[12] 50%
ลืมเธอไม่ลง…แต่กลับไปไม่ได้
[/b]
อนุรักษ์จอดรถลงที่หน้าร้านแสนสุข ร้านอาหารที่ผมเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว ผมมองร้านที่ถูกเปิดตามปกติอย่างเหนื่อยใจ นี่ตัวเองละเลยร้านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ คงตั้งแต่ที่ผมมีเรื่องของดินแดนให้ได้คิดและต้องพยายามเหนี่ยวรั้งหัวใจของเขาเอาไว้กับตัวผมเอง
จะว่าไปถ้าผมรู้ตัวเร็วกว่านี้ ไม่สิ ต้องเรียกว่าถ้าผมยอมรับความจริงได้เร็วกว่านี้ก็คงดี
ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเหมือนเช่นทุกครั้ง อนุรักษ์จัดการล็อกรถแล้วก็เดินตามผมมา เพียงแค่ประตูเปิดออก เพียงแค่ผมก้าวเข้าไปด้านใน หัวใจของผมก็หล่นวูบลงสู่พื้นราวกับถูกกระชากอย่างแรงก่อนมี่มันจะเต้นแรงจนผมเองยังกลัวว่าใครจะมาได้ยิน
เขาไม่ควรมาที่นี่ ผมไม่ควรที่จะเจอเขาอีก
มันต้องไม่ใช่เขาสิ ต้องไม่ใช่…
“ไมน์…”
ก็ในเมื่อผมกับเขา เราเลิกกันไปแล้ว
ใบหน้าของผมกำลังซีดเซียว ทั้งที่ตลอดมาผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อลืมเขาไป ปลดปล่อยเขาออกไปจากพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ผมปล่อยเขาเป็นอิสระแล้ว ทำไมเขาถึงยังไม่ยอมหยุด ไม่ยอมปล่อยให้ผมหายไปเสียที จะตามมาเจอผมถึงที่นี่เพื่ออะไรกัน!
ผมไม่ได้สำคัญขนาดนั้นไม่ใช่หรือ…แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงยังเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น
ผมเม้มริมฝีปากแน่น กำมือจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือของตัวเอง ดวงตาของผมไหวระริกไปด้วยความรู้สึกเดิมๆ อาการวูบไหวของหัวใจผสมปนเปไปกับความรวดร้าวที่ค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาพร้อมๆ กัน ผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หายไปนาน ในตอนนี้มันกลับมาแล้วพร้อมกับคำตอบที่ว่า
ผมยังลืมเขาไปไม่ได้ ผมยังรักเขาอยู่
“สวัสดีครับคุณดินแดน” ผมต้องเข้มแข็ง ต้องไม่พ่ายแพ้ให้ต้องเจ็บปวดซ้ำอีก แค่ยิ้มออกไป แค่ปล่อยสายตาให้เขาได้รู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ตอนนี้…ผมเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
ไมน์ที่รักและเทิดทูนเขาไม่มีอีกต่อไป
ผมสบสายตาเข้ากับดวงตาคมที่จับจ้องมาตลอดเวลา แววตาของดินแดนมันสั่นไหว เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและตัดพ้อต่อผมจนผมต้องหลบสายตาออกไปพร้อมกับเม้มริมฝีปากตัวเอง
มองแบบนั้นทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย
มันควรจะต้องเป็นผมต่างหากที่มองเขาด้วยแววตาแบบนั้น
ผมหลับตานิ่ง ทำใจแข็งจ้องมองกลับไปราวกับไม่รู้สึกอะไรทั้งๆ ที่ความจริงแล้วหัวใจมันกำลังเปิดเผยทุกอย่างให้เขาได้รู้ ดินแดนเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ท่ามกลางสายตาของคนในร้านไม่ว่าจะลูกค้าหรือพนักงานของผมเอง พวกเขาจับจ้องมาที่เราราวกับเป็นศูนย์กลางขอโลกใบนี้
