Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 22
แดดแรงเป็นบ้าเลย
ผมมุดหัวกลับเข้ามาในบ้าน หลังจากพานายมือโปรไปนั่งสูดอากาศที่ม้าหินหน้าบ้านอยู่พักใหญ่ ส่วนคนรักกลิ่นน้ำกร่อยก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมแหละครับ ไม่ต้องเป็นห่วงกันนะครับ นายมือโปรมีร่มเงาต้นไม้บังหัวอยู่
ด้านหน้าเขาคือโน้ตบุ้คตัวโปรด ข้างกันคือมือถือ 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งเฉพาะงาน อีกเครื่องส่วนตัว
เครื่องส่วนตัวนั่นเขาเพิ่งใช้คุยกับพ่อเขา ผมก็เลยปลีกตัวมาหาน้ำดื่ม และบ่นแดดที่ร้อนเหลือเกินอยู่นี่แหละครับ
“วิน” คนป่วยห่าอะไรไม่ได้ระคายคอบ้าง เรียกกันอยู่นั่นแหละ ผมก็เบื่อหน้าเขาเหมือนกันนะ
“ครับ”
“หิวรึยัง ทานมื้อเที่ยงก่อนได้เลยนะ” ได้ยินแล้วก็หันมองมื้อเที่ยงที่แม่ครัวทำแล้วจัดการมาส่งและจัดโต๊ะอาหารไว้ให้ ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกเบื่อนิดๆ ก็นี่มันอาหารคนป่วยทั้งนั้น ผมคงอยากกินหรอก!
“พี่โป๊ะนั่นแหละกิน” ผมตะโกนกลับไป ดื่มน้ำอักๆ และไม่ลืมหยิบขวดน้ำไม่แช่เย็นติดมือไปให้เขาอีกขวด
“ก็พี่โป๊ะต้องกินยา”
“แล้วนี่จะไหวแน่หรอครับ ออกมานั่งทำงานกลางแดดแบบนี้”
“เข้าบ้านเถอะ วินร้อนแล้วอ่ะ”
“พี่ไม่ร้อนนี่”
“ลมกำลังสบาย”
“ลมแบบนี้แหละ คืนนี้พี่โป๊ะได้ไม่รอดแน่ๆ”
“ป้าสุบอกบ่อยๆ ลมไม่แรงแดดไม่แรงแบบนี้แหละตัวดี แล้วตอนนี้พี่โป๊ะก็ภูมิต่ำอยู่ด้วย”
“ถ้าจะท้าความเสี่ยง ตากแดดตากลมอยู่แบบนี้ วินเรียกว่าเป็นพวกภูมิต้านทานก็ต่ำภูมิปัญญาก็ต่ำนะครับ”
“โอเค ต้องการอะไร”
“ต้องการให้พี่เข้าบ้าน ไปกินมื้อเที่ยง กินยา พักแป๊บนึง แล้วถ้าจะทำงาน ก็นั่งทำงานในบ้าน”
“โอเค” ว่าง่ายๆ ก็เป็นนี่หว่า พอฟื้นตัวนิดหน่อยเมื่อตอนสาย นายมือโปรที่อ้อนกินไข่ตุ๋นก็ละลายไปกับกลิ่นน้ำกร่อยแล้วครับ ดูเหมือนเขาจะคืนสภาพเป็นนายมือโปรที่แข็งแกร่งตามเดิมแล้ว และก็ยังเคืองๆ ผมอยู่ด้วย น่าจะเรื่องเมื่อคืนที่ไปเตะต่อมรักฝังใจของเขานั่นแหละ แต่ก็ช่างสิ ผมไม่คิดว่าผมผิด ผมถึงไม่มีความคิดจะขอโทษเลยสักนิด
“อาหารจืดทั้งนั้น”
“ก็พี่โป๊ะป่วย”
“มีเท่านี้ก็ทานเท่านี้แหละครับ อย่าอุตริอยากกินแกงส้มชะอมไข่ หรือผัดผักอะไรเลย วินทำไม่เป็นจริงๆ”
“ไม่อยากวิ่งไปหาซื้อด้วย แดดร้อน ไม่ชอบ”
“โอเค มีแบบนี้ก็กินแบบนี้แหละ พี่ไม่เรื่องมากหรอก”
“ขอบคุณนะครับ”
“หืม? เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องที่ดูแลพี่ไง”
“ก็...พอดีอยู่บ้านเดียวกัน ปล่อยตายไปวินคงขายบ้านนี้ต่อยาก”
“ไม่ได้ใจดีกับพี่โป๊ะสักนิด”
“หรอ?”
