พิมพ์หน้านี้ - Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: memew ที่ 10-06-2016 07:53:19

หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 10-06-2016 07:53:19
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


_____________________________________________________________________________
(https://goo.gl/4RaKxT)
FEEL คนเจ้าอารมณ์

Noteพิเศษจากคนเขียน : นิยายเรื่องนี้มี 4 คู่ (เขียนจบทีละคู่) แต่คนเขียนเอาเฉพาะคู่ที่ 4 นาคินทร์อนุชามาอัพให้อ่านกันก่อน(จบแล้ว) ตอนนี้กำลังจะไล่อัพคู่ที่ 1-3 ให้อ่านย้อนหลังกันจนครบค่ะ


4 เรื่องราวความรักของคน 4 คู่
หนึ่ง 'แซ่บโหด' พี่ชายกับกวินทร์   
"สิ่งที่แรกที่ผมเห็นหลังเปิดประตูบานนั้นออก คือชายหนุ่มที่กำลังเปลือยเปล่า ร่างกายพร้อมรบเต็มที่ นาทีถัดมา เขาก็ไล่คู่ขาทิ้ง แล้วหลังจากนั้น เขาก็ให้ผมทำหน้าที่นั้นแทน"

สอง 'แซ่บยั่ว' พี่เชนทร์ชยันต์
"ก็ผมอยากรู้นี่ ว่านอนกับผู้ชายด้วยกันมันเป็นยังไง ให้ไปหาคนอื่นก็ไม่น่าไว้ใจ พี่ชายนี่แหล่ะ หล่อด้วย ไว้ใจได้ด้วย"

สาม 'แซ่บฮา' วิลเลี่ยมเชิดวุธ
"ผมถูกเพื่อนไหว้วานให้พาฝรั่งเที่ยว แต่มันดันไม่ยอมบอกว่าต้องพาเที่ยวด้วยเป็นคู่นอนด้วยนี่สิ!!"

สี่ 'แซ่บละมุน'
คุณหนูอนุชาผู้สูงศักดิ์หลงรักนาคินทร์คนสวนสุดหล่อผู้เจียมเนื้อเจียมตัว (แต่แอบหื่น)
อนุชา "ยั่วไปขนาดนั้น เขาจะหลงผมบ้างไหมนะ"
นาคินทร์ "อยากบอกคุณหนูเหลือเกิน ความอดทนของนาคินทร์มีจำกัดนะครับคุณหนู"

...............................................................................
สารบัญ

(https://goo.gl/JsfpyJ)
คู่ที่ 1 พี่ชายกวินทร์

ตอนที่ 1 พายุอารมณ์ (https://goo.gl/3C3aBQ)
ตอนที่ 2 บังคับฝืนใจ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3775155#msg3775155)
ตอนที่ 3 ไข้รุมเร้า & ตัดสัมพันธ์ (https://goo.gl/DS2rGW)
ตอนที่ 4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย (https://goo.gl/5iQmUA)
ตอนที่ 5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน  (https://goo.gl/Uwzodi)
ตอนที่ 6 รองรับอารมณ์ (https://goo.gl/3DGj8G)
ตอนที่ 7 กลั้นแกล้งให้ร้องขอ ปลุกเร้าให้สมยอม (https://goo.gl/Hrwvtd)
ตอนที 8 ก้าวเข้าสู่ห้องขุมขังอีกครั้ง (https://goo.gl/VjXKHh) (จบ คู่ที่ 1)


(https://www.img.in.th/images/9a17389992258cfb2125b42a3af0863e.jpg)
คู่ที่ 2 พี่เชนทร์ชยันต์
ตอนที่ 1 ค้นพบ (https://goo.gl/B69Dmr)
ตอนที่ 2 ภารกิจยั่วพระอิฐพระปูน (https://goo.gl/PDY2Dx)
ตอนที่ 3 ยั่ว...อีกนิด (https://goo.gl/KE1rJN)<
ตอนที่ 4 พระอิฐเริ่มร้าว (https://goo.gl/Qn6UhZ)
ตอนที่ 5 พระอิฐแตกพ่าย (https://goo.gl/xGXurH) (จบคู่ที่ 2)

(https://goo.gl/UdtwH9)
คู่ที่ 3 วิลเลี่ยมเชิดวุธ
ตอนที่ 1 แรกพบ...สบจูบ (https://goo.gl/XniZkf)
ตอนที่ 2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!!  (https://goo.gl/jSqArG)
ตอนที่ 3 ไม่ไม่ไม่ ผมไม่ได้หวั่นไหวเลยจริงๆ!! (https://goo.gl/k7eUnq)
ตอนที่ 4 เอ้อ! ยอมรับว่ารักก็ได้ (https://goo.gl/TPJJPy)
ตอนที่ 5 ดอกไม้กับชายปริศนา (รออัพ) (จบคู่ที่ 3)


(https://goo.gl/kAxGqw)
คู่ที่ 4 นาคินทร์อนุชา

ตอนที่ 1 คนสวนของบ้าน (https://goo.gl/5fqQDf)
ตอนที่ 2 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ (https://goo.gl/ZrJDxi)
ตอนที่ 3 หวั่นไหว (https://goo.gl/HLZRAk)   [ (ต่อ) (https://goo.gl/xurVab)
ตอนที่ 4 ปุโรทั่ง (https://goo.gl/fa4xBc)   (ต่อ) (https://goo.gl/7a4ne4)
ตอนที่ 5 รู้ใจตัวเอง (https://goo.gl/KVw2Po)   (ต่อ) (https://goo.gl/sjyk4g)
ตอนที่ 6 ลิฟต์ค้าง & ยั่วเบาๆ  (https://goo.gl/478uh3)   (ต่อ)  (https://goo.gl/hXhQpP)
ตอนที่ 7 แอบยั่ว & ฝัน (https://goo.gl/BrMPFb)   (ต่อ) (https://goo.gl/E9TQur)
ตอนที่ 8 ดินกับดาว & เมา (https://goo.gl/vp8YZY)   (ต่อ) (https://goo.gl/KDaKUX)
ตอนที่ 9 หัวใจเต้นแรง (https://goo.gl/Zz7sDa)   (ต่อ)  (https://goo.gl/HhrGgG)
ตอนที่ 10 อยากยั่ว & โดนยา (https://goo.gl/cE9LG4)    (ต่อ 1)  (https://goo.gl/k48CDM)      (ต่อ 2)  (https://goo.gl/LjivRD)
ตอนที่ 11 กลืนกินกันและกัน (https://goo.gl/E1XrL8)    (ต่อ)  (https://goo.gl/3d2TgK)
ตอนที่ 12 อิงแอบแนบชิด (https://goo.gl/Z2Zyde)   (ต่อ)
  (https://goo.gl/BLpj2r)
ตอนที่ 13 ออกเดินทาง (https://goo.gl/hTtQBi)   (ต่อ)  (https://goo.gl/9RJpdg)
ตอนที่ 14 ค่ำคืน ท้องฟ้า ดวงดาว หิ่งห้อย (https://goo.gl/RBnC9x)   (ต่อ) (https://goo.gl/bHYgdF)
ตอนที่ 15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง (https://goo.gl/2gpVAg)   (ต่อ) (https://goo.gl/Asu8p4)
ตอนที่ 16 หัวใจตรงกัน (https://goo.gl/vEy1vG)   (ต่อ) (https://goo.gl/VhQ5gQ) จบคู่ที่ 4





_________________
นิยายเรื่องนี้รวมเล่มแล้วค่ะ >>https://goo.gl/aJFpH5

นิยายทั้งหมด
1. Hate Love ทาสแค้น : https://goo.gl/nwWsdb
2ฺ. Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ : https://goo.gl/vbdhLK
3. Boyfriends [3P] : https://goo.gl/K4JVyr
4ฺ. Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี : https://goo.gl/93jMvE
5. Feel คนเจ้าอารมณ์ : https://goo.gl/xJFfUx
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 01 : คนสวนของบ้าน [P.1][12-6-2559]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 11-06-2016 20:05:59
 
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 01 : คนสวนของบ้าน



“อย่าจับครับคุณหนู!!”
ผมสะดุ้งเฮือก หยุดมือที่กำลังจะจับกระถางต้นไม้สีน้ำตาลเก่า ๆ ที่วางไม่เรียบร้อยอยู่ กะจะจับให้มันเข้าที่เข้าทางนั่นแหละ ผมหันไปมอง
 
คนสวนประจำบ้านเดินตรงเข้ามาหา สีหน้าดูตกใจนิด ๆ แต่งตัวสไตล์เดิมคือใส่เสื้อยืดสีมอ ๆ ไม่รู้มอเพราะสีกับเนื้อผ้าของเสื้อหรือเพราะมันถูกดินโคลนมากไปกันแน่ กางเกงสีกรมท่าไปทางดำ เขรอะไปด้วยดินโคลน สภาพประจำที่ผมเห็นจนชินตาตั้งแต่เล็กจนโต ใบหน้ารกรุงรังไปด้วยหนวดเครา ผมยาวระต้นคอ 
 
อายุสามสิบกว่า ๆ เป็นพ่อลูกหนึ่ง เมียตาย ยัยหนูแดงก็ถูกบรรดาแม่ ๆ ผมช่วยกันเลี้ยงดูมาจนโตเป็นสาว ตอนนี้เรียนอยู่มอต้นแล้ว บ้านเราไม่มีลูกสาว เราเลยเอ็นดูยัยหนูแดงค่อนข้างมาก หนูแดงก็เป็นเด็กดีด้วย 
 
“นาคินทร์” ผมเรียกงง ๆ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องห้าม กะอีแค่จะยกกระถางต้นไม้
 
“กระถางต้นไม้ที่คว่ำอยู่ในลักษณะนี้มันเป็นที่อยู่ของพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตะขาบบ้าง กิ้งกือบ้าง อย่าไปแตะเชียวนะครับ”
 
ผมรีบชักมือกลับขยับหนีทันที
 
“เห็นมันวางอยู่ เลยกะจะเก็บให้เข้าที่เข้าทาง”
 
“หลังฝนตกใหม่ ๆ แบบนี้ พยายามอย่ามาเดินในสวนดีกว่าครับคุณหนู เข้าบ้านเถอะ”
 
“ก็ฉันชอบออกมาเดินเล่นที่นี่นี่”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“เวลาอื่นดีกว่าครับ”
 
ผมเป็นคนชอบอยู่กับธรรมชาติมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนเด็ก ๆ ผมก็ชอบมาเล่นในสวนนี้เป็นประจำ พอจบมอสามก็ถูกพ่อส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่ต่างประเทศเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน กลับมาอีกทีต้นไม้ในบ้านสูงใหญ่กว่าเดิมหลายเท่ามาก
 
“ฉันอยากไปดูฐานลับของฉันหน่อย มันยังอยู่เหมือนเดิมไหม”
 
นาคินทร์ยิ้ม
 
“ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ แต่อย่างที่ผมบอก รอให้แดดแรงกว่านี้ก่อนค่อยออกมา”
 
“ไม่เอา จะไปดูเดี๋ยวนี้” ผมเองก็ดื้อพอควร ถึงจะเป็นพี่ชายของน้อง ๆ อีกหลายคน ก็ใช่ว่าผมจะเอาแต่ใจไม่เป็น ขนาดพี่ชายที่เป็นพี่ใหญ่สุดยังเอาแต่ใจเลย ผมเองก็ทำได้เหมือนกัน
 
ผมเดินดุ่ย ๆ เข้าสวนไป คิดถึงรังเก็บสมบัติของเด็กน้อยซน ๆ คนหนึ่งที่ชอบเอาของเล่นมาซ่อนไว้เหมือนหมาซ่อนของเล่น ผมเดินลุยหญ้าที่ยังมีหยาดน้ำเกาะพร่างพราวเพราะฝนเพิ่งหยุดไป
 
“คุณหนู!” ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งตามมา
 
ผมไม่สนใจเดินเร็วขึ้น ยังไงผมก็เป็นลูกเจ้าของบ้าน นาคินทร์ขัดขืนไม่ได้อยู่แล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวถึงฐานทัพลับ เอวผมก็ถูกรวบแน่นด้วยวงแขนแข็ง ๆ ที่ผิวเนื้อกร้านแดด กำลังจะโวยวายถ้าว่าไม่เห็นงูตัวหนึ่งชูหัวแผ่แม่เบี้ยอยู่ตรงหน้า ผมยืนตัวแข็งทื่อ
 
งะ งู งูเห่าด้วย!
 
“ชู่ว ยืนอยู่เฉย ๆ ห้ามกระดุกกระดิก” ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วจากเจ้าของวงแขนแกร่ง ผมรู้ว่าเขาเป็นคนต่างจังหวัดที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งชีวิต และคนทำงานหนักก็มักจะมีร่างกายใหญ่โต แต่ไม่คิดว่าจะโตได้ขนาดนี้ กล้ามเนื้อแน่นพอ ๆ กับพวกเล่นกล้ามเลย
 
กลิ่นเหงื่อลอยคลุ้ง แผ่นหลังผมแนบติดอยู่กับแผงอกกว้าง ได้ยินเสียงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผมยืนนิ่งนาคินทร์ก็ยืนนิ่ง ทำเสมือนเราสองเป็นเพียงแค่ต้นไม้สองต้นยืนเคียงข้างกันเท่านั้น
 
นาคินทร์มาทำงานที่บ้านเราได้ เพราะเขาเคยช่วยเหลือพ่อผมไว้จากการถูกพวกโจรปล้น ตอนนั้นนาคินทร์เสี่ยงเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเลยทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อก็รับนาคินทร์กับเมียมาเป็นหนึ่งในครอบครัวเรา เขาทำงานเป็นคนสวน เมียเป็นแม่บ้าน มาท้องและคลอดลูกที่นี่แหละ หลังจากนั้นอีกสองปีเมียนาคินทร์ก็ตาย
 
เพราะความที่เห็นกันมาตั้งแต่แรกคลอด บรรดาแม่ ๆ ผมจึงรับอาสาเลี้ยงดูให้อย่างที่ผมเคยบอก นาคินทร์จึงมีสภาพไม่ต่างกับคนในครอบครัวของเราคนหนึ่ง ไม่ใช่คนสวนแบบบ้านอื่น พ่ออยากมอบหมายให้นาคินทร์ทำอย่างอื่นด้วยซ้ำ แต่นาคินทร์เป็นคนไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษาอะไร เลยขอทำงานใช้แรงในสวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
 
งูตัวนั้นชูหัวสูงกว่าเดิม หัวใจผมเต้นแรง แทบหยุดหายใจเอาให้ได้ แต่คนด้านหลังยังยืนนิ่ง กอดผมไว้แน่น กระทั่งงูตัวนั้นค่อย ๆ ลดแม่เบี้ยลง หดหัวเลื้อยหนีไป
 
ผมยังขยับขาไม่ออกเพราะความหวาดกลัว คนด้านหลังพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
 
“ผมเตือนแล้วนะ แถวนี้แมลงกับงูมีพิษมันชุม สวนบ้านเรากลายเป็นสวนดิบไปแล้ว ไม่ได้โปรงโล่งเหมือนสมัยคุณหนูเด็ก ๆ สุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้ามาโดนงูฉกไปทำไง”
 
“นะ นี่มันในกรุงเทพนะ” ผมพูดตะกุกตะกัก เข้าใจว่าในเมืองไม่น่าจะมีสัตว์พวกนี้ได้
 
“ที่ไหนก็มีครับ บ้านเรานี่แหล่งเลย เพราะต้นไม้อุดมสมบูรณ์”
 
“ปล่อยไว้ได้ไง เกิดคนอื่นเดินมาแล้วโดนกัดเข้าล่ะ”
 
“ไม่มีใครในบ้านเขามาเดินเล่นในช่วงหลังฝนตกใหม่ ๆ แบบคุณหนูหรอกครับ ฤดูฝนตัดหญ้าไม่ทัน ค่อนข้างอันตราย”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“ถ้าคุณหนูยังอยากไปอยู่ เดี๋ยวนาคินทร์จะพาไป แต่ต้องให้นาคินทร์เป็นคนนำนะ”
 
ผมชั่งใจ
 
“เราจะเจอไอ้ตัวเมื่อกี้อีกหรือเปล่า”
 
“ถ้าเจอเดี๋ยวนาคินทร์จัดการมันเองครับ”
 
ผมยืนชั่งใจอีกรอบ ก่อนพยักหน้ารับ ผมเชื่อใจผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว
 
นาคินทร์ก้าวนำอย่างมั่นคง ผมมองตามแผ่นหลังกว้างนั้น ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ผมมีความรู้สึกว่านาคินทร์เป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่มาก ใหญ่พอ ๆ กับพวกฝรั่งเลย ส่วนผมตัวเท่าเดิมครับ ตอนไปสูงแค่ไหน(ผมตัวยืดเร็ว)กลับมาก็ยังเท่าเดิม เพิ่มเติมคืออ้วนขึ้นนิดหน่อย   
 
นาคินทร์สอดส่ายสายตาไปมา คงมองหาสัตว์ร้ายที่จะกล้ำกลาย ใกล้ถึงแล้วละครับ บ้านผมมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ครึ่งหนึ่งเป็นสวนเพื่อความร่มรื่น อีกครึ่งเป็นส่วนของตัวบ้าน เพราะบ้านเราสมาชิกเยอะ พ่อหนึ่งแม่สี่ลูกสิบ ไม่นับรวมพ่อบ้าน คนใช้ คนสวน คนขับรถอีก
 
ไม่นานนาคินทร์ก็พาผมมาหยุดยืนอยู่หน้าฐานทัพลับของผม สภาพมันยังเหมือนเดิม
 
“เหมือนเดิมเลยเนอะ”
 
“ก็สัญญาไว้แล้วว่าจะดูแลรักษาให้”
 
“นาคินทร์นี่เป็นคนรักษาสัญญาเสมอจริง ๆ”
 
นาคินทร์ยิ้ม ผมขยับจะมุดเข้าไปแต่นาคินทร์ดึงแขนผมไว้
 
“อย่าครับ ไม่รู้ข้างในมีอะไรบ้าง ดูแค่ข้างนอกก็พอ”
 
ผมบู้หน้า เดินไปรอบ ๆ สภาพมันยังดีอยู่ ป้ายหน้าฐานลับก็ยังอยู่ ผมหัวเราะ
 
“นั่นต้นอะไร” ผมถามเมื่อเห็นต้นไม้แปลก ๆ ขึ้นใกล้ ๆ กับฐานลับ ก่อนไปไม่เห็นมี
 
“ต้นพิกุลไงครับ คุณหนูเป็นคนปลูกเองก่อนเดินทางไปเรียนต่อ ผมดูแลให้จนมันเติบโตนี่แหละ”
 
“เออใช่! ลืมไปเลย” ผมตาโตเพราะนึกได้ ขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ “โอ้โห มันโตได้ขนาดนี้เลยเหรอ” ผมแหงนมองคอตั้ง
 
“ครับ ถ้าน้ำถึงปุ๋ยถึง มันจะโตเร็ว”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“แล้วนี่ผ้าอะไร เอามาผูกไว้ทำไม” ผมถามงง ๆ จับปลายผ้าสีขาวล้วนที่มัดอยู่กลางลำต้นขึ้นมาดู มีประมาณสามผืนมัดซ้อนกันไว้
 
“ของยายแหววน่ะครับ แกเป็นคนเอามาผูก เห็นฝันว่ามีผีเดินออกมาจากต้นพิกุลนี้ ใส่ชุดขาวทั้งตัวเลย เลยหาผ้าขาวมามัดให้ เห็นต้นเดือนกลางเดือนทีไรจะขนเอาพวกขนมหวานคาวดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้เป็นประจำ คงขอหวยนั่นแหละถูกบ้างไม่ถูกบ้างไปตามประสา ถูกครั้งหนึ่งก็จะเอาผ้าผืนใหม่มาเปลี่ยนให้ที”
 
ผมรีบถอยกรูดทันที ความลับครับ ผมกล้าได้กับทุกเรื่องยกเว้นเรื่องผีสางนางไม้นี่แหละ ถ้าเป็นผ้าสามสีผมก็พอจะเดาออกอยู่หรอก
 
คงเพราะถอยมากไปเลยชนเข้าคนด้านหลังเต็ม ๆ
 
“จะ จริงเหรอ มะ มีจริงเหรอ” ผมถามเสียงเบา นาคินทร์หัวเราะ
 
“อะไรกันคุณหนู คิดว่าไปอยู่เมืองนอกเมืองนาจะเลิกกลัวแล้วซะอีก อย่ากลัวไปเลยครับ พิกุลต้นนี้คุณหนูเป็นคนปลูกเอง ไม่มีอะไรหรอก ถึงมีจริง เขาก็เป็นของคุณหนู คุณหนูอย่ากลัวเลยครับ”
 
ผมไม่พูดอะไร รีบจับแขนนาคินทร์ลากออกมาจากจุดนั้น บอกแล้วว่าผมกล้าได้กับทุกเรื่องยกเว้นเรื่องผี ๆ นี่แหละ
 
“เดี๋ยวครับคุณหนู!”
 
“ไม่เอาแล้ว ฉันกลัว” นาคินทร์หัวเราะ
 
“กลัวทำไมครับ มันทำอะไรคุณหนูไม่ได้หรอก”
 
“รู้ได้ไงว่าทำไมได้ เกิดมันเฮี้ยนจัด ๆ ออกจากต้นไม้มาบีบคอทำไง” ผมพูดซีเรียส ยังไม่หยุดลากมือนาคินทร์ออกไปให้พ้น ๆ จากสวนดิบชื้นนั้น กระทั่งมาโผล่ยังส่วนที่โล่ง
 
“ไม่หรอก คุณหนูกลัวไปเอง เสียงฟ้าผ่าละครับ คุณหนูยังกลัวอยู่ไหม”
 
ผมส่ายหัวไปมา
 
“อันนั้นไม่กลัวแล้ว”
 
“อันนั้นหายกลัวได้ แล้วทำไมถึงไม่หายกลัวผีล่ะครับ”
 
“ก็ผีมันน่ากลัวกว่าเสียงฟ้าผ่านี่” ผมเถียงกลับ นาคินทร์ส่ายหัว สายตาบ่งบอกว่าไร้สาระ
 
“แล้วทีตัวเองล่ะ ทำไมไม่คิดจะมีเมียใหม่ ได้ข่าวว่ามีสาวแก่แม่ม่ายมาติดเยอะแยะเลยนี่”
 
“ผมมันแค่คนสวน จะไปมีเงินทองที่ไหนดูแลใครได้ แค่ส่งเสียยัยหนูนี่ก็พอแล้ว”
 
“อย่ามาอ้าง พ่อฉันให้เงินนาคินทร์เยอะแยะ แต่นาคินทร์ไม่ยอมใช้เองเอาไปให้ลูกหมด”
 
“นาคินทร์แก่แล้วครับ”
 
“พ่อฉันแก่กว่านาคินทร์ยังมีเมียตั้งสี่”
 
“นาคินทร์งานยุ่งครับ”           
 
“นี่” ผมเบรกคนตัวสูงไว้ “อย่าหาข้ออ้าง เอาตรง ๆ ว่าทำไมไม่คิดจะมีเมียสักที”
 
“นาคินทร์มีแล้วนี่ครับ”
 
“ใคร” ผมถามงง ๆ เพราะไม่ได้ข่าวจริง ๆ
 
“ก็มะลิ”
 
“มะลิตายไปตั้งนานแล้ว”
 
“แต่มะลิไม่เคยตายไปจากหัวใจนาคินทร์” หนักแน่นดี ผมส่ายหัวอีกรอบ
 
“หัวโบราณ”
 
“ยอมรับครับ คุณหนูรีบเข้าบ้านเถอะ แถวนี้ยุงชุม”
 
ผมมองไปรอบ ๆ ยุงชุมอย่างที่นาคินทร์ว่าจริง ๆ ดีว่าผมใส่เสื้อกับกางเกงแขนยาวมา ผมแพ้ยุงครับ แล้วพวกนั้นก็ชอบเข้ามารุมกัดผมด้วย ผมโบกไล่เบา ๆ
 
“ทำไมยุงมันไม่กัดนายเลย” ผมถามอย่างสงสัย นาคินทร์ยกผ้าขาวม้าที่เคียนเอวมาถูเหงื่อตรงคอออกปื้ดใหญ่
 
“หนังนาคินทร์มันหนาเป็นยางรถยนต์ ไม่มีอะไรกัดเข้าหรอก”
 
“จริงเหรอ งั้นให้ฉันลองกัดดูไหมล่ะ” ผมท้าขำ ๆ นาคินทร์รีบถอยกรูด
 
“อย่าล้อเล่นสิครับ หนังคนแก่ทั้งเค็มทั้งเหนียว”
 
“ฉันก็ไม่อุตริจะกัดจริง ๆ หรอกน่า กลัวไปได้”
 
ผมแยกทางกับนาคินทร์แค่นั้นเดินเข้าบ้าน พลพรรคพ่อแม่พี่น้องอยู่กันครบหน้า มีหลายเรื่องที่ทำให้ผมช็อกหลังจากกลับมาอยู่บ้านไม่นาน
 
เรื่องแรก พี่ชายพี่คนโตของผมคบกับกวินทร์ลูกพี่ลูกน้อง พี่เชนทร์พี่ชายคนรองผมคบกับชยันต์น้องชายคนเล็กของบ้าน อยู่ต่างประเทศก็เห็นพวกนี้เยอะอยู่หรอก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัว ที่หนักไปกว่านั้นคือไชยวุธ น้องชายคนที่หกของบ้านก็พลอยมีแฟนเป็นผู้ชายไปกับเขาด้วย ทราบประวัติแล้วก็แปลกดี พี่ชายนี่เกิดจากสันดานล้วน ๆ เหมือนพ่อ ใช้สมองล่างแทนสมองส่วนบน พี่เชนทร์นี่โดนชยันต์เด็กเปรตนั่นยั่ว
 
ทุกคนคงเห็นว่าเด็กนั่นเป็นเทวดา แต่เด็กนั่นน่ะ ซาตานซัด ๆ สงสารแต่พี่เชนทร์ ไม่ทันน้องหรอก หรือบางทีอาจทันแต่ก็ตามน้ำ ชยันต์ชอบแกล้งไชยวุธประจำ นอกจากชยันต์แล้ว ไชยวุธก็ถือว่าเป็นเด็กที่มีน่าตาน่ากินสำหรับสาวแก่ที่ชอบเขมือบเด็ก หรืออาจจะเป็นพวกเกย์คิงทั้งหลาย แต่ไชยวุธไม่ค่อยจะรู้ตัวหรอก ท่าทางก็น่าแกล้ง
 
ตอนนี้ก็โดนวิลเลี่ยมคาบไปกินแล้ว ไชยวุธจะเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างคอนโดสุดหรูของวิลเลี่ยมและที่บ้าน เพราะเด็กนี่เป็นเด็กติดบ้าน แต่ก็รักกันดีครับ วิลเลี่ยมรักและเอาใจไชยวุธสุด ๆ จนผมยังอดแอบอิจฉาในความรักของคนทั้งคู่ไม่ได้ แต่คนที่อิจฉาคู่ของไชยวุธอย่างออกนอกหน้าคือชยันต์ ผลเลวร้ายไปตกที่พี่เชนทร์ น้องอยากได้อะไรก็ต้องหามาประเคนให้
 
ผมก็ได้แต่สายหัวระอาความเอาแต่ใจของน้องคนเล็ก
Description: C:\Users\mojo\Desktop\ที่คั่นดอกไม้.gif
 
วันนี้วันหยุด ทุกคนอยู่ครบองค์ประชุม อาหารว่างถูกลำเลียงมาวางไว้บนโต๊ะ ยัยหนูแดงเดินมัดผมทรงต้นมะพร้าวเข้ามาพร้อมถาดขนม
 
“ไง ยัยหนูแดง ได้ข่าวว่าช่วงนี้พ่อเราเสน่ห์แรงมากนี่ เห็นว่ามีสาวแก่แม่ม่ายมาติดเหรอ” ยัยหนูแดงเบ้หน้าน่ารัก
 
“โอ๊ย หนูแดงไม่รู้จะเอาข้าวสารสำนักไหนเสกไล่แล้วค่ะ ตัวก็ดำ หนวดก็รกเป็นป่า ไม่รู้จะมารักมาหลงอะไรกันนักหนา หล่อ ๆ แบบพี่อนุชาว่าไปอย่าง”
 
ผมหัวเราะ
 
“สาว ๆ บางคนอาจชอบก็ได้นี่” แม่บีน่าแซวกลั้วหัวเราะ
 
“ล่าสุดนะ เป็นแม่ม่ายค่ะ ท้ายหมู่บ้านเรานี่แหละ มาทำทีว่าต้นไม้ในสวนโดนอะไรไม่รู้กัดตาย มาร้องขอให้พ่อไปช่วย รายนั้นก็พาซื่อ เกือบโดนเขมือบดีนะที่หนูแดงไปตามถึงรอดกลับมาได้ โอ๊ยช่วงนี้ต้องคุมเข้ม ไม่งั้นพ่อหนูโดนงาบแน่ ๆ” หนูแดงก็บ่นของเจ้าตัวไปเรื่อย ๆ
 
จริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก นาคินทร์เป็นคนเสน่ห์แรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สมัยก่อนตอนเข้ากรุงเทพใหม่ ๆ ไม่เป็นแบบนี้หรอก ตัวสูงก็จริง แต่ผอมเกร็ง ตัวดำมิดหมี่ หน้าตอบจนกระดูกโหนกแก้มโผล่ อยู่มานานเข้าผิวพรรณก็พอดูดีขึ้น ถึงจะคร้ามแดดลมไปบ้าง แต่มันทำให้ดูมีเสน่ห์มากกว่า กินดีอยู่ดีจนมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง กระทั่งปัจจุบันเนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนใช้แรงงาน ช่วงเมียอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่หลังจากเมียตาย สาวแก่แม่ม่ายพากันรุมตอมไม่หยุด นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่แกชอบแต่งตัวมอซอ ไว้หนวดไว้เครา จะได้ไม่มีใครมาสนใจ
 
แต่นั่นแหละ คนมันหน้าตาดี เอาคลุกถ่านขนาดไหนคนก็ยังมองเห็น
 
“ไม่อยากได้แม่ใหม่รึไง”
 
หนูแดงส่ายหัวพรืด
 
“ไม่ไหวค่ะ หน้าตาดีกันก็จริง แต่นิสัยไม่น่ารับประทาน พวกนั้นก็แค่หลงหน้าตาพ่อหนูเท่านั้นแหละ”
 
ทุกคนอมยิ้มไปกับความช่างพูดนั้น หนูแดงเรียนอยู่โรงเรียนใกล้ ๆ บ้านนี่แหละ จริง ๆ พวกเราจะให้หนูแดงเข้าเรียนที่เดียวกับชยันต์ แต่นาคินทร์ไม่ยอม เพราะค่าเทอมค่อนข้างแพง ไม่อยากรบกวนพวกเราเท่าไหร่
 
 
 
Description: C:\Users\mojo\Desktop\ที่คั่นดอกไม้.gif
 
หลังจากเรียนจบกลับมาพักที่บ้านได้ไม่นานพ่อก็ให้ผมเริ่มงานทันที ในตำแหน่งต่ำสุดของบริษัท(ไม่นับรวมตำแหน่งยามกับแม่บ้าน) เพื่อฝึกความอดทนของตัวผมเอง เรียนรู้ผู้คนและระบบต่าง ๆ ให้ละเอียดตามสไตล์คนจีน
 
จริง ๆ พ่อผมไม่ใช่คนจีนหรอก แต่ถูกเลี้ยงดูมาโดยคนจีนจึงค่อนข้างจะทำการค้าเก่ง ผมต้องทำงานเพื่อศึกษาเรียนรู้ให้ครบทุกแผนกจนกว่าพ่อจะเห็นว่าสมควรแล้วถึงจะยกบริษัทนี้ให้ผมเป็นผู้ดูแลเต็ม ๆ ในฐานะผู้บริหาร ในบริษัทไม่มีใครรู้ว่าหรอกว่าผมเป็นใคร ยกเว้นคุณธีระที่เป็นเลขา และคุณธีระนี่แหละ ที่จะคอยสอนงานผมรวมถึงระบบต่าง ๆ ในระหว่างทำตำแหน่งอื่น ๆ
 
แน่นอนว่าการทำงานผมจะมาแต่งตัวด้วยชุดแบรนด์เนมแบบที่เคยใส่ไม่ได้ เสื้อผ้าหน้าผมต้องแต่งให้ดูธรรมดาที่สุด
 
ซึ่งมันก็ได้ผลดีนะ เพราะผมถูกดขี่ข่มเหงอย่างที่พ่ออยากให้เป็นเด๊ะ ๆ
 
ผมทำงานเยี่ยงข้าทาสไม่ต่างกับเด็กเดินเอกสารคนอื่น ๆ ในบริษัท(ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาฝึกงาน) กระทั่งพักเที่ยง ผมคว้าถุงข้าวที่ยัยหนูแดงทำไว้ให้เดินลิ่ว ๆ ขึ้นดาดฟ้าไป ผมชอบมานั่งกินอาหารที่นี่คนเดียว
 
ที่นี่มีต้นไม้อยู่ไม่กี่ต้นหรอก มีม้านั่งยาว ๆ สีขาวตัวเดียว ผมรีบไปยึดพื้นที่ทันที ก่อนพวกชอบสูบบุหรี่จะขึ้นมาใช้สถานที่ ผมไม่ชอบที่พวกเขามาใช้พื้นที่นี้สูบบุหรี่เพราะมีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ให้อยู่แล้ว อยากให้ที่นี่เป็นที่ฟอกปอดอย่างเดียวมากกว่า
 
ผมนั่งมองต้นไม้สองสามต้นไปเพลิน ๆ นึกถึงบ้านขึ้นมาตงิด ๆ เพราะบ้านเรามีต้นไม้เยอะมาก
 
“คุณหนู”
 
“ถ้าไม่ใช่ในห้องทำงาน เรียกชื่อดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นจับได้กันพอดี” ผมบอกเลขาโดยไม่หันไปมอง
 
“ขอโทษครับ ผมชิน คุณอนุชา”
 
“อนุชา อย่ามีคุณ”
 
ธีระพ่นลมหายใจแรง ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันที่ต้องมารับหน้าที่นี้
 
“เอาล่ะอนุชา ในระหว่างนี้ก็ฟังรายละเอียดงานที่จะบอกละกัน” น้ำเสียงธีระเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมพยักหน้ารับหงึก ๆ ตามองกิ่งไม้ที่กำลังไหวเอน
 
“นี่ธีระ ถามหน่อยสิ”
 
คนที่กำลังแพล่มรายละเอียดงานเบรกกึก เงยหน้าจากเอกสารมองหน้าผม
 
“ทำไมดาดฟ้าเรามีต้นไม้น้อยจัง”
 
ธีระมองไปรอบ ๆ
 
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้สังเกตมาก่อน”
 
“ดาดฟ้าน่าจะเป็นที่ฟอกปอดหลังจากทำงานมาเหนื่อย ๆ ต้นไม้หรอมแหรมขนาดนี้จะเอาอากาศดี ๆ ที่ไหนมาฟอก” ผมบ่น
 
“เดี๋ยวผมสั่งให้เขาเอาต้นไม้มาลงเพิ่มก็ได้” ธีระเสนอ ผมนิ่งคิด ถ้าเอาแค่ต้นไม้มาลง มันก็ดูธรรมดาไปอยู่ดี
 
“พื้นที่ดาดฟ้าเรากว้างเหมือนกันนะ ผมว่าแค่เอาต้นไม้มาลงมันก็ไม่สวยเท่าไหร่หรอก จัดสวนไปเลยดีกว่า”
 
ธีระมองหน้าผม แล้วมองไปรอบ ๆ พื้นที่อีกที สีหน้าครุ่นคิด
 
“ก็น่าจะได้นะครับ จะได้มีพื้นที่ให้พนักงานได้ผ่อนคลายด้วย ผมก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน”
 
ผมยิ้ม
 
“งั้นฝากคุณธีระช่วยหาพวกนักออกแบบสวนบนดาดฟ้ามาดูแลให้หน่อยละกัน”
 
ธีระพยักหน้ารับ กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ผมนั่งฟังไปเหม่อมองปุยเมฆขาวไป
 
เฮ้อ อากาศดีจริง ๆ
 
พอครบเวลาพัก ผมก็ลงไปทำงานต่อ
 
 
 
 
 
 
“คุณหนู!”
 
ผมถอนหายใจแรงเมื่อสะดุดเสียมหรือจอบหรืออุปกรณ์อะไรสักอย่างที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้น ผมหันไปมองคนที่จับตัวผมไว้กันล้ม
 
“ซุ่มซ่ามจัง ไม่ดูทางเลย”
 
“กำลังนึกถึงสาวอยู่”
 
นาคินทร์ส่ายหน้า
 
“ระวังหน่อยครับ หน้าแหกมา สาวจะเมินเอา”
 
ผมหัวเราะ มองไปรอบ ๆ เห็นอุปกรณ์จัดสวนเกลื่อน ทั้งจอบ พลั่ว ดินดำในถุง ปุ๋ย หญ้าแห้ง
 
“ทำไรเนี่ย” ผมถามไม่ใส่ใจเท่าไหร่ สูดอากาศดี ๆ เข้าปอด
 
“จัดสวนตามคำสั่งของคุณหนูชยันต์”
 
“จัดแบบไหนล่ะ” ผมถามไปงั้น ไม่ได้คิดสนใจอะไรจริงจังกับสิ่งที่ชยันต์ต้องการหรอก รายนั้นก็ออกคำสั่งไปทั่ว นาคินทร์เดินไปหยิบหนังสือมาคลี่เปิดหน้าที่พับมุมไว้ให้ดู มันเป็นหนังสือบ้านและสวน ฉบับนี้สำหรับพวกสำนักงานครับ ผมมองรูปแบบที่ชยันต์เลือกไว้แล้วอึ้งเลย
 
สวยมาก มิน่าชยันต์ถึงอยากได้
 
“นาคินทร์จัดสวนแบบนี้เป็นด้วยเหรอ”
 
“ครับ นาคินทร์ทำได้ทุกอย่าง แค่มีแบบให้ศึกษาคร่าว ๆ ก็พอ” ผมรีบพลิกดูแบบต่าง ๆ ในหนังสือทันที มีหลายรูปแบบให้ดูมาก
 
“นาคินทร์รู้จักต้นไม้แต่ละต้นด้วยเหรอ” ผมถามอย่างอยากรู้
 
“ครับ นาคินทร์ให้หนูแดงพาไปงานเกี่ยวกับพวกต้นไม้บ่อย ๆ ตอนนี้นาคินทร์พออ่านออกเขียนได้แล้วเพราะยัยหนูแดงสอน นาคินทร์จำชื่อต้นไม้ได้เกือบทุกชนิด เอามาลงบ้านเราเยอะเหมือนกัน แต่มากเกินกลัวคุณท่านจะว่าเอา”
 
“ถ้าสวยพ่อไม่ว่าหรอก นี่นาคินทร์อ่านออกเขียนได้แล้วเหรอ ดีจัง”
 
“ครับ หนูแดงเป็นคนสอน”
 
ผมหัวเราะ ปกติมีแต่พ่อสอนลูก นี่ลูกสอนพ่อ แต่ผมว่าก็ดีแล้วละ มีความรู้ก็มีโอกาส
 
ผมก้มดูแบบภาพต่อ จนไปเจอะเข้ากับรูปแบบการแต่งสวนแบบหนึ่งที่สวยมาก ๆ ผมวิ๊งภาพดาดฟ้าว่างเปล่าที่บริษัทขึ้นมาทันที ผมหันขวับไปมองคนตัวสูงที่เหงื่อไคลไหลอาบร่างเป็นทาง เป็นคนที่เหงื่อออกง่ายจริง ๆ
 
“นี่ถ้าฉันจะให้นาคินทร์ไปจัดสวนที่ทำงาน ทำได้ไหม”
 
“ที่ไหนนะครับ” นาคินทร์ยกผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อ ผมก็ชักจะชินกับกลิ่นเหงื่อหนัก ๆ ของเขาแล้ว
 
“ที่บริษัท บนดาดฟ้า อยากได้สวนไว้ฟอกอากาศ ไว้ให้พนักงานผ่อนคลายด้วย”
 
นาคินทร์ขมวดคิ้วคิด ผมยื่นภาพไปให้ดู
 
“ฉันชอบแบบนี้”
 
นาคินทร์รับไปถือ จ้องเป๋งเหมือนจะมองให้ทะลุกระดาษ
 
“ต้องเห็นสถานที่จริงก่อนถึงจะบอกว่าทำได้ไม่ได้” นาคินทร์บอกเรียบ ๆ ผมเป็นฝ่ายนิ่งคิดบ้าง
 
“งั้นพรุ่งนี้นาคินทร์ว่างไหมล่ะ จะพาไปดู”
 
นาคินทร์นิ่งคิด
 
“ได้ครับ”
 
ผมยิ้ม รับหนังสือกลับมานั่งดูต่อ ส่วนนาคินทร์เดินไปหยิบจอบมาสับลงดิน คงจะเอาต้นไม้ลงหลุม
 
“โอ๊ย!”
 
ผมรีบเงยหน้ามองตามเสียงร้องนั้นทันที
 
“เป็นไร” ผมวางหนังสือลง รีบถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
 
“ไม่เป็นไรครับคุณหนู พอดีเผลอเหยียบพลั่วแล้วมันดีดใส่หน้าแข้ง” นาคินทร์พูดไปลูบหน้าแข้งตัวเองไป ผมหัวเราะ
 
“บ้ารึไง อยู่ ๆ ก็ทำร้ายตัวเอง” นาคินทร์เบ้หน้านิด ๆ อย่างพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดนั้น “เจ็บมากไหม ไปทายาก่อนสิ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ไม่เป็นไรครับ หายแล้ว” ใบหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดคลายลง หันไปหยิบจอบสับดินต่อ พอเห็นว่าอีกคนไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ผมถึงได้เดินกลับมานั่งดูหนังสือต่อ ตอนแรกดูแค่ภาพ ตอนนี้ผมกำลังนั่งอ่านเนื้อหาเพื่อเก็บรายละเอียด และความรู้ที่ถูกสอดแทรกไว้ในนั้น
 
กระทั่งหมดสิ่งที่น่าสนใจผมถึงได้เงยหน้าจากหนังสืออีกรอบ นาคินทร์ยืนเหงื่อซกอยู่ตรงหน้า เสื้อสีมอ ๆ นั้นเปียกไปหมดจนเห็นกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน ตั้งแต่แผงอกกว้าง หน้าท้องแกร่ง แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เส้นเลือดและเส้นเอ็นที่เกิดจากการทำงานหนักปูดโปน ผมลองก้มมองแขนตัวเอง ไม่เห็นมีอะไรขึ้นสักเส้น
 
เหงื่อไหลเป็นทางราวกับน้ำ เหงื่อหลายเม็ดเกาะเป็นพวงตรงปลายจมูก ดวงตาดูมุ่งมั่น ปากสีส้มอย่างคนสุขภาพดีทั่วไป ปลายจมูกโด่ง เคราครึ้มจนดูน่ากลัว ผมยาวรกรุงรัง ผิวสีแทน ถ้าสังเกตดี ๆ จะมีริ้วรอยขูดขีดให้เห็นบ้าง
 
“นาคินทร์” ผมเรียก นาคินทร์หยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหวลงกึก เงยหน้ามอง ดวงตานั้นดูราวกับดวงตาของราชสีห์
 
“ครับ”
 
“พรุ่งนี้ต้องไปบริษัท ฉันไปทำงานในฐานะคนเดินเอกสาร ขืนพานาคินทร์ที่หนวดเคราขึ้นครึ้มแบบนี้ไปด้วย เขาคงไล่ตะเพิดพวกเราทั้งคู่ออกมาแน่ ยังไงพรุ่งนี้โกนหนวดโกนเคราสักหน่อยก็ดีนะ ตัดผมด้วย ชุดที่ใส่เลือกตัวที่มันสะอาด ๆ หน่อย ถ้าไม่มีให้บอก เดี๋ยวหามาให้”
 
“เอ่อ...” นาคินทร์ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง
 
“ทำไม”
 
“เปล่าครับ ผมจะทำตาม” ผมยิ้ม
 
“งั้นฉันไม่กวนละ เจอกันพรุ่งนี้ จะรับเข้าบริษัทพร้อมกันเลย เดี๋ยวจะแจ้งเลขาไว้”
 
“ครับ” นาคินทร์รับคำง่าย ๆ ผมขยับลุก หันกลับไปมองคนที่ยืนค้ำจอบกับพื้น ผมจำหน้าแบบไม่มีหนวดไม่มีเคราของนาคินทร์ไม่ได้แล้ว
 
ไม่รู้มันจะออกมาเป็นไง แต่เอาเถอะ ถ้าดูไม่ได้จริง ๆ ยังไงจะใช้เส้นเลขาพาขึ้นไปแล้วกัน

___________________________________________________
ชอบรีไพล์บอกคนเขียนที
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 01 : คนสวนของบ้าน [P.1][12-6-2559]
เริ่มหัวข้อโดย: gamma_focus ที่ 11-06-2016 20:17:51
มาจิ้ม  :z13: :z13: :z13:

ตามมาตั้งแต่สมัยยังเป็นชื่ออื่น รักสุดคู่นี้  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ละมุนละไมมากค่ะ   :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 02 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ (P.2)[22-6-2559] 120%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 13-06-2016 19:14:26
ตอนที่ 2 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่




รุ่งขึ้น ผมแต่งตัวเรียบร้อย เดินไปที่รถ พอไปถึงก็เห็นใครบางคนยืนหันหลังก้มดูอะไรอยู่ข้าง ๆ รถ
 
ใครวะ?
สงสัยว่าคนคนนั้นจะได้ยินเสียงฝีเท้าผมถึงได้เงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่มองอยู่ หันมามอง ผมขมวดคิ้วมองนิดหนึ่ง
 
ใคร?
ผมถามตัวเองในใจอีกรอบ
 
“คุณหนู”
 
“นาคินทร์!!” ผมตาโตเรียก นาคินทร์ขมวดคิ้วมอง ทำหน้างง ๆ
 
“ฉันจำนายไม่ได้จริง ๆ”
 
นาคินทร์จับหน้าตัวเอง
 
“ไม่คุ้นเหมือนกันครับ ไม่ได้โกนมานาน มีแต่เล็ม ๆ”
 
“ไว้แบบนี้ดีกว่านะ สาว ๆ จะได้ติดตรึม”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ไว้เพราะไม่อยากให้ใครมาติดนี่แหละ”
 
เอ้อใช่ ผมก็ลืมไป
 
ผมยิ้มแหะ ๆ กวาดสายตาลงต่ำ นาคินทร์แต่งตัวแนวเดิมครับ คือใส่เสื้อยืด แต่ผ้าดูใหม่ กางเกงสีสว่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ได้เคียนผ้าขาวม้า หน้าตาดูดีขึ้นมากเลย
 
“หล่อเหมือนกันนะเรา”
 
“มันก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก อย่าใส่ใจเลยครับ รีบไปกันเถอะ” นาคินทร์ชวนอย่างไม่ใส่ใจ
 
ผมพยักหน้า จะขึ้นนั่งประจำตำแหน่ง แต่นาคินทร์เบรกไว้
 
“ให้นาคินทร์ขับดีกว่า”
 
ผมเลิกคิ้ว
 
“ขับรถเป็นด้วยเหรอ”
 
“ครับ นาคินทร์ขับได้นานแล้ว ใบขับขี่ก็มีครบ ให้นาคินทร์ขับดีกว่า คุณหนูเป็นเจ้านายไม่เหมาะมาขับให้ลูกน้องนั่งหรอก”
 
ผมนิ่งคิด จะว่าไปมันก็จริง ผมยอมยื่นกุญแจให้ นาคินทร์เปิดประตูรถให้ พอผมขึ้นนั่ง เขาก็เดินอ้อมไปประจำตำแหน่งคนขับ ขยับปรับเบาะถอยไปด้านหลังนิด ๆ เพราะตัวนาคินทร์ใหญ่กว่าผม
 
“แน่ใจนะว่าขับได้”
ผมถามย้ำ นาคินทร์หัวเราะหันมามอง
 
“มั่นใจครับ แต่ไงก่อนสตาร์ทเครื่องคุณหนูก็สวดพุธโธธรรมโมสังโฆไว้หน่อยก็ดี”
 
ผมตาโต
 
“ไม่เอานะ ขับไม่ได้ลงเลย เดี๋ยวฉันขับเอง”
 
“ผมขับได้ครับ ไม่ต้องห่วง” นาคินทร์หัวเราะอีกที “เอาล่ะครับคุณหนู รัดเข็มขัดได้แล้ว” แล้วบอกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
 
“แน่ใจนะ” ผมถามย้ำอีกทีอย่างไม่ไว้ใจ
 
“แน่ใจครับ”
 
ผมพยักหน้า ดึงเข็มขัดมากดลงล็อก พอผมนั่งเรียบร้อยนาคินทร์หันกลับไปสตาร์ทเครื่อง เคลื่อนตัวรถออกจากตำแหน่งอย่างนุ่มนวล ขับดีกว่าผมอีก
 
ผมคลายความกังวลลง นั่งมองนิ่ง ๆ นาคินทร์ขับรถได้นิ่มมาก ผมชี้บอกเส้นทางทีละจุด นาคินทร์หมุนพวงมาลัยอย่างเบามือพารถเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาผ่านแต่ละไฟแดงกระทั่งพารถมาจอดไว้ยังชั้นใต้ดินของบริษัท แน่นอนว่าผมเอารถที่เก่าที่สุดของบ้านมา ผมโทรบอกเลขา สักพักเลขาก็ลงมารับ พาทั้งผมและนาคินทร์เดินตรงขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที
 
นาคินทร์มองไปรอบ ๆ พร้อมเดินสำรวจ
 
“ตอนแรกผมหาคนได้แล้วนะครับ แต่แพงเหมือนกัน ได้นาคินทร์มาก็ดีครับ ราคาน่าจะเบาหน่อย อีกอย่างนาคินทร์เก่งเรื่องพวกนี้ด้วย ผมก็ลืมนึกถึงไป” เลขาบอก
 
ผมเดินตามไปสมทบนาคินทร์ ชี้บอกว่าผมต้องการอะไรตรงไหนบ้าง นาคินทร์ล้วงหยิบกระดาษที่ตัวเองพับใส่กระเป๋ากางเกงมากาง หยิบดินสอมาวาด ๆ ร่าง ๆ ท่าทางดูเป็นมืออาชีพมาก
 
“นี่คือจุดที่วางต้นไม้ มีกำแพงน้ำตก จะได้เย็นสบายและผ่อนคลาย เราจะตั้งกันตรงนี้ วางต้นไม้ใหญ่ ๆ ตรงจุดนี้ ม้านั่งตรงนี้ แดดมาจะได้ร่มตลอดทั้งวัน ถ้าต้นไม้ใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องมีหลังคากันฝน แต่ถ้าอยากให้มีก็ใช้หลังคากึ่งใสได้ มีซุ้มไม้เลื้อยบาง ๆ บังแดดตรงนี้ อันนี้เป็นแบบที่ใกล้เคียงกับที่คุณหนูต้องการ พอได้ไหม”
นาคินทร์ถาม ผมมองพยายามนึกภาพตาม
 
“ก็น่าจะโอนะ แล้วดาดฟ้าจะทานน้ำหนักไหวเหรอ แล้วระบบน้ำล่ะ”
 
“อันนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมจะวางระบบให้น้ำแบบอัตโนมัติให้ ไม่ต้องมาคอยรดให้เสียเวลา แต่นาน ๆ ทีให้คนมาดูแลใส่ปุ๋ย เอาวัชพืชออกหรือตกแต่งลำต้นให้สวยงาม สักเดือนละครั้งก็พอ ต้นไม้จะได้สวยงามอยู่ตลอดเวลา”
 
ผมพยักหน้า ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก แต่ก็มั่นใจว่าน่าจะผ่าน
 
ผมให้นาคินทร์เริ่มงานทันทีที่พร้อม โดยให้เลขาช่วยประสานงานอีกที พอเรียบร้อยนาคินทร์ก็กลับบ้านไปจัดสวนให้ชยันต์ต่อ ส่วนผมก็อยู่ทำงานของตัวเองเหมือนเดิม
 
กระทั่งเลิกงาน ผมกลับบ้าน เห็นนาคินทร์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ขุดดินอยู่ในสวน ดูท่าน่าสนุก ผมรีบวิ่งขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งกลับลงมาใหม่ นาคินทร์เงยหน้ามอง ผมบอกเขาว่าแค่อยากมาดูเฉย ๆ นาคินทร์ไม่ว่าอะไรก้มหน้าขุดดินต่อ ผมยืนดูอยู่นานเลย กระทั่งนาคินทร์กำลังจะเอาต้นไม้ลงหลุม
 
ท่าทางน่าสนุกแฮะ ผมขยับเข้าไปใกล้
 
“ให้ฉันทำด้วย ดูมานานละ”
 
“อย่าเลยครับคุณหนู มือนิ่ม ๆ จะด้านเอา”
 
“นิดหน่อยเอง”
นาคินทร์ขมวดคิ้วคิด คงเป็นห่วงมือผมจริง ๆ
 
“ได้ครับ แต่ผมขอไปเอาถุงเมือก่อน กลัวพวกเศษหญ้าแข็ง ๆ กับเศษไม้ทิ่มมือเอา รอสักครู่นะครับ” แล้วเขาก็เดินหายไป กลับมาอีกรอบพร้อมถุงมือสีฟ้าสดใส ผมรับมาสวม ลงมือช่วยเอาต้นไม้ต้นนั้นลงหลุม
 
“หวังว่าคงไม่มีอะไรมาสิงเหมือนต้นเก่านะ” ผมว่าหวาด ๆ
 
“ไม่หรอกครับ จริง ๆ ต้นพิกุลเป็นต้นไม้ที่จะมีเทพหรือเทวดาสถิตง่าย ถ้าเชื่อนะครับ ถ้าไม่เชื่อก็แล้วไป”
 
“อ้าว แล้วต้นนี้ล่ะ”
 
นาคินทร์ยิ้ม “ไม่มีครับ”
 
“แน่ใจนะ”
 
“ครับ”
นาคินทร์รับคำหนักแน่น ใช้ไหล่ปาดเหงื่อที่กำลังไหลซกราวกับน้ำรั่วออก
 
“เป็นคนเหงื่อเยอะจัง”
 
“ครับ ร่างกายเผาผลาญดีก็งี้แหละ”
 
“เหนอะหนะน่าดู”
 
“ผมชินแล้วครับ”
เพราะก้มปลูกต้นไม้ เหงื่อเม็ดเป้งไหลเป็นทาง และมันกำลังจะเข้าตาคนตัวสูง
 
“นาคินทร์อยู่เฉย ๆ นะ”
ผมสั่ง นาคินทร์ชะงักกึก เงยหน้ามอง ผมกลัวเหงื่อเข้าตานาคินทร์จนลืมไปแล้วว่าจะหยุดเหงื่อเม็ดนั้นได้ยังไง คิดอะไรไม่ออกครับ เอาสิ่งที่สะอาดที่สุดที่หาได้ตอนนี้ละกัน
 
ผมถอดถุงมือออก จับชายเสื้อตัวเองเช็ดเหงื่อเม็ดนั้นให้
 
“คุณหนู!” นาคินทร์เรียกอย่างตกใจ “เสื้อคุณหนู!!”
 
“เงียบน่า”
ผมสั่งเสียงเข้ม นาคินทร์ชะงักกึกตามคำสั่ง ยอมนั่งอยู่นิ่ง ๆ ให้ผมเช็ดดี ๆ
 
“เหงื่อเค็มจะตาย ขืนเข้าตาก็แสบกันพอดี”
 
“ผมชินแล้ว”
 
ผมส่ายหัว “ชินขนาดไหนมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพตาทั้งนั้น” ผมติง นาคินทร์ไม่เถียงอะไรอีก แล้วเราก็ช่วยกันปลูกต้นไม้จนเสร็จ
 
“อ้าว พี่อนุชา มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย” ไอ้แสบประจำบ้านเดินเข้ามาทัก
 
“เต้นระบำมั้ง” ผมกวนกลับโดยไม่หันไปมอง
 
“โห สนุกไหมพี่” ดูมัน
 
“ก็สนุกดี”
ผมหันไปตอบดี ๆ พอเห็นหน้าผมชัด ๆ ชยันต์ปล่อยก๊ากออกมาทันที 
 
“หน้าเปื้อนแล้วพี่อนุชา”
 
“ช่างมัน สนใจมาช่วยไหมล่ะ”
 
“ไม่ละ เดี๋ยวเปื้อน ไม่รู้ในดินมีพยาธิหรือเปล่า ไหนจะไส้เดือนอีก ไม่เอาอ่ะ”
ชยันต์ทำท่าขยะแขยง ผมชักสะดุ้ง ก้มมองดินตรงมือ ดีหน่อยตรงที่ใส่ถุงมือไว้นี่แหละ นาคินทร์หัวเราะ
 
“ไม่มีหรอกครับ ไม่ต้องกลัว”
 
ผมถอนหายใจโล่งอกปาดเช็ดเหงื่อ
 
“คุณหนูพอแค่นี้ดีกว่า ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวนาคินทร์จัดการเอง”
 
ผมพยักหน้า ถอดถุงมือยื่นคืนเจ้าของ เดินไปล้างน้ำที่ก็อก ชยันต์ยืนคอย พอเรียบร้อยถึงได้เดินเข้าบ้านด้วยกัน
 
“ตัวเหม็นหมดแล้ว”
 
“ยุ่งน่า พี่เหนียวตัวจัง ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
ผมรีบวิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำทันที
 
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เดินตัวหอมฉุยลงมา ทุกคนอยู่กันครบเลยครับ วันนี้เชิดวุธหอบวิลเลี่ยมกลับมานอนค้างที่บ้านด้วย เห็นแล้วผมก็อดอิจฉาไม่ได้ ไม่ได้อิจฉาที่น้องมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่อิจฉาในความรักที่คนทั้งคู่มีให้แก่กันต่างหาก
 
วิลเลี่ยมรักน้องผมมาก สิ่งที่ผมรู้มีแค่นี้ และตอนนี้เขากำลังนั่งดูหนังอยู่บนโซฟาโดยมีน้องผมนั่งอยู่บนตัก สองแขนใหญ่โอบกอดน้องผมไว้หลวม ๆ รายนั้นก็ซบหัวไปกับแผงอกกว้าง
 
ดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักดีครับ ช่วงแรก ๆ ที่เห็นก็มีกระดากกระเดื่องกันบ้าง หลัง ๆ ชักชิน ไม่ชินเปล่า ยังรู้สึกอิจฉาอยากมีแฟนมานั่งกะหนุงกะหนิงกันแบบนี้บ้าง
 
สงสัยผมต้องเร่งหาแล้ว ไม่งั้นมีลูกไม่ทันใช้แน่
 
“ได้ข่าวว่าให้นาคินทร์ไปจัดสวนที่บริษัทเหรอ”
พ่อถามมา ผมพยักหน้ารับ
 
“ดีแล้ว นาคินทร์เก่ง จริง ๆ นาคินทร์เป็นคนฉลาด ทำได้หลายอย่าง แต่ถ่อมตัว เห็นว่าชอบเรื่องการจัดสวน ไปจัดให้หลายบ้านแล้ว มีแต่คนชอบ”
 
ผมหูกระดิก งั้นก็ไม่ใช่ราคาคุยน่ะสิ
 
ผมอยู่ข้างล่างได้ไม่นานก็ลาขึ้นนอน จะว่าเหนื่อยเพราะงานหรือเพราะไม่อยากเห็นพวกมีความรักสวีทกันก็ได้ ผมเดินขึ้นห้อง วันนี้อากาศดีมาก ๆ จนผมชักอยากได้รับอากาศบริสุทธิ์จากข้างนอก
 
ปกติผมไม่เคยเปิดหน้าต่างในเวลากลางคืนหรอก(โดยปกติแล้วเปิดแอร์ตลอด) ผมยังไม่เปิดแอร์ เดินไปที่หน้าต่างเปิดออกหวังรับอากาศบริสุทธิ์สักเฮือกก่อนนอน(ถึงมันจะดึกไปหน่อยก็เถอะ)
 
ผมผลักเปิดหน้าต่างออกกว้าง มีแสงอะไรแวบ ๆ ที่ท้ายสวน ใจผมหายวูบเพราะคิดว่าผีนางพิกุลโผล่ แต่พอสังเกตดี ๆ ถึงเห็นว่าดวงไฟที่เห็นนั้นเป็นแสงที่มาจากโรงเลื่อยของนาคินทร์(ซึ่งปัจจุบันนาคินทร์อาศัยกินนอนอยู่ที่นั่นจนมันกลายเป็นบ้านของนาคินทร์ไปแล้ว แต่พวกเราก็ยังเรียกกันว่าโรงเลื่อยเพราะมันเต็มไปด้วยเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ดูแลสวน)
 
ผมพยายามเพ่งมอง เห็นนาคินทร์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรอยู่ เห็นขะมักเขม้นทำใหญ่ ห้องผมเป็นห้องเดียวในบ้านที่สามารถเห็นโรงเลื่อยได้ถนัดที่สุด เพราะห้องของคนอื่น ๆ ถูกต้นไม้บังตาหมด นาคินทร์สวมไฟฉายแบบติดหัว ขยับเคลื่อนไหวไม่หยุด ตอนแรกว่าจะตะโกนลงไปถามว่าทำอะไร แต่กลัวคนในบ้านตกใจเอา
 
ผมตัดสินใจหันหลังเดินออกจากห้อง ไม่มีใครสนใจหันมามองเพราะมัวจ้องหน้าจอที่กำลังเคลื่อนไหว ผมก็ไม่คิดจะทำเสียงดังให้คนหันมามองเช่นกัน เดินย่องออกจากบ้านไปเงียบ ๆ
 
ถ้ามืดกว่านี้ผมคงไม่กล้ามา ดีแต่ว่าไฟรอบบ้านยังเปิดอยู่ ผมย่องเงียบเข้าไปใกล้คนที่กำลังก้มเพ่งทำอะไรสักอย่างอยู่บนโต๊ะ
 
“ทำอะไรอยู่”
ผมถามออกไปเสียงเบา นาคินทร์เงยหน้าขึ้นมามองทันที แสงไฟจากหน้าผากพุ่งเข้าตาผมเต็ม ๆ จนสว่างจ้าไปหมด ผมรีบยกมือขึ้นมาบังตาเสหน้าหลบสองขาขยับอัตโนมัติจนชนเข้ากับอะไรบางอย่างเสียหลัก 
 
“คุณหนู!!”
นาคินทร์รีบกระชากไฟฉายออกจากหน้าผากอย่างรวดเร็ว พอ ๆ กับมืออีกข้างที่โฉบเข้ามาโอบเอวผมไว้รับร่างผมไม่ให้ล้ม ผมรีบจับเสื้อคนตัวสูงไว้อัตโนมัติกันล้มเช่นกัน 
 
นาคินทร์ถอนหายใจแรง ค่อย ๆ ประคองให้ผมยืนดี ๆ
 
“อันตรายนะครับคุณหนู ทำไมมาเงียบ ๆ แบบนี้”
 
ผมอมลมนิด ๆ เคืองที่ถูกต่อว่า
 
“เงียบตรงไหน ฉันเดินมาตามปกติ นายไม่ได้ยินเองต่างหาก”
ผมแถทั้งที่ตัวเองนั้นผิดจริง ๆ ที่ย่องเงียบมาแบบนี้ 
 
“ถ้างั้นโปรดให้อภัยนาคินทร์ด้วย นาคินทร์ไม่ได้ยินจริง ๆ”
 
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ทำอะไรอยู่”
ผมถามไปเรื่องอื่นเสีย หันไปสนใจสิ่งที่นาคินทร์กำลังทำอยู่แทน
 
“กำลังออกแบบชิงช้าให้คุณหนูอยู่ครับ”
 
ผมตาโต
 
“ออกแบบเป็นด้วยเหรอ”
 
“ครับ ครูพักลักจำมา”
 
“โห เก่งจัง”
ผมชื่นชมจากใจจริง ขยับเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ ก้มมองภาพที่นาคินทร์วาดไว้
 
“โห สวยจัง”
ฝีมืออย่างกับมืออาชีพ นาคินทร์เขยิบตัวออกห่างจากผมนิดหนึ่ง ผมยกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู
 
“อยากให้ปรับตรงไหนบอกได้นะครับ ชอบสีอะไรก็บอก แต่ผมว่าสีขาวสวยสุด”
 
“อะไรก็ได้”
 
นาคินทร์พยักหน้า ขยับหลอดไฟมาใกล้ ลงมือร่างต่อ ลบ ๆ วาด ๆ อยู่อย่างนั้น เหมือนกำลังใช้สมาธิ
 
ผมจ้องมองใบหน้าที่กำลังมุ่งมั่นนั้น วันนี้ไม่มีเหงื่อให้เห็น แสงไฟสีเหลืองสะท้อนผิวนั้นให้ดูราวกับสีของพระจันทร์เลย
 
นาคินทร์หน้าตาดีจริง ๆ นั่นแหละ ไม่แปลกที่จะมีสาว ๆ มาชอบมากมายขนาดนี้
 
“คุณหนูอยากได้หลังคาหรือเปล่าครับ”
อยู่ ๆ นาคินทร์ก็เงยหน้าขึ้นมาถาม ผมชะงัก ตาไม่ละไปจากดวงตาที่เงยขึ้นมาสบพอดี ผมอ้ำอึ้งไป รายนั้นก็เหมือนกัน
 
ไม่รู้ว่าเรานิ่งกันไปนานแค่ไหน จนนาคินทร์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน 
 
“คุณหนูอยากได้หลังคาหรือเปล่า”
นาคินทร์ถามมาอีกรอบ แต่คราวนี้เสียงเบาลง
 
“กะ ก็ดี”
ผมตอบรับกุกกัก ชั่วแวบหนึ่งที่ตาจ้องประสาน หัวใจผมเผลอไหวแรงด้วย
 
อะไรวะ มาตื่นเต้นอะไรกับคนอายุคราวพ่อ ที่สำคัญยังเป็นแค่คนสวน
 
ที่สำคัญไปกว่านั้น
 
นาคินทร์เป็นผู้ชาย…

[50%]

“ทำจากอะไร”
ผมแถถามไปเรื่องอื่น
 
“ทำจากไม้ จะได้ดูเป็นธรรมชาติหน่อย”
นาคินทร์ตอบไม่มองหน้า ผมถอนหายใจแรงที่อีกคนไม่คิดอะไรมาก
 
ผมอยู่ดูเขาไม่นานก็ง่วง อ้าปากหาวหวอด
 
“คุณหนูรีบไปนอนดีกว่าครับ เวลาเดินกลับก็ระวังด้วย ผมยังจัดสวนไม่เสร็จ มีทั้งหลุมและข้าวของเกะกะ”
 
ผมพยักหน้า ก้าวเดิน แต่มันมืดจริง ๆ ไม่รู้ใครปิดไฟข้างบ้าน จริง ๆ มันก็เวลาปิดไฟนั่นแหละ แอบกลัวขึ้นมานิด ๆ ครับ แต่ไม่มาก ผมทำใจกล้าค่อย ๆ ย่างเท้าผ่านความมืด มีแสงเรืองรองจากไฟบางดวงเปิดไว้ แต่มันก็เห็นไม่ชัดหรอก
 
“เหวอ!!”
ผมสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจะล้มหัวคะมำ มีแสงไฟแวบผ่านไป แล้วร่างผมก็ถูกฉุดรับไว้อีกรอบจากมือของใครบางคน ดึงแรงล้มลงไปด้วยกัน
 
ร่างผมไม่ได้สัมผัสพื้นดินแม้แต่น้อยเพราะถูกรองรับไว้ด้วยร่างใหญ่ ๆ ของใครสักคน หน้าผมแนบอยู่กับแผงอกกว้าง กลิ่นตัวนั้นคุ้นเคยมาก ผมรีบเงยหน้ามอง ไฟฉายที่อีกคนถือมากลิ้งหลุน ๆ อยู่ข้าง ๆ ก่อนมันจะหยุดนิ่ง ลำไฟฉายสว่างจ้า ส่องตรงมาที่ใบหน้าของเราสองคนราวกับแสงของสปอร์ตไลท์
 
“บาดเจ็บตรงไหนไหมครับคุณหนู”
นาคินทร์รีบรัวลิ้นถาม
 
“เปล่า โทษที ฉันซุ่มซ่ามอีกแล้ว”
 
“นาคินทร์ก็ลืมไปว่าตอนนี้เขาปิดไฟแล้ว คุณหนูไม่มีไฟฉายติดมือมาด้วย นึกได้ก็รีบเดินตามมา เรียกไว้ไม่ทัน ร่างกายไปเร็วกว่าปาก”
 
เลยรับร่างผมไว้แบบนี้ใช่ไหม
 
เขายังนอนอยู่บนพื้นดิน ร่างผมเกยอยู่บนตัวเขาอีกที นาคินทร์ค่อย ๆ ประคองผมลุก ทำอย่างเบามือที่สุด ชนิดไม่ให้ดินแม้แต่เศษเสี้ยวสัมผัสถูกผิวเนื้อหรือเสื้อผ้าผม
 
“เอาละครับ เดี๋ยวนาคินทร์จะเดินไปส่ง”
เขามองสำรวจเนื้อตัวผม ผมพยักหน้า หัวใจไหวแรงนิด ๆ กับกลิ่นตัวนั้น
 
นาคินทร์ฉายไฟให้ ปากบอกให้ผมหลบหลุมดินที่ขุดไว้ ผมเดินเคียงเขาไปติด ๆ กระทั่งถึงตัวบ้านในเขตที่มีไฟสว่างจ้า
 
“นอนหลับฝันดีนะครับคุณหนู”
 
ผมเงยหน้ามองตาคนพูด
 
“นาคินทร์เองก็เหมือนกัน”
 
นาคินทร์ยิ้มรับ รอยยิ้มนั้นมันกระชากใจผมยังไงพิกล ผมรีบหันหลังเดินเข้าบ้านไปทันที
 
ผมนอนหัวใจไหวแรง มันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก กลิ่นตัวที่ผมสูดเข้าไป กายแกร่งที่โอบกอดผมไว้ ดวงตาแห่งความห่วงใย น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้น
 
ท่าจะบ้าน่าอนุชา
 
ผมรีบสลัดทุกสิ่งทิ้ง ข่มตาให้หลับ กระทั่งหลับไป
 
 
 
 
 
 
“ทำไมตาโหลจัง” เจ้าจอมจุ้นถาม
 
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
 
เรียวปากได้รูปแย้มกว้าง
 
“แหน่ คิดถึงสาวใช่ม้า”
 
ผมไม่ได้ตอบ เพราะคนที่อยู่ในห้วงคิดคำนึงผมตอนนี้ไม่ใช่สาว
ผมยังไม่รู้เลยว่านาคินทร์จะเดินทางไปทำงานที่บริษัทผมได้ไง พอกินอิ่ม ผมก็ออกไปหาเขาข้างนอก
 
“นาคินทร์”
ผมเรียกคนที่กำลังหอบไม้ไว้เต็มอก
 
นี่ตื่นขึ้นมาก็ทำงานเลยเหรอ
 
“ไปบริษัทฉันยังไง”
 
“นาคินทร์เอารถไปครับ”
เขาพยักหน้าไปยังรถปุโรทั่งขึ้นสนิมนั้น ผมขมวดคิ้วมอง
 
“มันวิ่งได้ด้วยเหรอ”
 
“ให้แข่งกับคุณหนู รถนาคินทร์ชนะแน่ ๆ”
 
“ทำเป็นคุย”
ผมเบ้หน้า นาคินทร์หัวเราะ
 
“สาย ๆ ผมจะขนเครื่องมือบางส่วนไปทิ้งไว้ที่นั่น แล้วจะไปสั่งพวกต้นไม้ เพื่อให้เขาขนเอาไปลง”
 
“งบเอาจากไหน”
ผมถามอย่างนึกขึ้นได้
 
“เลขาคุณหนูให้ผมวางบิลเข้าบริษัทครับ”
 
ผมนิ่งคิด
 
“งั้นเอางี้นะ พอเอาของไปไว้ที่บริษัทเสร็จ โทรหาฉันด้วย ฉันจะไปดูต้นไม้ด้วย เผื่อเห็นอะไรสวย ๆ จะได้เอามาลงด้วยเลย”
 
นาคินทร์นิ่งคิด
 
“ก็ได้นะครับ ดีเลย เพราะมีดอกไม้กับต้นไม้บางอย่างที่ผมอยากถามว่าคุณหนูชอบแบบไหนมากกว่ากัน”
 
ผมพยักหน้า ขอเบอร์นาคินทร์แล้วยิงเข้าเครื่อง นาคินทร์รีบเมมเบอร์ผมไว้ทันทีเช่นกัน ผมเดินย้อนกลับมาขึ้นรถของตัวเอง หันกลับไปมอง เห็นนาคินทร์วางกล่องเครื่องมือไว้ท้ายรถ เดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ
 
“นาคินทร์”
ผมตะโกนเรียก คนที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงักหันมามอง
 
“อย่าลืมเปลี่ยนชุดก่อนไปด้วย”
 
นาคินทร์ก้มมองตัวเอง
 
“มันทุเรศมากหรือครับ”
 
“ไม่ทุเรศหรอกแต่มันมอซอเกินไป เอาให้ดูดีกว่านี้นิด”
 
“เอ่อ.. ก็ได้ครับ”
 
ผมหดตัวเข้าไปในรถอีกรอบ สตาร์ทเครื่อง เหลือบมองคนตัวสูงที่ยังมองมาอยู่ ผมลอบมองแผงอกที่เสื้อถูกแหวกกว้างนั้น ละสายตา ขับเคลื่อนตัวรถออกจากบ้านมา
 
 
 
 
Description: C:\Users\mojo\Desktop\ที่คั่นดอกไม้.gif
สาย ๆ ของวัน ผมก็ละจากงานเบ๊ลงไปหาคนที่โทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว จริง ๆ เขาขนของขึ้นไปไว้บนดาดฟ้าหมดแล้ว ตอนโทรหาผมคือพร้อมสำหรับการเดินทางไปสั่งของแล้ว
 
“นี่จะเอารถคันนี้ไปจริง ๆ เหรอ”
ผมไม่แน่ใจว่ามันจะวิ่งได้จริง ๆ ไหม
 
“ครับ เพราะต้องซื้อของกลับขืนเอารถคุณหนูไปก็ซื้อของไม่ได้กันพอดี”
 
ผมนิ่งอึ้ง เอาไงดีวะ
 
“ถ้าคุณหนูไม่กล้านั่ง จะขับรถของตัวเองไปก็ได้ครับ ตามผมไป เจอกันที่นู่นเลย”
 
“ไม่เป็นไร”
ผมตัดสินใจ ขยับเข้าไปใกล้ เขาเปิดประตูให้
 
“แน่ใจนะว่าปิดแล้วประตูมันจะไม่หลุดติดมือมาด้วย หรือวิ่ง  ๆ อยู่แล้วล้อไม่วิ่งนำหน้าไปก่อน”
 
“ไม่แน่ครับ ไม่เคยมีคนหน้าตาดีกว่าหนูแดงนั่งมาซะด้วยสิ”
เขาพูดแค่นั้นแล้วปิดประตูลง
 
ตอนนาคินทร์พูดอาจไม่คิดอะไร แต่คำนั้นทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานิด ๆ ผมนั่งนิ่ง กระทั่งถูกเรียกอีกรอบ
 
“คุณหนูครับ รัดเข็มขัดด้วย”
 
“อะ อืม”
ผมตอบตะกุกตะกัก รีบหันไปจับสายเข็มขัดนิรภัย ดึงพืดเพื่อเอามากดลงหลุม ไม่รู้ว่าผมดึงแรงไปหรือว่าเพราะสภาพอันเก่าแก่ของมัน หัวเบลท์ที่เคยติดกับสายหลุดติดมือผมมา ผมอ้าปากค้าง นาคินทร์หันมามอง
 
“สมกับเป็นคุณหนูจริง ๆ”
 
“อะไร สมกับเป็นฉัน!”
ผมหันไปแว๊ด
 
“ฉายาตัวเอง จำไม่ได้เหรอครับ ซุ่มซ่าม จอมทำลายล้าง หนูแดงขึ้นมานั่งตั้งหลายรอบรถนาคินทร์ไม่เคยพัง คุณหนูขึ้นมาพังเลย”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว
 
“เพราะรถของนาคินทร์มันเก่าต่างหาก บอกให้พ่อซื้อใหม่ได้แล้ว”
 
“เสียดายครับ มันยังใช้ได้ดีอยู่”
 
“ดีตรงไหน!”
ผมยกหัวเบลล์ที่หลุดติดมือให้ดู
 
“นั่นเพราะคุณหนูมือหนักต่างหาก มานี่ครับ นาคินทร์ซ่อมให้”
แล้วนาคินทร์ก็รับไปถือ ขยับตัวมาดึงสายเบลท์จากตัวผม ผมจำต้องเบี่ยงตามแรงดึงนั้นไปด้วย หน้านาคินทร์อยู่ใกล้หน้าผมแค่คืบ คนตัวสูงไม่ได้สนใจมองหรอก ผมแทบกลั้นหายใจ เพราะกลัวจะไปถูกนาคินทร์เข้า นาคินทร์คิ้วขมวด ค่อย ๆ เสียบหัวเบลท์เข้าไป
 
“เอาล่ะเรียบร้อย”
พูดพร้อมจับมันเสียบลงรูให้ ผมพ่นลมหายใจที่กลั้นไว้เมื่อกี้ออก นาคินทร์มองงง ๆ
 
“ตัวนาคินทร์เหม็นขนาดนั้นเลยเหรอครับ ขอโทษด้วย”
 
“เปล่า ๆ” ผมรีบแก้ตัว “ฉันกลัวจะทำให้นาคินทร์เสียสมาธิ”
 
นาคินทร์หัวเราะ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น ใบหน้าที่ติดจะมีอายุนั้นดูเด็กลงทันตา
 
“ถ้าคุณหนูนั่งมาด้วยบ่อย ๆ บางทีนาคินทร์อาจต้องเปลี่ยนรถ”
 
“ถ้ารักมากก็ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก รอให้ล้อโบกมืออำลาตัวรถกลางถนนก่อนค่อยเปลี่ยน”
ผมพูดประชด นาคินทร์หัวเราะอีกรอบ
 
ผมบอกตามตรงว่าผมชอบดูนะ มันทำให้โลกสดใสยังไงพิกล ผมไม่ค่อยเห็นหรอก เพราะนาคินทร์ชอบไว้หนวดไว้เคราละมั้ง
 
“นี่” ผมเรียกตอนรถกำลังเคลื่อนออกจากที่จอด “โกนหนวดโกนเคราแบบนี้ไปตลอดได้ไหม”
 
คนขับหันมามอง
 
“ทำไมครับ”
 
“ดูสดใสดี ฉันชอบ”
คนขับนิ่งไป ผมก็นิ่งเหมือนกัน
 
คะ คือ ผมจะบอกว่า ชอบในความหมายว่ามันดูสะอาดสะอ้านดี แต่แปลกที่เหมือนมันมีความนัยแฝงในนั้นยังไงพิกล
 
ผ่านไปนานทีเดียวกว่าคำตอบจะหลุดออกมาจากปากคนขับ
 
“ครับ ถ้าคุณหนูต้องการ”
 
ผมแอบพอใจลึก ๆ นั่งไปนิ่ง ๆ
 
“คุณหนูไม่เหมาะกับรถผมเลย เก่าก็เก่า เหม็นก็เหม็น ๆ แก่ก็แก่”
 
“เหมาะกับเจ้าของดี ทั้งเก่าทั้งแก่ ทั้งเหม็นสาบเหงื่อ”
 
นาคินทร์ทำท่ากระอักกระอ่วน
 
“ขอโทษครับ”
 
“แต่ฉันชินแล้ว ดมมาตั้งแต่เด็กยันโต”
นาคินทร์ไม่พูดอะไร ขับรถพาขึ้นทางด่วน ตรงไปยังแหล่งพันธุ์ไม้แถวคลอง 15 เขาจอดรถร้านหนึ่ง ลงไปในร้าน พูดคุยกับเจ้าของร้าน ดูเป็นงานเป็นการดี ก่อนยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ ในนั้นเต็มพรืดไปด้วยลายมือที่เขียนด้วยปากกาน้ำเงินเป็นระเบียบ ผมไม่ได้อ่านว่าอะไร แต่ก็น่าจะเป็นรายการต้นไม้นั่นแหละ
 
“คุณหนู เชิญทางนี้ครับ”
นาคินทร์หันมาเชิญ ผมรีบก้าวตามทันที ผมกับนาคินทร์เหมือนกันอยู่อย่างก็ตรงที่ชอบเรื่องต้นไม้เหมือนกันนี่แหละ แต่ผมแค่ชอบอยู่กับมัน ไม่ได้ศึกษาเรียนรู้หรือชอบปลูกเหมือนนาคินทร์หรอก
 
“ระหว่างต้นนี้กับต้นนี้ คุณหนูชอบต้นไหน”
เขาถาม ใบเป็นแฉก ๆ เหมือนกัน ผมมองต้นไม้ทั้งคู่สลับกันไปมา ก่อนชี้ไปต้นทางซ้าย
 
นาคินทร์ก้มลงจดชื่อต้นไม้ลงบนกระดาษ ถามผมอีกสองสามต้นที่ใกล้เคียงกัน ผมก็ชี้ ๆ เอา หลังจากต้นสำคัญหมด เราก็พากันเดินดูต้นไม้   แปลก ๆ อื่น ๆ นาคินทร์มีความรู้เรื่องต้นไม้ดีมากเหมือนกัน เดินไปถ้าต้นไหนไม่มีป้ายบอกก็จะบอกผม ต้นไหนไม่รู้ก็เรียกพนักงานมาถาม
 
ในระหว่างที่พนักงานวิ่งมาเพื่อสอบถามอะไรบางอย่างกับนาคินทร์ ผมเดินดูต้นไม้ไปเรื่อย ๆ คอย จนไปเจอต้นไม้กลุ่มหนึ่งในกระถางขนาดไม่ใหญ่มาก ลักษณะใบมันเล็ก ๆ เลื้อยยาวออกมานอกกระถาง
 
น่ารักดีครับ
 
ผมก้มมองชื่อ พอเห็นก็ยิ้มออกมาทันที
 
“ต้นรัก”
อันนี้ไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นเสียงของนาคินทร์ที่ก้มลงมาดูใกล้ ๆ เหมือนกัน นาคินทร์อ่านสิ่งที่ผมกำลังอ่านอยู่ ผมหันไปมองด้วยความตกใจ
 
เพราะนาคินทร์ก้มหน้าลงมา และเพราะผมก็กำลังก้มหน้าอยู่เคียงกัน พอหันไปมอง ปากผมเลยกวาดผ่านพวงแก้มของอีกคนไป ผมชะงัก พอ ๆ กับนาคินทร์ที่หันมามอง
 
“อะ เอ่อ ชื่อน่ารักดี”
ผมรีบยกหน้าขึ้นมาพูดแก้เก้อ ทำเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
“ครับ ความหมายดี คนนิยมเอาไปปลูกกันในออฟฟิศ อยากได้สักแถบไหม ใกล้ ๆ กับชิงช้าก็ได้ ผมจัดให้” นาคินทร์ถามเรียบ ๆ คงไม่ได้ใส่ใจที่ถูกผมแอบหอมแก้มไปเมื่อกี้
 
“กะ ก็ดี เผื่อจะได้โชคดีมีความรักกับเขาบ้าง”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ จากลำคอนั้น
 
“โชคชะตาฟ้าลิขิตครับ ถ้ามันจะเจอ เดี๋ยวมันก็เจอ”
แล้วเขาก็เดินไปเรียกพนักงาน พูดจาอะไรกันสองสามคำ ในขณะที่ผมเลื่อนมือมากุมหัวใจตัวเอง
 
ใจเย็นอนุชา นั่นผู้ชาย
 
นั่นคนสวน
 
นั่นคนแก่น้อง ๆ พ่อเลยนะ
 
ผมลดมือลงปรับสีหน้านิ่งเรียบเมื่อเขาหันมา เรียวปากได้รูปนั้นแย้มออกกว้าง รอยยิ้มนั้นสะกดผมให้หยุดนิ่งไปเลย
 
“เรียบร้อยครับ เราไปเดินดูอย่างอื่นกันต่อเถอะ”
สติผมกลับคืน ก้าวเดินตามคนตัวสูง ในขณะที่หัวใจกำลังไหวอย่างรุนแรง


[ต่อ 80%]


หลังจากดูต้นไม้กันจนครบนาคินทร์ก็ขับรถไปส่งผมที่ออฟฟิศ ขากลับผมไม่ได้ทำเบลท์พัง ได้ต้นไม้ติดรถมาเพียบ กำลังจะก้าวลงจากรถ แต่ถูกเรียกตัวไว้ ผมหันไปมองคนเรียก
 
“คุณหนูมีโต๊ะทำงานหรือยังครับ”
ผมเลิกคิ้วมองคนถาม ส่ายหน้าไปมา
 
“ยังหรอก ตอนนี้ยังเป็นแค่เด็กเดินเอกสาร”
 
นาคินทร์ทำท่าคิด
 
“ไม่มีอะไร”
เขาบอกแค่นั้น ผมก้าวลงจากรถ กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

(มีต่อ)
 
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 01 : คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ [P.2][13-6-2559] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-06-2016 19:55:47
รอต่อค่าาาา รอๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 02 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ (P.2)(22-6-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-06-2016 07:12:09
(ต่อค่ะ)
 
หลังเลิกงานผมก็พาร่างเหนื่อย ๆ กลับบ้าน เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แม่รีบไล่ให้ไปอาบน้ำ
 
“พี่อนุชา”
อยู่ ๆ เจ้าแสบก็เรียกไว้
 
“มีอะไร”
ผมถาม ทำหน้าเหนื่อยใส่ เล่นละครนิดหน่อยครับ ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอก
 
“ชยันต์ซื้อของมาฝาก รู้สึกว่าช่วงนี้พี่น่าจะเหมาะ”
 
อะไรวะ
ผมถามในใจ แต่ไม่พูด ชยันต์วิ่งปรู๊ดขึ้นห้อง ก่อนวิ่งกลับลงมาพร้อมถุงสีฟ้าโลโก้ภาษาอังกฤษในมือ
 
“อะไร”
 
“ของฝาก อยากซื้อให้ รู้สึกผมไม่ค่อยซื้ออะไรให้พี่เลย”
 
“อย่าซื้อเลยดีที่สุด พี่ไม่ชอบสไตล์เรา”
ผมบอกตรง ๆ ชยันต์บู้หน้า
 
“ถ้าพี่ไม่ใส่ ผมงอนจริง ๆ ด้วย”
 
“งอนก็งอนไป”
ผมว่าไม่ยี่หระ ชยันต์รีบเปลี่ยนท่าทีทันที
 
“พี่อนุชาง่ะ นะ ใส่ให้ผมดูหน่อย ผมอยากเห็น พี่อนุชาสุดหล่อ น่านะ นะ นะ นะ นะ นะ นะ”
 
“เพื่ออะไร”
 
“ก็ชยันต์ชอบ อยากเห็น”
ผมส่ายหัวไปมา
 
“เสื้อผ้าเราพี่ใส่ไปทำงานได้ที่ไหน”
 
“งั้นก็ใส่อยู่บ้าน ใส่นอนก็ได้นะนะนะ ไม่มีใครเห็นหรอก ชยันต์เห็นคนเดียว”
ผมถอนหายใจแรง พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เดินขึ้นห้องไป โยนถุงเสื้อผ้าที่ชยันต์ซื้อมาให้ลงบนเตียง สลัดเสื้อผ้าออกจากตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
 
ผมใช้เวลาไม่นานก็เดินตัวเบาออกไปข้างนอก คลี่ดึงเสื้อผ้าออกมาจากถุงผ้านั้น
 
มันเป็นเสื้อยืดแขนยาวเนื้อผ้าเรียบลื่นสไตล์เซ็กซี่แบบของชยันต์แหละ ผมส่ายหัววางมันลง เดินไปเปิดตู้หวังหยิบชุดนอนมาใส่ ได้ยินเสียงเคาะห้องเบา ๆ ผมหันไปมอง เดินพันผ้าขนหนูไปเปิดดู
 
ชยันต์โผล่หน้าสวย ๆ เข้ามามอง ปากได้รูปยิ้มรื่น
 
“ใส่ยัง ชยันต์อยากเห็น”
 
“ว่าจะไม่ใส่”
 
“โธ่ ใส่เถอะนะ ชยันต์อยากรู้ว่ามันเป็นแบบไหน พี่เชนทร์ใส่แล้วยังหล่อเลย ไม่เชื่อดูดิ”
 
พี่เชนทร์เดินตามเข้ามา
 
โห แม่เจ้า หล่อจริง ๆ
คิดว่าจะเอ็กซ์เซ็กส์แตกแบบชยันต์ซะอีก มันไม่ใช่ว่าใส่แล้วจะเป็นแบบนั้นทุกคนนี่ พอเห็นพี่เชนทร์ใส่แล้วเท่ ผมไม่รอช้ารีบเดินไปหยิบมาใส่บ้าง
 
“เป็นไง”
 
“หล่อ” ชยันต์พูดสั้น ๆ “เราไปนอนกันเถอะ” แล้วควงแขนพี่เชนทร์ ก้าวออกจากห้องผมไป ผมมองตามงง ๆ
 
อะไรวะ เดินมาดูแค่เนี้ย
ผมส่ายหน้าไปมา ระอากับน้องคนเล็ก เดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า กำลังจะถอดเสื้อออก แต่เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังขะมักเขม้นทำอะไรสักอย่างผ่านหน้าต่าง
 

ผมละความสนใจเรื่องเสื้อ คว้ากางเกงขาสั้นสำหรับใส่นอนมาใส่ วิ่งลิ่วออกจากห้องไปทันที
 
คราวนี้ผมฉลาดพอที่จะไม่เข้าทางด้านหน้าเพื่อทำให้อีกคนตกใจฉายไฟส่องหน้าอีก เดินย่องไปด้านหลัง นาคินทร์กำลังใช้สมาธิเล็งอะไรสักอย่างอยู่
 
“ทำอะไรอยู่”
ผมแตะหลังนาคินทร์เบา ๆ เจ้าตัวสะดุ้งเฮือกหันขวับมามอง แสงไฟบนหน้าผากปราดเข้าตาจนผมต้องเสหลบ เพราะผมยืนอยู่ใกล้คนตัวสูงมาก พออีกคนขยับก็ชนผมล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้น นาคินทร์รีบถอดไฟฉายโยนลงบนโต๊ะ ขยับเข้ามาใกล้ ผมเบ้หน้า
 
เจ็บก้นฉิบหาย
 
“ขอโทษครับ นาคินทร์ไม่เห็นว่าคุณหนูอยู่ข้างหลังแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ”
นาคินทร์ย่อตัวลงมาทำท่าจะประคอง แต่ไม่รู้ว่าจะจับส่วนไหนของผมดีก่อน ผมมองคนตรงหน้า
 
กะว่าไม่ให้พลาดแล้วเชียว
 
นาคินทร์มองผมนิ่ง ๆ สายตาดูจะนิ่งค้างไปนิด ๆ ผมก้มมองตามสายตานั้นต่ำลงไปที่ด้านล่าง เพราะผมรีบลงมาโดยไม่ได้ดู ผมใส่เสื้อที่ชยันต์เอามาให้ คอมันกว้างมาก จังหวะล้มคอเสื้อร่นจนโชว์หัวไหล่ไปถึงต้นแขน หนำซ้ำยังเห็นหัวนมรำไรอีกต่างหาก
 
ผมหน้าร้อนผ่าว จะดึงเสื้อขึ้น คือจริง ๆ มันก็ผู้ชายครับ คิดไรมาก แต่ผมก็แอบประหม่านิดหน่อย นาคินทร์คงไม่คิดอะไร แต่คนที่คิดเนี่ยคือผมนี่แหละ นาคินทร์รีบเบรกมือผมที่กำลังจะดึงเสื้อที่หัวไหล่ขึ้น ผมมองงง ๆ
 
“มือคุณหนูเปื้อนดินครับ อย่าจับ มันจะเปื้อนส่วนอื่น ๆ”
นาคินทร์ปัดฝุ่นออกจากมือผมเบา ๆ สลับไปปัดอีกข้าง ผมนั่งจิ้มดินให้ทำดี ๆ นาคินทร์ดึงผมลุก จับผมหันหลัง ปัดก้นให้เบา ๆ มือใหญ่ ๆ นั้นป้ายก้นผมไปหลายรอบจนผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว พยายามไม่คิดอะไรมาก กระทั่งเขาจับผมหันไปเผชิญหน้า สำรวจรอบตัว พลิกหน้าพลิกหลัง คงสำรวจหาฝุ่น ก่อนค่อย ๆ หยุดสายตาไว้ที่หัวไหล่ที่เสื้อยังตกค้างอยู่ นาคินทร์หยุดสายตาไว้ เลื่อนมาดึงขึ้นให้เบามือ
 
“ชุดน่ารักดีนะครับ เคยเห็นคุณหนูชยันต์ใส่บ่อย ๆ”
 
“อื้ม เด็กนั่นยัดเหยียดคจมาให้เมื่อกี้”
 
เขาหัวเราะ
 
“เหมาะกับคุณหนูดีครับ แต่…”
 
“แต่อะไร”
ผมถามเสียงเครียด ความมั่นใจชักหดหาย หรือว่าจริง ๆ แล้วผมใส่แล้วมันทุเรศ
 
นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด
 
“แต่อะไร”
ผมถามเสียงเครียดขึ้น
 
“มันเซ็กซี่เกินไป”
 
ผมมองคนพูดอึ้ง ๆ
 
“นาคินทร์ระ รู้จักคำว่าเซ็กซี่ด้วยเหรอ”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“รู้สิ ต่อให้บ้านนอกขนาดไหนก็รู้จัก สวย น่ารัก เซ็กซี่ ผมแยกออกหมดแหละ คุณหนูชยันต์แต่งตัวน่ารักขนาดไหนก็ยังมีคุณเชนทร์คอยดูแล คุณหนูไชยวุธมีคุณวิลเลี่ยมคอยปกป้อง แต่คุณหนูอนุชาไม่มีนะครับ ใส่มาแบบนี้มันอันตราย นาคินทร์เป็นห่วง”
 
หัวใจผมไหวแรงไปกับน้ำคำซื่อ ๆ แบบนั้น
 
“ฉะ ฉันเป็นผู้ชายนะ จะมีอันตรายอะไรกับอีแค่แต่งตัวแบบนี้”
 
นาคินทร์มองหน้าผม ทำท่าเหมือนจะพูด แต่ไม่พูด
 
“นาคินทร์แค่เป็นห่วง”
 
ผมรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งผิวหน้า ลามไปถึงภายในช่องอก
 
“ร้อนหรือครับ หน้าแดง ๆ”
ไม่พูดเปล่า นาคินทร์ยังแตะแก้มผมเบา ๆ มือนั้นสากก็จริง แต่ก็อบอุ่นมาก ผมชะงัก พอ ๆ กับคนถาม มือนั้นนิ่งค้างไว้ที่แก้มผม
 
“ขอโทษครับ นาคินทร์มือไม่สะอาด เดี๋ยวเผลอทำหน้าคุณหนูเป็นรอย”
นาคินทร์รีบชักมือกลับ ผมไม่พูดอะไร แตะหลังมือตรงตำแหน่งที่ถูกสัมผัสนั้นเบา ๆ
 
“โทษทีที่มารบกวน ว่าแต่ทำอะไรอยู่ ยุ่งหรือเปล่า”
 
“ไม่มากหรอกครับ กำลังเล็งแบบเพื่อทำอะไรสักอย่างประดับชิงช้า”
 
“อะไร”
ผมถามอย่างใคร่รู้ พยายามตัดทุกความรู้สึกที่มีก่อนหน้าทิ้งไป นาคินทร์ไม่ตอบ เดินหายไปสักพัก ก็กลับเข้ามาใหม่พร้อมอะไรบางอย่าง
 
“จะอยู่ดูไหม นาคินทร์ทำแผลบเดียว”
 
ผมพยักหน้า จ้องมอง นาคินทร์ลงมือตัดไม้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมันมาประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นกระถางต้นไม้ขนาดกระทัดรัดสำหรับตั้งโต๊ะ    นาคินทร์ถือมันเดินหายไปทางหลังบ้าน สักพักก็เดินกลับมาใหม่พร้อมกระถางต้นไม้อันเดิม แต่เพิ่มเติมคือมีต้นไม้อยู่ในนั้นด้วย
 
ผมขมวดคิ้วมอง ต้นนี้คุ้น ๆ นะ ต้นอะไรสักอย่าง
 
นาคินทร์หยิบลวดมาเส้นหนึ่ง งอมันด้วยนิ้ว หยิบกระดาษมาเขียน ผมไม่ได้มองว่าเขียนว่าอะไร พอเสร็จ ก็หนีบกระดาษแผ่นนั้นลงบนลวดที่งอไว้ในลักษณะคล้ายที่หนีบกระดาษโน้ต พลิกดูความเรียบร้อย หันมาเผชิญหน้า ยื่นมาให้ ผมมองงง ๆ
 
“นาคินทร์ให้ครับ เพื่อคุณหนูโดยเฉพาะ”
ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอึ้ง ๆ รับมาถือไว้ อ่านสิ่งที่อยู่บนกระดาษ
 
‘รัก’
ผมหน้าร้อนผ่าว
 
“จริง ๆ จะเขียนว่าต้นรัก แต่กระดาษแผ่นเล็กไป”
นาคินทร์ยิ้มแหะ ๆ หัวใจผมไหวแรง รู้ว่าอีกคนไม่ได้คิดอะไร แต่ผมก็แอบดีใจ
 
ผมพยักหน้ารับ
 
“ขอบใจ ยังไม่มีโต๊ะทำงาน เอาไว้ที่ห้องนอนก่อนละกัน”
 
“เอาไว้ตรงริมหน้าต่างนะครับ ให้ถูกแสงหน่อย ๆ มันจะได้อายุยืน ๆ อย่าให้มันตายเสียก่อน ไม่งั้นนาคินทร์คงเสียใจแย่”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว 
 
“อะ อืม สัญญาเลย ฉะ ฉันง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะ”
 
“ครับ”
นาคินทร์รับปาก หันมองไปด้านหลัง
 
“จริง ๆ เขายังไม่ปิดไฟ แต่เดี๋ยวนาคินทร์เดินไปส่ง กลัวคุณหนูล้มอีก”
 
ผมไม่คิดจะปฏิเสธ อุ้มเอาต้นรักแนบอก เดินเคียงคนตัวสูงเข้าไปในเขตบ้าน
 
“นอนหลับฝันดีนะครับ”
นาคินทร์มองหน้าผม เลื่อนมือมาปัดอะไรบางอย่างออกจากแก้มให้
 
“ดินเลอะ”
ผมแตะแก้มตัวเองเบา ๆ พยักหน้ารับ หันหลัง วิ่งจู๊ดขึ้นห้องไป
 
ให้ตายสิ ทำไมหัวใจเต้นแรงขนาดนี้

To be Con...
เลิฟว์กันทีละนิด >//<
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 02 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ (P.2)(22-6-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 22-06-2016 08:40:35
ชอบ อนุชาน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 02 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ (P.2)(22-6-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 22-06-2016 12:45:32
โอ้ยย คุ่นี้เค้ามุ้งมิ้งน่าร้ากกกก อะไรคือการเขียนคำว่ารักเฉยๆ ว้ายย  :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 02 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ (P.2)(22-6-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 22-06-2016 13:44:27
ชอบมากๆเลยค่ะ ค่อยเป็นค่อยไปดีจัง ติดตามผลงานอยู่น้า
ชอบทุกเรื่องเลยหลงรักตั้งแต่อ่านkiss love
อยากอ่านตั้งแต่คู่แรก(ถึงเคยอ่านในเด็กดีแล้วก็ตาม^^)
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ+เป็ดให้ทุกตอนแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 02 คนเก่าเวอร์ชั่นใหม่ (P.2)(22-6-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-06-2016 21:16:10
จิ้มๆๆๆ
อยากอ่านตั้งแต่คู่แรกด้วยจังเลย
อ่านคู่นี้ก่อนล่ะ^^
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(30-6-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-06-2016 21:22:41
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 03 : หวั่นไหว

ผมนั่งมองต้นรักราวกับมันจะมีแขนหรือขางอกออกมา กระถางที่ทำจากไม้ตอกประกอบเข้าด้วยกันเป็นสี่เหลี่ยมเก๋ ๆ รูปแบบถอดมาจากนิตยสารพวกหนังสือ My Home หรือบ้านและสวน สีกึ่งขาวกึ่งครีม ภายในมีกระถางสีดำเล็ก ๆ ข้างในมีต้นรักที่ถูกแบ่งมาจากกระถางใหญ่อีกทีปลูกไว้เพียงต้นเดียว
 
ผมรินน้ำจากขวดน้ำใส่แก้วค่อย ๆ เทใส่กระถางเบามือ
 
“แข็งแรง ๆ นะ เดี๋ยวคนให้จะเสียใจเอา” ผมพูดกับต้นไม้ พออ่านชื่อต้นไม้ทีไรหน้าผมก็ร้อนผ่าวทุกที
 
ผมละสายตาจากมัน อาบน้ำแต่งตัวเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปทำงานที่บริษัท ระหว่างทางไปขึ้นรถ เห็นนาคินทร์กำลังขะมักเขม้นทำอะไรอยู่ในสวน ผมเปลี่ยนเส้นทางจากจะไปที่รถเป็นตรงไปทางนั้นทันที
 
“ทำอะไรอยู่”
 
คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่เงยหน้ามอง ผมหัวเราะเมื่อใบหน้าที่ถูกโกนหนวดเคราจนเกลี้ยงนั้นมีรอยเปื้อนเป็นแถบ ผมล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกติดกระเป๋ากางเกงประจำขึ้นมาถือ เดินตรงเข้าไปหา นาคินทร์มองมานิ่ง ๆ ทำหน้างง ๆ
 
“อยู่นิ่ง ๆ นะ”
ผมสั่ง นาคินทร์นิ่งตาม ผมแตะผ้าเช็ดหน้าบนผิวแก้มนั้นเบามือ
 
“อย่าครับคุณหนู เดี๋ยวเปื้อนผ้าเช็ดหน้าคุณหนูเปล่า ๆ” นาคินทร์รีบเบรกใช้แขนดันมือผมออก
 
“อยู่นิ่ง ๆ” ผมสั่งเสียงเข้ม
 
“แต่…”
ผมไม่ฟัง ขยับไปเช็ดให้อีกรอบ
 
“ผ้าเช็ดหน้าราคาแพงคุณหนูเปื้อนหมดแล้ว ไม่ควรเลย” นาคินทร์บ่น ผมหัวเราะ
 
“ฉันมีแบบนี้หลายผืนน่า”
 
“ถึงจะงั้นก็เถอะ ราคาคงไม่ใช่ถูก ๆ”
 
“รู้รึเปล่าว่าฉันรวย”
 
“รู้ครับ เจ้านายนาคินทร์ทั้งคน”
 
“เพราะงั้น ต่อให้มันเปื้อน ฉันก็มีเงินซื้อผืนใหม่ได้”
 
นาคินทร์ส่ายหน้า ทำหน้าเสียดายออกมาจากใจจริง
 
“เอ้าเรียบร้อย”
 
“ดูสิ เปื้อนหมดแล้ว”
นาคินทร์จับมือผมที่ถือผ้าเช็ดหน้าไว้ ทำหน้าเหมือนมันเป็นลูกหมาที่กำลังบาดเจ็บตัวหนึ่ง
 
“เปื้อนเหงื่อนาคินทร์ด้วย ซักออกหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันเลอะแล้ว คุณหนูอย่าเอากลับไปใช้อีกนะครับ มันไม่สมควร”
นาคินทร์บอกอย่างนอบน้อม จริง ๆ ผมไม่ได้รังเกียจหรอก
 
“ฉันไม่ถือ”
 
“แต่ผมถือ”
 
“อ่ะ งั้นฉันยกให้”
 
“เอ่อ...ผมว่า”
 
“ไม่ให้ใช้ แล้วจะให้ทิ้งรึไง ฉันไม่ชอบทิ้งข้าวของนาคินทร์ก็รู้ นี่ผืนโปรดฉันด้วย เอาไง ระหว่างให้ฉันเอากลับไปใช้กับฉันยกให้แล้วนาคินทร์เอาไว้ใช้เอง”
 
“นาคินทร์เอาไว้ใช้เองดีกว่าครับ ดีกว่าให้คุณหนูเอากลับไปใช้”
นาคินทร์ค่อย ๆ ดึงผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นจากมือผมราวกับมันเป็นแก้ว ถือประคองไว้ในมือ แล้วก็หันไปหยิบกล่องอะไรสักอย่างบนชั้นมาถือ เปิดฝาออก ภายในว่างเปล่า นาคินทร์เป่าเศษฝุ่นออก พอเห็นว่าสะอาดดีแล้วถึงได้บรรจงใส่ผ้าเช็ดหน้าของผมลงไป ทำราวกับมันเป็นเครื่องประดับสุดล้ำค่าจริง ๆ
 
ผมอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้จริง ๆ
 
“นี่ถ้าฉันเอาเสื้อฉันเช็ด นาคินทร์คงเอาเสื้อฉันไป”
 
“ไม่หรอกครับ”
 
ผมหัวเราะ
 
“ทำอะไรอยู่” พยักหน้าไปทางสิ่งที่นาคินทร์กำลังทำ
 
“ส่วนประกอบเพื่อวางระบบน้ำ”
 
ผมพยักหน้าหงึก ๆ เพราะถามไปงั้นเองไม่ได้สนใจอะไร กวาดมองคนตัวสูงอีกที วันนี้ดูนาคินทร์จะมาแปลกว่าทุกวัน ไม่ใช่เพราะหนวดเครา แต่เป็นเพราะอะไรสักอย่าง…
 
ผมนิ่งสำรวจ
 
อ๋อ เสื้อที่ใส่
 
วันนี้นาคินทร์ใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม สีมันมอก็จริง แต่รูปแบบมันเท่มาก ๆ ที่สำคัญ…
 
ผมลอบสังเกต นั่นมันเสื้อติดแบรนด์นี่
 
ปกตินาคินทร์จะใส่เสื้อตลาดนัด ราคาไม่กี่ร้อย ที่สำคัญ ทั้งเก่าทั้งขาดทั้งมอ รูปแบบบ้าน ๆ กางเกงมอ ๆ แต่วันนี้ชุดดูเป็นผู้ดีผิดไปลิบลับ
 
“ใครซื้อเสื้อผ้าชุดนี้ให้”
ผมถามเพราะเดาได้ว่านาคินทร์ไม่น่าจะซื้อเองได้ นาคินทร์ละมือจากไม้ขึ้นมองหน้าผม แล้วก้มมองตัวเอง
 
“ไม่เหมาะเหรอครับ ผมก็ว่างั้นแหละ มันดูแปลก ๆ นาคินทร์ชอบเสื้อยืดกางเกงมอ ๆ ของนาคินทร์มากกว่า แต่จะขัดก็ไม่ได้”
 
“ใคร” ผมถามอีกที
 
“คุณหนูชยันต์ครับ”
มาได้ไงวะ ผมขมวดคิ้วทำหน้างง นาคินทร์ถอนหายใจแรง
 
“อยู่ ๆ คุณหนูชยันต์ก็เดินมาหา แล้วบอกว่าช่วงนี้นาคินทร์ดูดีนะ เหมาะกับชุดนี้แล้วก็ยื่นถุงเสื้อผ้ามาให้ นาคินทร์ถามว่าเป็นเสื้อผ้าเก่าของใครหรือเปล่า ถ้าแบบนั้นนาคินทร์ก็อยากใส่อยู่หรอก แต่คุณหนูบอกว่า ไม่ใช่ ซื้อมาให้นาคินทร์โดยเฉพาะเพราะเห็นว่าน่าจะเหมาะ จะปฏิเสธคุณหนูก็สั่งเสียงเหี้ยม จะไม่ใส่ก็ไม่ได้”
โห ชะตากรรมเดียวกันเลย ผมมองนาคินทร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
“เหมาะมากเกินไปต่างหาก เดี๋ยวสาวแก่แม่ม่ายก็พากันมารุมตอมหึ่งหรอก”
 
“นั่นแหละ ที่ผมไม่ชอบที่สุด”
 
“ทำไมไม่โกหกไปล่ะว่ามีเมียแล้ว”
 
“ใครเขาจะเชื่อครับ วัน ๆ ก็ทำแต่งาน”
 
มันก็จริง
 
“สายแล้วนะครับ ไม่รีบเดี๋ยวสายนะ”
 
ผมตาโต ยกนาฬิกามอง
 
“จริงสิ! งั้นฉันไปก่อนนะ” ผมรีบหันหลัง
 
แต่ให้สวรรค์เป็นพยาน ไอ้ไม้ที่วางอยู่มันแกล้งผม ผมสะดุดมันจนบินถลาจะร่อนลงจอดหน้าแนบดิน ดีว่ามีวงแขนใหญ่ ๆ มาโอบไว้อีกรอบ ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแรงจากคนที่โอบผมไว้
 
“โตแล้วนะครับคุณหนู เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่ามสักที” นาคินทร์ค่อย ๆ ประคองผมยืนดี ๆ
 
ผมยิ้มแหะ ๆ ก้าวเดินดี ๆ อีกรอบ เดินไปหัวใจก็พากันไหวแรง ขาแข้งแทบจะก้าวพันกัน พอขึ้นมานั่งบนรถได้ ผมรีบกุมหัวใจตัวเองไว้ทันที
 
“ใจเย็นอนุชา ใจเย็น เลิกตื่นเต้น เลิกรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนั้น มันไม่เหมาะ มันไม่ควร ไม่ ไม่ ไม่ ไม่” ผมสั่งตัวเองเสียงดัง มองหน้าตัวเองผ่านกระจก ตอนนี้มันแดงเถือกจนถึงใบหู ผมตบแก้มตัวเองแรง รีบสตาร์ทรถขับออกไปทันที
 
 
 
 
 
 
 
ผมทำงานแบบใจลอย ๆ
 
“อนุชา นี่มันงานของคุณศักดานะ ไม่ใช่ของฉัน”
 
ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์มองคนพูด รีบรับงานนั้นมาเปิดดู ยิ้มแหะ ๆ
 
“ขอโทษครับ ผมคงเบลอ”
 
คุณเอกสิทธิ์มองหน้าผมแล้วส่ายหัว
 
“ใจลอยไปถึงใคร”
 
ถึงหนุ่ม
คนสวนของบ้านด้วย ขืนบอกไปคงโดนหาว่าบ้า
 
“ไม่มีอะไรครับ”
 
“ไหน ๆ ก็จะไปหาคุณศักดาแล้ว ฝากนี่ไปให้ด้วย”
เขายื่นกระดาษติดโลโก้บริษัทมาให้ผมสองแผ่น ผมรับมาถือไว้ มองแวบหนึ่งเพื่อดูว่ามันคืออะไร
 
“อนุชา”
 
“ครับ” ผมเงยหน้ามองคนเรียก
 
“เอ่อ ..เธอว่างไหม ตอนเที่ยง ไปกินข้าวด้วยกันสิ”
 
ผมเลิกคิ้วมองคนชวน วันนี้นาคินทร์มาคุมงานที่ดาดฟ้า ผมกะว่าตอนเที่ยงจะขึ้นไปกินข้าวข้างบนเพื่อดูการดำเนินงานด้วย
 
“ขอโทษครับ พอดีเที่ยงนี้ผมไม่สะดวก มีธุระต้องทำ”
 
“เหรอ พรุ่งนี้ล่ะ”
 
“เอ่อ น่าจะไม่ว่างทุกเที่ยงครับ”
 
เขาขมวดคิ้วมองงง ๆ
 
“มีธุระอะไร”
 
“คือ…” ผมหาทางแก้ตัว “พอดีผมรับงานเสริมไว้ ต้องไปช่วยเขาจัดสวนบนดาดฟ้าของออฟฟิศ” ผมแหล เขามองผมด้วยสายตาเอ็นดูขึ้น
 
“ขยันจังนะ เธอเป็นเด็กใหม่ที่ทำงานโดยไม่ปริปากบ่น หนำซ้ำยังขยันอีก ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงิน ให้บอก ฉันพอจะช่วยได้”
 
“ไม่หรอกครับ ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงินหรอก ผมแค่อยากลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อพัฒนาความสามารถตัวเอง ถ้าคุณเอกสิทธิ์จะช่วย ช่วยหางานหลากหลายให้ผมทำดีกว่า”
 
“ฉันก็เพิ่งเคยเจอคนแบบเธอคนแรกนี่แหละ มีแต่คนเกี่ยงงาน เห็นเธอเป็นคนเดียวที่วิ่งเข้าหางาน”
 
ผมยิ้มให้ ก็จะมาเป็นเจ้าของบริษัทนี้นี่หว่า ต้องทำให้ได้ทุกตำแหน่งตามข้อตกลงที่พ่อให้ไว้สิ
 
“งั้นผมขอตัวนะครับ”
กำลังจะเดินไป แต่ถูกรั้งจับข้อมือไว้
 
“ฉันพูดจริงนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ให้นึกถึงฉันก่อนคนแรก เข้าใจนะ”
 
ผมมองหน้าคนพูด ยิ้มให้อีกที
 
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”
ผมตอบอย่างนอบน้อม เรียนรู้ลักษณะนี้มาจากนาคินทร์นั่นแหละ
 
ผมผละจากมา เอางานไปให้คุณศักดา แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ ตอนเด็ก ๆ ผมเคยสงสัยว่าทำไมพ่อต้องบังคับให้พี่ ๆ ที่เรียนจบแล้ว เริ่มงานในตำแหน่งต่ำสุดก่อน มาตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว
 
มันคือการเรียนรู้ระบบงาน เรียนรู้คน เรียนรู้ตั้งแต่รากแก้วสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง ผมคงจะไต่ไปถึงปลายยอดของต้นไม้ใหญ่ ถึงเวลานั้นผมคงดูแลต้นไม้ต้นนี้ให้ดีได้ตามที่พ่อมุ่งหวัง
 
จริง ๆ ผมชอบบริษัทนี้ งานนี้ ผมเคยมาเที่ยวเล่นบ่อย ๆ ตอนเด็ก แต่ตอนนั้นพ่อให้มาเที่ยวในฐานะลูก ๆ ของแม่บ้าน ไม่ได้ให้มาในฐานะลูกเจ้าของหรอก
 
นี่แหละคือหลักการเลี้ยงลูกของพ่อล่ะ
 
 
 
พอพักเที่ยง ผมรีบหอบของกินที่หนูแดงทำให้วิ่งลิ่ว ๆ ขึ้นไปบนดาดฟ้าทันที ผมชอบกินอาหารฝีมือของหนูแดง เพราะทำถูกปากผมที่สุดแล้ว
 
พอขึ้นไปก็เห็นคนงานสามคนกำลังขะมักเขม้นจัดเตรียมพื้นที่ รู้สึกจะเป็นงานโครงสร้างเพื่อประกอบเป็นพื้นที่หลังคาคล้ายโรงเรือน นาคินทร์กำกับคนงาน ในขณะที่ตัวเองก็ช่วยแบกหามด้วยเหมือน แผ่นหลังนั้นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
 
“นาคินทร์”
ผมเรียก นาคินทร์หันขวับมามอง
 
“คุณหนู” เขารีบวางงานที่ทำอยู่ลง ผมกำลังจะเดินเข้าไปหา “อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเดินมา เศษไม้กับตะปูเยอะ เดี๋ยวหกล้ม” รายนั้นรีบร้องสั่ง ผมเบรกกึก ยืนคอย นาคินทร์ถอดถุงมือออก เดินเข้ามาหา
 
“เที่ยงแล้ว ไม่กินข้าวกันรึไง” ผมชวน นาคินทร์เงยหน้ามองดวงตะวัน มันแผดเปรี้ยงผ่าหัวพอดี
 
“กะว่าทำอีกสักหน่อยค่อยกิน”
 
“พักก่อนเถอะ กินข้าวด้วยกัน ให้คนงานไปกินข้าวก่อน แล้วบ่ายโมงค่อยทำ”
 
นาคินทร์ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน
 
“นาคินทร์ว่านาคินทร์กินกับคนงานดีกว่าครับ นาคินทร์ไม่ควรกินกับคุณหนูนะ”
 
ผมส่ายหัว
 
“อย่ามาถ่อมตัวแถวนี้ ตอนนี้ฉันเป็นแค่พนักงานเดินเอกสาร นาคินทร์เป็นหัวหน้าทีมดูแลคนทำสวนนะ ตำแหน่งสูงกว่าฉันอีก”
 
นาคินทร์ทำหน้าเหมือนคนโดนบีบไข่
 
“นี่เป็นคำสั่ง กินข้าวกับฉัน”
 
“เอ่อ…”
 
“หรือคิดจะขัดคำสั่ง”
 
“ไม่ครับ ๆ งั้นขอนาคินทร์ไปบอกคนงานกับล้างมือก่อน”
 
ผมพยักหน้ายืนคอย นาคินทร์เดินไปหาคนงาน พูดคุยกันคำสองคำคนงานก็วางมือเดินหายไปอีกด้าน คงหลบไปพักกินข้าว ในขณะที่นาคินทร์เดินหายไปทางห้องน้ำ แล้วเดินกลับมาใหม่พร้อมใบหน้าเปียก ๆ เขายกชายเสื้อขึ้นเช็ดหน้า กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นมัด ๆ เลย
 
หัวใจผมไหวแรงไปกับภาพที่เห็น ผมรีบเบือนหน้าหนีทันที
 
“ไปนั่งกินกันตรงนู้นดีกว่าครับ ร่มและเย็นหน่อย คุณหนูน่าจะกินข้างล่างเย็น ๆ ข้างบนร้อนจะตาย”
 
“ฉันไม่บอบบางขนาดนั้น”
 
นาคินทร์ส่ายหัว พาผมเดินตรงไปใต้ต้นไม้ใหญ่ มีม้านั่งสีขาวยาว ๆ วางอยู่ นาคินทร์ยกโต๊ะไม้ที่ทำไว้คร่าว ๆ สำหรับทำงานมาวางไว้ วางกล่องข้าวหน้าตาคล้ายกันบนโต๊ะ ฝีมือหนูแดงแน่ ๆ
 
“หนูแดงทำอะไรให้กิน” ผมถาม
 
“ไม่รู้สิครับ ไม่เคยดูก่อนสักครั้ง”
 
“งั้นฉันขอเปิดดูนะ” ผมบอกอย่างตื่นเต้น นาคินทร์พยักหน้า ผมวางของตัวเองลง เปิดของนาคินทร์ดู ตาโตทันที่เห็น “ไข่ตุ๋นกับปลานิลทอด”
 
“ถ้าคุณหนูอยากกินก็เชิญเลยครับ ผมทานของคุณหนูเองก็ได้”
 
ผมไม่ปฏิเสธยื่นของตัวเองไปให้ ผมชอบกินไข่ตุ๋นฝีมือหนูแดง พอเปิดออกมา ของผมเป็นกระเพราไก่ไข่ดาวกับผัดพริกแกงเห็ดรวม
 
“ฉันเอาเปรียบนาคินทร์ไปไหม กินด้วยกันสิ เพราะหนูแดงอุตส่าห์ทำให้พ่อ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“นาคินทร์กินง่ายอยู่ง่าย ข้าวคลุกน้ำปลาก็อิ่มได้แล้ว”
 
“นั่นก็ง่ายเกิน”
 
นาคินทร์หัวเราะ เราลงมือกินกันทันที ฝีมือหนูแดงอร่อยเหาะจริง ๆ
 
“คุณหนูครับ แก้มเปื้อน”
 
ผมเงยหน้ามองคนทัก เอามือป้าย ๆ ตรงแก้มซ้าย
 
“ไม่ใช่ครับ ต่ำลงมาอีกหน่อย”
 
ผมป้ายต่ำลงไปอีก
 
“อย่าครับ เดี๋ยวเลอะ” นาคินทร์หยุดมือผมไว้ ค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วแต้มเช็ดออกให้
 
“ใช้ปากกินสิครับ ไม่ต้องไปแบ่งให้แก้มกิน”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว นาคินทร์แหงนหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์
 
“ตรงนี้ร้อนไปหรือเปล่า คุณหนูหน้าแดงหมดแล้ว”
 
ผมรีบเสหลบ
 
“นะ นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ฉันชอบ”
 
“รีบกินแล้วรีบลงไปตากแอร์เย็น ๆ ดีกว่า”
 
ผมส่ายหัว
 
“รีบกินไม่ได้หรอก อาหารฝีมือหนูแดง ต้องกินช้า ๆ”
 
นาคินทร์ยิ้มอ่อนโยน
 
“ขอบคุณที่กรุณาพวกเราสองคนพ่อลูก โดยเฉพาะหนูแดง บุญของเด็กมันจริง ๆ”
 
“นี่ นายเคยช่วยชีวิตพ่อฉันไว้นะนาคินทร์ บอกตามตรง ถ้านายไม่ช่วยไว้ ฉันคงไม่มีพ่อกับเขาอีก”
 
“เรื่องเล็กน้อยครับ ถึงยังไง สิ่งที่คุณท่านกับครอบครัวทุกคนให้ความกรุณานาคินทร์ก็เยอะเกินกว่าสิ่งที่นาคินทร์ทำอีก”
 
ผมส่ายหัว
 
“นายมันถ่อมตัวมากไป เอาล่ะ คำสุดท้าย แฟนสวย อ่ะ ฉันยกให้”
ผมไม่พูดเปล่า ยังตักอาหารคำนั้น ยื่นไปใส่ปากอีกคนตอนเผลอ นาคินทร์อ้าปากงับช้อนไว้แค่นั้น ผมเสยช้อนขึ้น รูดเอาเฉพาะช้อนเปล่าออกมา นาคินทร์เบิกตากว้าง
 
“ไม่ควรนะครับคุณหนู นั่นช้อนคุณหนู”
 
“นายนี่บางทีก็คิดมากเกินไปนะ”
 
“มันไม่ควร”
 
“เอาเป็นว่า เพื่อความเสมอภาค งั้นป้อนของนายมา”
 
“ไม่ ๆ ๆ” นาคินทร์สายหัวร่อน “นาคินทร์เป็นขี้ข้านะครับ เจ้านายไม่ควรมากินของขี้ข้าแบบนี้”
 
ผมขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจ
 
“นี่ พวกเราทุกคนไม่มีใครคิดว่านาคินทร์เป็นขี้ข้านะ นาคินทร์ก็เหมือนคนหนึ่งในครอบครัวเรา แทบจะมีศักดิ์เป็นน้องชายพ่อด้วยซ้ำ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“นาคินทร์ไม่อาจเอื้อมหรอก”
 
ผมส่ายหัวบ้าง
 
“คนแบบนายนี่ก็ยังมีเหลืออยู่ในโลกนะ”
 
 
 
พออิ่ม ผมก็ขอเดินดูงานไปรอบ ๆ โดยมีนาคินทร์คอยชี้บอกว่าอะไร จะทำตรงจุดไหนกระทั่งหมดเวลาพักเที่ยงผมถึงได้ขอตัวกลับ
 
“คุณหนู เดินช้า ๆ นะครับ เดี๋ยวหกล้ม”
 
“นี่ ฉันไม่ใช่หนูแดงนะ”
 
“แต่ผมเป็นห่วงคุณหนูยิ่งกว่าหนูแดงซะอีก”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว ผมรู้ว่าคำว่าห่วงของนาคินทร์คือห่วงแบบไหน แต่เสี้ยวหนึ่งของใจผม อยากให้นาคินทร์ห่วงผมในฐานะที่พิเศษกว่าการเป็นเจ้านายธรรมดา
 
“ฉันจะระวังตัวไว้…เพื่อนาคินทร์”
ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เดินหน้าร้อนจากมา

[50%]
 
 
“ทำไมหน้าแดงแบบนั้น”
 
ผมสะดุ้งตอนใครสักคนทัก ผมรีบเงยหน้ามอง
 
“คุณเอกสิทธิ์”
 
คุณเอกสิทธิ์จ้องหน้าผมเขม็ง
 
“นี่คงเพิ่งกลับจากทำงานพิเศษใช่ไหม แดดข้างบนร้อนจะตาย ผิวสวย ๆ เสียหมด ดูสิ แดดแรงจนผิวแดงหมดแล้ว”
คุณเอกสิทธิ์รีบล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้ามายื่นให้
 
“มะ ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ร้อนอะไร ผมผิวแดงง่ายแบบนี้แหละ”
 
คุณเอกสิทธิ์พยักหน้า
 
“ฉันรู้ว่าเธอชอบทำงาน แต่หางานอื่นทำดีกว่า ทำสวนไม่เหมาะหรอก”
 
ผมส่ายหัว
 
“ผมชอบอยู่กับต้นไม้”
 
คุณเอกสิทธิ์ยิ้ม
 
“งั้นว่าง ๆ ไปเที่ยวบ้านฉันสิ น้องสาวเปิดร้านขายต้นไม้อยู่”
 
ผมตาวาว
 
“ได้ราคาพิเศษรึเปล่าล่ะ”
 
เขาหัวเราะ คงขำกับท่าทางของผม
 
“ให้ 50% เลยสำหรับเธอ”
 
ผมฉีกยิ้มกว้าง ยังไม่ทันได้ทักทายอะไรก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินลงมาตามทาง ผมหันไปมอง
 
“นาคินทร์”
 
“คุณ เอ่อ ลืมมือถือไว้แน่ะ”
 
ผมตาโตมอง
 
“ซุ่มซ่ามจัง โทษ ๆ”
ผมรีบเดินเข้าไปรับ นาคินทร์มองคุณเอกสิทธิ์ ผมมองตาม
 
“เอ่อ คุณเอกสิทธิ์ นี่นาคินทร์ เป็นนักจัดสวนมืออาชีพ” ผมยกระดับ “ส่วนนี่คุณเอกสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ”
 
นาคินทร์ก้มหัวให้อย่างนอบน้อม
 
“อยากเห็นผลงานเร็ว ๆ ซะแล้ว”
 
“ไม่เกินเดือนครับ น่าจะเรียบร้อย”
 
“ขอบใจนะ ขอตัวก่อน”
ผมรีบบอกลาแค่นั้น กันการหลุด ชวนคุณเอกสิทธิ์ให้เดินไปด้วยกัน
 
“หล่อดีนะ”
 
“ผมเหรอ”
 
“เปล่า หมายถึงคุณนาคินทร์” คุณเอกสิทธิ์ตอบตามจริง ผมอมลม
 
“อะไร นี่ผมไม่หล่อรึไง”
 
คุณเอกสิทธิ์หัวเราะ
 
“หล่อเหมือนกัน แต่หล่อน่ารัก”
 
ผมขมวดคิ้วมอง
 
“หล่อ น่ารัก” ผมทวนคำ ก่อนฉีกยิ้ม “ผมคงหล่อมาก จนน่าหลงรักเป็นที่สุดใช่ไหม” ผมหันไปถาม คุณเอกสิทธิ์หัวเราะ
 
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
 
พอลงไปข้างล่าง เราก็แยกย้ายกันไปทำงาน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมต้องเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว ไม่รู้ว่าธีระจะจัดให้ผมไปทำตำแหน่งไหนต่อ แต่ผมก็พร้อมลุยเสมอแหละ
 
 
 [มีต่อ >>]
 
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(27-6-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-06-2016 08:32:34
อ่อยบ่อยๆเดี๋ยวก็ตกหลุมเองล่ะ อนุชา :impress2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(27-6-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 28-06-2016 09:17:45
อ๊ายยย สองคนนี้เค้าหวานนนจริงจังงง  :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(27-6-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-06-2016 17:04:17
ใครอ่อยใครกันแน่เนี่ย!?
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(27-6-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 28-06-2016 19:46:15
อ่อยเข้าไป มีไม้เด็ดอะไรงัดมาใช้ให้หมด
อย่าปล่อยให้คนดีๆ อย่างนาคินทร์ หลุดมือไปได้นะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(27-6-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-06-2016 23:42:13
เรารอให้เอามาลงเล้าเป็ดนานมาก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(30-6-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: คาลปิ้น ที่ 30-06-2016 19:30:31
พวกขี้อ่อยนี่มันขี้อ่อยจริงๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(30-6-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 30-06-2016 19:31:15
ต่อค่ะ

ห้าโมงเลิกงาน ผมอยู่ทำโอทีนิดหน่อย เพราะอยากรู้ว่าคนที่ทำโอทีเขาทำกันยังไง ทำกันจริงหรือเปล่า ทำแล้วทำแบบไหน ข้อดีของการเป็นพนักงานเดินเอกสารคือสามารถเดินร่อนไปได้ทั่วตึก ผมจึงค่อนข้างเป็นที่รู้จักของทุกคนในเวลาอันรวดเร็ว
 
ผมอยู่แค่สองชั่วโมง ทุ่มหนึ่งก็ตอกบัตรกลับแล้ว ผมเดินไปที่โรงรถ จนเห็นรถเก่า ๆ คันหนึ่งจอดอยู่ เห็นแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่ารถใคร
 
หัวใจผมไหวแรง
 
นี่นาคินทร์ยังไม่กลับอีกเหรอ ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาเจ้าของรถ
ผมรีบวิ่งเข้าตัวตึก กดลิฟท์ มุ่งตรงไปยังชั้นบนสุด มันไม่ได้ไปถึงดาดฟ้าโดยตรงหรอกครับ ต้องเดินขึ้นบันไดเอา พอขึ้นไปถึงชั้นสุดท้าย ผมรีบออกจากลิฟท์ เกิดสวนกันระหว่างทางคงไม่เห็นแน่ ๆ
 
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องวิ่งมาหา เพราะถึงไง กลับบ้านก็ได้เจอกันแล้ว
 
แต่ผมบอกไม่ถูก แค่รู้สึกว่าอยากเจอ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม
 
ผมวิ่งเร็วตรงไปตามทางเดิน เลี้ยวโค้งเพื่อเดินขึ้นบันได ก่อนชนโครมเข้ากับใครสักคนจนตัวผมเด้งลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้น
 
“คุณหนู!!”
เสียงก้นกระแทกพื้นของผมกับเสียงเรียกอย่างตกใจ ไม่รู้เสียงไหนดังขึ้นก่อน นาคินทร์รีบถลามาประคองผมทันที
 
“โถ่ คุณหนู ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจทำคุณหนูเจ็บ ไม่คิดว่าคุณหนูจะวิ่งมาในเวลาแบบนี้”
 
“ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก”
ผมพูดเบา ๆ
 
เจ็บก้นฉิบหาย
 
“เจ็บมากไหมครับ ลุกไหวไหม”
 
ผมพยักหน้า ค่อย ๆ ลุก นวดก้นเบา ๆ นาคินทร์วางมือลงตาม นวดให้เบา ๆ ผมสะดุ้งเฮือกหน้าร้อนผ่าว ความร้อนจากมือนั้นวูบผ่านร่างผมไปให้รู้สึกวูบไหวยังไงพิกล หัวใจเต้นแรง ความคิดอกุศลพุ่งขึ้นมาในจิตใจ
 
ไม่รู้ว่าเพราะเห็นฉากสวีทกันของบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ กับเพศเดียวกันมากไปหรือเปล่า หัวใจผมถึงได้เต้นผิดจังหวะแบบนี้
 
“ดีไหมครับ”
 
ผมพยายามระงับความตื่นเต้นที่มี
 
“มะ ไม่เป็นไร หายเจ็บแล้ว”
ผมบอกพร้อมจับข้อมือใหญ่เบา ๆ ให้หยุดนวด ขืนทำมากกว่านี้ จิตผมคงเป็นอกุศลมากกว่านี้
 
“ไม่รู้ช้ำหรือเปล่า ไปหาหมอดีไหม”
 
“นิดเดียวเอง ทายาหม่องก็หาย”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“เอาไหมครับ นาคินทร์มี เดี๋ยวทาให้ เหมือนตอนที่นาคินทร์ทาให้คุณหนูบ่อย ๆ ตอนเด็ก”
ผมแก้มร้อนผ่าวมากขึ้น
 
“บ้ารึไง นั่นมันตอนหัวโน แขนหรือขาเป็นรอย นี่มันก้นนะ”
ผมแหวนาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ต่างกันตรงไหน ช้ำตรงไหนก็ต้องทายาหม่องตรงนั้นสิ”
เถียงไม่ออกเลย
 
“กลับไปบ้านค่อยทาก็ได้”
 
“รีบทาดีกว่าครับ ปล่อยไว้นานมันจะยิ่งช้ำ เขียวมาก้นไม่สวยให้สาว ๆ ดูนะ”
 
ผมหน้าร้อน คือบอกตามตรงว่าผมจะต่างกับพี่ชายหรือไชยวุธที่รักอิสระเรื่องเซ็กส์ พูดกันตรง ๆ เลยนะ โตมาจนป่านนี้ ผมยังไม่เคยขึ้นครูเลย
 
“บ้า ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เห็นก้นฉันหรอก” 
 
นาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ฉันยังไม่เคยขึ้นครูเลย”
ผมอ้อมแอ้มตอบ นาคินทร์ทำหน้าตกใจ
 
ทำไม มันดูร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ
 
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย”
 
“ก็เห็นทั้งคุณพ่อ พี่ ๆ น้อง ๆ ของคุณหนูออกจะ..กันขนาดนั้นไม่คิดว่า...”
 
ผมส่ายหัว
 
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนพ่อหรอกนะ ฉันอยากมีอะไรกับคนที่ฉันรักมากกว่าใช้ร่างกายอย่างอิสระแบบคนอื่น ๆ”
 
สายตาของนาคินทร์แลดูอ่อนโยนขึ้น
 
“ไม่น่าเชื่อ ว่าคุณหนูของผมจะบริสุทธิ์ขนาดนี้”
 
“ไม่หัวเราะรึไง”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ผู้หญิงคนเดียวที่นาคินทร์มีอะไรด้วยคือเมียนาคินทร์ พอเธอตาย นาคินทร์ก็ไม่เคยแตะต้องใครอีกเลย”
 
“ตายรึยัง”
ผมแกล้งแซว พยักหน้าไปยังเป้ากางเกงนาคินทร์ รายนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที
 
“อย่าแซวอย่างนี้สิครับ มันยังไม่ตายหรอก เพราะตอนเช้า ๆ ก็ยังตื่นปกติ”
นาคินทร์ก็ตอบตามตรง แต่ผมเผลอนึกภาพตาม
 
ผมนี่ลามกจัง
 
หรือว่าเพราะผมมีเลือดของพ่ออยู่?
 
ผมรู้ว่าพ่อผมเป็นพวกนักรักตัวยง แต่พอแต่งงานก็ทำรักเฉพาะกับแม่ทั้งสี่เท่านั้น พอมีลูก ดูเหมือนลูก ๆ ทุกคนจะมีเลือดพ่ออยู่เต็มขั้น โดยเฉพาะพี่ชายและชยันต์ ผมคิดว่าผมมีเลือดพ่อเรื่องนี้น้อยที่สุดแล้วนะ
 
หรือว่าผมคิดผิด…
 
เพราะตอนนี้ผมกำลังคิดเรื่องลามกสุด ๆ อยู่
 
“แล้วคุณหนูจะไปไหนครับ เห็นเร่งรีบ”
 
“เอ่อ..อ่า” จะแก้ตัวว่าไงดี กะจะมาหานาคินทร์นั่นแหละ “ดูเหมือนฉันจะทำปากกาตกไว้ข้างบน นาคินทร์เห็นบ้างไหม” ผมแถ นาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ไม่เห็นนะ เป็นแบบไหน”
 
“กะ ก็ สีขาว ๆ”
 
“ไม่เห็นนะครับ แต่เดี๋ยวขึ้นไปค้นหาดูก็ได้”
ผมพยักหน้ารับ เดินตามหลังคนตัวสูงไป นาคินทร์ตรงดิ่งไปยังจุดที่ผมเคยนั่งทันที ผมตามไปติด ๆ ทำทีเป็นมองหาบ้าง เพิ่งเคยขึ้นมาบนดาดฟ้าตอนมันมืดแล้ว วิวรอบด้านสวยดีแฮะ เห็นดาวด้วย ผมแหงนหน้ามองไปรอบ ๆ ท้องฟ้า
 
“ปากกามันไม่ได้ลอยอยู่กลางอากาศนะครับ หาบนนั้นมันจะเจอไหม”
 
“ใครว่าล่ะ ฉันมองดาวต่างหาก”
 
“อ้าว แล้วไม่หาปากกาแล้วเหรอครับ”
 
“ช่างเถอะ มันคงไปตกที่อื่น”
 
“ไว้พรุ่งนี้นาคินทร์จะดูให้อีกที ตอนนี้มันมืดมองอะไรไม่ค่อยเห็น”
 
ผมพยักหน้ารับ
 
“งั้นกลับกันเถอะครับ ดึกแล้ว”
 
“ขอเวลาเดี๋ยวได้ไหม ฉันไม่คิดมาก่อนจริง ๆ ว่าตอนกลางคืนมันจะสวยขนาดนี้”
 
“แล้วคุณหนูไม่หิวเหรอครับ”
 
“หิว แต่ก็อยากดูวิวด้วย สวยดี”
 
นาคินทร์ไม่ค้านอะไรผมอีก ผมเดินไปทางทิศตะวันตกของตัวตึก หยุดยืนไม่ห่างกำแพง นาคินทร์ก้าวตามมายืนอยู่ข้าง ๆ แสงไฟจากบ้านเรือนโดยรอบจุดนี้สวยดี ผมกวาดมองไปรอบ ๆ
 
สวยจริง ๆ สวยมาก สวยจนผมไม่อยากละสายตาหนีเลย
 
“สวยดีเนอะ” ผมชม
 
“ครับ บางครั้งสองสิ่งต่างขั้วก็มาอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน”
 
“อะไรที่ว่าสองสิ่งต่างขั้ว”
ผมหันไปถามงง ๆ นาคินทร์ยิ้ม ใบหน้าที่สะท้อนแสงไฟนั้นดูราวกับเทพบุตรจริง ๆ
 
“ความมืดกับแสงสว่าง สีดำกับสีขาว สูงและต่ำ ธรรมชาติและวิทยาการ”
 
ผมมองคนพูดงุนงงยิ่งกว่าเดิม นาคินทร์ยิ้มอีกรอบ
 
“ดำคือความมืด มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ขาวคือแสงสว่างจากหลอดไฟ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น สูงคือตึก ต่ำคือบ้านเรือน แต่พอเอาทุกอย่างมาผสานรวมกัน มันก็กลายเป็นงานศิลปะให้ผู้คนที่เฝ้ามองรู้สึกมีความสุขได้”
 
ผมขยับหันไปเผชิญหน้าคนพูดตรง ๆ
 
“แทบไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่านายคือคนสวน คือหนุ่มบ้านนอก คือคนที่ไม่เคยผ่านรั้วโรงเรียนที่ไหนมาก่อน สิ่งที่นาคินทร์พูดคือปรัชญาเลยนะ”
 
“ผมพูดออกมาจากใจและความรู้สึกครับ”
 
“ฉันชอบความรู้สึกของนาคินทร์นะ”
นาคินทร์ชะงัก มองตาผม ผมมองกลับเหมือนกัน ไม่ได้อยากมอง แต่ตอนนี้ผมเลื่อนสายตาหนีไปไหนไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นดูดีมีเสน่ห์มาก ๆ
 
มากจนผมแทบลืมหายใจ

ลมดึกวูบผ่านผิวหน้าไป นาคินทร์กะพริบตาปริบ ๆ
 
“ผมว่าคุณหนูรีบกลับบ้านไปทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวโรคกระเพาะถามหา”
ผมพยักหน้า เดินเคียงไปกับนาคินทร์
 
 
เราเดินกันไปเงียบ ๆ ตลอดทั้งเส้นทางมีเพียงเสียงฝีเท้าของเราสองคนกระทบพื้น
 
แต่ยิ่งก้าว ยิ่งได้ยินเสียงหนึ่งดังชัดกว่า
 
เสียงเต้นของหัวใจผมเอง
 
ผมกำลังหวั่นไหว
 
หวั่นไหวไปกับผู้ชายที่เดินอยู่ข้าง ๆ


“คุณหนู!”
 
ผมชะงักกึก มองสิ่งที่เกิดขึ้นงง ๆ
 
“นี่คุณหนูเหม่อจนเกือบจะเดินชนประตูลิฟท์อยู่แล้ว”
 
ผมอ้าปากค้าง มองประตูลิฟท์ตรงหน้า ก้มมองวงแขนที่คล้องไว้ที่เอว
 
“ขะ ขอโทษ คิดอะไรเพลิน ๆ”
 
“ระวังหน่อยสิครับ ไหวไหม ไม่สบายหรือเปล่า เห็นท่าทางเหม่อ ๆ ใจลอย ๆ หน้าก็แดง ๆ” นาคินทร์ยังไม่คลายวงแขนจากเอวผม อังมือไว้บนหน้าผาก หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
 
“หัวใจเต้นแรงผิดปกติด้วย”
นาคินทร์วางมือไว้บนตำแหน่งหัวใจผม ยิ่งทำแบบนั้นหัวใจผมยิ่งเต้นแรง นาคินทร์ขมวดคิ้ว
 
“ผมว่าเรารีบไปหาหมอกันดีกว่า”
นาคินทร์ชวนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมรีบดันตัวออกมายืนอยู่ห่าง ๆ
 
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันสบายดี”
 
นาคินทร์มองมาอย่างไม่เชื่อถือ
 
“เรารีบกลับกันดีกว่า” ผมชวนเพื่อตัดปัญหา
 
“คุณหนูขับรถไหวไหมครับ ขนาดเดินยังแทบชนประตู ขืนขับรถเองมีหวังเกิดอุบัติเหตุแน่ ๆ เดี๋ยวนาคินทร์ขับให้ดีกว่า”
 
ตอนแรกก็ว่าจะปฏิเสธ แต่อีกใจก็ไม่
 
“แล้วรถนาคินทร์ล่ะ”
 
“ไว้กลับถึงบ้านค่อยเรียกแท็กซี่มาเอา”
 
“ไปมาหลายรอบ ไว้มากับฉันพรุ่งนี้เลยทีเดียวไม่ได้เหรอ ไหน ๆ ก็มาทางเดียวกันแล้ว”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“ผมต้องขนเครื่องไม้เครื่องมือ แถมยังต้องขับไปซื้อของเวลาของขาด ยังไงก็ต้องเอากลับ”
 
ผมนิ่งคิด
 
“งั้นเอางี้ เดี๋ยวฉันนั่งรถนาคินทร์ไป พรุ่งนี้ก็นั่งมาพร้อมกันเลย ไงก็ต้องมาที่เดียวกันอยู่แล้ว”
 
“คุณหนู รถนาคินทร์มันไม่สบายเท่ารถคุณหนูนะครับ”
 
“เอาน่า ฉันขี้เกียจขับด้วย นั่งไอ้เน่าของนาคินทร์นี่แหละ แต่ถ้านาคินทร์ทำล้อวิ่งนำเมื่อไหร่ ฉันสั่งพ่อตัดเงินจริง ๆ ด้วย”
 
“โธ่คุณหนู เงินเดือนนาคินทร์มีแค่น้อยนิด”
 
“พ่อจะเพิ่มให้ก็ไม่เอาเองนี่”
 
“นาคินทร์เกรงใจนี่ครับ แค่นี้ก็กินอยู่ฟรีแล้ว”
 
ผมจิ๊ปาก
 
“เพราะงี้ไง แล้วมาทำเป็นบ่น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ระหว่างมาทำสวนที่นี่ เราก็ไปกลับพร้อมกันเลยละกัน ดี ฉันจะได้ไม่ต้องขับเอง”
 
“สงสารคุณหนู นั่งรถหน้าตาขี้เหร่ เดี๋ยวคุณหนูก็พลอยหมองไปด้วย”
 
ผมหัวเราะ
 
“นี่ด่ารถตัวเองแบบนั้น เดี๋ยวมันก็งอนล้อวิ่งนำหน้าหรอก”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“เอางั้นก็ได้ครับ คุณหนูมีอะไรจะต้องใช้ในรถหรือเปล่า แต่ไงก็ต้องให้คนมาเอารถไปเก็บที่บ้าน ทิ้งไว้ที่นี่ไม่ได้หรอก”
 
“เรื่องนั้นให้เกรียงไกรมาเอาก็ได้”
 
นาคินทร์พยักหน้า ผมเดินกลับไปที่รถ เอาของจำเป็นมาถือ แต่นาคินทร์แย่งไปถือเองหมด ผมไม่ว่าอะไร เพราะนาคินทร์ทำแบบนี้ประจำอยู่แล้ว
 
เดินไปที่รถปุโรทั่งคันเดิม ผมส่ายหน้าเบา ๆ ลูบหลังรถ
 
“สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปกติต้องจุดธูปอันเชิญแม่ย่านางไหม”
 
นาคินทร์หัวเราะ
 
“บางทีแม่บ้านก็มาถูขอเลขบ้าง ถูกนะครับ อย่าว่าไป นู่น ตัวเลขยังอยู่”
ผมมองตาม มันมีรอยถลอกเป็นตัวเลขจริง ๆ ครับ 52
 
“สองตัวเต็ม ๆ ได้ไปตั้งหลายหมื่น”
 
“แล้วเขาแบ่งให้บ้างไหม”
 
“ยี่สิบบาท”
 
“โหย ได้แค่นั้น”
 
“ผมขอแค่นั้นเองครับ”
 
ผมหัวเราะ นาคินทร์เปิดประตูด้านคนนั่งให้ ผมแทรกตัวเข้าไปนั่ง ลากเบลท์พืดมาเสียบอย่างเคยมือ
 
ก่อนที่มันจะ…
 
ปึ๊ด!!
 
หัวเบลท์หลุด TT

To be Con..
เม้นท์กันด้วยน้า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(30-6-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-06-2016 20:47:20
สายเลือดพ่อช่างรุนแรงจริงๆ 5555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(30-6-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 30-06-2016 21:45:09
นั่งไอ้เน่ากลับ แล้วมันจะถึงบ้านไหมเนี้ยยยย
                   5555555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(30-6-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 30-06-2016 22:52:33
ชอบมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 03 หวั่นไหว (P.1)(30-6-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-07-2016 13:37:07
คุณหนูก็หื่นน่ะไม่ทิ้งแถว อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-07-2016 14:01:03
ตอนที่ 4 ปุโรทั่ง


“คุณหนู!!”
 
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ผมจับหัวเบลท์ไว้ นาคินทร์ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าไปมา
 
“เอาเถอะครับ มันเก่าแล้ว แต่ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยนะครับ สงสารมัน”
 
“แล้วมาทำคุยว่าจะขับแซงรถฉันได้ แซงไปอยู่บนสวรรค์ก่อนมากกว่า”
ผมบ่นใส่ นาคินทร์หัวเราะ เปิดประตูด้านผมออกกว้างขึ้น คุกเข่าที่พื้น ก้มลงมาใส่หัวเบลท์เข้าที่ ผมจ้องมองใบหน้าที่กำลังขะมักเขม้นนั้น
 
“ทำยังไงให้หน้าอ่อนแบบนาคินทร์ไปตลอด”
อยู่ ๆ ผมก็ถามขึ้น
 
นาคินทร์ช้อนตามอง
 
“คิดดีทำดี หน้าตาจะได้ดีตามไปด้วย”
 
“หูยยยยยยย” ผมโปรยเสียงยาวใส่ นาคินทร์หัวเราะ “ไหนว่ารูปร่างหน้าตาตัวเองเป็นแค่เปลือกนอก”
 
“มันเป็นแค่เปลือกนอกจริง ๆ นี่ครับ” นาคินทร์ช้อนตาขึ้นสบ “หน้าตามันแค่ภายนอก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่นี่” นาคินทร์ชี้ไปที่หัวใจตัวเอง “ผมว่าผมดีจากตรงนี้” เขาจิ้มที่หัวใจตัวเองอีกรอบ ผมเลื่อนมือไปวางไว้บนตำแหน่งนั้น ไม่ได้มองตาเจ้าของ แต่มองตำแหน่งที่มือตัวเองอยู่ คงเพราะผมวางมือลงตอนนาคินทร์กำลังจะวางมือลงตรงตำแหน่งหัวใจตัวเองอีกรอบ ตอนนี้มือนาคินทร์เลยกุมมือผมไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเองพอดี
 
เราต่างคนต่างนิ่ง ผมนิ่งเพื่อฟังเสียงหัวใจนาคินทร์ ส่วนนาคินทร์นิ่งเพราะอะไรนั้น ผมไม่อาจรู้ได้ ผมนิ่งฟัง มันเต้นเป็นจังหวะช้า ๆ แต่มั่นคง มือที่กุมมือผมไว้มันร้อนผ่าว แต่ก็อบอุ่นอยู่ในที
 
ผมเลื่อนสายตาขึ้นสบดวงตาของเจ้าของ ดวงตานั้นมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมเผยอริมฝีปากนิด ๆ อย่างไม่มีความหมาย
 
ผมคิดไปเองหรือเปล่า ที่จังหวะการเต้นหัวใจที่แผ่วสม่ำเสมอนั้นไหวแรงขึ้น และแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมอยากถามคนตรงหน้าเหมือนกัน ว่าทำไมหัวใจเขาถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้ถาม
 
ได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้นมากลบความเงียบ เสียงนั้นเหมือนระฆังตีสั่งให้เราสองคนละสายตาออกจากกัน นาคินทร์รีบปล่อยมือจากหลังมือผม ผมเองก็รีบชักมือกลับเหมือนกัน
 
“กลับกันเถอะครับ คุณหนูคงจะหิวแล้ว”
 
ผมพยักหน้า กลับมานั่งนิ่ง ๆ เมื่อกี้ฟังเสียงหัวใจนาคินทร์เต้นแรง แต่ตอนนี้ผมกำลังฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงแทน
 
 
 
 
 
 
รถติด… = =;
 
ติดแบบไม่ทราบสาเหตุ หนูแดงโทรมาตามพ่อแล้ว
 
“สงสัยจะเกิดอุบัติเหตุ หิวมากไหมครับ อดทนหน่อยนะ”
นาคินทร์พูดอย่างร้อนรน หันไปคุ้ยหาอะไรสักอย่างแถว ๆ เบาะท้าย(มีข้าวของวางสุมอยู่เกลื่อน)
 
“หาอะไร”
ผมหันไปมอง เผื่อจะได้ช่วยหาดีกว่าให้คนขับรถหาเองแบบนี้
 
“ของกินครับ เผื่อผมหรือหนูแดงทิ้งไว้ จะได้ให้คุณหนูรองท้องไปก่อน”
 
ผมส่ายหัว
 
“ไม่เป็นไร ฉันทนได้”
 
“นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูทน อยู่กับนาคินทร์คำว่าลำบากไม่อยากให้มี”
นาคินทร์อาจพูดคำนั้นโดยไม่คิดอะไร แต่คำพูดนั้นทำให้หัวใจผมวูบไหวอีกแล้ว นาคินทร์ดีกับผมมาตลอด ในฐานะคนสวนของบ้าน แต่ผมไม่เคยใส่ใจเลยจนเดี๋ยวนี้ ผมแทบจะอิ่มกับความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีให้
 
“ปกติเด็กนั่นจะทิ้งของกินไว้น้า”
นาคินทร์หาไปบ่นไป ผมแตะต้นแขนนาคินทร์เบา ๆ หวังเบรกโดยไม่ใช้เสียง นาคินทร์ชะงักมอง
 
“ไม่ต้องหาหรอก ดูท่ารถน่าจะติดนาน เบียดรถเข้าซอยนั้นก็ได้ เบียด ๆ ไปเถอะ เขาเห็นความเก่ากึกของรถเราเดี๋ยวก็ขยับที่ให้เอง วันหน้าห้อยแป้งไว้ท้ายรถผูกผ้าแดงสามสีจะได้ขลัง”
 
คนที่กำลังทำสีหน้าหงุดหงิดอยู่หัวเราะออกมาได้ พลอยพาเอาใจผมแกว่งอย่างรู้สึกดีตามไปด้วย
 
“อดทนหน่อยนะครับ”
แล้วเจ้าตัวก็ค่อย ๆ ประคองเจ้าปุโรทั่งขับตรงไปด้านหน้า
 
“อดทนหน่อยนะลูก ไว้พ่อแกรวยเมื่อไหร่ จะทำใหม่ให้หล่อขึ้น แต่คงชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เพราะเจ้าตัวไม่รู้วิธีขอขึ้นเงินเดือนทั้งที่ทำงานหนักแทบตาย”
ผมตบคอนโซลหน้าเบา ๆ นาคินทร์หัวเราะเสียงดัง
 
“คุณหนูน่ารัก”
 
เอิ่ม...
 
คราวนี้ผมไปไม่เป็นเลย มือผมยังแตะอยู่ที่เจ้าปุโรทั่ง ในขณะที่คนพูดพยายามพาเจ้าปุโรทั่งแซะผ่านช่องแคบระหว่างรถกับขอบถนนเพื่อเบียดเข้าซอยหน้า ผมรีบเสมองไปทางอื่น เพราะตอนนี้หน้าผมกำลังจะไหม้เพราะไฟวาจาของเขาแล้ว
 
ผมไม่ได้พูดเล่นครับ เพราะรถคันอื่น ๆ เขาขยับให้จริง ๆ มอซงมอไซค์ มองกันทึ่ง ๆ ที่พ่อเจ้าปุโรทั่งสามารถลากสังขารผ่านสมรภูมิมาได้ นาคินทร์เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแคบ ๆ แต่ผมเดาเอาว่าน่าจะมีของอะไรให้กินบ้าง เราขับทะลุไปอีกซอย
 
“คุณหนูอยากกินอะไรครับ”
 
“ดูอยู่”
ผมชะเง้อคอ พยายามมองไปไกล ๆ หาร้านอะไรน่านั่ง
 
“เคยกินข้าวนอกบ้านแบบนี้บ้างหรือเปล่า”
ผมถามคนข้างตัว
 
“ครั้งเดียวครับ ยัยหนูแดงลากมา”
 
ผมลองนึกวาดภาพดู 
 
“ตอนมาแต่งตัวแบบไหน”
 
“ก็แบบเดิม”
 
“แล้วหลังจากนั้นหนูแดงก็ไม่เคยพามาอีกเลยใช่ไหม”
 
“คุณหนูรู้ได้ยังไง”
 
“ถ้าฉันเป็นลูกนายก็ไม่พามาหรอก แต่งตัวซกมก”
 
“อ้าว คนสวนนี่ครับ”
 
“สวนไม่สวนก็ควรแต่งตัวให้ดีนิด ไม่เห็นแก่ตัวเองก็ควรเห็นแก่คนที่มาด้วย โดยเฉพาะหนูแดง”
 
“นาคินทร์คิดไปไม่ถึงจริง ๆ ครับ พอหนูแดงชวน นาคินทร์ก็ออกมา เสื้อผ้านาคินทร์มีไม่มาก หาตัวที่ดีที่สุดมาใส่แล้ว”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ พอ ๆ กับเขา คงนึกไปถึงสภาพตัวเองตอนนั้นแล้วสงสารลูกละมั้ง
 
“คุณหนูคงนึกรังเกียจนาคินทร์อยู่ใช่ไหมครับ นาคินทร์เข้าใจ นาคินทร์ถึงชอบอยู่แต่ในสวน ทำงาน คลุกดินตากแดดภายใต้ท้องฟ้า และนาคินทร์ก็มีความสุขที่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย”
 
ผมนิ่งไป รู้สึกอับอายไปกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อกี้
 
ใช่แล้ว นาคินทร์ดูดีที่สุดตอนอยู่ในสวน ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะพร้อมไปกับทุกสถานที่ เหมือนอย่างผม ถ้าลงไปคลุกดินแบบเขาผมก็คงไม่เหมาะ
 
“ฉันขอโทษ” ผมพูดขึ้น
 
“คุณหนูขอโทษเรื่องอะไรครับ”
 
“ที่พูดจาให้ไม่สบายใจ ฉันก็ลืมไปว่าแต่ละคนก็มีพื้นที่ที่เหมาะสมกับตัวเอง ฉันไม่เคยนึกรังเกียจนาคินทร์นะ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน นาคินทร์เห็นฉันมาตั้งแต่เล็กจนโต ก็น่าจะรู้นิสัยฉันดี”
 
“บางครั้งก็รู้ บางครั้งก็ไม่ครับ เพราะจิตใจคนเป็นสิ่งที่อ่านยากที่สุด”
แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือคำพูดจากคนที่ไม่เคยผ่านรั้วโรงเรียนที่ไหนมาก่อนจริง ๆ
 
“ถ้าฉันรังเกียจนาคินทร์ คงไม่ไปหาไม่ไปพูดคุยด้วยหรอกนะ”
 
“แล้วถ้านาคินทร์แต่งตัวมอซอ หนวดเครารกรุงรังกว่านี้ล่ะครับ”
ผมหันไปมองคนถาม นึกภาพตาม
 
“ก็เห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่ที่ฉันให้นายโกนหนวดโกนเคราแต่งตัวให้เหมาะสมก็เพื่อให้เหมาะแก่สถานที่เท่านั้น ทำสวนที่บริษัทเสร็จ จะกลับไปไว้เคราเพื่อให้หนูมดแมลงสาบมาทำรัง หรือเอาผ้าขี้ริ้วมาใส่ก็เอาเถอะ เอาที่สบายใจ”
 
นาคินทร์หันมามองตาผม ยิ้ม
 
“นาคินทร์ทำทุกอย่างเพื่อคุณหนู ถ้าคุณหนูอยากให้โกนนาคินทร์ก็จะโกน”
 
“มันไม่ใช่ว่าฉันให้ทำเพราะรังเกียจหรอกนะ แต่เวลานายยิ้มหรือหัวเราะ มีหนวดมีเคราแล้วมองไม่ค่อยเห็น แต่เวลาไม่มี มันเห็นได้ชัด ฉันชอบ ดูสดใสเหมือนพระอาทิตย์ส่องแสงดี”
 
นาคินทร์นิ่งไป
 
“เอาร้านนี้ดีกว่า มีที่จอดรถด้วย”
ผมชี้บอก นิ่งขนาดนี้ สงสัยนาคินทร์จะชอบหนวดเครากับชุดมอ ๆ ของตัวเองมากจริง ๆ
 
นาคินทร์ตบไฟซ้าย ชะลอรถลงช้า ๆ เพราะมีรถตามหลังมาสองคัน    นาคินทร์ตบไฟฉุกเฉินแล้วค่อย ๆ พารถเข้าซอง พอรถเราเข้าเรียบร้อยนั่นแหละ รถคันอื่นถึงผ่านไป เขาขับรถเก่งจนผมยังทึ่งเลย นาคินทร์ดับเครื่อง ผมกำลังจะจิ้มกดเบลท์อย่างเคย แต่ชะงักกึก ไม่กล้าแตะ
 
“นี่ ถ้าฉันสัมผัสมัน เจ้าปุโรทั่งมันจะไอค๊อกแค๊กพังตัวเองใส่ฉันอีกไหม”
 
นาคินทร์หันมามอง
 
“ถ้ารู้วิธีก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ทางที่ดี นาคินทร์ว่าให้นาคินทร์ทำให้ดีกว่า”
แล้วนาคินทร์ก็ปลดเบลท์ตัวเองออก หันมาจิ้มกดเบลท์ให้ผม จับมันเบามืออ้อมไปวางไว้ข้าง ๆ จังหวะเก็บสายเบลท์นั้นเหมือนผมกำลังถูกโอบกอดไว้กราย ๆ เลย
 
ดีว่าตรงนี้ไม่สว่างมาก ไม่งั้นหน้าผมคงฟ้องว่ากำลังเขินเขาอยู่แน่ ๆ
 
อันตรายแฮะ กับการอยู่ใกล้คนคนนี้เกินไป
 
อันตรายกับหัวใจ

40%


“นั่งอยู่เฉย ๆ ก่อนนะครับ”
นาคินทร์บอกแค่นั้น เปิดประตู ก้าวลงจากรถ เดินอ้อมมาฝั่งผม เปิดประตูให้ ผมก้าวลงไป หลายคนหันมามอง ไม่รู้มองผมที่มากับเจ้าปุโรทั่ง หรือว่ามองเจ้าปุโรทั่งกันแน่ คงสงสัยว่าทำไมคนสองคนที่รูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวดีระดับหนึ่งถึงได้มาขับรถแบบนี้ ผมชักอาย ๆ
 
แต่คิดไปคิดมา ผมว่าผมไม่ควรจะอายนะ เพราะรู้ว่าที่นาคินทร์ไม่ยอมใช้เงินเพื่อตัวเอง ก็เพื่อเก็บเงินไว้ให้ยัยหนูแดงและพ่อแม่ และที่ไม่ยอมขอขึ้นเงินเดือนสักทีทั้งที่ทำงานมาเกือบจะยี่สิบปีนี่ก็เพราะไม่อยากเบียดเบียนเจ้านายอย่างพวกผม
 
ทุกวันนี้นาคินทร์แทบจะทำงานให้บ้านเราฟรีด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่า แค่ให้ที่อยู่ที่กินฟรี ส่งเสียยัยหนูแดงได้เข้าโรงเรียนดี ๆ นี่ก็เกินเงินเดือนที่ควรจะได้ไปไกลโข สำหรับนาคินทร์ รถไม่ได้มีไว้โชว์ แต่มีไว้สำหรับใช้งานจริง ๆ ต่างหาก   
 
“ร้านนี้เหรอครับ”
นาคินทร์ดูจะไม่ใส่ใจกับสายตาใคร หันมาถาม
 
“อื้อ ร้านนี้แหละ หน้าตาน่าจะอร่อย”
 
นาคินทร์พยักหน้า เปิดประตูให้ ทุกสายตาหันมามอง ร้านเป็นร้านอาหารสไตล์กลางคืนทั่วไป ดูจากป้ายแล้วปิดเที่ยงคืน
 
“สองท่านใช่ไหมคะ” พนักงานถาม
 
“ครับ”
 
เธอผายมือเชิญให้เดินขึ้นไปชั้นสอง มีแขกนั่งอยู่ประปราย
 
“ต้องการที่ติดหน้าต่างหรือน้ำตกคะ”
พนักงานถามต่อ เพราะพื้นที่ด้านหนึ่งเป็นกระจกใส มองเห็นวิวถนน รถวิ่งไปมา อีกด้านเป็นน้ำตกจำลอง มีต้นไม้ และน้ำกำลังไหลริน ดูเป็นธรรมชาติประดิษฐ์น่ารักดี ผมหันไปมองตาคนมาด้วย นาคินทร์ตาวาวอยู่กับน้ำตกประดิษฐ์ แต่ไม่พูดอะไร 
 
“ขอติดน้ำตกละกันครับ”
ผมบอก พนักงานพาเดินไปนั่งยังที่นั่งวิวดี มันเป็นน้ำตกจำลองแบบเป็นน้ำตกสองด้าน ที่นั่งล้อมสองฝั่ง มีน้ำตกลงมาเป็นสาย มีต้นไม้จริง ๆ ในกระถางขนาดใหญ่ประดับ
 
เข้าใจคิดนะ
 
กำลังจะลากเก้าอี้เพื่อนั่ง แต่นาคินทร์ลากให้ก่อน ผมบอกขอบใจเบา ๆ แล้วนาคินทร์ก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองฝั่งตรงข้าม
 
“อยากกินอะไรสั่งเลยนะ ฉันเลี้ยง”
 
“ไม่เหมาะครับคุณหนู”
 
“อย่าขัดเวลาจะกิน”
นาคินทร์หุบปากลงฉับ วางเมนูลง
 
“งั้นคุณหนูสั่งดีกว่า นาคินทร์ไม่รู้จักอะไรเลย ปกติยัยหนูแดงทำมาให้กิน ชื่อเช่ออะไรก็ไม่รู้หรอก”
 
ผมหัวเราะ รัวปากสั่ง จริง ๆ คือกะจะลองเมนูด้วย ไม่รู้ว่าอร่อยไหม แต่ดูจากจำนวนลูกค้า ป้ายประกาศนียบัตรนู้นนี่นั่นก็น่าจะยัดลงกระเพาะได้
 
“คิดถึงยัยหนูแดง”
 
“เอาน่า แค่มื้อเดียว”
 
“ผมอยากพาลูกมาแบบนี้บ่อย ๆ แต่มันก็สิ้นเปลือง”
 
“ไว้วันหน้าฉันพามา”
 
“เปลืองเปล่า ๆ ครับ”
 
“ขับรถให้ละกัน จะได้คุ้มค่าอาหาร”
 
“ใช้เงินเปลืองนะคุณหนู”
 
“บังเอิญพ่อรวย”
 
นาคินทร์ส่ายหน้า
 
“เป็นลูกผมหน่อย จะจับตีก้นลาย”
 
ผมบู้หน้าใส่
 
“ไม่ใช่ก็เล่นเอาฉันเจ็บก้นเพราะแรงชน นี่ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย”
 
นาคินทร์หน้าตื่น รีบขยับลุกมาใกล้
 
“จริงสิ ผมก็ลืมไปเลยว่าจะทายาให้คุณหนูตอนก่อนขึ้นรถ มัวซ่อมเบลท์จนลืมก้นคุณหนูไปเลย”
ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดแบบไม่คิดอะไรนั้นของเขา คนอื่นหันมามองกันนิด ๆ ผมหน้าร้อนแล้วร้อนอีก
 
“กินอิ่มค่อยไปทาก็ได้ นั่งลงก่อนเถอะ ฉันอายเขา”
ผมบอกอาย ๆ
 
นาคินทร์หันมองไปรอบ ๆ
 
“ขอโทษครับ ที่ทำให้คุณหนูรู้สึกขายหน้า คุณหนูไม่น่ามากับผมเลย” นาคินทร์บอกอย่างสำนึกผิด
 
“ฉันไม่ได้อายที่มากับนาคินทร์ แต่อายเพราะนายจะมาดูก้นฉันในร้านอาหารนี่แหละ”
ผมติง นาคินทร์ขมวดคิ้วคิด
 
“นาคินทร์จะระวัง”
ผมพยักหน้า เครื่องดื่มมาแล้ว ผมรับมาดื่มอย่างกระหาย นั่งคุยกันไม่นานอาหารก็มา นาคินทร์ขมวดคิ้วมอง
 
“เยอะจัง”
 
“ซื้อมาทดลองชิม”
 
“เปลืองเปล่า ๆ ซื้อแค่พอกินก็น่าจะพอแล้ว”
 
“เอาน่า ตามใจฉันหน่อย ฉันอยากลองชิม นี่มันทางผ่านบริษัทเรานะ เผื่ออร่อย เราจะได้แวะมากินกันอีก”
ผมตอบเพื่อให้คนแบบนาคินทร์ยอม และเจ้าตัวก็ยอมง่าย ๆ อย่างที่คิดจริง ๆ ผมลงมือทานทันที
 
“อื้ม อร่อยแฮะ”
ผมกินไปชมไป ตักผัดปูไปวางไว้ในจานนาคินทร์ นาคินทร์มองอึ้ง ๆ
 
“อร่อย ลองกินดูสิ ฉันให้เป็นหนึ่งในเมนูโปรดเลย”
 
นาคินทร์ไม่พูดอะไร ตักข้าวมาเรียงไว้ข้าง ๆ ใช้ส้อมเกลี่ยเข้าช้อน ยัดใส่ปาก ผมเพิ่งเห็นว่าฟันนาคินทร์เรียงกันได้ระเบียบดี พื้นน่าจะเป็นคนสุขภาพฟันดี ไม่ได้ขาวจั๊วะอย่างคนที่ไปฟอกมา แต่มันก็เรียงกันได้ระเบียบ สีขาวหม่นตามธรรมชาติของฟันแท้คนทั่วไป
 
“อร่อย”
นาคินทร์เบิกตานิดหนึ่ง
 
“ใช่ไหม งั้นกินเยอะ ๆ นะ”
ผมตักอีกช้อนไปวางไว้ให้
 
“นาคินทร์ว่าคุณหนูอย่าตักให้นาคินทร์เลย มันไม่เหมาะ”
 
“เวลากินอย่าขัด” ปากพูดไปมือตักไป นาคินทร์ไม่เถียงอีก “ถ้ากลัวเสียเปรียบ ตักให้ฉันบ้างก็ได้”
 
“เอ่อ...ผมว่าคุณหนูทานเองดีกว่าครับ”
 
“ขี้เกรงใจจัง”
ผมบ่นให้เบา ๆ ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมชิมอย่างละนิดละหน่อย เพื่อให้รู้รสชาติ
 
“สั่งไอ้นี่กลับบ้านไปฝากยัยหนูแดงหน่อยก็ดี เผื่อวันหลังให้หนูแดงทำให้กิน” ผมบอกขณะใช้ส้อมเขี่ยผัดปูใส่ช้อนมาวางไว้บนจานตัวเอง
 
“ครับ หนูแดงเก่งเรื่องพวกนี้”
 
“ว่าแต่ฉันซุ่มซ่าม ตัวเองก็ทำเลอะเป็นเถอะ”
ผมว่าใส่เบา ๆ เอื้อมเช็ดคราบผัดปูออกจากมุมปากอีกคนให้ นาคินทร์มองผมอึ้ง ๆ ในขณะที่ผมเริ่มรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรเกินเหตุ ผมรีบหยิบทิชชู่มายื่นให้
 
“ซื้อไอ้นี่กับไอ้นี่ไปฝากด้วย เอาไปฝากแม่ครัว”
ผมแถเหมือนสิ่งที่ทำไปเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
 
นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นผงาดขึ้น ผมทำเป็นไม่เห็นเสีย
 
ผมแทบจะลุกไม่ขึ้นกับสภาพหน้าท้องที่ป่องขึ้นเป็นชูชก ส่วนพ่อคนสวนผมนั่งพุงไม่ขยับเหมือนเดิม ผมก้มมอง
 
“อาหารไปไหนหมด”
 
“อยู่ในนี้แหละครับ”
นาคินทร์ตบท้องตัวเองให้ดู
 
“ทำไมมันไม่ยื่นเลย ไม่เหมือนฉัน ดูสิ”
ผมลูบพุงให้ดู
 
“คนใช้แรงกับไม่ใช้แรง ต่างกันแบบนี้แหละครับ นั่งให้ย่อยก่อนก็ได้”
 
ผมพยักหน้า ตาปรือลงนิด ๆ
 
“ง่วงจัง”
 
“กินแล้วนอนเลยไม่ดีนะครับคุณหนู”
 
ผมพยักหน้า เรียกพนักงานมาเก็บเงิน ราคาอาหารทำเอานาคินทร์เบิกตากว้าง
 
“เสียดาย”
นาคินทร์บ่น ผมหัวเราะ ขยับขาไปใกล้ ถลกโชว์ขนหน้าแข้งให้ดู
 
“ไม่ร่วงสักเส้น”
 
“ของคุณหนูไม่ร่วง แต่นาคินทร์ร่วงแทน”
 
พนักงานเดินนำบัตรเครดิตมายื่นให้ ผมลุกขึ้นยืนท้องโย้
 
“นี่ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงต้องบอกว่าท้องสี่เดือนแล้วนะเนี่ย”
 
“ใครว่า ตอนเมียนาคินทร์ท้องหนูแดง ขนาดนี้น่ะเก้าเดือนแล้ว”
 
ผมตาโต แต่ก็นึกได้ว่าท้องแรกนี่
 
“นาคินทร์นี่ดูรักภรรยาดีเนอะ”
 
ใบหน้าคมเข้มนั้นดูละมุนขึ้นมาทันที
 
“ผมรักเธอครับ ต่อให้เธอลาโลกไปนานแล้วก็ตาม”
 
“นี่คือสาเหตุที่นายไม่ยอมมีใครด้วยหรือเปล่า”
 
นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดอีกรอบจนอกตั้ง
 
“ก็ด้วย อีกอย่างคือนาคินทร์ไม่อยากให้หนูแดงมีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง ไม่อยากดูแลใครเพิ่มด้วย เพราะถ้ามีเมีย ก็จำเป็นต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นก็คือการเบียดเบียนนายจ้างผมด้วย”
 
ผมหยุดตัวเองลงกึก
 
“ฉันรู้แล้วว่าทำไมพ่อถึงได้รักนาคินทร์เหมือนน้อง”
 
“เพราะผมเคยช่วยชีวิตท่านไว้”
 
“นั่นก็ด้วย แต่เพราะนาคินทร์เป็นคนดีต่างหาก ดีจากส่วนลึกของจิตใจ จริง ๆ ครอบครัวเราโชคดีที่ได้นาคินทร์มาอยู่ด้วย ไม่ว่าจะในฐานะไหนก็ตาม”
 
ใบหน้านั้นฉาบรอยยิ้มเอาไว้บาง ๆ นัยน์ตาสื่อออกถึงความเคารพอย่างแท้จริง เขาพาผมกลับมาที่รถ
 
“ข้อดีของเจ้าปุโรทั่ง” ผมหยุดขาไว้ ยืนห่างจากตัวรถประมาณหนึ่งวา นาคินทร์หันมามองหน้าผม “รับรองได้ว่าชาตินี้ไม่มีคนคิดมาขโมยแน่ ๆ ยกเว้นพวกขายเศษเหล็ก”
 
นาคินทร์หัวเราะ ขยับก้าวล้ำผมไปไขเปิดประตูให้ ผมแทรกตัวลงไปนั่ง
 
“ขออภัยนะครับคุณหนู”
นาคินทร์ออกปาก ก่อนแทรกตัวใหญ่ ๆ เข้ามาดึงสายเบลท์กดลงรูให้ ทำเองก่อนที่ผมจะทำลายมันอีกรอบ 
 
“ถ้าง่วงก็หลับก่อนได้นะครับ”
 
“ไหนว่าไม่ให้นอนหลังอิ่ม”
 
“อนุโลมให้หนึ่งวัน”
 
“ใจดีจัง”
ผมชม นาคินทร์ยิ้ม เดินอ้อมไปฝั่งคนขับ จับประตู ได้ยินแต่เสียงแกรก ๆ แต่เปิดไม่ออก นาคินทร์พยายามดึงอยู่นาน ผมมองมันอย่างฉงน กดปลดเบลท์ เอื้อมไปช่วยงัดเปิดให้ แต่มันเปิดไม่ออกจริง ๆ นาคินทร์เดินอ้อมกลับมาทางผม
 
“ผมเปิดไม่ได้ครับ”
 
“มันคงน้อยใจที่เราไม่ชวนมันไปกินข้าวด้วย” ผมพูดติดตลก “เป็นไงล่ะ พ่อคนเก่ง”
 
“คุณหนูลงมาก่อนได้ไหมครับ ให้ผมเข้าไปเช็กดูก่อน”
 
ผมจำต้องก้าวลงจากรถ ให้อีกคนข้ามจากฝั่งผมไปฝั่งนั้น จับเขย่า ๆ
 
“เสียจริง ๆ เหรอลูกพ่อ”
นาคินทร์พูดกับรถ ผมขยับขึ้นนั่งบนเบาะตัวเอง มองคนที่ลองจับส่วนอื่นของประตูเพื่อเขย่าเช็ก
 
“ไอ้นี่คืออะไร”
ผมถามพร้อมโน้มตัวไปจับบางสิ่งที่ยื่นล้ำออกมาจากที่จับ
 
แค่นั้นแหละ ที่จับทั้งแผงก็หลุดติดมือผมมา ผมอ้าปากค้างมองอย่างช็อก ๆ แต่คนที่ช็อกกว่าน่าจะเป็นนาคินทร์
 
“คะ คุณหนู...”


[80%]

“ขอโทษ ไม่คิดว่ามันจะพังง่ายขนาดนี้”
 
“โธ่~...”
นาคินทร์ครวญ หยิบที่จับแผงนั้นไปถือดู
 
“นี่”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หันไปดึงประตูฝั่งตัวเองงับปิดบ้างหวังเพิ่มความเป็นส่วนตัว
 
ผมอ้าปากค้างเมื่อที่จับประตูฝั่งผมหลุดติดมือมาด้วยเหมือนกัน นาคินทร์อ้าปากค้างระลอกสอง
 
“คะ คุณหนูครับ”
 
“ขอโทษ~~”
 
นาคินทร์นิ่งไปนาน ก่อนทำหน้าซีเรียส
 
“คุณหนูกรุณานั่งเฉย ๆ นะครับ ห้ามแตะต้องหรือสัมผัสอะไรอีกทั้งสิ้น ผมจะพากลับบ้าน โอเคนะ”
 
ผมพยักหน้าหงึก ๆ นาคินทร์หยิบที่จับจากมือผมไปใส่เก๊ะหน้ารถคู่กับอีกข้าง
 
“แน่ใจนะว่าเราจะกลับถึงบ้าน”
 
“ถ้าคุณหนูนั่งเฉย ๆ ก็น่าจะถึง”
เขาพูดพร้อมเอื้อมมาคาดเบลท์ให้อีกรอบ ผมนั่งนิ่งตามคำสั่ง เหลือบมองที่จับประตูที่หลุดร่วงทั้งสองฝั่ง
 
“นี่นาคินทร์”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียสขึ้นอีก นาคินทร์หันมามองหลังคาดเบลท์ตัวเองเสร็จ
 
“นี่คือคำสั่ง พรุ่งนี้ไปออกรถใหม่กับฉัน”
 
“คุณหนู!!”
 
“ห้ามเถียง ก่อนฉันจะแบกฆ้อนมาทุบเจ้านี่พังเพื่อบังคับ มันเก่าแล้ว นึกถึงความปลอดภัยของตัวเองบ้าง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เกิดวันไหนพาหนูแดงไปทำธุระ แล้วรถพังมาหนูแดงจะเป็นยังไง”
 
นาคินทร์นิ่งคิด แล้วแสดงสีหน้าจำนน
 
“ครับ”
 
ผมยิ้ม ทิ้งหลังลงกับเบาะแรงอย่างเคยชิน(กับรถคันอื่น) แล้วอยู่ ๆ ตัวก็ทรุดฮวบเพราะเบาะยุบ
 
ภายในรถเงียบกริบเป็นป่าช้า
 
“กรุณานั่งนิ่ง ๆ นะครับ คุณหนู”
นาคินทร์ยกสองมือขึ้นมาทำท่าปราม ผมกะพริบตาปริบ ๆ ตอบ เพราะกลัวว่าถ้ากะพริบแรงไปแล้วรถเสียอีก นาคินทร์หันไปสตาร์ทเครื่อง ขับพารถวิ่งกลับมาจนถึงบ้าน
 
 
ผมถอนหายใจออกมาแรง
 
“คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว นอกจากไปเล่นสวนสนุกแล้ว การนั่งรถมากับนาคินทร์เป็นอะไรที่ทำให้ตื่นเต้นสุด ๆ”
 
นาคินทร์หันมามอง กดเบลท์ออกให้
 
“ขออภัยด้วยครับ คุณหนูนั่งอยู่เฉย ๆ นะ”
นาคินทร์ขยับมากดลดกระจก เปิดประตูจากด้านนอก
 
“เชิญครับ”
เขาให้ผมลงไปก่อน แล้วตัวเองก็ก้าวตาม นาคินทร์ลงมายืนมองรถตัวเองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
 
“กี่ปีแล้วรถคันนี้”
 
“ประมาณสามสิบปีครับ ผมซื้อเป็นมือสองมา ลุยงานหนักมาตลอด”
 
“ขายเป็นเศษเหล็กเถอะ”
 
นาคินทร์ส่ายหัว
 
“เดี๋ยวผมจะซ่อมเอาไว้ใช้งาน”
 
“พรุ่งนี้ซื้อรถใหม่แล้ว”
 
“แต่นั่นรถคุณหนูนะครับ”
 
“ฉันซื้อให้นายนั่นแหละ เอาไว้ใช้งานในบ้าน ส่วนรถคันนี้ถ้าเสียดาย นู่น เอาไปไว้ในสวน ข้างฐานทัพลับฉัน แม่บ้านจะได้มีที่ขูดหวยเพิ่ม เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าครั้งหนึ่งมันเคยวิ่งได้”
นาคินทร์หัวเราะ
 
“ผมคงทิ้งมันไม่ลงจริง ๆ มันอยู่กับนาคินทร์มานาน”
 
“ฉันถึงบอกให้เอาไปเก็บไว้ที่ฐานทัพลับฉันไง ฉันพูดจริง”
 
นาคินทร์มองหน้าผม
 
“ครับ นาคินทร์จะทำตาม”
 
“งั้นฉันไปอาบน้ำนอนละนะ”
 
“เชิญครับ”
เขาค้อมหัวให้นิดหนึ่ง ผมเดินเข้าไปชิดเจ้าปุโรทั่ง
 
“ไปละนะ เจ้าปุโรทั่ง”
ผมตบมันเบา ๆ อยู่ ๆ ล้อหลังก็ทรุดฮวบลงเหมือนอะไรสักอย่างหลุด ผมอ้าปากค้าง
 
“คะ คุณหนู...”
นาคินทร์ครวญ ผมหันไปมองหน้านาคินทร์ตาปรอย
 
“ขอโทษ~~”
 
“ไม่เป็นไรครับ รีบไปนอนเถอะ อ้อ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับ นาคินทร์ก็สอดตัวเข้าไปค้นอะไรในเก๊ะหน้ารถ ได้บางสิ่งติดมือมา
 
มันคือยาหม่องครับ
 
“เอาไว้ทาตรงที่ช้ำ”
นาคินทร์บอกด้วยท่าประหม่านิด ๆ ผมรับมาถือไว้ในมือ
 
“ขอบใจ ยังไงก็นอนหลับฝันดีนะ”
 
“ครับ”
นาคินทร์รับคำแค่นั้น ผมหันหลังเดินจากมา
 
บอกตามตรงว่าผมอยากอยู่กับนาคินทร์นาน ๆ บอกไม่ถูกว่าทำไม ผมกุมยาหม่องแน่น เห็นบรรดาแม่ ๆ นั่งดูหนังอยู่ในห้องรับแขก ผมเดินเข้าไปหา
 
[มีต่อในหน้าสองค่ะค่ะ>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3422759#msg3422759]
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(5-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 05-07-2016 15:01:42
นาคิ้นทร์ ~~~~~~  :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(5-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 05-07-2016 15:21:03
น่ารัก :L2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(5-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-07-2016 21:00:40
ขอต่อเลยได้มะ กำลังได้ที่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(5-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-07-2016 21:06:16
ต่อเร็วๆนะ รออยู่ค่าาาาาาาา :call: :call:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(9-7-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 10-07-2016 09:22:29
คุณหนูชา 5555555 ปุโรทั่ง งานนี้พังแน่
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(9-7-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-07-2016 14:23:56
สงสัยเหลือแต่ซากก็งานนี้แล เจ้าปุโรทั่ง :ruready
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(9-7-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 10-07-2016 17:19:53
หมดกัน. งานนี้พังแน่ๆ 555555
อนุชา มือหนักเกินไปไหมลูก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(9-7-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Lyralyn ที่ 13-07-2016 04:19:18
น่ารักกกก มาต่อไวๆน้าค้า  :mew3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 13-07-2016 07:17:33
[ต่อค่ะ]

“กลับมาแล้วเหรอลูก กินข้าวมารึยัง”
 
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ผมทิ้งตัวลงนั่งในวงล้อมแม่ ๆ ทั้งหลาย พวกท่านพากันลูบหัวผมกันคนละทีสองที
 
คนอื่นอาจคิดว่าครอบครัวเราน่าจะมีปัญหาเพราะพ่อมีเมียเยอะ(เมีย 4 ลูก 10) แต่พ่อผมบริหารเมียเป็น เพราะแทนที่เราจะมีปัญหา พวกผมกลับกลายเป็นลูก ๆ ที่โชคดีที่มีแม่หลายคนคอยให้การเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่นมากกว่า ผมนั่งอยู่ใกล้แม่แหม่มที่สุด ผมซบหัวลงบนไหล่บอบบางนั้นเบา ๆ
 
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาอ้อนได้ล่ะนี่”
 
“เปล่าครับ แค่ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีแม่หลายคน ผมว่าผมโชคดีกว่าหนูแดงเยอะ หนูแดงไม่มีแม่สักคน แต่ผมมีแม่ตั้งหลายคน”
 
ทุกคนหันมามอง
 
“แม่โชคดีที่มีลูกดี ๆ แบบอนุชาเหมือนกัน ถึงจะได้ไม่คลอดเอง แต่รักไม่ต่างกับลูกในไส้”
 
ผมยิ้ม กอดแม่แหม่มแน่น
 
“ท้องยื่นมาเชียว ไปกินข้าวที่ไหนมาเนี่ย”
แม่บีน่าตีหน้าท้องผมเบา ๆ
 
“ทางกลับจากบริษัทแม่บีน่า อร่อยมาก นี่ซื้อกลับมาฝากแม่บ้านกับหนูแดงด้วย เผื่อแกะสูตรมาทำให้พวกเรากินได้ ไว้วันไหนว่าง ๆ ผมพาไปทาน วันนี้ไปนั่งกินกับนาคินทร์สองคน”
 
“เห็นยัยหนูแดงบ่นใหญ่ว่าพ่อกลับบ้านดึก”
 
“ครับ นาคินทร์อยู่จัดสวน ส่วนผมทำโอที ผมขี้เกียจขับรถเลยติดรถนาคินทร์กลับมาด้วย ขากลับรถน่าจะเกิดอุบัติเหตุ เราเลยแวะกินข้าวข้างนอกกันก่อน” พวกท่านพากันพยักหน้าเข้าใจ หนังมาพอดี ทุกคนหันไปมองทีวี ผมมองตาม แต่ไม่ได้ใส่ใจเนื้อหาเท่าไหร่ พระเอกนางเอกกำลังพ่อแง่แม่งอนกันอยู่ ส่วนใหญ่ในหนังพระเอกจะรวยแล้วนางเอกจน
 
นอกจากมนต์รักลูกทุ่งแล้ว ผมไม่เห็นมีหนังเรื่องไหนพระเอกจนสักเรื่อง
 
“แม่”
ผมเรียกหลังจากหนังถูกตัดเข้าโฆษณา จะว่าไปหนังก็หนุกดีแฮะ
 
ทุกคนหันมามอง เพราะผมไม่ได้เจาะจงเรียกใคร
 
“ทุกคนรู้สึกยังไงครับ ตอนรู้ว่าพี่ชายรักกับกวินทร์ พี่เชนทร์รักชยันต์ และเชิดวุธคบกับคุณวิลเลี่ยม”
ผมถามถึงพี่ชายคนโตผมที่รักกับลูกพี่ลูกน้อง พี่ชายคนรองที่รักกับน้องชายคนเล็กของบ้านเรา และน้องชายคนที่หกกับผู้ชายที่เป็นฝรั่งต่างชาติต่างภาษา 
 
แม้โฆษณาจะดังแต่ดูเหมือนภายในห้องจะเงียบกริบ แม่คาร่าหยิบรีโมทมากดปิดทันที
 
“อ้าว ไม่ดูต่อเหรอครับ”
 
“ดูย้อนหลังได้”
แม่คาร่าบอกเสียงนุ่ม ทุกคนรุมมองผมเป็นตาเดียว
 
“เอาตามตรงแล้วก็ช็อกนะ แต่ก็คือความสุขของลูก ๆ ตอนแรกก็รับไม่ได้หรอก แต่เห็นทุกคนมีความสุข แม่ก็พลอยมีความสุขไปด้วย คู่อื่นน่ะแม่ไม่ห่วงหรอก เป็นห่วงแต่กวินทร์เท่านั้น พี่ชายเราน่ะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน”
 
ผมหัวเราะ
 
“นิสัยเป็นงั้นมาตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็รักพี่ชายนะ”
 
“ดีแล้วล่ะ เป็นพี่น้องกันรักกันให้มาก ๆ ต่อให้ดีเลวยังไงก็พี่น้อง แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงถามขึ้น หรือว่าจะมาบอกว่าแอบไปหลงรักผู้ชายคนไหนให้แล้ว”
 
ผมแอบสะดุ้งอยู่ภายใน
 
“ไม่หรอกครับ”
ผมรีบแก้ตัว ทุกคนมองหน้าเพื่อค้นหาความจริง
 
“เอ่อ... แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง ผมเดินมาบอก แม่ครับ ผมชอบผู้ชาย แม่จะว่ากันยังไง”
ทุกคนจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“ก็คงช็อก แล้วก็ทำใจ ถ้ามีความสุขก็ไม่ว่าอะไร”
 
“สรุป นี่ลูกคบผู้ชายจริง ๆ เหรอลูก”
แม่ผมถามด้วยสีหน้าจริงจัง
 8
“เปล่าครับแม่ แค่ถามดู”
 
แม่ผมถอนหายใจแรง
 
“แม่ก็หวั่น ๆ อยู่ ลูก 25 แล้ว แม่ยังไม่เห็นพาผู้หญิงเข้าบ้านสักคน ควงก็ไม่เห็นควง ถ้าเป็นเกย์จริง ๆ ก็สารภาพมาตรง ๆ ก็ได้นะลูก”
 
ผมส่ายหัวแรง
 
“ไม่ได้เป็นจริง ๆ ครับ ผมชอบผู้หญิงปกตินี่แหละ เพียงแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ”
 
“ปล่อยตัวเป็นโสดมาได้ไงตั้งป่านนี้”
 
“ฮ่า ๆ รอเนื้อคู่อยู่มั้ง ผมไปอาบน้ำนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องพานาคินทร์ไปซื้อรถ เจ้าปุโรทั่งคันนั้นดับอนาถคามือผมไปแล้ว”
 
ทุกคนพยักหน้า พอผมก้าวพ้นมา แม่ก็พากันเปิดหนังดูอีกรอบ
 

............................................
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-07-2016 09:35:26
เริ่มหวั่นไหวมากขึ้นแล้ว~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-07-2016 13:07:42
แม่ๆน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 13-07-2016 20:02:21
ชอบครอบครัวนี้จัง อบอุ่น
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 13-07-2016 20:21:43
ทำไมอนุชาไม่สารภาพกับแม่ๆไปเลยละ อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-07-2016 21:14:21
ค่อยเป็นค่อยไป
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 04 ปุโรทั่ง (P.1)(13-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 13-07-2016 21:55:35
ชอบบบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 15-07-2016 06:42:38
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 05 : รู้ใจตัวเอง


วันนี้ผมลางานหนึ่งวันเพื่อไปดูรถกับนาคินทร์ ผมไม่ได้ตื่นเช้ามาก เพราะกว่าโชว์รูมต่าง ๆ จะเปิดก็แปดเก้าโมง ผมลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบใส่สบาย ผมมองตัวเองในกระจก ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นถุงเสื้อผ้าที่ชยันต์ซื้อมาฝากใหม่ ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงไม่ใส่ใจ แต่คำพูดของนาคินทร์ ทำให้ผมเกิดอาการลังเล

‘น่ารักดีครับ’
ต่อให้นาคินทร์ชมชุดก็เถอะ
นี่ผมอยากให้ตัวเองน่ารักในสายตานาคินทร์เหรอ

ผมรีบสลัดความรู้สึกหลาย ๆ อย่างทิ้ง คว้ากระเป๋าเงินมาเหน็บกระเป๋าก้นกางเกงพร้อมกุญแจรถ หันหลังจะเดินไปที่หน้าประตู แต่เบรกกึก เหมือน ๆ มีสองความรู้สึกกำลังตีกัน ผมกัดริมฝีปากเบา ๆ ตัดสินใจหมุนตัวเดินไปทางถุงผ้านั้น เททุกอย่างออกมา รูปแบบและสีสันก็เหมือนของชยันต์นั่นแหละ เพียงแต่สีที่ชยันต์เลือกมาให้ผมจะดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมกว่า เอาเป็นว่าเป็นสีที่ผมชอบและเหมาะกับผมมากกว่าละกัน

ผมว่าชยันต์มีเซ้นส์เรื่องแฟชั่นค่อนข้างสูง เสียแต่ชอบแต่งตัวแนวยั่วไปหน่อย

ผมเลือกหยิบขึ้นมาตัวหนึ่ง เป็นเสื้อยืดธรรมดานี่แหละ ถอดตัวเก่าออก แล้วใส่ตัวใหม่ลงไป หันไปมองตัวเองในกระจก ผมยักไหล่ใส่ตัวเองนิดหนึ่ง

ดูดีกว่าที่คิดแฮะ

แล้วนาคินทร์จะเห็นว่ามันดูดีบ้างไหม ผมแอบถามตัวเองในใจ แอบเขินกับความคิดตัวเองยังไงพิกล ผมก้าวออกจากห้อง ลงไปข้างล่าง พี่เชนทร์กับชยันต์กำลังลุกจากโต๊ะกินข้าว ชยันต์ยิ้มทันทีที่เห็น

“คิดว่าจะไม่ยอมใส่ซะอีก”

“กลัวบูด” ผมพูดไปงั้น ชยันต์ทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่พี่เชนทร์สะกิด

“รีบเถอะ สายแล้ว”
ชยันต์เลยไม่พูดอะไร ก้าวตามคนตัวสูงไป ผมนั่งประจำที่ กินข้าวกับคนที่เหลือ

พ่อลดหนังสือพิมพ์ลงมอง

“ไปซื้อรถให้นาคินทร์เหรอลูกวันนี้”

“ครับ”

“ทำไงเขาถึงยอม พ่อนี่ทั้งสั่งทั้งขอร้องยังไม่ได้ผลเลย”

ผมหัวเราะ

“พอดีเจ้าปุโรทั่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวานครับ เขาเลยยอม ไม่งั้นก็คงทู่ซี้ใช้ต่อไปเหมือนเดิมนั่นแหละ วิ่งไปผมก็ลุ้น ๆ ว่าล้อหน้าจะวิ่งนำไปก่อนหรือเปล่า”
ผมพูดไปส่ายหัวไป พ่อจะออกเงินให้แต่ผมส่ายหัว งบส่วนตัวก็มีอยู่

พออิ่ม ผมก็ยื่นกุญแจให้เกรียงไกรคนขับรถประจำบ้านเพื่อให้ไปเอารถที่บริษัท ผมเดินตรงไปทางหลังบ้าน เห็นนาคินทร์กำลังขะมักเขม้นทำอะไรสักอย่างอยู่ในโรงเลื่อย ผมเดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปใกล้ แต่เท้าเหยียบอะไรบางอย่างดังแกรบ คนที่กำลังใช้สมาธิก้มทำอะไรอยู่เงยหน้ามองทันที ในปากคาบตะปูไว้สองดอก

“คุณหนู”
นาคินทร์ดึงตะปูออกมาเรียก ผมยิ้มให้นิดหนึ่ง

“ทำอะไรอยู่ กินข้าวรึยัง” 

“ทานแล้วครับ กำลังซ่อมชิ้นส่วนของเจ้าปุโรทั่งของคุณหนูอยู่”

ผมหน้าเบี้ยว

“นี่ยังคิดจะเอามันกลับมาใช้งานอีกเหรอ”

“ถ้าซ่อมได้ก็ใช้ครับ ซ่อมไม่ได้ก็แล้วไป”

ผมพยักหน้าไม่เถียงอะไร เพราะนาคินทร์ก็คือนาคินทร์ ไม่เคยทิ้งอะไรให้เสียเปล่า นาคินทร์หยิบผ้าบนชั้นขึ้นมาเช็ดมือ 

“คุณหนูจะไปตอนนี้เลยหรือเปล่าครับ”

ผมส่ายหัว

“สาย ๆ หน่อย โชว์รูมยังไม่เปิดหรอก”

นาคินทร์ยกนาฬิกามอง

“งั้นระหว่างนี้นาคินทร์ขอซ่อมเจ้านี่รอนะครับ คุณหนูไปนั่งเล่นตรงนั้นรอก็ได้”

อยากเถียงว่าผมไม่ใช่เด็ก จะได้มานั่งเล่น ผมไม่ได้ไปนั่งอย่างที่นาคินทร์บอกหรอก แต่เดินสำรวจไปรอบ ๆ โรงเลื่อยที่คนในบ้านเราเรียกกัน แต่ให้ถูกคือเป็นโรงงานขนาดเล็กที่เต็มพรืดไปด้วยอุปกรณ์ทำสวน ไม้ อุปกรณ์ซ่อมรถ และอีกจิปาถะ และนาคินทร์ก็อาศัยกินนอนอยู่ที่นี่ด้วย จริง ๆ พ่อสร้างบ้านไว้ให้แล้วที่หลังสวน แต่เขาไม่ใช้ บ้านหลังนั้นเลยกลายเป็นที่เก็บของไป ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ชอบมาเล่นที่นี่บ่อย ๆ

ผมก้มหยิบตุ๊กตาหุ่นยนต์ที่นาคินทร์ทำเองกับมือขึ้นมาดู จำได้ว่านาคินทร์ทำไว้ให้พวกเราทุกคน มันมีครบทั้งสิบตัว ตัวของผมเป็นตัวที่ถูกซ่อมมากที่สุด เพราะผมเล่นแรง

จะโดนว่าเป็นจอมทำลายล้างก็ไม่แปลก

สภาพโรงเลื่อยแทบไม่ต่างไปจากตอนเป็นเด็ก ผมสูดลมหายใจลึก สูดเอาอากาศคุ้นเคยเข้าไป ได้ยินเสียงเคร้งคร้างดังมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของนาคินทร์ที่กำลังซ่อมเจ้าปุโรทั่งนั่นแหละ แต่ผมไม่ได้หันไปมอง สำรวจไปรอบ ๆ จนมาถึงห้องพักขนาดเล็กนั้น ไม่ได้เข้าไปนานแล้วนะ

ผมหันไปทางเจ้าของห้อง นาคินทร์ยังคงมุ่งมั่นกับการเชื่อมเหล็กอยู่ ผมไม่ได้ขออนุญาต แง้มเปิดประตูสอดหน้าเข้าไปมอง

ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ขอส่องหน่อยเถอะ

สิบปีที่แล้วเป็นไง ตอนนี้ทุกอย่างก็มีสภาพเหมือนเดิม ทั้งตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้แท้เก่า ๆ หลังนั้น พัดลมตัวเดิม ฟูกและผ้าห่มผืนเดิม มันเก่ามอซอมากแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะทิ้ง มีโต๊ะสำหรับวางของตัวเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ ตู้เสื้อผ้า บนนั้นวางข้าวของกระจุกกระจิก มีรูปถ่ายของมะลิกับหนูแดงสมัยยังแบเบาะ รูปถ่ายของหนูแดงแทบจะเรียงปี ที่เหลือเป็นรูปถ่ายของสมาชิกทุกคนในครอบครัวผม มีภาพรวมสมัยเด็ก ๆ ด้วย

ผมยิ้ม หยิบรูปนั้นขึ้นมาดู ตอนเด็กผมนี่ดูแสบไม่เบาแฮะ ผมมองไปรอบ ๆ อีกที ไม่มีรูปถ่ายของนาคินทร์สักรูป สงสัยเป็นพวกไม่ชอบถ่ายรูป

ผมวางรูปถ่ายไว้ที่เดิม กำลังจะหันหลังกลับเพราะไม่มีอะไรเพิ่มเติมให้ดูแล้ว ก่อนชะงัก เพราะตรงกำแพงเหนือกองฟูกที่พับไว้เป็นชั้น ๆ นั้นมีกล่องอะไรสักอย่างวางอยู่ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด

กล่องนั้น…

มันน่าจะเป็นกล่องเดียวกับที่นาคินทร์ใช้ใส่ผ้าเช็ดหน้าที่ผมเคยให้นี่ หัวใจผมไหวแรงนิด ๆ

มันเป็นกล่องเดียวกันหรือเปล่า ผมมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องเพื่อค้นหาสิ่งที่น่าจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี

นาคินทร์ไม่น่าจะเอาผ้าเช็ดหน้าผมมาวางไว้เหนือหัวแบบนี้ อาจเป็นกล่องใส่พระเครื่องก็ได้

ผมเม้มปากแน่น ความอยากรู้ขัดกันเบา ๆ กับความรู้สึกผิดที่ถือวิสาสะเข้ามาสำรวจห้องคนอื่นแบบนี้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นเอาชนะได้ในเสี้ยววินาที ผมเดินไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ ย่อตัวลงลากกล่องนั้นมาถือ เม้มปากอีกนิด ก่อนตัดสินใจค่อย ๆ แง้มเปิดฝากล่องออกดู

มันไม่ใช่พระเครื่องหรอกครับ แต่เป็นผ้าเช็ดหน้าที่ผมเคยให้นาคินทร์จริง ๆ ความร้อนมากมายวิ่งผ่านผิวหน้าผมไป มันมาพร้อม ๆ กับคำถามในใจ

ทำไมนาคินทร์ต้องเก็บไว้อย่างดีขนาดนี้ด้วย ถ้าจะใช้ก็น่าจะพกติดตัว หรือไม่ก็น่าจะเอากล่องไปวางไว้บนโต๊ะวางของแทนหัวนอนแบบนี้

“คุณหนู”
ผมสะดุ้งเฮือก รีบกดปิดฝากล่องวางลงที่เดิมหันกลับไปมอง นาคินทร์ยืนอยู่หน้าประตู

“ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามาเองโดยไม่ได้ขอ”
ผมรีบละล่ำละลักบอก ไม่รู้ว่านาคินทร์จะทันเห็นหรือเปล่า นาคินทร์มองมาทางที่นอนตัวเอง แต่ไม่พูดหรือมีสีหน้ายังไง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่สงสัยว่าคุณหนูหายไปไหน ไม่คิดว่าจะอยู่ในนี้ ไม่อึดอัดหรือครับ ออกไปข้างนอกเถอะ”
ผมรีบขยับลุกก้าวตามออกไป

“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง เพียงแต่เดินดูเพลินไปหน่อย เลยเถลไถลเข้าไปดูข้างในด้วย”
ผมพูดอย่างรู้สึกผิดจริง ๆ นาคินทร์ส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรเป็นความลับหรอกครับ สมบัติทุกชิ้นของนาคินทร์ก็คือสมบัติของคุณหนูและทุกคนในครอบครัว แม้กระทั่งตัวนาคินทร์ ก็สาบานไว้แล้วว่าจะขอรับใช้ไปจนชีวิตจะดับ”

ผมยิ้ม นาคินทร์เดินกลับไปเชื่อมอะไรสักอย่างต่อ ผมก้มดูตาม

อ๋อ ตรงประตูที่ผมดึงหลุดนั่นแหละ พอเสร็จนาคินทร์ก็เดินไปที่รถ จัดการยัดใส่ บางชิ้นส่วนถูกถอดออกมาวางเรียงกันไว้บนโต๊ะ ผมไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ยืนมองอยู่เฉย ๆ นี่แหละ

เหงื่อของคนตัวสูงไหลออกมาตรงขมับเบา ๆ มันไม่ได้เยอะมาก คงเพราะตอนนี้ลมพัดค่อนข้างแรงเป่าให้แห้งเร็ว ตอนแรกผมก็มองสิ่งที่นาคินทร์ทำ สักพักสายตาผมก็หยุดอยู่ที่คนทำเป็นหลัก

นาคินทร์ใส่ที่เปิดเข้าไปได้แล้วข้างหนึ่ง ก่อนเดินไปใส่อีกข้าง ตลอดระยะเวลานั้น ผมก็เฝ้ามองตลอด นาคินทร์ปาดเหงื่อด้วยแขนเสื้อ ผมเพิ่งเห็นว่าล้อที่หลุดถูกซ่อมแล้วเรียบร้อย นาคินทร์เช็ดมือ เดินเข้ามาใกล้

“เรียบร้อย”

ผมเดินเข้าไปดูผลงาน สภาพมันตอนนี้ เหมือนตอนก่อนพังไม่มีผิด ผมหันไปมอง

“จะลองให้ฉันทดสอบก่อนไหม”

นาคินทร์พยักหน้า ผมทดลองเปิดปิดอยู่สองสามรอบ ปิดแรงด้วย มันไม่ร่วงแฮะ

“ผมซ่อมเบลท์ใหม่แล้วด้วย”
ผมลองเข้าไปนั่ง ลากมากด มันไม่หลุดติดมือแล้วครับ

“แต่ยังไงก็ต้องซื้อคันใหม่”
ผมหันไปมอง นาคินทร์พยักหน้า ผมก้มดูเวลา

“จะอาบน้ำแต่งตัวใหม่รึเปล่า”

“ครับ” นาคินทร์หายไปอาบน้ำประมาณไม่ถึงยี่สิบห้านาทีก็เดินกลับมา ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยมาแปะจมูก ผมขยับเพื่อหาที่มาของมัน ทำจมูกฟุดฟิดจนเจอต้นตอ

นาคินทร์ทำหน้างุนงง ผมดมเข้าไปใกล้กระทั่งจมูกแทบจะทิ่มแผงอกกว้างอยู่รอมร่อ

“มะ มีอะไรเหรอครับ”

“กลิ่นน้ำหอม นี่นาคินทร์ใช้ด้วยเหรอ ไม่เคยได้กลิ่นสักครั้ง”

“คะ คือ...” นาคินทร์ทำหน้าไม่มั่นใจ “มันไม่หอมเหรอครับ นะ นาคินทร์ก็ว่างั้น ของแพงไม่เหมาะกับนาคินทร์หรอก”

“เปล่าตรงกันข้ามเลยต่างหาก มันหอมมาก กลิ่นเหมาะกับนายดี ยี่ห้ออะไร”
นาคินทร์เกาแก้มตัวเองเบา ๆ

“นาคินทร์ไม่รู้หรอกครับ ภาษาฝรั่ง คุณท่านซื้อมาฝากจากนอกนานแล้ว ไม่เคยใช้สักที”

“อ้าว ทำไมถึงเพิ่งมาใช้ล่ะ”

“มันไม่มีความจำเป็นนี่ครับ วัน ๆ อยู่แต่ในสวน ในโรงเลื่อย”

“แล้วตอนนี้…”
ผมถามงง ๆ กำลังนึกอยู่ว่านาคินทร์จำเป็นต้องไปออกงานสังคมอะไรที่ไหนถึงต้องใช้ นาคินทร์ทำหน้าพิพักพิพ่วน

“นาคินทร์ต้องขับรถไปรับไปส่งคุณหนู นาคินทร์กลัวว่าคุณหนูจะเหม็น”
เขาบอกหน้าซื่อ ผมอึ้งไป ก่อนยิ้มออกนิดหนึ่ง

“ขอบใจนะ ตัวนาคินทร์ก็ไม่ได้เหม็นอะไร กลิ่นของคนทำงาน ฉันเข้าใจ” 

“นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูเหม็น”

“ก็ไม่ได้เหม็นอะไรนี่ แค่กลิ่นเหงื่อ”

“กะ ก็นั่นแหละ แล้วคุณหนูชอบหรือเปล่าครับ”

“ชอบสิ หอมดี กลิ่นเหมาะกับตัวนาคินทร์ดี พ่อเข้าใจเลือกนะ”

นาคินทร์ยิ้ม

“ถ้าคุณหนูชอบ นาคินทร์จะใช้บ่อย ๆ”

“ฉันไม่บังคับหรอกนะ”

นาคินทร์ส่ายหัว

“มันไม่ลำบากอะไร อีกอย่างดีกว่าวางไว้เฉย ๆ ขวดเบ้อเร่อ”

ผมหัวเราะ ชวนกันไปที่ลานจอดรถ เกรียงไกรยืนนิ่งรออยู่ข้างรถแล้ว

[40%]


ใช้เวลาไม่เกินวันเราก็ได้รถกระบะคันใหม่มาขับ นาคินทร์ชมใหญ่ว่าขับสบายดี

“พ่อบอกให้ซื้อตั้งนานไม่ซื้อ”

“สิ้นเปลืองเปล่า ๆ”
ผมไม่อยากจะเถียงกับเขาเรื่องนี้

“ป้ายแดงขนาดนี้ รับรองแม่บ้านได้เลขเด็ดวันที่ 16 เดือนนี้แน่ ๆ”
นาคินทร์หัวเราะ ตอนนี้เรากำลังลองรถกันอยู่ครับ

“นี่ ไหน ๆ เราก็หยุดงานกันหนึ่งวันแล้ว ขับรถพาฉันเที่ยวหน่อยสิ”

“คุณหนูอยากไปไหนครับ”

“นั่งรถเล่น นะ”

“ครับ คุณหนูบอกเส้นทางละกัน นาคินทร์ไม่รู้”
ผมพยักหน้ารับ บอกให้นาคินทร์ขึ้นทางด่วนไป น้ำมันเต็มถัง

“คุณหนูจะให้นาคินทร์พาไปไหนครับ”
คนขับหันมาถาม เพราะผมยังไม่ได้บอกที่หมาย

“บางแสนละกัน ใกล้หน่อย แค่อยากไปสูดไอทะเลเฉย ๆ”

“สกปรกไม่ใช่หรือครับ นาคินทร์ว่าถ้าจะเที่ยวทะเล หาวันหยุดยาว ๆ ไปใต้หรือเกาะคนน้อยดีกว่า”

“โห รู้ได้ไง”

“ยัยหนูแดงบอก”

ผมหัวเราะ

“คิดว่าเคยไปเที่ยวมาแล้ว”

“คนสวนจะเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยวครับ”

“นี่เคยพายัยหนูแดงมาเที่ยวบ้างสักครั้งรึยัง”

นาคินทร์ส่ายหัว ผมอ้าปากค้าง

“เป็นพ่อประสาอะไร ไม่พาลูกเที่ยวบ้าง”

นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด

“นาคินทร์ทำงาน แต่ปล่อยให้ลูกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้างแล้ว”

“ถึงงั้นก็เถอะ ยังไงการได้มาเที่ยวกับครอบครัวก็คนละแบบกับเที่ยวกับเพื่อนนะ”
ผมติง นาคินทร์มีสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก

“ครั้งหน้า นาคินทร์จะลองพายัยหนูมาครับ”

“ว่าแต่…” ผมหันไปมอง “เคยไปเหยียบทะเลมาบ้างรึยังเนี่ย” นาคินทร์ส่ายหน้า ผมอ้าปากค้าง คนแบบนี้ก็มีด้วย ผมส่ายหัว

“ฉันรู้ว่านาคินทร์เป็นคนขยัน แต่บางครั้งก็ต้องผ่อนคลายบ้าง”

“งานนาคินทร์มันไม่ได้เครียดอะไรนี่ครับ มีความสุขดีทุกวัน สุขมากด้วย สุขมากจนไม่รู้ว่าจะไปหาความสุขมากกว่านี้จากที่ไหนอีก”

ผมมองคนพูดอึ้ง ๆ แล้วยิ้มให้ ผมว่าคนในบ้าน ถ้าถามว่าใครมีความสุขที่สุด คนนั้นอาจไม่ใช่พ่อผมที่มีเงินและอำนาจมากสุดก็ได้ แต่อาจเป็นนาคินทร์ที่ถือว่าจนและมีอำนาจน้อยที่สุดในบ้าน

“คะ คุณหนูยิ้มให้นาคินทร์ทำไมครับ”

“นาคินทร์มีความสุขไม่ใช่เหรอ”

“ครับ”

“ฉันก็อยากมีความสุขแบบนาคินทร์บ้าง แค่นั้นเอง”

นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด

“เอาละ ไม่รู้ว่าทะเลจะทำให้นาคินทร์มีความสุขได้ไหม แต่ลองไปเหยียบมันดูสักครั้งละกัน”

“ครับ”
 
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหน่อย ๆ เราก็พากันมาถึง นาคินทร์พารถไปจอดไว้ตรงที่เขาให้จอด รถเรานี่ใหม่เอี่ยมกว่าใครเพื่อนเลย ป้ายแดงด้วย

ผมจำความรู้สึกตอนมาเห็นทะเลครั้งแรกได้ ผมดีใจมาก เล่นน้ำจนตัวดำเลย นาคินทร์ก้าวลงจากรถ มองตรงไปยังท้องทะเล สีมันไม่ได้ใสเหมือนพวกเกาะเงียบ ๆ นัก นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนอกกว้างตั้งขึ้น

ผมชอบมองนะ มันดูดีดี เรียวปากปราศจากหนวดเคราอย่างแต่ก่อนเผยรอยยิ้มนิดหนึ่ง ผมยิ้มตาม นาคินทร์ปิดรถ กดล็อกเดินมาใกล้ ๆ ผม

“ไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะทำให้นายมีความสุขได้แค่ไหน แต่ลองไปดูนะ…ทะเล”
พูดจบผมก็คว้าจับข้อมือคนตัวสูงไว้ จะพาก้าวเดิน แต่นาคินทร์ไม่ขยับ ผมหันไปมอง

“เอ่อ...คุณหนู”

“ทำไม ไม่ชอบเหรอ”

“เปล่าครับ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะครับ”

ผมมองงง ๆ “อะไรไม่เหมาะ”

นาคินทร์ก้มมองข้อมือตัวเองที่มีมือผมจับอยู่

“ทำไม”

“นาคินทร์เป็นคนสวนนะครับ เอ่อ...”

ผมปล่อยมือออก ทำหน้าหงุดหงิดใส่นิด ๆ ไม่จริงจัง

“ถือตัวจัง รังเกียจฉันรึไง”

“เปล่าครับ แต่คุณหนูอยู่สูงเกินไป นาคินทร์มันคนต่ำ”

ผมยิ้ม

“ต่ำตรงไหน ไม่เห็นรึนี่ ฉันต้องแหงนหน้าคอตั้งคุยกับนายนี่”
ผมเล่นมุก นาคินทร์หน้าเหวอ ผมเลิกคิ้วเป็นทำนองว่า ลองเถียงมาสิ

“ไม่ใช่ต่ำแบบนั้น”

“แบบไหน”

“กะ ก็คุณหนูคือเจ้านาย สูงศักดิ์กว่านาคินทร์ เป็นบุคคลที่ให้เงินเดือนให้ที่ซุกหัวนอนนาคินทร์นะครับ”

ผมส่ายหัว

“คิดมากไม่เข้าเรื่อง ไปเถอะ ฉันอยากเดินเล่นเต็มแก่แล้ว จับไว้นั่นแหละดีแล้ว เผื่อนายดีใจที่เห็นทะเลครั้งแรกแล้ววิ่งเตลิดหนีไป ฉันไม่มีคนขับรถพากลับบ้าน”
นาคินทร์อ้าปากเหวออีกรอบ ก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ กับมุกควายของผม

“ไปกันเถอะ”
ผมชวนอีกรอบ พากันเดินลงไปบนหาด นาคินทร์เดินตามมาติด ๆ ผมก้มถอดรองเท้าขึ้นมาถือเพราะอยากเดินย่ำน้ำ นาคินทร์ถอดตาม คีบไว้ในมือ ผมพานาคินทร์เดินต่ำลงจนฝ่าเท้าสัมผัสน้ำทะเล นาคินทร์มีสีหน้าตื่นเต้นนิด ๆ ผมยิ้ม พาเดินลงไปลึกขึ้นกระทั่งน้ำถึงข้อเท้า 

“เคยเห็นแต่ในหนังสือกับทีวี”

“ของจริงย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”

นาคินทร์พยักหน้าเห็นด้วย

“เย็น”

ผมหัวเราะกับคำวิจารณ์อีกคน ลมทะเลโบกผ่านผิวหน้าผมไป ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ย่ำเท้าช้า ๆ ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาด พอ ๆ กับเสียงเด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่พามาเล่นน้ำเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว

“นาคินทร์จีบแม่หนูแดงได้ยังไง” ผมถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุย นาคินทร์หันมามอง

“เราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันครับ บ้านใกล้เรือนเคียง รู้จักมักจี่กันมาตั้งแต่เด็ก ๆ โตหน่อยพอมีเหย้ามีเรือนได้ ผู้ใหญ่ก็จับแต่ง แต่ผมก็รักเธอนะ”

“อ้าว ไม่ได้จีบเองหรอกเหรอ” ผมตาโต

“นาคินทร์ไม่เคยจีบใครหรอกครับ จีบไม่เป็นด้วย”

ผมอ้าปากค้าง ก่อนหัวเราะ

“มิน่า ยัยหนูแดงถึงไม่มีแม่เลี้ยงสักที”

“เหตุผลก็อย่างที่ผมเคยบอกนั่นแหละ ตอนนี้ยัยหนูแดงมีคุณท่านช่วยกันกรุณา จึงคิดว่าแม่เลี้ยงไม่ใช่สิ่งจำเป็น”

“แล้วนาคินทร์ไม่อยากมีคู่คิดยามแก่ยามเฒ่ารึไง”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นาคินทร์พอใจกับสิ่งที่มีแล้ว มีเจ้านายที่ทั้งรักและคอยให้ความกรุณาอยู่ หนำซ้ำยังมีคุณหนูอนุชาด้วย”
ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำนั้น คนพูดอาจไม่คิดอะไร แต่คนฟังแปลความหมายไปไกลแล้ว

ผมเงียบเสียงลง ปล่อยให้ทะเลเป็นคนพูดแทน อยากถามว่าไม่เหงาเหรอ แต่คนอย่างนาคินทร์ก็คงไม่เหงาหรอก

ผมแอบเม้มปากนิด ๆ ขนาดผู้หญิงมาให้ท่ามากมายก่ายกองนาคินทร์ยังไม่สน แล้วนับประสาอะไรกับผมที่เป็นนายจ้าง แถมยังเป็นผู้ชายอีก

ผมหยุดเดินกึก ตะลึงไปกับความคิดตัวเองเมื่อกี้ ผิวหน้าร้อนผ่าวไปหมด

นะ นี่ผมคิดถึงไปถึงไหนแล้วเนี่ย

“คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
นาคินทร์ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“โทษที ไม่เป็นไร” ผมขยับเดินหน้าต่อ

นี่ผมชอบนาคินทร์เหรอ

นาคินทร์ที่เคยมีเมียและมีลูกแล้ว

นาคินทร์ที่เป็นคนสวน

และนาคินทร์ที่เป็นผู้ชาย

ผมชอบเขาจริง ๆ ใช่ไหม

“สีหน้าคุณหนูดูไม่ดีเลย เหยียบอะไรเข้าหรือเปล่าครับ”

“เปล่าหรอก” ผมฝืนยิ้ม “ฉันกำลังคิดอยู่ว่าเมียนาคินทร์โชคดีจัง ที่ได้หัวใจนาคินทร์ไป” นาคินทร์หันมามอง

“แต่ตอนนี้ ผมมอบมันให้นายจ้างทุกคนไปหมดแล้วล่ะครับ”

ผมอยากพูดต่อว่า ช่วยยกมันให้ผมเพียงคนเดียวได้ไหม

แต่ก็ไม่กล้า

“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ผมชวนตัดความคิดแย่ ๆ ของตัวเองทิ้งไป นาคินทร์พยักหน้า เราเลือกร้านที่ดูน่าทานหน่อย เป็นเตียงผ้าใบไม่ห่างหาด ผมเป็นคนสั่งตามเคย แล้วนั่งรอ

“คุณหนูครับ”

ผมหันไปมองคนเรียก อยู่ ๆ ก็มีดอกกุหลาบสีแดงสดยื่นมาให้ตรงหน้า ดอกเดียวครับ กลีบดอกแทบไม่มีรอยช้ำ มีใบประดับไว้สองใบ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นของเด็กผู้หญิงที่เดินขายอยู่ ผมไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่ เพราะมาทะเลทีไรก็เห็นพวกนี้บ่อย ๆ แต่ไม่คิดว่านาคินทร์จะซื้อไว้

สงสัยเพราะสงสารเด็กน้อยล่ะมั้ง เด็กคนนั้นดูน่าจะอายุพอ ๆ กับหนูแดงด้วย

“สวยดี”

“ครับ นาคินทร์ให้คุณหนูครับ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรให้คิด แต่นาคินทร์อยากให้คุณหนูมีความสุข คนสวนคนนี้อาจช่วยอะไรคุณหนูมากไม่ได้ หวังว่านี่จะพอช่วยได้”
ผมมองคนให้แล้วก้มต่ำลงไปมองดอกไม้ดอกนั้น รับมาถือไว้

“ขอบใจ”
ผมพินิจมองมันอยู่นาน จนอาหารมา ผมหยิบทิชชู่มารอง แล้ววางดอกไม้ดอกนั้นไว้เบามือ

อาหารรสชาติใช้ได้เลย ยกให้เรื่องความสด ผมกับนาคินทร์กินกันจนหมดเกลี้ยง พากันเดินเล่นต่อเพื่อย่อย ผมเดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมดอกกุหลาบหนึ่งดอกที่นาคินทร์ให้มา

รู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจยังไงพิกล 

[ต่อค่ะ >> 80%] http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3426520#msg3426520


หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(15-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-07-2016 08:56:35
รออีกที่เหลือน้า~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(15-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 15-07-2016 10:17:43
 :pig4: รอที่เหลือจ้า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(15-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 15-07-2016 10:21:30
แบบนี้นาคินทร์มีใจให้คุณหนูของเราหรือเปล่า
การกระทำหลายๆ อย่างมันฟ้อง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(15-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-07-2016 11:14:36
รอจ้าาาาาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(15-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-07-2016 19:34:48
ค้าง - -
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(15-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-07-2016 21:12:27
เอาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(15-7-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-07-2016 22:21:08
นาคินทร์ แอบชอบคุณหนูมานานแล้วหรือเปล่า?
สนุก ชอบบบบ   รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(16-7-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 16-07-2016 16:51:40
ลุ้นให้อนุชาเดินหน้าจีบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(16-7-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-07-2016 22:45:26
รู้ใจตัวเองแล้วนิ อนุชา  ลุยโลดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 18-07-2016 19:03:04
[ต่อค่ะ]



ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ฟ้าพิโรธหรือไร ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้าครึ้มลงเฉียบพลัน ไอ้นั่นไม่ทำให้ช็อกได้เท่ากับฝนที่เทซ่าลงมาราวกับใครเทน้ำใส่ ผมกับนาคินทร์วิ่งหลบกันไม่ทัน เปียกมะลอก ไม่ต่างกับนักท่องเที่ยวแม่ค้าแม่ขายที่หอบข้าวของหนีกันจ้าละหวั่น

“มาได้ไงเนี่ย”
ตอนนี้เรายืนหลบฝนอยู่ในผืนผ้าใบร้านค้าร้านหนึ่ง ซึ่งหลายคนก็ยืนหลบแบบเรา แต่ลมพัดแรงจนมันแทบจะไม่ช่วยอะไร ผมเริ่มหนาวกอดตัวเองแน่น

“หนาวเหรอครับคุณหนู นาคินทร์ไม่น่าพามาลำบากเลย”
นาคินทร์หน้าสลด

“คนชวนมาคือฉันนะ แล้วนี่มันก็ฤดูฝน ฝนตกก็ไม่แปลก แต่มันแปลกตรงที่มันตกแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงหรือเตือนก่อนนี่แหละ รอสักพักมันคงซา”

แต่ฝนยังคงโหมกระหน่ำรุนแรงจนผมชักทนหนาวไม่ไหว

“นาคินทร์ว่ายืนต่อไปก็มีแต่จะเปียกและหนาวยิ่งกว่าเดิม คุณหนูรออยู่ตรงนี้ นาคินทร์จะวิ่งกลับไปที่รถแล้วขับรถมารับที่นี่”

ตอนแรกว่าจะรับปาก แต่ผมส่ายหัว

“ไม่เอานาคินทร์ เราไปด้วยกันดีกว่า วิ่งฝ่าไป”

“แต่…”

ผมกับเขาต้องตะโกนคุยกันแล้วครับ เพราะพายุฝนเริ่มแรงขึ้นจนคลื่นทะเลสูงขึ้นเป็นลำดับ

“ฉันกลัวสึนามิ” ผมบอกตรง ๆ นาคินทร์หัวเราะ

“งั้นไปกันเถอะครับ ขอโทษด้วย”
พูดจบนาคินทร์ก็ถลกเสื้อออกทางหัว บิดน้ำพอหมาด สะบัดแรงไล่น้ำแล้วเอามากางให้เหนือหัว ผมมองอึ้ง ๆ

คือ…

เคยดูหนังเกาหลีมาก่อน บอกตามตรงว่าเห็นทีไรก็คิดว่าหนังก็คือหนัง แต่ตอนนี้ ภาพในหนังนั้นกำลังฉายชัดอยู่ตรงหน้า แผงกล้ามเป็นมัดนั้นดูราวกับไม่ใช่ชายอายุใกล้จะสี่สิบ มันแน่นและแข็งแรงมาก

“ไปกันเถอะครับ ค่อย ๆ เดิน เดี๋ยวล้ม”
นาคินทร์ตะโกนบอกแข่งกับสายฝน ผมพยักหน้า

น้ำฝนทำร้ายผมได้ไม่เต็มที่เพราะร่างผมครึ่งหนึ่งถูกปกป้องไว้จากร่างใหญ่ ๆ ของนาคินทร์ หัวและใบหน้าถูกกั้นไว้ด้วยเสื้อที่ตอนนี้มันก็เปียกจนน้ำไหลเป็นทาง ฝนตกหนักมาก ผิวเนื้อที่ถูกน้ำฝนกระแทกโดยตรงเจ็บไปหมด เราเดินเล่นกันมาไกลด้วย แทบจะสุดหาดเลย

ฝนตกหนักยังไม่พอ ยังมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ามาทำให้รู้สึกหวาดสยองมากขึ้น เดินไปได้ไม่เท่าไหร่รองเท้าผมก็ขาดปึ้ด พื้นแยกทางจากตัวหุ้มเรียบร้อย ผมหยุดเดินกึกทันทีพอ ๆ กับนาคินทร์ รองเท้าผมมันไม่ใช่รองเท้ากันน้ำ หรือรองเท้าที่เหมาะกับลุยพื้นเปียก แล้วฝนตกแรงขนาดนี้ จะขาดก็ไม่แปลก

“คุณหนู รองเท้า”
นาคินทร์ทำหน้าตกใจ ดีว่ากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์เรายัดใส่ถุงพลาสติกที่ขอจากทางร้านค้าแล้ว ไม่งั้นก็โชกเหมือนกัน

นาคินทร์มองซ้ายมองขวาอย่างหาทางออก

“ไม่เป็นไร ฉันเดินเท้าเปล่าไปก็ได้”

“ไม่ได้ครับ เผื่อมีเศษแก้วเศษไม้” นาคินทร์พูดแข่งสายฝน ยังพยายามใช้ตัวและเสื้อกันฝนให้ผมอยู่ แถวนี้ไม่ร้านขายรองเท้าแบบเดินทะเลด้วย แต่แถว ๆ รถมี ผมเหลือบมองไปหน้าหาด มีโรงแรมขนาดย่อมอยู่ ผมชี้มือไปที่นั่น

“งั้นไปพักที่นั่นก่อนละกัน รอให้ฝนซาค่อยกลับ”
นาคินทร์มองตาม ฝนแรงมากจนต้องป้องตาดู พอเห็นก็พยักหน้า ย่อตัวลงหันหลังให้

“ขึ้นมาเถอะคุณหนู”

“ใกล้แค่นี้ ฉันเดินเองได้”

“ไม่ได้ครับ อันตราย เชื่อผมเถอะ เกิดเหยียบอะไรเป็นแผลขึ้นมารักษากันยาว”
ผมไม่เถียงอะไรอีกเพราะตอนนี้โดนฝนกระหน่ำจนเนื้อเจ็บตัวไปหมดแล้ว ขึ้นขี่หลังคนตัวสูง กอดลำคอแกร่งแน่น นาคินทร์พาเดินกึ่งวิ่งเข้าที่พักนั้นไป

“ที่พักสองห้องครับ”
ผมบอกปากคอสั่น หนาวจริง ๆ จะรีบไปอาบน้ำเร็ว ๆ

“ขอโทษค่ะ ตอนนี้เราเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้น”

“งั้นคุณหนูเข้าไปพักเถอะครับ นาคินทร์รออยู่ข้างล่างได้ ไม่นานฝนก็คงซาแล้ว”
นาคินทร์บอกมาอย่างนอบน้อม

“งั้นเอาห้องนั้นเลย”
ผมบอกพนักงาน เธอขอชื่อกับเบอร์โทร แล้วก็ให้วางเงินเลย ไม่นานก็ได้กุญแจมาดอกหนึ่ง ผมคว้าจับแขนคนตัวสูงลากให้เดินตาม

“คุณหนู!”

“ตามมาเถอะน่า ข้างล่างหนาว ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าฝนจะหยุดตก”

“คือ มันไม่เหมาะ”

“อย่าเรื่องมากน่านาคินทร์ ฉันหนาว”
ผมออกคำสั่งเสียงเฉียบ นาคินทร์ไม่พูดอะไรอีก เดินตามผมเข้าลิฟท์ไป ผมกอดตัวเองแน่น นาคินทร์ยังยืนเฉยทั้งที่เสื้อก็ไม่ใส่ พอลิฟท์เปิดออก ผมรีบตรงไปไขกุญแจทันที

“คุณหนูรีบอาบน้ำก่อนเถอะ”
ผมพยักหน้า รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป น้ำฝนหนาวมาก พอได้น้ำอุ่น ๆ นี่เหมือนปลาได้น้ำ ที่นี่มีอ่างด้วย แต่ให้แช่ตอนนี้ก็ดูจะเห็นแก่ตัวเพราะนาคินทร์รออยู่ข้างนอก ผมรีบอาบน้ำพอให้หายหนาว เสื้อผ้าเปียกหมดแล้วครับ พออาบน้ำเสร็จจึงเพิ่งสำนึกว่าผมมีอยู่สองทางเลือกคือหนึ่ง ใส่ชุดเปียก ๆ อย่างนี้ต่อไป หรืออยู่ในชุดผ้าขนหนู

ใส่ชุดเปียกหนาวแน่ ผมจำต้องนุ่งผ้าขนหนู หอบเสื้อผ้าออกจากห้องน้ำไป นาคินทร์มองมาอึ้ง ๆ รีบเสหลบ

“นาคินทร์ก็ไปอาบสิ เปียกหมดแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ นาคินทร์ทนได้”

“ไปเถอะน่า เดี๋ยวหวัดกิน”
นาคินทร์พยักหน้า ผมเอาเสื้อผ้าไปผึ่งบนราวที่เขามีไว้ให้ กวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง มันเป็นเตียงเดี่ยวครับ ขนาดควีนไซส์ มีทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ผมลองเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู เผื่อมีชุดคลุมให้ แต่โรงแรมเกรดระดับนี้ส่วนมากไม่มีหรอก

มันว่างเปล่า มีเพียงไม้แขวนที่ทำจากเหล็กเบี้ยว ๆ อยู่สามสี่อันเท่านั้น ผมหยิบไม้แขวนมาตากผ้าของตัวเองผึ่งไว้ ระเบียงที่มองออกไปเห็นทะเลได้เป็นกระจกทั้งแถบ ตอนนี้ฝนตกแรงมากจนมองแทบไม่เห็นอะไรนอกจากฝ้าขาว ๆ ข้างนอกเท่านั้น ลมพัดแรงมากจนกระจกดังตึง ๆ แทบจะตลอดเวลา

สาธุ ขออย่าให้มีสึนามินะ

ได้ยินเสียงเปิดประตูเบา ๆ นาคินทร์นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาไม่ต่าง ผมพยักหน้าไปทางไม้แขวนที่วางไว้ นาคินทร์หยิบไปแขวนผ้าเปียกของตัวเอง แล้วแขวนไว้คนละมุมกับเสื้อผ้าผม ผมไม่กล้าหันไปมองคนที่เปลือยท่อนบนนุ่งผ้าเช็ดตัวเล็ก ๆ ผืนนั้น ผมเองก็มีสภาพไม่ต่าง หนาวเหมือนกัน

“คุณหนูครับ”

ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ ผมหันไปมอง อยู่ ๆ ก็มีผ้าห่มผืนใหญ่มาหุ้มตัวไว้

“หนาวครับ ห่มนี่ไว้ดีกว่าผ้าเช็ดตัวผืนเดียว”

“แล้วนาคินทร์ล่ะ”

“ผมทนได้”

ผมไม่พูดอะไร เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงทั้งผ้าห่ม ส่วนนาคินทร์ยืนดูสายฝนอยู่ใกล้ ๆ กระจกระเบียง ดูก็รู้ว่านาคินทร์ก็หนาวเหมือนกัน

“นาคินทร์”

คนตัวสูงหันมามอง ผมกางผ้าห่มออก

“มาสิ”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นี่เป็นคำสั่ง ฉันรู้ว่านายก็หนาว อย่าถือศักดิ์ไม่เข้าเรื่องตอนนี้ เร็วเข้า”

“แต่…”

“เร็ว ถ้านายไม่ห่ม ฉันก็จะไม่ห่มด้วย”
ผมทิ้งผ้าห่มลงทันที นาคินทร์รีบถลาเข้ามาหา

“ครับ ๆ นาคินทร์มาแล้ว”
นาคินทร์กล้า ๆ กลัว ๆ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“เร็วเถอะ ฉันหนาว”
ผมเร่ง นาคินทร์แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่ม แต่พยายามเว้นระยะ ผมดึงเอาผ้าห่มมาปิดตัว

ถามว่าเขินไหม เขินมาก แต่จะให้เขายืนหนาวอยู่มันก็น่าเกลียด สายฝนยังคงโหมกระหน่ำรุนแรงเหมือนเดิม

“น่ากลัวจัง”

“แรงเพราะอยู่ติดทะเล”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“กรุงเทพฝนไม่ค่อยตก เลยลืมไปเลยว่าเป็นฤดูฝน”

นาคินทร์หัวเราะเบา ๆ

เพราะความหนาว ทำให้ผมขยับมากขึ้นจนผิวเนื้อผมแนบชิดผิวเนื้อของคนข้าง ๆ มันร้อนวูบ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ใจก็เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ ฟ้าแลบสว่างจ้า ก่อนจะผ่าเปรี้ยงลงมาแรงจนผมสะดุ้ง

ผมเคยกลัวฟ้าผ่าตอนเด็ก ๆ โตมาก็ไม่กลัวแล้ว แต่มาเห็นฟ้าแลบฟ้าผ่าในระยะประชิดแบบนี้มันก็น่ากลัวไม่หยอก ฟ้าผ่าลงมาอีกรอบจนผมสะดุ้งอีกที วงแขนใหญ่รีบโอบผมไว้ทันที

“ไม่ต้องกลัวนะครับคุณหนู” หัวใจผมเต้นแรง ไออุ่นจากตัวนาคินทร์ช่วยคลายหนาวให้ผมได้เยอะ เรานั่งนิ่งมองสายฝนไปเรื่อย ๆ จนผมเริ่มเคลิ้ม
 
“คุณหนูครับ” ได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ มาแต่ไกล

“คุณหนู” มีแรงเขย่าเบา ๆ ด้วย ผมสะลึมสะลือลืมตา มองไปรอบ ๆ ฝนยังคงโหมกระหน่ำอยู่ ฟ้าฝ่าเปรี้ยงปร้าง ดูมันจะไม่สร่างซาเลย

“คุณหนูเผลอหลับไปแน่ะครับ ถ้าง่วง นอนก่อนก็ได้นะครับ ฝนหยุดตกแล้วนาคินทร์จะปลุก”

“เย็นมากแล้วนะ กว่าจะกลับถึงกรุงเทพ ดึกแน่ ๆ”

“ดึกผมไม่ห่วงหรอก ห่วงแต่ถ้าตกหนักมาก ขับรถอันตราย” ผมเห็นด้วย อากาศมันน่านอนจริง ๆ ผมหาวหวอด คลานขึ้นเตียง

แต่ว่า...

ถ้าผมนอนบนเตียง แล้วผ้าห่มล่ะ

“อ้าว แล้วนาคินทร์ล่ะ”

“นาคินทร์นั่งเฝ้าอยู่ข้างล่างนี่แหละ คุณหนูนอนไปเถอะ”

ผมส่ายหัว

“ขึ้นมานอนด้วยกันเลย”

“นาคินทร์ไม่ง่วงและมันไม่เหมาะ”

“ไอ้อย่างหลังไม่ต้องไปสนใจ กว่าฝนจะหยุดตก น่าจะนาน นั่งหนาวแบบนั้นทำไม เร็วเถอะ ตัวนาคินทร์อุ่นดี มาแก้หนาวให้ฉันหน่อย”

“เอ่อ...”

“มาเถอะน่า ผู้ชายเหมือนกัน” ผมอ้างไปเรื่อย ทั้งที่ใจจริงหัวใจกำลังรัวเป็นกลองตี

นาคินทร์ขยับลุก เพราะจังหวะลุกไม่ระวังทำให้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ผูกเอวไว้ร่วงผล็อย เผยบางสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมาก่อนในสภาพหลับใหล ผมตาโตรีบเสหน้าหลบ ในขณะที่นาคินทร์รีบตะครุบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาปิด ผมกัดปากตัวเองเบา ๆ ผิวหน้าร้อนผ่าว

“ขอโทษที่ทำอุจาดครับ ผ้าเช็ดตัวมันผืนเล็กไป”

“มะไม่เป็นไร มันก็เหมือน ๆ กัน”
ผมตอบตะกุกตะกัก มันเหมือนกันจริง ๆ แต่สิ่งที่ต่างกันคือขนาดนี่แหละ

ไซส์คงใหญ่ตามตัว

“รีบมาเถอะ”
ผมเร่ง นาคินทร์ผูกผ้าเช็ดตัวดี ๆ อีกที เดินเหงียม ๆ ขึ้นเตียงมา นาคินทร์เขยิบไปนอนห่างตัวผมพอควร เรียกได้ว่าต่างคนต่างนอนชิดริมผ้าห่มอีกด้าน ผมก็ไม่อยากใกล้ เพราะเดี๋ยวนาคินทร์ได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรงของผมอยู่ตอนนี้

ผมขยับพลิกตัวหันหลังให้ ตื่นเต้นขนาดไหนก็ไม่อาจฝืนความง่วงไปได้ ผมผล็อยหลับไปอีกรอบ
 

กระทั่งมาสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะเสียงฟ้าร้องที่ดังกระหึ่มจนกระจกสะเทือน ผมลืมตามอง สิ่งแรกที่เห็นคือความมืด มีแสงสว่างจากฟ้าที่แลบ ทำให้ผมเห็นสภาพที่แท้จริงตอนนี้ ก่อนนอนผมจำได้ว่าตัวผมอยู่ห่างนาคินทร์มาก เพราะนาคินทร์นอนไว้ระยะ แต่ตอนนี้เรามาชิดกันแล้ว

ผมยังนอนหันหลังให้เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังผมแนบติดอยู่กับแผงอกกว้างของนาคินทร์ ร่างทั้งร่างถูกโอบกอดไว้จากคนตัวสูง หัวใจผมแทบหลุดออกนอกเบ้า แผงอกนั้นร้อนผ่าว ผิวเนื้อแนบผิวเนื้อ

เสียงหัวใจของคนด้านหลังเต้นด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ได้ยินเสียงฟี้ของลมหายใจเบา ๆ วงแขนแกร่งโอบรัดผมแน่นให้ไออุ่น ผมพยายามสำรวจ ไม่ใช่นาคินทร์เข้ามากอดผมหรอก แต่เป็นผมเองต่างหากที่ขยับมาเบียดนาคินทร์ เพราะตอนนี้ ผมขยับจากฝั่งผมมาจนถึงฝั่งของนาคินทร์แล้ว

ผมไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว เพราะไม่รู้ว่านาคินทร์กอดผมไว้เพราะรู้ตัวหรือเปล่า นาคินทร์ขยับกอดผมแน่นขึ้น ผมตาโต แต่เสียงกรนยังคงสม่ำเสมอ แปลว่าทำไปแบบไม่รู้ตัวแน่ ๆ ปากร้อน ๆ นั้นแนบติดอยู่กับผิวเนื้อตรงหัวไหล่ผม

อยากสาปให้ตัวเองหายตัวไป หัวใจผมเต้นรัวยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ร่างของผมมันอุ่นจนร้อนเลยล่ะ



To be Con

:z13:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 18-07-2016 20:45:25
อ๊าย ฟินไปสามโลก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 18-07-2016 21:06:20
ไม่จริงอ่ะ
นาคินต้องรู้ตัวจิ เชื่อเถอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Lyralyn ที่ 18-07-2016 21:20:55
อร้ายยยยยย เขินนนนน  :mew3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-07-2016 13:10:14
มีโมเม้นท์ฝนตกด้วย ฟินนนนน~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-07-2016 19:56:58
อนุชาใจร่มนะ อย่าเผลอตัวไปปล้ำนาคินทร์เข้าล่ะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-07-2016 21:41:36
เขินค่ะ เขินนนนน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-07-2016 22:04:48
ชอบบบบ  นาคินทร์ อนุชา :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น่าจะมีใจให้กันทั้งคู่ :mew1: :mew1: :mew1:
รอ มาต่อไวๆ นะ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 20-07-2016 05:23:18
อ๊ายยยยย แค่นอนด้วยกันก็ทำให้เขินไดขนาดนี้
หวานมากกกกกก :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 20-07-2016 08:18:47
อ่านแล้วเขิลจุง
อบอุ่นมากๆเลยคุณคนสวน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 05 รู้ใจตัวเอง (P.2)(18-7-2559)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-07-2016 19:22:47
ชื่อตัวละครนี่ parody ชื่อตัวละครชายจากเพชรพระอุมาป่าวคะ

สนุกค่ะ ใสๆกันทั้งพระ นาย แต่คนอ่านไม่ใส555  :hao6: เชียร์ให้เขาได้กัน
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 20-07-2016 20:00:03
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 06 : ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ

ไม่รู้ผมนอนหัวใจไหวแรงแบบนั้นอยู่นานแค่ไหน จากความตื่นเต้นที่แทบจะหมดลมหายใจ มันก็คลายลงเรื่อย ๆ ผมไม่ได้ขยับร่างกายใด ๆ ให้นาคินทร์รู้สึกตัว

ผมเคยนึกสงสัย ว่าการอยู่ในอ้อมแขนผู้ชายมันจะไม่ขยะแขยงเหรอ

ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้ว

มันไม่ได้รู้สึกขยะแขยงเลย ตรงกันข้าม ผู้ชายคนนี้กำลังทำให้ผมอดรนทนไม่ไหว ผมไม่อยากคิดลึก แต่สัญชาตญาณบางอย่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ผมพยายามข่มจิตข่มใจ

นาคินทร์คงกอดผมโดยไม่รู้ตัว คงเพราะแสวงหาไออุ่นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดอกุศลกับคนที่รักและซื่อสัตย์กับผมอย่างเจ้านายกับบ่าว

ให้ตายสิ

ผมพยายามข่มจิต นึกถึงอะไรก็ได้ที่จะมาดับความร้อนที่โหมหนักอยู่ตอนนี้ ปากได้รูปขยับไซ้หัวไหล่ผมเบา ๆ ผมนอนตัวเกร็ง

นี่นาคินทร์ตื่นแล้วเหรอ!

แล้วทุกสิ่งก็นิ่งลงแค่นั้น

ใจเย็นอนุชา ใจเย็น นาคินทร์แค่ต้องการหาไออุ่นเท่านั้น ผมพยายามข่มใจให้หลับ กระทั่งความง่วงเข้ามาเยือนอีกรอบ 





“คุณหนูครับ”
ได้ยินเสียงแว่ว ๆ และแรงเขย่าอีกรอบ

ผมลืมตามอง

“ตีห้าแล้ว ตีรถเข้ากรุงเทพตอนนี้ก็ไปทำงานทันนะครับ”

ผมขยับตัวลุกนั่งอย่างเคยชิน ผ้าห่มรูดลงจนหน้าอกโผล่ ความร้อนวูบผ่านผิวหน้าผมไป ภาพบางอย่างฉายชัด นาคินทร์เมินหลบไปทางอื่น เขาแต่งตัวแล้วเรียบร้อย

“เสื้อผ้าแห้งแล้วเหรอ”

“ยังไม่สนิทหรอกครับ”

ผมยกผ้าห่มมากอดคล้ายกับมันจะหนาว แต่จริง ๆ คือปิดบังร่างกายต่างหาก ผู้ชายด้วยกันไม่ควรอาย แต่ผมอายนาคินทร์จริง ๆ

“ลางานต่ออีกวันละกัน รู้สึกเพลีย ๆ ไงไม่รู้”
นาคินทร์รีบขยับเข้ามาชิด ขมวดคิ้ว

“ผมก็ลืมไป น่าจะให้คุณหนูกินยา คุณหนูนอนก่อนนะ ผมจะไปสั่งอาหารพร้อมยามาให้ จะโทรบอกเลขาให้ด้วย”

ผมพยักหน้ารับ ทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ ผล็อยหลับไป ตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงปลุก ผมลืมตามอง รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ของตัวเอง แต่ไม่มาก

ไข้กินของแท้เลย

“กินข้าวก่อนคุณหนู”
ผมพยักหน้ารับ ลุกนั่ง นาคินทร์กระชับผ้าห่มให้ ผมตักข้าวกินจนหมด ตามด้วยยา แล้วทิ้งตัวลงนอน

“โทษที เลยทำให้นาคินทร์พลอยเสียการเสียงานไปด้วย”

“สุขภาพคุณหนูสำคัญกว่า อย่าห่วงเลยครับ พักผ่อนเถอะ”

ผมหลับไปอีกรอบอย่างง่ายดาย ตื่นอีกทีเกือบเที่ยง ท้องฟ้าโปร่งแล้ว แดดอย่างเปรี้ยง สภาพผิดกันลิบลับกับเมื่อวานราวฟ้ากับเหว อาการผมดีขึ้น คนร่วมห้องผมหายไป สักพักก็ได้ยินไขกุญแจ ผมหันไปมอง

“ตื่นนานแล้วหรือครับคุณหนู”

“เมื่อกี้”

“ผมซื้อข้าวมาให้ เอาชุดคุณหนูไปให้เขาซักแห้งแบบด่วนมาด้วย”       
นาคินทร์ล้วงหยิบชุดจากถุงพลาสติกใส ๆ วางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง มันถูกรีดเรียบร้อย หอมฉุยเลย

“ส่วนนี่นาคินทร์ซื้อมาให้ใหม่”
ผมหัวเราะทันทีที่เห็น มันเป็นรองเท้าหูหนีบครับ สีฟ้าสดใสเลย

“เก๋ดี ขอฉันแต่งตัวก่อน”
ผมขอเสียงเบา นาคินทร์รีบหันหลังให้ทันที

คือจริง ๆ ว่าจะเข้าห้องน้ำ แต่เมื่ออีกคนทำแบบนี้ก็ง่ายดี ผมหยิบกางเกงในมาใส่ก่อน ใส่มันใต้ผ้าห่มนั่นแหละ ต่อให้นาคินทร์หันหลัง ผมก็ยังรู้สึกอาย ๆ อยู่ดี ตามติดด้วยกางเกงและเสื้อ

“เรียบร้อย”

นาคินทร์หันมามอง

“เอาละครับ ทานข้าวเถอะ”
นาคินทร์วางชามข้าวไว้ให้ คงขอมาจากทางที่พัก ผมขยับไปนั่งกินดี ๆ

“แล้วนาคินทร์ล่ะ”

“ผมเรียบร้อยแล้ว”

ผมพยักหน้า ซัดจนเกลี้ยงชามตามด้วยยา ร่างกายฟื้นเร็วกว่าที่คิด

“คุณหนูจะกลับเลยหรือว่าจะพักต่อ”

ผมนิ่งคิด

“กลับเลยดีกว่า อยู่นี่ลำบากนาคินทร์ดูแล กลับบ้านมีคนช่วยดูแลเยอะ”

นาคินทร์จ้องหน้าผม

“นาคินทร์เต็มใจและรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง”

ผมคลี่ยิ้ม ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ผมโดนกอด มันแค่เพ้อเพราะกำลังจะเป็นไข้หรือเกิดขึ้นจริง ๆ

“กลับนั่นแหละ พรุ่งนี้จะได้ไปทำงาน ลามาสองวันแล้ว มันจะดูไม่ดี”

นาคินทร์พยักหน้ารับ บ่าย ๆ เราก็ตีรถกลับ

กลับถึงบ้าน อาหมอแวะมาตรวจร่างกายผมนิดหนึ่ง หลังได้ข่าวว่าผมโดนฝนกระหน่ำ แต่ไม่เป็นไรมาก

“หัวแข็งแบบเราป่วยก็เป็น”

“ลองไปโดนบ้างไหมอาหมอ ซัดอยู่ตั้งนาน”
อาหมอหัวเราะร่วน ฉีดยาบำรุงให้ผมอีกเข็ม

“เอาล่ะ ได้ไอ้นี่เข้าไป รับรอง ดีดไปอีกเจ็ดวัน”

“ยาบำรุงหรือยาบ้า”

“ยาบ้า เอ้ย ยาบำรุง”
แน่ะ มีเล่นมุก
 




ผมอยู่บ้านนั่ง ๆ นอน ๆ รวมกับบรรดาแม่ ๆ ร่างกายผมเบาขึ้นเยอะ ผมเดินออกจากห้องเลียบเคียงไปทางโรงเลื่อย เห็นนาคินทร์กำลังยืนหันหลังอยู่ข้างโอ่งน้ำ

มันสูงเท่าสะโพกนาคินทร์ ตรงหน้ามีเสาสีดำมอ ๆ เก่า ๆ มีตาปุ่มตาป่ำและไม้เลื้อยบางอย่างขึ้นเกาะ กึ่งกลางของเสานั้นระดับหน้าของนาคินทร์พอดีมีกระจกใบเล็ก ๆ แขวนอยู่ สภาพมันเก่ามากแล้ว กรอบถูกโอบไปด้วยสนิม    พอ ๆ กับตัวกระจกที่มันหลุดลอกจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่งที่สะท้อนกลับมา

ผมเดินเข้าไปใกล้ แต่นาคินทร์คงไม่ได้ยินหรือยังไม่รับรู้การมาของผม ผมยืนมองงง ๆ นาคินทร์ใช้ขันสแตนเลสบุบ ๆ เก่า ๆ จ้วงตักน้ำยกขึ้นลูบหน้า หยิบสบู่นกแก้วบนที่วางสบู่ที่ทำจากไม้มาฟอกจนฟองฟูขาวเต็มมือ ลูบไปทั่วลำคอ แนวกรามและหนวด

สงสัยกำลังจะโกนหนวด ผมยิ้ม ยืนมองนิ่ง ๆ ไม่อยากรบกวนสมาธิ

นาคินทร์หยิบมีด ที่ดูยังไงมันก็เป็นมีดที่ผมเคยเห็นเขาเอาไว้ตัดพวกกิ่งไม้เล็ก ๆ ในสวน ลูบคมด้วยนิ้วนิดหนึ่งเพื่อเช็ก แล้วลากแกรก ๆ ลงบนผิวหน้า

ผมอ้าปากค้าง…

ยืนมองด้วยความหวาดเสียว ผมแทบไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว เพราะกลัวว่าเผลอไปเหยียบพวกใบไม้หรือกิ่งไม้เข้าจนทำให้นาคินทร์หันมามองแล้วมีดบาดคอ

พอนาคินทร์เลื่อนมีดลงเพื่อล้างน้ำรอบแรก ผมรีบตะโกนเรียกเรียกความสนใจทันที นาคินทร์หันมามอง เขาโกนไปได้แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น

“คุณหนู”

“ใช้อะไรโกนหนวด”

“ก็มีดไงครับ”

“ทำไมไม่ใช้ที่โกนหนวด”

นาคินทร์ขมวดคิ้ว

“นาคินทร์ไม่มีของพรรค์นั้นหรอก ไม่จำเป็นด้วย ไอ้นี่ก็ได้ ฝนจนมันคมกริบแล้ว”

“มันคมเกินไปน่ะสิ อันตราย เกิดลากผิดลากถูกเฉือนลูกกระเดือกตัวเองทำไง วางมีดลง ล้างหน้าให้เรียบร้อยแล้วตามฉันมานี่”

“ไปไหนครับ”

“ตามมาเถอะน่า”
ผมไม่อธิบายอะไรต่อ

“ครับ ๆ แต่เดี๋ยวขอนาคินทร์ล้างสบู่ออกก่อน”
นาคินทร์รีบหันไปตักน้ำล้างหน้า พอหันมาอีกทีก็เห็นแนวเคราไร ๆ ผมเดินนำนาคินทร์เข้าไปภายในบ้าน ในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่แล้ว เดินตรงขึ้นห้องผมไป นาคินทร์หันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ ห้องผม 

“ห้องคุณหนูน่ารักดี หอมด้วย”

ผมพยักหน้าไม่ใส่ใจ บอกให้ยืนรอ ผมเดินเข้าไปคุ้ยหาอะไรในตู้เก็บข้าวของส่วนตัว หยิบเครื่องโกนหนวดอัตโนมัติสำรองที่ผมมีอยู่มายื่นให้

“อะไรครับเนี่ย”

“เครื่องโกนหนวดอัตโนมัติ”

“โอ๊ย ไม่เอา นี่มันของเจ้านาย”

“ฉันมีหลายอัน”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นาคินทร์ใช้ไม่เป็น”

ผมหัวเราะ พยักหน้าให้เดินตาม นาคินทร์ตามมาเงียบ ๆ ตรงเข้าไปในห้องน้ำกับผม ผมสั่งให้นาคินทร์ล้างหน้า รายนั้นก็ทำตาม ผมบีบโฟมใส่มือเขา สั่งให้ถูจนเกิดฟองแล้วโปะไปรอบหน้า เหมือนที่เขาทาด้วยสบู่นกแก้วนั่นแหละ 

นาคินทร์ทำตามทุกขั้นตอน แล้วผมก็ยื่นเครื่องโกนหนวดให้ สอนวิธีเปิดวิธีปิด และวิธีใช้

“รับรองได้ว่าไอ้นี่ไม่มีทางทำหน้านาคินทร์เป็นแผลแน่”

นาคินทร์จับมันถือในมืออย่างเงอะ ๆ งะ ๆ แต่สักพักก็ชินมือ ผู้ชายครับ ของพวกนี้สอนกันไม่ยากหรอก อีกอย่างนาคินทร์ก็ใช่ว่าจะโง่ แค่ถ่อมตัวจนเกินเหตุเท่านั้น ไม่ถึงนาทีก็เกลี้ยงหน้าแล้ว

“ใช้ดีแฮะ”

“ใช่ไหม เพราะงั้นเอาไปเลย”

“แต่…”

“เลิกขัดแล้วเอาไป เอานี่ไปด้วย เผื่อมันงอแงจะได้มีสำรองใช้”
ผมเปิดตู้ในห้องน้ำหยิบที่โกนหนวดแบบมือลากมายื่นให้อีกอัน พร้อมใบมีดสำรองอีกหนึ่งกล่อง

“ใช้เป็นไหม”

นาคินทร์ส่ายหัว ผมก็ยืนสอนกันตรงนั้นแหละ

“มิน่า ปล่อยให้หนวดเครายาว เพราะไม่รู้จักของพวกนี้นี่เอง ปกติแต่ก่อนจัดการยังไงกับหนวดเคราตัวเอง”

“ไม่มีดก็กรรไกรตัดผ้า ไม่ก็กรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ตัด คมดี เล็มต้นไม้เสร็จก็มาเล็มเคราตัวเองต่อ”

ผมแทบเป็นลม เพิ่งเคยเห็นคนที่ทำอะไรติดดินขนาดนี้

“เอาล่ะ ๆ ใช้ไอ้นี่ไป ส่วนอันนี้ ถ้าใบมีดทื่อ ให้มาขอใหม่หรือให้ยัยหนูแดงไปซื้อ ยี่ห้อก็ให้ยัยหนูแดงดู ยัยหนูแดงอ่านออก เอานี่ไปด้วย อย่าใช้สบู่”
ผมยกครีมโกนหนวดให้ไปด้วยหนึ่งหลอด

“คุณหนูครับ”

“อย่าขัด”
คำนี้ได้ผลเสมอ นาคินทร์หุบปากลง ผมเดินไปเปิดเก๊ะหยิบถุงมาใส่ให้เพราะของมันหลายชิ้นกลัวตกหล่น

“ขอบคุณนะครับที่ดูแลมันดี”

ผมเงยหน้ามองคนพูด นาคินทร์พยักหน้าไปทางต้นรักที่ผมวางไว้ริมหน้าต่าง หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“เจ้าของเขาอุตส่าห์ตั้งใจทำให้ ต้องดูแลดีเป็นพิเศษ”

นาคินทร์ยิ้มละมุน ผมพานาคินทร์เดินออกจากห้องลงไปข้างล่าง ระหว่างทางสวนกับชยันต์ ชยันต์มองหน้าผมกับนาคินทร์ มองไปมองมา แล้วยิ้มในดวงตา

[ต่อ 50%]
“มีไร” ผมถามน้องงง ๆ “มองหน้าหาเรื่อง?”

“เปล๊า ถึงว่า…”

“ถึงว่าอะไร”

“ทำไรกัน”
ชยันต์ไม่ตอบ แต่แถถามไปเรื่องอื่น

“พี่เอาที่โกนหนวดให้นาคินทร์ หมอเล่นใช้มีดตัดกิ่งไม้โกนหนวดโกนเครา ไม่เฉือนลูกกระเดือกเลือดกระฉูดก็บุญแล้ว”

“มิน่าล่ะ นาคินทร์หล่อขึ้นเป็นกองเพราะพี่อนุชานี่เอง”
อยู่ ๆ ชยันต์ก็รัวภาษาอังกฤษใส่ผม แล้วหันหลังเดินขึ้นห้องไป

นาคินทร์หันมามองหน้าผมงง ๆ

ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำน้อง ไม่รู้เด็กนั่นมันจะมองออกไหมว่าผมมีอะไรแอบแฝงในจิตใจ สงสัยต้องอยู่ให้ห่างนาคินทร์ให้มากแล้ว ไม่งั้นฉุดใจกลับไม่ทันแน่ ๆ

“คุณหนูครับ ยังรู้สึกไม่สบายอยู่เหรอ หน้าแดงใหญ่แล้ว”
อยู่ ๆ นาคินทร์ก็ขยับเข้ามาใกล้ อังหลังมือไว้บนหน้าผาก “ผมว่าคุณหนูขึ้นไปนอนดีกว่า ผมเดินกลับเองได้ ขอบคุณสำหรับที่โกนหนวด”

ผมพยักหน้า เพราะกำลังสั่งใจไม่ให้เข้าใกล้ แต่ขาเจ้ากรรมกลับทรยศหักหลัง ก้าวตามนาคินทร์ไปเฉย นาคินทร์ชะงัก หันมามอง

“ฉะ ฉันอยากไปเดินสูดอากาศอีกนิด”
ผมหาข้ออ้าง

“แน่ใจนะครับว่าไหว”
ผมพยักหน้ารัว ๆ นาคินทร์มีสีหน้าห่วงใย แต่ก็พยักหน้าช้า ๆ พาผมตรงไปทางหลังบ้าน เจ้าปุโรทั่งถูกย้ายมาไว้ในโรงจอดรถเคียงกับเจ้าเด็กใหม่ รัศมีดูจะต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ต่างกันมากเลยใช่ไหมครับ เจ้าปุโรทั่งนั่นเหมือนผม ส่วนนั่นคือคุณหนู”
นาคินทร์พูดเรียบ ๆ ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร แกล้งทำเป็นเดินเล่นไปเรื่อย ๆ

นาคินทร์ขอตัวไปทำงานของตัวเองต่อ ซึ่งผมก็ไม่ขัด เดินเล่นไปรอบ ๆ โรงเลื่อย แล้วมานั่งจุ้มปุ๊กบนม้านั่งยาวตรงหน้านาคินทร์ ข้าง ๆ มีหนังสือเกี่ยวกับการแต่งสวนและบ้านวางไว้ ดูแล้วน่าจะเป็นพวกหนังสือมือสองมากกว่าของใหม่ ผมพลิกเปิดดูเพลิน ๆ 

“โอ๊ย!”

ผมรีบละสายตาจากหนังสือเงยหน้ามอง เห็นนาคินทร์กำลังกดนิ้วเพราะอะไรสักอย่างอยู่ ผมรีบวางหนังสือลงถลาเข้าไปหา

“เป็นไร!”

“ไม่มีอะไรครับคุณหนู ผมแค่ซุ่มซ่ามเผลอตอกนิ้วตัวเองเท่านั้น”

“บ้ารึไง ไหนดูซิ”

“ไม่เป็นไรครับ”
นาคินทร์พยายามเบี่ยงมือหนี ผมไม่ฟังเสียงเหมือนกันดึงมือนั้นมาดู

โห มันเขียวอย่างเห็นได้ชัดเลย ผมมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลพวกนี้บ้าง วิ่งไปที่ตู้เย็นเอาน้ำแข็งมาห่อผ้าแล้วประคบลงบนนิ้วนั้น 

“ทำงานอีท่าไหนให้โดนได้เนี่ย”
ผมบ่นใส่เบา ๆ นาคินทร์ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมคลึงมือนั้น ผมพยายามทำอย่างเบามือที่สุด

“คุณหนูครับ เอ่อ… ผมว่าคุณหนูติดกระดุมเสื้อหน่อยก็ดีนะครับ แถวนี้ยุงชุมเดี๋ยวโดนยุงกัด”

ผมมองคนพูดงง ๆ ก่อนก้มมองหน้าอกตัวเอง เสื้อที่ผมใส่เป็นเสื้อเชิ้ตเนื้อสบายที่เป็นแบบใส่เล่นก็ได้นอนก็ได้ ถ้าวันไหนอากาศร้อนมาก ๆ(หรือไม่ได้เปิดแอร์ในห้อง) ผมจะไม่กลัดกระดุมสองสามเม็ดบน ตอนนี้มันเปิดอ้าตามปกติของมัน

แต่พอก้มมองแบบนี้ก็แอบเห็นเหมือนกันว่าหัวนมโผล่ ไม่รู้ว่านาคินทร์จะเห็นไหม แต่ถึงเห็นจริง ๆ ก็คงไม่สนใจหรอก

ผมทำตามคำแนะนำของอีกคน ผมรู้ว่านาคินทร์ติงเพราะความเป็นห่วง พอกลัดครบก็เอายาหม่องมาทาให้

“เป็นเกียรติจัง ที่คุณหนูลดตัวมาทำให้ผมแบบนี้”

“นายนี่นะ นี่มันยุค 2000 นะนาคินทร์ ไม่ใช่ยุคทาส”

“ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหน นาคินทร์ก็จะยอมเป็นทาสคุณหนูร่ำไป”
ผมมองคนพูด รู้สึกภูมิใจในอกลึก ๆ

“พูดจริงหรือเปล่า”

“จริงครับ”

“เจ้านายสั่งอะไรก็จะทำตามใช่ไหม”

“ครับ”

ผมอมยิ้ม ก้มลงเป่าเพี้ยงลงไปบนมือนั้น ทำไปงั้นแหละ เวทย์มงเวทย์มนต์คาถาอาคมอะไรไม่มีหรอก แต่เห็นย่ายายทำบ่อย ๆ ตอนผมวิ่งซนหกล้มแข้งขาเป็นรอย

“หายเร็ว ๆ นะ”
ผมกำชับอีกรอบ มันก็แค่จิตวิทยาหลอกเด็ก ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับผู้ชายที่อายุมากกว่าผมไปมากโขอย่างนาคินทร์ไหม นาคินทร์ยืนมองอึ้ง ๆ แต่ไม่พูดหรือแซวอะไร ก้มหน้า ผมปล่อยมือนั้นลง นาคินทร์ค่อย ๆ ชักมือไปกุมไว้ 

“นาคินทร์ว่าคุณหนูรีบไปพักผ่อนดีกว่า ตกดึก ยุงเริ่มมา นาคินทร์ไม่อยากให้ผิวสวย ๆ ของคุณหนูต้องเป็นรอย”

“นี่ ฉันผิวต่างจากนายตรงไหน”

“ต่างครับ ผิวคุณหนูไม่หยาบกระด้างแบบผิวคนงานอย่างนาคินทร์”

“แต่ฉันกลับชอบผิวของนาคินทร์มากกว่า ผิวอย่างผู้ชาย”
ผมชมจากใจจริง นาคินทร์มองตา เสหลบ ผมไม่อยู่กวน เดินกลับขึ้นห้องไป

ผมมาล้มตัวนอนกลิ้งบนเตียง นึกถึงอ้อมกอดเมื่อคืนแล้วมันรู้สึกอบอุ่นพิลึก หนำซ้ำยังมีความรู้สึกร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจนี้อีกต่างหาก









รุ่งเช้าผมก็แต่งตัวพร้อมไปรบ เอ้ย ไปทำงาน เพราะเป็นเด็กเดินเอกสาร ผมจึงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่ติดแบรนด์ กางเกงสแล็กรองเท้าหนังยี่ห้อถูก ๆ ทั่วไป ผมเซตธรรมชาติ

ผมยิ้มให้ตัวเองในกระจกนิดหนึ่ง ลงไปนั่งกินข้าวรวมกับทุกคน

“นี่ ได้ข่าวว่าไปติดฝนค้างอยู่บางแสนกับนาคินทร์มาเหรอ”
ชยันต์ถาม ผมครางอื้อรับในลำคอตักข้าวเข้าปาก

ชยันต์ไม่ถามอะไรต่อ หัวเราะคิกอยู่คนเดียว แล้วหันไปสวีทกับพี่เชนทร์ ผมไม่ได้สนใจใคร พอเรียบร้อยก็เดินออกไปเพื่อขึ้นรถ นาคินทร์ขับรถออกมารอแล้ว วันนี้ก็เท่เหมือนเคย

“มือเป็นไงบ้าง”

นาคินทร์ไม่ตอบ ยกให้ดู มันยังเขียวเหมือนเดิม

“ทายารึยัง”

“ไม่ได้ทาแล้วครับ มันไม่เจ็บมาก”

ผมส่ายหัว ล้วงหยิบอะไรออกมายื่นให้

“อะไรครับ”

“ยาทาแก้เขียวช้ำ ของอาหมอ รับรองพรุ่งนี้ก็หายดี”
ผมไม่รอให้อีกคนอ้าปากปฏิเสธ ดึงยาคืน เปิดฝาบีบเนื้อครีมขาว ๆ ใส่นิ้วกลาง จับมืออีกคนมาทาให้จนทั่ว

“คุณหนูดีกับนาคินทร์มาก”

“นี่ นายคือคนขับรถฉันนะ ขืนมือเจ็บ ไม่พาฉันเหาะไปจูบเสาไฟฟ้ารึไง”

“แค่นิ้วครับ ส่วนอื่นยังกระดิกได้อยู่”

ผมแอบคิดลึกไปแวบหนึ่ง รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ แต่พยายามไม่คิดอะไรต่อ พอทายาเสร็จ ก็เดินไปที่รถนาคินทร์เปิดประตูให้ ผมขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่ง นาคินทร์ขึ้นมานั่ง ผมหันไปทางเจ้าปุโรทั่งที่จอดไว้ฝั่งผมพอดี ค่อย ๆ กดลดกระจกลง 

“ปุโรทั่ง เฝ้าบ้านนะ เดี๋ยวเย็น ๆ พ่อแกก็กลับมาหาแล้ว”

นาคินทร์หัวเราะ สตาร์ทเครื่อง ผมเลื่อนกระจกขึ้น นั่งดี ๆ มุ่งตรงเข้าบริษัท ผมบอกทุกคนว่าป่วย ซึ่งทุกคนก็ดูจะเชื่อ เพราะวันนี้หน้าผมดูซีดลงนิดกว่าปกติ(ปกติปากส้มอย่างคนสุขภาพดี)

“โหมงามหนักไปหรือเปล่า”
คุณเอกสิทธิ์เข้ามาถาม ไม่ถามเฉยยังแตะมือลงบนผิวแก้มผมด้วย

“นิดหน่อยครับ”
ผมโกหกไป







พอพักเที่ยง ผมก็วิ่งลิ่ว ๆ ขึ้นไปบนดาดฟ้า เห็นนาคินทร์กับคนงานขะมักเขม้นทำงานกันเหมือนเดิม วันนี้ดูนาคินทร์จะลุยงานหนัก เหงื่อไคลไหลย้อยจนเสื้อที่ใส่มาเปียกไปหมด

“นาคินทร์” ผมตะโกนเรียก นาคินทร์เงยหน้ามอง “เที่ยงแล้ว กินข้าวเถอะ”

“สักครู่ครับ”
แล้วนาคินทร์ก็วางถุงดินลงกับพื้น หันไปสั่งคนงาน สามคนนั้นพยักหน้า วางมือจากงานที่ทำ แยกไปอีกทาง ในขณะที่นาคินทร์เดินตรงมาทางผม เหงื่อเปียกจนเหมือนคนเพิ่งผ่านการอาบน้ำทั้งเสื้อผ้ามาใหม่ ๆ นาคินทร์ใช้แขนเสื้อที่เปียกพอกันเช็ดเหงื่อที่กำลังร่วงลงมาจะเข้าตา

“ไม่หาผ้าขนหนูเล็ก ๆ สักผืนไว้เช็ดเหงื่อล่ะ”
ผมแนะ

“ปกติก็มีครับ แต่นาคินทร์เอาไปใช้รองไอ้นั่นแล้ว”

ผมมองตามมือที่ชี้ไปยังกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งที่ถูกหนุนด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ผมส่ายหน้า เห็นอีกคนพยายามใช้หลังมือปาดเอาเหงื่อออก ผมล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาถือ

“อย่า คุณหนู นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูเสียผ้าเช็ดหน้าอีกผืน”

“อย่าขัดคำสั่ง”

“คุณหนู”

“ยืนนิ่ง ๆ”
ผมสั่งอีกรอบ นาคินทร์ทำหน้าพิพักพิพ่วน แต่ก็ยอมยืนนิ่ง ๆ ให้ ผมเช็ดไปทั่วตั้งแต่หน้าผากไล่ลงมาถึงลำคอและแผงอก จนผ้าเช็ดหน้าเปียกโชก ผมดึงมือกลับ กำลังจะเอาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม แต่นาคินทร์หยุดมือผมไว้ ไม่รู้ว่าเพราะรีบหยุดมือผมไว้หรือเปล่า ตอนนี้มือนาคินทร์จึงกุมมือผมไว้แน่น

ผมนิ่ง นาคินทร์ก็นิ่ง…

ยกเว้นใจนี่แหละที่ไม่นิ่งเหมือนมือ มือใหญ่นั้นอบอุ่นมาก ๆ

“มันเปียกแล้วครับ”

“ฉันไม่คิดจะให้นาคินทร์หรอกนะ”

นาคินทร์ส่ายหัว

“ให้นาคินทร์เอาไปซักให้ดีกว่า”

ผมส่ายหัวบ้าง

“ฉันมีแม่บ้านนะนาคินทร์ อยากให้พวกนั้นตกงานรึไง”
นาคินทร์ไม่เถียงอะไรอีก ค่อย ๆ คลายมือผมลง ผมชวนให้เขาไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ข้าวกล่องอยู่ที่นาคินทร์หมดแล้ว 

ได้กลิ่นน้ำหอมที่นาคินทร์ใช้ผสมเข้ากับกลิ่นเหงื่อของนาคินทร์ มันทำให้ใจผมไหวเต้นรุนแรงมากขึ้น เลือดพ่อในตัวผมเริ่มทำงาน แต่ก็พยายามสั่งใจไม่ให้คิดอะไร

นั่งกินกันไปสองคนเงียบ ๆ นาคินทร์เรียนรู้ที่จะไม่เกรงใจเวลากินข้าวกับผมแล้ว เมื่อผมบอกให้กินด้วยกันก็กินด้วยกัน มันทำให้รสชาติอาหารของเราอร่อยขึ้น ผมบอกนาคินทร์ว่าบอกคนในแผนกว่าผมมาทำงานพิเศษบนดาดฟ้ากับนาคินทร์ที่นี่ตอนเที่ยง
 
ใช้เวลากินไม่นานก็อิ่ม ผมเจริญอาหารมากกว่าที่คิด นาคินทร์เก็บของ ล้างมือ ลุกไปทำงานต่อตามสไตล์คนบ้างาน ผมไม่ห้าม นั่งเท้าคางมองเฉย วันนี้เห็นเค้าโครงได้มากขึ้น เขาเอาต้นไม้มาส่งแล้วด้วย คนงานยังไม่พากันขึ้นมา คงจะขึ้นมากันตอนบ่ายโมง ตอนนี้จึงมีแค่ผมกับเขา ผมเห็นท่าน่าสนุก เดินเข้าไปช่วย

“มือเปื้อนหมดคุณหนู”

“งั้นเอาถุงมือมาสิ”
ผมขอดื้อ ๆ นาคินทร์เหมือนไม่อยากทำ แต่ก็ขัดใจไม่ได้ หันไปหยิบถุงมือคู่ใหม่มายื่นให้ ผมช่วยขนต้นไม้ แดดตอนเที่ยงอย่างเปรี้ยง

“พอแล้วครับ คุณหนู แดดแรง”

“แค่นี้เอง”
ผมบอกเสียงหอบ เหงื่อไคลไหลย้อย นาคินทร์มองมาด้วยแววตาสงสาร

“ไม่เอาครับ นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูลำบาก ไม่เห็นแก่ตัวเอง ก็เห็นแก่นาคินทร์เถอะ นาคินทร์ทนไม่ไหวจริง ๆ”
ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ นาคินทร์ดึงผมเดินไปเข้าในร่ม ค่อย ๆ ถอดถุงมือให้ทีละข้าง หยิบหมวกมาพัดหน้าให้คลายความร้อน เกลี่ยเส้นผมที่เปียกชื้นตรงหน้าผากออกให้เบา ๆ ผมมองทุกการกระทำนั้นด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปิติ 

ผมพยายามตัดใจจากคนคนนี้ แต่ทุกการกระทำของนาคินทร์ แม้จะรู้ว่าในฐานะนายกับบ่าว แต่มันก็ทำให้ผมอดดีใจไม่ได้จริง ๆ

เขายืนพัด ผมไม่ขัดการบริการนั้น ยืนหลับตานิ่ง เอียงคอเพราะมันรู้สึกสบายจริง ๆ ก่อนลืมตาเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งแตะลงบนริมฝีปาก นาคินทร์รีบดึงมือออก ผมมองงง ๆ มีอะไรติดปากผมรึไง

“ผมว่าคุณหนูลงไปข้างล่างดีกว่า ใกล้หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว”

ผมพยักหน้า ได้ยินเสียงมือถือนาคินทร์ดังเบา ๆ ผมหันไปมองตามอย่างอยากรู้อยากเห็นตามประสา

“ครับ อืม เดี๋ยวลงไปรับ”

“มีอะไรเหรอ”

“เขาเอาของมาส่งครับ ผมจะลงไปเอาของก่อน เจอกันตอนเย็นครับ”

“ยังพอมีเวลา ให้ฉันไปช่วยดีกว่า ไปตอนนี้ยังไม่มีใครมาหรอก กว่าจะเข้ามากันครบก็นู่น บ่ายโมงครึ่ง”

“อย่าเลยครับ”

“นาคินทร์” ผมติง

“ครับ”
นาคินทร์รับปากอย่างเสียไม่ได้ เดินไปยังลิฟท์ขนของ กดลงไปชั้นล่างสุด

[ต่อ 100%] ต่อค่ะ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3434201#msg3434201
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(20-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-07-2016 21:36:31
โอ๊ยยยยย ชำอนุชาจริงๆ ถึงกับต้องระงับอาการกันเลยทีเดียว 555555 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(20-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 20-07-2016 22:03:11
ยิ้มอารายยยยยย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(20-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2016 22:19:33
นาคินทร์ ไชร้ อนุชา นาคินทร์ทำไปแบบรู้ตัวแน่เลย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชยันต์ แค่มองหน้าอนุชากับนาคินทร์ 
ชยันต์ ต้องอ่านความรู้สึกของทั้งสองออกแน่ๆ
รอ ชอบบบบ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(20-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 20-07-2016 22:51:49
คุณหนูน่ารัก ห่วงใจนาคินทร์เสมอ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(20-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 21-07-2016 05:56:23
นาคินทร์ น่ารักเกินไปแล้ว
อย่างนี้คุณหนูอย่าปล่อยนาคินทร์ไป
เอามาเป็นของเราให้ได้นะ
เอาใจช่วย สู้สู้ :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(20-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 21-07-2016 09:10:27
มารอติดตามด้วยคน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(20-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-07-2016 09:19:09
จะอ่อยไงน้า~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-07-2016 08:52:58
มาต่อเร็วๆนะคะ อยากรู้ว่าคุณหนูจะอ่อยยังไง หุๆๆๆๆๆ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-07-2016 09:36:19
นาคินก็มีใจน่ะ เอาอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 24-07-2016 09:54:36
อ่อยเข้าไปคร้าาาา อ่อยเข้าไป
สงสัยนาคินทร์จะเริ่มหวั่นไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 24-07-2016 12:56:50
จงอัพ จงอัพ จงอัพ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-07-2016 18:59:20
แอร๊ยยยยยย อ่อยไปเลยค่ะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-07-2016 20:06:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
นาคินทร์ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
ตามัวแต่จ้องที่หน้าอกขาวๆ ของคุณหนู เลยโดนค้อนตอกมือ
คุณหนูไม่ได้อ่อยนะ แต่ไปอยู่แถวสวน ซึ่งใกล้นาคินทร์มำงานประจำ
หวานๆกัน ทำแผลให้ เช็ดเหงื่อให้
นาคินทร์ก็พัดให้ เกลี่ยเส้นผมที่หน้าผากให้ 
เอ๊ะ มีแตะที่ปากนุ่มๆของคุณหนูด้วย อะจ๊ากกก ฟินนน
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-07-2016 21:43:51
โอ๊ยยย อ่านแล้วกระชุ่มกระชวยหัวใจ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 24-07-2016 22:21:48
รอตอนในลิฟต์จ้าา ติดตามๆ ชอบคู่นี้มากกก ดูมีเสน่ห์ ดูน่าติดตาม กดไลค์รัวๆ ขอบคุณคนแต่งมากค่า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 24-07-2016 22:30:08
อยากเห็นการอ่อยแรงของคุณหนู
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 24-07-2016 23:08:36
รอ ดู คน อ่อย^^
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-07-2016 23:45:44
อ่อยวันล่ะนิดจิตแจ่มใส~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(23-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 24-07-2016 23:49:37
เรื่องนี้ดีย์!!!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-07-2016 16:15:43
[ต่อค่ะ]

เขาเอาของมาส่งจริง ๆ เป็นพวกอุปกรณ์และกล่องต่าง ๆ รวมถึงไม้แหลม ๆ ยาว ๆ คงเป็นของตกแต่งนั่นแหละ นาคินทร์กดลิฟท์ค้าไว้ พนักงานส่งของช่วยกันขนเข้ามาในลิฟท์ พอเรียบร้อยพวกนั้นก็ให้นาคินทร์เซ็นรับแล้วก็พากันกลับ ง

ผมแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะนาคินทร์ทำเองหมด ผมทำได้แค่ยืนมองเอ๋อ ๆ เท่านั้น ของเยอะมาก พอของเข้าไปหมด ผมกับนาคินทร์ก็พากันเข้าไป มีพื้นที่ให้ยืนได้เพียงแค่สองคนเท่านั้น นาคินทร์ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผม นาคินทร์จิ้มกดไปที่ชั้นบนสุด ไออุ่นจากเรือนกายสูงใหญ่นั้นทำให้ผมรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมานิด ๆ แต่พยายามข่มมันไว้

ได้ยินเสียงครืด ทั้งผมทั้งนาคินทร์เงยหน้ามอง ก่อนผมจะร้องเหวอ เมื่ออยู่ ๆ ลิฟท์มันเกิดวูบ ผมกับนาคินทร์เสียหลัก มันเสียงดังครึก ๆ ข้าวของในลิฟท์ที่เราขนมาล้มระเนระนาด ผมหลับตาปี๋

นี่ผมจะมาตายเพราะลิฟท์ขนของตกใช่ไหม แล้วทุกอย่างก็เงียบเสียงลง ผมยังอยู่ในสภาพหัวหด หลับตาแน่นอยู่อย่างนั้น

“คุณหนู! คุณหนูเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า!”
นาคินทร์รีบละล่ำละลักถาม

ผมค่อย ๆ ลืมตามอง ไม่รู้ไปไงมาไง นาคินทร์ที่เคยยืนซ้อนอยู่ด้านหลังผมถึงได้ไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น โดยมีร่างผมทับอยู่ด้านบน ช่วงล่างผมทับอยู่แถว ๆ หน้าท้อง หน้าอกอยู่เหนือใบหน้านาคินทร์ไป ซึ่งคนที่ยกตัวผมขึ้นก็คือนาคินทร์นั่นแหละ สีหน้านาคินทร์ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด 

“เกิดอะไรขึ้น”
ผมถามเสียงสั่น

“ลิฟท์ตกครับ แต่ไม่กี่ชั้น ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว คุณหนูอย่าขยับนะ ข้าวของอยู่เหนือคุณหนูขึ้นไป ตอนนี้มันถูกขวางไว้ด้วยไม้ระแนงรั้ว ถ้าคุณหนูลุก มันจะล้มลงมาทับเราสองคนทันที อยู่นิ่ง ๆ”

ผมไม่กระดิกร่างกายส่วนไหนเลยตามคำสั่ง กลัวก็กลัว

“ตอนนี้มีไม้อันหนึ่งเสียบทะลุคอเสื้อคุณหนูไปติดกำแพง ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่เสียบคอคุณหนูเข้า”
นาคินทร์รายงานสภาพต่อ คำนั้นทำเอาผมเผลอตัวนึกภาพตาม เพราะพอนึกออกว่าไม้นั่นคืออะไร แต่ไม่เห็นภาพเท่านั้น รู้สึกเหมือนกันว่าเสื้อมันตึง ๆ

“คุณหนู ผมต้องถอดเสื้อให้คุณหนูนะ อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้นจะได้ขยับได้”

ผมพยักหน้ารับ นาคินทร์ที่นอนอยู่ข้างใต้ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อให้ ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยนอกจากความกลัว พอกระดุมหลุดครบทุกเม็ด นาคินทร์ก็ดึงชายเสื้อออกจากกางเกงผม ค่อย ๆ เลื่อนถอดจากแขนทีละข้างอย่างเบามือ จนผมเปลือยท่อนบน ผมค่อย ๆ ย่อตัวลงต่ำหลังเสื้อหลุด แต่มันต่ำมากไม่ได้ เพราะหน้าอกผมมันจะอุดหน้านาคินทร์เข้า แต่จะเลื่อนสูงขึ้นกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวชนไม้ที่ค้ำขวางอยู่ด้านหลังร่วง

ได้ยินเสียงจากอินเตอร์คอมแจ้งมาว่ากำลังส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือภายในสิบนาที ถ้าเวลาอื่นมันคงแผล็บเดียว แต่เวลานี้ มันช่างยาวนานเหลือเกิน ผมพยุงร่างไว้ด้วยแขนอันสั่นเทา

“คุณหนูไม่น่ามาทรมานแบบนี้กับนาคินทร์เลย”

“ไม่เป็นไร แค่สิบนาทีเท่านั้น”

“ทิ้งตัวลงมาก็ได้ครับ จะได้ไม่เมื่อย”

“บ้ารึไง อุดจมูกนายตาย”

“ไม่หรอกครับ”
นาคินทร์ก็ขยับหน้าไม่ได้เหมือนกัน โดนของที่หล่นลงมาเบียดจนหัวด้านบนชนกำแพงลิฟท์ แขนผมข้างหนึ่งหนุนของที่วางอยู่ข้างหัวนาคินทร์

“ไม่เป็นไร ฉันทนได้”
ผมพยายามฝืนร่างไว้ ค้ำไว้ในลักษณะหมิ่นเหม่เหลือเกิน

ความกลัวเริ่มหายไปความอายมาแทนที่ เพราะตอนนี้หัวนมผม แทบจะแตะปากนาคินทร์อยู่รอมร่อ ผมพยายามไม่ก้มมองภาพน่าอายนั้น พยุงแขนสั่น ๆ โดยที่นาคินทร์ก็ช่วยประคองผมด้วยเหมือนกัน

ผมทนไม่ไหวแล้วครับ แขนสั่นไปหมด ตัวผมเลื่อนลงต่ำ จนรู้สึกร้อนวูบเมื่อหัวนมผมสัมผัสเข้ากับปากร้อน ๆ ของคนด้านล่าง ปลายจมูกโด่งฝั่งเหนือราวนมผมขึ้นมา รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่เป่ารด ร่างกายมันอ่อนไหวง่ายกว่าที่คิด ผมกัดปากแน่นเมื่อรู้สึกว่าหัวนมผมกำลังตั้งชันขึ้นมาอย่างน่าอาย

นาคินทร์ไม่ขยับร่างกาย นอนนิ่ง ๆ ราวกับไม่มีชีวิต ก่อนดันตัวผมขึ้นเพื่อช่วยยก แต่ผมก็รู้ว่านาคินทร์ก็เมื่อย เพราะมือนั้นก็สั่นไม่ต่างกับผมตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด

จังหวะหนึ่ง ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือว่าอะไร เหมือนมีอะไรเปียก ๆ ร้อน ๆ ตวัดผ่านหัวนมผมเบา ๆ ผมเผลอครางออกมาผ่านลำคอ

“ขอโทษนะครับคุณหนู”
นาคินทร์โพล่งขึ้น จับผมพลิกลงไปนอนแทนที่ แล้วเขาก็งอตัวใช้ร่างตัวเองกำบังผมไว้จากทั้งกล่องลังและอะไรหลาย ๆ อย่างที่หล่นโครมครามลงมาอีกระลอก ผมหลับตาแน่น

พอทุกอย่างเงียบลง นาคินทร์ก็ค่อย ๆ ดันตัวขึ้น ข้าวของเต็มหลังไปหมด นาคินทร์ใช้ร่างปกป้องผมไว้ จังหวะที่ผมรู้สึกว่าถูกตวัดเลียหัวนมเมื่อกี้ คงเป็นจังหวะเดียวกับที่นาคินทร์กำลังพูด

ผมก็ทำตัวน่าอายเผลอครางออกมาได้ หวังว่านาคินทร์จะไม่ได้ยินนะ ทุเรศจริง ๆ สถานการณ์ไม่น่าจะมารู้สึกอะไรแบบนั้นด้วย

“บาดเจ็บตรงไหนไหม”
ผมถาม เพราะนาคินทร์ทรุดตัวลงมาอีกเมื่อของด้านบนกดหนัก

“ไม่ครับ แต่หนัก”
นาคินทร์พูดอย่างอึดอัด สีหน้าท่าทางทรมานน่าดู

สงสัยจะบาดเจ็บ 

รู้สึกเหมือนมีอะไรแข็ง ๆ ทิ่มอยู่แถว ๆ หน้าขา คงเป็นไม้หรืออะไรสักอย่างที่ร่วงลงมาเมื่อกี้ ผมขยับอย่างอึดอัด นาคินทร์ทำหน้าอึดอัดยิ่งกว่า หน้าเราห่างกันเพียงมิล เรียกได้ว่าถ้าขยับนิดหนึ่งผมกับนาคินทร์จูบกันแน่ ๆ

ผมหาทางเลี่ยงด้วยการเอียงหน้าไปอีกด้านเสีย ใบหน้านาคินทร์อยู่ไม่ห่างจากซอกคอผม ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดเป็นจังหวะ 

“ทนอึดอัดหน่อยนะครับ ได้ยินเสียงคนกำลังจะงัดประตูลิฟท์แล้ว”
นาคินทร์บอกเสียงเบา ผมพยักหน้า ความรู้สึกของผมตอนนี้คือนาคินทร์กำลังซุกซอกคอผมอยู่ ผมร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่าง ตัวสั่นเพราะพยายามอดทนไม่ให้บางสิ่งตื่นตัวขึ้นมา

ผมต้องเป็นโรคจิตแน่ ๆ ที่มามีอารมณ์กับเขาในสถานการณ์แบบนี้

ได้ยินเสียงคนดังจอแจด้านนอก แล้วประตูลิฟท์ก็เปิด ข้าวของที่เทเอียงไปทางหน้าประตูก็เทโครมออกไป ผู้คนด้านนอกรีบช่วยกันขนออก แม้แต่คุณเอกสิทธิ์ก็มา


“อนุชา!!”
คุณเอกสิทธิ์เรียก

พอของเบาขึ้น นาคินทร์ก็ขยับลุก ฉุดเอาผมลุกไปด้วย หลากหลายสายตามองมาที่ผม คงเพราะไม่ได้ใส่เสื้อละมั้งคุณเอกสิทธิ์รีบถอดเสื้อนอกกันหนาวที่มักใส่ประจำเวลาอยู่ในออฟฟิศมาคลุมให้ ผมรับมาอย่างไม่ปฏิเสธ กระชับสาบเสื้อเข้าหาตัว พูดขอบคุณเสียงสั่น

“ตัวสั่นหมดแล้ว คงกลัวมาก”

อยากบอกเหมือนกันว่าที่สั่น สั่นเพราะเรื่องอื่น นาคินทร์ช่วยเขายกข้าวของออก ไม่ได้หันมามองสภาพผมเลย ผมยืนมอง เสื้อผมขาดเป็นรูเบ้อเริ่ม ผมกุมคอตัวเอง นี่ถ้าผิดตำแหน่งอีกนิด ไอ้ที่ทะลุคงเป็นคอผม

“ดีนะที่เป็นเสื้อ ไม่เสียบคอเอา”
คุณเอกสิทธิ์นึกภาพออก นาคินทร์เดินมายื่นเสื้อขาดตัวนั้นให้ ผมรับมาถือ

“ไม่ต้องใส่หรอก ย่าฉันถือว่าเสื้อผ้าที่ขาดเพราะอุบัติเหตุห้ามเอามาใส่อีก ใส่เสื้อฉันไปก่อน”

ผมเองก็ไม่อยากใส่เหมือนกัน เป็นรูเบ้อเร่อเลย นาคินทร์มองตาผมนิดหนึ่ง แล้วเดินดุ่ม ๆ ขนของจะขึ้นชั้นบน ตอนนี้ต้องใช้แรงงานคนแล้วครับ เพราะลิฟท์เสียไปแล้ว แค่สองสามชั้นเท่านั้น

“นาคินทร์” ผมเรียกไว้ นาคินทร์เบรกกึกหันมามอง “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง นาคินทร์ส่ายหัว เดินแข็งแรงขึ้นไป

“ไหวไหม จะกลับบ้านก่อนหรือเปล่า”

ผมส่ายหัว


“ขอยืมเสื้อคุณใส่ทำงานก่อนนะครับ”

“ได้”

ผมรูดซิปขึ้น สัมผัสจากริมฝีปากร้อนและลิ้นที่มาถูกโดยไม่ตั้งใจนั้นทำเอาผมร้อนวูบ

“ไหวไหม หน้าดูแดง ๆ นะ”
คุณเอกสิทธิ์อังมือไว้บนหน้าผาก มองหน้าผม เกลี่ยมือไว้บนริมฝีปาก

“น่าจูบจัง”

“เอ๊ะ?”
ผมถามงง ๆ เพราะเมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัด

“เจ็บตรงไหนไหม”

“ไม่ครับ แต่เจ็บหลังนิดหนึ่ง ไม่รู้อะไรหล่นทับ”

“ไหน ขอฉันดูหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ดูก่อน เผื่อเป็นอะไรร้ายแรง ตอนนี้มันอาจจะยังชา”

ผมเห็นด้วย หันหลังให้ ถลกเสื้อขึ้นจนสูงถึงอก แต่รอยอาจสูงกว่านั้นผมเลยรูดซิป คลี่ถอดเสื้อออกจากด้านบนลงต่ำให้ดูแทน คุณเอกสิทธิ์นิ่งไปครู่

“มีรอยช้ำไหม”
ผมถาม คุณเอกสิทธิ์แตะนิ้วลงบนหลังผมเบา ๆ สัมผัสนั้นทำเอาผมสะดุ้งเลย

“ผิวละเอียดจัง”
อยู่ ๆ คุณเอกสิทธิ์ก็พูดอีก

อะไรเอียด ๆ นะ

“ช้ำนิดหน่อย ไม่มาก ฉันจะลองกดดูนะ”

“ครับ”
ผมรับปาก คุณเอกสิทธิ์วางนิ้วลง กดเบา ๆ ผมร้องโอ๊ยเพราะความเจ็บ ก่อนนิ้วนั้นจะเกลี่ยไล่เป็นทางจากบนลงล่าง แนวแบบนั้นทำเอาผมผวา รู้สึกสยิวแปลก ๆ

“อ่อนไหวดี”
เหมือนจะได้ยินเสียงกระซิบแบบนี้ ผมฟังไม่ถนัดเท่าไหร่

“ไหวแน่นะ”
คุณเอกสิทธิ์พูดอีกรอบ ผมพยักหน้าดึงเสื้อขึ้นคลุม เป็นห่วงนาคินทร์จัง หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ

“ผมจะลงไปทายาที่ห้องพยาบาล”
แล้วผมก็เดินลงไปพร้อมคุณเอกสิทธิ์ แยกทางกันระหว่างทาง ยังไม่ทันจะถึงผมก็นึกได้ว่าผมมียาทาแก้ฟกช้ำที่อาหมอให้มา ผมรีบหันหลังเพื่อขึ้นไปหานาคินทร์ทันที

เห็นคนตัวสูงกำลังคลึงหลังตัวเองอยู่ ผมเดินตรงเข้าไปหา

“คุณหนูไม่กลับบ้านก่อนล่ะครับ”

“อยากกลับพร้อมนาคินทร์ มีเสื้อใส่แล้ว ไม่ต้องห่วง หันหลังมานี่ ฉันจะทายาให้”
นาคินทร์ไม่ขัดขืน

“ถอดเสื้อออกหน่อยได้ไหม”
ผมสั่งกึ่งร้องขอ เสียงผมสั่นอย่างน่าทุเรศ นาคินทร์สงบปากคำมาก ไม่เถียงสักคำ ถลกเสื้อออก มันเป็นรอยช้ำหลายจุด ผมลองกด ๆ ดู ไล่ทายาให้แทบทุกจุด เห็นแผ่นหลังกว้างนั้นแล้วก็อยากจะโอบกอดเอาไว้

หรือไม่ก็ให้ร่างใหญ่ ๆ นั้นมาโอบกอดผมไว้แทน

“นาคินทร์”
ไม่รู้ผมกำลังคิดทุเรศอะไรอยู่ ถึงได้เรียกแบบนั้น

“ทายาให้หน่อย โดนเหมือนกัน ฉันทาไม่ถึง”
จริง ๆ ถ้าจะทาเองก็ทาได้ แต่ผมอยากให้นาคินทร์ทำให้

“ครับ”
นาคินทร์รับคำทั้งที่ยังเปลือยท่อนบน หันมา แผงอกกว้างนั้นทำเอาผมรู้สึกร้อนผ่าว ผมค่อย ๆ จับหัวซิปเสื้อตัวเอง รูดลงช้า ๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี้

มันไม่มีความหมาย หรือจริง ๆ แล้วมีความหมายแอบแฝง แล้วสิ่งที่แอบแฝงนั้นคืออะไร

อยากให้นาคินทร์หวั่นไหวเหรอ

นาคินทร์เป็นผู้ชายแท้ ๆ ขนาดผู้หญิงมาอ่อยยังไม่สน นับประสาอะไรกับร่างกายแบบผู้ชายไร้เสน่ห์อย่างผม

แต่ผมก็ทำ ทำแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะได้ผลไหม ผมค่อย ๆ รูดเสื้อลงช้า ๆ ผ่านช่วงแขนจนเปลือยท่อนบนอีกครั้ง ผมเปลือยท่อนบนต่อหน้านาคินทร์บ่อย ๆ และดูแล้วจะไม่มีผลอะไรกับคนตรงหน้าแม้แต่น้อย นาคินทร์มองสำรวจมารอบ ๆ ด้วยสายตาปกติ ผมอยากให้นาคินทร์หยุดสายตาไว้ที่หัวนมผม แต่ดวงตานั้นก็ไม่หยุด เคลื่อนผ่านไปทั่ว แล้วหยิบยาที่ผมวางไว้ไปถือ

“หันหลังสิครับ”

ผมค่อย ๆ พลิกหัน แอบลอบถอนใจเบา ๆ อยากให้นาคินทร์หวั่นไหวกับผมบ้าง เหมือนที่ผมหวั่นไหวกับนาคินทร์ตอนนี้

เสื้อยังคล้องอยู่ที่แขนผมเผยโชว์ไปทั้งบั้นเอว ผมนั่งนิ่ง ยอมให้อีกคนทำไปอย่างรู้สึกยอมแพ้ นิ้วมือนั้นแตะลงมาเบา ๆ ผมสะดุ้งโหยง ก่อนรู้สึกว่ามันจะถูกลากกรีดต่ำ นาคินทร์คงกำลงเช็กเหมือนที่คุณเอกสิทธิ์เช็ก ผมเผลอครางผ่านลำคอออกมาเบา ๆ

“เจ็บเหรอครับ”
รู้สึกว่าเสียงกระซิบนั้นจะพร่าและเบาหวิวเหลือเกิน หรือว่าจริง ๆ แล้วนาคินทร์ถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมหูฟาดไปเองถึงได้ฟังแล้วมันวาบหวิวแบบนั้น

“อื้อ”
ผมครางรับแทนที่จะตอบออกไปตรง ๆ

แล้วหลังจากนั้น นาคินทร์ก็ทายาให้อย่างเบามือ พอเรียบร้อยก็ค่อย ๆ ดึงเสื้อคลุมปิดให้ผมเบามือพลิกผมหันไปเผชิญหน้า รูดซิปขึ้นให้ช้า ๆ ดวงหน้านั้นนิ่งเรียบ ไม่สื่อความรู้สึกไหนออกมาเลย

นาคินทร์ไม่หวั่นไหวกับร่างกายผมเลยสักนิด

To be Con...
ตอนนี้เป็นตอนที่ชอบมากกกกกกก ถึงมากที่สุด ฉากนาคินทร์เผลองับหัวนมคุณหนู ฟินคร่าาา ช่วงนี้แต่งนิยายหลายเรื่อง เบลอๆ กับชื่อตัวละคร TT
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 27-07-2016 16:59:15
้เหตุการณ์ในลิฟท์ มันเป็นไปได้ขนาดนั้นเลยรือ   :haun5:
อยากอ่านฝั่งนาคินทร์บ้างจังค่ะ น่าจะไม่ใช่ไม่หวั่นไหว แต่เป็นแทบจะไม่ไหว  :laugh:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-07-2016 18:19:47
ไม่หวั่นไหวหรือเก็บอาการเก่งกันแน่น้าาาาาาาาา :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-07-2016 19:07:10
นาคินทร์ แอบใช้ลิ้นตอนนั้นแน่เลย :mew1: :mew1: :mew1:
คุณเอกสิทธิ์ แอบลวนลามคุณหนูแล้ว
มีการชมผิวเนียนละเอียด อ่อนไหวดี ด้วย
ดูๆ ก็แล้วแอบชอบคุณหนูก่อนหน้านี้
เชียร์นาคินทร์ ลงตอนความรู้สึกของนาคินทร์ ด้วยนะ
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 27-07-2016 19:09:30
เหมือนมีอาการหวงๆ อยู่นิดๆ นะนาคินทร์
รักนะแต่ไม่กล้าแสดงออก  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 27-07-2016 19:24:03
อื้อหือ..... นาคินทร์นี่ต้องอดทนเก่งมากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-07-2016 20:29:47
ไม่ใช่ไม้หรอกที่แทงขา นั้นบองของนาคินทร์   :ruready
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 27-07-2016 20:54:50
 :hao7: แอบเลียหัวนมด้วย.อรร้ายๆๆๆ. ยอม
แล้วไอ่ที่ดันขานะ ไม่ใช่ไม้น่ะ อนุชา
แต่เป็นไม้แข็งนาคิน. 5555555
จบ คนแต่งมาต่อไวๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-07-2016 21:11:55
เอกสิทธิ์นี่มดแดงแฝงมะม่วงสินะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 27-07-2016 21:31:45
โอ๊ย สยิวตามเลยคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 27-07-2016 22:29:51
เห้ยยย คู่นี้เค้ามีพัฒนาการแล้ว จุดพลุ! จัดโต๊ะจีนเลี้ยง! เย้ปปป ลุงแอบลวนลามหรือว่าอุบัติเหตุครับบ อยากให้เป็นการลวนลาม.. อะแฮ่ม คุณชายก็เริ่มอ่อยแล้ว ต้องมีหวั่นไหวจนสั่นไหวกันเลยบ้างละ!
เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับบ ติดตามๆ รีบมาต่อน๊า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 06 ลิฟท์ค้าง & ยั่วเบา ๆ (P.2)(27-7-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2016 00:38:55
นาคินทร์ก็หวั่นไหวอยู่ใช่ไหมล่า~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 29-07-2016 19:43:32
(http://upic.me/i/yy/s10o1.jpg)
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 07 : แอบยั่ว & ฝัน



ผมกลับบ้านมายังไงก็ไม่รู้เลย แต่รู้สึกว่านาคินทร์จะเงียบเป็นพิเศษ ผมเองก็เหมือนกัน ตัวมันรุม ๆ ผมยื่นเสื้อคุณเอกสิทธิ์ให้แม่บ้านเอาไปซัก ส่วนตัวเองก็เดินขึ้นห้อง อาบน้ำอาบท่าใส่ชุดนอนเรียบร้อย ผมล้วงหยิบข้าวของออกจากกระเป๋ากางเกงจนถึงผ้าเช็ดหน้าชื้น ๆ ของตัวเอง กลิ่นเหงื่อของนาคินทร์ลอยคลุ้ง ผมกำมันแน่น เดินไปที่ริมหน้าต่าง มองฝ่าแสงอาทิตย์ยามเย็นไปยังโรงเลื่อย

นาคินทร์กลับมาทำงานหน้าเคร่งเหมือนเดิม ผมยืนมองทุกการเคลื่อนไหว แล้วอยู่ ๆ คนที่ก้มหน้าอยู่ก็เงยขึ้นช้า ๆ มาสบตา ผมมองเจ้าของดวงตานั้นนิ่งค้าง พอ ๆ กับคนตัวสูงที่ไม่ละสายตาจากผมไปไหน แล้วนาคินทร์ก็ยกมือให้ผมนิด ๆ ก้มลงไปทำงานต่อ สักพักก็เดินหายลับไปจากสายตาผม

อยากให้นาคินทร์ยืนอยู่ตรงนั้นนาน ๆ ถึงไม่ต้องมองตอบ แต่อยู่ให้ผมมองก็ยังดี ผมถอนหายใจแรง ถอยห่างออกมาจากหน้าต่าง อีกเดี๋ยวก็ต้องลงไปกินข้าวแล้ว แต่ผมยังไม่อยากลงไปคุยกับใครตอนนี้

ผมทิ้งตัวลงบนเตียง ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นดู นึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสัมผัสจากปากและลิ้นร้อน ๆ ที่แตะหัวนมผมนั้น ผมเผลอเลื่อนมือมาแตะหัวนมผ่านเสื้อ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่ใช่นิ้วผม แต่เป็นความรู้สึกตอนนั้น ผมเลื่อนมือแทรกชายเสื้อสูงขึ้นมาบีบหัวนมตัวเอง มันแข็งตัวแล้ว ผมบีบมันจนเผลอครางออกมา

นี่ผมกำลังทำอะไร

ผมถามตัวเอง แต่ก็ไม่คิดจะหยุด บีบบี้มันอยู่อย่างนั้น ภาพนาคินทร์วนเวียนอยู่หัวผม โดยเฉพาะความรู้สึกที่ถูกปลายลิ้นร้อนนั้นสัมผัส

“นาคินทร์…”
ผมครางเรียกเสียงแหบ บีบหัวนมตัวเองราวกับมันคือปากและลิ้นของนาคินทร์ เลื่อนไปที่หัวนมอีกข้าง ร่างกายผมร้อนจนส่วนนั้นตั้งชัน ผมกำที่นอนแน่น เลื่อนผ้าเช็ดหน้ามาดม กลิ่นเหงื่อนั้นยิ่งกระตุ้นความต้อนการรุนแรง ผมงับผ้าเช็ดหน้าไว้ เลื่อนมือลงไปใต้กางเกง กัดผ้าเช็ดหน้าแน่น นึกถึงเรือนกายสูงใหญ่ นึกถึงว่าถ้าร่างนั้นโอบกอดผม แทรกตัวเข้ามาในเรือนร่างผม

“นาคินทร์…”
ผมครางเรียกอีกที คลายผ้าเช็ดหน้าออก กลิ่นเหงื่อนั้นยังฟุ้งกระจาย มือหนึ่งผมบีบหัวนมตัวเองแน่น อีกมือขยับท่อนล่าง ผมบิดร่างไปมาเพราะความเสียวสะท้านที่ยอดอก

“นาคินทร์”
ผมครางเรียกชื่อนาคินทร์อีกเมื่ออารมณ์พุ่งสูง ผมหอบแฮก ยกมือที่เปรอะไปด้วยความใคร่ขึ้นดู

ทุเรศจริง ๆ





“นี่ ได้ข่าวว่าลิฟท์ตกเหรอลูก”

“อืม เกือบไม่รอด ไม่ได้ตายเพราะลิฟท์ตกแต่ตายเพราะโดนไม้เสียบทะลุคอ ดีว่ามันผ่านเสื้อไปได้ เสื้อขาดดีกว่าคอขาด”
ทุกคนมีสีหน้าตกใจ

หลังจากมื้อเย็น ผมก็นั่ง ๆ นอน ๆ เล่นอยู่กับทุกคนในห้องรับแขกนั่นแหละ ชยันต์จ้องหน้าผมเขม็ง

“มีอะไร”

“กำลังเสียขวัญอยู่หรือเปล่า”

“ทำไม”

“ท่าเสียขวัญพี่โคตรเอ็กซ์อ่ะ เหมือนพวกยั่ว”

ผมอ้าปากค้าง

“ไปทำหน้าแบบนี้ต่อหน้าผู้ชาย ระวังโดนกดนะพี่ จะหาว่าไม่เตือน”

“บ้ารึไง”
เราพูดกันค่อย ๆ จึงได้ยินกันแค่สองคน

“จะโดนกดได้ไง พี่เป็นผู้ชายนะ ไม่ได้เป็นแบบชยันต์ด้วย” ถ้าเป็นได้ก็ดีน่ะสิ เพราะผมอยากให้นาคินทร์กดผมเหมือนกัน

แต่คงยาก

“นี่ ถามจริง เคยนอนกับใครมาบ้างรึยัง ห้ามโกหกน้องนะ”
ชยันต์ใช้ดวงตาแสงเลเซอร์มอง ผมส่ายหน้ามองกลับ

“รอดมาได้ไงวะ” ชยันต์พึมพำกับตัวเอง “แต่ขืนเป็นแบบนี้ต่อ จะรอดได้ไม่นานนะ”

“ชยันต์ นายทำพี่งงนะ”

“เอาเถอะ ยังไงช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็อยู่ใกล้ ๆ นาคินทร์ไว้ละกัน อย่างน้อยถ้าจะให้ใครกินสักคน ให้หมอนั่นกินก็ยังจะดีซะกว่า”

“อะไร กินอะไรกัน”
แม่ขยับเข้ามาถาม ทำให้การสนทนาของเราสองคนชะงักไป



รู้สึกร่างกายมันร้อน ๆ ยังไงแปลก ๆ มันร้อนจนผมต้องเลิกถอดเสื้อนอนที่ใส่ประจำออก ทิ้งตัวลงนอน แต่มันนอนไม่หลับ ผมพลิกตัวกระสับกระส่าย ตามันตื่นจริง ๆ ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ผมรู้ว่าตอนนี้จิตใจผมอยู่ที่ไหน และถ้าไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกรอบ รับรองได้ว่าคืนนี้ ผมนอนไม่ได้แน่ ๆ

ผมก้าวลงจากเตียง เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า มองหาเสื้อที่มันเรียบร้อยหน่อยมาใส่ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นเสื้อสุดยั่วของชยันต์ ผมเลื่อนมือจะจับ แต่เปลี่ยนใจ หันไปหาตัวอื่นแทน กำลังจะใส่ แต่เปลี่ยนใจ วางมันลง หยิบเสื้อชยันต์มาถือ

ผมกำลังคิดอะไรทุเรศ ๆ อีกแล้ว

ผมตัดสินใจสวมมันลงหัว ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องใส่ อย่างน้อยมันก็โชว์หัวไหล่และร่องอก เผื่อมันจะยั่วหินผาให้พังทลายลงได้บ้าง

ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ว่ายั่วยังไงก็ไม่ได้ผล

แต่แค่หนึ่งในร้อยก็ยังดี

ผมเดินเงียบกริบออกจากห้อง ทุกคนคงขึ้นนอนกันหมดแล้ว ผมย่องเบาลงบันไดเดินตรงไปทางหลังบ้าน ไฟยังไม่ปิด ถ้าไฟยังไม่ปิด แปลว่านาคินทร์ยังไม่นอน

ผมย่องเบาใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ กระทั่งเห็นนาคินทร์นอนอยู่บนม้านั่งแบบยาว ๆ ที่ทำจากไม้ ไม่มีพนักพิงหรือที่เท้าแขน หันหัวมาทางผมเลยมองไม่เห็น มีเพลงจากวิทยุทรานซิสเตอร์เก่ากึกเปิดคลอไว้เสียงแหบ ๆ ซ่า ๆ นาคินทร์ไม่ได้ยินเสียงผมเพราะเสียงวิทยุกลบนี่แหละ ผมเดินไปหยุดยืนอยู่เหนือหัว วางมือปิดดวงตาคมไว้แผ่วเบา นาคินทร์สะดุ้ง แล้วนิ่งเงียบ

“คุณหนู”

“รู้ได้ไงว่าเป็นฉัน”
ผมถามงง ๆ นาคินทร์จับมือผมไว้ ขยับลุกนั่งทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือ เสียงเพลงยังดังคลออยู่

“ผมจำกลิ่นคุณหนูได้”

ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ หัวใจไหวอย่างดีใจ นาคินทร์ค่อย ๆ ปล่อยมือผมลง

“คุณหนูยังไม่นอนอีกเหรอครับ ดึกแล้วนะ”

“นอนไม่หลับ สงสัยจะตกใจเรื่องวันนี้ หลังเป็นไงบ้าง ช้ำขึ้นหรือเปล่า ของฉันมันซ้ำขึ้นกว่าเดิมอีก”
ผมพลิกหลังให้ดู แต่ไม่เห็นหรอกเพราะมันอยู่ในเสื้อ

“ไม่น่าเลย”
นาคินทร์ส่ายหน้า ผมล้วงหยิบหลอดยาที่พกติดตัวมาด้วยยื่นไปให้

“ทายาให้หน่อยสิ”
ผมร้องขอเสียงแผ่ว นาคินทร์ชะงักไปครู่ ก่อนรับไปถือไว้ ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้านาคินทร์ หันหลังให้ คร่อมไว้คล้ายคนขี่ม้า นั่งใกล้ในระยะมือที่มือของนาคินทร์จะเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ ผมทำทุกอิริยาบถอย่างเชื่องช้า

ภายนอกผมเชื่องช้าก็จริง แต่ตรงข้ามกับจังหวะการเต้นของหัวใจผมตอนนี้เลย ผมรู้ว่าผมกำลังยั่วคนด้านหลังอยู่ ยั่วทั้งที่รู้ว่าเขาไม่มีทางหลงเสน่ห์ แต่มันก็คือความสุขที่ได้ทำ

เพราะเสื้อที่ผมใส่มาวันนี้มันคือเสื้อคอกว้าง ผมจึงไม่ต้องเลิกขึ้น แต่ใช้วิธีเดิมคือค่อย ๆ ดึงจากหัวไหล่ให้มันร่นลงไปคล้องไว้ที่แขน เผยให้เห็นผิวเนื้อด้านหลังของผมตั้งแต่ลำคอลงไปถึงบั้นเอว กางเกงที่ผมใส่มาเป็นกางเกงเอวต่ำด้วย ผมหน้าร้อนผ่าว นั่งนิ่งรอเวลาให้นาคินทร์ทายาให้

นานอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวจากทางด้านหลัง ผมหันไปมอง

“นาคินทร์”

“คะ ครับ ขอโทษ พอดีนาคินทร์กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ”
ผมพยักหน้า หันกลับมามองตรง ๆ อีกครั้ง มีดวงไฟเปิดไว้รอบบ้าน ผมคิดไปเองหรือเปล่า เหมือนจะมีไฟผุดขึ้นมาใหม่เป็นเส้นทางที่ผมเดินมาทางโรงเลื่อยนี่เลย

หรือว่านาคินทร์จะเป็นคนทำไว้ให้

ผมสะดุ้งเมื่อยาเย็น ๆ แต้มลงมาบนแผ่นหลัง มันนุ่มนวล แผ่วเบา แต่ก็ร้อนผ่าว

“มันช้ำขึ้นจริง ๆ ด้วย พรุ่งนี้อาจช้ำยิ่งกว่านี้” นาคินทร์พูดด้วยน้ำเสียงสะท้อนเศร้า “ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้รอยช้ำนี้เคลื่อนมาอยู่บนตัวผม คุณหนูจะได้ไม่เจ็บ”

“เจ็บนิดเดียวเอง ของนาคินทร์เยอะกว่าของฉันอีก ยังจะเพิ่มให้มันอีกเหรอ”

“จะมากจะน้อยนาคินทร์ก็ไม่อยากให้คุณหนูต้องเจ็บตัว ผิวสวย ๆ ของคุณหนูต้องมีรอยไปอีกหลายวันเลย”
หน้าผมร้อนผ่าวไปกับคำว่าผิวสวย ๆ ที่นาคินทร์พูด ถ้าเป็นแต่ก่อน นาคินทร์หรือใครมาชมว่าผมผิวสวย ผมคงเบ้หน้ามองคนพูดประหลาด ๆ แต่วันนี้ ผมรู้สึกดีใจ

มันเป็นเสน่ห์เล็ก ๆ ที่นาคินทร์มองเห็นในตัวผม แม้จะในฐานะเจ้านายกับบ่าวรับใช้ก็เถอะ

“ไม่นานมันก็หาย”
ผมกระซิบตอบแผ่ว แต่จริง ๆ ไม่อยากให้หายเลย เพราะผมอยากให้นาคินทร์ทายาให้แบบนี้ อยากให้มือนั้นมาสัมผัสเนื้อตัว และเป็นโอกาสเดียว ที่ผมจะโชว์เรือนร่างให้นาคินทร์เห็น แม้อีกคนจะมองแล้วรู้สึกเฉย ๆ ก็ตาม

นาคินทร์ค่อย ๆ ดึงเสื้อผมขึ้นมาที่เดิม ยื่นยาคืน

“หันหลังสิ ฉันทายาให้”

“ไม่เป็นไรครับ นาคินทร์ให้หนูแดงทายาหม่องให้แล้ว”

“ยาตัวนี้ดีกว่ายาหม่องเยอะ หันมา”
ผมออกคำสั่งกราย ๆ นาคินทร์ทำตาม หันหลังให้ เลิกถอดเสื้อออกจากหัว ผมจ้องมอง บีบทายาให้เบามือ เกลี่ยอย่างนุ่มนวล ส่งผ่านบางความรู้สึกไปให้ แอบลูบไล้เบา ๆ อย่างไม่ตั้งใจให้อีกคนรู้ กายใหญ่ไหวเฮือก

สงสัยจะเจ็บ

“เขียวขึ้นกว่าเดิมเหมือนฉันเลย”

“ครับ”

พอทายาเสร็จ ผมก็ยกเข่าขึ้นมากอด ผมทายากันยุงก่อนลงมาแล้ว ไม่โดนกัดหรอก

“เห็นดาวนิดเดียวเอง”

“บ้านนาคินทร์ที่ต่างจังหวัดเห็นดาวเยอะกว่านี้เยอะ”

“เคยกลับบ้านเกิดบ้างไหม”

“ปีละครั้งครับ พาหนูแดงไปเยี่ยมปู่กับย่า”

“อยากไปเที่ยวด้วยบ้างจัง ครั้งหน้าพาฉันไปบ้างนะ อยากไปดูดาว”
แล้วผมก็ขยับทิ้งตัวลงนอน ใช้พื้นที่ม้านั่งแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งไว้ให้นาคินทร์นั่ง

“คุณหนู เดี๋ยวเสื้อเปื้อน”

“ไม่ได้ซักเอง”

“เดี๋ยวเจ็บหัว”

“มือรองเอาก็ได้” ผมแก้

นาคินทร์พับเสื้อของตัวเองเป็นสี่เหลี่ยม ประคองหัวผมยกขึ้น แทรกเสื้อที่พับอย่างเรียบร้อยไว้ใต้หัวผม วางหัวผมลงอย่างเบามือ

ทุกการกระทำนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวล ทะนุถนอม ทำราวกับผมเป็นแก้วที่พร้อมจะแตกหัก ทั้งที่ใจจริงก็ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง

“ขอโทษนะครับคุณหนู”
นาคินทร์ขออนุญาต ยกขาผมที่ทิ้งไว้ที่พื้นขึ้นไปวางพาดไว้บนตักตัวเอง

“ขอบใจ”
ผมบอกแค่นั้น ดูดาวต่อ

ดาวต่างจังหวัดคงเยอะจนนับไม่ถ้วน แต่ดาวที่มองลอดผ่านยอดไม้ที่นี่เห็นได้เพียงสองสามดวงเท่านั้น

“คุณหนูครับ นาคินทร์ว่าคุณหนูขึ้นนอนดีกว่านะครับ ดึกแล้ว”

“ก็ฉันอยากดูดาวนี่”

“คะ คือ...”

“ถ้านาคินทร์ง่วงไปนอนก่อนก็ได้ นี่มันเขตบ้าน ไม่มีอันตรายหรอก”
ผมว่าไม่ใส่ใจ

“คุณหนู…”

เหมือนขาผมจะชนเข้ากับอะไรแข็ง ๆ บนตักของนาคินทร์ กำลังจะก้มมอง แต่นาคินทร์จับขาผมลงลุกขึ้นยืน

“ขอโทษครับ นาคินทร์ปวดเบา”

ผมพยักหน้าหงึก ๆ นอนดูดาวต่อไป นาคินทร์หายไปสักพักก็เดินหน้าเรียบกลับมาอีกรอบ


“นี่” ผมหันไปเรียก “จำได้ไหม ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยมานอนที่นี่ด้วย”

“ครับ เพราะคุณหนูติดนาคินทร์มาก แต่ตามจริงติดของเล่นที่นาคินทร์ทำให้มากกว่า โตมาก็ไม่เล่นแล้ว”

“ใครจะเป็นเด็กตลอดไปเล่า”
ผมบู้หน้าใส่

“นี่”
ผมเรียกอีกรอบ

“ครับ”

“คืนนี้ฉันขอนอนด้วยคนได้ไหม ที่นี่ อยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง”

[50%]

นาคินทร์นิ่งไปนาน ก่อนเอ่ยแผ่ว

“อย่าดีกว่าครับ ไม่เหมาะหรอก”

“ทำไม” 

“ข้อแรก คุณหนูโตแล้ว พื้นที่คงไม่พอ ข้อสองมันไม่สะอาดและไม่สะดวกสบายพอ ข้อสาม มันไม่เหมาะสม”

“ระลึกถึงวัยเด็ก เรื่องพวกนั้นสำคัญด้วยเหรอ หรือว่าจริง ๆ แล้วคนที่รังเกียจฉันคือนาคินทร์กันแน่”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นาคินทร์รักและเคารพคุณหนูมาก ไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่ ๆ แต่คุณหนูครับ...”

“ไม่เป็นไร ถ้ารังเกียจก็ไม่ต้อง บางทีนาคินทร์อาจคิดขยะแขยงฉันเพราะความเป็นผู้ดี หรือไม่ก็อาจขยะแขยงที่ฉันมีครอบครัวที่ชอบพอเพศเดียวกัน จนนึกพาลว่าฉันจะคิดอกุศลอะไรกับนาคินทร์ล่ะสิ”

นาคินทร์รีบดีดตัวลุกยืน

“สาบานให้ฟ้าผ่าตาย นาคินทร์ไม่เคยคิด นาคินทร์ไม่เคยรังเกียจคุณหนู นาคินทร์รักคุณหนู แทบจะเทิดทูนไว้เหนือหัว เพราะงั้นถึงไม่อยากให้ลงมาเกลือกกลั้วกับความสกปรก นาคินทร์ไม่เคยคิดรังเกียจเรื่องครอบครัวของคุณหนูเลย ไม่ว่าใคร นาคินทร์รักพวกท่านทุกคน ไม่ว่าใครจะรักเพศไหน นาคินทร์ก็ไม่เคยนึกรังเกียจ แม้แต่คุณหนูนาคินทร์ก็รู้ว่าไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น”

ผิดแล้วนาคินทร์…

ฉันนี่แหละตัวคิด และกำลังคิดอยู่ทุกชั่วขณะจิตด้วย

“ขอโทษ ฉันก็ลืมไปว่าเวลาล่วงเลยมาหลายปี เด็กน้อยคนนั้นคงไม่น่ารักน่าเอ็นดูเท่าไหร่ 25 แล้วนี่เนอะ”
ผมพูดแค่นั้นแล้วหันหลัง นาคินทร์คว้าจับมือผมไว้ในลักษณะฉุดรั้ง แต่ทำอย่างนุ่มนวล สีหน้าอึดอัด ดวงตาแสดงออกหมด ทั้งความรัก ความเคารพ ความห่วงหา และเทิดทูน

แต่ในฐานะบ่าวรับใช้เท่านั้น…

“ก็ได้ครับ แต่มันไม่สะดวกนะครับ แคบก็แคบ เหม็นอับด้วย นาคินทร์ตัวใหญ่คุณหนูก็โตขึ้น”

“ถ้าทนไม่ไหว ฉันก็กลับห้องเอง ใกล้แค่คืบ”

“ครับ”
นาคินทร์ถอนหายใจแรง ประคองมือผม พาผมเดินเข้าไปในห้อง เปิดไฟขึ้น

“นาคินทร์จะปูผ้านอนตรงนี้ คุณหนูนอนบนฟูกเถอะ”

ผมส่ายหน้า

“นี่มันที่นอนนาคินทร์ นอนเหมือนเดิมนั่นแหละ ฉันขอนอนระลึกความหลังนิดเดียว แล้วก็จะกลับ”

“ครับ”
นาคินทร์เปิดไฟบนหัวเตียงขึ้น ปิดไฟหลอดใหญ่ ขึ้นไปนั่งบนที่นอนด้านที่ติดกับกำแพงอย่างว่าง่าย นอนหงายราบนำไปก่อน ผมหย่อนตัวตาม ทิ้งตัวลงนอน หัวใจพากันเต้นโครมคราม ผมตะแคงหันหลังให้ แอบนึกไปถึงภาพวันคืนที่เคยไปนอนติดฝนด้วยกันที่บางแสนเลย

“หนาว”
ผมบอก นาคินทร์ขยับลุก ดึงผ้าห่มมาห่มให้ผมเบามือจนถึงอก ผมพลิกตัวหันเข้าหาคนตัวสูง นาคินทร์นอนหงาย ตาจ้องเป๋งอยู่ที่เพดาน ไฟบนหัวเตียงก็ยังไม่ปิด(แสงมันอ่อนครับ แทบจะไม่รบกวนการนอนเลย)

“หนูแดงนี่โชคดีเนอะ ได้นอนกอดพ่อแบบนี้ คงอบอุ่นน่าดู”

นาคินทร์ส่ายหัว

“หนูแดงแยกตัวนอนเดี่ยวตั้งแต่ 5 ขวบแล้ว มะลิเธอสอนลูกให้เข้มแข็งแต่เด็ก”

ผมฟังแล้วอึ้ง

“งั้นก็ไม่มีคนนอนเคียงข้างนาคินทร์มานานแล้วน่ะสิ”

“ครับ ตั้งแต่เมียตาย”

หัวใจผมไหวแรง เราเงียบกันไปอีกรอบ นาคินทร์ยังมองเพดานอยู่ ในขณะที่ผมนอนมองนาคินทร์

“ที่นี่เย็นกว่าห้องฉันอีก”
พูดแล้วผมก็ขยับเข้าไปชิดคนตัวสูง นาคินทร์ตัวแข็งทื่อ ผมรู้ว่านาคินทร์กำลังเกร็ง ผมไม่ได้อยากทรมานนาคินทร์แบบนี้ แต่ผมอยากนอนใกล้ชิดนาคินทร์ ต่อให้นาคินทร์ไม่ได้คิดอะไรกับผมเลยก็ตาม ผมขยับแบ่งผ้าห่มให้

“ขอโทษที่รบกวนนะ คืนนี้คืนเดียว ฉันไม่อยากกลับห้องแล้ว ง่วง ราตรีสวัสดิ์”

“คุณหนู…”
ไม่รู้ว่านั่นคือเสียงเรียกธรรมดาหรือเสียงทักท้วงอะไร แล้วผมก็หลับไปง่าย ๆ ทั้งอย่างนั้น

กระทั่งรู้สึกร้อนผ่าวแปลก ๆ ไปทั่วทั้งร่าง เสียววูบแถว ๆ ท้องน้อย

นี่ผมเป็นอะไร…

รู้สึกเหมือนมีฝ่ามือใหญ่ ๆ อุ่น ๆ ลูบไล้อยู่แถว ๆ หน้าท้อง ผมครางแผ่วผ่านลำคอ

สัมผัสแบบนี้...

ความรู้สึกเสียวสะท้านจนบางส่วนตื่นตัวแบบนี้...

นี่ผมกำลังฝันเปียกอยู่ใช่ไหม?

รู้สึกถึงปากชื้น ๆ กำลังซุกไซ้อยู่แถว ๆ ซอกคอ ผมขยับแหงนหน้านิด ๆ ให้ปากนั้นไซ้ได้ง่ายขึ้น ลมหายใจนั้นร้อนผ่าวอย่างรู้สึกได้จนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือความฝัน ก่อนปากนั้นจะไล่ต่ำลงไปที่หน้าอก 

“อ๊า…”
ผมครางออกมาเบา ๆ ไหวอกสะท้านขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน ดีจนผมไม่อยากตื่นเลย

เหมือนจะได้ยินเสียงคำรามนุ่มคุ้นเคยผ่านมา มือใหญ่เลื่อนสูงขึ้นมาที่หน้าอก บีบหัวนมอย่างที่ผมนึกจินตนาการ บีบบี้จนผมบิดเร่า ปากครางเสียงดังมากขึ้น มือนั้นเลื่อนมาจับหัวนมอีกข้างบดขยี้แทบพาเอาผมขาดใจ ผมหอบแฮก ตายังปิดสนิท ปลดปล่อยเพียงน้ำเสียงออกมา มือนั้นละออกแล้วมันก็ถูกแทนที่ด้วยปากและลิ้นร้อน ๆ

ให้ตาย! ทำไมผมถึงได้ฝันเหมือนจริงขนาดนี้ อยากลืมตามอง แต่ผมรู้ว่าถ้าผมลืมตา สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเลือนหายไปก็ได้ ผมยังไม่อยากตื่นตอนนี้

ผมเลื่อนสองมือไปโอบหัวของคนที่ครอบครองหัวนมผมไว้ นวดคลึงเบา ๆ แอ่นอกเข้าหา ปากก็ครางรับอย่างระงับไม่อยู่ ก่อนปากนั้นจะเลื่อนมาซุกซอกคอผมอีกรอบ ทุกสัมผัสทำเอาผมแทบพุ่ง

มือที่ลูบไล้อยู่แถว ๆ หน้าท้องเลื่อนต่ำลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งมุดหายเข้าไปในกางเกง กอบกุมน้องผมไว้ขยับให้เบา ๆ

สวรรค์ทรงโปรด…

หากจะรับวิญญาณผมไปตอนนี้ผมก็ยอม

ผมครางรับอย่างรู้สึกดีในอารมณ์ ในขณะที่มือผมข้างหนึ่งถูกจับให้เลื่อนไปกอบกุมบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่จนกำแทบไม่มิด มันร้อนผ่าว แข็งราวกับท่อนไม้ มือใหญ่บังคับให้ผมขยับสิ่งนั้น

อะไร...

ผมถามตัวเองเบา ๆ แต่ก็เลิกสนใจไปเพราะความเพลิดพลิ้วที่ถูกกระตุ้นจากทางด้านหน้า

“คุณหนู…”
นั่นเสียงของนาคินทร์นี่

ว้าว นี่ผมฝันเปียกถึงนาคินทร์หรอกเหรอ

“อ๊า...”
ผมครางออกมาอีกรอบเมื่อมือนั้นขยับน้องผมเร็วขึ้น น้ำเสียงของนาคินทร์ในฝันฟังดูเร่าร้อนผิดกับยามปกติที่แสนจะนุ่มนวลถ่อมตัว

“คุณหนู นาคินทร์รักคุณหนู”
เสียงนั้นกระซิบลงมาอีกรอบ แต่คราวนี้มันเป็นน้ำคำบอกรัก

ว้าว นาคินทร์บอกรักผมด้วย

ผมอ้าปากครางเสียงดังเมื่อมือนั้นขยับพาผมวิ่งไปถึงปลายทาง พอ ๆ กับความรู้สึกเปียก ๆ ที่มืออีกข้าง ผมหอบหายใจแรง ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วหายลงเรื่อย ๆ พอ ๆ กับสติของผม




 
ได้ยินเสียงจิ๊บ ๆ ของนกตัวน้อยดังเข้ามาแว่ว ๆ พอ ๆ กับแสงสว่างเป็นเส้นพุ่งมาที่เปลือกตา ผมค่อย ๆ ลืมตามอง สิ่งแรกที่เห็นคือที่มาของแสงแยงตานั้น มันคือแสงแดดที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างไม้บานเก่า ๆ นั้น ผมรีบเด้งตัวลุกนั่งลืมตาโพลง

ที่นี่ที่ไหน

ผมถามตัวเองเพราะความไม่คุ้นเคย

อ๋อ ห้องของนาคินทร์

ก่อนจะนึกได้ในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้น ผมก้มมองตัวเอง บนตัวมีผ้าห่มสีมอ ๆ ที่ผมใช้ห่มเมื่อคืนคลุมไว้ เสียงนกกระจิบยังดังไม่หยุด เหมือนมันจะเกาะอยู่บนกิ่งไม้ข้าง ๆ หน้าต่างนี้แหละ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง พื้นที่ข้าง ๆ ว่างเปล่า นาคินทร์คงตื่นนานแล้ว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ จนมาหยุดอยู่ที่นาฬิกาปลุกกรอบเขียวรุ่นพระเจ้าเหาบนหัวที่นอน ตาโตนิดเพราะมันจะแปดโมงแล้ว

สายขนาดนี้ทำไมนาคินทร์ไม่ยอมมาปลุกให้ผมตื่นไปเตรียมตัวทำงานอีก ผมรีบตวัดผ้าห่มออกจากตัว ความรู้สึกบางอย่างวิ่งปราดเข้ามาในหัว ผมชะงักกึกนึกย้อนถึงความรู้สึกนั้น

เมื่อคืน ผมฝันว่าถูกนาคินทร์กอด

ผมกัดปากตัวเองแน่น

ทุเรศจัง มานอนฝันเปียกบนที่นอนคนอื่นแบบนี้ ไม่รู้ว่าผมเผลอละเมออะไรแปลก ๆ ออกมาหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนจำได้ว่าตัวเองครางซะเต็มที่ เกิดเผลอครางอะไรออกมาให้นาคินทร์ได้ยินคงโดนดูถูกแย่ 

ผมนั่งนิ่งร่างกายร้อนผ่าวไปหมด ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะประตูห้องถูกเปิดออก ผมรีบเงยหน้ามอง จนเห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้องมายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น

ผมรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหัวทั้งหูทั้งตัวทั้งหน้า ผมรีบเสหลบดวงตาคมทันที

“คุณหนู”
นาคินทร์เรียกแค่นั้น ผมยังไม่ได้ตอบรับอะไร เพราะรู้สึกกระดาก เราต่างคนต่างเงียบกันอยู่นานเลย

“นาคินทร์จะเข้ามาปลุกเพราะใกล้ 8 โมงแล้ว”

ผมรีบเงยหน้ามอง ตาโต

“จริงสิ! สายแล้ว!” ผมรีบลุกขึ้นยืน “ทำไมเพิ่งมาปลุกเอาป่านนี้” ผมตำหนิไม่จริงจัง ปรับสภาพเนื้อตัวให้ดี ๆ

 “ปกติก็ไม่เคยนอนตื่นสายขนาดนี้มาก่อนเลยนะ สงสัยว่าที่นี่จะนอนสบาย”
ผมพูดติดตลก

“เอ่อ…คุณหนู”
นาคินทร์ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ผมเงยหน้ามอง

“มีอะไร สีหน้าไม่ดีเลย”
ผมพยายามปรับอารมณ์ตัวเองถามคนตัวสูง

“คุณหนูจำเรื่องเมื่อคืนได้หรือเปล่าครับ”
เหมือนมีระเบิดมาทิ้งลงบนหน้า มันร้อนขึ้นมาอีก สีหน้านาคินทร์ดูจริงจังมาก

“ระ เรื่องอะไร ฉะ ฉันจำได้แค่เข้านอนแล้วก็หลับไป แค่นั้นเอง ละ แล้วก็ฝันแปลก ๆ”
อันหลังนี่ผมอ้อมแอ้มบอก

“ฝันว่าอะไรครับ”
นาคินทร์ถามต่อเสียงเครียด ผมหน้าเห่อร้อนยิ่งกว่าเดิม

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันไร้สาระธรรมดา ฉันกลับห้องก่อนดีกว่า สายแล้ว แล้วทำไมไม่ปลุกแต่เช้า”

นาคินทร์จ้องหน้าผม มองราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง ผมหลบสายตาวูบด้วยความอับอาย มองมากนาคินทร์อาจรู้ว่าผมเก็บนาคินทร์ไปฝันเปียกก็ได้

“นาคินทร์เห็นคุณหนูกำลังหลับสบายไม่อยากปลุกครับ”

“ครั้งหน้าปลุกเลย ไม่ต้องเกรงใจ ปล่อยให้นอนแบบนี้เสียการเสียงานหมด”
ผมตำหนิไปนิด ๆ นาคินทร์พยักหน้า รายนั้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

“งั้นฉันขอเวลาไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหรอก”
ผมเดินไปทางหน้าประตู แต่นาคินทร์ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน ตัวใหญ่ ๆ นั้นบังทางออกประตูมิดเลย

“ฉะ ฉันจะไปอาบน้ำ”
ผมบอกเพื่อให้อีกคนขยับ รู้สึกร้อนวูบวาบยังไงบอกไม่ถูก นาคินทร์เขยิบให้ทางนิดหนึ่ง ผมเดินสวนคนตัวสูงออกไป ไอร้อนจากเรือนกายสูงใหญ่นั้นแทบทำเอาผมอยากผวาเข้ากอด แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ เดินนิ่ง ๆ ผ่านคนตัวสูงออกออกไปด้านนอก แต่อยู่ ๆ มือผมก็ถูกจับไว้แน่น ผมเบรกกึก หันกลับทันทีตามแรงฉุดนั้น

ผมมองหน้าคนทำ นาคินทร์ตาโตนิด ๆ รีบปล่อยมือออก

“ขอโทษครับ แค่จะบอกว่า เดี๋ยวนาคินทร์จะขับรถไปรอที่เดิม”
ผมพยักหน้านิด ๆ เดินตรงไปตามทาง ความร้อนจากมือที่ถูกจับไหลวูบมาที่ใบหน้าอีกครั้ง ผมรีบเดินกึ่งวิ่งขึ้นตึกใหญ่ไปทันที ดีว่าคนอื่น ๆ ตื่นไปทำงานกันหมดแล้ว

ผมรีบวิ่งขึ้นห้องด้วยหัวใจที่เต้นระทึก กุมมือตัวเองไว้ เม้มปากแน่น

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันนาคินทร์อาจรู้ความจริงก็ได้บ

[100%]

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว พอลงไปข้างล่างอีกรอบก็เห็นแม่บีน่ากับแม่คาร่าอยู่ในห้องรับแขก ทั้งสองมองหน้าผมงง ๆ

“ตื่นสายเหรอลูก”

“ครับ” ผมบอกไม่เต็มเสียง “ไม่ทานข้าวนะ ขอตัวก่อนนะครับ”
ผมรีบบอกลาท่านทั้งสองออกไปหน้าบ้าน นาคินทร์ยืนนิ่งคอย ดูวันนี้นาคินทร์จะสงบเสงี่ยมเสียยิ่งกว่าทุกวัน ผมยิ้มให้นิด ๆ แต่นาคินทร์เมินหลบเสีย ผมยิ้มเก้อ รู้สึกแย่ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก

นาคินทร์เปิดประตูให้ ผมขึ้นไปนั่ง นาคินทร์เงียบมาก เงียบผิดปกติ มันไม่ใช่ความเงียบที่คำพูด แต่เป็นความรู้สึกที่ส่งออกมาว่าไม่ต้องการจะพูดอะไร

“เป็นไรหรือเปล่านาคินทร์ วันนี้ดูแปลก ๆ นะ”
ผมตัดสินใจถาม นาคินทร์หันมามอง ดวงตานั้นจ้องนิ่ง มองเห็นแววบางอย่างแวบผ่านเข้ามาแล้ววิ่งหายไป

“ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า นาคินทร์ไม่เคยเงียบแบบนี้มาก่อนเลยนะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ นาคินทร์คิดเรื่องงาน”

ผมยิ้มให้

“นาคินทร์นี่ในหัวมีแต่เรื่องงานจริง ๆ ผ่อนคลายหน่อย”
ผมปลอบ ท้องพากันร้องจ๊อก ๆ นาคินทร์หันมามอง ทำหน้าสำนึกผิด

มีต่อค่ะ>>>
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 29-07-2016 19:56:11
โอ๊ยยยยยย ลุ้นนนนนน สงสารนาคินทร์โดนยั่วขนาดเน้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: oniisanbaka ที่ 29-07-2016 20:36:44
คู่นี้! รอลุ้นต่อไป ตามติดยิ่งกว่สปลิง ตามเกาะขอบจอรอเลยครับ!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 29-07-2016 21:19:25
ใครจะตบะแตกก่อนกัน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-07-2016 22:06:01
ยั่วเบาๆ เหมือนใกล้จะสำเร็จแล้วล่ะคุณหนู โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 29-07-2016 22:08:36
 :hao7:ทำไมอนชาไปชน ส่วนนั้นบ่อยจัง สงสารนาคินเถอะ
คุณหนูโดนลักหลับ. ชิมิ
มาต่อเร็ววน่า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-07-2016 22:30:37
นาคิน ทนไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
คุณหนูข่างยั่วจริงๆๆๆ
เอกสิทธิ์มีมาเตะอังคุณหนูด้วยน่ะน่าคิน ฟ้องๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 29-07-2016 23:18:38
5555 สงสารนาคินทร์จังไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหน
 :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-07-2016 00:36:59
รอนาคินทร์ตบะแตก!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2016 10:16:55
ขนาดไม่ยั่ว นาคินทร์ก็เกร็งจะแย่
ี่นี่คุณหนูยั่วเบาๆ นาคินทร์ยิ่งเกร็งจน.....แข็งเลย
โอ้....คุณหนูขอนอนด้วย...
คนอ่านก็ ฟินนน ไปล่วงหน้าแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
รอ อย่างใจจดจ่อ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-07-2016 14:50:00
โธ่ คุณหนู ยั่วได้ยั่วดี สงสารนาคินทร์บ้างเถอะ แค่นี้ก็ใกล้จะแย่แล้ววววว :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 30-07-2016 17:13:35
แผนสูงเหมือนกันนะคะคุณอนุชา
ขอให้ได้ขอให้โดนละกันนะ อิอิ :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(29-7-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-07-2016 18:27:32
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 31-07-2016 16:49:35
 :hao7: :hao7: :hao7:

เมื่อไหร่จะได้กัน!!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 31-07-2016 18:10:21
อ่อมมม ยังงี้ก็เนียนหรา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-07-2016 18:41:05
นาคินทร์ ลักหลับคุณหนู หรา   ชอบบบบ  :hao3: :hao7::ling1: :ling1:
แต่คุณหนู รู้ตัว ก็เป็น ลักตื่น สินะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คุณหนู ได้ยินนาคินทร์บอกรักด้วย  :mew1: :mew1: :mew1:
ตอนเช้า นาคินทร์ กังวลว่า คุณหนูจะรู้ตัว จำได้หรือเปล่า ใช่มั้ย ? :katai1:
รอ คุณหนู อ่อย นาคินทร์อีก อะจ๊ากกกก :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 31-07-2016 19:48:00
นาคินทร์แอบทำอะไรคุณหนูเนี่ยยยยยย 5555

โธ่ น่าสงสารอนุชา คิดว่าตัวเองฝันลามกไปซะแล้ววว :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 31-07-2016 20:13:28
มันไม่ใช่ฝันซินะนาคินนนนนนนนน  :katai2-1:
ตบะนาคินทร์จะแตกแล้ว อนุชาสู้ๆๆๆๆๆๆ 555555 o18
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 31-07-2016 20:29:00
55555 นาคินทร์ถึงขนาดต้องลักหลับดลยเหรอ
แล้วต่อไปจะทำอย่างไงดีล่ะนาคินทร์
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-07-2016 20:34:49
นาคินตะบะแตกแล้ว รอลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 31-07-2016 20:44:02
ตายแล้วๆ นาคินทร์สุดยอด
ในที่สุดก็รุกแล้ว
ทำไมอนุชาถึงไม่ลืมตา จะได้รู้ความจริงว่าใจตรงกัน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 31-07-2016 20:55:49
 :mew3:อร๊ายยยยยย
รับไม่ได้555555
ชอบตอนนี้มาก. สงสารนาคิน ง่ะทำไงถึงจะช่วยให้สมหวัง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 31-07-2016 21:18:16
มันต้องไม่ใช่ฝันแน่ๆๆๆๆ นาคินทร์เริ่มก่อนใช่ไหมเนีย?

โอ้ววววว ใกล้ความจริงแล้วล่ะคุณหนู โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 31-07-2016 21:25:19
ไม่ใช่ฝันแล้วล่ะแบบนี้ นาคินทร์ก็ร้ายเหมือนกันนะ
จริงๆแล้วต้องแอบรักคุณหนูมานานแล้วแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-08-2016 09:44:27
[ต่อค่ะ]


“ขอโทษครับ นาคินทร์ก็ห่วงแต่จะให้คุณหนูนอนให้เต็มอิ่ม ลืมเรื่องปากท้องคุณหนูไปเลย”
นาคินทร์หันไปหยิบข้าวกล่องในส่วนของตัวเองตอนเที่ยงมายื่นให้

“ทานนี่ดีกว่าครับ”

“นี่มันมื้อเที่ยงนายนะ”

“นาคินทร์กินที่โรงอาหารได้”

ผมส่ายหัวไปมา รับมันจากมือนาคินทร์ไปวางไว้ที่เดิม

“นาคินทร์กินแล้วใช่ไหม”

นาคินทร์ส่ายหน้าไปมา

“อ้าว ทำไมล่ะ หนูแดงไม่ทำให้เหรอ”

“ทำครับ แต่นาคินทร์ไม่กิน”

“ทำไม”

“ทำโทษตัวเอง”
นาคินทร์บอกเสียงเรียบ ผมขมวดคิ้วมองงง ๆ

“ทำผิดอะไรถึงต้องทำโทษตัวเองแบบนี้”
นาคินทร์หันมามองหน้านิดหนึ่งแล้วหันกลับไปมองท้องถนนต่อ ปากได้รูปนั้นเม้มสนิท ไม่ตอบอะไร

“บอกได้ไหม”

“ขอโทษครับ นาคินทร์บอกไม่ได้”
นาคินทร์บอกอย่างนอบน้อม ผมไม่เซ้าซี้ ได้ยินเสียงท้องคนตัวสูงร้องจ๊อก ๆ เหมือนกัน ผมไม่รู้หรอกนะว่านาคินทร์ทำโทษตัวเองเรื่องอะไร แต่งานที่นาคินทร์ทำมันต้องใช้แรง ขืนไม่กินข้าวคงไม่มีแรงทำงานแน่ ๆ ดีไม่ดีโรคกระเพาะถามหา ทรมานอีก ผมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาเลขา

“ผมไปทำงานสายหน่อยนะ มีเหตุให้ตื่นสายนิดหน่อย เดี๋ยวอยู่ทำโอทีทดแทน ช่วยหาข้ออ้างอะไรให้ผมด้วย”
ผมบอกแค่นั้น กดวางสาย

“เลี้ยวรถเข้าซอยหน้า”

นาคินทร์หันมามองงง ๆ

“กินข้าวกันก่อน ฉันหิว”
นาคินทร์พยักหน้า ขับรถเข้าไปจอดยังซอยที่ไม่ห่างจากบริษัท ผมสั่งให้นาคินทร์จอดรถไม่ห่างจากร้านขายโจ๊กที่คนรุมกันจนแน่นร้าน 

“ผมรออยู่ในรถนะครับ”

ผมปลดเข็มขัด

“ลงไปกินด้วยกัน”

นาคินทร์ส่ายหน้า

“นาคินทร์บอกแล้วว่าจะไม่กินมื้อเช้าเพื่อทำโทษตัวเอง”

ผมจ้องหน้าคนพูด

“ฉันไม่รู้ว่านาคินทร์ทำโทษตัวเองเรื่องอะไรนะ แต่งานที่นาคินทร์ทำวันนี้มันต้องใช้แรง เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาทำไง อีกอย่าง ฉันไม่อยากให้นาคินทร์เป็นโรคกระเพาะ”

“ไม่เป็นหรอกครับ”
นาคินทร์บอกอย่างหนักแน่น ทั้งแววตาและน้ำเสียง ผมส่ายหัว

“ลงไป นี่คือคำสั่ง”

“ไม่ครับ”
น้ำเสียงนั้นหนักแน่นจนน่านับถือ ปกตินาคินทร์จะไม่ขัดคำสั่งผมเด็ดขาด ผมถอนหายใจแรง ลากเข็มขัดมาเสียบไว้ที่เดิม นาคินทร์มองงง ๆ

“ไม่ลงไปกินละครับคุณหนู สายมากแล้วนะ”

“ถ้านาคินทร์ไม่กิน ฉันก็ไม่กิน ฉันถือว่าเป็นเจ้านายโดยตรงของนาย ถ้านาคินทร์ทำผิด ฉันในฐานะเจ้านายก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย เพราะงั้นก็ไม่ต้องกินไปพร้อมกันนี่แหละ”

“ไม่ได้นะครับคุณหนู นี่เป็นความผิดของนาคินทร์ คุณหนูไม่เกี่ยว”

“เกี่ยวสิ ฉันเป็นเจ้านายนาคินทร์นะ”
ผมหันไปมองตา ทำหน้าจริงจังใส่บ้าง ผมหมายความตามพูดจริง ๆ นาคินทร์จ้องหน้า

“คุณหนูครับ สิ่งที่นาคินทร์ทำผิด มันไม่เกี่ยวกับงานนะครับ”

“แต่ยังไงนาคินทร์ก็อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของฉัน ถ้านาคินทร์ไม่กิน ฉันก็ไม่กิน ถ้านาคินทร์กิน ฉันก็กิน”
ผมบอกอย่างมุ่งมั่น นาคินทร์มองตา เสียงท้องผมพากันร้องโครกครากประท้วง ผมไม่เคยอดมื้อเช้ามาก่อน แต่จะลองดู ผมเป็นห่วงนาคินทร์จริง ๆ

“นาคินทร์ต้องทำโทษในสิ่งที่ตัวเองทำผิด เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดทำอีก”   
นาคินทร์สารภาพ

“งั้นยกเลิกการทำโทษด้วยวิธีอดข้าวแล้วไปทำโทษอย่างอื่นเอง ให้ฉันทำโทษก็ได้”
นาคินทร์นิ่งคิด นิ่งอยู่นานเลย คงกำลังชั่งใจอยู่ ผ่านไปนานหลายชั่วอึดใจ นาคินทร์ก็ให้คำตอบ

“ครับ”

ผมยิ้มดีใจ เพราะหิวจะแย่แล้ว ผมรีบปลดเบลท์ออกพอ ๆ กับคนข้างตัว พากันก้าวลงจากรถตรงไปยังร้านนั้น คนเต็มครับ รอกันประมาณห้านาทีก็ได้โต๊ะว่าง ผมรีบสั่งมากินพอ ๆ กับนาคินทร์ เครื่องในจัดเต็มมาก ผมนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่แปลกใจว่าทำไมคนเยอะ

ปากนาคินทร์เลอะคราบโจ๊ก ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดให้ นาคินทร์ชะงักช้อนจ้องมอง ผมนิ่งไปนิด

“หนูแดงสอนพ่อยังไงให้กินอาหารเลอะเนี่ย”
พอรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรเกินเลยผมก็แกล้งพูดไปเรื่องอื่น นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอด ก้มตักโจ๊กกินต่อ พอ ๆ กับผมที่รีบตักกินเหมือนกัน

มีหมาจรจัดตัวหนึ่งนั่งมองมาตาละห้อย ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำหรือพูดอะไร ก็เห็นนาคินทร์ลุกเดินไปหาแม่ค้า ยืนคอยไม่นานแม่ค้าก็ยื่นโจ๊กให้นาคินทร์ถุงหนึ่ง ผมมองตามงง ๆ เพราะแม่ค้าไม่ได้ตักโจ๊กใส่ถุงแกงแบบปกติ แต่ตักใส่ถุงก๊อบแก๊บเลย นาคินทร์หิ้วโจ๊กถุงนั้นเดินตรงไปทางหมาจรจัด มันรีบลุกยืน เลียปากแผลบ ๆ กระดิกหางใส่ยิก ๆ นาคินทร์วางถุงโจ๊กลง มันรีบกินอย่างหิวกระหายทันที

ผมยิ้ม ล้วงหยิบมือถือมากดถ่ายภาพนั้นไว้ ผมรู้ว่านาคินทร์เป็นคนจิตใจดี รักหมารักแมว แต่ไม่เคยเลี้ยงไว้ในบ้านเลย เพราะเกรงใจพวกผม และอีกอย่างมีคนในบ้านแพ้ขนสัตว์ด้วย โดยเฉพาะแม่ผม

สักพักนาคินทร์ก็เดินกลับมานั่งกินโจ๊กของตัวเองต่อ

“ใจดีจัง”
ผมชม นาคินทร์มองหน้า

“นาคินทร์เคยอดอยากมาก่อน รู้ดีถึงความรู้สึกหิวแล้วไม่มีอะไรตกถึงท้องครับ”

ผมรู้สึกสะท้อนเศร้ากับสิ่งที่ได้ยิน ผมรู้มาก่อนว่าก่อนที่นาคินทร์จะมาอยู่บ้านเรานาคินทร์ยากจนมาก พาเมียซัดเซพเนจรเข้ากรุงเทพรับจ้างทำงานไปเรื่อย ๆ กระทั่งมาอยู่ดีกินดีเพราะพ่อผมนี่แหละ สาเหตุนี้ด้วย นาคินทร์ถึงได้จงรักภักดีจนแทบถวายชีวิตขนาดนี้

ตอนมะลิเมียของนาคินทร์ป่วย พ่อก็เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แถมยังรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดแทนโรงบาลรัฐ แต่ก็นั่นแหละคน เมื่อจะถึงฆาต รั้งไว้ยังไงก็ไม่อยู่ มะลิป่วยหนักอยู่สองปีแกก็เสียลง

ผมไม่พูดอะไรให้นาคินทร์ต้องคิดถึงชีวิตเมื่อยังอดีต รีบกินจะได้รีบพากันไปทำงาน ผมต้องฝึกความรับผิดชอบให้มากกว่านี้ เพราะอนาคตต้องเป็นผู้บริหาร

พ่อให้ผมเริ่มจากศูนย์และใช้เวลาในการไต่เต้าศึกษาเรียนรู้ทุกตำแหน่งในบริษัทเป็นเวลาสองปี ช่วงนี้ผมต้องพยายามให้มากที่สุดเพื่อให้พ่อและคนในครอบครัวภูมิใจ
 
หลังจากอิ่มเราก็เข้าบริษัทกัน นาคินทร์ขึ้นดาดฟ้าไปทำหน้าที่ของตัวเองส่วนผมก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน

“คิดว่าจะไม่มาซะอีก มองหาไม่เจอ”

ผมหันไปมองคนทัก

“คุณเอกสิทธิ์”
ผมยิ้มให้ คุณเอกสิทธิ์มองหน้าผม

“ว่างทานข้าวเที่ยงกับฉันรึยัง ชวนหลายรอบแล้วนะ”

ผมทำท่าอึดอัด

“คือ ผมมีข้าวกล่องมากินน่ะครับ อีกอย่างต้องไปทำงานพิเศษบนดาดฟ้าด้วย”

คุณเอกสิทธิ์มองหน้าผม

“งั้นเอางี้ ฉันจะซื้อข้าวไปนั่งกินด้วย คงไม่รังเกียจใช่ไหม”

ผมนิ่งคิด

“ครับ”

คุณเอกสิทธิ์ฉีกยิ้มกว้าง ต่างคนต่างแยกย้าย พอตกเที่ยง คุณเอกสิทธิ์ก็หิ้วถุงข้าวกล่องมาดักรอ

“อ้าว ข้าวนายล่ะ”

“อยู่ข้างบนครับ อยู่กับนาคินทร์”
ผมอ้อมแอ้มบอก คุณเอกสิทธิ์ทำหน้าแปลกใจ

“พอดีเราอยู่บ้านเดียวกันครับ”
คุณเอกสิทธิ์พยักหน้าเข้าใจ

“เป็นอะไรกัน”
คำถามนั้นทำเอาผมต้องพยายามค้นหาคำตอบ

“ลูกพี่ลูกน้องครับ”
ผมจำต้องโกหกออกไป คุณเอกสิทธิ์พยักหน้าเข้าใจ ผมเดินนำ โดยมีคนตัวโตเดินตาม แอบเสียดายนิด ๆ ที่จะไม่ได้กินข้าวกับนาคินทร์เพียงลำพังสองคน

พอคิดถึงนาคินทร์แล้วก็อดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ได้ ผมนี่ทุเรศจริง ๆ ฝันเปียกแบบนั้นได้

เพราะมัวคิดอะไรเพลิน ๆ ไม่มองทาง ผมเดินสะดุดเท้าตัวเองเข้าจะล้ม คุณเอกสิทธิ์รีบรับไว้

“ขอบคุณครับ”
ผมบอกเสียงเบา

“หอมจัง”

ผมเงยหน้ามองคนพูดงง ๆ ดันตัวออกมอง

“หอมกลิ่นข้าวกล่อง หิวจะแย่แล้ว”
คุณเอกสิทธิ์ยกข้าวกล่องให้ดู ผมอมยิ้ม

“ผมลืมหยิบเสื้อมาคืน ไงพรุ่งนี้จะเอามาคืนนะครับ”

คุณเอกสิทธิ์โบกมือ

“ถ้าชอบ ฉันยกให้”

ผมส่ายหัว

“คุณตัวใหญ่กว่าผมตั้งเยอะ”

คุณเอกสิทธิ์หัวเราะ พากันเดินขึ้นชั้นบนไป

นาคินทร์หันมามองทันทีที่ประตูดาดฟ้าเปิดออก มองตรงมาทางผม พอ ๆ กับคนด้านหลัง ไม่ได้พูดอะไร แบกถุงดินใส่หลัง เดินไปอีกทาง

“นี่ นายต้องทำงานแบบพวกนี้เหรอ”
คุณเอกสิทธิ์ถาม ผมอ้ำอึ้ง

“ครับ”

“นาคินทร์ กินข้าวกันเถอะ”
ผมตะโกนชวน นาคินทร์พยักหน้า ถอดถุงมือเดินไปล้างมือ ภาพฝันเมื่อคืนวนเวียนซ้ำ ๆ ผมพยายามจะไม่คิด แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้จริง ๆ นาคินทร์เดินมาทางผมกับคุณเอกสิทธิ์

“คุณเอกสิทธิ์เขาขอมาทานด้วย”

“เอ่อ งั้นพวกคุณทานกันสองคนก็ได้ครับ ผมจะไปทานกับคนงาน”

“ทานด้วยกันนี่แหละ”
ผมรีบเบรกไว้ นาคินทร์ส่ายหน้า คว้าข้าวกล่องเดินตามพวกคนงานไป ผมเม้มปากแน่น จะเรียกก็เรียกไม่ทัน แต่ก็รู้ว่านาคินทร์คงอึดอัดเพราะกลัวคนอื่นจะรู้ฐานะผมเหมือนกัน

“เราคงต้องกินกันสองคน”
ผมบอกคุณเอกสิทธิ์

“ยังไงก็ได้” คนตัวสูงบอกชิลล์ ๆ

ผมพาคุณเอกสิทธิ์ไปนั่งกินกันบนโต๊ะที่ผมกับนาคินทร์เคยกินด้วยกันนั่นแหละ เปิดข้าวกล่องออก ของคุณเอกสิทธิ์ก็คล้าย ๆ กัน แต่เป็นข้าวกล่องจากครัวของร้านอาหารใต้ตึก ผมกินไปเหลือบมองนาคินทร์ไป

“ข้าวติดปากแน่ะ”
คุณเอกสิทธิ์แตะบางสิ่งออกจากมุมปากผม ผมยิ้มให้นิดหนึ่ง

“มีแฟนรึยัง”
อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น ผมมองงง ๆ

“ยังหรอกครับ”

คุณเอกสิทธิ์เลิกคิ้ว

“เคยคบใครมาก่อนไหม โทษที ถ้าถามเรื่องส่วนตัวไปบ้าง คิดว่าฉันเป็นพี่ชายละกัน”

ผมยิ้มให้ ส่ายหัว

“ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่”

“สเปคเป็นแบบไหน”
เขาถามมาลอย ๆ ผมเหลือบมองไปทางนาคินทร์นิดหนึ่ง

“ใจดี อบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”

“หมายถึงสเปคภายนอก รูปร่างหน้าตา หุ่น”

ผมมองตาคนถาม

“ผมไม่ได้ตั้งสเปคภายนอกไว้ครับ ผมดูคนที่จิตใจ”

คุณเอกสิทธิ์เลิกคิ้ว ยิ้มอย่างพอใจ

“งั้นขอแค่จิตใจดี อบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ภายนอกเป็นไงก็ได้ใช่ไหม”
ผมพยักหน้า คุณเอกสิทธิ์ยิ้ม ไม่ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ พาคุยเรื่องอื่นไปแทน

แอบเห็นเหมือนกันว่านาคินทร์หันมามองบ่อย ๆ พออิ่มก็เริ่มงานทันที ผมล้างมือแล้วเริ่มงานเหมือนกัน ไม่งั้นเดี๋ยวโดนจับได้ว่าโกหก



To be Con...
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 01-08-2016 10:04:43
ตอนที่แล้วเลือดแทบพุ่ง แล้วทำไมตอนนี้มันหน่วงๆ พิกล
 ฮือ ฮือ ฮือ ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(31-7-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-08-2016 16:50:26
ไม่ชอบเอกสิทธิ์มาแทรกกลางเขาทำไม!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 01-08-2016 19:19:07
อิคุณเอกสิทธิ์นี่หื่นแฮะ เดี๋ยวก็หลุด เนียนมั่งละ หอมมั่งละ โอยยยยย ขนนี่ลุกเลย ดูโรคจิตอ่อนๆมั้ยหนะ 5555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-08-2016 19:44:07
โถถถถถ ยั่วขึ้นแล้ว.....แต่นกเฉ้ยยย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 01-08-2016 19:56:12
คุณเอกสิทธิ์มีความหื่นมากอะ ไม่เนียนเลยอะ ไม่เหมือนนาคินทร์ อ่าว 55555555555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 01-08-2016 20:20:13
รำคาญเอกสิทธิ์ เหมือนแมลงหวี่แมลงวัน ไม่ได้ทำร้ายอะไรแต่ก็น่ารำคาญ 55555

หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 01-08-2016 21:24:05
 :z6: :z3:
นาคิน ออกอาการหึงโหด หน่อยเราลุ้น
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 01-08-2016 21:52:14
คุณหนูสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-08-2016 21:52:47
นาคินจัดการเอกสิทธิเลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-08-2016 21:59:05
คุณหนู ไปคิดว่าตัวเองฝัน ซะงั้น :katai1:
นาคินทร์  คิดว่าที่ตัวเองทำนั้นไม่สมควร
ทำผิดกับเจ้านาย เลยลงโทษตัวเอง
นาคินทร์ เจียมตัวเองตลอด  :mew2:
เอกสิทธิ์ รุกแล้ว รุกแบบน่ารังเกียจ  :m16: :m16: :m16:
(หรือเพราะเป็นทีมนาคินทร์ เลยทำอะไรก็ไม่ดีไปโหม้ด.....กร๊ากกกก)
แต่ที่อยู่ในสายตาคุณหนู มีแต่นาคินทร์ :mew1: :mew1: :mew1:
นาคินทร์ ยิ่งเห็นเอกสิทธิ์ มาป้อคุณหนู จะมีท่าทียังไง นะ :katai1:
รอ ทั้งคู่จะจูนเข้าหากัน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 01-08-2016 22:43:35
นาคินทร์หึงหนักๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 01-08-2016 23:07:30
 :pighaun: :haun4: :jul1:

เรารู้นะว่านาคินทร์ทำอะไร :hao4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-08-2016 14:40:05
ชิชะ มาแทรกทำไมเนี่ย เซ็งแทนอนุชาเลย :mew5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 07 แอบยั่ว & ฝัน?? (P.7)(1-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: JACKSON ที่ 02-08-2016 19:19:23
นาคินทร์ต้องไม่ทนนะ.. :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-08-2016 20:43:01
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 08 : ดินกับดาว & เมา

ผมหยิบถุงมือสำรองที่วางไว้มาสวม โดยมีคุณเอกสิทธิ์นั่งมองอยู่ตรงจุดที่กินข้าว ผมจะแบกถุงดินเหมือนที่นาคินทร์ทำ แต่นาคินทร์เบรกไว้

“อย่าครับ มันหนัก ไปเอาต้นไม้ลงหลุมดีกว่า เบาหน่อย”
ผมพยักหน้า ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ใกล้ถุงต้นไม้ที่เตรียมเอาลงดินที่เกลี่ยไว้รอ ผมเคยปลูกกับนาคินทร์สมัยก่อน จึงพอทำเป็น

“ฉันว่าฉันไม่รบกวนเวลาทำงานเธอละ เจอกันข้างล่างนะ”
คุณเอกสิทธิ์เดินมาบอก ผมพยักหน้า หันมาเตรียมจะเอาต้นไม้ลงดินต่อ แต่นาคินทร์เบรกไว้

“อย่าดีกว่าครับ คุณเอกสิทธิ์ไปแล้ว คุณหนูไม่จำเป็นต้องทำหรอก”

“แต่ฉันอยากทำ”
ผมยืนยัน นาคินทร์พยักหน้า ผมแกะถุงดำออกโดยมีนาคินทร์ช่วยอยู่ข้าง ๆ ช่วยกันประคองลงหลุม แดดตอนเที่ยงอย่างเปรี้ยง เหงื่อไหลย้อยลงมาเป็นทาง

“ผมว่าคุณหนูพักดีกว่าครับ เหงื่อไหลหมดแล้ว”

“ไม่เป็นไร เหงื่อออกเยอะดี ออกกำลังกายไปในตัว”
ผมบอกยิ้ม ๆ ใช้แขนปาดเหงื่อ

“คุณหนู” นาคินทร์เรียก “อยู่นิ่ง ๆ ครับ”
ผมอยู่นิ่งตาม นาคินทร์ถอดถุงมือออก ใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดบางสิ่งจากแก้มผมให้ หน้าผมร้อนผ่าว ไม่รู้ร้อนเพราะมือนั้นหรือร้อนเพราะอะไรกันแน่

“อย่าใช้แขนเช็ดครับ แขนคุณหนูมีแต่ละอองดิน”

ผมก้มมองดู ก็จริงอย่างที่นาคินทร์ว่า

“ทำอะไรผิดนักหนา วันนี้ถึงได้ทำตัวเคร่งขรึมนัก”
ผมได้ทีถาม

“นาคินทร์ก็ปกติ”

“ปกติที่ไหน บอกได้ไหมว่าทำอะไรผิด”
นาคินทร์มองตา แต่ไม่พูดอะไร

“นาคินทร์ไม่เคยทำหน้าดุใส่ฉันนะ แต่วันนี้นาคินทร์หน้าดุมากรู้ไหม”

“ขอโทษครับ นาคินทร์ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณหนูรู้สึกแบบนั้น”

“บอกไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม”

“ครับ นาคินทร์ขอโทษด้วย”
นาคินทร์ทำหน้าสำนึกผิด ผมยิ้ม ไม่เซ้าซี้ต่อ

“ฉันบอกว่าจะเป็นฝ่ายทำโทษในสิ่งที่นาคินทร์ทำผิดแทนการอดข้าวใช่ไหม”
นาคินทร์พยักหน้า ผมอมยิ้ม

“งั้นฉันจะทำโทษนาคินทร์เดี๋ยวนี้แหละ อยู่นิ่ง ๆ นะ”
นาคินทร์ทำหน้างง ผมไม่พูดอะไร ถอดถุงมือออก เอานิ้วแต้มดินที่เปื้อนน้ำนิด ๆ จนเป็นโคลนแตะไปที่แก้มคนตัวสูง นาคินทร์ชะงักมองนิดหนึ่ง

“อยู่นิ่ง ๆ สิ”
นาคินทร์นิ่งตาม ผมวาดเป็นหนวดแมวบนหน้าข้างละสามเส้น ทำเสร็จแล้วก็หัวเราะ ล้วงหยิบมือถือมากดถ่าย

“เอาละ ฉันขอทำโทษ สั่งให้นาคินทร์เป็นแมวไปตลอดทั้งเที่ยงนี้”
คนที่ทำหน้าเครียดอยู่หัวเราะเสียงดัง ผมจ้องมองใบหน้าประดับรอยยิ้มพร้อมหนวดหกเส้นนั้น

“นาคินทร์”
ผมเรียก คนที่กำลังหัวเราะอยู่หุบยิ้มลง
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านาคินทร์ทำผิดอะไรมา แต่ยกโทษให้ตัวเอง แล้วยิ้มหรือหัวเราะนะ ฉันไม่ชอบเห็นนาคินทร์หน้าบึ้งหรือเครียด ฉันชอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของนาคินทร์มากกว่า เวลาที่มอง มันพลอยทำให้ฉันมีความสุขด้วย นาคินทร์บอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อฉัน แค่นี้ทำได้ไหม”

นาคินทร์มองหน้าหลุบตาลงต่ำ

“นะ ถือว่าฉันขอ”

“ครับ เพื่อคุณหนู”
นาคินทร์เงยหน้ามารับปากอีกที เรียวปากได้รูปยกวาดเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง ผมยิ้มตามบ้าง เราช่วยกันปลูกต้นไม้ต่อกระทั่งหมดเวลาพักเที่ยงผมก็ไปล้างไม้ล้างมือเพื่อลงไปทำงานต่อ









“บ้านอยู่ไหน ฉันจะไปส่ง” คุณเอกสิทธิ์ดักทางบอก

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับพร้อมนาคินทร์”
คุณเอกสิทธิ์พยักหน้าเข้าใจ บอกลาแล้วแยกทาง

“คุณหนูครับ”

ผมหันไปมองธีระที่มาเสียงเบา ธีระทำหน้าอึดอัด

“มีอะไร”
ผมถามงง ๆ เพราะธีระไม่ยอมพูดสักที

“คุณเอกสิทธิ์”

ผมเลิกคิ้วสูงกว่าเดิม

“ทำไม”

“เปล่า ๆ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณหนูต้องเลื่อนไปทำในส่วนของแผนกจัดซื้อนะครับ ผมไม่น่าจัดไว้แบบนี้เลย” คำหลังธีระพูดกับตัวเองเบา ๆ สีหน้าไม่สบายใจนัก

“ทำไม”

ธีระทำท่าคิด

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณหนูไม่ใช่แบบนั้น คงไม่มีปัญหาอะไร”
ธีระพูดแค่นั้นแล้วเดินเลี่ยงไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ผมมองตามงง ๆ วันนี้ผมต้องอยู่ทำโอทีสามชั่วโมงเพราะมาสาย ผมโทรบอกให้นาคินทร์กลับก่อน แต่นาคินทร์ยืนยันจะรอ


พอเลิกงาน ผมก็เดินขึ้นดาดฟ้าไป ไฟยังส่องสว่าง ผมชอบดาดฟ้ายามค่ำคืน วันนี้มันก็สวยเหมือนเดิม อาจมากกว่าเดิมด้วย เพราะเริ่มมีต้นไม้ประดับ นาคินทร์นั่งคุกเข่าหันหลังตอกอะไรโป๊ก ๆ อยู่ที่พื้นไม่สนใจอะไร คนงานกลับกันหมดแล้ว ตอนนี้จึงเหลือนาคินทร์แค่คนเดียว

ผมปิดประตูเบา ๆ ย่องเงียบไปทางด้านหลัง กะจะปิดตาคนตัวสูงเล่นเหมือนที่เคยทำเมื่อวาน ผมย่องทีละก้าวกระทั่งไปหยุดยืนอยู่ด้านหลัง กำลังจะเอื้อมมือไปปิดตา แต่นาคินทร์ขยับลุกหันมาพอดีเลยชนผมเข้าเต็ม ๆ จนผมเสียหลักจะล้ม วงแขนแกร่งรีบตวัดโอบรัดร่างผมไว้ทันที พลอยพากันล้มโครมลงไปด้วยกัน

ดีว่าพื้นถูกปูหญ้าเทียมหมดแล้ว มันเลยไม่เจ็บ ผมนอนอยู่ข้างใต้ โดยมีเรือนร่างสูงใหญ่ของนาคินทร์คร่อมทับอยู่ด้านบน

“คุณหนู เจ็บตรงไหนไหม” นาคินทร์รีบรัวลิ้นถาม

“ไม่หรอก แล้วนาคินทร์ล่ะ” ผมถามกลับเสียงแผ่ว

ความรู้สึกนี้มันคุ้น ๆ แฮะ…
เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน ความร้อนเริ่มไหลมารวมกันไว้ที่หน้าผมจนหมด ดวงตาคมนั้นจ้องหน้าผมไม่เลื่อนไปไหน ผมรีบเบือนหลบ

“ลุกได้แล้ว หนัก”
ผมกระซิบบอก นาคินทร์รีบดีดตัวลุกทันที

“ขอโทษครับ”
แล้วค่อย ๆ ประคองตัวผมให้ลุกนั่งตาม ปัดหลังปัดเสื้อเปื้อน ๆ ออกให้
“แน่ใจนะครับ ว่าไม่มีส่วนไหนเจ็บ”

ผมส่ายหน้าไปมา

“ก็มีแค่รอยฟกช้ำอันเดิม”

สีหน้านาคินทร์แสดงออกถึงความสงสาร

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก ฉันไม่เป็นไร ได้ยาดี ดีขึ้นมากแล้ว กลับบ้านไปค่อยอาบน้ำแล้วทายา”
นาคินทร์พยักหน้า ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ดูความคืบหน้าของงานวันนี้ ยิ้มนิด ๆ มันดูดีอย่างที่ผมต้องการเห็นจริง ๆ ผาน้ำตกถูกขึ้นโครง แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ถ้าเสร็จแล้วคงสวยน่าดู

สายลมพัดผ่านผิวหน้าเบา ๆ จนเส้นผมของผมปลิวสะบัดมาละดวงตา มันยาวมากแล้ว คงต้องหาเวลาว่างไปตัดสักที

อยู่ ๆ ก็มีมือใหญ่มาเกลี่ยเส้นผมออกให้ ผมหันไปมองคนทำงง ๆ คนทำเองก็มีสีหน้าตกใจรีบชักมือกลับ

“ขอโทษที่นาคินทร์ถือวิสาสะครับ”

ผมยิ้ม

“ขอบใจนะ นาคินทร์ทำทุกอย่างเพื่อฉันจริง ๆ”

นาคินทร์มองตาแล้วเสมองไปทางอื่น

“ดาวมันอยู่สูงนะครับ”

ผมมองคนพูดงง ๆ

“สูงจนไม่มีทางที่คนธรรมดา ๆ อย่างผมจะอาจเอื้อมถึง สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือแหงนคอมองเท่านั้น”

ผมแหงนมองตามบ้าง นึกย้อนถึงตัวเองกับนาคินทร์

ใช่…
ดาวเป็นของสูง ห่างจากผืนดินมาก ไม่มีทางที่ทั้งสองจะมาบรรจบกันได้ สิ่งที่ดาวทำได้ ก็เพียงก้มมองพื้นดินอันหนักแน่นเท่านั้น

ผมหันไปมองคนตัวสูง ใบหน้านั้นยังแหงนขึ้นมองสิ่งที่กะพริบแสงเลือนรางด้านบน แสงไฟที่สะท้อน มันสร้างภาพที่สวยงามจนผมอยากหยิบกล้องมากดถ่าย

ผมอยากโอบกอดนาคินทร์ไว้ แต่ก็รู้ว่ามันไม่ควร ยิ่งนานผมยิ่งรู้ว่าหัวใจผมกำลังเต้นในจังหวะที่มีชายคนนี้เข้ามายืนอยู่ แต่ผมก็รู้ว่าหัวใจนาคินทร์เต้นด้วยจังหวะของทาสผู้ภักดี

“อยากไปในที่ที่มีดาวเยอะ ๆ จัง”
ผมเปรย นาคินทร์ละสายตาจากดวงดาวด้านบนก้มต่ำมามอง ผมมองสบตาคนตัวสูง

“ไปกันไหม ไปในที่ที่มีดาวเยอะ ๆ หาวันหยุดสักวันไป”

“นาคินทร์ไม่รู้จักสถานที่ที่มีดาวเยอะ ๆ แบบที่คุณหนูว่าหรอก ยกเว้นบ้านเกิดนาคินทร์เอง”

“งั้นก็ไปบ้านนาคินทร์ ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่าอยากไปเที่ยวด้วย พายัยหนูแดงไปด้วย ไปศุกร์กลับวันอาทิตย์ก็ได้”

นาคินทร์นิ่งคิด

“ครับ”

ผมฉีกยิ้มกว้างแหงนหน้ามองดาวต่อ


เรายืนแหงนหน้ามองดาวกันพักก็พากันกลับ นาคินทร์เดินไปปิดไฟจนหมด ปิดประตูดาดฟ้าลง เสียงฝีเท้าของเราสองคนกระทบพื้นเป็นจังหวะ แอบหวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีมาก ๆ ผมกัดปากตัวเองเบา ๆ เม้มปากแน่น

“นาคินทร์”
คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ครางรับ
“คืนนี้ฉันขอไปนอนค้างด้วยได้ไหม”
นาคินทร์เบรกเท้าลงกึก

“อย่าดีกว่าครับ มันไม่สะดวกคุณหนู นาคินทร์เองก็รู้สึกไม่สบายใจที่คุณหนูนอนไม่สบาย”

“ฉันหลับสบายดี ไม่ดีจะขอนอนต่อรึไง”

“อย่าดีกว่านะครับคุณหนู นาคินทร์ขอร้อง”
นาคินทร์หันมาทำหน้าจริงจังใส่ ผมหน้าสลดลง

“ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”
ผมรู้สึกเสียใจจริง ๆ เสียใจที่โดนปฏิเสธด้วย เสียหน้านิด ๆ ด้วย

“คุณหนูครับ นาคินทร์ขอโทษจริง ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยครับ นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูเสียใจหรือเสียความรู้สึก แต่ถ้าคุณหนูไปนอนด้วย นาคินทร์อาจ…”
นาคินทร์หยุดคำไปแค่นั้น ผมเงยหน้ามอง

“นาคินทร์อาจนอนดิ้นจนทำคุณหนูเจ็บตัวได้ เมื่อคืนก็ทีแล้ว คุณหนูอาจไม่รู้ตัว เพราะงั้นอย่าดีกว่าครับ”

ผมเลิกคิ้ว ก่อนยิ้มกว้าง

“นี่อย่าบอกนะว่า ที่ทำโทษตัวเองไปวันนี้เพราะนอนดิ้นมาถูกฉัน”     

นาคินทร์หลบตาไม่ตอบ ผมหัวเราะ

“โธ่เอ๊ย คิดว่าเรื่องอะไร ฉันไม่บอบบางขนาดนั้นหรอก”

“อย่าดีกว่าครับ นาคินทร์ขอร้อง นาคินทร์ไม่อยากเผลอทำร้ายคุณหนู ไม่ว่าจะมากหรือน้อย”
นาคินทร์ส่งสายตาขอร้องมาอย่างจริงจังจนผมต้องยอมแพ้ ผมถอนหายใจแรง พยักหน้ารับ

“ก็ได้ ขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบากใจ”

“นาคินทร์ก็ขอโทษที่ทำตามคำสั่งคุณหนูไม่ได้”
 
ลิฟท์วิ่งมาถึงลานจอดรถ นาคินทร์เปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง ท้องถนนยามนี้ว่างสนิทลงแล้ว เราต่างคนต่างเงียบกระทั่งรถวิ่งมาถึงบ้าน ผมแยกทางกับนาคินทร์เดินขึ้นห้องไป อาบน้ำอาบท่ามาอยู่ในชุดนอนเรียบร้อย

ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่รู้สึกร้อนมากมายขนาดนี้ มันร้อนจนรู้สึกทรมาน ผมอยากให้นาคินทร์กอดผม กอดแบบในฝัน ผมเดินไปอันล็อกกลอนหน้าต่าง ผลักมันออกกว้าง ก่อนชะงักมองตาของคนที่แหงนหน้ามองมา นาคินทร์เองก็ชะงักไม่ต่าง

[50%]

ผมฉีกยิ้มกว้างส่งให้ นาคินทร์เมินหน้าหลบ ผมอมลม

อะไรวะ คนอุตส่าห์ยิ้มให้

กำลังจะอ้าปากตะโกนคุย แต่ลืมไปว่าดึกแล้ว ผมปิดหน้าต่างลง ก้าวออกจากห้อง คืนนี้ถ้าไม่ได้คุยกับนาคินทร์ก่อนนอนคงนอนไม่หลับแน่ ๆ ผมย่องเบาออกจากห้องตรงไปตามทาง ดวงไฟเป็นดาวน์ไลท์ที่ติดไว้กับพื้น มันส่องสว่างสวยงามดี ผมเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ เดินให้เบาที่สุด กวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเจ้าของบ้าน แต่ไม่เห็น

ไปไหนของเขา เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย

ผมย่องเบากริบ กะว่าถ้าเห็นจะจ๊ะเอ๋ซะหน่อย ไฟในห้องปิดสนิทแปลว่าไม่อยู่ในห้อง แต่ไฟนอกบ้านยังเปิดอยู่ น่าจะยังไม่เข้านอน ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ทางหลังบ้าน ผมยิ้ม ย่องเบาเข้าไปใกล้ กำลังจะโผล่หน้าเข้าไป ก่อนชะงักค้างเพราะภาพและเสียงที่ได้ยิน

ท่ามกลางโรงเลื่อยที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือ มีไฟสลัว ๆ เปิดไว้เพียงดวงเดียว นาคินทร์ยืนพิงหลังกับชั้นเครื่องมือ ชุดที่เห็นเป็นชุดเดียวกับที่ผมมองลงมาเห็นเมื่อกี้ เสื้อกล้ามสีขาวมอ ๆ กางเกงยางยืดเก่า ๆ แต่ตอนนี้มันถูกดึงลงจนบางส่วนโผล่ออกมา

สิ่งนั้นลุกชัน ปลายยอดหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำสีใส ๆ มือใหญ่ข้างหนึ่งกอบกุมมันไว้ ดวงหน้าได้รูปนั้นแหงนขึ้นนิด ๆ เปลือกตาสีเข้มปิดสนิทอย่างอยู่ในภวังค์ ผมเอามือปิดปากที่กำลังอ้าค้างเกือบจะเปล่งเสียงด้วยความตกใจ

นาคินทร์กำลังช่วยตัวเองอยู่!

ได้ยินเสียงครางทุ้ม ๆ ออกมาจากลำคอได้รูปนั้น มือใหญ่ยังขยับไม่หยุด ผมมองสิ่งที่กำลังตื่นตัว ผมเคยเห็นของนาคินทร์ตอนหลับ แต่สิ่งที่เห็นวันนี้คือมันกำลังตื่นตัวเต็มที่

ตัวผมเห่อร้อนขึ้นมาทันที สิ่งที่อยู่ภายในกางเกงตื่นขึ้นราวกับเป่านกหวีด ผมเบ้หน้า นาคินทร์ขยับหลังชนชั้นแรงขึ้น แหงนหน้าขึ้นอีกนิด ขยับเบื้องล่างเร็วขึ้น

ภาพที่เห็นเซ็กซี่เอามาก ๆ จนผมแทบทนไม่ไหว

ไม่คิดว่านาคินทร์จะเซ็กซี่ขนาดนี้ ได้ยินเสียงนาคินทร์ครางเรียกชื่อใครสักคน แต่ผมได้ยินไม่ถนัด ยิ่งเมื่อมือนั้นเร่งความเร็วมากขึ้น ผมเองก็แทบจะไปด้วยทั้งที่ยังไม่ได้แตะต้องของตัวเอง

หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อสิ่งนั้นของนาคินทร์ฉีดพ่นลาวาความใคร่ออกมา นาคินทร์ยืนหอบแฮก ปล่อยมือจากสิ่งนั้นให้มันค่อย ๆ สงบลง ผมขยับขาก้าวถอย เพราะขืนนาคินทร์รู้ว่าผมมายืนมอง อาจรู้สึกกระดากอาย อีกอย่างเดี๋ยวนาคินทร์รู้ว่าผมตื่นเหมือนกัน ผมเดินเลี่ยง ตอนแรกว่าจะคุยกับนาคินทร์ แต่สิ่งที่อยู่ในกางเกงผมมันประท้วงให้ผมปลดปล่อยเหมือนกัน

ผมเดินเร็วกลับห้อง พอปิดประตูได้ ผมก็รีบล้วงมือผ่านกางเกง ยืนท่าเดียวกับนาคินทร์ จัดการตัวเองไปอีกรอบ

แย่แล้ว

ผมแย่แน่ ๆ

ผมต้องการนาคินทร์





รุ่งขึ้น ผมเดินเบลอ ๆ ลงมาจากห้องเพื่อกินข้าว เมื่อคืนผมก็ฝันเปียกอีก ฝันว่าโดนนาคินทร์กอด ทุกคนหันมองหน้าผม แต่ผมไม่สนใจ คงจะมองเพราะหัวผมฟู ลืมหวีผม แต่ช่างมันเถอะ มันไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากสักหน่อย

วันนี้ต้องทำงานที่แผนกจัดซื้อเป็นวันแรก ผมเลยเปลี่ยนการแต่งตัวให้ดูเนี๊ยบและดูมีเสน่ห์ขึ้น เวลาไปเจรจากับลูกค้าจะได้ง่าย ๆ หน่อย

“นี่ ช่วงนี้คบใครอยู่หรือเปล่าอนุชา”

ผมหันไปมองคนถาม แม่ผมเองครับ ผมมองท่านงง ๆ

“เปล่านี่ ทำไมครับแม่”

“เปล่า เราดูมีเสน่ห์แปลก ๆ เหมือน…”
แม่ผมหยุดพูด แล้วหันไปทางชยันต์แทนคำตอบ ผมมองชยันต์แล้วหันกลับมามองแม่

ชยันต์หัวเราะคิก แต่ไม่พูดอะไร

หลังกินข้าวอิ่มผมก็เดินออกจากบ้าน นาคินทร์รออยู่ก่อนแล้ว หน้าผมร้อนผ่าว นาคินทร์ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์สีดำ เท่ไม่หยอก

“นาคินทร์”
ผมเรียกคนที่กำลังแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า นาคินทร์เป็นคนชอบมองอะไรที่มันสูง ๆ จริง ๆ นาคินทร์หันมามอง ชะงักค้างจ้องหน้าผมเขม็ง

“ทะ ทำไมเหรอ วันนี้ฉันแค่ลืมหวีผม มันทุเรศมากเลยเหรอ”
ผมใช้นิ้วสาง ๆ ผมตัวเอง

“เปล่าหรอกครับ น่ารักดี เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเหรอครับ”

“อื้ม ต้องย้ายไปอยู่แผนกจัดซื้อกับคุณเอกสิทธิ์น่ะ”

นาคินทร์พยักหน้ารับ เปิดประตูรถให้ ผมก้าวเข้าไปนั่ง นาคินทร์ตามขึ้นมา เขาเปิดเพลงให้ฟังเบา ๆ แนวเพลงที่ผมชอบทั้งนั้นเลย บางเพลงก็ได้ยินนาคินทร์ร้องคลอ ผมหันไปมอง

“ร้องเป็นด้วยเหรอ”
นาคินทร์หยุดร้องทันที

“ขอโทษครับ ผมเผลอ”

“เปล่า ๆ เพราะดี ไม่คิดว่านาคินทร์จะร้องได้”

“เวลาทำงาน เปิดเพลงฟังก็เพลินดี ฟังมาก ๆ มันเลยร้องตามได้”

“งั้นร้องไปสิ ฉันอยากฟังเสียงนาคินทร์ร้องคลอไปด้วย”
นาคินทร์ไม่ปฏิเสธ ร้องคลอไปด้วย ผมนั่งยิ้ม

“นี่ถ้าฉันหลงไปติดเกาะที่ไหนกับนาคินทร์เข้า ไม่มีวิทยุ ฉันจะกดจมูกซ้ายนาคินทร์เพื่อเปิดเพลง หมุนหูขวาหาคลื่นเอฟเอ็ม หมุนหูซ้ายหาคลื่นเอเอ็ม”

คนที่กำลังร้องเพลงอยู่หยุดร้องหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมหัวเราะตามบ้าง ดีใจที่ทำให้นาคินทร์หัวเราะได้ กลิ่นน้ำหอมที่นาคินทร์ใส่ลอยคลุ้งสบายจมูก

มีเด็กถือขนมมายืนขายข้างถนนตอนรถติด นาคินทร์เปิดเก๊ะหยิบเงินมาสี่สิบบาท เปิดกระจกรถ โบกมือเรียกเด็กคนนั้น

“ถุงละเท่าไหร่”

“สิบบาทค่ะ”
สาวน้อยในชุดเสื้อมอ ๆ บอกเสียงเบา

“ลุงขออันหนึ่ง”
สาวน้อยยื่นให้ถุงหนึ่ง นาคินทร์ยื่นเงินให้สี่สิบบาท

“ลุงให้”
เด็กน้อยยกมือไหว้ ขยับออกห่าง ไฟเขียวพอดี ผมยิ้มนาคินทร์วางถุงขนมไว้ข้าง ๆ มันเป็นเพียงขนมปังอบแห้งที่น่าจะทำเองมากกว่ารับมา สีหน้าท่าทางคงไม่ได้อร่อยมาก นาคินทร์คงต้องการช่วยเด็กคนนั้นมากกว่า

“ใจดีจัง” ผมชม

“ถ้าคิดว่าเด็กคนนั้นคือยัยหนูแดงแล้วต้องมาลำบากแบบนี้ ผมคงใจสลาย”
นาคินทร์พูดเสียงเบา ผมยิ้ม

“หนูแดงมีพ่อที่ดี หนูแดงต้องภูมิใจในพ่อของตัวเองแน่ ๆ”
นาคินทร์หันมามอง แล้วหันกลับไปขับรถต่อ ผมก้มมองขนม

“ขอชิมหน่อยนะ”

“ครับ”

ผมลองหยิบขึ้นชิม โห รสชาติดีกว่าหน้าตาเยอะ

“อร่อยดีนะนาคินทร์ อ่ะ ลองชิมดู”
ผมบิแบ่งชิ้นไปจ่อปากนาคินทร์

“เอ่อ นาคินทร์ว่านาคินทร์กินเองก็ได้ครับ”

“ขับรถอยู่ อันตราย มือเปื้อนด้วย ให้ฉันมือเปื้อนคนเดียวก็พอ”

“แต่...”

“อย่าขัดน่า”

“ครับ”
นาคินทร์จำต้องอ้าปากรับ ปากได้รูปเคียวหงุบ ๆ

“เป็นไง”

“อร่อยดี”

“ใช่ไหม สงสัยครอบครัวของเด็กคนนั้นจะทำเอง”
ผมบิกินอีกสลับกับยกป้อนคนตัวสูง

“นาคินทร์ว่าพอแล้วก็ได้ครับ เกรงใจคุณหนู”

“ไม่ต้องเกรงใจน่า ขนมน่ะ มันจะอร่อยก็ต่อเมื่อกินกันหลาย ๆ คน นายไม่รู้รึไง”
นาคินทร์พยักหน้า ผมบิแบ่งอีกชิ้น จ่อปาก นาคินทร์เบรกรถเพราะไฟแดงมาพอดี จังหวะที่รถเบรกพลอยพาเอานิ้วผมไถลเข้าปากนาคินทร์ลึกขึ้น นาคินทร์งับไว้อัตโนมัติ คงคิดว่าเป็นขนม ผมหรี่ตาลงนิด ๆ เพราะความเจ็บ นาคินทร์หันมามอง ชะงักค้างไว้แค่นั้น ผมยังไม่ชักนิ้วกลับเพราะความกลัวเจ็บ

ปลายนิ้วผมสัมผัสเข้ากับปลายลิ้นร้อน ๆ ของนาคินทร์ ผมรู้สึกร้อนวูบไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความคิดลามกวิ่งปราดผ่านหัว ร่างกายร้อนผ่าว ผมหรี่ตา ครางออกมาเบา ๆ เพราะความหวิวไหวที่เกิดขึ้นภายใน

ลิ้นนี้ใช่ไหมที่ผมฝันเห็นเมื่อคืน…
ลิ้นที่เลียมารอบ ๆ ผิวเนื้อผม

นาคินทร์รีบอ้าปากปล่อยมือผมทันที คว้าจับมือข้างนั้นของผมไว้

“ขอโทษครับคุณหนู นาคินทร์ไม่ได้ตั้งใจ โธ่ เจ็บหรือเปล่า”
เป็นรอยฟันนิด ๆ ถามว่าเจ็บไหม มันเจ็บครับ เจ็บจนผมรู้สึกตื่นตัวเลยล่ะ

หรือว่าผมจะเป็นพวกมาโซคิสม์นะ เจ็บแล้วมีอารมณ์ ผมเม้มปาก พยายามระงับบางความรู้สึกลง นาคินทร์ประคองมือผมไว้ สลับกับมองตัวเลขสีแดงที่กำลังไล่ต่ำลง เป่า ๆ เพื่อให้มือผมหาย

“เป็นรอยเลย”
นาคินทร์ทำท่าจะร้องไห้

“ไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บหรอก”
ผมดึงมือกลับพยักหน้าไปยังไฟที่กำลังจะเขียวข้างหน้า นาคินทร์รีบหันไปจับพวงมาลัย ผมเลิกกินและเลิกป้อนนาคินทร์แล้ว

รู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นพิลึก

 :z10:อ่านต่อค่ะ >>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3444112#msg3444112
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2016 21:15:42
วิสัชนา
นาคินทร์ กำลังช่วยตัวเอง   :-[ :-[ :-[
ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รอ :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-08-2016 21:20:16
ก ไก่เลย สายหื่นอยากรู้อยากเห็น อิอิ

หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 02-08-2016 21:25:43
ลุ้นจริงๆว่าครึ่งหลัง คุณหนูจะเจอกับอะไร
อย่างนี้ต้องรอวันที่นาคินทร์ จะตบะแตก
อิอิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 02-08-2016 21:30:37
 :katai1.    วิสัชนา
นาคินกำลังคิดถึงคุณหนูแล้วช่วยตัวเองอยู่
เรียกชื่อคุณหนูด้วย
แต่เค้าอยากให้คู่นี้ได้กัน ตอนไปดูดาวบ้านนาคิน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-08-2016 21:34:50
ก.ไก่ สิ ต้องก.ไก่เท่าน้านนนนนนนนนนนนน :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 02-08-2016 21:42:56
ก.กาต่วย  ให้เวลาอีกสิบนาทีในการลงที่เหลือ  ฮืออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-08-2016 22:04:52
ชะเง้อชะแง้ มายังอ่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 02-08-2016 22:11:33
นาคินทร์เมาแล้วก็สารภาพรักคุณหนูจากนั้นก็ปล้ำคุณหนูเลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-08-2016 22:55:08
อนุชาดูแรดมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: pamazier24 ที่ 03-08-2016 10:14:48
ก สิคะ อยากเห็นคู่นี้แซ่บกันสักที :impress2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-08-2016 10:31:38
กอ ก่ายยยยยยยยยยย ค่าาาาาา

โฮะๆๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 03-08-2016 11:01:30
อยากไปแอบดูใกล้ ๆ .. :hao4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-08-2016 12:38:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 03-08-2016 15:29:47
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 03-08-2016 15:41:51
มาต่อด่วนที่สุดในสามโลก คนอ่านค้างมากมาย  :ling1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 03-08-2016 16:02:08
แหมมมมมมมม ปล้ำเลยๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 03-08-2016 17:31:12
ตบะจงแตกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 04-08-2016 17:01:19
 :katai1.    วิสัชนา
นาคินกำลังคิดถึงคุณหนูแล้วช่วยตัวเองอยู่
เรียกชื่อคุณหนูด้วย
แต่เค้าอยากให้คู่นี้ได้กัน ตอนไปดูดาวบ้านนาคิน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 04-08-2016 22:11:51
ใจตรงกันขนาดนึ้
จะรออะไรละคะ
จัดกันเลยคะ ขอร้อง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 06-08-2016 00:44:47
โอยยยย. ละมุนละไมมากกกก ค่อยเป็นค่อยไปสุดๆ คนนึงก็ถ่อมตัว คนนึงก็ไม่กล้า  :ling1:
ปล.รู้สึกว่าคุณเอกสิทธิ์จะเริ่มมีบทเยอะขึ้นแล้ว คงไม่มาขัดขวางอะไรหรอกนะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(2-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 06-08-2016 10:32:08
ชอบบบบ จนไปตามอ่านเรื่องของคู่อื่น กลายเป็นว่าชอบทุกคู่ 5555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-08-2016 17:32:54
OMG นาคินทร์คนดีช่วยตัวเอง ฮรือออออ  :hao5:
ชั้นว่ามันต้องโซแดมฮอตแน่เยยยยยยยย 55555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.8)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 06-08-2016 17:48:46
แนะนำนักเขียนนิดนึงนะคะ ถ้าจะอัพที่เหลือให้ต่อรีไพล์ใหม่เลยค่ะ อย่ากลับไปแก้ไขอันเก่าแล้วเติมเข้าไปเลย ตอนแรกเข้ามาเห็นว่าหัวทู้อัพแต่เราหาส่วนที่อัพไม่เจอเลย ต้องไล่ไปดูอันเก่าๆแทน หรือจะอัพทีเดียวหนึ่งตอนเลยจะดีกว่านะคะ

ปล.หน้าที่ 5 นะคะไม่ใช่ 8
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 06-08-2016 19:02:09
รอเมา ใครจะเมานะ นาคินทร์เมาแล้วปล้ำคุณหนูรึเปล่า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-08-2016 19:18:13
ใกล้แล้วๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-08-2016 20:33:46
นาคินจะไม่ไหวแล้วน่ะคุณหนู อิอิ
ไหวใจกับเอกสิทธิมากตัวปัญหาและตัวเร่งชัวร์
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-08-2016 20:38:30
ใครจะตบะแตกก่อนกันน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :haun5: :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 06-08-2016 22:15:20
 :hao4: แอบหวานค่อยๆๆรักสงสัยคนนี้คงรักกันมาก. นาคิน คงยอมคุณนู๋ทุกอย่า แน่เลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-08-2016 23:39:54
มีความมาโซ~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 06-08-2016 23:45:45
นาคินทร์ดูร้อนแรงจัง
เชียร์ให้ได้แอ้มคุณหนูไวๆนะ  :z1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(6-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-08-2016 00:46:07
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-08-2016 18:02:09
(ต่อค่ะ)

ไม่นานรถก็วิ่งมาถึง นาคินทร์แยกตัวขึ้นดาดฟ้าไป ส่วนผมเดินตามเลขาไปรับหน้าที่ใหม่ คุณเอกสิทธิ์ดีใจใหญ่ที่ได้ผมเข้าไปช่วยงานในแผนก เลขาผมมีสีหน้าไม่สู้จะดีนัก

ตอนแรกเลขาให้พี่ผู้หญิงคนหนึ่งสอนงาน แต่คุณเอกสิทธิ์อาสาช่วยสอนเอง ผมก็ว่าดีนะ เพราะดูเขาจะเอ็นดูผมดี

“น่ารักดีนะ วันนี้”

ผมเลิกคิ้วมองงง ๆ

“ต้องชมว่าหล่อไม่ใช่เหรอครับ น่ารักมันใช้กับผู้หญิง”

“โทษที ใช้คำผิดไปหน่อย วันนี้หล่อดี หล่อน่ารัก” มันก็กลับมาอีหรอบเดิม ผมไม่สนใจ ฟังสิ่งที่เขาสอน มันไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ ผมเรียนรู้ระบบให้มากที่สุด พอ ๆ กับเรียนรู้ผู้คนในองค์กรโดยเฉพาะวิธีการทำงานของคน

“ตอนเที่ยงยังต้องทำงานพิเศษที่ดาดฟ้าไหม ได้เงินเดือนเพิ่มแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ทำครับ ผมเคยบอกแล้วว่าผมทำไม่ใช่เพราะต้องการเงิน แต่ต้องการทำเพราะอยากทำให้ได้หลาย ๆ อย่างมากกว่า”
คุณเอกสิทธิ์มองผมด้วยสีหน้าชื่นชม

โห ผมว่าผมน่าจะมีแฟนคลับแล้วละ

ตกเที่ยงคุณเอกสิทธิ์ขอมากินข้าวด้วยเหมือนเดิม ซึ่งผมก็ปฏิเสธไม่ได้ จำต้องให้มาด้วย ผมไม่อยากให้เขามาด้วยเลย เพราะถ้ามาด้วย นาคินทร์ก็ต้องแยกตัวไปกินกับคนงาน หลังจากอิ่ม ผมก็เดินไปหานาคินทร์เพื่อช่วยงาน นาคินทร์มองผม แล้วมองไปทางด้านหลัง

“ผมว่าวันหน้า คุณหนูลงไปทานข้าวข้างล่างดีกว่านะครับ”

“ฉันบอกไปว่าทำงานพิเศษที่นี่”

“ยกเลิกก็ได้”

“ไม่เอา” ผมค้าน

“งานที่ทำวันนี้มันเปื้อนนะครับ ชุดคุณหนู…”

ผมก้มมอง
นั่นน่ะสิ แต่งตัวไม่เรียบร้อย คงไม่ดี ตอนบ่ายต้องออกไปข้างนอกด้วย ทำอยู่แต่ในออฟฟิศ มีกลิ่นเหงื่อก็ยังไม่น่าเกลียด

“งั้นรอเดี๋ยวนะครับ”
นาคินทร์เดินหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมเสื้อยืดเนื้อสบาย ผมมองงง ๆ

“จริง ๆ ว่าจะซื้อมาให้คนงานใส่ แต่ให้คุณหนูก็ได้ครับ ถ้าไม่รังเกียจ มันเป็นเสื้อถูก ๆ ไว้ทำงาน แต่ไม่มีกางเกงให้ คุณหนูก็ระวัง ๆ เอาหน่อย”

ผมพยักหน้า รับมาถือ

“ดีกว่าชุดเปื้อนเยอะ”
ผมเดินหายลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำบนดาดฟ้า แล้วเดินออกมาช่วยนาคินทร์ เขาให้ผมทำงานเบา ๆ แหละ ไม่หนักมาก ไม่ร้อนด้วย เพราะนาคินทร์ให้ทำในส่วนที่อยู่ในหลังคา ในขณะที่ตัวเองและคนงานคนอื่นทำข้างนอก คุณเอกสิทธิ์ก็ไม่ยอมไปสักที

พอใกล้หมดเวลาผมก็เข้าไปอาบน้ำล้างเหงื่อ เปลี่ยนเป็นชุดเดิม

“หอมกลิ่นนกแก้ว”

ผมก้มดมตัวเอง หัวเราะ

“นาคินทร์ชอบกลิ่นนี้ ผมว่ามันก็หอมดีนะ”
โดยเฉพาะนกแก้วสีเขียว ผมหันกลับไปมองนาคินทร์ ซึ่งรายนั้นก็มองมาไม่วางตาเหมือนกัน

“สนิทกันมากเหรอ กับนาคินทร์”

“ครับ ลูกพี่ลูกน้องกันนี่”

“แต่สายตานาคินทร์ดูมีอะไรมากกว่านั้นนะ”

ผมเลิกคิ้ว

“ครับ ผมรู้”

“เธอรู้”
คุณเอกสิทธิ์ เลิกคิ้วสูง

“ครับ”
รู้ว่าเขารักและซื่อสัตย์กับผมแค่ไหน ผมตอบอยู่ในใจ คุณเอกสิทธิ์นิ่งไป

“แล้วเธอล่ะ รู้สึกยังไงกับนาคินทร์”

ผมเลิกคิ้วมองงง ๆ

“ก็ปกติ”

เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม ไม่พูดอะไร
 


ตอนบ่ายผมออกช่วยงานคุณเอกสิทธิ์ ต้องยอมรับว่าเขาทำงานเก่งมากจริง ๆ มิน่าถึงไต่เต้าขึ้นมาเร็วนัก เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของแผนกจัดซื้อเลย

แต่มีความรู้สึกว่ามือไม้จะถึงเนื้อตัวผมมากไปหน่อย ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน มือเขาวางอยู่บนเอวผมตอนสอนงาน

คือสอนงานเฉย ๆ ไม่ต้องใกล้ชิดขนาดนี้ก็ได้มั้ง ผมก็ทำเนียน ขยับหนีมือนั้น แต่มันก็วางกลับมาใหม่อยู่ดีในลักษณะไม่ได้ตั้งใจ

จากบ่ายถึงเย็น งานสนุกดี มันจะไม่สนุกก็ตอนถูกจับเนื้อจับตัวนี่แหละ

“นี่ วันนี้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันไหม ฉลองเธอย้ายแผนก ฉันเลี้ยง”

“ผมว่าอย่าดีกว่าครับ ผมเกรงใจ เปลี่ยนจากเลี้ยง เปลี่ยนเป็นสอนงานผมเยอะ ๆ ดีกว่า”

“ไว้ตัวจังนะ”

ผมเลิกคิ้วมองงง ๆ

“น่า แค่วันเดียว ถือว่าฉันขอร้อง”

ผมนิ่งคิด ถ้าไม่อะไรมากมายก็ได้นะ ผมพยักหน้ารับปาก โทรบอกนาคินทร์ รายนั้นถามว่าไปกินที่ไหน ผมก็ตอบไป แอบเสียดายเหมือนกันที่จะไม่ได้กลับกับนาคินทร์ แต่เพื่องาน ก็จำต้องตัดเรื่องส่วนตัวออกบ้าง

ผมนั่งรถมากับคุณเอกสิทธิ์ ได้ร้านนั่งสบาย เรานั่งกินกันชิลล์ ๆ จะว่าไปตั้งแต่เริ่มงานมา ผมก็ไม่ค่อยได้มาสังสรรค์แบบนี้เท่าไหร่ เพื่อนคนไทยผมไม่ค่อยมีหรอก มีแต่สมัยประถม ซึ่งพอโตก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เพื่อนผมส่วนใหญ่จึงอยู่ต่างประเทศ คุยกันบ้างแชทกันบ้าง

เพลงจังหวะสนุก ๆ ทำให้ผมเพลิดเพลินได้เหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองจะเริ่มเมา ๆ แล้ว

“พอแล้วครับ อย่ารินให้ผมอีกเลย พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาทำงาน ผมกลัวแฮ้งค์ลุกไม่ไหว”

“ไม่เป็นไร ฉันเป็นหัวหน้า เดี๋ยวเซ็นลาให้”

ผมส่ายหัว

“ผมไม่อยากให้งานเสีย”

“เป็นเด็กดีจัง ยิ่งเห็นฉันยิ่งชอบ”
ผมมองคนพูดงง ๆ ตาปรือ ตัวเริ่มทรงลำบาก

“ฉันว่าเธอเมามากแล้ว กลับกันเถอะ”
ผมพยักหน้า ขยับลุก เขาเข้ามาประชิด โอบเอวผมไว้ ตัวผมอ่อนไปหมดแล้ว เราพากันเดินตรงไปที่รถ คุณเอกสิทธิ์เปิดประตู แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้นั่งก็ถูกมือของใครอีกคนรวบกอดเอวแน่นดึงห่างออกมา 

“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมพาเขากลับเอง”
นั่นเสียงนาคินทร์นี่

“เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”

“คุณเมาแล้วนะครับ ขับรถกลับแบบนี้ อันตรายกับทั้งตัวคุณและเอ่อ…อนุชา ผมว่าคุณเรียกแท็กซี่ดีกว่า ส่วนทางนี้ผมดูแลเองได้ ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ พวกเราขอตัว”

“เดี๋ยว!!”
ได้ยินเสียงเรียกตามหลังมาแค่นั้น แล้วผมก็ถูกประคองมาไว้ในรถกลิ่นคุ้นเคย

“คุณหนู คุณหนูครับ”
ผมถูกจับหน้าเบา ๆ ผมมองคนเรียกเบลอ ๆ

“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป คนนั้นเขาคิดไม่ซื่อกับคุณหนูนะครับ”
อะไรซื่อไม่ซื่อ ผมงง ๆ นั่งรถมึน ๆ มาตามทาง จนรถจอด นาคินทร์ประคองผมลงจากรถ จะพาเข้าบ้าน แต่ผมอยากไปนอนกับนาคินทร์มากกว่า ผมยื้อตัวไว้

“จานอนนู่น จานอนกับนาคินทร์”

“ไม่เอาครับ คุณหนู ขึ้นห้องเถอะ คุณหนูเมามากแล้ว”

“ไม่อาว จานอนนู่นนน”
ผมยื้อ

“คุณหนู”
ผมยื้อไม่ยอมเหมือนกัน นาคินทร์ถอนหายใจแรง แบกผมเดินขึ้นห้องไป ทิ้งไว้บนเตียง

“นอนซะนะครับ ถ้าพรุ่งนี้แฮ้งค์ไม่ไหว ก็ไม่ต้องไปทำงาน”

ผมพลิกหน้าไปมา นาคินทร์เดินออกจากห้องไปแล้ว ผมหัวเราะหึ ๆ ลุกจากเตียง เดินเซ ๆ ตามหลังคนตัวสูงไป


รู้สึกเส้นทางมันไกล้ไกลนะวันนี้ ผมเดินแทบจะไม่ตรงทาง พยายามกำหนดทิศว่าตรงไหนคือบ้านนาคินทร์จนเจอกับโรงเลื่อย ผมหัวเราะ เดินเป๋ ๆ ไปใกล้ ได้ยินเสียงน้ำดังซ่า นาคินทร์คงกำลังอาบน้ำอยู่ ผมไม่สนใจ เป้าหมายผมคือที่นอนของนาคินทร์

ผมอยากนอนนี่ ยังไงผมก็จะนอนให้ได้ ผมทิ้งตัวลงไปนอนแหมะ

อืม กลิ่นของนาคินทร์
ผมปิดเปลือกตาลงเบา ๆ

“คุณหนู!”
ก่อนได้ยินเสียงเรียกเหมือนคนตกใจ ผมปรือตามอง
“มาได้ยังไงครับเนี่ย”

ว้าว นาคินทร์เวอร์ชั่นผ้าขาวม้าตัวเดียว สงสัยผมจะฝันเปียกอีกแล้ว

“จานอนนี่”
ผมอ้อแอ้บอก

“ไม่ได้ครับ มันไม่สะดวก รอสักครู่ ขอผมแต่งตัวก่อน เดี๋ยวจะไปส่ง”   
นาคินทร์รีบหันหลัง คว้ากางเกงยางยืดสำหรับใส่นอนประจำมาสวมพอ ๆ กับเสื้อนอนสีมอ ๆ ที่มันขาดจนเป็นรู

แต่ผมว่ามันเซ็กซี่ดีนะ

“ไปครับคุณหนู”
กลิ่นสบู่นกแก้วหอมกรุ่น ผมส่ายหัว กอดผ้าห่มแน่น ขยับไปชิดที่นอนด้านใน

“ขี้ตืด ขอนอนหน่อยก็ไม่ได้”

“โธ่ คุณหนู มันไม่สบาย อีกอย่างคุณหนูเมามาก ขึ้นไปอาบน้ำให้สบายตัวดีกว่าครับ”

“ไม่เอา ขี้เกียจอาบ”

“เช็ดตัวก็ได้ครับ”

“เช็ดให้หน่อย”

“คุณหนู”

“งั้นก็ไม่อาบ ไม่เช็ด จานอน”
แล้วผมก็ทำท่าจะหลับจริง ๆ นาคินทร์หันซ้ายหันขวา ก่อนดึงเอาผ้าผืนหนึ่ง ปูลงกับพื้นข้าง ๆ

“งั้น คุณหนูนอนด้านบนนะครับ นาคินทร์นอนตรงนี้”

“อื้อ”
ผมครางแค่นั้นปิดเปลือกตาลง

แต่มันอึดอัดครับ ผมนอนกระสับกระส่าย ปกติไม่เคยใส่เสื้อผ้าเต็มยศนอน เข็มขัดก็รัดเอว กางเกงก็เกะกะ ผมขยับลุกนั่ง นาคินทร์ลุกตาม

“นอนไม่สบายใช่ไหมครับ ขึ้นห้องดีกว่าเนอะ”

“ไม่อาว แค่อึดอัดเสื้อผ้า”
แล้วผมก็จัดการปลดกระดุมเสื้อ

“คุณหนู!! อย่าครับ ใส่ไว้!!”

“ไม่เอา อึดอัด” ผมคลี่ปลด

“คะ คุณหนู!”
นาคินทร์รีบยึดสาบเสื้อผมไว้ ผมยิ้ม

“งั้นดีเลย ถอดให้หน่อย”
ผมบอกอย่างอึดอัด นาคินทร์รีบเด้งมือออก

“ไม่ครับ คุณหนูถอดเองเถอะ”
แล้วนาคินทร์ก็ขยับไปนั่งไกล ๆ ผมถอดเสื้อออก โยนทิ้งไปไกล ปลดเข็มขัด

“คุณหนู”
ได้ยินเสียงนาคินทร์ครางเรียก
“คุณหนูกำลังทำร้ายนาคินทร์นะครับ”
ทำร้ายอะไร แค่แก้ผ้า ผมขยับถอดกางเกงออก เหลือไว้แค่บ็อกเซอร์ตัวใน

“นะ นาคินทร์ออกไปนอนด้านนอกละกัน”
ผมมองตาม

“ด้านนอกนอนสบายกว่าเหรอ ไปด้วยสิ ฉันอยากนอนบ้าง”
ผมขยับลุกตาม

“อย่าออกมาครับ”
นาคินทร์ที่กำลังจะก้าวพ้นประตูรีบประคองผมที่กำลังจะล้ม ผมตัวเซ หัวมึนไปหมด รู้สึกว่ามีอะไรแข็ง ๆ ชนอยู่ที่หน้าท้อง

“โธ่ คุณหนู คุณหนูกำลังจะทำให้ความอดทนนาคินทร์หมดนะครับ”

“นายนอนไหน ฉานจานอนด้วย”
ผมบอกยิ้ม ๆ
“เจ็บนาคินทร์ อะไรเนี่ย”
ผมจับสิ่งนั้นเพื่อดันมันออก มันแข็ง ๆ เป็นแท่ง ๆ

“คุณหนู!!”


To be Con...
คุณหนูทำอะรายยยยยย
กรี๊ดลั่นบ้านกับฉากสุดท้าย โธ่ ทูนหัวของบ่าว ทำอะไรกับแท่งไม้ของนาคินทร์คะ >/////<
ปล. ชอบคุณหนูเวลาเมา น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 09-08-2016 18:45:39
อีคุณเอกสิทธิ์เลวจริงๆ กะเคลมอนุชาจริงๆด้วย
ถ้ามันรู้ว่าเป็นลูกเจ้าของบริษัทมึงจาทำง๊ายยยย
ดีนะที่นาคินทร์ไปหิ้วกลับมาทัน ไม่งั้นเสร็จแน่เลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 09-08-2016 19:15:13
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 09-08-2016 19:25:18
นาคินน่าสงสาร 5555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 09-08-2016 19:34:44
ดีนะที่พ่อนาคินทร์เฉลียวฉลาดทันเล่ห์เหลี่ยมคนไม่งั้นคุณหนูเสร็จแน่
ว่าแต่คุณหนูแกล้งเมาอะเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 09-08-2016 19:44:07
ขอ 200% ด่วนค่า  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 09-08-2016 19:49:41
อุ้ย แท่งอะไรอะ  :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 09-08-2016 19:57:18
 :z1: :z1: :z1:  ขอที่เหลือด่วนคร้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-08-2016 20:18:33
เอกสิทธิ์คิดจะรวบหัวรวยห่งอ่ะดิ ไม่ได้หรอก นาคิดเก่งอยู่แล้วมาช่วยคุณหนูทัน
แต่ตอนนี้คุณหนูจะทำให้นาคินทรมานอย่างแรง ไปตับอะไรเล่นล่ะเนี่ย ค้างๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 09-08-2016 21:41:28
เจอกระบอกไฟฉายนาคินทร์เข้าไป อึ้งละสิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-08-2016 22:26:47
อีตาหัวเน่านั่นเลวชะมัด :m16: :m16:

แต่น่าสงสารนาคินทร์ เจอยั่วจัดเต็มแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้ 5555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 09-08-2016 22:39:08
จัดไปอย่าให้เสียคะนาคินทร์
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-08-2016 07:46:55
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
มาให้อยาก....แล้วจากไป
ไร้ท ใจร้ายละ  :z3: :z3: :z3:
รอ ใจจดจ่อเลยล่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 10-08-2016 08:07:40
 :ling1: คุณหนูเมาจิง แต่ อยากมาหานาคินก่อเรื่องจิง สรุป นาคินจะคุม อารมณ์ได้ไหม แต่เราอยากให้คุมได้น่ะ เราไม่ชอบตอนนายเอกเมา มันไม่ฟิน :mew5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-08-2016 08:47:40
นาคินทร์จัดการเลย!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-08-2016 13:43:15
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 11-08-2016 13:44:59
มารอนาคินทร์ที่ข้างโรงเลื่อยทุกวันเลย คิดถึง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.8 ดินกับดาว & เมา (P.5)(9-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-08-2016 19:35:16
กรี๊ดดดดดดดด ขุ่นหนูอ่อยเว่อร์คร้า >\\\\\\<
นาคินทร์ใกล้จะตบะแตกแล้ว คิกคิกคิก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 12-08-2016 11:00:45
ตอนที่ 9 หัวใจเต้นแรง


“คุณหนู!!”
นาคินทร์ยืนนิ่ง ผมจับสิ่งนั้นไว้นิ่งค้าง ก้มมอง

อ้อ มันคือส่วนกลางลำตัวของนาคินทร์นี่เอง ผมจับมันไว้เต็ม ๆ นาคินทร์ยืนนิ่งเหมือนถูกจับสตาฟ ผมยืนประมวลผล

นี่ผมฝัน หรือว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ

“นาคินทร์ ฉันฝันอยู่หรือเปล่า”

“ปล่อยมันครับคุณหนู …นาคินทร์”
ตัวนาคินทร์สั่นอย่างรู้สึกได้ชัด ๆ

“ฝันแน่ ๆ เลย”
ผมหัวเราะ กำมันแน่นขึ้น แล้วขยับเบา ๆ

“คุณหนู ได้โปรด ปล่อยมัน”

“อ้อ ได้”
ผมรับคำ ปลดกางเกงดึงสิ่งนั้นออกมาจับดี ๆ

“คุณหนู!!”

“ทำไม ฉันทำผิดเหรอ ให้ปล่อยไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ใช่ครับ ปล่อยมัน ปล่อยนาคินทร์ ซี้ด นาคินทร์จะหมดความอดทนแล้วนะ นาคินทร์ไม่อยากทำร้ายคุณหนู”

“แค่ฝันน่า คิดไรมาก”
ผมบอกพร้อมขยับเบา ๆ นาคินทร์ครางทุ้ม ครางเหมือนที่ผมฝันเมื่อคืนเลย ผมขยับมันมากขึ้น นาคินทร์หายใจแรง รวบจับบั้นเอวผมไว้

“คุณหนู!”
แล้วอยู่ ๆ ผมก็ถูกรวบจับเข้าไปชิดกายใหญ่ ปากถูกปิดสนิทด้วยปากอีกคน

โห ฝันคืนนี้ดุเดือดจัง แต่ผมก็ชอบนะ

ผมละเลงลิ้นตอบรับ สองมือโอบรอบลำคอของคนตัวใหญ่ไว้ เสียงหายใจนาคินทร์รุนแรงเหมือนกระทิง นาคินทร์ละปากมาละเลงลำคอผม มันรู้สึกดีมาก ๆ ผมครางตามแรงนั้น ของนาคินทร์แข็งทิ่มพุงผมอยู่ ปากนาคินทร์ไล่ละมาทั่วทั้งเนื้อทั้งตัวผม จับผมทิ้งตัวลงบนฟูก ผมแอ่นอกตอบรับ ปากร้อนไล่เล็ม มือใหญ่ลูบไล้ไปมาทั่วทั้งผิวเนื้อหน้าอกผม เสียงหอบแรง ๆ เหมือนกระทิงฤดูผสมพันธุ์นั้นกระตุ้นอารมณ์ผมไม่หยอก น้องผมตั้งชัน

“นาคินทร์ กัดนมฉันแรง ๆ”
ผมร้องขอ นาคินทร์ทำตาม กัดหัวนมผมแรง ผมตัวสั่นอย่างพอใจ

อืม สงสัยผมจะชอบความรุนแรงจริง ๆ

ปากนั้นละเลงรัวเร็ว สลับกับขบกัด ผมครางอย่างพอใจ มือไม้ลูบไล้ไปทั่วทั้งแผงอกกว้าง ก่อนเลื่อนต่ำลงไปยังสิ่งที่กำลังแข็งตัวนั้น ผมอยากกินมันมานานแล้ว ผมผลักนาคินทร์จากตัว ขยับต่ำลงไปอมไว้ในปาก

“คุณหนู อย่า ซี้ด”
นาคินทร์ห้ามไป มือจับหัวผมไว้ แต่ผมไม่ฟัง อมแล้วตวัดกินมันทั้งอัน

อืม รสชาติดีกว่าที่จินตนาการไว้เยอะ

“คุณหนู คุณหนูของนาคินทร์”
นาคินทร์คราง ผมกัดมันเบา ๆ นาคินทร์รีบดันหน้าผมออก ยกตัวผมขึ้นมานอนแล้วจูบผมต่อ ลิ้นที่กำลังตวัดพันอยู่ภายในทำให้ผมเพลิดเพลินอีกรอบ นาคินทร์จับของผมไว้ พร้อม ๆ กับของตัวเอง บดคลึงมันเข้าหากัน ผมบิดตัวอย่างอึดอัด

“เร็ว นาคินทร์”
ผมเร่ง ขยับแอ่นสะโพกเข้าหา นาคินทร์ขยับเร็วขึ้นกระทั่งผมครางเสียงดัง ปลดปล่อยออกมา ผมตัวสั่นริก ไม่ต่างกับคนตัวสูงที่กำลังกระตุกเกร็ง

ผมหอบหายใจแรง ก่อนค่อย ๆ แผ่วหายไปเรื่อย ๆ

ผมค่อย ๆ สะลึมสะลือลืมตาตื่น ปวดหัวจี๊ดจนต้องกุมมันไว้

หูยยย ปวดหัว

ผมขยับลุกนั่ง กะพริบตาปริบ ๆ มองไปรอบ ๆ ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมานอนอยู่ในห้องนาคินทร์ได้ ก้มสำรวจตัวเอง ตาโตเกือบเท่าไข่ห่านเพราะเนื้อตัวผมมีเพียงบ็อกเซอร์ติดตัวไว้ตัวเดียว เหลือบมองนาฬิกา

เก้าโมง!! ตาย ๆ สายขนาดนี้ ผมรีบเด้งตัวลุก แต่มันปวดหัวเอามาก ๆ จนผมเซ

นาคินทร์ไปไหน ทำไมไม่มาปลุกผม บอกไว้แล้วนะว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้ปลุก เห็นเสื้อผ้าตัวเองพับวางไว้บนหัวนอน สภาพมันแค่ถูกพับวางไว้เฉย ๆ ไม่ได้ซัก ผมคว้ามาใส่ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย

ทุเรศจริง ๆ แล้วนี่เมื่อคืน ผมเฉดหัวนาคินทร์ไปนอนที่ไหนนี่ เมาแล้วจำความอะไรกับเขาไม่ได้เล้ย

ผมเปิดประตู กวาดมองไปรอบ ๆ ได้ยินแต่เสียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ร้องกันดังระงม ได้ยินเสียงน้ำดังซู่มาจากหลังบ้าน ผมเดินเข้าไปใกล้เสียงน้ำนั้น จนเห็นใครบางคนนั่งคุกเข่าปล่อยให้สายน้ำร่วงรินใส่หัว ผมมองงง ๆ

นี่นาคินทร์อาบน้ำกลางแจ้งเหรอ

ผมยืนมอง จากสามสิบวิไปหนึ่งนาที จากหนึ่งนาทีไปห้านาที ผมว่ามันไม่ปกติแล้ว เพราะนาคินทร์เล่นนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ผมยกนาฬิกามอง

นี่มันจะสิบนาทีเข้าไปแล้วนะ ผมมองไปรอบ ๆ ดูจากปริมาณน้ำที่ไหลไปยังท่อที่รองไว้ มันเยอะจนคิดว่าน่าจะรองไว้ร่วมชั่วโมงแล้ว

“นาคินทร์”
ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า นาคินทร์ภายใต้สายน้ำค่อย ๆ เงยหน้ามอง ใบหน้านั้นซีดอย่างเห็นได้ชัด

“ทำอะไร”
ผมมองอย่างตกใจ นาคินทร์ไม่ตอบ ก้มหน้าปล่อยให้น้ำนั้นร่วงลงมาไม่หยุด ผมรีบหมุนปิดน้ำเบา ๆ นาคินทร์ยังก้มหน้าอยู่

“ทำไมมานั่งอาบน้ำแบบนี้” ผมจับไหล่คนตัวสูงเพื่อถาม “ดูสิ ปากซีดหมดแล้ว ทำบ้าอะไรของนาย ลุก ๆ ไปหาผ้าผ่อนแต่งตัว”
นาคินทร์ไม่ลุกตาม นั่งคุกเข่าอยู่แบบนั้น

“นาคินทร์ นี่นาคินทร์” ผมเขย่าแขนเรียก คนตัวสูงไม่ตอบ กำมือแน่น คุกเข่าอยู่ท่าเดิม “ฉันบอกให้ลุกนาคินทร์”
นาคินทร์ค่อย ๆ เงยหน้ามอง หยาดน้ำเกาะพร่างพราวไปทั่วทั้งตัว หัวเปียกมะลอก

“คุณหนู”
เสียงเรียกนั้นแหบแห้ง

“ทำอะไรของนาย”
ผมถามต่อ นาคินทร์บดกรามแน่น ผมจ้องพินิจอีกที

“นี่อย่าบอกนะว่าทำโทษอะไรตัวเองอีกแล้ว”
นาคินทร์ไม่ตอบ แต่บดกรามแน่นยิ่งกว่าเดิม ผมเอามือกอดอก ชักไม่พอใจกับการทำโทษแบบไร้สาระของนาคินทร์จริง ๆ

“คราวนี้เรื่องอะไร นอนละเมอมาทับขาฉัน??” ผมถามฉุน ๆ “แค่นี้ก็ต้องทำโทษตัวเองหนักขนาดนี้ ฉันไม่รู้นะว่าฉันลงมานอนที่นี่ได้ไง แต่บอกหลายทีแล้วว่าให้ปลุกฉันแต่เช้าเพื่อไปทำงาน เก้าโมงกว่า เพิ่งย้ายแผนกใหม่ คนจะมองฉันว่าไง อนาคตต้องไปบริหารบริษัทอีก ก่อนอื่นตอบคำถามