่หว่า” ปาล์มแบะปาก “นายอาจจะไม่รู้ สองคนนั่นโดนจีบบ่อยจะตาย แต่เชื่อหรือเปล่าว่าพี่ศาสตร์ไม่เคยมีแฟนเลยนะ บอกแค่ว่ามีคนที่ชอบแล้ว ส่วนพี่โค้ก ปีสองปีมานี่ก็ไม่ได้คบกับใครเลย ทั้งที่เป็นเสือผู้หญิงแท้ๆ ไอ้เราก็ยังแซวกันอยู่เลยว่ากินกันเองหรือเปล่า”

          เนกระตุก กับศาสตร์เขาอาจจะยังหาหลักฐานยืนยันไม่ได้ แต่คำพูดของโค้กเมื่อวันก่อนยังคงตราตึงติดแน่นหนึบอยู่ในหัวยิ่งกว่าทากาวตราช้าง

          “แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ฮะๆ” ก่อนที่เนจะกังวลจนเตลิดไปมากกว่านี้ ปาล์มก็กลับมาเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ “ให้แค่พ่อกับนายเป็นพวกนิยมวัตถุโบราณกันสองคนก็พอแล้ว ฮะๆ”

          เนไม่แน่ใจว่าที่รู้สึกหงุดหงิดเพราะโดนแซว หรือเพราะอะไรกันแน่

          “ไปแกล้งดีกว่า...อุก” ก่อนที่หนุ่มหน้าเป็นจะลุกก็โดนเพื่อนร่วมโต๊ะกระชากคอเสื้อจนหน้าแทบจะจูบกับโต๊ะ “อะไรของนายวะ”

          “ฉันว่ามันไม่ดีมั้ง...” ที่จริง เขานี่แหละที่อยากจะพุ่งเข้าไปหาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็พยายามท่องอยู่ในใจว่าตนแค่หวงวัฒน์เหมือนหวงพ่อก็เท่านั้น

          ปาล์มมุ่นคิ้วคล้ายไม่พอใจ ก่อนจะยิ้มเย็น “ดีสิ เมื่อก่อนไอ้พี่โค้กมันชอบมาขัดจังหวะฉันตอนอยู่กับสาวๆจะตาย ถ้าไม่แกล้งกลับบ้างก็ไม่หายแค้นหรอก นายก็อย่ากลัวอาวัฒน์ไปหน่อยเลยน่า”

          “ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อย แค่เกรงใจต่างหาก”

          “ดี งั้นไปกัน”

          นี่ฟังที่ตูพูดไหมเนี่ย~~~~~~~

          แม้จะไม่อยาก แต่โดนรบเร้าบวกกับโดนแรงควายฉุดไม่เลิก เนจึงยอมตามอย่างเสียมิได้ และพยายามท่องอยู่ในใจว่าที่ไปก่อกวนเนี่ย เพราะปาล์มทั้งนั้น ไม่ได้เป็นเพราะใจตัวเองเลยสักนิด

          “ผมว่านี่ต้องเหมาะกับอาวัฒน์แน่เลย”

          แต่พอเข้าไปใกล้แล้วเห็นฉากโค้กเอาเนคไทเข้าทาบอกราบๆของลุงแกเท่านั้นล่ะ จากที่กำลังโดนลาก กลายเป็นฝ่ายลากปาล์มแทน

          “อ้าว คุณวัฒน์ บังเอิญจังนะครับ”

          อย่าว่าแต่พวกวัฒน์เลย เล่นตะโกนลั่นเสียขนาดนั้นตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า คนที่เดินอยู่ด้านนอกร้านยังหันมามอง ทำเอาคนร้องทักเริ่มรู้ตัวว่าเสียงดังเกินเหตุ

          “มะ...แหม บังเอิญสุดๆเลยนะครับ ฮะๆๆ” เนพยายามกลบเกลื่อนด้วยการหัวเราะเหมือนคนบ้า และรีบเดินเข้าไปหาวัฒน์เพราะกลัวเจ้าของร้านจะเรียกรปภ.มาลากตัวเองออกไป

          วัฒน์ผงะเล็กน้อย ทีแรกก็รู้สึกขัดเขินเพราะนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า แต่น่าแปลกที่เมื่อเห็นเนเดินควงแขนกับปาล์มมา (ซึ่งอันที่จริง มองไปมองมาแล้วน่าจะเรียกว่าลากมากกว่าควง) จากที่กำลังสับสนกระวนกระวายเมื่อได้เห็นหน้าเน ก็กลับมาขุ่นเคืองทันควัน

          สนิทกันขนาดนี้เลยหรือ...ใช่ มันไม่ควรจะมาสนิทกับหลานตู!! เกิดมันเข้าทางปาล์มเพื่อหลอกหาข้อมูลก็แย่สิ!! ใช่แย่ๆๆ แย่มาก!!!

          “ปาล์ม ไหนพี่นางบอกว่าแมวมาด้วยไง”

          คนหาเรื่องแกล้งหน้าซีดทันควัน

          “เขาไปกับต่อน่ะครับ” เนตอบออกมาอย่างง่ายดายจนปาล์มหันหน้าเหวอๆมามอง “พอดีเราแยกกันเที่ยว แต่ก็นัดกันแล้วว่าจะกลับก่อนห้าโมง”

          วัฒน์นิ่วหน้ามอง บอกตรงๆว่าให้แมวไปกับต่อยังจะรู้สึกดีกว่าไปกับเน...แน่นอนว่าเพราะเป็นห่วงหลานสาวแสนสวยของตัวเองเท่านั้น...ไม่มีอะไรอื่นแถมพ่วงมาด้วยเลยสักกระผีกเดียว

          “ว่าแต่พวกอามาทำอะไรหรือครับ” พอรอดจากเหตุการณ์ขวัญผวา ปาล์มก็กลับมาทำตามจุดประสงค์เดิมต่อ

          “อ๋อ พอดีเดือนหน้าก็จะถึงวัดเกิดอาวัฒน์แล้ว เลยชวนมาซื้อของขวัญให้น่ะ” โค้กตอบเสียงระรื่น ก่อนจะนิ่วหน้ามองคู่สนทนา “...อะไรไอ้ปาล์ม ทำหน้าแบบนั้นอย่าบอกว่าไม่รู้นะ เป็นหลานที่แย่จริงๆ”

          “โอ๊ย ขนาดวันเกิดของยัยแมวกับพ่อฉันยังจำไม่ได้เล้ย” ปาล์มร้องก่อนจะยิ้มพราย “แต่ไหนๆก็รู้แล้ว ถ้างั้นพวกเราก็ซื้อให้อาวัฒน์บ้างดีกว่าเนอะ เน”

          เจ้าของชื่อถึงกับถลึงตาเกือบถลน ลุกลี้ลุกลนด้วยความเขิน โชคดีที่คนอยู่เยอะ เลยระงับอาการได้เร็วจนหน้าไม่ขึ้นสี

          “อ๊ะ ว่าแต่คออาวัฒน์ไปโดนอะไรมาหรือครับ ปิดผ้าพันแผลซะน่ากลัวเลย...”

          ปาล์มชะงักเมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของอา ซึ่งถือเป็นโชคของเนที่ทุกคนมัวแต่มองวัฒน์ จึงไม่ทันสังเกตอาการอีหลักอีเหลื่อของเขา

          “อาวัฒน์บอกว่าโดนแมลงกัดเมื่อคืนน่ะ” โค้กเป็นคนตอบแทน และนั่นทำให้ต้นเหตุแอบสะดุ้ง “นี่ก็บอกให้ไปโรงพยาบาลแล้ว อาก็ดื้อไม่ยอมไป เกิดเป็นอะไรขึ้นมาพวกผมต้องเสียใจแน่เลย~”

          คือเอ็งเสียใจจริงๆ หรือเอ็งแค่อยากหาเรื่องลวนลามฟะ แล้วนั่นกอดหรือเลื้อยวะเนี่ย โว้ย!!

          “เอ๋ ถ้าแบบนี้ วันหลังผมว่าอาวัฒน์ไม่น่ามาร่วมงานนะครับ เดี๋ยวอาการแย่ลงไปกว่านี้มันจะแย่เอานะ”

          แมลงที่ว่าได้แต่โทษตัวเองที่เอาอารมณ์เป็นใหญ่จนเรื่องมันรุงรังแบบนี้ และท่าทางวัฒน์เองก็คิดแบบนั้น ถึงได้ส่งรังสีอาฆาตใส่เขาไม่เลิก

          “ไว้จะระวังกว่านี้” เสียงทุ้มตอบอย่างราบเรียบ แม้จะอยากจ้องจนปล่อยเลเซอร์ออกจากตาใส่เนมากขนาดไหน เขาก็ต้องทนเพราะไม่อยากให้ใครรู้ต้นตอที่แท้จริง “คราวหน้า ก่อนที่มันจะมากัด อาจะฉีดยาฆ่าแมลงใส่มัน”

          น้ำเสียงลงหนักชัดเจนและทรงพลังจนแมลงที่ว่าถึงกันสั่น

          “อ้อ ครับ...ถ้างั้นเลิกพูดเรื่องแมลงแล้วมาซื้อของขวัญวันเกิดให้อาดีกว่าเน้อ” ปาล์มตัดบทและพยายามทำตัวร่าเริงเพื่อปัดเป่าบรรยากาศกดดันออกจากวัฒน์ “แล้วอาวัฒน์มีของที่อยากได้หรือเปล่าครับ”

          “ที่จริงไม่ต้องซื้อให้ก็ได้หรอก แค่น้ำใจอาก็ดีใจแล้ว” หนุ่มใหญ่ตอบอย่างตื้นตัน ไม่คิดว่าจะมีวันที่มีคนอยากจะซื้อของขวัญให้มากขนาดนี้...

          ความปลื้มใจชะงักลงเมื่อมองหน้าเจ้าคนที่ทำสัญญาว่าด้วยการขึ้นเตียงกับตน ซึ่งกำลังยืนมองหน้าเขา ด้วยท่าทางเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นแต่ไม่กล้าบอกพ่อแม่

          ทำหน้าแบบนั้นคืออยากจะซื้อให้ฉันหรืออยากให้ฉันซื้อให้วะ

          “ถ้าคุณรังเกียจ อยากได้แค่กับสองคนนั่น พวกผมจะไม่ซื้อให้ก็ได้นะครับ”

          “หา ฉัน...” เกือบจะโพล่งออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำเสียแล้วว่า ‘ฉันไม่ได้รังเกียจสักหน่อย’ แต่ได้ยินน้ำเสียงของตัวเองที่ฟังดูเว้าวอนอยากได้ของจากอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน หนุ่มใหญ่เลยห้ามปากเอาไว้ทัน “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย หลานซื้อของขวัญให้ ทำไมจะไม่ดีใจ”

          และดูเหมือนจะเน้นคำว่า ‘หลาน’ มากไปหน่อย จากที่เนแอบทำหน้าเหมือนมีหวัง ถึงกับสลดไปเยอะ

          แต่ปาล์มดูจะแปลกใจไม่น้อย แม้จะดูออกว่าดีใจ แต่ท่าทางไม่สุดชอบกล “จริงหรือครับ”

          “เอ้า จริงสิ มีอาที่ไหนไม่ดีใจที่ได้ของขวัญจากหลานกันบ้างล่ะ” วัฒน์เห็นหน้าซีดๆของหลานชายก็เอ่ยออกมาอย่างมีอารมณ์ “เห็นฉันดูไม่ชอบใจหรือไง”

          ซึ่งปาล์มอยากจะบอกตรงๆว่า ‘ก็ดูเป็นแบบนั้นจริงๆนี่’

          “ดีครับ ถ้างั้นเดี๋ยวคุณรอที่ร้านอาหารสักร้าน แล้วเดี๋ยวพวกเราจะซื้อให้เอง”

          แต่ละคนหันหน้าไปยังคนออกความเห็นทันควัน

          “ขึ้นชื่อว่าของขวัญ มันก็ต้องเซอร์ไพรส์ต่อคนได้รับสิครับ ขืนรู้ก่อนมันจะดีตรงไหน” เนเริ่มดริฟท์อย่างลื่นไหล ซึ่งอันที่จริง เขาก็แค่ไม่กล้าให้คนอื่นเห็นว่าเขาซื้ออะไร เพราะตนก็เอาเงินมาไม่เยอะ กลัวจะโดนหาว่าซื้อของถูกให้

          แต่วัฒน์คิดไปคนละทาง

          มันจะแกล้งซื้ออะไรเห้ๆมาให้ตูหรือเปล่าวะ

          “เออ ก็ดีนะ” พอโค้กเห็นด้วย ทำเอาเนโล่งใจ “แต่เนคไทนี่ผมขอซื้อแถมให้ละกัน ไหนๆก็เลือกมาแล้ว น้า”

          ไม่ว่าเปล่ามาเอามือที่ถือเนคไทไปไถลอกของอีกฝ่าย ทำเอาเนรู้สึกร้อนวูบวาบ หน้ามืดคล้ายจะอยากฆ่าคน

          และที่มันน่าโมโหที่สุดก็ตรงที่วัฒน์ไม่ว่าหรือแสดงอาการรังเกียจเลยสักนิดนี่น่ะสิ!

          “นัวเนียกันแบบนี้ ไปหาโรงแรมเลยดีกว่าไหม”



______________________________________________

เอ้า เนอนุญาตแล้ว ตอนหน้าเราไปต่อกันที่โรงแรม...(?)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 01-09-2015 13:09:16
อุ๊ เนหึงเลือดเข้าตาแว้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-09-2015 13:16:09
โว้ววว เนตบะแตกแล้วสินะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2015 13:55:07
 :pig4 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-09-2015 22:25:02
 :laugh: จวนเจียนความลับจะรั่วหลายหน แต่คนรอบข้างยังไม่เอะใจ ทำเอาลุ้น รั่วซะทีเถอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-09-2015 07:33:17
 :เฮ้อ:  บอกเลยว่าเฮ้อนี่เม้นมาหลายตอนแล้ว  ก็มันน่า  :เฮ้อ: จิงๆนี่ หรือใครไม่เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 02-09-2015 11:14:58
รอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 50 (01/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 02-09-2015 11:49:18
ลมหึงกระอักเชียวนะเน 555+
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 51 (05/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 05-09-2015 10:50:06
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 51


          เนปิดปากตัวเองแม้จะสายไปหลายขุม ทั้งยังโพล่งออกมาเสียดังจนคนในร้านพากันมองอีกครั้ง ด้วยสายตาที่ทิ่มแทงกว่าเดิม

          “พูดบ้าอะไรของนาย” วัฒน์เอ็ดพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ ด้วยความโกรธบวกกับนึกถึงเรื่องเมื่อคืนพ่วงแถมไปด้วย หน้าเลยแดงเสียชัดเจน แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าหนุ่มใหญ่กำลังอายแม้แต่นิดเดียว “ใครมันจะไปคิดอกุศลเหมือนนายวะ”

          “อย่าว่าแต่ผมเลย ใครมาเห็นก็ต้องคิดทั้งนั้นละครับ” พอโดนฉุน เนเลยเปิดปากเถียงอย่างไม่ลดละ ท่าทางดึงดังเสียจนคนฟังยัวะกว่าเดิม “ใช่ไหมล่ะปาล์ม”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเพราะไม่คิดว่าจะโดนลากเข้าไปเอี่ยวด้วย ปาล์มเบิกตามองหน้าตื่นไปมา ถ้าเลือกได้อยากจะเผ่นออกไปจากตรงนี้เลยเหลือเกิน

          “เฮอะ! นั่นไง ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ” พอเห็นหลานชายเอาแต่อมพะนำ วัฒน์ก็โพล่งขึ้นอย่างมีชัย “มีแต่นายนั่นล่ะที่คิดแต่เรื่องพรรค์นั้น”

          เนกัดฟันกรอดก่อนจะหันมองปาล์มตาขวาง ทำเอาคนที่คิดว่ารอดแล้วเริ่มรู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทง

          “คือ...ก็...เยอะไปนิดอยู่นะครับ...ถ้าแบบ...เอ่อ มองดีๆ...” ปาล์มพยายามเค้นความจริงออกมาจากปาก “ถ้าอาหนุ่มกว่านี้ หรือพี่โค้กหน้าแก่กว่านี้นี่ก็ชวนคิดสุดๆอยู่ล่ะครับ...”

          “เห็นไหมล่ะ” พอเค้นคอให้เพื่อนพูดออกมาได้ก็โต้กลับ ท่าทางดีใจเสียเต็มประดา ก่อนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองสัญญาอะไรกับโค้กไว้ ยิ่งเห็นหนุ่มผมเด้งที่ยืนอยู่ข้างวัฒน์มองมาด้วยท่าทีสงสัยสุดๆ เนก็เริ่มออกอาการอีหลักอีเหลื่อขึ้นมา “คือ...ก็ไม่ได้อะไรหรอกครับถ้าจะสนิทกัน...แค่แบบมันเยอะไปนิด...ชวนคิดไปหน่อย ก็เลยอดเตือนไม่ได้”

          ประโยคหลังพูดด้วยเสียงเบาหวิว จนวัฒน์นิ่วหน้าอยู่นานกว่าจะเข้าใจเสียงพรายกระซิบ และนั่นก็ทำให้นิ่วหน้าหนัก

          เตือนบ้านแกคือการพูดประชดงั้นเรอะ!

          “แหม ขอบใจนะที่เตือน พอดีเมื่อก่อนก็ทำแบบนี้กับอาวัฒน์ประจำ เลยไม่รู้ตัวเลยน่ะ ก็ลืมไปเลยเนอะว่าไม่ใช่เด็กๆแล้ว” โค้กเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเข้าไปตบบ่าเน ก่อนที่วัฒน์จะเริ่มอ้าปากร่ายยาว “แล้วฉันจะระวังนะ”
         
          และทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดออกมาจากหน้าตาหรือน้ำเสียงแท้ๆ แต่คำพูดพวกนั้นกลับทำให้เนขุ่นใจแทน

          คือจะอวดว่ารู้จักกันตั้งแต่เด็กเลยใช่ไหมฟะ

          “เอ่อ ถ้างั้นเอาเป็นว่าพวกพี่โค้กจะซื้อเนคไทแถมให้อาวัฒน์ แล้วจากนั้นก็แยกกันไปหาของขวัญเซอร์ไพรส์ให้อากันดีกว่าเนอะ” ปาล์มพยายามตัดบทด้วยน้ำเสียงร่าเริงกลบเกลื่อนบรรยากาศกดดันของอากับเพื่อน

          เนนิ่วหน้าก่อนจะหันไปมองวัฒน์ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าให้ ทำเอาคนที่อยากจะเทศนาสักสามสี่ชั่วโมงได้แต่เก็บปากและเห็นตามอย่างเสียมิได้

          เป็นบ้าอะไรของมันวะ

          เพราะโดนขอให้รอ วัฒน์จึงต้องมานั่งนิ่งอยู่บนม้านั่งริมทางเดินห้างเพียงคนเดียว และทั้งที่ม้านั่งก็กว้างพอจะนั่งได้ถึงสี่คน อีกทั้งวัฒน์เองก็พยายามนั่งริมเผื่อคนอื่นต้องการจะนั่ง แต่กลับไม่มีใครกล้ามานั่งด้วยสักคน ในขณะที่ม้านั่งตัวอื่นมีคนนั่งเต็มไปหมด แถมยังมีคนยืนเสียด้วย

          ดวงตาเรียวเหม่อมองทางเดินภายในห้าง ในหัวก็ยังคงวนคิดถึงคนที่ไม่อยากจะเสียเวลาคิดเป็นที่สุด ยิ่งนึกถึงสีหน้าตอนพูดเรื่องของขวัญ ไอ้ความหงุดหงิดและความระแวงกลับโดนแทนที่ด้วยความตื่นเต้นปนดีใจแทน

          ทำไมตูต้องดีใจที่มันอยากจะซื้อของให้วะ ทั้งที่ไม่มีอะไรรับประกันสักหน่อยว่ามันจะซื้อของดีๆให้จริงๆเนี่ย

          “อาวัฒน์คร้าบบ”

          ก่อนที่วัฒน์จะเริ่มขยี้หัวตัวเองเพื่อสะบัดเรื่องบ้าบอออกจากหัว เสียงเรียกของโค้กก็หยุดมือที่กำลังจะขยับออกจากตักของตัวเองเสียก่อน ชายหนุ่มโบกมือให้เสียกว้างราวกับเด็กๆ ซึ่งตอนที่เห็นโค้กเดินแกมวิ่งไปหาวัฒน์ เนซึ่งเดินตามมาข้างหลังเกือบจะเผลอเข้าไปกระชากคออีกฝ่ายออกมาแล้ว แต่โชคดีที่มีคนทำแทนให้เสียก่อน

          “เดี๋ยวก็โดนมองอีกหรอก” ศาสตร์บอกเสียงเข้ม และทั้งที่ใบหน้าจะดูนิ่ง แต่กลับรู้สึกได้ว่าท่าทางจะไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมร่าเริงเกินเหตุของเพื่อนนัก

          “โอ๊ะๆ ลืมไปเลยเนอะ” ปากพูดกับเพื่อน แต่สายตากลับเหล่มาทางเน ทำเอาคนโดนมองรู้สึกหน้าตึงๆ

          “เอ่อ...รอนานไหมครับ” ปาล์มพยายามไม่สนใจก๊วนบ้าบอแล้วถามวัฒน์ที่ยังคงนั่งอยู่

          “ก็นานอยู่” เขาก็แค่ตอบไปตามตรงเพราะหนุ่มใหญ่ก็นั่งรอมาเกือบสามชั่วโมงได้ แต่คงเพราะน้ำเสียงและใบหน้าที่เหมือนจะไร้อารมณ์ไปหน่อย คุณหลานเลยเข้าใจไปว่าคุณอาคงจะเบื่อและหงุดหงิดกับการรอคอยน่าดู “แล้วนั่น...”

          วัฒน์มองถุงกระดาษขนาดใหญ่ที่ใส่กล่องของขวัญขนาดกลางอย่างละสองกล่องที่ห่อด้วย กระดาษสีขาวเรียบๆ มองแล้วเหมือนวัตถุต้องสงสัยเสียมากกว่าจะเป็นของขวัญ ทั้งยังเป็นเหมือนกันทั้งสี่ห่อด้วย

          “จะได้เซอร์ไพรส์ไงครับ นี่ไม่ได้เขียนด้วยนะว่ากล่องไหนของใคร ฮะๆ” โค้กว่าก่อนยื่นถุงที่ตนถือให้ “นี่ตอนห่อก็ไม่มองกันด้วย ตื่นเต้นดีไหมล่ะครับ”

          วัฒน์มองหน้าคนให้...ถ้าไม่ติดว่าหนึ่งในคนให้มีคนที่ไม่น่าไว้ใจ เขาก็คงรับไว้โดยไม่คิดอะไรมากแล้ว

          “ขอบใจนะ อุตส่าห์ลำบากกัน” หนุ่มใหญ่ว่าพลางรับถุงจากโค้ก ซึ่งความดีใจหดลงไปครึ่งหนึ่งเพราะอีกถุงที่กำลังจะยื่นมือไปรับนั้น มาจากเน

          “ผมถือให้ก็ได้ครับ ยังไงเราก็ต้องกลับด้วยกันอยู่แล้ว” เนบอกเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะดึงถุงกระดาษหนีมือของวัฒน์

          หนุ่มใหญ่นิ่วหน้า ไอ้เหตุผลที่จะถือให้ เขาก็เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องหลบตาหน้าแดงแบบนั้นด้วยนั่นล่ะ

          หรือมันจะซื้ออะไรเห้ๆมาแกล้งตูจริงๆฟะ

          “อากลับบ้านแล้วค่อยเปิดนะ ผมไม่อยากให้ใครเห็นเท่าไหร่ ผมเขิน” โค้กบอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง พร้อมกับทำท่าอายเหมือนสาวน้อยวัยใส เล่นเอาคนอื่นพากันมองอย่างแหยงๆ “นี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวกลับก็แล้วกัน...ฝากเนดูแลคุณวัฒน์ด้วยเน้อ”

          “...ครับ...” เนตอบรับแบบไม่เต็มใจจะพูดด้วยเท่าใดนัก ยิ่งเห็นรอยยิ้มของคนหน้าเป็น ความขุ่นเคืองมันก็ตีฟุ้งไปเต็มหัวใจ แต่ก็พยายามตีมึนและปั้นหน้ายิ้มกลับไปให้

          อย่าลืมสิว่าสัญญาอะไรไว้กับหมอนั่นด้วยเหตุผลแบบไหน...

          เราเห็นคุณวัฒน์เหมือนแค่ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น

          ไม่เหมือนหมอนั่น

          หลังจากกลับมาถึงบ้าน วัฒน์ก็ขอแยกตัวขึ้นห้องมาเพื่อเก็บของ ในทีแรกเขาก็กะจะแกะๆให้มันจบๆเรื่องไป แต่ก็มาชะงักเมื่อหวนนึกได้ว่า หนึ่งในสี่กล่องนี้ เป็นของเน

          หนุ่มใหญ่จ้องมองกล่องสีขาวเรียบที่มองไปมองมาแล้วเหมือนกล่องใส่วัตถุระเบิดทั้งสี่ ชั่งใจอยู่นานมาก ก่อนจะเปิดตู้และเก็บไว้ด้านบนของตู้เสื้อผ้า

          เอาเถอะ เห็นบอกแล้วว่าไม่ใช่ของกิน เก็บไว้ก่อนก็คงไม่เป็นไร
         
          “คุณวัฒน์”

          เจ้าของชื่อหันหน้าไปมองต้นเหตุที่ทำให้ใจระทึกจนไม่กล้าเปิดกล่องของขวัญ ซึ่งทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั้งเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของอีกฝ่าย

          “แมวล่ะ” หนุ่มใหญ่พยายามทำเป็นนิ่งทั้งที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

          “กลับเข้าห้องไปแล้วล่ะครับ” ตอบเพียงแค่นั้นก็เงียบไป ต่างคนต่างยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนราวกับกำลังแข่งความอดทนกัน
         
          “...มีอะไรหรือเปล่า” เมื่อเห็นเนเอาแต่ยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องนอน ไม่ขยับไปไหนสักที วัฒน์ที่เริ่มจะเป็นตะคริวจึงเอ่ยถามเพราะทนยืนขาแข็งไม่ไหวอีกต่อไป

          “วันนี้เราทำกันได้ไหม”

          วัฒน์เผลอถลึงตาใส่ “แต่เมื่อวานนายก็เพิ่งทำไปนะ”

          “เมื่อวานยังไม่ทำนะครับ” ฟังแล้ววัฒน์เผลอหน้าเบี้ยว เพราะไอ้เด็กบ้านั่นก็ไม่ได้ทำอย่างที่ว่าจริงๆ “หรือคุณจะผิดสัญญากับผม...คุณสัญญาแล้วนะ”

          ก็ไม่ได้จะปฏิเสธอะไรหรอกนะ...แต่ทำไมต้องทำเสียงเหมือนจะขาดใจตายแบบนั้นด้วยวะเนี่ย ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ผีเข้าเรอะ!

          “ฉันรู้น่า ไม่เบี้ยวนายหรอก ย้ำอยู่ได้” วัฒน์พยายามตะเบ็งเสียงให้ฟังดูหงุดหงิดและต้องทำอย่างเสียมิได้ ทั้งที่รู้สึกเขินจนอยากจะมุดดินหนีจะแย่อยู่แล้ว หนุ่มใหญ่พยายามใจกล้ามองอีกฝ่าย สีหน้าของเนนั้นไม่ต่างจากน้ำเสียงนัก ท่าทางดูเศร้าและเหงาอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาวัฒน์รู้สึกแย่ไปด้วย

          ขอแล้วทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันน่ะ...

          “...ถ้างั้นทำเลยได้ไหม...” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อนขออย่างเร่งเร้า “...หรือจะอาบน้ำก่อนละครับ จะได้เข้าไปทำเลย”

          “เดี๋ยวๆ ตอนนี้เลยหรือ” ที่จริงนี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว ฤกษ์กำลังงามยามกำลังดี เพียงแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรีบมากขนาดจะทำไปอาบน้ำไป

          “คุณสัญญาแล้วนะ”

          วัฒน์ได้แต่อ้าปากค้าง...ใบหน้าเว้าวอนเหมือนคนจะร้องไห้ที่มองมาทำเอาใจสั่น จึงพยายามจะหันหนี แต่อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ดี เลยเดินรุกเข้ามาหาเหมือนต้องการคาดคั้นคำตอบ

          หนุ่มใหญ่ถอยหนีอย่างลืมตัวจนไปติดกับกำแพง มือทั้งสองของเนวางทาบกำแพงเหมือนกันไม่ให้วัฒน์หนี ดวงตาเรียวจ้องมองราวกับทะลุเข้ามาในใจ ทำเอาวัฒน์รู้สึกร้อนวูบที่หน้า

          “คุณสัญญากับผมแล้วนะ...ได้โปรด...”

          ถ้าเป็นประโยคคำสั่งหรือทวงสัญญาก็ยังพอเข้าใจ แต่คำขอร้องนั่นมันหมายความว่าอะไรวะ

          วัฒน์นิ่วหน้ามองทั้งที่ร้อนไปหมด ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากเผยอออกหมายจะพูด แต่ความลังเลปนหวาดกลัวที่จะโดนหักหลังยั้งเสียงไม่ให้ออกมา

          อย่าไปหลวมตัวนะ...

          “เออๆ ถ้ารีบขนาดนั้น ทำก็ทำ”

          วัฒน์เกือบจะออกปากตกลงอย่างง่ายดายไปแล้ว แถมยังเกือบจะเผลอยื่นมือออกไปลูบหัวเด็กหนุ่มออกอาการเหมือนลูกแมวโดนทิ้ง แต่สุดท้ายก็เตือนสติและยั้งตัวเองทัน ก่อนจะกลับมาปั้นหน้ามึนตึงเหมือนเดิม

          เนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มกว้างให้ราวกับเด็กๆ เล่นเอาคนที่กำลังพยายามนิ่งถึงกับเผลอมองตาค้าง

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายมุดเข้ามายังซอกคอขวาของตน เขาเกือบจะผลักไปเพื่อเตือนสติแล้ว แต่รอบนี้เนไม่ได้ขบ กัดหรือดูดแต่อย่างใด ทำแค่เพียงดมดอมหอมเสียฟอดใหญ่ก็เท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีผ้าก็อซขัดขวางอยู่ก็เป็นได้

วัฒน์นิ่วหน้า ใช่ว่าจะไม่ชอบ แต่เขารู้สึกแปลกอย่างแรง ใจนึงก็กลัวจะกลับไปจบแบบเมื่อคืน และอีกใจก็กลัวตัวเองนี่ล่ะ

          ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ เราก็แค่คู่นอนชั่วคราวเท่านั้นนี่...

          แม้จะสับสนและสงสัยเป็นที่สุด แต่ก็เพียงแต่เก็บงำคำถามเอาไว้ใจใน ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดรัดและพรมจูบและลูบใบหน้าของตนตามใจชอบ

          อย่าไปคิด...อย่าไปคิด...

          วัฒน์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือของเด็กหนุ่มลูบเข้าที่เคราของตน ทีแรกคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรีบๆหนีไปที่อื่นเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะลูบเจอ บนใบหน้าผู้หญิง แต่กลายเป็นว่าเนกลับค้างวนไปวนมาอยู่นานสองนาน จนคนที่กำลังทำสมาธิเริ่มพลังแตกซ่าน เท่านั้นยังไม่พอ อีกมือก็คอยบีบๆคลำหน้าอกราบๆของตนไปมา จนวัฒน์ชักอยากจะระเบิดตัวหนีเข้าทุกที ซึ่งยังดีที่อีกฝ่ายจำกัดพื้นที่แค่อกด้านขวา ถ้าเลยเขตมาทางซ้ายซึ่งเป็นที่ตั้งของหัวใจที่สั่นรัวประดุจตีกลอง เขาคงได้ระเบิดตัวตายจริงๆแน่

          “ไปที่เตียงได้ไหมครับ” เสียงทุ้มกระซิบถามอย่างเบาบางที่ข้างหู เล่นเอาคนแก่กว่าหัวใจจะวาย เพราะเสียงนั้นฟังดูนุ่มนวลและเว้าวอนเสียจนใจแทบจะละลาย

          หนุ่มใหญ่ไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้ทั้งที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มยังคงซบอยู่ที่คอของตน แต่แรงขยับบวกกับการที่เขาไม่ขัดขืนตอนที่เด็กหนุ่มดึงตัวออกมาจากกำแพง ทำให้เนรู้คำตอบของอีกฝ่าย

          “ระ...รีบ ทำสักทีสิ” ตอนนี้กลายเป็นตัวเองที่ชักมีอารมณ์จนทนไม่ไหวเสียแทน โชคยังดีที่ขาของเนไม่ได้ก่ายอยู่ตรงจุดอันตราย เลยรอดพ้นจากการโดนจับได้ว่าตนมีอารมณ์กับอีกฝ่ายเพียงแค่กอด

          “ครับ”

          เด็กหนุ่มตอบเพียงแค่นั้น แล้วก็นอนกอดเขาแน่น ใบหน้าเรียวยังคงซุกไซ้เข้าซอกคอ เบียดเสียดเข้ามาไม่เลิก

          และก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยนอกจากกอดวัฒน์ทั้งคืน


__________________________________________________________


พาไปขึ้นเตียงแบบค้างคาแทน ;w;
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 51 (05/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 05-09-2015 10:53:55
โคตรตัด =___=
สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเรอะ 55555
อยากรู้ว่าแต่ละคนให้อะไรอ่ะ โดยเฉพาะเน ให้อะไรทำไมหน้าแดงฟะ  5555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 51 (05/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-09-2015 17:34:07
ลุงเขาอารมณ์ค้างเข้าใจไหมหนู
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 51 (05/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-09-2015 19:07:13
 :z3: :z3: :z3:  แล้วเมื่อไหร่จะทำ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 51 (05/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-09-2015 19:09:44
แบบว่าเฮ้ออ่ะนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 52 (08/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 08-09-2015 09:31:01
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 52


          รุตเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจอีกครั้ง เพราะตนเป็นคนที่สามในการเดินเข้าครัวอีกแล้ว

          รอบนี้วัฒน์ไม่ได้กลายร่างเป็นปอบหิวน้ำอยู่หน้าตู้เย็น แต่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะกินข้าว ท่าทางโทรมเหมือนคนอดนอน แต่ไม่ซูบซีดเหมือนเมื่อวานนัก จึงทำให้คนมองรู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อย

          “เป็นอะไรอีกล่ะ” แม้ใจจริงจะไม่อยากถามมากนัก แต่เล่นมานอนเกะกะของกิน แถมยังส่งรังสีกดดันทำลายรสชาติอาหาร รุตจึงอดถามไม่ได้

          “นายคิดว่าการที่โดนถูๆไซ้ๆดมๆไม่เลิกเนี่ย มันเป็นเพราะอะไร”

          จากที่กำลังสนใจหม้อหุงข้าว ถึงกับหันกลับมามองด้วยความไวแสง

          “นั่นคนหรือแมววะ”

          เจอถามกลับวัฒน์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมา “แล้วถ้าเป็นแมวล่ะ”

          “เอ่อ...ก็ ถ้าเป็นแมว ไอ้อาการที่แกว่ามันเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของน่ะสิ” ที่จริงรุตก็แค่โพล่งออกมาเฉยๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถาม และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องตอบด้วยเหมือนกัน

          แต่เห็นคนหน้านิ่งทั้งยิ้มทั้งหัวเราะออกมา ทำเอางงว่าตนไปปล่อยมุกเอาตอนไหน

          “ฮะๆๆ นั่นสินะ” พอนึกแล้วก็อดขำไม่ได้ ถึงเมื่อคืนจะอารมณ์ค้างจนแทบไม่ได้นอน แต่พอมานึกถึงท่าทางแปลกๆนั่นแล้วเอาไปเทียบกับสิ่งที่รุตพูด มันก็ช่างคล้ายกันเสียเหลือเกินและก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อสะกิดใจเรื่อง ที่ควรจะสะกิดก่อน

          เดี๋ยวสิ มันทำตัวเป็นเจ้าของกับเราเรอะ

          “...แล้วถ้าเป็นคนล่ะ...”
         
          จากที่กำลังเลิกคิ้ว รุตกลับมาขมวดคิ้วเข้าหากันแทน

          “แกมีแฟนใหม่แล้วหรือ”

          รุตถึงกับผงะเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาคล้ายกับจะกินเลือดกินเนื้อ

          “เปล่า ทำไมถามแบบนั้น” อันที่จริงวัฒน์แค่ก็ตกใจและสงสัยก็เท่านั้น

          “...ก็ถ้ามีใครทำแบบนั้นกับแก ถ้าไม่ใช่แฟนก็เมียละวะ”

          “อย่างอื่นล่ะ”

          “ชู้...หรือที่พวกเด็กๆมันเรียกว่ากิ๊กน่ะ”

          นิ่วหน้าหนักกว่าเดิมจนรุตชักรู้สึกว่าข้าวไม่อร่อยทั้งที่ยังไม่ทันได้กิน

          “อย่างอื่นไม่มีแล้วหรือ”

          “...ที่แกถามไม่เลิกนี่ เพราะแกทำใจจะเป็นแฟนกับคนที่ว่าไม่ได้หรือไง”

          “จะบ้าเรอะ!!”

          คราวนี้แม้แต่วัฒน์ก็รู้ตัวว่าใส่อารมณ์และตะเบ็งเสียงเกินเหตุ

          “ขอโทษ ฉันตกใจไปหน่อย” รุตได้แต่ด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ช่างเป็นการตกใจที่ทำเอาหนุ่มใหญ่ร่างท้วมหัวใจจะวาย “ฉันแค่ไม่ได้คิดจะเป็นแบบนั้นกับอีกฝ่ายเลยน่ะ...”

          “เพราะปิ่นหรือไง”

          ใบหน้าเรียวกระตุก ก่อนจะกลับมามีสีหน้านิ่งเรียบไร้อารมณ์

          ใช่…ถ้าเป็นเมื่อก่อน กับคนอื่นก็พอจะกล้าพูดได้ว่าเป็นเพราะเหตุผลนั้นอยู่หรอก

          แต่ในตอนนี้ ไม่นับเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นศัตรู กลายเป็นว่าเขาต้องเอาเมียเก่ามาช่วยรั้งใจตัวเองไม่ให้โผเข้าไปหาเจ้าเด็กหนุ่มนั่นเสียอย่างนั้นนี่น่ะสิ!

          “ตัดใจจากปิ่นเหอะน่า ป่านนี้แล้ว” รุตบ่นก่อนจะวางช้อนยอมแพ้กับอาหารมื้อเช้า เพราะเข้าใจว่าวัฒน์ยังคงคิดถึงปิ่นไม่เลิก “หรือแค่เพราะใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ ถึงได้ทำใจลืมไม่ได้”

          วัฒน์มุ่นคิ้วด้วยความยุ่งยากใจท่าทางเหมือนอยากพูด แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปาก เจ้าของบ้านก็พุ่งเข้ามาในครัวเหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว

          “อ้าว อาวัฒน์กับอารุตกำลังพูดถึงพี่ปิ่นหรือครับ” ไม่ใช่แค่น้ำเสียง แต่ท่าทางก็แข็งเหมือนหุ่นยนต์จนรุตถึงกับอยากเอาเท้าก่ายหน้าผาก แต่โชคดีที่วัฒน์มัวแต่มองท่าทางประหลาดของสิทธิ์ จึงไม่ได้เอะใจอะไรนัก “จะว่าไปนี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว อาจะไปหาพี่ปิ่นเหมือนเดิมใช่ไหม”

          “...ก็ใช่อยู่หรอกครับ...” วัฒน์ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก ท่าทางจะเป็นห่วงสิทธิ์เอามากๆ อันที่จริงเขาก็อยากจะบอกอยู่หรอกว่าไอ้ที่กำลังกลุ้มๆอยู่น่ะ ไม่ใช่สาเหตุนั้น แต่ความอายมันดันปิดปากเอาไว้

          “ถ้าอย่างนั้น ไหนๆก็ไหนๆ พวกเราไปหาพี่ปิ่นด้วยกันนะครับ”

          “ไม่ได้หรอกครับ มันอันตรายไป”

          “ก็ไม่ได้ไปแค่กับผมหรืออาไง เนก็ไป”

          นั่นน่ะ ที่สุดของความน่าเป็นห่วงเลยครับ!!

          “...หรือถ้ายังไง ก็ให้พี่ฉัตรไปด้วยสิ รับรองปลอดภัยแน่ๆ”

          วัฒน์นิ่วหน้าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของรุต เพราะตอนนี้ฉัตรก็กำลังสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของเดชอยู่ ถึงในตอนนี้เดชจะวุ่นอยู่กับเรื่องที่ฉัตรไปป่วน แต่ลองว่ามีโอกาสเมื่อไหร่ อีกฝ่ายก็คงไม่อยู่เฉยๆแน่

          “ไม่ได้หรอก ช่วงนี้หมอนั่นยุ่งมาก” ประโยคที่ฟังดูกลางๆแต่สีหน้าและน้ำเสียงกลับเคร่งเครียดเกินเหตุจนรุตรู้สึกผวา ในขณะที่สิทธิ์ไม่ได้รู้สึกอะไรนักนอกจากคิดหาตัวเลือกรายถัดไป และเพียงไม่นานก็ยิ้มกว้าง ซึ่งไม่ช่วยให้คนมองสบายใจขึ้นเลยสักนิด

          “งั้นก็ให้พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ไปด้วยสิครับ...”

 

          เนรู้สึกเบลอๆเหมือนคนไม่ได้นอน ทั้งที่ความจริงก็นอนจนตื่นสายโด่ง เด็กหนุ่มหันมองไปทั่วห้องนอนที่เหลือตนอยู่คนเดียว ก่อนจะล้มกลับไปนอนอีกครั้ง

          เขาก็ไม่เถียงนักหรอกว่าหงุดหงิดอยากจะกันโค้กออกจากวัฒน์ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ค้านขาดใจว่าไม่ใช่เหตุผลหรือความรู้สึกแบบเดียวกับที่โค้กคิดกับวัฒน์แน่

          ไอ้ที่รู้สึกเขินน่ะ ก็เพราะไม่ชินที่ทำแบบนี้กับคนที่ไม่ได้เป็นญาติสนิทอะไรกันก็เท่านั้นเอง

          ก็กับผู้หญิงคนอื่น เรายังทำแบบนั้นได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากเลยนี่นา…กับเขาก็เหมือนกันนั่นล่ะ

          แค่หวงเพราะเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่เรามีอะไรด้วยก็เท่านั้นเอง

          พอสบายใจก็จัดการตัวเองและเดินออกมาจากห้องไปยังครัวหน้าระรื่น แต่ยังไม่ทันจะได้โผล่หน้าไปยังครัว เสียงคุยกันของวัฒน์กับสิทธิ์ก็ทำเอาเขาชะงัก

          “งั้นก็ให้พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ไปด้วยสิครับ...ถ้ายังไม่พอก็ให้อารุตไปด้วยกันเลย นะครับ”

          ได้ยินแล้วเนถึงกับเผลอตาโตอย่างลืมตัว และก็เข้าไปแนบกับกำแพงข้างประตูครัวเพื่อแอบฟังอย่างใกล้ชิดทันที

          “แต่สองคนนั้นเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลนะครับ” ได้ยินเสียงวัฒน์ค้านออกมาแล้วไม่รู้ทำไมเนถึงได้ดีใจออกมา “ผมขอบคุณที่คุณสิทธิ์เป็นห่วง แต่ผมไปเองก็ได้ครับ”

          “โธ่ อาวัฒน์ใจร้าย” หมียักษ์ร้องงอแงเป็นเด็กสามขวบ “ผมแค่อยากให้อาวัฒน์มีความสุขนะครับ อาเอาแต่ทำงานๆ ไม่เคยคิดถึงตัวเองบ้างเลย”

          วัฒน์ถึงกับทำหน้าไม่ถูก และสิทธิ์เองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย

          “พี่ปิ่นเองก็อยากให้อาเลิกคิดถึงเขานะครับ เขาถึงได้พูดจารุนแรงตอนเลิกกับอาทั้งที่เคยรักอามากน่ะ”

          หัวใจของคนแอบฟังเหมือนหล่นวูบโหวงเหวงตอนได้ยินชื่อคนที่น่าจะเป็นเมียเก่าของวัฒน์ ยิ่งพอแอบลองมองแล้วเห็นสีหน้าเหมือนคนไร้ชีวิตของหนุ่มใหญ่แล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกแน่นหน้าอกไปหมด

          “หรือบางที...เธออาจจะคิดแบบนั้นจริงๆก็ได้ครับ ก็ผมมันคนน่าเบื่อนี่…”

          “ไม่ใช่หรอกครับ!”

          อยู่ๆเจ้าคนแอบฟังก็ดันเผลอโพล่งออกมาลั่น ทำเอาคนในครัวพากันสะดุ้งและหันไปมองเป็นตาเดียว

          “อะ...ฮะๆๆ พูดอะไรกันหรือครับ” เมื่อหลบไปก็ไร้ประโยชน์ เนจึงเลือกที่จะทำหน้าเป็นแล้วโผล่หัวออกมาแทน

          “...ถ้าไม่รู้ แล้วเมื่อกี้นายพูดเรื่องอะไร”

          “กะ...ก็ผมมาตอนได้ยินคุณพูด ผมก็แค่ค้านขึ้นมาเฉยๆ” เด็กหนุ่มดริฟท์เสียงสั่น “ก็คุณไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อยนี่นา”

          ในขณะที่รุตประหลาดใจ และสิทธิ์รู้สึกปลื้ม วัฒน์กลับถลึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

          “พ...พูดบ้าอะไรของนาย” ทั้งที่เสียงสั่นและเขินจนหน้าแดง แต่มีเพียงสิทธิ์เท่านั้นที่ดูออก

          “โธ่ อาวัฒน์อย่าอายสิครับ ผมก็คิดว่าอาไม่ใช่คนน่าเบื่อเหมือนกันนะ” สิทธิ์ช่วยเสริมเสียงร่าเริงในขณะที่รุตเริ่มถอยห่างเหมือนกลัวระเบิดลง “และผมก็มั่นใจว่าพี่ปิ่นเองก็คิดเหมือนกัน”

          วัฒน์นิ่วหน้ามองเจ้านายหนุ่ม ท่าทางไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่นัก

          “จะว่าไป อาได้คุยกับพี่นพหรือยังครับ” สิทธิ์เอ่ยถามต่อ “เขามีเรื่องจะคุยกับพี่นะ”

          เนไม่รู้หรอกว่านพที่ว่าเป็นใคร แต่เห็นสีหน้าปานเหยียบขี้หมาของวัฒน์แล้ว เขาก็มั่นใจได้ว่านั่นต้องไม่ใช่คนที่วัฒน์อยากเจอแน่นอน

          “จะได้คุยกันยังไงล่ะครับ ทางโน้นแค่เห็นหน้าผมก็ไล่ตะเพิดแล้ว” วัฒน์ว่าอย่างอ่อนใจ “ทุกทีตอนไปหาปิ่น ผมก็แอบไปตลอดนั่นล่ะ”

          “ถ้าอย่างนั้น ครั้งนี้ก็ลองไปดูสิครับ เขาอาจจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ได้นะ”

          ต่อให้แสดงเก่งยังไง วัฒน์ก็รู้ได้ทันทีว่าสิทธิ์ต้องแอบไปทำอะไรแน่ๆ ยิ่งหันไปหารุตที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยการผิวปากหลบตาไปทางอื่น วัฒน์ก็ยิ่งมั่นใจ

          หนุ่มใหญ่ยังคงลังเล แต่ในเมื่อเจ้านายคะยั้นคะยอเสียขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีทางเลือกนัก

          “ถ้างั้นตกลงตามนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะโทรบอกพี่โค้กกับพี่ศาสตร์เอง เรื่องรถ ก็เอารถตู้ของบริษัทไปนะ” เจ้านายเอ่ยจัดแจงเสียเสร็จสรรพ ก่อนจะออกจากห้องครัวไป ยังไม่วายฉกไก่ทอดออกไปสองน่องด้วย

          เมื่อเหลือกันแค่เหล่าลูกน้อง รุตก็จัดการเก็บข้าวเหลือๆของตนไว้บนเคาท์เตอร์เนื่องจากหมดอารมณ์จะกิน ทั้งยังสายมากแล้ว จึงขอตัวออกไปทำงานสักที

          และแล้วก็เหลือกันแค่สองคน

          ทีแรกวัฒน์ก็รู้สึกขัดเขิน แต่เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มดูปกติเกินคาด อาการตื่นเต้นในใจเลยดับลงโดยง่าย

          “ตื่นเช้าทุกวันเลยนะครับ” แต่พอเห็นอีกฝ่ายทักทายอย่างเป็นมิตรพร้อมยิ้มแย้มแจ่มใสเกินเหตุ วัฒน์ก็ชักจะเริ่มกลัวแทน “ว่าแต่เมื่อกี้คุยอะไรหรือครับ”

          “เรื่องปิ่น...เมียเก่าฉันน่ะ”

          “อ้อ หรือครับ” เสียงของเนดังสูงปรี๊ดจนชวนหนวกหู “แล้วเราจะไปเยี่ยมเขาเมื่อไหร่หรือครับ”

          “คงมะรืน” วัฒน์ตอบ ยังคงมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเริ่มหนักใจ “ก็เตรียมตัวด้วยละกัน อาจจะมีศัตรูใช้จังหวะนี้ทำร้ายคุณสิทธิ์ก็ได้”

          เนมองหน้าอีกฝ่ายที่กังวลและเคร่งเครียด แน่นอนว่าเขาไม่ได้นึกหรอกว่าเรื่องที่วัฒน์กลุ้มจะเป็นเรื่องของสิทธิ์ ซึ่งอันที่จริงมันก็ดูไม่แปลกนัก เพราะดันไปแอบฟังเรื่องคนรักเก่ามา และทั้งรุตทั้งสิทธิ์ก็ออกอาการเป็นห่วงวัฒน์เสียเหลือเกิน จึงทำให้เขาอดคิดไปไม่ได้ ว่าวัฒน์จะยังคงคิดถึงปิ่นอยู่

          เขาเป็นคนยังไงนะ คุณวัฒน์ถึงได้รักมากขนาดนี้



______________________________________________________________


ต้องทำพิธีขออย่างเป็นทางการจากคนเก่าก่อนนะก๊ะ XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 52 (08/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 08-09-2015 10:00:20
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 52 (08/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-09-2015 11:22:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 52 (08/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-09-2015 11:41:33
 :pig4: รอตอนต่อไป เริ่มไม่รู้จะเม้นไรละ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 52 (08/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 08-09-2015 13:25:08
พวกไม่ยอมรับใจตัวเอง -3-
หมั่นส้ายยย
55555555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 52 (08/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-09-2015 18:59:48
 ป่ะ เนรีบไปขอเลยนะ  :call:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 52 (08/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 11-09-2015 00:51:04
เมื่อไหร่จะมา เค้ารออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 53 (12/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 12-09-2015 12:45:54
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 53


          จุดหมายปลายทางคือกาญจนบุรี ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงในตัวเมืองอันเนื่องมาจากคนขับรถขับมาด้วยความเร็วสูงอย่างกับจะไปเตรียมตัวออดิชั่นในหนังฟาสแอนด์ฟิวเรียสก็มิปาน แต่กระนั้นคนในรถกลับไม่มีใครหวาดหวั่นกับความเร็วที่สุดแสนจะหาเรื่องได้ใบสั่งแต่อย่างใด ซ้ำบางคนยังผล็อยหลับไปอีกต่างหาก

          รถตู้สีเทาค่อยๆจอดลงตรงลานกว้างของวัดแห่งหนึ่ง ทำเอาเนที่หลับมาตลอดทาง ตื่นขึ้นมามองอย่างแปลกใจ

          ไหงมาที่วัดล่ะ

          แม้จะสงสัย แต่เนก็ได้แค่เก็บงำคำถามไว้ในใจ แล้วรีบเดินตามคนอื่นๆ เด็กหนุ่มกวาดตามองไปทั่ว บริเวณวัดที่นี่กว้างขวาง และเงียบสงบ มีผู้คนอยู่เพียงน้อยนิดในเวลานี้ และตอนเดินผ่านก็ต่างโดนทั้งคนอื่นทั้งพระมองกันเป็นตาเดียว ซึ่งก็ไม่แปลกนัก เพราะแต่ละคนในกลุ่มตนมีหน้าตาท่าทางบ่งบอกยี่ห้อว่าหลุดมาจากแหล่งอโคจรมา แต่ไกล...ซึ่งอาจจะยกเว้นเพียงแค่สิทธิ์ที่ดูเหมาะกับสถานที่นี้กว่าเพื่อน

          “อ้าว คุณวัฒน์ละครับ”

          พอมาได้สักพักแล้วเห็นเพียงสิทธิ์ รุต แล้วก็โค้กกับศาสตร์ เด็กหนุ่มจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ

          “อ๋อ ตอนมาถึงตรงหน้าประตูวัด เขาก็ลงไปก่อนน่ะ” สิทธิ์ตอบก่อนจะชี้ไปยังอีกฟาก “ไปหาพี่ปิ่นโน่น”

          เนนิ่วหน้า เพราะตรงที่เจ้านายชี้ เป็นเจดีย์เก็บอัฐิ

          “พี่ปิ่นเขาเสียไปแล้ว” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ทำหน้ามึน สิทธิ์จึงเฉลยออกมา และคราวนี้ทำเอาคนงงถึงกับแปลกใจ

          “เสีย...หมายถึงตายน่ะหรือครับ”

          คนฟังถึงกับนิ่วหน้า “นี่ยังเมาขี้ตาไม่หายหรือไง เออสิวะ ไม่อย่างนั้นจะให้หมายถึงอะไรอีก”

          เด็กหนุ่มมองหน้าเจ้านายนิ่ง ก่อนจะหันไปมองยังทางเจดีย์ ทั้งที่เพิ่งฟังเรื่องที่ชวนสลดแท้ๆ แต่ความอึดอัดภายในใจที่เวียนวนไปมากลับมลายหายไปอย่างไม่น่าให้อภัย

          “อาวัฒน์แกรักพี่ปิ่นมากเลยนะ” และเพราะคิดว่าเนกำลังสลดปนสงสัย สิทธิ์เลยเล่าขึ้นมา “ตอนที่อาวัฒน์กับพี่ปิ่นหย่ากัน อาวัฒน์ถึงกับเทียวไปเทียวมาจากกรุงเทพฯมากาญฯเพื่อตื๊อพี่ปิ่นร่วมเดือน...ยิ่งตอนที่รู้ว่าพี่ปิ่นเสีย อาวัฒน์เหมือนกับคนไร้วิญญาณไปช่วงหนึ่งเลยล่ะ”

          “อย่างนั้นหรือครับ...” เขาแทบจะนึกภาพตามไม่ออก

          “แต่นี่ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะแล้วนะ ฉันเองทีแรกก็เป็นห่วง หลังๆมาถึงจะดีขึ้นยังไงฉันก็รู้ว่าอาวัฒน์ก็ยังคิดถึงพี่ปิ่นไม่เลิกนั่นล่ะ” สิทธิ์ว่าต่อก่อนจะถอนหายใจ “แถมพักหลังยังโหมงานหนักเกินเหตุอีก ฉันล่ะกลัวอาเขาจะล้มหมอนนอนเสื่อไป ถึงได้ให้นายมาช่วยอาเขา...”

          จากที่กำลังโหวงเหวง เหมือนอยู่ๆก็มีใครเอาอีโต้มาแทงอกเสียอย่างนั้น

          “ครับ ผมก็พยายามเท่าที่จะช่วยได้...” และคงเพราะนึกถึงโศกนาฏกรรมชวนสลดที่ตนกระทำกับวัฒน์ไปตั้งมากมายและร้ายแรง น้ำเสียงถึงได้มีอารมณ์ร่วมเสียจนสิทธิ์ไม่เอะใจกับสีหน้าที่มีแต่ความรู้สึกผิดของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย

          “ขอบใจนะ” ยิ่งเห็นสิทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มโล่งใจ สีหน้าของเนก็สลดลงเรื่อยๆ “ถึงอาแกจะชอบทำตัวเข้าใจยากไปบ้าง แต่ช่วยอยู่กับเขาหน่อยเถอะนะ”

          และทั้งที่อีกฝ่ายแค่ฝากฝังให้ในฐานะเพื่อนร่วมงาน หน้ามันก็ดันแดงขึ้นมาอย่างที่ไม่ควรเสียอย่างนั้น

          “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมก็อยู่จนกว่าคุณจะเลิกจ้างนั่นล่ะ” ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากจะชดใช้ความผิดที่ตนไปก่อไว้ แต่อีกส่วน ก็ไม่รู้เพราะอะไร ถึงไม่อยากจะห่างนัก

          “เออ ขอบใจนะ” สิทธิ์พูดเสียงอ่อนก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มกว้าง ซึ่งนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนบางอย่างในใจ ทำเอาเนเผลอนิ่วหน้าออกมา

 

          หนุ่มใหญ่ยืนเหม่อมองเจดีย์ตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้
         
          “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้เธอผลักไสฉันยังไง ฉันก็ตัดเธอไม่ลงแท้ๆ...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเบาบาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “หรือเธอต้องการให้มันเป็นแบบนี้...”

          บ่นกับตัวเองเพียงแค่นั้นก็ทรุดลงอย่างคนหมดแรง ใจนึงก็อยากจะโวยวายต่อหน้าอัฐิเมียเก่าให้รู้แล้วรู้รอด เสียแต่ยังเกรงใจสถานที่อยู่บ้าง

          วัฒน์เงยหน้ามองไปยังรูปที่ติดอยู่บนเจดีย์ ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

ทำไมต้องเป็นไอ้เด็กบ้านั่นด้วยล่ะปิ่น นั่นมันศัตรูคุณสิทธิ์เลยนะเฮ้ย จะแกล้งกันก็ให้มันน้อยๆหน่อย…เออ ถ้าอยากแกล้งนักฉันก็ไม่ว่า จะให้คบกับผู้ชายอายุคราวลูกที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ขอเป็นไอ้เด็กเกรียนบ้าเซ็กซ์นั่นเถอะ!

          ไม่มีตัวเลือกตัวอื่นแล้วหรือไง นี่บ้าชัดๆเลยนะ...

          “อาวัฒน์ครับ”

          เสียงทุ้มที่เรียกจากด้านหลังทำเอาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้ง พอรีบลุกขึ้นแล้วหันไปมองก็เผลอถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่ามีศาสตร์อยู่คนเดียว แม้จะแอบเขินเพราะเรื่องเรื่อยเปื่อยที่เพ้อไปเมื่อครู่ก็ตาม

          “มีอะไรหรือ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถามพลางมุ่นคิ้ว เมื่อเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย

          “คุณสิทธิ์เรียกน่ะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะหันมองไปทางอื่น “ไม่เป็นอะไรนะครับ ผมเห็นอาลงไปนั่งกับพื้นอยู่ตั้งนาน”

          ระบบคำนวณของสมองชะงักลงเมื่อโดนทัก ใบหน้าที่มักนิ่งกลับเปื้อนยิ้มเสียจนดูน่าแปลกมากกว่าน่ามอง

          “ยังเสียใจเรื่องพี่ปิ่นอยู่หรือครับ”

          หนุ่มใหญ่มองหน้าอีกฝ่ายที่ดูจะเป็นห่วงเขาเอาการ

          “นั่นมันก็ใช่อยู่...แต่ก็ไม่ได้หนักเหมือนเมื่อก่อนหรอก...ก็แค่ใจหายนิดหน่อย พอคิดว่าจะตัดใจได้แล้ว...” วัฒน์ตอบตามตรง แต่ไม่ทั้งหมด

          “หมายถึง...อาพร้อมจะเริ่มต้นกับคนอื่นแล้วน่ะหรือครับ”

          ทั้งที่เป็นแค่คำถามที่ฟังดูเหมือนเป็นห่วงเพียงเท่านั้น แต่กลับทำเอาหน้าร้อนผ่าวทั้งที่ไม่ควร

          แล้วทำไมตูต้องนึกถึงไอ้เด็กบ้านั่นด้วยเล่า! บอกแล้วไงปิ่นฉันไม่เอาไอ้เด็กผีนั่น ไม่ต้องเอามาเสนอเลย!

          “นั่น...ก็ไม่รู้สิ” น้ำเสียงทุ้มดังตะกุกตะกัก “ฉันเองก็อายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากคบกับตาแก่อย่างฉันอยู่หรือเปล่า”

          “มีสิครับ”

          หนุ่มใหญ่เบิกตามองอีกฝ่าย เพราะปกติศาสตร์เป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยแสดงออกมากนัก พอได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ทำเอาคนมองแปลกใจ

          “ไม่ว่าอาจะอายุมากแค่ไหน ยังไงก็มีอยู่แน่ๆครับ คนที่อยากคบกับอา...ผมยืนยัน” อีกฝ่ายยังพูดต่อด้วยท่าทางแบบเดิม จนวัฒน์เริ่มรู้สึกเขินแปลกๆ “ขอแค่อาเปิดใจ...”

          “คุณวัฒน์ครับ”

          ยังไม่ทันที่ศาสตร์จะพูดจบ เสียงเรียกของเนก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เด็กหนุ่มหน้าหวานถึงกับบึ้งหน้าเมื่อเห็นฉากชวนคิดตรงหน้า แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำสีหน้าปกติดังเดิม

          “คุณสิทธิ์เรียกครับ” เนตอบโดยที่สายตากลับจ้องไปยังศาสตร์ด้วยความสงสัย

          “งั้นหรือ…จริงสิ ลืมไปเลย” วัฒน์ตอบรับอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันกลับไปทางศาสตร์ “ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะ ท่าทางจะด่วน ถึงได้ใช้ให้เนมาตามอีก”

          สีหน้าของหนุ่มร่างสูงเต็มไปด้วยความเสียดายอย่างชัดแจ้งเสียจนแม้แต่วัฒน์เอง ก็ยังรู้สึกได้ แต่หนุ่มใหญ่เข้าใจเพียงแค่ว่า อีกฝ่ายคงเป็นห่วงตนมากเฉยๆ

          “ขอบใจนะที่เป็นห่วง” หนุ่มใหญ่จึงเดินเข้าไปเอ่ยพร้อมกับตบบ่า “ไว้ว่างๆแล้วเราค่อยคุยกันอีกทีนะ”

          ศาสตร์ถึงกับหน้าขึ้นสี และมีเพียงเนเท่านั้นที่เห็น

          “คะ...ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมจะรอนะครับ”

          วัฒน์ไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้ แล้วเดินจากไป และนั่นเป็นยิ้มที่ทำให้เนเผลอกัดฟันกรอด

          ทำไมถึงยิ้มให้หมอนั่นแบบนั้นเล่า! ทีคนอื่นคุณยังไม่เคยทำสีหน้าแบบนั้นเลย กับผมก็ยังเอาแต่ทำหน้าบึ้งใส่...สามมาตรฐานชัดๆ

          เขาก็ได้แค่หงุดหงิดอยู่ในใจ ก่อนจะเดินตามวัฒน์ไปติดๆ

          ศาสตร์เพียงแค่มองคนทั้งสองที่กำลังเดินจากไป แม้จะเจือไปด้วยความดีใจ แต่ความเสียดายนั้นกลับมีมากกว่า

          “แหม โดนขัดจังหวะพอดีเลยเนอะ”

          เสียงกวนของโค้กดังขึ้น หนุ่มหน้านิ่งหันมองเพื่อนที่เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้ามกับที่วัฒน์กับเนจากไป

          “ทำไม ทำหน้าแบบนั้น ไม่พอใจที่ฉันแอบดูหรือไง” โค้กกวนพร้อมเหยียดยิ้มกว้าง “ที่วันก่อนยังแอบดูฉันคุยกับไอ้เด็กนั่นเลยนะ”

          ศาสตร์นิ่วหน้าใส่ “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่พอใจเรื่องนั้น...” เสียงทุ้มขาดหายไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “อีกนิดเดียวแล้วแท้ๆ...”

          “นั่นสิ อีกนิดเดียวแท้ๆ ฉันละหวาดเสียวเป็นบ้า เกือบแห้วแล้วนะเนี่ย” ปากก็บอกแบบนั้น แต่กลับไม่มีอาการหวาดหวั่นหรือเสียใจออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย ทำเอาคู่สนทนาบึ้งหน้าใส่ “บอกว่าเกรงใจๆ แต่เล่นมาพูดต่อหน้าพี่ปิ่นเลยนะ”

          ท่าทางศาสตร์เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว ถึงได้หน้าซีดสำนึกผิดขึ้นมา

          “พี่ปิ่นเขาจะว่านายทำไม เขาเลิกกับอาวัฒน์ไปก่อนแล้วนา” โค้กว่าเหมือนเห็นเพื่อนทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตาย “เผลอๆเขาอาจจะดีใจด้วยซ้ำ ถ้าเป็นนายหรือฉัน เพราะมั่นใจได้เลยว่าพวกเราจะไม่มีทางทำให้อาวัฒน์เสียใจแน่”

          ศาสตร์เพียงแต่มุ่นคิ้ว ยิ่งทำให้คนให้กำลังใจหน้าบูดใส่

          “แต่ถ้ากลัวว่าทำไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะรับไว้เอง”

          “ไม่ได้กลัว” หนุ่มหน้านิ่งเถียงเสียงเข้ม

          “ให้มันจริงเถอะ~” โค้กยังหยอกไม่เลิก ก่อนจะเดินนำไปยังทางที่วัฒน์กับเนเพิ่งเดินไป “ถ้างั้นก็รีบไปเก็บแต้มให้เร็วเข้าเถอะ โอกาสดีๆแบบนี้คงหายากน่าดู”

          แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเท่าไหร่นัก แต่ชายหนุ่มก็เดินตามเพื่อนของตนไปอย่างเสียมิได้

 

          “คุณชอบคุณศาสตร์กับคุณโค้กหรือเปล่า”

          วัฒน์หันมามองคนที่เดินอยู่ข้างตัวแล้วทำหน้าเหมือนจะกัดหัวใส่เจ้าคนที่ถามออกมาเหมือนไม่ใช่สมองคิด

          ทีแรกก็เกือบจะหลุดปากไปแล้วว่า ‘ชอบมากกว่านายละกัน’ แต่พอเห็นหน้าตาท่าทางเหมือนกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างจากเน คำพูดเลยเอาแต่กระจุกอยู่ที่คอก่อนจะหล่นกลับเข้าไปแทน

          “นายถามฉันในแง่ไหน” เขาว่าจะไม่ถามแล้ว แต่เล่นทำสีหน้าดูคลุมเครือขนาดนั้น เลยต้องถามเพื่อความกระจ่างสักหน่อย

          “แง่คนรักน่ะครับ”

          ถึงจะคาดไว้แล้ว แต่ก็อดสำลักกับคำตอบไม่ได้

          “หา” วัฒน์ถึงกับแผดเสียงอย่างลืมตัว “ฉันจะไปคิดแบบนั้นกับสองคนนั่นได้ไง ฉันเห็นเป็นแค่ลูกหลานก็เท่านั้นล่ะ”

          “แล้วสมมติว่าพวกเขาไม่ได้คิดแค่นั้นล่ะครับ”

          จากที่กำลังจะตั้งท่าเถียงต่อ ถึงกับชะงัก ถ้าไม่ติดว่าศาสตร์ทำตัวแปลกๆก่อนหน้า เขาอาจจะพูดออกไปโดยไม่ลังเลแล้วก็ได้

          “ไม่รู้” วัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ “ถามทำไม”

          คราวนี้ คนที่หน้าแดงเรื่ออยู่แล้ว ยิ่งแดงจัดเข้าไปใหญ่ ทำเอาหนุ่มใหญ่เผลออ้าปากค้าง

          “ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้หรือครับ” อยากรู้อย่างเดียวไม่ว่า แล้วทำไมแกต้องเขินด้วยวะหา “ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ เห็นอายุก็ป่านนี้แล้ว น่าจะมองหาใครสักคนได้แล้วนะครับ...”

          จากที่กำลังอ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปตีลังกาได้สามรอบ เจอประโยคหลังเข้าไปเล่นเอาหุบปากไม่ลง

          “คุณได้เปิดกล่องของขวัญหรือยังครับ” อยู่ๆคนที่เดินมาด้วยกันก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียอย่างนั้น

          “ยัง” เพราะเมิงนั่นล่ะ “ทำไม”

          “คือ...ผมแค่จะบอกว่า ที่ผมซื้อให้น่ะ ผมก็แค่เห็นว่ามันเหมาะกับคุณเท่านั้นนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแฝงนะครับ ผมตั้งใจซื้อให้จริงๆนะครับ”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เดินนำลิ่วไปยังจุดที่สิทธิ์กับรุตยืนอยู่ ปล่อยให้คนอายุมากกว่ายืนนิ่งติดสตันไปร่วมนาที จากที่ไม่กล้าเปิดกล่องของขวัญ ตอนนี้ชักอยากจะกลับบ้านไปเปิดออกดูให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้แทน

          มันซื้ออะไรมาให้วะเนี่ย!!!

          “อาครับ...เป็นอะไรหรือเปล่า” พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่ง สิทธิ์จึงตะโกนเรียกขึ้นด้วยความเป็นห่วง

          วัฒน์ทำหน้าเหลอหรา ก่อนจะส่ายหัวให้

          “ขอโทษครับ พอดีเหม่อไปหน่อย” หนุ่มใหญ่ตอบกลับด้วยอากัปกิริยาอย่างที่มักเป็น “คุณสิทธิ์จะกลับแล้วหรือครับ”

          “ใช่ที่ไหนละครับ พวกผมยังไม่ได้ไปไหว้พี่ปิ่นเลยนา” ชายหนุ่มว่า “ผมแค่อยากให้อาคุยกับใครบางคนระหว่างที่พวกเราไปหาพี่ปิ่นน่ะ”

          ยังไม่ทันได้ถาม พอเห็นเจ้านายผายมือไปทางต้นโพธิ์ที่อยู่ไม่ห่าง วัฒน์ก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ใต้ต้นโพธิ์นั้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด

          “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะ”

          วัฒน์มองชายวัยกลางคนตรงหน้า ท่าทางอึกอักเสียจนเนแปลกใจ แต่ยังสงสัยได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็โดนสิทธิ์ลากตัวออกมาเสียก่อน

          “ปล่อยให้พวกเขาคุยกันเถอะ”

          “นั่นใครหรือครับ” เนถาม ยังคงอดมองไปทางนั้นไม่ได้

          “พี่นพ พี่ของพี่ปิ่นน่ะ” พี่เมียนี่เอง “มันเป็นปัญหาส่วนตัวเมื่อตอนที่อาวัฒน์กับพี่ปิ่นเลิกกันน่ะ”

          เนเพียงแต่มองโดยไม่พูดอะไร ก่อนนึกถึงเรื่องเมื่อครู่

          ที่เขาพูดเรื่องนั้นขึ้นมา ก็เพราะสัญญาไว้กับโค้กแล้วว่าจะเป็นพ่อสื่อให้ ถึงได้ไปเลียบๆเคียงๆถามและบอกอ้อมๆไป อีกทั้งเพราะอยากจะหนีจากความรู้สึกประหลาดในใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายเขินขึ้นมา ก็อดบึ้งหน้าไม่ได้

          ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้นะ...ทำไมผมต้องพะว้าพะวงแต่เรื่องของคุณไม่เลิกด้วย...

          ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องกำจัดความรู้สึกบ้าบอที่ทำให้ตัวเองเหมือนคนงี่เง่าออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม

          “นายไม่คิดจะรักเขาบ้างหรือไง”

          ให้ตายก็ไม่เอาด้วยหรอก เราชอบเขาก็จริง แต่ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย การที่อยากมีอะไรกับใครหรืออยากอยู่ด้วย มันไม่จำเป็นต้องเป็นความรักแบบนั้นสักหน่อยนี่นา

          หรือต่อให้ใช่ เราก็ไม่ยอมรับแน่

          ก็มันน่าอายออกนี่นา รักผู้ชายก็ว่าแย่แล้ว แถมยังเป็นลุงอีก


____________________________________________________

คนนึงหนีคนนึงรุก เราเห็นบทสรุปแล้วชิมิ ฮา (เดี๋ยวนะ)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 53 (12/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 13-09-2015 08:14:28
ผู้ชายที่ชื่อนพมีความสัมพันธ์กับวัฒน์นอกเหนือจากพี่เมียมั้ยเนี่ย?
ทั้งสองต่างหนีหัวใจตัวเองซะงั้น เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 14-09-2015 09:01:30
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 54


          “ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ยังเงียบเหมือนเดิมเลยนะ”

          หลังจากเข้าไปนั่งด้วยเพราะโดนชวน วัฒน์ก็เพียงแค่นั่งอยู่นิ่งๆโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ จนในที่สุด อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นมาเอง

          “ตอนอยู่กับปิ่น นายไม่เห็นจะเป็นแบบนี้” นพพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหงาหงอย “ยัยนั่นชอบแกล้งจนนายดูงี่เง่าอยู่ตลอด”

          วัฒน์ไม่ได้ตอบสิ่งใด นอกจากนึกถึงความหลัง...ใช่ ปิ่นเป็นเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดกับเขาอย่างไม่เกรงใจทั้งที่อายุน้อยกว่า ทั้งยังกวนเขาจนชวนปวดหัวอีก ทำเอาเขาหลุดว่าออกไปเสียหลายที แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นแค่เสียงหัวเราะของเธอ

          “นายยังรักปิ่นอยู่จริงๆหรือ”

          หนุ่มใหญ่หันมองอีกฝ่ายที่ยังคงทอดสายตามองไปยังด้านหน้า ดวงตาเรียวกลอกมองไปอีกทาง ก่อนจะยอมเปิดปาก

          “ใช่...แต่ไม่ทั้งหมด...” คำตอบนั้นทำเอาชายวัยกลางคนหันมามองตน “ให้เลิกรักคงทำไม่ได้...แต่ก็คงไม่ยึดติดเขาไว้เหมือนเมื่อก่อน...”

          ขณะที่พูดก็เผลอมุ่นคิ้วออกมาเพราะดันไปหวนนึกถึงไอ้คนที่ไม่ควรจะเดินเข้ามา และไม่ใช่เพียงหนึ่ง

          นี่มันบังเอิญ หรือเธอตั้งใจอีกล่ะเนี่ย ปิ่น!

          “…ที่ด่านายไป ทั้งตอนที่นายเลิกกับปิ่น…ทั้งตอนที่นายมางานศพเธอ ก็ต้องขอโทษด้วยนะ” เห็นวัฒน์นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นไปอีกครั้ง นพก็เข้าใจไปว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งย้อนความหลัง “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายัยนั่นจะพูดจาให้ร้ายนายเพราะอยากให้นายเลิกรักคนป่วยใกล้ตายอย่างเธอ”

          “ยัยนั่นก็เป็นแบบนี้เสมอ ขี้แกล้งไม่เลิก ถึงจะทำไปเพราะหวังดีก็เถอะ”

          ชายวัยกลางคนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ “นายรู้งั้นหรือ”

          “รู้สิครับ” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างราบเรียบ “อยู่กันมาตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่าปิ่นทำไปเพราะอะไร”

          “แต่ตอนนั้นนายไม่พูดอะไรเลย…” นพถึงกับลุกขึ้นพูด แต่เห็นท่าทางที่ยังคงนิ่งเงียบ ความร้อนรนของเขาก็ดับลงวูบ “…นั่นสินะ…นายเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วนี่…ฉันน่าจะรู้”

          “…ผมรู้ว่าเขาเองก็เสียใจที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน…” วัฒน์เอ่ยขึ้นต่อ “เขายอมเจ็บเองเพื่อผมจะได้ไม่ต้องเจ็บไปมากกว่านี้ ผมคงไม่กล้าพูดขึ้นมาหรอกครับ”

          สีหน้าของนพคล้ายกับจะร้องไห้ แต่ชายวัยกลางคนเพียงแค่กล้ำกลืนเก็บความเสียใจและความรู้สึกผิดที่เอ่อล้น กลับเข้าในใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

          “บ้าจริงๆเลยนะ ทั้งยัยนั่น ทั้งนาย” เป็นเวลานานกว่าที่นพจะพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่กลับแทรกด้วยเสียงหัวเราะออกมาด้วย “ทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยนะ บอกพวกฉันเลยก็ได้แท้ๆ”

          “เพราะบางครั้ง แค่คำพูดก็ไม่พอน่ะสิครับ” หนุ่มใหญ่ตอบกลับ “ที่สำคัญกว่าคือ มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูด เพราะถึงยังไง พวกเราก็กลับเป็นแบบเดิมไม่ได้อยู่ดี พูดไป เรื่องมันจะยืดยาววุ่นวายเสียเปล่าๆ ให้มันจบแบบนี้น่ะ ดีแล้วครับ”

          “นั่นสินะ...” นพเอ่ยเสียงเครือ ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาจากย่ามที่อยู่ข้างตัว “รู้เรื่องเจ้านี่หรือเปล่า”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองสมุดบันทึกปกแข็งสีฟ้าอ่อนในมือของอีกฝ่าย ก่อนจะส่ายหน้าให้

          “มันเป็นไดอารี่ช่วงที่ปิ่นอยู่โรงพยาบาล” คำตอบนั้นทำเอาคนฟังเบิกตา “เจ้านายของนายเอามาให้ฉัน”

          ก็รู้อยู่แล้วว่าการที่ตนมาพบกับนพเป็นแผนของสิทธิ์ แต่วัฒน์ก็ไม่คิดว่าเจ้านายแสนดีของตนจะไปสืบค้นกันถึงขนาดนี้ พอมานึกก็แอบแปลกใจอยู่พอสมควรที่นพอยู่ๆก็ยอมรับเขาเสียง่ายดายเหลือเกิน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นจะเกลียดเขาแทบเป็นแทบตายแท้ๆ

          เพราะตอนที่เลิกกัน ปิ่นบอกทางบ้านไปว่าตนนอกใจ ทำตัวไม่ดี และใจร้ายกับเธอสารพัด แล้วเพราะทำงานที่ออกจะไม่ค่อยดีด้วย เลยทำให้คนทางบ้านของปิ่นที่ไม่ชอบตนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งรังเกียจและไล่เขาไปทุกครั้งที่พยายามจะมาหาเธอ

          “ถ้าไม่ใช่เพราะนี่ ฉันก็คงไม่มีทางเชื่อว่าสิ่งที่ยัยนั่นบอกกับพวกเราเป็นเรื่องโกหก...” นพพูดต่อก่อนจะวางหนังสือลงตรงข้างตัว

          วัฒน์นิ่วหน้าก่อนจะรับมา สมุดบันทึกแม้จะดูเก่า แต่สภาพยังดีจนไม่น่าเชื่อ

          “คุณสิทธิ์...เจ้านายผมเขาบอกหรือเปล่าครับว่าได้มาจากไหน”

          “จากเพื่อนยัยนั่นน่ะ...ดูเหมือนจะฝากไว้ก่อนที่จะเสียไม่กี่วัน” นพเล่าเสียงเครือ “เอาไปเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว”

          ชายวัยกลางคนลุกขึ้นออกจากม้านั่ง แต่ก่อนที่จะได้เดินจากไป เขาก็หันกลับมาหาคนที่ยังคงนั่งนิ่ง

          “ถึงจะเลิกกันไป แต่ยัยนั่นก็รักนายมากนะ แล้วก็อยากให้นายมีความสุขจริงๆ”

          วัฒน์เพียงแต่มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะพยักหน้าให้เล็กน้อย ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองสมุดในมือ ก่อนจะค่อยๆเปิดขึ้น ทุกอย่างที่เขียนในนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เขารู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่เธอโกหกญาติเพื่อเลิกกับเขาและไม่ให้เขามาเจอเธอ ทั้งเรื่องที่รู้สึกแย่แค่ไหนที่ต้องทำร้ายเขา ทั้งเรื่องที่เธอรักตนแม้ตนจะไม่เคยกอดเธอแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม

          ขอโทษนะ...ที่ฉันทำให้พี่มีความสุขไม่ได้...ขอโทษที่อยู่ด้วยกันไม่ได้...

          เพราะงั้นช่วยมีความสุขทีนะ...ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่วยมีความสุขในส่วนของฉันด้วยเถอะ จะกับใครก็ได้ ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก คนแก่ หรือยังไงก็ได้ ขอแค่พี่มีความสุข ฉันก็พอใจแล้ว

          ฉันรักพี่นะ

          “ฮะๆ” อ่านจบถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ไม่ว่าจะอย่างไร อีกฝ่ายก็ชอบทำให้เขาหัวเราะออกมาเสมอ “นี่เพราะคำขอก่อนเสียของเธอใช่ไหม...”

          หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า น่าแปลกที่ทัศนียภาพตรงหน้าพร่าเลือนลง ดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

          ทั้งที่ท้องฟ้านั้นใสกระจ่าง แต่ทำไมกลับมีฝนตกกันได้นะ

 

          เนลุกลี้ลุกลนหันมองไปมาอย่างกับญาติที่กำลังรอคนป่วยหน้าห้องไอซียู ตั้งแต่ทิ้งให้วัฒน์อยู่กับนพ นี่ก็ปาไปเกือบชั่วโมงแล้ว

          “เฮ้ย ไม่ต้องห่วงน่า ไม่เป็นอะไรหรอก” เห็นลูกน้องกระวนกระวาย เจ้านายเลยอดปลอบไม่ได้ “เลิกเดินไปมาได้แล้ว เดี๋ยวพื้นก็สึกหมดหรอก แล้วฉันก็เวียนหัวด้วย”

          “แต่มันก็นานเกินไปแล้วจริงๆนะครับ” คราวนี้หนุ่มหน้านิ่งเอ่ยเสริม แม้จะยืนอยู่นิ่งๆ แต่ขาก็กระตุกเหมือนอยากจะเดินแก้เครียดเช่นกัน

          “เฮ้ย ไม่เป็นไรน่า...อ๊ะ นั่นไงๆ”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองเมื่อเห็นคณะต้อนรับตรงหน้าที่พากันลุกขึ้นยืนเสียพร้อมเพรียง จากที่นั่งที่อยู่ไม่ห่างจากที่จอดรถ พอเห็นสีหน้าแป้นแล้นของเจ้านาย หนุ่มใหญ่ก็อดยิ้มตามไม่ได้

          “ขอบคุณนะครับ”

          “ขอบคุณอะไรกันล่ะครับ แค่นี้เอง ที่สำคัญ ถ้าไม่ได้อารุตกับอาฉัตรช่วยด้วย เรื่องก็ไม่ง่ายแบบนี้หรอก” ชายหนุ่มโบกมือให้ “อาเองก็ทำเพื่อผมมาเยอะแล้ว ผมเองก็อยากจะทำอะไรให้อาบ้าง อาจะได้เลิกเครียด เลิกโหมงานหนักๆสักที”

          “ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ ที่ทำให้เป็นห่วง...” ฟังถึงตรงนี้ก็อดสลดไม่ได้ ยิ่งเห็นใบหน้าเหมือนลูกหมาโดนทิ้งของเพื่อนร่วมงาน ก็ยิ่งรู้สึกสลดปนกระวนกระวายใจแปลกๆ

          “น่าครับ ผมอยากให้อาอยู่ทำงานกับผมนานๆนะครับ ถึงได้เป็นห่วง ไม่งั้นไม่ให้ไอ้เนมาช่วยงานอาหรอก”

          วัฒน์ชะงักไปเล็กน้อย “...ที่คุณให้เนมาทำงาน เพราะจะให้มาช่วยผมเฉยๆหรือครับ”

          “อ้าว ใช่สิครับ ไม่งั้นจะให้มาทำอะไรล่ะ” สิทธิ์ว่าก่อนจะหัวเราะ “ไม่มีใครเก่งและดีพอจะแทนตำแหน่งแทนอาได้หรอกครับ อยู่กับผมจนถือไม้เท้าเลยยิ่งดี”

          “ฮะๆๆ งั้นหรือครับ” หนุ่มใหญ่หัวเราะ ชักรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นบ้าเสียเหลือเกินที่กลุ้มไปคนเดียว ทั้งที่อีกฝ่ายทำไปแค่เพราะเป็นห่วงตนเพียงเท่านั้นแท้ๆ

          “ถ้าอย่างนั้น เราก็กลับกันดีกว่าเนอะ” เห็นหนุ่มใหญ่ดูเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้สักที สิทธิ์ก็เอ่ยขึ้น “งั้นคืนนี้เราไปฉลองกัน”

          “ไม่ได้ครับ” จากที่กำลังยิ้มๆ ถึงกับเปลี่ยนสีหน้ากลับทันควัน “พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ด อย่าลืมสิครับ”

          ประธานหนุ่มหน้าเบี้ยวเลยทีเดียว

          “...อะไร”

          พอจะกลับขึ้นรถแล้วเห็นเนเอาแต่มองตนไม่เลิก วัฒน์เลยอดถามไม่ได้ ยิ่งนึกถึงที่อีกฝ่ายถามก่อนหน้า อีกทั้งยังคำในบันทึกของคนรักเก่า ทำเอาหน้าขึ้นสีทั้งที่ไม่ควร

          “ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ...ไม่ได้หรือไงล่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบขืนๆ “ผมเองก็เห็นคุณเหมือน...เอ่อ...”

          ว่าจะไม่คิดอะไร แต่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงพูดอึกอักแล้ว ใจบ้าๆก็ดันหาเรื่องเต้นไม่เป็นจังหวะเสียอย่างนั้น

          “เห็น...เป็นอะไร” และไม่รู้เพราะอีกฝ่ายเอาแต่อึกอัก หรือเพราะอยากรู้ ถึงได้ถามออกไป

          “เห็นเป็นพ่อคนนึงน่ะครับ”

          วัฒน์กะพริบตาปริบๆ รู้สึกเหมือนไปยืนบนสะพานเชือกสูงร้อยเมตรแล้วพอหล่นลงไปปรากฏว่ามันเป็น ภาพลวงตาที่ความจริงพื้นอยู่ห่างจากสะพานแค่ฟุตเดียว

          “แล้ว...นายทำอย่างว่ากับคนที่นายเห็นว่าเป็นพ่อหรือ”

          อีกฝ่ายหน้าขึ้นสีอีกครั้ง “ก็กับคนที่ผมเห็นเป็นพี่สาวหรือแม่ ผมก็ยังเคยทำแบบนี้มาแล้วนี่ครับ มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”

          ตูน่าจะรู้!

          “อ้อ เออ งั้นหรือ” ไม่รู้ทำไมวัฒน์รู้สึกเหนื่อยแปลกๆ “ขอบใจละกัน...รีบไปเถอะ เดี๋ยวคนอื่นจะรอนาน”

          สีหน้าของเนเหมือนมีเรื่องจะพูดอีก แต่พอโดนหนุ่มใหญ่ตัดจบ เขาจึงพยักหน้าและทำตามอย่างเสียมิได้

          “อาวัฒน์ครับ”

          โค้กเอ่ยเรียกหลังจากกลับกันมาถึงบ้านของสิทธิ์ วัฒน์ซึ่งยังไม่ทันจะได้ลงจากรถดีได้แต่มองหน้ารอคำถาม

          “ขอคุยด้วยกันสักหน่อย...แบบส่วนตัวๆได้ไหมอะครับ”

          เนเผลอชักสีหน้า แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้

          “มาครับ คุณสิทธิ์ ผมพาไปส่งที่ห้อง” เพราะไม่อยากจะฟังและอยากจะให้วัฒน์ได้กับใครสักคนสักที เขาจึงรีบปรี่ไปหาสิทธิ์ซึ่งไม่ได้เมาแต่อย่างใด และลากคนตัวใหญ่กว่าเข้าบ้านจนสิทธิ์แทบจะล้ม

          “อะไรของแกวะเนี่ย” หลังจากเข้าบ้านมาและเนเลิกลากตนสักที สิทธิ์ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างหงุดหงิดปนสงสัย

          เนนิ่วหน้ามองอีกฝ่าย เขาไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเรื่องที่ควรจะพูดดีหรือเปล่า

          “ผมเอง...ก็อยากให้คุณวัฒน์เขามีความสุขเหมือนกับคุณสิทธิ์นั่นล่ะครับ” คนฟังยังคงงงเพราะไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับการที่เนรีบลากตนเข้าบ้านตรงไหน “คุณโค้กกับคุณศาสตร์เขาบอกว่าพอจะรู้จักคนที่สนใจคุณวัฒน์อยู่น่ะครับ แล้วคงอยากจะพูดอ้อมๆเชียร์ให้คุณวัฒน์เขา...เอ่อ...”

          แม้จะพูดไม่ทันจบความ แต่คุณเจ้านายแสนดีถึงกับยิ้มกว้าง

          “จริงดิ โห โคตรบังเอิญ” ไม่ว่าเปล่า มีตบหลังเนเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนเครื่องในเคลื่อนที่ “มิน่า เห็นพี่ศาสตร์ทำตัวลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง”

          เนฟังแล้วก็ได้แต่สงสัย เพราะนอกจากตอนหึง เขาไม่ยักจะดูออกว่าศาสตร์แสดงอารมณ์ใดอยู่

          “เออๆ ฟังแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย” ผู้เป็นนายว่า ก่อนจะเดินนำเข้าครัวไป หยิบขนมปังปอนด์มาสี่แผ่น ทั้งที่กินข้าวเย็นมาก่อนแล้ว “แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าเป็นคนยังไง”

          ก็เป็นไอ้คนหน้าเป็นๆที่บ้าแมว กับไอ้คนหน้านิ่งๆที่บ้ากล้วยไงครับ

          “เอ่อ...คนนึงเขาออกจะขี้อายๆ ส่วนอีกคนเป็นคนร่าเริงน่ะครับ”

          “เฮ้ย สองคนเลยหรือ” สิทธิ์ร้อง แทบไม่อยากจะเชื่อหู “แหม อาวัฒน์นี่ก็มาเสน่ห์แรงเอาตอนมีอายุนะเนี่ย”

          “อา...จริงๆ เขาก็ดูจะชอบคุณวัฒน์เขามานานแล้วล่ะครับ แต่คงเพราะเรื่องเมียเก่า ถึงได้ยั้งใจเอาไว้” เด็กหนุ่มว่าตามสภาพ และทั้งที่ไม่อยากพูดเรื่องนี้แท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไม กลับหยุดปากตัวเองไม่ได้

          “อ้อ อย่างนั้นหรือ” สิทธิ์เอ่ย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า “ว่าแต่ นายไม่ดีใจหรือ”

          เนถึงกับสะดุ้ง “ทำไมพูดแบบนั้นละครับ ผมดีใจจะตาย เขาเองก็สมควรมีความสุขบ้างนี่ครับ ฮะๆ”

          “ก็นายเล่นทำหน้าเบี้ยวซะขนาดนี้นี่ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ ดูสิ คิ้วเงี้ย แทบจะต่อเป็นเส้นเดียว”

          พอโดนทักก็เผลอยกมือขึ้นแตะอย่างลืมตัว เด็กหนุ่มถึงกับหน้าเสีย และสงสัยว่าทำไมตัวเองต้องกลัดกลุ้มถึงเพียงนี้

          “อา...ฉันเข้าใจความรู้สึกนายนะ” อยู่ๆเจอเจ้านายพูดขึ้น เล่นเขาเนหน้าเบี้ยว “ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกับที่นายรู้สึกนั่นล่ะ”

          “ว่าไงนะครับ” ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่เลยทีเดียว “คุณเองก็...”

          “อือ ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน พอคิดว่าอาเขาจะไปมีครอบครัวแล้ว มันก็อดใจหายไม่ได้นี่เนอะ”

          เหมือนอยู่ๆวิ่งเต็มแรงแล้วไปสะดุดล้มหน้าคะมำไถลไถไปกับพื้นก็มิปาน

          “ก็อย่างที่บอกนาย ฉันเห็นเขาเหมือนพ่อคนหนึ่ง ลองคิดว่าอีกฝ่ายจะมีเวลาให้เราน้อยลงแล้ว มันก็อดน้อยใจนิดๆไม่ได้ล่ะเนอะ” สิทธิ์ว่าต่อด้วยน้ำเสียงเสียอกเสียดาย “แต่ก็นะ จะไปรั้งให้เขาอยู่กับเราอย่างเดียวมันก็เห็นแก่ตัวเกินไป ก็ต้องทำใจกันละนะ”

          เนนิ่งฟังเจ้านาย ก่อนจะพยักหน้าให้

          “นั่นสิครับ ถึงจะเหงายังไงก็ต้องทำใจล่ะ”


_____________________________________________________

Run Run Run Run a way
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-09-2015 12:03:56
เน แกเป็นคนดีจริงๆแหละ  :o12:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-09-2015 18:28:49
 :z3:  :z3: เน แกจะหนีความจริงไปถึงไหน  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 14-09-2015 18:48:02
เน~ มาหาป้ามาาาา #ผิด
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 14-09-2015 21:23:20
 :z6: :a5:   ง่าาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 15-09-2015 08:18:59
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 15-09-2015 13:17:51
เน แกลืมนับตัวเองไปอีกคนรึเปล่า 55555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 54 (14/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 15-09-2015 19:55:12
ซึ่นกันเกิณไปแล้ว  o6 แบบนี้ระวังจะโดนแย่งไปจริงๆนะเน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 55 (18/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 18-09-2015 11:05:28
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 55


         “มีอะไรหรือ”

         แม้จะรู้สึกเป็นห่วงเจ้านายที่โดนเนลากถูลู่ถูกังไป แต่หนุ่มใหญ่ก็เพียงแค่เหล่มองและรอฟัง หวังให้อีกฝ่ายรีบๆพูด

         ชายหนุ่มยังคงจ้องมองหน้า ท่าทางเหมือนอึ้งพอสมควร จนวัฒน์ชักเริ่มแปลกใจ และเริ่มกระสับกระส่ายเพราะดันไปนึกถึงคำถามบ้าบอของเน

         จะไปคิดทำไมเนี่ย ไอ้บ้านั่นมันก็แค่ถามเฉยๆ…เฉยๆ!!

         “อายังไม่ได้เปิดกล่องของขวัญสินะครับ”โค้กยิ้มให้ ซึ่งนั่นเป็นยิ้มที่ทำเอาคนมองรู้สึกกระสับกระส่าย หรืออาจจะเพราะนึกถึงคำถามพิเรนทร์ของเน ถึงได้เห็นอีกฝ่ายดูแปลกไปจากทุกที “ผมนึกว่าอาจะเปิดทันทีเสียอีก”

         “...ก็กะว่าจะไปเปิดอยู่ พอดีเมื่อวันก่อนยุ่งๆอยู่น่ะ” จะให้บอกหรือว่าเพราะไม่อยากรู้ว่าเนจะให้อะไรเลยไม่กล้าเปิด

         “ถ้าอย่างนั้น ต้องรีบเปิดนะครับ ผมอยากรู้ว่ามันจะถูกใจอาหรือเปล่า...” ดวงตากลมเลื่อนมองไปมา เมื่อเห็นศาสตร์ยืนรออยู่หน้าประตูรั้วบ้าน ซึ่งไกลพอสมควร โค้กจึงโน้มหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเพื่อกระซิบ “โดยเฉพาะของไอ้ศาสตร์ มันตั้งใจซื้อมาให้อาโดยเฉพาะเลยนะครับ”

         วัฒน์เพียงแต่นิ่วหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้คิดหรือพูดสิ่งใด ร่างของคู่สนทนาก็ผละออกจากเขาไปเสียก่อน เพราะโดนหนุ่มหน้านิ่งที่ลงทุนวิ่งมาดึงตัวเพื่อน

         “...” ศาสตร์อ้าปากเหมือนจะพูด แต่สุดท้ายก็เงียบไป แม้จะโดนโค้กยิ้มกวนให้ก็ตาม

         “อะไร ฉันไม่บอกหรอกน่าว่านายซื้ออะไรให้อาวัฒน์” หนุ่มผมเด้งเอ่ยยียวน ก่อนจะหันไปหาคนแก่กว่า “เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์กันพอดีเลย จริงไหมครับ”

         “อ๊ะ...อืม” วัฒน์ตอบไป แม้จะสงสัยว่าที่ศาสตร์วิ่งแทบตายมารั้งโค้ก เพราะไม่อยากให้ตนรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในของขวัญ หรือเพราะเรื่องอื่นกันแน่

         แล้วที่หน้าแดงก่ำขนาดนั้น เพราะรีบวิ่งมาแค่นั้นหรอกหรือ

         “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับก่อนละกัน” โค้กเอ่ยตัดบท แล้วเป็นฝ่ายลากศาสตร์ออกไปเสียเอง “แล้วเจอกันนะครับ”

         วัฒน์เพียงแค่รับไหว้และพยักหน้าให้ ยังคงสงสัยและกังวลไม่หาย แค่เนพูดเรื่องของขวัญเขาก็คิดมากพอแล้ว เจออีกสองคนมาถามถึงอีก ยิ่งทำให้รู้สึกวุ่นวายใจเข้าไปใหญ่

         ไม่ใช่มั้ง...ไอ้เนมันก็แค่ถามเราเฉยๆ...

         ถึงจะบอกว่าแค่ถาม แต่เล่นเจาะจงถึงสองคนนี่ แทนที่จะพูดถึงผู้หญิงก่อน มันก็ชวนคิดอยู่ แต่เดิมที โค้กกับศาสตร์ค่อนข้างจะสนิทสนมกับตนอยู่แล้ว วัฒน์จึงไม่เคยคิดว่าไอ้ความสนิทสนมเหล่านั้นจะกลายเป็นอย่างอื่นไปได้

         ก็ใครมันจะไปคิดเรื่องพรรค์นั้นกับผู้ชายที่อายุอ่อนคราวลูกกันบ้างล่ะ ยิ่งเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งแล้วใหญ่

         เสียงมือถือดึงสติอันว้าวุ่น พอเห็นเบอร์แล้วก็รีบรับทันที

         “กลับมายัง” เสียงทุ้มที่ฟังดูเหมือนคนเมาของพี่ชายตัวเองดังขึ้น “ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เกี่ยวกับไอ้เดช มาที่ร้านหน่อย”

         “เข้าใจแล้ว” ความรู้สึกก่อนหน้าหายวับไปทันที เหลือไว้เพียงแต่สีหน้าเรียบนิ่ง “อีกสิบห้านาทีเจอกัน”

         วางสายเสร็จก็เดินเข้าบ้านหมายจะแจ้งให้เจ้านายทราบเสียก่อน และยังไม่ทันจะได้ก้าวขึ้นหัวบันไดหน้าบ้าน เจ้าคนที่เขาไม่อยากจะเจอหน้านักก็เปิดประตูออกมาเสียก่อน

         “อ๊ะ...เอ่อ พอดีเห็นนานแล้ว คุณสิทธิ์เลยให้มาตามน่ะครับ...” จะให้บอกว่าเป็นห่วงเองก็รู้สึกแปลกๆ เนเลยอ้างเจ้านายขึ้นมาแทน

         “เสร็จธุระแล้วล่ะ” ดวงตาเรียวหลุบต่ำ ใจนึงก็หงุดหงิดเรื่องเดช อีกใจรู้สึกว้าวุ่นแปลกๆจนไม่อยากมองหน้าเด็กหนุ่ม “แต่เดี๋ยวจะออกไปข้างนอกสักหน่อย มีเรื่องจะคุยกับฉัตรน่ะ ฝากบอกคุณสิทธิ์ด้วยก็แล้วกัน บางทีอาจจะกลับดึก ไม่ก็เช้าเลย”

         “ได้ครับ”

         น้ำเสียงที่ฟังดูปกติทำเอาคนฟังเผลอเงยหน้า ยิ่งเห็นใบหน้าที่ดูปกติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ทำเอาวัฒน์เผลอมุ่นคิ้วใส่

         “ทำไมหรือครับ” พอโดนจ้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เด็กหนุ่มจึงถามขึ้นและหลบหน้าไปทางอื่นราวกับจะหนีพ้นยังไงยังงั้น

         “ปกติพอพูดถึงฉัตรทีไร นายชอบตะพัดตะพือไม่พอใจใส่ทุกทีนี่” วัฒน์ตอบตามตรง

         สีหน้าของเนเหมือนแปลกใจพอสมควร และที่วัฒน์สุดแสนจะไม่เข้าใจคือ ทำไมถามแค่นี้แล้วต้องหน้าแดงด้วย เหล้าเบียร์ก็ไม่ได้กินมาสักหน่อย

         “ก่อนหน้านั้นผมก็แค่ไม่ชอบที่เขากวนผม แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อะไรกับผมเท่าไหร่แล้ว ผมก็ไม่เห็นจะต้องหงุดหงิดใส่เขานี่ครับ”

         จะให้พูดได้ไงว่า วางใจเพราะอีกฝ่ายเป็นพี่แท้ๆของวัฒน์กันล่ะ ขืนโดนรู้ว่าตัวเองไปหวงวัฒน์กระทั่งกับฉัตรที่เป็นพี่ชาย แค่อายอย่างเดียวมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

         แม้จะยังคาใจไม่หาย แต่เพราะไม่ได้ว่างจะมาถามเท่าไหร่ เลยปล่อยไป และรีบไปจัดการสิ่งที่สำคัญกว่า

 

         ฉัตรสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อวัฒน์เดินมานั่งตรงเก้าอี้ข้างตนตรงหน้าเคาท์เตอร์ ถึงแม้ตอนนี้จะเปิดเพลงเสียงดัง และคนก็เยอะจนดูวุ่นวายไปหมด แต่เล่นมาโดยที่ตนไม่รู้สึกตัวเลย ก็อดกลัวไม่ได้

         “จะพูดตรงนี้ หรือที่อื่น”

         “ที่อื่นละกัน” ส่วนหนึ่งเพราะต้องการความปลอดภัย อีกส่วนก็เพราะไม่อยากให้ลูกค้าหายเพราะเจ้าลุงหน้าบูดนี่

         “ถึงกับเรียกมา แสดงว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆสินะ” หลังจากเดินตามฉัตรเข้ามาในห้องพักพนักงานบนชั้นสาม วัฒน์ก็เอ่ยถามขึ้นทันที

         “ก็เกี่ยวพันถึงคุณวินด้วยน่ะ” พอน้องชายปิดประตูสนิท ฉัตรก็พูดขึ้นพลางเดินเข้าไปนั่งบนโซฟายาวในห้อง “บ่อนแถวลาดพร้าวเขาโดนตำรวจเข้าจับน่ะสิ”

         วัฒน์เพียงแต่มุ่นคิ้ว และไม่พูดสิ่งใด จากนั้นก็เข้าไปนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ

         “แล้วฟังจากพวกคนสนิทของคุณวิน เหมือนตอนนี้คุณวินเขาจะเข้าใจว่าคุณสิทธิ์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้น่ะสิ”

         “เพราะไอ้เดชหรือ”

         “ตอนนี้ก็แค่เป็นข้อสันนิษฐานน่ะนะ...เพราะช่วงนี้ไอ้เดชมันติดต่อกับลูกน้องของคุณวินอยู่คนนึง...ที่ชื่อธานินทร์ ฉันไปถามชามา เห็นว่าหมอนั่นเองก็คิดไม่ซื่อกับคุณวินเท่าไหร่เหมือนกัน ก็เป็นไปได้ว่าสองคนนั้นอาจจะก่อเรื่องนี้ขึ้นแล้วโบ้ยความผิดให้คุณสิทธิ์น่ะ...แต่ก็ยังไม่แน่ชัดหรอกนะ บางทีอาจจะเป็นกลุ่มศัตรูของคุณวินเองก็ได้ แต่กันเหนียวไว้ก่อน เลยมาเตือนนายให้ระวังไว้”

         “เข้าใจแล้ว...” วัฒน์ตอบรับ เผลอนิ่วหน้าออกมาเพราะนึกถึงตัวที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสิทธิ์ในยามนี้

         “เออๆ ไหนก็ไหนๆ ไปเยี่ยมปิ่นมา เป็นยังไงบ้างล่ะ”

         ที่ถามก็เพราะอยากรู้จริงๆ แต่ถ้าจะต้องแลกกับการโดนจ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแบบนี้ ฉัตรก็รู้สึกเหมือนไม่ค่อยจะคุ้มกับสิ่งที่จะได้ฟังเท่าใดเลย

         “ขอบใจที่ช่วย”

         ถ้าไม่ทำหน้าเหมือนจะงับคอ บางทีฉัตรอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ก็เป็นได้ แถมยังตอบไม่ตรงคำถามอีกต่างหาก แต่ฟังแล้ว ถ้าจบไม่ดีก็คงไม่เอ่ยขอบคุณหรอก

         “นิดหน่อยเองน่า ถ้าไม่ได้คุณสิทธิ์ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” ฉัตรว่า รู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก “แล้วตัดใจจากปิ่นได้แล้วหรือยัง”

         “อยากให้ฉันแต่งงานสักทีหรือไง” วัฒน์ก็แค่สงสัยเฉยๆ เจอคนโน้นทีคนนี้ทีมาช่วยผลักช่วยดันเรื่องความรักของตนเสียเหลือเกิน บวกกับเขินขึ้นมา น้ำเสียงมันเลยแปร่งๆจนฟังเหมือนกับกำลังโมโหและประชดใส่แทน

         “เก๊าะ...มีคนรอแกอยู่นี่หว่า”

         คนพูดเป็นฝ่ายค้างเสียเองเมื่อเห็นใบหน้าขึ้นสีของน้องชาย

         “ใคร”

         “ฉันก็แค่พูดลอยๆ” ฉัตรว่า ยังคงมองสีหน้าแดงแจ๋ของอีกฝ่ายไม่เลิก “แล้วแกไม่มีใครบ้างเลยหรือ”

         รอบนี้ไม่ปฏิเสธทันทีอย่างเคย แถมยังครุ่นคิดพิจารณาเลยนานสองนานด้วย

         “มี แต่ไม่แน่ใจ”

         “เอ้า จะลังเลทำไมวะ หรือเพราะเรื่องไอ้เดชกันล่ะ”

         “ถ้าเพราะมัน ฉันคงไม่ได้แต่งกับปิ่นหรอก” วัฒน์สวนเสียงเรียบ “ฉันก็แค่ไม่เชื่อ...”