“อือ โอเค”
“แต่ก็ อย่าเป็นอะไรนะครับ”
“วินไม่ชอบผี”
“อื้อ แค่นี้จิ๊บๆ” พูดจบก็ไอโขลกเลยครับ ไม่รู้ไวรัสลงคอจริงๆ หรือโดนสาปแช่ง
เราทานข้าวกันเงียบๆ แม้ว่าใจจริงแล้วผมมีเรื่องคุยกับเขาอีกเยอะเลย แต่เห็นว่าป่วยอยู่ แล้วเขาก็กำลังกินข้าวรื่นคอ ผมก็ไม่อยากขัดอรรถรส
“อื้อวิน”
“ครับ”
“ไอเอส ถึงไหนแล้ว”
“เกิน 50% แล้วครับ คุยกับที่ปรึกษาเรื่องขอสอบเปิดเล่มแล้วด้วย”
“ได้วันรึยัง”
“ได้แล้ว ว่าจะบอกพี่โป๊ะอยู่หลายรอบแล้วแต่ก็ลืม วินว่าจะลางานทั้งวันเลย”
“ได้อยู่แล้ว เอาเรื่องเล่มให้จบก่อน งานไว้ทีหลัง”
“ไม่เอาหรอกครับ วินลาตามสิทธิ์พนักงาน พี่ก็หักวันหรือหักเงินตามระบบก็แล้วกัน”
“คิดว่าพี่จะทำมั้ย และคิดว่าพี่ควรทำแบบนั้นหรอ?”
“เราไม่ได้เข้ามาเป็นพนักงานเพื่อรับเงินเดือน เราเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเรียนรู้งานแล้วก้าวขึ้นมาเป็นพาร์ทเนอร์ ลืมบทบาทตัวเองรึไง”
“ไม่ได้ลืมครับ แต่ถ้าชีวิตวินมันจะตุ๊กตาจับวางขนาดนั้น ก็ขอทำตามหน้าที่ที่คนเขาจับวางไว้ให้คุ้ม อย่างน้อยวินก็มีอะไรให้ภูมิใจ”
“ทีงี้ล่ะเลือก ทีเรื่องความรู้สึกรักใคร่ ทำไมไม่เลือก”
“หือ?”
“ช่างเถอะ”
“พอเป็นเรื่องของคุณรุตต์ พี่แตะไม่ได้นี่”
“พี่โป๊ะงอนอยู่หรอ?”
“วินไม่ง้อนะ บอกหลายรอบแล้ว”
“พี่ไม่ได้งอนซะหน่อย พี่จะงอนในฐานะอะไร”
“พี่ก็แค่วิจารณ์ในฐานะผู้ใหญ่ที่รับรู้เรื่องแบบบังเอิญ”
“เสือกก็คือเสือก ประโยชน์อะไรพูดให้หรูหรา”
ปั่ก!
ถูกเขกหัวครับ แต่แค่เบาๆ เท่านั้น
“แล้วนี่...วันนี้ไม่เดทกับแฟน 2 อาทิตย์หรอ”
“นั่นไง เสือกก็คือเสือก”
“จึ๊!” เขาส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจแล้วก็จ้วงข้าวต้มเข้าปาก ผมล่ะอดขำไม่ได้ คนบ้าอะไรวะ อยากเสือกแต่ก็ทำฟอร์มเยอะแยะ นี่ถ้าสนิทกันระดับไอ้โอม ผมคงถีบไปแล้ว
“เออ เออ เสือกไง”
“ตอบสิ หั่ว....นะ”
“อะไรนะครับ”
“ห่วงไง! เป็นห่วง”
“โดนอึ๊บไปทำไงเล่า”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“พี่โป๊ะตลกอ่ะ”
“วินไม่ได้ง่อย วินไม่ได้ไร้ทางสู้ขนาดนั้น”
“ถ้ามันขัดความต้องการวิน ให้ตายก็ไม่ได้อึ๊บ”
“งั้นวินไม่อยากโดนคุณรุตต์อึ๊บใช่มั้ย” เหี้ยนี่ถามตรงจนผมเกลียดคำว่าอึ๊บเลย ต้องให้ผมตอบด้วยหรอ? คือเดาเอาก็น่าจะได้นะ หรือหน้าผมมันบอกว่าอยากโดนอย่างว่า นี่ผู้ชายนะเว้ย จะมีเซ็กทั้งทีก็ต้องให้มันสมชายชาตรีหน่อยดิ โดนอึ๊บคือโดนกระทำชัดๆ ไม่เด็ดขาด!
“พี่โป๊ะไม่ต้องห่วงเรื่องโดนเขาทำหรอก ห่วงแค่ที่ป้าสุห่วงก็พอ”
“อาสุห่วงวินเรื่องอะไรล่ะ”
“ห่วงว่าจะไปทำใครล่ะมั้ง ไม่เห็นกล่องถุงยางในห้องน้ำหรอครับ”
“คิดว่ากรอบชีวิตที่วินใช้อยู่นี่ วินขีดเองหรอ?”