“ไมน์…เป็นยังไงบ้าง” นั่นสินะ ก็เขาไม่ได้เจอผมเลยตั้งแต่วันนั้น ทั้งที่ผมเรียกร้องเขาเพียงแค่เวลา10นาที แต่เขากลับไม่คิดจะให้มันกับผม
แล้วจะให้ผมเป็นยังไงได้ล่ะ
ผมเหยียดยิ้มออกมาอย่างคนที่ต้องการจะเยาะเย้ยตัวเองและคำถามของเขา
“สบายดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง” เขาไม่ควรมาพบผม เราสองคนไม่ควรมาเจอกันอีก และผมมั่นใจมากว่านี่ไม่ใช่ความบังเอิญ เพราะตัวเขาเองรู้ดีว่าร้านแสนสุขมันเป็นร้านของผม
“เรา…อยากขอโทษ” ขอโทษ? จากปากคนอย่างเขานี่นะหรือ คนอย่างดินแดนเอ่ยคำขอโทษต่อผมมันเป็นไปได้ด้วยหรือ ผมอดแปลกใจไม่ได้จริงๆ ยิ่งได้มองหน้าของเขาเพื่อหาเศษเสี้ยวของการโกหก ผมกลับยิ่งพบว่าเขากำลังพูดความจริง
หัวใจของผมมันเต้นระรัวทว่ากลับมีความปวดร้าวที่อยู่ในนั้นด้วย ยิ่งเขาทอดมองอย่างรู้สึกผิดจริงๆ จากหัวใจ ผมก็ยิ่งรู้สึกทรมานในใจ รู้สึกราวกับว่าอยากจะเข้าไปทุบตีและด่าทอให้สมกับความร้ายกาจที่เขาทำมันกับผม ให้สมกับที่เขาเคยเหยียบย่ำมันด้วยความรักที่เขามีต่อใครอีกคน
“เรื่องไหนหรือ?” ผมกอดอกเลิกคิ้วมองเขาอย่างไม่รู้ว่าเขากำลังขอโทษผมเรื่องอะไร ดินแดนถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ เขาสบตากับผมนิ่งๆ แต่ในแววตาของเขากลับมีความคุ้นเคยอยู่ในนั้น สายตาที่เขาใช้มองผมในตอนนี้ มันคือสายตาที่ผมต้องการมาตลอดในวันที่ผมพยายามอย่างหนัก ทำทุกวิถีทางให้เขากลับมามองผมแบบนี้อีกครั้ง
แต่เขาจะมองผมแบบนีัทำไมในวันที่ผมตัดใจไปแล้ว
เขาจะให้สิ่งที่ผมต้องการทำไมในเมื่อวันนี้…ผมเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตของเขา
“ขอโทษนะที่ผิดนัด ทั้งๆ ที่รับปากแล้วว่าจะไปแต่…”
“หึ แต่ก็ไม่ได้มา” ผมพูดออกมาแทนเขา อดไม่ได้ที่จะตอกย้ำมันกับตัวเองเมื่อหัวใจของผมกำลังดีใจกับคำขอโทษที่เขามอบให้
“ใช่” แดนสูดลมหายใจเข้าปอดราวกับต้องการเรียกความกล้าและกำลังใจให้แก่ตัวเอง
“แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัดไมน์เลยนะ วันนั้นเรา…”
“กำลังพาแฟนไปเที่ยว” ผมอดเจ็บแปลบไม่ได้เมื่อหวนคิดถึงวันนั้น ภาพที่เขาเดินเคียงข้างกัน สนุกสนานและส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข มันบีบหัวใจของผมเหลือเกิน
เขาปล่อยให้ผมรอ…เหมือนตลอดมา
เพียงเพราะว่าผมไม่สำคัญเท่าเธอคนนั้น
“ไมน์…” สีหน้าแบบนั้นไม่คิดว่าผมจะรู้สินะ ผมแค่นยิ้มเย้ยหยันตัวเองและเขา ตอกย้ำความเจ็บปวดให้มันได้ชาชินเสียที เมื่อถึงเวลาจากนี้ไปจะได้ไม่ต้องทรมานกับมันอีก ผมเหนื่อยเหลือเกินกับการที่ต้องมารักษาบาดแผลในใจของตัวเอง และเหนื่อยยิ่งกว่าเมื่อเขาเป็นคนก้าวเข้ามาตอกย้ำบาดแผลมันซ้ำ ๆ
“มัน วันนั้นเรา…”
“…” ผมรอฟังคำแก้ตัวที่ไร้ค่าของเขา แต่รอแล้วรอเล่าก็ไร้เสียงใดเอ่ยออกมาจากปากของผู้ชายที่ชื่อดินแดน ไม่ปฏิเสธเพราะมันคือความจริง เป็นความจริงที่ผมรู้ดีเพราะเห็นมากับตา
“ขอโทษนะ วันนั้นที่เรานัดกัน ไมน์คงรอเรานานมากใช่ไหม”
ใช่แล้ว…ผมรอเขามานาน นานจนในที่สุดผมก็ตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากตรงนั้น ยอมปล่อยมือที่ฉุดรั้งเขาเอาไว้ให้เขาได้จับมือใครอีกคนตามที่เขาต้องการ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือสาอะไรอีกแล้วล่ะ”
ใช่ มันจบลงไปแล้ว
ผมเลือกจะมองเมินความรู้สึกทุกอย่างที่เขาพยายามส่งมันมาให้ เดินผ่านร่างเขาไปราวกับว่าเขาไม่เคยเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตผมมาก่อน ผมมองเขาเป็นลูกค้าคนหนึ่ง มองว่าเขาคือคนที่เดินเข้ามาเพื่อรับประทานอาหารจากร้านของผมเท่านั้น เพราะหากผมคิดแบบนั้น อย่างน้อยความดีใจที่แสนหลงระเริงอาจจะหายไปได้บ้าง
ดินแดนคว้าแขนของผมเอาไว้ เขาไม่ยอมให้ผมเดินจากไปต่อหน้าต่อตา ความร้อนจากฝ่ามือของเขามันส่งผ่านมายังข้อมือของผมจนผมอดหวั่นไหวกับความคุ้นเคยนี้ไม่ได้
“ปล่อยผมเถอะ มันคงไม่ดีนักที่คุณจะทำแบบนี้” ผมพยายามดึงข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขา แต่ไม่ว่าจะใช้เรี่ยวแรงมากมายแค่ไหนก็ไร้ความหมาย หัวใจที่อ่อนแอมันสั่งให้เรี่ยวแรงในร่างกายของผมหดหายไปทีละน้อย ราวกับเสียดายและกลัวว่าความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาจะหายไป
“ไมน์…ขอร้องล่ะ คุยกันหน่อยได้ไหม?” ผมเม้มปาก เผลอตัดพ้อดินแดนผ่านแววตาไปชั่วครู่ ทว่ายังดีที่ผมกำลังหันหลังให้เขา ยังดีที่เขามองไม่เห็นว่าผมมันอ่อนแอแค่ไหน
ทั้งที่พูดว่าจะปล่อยไป กลับยังรู้สึกมากมายเพียงแค่ได้เห็นหน้าของเขา
“เรายังเหลืออะไรให้คุยกันอีกหรือแดน…ไม่ใช่ว่าคำตอบที่แดนให้ไมน์มา มันชัดเจนมากพอแล้วหรือ”
หัวใจของผมมันบีบรัดจนเจ็บไปทั้งใจ ยิ่งได้เห็นแววตาอ้อนวอนจากเขาผมก็ยิ่งปวดร้าวในใจไม่หยุด ดินแดนดึงผมเข้าไปใกล้ ร่างกายที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงถูกเขาดึงเข้าไปหาอย่างไม่อาจจะขัดขืน มีเพียงแรงจากใครอีกคนที่ฉุดรั้งผมเอาไว้ ไม่ให้หลงเข้าไปในวังวนเก่าๆ
อนุรักษ์
“ปล่อยไมน์” รักแยกเขี้ยวขู่ ดวงตากร้าวอย่างไม่ชอบใจ น้ำเสียงที่เอ่ยลอดไรฟันมันน่าหวาดหวั่นจนผมต้องหันไปมอง รักเพียงจับผมเอาไว้ เป็นหลักยึดตัวผมไม่ให้ถูกดินแดนดึงรั้งกลับไปได้ง่ายดายแม้ว่าเรี่ยวแรงของอนุรักษ์ไม่มีทางสู่ดินแดนได้ แต่อย่างน้อยผมก็พอมีแรงบังคับหัวใจให้ร่างกายได้มีเรี่ยวแรงอีกครั้ง
“เราอยากคุยกับไมน์ ได้ไหม ไมน์ไปคุยกับเราเถอะนะ”
“เหอะ! วันก่อนยังเดินกับเมียมึงอยู่เลยไม่ใช่หรือ? ผ่านไปไม่นานมึงก็กลับมาเรียกร้องขอคุยกับเพื่อนกู?”
อนุรักษ์เหยียดยิ้ม ก้าวขึ้นมาบังร่างของผมเอาไว้ให้พ้นจากสายตาของดินแดน ใช้สายตาดูแคลนกวาดมองแดนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ทีวันที่เพื่อนกูเรียกร้องขอคุยกับมึง กูไม่เห็นมึงจะให้เวลากับเพื่อนกูบ้างเลยนี่!”
“...”
“มึงไม่คิดว่ามันดูเหี้ยเกินไปหน่อยหรือวะ? หน้ามึงจะด้านไปถึงไหน”
..........50%..........
อูยยย เจอรักด่าไปนี่แมวจุกแทนดินแดนเลยค่ะ ว่าแต่ว่า แดนจ๋า หน้าหนาจริงไหมคะ อุ๊ย ไม่ได้สิเนอะ พระเอกนี่นา เกือบลืมไปเลยนะเนี่ยว่าเป็นพระเอก ทำตัวเป็นตัวร้ายมานานเกินไปแล้วนะลูก กลับมาทำหน้าที่พระเอกได้แล้ว เขาจะสาปส่งหนูกันหมดแล้วนะแดนนนนน
เป้นเจ้าของ
[18] 50%
หัวใจเต้นได้เพื่อเขาคนเดียว
อาการปวดหัวรุมเร้าอย่างหนักจากการเมามายเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมจำได้ชัดเจนทุกอย่าง ทุกความหมายของสายตาที่ใครอีกคนมองผม ทุกคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาหรือแม้แต่คำถามที่เขาถามผมเอาไว้
เราเคยเจอกันมาก่อนใช่หรือเปล่า
ใช่ เราเคยเจอกัน และคำถามของเขามันก็กระตุกหัวใจของผมไม่น้อย เดิมผมคิดว่าอย่างไรเขาก็คงไม่มีวันจำวันนั้นได้แล้ว เพราะเขาใจดีต่อทุกคนไม่ใช่เพียงแค่ผม คนแปลกหน้าที่เพียงแค่บังเอิญเข้ามา เขาจะจำมันได้อย่างไร…
แต่เพราะคำถามที่ออกมาจากปากของเขามันก็อดทำให้ผมคิดไม่ได้ว่า เขาอาจจะจำมันขึ้นมาได้จริงๆ แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันจะเป็นช่วงเวลาแสนสั้น แต่ผมคนนี้กลับจำมันได้ดีกว่าความทรงจำไหนๆ ใครๆ ต่างก็บอกว่าความทรงจำที่เราจดจำไม่ใช่ความทรงจำที่สวยหรู แต่เป็นเพราะเราประทับใจเหตุการณ์ในวันนั้นมากต่างหาก
ผมขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง พาตัวเองเข้าไปจัดการในห้องน้ำจนเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วจึงเดอนออกมา เลือกเสื้อผ้าที่จะสวมเพื่อนออกไปข้างนอกอีกครั้ง วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเข้าไปที่ร้านแสนสุข และผมก็หวังเหลือเกินว่าจะไม่ต้องพบหน้าของดินแดนอีกครั้งที่นั่น เพราะผมเองก็ทิ้งช่วงไม่เข้าไปหลายวันเพื่อให้เขาคิดว่าผมไม่เข้าไปที่นั่นอีกแล้ว หรือคิดว่าผมอาจจะแค่เข้าไปนานๆ ครั้งก็ได้
“เฮ้อ”
คิดถึงดินแดนทีไรใจผมก็สั่นไหวมากยิ่งขึ้นทุกที สายตาที่เขาใช้มองมาที่ผมมันช่างเหมือนครั้งที่เราเคยรักกันไม่มีผิดเพี้ยน คงต่างออกไปก็ตรงที่ผมในตอนนี้ไม่ใช่คนรักของเขาอีกแล้ว แต่คำว่ารักที่เขาใช้บอกมันกับผมในวันนั้นผมเองยังจำได้ดี เพียงแต่ว่าผมยังไม่มั่นใจนักหรอก บอกตรงๆ ว่าผมเองยังรักเขา ยังไม่อาจจะลืมเขาออกไปได้ แม้ว่าต่อหน้าเขาผมจะทำตัวเข้มแข็งและเย็นชาราวกับในหัวใจไม่มีเขาอยู่ยังไงก็ตาม
แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่มันยังตามตอกย้ำหัวใจทุกครั้งที่ได้เจอเชา
ว่าผม…รักเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง
กาลเวลารักษาได้ทุกสิ่งมันไม่จริงเลยสักนิด อย่างน้อยกาลเวลาที่ว่าก็ไม่สามารถรักษาหัวใจของผมได้ ผมยังคงจมปลักรักเขาเหมือนเช่นวันวาน เพียงแค่ตอนนี้ผมเว้นระยะออกมาจากการอยู่ใกล้ๆ เขาเสียมากกว่า กาลเวลาอาจมีไว้ให้ใครคนอื่น แต่คงไม่ได้ผลกับผมเสียแล้ว แบบนี้คงไม่มีทางใดที่จะทำให้ผมลืมเขาและเลิกรักเขาไปได้จริงๆ
ผมอยากจะลองให้โอกาสเขา แต่อีกใจหนึ่งผมก็หวาดกลัวว่าเขาอาจจะทำให้ผมเจ็บช้ำอีกครั้ง เขาเป็นรักแรกของผม เป็นความรักครั้งเดียวที่ผมมีอยู่ เพราะแบบนั้นในวันที่เขาเลือกที่จะจับมือใครคนอื่น ผมจึงเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากจนเจียนตาย ผมจึงได้ลังเลไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับว่าคำว่ารักที่เขาใช้บอกมันกับผม อาจจะเป็นความจริงที่ออกมาจากหัวใจของเขาก็เป็นไปได้
ความหวาดระแวงต่างๆ มันก็มาจากความไม่แน่นอนของใจดินแดนเอง ผมเพียงแค่เคยเจ็บมาครั้งหนึ่งแล้ว การจะระวังหัวใจเอาไว้ก่อนย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก ในตอนนี้ผมเพียงแค่อยากจะรอดูอีกสักหน่อย หากดินแดนเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ คำว่าโอกาส…ผมก็พร้อมจะมอบมันให้กับเขาอย่างไม่ลังเล
ผมเดินลงมาด้านล่างเพื่อใช้เวลาช่วงเช้ากับครอบครัวของผม คาดว่าเวลานี้ทุกคนคงอยู่ที่โต๊ะทานอาหารกันหมดแล้ว เป็นเพราะเมื่อคืนผมเผลอดื่มหนักไปจึงได้ตื่นสาย ไหนจะอาการปวดหัวที่แล่นผ่านเป็นระยะๆ อีก มันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดแต่เช้าจริงๆ
“คุณพ่อคุณแม่ อรุณสวัสดิ์ครับ” ผมเอ่ยทักทายคุณพ่อคุณแม่เมื่อพวกท่านกำลังนั่งรอทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ คุณพ่อตอนนี้กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนคุณแม่ท่านก็กำลังคุยอยู่กับป้าเนียน
“อ้าว มาแล้วหรือ นั่งสิไมน์ แม่เราเอาแต่รอไม่ยอมให้พ่อทานสักคำเดียว” ได้ยินคำพูดที่คุณพ่อใช้หลอกคุณแม่เล่น ผมก็หลุดขำออกมา คุณแม่เองพอได้ยินแบบนั้นก็ค้อนเสียวงใหญ่
“ก็ต้องรอทานพร้อมกันสิคะคุณ ลูกชายเราทั้งคนนะคะ”
“แล้วพี่มินละครับคุณแม่ ยังไม่ลงมาหรือครับ” โต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันก็จริง แต่ก็ขาดพี่ชายคนดีของผมไปอยู่ดี ไม่รู้ทำไมวันนี้พี่ชายผมถึงได้ตื่นสายนัก ทั้งที่ผมดื่มหนักจนเมากว่าพี่มินด้วยซ้ำไป แต่ผมก็ตื่นก่อนเสียอีก
“เจ้ามินออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ เหลือแต่เรานั่นล่ะ วันนี้จะไปไหนหรือเปล่า”
“ขอบคุณครับป้าเนียน วันนี้ผมคิดว่าจะเข้าไปดูที่ร้านเสียหน่อยครับ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” ประโยคแรกผมพูดกับป้าเนียนที่ตักข้าวต้มหอมๆ มาให้ผม ก่อนจะตอบคำถามที่คุณพ่อถามผมออกมา
ถึงแม้จะไม่อยากไปก็ตาม
วันนี้ผมไม่ได้นัดกับอนุรักษ์ไว้ เพราะไม่อยากจะรบกวนมันมากนัก ตัวมันเองทุกวันนี้ก็แทบจะไม่ได้ทำงานทำการของตัวเองแล้วเพราะเอาแต่มาอยู่กับผม ผมรู้ครับว่ารักมันเป็นห่วง และทราบซึ้งใจมากๆ จนแทบอยากจะเปิดคลังไวน์ที่คุณพ่อผมสะสมเอาไว้ให้มันกินจนหมด แต่ถ้าผมทำแบบนั้นผมคงนอนตายในวันต่อมาที่คุณพ่อรู้แน่ๆ ใครๆ ในบ้านก็รู้ดีว่าคุณพ่อของผมท่านหวงไวน์พวกนั้นยิ่งกว่าลูกในไส้เสียอีก
ผมลองวาดแผนการในหัวอยู่เงียบๆ ระหว่างที่ทานอาหารไปด้วย ว่าวันนี้หากเจอดินแดนผมจะทำยังไง หากว่าเจอหน้าเขาแล้วผมจะพูดประโยคไหน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สายตาที่เคยมองดินแดนอย่างเย็นชามันเปลี่ยนไปแล้วหรือยัง เพราะหัวใจของผมมันสั่นตั้งแต่คำพูดที่เขาทิ้งท้ายเอาไว้ให้ผมเมื่อคืนนี้แล้ว
ถ้าเขารักผมจริงๆ ล่ะ? มันจะโอเคหรือเปล่า
เราจะยังกลับไปยืนอยู่ในจุดเดิมไหม หรือผมจะต้องกลับไปช้ำใจอีกครั้ง?
ทุกอย่างมันกลายเป็นความหวาดกลัว คำถามมากมายที่ประดังเข้ามาในหัวผมมันคือความกังวลใจที่ผมมีต่ออนาคตของเรา เมื่อเราสองคนกลับมารักกัน
ใช่…ผมยังคงรัก และแน่นอน! ผมคาดหวังให้เราคบกันได้อีก
แต่ก็นั่นล่ะ ใช่ว่าความคาดหวังจะสุขสมหวังดังที่คิดเสมอไป ถ้าผมยังไม่สามารถมั่นใจในตัวของเขาได้ ผมก็คงไม่อาจจะตอบตกลงหรือรักเขาอย่างไม่มีความกังขาได้หรอก
“ไมน์…”
ถ้ามีสิ่งที่ยืนยันให้ผมได้ว่าเขาจะเป็นของผมคนเดียวจริงๆ ก็คงดี ผมคงไม่กังวลมากขนาดนี้
“ไมน์ลูก!!”
“ครับคุณแม่! ขอโทษครับ…พอดีผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ” ผมหลบสายตาของคุณแม่ลงอย่างรู้สึกผิด คุณแม่คงเรียกผมหลายครั้งแล้วแต่ผมกลับไม่ได้ยินเสียงของท่าน เพราะเอาแต่คิดนั่นคิดนี่…ไม่ได้สนใจคนที่อยู่ใกล้ตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่แค่จะถามว่าอิ่มหรือยัง แม่เห็นลูกทานจนหมดแล้วแต่ยังไม่ยอมวางช้อนลง ให้ป้าเนียนเติมอีกหน่อยดีไหมคะ” ผมชะงักไปก่อนจะก้มลงมองชามที่อยู่ตรงหน้า เป็นอย่างที่คุณแม่บอก ผมทานมันจนหมดแล้วจริงๆ แต่จะให้เติมก็คงไม่ไหวแล้ว ขืนทานเข้าไปอีกท้องผมคงแตกแน่ๆ
“ไม่ดีกว่าครับคุณแม่ แค่นี้ท้องผมก็แน่นไปหมดแล้ว” คุณแม่หัวเราะเบาๆ แต่ก็ยอมหยุดคิดที่จะเติมเนื้อหนังของผมต่อแต่โดยดี ท่านหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาที่จริงจังจนผมต้องนั่งตัวตรงอย่างไม่รู้ตัว
“ผู้ชายคนเมื่อคืนนี้…”
“ครับ? คุณแม่พูดถึงใครกันครับ” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากปากของคุณแม่ ผมเองก็กดดันไปด้วยเมื่อเป็นแบบนั้น
“แม่ไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออก คนคนนั้นใช่คนที่ทำให้ลูกเจ็บใช่ไหมคะ” ผมเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ กลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเมื่อถูกถาม
ความเงียบคือสิ่งที่ผมใช้ตอบคุณแม่ แต่เหมือนว่าความเงียบก็ไม่อาจตอบคุณแม่ได้ดีเท่ากับร่างกายและสีหน้าของผมที่เครียดขึงขึ้นมา
“ถึงลูกจะไม่พูด แม่ก็รู้อยู่ดีนะไมน์ ลูกจะปิดบังแม่จริงๆ นะหรือ?” ผมส่ายหน้าน้ำตาคลอเบ้า มองใบหน้าของคุณแม่อย่างขอความเห็นใจ
“ผมแค่ไม่อยากให้ทุกคน…เกลียดเขา” ผมกลัว กลัวว่าถ้าคุณพ่อรู้ คุณแม่รู้ ทุกคนรู้จะเกลียดเขาขึ้นมา
“ทำไมต้องกลัวว่าทุกคนจะเกลียดเขาด้วยละคะ ในเมื่อลูกกับเขาเลิกกันไปแล้ว”
ผมเจ็บแปลบเมื่อถูกคุณแม่พูดความจริงออกมาให้ผมฟัง ผมรู้ว่าตัวเองตอกย้ำมันอยู่ทุกๆ วัน แต่การได้ยินมันจากปากของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวผมเอง มันเจ็บมากจริงๆ นะครับ เจ็บจนไม่อยากจะยอมรับว่านั่นคือความจริง
“คุณแม่ครับ…” ผมได้แต่เรียกคุณแม่ด้วยเสียงที่เบาหวิวพอๆ กับหัวใจของผม มันปวดร้าวและทรมานมาก
“แม่พูดถูกไหม คำว่าเลิกกันก็หมายความว่าลูกกับเขาต่างก็เป็นคนอื่น ถ้างั้นทำไมจะต้องกลัวล่ะ ทำไมต้องกลัวว่าแม่และคนอื่นจะเกลียดเขาด้วย นอกจากว่า…” เสียงของคุณแม่หายไป ดวงตาของท่านหรี่ลงมองผมอย่างจับผิด ผมที่ถูกจับจ้องจึงขยับตัวไม่ออก ร่างกายเกร็งไปหมด จนในที่สุดผมก็เลือกจะปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมา ยังไงคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ก็คือคุณแม่ ท่านย่อมรู้จักนิสัยของผมดีที่สุด และย่อมต้องรู้ทันผมอย่างแน่นอน
“ครับ เป็นอย่างที่คุณแม่คิดนั่นล่ะครับ ผม…ยังรักเขาอยู่” ผมยิ้มโง่ๆ ออกมาอย่างสมเพชตัวเองที่ตัดเขาออกไปไม่ขาด หวั่นไหวเพียงแค่คำว่ารักที่เขาให้มันมากับผมทั้งที่ก่อนนี้เขาทำร้ายผมสารพัด
แต่หัวใจของผมก็ยัง…เลิกรักเขาไม่ได้เสียที
ราวกับว่าหัวใจของผมนั้น…มันเต้นอยู่เพื่อดินแดนคนเดียว
“ผมคงรักเขามากเกินไป ถึงไม่เคยสามารถลบเขาออกไปจากหัวใจได้เลย เพียงแค่เขาพูดกับผมว่ารักผม หัวใจของผมมันก็ทรยศกลับไปเต้นเพื่อเขาอีกครั้งแล้ว”
ทั้งที่อยากจะตอกย้ำให้ตัวเองได้จดจำว่าเจ็บมามากมายแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยทำมันได้เลย หัวใจขอผม…มันไม่ใช่ของผมอีกแล้ว
มันเป็นของดินแดน และเป็นมาเสมอ
...........50%...........
หายไปสองวัน เพราะอาการหวาดกลัวบ้าบอของตัวเองค่ะ ยิ่งนิยายใกล้จบ ยิ่งกลัวการลงนิยาย แต่ก็ยังลง! ฮึ้บไว้ๆ มาลงให้แล้ว ตอนเย็นจะมาลงครึ่งหลังนะคะ
เป็นเจ้าของ