         คนฟังเลิกคิ้ว รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

         “ก็ขนาดคนที่รักจนมั่นใจว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ยังเลิกกันได้เลย แล้วจะให้ฉันเชื่อคนที่คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ได้ยังไง”

         ฉัตรเลิกคิ้ว เขาลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายเองก็เคยเจ็บจากการโดนทิ้งมาถึงสองครั้งแล้ว ต่อให้ตัดใจจากปิ่นไปได้ แต่ความกลัวที่จะต้องเจ็บปวดเพราะความรักมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะหายไปง่ายๆเสียหน่อย แถมไอ้ทางที่จะเลือกก็ช่างมั่นคงเหนียวแน่นประดุจกระดาษทิชชู่เปียกน้ำเสียเหลือเกิน

         “แถมยังเด็กกว่าตั้งเยอะอีก...มันบ้าชัดๆ”

         ฉัตรเผลอยกยิ้ม เพราะเดาได้ว่าคนที่วัฒน์เอ่ยถึงก็คงไม่พ้นเนเป็นแน่

         “อะไร นี่แกมีเด็กมาชอบหรือ” เมื่อได้โอกาส หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็รีบตะล่อมถามทันที

         แม้จะดูเหมือนไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้การ์ดแข็งเหมือนแต่ก่อน ท่าทางของวัฒน์ดูกลัดกลุ้มและอยากหาที่ระบายมาก และก็คงเป็นเพราะเช่นนั้น ถึงได้ยอมเปิดปากพูด

         “ฉันยังไม่รู้” เขาตอบตามตรง “มันอาจจะเป็นแค่การแกล้งเล่นก็ได้”

         “ไม่มั้ง แกจะมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยแล้ว” และคงเพราะปกติฉัตรไม่ค่อยจะสนใจถามถึง พอเอ่ยให้คำปรึกษาแล้วยังเชียร์เสียเต็มที่ เลยทำให้วัฒน์สงสัยขึ้นมา “ฉันก็แค่เป็นห่วงแก...เห็นงี้ฉันก็ห่วงแกตลอดนะเว้ย”

         สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่ออย่างแรง

         “บางทีเด็กนั่นอาจจะแค่แสดงออกไม่เก่งเฉยๆก็ได้นา ไม่แน่ เห็นทำเป็นเล่นแบบนั้น ลับหลังอาจจะหวงแกแทบตายก็เป็นได้”

         แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายเอ่ยอย่างกับตาเห็น แต่พอมาคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็อดเห็นด้วยไม่ได้

         “แต่มันบอกว่าเห็นฉันเป็นแค่ผู้ใหญ่ที่เคารพเฉยๆ”

         ฟังแล้วฉัตรอยากจะวิ่งไปตะบันหน้าเจ้าเด็กติงต๊องนั่นข้อหาปากแข็งเสียจริงๆ

         “ถ้ามันเป็นเพราะแค่นั้นจริงๆ แกก็คงไม่คิดอะไรแบบนั้นกับมันหรอก ใช่มั้ยล่ะ” พี่ชายพยายามช่วยผลักช่วยดันเต็มที่ “มันคงทำอะไรมากกว่านั้นสินะ ใช่ไหม...”

         เห็นสีหน้าเรียบนิ่งของน้องชายแล้ว หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน กลัวเชียร์เก้อเสียจริงๆ

         “คงเพราะงั้นละมั้ง” ไปๆมาๆดูจะกลัดกลุ้มเสียแทนจนฉัตรหวั่นนึกว่าตนพูดอะไรผิดไป “แถมยังไม่ใช่แค่มันด้วยน่ะสิ...”

         “หมายความว่าไง” จริงๆคนฟังก็รู้ความหมายอยู่ แค่อยากจะให้แน่ใจก็เท่านั้น “มีคนอื่นที่ชอบแกอีกหรือ”

         “ไม่รู้สิ” คำตอบทำเอาฉัตรอยากจะแดดิ้นเพราะความอยากรู้ของตัวเอง “มันก็แค่การคาดเดาของไอ้บ้าคนนึง ใช่จริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้”

         ไอ้บ้าที่ว่าเนี่ย ฉัตรพอจะเดาได้ว่าใคร แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมมันถึงได้พูดให้ตัวเองเสียเปรียบมากกว่า

         ที่มาปฏิเสธเรา ดูยังไงก็แค่อายจนไม่กล้ายอมรับแท้ๆ...ไม่น่าจะเพราะไม่ได้คิดอะไรกับวัฒน์จริงๆนี่...

         หรือบางที มันอาจจะเป็นแค่ความดื้อรั้นและไม่ยอมรับตัวเองก็เป็นได้

         ฉัตรเผลอถอนหายใจออกมา ไม่คิดว่ากำแพงจะมีถึงสองฝั่ง คิดว่าเรื่องจะจบง่ายๆเสียอีก แต่ในเมื่อไม่ได้มีตัวเลือกเดียว แล้วเขาจะหวั่นใจไปทำไมกัน เผลอๆอาจจะได้เห็นอะไรสนุกๆอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนก็เป็นได้

         “แล้วไอ้พวกเด็กที่มาวอแวกับแกเนี่ย บอกได้หรือเปล่าว่าใคร”

         “โค้กกับศาสตร์”



____________________________________


แล้วขุ่นพี่ชายจะทำอย่างไรเมื่อพบคำสารภาพจากปากน้องชาย โปรดติดตาม...
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 55 (18/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-09-2015 20:16:55
หงายหลังแน่คุณพี่ ผิดแผน ผิดแผน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 55 (18/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-09-2015 07:51:00
เงิบแดร๊กเลยล่ะสิฉัตร 5555
เนจะรุกก็ยังกล้ารุกไม่สุด -*- ไอ้ซึนนน
รอน้า เราอยากเผือกเรื่องของขวัญมาก ณ จุดๆ นี้ 55
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 55 (18/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-09-2015 10:00:42
เหอะๆ ทีคนอื่นล่ะรู้ แต่กับเนนี่พยามยามไม่รู้นะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 55 (18/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 19-09-2015 11:57:02
กำแพงสูงทั้งคู่สินะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 55 (18/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 19-09-2015 13:54:13
 :o8:แอบเชียร์ให้อารุกแทนแล้วเนี่ยยยยย.  ขัดจายยยยขอรับ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 56 (21/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 21-09-2015 09:13:37
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 56


          คำตอบทำเอาสำลัก แต่ที่ทำเอาผงะกว่าคือการที่เจ้าตัวตอบออกมาง่ายๆด้วยท่าทีนิ่งๆนี่น่ะสิ

          “เดี๋ยว...ไอ้คู่บ้านั่นน่ะนะ...” ฉัตรยังถาม ยังคงไม่เชื่อหูเท่าไหร่นัก

          “อืม” คนตอบนิ่งเสียจนคนเป็นพี่ชายรู้สึกเหมือนตัวเองบ้าอยู่คนเดียว “ก็ไม่แน่ใจนักหรอก...แต่ไม่รู้สิ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ บอกแล้วว่าแค่เดา”

          ฉัตรนั่งคิด อันที่จริงมันก็ดูจะเป็นไปได้อยู่ เสียแต่ว่าคาดไม่ฝันเลยว่าเจ้าเด็กที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออกจะคิดเกินเลยกับวัฒน์จนถึงขั้นนี้

          และบอกตรงๆ ถ้าถามเขา เจ้าสองคนนั่นดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าตั้งเยอะ แต่ของแบบนี้มันใช่สิ่งที่เขาสมควรตัดสินเสียเมื่อไหร่ ถึงจะหมั่นไส้อย่างไร แต่ก็อยากให้วัฒน์เลือกเอาอย่างยุติธรรมที่สุด...และก็อยากให้เจ้าน้องชายจอมคิดมากเลิกปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที

          “แล้วมีแค่นั้นหรือ...” ฉัตรกระเซ้าถามต่อ ลุ้นระทึกเป็นที่สุดว่าชื่อของไอ้เด็กหน้าหวานนั่นจะออกมาจากปากของวัฒน์

          “นายรู้อยู่แล้วใช่ไหม”

          เจอคำถามและสายตาประดุจเข็มแทงของน้องชาย จากที่กำลังสนุกๆถึงกับหน้าถอดสี

          “รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” และวัฒน์ก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเอ่ยปฏิเสธ “บอก”

          “อะ...เอ่อ...คือ...” ฉัตรเริ่มลนลานอาการเหมือนกำลังจะโดนฆ่า ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งจ้องหน้าเฉยๆ “ก็...เริ่มเอะใจตั้งแต่เมื่อตอนที่ขอให้มันมาช่วยงานฉันน่ะ”

          “เพราะอะไร” วัฒน์เอ่ยคาดคั้น รู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก มือทั้งสองก็ประสานแน่นด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้เต็มแก่ แต่แน่นอนว่าคู่สนทนาไม่เห็นเป็นเช่นนั้นเลยสักกระผีกเดียว

          “ก็มันพูดแปลกๆเหมือนเข้าใจว่าฉันกับแกมีซัมติงติ่งติ๊งกันนี่หว่า”

          “หา” ไม่อุทานอย่างเดียว แต่แสดงอาการรังเกียจเดียดฉันท์แบบไม่มีปกปิด “คิดได้ไงวะ”

          “ฉันไม่ได้คิดสักหน่อย มันต่างหาก...เพราะงั้นมันถึงทำท่าจะกัดฉันตลอดไง พอมันรู้ว่าฉันเป็นพี่แกเท่านั้นล่ะ แหม หน้าบานเป็นจานเชิงเลยนะเว้ย แล้วจะให้ไม่คิดได้ยังไง ถ้าแค่เห็นเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพจริงๆ ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอกน่า” พอคิดได้ว่านี่ก็ออกจะเป็นโอกาสดีงาม เลยพูดไปเสียเต็มที่ “แถมยังหลุดปากบอกว่าคบกับแก นอนเตียงเดียวกับแกอีกนะ...”

          ฉัตรค้างนิ่งเมื่อเห็นแววตาเหมือนจะฆ่าคนของอีกฝ่าย แต่เพียงไม่นานใบหน้าก็แดงก่ำจนเหมือนคนเป็นไข้

          “พูดบ้าอะไรของมันวะเนี่ย” วัฒน์หงุดหงิดออกนอกหน้า แต่ก็ยังหน้าแดงไม่เลิก “บ้าเอ๊ย...”

          “เอ้อ ลืมไปเลย” เมื่อได้โอกาส หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็ตบมือผางก่อนจะลุกขึ้นยืน เล่นเอาคนที่นั่งเขินอยู่บนโซฟาใกล้ถึงกับสะดุ้ง “เรื่องสำคัญที่สุดเลยนะเนี่ย”

          วัฒน์เพียงแต่นิ่วหน้ามองฉัตรที่เดินออกไปคุ้ยเอกสารบนชั้นหนังสือที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็หยิบซองสีน้ำตาลขนาดเอสี่มาวางตรงหน้าเขา

          “เชิญทัศนาด้วยตาด้วยเองเลยครับ”

          เห็นท่าทางร่าเริงเกินเหตุของพี่ชายแล้ว วัฒน์ก็อดผวาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา มันคือกระดาษรายงานพร้อมรูปภาพประกอบจำนวนสี่ห้าแผ่น และเมื่อได้อ่านเนื้อความ วัฒน์ถึงกับเบิกตาโต

          “สรุปแล้วก็คือ ไอ้เนมันไม่ได้เป็นสายให้กับไอ้เดชแต่อย่างใดนะจ๊ะ”

          ฉัตรก็กะว่าอีกฝ่ายจะร้องโหวกเหวก หรือออกอาการตะลึงพรึงเพริดกับความจริงที่เข้าใจผิดมาเสียนาน หรือไม่เช่นนั้นก็เขินจนอยากมุดดินหนีเหมือนเมื่อครู่ แต่เจ้าน้องชายกลับไม่แสดงอาการอะไรเลย ดูๆไปเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูดด้วยซ้ำ

          แต่แน่นอนว่าภายในใจนั้นตรงข้ามโดยสิ้นเชิง ถ้าวิ่งไปโขกกำแพงตายเสียเดี๋ยวนี้ได้ก็คงทำไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำเรื่องผิดพลาดที่โคตรไม่สมควรให้อภัยได้ ขนาดนี้

          เดี๋ยวสิ...สรุปแล้ว...ตั้งแต่ต้น...เราเข้าใจผิดมาตลอดงั้นหรือ...

          ทั้งที่หมอนั่นไม่ได้ผิดอะไร...แต่เรากลับ...

          เห็นอีกฝ่ายสลดแทนที่จะดีใจ ยิ่งทำเอาฉัตรชักหวั่นแทน

          แน่ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะการคิดไปเองของตน เรื่องมันจะถลำลึกไปถึงไหนต่อไหนกับอีกฝ่ายหรือ

          “เอ่อ...ไม่เป็นอะไรนะ...”

          “ฉันอยากตาย”

          “เฮ้ย เดี๋ยวสิ” ฉัตรห้ามลนลาน กลัวไอ้น้องบ้านี่มันจะทำอย่างที่พูดจริงๆ “แกก็แค่เข้าใจผิดเฉยๆนี่นา ไม่ได้ร้ายแรงอะไรสักหน่อย”

          วัฒน์เพียงแต่ก้มหน้า...ใช่ ถ้าแค่เข้าใจผิดและระแวงเฉยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากตายหรอก

          แต่ดูสิ ไปแกล้งจนมันหน้ามืดมาปล้ำตัวเอง แล้วดันไปติดใจมิติใหม่แห่งการมีเซ็กซ์กับไอ้เด็กคราวลูกนั่นอีก ทำตัวเองล้วนๆ!

          แล้วทั้งที่เราแกล้งมันไปขนาดนั้น...มันยังไม่เกลียดเรา...แถมยังนับถือเราอีก...

          “ฉันอยากตาย”

          ดวงตาเหมือนคนเมาเริ่มสอดส่ายไปทั่วห้องอย่างหวาดระแวง

          “...ฉันก็แค่บ่น” เห็นอีกฝ่ายวิ่งไปเก็บของมีคมและดูจะอันตรายขึ้นไปไว้บนชั้นหนังสือ วัฒน์ก็พูดห้ามอย่างรำคาญ “บ้าเอ๊ย”

          ฉัตรเลิกคิ้วมองอาการที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของน้องชาย ก็อดสงสัยไม่ได้

          “แกไปแกล้งอะไรมันหรือไง”

          เห็นวัฒน์สะดุ้งทีไร ฉัตรู้สึกเหมือนอายุตัวเองสั้นลงทุกที

          “ประมาณนั้น...” บอกเพียงแค่นั้นแล้วก็เงียบไปพักใหญ่ “ให้ตายสิ...แล้วทำไมตอนนั้น...ที่นายบอกว่ามันไม่พอใจที่แผนไอ้เดชพัง ทำไมมันต้องขอโทษฉันด้วย”

          “อ๋อ” ฉัตรรีบนึกหาคำแก้ตัวอย่างรวดเร็ว “สงสัย เป็นเรื่องรูปแน่เลย...คือว่า...วันก่อนหน้าที่ฉันขอให้มันไปช่วยงาน แล้วที่มันอยู่บ้านฉันจนดึกดื่นน่ะ ฉันให้มันเอาอัลบั้มรูปนายไปดูเพลินๆ แล้วมันดันมาขโมยรูปนายออกไปน่ะ มันอาจจะเข้าใจว่าฉันบอกนายเรื่องนั้นมั้ง”

          “หา”

          “จริงนา” เห็นทำท่าไม่เชื่อเสียเต็มประดา ฉัตรเลยย้ำอีก “ฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันเอาไปทำอะไร ลองไปถามมันดูสิ...แต่เชื่อเหอะ ถ้าแค่เคารพเฉยๆคงไม่เอาไปร้อก”

          วัฒน์เพียงแต่กะพริบตาปริบๆ ท่าทางเหมือนยังรับกับความจริง(ที่ควรจะรู้มานานแล้ว)ไม่ได้ และเพียงไม่นาน ใบหน้าก็แดงจัดขึ้นมา ซึ่งเขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะเขาอายกับการเข้าใจผิดมหันต์จนอยากตาย หรือเพราะนึกถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มกระทำ

          แสดงว่าที่ผ่านมา...ที่นายทำแบบนั้น...พูดแบบนั้น...มันไม่ได้มีอะไรแอบแฝง...แต่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นน่ะสิ

          ที่บอกว่าอยากให้เลิกเกลียด…นั่นก็เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ…

          ทั้งที่อีกฝ่ายก็บอกแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับตนแท้ๆ แต่กลับห้ามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจไม่ได้เลย

          บ้าเอ๊ย!

          “...ฉันขอกลับก่อน”

          ว่าแล้วก็ลุกขึ้นออกจากห้องไปเฉยๆ ไม่รอให้ฉัตรได้อ้าปากพูดด้วยซ้ำ แต่หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็ไม่ได้ถืออะไรนัก ซ้ำยังจะดีใจเสียกว่า

          สนุกล่ะงานนี้

 

          วัฒน์สะดุ้งเมื่อพบว่าตอนนี้ตนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของตัวเองแล้ว หนุ่มใหญ่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะในหัวดันคิดถึงแต่เพื่อนร่วมงานวัยหลานไม่หยุด

          เอาไงดีวะ

          สิ่งแรกที่เขาควรจะทำอย่างที่สุดคือขอโทษ แต่พอมาคิดๆดูแล้ว อีกฝ่ายก็เอาคืนเขาเสียเจ็บแสบจนหักลบกลบหนี้แล้วก็น่าจะเจ๊ากันไปได้ด้วยซ้ำ แถมเด็กหนุ่มเองก็ดูจะไม่ถือสาหาความเรื่องที่ตนกลั่นแกล้งอะไรไปด้วย ที่สำคัญคือ อีกฝ่ายก็คงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวหรอกว่าที่เขาแกล้งกัดประชดกดดันไปเพราะอะไร บอกไปตรงๆก็มีแต่ต้องมานั่งสาธยายเรื่องน่าอายยาวยืดไปเสียเปล่าๆ และนั่นอาจจะทำให้เขารู้สึกอยากตายจริงๆขึ้นมาก็เป็นได้

          แต่ก่อนหน้านั้นมันก็ยังขอโทษที่ปล้ำเราเลยนี่นา...ก็แค่ขอโทษนี่หว่า ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน ก็แค่ขอโทษเรื่องที่กดดันมันไง้ แค่นั้นเอ๊ง!!

          คิดได้ดังนั้นก็กลั้นใจเปิดประตูเข้าไป แล้วก็ลอบถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่ เมื่อพบว่าเนหลับไปเสียแล้ว

          หนุ่มใหญ่ยืนมองคนหลับอยู่ข้างเตียง ความรู้สึกผิดก็เข้าประดังประเดเหมือนคลื่นซัด วัฒน์พยายามสะบัดความรู้สึกหมองหม่นพวกนั้นออก ในตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรู้สึกเช่นนั้น นอกจากกลับมาสมานฉันท์กับอีกฝ่าย แล้วก็ไปจัดการมารร้ายให้ถูกตัวเสียที

          ว่าแต่ มันเอารูปเราไปทำอะไรหว่า

          ความอยากรู้ทำเอาขาที่พยายามจะก้าวเข้าห้องน้ำชะงัก เขาหันไปมองเน ดวงตาเรียวเริ่มสอดส่ายสืบเสาะทั้งที่รู้ว่าไม่ควร นึกถึงเรื่องที่ฉัตรพูดก่อนหน้าก็ทำเอาความอยากรู้พุ่งสูงจนหยุดไม่ได้

          มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน...ก็หมอนั่นบอกเราเองว่าไม่ได้คิดอะไร...

          แต่...นั่นมันรูปเรานี่หว่า ก็แค่อยากรู้ว่าจะเอาไปทำอะไรเฉยๆ...แค่นั้นโว้ย!

          เห็นกระเป๋าเงินของเด็กหนุ่มที่วางอยู่ใต้โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียง วัฒน์ก็ทำเป็นมองซ้ายมองขวา ก่อนจะหยิบขึ้นมาดู และก็ได้เจอสิ่งที่ต้องการซึ่งอยู่ตรงช่องใส่รูปเลย

          “อึก...”

          ไอ้รูปที่มันขโมยมาก็ทำให้เขาเขินจะแย่อยู่แล้ว เพราะมันเป็นรูปตอนเขายังละอ่อนแล้วยิ้มเหมือนคนบ้าให้กับกล้องเพราะตอนนั้น คนที่ถ่ายรูปนี้คือปิ่น

          แต่ที่ทำเอาร้อนวูบไปทั้งตัวก็ตรงที่มันดันเอารูปนี้ไปเคลือบเสียอย่างดีนี่ล่ะ

          นี่แกเก็บไว้ซะดิบดีทำอะไรกันแน่วะเนี่ย!! นี่แกทำแบบนี้กับคนที่แกเห็นว่าเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่ทุกคนหรือวะ...แล้วทำไมในกระเป๋าของแกถึงมีแค่รูปฉันละโว้ย โอ๊ย!!

          “คุณวัฒน์...”

          เจ้าของชื่อสะดุ้ง ทีแรกนึกว่าทำเสียงดังจนอีกฝ่ายตื่น แต่เนแค่ละเมอเท่านั้น...

          แต่ทั้งอย่างนั้นหัวใจเจ้ากรรมมันก็รัวเสียจนจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้

          วัฒน์รีบเก็บทุกอย่างเข้าที่ พยายามสะกดจิตตัวเองว่าที่อีกฝ่ายทำไปก็แค่นับถือเขา เห็นเขาเป็นพ่อเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น...ไอ้อาการบ้าบอที่ฉัตรว่ามา มันก็อาจจะเป็นการคิดไปเองของฉัตรก็เป็นได้...ลองว่าถ้าไม่ได้ออกจากปากเจ้าตัว เขาก็ไม่อยากจะเชื่อไปเองอีกแล้ว

          จะหน้าแหกก็ให้มันรู้จักเข็ดบ้างเถอะ คราวนี้จะไม่ใช่แหกธรรมดา แต่จะแหลกแบบเก็บเศษมาปะคืนไม่ได้แน่

          ที่ผมซื้อให้น่ะ ผมก็แค่เห็นว่ามันเหมาะกับคุณเท่านั้นนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแฝงนะครับ

          พอตั้งสติกลับมาได้ ก็นึกถึงเรื่องที่จะทำให้เสียสติขึ้นมาต่อ และคราวนี้ไม่ใช่แค่เสียสติธรรมดา แต่เล่นเอาคุ้มคลั่งเสียจนระงับอาการไม่อยู่

          เขายอมรับว่าทีแรกไม่อยากจะรู้เลยว่าสิ่งปริศนาที่อยู่ในของขวัญคืออะไร แต่พอโดนรบเร้าและพูดถึงจนกระตุ้นต่อมอยากรู้มากเข้า มันก็อดอยากเปิดไม่ได้จริงๆ

          ก็แค่ของขวัญ!

          วัฒน์พยายามทำใจให้สงบก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาอย่างเบามือ และทั้งที่คิดว่ามันก็แค่ของธรรมดา แต่กลับไม่อยากจะให้คนที่นอนอยู่รู้ว่าตนกำลังจะเปิดกล่องพวกนั้นเหลือเกิน ครั้นจะแบกออกไปเปิดข้างนอกก็กระไรอยู่ เลยพยายามแกะกล่องเงียบๆแทน

          กล่องแรกทำเอาวัฒน์เหมือนพ้นทุกข์ ในนั้นเป็นเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตสีฟ้าอมเทาเพียงตัวเดียวเท่านั้น นั่นทำเอาหนุ่มใหญ่ใจชื้นขึ้นมา และเปิดกล่องที่สองต่อทันที และก็ทำให้วัฒน์รู้สึกเหมือนตัวเองกลุ้มเสียเปล่าชอบกล เพราะมันคือที่เขี่ยบุหรี่แก้วทรงสี่เหลี่ยมที่สลักอย่างดี

          บ้าจริง

          ด่าตัวเองเสร็จ ก็เปิดกล่องต่อไปทันที เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้แน่ แต่คราวนี้พอเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ใบหน้าโล่งของของหนุ่มใหญ่ก็เหือดหายไปทันที

          มันคือแหวน

          ถึงจะบอกว่ารูปแบบมันดูเรียบๆที่เป็นเพียงแหวนเงินธรรมดา แต่ผู้ชายคราวหลานที่ไหนเขาจะซื้อของพรรค์นี้ให้ผู้ชายด้วยกันที่แก่กว่าบ้างล่ะ

          ไม่ๆ มันก็แค่แหวนเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษสักหน่อย ไม่ได้หมายความว่าซื้อมาให้ใส่นิ้วนางนี่หว่า ฮะๆ

          คิดแบบนั้นแต่พอลองใส่ที่นิ้วนางข้างขวากลับพอดีเป๊ะอย่างกับวัดรอบนิ้วตนมาแล้วก็มิปาน

          หนุ่มใหญ่รีบเอาแหวนออกแต่มันก็ช่างพอดีเสียจนแกะไม่ออก ยิ่งรีบร้อนลนลานมันก็ติดแน่นเสียจนแทบไม่ขยับ ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่รังแต่จะทำให้เจ็บนิ้วเสียเปล่าๆ

          “บ้าเอ๊ย” เสียงทุ้มสบถออกมา ถึงจะคนละมือ แต่กลับรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก

          แล้วใครซื้อให้

          ตัวเลือกแรกที่แว่บเข้ามาคือเน เพราะอีกฝ่ายเองก็พูดดักคอไว้ก่อนแล้วด้วย เลยอดคิดไม่ได้

          ไม่สิมันอาจจะหมายถึงที่เขี่ยบุหรี่ก็ได้นี่หว่า ก็แบบ...มันอาจจะบอกว่า มันไม่ได้เห็นเราสูบบุหรี่จัดอะไรงี้ก็ได้

          พอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว อารมณ์ว้าวุ่นก็กลับมาตีหัวเข้าอย่างจัง เพราะถ้าไม่ใช่เน ก็อาจจะเป็นโค้กหรือศาสตร์น่ะสิ

          วัฒน์ปิดปากตัวเองเหมือนกลัวเสียงภายในจะเล็ดลอดออกมา ใบหน้านั้นร้อนผ่าวเสียจนเหมือนเป็นไข้

          นี่คงไม่ใช่เพราะเธอใช่ไหมปิ่น มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆใช่ไหม...

          นึกถึงเมียเก่าแล้วอดเหนื่อยใจไม่ได้ ก็อยู่มานานจนไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาในชีวิต แล้วพอคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่ไม่ทันไร ก็มีตัวเลือกมาให้เสนอกันล้นหลามแบบนี้ ใครมันจะตั้งตัวทันกัน

          วัฒน์มองกล่องของขวัญเจ้าปัญหากล่องสุดท้าย แม้ใจจริงอยากจะเข้าห้องน้ำไปเอาสบู่ถูแหวนให้ออกก่อน แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็เปิดๆไปเสีย จะได้จบๆไปสักที

          เขาถึงกับหน้าเบี้ยว เพราะในกล่องนั้นมีกล่องแหวนขนาดเล็กอยู่ด้านใน ซึ่งรูปแบบไม่ต่างจากอันก่อนหน้า ผิดกันแค่อย่างเดียว คือด้านในแหวนนั้นสลักคำว่า ‘รัก’ ตัวโตเท่าที่เนื้อที่แหวนจะอำนวย

          อันก่อนอาจจะคิดไปทางอื่นได้ แต่อันนี้เล่นหมัดตรงจนคนได้รับไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี

          ยิ่งนึกถึงคำถามของเน ทั้งยังท่าทีที่ดูแปลกๆของโค้กกับศาสตร์ ความรู้สึกบ้าบอก็พุ่งเสียจนหยุดไม่อยู่

          แต่สี่กล่อง มีแหวนสองวง...ปาล์มน่ะยังไงก็ไม่ใช่แน่ๆ...แล้วแหวนสองวงนี่เป็นของใครกัน

          หนุ่มใหญ่รู้สึกเหมือนลุกไม่ขึ้นชอบกล ใบหน้าก็ร้อนผ่าวเหมือนคนเป็นไข้ ในหัวก็สับสนวุ่นวายจนคิดอะไรแทบไม่ออก

          และที่น่าไม่ให้อภัยตัวเองที่สุดก็ตรงคนที่ปรารถนาจะให้เป็นหนึ่งในสอง คือไอ้บ้าที่นอนละเมอเพ้อเรียกชื่อตนนี่แหละ

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองไปยังเด็กหนุ่มที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ความรู้สึกที่คอยห้ามเอาไว้เริ่มละทะลักออกมาเหมือนทนเก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

          แต่...หมอนั่นไม่ได้รักเราสักหน่อย...

          ทั้งที่บอกกับตัวเองเช่นนั้น แต่กลับไม่อาจห้ามตัวเองเอาไว้ได้ แม้จะรู้ว่าทางที่กำลังจะก้าวเดินไป อาจจะทำให้ตัวเองเจ็บกว่าที่ผ่านมาก็ตาม

          มือที่กำลังจะเอื้อมไปหาเด็กหนุ่มหยุดชะงักลงตรงใบหน้าเรียวนั้นพอดี หนุ่มใหญ่รีบชักมือกลับ หากช้าไปกว่านี้ ทุกอย่างอาจจะเตลิดไปจนหยุดไม่ได้เป็นแน่

          อย่าลืมสิว่าสิ่งที่เราต้องการจริงๆคืออะไร ไม่ใช่ความสุขชั่วครู่สักหน่อย

          ไอ้รู้สึกผิดนั่นก็เรื่องนึง แต่นี่มันก็อีกเรื่องนึง...แถมยังไม่มีอะไรรับประกันว่าเจ้านี่จะเป็นหนึ่งในนั้น...เราเองก็ไม่ควรจะไปหวังกับมันเลยนี่...มันก็บอกเองว่าไม่ได้คิด อะไรกับเราอย่างนั้นสักหน่อย

          ถึงจะหลวมตัวไปแล้ว ก็ต้องตัดใจให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากขนาดไหนก็ตาม

          แต่ปัญหาคือ ต้องอยู่ด้วยกัน เป็นคู่นอนกับมันแบบนี้ แล้วจะห้ามไปตลอดรอดฝั่งได้หรือเปล่านี่สิ

          ทีแรกกะจะหนีไปนอนบนโซฟาแล้ว แต่พอนึกได้ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น แล้วถ้าเนรู้ขึ้นมายังไงก็ต้องถามหาเหตุผลแน่

          แค่รักก็ว่าแย่แล้ว เจอเรื่องที่เข้าใจผิดจนเตลิดมาถึงตรงนี้ ต่อให้โดนปืนมาจ่อปากก็ไม่พูดหรอก เรื่องน่าอายบัดซบพรรค์นี้

          ทั้งที่อุตส่าห์ดีดตัวหนีออกมาพ้นแล้ว ก็ต้องกลับไปหาคนบนเตียงอีก วัฒน์ยืนทำใจให้สงบอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นเตียงไป

          “บ้าเอ๊ย” หนุ่มใหญ่สบถที่เด็กหนุ่มนอนกินที่มาเสียเกือบกลางเตียง ไม่ว่าจะไปแทรกฝั่งไหน ยังไงก็ต้องโดนตัวอีกฝ่ายอยู่ดี และนั่นจะทำเอาเขานอนไม่หลับเพราะหัวใจที่สั่นระรัวจนแทบจะหายใจไม่ทันนี่น่ะสิ

          ไม่สิ…

          วัฒน์นิ่วหน้ามองอีกฝ่าย เขารู้ว่าตนไม่ควรจะเข้าใกล้อีกฝ่ายมากนักเพราะกลัวจะรั้งใจที่อยากจะพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มเอาไว้ไม่ได้ แต่กลับกัน นี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการแก้ความรู้สึกวุ่นวายในใจนี้

          บางทีหนามยอกเอาหนามบ่งไปมันอาจจะได้ผลกว่าก็ได้…

          คิดแล้วก็ค่อยๆคืบคลานเข้าหาอีกฝ่ายช้าๆ หัวใจนั้นเต้นแรงเมื่อเข้าไปใกล้ พอรู้สึกเหมือนจะหน้ามืดเพราะเลือดสูบฉีดมากเกินไปก็หยุดนิ่งเสีย รอให้ใจเย็นแล้วค่อยเดินทัพต่อ...

          เอาล่ะ...

____________________________________

ส่วนเรื่องของขวัญก็รู้กันไปแล้ว...แต่อันไหนของใครนี่ คัมมิ่งซูนนะฮับ  XD
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 56 (21/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-09-2015 09:53:11
จิ้ม
อาวัฒน์รู้ความจริงแล้วว 5555
เปิดของขวัญมาทีนี่เงิบเลย
มีแหวนตั้งสองวงแน่ะ
เดานะ ของเนคืออันที่วัฒน์ใส่อยู่แล้วถอดไม่ออก
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 56 (21/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-09-2015 10:15:48
แหวน 2 วงนี่ น่าจะเป็นของเนย์กับของศาสตร์ใช่ไหม
เสื้อน่าจะเป็นของโค๊ก แล้วที่เขี่ยบุหรี่ของปล์าม ถูกหรือเปล่าเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 56 (21/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-09-2015 11:21:39
เอาละอัลไลลลล มาต่อน่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 56 (21/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-09-2015 18:59:56
อาวัฒน์รู้ความจริงแล้วก็ช่วยหายซึน รุกๆ เนมันกลับไปบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 56 (21/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-09-2015 21:18:02
เอาไงต่อล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 56 (21/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 24-09-2015 08:41:47
ดันนนน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 57 (25/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 25-09-2015 09:30:34
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 57


          หลังจากเอาแหวนเจ้ากรรมออกจากนิ้ว บวกกับอาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพเพื่อกะตั้งใจเตรียมนอนหลังจากปฏิบัติการแก้โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หนุ่มใหญ่ที่ทำใจอยู่นานสองนานก็เดินเข้าไปที่เตียงด้วยใจระทึก นึกหงุดหงิดที่หัวใจเจ้ากรรมที่เอาแต่เต้นผิดจังหวะไปเรื่อย และยิ่งรุนแรงทุกทีเมื่อเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม

          วัฒน์ค่อยๆนั่งลงข้างเตียง สายตาก็จ้องมองคนที่นอนหงายอ้าปากค้าง ชวนขำพิลึก แต่หัวเราะเงียบๆได้ไม่นาน ก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะกระทำต่อไปนี้

          จะกลัวอะไรกันล่ะ เราไม่ได้จะทำมิดีมิร้ายมันสักหน่อย...ก็แค่พยายามทำใจให้นิ่ง จะได้ทำตัวเป็นปกติตอนอยู่หน้ามัน

          วัฒน์ไม่แน่ใจว่าที่ตนเหมือนคนบ้าแบบนี้เพราะรู้สึกผิดบาปกับสิ่งที่ทำลงไป หรือเพราะดันไปเดินติดหล่มที่ไม่น่าหล่นกัน แม้ในใจจะพยายามบอกว่าสาเหตุมันเป็นเพราะอย่างแรกก็ตาม

          มันไม่ได้คิดอะไรกับเรา…มันไม่ได้คิดอะไรกับเรา…

          อย่างน้อยความคิดนี้ก็ช่วยให้ทุเลาลงได้มาก หนุ่มใหญ่มองหน้าเนก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือหนาค่อยๆเอื้อมเข้าหาคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่อง ปลายนิ้วบรรจงจรดลงบนไหล่ที่ดูเล็ก หากแต่กลับแข็งแน่น แม้จะดูไม่มีกล้ามเนื้อ แต่ทุกสัมผัสที่ได้รับบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดูนุ่มนิ่มอย่างที่เห็นเลยแม้แต่น้อย

          อึก…

          วัฒน์ฉุดมือของตนออกราวกับโดนไฟลวก ใบหน้าแดงก่ำ

          ปกติสิเฮ้ย ปกติๆ แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะชินฟะ!

          พอทำใจได้ก็ดำเนินการลูบคลำต่ออีกครั้ง วัฒน์พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ ซึ่งก็พอจะช่วยได้บ้าง อย่างน้อยก็ช่วยระบายความร้อนที่สุมอยู่ในกายนี้ นึกแล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลย ทั้งที่มีอะไรกันมาตั้งหลายครั้ง แต่แค่สัมผัสตัวเฉยๆ เขาก็แทบบ้าแล้ว

          ดวงตาเรียวจ้องมองเด็กหนุ่ม แม้ว่าจะโดนเขากวน แต่ดูเหมือนเนจะไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะเจ้าเด็กบ้านี่มันนอนขี้เซามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

          วัฒน์ค่อยๆเลื่อนมือเล่นไปเรื่อยจนพอเริ่มไปถึงลำคอของอีกฝ่าย ไฟที่สู้ทุเลาลงแล้วกลับโดนลมตัณหาโหมกระหน่ำจนแทบไหม้ตัว หนุ่มใหญ่รีบลุกหนีออกไปจากเตียงอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้

          ทั้งที่คิดไว้ว่าถ้าแตะตัวอีกฝ่ายจนพอใจอาจจะทำให้ความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงและพร้อมจะระเบิดออกมาจากอกลดลงไปได้บ้าง แต่ยิ่งทำ กลับยิ่งทำให้ความอยากภายในพยายามแหวกอกตนออกมาเสียเปล่าๆ

          ปุบปับจะหายกันได้ที่ไหนล่ะ มันต้องหลายๆครั้ง หลายๆทีสิ

          ในเมื่อค่อยๆเอาตัวลงน้ำเย็นมันไม่ได้ผล วัฒน์เลยตัดสินใจกระโดดลงน้ำเย็นแทน

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเห็นคนหลับขยับตัวอันเนื่องมาจากตนทิ้งตัวลงเตียงเต็มแรง แต่เนก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด นอกจากหันไปอีกทาง นั่นช่วยให้คนที่กำลังจะตายเพราะความอายใจเย็นลงได้ชะงัก

          วัฒน์มองดูแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ไม่ได้กว้างไปกว่าของตน หรืออาจจะเล็กกว่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็ทำให้เขาไม่แปลกใจสักนิด หากมองแค่ข้างหลังบางทียังคิดว่าเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ

          พอคิดถึงตอนที่เนแต่งหญิงก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ นึกถึงใบหน้าแดงเรื่อด้วยความอาย และท่าทีที่ขอร้องอย่างจำยอมนั่น ชวนให้รู้สึกเอ็นดูอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ตอนนั้นยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นศัตรูกันอยู่แท้ๆ…

          วัฒน์สะดุ้งก่อนจะถอยออกมาอย่างรวดเร็ว แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอไปซุกหลังเนตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าพลันขึ้นสีทันทีที่หวนนึกถึงการกระทำของตน ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้

          อย่าสิเฮ้ย ถึงเราจะชอบเซ็กซ์ของมัน แต่ถ้าต้องเจ็บปวดเพราะความรักไม่สมหวังอีกก็ไม่เอาด้วยหรอก

          พอคิดถึงตรงนี้ใจที่เต้นระรัวก็สั่นกลัวขึ้นมาอย่ามิอาจห้ามได้ แม้จะรู้ตัวและพยายามห้ามใจ แต่เข้าใกล้ทีไรกลับเผลอหลวมตัวทุกที

          คิดได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อคนที่หลังหันให้พลิกกลับมาหา แถมยังยื่นมือเท้าเข้ามาก่ายกอดตนเสียแน่น

          วัฒน์รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยจะออก ส่วนหนึ่งเพราะโดนกอดรัดเสียแน่น อีกส่วนก็เพราะความอายที่แทบจะระเบิดออกมานี่ล่ะ หนุ่มใหญ่อ้าปากหมายจะร้องปลุก แต่เสียงกลับไม่ออกมาเสียอย่างนั้น

          หรือจริงๆเขาไม่อยากจะออกเสียงกันแน่ก็ไม่รู้

          โชคดีที่ทีแรกนอนลงมาต่ำ พอโดนเนกอดวัฒน์เลยซุกเข้ากับอกของเด็กหนุ่มแทน หากนอนสูงกว่านี้มีหวังได้โดนจูบเข้าเต็มหน้าแน่ แต่นอนแนบอกแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ชวนระทึกสักหน่อย

          แม้จะพยายามขืนตัวหนี แต่ผลลัพธ์ก็ได้อย่างที่มักเป็นทุกที เว้นเสียแต่ว่าในครานี้ไม่มีความรู้สึกนึกรังเกียจ มีแต่ความอายปนดีใจแทนเสียอย่างนั้น

          บ้าจริง...แค่นี้เราก็ดีใจแทบบ้า
         
          วัฒน์พยายามเลื่อนสายตาขึ้นมองคนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง เสียงลมหายใจดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ใบหน้าของเด็กหนุ่มดูอ่อนเพลีย แต่ก็มีความสุขกับการนอนดี...

          คราวนี้หนุ่มใหญ่สะดุ้งหนัก เพราะสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างที่แสนคุ้นเคยตรงท้องน้อยของตน

          ทำไมมันตั้งไวจังฟะ ยังไม่ทันหัวรุ่งเลย!

          และไม่รู้ว่าเพราะโดนดาบแทงท้องอย่างไม่ทันตั้งตัวหรือเปล่า ดาบของตัวเองมันเลยตั้งยอดเหมือนแข่งกับอีกฝ่ายด้วยเสียอย่างนั้น ทำเอาจากที่ตื่นเต้นเป็นทุนเดิม ยิ่งออกอาการกระสับกระส่ายจะเป็นจะตายหนักจนแทบบ้า แต่แม้จะพยายามหนีให้เงียบๆสักเท่าไหร่ ก็ไร้ผล

          “คุณวัฒน์...”

          ในขณะที่ตั้งท่าจะอ้าปากตะโกนเรียก พอได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อตนด้วยน้ำเสียงละห้อย ทำเอาเสียงที่พร้อมระเบิดระเหิดหายไปในทันที

          “คุณวัฒน์...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้งก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าแนบชิดกว่าเมื่อครู่ “คุณวัฒน์...”

          ทั้งที่แค่ละเมอแต่กลับทำเอาคนโดนกอดถึงกับเพ้อตามอย่างที่ไม่ควร นึกหวังอยากให้สิ่งที่เนเคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับตนเป็นเรื่องโกหกเสียเหลือเกิน

          เรานี่มันบ้าจริงๆ…

 

          ครั้งแรกกับครั้งที่สองก็ยังทำให้แปลกใจได้อยู่ แต่พอเป็นครั้งที่สาม รุตชักเริ่มชินเสียแล้ว แต่ถ้าจะไม่ชินสักทีก็คงเป็นท่าทีของวัฒน์นั่นล่ะ

          “เป็นอะไรวะ” เมื่อทนไม่ไหว ในที่สุดก็เอ่ยปากถามอย่างรำคาญใจ “จะกลุ้มหรืออะไรฉันก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ แต่นายทำฉันกินข้าวไม่ลง”

          คนที่นั่งหน้าเคร่งด้วยขอบตาเหมือนหมีแพนด้าบนโต๊ะอาหารหันมองคนที่นั่งลงจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับและถอนหายใจออกมา

          แน่ล่ะ ไอ้แผนหนามยอกเอาหนามบ่งเมื่อคืนมันไม่ได้ผลเลยสักนิดนี่น่ะสิ แถมไปๆมาๆเหมือนกับตัวเองไปลักหลับอีกฝ่ายนี่แหละ รู้สึกเหมือนหาเรื่องทรมานหัวใจตัวเองยังไงยังงั้น ไหนจะเพราะรู้สึกแย่ที่เข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นสายของเดชอยู่ตั้งนานสองนานด้วย

          ที่จริงเขาจะทำเบลอช่างหัวมันไปก็ได้ แต่พอมาคิดว่าอีกฝ่ายเองยังยอมขอโทษตนเมื่อทำผิด แล้วเขาจะไม่ทำอะไรเลยมันก็ดูใช่ที แต่จะให้ไปขอโทษเรื่องที่เข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นสายของเดช มันก็น่าอายเกินไปเสียด้วย

          ก็ทำเหมือนที่ผ่านๆมา ทำเสียว่าไม่เกิดอะไรขึ้น แค่เลิกตั้งแง่กับมันก็พอ ส่วนเรื่องที่ไม่รู้จะเป็นไปได้ไหม ก็เลิกคิดถึงมันซะ คิดไปก็รังแต่จะทำให้ตัวเองกระวนกระวายเอาเปล่าๆ

          ตอนนี้เราต้องคิดถึงคุณสิทธิ์ก่อนสิ…

          รุตเหล่มองเจ้าคนนั่งข้าง ตอนแรกก็นั่งตีหน้าเครียด พอมาตอนนี้กลับส่งเสียงหัวเราะแปลกๆออกมาในลำคอ ทำเอาสยองขึ้นมาและเริ่มกินข้าวไม่ลง

          “สวัสดีครับ”

          “อ้าว หวัดดีๆ ตื่นเช้ากันจังนะ...” รุตทักเนที่เดินเข้ามา ก่อนจะมองวัฒน์ ที่ดูๆแล้วเหมือนยังไม่ได้นอนมากกว่าตื่นเช้า

          “ฮะๆ สงสัยติดจากคุณวัฒน์มั้งครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนจะหันไปหาเพื่อนร่วมงาน “สวัสดีครับคุณวัฒน์”

          เจ้าของชื่อเพียงแค่พยักหน้าให้ก่อนจะนั่งนิ่งเหมือนเดิม

          ทำตัวปกติสิฟะ!

          “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นิ่ง เนก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

          วัฒน์เงยหน้ามองคนถามที่ดูปกติเสียจนทำเอาสมเพชตัวเอง

          มีแต่เราที่บ้าไปคนเดียว

          “แค่กำลังคิดๆเรื่องที่คุยกับฉัตรเมื่อคืน...เรื่องเดชน่ะ”

          คนร่วมโต๊ะพากันตีหน้าเครียดทันที

          “เดช...คนที่คิดไม่ดีกับคุณสิทธิ์ใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามหน้าเบี้ยว “หมอนั่นทำอะไรหรือครับ”

          “ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องดีกับคุณสิทธิ์อยู่แล้ว” รุตว่าก่อนจะกระแทกช้อนลงจาน “ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงมัน เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเคยคิดแบบนี้”

          “เรื่องเมื่อก่อนน่ะช่างมันเถอะ ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไร มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น” หลังจากบรรลุกับอะไรบางอย่างได้แล้ว วัฒน์ก็กลับมาสงบอีกครั้ง ทั้งยังดูน่าสะพรึงด้วย “ช่วงนี้อาจจะต้องระวังตัวกันหน่อย หมอนั่นไม่เคยเลือกวิธีการและไม่สนว่าใครจะเดือดร้อน...บางทีอาจจะต้องหาใครมาคุ้มกันคุณสิทธิ์เพิ่ม”

          “ไอ้สองบ้านั่นล่ะ...” รุตเสนออย่างเคยตัวเพราะโค้กกับศาสตร์ฝีมือดีที่สุด และไม่ได้งานยุ่งมากเหมือนคนอื่นๆ แต่พอเห็นวัฒน์กระตุกเลยเงียบค้างไป เพราะไม่เข้าใจว่าตนพูดอะไรผิดหูไป

          “ผมก็เห็นด้วยนะครับ”

          นั่นยิ่งทำให้วัฒน์แปลกใจกว่า เพราะเนมักจะทำหน้าเบี้ยวหน้าบูดคล้ายไม่ชอบใจโค้กกับศาสตร์ทุกที ขนาดในตอนนี้เองสีหน้าก็ไม่ได้ดูชอบอะไรนักด้วย

          “มันก็จริง...” ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน อาจจะตอบรับอย่างไม่ลังเลแล้วก็เป็นได้ แต่ในเวลานี้ วัฒน์ยอมรับว่าไม่กล้ามองหน้าสองคนนั้นตรงๆเท่าไหร่นัก ยิ่งคิดถึงแหวนที่ได้รับมาแล้ว ยิ่งทำเอาร้อนไปหมด “นั่นสินะ...ฉันจะลองติดต่อเผื่อดู”

          แม้จะไม่เข้าใจท่าทีแปลกๆของอีกฝ่ายนัก แต่รุตก็ไม่อยากจะสนใจให้เสียเวลา จัดการยัดข้าวลงท้องและขอตัวออกไปทำงานทันที

          “วันนี้ต้องทำอะไรหรือเปล่าครับ”

          คำถามนั้นทำเอาคนที่นั่งครุ่นคิดสะดุ้งเล็กน้อย ท่าทีของเนดูจะเป็นห่วงเขาทีเดียว เล่นเอารู้สึกจุกอกไปหมด

          ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงได้แต่สงสัยกับพฤติกรรมนั่นว่ามีสิ่งใดแอบแฝงมาหรือไม่ แต่พอได้รู้ความจริง หนุ่มใหญ่ก็ได้แต่ด่าตัวเองที่มองอีกฝ่ายในแง่ร้ายทั้งที่ไม่ได้เป็นความ จริงเลยสักนิด

          เรามันแย่ที่สุด

          “ไม่ ไม่มี ไม่ต้องไปบริษัทด้วย อยู่ที่บ้านนี่ล่ะ…” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงเรียบ “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”

          เนเบิกตากว้างก่อนจะกะพริบตาปริบๆ เหมือนเพิ่งเจอเรื่องมหัศจรรย์ก็มิปาน แน่ล่ะ ตามปกติ เวลาเขาถามไถ่อาการอีกฝ่ายทีไร ถ้าไม่โดนตอบส่งๆ ก็มักจะโดนว่าเสียทุกทีนี่ แต่รอบนี้ทั้งท่าทีและน้ำเสียงที่ตอบกลับมากลับมีแต่ความเสียใจและไม่เหลือเค้าความโกรธหรือเป็นศัตรูกับตนเลยแม้แต่นิดเดียว

          เนบังคับมุมปากที่หาเรื่องยกยิ้ม ใบหน้าก็ตึงๆเหมือนโดนใครตี

          “ไม่หรอกครับ ผมแค่เห็นคุณชอบเครียดอยู่คนเดียว...เลยอดเป็นห่วงไม่ได้...” เนตอบอึกอัก รู้สึกตาลายคล้ายจะเป็นลม “คุณเองก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ อย่าหักโหมนักสิครับ ผมกับคุณสิทธิ์เป็นห่วงนะครับ”

          “นั่นสินะ ถ้างั้นหลังจากนี้ไปงานนายอาจจะหนักขึ้นนะ ทำไหวหรือเปล่าล่ะ”

          คราวนี้ไม่ใช่แค่เหมือนใครตีหน้า แต่เหมือนโดนเอาที่ช็อตยุงมาตบหน้ากันจังๆเลยทีเดียว

          เขายิ้มให้เรา...

          “ไหวสิครับ ผมเพิ่งจะยี่สิบสองเองนะ” เนตอบเสียงตื่น พยายามระงับอาการดีใจกับเรื่องที่สุดแสนจะเล็กน้อยนั่น “เพราะงั้นถ้ามีอะไรก็ให้ผมทำทั้งหมดนั่นล่ะ”

          “ขืนให้นายทำคนเดียวฉันก็เป็นง่อยพอดีสิ”

          ถ้าเป็นเมื่อก่อน คำพูดเหล่านั้นมักจะเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและประชดใส่แน่ๆ แต่แม้จะเป็นคำพูดทำนองเดียวกัน เนกลับไม่รู้สึกถึงการเหน็บแนมหรือไม่พอใจเลยสักนิด แถมยังยิ้มให้ในตอนพูดด้วยกัน ทั้งที่เมื่อก่อน แค่มองหน้า วัฒน์ก็ทำท่าเหมือนจะกัดตนอยู่แล้ว

          นั่นหมายความว่าคุณยอมรับผมแล้วใช่ไหม...

          แม้จะอยากถาม แต่อาการที่ผิดไปจากทุกทีชนิดหลังเท้าเป็นหน้ามือแบบนี้มันก็เป็นหลักฐานที่ทิ่มหน้าอยู่แล้ว

          “ไม่เป็นแบบนั้นหรอกครับ” เนตอบก่อนจะเดินไปตักข้าวแก้เขิน “แต่ผมว่าคุณน่าจะไปพักนะ ขอบตาดำเชียว”

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งก่อนจะจับที่ใต้ตาตัวเองคล้ายกับไม่รู้ตัว ลืมไปเลยว่าตนอดนอนไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

          “ถ้างั้นช่วยงานฉันหน่อยได้ไหม”

          เนถึงกับหันขวับไปหาทันที ทำเอาวัฒน์สะดุ้ง

          “คุณ...จะให้ผมช่วยงานหรือ”

          “ก็ไหนบอกว่าจะทำให้ไง หรือเปลี่ยนใจเสียล่ะ”

          “มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” เนรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ผม...แค่แปลกใจ...ก็คุณไม่เคยขอร้องให้ผมทำงานให้คุณเลย”

          ฟังแล้ววัฒน์ก็ออกอาการห่อเหี่ยวขึ้นทันที และชัดเสียจนเนสัมผัสได้

          “ผม...พูดอะไรผิดหรือ...”

          “...ไม่หรอก นายพูดถูกแล้วล่ะ...” ก็เห็นเป็นศัตรูมาตลอด ถึงได้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายช่วยงานเลยนี่นะ “...ฉันชอบทำอะไรเกินตัวทุกที ท่าทางคงต้องให้นายมาช่วยแย่งงานบ่อยๆแล้วล่ะ ฉันยิ่งชอบลืมตัวอยู่”

          ทั้งที่จะต้องเหนื่อยมากขึ้นแท้ๆ แต่น่าแปลกที่เนกลับรู้สึกดีใจเสียมากกว่า
         
          “พูดแบบนี้แล้วห้ามมาบ่นใส่ผมทีหลังนะครับ” เนกำชับเสียงเขียว “คุณชอบโมโหใส่ผมตลอด ผมตามอารมณ์คุณไม่ทันหรอกนะ”

          “ขอโทษที ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”

          ครั้งเดียวยังพอว่า เจอสองครั้งติดในชั่วโมงเดียว ต่อให้ดีใจแค่ไหนก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี

          “คุณดูแปลกๆไปนะครับ” และความสงสัยก็ทำเอาพลั้งปากจนได้

          วัฒน์เผลอบึ้งหน้าใส่ และนั่นยิ่งทำให้คนมองแปลกใจกว่าเดิม เพราะหากเป็นเมื่อก่อน เขาก็อาจจะเผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายโกรธที่ถาม แต่ในตอนนี้ ดูๆแล้วเหมือนวัฒน์ตกใจกับคำถามของตนเสียมากกว่า

          “ตรงไหน”

          ทุกอย่าง...บอกงี้แล้วคุณจะด่าผมกลับไหม...แต่คุณบอกแล้วนี่นะว่าจะไม่ยัวะใส่ผมแล้ว

          “ก็...คุณขอโทษผม” เนเริ่มด้วยสิ่งที่แปลกที่สุดก่อน “แถมยังขอให้ผมช่วยงาน...คือผมไม่ได้ไม่อยากช่วยนะครับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่คุณขอ ไม่ได้สั่งผม...”

          ที่จริงอยากจะพูดเรื่องที่อีกฝ่ายยิ้มให้กับเรื่องที่วัฒน์ดูเลิกตั้งแง่กับตน แต่คิดไปคิดมา มันกระดากปากและน่าอายชอบกล เลยตัดทิ้งเสียดีกว่า

          “อ้อ...” วัฒน์เอ่ยแล้วค้างไป จะให้บอกหรือว่าที่ทำตัวเป็นมิตรขึ้นเพราะเหตุใด “ฉันก็แค่เห็นความตั้งใจจริงของนาย...เลยยอมรับแล้วน่ะ...”

          จริงๆนะเฮ้ย ถึงจะเหลือเชื่อยังไงก็ช่วยแกล้งทำว่าเชื่อหน่อยเหอะ

          “มันปุปปับไปหน่อยน่ะครับ...” เนว่า ท่าทางยังไม่เชื่อจริงๆ

          “จริงๆ ฉันก็เห็นว่านายทำตัวดีขึ้นจริงๆนะ แต่แค่ยังไม่แน่ใจ เลยต้องทำเข้มงวดกับนายเอาไว้ก่อน...” วัฒน์บอกอ้อมแอ้ม พลางลูบคอแล้วหันไปทางอื่น “ขอโทษทีละกัน...นี่ฉันพูดจริงๆนะ”

          เนสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อได้ยินประโยคช่วงท้ายเพราะอีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ทั้งที่กำลังทำหน้าขอร้องนี่ล่ะ

          “ครับ...” แม้จะยังสงสัย แต่เพราะเห็นอีกฝ่ายเริ่มทำตัวห่างเหินหรือมึนตึงใส่ เลยไม่อยากจะใส่ใจให้มากนัก เดี๋ยวจะกลับไปเย็นชาแบบเดิมเสียเปล่าๆ “เอ่อ...แล้วเรื่องไอ้เดชล่ะ”

          วัฒน์กระตุกนิดหน่อยตอนได้ยินน้ำเสียงดุดันที่เรียกชื่อศัตรูของเด็กหนุ่ม และนั่นยิ่งทำให้รู้สึกสมเพชตัวเองกว่าเดิม ที่เผลอไปคิดเสียตั้งนานว่าอีกฝ่ายเป็นลูกน้องของเดช

          “ช่วงนี้ก็คงต้องระวังตัวให้มากหน่อย...ก็คงต้องขอให้โค้กกับศาสตร์มาช่วยจริงๆนั่นล่ะ”

          “ถ้างั้นผมโทรให้ไหม”

          หนุ่มใหญ่กะพริบตาปริบๆ ที่จริงอีกฝ่ายก็มักจะของานตนอยู่เป็นนิจ แต่ครั้งนี้ ดูกระสันอยากทำกว่าปกติชอบกล

          พอพยักหน้าให้ เนก็ผลุนผลันออกไปจากห้องครัวทันทีโดยที่ยังกินข้าวไม่หมดด้วยซ้ำ ทำเอาวัฒน์อดแปลกใจไม่ได้ ถึงมันจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่ก็ไม่ได้ด่วนถึงขนาดที่ว่าต้องทำเดี๋ยวนี้ ทันทีเสียหน่อย

          ดวงตาเรียวเหม่อมองไปยังหน้าประตูห้องก่อนจะหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า และเหนื่อยใจกับตัวเอง

          สุดท้ายก็ไปหัวหมุนกับเรื่องไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่ปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่มันคิดอะไรกับเรา หรือของขวัญที่มันให้จะเป็นอะไร แต่อยู่ที่เราตัดสินใจจะทำยังไงต่างหาก

          หนุ่มใหญ่ยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อนึกถึงอาการแปลกใจเต็มทนของอีกฝ่ายต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของตน

          ทั้งที่เคยทำไม่ดีขนาดนั้น ยังมาเป็นห่วงเราอีกนะ...



_______________________________

หลังจากลุงเปลี่ยนไป ความซึนของเนนั้นแลดูจะไม่เปลี่ยน (อ้าว) ลุงเลยตัดสินใจเองเลย XD....แต่ลุงจะตัดสินใจว่ายังไงนั้น....ก็อยู่ที่เน...อยู่ที่เนจริงๆนะ!! ไม่ได้อยู่ที่คนเขียน! =3=
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 57 (25/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-09-2015 09:39:22
จิ้ม
ไอ้พวกซึนนนนนน!
อะไรของพวกแกกก
แต่พวกนี้เหมือนกันอยู่อย่างคือชอบลวนลามอีกฝ่ายตอนหลับตลอด 5555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 57 (25/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 25-09-2015 13:32:06
รอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 57 (25/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-09-2015 18:34:16
ตบหน้าผากตัวเอง  :z3:

ไอ้เอ๋อเอ้ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 57 (25/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-09-2015 19:43:42
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 57 (25/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 27-09-2015 05:13:07
รอจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 58 (28/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 28-09-2015 08:26:33
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 58


          พอวัฒน์จะลุกขึ้นไปตักข้าว เสียงมือถือของตนก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นว่าเป็นฉัตร ซึ่งมักจะหลับในเวลานี้ เขาก็รับขึ้นทันที

          “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

          “...ก็ไม่เชิง” คนในสายตอบเสียงอ้อมแอ้ม “เรื่องไอ้เดชน่ะ ฉันคิดๆดูแล้ว แกน่าจะอยากได้คนคุ้มกันเพิ่ม เลยส่งคนไปที่บ้านคุณสิทธิ์ให้แล้วน่ะ”

          วัฒน์เลิกคิ้วกับความพร้อมของอีกฝ่าย ที่ปกติจะไม่พร้อมขนาดนี้

          “ใคร” ที่ถามเพราะเขาเองก็ดันไปขอให้เนช่วยโทรไปตามโค้กกับศาสตร์แล้วต่างหาก ถ้าไปขอคนอื่นเพิ่มอีกก็กลัวจะเยอะเกิน แต่คงเพราะเสียงมันห้วนไปนิด ฉัตรเลยหวั่นเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้สึกแผนลึกลับบางอย่างของตน

          “ก็...เขาไปถึงเดี๋ยวนายก็รู้เองแหละน่า ฉันบอกให้มันออกไปสักพักแล้ว ก็คงอีกไม่นานหรอก” ฉัตรขึ้นเสียงกลบเกลื่อนความกลัว จนวัฒน์ได้แต่งง “เอ้อ แล้วไอ้หนูเนมันอยู่หรือเปล่า”

          “ทำไม”

          “ก็แค่มีเรื่องอยากจะถามอะไรมันนิดหน่อย...กลัวฉันจะบอกเรื่องที่แกเข้าใจมันผิดไปหรือไงจ๊ะ”

          “ถ้าอยากพูดฉันก็ห้ามแกไม่ได้...และแกก็ห้ามฉันไม่ได้เหมือนกัน”

          วัฒน์ก็แค่อยากจะบอกว่าถ้าอีกฝ่ายปากโป้งเขาก็จะโกรธมากๆก็เท่านั้น และก็เพราะโกรธตัวเองที่ดันทำพลาดโง่ๆจนคนที่ไม่ค่อยอยากจะให้รู้ที่สุด รู้เสียหมดเปลือก เสียงเลยออกอารมณ์มากกว่าปกติ

          แต่ฉัตรดันนึกเลยไปถึงอะไรบางอย่างที่เป็นทรงกระบอกและมีตะกั่วเป็นของเสริม

          “เอ่อ...ฉันไม่พูดหรอก สาบานเลย” ฉัตรว่าเสียงสั่น “ที่เรียกเพราะฉันแค่อยากจะถามเรื่องส่วนตัวมันนิดหน่อย...แกก็รู้จักสันดาน ไอ้เดชดีใช่ไหมล่ะ ถามเผื่อเรื่องทางบ้านมันไว้ เผื่อจะได้ช่วยป้องกันอะไรได้ไง”

          วัฒน์ฟังแล้วถึงบางอ้อ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของเนเลย รู้แค่เพียงว่าเนหนีออกจากบ้านมาทำงานกับสิทธิ์ และเป็นรุ่นน้องสมัยมัธยมของสิทธิ์เท่านั้น ซึ่งนั่นพอจะทำให้หนุ่มใหญ่เดาได้ว่าฐานะทางบ้านของเนจะต้องดีพอสมควร เพราะดูจากเกรด เนคงไม่ใช่นักเรียนทุนในโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมแสนแพงแน่นอน

          “ถ้าแค่นั้นฉันถามให้ก็ได้” เพราะเรื่องมันเล็กเสียเหลือเกิน วัฒน์จึงเอ่ยอาสาแทน

          “ก็ไม่ได้ถามแค่นั้นนี่หว่า พอดีวันก่อนไอ้ปาล์มมันลืมของไว้ที่บ้าน เลยอยากให้มันช่วยเอามาให้หน่อย แป๊บเดียวเองน่า ยังไงคุณสิทธิ์ก็ยังอยู่ที่บ้านใช่ไหมล่ะ ไอ้เนหายไปสักคน ไอ้เดชมันก็ไม่ได้กล้าจะไปหาเรื่องถึงบ้านดื้อๆหรอก”

          “แต่วันนี้วันหยุดมันนะ”

          “อะไร หายเข้าใจผิดทีนี่หวงกันเลยเหรอ” แซวจบ วัฒน์ก็เงียบใส่เสียนานจนฉัตรรู้สึกเสียใจกับความปากพล่อยของตน “น่านะ แล้วฉันจะแถมค่าเหนื่อยให้มันด้วยเลย ฉันโทรบอกแมวไว้แล้ว...นะ”

          แม้จะแปลกใจและสงสัยว่าทำไมเจาะจงเนให้เอาของไปให้เสียเหลือเกิน แต่ในเมื่อวันนี้เนก็ว่าง ทั้งยังเต็มใจช่วยอยู่แล้ว จึงตอบรับไปและเลิกคาดคั้นต่อ

          แน่นอนว่าวัฒน์ไม่จำเป็นต้องไปตามหลานสาวถึงเรือนพักด้านนอก เพราะนี่เองก็ใกล้เวลาที่แมวกับเอมจะเข้ามาในครัวแล้ว

          “อ๊ะ อาวัฒน์” น้ำเสียงใสฟังดูแปร่งจนหนุ่มใหญ่เลิกคิ้ว ทั้งยังสีหน้าเหมือนเห็นผีของแมวอีก “สวัสดีค่ะ พี่เนละคะ”

          ถามหาปุ๊บ รู้สึกขุ่นใจทันทีและก็ยิ่งโกรธตัวเองที่ดันนึกหงุดหงิดหลานของตนทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์อะไร และที่แมวถามถึงอาจจะเพราะเรื่องที่ฉัตรฝากมาแท้ๆ

          “เราคบกับเนอยู่หรือเปล่า”

          แทนที่จะหน้าแดง เด็กสาวกลับหน้าซีดแทน

          “เปล่านะคะ” แมวร้องเสียงหลง และไม่ยอมมองหน้าอา เธอมองซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวังก่อนจะตอบเสียงค่อย “หนูคบกับพี่ต่ออยู่ต่างหากละคะ แต่อย่าไปบอกแม่นะ”

          วัฒน์เลิกคิ้วอีกครั้งกับเรื่องที่เพิ่งรู้ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าต่อขานอะไรหลานสาวนัก เพราะถ้าถามเขา ยังไงคนที่ดูล่องลอยแต่ไม่มีประวัติเป็นเสือผู้หญิงหรือบ้าเซ็กซ์ ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว...แน่นอนว่าไม่ได้ดีใจที่เนยังว่างแต่อย่างใด...จริงๆนะ!!

          “ที่หนูถามถึงเพราะพ่อโทรมาบอกให้เอาของให้พี่เนต่างหากค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนจนวัฒน์เริ่มข้องใจมากขึ้นทุกที ปกติอีกฝ่ายอาจจะมีเกรงเขาบ้าง แต่ไม่ใช่หวาดกลัวจนหน้าซีดไม่กล้ามองหน้ากันขนาดนี้ “ว่าแต่...อาวัฒน์ถามเรื่องพี่เนกับหนูทำไมหรือคะ”

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วให้ ก่อนจะถอนหายใจ

          “อาก็แค่เป็นห่วงเรา” คนบอกเองกลับดูไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นัก “แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันก็ดีแล้ว”

          แมวนิ่วหน้ามองอีกฝ่าย ท่าทางเหมือนคันปากอยากจะพูดเหลือเกิน จนวัฒน์หันกลับไปมองอีกครั้ง

          “...ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะคะ...แต่อาวัฒน์คิดยังไงกับพี่เนหรือคะ”

          ถามเสร็จก็ต้องผงะเมื่อวัฒน์ออกอาการโศกสลด แม้แต่เอมที่นั่งกินข้าวด้วยยังเผลอถอยห่างจากวัฒน์อย่างลืมตัวด้วยความผวาต่อท่าทีของคนสูงวัย

          “หมอนั่นก็ทำงานดี...ถ้าไม่นับเรื่องที่นอนกับผู้หญิงไปทั่วน่ะนะ” วัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงต่ำ ฟังดูเหมือนหงุดหงิดเสียมากกว่า “ก็เป็นคนดีกว่าที่คิดอยู่”

          “งั้นหรือคะ” แมวเอ่ยพลางลอบถอนหายใจ “เห็นอาเคยว่าเขาซะเยอะ หนูก็นึกว่าอาจะไม่ชอบเขาเสียอีก”

          วัฒน์นิ่วหน้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ใช่อยู่หรอก

          “ก็แค่ทดสอบหมอนั่นดูเฉยๆ” หนุ่มใหญ่แถ “ก็ทำได้ดีขนาดนั้น จะไปเกลียดลงได้ไงล่ะ”

          “แหม ดีเลยค่ะ ถ้างั้นอาก็สบายขึ้นเยอะเลยสิคะ” เด็กสาวเอ่ยลิงโลด “เอ้อ แล้วพี่เนละคะ”

          “อ้อ อยู่บนห้องน่ะ ถ้าเขายอมทำงานให้ก็บอกได้เลยว่าอาอนุญาต”

          บอกเสร็จสาวเจ้าก็เผ่นหายทันที จนวัฒน์อดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าของที่ปาล์มลืมไว้เป็นอะไรกันแน่ ถึงได้รีบนัก แต่เขาก็ขี้เกียจจะสงสัยเจ้าพี่บ้านั่น เพราะลองว่าไม่ได้มาเอาเอง ก็คงไม่ได้สำคัญจริงๆเท่าไหร่นักหรอก

 

          เนนั่งนิ่งจ้องมองจอมือถือของตนมาร่วมห้านาทีแล้ว ทั้งที่แค่กดโทรไปแจ้งงานมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรเลย เพียงแค่ไม่ได้อยากจะคุยด้วยเท่าไหร่นัก

          กับคนที่เกลียดขี้หน้าก็ยังไม่เห็นจะรู้สึกอึดอัดแบบนี้เลย แล้วทำไมกับอีกฝ่ายที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันสักนิด ถึงได้ขยับปากยากนักนะ

          “โอ้ ว่างาย”

          เนเผลอนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงของโค้ก “…พอ ดีคุณวัฒน์เขากำลังหาคนมาช่วยคุ้มกันคุณสิทธิ์อยู่น่ะครับ เขาเลยให้ผมโทรหาคุณ...แล้วก็คุณศาสตร์...”

          “เอ๋ จริงหรือเปล่า” ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ โค้กก็ร้องถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจระคนดีใจ “เอ แบบนี้ก็ได้โอกาสฉันเลยสิ ใช่ไหม”

          เนเม้มปากแน่น เพราะไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็เหมือนกับอีกฝ่ายกำลังทวงสัญญาจากตนชัดๆ

          “ก็คงงั้นมั้งครับ” และเพราะคิดว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆมันเป็นแค่เพราะอีกฝ่ายจะมาแย่งผู้ใหญ่ที่เคารพออกไปเฉยๆ เด็กหนุ่มจึงตอบออกไป “ผมลองถามเขาอ้อมๆดู เขาเอง...ก็ดูจะไม่ได้รังเกียจคุณเท่าไหร่ด้วย...”

          “เอ๋ จริงหรือเปล่า” ยิ่งได้ยินน้ำเสียงที่ดีใจจนออกนอกหน้า เนก็เผลอขบกรามแน่น “ถ้าอย่างนั้น นายไม่ต้องโทรบอกไอ้ศาสตร์มันนะ เดี๋ยวฉันโทรเอง ขอบใจมากไอ้น้อง”

          ว่าจบก็วางสายไปทันที ซึ่งเนก็ไม่ได้นึกหงุดหงิดอะไรนัก เพราะเดิมทีก็มีเรื่องที่น่าหงุดหงิดกว่ามากวนใจอยู่แล้ว

          “ฮึ่ย อะไรนักหนาวะ!”

          “ว้าย”

          แค่ตะโกนออกมาเพราะหงุดหงิดไม่เข้าใจตัวเอง แต่แมวดันเข้ามาพอดี จากที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงกับยิ้มเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน

          “พี่เนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ...” เด็กสาวถามด้วยใบหน้าหวาดหวั่น ยังคงยืนหลบอยู่หลังบานประตูห้องนอน

          “อ๋อ พอดีพี่หาของอยู่แล้วไม่เจอสักที พี่เลยหงุดหงิดน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก” เนยิ้มเจื่อน “แล้วน้องแมวมีอะไรกับพี่หรือเปล่า”

          “อ้อ...” พอเห็นอีกฝ่ายกลับมาทีท่าทีปกติ แมวก็กลับมายิ้มแบบมีเลศนัย ทำเอาเนรู้สึกแปลกๆ “พอดีพ่อขอให้พี่ช่วยเอาของที่ปาล์มลืมไว้ไปให้พ่อหน่อยน่ะค่ะ หนูไปขออาวัฒน์ให้แล้ว อาว่าแล้วแต่พี่เนเลยค่ะ...เรื่องรถ ก็เอารถส่วนกลางของบ้านไปก็ได้นะคะ นี่กุญแจ”

          เด็กหนุ่มรับกล่องกระดาษสีน้ำตาลที่ค่อนข้างหนักมากมาจากแมว ก่อนจะยิ้มให้กับเด็กสาวที่โบกมือออกไปจากห้อง แล้วกลับมาหน้ามึนตึงอีกครั้ง

          เราก็แค่ไม่ชอบใจที่โดนแย่งเท่านั้น...ไม่ได้รักเขาสักหน่อย

 

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาในห้องนั่งเล่นเพราะโดนเสียงกริ่งปลุก พอจะลุกขึ้นไปดูเขาก็ชะงักเพราะเห็นเนเดินลงมาจากชั้นสอง และแมวเองก็วิ่งฉิวไปทำงานของตนแล้ว

          “คุณไม่ไปพักบนห้องหรือครับ” เด็กหนุ่มเสนอด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูอิดโรยของอีกฝ่าย

          “ไม่เป็นไร พอดีฉันรอคนอยู่ ขอบใจนะ...” พูดแล้วก็ได้แต่กัดลิ้นตัวเองเพราะดันพูดผิดวิสัยออกไป เนถึงได้ทำหน้าเหวอใส่ “ถ้าไม่ชอบ จะให้ฉันพูดเหมือนเมื่อก่อนไหม”

          เนบึ้งหน้านิดหน่อย “ก็มันไม่ชินนี่ครับ”

          “ก็รีบๆชินได้แล้ว” วัฒน์ ดุกลบเกลื่อน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายออกอาการแปลกใจเสียเหลือเกิน ก็ยิ่งนึกถึงเรื่องสุดแสนจะน่าอายที่ตัวเองได้ไปกระทำต่ออีกฝ่ายจนต้องบ่ายหน้าหนี

          และเนก็ต้องแปลกใจอีกหน แน่ล่ะ ปกติถ้าทำเสียงดุแล้วหันหน้าไปทางอื่น เนจะรู้สึกเหมือนวัฒน์รังเกียจและโกรธจนไม่อยากมองหน้า แต่ครั้งนี้กลับดูไม่ใช่เลย ครั้งก่อนเองก็ด้วย ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไร...ที่รู้อย่างเดียวคือ มันทำให้เขาอดดีใจไม่ได้

          นั่นเพราะคุณยอมรับผมแล้วจริงๆสินะ...

          “ครับ ผมจะรีบชินให้เร็วที่สุดเลยครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงใส “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปส่งของให้คุณฉัตรก่อนนะครับ”

          วัฒน์ไม่พูดอะไรนอกจากโบกมือให้

          เด็กหนุ่มเดินไปยังรถส่วนกลางที่จอดอยู่ในโรงรถไม่ห่างจากตัวบ้านใหญ่เท่าไหร่นัก และพอขับออกมายังไม่ทันจะพ้นโรงรถ เขาก็เหยียบเบรคแทบไม่ทัน เมื่อเห็นร่างของแขกผู้มาเยือนที่เดินตามแมวเข้าบ้านติดๆ

          หัวใจภายในเริ่มบีบตัวจนรู้สึกอึดอัดอีกครั้ง มุมปากบึ้งลงพร้อมกับบีบพวงมาลัยแน่น ความขุ่นเคืองตีฟุ้งขึ้นมาเต็มอก และที่น่าหงุดหงิดกว่าคือตัวเองที่ต้องมารู้สึกแบบนั้น

          เนหลับตาข่มใจให้สงบก่อนจะออกรถอีกครั้ง พยายามเมินศาสตร์ที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านเสียสิ้น

เราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น

 

          “อุตะ”

          แมวอุทานออกมาเมื่อเห็นวัฒน์นั่งหลับอยู่บนโซฟา ที่ทำเอาเธอเผลอร้องออกมาไม่ใช่เพราะคุณอาหน้านิ่งแกมาเผลอหลับในที่แบบนี้ แต่เพราะท่านอนที่ดูแล้วเหมือนกำลังนั่งเครียดมากกว่ากำลังงีบหลับจนเธอเผลอสับสนไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

          “อาวัฒน์นี่ ขนาดหลับยังชวนเข้าใจผิดไม่เปลี่ยน” เด็กสาวพึมพำกับแขกด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปหมายจะปลุก แต่โดนศาสตร์ห้ามเอาไว้เสียก่อน

          “ไม่เป็นไรหรอก ให้พี่รอให้อาเขาตื่นก็ได้”

          แมวเลิกคิ้วมอง ก่อนจะฉีกยิ้มชั่วร้ายออกมา ทำเอาชายหนุ่มนิ่วหน้า

          “ค่า งั้นก็ตามสบายนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไร พวกหนูอยู่กันหลังบ้านไม่ก็ในครัวนะค้า รับรองไม่มีมากวนพี่ศาสตร์กับอาวัฒน์แน่นอนค่ะ”

          ศาสตร์เพียงแต่ยิ้มให้เล็กน้อย แม้จะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามแต่อย่างใด เพราะสำหรับเขา เด็กสาวจะรู้ได้อย่างไรหรือจากไหน มันก็ไม่สำคัญนัก

          หลังจากเด็กสาวออกจากห้องรับแขกไป ชายหนุ่มก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เพราะกำลังคิดหนักว่าควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะตั้งใจว่าจะรอจนกว่าวัฒน์จะตื่นขึ้นมาเอง แต่ครั้นจะออกไปจากห้องนี้เพราะไม่อยากรบกวนก็แอบเสียดายเวลาที่จะได้อยู่ กับอีกฝ่ายเหลือเกิน

          ศาสตร์ลงไปนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวใกล้ๆ ดวงตาเรียวมองคนตรงหน้าที่ขนาดงีบยังนั่งกอดอกและนิ่วหน้าเหมือนกับคนกำลังคิดเรื่องเครียดเสียมากกว่า ถ้าไม่ส่งเสียงกรนเบาๆออกมา ก็คงไม่รู้นักหรอกว่ากำลังหลับอยู่

          ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมา ใช่ว่าจะได้เห็นอีกฝ่ายแบบนี้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่ และถึงใครต่อใครอาจจะมองว่ามันไม่ได้ชวนมองเลยสักนิด แต่สำหรับเขา ให้มองทั้งวันเลยก็ยังได้

          ศาสตร์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเลื่อนตัวเหมือนจะล้มลงนอน ชายหนุ่มรีบลุกไปช่วยประคอง แต่พอได้แตะตัวแล้วมันก็ทำเอาตื่นเต้นไปหมด จนพลาดไปจากที่คิดเอาไว้ไกลมาก

          ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งมองคนที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนตักของตน ใบหน้าขึ้นสีจนร้อนไปหมด และทั้งที่เขินจนอยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ขามันก็ดันไม่ยอมคำตามคำสั่งเสียนี่ มือหนาปิดปากตัวเอง รู้สึกเหมือนอยากจะตะโกนเอาความรู้สึกที่ทะลักอยู่ในอกออกไปเสียเหลือเกิน

 

          “...”

          จากที่กำลังสะลึมสะลืมและคิดจะนอนต่ออีกหน่อยก็ต้องเบิกตากว้างเพราะแทนที่ตนจะนั่งหลับอย่างที่เข้าใจ แต่กลายเป็นว่ามานอนหนุนตักศาสตร์เสียนี่ แถมเจ้าคนมาเป็นหมอนให้เองก็นอนหงายพิงโซฟาหลับไปด้วยอีกต่างหาก

          “...อาวัฒน์ตื่นแล้วหรือครับ” พอหนุ่มใหญ่ดีดตัวขึ้นมา ศาสตร์ก็สะดุ้งพร้อมกับเอ่ยทักทั้งที่ยังงัวเงีย แต่เพียงไม่นานใบหน้านิ่งนั้นก็แดงเรื่อ “...คือผมเห็นอาหลับอยู่ ท่าทางเหนื่อยๆผมเลยไม่อยากปลุก...”

          วัฒน์เองก็ชักเริ่มร้อนที่หน้า ใจจริงก็อยากจะถามต่อเหมือนกันว่า แล้วทำอีท่าไหน ตนถึงได้มานอนหนุนตักศาสตร์เสียได้ แต่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้ว ไม่ถามจะดีกว่า และมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญกับสิ่งที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ด้วย

          “อืม...” วัฒน์เอ่ยเสียงเบา “มานานแล้วหรือยัง”

          “ก็สักพักแล้วล่ะครับ ลุงฉัตรบอกให้ผมมาช่วยน่ะครับ...” ชายหนุ่มตอบด้วยระดับเสียงที่เบาไม่ต่างจากอีกฝ่าย ดวงตาเรียวที่เหลือบมองมาทำเอาคู่สนทนารู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา “อาเปิดของขวัญแล้วใช่ไหมครับ”

          วัฒน์ผงะเล็กน้อยเพราะยังไม่ได้เตรียมใจกับคำถามนั้น เขานั่งกระอักกระอ่วนอยู่พักใหญ่ และยังไม่ทันจะได้ตอบ อีกฝ่ายก็รู้ได้ด้วยท่าทีที่แสดงออกมาแล้ว

          “ผมเป็นคนให้แหวนอาเองละครับ”

          จากที่กำลังสับสนถึงกับหน้าแดงเถือก แม้จะพอรู้เลาๆมาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสารภาพตรงๆกันแบบนี้

          แต่ความสับสนที่ยังคงไม่จางหาย ก็เป็นเพราะมันไม่ได้มีแค่วงเดียว

          “ผมขอคำตอบเลยได้ไหมครับ”

          วัฒน์เพียงแต่มองหน้าอีกฝ่าย ยังติดคอมโบจากเมื่อครู่ไม่หาย ยิ่งเห็นสีหน้าและท่าทางที่จริงจังและกำลังรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อแล้ว ทำเอาหนุ่มใหญ่รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายไม่ใช่ศาสตร์ที่เขาเคยรู้จักมาก่อน

          “กะทันหันแบบนี้ฉันคงตอบให้ไม่ได้...” อันที่จริงมันก็ไม่ได้เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ แต่เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ถึงไม่ได้เตรียมใจและคำตอบเอาไว้ให้เลย “คิดแบบนั้นกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”

          ได้ยินคำถามแล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มก็ออกสีไม่ต่างจากคู่สนทนานัก ทำเอาวัฒน์ที่กำลังสับสนปนเขินยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องซาวน่า

          “ถ้าบอกว่าตั้งแต่ที่เจออา...จะเชื่อผมไหม”

          นี่ไม่ใช่อยู่ในห้องซาวน่าแล้ว ยืนหน้าปล่องภูเขาไฟที่ใกล้ปะทุชัดๆ!

          “ฉันไม่รู้เลย...ทั้งที่อยู่กันมาตั้งนานแล้ว...” วัฒน์ยังคงไม่อยากจะเชื่อนัก “ฉันนี่มันแย่จริงๆ...”

          “มะ...มันไม่ใช่ความผิดของอานะครับ” ชายหนุ่มบอกเสียงตื่น “ผมต่างหากที่ขี้ขลาดเกินกว่าจะกล้าให้อารู้...”

          พูดแล้วก็เขินกันเองอยู่พักใหญ่ กว่าที่วัฒน์จะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

          “ถามได้ไหมว่าทำไมถึงมาชอบตาลุงเมียทิ้งนิสัยเสียอย่างฉัน”

          ศาสตร์นั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ ท่าทางเหมือนมีอยากจะพูด แต่ท่าทางความเขินติดอยู่ที่คอ ถึงทำให้คำตอบไม่ออกมาเสียที

          “...ถึงคนอื่นจะบอกว่าอาน่ากลัว เข้าถึงยาก โหดเหี้ยมขนาดฆ่าคนด้วยสายตายังไง...แต่ผมก็รู้ว่าอาไม่ได้เป็นแบบนั้น...และที่สำคัญ...”

          ชายหนุ่มเว้นช่วงแล้วช้อนมองคู่สนทนา ทำเอาคนมองรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

          “เพราะอาเป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักอา”

          วัฒน์มองอีกฝ่ายที่พยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาก็ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกดีใจ เพราะใช่ว่าจะโดนชมเรื่องนี้กันบ่อยๆ และถ้าไม่มองว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายคราวหลาน เขาก็ไม่เคยโดนบอกรักสักเท่าไหร่นัก เพียงแต่นั่นอาจจะเป็นเพราะในใจตอนนี้มันมีคนมากวนมากกว่าหนึ่งก็เป็นได้

          ยิ่งคิดถึงคำพูดของคนที่ไม่อยากจะคิดถึงเป็นที่สุด ก็ยิ่งทำให้ภายในใจรู้สึกสับสนและหงุดหงิดขึ้นมา

          “คิดดีแน่แล้วหรือ”

          ศาสตร์เงยหน้ามองหนุ่มใหญ่ ในตอนนี้วัฒน์ดูคล้ายกำลังหวังบางสิ่งบางอย่าง ในขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนไม่อยากจะรับฟังเท่าใดนัก

          “ถ้าอาไม่ได้คิดแบบนั้น...อาจะปฏิเสธผมตรงๆก็ได้นะครับ...”

          “ไม่ใช่!...” วัฒน์โพล่งเสียงตื่น ก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเอง “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันก็แค่...บางทีเราอาจจะเข้าใจว่ามันคือความรักแบบคู่รัก ทั้งที่มันอาจจะเป็นแค่ความรักแบบอาหลาน หรืออย่างอื่นก็ได้”

          “อาจะบอกว่าสิบหกปีที่ผมรักอา มันเป็นความสับสนหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่นิ่งเงียบ ใช่ว่าข้อนี้เขาจะไม่คิด แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือตัวเองที่เอาแต่คิดหาทางปฏิเสธอีกฝ่ายเสียให้ได้ ทั้งยังเอาศาสตร์ไปเปรียบกับใครบางคนอีก

          ทั้งที่ถ้าเลือกทางตรงหน้ามันย่อมดีกว่าแท้ๆ…แล้วทำไมถึงได้เอาแต่มองอีกทางที่รู้ทั้งรู้ว่าหากเดินไปแล้วจะต้องเจ็บตัวแน่ๆกัน

          “...ขอเวลาฉันหน่อยได้ไหม” หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดวัฒน์ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบนิ่ง “ฉันอยากจะให้แน่ใจอะไรบางอย่าง”

          สีหน้าของศาสตร์นั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจนัก

          “หมายถึงเด็กที่ชื่อเนใช่ไหมครับ”

          หนุ่มใหญ่สะดุ้ง “ทำไมถึงพูดชื่อเด็กนั่นขึ้นมา”

          “เพราะอาทำตัวแปลกทุกทีเวลาอยู่กับเด็กคนนั้น” ชายหนุ่มเอ่ย ดูไม่ชอบใจที่ต้องพูดสักเท่าไหร่ “อาอาจจะไม่รู้ตัว แต่บางครั้งตอนที่อาคุยกับหมอนั่น มันเหมือนกับตอนที่อาอยู่กับพี่ปิ่น”

          คนฟังเบิกตาโพลงเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว จริงอยู่ว่าไอ้เรื่องที่เคยเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นสายเลยทำตัวไม่ดีใส่นั่นก็เรื่องนึง แต่พอโดนทัก เขาถึงนึกได้ ปกติเขาไม่เคยแกล้งคนที่เห็นเป็นศัตรูหรอก ยิ่งถ้าไปเทียบกับคนที่เกลียดจริงๆอย่างเดช เขาไม่มีทางเหน็บกัด หรือแกล้งหรอก แค่อยู่ด้วยกันเพียงนาทีก็อึดอัดจะแย่

          ยิ่งไอ้เรื่องเห็นใจทั้งที่สงสัยว่าเป็นศัตรูเนี่ย ลืมไปได้เลย

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังทำหน้าเหมือนหมาหวงก้าง จากที่กำลังเครียดๆก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

          “ขอโทษนะ ถ้าฉันรู้ตัวเร็วกว่านี้ บางทีอาจจะตอบรับความรู้สึกของเราไปแล้ว” ว่าแล้วก็ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู “...เพราะแบบนี้พอโตมาถึงเว้นระยะกับฉันทั้งที่ยังเข้ามาคุยเหมือนเดิมหรือ”

          ศาสตร์พยักหน้าที่แดงทันทีที่โดนวัฒน์จับ

          “ผมกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่แล้วหน้ามืดไปทำอะไรอาขึ้นมานะครับ”

          ชายหนุ่มพูดจบปุ๊บ วัฒน์ก็ชักมือกลับออกอย่างรวดเร็ว พร้อมเลื่อนสายตาลงต่ำอัตโนมัติ

          “ย...อย่าจ้องสิครับ” ชายหนุ่มโพล่งเสียงตื่นพร้อมกับรีบปิดเป้ากางเกงเหมือนกลัวเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ทั้งที่เอาเข้าจริงๆ เนื้อผ้าของกางเกงมันก็หนาจนดูไม่ออกนักหรอก “อาไม่เกลียดผมนะ...”

          ถ้าบอกว่าอิจฉาแทนจะได้ไหม…ถึงตอนนี้ของเรามันจะผงาดขึ้นบ้างแล้วก็เถอะ…แต่ขึ้นแล้วไม่ได้ใช้ ดีใจไปก็เท่านั้น

          “จะเกลียดทำไม ก็มันเรื่องปกติของผู้ชาย ฉันก็เป็น อย่าคิดมากสิ” แต่แค่ล่มปากอ่าวทุกที “ถ้ามันไม่มีอาการเลยสิ น่าแปลก”

          “ครับ” ชายหนุ่มตอบอ้อมแอ้ม ยังเขินไม่เลิก “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอนะครับ”

          วัฒน์จ้องมองคนตรงหน้า ที่ดูๆแล้วเหมือนจะไม่อยากรออย่างที่ปากว่าเท่าใดนัก ก่อนจะยิ้มบาง

          “อืม ช่วยรอหน่อยนะ ไม่นานหรอก”




______________________________________

ลุงเขาบอกงี้แล้ว...เพราะฉะนั้น...อีกไม่นานนะทุกคน เดี๋ยวลุงจะโยนมาลัยให้คู่แน่นอน XP(รจนาเรอะ)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 58 (28/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-09-2015 08:58:55
จิ้มจึกๆ
เลือกดีๆ นะลุง -_-+
5555555
ถ้าไม่เอาศาสตร์ งั้นขอได้มะ นางน่ารักอ่ะ 555
สรุปศาสตร์ให้แหวน แต่วงไหนกันล่ะนี่?
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 58 (28/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-09-2015 19:16:22
โธ่ ลุง ไม่ได้ดั่งใจเล้ย  :z3: 
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 58 (28/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 29-09-2015 18:52:53
 :z3: มาต่อเร็วๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 58 (28/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-09-2015 19:39:14
ดันๆ มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 58 (28/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 29-09-2015 21:16:30
ระวังเนหึงโหดนะอา หึๆๆ เดี๋ยวจะลุกไม่ขึ้น  :jul3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 58 (28/09/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 29-09-2015 23:16:04
ศาสตร์น่าสงสารจัง แอบรักมาตั้งสิบหกปี
โดนคนอื่นมาคว้าไปซะงั้น เฮ้อ
จะมีใครมาช่วยดามใจไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 01-10-2015 08:19:01
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 59


          เนนิ่วหน้ามองฉัตรที่มายืนรอต้อนรับตนอยู่ตรงหน้าประตู เห็นอีกฝ่ายกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องใส่แล้ว เด็กหนุ่มชักไม่อยากจะเดินเข้าไปหาตงิดๆ

          “งายไอ้หนู มาเร็วนะ” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เอ่ยทักทาย “มาเหนื่อยๆ เข้ามาพักก่อนสิ”

          “...ไม่ดีกว่าครับ ผมรีบ” ด้วยความระแวงกลัวโดนแกล้งอีก เลยตัดบทเอากล่องวางที่พื้นหมายจะรีบกลับ

          “อะไรก๊าน จะรีบไปไหน ได้ข่าวว่าวันนี้ว่างไม่ใช่หรือไง” ฉัตรว่าก่อนจะคว้าคอเสื้ออีกฝ่าย เล่นเอาเนเกือบหงายหลัง “ฉันมีเรื่องจะพูดด้วยน่ะ”

          เรื่องของลุงมันไม่ใช่เรื่องน่าฟังเลยนะเฟ้ย

          “เฮ้ย ฉันไม่แกล้งหรอกน่า รอบนี้จริงจังนา” หนุ่มใหญ่บอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตีหน้าแหยงใส่ “เรื่องไอ้เดชน่ะ”

          จากที่กำลังขัดขืนหนีเอาเป็นเอาตายถึงกับหยุดกึกแล้วหันไปมองทันที รอบนี้ฉัตรเองก็ไม่ได้เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เหมือนทุกที ทำเอาคนมองรู้สึกเครียดไปด้วย และยอมตามอีกฝ่ายเข้าบ้านแต่โดยดี

          “เคยเจอมันหรือเปล่า” หลังจากเดินเข้ามาในบ้านแล้ว ฉัตรก็เอ่ยถามขึ้น ก่อนจะเดินลงไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

          “ไม่เชิงครับ...เคยครั้งเดียวแค่ตอนที่ไปประชุมในบาร์ของคุณ” เด็กหนุ่มเอ่ย ยังคงยืนเว้นระยะ เหมือนไม่กล้าเข้าไปนั่งใกล้ๆเท่าใดนัก “...แต่ผมเคยได้ยินหมอนั่นพูดเรื่องคิดไม่ดีกับคุณสิทธิ์ด้วย...”

          พูดแล้วก็อดกระอักไม่ได้ เพราะความผิดในใจผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุ ถ้าไม่ใช่เพราะเดช มีหรือที่เขาจะเผลอไปหน้ามืดปล้ำวัฒน์ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดแบบนี้

          ฉัตรเลิกคิ้ว ก่อนจะยกยิ้มด้วยความดีใจ “แล้วจำได้ไหมว่ามันพูดอะไรบ้าง แล้วพูดกับใคร”

          เด็กหนุ่มนิ่วหน้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างโศกสลด “ผมไม่แน่ใจว่าหมอนั่นคุยกับใคร เพราะได้ยินแต่เสียง...หมอนั่นพูดว่าขอแค่กำจัดคุณสิทธิ์ไปได้ ก็จะไม่มีตัวปัญหาใดๆอีก จะทำยังไงก็ได้ ไม่ต้องเลือกวิธีการ แต่อย่าให้มันกระโตกกระตากนัก แล้วก็ระวังหมอนั่นไว้...ประมาณนั้นละครับ”

          ฉัตรนิ่วหน้า ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ได้ยิน แต่เป็นท่าทีของคู่สนทนาต่างหาก นี่ถ้าไม่มีหลักฐานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเดชกับเน ฉัตรก็คงแอบเชื่อเหมือนกับวัฒน์ไปแล้วว่าเจ้าเด็กนี้อาจจะเป็นสายให้อีกฝ่ายจริงๆ ก็เล่นเล่าไปเศร้าไปอย่างกับเขากำลังบังคับให้พูดยังไงยังงั้นเลยนี่

          “เหรอ...” หนุ่มใหญ่ว่า ยังคงสังเกตพฤติกรรมคนตรงหน้าไม่วางตา “ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่เลยแฮะ”

          “นั่นสิครับ” ยิ่งพูดยิ่งออกอาการโศกาอาดูร จนฉัตรชักคันปากอยากถามขึ้นทุกที “...แล้วคุณมีแผนอะไรจะชิงจัดการหมอนั่นก่อนหรือเปล่าครับ”

          หลังจากเศร้าเสร็จก็กลับมาถามด้วยน้ำเสียงคั่งแค้นเสียเต็มประดา ประดุจว่ามีความแค้นกันมาก่อน ทำเอาคนที่กำลังสงสัยเริ่มคันปากหนักข้อ

          “ตอนนี้ยัง ก็คงได้แต่รับมือไปก่อน...” ฉัตรมองคนที่ดูจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำสีหน้าอะไรออกมา “แต่ลงว่ามันพูดเองขนาดนี้ นายเองก็ต้องระวังตัวด้วยนา เผลอๆมันจะเล่นงานไปถึงครอบครัวนายด้วยเลยล่ะ”

          เนเลิกคิ้วก่อนจะแค่นยิ้มออกมา

          “ก็ทำไปสิครับ ผมไม่เห็นจะแคร์พ่อแม่งี่เง่าพรรค์นั้น”

          ฉัตรเลิกคิ้ว เขาพอจะรู้มาบ้างว่าไอ้เด็กตรงหน้ามันหนีออกจากบ้านมาทำงานกับสิทธิ์ นั่นก็หมายความว่า ถ้าไม่เกลียด ก็คงมีเรื่องบาดหมางรุนแรงจนต้องหนีออกมา และดูจากท่าทีไม่สนใจว่าครอบครัวจะเดือดร้อนของเน ทำให้เขาเดาได้ว่าคงเป็นอย่างแรก

          ที่จริง เขาก็แอบสงสัยตั้งแต่ตอนที่วัฒน์บอกว่าเนเห็นวัฒน์เป็นแค่ผู้ใหญ่ที่เคารพแล้ว ไหนจะปาล์มที่เล่าเรื่องที่เนชอบคนอายุมากกว่าแต่ดึงดันไม่ยอมมองเป็นเรื่องรักใคร่อย่างเอาเป็นเอาตายเสียเหลือเกิน ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่ แต่พอมาฟังเจ้าเด็กนี่พูดถึงครอบครัว เขาก็เริ่มเอะใจขึ้น

          “ถ้าไม่สนใจก็โอเค จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ฉัตรเริ่มยกยิ้มที่มุมปาก นั่นเป็นสัญญาณให้เนรับรู้ว่า อะไรบางอย่างที่อันตรายกำลังมาเยือน “เออ ฉันได้ยินว่าแกเองก็คบกับผู้หญิงเยอะใช่เล่นเลยนี่หว่า แน่เหมือนกันนี่”

          เนนิ่วหน้า ใช่ว่าจะไม่ภูมิใจ แค่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆอีกฝ่ายถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

          “ก็งั้นๆละครับ...” พูดก็พูด ช่วงนี้นี่ไม่ได้นอนกับสาวๆเลย จึงทำให้คนพูดตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก “ถามทำไมหรือครับ”

          “พอดีมีคนมาปรึกษาฉันว่ากำลังมีปัญหากับแฟน แล้วโดนบอกเลิก แต่เขาไม่อยากจะเลิก เลยไม่รู้จะทำยังไงดีน่ะ” ฉัตรบอกแล้วถอนหายใจ “ไอ้ฉันก็ทำเป็นแต่ลูกตื๊อ ไอ้ปาล์มมันก็ไม่เคยโดนแฟนบอกเลิก เลยมาถามนายดูว่ามีความคิดดีๆอะไรบ้างไหม”

          “ไม่รู้ครับ ผมไม่เคยรั้งใครไว้ อยากเลิกก็เลิก ปกติผมเป็นคนบอกเลิกก่อนด้วยซ้ำ”

          ฉัตรเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรสักนิด กลับกันด้วยซ้ำ

          “ไม่มีเลยหรือ จริงอะ” เนได้แต่นิ่วหน้ากับอาการเสแสร้งของอีกฝ่าย “ไม่เคยมีใครที่แบบว่า ถ้าไม่อยู่ด้วยแล้วนายจะรู้สึกกระวนกระวาย ขาดไม่ได้เลยหรือ”

          “ก็ไม่นี่ครับ” แม้จะระแวง แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมตอบออกไป “ผมว่ามันเสียเวลาจะตาย ไปรั้งคนที่ไม่อยากจะอยู่กับเราแล้วน่ะ”

          “งั้นหรือ” ฉัตรทำเสียงและสีหน้าเหมือนเสียดายเต็มทน แต่คนมองเห็นแล้วเริ่มคันเท้าขึ้นมา “ถ้างั้นไอ้วัฒน์มันก็บ้าน่าดูเลยสิที่ไปตามตื๊อเมียเก่าได้เป็นเดือน…”

          “ไม่ได้บ้านะครับ!”

          ฉัตรถึงกับตกใจขึ้นมาอย่างจริงจัง เพราะไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่มันจะตะคอกใส่

          “เอ้า ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ แล้วไอ้วัฒน์เองมันก็เคยทำแบบนั้น จะไม่เรียกว่าบ้า แล้วจะให้พูดว่ายังไงล่ะ”

          หนุ่มใหญ่สังเกตท่าทีของเด็กหนุ่ม จริงอยู่ว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่สิ่งหนึ่งที่เคยคาใจเขาก่อนหน้าคือท่าทีของเนที่มีกับวัฒน์ เพราะเขาได้ยินมาจากวัฒน์ว่าเนออกจะตั้งแง่และกวนวัฒน์ตลอดเวลา แต่มาดูตอนนี้สิ ปกป้องออกนอกหน้าเสียเหลือเกิน

          ซึ่งจากที่ได้ยินมาอีกนั่นล่ะว่าเพิ่งจะมากลับลำเอากลางคัน แถมยังมีขอโทษขอโพยวัฒน์เสียบ่อย ก็หมายความว่าต้องทำอะไรผิดชนิดเลวร้ายมาก ท่าทีถึงได้เปลี่ยนไป ทั้งที่วัฒน์ยังคงเข้าใจเนผิดเรื่องเดชอยู่

          “เขาไม่ได้บ้านะครับ” เด็กหนุ่มยังคงยืนกรานเช่นเดิม พยายามหาเหตุผลจะมาค้านกับคำพูดของตัวเองก่อนหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายจนฉัตรชักอยากจะขำออกมาสักที “ยังไง…เขาก็ไม่ได้บ้าสักหน่อยนะครับ เขาก็แค่รักเมียเก่าเขามากๆก็เท่านั้น”

          “อ้าว พูดแบบนี้ก็แสดงว่าตัวนายไม่เคยรักใครถึงขั้นนั้นเลยล่ะสิ”

          จากที่กำลังจะตั้งท่าสวน ถึงกับอึ้งรับประทานเลยทีเดียว

          “เอาเถอะ ก็ช่วยไม่ได้ล่ะเนอะ” อยู่ๆตาลุงถึกก็ตัดบทเสียดื้อๆ เล่นเอาคนที่กำลังมึนเพราะโดนตอกหน้าถึงกับตั้งตัวไม่ทัน “ฉันนึกอะไรบางอย่างได้เกี่ยวกับไอ้เดช…”

          ใบหน้ากลับมาขึ้งเครียดคั่งแค้นทันที ทำเอาฉัตรต้องกลั้นขำสุดชีวิต

          “อย่าไปหาเรื่องมันตรงๆ เพราะมันเก่งพอๆกับฉัน และก็เป็นจอมวางแผนที่เก่งขนาดพวกฉันทำอะไรมันไม่ได้เป็นสิบปี เพราะงั้นอย่าริไปตายเปล่าเด็ดขาด” ลูกแมวที่กำลังตั้งท่าขู่กับถึงหางฟูทันทีที่ได้ยิน “…เออ จะว่าไปเสียงไอ้เดชนี่มันคล้ายกับไอ้วัฒน์อยู่นะ ตอนที่นายได้ยินมันพูด ไม่ตกใจบ้างเลยหรือ…”

          เขาก็แค่พูดขึ้นเพราะนึกขึ้นได้เฉยๆจริงๆ แต่เห็นใบหน้าแดงเถือกที่ตกใจสุดขีดของเนแล้ว ฉัตรถึงกับเบิกตาจนแทบถลน ยิ่งพอเอามารวมกับข้อสงสัยทั้งหมด นั่นคือสิ่งแรกที่เขานึกออก…

          “มะ…มันไม่ใช่ความผิดของผมนะ! ก็ตอนได้ยิน ผมไม่เห็นว่าใครพูดนี่หว่า รู้แค่ว่าเป็นคนสนิทมากๆของคุณสิทธิ์ก็เท่านั้น!”

          แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะจริง เพราะเนไม่ได้บอกว่าตอนฟังเดชพูดนั้น ได้เห็นตัวเดชหรือได้ยินแค่เสียงลอยมาตามลมเฉยๆ แต่ลองเจ้าตัวสารภาพเองแบบนี้ ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยให้นานแล้ว

          แม่เจ้า พวกเอ็งมันกิ่งทองใบหยกชัดๆ!

          เนถึงกับทำหน้าไม่ถูกเมื่อฉัตรหัวเราะลั่นใส่แบบไม่เกรงใจหรือไว้หน้ากันเลย ทำเอาความเขินบวกความโกรธภายในตีกันวุ่นไปหมด นี่ถ้าอีกฝ่ายรู้เรื่องที่ว่าเขาเข้าใจผิดจนเผลอไปปล้ำวัฒน์ คงได้ระเบิดตัวตายเพราะความอับอายเป็นแน่

          “ฉันจะไม่บอกใครแน่นอน สาบานเลย” แต่ก่อนที่เนได้คิดหาคำขู่ดีๆออก ฉัตรกลับเป็นคนเสนอตัวออกมาเสียอย่างนั้น “ทำใจให้สบายได้เลยไอ้หนู”

          เพราะถึงอยากจะป่าวประกาศมากแค่ไหน ลองว่าถ้าเรื่องที่วัฒน์เองก็เข้าใจผิดเช่นนั้นหลุดแถมไปด้วย มีหวังเขาได้เปิดพินัยกรรมในเร็ววันนี้เป็นแน่

          “คุณ…ต้องการอะไร” เพราะโดนแกล้งแล้วแกล้งอีก เลยไม่ไว้ใจขึ้นมาจริงๆจังๆ

          “เปล่าสักหน่อย ฉันก็แค่เห็นใจแกก็เท่านั้น หัดเชื่อใจพี่สามีหน่อยสิจ๊ะ”

          “บ้าเรอะ พี่สามีบ้าอะไร!” เด็กหนุ่มแหววเสียงหลง “คุณวัฒน์เขาไม่ใช่สามีผมสักหน่อย”

          “อาร้าย ไม่ใช่สามี แต่เป็นภรรยาหรือไงจ๊ะ”

          และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาแค่แซวเล่นๆ แต่ดันได้รู้อะไรดีๆกลับมาเสียอย่างนั้น

          “มะ…ไม่ใช่ทั้งนั้นละครับ” หลังจากอึ้งไปพักใหญ่ เนก็ปฏิเสธตะกุกตะกัก แต่เล่นเอาฉัตรขำไม่ออก “หมดธุระแล้ว ผมขอตัวกลับนะ”

          ว่าจบก็ผลุนผลันออกจากบ้านไป ปล่อยให้หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ได้แต่ยืนอึ้งกับความจริงที่เพิ่งรับรู้

          “เอาจริงดิ…”


___________________________________________


และแล้วลุงฉัตรก็ได้รับรู้ความจริงอันหน้าสะพรึง (ฮา)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-10-2015 09:04:38
555 ลุงฉัตรขร้แกล้ง อึ้งแดกไปเลย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 01-10-2015 14:35:27
ได้น้องเขยต่างหาก 555555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 01-10-2015 16:24:04
ฉัตรชอบแกล้งงงง  :hao7:
อยากรู้อ่าว่าแหวนอีกวงของใคร
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-10-2015 19:56:30
เป็นไงบ้างละฉัตร พลิกข้างจากพี่สามีมาเป็นพี่ภรรยาเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 01-10-2015 21:30:50
สุดยอด ฮ่ะๆๆๆ ได้น้องเขแล้วอึ้งเลยหรอลุงฉัตร 

ฮาดีตอนนี้

 ขอบคุณจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-10-2015 06:32:40
ฮาอ่ะตอนนี้ 5555
ฉัตรขี้แกล้ง แต่ก็ทำให้รู้อะไรดีๆ เพียบอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-10-2015 06:54:31
เนนี่มันลูกไล่ของฉัตรแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 59 (01/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-10-2015 23:16:46
แล้วลุงฉัตรจะทำอะไรต่อไป
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 60 (04/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 04-10-2015 10:21:04
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 60


          ตลอดทางที่กลับมายังที่บ้านของสิทธิ์ เด็กหนุ่มได้แต่นึกบ่นก่นด่าตัวเอง ทั้งที่เตือนตัวเองตั้งไม่รู้กี่รอบว่าต้องระวังเวลาคุยกับฉัตรเข้าไว้ แต่สุดท้ายก็หลุดปากประจำ แถมยังเป็นเรื่องที่น่าอายบัดซบเป็นที่สุดอีกต่างหาก

          ถึงอีกฝ่ายจะยืนยันว่าจะไม่บอกใครก็เถอะ แต่จากประวัติที่ผ่านมามันน่าเชื่อไหมล่ะนั่น

          ยิ่งมาคิดว่า ถ้าเรื่องไปรู้ถึงคู่กรณี เขาแทบไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าวัฒน์จะรู้สึกอย่างไร ถึงการแสดงออกล่าสุดของวัฒน์จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นก็เถอะ แต่เขาก็อดหวั่นไม่ได้ว่าจะโดนแจกลูกอมรสตะกั่วเสียจริง ยิ่งคิดถึงตอนที่วัฒน์โกรธจะเป็นจะตายในวันที่ไปเล่นฟุตบอลกัน ความกลัวมันก็เพิ่มพูนทวีคูณจนทำเอาสั่นไปทั่งตัว

          กลัวที่โดนโกรธก็จริง...แต่ถ้าต้องโดนเกลียดละก็...