“จริงๆ เราก็รู้จักกันมาพอควร พี่โป๊ะน่าจะเดาได้ ว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ป้าสุเสียใจแล้ว วินจัดการกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มากวนใจยังไง” หวังว่าเขาจะจำได้ว่าตอนที่ผมพยศใส่มันเป็นยังไง
กับเขาที่โหดกว่าพี่รุตต์ สปอยล์ผมน้อยกว่าพี่รุตต์มาก ผมยังไม่กลัวเกรง ประสาอะไรกับคนที่ตามใจผมมาตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกัน
การสร้างความทรงจำดีๆ ในช่วง 2 อาทิตย์ที่พี่รุตต์ขอไว้ ถ้ามันจะมีเรื่องเสียหายหรือมีคนที่ต้องเสียใจ ผมว่าพี่รุตต์ต่างหากที่ต้องมีคนคอยเช็ดน้ำตา
“แต่วินยังไม่ได้ตอบพี่เลย”
“เรื่อง?”
“วันนี้ไม่มีนัดเดทหรอ”
“มีครับ ดินเนอร์”
“อืม คืนนี้ใช้น้ำหอมกลิ่นใหม่ดีกว่า” ผมแกล้งทำหน้าเคลิ้มฝันให้เขามอง นายมือโปรถึงกับปาช้อนใส่ชามข้าวต้ม แล้วกรรมก็คืนสนองครับ น้ำซุปในชามกระเด็นเข้าตา ร้อนถึงผมต้องรีบลุกไปซับให้
การมองเครื่องหน้าเขาชัดๆ ไม่เป็นผลดีต่อหัวใจผมเท่าไหร่
พูดกันตรงๆ ก็คือ เขามีเครื่องหน้าที่ดึงดูดสายตาผมได้มาก
ทั้งรูปคิ้ว สันจมูก ดวงตา ขอบตา ขนตา ริมฝีปาก
นายมือโปรเป็นชายสมกับเป็นผู้ชายไปทุกกระเบียด และผมก็ไม่ได้ใจหญิง แต่ยอมรับเลยว่าใบหน้าเขาหน้ามองไปทุกอวัยวะ
“ล้างตาหน่อยดีมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรแล้วมั้ง”
“นิดเดียว”
“นี่ถ้าตาบอดเพราะน้ำซุปข้าวต้ม อายหมานะครับพี่โป๊ะ”
“รู้แล้วน่า”
“ทีหลังอย่าอารมณ์ร้อนต่อหน้าอาหารก็แล้วกัน”
“ก็บอกว่ารู้แล้วไง”
“อิ่มแล้ว ขอยาหน่อย”
“วินเป็นพยาบาลส่วนตัวพี่โป๊ะหรอ?”
“อื้อ จ้างตอนนี้ทันมั้ย ขอยาหลังอาหารหน่อยครับ”
“แม่งเอ้ย!” ผมทำหน้างอใส่ แต่ก็เดินไปหยิบยาหลังอาหารมาให้เขากิน ไอ้ยานี่ผมก็มโนเอาเองแหละครับว่าเขาควรกิน มันก็คือยาแก้อักเสบ แก้ไข้ แก้ปวดธรรมดานี่แหละ ผมจำได้ว่าเคยกินยาตัวไหนตอนไหน ผมก็ให้เขากินตามที่จำได้นั่นแหละ และเขาก็ไม่เรียกร้องจะไปหาหมอด้วย
กินยาเสร็จก็ยอมเอนหลังพิงโซฟาครับ ผมไม่ให้เขาทำงานเลย อยากให้พักสายตาพักสมองบ้างนิดหน่อยก็ยังดี จริงๆ เขาควรนอนพักผ่อนด้วยซ้ำ แต่นายมือโปรก็ภูมิใจในความอึดของตัวเองจนต้องโชว์โลก ก็เลยไม่ยอมพักงีบ
บ่ายแก่ๆ ผมก็ถามเขาว่ามื้อเย็นจะกินอะไร ผมจะได้ให้ทางครัวโรงแรมเขาจัดให้ เพราะค่ำนี้ผมมีนัดแล้ว นายมือโปรไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาก้มหน้าก้มตาลุยงานของเขางกๆ มีบ้างที่โทรศัพท์ เท่าที่ฟังอย่างตั้งใจ เขาสั่งงานพี่แนนตลอดเลยครับ
ตกเย็นผมก็อาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เลือกชุดหล่อพอประมาณครับ ฉีดน้ำหอมกลิ่นใหม่ตามที่บอกกับไอ้พี่โป๊ะไว้ด้วย เสริมแต่งตัวเองเสร็จแล้วก็เดินลงมาข้างล่าง ซึ่งยังมีคนป่วยนั่งทำงานอยู่งกๆ เหมือนเดิม ไม่รู้จะบ้างานอะไรนักหนา
“วินไปแล้วนะ”
“เอ่อ กลับมั้ย”
“หืม?”
“พี่ก็รู้ว่าเสือกแหละ แม้จะไม่รู้ว่ามีสิทธิ์เสือกอะไรเรื่องของวินรึเปล่าก็เถอะ”
“แต่ว่าไม่ว่าจะเดทหรูหราแค่ไหน ถูกอกถูกใจชิบหาย ฝันหวาน ตัวลอยเหมือนกลีบดอกไม้กลางทุ่ง ก็ควรรู้ลิมิตและ....”
“และอะไรครับ”
“กลับบ้านเรานะ”
“เดี๋ยวพี่รอเปิดประตู”
พูดไม่ออกเลยแฮะ
คำสั่งแกมขอร้องของเขา ทำให้ผมคิดไปถึงวันที่ไปเที่ยวโต้รุ่งกับไอ้โอมแม้ว่าใจจะไม่ได้อยากนัก ผมไม่ชอบไปค้างบ้านใคร ไม่ชอบผิดกลิ่น ผิดที่ผิดทาง ผมต้องกลับบ้านเสมอ แม้ว่าจะกลับมาแล้วพบเจอแต่ความเงียบก็เถอะ
“อา... แล้วก็อีกเรื่อง”
“เก็บตัวเก็บใจวินไว้ให้คนที่วินรักจริงๆ ดีกว่า จะโดนอึ๊บ หรืออึ๊บเขา มันก็ควรเป็นอารมณ์ที่มีพื้นฐานมาจากความรักกันหน่อย ไม่ใช่การไหลตามน้ำ”
“ตัววินมีค่ามากนะ”
“กับใครล่ะครับ?”
“ป้าสุหรอ?”
“คนนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่พี่อยากให้วินรักษาตัวไว้รอ คือคนที่วินรักและรักวินเหมือนกันต่างหาก”
“อืม งั้นวินคงเวอร์จิ้นจนตายล่ะมั้งครับ”
“คนคนนั้น ไม่มีหรอก”
#### @ D A W N #####
พี่รุตต์ ก็คือพี่รุตตต์ ไม่ว่าจะเป็นพี่รุตต์ตอนนี้ หรือพี่รุตต์เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ได้รู้จักกัน เขาก็ยังใจดีกับผมเหมือนเดิม
“ทานนี่เลยวิน สเต๊กปลา ง่อยง่าย ไม่หนักท้อง”
“แล้วทำไมพี่รุตต์ทานเนื้อล่ะครับ”
“มื้อนี้พี่อยากทานรสชาติเข้มๆ หน่อย” เขาตอบแล้วก็อมยิ้มงับชิ้นเนื้อที่ตัดเอง ส่วนเนื้อปลาในจานผมนั้น เขาจัดการหั่นให้เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมก็อยากบริหารกล้ามเนื้อแขนผมบ้างเหมือนกันนะ
“ไวน์มั้ย?”
“พี่รุตต์สั่งไว้แล้วไม่ใช่หรอ?”
“ตามใจเถอะครับ พี่เป็นเจ้ามือนี่”
“โอเค” พี่รุตต์ส่งสัญญาณให้บริกรของร้าน ไม่ช้าผมก็มีไวน์ขาวประดับอยู่ที่มุมมือขวา ส่วนเขาดื่มไวน์แดง ดูแล้วน่าจะเป็นยี่ห้อโปรด ปีโปรดเสียด้วย เห็นเขาอารมณ์ดีที่ได้ตามใจตัวเองและดูแลผมไปด้วยแบบนี้ ผมก็อดยิ้มตาไม่ได้
“แล้วพรุ่งนี้วินต้องตื่นไปทำงานแต่เช้ารึเปล่า? คุณมือโปรเขาใช้งานหนักมั้ยครับ” ไอ้หนักน่ะไม่เท่าไหร่หรอก จริงๆ อยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ผมส่ายหน้าพลางยิ้มให้
“ถ้าไม่ไหว ก็บอกอาสุนะ”
“จริงๆ วินน่าจะเรียนต่อด้านการเงิน หรือเศรษฐศาสตร์ จะได้มาช่วยงานอาสุได้ตรงสาย”
“ธุรกิจบ้านเราก็สายการเงินทั้งนั้น ไปงานพวกผลิตสื่อ พี่ว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มเท่าไหร่”
“วินก็ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ป้าสุลงทุนแล้วจะได้กำไรแต่เกิดแล้วล่ะครับ”
“ป้าสุให้วินทำสิ่งที่วินรัก วินก็ต้องรีบตักตวง วันไหนถูกบีบบังคับให้ต้องเดินทางสายเดียวกับที่บ้าน วินจะได้มีวิชาติดตัวมาหางาน หาเงินเลี้ยงตัวเอง แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอครับ”
“ตั้งใจจังน้า”
“ก็วินชอบด้านนี้จริงๆ นี่ครับ”
“เหมือนคุณพ่อวินสินะ”
“อา...ไม่รู้สิครับ คนทั้งประเทศน่าจะรู้จักพ่อวินมากกว่าตัววินเอง”
“อย่าสนใจเรื่องวินเลย น่าเบื่ออก เรื่องพี่รุตต์ดีกว่า”
“พี่รุตต์มีเวลาอยู่กับวินแค่ 2 อาทิตย์นะครับ”
“คุยเรื่องที่ทำให้พี่รุตต์อารมณ์ดีกว่า”
“แค่เราได้คุยกันแบบเมื่อก่อน พี่ก็มีความสุขแล้ว”
“วันนี้ทานเยอะๆ นะ”
“วินก็ทานเยอะทุกวันแหละน่า” ผมเถียง แต่ก็จิ้มชิ้นปลาเข้าปาก เคี้ยวไปก็ยิ้มให้เขาไป เพราะเขามองผมแล้วก็ยิ้มให้ไม่ขาด พี่รุตต์เป็นคนชอบยิ้มให้คนอื่นสบายใจ แต่ผมก็รู้แหละว่าเขาเองก็มีเรื่องเครียดเหมือนกัน
จบเมนคอร์สไปแล้ว เราทั้งคู่มีแค่แก้วไวน์ตรงหน้าเท่านั้น ในห้องอาหารที่พี่รุตต์จองไว้ล่วงหน้า วิวเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ เรียกว่าบรรยากาศดีมากเลยครับ
ดวงตาใต้กรอบแว่นมองผมนิ่งอยู่พักนึง แล้วผู้ชายใส่แว่นคนนี้ก็เดินออกไปจากห้อง เขาไม่ได้บอกอะไรผม แต่ผมก้ไม่ได้ตามเขาออกไปหรอกครับ เรื่องของเรื่องคือยังอิ่ม แล้วผมก็ชอบวิวตอนนี้มากๆ ด้วย
“อิ่มมั้ยครับ” พี่รุตต์กลับเข้ามาพร้อมกับคำถามประเภทเดียวกับหมอเปิดประตูมาถามคนไข้ในตอนเช้าว่าหลับพอรึยังนั่นแหละ
“โหย ถามกันได้ไงพี่รุตต์ วินอิ่มสุดๆเลยครับ”
“อืม พี่เตรียมอะไรไว้ให้”
“อะไรหรอครับ? ไม่เอาพวกดอกไม้ แหวนแทนใจ หรือของผูกมัดอะไรนะครับ เราคุยกันแล้ว”
“ไม่หรอก พี่รู้น่าว่าวินเป็นยังไง”
“เล็กๆ น้อยๆ น่ะ เกิดมาไม่เคยทำให้ใครเลย”
“อะไรหรอครับ”
“ก็...ฝึกมาตั้งนาน” ฝึก...ฝึกก็คง...จะเป็นสิ่งที่ไม่ถนัด แต่ก็อยากจะทำให้ได้สินะ อะไรวะ?
มาแล้วครับ กีตาร์ บริกรเป็นคนถือมายื่นให้แล้วก็หายวับไป
อย่าบอกนะว่าจะร้องเพลง โอ้ยยยยยยยยยยยย! ผมล่ะอายแทนเลย
เฮ้ย! สำหรับพี่รุตต์ถือว่าขี้อายมาก ไม่คิดว่าจะกล้ามาร้องเพลงให้ผมฟังแบบนี้
“เอาจริงหรอครับ?”
“อื้อ” เขาส่งเสียงให้ความมั่นใจ น่าจะให้ความมั่นใจตัวเองมากกว่าผู้ฟังอย่างผมล่ะนะ
เขาเกลาๆ กีตาร์ วอร์มเสียง แล้วก็หันมองห้องอาหารในร้านหรูที่มีแค่เรา 2 คน
รอบตัวไม่มีใครยิ่งทำให้พี่รุตต์หน้าแดงเข้าไปใหญ่ นี่คงนั่งใจเต้นตึกตักด้วยไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีมั้ย แล้วผมจะชอบรึเปลา
ผมยิ้มให้ นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม บนโต๊ะอาหารมีเพียงดอกไม้ที่โดดเด่นกลางโต๊ะ และแก้วไวน์ของเรา 2 คนเท่านั้น แสงไฟเหลืองๆ ในห้องนี้ก็ช่วยสร้างบรรยากาศได้ไม่แพ้แสงเทียนเลยครับ
“ให้วินนะ”
‘………อาจยังไม่เห็นว่ารักมากมาย อาจยังสงสัยผู้ชายคนนี้
อาจยังไม่เห็นสายตาแห่งความหวังดี แต่เธอก็คงเข้าใจมันสักวัน
อาจมีใครๆที่เขาดีกว่า อาจจะมีคนที่เธอใฝ่ฝัน
แต่จะมีใครให้เธอหมดใจอย่างฉัน และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว
อยู่มาจนวันนี้เพื่อเจอเธอ จะอยู่เพื่อเธอตลอดไป
จะเอาความรักที่มีเก็บไว้ เพื่อรอคอยวันที่เธอมองกลับมา
อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ
อีกนานแค่ไหนรักนี้ก็ยังอยู่ อยู่เป็นรักแท้เพื่อเธอเท่านั้น
ด้วยใจที่พร้อมให้เธอ จากคนอย่างฉัน กับวันเวลาที่ยาวนาน
คงจะพอให้รอเธอ และคงจะทำให้เธอได้รู้…….’
ผมเต็มกลืนยังไงบอกไม่ถูก มันทั้งซาบซึ้งที่เขาร้องเพลงนี้ให้ผม ทั้งเศร้าแทนเพราะเป็น ‘เธอ’ ของพี่รุตต์ที่ไม่มีวันตอบรับความรู้สึกเขาได้ เขาคงเป็นผู้ให้ที่เก้อไปตลอดชีวิต
ทำไมพี่รุตต์ต้องมารักคนอย่างผม และทำไมผมถึงไม่รักเขานะ?
“คิ้วขมวดเชียว พี่ร้องเพี้ยนมากหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ครับ”
“เขินแฮะ”
“คอมเมนเตเตอร์พูดอะไรหน่อยสิครับ”
“อา....”
“เพราะดีนะครับ”
“เลือกเพลงได้ บอกความเป็นพี่รุตต์เลย”
“คงไม่มีใครให้ความรู้สึกด้านบวกกับวินได้มากเท่าพี่รุตต์แล้ว”
“พูดว่าคงไม่มีใครรักวินมากเท่าพี่ จะรู้สึกดีกว่านะครับ” ตัดพ้อซะด้วย ผมสะอึกเสียงหัวเราะอยู่หลายหึ แต่ก็ไม่เปลี่ยนคำตามที่เขาอยากฟังหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นคนตามใจคนอื่นขนาดนั้น
เมื่อผมไม่พูดตามที่เขาอยากฟัง พี่รุตต์ก็ไม่บีบบังคับอะไร เขาโชว์สกิลการเล่นกีตาร์ที่....ค่อนข้างหยาบให้ผมดู ก็บันเทิงดีนะครับ ได้เห็นเขาทำสิ่งที่ไม่ถนัด เพื่อคนที่เขารู้สึกดีด้วย และอยากสร้างเรื่องราวดีๆ ร่วมกัน เพื่อเก็บเป็นความทรงจำ
เวลาล่วงมาถึงเที่ยงคืนกว่าแล้ว ที่ผมรู้ตัวว่าดึกขนาดนี้ก็เพราะว่าผมหาวและรู้สึกง่วง
“ตกลงพรุ่งนี้วินต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานมั้ย”
“ก็ควรนะครับ แต่เจ้านายไม่สบายอยู่ วินอาจจะทำงานที่บ้านได้”
“งั้น ถ้าพี่ไปส่งที่บ้านทันพรุ่งนี้เช้า ก็ไม่มีปัญหาเนอะ”
“หือ? มีอะไรเซอร์ไพรส์อีกหรอครับ”
“พี่อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเล”
“ต้องสวยมากแน่ๆ”
“ไปด้วยกันนะ”
กลับบ้านเรานะ พี่รอเปิดประตู
สีหน้าและน้ำเสียงของนายมือโปรฉายวาบเข้ามาในความคิดผม
ผมมองหน้าพี่รุตต์ มองกีตาร์ที่เขาอุตส่าห์เตรียมมาด้วย มองหน้าคนที่ดีกับผมมาตลอด แล้วก็ยิ้มให้
“ขอวินโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ”
ผมเดินเลี่ยงออกจากห้องส่วนตัวในร้านอาหารหรูหรา พบกับบริกรที่ยืนรอให้บริการอยู่หน้าห้อง พวกเขาโค้งให้ผม ผมก็เลยต้องหยุดยิ้มให้นิดนึง ก่อนจะก้าวยาวๆ มาหาที่เงียบ
เพื่อโทรศัพท์....หาพี่โป๊ะ
ว่าแต่ ผมโทรหาเขาทำไม?
ผมโตแล้วจะไปไหนก็ได้
ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน และเขาก็ไม่มีอิทธิพลอะไรกับผมมากมายขนาดจนต้องรายงานตัวทุกฝีก้าว
แต่ว่า.....กลับบ้านเรานะ
ไม่เคยมีใครพูดกับผมแบบนี้เลย
ไม่เคยมีใครทำให้ ‘บ้าน’ น่ากลับเลย
“ครับวิน” ปลายสายรับการเรียกของผมทั้งที่สัญญาณโทรศัพท์ที่ผมฟังแนบหูอยู่ยังดังไม่จบดี
“เอ่ออออ”
“เป็นอะไรรึเปล่า มีอะไรรึเปล่าวิน”
“ให้พี่ไปรับมั้ย อยู่ไหน”
“ไม่ๆ คือ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“คือ วินจะถามว่าพี่โป๊ะกินยาก่อนนอนรึยัง”
“คือ พี่กินยาแล้วนอนเลยก็ได้นะครับ”
“วินคง...”
“พี่รอนะ” เขาชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้วก็วางสายไป ผมเลยได้แต่ถอนหายใจ ด้วยไม่รู้ว่าจะกลับบ้านเพราะนายมือโปรรออยู่ หรือไปจะกับพี่รุตต์เมื่อมองแสงตะวันฉายที่เส้นขอบฟ้ากลางทะเล
“วิน” พี่รุตต์เดินออกมาตามผม พอเจอตัว เขาก็รีบเดินมาหาแล้วมองสำรวจรอบตัวผมโดยทั่ว
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่ต้องไปก็ได้นะ บอกพี่ตรงๆ”
“ก็....”
“คือ ถ้าพี่รุตต์บอกก่อนก็คงจะไปแหละครับ”
“แต่วันนี้ มีคนรอวินกลับบ้าน”
“ก็..อยากกลับ”
“คุณมือโปรหรอครับ?”
“.................”
“ไม่ใช่หรอ?”
“ก็ใช่ครับ แต่ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งหรอกนะ”
“พอดีเขาป่วยอยู่ แล้วเขาบอกไว้ว่าจะรอวินกลับบ้าน”
“ถ้าวินไม่กลับ แล้วเกิดเขาไม่ได้พัก แล้วเกิดตายคาบ้าน บ้านวินก็ต้องมีผี ก็ต้อง”
“พอๆ”
“พี่รู้แล้ว”
“เดี๋ยวพากลับบ้านนะ”
“รอตรงนี้ก็ได้ครับ”
“ขอบคุณครับพี่รุตต์”
“พี่เพิ่งบอกวินไปนี่ ตั้งเพลงนึง จำไม่ได้หรอ”
หนักจัง....เป็นความรู้สึกดี....ที่หนักมาก
ใช้เวลาขับรถแค่ครึ่งชั่วโมง พี่รุตต์ก็ขับรถมาส่งถึงหน้าปากซอยเข้าชุมชนข้างวัดที่เงียบเชียบ ถนนคับแคบดูไม่เหมาะกับรถคันโตของพี่รุตต์เลย
“เดี๋ยวพี่เข้าไปส่ง”
“แคบแบบนี้ อย่าเลยครับ วินเดินเข้าไปเองได้ วินยังไปหาพี่รุตต์เองได้ ทำไมกลับเองจะทำไม่ได้”
“มันมืดแล้ว”
“ใช่ หมาหลับหมดแล้วเนี่ย”
“แถวนี้นอกจากหมาเห่าก็ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“แต่เคยมีขโมยนี่ครับ ที่วินโดนลูกหลงครั้งนั้นไง” เออว่ะ ก็น่ากังวลเหมือนกันแฮะ แต่ผมไม่อยากกวนเขาไปกว่านี้แล้ว ไม่อยากให้เขาแสดงความดีมากกว่านี้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับพี่รุตต์ วินเดินเข้าไปเองได้”
“จริงๆ”
“แต่พี่”
“จริงๆ”
“งั้น โทรหาคุณมือโปร ให้เขามารับวินที่ปากซอย ระหว่างรอก็อยู่ในรถพี่นี่แหละ”
“เขาป่วย”
“แต่เขาบอกจะรอวินนี่ครับ ถ้าคนป่วยรอได้ดึกขนาดนี้ ก็คงมีแรงเดินมารับแหละ เนอะ”
ก็ได้ และผมภาวนาให้นายมือโปรหลับไปแล้ว หรือไม่ก็ไข้ขึ้น เดินไม่ไหว
แต่ก็ไม่ได้อะไรตามที่หวังหรอกครับ ผมมันบุญน้อย นายมือโปรรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็วแล้วก็ถามอย่างรวดเร็วเหมือนกัน
“ครับวิน ให้พีไปรับมั้ย?”
“อยู่ไหนแล้วเนี่ย”
“เอ่อ วินถึงปากซอยแล้ว แต่พี่รุตต์อยากให้พี่โป๊ะมารับวิน ทางมันมืด”
“แต่ถ้าพี่ไม่ไหว” วางไปแล้วครับ ผมยังพูดไม่จบดีเขาก็ตัดสาย ผมก็เลยนั่งเงียบอยู่ในรถพี่รุตต์
เสียงแอร์หึ่งดีแต่ทำให้ผมตาปรือมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ก็เริ่มคิดแล้วว่า ถ้าตกลงไปทะเลกับพี่รุตต์ตอนนี้แล้วขอหลับไปจนกว่าจะถึงปลายทาง มันจะสบายกว่านี้มั้ย แต่ผมเลือกจะกลับบ้านแล้วนี่นา
“เร็วแฮะ”
“คงห่วงวินสุดๆเลย”
“หือ?” ผมปรือตามองพี่รุตต์ที่พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทะลุเสียงแอร์รถขึ้นมา พอเห็นว่าเขามองไปทางไหน ผมก็มองตาม
นายมือโปรพรวดออกมาจากซอยมืดๆ ด้วยสภาพชุดนอน รองเท้าแตะ เขายืนมองซ้ายมองขวาอยู่ที่หน้าปากซอย แป๊บนึงก็กดโทรศัพท์และเอาขึ้นแนบหู
โทรศัพท์ผมดังขึ้น แสงสว่างจากหน้าจอทำเอาผมต้องหยีตา
“กลับบ้านเถอะครับวิน”
“พี่ส่งเท่านี้นะ”
“เดี๋ยวเราถึงมือคุณมือโปรแล้วพี่ค่อยกลับ”
“ดีมั้ย”
“ก็..ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ”
“พี่รุตต์ก็ ขับรถดีๆ ดึกแล้ว”
“ครับ” เขารับคำ แล้วก็เอี้ยวตัวมาดึงตัวผมไปกอด จูบหน้าผากฝากไว้ 1ทีแล้วก็ลูบหัวอย่างอาลัยอาวรณ์
“พรุ่งนี้พี่โทรหา”
“ครับ” ผมยิ้มให้แล้วก็ทิ้งสายตามองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวลงจากรถมายืนเป็นเป้าสายตานายมือโปรที่หันมามองเขม็งทันที
“วิน!!” ตะโกนทำไมล่ะนั่น! ยังไม่หายตกใจกับเสียงเรียกดังๆ นายมือโปรก็วิ่งตึกตึกมาหา ใกล้ตัวผมแล้วก็คว้าข้อมือหมับทันที
“เป็นอะไรมั้ย?”
“พี่โป๊ะนั่นแหละ เป็นอะไรมั้ย”
“สติดีป่ะเนี่ย?”
“โธ่! คนเขาอุตส่าห์.......” เขาค้างคำพูดไปแล้วมองตามรถยนต์ที่เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พอลับตาแล้วนายมือโปรก็มองผมอีกครั้ง
“คุณรุตต์หรอ?”
“ครับ”
“แล้วทำไมไม่ไปส่งให้ถึงรั้วบ้าน”
“ซอยแคบ วินบอกเองแหละว่าส่งแค่นี้”
“เดี๋ยววินเดินเข้าไปเอง”
“พี่รุตต์ก็เลยบอกให้โทรหาพี่โป๊ะ”
“อ้อออ”
“ก็ยังดี ถ้าปล่อยให้วินเดินเข้าซอยเองนี่ก็เกินไปนะ มืดจะตาย”
“พี่เดินออกมายังหวาดๆ”
“ป๊อด”
“ไม่ปอด แค่หวาดๆ แหละน่า”
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน” นายมือโปรชักชวน เขาเลื่อนจากข้อมือมาจับมือผม ประกบฝ่ามือ สอดประสานนิ้วจนแน่นแล้วก็ออกแรงดึงผมเบาๆ เท่านั้น
เบาจัง ความรู้สึกที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้ใจผมรู้สึกเบาจนผ่อนคลาย
สบายใจเสียจนให้หลับตาเดินตามแรงจูงเขาไปเรื่อยๆ ผมก็ทำได้
ความรู้สึกแบบนี้ คนอื่นเขาเรียกว่าอะไร?
Cut
กลับมาแล้วค่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้ไปไหนนะ ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้แหล่ะ
ตอนนี้มาต่อช้า (อีกแล้ว) ขออภัยค่ะ ฝากติดตามเรื่องนู้นนนน กันด้วยนะคะ
ส่วนพี่โป๊ะกับน้องวินจะอัำอึ้ง ตีมึน เล่นบทซึนกันอีกนานมั้ย ลุ้นกันต่อไปด้วยนะคะ