พิมพ์หน้านี้ - << รักกลางใจ >> [MPREG]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 11-03-2016 00:04:26

หัวข้อ: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-03-2016 00:04:26


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
           
                                                     :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:



                                 ที่อยู่ของนาย


                        ไม่มีที่ไหนเหมาะสมไปกว่า



                              ...กลางหัวใจ...



                                   ของฉัน






                                                         :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-03-2016 00:06:47


                                             รักกลางใจ

                                               บทที่ 1


เสียงสายฝนที่ตกกระทบหลังคาบ้านขาดหายไปเมื่อตอนย่ำรุ่ง ทิ้งไว้แต่ความเย็นฉ่ำจนหนาวอยู่ในบรรยากาศ  ทำให้ร่างสูงเก้งก้าง

อย่างคนที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวต้องห่อไหล่ในขณะที่เดินออกมาจากตัวบ้านตั้งแต่ดวงอาทิตย์เพิ่งจะเบียดหมู่เมฆฝนขึ้นมาอวด

แสงในยามเช้าตรู่


มันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่เขาต้องตื่นขึ้นมาในเวลานี้ เวลาที่คนอื่นอาจจะยังหลับใหลอยู่ในกองผ้าห่มอุ่นและยังฝันดีอยู่ในนิทราที่

แสนสุข แต่กับชีวิตวัยรุ่นของเขาที่กำลังจะจบชั้นมัธยมปลายในอีกไม่กี่วันนี้ไม่เคยมีโอกาสนั้น


“โก๋ ตื่นแล้วหรือลูก มาเฝ้าร้านแทนแม่ที แม่จะได้ไปส่งน้ำเต้าหู้”


“คร้าบ คุณแม่คนสวยของโก๋”


ร่างสูงผอมเดินยิ้มเข้ามาหาคนที่กำลังง่วนอยู่กับการตักน้ำเต้าหู้ใส่ถุง สองแขนโอบไปรอบเอวของมารดาแล้วก็หอมไปที่แก้มทั้งสอง

ข้าง


“อรุณสวัสดิ์ครับแม่”


มารดาที่ยังคงความงามตามวัยแม้ว่าจะทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูบุตรชายเพียงคนเดียววางกระบวยตักน้ำเต้าหู้ลงแล้วหันมากอดคนเป็นลูก

และเอื้อมมือไปยีผมเบาๆ


“จ้า ลูกรักของแม่ เฮ้อ  สูงเอาๆ อีกหน่อยแม่ก็จะเอื้อมไม่ถึงแล้วนะ”


“ถ้าแม่เอื้อมไม่ถึง โก๋จะย่อตัวให้แม่อย่างนี้ดีไหมครับ”


โก๋หรือในชื่อจริงว่าการันต์ยิ้มกว้างพลางก้มหัวแล้วใช้มือวางทับไปบนมือของมารดาอีกชั้นหนึ่ง เขามองมารดาด้วยความรักสุดหัวใจ

การันต์อายุสิบเจ็ดปี เป็นลูกชายคนเดียวของบิดาคนเหนือที่มาลงหลักปักฐานหากินที่กรุงเทพจนได้มาพบรักกับกมลมารดาของเขา  แต่

ก็ต้องโชคร้ายเมื่อบิดาของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุเพียงแค่สิบขวบ ชีวิตของการันต์กับกมลจึงเริ่มต้นลำบากในทันที


พ่อของการันต์มีอาชีพเป็นเชฟอยู่ร้านอาหาร รายได้ดีพอที่จะเลี้ยงภรรยาและลูกได้ไม่ลำบาก แต่เมื่อเหตุการณ์รันทดมาเยือนกมลต้อง

ปรับตัวเองให้แข็งแกร่งพอที่จะเลี้ยงลูกชายคนเดียวให้รอด เธอเลือกที่จะทำมาหากินด้วยการขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่เธอถนัดที่สุด


กมลใช้เงินเก็บที่เหลืออยู่ซื้ออุปกรณ์มาตั้งขายหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ของทุกวัน เด็กชายการันต์ก็ต้องทำงานช่วยเหลือมารดาและดูแลตัว

เองให้ได้ตั้งแต่ยังตัวกะเปี๊ยก แม้จะเหนื่อยยากเด็กชายตัวน้อยก็ยังไม่ท้อ เขายิ่งต้องตั้งใจเป็นเด็กดีเพื่อให้แม่สบายใจ

และไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กมลก็พบลู่ทางใหม่เมื่อการันต์โตพอที่จะเฝ้าหน้าร้านได้แล้ว มารดาของการันต์ก็จะขี่จักรยานเพื่อนำน้ำเต้าหู้และ

ปาท่องโก๋ไปส่งตามบ้านที่เป็นลูกค้าประจำ ก่อนที่จะกลับมารับช่วงต่อเมื่อการันต์ต้องแต่งตัวไปโรงเรียนในตอนสาย


“วันนี้สอบวันสุดท้ายไม่ใช่เหรอ ต้องรีบไปหรือเปล่าแม่จะได้รีบกลับมา”


“ไม่ต้องรีบหรอกครับแม่ โก๋สอบสายๆแน่ะ แม่กลับมาโก๋ยังมีเวลาแต่งตัวอีกตั้งนาน”


กมลสบตาบุตรชายอย่างรักใคร่พลางเอ่ยถามด้วยเสียงห่วงใย


“เรื่องเรียนมหาวิทยาลัยต่อล่ะลูก โก๋เปลี่ยนใจหรือยัง”


หนุ่มน้อยฝืนยิ้มนัยน์ตาเศร้า


“ยังไม่เปลี่ยนใจครับ โก๋ไม่เรียนต่อแล้วล่ะ มาทำงานช่วยแม่ดีกว่า ไม่อยากให้แม่เหนื่อยหาเงินมาส่งโก๋เรียนอีก ถ้าพอมีเงินเก็บบ้างแล้ว

เดี๋ยวโก๋ไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดก็ได้”


ดวงตาของมารดารื้นไปด้วยหยาดน้ำพลางถอนหายใจยืดยาว


“แม่ขอโทษที่ทำให้ชีวิตของลูกต้องเป็นแบบนี้ แม่มันอ่อนแอเกินกว่าที่จะต่อสู้เพื่อให้โก๋ได้ในสิ่งที่ต้องการ”


“แม่ครับ”


การันต์เอ่ยเรียกมารดาเสียงดัง มือเรียวดึงมือที่กร้านไปด้วยงานหนักของมารดามากุมไว้


“เท่าที่แม่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ดีที่สุดสำหรับโก๋แล้ว พ่อที่อยู่บนสวรรค์ก็ต้องภูมิใจที่แม่ทำทุกอย่างเพื่อโก๋”


สองแม่ลูกสบตากันด้วยความรัก ก่อนที่กมลจะฝืนยิ้มออกมา


“โอย แย่แล้วมัวแต่ซึ้งกันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวแม่จะไปส่งน้ำเต้าหู้ไม่ทัน แม่ไปละ”


กมลกระวีกระวาดคว้าจักรยานคันเก่าที่จอดไว้ข้างกำแพงบ้านพลางคว้ากล่องเก็บความร้อนที่บรรจุน้ำเต้าหู้กับถุงใส่ปาท่องโก๋มาวางที่

เบาะด้านหลังแล้วใช้เชือกมัดจนแน่น ก่อนจะขี่จักรยานจากไป


“ระวังตัวด้วยนะครับแม่”


การันต์ตะโกนไล่หลังจากนั้นจึงคว้าผ้ากันเปื้อนมาสวม รอยยิ้มสดใสถูกจุดขึ้นมาพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น


“น้ำเต้าหู้ครับ น้ำเต้าหู้แสนอร่อยปาท่องโก๋ก็อร่อย สูตรดั้งเดิมสมัยพระเจ้าเหาที่สี่ สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามาเลยครับ”


เสียงดังก้องจากมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าแทบจะปลุกคนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ให้ลุกขึ้นตื่นกันหมด แต่ด้วยความชินชากับเสียงจึงไม่มีใครส่ง

เสียงด่าทอให้ได้ยิน  เจ้าของมอเตอร์ไซค์ยิ้มกริ่มในขณะที่ในปากมีอมยิ้มทรงกลมบรรจุอยู่ มือจับคันเร่งผ่อนลงจนกระทั่งรถมาจอดนิ่ง

อยู่ที่หน้าร้านขายเต้าหู้อย่างพอดิบพอดี


ร่างสูงล่ำไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนขยันออกกำลังกายยกขาออกจากรถ เขาหันมามองคนที่กำลังตักน้ำเต้าหู้ใส่ถุงส่งให้ลูกค้าพลาง

ยกมือขยับหมวกแก็ปที่หันปีกไว้ด้านหลังให้กระชับกับศีรษะ คว้าถุงใส่กล่องพลาสติกบรรจุอาหารที่แขวนอยู่ตรงแฮนด์รถแล้วก้าวเดิน

อย่างทมัดทแมงมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของร้าน


“น้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องไม่ใส่น้ำตาล เอาเยอะๆ กินแล้วอิ่มแต่ราคาเท่าเดิมมาแก้วนึง”


“จะอิ่มได้ไง มีสี่กระเพาะอย่างนี้ ตักให้เป็นถังก็ไม่อิ่มหรอกครับ”


การันต์เหลือบตามองพลางลอบยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าง้ำเมื่อถูกขัดคอ ด้วยความที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆ จึงทำให้เขากล้าที่จะ

ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายที่อายุมากกว่าถึงสามปีแต่กลับชอบทำตัวเป็นเด็กยิ่งกว่าเขาเสียอีก คนเป็นลูกค้าวางกล่องใส่อาหารลงบนโต๊ะ

พลางบ่นเสียงดังค่อนขอด


“ปากคอร้ายตั้งแต่เด็กจนโต นี่ไม่เคยเคารพกันเลยใช่ไหม รู้หรือเปล่าว่านี่ใคร”


การันต์กลั้นหัวเราะเมื่อกล่าวตอบโต้อีกฝ่าย


“รู้สิครับ ใครบ้างจะไม่รู้จัก คุณหนูสมหวังแห่งตระกูลเจี๊ยะ เจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวที่อร่อยที่สุดในโลก”


เสียงหัวเราะอย่างชอบใจดังขึ้นจากหน้าคม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากเปื้อนรอยยิ้มอย่างสดใสอยู่ตลอดเวลา การันต์อมยิ้มตามคนตรงหน้า

ได้ทุกครั้งไม่มีเบื่อ ผู้ชายตรงหน้าชื่อสมหวังเป็นลูกชายของครอบครัวเชื้อสายจีนที่สร้างตัวจากการขายบะหมี่เกี๊ยวรสชาติเลิศ จน

สามารถขยายกิจการเป็นแฟรนไชส์ออกไปทั่วประเทศ ครอบครัวของสมหวังสนิทสนมกับครอบครัวของการันต์มาตั้งแต่จำความได้แม้

ฐานะจะต่างกันแต่ก็ไม่มีใครรังเกียจสองแม่ลูกสู้ชีวิต แถมยังฝากบะหมี่เกี๊ยวแสนอร่อยมาให้บ่อยๆด้วย


บ้านหลังใหญ่ของสมหวังอยู่ลึกเข้าไปในซอยเดียวกับบ้านของการันต์ที่อยู่หน้าปากซอย สมหวังเอ็นดูและคอยดูแลการันต์มาตั้งแต่เด็ก

ทั้งคอยกันเด็กคนอื่นไม่ให้มากลั่นแกล้งเพราะการันต์เป็นเด็กตัวเล็ก เพิ่งจะมาสูงพรวดๆก็ในปีนี้แต่รูปร่างก็ยังบอบบางคล้ายกมลผู้เป็น

มารดา ทำให้ตกเป็นเป้าแห่งการรังแกได้โดยง่าย แต่สมหวังก็จะเอาตัวมาบังและช่วยเหลือเด็กชายการันต์ตัวน้อยอยู่ตลอดมา


“แล้วนี่วันนี้สอบวันสุดท้ายไม่ใช่เหรอ อ่านหนังสือจบหรือยัง”


การันต์ยิ้มกว้างเป็นการตอบรับ เรื่องเรียนเขาไม่เคยบกพร่องติดอันดับหนึ่งในสามของห้องเรียนทุกเทอม


“ว่าแต่เฮียเถอะ ได้ข่าวว่าสอบเหมือนกันนะ”


“โอ๊ย จะเอาอะไรกับเฮีย สอบได้แค่พอผ่านป๊าก็ดีใจแล้ว”


สมหวังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง เขาไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเรียนมากนัก ชอบเน้นหนักไปทางกีฬาจนได้เป็นนักกีฬาของ

มหาวิทยาลัยอีกด้วย


อยู่ๆเสียงพูดคุยของทั้งคู่ก็ถูกกลบด้วยเสียงเครื่องยนต์จากรถสปอร์ตคันหรูที่ขับผ่านมาอย่างรวดเร็ว ล้อรถเบียดขอบถนนที่ยังมีน้ำฝนขัง

อยู่จนน้ำกระจายสาดมาถึงหน้าโต๊ะวางน้ำเต้าหู้จนบางส่วนเลอะเทอะ สมหวังตาลุกตะโกนด่าลั่นพลางมองท้ายรถคันงามพร้อมเบ้ปาก

ใส่ ส่วนการันต์มองสภาพหน้าร้านตัวเองแล้วอยากจะร้องไห้ เขารีบคว้าผ้าขี้ริ้วมาเช็ดอย่างรวดเร็ว


“บ้าฉิบ จะรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย!”


สมหวังด่าไล่หลัง การันต์เงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ


“เฮียรู้จักด้วยเหรอ เจ้าของรถคันนั้นน่ะ”


สมหวังชักสีหน้า


“เฮอะ ไม่อยากจะรู้จักหรอก ถ้าไม่ติดว่าเรียนอยู่ที่เดียวกันตอนมอปลายน่ะ”


“เขาเป็นใครล่ะครับเฮีย ทำไมถึงได้ทำอะไรไม่เกรงใจคนอื่นเลย”


“หึ บ้านมันอยู่ถัดไปจากซอยนี้สี่ซอย ไอ้บ้านหลังยักษ์อย่างกับวังที่อยู่ท้ายซอยไงล่ะ มันชื่อไอ้ภูเมธหรือไอ้มาร์คลูกชายตระกูลเจริญ

เกียรติกุล อภิมหึมามหาเศรษฐีที่ไม่มีใครรู้ที่มาของเงินและก็ร่ำลือว่าพ่อของมันเป็นมาเฟียไง”


การันต์กระพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินชื่อภูเมธเป็นครั้งแรกในชีวิตก่อนที่หนุ่มน้อยจะมองท้ายรถสปอร์ตที่ขับไปไกลลิบพร้อมกับลางสังหรณ์

ที่บอกว่าเขาจะไม่ได้ยินชื่อนี้แค่ครั้งเดียวในวันนี้แน่ๆ



TBC
 

 :mc4: :mc4:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 11-03-2016 00:26:27
มนต์รักปาท่องโก๋+น้ำเต้าหู้

แหม คนกำลังหิวเลย ใจร้ายมากๆ
พระเอกอยุ่ในรถหรือเปล่าเนี่ย?
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 11-03-2016 00:51:26
ชอบมากกกกมาเร็วๆนะ.  พระเอกคงรวยมากก.
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 11-03-2016 11:04:40
รอติดตามจ้า
น้องโก๋สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 2 [11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-03-2016 12:29:34


                                            รักกลางใจ

                                             บทที่ 2


การันต์รีบปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างกระวนกระวายแม้ว่าจะเป็นวันสอบวันสุดท้ายที่โรงเรียนและเพื่อนๆชวนให้อยู่เลี้ยงฉลองสอบเสร็จใน

ตอนเย็น แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยามเช้าก่อนที่เขาจะรีบมาโรงเรียนแล้ว การันต์ก็ต้องตัดใจอำลาเพื่อนกลับบ้านเมื่อกมลมารดา

ของเขาไม่สบายอยู่ที่บ้าน


เมื่อเช้านี้การันต์ยืนคอยมารดาขี่จักรยานกลับบ้านหลังจากไปส่งน้ำเต้าหู้อยู่พักใหญ่แต่กมลก็ยังไม่กลับมาในเวลาปกติ ที่สำคัญคือใกล้

เวลาที่การันต์จะต้องไปโรงเรียนเพื่อสอบวิชาแรกแล้วแต่ยังต้องรอมารดาด้วยความเป็นห่วง ความผิดปกตินั้นทำให้หนุ่มน้อยใจคอไม่ดี

ต้องออกไปยืนคอยมารดาอยู่ที่หน้าร้านจนกระทั่งเห็นกมลเดินกระโผลกกระเผลกกลับมาพร้อมผู้ชายสูงใหญ่วัยกลางคนที่จูงจักรยานมา

ให้ การันต์ได้แต่มองภาพนั้นด้วยความแปลกใจ


เมื่อถึงที่หมายกมลรับจักรยานคืนมาแล้วค้อมศีรษะเล็กน้อย มุมปากคลี่ยิ้มจางๆ แม้ว่าหน้าตาจะอิดโรย


“ขอบคุณนะคะที่เดินมาส่ง ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”


การันต์ขมวดคิ้วพลางก้าวไปโอบกอดมารดาไว้


“แม่เป็นอะไรครับ หน้าซีดจัง”


กมลหันมาฝืนยิ้มให้ลูกชายพลางกอดตอบ ชายแปลกหน้าที่มาด้วยกลับชิงตอบคำถามแทนเสียก่อน


“คุณแม่ของหนูเป็นลมล้มลงตอนที่ขี่จักรยานผ่านสวนสาธารณะ”


“แม่!” หนุ่มน้อยอุทานอย่างตกใจ


“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”


กมลรีบส่ายหน้าเพราะกลัวการันต์จะเป็นห่วง


“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะลูก เมื่อคืนแม่นอนน้อยไปหน่อยเพราะจะเตรียมของให้มากขึ้น”


“ใครว่าไม่เป็นอะไร”


เสียงหนักๆ ของผู้ชายที่การันต์ยังไม่รู้จักชื่อดังขัดขึ้น


“โชคดีที่ไม่มีรถผ่านมาในตอนที่คุณล้มลงไป ไม่อย่างนั้นคุณเละแน่”


จริงอย่างที่ชายคนนี้พูด การันต์ใจสั่นเมื่อคิดตาม เขาเคยสูญเสียบิดาเพราะอุบัติเหตุกลางท้องถนนมาแล้วหากเหตุการณ์นี้เกิดกับแม่

ของเขาอีกการันต์คงทนไม่ได้ ความคิดนี้ทำให้การันต์เพิ่มแรงกอดแม่ของเขาไว้แน่นกว่าเดิม ส่วนกมลได้แต่ยิ้มเจื่อนเมื่อค้านคำพูดนั้น

ไม่ได้


“เอาล่ะ แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วคุณควรจะพักผ่อนเสีย ผมไม่รบกวนคุณแล้ว”


หนุ่มใหญ่หน้าตาดียกยิ้มที่มุมปากเตรียมหันร่างเดินกลับ


“ขอบคุณนะคะ คุณเอ่อ…”


“ผมชื่อภูมิ”





การันต์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นปากซอยบ้านของตนเองอยู่ตรงหน้า ด้วยความเป็นห่วงมารดาเขาจึงได้รีบหักเลี้ยวแฮนด์จักรยานทันที


เอี๊ยด!!


“เฮ้ย!!


หนุ่มน้อยตกใจจนเสียหลักจักรยานล้มลงตรงหน้ารถยนต์คันที่ขับตรงมาด้วยความเร็วสูงแล้วหยุดเบรคห่างจากเขาเพียงแค่ไม่กี่เซ็นติ

เมตร เขาเงยใบหน้าอันซีดเผือดขึ้นมองประตูรถที่เปิดออกพร้อมร่างสูงที่ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว


“บ้าที่สุด คิดจะเลี้ยวก็เลี้ยว ทำไมไม่มองรถทางอื่นบ้างวะ”


เสียงสบถดังขึ้นเมื่อเจ้าของรถลงมาหยุดยืนแล้วก้มมามองเขา การันต์เงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของรถสปอร์ตคันงามพร้อมกับเม้มปากด้วย

ความโมโหเช่นกัน


ผู้ชายที่ยืนตรงหน้ารูปร่างสูงโปร่ง ผิวเนื้อขาวอย่างคนมีอันจะกิน ใบหน้าคมคิ้วเข้มพาดอยู่เหนือดวงตาเรียวที่รับกับจมูกโด่งปากหยักได้

รูปอย่างคนเจ้าอารมณ์ ต้นแขนที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นมีมัดกล้ามเนื้อที่ทำให้รู้ว่าเขาคงจะออกกำลังกายอยู่ทุกวัน ทั้งหมดเมื่อประกอบ

กันทำให้เขาคนนี้ดูดีมาก ถ้าไม่ติดว่า


“ยังจะมองหน้าอยู่อีก รีบลุกขึ้นมาเร็วๆสิ”


ปากเสีย!


การันต์แอบต่อว่าในใจ หน้าเปื้อนรอยยิ้มอยู่เสมอกลับหุบลงพลางสะบัดหนีเมื่อพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นถนน


“โอ๊ย!”


เสียงอุทานดังขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวเข่า การันต์ก้มไปมองจึงได้เห็นว่าหัวเข่าของตนครูดไปกับถนนจนเป็นแผลถลอกเลือดไหลซิบ

แต่เขาก็พยายามจะลุกขึ้นยืนให้ได้ ก่อนที่จะตกใจเมื่อแขนถูกดึงให้ยืนขึ้นด้วยฝีมือของคนร่างสูงเจ้าของรถยนต์คันนั้น


“ไม่ต้องมายุ่ง ผมยืนเองได้”


การันต์สะบัดเสียงใส่แต่เจ้าของมือที่ยึดต้นแขนของเขาก็ยังไม่ยอมปล่อย


“อวดเก่ง”


น้ำเสียงค่อนขอดดังอยู่ข้างๆ จนการันต์เริ่มจะโมโห


“คุณเองก็ผิดเหมือนกันแหละ ขับรถเร็วเกินไปแล้ว ใบอนุญาตขับรถยนต์น่ะสอบเองหรือว่าไปปล้นเขามา โอ๊ย!”


ต้นแขนถูกบีบโดยอีกฝ่ายจนต้องเผลอร้องออกมา การันต์นึกเกลียดหน้าหล่อๆขึ้นมาจับใจ เขาพยายามกระชากแขนให้พ้นการจับยึดแต่

ก็ไม่สำเร็จ ซ้ำร้ายอีกฝ่ายยิ่งกระชับฝ่ามือให้แน่นเข้าไปอีก


“ต่อล้อต่อเถียงได้เก่งแบบนี้คงไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม ฮึ.. รีบยกจักรยานของนายไปให้พ้นทางรถฉันเสียที”


เจ้าของรถยนต์คันหรูผลักไหล่การันต์เพียงไม่มากแต่หนุ่มน้อยก็แทบจะเสียหลักไปอีกครั้ง เขาคนนั้นหันไปคว้าจักรยานขึ้นมายัดใส่มือ

ของการันต์ก่อนที่จะมองการันต์ด้วยสายตาขุ่นมัวทิ้งท้ายเมื่อก้าวกลับขึ้นรถ


ทันทีที่รถหรูขับเคลื่อนจากไป การันต์ได้แต่พึมพำลับหลังเมื่อได้เจอรถคันนี้เป็นครั้งที่สองของวันตามที่เขาสังหรณ์ใจส่วนเจ้าของรถ

ปากเสียที่เพิ่งจะปะทะฝีปากกันไปตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกนั้น การันต์นึกสวดส่งไล่หลัง


“ไอ้คนเอาแต่ใจ อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย ไอ้บ้าภูเมธ”





ร่างสูงเดินลงจากบันไดชั้นสองแล้วก้าวตรงไปยังห้องอาหารที่แต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรูในตอนเช้า เขาทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นบิดานั่ง

อมยิ้มยกพลางแก้วน้ำขึ้นแตะขอบปาก ด้วยเป็นเวลาที่ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่บ้านมาก่อน


“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นเล่า ไอ้ลูกชาย”


“วันนี้ป๋าไม่ได้กกสาวที่ไหนหรือครับ ทำไมตื่นเช้าจัง”


“เดี๋ยวเหอะ เจ้ามาร์ค”


ใบหน้ามีอำนาจดูอ่อนวัยลงเมื่อยกมือชี้หน้าบุตรชายอย่างอารมณ์ดี


“มันก็มีเบื่อกันบ้างสิ ใครจะไปทนกอดแม่พวกพลาสติกทุกวัน”


“แต่ก็เกือบทุกวัน”


ภูเมธ บุตรชายเพียงคนเดียวของ ภูมิ เจริญเกียรติกุล เจ้าของบ้านเอ่ยขัดคอบิดาพลางทรุดตัวลงใกล้ๆบิดา เขาชะโงกหน้าไปมองสิ่งที่

บิดากำลังดื่ม


“น้ำเต้าหู้ โอ.. ดูสิ่งที่คุณภูมิกำลังดื่มสิ เซอร์ไพร้ส์มาก”


สุ้มเสียงล้อเลียนพร้อมกับรอยยิ้มที่จุดขึ้นมาบนใบหน้าของบุตรชายทำให้ภูมิถึงกับหัวเราะ


“ก็อร่อยดีนะ ลองกินไหมล่ะ นี่ป๋าเดินออกกำลังกายตอนเช้าไปซื้อมาเองเลยนะ”


ภูมิกวักมือเรียกคนรับใช้ให้จัดการนำน้ำเต้าหู้มาให้บุตรชาย ภูเมธยกแก้วบรรจุน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อยสมคำชวน

จริงๆ


“ก็ดีครับ ไม่หวานมาก แต่ที่ป๋าลงทุนเดินไปหิ้วมาเองนี่ อย่าให้รู้ทีหลังนะครับว่าคนขายน้ำเต้าหู้น่ะหน้าตาดี”


“เฮ้ย!”


ผู้เป็นบิดายกมือโบกไปมา


“คิดมากเกินไปแล้วไอ้ลูกชาย แล้ววันนี้จะไปไหนแต่เช้า”


“มีงานเตรียมรับน้องใหม่ที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ ต้องไปเตรียมงาน”


หน้าดุของเจ้าของบ้านคลี่ยิ้มอย่างภูมิใจ


“ป๋าลืมไปว่ามีลูกชายเป็นประธานนักศึกษา”


ภูเมธยกแก้วน้ำเต้าหู้ดื่มจนหมดจึงลุกขึ้นยืน พลางวางมือไปที่บ่าของบิดาแล้วบีบเบาๆ


“ไปก่อนนะครับป๋า อย่าโหมให้มากนะครับทั้งเรื่องงานแล้วก็เรื่องสาว”


“ไอ้มาร์ค”


ภูมิเรียกชื่อคนที่เดินหันหลังผิวปากหวือออกไป แล้วส่ายหน้าด้วยความระอา






กลายเป็นภาพชินตาไปแล้วสำหรับการันต์เมื่อเกือบตลอดเดือนที่ผ่านมาจะมีคุณลุงภูมิมานั่งเงียบๆอยู่ที่โต๊ะตัวในสุดของร้านพลางจิบน้ำ

เต้าหู้อย่างอารมณ์ดี เมื่อเขากลับมาจากปั่นจักรยานส่งน้ำเต้าหู้แทนมารดา


เมื่อจบจากการศึกษาชั้นมัธยมและเลิกคิดเรื่องเรียนต่อ การันต์จึงเป็นฝ่ายขี่จักรยานไปส่งน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋แทนมารดาและให้อีก

ฝ่ายอยู่เฝ้าหน้าร้าน เมื่อปั่นจักรยานกลับมาถึงเขาก็จะเห็นร่างสูงใหญ่ของภูมินั่งอยู่มุมเดิมทุกวัน


“สวัสดีครับคุณลุงภูมิ”


หนุ่มน้อยยิ้มและทักทายอย่างมีสัมมาคารวะดั่งเช่นทุกวัน เขาไม่รู้ว่าคุณลุงภูมิเป็นใคร รู้แต่ชายสูงวัยคนนี้กลายเป็นลูกค้าประจำในยาม

เช้าและจะซื้อกลับไปด้วยอีกหลายถุงนับจากวันที่พบกันครั้งแรก


กมลยกท่อนแขนปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ตามใบหน้า เช้านี้เป็นเช้าวันเสาร์ลูกค้าจึงมีมากเป็นพิเศษจนกระทั่งถึงยามสายก่อนที่เจ้าตัวจะสะดุ้ง

ด้วยความตกใจเมื่อมีมือใหญ่ฟาดเปรี้ยงมาที่โต๊ะตั้งหม้อน้ำเต้าหู้ด้านหน้า ลูกค้าที่ยืนรอซื้อต่างหวีดร้องและหลบกันระนาว เมื่อหน้าร้าน

เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ที่ทุกคนรู้ว่าเป็นพวกทวงหนี้


“แม่!!”


การันต์ผวาเข้ากอดมารดาที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว


“นี่เจ๊”


หัวหน้ากลุ่มนักเลงยื่นหน้าเข้าใกล้ ยิ่งทำให้สองแม่ลูกกอดกันแน่น


“อย่าลืมว่าวันนี้เจ๊ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้นะ อ้อ..เงินต้นก็ครบกำหนดวันนี้พอดีเลยด้วย”


กมลเอื้อมมือสั่นเทาไปคว้ากล่องเก็บเงินขึ้นมานับแล้วยื่นให้คนตัวใหญ่หน้าเหี้ยม


“ฉะ..ฉัน มีอยู่เท่านี้เองจ้ะ”


“ว่าไงนะ”


สองแม่ลูกสะดุ้งเฮือกเมื่อหม้อน้ำเต้าหู้ถูกผลักให้ล้มจนน้ำเต้าหู้ที่เหลือหกกระจาย


“แค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของดอกเบี้ยที่ต้องเอาไปให้เจ้านายของกูเลย” ชายคนนั้นตวาดลั่นข่มขู่


“เจ๊จ่ายมาแค่นี้ จะให้กูไปบอกเจ้านายว่ายังไงวะ”


พรึ่บ!


เสียงธนบัตรก้อนหนึ่งถูกโยนมาที่โต๊ะต่อหน้าพวกทวงหนี้ ก่อนร่างสูงใหญ่ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่มุมในสุดของร้านจะก้าวออกมาสู่แสง

สว่างด้วยใบหน้าที่ดุดันอย่างที่การันต์ไม่เคยเห็นมาก่อน


“แค่นี้พอไหมที่สำหรับหนี้ที่พวกแกมาทวง”


หัวหน้านักทวงหนี้ฉีกยิ้มมองเงินกองนั้นก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของเงิน แต่เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใครใบหน้าของพวกมันกลับหดลงทันที


“จะ เจ้านาย!!”


การันต์และกมลหันขวับไปภูมิพร้อมกันเมื่อทั้งคู่เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วลูกค้าประจำเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคนนี้เป็นใครกันแน่



TBC

 :sad4: :sad4:




แก้ไขคำผิดแล้วนะคะ ขอบคุณคุณ BlueCherries มากๆค่ะ ^^


หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 2 [11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-03-2016 12:54:08
ลุงภูมิอย่ามาชอบแม่กมลนะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 2 [11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-03-2016 12:58:34
กมลผวาเข้ากอดมารดา

การันต์หรือเปล่าคะ??
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 2 [11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-03-2016 22:52:49
เข้มข้นขึ้นทุกที
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 2 [11/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-03-2016 02:45:59
ลุงภูมิ ที่มาอุดหนุนน้ำเต้าหู้ทุกเช้านี่จะมาจีบคุณแม่สินะ
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 3 [12/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-03-2016 21:23:06


                                        รักกลางใจ

                                           บทที่ 3


“ไปอยู่กับผมเถอะ ขอให้ผมได้ดูแลคุณ เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณทำให้ผมประทับใจคุณมาก


การันต์นั่งก้มหน้ามองมือตัวเองในขณะที่หูก็แอบฟังถ้อยคำสนทนาของผู้ใหญ่ที่อยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านหลังเล็ก


“ไม่ ฉันไม่ได้รักคุณ” กมลเอ่ยเสียงหนัก


“และฉันก็ไม่อยากให้ลูกชายมีพ่อเลี้ยง


“แล้วคุณจะทำยังไงกับชีวิตของคุณและลูกชาย


เหมือนคุณลุงภูมิของการันต์จะกลายเป็นอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จักกับน้ำเสียงเย็นๆนั่น ดวงตาที่ก้มมองแม่ของเขาเรียบเฉยแต่จริงจังจนกมล

มือสั่น


“ต่อให้คุณขายน้ำเต้าหู้ทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่พอใช้หนี้คืนผมหรอก แต่ถ้าคุณไปอยู่กับผมชีวิตคุณและลูกก็จะสุขสบายขึ้น


“แล้วมันต่างจากผู้หญิงขายตัวตรงไหน เพราะถ้าฉันยอมก็เท่ากับฉันทำไปเพื่อเงิน


มารดาของการันต์เงยหน้าเถียงเสียงสั่น กมลหวาดหวั่นแต่เธอก็ฝืนมันแล้วกล้าที่จะเถียงภูมิ


“กมล


ภูมิคว้ามือกมลมากุมไว้


“อย่าดูถูกตัวเองเช่นนั้น คุณเป็นผู้หญิงที่ดีมีคุณค่าสมควรที่ผู้ชายจะยกย่องเชิดชู ผมไม่ได้ตั้งใจซื้อคุณด้วยเงิน เพียงแต่อยากจะดูแลให้

ชีวิตของคุณพ้นจากความยากลำบาก และคุณควรจะคิดถึงลูกด้วย ถ้าโก๋ไปอยู่กับผมเขาจะได้เรียนมหาวิทยาลัยดีๆอย่างที่เขาอยากจะ

เรียน


นั่นคือประโยคยาวที่สุดที่การันต์ได้ยินจากปากของลุงภูมิที่เขาใช้เกลี้ยกล่อมกมลผู้เป็นมารดาก่อนที่จะเดินกลับไปด้วยท่วงท่าสง่างาม


หนุ่มน้อยใช้ตักมารดาต่างหมอนเมื่อได้อยู่กันสองคนแม่ลูกในยามค่ำคืน กมลลูบผมบุตรชายเบาๆพลางถอนหายใจยาวอย่างหนักหน่วง

ในความรู้สึก


“แม่ขอโทษที่ไม่เคยเล่าเรื่องที่แม่ต้องกู้เงินมาใช้จ่ายให้ลูกรู้


การันต์ยกมือมารดาขึ้นมาแนบแก้ม


“โก๋ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่เคยรับรู้เลยว่าแม่เหนื่อยแค่ไหน


“ถ้าแม่คิดจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โก๋จะรังเกียจแม่ไหม


เขาเห็นแม่ทำหน้าเครียดเหม่อมองไปทางรูปของพ่อพึมพำคำถามในลำคอ


“โก๋ไม่เคยคิดรังเกียจ จริงๆแล้วคุณลุงภูมิก็คงจะรักแม่ไม่น้อย ถ้าแม่อยู่กับเขาแล้วมีความสุขโก๋ก็มีความสุขไปด้วย

และนั่นคือความเห็นที่ทำให้กมลตัดสินใจได้ง่ายขึ้น







“อะไรนะ ป๋าจะแต่งงานใหม่


ภูเมธผุดลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าบอกถึงความคาดไม่ถึงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกรุ่นไปด้วยโทสะ


“ผมไม่ยอม ป๋าจะมีผู้หญิงมากกกอดสักกี่คนก็ได้ แต่ผมไม่ยอมให้ป๋าจริงจังกับใคร ป๋าอย่าพยายามหาแม่เลี้ยงมาให้ผม


ภูมิที่กำลังยกแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำเต้าหู้จรดริมฝีปากเหลือบสายตามองบุตรชายเล็กน้อยก่อนที่จะดื่มน้ำเต้าหู้ลงคอต่ออย่างคนที่ไม่ได้

สนใจอาการหงุดหงิดที่เขามองว่าไร้สาระ


“ป๋าก็ไม่ได้ให้เขามาเป็นแม่เลี้ยงแกนี่ เขาจะมาเป็นเมียป๋าต่างหาก ทำไมจะต้องโวยวายด้วย


ภูเมธนึกเจ็บใจ ตั้งแต่เสียมารดาไปเมื่อยังเด็ก ถึงแม้บิดาของเขาจะมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ก็ไม่มีสักครั้งที่บิดาจะยกย่องเชิดชูใคร

เป็นพิเศษ แต่แล้วตอนนี้ผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักกำลังจะเข้ามาแบ่งปันความรักในครอบครัวที่เหลือเพียงสองคนพ่อลูกไปจากเขา

ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มหยัน ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร เขาจะป่วนจนอยู่บ้านนี้ไม่ได้







สมหวังถอนหายใจเฮือกใหญ่ในขณะที่มือยังคงช่วยการันต์เก็บข้าวของ แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้การันต์ไปอยู่ที่อื่น


“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ไม่มีเฮียอยู่ใกล้ๆแล้วนะโว้ยโก๋


“โธ่เฮีย ผมไม่ได้ไปไหนไกลหรอกนะ


ต้องไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ถัดออกไปสี่ซอยนี่เอง แต่การันต์ไม่อยากบอกให้สมหวังรู้เพราะไม่อยากให้พี่ชายที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กไม่

สบายใจ ที่เขาจะไปอยู่ในบ้านของภูมิและภูเมธ


“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...


สมหวังวางมือพาดไปที่บ่าของอีกฝ่าย มือวางอยู่ที่ต้นแขนเกาะกุมกระชับ ใบหน้าที่เคยแจ่มใสเป็นนิจกลับดูซึมเศร้าลงเมื่อสมหวังลอบ

มองเสี้ยวหน้าที่แสนจะน่ารักจนเขาอยากที่จะประทับรอยจูบลงไปกับพวงแก้มยุ้ยคุ้นตา


ไม่... เขาจะให้การันต์รู้ไม่ได้ถึงความในใจที่ต้องเก็บงำมาโดยตลอด ความในใจที่เขาคิดไม่ซื่อ และไม่เคยคิดว่าการันต์เป็นน้องอย่างที่

ปากพูดทุกครั้ง


เขากระชับไหล่อีกฝ่ายให้แนบใกล้ การันต์น้อยอ่อนต่อโลกเอียงหัวซบไหล่พี่ชายโดยที่ไม่รู้เลยว่ายิ่งทำให้สมหวังทรมานจิตใจแค่ไหน


“อย่าลืมว่าเฮียยังอยู่ที่เดิมรอให้โก๋กลับมาหา มากอดเฮียและให้เฮียกอดแบบนี้ เหมือนเมื่อตอนเด็กๆที่โก๋วิ่งมากอดเฮียเวลาโดนแกล้ง

จำได้ไหม


การันต์เงยหน้าขึ้นมาจังหวะเดียวกับที่สมหวังก้มหน้ามาพอดี จมูกโด่งของสมหวังเฉี่ยวแก้มการันต์ไปแค่ไม่ถึงเซ็นติเมตรจนสมหวังเกือบ

เผลอไผลไปกับความใกล้ชิด ยิ่งเมื่อได้สบตากับน้องชายคนละสายเลือด หัวใจของเขายิ่งเต้นรัวจนเจ้าตัวเจ็บจี๊ดที่หัวใจ


ทายาทร้านบะหมีเกี๊ยวชื่อดังถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เปลี่ยนมือที่โอบไหล่มาขยี้ผมนุ่มแรงๆ ก่อนเปลี่ยนเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติ


“โอย เก็บไม่เสร็จสักที ของเยอะจริงแฮะ


สมหวังแกล้งบ่นและเอียงหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อซ่อนสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยไว้ในซอกลึกของหัวใจ







ของที่นำมาไม่มีมากนักในช่วงบ่ายๆของวันนี้ที่กมลและการันต์ก้าวเข้าสู่คฤหาสน์หลังใหญ่ มันใหญ่จนสองแม่ลูกเดินตัวลีบเข้ามา

ท่ามกลางการยืนต้อนรับจากคนรับใช้ภายในบ้านที่มองอย่างสนใจใคร่รู้ จนกระทั่งภูมิพาทั้งคู่เข้ามานั่งอยู่ในห้องรับแขก

การันต์นั่งเบียดอยู่กับมารดา กมลเองก็ยังปรับสีหน้าไม่ถูก  ดีที่ว่าภูมิยิ้มให้กำลังใจมารดาของการันต์จึงลอบถอนลมหายใจเพื่อผ่อน

คลายความตึงเครียด


แต่ความเครียดลูกใหม่ก็ถาโถมมาอีกครั้ง เมื่อร่างสูงอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าปราศจากรอยยิ้มแถมยังทำท่าเหมือนจะเดิน

ผ่านห้องนี้ไปอย่างไม่สนใจใยดี


“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้าลูกชาย จะไม่มารู้จักสมาชิกใหม่หน่อยหรือ


เสียงของภูมิดังขึ้นจนภูเมธชะงักแต่เขาก็ยังไม่ยอมหันหน้ามา ไปหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นพลางเอ่ยเสียงแข็ง


“ไม่มีความจำเป็นที่ต้องรู้จักนี่ครับ


“มาร์ค!”


คนเป็นพ่อคิ้วขมวดส่งเสียงเข้มจนกมลต้องยื่นมือไปแตะเบาๆที่ท่อนแขนเพื่อห้ามไว้


“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ


“ไม่ได้” ภูมิกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“คุณเข้ามาอยู่บ้านในฐานะภรรยา ผมเองก็เอ็นดูโก๋เหมือนลูกอีกคนหนึ่ง ดังนั้นสมาชิกในบ้านต้องมารู้จักกันไว้


เฮอะ...เอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่ง

ภูเมธนึกค่อนในใจ

แค่ไม่เท่าไหร่พ่อของเขาก็ยกย่องผู้หญิงมีตำหนิขึ้นมาเป็นเมีย รวมถึงลูกติดด้วย ภูเมธนึกอยากจะเห็นนักว่าผู้หญิงของพ่อและไอ้ลูกติด

จะหน้าตาเป็นอย่างไร


คิดแล้วจึงหันขวับไปมอง ดวงตาคมชะงักเมื่อเห็นสองแม่ลูกที่นั่งเบียดกันตัวลีบอยู่บนโซฟาตัวใหญ่


ถ้าเขาจำไม่ผิด ไอ้เด็กคนนั้น...


“นาย ไอ้เด็กขี่จักรยานงี่เง่า


ภูเมธตะโกนเสียงดังพลางยกมือชี้หน้าจนการันต์สะดุ้งสุดตัว


เขาจำได้...ทำไมต้องจำได้ทั้งๆที่เหตุการณ์ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว หนุ่มน้อยค่อยๆเหลือบตาขึ้นมอง ยิ่งเห็นดวงตาคู่นั้นที่วาวโรจน์ เขายิ่ง

นึกกลัวจนตัวสั่น


“มาร์ค อย่าเรียกน้องแบบนั้น น้องชื่อโก๋


ภูมิส่งเสียงกำราบแต่มีหรือที่บุตรชายเพียงคนเดียวจะยอมรับฟัง


“ผมไม่สนใจไม่ว่าไอ้เด็กคนนี้จะชื่อไก่กาอะไรก็ช่าง แล้วผมก็จำได้ว่าผมไม่เคยมีน้อง


ภูเมธกล่าวเสียงเย็นชา หางตาที่เหลือบมองบิดาเต็มไปด้วยความน้อยใจ


“ป๋ามีสิทธิ์ที่จะมีเมียใหม่ มีลูกคนใหม่ ผมเองก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับผู้หญิงของป๋าและลูกคนใหม่ของป๋าเหมือนกัน


พูดจบภูเมธก็สะบัดหน้ากลับแล้วก้าวเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง ไม่นานนักการันต์ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งกับเสียงประตูห้องที่กระแทกปิดดัง

ลั่นจากผู้เป็นเจ้าของ ภูมิถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันหน้าไปมองมารดาของเขาพลางกุมมือให้กำลังใจ


แค่วันแรกที่ย่างก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ก็ดูเหมือนเรื่องยุ่งยากจะเกิดขึ้นเสียแล้ว






หนุ่มน้อยนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่หน้ากระจก หลังจากที่ภูมิสั่งให้คนรับใช้ช่วยกันขนของของเขาขึ้นมาในห้องที่ใหญ่กว่าพื้นที่ในบ้านหลังเก่าของ

การันต์ด้วยซ้ำ แม้ว่าคนรับใช้ของบ้านจะเสนอตัวช่วยจัดของแต่การันต์ก็ปฏิเสธพร้อมกับคำขอบคุณในน้ำใจ เขาไม่อยากงอมืองอเท้า

เป็นคุณหนูจึงได้จัดของเอง ถึงของจะมีไม่มากแต่ก็ใช้เวลาจนถึงค่ำกว่าจะเสร็จก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี


สมาชิกร่วมโต๊ะมีแค่สามคนคือ ภูมิ กมลและเขา การันต์ออกจะโล่งใจที่ภูเมธไม่ได้มานั่งร่วมโต๊ะด้วย เขารู้สึกหวั่นเกรงในตาดุๆคู่นั้นอย่าง

บอกไม่ถูก เมื่อจบมื้ออาหารเขาจึงได้ขึ้นมานั่งทอดหุ่ยกับชีวิตใหม่อยู่ตรงนี้ การันต์สบตาตัวเองในกระจก


“อย่าพึ่งท้อสิวะไอ้โก๋ นายต้องทนให้ได้เพื่อความสุขของแม่ไง


ใช่...เพื่อความสุขของแม่ การันต์จะอดทน ดวงตาในกระจกตอบกลับมาด้วยความมุ่งมั่น


เมื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองได้แล้ว การันต์จึงได้คว้าผ้าเช็ดตัวเข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเสร็จเพราะเขารู้สึกเหนียวตัว

จากเหงื่อที่ได้จากการออกแรงจัดห้อง เมื่อเนื้อตัวสะอาด หนุ่มน้อยจึงได้เดินผิวปากออกจากห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์


“เฮ้ย!”


เขาอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังในห้อง ตรงปลายเตียงปรากฏร่างสูงนั่งมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ทำให้การันต์

สะท้านไปทั้งตัว


“นะ นาย เข้ามาได้ไง


การันต์ถามเสียงสั่นพลางหันไปสำรวจอย่างรวดเร็ว จึงได้เห็นว่ามีประตูเล็กที่น่าจะเปิดออกไปเป็นระเบียงด้านนอก ไอ้คนหน้าตายนี่อาจ

จะเข้ามาทางนี้ แต่ชั่วเวลาแค่เสี้ยวนาทีที่มัวแต่สำรวจห้องภูเมธก็เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีร่างผอมบางของการันต์

ก็ต้องถอยกรูดจนชิดผนังห้อง แถมอีกฝ่ายยังยกแขนสองข้างมาดันผนังคร่อมร่างของเขาจนหมดทางหนี ได้แต่กลั้นใจสบตาด้วยความ

หวาดหวั่น


“จะเอายังไงก็ว่ามา


ได้ยินเสียงหัวเราะหยันเบาๆในลำคอของคนหน้าดุเมื่อเข้าก้มหน้ามอง การันต์แทบจะหมดแรงยืนแล้วร่วงไปกองกับพื้น


น่าสนุกจริงๆ...

ภูเมธนึกในใจเมื่อเห็นอาการลนลานของอีกฝ่าย เขากวาดสายตามองสภาพของคนตรงหน้าที่มีแต่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มลำตัวเบื้อง

ล่าง ตัวบางๆยังมีหยดน้ำเกาะพราว ไรผมยังเปียกชื้น พวงแก้มกลายเป็นสีแดงเรื่อเมื่อเขาจ้องมองและยื่นหน้าเข้าไปจนรู้สึกได้ถึงลมหาย

ใจอุ่นๆ


“ก็แค่จะมาทำความรู้จักกับลูกของป๋าคนใหม่


เสียงค่อนขอดดังขึ้นใกล้หู การันต์หลับตาปี๋เมื่อจมูกโด่งของภูเมธเฉี่ยวแก้มของเขาไปนิดเดียว


“ทำตัวดีๆล่ะ ไม่งั้น...คงรู้สินะว่าฉันจะทำให้นายและแม่นายอยู่ที่นี่อย่างไม่มีความสุข


การันต์เห็นริมฝีปากได้รูปยกยิ้มหยัน ดวงตาคมวาววับอีกรอบก่อนที่ภูเมธจะลดมือที่กางกั้นเขากับอิสรภาพแล้วเดินผิวปากออกไปทาง

ประตูเล็กบานนั้น


ทันทีที่ร่างสูงก้าวลับออกไปพร้อมเสียงประตูที่ปิดลง การันต์ก็ร่วงลงไปนั่งกองกับพื้น เขาพิงผนังห้องพลางหอบหายใจเร็ว การันต์ยกมือ

จับหน้าอกเมื่อรู้ว่ามันเต้นแรงจนแทบทะลุหน้าอกออกมา


น่ากลัว!


ผู้ชายคนนี้น่ากลัวและยากที่จะรับมือ


นี่เขาจะทำอย่างไรถึงจะต่อสู้กับลูกชายของคุณลุงภูมิได้เพราะแค่ไม่กี่นาทีที่เผชิญหน้า เขาก็แทบจะขาดใจตาย

การันต์นึกท้อกับชะตาของตัวเองเหลือเกิน



TBC

 :mew6: :mew6:
                                                                                                                                             




หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 3 [12/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-03-2016 21:50:15
มาร์คเอ้ยยยยยยยยยย ระวังจะหลงน้องโก๋เข้าสักวันนะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 4 [13/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-03-2016 18:11:01

                                  รักกลางใจ

                                    บทที่ 4


            “โก๋จะต้องไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ผมจะส่งเขาเรียนเอง


           ภูมิพูดขึ้นกลางโต๊ะอาหาร ซึ่งแน่นอนว่ามีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่เจ้าของบ้านติดใจวางอยู่บนโต๊ะด้วย เขายกแก้วขึ้น

ดื่มอย่างอารมณ์ดี การันต์ที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยค้านขึ้นมา


            “แต่คุณลุงครับ มหาวิทยาลัยของรัฐตอนนี้ไม่รับนักศึกษาแล้ว มันช้าไปสำหรับผม


            “แล้วใครบอกว่าจะให้เราไปเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐล่ะเจ้าโก๋


            ภูมิยิ้มอย่างปรานีในขณะที่การันต์นั่งทำหน้างงๆ


            “แล้วคุณลุงจะให้ผมเรียนต่อที่ไหนครับ


            “ลุงจะให้เราไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนานาชาติG”


              การันต์อ้าปากค้าง ก็จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรในเมื่อมหาวิทยาลัยG เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนนานาชาติชั้นนำ ที่มีแต่คนมีฐานะร่ำรวยมากๆ


เท่านั้นถึงจะเข้าไปเรียนได้ คนอย่างเขาแค่จะเดินเฉียดกรายใกล้รั้วมหาวิทยาลัยก็ยังไม่กล้าเลย แล้วนี่คุณลุงภูมิจะส่งเขาไปเรียนที่นั่น มันราวกับฝันไปด้วยซ้ำ


            “รบกวนเกินไปแล้วค่ะ แค่มหาวิทยาลัยเล็กๆ แถวนี้ก็พอ”


            กมลเอ่ยห้ามอย่างเกรงใจ ภูมิคว้ามือเธอมากุมไว้


           “อย่าเรียกว่ารบกวน ลืมไปแล้วหรือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”


           “เฮอะ!”


           เสียงสบถในลำคอดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินผ่านมาได้ยินพอดี ภูเมธทำท่าเหมือนจะเดินผ่านเลยไปโดยไม่เข้ามานั่งร่วมโต๊ะ

ด้วย


           “เจ้าลูกชายจะรีบไปไหน เข้ามากินอาหารเช้าก่อนสิ”


            ภูเมธชะงักเท้าแต่ก็ไม่ยอมหันกลับมา เขายืนนิ่งเชิดหน้าสูงพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยเสียงเย็นชา


           “เชิญป๋ากินอาหารเช้ากับครอบครัวของป๋าให้สบายใจเถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผม เพราะผมดูแลตัวเองได้”


           “เจ้ามาร์ค”


            ภูมิปรามเสียงเข้ม จนกมลต้องยกมือวางที่ท่อนแขนเบาๆเพื่อห้ามไว้


           “เชิญคุณมาร์คนั่งก่อนเถิดค่ะ ฉันกับโก๋อิ่มแล้ว”


           ภูเมธหันกลับมาด้วยมุมปากที่ยกยิ้มเยาะหยัน การันต์มองแล้วรู้สึกโมโหจนต้องกำมือแน่นเมื่อเห็นท่าทีที่ภูเมธมีต่อเขาสองคน

แม่ลูก การันต์จึงรีบผุดลุกขึ้นพร้อมกับกมลเพื่อจะหลบเลี่ยงกับท่าทีคุกคามของภูเมธ


           “อ้าว จะรีบไปไหนล่ะ อยู่ต่อก่อนสิ ไหนๆก็มีโอกาสเข้ามาเป็นคุณผู้หญิงในบ้านหลังนี้แล้ว ก็ต้องกอบโกยให้เต็มที่ จริงไหมครับคุณผู้หญิง”


          “บ้าที่สุด”


           ภูเมธชะงักเมื่อได้ยินเสียงต่อว่าจากคนที่เขาไม่คาดคิด ไม่ใช่จากบิดาหรือภรรยาใหม่ของบิดา แต่เสียงนั้นดังมาจากร่างผอมบาง

ที่มองมายังเขาด้วยสายตาเหมือนลูกแมวน้อยที่กำลังถูกกลั่นแกล้ง


                “คุณกำลังดูถูกแม่ของผม”


                “แล้วอะไรคือดูผิด”


                 ภูเมธก้าวเข้ามาใกล้ เขายืนกอดอกเชิดหน้าถือดีขึ้น คิ้วเข้มเลิกขึ้นสายตาหาเรื่อง


                “ลองบอกมาสิว่าที่แม่ของนายมาอยู่ที่นี่ไม่ได้มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง”


                “เจ้ามาร์ค”


                คราวนี้ภูมิทนไม่ไหว มือหนาตบโต๊ะดังปังก่อนที่จะผุดลุกขึ้นยืนอีกคน ในขณะที่กมลต้องก้มหน้าซ่อนน้ำตาไว้


               “ป๋าไม่เคยสอนให้แกเป็นคนดูถูกคนอื่น โหดได้ เลวได้ แต่ต้องไม่เหยียดหยามศักดิ์ศรีคน จำไม่ได้แล้วหรือไง”


               ภูเมธกัดฟันแน่นเมื่อถูกบิดาว่ากล่าว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยถูกดุจนกระทั่งสองแม่ลูกคู่นี้ก้าวเข้ามาในบ้าน


               ภูมิถอนหายใจเพื่อระงับอารมณ์ แล้วจึงเอ่ยถามลูกชายด้วยความพยายามจะเป็นกลางที่สุด


              “ไหนลองบอกป๋ามาที ทำยังไงแกถึงจะยอมรับกมลและโก๋”


               ดวงตาคมกร้าวขึ้นทั้งที่มุมปากยิ้มหยัน การันต์ที่ยืนมองอยู่นึกเกลียดท่าทางนี้จับใจ


              “ป๋าอยากให้ผมยอมรับ ผมก็จะยอมรับ แต่มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนมาก่อน”


               ร่างสูงยกมือขึ้นมาชี้ไปทางการันต์พร้อมกับพูดประโยคที่ไม่มีใครคาดคิด


               “ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามคนนี้ต้องมาเป็นคนของผม ทำทุกอย่างตามที่ผมสั่ง จนกว่าผมจะพอใจแล้วเมื่อถึงตอนนั้นผมจะยอมรับ”






              การันต์เครียดอยู่ทั้งวันตั้งแต่ได้ยินคำพูดบ้าๆจากปากของคนเย่อหยิ่งคนนั้นที่กล่าวไว้ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากห้อง

ทิ้งไว้แต่ความเงียบงัน จนได้ยินเสียงรถที่ภูเมธขับออกไปพ้นจากรั้วบ้าน

              กมลเองก็เสียใจจนสะอื้นออกมา ภูมิถอนหายใจยาวอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านี้ การันต์เข้าใจในตัวภูมิดีว่าเขาเลี้ยงภูเมธ

อย่างตามใจจนเคยตัวยากที่จะควบคุม หนุ่มน้อยถอนหายใจใบหน้าอ่อนเยาว์นั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งวัน จนกระทั่งมืดค่ำเขาจึง

ได้ยินเสียงกุกกักจากห้องข้างๆจึงเดาว่าเจ้าของห้องที่มีระเบียงร่วมกันน่าจะกลับเข้ามาแล้ว

              การันต์นั่งนิ่งอีกพักใหญ่เพื่อไตร่ตรองในสิ่งที่ตัดสินใจ แล้วจึงลุกขึ้นก้าวออกไปทางประตูเล็กเขาจึงได้เห็นระเบียงกว้างที่

โผล่พ้นหลังคาบ้านออกไป ฝั่งหนึ่งมีเก้าอี้ไม้ที่ปรับเอนได้ตั้งอยู่ การันต์เดาว่าภูเมธคงออกมานั่งเล่นตรงนี้บ่อยๆ ถัดจากประตูห้องของ

เขาการันต์เห็นประตูเล็กที่อยู่ถัดไป หนุ่มน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ มือที่จับลูกบิดประตูชื้นไปด้วยเหงื่อเมื่อเขาเปิดมันออกและก้าว

เข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว


                    “เฮ้ย!”


         การันต์อุทานอย่างตกใจที่เมื่อก้าวเข้าไปภายในก็ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องในสภาพที่การันต์ไม่ทันตั้งตัว         เจ้าของ

ห้องเดินออกมาจากห้องน้ำมีเพียงผ้าเช็ดตัวที่พันไว้รอบเอว อวดผิวขาวและช่วงอกแข็งแรงหยดน้ำที่ยังเกาะพราวตามเนื้อตัวยิ่งทำให้

การันต์ใจสั่นจนต้องก้มหน้างุด ส่วนภูเมธเมื่อเห็นผู้มาเยือนเขาจึงกดยิ้มที่มุมปากแต่ดวงตาดุกลับมองการันต์ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา

ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาใกล้ มือเรียวคว้าคางมนของการันต์ให้เงยหน้ามาสบตากับเขา


           “แก้แค้นที่ฉันเข้าไปในห้องนายเมื่อวานโดยการที่เข้ามาเห็นฉันในสภาพแบบเดียวกับนายบ้างหรือไงไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


            การันต์เอียงหน้าหนีพลางปัดมือเรียวจนพ้นจากคางของตน ใบหน้าที่น่ารักราวกับเด็กน้อยตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างแค้น

เคือง


            “ผมชื่อการันต์ ไม่ใช่ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามอย่างที่คุณเรียก”


             เลิกทำเสียทีได้ไหมกับไอ้ท่ากวนเบื้องล่าง


             การันต์นึกในใจเมื่อเห็นภูเมธยักไหล่และเลิกคิ้วเหมือนจะขำคำพูดของเขา


             “แล้ววันนั้น ถ้าคุณจะย้อนความทรงจำกลับไปก็จะจำได้ว่าคุณเองก็ขับรถเร็วเหมือนพวกตีนผี”


             ไม่เลวเลย


             กับน้ำเสียงที่ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนแมวน้อยขู่ฟอดยามไม่ได้ดั่งใจ


              มันทำให้ภูเมธยิ่งนึกสนุกเวลาที่เห็นคนตรงหน้าโมโห


             นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่กลับอารมณ์ดีได้เวลาที่เห็นเด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามคนนี้ยืนกำมือแน่นแล้วเถียงฉอดๆ  สีหน้า

ท่าทางที่ไม่ยอมแพ้ทำให้เขาต้องซ่อนรอยยิ้มเอาไว้


         “เก่งจริงนะ ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


           ภูเมธก้าวเข้าไปหาร่างบางนั้น การันต์กลืนน้ำลายลงคอพลางก้าวถอยหลังหนีทีละก้าวๆจนแผ่นหลังปะทะกับบานประตูที่

เพิ่งก้าวเข้ามา


             ถอยก่อนดีกว่า นี่คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจะพูดคุยเพื่อตกลงแลกเปลี่ยนอะไรแน่ๆ เมื่อหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปหมด      
 

        ว่าแล้วการันต์ก็เตรียมที่จะผลักประตูออกไป แต่แขนของเขากลับถูกคว้าไว้แล้วถูกผลักจนหลังพิงประตู


              เหมือนเมื่อวานเลย


              การันต์โมโหตัวเองที่รนหาที่เข้ามาให้เขตส่วนตัวของคนตรงหน้า คนน่ากลัวที่ยื้อยุดแขนทั้งสองข้างเอาไว้แล้วโน้มตัวลงมา

จนใบหน้าแทบจะชิดติดกัน ทำให้การันต์ต้องเอียงหน้าหนีจนสุดความสามารถ


             “ไหนลองบอกมาซิ ว่าต้องการอะไรถึงกล้าก้าวเข้ามาในห้องของฉัน”

           น้ำเสียงนั่นดังอยู่ใกล้หู ใกล้มาก…ใกล้จนการันต์สงสัยว่าใบหน้าของภูเมธจะอยู่ใกล้แค่ไหน


            “ผมมาทำความตกลงกับคุณ”


              การันต์หลับหูหลับตาพูด เขาไม่กล้าหันไปมองหรอกแค่นี้ก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถุกแล้ว


             “ลองบอกข้อเสนอของนายมาสิ ฉันอาจจะชอบก็ได้นะ”


             “คุณปล่อยผมก่อนสิ ทำแบบนี้มันอึดอัดรู้ไหม”


              ถ้าหูไม่ฝาดเหมือนว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆอยู่ที่ข้างใบหู  ก่อนที่แก้มจะร้อนวูบเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสจากอะไรบางอย่างที่

แผ่วเบา มันทำให้ลมหายใจของการันต์สะดุดเกือบสำลัก


               ภูเมธปล่อยท่อนแขนเรียวเล็กนั่น แล้วก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างให้คนที่ยืนตัวสั่นพิงประตูอยู่


             “มีอะไรก็รีบพูดมา”


               การันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกว่าได้พื้นที่ส่วนตัวกลับคืนมา แม้จะเพียงน้อยนิดมันก็ทำให้เขามีเวลาปรับการหายใจให้

กลับสู่ระดับปกติอีกครั้งแม้ว่าหัวใจของเขายังเต้นรัวไม่เลิก หนุ่มน้อยหันใบหน้ากลับมาสบตากับตาคมคู่นั้น แล้วเอ่ยในสิ่งที่ตัดสินใจมา

แล้ว


             “ที่คุณพูดเมื่อเช้านี้ ว่าถ้าผมยอมเป็นคนของคุณ คุณจะยอมรับแม่ของผม”


             การันต์กลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่ภูเมธเลิกคิ้วเข้มขึ้นยกมือกอดอกรอคำพูดจากการันต์


             “ผมยอมก็ได้ ผมยอมเป็นคนของคุณ ยอมรับใช้ตามที่คุณสั่ง ขอแค่คุณเลิกดูถูกแม่เลิกทำให้แม่ร้องไห้อย่างเมื่อเช้านี้”


             ดวงตาคู่สวยที่มองมาตอนนี้แดงก่ำ เรียวปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อการันต์พยายามหักห้ามความเสียใจที่เห็นแม่ต้องร้องไห้             

          ไม่…แม่จะต้องร้องไห้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย การันต์จะทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ยิ้มได้ แม้ว่าเขาจะต้องยอมเป็นทาสรับใช้ผู้ชายที่

กำลังมองมาด้วยแววตาที่เขาแปลความหมายไม่ออก การันต์ก็ยอมแล้ว


              “นายหมายถึงว่า นายจะยอมทำตามคำสั่งที่ฉันสั่ง ทุกอย่างงั้นรึไง”


             “ชะ ใช่ เริ่มจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป แค่คุณอย่าทำให้แม่ร้องไห้”


             น้ำตาหยดไหลผ่านร่องแก้ม มือน้อยกำหมัดแน่นเมื่อเอ่ยข้อตกลงออกมา ริมฝีปากสั่นระริก การันต์เชิดหน้าขึ้นรอคำตอบจาก

เขา ภูเมธมองภาพนั้นก่อนที่จะยกยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง


            “ดีล…ฉันยอมรับข้อตกลง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปนายคือคนของฉัน การันต์”


            เป็นครั้งแรกที่ภูเมธเอ่ยชื่อของเขาออกมา แต่มันทำให้เขาปวดหนึบที่ใจเมื่อรู้ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะต้องตกเป็นทาส

ของคนๆ นี้ วันพรุ่งนี้ที่เขายังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง

            การันต์มองภูเมธด้วยสายตาตัดพ้อก่อนที่จะผลักประตูแล้วรีบก้าวหนีไปจากห้อง จึงไม่ทันได้เห็นนัยน์ตาวาววับของภูเมธ        

         …นี่นายจะรู้บ้างไหมว่าการเป็น“ทาส”เขาต้องทำอะไรกันบ้าง…





              เมื่อวิ่งกลับเข้ามาในห้องส่วนตัวการันต์จึงรีบล็อคประตูจนแน่นหนาแล้วจึงก้าวมาล้มตัวลงบนที่นอน น้ำตาไหลพรากกับสิ่งที่

ตัดสินใจ แต่เขาจำเป็นต้องยอมรับมัน


             พ่อจ๋า

            พ่อที่อยู่บนสวรรค์ ได้โปรดช่วยลูกด้วย


            ได้โปรดให้ลูกได้มีแรงต่อสู้กับผู้ชายคนนั้น


             หนุ่มน้อยปล่อยให้น้ำตาไหลรินจนหมดแรง และหลับใหลไปกับราตรีสุดท้ายที่ยังมีอิสรภาพ



TBC

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 4 [13/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 13-03-2016 18:44:51
สนุกดีค่ะ จะรอติดตามนะคะ
ชอบพี่สมหวังที่ดูท่าทางจะไม่สมหวัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 4 [13/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-03-2016 19:54:05
สมหวังกินแห้วแหงงานนี้

 :hao5:

ทำไงดีน้อ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 4 [13/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 14-03-2016 19:22:31
อย่าใจร้ายกับโก๋มากนะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 4 [13/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-03-2016 20:24:42
สู้เค้านะโก๋น้อย
เจออีกเยอะแน่ๆ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 4 [13/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-03-2016 04:17:01
โอ๋ๆ น้องโก๋ สู้เค้าน้าลูก
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 4 [13/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 15-03-2016 11:58:08
สงสัยจำเลยรัก :)
อย่าโหดกับน้องมากน้า :):):)
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 5 [15/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-03-2016 12:37:22


                                                  รักกลางใจ

                                                    บทที่ 5



   “ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม นี่นายจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน”


   ร่างผอมที่นอนจมไปกับที่นอนอุ่นสะดุ้งเฮือกก่อนจะผวาลุกขึ้นมาด้วยดวงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเกรอะกรังอยู่ตามร่องแก้ม

การันต์ที่เพิ่งตื่นจากนิทราทำหน้างงๆเมื่อเห็นบุตรชายเจ้าของบ้านยืนกอดอกหน้าบึ้งมองเขาอยู่ที่ปลายเตียง


ดวงตาเรียวสองชั้นกระพริบตาขับไล่ความมึนงง เพราะเขาจำได้ว่าเมื่อกลับเข้ามาในห้องตัวเองการันต์ได้ล็อคประตูไว้แล้ว

แต่ทำไมร่างสูงขาวของภูเมธจึงได้มายืนมองเขาอยู่ปลายเตียงได้แบบนี้


   “คุณ...เอ่อ...เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง”


   “ทำไมฉันจะต้องบอกนายถึงวิธีการเข้านอกออกในบ้านของตัวเองที่มีนายมาอาศัยอยู่”


   ภูเมธกล่าวเสียงเข้มตามแบบฉบับของเขา ผู้ชายมาดนิ่งปากร้ายตาดุที่ทำให้การันต์รู้สึกใจสั่นเวลาเข้าใกล้


   ใจสั่นจริงๆนะ การันต์ไม่เข้าใจตัวเอง


               หัวใจมันจะเต้นแรงๆจนบางทีเกือบเผลอหอบเพราะหายใจไม่ทัน ยิ่งเวลาภูเมธเดินเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้สติกระเจิดกระเจิง

เหมือนอย่างในตอนนี้ที่เขากำลังกระชากแขนให้การันต์ลุกจากที่นอนจนผวาเข้าใกล้ร่างสูงนี่


   “อย่าลืมว่าวันนี้สัญญาของเราเริ่มต้นแล้ว มีอย่างที่ไหนที่เจ้านายต้องมาปลุกทาสให้ตื่นจากการนอนขี้เซา”


   “ละ แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรบ้างล่ะ”


   กัดฟันถามกลับด้วยเสียงสั่นๆ และที่ได้รับกลับมาคือมุมปากที่กระตุกยิ้มเพียงเล็กน้อย


   “ฉันให้เวลานายแค่สิบนาทีในการอาบน้ำแต่งตัวแล้วตามฉันไปที่ห้อง อ้าว เร็วสิ นี่เวลาผ่านไปครึ่งนาทีแล้วนะ”


   การันต์ทำหน้าเหวอ เขารีบสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำจึงไม่ทันได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกฝ่าย

ก่อนที่จะทำหน้าเลิ่กลั่กวิ่งออกมาจนภูเมธแทบซ่อนรอยยิ้มไม่ทัน


   “อะไรอีกล่ะ”


   การันต์ไม่ตอบเมื่อเขาก้าวยาวๆ ไปคว้าผ้าเช็ดตัวตรงราวตากผ้าเล็กๆ มุมห้องแล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบหนึ่ง

คราวนี้ภูเมธรอจนมั่นใจว่าหนุ่มน้อยหน้าตาเหรอหราจะไม่วิ่งออกมาอีก เขาจึงถอนหายใจและหยุดสายตาอยู่ที่ประตูห้องน้ำ


   ไม่รู้สิ ภูเมธคิดว่าการได้แกล้งให้การันต์มีท่าทีตกใจกลายเป็นเรื่องสนุกของเขา


   เวลาเด็กน้อยนั่นมีสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึงแล้วตัวสั่นเทาเหมือนลูกแมวเวลาตกน้ำมันช่างน่าดูและทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่น่าเชื่อ


   นี่ถ้าใครมารู้จะหาว่าเขาซาดิสม์หรือเปล่านะ


   เขาเองก็ไม่รู้ตัว แต่การที่เมื่อลืมตาตื่นนอนในตอนเช้าแล้วนึกถึงแต่ใบหน้าเหวอๆจนต้องเดินมาใช้กุญแจไขประตูห้องฝั่งนี้

เพื่อเข้ามายืนมองร่างผอมนอนขดอยู่บนเตียงพักใหญ่ก่อนที่จะตัดใจปลุกให้ตื่น มันเรียกว่าอะไร


   เขาจะไม่บอกเด็กคนนั้นหรอกว่าเขามีกุญแจของบานประตูฝั่งนี้ เพราะนี่คือห้องเดิมของมารดาก่อนเสียชีวิตที่ภูเมธมักจะเข้ามา

เวลาคิดถึงแม่อยู่บ่อยครั้ง


   ภูเมธกำลังคิดว่าการที่เขาได้แกล้งการันต์เช่นนี้กลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเขาไปเสียแล้ว




   ไม่นานเกินสิบนาทีการันต์ก็โผล่หน้ามาหาเขาที่ห้องพลางหอบหายใจถี่ๆเพราะความเหนื่อย แต่พอก้าวเข้าไปดวงตาเรียว

ก็ต้องลุกโพลงเมื่อเห็นภูเมธอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนส่วนท่อนล่างมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนอย่างเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด


หนุ่มน้อยรีบหลับตาลงแล้วพลิกตัวหันหลังให้กับภาพนั้น ใจเต้นตึกตักจนแทบพุ่งออกมานอกทรวงอก แต่ภาพผู้ชายหุ่นสมส่วน

ไหล่กว้างลาดลงมาจนถึงเอวที่ปราศจากไขมันและผิวขาวๆ นั่นกลับติดตาจนยากที่จะล้างออกไปได้


            หุ่นดีชะมัด...


            การันต์ก่นด่าตัวเองที่ไม่กล้าหันกลับไปมองแถมยังแอบกลืนน้ำลายคำใหญ่ ก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆก็มีเสียงดังอยู่ใกล้หลังใบหูนี่เอง


          “ทำไม ไม่เคยเห็นผู้ชายถอดเสื้อเรอะ”


          ผู้ชายถอดเสื้อน่ะเห็นบ่อยๆแต่ไม่มีใครทำให้ใจเต้นโครมครามอย่างนี้นี่หว่า


           การันต์ได้แค่เถียงในใจพลางหันกลับมา หรี่ตาขึ้นมองช้าๆ


    โอย ไปยืนไกลๆ ตรงโน้นได้ไหม มุมห้องเลยยิ่งดี


           แทบก้มหน้างุดจนคางชิดอกเมื่อภูเมธมายืนอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือถึง แล้วก็เอื้อมถึงจริงๆแต่กลายเป็นภูเมธที่คว้าแขนของเขา

แล้วลากให้เดินตามมาที่เก้าอี้ตัวยาวบุหนังราคาแพงที่ตั้งอยู่ฟากหนึ่งของห้องกว้าง จากนั้นจึงยัดขวดครีมบำรุงผิวใส่มือของการันต์


          “ทาครีมตรงหลังให้หน่อย”


          “ฮะ!”


          ขวดครีมทาผิวแทบร่วงจากมือ


         “งานแรกของนาย”


          ภูเมธเอ่ยพลางหันหลังให้ร่างผอมที่ยังตั้งสติไม่ได้


          “อ้าว เร็วสิ ฉันไม่ได้จะรอนายจนถึงพรุ่งนี้หรอกนะ”


          เสียงดุเบาๆเรียกสติกลับคืนมาได้ การันต์งกๆเงิ่นๆเทครีมใส่ฝ่ามือแล้วจึงค่อยๆแตะลงไปบนไหล่ของอีกฝ่าย


          “มือเบาแบบนี้ครีมมันจะซึมเข้าผิวไหม ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


            เสียงดังทำให้การันต์ตกใจ ขวดใส่ครีมหล่นจากมือกระแทกพื้นพรมจนครีมหกเลอะเทอะ ภูเมธขมวดคิ้วพลางกระชากแขน

การันต์จนเซถลาเข้ามานอนอยู่บนตักของเขา ภูเมธคว้าเอวเล็กไว้ในอ้อมแขนและเสี้ยววินาทีที่รวดเร็วนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงัน


             ตาสบกัน ลมหายใจแทบหยุดนิ่งด้วยกันทั้งคู่ ภูเมธเผลอมองปากอิ่มก่อนที่ใบหน้าของเขาจะโน้มต่ำลงเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว

จนริมฝีปากของเขาสัมผัสกับกลีบปากของหนุ่มน้อย


            นิดเดียว เพียงแค่นิดเดียวจริงๆที่พื้นผิวของริมฝีปากแตะต้อง แต่แค่นี้การันต์ก็ร้อนวูบวาบราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมา

จากร่างที่เกาะเกี่ยวอยู่บนเนื้อตัว มันพุ่งวาบจากริมฝีปากแล่นไปทั่วร่างตั้งแต่สมองยันปลายเท้าจนเขามึนงงไปหมด


            เสียงลูกบิดประตูด้านหน้าดังคลิกเรียกสติกลับคืนมาให้ทั้งสอง การันต์ผวาผลักไหล่กว้างของอีกฝ่ายแล้วเด้งตัวออกจาก

ท่าที่หมิ่นเหม่ก่อนที่แม่บ้านจะก้าวเข้ามาในห้องแล้วมองมาด้วยสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นบุตรชายเจ้าของบ้านนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา

ในขณะที่สมาชิกใหม่ของบ้านยืนหน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศอยู่ไม่ไกลกันนัก


          “คุณชายมาร์คตื่นเช้าจังนะคะ แล้วเอ่อ คุณหนูโก๋ทำไมมาอยู่กับคุณชายได้ล่ะ”


               “ไม่มีอะไรหรอกน่าป้าแจ่ม”


              ภูเมธกล่าวเสียงเรียบตามบุคลิกของเขา


             “อ้อ แล้วต่อจากนี้ป้าแจ่มไม่ต้องเข้ามาทำความสะอาดห้องผมแล้วนะ...”


              ป้าแจ่มหญิงชราแม่บ้านที่ยังแข็งแรงมีสีหน้าแปลกใจมากขึ้นไปอีก


             “เพราะต่อไปนี้หน้าที่นี้จะเป็นของคุณหนูโก๋ของป้าแจ่มไงล่ะ”





             ภูมิดูแปลกใจไม่น้อยที่เห็นการันต์เดินตามภูเมธจากบันไดกว้างมายังห้องอาหารยามเช้า แม้ฝ่ายหลังจะก้มหน้างุด

มองแต่พื้นจนถึงโต๊ะอาหาร ภูเมธนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งในขณะที่การันต์เตรียมก้าวไปนั่งข้างมารดา แต่หนุ่มน้อยก็ต้องชะงัก

เมื่อบุตรชายเจ้าของบ้านเพ่งมองเหมือนจะบอกให้เขารู้ว่าตำแหน่งที่การันต์ต้องนั่งคือตรงไหน ร่างผอมบางจึงได้ทรุดตัวลงนั่ง

ถัดจากภูเมธไปอย่างไม่เต็มใจนัก

            แม่บ้านเริ่มเสิร์ฟอาหาร ภูเมธยังคงนั่งนิ่งก่อนจะเอ่ยปากออกมา


           “ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม ฉันอยากกินน้ำเต้าหู้”


            เขาพยักเพยิดไปทางด้านหนึ่งที่มีเหยือกบรรจุน้ำเต้าหู้ที่กมลทำไว้การันต์จึงต้องยกมันมาเพื่อเทใส่แก้วมาตั้งไว้ด้านข้างของภูเมธ


          “เทเองก็ได้ ใช้น้องทำไม”


          ภูมิติงเสียงเรียบ บุตรชายได้แต่ยักไหล่


          “ก็เป็นหน้าที่ที่น้องจะต้องทำให้พี่ แล้วน้องเองก็เต็มใจทำให้ ใช่ไหมน้องโก๋”


           ปลายประโยคหันมาถามพร้อมกับหันตาดุๆจ้องมอง ทำให้การันต์ต้องยิ้มจืดๆแล้วรีบตอบเจ้าของบ้าน


           “ครับ คุณลุง ผมเต็มใจครับ”


          “เต็มใจที่จะมาทำน้ำเต้าหู้เองด้วยใช่ไหม”


           ภูเมธเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามเอื่อยๆแต่นั่นกลับทำให้การันต์ขมวดคิ้ว


           บ้าอำนาจที่สุด!


           ทำความสะอาดห้องก็ต้องทำ แล้วจะให้ตื่นแต่เช้ามาทำน้ำเต้าหู้อีก ใจร้าย…


           “เอ่อ น้ำเต้าหู้น้าทำให้เองดีกว่าค่ะ โก๋ยังทำไม่คล่องหรอก”


           กมลเอ่ยปากอย่างขลาดๆ ภูเมธหันขวับมามองจนเธอต้องหลบสายตา


          “ไม่เป็นไร เพราะโก๋คงจะเต็มใจมาฝึกทำทุกเช้าจนคล่อง ฉันพูดถูกหรือเปล่า”


           การันต์ลอบถอนหายใจ


          “ครับ ผมเต็มใจ”


           หางเสียงที่กระแทกกระทั้นอยู่ในทีทำให้ภูเมธยกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะลงมือกับอาหารเช้าตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีจนภูมิ

ต้องเหลือบตามอง


             “วันนี้ยังว่างอยู่นี่ พาน้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆเตรียมใส่ไปมหาวิทยาลัยหน่อยสิมาร์ค”


             “คุณลุงครับ อย่าได้สิ้นเปลืองเพราะผมไปมากกว่านี้เลย เท่าที่คุณลุงกรุณาก็มากเกินไปแล้ว”


              การันต์รีบยั้งความคิดของภูมิ แต่มีหรือที่จะห้ามได้


             “อย่าห้ามเลยโก๋ ลุงเต็มใจที่จะให้และลุงคิดว่ามาร์คก็คงเต็มใจที่จะพาไปเหมือนกัน ใช่ไหมมาร์ค”






              และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมาเดินด้วยใบหน้าบูดบึ้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า หนุ่มน้อยที่เดินตัวลีบตามหลังมาห่างๆ

มองแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าอย่างพิจารณา


             ภูเมธเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่น เขาไม่เคยยืนค้อมหลัง ท่วงท่าของเขาสง่าผ่าเผยสมกับที่เป็นบุตรชายของนักธุรกิจ

ที่มีอิทธิพลมืดที่มาไม่เด่นชัด นั่นยิ่งทำให้การเข้าหาชายหนุ่มยากยิ่งขึ้น


            ก็ดูตลอดทางที่เขาเดินนั่นสิ มีแต่คนมองตามจนแทบเหลียวหลังโดยเฉพาะกับสาวๆที่คอยแต่ชายตามอง แต่เจ้าตัวกลับ

ไม่สนใจสักนิด เหมือนจะคุ้นชินกับสายตาจ้องมองจากผู้อื่นอยู่แล้ว


            ผิดกับการันต์ที่เป็นเด็กกะโปโล ชีวิตมีแต่แม่และโรงเรียนไม่มีอะไรคู่ควรที่จะไปเดินเคียงข้างผู้ชายข้างหน้าแม้แต่น้อย

ก็สมควรแล้วที่จะต้องเป็นทาสของคนๆนั้น

            เอ๊ะ แล้วนี่เขาจะนึกเปรียบเทียบให้เจ็บจี๊ดๆ อยู่ในซอกหนึ่งของหัวใจทำไม การันต์ไม่เข้าใจตัวเองเลย


            “เอ้า เดินเร็วเข้าสิ นี่นายคิดว่าฉันมีเวลาทั้งวันเพื่อบริการนายหรือไง”


            ร่างสูงหันมาตวาดเบาๆเมื่อถึงทางแยกจนการันต์ต้องรีบก้าวมาเพื่อให้ทันและหยุดยืนต่อหน้าภูเมธ


           “แล้วคนเยอะอย่างนี้มัวแต่ก้มหน้าเดิน เดี๋ยวก็หลงทางหรอกนะ”


            เสียงเข้มดุแต่ภูเมธกลับคว้าข้อมือของการันต์มาจับไว้จนการันต์พยายามขืนตัวเองจากการเกาะกุมของมือที่เหนียวปานประหนึ่งตุ๊กแก


            “ผมเดินเองได้ ไม่หลงหรอกครับ”


            เอ่ยปากเถียงแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังมองด้วยตาดุกลับมาอีก


           “คนซุ่มซ่ามอย่างนาย ไว้ใจเรื่องนี้ได้ด้วยหรือ ไป อย่าชักช้า”


            ภูเมธลากแขนให้เขาเดินตาม แต่แล้วร่างสูงก็ชะงักจนการันต์เกือบเบรคไม่ทัน


            ภูเมธมองคนที่หยุดยืนอยู่เบื้องหน้า อีกฝ่ายก็มองกลับเหมือนรู้จักกัน แล้วคนตรงหน้าก็เอ่ยทัก


           “ไม่เจอกันนานแล้วนะ สบายดีหรือไง”


           ภูเมธยิ้มแค่มุมปากและเลิกคิ้วเป็นการตอบรับเพื่อนเก่า


           “สบายดี นายก็คงสบายดีนะ สมหวัง”


            คำขานชื่อว่า สมหวัง ทำให้การันต์ต้องเบิกตากว้าง เขาก้าวมาด้านข้างจนพ้นแผ่นหลังกว้างที่ยืนบังอยู่


           “เฮีย”


           หนุ่มน้อยยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้พบหน้าสมหวัง ภูเมธเองก็มีสีหน้าแปลกใจที่เห็นทั้งคู่รู้จักกัน


           ให้ตายสิ


          ภูเมธกัดริมฝีปากตัวเอง


          ทำไมเมื่อเห็นทีท่าของคนสองคนที่เจอกัน มันทำให้เขาขุ่นมัวอยู่ในซอกหลืบของหัวใจจนต้องกระชับมือที่ยังคงจับข้อมือเล็ก

ของการันต์ให้ยิ่งแน่นเข้าไปอีก ภูเมธเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน



TBC


 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 5 [15/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-03-2016 13:19:09
 :katai5:

เฮียยยยยยยยยย

บทเฮียพระรองจริงไรจริง  :ling1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 5 [15/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 15-03-2016 13:20:58
แกล้งโก๋มากๆๆ วันไหนรักโก๋ขึ้นมา ขอให้โก๋ไม่รัก มึงจะได้รู้สึกถึงความเสียใจบ้าง ไอ้บ้าภูเมธ รอซ้ำเติมเลยด้วย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 5 [15/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-03-2016 14:39:39
อยากตบอิตามาร์ค  o12
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 5 [15/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-03-2016 17:21:36
คุณชายมาร์คเหมือพี่ชายเห่อน้องเลย 555555
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 6 [16/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-03-2016 20:31:23


                                                        รักกลางใจ

                                                          บทที่ 6



               สมหวังหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อหันไปเห็นมือที่เกาะกุมข้อมือเล็กของการันต์ไว้ คิ้วเข้มขมวดกันแน่นพร้อมเหลือบตา

ขึ้นมองหน้าเพื่อนเก่า


              “เฮียไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าโก๋รู้จักกับเพื่อนเก่าของเฮียด้วย”


            “เอ่อ...”


            การันต์เองก็อับจนถ้อยคำได้แต่มองอย่างรู้สึกผิด ภูเมธเห็นท่าทีทั้งคู่แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก


            “ก็บอกเขาไปสิว่านอกจากรู้จักกันแล้ว นายยังย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับฉันอีกด้วย”


            “ฮะ จริงหรือโก๋”


             สมหวังอุทานอย่างตกใจพลางปรี่เข้าไปกระชากแขนอีกข้างของการันต์จนร่างผอมเซตามแรงดึง แต่แล้วการันต์ก็ต้อง

เซกลับมาทางเดิมเมื่อภูเมธที่ยึดแขนอีกข้างไว้ก็ยังไม่ยอมปล่อยแถมยังดึงเข้าหาตัวอีกต่างหาก การันต์หน้าเจื่อนเมื่อต้องยืน

อยู่ตรงกลางระหว่างผู้ชายสองคนที่ต่างมองจ้องกันเขม็ง หนุ่มน้อยได้แต่มองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา


              “ปล่อยก่อนเถิดครับ ขอให้ผมคุยกับเฮียก่อน”


             ภูเมธมองตาขุ่นที่เห็นการันต์ยิ้มจืดเมื่อกล่าวของร้อง แต่เขาก็ยอมปล่อยมือที่เกาะกุมข้อมือของการันต์ออกอย่าง

ไม่เต็มใจนัก เมื่อเห็นดังนั้นสมหวังจึงรีบลากการันต์ออกห่างจนแน่ใจว่าภูเมธจะไม่ได้ยินบทสนทนา


             “ทำไมถึงไปอยู่บ้านไอ้มาร์คได้ อย่าบอกเฮียนะว่าคนที่น้ากมลไปอยู่ด้วยน่ะ คือ...”


             การันต์พยักหน้ายอมรับสมหวังถึงกับยกมือตีหน้าผากตัวเองดังป้าบ


             “โอย เฮียอยากจะบ้า ทำไมน้ากมลกับโก๋ต้องไปเกี่ยวข้องกับสองพ่อลูกนี้ด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าธุรกิจของเขาน่ะมีทั้งด้านดีและไม่ดี”


             หนุ่มน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่


            “รู้สิเฮีย แต่ทำไงได้ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แม่ตัดสินใจยังไงผมก็ต้องยอมรับ”


            สมหวังมองการันต์อย่างห่วงใยและกังวล มือหนาวางลงบนบ่าแล้วบีบกระชับหนักๆ


            “แล้วรู้ใช่ไหมว่าเฮียเป็นห่วง”


           การันต์ยิ้มเศร้าก่อนพยักหน้ารับอีกครั้ง เขามองสมหวังด้วยความตื้นตันจนภูเมธที่ยืนอยู่ห่างออกไปรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน

จนต้องก้าวเท้ายาวๆเข้าไปดึงแขนของการันต์ไว้


            “หมดเวลาคุยแล้ว ธุระยังไม่ได้ทำเลยนะ”


            ภูเมธพูดเสียงดุจนการันต์ต้องหันไปมองสมหวังอย่างขอความเห็นใจ


            “เฮีย ปล่อยก่อนเถอะ ผมต้องไปกับเขา”


            สมหวังปล่อยมือจากร่างผอม เขายืนกำหมัดแน่นมองภาพภูเมธลากแขนการันต์ให้เดินตามห่างไกลจากเขาออกไปเรื่อยๆ

ทั้งเกลียดขี้หน้าเพื่อนเก่า ทั้งเป็นห่วงหนุ่มน้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองตามหลังคนทั้งคู่จนลับสายตา






               “ปล่อยนะครับ คุณจะลากผมไปถึงไหน ผมเจ็บนะ”



                หนุ่มน้อยร้องอุทานเมื่อต้องรีบจ้ำอ้าวตามผู้ชายแรงเยอะที่ลากแขนเขาเดินลิ่วๆ

                 การันต์ไม่เข้าใจเลยสักนิด

                 ว่าทำไมภูเมธต้องหงุดหงิดอารมณ์เสียเพียงแค่เขาขอหยุดพูดคุยกับสมหวัง แถมยังมาเหวี่ยงวีนและแยกเขาออกมา

                  เผด็จการ…

                เจ้าอารมณ์…

                ไม่รู้ว่าทำไมขอบตามันร้อนผ่าวไปหมด แถมยังแสบจมูกที่มันชื้นขึ้นมากะทันหัน

                อา…

                น้ำร่วงหล่นจากดวงตาจนรู้สึกได้ที่ร่องแก้ม

                การันต์ตกใจ

               นี่เขากำลังร้องไห้

               ทำไมล่ะ…

               ทำไมเขาต้องร้องไห้เพราะผู้ชายคนนี้


               ภูเมธชะงักเมื่อรับรู้ถึงแรงฝืนที่อีกฝ่ายมีต่อเขา

               ร่างสูงยั้งฝีเท้าแล้วหันกลับไปมอง เมื่อเห็นคนที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังหัวใจของเขาก็พลันอ่อนยวบ

               ก็ดูสิ…ถ้าใครเห็นพวงแก้มยุ้ยเปื้อนหยาดน้ำตาแบบนี้แล้วทนไหว ภูเมธคนนี้จะยอมซูฮก

               ยิ่งดวงตาสองชั้นยาวเรียว นัยน์ตาดำขลับที่บัดนี้แดงเรื่อบอกถึงความน้อยใจ ตัดพ้อ ใบหน้าหวานได้แต่ก้มลงมองแต่ปลายเท้า

ตัวเองมันยิ่งทำให้เขาอยากจะดึงร่างบางเข้ามาปลอบโยนอยู่ในอ้อมกอดแล้วลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ ให้หยุดร้อง   

              โอย…ภูเมธไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามจะทำให้เขาหงุดหงิด

               หงุดหงิดที่มันเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขาขนาดนี้

               หงุดหงิดที่เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปใช้ปลายนิ้วเช็ดหยดน้ำตาหยดล่าสุดที่ร่วงลงมาให้หายไปจากใบหน้านั้น

สิ่งที่เขาทำด้วยความเผลอไผลมันทำให้เขาสะดุ้งจนต้องรีบชักมือกลับไปกำแน่นอยู่ที่ข้างลำตัว


              “ร้องไห้ทำไม”


              ภูเมธปั้นแต่งเสียงจนแข็งทั้งที่ดวงตาอ่อนแสงลงถ้าการันต์จะเงยหน้าขึ้นมามองก็คงแปลกใจ


              “ทำตัวเป็นเด็กสามขวบที่ร้องไห้แม้แต่ตอนแมลงวันบินชนหน้า”   


               ร่างสูงใช้มือบีบปลายคางมนให้ยกสูงขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำจึงได้สบตากับเขา


              “หยุดร้องได้แล้ว เบื่อคนขี้แยชะมัด”


               การันต์สูดลมหายเข้าลึกๆเพื่อกลั้นน้ำตาก่อนที่แขนของเขาจะถูกอีกฝ่ายใช้มือกำที่ข้อมือแล้วลากให้เดินตามอีกครั้ง

แต่ทำไมก็ไม่รู้ คราวนี้การันต์กลับรู้สึกว่ามือใหญ่ที่เกาะกุมข้อมือของเขานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และน้ำเสียงสุดท้ายที่ดุเขา

มันกลับเจือร่องรอยของความห่วงใย ฝีเท้าที่ก้าวนำก็ลดความเร็วจนเขาเดินตามได้อย่างสบายใจ

              อืม…

               เพิ่งรู้ว่าคนเผด็จการ เจ้าอารมณ์ก็มีมุมแบบนี้เหมือนกันนะ

             หนุ่มน้อยเผลออมยิ้มให้กับแผ่นหลังกว้าง






                    สิ่งของที่บรรจุอยู่ในถุงกระดาษเนื้อดีหลายใบที่ได้จากการซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าช่างหนักอึ้งในความรู้สึกของ

คนรูปร่างผอมอย่างการันต์ที่ต้องหิ้วพะรุงพะรังทั้งสองมือจนไหล่ลู่ ในขณะที่อีกคนเดินตัวปลิวกลับเข้ามาในตัวบ้านและเดินนำ

ไปสู่ชั้นสอง พร้อมการช่วยเหลือเพียงแค่หมุนลูกบิดประตูห้องของคนที่เดินตัวเอียงตามมาด้านหลังแล้วก้าวนำเข้าไปก่อน


                “เฮ้อ เหนื่อยชะมัด”


               เมื่อก้าวตามเข้ามาถึงกลางห้องการันต์ก็ถอนหายใจเสียงดัง เขาวางของกองลงบนพื้นห้องก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น

ท่ามกลางกองถุงด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย


                “แค่นี้ทำเป็นบ่น”


                คนตัวสูงยืนกอดอกมองต่ำลงมาด้วยรอยยิ้มกึ่งขำกึ่งเยาะ ทำให้การันต์ยิ่งหน้ามุ่ยลงอีก


                ใช่สิ…ตัวเองไม่ได้เป็นคนหิ้วมานี่ แถมยังซื้อของให้เสียมากมายจนการันต์คิดว่าเขาคงใช้ของพวกนี้ได้อีกหลายปีด้วยซ้ำ

แม้ว่าเขาจะพยายามห้ามแล้วแต่ภูเมธก็ยังชวนเข้าร้านโน้นออกร้านนี้และยังซื้อทุกชุดที่เห็นว่าการันต์ลองใส่แล้วดูดีในสายตาของภูเมธ

                ขอบคุณมากในเรื่องนี้ แต่ทำไมต้องให้เขาหิ้วของหนักขนาดนี้ไปทั่วห้างจนการันต์ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว นี่คิดจะแกล้งกันใช่ไหม


              “ก็ลองมาหิ้วของทั้งหมดนี่เองสิครับจะได้รู้ว่าทำไมผมถึงต้องบ่น”


              “ทำไมต้องลอง”


              ภูเมธยักไหล่แถมยังเบ้ปากอีกต่างหาก


             “ในเมื่อฉันเป็นเจ้านายแล้วนายเป็นทาส งานใช้แรงงานก็ต้องเป็นนายที่ทำอยู่แล้ว”


              ภูเมธทรุดตัวลงมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับการันต์ เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นเป่ารดอยู่ตรงไรผม

การันต์เบิกตากว้าง ร่างกายแข็งทื่อไปหมดเมื่อภูเมธใช้ปลายนิ้วพันกับกลุ่มผมนุ่มพลางม้วนไปมา


              “ชีวิตของนายอยู่ในกำมือของฉัน อย่าลืมความจริงข้อนี้”


             การันต์เงยหน้าสบตา หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาเมื่อตอนนี้จมูกโด่งของภูเมธอยู่ใกล้แก้มของการันต์

จนแทบจะสัมผัสได้

              ตาต่อตาสบกัน ต่างคนก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างค้นคว้า ก่อนที่ปลายนิ้วที่พันเส้นผมของการันต์ไว้

จะชะงักแล้วถูกดึงกลับพร้อมกับที่ภูเมธลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว บุตรชายเจ้าของบ้านเม้มปากอย่างหงุดหงิด

             เกิดอะไรขึ้น!

              ทำไมไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามคนนี้ถึงได้มีแรงดึงดูดให้เขาเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว ถ้าสติของเขากลับคืนมาช้ากว่านี้

อีกนิดเดียว ป่านนี้เขาคง…


            “จากนี้ไป หน้าที่ของนายมีดังต่อไปนี้”


             ภูเมธเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา


            “หกโมงเช้านายต้องลงไปทำน้ำเต้าหู้ เจ็ดโมงขึ้นมาปลุกฉันและเตรียมเสื้อผ้าของฉันให้พร้อมใส่ ในระหว่างที่

ฉันอาบน้ำแต่งตัวนายต้องทำความสะอาดห้องให้เสร็จ ก่อนที่นายจะลงไปดูแลฉันตอนกินอาหารเช้า เข้าใจตรงกันนะ

ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


               ภูเมธเดินย่ำเท้าแรงๆออกไปจากห้องแล้วในขณะที่การันต์ยังไม่หยุดอ้าปากค้าง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง

มือน้อยยกขึ้นวางไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายเพื่อจะปรามให้มันเต้นช้าลงกว่านี้

          เกิดอะไรขึ้น!

          นี่ถ้าช้าอีกนิดเดียว เขาคงเผลอไผลไปกับความใกล้ชิดนั้น ถ้าเพียงภูเมธก้มหน้าต่ำกว่านี้ ป่านนี้มันคง...

          งื้อ....

          อยู่ๆหน้าก็ร้อนเห่อขึ้นมา การันต์รีบปัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อนจะเอนกายลงไปนอนแผ่อยู่กลางพื้นห้องดวงตาจ้องไปที่

เพดานที่มีใบหน้าของภูเมธลอยคว้างอยู่บนนั้น

           เขาควรจะกำจัดความรู้สึกหวิวๆในหัวใจเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายน่ากลัวอย่างภูเมธออกไปจากหัวใจให้ได้

            หนุ่มน้อยถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม







           การันต์สะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้ามืด เขากระวีกระวาดลงไปในห้องครัวเพื่อทำน้ำเต้าหู้โดยมีมารดาคอยให้คำแนะนำ

และเมื่อได้เงยหน้าจากหม้อต้มที่ใกล้จะเสร็จเพื่อเหลือบตามองนาฬิกา เขาก็หน้าเหวอทันที


          “โอย แม่... นี่มันจะเจ็ดโมงแล้ว ผมฝากปิดไฟถ้ามันเสร็จแล้วด้วยนะครับ”


           การันต์เอียงหน้าไปหอมแก้มมารดาก่อนจะวิ่งอ้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ไปหยุดยืนหอบอยู่ที่ประตูหน้าห้องของบุตรชาย

เจ้าของบ้านที่อยู่ถัดไปจากประตูห้องของเขา แล้วเคาะประตูเบาๆ


          “คุณมาร์ค...คุณมาร์ค”


          หนุ่มน้อยใช้หูแนบประตูฟังเสียงจากด้านในก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ จนต้องออกแรงเคาะอีกหลายรอบก็ยังคงเงียบเช่นเดิม


           “คุณมาร์ค ตื่นหรือยัง ผมจะเข้าไปทำความสะอาดล่ะนะ”


           การันต์หมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดออก สืบเท้าก้าวเข้าไปยืนอยู่กลางห้องก่อนจะยืนเท้าเอวมองเจ้าของห้องที่ยังนอนตะแคง

หลับอุตุอยู่กลางเตียงใหญ่


             “ดูสิ บอกให้เรามาปลุกแล้วตัวเองก็ยังไม่ยอมตื่น เฮ้อ...”


            การันต์ถอนหายใจแล้วจึงก้าวเข้าไปนั่งหมิ่นอยู่ที่ขอบเตียง


            “คุณมาร์คตื่นได้แล้ว เจ็ดโมงแล้วครับ วันนี้เปิดเรียนวันแรกนะครับ ผมก็ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เช้านะ”


            การันต์ลองเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่กว้างเขย่าเบาๆ แต่ก็ไม่มีท่าทีตอบรับจากอีกฝ่าย หนุ่มน้อยตัดสินใจขยับเข้าไปใกล้แล้ว


เขย่าร่างนิ่งให้แรงขึ้น


            “นี่คุณมาร์ค จะนอนไปถึงไหน รีบตื่นแล้วไปอาบน้ำเถอะ ผมเองจะได้ปัดกวาดห้องแล้วไปอาบน้ำเตรียมตัวเหมือนกัน อ๊ะ!”


             การันต์ร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆเอวเล็กก็ถูกรั้งและเหนี่ยวเข้าหาคนที่ยังทำท่านอนหลับสนิท และเมื่อเขาฝืนไว้ก็เลยถูกดึง

ให้หงายหลังไปบนที่นอนนุ่มโดยมีวงแขนแข็งแรงวางพาดไว้กลางตัวกันไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมา


              “รู้แล้วๆ แต่ขอเวลาอีกสิบนาทีได้ไหม เมื่อคืนดูบอลดึกไปหน่อย”


             “ตะ แต่ว่าผมต้องทำความสะอาดห้อง เอ่อ คุณมาร์คปล่อยผมก่อนเถอะ”


             การันต์ส่งเสียงตะกุกตะกักพลางพยายามยกแขนภูเมธออกจากตัว แต่อีกฝ่ายยิ่งรั้งเข้ามาใกล้แถมยังซบหน้าลงที่ไหล่ของเขา


            “ฮื้อ อย่าดื้อสิ ห้องน่ะปล่อยมันก่อน ตอนนี้ขอนอนต่อก่อนนะโก๋”


             ปลายเสียงที่เรียกชื่อโดยไม่มีสำเนียงดุทำให้เลือดวิ่งขึ้นมารวมกันอยู่ที่หน้าจนร้อนวูบและทำให้การันต์หมดแรงห้ามปราม

อีกต่อไป หนุ่มน้อยได้แต่นอนตัวแข็งปล่อยให้เจ้าของห้องกอดแทนหมอนข้างอยู่กลางเตียง

             แล้วนี่เมื่อไหร่เขาจะได้ลุกไปอาบน้ำนะ ในเมื่อคนๆ นี้ยังหลับใหลอยู่ข้างกายของเขา

             การันต์เผลอยิ้มกว้างให้กับเพดานห้อง ราวกับมันเป็นท้องฟ้าแสนสวย




TBC


 :-[ :-[





หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 6 [16/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-03-2016 20:52:34
ท่อนสุดท้ายอ่านยากมากเลยค่ะ เว้นวรรคใหม่ได้ไหม
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 6 [16/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-03-2016 21:11:14
แนะๆๆๆๆ พี่มาร์คเผลอบ่อยนะเนี่ย คึคึ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 6 [16/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-03-2016 23:04:34
น้องโก๋กลายเป็นหมอนข้างซะแล้ว :haun5:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 7 [18/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-03-2016 19:34:13


                                           รักกลางใจ

                                             บทที่ 7

              “เพราะนายเลย ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามที่ทำให้ฉันตื่นสาย”


              ภูเมธส่งเสียงเข้มใส่การันต์ในขณะที่รีบวิ่งลงจากบันไดตรงไปที่โรงรถ

              ...ใครกันแน่ที่ทำให้สาย ถ้าไม่มัวแต่คว้าตัวเขาไปกอดแทนหมอนข้างจนกระทั่งพากันเผลอหลับไปอีกรอบหนึ่ง…

              การันต์นึกค่อนอยู่ในใจในขณะที่วิ่งตามหลังมาติดๆ

             หน้าใสร้อนจี๋เมื่อนึกถึงสภาพที่ตื่นขึ้นมาหลังจากเผลอหลับไป ทั้งภูเมธและเขาต้องชะงักงันเมื่อต่างฝ่ายต่างมีร่างอีกคน

อยู่ในอ้อมกอด และเมื่อตั้งสติได้ทั้งคู่ก็ผละออกจากกันแล้วยันตัวขึ้นนั่งด้วยหัวใจที่เต้นรัวถี่ยิบก่อนที่ภูเมธจะหันไปมองนาฬิกา

แล้วก็สบถออกมาเมื่อรู้ว่าเผลอหลับเพลินไปอีกเป็นค่อนชั่วโมง

               การันต์เองก็แทบร้องไห้ หนุ่มน้อยวิ่งกลับไปอาบน้ำที่ห้องอย่างลนลานเมื่อวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัย

และยังมีปฐมนิเทศน์นักศึกษาใหม่อีกด้วย  เขายังไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก

               วิ่งมาถึงโรงรถกว้างขวาง ภูเมธรับกุญแจจากคนงานที่เตรียมไว้ให้แล้วก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ส่วนการันต์ก็วิ่งไปคว้า

จักรยานคันเก่งของตนแล้วตั้งท่าเตรียมขี่


               “เฮ้ย จะทำอะไร”


               ภูเมธตะโกนถามทำให้การันต์ชะงักแล้วหันไปมองงงๆ


              “ไปมหาวิทยาลัยน่ะสิครับ”


              “จะขี่ไอ้จักรยานแก่ๆของนายไปเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า”


               การันต์งงหนักกว่าเดิมอีก ก็ถ้าไม่ให้ขี่จักรยานไปแล้วเขาจะไปอย่างไรล่ะ


              “มาขึ้นรถ”


               เสียงภูเมธออกคำสั่ง


              “อะไรนะครับ”


              “โอ๊ย ฉันบอกให้มาขึ้นรถของฉันไงเล่า หูหนวกหรือไง”


               ภูเมธดุเสียงเข้มจนการันต์ต้องผวาทิ้งรถจักรยานแล้ววิ่งพรวดพราดเข้ามาเปิดประตูด้านหลังก้าวไปนั่งตัวสั่น


               “นี่ฉันไม่ใช่คนขับรถของนายนะ ถึงได้ไปนั่งหลัง”


               “เอ่อ…”


              “มานั่งด้านหน้า”


               การันต์ถลาลงแล้วก้าวไปเปิดประตูด้านข้างคนขับพลางก้าวขึ้นไปนั่งเบียดตัวลีบอยู่กับประตูรถ ภูเมธชำเลืองมองด้วยหางตา

ก่อนจะสตาร์ทรถเหยียบคันเร่งจนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

               คนที่นั่งตัวลีบเหลือบตามองคนที่นั่งตัวตรงหน้าตรงมองถนนเหยียบคันเร่งจมแทบมิดพร้อมกับนึกเกรงอยู่ในใจที่ต้องมานั่งรถหรู

อย่างที่เขาไม่เคยแม้แต่คิดว่าจะได้มีวาสนาแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ

                ทำไมชอบดุ ชอบว่าเขานักนะ

               นึกน้อยใจครามครันจนขอบตาร้อนผ่าว

               แต่บางทีก็กลับมีมุมที่อ่อนโยนจนทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรง จนการันต์ไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไรก็ผู้ชายข้างๆนี้ดี


               “เป็นอะไรอีกล่ะ นี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ดีๆก็ทำตาแดง ขี้แยซะจริงๆ”


               การันต์สะดุ้งพลางหันไปมองอีกฝ่ายที่พูดขึ้นมาทั้งๆที่ยังตั้งศีรษะตรงมองถนนในขณะที่ติดไฟแดง


              “เปล่านี่ครับ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”


              ...ไม่ได้เป็นอะไรงั้นหรือ ไม่เป็นแล้วทำไมต้องทำหน้าเศร้ายกหลังมือเช็ดตาอย่างนั้นด้วยเล่า…

               ภูเมธมองเสี้ยวหน้าหวานที่ตอนนี้ก้มหน้างุดหลบตาเขา ดวงตาโตก้มมองมือตัวเองที่บีบกันแน่นอยู่ตรงหัวเข่า

              …ไม่ได้เป็นอะไร แต่ชอบทำตัวให้เขาสงสาร อยากจะปกป้อง อยากจะดึงตัวเข้ามากอดปลอบ

               ไอ้เด็กบ้า!...

               ความคิดถูกขัดเมื่อมองเห็นมอเตอร์ไซค์แล่นมาจอดเทียบอยู่ด้านข้างฝั่งของการันต์ คนขี่ใช้ข้อนิ้วเคาะกระจกรถเรียกให้การันต์

หันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครปากอิ่มก็คลี่ยิ้มกว้าง พลางหันไปใช้มือทั้งสองแนบกระจก แล้วแนบหน้าจนแทบจะชิด


                 “เฮียหวัง”


                หนุ่มน้อยเรียกเสียงดังลั่นอยู่ในรถพลางทำท่าตื่นเต้นดีใจ ในขณะที่สมหวังก็โบกมือทักทายและก้มหน้าลงมาสบตา

                ...เฮอะ ทีกับไอ้หมอนั่นยิ้มระรื่น ทีกับเขาไม่นั่งหน้ามุ่ยก็ต้องร้องไห้…

                 เท้าไวเท่าความคิด ทันทีที่ไฟเขียวภูเมธก็เหยียบคันเร่งออกตัวพรืดจนการันต์ที่มัวแต่ให้ความสนใจกับสมหวังหัวคะมำไปด้านหน้า

หนุ่มน้อยหันมาส่งตาเขียวให้เขาในขณะที่ภูเมธยิ้มอย่างสะใจที่เห็นสมหวังบิดมอเตอร์ไซค์ตามมาไม่ทัน


                 “ถามจริงๆเถอะครับ ใบอนุญาตขับรถยนต์นี่ไปสอบเองหรือจ้างคนอื่นทำ”


                  ยิ่งได้ยินเสียงเล็กๆค่อนขอดภูเมธกลับอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก เขาผิวปากหวือฮัมเพลงในคอ จนกระทั่งมองเห็นป้ายใหญ่โต

หรูหรากับประตูงดงามเบื้องหน้า


                 “ที่นี่แหละ ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม มหาวิทยาลัย G ที่เรียนใหม่ของนาย”


                การันต์อ้าปากค้างตะลึงมองตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงด้านในที่แสนจะกว้างขวาง อาคารต่างๆโอ่อ่าสวยงามจนเขาไม่อยากจะเชื่อ

ว่าได้มาเรียนที่นี่ แต่..เดี๋ยวนะ…


                 “แล้วทำไมคุณถึงต้องขับรถมาส่งผมด้วย คุณไม่ไปเรียนหรือไงครับ”


                 ภูเมธเบรครถ ก่อนหันมามองด้วยนัยน์ตาขำขันเหมือนการันต์เป็นตัวตลก แล้วเขาจึงตอบมาให้หนุ่มน้อยต้องอึ้ง


                “นี่นายไม่รู้หรือไงว่าฉันก็เรียนที่นี่น่ะ ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


                ภูเมธเรียนที่นี่ ภูเมธเรียนที่นี่ ภูเมะเรียนที่นี่…

                ไม่นะ…

               ยังไม่ทันที่สติจะกลับคืนร่างการันต์ก็ยิ่งงงหนักเมื่อประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออก ภูเมธก้าวออกไปยืนด้วยท่าทีสง่า

ท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา มีทั้งยำเกรงและชื่นชม มันทำให้การันต์ตื่นเต้นจนตัวสั่น คนที่ลงไปยืนก่อนหน้ามองมา

ด้วยความรำคาญก่อนที่จะก้าวมาฝั่งของเขาและเปิดประตูดึงแขนการันต์ออกมายืนเคียงคู่จนการันต์ขาสั่นพั่บๆ ที่กลายเป็นจุดสนใจ

ท่ามกลางเสียงซุบซิบและสายตาที่พุ่งมองมาเป็นตาเดียว

                 ให้ตายเถอะ…

                การันต์ไม่ชอบการที่ตัวเองกลายเป็นจุดสนใจอย่างนี้เลย ทำไมทุกคนต้องมองอย่างนี้ด้วยนะ


                  “ว่าไงมาร์ค วันแรกก็เกือบสายเลยนะ”


                   เสียงทักดังขึ้นด้านหลัง การันต์หันขวับไปมองจึงเห็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าขรึมคนหนึ่งกับอีกคนที่ยิ้มสดใสแถมยังเผื่อแผ่

รอยยิ้มมาทางเขาด้วย

                  ภูเมธยกมุมปากยิ้มรับ ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นผู้ชายทั้งสามคนยืนอยู่รวมกันตรงหน้ามันให้ความรู้สึกทั้งทึ่งทั้งยำเกรงในท่วงท่า

ของทั้งสามอย่างบอกไม่ถูก จนการันต์อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงตัวน้อยบินหนีไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด


                 “แล้วหนุ่มน้อยหน้าใสนี่ใคร”


                  คนที่มีรอยยิ้มสดใสถามขึ้นบ้าง คราวนี้ภูเมธหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นหนุ่มน้อยได้รับความสนใจ


                  “ทาส”


                  คำตอบสั้นและห้วนทำให้การันต์หน้าร้อนเห่อด้วยความอับอายเมื่อถูกตอกย้ำสถานะ


                  เขาคงเป็นได้แค่นี้เองสินะ เป็นทาสที่คอยรับใช้คนเผด็จการ

                  ดวงตาสองคู่ของคนที่เขายังไม่รู้จักชื่อหันมามองเขาอย่างสนใจมากขึ้นไปอีก คนที่มาดเท่จนการันต์นึกอิจฉาถึงกับเลิกคิ้วมอง


                  “อืม เป็นทาสที่น่าสนใจไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่ต้องถึงกับจับมือไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างนี้หรอกเนอะไอ้คิด”


                 หันไปพยักเพยิดจนได้รับเสียงหัวเราะเบาๆกลับมาจากคนที่ถูกเรียกว่าไอ้คิด เขายกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ


                 “มึงก็พูดจนทาสน้อยหน้าแดงหมดแล้วนะไอ้เต้”


                  “หยุดทั้งคู่แหละ”


                   ภูเมธเองก็อดหน้าร้อนไม่ได้เมื่อเห็นว่าตนเองยังกุมมือเรียวไว้ไม่ยอมปล่อยจนกลายเป็นจุดสนใจจากสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา

เขาจึงปล่อยมือนั้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก


                 “งานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่จะเริ่มแล้วไม่ใช่หรือไง ไปกันได้แล้ว ส่วนนายไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม เดินไปทางหอประชุมใหญ่

ด้านโน้นเร็วๆเข้า”







                  กลายเป็นเป้าสายตาอย่างที่การันต์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหนุ่มน้อยก้าวเดินเข้ามาในหอประชุมโอ่อ่าบรรจุ

นักศึกษาใหม่นับร้อยที่นั่งอย่างกันเรียงอย่างมีระเบียบ การันต์ก้าวไปนั่งที่เก้าอี้ว่างแถวเกือบหลังสุดอย่างประหม่าที่คนอื่นหันไปซุบซิบกัน

เมื่อเห็นเขาจนหนุ่มน้อยไม่มีสมาธิที่จะฟังผู้อำนวยการกล่าวต้อนรับ

                   จนผู้อำนวยการปราศัยเกือบจบ อยู่ๆเก้าอี้ว่างข้างๆ ก็มีผู้ชายร่างยักษ์เข้ามาทิ้งตัวนั่งพลางหอบเบาๆการันต์จึงได้หันไปมอง

ผู้ชายตัวสูงหันมายิ้มให้เขาอย่างผูกมิตร


                  “ไฮ เราชื่อแอนดี้ นายอะ ชื่ออะไร”


                  การันต์ยิ้มกว้างให้เพื่อนคนแรกของเขาในมหาวิทยาลัย


                  “ยินดีที่ได้รู้จัก เราชื่อการันต์ แต่นายเรียกเราว่าโก๋ก็ได้”


                   แอนดี้พยักหน้าหงึกๆพลางปาดเหงื่อทิ้ง


                   “อือโก๋ วันแรกก็เกือบจะสาย ดีนะมาทันประธานนักศึกษากับผู้คุมกฏขึ้นพูด”


                   “ใครนะ”


                     การันต์กระซิบถามอย่างแปลกใจ


                 “อ้าว นี่นายคงไม่รู้ ส่วนเราน่ะรู้ดีเพราะพี่สาวเราเรียนที่นี่ เขาเล่าให้เราฟังบ่อยๆมหาวิทยาลัย G น่ะมีคนโด่งดังอยู่สามคน

คือแบบเทพมาก ใครๆก็ต้องรู้จักเพราะทั้งเก่งทั้งฉลาดและรวยมากๆน่ะ นั่นไง คนที่กำลังขึ้นแนะนำตัวคนแรก”


                 แอนดี้ชี้ให้มองคนที่ขึ้นไปยืนกล่าวต้อนรับบนเวที


                 “รองประธานอันดับสอง เห็นยิ้มๆอย่างนี้เวลาโหดทีสั่งทำโทษได้ทั้งที่หน้าเปื้อนยิ้มอย่างนี้แหละ เขาชื่อคิดดี”


                  นั่นมันผู้ชายที่ยิ้มอ่อนโยนให้เขานี่ การันต์จำได้


                  “อีกคนที่เพิ่งก้าวขึ้นมา รองประธานอันดับหนึ่ง นี่ก็เก่ง เวลามีเรื่องเขาบอกกันว่าคว่ำคู่ต่อสู้ได้เป็นสิบในพริบตา ชื่อว่าเตชิต”


                   คนนี้คือผู้ชายเท่ๆที่เขานึกอิจฉานี่นา


                   อย่าบอกนะว่า…


                  “นั่นๆๆๆ ประธานสุดเฮี้ยบทั้งหล่อทั้งเท่ ที่ใครๆ ก็อยากเห็นอยากเจอ”


                  เสียงแอนดี้ตื่นเต้นพลางชะเง้อคอมอง ในขณะที่การันต์หลับตาปี๋


                   “ประธานนักศึกษาชื่อภูเมธหรือมาร์คยังไงล่ะ”


                   มาถึงตอนนี้การันต์เข้าใจกระจ่างแล้วว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นจุดเด่น มันเป็นเพราะผู้ชายมาดนิ่งที่กำลังยืนด้วยท่าทีสง่า

หน้าขรึมอยู่บนเวทีนั่นต่างหาก

                  ผู้ชายที่เขาอาศัยรถมาในวันแรกของการเปิดเทอมในมหาวิทยาลัย

                  ผู้ชายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขานับจากวันนี้

                  การันต์ค่อยๆลืมตามองถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาคู่นั้นที่มองตรงมาในระยะไกล



TBC


 :a5: :a5:







หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 7 [18/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-03-2016 21:17:20
โหยยย ไม่น่าเชื่อว่าพี่มาร์คจะเอาการเอางานขนาดเป็นประธานนักศึกษาเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 7 [18/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 19-03-2016 02:50:11
ตามาร์คไม่ธรรมดานะเนี่ย :o9:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 7 [18/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 19-03-2016 08:38:28
หุหุ มาร์คใจอ่อนกับโก๋แล้วสิ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 7 [18/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 19-03-2016 10:49:14
มาร์คดูดีขึ้นมาทันที
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 8 [21/3/59] เตชิต-นภัทร
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-03-2016 14:07:18


                                                         รักกลางใจ

                                                           บทที่ 8



              บิ๊กไบค์คันใหญ่พุ่งปราดมาจอดที่ริมฟุตปาธก่อนที่ผู้ขับขี่จะถอดหมวกกันน็อคออกแล้วก้มหน้าไปจัดทรงผม

กับกระจกรถ สายตาคมบอกถึงความดื้อรั้นของนิสัยมองไปที่ขอบฟ้าเบื้องหน้าอย่างขัดใจเมื่อเห็นเมฆดำทมึนลอยต่ำ

บอกให้เขารู้ว่าอีกไม่นานนักสายฝนคงโปรยปรายลงมาเป็นอุปสรรคในการเล่นบาสเก็ตบอลกีฬาที่เขารัก

            แค่คิดฝนก็ตกจริงๆเขาวิ่งเข้าไปหลบฝนอยู่ใต้ชายคาของตึกสูง กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังแข่งสตรีทบาสอยู่ในสนามบาสเก็ตบอล

เบื้องหน้าแตกฮือพากันวิ่งหลบสายน้ำเย็นจากฟากฟ้า กลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางเขาแล้วเอ่ยทักอย่างสนิทสนม


            “ไฮ เต้ หายหน้าไปนานเลยนะ วันนี้ก็มาซะมืดแถมยังพาฝนมาอีก”


             เตชิตหนึ่งในสามผู้คุมกฎแห่งมหาวิทยาลัยG พยักหน้ารับการทักทายและยกมือทำไฮไฟท์กับคนที่เอ่ยทัก


             “มหาลัยเปิดแล้ว ตอนนี้อยู่ปีสุดท้าย คงมาได้น้อยลง”


              ทักทายกันได้ไม่กี่คำก็ขอตัวจากไป เตชิตได้แต่ทำหน้าเซ็งเมื่อสายฝนเทลงมาราวกับฟ้ารั่วร่างสูงจึงเดินไปที่ตู้ขายน้ำอัดลม

หยอดเหรียญแล้วกดเลือกเครื่องดื่ม


             “อ้าว เฮ้ย ออกมาสิวะ แดกเงินกูอีก”


             คิ้วเข้มแทบจะชนกันเมื่อดูเหมือนอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง เขายกเท้าเตะขอบตู้เบาๆพลางก้าวมายืนหลบฝนที่เดิม

             เบื้องหน้าคือสนามบาสเก็ตบอลเล็กๆที่บรรดาขาโจ๋ชอบมาออกกำลังกาย บางทีก็มีแข่งขันพนันขันต่อกันบ้างเป็นเรื่องปกติ

มีตึกเก่าทรุดโทรมสร้างขึ้นโดยรอบทำให้ไม่ค่อยมีใครที่อยากจะผ่านมาแถวนี้นักเพราะขึ้นชื่อเรื่องแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น แต่มันเป็นที่ที่เตชิต

คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง เขาเติบโตมาในย่านนี้แทบจะหลับตาเดินได้เลยก็ว่าได้เพราะว่าครอบครัวของเขาทำมาหากินอยู่ในแถบนี้

            ใครๆก็มักจะบอกว่าตระกูลของเขาเป็นตระกูลของผู้มีอิทธิพล ก็ไม่รู้สินะ เขาก็ไม่รู้ว่ามีอิทธพลแค่ไหนในเมื่อเตชิตคิดว่าเขาก็เป็น

แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เลือดร้อนไปนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ

               เสียงเอะอะเอ็ดตะโรปะปนกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมากับเสียงสายฝน ดึงให้เตชิตหลุดออกจากภวังค์

เขาเพ่งตามองหาต้นเสียง ก่อนที่เขาจะจ้ำอ้าวไปทางมุมตึกด้านหนึ่งที่ลับตาผู้คน





            “คิดจะสู้หรือไง ไอ้ลูกหมา ไหนมีเงินเท่าไหร่เอามาให้หมด”


               “เฮ้ย มือถือนี่รุ่นใหม่เลยนี่หว่า ยกให้กูก็แล้วกันนะ”


             “อะไร มองหน้าทำไม นี่คิดจะสู้ใช่ไหม บังอาจมากนะมึง”


              เสียงขู่ดังที่ล้อมรอบร่างกายทำให้ร่างที่ทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้างตึกเก่าตัวสั่นเป็นลูกนกยิ่งตกใจกลัวจนลนลาน

ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองกลุ่มวัยรุ่นทั้งห้าคนที่ยืนกลุ้มรุมค้ำหัวเขาอยู่ ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งซีดจนแทบไม่มีสีเลือด


             “ปล่อยผมไปเถอะ อย่าเอาเงินผมไปจนหมดเลย ถ้าเงินหมดผมจะกลับบ้านยังไง”


              พยายามข่มความกลัวต่อรอง แต่ยิ่งเหมือนไปกระตุ้นต่อมหาเรื่องจนหนึ่งในห้ากระชากคอเสื้อของเขาอย่างแรงจนตัวลอย

ติดมือขึ้นมา


             “นี่มึงกล้าต่อรอง มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร ฮะ ไอ้หน้าอ่อน”


              ข่มขู่เสียงดังจนอีกฝ่ายแทบร้องไห้


            “มะ ไม่รู้ครับ ผะ ผมไม่ใช่คนแถวนี้ แต่ยังไงพี่ชายช่วยคืนกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มาให้ผมได้ไหมครับ”


           “โอ๊ย ยิ่งพูดยิ่งกวนตีน กระทืบแม่งเลยดีกว่า”


          ไอ้คนหัวโจกสั่งการ คนที่ยึกปกเสื้ออยู่เลยผลักจนอีกฝ่ายกระเด็นไปกระแทกผนังตึกก่อนที่ทั้งหมดจะพุ่งเข้ามา

คนถูกทำร้ายยกมือขึ้นบังหลับตาปี๋ งอตัวรอรับความเจ็บปวดเต็มที่


            พลั่ก ตุ้บ


         “เฮ้ย ไอ้เหี้ยนี่มาจากไหนวะ พวกเราหนีก่อนโว้ย”


        เสียงต่อสู้ที่เกิดขึ้นกับเสียงข่มขู่หายไป เหลือแต่เพียงเสียงสายฝนกระทบพื้นดิน ทำให้คนที่ยืนตัวงอเบียดอยู่กับผนังตึกค่อยๆ

ลืมตาช้าๆ แล้วเหลียวมองไปรอบตัวเพื่อที่จะเห็นว่ากลุ่มขาโจ๋ที่กำลังหาเรื่องเขานั้นหายไปหมดแล้ว เหลือแค่เพียงชายร่างสูงโปร่ง

ย้อมผมสีทองยืนกอดอกทอดสายตามาทางเขา


              “อะ เอ่อ ขอบคุณครับ”


              เตชิตนิ่งมองชายหนุ่มที่ยังเต็มไปด้วยความตื่นกลัวอยู่ตรงหน้า


             หน้าขาวๆ ยืนเปียกปอนปากสั่น ดวงตาแม้จะคลายความกลัวไปบ้างแล้วก็ยังดูตื่นเต้น ช่างเป็นผู้ชายที่ดู “แหย” ในสายตาของ

เตชิตเสียจริงๆ ร่างสูงเตรียมจะหันหลังกลับแต่คนที่ไม่มีที่พึ่งชิงกล่าวขอร้องอย่างรวดเร็ว


           “คะ คุณครับ ที่นี่ที่ไหน ผมกลับบ้านไม่ถูก”


            เตชิตจึงได้หันไปมองคนตรงหน้าอีกครั้ง


               “นาย...”


               เขาชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มคนนั้น


               “ชื่ออะไร”


              “ผมชื่อนภัทร”


                น้ำเสียงละล่ำละลักตอบทำให้อิมแจบอมต้องถอนหายใจ


                “เล่าให้ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น”


               “ผมขึ้นรถเมล์จะกลับบ้านแล้วเผลอหลับเลยป้ายพอตื่นก็รีบลงจากรถครับ ยืนรอรถเมล์จะนั่งกลับก็ดันนั่งผิดสาย

มันมาโผล่ที่นี่ได้ไงก็ไม่รู้ พอเดินมาเรื่อยๆก็เจอพวกนั้นมาหาเรื่องลากผมจากถนนใหญ่มาที่นี่ แล้วก็ได้คุณมาช่วยไว้นี่แหละครับ”

 
                นอกจากแหย แล้วยังซื่อบื้ออีกต่างหาก

               เตชิตส่ายหน้าอย่างระอา

               ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่ชอบยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นมากนัก แต่เมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้าแล้ว

ถ้าไม่ช่วยก็คงไม่ไหว


               “นาย เอ่อ…อะไรนะ นภัทร ตามมา”


               นภัทรคลี่ยิ้มกว้างอย่างดีใจ เขารีบก้าวเดินตามหลังร่างสูงไปท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายไม่ขาดเม็ด






                 “ฮัดเช่ย ฮัดเช่ย”


                  เสียงจามดังมาจากชายหนุ่มที่กำลังใช้ผ้าห่มนวมคลุมตัวที่สั่นเพราะความหนาวเย็นอยู่กลางห้องของอพาร์ตเม้นท์หรูกลางเมือง

บ้านของครอบครัวอยู่ไกลมหาวิทยาลัยเตชิตจึงมาเช่าห้องที่นี่อยู่ อพาร์ตเม้นท์ที่ค่าเช่าราคาแพงแต่ก็สมราคากับการตกแต่งที่เลิศหรู

เตชิตนั่งเท้าคางมองแล้วถอนหายใจออกมา นี่เขาคิดผิดหรือถูกนะที่พาไอ้แหยนี่มาถึงอพาร์ตเม้นต์ส่วนตัวที่เขาไม่เคยพาใครมาสักครั้งเดียว

                  เสื้อผ้าเปียกชื้นทั้งหมดถูกเขาโยนใส่เครื่องซักผ้าปั่นแห้ง ตอนนี้นภัทรจึงสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงของเขาที่ดูใหญ่โตเมื่ออยู่บนร่าง

ของนภัทร ปัญหาต่อมาก็คือไอ้หมอนี่กำลังจะเป็นหวัด ร่างสูงลุกไปควานหายาลดไข้ที่กองปะปนกับของอื่นๆ อยู่บนโต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง

ก่อนที่จะกลับโยนใส่ตักให้นภัทร


                 “กินซะ”


               สั่งง่ายๆห้วนๆ นภัทรหยิบยาขึ้นมาแล้วหันมาถามอย่างเกรงใจ


               “เอ่อ มันหมดอายุหรือยังครับ”


                “จะกินไม่กิน ถ้าไม่กินก็รอให้เป็นปอดบวมตายก็แล้วกัน”


                “คะ ครับ กินเดี๋ยวนี้”


                 นภัทรตาลีตาเหลือกยัดยาเข้าปากพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนแทบสำลัก แล้วหันมายิ้มตาหยีใส่เจ้าของห้อง
   
                เตชิตเผลอมองภาพนั้น
   
                ยิ้มกว้างเกินไปแล้ว สดใสเกินไปแล้ว นี่ชีวิตไม่คิดจะมีเรื่องทุกข์ร้อนบ้างหรือไงนะ ขนาดไม่มีเงินไม่มีโทรศัพท์

หลงทางมาอยู่กับใครก็ไม่รู้ยังยิ้มได้ขนาดนี้

                 แล้วนี่ทำไมเขาต้องเป็นห่วงการดำเนินชีวิตของไอ้แหยนี่ด้วยวะ


                เตชิตด่าตัวเองในใจที่นึกเป็นห่วงคนตรงหน้า


               “กินยาแล้วก็นอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะไปส่งที่บ้าน”


                ว่าแล้วเตชิตก็ลุกขึ้นยืน ก้าวไปทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มในขณะที่นภัทรยังนั่งนิ่งที่เดิม


                “อ้าว มานอนสิเฮ้ย พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแต่เช้านะ”


                “ผะ ผม นอนพื้นตรงนี้ก็ได้ครับ”


                ตาฝาดหรือเปล่านะที่เห็นพวงแก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อในขณะที่ก้มหน้างุดอ้อมแอ้มพูดออกมา เตชิตส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด

แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อที่จะฉุดให้นภัทรลุกตาม เขาผลักร่างผอมๆลงไปนอนเค้เก้อยู่บนเตียง แล้วจึงก้าวไปนอนอีกฝั่ง


                “เตียงตั้งกว้าง จะไปนอนพื้นเย็นๆทำไมนี่ไม่กลัวอาการจะหนักกว่านี้เลยใช่ไหม”


                  เขาดุแค่เบาๆแต่นภัทรกลับหายใจไม่ทั่วท้อง เขาค่อยๆขยับตัวไปนอนชิดขอบเตียงจนเกือบตก ดวงตาปิดลงก่อนที่จะผลอยหลับ

ไปอย่างอ่อนเพลีย




                 หนาว
   
                 นภัทรบอกตัวเองท่ามกลางความรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น หนาวจนขนลุกต้องขดตัวเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย

ที่กำลังสั่นสะท้าน

                อะไรอุ่นๆนะตรงนี้

               เขาค่อยๆขยับตัวเข้าหาความอบอุ่น ซุกตัวเข้าไปแล้วกอดความอุ่นไว้แน่นทั้งที่ดวงตายังปิดสนิทแต่มุมปากเขากลับยิ้มเมื่อร่างกาย

รู้สึกสบายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

               นภัทรหลับสบายแล้วในขณะที่เตชิตต้องตื่นมากลางดึกเพื่อที่จะนอนแข็งทื่อตลอดคืนที่เหลือเมื่อร่างกายของเขามีใครบางคน

ซุกตัวอยู่กับอกของเขาไม่ยอมปล่อย







                นภัทรลืมตาตื่นในตอนเช้ามืด เขามองที่ว่างข้างตัวอย่างแปลกใจเมื่อเจ้าของห้องที่ร่วมนอนเตียงเดียวกันกลับหายไปแล้วตอนนี้

เขาจึงลุกขึ้นเดินงัวเงียไปยังในโซนที่จัดไว้เป็นห้องอาหารเล็กๆ จึงเห็นเจ้าของห้องนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร

               ถ้าตาไม่ฝาด ทำไมนภัทรมองเห็นหน้านิ่งๆนั้นมีเลือดฝาดแถมยังหลบตาเขาด้วยนะ
   
              เตชิตโยนกระเป๋าสตางค์มาให้ตามด้วยโทรศัพท์มือถือ นภัทรทั้งดีใจทั้งแปลกใจระคนกัน


              “ขะ ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณไปเอามันมาได้ไง”

           
             “เรื่องของฉัน เอามาคืนให้นายได้ก็แล้วกัน แล้วก็ เอ่อ มากินโจ๊กสิ”


              เตชิตไม่อยากบอกว่าเพราะเขาถูกนภัทรกอดจนนอนไม่หลับ จึงต้องลุกขึ้นมาตอนที่นภัทรพลิกกายหนี เขาออกจาก

อพาร์ตเมนท์ขี่บิ๊กไบค์ออกไปตามหาตัวของที่จี้เอาทรัพย์สินของนภัทรไปแล้วนำกลับคืนมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ก่อนจะบึ่งรถไปซื้อโจ๊กเจ้าอร่อย

กลับมา นภัทรคลี่ยิ้มกว้างพลางก้าวมานั่งตรงข้ามกับเตชิตแล้วตักโจ๊กเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย


            เฮ้ย! ทำไมต้องใจสั่นด้วยวะ ก็แค่มันยิ้ม

           เตชิตตกใจกับตัวเองที่หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ




              เขาเดินนำหน้าไปที่บิ๊กไบค์สุดเท่ห์ของเขาโดยที่มีนภัทรเดินตามต้อยๆ เตชิตก้าวขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันยักษ์

ในขณะที่อีกฝ่ายทำท่ากล้าๆกลัวๆเหมือนเมื่อคืนแล้วก้าวขึ้นนั่งซ้อนหลังตรงเบาะเล็กหลังคนขี่พลางใช้มือเกาะที่ขอบเบาะ


               “เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก”


               นภัทรตกใจกับเสียงดุจนทำหน้าเหรอหรา เตชิตถอนหายใจครั้งที่ล้านเจ็ดตั้งแต่ได้เจอกับไอ้แหยคนนี้ เขาคว้ามือทั้งสอง

ของนภัทรให้กอดไปรอบเอวของเขา ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องจนเสียงกระหึ่มแล้วขับเคลื่อนมอเตอร์ไซคันงามออกไป

              นภัทรรู้สึกร้อนซู่ไปทั่วใบหน้า ความอบอุ่นเหมือนเมื่อยามราตรีที่ผ่านมาแล่นวูบจับใจเขาเอียงหน้าซบลงไปกับแผ่นหลัง

และกระชับอ้อมแขนที่โอบกอดเอวของเตชิตไว้แน่น โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเตชิตเองรู้สึกไม่ต่างกัน


            “จอดหน้าปากซอยนี่แหละครับ เดี๋ยวผมเดินเข้าไปเอง”


              นภัทรตะโกนเสียงดังเมื่อถึงปากซอยเข้าบ้าน


             “จะไปส่งหน้าบ้าน”
 
 
            “อย่าเลยครับ แค่นี้ก็พอ”


             แค่นี้ก็แค่นี้ เตชิตไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เขาจอดรถให้นภัทรลงจากรถ
 

              “เอ่อ…”
 

               ไม่กล้าสบตาเพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่นภัทรก็พยายามเงยหน้าขึ้นมาจนสำเร็จ


              “ขอบคุณนะครับ คุณ…ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”


               “เตชิต”


                ชื่อของเขาคือคำพูดสุดท้ายที่หลุดออกจากปากก่อนที่เขาจะบึ่งรถจากมา โดยพยายามที่จะไม่แอบมองร่างโปร่งนั้น

จากกระจกด้านข้าง

               นภัทร


               ไม่ว่าจะเพราะอะไรที่ได้มาพบกัน แต่เราจะรู้จักกันเพียงแค่นี้ ไม่มีทางที่หัวใจของฉันจะเต้นผิดจังหวะเพราะนายอีกแล้ว

ไอ้คนแสนจะแหยและซื้อบื้อ


                 ลาก่อน นภัทร




TBC

:ruready :ruready


ฝากนิยายแนวเทพเจ้าอียิปต์เรื่องใหม่ด้วยนะคะ
ใครชอบก็จิ้มได้เลย

อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.0)


หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 8 [21/3/59] ช่วงของเตชิต-นภัทร
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-03-2016 14:49:27
 :กอด1:   :mew1:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 8 [21/3/59] ช่วงของเตชิต-นภัทร
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-03-2016 15:03:58
แอร๊ยยๆ อยากอ่านคู่นี้ต่ออีกค่า  :give2:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 8 [21/3/59] ช่วงของเตชิต-นภัทร
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-03-2016 15:06:21
มีคู่ใหม่มาแล้ววววว
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 9 [24/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-03-2016 19:53:40



                                                           รักกลางใจ

                                                             บทที่ 9


   การันต์ไม่อยากเป็นจุดเด่นอีกแล้ว

   กับการเรียนมหาวิทยาลัยอย่างจริงจังในวันนี้ เขาจะไม่ยอมนั่งรถภูเมธไปอีกอย่างเด็ดขาดเพราะเขาเริ่มเรียนรู้

ถึงความเป็นคนมีชื่อเสียงของภูเมธ หนุ่มน้อยจึงตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ไก่โห่ตาลีตาเหลือกลงมาทำน้ำเต้าหู้ทิ้งไว้

ก่อนที่จะรีบแต่งตัวคว้าเป้ใบเก่าย่องออกจากบ้านหลังใหญ่เดินไปเรื่อยๆแล้วเปิดประตูรั้วก้าวไปบนถนนในซอยตั้งแต่เช้าตรู่


   “อากาศดีจัง”


   ยิ้มให้กับตัวเองพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าส่วนเท้าก็ก้าวเดินไปบนฟุตปาธอย่างสบายใจจนกระทั่งเดินผ่าน

ซอยบ้านหลังเก่าของตัวเองหนุ่มน้อยอดเหลียวมองอย่างสะท้อนใจไม่ได้

   อดีตก็จะเป็นอดีต

   แต่ตอนนี้คือปัจจุบัน

   การันต์จะอยู่ให้ได้กับวันนี้ เขาจะต้องเข้มแข็งขึ้น

   ถอนหายใจแผ่วเบาให้กับเส้นทางชีวิตที่ยังเดาจุดหมายไม่ออก ก่อนจะหันไปมองตามเสียงของมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นหู


   “เฮีย”


   “สอนแล้วไม่จำว่าอย่าเรียกเฮียแล้วลากเสียงยาวๆแบบนี้”


   สมหวังหยุดรถลงใกล้ๆพลางยิ้มอย่างดีใจแต่สักพักรอยยิ้มกว้างก็ค่อยๆเลือนหายจนกระทั่งกลายเป็นหน้าคว่ำ

พลางเบือนหน้าหนีอย่างแง่งอน


   “วันนี้มาเดินอยู่ริมถนนได้ ไม่ขึ้นรถคันโก้ไปกับไอ้หน้าจืดนั่นอีกหรือไง”


   “เฮีย ถ้าเด็กงอนมันก็น่ารักอยู่หรอก แต่เฮียดูหน้าเฮียก่อนไหม”


   การันต์เย้ากลั้วเสียงหัวเราะจนสมหวังได้แต่มองค้อนอย่างไม่จริงจังนัก


   “ก็น่างอนไหม อยู่ๆก็ไปนั่งอยู่ในรถกับมัน บอกมาเลยว่าติดใจเบาะรถนุ่มๆของมันไปแล้ว”


   “โธ่ เฮีย ผมจะไปติดใจได้ไง เบาะรถไหนก็นั่งไม่สบายเท่าเบาะรถที่เก่าจนขาดของรถเฮียได้หรอกนะ”


   ยิ้มจริงใจบนหน้าใสจนแก้มป่อง ทำให้สมหวังมองแล้วต้องคลี่ยิ้มตาม

   โก๋น้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่น่ารักสำหรับเขา อย่างที่เคยเป็นมาตลอดและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง


   “เฮียดีใจนะ ที่โก๋ยังไม่ลืมเฮีย มาเร็ว ขึ้นมาสิ เฮียจะไปส่งด้วยเจ้าแก่เบาะขาดของเฮียนี่แหละ”


   ร่างบางกระโดดขึ้นด้านหลังคนขี่อย่างคุ้นเคย มือนุ่มวางแนบไปที่เอวของสมหวังจนเจ้าตัวต้องถอนหายใจดังเฮือก


   “จะไปไหนล่ะ”


   สมหวังถามเมื่อบิดคันเร่งไปตามถนนเบื้องหน้า


   “ไปมหาวิทยาลัย Gครับ”


   คำตอบที่ได้ยินอยู่ใกล้หูทำให้สมหวังเกือบจะชะงัก


   “อย่าบอกเฮียนะว่าโก๋เรียนที่นั่น”


   หัวใจอดหวั่นไหวไม่ได้เพราะสมหวังรู้ว่า “เพื่อนเก่า” ของเขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกันนี้

ยิ่งคนที่นั่งซ้อนหลังทำเสียงอึกอักก่อนตอบรับก็ยิ่งทำให้สมหวังยิ่งหงุดหงิด มีความรู้สึกเหมือนหนุ่มน้อยที่เขาเห็น

มาตั้งแต่เด็กกำลังมีเส้นทางที่ห่างจากเขาไปเรื่อยๆ

   นายภูมิพ่อเลี้ยงของการันต์คงส่งให้ลูกเลี้ยงได้เรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยเอกชนที่เลิศที่สุด แพงที่สุด

ชีวิตของการันต์กำลังไปได้สวยในขณะที่เขากลับกลายเป็นแค่คนธรรมดา แม้จะเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนแต่ก็เป็น

ระดับปานกลางที่เน้นไปทางด้านกีฬาและกิจกรรมอื่นๆเสียมากกว่า


   “แต่ผมอยากเรียนที่เดียวกับเฮียนะ ที่ที่ผมเรียนมันดูจะไม่เข้ากับผมเอาเสียเลย”


   รอยยิ้มเริ่มปรากฎบนใบหน้า สมหวังเอื้อมมือมาวางแนบไปกับมือนุ่มที่โอบอยู่รอบเอวของเขา

   เขาจะไม่มีทางถอดใจ ถ้าตราบใดการันต์ยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิมของเขา

   สมหวังสัญญากับตัวเอง





   รถสปอร์ตคันหรูพุ่งออกจากประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่อย่างรวดเร็วสมกับอารมณ์หงุดหงิดของเจ้าของ

   ภูเมธไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองหงุดหงิด เขาจะต้องหงุดหงิดตั้งแต่เช้าด้วยเรื่องอะไรกันเล่า

   โอ๊ย! ยอมรับก็ได้ว่าหงุดหงิด

   อารมณ์เสียตั้งแต่ตอนที่ตื่นนอนมาแล้วไม่เห็นเจ้าของร่างผอมบาง แม้ว่าจะเดินหาแทบจะทั่วทั้งบ้านหลังใหญ่

แล้วนั่นแหละ

   อวดดี ดื้อรั้นเป็นที่สุด

   แต่ก็ยังอุตส่าห์ต้มน้ำเต้าหู้ไว้ให้นะ

   ทั้งที่หงุดหงิดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะยกน้ำเต้าหู้แสนจืดอย่างคนหัดใหม่ฝึกทำทิ้งไว้ขึ้นมาดื่มจนหมดแก้วก่อนที่จะขับรถ

ออกจากบ้านมาในตอนนี้

   สายตาพุ่งตรงไปที่ถนน ใบหน้าปราศจากรอยยิ้มจนถึงสี่แยกไฟแดงภูเมธก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตา

กำลังนั่งอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่เครื่องยนต์ส่งเสียงดังจนลั่นถนนจอดติดไฟแดงอยู่กลางเลน

   ไม่รอช้า ภูเมธหมุนพวงมาลัยรถเข้าไปเทียบด้านข้างอย่างรวดเร็วแล้วหันขวับไปมองทันที

   สมหวัง

   เป็นนายอีกแล้ว

   ปากหยักเม้มแน่น ตาคมมองปราดคุโชนจนหนุ่มน้อยที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ถึงกับชะงักงันเมื่อหันหน้ามาสบตา

กับคนในรถยนต์ด้านข้าง

   ไม่จริงใช่ไหม อะไรมันจะแจ็คพ็อตขนาดนี้

   การันต์ฝืนกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากเย็นในขณะที่สมหวังเป็นคนเดียวที่ยิ้มออก

   ไม่ต้องหันไปมองก็พอรู้ว่าคนที่นั่งกำพวงมาลัยแน่นอยู่ในรถยนต์คันโก้จะมีสีหน้าอย่างไร เมื่อเขายิ่งวางมือแนบ

ไปบนมือเรียวของการันต์ที่กอดเอวเขาไว้และกระชับมือน้อยอยู่ในอุ้งมือของเขาไม่ยอมปล่อย

   จงรู้ไว้ไอ้เพื่อนเก่า

   การันต์คือเด็กน้อยของเขา อย่าหวังว่าเขาจะปล่อยให้การันต์ไปเป็นของคนอื่น

   มุมปากยกยิ้มได้ใจเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันหรูเหยียบคันเร่งมิดจากไปตั้งแต่ไฟเขียวเริ่มเปิด






   “เลิกเรียนกี่โมง เฮียจะมารับ”


   “แล้วเฮียไม่ซ้อมกีฬาหรือครับ นี่ก็ใกล้จะแข่งขันแล้วนี่”


   การันต์ยั้งไว้เพราะรู้ว่าสมหวังใกล้จะแข่งกีฬามหาวิทยาลัยแล้ว เขาไม่อยากให้สมหวังต้องมาเสียเวลาเพราะเขา


   "ขาดซ้อมวันเดียว คงไม่ทำให้ความเก่งลดลงหรอกมั้ง”


   “ไม่เอา เฮียอย่าประมาท ไม่ต้องมารับหรอกครับ ผมกลับเองได้”


   การันต์รีบเอ่ยห้ามก่อนจะรุนหลังให้สมหวังขี่มอเตอร์ไซค์จากไป

   หนุ่มน้อยก้าวไปบนทางเท้าที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ข้างทางตลอดทางเดินพลางมองหาตึกเรียน มหาวิทยาลัยแห่งนี้

ช่างกว้างใหญ่เสียเหลือเกินสำหรับคนอย่างเขา การันต์อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตาเดินต่อจนถึงอาคารเรียน

เท้าพาก้าวเข้าไปจนถึงบันไดขึ้นสู่อาคาร แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปมากกว่านั้นการันต์ก็ต้องตกใจเมื่อท่อนแขนถูกคว้าไว้แล้วกระชาก

จนตัวแทบลอยตามแรงหงุดหงิด   


   “คะ คุณมาร์ค ปล่อยผม”


   การันต์ร้องลั่นเมื่อต้องก้าวยาวๆตามแรงลากของภูเมธ เขาเพียรส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินสวนทาง

แต่เมื่อทุกคนเห็นแววตาดุของคนที่ลากเขาเดินจ้ำเข้าลิฟท์ขึ้นไปสู่ชั้นสูงสุดของอาคารแล้วก็มีแต่คนตัวลีบหลบตากันเป็นแถบ

   การันต์เซหลุนๆเมื่อถูกผลักเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่ปราศจากผู้คนอยู่บนชั้นบนสุด สายตาที่พอจะเหลือบแลทัน

ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้องทำให้เขารู้ว่านี่คือ “ห้องประธานนักศึกษา” ห้องกว้างสะอาดตา ด้านหนึ่งของผนังเป็นกระจกใส

มองออกไปเห็นทิวทัศน์ในมุมสูง เบื้องหน้ามีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ วางแฟ้มงานหลายแฟ้มอยู่บนนั้น มุมหนึ่งของห้องมีโซฟายาว

และโต๊ะเล็กตั้งอยู่หน้าโซฟาประดับไว้ด้วยแจกันทรงเตี้ยใส่ดอกคาร์เนชั่นประดับอยู่

   การันต์สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูตามดังปัง และยังไม่ทันตั้งตัวร่างของเขาก็ถูกเหวี่ยงไปปะทะผนังด้านข้างประตู

นั่นเอง เมื่อหันกลับมามองหนุ่มน้อยก็ต้องชะงักเมื่อภูเมธเท้าแขนดันผนังคร่อมตัวเขาไว้ตรงกลาง เขาได้แต่ยืนตัวลีบหลังชนผนังปูน

เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อเห็นตาดุที่ก้มมองลงมา

   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอก การันต์ไม่อาจทนสบตากับดวงตาดุคู่นั้น

จนต้องก้มหน้าลงมองแต่แผ่นอกของอีกฝ่าย


   “อ๊ะ ปล่อยนะ”


   ตกใจเมื่อคางเรียวถูกบีบให้เชิดสูงพร้อมกับใบหน้าที่โน้มเข้าหาจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนรินรดอยู่ตรงข้างแก้มนี่เอง


   “ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งของฉัน นอกจากนายไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


   เสียงที่เค้นออกมาต่ำลึก ดุดัน ยิ่งทำให้การันต์สั่นไปหมดทั้งตัว


   “ฉันสั่งให้นายมาพร้อมกับฉัน หรือว่านายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง แล้วทำไมถึงได้บังอาจหนีมาก่อน”


   “ผมก็ เอ่อ แค่อยากจะลองทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่อยากจะพึ่งพาใครก็เท่านั้นเอง”


   หนุ่มน้อยตอบโต้เสียงสั่นพร่าด้วยความกลัว แต่กลับยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายยิ่งเคืองหนักกว่าเดิม


   “งั้นเหรอ ไม่อยากพึ่งพาฉัน แต่กลับไปพึ่งคนอื่น เฮอะ!”


   “แล้วคุณจะทำไม”


   การันต์ยกมือขึ้นพยายามดึงมือของภูเมธให้พ้นไปจากใบหน้าตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ


   “คุณมีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้ผมต้องทำอะไร หรือไม่ทำอะไร”


   “ถามอย่างนี้แสดงว่าลืมไปแล้วว่าเรามีข้อตกลงอะไรกัน”


   ภูเมธเอ่ยเสียงเย็นเยียบ


   “ฉันเป็นเจ้านาย ส่วนนายมันเป็นแค่ทาส ฉันสั่งอะไรนายก็ต้องทำ”


   ฮึ ไอ้คนบ้าอำนาจ

   การันต์โมโหจนน้ำตาซึม

   เพราะโมโหหรือน้อยใจ การันต์ก็ไม่เข้าใจแต่มันทำให้คนอย่างเขากล้าเถียงด้วยเสียงดังอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้า


   “คุณสั่งผมให้ทำโน่นทำนี่ได้แต่คุณบังคับใจผมไม่ได้หรอกนะ คุณภูเมธ!”


   ดวงตาดุยิ่งเรืองแสงวาบเมื่อเห็นปฏิกิริยาขัดขืนจากร่างบาง

   ก็คอยดูว่าเขาจะบังคับใจได้หรือเปล่า

   และเพราะความอยากเอาชนะเพียงแค่นั้นทำให้สติของภูเมธขาดผึง

   ภูเมธใช้มือดันไหล่บางสองข้างจนชิดผนังพลางดันตัวเองเบียดแนบ หน้าที่ใกล้ชิดอยู่แล้วพุ่งเข้าไปกดริมฝีปาก

ลงกับปากอิ่มช่างต่อว่าและปิดปากนั้นจนส่งเสียงไม่ได้อีกต่อไป

   ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง ร่างกายนิ่งงันราวกับหุ่นขี้ผึ้ง การันต์แทบหยุดหายใจกับการกระทำอุกอาจนั้น

เขารู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตตั้งแต่กระหม่อมยันปลายเท้าเมื่อถูกคนใจร้ายอย่างภูเมธชิงจูบแรกไปด้วยความรุนแรงของพายุอารมณ์




TBC


 :o12: :o12:






หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 9 [24/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-03-2016 21:49:34
กรี๊ดดดดด อิตามาร์ค ได้จูบแรกของน้องไปแล้ว
 :give2:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 9 [24/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: darkside8 ที่ 26-03-2016 23:02:54
หัวใจจะวาย....

 :z3:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 10 [27/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-03-2016 19:38:53



                                                         รักกลางใจ

                                                          บทที่ 10



   หมดแรงห้ามปรามเพราะหนุ่มน้อยรู้สึกราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงแล้วปลิวกระจายล่องลอยไปในอากาศ

มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสจากใครที่ไหนมาก่อน ริมฝีปากที่บดขยี้มันรุนแรงหนักหน่วงเอาแต่ใจ

แสดงความเป็นเจ้าของเมื่อภูเมธไล่ขบเม้มไปตามเรียวปากอิ่มดูดดึงอากาศจนการันต์แทบสำลัก และวินาทีที่เผลอไผล

เผยอปากหอบอากาศเข้าปอดภูเมธก็ถือวิสาสะส่งปลายลิ้นร้อนเข้าไปแตะต้องกับลิ้นเล็กอุ่นชื้นที่กระถดถอยหนีอย่างหวาดหวั่น


   “อื้อ!”


   เสียงเล็กร้องประท้วงพร้อมกำปั้นน้อยๆที่ทุบรัวลงไปบนต้นแขนแต่ก็ยังไม่สามารถห้ามปรามภูเมธได้

ยิ่งได้สัมผัสเขาก็ยิ่งติดใจ ความดุดันค่อยๆลดระดับลง ปลายลิ้นของคนชำนาญการตวัดเกาะเกี่ยวแซะเล็มหาความหวาน

จนหนุ่มน้อยไร้ซึ่งประสบการณ์สั่นสะท้านไปทั้งตัว มือที่คอยทุบถองหมดแรงถึงกับต้องวางแนบไว้บนบ่าก่อนที่จะคว้าปกเสื้อเชิ้ต

ของภูเมธมากำแน่นอยู่ในมือ

   ระยะเวลาผ่านไปแค่ไหนไม่รู้แต่มันช่างยาวนานจนเกือบจะขาดใจกว่าที่ภูเมธจะยอมถอนปลายลิ้นออกมาอย่าง

อ้อยอิ่งพร้อมกับไล่ขบเม้มเรียวปากอย่างเสียดาย เมื่อคืนอิสระให้แก่การันต์ร่างผอมบางก็ถึงกับหน้าแดงก่ำต้องอ้าปาก

หอบหายใจถี่หมดเรี่ยวแรงจนต้องพิงหลังไปกับผนังห้อง


   ฉ่า....

   รู้สึกเหมือนเส้นเลือดทุกเส้นไหลมารวมกันบนใบหน้าเมื่อการันต์สบตากับภูเมธอีกครั้ง มันร้อนเห่อจนแก้มแทบแตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น

   ภูเมธจูบเขา

   ห้องเงียบสงัดราวกับอยู่ในป่าช้าเมื่อทั้งคู่ยืนสบตากันอย่างค้นคว้า ดวงตาคู่หวานของการันต์เริ่มร้อนผ่าวคลอไปด้วย

หยาดน้ำเมื่อดวงตาของอีกฝ่ายไม่ได้มีแววดุดันดังเดิมแต่กลับเป็นดวงตาของคนที่สับสนและวุ่นวายใจในสิ่งที่เกิดขึ้น


   “ปละ ปล่อย”


   เขาเพิ่งค้นหาเสียงของตัวเองเจอ การันต์ตกใจที่มันสั่นพร่าไปหมด หยดน้ำใสร่วงลงตรงร่องแก้มไหลรินเป็นทาง


   “บอกให้ปล่อยไงล่ะ”


   เอวเล็กที่ถูกอีกฝ่ายครอบครองเกาะเกี่ยวถูกปล่อยคืนอิสระให้ช้าๆการันต์พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดตั้งสติ

จึงเพิ่งรู้อีกอย่างหนึ่งว่าตนเองก็ยังเป็นฝ่ายใช้มือรั้งคอเสื้อของภูเมธไว้เช่นกัน หนุ่มน้อยรีบปล่อยและผลักร่างของภูเมธออกห่าง

พลางรีบก้าวเท้าหนีไปยืนหันหลังให้คนใจร้าย หลังมือถูกยกมาป้ายปากแรงๆราวกับว่ามันจะช่วยลบรอยจารึกนั้นออกไปได้


   “อย่าทำอย่างนั้นนะ”


   ภูเมธก้าวพรวดมายืนต่อหน้าและคว้าข้อมือการันต์ไว้ มืออีกข้างยกขึ้นมาแตะไปที่เรียวปากแดงเห่อนั้นเบาๆ

แต่การันต์กลับปัดมือข้างนั้นออกห่างทันที ส่วนมือที่ถูกเกาะกุมเขาก็สะบัดจนหลุดออกจากการยึดจับ


   “อย่ามายุ่งกับผม”


   เสียงเล็กตวาดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน


   “ไหนคุณบอกว่าเกลียดผมไง คนเกลียดกันเขาจะทำอย่างนี้ทำไม ถ้าคุณเกลียดผมจริงก็เลิกมายุ่งกับผมสักทีสิ”


   “เอ่อ โก๋ ฉันขอทะ...”


   “เลิกมายุ่งกับชีวิตผมได้แล้ว”


   ดวงตาเรียวสีดำสนิทมองภูเมธอย่างตัดพ้อในขณะที่เจ้าตัวมองกลับอย่างสับสน น้ำตาของการันต์พร่างพรูลงมา

อีกครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะชิงวิ่งไปที่ประตูแล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว


   “โก๋!”


   ภูเมธตะโกนเรียกแต่เขาก็ไม่ได้ก้าวตามไปเขาปล่อยให้การันต์วิ่งออกไปจากห้อง ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม

อย่างหมดแรง ปลายนิ้วยกนวดที่ขมับเพื่อคลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้น


   นี่เขาทำอะไรบ้าๆอย่างนี้นะ


   ภูเมธก่นด่าตัวเอง


   เกิดมาก็ไม่เคยจูบกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาทำลงไป

   แต่ก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกดี ดีมากๆด้วยกับรสจูบครั้งนี้ มากจนมันก่อความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกับหนุ่มน้อยขึ้นมา

   บ้าจริงๆ

   ภูเมธสะบัดหัวขับไล่ความคิดเหล่านี้แต่ก็ไม่สำเร็จ ความหวานละมุนของเรียวปากอิ่มยังเย้ายวนให้อยากลองลิ้ม

ชิมรสอีกสักครั้งจนเขาเริ่มโกรธตัวเอง

   ไม่ได้นะ....

   ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามนั่นเป็นลูกเลี้ยงของพ่อเขา ต้องเกลียดต้องแค้นมันถึงจะถูกต้อง


   “โอ๊ย เหี้ยเอ๊ย ไอ้มาร์ค มึงเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย”


   เขาตะโกนลั่นห้องพลางทิ้งตัวลงไปนอนบนโซฟาคว้าหมอนอิงมาปิดหน้าอย่างหงุดหงิดกับความฟุ้งซ่านของตัวเอง






   ร่างผอมบางเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วทรุดตัวลงนั่งแถวหลังสุดเพราะเลยเวลาเข้าห้องไปแล้วและอาจารย์

สอนมาได้สักพักใหญ่ การันต์ยังไม่หายโมโหที่ภูเมธล่วงเกินเขาแถมยังทำให้เขาต้องเข้าห้องเรียนสายตั้งแต่วันแรก

ดวงตาคู่หวานยังแดงเรื่อคิ้วโก่งขมวดเกือบจะชนกัน สมาธิเรียนหนังสือแทบจะไม่มี ได้แต่นั่งกำหมัดกัดฟันด้วยความกรุ่นโกรธ

ทั้งหมดอยู่ในสายตาของแอนดี้เพื่อนใหม่ที่รู้จักกันตั้งแต่วันปฐมนิเทศน์ ร่างสูงนั่งไกลออกไปอยู่แถวกลางห้อง

เขาเห็นการันต์เดินหงุดหงิดเข้ามาและยังมีทีท่านั้นอยู่ตลอดจนกระทั่งคาบเรียนแรกจบลง


   “เป็นอะไรหรือเปล่าโก๋”


   เพื่อนใหม่รีบเดินเข้ามานั่งลงข้างการันต์และเอ่ยถามอย่างใส่ใจ ในขณะที่คนอื่นๆทยอยเดินออกจากห้อง

ดวงตาของการันต์อ่อนแสงลงเมื่อเห็นใบหน้าอันสดใสของแอนดี้


   “ทะเลาะกับใครบางคนที่ไม่อยากพูดด้วยน่ะ”


   การันต์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นแอนดี้ทำหน้างง


   “ช่างเถอะ อย่าไปพูดถึงเลย เราออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า”


   ว่าแล้วการันต์ก็ลุกขึ้นยืนฝืนยิ้มออกมา เขาไม่อยากให้เพื่อนใหม่ต้องมารับรู้เรื่องราวอันน่าหงุดหงิดของเขา

   ทั้งคู่เดินไปที่ห้องอาหาร แอนดี้ชวนพูดคุยไม่ขาดระยะเรียกรอยยิ้มและทำให้การันต์คลายความสนใจกับเรื่อง

หงุดหงิดไปได้บ้าง จนกระทั่งก้าวเข้าไปในเขตห้องอาหารการันต์ก็ถึงกับมองตาค้างเมื่อเห็นสถานที่ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

ราวกับในโรงแรมห้าดาว


   “แล้วสั่งอาหารกันยังไงล่ะนี่”


   การันต์ยังคงทำหน้าเอ๋อจนแอนดี้หัวเราะเบาๆ


   “นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราไปซื้ออาหารมาให้”


   “เราไปเองก็ได้นะ”


   สีหน้าเกรงใจทำให้แอนดี้ยกมือรุนหลังเพื่อนเบาๆ


   “ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกเราเป็นเพื่อนกันนี่ ไปนั่งรอก่อนเถอะโก๋”


   การันต์เลยจำใจเดินมานั่งตัวลีบอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งกลางห้องอาหาร





   “เอ๊ะ นั่นมันเด็กที่ขึ้นรถมากับนายในวันปฐมนิเทศน์นี่มาร์ค”


   แกร๊งงง

   เสียงช้อนกระทบจานข้าวดังขึ้นทันทีที่เตชิตพูดจบ ใบหน้าที่ก้มอยู่เหลือบตามองตามที่เพื่อนชี้ให้ดูช้าๆ

จากโซนที่จัดแยกไว้เป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ

   เตชิตและคิดดีลอบมองหน้ากันอย่างแปลกใจในท่าทีของเพื่อน เพราะเมื่องภูเมธมองไปทางเด็กผู้ชายคนนั้น

หัวคิ้วเข้มก็ขมวดลงมาพร้อมริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันเหมือนตอนที่มีเรื่องขัดใจ


   “ตกลงเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่”


   คิดดีถามอย่างสงสัย


   “ลูกเลี้ยงของป๋า”


   “ฮะ แล้วป๋าแต่งงานใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่”


   คิดดีมีสีหน้าตกใจ เขามองสบตาเตชิตอย่างงงๆแต่อีกคนก็ได้แต่ยักไหล่ทำนองว่าเพิ่งรู้เรื่องนี้เหมือนกัน


   “ไม่ได้แต่ง หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ด้วยกันแถมยังหิ้วลูกติดมาด้วย ก็ไอ้เด็กซุ่มซ่ามคนนั้นนั่นแหละ”


   ดวงตาที่มองไปทางร่างบางนั้นวาวแสงวาบเมื่อเห็นร่างสูงของแอนดี้ยกถาดอาหารมาวางบนโต๊ะ

แถมตัวต้นเรื่องที่ทำให้เขาหงุดหงิดกลับยิ้มแย้มแจ่มใสเวลาคุยด้วย

   เฮอะ ทีกับเขาเดี๋ยวก็หลบหน้าเดี๋ยวก็ต่อว่า ทีกับไอ้หมอนั่นกลับยิ้มระรื่น

   โอ๊ย หมั่นไส้

   แค่คิดภูเมธก็ลุกพรวดราวกับมีของแหลมมาทิ่มแทงหัวใจ เขาก้าวตรงไปทางโต๊ะของการันต์และแอนดี้

โดยไม่สนใจสายตางงงันของเพื่อนทั้งสอง รวมทั้งสายตาของผู้คนในโรงอาหารที่จ้องมองโดยมีเขาเป็นจุดดึงดูดสายตา

การันต์นั่งหันหลังจึงไม่ได้เห็นว่าภูเมธเดินตรงเข้ามาแล้วจึงหยุดยืนล้วงกระเป๋าอยู่ทางเบื้องหลัง แต่แอนดี้ที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม

เห็นเต็มๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร


   “แอนดี้ เป็นอะไรน่ะ”


   การันต์เอะใจเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนจึงได้หันขวับไปมองด้านหลังจนได้ประสานสายตากับตาดุที่ยังคงจ้องราวกับจะหาเรื่อง

   ให้ตายสิ!

   ทำไมหัวใจมันจึงได้ทรยศแล้วเต้นรัวเร็วอย่างนี้นะ

   การันต์ได้แต่ต่อว่าหัวใจของตัวเอง

   ซ้ำร้าย หนุ่มน้อยยังรู้สึกร้อนไปทั่วเรียวปากเหมือนกับว่าภูเมธเพิ่งจะถอนริมฝีปากออกไปเมื่อวินาทีที่ผ่านมานี่เอง

และความรู้สึกนั้นเรียกเลือดในกายให้ไหลพล่านแล้วมาพุ่งมารวมจนร้อนวูบไปทั้งหน้า


   “สวัสดีครับรุ่นพี่”


   เสียงของแอนดี้ดังทำลายความเงียบ เขามองหน้าเพื่อนใหม่กับประธานนักศึกษาสลับกันไปมาอย่างไม่เข้าใจ

ถึงบรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้น

   ภูเมธพยักหน้ารับการทักทายแกนๆก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งที่ตำแหน่งหัวโต๊ะแล้วเท้าศอกไว้บนโต๊ะ

วางคางไปบนมือที่ประสานรองรับแล้วก็จ้องหน้าการันต์โดยไม่มีคำใดหลุดจากปากแม้แต่คำเดียว

กลายเป็นการันต์ที่นั่งกัดฟันนิ่งอยู่พักใหญ่จนกระทั่งหมดความอดทน


   “ต้องการอะไรอีกครับ จะแกล้งอะไรกันอีก”


   ปลายเสียงที่ติดจะตัดพ้อทำให้แอนดี้ยิ่งงงหนัก เขารู้สึกราวกับนั่งอยู่ในสงครามเย็นอันแสนอึดอัด

มุมปากบางของภูเมธแค่นยิ้มประชดก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหนัก


   “เย็นนี้เลิกแล้วมารอที่รถ ห้ามกลับเอง ถ้าขัดคำสั่งคงรู้สินะว่าจะโดนทำโทษยังไงบ้าง”


   บ้าแล้ว บ้าที่สุด

   การันต์เงยหน้ามองแผ่นหลังที่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปพร้อมกับสายตาแทบทุกคู่ในห้องอาหารที่มองตามทุกฝีก้าว

   น้ำตาเอ่อคลออย่างเจ็บใจ

   การันต์เจ็บใจที่ต้องกลายเป็นเบื้ยล่างรองรับอารมณ์ของภูเมธ



TBC


 :impress3: :impress3:











หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 10 [27/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-03-2016 19:58:57
ใจร้ายกับน้องตลอด อิตามาร์คเอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 10 [27/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-03-2016 02:21:21
อิตามาร์คใจร้ายกลบเกลื่อน
จริงๆแกแอบใจเต้นใช่ม้าาาา :o9:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 10 [27/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 28-03-2016 16:43:21
ตบจูบๆ รุนแรงเร้าอารมณ์มาก พี่มาร์คของน้องโก๋
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 10 [27/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 29-03-2016 07:45:31
หลงรักเขาเข้าแล้วน่ะสิมาร์ค  :hao7:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-04-2016 20:56:53



                                                 รักกลางใจ

                                                  บทที่ 11



   “เราไม่รู้ว่านายรู้จักกับประธานเป็นการส่วนตัว”


   ใช่...รู้จักกันเป็นการส่วนตัวและอยู่บ้านเดียวกันอีกต่างหาก ห้องนอนยังติดกันด้วยซ้ำ

   ปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความขัดเคือง แอนดี้มองอย่างเป็นห่วง


   “หรือว่านายถูกแกล้ง ก็พ่อของประธานถือหุ้นมหาวิทยาลัยนี้ด้วยนี่นะ ใครๆเขาก็รู้กันว่าตระกูลนี้

มีอิทธิพลแค่ไหน”


   มิน่าล่ะ คุณลุงภูมิจึงได้ส่งเขามาเรียนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย การันต์หมดข้อสงสัยในวันนี้เอง

   หนุ่มน้อยตกใจเมื่ออยู่ๆแอนดี้เพื่อนใหม่ก็วางมือหนาลงบนหลังมือของเขาแต่แววตาจริงใจที่มองมา

ทำให้การันต์ไม่สามารถตัดใจเสียมารยาทดึงมือออกได้


   “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก”


   น้ำเสียงจริงจังผิดกับหน้าตาสดใส


   “ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนเก่งอะไร แต่เราพร้อมที่จะช่วยนายนะโก๋ นึกถึงเราถ้าโก๋อยากมีใครสักคนไว้คอยช่วยเหลือ”






   บรรยากาศเงียบงันชวนอึดอัดมีมาตลอดทางที่การันต์นั่งมาในรถยนต์คันหรูที่มีภูเมธเป็นคนขับ

กว่าจะถึงบ้านหลังใหญ่เขาก็ลอบถอนหายใจไม่รู้กี่ครั้งจนกระทั่งเขารีบก้าวออกจากรถอย่างรวดเร็วแล้วจ้ำอ้าวเข้าบ้านทันที

ที่รถจอดเทียบอยู่ตรงบันไดขึ้นตัวบ้าน


   “โก๋หิวไหมลูก กินอะไรมาหรือยัง”


   กมลเอ่ยทักเมื่อเห็นหน้า การันต์จึงรีบก้าวเข้าไปกอดเอวมารดาแล้วชักชวนพูดคุยอยู่เป็นนานจนถึงเวลาอาหารเย็น

โดยพยายามจะไม่สนใจคนหน้าตาบูดบึ้งที่ก้าวตามหลังมาอย่างหงุดหงิด และแม้จะหมดเวลาอาหารแล้วหนุ่มน้อยก็ยังถ่วงเวลา

อยู่เป็นนานกว่าที่จะยอมเดินขึ้นไปบนชั้นสองแล้วก้าวเข้าห้องของตัวเอง

   ปิดประตูลงเอื้อมมือไปเปิดสวิชไฟ เมื่อแสงสว่างของไฟกลางห้องมาเยือนหนุ่มน้อยก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นร่างสูง

นั่งที่ขอบเตียงรออยู่ในความมืด


   “จะหนีไปไหน”


   ภูเมธก้าวยาวๆมาคว้าเอวบางลากกลับมาที่เตียงนอนแล้วผลักจนล้มลง ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงไปนอนทาบทับจนการันต์

ดิ้นไม่หลุด


   “ปล่อยนะ”


   คราวนี้การันต์ตกใจจริงๆ หนุ่มน้อยฝืนตัวและดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดที่รัดแน่นแต่ผู้ชายใจร้ายคนนี้ก็ยังกดเขาไว้

กับที่นอนนุ่มแถมยังยึดข้อมือน้อยทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะพลางตะคอกใส่หน้าจนการันต์ยิ่งกลัว


   “นอกจากซุ่มซ่ามแล้วยังดื้อไม่เข้าเรื่อง ทำไมบอกอะไรไม่เคยเชื่อฟัง”


   ภูเมธมองใบหน้าที่สบตาเขาอย่างหวาดหวั่นแล้วก็ยิ่งโมโห ทีกับเขาล่ะทำตัวลีบตัวสั่น ทีกับคนอื่นกลับยิ้มสดใส

   ฮึ...นี่คงมองเขาเป็นสัตว์ประหลาดมาทำลายล้างโลกแน่ๆ


   “คุณเป็นใคร แล้วทำไมผมต้องเชื่อฟังคุณ คุณมันก็แค่คนเอาแต่ใจ บ้าอำนาจ”


   เสียงเล็กๆ โต้กลับแม้จะกลัวจนปากสั่นยิ่งกระตุ้นอารมณ์จนภูเมธแทบจะขาดสติ


   “ทำไมต้องเชื่อฟังฉันน่ะหรือไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม ก็เพราะว่าฉันน่ะเป็นเจ้านายไงล่ะ”


   มุมปากแค่นยิ้มและยิ่งก้มหน้าลงต่ำ การันต์ได้แต่เอียงหน้าหนีจนลมหายใจร้อนผ่าวของภูเมธเป่ารดอยู่ที่แก้มเนียน


   “แล้วฉันก็จะบอกให้ว่าเจ้านายน่ะ ทำอะไรกับทาสอย่างนายได้บ้าง”


   ลมหายใจที่รินรดอยู่ข้างแก้มหายไป กลายเป็นเรียวปากที่ประทับลงมาแทนที่ การันต์พยายามสะบัดหน้าหนี

และเตรียมที่จะหันมาเอ่ยปากต่อว่าแต่กลับเข้าทางของคนที่รอจังหวะอยู่แล้ว

   ภูเมธแนบปากลงไปปิดปากช่างตัดพ้อนั้น มันแนบสนิทพอดีจนคำพูดที่เตรียมต่อว่าถูกดูดกลืนหายเข้าไป

เหลือแต่เพียงเสียงประท้วงอึกอักอยู่ในลำคอ และยิ่งหนุ่มน้อยดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนแรงกดทับจะเพิ่มน้ำหนักลงมา

จนกระดิกตัวไม่ได้


   “อื้มมม!”


   การันต์ประท้วง แต่กลับถูกอีกฝ่ายฉกลิ้นร้อนเข้ามา ความรู้สึกตกใจกับครั้งแรกเมื่อยามเช้ายังไม่คลายจากไป

ครั้งที่สองก็มาเยือนอย่างรวดเร็วในยามค่ำคืนและในสภาพที่เขายังหาทางหนีไม่ได้ ลิ้นนุ่มชื้นกวาดไล่ไปทั่วทุกมุม

ดุดันจนเขาเจ็บราวกับภูเมธจะลงโทษให้เขาหลาบจำ ลงโทษในความผิดที่การันต์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร

   นึกน้อยใจจนน้ำตาไหลลงมาทางหางตา แพขนตาเปียกชื้นจนอีกฝ่ายก็คงรู้สึกได้ ความดุดันจึงค่อยลดระดับลง

อย่างช้าๆแทรกซึมมาด้วยความอ่อนหวานทีละนิด เรียกร้องให้ลิ้นน้อยค่อยๆตวัดโต้กลับอย่างไม่รู้สึกตัว

   อา...

   สมองของการันต์กำลังหมุนติ้วราวกับลูกข่างที่เล่นตอนเด็กๆ ปลายลิ้นที่ซุกไซ้ไปตามร่องฟันกับริมฝีปาก

ที่ไล่ขบเม้มไปตามเรียวปากของเขากำลังทำให้สติกระเจิดกระเจิง จนไม่รู้ตัวเลยว่าภูเมธดึงร่างของเขาเข้าไปแนบชิด

โดยที่ไม่ต้องยึดตรึงไว้อีกแล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นการันต์เองอีกนั่นแหละที่ใช้สองแขนคล้องไปรอบคอเงยหน้ารับกับจุมพิตหวาน

เนิ่นนานจนลืมไปแล้วว่าเวลาหมุนผ่านไปแค่ไหน กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมือร้อนเริ่มสอดลึกเข้าไปในเสื้อและวางแนบไปบน

แผ่นหลังจนเขาสะดุ้งสุดตัว


   “อ๊ะ! อย่าครับคุณมาร์ค...”


   การันต์ร้องห้ามอย่างยากเย็นเมื่อเรียวปากอุ่นเริ่มและเล็มเลื่อนลงต่ำไปแนบอยู่ตรงต้นคอขาว

ร่างกายที่ไร้ประสบการณ์ของเขากำลังถูกปลุกเร้าอย่างชำนาญจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว การันต์เจ็บใจที่นอกจากจะไร้แรงขัดขืน

แถมยังดูเหมือนร่างกายของเขากลับมีปฏิกิริยาตอบสนองที่เป็นใจให้กับภูเมธอีกด้วย


   “คะ...คุณมาร์ค ขอร้องเถอะครับ...ได้โปรด...”


   น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลรินลงมาจนเปียกชุ่มร่องแก้ม หยดหนึ่งรินรดลงมาที่ลำคอในขณะที่ภูเมธ

กำลังลืมตัวดูดซับความหวานไม่เลิกรา มันช่วยเรียกสติของภูเมธกลับคืนมาทันท่วงที

   อา...นี่เขากำลังจะทำอะไร

   เขาเตลิดไปกับร่างกายของหนุ่มน้อยเบื้องล่างที่ช่างหวานหอมยั่วยวน เขาหลงราวกับภมรหนุ่มที่เจอน้ำหวาน

จากเกสรดอกไม้และอยากที่จะดูดกลืนอย่างไม่รู้สึกเบื่อ

   ภูเมธกดริมฝีปากตัวเองลงที่ซอกคอนุ่มขบเม้มมันไว้อีกครั้ง รอยแดงเรื่อสีกุหลาบถูกทิ้งไว้เมื่อเขายอมปล่อย

แต่ภูเมธก็ยังโอบกอดร่างกายสั่นสะท้านที่กำลังร้องไห้นั้นไว้


   “หยุดร้องได้แล้ว ไม่ทำอะไรแล้วน่า...”


   เขาดุเบาๆแต่กลับดึงศีรษะของอีกฝ่ายให้ซุกอยู่ตรงบ่ากว้างพลางลูบผมปลอบโยนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

และยิ่งทำอย่างนั้นการันต์กลับยิ่งร้องไห้หนักจนเสื้อของเขาเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา


   “โก๋ ฉันขอโทษ”


   พึมพำแผ่วเบาแต่หนุ่มน้อยกลับรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน ไม่รู้เป็นเพราะคำพูดไม่กี่พยางค์นี่หรือเปล่า

ที่ทำให้การันต์กล้าเบียดตัวเข้าหา ปล่อยโฮออกมาพลางยกกำปั้นทุบไปเบาๆที่ต้นแขนอีกฝ่ายที่ก็ยอมให้เขาทำอย่างนั้น

โดยไม่ห้ามปราม และปล่อยให้การันต์ร้องไห้ออกมาจนเหน็ดเหนื่อย

   บ้าจริง...นี่ร้องไห้จนหลับไปทั้งอย่างนี้เลยรึไง

   ภูเมธยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบลง พอเห็นว่าดวงตาที่มักจะมองอย่างตัดพ้อปิดลงเขาจึงบรรจง

เช็ดคราบน้ำตารอบดวงตาด้วยริมฝีปากของเขา

   นี่เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่ ภูเมธ!

   เขาถามตัวเองอย่างแปลกใจเมื่อดึงร่างบางเข้ามากอดและหอมเบาๆที่ไรผม

   นายควรจะโกรธ เกลียด และทำร้ายเด็กคนนี้ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่กอดอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอมราวกับ

จะกล่อมให้นอนฝันดี

   ...รัก...

   เมื่อคำๆนี้ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

   ภูเมธถึงกับตกใจ

   ไม่มีทาง มันต้องไม่ใช่

   อะไรคือคำว่ารัก ในเมื่อภูเมธไม่เคยรู้จักความหมายของมันอย่างแท้จริงมาก่อน

   ภูเมธเพียรปฏิเสธใจตัวเอง หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วอย่างว้าวุ่น ในขณะที่ความคิดและความรู้สึกกำลังต่อสู้กัน

อย่างสับสน เขากลับไม่กล้าปล่อยร่างผอมบางนี้ไปจากอ้อมกอด ใบหน้าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาที่หลับตาพริ้มมันทำให้เขาอยาก

ปกป้องหนุ่มน้อยจากฝันร้าย

   ความรู้สึกที่ว่า ทำให้เขาต้องนอนกกกอดร่างกายน้อยๆ ไว้ตลอดทั้งคืน






   การันต์ค่อยๆลืมตาพร้อมกับความเมื่อยขบมาเยือนทันทีที่ตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ และเมื่อสามารถลืมตาได้เต็มที่

เขาก็ต้องตกใจที่เห็นตัวเองซุกไซ้อยู่กับแผ่นอกของใครบางคน แถมยังกอดรัดไว้อย่างแน่นหนา ความทรงจำเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

ค่อยๆหมุนวนกลับมาจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

   อย่าบอกนะว่าเขาหลับไปในท่านี้ทั้งคืน

   อย่ายิ้มสิโก๋.....

   เขาเตือนตัวเองเมื่ออยู่ๆเรียวปากอิ่มก็คลี่ยิ้มออกมาเอง

   หัวใจน่ะ ก็อย่าเต้นแบบนี้ด้วย...

   ยังบ่นในใจไม่เลิกเมื่อหัวใจเต้นเร็วและแรงจนกลัวว่าคนที่ยังนอนหลับตานิ่งๆจะได้ยิน

   หนุ่มน้อยค่อยๆยกแขนที่โอบกอดเอวออก แต่ทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้นและยังรู้สึกถึงแรงที่ยิ่งเหนี่ยวรั้งไว้


   “ตื่นเช้าจัง”


   เลือดในกายไหลมารวมกันตรงใบหน้าจนรู้สึกถึงอาการร้อนฉ่าเขาเหลือบมองภูเมธที่ยังนอนหลับตานิ่งอยู่


   “เอ่อ...คุณไม่ได้หลับอยู่หรือครับ”


   “จะหลับได้ไง นายเล่นนอนดิ้นยุกยิกไปมาแถมยังกอดไม่ยอมปล่อย นี่ปวดแขนแค่ไหนรู้บ้างไหม”


   บ้า....

   การันต์ทำหน้าไม่ถูกกับน้ำเสียงที่ดูจะไม่งัวเงียสักนิดแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตา แต่ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้า

ที่การันต์คิดว่าแดงแจ๋แน่ๆ ของเขา


   “เอ่อ...ผมปวดฉี่”


   “แล้วไง”


   “ต้องไปต้มน้ำเต้าหู้ให้คุณด้วย”


   “ก็ไปสิ”


   “จะไปได้ยังไง ถ้าคุณยังกอดผมแบบนี้”


   ภูเมธถอนหายใจเฮือก ดวงตาคู่ดุยอมเปิดเปลือกตาขึ้น การันต์นิ่งงันเมื่อสบตา

   ทำไมเขาต้องรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดเมื่อภูเมธใช้สายตาแบบนี้นะ

   มันชวนให้ขัดเขินจนต้องเบนสายตาหลบมองได้แค่หัวไหล่

   ทำไมภูเมธไม่มองเขาแบบก่อนๆ เขายังกล้าที่จะสู้ตามากกว่าตอนนี้ แถมยังดึงเขาเข้าไปกดริมฝีปากหนักๆ

ลงที่แก้ม ก่อนจะยอมปล่อยอ้อมแขนให้เขาเป็นอิสระจนการันต์รีบลุกจากเตียงวิ่งหนีเข้าห้องน้ำทั้งที่ยังไม่ยอมมองหน้าภูเมธ

   ภูเมธหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทีของหนุ่มน้อย เขาเด้งตัวขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ประตูด้านระเบียง

ก่อนที่จะออกไปจากห้องเขาหันหลังกลับมามองประตูห้องน้ำอีกครั้ง

   ภูเมธยังไม่รู้คำตอบที่จะตอบตัวเองหรอก แต่อีกไม่ช้าเขาคงมั่นใจ

   รอก่อนนะ เด็กน้อย

   รออีกสักนิด

   เขายิ้มให้กับตัวเองก่อนเดินก้าวออกไป




TBC


 :o8: :o8:





หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 03-04-2016 22:01:15
ติดตัวติดใจของกันและกัน น่ารักดีนะ มาร์ค&โก๋
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 03-04-2016 22:25:16
โก๋ใจง่ายอะ ไม่ชอบเลย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-04-2016 22:39:41
ใกล้แล้ววววว
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 04-04-2016 15:29:51
น่าย้ากกกกก พี่มาร์คต้องขี้หวงมากๆแน่ น้องโก๋จงเตรียมตัวและใจไว้ได้เลย พี่มาร์คจัดหนักเลยนะคะ โก๋อยากน่าแกล้งแบบนี้  อิอิ #ชอบอะ #คนเขียนก็น่ารักรีบมาต่อเร็วๆนะคะ :L2: :z1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 04-04-2016 23:31:02
น่ารักมากกกก
เข้ามารอไปด้วยกับน้องโก๋พี่มาร์ค :hao7:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 08-04-2016 21:45:16
น่ารักดี แต่เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดีนะนายมาร์คเนี่ย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 11 [03/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 09-04-2016 12:18:18
พี่มาร์คมาแนวความรู้สึกช้าอีกแล้ว รีบๆรู้ตัวสักที ไม่งั้นโดน....คาบไปก่อน จะมาพาลน้องโก๋ ไม่ได้นะ อยากช้าเอง ตอนนี้น่ารักดีค่ะ อีกคนรุกไม่รู้ตัว อีกคนก็เขินซะ
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 12 [09/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-04-2016 22:27:36



                                           รักกลางใจ

                                            บทที่ 12



   เสียงเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าแผดเสียงดังอยู่หน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัยสุดเลิศ

มันดูหรูหราและร่ำรวยเกินไปสำหรับเขา สมหวังจอดรถนิ่งสนิทอยู่ตรงนั้นเมื่อคิดถึงภาพที่ทำให้เขาตัดสินใจ

มาเยือนที่แห่งนี้

   หนุ่มน้อยที่เขาเฝ้ามองมาตลอดชีวิต นั่งเคียงคู่อยู่กับเพื่อนเก่าบนรถสปอร์ตคันหรูผ่านหน้าเขาไป

ที่สี่แยกไฟแดง พวงแก้มนุ่มที่เขาแอบหอมบ่อยๆเมื่อยามเด็กดูมีสีฝาดเรื่อในวันนี้ ในขณะที่เรียวปากอิ่มอมยิ้มน้อยๆ

เมื่อก้มหน้าลงต่ำและมองไม่เห็นเขาอย่างเช่นทุกครั้งซึ่งมันทำให้สมหวังน้อยใจมากๆ

   สมหวังสังหรณ์ใจว่าการันต์อาจจะไม่มีสายตาไว้จับจ้องคนอื่นนอกจากภูเมธ

   แม้ว่าความผิดหวังวิ่งเข้ามาจู่โจม แต่ก็ไม่มากไปกว่าความเป็นห่วง

   สมหวังทำใจเรื่องความรู้สึกของตัวเองมานานแล้วว่ามันอาจจะไม่สมหวังเช่นชื่อของตัวเอง

การันต์คงมีใครเข้ามาในชีวิตมากมายและหนุ่มน้อยอาจจะเลือกใครที่ดีกว่า

   แต่มันต้องไม่ใช่ภูเมธ คนที่เขารู้ดีว่าไม่เคยมีใครอยู่ในสายตาโอหังนั่นสักนิด

   สมหวังกลัวการันต์จะผิดหวัง เขาคงทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นน้ำตาจากดวงตาเม็ดอัลมอนต์คู่นั้น

และความกังวลทั้งหมดทำให้เขาตัดสินใจมาเยือนที่แห่งนี้ทั้งที่เขาไม่เคยอยากจะมาสักนิด แต่ถึงอย่างไรตอนนี้

เขาก็มาแล้ว หยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าเพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าไปด้านในดีหรือไม่


   “แล้วทำไมถึงไม่ขี่เข้าไปล่ะ”


   เสียงเบาๆที่ดังมาจากด้านหลังทำให้สมหวังได้สติ

   แทบลืมไปว่ามีเพื่อนร่วมเดินทางมาด้วยอีกคน ที่เขาแทบจะกราบกรานขอร้องให้มันมาด้วย

จากสภาพเถื่อนๆดิบๆ ของตัวเองทำให้เขานึกหวั่นหากจะมาที่นี่คนเดียว ก็เลยไปจัดการลากเจ้าเพื่อนร่วมคณะ

เดียวกันนั่งซ้อนท้ายมาเป็นเพื่อนด้วย ไอ้หมอนี่มันดูดีที่สุดในบรรดาเพื่อนฝูงคนสนิทที่เขามีแล้ว


   “เข้าไปดีหรือวะ”


   “กลัวอะไรล่ะ ก็แค่คนที่มีฐานะดีกว่าเรา”


   เออ... พามันมาด้วยก็ดีเหมือนกันแฮะ คำพูดตรงๆงงๆนั่นก็ช่วยเรียกความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย


   “เอ้า ไปก็ไป”


   สมหวังพยักหน้าก่อนที่จะบิดคันเร่งให้เจ้าแก่ของเขาแผดเสียงดังสนั่นเข้าไปตามถนนของมหาวิทยาลัย G






   ภาพที่หนุ่มน้อยก้มหน้างุดเมื่อก้าวออกจากรถยนต์พลางรีบวิ่งหลบสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองตรงมา

เข้าไปในสนามบาสเก็ตบอลที่เพื่อนๆเล่นอยู่ เรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของภูเมธอย่างเผลอไผล

   ช่างทำตัวน่าเอ็นดูเสียจริงๆ


   “อารมณ์ดีนะช่วงนี้ ท่านประธาน”


   คิดดีเป็นรุ่นน้องของเขาที่เรียนเก่งจนมาลงวิชาเดียวกับพวกปีสุดท้ายทำให้สนิทสนมกับรุ่นพี่อย่างภูเมธ

และเตชิตกล่าวล้อเลียนเมื่อเดินมาใกล้ เตชิตยิ้มกริ่มพลางใช้มือตบบ่าเพื่อนสนิท


   “อะไรหนอทำให้ท่านประธานมาร์คเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะเด็กในบ้านคนที่วิ่งหนี

ไปตะกี้นี้นะไอ้คิด ฮ่าๆๆ”


   “เดี๋ยวเหอะ”


   ภูเมธปัดมือเตชิตออกจากบ่าพร้อมกับส่งเสียงดุ ทว่าใบหน้าที่หันมามองเพื่อนกลับมีเลือดมาเลี้ยง

อย่างแปลกตาคนสนิท


   “พี่มาร์คเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ”


   คิดดีกล่าวด้วยรอยยิ้ม


   “แต่ผมว่าเปลี่ยนไปอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน คนที่เขากลัวรุ่นพี่เพราะรุ่นพี่หน้าดุจะได้เลิกกลัว”


   “เปลี่ยนไปมากเลยหรือวะไอ้คิด”


   “ใช่ครับ”


   รุ่นน้องยืนยัน


   “ถ้าเป็นก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่สัปดาห์ ใบหน้าของพี่น่ะไม่เคยมีรอยยิ้ม ดวงตาของรุ่นพี่จะคมดุจนใครๆ

ก็กลัวไม่กล้าสู้หน้า แต่ดูตอนนี้สิ”


   คิดดีหันไปชวนเตชิตให้มองหน้าภูเมธ


   “หน้าขาวๆ มีสีเลือดฝาด ดวงตาเป็นประกาย คล้ายๆไอ้หนุ่มมอต้นริจะมีความรัก อุ๊บ เจ็บนะครับ”


   คิดดีร้องประท้วงเมื่อถูกอีกฝ่ายยกมือเขกหัว


   “ลามปามแล้วว่ะ”


   ภูเมธส่ายหน้าอย่างระอากับเพื่อนรุ่นน้อง ก่อนทั้งหมดจะแปลกใจกับเสียงดังของจักรยานยนต์

ที่แล่นมาจอดอยู่ข้างสนามบาสเก็ตบอลที่อยู่คนละฝั่งถนนกับที่พวกเขายืนอยู่

   ดวงตาคมของภูเมธชะงักและเปลี่ยนเป็นแววกร้าวเมื่อเห็นคนเป็นเจ้าของเสียงดังเดินตรงเข้าไป

ในสนามบาส และร่างผอมบางของการันต์ก็วิ่งเข้าไปหา สีหน้ายินดีระคนแปลกใจนั่นทำให้หัวใจของภูเมธเจ็บแปลบ

อย่างห้ามไม่อยู่

   ส่วนดวงตาคมอีกคู่ของเตชิตก็ต้องเบิกกว้างเมื่อมองไปเห็นคนนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่กำลังถอด

หมวกกันน็อคยืนรีรออยู่ตรงริมถนนแถมยังทำท่าหันรีหันขวางมองซ้ายขวาอย่างตื่นเต้น

   และเมื่อสายตาคู่นั้นกวาดมาถึงเขา ดวงตาของคนทั้งคู่ก็สบกัน

   ต่างคนต่างตะลึงเมื่อโชคชะตาเล่นตลกอีกครั้ง


   “นภัทร!”


   เตชิตครางชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างชัดเจนทั้งที่เขานึกว่าชื่อนี้จะหมดไปจากความทรงจำแล้ว

แต่เขากลับจดจำได้อย่างครบถ้วน ในขณะที่คนตรงข้ามฝั่งถนนกำลังมองเขาพร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ


   “คุณเตชิต!”






   สมหวังยิ้มกว้างเมื่อเห็นการันต์วิ่งถลาเข้ามาหาเขาอย่างดีใจเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กๆ

อย่างน้อยการันต์ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไป

   เสียงดังของชาวบาสเก็ตบอลดังลั่นทำให้คุยกันไม่ค่อยสะดวก หนุ่มน้อยคว้ามือของสมหวัง

ให้ก้าวตามไปอีกทางที่เป็นสวนกว้างริมสระน้ำโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าร่างสูงของใครบางคนก้าวเดินตามไปห่างๆ


   “ดีใจจังที่เฮียมาหา”


   การันต์ยิ้มกว้างพลางฉุดแขนให้สมหวังนั่งลงบนเก้าอี้ยาวริมสระน้ำเคียงข้างกับเขา

สมหวังวางมือบนศีรษะทุยโยกเบาๆอย่างเอ็นดู


   “เฮียคิดถึง ก็โก๋ไม่ไปหาเฮียบ้าง นี่อาม่าก็ถามถึงว่าทำไมโก๋ไม่ไปกินบะหมี่ที่ร้านเลย”


   ปลายเสียงอ่อนลงเพราะเจ้าตัวก็นึกน้อยใจ การันต์หน้าเสียลงทันที หนุ่มน้อยรีบคว้ามือสมหวังมากุมไว้


   “โธ่ เฮีย ผมคิดถึงเฮียและครอบครัวของเฮียเสมอ นี่แม่ก็บ่นว่าบ้านเฮียจะเป็นไงบ้าง”


   “คิดถึงก็ไปหาสิ”


   สมหวังโพล่งขึ้นมา


   “หรือว่าไปไม่ได้เพราะมีคนมาขัดขวาง ถ้าใช่...เฮียจะไปจัดการมัน”


   “เฮีย อย่านะครับ”


   ดวงตายาวรีเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นท่าทางของสมหวัง


   “ไม่มีใครขัดขวางหรอกครับ แต่ผมเพิ่งเริ่มเรียนก็เลยยังไม่มีเวลา”


   สมหวังหรี่ตามอง


   “ไม่ใช่เพราะในใจของโก๋ไม่มีเฮียอยู่ในนั้นแล้วหรือ”


   หัวคิ้วของการันต์ขมวดลงอย่างงงงันกับคำพูดของสมหวัง


   “เฮียหมายความว่าไง ผมไม่เข้าใจ”


   สมหวังมองสบตาการันต์อย่างตัดพ้อ


   “เมื่อเช้าเฮียเห็นโก๋นั่งรถมากับไอ้มาร์ค ดูโก๋มีความสุขเมื่ออยู่กับมัน เป็นเพราะอะไร

หรือเป็นเพราะโก๋รับไอ้หมอนั่นมาอยู่ในใจแล้ว”


   “เฮียหวัง พูดอะไรอย่างนั้น!”


   การันต์ตกใจ หัวใจของหนุ่มน้อยเต้นถี่ พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ยิ่งทำให้สมหวังมั่นใจ

ในความคิดของตนมากขึ้นไปอีก ใบหน้าของสมหวังแทบจะไม่เหลือรอยยิ้มเมื่อเขาคว้าไหล่บางให้เข้ามาใกล้


   “ทั้งที่เฮียมาก่อนมัน เฮียเจอโก๋ก่อนมัน และรักโก๋ก่อนมัน แต่มันกลับชนะเฮียได้”


   “อะ...อะไร เฮียพูดอะไรของเฮีย”


   การันต์ครางอย่างตกใจ เขามองสมหวังอย่างเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน หนุ่มน้อยไร้เดียงสารู้สึก

ปวดศีรษะอย่างแรงในตอนนี้


   “เฮียรักโก๋”


   เน้นทุกคำพูด สมหวังมองตาคู่นั้นเมื่อกล่าวความในใจ


   “รักตั้งแต่แรกเกิด รักมาตลอด เพียงแค่โก๋จะเปิดใจมองก็จะรู้ว่าเฮียรักโก๋มากแค่ไหน”


   ช่วงเวลาที่หนุ่มน้อยยังตะลึงกับคำสารภาพรักที่ไม่คาดคิด มือหนาที่เกาะกุมไหล่บางๆ

ก็ดึงเข้าหาตัว สมหวังโน้มหน้าลงไปประกบปากลงบนเรียวปากนิ่มอย่างรวดเร็ว

   แค่กลีบปากสัมผัส สมหวังส่งความรู้สึกทั้งหมดลงไป ไม่ดึงดันไม่เรียกร้อง

เพียงแค่เขาอยากจะบอกหนุ่มน้อยให้รู้ว่าความรักของเขามันมากมายแค่ไหน

   มันบางเบาและนุ่มนวลเกินกว่าที่การันต์จะกล้าทำร้ายอีกฝ่ายด้วยการผลักไส

แม้ว่าจะตกใจกับสิ่งที่สมหวังทำอยู่ หัวใจของการันต์อบอุ่นกับความรักที่อีกฝ่ายมีให้ แต่เขาก็อดเปรียบเทียบ

อย่างละอายใจไม่ได้ว่า จูบของสมหวังนุ่มนวลและอ่อนหวานแต่มันไม่ได้ทำให้หัวใจของการันต์หวามไหว

เหมือนกับจูบจากใครบางคน

   คนที่การันต์ไม่รู้หรอกว่ากำลังยืนกัดฟันมองอยู่ไกลออกไป ดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยโทสะ

มือสองข้างกำหมัดแน่นเมื่อเรียวปากที่เขาหวงแหนถูกประทับซ้ำรอยของเขาจากเพื่อนในวัยเด็ก







   ร่างสูงโปร่งเจ้าของดวงตาสดใสจ้องมองมาทางอีกฝั่งถนนอย่างลืมตัว จนไม่เห็นว่ามีคนเดินผ่าน

มาทางด้านข้าง และเมื่อเท้าเตรียมขยับจะก้าวมาหากลับถูกชนจนล้มลง


   “โอ๊ย!”


   นภัทรอุทานอย่างตกใจและรู้สึกเจ็บเมื่อหงายหลังก้นกระแทกพื้น


   “เกะกะจริงแกนี่”


   คนที่เดินชนนอกจากจะไม่ขอโทษยังมองสายตาเหยียดหยาม


   “ขอโทษครับ”


   เขาลนลานพูดออกไป


   “ขอโทษทำไมนายไม่ผิด”


   เสียงคุ้นหูทำให้นภัทรเงยหน้ามอง เขาเห็นเตชิตก้าวมายืนค้ำหัวอยู่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็ไม่รู้

รู้แต่คนที่เดินชนเขากำลังยืนตัวลีบปากสั่น


   “นายต่างหากที่เดินไม่ระวัง”


   เสียงเรียบแต่หนักแน่นทำให้คนยืนตัวลีบรีบโค้งศีรษะลงทันที


   “ขอโทษครับรองประธาน”


   เตชิตชี้มาทางเขา นภัทครีบลุกขึ้นยืนละล่ำละลักพูด


   “ไม่ต้องครับ ผมเองก็ผิดที่ไม่ระวัง...”


   “ยังไม่ขอโทษอีก”


   นภัทรสะดุ้งกับเสียงตวาดของเตชิต แต่คนที่ตกใจกว่าคือคนที่ยืนตัวสั่นข้างๆเขา

ผู้ชายคนนั้นรีบโค้งคำนับเอ่ยปากขอโทษเสียงสั่นแล้วรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

   ตอนนี้จึงเหลือเพียงเขากับเตชิตที่กำลังยืนกอดอกมอง และใครอีกคนที่ยืนมองยิ้มๆอยู่ด้านหลังร่างสูงของเตชิต


   “ใครอะ พี่เต้ น่ารักดีจัง”


   นภัทรมองเห็นเตชิตหันไปมองปรามคนที่เขายังไม่รู้จัก


   “เจอกันอีกแล้วนะ นภัทร คนที่พกพาความเอ๋อติดตัว”


   เตชิตเอ่ยทักด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ในใจต้องระงับความดีใจที่ได้พบกับนภัทรอีกครั้ง



TBC


 :z10: :z10:








หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 12 [09/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-04-2016 23:31:40
เฮียจะรอดออกจากมหาลัยโก๋ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 12 [09/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 09-04-2016 23:47:42
โธ่นึกว่าพี่มาร์คจะเข้าไปวางมวยกับเฮียหวังเสียนี่55555
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 12 [09/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 11-04-2016 12:06:28
เตชิตนภัทร โอยชอบ    โก๋ต้องโดนภูเมธร้ายใส่อีกแน่เลย โอ๊ยตาย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 12 [09/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 13-04-2016 00:12:06
กำลังจะดีแล้วเชียว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 12 [09/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 13-04-2016 18:06:59
เพลงมาเลย ไอ้หวังตายแนนน่
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-04-2016 19:02:00



                                                    รักกลางใจ

                                                     บทที่ 13



   น้ำอัดลมกระป๋องถูกยัดเยียดใส่มือจนนภัทรแทบคว้าไว้ไม่ทันจากผู้ชายมาดเข้มที่ยืนพิงโต๊ะอาหาร

มองหน้าเขาอยู่ โดยมีชายหนุ่มอีกคนที่แนะนำตัวเองให้เขารู้จักเมื่อครู่ว่าชื่อคิดดีนั่งอมยิ้มมองมาด้วยอีกคน

   นภัทรเซ็งตัวเองที่รู้สึกประหม่าจนตัวสั่นเวลาอยู่ต่อหน้าเตชิต โดยปกติเขาก็เป็นคนเอ๋อๆซุ่มซ่ามอยู่แล้ว

ยิ่งพอเห็นแววตาของเตชิตยามมองมาทีไร ก็ยิ่งเผลอทำอะไรเปิ่นๆออกไปทุกที


   “ผมไม่นึกว่าคุณที่เรียนอยู่ที่นี่”


   เขาพูดเสียงเบา แต่แปลกที่เตชิตได้ยิน

   จริงๆแล้วเตชิตก็ยังแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่ได้นึกรำคาญนภัทรอย่างที่ควรจะเป็น เพราะโดยปกติ

เขาไม่ค่อยได้คบหากับคนที่มีลักษณะเช่นชายหนุ่มตรงหน้า แต่เพราะอะไรเขาก็ไม่เข้าใจที่ภาพของนภัทรมันรบกวน

ความทรงจำของเขา

   มันก็ไม่ได้ถึงกับตลอดเวลาหรอกนะ แค่ตอนไหนที่เขาไม่มีอะไรทำ ภาพของนภัทรมันจะปรากฎขึ้นมาเอง

โดยอัตโนมัติ ก็…แค่นั้น

   มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกน่า


   “เรียนอยู่ที่นี่แล้วเป็นไง ทำไมล่ะ หน้าของฉันมันไม่เหมาะกับที่นี่หรือไง”


   เฮือกก…

   นภัทรตัวลีบลงอีก ค่อยๆเหลือบตามองเตชิตอย่างเกรงใจ


   “ก็ผมไม่เคยมาที่นี่ เลยนึกว่าจะมีแต่พวกคุณหนู คุณชายเรียนกัน”


   คิดดีหลุดหัวเราะก้ากออกมา เขานึกเอ็นดูความน่ารักของนภัทรที่แม้จะดูหวาดหวั่นแต่กลับพูดจาตรงกับ

ที่ใจคิดไม่มีปิดบัง แถมยังทำให้หน้าดุเข้มของรองประธานต้องเก๊กไว้สุดชีวิต


   “พี่นภัทรก็คิดถูกแล้วนี่ครับ ที่นี่มีแต่พวกคุณหนูคุณชายเรียนกันทั้งนั้นแหละ ส่วนรุ่นพี่เตชิตน่ะเห็นอย่างนี้

ก็เป็นคุณหนูนะ โอ๊ย เจ็บนะรุ่นพี่ เบามือหน่อยสิ”


   คิดดีร้องลั่นเมื่อถูกฝ่ามือพิฆาตจากเตชิตฟาดเข้าให้ที่หัวไหล่ นภัทรถึงกับเบิกตากว้างมองเตชิตอย่างไม่เชื่อสายตา


   “จำได้แล้ว หรือว่าคุณเตชิตจะเป็นคุณหนูของตระกูลที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับสองของประเทศครับ”


   สายตาดุที่ส่งมาทำให้นภัทรหลบตาวูบ


   “ฉันจะเป็นใครก็ช่าง ว่าแต่นายมาที่นี่ทำไม มากับใคร”


   เตชิตชิงตัดบท เขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่นักจึงได้ถามในสิ่งที่เขาสงสัยเมื่อเห็นนภัทร

ซ้อนมอเตอร์ไซค์ใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา


   “เอ่อ มากับเพื่อนครับ เพื่อนจะมาหาคนรัก”


   “อะไรนะ!”


   เตชิตกับคิดดีหันไปสบตากันทันที

   ถ้าผู้ชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ คนนั้นเป็นคนรักของเด็กผู้ชายที่อยู่ภายใต้การปกครองของภูเมธแล้วภูเมธ

กับเด็กคนนั้นจะเป็นอะไรกันล่ะในเมื่อสายตาของภูเมธขณะจ้องมองเด็กในบ้านมันบอกถึงความเป็นเจ้าของชัดๆ

   ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่น่าสงสัยจริงๆ





   สมหวังถอนริมฝีปากออกในขณะที่การันต์ยังมีสีหน้างงงันปะปนกับความลำบากใจ


   “เอ่อ…ผมไม่นึกว่า…”


   การันต์ไม่นึกว่าสมหวังจะคิดกับเขาในแง่นี้ มันทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกว้าวุ่นใจ


   “เฮียขอโทษที่จู่โจมเร็วเกินไป จนโก๋อาจจะตั้งตัวไม่ทัน”


   มืออุ่นประคองใบหน้าให้สบตาเขาปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมเบามือ


   “แต่เฮียแค่อยากให้โก๋รู้ ว่าเฮียรักและเป็นห่วงเด็กคนนี้แค่ไหน”


   ความอบอุ่นแผ่ซ่านราวกับพี่ชายมีให้ต่อน้องจนการันต์เองอดน้ำตาซึมไม่ได้


   “ขอบคุณนะครับเฮีย ขอบคุณจริงๆ”


   สมหวังกดริมฝีปากไปที่หน้าผากมนอีกครั้งเป็นการร่ำลาก่อนที่จะจูงมือการันต์มาที่เจ้าแก่ของเขา

ยืนอยู่ไม่นานนภัทรก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหาและกล่าวทักทายการันต์อย่างสนิทสนมเพราะว่าเคยเจอกันบ่อยครั้ง

เมื่อสมหวังพาไปที่ร้านน้ำเต้าหู้ของการันต์เป็นประจำ

   เจ้าแก่แผดเสียงดังลั่นเมื่อสมหวังสตาร์ทรถและบิดคันเร่งออกไปพร้อมนภัทรโดยไม่รู้เลยว่าได้ทิ้งระเบิด

ลูกใหญ่ไว้เบื้องหลัง






   “โก๋ ทำอะไรอยู่”


   น้ำเสียงสดใสที่เอ่ยจากด้านหลังเรียกให้การันต์หันไปยิ้มรับร่างสูงของเพื่อนใหม่อย่างแอนดี้


   “กำลังจะฝึกชูตบาสอยู่น่ะ”


   แอนดี้ยิ้มกว้างพลางขยับเข้าไปใกล้


   “เราเป็นโค้ชให้เอาป่ะ เราเป็นนักกีฬาตัวสำคัญของโรงเรียนเลยนะ”


   “โห จริงอะ นายเก่งจัง ส่วนเราเล่นอะไรไม่เก่งเลย ไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่าง”


   “ไม่หรอก อย่าคิดงั้นดิ แค่นายคือโก๋อย่างนี้ก็น่ารักเกินพอแล้ว”


   พูดจบร่างที่สูงเกินอายุก็ยิ้มเขินคำพูดของตัวเองจนหน้าแดง การันต์มองแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้


   “ขอบใจนะแอนดี้ ไปเหอะไปเล่นบาสกัน”


   การันต์คว้าแขนของแอนดี้ไว้แต่แล้วร่างบางก็ชะงักจนแทบเสียหลักเมื่อแขนของเขาถูกกระชากอย่างแรง


   “คะ คุณมาร์ค”


   “เสน่ห์แรงจริงนะ ไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


   การันต์งงไปหมดเมื่อเห็นหน้าตาหล่อเหลาแต่กลับดุดันจนน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ยิ่งเขากระชากแขน

ของการันต์จนเซเข้าหาชิดติดกับอกการันต์ก็ยิ่งไม่เข้าใจ

   ก็ตอนที่นั่งรถมาด้วยกันตอนเช้ายังดีกันอยู่แท้ๆ

   แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น


   “ประธานครับ ปล่อยโก๋ก่อนเถอะครับ โก๋คงจะเจ็บแขนแล้ว”


   แอนดี้พยายามจะเข้ามาห้ามแต่ร่างบางๆก็ยิ่งถูกลากให้ห่างออกไป ดวงตาคุกรุ่นหันไปมองแอนดี้

จนอีกฝ่ายต้องชะงัก แม้ว่าจะนึกเป็นห่วงการันต์จนจิตใจไม่อยู่กับตัว


   “เด็กปีหนึ่ง รู้ไว้ อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ และอย่ามายุ่งกับคนของฉันอีก”


   เสียงเข้มเค้นจากลำคอพร้อมดวงตาวาวแสงส่งออกมาจากภูเมธ ก่อนที่เขาจะกระชากร่างเพรียว

ของการันต์จนลอยติดมือให้ก้าวยาวๆตามไปที่รถ ภูเมธผลักการันต์ให้เซเข้าไปภายใน และแรงกระแทกประตูอย่างแรง

ตามหลังทำให้การันต์สะดุ้งเฮือก หนุ่มน้อยนั่งตัวลีบพิงกับประตูรถฝั่งตัวเองเมื่ออีกฝ่ายเดินอ้อมไปด้านคนขับ

เหยียบคันเร่งออกไปจากมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว






   รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวขวับเข้ามาในเขตรั้วของคฤหาสถ์บอกถึงอารมณ์อันคุกรุ่นของเจ้าของก่อนที่มัน

จะเบรกดังเอี๊ยดอยู่ตรงหน้าบ้านพอดี บุตรชายของประมุขของบ้านก้าวลงมาด้วยคิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อกระชากการันต์

ลงมาจากรถและก้าวยาวๆเข้าไปในบ้าน


   “คุณชาย ทำไมกลับมาแต่วัน อ้าว แล้วเกิดอะไรขึ้นคะ”


   หญิงรับใช้เก่าแก่อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นนาย แต่ปากก็ต้องยั้งเมื่อเห็นแววตากราดเกรี้ยวคู่นั้น


   “คุณป้า ช่วยผมด้วยครับ”


   หนุ่มน้อยร้องขอหน้าตาน่าสงสาร แต่ไหนเลยจะมีใครกล้าห้ามเพราะรู้ฤทธิ์เดชคุณชายมาร์คดีอยู่แล้ว

และยิ่งวันนี้นายท่านออกไปทำงาน ส่วนคุณนายคนใหม่ก็ออกไปซื้อของยังไม่กลับเข้ามา มีทางเดียวที่จะรักษาชีวิตไว้ได้คือ

“ปิดปากให้เงียบไว้”  แล้วมองดูหนุ่มน้อยลูกชายคุณนายคนใหม่ถูกลากตามแรงกระชากให้ขึ้นไปบนชั้นที่สองของตัวบ้าน

อย่างไม่มีทางเลือกอื่น

   แรงเหวี่ยงทำให้การันต์ร่วงไปกองอยู่บนพื้นห้องกว้าง เสียงประตูห้องที่ปิดดังปังทำเอาการันต์ผวาจะลุกหนี

แต่ก็ไม่ทันการ ร่างบางถูกผลักให้นอนหงายอยู่บนพื้นแข็ง แขนเล็กสองข้างถูกมือหนาจับยึดไว้เหนือหัวตรึงไว้กับพื้นห้อง

ด้วยแรงมหาศาลของคนที่คร่อมทับไว้จนเขาดิ้นไม่หลุด


   “ปล่อยผมนะ คนใจร้าย”


   หนุ่มน้อยตะโกนใส่หน้า ดวงตาเรียวหวานตอนนี้กลับฉ่ำไปด้วยน้ำตา


   “ผมไปทำอะไรให้คุณ”


   ใช่…การันต์ไม่รู้

   เขาไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้ภูเมธกลับเป็นแบบนี้อีก ทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังดีขึ้นแท้ๆ


   “หึ ไม่รู้เพราะทุกสิ่งคือธรรมชาติสินะ”


   มุมปากภูเมธแค่นยิ้มเมื่อตะคอกเสียงเข้มใส่หน้าหวานที่กำลังร้องไห้


   “ธรรมชาติของนาย คือยั่วให้คนมาตกหลุมใช่ไหมไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


   เหมือนตอนนี้ที่ฉันกำลังตกลงไปในหลุมที่นายขุดไว้

   ยิ่งภูเมธมองหน้าหวานเบื้องล่าง ภูเมธก็ยิ่งหงุดหงิด

   ยิ่งเห็นปากแดงเม้มแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เขาก็ยิ่งหวง

   ปากนี้เป็นของเขา หวานแค่ไหนต้องเป็นเขาคนเดียวที่รู้ ต้องเป็นเขาคนเดียวที่ได้ชิมได้ลิ้มรส

ภาพที่สมหวังประทับริมฝีปากลงไปบนเรียวปากคู่นี้ยังแจ่มชัดอยู่ในมโนภาพมันยิ่งกระตุ้นความรู้สึกเป็นเจ้าของร่าง

บอบบางนี้ให้ยิ่งแผ่ขยายจนเจ็บหนึบไปทั้งหัวใจ


   “ฉันมันโง่เอง ที่ต้องตกหลุมของนาย”


   ภูเมธก้มต่ำ เขากดปากลงไปบนเรียวปากที่เม้มแน่นและพยายามเอียงหน้าหนี เขาบังคับให้การันต์

ต้องหยุดนิ่งยอมจำนน ปลายลิ้นซุกไซ้หาทางเปิดช่องอย่างขัดใจจนเผลอไผลขบเม้มปากนุ่มจนกลีบปากแดงเริ่มบอบช้ำ

และเมื่อหนุ่มน้อยขยับออกเพราะความเจ็บปลายลิ้นร้อนจึงได้โอกาสฉกวูบตวัดลิ้นน้อยจนแทบหายใจไม่ทัน

   มันเป็นจูบที่หนักหน่วง ดุดัน เอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นชื้นเสาะแสวงหาความหวาน แสดงความเป็นเจ้าของ

แทบจะทุกซอกมุมของโพรงปากหวาน การันต์หมดแรงต่อสู้จนต้องปล่อยให้ภูเมธเกาะเกี่ยวพัวพันจนแทบขาดใจ

กว่าที่เขาจะยอมหยุดแล้วปล่อยให้กลีบปากที่ช้ำราวกับกลีบกุหลาบที่โดนมือหนาบดขยี้เป็นอิสระ


   “ปากของนายเป็นของฉัน ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาจูบนายซ้ำรอย”


   “คนใจร้าย”


   การันต์ตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด ดวงตาเรียวมองสบตาภูเมธอย่างน้อยใจและตัดพ้อ


   เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมภูเมธถึงเป็นอย่างนี้ คงเป็นเพราะภูเมธเห็นภาพที่สมหวังจูบเขา

   แล้วภูเมธมีสิทธิ์อะไรที่จะมาโกรธและระบายกับเขาขนาดนี้

   มีสิทธิ์อะไรที่จะมาห้ามมาหวง ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน

   ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้สักนิด ปากบอกว่าเกลียดแต่กลับนำตัวเองมาพัวพันใกล้ชิด ทำให้เขารู้สึกหัวใจเต้นรัว

เมื่ออยู่ใกล้ ทำตัวเหมือนคนกำลังหึงหวงไร้สติทั้งที่ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกดีๆให้กัน

   การันต์คิดอย่างปวดร้าว


   “ผมมีสิทธิ์ที่จะจูบกับใครก็ได้ที่ผมพอใจเพราะนี่คือปากของผม คุณเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรจะมาห้าม

เพราะคุณไม่ได้เป็นอะไรกับผม”


   มือหนาที่จับยึดข้อมือเล็กทั้งสองข้างกำแน่นจนการันต์ต้องนิ่วหน้า ภูเมธกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินคำตอบโต้

จากเด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามที่บังอาจท้าทายล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา


   “โก๋ นี่นายกล้าขนาดนี้เลยหรือ ได้สิ…ฉันจะทำให้นายรู้ว่าทำไมฉันถึงมีสิทธิ์ในตัวนาย ฉันจะทำให้นายรู้ว่า

เราเป็นอะไรกัน”


   “ยะ…อย่านะ คุณมาร์ค ผมของร้อง”


   ดวงตางามราวกับเนื้อทรายเบิกกว้างเมื่อเห็นท่าทีของภูเมธ หนุ่มน้อยรวบรวมพลังกายและใจอีกครั้งเพื่อดิ้นหนี

แต่กลับยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายกดน้ำหนักตัวลงมา ภูเมธใช้มือแค่ข้างเดียวก็กำรอบข้อมือน้อยสองข้าง จมูกโด่งก้มลงไปขบเม้ม

ที่ซอกคอเรียวจนการันต์ผวา หนุ่มน้อยหลับตาอย่างหวาดกลัว เขาได้ยินเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังแว่วเข้าหูแม้พยายามดิ้นรน

แต่ชั่วไม่กี่อึดใจการันต์ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของเนื้อร้อนที่ทาบทับลงมา




tbc


 :ling1: :ling1:


หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-04-2016 19:38:03
นิสัยแก้ไม่หายใช่ไหมคุณมาร์ค
สงสารโก๋
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 14-04-2016 22:42:48
สนุกค่าาา น่าติดตาม สงสารรน้องโก๋มากกกก
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 14-04-2016 23:59:55
วอทคะภูเมธทำไมไม่ตะล่อมน้องก่อนน้องกลัวเลยเอ้ย55555
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-04-2016 01:09:21
น้องโก๋ของเจ๊จะโดนอิตามาร์คกินแล้วใช่มั้ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 15-04-2016 03:08:31
น้องโก๋   :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 15-04-2016 07:27:03
จำเลยรัก...สินะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 13 [14/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 15-04-2016 21:43:14
หึงโหดจริงพ่อคุณ
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 14 [16/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-04-2016 18:28:56


                                                                      รักกลางใจ

                                                                       บทที่ 14


ร่างกายที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ผวาเฮือกเมื่อรู้สึกได้ถึงเนื้อตัวร้อนระอุที่ทาบทับลงมา หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวด้วยความกลัวระคนหวามไหว

กับสัมผัสจากเรียวปากที่ขบเม้มไปตรงซอกคออุ่น


“คุณมาร์ค ได้โปรด...อย่า...”


แม้จะเอ่ยปากขอร้องอีกครั้งแต่อีกฝ่ายเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ไม่อาจห้ามใจได้

อา...

ใช่...

ภูเมธห้ามใจไม่ได้อีกแล้ว...

ลิ้นร้อนลากเลื้อยสลับด้วยริมฝีปากที่ได้ลองลิ้มรสเนื้อสมันหวานละมุน ยากที่จะทำให้เสือร้ายยอมปล่อยเหยื่อ ภูเมธกำลังติดใจในรส

กายหวานหอมที่อยู่ภายใต้ร่างของเขา ริมฝีปากบางเฉียบปล่อยตรงนั้นแต่ก็ย้ายที่ไปตรงโน้น ทิ้งรอยแดงเรื่อสีกุหลาบจนแทบปรากฏไป

ทั่วร่างบาง


“อา...โก๋ นายเป็นสมบัติของฉัน”


เขาพึมพำหนักหน่วง เพิ่มแรงกดทับจนอีกฝ่ายหมดทางดิ้นหนี และยิ่งภูเมธเลื่อนตัวลงต่ำเรื่อยๆการันต์ก็ยิ่งหมดแรงห้ามปรามลงไป

ทุกที


“ฮือ....อ๊ะ...คะ..คุณมาร์ค”


หนุ่มน้อยสะดุ้งเมื่อยอดอกสีสวยถูกปลายลิ้นร้อนแตะลง มือร้อนของเขาวางทาบไปบนเนื้อตัวอุ่นๆ การันต์ร้อนวาบไปทุกจุดที่คนใจร้าย

สัมผัส กำปั้นของเขาทุบถองไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย แต่นอกจากจะไม่สะดุ้งสะเทือนแล้วภูเมธกลับครอบริมฝีปากลงไป

บนลานรอบยอดอกอย่างติดใจ


“อื้อ...”


ร่างบางเผลอไผลแอ่นตัวรับสัมผัส กำปั้นที่ทุบถองเมื่อครู่กลับต้องเปลี่ยนเป็นกอดรัดร่างที่ทาบทับ ปากอิ่มเม้มแน่นกลั้นเสียงครางไว้เมื่อมือร้อนที่


สำรวจไปทั่วตัวเลื่อนลงไปจับต้องอยู่ที่จุดอ่อนไหว


“ยะ..หยุดเถอะครับ...”


หนุ่มน้อยเพิ่งค้นหาเสียงของตัวเองเจอ มันน่าตกใจที่เสียงของเขาสั่นพร่าแหบโหย ในขณะที่หัวใจของเขากลับเต้นรัวการันต์หอบ

หายใจถี่เมื่อมือร้อนกอบกุมจุดไวสัมผัสไว้ในมือพลางใช้ปลายนิ้วกดนวดไปที่ส่วนยอด


“นายต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”


ย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงสั่นไหวจนการันต์เองก็รู้สึกได้ สะโพกแข็งแรงกดน้ำหนักลงไปแยกขาสองข้างของการันต์ให้เปิดกว้างก่อนที่ปลาย

นิ้วจะถูกส่งเข้าไปทักทายช่องทางลับสีสวย


“ไม่!”


หนุ่มน้อยอุทานพลางเบิกตากว้างเมื่อถูกโจมตีทั้งจากด้านบนที่ยอดอกด้วยปลายลิ้นโลมไล้จนเปียกชุ่มและด้านล่างเมื่อปลายนิ้วที่สอง

เริ่มส่งเข้าไปหมุนวนเปิดทางรักให้กว้างขึ้น


“อื้มมม...จะ เจ็บ”


แม้จะเจ็บแต่กลับวาบหวามกับสัมผัส การันต์เจ็บใจที่ร่างกายของเขาตอบสนองจนต้องแอ่นกายเบียดเสียดไปกับร่างของภูเมธจนอีกฝ่าย

คำรามอย่างได้ใจเมื่อปลายนิ้วที่สามทำให้เขาคิดว่าควรจะทำให้การันต์ได้รู้เสียทีว่า คนที่เป็นเจ้าของร่างกายนี้คือใคร


“โก๋ จำให้ขี้นใจว่านายเป็นสมบัติของฉัน”


เสียงหนักกระซิบที่ข้างหู การันต์เตรียมจะตอบโต้แต่ปากน้อยๆกลับถูกปิดด้วยปากของภูเมธปลายลิ้นสอดลึกเซาะไซ้ไปตามร่องฟัน ลิ้น

เล็กถูกดูดกลืนจนการันต์แทบสำลัก ภูเมธกำลังหลอกล่อให้การันต์เคลิ้มไปกับจูบที่ชำนาญ ก่อนที่ปลายนิ้วจากช่องทางรักจะถูกชักกลับ

แล้วแทนที่ด้วยอะไรบางอย่างที่ค่อยๆลุกล้ำเข้าไปทีละนิด


“อื้มมม”


ร่างบางผวา ดวงตาคู่หวานเบิกโพลง ในสมองขาวโพลนไปกับความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต การันต์ส่งเสียงร้องแต่มันกลับถูกดูดซับไว้ด้วย

ลิ้นร้อนและเรียวปากที่ทาบทับแนบสนิทจนเหลือแค่เพียงเสียงอื้ออึงอยู่ในลำคอ เขาเกร็งตัวด้วยสัญชาตญาณ มือน้อยๆ จิกเล็บลงไป

บนแผ่นหลังอีกฝ่ายจนเป็นรอยซิบๆ แต่ก็หยุดการกระทำนั้นไม่ได้


“โก๋ อย่าเกร็ง”


ภูเมธเตือนเสียงอู้อี้เมื่อปลายลิ้นยังพัวพันไม่เลิกรา ปลายนิ้วของเขาเช็ดหยดน้ำจากหางตาที่ไหลรินลงมาอย่างเบามือ


“เจ็บครับ ผมเจ็บ คุณมาร์ค ฮือ..”


“ทนอีกนิดนะครับเด็กดี แล้วเราจะมีความสุขด้วยกัน”


ภูเมธยกขาเรียวสองข้างให้สูงขึ้นยกพาดไว้ที่บ่าของเขาเปิดทางรักให้กว้าง ก่อนที่จะค่อยๆ ดันสะโพกเข้าไปจนสุดทาง เขายกท่อนแขน

ซับเหงื่อชื้นที่หน้าผากให้หนุ่มน้อย แววตาตอนนี้ไม่หลงเหลือความเกรี้ยวกราดอีกแล้วเมื่อมันถูกแทนที่ด้วยความพอใจและภาคภูมิที่

เขาได้เป็นคนแรกของการันต์


“เก่งมาก เด็กน้อย รู้ไหม ร่างกายของนายมันทำให้ฉันทรมานแค่ไหน”


แววตาคู่นั้นทำให้การันต์หน้าร้อนเห่อจนต้องวางคางไว้บนบ่ากว้าง เมื่อความเจ็บตัวเริ่มลดลงและมันเพิ่มเติมด้วยความรู้สึกแปลกใหม่จน

ท่อนขาเกร็งไปหมด


“คุณมาร์ค ผม..อื้ออ”


การันต์กัดริมฝีปากไว้แน่นเมื่อภูเมธเริ่มเคลื่อนกายช้าๆจนสิ่งแปลกปลอมที่สอดลึกเริ่มสร้างความเสียวซ่านจนขนลุก


“กอดฉันไว้สิ ยิ่งเจ็บก็ยิ่งกอดให้แน่น อืม ดีมาก โก๋ของฉัน”


ภูเมธเองก็ต้องกัดฟันเมื่อช่องทางรักตอดรัดจนเขาแทบจะทนไม่ได้ เขารู้..กล้ามเนื้อของการันต์กำลังบีบรัดในจังหวะสุดท้าย  ภูเมธดึง

ร่างบางมากอดไว้แนบอก เสียงครางปนเสียงหอบหายใจดังประสานรัวเร็ว ก่อนที่เขาจะระเบิดมันออกอยู่ในช่องทางแสนหวาน







“โก๋”


เสียงเรียกที่หวานกว่าเคยดังอยู่ใกล้หู การันต์กลับยกมือปิดหูไว้ขณะนอนตะแคงคุดคู้หันหลังให้คนใจร้ายอยู่บนพื้นเย็นๆกลางห้องพลาง

ร้องไห้ออกมา

สิ่งที่สร้างความเจ็บปวดก่อนสอนให้เขารู้จักรสชาติของความแปลกใหม่ถูกเจ้าของถอนตัวออกไปจากร่างกายของเขาพักใหญ่แต่เขาก็

ยังเจ็บ

เจ็บทั้งกายและใจ

แค่มองด้วยดวงตาเท่าที่มองเห็น ตอนนี้ร่างกายของการันต์มีแต่ร่องรอยจากคนใจร้ายเต็มไปหมด แถมเจ้าตัวยังทิ้งรอยบางอย่างไว้ใน

หัวใจของเขา

รอยที่ยากจะลืมเลือนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด


“อย่ามายุ่งกับผม คุณ....ใจร้ายที่สุด”


“เจ็บมากไหม”


ภูเมธถอนหายใจเมื่อพายุแห่งอารมณ์พัดผ่านไปแล้ว เขาเองก็นึกเสียใจที่ทำให้คนที่นอนหันหลังให้ต้องร้องไห้ครั้งใหญ่ เรื่องที่เกิดขึ้นมัน


อาจเป็นเพราะเขาตกหลุมของหนุ่มน้อยไปแล้ว

หลุมแห่งความรัก

ภูเมธสอดมือเข้าไปที่เอวดึงร่างบางให้ชิดเข้ามากับอก  วางคางไว้บนกลุ่มผมนุ่มโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะดึงดันขืนตัวไว้


“ขอโทษก็ได้”


ภูเมธเอ่ยคำพูดที่ไม่เคยพูดกับใครออกไป


“ก็...อย่าทำให้โกรธสิ”


“ผมจะรู้ไหมว่าคุณจะโกรธผมเรื่องอะไรบ้าง คุณก็โกรธเกลียดผมไปเสียทุกเรื่อง”


“เอ่อ...ฉันไม่เคยเกลียดนายนะ”


ภูเมธค่อยๆพลิกตัวการันต์ให้ตะแคงกลับมาทางด้านเขา ปลายนิ้วเชยคางมนให้เงยหน้ามาสบตา


“แล้วเรื่องที่จะโกรธตอนนี้ก็มีแค่เรื่องเดียว...”


เขาโน้มตัวไปจูบซับน้ำตาจนมันแห้งเหือดไปจากดวงตาคู่สวย การันต์ได้แต่นิ่งงันพลางมองสบตาของภูเมธอย่างค้นคว้าให้เห็นก้นบึ้งที่

ซ่อนอยู่ในใจ


“...แค่นายอย่าไปใกล้ชิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน”


การันต์เพิ่งเคยเห็นใบหน้าขาวๆของภูเมธว่ามันกลายเป็นสีแดงจางขณะสารภาพความในใจออกมา ทำให้หนุ่มน้อยต้องแอบยิ้มอยู่ในใจ


“เอ่อ..คือ...ฉันหวงน่ะ”


หวง...

การันต์หน้าร้อนวูบ

ความน้อยใจ เสียใจ ถูกทดแทนด้วยคำพูดคำเดียว

หนุ่มน้อยก้มหน้ายิ้ม


“หนาวเนอะ”


ภูเมธเพิ่งจะได้สติว่าร่างเปลือยของทั้งคู่กำลังกอดรัดกันอยู่บนพื้นห้อง เขาลุกขึ้นแล้วสอดแขนเข้าใต้อกข้างหนึ่งและใต้เข่าข้างหนึ่ง

ช้อนตัวการันต์ขึ้นมา ก่อนเดินไปที่เตียงแล้ววางลงบนที่นอนอุ่นอย่างทะนุถนอม


“อ๊ะ จะทำอะไรอีกครับ”


การันต์ท้วงเมื่อเห็นภูเมธเอนตัวลงมาแนบชิด หน้าหวานแดงซ่านไปหมด


“หาอะไรทำแก้หนาว”


ภูเมธพูดหน้าตาเฉย


“ตะ แต่ว่า”


แต่ว่าการันต์ก็ห้ามไม่ได้เมื่อภูเมธก้มลงปิดปากของเขาไว้อีกครั้งพลางจู่โจมอย่างชำนาญ ภูเมธใช้ปลายลิ้นสำรวจไปทั่วร่างกายนุ่ม

อย่างอ่อนหวานแทบจะทุกซอกทุกมุมจนหนุ่มน้อยสะท้านไปทั้งร่าง โดยเฉพาะเมื่อเรียวปากมาหยุดนิ่งอยู่ตรงท้องน้อย มือเรียวคว้าแก่น

กายสีสวยเหมาะมือขึ้นมา ใช้ปลายนิ้วทักทายยอดเนื้อสีอ่อน


“คุณมาร์ค อย่าครับ มันไม่ดีนะครับ อ๊า....”


การันต์ห้ามแล้ว แต่ภูเมธก็ไม่ฟัง ปลายนิ้วที่แตะส่วนยอดเปิดทางให้ลิ้นร้อนแตะวนลากไล้ตั้งแต่โคนจรดปลาย ก่อนที่เขาจะส่งมัน

เข้าไปในช่องปากทีละนิดจนกระทั่งกลืนมิดไปจนหมด


“อา...คุณมาร์ค”


มือน้อยเสยเข้าไปในกลุ่มผมดำ การันต์เกร็งไปทั้งตัวเผลอไผลยกขาตั้งชันปลายเท้าจิกบี้ลงบนที่นอนอย่างลืมตัว


“ขยับสะโพกสิครับเด็กดี”


ภูเมธส่งเสียงสอนเบาๆ ลูกศิษย์จึงได้ขยับสะโพกดันเข้าไปในช่องปากอย่างกล้าๆกลัวๆ ภูเมธครางลึกอย่างถูกใจพลางเม้มปากรูดขึ้นมา

แล้วดันกลับอย่างรวดเร็วเมื่อการันต์เด้งตัวรับ


“อือ....คุณมาร์คครับ ผม...อื้อ....ไม่ไหวแล้ว”


การันต์ดิ้นพล่านจนผ้าปูที่นอนยับย่น กล้ามเนื้อท้องน้อยบีบรัดถี่เร็วก่อนจะฉีดอัดน้ำรักอยู่ในช่องปากที่ยังกลืนกินไม่ยอมปล่อย ภูเมธฉวย


จังหวะนั้นที่การันต์ยังหอบลึกค่อยๆฝังแก่นกายเข้าไปในช่องทางสีหวานอีกครั้ง


“แก้ตัวนะ เมื่อครู่ฉันทำให้นายเจ็บ แต่คราวนี้ฉันจะทำให้นายรู้ว่า สวรรค์น่ะมันมีกี่ชั้น”




ภูเมธดึงผ้าห่มที่ร่นลงไปให้ขึ้นมาคลุมจนถึงคอ แล้วโน้มตัวไปจูบที่ขมับแผ่วเบา

เด็กน้อยของเขาหลับลงอย่างอ่อนเพลีย เขามองร่างที่กำลังนอนตะแคงคุดคู้ซุกอยู่อกของเขาอย่างเอ็นดู

ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร

เขาอยากปกป้อง

เขาอยากดูแล

สมบัติมีชีวิตชิ้นนี้ที่เป็นของเขาแล้วโดยสมบูรณ์ เขาจะไม่ให้ใครมาชิงการันต์ไปจากเขาได้

ภูเมธสัญญากับตัวเองก่อนที่จะเอื้อมมือไปโอบร่างนั้นไว้ในอ้อมกอดแล้วหลับตาลงอย่างอิ่มเอม


TBC

 :hao5: :hao5:




หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 14 [16/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 16-04-2016 18:47:49
 :m25: :m25: :pighaun: :pighaun: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 14 [16/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 16-04-2016 20:49:43
ควรบอกให้โก๋เข้าใจนะพูดกันตรงๆ ดีๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 14 [16/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-04-2016 21:21:53
 :pighaun:   
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 14 [16/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-04-2016 23:01:42
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 14 [16/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 17-04-2016 17:40:38
ว้าย  เขามีอะไรกันแล้ววววว      ตอนนี้มาร์ครู้ใจตัวเองเสียที ส่วนโก้ที่แอบมีใจให้หน่อยๆคราวนี้ก็ยอมเขาไปทั้งตัวและหัวใจ หวังว่าคู่นี้จะไม่ต้องเจอกับอุปสรรคเรียกน้ำตานะคะ
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-04-2016 20:22:47




                                             รักกลางใจ

                                              บทที่ 15



งัวเงียขึ้นมาในยามเช้าตรู่กับอากาศเย็นชื้นหลังจากที่ฝนเทลงมาในยามดึกสงัด ลมฉ่ำชื้นพัดแผ่ว

แทรกตัวมาจากภายนอกอาบไล้ไปทั่วร่างเล็กจนต้องซุกกายเข้าหาความอบอุ่น

การันต์กำลังฝัน

ฝันดี…


หนุ่มน้อยฝันถึงปีเตอร์แพน ตัวละครในจินตนาการที่เขาชอบที่สุด

ปีเตอร์แพนของเขากำลังบินวูบวาบไปมา ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ข้างๆกาย กระซิบอะไรบางอย่างแผ่วเบา

ที่ข้างหูด้วยถ้อยคำที่หนุ่มน้อยจับใจความไม่ได้ แต่ที่รู้สึกได้คือความอบอุ่นที่แทรกซึมเข้ามาส่องแสงระยิบระยับ

อยู่ในหัวใจดวงเล็ก


มันคือความอบอุ่นท่ามกลางความหนาวเย็นจนเขาต้องเบียดกายไขว่คว้า แต่ดูเหมือนปีเตอร์แพนจะไม่โกรธ

แถมยังดึงเขาเข้าไปกอดอีกด้วย มือเรียวของปีเตอร์แพนยึดคางของเขาและปากของปีเตอร์แพนก็กำลังยึดปากของการันต์เช่นกัน

ปลายลิ้นอุ่นแทรกตัวเข้ามา มันอุ่นซ่านไปหมดเมื่อมันแตะลงไปบนลิ้นน้อยๆของเขา หัวใจของการันต์เต้นระส่ำระสาย

เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเบาหวิวเหมือนลูกโป่งที่กำลังพองลมแล้วลอยขึ้นช้าๆไปในอากาศ ราวกับเขากำลังลอยละล่อง

ติดตามปีเตอร์แพนไปตามแต่ใจของผู้นำพา


“...โก๋”


เปลือกตาไหวระริกเมื่อได้ยินเสียง จากใครกันนะ


“โก๋ โก๋ครับ”


ใบหน้าเคร่งขรึมในตอนนี้กลับอมยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางของคนที่กำลังซุกตัวอยู่กับแผ่นอกของเขา

ขี้เซาจริงๆ เด็กน้อย


นี่ขนาดเขาโขมยจูบจนไม่รู้กี่รอบคนขี้เซาก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่น แถมยังเบียดตัวเข้ามาแนบชิดขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำให้คนที่นอนข้างๆ “ตื่น” ไปหมดทั้งตัวแล้ว


หลับสนิทจนลืมไปแล้วว่าภายใต้กองผ้าห่มหนานุ่ม เนื้อตัวที่บดเบียดกันยังไร้ซึ่งอาภรณ์แม้แต่ผืนเดียว 

จนต้องใช้ความอดทนมากมายขนาดไหนที่จะไม่ใช้กำลังจัดการกับคนนอนขี้เซาเสียให้หนำใจอีกสักครั้ง


“เช้าแล้วนะ เด็กซุ่มซ่าม”


ภูเมธกดริมฝีปากไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง


“ถ้ามัวแต่นอนขี้เซาฉันจะไม่ปรานีแล้ว รู้ไหม”


แพขนตาหนากระพริบยุกยิกก่อนจะเปิดออกช้าๆ การันต์เรียกสติกลับคืนสู่ร่างจึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังนอนตะแคง

เบียดแนบกายจนแทบไม่เหลือช่องว่างอยู่กับอกของภูเมธ พวงแก้มเนียนถูกคลอเคลียด้วยจมูกโด่งที่ไล่หอม

ตามด้วยเรียวปากอุ่นตามติดไม่ลดละ


การันต์กำลังทวนความทรงจำของตลอดทั้งวันและค่ำคืนที่ผ่านมา ก่อนที่ใบหน้าเนียนจะร้อนผ่าวรวมทั้งร่างกาย

ที่เมื่อยขบราวกับกล้ามเนื้อจะปริแตกโดยเฉพาะตรงส่วนนั้น ยิ่งตอกย้ำให้หนุ่มน้อยรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง

เขาตกเป็นสมบัติของภูเมธโดยสมบูรณ์แล้ว


ไม่ใช่ข่มขืน…

แม้ช่วงแรกจะเกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจซึ่งกันและอารมณ์ที่รุนแรงจนร่างกายของเขาบอบช้ำเต็มไปด้วยร่องรอย

แห่งการบดเบียด แต่เมื่อเวลาผ่านไปภูเมธเริ่มเอาใจใส่และทะนุถนอมจนการันต์ลืมเลือนความเจ็บปวด

ปล่อยให้ภูเมธนำพาไปสู่ทางแห่งความสุขแทบล้นทะลัก ดวงตาเรียวเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลานั่นอย่างหวั่นใจ


หนุ่มน้อยกำลังนึกกลัว…

กลัวจะกลับกลายเป็นว่าหัวใจของเขาจะตกเป็นสมบัติของภูเมธไปด้วย


หรือว่า…

มันจะเป็นอย่างนั้นไปนานแล้ว ภูเมธก็ไม่รู้


“เป็นอะไรเด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”


ดวงตาคมปลาบมองใบหน้าสีกุหลาบที่หลบสายตาของเขาอย่างเขินจัดพร้อมกับรอยยิ้มที่ถูกจุดขึ้นมา

สวย…

ทำไมเขาเพิ่งรู้ว่าเด็กขายน้ำเต้าหู้ถัดจากบ้านของเขาไปสี่ซอยถึงได้น่ารักขนาดนี้

ร่างกายนั้นเนียนนุ่มน่าสัมผัสไปทุกจุดอย่างที่เขาได้พิสูจน์ไปแล้ว ใบหน้าเรียวแก้มเป็นพวง จมูกโด่งรับกับปากอิ่ม

ที่หวานล้ำเมื่อได้ลิ้มลองช่างยากที่จะตัดใจ เขากอดร่างเพรียวนั้นไว้อย่างหวงแหน


“เรา…เอ่อ เรา…อื้อ……เรื่องจริงใช่ไหมครับ”


กระดากปากเกินกว่าจะพูด การันต์หน้าร้อนเห่อเมื่อภูเมธหัวเราะอยู่ในลำคอ มืออุ่นวางแนบไปตรงสะโพกแล้วเหนี่ยว

เข้ามาจนต่างก็รู้สึกได้ถึงความร้อนระอุ


“ต้องให้ตอกย้ำกันอีกถึงจะมั่นใจหรือ เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่าม”


การันต์เม้มปากอย่างขัดใจ


“เลิกเรียกผมอย่างนั้นเสียทีเถอะคุณมาร์ค ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ มันก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวที่ผมเผลอไปหน่อย

แต่มันก็เป็นเพราะคุณขับรถเร็วด้วยหละ”


“งั้นจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ หืม…”


อดใจไม่ได้ที่จะกดจูบไปที่ปากอิ่มแรงๆอีกครั้งหนึ่ง


ช่างเป็นเด็กน้อยที่สดใสเหลือเกิน ภูเมธมองตาโตที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาคู่นั้น มันเหมือนกระต่ายป่าที่เล่นซุกซน

สร้างความสดชื่นให้แก่ไพรกว้าง


“….กระต่ายน้อย…”


“อะไรนะครับ?”


การันต์ช้อนตามองอย่างงุนงง


“ฉันจะเรียกนายว่ากระต่ายน้อย”


“ไม่เอา”


การันต์ส่ายหน้าพรืดพลางยู่ปากอย่างไม่เห็นด้วย


“ผมไม่อยากเป็นกระต่ายให้สิงโตอย่างคุณมาขย้ำเล่น”


ภูเมธเงยหน้าหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่การันต์รู้จักกับเขา


“งั้นเหมาะแล้วล่ะ เพราะฉันจะจับนายมาขย้ำทุกวัน”


สิงโตจับกระต่ายมาจูบอยู่เป็นนานกว่าจะยอมปล่อย


“ไปอาบน้ำกันเถอะ”


การันต์หน้าแดงก่ำเมื่อคิดถึงสภาพตัวเองในตอนนี้


“คุณไปอาบสิ”


“อยากอาบน้ำกับกระต่ายน้อย”


“ผมหนาว”


หนุ่มน้อยก้มหน้างุด


“เนื้อตัวของนายมีแต่น้ำลายของสิงโตนะ”


“บ้า”


กำปั้นน้อยๆทุบลงไปกลางอกจนภูเมธร้องอุบ มือแกร่งยึดข้อมือเล็กไว้เบาๆ


“ฉันพาไปนะ”


“ผมไปเองได้”


การันต์รีบชิงปฏิเสธพลางสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วดันตัวลุกขึ้นนั่งตรงขอบเตียง ร่างบางลุกขึ้นยืนหมายใจ

จะรีบก้าวให้ร่างเปล่าเปลือยพ้นจากสายตาคมเข้าห้องน้ำให้เร็วที่สุด แต่การันต์คาดไม่ถึงว่าแค่พอเท้าแตะพื้น

เขาก็หมดแรงจนร่วงลงมากองอยู่กับพื้นห้อง


การันต์เพิ่งรู้ว่าขาเล็กสองข้างหมดแรงแม้แต่จะยืนก็ยังไม่ไหว นอกจากหมดแรงแล้วมันยังสั่นไปหมดหนุ่มน้อยหน้าแดงเถือก

ด้วยความอับอายในขณะที่ภูเมธได้แต่ยิ้มกริ่ม


“ดื้อไม่เข้าเรื่อง บอกแล้วว่าจะพาไปก็ไม่เชื่อกันบ้าง”


ภูเมธก้าวลงจากเตียงสอดมืออุ้มร่างบางอย่างไม่ยากเย็นนัก การันต์ตวัดสายตาค้อนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะใช้แขนคล้อง

ไปรอบคอของอีกฝ่ายเพราะกลัวตกและปล่อยให้ภูเมธอุ้มเขาเข้าไปในห้องน้ำ


ภูเมธวางการันต์ให้นั่งอยู่ตรงขอบของอ่างน้ำก่อนที่เขาจะจัดการเปิดน้ำอุ่นและใส่สบู่จนฟองนุ่มลอยเต็มอ่างน้ำ จากนั้น

เขาก็ช้อนร่างนุ่มลงไปในอ่างพร้อมกันกับเขา แสงสว่างจากไฟกลางห้องทำให้ภูเมธเห็นร่องรอยที่เขาทิ้งไว้ทั่วตัวเนียนนุ่ม

นึกเสียใจที่เขาทำให้การันต์ต้องเจ็บ ใบหน้าสลดลงเมื่อเอื้อมมือไปแตะรอยแดงรอยหนึ่งเหนือลานนมที่เป็นรอยฟันอย่างชัดเจน

จากฝีมือของเขาเอง


“เจ็บมากไหมกระต่ายน้อย”


การันต์ยิ้มบางๆเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดนั่น


“หายเจ็บแล้ว แต่คุณก็เจ็บเหมือนกันนะ”


การันต์มองเห็นแผ่นหลังของภูเมธเต็มตาตอนที่กำลังสาละวนเปิดน้ำจากก๊อกใส่อ่างหรู มันมีแต่รอยเล็บพาดเป็นทาง

บางรอยบาดลึกจนเลือดซิบ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะมือเรียวของเขายามจิกข่วนเล็บไปบนแผ่นหลังนั่น


“สิงโตไม่เจ็บง่ายๆ เพียงแค่ปลายเล็บของกระต่ายตัวน้อยหรอกนะ”


ภุเมธยิ้มพลางดึงร่างบางเข้าใกล้


“มาสิ เดี๋ยวจะถูหลังให้”


จัดแจงหมุนตัวอีกฝ่ายให้หันหลังมาทางเขาพลางใช้ฟองน้ำนุ่มลูบไล้เบามือ ภูเมธมองแล้วก็สะท้อนใจขนาดแผ่นหลัง

ยังมีรอยที่เขาฝากไว้เต็มไปหมด ภูเมธโน้มตัวไปกดจูบบนรอยแดงแผ่วเบาแทนคำขอโทษ เขาสอดแขนเข้าไปรอบเอว

แล้วรั้งให้ร่างของการันต์ขยับเข้ามาจนแผ่นหลังแนบชิดอยู่กับแผ่นอกของเขา


“ต่อไปนี้จะไม่ทำให้เจ็บปวดอีกแล้ว”


น้ำตาแห่งความตื้นตันไหลออกมาจากดวงตางามเมื่อได้ยินคำพูดที่ราวกับจะเป็นคำมั่นสัญญา ก่อนที่พวงแก้ม

จะถูกอีกฝ่ายประคองให้เอียงหน้าจนไปจบกับภูเมธที่โน้มไปประทับริมฝีปากอยู่กับกลีบปากอิ่ม การันต์เผยอปากรับ


ปลายลิ้นร้อนที่สอดลึกเข้ามา ลิ้นเล็กเริ่มเรียนรู้ที่จะตอบรับจนภูเมธครางแผ่วอย่างพอใจ

ไม่รู้ตัวเลยว่าสะโพกถูกช้อนให้ขึ้นมานั่งซ้อนอยู่บนตักอีกฝ่ายตั้งแต่ตอนไหน เพราะมัวแต่เคลิ้มไปกับรสจูบรัญจวนใจ

ในขณะที่มือร้อนก็ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวไม่เว้นแม้แต่จุดอ่อนไหวที่ตกอยู่ในกำมือในที่สุด


กว่าจะรู้ตัวอีกทีส่วนแข็งขืนก็ค่อยๆสอดผสานเข้ามารวมอยู่ในร่างเป็นหนึ่งเดียว หนุ่มน้อยไร้เดียงสาปล่อยใจไปกับแรงปรารถนา

ในขณะที่แสงจากดวงอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆทอประกายผ่านความเย็นชื้นของละอองฝนจากค่ำคืนที่ผ่านมา




TBC


 :o8: :o8:




หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-04-2016 20:40:43
 :pighaun:    ทำไมเราอ่านแล้วค้ดถึงปาท่องโก๋เกลียวจิ้มนมข้นหวานล่ะ
คิดถึงแต่ของกินตลอดพอได้ยินคำว่าน้ำเต้าหู้ 555
หวานมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 20-04-2016 20:53:45
คือภูเมธเป็นคนที่อารมณ์ร้อนมาก เดี๋ยวก็เข้าใจอะไรผิดแล้วลงกับการันต์อีก
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 20-04-2016 21:29:25
เวลาจะหวานก็เลือดสาดไม่เกรงใจเราเลย คุณมาร์ค& โก๋น้อย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 20-04-2016 22:00:10
ดีกันเเล้วววว55555
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 20-04-2016 22:19:58
 :mew2:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 20-04-2016 22:57:38
 :jul1: :jul1: :pighaun: :pighaun:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-04-2016 07:59:29
พอดีก็หวานน้ำตาลขึ้นเลยคุณมาร์ค
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-04-2016 09:39:10
หวานมาก คุณมาร์คต้องใจเย็นกว่านี้นะ จะได้หวานนานๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 21-04-2016 14:02:51
บทจะหวานก็ทำเอาเบาหวานขึ้นกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 15 [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 21-04-2016 23:34:48
มาร์คเริ่มทำตัวดีกับโก๋แล้ว อาบน้ำให้ด้วย ท่าทางมาร์คจะรักจะหลงโก๋ น่าดู ไปมหาลัยสวีตกันแน่นอนคู่นี้
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 16 [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-04-2016 18:40:22


                                        รักกลางใจ

                                         บทที่ 16



ภาพที่บุตรชายนั่งก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มกริ่มเอาไว้ในขณะกำลังตักอาหารเช้าเข้าปากนั้น

ทำให้ภูมิต้องเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ และที่ต้องแปลกใจหนักกว่านั้นก็คือลูกเลี้ยงของเขา

ที่นั่งใกล้กันกับภูเมธก็มีสีหน้าแดงซ่านผิดปกติ


ถ้าตาไม่ฝาดเขาเห็นภูเมธลอบเหลือบตาขึ้นมองการันต์ที่ดูสดใสกว่าทุกวันอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนอีกฝ่ายถ้าเมื่อไหร่ที่ช้อนสายตามาสบกับลูกชายของเขาก็ต้องพาลหลบพร้อมกับรอยยิ้มขัดเขิน


“นี่ดีกันแล้ว?”


ประมุขของบ้านเอ่ยทักทำให้บุตรชายต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองในขณะที่ลูกเลี้ยงแอบสะดุ้งอยู่ในใจ


“หมายถึงอะไรครับป๋า”


“ก็ป๋าเห็นเจ้าลูกชายไม่ทะเลาะกับโก๋แล้วก็เลยถามดู”


ภูมิวางแก้วน้ำเต้าหู้ลงข้างตัวก่อนจะยกมือประสานกันไว้ใต้คางเพ่งมองบุตรชายเต็มตา

ภูเมธวางสีหน้าเรียบเฉยกลบเกลื่อนสายตาของบิดาทันที


“ป๋าคงเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ทะเลาะกับโก๋นะครับ เพียงแค่เราอาจจะยังไม่รู้จักกันดีพอในช่วงแรก”   


“แล้วตอนนี้ล่ะ รู้จักกันมากขึ้นหรือยัง”


มุมปากบางเฉียบของภูเมธยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเบนสายตาไปทางลูกเลี้ยงของบิดาด้วยนัยน์ตา

พราวระยับ


“รู้จักกันมากกว่าที่คาดไว้อีกครับป๋า ตอนนี้เราสองคนสนิทกันมาก มากจนแทบจะกลายเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว”


“คุณมาร์ค!”


การันต์เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่หวานส่งไปปรามพร้อมเสียงที่เข้มกว่าเคย พวงแก้มร้อนผ่าวยิ่งขึ้นสีแดงเรื่อ

ลามไปถึงใบหู กมลที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามบุตรชายยิ้มอย่างดีใจที่ได้ยินคำพูดของภูเมธ หล่อนมองบุตรชายอย่างรักใคร่


“ดีแล้วลูก ทำตัวน่ารักๆให้คุณมาร์คเอ็นดูรู้ไหม อย่าดื้อกับคุณมาร์คนะ”


ภูเมธก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มอย่างถูกใจ เขาเหลือบตาขึ้นมองการันต์ที่นั่งหน้าง้ำ

…ใช่…

จงอย่าดื้อกับเขา กระต่ายน้อย

มิเช่นนั้นจะถูกสิงโตตัวนี้ตะปบและค่อยๆ กลืนกินตลอดตัว


“สนิทกันแล้ว ทำไมยังเรียกคุณมาร์คอยู่ล่ะ”


ภูมิเสนอประเด็นขึ้นมาอีก


“เป็นพี่น้องกันแล้ว โก๋ก็ต้องเรียกมาร์คว่าพี่สิ”


“เรียกคุณมาร์คก็ดีแล้วนี่ครับคุณลุง ผมไม่อยากให้ใครๆเขาพูดกันว่าผมตีเสมอคุณมาร์ค”


การันต์รีบเงยหน้าค้านตาโต คนที่นั่งติดกันกลับถือโอกาสกับคำพูดของบิดา   


“ป๋าบอกให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า บอกให้เรียกพี่ก็เรียกว่าพี่มันจะยากอะไรนักหนา ไหนลองเรียกดูสิ”

การันต์สบตาภูเมธอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่จะอ้ำอึ้งออกมาด้วยใบหน้าแดงจัด


“เอ่อ…พี่มาร์ค”


อือ…ดีแฮะ

ฟังดูหวานกว่าที่คิด มันนุ่มหูชวนให้ดึงร่างบางเข้ามากอดรัด

หากการันต์จะเรียกเขาแบบนี้ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่ายามที่ถูกกกกอดอยู่ภายใต้ร่างของเขามันคงจะดีไม่น้อย


“เจ้าลูกชาย  เมื่อวานป๋าพบแอลลี่ หนูแอลลี่บอกว่าช่วงนี้เจ้าลูกชายห่างเหินเขาไปนะ”


“ฮะ…อะไรนะครับป๋า ป๋าพูดอะไรนะครับ”


ชายหนุ่มที่ถูกฉุดลงมาจากจินตนาการหันไปถามบิดาเพราะไม่ทันได้ฟัง เมื่อภูมิย้ำประโยคดังกล่าวมาอีกครั้ง

ความสดใสบนใบหน้าพลันหดหายไปทันที

ใครคือแอลลี่?

การันต์มองปฏิกิริยาที่ภูเมธมีต่อชื่อนี้อย่างงงงัน

คิ้วเข้มขมวดเป็นปมอย่างเบื่อหน่ายเมื่อภูเมธเอ่ยตอบบิดา


“ผมไม่ชอบผู้หญิงอย่างแอลลี่”


“แต่มันเป็นหน้าที่”


บรรยากาศชื่นมื่นหมดไปทันทีเมื่อภูมิย้ำเสียงเข้มบอกถึงความจริงจังในคำสั่ง


“หน้าที่ของคู่หมั้นที่ต้องไปดูแลฝ่ายหญิงบ้างตามที่จะมีโอกาส เมื่อไหร่ลูกจะเข้าใจเสียทีภูเมธ”


คู่หมั้น!

การันต์หน้าเผือดสีลงทันที เขาเงยหน้าสบตากับภูเมธอย่างตกใจในขณะที่ภูเมธกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วน

อย่างเห็นได้ชัด


“ครับป๋า ป๋าไม่จำเป็นต้องย้ำมากนักหรอก ผมรู้ดีว่าหน้าที่ของผมคืออะไร โก๋ ไปกันได้แล้ว”


ร่างสูงผุดลุกอย่างขัดใจ เขาคว้าแขนเล็กให้ลุกตามแล้วก้าวยาวๆไปที่รถยนต์ของเขา สตาร์ทรถกระชากออกไป

จากบ้านอย่างรวดเร็ว







บรรยากาศในรถเงียบจนน่าอึดอัด

การันต์ยังคงนั่งนิ่งตัวลีบจมไปกับเบาะรถ ส่วนภูเมธกัดริมฝีปากอย่างหงุดหงิด


“โธ่โว้ย!”


ภูเมธทนขับรถต่อไปไม่ไหว เขาหมุนพวงมาลัยบังคับให้รถเลี้ยวเข้าไปจอดในสวนสาธารณะข้างทาง

ชายหนุ่มกระแทกเท้าลงที่เบรคจนรถสะเทือนไปทั้งคันก่อนที่เขาจะเงียบลงอีกครั้ง ชายหนุ่มหันไปมองการันต์

ที่ได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่วางบนตัก มือเรียวคู่นั้นบีบกันไปมาจนเขากลัวว่ามันจะหักลงได้ง่ายๆ   


ให้ตายสิ!

ภูเมธไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย

เอื้อมมือไปจับไหล่เล็กแล้วกระชากให้หันมาสบตากับเขา


“อย่านิ่งแบบนี้ ฉันไม่ชอบ เอาปากเก่งๆของนายไปโยนทิ้งไว้ที่ไหน”


การันต์ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างน้อยใจ แพขนตาหนาชื้นเมื่อหนุ่มน้อยพยายามกระพริบขับไล่หยาดน้ำให้กลับคืนไปข้างใน


“ผมไม่ชอบพูดในสิ่งที่ผมไม่รู้และไม่เข้าใจ”


ภูเมธกดน้ำหนักมือไปที่ไหล่บางจนสะเทือนเมื่อเขาตวาดออกมา


“อยากรู้อยากเข้าใจอะไรก็ถามสิ แต่อย่านิ่งแบบนี้”


หยดน้ำตาร่วงลงเปื้อนร่องแก้มเมื่อหนุ่มน้อยกลั้นมันไม่สำเร็จ


“ผมอยากรู้แค่ว่าผมคือตัวอะไรในสายตาของคุณ!”


การันต์ตะโกนโต้ตอบ ภูเมธนิ่งงันเมื่อเห็นสีหน้าของหนุ่มน้อย


“โว้ย กูอยากจะบ้า”


มือที่กำอยู่บนบ่าเล็กผละออกจนการันต์หงายหลังไปกับเบาะ ก่อนที่ภูเมธจะฟาดท่อนแขนระบายอารมณ์

กับพวงมาลัยรถแล้วก้าวออกไปอย่างโมโห เสียงประตูปิดอย่างแรงทำให้การันต์สะดุ้ง ฝ่ามือเรียวยกขึ้นปิดหน้า

แล้วสะอื้นฮักออกมา

เขาควรจะรู้ว่าคนในตระกูลใหญ่โตในสังคมชั้นสูง คงต้องมีการข้องเกี่ยวกันเป็นสายใยเชื่อมโยงทั้งทางด้านธุรกิจ

และอิทธิพลและคงไม่ยกเว้นตระกูลเจริญเกียรติกุลที่การันต์ต้องมาเกี่ยวข้องด้วย เขาพลาดเองที่ไม่ได้นึกถึงความจริงข้อนี้

พลาดที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคนที่มีพันธะผูกพัน


พลาดที่หาเรื่องเจ็บปวดมาสู่หัวใจตนเอง

พลาดที่ไปรักคนที่อยู่สูงเกินฐานะ


ใช่…

การันต์เพิ่งจะมั่นใจ เขาหลงรักภูเมธไปเสียแล้ว

ตั้งแต่เมื่อไหร่การันต์ก็ไม่แน่ใจ รู้แค่เพียงว่าหัวใจของตนได้ตกเป็นของผู้ชายใจร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ

และเขาก็กำลังเจ็บปวดอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดในตอนนี้เช่นกัน

ร่างที่กำลังร้องไห้ตัวโยนอยู่ในรถสร้างความเจ็บปวดให้ภูเมธอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่อยากจะเชื่อ เขายืนเท้าเอวมอง

อย่างหงุดหงิด เขาเจ็บที่การันต์เจ็บ ร่างสูงก้าวไปยังประตูฝั่งที่การันต์นั่งอยู่พร้อมกับกระชากประตูรถให้เปิดกว้าง

ดึงแขนหนุ่มน้อยให้ออกมาภายนอก แล้วเขาก็สวมกอดร่างบางไว้แน่นหนา   


“หยุดร้องไห้เสียทีกระต่ายน้อย ฉันไม่อยากเห็นนายร้องไห้”


มือแกร่งกดกลุ่มผมนุ่มให้ซุกหน้าอยู่ตรงบ่าของเขา ท่าทีอันรุนแรงแต่อ่อนโยนกลับยิ่งทำให้การันต์น้ำตาไหล

จนชุ่มเสื้อของภูเมธ มือน้อยทุบลงที่ต้นแขนของภูเมธอย่างอัดอั้น


“คุณปิดบังผม”


ไม่ได้คิดจะปิดบัง เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำถ้าพ่อของเขาไม่มาย้ำเตือนในความเป็นจริง


“ที่ฉันไม่ได้บอกก็เพราะว่าเรื่องนี้ไม่เคยมีค่าสำหรับฉัน”


ลูบผมนุ่มเบาๆจนหนุ่มน้อยหยุดร้องไห้ เสียงถอนสะอื้นครางแผ่วยิ่งทำให้ภูเมธกอดร่างนั้นแน่นขึ้นไปอีก


“สิ่งที่มีค่าสำหรับฉันในตอนนี้คือรอยยิ้มของกระต่ายน้อยเท่านั้น”


“อย่าเอาคำหวานมาอ่อยผม”


เสียงอู้อี้ดังมาจากบ่ากว้าง ภูเมธดันร่างบางออกจากอ้อมกอด ปลายนิ้วเชยคางมนให้สบตา


“นิสัยของฉันชอบอ่อยหรือไง”


“ใช่ คุณน่ะมันชอบอ่อยให้คนหลงกล หลงระ…อื้มมม”


คำพูดถูกกลืนหายเมื่อภูเมธทาบเรียวปากบดทับโดยไม่สนใจเสียงประท้วงอึกอัก ลิ้นเล็กถูกรูดรั้งจนการันต์อ่อนใจ

เผลอไผลไปกับจุมพิต นานแทบขาดใจภูเมธจึงยอมปล่อยให้เป็นอิสระ การันต์ต้องหอบหายใจอย่างหนัก

เพื่อเติมอากาศเข้าไปทดแทน


“กระต่ายน้อย เชื่อใจกันนะ ฉันไม่เคยหลอกลวง”


เสียงนุ่มคลอเคลียอยู่ข้างหูจนหัวใจดวงน้อยสะท้าน


“ว่าไงล่ะ”


“คะ ครับ คุณมาร์ค เชื่อก็ได้”


“พี่มาร์ค” เสียงทุ้มแก้ให้


“เอ่อ… ครับ พี่มาร์ค”


ภูเมธถอนหายใจยาวก่อนจะรั้งร่างบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง การันต์ซุกหน้าลงกับบ่ากว้างเพื่อซ่อนร่องรอย

หวาดหวั่นในหัวใจเอาไว้ หนุ่มน้อยจึงไม่ได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกยุ่งยากใจของภูเมธเช่นกัน







เสียงแผดดังของมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าแก่เรียกความสนใจจากคิดดีได้ไม่น้อย

เขานั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ริมถนนของมหาวิทยาลัย คิดดีพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้พลางยกขาสองข้าง

ขึ้นพาดอยู่บนขอบโต๊ะสองมือประสานกันอยู่ใต้ท้ายทอยด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

รถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นตาพุ่งเข้ามาจอดอยู่ริมถนนตรงหน้าเขาพอดี คิดดีจ้องมองร่างกายล่ำสันแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ

ที่กระโดดมายืนอยู่บนพื้นอย่างสนใจ


ถ้าจำไม่ผิด ผู้ชายคนนี้คือคนที่เคยมาหาเด็กในปกครองของภูเมธและมาพร้อมกับคนที่ทำให้เตชิตมีท่าทีเปลี่ยนไป

ผู้ชายคนนี้กำลังยืนหันรีหันขวางก่อนที่จะหันมาสบตากับเขา ผู้ชายคนที่ว่ากำลังก้าวตรงเข้ามาเท้ามืออยู่บนขอบเก้าอี้

ฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงหนักๆ


“เห็นโก๋ เอ่อ การันต์ไหม”


คิ้วของคิดดีเลิกสูงเป็นเครื่องหมายคำถาม


“ใครคือการันต์ฮะ”


หน้าดิบเถื่อนมีสีหน้ายุ่งยากเมื่อต้องอธิบาย


“เด็กผู้ชายตัวสูงผอม หน้าหวานๆ ตาคมๆ เอ้อ…ช่างเถอะ”


ผู้ชายตรงหน้าทำท่าจะหมุนร่างกลับไปทางเดิม อาจเป็นเพราะขี้เกียจอธิบาย คิดดีรีบรั้งไว้เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน


“เดี๋ยวก่อนสิฮะ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายที่อยู่บ้านเดียวกับรุ่นพี่มาร์คน่ะ ยังไม่มาที่นี่เลย”


อาจเป็นเพราะผู้ชายคนนี้มีอะไรดึงดูดความสนใจ คิดดีผู้ไม่เคยแคร์มนุษยชาติถึงกับยอมรั้งไว้


“คุณนั่งรอก่อนสิ”


สมหวังมองผู้ชายหน้าจืดตรงหน้า


ลักษณะการสบตาตรงๆไม่มีอ้อมค้อมทำให้สมหวังยักไหล่แต่ก็ยินยอมทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้าม คนต่างถิ่นเคาะนิ้ว

ลงกับโต๊ะพลางหันไปมองรอบตัว ก่อนที่เขาจะมาสะดุดตากับหนังสือเล่มหนาที่วางบนโต๊ะ สมหวังพึมพำชื่อ

ที่อยู่บนหน้าปกเบาๆ


“บิ๊กแบง”


สมหวังเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าคนหน้าจืดอย่างแปลกใจ


“ไม่น่าเชื่อ นี่นายเป็นแฟนบอยวงบิ๊กแบงเหรอ ชอบใครในวงล่ะอยากรู้ประวัติใครถามได้นะ ผมเองก็ชอบวงนี้อยู่เมนท็อป”


คิดดียิ้มร่า หน้าตาสดใสเมื่อได้ยินคำถามจากผู้ชายตรงหน้า


“ผมอยากรู้แค่ว่าสภาพที่มีความหนาแน่นสูงและร้อน มีการขยายตัวอยู่ตลอดเวลาของเอกภพมันจะก่อกำเนิด

จักรวาลตามทฤษฎีบิ๊กแบงได้ยังไงเท่านั้นแหละ ช่วยตอบผมหน่อยสิ”


สมหวังอ้าปากหวอ


“นายนี่มัน..”


“…คิดดี”


รองประธานที่อายุน้อยที่สุดค้อมหัวรับคำทักทาย


“ถ้าคุณจะถามชื่อผม ผมชื่อคิดดี”




TBC


 :z1: :z1:



ขาย มาม่าบิ๊กแพ็ค มีใครจะซื้อไหม
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 16 [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 23-04-2016 21:56:35
โอ๊ย  ค่อยๆแก้ไปนะ อย่าให้ยัยแอลลี่คู่หมั้นที่ไร้ตัวตนมาทำร้ายความรักที่กำลังจะงอกงามนะโก๋ นะมาร์ค เปิดตัวสมหวังกับคิดดีซะรู้ถึงความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 16 [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-04-2016 01:09:40
เหมือนมีแบมแบมหลุดมาที่นึงอ่าาาา
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 16 [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-04-2016 02:21:23
มาม่า มาแน่ๆ แต่จะแบบไหนคงต้องรอตอนต่อไป สงสารน้องโก๋จับใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 16 [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 24-04-2016 23:44:06
 :a5:  :a5: มาม่าหรอ ไม่นะ  :o12:  :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 16 [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-04-2016 17:33:59
โอ๊ยยยย หลงเข้ามาอ่านอ่ะค่ะ ตอนอ่านไม่คิดว่าจะมาม่าเยอะ นี่มันแทบทุกตอน
ปกติจะเป็นคนไม่ค่อยอ่านนิยายดราม่าที่ยังไม่จบ ไม่ชอบความรู้สึกค้างๆคาๆ
ปวดหัวจี๊ดเลยทีเดียว  :katai1:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 17 [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-04-2016 20:12:03



                                             รักกลางใจ

                                             บทที่ 17



“ถ้าคุณจะถามชื่อผม ผมชื่อคิดดี”


ลูกชายร้านบะหมี่เกี๊ยวเบ้ปาก


“ใครถามวะ”


คิดดียักไหล่


“ถ้าคุณไม่ถาม ก็เอาเป็นว่าผมแค่อยากให้คุณรู้ บางคำตอบก็ไม่จำเป็นต้องมีคำถาม”


“โอ๊ย…พูดบ้าอะไรของนายวะเนี่ย ยิ่งพูดยิ่งงง” สมหวังยกมือเกาหัว


ไอ้หมอนี่มันเต็มบาทหรือเปล่า ทำไมยิ่งพูดยิ่งเหมือนกำลังคุยอยู่กับศาสตราจารย์สติเฟื่องหลุดโลก

คิดดีหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทีของผู้ชายตรงหน้า แหย่เล่นก็สนุกดีนะ แต่พอแค่นี้ก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะอารมณ์เสียไปยิ่งกว่านี้


“คุณเป็นอะไรกับเด็กคนนั้น”


“เด็กคนไหน”


“ก็คนที่คุณมาหา ชื่ออะไรนะ อ้อ..โก๋น่ะ”


“เราโตมาด้วยกัน”


คิดดีพยักหน้าหงึกหงัก


“มิน่าล่ะ ถึงได้ดูสนิทสนมกันมาก แต่ว่า…เด็กคนนั้นก็สนิทสนมกับรุ่นพี่มาร์คด้วยนี่นา”


“ว่าไงนะ”


สมหวังหูผึ่ง เขาหันขวับไปมองหน้าคิดดีอย่างเอาเรื่อง


“นายบอกว่าโก๋สนิทกับไอ้มาร์คงั้นเหรอ”


“ก็เห็นนั่งรถมาด้วยกันทุกวัน”


“นาย…”


“คิดดีครับ”


ส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจกับความจำอันแสนสั้นของผู้ชายเถื่อนๆตรงหน้า


“นั่นแหละ นาย...คิดดี นายต้องเป็นสายให้ผม”


“สาย?” คิดดีเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ


“ใช่ คอยสอดส่องความสัมพันธ์ระหว่างโก๋กับไอ้มาร์คแล้วบอกผมทุกระยะ”


“ทำไมผมต้องทำ”


คิดดียังไม่วายสงสัย


“เพราะว่าผมอยากรู้ บางคำถามก็ต้องการคำตอบที่ชัดเจน เอามือถือมาซิ เร็วเข้า”


คิดดีงงงันกับเสียงเข้ม เขาควักโทรศัพท์มือถือออกมาส่งให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว 

สมหวังรับไปกดปุ่มอยู่พักหนึ่งก่อนส่งคืนให้เจ้าของที่นั่งงงมองการกระทำนั้น


“ตอนนี้นายมีเบอร์ผม ผมก็มีเบอร์นาย อย่าลืมนะถ้าไอ้มาร์คมีท่าทีผิดปกติกับโก๋นายต้องรีบโทรมาทันที”


ผู้ชายดิบเถื่อนขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีเสียงแสบแก้วหูจากไปแล้ว แต่คิดดียังนั่งจ้องโทรศัพท์ของตนเองไม่เลิก

เขามีเบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้น

ชื่ออะไรเขาก็ยังไม่รู้เลย

ปลายนิ้วเลื่อนหาเบอร์ใหม่ที่เพิ่งบันทึก

สุดหล่อสมหวัง

หึหึ…หลงตัวเองชะมัด

คิดดียิ้มกับโทรศัพท์ก่อนผิวปากวืดออกมา

บางทีชีวิตช่วงนี้อาจจะมีอะไรสนุกๆกว่าที่คิดนะคิดดี






กว่าที่รถคันหรูของภูเมธจะขับเข้ามาจอดในมหาวิทยาลัยเวลาก็ผ่านการเรียนคาบแรกมาแล้ว

เขาหันไปมองซีกหน้าด้านข้างของคนที่นั่งคู่กันมาในรถ พวงแก้มนุ่มสีชมพูเรื่อชวนให้โน้มตัวไปใกล้แล้วฝังจมูกโด่ง

ลงไปอย่างมันเขี้ยว


“อ๊ะ! คุณมาร์ค”


การันต์อุทานพลางเอียงหน้าหนี


“พี่มาร์ค” มาร์คแก้คำผิด


“ถ้าเรียกผิดอีกก็จะถูกทำโทษ เข้าใจไหมกระต่ายน้อย”


“คะ ครับ เข้าใจแล้วครับพี่มาร์ค แต่ว่าอย่าทำอย่างนี้เลย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”


“ทำยังไง อย่างนี้น่ะเหรอ”


ภุเมธตีหน้าตายแล้วเอียงหน้าไปหอมแก้มอีกข้างหนึ่ง จนการันต์หน้าร้อนเห่อไปหมด


“ฮื้อ พี่มาร์ค พอเถอะครับ”


ภุเมธยิ้มกริ่ม ดวงตาวาววับเมื่อมองใบหน้ารูปไข่ที่ก้มหน้างุด


“เย็นนี้มารอที่รถ จะพาไปดูหนัง”


หนุ่มน้อยรับคำอุบอิบอยู่ในลำคอก่อนที่จะลงจากรถยนต์แล้วก้าวยาวๆ ไปที่ตึกเรียน

เขามองเห็นร่างสูงของแอนดี้นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะประจำใต้ต้นไม้ใหญ่ การันต์รีบสืบเท้าเข้าไปหา

แล้วทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้ามกับเพื่อน


“ทำไมมาช้าอะ โดดคาบแรกเลย อะนี่เลคเชอร์”


“อืม…มีธุระนิดหน่อย”


การันต์รับสมุดโน้ตจากแอนดี้มานั่งจด จริงๆเขาไม่อยากจะโดดหรอก แต่เป็นเพราะคนเจ้าอารมณ์นั่นแหละ ที่มัวแต่…


“โก๋ โก๋ เป็นอะไร”


“ฮะ อะไรเหรอ” สะดุ้งเมื่อแอนดี้เรียก


“ก็เห็นนั่งใจลอยแถมยังหน้าแดงอีก เป็นอะไร อากาศร้อนเหรอ”


“เปล่านี่”


การันต์พยายามวางสีหน้าให้ปกติ เขาหลบสายตาแอนดี้ด้วยการก้มหน้าไปจดงาน


“แล้วที่คอน่ะ ไปโดนอะไรมาถึงได้แดงขนาดนั้น”


คราวนี้สะดุ้งเฮือกจนปากกาหล่นจากมือ


อุตส่าห์ใส่เสื้อเชิ้ตปกใหญ่ปกปิดแล้วผลงานของภูเมธก็ยังหลุดรอดโผล่มา การันต์ฝืนยิ้มหน้าแดงก่ำ


“มดกัดน่ะ เราเกาแรงไปหน่อยเลยเป็นรอย”


แอนดี้พยักหน้ารับก่อนจะเงียบไปพักใหญ่


“โก๋”


เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดโน้ต แต่กลับพบแต่แอนดี้ที่เป็นฝ่ายก้มหน้าอยู่กับหนังสือทั้งที่เป็นฝ่ายเรียกเขาไว้


“กับประธานภูเมธน่ะเป็นไงบ้าง เขาแกล้งอะไรนายอีกหรือเปล่า”


แอนดี้พูดทั้งๆที่ยังก้มหน้า


“เอ่อ ก็ไม่แล้วล่ะ”


“ถ้าเขาแกล้งนายอีก มาบอกเรานะ ถึงเราจะไม่ใช่คนเก่งแต่เราก็อยากปกป้องโก๋”


หนุ่มน้อยนิ่งงันกับสิ่งที่แอนดี้เพิ่งจะพูดออกมา การันต์กำลังงงว่าแอนดี้ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

แต่แอนดี้ก็ไม่ปล่อยให้การันต์งงอยู่นานนัก เมื่ออยู่ๆเขาก็เงยหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ


“ไปกินข้าวที่ห้องอาหารกันเถอะ เราไม่ได้กินข้าวเช้ามา หิวแล้วล่ะ”


ร่างสูงลุกขึ้นยืนคว้าข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นตาม การันต์รีบเก็บของแล้วก้าวตามเพื่อนไปทางห้องอาหาร





ภูเมธตบบ่าเตชิตเป็นการทักทาย เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆเตชิตในมุมส่วนตัวภายในห้องอาหารของมหาวิทยาลัย

เตชิตยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่มแล้วมองอย่างแปลกใจ


“อารมณ์ดีนะวันนี้”   


ภุเมธยกคิ้วสูงมุมปากยกยิ้มเล็กน้อย


“ชัดขนาดนั้นเชียวหรือ”


“มาก” เตชิตยืนยัน


ภูเมธหัวเราะเบาๆ และไม่ได้โต้ตอบเรื่องนี้อีก เขาคุยกับเตชิตเรื่องงานในมหาวิทยาลัยพักใหญ่ก่อนที่

เตชิตจะพยักเพยิดให้เขาหันไปมองทางเข้า


“นั่นเด็กนาย มากับเพื่อน โอ๊ะโอ จูงมือกันมาด้วย”


เป็นเพราะมุมนี้เป็นมุมส่วนตัวเฉพาะประธานนักศึกษาและรองประธาน โดยรอบโต๊ะจึงตกแต่งด้วยไม้กระถาง

จนมองแทบไม่เห็นจากโต๊ะตัวอื่น แต่คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะจะมองเห็นคนอื่นอย่างชัดเจนและภูเมธก็เห็นแอนดี้กับการันต์

ใบหน้าที่โปรยยิ้มจึงหุบลง

จงใจชัดๆ

สายตาคมจ้องมองแอนดี้ที่ยืนบังการันต์ให้เยื้องไปทางด้านหลัง การันต์จึงมองไม่เห็นเขา แต่ร่างสูงของแอนดี้

กลับมองเลยมาสบตาภูเมธ รวมถึงมือใหญ่ที่เกาะกุมมือของการันต์ก็ไม่ยอมปล่อย

แอนดี้ไม่หลบสายตา เขาจ้องกลับดวงตาของภูเมธพลางค้อมศีรษะลงเพียงแค่เล็กน้อย แล้วจึงจูงมือการันต์ไปอีกมุมหนึ่ง

ภูเมธได้แต่กัดฟันมองดวงตาวาวโรจน์


“พอไหม”


แอนดี้ถือถาดอาหารที่ซื้อมาวางจนเต็มโต๊ะ แล้วชักชวนการันต์ให้ลงมือกิน


“จะกินกันหมดไหมนี่”


การันต์ส่ายหน้าเมื่อเห็นเพื่อนซื้อของกินมาเยอะเกิน ทั้งสองนั่งอยู่พักใหญ่จนเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงวัน

เสียงอื้ออึงในห้องอาหารก็เงียบลงทันทีเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏกายของคนที่ก้าวเข้ามาใหม่

สายตาแทบทุกคู่จับจ้องไปยังร่างโปร่งที่เดินเฉิดฉายเข้ามาเป็นตาเดียว ดูเหมือนเจ้าตัวจะพอใจที่เป็น

เป้าสายตาด้วย เพราะใบหน้าที่ผ่านการเสริมแต่งอย่างดีเชิดสูงอย่างไว้ตัว


“ใครน่ะสวยจัง”


การันต์มองอย่างชื่นชมกับรูปร่างระหงที่ใส่กระโปรงสั้นอวดขาสวย แอนดี้ปรายตามองแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ


“อยากรู้เหรอ ตามมาทางนี้สิ”


แอนดี้เรียกให้การันต์เดินตามจนมาหยุดอยู่ในมุมที่มองเห็นชัดๆกับตา รอยยิ้มชื่นชมของการันต์จึงค่อยๆเลือนหาย

เมื่อเห็นสาวสวยคนนั้นเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะของประธานนักศึกษา ปากแดงยิ้มเยื้อนสองแขนโอบไปรอบคอของภูเมธ

จมูกที่โด่งด้วยฝีมือแพทย์บรรจงแนบไปที่ใบหน้าของภูเมธจนหัวใจของการันต์หน่วงขึ้นมา


“ไฮ..มาร์ค”


เสียงหวานทักทายพลางเบียดร่างชิดใกล้ การันต์คอแห้งผากเมื่อไม่เห็นภูเมธปฎิเสธความใกล้ชิดนั้นดวงตาเรียวของการันต์

ร้อนผ่าวไปหมด


“ผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นพี่สาวเราเอง แต่ว่าคนละแม่กัน”


เสียงแอนดี้ดังอยู่เบื้องหลังนี่เอง แต่ดูเหมือนจะไกลแสนไกลอยู่ในความรู้สึก


“พี่สาวเราชื่อแอลลี่”


แอลลี่!


“แอลลี่เป็นคู่หมั้นของประธานภูเมธ”




tbc


 :ling2: :ling2:





หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 17 [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-04-2016 20:35:51
อ้าววว. แอนดี้นี่นายคิดไม่ซื่อนี่หว่า
ยัยแอลลี่มาแล้ว จะยอมถอยไหมนะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 17 [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 26-04-2016 23:04:14
แอนดี้ร้ายนะเนี่ย  มดแดงแฝงมะม่วงชัดๆ แอลลี่มาใงล่ะเนี่ย บทนางร้าย แต่นางจะร้ายตามบทหรือเปล่าต้องรอดีลู ส่วนมาร์คช่วยทำอะไรๆให้มันชัดเจนหน่อยสิ จะยอมคู่หมั้นตามคำสั่งพ่อ หรือจะตามใจเมียอย่างน้องโก๋
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 17 [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-04-2016 23:44:59
กำ ดีกันได้แป้บๆ มีเรื่องให้โก๋เสียใจอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 17 [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 26-04-2016 23:53:41
ต้มน้ำรอม่ามา  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 17 [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-04-2016 09:17:40
หวานกันแป๊บๆ กลิ่นมาม่าโชยมาแล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 17 [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-04-2016 13:07:07
ต้มน้ำรอเลยจ้า ท่าทางจะดราม่าหนักหน่วง
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-04-2016 20:48:47




                                                รักกลางใจ

                                                บทที่ 18


รถบิ๊กไบค์แต่งเครื่องใหม่กำลังเร่งความเร็วอยู่บนท้องถนนที่เปียกชื้นจากสายฝนพรำ

เจ้าของรถพลังขับเคลื่อนชั้นยอดนึกหงุดหงิดที่การจราจรบนท้องถนนหนาแน่นเกินความพอดี

จนเขาทำความเร็วได้ไม่เท่ากับสมรรถนะของรถที่อุตส่าห์ไปดัดแปลงมาใหม่


ความเร็วของเครื่องจักรมันสู้ความเร็วของความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้ ถ้าหากติดปีกบินไปถึงที่เกิดเหตุได้

เขาก็จะทำตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์เมื่อไม่นานนี้


“เฮ้! เต้ มีปัญหาแล้ว มีไอ้หนุ่มหน้าอ่อนมาหามึงที่นี่ ไม่รู้ยังไงนะ มันโดนไอ้พวกพี้ยารุมสกรัมว่ะ

แต่พวกเราช่วยไว้ได้ทัน ยังไงมึงก็มารับไปหน่อยนะก่อนที่หน้าจืดๆนี่จะช้ำในตายเสียก่อน”


กระทืบเบรคจนรถสะเทือนเมื่อถึงที่หมาย สนามบาสเก็ตบอลเปียกชื้นหลังจากสายฝนหยุดโปรยปราย

ทำให้นักแข่งบาสพากันไปเล่นพนันขันต่อ บางคนก็นั่งยองๆยกขวดเบียร์ดื่มอยู่ข้างถนน

เตชิตก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็วตรงไปที่คาเฟ่เล็กๆของตึกเก่า เขาผลักกระจกมัวหน้าร้านเข้าไป

กวาดสายตามองก่อนที่จะหยุดลงตรงชายหนุ่มหน้าอ่อนที่นั่งหน้าสลดอยู่ข้างเพื่อนของเขา


เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้า เขากัดฟันแน่นเมื่อเห็นสภาพใบหน้าฟกช้ำ มุมปากเขียวมีร่องรอยเศษเลือดแห้งกรัง

เสื้อผ้าเปียกชื้นมีแต่เศษดิน ดวงตาของเขาวาวโรจน์เมื่อเห็นสภาพของนภัทรในวันนี้


“พวกไหน”


เค้นเสียงถามเพื่อนที่นั่งสูบบุหรี่ตรงกันข้าม เพื่อนของเขาโบกมือวุ่นวาย


“พวกเก่าที่มึงเคยมีเรื่องนั่นแหละ มันคงเห็นเจ้าหน้าอ่อนนี่มาคนเดียวเลยกล้าลูบคม

แต่ไม่ต้องห่วงกูจัดการพวกมันแล้ว พวกมันก็เจ็บไปเยอะอยู่ มึงรีบพาเจ้าหมอนี่ไปทำแผลดีกว่า

ท่าทางจะเจ็บอยู่ไม่น้อย ใช่ไหมเจ้าหน้าอ่อน”


นภัทรแทบผวาเมื่อเห็นสายตาของเตชิต เขานิ่วหน้าเมื่อต้นแขนถูกคนหน้าดุจับยึดแล้วกระชากให้ลุกขึ้นยืน

เตชิตเอ่ยขอบคุณเพื่อนและลากให้เขาเดินตามาที่บิ๊กไบค์คันโต เตชิตก้าวขึ้นคร่อมและตวาดเสียงดังลั่น


   “ขึ้นรถ”


   นภัทรที่ยังไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียวสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับตาลีตาเหลือกก้าวซ้อนท้ายทันที


“เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน นภัทร”




นภัทรก้มหน้างุดเมื่อก้าวเดินตามร่างสูงของเตชิตเข้าไปในอพาร์ตเมนท์หรูที่เขาเคยมาแล้ว

เมื่อเสียงปิดประตูตามหลังดังลั่น เขาก็ยืนคว้างอยู่ตรงกลางห้อง


เขามองตามเตชิตที่เดินไปเปิดตู้เย็นเบียร์กระป๋องมาเปิดแล้วกระดกเข้าปาก

ก่อนที่จะหันขวับมามองเขาด้วยสายตาดุ


“จะยืนมองอยู่อีกนานไหม”

นภัทรก้าวพรวดไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟารับแขก นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเคล็ดขัดยอกไปหมดทั้งตัว

เขาหันไปมองเมื่อเตชิตเดินเข้ามานั่งลงข้างๆด้วยสายตาหงุดหงิด แต่ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก

เขามองเห็นแววตาแห่งความห่วงใยซ่อนอยู่ในนั้น


ถุงเจลเย็นเฉียบที่เพิ่งจะออกมาจากตู้เย็นถูกคนหน้าดุยกมาแตะที่ริมฝีปากแตกช้ำอย่างเบามือ

ดวงตาของนภัทรร้อนผ่าวเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของเตชิต


“ทำไมนายถึงได้ขยันหาเรื่องใส่ตัวนักนะนภัทร นายก็รู้ว่าสถานที่แบบนั้นไม่เหมาะที่คนอย่างนาย

จะเหยียบย่างเข้าไป ครั้งแรกเพราะหลงทาง แล้วครั้งนี้นายไปเพื่ออะไรวะ”


“ผมไปเพราะอยากเจอคุณ”


“แล้วทำไมต้องไปที่นั่น ที่อื่นมีตั้งเยอะแยะ”


“ก็ผมไม่รู้เบอร์โทร ไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับคุณ นอกจากจะรู้ว่าคุณชอบไปที่นั่นมากกว่าที่อื่น

แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”


เสียงเครือที่มาพร้อมใบหน้าสลดทำให้เตชิตใจอ่อนยวบ น้ำเสียงที่เอ่ยต่อไปจึงอ่อนลงกว่าที่ส่งเสียงเข้มดุไปเมื่อครู่


“แล้วอยากเจอฉันทำไม”


นภัทรนิ่งงัน มุมปากช้ำที่เจอความเย็นประคบสั่นสะท้านเมื่อเขาช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาดุที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว

เสียงแผ่วเอ่ยออกไปด้วยความกริ่งเกรงคนฟัง


“ไม่รู้สิ ผมก็แค่…คิดถึงคุณ”


เจลเย็นใสร่วงจากมือ เตชิตกลายเป็นฝ่ายนิ่งเงียบเมื่อได้ยินนภัทรพูดออกมาอย่างกล้าหาญ

ในขณะที่เขาได้แต่เป็นฝ่ายเก็บงำความรู้สึกเดียวกันไว้ในใจ


เตชิตไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับกับตัวเองว่าเขาสลัดใบหน้าจืดๆของนภัทรออกไปจากสมองไม่ได้

ทั้งเวลาหลับตาหรือลืมตา มันทำให้เขาหงุดหงิดตัวเอง


เมื่อเห็นการตอบสนองของเตชิต แพขนตาหนาก็ต้องกระพริบถี่เพื่อขับไล่ความชื้นของหยาดน้ำ

ใช่สิ….

มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนอย่างเตชิตจะเข้าใจความรู้สึกของเขา คนอย่างเตชิตจะเข้าใจได้อย่างไร

ว่าความคิดถึงมันทรมานแค่ไหน เขาอยากเห็นหน้าดุ เขาอยากได้ยินเสียงเข้ม นภัทรแค่ซื่อสัตย์

กับความรู้สึกของตัวเองแม้ว่าผลของมันจะทำให้เขาปวดใจ


“ผะ…ผมขอโทษ”


นภัทรก้มหน้าหนี ซ่อนหยดน้ำตาที่ใกล้จะรินรดเต็มที


“ทำอะไรผิดไว้ล่ะ” เสียงนั้นนุ่มกว่าที่คาด


“ผมทำให้คุณรำคาญ”


“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก”


โซฟานุ่มเด้งขึ้นเมื่อเตชิตลุกขึ้นแล้วเดินไป นภัทรไม่กล้าเงยหน้ามองด้วยซ้ำว่าเขาลุกขึ้นไปทำอะไร

จนกระทั่งกะละมังน้ำใบเล็กที่มีผ้าขนหนูผืนนุ่มลอยตัวอยู่ถูกวางลงบนโต๊ะรับแขก และโซฟาก็อ่อนยวบลงมา

เมื่อเขานั่งลงในตำแหน่งเดิม


“สภาพเหมือนลูกหมาตกท้องร่อง”


เสียงเข้มแต่อ่อนโยนดังอยู่ข้างหู ลมหายใจของนภัทรติดขัดไปหมดเมื่อปลายนิ้วของเตชิตแตะ

อยู่ที่กระดุมเสื้อเชิ้ตเปื้อนรอยดินจากฝ่าเท้า เขาปลดมันออกทีละเม็ดจนกระทั่งสาบเสื้อแยกจากกัน


“คืนนี้คงได้นอนระบมกันล่ะ มานี่ ฉัน เอ่อ จะเช็ดตัวให้”


หน้าขาวๆแดงเถือกไปจนถึงใบหู แต่เพราะความอ่อนโยนที่นภัทรนึกไม่ถึงทำให้เขาปฎิเสธไม่ออกจนเสื้อเชิ้ต

สกปรกถูกดึงออกจากตัวจนเหลือเพียงท่อนบนเปลือยเปล่า


เมื่อเห็นสภาพเนื้อตัวที่มีร่องรอยฟกช้ำเขียวเป็นปื้น เตชิตถึงกับขบกรามกรอด ดวงตาลุกวาบ

นึกสงสารคนที่ถูกรังแกขึ้นมาจับใจ อยากปกป้องร่างกายที่อยู่ตรงหน้าจนถึงที่สุด เตชิตใช้ผ้าขนหนู

ที่บิดจนหมาดเช็ดตัวให้นภัทรอย่างเบามือ แต่ถึงกระนั้นคนเจ็บตัวก็ยังไม่วายนิ่วหน้า


“เจ็บมากไหม”


เตชิตถามขึ้น เขายกมือข้างหนึ่งประคองใบหน้านุ่มไว้และใช้ผ้าขนหนูบรรจงเช็ดจนทั่ว

ก่อนที่จะวางผ้าลงและใช้สองมือเอียงใบหน้าของนภัทรไปมาเพื่อมองหาร่องรอยบาดเจ็บอย่างห่วงใย


จะว่าเขาลืมตัวก็ได้ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเตชิตเพิ่งเห็นว่าใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับใบหน้าของนภัทรแค่ไหน

ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ใกล้จนดวงตาสบกันอย่างค้นคว้า ใกล้จนแค่เขาเอียงหน้าลงไปเท่านั้น...

ปากของเขาก็ประกบลงไปบนกลีบปากซีดเย็นที่เม้มหนีอย่างตกใจในวินาทีแรก แต่เมื่อเขาค่อยๆ

ไล่ลงน้ำหนักอีกฝ่ายจึงผ่อนคลายลง ยิ่งเมื่อเขาจูบซับตรงมุมปากที่มีรอยช้ำเพื่อปลอบโยน

เรียวปากนุ่มจึงเผยออย่างเผลอไผล ปลายลิ้นร้อนจึงแทรกตัวเข้าไปช้าๆกวาดไล่ไปตามไรฟัน

ก่อนที่จะมาแตะลงกับลิ้นนุ่ม


“อื้ม…”


นภัทรครางแผ่ว มือทั้งสองเกาะแน่นอยู่ที่บ่ากว้างเมื่อลิ้นเล็กถูกตวัดเกี่ยวพันอยู่ในโพรงปาก

สติของเขาแตกกระเจิงจนกู่ไม่กลับ ลมหายใจขาดเป็นห้วงเนื้อตัวสั่นสะท้านจนต้องยิ่งเบียดตัวเข้าหาอกแกร่ง


แทบขาดใจกว่าที่เตชิตจะค่อยๆถอนปลายลิ้นกลับคืนแต่ก็ยังวอแวกับเรียวปากนุ่มอีกพักใหญ่

ดวงตาคู่นั้นระยิบระยับจนเลือดวิ่งใบทั่วหน้าเมื่อเขาได้สบตากับเตชิตอีกครั้ง


“ทำแบบนี้จะยั่วผมเหรอ” เสียงเล็กต่อว่าเมื่อเบนสายตาหลบอย่างขัดเขิน


“ยั่วอะไร ฮึ..”


…ก็ยั่วให้รักน่ะสิ…


นภัทรหน้าร้อนผ่าว สถานการณ์ล่อแหลมเกินไปแล้ว

เขากำลังเปลือยท่อนบนอยู่ในอ้อมแขนที่โอบรัดไปทั้งตัว แถมเขายังเสียจูบแรกไปแล้วอีกต่างหาก

ไม่นึกว่าจูบแรกที่ได้รับจะอ่อนโยนเกินคาด นภัทรถอนหายใจพลางใช้คางเกยไว้บนไหล่กว้าง

น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาผ่านร่องแก้ม


“อย่าทำดีกับผมให้มากกว่านี้ อย่าทำให้ผมมีความหวังถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรกับผม”


นภัทรได้ยินเสียงถอนหายใจ


“ก็ไม่รู้สินะว่าฉันคิดอะไรกับนายหรือเปล่า ก็แค่อยากจูบนาย อยากกอดนายไว้อย่างนี้”


รู้สึกถึงฝ่ามือที่ลูบไล้แผ่นหลังแผ่วเบา นภัทรหลับตาซึมซับความอ่อนโยนไว้ให้ได้มากที่สุด

เขาไม่รู้ว่าจะมีช่วงเวลาดีๆแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

ก็คุ้มนะ ที่เจ็บตัว


“แต่ตอนนี้ นายควรกินยาแก้ปวดแล้วนอนพัก”


เตชิตใช้มือจับที่หัวไหล่แล้วดันร่างบางออกมาจากอ้อมกอด


   “ยาอีกแล้ว”


นภัทรหน้าแหย แต่ก็ลุกขึ้นเดินตามเตชิตไปกินยา ก่อนที่เจ้าของห้องจะหยิบชุดนอนมาให้เขาเปลี่ยน

จนเมื่อเตชิตอาบน้ำเสร็จเขาก็เห็นนภัทรหลับไปแล้วบนเตียงของเขา

มุมปากคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเขาก้าวไปนอนเคียงคู่และดึงร่างที่หลับอย่างอ่อนเพลียมากอดไว้





บรรยากาศไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อมีแต่ความเงียบตั้งแต่ขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยจนถึงบ้าน

ที่ภูเมธบอกไว้ว่าจะพาไปชมภาพยนตร์ก็เป็นอันพับโครงการเก็บแต่การันต์ก็ไม่ได้ท้วง เพราะเขาเอง

ก็คงไม่มีอารมณ์ในสภาพแบบนี้ที่ต่างฝ่ายก็ไม่ยอมมองหน้ากัน


มันหน่วงๆ อยู่ในความรู้สึกจนแม้แต่หยุดคุยกับมารดาก็ยังไม่ดีขึ้น

และเมื่อก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว การันต์ก็ไม่ได้นึกแปลกใจที่เห็นภูเมธนั่งหน้าบึ้งรออยู่

เท้าของการันต์หยุดกึกไม่ยอมก้าวหา เมื่อสบตากับนัยน์ตาฉุนเฉียวที่กลับมาอยู่บนใบหน้าของภูเมธอีกครั้ง

การันต์เตรียมจะก้าวหนีแต่ก็ไม่ทัน ภูเมธพุ่งมารวบตัวแล้วเหวี่ยงเขาลงกลางที่นอนแล้วจึงทิ้งตัวลงมาทับไว้


“เสน่ห์แรงจริงๆนะ เดี๋ยวก็จูบกับคนนั้น เดี๋ยวก็จับมือกับคนนี้”


“คุณพูดอะไรของคุณ”


การันต์โต้อย่างน้อยใจ


“อย่ามาขึ้นเสียง ฉันเห็นนายจับมือถือแขนอยู่กับไอ้เด็กปีหนึ่งเพื่อนนาย”


“ผมบริสุทธิ์ใจ ผมไม่ได้คิดอะไรห่วยแตกแบบคุณ อ้อ แล้วทำไมไม่พูดออกมาเลยล่ะ ว่าเด็กปีหนึ่งเพื่อนผมน่ะ

เป็นน้องชายคุณหมั้นแสนเพอร์เฟ็คของคุณ”


ภูเมธหรี่ตามองร่างบางข้างใต้ เมื่อการันต์พูดเรื่องนี้ทำให้เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคุ้นตาเจ้าเด็กปีหนึ่งคนนั้นที่ไหน

ที่แท้ก็คือน้องชายคนละแม่ของแอลลี่ที่ภูเมธไม่เคยเห็นหน้ามานาน

การันต์เห็นแอลลี่แล้ว คงเป็นเพราะน้องชายคนละแม่ของแอลลี่บอกให้รู้


“ฮึ ทั้งกอดทั้งหอม คงชอบล่ะสิเห็นนั่งนิ่งเงียบให้เขากอดจูบอยู่ได้”


ดวงตาดุเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อจ้องมองหน้าหวานที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น อารมณ์หงุดหงิดจางหายไปเกือบหมด

จนมุมปากยกยิ้มขึ้นได้


“หึงเหรอ กระต่ายน้อย”


“หึงอะไร ใครจะไปหึงกันเล่า”


การันต์เหวี่ยงวีนเสียงหงุดหงิดพร้อมกับหันมามองหน้าง้ำ ยิ่งเห็นภูเมธกลั้นหัวเราะเขาก็ยิ่งหน้างอ

กำปั้นน้อยๆทุบลงที่หัวไหล่อีกฝ่าย


“ขำอะไร เรื่องอะไรมาหัวเราะล่ะ”


“ไม่ได้ขำ แค่ชอบ ชอบที่หึง”


“ก็บอกว่าไม่ได้หึง”


การันต์ผลักอกภูเมธออกแต่อีกฝ่ายก็ไม่สะดุ้งสะเทือนซ้ำยังจับข้อมือเล็กกดแนบไปกับที่นอนนุ่ม


“อย่าคิดมากนะกระต่ายน้อย ไม่มีอะไรหรอกน่า”


ใครจะคิดน้อยได้

การันต์ขอบตาร้อนผ่าว

เมื่อเห็นร่างระหงคลอเคลียอยู่ใกล้ภูเมธเช่นนั้น ในสายตาช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน  แล้วเขาล่ะ


“ตอนนี้รักกระต่ายน้อยคนเดียวเท่านั้นแหละ”


อะไรนะ…

รัก…

การันต์เงยหน้าขึ้นมองพลางเบิกตากว้าง


“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”


เขาเพิ่งเห็นใบหน้าของภูเมธเจือสีแดงเป็นครั้งแรก


“พูดได้ครั้งเดียว ไม่ตั้งใจฟังก็อด”


“พี่มาร์คครับ”


เสียงอ่อนทอดยาว ดวงตาหวานกระพริบปริบๆออดอ้อน


“โอ๊ย อย่าทำอย่างนี้” ภูเมธบ่นพึมพำแล้วก้มหน้าลงซุกไซ้ที่ซอกคอเนียน


“แค่นี้ก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”


การันต์หัวใจพองคับอก

ภูเมธบอกรักเขา แม้ว่าจะไม่ได้หวานเลยแม้แต่น้อยแต่การันต์กลับหุบยิ้มไม่ลง

เถอะน่า…

อะไรที่มันขวางหูขวางตาก็ปล่อยไปก่อน

ตอนนี้…

เขาขอตักตวงความสุขไว้ก่อน

ว่าแล้วการันต์ก็โอบกอดตอบรับคนที่คว้าหัวใจเขาไว้ได้แล้วปล่อยให้คนนั้นพาเขาโบยบินไปหาความสุข

อย่างที่ใจต้องการ


TBC


 :mew5: :mew5:






หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-04-2016 20:57:27
รู้ว่าเขาหึงก็นังจะแกล้งเนอพ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-04-2016 22:39:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-04-2016 00:06:53
หึงกันหึงกันน5555555
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 29-04-2016 00:50:21
ชอบเรื่องนี้จัง หึงกันไปหึงกันมาแต่ก็หันหน้าเข้าหากัน   ใช้เหตุผลคุยกัน  น่ารักทั้งพี่มาร์ค น้องกระต่ายน้อย  หวังว่าน้องโก๋จะผ่านอุปสรรคแอลลี่ที่เข้ามาในชีวิตพี่มาร์คได้นะคะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 29-04-2016 03:13:41
 :katai1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-04-2016 03:43:51
บรรยากาศดีขึ้นมาหน่อย จะทำอะไรกับอิแอนดี้มันดี คนเขียนช่วยหาสามีให้นางซักคนได้มั้ย จะได้ไม่มายุแยงน้องโก๋
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-04-2016 10:34:34
ก็แล้วจะทำยังไงต่อไปกับคู่หมั้นล่ะ หรือต้องรอให้ถึงวันงานแต่งก่อนถึงจะเริ่มคิดวะ
ทำไมไม่เริ่มทำอะไรซะอย่างก่อนที่จะสายไปล่ะ รีบๆ คิดเร็วๆ เข้า
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-04-2016 10:50:17
โก๋เอ้ยยยยยย ทำไมน่ารักงี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 18 [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 30-04-2016 17:39:23
โก๋น่าร้ากกกก  :hao7:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 19 [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-05-2016 20:33:45


                                             รักกลางใจ

                                             บทที่ 19


การันต์เตรียมที่จะก้าวเท้าลงจากรถยนต์แล้ววิ่งหลบสายตาของผู้คนอย่างเช่นวันปกติ

แต่ไม่ใช่วันนี้ที่ภูเมธคว้าท่อนแขนเรียวเล็กให้ชะงักไว้ที่เดิม เจ้าของรถคันหรูเป็นฝ่ายก้าวลงไปก่อน

แล้วจึงเดินอ้อมมาทางฝั่งที่การันต์นั่งจากนั้นจึงดึงประตูเปิดให้การันต์ก้าวลงมายืนแข้งขาสั่น

ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็น หนุ่มน้อยก้มหน้างุด การันต์ไม่ชอบการเป็นจุดเด่น มันทำให้เขาเวียนหัว


“เดินไปด้วยกัน” ภูเมธบอกจุดประสงค์


“แต่...”


การันต์พยายามทักท้วง แต่ภูเมธกลับใช้มือโอบไหล่บางให้ก้าวเดินไปพร้อมกับเขายิ่งทำให้การันต์

เดินตัวลีบเข้าไปใหญ่


“กลัวอะไรฮึ กระต่ายน้อย”


ภูเมธเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของการันต์


“คนมองกันใหญ่เลย พี่มาร์คนี่ดังจริงๆนะครับ”


ภูเมธยักไหล่ เขาคุ้นชินกับการเป็นจุดเด่นเสียแล้ว ด้วยอำนาจเงินของผู้เป็นบิดาทำให้มีแต่คน

มาพินอบพิเทา เขาจึงคุ้นเคยกับชีวิตที่ต้องมีคนมาคอยรับคำสั่งและตกเป็นเป้าสายตาราวกับเป็นดาราชื่อดัง


จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็เขามีชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้

ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำดีกับใคร จะมีก็แต่คนที่เดินขาสั่นอยู่ข้างๆนี่แหละที่ทำให้ภูเมธรู้จักคำว่า

อดทนและใส่ใจเป็นครั้งแรก

ภูเมธอยากให้การันต์รู้สึกดี แต่เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรอีกฝ่ายถึงจะรู้สึกเช่นนั้น มันเป็นสิ่งใหม่

ที่เขาต้องเรียนรู้หลังจากที่ได้รู้จักและตกหลุมรักเด็กซุ่มซ่ามคนนี้


“วันนี้มีเรียนตอนเช้าไหม”


“ไม่มีครับมีช่วงบ่าย”


“แล้วนี่จะไปไหน”


ภูเมธเอ่ยถามพลางกระชับมือที่วางอยู่บนบ่าเล็ก


“นัดแอนดี้ไว้ที่ห้องอาหารครับ”


สีหน้าเปลี่ยนเมื่อได้ยินคำตอบ ภูเมธพยายามท่องหนึ่งให้ถึงสิบแต่เขากลัวตัวเองจะน็อคตาย

เสียก่อน ความอดทนคงเป็นสิ่งแรกที่เขาต้องเรียนรู้ อดทนที่จะไม่แสดงออกว่าเขา “หวง” การันต์แค่ไหน


“ไปสิ”


“เอ่อ..แล้วพี่มาร์ค...”


“ไปด้วยกัน”


ภูเมธยังไม่ยอมละมือจากไหล่บางแม้จะก้าวเข้าสู่ห้องอาหาร ยิ่งทำให้ตกเป็นเป้าสายตาเมื่อทั้งสอง

ก้าวเข้าไป การันต์มองเห็นแอนดี้แล้ว เพื่อนของเขาเหลือบตาขึ้นมองด้วยสีหน้าแปลกๆที่การันต์ไม่เข้าใจ

แอนดี้ลุกขึ้นยืน เขาค้อมศีรษะคำนับด้วยใบหน้าเรียบเฉยผิดปกติ


“สวัสดีครับประธานภูเมธ”


ภูเมธก้มหัวรับ มุมปากกระตุกยิ้มเมื่อสบตาอีกฝ่าย


“ไม่พบกันนานมากแล้วนะคุณหนูเล็กตระกูลภักดีกิจ มิน่าฉันถึงจำไม่ได้”


แอนดี้ไม่หลบสายตา เขาจ้องตอบด้วยตวงตารู้เท่าทัน


“ใช่ครับ เราไม่พบกันนานมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลืมว่าคุณเป็นคู่หมั้นของพี่แอลลี่”


หางตาของการันต์กระตุกเมื่อได้ยินคำพูดจากแอนดี้


ใช่สินะ มันเป็นความจริงที่หลีกหนีไม่ได้ และมันกระชากให้หนุ่มน้อยเหมือนตกลงมาจากหอคอย

ที่เขาตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปไขว่คว้าความสุขให้ตกลงมากระแทกกับพื้นที่มีความเป็นจริงรอรับอยู่

จมูกของการันต์แสบไปหมดเมื่อต้องกลั้นการผลิตของน้ำตา


“ไปนั่งตรงนั้นด้วยกันเถอะนะโก๋”


ใบหน้าบึ้งตึงของภูเมธหันไปชักชวนการันต์ให้ไปนั่งโต๊ะของคณะกรรมการนักศึกษา แต่กลับได้รับการปฏิเสธ


“ผมขอนั่งตรงนี้กับแอนดี้ดีกว่าครับ”


คิ้วเข้มย่นเข้าหากันเมื่อเห็นท่าทีของการันต์ นึกเคืองกับหลายสิ่งที่ไม่เป็นใจเอาเสียเลย


“งั้นฉันจะนั่งกับพวกนายด้วย”


ว่าแล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งพลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนแอนดี้นิ่งอึ้งและหันไป

สบตากับการันต์ด้วยความไม่เข้าใจในการกระทำของภูเมธ

แต่ยังไม่ทันที่เขาและการันต์จะนั่งลงตาม คนทั้งห้องอาหารใหญ่โตก็ต้องหันมามองเป็นจุดเดียวอีกครั้ง

เมื่อเห็นคนดังอีกคนก้าวเข้ามา


ร่างระหงแต่งตัวราวกับนางแบบมืออาชีพเดินนวยนาดตรงเข้ามา พลางหยุดมองอย่างแปลกใจ

เมื่อเห็นภูเมธนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมในสายตาของหล่อน แถมยังนั่งอยู่กับน้องชายคนละแม่

และเด็กหนุ่มแปลกหน้าอีกคนหนึ่ง


“มาร์คทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”


ภูเมธหลับตาลงอย่างอ่อนใจ

อุปสรรคของเขาช่างมีมากมายเหลือเกิน

ลืมตาขึ้นมามองหน้าการันต์ที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย เขาปวดใจเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวจนเผือดสี

นึกอยากจะดึงมากอดปลอบใจแต่ก็ทำไม่ได้ ที่ทำได้คือกัดฟันกดยิ้มที่มุมปากทั้งที่อยากจะลุกขึ้น

กระชากแขนการันต์ไปให้พ้นจากสถานการณ์นี้


“ผมเจอแอนดี้เลยแวะทักทายน่ะ”


แอลลี่พยักหน้าน้อยๆรับรู้ก่อนที่สายตาจะหันไปมองเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆน้องชาย


“แล้วนี่ใคร เด็กที่ไหน”


แอนดี้ก้าวไปจนยืนชิดร่างบางเมื่อหันไปสบตาพี่สาว


“เพื่อนผมเอง เขาชื่อโก๋”


แอลลี่รับรู้ด้วยทีท่าปกติ หญิงสาวหันกลับมาเพ่งมองหน้าหวานนั่นอีกครั้งกับคำแนะนำใหม่จากน้องชาย


“โก๋คือลูกเลี้ยงของคุณลุงภูมิ เขาเป็นน้องชายของคุณมาร์คคู่หมั้นของพี่ไงล่ะ”






น่าสนุกแฮะ...

คิดดีเฝ้ามองเหตุการณ์ที่มองเห็นได้จากโต๊ะของกรรมการนักศึกษาตั้งแต่ภูเมธเดินเคียงคู่มากับเด็กผู้ชาย

หน้าหวานที่ชื่อ...ชื่ออะไรนะ อ้อ! ชื่อโก๋

เขาไม่เคยเห็นภูเมธเป็นเอามากขนาดนี้


สองแขนพาดไปกับโต๊ะวางคางลงไปอย่างเกียจคร้าน แต่สองตากลับจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสนใจ

แล้วยิ่งมีตัวละครเพิ่มมาอีกคน คิดดีเดาไม่ถูกเลยว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาคว้ามันขึ้นมามองชื่อปลายทาง หัวใจของเขาสั่นนิดหน่อยเมื่อเห็นชื่อคนโทรมา

สุดหล่อสมหวัง

ช่างพอเหมาะพอเจาะกันดีเหลือเกิน


“สวัสดีคุณสมหวัง”


คิดดีกรอกเสียงทักทายเมื่อเปิดเครื่องรับสายแล้ว


“นาย...”


“คิดดี”


“นั่นแหละ มีอะไรคืบหน้าบ้าง นี่อุตส่าห์ไว้วางใจให้ทำงานใหญ่แต่กลับเงียบกริบ”


“ก็เหตุการณ์มันสงบคุณจะให้ผมบอกอะไรกับคุณล่ะ แต่ว่าตอนนี้นะ...คุณสมหวัง...”


ปลายเสียงลากยาวในขณะที่สายตากำลังจ้องไปข้างหน้า


“ถ้าคุณจะหายตัวมาได้ก็รีบมาเลยดีกว่า ผมคิดว่าอีกไม่นานจะเกิดสึนามิถล่มเมืองแล้ว”






ดวงตาที่เคลือบสีสวยสดหันไปจ้องหน้าการันต์อย่างจริงจังอีกครั้ง

ได้ข่าวมาเหมือนกันว่าภูมิ เจริญเกียรติกุล บิดาของภูเมธรับผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นภรรยา

แม้จะไม่มีการแต่งงานใหม่ แต่ผู้หญิงที่จะมารับตำแหน่งนี้ได้ย่อมเป็นที่จับตาของสังคม

แต่กลับไม่มีใครได้เห็นโฉมหน้าเพราะคุณผู้หญิงคนใหม่ของภูมิไม่เคยโผล่หน้าออกไปให้สังคมรับรู้

นึกไม่ถึงว่าจะมีลูกติดมาด้วย


แต่ก็แค่ลูกเลี้ยง มันไม่มีผลอะไรหรอก คนที่มีผลต่อชีวิตของแอลลี่คือภูเมธ เจริญเกียรติกุล

ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่เป็นคู่หมั้นของเธอคนนี้ต่างหาก


คิดได้ดังนั้นการันต์ก็หมดความน่าสนใจลง แอลลี่พุ่งเป้าไปที่ภูเมธด้วยการนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ภูเมธที่สุด


“ทานอาหารเช้าด้วยกันนะมาร์ค แอลลี่หิวแล้ว”


มือเรียวที่เคลือบเล็บสีสวยวางลงบนท่อนแขนของภูเมธอย่างมีจริต สายตาคมคู่นั้นมองมาที่มือ

แล้วไล่ขึ้นไปถึงใบหน้าเจ้าของอย่างบึ้งตึง


“ไม่ล่ะ ผมทานมาแล้ว”


ปากสีแดงสดเม้มอย่างขัดใจ

ภูเมธไม่เคยมีหล่อนอยู่ในสายตาสักนิดไม่ว่าแอลลี่จะพยายามแค่ไหน นานตั้งแต่เริ่มเป็นสาวจนบัตนี้

ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นกลับไม่เคยทำให้หล่อนได้สมหวังสักครั้ง

ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีชื่อเสียงในวงสังคมเคยเป็นข่าวกับภูเมธอยู่บ้าง แต่ภูเมธก็ไม่เคยคบกับใครนาน

แอลลี่ได้เปรียบตรงที่สองตระกูลจับดองกันเพื่อผลทางธุรกิจแต่ภูเมธกลับไม่เคยแตะต้องหล่อนแม้แต่ปลายก้อย

ทั้งที่แอลลี่อยากจะเป็นมากกว่านั้นใจแทบขาด


“แอลลี่ทานคนเดียวก็ได้ ส่วนนาย...”


แอลลี่พุ่งสายตาไปหาการันต์ที่ยังยืนหน้าซีด


“ไปซื้ออาหารมาให้ฉันหน่อย”


“แอลลี่”


“พี่แอลลี่”


ทั้งภูเมธและแอนดี้ส่งเสียงดังแต่การันต์กลับคว้าแขนแอนดี้ไว้ เขาหันหน้าไปสบตาเพื่อปรามคน

เป็นเพื่อนและหันไปมองภูเมธเช่นกัน


“ผมจะไปซื้อให้ครับ คุณแอลลี่อยากได้อะไรครับ”


“สลัดแซลมอนกับน้ำส้มคั้น อ่ะ..เอาเงินนี่ไป”


หญิงสาวควักธนบัตรจากกระเป๋าแบรนด์เนมมาวางบนโต๊ะ แต่ด้วยน้ำหนักที่เบาหวิวมันจึงปลิวไปหล่นอยู่ที่พื้น


“มัวมองอะไรล่ะ รีบเก็บเงินขึ้นมาแล้วไปซื้ออาหารมาเสียทีสิ”


แอลลี่ตวาดเสียงดังลั่น จนภูเมธชักสีหน้า


“แอลลี่ ทำอะไรเกรงใจผมบ้าง ยังไงโก๋ก็เป็นน้องของผม”


“พี่มาร์คครับ ไม่เป็นไร”


หนุ่มน้อยรีบเอ่ยห้าม เขาไม่อยากให้แอลลี่โวยวายมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็เป็นจุดเด่นจนคนมองไปทั้ง

ห้องอาหารแล้ว การันต์ก้มลงเก็บเงินแล้วรีบก้าวไปทางจุดจำหน่ายอาหาร แอนดี้มองพี่สาวอย่างไม่ชอบใจนัก


“ผมจะไปช่วยโก๋”


“จะไปทำไมแอนดี้ ของแค่นั้น”


“ก็ถ้าของแค่นั้น ทำไมพี่ไม่ไปซื้อเองล่ะ”


แอนดี้เถียงจนแอลลี่โมโห


“เอ๊ะ ไอ้น้องบ้า แกอย่าเห็นคนอื่นดีกว่าพี่ตัวเองได้ไหม ไม่ต้องไปช่วยแล้วก็นั่งลงเดี๋ยวนี้”


แอนดี้ฮึดฮัดแต่ก็จำเป็นต้องนั่งลง ภูเมธมองแอลลี่อย่างหงุดหงิดและหันไปมองทางการันต์ที่ไปซื้อของ

อย่างกระวนกระวาย ไม่นานนักการันต์ก็ยกถาดอาหารเดินกลับมาที่โต๊ะ ใบหน้าเนียนยิ่งดูซีดเซียวกว่าเก่า

ภูเมธรีบลุกขึ้นยืนด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นหนุ่มน้อยเดินเซไปมา


“โก๋”


ภูเมธเรียกอย่างตกใจเมื่อเห็นการันต์เสียหลักเมื่อเดินเกือบถึงโต๊ะ เขารับร่างบางเอาไว้ได้แต่ถาดอาหารร่วงหล่น

จากมือกระเด็นมาเปื้อนเสื้อราคาแพงของแอลลี่จนเจ้าตัวร้องกรี๊ดด้วยความโมโห


“ไอ้เด็กบ้า นี่แกทำอะไร เสื้อฉันเปื้อนหมดแล้วแกรู้ไหมว่าราคามันแพงแค่ไหน”


“หยุดนะ แอลลี่”


ภูเมธตวาดเสียงดังลั่นอย่างหมดความอดทน เขาประคองการันต์ไว้ในอ้อมแขน


“หยุดแสดงความงี่เง่าออกมาให้คนอื่นเห็นได้แล้ว”


“มาร์ค นี่คุณว่าแอลลี่งี่เง่า คุณเข้าข้างมันเหรอ บ้าที่สุด ไอ้เด็กบ้า”


แอลลี่ตรงเข้ามาใช้มือตีใส่การันต์ที่ตะลึงมองอย่างตกใจ ภูเมธรีบเอาร่างบังให้การันต์พ้นจากรัศมีฝ่ามือของแอลลี่


“หยุด ถ้าไม่หยุดจะไม่เกรงใจว่าเป็นผู้หญิงนะ”


เสียงดังลั่นดังขึ้นที่ประตู แล้วเจ้าของเสียงก็รีบพุ่งเข้ามาผลักแอลลี่จนล้มลง เจ้าของเสียงที่ก้าวมาใหม่

ยืนทำหน้าถมึงทึงใส่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในโต๊ะนั้น


“ว้าย แก ไอ้บ้า แกทำร้ายผู้หญิงได้ยังไง ไอ้คนป่าเถื่อน”





มาแล้ว...

คิดดีที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ลุกขึ้นยืนมองอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาใหม่

คนที่ทำให้เขาใจสั่นแปลกๆพุ่งตัวเข้ามาผลักแอลลี่ให้ล้มลงไปแล้วยืนจังก้าขวางทางไว้


“กับผู้หญิงนิสัยไม่ดีอย่างเธอก็ไม่เห็นต้องทำดีด้วยนี่ อย่ามาเรียกร้องสิทธิสตรีหลังจากที่ไปทำร้ายคนอื่น”


อือ....


คิดดีอ้าปากค้าง

ปากจัดจริงๆ ผู้ชายคนนี้

หลังจากที่เอ่ยปากต่อว่าแอลลี่แล้ว สมหวังก็หันไปมองการันต์ที่ยังยืนตัวสั่นอยู่ในวงแขนของภูเมธ

เขาก้าวไปใกล้แล้วเอ่ยเสียงเข้มกับการันต์ทั้งที่ดวงตาจ้องห้ำหั่นอยู่กับตาคมของภูเมธ


“โก๋ ไปกับเฮียเดี๋ยวนี้”


“เฮีย..ผม...”


“เฮียบอกให้มานี่”


ภูเมธจับข้อมือเล็กไว้


“โก๋ต้องอยู่กับฉัน”


เสียงเข้มใส่สมหวังแต่อีกฝ่ายไม่ได้นึกกลัว


“ทำอย่างกับนายจะปกป้องโก๋ได้ แค่ผู้หญิงคนเดียวนายยังไม่กล้าเพราะมัวแต่กลัวว่าจะกระทบกับ

ไอ้ธุรกิจของพวกนาย”


สมหวังยึดแขนของการันต์ไว้แล้วผลักไหล่ภูเมธออกห่างพลางฉุดให้การันต์มาอยู่ด้านหลัง


“ทีนี้รู้หรือยังว่าไอ้พวกไฮโซน่ะมันไม่เหมาะกับเราหรอก ไปได้แล้วโก๋”


คิดดีถึงกับตะลึงเมื่อเห็นสมหวังกล้าหักหน้าภูเมธด้วยการลากแขนการันต์ให้ก้าวเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ภูเมธได้แต่กัดฟันมองการันต์และสมหวังหายลับไปจากทางเข้าห้องอาหาร


บันเทิงจริงๆ นี่คิดดีคาดเดาอะไรไม่ถูกเลยว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป




tbc


 :impress3: :impress3:


หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 19 [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 01-05-2016 22:45:02
ฉากนี้พี่สมหวังมาอย่างเท่ห์   พี่มาร์คมัวแต่มึน ทำอะไรไม่ชัดเจน เดี๋ยวโดนแย่งโก๋ไปจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า ทั้งแอนดี้ ทั้งสมหวัง แต่ละคนชอบโก๋ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 19 [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 01-05-2016 23:47:17
จุดนี้รักพี่หวังค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 19 [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-05-2016 23:56:20
ถูกของเฮียอ่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 19 [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 02-05-2016 20:40:17
เอ่อคิดดีจ๊ะ ไหงเป็นคนแบบนี้กันเนี่ย ไมไม่คิดดีสมชื่อหน่อยล่ะจ๊ะ 'คิดดีทำดี' อ่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 19 [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 03-05-2016 16:21:01
บทนี้พี่สมหวังเป็นพระเอก 55555+
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 19 [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-05-2016 01:18:14
ตอนนี้เฮียหวังชนะเลิศค่ะ
//ปรบมือ
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 20 [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-05-2016 19:09:21



                                      รักกลางใจ

                                       บทที่ 20


สมหวังจอดรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งไว้ที่ริมถนนแล้วลากแขนเล็กของการันต์ให้ก้าวตามเขามา

หลังจากที่ชายหนุ่มพาการันต์ซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกมาจากมหาวิทยาลัย

เขาไม่อยากอยู่ที่นั่นนานกับสังคมที่เขาคิดว่ามันเต็มไปด้วยความจอมปลอม


ลากแขนให้คนที่รูปร่างผอมจนแทบจะปลิวลมเดินตามมาแล้วเขาก็กดบ่าเล็กให้นั่งลงบนเก้าอี้

ริมสระน้ำของสวนสาธารณะ สีเขียวของต้นไม้ใหญ่พอจะช่วยลดอารมณ์ร้อนของเขาลงได้บ้าง

ทรุดตัวนั่งลงเคียงข้างทอดสายตาคุกรุ่นไปยังเวิ้งน้ำที่กระเพื่อมด้วยแรงลมเบื้องหน้าเพื่อคลายโทสะ

ในขณะที่คนที่เขาหลงรักยกเข่าขึ้นมาบนเก้าอี้แล้วกอดไว้พลางซุกหน้าลงไปเพื่อซ่อนน้ำตา

แต่ก็ไม่อาจห้ามไหล่บางที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น


“ร้องไห้เพื่ออะไร อดทนเพื่ออะไร”


สมหวังเอ่ยทำลายความเงียบ ทั้งที่สายตายังไม่ละจากผิวน้ำที่สะท้อนแสงแดดยามสาย


“ชีวิตที่ต้องใช้ความอดทนแบบนี้ โก๋ของเฮียจะมีความสุขได้ไง”


“เฮีย…”


เสียงเล็กคร่ำครวญกับประโยคบาดใจก่อนสะอื้นครั้งใหญ่

แม้จะเจ็บปวดแต่มันคือความจริง สมหวังพูดถูกทุกอย่าง การันต์รู้ถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

แต่เขากลับหลอกตัวเองไปวันๆเพื่อให้มีความสุขกับความจริงที่จอมปลอม


“อยู่กับเฮียมาทั้งชีวิตโก๋ของเฮียสดใสร่าเริงยิ้มง่าย แต่รู้ตัวบ้างไหมว่าไปอยู่กับมัน

แค่ไม่กี่เดือนโก๋กลายเป็นคนที่ตกอยู่ในโลกแห่งความฝัน ดูสิ ผอมลงไปจนเห็นแต่กระดูก”


สมหวังดึงแขนเล็กมากุมไว้พลางประสานมือเข้ากับมือบางแล้วบีบกระชับแน่น

ใบหน้าของเขาเองก็หมองลงเมื่อเห็นน้ำตาที่เปียกชื้นอยู่เต็มดวงหน้าหวานเมื่อการันต์หันมาหาเขา


“บอกเฮียทีสิ ว่าอดทนไปเพื่ออะไร”


หนุ่มน้อยนิ่งงัน ดวงตาแดงเรื่อหันไปมองระลอกคลื่นของวงน้ำในสระบ้าง

ผิวน้ำในสระใหญ่เรียบสวยแต่กลับต้องมีระลอกคลื่นเป็นวงเล็กขยายตัวจากจุดเริ่มต้นที่มาจากสายลม

หรือนกน้อยบินถลามาจับปลาไปกินเป็นอาหาร ระลอกคลื่นนั้นใหญ่ขึ้นจนพาให้ผิวน้ำสั่นไหว

มันเหมือนชีวิตของเขาที่มีคลื่นมากระทบฝั่ง คลื่น…ที่มีสาเหตุมาจากสิ่งเดียวเท่านั้น


“ผมรักเขา” เสียงเบาหวิวหลุดออกมาจากปากอิ่มราวกับละเมอ


“ผมจึงต้องอดทน”


สมหวังมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างเจ็บปวด ดวงตาของคนแข็งแกร่งบัดนี้กลับอ่อนแรงลง

ด้วยความผิดหวัง แม้จะพอเดาได้จากพฤติกรรมของการันต์ แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแต่เมื่อต้องมาเจอกับของจริง

เมื่อหนุ่มน้อยสารภาพ มันไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดลดน้อยลงไปเลย


“แล้วเฮียล่ะ”


เสียงที่หลุดออกจากปากจึงอ่อนระโหยแห้งผาก


“ไม่รักเฮียบ้างเลยหรือ ที่เฮียทำดีกับโก๋มาตลอดไม่สามารถเอาชนะใจโก๋ได้เลยใช่ไหม”


การันต์หันหน้ามาสบตาสมหวังอย่างตกใจ มือที่สมหวังประสานอยู่ถูกหนุ่มน้อยยกขึ้นมาเกาะกุมอย่างคนที่รู้สึกผิด


“เฮีย อย่าพูดอย่างนี้ ผมไม่เคยไม่รักเฮีย เฮียดูแลผมมาตั้งแต่เกิดทำไมผมจะไม่รัก

เพียงแต่มันเป็นความรักคนละแบบเท่านั้น”


สีหน้าสลดลงเมื่อสมหวังหันมาสบตา การันต์ใจคอไม่ดีเลย


“เฮียเป็นฮีโร่ เฮียเป็นพี่ชาย เฮียเป็นเพื่อน…”


“แต่ไม่มีทางเป็นคนรักได้…ใช่ไหมโก๋”


น้ำเสียงตัดพ้ออย่างที่การันต์ไม่เคยได้ยินหลุดออกมาจากปากสมหวังผู้ชายดิบเถื่อนเฮฮา

มันชวนให้การันต์นึกเกลียดตัวเองที่ทำร้ายผู้ชายคนนี้ ถ้าเขาควบคุมจิตใจความรู้สึกของตัวเองได้

การันต์จะไม่ลังเลเลยที่จะมอบหัวใจให้สมหวัง


แต่ความรัก…มันอยู่นอกเหนือการควบคุม

และมันสร้างความเจ็บปวดเมื่อเราบังคับมันไม่ได้


“เฮีย…ผมขอโทษ”


เจ็บ…

เจ็บปวด

ผิดหวัง

เสียใจ

สมหวังสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วคว้าไหล่บางให้หันมาเผชิญหน้า วูบหนึ่งที่เขารู้สึกโกรธ

ปนกับน้อยใจจนอดไม่ได้ที่จะกระชากเสียงถามต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดที่กำลังตกใจกับท่าทีของเขา


“กับเฮียที่ทำให้โก๋ได้ทุกอย่างกลับไม่เลือก แต่ไปเลือกไอ้คนที่ไม่มีปัญญาจะทำอะไรให้นอกจากทำให้เจ็บปวด”


ยิ่งเห็นใบหน้าหวานนั่นความผิดหวังก็ยิ่งปะทุ สมหวังอดใจไม่อยู่ที่จะกระชากร่างบางเข้าหาตัว

ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงไปบนเรียวปากที่ยังไม่ทันตั้งตัว ดวงตาคู่หวานเบิกกว้างกับสิ่งที่สมหวังกำลังกระทำ






ภูเมธก้าวยาวๆ เข้าไปยังตึกสูงเสียดฟ้ากลางใจเมืองอย่างร้อนรุ่ม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้คนที่ความอดทน

มีขีดจำกัดอย่างเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป


หากเป็นก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนเขาอาจจะไม่รู้สึกรู้สากับพฤติกรรมของแอลลี่ แต่ตอนนี้เขามีการันต์

เด็กหนุ่มที่สามารถครอบครองหัวใจของเขาได้ทั้งหมด แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยเพื่อปกป้องคนที่เขารัก


นึกถึงใบหน้าถมึงทึงของเพื่อนเก่าที่ขับเคี่ยวกันในเรื่องความเด่นดังมาตั้งแต่ยังเด็กขณะยืนจังก้า

ใช้ร่างกายบังการันต์จากการประทุษร้ายของแอลลี่แล้วภูเมธก็ยิ่งเจ็บใจ


เจ็บใจที่ทำไมเขาถึงไม่ทำหน้าที่นั้น

การันต์เป็นของเขาทั้งกายและใจ มันต้องเป็นเขาที่จะทำทุกอย่างให้คนที่เขารักมีความสุข

ไม่ใช่ปล่อยให้ร่างที่แสนบอบบางถูกผู้ชายอีกคนที่เขาก็รู้ว่ามีใจรักการันต์ไม่ต่างกัน

ดึงมือให้คนที่เขารักเดินตามออกไปจากเหตุวุ่นวายหน้าตาเฉย


“ไอ้บ้าคนนี้เป็นใคร มันมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้”


เสียงแหลมบาดแก้วหูโวยขึ้นหลังจากที่ลุกขึ้นยืนตั้งตัวได้ แอลลี่ตวาดแว้ดหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห

ในขณะที่ภูเมธยืนกัดฟันกรอดมองสมหวังลากการันต์ออกไป


“แล้วไอ้เด็กคนนี้มันสำคัญยังไงถึงไปรุมโอ๋มันกันนัก ว่าไงแอนดี้”


เมื่อเห็นว่าภูเมธไม่ตอบแน่แล้ว แอลลี่เลยหันไปถามกับน้องชายที่ยืนหน้าคว่ำอยู่ใกล้ๆ


“พี่ทำอย่างนั้นทำไม นิสัยไม่ดีเลย”


แอนดี้ต่อว่าพี่สาวอย่างเหลืออดยิ่งทำให้แอลลี่โมโหจัด หญิงสาวตรงเข้าไปตีแขนแอนดี้ดังเผียะ


“นี่แกกล้าว่าฉันเหรอ ฉันเป็นพี่แกนะ แกต้องเข้าข้างฉันสิไม่ใช่ไปเข้าข้างไอ้เด็กนั่น”


“หยุด!!”


ภูเมธตะโกนเสียงเข้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะจนทุกคนในห้องอาหารนิ่งงัน

แทบจะได้ยินเสียงแต่เสียงของลมหายใจ ร่างสูงหันไปมองแอลลี่ด้วยสายตาดุดัน

จนหญิงสาวต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น


“อย่าคิดว่าตัวเองมีความสำคัญจนฉันต้องยอมเธอทุกอย่างนะแอลลี่”


ภุเมธกล่าวเสียงเย็นเยียบก่อนที่จะสะบัดหน้าแล้วก้าวหนีจากเรื่องวุ่นวาย เขาพุ่งตัวออกมาด้านนอก

ห้องอาหาร แต่ว่าจะออกมาเขาก็ไม่เห็นเงาของสมหวังและการันต์แล้ว


เขาอยากทำอะไรให้การันต์บ้าง

มันเป็นครั้งแรกที่ภูเมธอยากจะทำอะไรเพื่อคนอื่นโดยเฉพาะกับคนที่เขายอมรับแล้วว่ารัก

การันต์กำลังจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา


ภุเมธจึงตัดสินใจมาที่นี่ ตึกสูงที่ตั้งของอาณาจักรเจริญเกียรติกุล สถานที่ที่บิดาของเขาควบคุมและเป็นเจ้าของ

ก้าวผ่านโต๊ะทำงานของเลขาหน้าห้องที่แทบจะลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับเขาไม่ทัน ภูเมธหยุดยืนหน้าประตู

บานใหญ่เพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนที่จะผลักมันให้เปิดกว้างและเดินไปเผชิญหน้ากับบิดาที่เงยหน้ามอง

อย่างแปลกใจ


“มีอะไรเจ้าลูกชาย ถึงได้มาที่นี่ได้” ภูมิเอ่ยถาม


“หรือว่าคิดจะมาช่วยงานป๊าแล้ว”


ภูเมธสบตาผู้เป็นบิดา เขาพูดในสิ่งที่ตัดสินใจแล้ว


“ผมไม่ต้องการแต่งงานกับแอลลี่”


ภูมิวางปากกาลง ใบหน้าที่ดูใจดีเปลี่ยนเป็นขรึมลงเมื่อสบตาบุตรชาย


“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”


ภูเมธแค่นยิ้มที่มุมปาก


“สติผมอยู่ครบถ้วน และคงไม่มีคนสติดีที่ไหนคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงอย่างแอลลี่”


“ทั้งที่ก็รู้ว่ามันข้องเกี่ยวกับอีกหลายเรื่องก็จะปฏิเสธงั้นหรือ”


สีหน้าของเขาคงขมขื่นเต็มทนเมื่อกล่าวตอบบิดา


“ผมไม่อยากให้ชีวิตหลังแต่งงานคือความอดทนที่ต้องอยู่กับคนที่ผมไม่ได้รัก”


“มาร์ค!”


“ผมไม่อยากมีชีวิตเหมือนป๊ากับแม่ที่ต้องทนอยู่ด้วยกันจนกระทั่งแม่ตายจากไปอย่างไม่มีความสุข

เพียงเพราะคำว่าหน้าที่ค้ำคออยู่”


“ภูเมธ”


บิดาผุดลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวชื่อเต็มด้วยความขัดเคือง


“ผมแค่อยากจะอยู่กับคนที่ผมรัก ป๊าบอกมาสิว่าการที่ได้อยู่กับคนรักมันมีความสุขแค่ไหน

ไม่อย่างนั้นป๊าจะมีเมียใหม่ทำไม”


“ถ้าแกพูดอย่างนั้น…” ภูมิชี้หน้าบุตรชาย


“…แกบอกป๊ามาสิ ว่าคนที่แกรักและอยากอยู่ด้วยน่ะ คือใคร”







คิดดีไม่เข้าใจตัวเองว่าจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นทำไม ในเมื่อมันไม่ใช่นิสัยคนอย่างเขา

ที่สนใจแต่เรื่องการเรียนเพียงอย่างเดียวมาตลอดจะกระทำ แต่เป็นเพราะเรื่องที่เขาอยากรู้

มันเป็นเรื่องของผู้ชายคนนั้น


สุดหล่อสมหวัง

ตั้งแต่คนดิบเถื่อนลากตัวการันต์ออกไปจากห้องอาหารและภูเมธตวาดลั่นจนวงแตก

คิดดีก็ห้ามหัวใจตัวเองที่คันยิบๆไม่ได้

แค่อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะทำอย่างไร


อยากรู้จนต้องเปิดโทรศัพท์มือถือค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของอีกฝ่าย และด้วยความสามารถของโทรศัพท์

ที่เทคโนโลยีล้ำเลิศ มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะรีบวิ่งอ้าวไปที่รถยนต์ของตัวเองเพื่อขับตามทิศทางนั้น

มาจอดอยู่ที่ริมถนนอีกฝั่งเยื้องกับมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ก่อนแล้ว


คิดดีก้าวลงจากรถยนต์วิ่งข้ามถนนมาที่สวนสาธารณะใหญ่ เขาเดินตามหาอย่างร้อนใจจนกระทั่ง

เห็นแผ่นหลังของคนทั้งคู่อยู่ที่เก้าอี้ยาวริมสระน้ำกว้าง เท้าของเขาเหมือนจะถูกยึดตรึงอยู่กับที่

เพราะเมื่อเขามองอย่างเต็มตาคิดดีก็เห็นสมหวังดึงการันต์เข้าหาตัวและกดริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วง


ให้ตายเถอะ…

มือที่กำโทรศัพท์เพื่อเฝ้าหาทิศทางแทบจะขว้างทิ้ง

คิดดีไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาต้องรู้สึกราวกับมีเข็มสักร้อยเล่มผลัดกันทิ่มอยู่ที่ตำแหน่งของหัวใจ



TBC


 :เฮ้อ: :เฮ้อ:



หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 20 [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2016 22:24:26
อีรุงตุงนังมาก กลัวใจคุณพ่อนี่แหละตอนนี้
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 20 [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 06-05-2016 22:40:42
 :a5: น้องโก๋ของป้า :z3:  :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 20 [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-05-2016 12:49:54
เรื่องยุ่งขิงจริงๆค่ะ

สงสารโก๋ อยู่ดีๆชีวิตก็เปลี่ยนแล้วยังไม่มีความสุขอีก
มาร์ครีบนะ ทำให้ดีล่ะ

นภัทรจะชัดเจนไปไหน 5555 เตจ๋าต้องดูแลดีๆนะ

สมหวังทำคิดดีใจป่วนนะ เค้ามาแรง ทำคิดดีสนใจได้
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 20 [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-05-2016 15:21:47
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 21 [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-05-2016 11:02:05



                                         รักกลางใจ

                                          บทที่ 21


“แกบอกป๊ามาสิ ว่าคนที่แกรักและอยากอยู่ด้วยน่ะ คือใคร”


แทบจะกัดปากตัวเองเพื่อยั้งคำพูดไม่ทันเมื่อเกือบจะหลุดชื่อของการันต์ออกไป

แม้ว่าบิดาจะเอ็นดูการันต์อยู่มาก แต่ภูเมธยังคาดเดาไม่ได้ว่าหากภูมิล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขา

กับการันต์ บิดาจะมีทีท่าอย่างไร


“ผมบอกป๊าไม่ได้”


เค้นเสียงตอบออกไปอย่างเจ็บปวด ที่ไม่สามารถเปิดเผยความจริงอย่างที่ต้องการ

ภูเมธกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้น

โคตรเจ็บเลยจริงๆ...


“ผมบอกป๊าได้แค่ว่า ตอนนี้ผมมีคนที่ผมรักและอยากทำทุกอย่างให้คนๆนั้นมีความสุข”


“อยากจะทำให้คนที่แกรักมีความสุขทั้งที่แกยังทำอะไรเพื่อคนอื่นไม่เป็นเลยสักอย่างอย่างนั้นหรือ”


ภูมิเลิกคิ้วถามด้วยเสียงเย็นเยียบ


“ชีวิตนี้แกเคยทำอะไรเพื่อคนอื่นแล้วหรือภูเมธ”


ภูเมธกำมือแน่น ดวงตาเผยแววเจ็บช้ำกับคำพูดกระแทกใจดำของบิดา


“ป๊าจะให้ผมทำไง” เขาตอบโต้บิดาอย่างเหลืออด


“ผมก็แค่อยากอยู่กับคนที่ผมรัก”


ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศจนก่อความรู้สึกอึดอัดคับข้องไปหมด เมื่อผู้ชายสองวัยกำลังจ้องหน้ากัน

ภูมิสบตาบุตรชายที่กำลังเลือดร้อนด้วยไฟรัก


ไม่ใช่ว่าไม่รักบุตรชาย แต่การเกี่ยวดองกันของทั้งสองครอบครัวมันมีผลเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่จะหล่อเลี้ยงชีวิต

ของคนทำงานอีกมากมาย ภูมิไม่อยากให้ภูเมธใช้อารมณ์ร้อนเข้ามาจัดการโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ

เรื่องนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนให้ภูเมธรู้จักคำว่ารับผิดชอบได้ดีขึ้น ภูมิจึงถอนหายใจออกมาแล้วยื่นข้อเสนอ


“ถ้าแกไปคิดวิธีถอนหมั้นที่ไม่มีผลต่อธุรกิจมาเสนอแล้วป๊าเห็นด้วย บางทีป๊าอาจจะล้มเลิกการหมั้นหมายของแกกับแอลลี่”






สมหวังยิ่งเจ็บหนักกว่าเดิมกับจุมพิตที่ไร้การตอบรับ การันต์ไม่ได้ผลักไสให้เขาออกห่างแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอันใด

โต้ตอบเมื่อเขาบดปากลงไปกับกลีบปากนุ่ม มือบางที่วางอยู่บนไหล่ของเขาสั่นสะท้านเมื่อหนุ่มน้อยกำลังกลั้นสะอื้น

สมหวังผละริมฝีปากออกมา เขาสบตาคู่หวานอย่างตัดพ้อ มือหนาปัดข้อมือเล็กออกจนพ้นตัว


“อย่ามองเฮียด้วยสายตาของความสงสาร เฮียขอร้อง”


“เฮีย ผมขอโทษ”


การันต์พูดคำนี้สักพันครั้งก็ได้ถ้าจะทำให้พี่ชายคนนี้รู้สึกดีขึ้น ยิ่งเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำการันต์ก็ยิ่งเกลียดตัวเอง


“ถ้ากำลังโทษตัวเองก็อย่าคิดอย่างนั้นเลย”


สมหวังถอนหายใจออกมาในที่สุด มือหนาวางลงบนผมนุ่มแล้วลูบเบาๆ ทำไมสมหวังจะไม่รู้ว่าการันต์กำลังคิดอะไรอยู่

หนุ่มน้อยมักกล่าวโทษตัวเองอยู่เสมอเพราะความเป็นคนดีและหัวอ่อน และนั่นทำให้สมหวังต้องคอยปกป้องการันต์ไว้

จากเรื่องร้ายทั้งปวง แต่กับเรื่องหัวใจสมหวังไม่รู้ว่าเขาจะปกป้องการันต์ได้หรือเปล่า


“เฮียยอมแพ้แล้ว”


เขาถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งพร้อมใบหน้าหมดหวัง การันต์ไขว่คว้ามือของเขาไปเกาะกุมไว้พลางละล่ำละลักตอบ


“เฮียไม่เคยแพ้”


“อย่าให้ความหวังเฮียอีก โก๋คงไม่อยากให้เฮียผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า” สมหวังกล่าวเสียงแหบโหย


“แค่มองตาโก๋ตอนนี้ เฮียก็เข้าใจแล้วว่าโก๋รักมันมากแค่ไหน”


มือแกร่งประคองใบหน้าหวานไว้ ปลายนิ้วไล่เช็ดน้ำตาจนหมด


“ถ้าวันไหนไอ้ขี้เก๊กมันทำให้โก๋ของเฮียเสียใจอีก เฮียจะไปต่อยหน้ามันเอง”


การันต์ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อในที่สุดสมหวังกับเขาก็เข้าใจกัน


“ไม่ต้องถึงมือเฮียหรอก ผมจะจัดการเขาด้วยมือผมเอง”


แม้จะเจ็บแค่ไหนแต่สมหวังก็ฝืนยิ้มออกมา มือที่วางอยู่บนศีรษะทุยโยกเบาๆ อย่างเอ็นดู


“ไหวหรือเราน่ะ”


“ปาท่องโก๋น้อยศิษย์สมหวังนะครับผม ไม่มีทางแพ้ใครอยู่แล้ว”


สมหวังจ้องมองการันต์อย่างเต็มตาอีกครั้งก่อนที่จะรั้งร่างบางเข้ามากอดไว้ นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้กอด

เมื่อการันต์กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้รู้ไว้ว่าเฮียจะอยู่ข้างโก๋เสมอ”


หนุ่มน้อยซุกหน้าลงกับอกของสมหวังและพยักหน้ารับ และภาพทั้งหมดก็ฉายชัดอยู่ในการรับรู้ของคิดดีที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก








เมื่อก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้วเปิดไฟกลางห้อง การันต์ก็เห็นเจ้าของหัวใจกำลังนอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงของเขา

ในความมืดก่อนหน้าที่ดวงไฟจะฉายแสง ตาคมหรี่เล็กเพื่อปรับสภาพกับแสงไฟจนเมื่อคุ้นชินภูเมธก็หันไปสบตากับการันต์

เขาลุกขึ้นมานั่งตรงปลายเตียงจ้องมองการันต์ที่เดินเข้ามาหา

คนที่เคยยะโสจนเป็นบุคลิกประจำตัว บัดนี้นั่งไหล่ลู่พร้อมใบหน้าที่อัดอั้นเต็มที ภุเมธยื่นมือมาทางการันต์


“มานี่สิ กระต่ายน้อย”


เจ้าของห้องถอนหายใจแผ่วเบาเมื่อก้าวไปหา การันต์ส่งมือเรียวไปประสานกับมือของภูเมธร่างบางถูกดึงเบาๆ

ให้ก้าวมานั่งอยู่บนตัก ภุเมธสอดแขนโอบไปรอบเอวรั้งเอวบางเข้าหาตัวจนแผ่นหลังของการันต์แนบอยู่กับแผ่นอก

ของเขาพลางใช้คางเกยไว้บนไหล่เล็ก

นิ่งงันอยู่พักใหญ่จนการันต์ได้ยินแต่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดเบาๆอยู่ตรงหลังหู


“เรา…ไม่ได้โกรธกันอยู่ใช่ไหมกระต่ายน้อย”


“เปล่านี่ครับ”


ใช่…เขาไม่ได้โกรธภูเมธ

เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผลจนตัดสินไม่ได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันเป็นความผิดของใคร

ภูเมธไม่ผิด แอลลี่ก็ไม่ผิด ถ้าจะผิดก็คงเป็นพรหมลิขิตที่ชักพาเขามาพบภูเมธในเวลาและสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม


“ขอโทษนะ ที่ปกป้องกระต่ายน้อยไม่ได้เลย”


น้ำเสียงแผ่วเบาข้างหูฟังดูอ่อนล้าจนการันต์ต้องวางท่อนแขนทาบทับไว้บนแขนของภูเมธที่กอดเขาอยู่


“ผมไม่เป็นไร พี่มาร์คอย่าคิดมาก”


ภูเมธแนบแก้มลงกับแผ่นหลังของการันต์แล้วหลับตาลง โพรงจมูกของเขาแสบร้อนไปหมดเมื่อได้ยินคำปลอบประโลม

จากร่างผอมในอ้อมแขน


กลับกลายเป็นการันต์ที่เข้มแข็งกว่าเขาเสียอีก จิตใจที่ซ่อนอยู่ในร่างอันบอบบางแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิด

ตัวเขาเองเสียอีกที่มีจิตใจอันอ่อนแออยู่ภายใต้หน้ากากอันเย็นชา

ภูเมธนิ่งอยู่ในท่านั้นพักใหญ่จึงได้หมุนร่างของการันต์ให้หันกลับมาสบตากับเขา จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้าง

แก้มเนียนไม่ยอมห่าง


“ขอบคุณนะ ที่เลือกพี่”


แม้ว่าภูเมธจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบในสายตาของผู้อื่น หล่อ รวย เรียนเก่ง แต่ตอนนี้ภูเมธรู้แล้วว่า

สำหรับหนุ่มน้อยที่เขาเทใจให้จนหมดหน้าตัก เขาต่างหากที่เป็นตัวเลือก


การันต์เป็นฝ่ายเลือกภูเมธ

นั่นคือสิ่งที่เขาต้องภูมิใจและทะนุถนอมไว้

จมูกโด่งฝังลึกลงไปในแก้มนุ่ม สูดซับความหอมจนไม่อยากปล่อย


“พี่จะทำให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันให้ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้พี่จะยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้ป๊ายอมรับแต่ขอเวลาสักนิด

ได้ไหม กระต่ายน้อย”


ปลายเสียงลากหวานอย่างเว้าวอนชวนสงสาร จนการันต์ยิ้มออกมาได้


“ผมรอได้ครับพี่มาร์คไม่ว่าจะนานแค่ไหน”


ยังไม่ทันจบคำพูดปากอิ่มก็ถูกปิดไว้ด้วยปากของอีกฝ่าย ปลายลิ้นแตะลงที่ปลายฟันก่อนที่ภูเมธจะบังคับ

ให้กลีบปากนุ่มเผยอขึ้นเพื่อที่เขาจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปได้ เอวบางถูกเขากอดแน่น พลิกตัวทีเดียวร่างของภูเมธ

ก็ล้มทาบทับลงไปบนร่างบางที่หงายหลังไปบนที่นอนนุ่ม


ภูเมธฝังจมูกไว้กับซอกคอระหง มือร้อนสอดลึกเข้าไปวางแนบเนื้อใต้เสื้อผ้า ลมหายใจร้อนผ่าวของหนุ่มน้อยใต้ร่าง

ยิ่งทำให้เขาอดใจไม่อยู่ที่จะจัดการจนได้สัมผัสร่างอุ่นทั่วทั้งตัวในไม่กี่อึดใจต่อมา เนื้อเนียนนุ่มมือเชิญชวนให้เขาสำรวจ

ไปทุกจุด ปากอุ่นพาลิ้นชื้นลากไล้จนเจ้าของร่างสั่นสะท้าน ยิ่งเมื่อภูเมธแวะดูดซับความหวานจนทิ้งรอยแดงสีกุหลาบ

การันต์ก็ผวาจนหอบหายใจถี่ยิบ


“เนื้อกระต่ายน้อยหวานมากเลย รู้ไหม สิงโตตัวนี้อยากจะขย้ำแย่แล้ว”


เสียงสั่นพร่าดังเบาๆ เมื่อเจ้าป่ายังวนเวียนแทะโลมอยู่แถวยอดอก จนเหยื่อน้อยผวายกสองแขนคล้องไปรอบคอ

แล้วเหนี่ยวให้ยิ่งชิดใกล้


“อื้อ…พี่มาร์ค อย่าแกล้งสิครับ”


ท่อนขาบดเบียดจนร้อนระอุ ลมหายใจแทบขาดช่วงไปกับห้วงแห่งรัก


“ถ้าไม่อยากให้แกล้ง พี่ก็จะไม่แกล้งแล้ว”


ภูเมธหยุดจริงๆ จนการันต์ต้องเป็นฝ่ายเรียกร้อง ดวงตาคู่หวานพราวฉ่ำไปหมดแล้วเมื่อการันต์ไม่อยากให้ภูเมธ

เบี่ยงกายออกห่าง


“พี่มาร์ค อย่าใจร้ายสิครับ”


“งั้นบอกพี่มาก่อนสิว่ารักพี่หรือเปล่า”


“พี่มาร์ค!”


หน้าเนียนแดงก่ำจนภูเมธยิ้มออกมา


“ว่าไงล่ะ กระต่ายน้อย”


“ระ..รักสิครับ”


ก้มหน้างุดจนคางแทบชิดอก ภูเมธต้องใช้ปลายนิ้วเชยคางมนให้เงยขึ้นมาสบตากับเขา


“งั้นให้พี่บอกรักโก๋บ้างนะ”


ภูเมธช้อนต้นคอให้การันต์รับจุมพิตหนักหน่วง สะโพกแกร่งกดน้ำหนักเร่งเร้าจนหนุ่มน้อยแทบสำลักความหวาน

สองขาเรียวเกี่ยวรัดแน่นหนาเมื่อร่างกายกำลังสั่นสะท้านไปกับบทบอกรักจากภูเมธ






การันต์ยังไม่ลืมว่าตนเองต้องตื่นไปต้มน้ำเต้าหู้กับกมลผู้เป็นมารดาในทุกๆเช้า แต่ในวันนี้เมื่อลืมตาตื่น

อยู่ในอ้อมกอดของภูเมธ หนุ่มน้อยแทบจะลุกไม่ขึ้น เขารู้สึกราวกับเพดานห้องที่ลืมตามองกำลังหมุนโคลงเคลง

ราวกับอยู่บนเรือกลางทะเลแต่ก็ต้องโผลเผลลงไปในครัวด้วยใบหน้าซีดเซียวจนกมลทักอย่างผิดสังเกต


“เป็นอะไรไปลูก หน้าซีดจัง”


“ไม่รู้สิครับแม่ ตื่นมาก็เวียนหัว สงสัยจะนอนน้อย”


“ใกล้สอบมิดเทอมแล้วนี่ อ่านหนังสือดึกเกินไปหรือเปล่า”


หน้าซีดมีเลือดฉีดสีเป็นริ้ววูบหนึ่ง เมื่อการันต์รู้ดีว่าที่เขานอนน้อยไม่ใช่เพราะอ่านหนังสืออย่างที่กมลพูด

หากแต่เพราะคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของเขานั่นต่างหากที่ขยันชักชวนทำกิจกรรมไม่หยุดหย่อน


“แม่ทำถึงไหนแล้ว”


เปลี่ยนเรื่องสนทนาเพราะไม่อยากแสดงพิรุธ การันต์ก้าวเข้าไปมองกมลที่กำลังง่วนอยู่กับการต้มน้ำเต้าหู้

แม้จะอยู่กับน้ำเต้าหู้มาตั้งแต่เกิด แต่น้ำเต้าหู้ในวันนี้กลับสร้างความลำบากให้เมื่อการันต์รู้สึกฉุนจมูกจนต้องย่นหน้าหนี


“แม่…วันนี้เต้าหู้เสียหรือเปล่า ทำไมกลิ่นไม่ดีเลย”


กมลหันมามองหน้าบุตรชายงงๆ


“จะเสียได้ไง แม่ก็ซื้อมาเหมือนทุกวัน”


“แต่มันเหม็นจริงๆนะ”


การันต์ยกมือปิดจมูกเมื่อกลิ่นนั้นทำให้เขาผะอืดผะอมจนต้องวิ่งไปโก่งคออาเจียนที่อ่างล้างจานก่อนที่จะเดิน

สะโหลสะเหลมานั่งหน้าซีดเผือด กมลมองอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการของบุตรชาย


“ไม่สบายหรือเปล่าหรือว่าเป็นโรคกระเพาะ เห็นอาการแบบนี้ถ้าแม่คิดมากหน่อยคงนึกว่าโก๋แพ้ท้องนะนี่”


เพล้งงงง


แก้วน้ำที่กำลังจ่ออยู่ที่ปากร่วงหล่นจากมือ ดวงตาคู่หวานเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของมารดา


แพ้ท้อง!




TBC


คิดว่าโก๋จะท้องไหม


 :mew2: :mew2:




หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 21 [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-05-2016 11:13:40
 :z3:    เบาหวานรึเปล่าคะลูก
โดนสูบน้ำตาลไปขนาดนั้นน่ะ
กระต่ายน้อยเนื้อหวานเนอะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 21 [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 08-05-2016 13:41:35
มีมาแนวนี้หรอ? น้องโก๋ O_O
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 21 [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2016 15:20:10
อร๊ายยย. โก๋เป็นไรอะ.  ท่องเลยๆๆๆๆ. อิอิ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 21 [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-05-2016 16:16:50
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 21 [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-05-2016 19:10:20
เอาละสิ่
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 22 [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-05-2016 12:00:47



                                                      รักกลางใจ

                                                       บทที่ 22



เตชิตกำลังยกแก้วเบียร์ขึ้นจ่อที่ปากและกลืนมันลงคอ

เบียร์ขมลิ้นช่วงแรกก่อนที่จะรู้สึกหวานเมื่อผ่านลำคอลงไปแต่ก็ยังไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่

แสงวูบวาบภายในผับย่านดังยังไม่สามารถสร้างความเพลิดเพลินได้เมื่อในหัวยังมีเรื่องให้คิด


ไม่มีเรื่องอื่นที่จะสร้างความว้าวุ่นได้เท่ากับเรื่องที่เขาเผลอตัวทั้งจูบทั้งกอดคนหน้าจืดอย่างนภัทรนั่นแหละ

เตชิตกำลังสำรวจใจตัวเองว่าเขารู้สึกอย่างไรกับนภัทรกันแน่

แค่เผลอไผลไปกับบรรยากาศ หรือจะเป็นเพราะ…

…รัก


สะดุ้งเมื่อฝ่ามือหนักๆตบลงที่บ่า เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท ภูเมธเดินอ้อมมาที่เก้าอี้

แล้วนั่งตรงข้ามกับเขา สายตามองมาราวกับจะถามถึงเรื่องที่เขากำลังหนักใจอยู่


“ไม่ได้มาเที่ยวนานแล้วนะ”


ภูเมธพึมพำเบาๆ

ก็ตั้งแต่ที่มีการันต์เขาก็แทบจะไม่ได้ออกมาเที่ยวกับเพื่อน แต่วันนี้เตชิตคนปากหนักเป็นคนเอ่ยปากชวน

เขาก็เลยยอมมา


คนตัวผอมนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนุ่มที่บ้านตั้งแต่หัวค่ำ ช่วงนี้กระต่ายน้อยของเขาท่าทางอ่อนเพลีย

กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ พอเขาปลุกขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่าจะออกมาหาเตชิต ดวงตาคู่หวานยังแทบไม่ลืมขึ้นมามองด้วยซ้ำ 


“ไปเถอะครับ แต่อย่ากลับดึกมากนะ”


งัวเงียพูดแล้วก็ซุกหน้าลงกับหมอนนุ่มเลิกสนใจภูเมธ เขาเลยได้แค่กดริมฝีปากลงไปกับแก้มนุ่ม

ก่อนที่จะขับรถมาหาเพื่อนที่ผับ


“มีอะไรหนักใจหรือเปล่าวะ”


เตชิตไม่ตอบ ได้แต่กระดกเบียร์เข้าปากแล้วถอนหายใจออกมา ภูเมธเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ

เมื่อเห็นท่าทางกลุ้มอกกลุ้มใจของเพื่อน แต่เมื่อเพื่อนไม่พูดเขาก็ได้แต่ยกเบียร์ที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองเข้าปาก

เตชิตเงียบไปพักใหญ่ แม้สายตาจะจ้องไปที่เวทีและแสงไฟวูบวาบด้านหน้าแต่กลับไม่ได้โฟกัสเลยสักนิด


“กว่าเราจะรักใครสักคน มันใช้เวลานานไหมวะ”


ภูเมธหันมามองเพื่อน เขาเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม


“มันก็ไม่นานหรอกนะ ไอ้ที่นานกว่าคือช่วงที่เรายอมรับกับตัวเองว่าเรามีความรัก อ้อ! ที่เรียกมานี่

เพราะมีปัญหาหัวใจเหรอ”


ภูเมธนึกขำที่เตชิตมาปรึกษาเขาเรื่องนี้ นี่ถ้าเจ้าตัวรู้ว่ากว่าที่เขาจะเคลียร์ปัญหาหัวใจตนเองลงตัว

ก็ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ล่ะก็ เพื่อนคงเลือกจะไปปรึกษาคนอื่น

แต่ยังไม่ทันที่จะปรึกษาอะไรกันได้มากกว่านั้นเสียงเอะอะเอ็ดตะโรจากมุมหนึ่งของผับดังก็เรียกความสนใจ

ให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง ชายชุดดำกลุ่มใหญ่กำลังรุมทวงหนี้นักเที่ยวคนหนึ่ง ประมาณว่าติดหนี้พนันบอลแล้วยังไม่จ่าย

แต่ชายที่ถูกรุมก็สู้เต็มที่นักเที่ยวคนอื่นแตกกระเจิงกันไปอยู่ด้านข้างของผับกันหมดแล้ว


“กูไม่มีจ่าย”


คนที่นอนตัวงออยู่กับพื้นเพราะถูกทำร้ายตะโกนลั่น พร้อมกับยกมือขึ้นบังใบหน้า ปกเสื้อถูกหนึ่งในชายชุดดำ

กระชากให้ขึ้นมายืนโงนเงนอีกครั้ง


“ไม่มีเงินจ่ายผม แต่กลับมีเงินมาเที่ยวผับหรูแบบนี้น่ะหรือครับ”


เสียงใครบางคนดังขึ้นก่อนที่จะปรากฏตัวจนเป็นจุดเด่นเรียกเสียงฮือฮาจากนักเที่ยวส่วนหนึ่ง

เตชิตที่กำลังมองอยู่ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วเหลือบตามองนักเที่ยวคนนั้น


นั่นมันนภัทรชัดๆ

ไม่หรอก

ไอ้หนุ่มหน้าจืดต้องไม่เข้ามาในสถานที่แบบนี้ และต้องไม่มีกิริยาที่คุกคามด้วยความนิ่งเฉยแต่ดวงตาบอกถึงอำนาจ

จนคนอื่นหัวหดได้ขนาดนี้ เตชิตไม่เชื่อสายตาตัวเองเด็ดขาด


“วันนี้นายน้อยออกโรงเองเลยหรือ”


น้ำเสียงติดจะขำของภูเมธยิ่งทำให้เตชิตชะงัก เขารีบหันขวับไปหาเพื่อนทันที


“ว่าไงนะ”


“ก็นี่น่ะ...”


ภูเมธพยักพเยิดไปทางคนมาใหม่


“...ทายาทของกลุ่มมาเฟียที่กำลังแผ่อิทธิพลอยู่ในตอนนี้ไงล่ะ”


ใครจะมาบอกความจริงได้ดีเท่ากับภูเมธที่มีบิดาทำธุรกิจบางส่วนเกี่ยวข้องอยู่กับอิทธิพลมืด

เตชิตไม่ได้รังเกียจมาเฟียเพราะเขาก็คบพวกนี้เป็นเพื่อนอยู่ไม่น้อย ที่เขารังเกียจคือการหลอกลวงต่างหาก

หลอกลวงด้วยท่าทีใสซื่อ หลอกลวงด้วยความอ่อนแอ


“กลับกันเถอะ”


ร่างสูงผุดลุกขึ้นหลังจากนั่งทนมอง “นายน้อย” ยืนกอดอกควบคุมลูกน้องให้ข่มขู่คนไม่มีทางสู้อยู่อีกครู่หนึ่ง

ภูเมธเหลือบตามองเพื่อนพลางยักไหล่แต่ก็ลุกขึ้นเดินตามเตชิตไปและเมื่อต้องผ่านตรงจุดที่ยังมีเรื่องกันอยู่

เตชิตก็เชิดหน้าขึ้น


นภัทรชะงัก ดวงตากร้าวที่กำลังมองลูกน้องปฏิบัติการไหววูบเมื่อเห็นร่างสูงเดินผ่าน ใบหน้านั้นไม่มีแม้แต่จะหันมามอง

แต่นภัทรรู้ ว่าคนๆนี้ต้องเห็น

เห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

สมาธิที่กำลังรวบรวมเพื่อทำจิตใจให้เข้มแข็งแตกกระเจิง เขาหันไปมองร่างที่คุดคู้อยู่บนพื้นของลูกหนี้คนนั้น

แล้วรีบกล่าวออกมา


“เอาเป็นว่าผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้งก็แล้วกัน แต่คิดว่าคราวหน้าคงไม่ต้องให้ถึงมือคุณพ่อของผมนะ”


ทำสัญลักษณ์ให้ลูกน้องก้าวตามออกจากผับหรู เขาเห็นร่างสูงกำลังเอื้อมมือไปสตาร์ทรถบิ๊กไบค์คันโต


“เดี๋ยวก่อนครับ”


นภัทรรีบตะโกน เตชิตชะงักไปแค่วูบเดียว


“กลับกันไปก่อน” นภัทรบอกลูกน้อง


“นายน้อยล่ะครับ”


“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”


นภัทรผวาไปทางคนหน้าดุอย่างรวดเร็ว มือเรียวคว้าท่อนแขนนั้นไว้ไม่ให้บิดคันเร่งเครื่องจากไป


“ฟังผมอธิบายก่อน”


เตชิตหันขวับมาสบตาด้วยดวงตากร้าวอย่างที่เตชิตไม่เคยเห็น หน้าใสซีดเผือดลงทันที


“ไม่จำเป็น”


น้ำเสียงห่างเหินทำให้นภัทรแทบทรุด ภูเมธที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆรถของตัวเองอดไม่ได้ที่จะก้าวมาหาเพื่อน


“ใจเย็น ฟังเขาหน่อยก็ดีนะ”


นภัทรเห็นภูเมธก้าวเข้ามา เขาจำได้เพราะเคยพบกันเป็นครั้งคราวในงานต่างๆ


“คุณภูเมธ ขอบคุณครับ”


เตชิตสะบัดหน้าหนีทั้งเพื่อนทั้งคนหน้าจืด


“เป็นนาย จะยังใจเย็นอยู่ไหมกับคนที่หลอกลวงนาย”


“ผมไม่ได้หลอกคุณนะ” นภัทรพยายามแก้ข้อกล่าวหา


“แค่ผมยังไม่กล้าที่จะบอก”


นภัทรมองเตชิตอย่างตัดพ้อ คนเข้มแข็งอย่างเตชิตไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาต้องใช้ความกล้าหาญแค่ไหน

เมื่อต้องทำเพื่อครอบครัว ลูกชายคนเดียวอย่างเขาเป็นความหวังของบิดาที่จะต้องก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม

แต่เขากลับเป็นคนที่อ่อนแอ นภัทรพยายามทำจิตใจให้เข้มแข็งแต่ก็ไม่เป็นผล

ก็แม้กระทั่งงานง่ายๆที่บิดาลองให้เขามาทำอย่างวันนี้ เขาก็ยังทำไม่สำเร็จ ดีเท่าไหร่แล้วที่ถือโอกาสปล่อยลูกหนี้ไปได้

เขาทนมองคนถูกทำร้ายไม่ได้จริงๆ ยิ่งถ้าบิดารู้ใจเขาอีกว่าเขาหลงรักผู้ชายอย่างเตชิต เรื่องทุกอย่างคงพังทลายลงต่อหน้า


“ทำไมถึงไม่กล้า” เตชิตถามเสียงหนัก


“ถ้าการที่จะคบกับฉันมันต้องใช้ความกล้าหาญมากขนาดนั้นก็ไม่ต้องคบกัน”


น้ำตาร่วงลงไหลอาบแก้มของนภัทร ในขณะที่ภูเมธฟังเพื่อนพูดแล้วยืนอึ้ง

เพื่อนของเขากำลังมีความรัก

รักกับลูกชายหัวหน้าแก๊งมาเฟีย

นึกหนักใจแทนอยู่เหมือนกันเมื่อความรักของเพื่อนพบเจอกับอุปสรรคเช่นเดียวกันกับเขา

แต่ว่าตอนนี้คงต้องทำตัวเป็นกามเทพไปก่อน


“คนมองมาทางเราเต็มเลย ถ้าไม่อยากเป็นจุดเด่นมากกว่านี้ก็หลบไปก่อน”


ภูเมธลากแขนนภัทรมาทางท้ายรถของเตชิตแล้วบอกให้ก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย เขาเดินกลับมาหาเตชิต

พลางตบบ่าเพื่อนเพื่อเตือนสติ


“ถ้ายอมรับได้ว่ามีความรัก ไอ้ที่ยากกว่าสิ่งอื่นคือรักษาความรักนั้นไว้ให้ได้”


ภูเมธ ยกมือกล่าวอำลาเพื่อนสนิท

ร่างสูงเดินผิวปากกลับมาที่รถของตัวเองแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานมันออกมา

คิดถึงคนที่นอนหลับอุตุอยู่บนเตียง

เขาเองก็จะรักษาความรักของเขาไว้ให้ยาวนานที่สุด

รออีกเดี๋ยวนะกระต่ายน้อย สิงโตตัวนี้จะไปกอดให้ไออุ่นจนกระทั่งดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า








“กินน้อยจัง ไม่อร่อยเหรอ”


แอนดี้นั่งมองอยู่เมื่อการันต์เขี่ยข้าวในจานไปมา


“ก็ไม่รู้สินะ แต่มันกินไม่ลงอะ”


หนุ่มน้อยตอบเพื่อนตัวโต หมู่นี้กินอะไรไม่ค่อยลง อะไรที่เคยชอบเขาก็นึกเบื่อไปหมดแถมยังเวียนหัว

ตอนตื่นนอนเกือบทุกวัน


“กินน้อย แต่อ้วนขึ้นหรือเปล่า ดูแก้มใสขึ้นนะ”


คนเป็นเพื่อนยิ้มน่ารักพลางเอื้อมมือมาบีบที่แก้มเขาเบาๆจนการันต์ต้องอมยิ้มไปด้วย

แต่จู่ๆก็มีเสียงตบโต๊ะดังลั่นจนพากันสะดุ้ง หนุ่มน้อยทำตาปริบๆเมื่อเห็นใครบางคนยืนนิ่งอยู่ข้างโต๊ะ


“คนเป็นเพื่อนกันเขาต้องจับแก้มกันแบบนี้ด้วยหรือ”


เสียงเข้มเอ่ยถาม แอนดี้ยักไหล่


“ก็โก๋น่ารักนี่ครับ ใครจะอดใจไหว”


“ไม่ไหวก็ต้องอด”


แอนดี้ทนไม่ไหว เขาลุกขึ้นยืนและเอ่ยถามออกมา


“แล้วคุณล่ะ เป็นอะไรกับโก๋ ถึงมาห้ามคนอื่นไม่ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้”


ภูเมธกัดฟันเมื่อเห็นทีท่าของแอนดี้ ดวงตาชักกร้าวขึ้นเรื่อยๆ


“พี่มาร์ค”


การันต์เตือนสติเมื่อเห็นภุเมธฟิวส์ใกล้ขาด ภูเมธคว้าแขนเรียวให้ลุกขึ้นยืนตามเขา


“เป็นใครก็ได้ที่มีสิทธิ์ห้ามนายไม่ให้มายุ่งกับโก๋อีก”


ภูเมธกล่าวเสียงเข้มก่อนจะดึงให้การันต์เดินตามเขาออกมา

คิ้วโก่งของแอลลี่ที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลนักขมวดแทบจะชนกันเมื่อเห็นสิ่งที่ภูเมธทำลงไป มันเหมือนอาการหึงหวงชัดๆ

ความสงสัยผลิจำนวนอยู่ในใจกับความสัมพันธ์ของคู่หมั้นกับเด็กในบ้าน

หญิงสาวก้าวเดินตามหลังคนทั้งคู่ไปอย่างเงียบๆ



TBC
 :ling3: :ling3:



หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 22 [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-05-2016 00:26:22
มาต่อด่วนนนนนนน โก๋น้อยท้องจริงป่าวววววว
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 22 [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-05-2016 10:12:13
คิดว่าโก๋จะท้อง 5555

มาร์คจัดการด่วนๆนะ ก่อนน้องจะเป็นไรมาก

สมหวังมีคนดูแลแล้วค่ะ

เตชิตฟังหน่อยน้า ฟังน้องหน่อย

หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 23 [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-05-2016 12:25:40



                                           รักกลางใจ

                                            บทที่ 23



ภูเมธลากร่างเพรียวเข้ามาในห้องพักประธานนักศึกษา ดวงตาวาววับเมื่อจ้องมองหน้าหวาน

ในขณะที่การันต์จ้องตากลับอย่างหงุดหงิด ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมภูเมธต้องโกรธนักหนา

เพียงเพราะเขานั่งคุยอยู่กับเพื่อน


“ทำไมต้องโวยวายด้วยครับพี่มาร์ค”


หนุ่มน้อยถามอย่างหมั่นไส้


“ก็ไปคุยกับมันทำไมเล่า ไม่เห็นหรือไงว่ามันมองโก๋ตาเป็นมัน”


“คนที่พี่มาร์คเรียกว่า “มัน” น่ะ คือแอนดี้เพื่อนของผมนะครับ”


“ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นพี่จะไม่ว่า ก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้หมอนั่นมันคิดกับเราเกินเพื่อน”


ภูเมธจ้องตาการันต์อยู่พักใหญ่จนต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ เขาก้าวไปกอดร่างบางนั้นไว้พลางกดจมูกโด่งไปที่แก้มใส


“โอเค พี่เป็นคนผิดก็ได้ที่หึงมากไปหน่อย”


“พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีทางไปมีคนอื่น”


นึกน้อยใจจนน้ำตารื้นเปียกขนตางอน การันต์งงตัวเองเหมือนกันที่ช่วงนี้อารมณ์ของเขามันพลุ่งพล่านไปหมด

นี่เขาก็ยังงงว่าจะน้อยใจไปทำไม จริงๆแล้วเขาควรจะดีใจมากกว่าที่ภูเมธหึง


“ไม่เอา กระต่ายน้อยอย่าร้องไห้ พี่ขอโทษ เราจะไม่ทะเลาะกันเพราะคนอื่นอีกแล้วนะ”


ภูเมธพรมจูบไปทั่วเปลือกตาชื้นจนน้ำตาของอีกฝ่ายแห้งเหือด ฝ่ามือบางยันอยู่ที่ไหล่ของเขา


“พี่มาร์ค เหม็นเหงื่ออะ”


“อะไรนะ”


ภูเมธเอียงคอมองคนรัก


“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรที่ต้องออกแรงจนมีเหงื่อเลยนะ”


การันต์นิ่วหน้า ช่วงนี้นอกจากจะควบคุมอารมณ์ได้ยากแล้ว ยังควบคุมจมูกตัวเองไม่ได้อีกด้วย

ได้กลิ่นอะไรก็พาลเหม็นไปหมด แม้แต่กลิ่นของภูเมธ


“ผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้”


การันต์เตือนตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง เขาอาจจะคิดมากเรื่องความสัมพันธ์ที่ยังต้องปกปิดของเขากับภูเมธ

จึงทำให้ระบบของร่างกายมันรวนไปหมด หน้าหวานถูกประคองไว้ด้วยสองมือของภูเมธ พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน

ที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก


“อย่าเครียด อย่าคิดมากเลยนะโก๋ เราสองคนก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว ความรักของเราสองคนต้องมีทางออก”


หนุ่มน้อยถอนหายใจก่อนจะยิ้มรับ ยิ้มหวานเลยถูกอีกฝ่ายกดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว การันต์เอียงหน้ารับ

พักหลังเขาชอบให้ภูเมธจูบเพราะมันทำให้ตัวของเขาเบาหวิวราวกับลูกโป่ง

ปล่อยใจไปกับความหวามไหว จนทั้งคู่ไม่ได้สังเกตว่าประตูด้านหน้าปิดไม่สนิทและภาพของความใกล้ชิด

ก็ถูกบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือ ดวงตาที่ตกแต่งไว้ด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดีจ้องมองภาพเบื้องหน้าลุกจ้าราวกับไฟไหม้






สมหวังกดโทรศัพท์หาเบอร์ของ ใครนะ อ้อ! คิดดี เมื่อเจอแล้วเขาก็กดปุ่มโทรออกก่อนแล้วจึงยกมันมาแนบกับหู

เสียงสัญญาณดังจากอีกฝั่งอยู่ไม่กี่ครั้งก็ถูกตัดไป สมหวังมองโทรศัพท์เครื่องเก่าของตัวเองแล้วจึงกดโทรออก

อีกครั้งหนึ่งเหตุการณ์ก็วนกลับมาเหมือนเดิม มันเป็นแบบนี้หลายรอบจนเขาชักหงุดหงิด


“โทรศัพท์ก็ไม่พังนี่หว่า แล้วมันเป็นไรว้า ทำไมถึงไม่รับสาย”


ลองเสี่ยงโทรไปอีกครั้ง สมหวังยืนรออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งปลายทางรับโทรศัพท์และส่งเสียงมา


“มีธุระอะไรฮะ”


เสียงนั้นเย็นชาจนสมหวังงง เขาดึงโทรศัพท์ห่างหูและจ้องมองอย่างไม่มั่นใจก่อนที่จะนำกลับไปแนบหูอีกรอบ


“จำเป็นต้องมีธุระด้วยหรือ ถึงจะโทรหานายได้ หือ คิดดี”


เสียงทางด้านโน้นเงียบไปอีกครั้งจนสมหวังเอะใจ


“ถ้าเวลาว่างมากนักก็เอาไปทำอย่างอื่น เวลาของผมไม่ได้มีไว้เพื่อเรื่องไร้สาระ”


“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า นี่นายเห็นเรื่องของผมเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วงั้นหรือ อ้าว เฮ้ย คิดดี”


สมหวังงงงันเมื่ออีกฝ่ายตัดสายไปเสียดื้อๆ เขาลองโทรกลับไปก็กลายเป็นว่าคิดดีปิดเครื่องไปแล้ว

เกิดอะไรขึ้นกับคนหน้ามึนอย่างหมอนั่นกันแน่นะ

สมหวังไม่ชอบความคลุมเครือถ้าเขาสงสัยอะไร มอเตอร์ไซค์เก่าแก่ของเขาจึงได้แล่นไปที่มหาวิทยาลัยG

ตามตัวไม่ยากหรอกสำหรับรองประธานนักศึกษาอย่างคิดดี ไม่นานเขาก็เห็นชายหนุ่มนั่งทอดหุ่ยอยู่ที่ริมสระน้ำ

เขาจึงก้าวไปประจันหน้า คิดดีชะงักไปชั่วครู่จึงเบือนหน้าหนี


“นายเป็นอะไร ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทำไม”


“ผมแค่เบื่อ”


เสียงตอบมึนตึงผิดปกติ จนสมหวังต้องขมวดคิ้ว


“เบื่ออะไร พูดมาให้หมดสิ”


“เบื่อที่ต้องทำตัวเป็นเครื่องมือให้คุณไง”


คราวนี้กระชากเสียงตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง


“เดี๋ยวนะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมไม่เคยเห็นนายเป็นเครื่องมือนะ”


“แล้วไอ้ที่คุณทำอยู่ตอนนี้คืออะไร”


คิดดีผุดลุกอย่างรวดเร็ว เขาหันมาจ้องตาสมหวังอย่างตัดพ้อ


“ให้ผมไปคอยสอดส่องคนโน้นคนนี้เพื่อประโยชน์ของคุณ คิดว่าผมอยากทำนักหรือไง รักใครชอบใคร

ก็มาเฝ้าเอาเองเหอะ อย่าลากผมไปเกี่ยวข้องอีก”


...เพราะผมเจ็บที่เห็นคุณมองคนอื่นด้วยสายตาที่ไม่เคยมองผม...


“ถ้าผมทำให้นายรู้สึกไม่ดีก็ขอโทษด้วย แต่ต่อไปนี้นายคงไม่ต้องทำอย่างนั้นแล้ว”


สมหวังมองอย่างขอลุแก่โทษ เขาเองก็เอาแต่ใจไปหน่อยที่รบกวนคนเพิ่งรู้จักกันไม่นานให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ


“โก๋ไม่ได้รักผมอย่างที่ผมรักเขา ความรักของผมจบลงด้วยความเป็นไปไม่ได้”


...อ้าว แล้วที่เห็นจูบกันวันนั้นล่ะ...


“โก๋เลือกไอ้ขี้เก๊กนั่น”


สายตาที่แสดงออกถึงความขมขื่นผิดหวังทำให้ใจของคิดดีอ่อนยวบ


“ไม่ต้องมองอย่างสงสารหรอกน่า ถึงผมจะอกหักแต่ผมก็ไม่แสดงอาการออกมาหรอกนะ

ผมจะคอยดูพฤติกรรมของไอ้มาร์ค ถ้ามันทำให้โก๋เสียใจผมนี่แหละจะพาโก๋หนีไปจนมันหาไม่เจอ”


เป็นอีกครั้งที่คิดดีรู้สึกอิจฉาหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนั้น


“ส่วนนาย... ผมไม่เคยคิดว่านายเป็นเครื่องมือ ผมคิดว่านายเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ถูกชะตาตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน”


สมหวังเอื้อมมือมาแตะที่ต้นแขนของเขา คิดดีมองตามมือหนาข้างนั้นแล้วถอนหายใจ


“คุณรู้อะไรไหม สมหวัง...”


คิดดียกมือขึ้นวางทาบไปกับมือข้างนั้นแล้วปลดมันออกจากต้นแขนตัวเองช้าๆ


“...บางทีผมก็รู้สึกว่าเพื่อนของผมมันมีเยอะ จนไม่อยากจะมีคนรู้จักคนใหม่ในตำแหน่งเพื่อนอีกแล้ว”


“หมายความว่าไง”


สมหวังสบตาอย่างไม่เข้าใจ คิดดีได้แต่ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา


“เอาเป็นว่าสักวันที่คุณเปิดตาเปิดใจมองคนอื่นบ้าง คุณคงจะเข้าใจที่ผมพูดในวันนี้ บายนะ สมหวัง”


คิดดีหันหลังแล้วก้าวเดินจากไป เขาก้มหน้าซ่อนความผิดหวังเอาไว้ ก็ไม่ได้หวังว่าสมหวังจะเข้าใจ

เขาเพียงชี้ทางให้ผู้ชายคนนั้นเผื่อว่าวันหนึ่งผู้ชายที่ยืนงงอยู่เบื้องหลังจะเข้าใจความรู้สึกของเขาบ้างก็แค่นั้นเอง








“แม่ครับ ทำอะไรอยู่”


หนุ่มน้อยก้าวเข้าไปกอดเอวและหอมแก้มมารดาที่กำลังง่วนอยู่ในห้องเตรียมอาหาร แม้ว่าจะก้าวมาเป็นคุณนายคนใหม่

ของบ้านหลังใหญ่และมีคนรับใช้มากมาย แต่กมลก็ยังชอบที่จะเป็นคนเตรียมอาหารให้คนในบ้านด้วยตัวเอง

กมลหอมแก้มบุตรชายอย่างรักใคร่แล้วจึงจูงมือให้เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ในห้องนั่งเล่น


“หิวไหม กินอะไรมาหรือยัง แล้วคุณมาร์คล่ะ”


“พี่มาร์คมาส่งแล้วกลับไปทำโปรเจ็คที่มหาวิทยาลัยต่อครับเห็นว่ากำลังยุ่ง เอ๊ะ..แม่ อ้วนขึ้นหรือเปล่า”


การันต์ขยับมากอดเอวมารดาที่เอาแต่อมยิ้ม


“แม่มีข่าวดีจะบอก นี่บอกโก๋เป็นคนแรกเลยนะ”


กมลเอื้อมมือไปหยิบสิ่งของบางอย่างจากถุงกระดาษที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วยื่นให้บุตรชายมอง

การันต์มองวัตถุที่ทำจากพลาสติกแท่งยาวในมือมารดาอย่างงงๆ


“อะไรครับแม่”


“มันคือที่ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองไงล่ะโก๋ ช่วงนี้แม่เวียนหัว คลื่นไส้บ่อยๆก็เลยลองซื้อมาตรวจ”


การันต์กลั้นหายใจ

แม่เวียนหัว คลื่นไส้ อาการเดียวกันเลย


“แล้วผลเป็นไงครับแม่”


เสียงแหบพร่าเมื่อเอ่ยถาม หน้าหวานซีดเผือด


“นี่ไงล่ะ ตรงช่องนี้ขึ้นขีดสีแดงสองขีดมันแปลว่า...แม่กำลังจะมีน้องให้โก๋แล้วนะลูก ดีใจไหม”


กมลวางสิ่งนั้นลงและกอดบุตรชายเบาๆโดยไม่ทันสังเกตสีหน้า การันต์ฝืนยิ้มรับให้มารดา

ดีใจที่จะมีน้องก็ส่วนหนึ่ง แต่หนุ่มน้อยกำลังกังวลอะไรบางอย่าง


“คุณลุงภูมิทราบหรือยังครับแม่”


“ยังเลย แม่คิดว่าจะปิดไว้ก่อน รออีกสักพักค่อยบอก เอ๊ะ...แม่หยิบมาอันเดียวตอนซื้อ

ทำไมมันติดมาอีกอันล่ะนี่ต้องเอาไปซ่อนก่อนละ เดี๋ยวคุณลุงสงสัย”


“ผมเอาไปเก็บให้เองครับแม่”


การันต์รีบพูดพลางเอื้อมมือไปคว้าถุงกระดาษนั้นมาถือในมือ


“จ้ะ งั้นแม่ไปเตรียมอาหารต่อแล้วนะ ถึงเวลาอาหารก็มากินนะลูก”


มารดาเดินจากไปแล้ว ส่วนการันต์ก็เดินใจลอยเข้าห้องพัก มือเรียวกำถุงกระดาษแน่น เขาเองก็กำลังวิตก

ทุกครั้งที่มีอะไรกับภูเมธก็ไม่ได้ป้องกันและเขาก็เคยเรียนมาเรื่องอาการต่างๆ ของคนที่จะมีลูก


ทรุดนั่งลงบนขอบเตียง มือน้อยหยิบกล่องบรรจุที่ตรวจครรภ์สั่นไหวจนแทบจะหลุดมือ เขาอ่าน

วิธีการตรวจข้างกล่องอย่างละเอียด

จู่ๆก็เวียนศีรษะจนเพดานห้องไหววูบ แต่ด้วยความอยากรู้การันต์ฝืนลุกขึ้นยืนเดินเซเข้าห้องน้ำวางถ้วยบรรจุปัสสาวะ

ลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มือสั่นสะท้านกำแท่งตรวจจนเหงื่อชื้นเมื่อจุ่มมันลงไปตามวิธีการ

เพียงแค่นาทีเดียวแต่มันช่างยาวนานเมื่อเขาลุ้นผลการตรวจ

แท่งพลาสติกร่วงหลุดจากมือไปอยู่บนเคาน์เตอร์ การันต์หมดแรงยืนจนต้องนั่งลงบนฝาชักโครก

หงื่อชื้นไปทั่วใบหน้า แผ่นหลังและฝ่ามือเมื่อร่างกายกำลังตื่นเต้น


เขาได้แต่รอ....

นาทีที่เนิ่นนาน มันนานจนแทบขาดใจตาย

เมื่อดวงตาคู่หวานเหลือบมองผลการตรวจจากแท่งพลาสติกนั้น




TBC


 :katai4: :katai4:




หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 23 [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-05-2016 12:31:26
กรี้ดท้องจริงง่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 23 [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-05-2016 13:31:14
ท้องแบบนี้โก๋จะกล้าบอกใครๆไหม
แม้แต่แม่ตัวเองโก๋คงไม่กล้าที่จะบอก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 23 [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-05-2016 14:35:01
ลุ้นนนน
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 24 [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-05-2016 13:08:39

                                              รักกลางใจ
         
                                             บทที่ 24


เตชิตผลักประตูห้องในคอนโดมิเนียมของเขาแล้วก้าวยาวๆเข้าไปโดยไม่ได้สนใจคนที่รีบตามมาแม้แต่น้อย

จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงกลางห้องร่างเพรียวที่ตามหลังมาจึงหยุดเท้าไม่ทัน

นภัทรเบรคเท้าไม่ทันจึงชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างจนหงายหลังไปกับพื้นห้อง เขาลุกขึ้นยืนพลางยกมือ

คลำจมูกเพราะมันเจ็บจนน้ำตาไหล ตกลงว่าเขาร้องไห้เพราะเจ็บกายที่พุ่งชนแผ่นหลังคนตรงหน้า

หรือเป็นเพราะเจ็บใจที่คนตรงหน้ายังเคืองเขาไม่เลิกกันแน่


“ผมรักคุณ”


นภัทรประกาศกร้าว มันเป็นครั้งแรกที่เขากล้าพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำโดยไม่หวั่นเกรงถึงผลที่จะตามมา


“ถึงคุณจะยืนหันหลังให้ผมอย่างนี้ คุณก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผมรักคุณ”


เตชิตที่ยืนนิ่งถึงกับต้องกลั้นลมหายใจอยู่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา

นี่มันพูดอะไรของมัน สับสนวกวนดีแท้

จับใจความได้อย่างเดียวเท่านั้นว่าไอ้หน้าจืดที่เอาแต่เดินตามต้อยๆตั้งแต่เขาลงจากรถมันบอกว่ารักเขา

…อืม… รักอย่างนั้นเหรอ

ช่างกล้าหาญที่จะเอ่ยออกมา ทั้งที่ตลอดทางที่เขาบิดคันเร่งตั้งแต่ผับหรูมาถึงคอนโดก็เอาแต่ซุกตัว

อยู่กับแผ่นหลังของเขา พอลงจากรถก็ทำหน้าจ๋อยเหมือนเขาเป็นยักษ์เป็นมาร  ทำเป็นหงอมาตลอดทั้งที่เขาเพิ่งเห็น

เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาว่าทำอวดเก่งไปยืนคุมมาเฟียทวงหนี้อยู่แท้ๆ


“นายต้องการอะไรกันแน่ นภัทร”


เขาหันกลับมาแล้วเค้นเสียงเข้มถามกลับจนอีกฝ่ายสะดุ้งกับดวงตากร้าว นภัทรส่ายหน้า


“ผมไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากให้คุณอนุญาตให้ผมรักคุณ”


“ทั้งที่นายก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ นายก็จะยังรักฉันงั้นหรือ โง่หรือบ้าวะ!”


“ทั้งโง่ทั้งบ้า แต่ผมก็รักคุณไปแล้ว จะให้ผมทำไงล่ะ”


นภัทรตะโกนใส่หน้าเขาแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น สองมือเรียวพยายามเช็ดน้ำตาที่อาบใบหน้า

แต่มันก็ไม่หมดเสียที ไหล่บางสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นจนกระทั่งเขาต้องอ้าปากค้างเมื่อเตชิตกระชากแขนของเขา

เข้าไปสู่อ้อมกอด

ใบหน้าของนภัทรถูกมือแกร่งดันให้ซุกอยู่ตรงไหล่กว้างในขณะที่เตชิตก็แนบใบหน้าอยู่ตรงใบหูของเขานี่เอง


“เออ นายน่ะทั้งโง่ทั้งบ้า ซื่อบื้อ ซุ่มซ่าม ขี้แยด้วย แล้วทำไมฉันถึงต้องรักคนอย่างนายด้วยวะ”


อะ…อะไรนะ…

น้ำเสียงที่ฟังเหมือนจะรำคาญกึ่งสบถนิดๆที่ดังอยู่ข้างหูนั่นพูดว่าอะไรนะ


“คะ..คุณบอกว่า คุณ…รัก…ผมงั้นหรือ”


ครางออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อจนอีกฝ่ายออกแรงรัดที่วงแขนจนเขาหายใจแทบไม่ออก


“นอกจากที่ฉันพูดมาตะกี้ ยังหูหนวกด้วยหรือไง ถึงไม่ได้ยินว่าฉันรักนายน่ะ หืม นภัทร”


ในที่สุด เขาก็จำชื่อนี้ได้ขึ้นใจ

เตชิตนึกไม่ถึงเลย

ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักเขาไม่เคยนึกสนใจชื่อนี้ และไม่เคยเห็นความจำเป็นที่ต้องจดจำแต่มาบัดนี้

ชื่อนี้กลับเข้ามาอยู่ในหัวใจของเขาจนยากที่จะลืม

อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อคนที่อยู่ในอ้อมกอดยิ่งร้องไห้ลั่นออกมาจนเสื้อของเขากลายเป็นที่ซับน้ำตา

แต่กลับเป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอมเมื่อต่างเข้าใจกัน เขาใช้มือดันไหล่ของนภัทรออกจากอ้อมกอด

แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาเต็มดวงหน้านั้นจนแห้งเหือด ก่อนที่เขาจะเอียงหน้าเข้าไปใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว

ของกันและกัน

ที่ยากกว่าการมีความรัก คือการยอมรับให้ได้ว่ากำลังมีความรัก

เตชิตยอมรับแล้วว่าเขากำลังมีความรัก

เขารักนภัทร

คนที่เขากำลังจรดริมฝีปากลงไป คนที่กำลังเงยหน้าเผยอรับปลายลิ้นที่เขาส่งผ่านเข้าไปบอกรัก

ปลายลิ้นร้อนตวัดคลุกเคล้าอ่อนหวานอย่างที่เขาไม่เคยทำกับใครจนคนที่เขารักขาแข้งสั่นอยู่ในอ้อมกอด

ทำให้เตชิตต้องประคองร่างสั่นสะท้านให้ก้าวถอยหลังไปล้มตัวลงที่โซฟานุ่มโดยที่มีเขาล้มลงไปทาบทับ

จุมพิตอ่อนหวานเริ่มเรียกร้องจนไหล่บางไหวหนัก มือร้อนแตะไล้ไปที่ซอกคอ ลากเลื้อยตามสาบเสื้อไปหยุดอยู่ที่กระดุมเสื้อ

เม็ดแรกแล้วปลดมันออก ปลายลิ้นถอนออกมาจากโพรงปากหวานอย่างอ้อยอิ่งไล่ขบเม้มไปตามเรียวปากเมื่อกระดุมเม็ดที่สอง

ถูกปลดตามมา

ดวงตาที่เคยดุบัดนี้เงยขึ้นมาสบตาด้วยนัยน์ตาพราวระยับจนนภัทรเลือดฉีดสีไปทั่วใบหน้าแต่ก็ไม่อาจละสายตา

จากใบหน้าดุนั้นไปได้


“รู้ใช่ไหมว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”


เสียงแหบพร่ากระซิบอยู่ข้างหูแล้วงับเบาๆนภัทรตัวสั่น ลมหายใจแทบขาดห้วงเมื่อกระดุมเม็ดที่สามหลุดออก


“ผม..รู้”


“แล้วพร้อมจะยอมรับผลของมันหรือเปล่า”


เสียงนั้นยังดังอยู่ที่เดิมแต่มือแกร่งเริ่มลากเลื้อยไปตามเนื้อเนียนนุ่มจนนภัทรร้อนวาบ เขาสูดลมหายเข้าปอด

มือเรียววางแนบไปที่ไหล่กว้างปากสั่นเมื่อเอ่ยตอบคำถามนั้น


“ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน ผมจะยอมรับมัน”


และเมื่อเขาพูดจบกระดุมเม็ดสุดท้ายก็หลุดออก เสื้อเชิ้ตถูกดึงออกจากตัวแล้วโยนทิ้งไปทางไหนนภัทรแทบจะไม่รับรู้อีกแล้ว

เข็มขัดถูกปลดเตชิตรั้งกางเกงเนื้อดีลงต่ำจนไปกองอยู่ที่ปลายเท้า ร่างกายของเขากำลังสั่นเหมือนลูกนกเมื่อสายตาคม

ดุจเหยี่ยวมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า มือของนภัทรเย็นเยียบทั้งที่เหงื่อออกจนชื้น เขาอายจนต้องหลับตาลงก่อนที่จะรู้สึก

ถึงริมฝีปากอีกฝ่ายที่กดจูบลงมาที่เปลือกตา


“มัวแต่หลับตาแบบนี้แล้วฉันจะมองตาของนายได้ไง ว่านายรักฉันแค่ไหน”


ริมฝีปากอุ่นเคลื่อนที่ลงมาสัมผัสที่เรียวปากอิ่มแค่เพียงแผ่วเบาเมื่อเตชิตเชยคางมนให้เงยขึ้นมา


“ถอดเสื้อให้ฉันที”


“อะ..อะไรนะครับ”


นภัทรหน้าแดงจัดจนเตชิตอดใจไม่อยู่ที่จะหอมหนักๆที่พวงแก้ม


“ฉันอยากให้นายถอดเสื้อให้”


น้ำเสียงที่เคยดุบัดนี้ออดอ้อนอยู่แถวใบหู ลิ้นร้อนเลียไล้เข้าไปในช่องหูจนนภัทรผวา มือชื้นกำที่ชายเสื้อยืดของอีกฝ่าย

แล้วดึงผ่านศีรษะ เตชิตคว้ามือนุ่มมาวางตรงเข็มขัดของเขาแล้วยิ้มด้วยดวงตาพราวระยับ นภัทรกลืนน้ำลายเหนียวหนับ

พลางปลดมันออก ซิปกางเกงถูกรูดรั้งและถอดมันอย่างตามมา

ร่างเปลือยเปล่าแนบลงเบียดชิด ไอร้อนผ่าวจากเนื้อตัวทำให้แทบไม่รู้สึกถึงความเย็นของอากาศ เตชิตใช้ปลายนิ้ว

ไล้ที่เรียวปากนุ่มก่อนกดปากตัวเองลงไปจนแนบสนิทนภัทรเปิดทางให้ลิ้นอุ่นเข้ามาตักตวงความหวานอย่างเต็มใจ


“อืมหวานดีจัง”


เตชิตพึมพำอย่างถูกใจเมื่อไล่ขบเม้มไปทั่วปากอิ่ม มือหนาช้อนเอวค่อดของอีกฝ่ายขึ้นมาจนจุดอ่อนไหวแนบชิด

เสียดสีร้อนรุม เรียกเสียงครางแผ่วจากนภัทรอย่างลืมตัว


“ขอชิมทั้งตัวเลยนะ อยากรู้ว่าจะหวานกว่านี้ไหม”


“อื้อ…อ๊ะ..คะ…คุณ!”


นภัทรผวาเฮือกเมื่อยอดอกสีหวานถูกแตะด้วยปลายลิ้นชุ่มน้ำ ตามมาด้วยการครอบครองของเรียวปากที่ขบเม้ม

ลงมาเบาๆและดูดดุนจนร่างสะท้านและยิ่งผวาหนักเมื่อแก่นกายถูกรวบไว้ในมือร้อนของเตชิตพร้อมกับแท่งร้อน

ของอีกฝ่ายให้ถูไถกันอยู่ในอุ้งมือใหญ่ที่กำลังนวดเฟ้นจนเขาหายใจแทบไม่ทัน


“เรียกฉันว่าเต้สิ”


อีกฝ่ายออกคำสั่งทั้งที่ปากยังสาละวนอยู่ที่ยอดอกทั้งสองข้างสลับไปมาจนมันแข็งชูชันเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบเรื่อ


“…เต้ครับ…ผม…ฮื้อ”


นภัทรเม้มปากกลั้นเสียงครางเอาไว้เมื่อคนที่ทาบทับอยู่รูดรั้งมือไปมาจนเขาต้องดิ้นอย่างทรมาน ความต้องการ

กำลังทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เตชิตเลื่อนตัวลงมาช้าๆ เขาถีบกางเกงที่เกี่ยวอยู่ตรงข้อเท้าของ นภัทรให้หลุดร่วง

และยกขาข้างที่ชิดกับพนักพิงของโซฟาให้ขึ้นสูงวางพาดไปกับขอบพนักส่วนขาอีกข้างของนภัทรเขาจับแยกทิ้งลง

จากเบาะที่รองรับร่างทั้งคู่ให้หยั่งกับพื้นห้องก่อนที่เขาจะลดตัวไปอยู่ตรงระหว่างต้นขาขาวเนียน ช่องทางรักสีสวย

ปรากฏอยู่ต่อหน้า เตชิตก้มหน้าลงไปใช้ปลายลิ้นแตะลงจนนภัทรสะดุ้ง


“อย่าครับ มันสกปรก”


“ไม่เห็นจะสกปรกเลย หวานออกรู้ไหม”


ไม่ฟังคำทัดทาน ปลายลิ้นโลมเลียจนเปียกชื้นรอบช่องทางในขณะที่นิ้วมือค่อยๆ สอดเข้าไปเบิกทางสลับกับลิ้นร้อน

ที่แหย่ลึกชอนไชถึงด้านใน ส่วนมืออีกข้างก็ยังกอบกุมจุดอ่อนไหวโยกรั้งไปมา นภัทรเสียววูบจนต้องยกเอวขึ้นสูง

มือนุ่มเสยอยู่ในกลุ่มผมดำแล้วจิกแน่น


“ฮือ…อ๊ะ”


ตกใจเมื่ออยู่ๆกล้ามเนื้อหน้าท้องก็บิดเป็นเกลียว น้ำเมือกสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเปียกชื้นฝ่ามือหนา

นภัทรหน้าร้อนวูบเมื่อตัวเองปลดปล่อยออกมาด้วยการปลุกเร้า ตอนนี้ลำคอของเขาแห้งผากไปหมด

ดวงตาวาววับเหลือบขึ้นมองอย่างพอใจก่อนที่เตชิตจะเลื่อนตัวขึ้นสูงอีกครั้ง

น้ำชื้นในมือถูกทาลงที่ช่องทางสีกุหลาบของเจ้าของมัน เตชิตจูบเบาๆที่ขมับเปียกชื้นเหงื่อของนภัทร


“เป็นของฉันนะ”


ไม่ใช่คำขอ หรือเป็นคำถาม อาจเป็นแค่คำบอกกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า เมื่อเตชิตค่อยๆแทรกกายเข้าไปในช่องทางชุ่มชื้นช้าๆ


“โอ๊ะ!


เจ็บ!

นภัทรได้แต่กัดฟันเมื่อแท่งเนื้อร้อนรุ่มชำแรกเข้าไปในช่องทางเบื้องล่าง มือเรียวกำขอบโซฟาไว้แน่น

ส่วนอีกข้างก็วางแนบไว้ที่เอวของเตชิต เขาเจ็บจนต้องเงยหน้าเป่าปากระบายมันออกมาแต่เพื่อคนที่เขารัก

นภัทรจะอดทน…


“อย่าเกร็งสิ คนเก่ง”


เตชิตปลอบพลางยกมือลูบไล้แก้มเนียนและคว้าแขนนภัทรมาคล้องคอของเขาพลางซุกหน้าไปกับซอกคอนุ่ม

เม้มดูดจนขึ้นรอยพร้อมกับที่ขยับเอวสอดลึกทีละน้อยจนเชื่อมกายสำเร็จในที่สุด นภัทรปากสั่นทำให้เตชิต

ต้องก้มไปจุมพิตหนักหน่วง


“อื๊อ…”


นภัทรกัดฟันแน่นเมื่อเตชิตเริ่มเคลื่อนกายช้าๆ ความเจ็บปวดเบาบางลงแต่กลับแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน

ที่เขาเพิ่งเคยรู้จักเป็นครั้งแรก


“อย่าอดทนเลย อยากครางก็ครางออกมา ฉันอยากฟังเสียงครางของนาย รู้ไหม”


เขากระซิบอย่างอ่อนโยนในขณะที่สอดแขนเข้าไปใต้หลังแล้วรั้งให้กายยิ่งแนบชิด สะโพกเริ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้น

จนนภัทรต้องเปิดปากครางเสียงหวาน


“ฮัก ฮัก อา เต้ครับ อื้อ เสียว”


หอบหายใจหนักเมื่ออีกฝ่ายกระแทกกระทั้นสะโพกเร็วรี่จนต้องเด้งเอวรับอย่างอัตโนมัติ สองแขนคล้องไปรอบคอ

และเป็นฝ่ายบดจูบไปที่ปากของเตชิตจนได้ยินเสียงครางหนักอย่างถูกใจ


“อื้ออ ตรงนั้นมัน อ๊า….”


นภัทรดิ้นพล่านเมื่อเตชิตกระแทกโดนจุดสำคัญ เขาปล่อยเสียงหวานครางระงมดังลั่นห้อง กล้ามเนื้อส่วนล่าง

ตอดรัดจนเตชิตเองก็ต้องกัดฟันด้วยความอดทนที่จะไม่บุกทะลวงให้อีกฝ่ายบอบช้ำด้วยแรงอารมณ์ของเขา


“อืม แน่นเหลือเกิน ข้างในของนาย”


เตชิตสูดลมหายใจเข้าลึกๆเมื่อรู้สึกถึงการบีบคั้นอย่างที่สุด


“ไปพร้อมกันนะครับ”


เสียงกระซิบหวานใกล้หูแล้วเตชิตก็เร่งเครื่องเต็มกำลัง ลมหายใจหนักหน่วงปะทะกันจนร้อนระอุเมื่อร่างกาย

กำลังสอดประสานกันอย่างกลมกลืน


“เต้ครับ!”


“อา นภัทร!”


เสียงอุทานดังพร้อมกันเมื่อกล้ามเนื้อบีบรัดค้างเกร็ง สมองของเตชิตว่างเปล่าขาวโพลนเมื่อแท่งร้อนฉีดอัดผลิตผล

แห่งรักจนเต็มช่องทางของนภัทร

เสียงหอบหนักจางลงจนเกือบเป็นปกติ เตชิตเงยหน้าจากแผ่นอกที่เขาซบอยู่ขึ้นมองอีกฝ่าย


“นายเป็นของฉันแล้ว”


“ผมรู้แล้วครับ”


จะย้ำอะไรนักหนานะ ก็สิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของยังสอดประสานเชื่อมกายอยู่ในช่องทางเป็นหลักฐานอยู่นี่ไง

นภัทรหน้าแดงจัด เขาเขินจนต้องเบนสายตาหลบ


“นายครางเสียงดังมาก”


“ก็ใครใช้คุณรุนแรงเล่า”


เถียงทั้งที่ยังไม่กล้าสบตา เตชิตต้องเชยคางให้หันมามองเขา


“นายไง ก็ฉันชอบเสียงนาย”


“บ้า…”


กำปั้นน้อยๆ ทุบลงตรงต้นแขนแน่นไปด้วยกล้าม กำปั้นเลยถูกรวบไว้อยู่เหนือหัว


“ฉันอนุญาตให้นายรักฉันได้ อ้อ…และเรื่องบอกรัก คราวหน้าต้องให้ฉันบอกก่อนนะ นายชิงบอกก่อนน่ะ

มันเสียศักดิ์ศรีของฉัน รู้ไหม”


นภัทรรวบรวมความกล้าสบตากับเจ้าของหัวใจของเขา


“อย่าทิ้งผมนะครับ”


ถ้านับเวลาที่ได้เจอเพียงไม่กี่ครั้ง นภัทรก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงได้มอบหัวใจให้ผู้ชายคนนี้ง่ายดายนัก

เขากลัว…

…กลัวว่าเพราะความง่ายจะทำให้เตชิตทิ้งเขาไปอย่างง่ายๆด้วย

น้ำตารื้นขึ้นมาจนเตชิตต้องจูบปลอบและช้อนศีรษะคนขี้แยให้ซบอยู่กับไหล่ของเขาและลูบผมนุ่มเบาๆ


“คิดมากน่า ฉันจะไปทิ้งนายได้ง่ายๆได้ยังไง ลืมไปแล้วหรือว่าฉันรักนายน่ะฮึ นภัทร ภัทรอ้าว หลับซะแล้ว”


เตชิตส่ายหน้าเมื่อเห็นคนขี้แยหลับตาพริ้มพร้อมลมหายใจที่สม่ำเสมอ เขากดริมฝีปากไปที่หน้าผาก

นภัทรแผ่วเบาก่อนที่จะกอดร่างเพรียวนั้นไว้และหลับตาลงตามไปด้วยอีกคน



TBC

 :-[ :-[


ประกาศลาพักจากนิยาย อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ และ บัลลังก์รักใต้เงาแค้น
แต่เรื่อง รักกลางใจ นี่คือแต่งจบแล้ว ลงเรื่อยๆนะคะ
มี 32 บท เหลืออีกไม่นานก็จบแล้วค่ะ

หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 24 [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-05-2016 13:20:09
 :jul1: 
คู่นี้ก็บอกรักกัน
ทำไมอิชั้นค้างล่ะคะ ตกลงน้องท้องรึเปล่า
จะmpreg ไหม?
 :pig4: 
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 24 [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-05-2016 01:28:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 24 [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2016 02:04:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 24 [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-05-2016 04:11:16
คู่นี้สมหวังไปละ แต่คู่หลักนี่ลุ้นมากว่าน้องท้องไหม คึคึ
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-05-2016 13:50:41



                                           รักกลางใจ

                                            บทที่ 25



“การเรียนเป็นไงบ้างล่ะ โก๋”


ภูมิเอ่ยถามกลางโต๊ะอาหารที่ไม่มีภูเมธอยู่ด้วย

นั่งกันอยู่เพียงสามคนรวมถึงกมล บุตรชายเจ้าของบ้านยังไม่กลับมาเพราะต้องประชุม

โปรเจ็คที่กำลังจะมีก่อนเรียนจบ


“ก็ดีครับ นี่ก็ใกล้จะสอบแล้ว”


“ขยันและเรียนเก่งอย่างโก๋ลุงไม่เป็นห่วงหรอกนะ ห่วงก็แต่เจ้ามาร์คเห็นว่าเหลือแต่งานชิ้นสุดท้าย

นี่ก็ไม่รู้ว่าจะเกเรจนงานไม่เสร็จหรือเปล่า ลุงอยากให้เรียนจบเร็วๆจบมาจะได้แต่งงานเลย”


แกร๊งงง

เสียงช้อนตกจากมือร่วงลงกระทบจานทำให้กมลหันมามองบุตรชาย


“โก๋เป็นอะไรลูก”


หน้าซีดเผือดเมื่อหันไปมองมารดาพลางฝืนยิ้ม


“ไม่มีอะไรครับแม่ คือ...ผมอิ่มแล้ว ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ”


ร่างบางลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อนเพื่อซุกซ่อนหยาดน้ำตา การันต์ก้าวยาวๆขึ้นไปบนชั้นสองของตัวบ้าน

และก้าวเข้าห้องตัวเอง

ทันทีที่ประตูห้องปิดลงขาก็แทบจะหมดแรงจนต้องยืนพิงประตูอยู่พักใหญ่กว่าที่จะก้าวเดินต่อได้

หนุ่มน้อยก้าวมายืนสบตาตนเองอยู่ที่กระจกดวงตาเรียวชื้นไปด้วยน้ำตา เขาปล่อยให้มันหยดลงมา

อย่างกลั้นไม่อยู่ การันต์รู้ว่าภูเมธรักเขาแค่ไหน แต่ดูเหมือนอุปสรรคจะเยอะจนมองไม่เห็นอนาคตแม้แต่นิดเดียว

เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางสะดุ้งจากภวังค์


“ลุงเอง ลุงเข้าไปได้ไหม”


“ครับคุณลุง”


ภูมิเปิดประตูเข้ามา ทันเห็นลูกเลี้ยงกำลังใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากหน้าตาน่าเอ็นดูนั้น

เขาเองก็รักการันต์เหมือนลูกคนหนึ่ง แต่เหตุการณ์บางอย่างมันก็บังคับให้เขาต้องส่งรูปถ่ายปึกหนึ่ง

ยื่นให้หนุ่มน้อยที่รับไปดูอย่างงงๆ

การันต์อ้าปากค้าง รูปที่อยู่ในมือสร้างความตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับบิดาของภูเมธ


“คุณลุง ผม...”


คำแก้ตัวประเดประดังกันอยู่ในหัวแต่การันต์ก็พูดไม่ออกเมื่อสิ่งที่เห็นในรูปมันชัดเจนเกินไป

มันคือรูปที่ภูเมธและการันต์กำลังจูบกันอย่างอ่อนหวานในห้องกรรมการนักศึกษา

ใครกัน ที่แอบมาถ่ายรูปพวกนี้และนำมาให้พ่อของภูเมธ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้เมื่อภูมิกำลังยืนจ้องมองเขาอยู่


“ลุงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างมาร์คกับโก๋ที่ตอนแรกเหมือนจะเข้ากันไม่ได้”


ภูมิพูดเสียงเรียบแต่มันกลับบาดลึกจนหัวใจดวงเล็กแสนจะบอบช้ำ


“แต่ตอนนี้กลับสนิทสนมกันมาก แต่ลุงไม่ได้คาดหวังการสนิทสนมกันจนเกินเลยอย่างในรูป”


น้ำตาที่เช็ดไปแล้วไหลลงมาเป็นสายอีกครั้ง


“คุณลุง ผมกับพี่มาร์ค เรา...”


“มาร์คเป็นลูกชายคนเดียวของลุง ที่ลุงคาดหวังให้เขาสืบต่อธุรกิจของตระกูล เขาจะต้องทำทุกอย่าง

เพื่ออนาคตที่ลุงวางไว้ให้ ลุงพูดแค่นี้ คิดว่าเด็กฉลาดอย่างโก๋น่าจะเข้าใจนะ”


รูปปึกหนาที่ถืออยู่ในมือร่วงกราวกระจายลงพื้นด้วยเจ้าตัวคนถือหมดแรง มือบางข้างหนึ่งวางแนบ

ไปที่หน้าท้องโดยไม่รู้ตัว

ภูมิเดินออกไปแล้ว การันต์ขาอ่อนจนต้องทรุดตัวไปนั่งบนพื้นห้อง เครียดจนอาการปวดท้องกำเริบขึ้นมาอีก

ร่างบางสะอึกสะอื้นเมื่อลงไปนอนตัวงออยู่ท่ามกลางรูปถ่ายบนพื้น

มือเรียวค่อยๆดึงโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงแล้วกดโทรออก

ในเวลาอย่างนี้เขาอยากจะโทรหาภูเมธ อยากได้รับการกอดรัดและพรมจูบที่แก้มเพื่อปลอบโยนแต่การันต์ก็ทำไม่ได้


“เฮีย...มารับผมหน่อยได้ไหม อือ....หน้าปากซอยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเดินออกไป”


ซมซานลุกขึ้นยืนช้าๆหน้าตาแทบไม่มีสีเลือด เขาได้ยินเสียงรถยนต์ของภูมิขับออกไปแล้ว

อาจไปงานเลี้ยงอะไรสักงานที่ภูมิจะออกไปแทบทุกคืน กมลมารดาของเขาน่าจะเข้าไปอยู่ในห้องเพื่อพักผ่อนอย่างเคย

การันต์เดินเซซังจนก้าวพ้นรั้วใหญ่ของบ้าน สองมือกุมท้องเมื่อความปวดเสียดบีบคั้นจนหน้าเสียแต่เขาก็กัดฟัน

เดินไปถึงหน้าปากซอย แสงไฟจากรถที่วิ่งไปมาทำให้ดวงตาช่างพร่าเลือน ร่างผอมหยุดยืนอยู่ที่ริมถนน

ไม่นานนักเสียงเจ้าแก่คุ้นหูของสมหวังก็ดังขึ้นก่อนที่จะจอดอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม


“เฮีย”


หนุ่มน้อยร้องเรียก สมหวังหันมาหา อาการปวดท้องทำให้สติพร่าเลือนเมื่อการันต์สืบเท้าก้าวข้ามถนนไปหาสมหวัง


“โก๋ อย่าเพิ่งมา”


อะไรนะ

สมหวังพูดว่าอะไร

ดวงตากระพริบถี่เมื่อแสงจ้าแวบมาอยู่ที่ลานสายตา การันต์เพิ่งจะหันไปมองเห็นรถยนต์คันใหญ่

ที่แล่นมาอย่างรวดเร็ว และพุ่งตรงมายังร่างโงนเงนของเขา


“โก๋!”


เสียงสมหวังตะโกนลั่นถนน คือเสียงสุดท้ายในโสตประสาทที่การันต์ได้ยินก่อนที่สติจะดับวูบ






เปลือกตาสวยกระพริบช้าๆแล้วค่อยๆเปิดออกรับสภาพแสงจ้ากลางห้อง คิ้วโก่งได้รูปขมวดลง

อย่างอ่อนระโหยเมื่อการันต์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขามองสำรวจไปรอบๆจึงได้รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในห้องพัก

ของโรงพยาบาล ข้อมือข้างหนึ่งถูกพันธนาการไว้ด้วยสายน้ำเกลือ


“ฟื้นแล้วหรือ”


เสียงสมหวังดังขึ้นจากโซฟาด้านข้าง เขาลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นการันต์ได้สติ


“ทำไมถึงออกจากบ้านมาคนเดียวทั้งที่ไม่สบาย แล้วไอ้มาร์คมันหายหัวไปไหน”


เสียงดุแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของสมหวังทำให้ขอบตาร้อนผ่าว การันต์จับมือสมหวังไว้เป็นหลักยึด


“ขอบคุณนะเฮีย” เอ่ยด้วยเสียงเครือ


“ผมทำร้ายเฮีย ทำให้เฮียเจ็บ แต่เวลาอย่างนี้ผมกลับต้องพึ่งเฮีย”


สมหวังลูบผมนุ่มเบาๆ


“เฮียเจ็บ แต่เฮียไม่ได้เกลียดโก๋นี่หว่า อย่าคิดมากสิเจ้าตัวยุ่ง”


การันต์ฝืนยิ้มออกมาได้กับคำปลอบโยนของสมหวัง


“รู้ไหมว่าเกือบโดนรถชนแล้ว ดีนะว่าคนขับเขาเบรกได้ทัน ไม่งั้นเฮียคงต้องหัวใจวายแน่ถ้าเห็นโก๋เป็นอะไรไป”


“บางทีตายไปซะก็คงจะดีนะ จะได้ไม่ต้องเจออะไรที่ต้องเจ็บอีก”


“โก๋!”


สมหวังดุเสียงดังจนการันต์หน้าเสีย


“อย่าคิดอย่างนั้นอีกเด็ดขาด ต่อให้เจ็บแค่ไหนก็ต้องรู้ว่ามีคนที่ยังเป็นห่วงโก๋อยู่ตรงนี้อีกคน”


การันต์ร้องไห้ออกมาในที่สุด


“ผมขอโทษ”


สมหวังดึงการันต์ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพลางลูบผมเบาๆ เขาปล่อยให้การันต์ร้องไห้จนพอใจ

เสียงเปิดประตูดังขึ้น กมลก้าวเข้ามาในห้องและเดินมาหาการันต์ด้วยความเป็นห่วง


“โก๋ เป็นอะไรไหมลูก”


กอดบุตรชายไว้อย่างเป็นห่วงและกล่าวขอบคุณสมหวังที่โทรศัพท์ไปบอกเรื่องการันต์เข้าโรงพยาบาล


“เป็นอะไรทำไมไม่บอกแม่ นี่ยังเห็นแม่เป็นแม่อยู่หรือเปล่า”


“แม่ครับ”


สมหวังปล่อยให้การันต์กับมารดาสวมกอดกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกจากอ้อมกอด

เมื่อแพทย์เจ้าของไข้ก้าวเข้ามาในห้องเพื่อแจ้งอาการที่ตรวจพบ


“ร่างกายอ่อนเพลียก็เลยหมดสติไปครับ อาการปวดท้องก็คงเป็นเพราะเครียด ตอนนี้ให้น้ำเกลือ

และยาแก้ปวดแล้วสักพักก็คงจะดีขึ้น ไม่เป็นอะไรมากหรอก”


กมลและสมหวังถอนหายใจเมื่อได้ยินดังนั้น


“แต่ว่าคนที่กำลังตั้งครรภ์ต้องการการดูแลมากๆ ยังไงก็อย่าปล่อยให้เครียดขนาดนี้อีกนะครับ

เดี๋ยวจะเป็นอันตรายต่อเด็ก”


กมลอ้าปากค้าง


“อะไรนะคะ ใครคะ ใครท้อง”


“คนไข้นี่แหละครับที่ท้อง”


.......


แพทย์เจ้าของไข้เดินออกไปนานแล้ว

แต่ทั้งห้องก็ยังเงียบงัน

ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของคนในห้อง


“...แม่”


เสียงแผ่วเบาทำลายความเงียบ เสียงนั้นเบาหวิวคล้ายจะขาดใจ กมลกระพริบตาเรียกสติเมื่อหันมาสบตาบุตรชาย


“ผมทำให้แม่เสียใจใช่ไหมครับ ผมมันเด็กไม่ดี”


น้ำตาไหลจากหางตา ดวงตาคู่สวยเจ็บปวดเมื่อเห็นสีหน้าของมารดา


“ใครว่าล่ะลูก แม่ไม่เคยเสียใจเพราะโก๋นะ”


กมลฝืนยิ้มทั้งที่ขอบตาร้อนผ่าว


“หิวไหม คุณหมอบอกว่าต้องบำรุงเยอะๆเดี๋ยวหลานแม่จะได้แข็งแรง แม่จะไปซื้อโจ๊กมาให้ หวัง น้าฝากน้องก่อนนะ”

กมลรีบสาวเท้าออกไปจากห้อง ก่อนที่ประตูจะปิดลงการันต์เห็นน้ำตาหยดหนึ่งของแม่ มันยิ่งทำให้เขาเจ็บ

สมหวังกัดฟันกรอดเมื่อสบตากับการันต์ เสียงกร้าวเอ่ยถาม


“มันใช่ไหม”


หนุ่มน้อยสะอื้นตัวโยน

สมหวังดึงไหล่บางให้สบตากับเขา


“ตอบเฮียมาว่าใช่มันไหม”


ตวาดถามอย่างเจ็บปวด เขาดึงการันต์เข้ามากอดอีกครั้ง


“บอกเฮียมาว่าไม่ใช่มันหรอกที่ทำลายโก๋ของเฮีย”


“เฮีย ผมมันโง่เอง...” ไหล่บางสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดของสมหวัง


“ผมเป็นของเขาทั้งกายและใจ”


“แล้วมันรู้หรือเปล่าว่าโก๋ท้องกับมัน”


กรอบหน้าหวานส่ายหน้าช้าๆหน้าแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาหลายรอบ สมหวังมองดวงหน้านั้นอย่างเจ็บช้ำ


“เฮียจะไปฆ่ามัน”



TBC


 :ling2: :ling2:






ตกลงว่าเป็น MPREG นะฮะ แฮ่ะๆๆๆ





หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-05-2016 14:07:25
ผิดหวังกับพ่อพระเอกมาก
แต่ดีใจนะที่ท้องจริงๆ. ลุ้นตั้งนาน
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-05-2016 16:39:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-05-2016 17:45:11
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-05-2016 19:53:09
จะดูสิว่าพ่อมาร์คจะเสียเมียไปไหม?  แม่จะเห็นผัวดีกว่าลูกหรือเปล่า?

ื้
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-05-2016 20:42:00
ผิดหวังกับพ่อของมาร์คมากๆ บอกเลย ก็เข้าใจว่าอยากให้ลูกสืบทอดต่อแต่จำเป็นมากมั้ยถึงต้องมาพูดกับโก๋แบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 22-05-2016 20:55:32
 :beat: :z6:
เกลียดพ่อพระเอกอะ   สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-05-2016 22:28:49
ช๊อคนิดหน่อยที่ลุงภูมิพูดแบบนี้กับโก๋
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2016 23:28:11
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-05-2016 23:46:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 23-05-2016 01:34:48
อยากรู้ว่าต่อไปโก๋จะอยู่ยังไง...ในบ้านหลังนั้น คิดว่าคงจะปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องกับคนอื่น...แต่จะปิดยังไงมิดถ้าท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะเรื่องของมาร์ค เรื่องของลุงภูมิ และแม่ตัวเองอีก ตอนนี้เห็นทางออกเดียวคือสมหวังอ่ะ..... :ling1:

เราคิดว่าลุงภูมิจะใจดีกว่านี้ซะอีก แต่ก็เข้าใจนะว่าลุงต้องการให้ลูกชายตัวเองมีชีวิตที่ดี มีทายาทสืบทอดตระกูลตามที่ลุงคิด

ฮึ่ยยยยยยยย มันงึด!!  :katai1: อยากอ่านตอตต่อไปเลย //รู้สึกค้างคา :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 23-05-2016 13:00:33
สงสารโก๋มากๆ  ทั้งท้องและยังมาเจอพ่อเลี้ยงทำร้ายจิตใจอีก อยากให้มาร์ครู้ว่า โก๋ท้อง อยากให้มาร์คพยายามทำอะไรเพื่อลูกเมียบ้าง
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Neya ที่ 24-05-2016 13:00:19
พ่อมาร์คเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมากๆ เวลาตัวเองอยากมีเมีย(ขอโทษแทนแม่โก๋ก่อน)ก็ไปคว้าผู้หญิงที่ไหนก็ได้ที่ตัวเองอยากได้มาเป็นเมียไม่เห็นดูเลยว่ามียศฐาบรรดาศักดิ์หรือร่ำรวยหรือเปล่า ต่อให้ลูกชายไม่ชอบ ไม่อยากให้เอาเข้ามาก็ยังจะทำ ถ้ายังจำไม่ผิด แม่โก๋ตอนแรกก็ไม่ได้รักพ่อมาร์คด้วยซ้ำ แต่ฝ่ายนั้นเรียกร้องต้องการตัว พอคราวลูกชายกลับมาบังคับจิตใจให้ทำอย่างที่ตัวเองต้องการ เกลียดมากที่บอกว่ามาร์คต้องทำตามอนาคตที่วางไว้ให้ เรื่องนี้มาบอกโก๋คนเดียวทำไม ทำไมไม่พูดกับลูกชายตัวเองด้วย คนอย่างนี้สมควรให้อยู่คนเดียวซะ ส่วนแม่โก๋คาดว่าเธอน่าจะเห็นลูกดีกว่าสามีแน่นอน ไม่งั้นเราจะผิดหวังมาก เอาเลยค่ะ พอลูกทั้งในทั้งนอกท้องออกมาจากบ้าน เอาหลานที่จะเกิดออกมา จะดูสิว่ามาร์คจะตามมาด้วยหรือเปล่า ถ้าตามออกมาหมดแล้วเหลือพ่อมาร์คเป็นตาแก่บ้าอำนาจในบ้านคนเดียวจะสะใจมาก สมบัติที่สร้างขึ้นมาแต่ไม่มีใครเอา โอ๊ย!!!ขัดใจพ่อมาร์คมากค่ะ!!!
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 25 [22/05/59] สรุปว่าเป็น MPreg นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-05-2016 07:39:09
อ่านทันแล้ว เจอช่วงดราม่าพอดี ฮืออออ~
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-05-2016 12:11:02



                                                   รักกลางใจ

                                                    บทที่ 26



“เฮีย ผมขอร้อง”


การันต์เงยหน้าขึ้นมาดวงตาเว้าวอน สมหวังสงสารคนที่อยู่ในอ้อมกอดเหลือเกิน


“พี่มาร์คดีกับผมกว่าเมื่อก่อนมาก ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา”


“แม้ว่าจะเสียใจในภายหลังเพราะมันต้องทำตามคำสั่งของพ่องั้นหรือ”


หน้าหวานถอนหายใจกับความจริง


“ผมยังเชื่อมั่นว่าเขาจะแก้ไขปัญหาได้ ว่าแต่เรื่องลูกในท้องของผม เฮีย…อย่าเพิ่งบอกใครว่าผมท้อง

โดยเฉพาะกับพี่มาร์ค ผมยังไม่อยากให้เขากลุ้มมากไปกว่านี้”


“นี่คิดจะแบกความทุกข์ไว้บนบ่าคนเดียวอีกแล้วใช่ไหม เด็กดื้อ”


“ไม่นานหรอกเฮีย ผมแค่ขอเวลาตั้งหลักเท่านั้น ยังไงก็คงปิดไม่ได้นานหรอก”


เพราะหลักฐานคงจะแสดงให้เห็นเด่นชัดกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การันต์ขอยื้อเวลาให้เขาหาวิธี

บอกภูเมธอย่างนิ่มนวลก่อน ตอนนี้ภูเมธเองก็มีเรื่องกลุ้มหลายเรื่อง ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะเรื่องของเขา

ที่ถูกบิดาขัดขวาง การันต์ยังไม่อยากนำปัญหาไปเพิ่มให้ภูเมธอีก


เสียงประตูห้องถูกผลักเข้ามา ปรากฏเป็นภูเมธที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาชะงักเมื่อเห็นสมหวังที่ยืนอยู่ข้างเตียง

และกำลังโอบกอดการันต์ไว้ หนุ่มน้อยเองเบิ่งตากว้างอย่างตกใจเพราะกลัวภูเมธจะเข้าใจผิด

มือเล็กพยายามดันสมหวังออก แต่สมหวังกลับไม่ยอมปล่อยซ้ำยังยักไหล่และยกยิ้มที่มุมปากราวกับจะหาเรื่องคนมาใหม่

ดวงตาของภูเมธวาวแสงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า


ก็รู้อยู่หรอกว่าสมหวังกำลังยั่วให้เขาโมโห แล้วมันก็ใกล้สำเร็จเพราะเขาเริ่มกรุ่นๆอยู่ในใจ ตราบใดที่สมหวัง

ยังไม่ยอมห่างจากหนุ่มน้อยที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงแม้จะรู้ว่าการันต์ไม่ได้คิดอะไรกับสมหวังเกินกว่าพี่ชาย


“ปล่อยโก๋ซะ”


เขากัดฟันเอ่ยเสียงเรียบกับเพื่อนสมัยเด็ก สมหวังกลับยักคิ้วแผล็บก่อกวนเหมือนสมัยเด็กไม่มีผิด


“ไม่ปล่อย มีไรปะ แล้วก็นะ ไม่รู้หรือไงว่าโก๋น่ะ…”


“เฮีย!”


ปลายเล็บจิกลงที่ท่อนแขนจนสมหวังสะดุ้งเมื่อก้มลงไปมองหน้าหวานก็เลยเจอดวงตาคู่สวยขึงใส่

เป็นการปราม


“เออน่า รู้แล้ว วะ…ไอ้เด็กคนนี้น่ารำคาญซะจริง”


สมหวังยอมปล่อยการันต์จากอ้อมกอดแต่ก็ไม่วายส่งเสียงฮึดฮัดใส่จนการันต์ต้องกลั้นยิ้มไว้ ภูเมธเดินดุ่มๆ

เข้ามาใกล้จ้องมองท่อนแขนที่ยังโอบอยู่ตรงบ่าเล็กตาเขียว


“รำคาญโก๋ก็ไปให้พ้นสิวะ จะมาวุ่นวายอีกทำไม”


“ก็อยากวุ่นวายนี่หว่า หมั่นไส้ไอ้หมาหวงก้างบางตัว”


ภูเมธควันออกหู เขาคว้าท่อนแขนบนบ่าของการันต์ออกแล้วผลักให้พ้นตัว


“อย่ามายุ่งกับแฟนกู”


สมหวังพุ่งเข้าใส่ มือหนาคว้าคอเสื้อภูเมธพลางตะคอกเสียงดังลั่น


“กูจะยุ่งมึงจะทำไม ไอ้หน้าซาลาเปา”


“มึงว่าใครหน้าซาลาเปา ไอ้เตี้ย”


“หยุดเดี๋ยวนี้นะครับ ทั้งคู่เลย”


เสียงประกาศิตดังมาจากร่างผอมที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง การันต์ยกมือตีหน้าผากตัวเองพลางส่ายหน้า

เมื่อเห็นสภาพของเด็กชายในร่างผู้ใหญ่ทั้งสองกำลังเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับเป็นเด็กเล็กๆ


“จะทะเลาะกันไปทำไมครับ นี่โตจนจะเรียนจบกันแล้วทั้งคู่แท้ๆ”


“ก็มันหาเรื่อง หึงไม่เข้าท่าไม่เห็นหรือไง”


สมหวังแก้ตัวเสียงหงุดหงิด การันต์ถอนหายใจแต่ก็แอบนึกขำ เขาไม่เคยเห็นอีกมุมหนึ่งของภูเมธที่เหมือน

เด็กชายซนๆมาก่อน


“เฮีย ขอบคุณมากที่ช่วยวันนี้ แต่เฮียกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”


“ฮึ หมดประโยชน์ก็ไล่เฮีย”


“รู้แล้วก็รีบไปสิ”


ภูเมธแกล้งสำทับพลางลอบยักคิ้วใส่ สมหวังเลยยกนิ้วกลางชี้หน้าฝากไว้

ลูกชายร้านบะหมี่เกี๊ยวก้าวเข้าไปใกล้การันต์ เขาผลักภูเมธออกห่าง


“ไปอยู่มุมโน้นเลยมึง ไอ้ซาลาเปา เขาจะคุยความลับกัน”


ภูเมธจำต้องก้าวไปอย่างหงุดหงิด นี่ถ้าไม่เพราะแววตาอ้อนวอนของกระต่ายน้อย เขาก็ไม่ยอมสมหวัง

หรอกนะ


สมหวังขมุบขมิบปากด่าตามหลังก่อนที่จะหันมาสบตากับการันต์ด้วยแววตาจริงจังขึ้น เขาพูดเบาๆ เพื่อไม่ให้ภูเมธได้ยิน


“อย่างนี้ดีแล้วจริงๆเหรอโก๋”


หนุ่มน้อยฝืนยิ้มออกมาเพื่อให้สมหวังสบายใจ สมหวังวางมือไปบนมือนุ่มข้างหนึ่งแล้วกระชับเบาๆเพื่อให้กำลังใจ



“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เฮียพร้อมจะอยู่ข้างโก๋”


การันต์วางมือทับไปบนมือของสมหวังอีกที เขายิ้มกว้างไปกับคำพูดของสมหวัง


“เฮีย…เฮียเป็นคนดีที่สุดในโลก ผมเองก็รักเฮียแม้ว่าเรื่องของเรามันจะเป็นไปไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าเฮียจะได้เจอคนดีๆ

ที่จะทำให้เฮียมีความสุข เพียงแค่เฮียลองเปิดใจให้คนอื่นบ้าง”


“อย่ามาทำเป็นพูดดี”


สมหวังบีบจมูกการันต์อย่างนึกเอ็นดู


“ทำเราอกหักแล้วก็มาทำเป็นพูดปลอบใจ เชอะ…ไอ้เด็กคิดมาก เฮียไปล่ะ ไม่อยากอยู่นานกว่านี้

หมั่นไส้คนบางคน”


ปลายเสียงดังขึ้นพอให้คนที่นั่งพลิกนิตยสารอยู่ที่โซฟาจะหันมามองอย่างหงุดหงิด สมหวังกดริมฝีปาก

ไปที่หน้าผากของการันต์


“โชคดีนะ เด็กน้อยของเฮีย”


สมหวังก้าวออกไปจากห้องแล้ว การันต์ได้แต่มองตามอย่างนึกขอบคุณในน้ำใจของสมหวัง

หนุ่มน้อยถอนหายใจเมื่อภูเมธก้าวมานั่งหมิ่นอยู่ตรงขอบเตียงและยกมือมาวางไว้บนศีรษะของเขา


“เป็นอะไรฮึ กระต่ายน้อย ทำไมถึงเข้ามานอนเล่นในโรงพยาบาลได้”


ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้อยู่กับคนที่ก้าวเข้ามานั่งอยู่กลางใจ ดวงตาที่ทอดมองมาช่างอบอุ่น

จนการันต์ต้องซุกหน้าลงกับไหล่แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเป็นทาง


“เรื่องของเราไม่ใช่ความลับอีกแล้วนะครับพี่มาร์ค คุณลุงทราบเรื่องของเราแล้ว”


“ฮะ อะไรนะ!”


ภูเมธตกใจแม้จะรู้ว่าสักวันเขาก็ต้องเปิดเผยเรื่องความรักของเขากับการันต์ให้บิดารู้ แต่การที่ภูมิรู้เรื่อง

ก่อนเวลาอันควรย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ


“มีคนแอบถ่ายรูปเราสองคนที่กำลัง เอ่อ…จูบกันที่มหาวิทยาลัยไปให้คุณลุง”


ภูเมธกัดฟันหน้าเครียด

เดาเรื่องต่อจากนั้นได้เลยว่าพ่อของเขาต้องมาพูดอะไรกับการันต์ให้คนที่เขารักเครียดจนไม่สบาย

ใครกันที่บังอาจกระทำการอย่างนั้น

หัวสมองของภูเมธกำลังประมวลผล

เขาหันไปฝืนยิ้มให้การันต์พลางดึงร่างบางเข้ามากกกอดอยู่ในอ้อมแขน


“พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายความรักของเราได้ เชื่อมั่นไว้นะกระต่ายน้อย”


การันต์สบตาจริงจังคู่นั้น เขาเชื่อมั่นว่าภูเมธจะไม่มีทางทอดทิ้งให้เขาเจ็บปวด ลูกในท้องที่เป็นพยานแห่งความรัก

จะได้รับการดูแลจากพ่อและแม่

หนุ่มน้อยเอียงหน้ารับริมฝีปากที่ประทับลงมามอบจุมพิตแสนหวานให้เขา อ้อมกอดของภูเมธช่างอบอุ่น

จนสามารถพิงกายแนบไปอย่างมั่นใจ


จูบเนิ่นนานนั้นทำให้การันต์ลืมทุกสิ่ง ลืมแม้กระทั่งว่ามารดาของตนที่ออกไปซื้ออาหารน่าจะกลับเข้ามาได้แล้ว

เขาและภูเมธไม่ได้สังเกตเลยว่าดวงตาคู่สวยคล้ายการันต์จะตกใจแค่ไหนเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นภาพดังกล่าว

กมลอ้าปากค้างก่อนที่จะรีบชักเท้ากลับออกไปแล้วปิดประตูลง คนเป็นแม่ว้าวุ่นอยู่หน้าห้องกับภาพที่เห็น

นึกเสียใจที่ช่วงหลังมัวแต่ยุ่งอยู่กับการดูแลบ้านและสามีจนไม่ได้เอาใจใส่บุตรชายเท่าที่ควร จึงไม่ได้สังเกต

ความสัมพันธ์ของภูเมธและการันต์


กว่าจะรู้ตัวเรื่องก็เลยเถิดจนถึงขั้นที่การันต์ตั้งครรภ์ก่อนเวลาอันควร

น้ำตารื้นเมื่อนึกถึงปัญหาที่บุตรชายต้องแบกรับ แต่คนเป็นแม่ทำได้แค่เพียงให้กำลังใจเท่านั้น

กมลถอนหายใจออกมาแล้วปั้นสีหน้าให้ร่าเริงพลางแกล้งทำเสียงกุกกักอยู่แถวประตูเพื่อเตือนให้คนที่อยู่ด้านในรู้ตัว

ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป


“แม่ไปซื้อโจ๊กมาหน้าตาน่าทานทีเดียว อ้าว คุณมาร์ค มานานแล้วหรือคะ”


“สักพักแล้วครับ ส่งโจ๊กมาให้ผมก็ได้เดี๋ยวผมป้อนโก๋เอง”


ภูเมธรับถุงโจ๊กจากมือกมลไปเทใส่ถ้วยแล้วเดินมานั่งข้างการันต์


“ผมกินเองได้”


“อย่าดื้อสิ มานี่ พี่จะป้อนเอง”


กมลมองภาพภูเมธตักโจ๊กมาเป่าคลายความร้อนก่อนส่งเข้าปากการันต์อย่างสะท้อนใจ ตอนนี้การันต์ยังยิ้มได้อยู่

แต่เธอนึกไปถึงอนาคตเบื้องหน้าแล้วยิ่งนึกสงสารบุตรชายสุดใจ


“คืนนี้ผมจะเฝ้าโก๋เองนะครับ คุณน้ากลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ”


“แต่ว่า…”


“นะครับ แล้วค่อยมาเปลี่ยนผมตอนเช้าที่ผมไปเรียน”


เมื่อเห็นหน้าตาของการันต์ที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับภูเมธแล้วมีความสุขมากนัก กมลจึงยินยอมที่จะกลับบ้านแล้วให้ภูเมธ

ดูแลการันต์ในค่ำคืนนี้

คนเป็นแม่ยืนหน้าเศร้าอยู่หน้าห้องแล้วจึงก้าวเดินจากไป

ตักตวงความสุขไว้ให้ได้มากที่สุดนะลูกแม่ เพราะแม่ยังไม่รู้ว่าลูกจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ลูกรักที่หรือเปล่า






ร่างสูงก้าวลงจากรถเมื่อขับมาจอดอยู่ตรงที่ประจำในมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูที่ว่างด้านข้าง

ก็มีรถสปอร์ตทรงเล็กพุ่งมาจอดเคียงคู่

ร่างเพรียวสมส่วนในชุดทันสมัยและแพงด้วยราคาก้าวเฉิดฉายลงมาพร้อมกับปรายตามองมาทางเขา

ปกติภูเมธไม่ค่อยจะสนใจแอลลี่มากนัก แต่วันนี้เขาหยุดรอให้แอลลี่ก้าวเข้ามาใกล้และปล่อยให้หญิงสาววางมือ

ไปกับแผ่นอกพลางเบียดร่างใกล้ชิด


“ไม่ได้เจอมาร์คหลายวันแล้วนะ คิดถึงจัง”


กลิ่นน้ำหอมชั้นนำรวยรินเข้าจมูก แต่แปลกที่ภูเมธกลับรู้สึกเวียนหัวไปกับกลิ่นนั้น เขารู้สึกว่ากลิ่นสบู่อ่อน

และแป้งเด็กจากร่างกายของใครอีกคนดึงดูดใจมากกว่า


“อืม นั่นสินะ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าคุณวนเวียนอยู่รอบตัวผมตลอดเวลาเลยก็ไม่รู้สิ แอลลี่”


คำพูดที่เหมือนจะรู้ทันทำให้แอลลี่สะดุดหู แต่หล่อนก็แกล้งที่จะไม่สนใจ หางตาของหล่อนมองกวาดไปที่รถของภูเมธ


“ไอ้เด็กขายน้ำเต้าหู้ไม่ได้มาด้วยหรือไง”


“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่”


แอลลี่ชักสีหน้า

ก็ไม่ได้อยากเกี่ยวข้องด้วยหรอก ถ้าไอ้เด็กต่ำชั้นคนนั้นจะไม่คิดมายุ่งกับคนของหล่อน

ดวงตาเคลือบอายแชโดว์สีนู้ด จ้องมองภูเมธอย่างหลงใหล

ตั้งแต่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย หล่อนก็หลงรักภูเมธตั้งแต่แรกเห็น และด้วยความเป็นบุตรีคนโตของนักธุรกิจชั้นนำ

หล่อนจึงใช้ประโยชน์จากมันโดยการให้บิดาเร่งสร้างสัมพันธภาพเชิงธุรกิจกับภูมิและมันก็สำเร็จ

เมื่อมีการเตรียมเป็นทองแผ่นเดียวกันของสองตระกูล


แม้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะไม่ได้มีทีท่ายินดียินร้ายกับหล่อนสักเท่าไหร่ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาแอลลี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนนัก

เพราะภูเมธเองก็ไม่ได้จริงจังกับใครเป็นพิเศษ ถึงอย่างไรแอลลี่ก็ยังถือไพ่เหนือกว่าด้วยสถานะคู่หมั้นที่ครอบครัวจัดการไว้

แต่มาถึงวันนี้ความมั่นใจของหล่อนเริ่มคลอนแคลนเสียแล้ว และยิ่งเจ็บใจหลายเท่าเมื่อคนที่ก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่ง

เป็นแค่เด็กกะโปโลเท่านั้น แอลลี่จะไม่ยอมให้ภูเมธหลุดมือไปเด็ดขาด


สองแขนเรียวคล้องไปรอบคอของภูเมธเมื่อเจ้าหล่อนเบียดอกเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม


“ไม่เกี่ยวหรอก ถ้ามันจะไม่เข้ามายุ่งกับคุณ”


ภูเมธก้มมองใบหน้าที่ตกแต่งงดงาม ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหยัน มือคว้าเอวแอลลี่แล้วดันร่างเพรียวจนแผ่นหลังหญิงสาว

ชนกับรถของเขา ก้าวเข้าไปใกล้จนแอลลี่หายใจหอบมองเขาด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม ใบหน้าของภูเมธเฉียดแก้มหล่อน

ไปนิดเดียวเพื่อที่จะก้มไปกระซิบเบาๆอยู่ตรงใบหู


“อย่านึกนะว่าผมไม่รู้ว่าคุณทำอะไรไว้บ้าง”


แอลลี่ชะงักงันไปกับเสียงกร้าว มันเบาแต่กระแทกเข้าไปในใจจนหญิงสาวสะดุ้ง


“คุณแยกผมกับโก๋ไม่ได้หรอก”


ประโยคนั้นยิ่งทำให้แอลลี่แทบคลั่ง

ภูเมธชักเท้ากลับ เขามองแอลลี่ด้วยสายตาที่ทำให้แอลลี่ขนลุก


“ต่อให้ไม่มีโก๋ ก็ไม่มีวันที่ผมจะรักคนอย่างคุณ”


ภูเมธหันหลังก้าวเดินจากไปแล้วปล่อยให้แอลลี่กำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์ ร่างเพรียวสั่นไปทั้งตัวด้วยโทสะ

ภูเมธ!

คิดจะลองดีกับฉันงั้นหรือ

ดีล่ะ มาดูกันหน่อยเป็นไง ว่าคนอย่างฉันจะแยกนายกับไอ้เด็กบ้าคนนั้นออกจากกันได้หรือเปล่า

นายรู้จักแอลลี่น้อยเกินไปแล้ว



TBC


 :katai1: :katai1:



หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-05-2016 12:46:02
 :z3:

เห้อ  สงสารโก๋มากเลยอะ
หนูจะต้องเข้มแข็งนะเพราะดูแล้วหนูคงพึ่งใครจริงๆไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 26-05-2016 12:57:30
สำหรับแอลลี่  :beat:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-05-2016 13:25:46
ทำไมคุณแม่ถึงพูดยังงี้ล่ะ "ตักตวงความสุขไว้ให้ได้มากที่สุดนะลูกแม่ เพราะแม่ยังไม่รู้ว่าลูกจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ลูกรักที่หรือเปล่า" คุณแม่ไม่คิดจะช่วยลูกชายหน่อยเหรอ หรือว่ากลัวผัวจนผัวสั่งอะไรก็ต้องทำตามน่ะ แล้วลูกชายล่ะจะเป็นยังไงก็ได้หรือไง แค่เป็นกำลังใจให้มันไม่พอหรอกนะถ้าไม่มีผู้ใหญ่ซักคนคอยช่วยเหลือบ้างลำพังเด็กแค่ 2 คนจะไม่ทำอะไรได้ล่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-05-2016 13:57:30
โกน่าจะบอกมาร์คไปตรงๆนะ จะได้ช่วยกันหาทางออก
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-05-2016 16:41:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-05-2016 17:09:05
อ้างถึง
ดวงตาเคลือบมาสคาร่าสีนู้ด
อายแชโดว์ หรือเปล่าคะ?

เราว่าแม่ของโก๋คิดเแปลกๆ  แต่เรารอดูดีกว่า   ว่านางจะยืนอยู่เพื่อลูกไหม?
คนเป็นแม่ส่วนใหญ่จะยืนอยู่ข้างลูก  แต่ในกรณีแบบแม่โก๋นี่เราเข้าใจนางนะ
นางลำบากมานาน เลี้ยงลูกมาจนโตคนเดียวแบบนี้   มาตอนนี้เริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น
มีสามีที่ดีและรักนาง  ถ้าเป็นเมื่อก่อนแน่นอนว่านางจะเลือกลูกก่อน  แต่มาตอนนี้พอได้ชีวิตที่ดีมาแล้วมันก็ยากขึ้นที่จะปล่อยไป   สิ่งที่ขัดแย้งกันก็คือความเป็นแม่กับความเป็นผู้หญิง   คนที่คิดแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่มี   เราเองก็เป็นแม่เราเข้าใจนางนะแม้ว่าส่วนตัวแล้วเราขอเอาลูกก่อนสามีก็ตาม  บางครั้งในฐานะคนนอกจะเอาตัวเองไปเป็นบรรทัดฐานในการวัดคนอื่นเสมอไปก็ไม่ได้หรอกค่ะ   อันนี้เราเมนท์ในฐานะของคนที่ทำงานเกี่ยวกับสังคมสงเคราะห์นะ   เจอมาเยอะค่ะ

มาร์คจะสามารถปกป้องโก๋ได้หรือเปล่านะ?   ขอเถอะค่ะ  ขอพระเอกฉลาดๆมีความสามารถสักคนเถอะนะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-05-2016 20:07:26
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-05-2016 23:10:47
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-05-2016 23:12:58
 :katai1:
เครียดแทนจริงๆ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 27-05-2016 09:07:17
สงสารโก๋จริงๆจะรับมือกับนางมารร้ายได้ยังไง
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 27-05-2016 13:26:05
ทำไมต้องมาอ่านทันตอนจังหวะ มาม่าด้วยว๊าาาาา
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 27-05-2016 16:52:52
ความคิดของแม่โก๋ดูแปลกๆนะ แม่โก๋จะพาโก๋หนีไปไหนรึเปล่า หรือว่าจะเลือกปล่อยให้โก๋ไปแล้วตัวเองอยู่กับลูกในท้องและสามีใหม่? ไม่อยากคิดในทางที่ไม่ดีเลย มาร์คแกต้องสู้นะ อย่าให้นเงแอลลี่นั่นมาทำร้ายโก๋ โก๋ท้องอยู่นะเว้ยยยย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-05-2016 20:07:30
ท้องแล้ว ท้องพร้อมกันเลยค่ะ
ลุ้นแม่โก๋จะทำอะไร

พี่มาร์คคะ รีบเคลียร์ค่ะก่อนที่จะเรื่องยาว
โก๋น่าสงสาร ตั้งแต่เจอมาร์ค มีเรื่องให้ร้องตลอด

สมหวังมีคู่แล้วว คิดดีมีเคือง ง้อด่วนนะ
เตชิตคะ แหนะทำเนียนนะ รักเค้าจริงแล้ว
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 28-05-2016 02:20:48
แม่โก๋แปลก เริ่มมาเหมือนจะดี แต่ทำไม่กลับคิดแปลกๆ แทนที่จะช่วยลูกกับภูเมโ ก็รู้อยู่ว่ามาร์คจะสู้ แทนที่จะสู้เพื่อลูกเพื่อหลาน คิดว่า คงจะพาโก๋หนีมากกว่า ถึงจะมีลูกอีกคนในท้องก็เถอะ  ส่วนโก๋น่าจะบอกมาร์คไปนะว่าท้อง อย่างน้อยในความกังวลก๋ต้องดีใจบ้างล่ะ กำลังจะมีลูก
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-05-2016 09:03:55
แล้วจะเป็นงัยต่อเนี้ย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 26 [26/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: zafiarest ที่ 28-05-2016 11:51:48
แม่โก๋แปลก ตอนแรกเหมือนรัก ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าแม่โก๋ไม่ช่วยโก๋เลย
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-05-2016 19:45:57


                                        รักกลางใจ

                                         บทที่ 27



การันต์นอนพักแค่คืนเดียวร่างกายก็ฟื้นตัวจนคุณหมอให้กลับบ้านได้ แม้ว่าภูเมธจะคะยั้นคะยอ

ให้คนรักพักผ่อนอยู่กับบ้านต่ออีกสักวัน หนุ่มน้อยที่แสนจะรักการเรียนก็ไม่ยอม


“ใกล้สอบปลายภาคแล้วนะครับ อาจารย์นัดติววันนี้ด้วยผมไม่ไปไม่ได้หรอก”


เมื่อการันต์ยืนกรานภูเมธก็คร้านที่จะห้ามปราม วันนี้ทั้งคู่จึงมามหาวิทยาลัยด้วยกัน

รถยนต์คันหรูของภูเมธตรงเข้าช่องจอดที่ประจำ การันต์เตรียมที่จะเปิดประตูออกไปแต่มือนุ่มกลับถูกยับยั้งไว้

ด้วยมืออุ่นของภูเมธ การันต์หันมาสบตาคนขับรถอย่างสงสัย


“อย่าเพิ่งไปสิ”


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


“ลืมอะไรหรือเปล่า”


การันต์นิ่งคิด

ลืมอะไรนะ


“นึกไม่ออกครับพี่มาร์ค ลืมอะไรเหรอ”


“เมื่อเช้าไม่ได้มอนิ่งคิสเลยนะ”


แก้มใสปรากฎเลือดฝาดขึ้นมาทันที การันต์เขินจนต้องหรุบตาต่ำลง

ให้ตายเถอะ!

แพ้ทางดวงตาคู่นี้เวลามองมาด้วยนัยน์ตาที่แทบจะกลืนกินนี่จริงๆ


“หอมแก้มพี่สิ”


ภูเมธป่องแก้มรอพลางจิ้มนิ้วไปที่หน้าตัวเองเพื่อบังคับให้คนที่นั่งหน้าแดงโน้มใบหน้าเข้าหาอย่างขัดเขิน

จนเรียวปากแดงเรื่อใกล้จนแทบจะสัมผัสแก้มภูเมธก็หันหน้ากลับอย่างรวดเร็วจนริมฝีปากนุ่มปะทะกัน


“อื้อ”   


การันต์ประท้วงเมื่อเอวเล็กถูกท่อนแขนโอบเกี่ยวเข้าหาจนแนบชิด ภูเมธง้างงับเรียวปากอิ่มไล่ตั้งแต่ด้านบน

จนถึงด้านล่างพลางแตะลิ้นไล้ลงแผ่วเบา เขาผละออกช้าๆให้การันต์ใจหายเล่นก่อนจะบดน้ำหนักลงไป

กับกลีบปากนุ่มจนการันต์แทบจะหายใจไม่ทัน


เมื่อภูเมธยอมปล่อยให้เป็นอิสระการันต์ถึงกับหายใจหอบไขว่คว้าอากาศเกือบขาดใจ หน้าหวานตวัดค้อน

อย่างแง่งอนจนคนมองอย่างฉ่ำหวานคลี่ยิ้มกว้างพลางยกมือขยี้ผมอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู


“รักนะกระต่ายน้อย”


“รู้แล้วครับคุณสิงโต แต่อย่าเล่นแบบนี้บ่อยนะ มันอันตรายต่อหัวใจนะจะบอกให้”


ท่อนแขนที่ยังไม่ยอมปล่อยการโอบรัดยิ่งกระชับวงแขนให้ยิ่งแน่นเข้ามาอีก


“ไม่รู้ล่ะ อย่าเผลออีกก็แล้วกัน สิงโตตัวนี้จะจูบเหยื่อให้ขาดใจตายไปเลย”


ภูเมธใช้นิ้วมือแต่งผมที่ตัวเองขยี้เล่นเมื่อสักครู่ให้เข้าทรงเดิม ก่อนที่เขาจะกดจูบหนักๆที่พวงแก้มส่งท้าย


“ไปเรียนได้แล้ว ตั้งใจเรียนนะโก๋”


“คร้าบผม”


ยิ้มน่ารักให้เจ้าของหัวใจแล้วร่างเพรียวก็เปิดประตูก้าวลงจากรถเดินฮัมเพลงไปทางอาคารเรียนอย่างอิ่มเอม

ในความรัก เดินทอดน่องจนถึงทางเลี้ยวมุมตึกเมื่อใกล้ถึงที่หมาย เขาเห็นแอนดี้เพื่อนตัวสูงยืนรออยู่ตรงบันได

ทางขึ้นอาคารเรียนแล้ว แอนดี้ยังโบกมือทักทายมาอีกด้วย


แอนดี้ยิ้มกว้างเมื่อเห็นการันต์ ดีใจที่เพื่อนสนิทมีใบหน้าสดใสขึ้นแม้ว่าเขาอาจจะผิดหวังที่การันต์ไม่ได้คิด

กับเขาเกินเพื่อนเช่นเดียวกับที่เขารู้สึก แต่อย่างน้อยความผูกพันที่มีก็ไม่อาจทำให้แอนดี้ตัดขาดความเป็นเพื่อน

กับคนนิสัยดีอย่างการันต์ได้ลง

ร่างผอมบางของการันต์เดินเกือบจะพ้นมุมตึกอยู่แล้ว แต่อยู่ๆแอนดี้ก็ต้องตกใจสุดขีด


“โก๋!”


ตะโกนลั่นเมื่อเห็นการันต์ถูกกระชากแขนจนตัวลอยจากมือที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใครจนหายลับไปจากมุมตึกนั้น   







“โอ๊ย!”


อุทานอย่างตกใจระคนเจ็บเมื่อไหล่บางถูกผลักให้กระแทกกับผนังปูนแข็งๆเขาถูกลากมาด้วยแรงของผู้หญิงตัวล่ำๆ

สองคนที่ไม่เคยรู้จักแม้ว่าจะขัดขืนฝืนร่างไว้ แต่ผู้หญิงสองคนนั้นกลับมีเรี่ยวแรงเยอะกว่าจนกระทั่งลากเขามาถึง

ด้านหลังของตึกที่แสนจะเงียบและห่างไกลสายตาผู้คน ผู้หญิงสองคนนั้นก็ผลักหนุ่มน้อยเซไปกระแทกผนังตึก

จนการันต์นิ่วหน้า และเมื่อเงยหน้ามองอีกครั้งก็เห็นร่างใหญ่ยืนคุมเชิงไว้ไม่ให้เขาคิดหนี


“พวกคุณเป็นใคร พาผมมาที่นี่ทำไม”


ใจนึกกลัวจนหน้าซีด มือเรียวเผลอยกขึ้นกุมหน้าท้องอย่างกังวลด้วยสัญชาตญาณระวังภัย


“เฮอะ ทำหน้าไร้เดียงสาเหลือเกิน”


หนึ่งในนั้นตวาดดังลั่นอีกคนเลยช่วยผสมโรง


“นั่นสิ น่าหมั่นไส้อย่างที่แอลลี่บอกจริงๆ จัดการเลยไหมแอลลี่”


การันต์อ้าปากค้างเมื่อเห็นคู่หมั้นของภูเมธก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าดวงตาคุโชน

เมื่อจ้องมองการันต์อย่างจงเกลียดจงชัง


แอนดี้ชะงัก ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นต้นเรื่อง ร่างสูงพยายามซ่อนตัวเองอย่างยากเย็นอยู่มุมหนึ่งที่ไกลออกไป 

แม้ว่าทั้งสามคนที่ลากการันต์มาจะเป็นผู้หญิงและเขาเองเป็นผู้ชาย แต่เพราะรู้นิสัยของพี่สาวว่าเป็นคนรักแรง

เกลียดแรงแค่ไหน แอนดี้เองยังนึกคร้ามที่จะต่อกรด้วย หัวสมองของเขาต้องหมุนเร็วจี๋เพื่อหาทางช่วยการันต์

มีอยู่คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยการันต์ได้


“โทรหาท่านประธาน โทรหาท่านประธาน”


มือไม้สั่นเมื่อกดโทรศัพท์หาเบอร์ของภูเมธ หัวใจเต้นอย่างระส่ำระสายเมื่อเห็นพี่สาวก้าวเข้าหาร่าง

ผอมๆของการันต์ที่หันหลังชนกำแพงด้วยใบหน้าหวาดหวั่น แอนดี้สบถอย่างเจ็บใจ   


“โอ๊ย! แล้วทำไมกูไม่เคยเมมเบอร์ภูเมธไว้วะ”


ไม่ได้การ ชักช้ากว่านี้ไม่ได้ แอนดี้หันหลังแล้ววิ่งอ้าวเต็มที่ เขาหวังว่าอย่างน้อยแชมป์วิ่งแข่งระดับมัธยม

คงจะทำให้เขาไปพาภูเมธมาถึงที่นี่ทันเวลาห้ามแอลลี่






“คุณแอลลี่!”


“ก็ยังดีที่จำชื่อฉันได้ แล้วจำได้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร”


รูปร่างสูงสง่าราวกับนางแบบเยื้องย่างบนแคทวอล์คก้าวเข้ามาใกล้อย่างคุกคาม การันต์ตัวลีบหันหลังชนกำแพงตึก

ใบหน้าหวานซีดเผือดเหงื่อชื้นอยู่ตามขมับและฝ่ามือ

มือสวยปลายเล็บตกแต่งอย่างงดงามยื่นโทรศัพท์ที่แสดงคลิปจ่อใส่หน้า คิ้วโก่งของการันต์ขมวดมุ่นอย่างสงสัย

แต่แล้วมันก็ค่อยๆยกสูงอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าคลิปนั้นคือคลิปที่ภูเมธกำลังจูบเขาอยู่


“คะ คุณนี่เองที่ส่งรูปไปให้คุณลุง”


แอลลี่หัวเราะเสียงบาดลึก


“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ กับการที่คู่หมั้นกำลังจะถูกแย่งไป”


แอลลี่ขยับเข้าใกล้ ยกมือขึ้นจับที่ปลายคางของการันต์แล้วบีบจนหนุ่มน้อยหน้าเหยเก


“ยิ่งคนที่กำลังบังอาจคิดจะลองดีกับฉันมันเป็นแค่คนกระจอกไร้สกุลรุนชาติอย่างนาย”


ปากอิ่มสั่นระริก ใจดวงน้อยนึกหวาดไปถึงชีวิตน้อยๆที่กำลังอยู่ในท้อง หากแอลลี่ทำอะไรเขา การันต์กลัวว่า

พยานรักระหว่างเขากับภูเมธจะเป็นอันตราย


“ผมไม่ทราบว่าพี่มาร์คมีคู่หมั้น”


เมื่อตอนที่เริ่มมีใจให้กับภูเมธ การันต์ไม่รู้จริงๆ จนกระทั่งเหตุการณ์ถลำลึกจนเกินตัดใจ


“ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วก็ไปให้พ้นมาร์คสิ”


เสียงตวาดอย่างขัดใจพร้อมมือที่ยิ่งกดน้ำหนักลงมาที่คางมนทำให้การันต์มองกลับอย่างไม่พอใจเช่นกัน


“ถึงผมอยากจะไปพี่มาร์คก็คงไม่ปล่อยผมไปหรอก”


เผลอโต้กลับจนแอลลี่ยิ่งลุกเป็นไฟ มือเรียวของแอลลี่ยกสูงและแหวกอากาศฟาดลงมาที่ซีกแก้มนวลจนหน้าสะบัดหงาย

ไปตามแรงตบ

ชาดิกไปทั้งแถบพร้อมกับความตกใจกับความรุนแรงของแอลลี่ การันต์รู้สึกได้ถึงรสเค็มปะแล่มของเลือดที่ไหลซิบ

อยู่ตรงมุมปากเมื่อหนุ่มน้อยค่อยๆหันใบหน้าที่ซีดขาวราวกระดาษกลับมา


“คุณทำเกินไปแล้วนะ”


“เกินไปงั้นเหรอ น้อยไปด้วยซ้ำกับการที่นายคิดจะแย่งมาร์คไปจากฉัน”


มือกดใบหน้าการันต์จนศีรษะด้านหลังถูไถไปกับผนังปูนแข็งๆ เสียงที่เคยหวานเมื่อยามอยู่ต่อหน้าภูเมธบัดนี้

กลับกระชากห้วนด้วยความเกลียดชัง

การันต์เองก็นึกโมโหไม่น้อยเมื่อถูกทำร้ายร่างกาย มือเรียวยกขึ้นมาแล้วผลักแอลลี่ออกจนเจ้าหล่อนเซไปด้านหลัง

เมื่อเป็นอิสระเขาจึงตอบโต้บ้าง


“ผมไม่ได้แย่งพี่มาร์คจากคุณ เพราะพี่มาร์คไม่เคยรักคุณ เขาไม่เคยมีคุณอยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว”


“ไอ้เด็กข้างถนน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ จับมันไว้”


แอลลี่ตะโกนสั่งเพื่อนหญิงตัวล่ำให้ยึดแขนการันต์ไว้คนละข้างจนการันต์ดิ้นไม่หลุดแม้ว่าเขาจะทั้งสะบัด

ทั้งดึงแขนออกจากการยึดจับ ดวงตากลมโตเบิกโพลงอย่างตกใจเมื่อเห็นแอลลี่ปรี่เข้ามาสะบัดมือตบลงไป

ที่ซีกหน้าข้างเดิม


รุนแรงจนสติแทบจะหลุดออกจากร่าง ผมนุ่มถูกจิกให้เงยหน้าขึ้นมา การันต์มองเห็นฝ่ามือของแอลลี่อย่างเลือนลาง

เมื่อมันกำลังลอยละลิ่วลงมาอีกครั้ง


“หยุดนะ!”


เสียงตวาดก้องดังขึ้นจากมุมไหนการันต์ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าฝ่ามือของแอลลี่ถูกกระชากไม่ให้มากระทบกับใบหน้า

อย่างหวุดหวิดพร้อมทั้งแรงยึดที่แขนก็ถูกปล่อยอย่างรวดเร็ว มันเร็วจนการันต์เกือบจะล้มไปกองอยู่บนพื้นถ้าไม่มีร่างสูง

ของแอนดี้ที่รีบคว้าตัวเขาไว้


“มาร์ค!”


“ประธาน!”


แอลลี่พึมพำอยู่ในลำคอเมื่อหันกลับไปสบตาที่วาวโรจน์ราวกับไฟไหม้ป่า รวมทั้งเพื่อนหญิงทั้งสองที่ยืนหน้าซีด

เมื่อเห็นคนที่มาหยุดความรุนแรง

หรือว่าจะมาสร้างความรุนแรงใหม่เมื่อตอนนี้ภูเมธแทบระเบิดออกมาเมื่อเห็นสภาพของคนรัก


“พี่แอลลี่ทำรุนแรงเกินไปแล้ว”


แอนดี้เองก็มองพี่สาวอย่างโมโหเมื่อเห็นเพื่อนสนิทใบหน้าบวมเห่อมุมปากเขียวช้ำไปหมด ขาสองข้างหมดแรงยืน

จนเกรงว่าจะทรุดฮวบลงไปถ้าเขาไม่ช่วยประคองไว้


“เลว”


“มาร์ค”


คำพูดสั้นๆเพียงคำเดียวทว่าย้ำหนักพร้อมกับดวงตาที่ไม่ปิดบังความรู้สึกทำให้แอลลี่สะท้านเฮือก


“แอลลี่ไม่ผิด ก็มันเหิมเกริมจะมาแย่งมาร์คไปจากแอลลี่”


“ไม่มีใครแย่งฉันไปจากเธอหรอก แอลลี่”


ภูเมธจงใจเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้ มือที่ยังบีบแน่นอยู่กับข้อมือของแอลลี่สะบัดทิ้งอย่างรังเกียจ


“เพราะฉันไม่ได้รักเธอและยิ่งไม่มีวันที่จะรู้สึกอย่างนั้น เพราะเธอบังอาจมาทำร้ายคนที่ฉันรัก”


“ไม่จริง!”


เมื่อภูเมธพูดความจริงกลับกลายเป็นแอลลี่ที่ใบหน้าซีดเผือด


“ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณไม่เคยนึกรักฉันสักนิดเลยหรือ ทั้งที่ฉันรักคุณมากขนาดนี้”


“ไม่เคย” มุมปากภูเมธยิ้มหยัน


“และยิ่งตอนนี้ยิ่งเกลียด”


“คุณมันบ้า”


แอลลี่เจ็บใจจนน้ำตาไหล


“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันมอบสิทธิ์นั้นให้เธอ”


สายตารุนแรงเค้นเสียงเย็นเยียบจนอีกฝ่ายขนลุกเมื่อกล่าวประโยคสุดท้าย


“หากเธอแตะต้องคนของฉันแม้แต่ปลายเล็บอีกครั้ง ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปอีกแน่”


ภูเมธหันร่างกลับไปหาการันต์ที่มีแอนดี้ช่วยประคองไว้ การันต์ช้อนสายตาอ่อนแรงมองเขาอย่างขอบคุณ

ภูเมธดึงร่างบอบบางจากแอนดี้มากอดไว้พลางกดริมฝีปากไปที่หน้าผากเพื่อปลอบโยนก่อนที่เขาจะพาการันต์

เดินจากไป แอนดี้มองตามหลังคนทั้งคู่จากนั้นจึงหันมาต่อว่าพี่สาวอย่างไม่พอใจ


“พี่ใจร้ายที่สุด”


ร่างสูงวิ่งตามคนทั้งคู่ที่เดินห่างออกไป โดยที่มีสายตาแห่งความแค้นมองตาม

มีคนเคยบอกว่ายิ่งรักมากเมื่อแค้นก็ยังยิ่งแค้นมาก จนถึงตอนนี้แอลลี่เพิ่งเข้าใจกระจ่างแจ้ง

กำมือจนเล็บแทบจิกเข้าไปในอุ้งมือ ดวงตาสุมด้วยไฟแค้น

แอลลี่จะไม่ยอมให้คนที่ทำให้หล่อนเจ็บช้ำได้เสวยสุขเด็ดขาด

ไม่มีวัน!



TBC

 :beat: :beat:



ใกล้จบล้าวว
มี 32 บท อีกอึดใจเดียว




หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-05-2016 20:02:44
สงสารโก๋จริงๆ ต้องมาเจออะไรแบบนี้
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-05-2016 20:16:38
 :ling2:    รันทดมากเลยโก๋
ยัยแอลลี่บ้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-05-2016 20:33:41
เกิดเป็นโก๋ต้องสตรองซินะ รันทดน่าดู

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-05-2016 21:34:21
อยากจะจับนังแอลลี่ฝังแล้วไถกลบหลายๆรอบ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2016 21:38:40
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 28-05-2016 22:13:15
โก๋ควรบอกพี่มาร์คเรื่องลูกได้แล้ว จะได้ช่วยระวัง

ส่วนแอลลี่  :z6:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-05-2016 23:01:55
อิแอลลี่นางบ้าไปแล้ว!!
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 29-05-2016 08:24:29
ร้ายได้ใจจริงๆ แอลลี่  หวังว่า แอลลี่จะไม่ดักฉุดโก๋
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-05-2016 17:46:46
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-05-2016 19:17:29
ดราม่านังแอลลี่หนักหน่วงจริง ไหนจะพ่ออีก  :katai1:

หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-05-2016 07:15:08
แอลลี่อะไรจะยอะขนาดนี้ เค้าออกจะชัดเจนมาก

สงสารโก๋ เมื่อไหร่จะสงบ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 30-05-2016 08:51:05
อีแอลลี่
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-05-2016 13:15:51
 :3123: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 27 [28/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 31-05-2016 16:18:31
จับแอลลี่ไปนั่งยางซะดีมั้ย  น่าทุบหัวจริงๆ
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 31-05-2016 21:01:29



                                                   รักกลางใจ

                                                    บทที่ 28



“สวัสดีครับ รุ่นพี่มาร์ค อ้าว! เกิดอะไรขึ้น”


คิดดีที่นั่งทำงานอยู่ในห้องคณะกรรมการนักศีกษาเอ่ยขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นภูเมธประคองการันต์

เข้ามาในห้องโดยมีเจ้าเด็กปีหนึ่งตัวสูงที่เป็นเพื่อนสนิทของการันต์เดินหน้าเศร้าตามเข้ามาด้วย

ภูเมธพาการันต์ที่มีใบหน้าเขียวช้ำและเริ่มที่จะบวมเห่อขึ้นให้นั่งลงที่เก้าอี้โซฟารับแขกพลางยกมือ

ประคองหน้าหวานไว้ เขามองภาพอันน่าสงสารนั้นด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ ในขณะที่การันต์เอื้อมมือ

มากุมมือของเขาไว้อีกที


“เลิกทำหน้าบึ้งได้แล้วครับพี่มาร์ค เดี๋ยวหมดหล่อนะ”


โธ่…โก๋

แอนดี้ที่ได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆเห็นภาพนั้นแล้วแทบร้องไห้

เพื่อนของเขาที่ถูกฝ่ามือแค้นของพี่สาวจนหน้าบวมปูดกำลังฝืนยิ้มให้กับภูเมธคู่หมั้นของแอลลี่

แถมยังเป็นฝ่ายกุมมือภูเมธไว้เพื่อห้ามพายุแห่งอารมณ์จากคนเอาแต่ใจ


แอนดี้เคยสงสัยในความสัมพันธ์ที่ดูจะก้าวกระโดดของคนทั้งคู่แต่เขาก็ไม่กล้าฟันธง

แม้ว่าจะพยายามเลียบเคียงถามจากการันต์ แต่เพื่อนของเขาก็เอาแต่อมยิ้มเมื่อพูดถึงภูเมธ

ทั้งที่ในอดีตทั้งคู่แทบจะไม่เคยพูดจาดีๆกันสักครั้ง ทีท่าหวานซึ้งที่เห็นทั้งคู่มองตากันในช่วงหลังๆ

มันทำให้เขาเจ็บ มันยากสำหรับแอนดี้ที่จะทำใจ และคงจะยากสำหรับแอลลี่พี่สาวของเขาที่หลงรักภูเมธมาเนิ่นนาน

แต่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันชัดเจนจนสามารถยืนยันได้แล้วว่าแอนดี้คงไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวเข้าไปอยู่กลางใจ

ของการันต์ได้เลย เมื่อเห็นสายตาที่ถักทอไปด้วยความรักขณะมองผู้ชายที่ชื่อภูเมธ


และสำหรับภูเมธ พี่สาวของเขาก็คงจะไม่มีทางที่จะคว้าหัวใจของชายหนุ่มที่กำลังโน้มใบหน้าไปกดจูบแผ่วเบา

ที่เปลือกตาชื้นด้วยไอแห่งหยาดน้ำต่อหน้าต่อตาของเขาได้อีก แอนดี้รับรู้แล้วว่าหัวใจของภูเมธมีไว้เพื่อใคร

ตั้งแต่ตอนที่เขาวิ่งอ้าวมาหาภูเมธที่ห้องนี้เมื่อตอนที่แอลลี่ลากตัวการันต์ไป

เขาเคยเห็นบุตรชายของภูมิ เจริญเกียรติกุลตั้งแต่เขายังเด็ก เขาจำนัยน์ตาหยิ่งยะโสคู่นี้ได้

นัยน์ตาคู่นี้เปลี่ยนไปเมื่อได้เจอการันต์ มันอบอุ่นและดูเป็นมิตรจนเขาไม่อยากจะเชื่อ

แต่เมื่อสักครู่ที่แอนดี้กระหืดกระหอบมาบอกว่าแอลลี่กำลังจะทำร้ายการันต์ เขาเห็นนัยน์ตาคู่นี้

วาวโรจน์ราวกับสิงโตดุร้ายจนต้องนึกเกรงแทนพี่สาว แอนดี้ยังจำความเจ็บปวดเมื่อภูเมธพุ่งตัวมาบีบไหล่

แล้วตะคอกถามหาสถานที่ได้ว่าแรงบีบที่มือนั้นมากมายมหาศาลแค่ไหน และภูเมธก็พุ่งตัวออกไปเร็ว

ยิ่งกว่าลมพายุที่กำลังบ้าคลั่งเพียงเพื่อที่จะไปช่วยการันต์


เหตุการณ์สดๆร้อนๆที่เพิ่งเกิดขึ้นมันทำให้แอนดี้ต้องยอมรับ ไม่ว่าเขาหรือใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปทำลายความรัก

ของคนทั้งคู่ได้เลย สิ่งที่ทำได้คือกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงไปและยินดีไปกับเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ได้พบกับความรักแท้จริง


“ผมขอโทษแทนแอลลี่”


ไม่รู้ว่าจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้หรือไม่ แต่แอนดี้ก็อยากลอง


“ผมไม่นึกว่าแอลลี่จะทำอะไรงี่เง่าอย่างนั้น”


เขาพูดเสียงเครืออย่างเสียใจ ใบหน้าก้มต่ำอย่างอับอายกับพฤติกรรมของพี่สาวจนการันต์ต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างอ่อนโยน


“ถ้าไม่มีแอนดี้เราคงแย่กว่านี้ ขอบใจนะที่ตามพี่มาร์คมาช่วยไว้”


“โก๋!”


แอนดี้แทบจะทรุดไปคุกเข่าอยู่กับพื้น คิดดีที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่สักพักพอที่จะเข้าใจได้ เขาเดินเข้ามาในวงสนทนา

พร้อมผ้าเย็นยื่นส่งให้รุ่นพี่


“รุ่นพี่ใช้ผ้าเย็นประคบหน้าน้องเขาก่อนเถอะ ผมมียาแก้ปวดอยู่ในกระเป๋าให้น้องเขากินซะแล้วพักผ่อนจะได้ไม่เจ็บ

ไปมากกว่านี้”


ภูเมธถอนหายใจ เขาพยายามโยนความเกรี้ยวกราดในอารมณ์ที่มีทิ้งไป เมื่อตอนนี้สิ่งที่ควรจะทำคือประคับประคอง

ความรู้สึกของคนที่เขารัก ภูเมธรับผ้าเย็นจากคิดดีมาวางไว้ที่มุมปากช้ำของการันต์อย่างเบามือที่สุด

แต่กระนั้นการันต์ก็ยังต้องนิ่วหน้า   


   “เจ็บมากไหม”


“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวก็หายแล้ว พี่มาร์คเลิกอารมณ์เสียได้แล้วนะ”


ภูเมธกัดฟันเมื่อเห็นสีหน้าของการันต์ที่ฝืนยิ้มให้เขา ถ้าไม่มีคิดดีกับแอนดี้อยู่ในห้องด้วยภูเมธอยากจะจูบ

เพื่อรับขวัญเสียด้วยซ้ำ แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือค่อยๆประคบผ้าเย็นลงไปเพื่อให้ความเย็นช่วยลดความเจ็บปวด

และรับยากับแก้วน้ำจากคิดดีส่งให้การันต์กลืนมันลงไปอย่างยากเย็น


“นอนพักก่อนเถอะ”


ภูเมธประคองร่างบางให้ค่อยๆ เอนนอนไปกับโซฟานุ่ม การันต์ดึงมือภูเมธไว้พลางมองเขาอย่างขอร้อง


   “อย่าทำอะไรวู่วามนะครับพี่มาร์ค ผมขอล่ะ”


“พี่ไม่ได้จะทำอะไรวู่วาม พี่แค่ห่วงโก๋อยากดูแลแต่ก็ยังติดงานประชุมโปรเจ็คกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน”


“ไปประชุมเถอะครับ ผมอยู่ได้”


“ผมดูแลโก๋ให้เอง”


แอนดี้รีบยกมือรับอาสา ก่อนที่จะทำหน้าย่นเมื่อเห็นภูเมธหันมาส่งตาดุใส่


“รุ่นพี่ไปเหอะ ผมเองก็ว่างอยู่ช่วงเช้า เดี๋ยวผมช่วยดูน้องให้”


คิดดีรับอาสาอีกคน ภูเมธจึงได้พยักหน้าอย่างเบาใจ เขาก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียนอีกครั้งถึงจะยอมเดิน

ออกจากห้องทั้งที่ยังห่วงใยคนรัก


คิดดีมองภาพนั้นแล้ว เขากำลังชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อ จริงๆเขาก็ไม่อยากจะยุ่งเพราะรู้ว่ายุ่งเรื่องนี้มาก

คนที่จะเจ็บก็คงจะเป็นตัวเขานั่นแหละ แต่ทั้งๆที่รู้ เขาเองก็อยากจะยุ่ง

ก็ถ้าไม่เป็นเพราะอยากได้ยินเสียงของคนๆหนึ่งที่ห่างหายไปนาน เขาก็คงไม่ทำอย่างนี้

คิดดีเข้าข้างตัวเอง เขาเดินห่างจากจุดที่การันต์กำลังปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนเพลียโดยมีแอนดี้นั่งเฝ้าอยู่

แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา


สุดหล่อสมหวัง

คิดดีมองชื่อนั้นแล้วถอนหายใจก่อนจะกดโทรออก

ใจเต้นเร็วกว่าปกติเมื่อรอให้อีกฝ่ายรับสาย และเมื่อรับสายจริงๆ คิดดีก็เกือบจะกลั้นหายใจ


“ว่าไงคิดดี”


ให้ตายเหอะ ผู้ชายคนนั้นเรียกชื่อเขาถูกแล้ว

มันใช่เรื่องที่ต้องลิงโลดขนาดนี้ไหม เขาดุตัวเองในใจ


“หายไปนานเลยนะนาย”


“ก็ผมไม่รู้จะคุยอะไรกับคุณนี่นา”


มันเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่นับเรื่องการันต์ คิดดีก็ไม่รู้ว่าสมหวังอยากจะคุยกับเขาเรื่องอะไร


“คุยกับผมเรื่องบิ๊กแบงก็ได้นี่ ผมเองก็อยากรู้เรื่องบิ๊กแบงของนายที่ต่างจากบิ๊กแบงของผมเหมือนกัน”


งั้นหรือ คุยได้งั้นหรือ

คิดดีใจชื้น


“แล้วโทรมานี่ วันนี้อยากคุยเรื่องอะไรล่ะ มากินบะหมี่เกี๊ยวบ้านผมไหม อร่อยนะ”


ก็น่าสนใจนะ บะหมี่เกี๊ยว

แต่…เดี๋ยวก่อน

นี่เขาไม่ได้โทรไปหาผู้ชายบ้าบอคนนี้เล่นๆนะ


“ก่อนที่คุณจะชวนผมไปกินบะหมี่เกี๊ยวบ้านคุณ ผมว่าคุณควรมาที่มหา’ลัยของผมก่อนนะ น้องชายของคุณน่ะ

ถูกท้าทายเข้าแล้วล่ะ”


เรื่องคร่าวๆถูกเล่าให้คนปลายสายฟัง คิดดีรู้สึกได้ถึงความโมโหลอดออกมา เสียงแข็งนั้นรีบถามอย่างรวดเร็ว


“ตอนนี้ไอ้มาร์คอยู่ที่ไหน”


เมื่อฟังคำตอบจากเขาสมหวังก็รีบวางหู คิดดีกลืนน้ำลายลงคอ

เมื่อไหร่จะแก้นิสัยชอบแส่เรื่องชาวบ้านเขาได้นะ โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่รู้ว่าแส่ไปตัวเองก็ต้องเจ็บด้วย

ช่วยไม่ได้ กล้าแส่ก็ต้องกล้าเจ็บ

คิดดีส่ายหน้ากับตัวเอง








เสียงเอะอะด้านนอกห้องทำให้ภูเมธกับเพื่อนอีกหลายคนสงสัย แต่สงสัยได้ไม่นานต้นเหตุของเรื่องก็เฉลยตัวออกมา


“ไอ้มาร์คอยู่ไหน กูถามว่าไอ้มาร์คอยู่ไหน”


เสียงตะคอกคุ้นหูดังแว่วเข้ามา ทำให้ภูเมธเม้มปากอย่างขัดใจ

ไอ้เพื่อนวัยเด็ก วันนี้กล้าบุกถ้ำเสือ


ประตูห้องถูกเปิดผาง ร่างล่ำของสมหวังประกาศศักดาอยู่หน้าประตู เพื่อนของเขารวมทั้งนักศึกษาคนอื่นด้านนอก

ต่างก็มองหน้ากันเลิกลั่ก


“กูต้องคุยกับมึง”


เพื่อนเก่าก้าวเข้ามาชี้หน้าพูดกับเขา ภูเมธถอนหายใจออกมาอย่างระอา


“ทุกคนออกไปก่อน”


ไม่ต้องรอให้ประธานนักศึกษาสั่งซ้ำคนในห้องรีบกรูกันออกไปแถมยังปิดประตูห้องให้ด้วย เมื่ออยู่ตามลำพัง

สมหวังก็โผเข้าใส่ส่งหมัดลุ่นๆกระแทกเบ้าตาดังปัง

ภูเมธยกมือกุมเบ้าตาแล้วมองสมหวังอย่างโมโห เขาปรี่เข้าหาและต่อยหมัดเข้าใส่มุมปากจนสมหวังหน้าหงาย

ไปเหมือนกัน สมหวังกระโจนใส่จนภูเมธล้มไปกับพื้นก่อนที่จะตามลงไปคลุกฝุ่นกันอยู่บนพื้นห้อง


“มึงมันงี่เง่า ปากก็บอกว่าจะดูแลโก๋ แต่แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ทำไม่ได้ ถุย”


ภูเมธชะงัก เขาปล่อยให้หมัดของสมหวังปะทะลงมาบนใบหน้าเมื่อคำพูดของสมหวังแทงใจดำจังๆ

เขาไม่รู้ว่าสมหวังรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่เพื่อนเก่าของเขาต่อว่ามันคือเรื่องจริง

สะบัดหน้าให้หายมึนงงจากหมัดหนักของสมหวัง เพื่อนเก่าของเขากระชากคอเสื้อให้เขาลุกยืนขึ้นมา

ภูเมธยอมรับว่าเขาอายที่จะสบตาสมหวังด้วยซ้ำ


“เออ กูมันงี่เง่าเอง”


คำยอมรับง่ายๆจากภูเมธทำให้สมหวังอึ้งไปเหมือนกัน เขาไม่นึกว่าคนอย่างภูเมธจะยอมรับโดยไม่ต่อล้อต่อเถียง

สมหวังสะบัดมือออกจากคอเสื้อแล้วยกมือชี้หน้าเพื่อนเก่า


“กูรักโก๋ แต่โก๋มันโง่ที่ไปรักคนอย่างมึง คนที่ดูแลมันได้แค่ปาก” สมหวังด่าเพื่อนเก่าด้วยความเจ็บปวด


“กูยอมถอยเพราะเห็นว่าโก๋รักมึง แต่ถ้ามึงยังไม่ทำอะไรให้เด็ดขาดกูก็ไม่ยอมเหมือนกัน มึงรู้ซะบ้างว่าตอนนี้

โก๋ต้องอดทนเพราะมึงแค่ไหน”


สมหวังคว้าแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเกตมาขยุ้มในมือแล้วปาใส่หน้าภูเมธ

มันกระเด็นร่วงไปอยู่แทบเท้า


“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะยอมให้โก๋เจ็บตัวเพราะมึง ถ้ามีครั้งหน้าอีกกูจะแยกมันออกจากชีวิตของมึง ไอ้มาร์ค”


สมหวังสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง เสียงประตูปิดดังปังเรียกสติของภูเมธให้กลับคืนมาได้ เขาก้มลงคว้ากระดาษ

ที่สมหวังขว้างใส่หน้าขึ้นมาคลี่ออกช้าๆ ภูเมธก้มหน้าอ่าน มือของเขาสั่น ปากของเขาก็สั่น มันสั่นจนต้องกัดไว้

ดวงตาคมเบิกกว้าง


ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลบอกว่า…

การันต์กำลังจะมีพยานรักกับเขา!



TBC


 o22 o22






หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 31-05-2016 21:09:17
โธ่ พี่มาร์ครุ้แล้วอ่ะ รีบไปสารภาพกับผู้ปกครองด่วน นี่เรื่องเครียดของจริงแล้ว  :ruready
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-05-2016 21:10:51
 :z6:   มอบถีบให้แอลลี่อีกที
ปรบมือค่ะในที่สุดพระเอกก็ตาสว่างแล้ว.  เมียกับลูกย่อมมาก่อนนะมาร์ค
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 31-05-2016 22:00:10
 :monkeysad: :กอด1: :mew2:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-05-2016 22:13:13
แอนดี้เอ๊ยแค่ขวางพี่สาวยังไม่กล้าแล้วริจะมีแฟนเป็นผู้ชายหรือ?
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2016 23:33:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 01-06-2016 14:58:09
พี่มาร์ครู้แล้ว ว่า โก๋ท้อง  ดีใจจัง  คราวนี้ช่วยทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวด้วยนะ ดูแลลูกเมียให้ดีๆน้า
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 01-06-2016 15:57:46
รอดูว่าพ่อพี่มาร์คจะว่าอย่างไร ออกมาไม่ดีให้สมหวังพาหนีทั้งแม่และลูกพร้อมตัวเล็กในท้องเลยยย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-06-2016 16:20:06
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-06-2016 17:25:47
พี่มาร์ครู้แล้วว่าโก๋ท้องก็รีบเคลียร์เรื่องให้ชัดเจนได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-06-2016 20:27:00
 :katai1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 01-06-2016 20:53:20
 :hao5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-06-2016 22:41:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 02-06-2016 08:38:14
รอๆๆๆนะคะอัพๆๆๆหน่อยน่าาาาา :L2: :กอด1: :L1: :ling1: :katai5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 28 [31/05/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-06-2016 09:24:01
เอาไงต่ออ่ะมาร์ค!?
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-06-2016 19:14:23



                                                   รักกลางใจ

                                                    บทที่ 29



เตชิตกดจูบลงบนเปลือกตาทั้งสองข้างที่มีขนตายาวเป็นแพอย่างแผ่วเบาจนกระทั่งเจ้าของเปลือกตา

ค่อยๆกระพริบแล้วจึงลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย


“อือ...ตื่นแล้วครับ อื้อ...เต้อย่าเพิ่งสิ ผมยังไม่ได้แปรงฟัน”


มือเรียวรีบยกมาดันใบหน้าที่คลอเคลียอยู่แถวริมฝีปากแต่กลับถูกคนเอาแต่ใจดึงออกไปจนพ้น

แล้วแนบริมฝีปากลงมาจนได้ นภัทรก็เลยต้องปล่อยให้ลิ้นอุ่นเข้ามาควานหาความหวานอยู่ในปากจนหนำใจ

กว่าที่อีกฝ่ายจะยอมปล่อยเขา แต่ถึงกระนั้นร่างกายของเขาก็ยังตกอยู่ในอ้อมกอดอยู่ดี


นภัทรเหลือบตามองนาฬิกาแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้สายมากแล้ว นี่เขาหลับสนิทพร้อมกับฝันหวาน

จนถึงตอนนี้เลยหรือนี่


“ทำไมไม่ปลุกผมนะ บอกแล้วไงว่ามีเรียนวันนี้”


กำปั้นทุบลงไปรัวๆอย่างขัดใจที่แผ่นอกหนาจนเตชิตต้องคว้ามือนั้นไว้และก้มลงมองคนในอ้อมกอด

ด้วยประกายตาพราววิบวับ


“เห็นนายหลับสนิทขนาดนั้น ใครจะกล้าปลุก แล้วอีกอย่างนึง...”


ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปตามกรอบหน้าสวยอย่างอ่อนโยน


“เมื่อคืนนายก็เหนื่อยมามาก ฉันก็อยากให้นายพักผ่อนให้เพียงพอ โอ๊ย! ภัทร ฉันเจ็บนะ”


หน้าขาวแดงก่ำพลางทำร้ายคนรักด้วยการทุบลงไปรัวๆที่ต้นแขนอย่างหมั่นไส้

ก็ใครใช้ให้หักโหมขนาดนั้น เขาเองหมดแรงตั้งแต่รอบที่สองแต่คนที่ยังโอบกอดเขาไว้นี่แหละยังดึงดัน

พาเขาสุขสมจนถึงรอบที่สาม ก่อนที่เขาจะน็อตหลุดทั้งที่ยังกอดกระชับกับร่างแกร่งนี้และทั้งที่นภัทรก็บอกไว้แล้วแท้ๆ

ว่าต้องไปเรียนตอนเช้า


“ก็คุณหื่นนี่”


“ก็นายน่ากินทำไมล่ะ”


“บ้า”


“บ้าแล้วรักไหม”


“ไม่รักแล้ว อุ๊บ...”


กลีบปากนุ่มถูกไล่งับเบาๆเป็นการลงโทษ เตชิตพลิกกายขึ้นทาบทับร่างเพรียวอย่างรวดเร็ว


“อย่าพูดคำว่าไม่รักอีกนะ ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกลงโทษแบบนี้”


เฮ้อ...นภัทรเป่าปากอย่างระอา เอะอะก็ลงโทษ เอะอะก็ลงทัณฑ์

แล้วถ้าบทลงโทษคือการที่ร่างกายถูกกลืนกินแทบจะทั้งตัวแบบนี้ นภัทรคงไม่ได้ไปเรียนแน่ๆ






กว่าที่จะจูงมือกันออกจากห้องของเตชิตก็เที่ยงกว่าแล้ว เตชิตพานภัทรเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์คันงามของเขา

แล้วบิดคันเร่งออกมาจากคอนโดมิเนียม แต่ยังไม่ทันจะไปไหนพ้นเตชิตก็ต้องเบรกตัวโก่งจนนภัทรต้องกอดเอวไว้

ดวงตาของทั้งคู่เบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่ขวางทางอยู่


รถยนต์คันใหญ่สีดำขัดมันปราบหลายคันจอดขวางกลางถนน พร้อมทั้งชายฉกรรจ์ในชุดดำยืนเรียงเป็นหน้ากระดาน

ท่าทางเอาเรื่อง เยอะจนเตชิตไม่สามารถนับได้ในคราวแรกที่กวาดตามอง ในขณะที่นภัทรตัวสั่นอยู่เบื้องหลัง

และสองแขนที่โอบเอวของเขาสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่


“นายน้อยครับ นายท่านให้ผมมารับนายน้อยกลับบ้าน”


ชายคนหนึ่งซึ่งดูมีอายุและน่าเกรงขามกว่าคนอื่นก้าวออกมาพูดเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยการคุกคามทำให้นภัทรสะดุ้งฮือก


“ไม่! ผมไม่กลับ”


เพราะถ้าเขายอมกลับไปนภัทรมั่นใจว่าเขาจะไม่มีวันได้พบกับคนที่เขารักอีก สองมือตรงเอวของเตชิตยิ่งออกแรง

กอดกระชับจนเตชิตต้องวางมือลงไปเพื่อให้กำลังใจ


“คุณก็ได้ยินแล้วว่านายน้อยของคุณไม่อยากกลับไป”


เตชิตเอ่ยเสียงหนักพลางสบตาอย่างเอาเรื่อง อีกฝ่ายแค่นยิ้มดูถูก


“ผมคิดว่าคุณไม่ควรจะแส่หาเรื่อง แค่ผมไม่ได้รับคำสั่งให้เก็บคุณซะนี่ก็ถือว่าคุณโชคดีขนาดไหนแล้ว”


“จะไม่ให้ผมแส่ก็คงจะทำไม่ได้ ผมถือว่าตอนนี้นายน้อยของคุณอยู่ในการดูแลของผม”


“อย่ามาโอหังปากดี!” เสียงตวาดดังลั่น


“ถ้าไม่ยอมก็เตรียมตัวตายเถอะ”


สิ้นเสียงประโยคนั้น ชายฉกรรจ์กลุ่มแรกก็โผเข้าหาพลางกระชากเตชิตให้ร่วงลงมาจากมอเตอร์ไซค์คันใหญ่

เตชิตตั้งสติยกการ์ดต่อสู้อย่างไม่นึกกลัว จะเป็นห่วงก็แต่นภัทรที่ถูกดึงแยกไปด้วยใบหน้าซีดเผือด

แต่ตอนนี้เตชิตทำได้แค่สู้กับสมุนมาเฟียอย่างบ้าระห่ำ


เขาสอยร่วงไปได้หลายคนแต่น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟเมื่อปริมาณของศัตรูนั้นมีมากและแข็งแกร่ง ในที่สุดเตชิต

ก็ถูกอัดเข้าที่ลิ้นปี่จนจุกร่วงไปนอนกองอยู่กับพื้นปล่อยให้พวกที่ยังเหลือรุมสกรัมด้วยเท้าอย่างหมดแรงสู้


“พอแล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันจะกลับไปกับพวกแก ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”


นภัทรที่ถูกจับตัวไว้ตะโกนลั่นทั้งน้ำตาด้วยความสงสารคนรักจับใจ เขาสะอื้นอย่างระทดท้อเมื่อเห็นเตชิตนอนคุดคู้

กลางถนน เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด

ร่างเพรียวถูกลูกน้องของบิดาลากไปขึ้นรถคันหนึ่งแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว คนอื่นจึงได้ละความสนใจจากเตชิต

แล้วเดินทางกลับ


“ถุย”


คนหนึ่งกระทืบลงไปกลางลำตัวพร้อมถ่มน้ำลายใส่เตชิตอย่างเหยียดหยามเป็นการสั่งลา เตชิตกัดฟันพาร่าง

อันบอบช้ำไปที่บิ๊กไบค์ที่ล้มอยู่บนพื้นแล้วออกแรงยกมันขึ้น เขาฝืนตัวเองสตาร์ทรถแล้วขี่ตามหลังได้ไม่เท่าไหร่

เขาก็หมดแรงประคองรถจนต้องปล่อยให้ล้มลงไปอยู่บนพื้นถนนอีกครั้ง

เตชิตได้แต่ทอดสายตามองขบวนรถยนต์พาคนที่เขารักหายไปจนลับตา






กลับเข้ามาในห้องคณะกรรมการนักศึกษาในช่วงบ่าย ภูเมธเห็นร่างบางของการันต์นอนตะแคงตัวหลับอยู่บนโซฟา

ตัวเดิมในขณะที่แอนดี้นั่งสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้อีกตัว เขาจึงเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาเดียวกับการันต์แล้วลูบแขนเล็ก

อย่างอ่อนโยน


แอนดี้สะดุ้งตื่น เขาทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเห็นหน้าดุของภูเมธ ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นและก้าวออกไปจากห้องนั้นอย่างรู้งาน

ทิ้งไว้แต่ภูเมธกับการันต์เพียงลำพัง ภูเมธจึงได้จ้องหน้าหวานนั้นแล้วถอนหายใจออกมา


รัก

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่เมื่อรู้แล้วก็ยากที่จะตัดใจ เมื่อคนที่นอนอย่างอ่อนเพลียนี้ก้าวเข้ามาอยู่กลางใจของเขาเสียแล้ว

และยิ่งตอนนี้กำลังจะมีอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดจากความรักมาให้เขาได้รักเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ภูเมธเอื้อมมือไปวางตรงหน้าท้อง

ของการันต์อย่างเบามือ ยกยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นส่งตรงมาจนหัวใจของเขาพองฟู

สัมผัสของภูเมธปลุกให้การันต์ลืมตาช้าๆ หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมาพลางขยับตัวลุกนั่ง หน้าหวานนิ่วลงเมื่อยังระบมอยู่

บนใบหน้าเริ่มบวมเห่อจนภูเมธต้องประคองใบหน้านั้นแล้วดึงมาพรมจูบปลอบโยน


“หายเจ็บนะกระต่ายน้อยคนเก่ง”


เพราะคำพูดของสิงโตที่กลายเป็นแมวเชื่องๆทำให้การันต์ยิ้มออกและเงยหน้ารับปากนุ่มที่กดลงมาเบาๆ

ตรงมุมปากที่ช้ำจนเป็นรอยเขียวเข้ม จูบของภูเมธทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาจนแทบไม่เหลือร่องรอย


“หายเจ็บแล้วครับพี่มาร์ค ผมไม่เป็นไรแล้ว”


การันต์สบตาของภูเมธเมื่ออีกฝ่ายใช้หน้าผากมาสัมผัสกับหน้าผากของเขา ก่อนที่ภูเมธจะเอื้อมมือมาจับคางเรียวไว้


“มีอะไรจะสารภาพกับพี่ไหม”


การันต์เอียงคอมองกลับอย่างงงัน


“หือ อะไรครับ ผมต้องสารภาพอะไรเหรอ”


ภูเมธเม้มปากอย่างขัดใจพลางดึงกระดาษยับๆแผ่นหนึ่งออกมาจากกางเกงแล้วยัดใส่มือเรียว การันต์รับมาเปิดอ่าน

พอเห็นเนื้อความด้านในหน้าหวานก็ถึงกับยิ้มเจื่อนๆให้ภูเมธที่ยังหน้างอไม่เลิก


“พี่มาร์ค ผมขอโทษ”


“ไม่ยกโทษให้ครับ”


ภูเมธส่ายหน้าพลางเก็บมือมากอดไว้ที่อกตัวเองแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างแง่งอนจนการันต์ต้องแอบซ่อนรอยยิ้มไว้


“คิดจะปิดเป็นความลับจนลูกโตเลยหรือไง รู้บ้างไหมว่าพี่เสียใจที่รู้จากคนอื่นก่อนที่จะรู้จากคนที่พี่รัก”


“ยกโทษให้ผมเถอะนะ”


การันต์โอบกอดภูเมธพลางซบหน้าลงที่ไหล่เป็นการง้อ


“ผมไม่ได้คิดจะปิด แต่เห็นพี่มาร์คเครียดกับหลายๆเรื่อง เลยไม่อยากจะเพิ่มเรื่องเครียดให้กับพี่อีก”


“โก๋”


ภูเมธเอ่ยขึ้นแล้วถอนหายใจหนักหน่วง


“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้พี่เครียด มันเป็นเรื่องที่พี่ดีใจมาก เรากำลังจะมีลูกกัน ลูกที่เกิดจากความรักของเราสองคน

มันทำให้พี่ยิ่งรักและเป็นห่วงโก๋กับลูกมากขึ้นไปอีก นี่ดีว่ารู้หลังจากเกิดเรื่องกับแอลลี่ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้พี่คงขาดใจตาย

ตอนที่รู้ว่าแอลลี่ทำร้ายโก๋ของพี่”


“โธ่พี่มาร์ค ผมขอโทษอีกที”


คำพูดจริงจังของภูเมธเรียกน้ำตาแห่งความตื้นตันจนรื้นขึ้นมาเปียกขนตางอน ภูเมธดึงการันต์เข้าสู่อ้อมกอด

ยกมือลูบผมนุ่มพลางกดจูบที่ขมับ


“สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะดูแลตัวเองและลูก จะกินเยอะๆไม่ใช่เหมือนแมวดมอย่างทุกวันนี้ พี่ไม่ใช่คนเก่ง

อย่างที่คนอื่นเขาคิดหรอก พี่มันก็แค่ไอ้คนไม่ได้เรื่องอย่างที่ไอ้สมหวังมันด่านั่นแหละ แต่พี่จะพยายามทำทุกอย่าง

เพื่อปกป้องคนที่พี่รักทั้งคู่ให้ได้”


การันต์ยิ้มทั้งน้ำตาจนภูเมธอดไม่ได้ที่จะทาบริมฝีปากลงไปบนปากอิ่มที่เผยอรอรับอีกครั้ง คราวนี้ลิ้นอุ่นส่งเข้าไป

ตวัดล้ำลึกจนการันต์ถึงกับเผลอครางหวานแผ่วเบา มือน้อยโอบรอบไปที่ท้ายทอยของภูเมธเมื่อกำลังลอยละล่อง

ไปกับความหวานจากจุมพิตจนแทบขาดใจกว่าที่ภูเมธจะค่อยๆถอนปลายลิ้นออกมา


เสียงเปิดประตูทำให้ทั้งคู่ชะงัก เมื่อหันไปมองต้นเสียงภูเมธก็นิ่งอึ้ง


“ไอ้เต้!”


ร่างสูงของเตชิตเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลและฟกช้ำทั้งตัว ภูเมธรีบลุกขึ้นไปหาเพื่อนอย่างรวดเร็ว


“เกิดอะไรขึ้น”


“ภัทรถูกพากลับบ้านไปแล้ว”


เตชิตเอ่ยอย่างคับแค้น เขาหันไปหาการันต์


“ภัทรเป็นเพื่อนสนิทของสมหวัง เขาต้องรู้ว่าบ้านของภัทรอยู่ที่ไหน ฉันจะมาขอเบอร์เขาจากนาย”






รถยนต์สปอร์ตคันหรูของภูเมธขับตรงมาหยุดอยู่ที่ข้างรั้วทึบที่สร้างจนสูงท่วมหัวกินพื้นที่บริเวณกว้างจนมองไม่เห็นภายใน

บ้านหลังใหญ่ของมาเฟียชื่อดังอยู่ในซอยลึกที่เตชิตจำได้ว่าเขาเคยมาส่งนภัทรเมื่อวันแรกที่รู้จักกันนั่นแหละ ภูเมธมองเพื่อน

อย่างเป็นห่วง


“แน่ใจนะว่าไม่ให้ช่วยจริงๆ”


“อย่าดีกว่า”


เตชิตกล่าวปฏิเสธทันควัน


“มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้นายต้องเข้ามาขัดแย้งไปด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”


“บอกพ่อนายก็ได้นี่หว่า”


ภูเมธยังพยายามรั้งเพื่อนไว้แต่เตชิตก็ยังส่ายหน้า


“นั่นยิ่งแล้วใหญ่ อย่าเพิ่งให้เขารู้เลย”


“แต่นายยังเจ็บนะโว้ย”


“ช่างเถอะ ไกลหัวใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันต้องแก้ไขด้วยตัวเองเท่านั้น แค่มาส่งนี่ก็ดีนักหนาแล้ว”


ภูเมธถอนหายใจอย่างจนใจในความรั้นของเพื่อน แต่เขาก็รู้นิสัยเตชิตดีว่าดื้อเงียบแค่ไหน เขาได้แต่ยกมือตบบ่า

เพื่อนอย่างเป็นห่วง


“ระวังตัวด้วย”


เตชิตมองเพื่อนอย่างขอบคุณ เขาก้าวลงจากรถของภูเมธพร้อมด้วยไม้เบสบอลคู่ใจ ร่างสูงขยับหมวกแก๊ปที่ศีรษะ

เขาเดินไปหยุดหน้าประตูไม้แผ่นใหญ่ที่บดบังภายในจนมองไม่เห็นอะไรสักอย่างพลางกดกริ่งทักทายคนภายใน

ยืนนิ่งพักใหญ่กว่าที่บานประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นคนที่เคยไปพรากนภัทรมาจากเขา รวมทั้งสมุนจำนวนมาก

ยืนนิ่งรอคำสั่งเบื้องหลัง


“คุณกล้ากว่าที่ผมคิด นี่กล้ามาเยือนถึงบ้านเจ้านายของผมเชียวรึ เรื่องเมื่อกลางวันยังสร้างบาดแผลให้คุณ

ไม่เพียงพอหรือไง”


เตชิตไม่ตอบเขาได้แต่แค่นยิ้มและโผเข้าหากลุ่มคนเหล่านั้นพร้อมไม้เบสบอลของเขา เตชิตต่อสู้เพียงลำพัง

ท่ามกลางสมุนมาเฟียที่กรูกันมาจนนับไม่ถ้วน แต่เตชิตก็สู้ขาดใจจนแทบหมดแรง


“หยุด!”


เสียงมีอำนาจดังขึ้นอยู่หน้าตัวบ้านทรงโบราณเก่าแก่ ก่อนที่จะปรากฏร่างชายสูงวัยผมสีดอกเลายืนมือไพล่หลัง

ทอดสายตามองมา ทุกคนจึงได้หยุดและปล่อยเตชิตที่เหนื่อยหอบและยับเยินจนจำเกือบไม่ได้ ร่างสูงต้องใช้ไม้เบสบอล

ยันพื้นช่วยพยุงตัวไว้


“ต้องการอะไรถึงบ้าบิ่นบุกเข้ามาขนาดนี้”


เตชิตพยายามยืดตัวขึ้น เขามองสบตามีอำนาจที่เดาได้ว่าคงเป็นประมุขของกลุ่มมาเฟียชื่อดัง เตชิตค้อมศีรษะให้

ทั้งที่ยังไม่หลบตาสักนิด


“ผมมาหานภัทร” เตชิตพูดเสียงกังวาน


“ผมมาตามเมียของผมกลับไป”


TBC


 :กอด1: :กอด1:




หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-06-2016 19:59:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 02-06-2016 20:16:38
เตชิต แมนมากเลย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-06-2016 20:30:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-06-2016 20:31:55
 :katai2-1:     เอ้าลุย
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-06-2016 20:36:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-06-2016 21:56:36
มาร์ครู้แล้วก็รีบด้วยนะ
โก๋ทั้งน่ารัก น่าสงสาร

คนกำลังสวีทเจอของหนักซะงั้น สงสารเต้ภัทร
เต้โดนน่วมไปนะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-06-2016 22:59:18
ปรบมือรัวๆให้กับความกล้าหาญของพี่เต้
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-06-2016 23:45:37
กล้ามากๆๆๆ พี่เต้เอาใจไปเลย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-06-2016 01:07:38
พี่เต้นายแน่มาก เท่สุดๆ เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 03-06-2016 09:23:27
เต้ สุดยอดคนแมน เอาใจไปเลยยย555
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-06-2016 14:57:46
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-06-2016 15:15:11
ถึงมาร์คจะรู้ว่าโก๋ท้องแล้วยังไง ในเมื่อพ่อมาร์คต่างหากจะยอมรับโก๋หรือเปล่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 03-06-2016 15:23:23
ลุ้นทั้งคู่เตชิตและนภัทร และรอลุ้นว่าโก๋กับมาร์คจะเอาชนะอุปสรรคจากพ่อและแอลลี่ได้ไหมเลย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 03-06-2016 15:43:47
สู้ค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 29 [02/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 04-06-2016 17:08:43
เย่ๆๆ มาต่อแย้ว
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 30 [04/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-06-2016 20:03:47



                                             รักกลางใจ

                                              บทที่ 30



“เต้”


เสียงสั่นเครือดังมาจากด้านในของตัวบ้านก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งออกมาทั้งน้ำตาแต่กลับถูกยึดแขนไว้

ด้วยสมุนตัวล่ำของผู้เป็นบิดาที่ยังยืนมองมาทางเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้ว่านภัทรจะพยายามดิ้นรน

แต่ก็ไม่สามารถมาหาเขาที่ได้แต่มองอย่างเป็นห่วงได้


“ใครคือเมียของนาย หรือว่านายหมายถึงลูกชายคนเดียวของฉัน”


น้ำเสียงมีอำนาจดังขึ้นจากบิดาของนภัทร หัวหน้าแก๊งมาเฟียที่กำลังยืนสง่ามองมายังเขา

เตชิตกลืนน้ำลายลงคอแล้วปลุกใจตัวเองให้ยังพอมีแรง เขาบุกมาถึงขนาดนี้แล้วเพื่อคนที่เขารักเตชิต

จะไม่หันหลังกลับเป็นอันขาด


“ถ้าลูกชายคุณคือนภัทรล่ะก็ ใช่ครับ เขาเป็นเมียของผมและผมก็รักเขามาก”


เตชิตคุกเข่าต่อหน้าบิดาของคนรัก เขาก้มลงกราบจนศีรษะติดพื้น


“ยกลูกชายคุณให้ผมเถอะครับ”


และเมื่อยกศีรษะขึ้นมาเขาเห็นชายสูงวัยกำลังจ้องมองเขา


“จะให้ฉันยกลูกให้นายง่ายๆได้หรือ มันต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ”


พ่อของนภัทรกระตุกยิ้มท้าทายก่อนจะหันไปมองสมุน และเพียงไม่นานมีดคมวาววับเล่มหนึ่ง

ก็ถูกโยนมาหยุดลงต่อหน้าเตชิตอย่างพอดิบพอดี


“ฉันขอนิ้วก้อยมือซ้ายของนายแค่นิ้วเดียวแลกกับลูกชายของฉัน”


“พ่อครับ!”


นภัทรผงะหน้าซีดเผือด ร่างเพรียวออกแรงสะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมและวิ่งมาคุกเข่าเคียงข้างคนรัก

แล้วก้มศีรษะให้บิดาจรดพื้น


“ผะ..ผมรักเขาครับพ่อ และชีวิตนี้คงจะรักใครไม่ได้เท่าที่รักเขาอีกแล้ว”


ไม่มีใครเดาความในใจชายสูงวัยออกว่าเขารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นบุตรชายเพียงคนเดียวประกาศบอกรักผู้ชายอีกคน

ที่นั่งเคียงข้างพร้อมทั้งยื่นมือมาจับกระชับราวกับจะแบ่งปันความรู้สึกเจ็บปวดจากกัน เพราะเขายังคงเก็บความรู้สึก

ไว้ได้อย่างแนบเนียน มีแต่ดวงตาที่ยังทอดมองคนทั้งคู่ด้วยนัยน์ตาคมปลาบ


“พ่อก็ไม่ได้ขัดขวางนี่ บอกแล้วไงว่าขอแค่นิ้วก้อยของเขาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน” ยังคงยืนยันเสียงเรียบ


“ถ้าเขารักลูกจริงก็น่าจะเสียสละได้ แต่ถ้าเขาทำไม่ได้และคิดจะเดินกลับออกไปจากบ้านหลังนี้ครบทุกส่วนล่ะก็...”


ดวงตาที่เริ่มฝ้าด้วยวัยกลับวาวโรจน์ขึ้นมา


“เขาต้องแลกความปลอดภัยของเขากับนิ้วก้อยของลูก”


“พ่อครับ!”


ทั้งเตชิตและนภัทรผงะอย่างตกใจกับคำพูดเฉียบขาดนั้น


“เพราะถ้าไม่มีนิ้วก้อยของลูกเป็นค่าผ่านทาง ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเดินออกไปจากบ้านหลังนี้พร้อมลมหายใจ”


สบตากันอย่างหวาดหวั่นเพราะคำประกาศิตนั่นหมายถึงต้องมีใครสักคนที่สูญเสียนิ้วก้อยข้างหนึ่ง

หากเตชิตรักนภัทรจริงเขาต้องยอมเสียสละนิ้วก้อยของตนเอง แต่ถ้าหากเตชิตไม่ได้จริงจังกับบุตรชายหัวหน้า

แก๊งมาเฟีย และคิดจะเดินออกไปจากที่นี่เขาต้องตัดนิ้วก้อยของนภัทร


“พ่อทำอย่างนี้ก็เพื่อลูก ก็ถ้าเขารักจริงแค่นิ้วก้อยนิ้วเดียวจะเป็นไรไป และถ้าหากเขาไม่ได้รักลูก พ่อก็สามารถเลี้ยงลูก

ที่ปราศจากนิ้วก้อยได้เสมอ”


นภัทรหันหน้าขวับไปหาเตชิต


“ตัดนิ้วผมแล้วกลับไปซะ ชีวิตของคุณมีค่าเกินกว่าจะมาเสียสละตัวเองเพื่อผม”


เตชิตกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินพลางเค้นเสียงตวาดลั่น


“นายจะบ้าหรือไง นายน่ะมีค่าเกินกว่าแค่นิ้วก้อยของฉันมากขนาดไหนรู้ตัวบ้างหรือเปล่า”


เตชิตคว้ามีดที่วางอยู่ด้านหน้าของตนขึ้นมากำแน่นอยู่ในมือ


“เพื่อให้ได้นายมาอยู่เคียงข้าง ฉันจะทำทุกอย่างที่พ่อของนายต้องการ”


“ไม่นะ”


นภัทรยื้อยุดมือที่กำด้ามมีดนั่นไว้ น้ำตาคลอหน่วยตาจนแทบหยาดหยด


“ผมน่ะ มันไม่มีอะไรดีสักนิด ทั้งอ่อนแอ งี่เง่า เซ่อซ่า ชอบก่อเรื่องให้คุณโมโหอยู่เรื่อย มันคุ้มกันที่ไหนหากคุณ

จะต้องเจ็บและเสียสละเพื่อผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า”


“คุ้มสิ คุ้มสุดๆเลยล่ะ”


เตชิตปัดมือนภัทรออกจากมือของเขาแล้วรีบลุกขึ้นยืนพลางยกปลายมีดขึ้นจ่อกับนิ้วก้อยข้างซ้ายของตัวเอง

ท่ามกลางสายตาของคนรักและบิดาพร้อมด้วยลูกสมุนนับสิบ


“เพราะนายคือคนที่ฉันรักไงล่ะ”


“เต้!”


“หยุดได้แล้ว”


เสียงตวาดดังลั่นของคนมีอำนาจที่สุดหยุดการง้างมีดของเชิตได้ทันก่อนที่เขาจะลงน้ำหนักลงกับข้อนิ้วของตัวเอง

บิดาของนภัทรส่ายหน้าอย่างระอา


“นายมันบ้าบิ่น มุทะลุ ไม่เข้าเรื่อง กล้าบุกเข้าถ้ำเสือทั้งที่มีแค่ไม้เบสบอลอันเดียว แกเองก็เหมือนกันเจ้าภัทร

ถ้าต้องไปอยู่กับคนเลือดร้อนอย่างนี้จะต้องใช้ความอดทนแค่ไหน แต่ก็เอาเถอะ...ถึงยังไงฉันก็ยังนับถือน้ำใจของนาย”


บิดาของนภัทรถอนหายใจเฮือกใหญ่


“เห็นแก่คนโง่สองคนที่แย่งกันตัดนิ้วตัวเอง ฉันอนุญาตให้คบกันก็ได้”


“พ่อครับ พ่อน่ารักที่สุด”


นภัทรยิ้มทั้งน้ำตา เขาวิ่งเข้าหาและกระโจนกอดบิดาแน่น คนเป็นพ่อได้แต่โยกหัวบุตรชายอย่างเอ็นดู

ส่วนเตชิตเดินประคองร่างกายอันบอบช้ำจากการต่อสู้เข้ามาหยุดยืนและยกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น

สบตาชายสูงวัย


“ขอบคุณครับที่คุณอนุญาต”


มืออูมใหญ่ยกขึ้นมาตบบ่าเตชิต เขาเองก็นึกนิยมคนรักของบุตรชายอยู่เหมือนกันที่บุกเข้ามาจากประตูรั้วถึงหน้าบ้าน

ได้สำเร็จโดยไม่หมอบกระแตไปเสียก่อน


“ดูแลลูกชายของฉันให้ดีด้วยนะ”


เตชิตสบตากับชายผู้มากไปด้วยบารมี แววตาจริงจังเมื่อรับคำ


“ผมไม่สัญญา แต่ผมจะทำให้ได้ ในเมื่อผมรักภัทรแล้วก็ยากที่ผมจะเปลี่ยนใจ”


นภัทรโผเข้ากอดร่างสูงของเตชิตจนแทบจะอ้าแขนรับไม่ทัน บิดาของเขาส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูอย่างที่น้อยคนนัก

จะได้เห็น เขาก้าวเดินอย่างสง่ากลับเข้าไปในตัวบ้านพร้อมทั้งสมุนโดยปล่อยให้บุตรชายยังตระกองกอดอยู่กับ

คนที่เขาเพิ่งยอมรับในฝีมือ


บางทีเขาอาจจะต้องวางแผนเรื่องการสืบทอดอำนาจใหม่

เฮ้อ!! เด็กรุ่นใหม่ช่างนำพาความปวดหัวมาให้เสียจริงๆ






ภูเมธจูงมือบางมาจนถึงรถ เขาเปิดประตูรถยนต์คันหรูให้การันต์ก้าวไปนั่งแล้วค่อยเดินไปขึ้นอีกฝั่งเพื่อขับรถ

ออกจากมหาวิทยาลัยในตอนบ่ายจัดของอีกวัน ร่องรอยบาดเจ็บบนใบหน้าของการันต์ทุเลาลงมากแล้ว


“ตั้งแต่รู้จักจนกระทั่งมีลูกกันแล้ว เรายังไม่เคยไปเดทกันเลยนะกระต่ายน้อย”


ภูเมธอมยิ้มพลางดึงมือนุ่มมากุมไว้บนตักในขณะที่ขับรถอยู่บนถนน การันต์รีบดึงมือกลับมาพลางย่นหน้าใส่


“พี่มาร์คอย่าซน ตั้งใจขับรถหน่อยสิครับ”


“คร้าบ ได้คร้าบ ดุจังเลย เมียใครน้า”


ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะอยู่ในลำคอ เขาเอียงหน้ามองคนด้านข้างแล้วรีบคว้ามือการันต์มาจูบหนักๆ กลางฝ่ามือ


“พี่มาร์ค”


การันต์อดหัวเราะไม่ได้ หนุ่มน้อยก็เลยยอมปล่อยให้มือตัวเองถูกดึงไปกุมไว้


“ไปดูหนังกันนะ วันนี้ว่างโปรเจ็คผ่านเรียบร้อยแล้ว ดูหนังจบก็หาอะไรอร่อยๆกินกันเจ้าตัวน้อยของพ่อจะได้แข็งแรง”


หน้าหวานพยักน้อยๆตามใจคนรัก ภูเมธฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดีพลางมองกระจกหลังเตรียมพุ่งรถไปกลางเลน

สายตาคมสะดุดกับภาพที่ปรากฏในกระจกเมื่อเห็นรถยนต์คันใหญ่แล่นอย่างรวดเร็วตามมาเบื้องหลัง

ทั้งที่ถนนว่างแต่มันกลับพุ่งตรงมาอย่างกระชั้นชิด


“โก๋ ระวังตัวด้วย!”


เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง เขากล่าวเตือนคนนั่งข้างพลางขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม มือที่จับพวงมาลัยรถเกร็งแน่น

เมื่อต้องแบ่งความสนใจไปที่ถนนเบื้องหน้าและรถที่คุกคามอยู่เบื้องหลัง

การันต์เองก็นั่งตัวตรงอย่างไม่เข้าใจในเหตุการณ์แต่มองจากสีหน้าของภูเมธหนุ่มน้อยก็นึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย

ภูเมธพยายามหมุนพวงมาลัยหนีเมื่อรถยนต์คันนั้นพุ่งมาประกบข้างและเบียดจนชายหนุ่มขับรถเสียหลักลงข้างทาง


“เฮ้ย! โธ่เว้ย”


ยังไม่ทันที่จะแก้ไขอะไรได้ ประตูรถคันดังกล่าวก็เปิดออกพร้อมกับกลุ่มชายที่ใส่หมวกไอ้โม่งปิดบังหน้าตากรูกัน

มาจากรถอย่างรวดเร็ว ท่อนเหล็กถูกทุบที่กระจกรถของภูเมธจนแตกละเอียดก่อนที่พวกมันจะเอื้อมมือมาปลดล็อคประตูออก


“สัส โก๋ เป็นอะไรไหม”


“อ๊ะ พี่มาร์ค!”


ภูเมธผลักประตูรถชนพวกมันแล้วพุ่งตัวออกไป เขาง้างหมัดต่อยจนคนหนึ่งหน้าหงาย และยกเท้าขึ้นเตะ

เข้ากลางตัวไปได้อีกคนหนึ่ง พยายามที่จะก้าวไปหาคนที่กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งการันต์


ผลัวะ!!

เพราะมัวแต่มองการันต์ภูเมธจึงถูกหมัดเข้าที่สันกรามจังๆจนหน้าหงาย พวกมันลากตัวการันต์ออกมาจากรถจนได้


“ปล่อยนะ ปล่อยผม”


การันต์พยายามดิ้นรน ผ้ากลิ่นฉุนถูกโปะลงมาที่ครึ่งปากครึ่งจมูก หนุ่มน้อยกลั้นหายใจแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะพอหมดแรงกลั้น

เขาก็สูดกลิ่นเข้าไป สติของการันต์เริ่มเลื่อนลอย ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนที่สติจะดับวูบคือภูเมธที่ถลาเข้ามาหาด้วยใบหน้า

เดือดดาลแต่กลับถูกท่อนไม้ฟาดเข้าที่กลางหลังจนร่วงลงไปกองกับพื้น


“โก๋”


ภูเมธดันตัวเองขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาทุบกำปั้นลงไปบนพื้นดินอย่างเจ็บใจเมื่อเห็นร่างของการันต์ถูกอุ้มเข้าไปในรถ

แล้วขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว







ภูมิเงยหน้าจากจานอาหารตรงหน้าขึ้นมองบุตรชายที่โซเซเข้ามาอย่างตกใจกับสภาพยับเยินเสื้อผ้าคลุกฝุ่นและใบหน้า

เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ


“เกิดอะไรขึ้น! ใครทำอะไรเจ้าลูกชาย”


ภูเมธกัดฟันหน้าเครียดมาหยุดยืน เขาตบโต๊ะดังปังพร้อมกับเท้าแขนลงกับโต๊ะอาหารและมองหน้าผู้เป็นพ่อ


“จะมีใครทำได้ นอกจากตระกูลที่ป๊าคิดจะลงหลักปักฐานด้วยไงล่ะครับ”


เสียงของภูเมธดุดัน


“มันทำร้ายผมยังไม่พอ มันยังกล้าลักพาตัวคนที่ผมรักไป”


แกร๊งงง


กมลที่กำลังช่วยคนรับใช้ถืออาหารเข้ามาได้ยินเข้าถึงกับมือไม้อ่อน ใบหน้าคล้ายการันต์ร้อนรนปรี่เข้ามาเกาะแขนภูเมธไว้


“คุณมาร์ค โก๋ล่ะ”


ภูเมธยังสู้ตากับผู้เป็นพ่อ


“แอลลี่ทำร้ายผมและเอาตัวโก๋ไป ผมจะไปช่วยโก๋ ป๊าจะช่วยผมหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ช่วยผมก็จะไปคนเดียวเพื่อไปช่วยเมีย

และลูกของผม”


“มาร์ค”


ภูมิหน้าซีดเผือด

ภูเมธสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ


“โก๋คือคนที่ผมรักและเรากำลังจะมีลูกซึ่งก็คือหลานของป๊า ถ้าป๊าไม่ช่วยป๊าก็อาจจะเสียทั้งลูกของป๊าคือผม และหลานของป๊าไปด้วย”


“รวมถึงลูกอีกคนหนึ่งของคุณด้วยค่ะคุณภูมิ” กมลหันมาพูดเสียงเข้มกับสามี


“ถ้าคุณไม่ช่วยโก๋ ฉันที่กำลังตั้งท้องลูกของคุณจะไปจากคุณทันที”




tbc

:z10: :z10:


วันนี้ลงจบเลยอีก 3 บท

เดี๋ยวสามทุ่มลงบทที่ 31

สี่ทุ่มลงตอนจบฮับ


หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 30 [04/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 04-06-2016 20:08:46
 :katai4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 30 [04/06/59] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-06-2016 20:48:26
เข้มข้นนน
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 31 [04/06/59 เวลา 21นาฬิกา] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-06-2016 21:08:54




                                                รักกลางใจ

                                                 บทที่ 31



“เป็นไงบ้างบะหมี่เกี๊ยวบ้านผม”


คิดดีวางตะเกียบลงบนปากชามบะหมี่ที่เขากินหมดจนไม่เหลือแม้แต่น้ำซุปแล้วจึงเงยหน้า

มองคนที่ชักชวนมาด้วยใบหน้าสดใสแม้จะพราวไปด้วยเหงื่อชื้น


“อร่อยมาก ผมไม่เคยกินบะหมี่ที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน ขอสูตรไปให้แม่บ้านฝึกทำได้ไหม”


“ไม่ได้เด็ดขาด” สมหวังส่ายหน้าพรืด


“คนที่จะรู้สูตรต้องเป็นคนในครอบครัวเท่านั้น น่าเสียดายที่ผมไม่มีพี่สาวหรือน้องสาว ไม่งั้นยกให้คุณไปแล้ว”


ยกตัวเองให้ก็ได้นี่

คิดดีแอบรำพึงอยู่ในใจแล้วก็หน้าร้อนผ่าวไปกับความคิดของตัวเอง

นี่เขาจะบ้าหรือเปล่า

ไปคิดอย่างนั้นได้อย่างไรกันนะ


“ร้อนมากเลยหรือ หน้าแดงขนาดนี้”


สมหวังดึงกระดาษทิชชูมาซับเหงื่อให้ คิดดีนั่งนิ่งให้สมหวังทำอย่างนั้นพร้อมกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆในหัวใจ

ผู้ชายคนนี้มักจะห่วงใยคนอื่นจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และด้วยอุปนิสัยแบบนี้แหละที่ทำให้คิดดียังคง

ต้องมาวนเวียนอยู่รอบตัวทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิด


ทั้งที่ไม่มาหาก็ได้ แต่ก็เลือกที่จะมา

ทั้งที่ไม่ต้องเจ็บก็ได้ แต่ก็เลือกที่จะรนหาที่เจ็บ

คิดดีหรุบตาต่ำจากใบหน้าของคนตรงหน้าเพื่ออำพรางความรู้สึกของตัวเอง กิริยาของคิดดีทำให้สมหวัง

มุ่นคิ้วมองอย่างผิดสังเกต


เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังกระชั้นของสมหวังแย่งความสนใจไปได้ เขารีบดึงมันออกมารับในขณะที่คิดดี

ถึงกับลอบเป่าปากออกมาเมื่อผู้ชายตรงหน้าไม่ได้เพ่งมองหน้าให้เขาใจสั่นต่ออีก คิดดีเลยก้มหน้าดูดน้ำ

จากหลอดเมื่อสมหวังกำลังใส่ใจกับข้อความสนทนานั้น

แต่แล้วคิดดีก็แทบจะร่วงลงจากเก้าอี้อย่างตกใจเมื่อสมหวังผุดลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด


“อะไรนะน้ากมล โก๋ถูกลักพาตัวไป”







สมหวังก้าวลงมาจากรถยนต์คันสวยของคิดดีที่อาสาขับมาส่งถึงหน้าบ้านภูเมธ เพราะด้วยอารมณ์อันเดือดพล่านนั้น

คิดดีลงความเห็นว่าเขาคงไม่สามารถขี่เจ้าแก่คันเก่งของเขามาถึงจุดหมายได้แน่ และเมื่อมาถึงหน้าประตูรั้ว

ร่างกำยำนั้นก็โผไปเกาะพลางตะโกนลั่น


“ไอ้มาร์ค มึงออกมาเดี๋ยวนี้ ออกมาหากูนี่ ไอ้ขี้ขลาด”


คิดดีตาเหลือก เขารีบวิ่งลงจากรถไปรั้งแขนชายหนุ่มไว้


“เฮ้ย คุณพูดอะไรอย่างนั้นเนี่ย ไปว่ารุ่นพี่แบบนั้นทำไม”


“อย่ามายุ่ง ไม่อยากได้ยินก็กลับไปได้แล้ว”


สมหวังสะบัดแขนพลางตะคอกเสียงดังใส่หน้า คิดดีถึงกับขอบตาร้อนผ่าวเมื่อได้ยิน


ใช่... เขาไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งด้วยสักนิด

สมน้ำหน้า ที่เขาด่าใส่หน้ามาก็ถูกต้องแล้ว

คิดดีเตรียมถอยเท้ากลับไปที่รถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเขาเห็นภูเมธก้าวมาที่ประตูรั้วด้วยสภาพที่ยับเยินเต็มที


“รุ่นพี่!”


เสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้นทันทีเมื่อภูเมธกดรีโมทประตูให้กว้างออกสมหวังก็โผเข้าไปยกกำปั้นประเคน

ลงบนใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำนั้น แถมรุ่นพี่ของเขายังไม่หลบเสียด้วย


“กูบอกให้มึงดูแลโก๋ให้ดี แล้วนี่มึงทำเหี้ยอะไร”


สมหวังกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายติดมือแล้วตวาดใส่หน้า


“มึงปล่อยให้โก๋ถูกคู่หมั้นของมึงมาทำแบบนี้ได้ไง ไอ้มาร์ค ไอ้คนเหี้ยไม่ได้เรื่อง”


ภูเมธไม่เถียงสักคำ ดวงตาของเขาแดงเรื่อไปด้วยความเจ็บช้ำ ไหล่ทั้งสองลู่ลงอย่างหมดแรงไปกับเสียงดังของสมหวัง

เขาปล่อยให้สมหวังด่าทอจนหมดแรง


“โธ่โว้ย!”


สมหวังผลักภูเมธพลางสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อภูเมธไม่ยอมสู้เขาเหมือนเช่นเคย ซ้ำใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอย

ฟกช้ำยังสลดลงเมื่อก้าวมาเผชิญหน้ากับเขา


“ใช่ กูมันโง่ กูมันไม่ได้เรื่อง”


ภูเมธด่าตัวเอง หางตาคมเปียกชื้นเมื่อในใจของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยการันต์และลูกจนร้อนรนไปหมด


“กูมันแม่งเหี้ยจริงๆ”


ร่างสูงทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วก้มหน้าร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย นี่เป็นครั้งแรกที่ภูเมธร้องไห้หลังจากสูญเสีย

แม่ของเขาไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ภูเมธหวาดหวั่นเหลือเกินว่าเขาจะสูญเสียคนรักไปอีกครั้ง

สมหวังเองก็ยังอึ้งเมื่อเห็นภูเมธร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด เขาไม่เคยนึกฝันว่าคนที่เอาแต่ใจอย่างภูเมธจะเสียใจ

เพื่อใครได้ขนาดนี้ เห็นแล้วสมหวังก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากเย็น


วินาทีนี้สมหวังยอมรับในความรักระหว่างภูเมธและการันต์แล้วว่ามันมากมายขนาดไหน เพื่อนเก่าของเขาเปลี่ยนไป

เพราะหนุ่มน้อยที่เขาเองก็หลงรักไม่แพ้กันแต่คงไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะเข้าไปแทรกกลางได้เลยสักนิด

ภูเมธยกหลังมือป้ายตาลวกๆแล้วผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมที่เพิ่งฉายแววเศร้าเมื่อครู่ปรับเปลี่ยน

เป็นคุโชนแสงขึ้นมา เขาเดินหันหลังกลับไปทางรถยนต์ของเขา


“มึงจะไปไหน”


สมหวังตะโกนถาม


“ไปช่วยโก๋”


ภูเมธตะโกนตอบกลับมาทั้งที่ยังก้าวเดินไปข้างหน้าไม่หยุด


“จะไปคนเดียวได้ไง กูไปด้วย”


“ให้ผมไปด้วย”


สมหวังหันขวับไปหาคิดดีทันที


“กลับบ้านไป!”


“คุณ!”


คิดดีน้อยใจเมื่อได้ยินเสียงตะคอกอีกครั้ง แต่เมื่อคนๆนั้นหันมามองพร้อมกับแววตาอ่อนโยนขอบตา

ของคิดดีก็กลับร้อนผ่าว


“อย่าให้ผมต้องเป็นห่วงนายซ้ำซ้อนไปอีกคนเลย”


เขาเดินจากไปแล้วพร้อมกับกระโจนขึ้นรถที่ภูเมธเร่งเครื่องตรงมาหา และก่อนที่รถของภูเมธจะขับผ่านไป

เขาเห็นนัยน์ตาของสมหวังที่มองมาดังเช่นคำพูดจริงๆ

ก้มหน้าคลี่ยิ้มออกมาในที่สุด

ก็ได้... เขาจะทำตัวไม่ให้คนๆนั้นต้องเป็นห่วง

ผมจะคอยคุณกลับมานะ สมหวัง






เสียงรถยนต์ของบุตรชายที่ขับออกไปจากบ้านทำให้ภูมิถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มและยิ่งเมื่อมองหญิงรูปร่างบอบบาง

ที่นั่งนิ่งเช็ดน้ำตาอยู่ไม่ไกลออกไปเขาก็ยิ่งสับสน


“ทำไมคุณไม่บอกผมเรื่องลูกของเรา”


กมลเชิดหน้าขึ้น แม้ว่ากำลังน้ำตาไหลรินเพราะความเป็นห่วงบุตรชายแต่เธอก็กลั้นสะอื้นไว้อย่างเข้มแข็ง


“เพราะฉันไม่มั่นใจว่าคุณคิดอย่างไรกับฉันไงล่ะ คุณอาจมองว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิงเห็นแก่เงินที่เอาตัวเองมาแลกกับหนี้

ที่ไม่มีปัญญาชดใช้เพื่อให้ตัวเองสุขสบาย”


“กมล! ผมไม่เคยมองคุณแบบนั้น”


ภูมิขยับเข้าใกล้และดึงมือที่เคยทำงานหนักมากุมไว้


“คุณก็รู้ว่าผมรักคุณแค่ไหน”


“ฉันไม่เคยรู้หรอกว่าคุณรักฉันแค่ไหน ตราบใดที่คุณยังทำตัวเหมือนว่าฉันเป็นแค่คู่นอนถาวรที่คุณซื้อตัวมา”


“ผมจะต้องทำยังไงให้คุณมั่นใจว่าผมรักคุณ”


กมลหันมาสบตากับสามี


“ก็แค่เห็นฉันเป็นคนในครอบครัวของคุณ เห็นลูกชายของฉันเป็นคนในครอบครัวของคุณเหมือนกัน


จะมีอะไรที่จะสร้างความสุขให้เราได้เท่าคนในครอบครัวมีความสุข”


มารดาของการันต์กล่าวเสียงสั่นเครือ


“ถ้าคนในครอบครัวมีแต่ความทุกข์ ต่อให้คุณรักฉันแค่ไหนฉันก็ทนไม่ได้หรอก”


กมลกำลังจะบอกอะไรกับเขา ภูมิครุ่นคิดตาม ความหมายของประโยคนั้นกำลังจะบอกว่าเขาทำให้

คนในครอบครัวมีความทุกข์งั้นหรือ


ภูมิตัดสินใจคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อตรงไปที่ปลายทาง เขารอให้อีกฝ่ายรับสายแล้วจึงกรอกเสียงแข็งลงไป


“...ใช่ ผมเอง คราวนี้แอลลี่ทำรุนแรงเกินไปแล้ว ผมรับไม่ได้ที่จะมีลูกสะใภ้แบบนี้ ผมจะขอยกเลิกการ

หมั้นหมายระหว่างเรา ไม่...ผมไม่กลัวสักนิด คุณอยากจะทำลายธุรกิจของผมแค่ไหนก็ทำไปถ้าคุณคิดว่าทำได้ แล้วก็นะ...”


นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยอำนาจเบิกกว้างอย่างมั่นใจ


“รีบติดต่อลูกสาวคุณด้วย บอกให้เขารู้ว่าถ้าเขาแตะต้องโก๋แม้แต่รอยเล็บข่วน ผมไม่ไว้หน้าแน่”









“แล้วจะรู้ได้ไงว่าโก๋ถูกจับไปไว้ไหน”


สมหวังหันไปถามเพื่อนเก่าที่นั่งหน้าเครียดอยู่หลังพวงมาลัยรถ ภูเมธกระตุกยิ้มพลางคว้าโทรศัพท์มือถือราคาแพง

ขึ้นมาแล้วกดปุ่มโน้นปุ่มนี้จนสมหวังงง ก่อนที่จะยกมันขึ้นแนบหู


“อืม...เป็นไงบ้าง ยินดีด้วยนะที่เรื่องจบลงด้วยดี นี่คงบาดเจ็บไปไม่น้อยเลยสิ เฮ้ย เต้ คราวนี้นายต้องช่วยบ้างแล้วล่ะ

โก๋ถูกจับตัวไป ใช่..คนที่นายคิดนั่นแหละ นายเห็นรูปที่ส่งไปใช่ไหม มันเป็นท้ายรถคันที่เอาตัวโก๋ไปที่ถ่ายรูปไว้ได้ทัน

รบกวนนายส่งมันไปตามแก๊งมอเตอร์ไซค์ของนายหน่อยสิ โอเค ขอบใจว่ะ”


สมหวังมองภูเมธอย่างแคลงใจ


“แก๊งมอเตอร์ไซค์ จะได้ผลหรือไง”


สีหน้าของภูเมธมั่นใจเมื่อหันไปมองหน้าสมหวัง


“รู้จักฤทธิ์ของแก๊งซิ่งน้อยเกินไปแล้ว ไอ้เตี้ย”


ยังไม่ทันขาดคำ สมหวังก็ต้องอ้าปากหวอเมื่อเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังไปรอบทิศบนถนนกว้าง

สักพักก็คลาคล่ำไปด้วยแก๊งสองล้อ

ไอ้หน้าซาลาเปานี่ก็พอจะพึ่งพาได้อยู่เหมือนกันแฮะ







ดวงตาเรียวที่ถูกปกปิดด้วยผ้าหยาบสีดำต้องหรี่ปรือสู้แสงเมื่อผ้าผืนนั้นถูกดึงออกพ้นใบหน้าให้หนุ่มน้อย

มองเห็นใบหน้าสวยแต่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองกำลังจ้องมองมายังเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ


“คุณแอลลี่”


การันต์ผวาแต่ก็ไปไหนไม่พ้นเมื่อร่างบอบบางถูกพันธนาการไว้กับเสาต้นใหญ่กลางโกดังร้าง มือเรียว

ถูกรวบไว้ด้านหลังเสาและถูกมัดด้วยเชือกเส้นเขื่อง แม้ว่าจะลองขยับเขยื้อนก็ไม่ขยับ ซ้ำร้ายเกลียวเชือกยัง

บาดเนื้อบางจนเจ็บแสบไปหมด


“ปล่อยผม”


“ฝันไปเถอะ!” แอลลี่ก้าวเข้ามาใกล้ยกมือบีบคางจนการันต์ต้องนิ่วหน้า


“นายทำให้ฉันเกลียดเข้าไส้ คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้นายไปเสวยสุขกับคนที่ฉันรัก”


“โอ๊ย!


การันต์ร้องลั่นเมื่อแอลลี่ใช้มือจับหน้าของเขาดันให้หัวกระแทกกับเสา แววตาของแอลลี่เต็มไปด้วย

โทสะและความเกลียดชังจนฉุดไม่อยู่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สมุนของแอลลี่ที่เป็นชายร่างสูงใหญ่หนึ่งในจำนวนมากหน้าซึ่งกำลังยืนล้อมอยู่รับ

โทรศัพท์แล้วรีบรายงานเจ้านายทันที


“คุณหนูครับ นายท่านโทรมาบอกว่าให้ปล่อยเด็กคนนี้ ไม่งั้นจะเกิดเรื่องใหญ่ครับ แล้วก็เอ่อ..นายท่าน

บอกว่าคุณภูมิโทรมาบอกยกเลิกการหมั้น...”


“กรี๊ดดด”


หญิงสาวกรีดร้องโหยหวนกับประโยคสุดท้าย มือที่กำรอบคอเรียวของการันต์ยิ่งบีบแน่นจนเจ้าตัวตาเหลือก


“แก เพราะแก เพราะแกคนเดียวที่แย่งชิงมาร์คไปจากฉัน เพราะแก”


เหมือนแอลลี่จะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปแล้วเมื่อดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงด้วยไฟแค้น ในขณะเดียวกับการันต์

ก็กำลังจะหมดสติเพราะขาดอากาศหายใจ


เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มด้านนอกเรียกความสนใจจากลูกน้องของแอลลี่ แต่ยังไม่ทันขยับตัวประตูโกดัง

ก็พังทลายจากการพุ่งเข้าชนจากรถยนต์ด้วยฝีมือของภูเมธ ตามมาด้วยจักรยานยนต์คันใหญ่อีกนับสิบคัน

ที่ขี่เข้ามาวนเวียนอยู่ภายในโกดัง และเมื่อลูกน้องของแอลลี่พุ่งเข้าหา เหล่าบรรดาแก๊งซิ่งก็เฮละโลกันทิ้งรถต่อสู้

ภูเมธและสมหวังรีบลงจากรถตรงดิ่งไปยังแอลลี่ที่ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากบีบคอการันต์จนหน้าเขียว


ภูเมธดึงแอลลี่ออกมาอย่างยากเย็นด้วยแรงของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยโทสะนั้นมากมาย และเมื่อดึงออกมาได้

ฝ่ามือของภูเมธก็ฟาดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าจนแอลลี่ร่วงลงไปกองกับพื้น


“มาร์ค!”


แอลลี่กรีดร้องดังลั่นเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นอย่างใจนึก หันไปมองรอบกายก็เห็นลูกน้องตัวเองถูกเล่นงาน

จนสลบเหมือดตามๆกัน สมหวังกำลังแก้มัดให้การันต์ที่กำลังสูดอากาศเข้าปอดจนสำลัก

และภูเมธ ผู้ชายที่หล่อนหลงรักหัวปักหัวปำกำลังยืนจังก้าหน้าตาเอาเรื่องค้ำหัวอยู่ ใบหน้าที่ถูกภูเมธฟาดลงมายังชาดิก


“คุณมัน...ไอ้ผู้ชายใจร้าย ทั้งที่ฉันรักคุณขนาดนี้ ทำไมคุณทำร้ายฉันทั้งร่างกายและจิตใจ”


ภูเมธแทบจะลุกเป็นไฟได้แล้วตอนนี้เมื่อเห็นแอลลี่คร่ำครวญ


“ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันร้ายได้กับทุกคนที่ทำร้ายคนที่ฉันรัก โดยเฉพาะกับเธอไม่ฆ่าทิ้งก็ดีเท่าไหร่แล้ว”


ภูเมธตรงไปหาการันต์ที่สมหวังกำลังประคองอยู่ เมื่อดวงตาสองคู่สบกันทั้งสองก็โผเข้าหากันทันที

มืออุ่นลูบไล้ที่แผ่นหลังเพื่อปลอบโยนเมื่อหน้าหวานซบลงกับบ่ากว้างที่รองรับ น้ำตาแห่งความหวาดกลัว

ไหลรินจนเปียกปอนวงหน้า ภูเมธจูบเบาๆที่ขมับชื้นเหงื่อนั้น


“ไม่เป็นไรนะ กระต่ายน้อย ปลอดภัยแล้ว”



สมหวังมองภาพนั้นแล้วถอนหายใจออกมา มันก็ยังเจ็บปวดอยู่หรอกเมื่อเห็นเต็มตา แต่เขาจะพยายาม

ลบความเจ็บปวดให้ได้


“รีบไปกันเถอะ อยู่นานกว่านี้เดี๋ยวอดใจไม่อยู่จะกระทืบซ้ำไปอีก”


ภูเมธพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขายกมือประคองให้การันต์เดินไปช้าๆพร้อมกับเขา

แอลลี่กำมือแน่น ยิ่งเห็นภาพการแสดงความรักอย่างอบอุ่นก็ยิ่งทำให้สติของหล่อนยิ่งระเบิด


ในเมื่อฉันไม่มีความสุข ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข

ภูเมธทำให้หล่อนรักมากและตอนนี้แอลลี่ก็รู้สึกเกลียดชังผู้ชายคนนี้อย่างรุนแรง ยิ่งรักก็ยิ่งเกลียดจุดหมายของแอลลี่

อยู่ที่ท่อนเหล็กขนาดข้อมือที่วางอยู่กับพื้นไม่ไกลนัก เจ้าหล่อนถลาไปที่มันและคว้ามันขึ้นมาก่อนจะพุ่งไปหาภูเมธและเงื้อมันขึ้น...

ดวงตาคู่หวานที่หันไปมองหญิงสาวอย่างนึกเป็นห่วงต้องเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อมองเห็นสิ่งที่แอลลี่กำลังทำ

มือเรียวสะบัดและผลักภูเมธออกไปจนพ้นทาง


“พี่มาร์ค หลบไป โอ๊ะ!”


ท่อนเหล็กหนาหนักแหวกอากาศลงมาอย่างรวดเร็วกระแทกเข้าที่ท้องของการันต์อย่างจังท่ามกลางความตกใจของทุกคน

ที่หันมามองเหตุการณ์


แต่ตอนนี้การันต์มองไม่เห็นอะไรอีกแล้วแม้กระทั่งเลือดที่ไหลแดงฉานเปรอะเปื้อนไปทั้งท่อนขาของตนเอง




TBC


 :ling3: :ling3:


สี่ทุ่ม ลงตอนจบ มารอหน้าจอกันเฮอะ









หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 31 [04/06/59 เวลา 21นาฬิกา] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 04-06-2016 21:32:46
 :mew3: :mew6: :3123: :sad4:รอๆๆๆๆคะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 31 [04/06/59 เวลา 21นาฬิกา] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-06-2016 21:38:24
โอ๊ย แท้งซะล่ะมั้งน่ะ. สงสารโก๋และลูกจัง
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 31 [04/06/59 เวลา 21นาฬิกา] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-06-2016 21:49:00
 o22 แท้งแหงเลย  :mew5:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 31 [04/06/59 เวลา 21นาฬิกา] MPreg นะคะ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 04-06-2016 21:53:51
อิแอลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลี่
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-06-2016 22:02:14
มารอมารอ

 :katai5:    :katai5:  :katai5: :katai5: :katai5:
.....
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-06-2016 22:02:29




                                                รักกลางใจ

                                                บทที่ 32



ดวงตาเรียวขยับเปลือกตาขึ้นลงแล้วกระพริบถี่เพื่อสู้กับแสงจ้าของหลอดไฟกลางห้องก่อนที่เปลือกตา

จะเปิดได้จนหมด การันต์นอนมองเพดานสีขาวอย่างงงงัน


เกิดอะไรขึ้น?

และตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?


สมองประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีละเรื่องจนกระทั่งต้องเบิกตากว้าง


“พี่มาร์ค!”


หนุ่มน้อยผวาขึ้นมาจนความรู้สึกเสียวแปลบร้าวระบมแผ่ไปทั่วร่างทำให้ต้องทิ้งตัวลงไปอีกครั้ง คราวนี้จึงได้มองสำรวจ

ตัวเองและกวาดสายตามองไปรอบๆ

เขากำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล แขนข้างหนึ่งมีน้ำเกลือแทงไว้ ข้างเตียงมีภูเมธที่นั่งฟุบหลับอยู่ใกล้ๆ

ในขณะที่กมลแม่ของเขากำลังเอนกายหลับอยู่บนโซฟาที่ตั้งอยู่ด้านหนึ่งของห้องพิเศษในโรงพยาบาลเช่นกัน

แรงเคลื่อนของเตียงโรงพยาบาลและคนบนเตียงที่ขยับตัวปลุกภูเมธให้ตื่นขึ้นมา ทันทีที่เขาสะดุ้งตื่นจากท่าฟุบหลับ

ชายหนุ่มก็รีบมองมายังการันต์


“กระต่ายน้อย”


ผุดลุกขึ้นพลางจ้องหน้าการันต์ที่ยังซีดเซียวอย่างห่วงใยและเป็นกังวลก่อนจะโน้มตัวลงไปโอบกอดร่าง

ผอมบางนั้นไว้อย่างอ่อนโยน


“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”


การันต์น้ำตารื้นอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น แขนเรียวยกขึ้นกอดตอบแล้วปล่อยให้หยาดน้ำไหลรินจากดวงตา

ความรู้สึกเหมือนหลับๆตื่นๆจนไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่การันต์รับรู้ได้ว่าตลอดเวลาที่เขา

ยังไม่ได้สติเต็มที่ ผู้ชายที่โอบกอดเขาไว้อย่างทะนุถนอมคนนี้อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา


หนุ่มน้อยผละออกจากอ้อมกอดแล้วยกมือประคองใบหน้าของภูเมธเพื่อมองให้เต็มตา ใบหน้าหล่อเหลา

บัดนี้ซูบซีดจนขอบตาคล้ำ เหนือริมฝีปากมองเห็นไรหนวดเขียวเป็นปื้นเพราะภูเมธไม่ได้ใส่ใจดูแลตัวเอง


รัก!

เขารักภูเมธ

รักผู้ชายคนนี้จนหมดหัวใจ

เหมือนอย่างที่การันต์ก็เชื่อว่าภูเมธเองก็รักเขามากเช่นกัน


ภูเมธกดจูบไปที่กระหม่อมของการันต์อย่างอ่อนโยนและเลื่อนมาจูบที่หน้าผาก ปลายนิ้วเกลี่ยไปที่แก้มซีด

แผ่วเบาก่อนจะย้ายมาแตะที่ปากแห้ง การันต์เปิดรับลิ้นอุ่นที่สอดลึกเข้ามาอย่างอ่อนหวานเพื่อให้หนุ่มน้อยพ้นจากฝันร้าย


“รักกระต่ายน้อยมากนะ”


“รักพี่มาร์คมากเหมือนกันครับ”


เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น บัดนี้การันต์ไม่เขินอายที่จะบอกรักอีกแล้ว เป็นเพราะเขาไม่รู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เขาอยากมอบความรักให้ภูเมธให้มากที่สุด


“หิวไหม นอนหลับไปสองวันเต็มๆ”


ภูเมธคลายอ้อมกอดและเอื้อมมือมาวางบนศีรษะโยกเบาๆอย่างเอ็นดู  ตอนนี้การันต์จึงได้รู้สึกว่ากระเพาะเริ่มทำงาน

จนส่งเสียงครืดคราดไปหมด


“หิวแล้วครับ ไม่หิวก็ต้องกินเดี๋ยวลูกของเราจะบ่นว่าแม่ไม่ดูแลตัวเอง”


เสียงใสชะงักงันเมื่อมองเห็นใบหน้าถอดสีของภูเมธ การันต์ย่นหัวคิ้วอย่างสงสัย


“ทำไมหรือครับ”


“กระต่ายน้อย ฟังพี่นะ”


ภูเมธดึงมือทั้งสองของการันต์มากุมไว้ ใบหน้าของเขาสลดลงพร้อมกับเสียงทอดถอนใจ


“เขาไม่อยู่กับเราแล้ว”


“อะ… อะไรนะ…”


ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาไหลลงมาทั้งที่ยังไม่ได้กระพริบตา


หมายความว่าอย่างไร!

ภูเมธพูดอะไร!

ใครกันที่ไม่อยู่กับเขา


“ไม่จริง ไม่จริง พี่มาร์คโกหก”


เสียงแหบพร่าเบาหวิว หน้าเรียวส่ายไปมาไม่ยอมรับ มือน้อยที่ถูกอีกฝ่ายเกาะกุมพยายามสะบัดออก

แต่ภูเมธยิ่งยึดมันไว้แน่น นัยน์ตาที่มีแต่ความเสียใจแดงเรื่อและสันกรามขึ้นแนวเพราะเขากัดฟันแน่น

ตอกย้ำให้การันต์รู้ว่าภูเมธไม่ได้พูดเล่น


“โก๋ อย่าทำหน้าแบบนี้”


ภูเมธส่งเสียงดังจนกมลสะดุ้งตื่นและผวาลุกอย่างรวดเร็ว


“คุณมาร์คเกิดอะไรขึ้น!”


แม่เลี้ยงถามอย่างตกใจเมื่อเห็นภูเมธจับไหล่การันต์เขย่า


“คุณกมลตามพยาบาลมาเร็วๆโก๋กำลังช็อกเรื่องลูก”


ภูเมธรีบออกคำสั่ง กมลที่เพิ่งตั้งสติได้รีบวิ่งเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว


“โก๋!”


ภูเมธตะโกนใส่หน้าเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยกำลังเบิกกว้างและล่องลอยจนหาโฟกัสไม่ได้


“ตั้งสติหน่อยโก๋”


ไม่จริงใช่ไหม

ลูกไม่ได้อยู่ในท้องแล้ว

มือเรียววางแนบหน้าท้องอย่างเจ็บปวด


“ไม่จริง พี่มาร์คโกหก พี่มาร์คโกหก”


เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตะโกนอย่างบ้าคลั่ง การันต์พยายามดิ้นหนีอ้อมกอดของภูเมธอย่างขาดสติ

น้ำตานองเปรอะเปื้อนใบหน้าเมื่อเขายังทำใจกับการสูญเสียไม่ได้


“โธ่เอ๊ย!”


ภูเมธสบถด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาเองเจ็บยิ่งกว่าเมื่อคราวอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานเข้าห้องฉุกเฉิน

และวินาทีที่แพทย์บอกเขาว่าแรงกระทบจากเหล็กเนื้อหนาด้วยฝีมือของแอลลี่ทำให้เขาสูญเสียส่วนหนึ่งของหัวใจไปแล้ว

วินาทีนั้นภูเมธทรุดลงกับพื้นและปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย บิดาของเขาที่เพิ่งตามมาถึงพร้อมกมลต้องปลอบโยน

เขาอย่างหนักแม้ว่าทุกคนจะเสียใจเช่นกัน


เขาเองกว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งความเสียใจมาได้ก็แทบแย่ แล้วกับการันต์ที่แสนบอบบางเล่า ภูเมธกัดฟันคว้าร่าง

ที่ดิ้นพล่านอยู่บนเตียง พยายามกอดไว้เมื่อการันต์กำลังอาละวาดเพราะความความเสียใจแม้ว่าการันต์จะทั้งทุบทั้งตี

แต่ภูเมธก็จะทน จนกระทั่งแพทย์เจ้าของไข้และพยาบาลวิ่งกรูกันเข้ามาและฉีดยานอนหลับใส่สายน้ำเกลือ

ภูเมธกอดการันต์ไว้จนหนุ่มน้อยหลับลงอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา







กว่าที่การันต์จะทำใจกับการสูญเสียลูกไปก็ใช้เวลาอีกหลายวัน ตอนนั้นภูเมธจึงค่อยเล่าให้ฟังว่าแอลลี่ตั้งใจ

จะทำร้ายภูเมธแต่การันต์ผลักภูเมธจนพ้นทางและกลายเป็นบาดเจ็บแทน

ภูเมธตะโกนลั่นอย่างตกใจ เขาผวาเข้ารับร่างที่ทรุดฮวบ สมหวังพุ่งเข้าหาแอลลี่พลางใช้มือขย้ำผมยาว

และฟาดมือไปที่ใบหน้าเจ้าหล่อนอย่างโกรธแค้นจนแอลลี่เองก็แทบหมดสติ ในขณะที่ภูเมธรีบพาการันต์

ขึ้นรถยนต์มาที่โรงพยาบาล


เมื่อภูมิผู้เป็นบิดาตามไปถึงโรงพยาบาล ดวงตาดุของเขาขุ่นมัวอย่างโกรธจัด ชายผู้มากอิทธิพลออกคำสั่ง

ให้ถอนการช่วยเหลือเรื่องเงินทั้งหมดที่มีต่อตระกูลของแอลลี่ แค่นั้นยังไม่พอเขาสั่งให้ลูกน้องบุกไปถล่มที่บ้านของแอลลี่

จนเละไปหมด จนตอนนี้บิดาของแอลลี่แทบสิ้นเนื้อประดาตัว


“แล้วคุณแอลลี่เป็นยังไงบ้างครับ”


เมื่อทำใจได้แล้ว ร่างกายก็เริ่มฟื้นตัวและแพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ภูเมธจึงได้พาการันต์ไปในสถานที่หนึ่ง

ซึ่งมีรั้วโปร่งสูงกั้นเขตจากภายนอก ภูเมธชี้ให้การันต์มองเข้าไปในดินแดนภายในกว้างขวางท่ามกลางสนามหญ้า

เขียวขจี การันต์เห็นร่างเพรียวที่เคยงดงามนั่งเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซิงใบหน้าหมองคล้ำ


“โธ่ คุณแอลลี่”


หนุ่มน้อยรำพันอย่างเวทนาเมื่อเห็นแอลลี่ที่ตกเป็นทาสของไฟรักเพลิงแค้นจนควบคุมไม่ได้ และสุดท้าย

ต้องเข้ารับการบำบัตที่โรงพยาบาลทางจิตเวช


การันต์รู้แล้ว

ความรักสร้างความอบอุ่นให้แก่ชีวิต แต่บางทีมันก็อุ่นจนร้อนและพร้อมที่จะแผดเผาเจ้าของความรักจนมอดไหม้

การันต์จะไม่ปล่อยให้สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นเกิดกับเขาเด็ดขาด







3 ปีผ่านไป


“เอ้า ยิ้มกันกว้างๆ ชีสสสสส”


เสียงดังลั่นของตากล้องจำเป็นเรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้ กับบรรยากาศเริงรื่นของงานรับปริญญาบัตร


“เรียนจบเสียทีนะโก๋”


พี่ชายที่แสนดีอย่างสมหวังโยกหัวบัณฑิตใหม่เบาๆ การันต์คลี่ยิ้มกว้างให้กับทุกคนที่มาในงานนี้ไม่เว้น

แม้แต่แอนดี้เพื่อนของเขา


“ยินดีด้วยนะโก๋”


หนุ่มน้อยรับช่อดอกไม้จากแอนดี้ซึ่งเมื่อรับรู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างเสียใจและอับอาย เขาก็ลาออกจาก

มหาวิทยาลัยG เพื่อไปเริ่มต้นใหม่ในมหาวิทยาลัยที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าและต้องกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง

เพื่อกอบกู้สถานการณ์ครอบครัว ในช่วงแรกแอนดี้ไม่กล้ามาสู้หน้าเพื่อน จนการันต์ต้องเป็นฝ่ายไปหา

และบอกว่าทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม วันนี้แอนดี้ที่กำลังเรียนอยู่ในปีสุดท้ายมางานรับปริญญาของเขา

กับแฟนสาวที่พบรักกันที่มหาวิทยาลัยใหม่


“ดอกไม้สวย จาอาวว”


เสียงโยเยดังขึ้นจากนางฟ้าตัวน้อยวัยสองขวบที่อยู่ในอ้อมแขนของกมล


“ไม่ได้นะคะกิ๊บเก๋ นั่นของพี่เขา”


กมลปรามบุตรสาวตัวน้อยเบาๆ


“ไม่เป็นไรครับแม่ น้องอยากได้ก็ให้น้องเถอะ”


การันต์ดึงดอกไม้ดอกหนึ่งจากช่อใหญ่ส่งให้เด็กหญิงตัวป้อมที่เป็นน้องสาวของเขาและภูเมธที่กลายเป็นขวัญใจของบ้าน


“เรียนจบแล้วก็ปั๊มลูกกันเสียทีนะ เดี๋ยวไม่ทันเพื่อน”


เตชิตส่งเสียงหยอกเย้าภูเมธเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ห่างกายการันต์ จนการันต์หน้าร้อนเห่อ


“บ้า เต้ก็ไปแซวน้องอยู่ได้”


นภัทรที่อุ้มเด็กชายหน้าตาละม้ายคล้ายทั้งเตชิตและตัวเองกระทุ้งศอกใส่สามีจนเตชิตต้องย่นหน้า

หลังจากที่ผ่านการทดสอบอย่างหฤโหด ครอบครัวของทั้งคู่ก็เปิดทางให้คบกันได้ และนภัทรก็เพิ่งรู้เมื่อเหตุการณ์เหล่านั้น

ผ่านไปว่าเขาเองกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆก็เป็นจังหวะที่เรียนจบพอดี นภัทรจึงให้กำเนิดบุตรชายซึ่งก็มีวัยไล่เลี่ยกับน้องสาว

ของการันต์ ส่วนเรื่องกิจการของครอบครัวเลยกลายเป็นว่าเตชิตเข้าไปสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมาเฟียแทนนภัทร

แต่นภัทรก็สลับมาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวสามีแทนซึ่งเป็นงานที่เขาถนัดกว่า


“เฮอะ ทำคุย แค่คนเดียวเดี๋ยวคืนนี้ก็ทัน เนอะ กระต่ายน้อย”


“พี่มาร์ค พูดอะไรอย่างนั้นนะ”


กำปั้นน้อยๆทุบเข้าที่กลางอกกับคำพูดกำกวมของสามี เตชิตหัวเราะใส่เพื่อน


“ยังไงก็ไม่ทัน หน้าจืดบอกน้องมันไปสิ ว่าถูกเสกคนเข้าท้องตอนนี้อีกคนหนึ่ง”


การันต์ตาโตเมื่อหันไปมองนภัทรที่หน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุก


“จริงหรือครับ นี่ท้องคนที่สองแล้วหรือครับ ดีใจด้วยนะครับ”


“แกเป็นแม่พันธุ์หรือไง เดี๋ยวก็ท้อง เดี๋ยวก็ท้อง”


สมหวังแซวนภัทรเพื่อนสนิท เลยถูกฝ่ามือพิฆาตข้างที่ไม่ได้อุ้มลูกฟาดเข้าที่ต้นแขน


“ใครจะเหมือนแก ช้าจนคิดดีมันจะรอไม่ไหวแล้ว ระวังเหอะจะหลุดมือ”


“เออๆไม่ช้าก็ได้”สมหวังหันขวับไปหาคิดดีที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ


“เป็นแฟนกันนะ”


เขาพูดง่ายๆ แต่เล่นเอาคิดดีหน้าร้อนเห่อ


“คุณจะบ้าหรือไง มาบอกอะไรกลางงานงี้เล่า”


สมหวังยิ้มกริ่ม เวลาผ่านไปความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นถูกเยียวยาไปหมดแล้วแม้ว่าจะต้องใช้เวลา


สมหวังยอมรับว่าคิดดีมัดใจของเขาไว้ได้ด้วยความอดทนจริงๆเขาเลยรวบร่างคิดดีมากอดและกดจูบไปที่แก้มแรงๆ


“จะยอมหรือเปล่า ไม่ยอมก็จะจูบกลางงานนี่แหละ”


คิดดีฟาดมือลงบนไหล่สมหวังจนร้องอุบ


“เฮ้ย ไอ้พวกเมียๆนี่ยังไงนะ มือไวใจเร็วกันจริง เดี๋ยวก็ฟาดเดี๋ยวก็ตี เจ็บนะโว้ย”

เสียงหัวเราะดังผสานขึ้นกับคำโวยวายของสมหวัง







กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็พลบค่ำ การันต์เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างสดชื่นหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากงานรับปริญญา

ตลอดทั้งวัน

ภูเมธนอนหลับอยู่บนเตียง การันต์อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นสภาพสามี ภูเมธเหนื่อยจากงานที่เข้าไปรับผิดชอบแทนบิดา

ซึ่งปลดระวางจากงานและมักจะพากมลกับลูกสาวคนใหม่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ แต่วันนี้ภูเมธเคลียร์เวลา

เพื่อมางานสำคัญงานหนึ่งของเขา การันต์ปิดไฟกลางห้องแล้วจึงขึ้นไปนอนเคียงข้างสามีที่หลับตาพริ้ม


รัก

คงไม่มีคำไหนจะดีกว่าคำนี้ เมื่อเวลาที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าต่างก็เข้าไปอยู่กลางใจซึ่งกันและกัน

การันต์ก้มลงหอมแก้มภูเมธเบาๆ ก่อนที่เขาจะตกใจเมื่อถูกวงแขนของคนที่หลับตาอยู่คว้าเข้ามากอด


“พี่มาร์ค ไม่ได้หลับหรือครับ”


“จะหลับได้ไง ต้องอยู่บอกรักไอ้เด็กขี่จักรยานซุ่มซ่ามคนนี้ก่อน”


“บ้าจริง ผมบอกแล้วไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ”


การันต์ยู่ปากใส่


“คร้าบ ทราบแล้วครับ งั้นพี่บอกรักกระต่ายน้อยแทนก็แล้วกันนะ”


เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้น แล้วเจ้าตัวก็พลิกร่างมานอนทับ


“จะทำอะไรพี่มาร์ค ไหนว่าเหนื่อย”


เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มในความมืดเมื่อภูเมธเริ่มซุกไซ้อยู่แถวซอกคอ


“จะปั๊มลูกแข่งกับไอ้เต้ไง ปล่อยให้มันล้ำหน้าไปสองคนแล้ว”


การันต์หัวเราะออกมาก่อนเสียงนั้นจะถูกดูดซับไว้ด้วยริมฝีปากของภูเมธ




---------------------------------------- THE END ----------------------------------


:L1: :L1:



เย้ๆ ในที่สุดก็ Happy Ending ^^


ขอบคุณคนอ่านแทนมาร์คกับโก๋ด้วยนะคะ ที่อยู่กันมาจนถึงตอนจบ


ถึงแม้ว่าอีพี่มาร์คจะทำตัวแย่ๆจนคนอ่านระอาแทนโก๋น้อย


แต่ถึงอย่างไรพี่มาร์คก็รักโก๋น้อยมากน้า...





อ่านจนจบแล้ว คนแต่งขอกำลังใจจากคนอ่านเป็นความคิดเห็นเก๋ๆกันบ้างนะคะ


แล้วพบกันใหม่ในนิยายเรื่องอื่นๆของคนแต่งค่ะ



Thank you


Belove

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:






หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-06-2016 22:10:00
 :hao5:    เริ่มกันใหม่นะโก๋
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-06-2016 22:13:18
 :a5: ลง 3 ตอนรวดจนจบเลยจริงๆ ด้วย  :katai2-1:

เป็นนิยายที่สนุกดีค่ะ อ่านเพลินๆ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-06-2016 22:23:12
ก้อชอบนะ เกเรนิดๆ ดราม่าหน่อยๆ แทรกความรักครอบครัว

เป็นกำลังใจให้น้าาาาา. จะติดตามผลงานต่อต่อไป

   :bye2:  :pig4:   :bye2:  :pig4:   :bye2:  :pig4:

...
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 04-06-2016 22:25:11
ชอบมากกกกกกกกกก

ขอตอนพิเศษน้าาาาาาาาา

พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-06-2016 22:29:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   ขอบคุณคนแต่งมากๆครับบบบ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Naam3 ที่ 04-06-2016 22:39:00
 :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1: the อ่านสนุกมากกคร้า...จะรอติดตามเรื่องใหม่นะจร้า
เป็นกำลังใจในเรื่องต่อไปน่า :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-06-2016 23:19:49
เสียดายที่โก๋แท้งอ่ะ :ling1: :ling1: :ling1:

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-06-2016 02:21:59
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ เสียดาย และสงสารพี่มาร์คกับโก๋น้อยที่เสียลูกไป โดนเต้กับภัทรแซงหน้าไปสองคนเลย  ปั๊มเบบี๋ตามให้ทันน้า

ว่าแต่คนเขียนจะแต่งตอนพิเศษเพิ่มอีกมั้ยคะ อยากอ่านคู่เฮียสมหวังกับคิดดีอีกจัง
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-06-2016 07:55:20
จบแล้ว สนุกมากๆเลยค่ะ
แต่เหมือนตอนจบจะดูรวบๆหน่อย จะมีตอนพิเศษไหมน้อ?
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 05-06-2016 11:53:09
อยากได้ตอนพิเศษจังเลยค่ะชอบมาก
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-06-2016 12:36:50
ในที่สุดก็มีความสุข แต่เต้ไวไฟมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-06-2016 13:57:20
ในที่สุดก็แฮปปี้ซะที
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-06-2016 16:51:10
อ่านสนุกดีค่ะ   แม้จะมีตอนที่ดราม่าแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเครียดแต่อย่างใด
ตอนใกล้จบอาจจะรู้สึกว่ารวบรัดไปนิด  ตอนที่ไปช่วยโก๋ นั้นรู้สึกกลายๆว่าเหมือนกับการเล่มแบบรวบรัดสรุปตอนมากกว่าการดำเนินเรื่องทั่วไป     ส่วนที่ว่าเป็นแนวเรื่องผู้ชายท้องได้นั้น เราว่าถ้าหากว่าเคะทุกคนในเรื่องนี้สามารถท้องได้ก็น่าจะบอกตั้งแต่ต้นดีกว่า  จะได้เป็น fact establish ไปว่าเป็น Mpreg Universe  คือจะได้ไม่รู้สึกว่าอิหลักอิเหลื่อที่ตอนจบพากันท้องเป็นแถวๆ     คือตอนที่โก๋ท้องไม่ท้องนั้นก็ยังลุ้นกันอยู่ว่าจะ Mpreg  พอโก๋ท้องขึ้นมาปุ๊บก็คิดว่าเป็นอะไรที่พิเศษมากที่โก๋ท้อง   พอมาตอนสุดท้ายที่พากันท้องก็กลายเป็นข้อเท็จจริงไปว่าผู้ชายก็ท้องได้ หรือเคะท้องได้แทน  เพราะว่าไม่มีการปูเรื่องมาก่อน   อาจจะเพราะว่าเรื่องนี้แปลงมาจากฟิคหรือเปล่าคะเลยเอาอัตลักษณ์ของแฟนฟิคมาด้วย   

ตอนก่อนที่ภูเมธกับเพื่อนตบแอลลี่นั้นเรายังนึกเลยว่าจะออกมาแบบไหน? ผู้ชายเรื่องนี้เป็นสุภาพบุรุษกันจึงไม่ทำร้ายสตรี?   แต่พอตบจริงๆเราโอเคค่ะ   ปี 2016 แล้ว  เรียกร้องสิทธิ์เท่าเทียมระหว่างเพศกัน  กรณีจึงต้องเป็นอีกอย่างที่ต้องรับไปด้วยในเมื่อตัวเองเป็นคนตามทำร้ายเขาก่อน  แอลลี่เป็นบ้าไปก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดี

ตอนที่แม่ของโกุ๋ยกับพ่อของมาร์กนี่เราไม่ค่อยรู้สึกถึงความรักที่แม่โก๋มีให้อีกคนนะคะ  หรือว่าเราอ่านข้ามไป   คือเหมือนกับว่ามีข้อแม้ให้สามีใหม่แต่ไม่ได้เอ่ยถึงความรักจากตัวเองสักเท่าไหร่  ถ้าเข้าใจผิดก็ขอโทษค่ะ

โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นนิยายที่อ่านสนุกเรื่องหนึ่งค่ะ  หวาน เศร้า บู๊  ครบรส  ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 06-06-2016 18:15:42
จบแล้ว แอบเสียดายที่โก๋แท้งนะ สงสารมากๆด้วย แต่จบแบบนี้ก็ทำให้โก๋เรียนจบ  ทุกคนที่ความสุข  ดีเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-06-2016 22:37:35
 :กอด1: ปลื้มมากค่ะ มาแบบรัวๆมาก ขอบคุณนะคะ
เรื่องน่าลุ้นตลอดเวลา มีตอนพิเศษไหมน้า

สงสารโก๋ แต่ก็สมหวัง พี่มาร์คดูแลดีเลย
ปล่อยให้นภัทรทำแต้มนำก่อนซะงั้น
แต่เด๋วโก๋ก็ปั๊มแฝดเนาะ 555

คิดดีน่ารัก สมหวังให้ไปเฝ้าร้านแทนหรือเปล่า

ทุกคู่น่ารักหมดเลยค่ะ ฝั่งชายนี่รุกหนัก รุกไวมาก

รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> บทที่ 32 [04/06/59 เวลา 22นาฬิกา] จบแล้วค่ะ [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 07-06-2016 10:58:35

เรื่องร้ายผ่านไป

เหลือแต่เรื่องดี

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-06-2016 23:49:08
พระเอกโคตรกากเลย ลูกตัวเองแท้ๆปกป้องไม่ได้ ปล่อยอินั่นไปตั้ง4ครั้ง ไม่ทำอะไรนอกจากตบ ไม่ระวังตัวด้วย ประมาทชะนีเกินไป ช็อคตอนแท้งมาก ปกติก็คาดหวังไว้ว่าเด็กจะปลอดภัยอ่ะ แต่ก็ดีที่จบแฮปปี้ อารมณ์อย่างหน่วงถึงจะเคลียร์ทุกอย่างแล้วก็เถอะ ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 08-06-2016 10:14:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 08-06-2016 23:10:33
อ๊ากกก ถึงจะเสียลูกไป แต่ถึงเวลาที่เหมาะสมก็ปั๊มใหม่ได้เนอะ :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 09-06-2016 01:28:34
 o13ขอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 09-06-2016 17:16:45
ตอนแรกนึกว่าโก๋จะพาลูกหนี ดีแล้วที่ไม่หนี ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 25-06-2016 15:56:11
น่าสงสารที่เสียลูกไป แต่ไม่เป็นไรปั้มใหม่ได้  :z1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 25-06-2016 20:48:07
 :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 26-06-2016 16:07:03
 :L2: ดีใจกับทั้งคู่ด้วยกว่าจะผ่านอุปสรรคไปได้ รอตอนพิเศษจ้า
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 26-06-2016 22:52:50
สนุกค่า จะตามอ่านเรื่องต่อไปน้าาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 27-06-2016 19:10:45
 o13
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 28-06-2016 11:57:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-06-2016 18:31:51
อ่านเพลินดีค่ะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 29-06-2016 21:02:11
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: < รักกลางใจ >> [MPREG] ประกาศรวมเล่ม+ตัวอย่างหน้าปก
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-07-2016 18:47:39

มีความยินดีจะแจ้งให้ทราบว่า
รักกลางใจจะพิมพ์โดย สนพ.รสิตา
ในเดือนสิงหาคมนี้



โปรดเก็บไตเผื่อไว้ให้น้องโก๋ด้วยก็จะยินดีหลายๆ


 :man1: :man1: :man1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG] ประกาศรวมเล่ม+ตัวอย่างหน้าปก
เริ่มหัวข้อโดย: KJ_Blue ที่ 23-07-2016 16:53:37
จะมีตอนพิเศษมุ้งมิ้งไม๊น้อ :-[
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG] ประกาศรวมเล่ม+ตัวอย่างหน้าปก
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 24-07-2016 00:59:06
จบแบบมีความสุขกันหมด ดีจัง
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG] ประกาศรวมเล่ม+ตัวอย่างหน้าปก
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 26-07-2016 23:20:28
 :L1: น่ารักนะ อ่านสบายๆ ไม่หนักมาก เก่งอ่ะ สู้ๆ นะคนแต่ง ขอบคุณมากๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG] ประกาศรวมเล่ม+ตัวอย่างหน้าปก
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 27-07-2016 14:47:59
จบแล้ว อ่านรวดเดียวจบเลย

โก๋ไม่น่าแท้งลูกเลยอ่ะ

แต่เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: << รักกลางใจ >> [MPREG] พรีออเดอร์วันนี้ถึง 15 ส.ค.59 จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-07-2016 17:14:38
มาแล้วค่า รายละเอียดการพรีออเดอร์ "รักกลางใจ" ของนักเขียนอารมณ์ดี๊ดีBelove (https://www.facebook.com/Belove.no1/)
โดยรายละเอียดต่างๆมีดังนี้ค่ะ
-หนังสือรักกลางใจ ราคา 299 บาท จำนวนหน้า 330+
-ตอนพิเศษสุดแสนพิเศษจริงๆที่มีเฉพาะในเล่ม 5 ตอน + บทสัมภาษณ์ตัวละครหลัก
-ของแถมในเล่มคือที่คั่น 2 ลาย และโปสการ์ดลายหน้าปก 1 ใบ
-ของแถมรอบพรีออเดอร์ สมุดโน้ตขนาด A5 1 เล่ม

(รูปหนังสือและของแถมต่างๆดูได้ในโพสนี้เลยค่ะ )
การจัดสงมี 2 แบบค่ะ
-ลงทะเบียน 40 บาท ( ตายตัวไม่ว่าจะกี่เล่ม )
-EMS คิดตามน้ำหนัก ราคาเริ่มต้นที่ 70 บาท
ระยะเวลาการจอง+โอนเงินคือตั้งแต่วันนี้ - 15 สิงหาคา 2559 หลังปิดพรีฯขอเวลาในการเช็คยอดและแพ็คของก่อนเริ่มทยอยจัดส่ง ไม่เกิน 3-5 วันค่ะ
สามารถสั่งซื้อได้ทางอินบ๊อกเพจสนพ. หรือเว็บไซด์http://rasitapublishing.lnwshop.com/product/26/ (http://rasitapublishing.lnwshop.com/product/26/) นะคะ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG] พรีออเดอร์วันนี้ถึง 15 ส.ค.59 จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 30-07-2016 08:36:43
ลุ้นนน กว่าจะจบแบบดีๆ เรื่องเนอะ สงสารโก๋ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG] พรีออเดอร์วันนี้ถึง 15 ส.ค.59 จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 03-08-2016 15:01:14
อ่านจบแล้วค่า
แรกๆสงสารโก๋มากเลย TT
สุดท้ายก็มีความสุขทุกคน อยากอ่านชีวิตหลังจากนั้นจังเลยค่า
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG] พรีออเดอร์วันนี้ถึง 15 ส.ค.59 จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-08-2016 06:44:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 20-05-2017 21:17:06
ตามอ่านแทบจะทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 15-06-2017 01:48:22
ตั้งแตอ่านมามาร์คนี่กากแบบหาที่เปรียบไม่ได้ถ้าบ้านมีอิทธิพลขนาดนั้นจะไปเกรงใจแอลลี่ทำไม ส่วนภูมิบอกเลยว่าต้องการให้ชดใช้มากกว่านี้ ต้องรู้จักคำว่าเสียใจสุดๆแบบที่โก๋เจอ มันง่ายเกินไป ส่วนแอลลี่นิสัยขนาดนี้ไปเป็นกะหรี่แทนเถอะ อิดอก อ่านละขึ้นๆ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 16-06-2017 17:07:43
ในที่สุดก็จบลงด้วยดี

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-06-2017 20:30:48
           :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonphug ที่ 06-12-2017 20:30:31
สนุกมากอ่านรวดเดียวจบเลย
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-03-2018 18:57:23
เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามดีค่ะ ขอบคุณนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-03-2018 03:43:51
 :hao3: สนุกค่า
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 14-06-2018 23:18:30
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 30-06-2018 16:57:07
ขอบคุณมากค่ะ ตามอ่านเกือบได้ครบทุกเรื่องละ ชอบงานของไร้ท์มากๆชอบทุกเรื่องเลย แต่จะติดใจหน่อยกับเรื่องที่มีncเยอะๆ55566
ถ้าไร้ท์จะเมตตาก็มาลงตอนพิเศษบ้างเนาะ รักไร้ท์Belove จุ๊บจุ๊บ :L2:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 09-02-2019 20:46:04
ตลก แค่ผู้หญิงคนเดียวไม่มีปัญญาทำอะไร แล้วไมตอนจบถึงถล่มขนาดนั้นได้ งง ไม่สมเหตุสมผลแปลกๆ

 :hao4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 10-02-2019 14:05:42
ขอบคุณนักเขียน.อ่านสนุกและเป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ.จะรอนะค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 11-02-2019 18:13:43
ขอบคุณค่า​  :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 13-02-2019 12:51:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: taira ที่ 03-03-2019 05:51:56
นึกอะไรไม่ออกท้องเลยแล้วกันง่ายดี5555 o13
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 06-10-2020 23:51:03
กระต่ายน้อยน่ารักก
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 21-02-2021 03:07:20
สนุกมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวเลย ยังไม่ได้นอนเลย 555555
หัวข้อ: Re: << รักกลางใจ >> [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-06-2021 00:36:20
 :L2: ขอบคุณน้าาาา