          เด็กหนุ่มสะบัดหัว ยังไงเสีย ต่อให้ฉัตรปากโป้งจนวัฒน์รู้แล้ว แต่ในเมื่อไม่ได้มีหลักฐานตำตาสักหน่อย ยังไงเขาก็หาทางแถไปได้อยู่แล้ว

          ทีแรกเนนึกว่าอาจจะต้องเจอหน้าศาสตร์เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้ว แต่พอรู้จากแมวว่าศาสตร์คุยงานเสร็จก็กลับไปตั้งนานแล้ว เขาก็นึกเสียดายเวลาที่ทำใจอยู่หน้าประตูบ้านเสียนานแสนนาน

          เด็กหนุ่มเดินขึ้นห้องนอนไปหลังจากเดินหาวัฒน์เสียทั่วบ้าน และก็พบหนุ่มใหญ่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้านใน

          “ทำงานอยู่หรือครับ” และไม่รู้ว่าเพราะเมื่อเช้าอีกฝ่ายเป็นคนออกปากว่าถ้ามีงานจะให้ตนช่วย เลยเผลอหลุดน้ำเสียงตัดพ้อออกมา

          “เปล่า ฉันแค่ดูว่าจะให้โค้กกับศาสตร์มาวันไหนเวลาไหนบ้างน่ะ คิดว่าคงไม่ได้ให้มาทุกวันหรอก คงแค่เอาที่จำเป็นๆเท่านั้น”

          นั่นไม่ใช่งานหรือไงล่ะครับ...โอ๊ย แต่อันนี้ตูก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า บ้าจริง!

          “...ครับ...” เด็ก หนุ่มตอบเสียงเบาหวิว สายตาก็ยังคงจับจ้องคนที่กำลังนั่งง่วนอยู่กับการเขียนตารางคร่าวๆ คำล้อของฉัตรที่ลอยขึ้นหัวทำเอาเนรู้สึกร้อนวูบขึ้นมา

          ‘ไม่ใช่สามี แล้วเป็นภรรยาเหรอจ๊ะ’

          ไม่ใช่สักหน่อย! ก็แค่เซ็กซ์!

          “คุณวัฒน์”

          คนที่กำลังนั่งจัดตารางเงยหน้ามองเด็กหนุ่มด้วยความสงสัย เนยืนอึกอักอยู่พักใหญ่ กว่าจะเอ่ยปาก

          “เสร็จจากงานนี้แล้วคุณว่างหรือเปล่าครับ”

          หนุ่มใหญ่ละจากเอกสารตรงหน้า ทีแรกก็ว่าจะตอบไปตามตรง แต่เห็นใบหน้าแดงเรื่อแล้ว จากที่รู้สึกเฉยๆ ก็เริ่มใจสั่นขึ้นมา

          ก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ใช่หรือ ทำไมถึงหน้าแดงละ

          “ก็ว่างอยู่นะ” วัฒน์ตอบตามตรง ยังคงตื่นเต้นไม่เลิก “มีอะไรหรือเปล่า”

          ซึ่งต่อให้ไม่ตอบ แต่ดูจากใบหน้าแดงเถือก และยืนอ้ำอึ้งอยู่เสียนาน เขาก็เริ่มเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

          “วันนี้ทำได้ไหมครับ”

          ถี่ไปแล้วนะเฟ้ย!!

          จะพูดไปก็กระไรอยู่ เพราะเอาเข้าจริงๆ เจ้าเด็กบ้านี่ก็ไม่ได้ปลดปล่อยออกมาเสียที แถมเมื่อวานเองวัฒน์ก็ดันไปลูบๆคลำๆคลอเคลียอีกฝ่ายเพื่อหวังดับอารมณ์ที่แล่นพล่านของตน แต่กลับได้ผลตรงข้ามแทนอีก พอได้ยินคำขอจากเน ไอ้เจ้าเบื้องล่างแสนดีก็ดี๊ด๊าขึ้นมาทันที

          “ตอนนี้เลยหรือ”

          “หลังคุณจัดตารางงานเสร็จก็ได้ครับ”

          วัฒน์ถึงกับคิดหนัก เพราะก่อนที่จะละมาคุยกับเน เขาก็ทำเสร็จแล้วนี่น่ะสิ

          เขาก็ไม่ได้อยากจะปฏิเสธหรอก เพราะถึงอย่างไรก็สัญญากับเนเอาไว้แล้ว แต่พอคิดถึงศาสตร์ที่เพิ่งมาสารภาพรักกับตนเมื่อกลางวัน เขาเองก็ชักไม่แน่ใจว่า ควรจะรักษาสัญญานี้ต่อไปหรือเปล่า แม้ความจริงในใจจะไม่อยากเอ่ยยกเลิกสัญญานี้เลยก็ตาม

          แต่ในเมื่อมีสิ่งที่เขาอยากจะแน่ใจ อารมณ์ก็มา และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ตกลงคบกับศาสตร์ เพราะงั้นทำไปก็ไม่ผิดหรอก

          “นาย...เอ่อ...ต้องเตรียมตัวก่อนหรือเปล่า”

          คนขอถึงกับเบิกตาโพลง เขายอมรับว่าที่โพล่งขอมีอะไรด้วยขึ้นมาเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของวัฒน์มัน กระตุ้มต่อมอยากเข้า อีกทั้งอยากจะพิสูจน์คำพูดบ้าบอว่าฉัตรว่าตนไม่ได้คิดอะไรกับวัฒน์นอกจาก เรื่องอย่างว่าเท่านั้น แต่พอเห็นอีกฝ่ายดูอ่อนโอนลงและไม่เหลือท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย ก็ทำเอาอารมณ์ที่วิ่งวุ่นอยู่ภายในมันแทบจะแหกโค้งออกมา...อารมณ์ที่ทำให้ เขาได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านและอยากจะกำจัดมันออกไปให้พ้นสักที

          วัฒน์สะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายจับไหล่ทั้งสองของตนแน่น แต่เนก็ไม่ได้รุกเข้าหาไปมากกว่านี้นอกจากจ้องเขา แต่นั่นก็มากเกินพอที่จะทำให้หนุ่มใหญ่ร้อนจนเหมือนเป็นไข้

          “ปะ...เป็นอะไร...”

          เนเพียงแต่อ้าปากค้างไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนี้

          เขาเกือบจะเข้าไปฟัดแล้ว แต่ยังดีที่ใบหน้าตื่นตระหนกของวัฒน์รั้งสติของตนเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงปล้ำกันบนโต๊ะทำงานแล้ว

          “คือ...ท่าทางผมคงทนไม่ไหวแล้ว” เนตอบตามความเข้าใจ เพราะในทางกายภาพ เขาก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “ทำเลยละกันนะครับ”

          วัฒน์รีบพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าเพราะรอมานานเหมือนกัน หรือเพราะกลัวท่าทางของอีกฝ่ายกันแน่

          “ถ...ถ้า งั้น...กะ...ก็ไปที่เตียงกันเถอะครับ...” เนว่าตะกุกตะกัก และเกิดนึกอายขึ้นมาที่ดันเอ่ยเชิญอีกฝ่ายเสียดิบดี แถมยังมีผายมือให้อีกต่างหาก

          “อ...อืม ...” แน่นอนว่าคนฟังก็เขินพอกัน เพราะทำตัวไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ ยิ่งอีกฝ่ายทำตัวสุภาพแล้วพูดดีด้วย ยิ่งทำเอาหัวหมุนตัวเกร็งไปหมด

          วัฒน์เดินเก้ๆกังๆไปนั่งลงตรงข้างเตียง ใบหน้าขึ้นสีเสียจนเนเองก็เห็น และนั่นทำเอาคนขอชักหัวหมุนจนอยากจะเป็นลมตาม

          ทำไมนะ ถึงกับผู้ชายจะแค่คุณคนเดียว แต่กับผู้หญิงเราก็ทำมาตั้งเยอะ ไม่เห็นจะรู้สึกตื่นเต้นมากขนาดนี้เลย

          เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย ก่อนจะเดินตามเข้าไป พยายามนึกถึงวัฒน์ในวันวาน หวังจะช่วยดับอาการตื่นเต้นนี่ลง

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยตอนที่โดนผลักให้นอนกับเตียง แต่ก็ไม่ได้โวยวายหรือต่อว่าอะไร...ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดด้วย เลยคิดว่านิดๆหน่อยๆก็หยวนๆกันไป ยังไงก็วินๆอยู่แล้ว

          “...อย่าดูดที่คอนะ ขอร้องเลย”

          เนชะงักก่อนจะนึกถึงคดีเก่า

          “ถ้าตรงนี้ละครับ”

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อโดนลิ้นอุ่นลากไปมาตรงแถวกระดูกไหปลาร้าและแถวโคนคอ ทำเอาเผลอหอบเสียงแรง

          “...ดะ...ได้มั้ง...ก็อย่าให้มันเห็นง่ายๆก็พอ...”

          สิ้นคำ หนุ่มใหญ่ก็ต้องสะดุ้งหนักกว่าเดิมเพราะโดดจูบดูดดุนเสียเต็มแรง เสียงลมหายใจถี่รัวดังหวังระบายอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นภายในไม่ให้ระเบิดออกมาในทีเดียว อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาไม่ต้องร้องครางด้วยเสียงน่าอายๆออกมาได้

          วัฒน์ตั้งท่าจะเอ่ยร้องห้ามเพราะกลัวอีกฝ่ายจะลืมสัญญาเมื่อครู่จนขึ้นมาถึงจุดที่ไม่ควรมา แต่ความรู้สึกวาบหวานที่แล่นพล่านทำเอานึกเสียดายหากจะต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้

          และก็โชคดีที่เนไม่ได้ล่วงล้ำไปยังอาณาเขตต้องห้ามตามที่วัฒน์สั่งแต่อย่างใด แม้เจ้าเด็กบ้านั่นจะทำเอาเขาหายใจไม่ทันก็ตาม

          “เดี๋ยว”

          พอเด็กหนุ่มผละออกมาปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง วัฒน์ก็เอ่ยรั้งขึ้น ทำเอาเนเผลอนิ่วหน้าออกมา

          “วันนี้...นายจะทำด้วยใช่ไหม”

          คำถามนั้นทำเอาคนฟังทำหน้าไม่ถูก

          “กะ...ก็ทำสิครับ ถามอะไรแบบนั้นล่ะ”

          “ก็ครั้งก่อนนายยังไม่ยอมทำเลยนี่หว่า แถมตั้งสองครั้งด้วย ฉันก็ต้องกลัวว่านายจะไม่ทำอีกสิ...ก็เราทำสัญญากันเพื่อนายใช่ไหมละ มาทำให้แต่ฉันคนเดียวแล้วมะ...มันไม่สบายใจน่ะ”

          ไม่สบายใจจริงๆนะเฟ้ย ไม่ได้ท้วงเพราะอยากให้แกมาทำฉันหรอกนะ...เออ ก็อยาก แต่ไม่ใช่หัวข้อหลักไง

          เนอ้าปากค้าง ก่อนจะหน้าขึ้นสีหนัก

          “คราวนี้ทำแน่ๆครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงค่อย แล้วก้มลงมองกระดุมเสื้อของวัฒน์ด้วยความอาย

          “ฉันไม่เชื่อ”

          คำตอบทำเอาคนฟังถึงกับเงยหน้ามองอย่างลืมตัว

          “ละ...แล้วจะให้ผมทำยังไงละครับ”

          “ก็ทำเลยไง”

          จากที่กำลังงงๆ ถึงกับเบิกตามองจนแทบถลน

          “กะ...ก็คราวก่อนนายก็พูดงี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ...แถมตั้งสองครั้งแล้ว จะให้ฉันเชื่อคำพูดลอยๆของนายได้ไง” วัฒน์ตอบเสียงสั่น ใบหน้าแดงไม่แพ้กับคนฟัง “เพราะงั้นก็ทำซะเลยสิ ไม่ต้องมาเสียเวลาโน่นนี่แล้ว”

          “แต่ว่าคุณ...”

          “ยังไงนายก็ไม่ได้กะจะหยุดแค่รอบเดียวอยู่แล้วนี่ ฉันจะกลัวนายปล่อยให้อารมณ์ค้างทำไม”

          แม้น้ำเสียงจะคล้ายเหมือนกำลังดูแคลน น่าแปลกที่ทำให้เนรู้สึกดีใจมากกว่า เพราะนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายโอเคถ้าเขาจะทำมากกว่าหนึ่งน่ะสิ

          “กะ...ก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนจะรีบเตรียมการทันที “เอ่อ...ขออนุญาตถอดนะครับ”

          โอ๊ย จะถามทำไมวะเนี่ย!! ทีเมื่อก่อนล่ะถอดเอาๆไม่เคยถามความสมัครใจกันซักคำ แถมพอแย้งมันยังจะเอาเข็มขัดมัดตูอีก อย่ามาอยู่ๆมีมารยาทกับตูเอาตอนนี้จะได้ไหมเนี่ย แค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดกับแกจะแย่อยู่แล้วนะโว้ย!!

          “กะ...ก็ถอดซะสิ” หนุ่มใหญ่ละล่ำละลักบอก คนยิ่งอายๆ เจอแบบนี้ยิ่งอายหนักกว่าเดิม

          เนพยักหน้าก่อนจะรีบทำตามอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เร็วผิดกับท่าทีลุกลี้ลุกลนเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ยังไม่ทันได้หายใจเข้าสุดปอด ป้อมปราการก็โดนปลดจนหมดสิ้นแล้ว

          “มองอะไร” วัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องมองส่วนล่างของตนไม่วางตา “มีอะไรผิดปกติหรือไง...ก็นายปะ...ปลุกอารมณ์ฉัน มันก็ต้องตั้งขึ้นสิวะ”

          “กะ...ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนี่ครับ” เนตอบกลับตะกุกตะกักไม่แพ้กัน “งะ...งั้นขอใส่เลยละกันนะครับ”

          ฉันจะเริ่มไม่อยากทำเพราะแกเอาแต่ขออนุญาตนี่แหละ ไอ้เด็กบ้านี่ ถ้าแกอายแกจะมาถามให้อายเองทำไมวะ ฉันเองก็อายเหมือนกันนะโว้ย

          “ทำเหมือนที่เคยๆทำเถอะ ไม่ต้องถามโน่นนี่หรอก” แต่เพราะไม่อยากจะขึ้นเสียงให้เสียอารมณ์กัน เลยได้แต่บอกอ้อมๆไปแทน และดูท่าทางคนฟังเองก็จะรู้ตัวเช่นกัน

          “อ๊ะ...” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อโดนนิ้วเรียวที่ชุ่มด้วยสารหล่อลื่นไหลเข้ามาภายใน ซึ่งแลดูอีกฝ่ายจะรีบอย่างที่ตนว่า ถึงได้เข้ามาเสียเร็วจนไม่ปล่อยให้เขาได้ทำใจ แถมยังควานไปควานมาจนเขาเตลิดไปหมด “อึก...อื๊อ”

          เนอ้าปากหมายจะถาม แต่ก็หยุดปากไว้เพราะกลัวจะโดนค้อนมองเหมือนเมื่อครู่อีก ในเมื่ออีกฝ่ายบอกให้ทำเหมือนที่เคยทำ เขาเลยจัดการต่อโดยไม่สนเสียงร้องครวญครางและท่าทีคล้ายจะเป็นจะตายของอีกฝ่าย เพราะคิดว่าถ้าวัฒน์ไม่ยอมจริงๆ เดี๋ยวก็เอ่ยห้ามเขาเอง

          พอทุกอย่างพร้อม เด็กหนุ่มก็จัดการทำตามที่อีกฝ่ายต้องการทันที!

          “เป็นอะไร...”

          วัฒน์มองเจ้าเด็กที่รุกเข้ามา แต่ยังไม่ทันจะเข้ามาถึงกลางลำก็ดันถอยกลับแล้วหนีไปนั่งหันหลังให้อยู่ที่ปลายเตียงด้วยความเร็วสูง

          “...อ๋อ พอดีถุงยางมันขาดน่ะครับ”

          วัฒน์ถึงกับนิ่วหน้า ก็ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลย ทำไมถึงได้ขาดเสียล่ะ

          แต่ถึงจะสงสัยก็ไม่ได้ถามอะไรนอกจากพยักหน้าให้แล้วรออีกฝ่ายเงียบๆแทน...ซึ่งนั่นทำให้เนรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด

          ก็จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่ายังไม่ทันได้เข้าสุดลำก็เสร็จไปซะแล้วเนี่ย!

          เนก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะนี่ก็นานมากแล้วที่ตนไม่ได้ปลดปล่อย แถมเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของวัฒน์ก็ทำเอาเขาตื่นเต้นเสียจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อะไรๆถึงเลยเถิดไปเสียจนห้ามไม่อยู่แบบนี้

          เด็กหนุ่มพยายามปลุกปล้ำตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากเสียเวลา และไม่อยากจะให้วัฒน์รู้ว่าตนเองเสร็จตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้

          “เอ่อ ขอโทษนะครับ...” เสียเวลาไปร่วมห้านาทีกว่าจะกลับมาเดินเครื่องต่อได้

          แม้จะสงสัยว่ากับไอ้แค่ใส่ถุงยางใหม่ทำไมถึงได้ใช้เวลานานนัก แต่เห็นเจ้าเด็กบ้านั่นหันมาหาด้วยใบหน้าเอียงอายนั่นแล้ว ก็ได้แต่กลืนคำถามลงคอแล้วพยักหน้าให้แทน

          “อึก...” เสียงทุ้มต่ำครางออกมาเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาด้านในจนสุดตัวทันที และเริ่มขยับเข้าออกแบบไม่ถามไถ่อะไรอีก “อื๊อ”

          แม้ความเสียวซ่านที่แล่นปลาบจะทำเอาแทบคลั่ง แต่หนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ร้องห้ามหรือประท้วงใส่อีกฝ่ายแต่อย่างใด เขาเพียงแค่กำผ้าปูเตียงเพื่อระบายอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในกายแทน

          “อ๊ะ”

          เพียงไม่นาน อารมณ์ที่สุมอยู่ในกายก็ทะลักออกมา เสียงครางต่ำดังลอดออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว ร่างกายกระถดหนีและดันร่างของอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ แต่โดนเด็กหนุ่มขืนบังคับจับตัวเอาไว้ และยังคงขยับตัวไม่หยุด

          “ฮะ...ฮื้อ...อึก” เสียงครางสลับกับเสียงหอบกระเส่าดังเร่าๆ มือทั้งสองที่พยายามดันเนออกเริ่มกำขยำเนื้อและจิกลงบนแขนขาวของเด็กหนุ่มจนเป็นรอยแดง

          เนกระตุก เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด เขามองคนที่นอนอยู่ด้านล่างที่ทำท่าจะเป็นจะตาย แต่สุดท้ายกลับไม่เอ่ยห้ามปรามหรือร้องโวยวายสักแอะ ทำเอาอดแปลกใจไม่ได้

          ทั้งยังมองกลับมาด้วยสายตาดูเว้าวอนออดอ้อนเสียจนเด็กหนุ่มถึงกับร้อนไปหมด

          “อ๊ะ”

          วัฒน์สะดุ้งเมื่อเด็กหนุ่มโน้มหน้าเข้าลงพรมจูบเข้าที่ซอกคอ และยังคงรักษาสัญญาก่อนหน้าเสียเป็นอย่างดี...

          “อ๊ะ...อื๊อ!!”

          แต่ความรุนแรงนี่แทบจะฉีกเข้าเป็นชิ้นๆเลยทีเดียว

          “อ๊า...อึก...” แม้อยากจะร้องห้ามแทบขาดใจ แต่ท้ายที่สุดกลับทำแค่ครางกระเส่าดิ้นเร่าๆอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม ปล่อยให้อารมณ์เปิดเปิงเสียจนคุมไม่อยู่แทน เพราะถึงจะแข็งขืนไป อีกฝ่ายก็สามารถควบคุมตนเอาไว้ได้อยู่แล้ว

          “...คุณวัฒน์…”

          เสียงแหบพร่าของเด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่ออยู่ข้างหู ก่อนจะกัดเข้าที่ไหล่ของหนุ่มใหญ่เสียเต็มแรง ในที่สุดทำนบแห่งอารมณ์ก็พังลงอีกหน หลังจากทำให้อีกฝ่ายเสร็จไปก่อนเสียสามรอบ

          “ยังไหวไหมครับ”

          จากที่กำลังหอบเอาแรง วัฒน์ถึงกับถลึงตาใส่อย่างลืมตัว...โอเค เขาอาจจะเสร็จนำไปหลายที แต่เจ้าเด็กบ้านี่มันก็เพิ่งครั้งเดียว(ซึ่งจริงๆก็คือสองครั้ง) จะขอต่อก็ไม่แปลก ซึ่งที่จริงเขาก็ยังพอจะต่อไหวอยู่

          แต่ถ้าตอบรับง่ายๆเขาก็ไม่ได้พิสูจน์ในสิ่งที่อยากรู้น่ะสิ

          “เอ่อ...ไม่ไหวแล้ว...” หนุ่มใหญ่ตอบลองเชิงไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

          “งั้นหรือครับ...ถ้าอย่างนั้นไว้วันอื่นก็ได้”

          วัฒน์ถึงกับเลิกคิ้วมอง

          “แล้วนายทนได้หรือ”

          คราวนี้คนที่คิ้วผูกเป็นโบว์กลายเป็นเด็กหนุ่มแทน

          “กะ...ก็ปล่อยออกไปแล้วนี่ครับ ทำไมจะทนไม่ได้” เขาเกือบจะหลุดปากเรื่องจำนวนครั้งที่มากกว่าหนึ่งไปแล้ว “คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะลักหลับคุณเพราะทนไม่ได้อะไรแบบนี้หรอก ผมปลดปล่อยแล้ว ไม่ทำแน่”
         
          “งั้นหรือ...” ได้ยินอีกฝ่ายพูดแล้วชักเริ่มกลัวขึ้นมาตงิดๆ “...ถ้างั้นก็...พอแค่นี้นะ...”

          เด็กหนุ่มพยักหน้าให้แทน

          “เอ่อ...” ก่อนที่เนจะลุกไปยังห้องน้ำ วัฒน์ก็เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงลนปนตื่นๆ “ฉัน...ถามอะไรหน่อยได้ไหม...”

          “ครับ?”

          “คือ...สัญญานี่เราทำเพราะนายจะได้ไม่หน้ามืดไปปล้ำใครใช่ไหม”

          เนพยักหน้าที่เริ่มแดงเรื่อให้

          “....ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่เห็นจะต้องคิดถึงเรื่องที่ว่าฉันจะเสร็จหรือไม่เสร็จเลยนี่...ใช่ไหม”

          เด็กหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องที่เขาไม่ทันคิดถึงเลยสักนิด

          นั่นสิ ถ้าแค่เพราะตัวเอง เราจะทำให้เขาไปทำไม...แถมไม่ใช่แค่ทำให้...แต่ยังอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกดี เหมือนกับตัวเองอีก...ทั้งที่มันก็ไม่ได้จำเป็นแท้ๆ

          ไม่สิ...

          “ผมว่ามันคงน่าเกลียดมาก ถ้าผมจะเสร็จอยู่คนเดียวทั้งที่คุณต้องมาเสียเวลาให้ผม” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเบา “อะ...อีกอย่าง เห็นแบบนี้แต่ผมทำให้คู่นอนมีความสุขทุกคนนะครับ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ไม่มีปล่อยให้อารมณ์ค้างแน่นอน!!”

          ประโยคหลังพูดเสียเร็วและดังจนเกือบตะเบ็ง ทำเอาคนฟังได้แต่เลิกคิ้วมองกับพฤติกรรมประหลาดนั่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้คำตอบที่ชัดเจนพอแล้ว

          นายนอนกับฉันแค่เพราะเซ็กซ์เท่านั้นจริงๆสินะ


______________________________________
ช่วงเข้าสู่โหมดดราม่าเบาๆ (?) เมื่อเนเรายังซึนไม่เลิก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 60 (04/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-10-2015 11:23:23
 :z3: :z3: ก็ซึนซะอย่างนี้ จะไปไหนได้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 60 (04/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 04-10-2015 12:45:02
โอ๊ยยย อ่านตอนนี้แล้วทั้งฟินทั้งขำ 55555
แต่พอเจอประโยคสุดท้ายปุ๊บ เวรรร ไหงกลายเป็นยังงี้ไปได้เนี่ยยย -O-"
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 60 (04/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 04-10-2015 19:48:19
 :katai4:โถ่~ ดับเบิ้ลซึนเลยนี้หว่า ระวังนะเน เดี๋ยวอาวัฒน์จะหนีไปมีแฟนนนน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 60 (04/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 05-10-2015 23:28:03
ถ้าเนยังทำตัวแบบนี้ ระวังศาสตร์จะแย่งคุณวัฒน์ไปก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 61 (07/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 07-10-2015 08:24:14
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 61


          “รอด้วยครับ”

          เนร้องเสียงตื่นก่อนจะหอบแฟ้มเอกสารตามลงมาหาสิทธิ์กับวัฒน์ที่ยืนรออยู่หน้าบ้านใกล้กับรถเบนซ์สีบรอนซ์เทาที่จอดรออยู่

          “เฮ้ย ไม่ต้องรีบน่า เดี๋ยวก็ช้าลงกว่าเดิมหรอก” สิทธิ์ว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายแทบจะเหาะมาทางตนจนเกือบจะล้มหน้าคะมำ “เอามาวางนี่เลย”

          เด็กหนุ่มเปิดประตูรถด้านหลังและนำเอกสารไปวางไว้ตามคำสั่งเจ้านาย ก่อนจะรีบไปนั่งยังข้างคนขับทันที

          “ขอโทษนะครับ” เนเอ่ยเสียงเบาก่อนจะลอบมองคู่สนทนาด้านข้างที่นั่งนิ่งเสียจนดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

          “ไม่เป็นไรหรอก ก็อย่างที่คุณสิทธิ์ว่า อีกอย่าง เดี๋ยวจะเจ็บตัวเอาเปล่าๆอีก”

          เนมองวัฒน์ ที่ออกรถไปโดยไม่พูดอะไรต่ออีก ใบหน้าของหนุ่มใหญ่ดูนิ่งเรียบ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ว่ามันต่างจากเมื่อก่อนเยอะ เพราะมันไม่มีความรู้สึกด้านลบออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

          ถึงจะบอกว่ายอมรับเราแล้วก็เถอะ…

          แม้ท่าทีที่เปลี่ยนไปของวัฒน์จะทำเอาเขารู้สึกดีเอามากๆ แต่ในทางกลับกัน ก็ทำให้เข้ารู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งในตอนนี้เอง วัฒน์ยิ่งดูทั้งแปลกและน่ากลัวสำหรับเขา

          ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือเย็นชาใส่แท้ๆ…ทำไมเราถึงกลัวล่ะ

          เด็กหนุ่มพยายามปัดความคิดไม่เป็นเรื่องออก ก่อนจะกลับไปสนใจกับเรื่องที่ควรจะสนใจกว่าในวันนี้ ซึ่งเป็นวันประชุมผู้ถือหุ้น อันที่จริงมันก็ไม่ใช่งานเคร่งเครียดอะไรนัก ยกเว้นแต่ว่าคนที่จะไปเจอนี่ล่ะ แถมจะยังคนที่ขับรถตามหลังพวกตนมาอีกต่างหาก

          “เอ่อ…ต้องพากันมาขนาดนี้เลยหรือครับ”

          วัฒน์มองสิทธิ์จากกระจกหลัง ใบหน้าของเจ้านายหนุ่มดูสงสัยและเป็นกังวล ซึ่งก็ไม่แปลกใจนัก เพราะนอกจากเขากับเน ยังมีโค้กกับศาสตร์ที่ขับรถตามหลังมาด้วย

          “ได้ข่าวจากฉัตรว่ามีคนวางแผนลอบทำร้ายคุณอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูกลุ่มไหน แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าน่ะครับ” แม้ใจจริงอยากจะบอกใจจะขาด แต่รู้ว่าบอกไปสิทธิ์ก็คงจะหัวเราะใส่เอาเปล่าๆ เลยบอกอ้อมๆไปแทน “ถึงจะไม่ชอบยังไง แต่ช่วงนี้รบกวนอย่าไปไหนมาไหนโดยไม่มีพวกผมดีกว่านะครับ”

          สิทธิ์แบะปากเหมือนจะค้าน แต่กลับพยักหน้าให้ เล่นเอาเนที่นั่งหวั่นกลัวคุณชายจะดื้อดึงถึงกับแปลกใจ

          “ครับ อาก็ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”

          เนลอบมองวัฒน์ก่อนจะถึงบางอ้อ เพราะวัฒน์ในตอนนี้ดูเคร่งเครียดและออกอาการกลัดกลุ้มเสียชัดเจน จนไม่แปลกใจที่สิทธิ์จะยอมลงง่ายๆ

          เพียงไม่นานก็มาถึงบริษัทอย่างปลอดภัย ทันทีที่วัฒน์จอดรถตรงหน้าบริษัทเพื่อให้สิทธิ์ขึ้นตึกไปก่อน เนก็ออกไปหอบเอกสารจากหลังรถทันทีอย่างรู้หน้าที่

          “นี่”

          แต่ก่อนที่จะได้หยิบจนครบ วัฒน์ก็เอ่ยเรียกเด็กหนุ่มขึ้นด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะเรียบนิ่ง แต่เป็นกังวลเอาการ

          “ฝากดูแลคุณสิทธิ์ด้วยนะ”

          “ครับ”

          วัฒน์มองหน้าเด็กหนุ่มก่อนจะผงกหัวให้ และเพียงแค่นั้นก็ทำเอาเด็กหนุ่มแทบตัวลอย

          “ดีใจด้วยนะ”

          เนหันไปมองเจ้านายหนุ่มที่เอ่ยยินดีให้ในขณะที่กำลังอยู่ในลิฟท์เพียงสองคน และแม้จะไม่พูดอะไร เขาก็เข้าใจในสิ่งที่สิทธิ์พูด

          “ฉันดีใจนะที่อาวัฒน์ยอมรับนายสักที” สิทธิ์ว่าต่อพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก “ฉันล่ะเสียวแว้บเลยตอนนายทำให้อาวัฒน์โกรธถึงสองครั้งสองคราวน่ะ ปกติอาแกไม่ค่อยจะยกโทษให้ใครง่ายๆด้วย โชคดีนะเนี่ย”

          “งั้นหรือครับ” เนหัวเราะเสียงแห้ง เพราะความกังวลประหลาดในใจยังคงวนเวียนไม่เลิก “นี่ถือว่าดีแล้วใช่ไหมครับ”

          “เอ้า พูดแบบนี้คืออยากให้อาวัฒน์เขาหงุดหงิดใส่นายหรือไง”

          “ไม่ใช่นะครับ” เนตอบเสียงตื่น ก่อนจะเดินตามสิทธิ์ออกจากลิฟท์ไปยังทางเดินยาวในอาคาร “คือมันก็ดี...แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้น่ะครับ...เหมือนคุณวัฒน์เขากำลังฝืนๆแล้วก็ดูเหมือนเสียใจอะไรอยู่ชอบกล”

          สิทธิ์หันกลับมามองหน้าคู่สนทนาก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิด “ก็จริงของนาย...แต่อาจจะเพราะกลุ้มเรื่องศัตรูอยู่มั้ง...เห็นพูดๆอยู่นี่ คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก”

          เนมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะนึกเห็นด้วย แล้ว ก็นึกอารมณ์เสียขึ้นมาที่สิทธิ์นั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรบ้างเสียเลย และแม้จะอยากบอกแทบตาย แต่การที่วัฒน์ไม่พูดถึง เขาเลยคิดว่า ถ้าไม่ควรพูด ก็คงพูดไปแล้วแต่สิทธิ์คงไม่ฟัง

          “คุณสิทธิ์สนิทกับคุณเดชหรือครับ”

          และปากของตนก็ยังพลั้งง่ายเสียทุกที

          “นายรู้จักอาเดชด้วยหรือ” คู่สนทนาถึงกับเลิกคิ้ว “ถ้าถามว่าสนิทไหม ก็สนิทอยู่นะ...นายถามไปทำไมหรือ”

          “แค่สงสัยเฉยๆน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเอ่ยลองเชิง “...เห็นดูคุณวัฒน์ไม่ค่อยจะถูกกับเขาเท่าไหร่...”

          “อา...นั่นสินะ แต่เมื่อก่อนเขาสนิทกันนะ” สิทธิ์ว่าพลางทำท่านึก “...เดี๋ยวค่อยพูดละกัน”

          เนมองประตูไม้สีน้ำตาลแก่ที่เปิดออกมา ด้านในเป็นห้องประชุมที่มีโต๊ะไม้สีเดียวกันทรงรีขนาดใหญ่ราวสามสิบคนนั่ง ตั้งอยู่กลางห้อง มีคนนั่งอยู่ราวยี่สิบกว่าคนในนั้นแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้สูงอายุ จะมีรุ่นพอๆกับสิทธิ์อยู่สามสี่คน...แต่หนึ่งในนั้นที่ว่า กำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะด้วยอากัปกิริยาที่ทำเอาคนอื่นๆพากันหนีไปนั่งฝั่งตรงข้ามกันหมด

          เนก็พอจะรู้จากวัฒน์ว่าประชุมในครั้งนี้เป็นประชุมผู้ถือหุ้น แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมไอ้คนที่ไม่ถูกกันถึงได้มีหุ้นร่วมกับบริษัทกันได้เนี่ย...แถมไม่ใช่แค่ของบริษัทสิทธิ์ แต่ดันมีหุ้นร่วมกันในบริษัทอื่นอีกตั้งหลายที่...มีประชุมผู้ถือหุ้นที คนร่วมประชุมก็ได้บริหารกล้ามเนื้อหัวใจกันที อย่างเช่นในเวลานี้เป็นต้น

          “โทษทีนะครับไอ้คุณวิน ได้ข่าวว่ายังไม่แก่นี่ครับ ลืมไปแล้วหรือว่าที่นั่งตัวเองอยู่ตรงไหน” และมาถึงสิทธิ์ก็ใส่ด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลแต่คนฟังชวนผวาว่าจะเกิดศึกกลางห้อง ประชุม รวมถึงเนที่พยายามทวนนึกถึงสิ่งที่วัฒน์เตือนตน หากสิทธิ์กับวินมีเรื่องกันจริงๆ

          วินซึ่งนั่งหน้าเหี้ยมหันกลับมามองสิทธิ์ที่ยืนค้ำหัวอยู่ ท่าทางหงุดหงิดและไม่ยิ้มกลับแม้แต่นิดเดียว ทำเอาเนอดกลัวไปด้วยไม่ได้ หนุ่มแว่นไม่ได้โต้ตอบกลับแต่อย่างใด นอกจากยืนประจันหน้ากับสิทธิ์ ดวงตาคมวาวโรจน์ไปด้วยเพลิงพิโรธเสียจนแม้แต่คนที่ดูจะไม่ได้กลัวเกรงอย่างสิทธิ์ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความข้องใจและเกิดหวั่นขึ้นมา เพราะถึงจะเหม็นขี้หน้ากันอย่างไร ก็ไม่เคยแสดงอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกันอย่างนี้

          “ยังจะกล้าแบกหน้าหนาๆนั่นมาเจอฉันอีกเรอะ” วินเอ่ยเสียงต่ำ มือกำหมัดแน่น แต่ก็ไม่ยักจะพุ่งใส่สิทธิ์สักที ทำเอาคนมองพากันลุ้นระทึกตัวโก่ง และแอบหนีไปรวมกันอยู่ที่ด้านในห้องจนหมด...ซึ่งถ้าทำได้ก็อยากจะหนีออกจากห้องประชุมกันเหลือเกิน ติดแค่ว่าต้องผ่านสิทธิ์กับวินนี่แหละ “เฮอะ ก็คิดอยู่แล้วว่าคนอย่างแกมันก็เป็นได้แค่ไอ้หมาลอบกัดนั่นละวะ”

          “หา เมากาวเรอะไงวะ พูดบ้าอะไรของแก” สิทธิ์ขึ้นเสียงด้วยความฉุนเฉียวที่โดนกล่าวหา

          “ยังจะทำเป็นโง่อีก” หนุ่มแว่นเองก็ตะเบ็งเสียงหนักไม่แพ้กัน ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ทำเอาเนเริ่มลนลานเพราะกลัววินจะเข้าไปชกสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ชกอย่างที่หวาด วินเพียงแค่หยิบซองสีน้ำตาลขนาดเท่าโปสการ์ดออกมาจากเสื้อสูทสีกรมท่า แล้วโยนใส่สิทธิ์เพียงเท่านั้น “หลักฐานคามือขนาดนี้ มีอะไรจะแก้ตัวอีกวะ ไอ้หมาสิทธิ์”

          เจ้าของชื่อเพียงแต่นิ่วหน้าก่อนจะฉีกซองในมือ ด้านในเป็นกระดาษขาวที่มีขนาดเล็กกว่าซองนิดหน่อย และเขียนด้วยตัวหนังสือเต็มไปหมด และเมื่ออ่านเสร็จ สิทธิ์ก็เก็บกลับเข้าเสื้อสูทของตน

          “ฉันไม่รู้เรื่อง”

          เนรีบพุ่งเข้าไปหมายจะขวางด้วยความตกใจ แต่โดนเจ้านายยกมือห้ามไว้เสียก่อน

          “ยังจะกล้าพูดแบบนั้นอีกเรอะ” น้ำเสียงทุ้มกระชากใส่พร้อมกับมือทั้งสองที่กำคอเสื้อของสิทธิ์เอาไว้แน่น “ขนาดนี้แล้ว แกยังจะหน้าด้านไม่ยอมรับอีกเรอะ”

          “ก็ฉันไม่ได้ทำ แล้วจะให้รับทำมะเขืออะไรวะ” สิทธิ์เองก็ใช้น้ำเสียงไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก ก่อนจะปัดมือวินออกไป “ถ้าฉันทำ ฉันก็บอกว่าทำแน่ แต่ฉันไม่ได้ทำ...และกับเรื่องพรรค์นี้ฉันก็ไม่มีทางทำแน่”

          วินกัดฟันกรอด ดูอย่างไรก็เหมือนไม่เชื่อคำพูดของสิทธิ์อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่อาจหาหลักฐานใดๆมาค้านได้ก็เท่านั้น

          แต่ก่อนที่จะได้เค้นคอกันไปมากกว่านี้ เสียงประตูที่เปิดออกก็ทำเอาทั้งคู่หันไปมอง วินถึงกับมุ่นหน้าหนักเมื่อเห็นคนที่เข้ามาเป็นวัฒน์ ท่าทางเหมือนกำลังคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วกลับไปนั่งที่ของตนอย่างจำใจแทน

          หนุ่มใหญ่เอ่ยถามสิทธิ์และเนด้วยสายตา ซึ่งสิทธิ์ก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ในขณะที่เนทำท่าเหมือนอยากจะบอกอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ได้เพราะสิทธิ์อยู่

          “...ถ้างั้นนายไปรอข้างนอกนะ ขอบใจมาก” วัฒน์บอกเนก่อนจะพยักหน้าไปทางประตู แม้จะยังไม่แน่ชัด แต่วัฒน์ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยเขาก็รู้จักวินนานและดีพอที่จะรู้ว่า หนุ่มแว่นไม่ได้อารมณ์เสียเพราะปะทะคารมกับสิทธิ์อย่างเคยแน่

          “จะไม่เป็นไร...ใช่ไหมครับ” เนื่องจากยังไม่วางใจ บวกกับเห็นไฟที่ยังลุกท่วมตัววิน แถมผู้ร่วมประชุมเองก็ยังหวาดหวั่นไม่เลิก เนเลยอดกังวลไม่ได้

          “ไม่เป็นไรหรอก...คิดว่านะ” แม้แต่วัฒน์เองก็ไม่อาจให้ความมั่นใจได้ “แต่ถ้าเกิดเรื่องจริงๆ วิ่งออกไปเรียกโค้กกับศาสตร์มาก่อนเลย”

          แม้จะไม่พอใจเล็กๆ แต่เด็กหนุ่มก็ทำแค่พยักหน้า ก่อนจะออกไปรอด้านนอกห้องประชุมแต่โดยดี

          “ไฮ ไอ้หนู”

          แต่แทนที่จะเจอโค้กกับศาสตร์ที่ควรจะนั่งรออยู่บนเก้าอี้รับแขกที่อยู่ไม่ห่างจากห้องประชุม เขากลับเจอเจ้าลุงร่างยักษ์หน้าเป็นแทนเสียนี่

          “คุณ...มาได้ยังไง...” เนว่าพลางมองสภาพเหมือนยังไม่ตื่นดีของอีกฝ่าย ไม่เข้าใจเลยว่ารปภ.ให้ขึ้นตึกมาได้ยังไง ผมเผ้าก็ไม่หวี เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่อย่างกับเพิ่งหยิบออกมาจากตะกร้าผ้า

          “เอ้า ทำไมฉันจะมาไม่ได้ละจ๊ะ” ฉัตรย้อนถามพลางยักไหล่ “พอดีงานฉันอยู่แถวนี้น่ะ เลยต้องมา”

          และไม่ต้องสงสัยนานเมื่อมองไปยังทางที่ฉัตรชี้ไป เนถึงกับหน้ายุ่งเมื่อเห็นเดชเดินระรื่นผ่านพวกเขาเข้าไปยังห้องประชุมอีกคน ไม่วายยังยิ้มให้กับฉัตรอีกต่างหาก แต่อีกฝ่ายเองก็ปั้นหน้าเป็นให้พอกัน

          “หมอนั่นก็ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกคนน่ะนะ เพราะงั้นฉันเลยต้องอดนอนแล้วมาที่นี่ด้วยไงล่ะ” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ว่าพลางหาวหวอด “ก็ถือว่าประจวบเหมาะพอดี พวกเราอยู่กันเยอะขนาดนี้ มันคงไม่กล้าลงมือหรอก”

          “แล้วคุณโค้กกับคุณศาสตร์ไปไหนเสียละครับ”

          “อ๋อ ถ้าเป็นไอ้หนูโค้ก ฉันใช้ให้ไปซื้อบุหรี่น่ะ”

          เนถลึงตาใส่ ขนาดว่าศัตรูเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างตัวสิทธิ์เนี่ยนะ!

          “แต่ไอ้หนูศาสตร์ฉันให้ไปเฝ้าระวังแถวลานจอดรถโน่น” ฉัตรรีบพูดก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้เปิดปากต่อว่าตน “แหมๆ ห่วงคุณสิทธิ์ หรือห่วงคนอื่นล่ะจ๊ะ”

          “ก็ต้องคุณสิทธิ์อยู่แล้วสิครับ” เนว่าเสียงตื่น และก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนต้องลนลานกับคำถามนั่นด้วย “เลิกแหย่ผมได้แล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณวัฒน์สักหน่อย”

          “จ้า เอาที่สบายใจเลยจ้า” คุณลุงยังคงหยอกไม่เลิก “เออ จะว่าไป ได้ยินว่าเดี๋ยวเสร็จประชุมต้องขับออกนอกกรุงเทพด้วยนี่”

          ฟังแล้วเนถึงกับหน้าซีดราวกับเกิดเรื่องไปแล้ว ทำเอาคนมองเผลอเลิกคิ้วขึ้น

          “ถ้าไม่ติดว่าต้องขับให้เร็วกว่าที่คุณวินจะไปถึงก่อนก็คงดีกว่านี้น่ะครับ”

          ฉัตรถึงกับตีหน้าแหยงใส่ “เดี๋ยวสิ หมายความว่าไง”

          “เห็นคุณวัฒน์บอกว่าที่ดินที่คุณสิทธิ์จะไปซื้อ คุณวินเองก็เล็งไว้เหมือนกันน่ะครับ...แล้วคุยกับเจ้าของเรื่องราคากันไปมา ก็ไม่ยอมตกลงกันสักที จะเพิ่มราคาแข่งก็ไม่ยอมกัน ยืนกรานจะเอาราคาเดิมที่เท่ากัน ไปๆมาๆเจ้าของที่เขาเลยปวดหัว บอกว่าวันนี้ใครมาหาเขาก่อนก็ขายให้คนนั้นเลยน่ะครับ”

          “ไม่แปลกใจเลยแฮะ” ฉัตรหัวเราะเสียงแห้ง “เอาเถอะ สองคนนี้ก็ไม่ยอมกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ถ้าจะสู้กันแบบปกติ คงจะไม่ต้องปวดหัวกันหรอก”

          ข้อนี้ เนเห็นด้วยอย่างยิ่ง

____________________________


หากใครเคยอ่านเรื่องรัก SMฯ มาก่อน อาจจะเดาได้แล้วว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น (ฮา) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น (?) ใจความหลักคืออะไรนั้น...โปรดติดตาม / อย่าถีบหนู =[]=!


หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 61 (07/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 07-10-2015 14:04:18
 :ruready เหอๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 61 (07/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-10-2015 19:49:03
แล้วประเด็นมันคืออาร๊ายยยยยยย  :z3:  :z3: กลับมาต่อก่อน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 62 (10/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 10-10-2015 12:21:11
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 62


          เนนั่งนิ่งมองถนนที่ผ่านตาไปเร็วเสียจนน่ากลัว ที่เขาทำท่าหวาดหวั่นกระสับกระส่ายไม่ใช่เพราะความเร็วของรถที่เหยียบเกือบมิด แต่เพราะต้องระวังภัยที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และยังรังสีแห่งความไม่ยอมแพ้ของคุณชายที่แผ่ออกมาที่กดดันเขาจนอยู่ไม่สุข และวัฒน์เองก็เช่นกัน แม้มองเผินๆจะเหมือนวัฒน์ดูนิ่งมากก็ตาม แต่เหงื่อที่ไหลลงมาตามขมับทั้งที่แอร์ในรถเย็นเฉียบ บอกให้รู้ว่าหนุ่มใหญ่เองก็วิตกกังวลเหมือนกัน

          “ผมว่า...เราช้ากว่านี้ดีไหมครับ เดี๋ยวคุณโค้กกับคุณศาสตร์จะตามไม่ทันเอานะครับ...” เนถามเจ้านายที่นั่งข้างตนอย่างเป็นกังวล

          “ไม่ได้” สิทธิ์เอ่ยเสียงเฉียบ “ถ้าไอ้หมาวินมันอยู่บนถนนเดียวกันฉันจะไม่ว่า แต่มันไปอีกทาง เราไม่รู้ว่ามันไปถึงไหนแล้ว เพราะงั้นห้ามลดความเร็วเด็ดขาดนะอาวัฒน์”

          “ครับ...” เสียงทุ้มตอบอย่างปลงตก ใจจริงอยากจะลดความเร็วลงสักหน่อย จะได้คอยวางใจและระวังสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะโจมตีเข้ามาได้

          แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่เคราะห์มันพุ่งมาหากันตรงหน้า แบบไม่ต้องให้เสียเวลาหันมองข้างเลยทีเดียว

          อยู่ๆ วัฒน์ก็เหยียบเบรกกะทันหัน ทำเอาคนนั่งหลังเกือบหน้าทิ่มเบาะ แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เสียงระเบิดของยางรถก็ดังลั่นพร้อมกับรถที่ยังไม่ทันจะหยุดดีหมุนวนไปหลายรอบจนเวียนหัว

          “บ้าเอ๊ย” วัฒน์สบถก่อนจะหันมาข้างหลังด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “ระเบิด!”

          แม้จะยังมึนงงกับแรงกระแทก แต่พอได้ยินหนุ่มใหญ่ตะโกน แต่ละคนก็พากันหนีออกมาจากรถทันที

          เสียงระเบิดดังลั่นจนหนวกหู แต่ละคนกระเด็นกระดอนไปกันคนละทิศละทางไปเสียไกลเพราะแรงจากระเบิด พอลุกขึ้นจากพื้น วัฒน์ก็หรี่ตามองรถที่กำลังไหม้เป็นจุลจากระเบิด ซึ่งโชคยังดีที่ระเบิดไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่นัก ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจปลอดภัยทั้งที่มีเวลาหนีเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเป็นแน่

          หนุ่มใหญ่มองไปทางรถที่ตามมาซึ่งเป็นรถของโค้กกับศาสตร์ รถจอดทิ้งไว้โดยที่ประตูรถเปิดอยู่ ไร้วี่แววของทั้งสอง ซึ่งวัฒน์ก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไล่ตามคนร้ายไปแล้ว

          “คุณสิทธิ์” เสียงทุ้มดังลั่นไปทั่ว พอเห็นสิทธิ์นอนนิ่งอยู่ที่ในพงหญ้าข้างทาง วัฒน์ก็ลนลานหน้าตื่นเข้าไปหาทันที “คุณสิทธิ์!”

          “ยังไม่ตายครับ...” แม้จะหัวแตกและยังนอนฟุบ แต่ก็ยังสามารถพูดเล่นได้จนวัฒน์ถลึงตาใส่ “ผมไม่เป็นอะไรหรอก ไปดูไอ้เนเหอะ”

          “ยังอยู่ดีครับ...”

          ทั้งสองหันไปมองเจ้าของเสียงที่ลากสังขารเข้ามา ซึ่งสภาพของเนในตอนนี้ไม่น่าจะใช้คำว่าอยู่ดีแต่อย่างใด เพราะนอกจากเลือดที่อาบท่วมหัวแล้ว แขนข้างซ้ายยังมีรอยถลอกจนผิวหนังเปิดเปิงไปหมด

          “จะบ้าเรอะ ดูสารรูปตัวเองก่อนเถอะ!”

          แต่ก่อนที่สิทธิ์จะได้อ้าปากต่อว่า วัฒน์กลับพุ่งเข้าไปด่าก่อนเสียอย่างนั้น ทำเอาคนเป็นเจ้านายถึงกับเผลอเลิกคิ้วออกมา

          เนได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเหมือนสติยังไม่ครบถ้วน ก่อนจะยิ้มเจื่อน

          “ก็ยังไม่ตายนี่ครับ แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว”

          วัฒน์ได้แต่จ้องหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะถอนหายใจใส่

          “ไงคุณสิทธิ์”

          แต่ก่อนที่จะได้เป็นห่วงอาการกันไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อนพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ของรถที่ดังสนั่นไปทั่ว เสียงล้อรถเสียดสีกับยางมะตอยดังเอี๊ยดจนหนวกหู ทั้งสามหันมองไปยังต้นเสียง รถยนต์สีดำราวสี่ห้าคันขับมาขวางทางเต็มถนน พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์อีกคันที่ตามมาจากด้านหลัง

          วัฒน์กับสิทธิ์พากันตกใจเมื่อคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์เผยใบหน้าของตนออกมาจากหมวก กันน็อค แต่สิทธิ์มีอาการโมโหร่วมด้วย เพราะเจ้าของเสียงเป็นหนึ่งในลูกน้องของวินจริงๆ

          “พอดีคุณวินเขาสั่งมา ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ชายคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะโบกมือทักทายราวกับไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน “อ๊ะ ผมแค่เอาตะปูมาโรยเท่านั้นนะครับ ส่วนอย่างอื่นผมไม่เกี่ยว”

          ชายชุดหนังว่าก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วขับมอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างรวดเร็ว วัฒน์ชักปืนออกมาหมายจะสอยให้ร่วง แต่ยังไม่ทันจะได้เล็งมอเตอร์ไซค์ที่ขับออกไปไกลทุกที เหล่าคนที่อยู่บนรถก็ยิงสวนกลับมาเสียก่อน

          และไม่ต้องเสียเวลาสั่งให้มากความ แต่ละคนก็วิ่งลงหลบเข้าข้างทางกันทันที จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายวิ่งมายิงสวนขึ้นไป

          “ไอ้เวรวิน” สิทธิ์กัดฟันกรอด ก่อนจะหลบเข้าหลังต้นไม้ที่มีอยู่เพียงไม่กี่ต้นในบริเวณนั้น หลังจากยิงใส่อีกฝ่ายเข้าไป “นี่มันกล้าทำถึงขนาดนี้เลยหรือวะ”

          เนไม่ได้พูดอะไร ส่วนหนึ่งเพราะต้องตั้งสมาธิกับการยิงสวนและหลบกระสุนของอีกฝั่งทั้งที่ระบมไปทั้งตัว แต่ส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าวินไม่น่าจะอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แม้จะไม่มีหลักฐานใดๆมาค้านเลยก็ตาม

          จำนวนฝั่งศัตรูลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาจากฝีมือของวัฒน์เป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งโค้กกับศาสตร์ก็กลับมาเสริมอีกแรง ทำเอาสถานการณ์ที่ย่ำแย่กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว

          “ฮ่าๆ เป็นไงล่ะ” สิทธิ์หัวเราะขึ้นอย่างสะใจทั้งที่ตัวเองยิงไม่ค่อยจะเข้าเป้านัก ก่อนจะยิงใส่ประตูรถอีกฝ่ายต่อ

          เนได้แต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะลดปืนลงเมื่อเห็นฝ่ายศัตรูเริ่มล่าถอยไปด้วยฝีมือของวัฒน์ เด็กหนุ่มมองเจ้านายที่ดูจะสนุกกับการทิ้งลูกกระสุนอย่างเหนื่อยอ่อน เริ่มมึนหัวและชักจะฝืนเจ็บจากบาดแผลไม่ไหว เลยกะจะพักสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้ทรุดลงไป เด็กหนุ่มก็เอะใจกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของตนกับเจ้านาย

          “คุณสิทธิ์!”

          เสียงเรียกของเนดังขึ้นพร้อมกับเสียงลั่นของกระสุน เจ้าของชื่อหันไปมองแล้วก็ได้แต่ตะลึงกับสิ่งที่เห็น

          “เน!” สิทธิ์ร้องลั่นก่อนจะเข้าไปรับร่างที่ล้มลง ชายหนุ่มมองหน้าคนที่ลอบกัดจากข้างหลังก่อนจะยิงสวนใส่ทันที ซึ่งเฉียดไปโดนไหล่ของอีกฝ่าย และยังไม่ทันจะได้ลั่นไกอีกครั้ง ศัตรูก็วิ่งหนีหายเข้าไปในดงหญ้าสูงทันที “ไอ้เวรเอ๊ย”

          พวกวัฒน์ซึ่งเพิ่งจัดการศัตรูบนถนนเสร็จ รีบรุดเข้ามาหาเมื่อได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกของเจ้านาย ดวงตาเรียวของหนุ่มใหญ่เบิกกว้างเมื่อเห็นเลือดเปรอะไปทั่วตัวเจ้านาย แต่ที่ทำให้วัฒน์ถึงกับตัวแข็งทื่อ คือเนที่นอนหน้าซีดอยู่บนแขนของสิทธิ์ เสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวตรงบริเวณช่วงท้องย้อมไปด้วยเลือดเสียจนน่ากลัว

          “โค้ก ศาสตร์ พาคุณสิทธิ์กับเนไปโรงพยาบาล”

          โค้กกับศาสตร์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อโดนสั่งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หนุ่มผมเด้งลอบมองวัฒน์ที่ยังคงจ้องเนด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิท ก่อนจะทำตามทันที ศาสตร์เองก็รีบเดินไปยังรถของตน แล้วเปิดประตูหลังเพื่อรอรับร่างของคนเจ็บที่กำลังโดนแบกมาหา

          “รีบไปเร็วสิ”

          พอขนเนขึ้นรถเรียบร้อย ศาสตร์ก็เดินเข้ามาหมายจะเรียก แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก หนุ่มใหญ่ก็ตอบโดยที่ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ

          ชายหนุ่มบึ้งหน้า แม้จะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ทำตามคำสั่งอย่างเสียมิได้

          หลังจากพวกของตนขับรถออกไปแล้ว หนุ่มใหญ่ก็เลื่อนสายไปตามองศัตรูที่วิ่งหนีอยู่ในทุ่งไกลๆ วัฒน์ไม่ได้วิ่งไล่อีกฝ่าย เขาเพียงแต่เดินไปหยิบปืนไรเฟิลมาจากหลังรถ แล้วนำมาวางบนหลังคารถ หนุ่มใหญ่เล็งร่างที่วิ่งอยู่ไกลๆ แล้วดับชีวิตอีกฝ่ายอย่างง่ายดายราวกับระยะทางเกือบครึ่งกิโลเมตรไม่ได้มีผลอะไรเลยแม้แต่น้อย ร่างที่กำลังวิ่งหายจมลงไปในดงหญ้าสูงทันที

          หนุ่มใหญ่ละออกมาจากกล้องส่อง ดวงตาเรียวที่จับจ้องไปยังศัตรูนั้นยังคงนิ่งเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

          “ฉัตร เรียกพวกเก็บกวาดมาที เดี๋ยวจะส่งที่อยู่ไปให้”

          “ได้” คนในสายรับคำอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการหยอกล้อใส่แม้แต่นิดเดียว “เยอะไหม”

          “เกือบสามสิบ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมายังคงนิ่งเรียบ “นายว่างมาหาไหม”

          คำถามนี้ทำเอาฉัตรนิ่วหน้า ที่จริงเขาก็ไม่ได้ว่างนัก แต่แม้ปกติเขาจะไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของอีกฝ่าย ฉัตรก็พอจะรู้ดีว่าวัฒน์คงไม่เอ่ยปากถามหากไม่มีปัญหาหรือกลุ้มใจจริงๆ

          “ฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุด”

 

          “ผมดูบาดเจ็บหนักขนาดนั้นเลยหรือ”

          สิทธิ์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าหมองหม่นหลังจากนางพยาบาลออกจากห้องคนไข้ไป บนหัวของเขาคาดด้วยผ้าพันแผลสีขาวไปทั่วเพราะหัวแตก อีกทั้งยังเข้าเฝือกขาซ้ายเพราะกระดูกร้าว กระนั้นบาดแผลเหล่านั้นก็ไม่ได้หนักหนาเลยสักนิดเมื่อเทียบกับเน แม้จะถึงมือหมอแล้ว แต่เพราะโดนยิงเข้าจุดสำคัญ ทั้งยังเสียเลือดตั้งมาก ยังไม่รู้เลยว่าจะรอดหรือเปล่า

          โค้กกับศาสตร์มองหน้ากัน ก่อนที่โค้กจะเป็นคนเอ่ยปาก

          “ก็ไม่นะครับ” ซึ่งเขาก็ตอบโดยเทียบกับคนที่สาหัสกว่า “ทำไมหรือ”

          “ไม่รู้สิ...ปกติเราก็เจอเรื่องลอบทำร้ายเป็นปกติอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ไอ้แค่หัวแตกผมก็เจอบ่อย อาวัฒน์เองก็แค่ตกใจ...แต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมรอบนี้อาวัฒน์ถึงได้สติแตกขนาดนี้”

          ลูกน้องทั้งสองพากันเลิกคิ้ว พอมาคิดถึงพฤติกรรมที่ดูแปลกไปทั้งยังน่ากลัวของวัฒน์ ทั้งสองก็เริ่มเอะใจขึ้น

          “อ้อ...” หนุ่มหน้าเป็นร้องขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว ก่อนยังเหล่ไปหาเพื่อน ทำเอาศาสตร์ออกอาการกระสับกระส่าย “คุณสิทธิ์ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะเนบาดเจ็บหนักหรือครับ”

          ในขณะที่สิทธิ์นิ่วหน้า ศาสตร์กลับถลึงตาใส่โค้ก

          “แต่ตอนอาฉัตรหรือไอ้ปาล์มเจ็บปางตาย อาวัฒน์ก็ไม่เคยเป็นขนาดนี้นะครับ”

          “เอ...จะว่าไปแล้ว พี่ปิ่นเองก็เคยโดนลูกหลงตอนที่มีศัตรูบุกบ้านคุณสิทธิ์ใช่ไหมครับ ได้ข่าวว่าพวกที่บุกมาตายเรียบเหมือนกันนี่...นั่นเพราะอาวัฒน์หรือเปล่า”

          และสีหน้าของเจ้านายก็บอกเกินพอโดยที่ไม่ต้องฟังคำตอบเลยด้วยซ้ำ

          “จะว่าไป ตอนนั้นอาวัฒน์แกก็สติแตกเหมือนกันแฮะ...” ในขณะที่คุณเจ้านายนอนวิเคราะห์ไม่เลิก ศาสตร์กลับทำหน้าเหมือนเห็นวันสิ้นโลก “...หรือพี่โค้กกำลังจะบอกว่า...”

          “คุณสิทธิ์”

          แต่ก่อนที่โค้กจะได้สนุกกับการเห็นเพื่อนหน้านิ่งออกอาการเหมือนคนบ้าไปมากกว่านี้ เสียงประตูพร้อมกับเสียงของวัฒน์ก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน สีหน้าของหนุ่มใหญ่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง หากแต่มีฉัตร ปาล์ม และคนอื่นๆอีกราวสี่ห้าคนด้วย ทำเอาห้องเดี่ยวที่กว้างขวางแคบลงถนัดตา

          “ไม่เป็นอะไรนะครับคุณสิทธิ์” วัฒน์พุ่งเข้าไปเกาะราวเตียง สีหน้าซีดเซียวราวกับกำลังมายืนดูวาระสุดท้ายของเจ้านาย “ผมว่าคุณรีบนอนเถอะครับ แล้วก็ห่มผ้าด้วย”

          “หัวแตกกับกระดูกร้าวนะครับอา ไม่ใช่เป็นไข้” สิทธิ์เอ่ยติดตลกก่อนที่สีหน้าจะหมองลง “แต่ไอ้เนน่ะสิ...ไม่รู้จะรอดไหม...”

          ทั้งหมดพากันเงียบกริบ และก้มหน้าเหมือนไว้อาลัยให้กับคนที่ยังไม่รู้ว่าตายจริงหรือเปล่า ฉัตรเลิกคิ้วมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นด้วยความอึดอัด

          “นี่ก็ดึกมากแล้ว ให้คุณสิทธิ์พักผ่อนก่อนดีกว่าไหม” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ปรายตามองไปรอบๆ “ยังไงตอนนี้คุณสิทธิ์ก็ปลอดภัยแล้วนี่นา เอาเป็นว่าพวกนายกลับไปกันก่อนก็แล้วกัน ส่วนเรื่องคนเฝ้า ก็ให้ไอ้ก้องกับไอ้ฤทธิ์เฝ้าคุณสิทธิ์ แล้วเดี๋ยวฉันกับไอ้วัฒน์จะเฝ้าทางไอ้เนละกันเนอะ”

          “ถามความสมัครใจพวกผมแล้วหรือยังเหอะ” ฤทธิ์แย้งเสียงต่ำ

          “เอาน่าๆ แค่คืนเดียวเอง เดี๋ยววันอื่นก็ให้พวกเด็กๆมาเฝ้าน่า” ฉัตรตบหลังหนุ่มตาตกที่ทำหน้าเบื่อแบบไม่มีปิดบังจนเกือบล้ม ซึ่งฤทธิ์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากทำหน้าเบี้ยวใส่เท่านั้น “ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายๆ กลับบ้านนอน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”

          แต่ละคนต่างเห็นด้วยและเอ่ยลาเจ้านายออกไปจากห้องจนหมด เหลือเพียงเหล่าคนเฝ้ากับเจ้านายในห้องเท่านั้น

          “อาวัฒน์ไม่เป็นอะไรนะครับ” สิทธิ์เอ่ยถามก่อนจะมองหนุ่มใหญ่ ซึ่งในตอนนี้เปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มเป็นสีขาวแล้ว สภาพภายนอกนั้นดูไม่ออกเลยว่าเป็นหนึ่งในคนที่ไปร่วมรบกับตนมาด้วย “ผมว่ายังไงก็ให้หมอเขาดูอาการหน่อยก็ดีนะครับ เผื่ออาจจะมีกระดูกร้าวตรงไหนก็ได้ ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากระดูกขาร้าวจนกระทั่งให้หมอตรวจเนี่ย”

          “ครับ”

          น้ำเสียงที่ตอบรับของวัฒน์นั้นเรียบนิ่งทำเอาเหล่าหนุ่มใหญ่พากันผวา โดยเฉพาะฉัตรที่ถึงกับสะดุ้งเพราะเจ้าน้องชายหันมามองด้วยแววตาไร้อารมณ์

          “ไปกับฉันหน่อย”

          ฉัตรกลอกตามองไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ แล้วเดินตามวัฒน์ไปติดๆ และยังไม่วายแยกเขี้ยวใส่ฤทธิ์ที่แอบหัวเราะไล่หลังเขา

          คนเป็นพี่มองคนตรงหน้าที่ดูนิ่งเฉยเสียจนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเดินไปสักพักอยู่ๆวัฒน์ก็ยืนนิ่งตรงกลางทางเดินอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาคนตามมาเกือบเบรกไม่ทัน

          “เป็นอะไรหรือเปล่า…” ฉัตรนิ่วหน้าถาม แต่ก็ไม่กล้าจะเดินไปมองหน้าวัฒน์ “หรือว่าแกบาดเจ็บจริงๆวะ”

          หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ชักเริ่มเป็นห่วงอีกฝ่ายจริงๆจังๆ เพราะตั้งแต่เจอหน้ากันบนถนนที่เกิดเรื่อง วัฒน์ก็เอาแต่เงียบ และแทบไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งมาถึงที่นี่ทั้งที่เป็นคนเรียกฉัตรมาเอง ซึ่งหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากพูดให้คนอื่นได้ยินนัก จึงยอมอดทนจนถึงตอนนี้

          “ไม่” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างห้วนๆ “แค่ฉันที่ไม่เป็นอะไร...ทั้งที่ก็อยู่ด้วยแท้ๆ...”

          “เฮ้ย ไม่เอาน่า อย่าโทษตัวเองสิวะ” ฉัตรว่าพร้อมตีหน้ายุ่ง “นี่รอดกันมาหมดทั้งที่เจอรุมซะขนาดนี้ก็โคตรจะปาฏิหาริย์แล้วนะเว้ย”

          แต่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบนั้นแม้แต่น้อย

          ฉัตรถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเข้าไปตบบ่าอย่างกล้าๆกลัวๆ

          “ถามจริง เพราะคุณสิทธิ์บาดเจ็บ หรือเพราะไอ้เนมันปางตาย แกถึงได้จะเป็นจะตายแบบนี้”

          คำถามนี้ทำเอาวัฒน์หันกลับมา ใบหน้านิ่งนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น มือทั้งสองที่กำแน่นสั่นระริก

          “ฉันมันแย่มากใช่ไหม”

          “เรื่องไหนล่ะ ถ้าเรื่องเป็นผู้คุ้มครองฉันบอกได้เลยว่าไม่ แกทำดีเกินกว่าคนปกติจะทำได้ด้วยซ้ำ” ฉัตรตอบอย่างฉะฉาน “เรื่องที่ไอ้เนมันโดนยิง ไม่ใช่ความผิดของแกสักหน่อย”

          วัฒน์กลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง แต่ท่าทีที่แสดงออกมาว่ากำลังหวาดกลัวและกังวลอย่างชัดเจนทำให้ฉัตรเลือกที่จะเงียบตาม

          “ฉัตร”

          เจ้าของชื่อมองคนตรงหน้า สายตาของวัฒน์นั้นเลื่อนหลุบต่ำ ใบหน้านั้นซีดเซียวอย่างที่ฉัตรแทบไม่ค่อยได้เห็น ทั้งยังเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มและหวาดกลัว วัฒน์อ้าปากค้างนิ่ง เหมือนพยายามจะพูด หากแต่กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา กระนั้นฉัตรก็ไม่ได้เอ่ยขัดขึ้นแต่อย่างใด เขาเพียงแต่รอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเอง

          “ฉันรักไอ้เน”


______________________________________



แฮ่กๆ กว่าจะเขียนเสร็จก็เที่ยง =_=


ในที่สุดลุงแกก็ยอมรับใจตัวเองแล้ว (สักที) ได้เวลาไปจูบเจ้าชายนิทราแล้ว /ผิดมาก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 62 (10/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 10-10-2015 16:48:07
กรี๊ดดด ลุงไม่ซึนแล้ววว ><//
รอน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 62 (10/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-10-2015 20:27:17
ฮว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ค้าง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 62 (10/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-10-2015 21:04:43
เอ้าเหลือแต่เนละนะรู้ใจตัวเองสักที ก่อนที่จะเสียลุงเค้าไปนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 13-10-2015 09:06:30
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 63


          ฉัตรถึงกับเบิกตาจนแทบถลนจากเบ้าเมื่อได้ฟังคำที่หลุดออกมาอย่างยากเย็น แต่เล่นเอาจุกจนพูดไม่ออก นี่ขนาดว่าพอจะรู้มาแล้วก็เถอะนะ แต่พออีกฝ่ายมาบอกกันตรงๆแบบนี้ เขาก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี

          แน่ล่ะ เจ้าน้องชายหน้าตายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาง่ายๆนี่

          “ทีแรก...ฉันคิดว่าแค่รู้สึกไปเอง...แต่พอเห็นมันโดนยิงปางตายแบบนี้แล้ว...ฉันถึงได้รู้ตัว…” วัฒน์พูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่น ทำเอาคนฟังหวั่นไปด้วย “ทำไงดี...ฉันไม่ได้อยากจะรักมันเลยแท้ๆ...”

          ฉัตรมุ่นคิ้ว พอจะเข้าใจว่าทำไมวัฒน์ถึงได้กลัวขนาดนี้ นึกแล้วก็อดหงุดหงิดใส่เนไม่ได้

          “…แล้วแกจะบอกมันหรือเปล่า…”

          อีกฝ่ายนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าให้

          “คงไม่บอกหรอก…ก็หมอนั่นบอกฉันชัดเจนว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉันมากไปกว่าผู้ใหญ่คนนึง ฉันจะไปบอกให้เจ็บกว่าเดิมทำไม…”

          คนฟังได้แต่เหนื่อยใจ เขาก็พอจะรู้ว่าเนปากแข็ง แต่ไม่คิดว่าจะไปพูดกับวัฒน์ด้วย ยิ่งทำให้คนที่กลัวอยู่แล้ว ยิ่งไม่กล้าบอกเข้าไปใหญ่

          แต่เอาเถอะ ถ้าอยากจะปากแข็งนักล่ะก็นะ...

          “งั้นก็ต้องรีบตัดใจสินะ”

          ในที่สุดวัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นมา แม้นั่นจะเป็นสีหน้าที่ฉัตรไม่ค่อยอยากจะเห็นสักเท่าใดนัก เพราะมันมีรังสีคาดคั้นตามมาด้วย

          “นายก็บอกเองไม่ใช่หรือ ว่ารักคนที่ไม่ได้รักก็มีแต่จะต้องเจ็บตัวเปล่าๆ” ฉัตรบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ถ้างั้นก็ตัดใจแล้วไปหาคนที่รอนายอยู่สิ”

          วัฒน์มองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะหันไปมองกำแพง เขาเองก็รู้ว่ามันเป็นหนทางที่ดีกว่าแท้ๆ

          แต่ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแท้ๆ

          “ฉันนี่ท่าทางจะบ้า” หลังจากยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ก็พูดออกมา ทำเอาฉัตรที่ตั้งท่าจะงีบถึงกับสะดุ้ง “รู้ว่าต้องเจ็บแน่ๆ แต่ดันตัดใจไม่ได้...”

          “ให้เวลาตัวเองหน่อยสิ ของแบบนี้มันก็ใช่ว่าจะตัดกันง่ายๆสักหน่อย” ฉัตรว่าพลางตบบ่าวัฒน์ ในใจก็นึกแค้นเจ้าเด็กปากแข็งนั่นไม่เลิก

          “ไม่ไหวหรอก ถ้าต้องอยู่กับมันตลอดแบบนี้...แถมยังมีอะไรด้วยกันอีก”

          ดอกแรกแค่อึ้ง แต่ดอกนี้เล่นสำลักเลยทีเดียว

          ฉัตรไม่รู้จะไปต่ออย่างไรดี ถึงจะรู้เลาๆมาจากเนแล้วก็เถอะ แต่พอมาได้ยินจะๆจากปากเจ้าน้องชายหน้านิ่งนี่ เขาก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดี

          ก็นึกว่าที่เนทำท่าตื่นตระหนก เพราะเนคิดจะทำ...แต่ไม่ได้หมายความว่าทำกันไปแล้วนี่นา!

          “นาย...นอนกับมันด้วยหรือ” ฉัตรถามละล่ำละลัก ยังคงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่หาย “เดี๋ยวเดะ! ทำไมล่ะ”

          ที่จริงวัฒน์ก็ไม่ได้อยากจะบอกนัก แต่พอคิดว่าในเมื่อฉัตรรู้เลยไปถึงจุดที่น่าอายที่สุดไปแล้ว เขาก็ไม่อยากจะปิดบังให้ว้าวุ่นอีกต่อไปเท่าไหร่ด้วย เพราะถ้าถามเขา บอกว่ายอมนอนอย่างสมัครใจ ก็ยังดีกว่าโดนรู้ว่าถูกปล้ำเพราะไปแกล้งอีกฝ่ายโดยที่ตัวเองเข้าใจผิดตั้งเยอะ

          “ก็แค่ให้มันหายอยาก จะได้ไม่หน้ามืดไปปล้ำแมวหรือผู้หญิงคนอื่นเข้าในเวลางาน” ในขณะที่คนพูดดูนิ่งเสียเหลือเกิน คนฟังได้แต่อ้าปากค้างกับเหตุผลนั้น “ตอนมันมาที่บ้านแรกๆ เอาแต่มองแมวอย่างกับจะกินซะให้ได้...หมอนั่นมันหน้ามืดถึงขนาดว่าถ้าเป็นฉันก็โอเคเลยนะ”

          นี่พูดจริงๆนะ! แค่ไม่บอกสาเหตุที่มันหน้ามืดก็เท่านั้น!

          ฉัตรยังคงตะลึงกับเหตุผลที่วัฒน์ลงทุนพลีกายให้เด็กหนุ่ม เขาค้างอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะสะบัดหัวเรียกสติตัวเอง

          “งั้นหรือ...นั่นสินะ...ถ้าเป็นแบบนี้คงตัดใจยากน่าดู” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์กะพริบตาปริบๆ ขี้เกียจจะถามหาสาเหตุที่วัฒน์ยอมให้เจ้าเด็กนั่น เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว “แต่ยังไงก็ต้องตัดใจนี่เนอะ...เพราะงั้นก็คงต้องเลิกนอนกับมันล่ะ”

          “ฉันไม่รู้จะบอกเลิกยังไงดี...” วัฒน์เอ่ยเสียงเครียด “ไหนจะเรื่องศาสตร์อีก”

          ฉัตรเลิกคิ้วแล้วลูบคาง พรายกระซิบมาบอกเขาเรื่องที่เจ้าหนุ่มหน้านิ่งนั่นสารภาพรักกับวัฒน์มาแล้ว เขาจึงไม่แปลกใจกับท่าทีกลัดกลุ้มของน้องชายนัก

          “แล้วนายคิดยังไงกับไอ้หนูศาสตร์ล่ะ”

          คนโดนถามชะงักก่อนจะกลับมามองหน้าพี่ชายอีกครั้ง

          “โอ๊ะๆ ไม่ต้องรีบตอบเลย” ฉัตรยกมือขึ้นห้าม “ฉันรู้ว่าตอนนี้แกรู้สึกยังไง ที่ฉันถามเพราะอยากจะให้แกลองเปิดใจให้มันหน่อยต่างหาก เผื่อจะได้ตัดใจจากไอ้หนูเนไปด้วยเลยไง”

          “แต่ถ้าตัดใจไม่ได้ล่ะ...ฉันไม่อยากจะทำร้ายศาสตร์นะ”

          “แล้วไงวะ แกจะเจ็บเองเรอะ ฉันไม่อยากเห็นแกซังกะตายเหมือนรอบยัยปิ่นอีกนะโว้ย” และอีกเหตุผลก็คือ เอ็งมันโคตรน่ากลัวเวลาหดหู่นี่แหละ “ลองไปก่อนไม่ดีกว่าหรือวะ อย่างน้อยถ้าได้ผลก็แฮปปี้ไปเลยไง แต่ถ้าไม่ได้มันก็แค่ลงเอยที่เจ็บ ดีกว่าไม่ทำแล้วเจ็บอย่างเดียวนา"

          วัฒน์มุ่นคิ้ว แม้จะไม่เห็นด้วยนัก แต่เหตุผลของอีกฝ่ายก็ฟังดูเข้าทีจนไม่อาจปฏิเสธได้

          “นั่นสินะ”

 

          “ฮู่ว อย่างกับอยู่ในหนังบู๊เลยวุ่ย”

          โค้กเอ่ยติดตลกหลังจากมาถึงบาร์ของมีนซึ่งเป็นที่ทำงานของตน ในตอนนี้ชายหนุ่มนั่งบิดขี้เกียจอยู่ตรงโซฟาหนังสีดำที่อยู่ในห้องพักพนักงานในบาร์ซึ่งอยู่ด้านหลังสุด โดยมีศาสตร์ และอาร์มอยู่ในห้องด้วย

          “มีแต่นายที่สนุกอยู่คนเดียวน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่าพวกฉันที่ต้องไปเก็บกวาดผลงานพวกนายน่ะเหนื่อยแค่ไหน” อาร์ม หนุ่มตัวเล็กเหมือนเด็กประถมบ่นก่อนจะเปิดล็อคเกอร์ตรงหน้าแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาเปลี่ยนเสื้อที่เปรอะทั้งโคลนและเลือดของตน “ปกติก็สยองอยู่แล้ว เจอรอบนี้นี่ทำเอาอยากอ้วก…แหวะ…แถมยังกระจัดกระจายไปทั่วอีก เหนื่อยเป็นบ้า”

          “แหม ไม่เอาน่าพี่อาร์ม ก็เคยเจอเละกว่านี้นี่ ทำเป็นกลัวไปได้” โค้กโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะปรายตามองศาสตร์ที่เอาแต่เงียบมาตลอดทาง “อะไร เงียบจังเลยนะ”

          เจ้าของชื่อยังคงนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้กัน ไม่โต้ตอบอะไรออกมาสักคำ แต่มือทั้งสองที่กำแน่นทำให้คนมองรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีนัก

          อาร์มนิ่วหน้ามองโค้กเป็นเชิงถาม และพอเห็นเจ้าน้องชายหน้าเป็นยิ้มกะลิ่มกะเหลี่ยให้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะขอตัวเดินออกไปนอกห้องเพื่อไปทำงานต่อ

          “โมโหที่อาวัฒน์ห่วงเจ้าเนนั่นหรือไง” เมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคน โค้กจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกวน ซึ่งทำให้คนที่อารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งออกอาการชัดขึ้น “จะมาโมโหฉันมันก็ไม่ได้อะไรหรอกนา ฉันเองก็รู้สึกเหมือนนายนั่นล่ะ”

          “ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้น”

          “ไอ้คนหน้าตายอย่างนายจะยังมีหน้ามาพูดอีกเรอะ” โค้กสวนกลับก่อนจะหัวเราะออกมา “แต่เอาเถอะ ตอนนี้หมอนั่นก็นอนแอ้งแม้งอยู่ในโรงพยาบาล ก็ได้โอกาสทำแต้มละ”

          “นายจะบ้าเรอะ” ศาสตร์ตะคอกใส่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “หมอนั่นสาหัสขนาดนั้น นายจะยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกหรือ”

          “เอ้า เรื่องที่บาดเจ็บก็เรื่องนึง เรื่องความรักมันก็ก็เรื่องนึงนี่หว่า ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน” โค้กเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “อีกอย่าง หมอนั่นบอกเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับอาวัฒน์ เราจะทำอะไร หมอนั่นก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนเลยนี่ จริงไหมล่ะ หรือนายอยากจะเกรงใจนักก็เรื่องของนาย แต่ฉันไม่ว่ะ”

          ศาสตร์เพียงแต่บึ้งหน้าใส่ ก่อนจะลุกขึ้นหนีออกไปจากห้องอีกคน

          “ให้ตายสิ อะไรนักหนาวะ” เมื่อเหลืออยู่เพียงคนเดียวก็อดบ่นขึ้นมาไม่ได้ “เอาแต่อิดออดอยู่นั่นล่ะ จนไอ้เด็กนั่นจะแย่งไปอยู่แล้ว”

          “แต่ถ้าแกล้งพี่ศาสตร์แรงขนาดนั้น ระวังเขาจะตัดเพื่อนกับพี่จริงๆนะครับ”

          จากที่กำลังหงุดหงิดถึงกับกระโดดดึ๋งออกจากโซฟาด้วยความกลัวทันที

          “ไอ้ต่อ อย่ามาเงียบๆข้างหลังคนอื่นสิวะ” โค้กบอกเสียงตื่น พลางลูบแขนตัวเอง และสงสัยมากว่าอีกฝ่ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมาที่บาร์ตนทำไม แต่เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ อีกทั้งเคยถามหลายทีแล้วแต่ก็ได้คำตอบกำกวมที่ไม่ฟังเสียยังจะดีกว่า ชายหนุ่มเลยไม่อยากจะถามนัก “ว่าแต่พูดอะไรของนายน่ะ ฉันไปแกล้งไอ้ศาสตร์มันตรงไหนไม่ทราบ หา”

          “ตรงที่บอกว่าชอบคุณวัฒน์ไง ระวังเหอะ เดี๋ยวแฟนพี่โกรธเอาแล้วจะซวยกันทั้งบาง”

          จากที่ขนลุกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้ยินที่อีกฝ่ายพูดก็ชักจะปวดฉี่ขึ้นมาตงิดๆ

          “มีความลับอะไรกับแกไม่ได้เลยนะ” โค้กหัวเราะเสียงแห้ง “ช่วยไม่ได้นี่หว่า เอาแต่อิดออด ไม่ยอมลงมือสักที ฉันก็เลยต้องกระตุ้นหน่อยไง แค่นั้นเอง แฟนฉันไม่ใช่คนขี้หึงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องสักหน่อย ฉันรักเดียวใจเดียวนะเว้ย...”

          เสียงทุ้มขาดช่วงไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนจ้องหน้าตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำเอาเสียวสันหลังหนักกว่าเดิม

          “เอาเหอะครับ อย่าแสดงให้มากนักละกันครับ ผมไม่อยากเดือดร้อน” ต่อว่าก่อนจะออกอาการหวาดหวั่นตาม “แต่กีดกันเนเขาน่าดูเลยนะครับ”

          โค้กเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มกริ่ม “เอ้า ฉันก็ต้องเชียร์เพื่อนตัวเองสิวะ หรือแกเชียร์หมอนั่นล่ะ”

          “ผมยังไงก็ได้ แค่คุณวัฒน์คบกันใครสักคนแล้วเลิกทำตัวน่ากลัวกว่าผีก็พอแล้ว...”

          หนุ่มหน้าเป็นหัวเราะลั่น

          “อาเขาไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย”

 

          ศาสตร์นั่งหงุดหงิดอยู่ตรงบันไดทางขึ้นไปยังห้องวีไอพีของบาร์ เขานั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อตอนบ่าย...นึกถึงสีหน้าของวัฒน์ตอนที่เห็นเนเลือดท่วมตัว ทั้งที่ดูน่ากลัวจนทำเอาสั่นไปทั้งตัว แต่ความรู้สึกอีกอย่างกับปะทุรุนแรงยิ่งกว่า

          ถ้าเป็นผม คุณจะโกรธแบบนั้นไหม...

          คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาจนเผลอบึ้งหน้า แต่ที่ทำให้โมโหขึ้นมาก็ไม่พ้นตัวเองที่คิดเช่นนั้น

          ด่าไอ้โค้กไปตั้งเยอะ เรากลับมาเป็นเสียเอง

          ชายหนุ่มทอดถอนใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินหวังสะบัดความคิดฟุ้งซ่าน แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้น เสียงมือถือของตนก็ดังขัดเสียก่อน ชายหนุ่มมุ่นคิ้วด้วยความหงุดหงิด เพราะแม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวลานอนของตน แต่ช่วงตีสองก็เป็นเวลาทำงาน เขาจึงกะว่าจะดุคนที่โทรมาเสียหน่อย และเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเท่านั้นล่ะ ความขุ่นเคืองในใจก็ระเหิดไปเสียหมด

          “มีอะไรหรือครับอาวัฒน์” ชายหนุ่มพยายามทำเสียงนิ่ง และทั้งที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโทรมาเพราะอะไร แต่ก็ดีใจไปเสียก่อนแล้ว “เนเขาปลอดภัยไหมครับ”

          “ตอนนี้ยังไม่ฟื้น แต่หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ...” เสียงทุ้มในสายฟังดูอิดโรย “ฉันบอกคุณสิทธิ์ไปแล้ว ที่โทรมาหาเราเพราะอยากจะขอโทษเรื่องที่ดุใส่เมื่อตอนบ่ายน่ะ”

          ใบหน้าเรียวรู้สึกตึงๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก

          “อาชอบหมอนั่นสินะครับ”

          ปลายสายเงียบไปนานมาก มีเพียงเสียงลมหายใจที่ทำให้คนฟังรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในสาย

          “แต่ฉันไม่อยากจะชอบคนที่ไม่ได้ชอบฉันอย่างมัน”
         
          จากที่กำลังปวดใจเพราะเห็นคำตอบแล้ว ถึงกับชะงัก

          “ถ้ารักเราได้ก็คงจะดี จะได้ไม่ต้องรู้สึกทรมานแบบนี้...” น้ำเสียงทุ้มสั่นเครือจนฟังแล้วปวดใจ “มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว...แต่ช่วยฉันได้หรือเปล่า...ช่วยให้ฉันเลิกรักเน ได้ไหม”

          ศาสตร์ยืนนิ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขารู้ดีว่านี่อาจหมายถึงความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่า และไม่ใช่แค่เพียงเขา แต่หมายถึงวัฒน์ด้วย

          แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งกลัวอีกต่อไปแล้ว

          “ได้สิครับ”





__________________________________

เรารู้ว่าหลังจากอ่านจบแล้วคนอ่านคิดอะไรอยู่....สั้นไปใช่ไหม เดี๋ยวตอนหน้าจะมาต่อยาวๆ ฮา /หลบใต้โต๊ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-10-2015 20:19:23
ลุงเลิกซึน แต่หนีเลย  :z3: :z3:

แล้วเนก็นอนเดี้ยงอยู่แบบนี้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-10-2015 21:14:56
เราสมน้ำหน้าเนมาก 5555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-10-2015 07:23:47
เนซึนจนได้เรื่องเลยมั้ยล่ะ -*-
โค้กไม่ได้ชอบลุงจริงๆ แฮะ คบกับอาร์มอยู่เปล่าเนี่ย?
อาวัฒน์อย่าเพิ่งทำยังงี้ซี่
อิลุงฉัตรก็ไม่ยอมบอกเรื่องความรู้สึกเน ทั้งๆ ที่ก็น่าจะดูออก วู้!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 14-10-2015 19:40:58
และแล้ว เนก็นอนเป็นผักจนโดนมือที่สามมาแทรกจนได้ ปากแข็งดีนักนี่นะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 14-10-2015 21:58:02
ม่ายยนนยนนนย เนลุกขึ้นมาบัดนาวววว  :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 16-10-2015 15:42:12
เน ตื่นได้แล้ว เมียจะหนีตามชู้ไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 63 (13/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 16-10-2015 16:11:53
อ้าว เนรีบฟื้นเลยนะ  :z13:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 64 (17/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 17-10-2015 10:24:20
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 64


          เสียงจากเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะอยู่ในห้องคนไข้ กลิ่นยาตลบอบอวลจนฉุนจมูก ครั้นจะบ่ายหน้าหนีก็โดนเครื่องช่วยหายใจรั้งเอาไว้ จะขยับตัวก็รู้สึกเจ็บไปหมด

          “ฟื้นแล้วหรือ”

          เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำเอาคลายเจ็บ เด็กหนุ่มหันมองคนที่ยืนเกาะราวเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าโล่งใจ ทำเอาคนมองรู้สึกดีไปด้วย

          “อย่ามาตายก่อนคนแก่สิ” วัฒน์บอกก่อนจะยิ้มบางด้วยความดีใจ “นึกว่านายจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วเสียอีก”

          เด็กหนุ่มมองหน้าคนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจลึกๆตีฟุ้งขึ้นมา ทำเอารู้สึกร้อนวูบไปหมด

          “จริงสิ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก” แต่ยังไม่ทันจะได้สงสัยถึงความรู้สึกของตน หนุ่มใหญ่ก็เอ่ยขัดขึ้น พร้อมกับกวักมือเรียกใครสักคนที่อยู่เลยระยะสายตาของตน และทันทีที่เห็นคนที่เข้ามาใหม่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เหือดหายไปทันที

          “อูย...”

          เนเบิกตาโพลงมองเพดานสีเหลืองนวลตรงหน้า จากนั้นก็กลอกตามองไปรอบๆ

          ฝันหรอกหรือ

          สภาพโดยรอบนั้นเหมือนกับในฝันทุกอย่าง ยกเว้นความเจ็บที่ทวีคูณยิ่งกว่าจนทำให้ร้องโอดโอยออกมาเสียยกใหญ่

          “เน”

          เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำเอาดีใจและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน เนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นได้ หากไม่ได้ฝันพิเรนทร์ก่อนหน้า

          วัฒน์กดออดเรียกพยาบาลทันทีที่เห็นเพื่อนร่วมงานได้สติ หนุ่มใหญ่เดินเข้าไปเกาะราวเตียงคนไข้ มองอีกฝ่ายเหมือนต้องการให้แน่ใจว่าเนฟื้นจริงๆ และเนเองก็อาจจะดีใจกว่านี้ ถ้าไม่ติดฝันผวาที่ยังรังควานตนไม่เลิก

          “อย่ามาตายก่อนคนแก่สิ นึกว่านายจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วเสียอีก” ยิ่งพูดเหมือนกันอีก ยิ่งชวนผวาเข้าไปใหญ่ “เป็นอะไร”

          เมื่อเห็นคนที่ลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นมองตนหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ วัฒน์จึงอดถามไม่ได้

          “คือ...ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง...” เด็กหนุ่มถามเสียงแหบ รู้สึกเหมือนทุกอย่างเลือนรางไปหมด ยกเว้นฝันเมื่อครู่

          “นายโดนยิง จำไม่ได้หรือ” วัฒน์บอกเสียงสั่น “ถ้าไม่เพราะนายไปช่วยบังให้ ก็อาจจะเป็นคุณสิทธิ์ที่มานอนตรงนี้แทนแล้ว...ทำได้ดีมากเลยนะ...แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มานอนปางตายแบบนี้น่ะ”

          “ฮะๆ...ขอโทษนะครับ” เนบอกเสียงอ่อย ขยับตัวทีก็ร้าวจนน้ำตาเล็ด “แล้วคุณสิทธิ์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

          “หัวแตกเย็บหกเข็ม กระดูกขาร้าว ก็นอนโรงพยาบาลไปสามวัน ตอนนี้กลับไปพักที่บ้านแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก” วัฒน์บอกพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “เดี๋ยวฉันไปโทรบอกคุณสิทธิ์ก่อนนะ”

          เนพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายจากไป ส่วนตนก็นอนโล่งใจโดยมีพยาบาลและหมอมาดูอาการ

          แล้วทำไมเราถึงโล่งใจกันนะ

          ใช้เวลาไม่นาน การตรวจก็เสร็จสิ้น ถือว่าโชคดีมากที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ แต่ก็ทำเอาซี่โครงหัก เลยได้นอนโรงพยาบาลอีกยาว ซึ่งนั่นทำเอาเนปั้นหน้ายุ่ง เพราะนี่ไม่ใช่เวลาจะมานอนอุดอู้อยู่อย่างนี้เลยสักนิด ยิ่งได้ยินกว่าเขาสลบไปตั้งเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วด้วย ยิ่งทำให้เขาร้อนรนเข้าไปใหญ่

          “ไม่ต้องรีบไปหรอก พยายามพักให้หายดีก่อนเถอะ เดี๋ยวที่มันควรจะหายเร็วก็ไม่หายกันพอดี” หลังจากเล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันให้เนรู้แล้ว วัฒน์ก็บอกเด็กหนุ่มที่ทำท่าเหมือนจะกระชากสายน้ำเกลือออก “ไม่ต้องห่วง หายแล้วฉันจะใช้งานให้คุ้มกับที่นอนโรงพยาบาลแน่"

          เนก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นพวกมาโซฯนะ แต่ฟังแล้วไม่รู้ทำไมกลับดีใจแทนเสียได้นี่

          วัฒน์ยืนมองคนเจ็บ ท่าทางเหมือนลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเปิดปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ” เห็นหนุ่มใหญ่เอาแต่อ้ำอึ้งจึงอดถามไม่ได้

          “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก” วัฒน์ตอบเสียงลนอย่างชัดเจนเสียจนเนนิ่วหน้า “พักเถอะ รีบๆหาย จะได้กลับมาช่วยงานฉัน”

          ว่าจบก็ดันเด็กหนุ่มลงเตียงก่อนจะกลับไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ไม่ห่าง

          “คุณมาเฝ้าผมหรือครับ” เมื่อเห็นว่ามีแค่วัฒน์คนเดียวตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา เขาเลยอดถามไม่ได้

          “เปล่าหรอก ต่อกับปาล์มเป็นคนเฝ้า ฉันแค่แวะมาอยู่ตอนพวกนั้นไปกินข้าวน่ะ”

          “อ๋อ...งั้นหรือครับ” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มลดระดับความดีใจลงอย่างที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “จะว่าไป...เรื่องสัญญาซื้อขายของคุณสิทธิ์ละครับ...”

          แต่ก่อนที่จะได้คำตอบ เสียงเปิดประตูก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน ร่างสูงของเจ้านายเดินฉิวมาเกาะเตียง โดยมีโค้กกับศาสตร์ตามมาด้วย ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดพราย และจากที่กำลังวิตกก็เปลี่ยนมาฉีกยิ้มให้

          “ไอ้บ้าเอ๊ย!”

          “จ๊ากกก คุณสิทธิ์!!!” เนร้องลั่นเพราะเจ้านายแสนดีเอามือทุบเข้าที่แผล “จะฆ่าผมเรอะ”

          “เออสิ ไอ้บ้าเอ๊ย” ตอนเห็นมือของสิทธิ์ทำท่าเหมือนจะทุบอีกรอบ ทำเอาคนเจ็บเสียววาบ แต่โชคดีที่มันค้างเติ่งอยู่เพียงแค่นั้นแล้วชายหนุ่มก็เก็บกลับไป “ฉันนึกว่าแกจะตายแล้วซะอีก"

          “ฮะๆ ขอโทษนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อน และยังสบายใจกันได้ไม่เท่าไหร่ สีหน้าสุดสะพรึงของเจ้านายก็ทำเอาเจ็บแผลตงิดๆ

          “ฉันไม่ปล่อยผ่านไปแน่ ไอ้หมาวินนั่น” เนรู้สึกเหมือนราวกั้นเตียงคนไข้ที่สิทธิ์จับยุบลงตามแรงบีบ “ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่เรื่องสัญญามันถึงกล้าทำกันขนาดนี้ แถมยังจะมากล่าวหากันมั่วๆอีก คอยดูเถอะ ฉันก็จะไม่ไว้หน้ามันเหมือนกัน”

          “ไม่นะครับ!” เหล่าลูกน้องพากันสามัคคีห้าม ทำเอาคนที่กำลังเดือดถึงกับหน้าเบี้ยว

          “นี่มันทำพวกเราถึงขนาดนี้ ยังจะใจเย็นกันได้ยังไงอีกครับเนี่ย” สิทธิ์ถึงกับโวยลั่น “หลักฐานมันก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว อย่ามาห้ามผมเลยดีกว่า”

          เนื่องจากหมดสติไปเสียนาน เลยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยนอกจากหันไปมองหน้าวัฒน์ ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างเหนื่อยใจ

          “ระหว่างนายหลับ ฉันไปสืบมาแล้ว เรื่องที่พวกเราโดนลอบทำร้ายกันกลางถนนเป็นฝีมือของไอ้แว่นนรกนั่นจริงๆ” เมื่อเห็นคนเจ็บทำหน้าเอ๋อ สิทธิ์เลยบอกเสียงเขียวออกมา “ถึงมันจะไม่ยอมรับก็เถอะ เฮอะ”

          และถึงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่จากที่ลูกน้องคนอื่นพากันหนักใจ เนก็พอจะเดาได้ว่าความจริงคงไม่ได้เป็นอย่างที่สิทธิ์รับรู้แน่

          “ถึงจะห้ามยังไงผมก็ไม่หยุดหรอกนะครับ” สิทธิ์ประกาศเสียงเฉียบ “ถ้าไม่ช่วยผมก็ไม่เป็นไร ผมจะทำเอง”

          แล้วลูกน้องดีๆที่ไหนเขาจะปล่อยให้เจ้านายไปทำคนเดียวกันล่ะ

 

          เนนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความหงุดหงิด เพราะหลังจากนั้น พอสิทธิ์จะกลับ วัฒน์ก็ตามกลับไปด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะอารมณ์เสียหรอก ถ้าไม่ติดคนที่มาด้วย

          มาทำออเซาะใส่ลุงให้ตูดูทำมะเขือเผาอะไรมิทราบวะ

          แถมที่สำคัญคือไม่ใช่แค่โค้ก แต่ศาสตร์ก็ดันเอาด้วยนี่น่ะสิ แถมไม่รู้ทำไม พอศาสตร์เป็นคนเกาะแกะวัฒน์แล้ว ถึงทำให้เขาหงุดหงิดกว่าด้วย

          ถ้าจะเกาะขนาดนั้น เอากันเลยมั้ย

          คิดเสร็จก็ต้องสะดุ้งโหยงขึ้นมา เพราะดันกลัวขึ้นมาหากสิ่งที่คิดประชดไปเป็นเรื่องจริง

          “ฮึ่ย”

          “เป็นอะไร...”

          จากที่กำลังหงุดหงิดถึงกับผวาขึ้นมาทันทีเพราะไม่รู้ตัวเลยว่าต่อมาอยู่ในห้องตอนไหน

          “ตั้งแต่คุณสิทธิ์มาได้สักพักจนกระทั่งกลับไปน่ะ” ชายหนุ่มตอบราวกับอ่านใจได้ ยิ่งตอบด้วยน้ำเสียงยานคาง ยิ่งทำให้ขนลุกชัน “แล้วนี่เป็นอะไรไปล่ะ”

          “เปล่าหรอก” จะให้บอกหรือว่าหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง “ได้ยินว่านายกับปาล์มมาเฝ้าฉัน ขอบใจนะ”

          “ไม่เป็นไรหรอก...ก็เกือบแย่ไปหลายทีเหมือนกัน...”

          เนนิ่วหน้า ทีแรกว่าจะถาม แต่นึกไปนึกมา เงียบไว้จะสบายใจเสียกว่า เด็กหนุ่มข่มตาหลับลงต่อ ซึ่งโชคดีที่ความเพลียทำให้เขาหลับได้โดยง่าย จะได้หนีจากความรู้สึกวุ่นวายใจนี่ได้

          ต่อมองคนที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงก่อนจะถอนหายใจออกมา

          ท่าทางจะยังไม่รู้แฮะ

 

          สำหรับเน การนอนนิ่งๆอยู่ในโรงพยาบาลหนึ่งเดือนเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดตั้งแต่เกิดมา เพราะนอกจากคนเฝ้าที่มีแต่ผู้ชายและผู้ชาย วัฒน์เองก็ไม่ได้มาเยี่ยมเท่าไหร่นัก ซึ่งเขาก็เข้าใจอยู่ว่าหน้าที่ติดตามคุณสิทธิ์นั้นสำคัญมาก ยิ่งในตอนนี้เจ้านายกำลังอารมณ์ขึ้นเพราะเข้าใจผิดอยู่ ยิ่งสมควรตามติดแบบไม่ให้คลาดสายตา

          แต่ทั้งที่เข้าใจ แล้วไม่รู้ทำไมถึงได้หงุดหงิดไม่เลิกสักที

          เนทึ่งนิดหน่อยเมื่อเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นกลายเป็นเพียงข่าวอุบัติเหตุเล็กๆในหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งก็คงไม่พ้นอำนาจของสิทธิ์และหัวหน้าฝั่งศัตรูที่ปิดเรื่องเสียงจนเงียบสนิท อีกทั้งเพราะคนที่ตายไปก็มีแต่พวกนอกกฎหมาย และที่เกิดเหตุเองก็เป็นถนนโล่งที่สองข้างทางมีแต่ทุ่งสุดลูกหูลูกตา ตำรวจเองก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งให้เหนื่อยเปล่าด้วย เลยแทบไม่ต้องกังวลหรือจะพะวงว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตสักนิดเดียว

          “เป็นอะไร”

          เนอึ้งนิดหน่อยเมื่อพบว่าคนที่มารับตนเป็นวัฒน์ เพราะตอนที่สิทธิ์โทรมา เขาก็เข้าใจว่าจะมากันทั้งคณะเสียอีก แต่กลับมาแค่หนุ่มใหญ่คนเดียวเสียอย่างนั้น

          “เปล่าครับ ระ...รีบกลับกันเถอะ ผมเบื่อโรงพยาบาลจะแย่อยู่แล้ว”

          “อ๊ะ อืม” วัฒน์ออกอาการประหม่านิดหน่อย “เอากระเป๋ามาสิ เดี๋ยวฉันถือให้”

          เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกนะ แต่มันแค่เผลอ

          “ฉันถือไหวน่า” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ก่อนจะแย่งกระเป๋าเป้จากอีกฝ่าย “หายดีแล้วหรือยัง”

          “ก็...คิด ว่านะครับ” เขาตอบก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นมาดูชายโครงของตน ซึ่งยังมีผ้าก็อซแปะอยู่ “แต่หมอบอกว่าให้อยู่เฉยๆไปก่อนสักอาทิตย์น่ะครับ เดี๋ยวกระดูกมันจะไม่สมานตัวกันดี”

          “หรือ แล้วตัดไหมวันไหนล่ะ” วัฒน์ยังคงถามสัพเพเหระไปเรื่อย ด้วยท่าทีอึดอัดแปลกๆจนเนอดสงสัยไม่ได้

          “ไม่ต้องครับ ใช้ไหมละลาย” เนบอกด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
         
          ถึงจะไม่ได้ออกอาการ แต่สีหน้าเหมือนโดนใครเหยียบเท้ามันก็ฟ้องชัดเกินพอแล้ว

          “คือ...ยังไงดีล่ะ” เนมองคนที่ออกอาการกระอักกระอ่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เอาเป็นว่า กลับบ้านก่อนแล้วค่อยพูดละกัน”

          เด็กหนุ่มนิ่วหน้า รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังนึกถึงฝันบ้าบอตอนที่เพิ่งฟื้นมาด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้

          แล้วถ้าเกิดฝันนั้นเป็นจริงขึ้นมาล่ะ

          ยังไงเสียมันก็ต้องเกิดเข้าสักวัน ยิ่งในตอนนี้มีคนรอคว้าลุงแกอยู่ถึงสองคนด้วย เขาเองก็ควรจะทำใจไว้เสียแต่เนิ่นๆ...แม้จะหงุดหงิดและไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ด้วย

          ทำไมกันนะ

          ทันทีที่มาถึงบ้าน ความขุ่นเคืองที่กองอยู่ในใจก็โดนตีฟุ้งขึ้นมาอีก เพราะแทนที่คนเปิดประตูบ้านจะเป็นแมว แต่กลับเป็นศาสตร์แทน ซึ่งถ้าให้นึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของเจ้านาย อีกฝ่ายจะมาอยู่บ้านสิทธิ์ก็ไม่แปลกนัก

          แต่ที่ติดใจสงสัย ก็คงเพราะโดนศาสตร์มองหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดนั่นล่ะ แถมยังหันไปหาวัฒน์ต่อด้วย

          เนหันมองวัฒน์เป็นเชิงถาม และสิ่งที่ได้รับคือสีหน้ากระอักกระอ่วน

          “...คุณสิทธิ์ล่ะ” น้ำเสียงทุ้มของหนุ่มใหญ่ฟังดูลำบากใจ

          “อยู่ในห้องทำงานครับ กำลังสะสางงานอยู่” ศาสตร์ตอบเสียงนิ่ง “...อายังไม่ได้บอกเนสินะครับ”

          เจ้าของชื่อรู้สึกเหมือนโดนกระชากคอ ทั้งที่อีกฝ่ายเพียงแค่มองด้วยสีหน้าและแววตาไร้อารมณ์ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องนึกกลัวอีกฝ่ายด้วย

          “...บอกอะไรหรือครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามโดยพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น เนหันมองวัฒน์ที่ยังคงยืนอีหลักอีเหลื่อและไม่แม้แต่จะมองหน้าตน “มีอะไรร้ายแรงขึ้นหรือครับ”

          “ไม่มีหรอก” คนตอบกลับเป็นศาสตร์แทน “แค่เรื่องส่วนตัวที่ควรจะบอกให้นายที่นอนห้องเดียวกับอาวัฒน์”

          เด็กหนุ่มเพียงแต่นิ่งเงียบและจ้องอีกฝ่ายกลับโดยไม่พูดอะไรสักคำ

          “พวกเราคบกันแล้ว”

          วัฒน์หันกลับมามองเนเมื่ออีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเลย หนุ่มใหญ่ถึงกับนิ่วหน้าเมื่อพบว่าเนกำลังยืนค้างนิ่งเหมือนรูปปั้น

          “...เน...”

          “อะไรกัน จริงหรือเนี่ย ในที่สุดก็ลงเอยกันสักทีนะครับ”

          แต่ก่อนที่วัฒน์จะได้เรียกอีกฝ่ายจบ อยู่ๆเนก็โพล่งออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้นสุดๆ ทำเอาหนุ่มใหญ่เป็นฝ่ายค้างแทน

          “อืม” ศาสตร์เอ่ยรับเสียงเรียบ ใบหน้านั้นยังคงนิ่งเฉยไม่มีเปลี่ยน “ถึงนายจะไม่ได้คิดอะไรกับอาวัฒน์...แต่ฉันอยากจะให้นายย้ายไปนอนห้องอื่นน่ะ แบบว่ามันไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่”

          “อ้อ ได้สิครับ แค่นี้เอง ที่จริงห้องเดิมผมก็ซ่อมเสร็จตั้งนานแล้ว ว่าจะย้ายอยู่แต่ไม่มีโอกาสสักที พอดีเลยนะครับ”

          วัฒน์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายหันมาถามด้วยใบหน้าร่าเริงสุดๆ ทำเอาเขาอึกอักเพราะทำหน้าไม่ถูก

          “ผมยินดีด้วยนะครับ เท่านี้ทั้งคุณสิทธิ์และทั้งผมจะได้สบายใจสักทีที่คุณมีความสุขกับเขาได้แล้ว”

          หนุ่มใหญ่มองอีกฝ่าย สีหน้าแปลกใจเลือนหายไปเหลือเพียงไว้แต่ความหงุดหงิด

          “อย่าพูดเหมือนฉันทำให้นายกังวลจะได้ไหม” ไม่ใช่แค่สีหน้า แต่น้ำเสียงก็ไปด้วย ทำเอาเด็กหนุ่มที่กำลังหน้าบานถึงกับหดกลับทันควัน “งั้นตามขึ้นมาหน่อย มีธุระจะพูดด้วย แล้วก็จะได้เก็บของไปอีกห้องด้วยเลย”

          เนเพียงแต่มองอีกฝ่ายหน้านิ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้แล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องนอนไปติดๆ

          “ฉันจะบอกนายตั้งแต่ฟื้นแล้ว แต่เห็นอาการยังไม่ดี ฉันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่าไหร่”

          ทันทีที่เข้าห้องกันมาแล้ว วัฒน์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่น หนุ่มใหญ่หยุดยืนอยู่ตรงกลางห้อง ก่อนจะหันกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดจนเนถึงกับถอย

          “อาจจะกะทันหันไป แต่ฉันคงต้องขอยกเลิกสัญญาของเราล่ะ”

          คนฟังเพียงแต่มองค้างหน้านิ่ง นั่นทำเอาวัฒน์เกิดหวั่นใจขึ้นมา ยิ่งเงียบไปเสียนาน คนที่พูดก็ยิ่งหวาดหวั่น

          “เอ้อ นั่นสิครับ มันคงจะไม่ดีถ้าเรายังทำกันทั้งที่คุณก็คบกับคนอื่นไปแล้ว”

          วัฒน์มองเนที่พูดด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ ใบหน้าของหนุ่มใหญ่บิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด แต่กระนั้นก็ยังพยายามบังคับสีหน้าของตนให้นิ่งเข้าไว้

          “ผมดีใจจริงๆนะครับที่คุณคบกับคุณศาสตร์” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่นั่นกลับทำเอาคนมองยิ้มไม่ออก “แล้วนี่มีคนอื่นรู้หรือยังล่ะครับ”

          “ยัง” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงห้วน “ยังไงนายก็อย่าไปบอกใครละกัน ฉันว่าจะรอให้ปัญหาของคุณสิทธิ์จบก่อนแล้วค่อยพูด”

          ได้ยินแล้วก็ทำหน้าตื่นและนึกถึงปัญหาที่น่ากังวลขึ้นมาทันที

          “ตอนนายไม่อยู่ไอ้เดชมันมาหาคุณสิทธิ์ถึงบ้าน” วัฒน์บอกอย่างหงุดหงิดและกลัดกลุ้ม “ทำมาพูดว่าเสียใจกับเรื่องที่เกิดเสียเต็มประดา แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะช่วยหาทางแก้แค้นให้อีก…ไอ้บ้านั่น…หน้ามันจะหนาไปไหนของมันวะ”

          บ่นจบก็หันกลับมาหาเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “ฉันรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้ผลแล้วอาจจะทำให้นายรู้สึกไม่ดี แต่ถ้าทำได้ ช่วยขวางคุณสิทธิ์หน่อยแล้วกัน บางทีเขาอาจจะฟังนายมากกว่าฉันก็ได้”

          “คะ...ครับ” เด็กหนุ่มตอบกลับเสียงสั่น ชักจะหวาดหวั่นขึ้นมา “ถ้ายังไง ผมขอขนของไปห้องโน้นก่อนก็แล้วกันนะครับ”

          “อืม...ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนละกัน”

          เนพยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปเก็บข้าวของ เสียงประตูห้องนอนดังขึ้น ตามด้วยเสียงเดินที่ไกลออกไปทุกที จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงอีกต่อไป

          ในที่สุดมันก็จบเสียที เราจะได้ไม่ต้องมารู้สึกบ้าบอแบบนี้อีก

          เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางยัดเสื้อผ้าของตนลงในกระเป๋า แต่ใส่ได้ไม่ทันเรียบร้อยดีก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีหยาดน้ำอุ่นหยดลงมาโดนมือของตน และไม่ได้มีแค่หยดเดียว แต่พรั่งพรูลงมาเสียจนเต็มหลังมือ

          เนยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตนที่ไหลพรากด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมา

          ทำไมล่ะ...ก็มันจบไปแล้วนี่นา...มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ

          ทำไมเราต้องเจ็บปวดขนาดนี้ด้วยล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย

          ก็เราไม่ได้รักเขาแบบนั้นสักหน่อย...

          หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้บ้าเอ๊ย!



___________________________________


ชีวิตพระเอกจบแล้วตอนนี้ ลาก่อย <3
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 64 (17/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-10-2015 13:52:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 64 (17/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-10-2015 15:21:40
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 64 (17/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 17-10-2015 18:23:14
 :sad4: :sad4: :sad4:
ม่ายยยยย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 64 (17/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 18-10-2015 07:49:29
ง่าาา ชักสงสารเนแล้วอ่ะ T^T
อย่าซึนนานล่ะ!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 64 (17/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 18-10-2015 08:51:04
เฮ้อ ใจตรงกันแท้ๆ ถ้าเนไม่ปากแข็งล่ะก็นะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 20-10-2015 08:51:18
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 65


          “หึๆ...หึๆ...”

          เสียงหัวเราะชั่วร้ายและน่ารังเกียจดังขึ้นเป็นพักๆจากสิทธิ์ที่กำลังนั่งจ้องโน้ตบุ๊คของตนบนโต๊ะในห้องทำงาน ทำเอาวัฒน์กับเนที่นั่งอยู่บนโซฟาพากันสะดุ้งเป็นระยะๆ

          แต่สาเหตุที่เนสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะกลัวสิทธิ์ที่ทำหน้าชั่วร้ายกับจอโน้ตบุ๊คแต่อย่างใด แต่เพราะมันทำให้เขารู้สึกตัวว่าตนเอาแต่จ้องวัฒน์ไม่เลิกต่างหาก

          นี่ก็เกือบสองสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่เขารู้ว่าวัฒน์กับศาสตร์คบกัน เด็กหนุ่มยอมรับว่าทีแรกตนเสียใจมากจนเขื่อนแตกอยู่สองสามวัน แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำใจได้สักที ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะวัฒน์เองก็ทำตัวเป็นปกติด้วย เขาเลยทำใจได้เร็ว แม้จะเสียเวลาไปนานกว่าที่คิดก็ตาม

          แต่ถึงจะทำใจได้แล้ว พอต้องมาทำงานด้วยกันทีไร เขาก็อดกระอักกระอ่วนไม่ได้อยู่ดี จะมองหน้าทีก็ไม่ค่อยจะกล้า แถมยังคุยกันยากกว่าเมื่อก่อนอีก เหมือนจะเปิดปากแต่ละทีมันช่างยากเย็นเหมือนมีด้ายมาเย็บปากเอาไว้อยู่ยังไงยังงั้น เลยได้แต่แอบมองตอนอีกฝ่ายเผลอแทน

          และอีกสิ่งหนึ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือไอ้เบื้องล่างที่ไม่ได้เรียกร้องอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่ตามปกติ ลองว่าเว้นช่วงไปนานขนาดนี้ มันก็ต้องมีหงุดหงิดหน้ามืดจนอยากหาที่ระบายไปแล้ว

          ตอนนี้น่ะหรือ อย่าว่าแต่หน้ามืดเลย แค่อารมณ์อยากยังไม่ค่อยจะมี

          ซึ่งเนก็คิดไปว่าคงเป็นผลมาจากที่ตนเสียใจนักหนาที่ต้องเสียคู่นอนที่หาไม่ได้แล้ว เลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะตอนนี้อยากเมื่อไหร่ก็แค่แว้บไประบายกับคู่นอนที่ทำงานเก่าก็พอ

          แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ทำให้เขาอยากมีอารมณ์อย่างว่าด้วย

          “เอาล่ะ”

          อยู่ๆคุณเจ้านายแสนดีก็ลุกพรวดขึ้นมา ก่อนจะหยิบรูปที่วางอยู่ตรงเครื่องปรินท์เตอร์มาวางไว้กลางโต๊ะกระจกตรงหน้าวัฒน์กับเน

          ลูกน้องทั้งสองมองรูปหญิงสาวรูปร่างอรชรหน้าตาน่ารัก ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนฉีกยิ้มชั่วร้ายอยู่

          “นี่เดียร์ น้องไอ้วินมัน”สิทธิ์เฉลยเสียงใส ท่าทางภูมิใจเสียเต็มประดา

          “ผมว่ามันไม่ดีถ้าจะไปลักพาตัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องนะครับ”

          “ไม่ได้ลักพาตัวสักหน่อย” สิทธิ์หันไปเถียงเสียงเข้ม ทำเอาเนสะดุ้ง “แต่รับรอง ถึงทางกฎหมายจะไม่รุนแรง แต่รับรองว่ามันต้องเจ็บยิ่งกว่าที่นายโดน”

          เด็กหนุ่มได้แต่งงกับท่าทีที่แค้นเสียเต็มประดาเสียยิ่งกว่าเจ็บเองของอีกฝ่าย...อันที่จริงเขาก็ ดีใจอยู่ แต่จะให้ดีกว่านี้คือถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ทำลงไปเพราะเข้าใจผิดนี่ล่ะ

          แต่เพราะยิ่งพยายามสืบสาวราวเรื่องจากเหตุการณ์ครั้งนั้น กลับกลายเป็นว่ายิ่งโยงไปหาวินกว่าเดิม พวกเขาก็เลยไม่รู้จะเอ่ยค้านหรือห้ามอย่างไรดี เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพวกตนเป็นลูกน้องไม่รักดีเห็นศัตรูดีกว่าอีก

          ใจจริงเขาก็อดสงสัยวินไม่ได้ เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้รู้จักอะไรวินมากนัก แต่เพราะพรรคพวกทั้งหมดกลับไม่คิดแบบนั้น บวกกับลางสังหรณ์ของตัวเอง เลยไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่าวินเป็นตัวการจริงๆ

          “แล้วคุณจะทำอะไรเขาหรือครับ” วัฒน์ถามด้วยความกังวล ท่าทางยังคงเชื่อว่าเจ้านายจะไปทำมิดีมิร้ายอะไรสาวเจ้าจริงๆ

          “ก็ไปตีสนิทเขาไง” คำตอบทำเอาคนฟังเลิกคิ้ว “ผมได้ข้อมูลลับมา เห็นว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาวต่างแม่ของไอ้แว่น ที่มันโคตรรักโคตรหวงเป็นที่สุด เพราะงั้น ถ้าผมสนิทกับน้องมัน...หรือถึงขั้นเป็นแฟน รับรองว่ามันกระอักเลือดตาย แต่ถ้ายุ่งยากนัก ก็ขู่นิดๆหน่อยๆให้ทำตามที่ผมต้องการก็พอ ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กหัวอ่อนอยู่เหมือนกันนี่ ฮ่าๆ”

          ลูกน้องทั้งสองพากันโล่งใจทันทีที่การแก้แค้นครั้งนี้ไม่ได้เลวร้ายกว่าที่คิด แม้ไอ้ประโยคช่วงท้ายจะไม่ชวนให้สบายใจเลยก็ตาม

          “แต่มันจะดีหรือครับ เอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมายุ่งด้วยแบบนี้” ด้วยความที่รู้จักนิสัยของสิทธิ์ดี วัฒน์จึงพยายามชักจูงให้อีกฝ่ายเลิกทำ โดยเฉพาะกับแผนหลัง

          “ผมก็ไม่ได้อยากหรอกครับ ถึงได้เลือกแผนนี้ ไม่อย่างนั้นผมจับน้องมันมาปู้ยี่ปู้ยำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” ได้ยินสิทธิ์พูดแบบนั้น วัฒน์ถึงกับถลึงตาใส่ “แต่แปลกดีนะ รู้จักมันมาตั้งนาน ไม่ยักจะรู้ว่ามันมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้...ถ้าได้เป็นแฟนจริงก็ดีนะ ฮะๆ”

          “นั่นสิครับ ผมก็ไม่รู้จัก” หนุ่มใหญ่ว่าพลางมองรูปเด็กสาว “…แต่ผมว่าอย่าทำเลยดีกว่านะครับ ถึงคุณจะบอกว่าแค่เพื่อน แล้วถ้าอีกฝ่ายคิดเกินเลยขึ้นมาแล้วจะว่ายังไงล่ะ”

          “ชะ…ใช่ครับ ยิ่งหล่อรวยแบบคุณสิทธิ์ด้วย เผลอๆไม่ทันได้เป็นเพื่อนแต่เลื่อนขั้นไปเป็นเมียเลยมากกว่ามั้ง” เนรีบเสริมเสียงตื่น

          “ยอไปฉันก็ไม่เปลี่ยนความคิดหรอกนะ” แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่มเสียเหลือเกิน “ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าก็ช่างปะไร ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่น หมอนั่นทำเกินไป ฉันไม่ยอมหรอก”

          “ที่ผมพูดไปน่ะ ไม่ได้ห่วงวิน แต่ห่วงคุณสิทธิ์นะครับ” วัฒน์ยังคงไม่ลดละความพยายาม “ผมไม่อยากให้คุณมารู้สึกผิดเพราะลากคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพื่อแก้แค้นอีกฝ่ายนะครับ”

          เจ้านายแสนดีบึ้งหน้าใส่ ท่าทางไม่ยอมจริงๆ

          “ถ้าอาไม่ช่วย ผมก็ไม่ได้บังคับหรอกนะ ผมเองก็ไม่อยากจะให้อามารู้สึกไม่ดีเพราะผม…” มาแล้ว ทำงอนแต่เสียงออดอ้อนตัดพ้อ และเพียงแค่นั้นจากท่าทีขึงขังกลายเป็นลุกลี้ลุกลนทันที “ยังไงซะนี่ก็เป็นเรื่องที่ผมตั้งใจเอง ผมก็อยากจะดึงคนมาเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดเหมือนกัน”

          วัฒน์ได้แต่นิ่วหน้า แล้วเขาจะเมินอีกฝ่ายอย่างไรได้ มันจะน่าเป็นห่วงเสียมากกว่าน่ะสิ

          ถึงจะไม่อยากอย่างไร ถ้ามองในแง่ผลประโยชน์ ลองว่าสิทธิ์ลงเอยกับน้องสาววิน ย่อมมีแต่ผลดีแน่นอน ไหนจะวินที่คงยอมดีกับสิทธิ์เพื่อน้อง ไหนจะไม่ต้องเจอการทะเลาะของวินกับสิทธิ์ที่ชวนทรมานใจ ไหนจะกิจการที่เผลอๆอาจจะยอมร่วมมือกันอีก มีแต่ได้กับได้

          “ถ้างั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเจอน้องมันเลยละกัน” สิทธิ์แปรสภาพเร็วเสียจนเนได้แต่สงสัยว่าเจ้านายแสนดีแกจงใจแอคติ้งให้วัฒน์ยอมหรือเปล่า ตอนนี้ดูไปดูมาเหมือนอยากเจอเดียร์มากกว่าจะอยากไปแก้แค้น ทำเอาลูกน้องหายเครียดไปเยอะ “เดี๋ยวผมจะรีบเคลียร์งานเอาไว้เลยนะ”

          ว่าจบก็เดินระรื่นกลับโต๊ะทำงานไปสะสางกองเอกสารตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีทันที

          เนเลื่อนสายตามองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ตรงข้าม หลังจากเจ้านายแสนดีอธิบายแผนแก้แค้นจบ หนุ่มใหญ่ก็เพียงแต่หยิบมือถือขึ้นมากดเล่น นั่นทำเอาคิ้วของเด็กหนุ่มวิ่งชนกัน เพราะโดยปกติวัฒน์ไม่ค่อยจะเล่นมือถือเท่าใดนักหรอก

          และเขาก็รู้ด้วยว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ เจ้าคนที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านของสิทธิ์ในตอนนี้ก็คงเหมือนกัน

          เนจ้องมองวัฒน์อย่างไม่ละสายตา ท่าทางหนุ่มใหญ่จะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนจ้อง เขาเอาแต่กดมือถือ จากนั้นก็ยิ้มให้กับจอ

          อย่างกับคนบ้า!

          เนบึ้งหน้า ก่อนจะพยายามปัดอารมณ์ขุ่นมัวที่ฟุ้งอยู่ในใจออกไป เขาหันมองไปทางอื่น หวังจะช่วยคลายความรู้สึกดำมืดได้

          “หึ...”

          แม้จะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงานก็ทำเอาเด็กหนุ่มเบนสายตากลับมาทันที

          ตึง!

          จากที่กำลังเพลินๆถึงกับสะดุ้ง และแน่นอนว่าสิทธิ์เองก็หันมามองเนที่เอามือทุบโซฟาเหมือนกัน

          “เป็นอะไรของนาย” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองลูกน้องที่หน้าแดงจัด “ไม่สบายหรือไง”

          “...แค่ปวดท้องน่ะครับ ฮะๆ” ว่าแล้วก็กระโจนออกมาจากโซฟา “ดะ...เดี๋ยวผมมานะครับ”

          “เอ้าไปสิ อย่ามาราดตรงนี้นะเว้ย เดี๋ยวป้านางกับแมวเอาแกตายแน่” สิทธิ์พูดติดตลกก่อนจะโบกมือไล่

          เนเพียงแต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะเบือนหน้าไปหาวัฒน์ที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หนุ่มใหญ่เพียงแต่มองหน้าเขา และนั่นทำให้ความรู้สึกบ้าบอในใจมันก่อตัวขึ้นมาอีก

          เด็กหนุ่มผงกหัวให้ก่อนจะหนีออกไปทันที เขาพยายามดับความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ใบหน้าเรียวบิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิดเป็นที่สุด

          ทำไมมันถึงไม่หายไปสักทีนะ

          ทั้งที่คิดว่าหากวัฒน์ไปคบกับคนอื่น ความรู้สึกนี้ก็คงจะหายไปแท้ๆ แต่สุดท้ายมันกลับยังคงอยู่ และดูจะรุนแรงกว่าเดิมด้วย

          “บ้าเอ๊ย!”

          ทันทีที่เผลอสบถออกมาก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะขณะที่กำลังเดินไปห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับโค้กพอดี

          “เป็นอะไรไปเรอะ ท่าทางไม่ดีเลยนะ”

          ถึงแม้ว่ากำลังหงุดหงิด แต่เด็กหนุ่มก็ปั้นหน้ายิ้มให้ได้ทันที แม้มันอาจจะดูแปลกๆเพราะฝืนก็ตาม

          “อ๋อ...หงุดหงิดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะครับ ฮะๆ” เนว่าพลางหัวเราะกลบเกลื่อน ในขณะที่โค้กเพียงแต่ยืนมองด้วยความแปลกใจ

          “หรือ...ฉันเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นน่ะนะ...” ชายหนุ่มว่าแล้วก็ถอนหายใจ “ก็คิดดูสิ ฉันอุตส่าห์ขอให้นายช่วย ไปๆมาๆไอ้ศาสตร์กลับคาบไปแทนเสียได้น้า”

          เนยืนค้างแข็งไปกับคำพูดเหล่านั้น

          “แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะเสียดาย แต่อาวัฒน์กับไอ้ศาสตร์ใจตรงกันได้ก็ดี รู้ไหมหมอนั่นชอบอาวัฒน์มาเป็นสิบปีเลยนะ เชื่อหรือเปล่า” โค้กเล่าต่อพลางมองท่าทีของเด็กหนุ่ม “นี่ขนาดระหว่างเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ไอ้ศาสตร์มันยังเฝ้าไปคุยไลน์ไปกับอาวัฒน์เลยนะ จู๋จี๋ไม่เกรงใจคนอกหักกันบ้างเลยเนอะ”

          “งะ...งั้นหรือครับ” เนตอบเสียงค่อย ชักฝืนยิ้มไม่ค่อยจะอยู่ ใจจริงอยากจะวิ่งหนีจากเรื่องบาดหูบาดใจจะแย่ แต่เพราะโค้กดันมาดึงมือตนไว้เหมือนจงใจนี่น่ะสิ “แต่ในเวลางาน เอาแต่คุยกันมันก็ไม่ดีหรอกนะครับ...คุณน่าจะเตือนคุณศาสตร์หน่อยนะครับ”

          “แหม เห็นมันดีใจจะตายฉันก็ห้ามไม่ลงหรอก” โค้กยิ้มพราย ยังคงดึงมืออีกฝ่ายไม่เลิก “แต่ถึงมันกับอาวัฒน์จะหวานกันจนลืมตัว ก็ยังมีพวกเราเฝ้าอยู่นี่เนอะ ก็ให้ข้าวใหม่ปลามันเขาหวานกันไปก่อนก็ได้นี่ ไม่ใช่ว่าจะมีเวลามาเจอกันบ่อยๆสักหน่อย ขนาดอยู่ที่เดียวกันยังต้องหวานกันผ่านโทรศัพท์เลยนี่นา”

          เหมือนอะไรบางอย่างในหัวมันขาดผึง

          โค้กเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย อยู่ๆเนก็สะบัดแขนกลับออกไปเต็มแรง จากที่กำลังปั้นหน้ายิ้มแบบฝืนๆ ก็กลับมาบึ้งหน้าใส่ เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินหนีไปยังหลังครัว

          ชายหนุ่มมองตามหลังของอีกฝ่ายไป ไม่ได้ติดใจกับท่าทีเหล่านั้นของเนเลยสักนิด โค้กเพียงแต่ยืนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินกลับไปยังหน้าบ้าน

          ทำไม...

          เนได้แต่ถามตัวเองเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

          เราไม่ได้รักเขาสักหน่อย...ถึงรักก็ไม่ใช่แบบนั้น

          และนั่นก็เป็นคำตอบที่เขาพร่ำคิดอยู่ร่ำไป แม้จะรู้ตัวดีว่ามันไม่เคยช่วยให้ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านดับลงได้เลยก็ตาม

          บางที ถ้าเลิกทำงานนี้ไปเลยก็คงดี

          แม้ใจจริงอยากทำเช่นนั้นใจจะขาด แต่เนก็เป็นห่วงสิทธิ์เกินกว่าจะยอมทิ้งงานไปง่ายๆ เขาเลยต้องมาจมอยู่ในวังวนแห่งอารมณ์ที่เขาไม่มีทางจะปัดมันทิ้งออกไปอยู่เช่นนี้

          “อ้าว เป็นอะไรไปคะพี่เน”

          แมวร้องถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าทะมึนมาแต่ไกล และทั้งที่ปกติเนจะยิ้มกลับให้ทันทีไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แต่คราวนี้กลับยังคงหน้าบูดบึ้งไม่เปลี่ยน ทำเอาเด็กสาวถึงกับถอยกลับอย่างลืมตัว

          “เครียดเรื่องงานนิดหน่อย” แม้แต่หางเสียงที่มักจะใช้ยังก็ยังไม่มี เด็กหนุ่มตอบเพียงแค่นั้นแล้วเดินลิ่วไปยังหลังบ้านต่อทันที ปล่อยให้แมวได้แต่มองตามหลังด้วยความสงสัยและเป็นห่วงอยู่หน้าประตูครัวเหมือนเดิม

 

          หลังจากไปทำใจในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ก็เดินกลับมายังห้องทำงานของสิทธิ์ แต่ปรากฏว่ามีเพียงเจ้านายคนเดียวที่อยู่ในห้อง

          “อ๋อ ฉันบอกอาว่าไม่ต้องเฝ้าฉันอยู่ในห้องก็ได้น่ะ...นายเองก็เหมือนกัน ไม่ต้องมานั่งเฝ้าฉันตรงนี้ก็ได้ เล่นเรียกพรรคพวกมาล้อมบ้านขนาดนี้ ยุงสักตัวก็คงมาไม่ถึงฉันหรอก” สิทธิ์บอกติดตลกเมื่อเห็นเนหันมองไปทั่วห้อง

          “...ไปไหนหรือครับ” เนถามก่อนจะกลับไปนั่งลงบนโซฟา ท่าทางเหมือนกะไม่ไปแน่

          “เอ...เห็นว่าจะไปหาพี่ศาสตร์น่ะ” ดีที่สิทธิ์บอกโดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา เลยไม่เห็นว่าเนถลึงตามองใส่ตน “สงสัยพักหลังมานี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ไหนจะยังเพราะก่อนหน้านั้นพี่ศาสตร์บาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาลด้วย เลยได้โอกาสคุยกันมั้ง”

          “เขาสนิทกันมากเลยหรือครับ”

          “ก็สนิทนะ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว…จะว่าไงดีล่ะ คืออาวัฒน์แกค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบของเด็กน่ะ” เกริ่นมาก็ทำเอาคนฟังอ้าปากค้างเพราะไม่อยากจะเชื่อ “เฮ้ย เห็นแบบนั้นอาเขาโคตรรักเด็กเลยนะเว้ย ลองว่ามีเด็กเล็กๆอยู่ตรงหน้า จากที่ทำหน้านิ่งๆนี่อย่างกับคุณพ่อเห่อลูกเลยล่ะ”

          เด็กหนุ่มนิ่วหน้าก่อนจะกลอกตาไปมา จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

          “แต่ก็อย่างที่นายเห็นนั่นล่ะ พอโตกันมาส่วนใหญ่ก็จะกลัวอาวัฒน์กันหมด ไม่รู้ทำไม ขนาดปาล์มกับแมวเองก็ยังไม่สนิทกับอาวัฒน์เหมือนเมื่อก่อนเลย” เมื่อเริ่มอินกับเรื่องที่เล่าก็ละจากงานมานั่งเท้าคางด้วยความเหงา...หรือที่จริงก็แค่เหนื่อยจนอยากพักสักหน่อยก็ไม่รู้ “จะมีก็แค่พี่โค้ก พี่ศาสตร์นี่แหละที่ยังสนิทกับอาวัฒน์เหมือนเดิม”

          “งั้นหรือครับ” เนตอบเสียงเรียบ นึกถึงวัฒน์แล้วก็เผลอกำมือแน่น

          มันสมควรจะเป็นแบบนี้แล้วนี่ พวกเขาเองก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว...

 

          ทั้งสามมายืนดักรอเป้าหมายในตรอกซอยแคบแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักของเดียร์ น้องของวิน แม้จะยังหัวค่ำ แต่ในซอยนี้กลับเปลี่ยวเสียจนน่ากลัว ทั้งที่บริเวณที่ทั้งสามยืนอยู่ก็ใกล้กับถนนใหญ่แท้ๆ มีคนเพียงสองถึงสามคนที่นานๆจะผ่านไปผ่านมาสักที อีกทั้งบริเวณทั้งสองฝั่งถนนก็มีแต่ทุ่งโล่งๆเสียเป็นส่วนใหญ่ กว่าจะเดินฝ่าเข้าไปด้านในที่มีหอพักสร้างกระจุกอยู่ก็เสียเวลาร่วมสิบนาที มีเวลาถมถืดให้พวกอาชญากรลากเหยื่อลงดงหญ้า

          “ถามจริงๆ น้องคุณวินเขามาอยู่ที่นี่จริงๆหรอกครับ” เนถามพลางหันมองไปมาด้วยความระแวดระวังอยู่หลังรถบรรทุกหกล้อ ที่จริงโค้กกับศาสตร์ก็มาด้วย แต่ไปเฝ้าระวังรอบนอกแทน กระนั้นก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดีว่าอาจจะมีใครซุ่มอยู่ในทุ่งหญ้าหรือเปล่า

          ถึงจะไม่ชอบใจนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เนรู้สึกดีที่ฝีมือด้อยกว่าโค้กกับศาสตร์ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางได้มาอยู่ตรงนี้แทนหรอก คงโดนใช้ให้ไปรับศึกหนักอยู่รอบนอกแทนแล้ว

          เนเหล่มองวัฒน์ที่เอาแต่มองสิทธิ์อย่างกังวลและหวาดระแวง เด็กหนุ่มนึกทอดถอนใจเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมหันมามองเขาเลยสักนิด แถมวันนี้ดูจะอารมณ์บูดกว่าปกติอีก ซึ่งเนก็เข้าใจว่าต้นเหตุก็คงไม่พ้นเดชหรอก

          ทั้งที่ทำงานด้วยกัน แต่ในตอนนี้ทำไมกลับรู้สึกเหมือนห่างกันนักนะ

          ตั้งแต่ย้ายไปอีกห้อง เขาก็แทบไม่ได้คุยกับวัฒน์เท่าไหร่เลย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองที่หลบลี้หนีหายทุกทีที่เจอหน้าอีกฝ่าย...ซึ่งจริงๆเขาก็ไม่ได้อยากจะหลบนักหรอก เสียแต่ว่าทุกครั้งที่เจอวัฒน์ หนุ่มใหญ่จะต้องอยู่กับศาสตร์ตลอดนี่น่ะสิ

          และมันก็ทำให้เขาเจ็บหน้าอกขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดทุกที

          “อ๊ะ นั่นไง”

          เสียงของเจ้านายดึงเด็กหนุ่มออกมาจากภวังค์ ทั้งสองหันไปมองเด็กสาวที่โดนชายฉกรรจ์ล้อมกรอบเอาไว้ และไม่ว่าจะดูอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่เพื่อนกันเป็นแน่

          “เฮ้ย”

          ทั้งสองพากันสะดุ้งเมื่ออยู่ๆเจ้านายที่รักก็พุ่งเข้าไปชนกับพวกนักเลงแบบไม่ถามลูกน้องสักคำ และไม่ทันจะได้พุ่งเข้าไปช่วย คนเหล่านั้นก็ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว

          เมื่อทุกอย่างอยู่ในความเรียบร้อย อีกทั้งดูจากบรรยากาศแล้ว หากออกไปหาตอนนี้ คงได้เสียแผนกันพอดี พวกเขาเลยได้แต่อดทนยืนรออีกฝ่ายแทน ซึ่งเพียงไม่นาน สิทธิ์ก็วกกลับมาหาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

          “คุณสิทธิ์ครับ”

          ทันทีที่เจ้านายเดินเข้ามาหาเนกับวัฒน์ที่ยืนรออยู่หลังรถบรรทุก ทั้งคู่ก็เรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุพร้อมกัน ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะเป็นคนพูดขึ้นมา

          “ทำแบบนี้มันอันตรายนะครับ รู้หรือเปล่าว่าผมเป็นห่วงคุณนะ”

          “นั่นสิครับ ถ้าจะให้ไปช่วยล่ะก็ ผมออกแทนก็ได้” เนว่าด้วยความตกใจกับการกระทำไม่คิดหน้าคิดหลังของสิทธิ์ “ถึงคุณสิทธิ์จะเก่งยังไง แต่นั่นก็ตั้งห้าคนนะครับ เกิดคุณบาดเจ็บขึ้นมาล่ะครับ โธ่”

          “เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่” ใบหน้านิ่งยิ้มให้ทั้งสอง “อาวัฒน์กับเนอย่าห่วงให้มากนักเลย แค่นักเลงกระจอก...อาวุธก็ไม่ได้พกซักชิ้น”

          “จะกี่ชิ้นก็ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะครับ” คนอาวุโสกว่าติติงอย่างเหนื่อยหน่าย “อย่าลืมสิครับ ว่าคุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะออกหน้าบุกตะลุยนะครับ นั่นมันหน้าที่ของพวกผม”

          “ครับ ขอโทษครับอาวัฒน์” สิทธิ์ตอบรับด้วยท่าทีรู้สึกผิด แต่วัฒน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิดแค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลืมแล้วทำต่อ “เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้เป้าหมายล่ะ วันนี้กลับเลยละกัน”

          “เอ่อ...” เนขัดขึ้นด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อย “ทำแบบนี้จะดีหรือครับ...ไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะ...”

          “ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ” ร่างสูงแซว ใบหน้าฉายแววเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายขึ้นมาจนดูสยอง “ดีมาเราก็ดีไป ร้ายมาเราก็ร้ายกลับ ไม่ใช่หรือไง ไอ้หมอนั่นมันเริ่มก่อนนะ หรือนายจะให้ฉันปล่อยให้ไอ้เวรนั่นมาเอาเปรียบฉันตามใจชอบ ไม่มีทางซะหรอก”

          ว่าจบก็กระทืบเท้านำออกไปอย่างไม่สงสารพื้นคอนกรีตแต่อย่างใด ไม่วายยังไปจ้องหาเรื่องกับหมาข้างทางจนมันวิ่งหนีหางจุกตูด

          “คุณไม่คิดจะห้ามคุณสิทธิ์เลยหรือไงครับ” พอห้ามเองไม่อยู่ เนก็เริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส ตั้งแต่สิทธิ์ตัดสินใจจะทำแผนนี้ ก็ดูวัฒน์จะไม่ค่อยห้ามเตือนอีกฝ่ายเลยสักนิด “คุณอยู่กับคุณสิทธิ์ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ทำแบบนี้มันไม่ดีนะครับ อาชญากรรมชัดๆ”

          คิ้วหนาของคนอายุเยอะกว่าวิ่งเข้าชนกัน ท่าทางไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น

          “ก็เพราะฉันอยู่มานานจนรู้ว่าคุณสิทธิ์เป็นคนยังไงน่ะสิ” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ สีหน้าเหมือนกำลังโมโหอย่างแรง ทำเอาเนที่กำลังหงุดหงิดถึงกับผงะ “ถ้ารุ่นน้องอย่างนายห้ามคุณสิทธิ์ไม่ได้ ฉันที่เป็นแค่คนรับใช้ก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอก ลองว่าจะทำแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้ได้ นั่นล่ะคุณสิทธิ์”

          เนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่หนุ่มใหญ่ไม่ยอม ด้วยท่าทีที่ไม่ยอมมากๆเสียจนเด็กหนุ่มถึงกับผงะ

          “ฉันว่าเรื่องที่ควรทำมากกว่าห้ามคุณสิทธิ์ก็คือ จัดการต้นตอของปัญหาทั้งหมด นั่นล่ะดีที่สุด” สายตาดุดันจ้องเขม็ง แต่ก็ดูจะสับสนเอาการ จนเนสับสนไปด้วย “ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้งูสารพัดพิษอย่างไอ้เดช คุณสิทธิ์จะมาตกที่นั่งลำบากแบบนี้หรือไง...ไอ้เนรคุณนั่นน่ะ!”

          เด็กหนุ่มร่างสูงพอจะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายดี...แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาลงกับเขาทุกที โดยเฉพาะช่วงที่สิทธิ์เริ่มวางแผนบ้าๆนี่ยิ่งออกอาการแรงอย่างกับโดนใครเหยียบเท้าอยู่ตลอดเวลา

          “ครับๆ เข้าใจแล้ว” เนตอบเสียงเจื่อน หมดทางจะเถียงต่อ บวกกับแอบน้อยใจที่หลังจากวัฒน์คบกับศาสตร์ อีกฝ่ายชอบโมโหใส่ตนทุกที แม้จะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีความรังเกียจร่วมด้วย แต่เจอแบบนี้เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี

          ไหนว่าจะไม่ใส่อารมณ์กับเราไง ตาลุงขี้โกหกเอ๊ย

          “ก็ดี” วัฒน์ว่า ท่าทางเหมือนอยากจะกระโดดกัดเนเสียให้ได้ ทำเอาคนที่กำลังน้อยใจเผลอถอยหนีด้วยความระแวง “รีบๆไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคุณสิทธิ์รอนานกันพอดี”

          เนพยักหน้าให้ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปติดๆ และทันทีที่มาสมทบกับพรรคพวกที่เหลือ จากที่กำลังกังวลปนสงสัยกับท่าทีประหลาดในช่วงนี้ของวัฒน์ ก็โดนความขุ่นเคืองปัดทุกอย่างออกไปจากใจ

          “คืนนี้ว่างไหมครับ”

          “อืม ไปที่ห้องฉันละกัน”

          ได้ยินเพียงแค่นั้น เด็กหนุ่มก็เผลอกัดปากของตัวเองจนแดง และที่ชวนหงุดหงิดยิ่งกว่าคือตัวเองที่ร้อนรนและโมโหทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด

          “คุณวัฒน์ครับ”

          พอขึ้นรถมานั่งข้างคนขับแล้วเด็กหนุ่มก็โพล่งชื่อของหนุ่มใหญ่โดยไม่มองหน้า ซึ่งวัฒน์เพียงแค่หันไปมองเท่านั้น

          “วันนี้ผมขอออกไปข้างนอกได้ไหมครับ”

          “ได้สิ” วัฒน์ตอบกลับอย่างรวดเร็วจนคนถามชะงัก “จะไปปลดปล่อยใช่ไหม”

          เนหน้าขึ้นสี เพราะถึงแม้โค้กกับศาสตร์จะไม่ได้อยู่บนรถคันเดียวกัน แต่สิทธิ์ก็อยู่ด้วย และทั้งที่เจ้านายตนก็รู้สันดานของเขาดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเด็กหนุ่มกลับรู้สึกแย่ที่วัฒน์โพล่งออกมาโต้งๆแบบนี้

          “อ้อ เออว่ะ จะว่าไปก็ไม่เห็นแกออกไปเที่ยวเท่าไหร่เลยนี่ หรือบรรลุพระธรรมแล้ววะ ฮะๆ”

          เนเพียงแต่หัวเราะเสียงแห้งกลับไปก่อนจะค้อนคนนั่งข้างอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าจะไปโกรธอีกฝ่ายทำไม

          “ถ้าบรรลุจริง เนคงไม่ขอออกไปข้างนอกหรอกครับ” คนขับรถตอบเสียงนิ่ง ไม่วายยังปรายตาจิกใส่เน “แล้วนี่จะไปไหน จะได้ไปส่งให้ ไปคนเดียวมันอันตราย”

          ตกลงลุงจะห่วงผมหรือจะกัดผมก็เอาสักอย่างสิครับ!

          ถ้าไม่ติดว่าสิทธิ์อยู่ด้านหลังเขาก็คงจะโพล่งถามไปแล้ว

          “จะดีหรือครับ ผมว่าผมไปคนเดียวดีกว่ามั้ง” และไม่รู้ว่าเพราะยังโมโหอยู่หรือเปล่า ถึงได้เอ่ยปัดน้ำใจของอีกฝ่ายไปทั้งที่ก็ไม่ได้อยากจะทำเลยสักนิด

          “อย่าอิดออดแล้วบอกมาว่าจะไปไหน”

          จากที่กำลังงอนถึงกับสะดุ้งเมื่อโดนเสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดตบใส่หน้าเข้าจังๆ

          และแน่นอนว่าคนกำลังอารมณ์เสีย มีหรือจะยอมกันง่ายๆ

          “ผมจะไปเอง” เด็กหนุ่มยืนกรานก่อนจะหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่ “คุณไปส่งคุณสิทธิ์เถอะ”

          “ฉันจะไปส่ง รีบๆบอกมาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

          “ไม่ ผมจะไปเอง”

          “โอ๊ย จะทะเลาะทำไมกันละครับ!” คนที่นั่งด้านหลังซึ่งได้แต่งงกับพฤติกรรมของลูกน้องโพล่งออกมาอย่างเหลืออดก่อนจะหันไปดุเน “นายจะทำเล่นตัวไปทำไมวะ ก็ให้อาวัฒน์ไปส่งก็หมดเรื่อง มัวแต่เถียงกันแบบนี้มันเสียเวลาฉันนะโว้ย”

          เนบึ้งหน้ามองเจ้านายผ่านกระจกหน้ารถ ก่อนจะเหลือบไปมองวัฒน์ ซึ่งอีกฝ่ายเองก็เพียงแต่มองตนด้วยหางตาใบหน้านั้นนิ่งสนิทจนไม่รู้ว่ากำลัง คิดอะไรอยู่กันแน่

          “งั้นพาผมไปร้านคุณฉัตรที” เมื่อจนหนทางก็ยอมเอ่ยออกมาอย่างเสียมิได้

          “อ้าว ฉันนึกว่าแกจะไปร้านพี่อรรถเสียอีก” สิทธิ์นิ่วหน้า “นี่แกขยายพื้นที่ไปถึงถิ่นอาฉัตรแล้วหรือ”

          เนได้แต่หัวเราะเสียงแห้งอีกครั้ง แม้จะอยากค้านใจจะขาดก็ตาม เด็กหนุ่มหันไปมองคนนั่งข้าง ซึ่งก็ยังคงเงียบนิ่งเหมือนเดิม และแม้นั่นจะชวนให้รู้สึกหงุดหงิด แต่สุดท้ายเนก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากกดตัวลงบนเบาะนั่ง

 _______________________________
มีต่อ
         
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 20-10-2015 08:52:39
ต่อ
____________________________
          “อ้าว”

          ฉัตรอุทานเมื่อเดินเข้ามาในร้านของตนแล้วเห็นเนนั่งระเริงอยู่กับเหล่าลูกค้าสาวตรงโต๊ะด้านในของร้าน ท่าทางระริกระรี้ดี๊ด๊าเสียจนทำเอาบรรดาหนุ่มๆแถวนั้นค้อนมองด้วยความอิจฉาปนหมั่นไส้

          “ช่วงนี้หมอนั่นมาช่วยงานฟรีน่ะ แล้วก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ” ปาล์มตอบพ่อที่หันมามอง “เห็นว่าตั้งแต่พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ไปช่วยงานที่บ้านคุณสิทธิ์ มันก็เหลือเวลาว่างเยอะแยะจนไม่รู้จะทำอะไรน่ะครับ”

          “อ๋อเหรอ…” ฉัตรรับเสียงสูงจนคนเป็นลูกนิ่วหน้า ก่อนจะฉีกยิ้มชั่วร้ายออกมา “แล้วมันมาทำอะไรบ้างล่ะ”

          “อืม…ก็มาต้อนรับแขกสาวๆแล้วก็ปล่อยให้ลูกค้าสักคนหิ้วกลับไปมั้ง…” ลูกชายตอบพลางทำท่านึก “ถึงจะน่าหมั่นไส้ แต่ไอ้บ้านั่นมันก็เอาใจผู้หญิงเก่งน่าดู ทำเอายอดขายพุ่งพรวดๆเลย”

          “จริงอะ” หนุ่มใหญ่ร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แกยังแพ้เลยเหรอ”

          “ผมชอบหลี ไม่ได้ชอบเอาใจสักหน่อย” ปาล์มตีหน้าแหยงก่อนจะถอนหายใจ “พ่อมีอะไรกับมันหรือ”

          “จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มี” ได้ฟังคำตอบคนเป็นลูกชายถึงกับคิ้วชนกันเป็นเส้นเดียว ฉัตรปล่อยให้ลูกชายได้แต่ยืนสงสัยอยู่ที่เคาท์เตอร์ ส่วนตนก็เข้าไปหาโต๊ะที่เนอยู่อย่างสบายอารมณ์ทันที

          สีหน้าของเด็กหนุ่มจืดลงทันควันเมื่อเห็นลุงล่ำเดินโบกมือหน้าระรื่นเข้ามา

          “อ้าวพี่ฉัตร วันนี้ว่างหรือไงคะ ถึงมาได้เนี่ย” สาวนางหนึ่งเอ่ยทักหนุ่มใหญ่ด้วยความดีใจ ก่อนจะพยายามดึงแขนของอีกฝ่ายให้ลงมานั่งด้วย

          “อะไรกัน เพราะไม่ว่างต่างหากถึงต้องมาทำงาน” ฉัตรตอบเสียงนิ่ม ดูนิ่งผิดจากปกติจนเด็กหนุ่มแปลกใจ ก่อนจะนึกได้ว่าสาวๆแถวนี้ไม่มีสเป็กลุงแกสักคน “ไงไอ้หนูเน ท่าทางสบายดีนี่”

          เนกระตุกนิดหน่อย เห็นแววตากวนอารมณ์ของฉัตร ก่อนจะพยักหน้าให้เฉยๆ

          “เออ จะว่าไปฉันได้ยินเรื่องไอ้หนูศาสตร์กับไอ้วัฒน์แล้วนะ ตกลงจริงใช่ไหม”

          คราวนี้คนที่ทำเป็นนิ่งถึงกับชักสีหน้า แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเพราะไม่อยากให้เรื่องความสัมพันธ์ของศาสตร์กับวัฒน์แดงขึ้นมาเพราะตัวเอง

          “ทำไมต้องมาพูดตอนนี้ด้วย” เด็กหนุ่มถามเสียงขุ่น “ไม่กลัวคุณวัฒน์เขาโกรธหรือไง”

          “ก็แค่ถามเฉยๆนี่หว่า” แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าไม่กลัว แถมยังหน้าซีดอีกต่างหาก

          “อะไรหรือๆ” สาวที่รู้จักกับฉัตรเอ่ยอ้อนถามด้วยความสนใจ

          “อ๋อ เป็นเรื่องงานน่ะจ้ะ” หนุ่มใหญ่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวาน “เนอะ”

          “ผมกลับล่ะ”

          สาวๆในวงพากันสะดุ้งเมื่ออยู่ๆเนก็ลุกพรวดขึ้นแล้วเดินหนีไปเสียอย่างนั้น ทำเอาแต่ละคนมองหน้าด้วยความแปลกใจและสงสัย มีเพียงฉัตรที่เหยียดยิ้มกว้างด้วยความสนุกที่ได้แกล้งคน

          “คิดจะหนีไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ หืม”

          คำถามนั้นทำเอาเด็กหนุ่มชะงัก เนไม่ได้หันมาแม้แต่น้อย และก็เดินจากไปทันที

          ฉัตรหัวเราะในลำคอพลางลูบเคราตัวเอง อยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะหนีไปจากความรู้สึกของตัวเองได้นานแค่ไหนกันเชียว



______________________

ช่วงยาวพิเศษ <3
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 20-10-2015 09:28:36
เซอร์ไพร์~~~ มาต่อไว ๆ น้อ จับอาวัฒน์ปล้ำเลยสิเน จะได้คืนดีกัน หึๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 20-10-2015 09:42:50
เอาใจแต่สาวๆ เก่ง ชิ ปล่อยให้อกหักรักคุดต่อไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-10-2015 16:54:44
สมแล้ว
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-10-2015 19:03:26
 :pig4: ขอบคุณช่วงยาวพิเศษ

ได้แบบนี้บ่อยๆ จะดีมากเลยค่ะ  :mew1:

ว่าแต่ อิเนนนนนนนนน!!! เมื่อไหร่แกจะเลิกซึนซักที  :beat:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-10-2015 13:58:11
ฉัตรเริ่มกระตุ้นเนแล้วแฮะ
เนอย่ายอมแพ้ศาสตร์นะ!
อย่ามัวแต่เอาใจสาวดิ -*-
รอน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 21-10-2015 21:56:19
ฉัตรอ่ะร้าย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-10-2015 09:08:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 22-10-2015 18:20:21
มาต่อไวๆนะ สนุกมาก เมื่อไรจะเลิกปากหนักกันชะที  o13
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 65 (20/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: newannlyf7 ที่ 24-10-2015 01:06:44
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 66 (24/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 24-10-2015 09:20:27
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 66


          วัฒน์เหลือบมองเพื่อนร่วมงานที่ยืนหน้านิ่งมองร้านดอกไม้ที่อยู่ตรงถนนอีกฟาก ท่าทางของเนดูเหม่อและง่วงเหงาหาวนอน ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะเขาได้ยินจากรุตว่ากว่าเนจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบหกโมงเช้าแล้ว ซึ่งที่จริงเขาก็บอกเด็กหนุ่มว่าวันนี้ให้พักอยู่กับบ้านก็ได้ แต่พอหนุ่มใหญ่บอกว่าจะพาศาสตร์ไปด้วย จากที่ทำท่าจะฟุบแหล่ไม่ฟุบแหล่ ถึงกับอัดกาแฟดำจนตาค้างเลยทีเดียว ซึ่งว่ากันตามตรง นั่นก็ทำให้วัฒน์อดดีใจไม่ได้ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร

          แต่ก็แค่นั้นนั่นล่ะ

          ตั้งแต่ที่เนรู้ว่าเขากับศาสตร์คบกัน อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงอาการกระฟัดกระเฟียดหรือหงุดหงิดใส่เขากับศาสตร์ หรือกับโค้กเหมือนเมื่อก่อน เรียกว่าเฉยเลยก็ว่าได้ ทั้งยังเว้นระยะจากเขาอีก ถึงจะเพราะอยู่กันคนละห้อง แต่ปกติก็ไม่ค่อยได้ชวนคุยอะไรกันเท่าไหร่ด้วย อีกทั้งได้ยกเลิกสัญญาว่าด้วยการขึ้นเตียงอีก เลยไม่มีเหตุให้ต้องคุยกันเท่าไหร่นัก

          แต่เล่นเมินและทำตัวเหมือนไม่รู้จักกันนั่นล่ะที่ทำให้หนุ่มใหญ่หงุดหงิด

          วัฒน์พยายามข่มอารมณ์ของตนและละสายตากลับไปมองสิทธิ์ที่เดินตัวลอยแต่นิ่วหน้าออก มาจากร้านขายดอกไม้ ทำเอาดับอารมณ์หงุดหงิดได้ชะงักนัก

          “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” วัฒน์ถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทั้งที่ยังนึกขำไม่เลิก และแอบหยิกเนที่พยายามกลั้นหัวเราะ “หรือว่าเขาไม่เล่นด้วย”

          “อะไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก คุณสิทธิ์หล่อจะตาย นี่ไม่นับเรื่องรวยด้วยนะ ขี้คร้านสาวๆจะตามก้นต้อยๆแทบไม่ทันน่ะสิ” หลังจากหายขำ เนก็เริ่มต้นรายการอวดรุ่นพี่ที่ชื่นชมอย่างออกนอกหน้านอกตาและไม่อายฟ้าดิน แต่วัฒน์เองก็คิดเหมือนกัน เลยไม่ได้แสดงอาการอ้วกแตกใส่แต่อย่างใด

          “ก็...เด็กนั่น...มันเป็นผู้ชายน่ะสิ”

          “หา!” ทันทีที่ได้ยินคำตอบ เนก็เผลอร้องดังเสียจนคนสูงวัยที่อยู่ใกล้เกือบหูหนวกชั่วคราว “พูดจริงน่ะ สวยอย่างนั้นเนี่ยนะผู้ชาย โอ๊ย บ้าแล้ว”

          วัฒน์เหลือบมองท่าทีเหมือนเห็นโลกแตกของเน ก่อนจะลอบถอนใจ

          ก็นั่นสินะ ขนาดสวยกว่าผู้หญิงยังรับไม่ได้เลยนี่

          “...ขนาดนายยังดูไม่ออกเลยสินะ...” สิทธิ์เอ่ยอย่างกลุ้มใจ “ให้ตายเถอะ ฉันก็นึกว่าผู้หญิง ออกจะตรงสเป็กฉัน...”

          “แล้วเอาไงดีล่ะครับ” วัฒน์ถามอย่างหวั่นใจ

          “...ก็เหมือนเดิม แผนเดิมไม่เปลี่ยน”

          “หา!!!!!”

          คราวนี้ร้องประสานเสียงเป็นลูกคู่เลยทีเดียว

          “แต่...อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะครับ” เนร้องก่อนจะหยุดพูดแล้วสะดุ้ง สายตาคมเหล่มองไปยังเพื่อนร่วมงานด้วยสีหน้าอีหลักอีเหลื่อ แต่วัฒน์กลับจ้องใส่อย่างเคียดแค้น ก่อนจะทำเมินไปทางอื่น

          ทั้งที่รู้อยู่แล้วแท้ๆว่าอีกฝ่ายนอนกับตนด้วยเหตุผลอะไร แต่พอได้ยินตรงๆแบบนี้มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี

          ก็นั่นสินะ สำหรับนายมันก็แค่เซ็กซ์ มันไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่านี้เลยนี่

 

          “คุณไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหน่อยหรือ”

          วัฒน์ปรายตามองเนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างโซฟาในห้องวีไอพีชั้นสองในบาร์ของมีน บนโซฟานั้นมีสิทธิ์นอนเมาพับไปหลังจากแพ้ให้กับการดวลเดือดด้วยเหล้ากับวิน สีหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยการตำหนิติติงจนคนมองของขึ้น

          พูดอย่างกับว่าเขาอยากจะเห็นสิทธิ์มีสภาพแบบนี้ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อวินกับสิทธิ์ก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และถ้าถามวัฒน์ เขายอมให้ทั้งสองมาทะเลาะหรือแข่งอะไรแปลกๆอย่างเช่นยัดเหล้าแข่งกันจนกว่าใครจะอ้วก ดีกว่าต้องไปเจอกับสนามรบเมื่อครั้งก่อนจม

          ไม่รู้เลยใช่ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงตอนเห็นแกจะตาย

          “ทำไมฉันต้องทำตามที่นายพูดด้วย” วัฒน์ย้อนใส่อย่างหัวเสีย “แล้วคิดหรือว่าอย่างฉันต้องรอให้นายมาบอก ฉันน่ะเตือนคุณสิทธิ์ไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่คุณสิทธิ์ฟังที่ไหน ถ้าอยากห้ามก็ห้ามเองบ้างสิ ไม่ต้องมาบอกฉัน”

          เด็กหนุ่มชักสีหน้าใส่ “แล้วทำไมคุณต้องอารมณ์เสียใส่ผมด้วย”

          “ฉันไม่ได้อารมณ์เสีย!” แต่ฉันอยากชกหน้านายว้อย! “นายพยุงข้างซ้าย ฉันจะพยุงข้างขวาไว้ เร็วๆ อย่ามัวแต่ยืนใบ้”

          เนทำท่าเหมือนจะเถียงต่อ แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามอย่างเสียมิได้ ทั้งสองลากสังขารเจ้านายจากบาร์ของมีนกลับมายังห้องนอนของสิทธิ์กันอย่างทุลักทุเล ถึงเนจะแข็งแรงพอจะแบกเจ้านายไหว ทำให้วัฒน์สบายไปเยอะ แต่เพราะตัวใหญ่กว่าคนแบกจม หนุ่มใหญ่เองก็ต้องช่วยประคองเอาไว้บ้างไม่ให้เนเดินเอียงไปเอียงมาจนพา สิทธิ์ไปชนโน่นชนนี่ กว่าจะพาขึ้นเตียงก็เล่นเอาเหนื่อยหอบกันทั้งคู่

          “ให้ตาย” หนุ่มใหญ่สบถขึ้นมาหลังจากจัดแจงถอดเสื้อเชิ้ตของสิทธิ์ออกมาโยนใส่ตะกร้าผ้าที่อยู่ติดกับกำแพงตรงปลายเตียง

          “คุณวัฒน์”

          เจ้าของชื่อหันหลังมองคนที่เพิ่งยันตัวขึ้นมาจากข้างเตียง และยืนรอฟังอีกฝ่ายเงียบๆ

          “มีความสุขไหมครับ คบกับคุณศาสตร์เขา”

          จากที่กำลังหงุดหงิดถึงกับหน้าเหวอออกมาแบบไม่มีกั๊กเลยทีเดียว

          “ก็ดี...” วัฒน์ตอบอย่างไม่แน่ใจนักก่อนจะกัดฟันแน่น รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ทั้งยังไม่กล้าจะสบตาอีกฝ่ายนัก “แล้วนายล่ะ ได้ระบายบ้างหรือเปล่า”

          ทั้งที่มันเป็นเรื่องปกติของเด็กหนุ่มแท้ๆ แต่พอได้ยินคำถามนั้นจากปากของหนุ่มใหญ่ เนกลับอารมณ์เสียขึ้นมา

          “ทำไมต้องพูดแต่เรื่องนั้นด้วย ชีวิตผมไม่ได้มีแต่เรื่องพรรค์นั้นสักหน่อย”

          “...แต่เมื่อก่อนนายเป็นแบบนั้นนี่ อยู่ไม่ได้ถ้าขาดเซ็กซ์ เหตุผลที่เรานอนด้วยกันไม่ใช่เพราะแบบนั้นหรือไง”

          จากที่ตั้งท่าจะเถียงถึงกับชะงัก

          นั่นสินะ...จริงๆก็เพราะเหตุผลนั้นแท้ๆ

          วัฒน์นิ่งมองอีกฝ่ายที่ยืนหน้าเสีย ก่อนจะมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจนัก

          “แล้วตอนนี้นายมีความสุขหรือเปล่า”

          เด็กหนุ่มเงยหน้า ท่าทางเหมือนไม่ค่อยจะแน่ใจนัก ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนชวนสยอง

          “ก็ต้องมีอยู่แล้วสิครับ ชีวิตผมไม่ได้มีเรื่องน่ากลุ้มอะไรสักหน่อย”

          “งั้นหรือ...งั้นก็ดีแล้ว” วัฒน์เอ่ยเสียงเบาก่อนจะถอนหายใจ พยายามระงับอารมณ์ภายในที่พลุ่งพล่านทุกคราที่มองหน้าอีกฝ่าย “ฉันก็สบายใจถ้านายสบายดี”

          น่าแปลกที่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกแย่ที่ได้ยินประโยคเหล่านั้น ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้น้ำเสียงประชดประชันใส่เลยก็ตาม

          แต่เพราะมันทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายเองก็สบายดีหากไม่มีตน เนถึงได้รู้สึกแย่

          “แล้วนี่จะออกไปไหนหรือเปล่า” หลังจากเดินกันออกมาจากห้อง วัฒน์ก็เอ่ยถามขึ้นทั้งที่ยามนี้เองก็ดึกมากแล้ว

          “คงไม่แล้วล่ะครับ ทำไมหรือ”

          วัฒน์เหลือบมามองด้วยใบหน้าแดงก่ำแต่ท่าทางกระสับกระส่ายจนเด็กหนุ่มเผลอนิ่วหน้า

          “ถ้าอย่างนั้นฉันขอออกไปข้างนอกละกัน คงจะกลับมาตอนแปดโมงเช้านะ”

          เนยืนค้างนิ่ง รู้สึกเหมือนหน้าชาไปหมด

          “มันจะดีหรือครับ”

          “ถ้าเป็นเรื่องคุณสิทธิ์ นายไม่ต้องห่วงหรอก ลองว่าเราเคยเฝ้ากันตั้งเยอะยังไม่เกิดอะไรขึ้น ก็คงไม่มีใครคิดจะบุกเข้ามาเพียงแค่ฉันไม่อยู่แค่คนเดียวหรอก” น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่นั้นราบเรียบ ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ “และนายเองก็อยู่ด้วย ฉันเชื่อว่านายจัดการทุกอย่างได้อยู่แล้ว”

          เนมองหน้าอีกฝ่ายค้างไปนาน ก่อนจะยิ้มเจื่อน

          “นั่นสิครับ ผมนี่กังวลไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ” เด็กหนุ่มว่าทั้งที่หน้าเสีย “ถ้างั้นก็ระวังตัวด้วยนะครับ”

          วัฒน์พยักหน้าให้ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปด้านนอก ส่วนเนก็เดินกลับไปยังห้องพักของตน

          ทั้งที่เราเป็นคนทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้แท้ๆ

          เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงเล็กก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด ความรู้สึกที่คุอยู่ในใจยังคงไม่จางหาย หากแต่กลับจะเพิ่มทวีคูณทุกครั้งที่รับรู้ความจริงว่าวัฒน์ไม่มีทางจะอยู่ กับตนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

          เขาคงไปหาคุณศาสตร์…

          ใบหน้าเรียวขึ้นสีเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายกำลังไปหาคนรักใหม่ที่กำลังหวานชื่นกัน ความรู้สึกภายในปั่นป่วนจนไม่อาจห้ามเอาไว้ได้

          คงจะทำแบบนั้นกันด้วย...ไม่สิต้องทำอยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นจะไปหากันตอนกลางค่ำกลางคืนทำไม...

          มือทั้งสองกำผ้าห่มแน่นพร้อมกับกัดปากจนชา เมื่อคิดว่าศาสตร์เองก็จะได้เห็นสีหน้าของวัฒน์ที่ทรมานเพราะได้รับความสุขจากสัมผัสทางกายจนสำลัก และเผลอๆอาจจะได้เห็นมากกว่าที่เขาซึ่งเป็นเพียงคู่นอนชั่วคราว

          ทำไมล่ะ...ทำไมเราถึงต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย...

          ทำไมเราต้องหวงเขาถึงขนาดนี้ด้วย

 

          แมวกับเอมพากันมองหน้ากันอย่างอีหลักอีเหลื่อ สาวๆเลื่อนสายตาลงมองอาหารและจานข้าวของตนเองบนโต๊ะอาหารในครัวก่อนจะออก อาการพะอืดพะอม ทั้งที่อาหารตรงหน้านั้นเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆ กลิ่นกรุ่นหอมอบอวลนั้นชวนกระตุ้นความอยากอาหารภายในเสียเหลือเกิน เพียงแต่บรรยากาศในครัวยามนี้กลับทำให้พวกเธอรู้สึกกลืนข้าวไม่ค่อยจะลง

          ซึ่งต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเนที่นั่งเหมือนผีตายซากอยู่ฝั่งตรงข้ามของพวกเธอนั่นเอง

          “พี่เนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” แมวเอ่ยถามเป็นครั้งที่สาม หวังไว้ว่าจะได้คำตอบจากคนที่เอาแต่เหม่อ

          คราวนี้ดูเหมือนเนจะตื่นจากภวังค์เสียที ท่าทางของเด็กหนุ่มดูจะแปลกใจพอสมควรเมื่อพบว่าตนไม่ได้อยู่บนโต๊ะอาหารเพียงลำพัง เขาเพียงแต่ส่ายหน้าให้ ก่อนจะนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่เสียมากกว่า

          “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เป็นอะไร” คำตอบทำเอาสาวๆพากันนิ่วหน้า “แค่รู้สึกแย่จนกินข้าวไม่ค่อยจะลง”

          แมวกับเอมหันมามองหน้ากัน ซึ่งเอมเพียงแต่พยักหน้าให้ ส่วนแมวก็หันกลับมาหาเด็กหนุ่มแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

          “เอ หรือว่าพี่เนกำลังหลงรักใครอยู่หรือเปล่าคะ”

          คำถามนั้นทำเอาคนที่กำลังห่อเหี่ยวถึงกับตื่นตระหนกและหน้าแดงเรื่อ จนสาวๆเผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่

          “ฮั่นแน่ ใช่แหงๆเลยสินะคะ” แมวเอ่ยแซวแล้วหัวเราะคิกคัก

          “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย” และเพราะไม่เชื่อว่าตนเองจะรู้สึกแบบนั้น จึงได้ปฏิเสธและย้อนถามออกไปเป็นเชิงคาดคั้น

          “ไม่รู้สิคะ...เห็นพักนี้พี่บ่นว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับ หนูก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าเพราะพี่กำลังนั่งคิดถึงใครอยู่หรือเปล่าน่ะสิ”

          จากที่หน้ากำลังแดงอยู่แล้ว ถึงกับแดงหนักจนร้อน เพราะเขากำลังเป็นแบบนั้นอยู่จริงๆ

          “พี่ขอตัวก่อนนะ”

          ว่าแล้วก็ลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะแล้วก็ผลุนผลันออกไปจากห้องครัวทันที ปล่อยให้สาวๆได้แต่มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจกับท่าทีแปลกๆของเด็กหนุ่ม




________________________________________


ตอนหน้า.....


ปล. ตอนนี้กำลังสอบถามความสนใจในการรวมเล่ม(แต่ยังไม่ได้รวมเร็วๆนี้)อยู่ หากใครสนใจ รบกวนทำแบบสอบถามที่อยู่ในเฟสด้วยเน้อ =w=\
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 66 (24/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-10-2015 23:56:22
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน ฮึ่ยย ขัดใจจริงๆอุตส่าห์เลิกเข้าใจผิดเรื่องสายกันแล้วแต่ยังมาปากแข็งใส่กันอีกโดยเฉพาะเน หึ เป็นไงล่ะผลักไสลุงแกดีนักลุงแกเลยไปคบกับศาสตร์เลย มันน่าสมน้ำหน้ำมั้ยละ หือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 66 (24/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-10-2015 01:23:19
ลุงแกออกไปไหนกันแน่อ่ะ ไปหาศาสตร์เหรอ?
เนรีบรู้ตัวเร็วๆ หน่อยย คนลุ้นจะตายแล้วค่าา
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 66 (24/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-10-2015 10:16:06
สายซึนแบบแข็งเลยซินะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 67 (27/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 27-10-2015 08:42:29
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 67


          เพราะหน้าที่ในช่วงนี้มีแค่เฝ้าสิทธิ์ กับจัดการงานนิดๆหน่อยสำหรับแผนบ้าๆบอๆของสิทธิ์ และก็มีเรียบเรียงเอกสารจากบริษัทและกิจการทั้งหมดของเจ้านายซึ่งเป็นหน้าที่ประจำปลายเดือน เนจึงไม่ต้องไปทำงานที่บริษัท สำหรับเขา การที่ไม่ต้องแต่งตัวชวนอึดอัดไปอยู่ในห้องแคบๆแล้วฟังต้นคอยโม้นั้นถือเป็นเรื่องที่ดี หากแต่ในตอนนี้ การอยู่ในบ้านนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาสบายใจนัก ครั้นจะออกไปจากบ้านก็ละทิ้งหน้าที่สำคัญไม่ได้ เด็กหนุ่มจึงได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ในบริเวณรั้วบ้านนี้เพียงเท่านั้น

          ยิ่งพยายามลืมคิดถึงเรื่องที่ไม่ควรคิด มันก็กลับผุดขึ้นมาเต็มหัว โดยเฉพาะเรื่องที่คุยกับแมวเมื่อตอนเช้า

          เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้สับสนขนาดนี้ ทั้งที่ตนเองก็เคยคบกับคนอื่นมาบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ทำให้เขาเหมือนคนบ้าได้ขนาดนี้

          “เน”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงก่อนจะหันกลับมาหาเจ้าของเสียง ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาอย่างไม่ควรก่อนจะหันหลบไปมองต้นหูกวางที่อยู่ด้านหลังของตน

          “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอึกอัก ยังคงไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆนัก และพยายามระงับความตื่นเต้นด้วยการนับใบหูกวางที่อยู่บนพื้น

          “เมื่อกี้นี้เอง เห็นแมวบอกว่านายมาเดินเฝ้าอยู่นอกบ้านเลยมาหา พอดีมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อยน่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างราบเรียบ แต่ฟังแล้วห่างเหินจนชวนใจหาย ก่อนจะกวักมือให้เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังห้องนอนของตน

          เนรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งที่ตนก็เคยอยู่ในห้องนี้มาก่อนแท้ๆ แต่ในคราวนี้กลับรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่ห้องที่ตนคุ้นเคยมาก่อน อีกทั้งยังรู้สึกคิดถึงเหมือนจากกันไปนานมากทั้งที่จริง เด็กหนุ่มย้ายออกไปไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เสียด้วยซ้ำ นั่นทำให้เนสัมผัสถึงระยะห่างของตนกับอีกฝ่าย ที่กำลังห่างออกไปเรื่อยๆทุกที

          “นี่จัดการหมดเรียบร้อยแล้วหรือ” หลังจากดูกองเอกสารบนโต๊ะ ก็หันมาถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ จนคนที่กำลังหงอยถึงกับหน้าเบี้ยว

          “กับไอ้แค่เอกสาร หลับตาทำก็ยังได้เลยครับ” เด็กหนุ่มโพล่งออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกด่าตัวเองที่ห้ามปากไม่เคยจะได้สักที

          “ฮะๆ ไอ้ขี้โม้”

          แต่นอกจากวัฒน์จะไม่ได้โกรธอะไรตน ยังหัวเราะใส่อีก และทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่กลับปัดเป่าความหมองหม่นไปได้จนปลิดทิ้ง

          “ฉันไปจัดการเรื่องน้องคุณวินมาแล้ว ถ้าคุณสิทธิ์จะไปหา ให้ไปหลังหกโมงนะ เพราะช่วงเช้าเหมือนคุณวินจะไปหาน้องเขา” วัฒน์ว่าก่อนจะล้วงเอกสารออกมาจากกระเป๋าถือของตนแล้วยื่นให้กับเด็กหนุ่ม “แล้วถ้าคุณสิทธิ์ไป ก็ฝากนายไปกับโค้กทีนะ”

          “แล้วคุณละครับ”

          “ฉันมีธุระนิดหน่อยน่ะ เลยไปด้วยไม่ได้”

          ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้บอกว่าจะไปทำอะไรแท้ๆ แต่หน้าของศาสตร์กลับลอยขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          “ครับ...” เด็กหนุ่มตอบเสียงค่อย “ขอให้โชคดีนะครับ”

          วัฒน์มองคนที่เดินแกมวิ่งออกไปจากห้อง ใบหน้าของคนสูงวัยเต็มไปด้วยความหงุดหงิดขึ้นมา จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

          ไอ้บ้า

 

          “โอ๊ย น่าเบื่อจัง”

          โค้กพูดประโยคนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเนก็จำไม่ได้ เด็กหนุ่มเพียงแต่เงียบและมองร้านดอกไม้ที่อยู่ตรงถนนอีกฝั่งผ่านกระจกรถ ในตอนนี้พวกเราต้องมาคอยเฝ้าระวังในระหว่างที่คุณเจ้านายดำเนินการแผนจับลูกกวางน้อยของนายแว่นไว้ในกำมือ ดวงตาเรียวเอ่อล้นไปด้วยความสงสัยปนขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงคนที่ควรจะอยู่กับตนมากกว่าจะเป็นโค้ก ในหัวก็เอาแต่คิดไม่หยุดว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่

          “นี่ๆ นายว่ามันใจร้ายไหม”

          อยู่ๆโค้กก็เอ่ยชวนคุยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เนหันไปมองคนที่ทำท่าจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่บนเบาะรถที่นั่งคนขับ เขาเพียงแต่เงียบ เพราะไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย

          “ก็ตั้งแต่ไอ้ศาสตร์คบกับอาวัฒน์เนี่ย แทบจะลืมเพื่อนอย่างฉันไปเลยล่ะ ใจร้ายไหมล่ะ”

          “งั้นหรือครับ...” เด็กหนุ่มตอบเสียงแข็ง “ก็ไม่มั้งครับ คุณศาสตร์เขาก็รอมานานแล้ว ช่วงแรกๆก็คงเป็นแบบนี้กันล่ะครับ”

          “เอ๋ แต่ฉันไม่เคยลืมเพื่อนเหมือนอย่างมันเลยนา” โค้กร้องก่อนจะถอนหายใจ ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่ไม่ยอมแม้แต่จะหันมาคุยดีๆด้วย “แถมยังไม่เกรงใจใครอีกต่างหาก อย่างเมื่อวานเงี้ย ฉันไปหามันที่บ้าน เล่นเอาฉันไม่กล้าเปิดประตูไปกวนเลย”

          โค้กนึกสนุกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหันขวับกลับมาอย่างรวดเร็วโดยที่ยังมุ่นคิ้วจนแทบจะชนกันเป็นเส้นเดียว ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ หากแต่ใบหน้ากลับยังคงยิ้มไม่หยุด

          “คืองี้ บ้านฉันกับบ้านไอ้ศาสตร์มันอยู่ใกล้กันไง แล้วพ่อแม่เราก็สนิทกัน บางทีฉันไม่ก็มันจะโดนใช้ให้เอาอาหารหรือของฝากไปให้ ทีนี้เมื่อวานฉันไปหามันที่บ้าน พ่อกับน้องสาวมันไม่อยู่ ไอ้เราก็นึกว่าอยู่คนเดียว พอได้ยินเสียงแปลกๆออกมาจากห้องนอนมันเท่านั้นล่ะ อ๊า ไม่อยากจะคิดให้ปวดใจเลยน้า...”

          “เขาจะทำอะไรก็เรื่องของพวกเขาสิครับ”

          แม้น้ำเสียงทุ้มที่ดังออกมาจะเป็นไปด้วยความหงุดหงิดและน่ากลัว แต่โค้กก็ไม่ได้นึกหวั่นอีกฝ่ายที่เอาแต่บึ้งหน้าใส่แต่อย่างใด ซ้ำยังพูดต่อออกมาอย่างทีเล่นทีจริงอีก

          “แหม ก็เคยแอบรักนี่นา มาเจอแบบนี้ ใครจะไปทนรับไหวกันเล่า ต่อให้เป็นเพื่อนกันก็เถอะ พอคิดว่าไม่สมหวังแล้วมันก็อดเสียใจไม่ได้นี่หว่า เนอะ”

          เนเพียงแต่เงียบ โค้กก็เลิกพูดต่อ ส่วนหนึ่งเพราะเจ้านายออกมาจากร้านพร้อมกับเดียร์แล้ว จึงต้องขับรถตามไป อีกส่วนเพราะชายหนุ่มยั่วโมโหอีกฝ่ายจนสาแก่ใจแล้วด้วย

          ก็หมั่นไส้นี่หว่า ขอสักหน่อยเหอะ

 

          วัฒน์เดินถอนหายใจไปตามทางเดินไปยังบ้านของสิทธิ์อย่างเอื่อยเฉื่อย รู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ไอ้เรื่องงานนั่นก็ใช่ แต่เรื่องใจนี่สิที่ทำเอาจะแย่

          แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนี่ แล้วจะให้ทำอย่างไรได้ ก็มีแต่ต้องตัดใจเท่านั้นล่ะ และควรจะตัดใจให้เร็วที่สุดด้วย จะได้ไม่ต้องมาเจ็บช้ำเหมือนครั้งก่อนอีก แถมคราวนี้ก็ไม่ได้มีแค่เขาที่จะเจ็บคนเดียวด้วย

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเปิดประตูเข้าบ้านแล้วพบว่าเนกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นทั้งที่ปิดไฟสนิทในเวลาเกือบเที่ยงคืน ดวงตาคมเพ่งมองอย่างไม่แน่ใจนัก บนโต๊ะก็ไม่มีแก้วหรือขวดเหล้า หรือกระทั่งเอกสารงานเลย เหมือนเนเพียงแค่นั่งอยู่เฉยๆเท่านั้น และเพราะความมืด เขาจึงไม่เห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มเลย จึงไม่เข้าใจเลยว่าเนจะมานั่งนิ่งอยู่ตรงนี้ทำไม

          “ยังไม่นอนอีกหรือ” แม้จะบอกตัวเองว่าให้ตัดใจ แต่เห็นอีกฝ่ายดูผิดปกติขนาดนี้เขาก็อดถามเพราะเป็นห่วงไม่ได้

          “กลับบ้านดึกจังเลยนะครับ”

          แต่เด็กหนุ่มเอ่ยถามกลับแทน วัฒน์เลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เพราะถึงจะมองไม่เห็น แต่น้ำเสียงนั้นแหบต่ำและชวนระคายหูเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นทำให้เขาหงุดหงิดจนออกนอกหน้าแบบไม่มีกั๊ก เพราะคิดว่ายังไงเสียอีกฝ่ายก็คงจะมองไม่เห็นสีหน้าของตนเหมือนกัน

          “ก็แล้วไงล่ะ ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉันนี่” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ ก่อนจะเดินผ่านไปหมายจะขึ้นบันไดไปยังชั้นสองพลางนึกหงุดหงิดที่เสียเวลาเป็นห่วง หากแต่เดินเข้าบ้านไม่ถึงไหน เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมาขวางเขาไว้เสียก่อน

          “อะไรของนาย” วัฒน์เอ่ยอย่างหัวเสีย ก่อนจะเบี่ยงตัวหนี แต่เด็กหนุ่มก็ตามมาขวางติดๆ “เฮ้ ถ้าคิดจะมากวนกันล่ะก็...”

          น้ำเสียงทุ้มขาดห้วงไปเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายก็เข้ามาประกบปากตนเสียอย่างนั้น ครั้นจะดิ้นหนี แขนบางแต่แข็งแกร่งเข้าโอบรัดร่างเสียแน่น จนหนุ่มใหญ่แทบหายใจไม่ออก วัฒน์พยายามครองสติของตนและดิ้นรนสุดตัว แต่จะถอยหนีก็มีข้อจำกัดแค่ส่วนหัว ซึ่งเจ้าบ้าตรงหน้าก็ตามติดอย่างไม่มีลดละ แถมยังใช้มือจับหัวเขาเอาไว้อีก จะผลักดันขืนหนีก็แรงไม่มากพอจะสู้ไหว จะกัดลิ้นก็กลัวอีกฝ่ายหน้ามืดหนักกว่าเดิม แต่จะร้องห้ามก็ไม่สามารถพอ อีกทั้งสติสตังก็ไม่เหลือจะต่อต้าน ไหนจะขาด้านล่างของเด็กหนุ่มที่สอดเข้ากลางขาตนแล้วกระทุ้งกระตุ้นจุดอ่อนไหวเบาๆจนสะดุ้งโหยงอีก

          “อึก...” น้ำเสียงทุ้มดังครางออกมาจากลำคออย่างแผ่วเบา แรงต่อต้านก็หดหายลงไปจนสิ้น เหลือเพียงแต่ความกระสันที่เฝ้าคิดถึงมานานแสนนาน

          ไม่สิเฮ้ย จะยอมให้มันทำแบบนี้ได้ไงละฟะ!

          “อึก...หยุดนะ...” พออีกฝ่ายถอนจูบออก วัฒน์ก็โพล่งเสียงเขียวพร้อมกับดันอีกฝ่ายออกไปแม้จะไม่ได้ผลเลยก็ตาม โชคดีเหลือเกินที่ในยามนี้มืดสลัว อีกทั้งตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นใบหน้าแดงก่ำของตน “ทำอะไรของนาย ฉันมีแฟนแล้วนะเฮ้ย!”

          แต่เหมือนพูดกับสัตว์ป่ายังไงยังงั้น เพราะนอกจากจะไม่ตอบ ยังไม่ฟังที่พูดอีกต่างหาก

          เนยกตัวคนที่สูงพอๆกันแล้วผลักลงไปนอนยังโซฟายาวที่อยู่ไม่ห่าง เด็กหนุ่มขึ้นคร่อมร่างตรงหน้าโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะพยายามดิ้นรนร้องห้ามแต่อย่างใด มือทั้งสองจัดการกระชากเสื้อจนกระดุมหลุดกระเด็นกระดอนไปทั่ว จากนั้นก็เข้าลูบไล้ไล่ไปทั่วร่างกายอย่างหิวกระหาย แรงกดและแรงขยำทำเอาหนุ่มใหญ่ระบมไปหมด แต่ครั้นจะร้องก็ร้องไม่ออกนักเมื่อโดนใบหน้าเรียวซุกไซ้ไล่เรียงไปตามซอกคอและใบหน้าของตน ลมหายใจอุ่นร้อนรดผิวกายจนรู้สึกเสียววาบและปั่นป่วนไปหมด

          หรือเพราะร่างกายและจิตใจมันร่ำร้องเรียกหา ใจมันถึงได้ไม่พยายามห้ามเด็กหนุ่มเอาเสียเลย

          “...หยุดนะ...” วัฒน์เอ่ยเสียงสั่น ก่อนจะพยายามดันคนที่คร่อมตนสุดฤทธิ์ หนุ่มใหญ่บ่ายหน้าหนีหลบไปทางอื่น กลัวจะโดนอีกฝ่ายปิดปากตนด้วยการจูบอีก ใจจริงนึกอยากจะตะโกนให้สุดเสียง แต่ไม่รู้ทำไมกลับร้องไม่ออกเสียอย่างนั้น “นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ...ฉันมีแฟนแล้วนะ”

          “ถ้างั้นบอกมาสิครับว่าเกลียดที่จะทำแบบนี้กับผม”

          หนุ่มใหญ่ชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างแผ่วเบาอยู่ข้างหู ดวงตาเรียวเลื่อนไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้า ความมืดสลัวนั้นทำเอาวัฒน์มองไม่เห็นสีหน้าของเนเลยแม้แต่น้อย หากแต่ร่างที่นอนทาบกับตนนั้นสั่นระริกจนสัมผัสได้

          “ทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณนั่นล่ะ”

          จากที่กำลังหวั่นกลัวถึงกับชักสีหน้าที่โดนกล่าวหากันดื้อๆ แต่ครั้นจะโพล่งเถียง เสียงกลับไม่ยอมออกมาเสียอย่างนั้น ยิ่งโดนมือที่สั่นเทาของเด็กหนุ่มลูบเข้าที่แก้ม ทั้งน้ำเสียงและสติก็หายไปจนหมด

          “ถ้าคุณไม่พูด ผมจะทำ ผมไม่สนแล้วว่าคุณจะคบกับใคร”

          ยังไม่ทันจะได้เตรียมใจ เจ้าเด็กบ้านี่ก็ลงมาซุกเข้าซอกคออีกครั้ง วัฒน์พยายามถอยหนี แต่ช่างไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน แม้สัมผัสที่ได้รับจะรุนแรงและหนักหน่วงจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่กระนั้นมันก็ยังไม่มากพอที่จะเอาชนะความคิดถึงและโหยหาอีกฝ่ายได้เลย

          ไม่นะ แค่แยกกันอยู่คนละห้องแท้ๆ...ทำไมถึงได้คิดถึงมันขนาดนี้...

          “อย่านะ...” เสียงทุ้มดังอ้อนวอนอย่างแหบแห้ง ทั้งที่จะหยุดอีกฝ่ายนั้นก็แสนง่าย เพียงแค่ทำตามที่อีกฝ่ายบอกเท่านั้น

          แต่เพราะรักนี่ จะให้บอกว่าเกลียดได้ยังไง!

          เด็กหนุ่มจัดการปลดปราการด่านล่างของอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเล และแม้วัฒน์จะพยายามขัดขืนเต็มแรง แต่สุดท้ายก็โดนเนชักกางเกงออกจากตัวจนได้

          “เน…หยุดเถอะ…” วัฒน์เอ่ยอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง มือทั้งสองพยายามดันร่างของอีกฝ่ายออกไป แต่มันช่างไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน เด็กหนุ่มไม่ฟังเขาเลย และไม่คิดจะหยุดสักนิด “เน…”

          ไม่นะ…อย่าทำแบบนี้…

          ยังไม่ทันที่เนจะได้ชักอาวุธออกมา ร่างของเด็กหนุ่มก็โดนกระชากออกมาเสียก่อน จากนั้นก็โดนชกเข้าท้องอย่างจังจนเนถึงกับถอยไปเสียไกล

          วัฒน์รีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเบิกตามองเหตุการณ์ตรงหน้า รีบดึงกางเกงกลับเข้าที่ทันควันด้วยความตกใจ เพราะความมืด ทำเอาเขาเพ่งอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเป็นศาสตร์ที่เข้ามาช่วยตนเอาไว้

          “ไม่เป็นอะไรนะครับ” หนุ่มหน้านิ่งปรี่เข้ามาถามอาการอย่างเป็นห่วง “เฮ้ย!”

          ศาสตร์เผลอร้องออกมาเมื่อคนที่เขาเพิ่งปล่อยหมัดมายืนอยู่ข้างหลัง ทีแรกชายหนุ่มนึกว่าอีกฝ่ายจะสวนเขากลับเสียแล้ว แต่เนได้ทำในสิ่งที่ทั้งวัฒน์และเขาอึ้งยิ่งกว่า

          “เฮ้ย!” คราวนี้เป็นเสียงร้องของวัฒน์ เพราะโดนเนพุ่งเข้ามาปล้ำตนอีกแล้ว แถมยังไม่สนใจคนที่ชกหน้าเด็กหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียว “ไอ้บ้านี่…เอ๊ย!! หยุดเดี๋ยวนี้นะว้อยย”

          ศาสตร์ถึงกับนิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูกไปหลายวินาที ก่อนจะกระชากเนที่เอาหน้าซุกวัฒน์อยู่บนโซฟา แต่รอบนี้เด็กหนุ่มเล่นกอดรัดอีกฝ่ายเสียเหนียวหนึบอย่างกับปลาหมึกก็ไม่ปาน ทำให้ศาสตร์ไม่กล้าจะใช้แรงมากเพราะจะกระเทือนไปถึงวัฒน์ เลยต้องใช้วิธีแกะมือออกมาแทน

          “ไอ้บ้าเอ๊ย” ชายหนุ่มตะคอกใส่ก่อนจะปาเด็กหนุ่มลงกับพื้นอย่างแรง และเป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟในบ้านเปิดขึ้น พร้อมกับเหล่าคนใช้สายบู๊ที่วิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมอาวุธครบมือ

          “อ๊ะ!” แมวร้องก่อนจะลดปืนกล็อกในมือตนลงพร้อมกับเบิกตาโตอ้าปากค้างมองภาพตรงหน้า จากนั้นก็เอามือที่ยังว่างปิดตาแบบเว้นตาเอาไว้

          “อะไรวะเนี่ย” รุตนิ่วหน้าอย่างงงงวย เมื่อเห็นแต่พวกเดียวกัน “ศาสตร์ เกิดอะไรขึ้น”

          เจ้าของชื่อเพียงแต่ทำหน้าตื่นก่อนจะหันไปหาวัฒน์ที่ยังนั่งอยู่บนโซฟา แม้จะไม่ได้เป็นอะไร แต่เสื้อเชิ้ตก็ทั้งขาดและกระดุมบินออกไปหมด หนุ่มใหญ่พยายามจัดเสื้อของตนให้เข้าที่ แม้สภาพมันจะใช้ไม่ได้แล้วก็ตาม

          “ไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างปลอดภัยดี” วัฒน์บอกเสียงแหบแห้ง ก่อนจะชี้ไปที่เน “ฝากเอาเนไปทำแผลที”

          “เฮ้ย แล้วนายไม่เป็นอะไรหรือ” เห็นสภาพเสื้อเละเทะของอีกฝ่ายแล้ว รุตก็เอ่ยถามอย่างลนลาน

          “ไม่…ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น” เขารีบบอกก่อนจะใช้มือจับเสื้อมาปิดร่างและคอตน ถึงจะไม่บาดเจ็บ แต่เมื่อกี้เนก็ทั้งดูดทั้งกัดมาเสียเยอะ เขาก็กลัวว่าจะเกิดรอยต้องสงสัยขึ้น แล้วคราวนี้เรื่องจะยาวและใหญ่โตโดยใช่เหตุเสียเปล่าๆ “...เดี๋ยวฉันออกไปข้างนอกกับศาสตร์นะ”

          ประโยคนั้นทำเอาคนที่นอนอยู่กับพื้นพยายามจะลุกขึ้นมาเหมือนซอมบี้โดนปลุกชีพ หากแต่ศาสตร์ที่อยู่ใกล้ๆรีบเตะดับสติอีกฝ่ายก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์บ้าบอกับวัฒน์อีก

          “โทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ เส้นเอ็นมันกระตุก” ศาสตร์บอกเสียงนิ่งเมื่อรุตกับแมวพากันสะดุ้งที่เห็นเนสลบคาเท้าชายหนุ่ม “รีบพาเขาไปทำแผลเถอะครับ”

          ไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้ง...รุตและแมวได้แต่คิดแบบนั้น แต่เพราะเนก็ไม่ได้มีบาดแผลภายนอกรุนแรงด้วย เลยทำตามที่อีกฝ่ายว่าโดยไม่เถียงอะไร

          “โอเคค่ะ งั้นอารุตมาช่วยหนูเอาพี่เนไปที่บ้านด้านหลังทีสิคะ”

          รุตหันมองเด็กสาวแล้วนิ่วหน้า ที่จริงเขาอยากจะถามเรื่องเสื้อผ้าของวัฒน์ แต่เพราะโดนเด็กสาวเรียกรั้งไว้ อีกทั้งวัฒน์เองก็เดินลิ่วออกไปจากบ้านทั้งในสภาพนั้นทันทีด้วย หนุ่มร่างท้วมเลยได้แต่เก็บคำถามเอาไว้ในใจ แล้วจัดแจงแบกเด็กหนุ่มตามแมวไปหลังบ้านแทน

          วัฒน์เดินแกมวิ่งออกมาจนถึงหน้ารั้วบ้าน มือทั้งสองยังคงกุมเสื้อของตนแน่น เสียงลมหายใจที่หอบดังระรัวค่อยๆกลับมาเป็นปกติ แต่ใจยังคงเต้นแรงไม่เปลี่ยน ใบหน้าเองก็ยังคงร้อนเหมือนโดนไฟลน ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน ภายในสมองมันก็ปั่นป่วนไปหมด

          ทำไมล่ะ...ทำไมถึงทำแบบนี้...ก็ไหนว่าไม่ได้คิดอะไรไง...

          หนุ่มใหญ่ได้แต่ทวนถามตัวเองเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือที่กำเสื้อเอาไว้บีบแน่นมากขึ้นจนสั่นระริก ใบหน้าเรียวบิดเบี้ยวคล้ายกับจะร้องไห้ หากแต่กลับไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด

          “อาวัฒน์ครับ...”

          เจ้าของชื่อหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง แม้สีหน้าของศาสตร์จะดูเรียบนิ่ง แต่วัฒน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร เขาจึงก้มหลบลงเพราะสู้หน้าไม่ได้

          “พอดีอาลืมมือถือไว้บนรถ ผมเลยกะจะเอามาคืน...” ชายหนุ่มว่าก่อนจะล้วงมือถืออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ของตน “ผม...ผมสมควรทำแบบนี้หรือเปล่า...”

          วัฒน์ก้มหน้านิ่งอยู่นานมาก กว่าจะเปิดปาก

          “สมควรสิ” เสียงทุ้มดังแหบพร่าและเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “จริงๆเรายังทำน้อยไปด้วยซ้ำ น่าจะกระทืบมันให้ตายๆไปเลย”

          “อยากให้ผมทำแบบนั้นจริงๆหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่เงยหน้ามองอย่างลืมตัว เมื่อเห็นสายตาเรียวที่จ้องกลับมา วัฒน์ก็ได้แต่หลบดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธนั้น

          “ถ้าอาให้ทำ ผมก็จะทำ” ชายหนุ่มบอกเสียงกร้าว “ขอเพียงแค่อาบอก”

          สิ้นประโยค ทุกอย่างกลับมาอยู่ในความเงียบงัน ศาสตร์มองคนที่เอาแต่ยืนนิ่ง แต่เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

          “ไปกันเถอะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะถอนหายใจ “ผมไม่ทำจริงๆหรอกครับ ถึงผมจะไม่ชอบไอ้เด็กนั่น แต่ผมไม่มีทางทำให้คุณสิทธิ์กับอาวัฒน์เสียใจหรอกครับ”

          “ขอโทษนะ” วัฒน์เอ่ยโดยที่ยังก้มหน้านิ่ง “ขอโทษที่ทำให้เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”

          ชายหนุ่มหันมองคนที่ดูจะรู้สึกผิดเสียเต็มประดา ก่อนจะมุ่นหน้าด้วยความหงุดหงิด

          “ผมไม่เคยนึกเสียใจหรอกนะครับ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจเอง” ศาสตร์ตอบฉะฉาน “แถมผมเองก็ได้กำไรตั้งเยอะจนอาไม่มีเหตุผลอะไรต้องมารู้สึกผิดเลยด้วยครับ”

          วัฒน์เงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่บึ้งหน้าใส่ตนเหมือนกำลังตำหนิ ทำเอาความหม่นหมองในใจหายไปจนสิ้น

          “ขอบใจนะ”



______________________________________


เราเชื่อว่าตอนนี้น่าจะทำให้คนกรี๊ดหลายคนและหลายๆเหตุผล =w=\

หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 67 (27/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-10-2015 11:15:22
โฮ่ นี่เขาเรียกอาการหึงจนหน้ามืดสินะเนถึงได้จะปล้ำลุงหนักขนาดนี้ เฮ้ออ ก็ถ้าชอบลุงแกจริงๆก็น่าจะบอกไปตรงๆได้แล้วนะเนเลิกซึน เลิกปากแข็งสักที ระวังมันจะไม่ทันเอาจริงๆนะแล้วจะเสียใจไม่รู้ด้วย
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 67 (27/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 27-10-2015 13:53:02
โหยๆๆ คัดใจจริงเลย ค้างงงงง ตื่นเต้นมากเลยตอนนี้ มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 67 (27/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-10-2015 20:53:31
 :serius2: มาร มารจริงๆ    :z6: ศาสตร์ซะเลย

เค้าอยากจะเห็นอาวัฒน์โดนเนกดอีก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 67 (27/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-10-2015 21:37:26
กรีดร้องงง
ศาสตร์เข้ามาขัดทำม้ายยย T[]T!
เนมันหึงจนหน้ามืดตามัวแล้วเนี่ย แต่ยังซึนไม่เลิกอี๊กกก
รอน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 68 (31/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 31-10-2015 12:52:00
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 68


          ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ...เราไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย...

          “อ้าว ฟื้นแล้วเรอะ…” รุตเอ่ยทักอย่างประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะฟื้นตัวเร็วมากหลังจากโดนลูกเตะของศาสตร์เข้าไป แต่พอหันไปเห็นก็สะดุ้งแล้วถอยหลังไปติดกำแพงทันทีเพราะเนลุกพรวดออกมาจากเตียงด้วยใบหน้าค้างนิ่ง และยิ่งชวนหวาดยิ่งกว่า เมื่อเด็กหนุ่มค่อยๆหันมาหาตนด้วยสีหน้าเดิม “…จำได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น”

          เนหน้าเบี้ยวเมื่อรู้สึกปวดคอและขมับ เด็กหนุ่มกลอกตามองไปรอบๆ ในตอนนี้เขาอยู่ในห้องนอนของตน และมีรุตอีกคนที่อยู่ด้วย เนพยายามนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ใบหน้าเรียวซีดเซียวลงทันควัน ทำเอารุตชักเป็นห่วงขึ้นทุกที

          “ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม” หนุ่มใหญ่ร่างท้วมแนะขึ้นอย่างกังวล แต่อีกฝ่ายเพียงแต่ส่ายหัวให้เบาๆ

          “คุณวัฒน์ละครับ”

          ทีแรกรุตกะว่าจะถามถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น แต่เด็กหนุ่มกลับชิงถามก่อนด้วยสีหน้าร้อนรนเป็นกังวลเสียจนรุตได้แต่กลืนความสงสัยของตนกลับลงไปแทน

          “ไปกับศาสตร์น่ะ”

          ทันใดนั้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนสี ยิ่งทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยชักกังวลและร้อนใจขึ้นมา สงสัยเสียเหลือเกินว่าตนพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า เนถึงได้หน้าเสียขนาดนี้

          “นั่นสินะ…”

          “อ้าว จะไปไหนน่ะ” รุตท้วงถามเมื่อเห็นคนที่น่าจะยังเจ็บลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องของตัวเอง
         
          “ผม…ผมจะไประบาย”

          รุตได้แต่นิ่วหน้าอ้าปากค้าง ก่อนจะพยักหน้าด้วยความเลื่อมใสกับความมุ่งมั่นของเด็กหนุ่ม ที่แม้จะยังเจ็บตัว แต่ก็ยังมีความพยายามในการปลดปล่อยเสียเหลือเกิน

 

          “โอ้ ว่างาย มาซะป่านนี้จะมาช่วยเก็บกวาดให้หรือไงจ๊ะ....เฮ้ย!”

          ฉัตรร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆเนที่เดินดุ่ยเข้ามาในบาร์ก็พุ่งหมัดใส่ตนที่กำลังยืนตรวจบัญชีอยู่ หน้าเคาท์เตอร์ ทำเอาปาล์มและต่อที่กำลังเก็บกวาดอยู่บริเวณนั้นพากันสะดุ้ง แม้หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์จะรับหมัดของอีกฝ่ายทันก่อนจะมาถึงหน้าของตนก็ตาม

          “อยู่นิ่งๆแล้วขอผมต่อยสักทีเหอะ” เนว่ายังคงกดแรงใส่อีกฝ่ายไม่เลิกทั้งที่ไร้ประโยชน์ “แค่หมัดเดียวเองน่า”

          “อย่ามาขออะไรแบบนี้กันง่ายๆ สิวะ” ฉัตรย้อนเสียงขุ่นอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะรับอีกหมัดที่พุ่งเข้ามา และเพียงไม่นานก็ผุดยิ้มบางออกมา “อารมณ์เสียอะไรมาจากบ้านหรือเปล่าจ๊ะ”

          คำตอบคือแรงควายที่ดันเข้ามาจนแขนฉัตรสั่น

          “โอ้โห ไม่ใช่เล่นเลยนี่หว่า” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ยังคงหยอกเย้าไม่เลิก “แต่ถึงจะชกฉันไป มันก็ไม่ช่วยให้แกหายโกรธร้อก”

          “ไม่ลองก็ไม่รู้นี่ครับ” เนว่าก่อนจะสะบัดมือออกมาจากอีกฝ่าย

          ทีแรกฉัตรนึกว่าเจ้าเด็กตรงหน้ามันจะต่อยกสองอีกรอบ แต่เนกลับแค่ยืนนิ่งๆแล้วเดินไปยังเคาท์เตอร์แทน

          “ขอที่แรงที่สุด” เนหันไปสั่งกับต่อเสียงเข้ม ทั้งที่ในตอนนี้ก็ปิดร้านและกำลังเก็บกวาดกันอยู่ แต่กระนั้นต่อกลับไม่ได้ห้ามหรือว่าอะไรนอกจากทำตามอย่างรวดเร็ว และทันทีที่รับแก้วมาก็กระดกลงคออย่างกับดื่มน้ำเปล่า “อีก”

          ซึ่งต่อก็ส่งให้แบบไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะเมาแล้วอาละวาดแต่อย่างใด ทำเอาปาล์มถึงกับหน้าซีดและดึงไหล่ต่อที่กำลังจะยื่นอีกแก้วที่ทำเตรียมรอเอาไว้แล้ว

          “เอาน่า...มันเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจ”

          ปาล์มได้แต่นิ่วหน้ามอง และยังไม่ทันไร เจ้าคนเมาก็เดินเข้าไปหาพ่อของตัวเองอีกแล้ว

          “เฮ้ยๆ ถ้าจะตีกันอย่ามาตีในร้านนะโว้ย พวกฉันขี้เกียจจะเก็บกวาดใหม่นะ” ปาล์มร้องเสียงตื่นก่อนจะเผ่นออกมาจากเคาท์เตอร์หมายจะห้ามทัพ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเนไม่ได้วิ่งเข้าไปต่อยบิดาตน อีกฝ่ายเพียงแค่ยืนประจันหน้ากับฉัตรเท่านั้น

          ฉัตรเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก เลยระวังตัวด้วยการเว้นระยะและสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน แต่เนก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนนิ่งๆด้วยใบหน้าเหมือนหมาหงอยอย่างเดียว

          หนุ่มใหญ่ได้แต่ถอนหายใจ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงมีอาการแปลกๆเช่นนี้ ท่าทางคงไม่พ้นไปจากเรื่องวัฒน์กับศาสตร์นักหรอก แต่ในเมื่อทำตัวเองทั้งนั้น แล้วเขาจะทำอะไรได้ ขนาดว่าพยายามช่วยพูดให้แล้วแท้ๆ…จริงๆนะเออ

          “ไปคุยกันข้างบนหน่อยไหม”

          เนจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะพยักหน้าให้ หนุ่มใหญ่จึงเดินนำไปยังชั้นสามโดยไม่พูดอะไรสักคำ

          “อะไรของมันวะ” หลังจากฉัตรกับเนเดินหายขึ้นไปชั้นสาม ปาล์มก็ร้องขึ้นด้วยความรำคาญปนสงสัย “นายว่าพักหลังนี้มันทำตัวแปลกๆไปหรือเปล่าวะ”

          “ยังไงหรือ...”

          “ก็ทำตัวเหมือนคนบ้า...” ปาล์มตอบกำกวม ท่าทางเหมือนไม่ค่อยจะแน่ใจนัก “ไอ้เรื่องมาจีบผู้หญิงแล้วหิ้วออกไปฉันยังพอเข้าใจ แต่ทำตัวโอเวอร์เกินเหตุเหมือนคนเมากัญชาฉันไม่เข้าใจว่ะ ไหนจะยังชอบมองป๋าเหมือนหาเรื่องชอบกล...หรือปกติมันทำตัวแบบนั้นล่ะ”

          “อ๋อ...ไม่เคยเลย...” ต่อยังคงตอบด้วยน้ำเสียงยานคาง “คงกำลังสับสนในชีวิตอยู่มั้ง ช่วงนี้มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของหมอนั่นน่ะ”

          ว่าจบก็หันไปเก็บแก้วบนเคาท์เตอร์ ปล่อยให้เพื่อนหน้าหวานได้แต่นิ่วหน้าด้วยความสงสัยอยู่เช่นนั้นต่อไป

 

          ฉัตรเหลือบมองคนที่ตามหลังมา ท่าทีเหงาหงอยผิดกับตอนไม่ได้ดื่มเหล้าลิบลับจนน่าแปลก แต่นั่นกลับทำให้เขายิ้มกว้าง

          “นั่งสิ” หนุ่มใหญ่พยักเพยิดไปทางโซฟาด้านในห้องพักพนักงาน แต่อีกฝ่ายกลับยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด “เฮ้ย!”

          แล้วเจ้าเด็กบ้านั่นก็แจกหมัดใส่เขาอีกแล้ว และก็โดนเขาจับเอาไว้ทันเช่นเคย

          “น่าครับ แค่แป๊บเดียวก็จบแล้ว” เนว่า ยังคงดึงดังไม่เลิก

          “จะบ้าเรอะ ใครมันจะยอมให้ชกกันง่ายๆวะ” ฉัตรร้องใส่อย่างเหนื่อยหน่ายปนรำคาญ “ถ้าแกยังคิดจะชกฉันอีก ฉันจะอัดแกให้สลบเหมือดไปเลยนะเว้ย”

          “งั้นขอเอาแทนก็ได้”

          “หา…เฮ้ย!!”

          เพราะไม่ทันตั้งตัวกับคำขอที่บ้าที่สุดตั้งแต่เกิดมา ทั้งอีกฝ่ายยังผ่อนแรงดันและดึงตัวของเขาด้วย เลยกลายเป็นตนโผเข้าไปหาอีกฝ่ายเสียเอง

          “เฮ้ย!”

ฉัตรร้องเสียงหลงเมื่อเนกอดตนเอาไว้เสียแน่นจนอึดอัด และไม่รู้ว่าเพราะคำขอเมื่อครู่ บวกกับเจ้าเด็กบ้ามันหายใจรดต้นคอ แรงต่อต้านมันเลยหดหายไปดื้อๆเสียอย่างนั้น

          “เฮ้ๆๆ” หนุ่มใหญ่ร้องเสียงหลง “ฉันไม่ใช่ไอ้วัฒน์นะเว้ย”

          “แทนกันได้อยู่ครับ”

          ไอ้ห่า มันใช่ประเด็นเรอะ!

          ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลยไปมากกว่านี้ ฉัตรก็รวบรวมแรงกายทั้งหมดผลักร่างเจ้าเด็กบ้านั่นออกจากตัวเองอย่างรวดเร็ว และทั้งที่ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรเลยแท้ๆ แต่ฉัตรกลับหอบหายใจแทบไม่ทัน

          เด็กหนุ่มไม่ได้ดึงดันจะเข้ามาปล้ำตนเหมือนก่อนหน้า แต่สีหน้าท่าทางนั้นยังดูไม่น่าไว้ใจเท่าใดนัก ฉัตรจึงยังคงจับไหล่ทั้งสองของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นเพื่อดูท่าทีไปก่อน

          “ถ้าคุณไม่ยอม งั้นผมจะไปปล้ำไอ้ปาล์มมัน”

          ฉัตรถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง และพอเผลอ เจ้าเด็กบ้านี่ก็สะบัดตัวหนี ทำท่าเหมือนกำลังจะวิ่งไปปล้ำลูกชายตัวเองจริงๆ

          “ไม่งั้นผมก็จะกลับบ้านไปหาแมว…ไม่ก็แถมป้านางด้วยเลย”

          “เฮ้ยๆ ชักจะเยอะไปแล้วนะเว้ย” ฉัตรเริ่มอารมณ์เสียเมื่อโดนเล่นถึงเมียและลูกสาว แต่พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้านิ่ง จากที่คิดจะด่าบวกกับแจกหมัดให้สักโหลสองโหล เลยเป็นอันต้องพับโครงการนี้ทิ้งไปแทน “…เกิดอะไรขึ้นล่ะ ถึงได้หน้ามืดมาขอปล้ำฉันตอนตีสองเนี่ย หืม”

          เด็กหนุ่มเงยหน้าเบี้ยวๆคล้ายกับจะร้องไห้ขึ้นมา ก่อนจะก้มกลับไปอีกครั้ง

          “ผมไม่เข้าใจ...ทั้งที่ผมคิดว่าถ้าคุณวัฒน์คบกับคนอื่น ไอ้ความรู้สึกบ้าๆนี่มันจะหายไปแท้ๆ…แต่สุดท้ายมันกลับไม่ยอมหายไปเลย แถมยังจะมากขึ้นอีก” เสียงทุ้มเล็ดรอดออกมาจากไรฟันราวกับคั่งแค้นเสียเต็มประดา “ทำไมผมต้องหัวปั่นเพราะเขาแบบนี้ด้วย”

          “โอ๊ย ยังจะต้องงงอีกเรอะ ก็แกรักไอ้วัฒน์มันน่ะสิวะ”

          “ไม่ใช่สักหน่อย”

          ปากแข็งไม่เลิกงี้ พ่อง้างปากแล้วเลาะฟันหน้าออกมาสักสี่ห้าซี่ได้ไหมเนี่ย

          “ผมเองก็เคยคบกับคนอื่น แต่ไม่เห็นจะเป็นเหมือนกับคุณวัฒน์เลย” แต่ก่อนที่ฉัตรจะขยับตัว เนก็โพล่งออกมาโดยที่ยังไม่รู้ถึงภยันตรายที่เข้ามาใกล้ “ผมรักคุณวัฒน์นะ…แต่มันไม่ใช่แบบนั้น…ไม่เหมือนกับคนที่ผมเคยคบมาก่อนเลยสักนิด…”

          ฉัตรเลิกคิ้วมองคนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ยังไม่ยอมร้องออกมาเสียที ก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

          “งั้นกับคุณสิทธิ์ล่ะ” หนุ่มใหญ่ยกชื่อเจ้านายขึ้นมา เขาได้ยินจากวัฒน์ว่าอีกฝ่ายเป็นรุ่นน้อง ทั้งยังยอมมาทำงานเป็นผู้ติดตามทั้งที่ไม่อยาก ก็คงให้ความสำคัญกับสิทธิ์น่าดู

          “ผมไม่ได้รักคุณสิทธิ์สักหน่อย ผมเคารพและนับถือเขาต่างหากล่ะครับ”

          “อ้าว ถ้างั้นกับวัฒน์ก็น่าจะเหมือนกันนี่”

          เด็กหนุ่มชะงักก่อนจะนึกขึ้นมาได้

          “ก็เพราะนายไม่เคยรักใครมาก่อนน่ะสิ ถึงไม่รู้ว่ารักไอ้วัฒน์มัน” หนุ่มใหญ่ว่าพลางเกาหัวตัวเองด้วยความเบื่อหน่ายและรำคาญ “นายไม่เคยรักใครเลย ไม่เคยแม้แต่จะรู้ว่าความรักมันมีหลายแบบ เพราะงั้นนายถึงไม่รู้เลยว่าระดับความรักที่นายมีให้กับวัฒน์มันอยู่ในขั้นไหนยังไงล่ะ ใช่ไหม”

          เนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เต็มไปด้วยความสงสัยแทน

          “ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

          “ก็ไม่ต้องเข้าใจร้อก ไอ้ของแบบนี้น่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวเปล่าๆ” ฉัตรพูดเหมือนปัดความรับผิดชอบ ทำเอาเนถลึงตาใส่ “เอาง่ายๆเลยนะ ตอนนี้นายก็เลือกเอาว่าจะฝืนคิดว่าไม่ได้รักวัฒน์แบบคู่รักแล้วทรมานแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือจะยอมรับว่ารักมันก็เท่านั้น”

          “แต่เขาคบกับคุณศาสตร์แล้ว…”

          “เรื่องนั้นไม่เห็นจะเกี่ยว ฉันแค่ให้แกเลือกว่าจะไม่ยอมรับ หรือจะยอมรับแล้วบอกมันออกไปให้หมดเรื่องก็เท่านั้น” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “อีกอย่าง คบได้ก็เลิกได้ กลัวอารายว้า สงครามมันเพิ่งจะเริ่มเอ๊ง”

          น้ำเสียงกวนช่วงหลังทำเอาคนที่กำลังหดหู่ได้แต่หน้าเบี้ยว ถึงอีกฝ่ายจะดูไร้แก่นสาร แต่เนก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉัตรจะกล้าแนะนำอะไรแบบนี้ให้

          “ก็อย่างที่บอก อย่าไปเสียเวลาทำความเข้าใจเล้ย เอาง่ายๆนะ ถ้าอยากให้ไอ้ความรู้สึกบ้าๆนี่ออกไป นายก็แค่ทำในสิ่งที่นายไม่ยอมรับแล้วหนีมันมาตลอดก็พอ ถึงตอนนั้นถ้ามันยังไม่ช่วยให้นายหายจากความรู้สึกบ้าๆนี่อีก ฉันยอมให้นายเอาเลยเอ้า”

          อาจเพราะน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่ได้มีความจริงจังหรือจริงใจแม้แต่น้อย เลยทำให้เนไม่อยากจะทำตามนัก

          “ฉันบอกได้แค่นี้ล่ะ เลือกเองเถอะว่าจะทำยังไง” ฉัตรถอนหายใจเมื่อเห็นเจ้าลูกแมวเอาแต่จ้องหน้าตนไม่เลิก “ถ้ายังลีลาเอาแต่หนีไม่เลิกแล้วมาขออะไรบ้าๆเหมือนวันนี้อีก ฉันจะเอาแกไปถ่วงทะเล…อย่าให้ฉันรู้นะว่าแอบดอดไปทำอะไรสาวๆที่บ้าน ไม่งั้นเมิงตายแน่”

          เนนิ่วหน้า ไม่ยอมรับหรอกว่าที่ขาตนสั่นเพราะกลัวคำขู่ของอีกฝ่าย

          “อย่าคืนคำละกัน” เห็นเด็กหนุ่มชี้หน้าใส่ด้วยท่าทีที่มุ่งมั่นและจริงจัง ทำเอาคนที่พลั้งเอ่ยปากสัญญาชักกลัวขึ้นมาตงิดๆ “…ว่าแต่…ผมถามอะไรอีกได้ไหม”

          ใจจริงก็เบื่อจะฟัง แต่ถ้าเพื่อได้แกล้ง…เอ๊ย ได้ช่วยให้เรื่องมันจบได้สักที ก็ยอมพยักหน้าให้อย่างช่วยไม่ได้

          “คุณ…ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือครับ…ที่คบกับคนอายุมากกว่าตั้งเยอะ…”

          ที่ฉัตรทำหน้าเหยเกไปพักหนึ่งเพราะเพิ่งนึกได้ว่าเจ้าเด็กบ้านี่มีรสนิยมเดียวกับตน ถึงจะคนละเพศก็เถอะ

          “ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงโกหกละน้า ใครรู้แม่งก็ล้อบ้าง ถากถางบ้าง ทำอย่างกับพวกมีปม” ฉัตรเอ่ยพลางทำท่านึกอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องจนดูไม่เหมือนกำลังรำลึกถึงเรื่องแย่ๆ “แต่ระหว่างเสียงคนเยาะเย้ยนินทากับสิ่งที่รัก ฉันให้ความสำคัญกับอย่างหลังมากกว่าน่ะ”

          เนเพียงแต่นิ่วหน้ามอง ท่าทางเหมือนคิดไม่ตกนัก ทำเอาคนตอบชักเริ่มหวั่นกลัวเจ้าเด็กบ้านี่จะอายจนคิดจะเปลี่ยนใจแทน ยิ่งอีกฝ่ายหันตัวแล้วผลุนผลันออกจากห้องไปแบบไม่มีล่ำลา ยิ่งชวนให้หนุ่มใหญ่กังวลจนคิ้วชนกันเป็นเส้นเดียว

          แต่ยังไม่ทันจะได้กังวลไปมากกว่านี้ เจ้าเด็กบ้ามันดันกลับมาเปิดประตูผางใส่หน้า ทำเอาฉัตรถึงกับสะดุ้ง

          “ลืม ขอบคุณนะครับ”

          จากนั้นก็ทิ้งให้คุณลุงได้แต่ค้างไปกับคำพูดเหล่านั้นอยู่ในห้องเพียงลำพัง


_____________________________________________

ปล. หากใครสนใจรวมเล่ม รบกวนทำแบบสอบถาม ใกล้ถึงความจริงละ >w< ตามลิ้งนี้เลยงับhttp://goo.gl/forms/uhq9nHazgK

ตอนนี้ ถ้ากะหน้าคร่าวๆ บวกลบ ของแถมในเล่ม  ราคาตอนนี้ อาจจะอยู่ราวๆ 700-800 โดยประมาณนะงับ(ยังไม่แน่นอน อาจจะน้อยกว่านั้น)


อีกเรื่อง ตอนหน้าอาจจะมาลงอีกทีตอนกลางๆเดือนหน้านะงับ ;w; ติดงานนิดหน่อย


หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 68 (31/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 31-10-2015 17:18:06
จิ้ม

ข้อตกลงแบบไหนกันที่ว่าจะยอมโดนเอาวะคะฉัตร!? 5555555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 68 (31/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 31-10-2015 17:25:08
เน เอาลุงกลับมาให้ได้นะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 68 (31/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-10-2015 19:00:32
 :a5: เนมันคิดอะไรของมันเนี่ยะ ขอเอาฉัตร OMG
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 68 (31/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 31-10-2015 22:25:14
ลุ้นมากมาย

เอ้าๆๆ เนจะเอาอาวัฒน์กลับมายังไงน๊าาา

รอคอยยยยยยยยยยยยยยย :hao7: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 68 (31/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-11-2015 01:23:30
 o22 o22 เงิบกับเนแป๊บ ค้างจากน้องมาขอเอาพี่ซะงั้นดีแค่ไหนลุงฉัตรไม่ยันโครมเข้าให้ ฮาา ละลุงแกแนะขนาดนี้แล้วก็เปิดใจยอมรับสักทีเหอะเน คนอ่านลุ้นจนเหนื่อยละนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 68 (31/10/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_dr ที่ 01-11-2015 15:24:36
สนุกมากกกกกก เลาอ่านรวดเดียวจบเลย ขอเม้นรวบยอดทีเดียวเลยนะคะ ㅠㅠㅡㅠㅠ
ตอนแรกๆลุ้นมากว่าเมื่อไหร่ลุงกับนังน้องเนจะเลิกเข้าใจอีกฝ่ายผิดสักที
ต่างคนต่างคิดไปเอง โมเมไปเอง แล้วก็เขม่นกันไปเอง5555
พอต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันถูก(ถึงลุงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ) นี่ว่าลุงน่ารักขึ้นเย้อออเลย น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดู น่าปล้ำเช้าปล้ำเย็น คึคึ
แต่นังน้องเนมันวาสนาไม่ถึง บุญมีแต่กรรมบัง พอลุงเขาเปิดใจให้ยอมรับว่ารักนัง นังดันปากแข็ง ดันซึนไปอี๊ก
จ้า นังคนคิดเยอะ จ้าาาาา สมน้ำหน้านังมาก ลุงล่ำกับพี่โค้กน่าจะรวมหัวกันแกล้งซะให้เข็ด หมั่นมากกก
เอาให้หึงจนอกแตกตายไปเลย 5555
แต่ว่าเลาทีมนังน้องเนนะ ถึงจะหมั่นนางแต่ก็เชียร์นาง เชียร์ให้ได้กะลุง555555
เอ้อ แอบคาใจเล็กๆ คือๆๆๆ


คือลุงยังไม่ปั่มป๊ามกับพี่ศาสตร์ใช้มั้ยยยย ใช้มั้ยคนเขียน ฮื่ออ
สงสารนังน้องเนมันเนาะ ให้ลุงเป็นของนังคนเดียวพอเนาะ plzzzz

รอตอนต่อไปนะคะ กลางเดือนหน้าใช่เป่า ฮึบ รอ ❤️

ปล.ผ่านเรื่องแบบนั้นก็หลายทีแล้ว แต่คือ คือว่ามันแบบ มันมีแต่ถ้าพื้นฐานเนาะ แบบ เราก็อยากให้ลุงออนท็อปบ้างง่ะเธอ กรั่กๆๆๆ เอาไว้หลังนังน้องเนยอมรับใจตัวเองก็ได้ นะๆ คิคิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 14-11-2015 13:36:12
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 69


          ทำสิ่งที่ไม่ยอมรับน่ะหรือ

          เนนั่งนึกนอนนึกมาทั้งคืน แม้จะไม่พอใจที่ต้องทำตามคำพูดของฉัตร แต่ในเมื่อมันเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้ตนหลุดพ้นจากอาการน่ารำคาญนี้ได้ เขาจึงลองยอมรับว่าสิ่งที่ฉัตรพูดเป็นความจริง ซึ่งแม้จะทำให้รู้สึกประหลาดและหวาดหวั่นชวนเวียนหัวหน้ามืดอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนก่อนหน้าเลย

          รักน่ะหรือ

          เมื่อก่อนไม่เคยนึกสนใจหรือให้ความสำคัญกับคำๆนี้เลยแท้ๆ แต่พอมีวัฒน์เข้ามาเกี่ยวข้อง หัวใจมันกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างกายก็ร้อนจนเหมือนคนเป็นไข้เสียอย่างนั้น

          ทั้งที่ไม่อยากหลวมตัวไปรักตาลุงหน้าบูดเลยแท้ๆ แต่พอลองยอมรับว่ารู้สึกแบบนั้นกับอีกฝ่ายก็ทำให้ความว้าวุ่นในใจหายไปได้อย่างน่าประหลาด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแย่ไปด้วย สาเหตุก็เพราะต้องไปเอ่ยความในใจที่เพิ่งจะรู้ตัวทั้งที่สายไปแล้ว อีกสาเหตุก็เพราะตัวเขาที่ดันหน้ามืดไปปล้ำวัฒน์เมื่อคืนนั่นล่ะ

          ก่อนอื่นเลยก็ต้องขอโทษก่อนนั่นล่ะ

          แม้จะแทบไม่ได้นอนมาเลยก็ตาม เนกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคิดว่าจะต้องไปเจอหน้าวัฒน์ด้วยแล้ว ยิ่งตาค้างใจสั่นแบบไม่ต้องอัดคาแฟอีนเลยทีเดียว

          พอประตูบ้านเปิดเข้ามา เนก็แทบจะกระโดดออกมาจากโซฟา แต่พอเห็นวัฒน์เผลอถอยกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก จากที่กำลังลิงโลดถึงกับหดตัวลงอย่างห่อเหี่ยวทันควัน

          และยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด หนุ่มใหญ่กลับเมินเขาเสียอย่างนั้น ไม่มองหน้าไม่พอ เดินหนีขึ้นไปยังชั้นสองอีกต่างหาก

          เนได้แต่เม้มปาก ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายหวั่นกลัวจนหนีเขา เอาเข้าจริงๆโชคดีเสียด้วยซ้ำที่วัฒน์ไม่ปรี่เข้ามาเป่ากะโหลกตนเสียทันทีที่เห็นหน้า

          เอาเถอะ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันเสียหน่อย ยังไงก็ทำงานด้วยกัน มีโอกาสขอโทษเยอะแยะ

          แต่ทั้งอย่างนั้นวันนี้ทั้งวันเขากลับไม่มีจังหวะจะขอโทษได้เลย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเอ่ยในที่แจ้งนัก เนเลยรอโอกาสที่จะได้อยู่กันตามลำพัง แต่สุดท้าย ถ้าไม่ใช่เพราะต้องอยู่กับสิทธิ์ วัฒน์ก็มักจะอยู่กับใครสักคนราวกับจงใจทุกที

          ก็คงกลัวว่าถ้าอยู่กับเราแค่สองคนแล้วจะโดนปล้ำอีกกระมัง...แต่อย่าคิดว่าจะหนีได้ตลอดนะเฟ้ย!

          “คุณวัฒน์ครับ!” เนเอ่ยรั้งเสียงตื่นก่อนจะยื่นมือไปจับแขนอีกฝ่ายแน่นอย่างลืมตัวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหนีไปอีก แม้ในตอนนี้จะไม่ได้อยู่กันลำพัง แต่อยู่ในบริษัท หน้าประตูห้องทำงานของวัฒน์ โดยที่ยังมีพนักงานเดินขวักไขว่กันไปทั่ว แม้จะเลยเวลาเลิกงานไปแล้วก็ตาม และเพราะโพล่งเรียกเสียงดัง คนอื่นๆเลยพากันหันมองกันเป็นตาเดียว

          “มีอะไร”

          ถือเป็นครั้งแรกของวันที่วัฒน์ยอมหันมาสบตาตรงๆสักที เล่นเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการโมโหโกรธาออกมาให้เห็น มือไม้ก็พานสั่นจนอยู่ไม่ได้เสียอย่างนั้น จึงรีบดึงมือออกเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าตัวเองกำลังหวาดหวั่นอยู่

          “เอ่อ...ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณน่ะครับ...ถ้ายังไงไปหาที่ส่วนตัวคุยกันได้ไหม...”

          “ไม่”

          เสียงเฉียบปัดเป่าความตื่นเต้นของเด็กหนุ่มออกไปจนหมด ทิ้งไว้แต่อาการตื่นตะลึงกับคำตอบและน้ำเสียงดื้อดึงของอีกฝ่าย

          “ถ้ามีอะไรจะพูด พูดตรงนี้” แม้น้ำเสียงจะดุ แต่สีหน้ากลับไม่ได้เจือความโกรธออกมาเลยสักนิด

          เนได้แต่อ้าปากค้างเบิกตาโพลง เพราะไม่ว่าจะเรื่องแรกหรือเรื่องหลังก็ไม่ใช่เรื่องน่าป่าวประกาศต่อหน้าสาธารณะชนเลยสักนิดนี่

          “เดี๋ยวสิ...เอ่อ...มันเป็นธุระสำคัญนะครับ...คุยตรงนี้คงไม่สะดวก”

          “ถ้าส่วนตัวคุยตรงนี้เลย”

          ปกติมันต้องไปหาที่คุยกันเงียบๆสิฟะ!

          เนนิ่วหน้ามองอีกฝ่ายที่ดูจะดึงดังและไม่ยอมเอามากๆทีเดียว ที่จริงเขาจะใช้กำลังบังคับไปก็ได้ แต่คงไม่เป็นผลดีต่อการขอโทษของตนแน่ เด็กหนุ่มได้แต่อ้ำอึ้งเพราะนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดีให้หนีจากสถานการณ์ นี้โดยที่ยังสามารถเอ่ยขอโทษได้อย่างสะดวกโยธิน

          แต่เวลาและจังหวะมันก็ไม่ยอมให้เขาได้ขอโทษง่ายๆเอาเสียเลย

          “อาวัฒน์ครับ”

          เสียงเจ้านายที่ดังแทรกขึ้นมาจากอีกทางทำเอาเนเผลอเม้มปากแน่นอย่างเสียดายเป็นที่สุด แม้อีกส่วนจะแอบโล่งใจที่ไม่ต้องเอ่ยเรื่องน่าหวาดเสียวกลางที่สาธารณะก็ตาม

          แต่พอเห็นสีหน้าของวัฒน์เท่านั้นละ ถึงกับหน้าซีดเลยทีเดียว

          เอ้า จะโกรธตูทำไมฟะเนี่ย

          “มีอะไรหรือครับ” วัฒน์เพียงแต่หันไปถามสิทธิ์ด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ ก่อนจะสะบัดมือและเดินเข้าไปหาเจ้านายด้วยท่าทีที่ปกติ ในขณะที่เนยังคงช็อกเพราะไม่เข้าใจว่าหนุ่มใหญ่โกรธอะไรตน

          “เดี๋ยววันเสาร์หน้านี้ผมจะไปเที่ยวกระบี่กับเดียร์ ฝากอาช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินกับบ้านพักที่โน่นให้ทีนะครับ” สิทธิ์ว่าพลางเหล่มองเนก่อนจะกลับมาหาคู่สนทนา “มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”

          “ไม่ครับ ไม่มี...คือเอาไว้ทีหลังก็ได้” หนุ่มใหญ่ว่าก่อนจะเหล่มองเหมือนหงุดหงิดเอาการ จนเด็กหนุ่มได้แต่งง “เดี๋ยวผมจัดการให้ คุณสิทธิ์ก็รีบเคลียร์งานให้ทันก่อนก็แล้วกัน”

          เจ้านายแสนดีได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน ก่อนจะเดินตัวปลิวพร้อมกับกระเป๋าสะพายเพื่อขึ้นไปห้องประชุมที่ชั้นบนต่อ

          “เน มานี่”

          เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนเรียก ก่อนจะเข้าไปหาอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะคนเรียกยังปั้นหน้ายักษ์ใส่ไม่เลิก ทำเอาเขากลัวจะโดนงับหัวก่อนจะได้เปิดปากขอโทษ

          “ไปบอกพี่นางเรื่องที่คุณสิทธิ์จะไปกระบี่แล้วไปช่วยเขาเตรียมตัว” วัฒน์บอกก่อนจะยื่นกุญแจรถให้ ซึ่งดูไปดูมาเหมือนทำท่าจะกัดเขาจริงๆ “เดี๋ยวฉันกับคุณสิทธิ์เอารถบริษัทกลับบ้านนายไม่ต้องห่วง รีบๆไปจัดการ”

          โดนดักคอเสียขนาดนี้แล้วจะทำอย่างไรได้นอกจากเก็บปากแล้วทำงานงกๆไปแต่โดยดี ในใจก็หวังเอาไว้เพียงแต่คงจะหาโอกาสเอ่ยปากได้เอง

          แต่ไปๆมาๆไอ้โอกาสที่ว่ากลับยากกว่าที่คิดนี่น่ะสิ

          ทั้งที่ครั้งแรกเหมือนอีกฝ่ายจะรอฟัง แต่หลังจากนั้น วัฒน์โกรธเขาออกหน้าออกตาชนิดที่ว่าพร้อมจะงับหัวเขาได้ทุกเมื่อทันทีที่เด็กหนุ่มตั้งใจจะพูดด้วย ทั้งยังจงใจหนีเขาหรือไม่ก็อยู่กับคนอื่นตลอด แถมทั้งตัวเขาเองและวัฒน์ก็ต้องยุ่งอยู่กับการจัดการแผนบ้าบอของเจ้านายอีก ทำเอาจากที่เด็กหนุ่มกำลังนึกหวั่นกลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอมยกโทษให้ กลายเป็นหงุดหงิดแล้วอยากวิ่งเข้าไปตะบันหน้าสักทีสองทีแทน

          เล่นงี้ใช่ไหม ได้!

          หลังจากกลับมาจากกระบี่พร้อมกับเจ้านาย เนก็พุ่งนำเข้าบ้าน ควานหาตัวเป้าหมายทันที ทำเอาสิทธิ์ที่เพิ่งลงจากรถได้แต่เลิกคิ้วมองกับความเร่งรีบของลูกน้อง

          เนแทบจะวิ่งไปทั่วบ้าน แต่แล้วก็ไม่พบคนที่ต้องการเลย ทั้งที่ตอนนี้ก็ปาเข้าไปสองทุ่มแล้วและพอกำลังจะเดินวนไปที่หลังบ้านอีกรอบ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดขึ้น ทำเอาคนร้อนรนหยิบออกมาจากกระเป๋าอย่างรำคาญ แต่พอเห็นเบอร์เท่านั้นล่ะ ถึงกับลนลานกดรับแทบไม่ทัน

          “เป็นไงบ้าง”

          เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรดันออกมากระจุกอยู่ที่ลำคอ เพียงแค่ได้ยินเสียง ความหงุดหงิดทุกอย่างก็โดนปัดออกไปจากใจจนหมด

          “เอ่อ...แผนล้มเหลวครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยอ้อมแอ้มพูดถึงเรื่องแผนปล่อยตัวน้องชายของวินหนีไปจากเงื้อมมือของเจ้านายตนที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า กลัวจะโดนด่าเสียเหลือเกิน

          “เรื่องนั้นฉันรู้จากก้องแล้ว แต่ที่ฉันถาม หมายถึงนายกับคุณสิทธิ์ปลอดภัยใช่ไหม”

          นี่เป็นการยกโทษให้ทางอ้อมใช่ไหมเนี่ย! ตาลุงบ้านี่

          “ครับ” จากที่กำลังโกรธๆกลัวๆ ถึงกับระงับอาการดีใจไม่อยู่ “คุณวัฒน์ครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย...”

          เสียงในสายเงียบไปพักใหญ่กว่าจะยอมตอบกลับมา

          “อยู่ที่บ้านศาสตร์น่ะ”

          กำลังใจเมื่อครู่ฝ่อลงทันควัน

          แต่ถ้าจะให้ยอมถอยแล้วทรมานใจแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็ไม่เอาเหมือนกันโว้ย!!

          “งั้นดีเลยครับ ผมเองก็มีเรื่องคุยกับเขาเหมือนกัน”

          “หา เดี๋ยวสิ...เฮ้ยๆ” วัฒน์ร้องเสียงหลงก่อนจะยกมือถือออกจากหู เขากดโทรหาเด็กหนุ่มอีกครั้งแต่เนก็ไม่รับสายเขาแล้ว “บ้าจริง”

          “ทำไมหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่นั่งมองศาสตร์ที่ยืนพิงหน้าประตูห้องครัว แม้สีหน้าของชายหนุ่มจะเรียบนิ่งไร้อารมณ์แต่โทนเสียงที่ถามมานั้นกลับฟังดู ดุดันเหมือนพร้อมจะเอาเรื่อง

          “...เนจะมาหา...บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับพวกเรา”

          หนุ่มหน้านิ่งเพียงแต่มุ่นคิ้ว แต่นั่นกลับทำให้วัฒน์หวั่นจนนั่งไม่ติด

          “ใจเย็นๆก่อนนะ บางทีเขาอาจจะอยากขอโทษเราเรื่องก่อนหน้านั้นก็ได้” หนุ่มใหญ่พยายามมองโลกในแง่ดี ทั้งที่จริงน้ำเสียงของเนฟังดูเหมือนหาเรื่องสุดๆก็ตาม แต่ลองขืนบอกตามตรงไป มีหวังศาสตร์ได้ตะบันหน้าเนทันทีที่เจอกันแน่

          “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีครับ” ศาสตร์ตอบโดยที่คิ้วยังเป็นเส้นเดียว “ผมว่าอามากกว่าที่น่าเป็นห่วง”

          จากที่กำลังออกอาการลนลานกลับมาสงบนิ่งลงจนเหมือนสลด พอนึกถึงเจ้าต้นเหตุที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไม่เข้าท่าแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้ แต่ความแค้นที่สุมอยู่ในอกก็ทำให้เขาชักอยากจะวิ่งไปเป่าเจ้าเด็กบ้านั่นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เรื่องทุกอย่างมันจะได้จบๆไปเสียที

          “ถ้าอาไม่กล้า ให้ผมช่วยไหม”

          หนุ่มใหญ่เงยหน้ามองอีกฝ่าย ใบหน้าของศาสตร์นั้นยังคงนิ่งเรียบ และคิ้วก็ยังมุ่นเข้าหากัน นั่นทำให้คนมองไม่รู้สึกดีเอาเสียเลย กลัวว่าความช่วยเหลือของอีกฝ่ายอาจจะทำให้คนที่กำลังจะมาหาได้ไปปรภพเสียมากกว่าจะช่วยจริงๆ

          “ไม่ได้หรอก” วัฒน์เอ่ยปฏิเสธเสียงอ่อน “นี่เป็นเรื่องที่ฉันตัดสินใจเอง ฉันก็ควรจะทำมันด้วยตัวเอง”

          คราวนี้สีหน้าของศาสตร์เต็มไปด้วยความหงุดหงิดอย่างชัดเจน

          “ถ้าไม่ใช่เพราะมัน อาก็คงไม่ต้องมานั่งกลุ้มแบบนี้” ไม่ว่าเปล่ามีหักนิ้วอีก ยิ่งทำให้วัฒน์เริ่มนั่งไม่ติด ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าศาสตร์จะไปสังหารเน เขาก็ห้ามไม่อยู่

          “เอาเถอะ ที่จริงมันก็เป็นเพราะความขี้ขลาดของฉันด้วยนั่นล่ะ” วัฒน์ว่าพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับตัวเอง…และอีกส่วนก็โล่งใจที่ศาสตร์ดูใจเย็นลงแล้ว

          ในขณะที่ยังคิดไม่ตก เสียงรถพร้อมกับแตรที่บีบอยู่หน้าบ้านก็ทำเอาคนที่อยู่ด้านในต้องเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด

          “ไอ้...” วัฒน์พูดแค่นั้นแล้วค้างไปเพราะทันทีที่เปิดประตูออกมา เนก็แผ่นแผล็วลงมาจากรถแล้วพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าขึงขัง ทั้งยังเร็วเสียจนน่ากลัว “เฮ้ยๆๆ”

          หนุ่มใหญ่ร้องเสียงหลงเพราะพอเนพุ่งเข้ามา ศาสตร์ก็เข้ามาขวางทันที ทำเอาคนแก่หัวใจจะวายเพราะคิดว่าสองคนนี่จะมีเรื่องกันจริงๆ แต่เนหยุดก่อนที่จะมาถึงระยะหมัดของศาสตร์พอดิบพอดี และเนก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ศาสตร์เองก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ทั้งสองเพียงแค่ยืนจ้องตาขวางใส่กันเท่านั้น

          “คุณศาสตร์”

          เจ้าของชื่อมุ่นคิ้วใส่พลางมองเด็กหนุ่มที่ออกอาการเหมือนจะทำร้ายตนแต่ก็ไม่ยักจะพุ่งเข้ามารับหมัดตนสักที

          “ขอบคุณนะครับ”

          จากที่ศาสตร์กำลังหงุดหงิดและวัฒน์กำลังหวาดหวั่น ถึงกับพากันอึ้งกับประโยคที่ไม่ได้คาดคิดของเนไปตามๆกัน

          “ถ้าคุณไม่เข้ามาห้ามเมื่อคืนนั้น ผมคงเผลอทำร้ายคุณวัฒน์ไปแล้ว” เด็กหนุ่มบอกเสียงแหบแห้งและเบาบาง จากนั้นก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นคล้ายกับกระดากใจจะเอ่ยถึงนัก “ขอบคุณจริงๆนะครับ และก็ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนด้วย”

          ศาสตร์ถึงกับแปลกใจออกมาอย่างออกนอกหน้า ทั้งยังกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะมาถึงนี่เพื่อพูดดีๆกับตน

          “แต่ว่าเรื่องที่ผมจะพูดกับคุณวัฒน์ก็อีกเรื่องนะครับ”

          แม้จะยังแอบอยากชกหน้าสักทีสองที แต่ในเมื่อเนไม่ได้มาหาเรื่อง ศาสตร์ก็ได้แต่นิ่งและหันไปมองวัฒน์แทน

          “ทำไม” หนุ่มใหญ่เอ่ยถามขึ้นเมื่อโดนพูดถึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและระแวง ทั้งยังยืนอยู่ด้านหลังของศาสตร์เหมือนเดิมเพราะยังกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะหน้ามืดมาปล้ำตนกลางที่สาธารณะอีก

          เด็กหนุ่มค้างไปเล็กน้อยแล้วเม้มปากแน่น ดวงตาเรียวเหล่มองคนที่ยืนขวาง ก่อนจะตะโกนออกมาแบบไม่อายฟ้าดิน หรือกลัวว่าใครจะมาได้ยิน

          “ผมรักคุณ!” เสียงดังลั่นทำเอาวัฒน์สะดุ้งโหยง “มันอาจจะสายไปแล้ว แต่ผมแค่อยากจะบอกให้คุณรู้...ไม่สิ ผมยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตผมก็จะตื๊อคุณไปจนกว่าคุณจะลงโลงนั่นล่ะ!”

          ใจจริงแค่อยากจะบอกความรู้สึกเฉยๆ แต่อาจจะเพราะไอ้ความอยากเอาชนะที่มันยุตนไม่เลิก เด็กหนุ่มถึงได้พลั้งปากเลยเถิดไปจนแม้แต่ตัวเองยังงงว่าพูดให้ตัวเองเดือดร้อนโดยใช่เหตุไปทำไมกัน

          แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็ไม่อยากจะแค่บอกแล้วจบกันนักหรอก

          วัฒน์เบิกตามองเด็กหนุ่ม ใบหน้าแดงเรื่อนั้นดูจะไม่เชื่อคำพูดของตนเลยสักนิด

          “สับสนอะไรอะไรของนายหา ถึงได้หน้ามืดมาพูดแบบนี้กับฉัน”

          เนก็ไม่แปลกใจนักหรอกที่จะโดนสวนกลับแบบนั้น

          “ผมก็เคยคิดแบบนั้น” เด็กหนุ่มไม่ปฏิเสธ ทำเอาวัฒน์ซึ่งกำลังเขินๆถึงกับชักสีหน้าใส่ “ผมพยายามคิดมาตลอด คิดว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณแบบนั้น คิดว่าเห็นกับคุณเป็นแค่ผู้ใหญ่น่าเคารพ...แต่ยิ่งนานไป ผมก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเห็นคุณอยู่กับคุณศาสตร์ผมก็โมโหจนทนไม่ได้...ถ้ามันไม่เป็นเพราะผมรักคุณ แล้วมันจะเป็นเพราะอะไรล่ะ...ทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้อยากจะรักคุณเลยแท้ๆ แต่ไม่ว่าจะพยายามหนีแค่ไหน ผมก็ทำไม่ได้เลย...”

          หนุ่มใหญ่ยืนเงียบมองเด็กหนุ่มที่หลังจากพูดจบก็ก้มหน้าลงหลับตาแน่น ใบหน้าแดงก่ำเหมือนคนเป็นไข้ ร่างกายก็สั่นระริกเสียจนน่าสงสาร ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังคนที่ยืนขวางเพราะเป็นห่วงตนแล้วหลับตาแน่น รู้สึกเจ็บปวดที่จะต้องทำร้ายจิตใจคนเสียจริง

          แต่เราตัดสินใจไปแล้วนี่นา

          “ขอโทษนะ”


________________________________


กลับมาแล้วข่า <3
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-11-2015 13:36:58
จิ้ม
มาแล้ววว
--------
ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-11-2015 18:08:13
คำว่า "ขอโทษนะ" จากปากวัฒน์นี่เหมือนลางไม่ดีเลยอ่ะ  :z3:

เนท่าจะลำบากต่อไป  :mew5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 14-11-2015 20:31:30
อร๊าย อาวัฒน์ ขอโทษใครคะอา ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 14-11-2015 21:00:52
ลุงขอโทษทำม้ายยยยยย เนมันอุตส่าห์ยอมรับใจตัวเองแบบนี้แล้วนะลุงจะไม่เอามันจริงๆเหรอ ถ้าลุงเลือกศาสตร์เนมันไม่น่ายอมแพ้นะคงตื้อลุงอย่างที่มันบอกแน่ๆอะ ฮึ่ยย เมื่อไหร่เด็กเมะเคะแก่คู่นี้เค้าจะหวานกันสักที
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 14-11-2015 22:01:33
ลุงอย่าทำอย่างนี้......
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 15-11-2015 23:48:20
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 69 (14/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 17-11-2015 22:44:44
 :jul1:

"ขอโทษนะ" อัลไลลลลลลลลลล  :ling1:

ค้างง่าาาาาาาาาา

ลุง ๆ

on top บ้างนะลุง  :mew1:

อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 70 (18/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 18-11-2015 11:04:02
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 70


          ไหนไอ้ลุงนั่นบอกว่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นไงฟะ นี่มันเหมือนไปยืนอยู่ริมเหวแล้วโดนถีบตกลงมากระแทกกับชะง่อนหินชัดๆ!

          แต่…มันก็โล่งอย่างน่าประหลาดเหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้าเจ็บเจียนตายแท้ๆ แต่พอเผชิญหน้าตรงๆแบบนี้ ความหนักที่ทับถมอยู่ในอกก็หายไปอย่างกับโกหกเลย แม้จะทำเอากลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วก็ตาม

          ทำไมถึงรู้ตัวช้าจนสายไปด้วยนะ…บางทีถ้าเราไม่เอาแต่หนี ผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้…

          จบแล้วสินะ…

          “…ฉันไม่คิดจะให้เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย”

          เนเผลอลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของหนุ่มใหญ่ ก่อนจะเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้คุยกับตน

          “อาไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเข้าใจ” ศาสตร์บอกเสียงนิ่งก่อนจะปรายตามองเด็กหนุ่มด้วยความไม่พอใจนัก “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ”

          พอวัฒน์พยักหน้าให้ ศาสตร์ก็เดินกลับเข้าบ้านไป ไม่วายยังหันมาหรี่ตาใส่เนอย่างอาฆาตมาดร้ายทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูเสียงดัง แต่เนก็ไม่ได้โต้ตอบกลับอะไร เพียงแค่นิ่งอึ้งเพราะเกือบเศร้าเก้อเนื่องจากเข้าใจผิดว่าโดนปฏิเสธ

          แต่เห็นสีหน้านิ่งของวัฒน์ ถ้าไม่เศร้าตอนนี้ เดี๋ยวตอนหน้าก็คงเศร้าเป็นแน่

          “อะไร” วัฒน์ถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าตนค้างนิ่ง

          เนกะพริบตาปริบๆ “คือ...ผมคิดว่าคุณจะตอบปฏิเสธผม...”

          “อ้อ อยากให้ฉันตอบปฏิเสธสินะ”

          “ไม่ใช่สักหน่อย!” เนร้องเสียงตื่น “ผมรู้ว่ามันออกจะแปลกๆ...ก็ผมเคยทำไม่ดีกับคุณไว้ตั้งเยอะ...แล้วจะมารักคุณได้ยังไง”

          ได้ยิน ‘เรื่องไม่ดี’ ออกมา จากที่กำลังนิ่งๆ วัฒน์ถึงกับหน้าแดงเถือก

          “ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...บางทีอาจจะเพราะความผิดพลาดในครั้งนั้น...” เนว่าต่อด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ใบหน้าก็แดงแจ๋เมื่อนึกถึงเรื่องไม่น่าอภิรมย์เมื่อตอนที่หน้ามืดไปปล้ำลุง “ทีแรกผมคิดว่าคุณเป็นแค่ตาลุงบ้าอำนาจชอบแกล้งชาวบ้าน ปากไม่ดี ชอบแขวะผมตลอดเวลา มนุษย์สัมพันธ์ก็ติดลบจนคนอื่นเขาไม่กล้าคุยด้วย...”

          และตอนนี้จากที่วัฒน์หน้าแดงเพราะเขิน เขาเริ่มหน้าแดงเพราะอย่างอื่น

          “แต่พอรู้ว่าความจริงคุณไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย...ผมก็รู้สึกผิดที่มองคุณไม่ดีอยู่ตั้งนาน…แล้วก็ไม่รู้ว่าเผลอไปรักคุณเข้าตอนไหน...รู้ตัวอีกทีมันก็ตัดใจไม่ได้แล้ว” เด็กหนุ่มว่าต่อ ชักอยากจะหนีไปจากตรงนี้จริงๆจังๆเพราะต้องทำในสิ่งที่ทำร้ายหัวใจอยู่นานสองนานจนชักจะทนรับไม่ไหว “...ผมพูดขนาดนี้แล้ว คุณไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือไงเล่า!”

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ หนุ่มใหญ่มองคนที่ทั้งอายทั้งกลัว ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          แล้วก็ต่อยเด็กหนุ่มเข้าเต็มแก้มซ้ายเสียหน้าหัน ถึงจะไม่แรงเท่าไหร่ แต่ก็ทำเอาเจ็บจี๊ดเลยทีเดียว

          “โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของคุ...”

          พูดไม่ทันจบ คนชกก็กระชากตนเข้าไปประกบปากเสียอย่างนั้น ทำเอาแรงยัวะที่โดนต่อยเมื่อครู่บินหายไปหมด ทั้งยังตามน้ำจูบตอบไปด้วยอีกต่างหาก

          เนได้แต่อึ้งมองคนที่ถอนจูบออกมา แม้สีหน้าจะยังคงนิ่งเฉยแต่แก้มกลับแดงเรื่อตัดกับผิวเข้มจนชัดเจน แต่เพียงไม่นานหนุ่มใหญ่ก็ก้มลงราวกับทนมองหน้าตนไม่ไหว แต่มือทั้งสองของวัฒน์ยังคงจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น

          “ถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ ฉันเป่าแกทิ้งแน่”

          เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบๆ ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกนัก แม้สิ่งที่ได้ยินจะชัดเจนเกินพอก็ตาม

          “ฮิ้ววว ฮ่าๆ ฉันบอกแกแล้วไงว่ามันต้องทนไม่ได้ จ่ายมาเลย”

          และอึ้งยิ่งกว่าเมื่อได้ยินเสียงของฉัตรดังมาจากกำแพงอิฐข้างๆ พอเงยหน้ามองก็ต้องสะพรึง เพราะไม่ได้มีแค่ฉัตรที่เกาะกำแพงแล้วหัวเราะร่ามองมาที่ตน แต่ยังมีต่อ โค้ก แล้วก็ปาล์มด้วย ซึ่งโค้กกำลังออกอาการเบื่อหน่าย ต่อเพียงแค่มองมาทางตนเฉยๆ ส่วนปาล์มกำลังอ้าปากค้างเพราะช็อกสุดๆ

          “โธ่เว้ย เห็นแม่งใจแข็งนักก็คิดว่าจะไม่บอกวันนี้ซะอีก เซ็งเลย” โค้กตัดพ้อเสียงอ่อนก่อนจะหยิบแบงค์ห้าร้อยให้หนุ่มใหญ่ที่เกาะกำแพงอยู่ข้างตน “นายนี่มันไม่อดทนเอาซะเลยว่ะไอ้เน”

          เจ้าของชื่อได้แต่อึ้งเหมือนเดิม...ถึงจะไม่สนว่าจะโดนรู้หรือไม่ แต่ใครมันจะไปคิดว่าจะมีคนมาแอบดูกันอยู่ด้วยเล่า!

          “นะ...นี่มันหมายความว่ายังไงครับเนี่ย!” ในที่สุดเนก็ดึงสติกลับมาจนได้เสียที และก็เริ่มจากชี้ไปยังเหล่าตุ๊กแกที่เกาะกำแพงเรียงรายกันสลอน

          “เฮ้ย ไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย แต่กำลังประชุมอยู่ที่บ้านไอ้โค้ก แล้วมีหมาที่ไหนก็ไม่รู้ดันมาสารภาพรักลั่นหน้าบ้านไอ้ศาสตร์เลยออกมาดูต่างหาก” ฉัตรว่าเสียงสูง แต่ในมือกำลังถ่ายวิดีโอลงมือถือตัวเองด้วยท่าทีสนุกสนานเป็นที่สุด “แหม มุมไม่สวยเท่าไหร่ แย่จัง”

          “เอ๊ย!! ไอ้ลุงบ้านี่” เนวิ่งเข้าไปยังกำแพงแล้วกระโดดเหยงๆหมายจะแย่งมือถือ แต่อีกฝ่ายหนีลงไปอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว และพลพรรคคนอื่นๆเช่นกัน ยกเว้นปาล์มที่ดูเหมือนจะมีคนดึงลงจากกำแพงมากกว่าตั้งใจจะหลบมือของเน “บ้าเอ๊ย ไอ้พวกเวร!”

          “อย่าตะโกนนักเลยน่า แค่เมื่อกี้ก็จะได้ยินกันทั้งซอยแล้ว” วัฒน์ปรามเสียงดุปนรำคาญ ทำเอาคนที่กำลังตื่นตระหนกถึงกับชะงัก “หมดธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็รีบๆกลับบ้านได้แล้ว”

          เนหันกลับมามองคนที่เดินออกไปจากบ้านของศาสตร์โดยไม่รีรอแม้แต่น้อย จนเนได้แต่รีบวิ่งตามออกไป

          “เอ่อ...ตกลงนี่มัน...เอ่อ...ยังไง...อะไร...” เนละล่ำละลักถามเสียงลน

          “พูดอะไรฉันไม่เข้าใจ” ท่าทีของหนุ่มใหญ่ดูนิ่งจนไม่เหมือนคนที่เพิ่งโดนสารภาพรักมาหมาดๆเลยสักนิด “เดี๋ยวฉันขับให้ แล้วนั่งนึกไปซะว่าอยากจะพูดอะไรกับฉัน”

          เนมองมือที่ยื่นออกมาก่อนจะส่งกุญแจให้ แล้วเดินไปนั่งตรงข้างคนขับโดยที่ยังคงมึนไม่เลิก

          “คุณคบกับคุณศาสตร์ไม่ใช่หรือครับ แล้วทำไมถึง...เอ่อ...จูบผมล่ะ...” หลังจากตั้งสติอยู่นานจนเกือบจะถึงบ้าน เนก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ยังเต็มไปด้วยความสงสัย

          “ฉันไม่ได้คบกับเขา”

          คราวนี้ถึงกับตาโตเป็นไข่ห่านเลยทีเดียว

          “ก็เกือบไปแล้วล่ะ” วัฒน์ว่าต่อด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะเบรกรถเสียแรงจนเนเกือบพุ่งไปชนกระจกรถ “ตอนนายนอนแหง็กอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันก็พยายามจะตัดใจไปรักศาสตร์เขา แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้...ทั้งที่ไม่ได้อยากจะรักไอ้เด็กบ้าเซ็กซ์ขี้โม้ปากหมาช่างปีนเกลียวอย่างนายเลยสักนิด”

          มีย้อนอีกนะลุง...

          “ที่ฉันโกหกนายไปก็เพราะศาสตร์แนะนำนั่นล่ะ” วัฒน์บอกต่อเสียงเอื่อยก่อนจะเหยียบคันเร่งต่อ “เขาบอกว่านายมันปากแข็ง โง่งี่เง่า ซื่อบื้อ ถ้าไม่โกหกแบบนี้ก็ไม่มีวันรู้ใจตัวเองหรอก อย่าลืมไปขอบคุณเขาเสียล่ะ ทั้งที่ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เขาเจ็บด้วยซ้ำ”

          ทำไมผมรู้สึกเหมือนคุณด่ามากกว่าหมอนั่นเป็นคนด่าผมล่ะ

          “ผมขอโทษ…” ด้วยความที่ผิดจริง บวกกับผลลัพธ์ดีเกินคาด เด็กหนุ่มจึงยอมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยระคนดีใจ “ก็ผมไม่รู้นี่นาว่าผมรักคุณ…แถมน่าอายจะตายคบกับตาลุงหน้าบูดอย่างคุณ”

          “งั้นเราเลิกกันเลยดีไหม”

          “ไม่!!” เนร้องเสียงหลง แล้วถอยไปติดประตูเมื่อเห็นสีหน้าพญามารของหนุ่มใหญ่ “ไอ้อายมันก็อาย แต่ไอ้รักมันก็รักนี่”

          วัฒน์ยังคงหรี่ตานิ่วหน้าและบึ้งปากเหมือนอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “เออ ฉันก็อายเหมือนกันโว้ย ใครรู้เข้าว่าฉันคบกับนายคงโดนหาว่าเป็นตาแก่ตัณหากลับไปหลอกเด็กอย่างแกมาแหงม” หนุ่มใหญ่โพล่งเสียงแข็งแล้วกัดฟันกรอด ดวงตาเรียวปรายมองคนนั่งข้างอีกครั้ง “…แล้วตกลงคืนนี้จะนอนที่ไหน”

          เนเลิกคิ้วมองหนุ่มใหญ่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ...ถึงจะโง่งี่เง่ายังไง เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังชวนให้เขากลับไปนอนห้องเดิม

          “ห้องคุณได้ไหมล่ะครับ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลย…” เด็กหนุ่มเอ่ยขอเสียงอ้อมแอ้ม ถึงตอนนี้จะได้คบกันแล้วก็เถอะ แต่มันก็ยังอดหวั่นไม่ได้อยู่ดี แถมสีหน้าของวัฒน์ในตอนนี้ก็บ่งบอกชัดเจนว่ายังเคืองคดีปากแข็งของตนอยู่

          “แล้วจะบอกพวกรุตว่าไง” วัฒน์เอ่ยถามเสียงเรียบ ในตอนนี้ได้ขับมาถึงหน้าบ้านแล้ว “ถ้าพวกนั้นถาม ฉันจะบอกตามตรง”

          เนหันมองหนุ่มใหญ่ ซึ่งแม้ท่าทีจะจริงจังขึงขัง แต่ใบหน้าที่แดงจัดชัดเจนบอกให้รู้ว่าวัฒน์เองก็เขินกับเรื่องนี้เหมือนกัน

          “ผม…ผมก็เหมือนกัน” ปากบอกแบบนั้น แต่น้ำเสียงกลับสั่นเสียจนวัฒน์ถึงกับเบ้หน้า “ผมพูดจริงนะ! ถ้าให้กลับไปเป็นเหมือนตอนที่คุณบอกว่าคบกับคุณศาสตร์น่ะ…ไม่เอาด้วยหรอก…”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่สลดลงทันควัน ทั้งอย่างนั้นกลับทำให้เขายิ้มออกมา

          “เออ ฉันเชื่อ” ว่าแล้วก็อดลูบหัวอีกฝ่ายไม่ได้ ทั้งยังคลี่ยิ้มออกเพราะนึกเอ็นดูอีกฝ่าย แม้ก่อนหน้านั้นจะอยากต่อยมันอีกสักสามสี่หมัดก็ตาม “งั้นก็รีบไปเก็บของกลับมาละกัน...เร็วๆหน่อยละกัน พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัท”

          เด็กหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายที่แดงเรื่อ ก่อนจะผงกหัวแล้วเผ่นลงจากรถไปทันที

          เนยอมรับว่าถึงจะห่างหายไปหลายอาทิตย์ แต่ตนก็ไม่ได้มีอาการลงแดงอดอยากเซ็กซ์มากจนหน้ามืดเหมือนเมื่อก่อนเลย แต่พอได้สัมผัสวัฒน์อีกครั้ง ไอ้อาการอย่างว่ามันก็ไหลทะลักยิ่งกว่าก๊อกแตก แม้จะพยายามยามเตือนสติตัวเองไม่ให้ขยี้อีกฝ่ายจนแหลกเละ แต่มือไม้และร่างกายกลับไม่ยอมทำตามใจสั่งเลยสักนิด จนเขาได้แต่ยอมแพ้และหวังว่าวัฒน์จะช่วยร้องห้ามเตือนสติตน...ถ้าทำได้น่ะนะ

          “อึก...”

          เสียงร้องในลำคอดังขึ้นเป็นระยะ ผิวเนื้อที่กดบดเบียดไปมาบนริมฝีปากทำเอาหนุ่มใหญ่นิ่วหน้า ลิ้นร้อนสอดใส่เข้าควานหาอย่างบ้าคลั่งและหิวกระหาย กระนั้นวัฒน์ก็เพียงแต่ส่งเสียงครางเบาๆออกมาพร้อมกับตอบรับรสจูบที่ดูดดื่มและหนักหน่วงด้วยความต้องการที่ไม่น้อยไปกว่าอีกฝ่าย และไม่นึกจะห้ามการกระทำที่รุนแรงของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย จนคนที่สติไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว ยิ่งบ้าคลั่งและกัดกินอีกฝ่ายสุดกำลังเพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายและอดอยากมานานแสนนาน

          สัมผัสที่รุนแรงและไอร้อนจากฝ่ามือที่บีบจับลูบไล้ไปทั่วร่างทำเอาวาบหวามและทรมานไปพร้อมกัน และแม้จะรู้สึกเจ็บจนช้ำ แต่หนุ่มใหญ่กลับไม่นึกอยากร้องห้ามคนที่นอนทับตนแต่อย่างใด ความรู้สึกเสียดายและโหยหารสสัมผัสที่เว้นช่วงไปเสียนานนั้น มีมากกว่าความเจ็บจนยอมห้ามปากของตนเอาไว้ เหลือเพียงเสียงครางกระเส่าที่ดังขึ้นอย่างพึงใจเท่านั้น

          “อ๊ะ”

          หนุ่มใหญ่ปรือตามองคนที่ร้องเสียงหลงตรงหน้าตน ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเนเอาแต่ชะงักค้าง

          “เป็นอะไร...” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ วัฒน์จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยปนขัดใจที่อีกฝ่ายหยุดบรรเลงเอาดื้อๆ ดวงตาเรียวมองคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดจนหนุ่มใหญ่ไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรไป

          “เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ...”

          หากเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงจะปล่อยผ่านและช่างมันอยู่หรอก แต่วัฒน์เบื่อที่จะต้องเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว

          “ถ้าไม่มี นายจะหยุดทำไม” วัฒน์คาดคั้นเสียงขุ่น ก่อนจะใช้ศอกยันร่างตัวเองขึ้นมาจากเตียง “มีอะไรก็บอกสิ ไม่ใช่เอาแต่เงียบ เดี๋ยวก็เข้าใจผิดเหมือนเมื่อก่อนอีกหรอก”

          เนออกอาการกระอักกระอ่วนก่อนจะก้มหน้าที่แดงจัดซุกลงบนแผงอกของหนุ่มใหญ่

          “…ผมเสร็จซะแล้วล่ะครับ”

          ได้ยินคำตอบถึงกับเบิกตาโพลง นี่ยังไม่ทันได้ถอดเสื้อกันด้วยซ้ำ

          “กะ...ก็ไม่ได้ทำตั้งนานแล้วนี่นา แถมผมก็ไม่ได้ไประบายที่ไหนเลยด้วย” เนโพล่งเสียงตื่น ใบหน้ายังคงซุกอกวัฒน์ไม่เลิก ทำเอาคนฟังรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยเวลาที่ปากเนขยับไปมาอยู่บนผิวของตน “...ผมคิดถึงคุณมากเลยนะ...มากจนแทบบ้าเลย...”

          วัฒน์เลื่อนสายตาลงมองคนที่เอาแต่ซุกไม่เลิก ใบหน้าของตนก็ร้อนผ่าวไม่แพ้กับอีกฝ่าย หนุ่มใหญ่ถอนหายใจ ก่อนจะขำขึ้นมาจนเนต้องเงยหน้ามอง

          “ก็นายมันขี้โกหกนี่ ฉันถึงต้องบังคับให้นายพูดไง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับหัวเราะออกมาพร้อมกับลูบหัวเด็กหนุ่ม แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำหน้านิ่ง “ไหนก่อนหน้านั้นบอกว่ามีความสุขดี แล้วก็ได้ระบายแล้วด้วยไง”

          เนเม้มปากแน่นเมื่อโดนอีกฝ่ายจับโกหกได้

          “เออ ผมมันขี้โกหก” เด็กหนุ่มบอกเสียงอู้อี้ ทั้งซุกทั้งกอดคนตรงหน้าแน่น และถึงจะรู้ว่าที่จริงมันเป็นความผิดของตน แต่ก็อดนึกแค้นอีกฝ่ายไม่ได้

          วัฒน์สะดุ้งเฮือกเมื่อโดนลิ้นร้อนสอดผ่านร่องเสื้อเข้ามา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะผละออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง

          “คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะ” เด็กหนุ่มว่าพลางแกะกระดุมของอีกฝ่ายออก ซึ่งรอบนี้เร็วจนวัฒน์ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ แถมยังกลับไปถอดเสื้อของตนต่ออีกต่างหาก “บอกว่ารักผมได้ไหม”

          คราวนี้คนอายุมากกว่าเป็นฝ่ายหน้าแดงเถือก

          “พูดสิครับ” คราวนี้เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายคาดคั้นแทน แถมไม่ได้คาดคั้นเปล่าๆ แต่ยังปลดปราการของวัฒน์จนเกลี้ยง จากนั้นก็ลูบไล้ไปมาบนร่างของอีกฝ่ายปลุกอารมณ์ไปเรื่อยราวกับจงใจ

          วัฒน์นิ่วหน้าพยายามจะอ้าปากพูดแต่เพราะโดนเด็กหนุ่มแกล้งไม่เลิก จากที่พูดยากๆอยู่แล้วยิ่งยากเข้าไปกว่าเดิม

          “พูดสิครับ พูดง่ายๆแค่คำเดียวก็ได้ ไหนๆเวลาเราก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ อย่าทำให้เสียเวลาสิ” เนว่าจบก็โน้มหน้าลงไปโลมเลียยอดอกที่แข็งชูชัน อีกมือก็สะกิดอีกข้างพลางบีบหมุนขยี้ไปมาอย่างหมั่นไส้

          นี่แกแก้แค้นกับเรื่องก่อนหน้าใช่มั้ยวะ ไอ้ห่าเอ๊ย

          “ฉัน...” เสียงพูดที่ครางต่ำดังออกมาจากลำคออย่างยากลำบากทำให้คนที่เอาแต่แกล้งเงยหน้ามองอย่างลุ้นระทึก “เออ! ฉันรักแก พอใจหรือยัง”

          กระแทกเสียงใส่แบบนี้คงจะซึ้งอยู่หรอกลุง...

          แต่เนก็ไม่ได้คาดคั้นต่ออะไรนัก ส่วนหนึ่งเขาเชื่อว่ายิ่งเค้นไป ลุงแกคงโกรธตนเสียเปล่าๆ และอีกส่วนคืออารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยเริ่มกลับมาเข้าที่ทางทางอีกครั้งแล้วด้วย

          “อื๊อ....” แรงดูดดุนตรงซอกคอรุนแรงเสียจนเผลอร้องออกมา แต่กระนั้นหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด ปล่อยให้อีกฝ่ายไปเรื่อยจนสาแก่ใจ “อึก...”

          มืออุ่นร้อนที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของตนแน่นก่อนจะขยับเร้าอารมณ์ของตนจนเสียว ซ่านไปทั่วกาย ร่างที่นอนหงายกระตุกเกร็งหอบหายใจเสียรุนแรง เสียงร้องครางดังลั่นเมื่อเด็กหนุ่มใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นชอนไช เข้ามาภายในกายของตน

          “...เจ็บหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างกังวล เพราะไม่ได้ทำเสียนานแล้ว อะไรที่เคยเข้าได้ปกติในคราวนี้กลับคับแน่นเสียจนเข้าไปได้แค่ครึ่งทางก็ต้องหยุดลงเสียก่อน แม้อันที่จริงเขาอยากจะให้เวลากับอีกฝ่ายมากกว่านี้ แต่ตัวเขาเองก็ทนไม่ค่อยจะไหวเหมือนกัน ถึงได้รุกเข้ามาทั้งที่รู้ว่าวัฒน์ยังไม่พร้อมนัก

          หนุ่มใหญ่หอบหายใจแรงอยู่พักใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าให้ มือทั้งสองยื่นมาตรงหน้าเด็กหนุ่มเหมือนต้องการจะกอด ใบหน้าชื้นเหงื่อเงยขึ้นแล้วปรือตามองราวกับกำลังเว้าวอนอ้อนขอสิ่งที่เฝ้ารอมานานแสนนาน ทำเอาเนที่กำลังหวั่นกลัวจมลงสู่ความต้องการของตนทันที

          “อ๊า” แรงเคลื่อนตัวของเด็กหนุ่มที่ถาโถมเข้ามาทำเอาเสียวซ่านจนแทบคลั่ง หนุ่มใหญ่เพียงแต่ร้องครวญครางและระบายความปั่นป่วนที่โหมพัดอยู่ในกายด้วยการจิกเล็บแน่นลงบนหลังของคนตรงหน้า “เน...อึก...”

          เจ้าของชื่อเพียงแต่ขยับสะโพกไม่หยุดหย่อน ดวงตาเรียวเลื่อนมองคนตรงหน้าที่ดิ้นพราดไปด้วยความทรมาน ท่าทีเหล่านั้นกระตุ้นความต้องการภายในเสียจนไม่รู้เบื่อ เสียงทุ้มที่ร้องครางฟังดูเหมือนกำลังทรมานเจียนตายนั้นกลับระรื่นหู จนอยากจะขยี้ให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้องให้ดังขึ้น

          “อื๊อ...อ๊ะ...” หนุ่มใหญ่กระตุกวาบเมื่อเด็กหนุ่มเริ่มรุนแรงใส่ตนมากขึ้นเรื่อยๆ “ดะ...เดี๋ยวสิ...อึก...”

          หนุ่มใหญ่กัดปากแน่น ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นซัดทำเอาปั่นป่วนไปหมด อารมณ์ภายในเอ่อล้นจนสุดทนและพังทำนบออกมาเสียไม่เหลือดี

          “อึก...อื๊อ...” เสียงทุ้มยังดังอย่างแหบพร่าไม่หยุดตามแรงขยับเข้าออกของอีกฝ่าย แม้อารมณ์ของตนจะพุ่งออกมาเสียจนหมดเกลี้ยง แต่เด็กหนุ่มยังคงขยับไม่หยุด ทำเอาวัฒน์ได้แต่ร้องครางและหอบกระเส่าเพราะโดนความสุขสุดยอดกระแทกจี้จุดซ้ำๆจนแทบคลั่ง “เน...”

          เจ้าของชื่อยอมหยุดลงเสียที ส่วนหนึ่งเพราะได้ระบายอารมณ์ภายในจนสุดแล้ว ดวงตาเรียวปรือมองคนที่นอนหอบหายใจอย่างแรงตรงหน้า มือทั้งสองของวัฒน์ยังคงคล้องคอตนไม่ปล่อย

          “รักนะ...”

          เนถึงกับเบิกตาจนแทบถลน หน้าแดงก่ำ

          ทีตอนให้พูดทำเล่นตัว ชอบทำให้ดีใจไม่ทันตั้งตัวอยู่เรื่อยเลย ตาลุงบ้านี่!

          “จะต่ออีกหรือเปล่า” ทั้งที่สภาพดูไม่เหลือแรงจะต่อ แต่วัฒน์กลับเอ่ยถามเด็กหนุ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง

          เนลังเลสองจิตสองใจอยู่นานกว่าจะตอบ

          “แค่นี้ก็พอครับ” ที่จริงก็อยากจะต่ออีกสักยก แต่เด็กหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธแทน แล้วลงไปนอนข้างๆ “คือ...ผมอยากทำแบบนี้มากกว่า...”

          ว่าจบก็กอดหนุ่มใหญ่ต่างหมอนข้างเสียแน่น ทำเอาคนที่กำลังเหนื่อยๆถึงกับลืมหายใจ

          “ผมคิดถึงคุณ...” ว่าแล้วก็เอาหน้ามาแนบแก้มของหนุ่มใหญ่ก่อนจะหอมเสียเต็มฟอด “ตอนที่นอนกันคนละห้อง ผมไม่เคยหลับสนิทเลยนะ”

          “อย่าเวอร์น่า” วัฒน์สวนเสียงตื่น ก่อนที่อาการลุกลี้ลุกลนของตนจะค่อยๆหายไป “...ที่จริง ฉันก็นอนคนเดียวมาตั้งนาน แต่พอนายหายไปแค่ไม่กี่วัน ก็เหงาๆเหมือนกัน...”

          “จริงหรือ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความดีใจ จนวัฒน์แอบยิ้ม “เห็นไปนอนบ้านคุณศาสตร์นี่นา”

          “ฉันไม่ได้นอนบ้านเขา” หนุ่มใหญ่ตอบอย่างเหนื่อยใจ “ฉันไปนอนบ้านฉัตรต่างหาก”

          เนมองคนตรงหน้าก่อนจะเม้มปากแน่น

          “ผมแทบบ้าตอนคิดว่าคุณกับเขามีอะไรกัน”

          “เออ ฉันรู้ ไม่งั้นเมื่อคืนก่อน นายคงไม่หน้ามืดปล้ำฉันใช่ไหมละ” วัฒน์ว่าก่อนจะพ่นลมออกมาจากลำคอ “ถ้าแกไม่เอาแต่ย้ำว่าเห็นฉันเป็นแค่ ผู้ ใหญ่ ที่ เคา รพ เฉย เฉย เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว”

          “คร้าบๆ ผมผิดไปแล้วคร้าบ” เนร้องเสียงขุ่นหวังให้อีกฝ่ายเลิกขุดความผิดของตนเสียที “…ว่าแต่คุณบอกว่าไม่ได้ไปนอนบ้านเขา แล้ววันนี้ไปบ้านเขาทำไมหรือครับ”

          มาถึงก็เริ่มหึงฉันเลยเรอะ…ไม่สิ จะว่าไปมันก็ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่หว่า…ไอ้เด็กซื่อบื้อเอ๊ย!

          “ไปเรื่องงานต่างหาก” วัฒน์บอกเสียงแข็ง แต่ลึกๆก็แอบดีใจนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาหงุดหงิดขึ้นเมื่อต้องพูดถึงศัตรู “ไอ้เวรเดชมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ฉัตรแค่เรียกมารวมตัวแล้ววางแผนรับมือไอ้แว่นนั่นน่ะ...”

          “หรือครับ...” น้ำเสียงของเนเองก็ไม่ได้ต่างจากหนุ่มใหญ่นัก

          โอเค...ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่าย เนกับวัฒน์ก็คงไม่ลงเอยกันบนเตียงแบบนี้หรอก

          แต่แค้นก็ส่วนแค้นเฟ้ย!

______________________________
เราก็วางพลอตแถวๆนี้ ไว้นานพอสมควรว่าจะให้เป็นแบบนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมไม่เขียนทางฝั่งวัฒน์กับศาสตร์ในช่วงที่เนกำลังบ้า บอ เพราะมันไม่มีอะไรเลยนั่นล่ะ เพราะเอาเข้าจริงๆ วัฒน์ทำใจไม่ได้หรอก (ฮา) ขนาดกับคนที่เลิกกันไปอย่างเป็นทางการ ลุงแกยังตัดใจไม่ได้เลย แล้วถ้าต้องอยู่ใกล้ระยะเผาขนกับเน คงทำใจเลิกรักไม่ได้หรอก

ส่วนตา ศาสตร์ที่สตอล์ค(?)ลุงแกมาตั้งนานก็รู้จุดนี้ดี ถึงจะไม่อยากยอมรับยังไงก็เห็นความสุขลุงมาก่อนอยู่แล้ว เลยเสนอให้ลุงแกไปลองใจเนก่อน อะฮือ...พระรองตูมันชีช้ำกระหล่ำดองจริง  =_=

อนึ่ง นิดนึงเกี่ยวกับเรื่องรวมเล่ม ตอนนี้จำนวนใกล้ความจริงแล้วนะงับ XD หากใครสนใจเรื่องรวมเล่มก็สามารถกดทำแบบสอบถามที่ลิ้งนี้เน้อ

http://goo.gl/forms/uhq9nHazgK

อสอง เกี่ยวกับตอนพิเศษในเล่ม มีรีเควสอะไรอยากได้กันเป็นพิเศษไหมงับ ตอนนี้ที่จะเขียนแน่ๆก็คงเป็นเรื่องของศาสตร์ช่วงเก็บกำไรจากลุง แต่เผื่อใครอยากได้อะไรเพิ่มเติม(ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักแน่ๆ) สามารถเสนอมาได้นะงับ =w=
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 70 (18/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 18-11-2015 13:52:34
ในที่สุด  :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 70 (18/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 18-11-2015 15:14:10
ไอ้เรารึก็ใจหายใจคว่ำจากการทิ้งท้ายในตอนที่แล้วมากกก
มาตอนนี้ก็ฟินสิคะ 5555  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 70 (18/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-11-2015 15:51:40
 :impress2: :impress2: :impress2: ง่อวววววว ในที่สุดคู่นี้ก็ลงเอยกันสักทีนึกว่าจะลากยาวปล่อยให้อิเนมันดราม่าบ้าบออยู่คนเดียวต่อไปซะอีก แต่แหม พอใจตรงกับลุงปุ๊บนี่จัดลุงหนักเลยนะเนเก็บกดละสิท่า ฮ่าๆๆ

ส่วนเรื่องตอนพิเศษ อยากหาคู่ให้ปาล์มจังเลยค่ะจะมีใครมาจีบหนุ่มคนนี้มั้ย ละก็ขอเรื่องต่อหน่อยเถอะนี่สงสัยจริงจังว่าตกลงต่อนี่มีพลังลึกลับจริงๆหรือยังไงกันแน่ อ้อ อีกเรื่องที่อยากรู้ก็เรื่องเดชกับลุงนี่แหละสองคนนี้เหมือนจะมีเบื้องหลังกันมานะแล้วทำไมเสียงเดชถึงเหมือนเสียงลุงล่ะ เอาจริงๆเราเคยแอบคิดว่าเดชชอบลุงรึเปล่าด้วยนะ สุดท้ายเรื่องคุณสิทธิ์กับวิน(ไม่แน่ใจจำชื่อผิดมั้ย)เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนี่เป็นมายังไงค่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 70 (18/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-11-2015 22:57:30
ลงเอยกันได้เสียที  :mc4:  นึกว่าจะต้องลากยาวกันไป
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 70 (18/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-11-2015 15:17:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 70 (18/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-11-2015 22:58:52
ในที่สุด   :katai2-1:

ลุ้นมาตั้งหลายตอน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 21-11-2015 10:19:33
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 71


          แต่ในบางครั้ง ความแค้นก็ไม่อาจทำให้ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจได้ โดยเฉพาะกับเจ้านายแสนซื่อและโคตรดื้อคนนี้

          “ผมขอโทษนะครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้” เนบอกเสียงตื่น หลังจากกลับมาจากห้องประธานในบริษัทวัฒน์ก็มีอาการเหมือนคนไร้สติตลอดทางจนถึงห้องของตัวเอง ซึ่งเนก็ไม่แปลกใจนัก

          “มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก…เพราะถึงนายไม่ทัก เดี๋ยวคุณสิทธิ์ก็ต้องจัดการเองอยู่ดี”

          เนมองคนที่เดินง่อนแง่นแล้วลงไปนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ ท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเต็มทน เพราะโดนเจ้านายแสนดีทำในสิ่งที่ชวนชอกช้ำเป็นที่สุด

          ด้วยความที่อยากจะมุ่งมั่นตั้งใจแก้แค้นให้เต็มที่โดยไม่มีเรื่องงานมาขัดขวาง เลยทำการมอบอำนาจหน้าที่ของประธานให้กับวัฒน์ ซ้ำร้ายยังมอบหมายให้เดชดูแลกิจการงานกลางคืนทั้งหมดด้วย แถวบ้านเรียกซวยกับซวยลูกเดียว

          ที่จริงเนก็อยากจะพูดปลอบใจ เพียงแต่เขาพอจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่อยากจะได้คำปลอบอะไรนัก เลยได้แต่เงียบและคิดหาทางอื่นที่น่าจะดีกว่าแทน

          “บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้นะครับ” เนเว้นช่วงเล็กน้อยเพราะคนที่กำลังสลดติดโต๊ะถึงลุกพรวดมามองตนทันควัน ทำเอาเด็กหนุ่มชะงักก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ “ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีและหายากที่จะจัดการคุณสิทธิ์ ผมคิดว่าเขาคงไม่ปล่อยผ่านง่ายๆแน่ ถึงตอนนี้เราอาจจะใช้โอกาสนี้จัดการเขาก็ได้นะครับ”

          วัฒน์เพียงแต่มุ่นคิ้วให้ ถ้าไม่ติดเรื่องความปลอดภัยของสิทธิ์ก็คงจะดีกว่านี้

          “ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วงคุณสิทธิ์นะครับ แต่คุณสิทธิ์เขาก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ...แถมเอาเข้าจริงๆ เขาก็เก่งพอๆกับคุณฉัตร ไม่เสร็จไอ้เดชง่ายๆหรอก”

          “ฉันแค่ไม่อยากเสี่ยง” หนุ่มใหญ่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “ถึงจะเก่งยังไงก็เถอะ แต่ลองว่าโดดเข้าหาอันตรายโต้งๆแบบนั้น ใครมันจะไม่ห่วงกันบ้างเล่า!”

          เนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อหนุ่มใหญ่จ้องตนด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

          “นายเองก็เหมือนกัน เป็นไปได้ก็อย่าเที่ยวบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาลจะได้ไหม”

          เด็กหนุ่มอ้าปากค้างเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าไปทางอื่น

          “ขอโทษนะครับ…ที่ทำให้เป็นห่วง…” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างเบาบาง “ตอนนี้ผมคงไม่เก่งพอที่จะช่วยคุณสิทธิ์แล้วตัวเองไม่บาดเจ็บได้…แต่ผมจะพยายาม”

          วัฒน์นิ่วหน้ามองเด็กหนุ่มที่เป็นฝ่ายสลดแทน ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวเหมือนต้องการจะปลอบใจ

          “…ผมก็ไม่ได้ว่าหรือรังเกียจอะไรหรอกนะครับ แต่ท่าทางจะชอบลูบหัวผมจังเลยนะ” เด็กหนุ่มอดทักไม่ได้ ตั้งแต่ตกลงคบกัน นี่ก็ครั้งที่เจ็ดได้แล้วกระมัง

          พอโดนทัก หนุ่มใหญ่ก็ออกอาการขัดเขินขึ้นมา ก่อนจะชักมือกลับ และบ่ายหน้าหนีไปทางอื่น

          “…นายน่ารักดี ฉันเลยอดไม่ได้…”

          เนมั่นใจเลยว่าถ้าเป็นก่อนคบกัน อีกฝ่ายไม่มีทางพูดตรงๆแบบนี้แน่ ทำเอาเด็กหนุ่มหน้าแดงเถือกเพราะไม่ได้ตั้งตัวกับคำตอบเหล่านั้น เมื่อนึกถึงคำพูดของสิทธิ์ที่ว่าวัฒน์รักเด็ก…หมายถึงความหมายโดยตรงแบบบริสุทธิ์ใจน่ะนะ…เขาก็ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมหนุ่มใหญ่ถึงได้ยอมเจ้านายจอมโยเยของตนนัก

          แม้ที่จริงการโดนชมว่าน่ารักจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะปลื้มปริ่มนัก แต่เนก็โดนชมแบบนี้มาทั้งชีวิตจึงรู้สึกว่านั่นเป็นคำชมที่ปกติสำหรับตน และก็ไม่ได้มองว่ามันแย่ตรงไหน ถึงใจจริงจะอยากได้คำชมที่สมกับผู้ชายมากกว่าก็ตาม

          แต่พอคนชมเป็นวัฒน์ เด็กหนุ่มกลับดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่

          “จริงหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่มองหน้าอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังคาดหวังบางอย่าง ทำเอาเรื่องที่มันหลุดออกมาจากปากยากอยู่แล้วยิ่งมีอุปสรรคหนักกว่าเดิม จนวัฒน์ได้แต่พยักหน้าของตนที่แดงไม่แพ้กับอีกฝ่ายให้

          “ค…คุณเองก็น่ารักเหมือนกันละครับ”

          แต่วัฒน์กลับมุ่ยหน้าใส่แทน ทำเอาคนที่อุตส่าห์พูดจริงจังได้แต่อ้าปากค้าง

          “โทษทีนะ แต่ไอ้สภาพฉันเนี่ย มันห่างไกลกับคำนั้นจนฟังแล้วไม่รู้สึกว่าโดนชมเท่าไหร่น่ะ” ยิ่งไอ้คนพูดมันน่ารักกว่าเห็นๆแบบนี้แล้วดีใจไม่ลง

          “เอ๋…แต่ผมเห็นว่าคุณน่ารักนี่นา” เนยังคงยืนกรานไม่เลิก “ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง ทั้งเท่ จนผมยังอิจฉาเลย”

          ...ฉันว่าแกเมื่อก่อนดีกว่าตอนนี้เยอะเลยนะ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ฉันใจสั่นพร่ำเพรื่อแบบนี้

          “ปกตินายชมใครต่อใครเขาง่ายๆแบบนี้เลยหรือ” วัฒน์ถามพลางหยิบงานขึ้นมาสะสางต่อ เพราะไม่เคยเอ่ยชมใครเท่าไหร่นัก เลยอดถามไม่ได้

          “ผมก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้นละครับ” วัฒน์ชักไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมสาวๆถึงได้หลงมันนัก “…คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมพูดเพราะผมเห็นว่าคุณน่ารัก...จริงๆนะ”

          แกจะทำให้ฉันเลือดสูบฉีดตายให้ได้เลยใช่ไหม

          “อะ...อืม ...” หนุ่มใหญ่ตอบรับเสียงเบา ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ไม่อย่างนั้นเขาได้เป็นโรคหัวใจจริงๆแน่ “ถ้างั้นก็รีบๆทำงานเถอะ จะได้ไปวางแผนฆ่าคน”

          เนมั่นใจว่า ‘ฆ่า’ ที่วัฒน์พูด เป็นความหมายโดยตรง น้ำเสียงก็เหี้ยมเกรียมเสียจนเขายังสยองแทนเป้าหมาย

          “ว่าแต่เดชเนี่ย เป็นคนยังไงหรือครับ” ในขณะที่นั่งจัดการงานตรงหน้าไปได้เกือบครึ่ง เนก็เอ่ยถามแก้เบื่อขึ้นมา “เห็นคุณสิทธิ์เคยบอกผมว่าเมื่อก่อนคุณกับเขาสนิทกันมาก”

          “เออ เพราะงั้นฉันถึงอยากจะฆ่ามันไง” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ ก่อนจะกัดฟันแน่น มือก็ยังคงปั่นงานไม่หยุด และเห็นอาการของวัฒน์ในตอนนี้ ทำเอาเนชักกลัวๆขึ้นมา หากเขาไปหักอกลุงแก มีหวังโดนเป่าดับอย่างที่วัฒน์เคยว่าเอาไว้แน่ “มันทำงานกับตระกูลคุณสิทธิ์ตั้งแต่เกิดเหมือนกับฉัน...เรียนที่เดียวกัน โตมาด้วยกัน ทำงานเป็นผู้ติดตามคุณมาโนช พ่อคุณสิทธิ์เหมือนกัน และมันก็เป็นเพื่อนสนิทฉัน...ทั้งอย่างนั้นกลับกล้าทรยศคุณสิทธิ์...”

          ว่าจบก็กำหมัดกระแทกโต๊ะเสียงดังจนเนสะดุ้ง สีหน้าคั่งแค้นเสียเต็มประดาจนน่ากลัว

          “ละ...แล้วเขาทรยศคุณสิทธิ์ทำไมหรือครับ...”

          วัฒน์ละจากงานแล้วมองหน้าเด็กหนุ่ม ท่าทางเหมือนกำลังสับสนเต็มทน

          “ไม่รู้”

          “หา” เด็กหนุ่มร้องลั่น

          “ก็ไม่รู้จริงๆนี่” วัฒน์ว่าพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “...ฉันรู้แค่ว่าหมอนั่นทำตัวแปลกไปช่วงที่คุณสิทธิ์อายุสักเจ็ดแปดขวบได้ แล้วมารู้เอาจริงๆว่าหมอนั่นตั้งใจจะฆ่าคุณสิทธิ์ก็เมื่อตอนคุณสิทธิ์อายุสิบสาม...ฉันจับคนที่มาลอบสังหารคุณสิทธิ์ได้ มันบอกว่าไอ้เดชเป็นคนว่าจ้าง...แต่ยังไม่ทันพาตัวไปหาคุณมาโนชได้ นักฆ่าคนนั้นก็ดันโดนจัดการก่อน...ก็ฝีมือมันนั่นล่ะ เฮอะ”

          “แล้วคุณเคยถามเขาไหมครับว่าเพราะอะไร”

          “เป็นร้อยรอบ มันก็เอาแต่โกหกหน้าด้านๆทุกรอบ แถมยังมีหน้ามาชวนฉันไปร่วมมือกับมันอีก” วัฒน์ตอบเสียงขุ่น “เฮอะ คิดว่าคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว ทำไมฉันจะไม่รู้ว่ามันโกหก ไอ้เวรเอ๊ย”

          “หรือครับ...”

          จากที่กำลังโกรธๆถึงกับวูบลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหงอยๆของคนถาม วัฒน์มุ่นคิ้วมองคนที่สนใจกับงาน แต่ทำหน้าเหมือนโดนหวยกินจนหมดตัว

          “โอ๊ย ทำอะไรของคุณนะ” เนร้องเสียงหลงแล้วจับหน้าผากของตนแน่นเมื่อโดนหนุ่มใหญ่ดีดมะกอกทีเผลอ

          “อย่าหึงไม่เข้าเรื่องน่า ฉันแค่เคยสนิทกับมัน ไม่ได้คิดอะไรไปในทางนั้นสักหน่อย” วัฒน์ดุใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ก่อนจะหันกลับไปมองเอกสารตรงหน้า แต่ก็ยังมีเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังคงจ้องตนไม่เลิก หนุ่มใหญ่ทำท่าอ้ำๆอึ้งๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาหลบกลับ “…ผู้ชายที่ฉันรักก็มีแต่นายคนเดียวเท่านั้นล่ะ”

          ดูดิ๊ จากหน้าหมาหงอย ตีหางผับๆเชียว

          บทสนทนาเรื่องเดชหยุดลงเพียงเท่านี้เมื่อต้นเคาะประตูและเดินเข้ามา เด็กหนุ่มจึงกลับมาสนใจกับงานของตนต่อด้วยท่าทางระรื่นจนต้นแอบสงสัย แต่เพราะตัวเองก็ต้องคุยงานกับวัฒน์ ต้นจึงได้แต่เหล่มองเด็กหนุ่มที่ยิ้มหน้าบานแบบไม่มีเก็ก

          วัฒน์นั่งตรวจเอกสารพลางคิดถึงเนเรื่อยเปื่อย จริงอยู่ว่าตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว แต่กลับไม่ค่อยจะรู้เรื่องของอีกฝ่ายเท่าใดนัก ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะวัฒน์เองก็ไม่เคยได้ถาม และก่อนหน้าก็เห็นเป็นศัตรู ใครเขาจะมานั่งซักประวัติกันบ้าง

          แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วนี่นะ...ถ้ายังไม่ถามอีก ต่อให้เพราะมันน่าเขินหรือยังไง มันก็ดูไม่เอาใจใส่เท่าไหร่เลยนี่

          “เน”

          ในระหว่างที่กำลังนั่งตรวจเอกสารที่ต้นนำมาให้ อยู่ๆวัฒน์ก็เอ่ยเรียกเด็กหนุ่มทั้งที่สายตาก็ยังคงมองแฟ้มงานในมือ และแน่นอนว่าต้นเองก็หูผึ่งอัตโนมัติทันที

          “นายชอบกินอะไรหรือ”

          อย่าว่าแต่คนโดนถามเลย บุคคลที่สามเองยังตาโตเป็นไข่ห่านเพราะไม่คิดว่ารองประธานหน้าตายที่ไม่เคยสนใจใครคนนี้จะเอ่ยถามเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงานรุ่นเด็ก

          เนอึ้งมองอีกฝ่าย พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด เพราะไม่อย่างนั้น จากที่ดูปกติมันจะชวนให้ต้นสงสัยกว่าเดิม และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เนอยากให้เกิด ลองว่าต้นรู้ โลกรู้แน่นอน ถึงที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากปิดก็เถอะ แต่เขามั่นใจว่าถ้าออกมาจากปากของหนุ่มร่างท้วม คงโดนตีไข่ใส่สีเกินจริงแน่ๆ ถ้าต้นสังเกตดีๆจะพบว่าบริเวณต้นคอของคุณรองประธานก็มีรอยจ้ำแดงๆที่เป็นผลมาจากการทำรักเมื่อคืนโผล่แพลมออกมาพ้นคอเสื้อเชิ้ตโดยที่เจ้าตัวเองไม่คิดจะปิดแม้แต่นิดเดียว และรวมกับคำถามที่วัฒน์เอ่ยกับเนเมื่อครู่แล้วล่ะก็ ไม่ต้องคิดให้มากความเลยด้วยซ้ำ

          “อ๋อ ผมกินได้หมดละครับ” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ใจนั้นเต้นโครมคราม

          “ไม่มีที่อยากกินเป็นพิเศษเลยหรือ”

          ตอนนี้ต่อให้ทำตัวเป็นปกติแค่ไหน ต้นก็เหล่มามองด้วยสายตาที่ไม่อยากจะให้มองเอาเสียเลย

          “...หอยมั้งครับ”

          คราวนี้ต้นหันกลับไปทางวัฒน์แทน เพราะทันทีที่ได้ยินคำตอบของเด็กหนุ่ม วัฒน์ถึงกับขำแบบไม่มีกั๊ก

          “เออ สมเป็นนายฉิบหาย ฮะๆๆ” หัวเราะไม่พอ มีเพิ่มหางเสียงอันไพเราะให้อีก ทำเอาตาของหนุ่มร่างท้วมแทบจะถลนออกมาจากเบ้าที่ได้เห็นมิติใหม่ของวัฒน์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งขนาดเนเองก็ยังได้เห็นเป็นครั้งที่สองเท่านั้น

          “เอ่อ…จะถามไปทำไมหรือครับ” เนเอ่ยถามต่อพลางขยิบตาส่งซิกทุกวิถีทางหวังจะให้หนุ่มใหญ่รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆวัฒน์กำลังทำสีหน้าอย่างไรอยู่ แต่คุณรองประธานยังคงมองแต่เอกสารตรงหน้าไม่เลิก

          “ก็เผื่อว่าวันไหนว่างๆจะพาไปกินไง”

          โอ๊ยลุง ถ้าจะหวานไม่ดูสถานที่แบบนี้ ผมปล้ำลุงตรงนี้เลยดีไหม!

          “คุณวัฒน์ครับ!” เด็กหนุ่มโพล่งเสียงตื่นเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป “วันนี้คุณใส่กางเกงในสีอะไรหรือครับ!”

          คราวนี้นอกจากตาจะหลุดออกมาจากเบ้า ปากของต้นก็อ้ากว้างจนแทบกรามหลุด

          “หา” วัฒน์ร้องด้วยระดับเสียงที่ดังไม่ต่างกับเด็กหนุ่ม ส่วนหนึ่งเพราะตกใจกับคำถามที่ไม่ควรจะถาม ส่วนหนึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มจะถามทำไม ในเมื่อตอนเช้าก็เห็นอยู่แท้ๆ “ถามอะไรบ้าๆของนายน่ะ”

          “เมื่อกี้ที่คุณถาม ผมก็รู้สึกแบบนั้นละครับ”

          วัฒน์เลิกคิ้วก่อนจะนิ่วหน้า

          คำถามฉันมันไม่ได้คุกคามทางเพศตรงไหนเลยนะเว้ย

          แต่ยังไม่ทันจะได้เถียง วัฒน์ก็หันไปเห็นต้นที่ยังคงค้างนิ่งด้วยอาการเดิม ก่อนจะถึงบางอ้อ

          “เออๆ โทษที” ต้นค้างกว่าเดิมเพราะวัฒน์เป็นฝ่ายยอมรับผิด “ต้น”

          “คะ...ครับ” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงก่อนจะกระโดดออกมาจากเก้าอี้ทันควัน

          “เสร็จแล้ว เรียบร้อย ไม่มีแก้...ขอบใจนะ” วัฒน์บอกแล้วยื่นแฟ้มให้โดยไม่มองหน้า แต่เนมั่นใจมากว่าต้นต้องคิดว่าหนุ่มใหญ่หงุดหงิดใส่มากกว่าจะอายเป็นแน่ เพราะพอรับแฟ้มมา หนุ่มร่างท้วมก็หนีออกไปจากห้องทันที

          “ผมไม่ได้ไม่อยากให้ใครรู้นะครับ ผมแค่เขิน แล้วก็ประหม่าเฉยๆ” หลังจากเหลือกันเพียงสองคน เนก็บอกเสียงเบาโดยที่ใบหน้ายังคงแดงเรื่อ

          “เออ ฉันรู้” ใบหน้าของวัฒน์เองก็ไม่ได้ต่างจากเด็กหนุ่มนัก “ไม่งั้นนายคงไม่ถามอะไรบ้าๆแบบนั้นหรอก”

          “ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงอ่อนพลางเหล่มองคนที่กลับไปสนใจทำงานของตนอีกครั้ง “แล้วคุณล่ะครับ ชอบกินอะไรหรือ”

          “ก็พวกของที่ทำมาจากเต้าหู้น่ะ...อะไร” วัฒน์บึ้งหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ฉันไม่ได้กินเพื่อสุขภาพอะไรหรอกนะ แต่ฉันชอบของฉันจริงๆ...อุ๊บ...หึๆ...”

          อยู่ๆหนุ่มใหญ่ก็เบือนหน้าหนีแล้วหัวเราะเสียอย่างนั้น และไม่ต้องคิดนานเนก็รู้สาเหตุ

          “หอย...หึๆ...” วัฒน์ว่าโดยที่พยายามกลั้นหัวเราะสุดตัวจนเนชักของขึ้นตงิดๆ

          “แต่ตอนนี้ผมว่าผมคงไม่ได้ชอบกินหอยเท่าไหร่แล้วล่ะ” คนอายุมากกว่าหันไปมองน้ำตาเล็ด ยังคงยิ้มไม่เลิก “เพราะดันไปติดใจเห็ดมากกว่า”

          หัวเราะลั่นเลยทีเดียว ท่าทางลุงแกจะถูกใจมุกใต้สะดือเสียเหลือเกิน

          “ไม่ชอบไส้กรอกไปด้วยเลยหรือไง” มีตบมุกกลับอีกต่างหาก “โอ๊ย...ฮะๆ ตกลงชอบกินจริงๆใช่ไหมเนี่ย”

          ถ้าเอาตามความหมายที่ลุงหัวเราะก็เห็ดนะ



____________________________________


ใกล้เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว =w= (กว่าจะได้เข้า เล่นเอาขาลาก...)
ตอบคุณ @ R@ini@r เรื่องปาล์มนี่คงได้คู่นอร์มอลละนะงับ ฮา ส่วนเรื่องอื่นที่เสนอมานี้ต้องขอบพระคุณมากเลย >w< ขอนำไปเป็นตัวเลือกสำหรับโพลนะงับ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-11-2015 12:15:57
อ้างถึง

ใกล้เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว =w= (กว่าจะได้เข้า เล่นเอาขาลาก...)
ตอบคุณ @ R@ini@r เรื่องปาล์มนี่คงได้คู่นอร์มอลละนะงับ ฮา ส่วนเรื่องอื่นที่เสนอมานี้ต้องขอบพระคุณมากเลย >w< ขอนำไปเป็นตัวเลือกสำหรับโพลนะงับ


ด้วยความยินดีค่ะ แอบเสียดายที่คนสวยแบบปาล์มไม่มีคนจีบ ฮาา ใกล้เข้าช่วงท้ายนี่ใกล้จบหรือใกล้ไคลแม็กซ์ค่ะแต่ลุงกับเนเพิ่งจะหวานกันได้ไม่กี่ตอนเอง ขอเพิ่มความหวานอีกสักนิดก่อนได้มั้ย นานๆจะเจอเด็กเมะเคะลุง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 21-11-2015 13:25:28
ตอนแรกสารภาพว่าแอบไม่เก็ตมุก คือเก็ตแค่หอยแต่ไม่เก็ตเห็ด
แต่พออ่านไปแล้วถึงรู้ 55555555555
 :hao7:
นุ้งเนติดใจเห็ดของลุงซะแล้วสิ คึๆๆๆ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-11-2015 16:36:35
ให้เขาหวานกันอีกซักหน่อยแล้วค่อยจบนะ

แบบว่ากว่าเขาจะได้หวานกัน คนอ่านงี้รอเหงือกแห้ง  :L1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 21-11-2015 20:48:44
เฮ้อ ลุ้นจนเหนื่อย

ขอหวานๆทดแทนเลยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 22-11-2015 15:49:43
คือมันหวานนะ แค่ขำง่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 22-11-2015 17:03:43
เอิ่มมม มุ้งมิ้ง สินะ ตอนนี้มันมุ้งมิ้งสินะ แหม สักตอนเนอะ
เอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 71 (21/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 22-11-2015 22:05:59
ตามอ่านจนถึงตอนปัจจุบันแบ้ววววววววว
ฮือออออออออออออ
เหนื่อย (หัวเราะ)

ภาษาที่ใช้บรรยายออกมาดีมากเลยค่ะ
คือมันเป็นรูปแบบที่อ่านแล้ว เห้ย.. เจ๋งว่ะ
ที่สำคัญคือเนื้อเรื่องชวนติดตามมากกกกกก
ไอ้เนจะปากแข็งไปถึงไหน
อาวัฒน์จะเลิกซึนยังไง
ไอ้สองคนนี้เมื่อไหร่จะลงเอยกัน
ลุ้นไปหมดเลยค่ะ
55555555555

ส่วนตอนนี้พอเปิดปากคุยกันได้เพราะการช่วยเหลือ?ของคุณฉัตร จากที่ลุ้นมานานนี่โล่งเลย แต่แอบเคืองอาวัฒน์นะ นึกว่าจะคบกับศาสตร์จริงๆ นี่ภาวนาให้เนมันโดนกระสุนเจาะอีกสักรอบ ให้อาวัฒน์ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปเลย จะได้เลิกซึนสักที
(ทำไมอยากให้พระเอกเจ็บหนักล่ะฟะตูเนี่ย)
5555555555555

ตอนต่อไปจะมาตอนไหนไม่รู้
แต่เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 72 (25/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 25-11-2015 10:04:28
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 72


          เนขับรถมายังบ้านของฉัตรตามคำสั่งของวัฒน์หลังจากเลิกงาน เด็กหนุ่มได้แต่ปั้นหน้ายุ่งเมื่อคิดว่าจะต้องไปเจอพี่แฟนที่ท่าทางจะหาเรื่องแกล้งเข้าเต็มสตรีม ยิ่งนึกถึงคืนที่ตนไปสารภาพรักกับวัฒน์ก็ร้อนใจจนทำนิ่งไม่อยู่

          เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทำใจอยู่นานกว่าจะออกมาจากรถ เนพยายามทำเมินเรื่องในคืนนั้นแล้วรีบๆไปคุยธุระให้เสร็จโดยเร็วเสียที

          “อ๊ะ”

          เนเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า เพราะแทนที่ฉัตรหรือปาล์มจะเป็นคนเปิดประตู กลับเป็นศาสตร์แทน ใบหน้านิ่งเรียบจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่จ้องมองตน แต่ดูจากคิ้วที่วิ่งชนกัน ก็คงไม่ได้ดีใจที่ได้เห็นหน้าเขาเท่าใดนัก

          เมื่อนึกถึงบุญคุณที่วัฒน์บอกมา แม้จะกระดากปากไม่อยากพูดอย่างไรก็ต้องคงทำ

          “มันยังไม่จบหรอกนะ”

          แต่ก่อนที่เนจะได้อ้าปาก ศาสตร์กลับเอ่ยพูดขึ้นมาเสียก่อนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ทำเอาเด็กหนุ่มได้แต่นิ่วหน้ามองด้วยความสงสัย

          “พลาดเมื่อไหร่ฉันไม่ปล่อยอาวัฒน์ให้นายแน่” ศาสตร์ยังคงพูดต่อด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ลุงฉัตรรอนายอยู่ข้างใน”

          ว่าเสร็จแล้วก็เดินหายเข้าไปด้านในทันที ปล่อยให้แขกผู้มาเยือนได้แต่ยืนอึ้งกับการประกาศสงครามอันยาวนานอยู่ที่หน้าประตู

          “เอ้า เป็นอะไร ใบ้กินเรอะ” คราวนี้เป็นเสียงฉัตรที่ดังลอดออกมาจากประตู ซึ่งด้านในไม่ได้มีแค่เจ้าของบ้านกับนายหน้าตาย แต่ยังรวมถึงคนอื่นๆอีกหลายคนด้วย และแต่ละคนก็พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชวนให้เนขนลุกเกรียว…ยกเว้นเพียงแค่ปาล์มที่ดูยังอึ้งไม่เลิก “หรือกำลังคิดถึงใครอยู่กันละจ๊ะ”

          ช่างเป็นการเรียกสติที่ได้ผลชะงักนัก แถมไอ้ฝูงแซวก็เป่าปากล้อกันยกใหญ่ ทำเอาคนที่เขินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งอยากจะวิ่งเข้าไปแจกเท้าให้เรียงคน เสียแต่จำนวนเยอะและแต่ละคนก็กำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงยุทโธปกรณ์กันอยู่ หากเข้าไปซัดจริงๆคงได้มีปืนลั่นใส่แน่

          “จะคิดถึงใครก็เรื่องของผมสิครับ” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง อยากจะวิ่งหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดเสียเหลือเกิน

          “แหม ไม่คิดก็ไม่คิด…เอ้า นี่ของจ้ะ” ฉัตรที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นแฟลชไดรฟ์สีดำออกมา พอเนเข้ามารับอย่างกล้าๆกลัวๆ และส่งแฟลชไดรฟ์อีกอันให้ หนุ่มใหญ่ก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงระรื่น “เป็นไงบ้างจ๊ะข้าวใหม่ปลามัน วางแผนไปฮันนีมูนที่ไหนเหรอ”

          มันใช่เวลาไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เรอะลุง แล้วไอ้พวกเหวนี้จะฮิ้วๆกันอีกนานไหมวะ!!

          “เอาน่าๆ เครียดไปใช่ว่าเรื่องมันจะจัดการง่ายขึ้นสักหน่อย ฝากบอกไอ้คนชอบเครียดที่บ้านด้วยก็แล้วกัน” ฉัตรโบกมือให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน “ทางฉันเองก็เตรียมการเฝ้าระวังไอ้เดชมันเหมือนกัน รับรองคราวนี้ถ้ามันเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ก็เสร็จพวกเราแน่”

          “ให้มันเป็นอย่างั้นจริงๆเถอะครับ” เด็กหนุ่มว่า ยังคงกังวลไม่เลิก “ถ้าอย่างงั้นผมกลับก่อนละกัน...”

          “แหม รีบกลับไปสวีทหวานกันหรือไงจ๊ะ” พอโดนแซวไม่เลิก เนก็ชักคันไม้คันมือขึ้นมาตงิดๆ อย่างน้อยไม่ต้องไปถึงกองเชียร์ แค่ได้ซัดตาลุงถึกนี่สักทีก็ยังดี “ยังไงทางโน้นก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ฉันได้ยินมาว่าพวกกลุ่มอื่นก็เล็งจังหวะนี้กันอยู่ บางทีพวกมันอาจจะไปจัดการที่บ้านด้วย”

          “อ้อ...” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงสูงก่อนจะทำหน้าเหมือนเห็นผี “ครับ...เมื่อคืนก็มีมาบ้างล่ะ แต่คงไม่เป็นไรหรอก”

          หนุ่มใหญ่เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “แกนี่ก็แปลกดีนะ เห็นตอนไอ้วัฒน์จัดการศัตรูแล้วก็ยังไม่ยักจะกลัวมัน”

          โอ๊ย บอกตรงๆ แค่คิดก็สั่นแล้ว

          “ผมว่าไม่กลัวมากกว่าที่แปลก” ลองว่าออกไปจัดการเป่าศัตรูดับกันง่ายๆด้วยใบหน้าเฉยเมยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหลังจากเล่นผีผ้าห่มไปหมาดๆ แบบนั้น ใครมันจะไม่หวาดกันบ้าง “แต่...ถึงจะน่ากลัว แต่ก็มีส่วนน่ารักนะ”

          คนฟังถึงกับพากันสำลักและตีหน้าเหยเก แต่เนก็ไม่อยากเสียเวลาเสวนาต่อ รีบเดินหนีออกไปจากบ้านทันที

 

          พอกลับมาถึงบ้าน เนก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ระหว่างทางที่กลับมาวัฒน์โทรบอกเนแล้วว่าสิทธิ์ยังหาบ้านเช่าใกล้ๆกับที่ทำงานเดียร์ไม่ได้ ซึ่งฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำนี้นักย่อมต้องรู้สึกแย่อยู่แล้ว วัฒน์เองก็คงจะกังวลยิ่งกว่า หลักฐานก็คือการที่สมาชิกในบ้านพากันนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องครัวนี่ล่ะ

          “เอ่อ...มีอะไรหรือครับ” ที่จริงก็รู้อยู่แล้ว แต่ก็เอ่ยปากถามไปเพื่อความแน่ใจ

          “ก็ไอ้วัฒน์น่ะสิ ตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคน ลองออกอาการกระฟัดกระเฟียดเดินไปเดินมาทั่วบ้านแบบนี้ใครจะไม่กลัวกันบ้างวะ ยิ่งเมื่อคืนก็เพิ่งเห็นผลงานรอบบ้านมันไปด้วย โอ๊ย ฉันละสยอง” รุตที่นั่งอยู่หัวโต๊ะบ่นเหมือนอัดอั้นมานาน ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนเอาศพศัตรูไปจัดการแท้ๆ

          เนเลิกคิ้วขึ้น “เขาก็แค่กังวลเฉยๆนี่ครับ”

          เหล่าคนกังวลที่นั่งสุมหัวอยู่บนโต๊ะพากันมองเนเป็นตาเดียว ก่อนที่สองสาวจะพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ทำเอาเนชักรู้สึกหวั่นขึ้นมา

          “แหม พี่เนรู้ใจอาวัฒน์น่าดูเลยนะคะ” แม้น้ำเสียงที่ใช้จะสดใส แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูมีเลศนัยจนไม่น่าไว้ใจเป็นที่สุด “ถ้างั้นพี่ช่วยไปทำให้อาวัฒน์หายกังวลทีสิคะ พวกหนูกลัวจะแย่อยู่แล้ว คุณสิทธิ์ก็เอาแต่บอกว่าไม่เป็นไรๆท่าเดียว น้า”

          ถึงจะไปชอบลุงแล้วก็เถอะ แต่แรงอ้อนของสาวๆมันก็มีพลังรุนแรงจนยากจะต้านทานเสียเหลือเกิน ยิ่งคนอ้อนน่ารักน่างาบด้วยยิ่งแล้วใหญ่...แต่คิดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอกใจนะ!

          “ถ้างั้นพี่จะลองดูนะ” ที่จริงเนก็ตั้งใจจะทำอยู่แล้วด้วย เลยตอบรับออกมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะขอตัวไปหาต้นเหตุที่ทำให้บ้านมีแต่บรรยากาศอึดอัดกระจายไปทั่ว “อ๊ะ จริงสิ แมวไม่ต้องไปทำความสะอาดที่ห้องพี่แล้วนะ พี่ย้ายกลับไปอยู่ห้องคุณวัฒน์แล้ว”

          ซึ่งก็ยังคงมีแต่สาวๆที่ยิ้มกว้างจนแทบไม่หุบ ในขณะที่คนสูงวัยพากันประหลาดใจ

          “อ้าว ย้ายกลับตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” รุตเอ่ยถามพลางเหล่มองแมวกับเอมที่พากันหัวเราะคิกคักไม่เลิก

          เนทำท่าอึกอักอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยอมเปิดปาก “เมื่อวานน่ะครับ...”

          “อย่างนั้นหรือ” แต่เพราะรุตเข้าใจว่าช่วงนี้มีเหตุต้องเฝ้าระวัง วัฒน์เลยให้เนไปอยู่ด้วยจะได้ช่วยกันมากกว่า แม้จะยังสงสัยไม่เลิกว่าเด็กสาวยิ้มอะไรกันนัก “เออๆ งั้นก็รีบไปเถอะ ถ้าทำได้นี่ฉันเลี้ยงเหล้าแกเลย”

          “ถ้างั้นอารุตคงต้องเตรียมเงินไว้เลยล่ะค่ะ”

          เนได้แต่ยิ้มเจื่อน ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก ในเมื่อพ่อรู้ พี่รู้ แฟนรู้ แล้วทำไมแมวจะไม่รู้ ก็ยังดีที่ท่าทางนางจะยังไม่รู้ ไม่อย่างนั้นคงมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิมแน่

 

          ถึงแม้จะรู้มาจากคนในบ้านแล้วว่าวัฒน์กำลังกังวล แต่นี่ขนาดสิทธิ์ยังไม่ได้ไปไหน(แค่กำลังวางแผนออกไป) ยังอาการหนักขนาดนี้ เนก็แทบคิดไม่ออกเลยว่าถ้าสิทธิ์ออกไปจริงๆแล้ววัฒน์จะอาการหนักขนาดไหน

          “คุณวัฒน์ครับ...” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอนอย่างไม่แน่ใจนัก “ไม่เป็นอะไรนะครับ”

          เห็นหน้าซูบซีดที่หันมา บอกว่าไม่เป็นอะไรนี่สิแปลก

          “อย่ากังวลไปหน่อยเลยครับ เดี๋ยวก็หน้าแก่เร็วหรอก”

          จากที่กำลังห่อเหี่ยวถึงกับแยกเขี้ยวใส่ทันควัน

          “ก็แก่ไปนานแล้วไง ฉันสี่สิบแล้วนะว้อย จะให้ไปเต่งตึงเหมือนแกเรอะ” วัฒน์แหววใส่เสียงขุ่น และยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายหัวเราะใส่

          “เชื่อใจคุณสิทธิ์หน่อยเถอะครับ...อย่างน้อยเขาก็โตแล้วนะครับ” เนปลอบก่อนจะเข้าไปบีบไหล่หนุ่มใหญ่จากข้างหลัง “ผมยังไม่อยากให้คุณคิดมากจนเส้นเลือดในสมองแตกนะ”

          “โธ่เว้ย ก็มันเครียดนี่หว่า” ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่คิ้วที่ชนกันเป็นเส้นเดียวกันคลายลงแล้ว “แล้วทางฉัตรเป็นไงบ้าง”

          “เขาบอกว่าตอนนี้รอแค่ให้อีกฝ่ายงับเหยื่อเท่านั้นละครับ” ว่าแล้วก็ล้วงเอาแฟลชไดรฟ์ที่ได้จากฉัตรให้หนุ่มใหญ่ แล้วคลายเส้นอีกฝ่ายต่อ “เท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะครับ...แถมคนที่จะไปเฝ้าคุณสิทธิ์ก็เป็นพี่ฤทธิ์กับพี่ก้องด้วย ปลอดภัยอยู่แล้วล่ะ”

          “ก็จริง…” แต่กระนั้นสีหน้ากลับไม่คลายกังวลจนหมด ซึ่งเนก็ไม่แปลกใจนักหรอก เพราะเอาเข้าจริงๆ เขาก็เป็นห่วงสิทธิ์อยู่เหมือนกัน ถึงจะประจักษ์ในความเก่งของฤทธิ์กับก้องมาแล้ว แต่ก็อดกลัวเหตุสุดวิสัยไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเจ้านายตัวเองเป็นพวกชอบกระโดดเข้าหาเรื่องอย่างไม่จำเป็นอยู่ด้วย

          “น่าครับ คุณเครียดแล้วมันเดือดร้อนคนในบ้านนะครับ” ได้ยินอย่างนั้น จากที่กำลังเคลิ้มๆกับแรงนวดถึงกับหันขวับ “ตอนนี้พวกน้องแมวเขาคิดว่าคุณโมโหอยู่นะครับ”

          “ฉันไม่ได้โมโหสักหน่อย” วัฒน์ร้องเสียงตื่น ก่อนจะคิดหนัก “...อย่าบอกนะว่าบางทีที่พวกนั้นไปนั่งรวมตัวกันในครัวเพราะคิดว่าฉันโกรธ...”

          “ก็รู้ตัวดีนี่ครับ” คราวนี้เด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายติติงคนอายุมากกว่าแทน “คุณสิทธิ์อาจจะรู้...แต่คนอื่นเขาน่ะเข้าใจคุณผิดตลอดเลยนะครับ...ขนาดผมเองบางทีก็ยังเข้าใจผิดเลย”

          สีหน้าของหนุ่มใหญ่ฟ้องทนโท่ว่าไม่เชื่อแม้แต่น้อย แต่พอเห็นแววตาเซ็งชีวิตของเด็กหนุ่ม เขาก็ชักเถียงไม่ออก

          “...โทษทีละกัน” เมื่อเห็นเนเอาแต่มองหน้านิ่ง วัฒน์ก็เอ่ยออกมาอย่างเสียมิได้ “…แล้วนายรู้ด้วยหรือว่าฉันโกรธหรือไม่โกรธ…”

          เนมองสายตาที่เหมือนกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างของหนุ่มใหญ่ เด็กหนุ่มปั้นหน้ายุ่งคล้ายกับลังเลที่จะเอ่ย แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากเมื่อลุงแกเริ่มจะทำหน้าเหมือนอยากกัดหัวเขา

          “เพราะเมื่อก่อนคุณเข้มงวดกับผมมาก โกรธผมโน่นนี่สารพัดตลอดน่ะสิ ผมถึงรู้ไงว่าตอนไหนคุณโกรธจริงๆ”

          วัฒน์รู้สึกเหมือนมีใครเอามีดมาแทงเข้ากลางอกยังไงยังงั้น แหงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าใจผิด มีหรือจะไปโกรธพร่ำเพรื่อใส่อีกฝ่ายกัน

          “ขอโทษนะ” หนุ่มใหญ่เอ่ยอีกครั้ง ชักไม่กล้าจะมองหน้าเด็กหนุ่มมากขึ้นทุกที “แล้วคราวหลังฉันจะระวัง

          เนกลับหัวเราะแทน

          “แต่ผมอยากให้คุณเป็นแบบนี้ต่อไปมากกว่านะครับ”

          เอ้า ไอ้เด็กบ้านี่ จะเอายังไงกับตูฟะ

          “ก็...ถ้าเกิดคุณทำตัวเข้าใจง่ายขึ้น…คนอื่นก็จะเห็นความน่ารักของคุณ...แล้วเกิดมีคนมาชอบอีกผมก็แย่สิครับ...แค่ตอนนี้มีคนเดียวผมก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว” นี่กลัวจริงๆนะ ยิ่งเพิ่งโดนประกาศสงครามมาจะให้ไม่หวั่นได้ยังไงกัน

          วัฒน์อ้าปากหมายจะค้าน แต่พอคิดถึงศาสตร์ก็พูดไม่ค่อยจะออกเท่าใดนัก

          “ไอ้บ้า”

          ปกติโดนด่าแล้วหงุดหงิดนะ แต่เห็นอีกฝ่ายหลบตาใบหน้าแดงเรื่อแบบนี้แล้วทำเอายิ้มไม่หุบ

          “ทีเมื่อเช้าฉันแค่ถามว่าชอบกินอะไรทำเป็นอาย ทีงี้พูดเอาๆเลยนะ” วัฒน์เอ่ยเสียงต่ำ หน้าแดงก่ำกว่าเดิม

          “ก็ตอนนั้นมีพี่ต้นอยู่ด้วยนี่ครับ ตอนนี้อยู่กันสองคนจะอายอะไรล่ะ”

          วัฒน์เบิกตามองคนที่เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มันสารภาพรักกับตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะมานึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์เสียตัวโดยมิได้ตั้งใจ เด็กหนุ่มก็ชอบทำตัวกะลิ่มกะเหลี่ยพูดจาหวานจ๋อยใส่สาวๆไปทั่วอย่างไม่อายปากนัก...ซึ่งถ้าไม่นับคำว่ารัก อีกฝ่ายเองก็พูดตรงๆจนเขาตะลึงไปหลายทีอยู่เหมือนกัน

          “คุณไม่ชอบหรือ...”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มที่หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “ฉันไม่ได้เกลียดหรอก...ก็แค่มันไม่ชิน…เลยเขินนิดหน่อย” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงค่อย

          “ผมก็เขินเหมือนกันละน่า” เนร้องและยิ่งปั้นหน้ายุ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายแลดูจะไม่เชื่อตนเอาเสียเลย “ทีเหมือนก่อนคุณยังใช้ให้ผมชินกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณเลย ทีงี้มาพูดซะเองนะครับ”

          โอ้โห ยังย้อนเก่งเหมือนเดิม น่าเตะซักสามป้าบจริงๆ

          “อีกอย่าง…เพราะเมื่อก่อนผมไม่ยอมพูดเรื่องมันถึงได้แย่ลง…ผมก็เลยแค่จะพยายามพูดความในใจออกมาให้มากที่สุดก็เท่านั้น…”

          ย้อนเก่ง แต่อันนี้ให้อภัย

          “อ่า…นั่นสินะ” หนุ่มใหญ่ตอบรับเสียงค่อย เพราะรู้ดีว่าตัวเองก็มีส่วนผิดเรื่องปากแข็งเช่นกัน “…ยังไงก็…ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”

          เพราะถ้าเอ็งยังคงเปิดเผยซะหมดเปลือกแบบนี้ มีหวังตูต้องหัวใจวายตายก่อนสิ้นปีนี้แน่

          “ครับ…” ท่าทางเนเองก็ดูจะทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เหมือนกัน “แปลกดีนะ...ปกติถ้าเป็นสาวๆคนอื่น ผมไม่เห็นต้องมากังวลหรือประหม่าแบบนี้เลยแท้ๆ...”

          วัฒน์เลิกคิ้วก่อนจะอดยิ้มให้อย่างเอ็นดูไม่ได้ แต่คนมองกลับบึ้งหน้าแทน

          “อะไรละ” ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังงอนแต่คนถามกลับหัวเราะใส่ลำคอเสียอย่างนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนท่าทางเหล่านั้นคงชวนให้หงุดหงิดมากกว่าน่ารักแน่

          “...จะหาว่าผมหึงไม่เข้าเรื่องก็ได้นะ แต่เมื่อวันก่อนตอนที่เราอยู่กับคุณสิทธิ์ในห้องทำงาน ผมเห็นคุณยิ้มให้กับหน้าจอมือถือเหมือนกับตอนนี้เลย”

          “แล้วยังไงล่ะ”

          “ก็คุณโค้กบอกว่าตอนนั้นคุณคุยไลน์กับคุณศาสตร์ ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณคุยอะไรกันถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น”

          วัฒน์อ้าปากค้างอยู่พักใหญ่ก่อนจะหัวเราะใส่คนที่กำลังมองตนอย่างจริงจังและคาดคั้น ทำเอาเนชักสีหน้าใส่

          “อยากรู้จริงหรือ”

          เห็นลุงแกท่าทางเหมือนภูมิใจนำเสนอแล้วเนชักไม่อยากจะรู้ตงิดๆ

          หนุ่มใหญ่หยิบมือถือของตนออกมากดหน้าจออยู่สองสามทีก่อนจะยื่นให้เด็กหนุ่ม

          “ดูเอาเองละกัน”

          เนรับมือถือของอีกฝ่ายมาดู ทันทีที่เห็น จากที่กำลังนิ่วหน้าก็อ้าปากค้างหน้าแดงเถือก เพราะในจอเป็นรูปของตนที่กำลังแอบนั่งมองวัฒน์อยู่ตรงเก้าอี้เมื่อตอนอยู่ในห้องทำงานของสิทธิ์ แถมพอเลื่อนไปเรื่อยๆก็พบว่าไม่ได้มีแค่รูปเดียวอีกด้วย จากที่กำลังอึ้งถึงกับอายจนอยากมุดดินหนีแทน

          “นี่คุณแอบถ่ายผมหรือ”

          “ก็อดไม่ได้ เห็นเอาแต่แอบมองฉันอยู่นั่นล่ะ” วัฒน์บอกเสียงเรียบ “เพราะงี้ไง จะตัดใจก็ตัดไม่ได้สักที เอาแต่ทำตัวชวนให้ฉันหวังอยู่เรื่อย...เพราะงั้นถ้านอกใจ ฉันเป่าดับจริงๆแน่”

          เกือบจะเป็นเบาหวานแล้วนะ แต่เจอประโยคหลังนี่ระดับน้ำตาลในเลือดลดฮวบเลย

          “ผมขอโทษนะครับ...” เขาอดเอ่ยไม่ได้ เพราะดันทำให้อีกฝ่ายรอเสียตั้งนานเพราะความอายของตัวเอง

          “เปลี่ยนจากขอโทษเป็นอย่างอื่นดีกว่านะ” วัฒน์ว่าโดยที่ตอนนี้ใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นมา ทั้งยังหลบตาไปทางอื่น ทำเอาคนที่เขินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งเขินหนัก

          “ถี่ๆได้หรือครับ”

          “เอ้า ก็คบกันแล้วนี่หว่า ไม่ได้แค่ทำสัญญาเพื่อระบายของอยากของนายเฉยๆแล้วนะ” วัฒน์ดุลั่น ก่อนจะค่อยๆลดระดับเสียงลง “...ช่วงนี้เองก็ยุ่งๆ ไอ้เรื่องที่ว่าจะชวนไปกินข้าวคงต้องหลังจากฆ่าไอ้เดชได้ก่อนก็แล้วกัน”

          ซึ่งมันก็คงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีไอ้คำว่า ‘ฆ่า’ เนี่ย

          “ไม่เป็นไรครับ...กะ...กินบนเตียงไปก่อนก็ได้”

          โอ๊ย ถ้าจะอายก็อย่าพูดสิฟะ คนฟังก็อายเหมือนกันนะเฟ้ย ไอ้เด็กบ้า

          ทั้งสองพากันชะงักเมื่อมีเสียงสัญญาณร้องเตือนมาจากเครื่องส่งวิทยุบนโต๊ะทำงาน ของวัฒน์ หนุ่มใหญ่เปิดโทรทัศน์ใกล้ๆเพื่อดูกล้องวงจรปิด และเมื่อเห็นเงาตะคุ่มตรงบริเวณกำแพงหลังบ้านขยับไหวไปมาราวสองสามเงา เขาก็เปิดเก๊ะใหญ่แล้วหยิบไรเฟิลออกมา

          “จัดการก่อนแล้วค่อยทำละกัน” วัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายปนรำคาญเต็มทน “ฝากเรียกรุตทีนะ”

          เด็กหนุ่มพยักหน้าให้ด้วยอารมณ์ไม่ต่างกันนัก



____________________________________


ช่วงนี้หน้าหนาวแล้ว (ถึงอากาศจะไม่หนาวตามก็เถอะ) ดูแลสุขภาพกันด้วยนะงับ คนเขียนเป็นไข้มาสองวันแล้ว @_@
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 72 (25/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: lnwboomgo ที่ 25-11-2015 12:39:31
ฮ่ะๆๆ โหดๆไว้ก่อนสินะสนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 72 (25/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 25-11-2015 13:14:03
ลุงคะ เป็นการชวนที่สมกะลุง 555
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 72 (25/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-11-2015 18:54:48
  ทำไมมันต้องมีเรื่องก่อนที่จะอะจึ๊ยๆ กันด้วยว้า  :katai4:
รอตอนหน้าน้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 72 (25/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-11-2015 20:02:17
อารมณ์ค้างแบบนี้ อาวัฒน์โหดได้โล่ห์แน่  :hao7:

แต่คนอ่านก็ค้างด้วย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 72 (25/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-11-2015 23:39:46
 :m16: ฮึ่ม ใครบังอาจมาขัดฉากสวีทลุงฟร่ะยิ่งมีน้อยๆอยู่ ถ้ามาร้ายเป่าให้ร่วงเลยนะลุงโทษฐานที่มาขัดจังหวะ  o18
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 73 (28/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 28-11-2015 11:54:21
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 73


          “ท่าทางเหนื่อยน่าดูเลยนะ...”

          ต่อเอ่ยเสียงเรียบพลางมองคนที่นอนฟุบอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์บาร์ของตน ก่อนจะยื่นแก้วเหล้าให้ และเนก็หยิบมาซกโฮกก่อนจะกลับไปฟุบต่อราวกับคนกำลังช้ำรักก็มิปาน ในตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังนั่งรอหนุ่มใหญ่ที่ขึ้นไปคุยงานกับฉัตรอยู่บนชั้นสาม

          และเพราะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องรู้ หรือเพราะเห็นเนเริ่มออกอาการเหนื่อยเพราะไม่ค่อยได้พักมาเป็นสัปดาห์แล้วก็ไม่ทราบได้ วัฒน์ถึงได้บอกให้มารออยู่ตรงนี้แทน ซึ่งแม้จะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่เขาเองก็ไม่อยากจะฟังเรื่องปวดหัวอีกต่อไปเท่าไหร่แล้วด้วย แม้การมานั่งรอตรงนี้จะไม่พ้นเรื่องน่าปวดหัวอีกเรื่องเลยก็ตาม

          “เออสิ ไหนจะงานกลางวัน งานกลางคืน ไหนจะพวกนายที่ล้อฉันทุกทีที่เจอหน้า จะไม่ให้เหนื่อยได้ไง” เนบ่นเสียงขรม ก่อนจะชูนิ้วกลางให้บริกรคนหนึ่งที่เดินผ่านแล้วแซวตน “เฮอะ ทีตอนคุณวัฒน์อยู่ด้วยละไม่กล้า ไอ้พวกบ้าเอ๊ย”

          “คนเราก็รักชีวิตกันทั้งนั้นละ” ต่อบอกเสียงเรียบ แต่สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “แล้วฉันก็ไม่ได้แซวนายสักหน่อย”

          “ไม่ต้องเลย ฉันจำที่นายเอาเรื่องฉันไปโพนทะนาให้คนอื่นฟังเมื่อครั้งก่อนได้นะเฟ้ย”

          “ก็ตอนนั้นฉันเข้าใจว่านายจะปล้ำคุณฉัตรนี่...มันไม่ดีที่จะไปทำอะไรกับคนมีครอบครัวแล้ว” ต่อแย้งกลับเสียงเนือย “แต่ตอนที่ฉันรู้ว่านายชอบคุณวัฒน์ ฉันก็ไม่ได้บอกใครเลยนอกจากแมวนะ”

          อ้อ แกนี่เองต้นข่าวของน้องแมว…ว่าแต่เอ็งรู้ได้ไงฟะ…แต่ก็ไม่กล้าถามยังไงก็ไม่รู้…

          “แล้วไอ้ปาล์มไปไหนวะ” หลังจากได้รับเหล้าแก้วที่สองมา เนก็เอ่ยถามพลางหันมองไปทั่ว ตั้งแต่มาที่นี่เขาก็ไม่เห็นปาล์มเลย

          “เห็นบอกว่าติดธุระ จะมาสายนิดหน่อยน่ะ...นั่นไง...”

          เนหันมองตามนิ้วที่ชี้ไปด้านประตู ปาล์มที่เดินเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ก็ชะงักเมื่อเห็นหน้าเน ก่อนจะออกอาการเหมือนเห็นตัวประหลาด

          “จะช็อกอีกนานมั้ยวะ หา” เนชักเริ่มทนไม่ได้ แค่มองหน้าอีกฝ่ายในยามปกติก็อายจะแย่อยู่แล้ว

          “...ก็มันยังอึ้งไม่หายนี่...” ปาล์มว่าพลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก “ใครมันจะไปคิดวะว่าไอ้คาสโนว่าบ้าผู้หญิงจะมากินอาฉัน”

          “อย่าย้ำนักจะได้มั้ยวะ” เนกดเสียงต่ำแล้วแยกเขี้ยวใส่

          “...ที่นายเคยปรึกษาฉันก็คืออาวัฒน์ใช่ไหม”

          “เออ” เนชักอยากจะมุดดินหนีเข้าจริงๆ โดนแซวยังรู้สึกโกรธ แต่เห็นท่าทีไม่อยากจะเชื่อของปาล์มแล้วรู้สึกผิดปนอายเหลือเกิน

          ปาล์มปั้นหน้ายุ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปในเคาท์เตอร์ สีหน้าเหมือนเห็นของแปลกหายไปแล้ว เหลือไว้แต่เพียงความสงสัยที่ชวนให้เนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทน

          “ถ้ารักกันจริงๆ ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอก...แค่ไม่อยากจะเชื่อว่าอย่างนายจะรักอาวัฒน์”

          “โอ๊ย นายคิดว่าฉันยอมสารภาพรักกับลุงแกให้เสียชื่อเสือผู้หญิงทำมะเขืออะไรละวะ รู้หรือเปล่าว่าพวกที่บาร์เก่าที่ฉันทำงานมันถึงกับฉลองใหญ่เลยนะเว้ย ตอนที่รู้ว่าฉันคบกับผู้ชายน่ะ จะบ้าตาย”

          “...นั่นสินะ...” แม้จะเอ่ยคล้อยตาม แต่น้ำเสียงยังเจือความข้องใจไม่เปลี่ยน “...ไงก็ขอให้รักกันนานๆก็แล้วกันนะ เพราะถ้านายหักอกอาวัฒน์เมื่อไหร่ ฉันคงไม่ได้เห็นหน้านายอีก”

          ซึ่งข้อนั้นเขารู้ซึ้งดีจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว

 

          “แน่ใจนะว่ามันจะได้ผลจริง”

          “แน่ใจซี่ ก็เห็นรูปพวกนี้แล้วไม่ใช่หรือ” ฉัตรเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจก่อนจะใช้มือหนาของตนตีลงบนรูปที่วางอยู่บนโต๊ะแก้ว “ตอนนี้มันก็ใช้ให้ลูกน้องเที่ยววิ่งหามือปืนนักฆ่าอิสระไปทั่วขนาดนั้นทั้งที่ฝั่งศัตรูของคุณสิทธิ์เองก็มาโจมตีเราไม่ขาดสาย แสดงว่ามันก็คงร้อนใจพอสมควรเหมือนกันละน่า ที่เหลือก็แค่หาทางบีบมันให้มากกว่านี้ มันจะได้ยอมตัดสินใจลงมือเองจริงๆ”

          เนื่องจากวัฒน์ไม่ยอมพูดอะไรเลย จึงทำให้คุณพี่ชายชักหวาดหวั่นกลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอมทำตามที่ตนเสนอเสียจริง

          “ก็ได้ ทำตามที่ว่าไปเลยละกัน”

          ฉัตรแทบจะกระโดดออกจากโซฟาเมื่อได้ยินคำตอบ

          “เออ รับรองว่าไม่ต้องถือมือแกแน่” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ให้คำมั่น “แกก็วางใจแล้วก็ไปสวีทกับไอ้เนให้สบายใจเฉิบไปเลยเน้อ”

          “พูดง่ายนี่ คิดว่างานของคุณสิทธิ์มันน้อยนักหรือไง” เสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาด้วยความหงุดหงิดจนทำเอาคนระรื่นถึงกับหน้าถอดสี ยิ่งตอนนี้สีหน้าของวัฒน์ยิ่งซูบตอกเพราะต้องทำงานหนักเกินตัวยิ่งทำให้เขาดูน่าสะพรึงเข้าไปใหญ่ “นี่ก็ยังดีที่พวกนักฆ่ามันมาที่บ้านน้อยลง...แต่ก็ไม่รู้ว่าทางฤทธิ์กับก้องจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนบ้าง”

          “เอาน่า ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว” ฉัตรพยายามปลอบน้องชายจอมคิดมากของตน “ต่อให้คุณสิทธิ์ซนแค่ไหนก็เถอะ ไอ้พวกนั้นก็ตามคุณสิทธิ์ทันอยู่แล้ว”

          “เออ นายก็ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะ” ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์แล้ว ฉัตรชักเริ่มกลัวจริงๆจังๆถึงอนาคตของตัวเองหากแผนไม่สำเร็จเสียจริง

          ในขณะที่วัฒน์กำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะเข้ากระเป๋าถือของตน เสียงเอะอะตึงตังจากด้านล่างก็ดังแว่วขึ้นมาดึงความสนใจของคนที่นั่งอยู่ในห้องพัก ก่อนที่ฉัตรจะเป็นคนแล่นออกไป ส่วนวัฒน์ก็เก็บเอกสารจนเรียบร้อยแล้วถึงตามลงไปอย่างไม่รีบร้อนนัก

          แต่พอเห็นสาเหตุ เขานึกอยากวิ่งกลับไปหยิบปืนมาตรงนี้เสียจริงๆ

          “ผู้จัดการที่นี่อบรมพนักงานยังไงนะ ถึงได้ต้อนรับแขกได้แย่แบบนี้”

          น้ำเสียงทุ้มที่ชวนเข้าใจผิดดังขึ้นมาจากร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์บาร์ พลางปัดเศษน้ำที่ติดอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มของตน ก่อนจะเลื่อนสายตามองลงไปยังเนที่นั่งอยู่กับพื้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นรอยช้ำเล็กๆบนแก้มซ้าย ส่วนฉัตรก็ยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายคล้ายกับอยากจะหลับเต็มทน

          “ฉันไม่ใช่พนักงานของที่นี่โว้ย” เนว้ากลั่น ก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างทุลักทุเล “เพราะงั้นฉันมีเรื่องกับแกได้อยู่แล้ว”

          “ช่าย มันไม่ใช่พนักงานที่นี่ เพราะงั้นไม่ใช่ความผิดฉันนา เน้อ” คุณผู้จัดการที่ดีเอ่ยเสียงยียวนกวนประสาทก่อนจะหันไปถามหาความเห็นจากเหล่าพนักงานในสังกัดของตนที่พากันพยักหน้าให้อย่างพร้อมเพรียง “เพราะงั้น เอาเลยไอ้หนูเน”

          “หยุดนะ”

          ได้ยินเสียงห้ามของวัฒน์ เนกับฉัตรถึงกับกระโดดจนตัวลอย และไม่ใช่แค่เด็กหนุ่ม แต่รวมไปถึงพนักงานทุกคนที่พากันหน้าซีดปากสั่นอย่างกับเห็นผีก็มิปาน ส่วนเดช เมื่อเห็นวัฒน์ จากที่กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้ฉัตร กลับเหยียดยิ้มกว้างอย่างดีใจเสียจนทำให้คนที่อารมณ์เสียเป็นทุนเดิมอยู่ แล้วยิ่งหน้าบูดหนักข้อ

          “ไงวัฒน์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม”

          เห็นถุงใต้ตาตูแล้วมันดูสบายดีไหมล่ะไอ้แว่น!

          “มาทำไม”

          ในขณะที่คนอื่นพากันหวาดหวั่นกลัววัฒน์จะองค์ลง มีเพียงเดชที่ดูจะยินดีเสียเหลือเกิน

          “ก็มาตรวจตรางานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแทนคุณสิทธิ์เท่านั้นเอง” เดชเอ่ยด้วยน้ำเสียงสูงคล้ายกับจงใจ “นี่ก็จะกลับแล้วล่ะ”

          วัฒน์ไม่พูดอะไรต่อนอกจากจ้องมองอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนเดชเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำแค่เพียงเงียบ เขาจึงยักไหล่ให้ก่อนจะเดินจากไปพลางผิวปากอย่างสบายอารมณ์

          “ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะคร้าบ พอดีเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” หลังจากพายุพัดไปแล้วฉัตรก็รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงระรื่นพลางตบมือดึงความสนใจของทุกคน “เอ้าๆ ไปทำงานได้แล้ว อย่าอู้ๆ”

          เมื่อทุกอย่างกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง วัฒน์ก็เดินเข้าไปหาเนที่ยังคงยืนนิ่ง แต่สีหน้าหวาดหวั่นจนคนอายุมากกว่าแปลกใจ

          “ก็ไอ้บ้านี่น่ะสิครับ ไม่รู้เมาอะไรมาอยู่ๆก็เข้าไปหาเรื่องไอ้เดชซะอย่างนั้น ผมพยายามห้ามก็ไม่ยอมฟัง” ปาล์มรีบฟ้องใส่อย่างหงุดหงิดเอาการ “ให้ตายเถอะ ถึงจะไม่ชอบขี้หน้ายังไงก็น่าจะห้ามใจกันบ้าง”

          หลังจากฟังความจากพยาน จำเลยยิ่งตัวสั่นหนักกว่าเดิม ทั้งที่วัฒน์ยังไม่ได้ว่าอะไรด้วยซ้ำ

          “กลับบ้าน”

          ทีแรกปาล์มกับต่อที่แอบมองอย่างหวั่นใจคิดว่าวัฒน์จะต้องทำโทษเนแน่ๆ แต่นอกจากที่วัฒน์แค่เรียกให้กลับ เนที่เอาแต่ออกอาการหวาดกลัวจนถึงเมื่อครู่ก็ทำหน้าประหลาดใจออกมาแทน ก่อนจะเดินตามหนุ่มใหญ่ออกจากบาร์ไปติดๆ ทำเอาทั้งสองพากันแปลกใจยกใหญ่กว่าเดิม

          “อย่าบอกนะว่าเพราะมันขึ้นแท่นตำแหน่งแฟนแล้วอาวัฒน์เลยไม่ว่าอะไรมันเนี่ย”

          ปาล์มหันมากระซิบถามต่อด้วยใบหน้าตื่น ในขณะที่คุณเพื่อนเองก็มีอาการไม่ต่างกันนัก แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไปเพราะกลัวเกินกว่าจะกล้าสันนิษฐาน

 

          “คุณไม่โกรธผมหรือครับ”

          วัฒน์ปรายตามองคนที่นั่งข้างตนซึ่งยังคงสงสัยไม่เลิกมาตลอดตั้งแต่ขับรถออกจากผับ ทำเอาคนที่นั่งเงียบมานานถอนหายใจ

          “นายไม่ใช่คนแรกที่หาเรื่องมันเพราะทนไม่ได้นี่” เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มแบบนี้ เนก็รู้ทันทีว่าคนแรกเป็นใคร “ฉันแทบจะยิงมันให้ตายด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าคุณสิทธิ์มาห้ามไว้น่ะ...แล้วนี่นอกจากที่หน้า โดนมันทำร้ายตรงไหนอีกหรือเปล่า”

          “เปล่าครับ แค่โดนชกเฉยๆ” ว่าแล้วก็รู้สึกแปลบที่แก้มซ้ายขึ้น เล่นเอาเนซึ้งเลยว่าทำไมฉัตรถึงห้ามตนไปมีเรื่องกับอีกฝ่าย เพราะนอกจากเขาจะไม่สามารถแม้แต่จะแตะตัว ยังโดนชกเสียหงายด้วยท่าทีสบายๆเสียอีก

          “แล้วนึกยังไงไปหาเรื่องมันละ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถามด้วยอย่างใคร่รู้ “ฉันไม่เคยเห็นนายทนไม่ไหวจนถึงขั้นใช้กำลังเลยสักครั้ง ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆนี่”

          เนเม้มปากแน่นคล้ายกับไม่อยากจะพูดนัก

          “คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าเสียงหมอนั่นเหมือนของคุณเลย”

          “หา ตรงไหนวะ”

          “ก็ตรงนี้ไง เหมือนกันจนน่าโมโหเลยล่ะครับ” เนร้องขึ้นอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน “ฟังแล้วเหมือนคุณเป็นคนที่คิดจะหักหลังคุณสิทธิ์แทนนี่นา...ผมทนฟังไม่ได้หรอกครับ”

          แถมความหลังปวดจิตมันย้อนมาแทงจึ๊กๆจนแทบจะสำรอกความผิดที่ผมทำกับคุณเลยล่ะครับ ประเด็นหลักๆเนี่ย

          วัฒน์นิ่วหน้าคล้ายกับยังไม่อยากจะเชื่อนัก แต่เห็นท่าทีเจ็บแค้นแสนสาหัสของเด็กหนุ่ม หน้ามันก็ร้อนวูบขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          “เอาเถอะ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้โกรธนายหรอก” วัฒน์เอ่ยปลอบเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่แค้นใจไม่เลิก “แต่วันหลังอย่าไปยุ่งกับมันคนเดียวก็แล้วกัน ฉันยังไม่อยากรีบเป็นโสด”

          ฟังแล้วชวนหงุดหงิดแต่ไม่รู้ทำไมกลับขนลุกขึ้นมาแทน ถึงจะไม่อยากยอมรับอย่างไร แต่เดชก็เก่งกว่าตนจริงๆนั่นล่ะ ไปหาเรื่องคงมีแต่ตายกับตาย


____________________________________

เกี่ยวกับตอนพิเศษในเล่มใครมีอะไรเสนอเพิ่มเติมอีกก็ได้นะงับ =w=/

ปล. ยอดผู้สนใจหนังสือตอนนี้ขาดอีกนิดหน่อย ใครสนใจทำแบบสอบถามตามลิ้งนี้นะงับ =w=  http://goo.gl/forms/uS1CfPnvR3
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 73 (28/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-11-2015 12:00:38
 :z13:
---------------------
รึว่าเดชจะชอบวัฒน์?? #เดามั่ว
รอน้า :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 73 (28/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-11-2015 12:42:04
ลุง!!!พออินเลิฟละรู้สึกว่าลุงมุ้งมิ้งขึ้นหง่ะคำพูดคำจานี่ก็ไม่มีกั๊กแล้วนะคิดอะไรก็พูดออกไปเลย ชอบๆ แต่เอาจริงเรื่องเสียงนี่ลุงไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเสียงคล้ายกับเดชอะ แล้วตกลงคนที่หักหลังนี่เป็นเดชจริงเหรอคือบางทีอ่านไปก็แอบคิดว่าเข้าใจผิดอะไรกันมั้ยบางทีอาจเป็นคนอื่นที่คิดไม่ถึงก็ได้ รอวันความสงสัยจะถูกเฉลย

 :กอด1: :กอด1: กดคนแต่งแรงๆหนึ่งทีช่วงนี้ขยันอัพรัวๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 73 (28/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-11-2015 19:22:38
 :z13:  :z13: จิ้มคนเขียน

ปล่อยให้ลุงได้หวานบ้างเถอะ  :z3: คนอ่านยังค้างมาจากตอนที่แล้วเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 73 (28/11/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 29-11-2015 22:04:28
ขอหวานๆอีกค่ะ ไม่ทันไรเครียดอีกแล้ว

คนอ่านปวดตับค่าาา :ling1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 74 (01/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 01-12-2015 12:51:52
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 74


          “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

          ชายวัยสามสิบกว่าที่เดินตามหลังเดชเข้ามายังในบ้านหลังโตถึงกับสะดุ้งโหยงจนเท้าไม่ติดพื้น เมื่อคนที่เป็นหัวหน้าตนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตาที่กำลังเบื่อหน่ายบัดนี้วาวโรจน์ไปด้วยความกระหายใคร่รู้ในสิ่งที่ลูกน้องเพิ่งเอ่ยเมื่อครู่

          “ผม…ผมบอกว่าตอนที่ผมเข้าไปในร้านไอ้ฉัตรก่อนที่คุณจะเข้าไปน่ะ ผมได้ยินพวกพนักงานคุยกันว่าคุณวัฒน์เขาคบกับเอ่อ…” คนเป็นลูกน้องค้างไปเพราะไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า แต่เห็นหัวหน้าจ้องมองตนด้วยใบหน้าเหี้ยม ความลังเลก็โดนทะลวงไปด้วยความกลัวตายจนโพล่งออกมาเสียหมด “คบกับผู้ชายน่ะครับ”

          สิ้นเสียง ลูกน้องอีกสามสี่คนที่อยู่ด้วยต่างพากันนิ่วหน้าเบ้ปากคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อนัก มีเพียงเดชคนเดียวที่ยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม

          “มันเป็นใคร”

          “ระ…รู้สึกจะชื่อเนละมั้งครับ คนที่หาเรื่องคุณในร้านน่ะครับ…”

          จากที่คิดว่าหัวหน้าจะต้องโมโหเอามากๆ ที่ตนพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เดชกลับหัวเราะลั่นจนน้ำตาเล็ด

          “ฮะๆๆ อย่างนั้นหรอกหรือ หมอนั่นทำฉันตกใจได้ตลอดจริงๆ” เดชเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงอย่างทุกที ใบหน้านั้นไม่เจือแม้แต่ความหงุดหงิดแม้แต่น้อย หนุ่มใหญ่ปาดน้ำตาออกก่อนจะสวมแว่นกลับเข้าที่เดิม “ถ้าเป็นไอ้หนูนั่นจริง ฉันก็ยังพอรับได้มากกว่าแม่สาวเชียร์เบียร์น่ารำคาญนั่นอีกนะ…”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็กลับมาหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่กลับดูน่าสะพรึงขึ้นอย่างน่าพิศวง

          ใช่…ที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะแตกหักกับเพื่อนรักอย่างวัฒน์เลยสักนิด แต่ที่ทุกอย่างมันต้องกลายมาเป็นแบบนี้ก็เพราะมาโนชกับสิทธิ์นั่นล่ะ

          นับตั้งแต่ว่าที่ผู้สืบทอดคนนี้เกิดมา บุรุษผู้เคยทำให้ทุกคนพากันครั่นครามเพียงแค่ได้ยินชื่อกลับกลายมาเป็นเสือแก่ที่ทิ้งอำนาจเงินทองทั้งหมดไปและยัดเยียดของเหล่านั้นให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของตน ที่ไม่ได้นึกอยากเดินตามรอยบิดาเลยสักนิด แต่เพียงเพราะไม่อาจทนทอดทิ้งเหล่าคนที่เคยติดตามบิดาตนได้ สิทธิ์จึงพยายามแบกรับสิ่งที่ตนไม่ชอบ ทั้งยังตั้งใจจะแปรเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นเรื่องถูกต้องอีก

          น่าขำสิ้นดี! ไอ้อยากจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปเพราะเหนื่อยและเบื่อหน่ายก็ยังพอรับได้ แล้วทำไมจะต้องเอามันไปให้คนที่ไม่ได้อยากจะรับด้วย ไอ้คนรับก็พอกัน ถ้าไม่ชอบนักก็ทิ้งไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจะดีกว่า หรือไม่อย่างนั้นก็ยกให้ใครที่เขาเหมาะสมกว่าก็ได้ จะมาทำตัวครึ่งๆกลางๆแบบนี้ไปทำไม ไอ้ความเห็นใจไม่เข้าเรื่องพรรค์นั้น มีแต่จะทำให้กลุ่มมันตกต่ำลงจนน่าสังเวชเสียเปล่าๆ

          และที่น่าเจ็บใจกว่าคือเพื่อนที่ร่วมทำงานกันมาตั้งนานกลับไม่ขัดคำสั่งของมาโนชเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังสนับสนุนสิทธิ์เต็มที่เสียจนแทบไม่เหลือเค้าปีศาจร้ายที่เขาเคยรู้จัก ทั้งที่ตนก็พยายามคัดค้านเต็มที่ แต่คนส่วนใหญ่กลับเห็นชอบเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะวัฒน์

          เพราะไอ้เด็กนั่นไม่ใช่หรือ แก๊งเรามันถึงตกต่ำจนคนอื่นเขาพากันดูถูกแบบนี้…ไม่รวมถึงนายที่ต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กของหมอนั่นอีก เห็นแล้วอยากจะอ้วก นายไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย...ไม่ใช่เลยสักนิด...

          ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งทนไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอดทน จนกระทั่งนึกถึงทางออกสุดท้ายที่ไม่ได้จะอยากทำนัก แต่เพราะเหลืออดแล้วถึงได้ตัดสินใจทำ

          ลองว่าไม่มีสิทธิ์สักคน ทุกอย่างคงกลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือไม่อย่างนั้นก็ให้มันล่มสลายไปเลยก็ได้ ดีกว่าให้มันยังคงอยู่อย่างน่าสมเพชแบบนี้ตั้งเยอะ ยังไงเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วด้วย เพราะต่อให้ต้องตายเพราะทรยศ ก็ยังดีกว่าต้องอยู่เป็นตัวตลกให้ใครต่อใครหัวเราะยังจะดีกว่า

          และทั้งที่เคยเกือบจะได้ตายสมใจด้วยมือของเพื่อนตัวเองแท้ๆ สุดท้ายเจ้าเด็กนั่นยังจะมาขัดขวางอีก ช่างเป็นคนดีผิดพ่อผิดแม่มันเสียเหลือเกิน

          เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจคนดีนักหรอก แต่มาอยู่ผิดที่ผิดตำแหน่งแบบนี้ เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดจนทนไม่ได้ หากอยากจะเป็นคนดีในตำแหน่งนี้นัก เขาก็จะทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายพ้นไปจากที่ตรงนั้นซะ ยิ่งตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีที่สุดเท่าที่เคยรอมาแล้วด้วย เขาไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านเลยไปเฉยๆแน่

          ที่ผ่านมาที่เขาไม่เคลื่อนไหวให้มากนักเพราะคนในกลุ่มคอยจับตามองตนมาก จึงทำได้แต่ตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อย หวังว่าเมื่อได้อำนาจมากพอแล้วจะโค่นล้มเสาหลักให้พังในทีเดียวไปเลย ซึ่งตอนนี้ก็มากเหลือล้น พร้อมกับโอกาสที่อาจจะหาไม่ได้อีกแล้วด้วย

          คราวนี้มันจะไม่เหมือนอย่างที่ผ่านมาแน่...ฉันจะให้พวกนายตาสว่างเองว่าวิธีการของไอ้เด็กนั่นมันผิด

 

          เนนิ่วหน้ามองซองแผงยาสองซองที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของวัฒน์ตรงหน้าตนด้วยความเคร่งเครียด ชั่งใจอยู่นานมากทีเดียวว่าจะใช้มันดีหรือไม่ ใจจริงเขาอยากจะให้วัฒน์สมัครใจกินเองมากกว่า แต่ลุงแกไม่ยอมนี่แหละ

          ‘ตอนนี้มันใช่เวลามานอนที่ไหน’

          เขาก็เข้าใจว่าตอนนี้มันยุ่งจนแม้แต่เวลาพักก็น้อยลงจนแม้แต่ตัวเนเองยังอ่อนล้าไปด้วยเลย แต่อย่างน้อยงานเขาก็ไม่ได้ทำงานมากกว่าวัฒน์ ยังได้พักเยอะกว่าลุงแกโข แต่นี่ขนาดว่าวันอาทิตย์ วัฒน์ยังต้องไปนั่งสะสางงานที่บริษัทเลย

          ถ้าฝืนแบบนี้ต่อไป ได้ตายคางานก่อนจัดการเดชแน่

          และดูเหมือนฉัตรก็จะรู้ดีเหลือเกิน ถึงได้ให้ยานอนหลับกับเขาเมื่อวันก่อนตอนที่เนไปเอาเอกสารจากที่ร้าน ทั้งยังแซวเขาไม่เลิกว่าหากวัฒน์ไม่ยอมกิน ก็ให้ตนลากขึ้นเตียงแล้วเอาให้หมดแรงจนลุกไม่ไหวซะเลย

          แบบนั้นมันไม่น่าจะเรียกว่าพักละมั้ง เดี๋ยวได้ขาดใจตายคาเตียงจริงๆหรอก

          “เน”
         
          เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนที่แก่ลงไปเป็นสิบปี ท่าทางเหมือนยืนไม่ค่อยจะอยู่นัก ใบหน้าก็อิดโรยทรุดโทรมและซีดเซียวเหมือนคนเป็นโรค ขอบตาก็ดำคล้ำอย่างกับหมีแพนด้า

          “เอ่อ เสร็จงานแล้วหรือครับ” เนทักพลางมองตะวันที่ยังส่องจ้าผ่านหน้าต่างห้องนอน

          “คิดว่านะ...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแหบแห้ง ก่อนจะเดินสะโหลสะเหลแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนแบบไม่สนใจจะถอดถุงเท้าด้วยซ้ำ

          แต่ยังไม่ทันจะได้ม่อยหลับ เสียงโทรศัพท์ก็ปลุกเจ้าของเสียแล้ว

          “เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ” วัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่อเนกระชากมือถือออกไปจากมือตนแล้วกดทิ้งเสียอย่างนั้น

          “เลิกทำงานสักทีเถอะครับ เดี๋ยวก็ตายหรอก” เนขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะยกมือถือหนีจากมือของอีกฝ่าย “งานเดินช้าไปวันเดียวไม่ทำให้บริษัทเจ๊งหรอกครับ แต่ถ้าคุณไม่หยุดพักละก็ ได้ตายก่อนแน่”

          หนุ่มใหญ่อ้าปากหมายจะเถียง แต่แรงก็ไม่ค่อยจะมีนัก สมองเองก็ฝืดเคืองจนคิดอะไรไม่ค่อยจะออกด้วย

          “เออๆ พักก็ได้”

          “งั้นก็รีบลงไปนอนเลยครับ” เนแทบจะกระโดดตอนที่เห็นอีกฝ่ายยอมง่ายๆ

          “เดี๋ยวๆ ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้ง” วัฒน์ร้องบอกเมื่ออีกฝ่ายบริการให้เสียดิบดีด้วยการพาตนนอนเตียงดีๆพร้อมกับห่มผ้าให้ ยังดีหน่อยที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อให้ด้วย

          “น่าครับ....แล้วก็นี่” เนว่าก่อนจะยื่นยาหนึ่งเม็ดพร้อมแก้วน้ำ “ยาแก้ปวด กินสักหน่อยจะได้หลับสบาย”

          เขาไม่ได้โกหกนะ มันเป็นยานอนหลับที่มีสรรพคุณแก้ปวดจริงๆนี่

          และเพราะเพลียมากแล้วด้วยหรือไร วัฒน์จึงยอมกินง่ายๆโดยไม่ไถ่ถามเลยสักนิด ทำเอาเนถึงกับยิ้มออก กินปุ๊บฟุบปั๊บ แบบไม่ต้องรอผลเลยสักนิด

          หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีเสียงมือถือของวัฒน์ดังขึ้นอีกแล้ว ซึ่งเนเกือบจะกดตัดสายทิ้งไป แต่พอเห็นว่าเป็นชื่อของฉัตรจึงกดรับขึ้นแทน

          “ครับ”

          “อ้าว แกจัดหนักไอ้วัฒน์จนมันนอนพังพาบอยู่บนเตียงแล้วเหรอ”

          “ใช่ที่ไหนละครับ!” เนตะคอกใส่ก่อนจะสะดุ้งแล้วหันไปมองคนที่กำลังนอนหลับฝันดี ก่อนจะลดระดับเสียงลด แม้ท่าทางต่อให้ฝูงช้างตกมันวิ่งผ่านวัฒน์ก็คงไม่มีทางจะตื่นขึ้นมาก็ตาม “เขาเหนื่อยจนหลับไปแล้วเฉยๆต่างหาก”

          “เออ ยังไงก็ขอแค่มันพักบ้างก็พอ” เนสุดแสนจะโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายเลิกแซว “งั้นแกมาช่วยงานฉันหน่อยสิ มาที่บ้านฉันตอนนี้เลยนะ”
         
          หลังจากวางหูไปเนก็ได้แต่ปั้นหน้ายุ่งแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะออกไปจากห้องอย่างจำยอม อย่างน้อยเขาก็หวังว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้นเมื่อจัดการเดชได้

 

          วัฒน์ปรือตามองเพดานในห้องนอนตนอย่างงัวเงีย พอหันไปมองรอบเตียงก็พบว่าในตอนนี้ตนอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เห็นเวลาแล้วหนุ่มใหญ่ถึงกับผงะที่ตนเผลอนอนยาวเสียสิบกว่าชั่วโมง เขาค่อยๆยันร่างขึ้นมาอย่างยากลำบาก แม้จะได้พักผ่อนไปเสียเต็มที่แต่ก็ยังรู้สึกเพลียไม่เลิก จนชักอยากจะล้มกลับไปนอนเหมือนเดิม

          แต่เสียงมือถือที่ดังขัดขึ้นดูจะไม่ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการนัก

          วัฒน์นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคย เขาชั่งใจอยู่นานจนกระทั่งสายตัดไป และในที่สุดก็กดรับเมื่อโทรเข้ามาอีกครั้ง

          “ไง โทรไปตั้งหลายทีไม่ยอมรับนะ”

          หนุ่มใหญ่ชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงของเดชในสาย

          “นี่ก็นานมากแล้วนะที่ไม่ได้โทรหานาย” อีกฝ่ายยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคิดถึงความหลังอยู่

          “จะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องได้ยินอีกตลอดชีวิต” วัฒน์พ่นใส่อย่างหงุดหงิด ยิ่งเพิ่งตื่นๆชวนให้อารมณ์เสียหนักกว่าเดิม

          “แล้วตอนนั้นทำไมถึงไม่ฆ่าฉันซะให้จบเรื่องไปเลยล่ะ”

          คนที่กำลังง่วงมุ่นคิ้วหนัก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายกระชากเสียงใส่นับตั้งแต่เห็นเป็นศัตรูกัน

          “แต่ในเมื่อไว้ชีวิตฉันก็ขอใช้ให้คุ้มละกัน” เสียงปลายสายพูดต่อ ไม่เจืออาการล้อเลียนเยาะเย้ยอย่างทุกที “เสียดายเป็นบ้าเลยนะที่วันนั้นไอ้สิทธิ์มันไม่ตาย หนังเหนียวจริง”

          วัฒน์บึ้งหน้า แม้จะรู้อยู่แต่แรกว่านั่นคือแผนของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจระงับความโกรธที่ปะทุอยู่ภายในเอาไว้ได้เลย

          “ทำไมถึงต้องทรยศคุณสิทธิ์”

          “นายก็ชอบถามอะไรซ้ำๆเหลือเกินนะ” คราวนี้อีกฝ่ายกลับมาใช้น้ำเสียงสูงเหมือนเดิม “ก็ฉันอยากนั่งในตำแหน่งของไอ้เด็กอมมือนั่นแทนไง”

          “ทำไมถึงต้องทรยศคุณสิทธิ์”

          เดชชะงักค้างไปเมื่อเจอคำถามเดิมติดๆกัน

          “ฉันรู้อยู่แต่แรกแล้วว่านั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของแกจริงๆ” หนุ่มใหญ่เอ่ยก่อนพลางกุมหัวตัวเอง “แต่เพราะแกไม่คิดจะบอก ฉันเลยไม่คิดจะถามมาตลอด เพราะในเมื่อตั้งใจจะเป็นศัตรู เหตุผลอะไรก็ไม่จำเป็นทั้งนั้น”

          ปลายสายเงียบไปนานมากกว่าจะพูดขึ้น

          “แล้วนึกยังไงรอบนี้ถึงถามเสียล่ะ คิดว่าถ้ารู้แล้วจะมาช่วยแก้ปัญหาได้หรือไง”

          “ไม่คิด” วัฒน์ตอบฉะฉาน “แค่ฉันจะได้ฆ่านายอย่างไม่ต้องติดใจสงสัยอะไรก็เท่านั้น”

          อีกฝ่ายหัวเราะลั่น

          “คำตอบสมเป็นนายจริงๆเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มกลั้วหัวเราะ “ก็ได้ ฉันจะบอกว่าทำไม...แต่ต้องหลังจากที่ไอ้สิทธิ์มันตายก่อนน่ะนะ”

          “ได้ ฉันจะถามแกอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะยิงแกทิ้งโดยที่แกทำอะไรคุณสิทธิ์ไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ”

          ทั้งที่เจออีกฝ่ายสวนกลับทันควัน เดชกลับหัวเราะราวกับไม่ได้เกรงกลัวคำขู่นั่นเลยสักนิด

          “ก็มาดูละกันว่าฉันหรือนายที่จะแพ้”

          วัฒน์มองโทรศัพท์ในมือตนนิ่ง คิ้วหนามุ่นเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะโยนมือถือทิ้งลงบนเตียงแล้วลุกขึ้นหมายจะเข้าไปผ่านน้ำให้ตาสว่าง แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปถึงหน้าประตูห้องน้ำเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกแล้ว

          “หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ”

          เจอโดนดักคอแบบนี้ ฉัตรถึงกับค้างไปหลายวิ

          “เอ่อ มันมีทั้งคู่อะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างหวาดๆปนลังเล “งั้นเอาข่าวดีก่อนก็แล้วกัน เรื่องที่ฉันบอกนาย ตอนนี้ทุกอย่างฉลุยเรียบร้อย เราเก็บหลักฐานว่าไอ้เดชติดต่อกับศัตรูเราได้แล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่แกละ ว่าจะจัดการมันเลยหรือยังไง”

          “หลักฐานแค่นั้นยังทำอะไรมันไม่ได้มากหรอก” วัฒน์บอกเสียงเหี้ยม ทำเอาคนในสายหวั่นขึ้นมาแปลกๆ “เอาแบบให้ชัดเจนว่ามันตั้งใจฆ่าคุณสิทธิ์ เอาให้ดิ้นไม่หลุด”

          “ครับผม...” ฉัตรตอบเสียงค่อย เมื่อข่าวดีกลายเป็นข่าวไร้ประโยชน์

          “แล้วข่าวร้ายล่ะ”

          คนในสายเงียบไปนานมาก

          “คือพอดีฉันขอให้เนมาช่วยงานกับฉันคืนนี้ แล้ว...”

          พูดเพียงแค่นั้นไปสายก็ตัดเสียแล้ว

          วัฒน์ดึงมือถือออกมาก่อนจะกดโทรกลับ แต่กลายเป็นฝากข้อความเอาไว้

          “บ้าจริง” หนุ่มใหญ่สบถก่อนจะพยายามโทรไปอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม “อะไรวะ”

          วัฒน์โทรไปหาเนแทน เขานึกแค้นฉัตรอยู่เล็กๆที่โทรไม่ติดเอาช่วงเวลาสำคัญเสียอย่างนั้น แต่ก็โทรไม่ติดเหมือนกัน หนุ่มใหญ่พยายามโทรหาเนอีกครั้ง แต่ก็ฝากข้อความไปซะทุกครั้ง จนเขาชักหวาดหวั่นขึ้นมา

          ไม่หรอก เนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหมอนั่นสักหน่อยนี่…

          เขาพยายามระงับความกลัวของตน และถึงแม้จะบอกตัวเองเช่นนั้น กลับไม่ทำให้ความกังวลลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

          “เหวอ”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองคนที่ร้องใส่หน้าตน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ” เนนิ่วหน้ามองคนที่อยู่ๆก็เปิดประตูผางก่อนที่ตนกำลังจะเปิดพอดี

          “ฉันโทรหานายไม่ติด”

          “อ๋อ พอดีแบตหมดน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางนิ่วหน้าให้ “มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ”

          “ไม่...ไม่มีอะไร แค่ก่อนหน้านั้นไอ้ฉัตรโทรมาแล้วสายตัด” หนุ่มใหญ่ว่า รู้สึกเหมือนหมดแรงเอาดื้อๆ

          เนสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะประคองอีกฝ่ายที่เข้ามาพิงตน ใบหน้าที่ซุกตรงซอกไหล่ทำเอาเด็กหนุ่มลุกลี้ลุกลน แต่ก็ยื่นมือไปโอบอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติเสียอย่างนั้น

          “เอ่อ…ไม่เป็นอะไรนะครับ”

          “ไม่” เสียงทุ้มเอ่ยงึมงัมอยู่บนไหล่ของเด็กหนุ่ม

          “เป็นห่วงผมหรือครับ” เห็นอาการของอีกฝ่ายแล้วอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ เลยพลั้งปากแซวออกไป

          “อืม”

          เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนหายใจลำบากขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่เป็นคนออกปากแซวเองแท้ๆ ยิ่งอีกฝ่ายเอ่ยอยู่ใกล้ๆหูตน ทำเอาร้อนผ่าวไปทั้งหน้า

          “มะ…ไม่ต้องเป็นห่วงผมนักหรอกครับ…คุณมากกว่าที่น่าเป็นห่วง” เด็กหนุ่มบอกเสียงตะกุกตะกัก แต่ก็ไม่ยักจะผลักอีกฝ่ายออก “แล้วนี่ตื่นขึ้นมาทำอะไรป่านนี้น่ะครับ”

          “แค่ฝันร้ายน่ะ”

          เนชะงักเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงหนุ่มใหญ่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเสียจนน่ากลัว

          “แล้วเป็นไงบ้าง เห็นฉัตรบอกว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นด้วยนี่” หลังจากโล่งอกก็เอ่ยถามแล้วผละออกมาจากเด็กหนุ่ม

          “เอ๋ ก็ไม่มีนะครับ” เนนิ่วหน้า “ขาออกมาเขายังแซวผมอยู่เลย”

          “งั้นหรือ...ถ้างั้นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...” หนุ่มใหญ่สรุปความ เพราะถ้ารุนแรงจริงๆ รายนั้นคงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว “ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปถามแล้วกัน”

          เนพยักหน้าให้พลางมองคนที่แย่งห้องน้ำตัวเอง เขาไม่แน่ใจว่าเพราะอีกฝ่ายยังพักผ่อนไม่พอหรืออย่างไร ถึงได้ทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น

          คงไม่มีอะไรมั้ง



_______________________________________________



ใกล้ไฟท์แล้ว =w=
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 74 (01/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-12-2015 19:45:22
จะเข้าโหมดเครียดกันอีกแล้วเหรอ  :ling1:

งงกับเดชมันจังเลย มันสับสนหรือคนอ่านสับสนก็ไม่รู้  :m26:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 74 (01/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-12-2015 22:41:32
ฉัตรตั้งใจจะพูดอะไรอ่า  :katai1:
เรื่องจริงจังรึว่าเรื่องไร้สาระล่ะเนี่ย?
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 74 (01/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 01-12-2015 23:39:04
 o18
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 74 (01/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 02-12-2015 21:57:50
ยังไงเนี่ย ป๋าฉัตรตั้งใจพูดอะไรกันนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 74 (01/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-12-2015 19:17:55
หวานแหววกันมาสามสี่ตอน กำลังจะบู๊กันแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 05-12-2015 14:06:47
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 75


          “แล้วมันเรื่องใหญ่แค่ไหนล่ะ”

          ฉัตรมองหน้าวัฒน์ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใจจริงก็อยากจะคุยกันแค่ทางโทรศัพท์แท้ๆ แต่เพราะอีกฝ่ายต้องการรูปถ่ายที่ตนไปรวบรวมมา วัฒน์ถึงได้ถ่อมาหาถึงบ้านตั้งแต่หกโมงเช้า และถามถึงเรื่องข่าวร้ายเมื่อคืนไปด้วยเลย

          “ก็อย่างที่นายรู้ว่าเดินตามวิธีของคุณสิทธิ์มันก็ลำบากหลายๆเรื่อง…เพราะงั้นเลยมีหลายคนเริ่มชักคิดเหมือนไอ้เวรเดชน่ะสิ” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เอ่ยก่อนจะเกาหัวอย่างรำคาญใจ “ยิ่งตอนนี้หมอนั่นมันมาทำงานแทนคุณสิทธิ์ ยิ่งทำให้หลายคนเริ่มไขว้เขวไปกันใหญ่…โอเค มันก็แค่โลเล แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีหวังคงได้แปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งโน้นกันหมดแน่”

          วัฒน์เพียงแต่นิ่งเงียบคิดถึงเรื่องที่พี่ชายบอก นึกถึงเมื่อคืนที่อีกฝ่ายโทรมาหาแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้

          “มันจงใจให้คุณสิทธิ์ไปแก้แค้นคุณวินเพื่อซื้อเวลาหาพวกสินะ”

          “หมายความว่าไง”

          น้องชายมองหน้าพี่ด้วยท่าทางเหมือนลังเล ก่อนจะเอ่ยปาก

          “หมอนั่นมันโทรหาฉันเมื่อคืน ก่อนที่นายจะโทรมา” วัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงคั่งแค้นเสียเต็มประดา “บอกว่ามันจะจัดการคุณสิทธิ์โต้งๆกับฉัน”

          “หา จริงอะ” ฉัตรร้องถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เดี๋ยวสิ ไหงงั้น หมอนั่นทำตัวเงียบๆอยู่ตั้งนาน แล้วนี่มันนึกยังไงถึงได้ประกาศสงครามกับเราโต้งๆเลยวะ”

          “คงมั่นใจว่ามันต้องฆ่าคุณสิทธิ์ได้แน่ๆละมั้ง...” วัฒน์บอกกลับเสียงเรียบ ก่อนจะมุ่นคิ้ว “ยังไงก็รีบจัดการมันละกัน ไม่อย่างนั้นมีหวังเสร็จมันหมดแน่”

          “เออ ก็รีบอยู่นี่แหละ ดูดิ ฉันอดนอนมาตั้งสามวันแล้วนะ” ว่าแล้วฉัตรก็ชี้หน้าตัวเอง ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้าที่อาการแย่กว่าตน “…แต่ฉันจะพยายาม”

          วัฒน์เพียงแต่พยักหน้า เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเรื่องที่อีกฝ่ายบ่น แม้ว่าตัวเขาเองจะได้พักน้อยกว่าก็ตาม เพราะใจจริงเขาก็อยากจะตัดปัญหาด้วยการเปิดสงครามกับเดชตอนสิทธิ์ไม่อยู่เสียเดี๋ยวนี้เลย

          แต่มันจะไปมีค่าอะไรล่ะ ถ้าให้อีกฝ่ายตายโดยที่ยังเป็นคนดีในสายตาเจ้านายอยู่ จะเหยียบมันทั้งทีก็ต้องเอาให้จมจนกลับขึ้นมาไม่ได้เลยสิ

          หลังจากเสร็จธุระ หนุ่มใหญ่ก็ขับรถกลับมาบ้าน ใจจริงเขากะจะเข้าบริษัท แต่พอโทรไปถามเลขาก็พบว่างานที่จะให้ทำในวันอาทิตย์ยังพอจะรอได้อีกวัน เขาจึงกะจะกลับมาพักผ่อนต่ออีกหน่อย อย่างน้อยเขาก็อยากจะอยู่นิ่งๆแล้วใช้ความคิดอย่างเพลิดเพลินไปกับการวางแผนร้อยแปดทรมานคนอยู่บนเตียงสักหน่อย

          แต่พอเข้าไปบ้านก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเนมานั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ยิ่งทำให้สะพรึงกว่าตรงที่มันนั่งท่าเดียวกับเมื่อตอนที่หน้ามืดมาปล้ำตนนี่ล่ะ

          “อะไร…” วัฒน์เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก เพราะดูเนจะหงุดหงิดเสียเหลือเกิน และเขาก็เชื่อว่าต้องไม่ใช่เพราะเขาที่ออกไปจากบ้านโดยไม่พาเด็กหนุ่มไปด้วยแน่ เพราะโน้ตก็ทิ้งบอกเอาไว้บนโต๊ะแท้ๆ

          “เมื่อเช้าผมเจอนี่บนโต๊ะคุณ” วัฒน์มองสิ่งที่อยู่ในมือที่แทบจะทิ่มหน้าตน มันคือแหวนสีเงินทรงเรียบๆที่เขาเอามาใช้เป็นที่ทับกระดาษโน้ตให้เน

          หนุ่มใหญ่นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะหน้าแดงแจ๋ ทำเอาคนที่กำลังโมโหถึงกับเลิกคิ้ว

          “มะ…ไม่ใช่ของนายหรือ”

          “ถ้าใช่แล้วผมจะถามหรือครับ” เด็กหนุ่มกลับมาโวยอีกครั้ง “…แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นของผมล่ะ”

          วัฒน์มองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะหันหนีไปทางอื่นคล้ายกับทนไม่ได้
         
          “ไปคุยกันที่ห้องได้ไหม…”

          แม้ใจจริงจะหงุดหงิดอยู่ แต่ก็ไม่อยากจะโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่โตนัก เขาเลยยอมตามอย่างเสียมิได้

          วัฒน์เดินกึ่งวิ่งนำเข้าไปในห้องนอน หนุ่มใหญ่ไม่ได้แถลงไขสิ่งที่เนข้องใจ หากแต่เดินไปเปิดเก๊ะแล้วหยิบแหวนอีกวงที่สลักคำว่ารักออกมาวางไว้บนโต๊ะ และคราวนี้คนที่กำลังโมโหถึงกับหน้าแดงเถือก

          “คนอื่นเขาบอกฉันหมดแล้วว่าซื้ออะไรให้” วัฒน์บอกเสียงดุ ใบหน้ายังแดงไม่เลิก “ก็นายบอกเองว่าซื้อให้เพราะมันเหมาะกับฉันเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย ฉันก็เข้าใจว่าวงนั้นเป็นของนายนี่หว่า เพราะศาสตร์บอกฉันแค่ว่าให้แหวน ไม่ได้บอกว่าวงไหน ใครมันจะไปคิดว่านายจะให้วงนี้กันล่ะ”

          “กะ…ก็ผม…” คราวนี้เด็กหนุ่มกลายเป็นคนที่โดนไล่บี้แทน “กะ…ก็ตอนนั้นผมเห็นว่ามันเหมาะกับคุณเฉยๆจริงๆนี่”

          “แล้วทำไมต้องวงนี้วะ วงอื่นก็ได้นี่” วัฒน์คาดคั้น เขาไม่เชื่อหรอกว่าตามร้านจะมีแค่แหวนวงนี้วงเดียว ไอ้แบบนี้มันจงใจซื้อทั้งที่เห็นตัวอักษรทิ่มตาแน่ๆ

          “เออ ผมคิด!” เนว้ากลั่น “แต่…ก็ตอนนั้นคิดว่าคำนั้นมันไม่ได้หมายถึงแบบที่เราเป็นอยู่ตอนนี้นี่นา”

          วัฒน์มองหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

          “ไอ้ซื่อบื้อ”

          “เออ ผมมันซื่อบื้อ” เด็กหนุ่มยอมรับเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะงอนใส่เขาเสียอย่างนั้น “แล้วก็ขี้หึงมากด้วย”

          ว่าจบก็หยิบแหวนเรียบๆขึ้นมาตรงหน้า ทำเอาหนุ่มใหญ่ชะงัก และก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่ออีกฝ่ายโยนมันลงไปในถังขยะใกล้ๆ แต่วัฒน์ก็ไม่ได้โวยวายหรือต่อว่าอะไรเพราะพอจะเข้าใจเหตุผลดี

          เป็นเขาก็ไม่อยากให้คนรักเก็บของที่ได้จากคู่แข่งหรอก ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

          “ผมไม่อยากให้คุณเก็บของที่ได้จากหมอนั่น” เด็กหนุ่มตอบเสียงแข็ง ท่าทางเหมือนจะกลัวโดนดุที่ทำเรื่องเอาแต่ใจ “คุณไม่ต้องบอกหมอนั่นว่าจะทิ้งก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าเก็บแหวนนั่นไว้ได้ไหม”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองคนที่สั่นเหมือนลูกนก ก่อนจะทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย

          “ก็ได้”

          ดูมันยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งเลย

          “แต่ไม่ทิ้งลงถังแบบนี้นะ” วัฒน์บอกก่อนจะเดินเข้าไปล้วงแหวนกลับออกมาจากถังขยะ “เดี๋ยวฉันจะเอาไปคืนศาสตร์เอง”

          “เอ๋...มันจะดีหรือครับ”

          ถ้าคิดว่าไม่ดีจริงก็อย่าระริกระรี้ออกนอกหน้าสิฟะ

          “เออ นายจะได้สบายใจไง” วัฒน์บอก ก่อนจะเหล่มองเจ้าคนที่ตีหางผับๆ “เดี๋ยวเกิดหึงจนหน้ามืดแล้วปล้ำฉันในที่สาธารณะอีกแล้วฉันจะลำบากเปล่าๆ”

          ทำผิดให้เห็นไม่ได้เลยนะลุง กะกัดยันผมหัวหงอกเลยไหม

          “ผมไม่ทำอีกแล้วน่า” เนกดเสียงต่ำพลางก้มหน้างุด “แต่ถ้าคุณยังแขวะผมไม่เลิกอีก ผมจะปล้ำคุณโต้รุ่งเลยดีไหม”

          เฮอะ ตูบ่ยั่นหรอก

          “แล้วนี่คุณจะเข้าบริษัทหรือเปล่าครับ” หลังจากหึงจบ เนก็เอ่ยถามต่ออย่างไม่แน่ใจนัก เพราะเห็นอีกฝ่ายถอดเสื้อเชิ้ตออก

          “คงไม่ล่ะ พักหน่อย เดี๋ยวตาย” ซึ่งนั่นไม่ใช่การประชดแต่อย่างใดเพราะเขาไม่อยากจะหางานเข้าหัวใส่เพิ่มอีกแล้ว

          “ถ้างั้นวันนี้เราก็ว่างใช่ไหมครับ”

          วัฒน์เพียงแต่นิ่วหน้ามองอย่างลุ้นระทึก

          “ผ...ผมไม่ได้จะขอทำนะครับ แค่จะชวนไปเที่ยวเฉยๆ” เนบอกเสียงตื่นทั้งที่หนุ่มใหญ่เพียงแต่มองเฉยๆ “ในหัวผมไม่ได้มีแต่เรื่องพรรค์นั้นนะ”

          “ก็นายเกริ่นแบบนี้ทีไรก็มีแต่เรื่องเซ็กซ์ทุกทีนี่หว่า” วัฒน์โพล่งใส่ก่อนจะถอนหายใจแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “...จริงสิ เรามีนัดพานายไปกินหอยนี่เนอะ...หึๆ...”

          ตาลุงนี่ชอบล้อชาวบ้านไม่เลิกจริงๆ เดี๋ยวจับกินเห็ดตรงนี้ซะเลยนี่

          “แล้วมีแผนจะไปไหนหรือเปล่าล่ะ” หลังจากขำจนพอใจหนุ่มใหญ่ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ใจจริงอยากจะล้อต่อ แต่เห็นอีกฝ่ายหน้าบูดใส่ก็เลยจำใจหยุดเสีย

          “แล้วแต่คุณเลยครับ” เนบอก น้ำเสียงยังงอนไม่เลิก “พอดีผมไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกไปที่ไหนที่เหมาะกับวัยของคุณดี”

          กลับมากัดเก่งเหมือนเดิมเลยนะเอ็ง...โอ๊ย แล้วทำไมตูต้องชอบใจที่โดนมันปีนเกลียวด้วยฟะ

          “งั้นไปวัดเลยไหม แต่นายเข้าไปแล้วจะร้อนหรือเปล่านี่สิ” ปากก็บอกแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงๆ ตัววัฒน์เองก็เข้าวัดนับครั้งได้เหมือนกัน “ก็ปกติฉันไม่ค่อยได้เที่ยวนี่หว่า แล้วนายไม่มีที่ที่อยากไปหรือไง”

          เนคิดหนักมาก

          “ก็ปกติตอนเช้าผมหลับนี่นา ส่วนใหญ่ก็ไปแต่บ้านผู้หญิง” ช่างเป็นที่เที่ยวที่ตระการตาเหลือเกิ๊น “ไอ้ไปเที่ยวน่ะ อย่างมากก็แค่ห้างแถวห้องเช่าเท่านั้นละครับ แถมยังไปแค่ดูหนังกินข้าวด้วย ที่เหลือก็แค่เดินตะลอนๆไปเรื่อยเอง”

          “งั้นเอาตามนั้นก็ได้”

          เนชะงักค้างไป

          “ทำไม มีปัญหาหรือไง”

          “ผมก็แค่คิดว่าคุณอาจจะไม่ชอบก็ได้...”

          “ก็ยังไม่เคยไปสักหน่อยจะรู้ได้ไงว่าไม่ชอบ” วัฒน์เอ่ยเสียงขุ่น ก่อนจะใส่เสื้อกลับเข้าที่ “หรือจะเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วก็บอก ฉันจะได้เปลี่ยนเสื้อนอน”

          “ไปสิครับ” เนร้อง แล้วปรี่เข้ามาล็อกแขนคนที่ทำท่าจะถอดเสื้อออก “...ถ้างั้นไปเลยไหม”

          หนุ่มใหญ่เพียงแต่พยักหน้าให้ “เฮ้ย”

          และไม่รู้ว่าเพราะดีใจ หรือกลัวเขาจะเปลี่ยนใจอีก เนถึงได้หิ้วเขาออกมาจากห้องทั้งอย่างนั้นเลย

          “พอได้แล้วโว้ย ฉันเดินเองได้” วัฒน์บอกเสียงหลงหลังจากออกมานอกห้องพร้อมกับดิ้นสุดตัว ชักไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายอายหรืออยากให้ชาวบ้านเขารู้ไปทั่วกันแน่

          “ขอโทษครับ” เนก้มหน้างุดเหมือนสำนึกผิด ก่อนจะกระมิดกระเมี้ยนบอกเสียงเบา “...มันอาจจะดูบ้าๆนะครับ แต่พอเป็นเรื่องของคุณแล้วผมทำตัวไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้...”

          จากที่กำลังฮึดฮัดถึงกับไฟยัวะมอดทันควัน

          “เอาเถอะ...ครั้งแรกก็แบบนี้ล่ะ” ว่าแล้วก็อดลูบหัวเจ้าแมวปากหนักตัวนี้ไม่ได้ “ใจเย็นๆก็ได้ ไม่ต้องรีบนักหรอก”

          แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มคัดค้านเสียอย่างโจ่งแจ้งจนหนุ่มใหญ่เลิกคิ้ว

          “ผมก็ไม่ได้จะแช่งนะครับ...แต่ผมไม่รู้ว่าคุณจะอยู่กับผมได้อีกนานแค่ไหน” โอ้โห โคตรจะแช่ง กะว่าตูตายก่อนเอ็งแน่ๆ ใช่ไหม “...แล้วงานเราก็ยุ่ง จะมีเวลาให้กันอีกได้สักเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ผมอยากจะใช้เวลากับคุณให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะครับ”

          วัฒน์ยืนนิ่งมองคนที่ทำท่าสลดใส่ตน หนุ่มใหญ่หันมองไปทางอื่น ได้แต่ขยับปากเหมือนอยากจะพูดแต่นึกไม่ออกว่าจะพูดอย่างไรดี และสุดท้ายก็ดีดมะกอกเข้าไปหนึ่งดอกแทน

          “ให้ความสำคัญผิดไปหรือเปล่า” หนุ่มใหญ่ดุใส่คนที่ยังกุมหน้าผากของตนไม่เลิก “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าใช้เวลานานแค่ไหน แต่ใช้ให้คุ้มมากแค่ไหนต่างหาก”

          สีหน้าของเด็กหนุ่มดูจะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก วัฒน์ถึงถอนหายใจให้กับความหัวทึบในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก่อนจะพูดต่อ

          “ถ้าฉันกับนายอยู่ในห้องนี้เฉยๆ ตลอดทั้งวันมันก็ไม่ได้มีอะไรใช่ไหมล่ะ” วัฒน์มองคนที่ยังงงไม่เลิก “อย่างตอนทำงาน ถึงจะอยู่ด้วยกัน นายก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรใช่ไหมล่ะ เพราะเราก็ไม่ได้คุยอะไรกัน หรือทำอะไรกันสักหน่อย จะดีก็แค่ได้อยู่ด้วยกันก็เท่านั้น”

          เนยังดูไม่แน่ใจนัก แต่ก็พยักหน้าให้

          “แต่ถ้าแบบนี้ล่ะ”

          เด็กหนุ่มสะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายมองหน้าตนพร้อมกับกุมมือแน่น จากที่กำลังงงๆชักเริ่มร้อนขึ้นมาเหมือนคนเป็นไข้ มือที่เข้ามาจับก็ไม่ได้แค่จับเฉยๆ หากแต่สอดนิ้วเข้ามาระหว่างนิ้วของตนแล้วกุมเอาไว้ และไม่รู้ว่าเพราะเนยังคงออกอาการสงสัยไม่เลิกหรืออย่างไร หนุ่มใหญ่ถึงได้ยกมือขึ้นมาเหนือไหล่ โดยที่ยังจ้องตาตนไม่เลิก

          “ห้ามหลบตานะ ไม่งั้นนายจะทำลายเวลาที่มีค่าลง”

          “ดะ...เดี๋ยวสิ ขนาดนั้นเลยหรือครับ” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง ใบหน้าก็แดงเถือกเพราะต้องเล่นจ้องตาแล้วกุมมืออีกฝ่าย จนตอนนี้เขารู้สึกเหงื่อออกเต็มมือหมดแล้ว

          “เทียบกับเมื่อกี้ หรือตอนที่เราทำงานด้วยกัน แบบไหนมันดีกว่าล่ะ”

          เนจ้องคนที่มีใบหน้าแดงไม่ต่างจากตนนัก ก่อนจะผงกหัวให้

          “ดีจนแทบบ้าเลยล่ะครับ...” เขาตอบก่อนจะใช้มือที่ยังว่างปิดหน้าตัวเองทั้งที่รู้ว่าปิดไม่หมดก็ตาม แต่หากไม่ทำมีหวังได้กระอักความเขินตายแน่ “คุณไม่รู้สึกเขินบ้างเลยหรือครับ”

          ที่จริงเขาก็เห็นหลักฐานความอายบนหน้าวัฒน์อยู่หรอก แต่เห็นอีกฝ่ายยังทนมองตนได้ทั้งที่เขาแทบจะกระอักความเขินตายอยู่แล้ว เลยอดถามไม่ได้

          “ก็เห็นอยู่” หนุ่มใหญ่ขึ้นเสียงใส่ และในที่สุดก็หลบสายตาไปทางอื่นสักที ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกหายใจได้ทั่วท้องอีกครา แม้อาการของอีกฝ่ายจะทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายมากกว่าเดิมก็ตาม “แต่มันรักมากกว่าอายนี่...”

          ติวเตอร์เรื่องรักช่างทำให้นักเรียนเวียนหัวเพราะเลือดสูบฉีดเก่งเสียเหลือเกิน!

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออยู่ๆเนก็เข้ามาสวมกอดตนแน่น โดยที่ยังคงกุมมือไม่เลิก

          “เอ่อ...แค่อยากกอดน่ะครับ...ไม่ได้จะทำอะไรหรอกนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยเตือนเสียงเบาพลางแกว่งมือที่กุมมืออีกฝ่ายไปมา “...แบบนี้ใช่ไหมครับที่คุณอยากจะบอก...”

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วก่อนจะแอบยิ้ม

          “ประมาณนั้น” เขาเอ่ยอู้อี้พลางซบไหล่อีกฝ่าย “หัวไวดีนี่”

          “...ผมอาจจะซื่อบื้อแต่ผมไม่โง่นะครับ” เนบอกเสียงขุ่น

          “ก็ไม่แน่ เห็นรู้สึกตัวช้าเหลือเกิน” อดแขวะไม่ได้จริงๆ “แล้วตกลงจะไปเที่ยวหรือเปล่า”

          “ไปสิครับ” เด็กหนุ่มรีบพูดเหมือนกลัวหนุ่มใหญ่จะเปลี่ยนใจ เขาผละออกจากอีกฝ่าย แต่มือยังคงจับมือวัฒน์เอาไว้แน่น “ไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลยนะ”

          หนุ่มใหญ่อดหัวเราะอยู่ในใจไม่ได้ นี่ถ้าเขากับเนอ่อนกว่านี้สักสิบปี คงดูเหมือนลูกที่พยายามคะยั้นคะยอให้พ่อพาไปเที่ยวยังไงยังงั้น



__________________________________________


สุขสันต์วันพ่อจ้า วันนี้ใครไปเที่ยวกับพ่อกันบ้าง >w< คนเขียนคงได้แค่โทรไปแซวพ่อเหมือนเดิม(ได้ข่าวว่าวันอื่นก็แซวทุกวัน)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 05-12-2015 14:36:23
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-12-2015 18:33:51
ดีใจที่เขาหวานกัน ชอบ ชอบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 05-12-2015 19:58:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-12-2015 22:00:48
โอ้ยยย อย่าว่าแต่เนเขินนี่ยังเขินอิลุงมันเหมือนกันหยอดมาแต่ละอันเป็นเคะที่รุกเมะเก่งจริงๆ    :hao3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-12-2015 18:56:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 08-12-2015 23:01:49
น่ารัก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 75 (05/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-12-2015 15:35:28
 ก๊าวใจมากกก ชอบๆๆๆ  :-[
สรุปแล้วแหวนบอกรักนั่นของเนสินะ ฮิ้ววว~
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 76 (10/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 10-12-2015 09:49:31
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 76


          หลังจากเรียนรู้เรื่องคุณค่าของการใช้เวลากันมาอย่างหนักหน่วง ทั้งสองก็ออกไปเที่ยวตามที่ตกลงกันไว้ โดยให้เนเป็นคนนำ ส่วนเงินก็หารเอา แม้อันที่จริงวัฒน์เสนอตัวแล้วว่าเขาจะจ่ายทั้งหมด แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธเสียงแข็งจนน่าประหลาด เพราะเขานึกว่าอดีตแมงดาจะไม่รู้สึกอะไรเสียอีก

          “โอเค ผมเคยเป็นก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนพาไปเที่ยวจะให้สาวเลี้ยงนี่” เนว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูจะแปลกใจเสียเต็มประดา “ของแบบนี้มันก็วินๆ ทั้งคู่ มันก็ควรจะหารกันสิ”

          วัฒน์หัวเราะในลำคอ...เอาเถอะ ก็ยังถือว่าคิดได้อยู่

          “ตามใจ” หนุ่มใหญ่ว่า เพราะถ้าให้อีกฝ่ายเลี้ยงหมดเขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “แล้วนี่จะพาไปไหนล่ะ”

          “ก็นี่ไงละครับ” เนซึ่งเดินนำเข้ามาในห้างแลดูภูมิใจนำเสนอเสียเหลือเกิน “ไปดูหนังกัน”

          “อืม...” เห็นอีกฝ่ายดูดีใจเสียเหลือเกินแล้วไม่กล้าสงสัยว่าทำไมการดูหนังจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นนัก แต่มานึกดูอีกทีตอนอยู่ที่บ้าน เนก็ชอบลงไปดูหนังในห้องนั่งเล่นตอนว่างบ่อยๆอยู่เหมือนกัน

          ท่าทางคงต้องซื้อทีวีมาไว้ในห้องซะแล้วมั้ง...

          เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดา และยังเป็นช่วงที่ห้างเพิ่งเปิด บริเวณแถวโรงหนังจึงยังมีผู้คนเบาบาง ซึ่งก็สะดวกแก่การซื้อตั๋วดี…แต่มันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ ในกรณีที่ไม่อยากเป็นเป้าสายตา

          วัฒน์รู้สึกได้เลยว่าเนกำลังออกอาการลุกลี้ลุกลนจนเหมือนโดนผีเข้า เขาเองก็ไม่แปลกใจนักหรอก เพราะมองผ่านๆ อาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่พอเห็นเป็นผู้ชายสองคนเดินมาซื้อหนังดูด้วยกัน ก็ต้องมีโดนมองกันบ้างล่ะ

          “สวัสดีค่ะ...” พนักงานขายตั๋วชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นหนุ่มน้อยกับหนุ่มใหญ่ตรงหน้า “...ต้องการรับชมภาพยนตร์เรื่องใดคะ...ตอนนี้มีหนังรักอยู่สองสามเรื่องนะคะ...”

          ที่จริงวัฒน์ก็จะไม่คิดอะไรแล้ว ถ้าเนไม่ลนลานจนชาวบ้านเขาผิดสังเกตเนี่ย

          “บางทีฉันก็ไม่เข้าใจว่านายอยาก หรือไม่อยากให้คนอื่นเขารู้กันแน่” หนุ่มใหญ่บอกเสียงเรียบหลังจากซื้อตั๋วหนังสยองขวัญมาแล้ว ที่จริงเขาก็รู้สึกเขินที่โดนมอง แต่เห็นเด็กหนุ่มออกอาการเหมือนคนบ้ามากกว่า อารมณ์ของตนเลยดับวูบเหมือนไฟโดนน้ำสาด

          “ก็มันเขินนี่ครับ” เด็กหนุ่มบอก ท่าทางเหมือนจะขาดใจเสียตรงนี้ให้ได้ ทั้งที่เป็นฝ่ายชวนออกมาเที่ยวเองแท้ๆ “คุณไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง โดนจ้องเอาๆแบบนี้”

          “ฉันก็เขินเหมือนกันล่ะน่า” วัฒน์โต้กลับอย่างรำคาญ “แต่ถ้าเอาแต่ออกอาการเหมือนนายจะยิ่งเป็นเป้าสายตาซะเปล่าๆน่ะสิ”

          ได้ยินเช่นนั้นแล้ว จากที่ทำท่าเหมือนกำลังเกิดแผ่นดินไหว ก็กลับมานิ่งทันควัน ทำเอาวัฒน์แอบขำไม่ได้

          “นายไม่ได้กลัวผีหรอกหรือ” เพราะก่อนหน้าตอนไปทดสอบความบ้า ได้ยินพวกเด็กๆพูดเรื่องที่เนกลัวผี เลยอดสงสัยไม่ได้ที่เนเลือกที่จะดูหนังสยองขวัญ แทนที่จะเป็นเรื่องอื่น

          “กลัวก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชอบดูนะครับ” เด็กหนุ่มบอก ก่อนจะลงไปนั่งบนเก้าอี้ “อีกอย่าง นี่มันหนังสยองขวัญ ไม่ได้มีผีสักหน่อย”

          จริงของมัน

          “ว่าแต่...ทำไมต้องเลือกนั่งตรงนี้ด้วย” ในขณะที่จอหนังกำลังฉายโฆษณาอันแสนยาวนาน วัฒน์ก็เอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงเบา ตรงที่ทั้งสองนั่งเป็นที่นั่งตรงกลางในส่วนหน้าของโรง ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว ถึงจะไม่ใช่หน้าสุด แต่นั่งตรงนี้มันก็ใกล้เกินไป ทั้งยังชวนให้ปวดคอตงิดๆด้วย

          “กะ...ก็ผมไม่อยากให้ใครมานั่งแถวเดียวกันนี่ครับ เดี๋ยวก็มาเที่ยวจ้องกันอีก จะดูหนังทั้งทีก็อยากจะดูสบายๆหน่อย”

          หนุ่มใหญ่นิ่วหน้า “อ้อ...นั่นสินะ”

          ไม่อยากจะบอกเลยว่ามานั่งหน้าสุดแล้วมีหัวโผล่แพลมจากพนักพิงกันแค่สองคนแบบนี้ มันเด่นสะดุดตาจะตายห่า

          เนนั่งสั่นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเพราะแอร์เย็นและเขาก็ใส่มาแค่เสื้อเชิ้ตบางๆตัวเดียว อีกส่วนก็เพราะหนังเรื่องนี้มันทำเอาเขาระทึกและชวนแหวะไปหน่อย ซึ่งหาได้ยากในหนังสยองขวัญสมัยนี้ที่จะทำแนวเครื่องในทะลุจอกันชัดเจนแบบนี้

          เนลอบมองคนที่นั่งข้าง วัฒน์ไม่ได้หลับอย่างที่เขาเข้าใจ ดวงตาเรียวมองหนังอย่างตั้งใจมาก...แต่อีกแง่ ดูแล้วเหมือนกำลังเหม่อมากกว่า ที่สำคัญคือลุงแกดูนิ่งเสียจนไส้ที่กระจัดกระจายออกมาเกลื่อนกลาดพื้นนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย

          “ไม่ไหว...” อยู่ๆหนุ่มใหญ่ก็เอ่ยพึมพำออกมาด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ทำเอาคนที่จ้องวัฒน์แทนที่จะดูหนังถึงกับสะดุ้ง “มีดทื่อๆแบบนั้นตัดคอคนไม่ขาดหรอก”

          “ครับ?”

          “ก็นั่นไง นายไม่เห็นมีดนั่นหรือ ถึงจะเป็นของประกอบฉากก็เถอะ แต่เล่นใช้เล่มบางๆเล็กๆแบบนั้น มันตัดกระดูกสันหลังคนจนขาดไม่ได้หรอกนะ มีหวังมีดทื่อก่อนจะตัดเนื้อหมดด้วยซ้ำ”

          คราวนี้เนสั่นอีกครั้งและมากกว่าเดิม

 

          ถ้าถามเด็กหนุ่ม เขาก็รู้สึกว่าหนังสนุกใช้ได้ อาจจะมีฉากสยองขวัญควักไส้มากไปหน่อยจนให้อารมณ์เหมือนหนังเกรดบี แต่ก็ถือว่าโอเคอยู่ แต่เห็นคนที่มาด้วยดูนิ่งจนไม่รู้ว่าสนุกไปด้วยหรือเปล่า แถมยังแอบบ่นเป็นระยะเรื่องความสมจริงในการแล่เนื้อเถือหนังคนอีกต่างหาก

          “หนังสนุกดีนะ”

          บ่นไปตั้งเยอะเนี่ยนะ

          “ไอ้เรื่องไม่สมจริงมันก็ไม่สมจริงจริงๆนี่ แต่สนุกมันก็สนุกนั่นล่ะ” วัฒน์ร้องเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตีหน้าเหยเกใส่ ก่อนจะชี้ที่ข้อศอกตัวเอง“ถ้าฉันเป็นฆาตกร ฉันไม่ใช้มีดอีโต้หรอก มีหวังหักก่อนตัดแขนขาดพอดี ถ้าตัดข้อนิ้วก็ว่าไปอย่าง”

          พูดงี้นี่คือเคยลองแล้วสินะ...

          “...มันเป็นงาน ก็ไม่ได้อยากจะทำนักหรอก” เห็นอีกฝ่ายออกอาการสะพรึงเลยโพล่งขึ้นอย่างหงุดหงิด “แต่ก็ไม่ได้คิดอยากเลิกหรือชอบหรอกนะ แค่เพราะมันเป็นงานก็เลยทำเท่านั้นละ...ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเป็นฆาตกรโรคจิตนักหรอก”

          “ครับ...” เล่นอ่านใจเสียขนาดนี้แล้วเขาจะพูดอะไรได้ “ถ้าคุณสนุกผมก็พอใจแล้วล่ะ”

          “สนุกสิ” เห็นหนุ่มใหญ่หัวเราะออกมาสักที คนชวนไปเที่ยวก็พลอยดีใจไปด้วย “นี่ก็เที่ยงแล้ว ไปหา...”

          วัฒน์พูดค้างไปแค่นั้นแล้วก็ก้มหน้าหนี ทีแรกเนเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรไปเสียอีก แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอกับร่างที่สั่นกึกๆแล้ว เด็กหนุ่มก็พอจะรู้สาเหตุ

          “เออ จะกี่หอยก็ไปเลยครับ”

          และลุงแกก็ปล่อยก๊ากออกมาจนได้

          แต่สุดท้ายก็ไปจบลงที่มุมขายอาหารในห้างแทน เพราะแต่ละคนก็ไม่รู้จักร้านอาหารในห้างที่มีหอยเป็นส่วนประกอบหลักนัก เลยไม่รู้จะพาไปไหนดี

          “ไว้จบเรื่องไอ้เดชเมื่อไหร่แล้วจะพาไปละกัน ฉันรู้จักร้านดีๆ...” หลังจากซื้อข้าวมาวางไว้บนโต๊ะกันเรียบร้อยแล้ว วัฒน์ก็เอ่ยขึ้นโดยที่ยังขำไม่เลิก “โทษที...หึๆ”

          “อยากขำก็ขำไปตามสบายเลยครับ” เด็กหนุ่มบอก หมดอารมณ์จะโวยวายใส่ “ไว้กลับบ้านค่อยเอาคืนทบต้นทบดอกเลย”

          จากที่กำลังจะตั้งท่าขำถึงกับชะงักทันควัน ใบหน้าขึ้นสีทันที

          “ไอ้เด็กลามก” เพราะไม่รู้จะด่าอะไรดี แต่อยากจะด่าเลยได้แต่พูดคำนี้

          “ตอนนี้ก็ลามกแค่กับคุณเท่านั้นละครับ” เนสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “...พูดแล้วก็ชักอยากขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆ พรุ่งนี้ไปเข้างานสายหน่อยดีไหมละครับ”

          นี่ขู่ตูเรอะ

          “อย่านะเว้ย เดี๋ยวเดือดร้อนกันทั้งบางพอดี” วัฒน์โพล่งเสียงตื่น

          “ถ้าอย่างนั้นเสาร์นี้ทั้งวันเลยได้ไหมละครับ”

          วัฒน์ได้แต่อ้าปากค้าง ท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด และเนก็รู้ดีกว่าควรจะทำยังไง

          “นะครับ...น้า”

          อ้อนด้วยเสียงอย่างเดียวไม่พอ มีช้อนตาใสมองใส่ให้ใจระส่ำอีกต่างหาก

          “...ถ้าช่วยงานฉันให้เสร็จทันละก็นะ...”

          “คร้าบ” เนยิ้มกว้างก่อนจะจัดการออส่วนของตนอย่างรื่นรมย์ที่ได้เอาคืนอีกฝ่าย แถมยังได้ตั๋วขึ้นเตียงอีก โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าบทสนทนาที่พูดเมื่อกี้ดังจนใครต่อใครหันมามอง และวัฒน์เองก็ไม่รู้ตัวเช่นกันเพราะมัวแต่สนใจเจ้าเด็กบ้าตรงหน้ามากกว่า

          หลังจากกินข้าวเสร็จ เนก็ลากหนุ่มใหญ่เข้าร้านเสื้อผ้าเฉย แม้วัฒน์จะบอกว่าเขามีเนคไทมากพอที่จะใส่ไม่ซ้ำได้ทั้งเดือน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ยอมท่าเดียว

          “ผมไม่ขอให้คุณทิ้งของคุณศาสตร์ซื้อ แต่อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้ซื้อให้คุณเถอะ” เนต่อรอง ก่อนจะเริ่มใช้วิชามารที่เพิ่งได้เรียนรู้ “น้า”

          “เออๆ” วัฒน์รับอย่างรำคาญใจ ส่วนหนึ่งเพราะใจอ่อนจริงๆ แต่อีกส่วนเพราะเจ้าเด็กบ้านี่ดันมาอ้อนลืมอายใส่เขาทั้งที่มีคนมองนี่ล่ะ

          และก็เหนื่อยใจตัวเองที่แค่เห็นอีกฝ่ายดีใจก็หายหงุดหงิดด้วย

          “ถ้างั้นฉันซื้อให้นายด้วยก็แล้วกัน” ด้วยความที่ไม่อยากรับอยู่ฝ่ายเดียว วัฒน์จึงเสนอขึ้นหลังจากอีกฝ่ายเลือกเนคไทให้กับตนแล้ว “ชอบตัวไหนก็เลือกเลย”

          “เอ๋ จะดีหรือครับ” แต่หางนี่ส่ายผับๆเชียว

          “หรือจะให้ฉันเลือกให้ล่ะ จะได้วินๆไง”

          หน้าแดงเถือกซะขนาดนี้ เลือกเองเลยเหอะ วันนี้ทั้งวันแกทำฉันเลือดสูบฉีดจนหัวใจจะวายอยู่แล้วนะว้อย!

          “สวัสดีค่ะ” แต่ก่อนที่เนจะได้ตัดสินใจ พนักงานร้านก็เข้ามาเอ่ยถามอย่างเป็นมิตรและสุภาพ “เลือกเสื้อให้ลูกชายหรือคะ”

          วัฒน์ถึงกับขำแบบไม่มีกั๊ก จนพนักงานร้านสาวถึงกับงง

          “ครับ” เมื่อเนเอาแต่เงียบ หนุ่มใหญ่จึงเอ่ยรับขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ช่วยหาเสื้อที่เหมาะกับลูกผมหน่อยครับ...ขอแบบเรียบๆแต่สีออกมืดๆหน่อย พอดีแกชอบประมาณนี้น่ะครับ”

          เนถลึงตาใส่ แม้จะสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้รสนิยมตนได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะกลัวจะมีพิรุธต่อหน้าคนอื่น นอกจากพยักหน้าแดงเรื่อให้คนขาย

          “อ้อ...ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” เธอเอ่ยก่อนจะเดินนำไป ส่วนวัฒน์ที่ตามคนขายก็แอบหันมาหัวเราะในลำคอใส่

          กะว่าไหนๆก็จะโดนแกล้งแล้ว เลยแกล้งผมให้สาแก่ใจเลยใช่ไหม!

          “ค่ะ งั้นลองตัวนี้ไหมคะ” หญิงสาวเสนอพลางหยิบเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดงโทนดำมาให้

          “ผมว่ามืดไปหน่อยนะ เราว่าไงล่ะ”

          เนสะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนสรรพนามเรียกตน ทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำกับเรื่องไม่เป็นเรื่องชอบกล

          “ผมยังไงก็ได้...” เด็กหนุ่มตอบก่อนหันหน้าแดงๆของตนไปทางอื่น แอบนึกกลัวว่าหญิงสาวจะรู้เสียเหลือเกิน

          “อ้อ ถ้าอย่างนั้นลองตัวนี้ไหมคะ” เธอเสนอด้วยรอยยิ้มกว้าง ไม่ได้คิดอย่างที่เนกลัวสักนิด เพราะมองผ่านๆแล้วเหมือนลูกชายที่อายเพราะโตป่านนี้แล้วยังมาซื้อเสื้อกับพ่อเสียมากกว่า

          “อ๊ะ ตัวนี้สวยดีนะ เหมาะกับเราเลย ว่าไงล่ะ”

          ปากก็เสนอแนะ แต่สีหน้านี่ชัดเจนว่าชอบและอยากให้ใส่มาก จนคนที่เขินอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งออกอาการกระสับกระส่าย นึกตำหนิอีกฝ่ายที่เอาแต่ทำให้ตนร้อนรนจนอาจจะทำให้คนอื่นจับได้ หารู้ไม่ว่าที่หญิงสาวยิ้มให้ ไม่ได้คิดอย่างที่เนกลัวเลยสักนิด

          “นั่นสิคะ จะลองไหมคะ” เธอเอ่ยคะยั้นคะยอเมื่อคุณพ่อดูจะเห็นด้วย

          “เอ้า ลองสิ”

          เนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหาเรื่องแกล้งตนหรือเปล่า แต่เห็นใบหน้าติดตื่นเต้นของหนุ่มใหญ่ เขาก็ปฏิเสธไม่ลง

          “ถ้ายังไง ลองหาให้อีกสักสี่ห้าตัวหน่อยนะครับ” เมื่อเนรับมาโดยที่ยังไม่ทันจะได้เดินไปห้องเปลี่ยนเสื้อ วัฒน์ก็เอ่ยขอกับคนขายเพิ่มด้วยจำนวนที่ทำเอาเด็กหนุ่มอ้าปากค้าง

          “เอ๋ ผมว่าแค่ตัวเดียวก็พอมั้งครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเกรงใจ

          “พ่อว่าน้อยไปด้วยซ้ำ” วัฒน์บอกเสียงเรียบ แต่เนรู้ดีว่าอีกฝ่ายกลั้นหัวเราะใส่ตนอยู่ มุมปากมันฟ้อง“ซื้อไปเยอะๆก็ดี อยากเห็นเราใส่เสื้อที่พ่อซื้อให้ทุกวันเลยนี่”

          จากที่อ้าปากจะปฏิเสธถึงกับค้างนิ่งกับเหตุผลนั้น

          เนมองหน้าคนที่ยังคงนิ่งไม่เปลี่ยน ที่จริงก็อยากได้อยู่ เพียงแต่มันดูจะเยอะเกินไปจนเขารู้สึกเกรงใจ เพราะราคาเสื้อแต่ละตัวในร้านนี้ก็ไม่ใช่ถูกๆเสียหน่อย

          “แหม ซื้อเถอะค่ะ คุณพ่ออุตส่าห์ซื้อให้ทั้งที” คนขายช่วยสนับสนุนเมื่อเห็นคุณลูกชายจำเป็นลังเล “ตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่น ซื้อครบหมื่นบาท ลดสามสิบเปอร์เซ็นอยู่นะคะ”

          “หรือครับ ถ้างั้นก็เอาให้ครบเลยละกัน” ในขณะที่เนสำลักกับราคา วัฒน์กลับเอ่ยขึ้นอย่างง่ายดายและเหมือนเป็นราคาปกติที่ใครๆก็ซื้อได้ง่ายๆ “เอ้า เลือกสิ ไม่งั้นเดี๋ยว ‘พ่อ’ เลือกให้เองเลยนะ”

          เน้นงี้คือจงใจมาก!!

          “ได้ครับ” และไม่รู้ว่าเพราะของขึ้นแล้วหรืออย่างไร ความอายมันถึงระเหิดหายไปจนหมด “เลือกมาให้เยอะแล้ว ขอผมเลือกเองละกันนะครับคุณพ่อ”

          สวนกลับไปเสียงเขียว แต่อีกฝ่ายกลับขำเสียอย่างนั้น

 

          เนชักไม่แน่ใจว่าตัวเองสนุกหรือเปล่า เพราะเหนื่อยกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆมาตลอดทั้งวัน ทำเอาเหมือนกำลังจะเป็นไข้ แต่พอมองคนที่เดินอยู่ข้างๆที่ดูจะมีความสุขเลยเหลือเกิน(แม้คนอื่นจะมองไม่ออกก็ตาม) จากที่กำลังเหนื่อยๆถึงกับโล่งใจ

          วัฒน์ชะงัก เมื่ออยู่ๆเนก็เอาหน้าเข้ามาซุกไหล่ตนระหว่างรออยู่ในลิฟท์กันตามลำพัง

          “ไม่กลัวคนอื่นเห็นแล้วหรือไง” หนุ่มใหญ่บอกด้วยน้ำเสียงติดสั่นพลางมองลิฟท์ที่เลื่อนลงไปชั้นใต้ดินด้วยใจระทึก

          “แค่นิดเดียวเอง ตอนนี้ไม่มีคนเห็นนี่ครับ”

          “แต่มีกล้องวงจรปิดนะ ส่องมาทางนี้ด้วย”

          เนเงียบไปพักหนึ่ง

          “ไม่เป็นไร มองผ่านกล้องผมไม่สน อย่ามามองกันโต้งๆก็พอ”

          “มีแบบนี้ด้วย” วัฒน์พ่นเสียงหัวเราะออกมา อยากจะยื่นมือไปลูบหัว เสียแต่ตอนนี้ถือถุงเสื้อเต็มสองมือ เลยได้แต่เอียงคอไปแนบหัวอีกฝ่ายแทน “เที่ยวซะเพลินเลยนะวันนี้”

          “ครับ...แป๊บเดียวก็ค่ำแล้ว” เด็กหนุ่มรับเสียงเบา “ไม่อยากไปทำงานเลยครับ”

          “อย่ารีบขี้เกียจสิวะ” วัฒน์ว่าใส่ พร้อมกับหัวเราะออกมา “เดี๋ยวได้ยกเลิกนัดวันเสาร์หรอก”

          จากที่ทำท่าเหมือนหมดแรงถึงกับฮึดใส่ทันควันจนวัฒน์ชักเริ่มเสียใจตงิดๆที่ออกปากสัญญาไป ท่าทางสงสัยคงได้โดนเอาคืนทบต้นทบดอกอย่างที่ว่าไว้เป็นแน่

          หลังจากเดินมาถึงตัวรถ เสียงโทรศัพท์ของวัฒน์ก็ดังขึ้นเสียก่อนที่จะขึ้นรถ หนุ่มใหญ่นิ่วหน้ามองเบอร์บนจอด้วยความแปลกใจก่อนจะกดรับขึ้น

          “ว่าไงนะ! จริงหรือ”


__________________________________________

พอใกล้จบแล้วมันจะมีอารมณ์อยู่อย่างหนึ่ง อารมณ์เหมือนตอนท้องผูก(?) แบบ...ก็รู้ว่าจะเขียนอะไรนะ แต่เขียนไม่ออก ;w; จะว่าตันมันก็วางพลอตไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่อ๊อกกก
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 76 (10/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 10-12-2015 12:20:55
 :z13
ขำอิเน  :hao7: :hao7:
อยากกรอข้ามไปวันเสาร์จังเลย  :hao6:
แล้วตอนท้ายเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ยยย  :z3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 76 (10/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-12-2015 20:08:33
คิดไม่ออก ก็ปล่อยให้เขาหวานๆ กันไปแบบนี้ล่ะ ช๊อบชอบบบบบบบบบ  o13

ถ้าข้ามไปคืนวันเสาร์ได้เลยยิ่งดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 76 (10/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-12-2015 13:22:50
แหม ลุง ได้ทีละแกล้งเนใหญ่เลยนะระวังจะโดนจัดหนักละ 'คุณพ่อ'  o18
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 76 (10/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 17-12-2015 14:55:13
เหมือนท้องผูกจริงๆด้วยค่ะ

ยังงี้ต้องเพิ่มน้ำ กับกากใยเยอะๆสินะ จะได้ออกมาได้ไง ฮ่าๆๆ  :m20:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 77 (19/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 19-12-2015 15:58:32
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 77


          คนที่นั่งรออยู่ในรถถึงกับหันมองขวับ สีหน้าของหนุ่มใหญ่ดูตื่นตระหนกมาก จนเขาเริ่มกังวลไปด้วย

          “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” เนเอ่ยถามหลังจากวัฒน์ขึ้นรถมา

          “เดี๋ยวก็รู้” วัฒน์ตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งมิด ทำเอาเนต้องรีบรัดเข็มขัดอย่างรวดเร็ว

          เนเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นจุดหมายปลายทางเป็นบ้านเช่าที่สิทธิ์อยู่ ทันทีที่จอดรถ วัฒน์ก็ผลุนผลันออกจากรถแล้วพุ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กดกริ่งรัวเสียจนแทบพัง

          คนที่เปิดประตูให้เป็นฤทธิ์ หนุ่มตาตกอ้าปากทำหน้าหมายจะตะโกนด่าพร้อมกับยกหมัดขึ้น แต่พอเห็นหน้าผู้มาเยือน เขาถึงกับชะงักค้างหน้าซีดเป็นกระดาษทันที

          “คุณวัฒน์” คราวนี้เป็นก้องที่เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย ก่อนจะผลักร่างของแฟนตนให้พ้นทางมาร

          “คุณสิทธิ์ล่ะ” หนุ่มใหญ่ถามอย่างร้อนรน และเริ่มอารมณ์เสียเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่ง “ก้อง! ฤทธิ์!”

          “ขะ…ข้างบนครับ! ขอโทษครับ” ก้องรีบตอบเสียงตื่นเมื่อโดนเรียกอีกครั้งพร้อมกับก้มหัวปะหลกๆ ส่วนฤทธิ์ยังคงค้างไม่เลิก

          “อ้าว อาวัฒน์มาได้ยังไงเนี่ย เมื่อกี้เห็นกริ่งดังผมก็นึกว่าพวกเกรียนที่ไหนซะอีก”

          แต่ยังไม่ทันจะได้เดินขึ้นไป คนที่ตนมองหาก็โผล่ออกมาจากหัวบันไดชั้นสองพอดี วัฒน์ออกอาการเหมือนโลกแตกเมื่อเห็นใบหน้าชอกช้ำของเจ้านาย และรีบปรี่เข้าไปหาเพื่อดูอาการของชายหนุ่มร่างยักษ์ทันที

          “เหวอ คุณสิทธิ์ไปโดนอะไรมาล่ะนั่น ทำไมหน้าปูดบวมแบบนั้นละครับ” เนที่เพิ่งตามมาทีหลังร้องเสียงตื่น ก่อนจะกลับมามองก้องกับฤทธิ์พร้อมแสดงอาการไม่พอใจใส่ “ไหงคุณก้องกับพี่ฤทธิ์ปล่อยให้คุณสิทธิ์เป็นแบบนี้ได้เนี่ย”

          “อ้าวไอ้หนู ฉันตกใจนี่หว่า” ฤทธิ์ว้ากลั่น พร้อมกับตบกะโหลกคนที่เดินเข้ามาในบ้าน เล่นเอาเด็กหนุ่มที่กำลังไม่พอใจถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ “นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ ที่คุณสิทธิ์กับ…วินชกกันแบบนี้น่ะ”

          เนทำหน้าเหมือนเห็นผี ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ถึงจะมีความเป็นไปได้และเกิดเหตุการณ์เฉียดมีเรื่องกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่คิดว่าสองคนนี้จะทะเลาะถึงกับลงไม้ลงมือกันจริงๆ

          “อะไรนะ คุณสิทธิ์…กับคุ…เอ่อ…กับวินทะเลาะกัน” เนระวังไม่ให้เผลอเรียกวินอย่างสุภาพต่อหน้าเจ้านาย “ไหงงั้นละครับคุณสิทธิ์”

          “เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ผมกับมันต้องทำให้ชัดเจน” สิทธิ์อ้อมเสียงอ่อย หลังจากอิดออดอยู่นานเพราะโดนวัฒน์จ้อง “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่ครับ ผมสัญญา”

          คนฟังแลดูจะไม่อยากเชื่อกันเท่าไหร่นัก

          “จริงๆนะครับ ผมอาจจะเกลียดมันเหมือนขี้หมาติดรองเท้า แต่…อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบใช้กำลังกับใครถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมใช้ก่อน เพราะงั้นผมไม่ลงมือก่อนแน่”

          “งั้นถ้าอีกฝ่ายลงมือก่อนก็อีกเรื่องใช่ไหมล่ะครับ” ได้ยินวัฒน์พูดแบบนั้น สิทธิ์ก็แบะปากเหมือนลูกที่พ่อแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นที่อยากได้ให้ “ขอร้องเลยล่ะครับ ก่อนหน้านั้นก็ทำผมจะตายทั้งเป็นแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องเลวร้ายเหมือนคราวก่อนอีกแล้วนะครับ”

          ที่จริงเขาก็รู้อยู่แก่ใจ รวมถึงตัวเนเองก็เป็นห่วงสิทธิ์เหมือนกัน แต่พอเห็นหนุ่มใหญ่เป็นห่วงเจ้านายตนมากเสียเหลือเกิน มักก็อดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้

          “มันไม่เป็นแบบนั้นหรอกครับ เพราะงั้นไงถึงให้พี่ก้องกับพี่ฤทธิ์มาคุ้มกันผม ใช่ไหมล่ะครับ ผมก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนคนเดียวด้วย อย่าห่วงผมเลยครับ ผมห่วงอามากกว่านะครับ” สิทธิ์รีบพูดหวังให้อีกฝ่ายเลิกกังวล “…อาอย่าห่วงเลยครับ อีกไม่นานมันก็จะจบพร้อมกับข่าวดีแล้ว”

          “…ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น” แลดูวัฒน์จะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก แต่พอเห็นสายตามุ่งมั่นของเจ้านาย เขาก็ได้แต่ยอมตกลง “ถ้างั้นผมกับเนกลับก่อนละกัน…พักผ่อนให้เยอะๆนะครับ แล้วก็อย่าไปทำอะไรให้กระทบกระเทือนกับแผลด้วยล่ะ เดี๋ยวมันจะหายช้า ถ้าให้ดี กินยาไม่ก็ประคบด้วยล่ะครับ”

          “ครับ เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มตอนเสียงอ่อน “น่า อาอย่าเป็นห่วงผมนักเลยครับ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ผมว่าอารีบกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะ งานเยอะไม่ใช่หรือครับ เดี๋ยวอานั่นล่ะจะล้มหมอนนอนเสื่อไปเสียก่อน”

          “นะ…นั่นสิครับ งานยังค้างอยู่อีกนี่ครับ เดี๋ยวทิ้งงานนานมันจะไม่ดีไม่ใช่หรือครับ คุณเป็นคนบอกเองนี่ว่าต้องรีบทำให้เสร็จในอาทิตย์นี้น่ะ” เนโพล่งเสียงตื่น ลนลานเสียจนคนมองพากันแปลกใจ เพียงแต่วัฒน์มีความไม่พอใจร่วมด้วย เพราะเด็กหนุ่มออกอาการเหมือนอยากจะรีบกลับเสียเหลือเกิน ทั้งที่หนุ่มใหญ่อยากจะอยู่ต่อให้นานกว่านี้อีกแท้ๆ

          “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนละกัน” เมื่อแต่ละคนอยากให้ตนกลับ วัฒน์จึงเอ่ยลาด้วยความเสียอกเสียดาย “หายเร็วๆนะครับ”

          “ครับ กลับบ้านดีๆนะ” สิทธิ์โบกมือให้อีกฝ่าย ยืนส่งหนุ่มใหญ่จนกระทั่งปิดประตูบ้าน

          “เป็นอะไรของนาย” หลังจากกลับขึ้นรถแล้ว วัฒน์ก็ถามคนที่ยังนั่งหน้ามุ่ยไม่เลิก เขาไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าเด็กบ้านี้จะพูดเพราะอยากรีบกลับไปทำงานเอาวันนี้

          เนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีหวาดหวั่น แต่ยังคงแบะปากแสดงอาการไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

          “ผมก็แค่...ไม่ชอบใจที่คุณเป็นห่วงคุณสิทธิ์”

          “หา” ร้องลั่นรถเลยทีเดียว “พูดบ้าอะไรของนาย แล้วนายไม่ห่วงคุณสิทธิ์เลยหรือไง”

          “ห่วงสิครับ แต่ไม่ได้เวอร์เหมือนคุณสักหน่อย” เด็กหนุ่มกระแทกเสียงใส่ “ผมรู้นะว่ามันบ้า แต่ผมหึงนี่นา”

          เออ โคตรบ้า

          “ผมก็ไม่ได้จะห้ามหรอกนะครับ แต่ผมว่าคุณห่วงคุณสิทธิ์มากเกินไปแล้ว” เนบอกต่อด้วยเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ “คุณกะจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้คุณสิทธิ์ไปตลอดชีวิตเลยหรือไง เขาก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ”

          เปรียบซะไม่กล้าจินตนาการภาพตามเลยทีเดียว

          วัฒน์อ้าปากเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็มีแต่เสียงถอนหายใจออกมาแทน

          “อยู่ๆมาบอกปุบปับแบบนี้ทำไม่ได้หรอก ก็ทำมาตั้งแต่เห็นหน้ากันแล้วนี่ ยังไงฉันก็เห็นคุณสิทธิ์เหมือนลูก จะโตแล้วยังไงก็ห่วงอยู่ดี” วัฒน์บอก รู้สึกยุ่งยากใจยังไงชอบกล “...นายจะขี้หึงเกินเหตุไปแล้วนะ”

          “ก็ไม่ได้อยากหรอกน่า” เนแหววใส่เสียงขุ่น “...ทีคราวก่อนผมโดนไอ้เดชชกเอา ไม่เห็นคุณจะห่วงผมแบบนั้นบ้างเลย”

          วัฒน์เลิกคิ้วเหล่มองเด็กหนุ่มที่ยังนั่งหน้ามุ่ย จากนั้นก็หัวเราะหึหนึ่งทีแต่ดังชัดเจนจนเนหันมาตีหน้ายักษ์ใส่

          “อยากให้ฉันทำกับนายเหมือนกับที่ทำกับคุณสิทธิ์หรือไง”

          ไม่ต้องตอบ แค่เหลือบเห็นคนที่ออกอาการลุกลี้ลุกลนด้วยใบหน้าแดงเถือกก็ชัดเจนมากพอแล้ว

          “เปล่าสักหน่อย ผมไม่เอาด้วยหรอก น่าอายตายชัก” แก้ตัวน้ำขุ่นๆด้วยหน้าแดงๆพรรค์นั้นใครจะไปเชื่อ “แค่บอกให้คุณลดลงก็เท่านั้น”

          “เออๆ จะพยายาม” ฟังน้ำเสียงที่ตอบออกมาอย่างส่งๆแล้ว เนชักไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ มือถือของหนุ่มใหญ่ก็ดังขึ้นอีกแล้ว “อะไรฉัตร...ว่าไงนะ! แล้วทำไมนายไม่ห้ามล่ะ...เออๆ แล้วจะรีบไป”

          เนชักไม่อยากจะถามแล้ว ยิ่งเห็นวัฒน์เหยียบคันเร่งซะเกือบมืด เขาก็ได้แต่นั่งเงียบๆ จับเข็มขัดนิรภัยแน่น และสวดบทสวดอะไรก็ตามที่จะทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้น

          คราวนี้วัฒน์ขับมายังผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในเครือของสิทธิ์ และไม่ต้องถามอะไรให้มากความ แค่เห็นกลุ่มคนสองคนที่ยืนหน้าปูดหน้าบวมกันที่ตรงหน้าทางเข้าก็ชัดเจนแล้ว แต่ละคนต่างพากันหน้าซีดหน้าเซียวทันทีที่เห็นวัฒน์เดินหน้านิ่งเข้ามา เนเลิกคิ้วมองคนทั้งสองกลุ่ม ซึ่งทั้งหมดแต่งตัวเป็นพนักงานของร้าน แต่ในยามนี้ร้านปิดสนิท และไม่มีลูกค้าใดๆเลย จึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อยเพราะหากมีคนนอกโดนลูกหลงไปด้วย คงเกิดความวุ่นวายบานปลายไปมากกว่านี้เป็นแน่

          วัฒน์มองฉัตรที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มคนสองกลุ่ม โดยมีต่อกับปาล์มอยู่ด้านหลัง คอยระวังไม่ให้เกิดการวิวาทกันอีก สีหน้าของหนุ่มร่างยักษ์ยามนี้ไม่เหลือเค้าความขี้แกล้งเลยสักนิด ใบหน้านั้นนิ่งเรียบเหมือนกับวัฒน์ไม่มีผิด ทำเอาเนเริ่มรู้สึกขึ้นมาว่าทั้งสองหน้าคล้ายกันจริงๆ และก็ได้แต่ด่าตัวเองว่าทำไมถึงไม่สังเกตเห็นตั้งแต่เนิ่นๆกัน จะได้ไม่ต้องไปหน้ามืดทำเรื่องน่าอายอย่างไปหึงวัฒน์กับฉัตรแท้ๆ

          “เอ้า พูดกันสิว่าพวกแกตีกันทำไม” ฉัตรหันไปบอกเหล่าลูกน้อง แต่ละคนพากันสะดุ้งก่อนจะก้มหน้าก้มตา ทำเอาคนถามนิ่วหน้าขึ้นมา “ไอ้ตอนมีเรื่องกล้าทำ แต่พอโดนจับได้มายืนปอดแหกกันเรอะ ถ้าเป็นสมัยคุณมาโนชพวกแกไม่ได้มายืนสำนึกผิดกันอยู่ตรงนี้หรอกนะ”

          ซึ่งแม้เนจะไม่เคยเห็น แต่ดูจากอาการสั่นเป็นเจ้าเข้าของแต่ละคนแล้ว พ่อของสิทธิ์คงจะโหดน่าดู

          “ก็มันไม่ถูกนี่...” ชายคนหนึ่งที่อายุราวสามสิบกว่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดสั่น “ที่คุณสิทธิ์ทำน่ะ”

          วัฒน์เพียงแต่เลิกคิ้วและเงียบมองอีกฝ่ายเพื่อรอฟังต่อ แต่ไม่รู้ว่าสีหน้าของลุงแกเหมือนพร้อมจะชักปืนขึ้นมาเป่าทันทีที่ได้ฟังเหตุผลหรือเปล่า ถึงทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าจะพูดนัก ทำให้ฉัตรต้องจัดการเข้าไปเค้นคอแทน

          “ผมว่ามันแปลกออกนี่ครับ” เขาโพล่งก่อนที่หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์จะเดินเข้าไปถึงตัว “ต่อให้พวกเราพยายามเปลี่ยนไปทำให้งานที่เราทำอยู่มันถูกต้องแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเดิมทีมันก็เป็นงานสกปรก แล้วจะเปลี่ยนให้มันครึ่งๆกลางๆแบบนี้ทำไมกันล่ะ สู้ให้มันสกปรกไปเลยยังจะดีกว่านี่ครับ ทำแบบนี้ไปก็ไม่เห็นจะได้อะไรสักหน่อย แถมเงินก็ได้น้อยลงด้วย”

          หนุ่มใหญ่นิ่วหน้าเล็กน้อย และทั้งที่ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย แต่เขากลับนึกถึงเดชขึ้นมา เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะครอบครองสมบัติของสิทธิ์จริงๆ วัฒน์เริ่มนึกถึงคำพูดของเดช ก่อนที่เขากับอีกฝ่ายจะแตกหักกัน

          ‘นายไม่คิดจะค้านบ้างเลยหรือไง ความคิดของคุณสิทธิ์มันงี่เง่ามากเลยนะ’

          ทีแรกวัฒน์ก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะจริงจังอะไรกับคำพูดของเด็กสิบขวบ เลยไม่ได้นึกใส่ใจนัก แต่พอมาคิดๆดูถึงการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาของเดชมันก็ฟังดูเข้าเค้าพอสมควร ทั้งเรื่องที่ชวนเขาไปร่วมด้วยทั้งที่วัฒน์ปฏิเสธมาตลอด ทั้งสันดานเดิมของเดชที่เขารู้จักดี

          จากที่กำลังมีอารมณ์ เมื่อเห็นวัฒน์ที่ยืนนิ่งอยู่เสียนานยิ้มขึ้นทุกคนก็พากันค้างนิ่ง เพราะนั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่น่าดูนัก หากแต่มันน่ากลัวและทำเอาขนลุกเกรียว

          “ถ้าไม่พอใจนัก จะลาออกไปก็ได้นะ” หนุ่มใหญ่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่ยังคงยิ้มอยู่ ซึ่งทำเอาคนมองรู้สึกกลัวมากๆ แม้แต่เนเองยังนึกหวั่นไปด้วย “กลุ่มอื่นที่เขาทำงานแบบที่พวกนายต้องการก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่เข้าไปเสียล่ะ พวกเราเองก็รู้จักกลุ่มพันธมิตรที่ดำเนินการแบบนี้อยู่ จะให้ฉันฝากพวกนายให้ก็ได้นะ”

          มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ วัฒน์หันมองคนที่ใจกล้าเอ่ยเหตุผลกับเขา ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่กลับมานิ่งเหมือนเดิม ชายคนนั้นถึงกับผงะและถอยหนี แต่พรรคพวกที่อยู่ด้านหลังกลับไม่ยอมและผลักกลับให้ไปรับหน้าวัฒน์

          ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็หาได้ยกปืนขึ้นจ่อหัวใส่แต่อย่างใดนอกจากยืนมองเฉยๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่เผชิญหน้าแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว

          “จะกลัวอะไรล่ะ นี่ฉันพูดจริงๆนะ” ซึ่งเนก็เห็นว่าลุงแกพูดจริงนั่นล่ะ เพียงแต่สีหน้าที่ดูภูมิใจนำเสนอของวัฒน์อาจจะดูไม่คุ้นตากับคนอื่นกระมัง แต่ละคนถึงได้ทำหน้าหวาดหวั่นเพราะคิดว่าอีกฝ่ายพูดประชดกันมากกว่า “จะให้โทรไปติดต่อตอนนี้เลยก็ได้ รับรองว่าฝากวันนี้พรุ่งนี้ได้เลยด้วย ว่าไงล่ะ”

          กลายเป็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบเสียอย่างนั้น

          “ฉันไม่โกรธแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรที่พวกนายคิดแบบนั้นหรอกนะ” เมื่อเห็นลูกน้องเอาแต่สั่นไม่เลิก วัฒน์จึงพูดขึ้นต่อ “แต่ ฉันอยากจะบอกให้รู้ไว้ ว่าเหตุผลที่คุณสิทธิ์ทำแบบนี้ ก็เพราะเขาไม่เคยเห็นว่าพวกนายเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่จะคอยบังคับให้ทำตาม สิ่งที่ต้องการ แต่เห็นเป็นคนในครอบครัว ถ้าไม่ชอบหรือคิดว่าเงินมันสำคัญกว่าก็ออกไปได้เลย คุณสิทธิ์ไม่เคยบังคับให้พวกนายอยู่เลยสักคน มีตั้งหลายคนที่ออกไปทำงานอื่น และฉันรับรองให้เองว่าจะไม่มีผลอะไรในภายหลังด้วย”

          ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ หากแต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเลและหวาดหวั่นนั้นหายไปแล้ว

          “เอ้า สรุปไม่ออกแล้วหรือไง เห็นทีเมื่อกี้ยังตีกันจะเป็นจะตายอยู่เลย” เมื่อแต่ละคนเอาแต่เงียบ ฉัตรจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายียวนกวนส้นเท้าเช่นเดิม “ไง ไม่ไปละเหรอจ๊ะ”

          คนที่ออกปากบอกเหตุผลทำหน้าเบี้ยวเล็กน้อยก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น

          “ฉันไม่เคยพูดสักหน่อยว่าอยากออก”

          “แต่ถ้าอยากออกเมื่อไหร่ก็บอกละกัน ฉันจะได้จัดการให้”

          เนรู้ว่าวัฒน์แค่ตั้งใจจะเสนอทางเลือกให้อีกฝ่ายเฉยๆ แต่สงสัยหน้านิ่งไปกระมัง คนฟังถึงพากันออกอาการกระอักกระอ่วน

          “ไม่ออกหรอกครับ ผมก็ทำงานที่นี่มานาน...เอาเข้าจริงๆ ถึงตอนนี้จะได้เงินน้อยลง แต่ก็มีความสุขกว่าเมื่อก่อนเยอะ” ชายหนุ่มบอกเสียงลนก่อนจะลดเสียงลงทีละน้อย “...พวกผมผิดไปแล้วที่หลงผิดคิดแต่เรื่องเงิน...”

          “ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงิน ก็บอกกันก็ได้...ถ้าไม่ได้เอาไปทำเรื่องเข้าตัวเองน่ะนะ” วัฒน์บอกต่อแล้วถอนหายใจ แต่ไม่วายยังพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงต่ำเหมือนขู่กลายๆ จนอีกฝ่ายไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรดี “แต่ถ้าอยากไปทำงานอื่นจริงๆก็บอก คุณสิทธิ์เขายินดีอยู่แล้ว”

          เนก็อยากจะบอกลุงแกจริงๆว่าถ้าหวังดีนักก็เลิกฆ่าคนด้วยสีหน้าได้แล้ว

          “แหม่ สมกับเป็นพระเอกจริงๆ มาทีเดียวจบเรื่องเลย” หลังจากแยกย้ายกันไปเหลือแค่กรรมการห้ามมวย ฉัตรก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเริงร่า หากแต่คนโดนชมกลับดูไม่ดีใจนัก “เป็นอะไรหรือ”

          “ฉันว่าจะไปดูที่อื่นที่ไอ้แว่นนั่นเป็นคนดูแลอยู่หน่อย” วัฒน์บอกเสียงเรียบ “ฉันก็ไม่รู้ว่าแค่พูดมันจะได้ผลหรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็อยากจะบอกให้จบเรื่องไป จะได้ไม่ต้องมาตีกันแบบนี้อีก”

          “ก็จริงของนายละนะ ไอ้เดชคงเที่ยวกล่อมคนอื่นไปทั่ว พูดให้ชัดๆไปเลยก็น่าจะดีกว่า” ฉัตรเปรยเสียงเนือยเพราะนั่นหมายความว่าต้องทำงานหนักอีกแล้ว “ถ้ายังไงก็แยกย้ายกันไปประกาศไหม จะได้เร็วขึ้นด้วย”

          ฉัตรชะงักเล็กน้อยเมื่อรอบนี้อีกฝ่ายไม่ได้หน้านิ่งเหมือนเมื่อครู่ หากแต่กลับเหยียดยิ้มกว้าง ซึ่งทำเอาคนมองหนาวสันหลัง

          “ฝากด้วยล่ะ ให้เสร็จในคืนนี้ยิ่งดี”



________________________________________________
ได้ยาถ่ายละ ฮิ้วว \=w=/ รู้สึกโล่ง ฮา

คง เพราะใกล้จบแล้วมันจะมีอะไรให้คิดเยอะ เลยเกิดอาการเหมือนพอกำลังคิดเรื่องนี้ มีเรื่องอื่นมาตีกันอยู่ในหัว เลยเกิดอาการแลคไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยงับ ;w;
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 77 (19/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-12-2015 15:59:51
 :z13: :z13:
------------------------
อิเน 5555 หึงได้น่าตบกะโหลกมาก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 77 (19/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-12-2015 17:20:50
ฮาเนอะนี่ขยันหึงจริงจัง แล้วพอมาทำง้องแง้งใส่ลุงแกลุงแกก็รับปากแบบส่งๆอีก น่าสงสาร ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 77 (19/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 19-12-2015 18:50:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 77 (19/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-12-2015 19:27:49
 :pig4: ไม่รู้จะเม้นอะไรอ่ะ

คาดว่าอยู่ในอาการเดียวกับลูกน้องทั้งหลาย  :mew5: (อย่าจ้องเค้าแบบนั้น เค้ากลัว 555)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 77 (19/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 19-12-2015 22:52:26
รู้สึกงานจะเข้า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 77 (19/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-12-2015 22:56:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 78 (23/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 23-12-2015 08:34:50
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 78


          “คิดว่ามันจะได้ผลหรือเปล่าครับ”

          วัฒน์หันมองคนที่นั่งอยู่ข้างตนบนรถก่อนจะหันกลับไปมองถนน ซึ่งตอนนี้รถของตนรายล้อมไปด้วยรถมากมายที่กำลังรอสัญญาณไฟเขียวมาร่วมสิบนาทีแล้ว ท่าทีของเนดูกังวลและกระสับกระส่ายเอาการ ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้แปลกใจนัก

          เพราะหลังจากแบ่งหน้าที่กับฉัตร วัฒน์ก็ใช้เวลาตอนกลางคืนส่วนใหญ่ตะลอนไปตามผับ บาร์และอาบอบนวดในเครือเพื่อประกาศเจตจำนงของสิทธิ์ รวมถึงเสนอทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่อยากจะเดินร่วมทางกับสิทธิ์เต็มที่ แต่ไม่รู้เพราะกลัววัฒน์หรืออย่างไร แต่ละคนถึงลังเลและไม่ได้ให้คำตอบกันในทันทีเท่าใดนัก ซึ่งนั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเลยสักนิด

          “จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ช่างปะไร” คำตอบทำเอาเนถลึงตาใส่ “เพราะที่ฉันต้องการคือความปลอดภัยของคุณสิทธิ์ และถ้าตัดกำลังศัตรูไปได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี…ยกเว้นเสียแต่พวกนั้นจะยอมร่วมมือกับไอ้แว่นนั่นน่ะนะ…”

          ฟังจากน้ำเสียงแล้วเนไม่กล้าจะคิดภาพตามเลยทีเดียว

          “แต่ส่วนใหญ่ที่เป็นคนเก่าคนแก่เองก็ไม่คิดจะแทงข้างหลังคุณสิทธิ์นักหรอก เพราะได้รับความช่วยเหลือกันมาเยอะ ถ้าเป็นคนใหม่ๆเองก็เลือกเงินที่ไม่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ยังไงก็ดีกว่าไปอยู่กับไอ้เดชแน่นอน…คงมีไม่กี่คนหรอกที่จะเลือกทางตายกันน่ะ”

          ลุงแกมั่นมากว่าใครไปเข้าพวกเดชนี่คือไม่รอดแน่นอน…แต่ดูทรงก็คงจะใช่อยู่

          “แต่อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะนะ…” ดวงตาเรียวนั่นดูสงบนิ่ง ราวกับไม่ยี่หระต่ออนาคตที่ดูไม่สู้ดีนัก ทั้งยังฉีกยิ้มพราย ดูชั่วร้ายเสียจนน่ากลัว “ฉันรอให้มันมาถึงไม่ไหวเลยล่ะ…”

          “นั่นสินะครับ” เนได้แต่ตอบอย่างหวั่นใจ ไม่อยากให้มันนองเลือดเท่าใดนัก “ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วนี่…”

          วัฒน์หันกลับไปมองคนที่หงอยลงอีกครั้ง ก่อนจะเลิกคิ้ว

          “เป็นอะไร” เห็นอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบแล้วทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เลยอดถามไม่ได้

          เนเหลือบมองมาทางตนด้วยท่าทางเหมือนลูกหมามีความผิด คิดอยู่นานกว่าจะยอมเอ่ย

          “มะ…ไม่มีอะไรหรอกครับ…แอ้ก!” ตอบไม่ทันจบก็โดนคนนั่งข้างจับหน้าหันมาหา พอเห็นสีหน้านิ่งที่ติดไปทางหงุดหงิดของหนุ่มใหญ่ จากที่พูดไม่ค่อยจะออก ยิ่งไม่กล้าพูดเข้าไปใหญ่

          “ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่ามีอะไรก็ให้บอกตรงๆ” วัฒน์เอ่ยเสียงเขียว ก่อนจะบีบหน้าเด็กหนุ่มแน่นเสียจนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกระบม “มีอะไรก็พูดมาสิ”

          เนนิ่วหน้ามอง ท่าทางเหมือนยังไม่อยากจะพูดเท่าใดนัก เลยโดนมือที่จับหน้าเปลี่ยนเป็นหยิกแก้มเสียยืดแทน

          “โอ๊ยๆ อู้ดแอ๊วๆ” เนบอกเสียงอู้อี้ ก่อนจะปัดมืออีกฝ่ายออก แล้วจับแก้มบวมๆของตัวเอง “ผมก็แค่คิดว่าตอนนี้พวกเรายุ่งกันมาก…อาจจะไม่ได้พักกันอีกนาน…แต่ผมก็เข้าใจว่างานต้องมาก่อน…”

          วัฒน์มองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะถึงบางอ้อ และนั่นทำเอาคนที่กำลังหงุดหงิดถึงกับหน้าแดง จากนั้นก็หัวเราะแบบไม่มีเกรงใจ

          “อีกวันเดียวก็ทนไม่ได้แล้วหรือไง” แม้อันที่จริงระยะเวลาการงดกิจกรรมบนเตียงก็นานพอสมควรเพราะช่วงนี้ก็ยุ่งกัน แต่เพราะยุ่งมากนี่ล่ะ ถึงได้ไม่ว่างไปคิดเรื่องอย่างว่านัก เขาเลยคิดว่าอีกฝ่ายที่ยุ่งไม่ต่างจากตนก็คงไม่มีอารมณ์เท่าไหร่ด้วย

          “ปกติผมเคยเว้นนานขนาดนี้เมื่อไหร่ล่ะ ทุกวันสามเวลาหลังอาหารด้วยซ้ำ” ได้ยินอีกฝ่ายพูดแล้ววัฒน์ก็เริ่มสยองขึ้นมา เพราะกลัวเด็กหนุ่มจะหน้ามืดอีกเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ “...แต่มันลดลงจนอดทนได้แล้วล่ะครับ...ยิ่งได้คบกับคุณแล้วก็ไม่อยากทำกับใครนอกจากคุณคนเดียวนั่นล่ะ...”

          นี่คือการอ้อนขอทางอ้อมหรือเปล่าฟะ

          “ตะ...แต่ถ้ายุ่งมากจะผลัดไปก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่ได้ทนไม่ไหวขนาดนั้น” พอเห็นหนุ่มใหญ่นั่งคิดนาน เนก็รีบตอบเสียงลนด้วยความเกรงใจแต่เสียดายแบบไม่มีปิดบัง “ผมรอได้อยู่แล้วล่ะครับ...”

          อะไรคือบอกว่าไม่เป็นไรแต่ทำเสียงน้อยใจฟะ

          แต่วัฒน์ก็พูดไม่ออกเท่าใดว่า ‘ว่างอยู่แล้ว’ เพราะตอนนี้งานก็เยอะมากจนสามสี่วันมานี้แทบจะกลับบ้านเกือบห้าทุ่ม แม้จะเป็นเพราะต้องมานั่งรอไฟแดงอยู่ชั่วโมงกว่าก็ตาม

          “เน”

          เจ้าของชื่อที่นั่งเป็นหมาเซื่องๆ หันมองคนที่เรียกตน ซึ่งวัฒน์เพียงแต่กระดิกนิ้วด้วยใบหน้านิ่งเหมือนต้องการให้เนเข้าไปหา

          และทันทีที่ชะโงกหัวเข้าไป เนก็เจอการโจมตีทางริมฝีปากแบบไม่ทันตั้งตัว

          “...เอามัดจำไปก่อนแล้วกัน” หนุ่มใหญ่บอกก่อนจะหันไปมองทาง ใบหน้านั้นแดงก่ำเสียจนชัดเจน

          เนที่มีอาการไม่ต่างจากอีกฝ่ายมองวัฒน์อย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ก่อนจะหน้าเบี้ยว

          “แบบนี้เขาไม่เรียกว่ามัดจำสักหน่อยครับ เขาเรียกว่ากระตุ้นให้หน้ามืดกว่าเดิมสิไม่ว่า” เด็กหนุ่มกลับโวยวายใส่เสียอย่างนั้น “คนอุตส่าห์ทนมาได้ตั้งนาน”

          “เอ้า นี่ฉันผิดเรอะ” วัฒน์ย้อน แต่ยังไม่ทันจะออกอาการหัวเสีย ก็เงียบลงเพราะโดนอีกฝ่ายดึงตนเข้าไปกอดเสียแน่น “เอ๊ย เดี๋ยวสิว้อย อึก...”

          หนุ่มใหญ่ร้องเสียงหลงเพราะนอกจากกอด อีกฝ่ายยังมาซุกไซ้ซอกคอแถมทั้งดูดทั้งเลียจนสะท้านไปหมด ครั้นจะถอยหนีที่ก็แคบเสียเหลือเกิน บวกกับแรงควายของอีกฝ่าย วัฒน์เลยทำได้แค่ขืนหนีอย่างเสียเปล่าเพียงเท่านั้น...และไปๆมาๆก็ชักจะไม่ อยากสู้กลับชอบกล เพราะเว้นว่างไปนาน เลยทำให้ความรู้สึกคิดถึงมันดึงเข้าหาอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น ทั้งที่บอกตัวเองว่าตอนนี้อยู่ในรถท่ามกลางถนนที่มีรถคันอื่นเต็มไปหมดก็ตาม

          “แบบนี้สิครับ ถึงเรียกว่ามัดจำ” หลังจากเล่นงานเสียจนคนขับระทวย เด็กหนุ่มก็เอ่ยด้วยสีหน้าเหมือนยังไม่พอใจนัก “แต่วันเสาร์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ ผมเข้าใจ”

          นี่ขนาดเข้าใจยังเล่นซะฉันเหยียบคันเร่งไม่ออก ถ้าไม่เข้าใจแกไม่ปล้ำฉันบนรถเลยเรอะ

          “ไอ้บ้าเอ๊ย” วัฒน์ไม่รู้จะด่าอะไรดีนอกจากคำนี้ จะไปหาว่ามันฉวยโอกาสก็ใช่ทีเพราะเมื่อครู่นี้ตนก็เป็นคนดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบก่อนด้วย

          เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาก่อนที่วัฒน์จะคิดหาคำด่าอื่นต่อ หนุ่มใหญ่มุ่นคิ้วมองเบอร์ก่อนจะกดรับ “ว่าไง...อืม...อืม...เข้าใจแล้ว...ฝากด้วยละกัน...แล้วเดี๋ยวฉันจะจัดการต่อเอง”

          ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เห็นสีหน้าหมดอาลัยตายอยากของวัฒน์ เนก็รู้สึกไม่ดีเท่าใดแล้ว

          “ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก” วัฒน์ว่าแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ฉัตรแค่มาบอกว่า พวกคนงานหลายคนที่จะไม่อยู่ต่อ รวมตัวกันมาจะขอให้ทำเรื่องย้ายงานให้ แค่นั้นเอง”

          ตอนนี้เนชักเข้าใจความหมายของสีหน้าของวัฒน์แล้ว

          “ท่าทางนัดวันพรุ่งนี้คงต้องผลัดไปก่อน...นะ”

          เนก็เข้าใจอยู่ แต่พอเห็นอีกฝ่ายบอกด้วยท่าทีรู้สึกผิดเสียเต็มทนแล้วไม่รู้ทำไมอยากงอนต่อ เสียอย่างนั้น...ก็ไม่ค่อยจะโดนง้อเท่าไหร่นี่นะ

          “...ผมเข้าใจครับ” เนบอกแล้วพยายามทำเสียงสลดที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะหันไปมองทางอื่น ในใจก็หวั่นกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าตนแกล้งงอน

          ซึ่งวัฒน์ก็สงสัยอยู่จริงๆนั่นล่ะ เพราะน้ำเสียงของเจ้าเด็กบ้านี่มันติดสั่นเหมือนกลั้นหัวเราะมากกว่า หนุ่มใหญ่เลยแอบมองสีหน้าเด็กหนุ่มทางกระจกหน้าต่างรถ ซึ่งก็พบความจริงจนน่าเขกหัวอีกฝ่ายที่ทำตัวไม่เข้าเรื่อง...แต่ในเมื่ออยากให้ง้อนักก็จัดไป

          “น่า ฉันก็ไม่ได้อยากผิดนัดนายนะ อย่าโกรธฉันเลย ฉันขอโทษ” วัฒน์แกล้งง้อด้วยเสียงหวานจนเนนิ่วหน้ากับมิติใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน “หายโกรธฉันเถอะนะ จะให้ทำอะไรก็ได้ น้า”

          ถึงกับหันขวับมาด้วยใบหน้าหมาเห็นเนื้ออย่างลืมตัวทันที และก็โดนดีดมะกอกใส่ทีเผลอจนถึงกับร้องโอดโอย

          “นึกว่าฉันจะไม่รู้หรือไง ว่านายแกล้งงอน” วัฒน์กลับมาทำหน้านิ่งอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ จากนั้นก็เริ่มสนใจถนนตรงหน้าเพราะไฟเริ่มเขียวสักที “หัดทำสีหน้านิ่งๆหน่อยเถอะ ฉันมองเห็นผ่านกระจกก็รู้หมดว่าคิดอะไรอยู่”

          เด็กหนุ่มหน้าเสียที่พลาดพลั้งกับเรื่องง่ายๆ ก่อนจะทำหน้าหงอยลงจนวัฒน์ขำอยู่ในใจ

          “แต่ชดเชยกับที่ผิดนัด จะให้ทำอะไรก็ได้จริงๆนะ...แต่อยู่ในขอบเขตที่ฉันยอมรับได้เท่านั้นนะว้อย” วัฒน์รีบบอกดักคอเมื่อเห็นอีกฝ่ายกลับมาตีหางผับๆอีกครั้ง
         
          “...อะไรก็ได้จริงๆนะ”

          “เออ เท่าที่ฉันรับได้” วัฒน์ชักกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินข้อแม้เสียแล้ว...ดูตามันนี่เป็นประกายจนน่าสยองเลยทีเดียว

          “ผ...ผมไม่ขอให้ทำอะไรไม่ดีหรอกน่า” แต่ท่าทีลุกลี้ลุกลนจนไม่อยากเชื่อเลยว่ะ “...เอาเป็นว่า เรารีบทำงานให้เสร็จเร็วๆดีกว่าเนอะ”

          ตอนนี้ฉันชักไม่อยากจะให้วันที่ตัวเองว่างงานมาถึงไวๆยังไงชอบกลแล้วว่ะ...

 

          อันที่จริง เดชก็ไม่ได้หวังว่ามันจะสำเร็จอย่างที่วางแผนนัก แต่พอเห็นผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามคาดหมายเลยสักนิด มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ยิ่งโดยเฉพาะ ผลงานที่ดำเนินการมาด้วยดีตั้งนาน กลับพังไม่เป็นท่าเพียงไม่ถึงสัปดาห์เช่นนี้ แค่เพราะพวกวัฒน์ไปประกาศเจตนารมณ์ของสิทธิ์กับเสนอทางเลือกให้ไปทำงานที่อื่นหากต้องการเงินมากกว่า ซึ่งหากพวกที่เลือกอย่างหลังเป็นส่วนใหญ่มันก็ดีกับเขาที่จะลดกำลังของอีกฝ่าย แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่เช่นนั้น คนส่วนมากยังคงเลือกที่จะอยู่กับสิทธิ์ ยิ่งคนเก่าคนแก่ยิ่งไม่มีใครแปรพักตร์หรือตีตัวออกห่างจากสิทธิ์สักคน ไม่ต้องพูดเรื่องที่มาทางเขาเลย

          บางที เขาอาจจะดูแคลนความไว้ใจของพวกลูกน้องที่มีต่อสิทธิ์มากไปหน่อย

          “เอาไงดีละครับ มีแต่พวกงี่เง่ากันทั้งนั้น” ลูกน้องคนสนิทคนหนึ่งเอ่ยถามเจ้านายที่นั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะในห้องทำงานของบ้าน “...ถ้าพวกผมพูดเกลี้ยกล่อมให้ดีกว่านี้ละก็...”

          “มันไม่ใช่ความผิดของแกคนเดียวหรอก” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย็นเยียบ ดวงตาคมเลื่อนมองเอกสารรายชื่อลูกน้องของสิทธิ์ตรงหน้าตน “ฉันเองก็ไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าในกลุ่มตอนนี้เหลือแต่พวกที่ยังภักดีกับไอ้ เด็กนั่นจริง แค่เหยื่อล่อตัวเล็กๆ ทำให้พวกมันเอนเอียงมาทางเราไม่ได้หรอก”

          เดชมุ่นคิ้วอย่างหงุดหงิด ก่อนจะถอนหายใจ เขารู้ว่านั่นไม่ใช่สาเหตุหลักที่แผนของตนล้มเหลวหรอก

          ก็เพราะโดนความจริงใจของไอ้เด็กนั่นเล่นงานเอาน่ะสิ ถึงได้เป็นแบบนี้ ใจคนเรามันหันเหโลเลง่ายจะตาย แต่ถ้าไม่เพราะเสาหลักที่พวกนั้นยึดอยู่ในใจมั่นคงนัก ทุกอย่างก็คงจะง่ายกว่านี้

          เขาลอบยิ้มออกมาทั้งที่แผนไม่เป็นไปตามที่หวัง ทำเอาเหล่าลูกน้องพากันสงสัย แต่รอยยิ้มของเจ้านายนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่พวกเขาจะกล้าอ้าปากถาม

          “แล้วตอนนี้ทางฝั่งวัฒน์เป็นไงบ้างล่ะ”

          ลูกน้องที่รับผิดชอบเรื่องนี้ สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก

          “ตอนนี้คุณวัฒน์ทำเรื่องย้ายคนที่จะทำงานที่อื่นไปยังกลุ่มพันธมิตรอยู่น่ะครับ เขาเป็นคนเดินเรื่องกับกลุ่มอื่นเรื่องย้ายคน ส่วนฉัตรกับดิเรกก็จัดการพาคนไปแนะนำกับกลุ่มที่จะไปทำงานด้วยน่ะครับ”

          “งั้นหรือ ก็ดี” เดชเอ่ยอย่างพึงพอใจ แล้วมองไปยังเอกสารบนโต๊ะ แล้วหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะเปิดดูประวัติของเนไปเรื่อย “ตอนนี้ปล่อยให้พวกนั้นคิดว่าเดินเกมเหนือกว่าไปก่อนละกัน”

          ใช่...ปล่อยให้มีความสุขกันไปก่อน...เพราะอีกไม่นานมันก็จะพังทลายลงมาแล้ว

______________________________

รบกวนผู้อ่านที่สนใจเรื่องรวมเล่มช่วยทำโพลเกี่ยวกับตอนพิเศษที่จะใส่ในเล่มด้วยงับ =w=

ที่โหวตงับ (http://my.dek-d.com/musddmp/writer/viewlongc.php?id=1347182&chapter=80)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 79 (27/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 27-12-2015 15:36:07
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 79


          เหนื่อย...

          วัฒน์อยากจะตะโกนคำนี้ใจจะขาด เสียแต่หมดแรงเกินกว่าจะเอ่ยคำนั้น...หรือจริงๆเพราะอึ้งกับข่าวดีของเจ้านายจนหมดแรงก็เป็นได้

          เพราะมัวแต่ยุ่งกับงานหลักงานราษฎร์งานหลวง วัฒน์เลยไม่รู้เรื่องที่สิทธิ์พาเดียร์ น้องชายของวิน ไปเปิดตัวว่าเป็นคนรักไปทั่วราชอาณาจักร สร้างความตื่นตระหนกและหวาดผวาไปทั่วแก่ผู้รู้ข่าว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะสิทธิ์ไปคบน้องของคู่กัดนี่ล่ะ จะไม่ให้กลัวและแปลกใจกันได้อย่างไร แม้แต่วัฒน์เองก็อึ้งไม่แพ้กัน เพราะเขารู้ดีว่าการที่สิทธิ์ลงทุนทำขนาดนี้ แสดงว่าจริงจังกับอีกฝ่ายแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการแก้แค้นเท่านั้น

          นั่นก็เป็นเรื่องดีอยู่...ถ้ามองในเรื่องผลประโยชน์มันก็ดีอยู่จริงๆนั่นละนะ แต่มองในแง่ที่ว่าวินจะต้องคัดค้านหัวชนฝาและต้องหาทางขัดขวางแล้ว มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

          แต่ในเมื่อหัวหน้าแสนดื้อตัดสินใจไปแล้ว เขาจะไปห้ามอะไรได้ อย่างน้อยวัฒน์ก็เชื่อว่าอีกฝ่ายคิดดีแล้วถึงได้กล้าประกาศ เพราะที่ผ่านมาสิทธิ์ไม่เคยพาสาวคนไหนมาออกงานโต้งๆแบบนี้มาก่อนเลย...แต่ไอ้เรื่องหมดแรงก็หมดจริงๆนะ

          และเพราะเห็นเขาใกล้จะตายแล้วอย่างไรก็ไม่ทราบ เหล่าลูกน้องแสนดีเลยพยายามช่วยเคลียร์งานให้วันจันทร์นี้เขาได้หยุดพักเสียบ้าง หลังจากทำงานมาตลอดสองสัปดาห์เต็มไม่มีหยุดพักตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งยันสามทุ่มทุกวัน

          “เอ่อ…ไม่เป็นไรนะครับ” เนเอ่ยถามคนที่นอนพังพาบอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่ตื่นมาและรู้ว่าไม่ต้องไปบริษัท วัฒน์ก็กลับมานอนกลิ้งอยู่บนเตียงตั้งแต่เช้าแล้ว “ผมว่ากินยาหน่อยไหมครับ”

          “...ฉันไม่ได้ปวดหัวสักหน่อย แค่เพลียเฉยๆ พักสักหน่อยก็หายแล้ว” วัฒน์บอกเสียงเนือยพลางโบกมือให้ “ขอโทษนะ...ทั้งที่ว่างแล้วแท้ๆ”

          คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงหน้าขึ้นสีทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปทางอื่น

          “แค่นี้ผมทนได้อยู่แล้วล่ะน่า คุณก็รีบๆพักสิ จะได้ทำตามสัญญาสักทีไง” เด็กหนุ่มบอกตะกุกตะกักแล้วโยนผ้าห่มตรงปลายเตียงใส่หนุ่มใหญ่

          “จ้าๆ...” ได้ยินเสียงตอบกลับกวนๆที่เหมือนจะหมดแรงนั่น ทำเอาเนเบ้หน้าเพราะมันช่างคล้ายกับเดชเสียเหลือเกิน “นายก็ช่วยดูแลสิ เผื่อฉันจะได้กลับมามีแรงเร็วๆไง”

          เปลี่ยนเป็นปล้ำเลยง่ายกว่าไหม อ้อนแบบนั้นรังแต่จะเพิ่มความหื่นผมเปล่าๆ

          “ผมจำได้ว่ายาที่คุณฉัตรให้มามีวิตามินด้วย เอาสักหน่อยไหมล่ะครับ” เด็กหนุ่มเสนอก่อนจะลุกขึ้นออกไป กลัวใจตัวเองว่าจะเผลอหน้ามืดปล้ำคนหมดแรงจริงๆ

          “ก็ดี”

          “ต้องป้อนให้ด้วยไหมล่ะครับ”

          “ก็ดี”

          “ปากต่อปากเลยไหมครับ”

          “จะบ้าเรอะ!”

          เนหัวเราะในลำคอ ท่าทางหยอกลุงแกจะเพิ่มเรี่ยวแรงมากกว่าให้กินวิตามินอีก

          “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหยอดเข้ามือถือผมละกัน เผื่อลุกเองไม่ไหว” ไม่วายยังมีแซวลุงแกหลังจากยื่นแก้วน้ำกับวิตามินให้ ก่อนจะเผ่นแผล็วออกไปจากห้องทันที

          วัฒน์ได้แต่มองเจ้าเด็กช่างปีนเกลียวด้วยความแค้นใจที่ด่าไล่หลังไม่ทัน ก่อนจะกินวิตามินลงคอ และนอนลงอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะไม่อยากปวดหัวโดยใช่เหตุอีก

          เนที่เดินละลิ่วลงมาจากชั้นสองหมายจะไปยังห้องครัวถึงกับชะงักเมื่อพบว่ามีแขกอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แถมยังมาเป็นแพ็คคู่เหมือนเดิมอีกต่างหาก

          จากที่กำลังระรื่นถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นหน้านิ่งเรียบของศาสตร์ และแม้จะสมหวังแล้ว แต่ว่ากันตามตรง เห็นหน้าสองคนนี้ทีไร เนรู้สึกเหมือนโดนสูบวิญญาณทุกที แถมเจ้าคนหน้านิ่งนั่นยังเคยประกาศสงครามระยะยาวกับตนอีก จะให้สบายใจก็คงจะไม่ไหว อีกทั้งท่าทีของศาสตร์ที่แม้มองเผินๆเหมือนจะนิ่งเฉย แต่เนก็รับรู้ถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายมาทิ่มแทงตนยามเมื่อตนเผลอสบตาเข้ากับอีกฝ่าย…เผลอเมื่อไหร่มีหวังโดนเล่นงานเป็นแน่

          “อะไร้ เห็นหน้ากันแล้วยืนนิ่งเลยหรือ พวกฉันไม่ได้จะมาจีบอาวัฒน์สักหน่อยนา” จริงๆพี่แกก็กวนส้นเท้าคล้ายกับฉัตรอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมเนสวนกลับไม่ค่อยจะถูกนัก “โอ๊ะ ลืมไปว่าฉันคนเดียวที่คิดแบบนั้น”

          เนละกลัวว่าศาสตร์จะอัดหน้าโค้กเหลือเกิน

          “มีธุระอะไรหรือครับ ถ้าจะคุยกับคุณวัฒน์ เขาหลับอยู่น่ะครับ”

          “หลับอยู่หรือหวงไม่อยากให้คนแถวนี้ไปหาล่ะ” ได้ยินโค้กแซวแล้วเนไม่แน่ใจว่าตนควรจะโมโหโค้กหรือจะกลัวศาสตร์ดี เพราะตอนนี้พ่อหน้านิ่งแกเริ่มออกอาการทะมึนขึ้นเรื่อยๆแล้ว “ถ้างั้นก็ฝากนี่ให้เขาหน่อย...อ้อ แล้วก็ฝากบอกว่ามีคนคิดทึ้งคิดถึงอยากเห็นหน้าจะชักอยู่แล้ว ฮ่าๆ”

          ว่าแล้วศาสตร์ก็หมัดขวาตรงใส่โค้กจนได้ แต่ไม่โดน เนเลยเสียดายแทน

          “ครับ...” เนตอบเสียงเนือยพลางรับแฟลชไดรฟ์มาจากอีกฝ่าย “ใกล้จะจบเรื่องแล้วสิครับ”

          โค้กเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มกว้าง จากนั้นก็ยักไหล่ให้

          “รับรองว่าหลังจากนี้นายจะว่างจนเล่นได้ครบทุกร้อยแปดกระบวนท่ากับอาวัฒน์เลยล่ะ”

          ท่าทางพี่แกชอบแหย่ชาวบ้านโดยสันดานจริงๆ! ถ้าไม่เก่งกว่าพ่อซัดไปแล้ว ไอ้เตี้ยเอ๊ย

          “แต่ระหว่างนี้ฉันขอเตือนอะไรนายไว้หน่อยนะ” เพราะแอบด่าในใจอยู่นานสองนาน เนเลยสะดุ้งเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเหมือนขู่แบบนั้น “ไอ้กล้ามันก็ดี หรือจะใจร้อนฉันก็เข้าใจ แต่กับไอ้เดช นายต้องมีสติและใจเย็นกว่านี้ ไม่อย่างนั้นนายจะต้องเสียใจแน่”

          เนมุ่นคิ้วใส่ จริงอยู่ว่าเห็นพลานุภาพของศัตรูมาแล้ว แต่พอโดนเตือนกันตรงๆเหมือนตนจะพลาดพลั้งแน่ๆแล้วมันอดเคืองไม่ได้ชอบกล

          “โอ๊ะ แต่ถ้านายมีอันเป็นไป ฉันคงไม่ต้องห่วงอาวัฒน์หรอกเนอะ ก็มีคนรอดูแลอยู่ทั้งคน” หลังจากเอ่ยจริงจังก็กลับมาทำเป็นเล่นต่อ เล่นเอาเนไม่รู้จะทำสีหน้ากลับอย่างไรดี “เอาเป็นว่าพวกฉันกลับก่อนละเน้อ ฉันต้องสะสางงานอีก....หรือจะอู้อยู่นี่สักสองสามชั่วโมงดีน้า”

          ศาสตร์มุ่นคิ้วคล้ายกับไม่พอใจนัก ก่อนจะกระทืบเท้าออกไปจากบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ...บางทีเนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสองคนนี้คบกันมาตั้งนานสองนานได้อย่างไร...โดยเฉพาะศาสตร์ที่ดูท่าทางจะโดนโค้กแกล้งประจำแบบนี้

          “ฮะๆ เห็นแบบนั้นหมอนั่นก็เสียใจเอาการเลยนะที่อกหักจากอาวัฒน์ ก็แอบรักมาตั้งนานนี่นะ ดันมาโดนตัดหน้ากันได้ แถมยังไปช่วยให้นายกับอาวัฒน์สมหวังกันทั้งที่รู้ว่าต้องอกหักอีก” โค้กเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงจนคนฟังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแค่พูดขึ้นมาเฉยๆ หรือมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงกันแน่ แต่เห็นอีกฝ่ายหันใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่แผ่รังสีสังหารเต็มที่เขาก็พอจะรู้เจตนาของอีกฝ่ายแล้ว “เพราะงั้น อย่าทำให้อาวัฒน์เสียใจเชียวล่ะ ไม่งั้นฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของนายนา”

          แต่เนมั่นใจว่าก่อนที่พี่ทั้งสองจะเข้ามากระทืบเขา ลุงแกคงแจกตะกั่วประดับสมองตนก่อนแน่

          “ผมไม่ทำหรอกน่า” เนตอบเสียงตื่น แล้วบอกตัวเองว่าที่สั่นเนี่ย ไม่ได้กลัวคำขู่ทีเล่นทีจริงเหล่านั้นสักนิด

          อีกฝ่ายแค่ยักไหล่ให้ ก่อนจะโบกมือแล้วจากไปพร้อมกับปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย ทำเอาคนที่ยืนหวั่นอย่างไม่รู้สาเหตุถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วแอบบ่นไล่หลังใส่ทั้งสอง ก่อนจะกลับไปยังครัวที่เป็นเป้าหมายเดิมหวังหาอะไรกิน

 

          “เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อยน้า”

          ในระหว่างนั่งพักอยู่ในห้องนั่งเล่นตอนบ่ายกับสาวๆและคนสวน อยู่ๆรุตก็พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าโล่งอกอยู่บนโซฟา ทำให้เด็กๆต้องหันมามอง

          “อะไรคะ แค่ไม่ต้องทำงานล่วงเวลาถึงกับโล่งเลยหรือ” แมวแซวเสียงใสก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง แล้วหันมาทางเน “แต่ก็ดีจริงๆนะคะพี่เน นี่เพราะมีพี่ด้วย เลยสบายขึ้นเยอะเลย”

          เห็นน้องยิ้มแบบนี้แล้วพี่ใจคอไม่ดีเล้ย

          “ฉันแค่โล่งใจเพราะไอ้วัฒน์ต่างหาก” ในขณะที่คนพูดไม่ได้คิดอะไร สาวๆกลับมาพาแอบหัวเราะคิกคัก ส่วนเนก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เหมือนมีใครเอาไฟมาลนก้น “ถึงช่วงนี้มันจะยังทำตัวเข้าใจยาก แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ อย่างน้อยตอนนี้อยู่กับมันก็ไม่เครียดเท่าไหร่แล้ว มีอะไรก็พูด ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องมานั่งเดาใจมันไปเรื่อย นี่ดียิ่งกว่าบ้านเราสงบสุขอีกนะ”

          เนได้แต่นิ่วหน้ากับความสุขที่ดูเล็กๆน้อยๆนั่น

          “แหม หนูเห็นด้วยกับอารุตนะคะพี่เน~~” แมวช่วยเสริมเสียงหวาน “นี่เพราะพี่เนแท้ๆเลยเน้อ”

          แล้วเด็กหนุ่มจะตอบอะไรได้นอกจากยิ้มหวานแบบฝืนๆไปให้

          “นั่นสิ ตั้งแต่นายมา หมอนั่นก็ทำตัวเข้าใจง่ายขึ้นเยอะ” รุตยังคงว่าต่อโดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย “เพราะงั้นก็อยู่ช่วยงานกันนานๆหน่อยนะ ฉันไม่อยากกลับไปกินยาแก้ไมเกรนอีก”

          “แหม ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่เนคงอยู่กับเราไปตลอดชีวิตอาวัฒน์นั่นล่ะค่า”

          “เอ๋ จริงเหรอ” ท่าทีที่ดูดีใจอย่างไม่คิดสงสัยของรุตทำเอาเอมที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้นข้างแมวถึงกับตัวสั่นเพราะกลั้นขำ “ถ้าตัดสินใจแบบนั้นก็ดี แล้วอย่าเปลี่ยนใจเสียล่ะ ไม่งั้นพวกฉันเสียใจแย่”

          “คะ...ครับ” เนได้แต่ตอบเสียงอ่อน ส่วนสองสาวก็เอาแต่นั่งกลั้นหัวเราะไม่เลิก “เอ้อ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ ว่าจะเอาของไปเก็บบนห้องหน่อย”

          ว่าแล้วก็รีบเผ่นออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที ถ้ายังอยู่ต่อ มีหวังตัวเขานี่แหละที่จะต้องหลุดพิรุธออกมาต่อหน้ารุตเพราะโดนแมวแซวไม่เลิก...เขาก็ไม่ได้คิดจะปิดหรอกนะ แค่ทำใจยากที่จะต้องบอกตรงๆก็เท่านั้นเอง

          ทันทีที่เข้าห้องนอนไปหมายจะเอาแฟลชไดรฟ์ไปให้วัฒน์ เด็กหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับมานอนต่ออย่างที่เข้าใจ ทั้งที่ตอนลงมากินข้าวเที่ยง วัฒน์ยังดูเพลียอยู่แท้ๆ

          หนุ่มใหญ่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงขอบเตียง และทันทีที่เนเดินเข้ามา เขาก็เงยหน้าแดงก่ำให้ ทำเอาคนมองถึงกับอ้าปากค้าง

          “เป็นไข้หรือครับเนี่ย” เนร้องเสียงตื่น ก่อนจะเดินเข้าไปหาหมายจะดูอาการ “...”

          แต่สิ่งที่ได้รับคือการโดนกระชากเข้ามาจูบเสียอย่างนั้น

          เนเบิกตาโพลงมองคนที่สอดลิ้นเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แม้จะยังมึนๆงงๆแต่ร่างกายก็ตอบสนองไปโดยอัตโนมัติ จนไปๆมาๆเขากลับเป็นฝ่ายรุกคืบเข้าไปแทน แล้วยังผลักลุงแกลงนอนจากนั้นก็นัวเนียเสียเมามันอย่างลืมตัวอีก

          นี่คือพร้อมจะทำหรือไง...แล้วทำไมไม่บอกไม่กล่าวก่อนฟะเนี่ย มาถึงก็ใส่เอาๆไม่ให้ตั้งตัวกันเลย

          “เน...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก ท่าทางของวัฒน์เหมือนอดรนทนไม่ไหวเต็มทน “ทำเลยได้ไหม...”

          เด็กหนุ่มถึงกับเบิกตากว้าง และแม้จะอยากถามเสียเหลือเกินว่าอยู่ๆไหงลุงแกนึกอยากขึ้นมาเสียดื้อๆอย่างนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายวอนขอมาเหมือนจะชักตายหากไม่ได้ทำในทันที เขาเองก็อดทนมานาน แล้วจะรอช้าอยู่ไย ทำไปก่อนแล้วถามทีหลังเอาก็ได้

          คนที่นอนหงายสะดุ้งเฮือกเมื่อมืออุ่นสอดเข้ามาภายในร่มผ้าด้านล่าง เพียงไม่นานก็จับถอดออกเสียไม่เหลือ ยิ่งกางเกงเป็นแบบยางยืดเลยไม่เสียเวลาถอดนัก มือหนากอบกุมส่วนอ่อนไหวที่ตั้งแข็งขันแบบไม่ต้องปลุกเร้า และเด็กหนุ่มเองก็ไม่รีรอให้เสียเวลา

          “อึก...”

          หนุ่มใหญ่นอนบิดไปมาบนเตียง สะโพกยกรับกับนิ้วชุ่มเจลหล่อลื่นที่สอดใส่เข้ามา แม้จะดูทรมานแต่อาการลงแดงดูจะทุเลาลงไปกว่าเมื่อครู่ ดวงตาเรียวปรือมองคล้ายกับวอนขอ และเนก็ไม่ปล่อยให้รอนานนัก จัดการเตรียมตัวพร้อมเข้าปะทันที

          วัฒน์กำผ้าปูเตียงแน่นเมื่ออีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในร่าง อารมณ์หวามที่ซัดเข้ามาราวกับพายุทำเอาหนุ่มใหญ่ครางออกมาอย่างพึงใจ และไม่ต้องเอ่ยขอ อีกฝ่ายก็จัดการให้สมอยากราวกับรู้ดีว่าตนต้องการอะไร

          เพียงไม่นานความต้องการภายในของหลั่งไหลออกมาจนเปรอะตัวไปทั่ว เด็กหนุ่มมองคนที่นอนหอบกระเส่าร้องครวญครางไม่หยุด และแม้อีกฝ่ายจะเสร็จไปแล้วแต่เนก็ยังขยับตัวไม่เลิก กระนั้นก็ไม่ได้เร่งเร้าหรือดึงดังอะไรนักพอให้คนเพิ่งถึงฝั่งได้หอบหายใจบ้าง

          “...ตกลงเป็นอะไรทำไมอยู่ๆถึงให้ทำกันล่ะครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายท่าทางจะพร้อมตอบคำถาม เด็กหนุ่มเลยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดสั่น

          คนที่นอนอยู่เบื้องล่างปรือตามองก่อนจะเหลือบไปมองทางอื่นแล้วเม้มปากแน่นคล้ายไม่อยากจะพูด ทำเอาคนที่กำลังมีอารมณ์ถึงกับบึ้งหน้า

          “อ๊ะ เดี๋ยวสิ...” วัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆเนยกตนขึ้นมานั่งตัก พอจะทักท้วงก็ต้องเงียบลงเมื่อโดนเด็กหนุ่มจ้องมองอย่างไม่พอใจนัก และไม่รู้ว่าต้องการแกล้งกันหรืออย่างไร ถึงได้เขย่าตัวเขาขึ้นลงไม่หยุด จนเสียงที่ควรจะออกก็ดันไม่ออก ออกแต่เสียงที่ไม่อยากจะออกแทน

          “อย่าขี้โกงสิครับ ทีตอนผมไม่ตอบคุณก็บังคับเอาจนได้ แล้วพอตาคุณ จะมาเงียบไม่ยอมตอบแบบนี้หรือไง”

          ว่าแล้วก็ขยับตัวอีกฝ่ายแรงขึ้นอีกจนวัฒน์ร้องลั่น มือทั้งสองทั้งผลักทั้งตี แต่มีหรือที่แรงเบาๆของลุงแกจะห้ามความหื่นและความใคร่รู้ของเด็กหนุ่มได้ รังแต่จะยิ่งทำให้เนแกล้งหนักกว่าเดิม

          “ก็จะบอกอยู่ไงเล่า!” วัฒน์ร้องออกมาสุดเสียง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงครางในลำคออย่างสุดทน “แค่...คิดนานไม่ได้หรือไง...อื๊อ”

          เนมองหน้าคล้ายกับยังไม่อยากเชื่อนัก แต่สุดท้ายก็ยอมหยุดเสียที เล่นเอาคนจะเป็นจะตายถึงกับหมดแรงลงไปซบบนไหล่ของเด็กหนุ่มแล้วหอบหายใจระรัว

          “เอ้า หมดเวลาแล้วครับ ตอบเลย ไม่งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงาน พักต่ออีกวันได้เลย เดี๋ยวผมโทรไปบอกที่ทำงานให้ว่าคุณป่วยลุกไม่ไหวให้เอง”

          นี่คือความแค้นกับความหื่นที่สะสมมานานใช่ไหมวะ เอาฉันให้ตายเลยเหอะไอ้บ้า!

          “วิตามิน!”

          “หา” เนถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินคำตอบ

          “วะ…วิตามินที่นายเอามาให้ฉันกินน่ะ…” วัฒน์ตอบเสียงแหบแห้งสลับกับเสียงหอบหายใจ “มันไม่ใช่วิตามิน…”

          ซึ่งเนก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่ลุงแกต้องการจะพูดอยู่ดี

          “พูดง่ายๆ มันเป็นยาปลุกเซ็กซ์ไงละว้อย!!”

          คราวนี้ถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว

          “เอ๋ เดี๋ยวสิ ก็คุณฉัตรเขา…” เนว่าเพียงแค่นั้นแล้วก็ค้างไป ก่อนจะนึกถึงคำแซวของเจ้าลุงถึกนั่น จากนั้นเขาก็หน้าซีดลง

          อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนั่นมันจงใจ...นี่น้องมันเลยนะเฮ้ย!!

          “นายไม่เคยเห็นหรือไง…ที่ซองยามันก็มีเขียน…” คนโดนยากัดฟันถาม ใบหน้านั้นแดงเถือกจนไม่แน่ใจว่ามาจากความโกรธหรือความต้องการที่โดนกระตุ้นกันแน่

          “ผมเคยใช้ที่ไหนล่ะ ถ้ารู้ว่าเป็นยาปลุกเซ็กซ์ผมก็ไม่ให้คุณกินหรอก” เนเถียงเสียงแข็ง ก่อนจะออกอาการกระสับกระส่าย “…แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”

          เห็นอยู่ยังจะถามอีก

          “ไม่เป็น…” หนุ่มใหญ่บอกก่อนจะหันไปทางอื่นราวกับทนมองหน้าอีกฝ่ายไม่ไหว “ตะ…แต่ถ้านายยังนิ่งอยู่แบบนี้ ฉันอาจจะเป็น…”

          เนสะดุ้งนิดหน่อย และไม่ต้องถามให้มากความเขาก็รีบกลับมาทำงานค้างต่อทันที

          วัฒน์เผลอครางออกมาเมื่ออยู่ๆเด็กหนุ่มก็เขย่าตัวเขาเสียแรง มือทั้งสองของเนที่บีบสะโพกของตนแน่นจับตนให้ขยับไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง แรงเสียดสีสร้างความเสียวสะท้านจนแล่นพล่านไปทั่วกาย สร้างความสุขสมจนแทบบ้า

          และแม้จะคลื่นอารมณ์ที่โหมซัดเข้ามาจะทำเอาหนุ่มใหญ่แทบจะสำลักตาย แต่วัฒน์ก็ทำเพียงแค่กัดริมฝีปากของตนแน่น ไม่ยอมเอ่ยห้ามเนแม้แต่น้อย

          หรือบางที เขาอาจจะแค่อยากโดนกระทำจนหนำใจเพียงเท่านั้นก็เป็นได้

          “เน...เน...” เสียงทุ้มร้องเรียกสั่นระรัว ใบหน้าเรียวขึ้นสีแดงจัดตัดกับผิวเข้ม ดวงตาทั้งสองฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำใสจ้องมองเด็กหนุ่มราวกับเว้าวอนอ้อนขอ ให้กระทำมากกว่านี้ ซึ่งอันที่จริง ถึงไม่ขอเนก็พร้อมจะทำอยู่แล้ว เผลอๆเขานี่ล่ะที่จะหยุดตัวเองไม่ได้

          เจ้าของชื่อเงยหน้ามองวัฒน์ที่หอบกระเส่าบนตักตน ใบหน้าในยามนี้ของหนุ่มใหญ่ช่างยั่วยวนและกระตุ้นอารมณ์หวามของตนเสียเหลือเกิน

          “ฉัน...ฉันจะไม่ไหวแล้ว...” วัฒน์เอ่ยบอกเสียงแหบแห้ง “จะเสร็จแล้ว...”

          เนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าให้ ก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เพียงไม่นานอารมณ์ภายในที่แล่นพล่านดั่งพายุคลั่งอยู่ในกายทลายออกมาพร้อม กับเสียงครางต่ำในลำคออย่างพึงใจของทั้งสอง

          เด็กหนุ่มกอดร่างคนที่เหนื่อยจนก้มลงมาซบไหล่แล้วหอบหายใจระรัว เขาเองก็มีอาการไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก แต่อาจจะเพราะฤทธิ์ยา วัฒน์ถึงได้ดูหมดเรี่ยวแรงกว่าตน

          “เน...” หนุ่มใหญ่กระซิบเรียกข้างหู ก่อนจะเอาแต่หอบหายใจไม่เลิก

          “ครับ” เจ้าของชื่อตอบรับอย่างไม่แน่ใจนัก ก่อนจะจับไหล่อีกฝ่ายหมายจะช่วยพยุงร่างที่อ่อนยวบเยียบเสียจนน่ากลัว ท่าทางของวัฒน์ยังดูไม่สู้ดีนัก ใบหน้ายังคงแดงก่ำไม่เลิก ลมหายใจดังเสียจนน่ากลัว “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          ดวงตาเรียวปรือมองคล้ายเพิ่งตื่น ก่อนจะหลับตาลงไปอีกครั้ง

          “ฝากโทรลางานให้ฉัน...ก่อนจะต่ออีกรอบได้ไหม...”

          เนได้แต่กะพริบตาปริบๆ จากที่กำลังนึกแค้นฉัตรที่ทำอะไรบ้าๆ ตอนนี้เขาชักอยากจะขอบคุณแทนเสียแล้ว


________________________________

ใครยังสนใจรับ สคส. สามารถลงชื่อที่ลิ้งนี้ได้นะงับ อยากจะให้อวยพรยังไงอย่างไรรีเควสได้เลยนะงับ ^w^\

*กิจกรรมคนครบแล้วขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ร่วมสนุกงับ


และกว่าจะได้เจอกันอีกคงราวๆวันที่ 6 มค. โดยประมาณ เลยขอโอกาสสุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าเน้อ ^^ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้ผู้อ่านทุกท่านประสบแต่ความสุขและความสำเร็จตลอดปี 2559  คิดสิ่งใดขอให้สมปราถนา ไร้อุปสรรคขวางกั้น งับ =w=

คนเขียนขอไปเที่ยวแพร้บ XD แต่สคส. ทางนี้คงส่งก่อน30 แต่จะได้วันไหน เราก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ (อ้าว) ถ้าเลยไปสักสัปดาห์แล้วยังไม่ได้ รบกวนแจ้งกลับด้วยเน้อ =w=/


หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 79 (27/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-12-2015 15:56:38
 :z1: แอร๊ยยยย ปรบมือให้ลุงฉัตรรัวๆค่า ทำดีมากค่ะลุงจากที่คิดว่าเนจะอดอีกแล้วกลับไม่ใช่ซะนี่ ฮาา แต่ไม่รู้ว่าพอยาหมดฤทธิ์แล้วเนกับลุงฉัตรจะโดนจัดการยังไงบ้างก็ไม่รู้นะ โดนเฉพาะลุงฉัตรระวังเหอะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 79 (27/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 27-12-2015 16:54:48
ใกล้จบเรื่องแล้วสินะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 79 (27/12/2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-12-2015 18:36:20
ลุงฉัตร...  ทำได้ดีมาก 5555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 80 (6/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 06-01-2016 20:33:37
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 80


          “ท่าทางมีความสุขเหลือเกินนะ”

          เนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพนักงานบัญชีขาเมาท์เอ่ยแซวในขณะที่ตนกำลังนั่งทำงานใน ห้องของวัฒน์ โดยที่เจ้าของห้องไม่อยู่ แน่นอนว่าหลังจากจัดหนักจัดเต็มชนิดหายอยากให้สมกับที่เว้นว่างไปนาน ต่อให้ถึกทนแค่ไหน แต่เล่นงานซะตัวแห้งไปหลายหนขนาดนั้น แถมยังเพลียจากการทำงานหนักอีก ยังไม่ตายก็บุญเหลือแล้ว

          “เห็นเป็นแบบนั้นหรือครับ” เนยิ้มแห้งๆให้อีกฝ่าย เขาไม่แน่ใจนักว่าต้นรู้เรื่องทั้งหมดแล้วหรือยัง เพราะอยู่ในเหตุการณ์กระหนุงกระหนิงของตนกับวัฒน์ติดขอบสนามเสียขนาดนั้น แถมรองประธานแกยังแสดงอาการอย่างที่ไม่เคยให้ใครเห็นออกมาอีก ไม่รู้สิแปลก

          “ก็เออสิวะ ดูหน้าแกงี้ ระรื่นเชียว” อีกฝ่ายว่าก่อนจะปรี่เข้ามานั่งเก้าอี้ว่างข้างๆ “ว่าแต่...ไหนๆก็มีโอกาสแล้ว ขอถามอะไรหน่อยดิ แกไปทำอีท่าไหนกับคุณวัฒน์วะ ถึงได้สนิทกันขนาดที่เขาถามเรื่องของกินที่นายชอบเลยเนี่ย”

          โอ๊ย ไม่รู้สักเรื่องจะระเบิดตัวตายไหมเฮีย!!...แต่ลองว่าถามแบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้แหงมๆ ดีนะที่ไม่ฉลาดในเรื่องที่น่าจะฉลาด

          “แหม ก็ทำงานด้วยกันอยู่ด้วยกันมันก็ต้องสนิทกันบ้างล่ะครับ จะให้ผมกัดกับเขาไปตลอดชีวิตเลยหรือไง” เนพยายามตอบตามปกติ รู้สึกโล่งใจเหลือเกินที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ความจริง

          “จริงอะ ฉันว่าไม่มั้ง สนิทกันท่าไหนวะถึงขนาดถามถึงของกินที่ชอบเนี่ย” ความช่างสงสัยของหนุ่มร่างท้วมทำเอาเนอยากจะเอาคลิปไปหนีบปากพี่แกเหลือเกิน “แถมยังทำให้เขาหัวเราะอีก...นี่หายากยิ่งกว่าเกิดสุริยุปราคาเลยนะเว้ย”

          เหอะๆ...วันก่อนที่ไปเดทนี่เห็นจนเบื่อ

          “พี่ต้นคิดมากไปมั้งครับ เขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แค่พี่ไม่ค่อยเห็นเอง” เนตอบตามตรง ก่อนจะรีบตัดบทเมื่อเห็นสีหน้าเหวอกินของอีกฝ่าย “แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่าครับ...อย่าบอกนะว่าเข้ามาเพื่อถามผมแค่เนี้ย”

          “จะบ้าหรือไง ฉันเอาเอกสารมาฝากให้คุณวัฒน์เซ็นหรอก” ต้นรีบพูดลนลานเหมือนโดนจับผิด “เห็นงี้ฉันก็ทำงานนะเว้ย”

          เนเพียงแค่ยิ้มเจื่อนให้

 

          เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เด็กหนุ่มก็เดินไปยังที่จอดรถเตรียมตัวกลับบ้านตามปกติ แต่อาจจะไม่ปกตินิดหน่อยก็ตรงที่ต้องเดินคนเดียวในที่จอดรถที่เงียบเหงาแห่งนี้

          เนบึ้งหน้าเล็กน้อย ทั้งที่ก็ไม่ได้มีสิ่งผิดปกติแท้ๆ แต่กลับรู้สึกใจหวิวๆชอบกล

          อย่าบอกนะว่าเหงาที่มาคนเดียว

          เขาหัวเราะก่อนจะสะบัดความคิดบ้าบอในใจ เด็กหนุ่มไม่เชื่อหรอกว่าแค่ห่างกันไม่ถึงวันจะทำให้ตนรู้สึกว้าเหว่ถึงขนาดนี้

          “เป็นอะไรหรือ ทำหน้าหงอยเชียว”

          เนสะดุ้งโหยงก่อนจะหันกลับไปด้วยความประหลาดใจ แต่ทันทีที่เห็นเจ้าของเสียง เขากลับหน้าเบี้ยวยิ่งกว่า

          “แก...” เนมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ และแม้จะหงุดหงิดจนอยากจะเข้าไปซัดหน้าเดชมากเท่าไหร่ ความกลัวและหวาดระแวงก็คอยรั้งเขาไม่ให้วิ่งเข้าไปหากับดักตรงหน้า เพราะนอกจากเดช ยังมีชายอีกสามสี่คนอยู่ข้างหลังหนุ่มแว่น ท่าทางพร้อมรบเต็มที่

          “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะ” เดชยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยอย่างเป็นมิตร ซึ่งทำให้เนหัวเสียกว่าเดิมเพราะเสียงที่เหมือนกับคนรักของตนไม่มีผิด “วัฒน์เป็นอะไรไปเสียล่ะ วันนี้ถึงไม่มาด้วย”

          “มันไม่ใช่ธุระอะไรของแกนี่” เนตอบตัดบท ก่อนจะถอยออกมาเว้นระยะ “ถอยไปนะ”

          “จะรีบไปไหนล่ะ ฉันมีธุระกับนายนะ” เดชเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆ ก่อนจะสาวเท้าก้าวเข้ามาอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่เนเครียดจนเหงื่อแตกและถอยห่างด้วยความเร็วพอๆกับอีกฝ่าย

          “มีอะไรก็รีบพูดมาสิ” นึกแล้วก็ได้แต่หงุดหงิดตัวเองที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้นอกจากหนี

          เดชไม่ได้พูดอะไรนอกจากเหยียดยิ้มกว้าง

          “ช่วยมากับฉันหน่อยสิ”

          สิ้นคำถาม เนรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆเข้ามากระแทกที่ชายโครง และยังไม่ทันจะได้โต้ตอบ ทุกอย่างก็มืดดับลงอย่างรวดเร็ว

          “เอ้า” เดชโยนร่างหมดสติของเด็กหนุ่มให้ลูกน้องด้านหลัง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา “ไง ทางโน้นล่ะ...งั้นหรือ ดี...”

          หนุ่มแว่นเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปมองกล้องวงจรปิดราวกับจงใจ จากนั้นก็เดินตามลูกน้องไปยังรถของตน พลางยิ้มให้กับตัวเอง

          ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วนะวัฒน์...

 

          วัฒน์สะดุ้งโหยงก่อนจะหันมองไปรอบๆ หลังจากนั่งทำงานอยู่ในห้องมาทั้งวัน เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าหัวค่ำเสียแล้ว

          หนุ่มใหญ่ค่อยๆลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทำงานในห้องนอนของตนอย่างยากลำบาก ได้แต่นึกหงุดหงิดเจ้าพี่ชายงี่เง่าที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้...ถึงจริงๆ ส่วนหนึ่งจะชอบมากและทำตามใจอยากทั้งที่รู้ว่าจะต้องมาปวดสะโพกจนเดินไม่ค่อยจะไหวก็ตามเถอะ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะโดนยา เขาจะกล้าทำขนาดนี้หรือ

          หนุ่มใหญ่เดินง่อนแง่นออกไปจากห้อง แล้วชะเง้อมองตรงระเบียงชั้นสองไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งมีเพียงแมวกับเอมที่นั่งดูละครกันอยู่ นึกแปลกใจว่าป่านนี้แล้วทำไมเนยังไม่กลับมา ถึงแม้ตอนนี้จะงานยุ่งอย่างไร แต่อย่างน้อยก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง

          วัฒน์กลับห้องไปหมายจะโทรหา แต่ยังไม่ทันจะได้กดเบอร์ก็มีสายโทรเข้ามาเสียก่อน และทันทีที่เห็นว่าเป็นเน จากที่กังวลก็กลับมายิ้มอย่างโล่งอก

          “ให้ตายสิ ถ้าจะกลับช้าก็น่าจะโทรมาบอกก่อน ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

          “งั้นหรือ”

          น้ำเสียงที่ตอบกลับมาทำเอาชะงัก ใบหน้าเรียวขึ้งเครียดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดชออกมาแทนที่จะเป็นเจ้าของโทรศัพท์

          “ไม่ต้องห่วง แฟนนายยังอยู่ดีครบสามสิบสอง” เมื่อวัฒน์เอาแต่เงียบ เดชจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงคล้ายกับต้องการจะเยาะเย้ย “แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่เหมือนกัน”

          วัฒน์ยังคงเงียบ แต่แน่นอนว่าในใจนั้นตรงกันข้าม

          “ฉันจะเชื่อได้ไงว่าเนอยู่กับนายจริง” หลังจากเงียบอยู่นาน ในที่สุดวัฒน์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียที ด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไร้อารมณ์ หากแต่เดชรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธอยู่...และโกรธมากเสียด้วย

          อยู่ๆอีกฝ่ายก็ตัดสายไป แต่ยังไม่ทันจะกดโทรกลับ ก็มีสายเรียกเข้าจากโปรแกรมไลน์เด้งเตือนขึ้นมาเพื่อคุยแบบเห็นหน้า

          ทันทีที่กดรับ เขาเห็นใบหน้าที่ไม่อยากจะมองของเดชซึ่งเหยียดยิ้มกว้างใส่อย่างเหนือกว่า วัฒน์รีบมองฉากด้านหลัง หากแต่นั่นเป็นเพียงพื้นที่โล่งกว้างคล้ายที่จอดรถและมืดทึมจนแทบบอกไม่ได้ว่ามันคือที่ไหน เพียงไม่นานฉากในจอก็เลื่อนไปที่พื้น และนั่นทำเอาวัฒน์ถึงกับเบิกตาโพลง

          “นี่พอจะทำให้นายเชื่อได้หรือเปล่าล่ะ” เสียงของเดชดังขึ้นพร้อมๆกับที่ลูกน้องคนหนึ่งจับร่างที่หมดสติขึ้นมาให้เจ้านายถ่ายหน้าของเนให้ชัดเจน “หรือถ้ายังไม่เชื่ออีกล่ะก็ ให้ฉันลองตัดนิ้วหรือหูมันส่งไปให้ไหมล่ะ เดี๋ยวจะตัดให้เดี๋ยวนี้เลย”

          “อย่านะ!” วัฒน์ห้ามเสียงลนเมื่อเห็นโลหะเงินวาววับโผล่ออกมาในจอ “นายต้องการอะไร”

          “นั่นสินะ...อีกสามวันฉันจะบอกว่าทำไมละกัน” คำตอบทำเอาคนฟังบึ้งหน้า แต่วัฒน์ก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรเพราะรู้ดีกว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบแน่ และอาจจะโดนกวนประสาทกลับเสียเปล่าๆด้วย “อดทนรอไปก่อนแล้วกันนะ ระหว่างนั้นฉันจะดูแลไอ้เด็กนี่ให้อย่างดีเลย”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ตัดการสนทนาไป วัฒน์จ้องมือถือในมือตน ใบหน้าของหนุ่มใหญ่นั้นนิ่งเรียบ หากแต่มืออีกข้างนั้นกำแน่นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในที่พร้อมจะระเบิดออกมาเสียเดี๋ยวนี้

          ทำไมอยู่ๆมันถึงกล้าทำกันขนาดนี้...

          ที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่เคยลงมือเองเลยสักที เพราะฉะนั้นเขาถึงหาหลักฐานมัดตัวไม่ได้มาตลอด แต่มาลงมือกับเนตรงๆแบบนี้ เรียกว่าหลักฐานที่พวกเขาสู้เก็บมาเป็นเรื่องเล็กไปเลย

          หรือมันมั่นใจมากว่ายังไงแผนมันก็สำเร็จแน่

          หนุ่มใหญ่กัดฟันกรอด นึกแค้นใจที่โดนเล่นงานง่ายๆเสียได้ วัฒน์เลิกเสียเวลาแค้น เขารีบโทรไปหาฉัตรทันที

          “...เอาจริงดิ...” ฉัตรถามอยากไม่อยากจะเชื่อหูเท่าใดนัก หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาพอจะนึกออกว่าทำไมเดชถึงจงใจจับเนเอาตอนนี้...และทำไมต้องอีกสามวันให้หลังด้วย

          คงจะกันเหนียวเผื่อวัฒน์จะไปช่วยสิทธิ์ ถึงได้เอาเนมาดึงความสนใจแน่ๆ

          เขาไม่กล้าบอกแผนเสี่ยงอันตรายที่ตนแอบร่วมมือกับก้องเงียบๆหรอก เพราะเขาไม่แน่ใจว่าถ้าบอกออกไป วัฒน์จะเลือกไปช่วยใครระหว่างสิทธิ์กับเน

          “ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองตรวจสอบดูนะว่าไอ้เดชมันเอาเนไปไว้ที่ไหน” ฉัตรรีบเสนอตัว กลัวว่าถ้าวัฒน์เรียกระดมพลช่วยแฟนแล้วมารู้ความจริงว่า พรรคพวกหลายส่วนไปอยู่เฝ้าระวังทางวัฒน์ และอีกส่วนก็เฝ้าฐานเพราะช่วงนี้โดนอริเข้ามาวุ่นวายเหมือนรู้ดี มีหวังเนแย่แน่

          ที่จริงเขาก็ไม่รู้หรอกว่าวัฒน์จะเลือกสิทธิ์แน่ๆหรือเปล่า แต่เพราะทางที่ควรจะระวังจริงๆไม่ใช่สิทธิ์ ฉัตรเลยอยากให้วัฒน์ไปสนใจทางเนมากกว่า เลยเลือกที่จะไม่บอกเสีย แม้ว่าถ้าคุณน้องชายจอมโหดมารู้ทีหลังแล้วตนอาจจะโดนฆาตกรรมก็ตาม

          “แต่ฉันไม่เข้าใจ มันจะจับเนไปทำไม...ที่ผ่านมามันไม่เคยหันเป้ามาทำร้ายฉันเลย...แล้วทำไมต้องให้รอถึงสามวันด้วย” ฉัตรแทบยืนไม่ติดพื้นทันทีที่ได้ยินน้องชาย “เกิดอะไรขึ้นกับคุณสิทธิ์หรือเปล่า”

          จะมาเอะใจอะไรเอาตอนนี้วะเนี่ย

          “เปล่านี่ วันนี้ฉันก็เพิ่งโทรถามไอ้ก้องไปเอง ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินะ” ฉัตรพยายามตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะความจริงมันตรงข้ามอย่างสุดขั้ว แถมเหตุการณ์ยังคล้ายกันจนน่าขำอีก “ฉันว่าแกไม่ต้องห่วงคุณสิทธิ์หรอก เอาเวลาไปห่วงไอ้เนเหอะ น่ากลัวว่าเยอะ”

          “นั่นสินะ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” ได้ยินวัฒน์กลับมากลุ้มเรื่องเน ฉัตรถึงกับร้องไชโยอยู่ในใจ “ฝากนายด้วยละกัน ฉันเองจะหาทางทำอะไรสักอย่างเหมือนกัน ฉันไม่ยอมอยู่รอเล่นเกมตามมันแน่”

          ยังไม่ทันที่ฉัตรจะตอบรับ วัฒน์ก็ได้ยินเสียงปาล์มแทรกเข้ามา และนั่นทำให้เขาต้องนิ่วหน้าเพราะหลานชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกมาก แต่เสียงแทรกนั้นก้องและมีอีกหลายเสียงแทรกเข้ามาด้วย เขาเลยฟังไม่ออกว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

          “วัฒน์...” หลังจากเสียงโวยวายสงบลง ฉัตรก็เอ่ยเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก “ท่าทางจะแย่จริงๆแล้ววะ”

          เจ้าของชื่อเพียงแต่นิ่วหน้าและรอฟัง และทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย วัฒน์ถึงกับเบิกตาโพลง

          ไม่จริงน่า...

 

          เนกะพริบตาปริบๆมองเพดานตรงหน้าที่มืดทึม พอจะขยับตัวก็รู้สึกปวดที่ท้องน้อยและต้นคอจนน้ำตาแทบเล็ด มือทั้งสองโดนเชือกมัดไพล่หลังเอาไว้ ขาก็โดนมัดติดกันจนได้แต่ดิ้นดุกดิกเป็นหนอนอยู่บนพื้นคอนกรีตเย็นๆ

          เกิดอะไรขึ้น...

          เด็ก หนุ่มหันมองไปทั่ว แต่บริเวณโดยรอบนั้นมืดมากจนแทบมองอะไรไม่เห็นเลย ที่พอจะบอกได้ก็มีแค่ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในลานกว้างคล้ายกับที่จอดรถบนอาคาร ที่ไหนสักแห่ง และดูจากวิวมืดสลัวด้านนอกที่บอกให้รู้ว่าเป็นตอนกลางคืน การที่มองไม่เห็นตึกเลย ก็บอกให้เด็กหนุ่มรู้ได้สองอย่างคือ ถ้าไม่อยู่ห่างจากตัวเมือง ชั้นที่เนอยู่ในตอนนี้ก็ต้องสูงเอาการ

          เด็กหนุ่มพยายามรวบรวมสติพลางทบทวนว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และทันทีที่นึกออก เนก็ได้แต่กัดฟันด้วยความแค้นใจ

          ทั้งที่ตนก็ไม่ได้ประมาทแท้ๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเดช เขาเหมือนกับตุ๊กตายัดนุ่นที่อีกฝ่ายนึกจะทำอะไรก็ทำได้อย่างสบายๆ

          เนพยายามดิ้นเต็มแรงหมายจะกระชากเชือกที่รัดตน แต่นอกจากจะรัดแน่นมากจนระบม ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใช้เงื่อนตายอีกต่างหาก เล่นเอาเนได้แต่ดิ้นเป็นหนอนด้วยความแค้นอยู่อย่างนั้น

          “โธ่เว้ย” เด็กหนุ่มอดโวยวายไม่ได้ “ไอ้เวรเอ๊ย อย่าให้หลุดไปได้นะ พ่อจะกระทืบให้จมดินเลย”

          “เลิกโวยวายสักทีน่า”

          เนชะงักเมื่อรู้ว่าตนไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว และน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความรำคาญระคนหงุดหงิดทำเอาเนต้องอ้าปากค้าง เขารีบหันไปยังต้นเสียง ซึ่งสิ่งที่เห็นเป็นเพียงเงาคนที่นั่งพิงกำแพงอยู่ไม่ห่าง ดูทรงแล้วคงโดนมัดมือมัดเท้าเหมือนกัน

          “คุณศาสตร์?” เนยังคงเพ่งมองอย่างไม่อยากจะเชื่อนักว่าอีกฝ่ายจะโดนจับมาด้วย

          “...ถ้าไม่เพราะโดนเล่นงานทีเผลอ ฉันก็ไม่โดนจับหรอก” อีกฝ่ายบอกราวกับอ่านใจได้ “ไม่ได้อ่อนเหมือนนาย”

          ทีแรกก็เห็นใจที่ต้องมาร่วมชะตากรรมเดียวกัน แต่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นแล้ว เนเปลี่ยนใจอยากจะสกายคิกใส่ไอ้หนุ่มหน้าตายนี่เลยทีเดียว

          “เหอะ ฉันก็โดนเล่นทีเผลอเหมือนกันล่ะน่า” เนเกทับใส่อย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะกลิ้งให้ห่างจากระยะเท้าของศาสตร์ “...แล้วนี่รู้หรือเปล่าว่าไอ้เดชมันจับพวกเรามาทำไม”

          “ไม่รู้ แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่” น้ำเสียงของศาสตร์นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด ที่จริงเขาก็พอจะเดาสาเหตุที่โดนจับมาได้ เพราะชายหนุ่มเองก็รู้เรื่องที่สิทธิ์จะไปทะเลาะกับวินตัวต่อตัวเพื่อไปแย่งเดียร์กลับมา เพียงแต่เพราะโดนสั่งให้เก็บเป็นความลับจากเนและวัฒน์ เขาจึงได้แต่อมพะนำและเก็บความหงุดหงิดนั้นอยู่แต่ในใจ แม้ความเป็นจริงจะอยากตะโกนใส่หน้าเนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ตาม ที่สำคัญคือ บอกหรือไม่บอกมันก็ไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์ดีขึ้นด้วย เผลอๆอาจจะเลวร้ายลงเปล่าๆ

          “นายคิดว่าถ้าตอนนี้คุณสิทธิ์โดนจับตัวไปเหมือนกัน อาวัฒน์จะไปช่วยใคร”

          “อะไรนะ คุณสิทธิ์โดนจับหรือ”

          “แค่สมมติ” ศาสตร์ตะโกนใส่อย่างอารมณ์เสียเต็มทน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันก็แค่อยากรู้...ว่าถ้าเกิดทั้งนายทั้งคุณสิทธิ์โดนจับไปเป็นตัวประกันทั้งคู่ แล้วถ้าเลือกช่วยได้แค่คนเดียว นายคิดว่าเขาจะช่วยใคร”

          เนนอนนิ่ง ว่ากันตามตรงแล้วเป็นคำถามที่ตอบยากมาก แน่ล่ะ วันก่อนตอนที่วัฒน์รู้ว่าสิทธิ์โดนวินชก ยังรีบปรี่ไปหาเสียจนไม่ทันบอกตนด้วยซ้ำว่าจะไปไหน แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์สมมติอย่างที่ศาสตร์พูดจริง ไอ้เรื่องที่อีกฝ่ายจะมาช่วยตนก่อนเจ้านายคงเป็นไปได้ยากมาก

          “แล้วไม่มีคุณเป็นตัวเลือกด้วยหรือครับ”

          โดนเด็กหนุ่มถามกลับ ศาสตร์ถึงกับชะงักค้างไปนาน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคยได้ยิน และเนกลับรู้สึกโชคดีตงิดๆที่ตอนนี้มืดจนมองไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย

          “อย่าถามอะไรที่รู้คำตอบอยู่เลยน่า” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความน้อยใจจนชัดเจน “ฉันมันก็แค่คนบ้าที่แอบรักเขา สุดท้ายก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับอาวัฒน์ด้วยซ้ำ”

          “สำคัญสิ”

          จากที่กำลังตัดพ้ออย่างมีอารมณ์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมองหนอนที่ดิ้นขลุกตรงหน้าทันที ซึ่งในความมืดเขามองไม่เห็นสีหน้าของเนเลย แต่ดูจากลักษณะแล้ว ศาสตร์ก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองหน้าตนอยู่

          “ถึงเขาจะเลือกผม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สำคัญสำหรับเขาหรอกนะครับ” แต่น้ำเสียงงี้ดี๊ด๊าน่าเตะมาก

          “แต่ก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับนายหรือคุณสิทธิ์” ศาสตร์สวนกลับเสียงต่ำ “ไม่ต้องมาปลอบ ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร โดยเฉพาะนาย”

          “ผมก็ไม่ได้สงสารสักหน่อย” เนโต้กลับอย่างมีอารมณ์ “จำไอ้แหวนเฮงซวยของคุณได้หรือเปล่าล่ะ เขายังเก็บไว้อย่างดีเลยล่ะ เชอะ”

          ศาสตร์เงียบนิ่งไปนานหลังจากเนพูดจบ เด็กหนุ่มหันมองคนที่ยังนิ่งเฉย ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย

          “ผมทั้งคาดคั้นทั้งบังคับให้เขาเอาทิ้งจะตาย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ยอม ทั้งที่รับปากว่าจะเอาไปทิ้งแล้ว” คราวนี้กลายเป็นเนที่บ่นน้อยใจแทน “ผมมันก็แค่แฟน ไม่ใช่คนที่เขาเห็นเป็นลูกเป็นหลานสักหน่อยนี่”

          ตอนนี้ศาสตร์ชักเริ่มงงแล้วว่าควรจะดีใจกับสถานะในตอนนี้ของตนหรือเปล่า

          “เอาเป็นว่า เขาเห็นคุณสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณสิทธิ์ก็แล้วกัน” เนตัดบทอย่างรำคาญก่อนจะหันไปทางอื่น “แต่ผมไม่เถียงหรอกนะว่าถ้าเกิดต้องเลือก ผมเชื่อว่าคุณวัฒน์ก็คงเลือกคุณสิทธิ์อยู่แล้วล่ะ และถ้าเป็นเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ผมก็ไม่เสียใจด้วยถ้าเขาไม่เลือกผม เพราะผมเองก็จะเลือกคุณสิทธิ์เหมือนกัน”

          ศาสตร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะลั่นจนเนต้องหันกลับมามอง

          “ฮะๆ จริงของนาย” หลังจากหัวเราะจนพอใจศาสตร์ก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังติดสั่น “นั่นสินะ ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เจ้านายก็ต้องสำคัญที่สุดอยู่แล้ว”

          เนนิ่วหน้า แม้ฟังดูเหมือนน้อยใจแต่น้ำเสียงของศาสตร์ในคราวนี้ไม่ได้ฟังดูเป็นเช่นนั้นแล้ว

          “แต่ผมเชื่อนะ ว่าต่อให้เขาเลือกคุณสิทธิ์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมตัดใจจากพวกเราสักหน่อย”

          ชายหนุ่มเพียงแต่นิ่ง ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ เพียงแค่ยังไม่มั่นใจนักว่าจะเป็นอย่างที่เนพูด แต่ในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปว่า ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ



________________________________________________________________


กลับมาเครียดเลยทีเดียว


ปีใหม่ไปเที่ยวไหนกันบ้าง =w=
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 80 (6/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-01-2016 21:25:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 80 (6/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 06-01-2016 22:32:54
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 80 (6/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-01-2016 16:54:00
 :z3: :z3: จะเปิดบู๊กันแล้วเหรออออ ลุงสู้ๆนะอย่ายอมให้คนพาลมาทำให้ชีวิตพังอะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 80 (6/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-01-2016 19:19:00
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 80 (6/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-01-2016 19:21:00
นี่จะเป็นปมสุดท้ายก่อนจบแล้วใช่ไหมนี่ (สังหรณ์อ่ะ)
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 81 (9/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 09-01-2016 09:58:32
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 81


          “อาวัฒน์คะ”

          เจ้าของชื่อลุกขึ้นทันทีที่เห็นเด็กสาวร่างท้วมเดินเข้ามาในห้องนอนของตน แม้จะร้อนรนแทบตาย แต่วัฒน์ก็เพียงแค่ยืนนิ่งรอให้เอมเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

          “คือเรื่องที่อาอยากได้ หนูสืบไม่เจอหรอกนะคะ” เอมรีบบอกเสียงลนเมื่อโดนหนุ่มใหญ่จ้องหน้าเหมือนจะกินเลือด “หนูรู้แค่ว่าตอนนี้เดชไม่กลับมาที่บ้านเลย ไปสืบทางลูกน้องเองก็ไม่ได้ความเลย คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยน่ะค่ะ”

          “สักหน่อยที่ว่ามันนานเท่าไหร่” ที่จริงวัฒน์ก็แค่ร้อนใจ แต่ไม่รู้ทำไมเสียงมันกลับฟังเหมือนคาดคั้นแทน

          “กะ...ก็จนกว่าลูกน้องหรือเดชจะเคลื่อนไหวนั่นล่ะค่ะ” เด็กสาวเริ่มออกอาการกระสับกระส่าย “ตอนนี้เราก็ทำเท่าที่ทำได้แล้วล่ะค่ะ ทั้งแมวกับพวกพี่ปาล์มเองก็พยายามหาเต็มที่เลยนะคะ”

          “แค่นั้นไม่พอหรอก” หนุ่มใหญ่บอกเสียงต่ำ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรอทำตามที่อีกฝ่ายต้องการแน่ “…ยังไงก็ฝากตามเรื่องต่อทีนะ”

          แม้ในทีแรกจะหวาดหวั่นแต่เห็นอีกฝ่ายดูกังวลเสียเต็มประดา จากที่กำลังกลัว เอมจึงนึกเห็นใจอีกฝ่ายแทน...ถึงขามันจะสั่นไม่ยอมหยุดก็เถอะ

          “หนูว่าอาวัฒน์ใจเย็นๆเถอะค่ะ หนูเชื่อว่าพี่เนกับพี่ศาสตร์ยังปลอดภัยอยู่แน่” เธอไม่แน่ใจว่าสมควรปลอบอีกฝ่ายดีหรือเปล่า แต่ถึงแม้จะกลัวก็อดไม่ได้จริงๆเมื่อเห็นท่าทีเหมือนโลกจะแตกของวัฒน์ “ร้อนใจไปมันอาจจะทำให้แย่ลงเปล่าๆนะคะ”

          แนะเสร็จก็ได้แต่ยืนขาสั่นด้วยความหวาดกลัวจะโดนว่ากลับถึงได้หลับตาแน่นพร้อมรับการลงทัณฑ์

          แน่นอนว่าวัฒน์ไม่ได้คิดจะต่อว่าอีกฝ่ายอยู่แล้ว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยืนตัวสั่นหลับตาแน่น รวมกับคำพูดเมื่อครู่ ทำให้เขาเข้าใจเพียงแค่ว่าอีกฝ่ายเอ่ยเพราะเป็นห่วงและอยากเตือนให้ตนใจเย็นลงเพียงเท่านั้น

          “นั่นสินะ...” ได้ยินเสียงหนุ่มใหญ่แล้วเอมถึงกับลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เห็นอีกฝ่ายท่าทางเหมือนรู้สึกผิดยิ่งทำให้เด็กสาวร่างท้วมอ้าปากค้าง “ขอบใจนะเอม อาคงร้อนใจไปหน่อย”

          เอมเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่ดูสงบลงแล้ว และมีอาการสลดร่วมด้วย เด็กสาวไม่พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าให้และขอตัวออกไปจากห้องเพื่อทำหน้าที่ต่อ

          วัฒน์ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หมุนเหมือนเดิม สายตาก็จ้องไปยังเอกสารบนโต๊ะ ก่อนจะหายใจเข้าออกลึกๆ นึกถึงคนที่ตนไม่อยากจะนึกที่สุด ตอนนี้เขาพอจะรู้สาเหตุคร่าวๆที่เดชต้องการจะทำร้ายสิทธิ์ แต่ที่เขาไม่เข้าใจว่าการลักพาตัวเนกับศาสตร์จะเกี่ยวอะไรกับการกำจัดสิทธิ์ด้วย

          ก็คิดได้อย่างเดียวว่าต้องเกี่ยวข้องกัน

          แต่ในเมื่อพี่ชายยืนกรานเสียงแข็งว่าฝั่งเจ้านายไม่มีอะไรให้เป็นห่วง บวกกับนึกถึงคำท้วงของเน วัฒน์จึงพยายามปล่อยวางและคิดถึงเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้แทน

 

          สองหนุ่มผู้โดนจับเป็นตัวประกันต่างสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดินแว่วเข้ามา ทั้งสองต่างหรี่ตาอย่างงัวเงียเมื่อพบว่าตอนนี้เช้าแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขารู้ได้เลยว่าตนโดนจับมาที่ไหน เพราะตรงชั้นที่พวกเขาอยู่เป็นเพียงชั้นโล่งๆที่คล้ายกับลานจอดรถ ซึ่งไม่มีทางลาดให้รถขับขึ้นลงได้ มีระเบียงปูนล้อมรอบ แต่ด้านที่ทั้งสองพิงอยู่เป็นกำแพง ตรงฝั่งตรงข้ามทางขวามุมสุดเป็นห้องปูนเปลือยเพียงห้องเดียวในชั้นนี้

          เนรีบกลิ้งไปติดกำแพงด้านหลังอย่างลืมตัว ทำเอาเหล่าผู้มาเยือนที่ออกมาจากห้องนั้นพากันขำ มีเพียงเดชคนเดียวที่ยังคงยิ้มบาง และดูจะไม่สนใจกับการกระทำชวนหัวของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย

          “ไง หลับสบายดีไหม...แต่ดูท่าทางคงจะไม่สบายเท่าไหร่เนอะ” เดชเอ่ยเย้าก่อนจะเดินเข้าไปเขี่ยเท้าศาสตร์ และก็ต้องหลบออกมาเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะเตะตน “ก็ว่าจะเตรียมที่นอนให้ แต่พอดีมันฉุกละหุกไปหน่อยน่ะ ก็ทนๆเอาหน่อยละกัน”

          “แกคิดจะทำอะไร” ศาสตร์ถามเสียงเหี้ยม ไม่มีความกลัวเจืออยู่บนใบหน้าแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นกลับทำให้เดชยิ้มกว้างกว่าเดิม

          “ฉันก็แค่เบื่อสงครามประสาทเต็มทน แล้วก็อยากจะให้ทุกอย่างมันจบๆไปสักทีไง” เดชตอบเสียงระรื่น “พวกนายเองก็เบื่อเหมือนกันไม่ใช่หรือ ฉันก็แค่ทำให้มันง่ายขึ้นก็เท่านั้น”

          “เฮอะ นึกว่าพวกฉันบริโภคคลอโรฟิลด์เป็นอาหารหรือไง” ได้ยินศาสตร์สวนกลับหน้าเครียด เนถึงกับสำลัก “แกวางแผนอะไรอยู่ใช่ไหมถึงทำแบบนี้”

          เดชยังคงยิ้มกว้างไม่เปลี่ยน “นั่นมันก็ส่วนหนึ่ง...แต่ฉันก็เบื่อที่จะมายืดเยื้อแบบนี้แล้วด้วยก็เท่านั้น อยากจะจบกับไอ้วัฒน์มันสักที ถึงจะไม่อยากเท่าไหร่ก็เถอะนะ”

          ได้ยินชื่อบุคคลแสนรักแล้ว สองหนุ่มต่างพากันถลึงตาใส่ทันที ทำเอาเดชหัวเราะลั่น

          “ชีวิตพวกแกก็อยู่กับวัฒน์นั่นล่ะ ว่ามันจะเลือกอะไร” หนุ่มใหญ่พูดราวกับไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแม้แต่น้อย “ยังไงก็เตรียมใจไว้เลยก็ดีนะ ถ้าเกิดว่ามันเลือกผิดทางขึ้นมา ฉันไม่ชอบทรมานใครอยู่แล้ว จะให้มันจบในครั้งเดียวแน่นอน”

          และคนฟังก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำขู่

          “หนอย ไอ้เวรนั่น ได้ทีพูดเอาๆเลยนะ” หลังจากพรรคพวกของเดชเดินหายไปยังทางลาดที่อยู่อีกฝั่ง เนก็ตะโกนไล่หลังออกมาอย่างเหลืออด “โอ๊ย ไอ้เชือกบ้านี่ก็รัดแน่นจริงโว้ย”

          ศาสตร์เพียงแค่นั่งนิ่งแล้วมองเน ลองว่าขนาดเขายังไม่ไหว อย่างไอ้เด็กนี่มีหรือจะทำได้

          “นี่” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกคนที่ง่วนอยู่กับการออกแรงอย่างไร้ประโยชน์ “ฉันนึกแผนบางอย่างออก แต่นายต้องช่วยฉันด้วย”

          เนหยุดดิ้นและหันหน้ามาฟังอย่างตั้งใจทันที

 

          หมอนั่นเอาตัวสองคนนั่นไปไว้ที่ไหนนะ...

          เขาพยายามเค้นความจำออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะนี่ก็พยายามตามหาเท่าที่นึกออก แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวจนหมด ยิ่งก็ยิ่งแค้น เขาไม่อยากจะรอตามเกมอีกฝ่ายเลยสักนิด แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย จนล่วงเลยมาถึงวันที่สามเอาจนได้ และนั่นยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่ร้อนใจหนัก เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรศาสตร์กับเนไปแล้วบ้าง เขาไม่อยากจะเชื่อนักหรอกว่าเดชจะจับสองคนนั้นไปเฉยๆ

          วัฒน์นึกทวนถึงคำพูดของเดชที่เคยคุยกันก่อนหน้านั้นก่อนจะเริ่มนึกบางอย่างออก

          ไม่สิ...บางทีอาจจะเป็นไปได้ก็ได้...

          วัฒน์รีบคว้ามือถือของตนขึ้นมากดโทรหาฉัตรทันที

          “เดี๋ยวฉันจะไปเดินเล่นที่บุรีรัมย์สักหน่อย ถ้าเที่ยงคืนฉันยังไม่โทรไปหานาย รีบเกณฑ์กำลังทั้งหมดมาหาฉันเลยนะ”

          “นายมั่นใจว่าไอ้เดชจับพวกเนไว้ที่นั่นหรือ...แต่ที่นั่น...”

          “เป็นที่ของคุณสิทธิ์ ฉันรู้ และให้พูดกันตามตรงหมอนั่นก็คงไม่เสี่ยงแน่” วัฒน์บอกเสียงเรียบ “แต่พอดีฉันรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะไปลองดูน่ะ”

          ใจจริงก็ไมได้เห็นด้วยนัก แต่ฟังน้ำเสียงที่เหมือนจะมั่นใจเอาการ ฉัตรก็ได้แต่ยอมตามอย่างเสียไม่ได้

          “ก็ขอให้แกโทรมาบอกข่าวดีก่อนเที่ยงคืนละกัน”

          ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ฉัตรยอมรับว่าใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ยิ่งถ้าเกิดลางสังหรณ์ของวัฒน์แม่นจริงๆ เท่ากับว่าเขาปล่อยให้ไอ้น้องหน้านิ่งมันไปฉะกับศัตรูที่กินกันไม่ลงมานานแล้วน่ะสิ…แต่จะไปช่วยก็กังวลทางฝั่งเจ้านายกับทางร้านที่มีความเสี่ยงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทำเอาหนุ่มใหญ่เผลอเกาหัวจนยุ่งเพราะไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตวุ่นวายนี่

          “ไปสิครับ”

          ฉัตรสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาต่อที่ยืนเลือนรางอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องพักพนักงาน สีหน้าของหนุ่มใหญ่ประหลาดใจมากกว่าหวาดหวั่นกับพฤติกรรมชวนสงสัยว่าอีกฝ่ายโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงโดยที่ตนไม่รู้ตัวได้ เพราะฉัตรไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติสักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับว่าลางสังหรณ์ของเพื่อนลูกคนนี้นั้นแม่นมากจนไม่กล้าเมินนัก

          “ไม่ต้องห่วงทางนี้กับคุณสิทธิ์หรอกครับ...” ต่อเอ่ยกระตุ้นเสียงเนิบเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงลังเล “ผมยังไม่เห็นดวงถึงฆาตของทางคุณสิทธิ์หรือพวกเราคนไหนนะครับ แต่ทางคุณวัฒน์นี่น่ะสิ...”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป ปล่อยให้คนฟังนิ่วหน้าด้วยความกังวลหนักกว่าเก่า

          “ผมก็ฟันธงไม่ได้หรอกว่าใครที่กำลังจะแย่ แต่ถ้าปล่อยไปแบบนั้น จะต้องมีใครสักคนที่เราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไปแน่ครับ”

          “โธ่เว้ย น่ารำคาญจริงว่ะ” ฉัตรบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบแจ็คเก็ตสีดำที่แขวนอยู่ในล็อคเกอร์กับกระเป๋าเป้สีดำที่วางไว้ด้านล่าง แล้วกระทืบเท้าออกมาหาต่อ “ฝากด้วยละกัน ถ้าเกินเที่ยงคืนแกกับปาล์มก็ตามพรรคพวกมาละกัน”

          ต่อเพียงแต่พยักหน้าให้ เมื่ออีกฝ่ายหายออกไปจากห้องแล้วชายหนุ่มก็ถอนใจออกมา ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความกังวล ถึงฉัตรจะไปเสริมทัพแต่เขากลับไม่สบายใจเลยสักนิด

          ขออย่าให้เป็นอะไรกันเลยนะ...

 

          “ไม่ไหว...”

          “ทนอีกหน่อยสิวะ”

          “โอ๊ย บอกว่าไม่ไหวก็ไม่ไหวไง” เนตะโกนบอกอย่างสุดทน “นายก็มาทำแทนสิวะ ฉันเจ็บฟันจะแย่อยู่แล้ว”

          “เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งทำไปเองนะ” ศาสตร์โวยวายหน้านิ่ง ทำเอาเนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายโกรธอย่างที่น้ำเสียงเป็นหรือเปล่า “นายเพิ่งเริ่มไปห้านาที อย่าเพิ่งบ่นสิวะ แก่แล้วหรือไงหา กัดนิดกัดหน่อยทำเป็นสำออย”

          “โถ ไอ้บ้าแก่จนสายตาฝ้าฟางแล้วเรอะ เชือกนี่มันบางๆที่ไหน” เนสวนกลับอย่างไม่ลดละ “ถ้าคิดว่ามันไม่เท่าไหร่ นายก็ทำต่อสิ เอ้า แผนนายนี่”

          ทั้งคู่จ้องหน้าปานจะกินเลือกกินเนื้อกัน และสุดท้ายก็เลิกใช้แรงโดยเสียเปล่า จากนั้นก็หันหน้าไปคนละทางเพราะไม่อยากจะเห็นหน้ากันนัก

          “บ้าจริง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังหนีออกไปไม่ได้แน่” ศาสตร์บ่นออกมาหลังจากเลิกตีฝีปากกับเน

          “ผมก็ไม่ได้อยากมานอนเล่นอยู่ที่นี่นักหรอกน่า” เด็กหนุ่มว่าก่อนจะถอนหายใจ “ย้าก!!”

          ไม่วายยังหาเรื่องเบ่งพลังอีกจนได้ ทำเอาคนกำลังกลุ้มๆถึงกับหลุดหัวเราะกับความดึงดันที่ไร้ประโยชน์นี่เสียจริงๆ

          “ฉันว่าเก็บแรงไปคิดหาทางที่ดีกว่าเถอะ” ศาสตร์แนะเสียงอ่อน เพราะตั้งแต่โดนจับมา ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ยิ่งออกแรงก็รังแต่จะทำให้พยาธิในท้องดูดพลังงานแรงกว่าเดิมเปล่าๆ

          “ก็มันคิดไม่ออกนี่หว่า” เนว่าก่อนจะยอมนิ่งบ้างเพราะโดนเสียงท้องร้องของตัวเองสูบพลังงาน “โธ่เว้ย เอาไงดีวะ”

          ศาสตร์มองหนอนชาเขียวที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กใกล้ๆก่อนจะถอนหายใจ นี่ก็มืดแล้วด้วย แต่ยังดีหน่อยตรงที่อีกฝ่ายเปิดไฟตรงบริเวณที่พวกเขาอยู่ แม้ดูไปดูมาจะแย่หน่อยตรงที่นอกจากบริเวณที่ตนอยู่ ที่อื่นนั้นมืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิดเดียว ดังนั้นจึงไม่รู้เลยว่านอกจากพวกตน ยังมีคนอื่นอยู่ในชั้นนี้ด้วยหรือเปล่า

          คนนอนหันไปหาคนที่นั่งพิงกำแพงเมื่อศาสตร์พยายามยืนขึ้นทั้งที่ขาโดนมัด ชายหนุ่มกระโดดกระย่องกระแย่งออกไปจากพื้นที่แสงส่อง หายไปนานเสียจนคนนอนรู้สึกหวั่นใจ แต่จะให้ตะโกนเรียก ศักดิ์ศรีมันก็ค้ำคอ เลยพยายามลุกขึ้นยืนหมายจะกระโดดตามอีกฝ่ายไปด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้ทรงตัวดี ศาสตร์ก็กลับมาแล้ว

          “ไม่มีใครเลย” ศาสตร์ตอบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “แปลก...เมื่อคืนก่อนถึงมันจะไม่เปิดไฟ แต่ฉันก็พอจะเห็นเงาคนอยู่สองสามคน แต่วันนี้กลับไม่แม้แต่จะมาเฝ้า”

          “เห็นเราโดนมัดขนาดนี้ก็คงคิดว่าหนีไม่ไหนไม่ได้แน่ๆ เลยขี้เกียจจะเฝ้าละมั้ง” เนบอกอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะไถลตัวไปกับกำแพงเพื่อยืนขึ้น

          ศาสตร์ไม่ได้ตอบอะไร นอกเสียจากกระโดดหายออกไปอีก คราวนี้เนพยายามกระโดดตามไปด้วย โดยอาศัยแสงสลัวจากท้องฟ้าคอยนำทางไปยังห้องที่อยู่อีกฝั่งทางขวา

          ทั้งสองมายืนง่อนแง่นอยู่ตรงหน้าประตูโลหะที่เหมือนดั่งเป็นความหวังอย่างสุดท้ายของตน เสียงคุยเบาๆที่ดังจากด้านในที่ทำให้ทั้งสองยังคงยืนอยู่ที่เดิม

          “คิดว่าคุณวัฒน์จะหาที่นี่เจอหรือเปล่า” เสียงทุ้มเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างหวาดหวั่น

          “ไม่รู้ว่ะ แต่ก็มีโอกาสอยู่...นั่นคุณวัฒน์นะ...ไม่ใช่ไอ้ฉัตรสักหน่อย” อีกเสียงดังขึ้นอย่างหวาดหวั่นไม่แพ้กัน

          “พวกแกจะกลัวไปทำไมวะ ยังไงตามแผนคุณเดช มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่ หรือพวกแกคิดว่าคุณเดชจะพลาด”

          “นั่นสิ ไอ้การที่เราจับไอ้เด็กสองคนนั่นก็เพื่อการนี้อยู่แล้ว” เสียงที่สี่ทำเอาเนกับศาสตร์เริ่มคิดหนักกับจำนวน “พวกแกก็เตรียมตัวเผื่อไว้ละกัน ถ้าสำเร็จก็จัดการตามแผนเลย ถังกับปูนก็เตรียมไว้แล้ว”

          เนฟังแล้วสยองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะให้สรุปโดยง่าย นั่นหมายความว่าถ้าแผนอะไรก็ไม่รู้ของเดชสำเร็จ พวกเขาก็มีสิทธิ์ได้ตีตั๋วทัวร์ใต้ทะเลแบบไปแล้วไปลับไม่กลับมานั่นเอง

          ไม่เอาหรอกนะเว้ย ชีวิตของตูเพิ่งจะสดใสซาบซ่าน อย่ามาดับกันเอาตามใจชอบง่ายๆนะโว้ย!

          แต่โดนมัดมือมัดเท้าขนาดนี้ ซ้ำคนเฝ้ายังมีถึงสี่คน และตอนนี้ก็อยู่บนอาคารที่สูงราวเจ็ดชั้น แล้วจะให้หนีไปไหนได้กัน

          “เน” เสียงทุ้มหนักกระซิบขึ้น ทำเอาคนที่กำลังหวั่นกลัวหันไปมองเงาที่ยืนอยู่ข้างประตูอีกฝั่งที่กระโดดออกจากประตู “ไปกัดเชือกสิวะ”

          โอ๊ย กว่าจะกัดเสร็จมีหวังโดนมันจับยัดถังพอดี

          ครืด...

          เสียงครูดของปูนกับโลหะหนักที่ดังขึ้นเบาๆทำเอาเนที่กำลังจะง้างปากยิงคำด่ารีบ หุบลงทันควันและหันไปยังต้นเสียงทันที เสียงนั้นดังมาจากระเบียงใกล้ ทั้งสองหันมองต้นเสียงเป็นตาเดียว มันค่อยๆดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ กระนั้นมันก็ยังเบาจนหากไม่ตั้งใจฟังดีๆก็คงไม่ได้ยิน

          ศาสตร์ค่อยๆ กระโดดเข้าไปใกล้อย่างไม่กลัวเกรง ทำเอาคนที่ยืนนิ่งได้แต่หวาดหวั่นปนให้กำลังใจ ชายหนุ่มกระโดดไปจนถึงริมระเบียง ชะโงกตัวก้มมองอยู่พักใหญ่ และดูจากท่าทีที่นิ่งสนิท ก็คงไม่เจอสิ่งใดเป็นแน่

          “แปลก...นี่ก็ไม่ได้มีลมทำไมถึงมีเสียงแปลกๆขึ้นมา” หนุ่มหน้านิ่งวิเคราะห์เสียงเบา ยังคงก้มลงมองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

          “โอ๊ย ช่างหัวเสียงมันเถอะน่า ตอนนี้หาทางแก้เชือกก่อนเหอะ”

          “เน!”

          เจ้าของชื่อหันไปมองอย่างรำคาญ แต่ยังไม่ทันจะออกเสียงก็ต้องอ้าปากค้างไป เมื่อเห็นเงามือที่โผล่พ้นมาจากระเบียงใกล้ๆกับตัวศาสตร์

          “งายจ๊ะ”

          ได้ยินเสียงกวนส้นเท้าของฉัตรพร้อมกับเงาของชายร่างโตที่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากระเบียง เนแทบจะหงายหลังล้มลงเสียให้ได้ เขาเกือบจะตะโกนออกไปแล้ว

          “แหม ทีแรกก็นึกว่าพวกไอ้เดชอยู่แถวนี้ นี่กะว่าจะสวนเข้าจังๆแล้วนะถ้าไอ้หนูศาสตร์ไม่ส่งเสียงออกมาก่อนเนี่ย” ฉัตรเอ่ยทีเล่นทีจริงหลังจากปีนระเบียงเข้ามาด้วยฝีเท้าเงียบเชียบผิดกับขนาดตัว จากนั้นก็ปัดฝุ่นบนเสื้อแจ็คเก็ตหนังของตนราวกับกลัวมันเลอะเสียเหลือเกิน “...อะไร ทำหน้าเหมือนโดนหวยกินขนาดนั้น ผิดหวังที่ฉันไม่ใช่สุดที่รักของพวกแกหรือไงจ๊ะ”

          “ผมแค่สงสัยว่าคุณปีนขึ้นมาได้ยังไงต่างหาก” เนแหววใส่คนที่เพิ่งจะปีนขึ้นมาจากตึกเจ็ดชั้นด้วยมือเปล่าแถมยังแบกเป้มาอีก…แม้จะแอบคิดเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ใช่วัฒน์จริงๆก็ตาม

          “เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วแก้เชือกสักทีเถอะครับ” ศาสตร์รีบตัดบทก่อนที่ทั้งสองจะปะทะคารมกันมากไปกว่านี้ “เดี๋ยวพวกที่อยู่ข้างในรู้ตัว...”

          ยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงประตูก็ดังขัดศาสตร์เสียก่อน และยังไม่ทันไร คนรู้หน้าที่ก็พากันเข้าไปตะลุมบอนก่อนที่ศัตรูจะได้ทันตั้งตัว และด้วยแรงควายของหนุ่มใหญ่ร่างถึก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็จัดการคนสี่คนจนหมอบกระแต

          “แกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ” ฉัตรเอ่ยเสียงเยาะใส่เนที่ยังคงยืนทื่ออยู่ที่เดิม พลางโยกหัวไปทางศาสตร์ที่พุ่งไปกระแทกศัตรูแล้วนอนทับอยู่ “เอาอย่างหมอนั่นบ้างสิ”

          ไม่ไหวว้อย บ้าไม่พอ!

          “แล้วอาวัฒน์ละครับ” หลังจากฉัตรเดินมาแก้เชือกออก ศาสตรก็เอ่ยถามพลางสะบัดแขนขาแก้เมื่อย

          สีหน้าของหนุ่มใหญ่ดูกังวลและไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก และก่อนที่ฉัตรจะอ้าปาก เสียงปืนดังลั่นมาจากชั้นล่างดึงความสนใจพวกเขาเสียก่อน

          สองหนุ่มเพียงแต่มองหน้าคนอาวุโสสุด ซึ่งฉัตรเพียงแต่เกาหัวจนยุ่ง ท่าทีดูไม่รีบร้อนเท่าใดนัก ทั้งที่เสียงปืนดังรัวลั่นจนน่าหวาดหวั่น

          “นั่นไง มันมาแล้ว”



_________________________________________
ก็อย่างที่ผู้อ่านเห็นว่าใกล้จบแล้ว =w= เลยมาแจ้งเรื่องรวมเล่มว่า ก็คงเปิดโอนราวๆปลายเดือนนี้โดยประมาณ อาจจะเปิดสักสองเดือนนะงับ =w=


รายละเอียดของหนังสือคร่าวๆคือจะแยกเป็นสามเล่ม มีตอนพิเศษ 4 ตอน ภาพปลากรอบ 10 หน้า มุกสี่ช่อง 21 หน้า ราคาคร่าวๆจะอยู่ที่ 750 บาทนะงับ =w= เดี๋ยวค่าส่ง ขอรอดูน้ำหนักหนังสือก่อนนะงิ


เรื่องภาพประกอบ เรายังไม่ได้กำหนดว่าจะวาดฉากไหนเท่าไหร่ หากใครมีรีเควสสามารถบอกได้นะ (ฮา)


แต่อย่าติดเรทมากนะ =[]=!!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 81 (9/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 09-01-2016 13:06:55
ไม่อยากให้ใครในสี่คนนี้มีอันตรายอย่างที่ต่อพูดเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 81 (9/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-01-2016 13:32:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 81 (9/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-01-2016 22:06:13
โอ้ยยย ลุ้น ยิ่งใกล้จบยิ่งลุ้นมากอะใครอย่าเป็นอะไรเลยนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 82 (13/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 13-01-2016 15:57:28
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 82


          “เดี๋ยว”

          ฉัตรจับคอเสื้อของเนก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งออกไปตามเสียงปืน ทำเอาเด็กหนุ่มที่ออกตัวเต็มแรงเกือบหงายหลังลงพื้น

          “ทำไมล่ะครับ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวอาวัฒน์ก็แย่หรอก” ศาสตร์ถามเสียงลน แต่ไม่วายแอบหัวเราะใส่เนที่กำลังสำลักเพราะโดนกระชากคอเสื้อ

          “โอ๊ย แค่นั้นไอ้วัฒน์มันไม่เป็นอะไรหรอก” หนุ่มใหญ่โบกมืออย่างรำคาญใจ “แต่ถ้าพวกนายไม่ช่วยฉันก่อน รับรองว่าแย่กันทั้งบางแน่”

          สองหนุ่มเพียงแต่นิ่วหน้ามองคนที่ทำหน้ายุ่ง ซึ่งฉัตรไม่ได้บอกอะไรต่อนอกเสียจากหยิบคีมแจกให้คนละอัน

          “แกเคยตัดชนวนระเบิดหรือเปล่า”

          คำถามนั่นทำเอาเนผงะ

          “ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น แค่ตัดเส้นสีเหลืองซึ่งมันก็มีอยู่แค่เส้นเดียว แค่นั้นเอง” ฉัตรหัวเราะร่วนเมื่อเห็นเนทำท่ากลัวเสียเต็มประดา “โอ๊ะ แต่ถ้าเจ้าของระเบิดมันกดระเบิดก่อนหรือตัดผิดสายก็อีกเรื่องนะ”

          ไม่ได้ช่วยให้ตูมีกำลังใจในการทำงานขึ้นเล้ย

          “ถ้างั้นไอ้ศาสตร์ ไปจัดการระเบิดที่ชั้นหกละกัน ฉันว่ามันน่าจะวางไว้ที่เสาหลักตรงกลางอาคารกับสี่มุม ระเบิดไม่น่าจะแรงเท่าไหร่ แต่ก็ระวังไว้หน่อยละกัน ถ้าจัดการเรียบร้อยก็ทำรอยกากบาทไว้ที่กำแพงทางบันไดละกัน ส่วนไอ้เน มาช่วยฉันที่ชั้นนี้ละกัน” หลังจากดูทรงเนแล้วไม่น่าจะทำได้ ฉัตรเลยหันไปบอกศาสตร์โดยที่ไม่ยื่นคีมให้กับเน

          หนุ่มหน้านิ่งเพียงแต่พยักหน้าให้โดยไม่ถามอะไรต่อ เขาเก็บปืนกับมีดของศัตรูจากนั้นก็ลิ่วลงบันไดไปทันที

          “เดี๋ยวสิ คุณรู้ได้ยังไงว่าที่นี่มีระเบิดเนี่ย” เนถามพลางมองคนที่วิ่งดิ่งไปยังมุมตึกอีกฝั่งเหมือนรู้มาก่อนว่าระเบิดวางไว้ที่ใด และก็มีจริงๆเสียด้วย

          “ไม่รู้ร้อก แค่เดาเอา” น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่ฟังเหมือนกลั้นขำไว้เต็มทน “ฮะๆ...ก็สมเป็นมันจริงๆละนะ”

          เนเลิกคิ้วมองคนที่เหมือนจะบ่นพึมพำกับตัวเองมากกว่าคุยกับตน หลังจากจัดการปลดชนวนระเบิดตรงหน้า ก็เดินไปยังตรงเสากลางอาคารซึ่งมีระเบิดติดไว้อยู่โคนเสา

          “ฉันเองก็รู้จักมันมานาน ก็พอจะรู้ว่าสันดานมันเป็นยังไง ถ้าเลือกได้ก็จะไม่ลงมือเอง ไม่อย่างนั้นก็หาวิธีที่ไม่ต้องปะทะตรงๆจนถึงที่สุดโน่นล่ะ” ฉัตรพูดขึ้นในระหว่างที่เดินไปยังเสาอีกมุม “พอคิดว่าการที่มันล่อให้วัฒน์มาที่ไกลๆแบบนี้ ฉันก็คิดว่ามันอาจจะวางระเบิดไว้ก็เท่านั้น แล้วก็ดันจริงซะด้วย ตอนฉันดอดไปสำรวจที่ชั้นหนึ่งก็เจอเข้าเต็มๆ ถึงจะหลบมุมหน่อยก็เถอะ”

          “เดี๋ยวสิครับ...แต่ว่าบนตึกนี้ยังมีพวกไอ้เดชอยู่นี่ มันตั้งใจจะฆ่าพวกเดียวกันหรือไง”

          “มันก็เป็นคนแบบนี้ล่ะ ถ้าเพื่อแผนการก็ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ฉัตรพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่อย่างใด “ที่จริงจะหนีไปเลยก็ได้ล่ะน้า แต่ถ้าทำแบบนั้นลูกน้องไอ้เดชก็คงโดนหางเลขไปด้วย คงไม่ดีเท่าไหร่”

          เนเลิกคิ้ว ถ้าว่ากันตามจริง ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องเห็นใจลูกน้องศัตรูสักหน่อย

          “แต่เพราะสันดานเสียๆนี่ล่ะ มันเลยกลายเป็นสิ่งที่แว้งกัดมันแทน หึๆ...”

          แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะประหลาดชวนสยอง เนก็ชักไม่อยากจะถามเท่าไหร่ เลยได้แต่ตามอีกฝ่ายไปเงียบๆเท่านั้น

          พอจัดการปลดระเบิดที่ชั้นเจ็ดเสร็จ ก็ข้ามลงไปยังชั้นห้าต่อแล้วก็ทำเหมือนเดิม ซึ่งง่ายดายอย่างกับตอนที่ตนไปเล่นหาธงบนตึกร้างก็มิปาน ทำเอาเนชักคิดจริงๆจังๆเสียแล้วว่าไอ้ที่ไปทำเรื่องที่เหมือนจะบ้าๆกันนั่นมีวัตถุประสงค์ในการฝึกฝนแอบแฝงอยู่

          เนื่องจากไม่ค่อยมีคนเฝ้าเท่าใดนัก จึงทำให้ง่ายต่อการจัดการระเบิดมากจนเนอดแปลกใจไม่ได้ เพราะคนที่ตรงทางบันไดก็โดนพวกเขาสอยร่วงหมดไปตั้งแต่อยู่ชั้นเจ็ดหมดแล้ว ซึ่งก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น เรียกว่าน้อยจนเหมือนประมาทเลยก็ว่าได้

          “แหม ก็แอบวางแผนฆ่าลูกน้องตัวเอง จะเรียกให้มาเฝ้าชั้นอื่นทำไมเยอะแยะล่ะ ถึงได้จงใจให้ลูกน้องมันไปเฝ้าแค่สามชั้นแรกซะเกือบหมด แต่คงคาดไม่ถึงว่าฉันจะมาด้วยแน่ๆ ถึงได้ใช้แผนง่ายๆแบบนี้…เหอะๆ อยากเห็นหน้ามันตอนที่รู้ว่าแผนล่มไม่เป็นท่าชะมัด”

          ตอนนี้เนไม่แน่ใจว่าใครน่ากลัวระหว่างคนคิดแผนกับคนรู้ทัน แต่ว่ากันตามตรงเขาโล่งใจที่ฉัตรมาด้วยจริงๆ ไม่อย่างนั้นได้แย่กันจริงๆแน่

          “แต่ถ้าไอ้เดชตั้งใจจะระเบิดตึกนี้ ก็เป็นไปได้ว่าหมอนั่นจะไม่อยู่ที่นี่แล้วน่ะสิ”

          “ถูกต้องนะคร้าบ” ฉัตรตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางตัดชนวนระเบิดตรงหน้าออก “เผลอๆตอนนี้คงไปกบดานอยู่ไกลๆแล้วล่ะ ก่อนเข้ามาในตึกฉันสำรวจรอบนอกหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่เลยสักคน...บางทีมันอาจจะกลับไปนอนตีพุงยิ้มหน้าบานที่บ้านแล้วมั้ง...พูดแล้วก็นึกได้ ส่งแชทไปถามหนูเอมซิว่าไอ้เดชมันกลับบ้านไปยัง”

          ว่าแล้วก็โยนมือถือให้คนตามหลังโดยไม่ให้คนรับตั้งตัวจนเนเกือบทำหล่น หลังจากแอบด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจเสร็จก็ทำตามทันที และเพียงไม่นาน เด็กสาวก็ตอบกลับอย่างที่ฉัตรคาดไว้ไม่มีผิด

          “เฮอะ ชะล่าใจเหลือเกิน” ฉัตรพ่นลมออกจากลำคอ ยิ่งรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายกลับไปบ้านตั้งแต่หัวค่ำยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่หยุดหัวเราะไม่ได้

          “ระเบิดเยอะขนาดนี้ หมอนั่นเอามาจากไหนโดยที่พวกคุณสืบไม่เจอได้ล่ะครับเนี่ย” เนถามขึ้นอย่างแปลกใจ ต่อให้ลักลอบยังไงก็ต้องจับพิรุธกันได้บ้างล่ะ

          “...แบ่งกับทางโน้นแหงมๆ...”

          “อะไรนะครับ”

          ฉัตรนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะหันมายิ้มให้ และนั่นทำให้คนมองสยองขวัญขึ้นมา เพราะมันเป็นยิ้มร่าเริงเป็นมิตรที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

          “ไม่มีอะไร แค่คนแก่บ่นเฉยๆ” ฉัตรหัวเราะเสียงใส แต่นั่นกลับทำให้เนรู้สึกระแวงกว่าเดิมแทน “เอาเป็นว่าช่างหัวเรื่องหยุมหยิมแล้วจัดการปลดระเบิดให้เสร็จๆ จะได้ไปช่วยไอ้วัฒน์มัน”

          แม้จะยังสงสัย แต่โดนอีกฝ่ายตัดบท บวกกับต้องรีบจัดการระเบิด เนจึงทิ้งความสงสัยนั้นออกไปอย่างง่ายดาย ถึงอย่างไรตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้ว

          และไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายเชี่ยวชาญการค้นหาและปลดระเบิดหรืออย่างไร ใช้เวลาไม่นาน ก็จัดการเสียเรียบร้อยจนหมด จนเนได้แต่อึ้งกับความสามารถที่คนปกติไม่น่าจะมีของอีกฝ่าย ทำเอาจากที่แอบหวั่นกับความเก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งชวนให้รู้สึกเกรงกลัวขึ้นไปอีก

          “สามชั้นแรกฉันจัดการปลดระเบิดไปหมดแล้ว ไม่ต้องห่วง” ฉัตรบอกในขณะที่รออยู่ตรงบริเวณประตูทางเข้าไปยังชั้นสี่ได้ราวๆห้านาที “...ว่าแต่ไอ้ศาสตร์มันช้าจังเลยว่ะ มัวแต่งมโข่งอะไรอยู่วะ”

          บ่นเสร็จก็เข้าไปยังชั้นสี่ทันที ซึ่งเนก็เพียงแค่เดินตามต้อยๆไปติดๆ แต่เข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดลง เพราะหนุ่มหน้านิ่งเดินแกมวิ่งเข้ามาหาพวกเขาแล้ว

          “ผมว่าอันนี้ลุงต้องดูเองแล้ว มันเกินมือผม” ศาสตร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จากนั้นก็พุ่งกลับเข้าไปด้านในทันที

          เนื่องจากเนไม่ค่อยรู้เรื่องระเบิดเท่าไหร่นัก เขาเลยไม่เข้าใจสักนิดว่าเจ้าระเบิดตรงหน้ามันอันตรายร้ายแรงแค่ไหน แต่ก็เดาได้ว่าคงจะอันตรายมากแน่ๆโดยดูจากสีหน้าตื่นตระหนกและเคร่งเครียดของฉัตรกับศาสตร์

          “ไอ้ห่าเอ๊ย” หนุ่มใหญ่ถึงกับสบถเมื่อเห็นวัตถุทรงเหลี่ยมสีดำที่วางอยู่ที่เสาตรงขนาด ซึ่งมีขนาดเท่ากับหนังสือนิยายหนาๆสักสองเล่มมาวางรวมกัน ด้านนอกมีลวดและสายไฟพันจนยุ่ง แทบดูไม่ออกว่าพันไว้เพื่อมัดพลาสติกสีดำหรือเป็นสายที่เชื่อมต่อกับนาฬิกาดิจิตอลด้านบนกันแน่ “เล่นกันขนาดนี้เลยเรอะ”

          “จัดการได้หรือเปล่าล่ะครับ” ศาสตร์ถามเป็นเชิงรำคาญปนร้อนใจ “ถ้าไม่ไหว ผมว่าตัดใจแล้วรีบไปหาอาวัฒน์กันดีกว่า”

          ฉัตรไม่ตอบอีกฝ่าย เขานั่งคุกเข่าจ้องมองระเบิดตรงหน้านิ่งราวกับไม่ได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ใบหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่เมื่อครู่ผุดยิ้มพรายขึ้นราวกับเด็กที่ได้ของเล่นที่เฝ้าหามานาน

          “พวกแกไปก่อนเลย ฉันจะอยู่จัดการเอง” หนุ่มใหญ่บอกก่อนจะเอากระเป๋าเป้มาวางไว้ข้างตัว ท่าทางเหมือนตั้งใจจะปลดชนวนระเบิดตรงหน้าเต็มที่

          “เดี๋ยวสิครับ ผมว่ามันเสี่ยงไปนะ” ศาสตร์ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเห็นการตัดสินใจของอีกฝ่าย

          “ฉันไม่ยอมทำอะไรที่เสี่ยงหรอกน่า” ฉัตรโบกมือให้ทั้งสองอย่างรำคาญ “ถ้าว่างกันนักก็ไปหาไอ้วัฒน์มันเสียสิ คิดถึงกันจะแย่แล้วไม่ใช่หรือไง”

          สองหนุ่มเพียงแต่ยืนนิ่ง ใจจริงก็อยากจะทำตามที่อีกฝ่ายพูดใจจะขาด หากแต่กลับนึกลังเลกันเสียอย่างนั้น

          “ไปเถอะน่า มายืนวนอยู่แถวนี้ก็เกะกะฉันเปล่าๆ”

          “ก็ได้ครับ” คนที่เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่งคือเน สีหน้าของเด็กหนุ่มนั้นก็ดูจะไม่เต็มใจตอบรับไม่ต่างจากศาสตร์นัก “ถ้างั้นจบเรื่องไอ้เดชได้เมื่อไหร่ ผมจะเลี้ยงเหล้าคุณ ห้ามเบี้ยวล่ะ”

          ฉัตรเพียงแค่โบกมือให้

          “ฮะๆๆ ให้ตายสิ ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย” หลังจากเสียงฝีเท้าไกลออกไปจนไม่ได้ยินในที่สุด ฉัตรก็เอ่ยพึมพำพลางหัวเราะให้กับตัวเอง “แกนี่มันโชคดีจริงๆเลยนะที่มีคนอย่างไอ้สองบ้านั่นรักเอา”

          ดวงตาปรือคล้ายคนเมาเลื่อนลงมองระเบิดตรงหน้า ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา

          ถ้าฉันเบี้ยวนัดแกก็ต้องขอโทษด้วยละกัน

 

          วัฒน์ปรายตามองเหล่าคนที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ใจจริงก็ไม่อยากจะปล่อยให้มีชีวิตอยู่เท่าใดเพราะแม้จะยิงมือเท้าจนไม่น่าจะสู้ไหวแล้ว ก็อาจจะลุกขึ้นมาขัดแข้งขัดขาของตนได้ทุกเมื่อ แต่ถึงจะเป็นคนทรยศอย่างไรในตอนนี้ก็ยังเป็นคนของสิทธิ์ เขาจึงยอมปล่อยไปเพื่อให้เจ้านายเป็นคนตัดสินใจเอง แม้นั่นจะหมายถึงการที่ตนต้องเปลืองกระสุนมากเกินความจำเป็นก็ตาม

          หนุ่มใหญ่หลบที่มุมเสาใกล้กับบันไดทางขึ้นมายังชั้นสอง ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบๆอาคารที่มืดทึมและวังเวงจนน่าขนลุก หากแต่วัฒน์กลับดูเฉยเมยเหมือนบรรยากาศน่าสยองขวัญนี่ไม่มีผลใดๆกับเขาแม้แต่น้อย

          ปัง!

          เงาตะคุ่มที่โผล่มาอย่างรวดเร็วที่เสาอีกฟากล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้อง นั่นทำให้คนที่หลบอยู่พากับกรูออกมาจากที่ซ่อนและรัวกระสุนใส่หนุ่มใหญ่ทันที

          เสียงปืนดังขึ้นเพียงไม่นานก็ดับลงเมื่อหนุ่มใหญ่จัดการศัตรูจนหมด แม้จะหงุดหงิดกับจำนวนที่มากมาย แต่เพราะอีกฝ่ายก็พกปืน หนุ่มใหญ่เลยไม่ต้องลำบากเรื่องกระสุนนัก แม้จะใช้เปลืองจนจวนเจียนหมดอยู่หลายต่อหลายครั้งก็ตาม

          หนุ่มใหญ่มุ่นคิ้วอย่างอารมณ์เสียเมื่อไม่พบเป้าหมายที่ต้องการท่ามกลางคนที่นอนร้องระงมอยู่บนพื้น วัฒน์จึงเดินขึ้นไปอีกชั้นต่ออย่างระมัดระวัง แม้ในใจจะร้อนเป็นไฟจนอยากจะวิ่งควานหาคนที่โดนจับไปให้รู้แล้วรู้รอดเสียก็ตาม

          เอาพวกนั้นไปไว้ที่ไหนกันนะ

          วัฒน์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือถือของตนสั่นขึ้น หนุ่มใหญ่หันมองไปทั่วชั้น ก่อนจะแอบไปหลบยังซอกระหว่างกำแพงกับห้องที่อยู่ใกล้ๆ พอหยิบขึ้นมาดูจอก็ต้องนิ่วหน้าเพราะเป็นเบอร์ของเน

          “ไง สบายดีไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ”

          เสียงของคนที่ตนรังเกียจดังขึ้นในสายอย่างสบายอารมณ์ วัฒน์ไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่ายแต่อย่างใด เขาเพียงแต่เงียบ แม้ภายนอกจะดูเหมือนใจเย็น แต่หนุ่มใหญ่กำลังอดทนอย่างมากที่จะไม่ปามือถือของตัวเองทิ้งเสียเดี๋ยวนี้

          ...

          “ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าแกไม่มีทางยอมรออยู่เฉยๆแน่ ตอนนี้คงจะอยู่ที่ตึกของคุณสิทธิ์ที่บุรีรัมย์ล่ะสิ” เดชพูดขึ้นต่อเมื่อคู่สนทนาเอาแต่เงียบ “ฉันเดาถูกใช่ไหมล่ะ อย่างแกก็คงเดาแผนฉันไม่ยากอยู่แล้ว”

          “นี่ไม่ใช่งานคืนสู่เหย้า เผื่อแกจะลืมไป”

          ปลายสายเงียบไปนานมาก ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้น

          “ถ้าเป็นอย่างที่แกพูดจริง ฉันคงชวนคุณมาโนชกับพวกไอ้ฉัตรมาด้วยแล้วล่ะ” เดชเอ่ยทีเล่นทีจริงสลับเสียงหัวเราะในลำคอ “ที่จริงมันก็อดย้อนความหลังไม่ได้ละนะ...มันออกจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำขนาดนั้น...”

          วัฒน์มุ่นคิ้วเล็กน้อย เอาเข้าจริงๆที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ชวนคิดถึงเท่าใดนัก เพราะนี่เป็นอาคารเก่าที่มาโนชมักจะเอาศัตรูมาจัดการ เลยทำให้อาคารนี้มักจะมีคราบเลือด รอยกระสุน หรือรอยไฟไหม้อยู่เป็นจุดๆไปทั่วตึก โดยเฉพาะชั้นแรก

          แต่เพียงไม่นานเขาก็ฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้

          “แย่น่าดูเลยนะที่เพชฌฆาตกลายเป็นคนที่ยืนบนแท่นประหารเสียเอง”

          ตูม!

 

          เดชวางมือถือและรีโมตกดระเบิดลงอย่างเบามือ ใบหน้าของหนุ่มใหญ่เจือไปด้วยรอยยิ้มบาง เสียงระเบิดลั่นตามด้วยเสียงตัดสายไปในทันทีทำให้เขารับรู้ได้ว่าแผนสำเร็จแล้ว

          จบกันสักทีนะ

          กระนั้นหนุ่มใหญ่กลับไม่ได้ดูดีใจกับชัยชนะนัก ส่วนหนึ่งลึกๆแล้วเขาเสียดายที่จะต้องเสียคนฝีมือดีๆอย่างวัฒน์ไป

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองปฏิทินบนโต๊ะทำงานของตนก่อนจะหัวเราะในลำคอ ในตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครไปขวางแผนการของตนอีกแล้ว

          นายเลือกเองนะวัฒน์

 

          “เป็นอะไรวะต่อ เอาแต่ดูมือถือตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

          เจ้าของชื่อที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ในบาร์ค่อยๆหันหน้ามาหา ดวงตาที่ดูเฉยเมยเหลือกขึ้นมองปาล์มที่ยืนเท้าเอวอยู่ข้างหน้า ก่อนจะเลื่อนดวงตาสีดำไปอีกทาง

          ในยามนี้ไม่มีใครอยู่ในร้านนอกจากพรรคพวกของตนไม่กี่คนเนื่องจากปิดร้านเอาไว้ และสาเหตุที่ต้องปิดร้านก็เพราะศัตรูที่กรูกันเข้ามาหาเรื่องกันจนไม่เป็นอันได้ทำงาน แม้ว่าจะเป็นการหาเรื่องในระดับนักเลงข้างทาง แต่นั่นก็มากพอที่จะต้องปิดร้านแล้ว

          “ฉันก็แค่กังวลทางพ่อนาย”

          คนฟังถึงกับหน้าถอดสีทันที เพราะพอจะรู้เลาๆมาจากอีกฝ่ายว่าฉัตรออกไปไหน

          “ยังไม่รู้ แค่เป็นห่วง” ต่อพูดดักทางก่อนที่ปาล์มจะเริ่มโวยวาย “นี่ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเขาก็คงโทรมา”

          ปาล์มเพียงแต่เม้มปากแน่น ถึงแม้ว่าพ่อของตนจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็เป็นมนุษย์ ตายได้เหมือนคนปกติทั่วไปได้เหมือนกัน และตอนนี้จากที่ฟังต่อเล่ามา ก็ชวนให้เขาเป็นห่วงขึ้นมา เจ้าเพื่อนบ้านี่ยิ่งลางสังหรณ์แม่นอยู่ด้วย

          “ไม่ใช่ว่านาฬิกานายเดินช้ากว่าของพ่อหรือวะ” ปาล์มว่าเมื่อมองเห็นเวลาบนหน้าจอมือถือของเพื่อนยังเหลือเวลาอีกราวสองนาทีนิดๆ

          ต่อไม่ตอบอะไรเพื่อนที่เอาแต่เขย่าไหล่ตน ดวงตาปลาตายจ้องมองเวลาในมือถือที่เดินเข้าใกล้เวลานัดเรื่อยๆ ในใจก็ภาวนาขอให้เสียงมือถือดังเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน

          ....

          “ต่อ!”

          เจ้าของชื่อกัดฟันแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพยักหน้าให้ ปาล์มจึงเผ่นแผล็วออกไปเรียกพวกทันที

          “บ้าจริง...” ต่อนิ่วหน้าแล้วถอนหายใจออกมา ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ เขายอมตัดใจแล้วให้ทุกคนตามฉัตรไปเสียก็ดี เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้



_________________________________________________________________________


และแล้ว ตอนหน้า สิ่งที่ปาล์มกับต่อไปเจอคือ!!!!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 82 (13/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-01-2016 21:03:53
เดชมันกดระเบิดลูกไหนอ่า มันเหลืออยู่ลูกเดียวไม่ใช่เหรอ :mew5:  หรือว่า.....
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 82 (13/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-01-2016 21:44:05
เฮ้ยยย ไม่เอาน้าลุงฉัตรห้ามเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 82 (13/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 14-01-2016 22:39:43
ไม่นะลุงฉัตรรรรร
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 83 (17/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 17-01-2016 19:26:55
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 83


          “นั่นไง ฉันบอกแล้วว่าเดี๋ยวพวกมันต้องยกพวกออกไป...ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกนายแล้ว”

          เดชวางหูโทรศัพท์ลง จากนั้นก็เอนตัวไปกับพนักพิงอย่างสบายอารมณ์ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเสียจนหนุ่มใหญ่ฉีกยิ้มกว้าง ฆ่าวัฒน์ได้ แถมยังล่อให้คนของฉัตรออกไปจากบาร์ ทำให้ฝั่งพันธมิตรไปจัดการที่นั่นได้อย่างสะดวกโยธิน ไม่มีอะไรจะน่าดีใจไปกว่านี้แล้ว

          ตรู๊ด….

          ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะนึกแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าคนที่ส่งข้อความมานั้นควรจะติดต่อเขาตั้งแต่ตอนที่ระเบิดทำงานแล้ว แต่นี่กลับช้าไปเสียชั่วโมงกว่า ซึ่งถือว่านานจนผิดวิสัย

          “ขอโทษครับ พอดีเสียเวลานิดหน่อย ดูท่าเราจะใช้ระเบิดเยอะไป ตึกเลยพังเป็นซากเลย” เสียงทุ้มเอ่ยรายงานขึ้นสลับกับเสียงคอนกรีตกระทบกัน “ดูเหมือนว่าฉัตรจะมากับคุณวัฒน์ด้วยนะครับ”

          ได้ยินอีกฝ่ายรายงาน เดชถึงกับเลิกคิ้วสูง จากนั้นก็เพียงแค่เงียบเพื่อรอฟังต่อ และแน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขายิ้มออก

          “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ หมอนั่นก็โดนจัดการไปพร้อมกับคุณวัฒน์แล้วล่ะ”

          “อย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่ฟังดูคลางแคลงใจขึ้น “แล้วเจอศพมันหรือเปล่า”

          “…ตอนนี้ยังครับ แต่ถ้าเจอเมื่อไหร่ผมจะส่งรูปไปให้ดูก็แล้วกัน”

          “ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็จัดการตามแผนก็แล้วกัน” หนุ่มใหญ่สั่งการลูกน้องด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะวางสายไป จากนั้นก็กลับมาสนใจงานที่ต้องสะสางตรงหน้าต่อ พลางนึกกระหยิ่มยิ้มย่องใจต่อความสำเร็จของตน...ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่สิทธิ์คนเดียวแล้ว และในวันพรุ่งนี้ก็จะมีคนคาบข่าวดีเรื่องการตายของสิทธิ์ ไม่มีอะไรจะน่าดีใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว

          แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นดังหวังเท่าใดนัก

          เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ดังขึ้นในยามแปดโมงเช้านั้นปลุกให้คนที่เพิ่งจะนอนได้สามชั่วโมงลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาเรียวที่ยังลืมไม่ค่อยจะขึ้นนักเลื่อนมองเบอร์ในสาย และนั่นทำให้ความง่วงนั้นโดนความตื่นตระหนกพัดปลิวไปเสียสิ้น เพราะเบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ของสิทธิ์

          เป็นไปไม่ได้!

          แม้จะไม่อยากเชื่อเพียงใด แต่เบอร์ที่ปรากฎอยู่บนจอนั้นก็เป็นเบอร์ของสิทธิ์ไม่ผิดแน่

          เดชเลิกคิดให้ปวดหัว ก่อนจะกดรับสาย และนั่นยิ่งทำให้ความหวาดกลัวในใจนั้นฟุ้งขึ้นมา

          “อาเดช...”

          ทำไมยังรอดได้ล่ะ!

          เดชแทบจะหลุดปากออกมาตอนที่ได้ยินเสียงสิทธิ์ในสาย แต่ไม่ว่าจะเพราะเกิดความผิดพลาดขึ้นหรืออย่างไร ตอนนี้เขาก็ได้แต่ตามน้ำไปก่อนเพียงเท่านั้น

          “คุณสิทธิ์...เป็นอะไรหรือครับ โทรมาแต่เช้าเลย” เดชเอ่ยเสียงต่ำให้เหมือนคนที่ยังไม่ตื่นดี

          ปลายสายที่เงียบไปพักใหญ่นั้นทำให้คนฟังใจคอไม่ดีนัก และมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้เสียด้วย

          “อาวัฒน์…เขา…” น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วเบาและสั่นเครือ “เขาเสียแล้ว…”

          “วะ...ว่าไงนะครับ...คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย” เดชเอ่ยติดอารมณ์เสีย ทำทีว่าไม่รู้เรื่อง “อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิครับ มันไม่ตลกเลยนะ”

          “อาวัฒน์ตายแล้วจริงๆครับ”

          คราวนี้เดชเงียบนิ่งไปนาน ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงต่ำ

          “เป็นไปไม่ได้...คุณพูดเล่นใช่ไหม...อย่างไอ้วัฒน์เนี่ยนะจะตาย...”

          “ผมไม่เอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นหรอกนะครับ...” สิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะตามด้วยเสียงสะอื้นราวกับกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป “ผมเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน...จนไปเห็นกับตาตัวเอง...ฮึก”

          เดชเว้นช่วงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ใครเป็นคนทำ...”

          “ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ผมให้คนอื่นไปสืบกันอยู่...” หลังจากพยายามห้ามเสียงสะอื้นได้ สิทธิ์ก็ตอบขึ้นมาราวกับหมดเรี่ยวแรง “...ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมพวกเราต้องไปที่ตึกนั่นกันตั้งมากขนาดนั้น”

          “นั่นสินะ...” ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากอีกฝ่าย “แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อไปละครับ...ลองว่าถ้ากลุ่มอื่นรู้เรื่องที่วัฒน์ตาย มีหวังพวกมันต้องหาเรื่องมาโจมตีเราแน่”

          “ผมอยากจะให้อาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผม” น้ำเสียงที่ฟังดูเหี้ยมขึ้นทำเอาเดชรู้สึกกดดันขึ้นมา “ผมจะไปหาว่าใครเป็นคนฆ่าพวกอาวัฒน์”

          เดชเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากตอบรับไป เขารู้ดีว่าอย่างน้อยพวกปาล์มเองก็น่าจะรู้เรื่องที่ตนจับเนกับศาสตร์ไป และก็คิดว่าปาล์มเองก็คงจะบอกเรื่องที่เดชน่าจะเป็นคนฆ่าวัฒน์เองด้วย แต่ก็นั่นล่ะ แค่เพียงลมปาก เจ้านายงี่เง่านั่นไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว

          แม้จะยังง่วง แต่หนุ่มใหญ่ก็ลุกขึ้นมาจากเตียง แม้แผนฆ่าสิทธิ์จะผิดพลาด แต่ไม่มีเสี้ยนหนามอย่างวัฒน์ เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว

 

          ตี๊ด...

          เดชสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงมือถือของตนดังขึ้นในระหว่างที่กำลังสั่งลูกน้องไปจัดการงานของตนในตอนเย็น เขาเลิกคิ้วมองเบอร์ในสาย เพราะไม่คิดว่าสิทธิ์จะโทรมาอีก ก่อนจะกดรับโดยพยายามทำให้เสียงเรียบนิ่งที่สุด

          “ครับ มีอะไรหรือครับคุณสิทธิ์”

          “พรุ่งนี้เย็นๆอาว่างหรือเปล่าครับ พอดีผมมีเรื่องจะคุยกันตรงๆนิดหน่อยน่ะ เกี่ยวกับเรื่องงานศพอาวัฒน์น่ะครับ…คนอื่นผมบอกไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่อา…ผมอยากให้อาที่เป็นเพื่อนสนิทกับอาวัฒน์มาช่วยด้วย…ถ้าอาสะดวก”

          คนฟังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มพราย

          “ได้สิครับ” เดชรับคำแทบจะทันที “ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมจะเคลียร์งานไปหานะครับ”

          ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโอกาสมันจะวิ่งเข้ามาหากันแบบนี้

          ที่ผ่านมามีวัฒน์คอยตั้งแง่กับตนตลอด สิทธิ์เลยพยายามที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขากับวัฒน์ไม่ต้องเจอหน้ากัน และนั่นทำให้โอกาสเข้าใกล้สิทธิ์น้อยลง ส่งผลให้การลอบสังหารที่ยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งยากขึ้นไปอีก ทั้งวัฒน์ยังคอยระวังสิทธิ์ตลอด เรียกว่าไม่มีโอกาสเลยก็ว่าได้

          ดังนั้น การที่อีกฝ่ายเป็นคนเรียกตนไปเอง เท่ากับสิทธิ์หาเรื่องตายชัดๆ

          ก็ดี เรื่องมันจะได้จบเร็วขึ้นโดยไม่ต้องเหนื่อยนัก

 

          หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย เดชก็ไปหาสิทธิ์ตามนัด แน่นอนว่าแม้เขาจะขับรถมาคนเดียว แต่ก็ได้สั่งให้ลูกน้องตามมาด้วย เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะดับลมหายใจของอีกฝ่ายในวันนี้ให้จงได้ อีกทั้งยังสั่งให้คนไปคอยสะกดรอยตามการเคลื่อนไหวของพวกลูกน้องคนอื่นๆของสิทธิ์ และก็ทำให้รู้ว่าในวันนี้ นอกจากแมวแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่บ้านสิทธิ์เลยเพราะต้องไปเตรียมจัดงานศพให้กับพวกวัฒน์

          หนุ่มใหญ่ยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจปนรังเกียจของแมวที่มาเปิดประตูให้ตน นั่นทำให้เดชรู้ทันทีว่าสิทธิ์ไม่ได้บอกใครในบ้านเรื่องการมาของตน และนั่นก็ทำให้งานในวันนี้สะดวกขึ้นไปอีก

          “คุณสิทธิ์เรียกฉันมาน่ะ” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้สักที เดชเลยเปิดกระจกรถแล้วยื่นหน้าออกมาบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอย่างเป็นมิตร แม้คนมองจะไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยก็ตาม “ถ้าไม่เชื่อ จะไปถามคุณสิทธิ์ก่อนก็ได้นะ”

          เด็กสาวบึ้งหน้าให้ ก่อนจะเดินแกมวิ่งหายเข้าไปในบ้าน สักพักจึงออกมาด้วยอาการที่หงุดหงิดยิ่งกว่า แต่นั่นทำให้คนรอยิ้มกว้าง

          เดชค่อยๆขับรถผ่านประตูรั้วเข้ามา ไม่วายมียักคิ้วหลิ่วตาให้แมวเหมือนจงใจยั่วโมโหอีกฝ่ายทิ้งท้ายก่อนจะเหยียบคันเร่งเข้าไปด้านใน เขาแทบจะอดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าเจ้านายที่กำลังจะกลายเป็นอดีตเร็วๆเสียเหลือเกิน

          “อาเดช...”

          สิทธิ์ลุกขึ้นจากโซฟายาวในห้องนั่งเล่นเมื่อหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาด้านใน สีหน้าของชายหนุ่มดูไม่แย่เท่าที่คิดเท่าใดนัก อย่างน้อยเดชก็คาดว่าอีกฝ่ายน่าจะโทรมและดูเศร้าโศกมากกว่านี้

          แต่เป็นแบบนี้ก็คงจะดีเสียกว่าที่จะต้องเห็นอีกฝ่ายออกอาการเสียใจจะเป็นจะตาย ด้วยใบหน้าที่ละม้ายคล้ายมาโนช นั่นรังแต่จะทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนเสียเปล่าๆ

          “ครับ คุณสิทธิ์” เดชเอ่ยทัก แล้วออกอาการสลดและเจ็บปวดเสียเต็มประดา ก่อนจะค่อยๆทรุดลงนั่งยังโซฟาฝั่งตรงข้าม “...ไม่เป็นอะไรนะครับ”

          สิทธิ์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่จ้องมองคู่สนทนาด้วยสีหน้านิ่งและพยักหน้าให้เพียงเท่านั้น

          “ผมผิดเองล่ะที่ไปทำเรื่องโง่ๆพรรค์นั้น” หลังจากเงียบอยู่พักใหญ่ เจ้านายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบาและสั่นเครือ “ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องเสียอาวัฒน์ไปแบบนี้...”

          เดชพยายามที่จะไม่แสดงสีหน้าสังเวชปนรำคาญออกมา ดวงตาเรียวจ้องมองคนที่ก้มหน้านิ่ง ก่อนจะพยายามยิ้มออกมา

          “เขาเป็นคนเก่ง...ผมเองก็เสียใจเหมือนกันที่เขาด่วนจากไป...” หนุ่มใหญ่เอ่ยอย่างเสียอกเสียดาย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “...ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เขาก็คงไม่ตาย”

          แกรก

          ยังไม่ทันจะได้เอะใจกับคำพูดของเดช เสียงโลหะเล็กๆที่ดังขึ้นมาทำให้สิทธิ์เงยหน้าขึ้น และก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อเห็นปืนที่จ่อหัวตน

          “อ๊ะๆ ผมไม่แนะนำให้ขยับตัวนะครับ” เดชเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่การกระทำนั้นตรงข้าม “เดี๋ยวผมตกใจแล้วเกิดมือไม้สั่นก่อนจะพูดธุระเสร็จ มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่”

          ดวงตาที่เบิกโพลงจนถึงเมื่อครู่กลับมาเป็นปกติ ท่าทีของสิทธิ์กลับมาใจเย็นเร็วเสียจนคนมองนึกแปลกใจแทน

          “ดูคุณไม่ค่อยประหลาดใจเท่าไหร่เลยนะครับ หรือคิดว่าผมล้อเล่นล่ะ” เดชถามเสียงเยาะ แม้คู่สนทนาจะยังคงนิ่งเหมือนเดิมก็ตาม “บอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลยนะครับ ว่าผมคิดจะฆ่าคุณมานานแล้ว มาสบโอกาสเอาก็ตอนนี้นี่ล่ะ”

          สิทธิ์เม้มปากแน่น ท่าทางดูลังเลเสียมากกว่าตกใจจนพูดไม่ออก แต่ท้ายที่สุดก็เอ่ยปากออกมา

          “อาเป็นคนฆ่าอาวัฒน์สินะครับ”

          “ครับ” เดชตอบกลับง่ายๆอย่างไม่กลัวเกรง แต่อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ออกท่าทีคั่งแค้นอะไรนัก จนชวนประหลาดใจ

          “...ผมไม่คิดเลยว่าอาจะกล้าทำถึงขนาดนี้”

          “ผมก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกครับ” เดชสวนทันควัน “แต่ถ้าไม่เพราะคุณ ผมก็คงไม่ต้องฆ่าวัฒน์หรอก และก็ไม่ต้องมาหงุดหงิดใส่กันด้วยเรื่องไร้สาระของคุณด้วย”

          “อากำลังจะบอกว่าที่อาทำลงไปทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่จะทำนี่...มันเป็นเพราะผมไม่ใช่หัวหน้าในแบบที่อาหวังน่ะหรือครับ”

          คำถามนั่นสร้างความประหลาดใจให้หนุ่มใหญ่ไม่น้อย แต่ก็ทำให้เขาประทับใจร่วมด้วย

          “รู้ดีแบบนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดให้มากความแล้วสินะ” เดชเอ่ยเสียงเรียบ รอยยิ้มบนใบหน้าเหือดหายไปจนสิ้น “ผมเคยหวังเอาไว้นะว่าคุณจะได้สักเสี้ยวของคุณมาโนชก็ยังดี แต่ดูเหมือนลูกไม้มันจะหล่นไกลต้นเสียเหลือเกิน...ไกลจนไม่น่าเชื่อว่าคุณจะเป็นลูกของเขา...หรือของคุณวรรณ”

          “ก็นั่นสินะครับ พ่อกับแม่เขาออกจะโหดกันขนาดนั้น...”

          เดชมองอีกฝ่ายก่อนจะนึกหัวเราะตัวเอง อย่างน้อยเขาก็คิดว่าการที่สิทธิ์ยังคงมีท่าทีที่สงบทั้งที่โดนปืนจ่อหัว ทำให้เขามองเห็นภาพมาโนชซ้อนทับชายหนุ่มเลยทีเดียว

          “วางใจเถอะครับ ผมจะทำให้มันจบเร็วที่สุด” เดชเอ่ยพลางลุกขึ้นจากโซฟาอย่างช้าๆและระแวดระวัง แม้อีกฝ่ายจะยังคงยืนนิ่งไม่มีท่าทีขัดขืนหรือเล่นตุกติกอะไรแม้แต่น้อย แต่ฝีมือของสิทธิ์ก็ไม่ทำให้เขาวางใจได้จนหมดนัก

          “ถ้าอย่างนั้นผมขอถามอะไรเป็นอย่างสุดท้ายได้ไหมครับ”

          คิ้วหน้าเลิกสูงขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้

          “ถ้าผมเป็นหัวหน้าในแบบที่อาหวังสักนิด อาจะเต็มใจทำงานให้กับผมไหม”

          “นั่นเป็นการขอร้องชีวิตหรือไง”

          สิทธิ์ส่ายหน้าให้ “ผมหมายถึงถ้าผมเป็นอย่างที่อาอยากให้เป็น…ตั้งแต่แรกน่ะครับ”

          ที่จริงอีกฝ่ายอาจจะหาเรื่องถ่วงเวลาตนเอาไว้ก็เป็นได้ แต่กระนั้นเดชก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ต่อให้เขาพลาด เขาก็ยังมีลูกน้องกับพรรคพวกเป็นกองหนุนรออยู่รอบๆบ้านนี้อีก

          และที่สำคัญ ในเมื่ออีกฝ่ายถามจี้จุดที่เขาทนเก็บมานาน หนุ่มใหญ่ก็ไม่มีเหตุผลต้องเก็บมันไว้อีกต่อไป ก็ให้มันลงหลุมไปพร้อมกับชีวิตของสิทธิ์เลยนั่นล่ะ

          “ถ้าคุณเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรก ผมก็คงยอมทำงานถวายหัวให้เหมือนกับที่ทำงานกับพ่อของคุณเลยล่ะ…แล้วดูตัวคุณสิ เกิดมาผิดที่ผิดทางจนถ้าบอกว่าเป็นเด็กเก็บมาผมก็ยังเชื่อเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเล็ดรอดออกจากไรฟันคล้ายกับคั่งแค้นเสียเต็มประดา ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา “ไงครับ เป็นคำตอบอย่างที่หวังหรือเปล่า”

          “เกินพอเลยล่ะครับ”

          ใบหน้านิ่งของชายหนุ่มที่เรียบเฉยจนถึงเมื่อครู่เผยยิ้มบางออกมา นั่นทำให้คนมองรู้สึกแปลกใจและหวั่นกลัวขึ้นมา และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เดชถึงได้เห็นภาพของมาโนชซ้อนทับสิทธิ์อีกครั้ง

          เสียดาย...เสียดายเหลือเกินที่อีกฝ่ายไม่เป็นอย่างที่หวังตั้งแต่แรก...

          แต่ถึงยังไงตอนนี้มันก็สายไปแล้ว

          ปัง!
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 83 (17/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-01-2016 21:59:13
เอาตุ๊กตาทองไปเลยไหม คุณสิทธิ์  o18

ไม่เชื่อว่าวัฒน์จะตาย ที่น่าห่วงคือฉัตรมากกว่า
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 83 (17/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-01-2016 22:30:07
คุณสิทธิ์ซ้อนแผนรึเปล่าทุกคนต้องปลอดภัยสิ เถอะนะๆ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 21-01-2016 22:05:30
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 84.1 (ตอนจบ)


          ดวงตาเรียวมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ความเจ็บเห่อร้อนที่แล่นพล่านทำเอาหน้าเบี้ยว เลือดสดไหลลงหยดนองพื้นกระเบื้องสีขาวขุ่น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนแทบไม่อยากเชื่อ เขามองบาดแผลก่อนจะเงยขึ้นมองคนที่ยิงตน ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลนออกมา

          “เป็นไปไม่ได้!”

          “เป็นไปแล้วโว้ย!”

          เนถึงกับโพล่งขึ้นมาอย่างสะใจพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ทั้งที่คนยิงใส่มือเดชจะเป็นวัฒน์ก็ตาม

          “คิดไม่ถึงล่ะสิว่าจะได้เจอพวกเราอีก” เด็กหนุ่มพูดต่ออย่างคนมีชัยทั้งที่คนจัดการเดชยังคงยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ

          เดชเบิกตามองคนที่น่าจะตายไปแล้วก่อนจะหันกลับไปหาสิทธิ์ ซึ่งในตอนนี้ชายหนุ่มกำลังยิ้มให้เหมือนเด็กๆ หนุ่มใหญ่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าตนโดนตลบหลังเข้าเสียแล้ว

          แล้วโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังเหมือนระเบิดนั่นมันหมายความว่ายังไงกัน...

          ไหนจะรูปศพที่เขาเห็นตำตานั่นอีก!!

          “อ้อ เรื่องเสียงระเบิดน่ะฉิวเฉียดไปเลยละครับ ผมละหวาดเสียวนึกว่าจะตบตาคุณไม่ได้แล้ว แถมยังเกือบจะโดนคุณวัฒน์ยิงหัวเอาอีกต่างหาก”

          เสียงที่คุ้นเคยนั่นทำเอาเดชถลึงตา หนุ่มใหญ่หันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าครัว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นลูกน้องคนสนิทของตน…คนที่เขาไว้ใจและอุตส่าห์ใช้ให้ไปเก็บกวาดงานจัดการวัฒน์ทั้งหมดด้วย

          “ส่วนเรื่องศพ ผมก็แค่ขอแรงพวกคุณวัฒน์นิดๆหน่อยๆทำตัวเป็นศพแล้วส่งไปให้คุณยังไงละครับ เสียเวลาน่าดูเลยล่ะ” ชายหนุ่มผู้เคยเป็นลูกน้องเอ่ยเสียงเรียบด้วยท่าทีไม่รู้สึกรู้สาอะไรนัก “…แต่ถึงคุณจะรู้ทัน มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรนักหรอก”

          เดชมุ่นคิ้วก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เล็งปืนใส่ตน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้

ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ตนโดนหักหลังได้

          “แหมๆ แอบหักหลังคุณสิทธิ์ แต่ไม่เคยคิดว่าจะโดนเองบ้างหรือไง” ฉัตรเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวนปนขำอยู่ตรงหน้าต่างนอกบ้านที่อยู่ด้านหลังเดช ด้วยท่าทางสะใจเสียเต็มประดา “เป็นไงบ้างล่ะ ความรู้สึกเวลาโดนตลบหลังเนี่ย บอกไม่ถูกเลยล่ะสิ”

          เดชนิ่วหน้าหันมองฉัตรก่อนจะกลับไปหาคนที่ยิงมือตัวเองซึ่งยืนอยู่บนชั้นสองแถวบันได โดยด้านหลังของวัฒน์นั้นมีทั้งเนและศาสตร์ครบถ้วน สภาพครบสามสิบสองทุกคน พอเลื่อนสายตาลงมองก็พบว่านอกจากลูกน้องของตน ยังมีคนอื่นๆที่โผล่ออกมาตรงประตู ทางเข้าห้องนั่งเล่นอีกด้วย เรียกได้ว่าเตรียมคนมาเพื่อจัดการตนเลยก็ว่าได้

          ทีแรกเดชขยับตัวหมายจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่นอกบ้าน แต่พอโดนวัฒน์ยิงเฉียดเข้าตัดหน้าเป็นการขู่ เดชจึงเลือกที่จะยืนนิ่งแทน

          “โอ๊ะๆ ถ้าอยากจะเรียกพวกของแก ฉันแนะนำให้ตัดใจซะดีกว่านะจ๊ะ” ฉัตรเอ่ยเสียงกวนใส่ก่อนจะดีดนิ้วเปาะ “เพราะนอกจากจะโดนพวกฉันจัดการเรียบ พวกลูกน้องที่แกใช้เป็นเบี้ยก็เห็นความจริงใจของแกจนแปรพักตร์ตลบหลังแกจนหมดแล้วล่ะจ้ะ”

          เดชถึงกับหน้าเบี้ยวเมื่อได้ยิน เขาหันกลับไปมองคนที่เล็งปากกระบอกปืนใส่ตน ใบหน้าของวัฒน์นั้นเรียบนิ่ง แต่ทั้งที่สถานการณ์กำลังเป็นต่อ หนุ่มใหญ่กลับออกอาการกลัดกลุ้มออกมาจนเดชนึกสงสัยขึ้น

          “อาเดชครับ”

          คนที่ตนหมายจะฆ่าเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจ้าของชื่อเลื่อนสายตามองคนที่ดูสงบนิ่งจนเหมือนกับเป็นคนละคน สิทธิ์มองหน้าเดชที่ยืนเครียด ท่าทางของชายหนุ่มดูจะไม่ได้ตกใจ โกรธ หรือเสียใจอะไรนัก เหมือนคิดไม่ตกเสียมากกว่า จนกว่าจะเอ่ยปากได้ก็เล่นเอาคนรอฟังลุ้นกันจนแทบยืนไม่ติดพื้น

          “ผมรู้เรื่องที่อาตั้งใจจะฆ่าผมอยู่แล้วล่ะครับ”

          ความจริงจากปากของเจ้านายทำเอาเหล่าลูกน้องหลายๆคนตื่นตะลึงไปตามๆกัน โดยเฉพาะเดช แน่ล่ะ ใครมันจะไปคิดว่าพ่อเจ้านายคนดีที่แสนใสซื่อซึ่งคอยปกป้องตนที่คิดปองร้ายมาตลอดจวบจนบัดนี้จะรู้อยู่แต่แรกแล้ว

          “ที่จริงผมก็พอจะรู้ตัวว่าอาไม่ค่อยชอบผม แต่ผมก็เชื่อมาตลอดว่าอาคงไม่ทำถึงขนาดฆ่ากัน” สิทธิ์เอ่ยด้วยท่าทีเสียใจเสียเต็มประดา “พ่อเคยบอกผมเอาไว้ว่าอาเดชเป็นคนเก่ง แต่ไม่ใช่คนที่จะยอมอยู่ใต้อาณัติใครง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนที่ยอมรับ ซึ่งผมก็รู้ดีว่าผมไม่ใช่คนนั้น ผมก็พยายามมาตลอด...แต่บอกตรงๆว่ามันยากเอาเรื่องเลยนะครับ ที่จะต้องทำตัวโหดร้ายหรือทำเรื่องผิดกฎหมายแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ย…”

          ใบหน้าของสิทธิ์ดูเศร้าเสียเต็มประดา หากแต่คนมองกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เดชรู้สึกว่าในยามนี้สิทธิ์ดูน่าพรั่นพรึงกว่าที่เคยเป็น ซ้ำยังรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นออกมาจากตัวของหัวหน้าที่เขาไม่เคยแม้ แต่จะยอมรับ

          ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม ยิ่งทำให้เดชรู้สึกหวั่นจนเหงื่อแตก

          “ผมไม่ใช่คนดีอย่างที่อายกไว้เสียสูงหรอกนะครับ เหตุผลที่ผมยอมเมินเรื่องที่อาจ้องจะเล่นงานผม หรือเรื่องที่ไปทำร้ายลูกน้องคนอื่นของผม ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนดีที่เห็นแก่อา หรือเพราะผมมันงี่เง่าไม่รู้ว่าอาจ้องจะฆ่าผมหรอก...ผมก็แค่ไม่อยากทำงานที่ผมเกลียด และงานนั้นก็ดันไม่มีใครทำได้ดีเท่าอา ผมเลยต้องมีอาเพื่อมาทำงานพวกนั้นแทนผมไงล่ะครับ” เห็นสิทธิ์กลับมามีท่าทางร่าเริงอย่างปกติแล้ว กลับทำให้เหล่าลูกน้องเริ่มหวาดหวั่นกันเสียมากกว่า เพราะคำพูดนั่นช่างไม่เข้ากับน้ำเสียงใสเอาเสียเลย “แต่ในเมื่ออาทนไม่ได้ถ้าต้องทำงานกับคนเหลาะแหละไม่เด็ดขาด ผมคงต้องพิสูจน์ตัวเองให้อาเห็นเสียแล้วสินะครับ ซึ่งมันก็ประจวบเหมาะพอดีเลยล่ะ…”

          ยังไม่ทันได้นึกสงสัย ร่างของเดชก็กระตุกวูบ เหล่าลูกน้องที่มองอยู่ห่างๆพากันสะดุ้งเมื่อสิทธิ์จับหัวของเดชฟาดเข้ากับโต๊ะกระจกตรงหน้า เล่นเอากระจกโต๊ะแตกกระจาย

          “อึก...” เดชกัดฟันแน่นเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่ใบหน้าซีกขวา ยิ่งโดนแรงมหาศาลกดบี้หัวตนเข้ากับเศษกระจก ยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่เจ็บจนเผลอกรีดเสียงออกมา

          “มันยังไม่จบหรอกนะ” สิทธิ์เอ่ยเสียงนุ่มทั้งที่จับหน้าอีกฝ่ายบี้กับพื้น ทำเอาลูกน้องบางคนพากันหลบภาพตรงหน้าเพราะรู้สึกเจ็บแทน “ผมรู้ว่าแค่นี้มันไม่พอสำหรับอาหรอก ไอ้เนี่ยมันก็แค่เด็กเล่น”

          ฉัตรสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อสิทธิ์เงยหน้าขึ้นกวักมือเรียกตน หนุ่มใหญ่ไม่พูดอะไรนอกจากกระโดดผ่านหน้าต่างเข้ามาด้านใน และจับกดร่างเดชเอาไว้แทนเจ้านายหนุ่ม

          เดชหรี่ตามองขาทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน ในยามนี้แม้จะไม่มีแว่นแต่หนุ่มใหญ่ก็พอจะมองออกว่าสิทธิ์กำลังนั่งคุกเข่า อยู่ตรงหน้าตน และจับแขนซ้ายของตนไปวางราบกับพื้นตรงหน้า

          “อ๊าก!!”

          เหล่าลูกน้องต่างพากันสะดุ้งทันทีที่เสียงร้องเหมือนจะขาดใจของเดชดังขึ้น

          “ผมรู้ว่าถ้าเป็นพ่อ อาคงเหลือแค่แขนเดียวแน่ๆ” สิทธิ์บอกเสียงเรียบ สายตาก็ยังคงจ้องมองมือที่พยายามสะบัดให้หลุดพ้นจากพันธนาการของตน ซึ่งตอนนี้นิ้วก้อยได้หายไปแล้ว “แต่ถ้าเป็นงั้นผมว่าอาคงลำบากน่าดู จากนี้ไปก็ต้องทำงานให้ผมอีก เพราะงั้นผมเหลือไว้ให้เท่านี้ละกัน อย่างน้อยมันก็ยังพอให้อาคีบบุหรี่ได้อยู่เนอะ”

          เดชเหลือกตาขึ้นมองชายหนุ่มที่ยิ้มกว้างก่อนจะดึงแขนของตัวเองเต็มแรง หากแต่เพราะโดนทั้งสิทธิ์และฉัตรจับกดเอาไว้ เขาจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการออกแรงอย่างไร้ประโยชน์

          “ทำอย่างนี้แล้วคิดว่าผมจะยอมกลับไปทำงานให้ต่อหรือไง”

          เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่สิทธิ์จะจรดมีดพกของตนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเดช ชายหนุ่มละสายตาจากงานตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะเสียงแห้ง

          “ฮะๆ ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือไงครับว่าผมรู้นิสัยอาดี แค่นี้อาไม่คิดอะไรหรอก ไม่งั้นอาคงหาเรื่องฆ่าอาวัฒน์ไปตั้งแต่ตอนที่อาวัฒน์จะฆ่าอาแล้วนี่ จริงไหม”

          เดชมองคนที่ตอบออกมาง่ายๆ ใบหน้าของหนุ่มใหญ่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเหยียดยิ้มกว้างและหัวเราะออกมาทั้งที่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดีเลยสักนิด

          “แล้วอย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน”

          สิ้นคำของหนุ่มใหญ่ เสียงร้องลั่นเพราะโดนตัดนิ้วดังขึ้น เดชดิ้นพราดอยู่พักใหญ่ก่อนจะสงบลง ใบหน้าของเขาซีดเซียวไร้สีเลือด เหงื่อไหลผุดซึมไปทั่วร่าง และทั้งที่ดูหมดเรี่ยวแรงและยังคงเจ็บปวดจากการโดนตัดนิ้ว สีหน้าของเขากลับดูพอใจเสียเหลือเกิน

          “ผมว่าอาห่วงตัวเองดีกว่านะครับ” สิทธิ์บอกกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะเอาชายเสื้อตัวเองเช็ดมีดของตน “เพราะถ้ามีครั้งหน้า รับรองว่าผมจัดหนักจัดเต็มก่อนส่งอาไปลงนรกแน่นอน”

          และคำตอบที่ชายหนุ่มได้รับนั้นคือรอยยิ้มกว้างที่ดูจะตื่นเต้นระคนชอบใจของเดช ทำเอาคนอื่นๆที่มองอยู่พากันหวาดหวั่นกับท่าทีเหล่านั้น…แม้สิ่งที่ทำให้พวกเขาใจเต้นจนแทบจะระเบิดออกมาจากอกคือมิติใหม่ของเจ้านายก็ตาม

 

          “…มันจะดีหรือครับ”

          วัฒน์เอ่ยถามสิทธิ์อย่างไม่แน่ใจนักทันทีที่ชายหนุ่มเดินขึ้นมายังชั้นสอง หลังจากตัดสินโทษเดชเสร็จ สิทธิ์ก็ใช้ให้ฉัตรกับคนอื่นๆอีกราวสองสามคนพาตัวไปโรงพยาบาล ทั้งยังออกค่ารักษาให้ด้วยอีกต่างหาก จากนั้นก็ให้คนที่เหลือไปจัดการพวกอริที่เดชเป็นคนเรียกมา และให้แมวกับเอมมาช่วยเก็บซากในห้องนั่งเล่นที่ตนเป็นคนทำเลอะเสียจนเหมือนมีเหตุฆาตกรรมเพิ่งเกิดยังไงยังงั้น

          “ดีสิครับ” และทั้งที่สิทธิ์ก็ยิ้มแย้มเป็นปกติแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้วัฒน์รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะตอนนี้ตามตัวอีกฝ่ายเปื้อนเลือดของเดชอยู่ก็เป็นได้ “ผมได้คนมาทำงานเหมือนเดิม แถมยังทำให้อากับอาเดชเลิกตั้งแง่กันด้วย ดีจะตาย”

          หนุ่มใหญ่สะอึกนิดหน่อย เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ถึงสาเหตุที่ตนกับเดชตัดเพื่อนกัน นี่ยังไม่นับเรื่องที่สิทธิ์รู้แต่แรกว่าเดชตั้งใจลอบสังหารเจ้าตัวด้วย และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการที่อีกฝ่ายส่งสายไปอยู่กับเดชเสียตั้งนานสองนานโดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยนี่ล่ะ

          “ผมรู้มาตลอดละครับ แต่เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดีผมเลยเงียบเอาไว้ เพราะรู้ว่าถ้าพูดออกไป มันก็มีแต่จะทำให้อาไปฆ่าอาเดชน่ะ…ซึ่งก็อย่างที่ผมบอก ผมเสียดายคนเก่งๆอย่างอาเดชนะครับ หาคนทำงานสกปรกได้เก่งเท่าอาเดชยากจะตาย” เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย สิทธิ์ก็ตอบออกมาแล้วถอนหายใจ “และอย่างน้อยนี่ก็เป็นเรื่องของผม ในฐานะหัวหน้าผมก็ควรจะจัดการเอง จริงไหมล่ะครับ”

          วัฒน์มุ่นคิ้วเป็นคำตอบแทน

          “น่าครับ ไหนๆเรื่องก็จบด้วยดีแล้วไง อย่าคิดมากเลยครับ” ชายหนุ่มร่างยักษ์เอ่ยเสียงระรื่นก่อนจะโผเข้าไปกอดอีกฝ่าย “เท่านี้อาก็ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องอาเดชแล้วนะครับ”

          หนุ่มใหญ่ก็ยอมรับว่ายังนึกค้านอยู่ แต่ที่ติดใจยิ่งกว่าคือสิทธิ์ที่เปลี่ยนไปนี่ล่ะ ถึงจะไม่ขนาดหน้ามือเป็นหลังเท้า แต่ไอ้การที่กล้าทำร้ายลูกน้องตัวเองได้ขนาดนี้เนี่ย ถือว่าเป็นครั้งแรกและชวนเหลือเชื่อมากๆด้วย แม้ที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจที่อีกฝ่ายไปยกระดับความเหี้ยมนักหรอก แค่แปลกใจเฉยๆ ไม่รู้กินอะไรผิดสำแดงมาถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

          “แต่คุณสิทธิ์นี่สุดยอดเลยนะครับ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะจัดการได้ขนาดนี้” และไม่ต้องสงสัยนาน เนก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชมเสียมากกว่าแปลกใจ “เมื่อก่อนถ้ามีลูกน้องคนไหนทรยศ คุณก็เอาแต่ปล่อยไปทุกที”

          “เอ๋ คนเราก็ต้องเปลี่ยนไปกันบ้างสิ” สิทธิ์หัวเราะร่วน ทำหน้าเหมือนมีความผิดแต่ไม่กล้าบอกจนชวนให้คนมองสงสัยกว่าเดิม แต่อยู่ๆก็ออกอาการเหมือนคิดบางอย่างออก ก่อนจะหดหู่ลงเสียอย่างนั้น “นั่นสิ…ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว…ทั้งที่อุตส่าห์เปลี่ยนไปแล้วแท้ๆ…”

          ลูกน้องทั้งสามต่างพากันนิ่งอึ้งเมื่ออยู่ๆเจ้านายแสนดีมีอาการเศร้าซึมเสียดื้อๆ และไม่พูดอะไรต่อนอกจากเดินสะโหลสะเหลกลับเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้พวกเขาได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วงปนสงสัยแทน

          “...ถ้าอย่างนั้นผมไปดูคุณสิทธิ์ก่อนนะครับ” หลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ เนก็เอ่ยเสนอตัวขึ้นก่อนจะตีหน้ายุ่งใส่ศาสตร์กับวัฒน์ “...ผมเป็นคนใจกว้างนะครับ เพราะงั้นถ้านิดๆหน่อยๆ ผมไม่ถือสาหรอก ไม่เก็บมาคิดด้วย บอกเลย”

          หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วสูงมองคนที่ทำหน้าบูดใส่ทิ้งท้ายก่อนจะชิ่งเข้าห้องนอนสิทธิ์ไป และเพียงไม่นานวัฒน์ก็หัวเราะออกมา

          “ฮะๆ ไอ้บ้าเอ๊ย”

          ศาสตร์มองหนุ่มใหญ่ที่ยังคงหัวเราะ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ

          “ถ้าผมเป็นคนที่ทำให้อาหัวเราะแบบนี้ได้ก็คงดี”

          จากที่กำลังขำถึงกับค้างนิ่ง และเริ่มออกอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา ถึงตัวเองจะเป็นฝ่ายบอกปฏิเสธไปเองแล้วแท้ๆ แต่เขาก็ยังทำใจมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆไม่ได้สักที และก็รู้สึกแปลกๆที่จะกลับไปทำตัวเหมือนเดิมด้วย

          เพราะถึงอย่างไร ความรู้สึกที่มีให้มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
         
          วัฒน์ไม่กล้าบอกให้อีกฝ่ายตัดใจนักหรอก ในเมื่อตัวเขาเองยังไม่เคยตัดใจจากปิ่นได้จนกระทั่งพบกับเน การจะขอให้ศาสตร์ตัดใจทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเรื่องยาก ก็เหมือนกับตนเห็นแก่ตัวเพราะอยากให้อีกฝ่ายได้ดี ตัวเองจะได้สบายใจชัดๆ

          “ผมอิจฉาหมอนั่นนะที่ทำให้อาทั้งหัวเราะทั้งโกรธออกมาได้” ชายหนุ่มเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเบาบางจนคล้ายกับจะกลืนหายไปกับอากาศ “นอกจากพี่ปิ่น คนอื่นก็ไม่เคยทำได้เลยแท้ๆ”

          วัฒน์เงยหน้ามองคนที่ยืนหน้านิ่ง หนุ่มใหญ่รู้ดีว่าแม้ภายนอกจะเห็นเป็นอย่างนั้น แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเสียใจมากแค่ไหน

          แต่เขาเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำให้อีกฝ่ายหายเศร้าได้ด้วย

          “ผมไม่เถียงหรอกนะว่าแอบคิดอยากให้หมอนั่นมีอันเป็นไปอยู่ทุกวัน” ได้ยินแล้วคนฟังถึงกับสะอึก “ยังไงผมก็ไม่เลิกรักอาหรอกนะครับ”

          วัฒน์มองอีกฝ่ายที่พูดราวกับรู้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพียงไม่นานก็กลับมาทำหน้าสงบนิ่ง มุมปากนั้นยังคงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยหากแต่กลับดูเศร้าสร้อยเสียมากกว่ามีความสุข

          “ต่อให้เนตายจริง ฉันก็รักเราในแบบที่เราต้องการไม่ได้หรอก” น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ไม่ว่ายังไง ฉันก็คงเห็นเราเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากหลานคนนึง...หลานที่ไม่มีใครมาแทนได้อีกแล้ว”

          ศาสตร์เบิกตากว้างกับคำตอบที่ไม่ได้มีเพียงแค่คำปฏิเสธ ก่อนจะยิ้มให้

          “ถ้าอาไม่ว่าอะไร ผมขอกอดได้ไหมครับ”

          วัฒน์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะปฏิเสธนัก แต่เพราะพอจะรู้สถานะตัวเอง และความรู้สึกของอีกฝ่าย เลยคิดว่าคงไม่ดีที่ไหร่นักถ้าจะยอมให้กอด

          แต่พอนึกถึงคำพูดของเน จากที่กำลังคิดหนักก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ

          มันก็กำชับเองนี่นาว่าใจกว้าง แค่นิดๆหน่อยก็พอได้

          วัฒน์ไม่พูดอะไรนอกจากอ้าแขนรอรับเป็นคำตอบ ศาสตร์พอเห็นดังนั้นก็ยืนชั่งใจเสียเองทั้งที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอ ก่อนจะโผเข้าไปกอดเสียเร็วจนคนรอรับถอยหลัง

          “ผมรักอานะครับ”

          คนฟังเพียงแต่เงียบและกอดแน่นขึ้น ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆที่ดังแผ่วออกมาจากคนตรงหน้า คนฟังก็กอดแน่นขึ้นกว่าเดิม...เพราะสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่นี้

          ขอโทษนะ... 

 
          “ไง”

          เดชเลิกคิ้วหันไปมองคนหน้านิ่งที่เดิน เข้ามายังเคาน์เตอร์ในบาร์ และทั้งที่วัฒน์ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดหรือใช้น้ำเสียงดุดัน แต่เหล่าพนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันหนีกระเจิงเหมือนกลัวจะโดนลูกหลง เหมือนทั้งสองจะมีเรื่องกันก็มิปาน จะเหลือไว้ก็แค่ต่อกับปาล์มที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เพราะหนีไปไหนไม่ได้เท่านั้น

          “มาจับตาดูฉันหรือไง” หนุ่มแว่นเยาะใส่อย่างไม่กลัวเกรงพร้อมกับเหยียดยิ้มกว้าง “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ทำแล้ว มาอยู่ตรงนี้แล้วฉันทำอะไรได้ล่ะ ลูกน้องก็ไม่มี ตำแหน่งก็โดนลด แถมยังโดนพวกนี้จับตาตลอดจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลยนะ”

          “ไอ้ฉัตรมันถึงได้บ่นเพราะต้องทำงานแทนนาย” วัฒน์บอกก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆ “และฉันก็ทำใจเชื่อไม่ลงในทันทีหรอก”

          อีกฝ่ายหัวเราะลั่น

          “เอาแต่เครียดไม่เลิกระวังเส้นเลือดในสมองมันจะแตกก่อนนะ” เดชหยอกใส่กลั้วเสียงหัวเราะ “เอาเถอะ ถ้าคุณสิทธิ์กลับไปทำตัวเหลาะแหละเมื่อไหร่ ฉันเองก็คงไม่ยอมทำตัวเป็นหมาเชื่องๆหรอก”

          “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันจะไม่ไว้หน้าคุณสิทธิ์แล้วฆ่าแกทันที”

          ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าวัฒน์ไม่ได้ขู่ กระนั้นเดชกลับไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว

          “ถ้างั้นก็คงยาก” หนุ่มแว่นร่างโตเอ่ยอย่างมั่นใจจนคนฟังถึงกับหันไปมอง “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ แต่ที่คุณสิทธิ์ลงโทษฉันก็ไม่ได้ทำไปเพราะทนทำสักหน่อย...เขาทำเพราะอยากทำเลยนะ”

          วัฒน์เพียงแต่เลิกคิ้ว อย่าว่าแต่เดชเลย เขาเองก็รู้สึกเหมือนกัน ถ้าฝืนทำจริงสิทธิ์ไม่มีทางยิ้มทั้งที่กำลังตัดนิ้วเดชได้หรอก...แต่ตอนนี้เขาคิดว่าไม่ควรจะให้เดชมาเห็นสิทธิ์อย่างแรง เพราะหลังจากวันสำเร็จโทษ อยู่ๆเจ้านายแสนดีแกก็ห่อเหี่ยวแล้วเอาแต่หมกอยู่กับห้องจนเห็ดขึ้น ถามสาเหตุก็ไม่ยอมบอก ไม่ว่ากับเขาหรือเนก็ยังไม่ยอมปริปาก เอาแต่พึมพำอยู่คนเดียวจนชักน่าเป็นห่วง...และถ้าเดชมาเห็นสภาพน่าอดสูของเจ้านาย รับรองว่าวัฒน์คงชักปืนยิงอีกฝ่ายแทบไม่ทัน

          “อืม...” วัฒน์ได้แต่ตอบตามน้ำ พลางคิดหาทางแก้ไขให้เจ้านายเลิกทำตัวสลดสักที

          “ว่าแต่วันนี้ว่างหรือเปล่า มาดื่มด้วยกันหน่อยเป็นไง”

          “โทษทีนะ ตอนนี้ยังทำใจดื่มกับแกไม่ลง” วัฒน์ตอบตามตรง “รอสักสามสี่ปี ให้ฉันมั่นใจก่อนว่าแกจะไม่กลับไปทำร้ายคุณสิทธิ์อีกก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นฉันจะเลี้ยงแกเอง”

          “นานจังนะ” เดชทำเสียงตัดพ้อก่อนจะหัวเราะในลำคอ “ว่าแต่ไม่ได้พาแฟนมาด้วยหรือไง”

          “ฉันไม่ปล่อยให้คุณสิทธิ์อยู่คนเดียวหรอก” คำตอบกำกวมที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ถามทำเอาคนฟังถึงกับหลุดขำออกมา

          “ระวังไอ้หนูนั่นมันจะทิ้งแกไปเพราะเอาแต่ห่วงคุณสิทธิ์เกินเหตุนะ”

          “มันไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น” วัฒน์ตอบกลับแทบจะทันที ก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระดาษที่พับไว้ราวสามสี่ทบออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินของตน แล้วผลักมันไว้ตรงหน้าเดช “ถ้าไม่อยากรอนานขนาดนั้น ก็พิสูจน์สิว่าแกจะไม่ทำตัวให้ฉันอยากฆ่าอีก”

          หนุ่มแว่นหยิบกระดาษตรงหน้าแล้วคลี่ออก จากนั้นเพียงไม่นานก็แสยะยิ้มออกมา

          “แกนี่มันใจร้ายจริงเลยว่ะ”


หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: musddmp ที่ 21-01-2016 22:07:55
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 84.2(ตอนจบ)


          หลังจากกลับมาจากการเยี่ยมเดช วัฒน์ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าสมาชิกในบ้านยกเว้นสิทธิ์กำลังนั่งสุมหัวเหมือนกำลังประชุมเรื่องเคร่งเครียดกันอยู่ และหนุ่มใหญ่ก็พอจะรู้ดีว่าหัวข้อหลักคืออะไร

          “ยังไม่สำเร็จอีกหรือ”

          ทุกคนพากันมองหน้าวัฒน์ ก่อนที่แมวจะกระโดดขึ้นมาจากพื้น

          “หนูว่าคุณสิทธิ์กำลังช้ำรักอยู่แน่นอนค่ะ”

          “คุณสิทธิ์บอกหรือ”

          “เปล่าค่ะ สัญชาตญาณของลูกผู้หญิงบอก” คำตอบนั่นทำเอาคิ้วของหนุ่มใหญ่ไต่ไปถึงกระหม่อม “ก็เห็นพักนี้ไม่ได้ติดต่อกับคุณเดียร์เลยนี่คะ”

          “ถ้าเป็นงั้นจริง ทำไมคุณสิทธิ์ไม่โทรไปล่ะ”

          “เขาอาจจะกำลังทะเลาะกันก็ได้นี่คะ” แมวว่าต่ออย่างคนมีประสบการณ์ “ถ้าจำไม่ผิด แรกเริ่มเดิมทีคุณสิทธิ์ไปหลอกคุณเดียร์เพื่อจะแก้แค้นคุณวินนี่คะ บางทีคุณเดียร์เขาอาจจะรู้ความจริงก็เลยโกรธก็ได้”

          “แต่ถ้าอย่างนั้น คนที่ควรจะง้อต้องเป็นคุณสิทธิ์สิ ไม่ใช่เป็นฝ่ายมานอนเศร้าเหมือนเป็นคนโดนหลอกเองแบบนี้”

          แมวทำหน้าเหมือนเดินหมากผิดกระดาน

          “บางทีคุณสิทธิ์อาจจะกำลังตัดใจอยู่ละมั้งครับ”

          หลังจากเด็กสาวยืนหน้าเครียดเหมือนหาคำมาค้านไม่ออกอยู่พักใหญ่ เนก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง

          “...เอ่อ...ผมพูดตามประสบการณ์นะครับ” พูดเองก็กระดากปากเองจนหน้าแดงเถือก และแน่นอนว่าไม่รอดพ้นสายตาของเอมไปได้ “คือท่าทางของคุณสิทธิ์เหมือนกำลังหนีจากอะไรบางอย่างทั้งที่ไม่อยากหนีน่ะครับ...”

          และทั้งที่นั่นก็เป็นแค่คำสันนิษฐาน แต่ไม่รู้ทำไมฟังดูน่าเชื่อถือเหลือเกิน

          “แล้วคิดว่าควรจะทำยังไงดีล่ะ”

          นั่งเงียบกันไปอีกพักใหญ่ กว่าที่รุตจะออกความเห็น

          “ลองพาไปปลดปล่อยดีไหมล่ะ อาจจะช่วยได้บ้าง...ลองพาไปที่ร้านไอ้ก้องสิ หมอนั่นอยู่กับคุณสิทธิ์ช่วงที่วางแผนแก้แค้นคุณวินไม่ใช่หรือ บางทีหมอนั่นอาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้”

          “นั่นสินะ” วัฒน์เอ่ยเห็นด้วย อย่างน้อยเขาก็คิดว่ามันคงดีกว่าให้สิทธิ์เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอนแบบนี้เยอะ “ถ้างั้นตามนี้ก่อนก็แล้วกัน ถ้ายังไม่ได้อีกค่อยว่ากันอีกที”

          เมื่อประชุมจบ ต่างคนต่างลุกขึ้นจากพื้นและโซฟาพากันบิดขี้เกียจอย่างหมดแรงและแยกย้ายกลับไปพักผ่อนทันที

          “สู้ๆนะคะพี่เน อิๆ”

          เนื่องจากยังไงเสียคนที่ต้องพาสิทธิ์ไปหาก้องก็ไม่พ้นตัวเนและวัฒน์อยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่าที่แมวกับเอมแซวไม่ใช่เรื่องนั้น

          “นั่นสินะ ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องเหนื่อยกันอีก”

          เนมองคนที่ไม่ได้รู้เลยว่าสาวๆพูดแบบนั้นเพราะอะไร ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “อะไร” เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเอือมเสียเต็มประดาก็อดถามขึ้นอย่างหงุดหงิดไม่ได้

          “คุณรู้หรือเปล่าว่าแมวกับเอมเขารู้เรื่องของเราแล้ว”

          “ก็ฉันบอกเองนี่”

          คราวนี้คนถามถึงกับสำลัก “เดี๋ยวสิ...ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”

          “...สักพักหลังจากเราคบกันมั้ง ก็เห็นถามมา ฉันก็ตอบไป แค่นั้น” วัฒน์บอกเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก “แต่ฉันยังไม่ได้บอกพี่นางกับรุตหรอกนะ คิดว่าเดี๋ยวแมวกับเอมก็คงบอกเอง”

          เนไม่แน่ใจว่าจะโล่งใจดีหรือเปล่าเมื่อได้ยินแบบนั้น...เพราะนั่นหมายความว่าเกิดถามเมื่อไหร่ ลุงแกก็พร้อมจะตอบนี่ล่ะ

          “ทำไม กลัวคนอื่นจะรู้งั้นหรือ”

          เด็กหนุ่มชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบึ้งหน้าใส่

          “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมก็แค่ไม่รู้จะบอกทำไม...แล้วก็ไม่รู้จะบอกยังไงดีต่างหาก” เนขึ้นเสียงใส่ ยิ่งตอนนี้อยู่กันในห้องนั่งเล่นแค่สองคน เลยกล้าพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำแบบไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน “ไม่ได้อายสักหน่อย”

          “ไหนทีแรกตอนคบกันบอกว่าอาย”

          “ถ้างั้นคุณก็พูดเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”

          ทั้งสองจ้องหน้ากันคล้ายกับจะกัดกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่วัฒน์จะเป็นฝ่ายหลุดขำออกมาทั้งที่เนยังแยกเขี้ยวใส่

          “นายนี่มันเถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ” วัฒน์ว่าทั้งที่ยังหัวเราะไม่เลิก “ไม่เคยเปลี่ยนเลย”

          เนทำท่าเหมือนใครเอาไฟมาลนเท้า เพราะมันชวนให้นึกถึงความทรงจำที่อยากจะลืมมันไปให้พ้นๆ...แม้ว่าทั้งหมดทั้งมวลที่กลายมาเป็นแบบนี้ได้เพราะความเข้าใจผิดก็ตาม

          ก็ปล่อยๆให้มันเป็นเพียงความหลังต่อไปเถอะ...ถึงเนจะค่อนข้างมั่นใจว่าต่อให้เขาสารภาพที่เข้าใจผิดคิดว่าวัฒน์ตั้งใจจะปองร้ายสิทธิ์ ลุงแกก็คงจะไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรก็ตาม...แต่ถ้าให้ต้องมาสาธยายย้อนความหลังอันแสนน่าอายพรรค์นั้น สู้เงียบไว้จะดีกว่า

          วัฒน์ชะงักนิดหน่อยเพราะอยู่ๆอีกฝ่ายนิ่งไป ทีแรกเข้าใจว่างอนที่โดนหัวเราะ แต่เห็นสีหน้าอึกอักของเจ้าตัวแล้ว จากที่จะเอ่ยขอโทษเลยเงียบปากตนแทน

          ...

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออยู่ๆเนก็มาจับมือเขาเสียอย่างนั้น และก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากก้มหน้าแดงๆเหมือนอยากจะหลบทั้งที่หลบไม่พ้นก็ตาม เล่นเอาคนมองรู้สึกร้อนวูบไปด้วย

          “...มีอะไรหรือเปล่า” หลังจากทนความร้อนที่เดือดอยู่ในตัวไม่ไหว วัฒน์เลยถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก อยากจะดึงมือกลับแต่ไม่รู้ทำไมแขนมันกลับไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียอย่างนั้น

          เนเม้มปากแน่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะพูด แต่ประเด็นคือเขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีเหมือนกัน ไอ้มือเจ้ากรรมอยู่ๆมันก็ดันยื่นไปจับมืออีกฝ่ายอย่างไม่มีเหตุผลเสียด้วยซ้ำ

          เด็กหนุ่มรีบส่ายหน้าให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเกิดหงุดหงิดคิดว่าเขาเอาแต่อมพะนำ พยายามเรียบเรียงสิ่งที่ยุ่งอยู่ในหัวออกมาเป็นคำพูด

          “ก็...แค่อยากจับเฉยๆน่ะครับ...”

          วัฒน์อ้าปากค้าง...ไอ้จับอย่างเดียวมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่เล่นเขินใส่หน้าแดงเถือกขนาดนี้ ใครจะนิ่งอยู่ได้กัน

          “นายน่าจะชินได้แล้วนะ” หนุ่มใหญ่บอกก่อนจะหลบสายตาไปอีกทางเพราะทนมองไม่ค่อยจะไหวเหมือนกัน “เจอแบบนี้บ่อยๆเดี๋ยวฉันหัวใจวายตายพอดี”

          “ถ้างั้นคุณก็ชินซะสิ เพราะผมคงไม่มีทางชินได้ในเร็วๆนี้หรอก”

          ดูมัน เถียงไม่เลิกจริงๆ...แล้วทำไมเราต้องยอมมันด้วยวะเนี่ย

 

          “ทีตอนเอาละคล่องเหลือเกินนะ”

          วัฒน์อดบ่นไม่ได้...ก็ดูสิ ขอจับมือสักทีทำท่าอย่างกับสาวน้อยวัยใส แต่พอมาถึงห้องนอนแล้วชวนขึ้นเตียง พ่อคุณพยักหน้าไวอย่างกับติดจรวด แถมไม่มีเคอะเขินติดขัดอีกต่างหาก

          “ผ...ผมก็เขินอยู่นะ แต่เพราะมันทำบ่อยแล้วหรอก” เนโพล่งเสียงตื่นพออีกฝ่ายเอ่ยขัดจังหวะในขณะที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตของหนุ่มใหญ่ออก “...แล้วคุณไม่คล่องหรือไงครับ เรื่องนี้น่ะ”

          อยู่ๆมันก็มาจี้จุดเรื่องปวดใจเสียอย่างนั้น

          “ถึงจะคล่องก็ไม่ใช่ตำแหน่งนี้แน่” วัฒน์ตอบกลับเสียงเขียวที่โดนหมิ่นประมาท “ดี งั้นนอนลงเลย รอบนี้ฉันจัดการเอง”

          เนนิ่วหน้ามองคนที่อยู่ๆก็ฮึดฮัดขึ้นมาดื้อๆ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากทำตามอย่างว่าง่าย

          “...เอ่อ...คุณจะรุกผมแทนหรือ”

          วัฒน์ชะงักกว่าเก่า เพราะไอ้เรื่องนั้นมันไม่มีอยู่ในหัวเลยนี่สิ

          “เปล่า” คำตอบฉะฉานจนโล่งใจปนน่าสงสัย “ก็แค่จะทำให้บ้างไง ปกตินายคนทำตลอดนี่...อีกอย่าง ฉันเคยบอกแล้วไงว่าจะชดใช้เรื่องที่เคยผิดสัญญาไว้เมื่อคราวก่อน งั้นก็เอาเรื่องนี้เลยแล้วกัน”

          …มัดมือชกงี้แล้วจะเถียงอะไรได้ล่ะครับ…

          เนนอนนิ่งอยู่บนเตียงคอยมองคนตรงหน้าที่กำลังคร่อมตนและโน้มหน้าเข้ามาใกล้...อันที่จริงใช่ว่าจะไม่เคยเจอคู่นอนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

          รสจูบของอีกฝ่ายไม่หวือหวาหรือร้อนแรงผิดกับตอนเด็กหนุ่มเป็นฝ่ายนำจนทำเอาเนแอบแปลกใจ แต่กระนั้นจูบในครั้งนี้มันช่างนุ่มนวล เนิบนาบ และอ่อนโยน แต่ไม่ได้ชักช้าหรือเอื่อยเฉื่อยจนไม่ทันใจแต่อย่างใด เขายังคงสัมผัสได้ถึงความต้องการของอีกฝ่าย แต่ทั้งที่ไม่ได้เร่งรีบปลุกเร้าอารมณ์อย่างที่มักทำเป็นประจำ กลับรู้สึกเพลินจนยากจะถอนจูบออกมา

          “...ไหวไหมเนี่ย...”

          พอถอนจูบออกมาวัฒน์ก็อดถามไม่ได้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงเถือกเสียจนเหมือนคนเป็นไข้ยังไงยังงั้น

          “วะ...ไหวสิครับ” เนโพล่งเสียงตื่น ก่อนจะเหล่มองไปอีกทาง “ไม่ยักจะรู้ว่าคุณจูบแบบนี้ได้ด้วย”

          “แบบไหน”

          และเนจะไม่เขินเลยถ้าลุงแกไม่ถามแบบคาดคั้นและตั้งความหวังแบบนี้

          “กะ...ก็จูบเก่งกว่าที่คิดดี” เด็กหนุ่มตอบแบบรวมๆ “ละ...เลิกถามแล้วทำต่อเถอะครับ เดี๋ยวผมทนไม่ได้แล้วคุณจะไม่ได้ชดใช้เปล่าๆ”

          “รีบจริง” วัฒน์บ่นขึ้นมา ท่าทางคล้ายไม่พอใจกับคำตอบเท่าใดนัก ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมองร่างของอีกฝ่าย “...มีอะไรอยากให้ทำเป็นพิเศษหรือเปล่า”

          เนเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ใบหน้าจะขึ้นสีอีก เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากเลื่อนสายตาลงมองต่ำ และไม่ต้องคิดให้มากนัก วัฒน์ก็เข้าใจความหมายทันที

          “มือหรือปาก”

          “ตะ...ตามใจคุณสิครับ!” เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นมาอย่างสุดทน ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งเสียอย่างนั้น ทำเอาคนที่นั่งคร่อมอยู่ถอยหลังแทบไม่ทัน “...ผมว่าขอเป็นปากได้ไหม”

          คราวนี้คนถามเป็นฝ่ายแปลกใจแทน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความนัก

          ...มันรีบอยู่นี่ เดี๋ยวไม่ทันใจมันพอดี...ถึงเราก็แอบอยากรีบด้วยก็เถอะ…

          เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อความร้อนโอบรอบกายของตน ลิ้นร้อนลากไล้ทำหน้าที่ได้ดีเหมือนรู้ความต้องการของตน เขามองคนที่ง่วนอยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ แรงดูดดุนรุนแรงราวกับจะกลืนกินตนเสียให้ได้ เล่นเอาเนเผลอครางออกมาอย่างสุดทน ยิ่งไม่ได้ทำมาเสียนานแล้ว อะไรๆมันก็ดำเนินการไปไวเสียกว่าที่คาด

          “คุ...คุณวัฒน์...” เสียงแหบต่ำดังแทรกขึ้นจากเสียงหอบกระเส่า “ผมจะเสร็จแล้วนะครับ...”

          เด็กหนุ่มก้มเตือนคนที่ปรนเปรอความสุขให้ตนอย่างแข็งขัน และเพียงไม่นานอารมณ์ที่สุมอยู่ภายในก็แตกทะลักออกมา

          “...มีอะไร” เห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าตนไม่เลิกหลังจากที่ลุกขึ้นมา วัฒน์ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “หรือไม่ดีพอ...”

          “ปละ...เปล่าครับ! ดีครับดี” เนรีบตอบลนลาน ก่อนจะเปลี่ยนมาอึกอักกระสับกระส่าย “คือ...รสชาติเป็นไงบ้างครับ”

          วัฒน์ค้างนิ่งกับคำถามนี้ไปนานมาก...ก่อนจะเอะใจในความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องที่น่ารับรู้เท่าใดนัก

          “ก็ก่อนหน้านั้นคุณเคยบอกว่ามันขม ผมเลยไปหาวิธีทำให้รสชาติมันดีขึ้นนี่นา” อยู่ๆก็กลายมาเป็นความผิดวัฒน์เสียอย่างนั้น “ผมยอมทนกินสับปะรดอยู่พักใหญ่เลยนะ”

          “...นายกำลังจะบอกว่านายลงทุนกินของไม่ชอบเพื่อการนี้เรอะ” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “จะบ้าหรือไง”

          “แล้วมันโอเคไหมล่ะครับ”

          วัฒน์ค้างไปเล็กน้อยเมื่อโดนเด็กหนุ่มสวนกลับด้วยท่าทีเอาเรื่องเต็มที่ หนุ่มใหญ่ปั่นหน้ายุ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “เออ ดีกว่าครั้งโน้นเยอะ”

          และทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจแท้ๆ แต่เจ้าตัวดันทำหน้าภูมิใจกับผลลัพธ์นี้เสียเหลือเกิน ซึ่งทำเอาคนที่กำลังเอือมกับคำถามประหลาดอยากจะร้องไห้ออกมาตงิดๆ

          หลังจากเตรียมการพร้อมปฏิบัติกิจ เนก็นั่งพิงหมอนมองร่างเปลือยตรงหน้าที่คร่อมตน แม้อายุจะล่วงเข้าสี่สิบ อะไรๆก็ไม่ได้มีเหมือนกับคนวัยหนุ่ม แต่กระนั้นร่างตรงหน้ากลับสะกดสายตาของเนเอาไว้ได้อย่างน่าพิศวง ผิวกายสีแทนสวยที่เรียบเนียนน่าลูบไล้ เนื้อหนังแน่นตามประสาคนออกกำลัง เอวเล็กบางผิดกับคนวัยเดียวกันช่างดึงดูดมือให้เข้าไปจับ และทั้งที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ในยามนี้เนกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ารักน่ามองจนไม่รู้เบื่อ

          โดยเฉพาะใบหน้าที่ขึ้นสีและดูทรมานในตอนนี้ ยิ่งอยากทำให้มันบิดเบี้ยวขึ้นไปอีก

          “อึก...” เสียงครางต่ำในลำคอของหนุ่มใหญ่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาในขณะที่วัฒน์ค่อยๆกดท่อนเนื้อของเด็กหนุ่มเข้ามาในร่างของตน ความรู้สึกอึดอัดระคนวาบหวานค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเคลื่อนตัวลงจนสุดทาง

          “...ไหวนะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่น ใบหน้านั้นแดงและชื้นเหงื่อไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก

          วัฒน์เพียงแต่พยักหน้า เขานิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะค่อยๆขยับเคลื่อนตัวขึ้นลงอย่างช้าๆ ค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นทีละน้อย อารมณ์หวามที่แล่นพล่านไปทั่วร่างทำเอาควบคุมตัวเองไม่อยู่ ยิ่งใส่แรงมากขึ้นไปเพื่อเติมเต็มความต้องการของตน

          “อึก...คุณวัฒน์...” เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น มือทั้งสองเอื้อมเข้าไปจับสะโพกของคนตรงหน้า พยายามที่จะไม่ห้ามอีกฝ่าย เลยคอยจับร่างตรงหน้าให้ขยับโดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวนัก “รุนแรงจังเลยนะครับ”

          “ทีนายแรงกว่านี้ฉันยังไม่ว่าสักคำ...” เสียงทุ้มดังแทรกเสียงหอบกระเส่า ก่อนจะเงียบลงและจดจ่ออยู่กับอารมณ์ของตน “อ๊ะ...อื๊อ!!”

          ของเหลวสีขุ่นพุ่งออกมาเลอะตามตัวเด็กหนุ่มเมื่อความอดทนหมดลง กระนั้นหนุ่มใหญ่ยังคงขยับตัวไม่เลิกราวกับยังไม่สาแก่ใจ ความรู้สึกบ้าคลั่งที่แล่นพล่านทำเอารู้สึกดีเสียจนไม่อยากเลิกแม้จะรู้สึกหมดแรงก็ตาม อีกทั้งมือของเด็กหนุ่มที่กระตุ้นเหมือนร้องขอให้ตนทำต่อ ถึงได้ยอมตามทำจนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยปากหยุดเอง

          “...ไม่กะจะถามผมสักคำหรือไงครับ เกิดผมไม่เสร็จขึ้นมาแล้วคุณจะทำยังไง”

          ใบหน้าชื้นเหงื่อก้มลงมองคนที่ยิ้มเป็นเชิงท้าทาย ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะหัวเราะในลำคอ จากนั้นก็โน้มหน้าเข้ากระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา

          “...นายรู้ตัวหรือเปล่าว่าพอนายใกล้จะเสร็จทีไรแล้วจะชอบทำหน้าตลกๆทุกที”

          ถึงกับตาเหลือกใส่เลยทีเดียว

          “ปะ...เป็นทุกครั้งเลยหรือครับ”

          “เออ” วัฒน์ตอบก่อนจะค่อยๆถอนตัวลงมานอนข้างๆ “ไม่งั้นฉันจะรู้ได้ไง”

          เด็กหนุ่มหันไปมองคนที่อ่อนแรง สีหน้าของเนคล้ายเหมือนกำลังคิดหนัก ก่อนจะเอ่ยอ้อมแอ้มออกมา

          “ผมไม่เห็นจะรู้เวลาคุณเสร็จ...”

          วัฒน์ค้างไปนิดหน่อย ก่อนจะหัวเราะพรืด

          “นายไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดก็ได้” ได้ยินน้ำเสียงหงอยเสียเต็มประดาแล้วอดลูบหัวอีกฝ่ายไม่ได้ “แค่ไม่ปากแข็งก็ดีเกินพอแล้ว”

          โอ๊ย กัดตลอดนะเรื่องนี้

          “ได้ครับ ผมจะเลิกปากแข็งแน่” เด็กหนุ่มเน้นหนักก่อนจะยิ้มกว้างจนน่าสยอง “แต่ขอแข็งอย่างอื่นได้ไหมครับ”

          วัฒน์หน้าแดงขึ้นทันทีที่โดนเล่นมุกสองแง่สามง่ามก่อนจะหันกลับไปอีกทาง “นอนได้แล้ว”

          “เอ๋ ไหนว่าจะชดใช้ไงครับ”

          เวรล่ะ...

          “คุณก็รู้ใช่ไหมล่ะครับ ว่าผมยังอยากอีก” ไม่ว่าเปล่ามีเข้ามากอดจากด้านหลังอย่างแนบแน่น “เห็นไหม มันยังแข็งอยู่เลย”

          โอ๊ย ถ้าเอ็งจะแทงหลังตูซะขนาดนี้ ไม่รู้ก็บ้าแล้ว

          “น้า” เมื่อหนุ่มใหญ่เอาแต่นอนนิ่ง เนเลยรีบใช้ไม้ตายสยบใจลุง “นะครับ...”

          ไม่อ้อนเปล่ามีซุกไซ้ปล่อยลมหายใจใส่ที่แผ่นหลังเป็นการช่วยปลุกอารมณ์เพิ่มเติม อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าไอ้การอ้อนแบบนี้มันก็มีขีดจำกัดอยู่ และเนก็คำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุด และตอนนี้ก็เพิ่งสามทุ่มเท่านั้น และปกติลุงแกก็นอนราวๆห้าทุ่มโน่น เพราะงั้นโอกาสจะยอมย่อมเยอะกว่าวันปกติแน่นอน

          “เออ”

 

          หนุ่มใหญ่ยืนเหม่ออยู่หน้าเจดีย์เก็บอัฐิของปิ่น ในยามนี้มีตนยืนอยู่เพียงคนเดียว อาจเป็นเพราะตอนนี้เป็นช่วงกลางวันทั้งยังเป็นวันธรรมดา จึงทำให้ผู้คนที่มาวัดนั้นน้อยกว่าปกติ จนเรียกได้ว่าดูเงียบเหงาก็ว่าได้

          “แปลกใจละสิที่เจอฉันอีกในรอบหนึ่งปี” วัฒน์เอ่ยเสียงเบา ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองรูปภาพของภรรยาเก่า “หรือบางทีเธออาจจะรู้อยู่แล้วว่าฉันจะมา”

          ทั้งที่มีเพียงความเงียบ แต่หนุ่มใหญ่กับคลี่ยิ้มบางออกมา มือหนาเอื้อมไปสัมผัสเจดีย์ตรงหน้าก่อนจะหลับตาลง

          “คุณวัฒน์”

          เจ้าของชื่อหันมองเด็กหนุ่มที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ด้านหลัง ท่าทางกระสับกระส่ายเหมือนรู้สึกผิดที่เดินเข้ามาไม่รู้จักดูกาลเทศะ

          “ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” วัฒน์บอกราวกับอ่านใจได้ “มาสิ”

          เด็กหนุ่มค่อยๆเดินเข้าไปยืนข้างๆอีกฝ่าย ดวงตาเรียวลอบมองหนุ่มใหญ่ก่อนจะเหล่มองไปยังรูปภาพบนเจดีย์

          วัฒน์หันกลับไปมองเนที่อยู่ๆก็คว้ามือตนมาจับเสียแน่น สีหน้าของเด็กหนุ่มดูจะอึดอัดพอสมควร และหลังจากหายใจเข้าออกลึกๆอยู่สองสามที ก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด

          “ผม...ผมขอรับคุณวัฒน์ไปนะครับ! แล้วจะดูแลให้อย่างดีเลย”

          หนุ่มใหญ่เงียบเป็นเป่าสากไปเกือบนาที ก่อนจะหัวเราะลั่นแบบไม่เกรงใจสถานที่

          “ฮะๆ ฉันเลิกกับปิ่นเขาไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมาขอแล้ว ที่พามาเนี่ยก็แค่พานายมาไหว้เขาด้วยเฉยๆก็เท่านั้นเอง คราวก่อนที่มานายก็ไม่ได้มาไหว้เขานี่”

          ท่าทางของเนเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก

          “ละ...แล้วทำไมคุณไม่บอกก่อนเล่า” เด็กหนุ่มโวยวายใส่ “ปล่อยให้ผมทำเรื่องน่าอายทำไมเนี่ย”

          “อายทำไม คนก็ไม่มี” วัฒน์ว่าก่อนจะลูบหัวเนเป็นเชิงปลอบ “แล้วฉันก็ชอบที่นายพูดนะ”

          จากที่กำลังปั้นหน้างอนถึงกับหน้าบานกันเลยทีเดียว

          เอาเถอะ...ถึงมันจะเริ่มมาจากความเข้าใจผิด…ถึงจะเคยเหม็นขี้หน้ากัน…ถึงจะเป็นผู้ชายรุ่นหลานที่ชอบเถียงคำไม่ตกฟาก ท่าทางไม่มีอนาคต ดูไปดูมาก็ไม่น่าไปรักด้วยสักนิด...แต่ก็คงไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก

          บางทีมันอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้

          End

_________________________________

ในที่สุดก็จบไปแล้วอีกเรื่อง =w= เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แอบเขียนเร็วมาก เพราะเรื่องอื่นหน่วยจบเป็นปีหมด ฮา สงสัยเพราะใช้พลังลุงขับเคลื่อนเลยไปได้เร็ว(?)

แต่ถึงพูดว่าจบ ก็มีเขียนภาค1.5 ต่อละนะ เลยไม่รู้สึกเหมือนกับต้องร่ำลาอะไรนัก เพราะเดี๋ยวก็ต้องเจอกันอีกทีอยู่ดี ฮา

เรื่อง รวมเล่ม กับข่าวคราวเกี่ยวกับเล่ม 1.5 เดี๋ยวคนเขียนจะแจ้งอีกทีตอนสิ้นเดือนนะงับ ตอนนั้นอะไรก็เริ่มลงตัวละ ถึงตอนนั้นจะลงข่าวสารในบทความนี้กับที่หน้าเฟสอีกทีนะงับ =w=


สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้นะงับ =w= หวังไว้ว่าเรื่องหน้าเราจะได้เจอกันอีกเน้อ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 21-01-2016 22:32:19
กรี๊ดดดดด ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆค่ัะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: narumo ที่ 21-01-2016 23:47:50
พลังลุงเคะ จงเจริญ เย้ รออ่านต่อน้า 
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-01-2016 00:05:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 22-01-2016 07:51:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 23-01-2016 00:51:13
สนุกดีนะคะ ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-01-2016 15:59:45
ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านจนจบ สนุกมากเลยค่ะ  o13

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 29-01-2016 08:45:20
แอบๆ หื่น มั้ง
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-02-2016 16:41:05
กว่าจะยอมรับใจกัน
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 06-02-2016 22:59:08
เป็นเรื่องที่ยาวแท้ๆ จริงๆอ่านไปได้ครึ่งนึง แปะไว้ก่อนค่ะ อยากเม้นมากเลย อยากจะบอกว่าตลกตาลุงกะเนที่สุด เกิดมาชีวิตนี้ เพิ่งเคยเห็นคนที่คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว. อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนๆแล้ว แต่ยังคุยกันคนละความหมายเนี่ย... :katai1:
คือพวกแกคุยกันเนี่ย ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจเลยหรอว่าความหมายของประโยคมันไม่ค่อยต่อเนื่องน่ะ :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 07-03-2016 15:21:56
กรี๊ดกร๊าดจบได้ถูกใจจริงๆค่ะ เข้ามาอ่านรอบที่ N ก็ยังอมยิ้มอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 10-03-2016 20:31:52
สนุกหลาย ลุงสุดเมพ ลุงนี่อร่อยจริงๆเนอะเน หุหุ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 18-03-2016 21:57:29
ลุ้นสุดๆเลย พอจะไปได้ดีลุงฉัตรก็เข้ามาแจมป่วนซะ...-0-
นานๆจะเห็นแนวลุงเคะ หุหุ  :oo1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 22-03-2016 22:34:43
เหอะ เหอะ เหอะ มันรักกันได้ไง คุยกันเรื่องเดียวกันแต่คนล้ะความหมาย เข้าใจคนล่ะอย่าง แต่มาบรรจบกันบนเตียงจนได้สิน่า คู่นี้ รักกันแบบเข้าใจผิด แต่ก้อรักกันนะ อาวัฒน์ หลานเน... อิอิ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 13-04-2016 12:38:16
เรื่องนี้ไม่ค่อยถูกจริตเราเท่าไหร่ แต่ก็อ่านจบแล้วหละ ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะ

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-05-2016 16:52:25
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 09-08-2016 14:38:41
ตามมาจากหมุ่นดอกไม้ สนุกมากค่ะ ชอบเมะเด็กที่สุด อ๊ากกก ฟินเว่อร์ ถึงจะคนละอารมณ์กับเรื่องที่แล้ว(sm) แต่เรื่องชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 02-01-2017 20:44:43
คิดไปเองได้สุดยอดเลยทั้งสองคน  :katai5:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 07-01-2017 06:41:02
 :pig4:u
ขอบคุณค่าาาาาา

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 08-01-2017 20:58:21
เป็นเรื่องที่น่ารัก อ่านอีกรอบก็ยังหัวเราะกับคู่นี้
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 31-05-2017 14:07:10
อ่านแล้วอ่านอีก  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 11-06-2017 22:55:28
ทำไมมีความรู้สึกว่าเรื่องของวัฒน์&เน สนุกกว่าเรื่องของ สิทธิ์&เดียร์ 555555
 :z2: :z2: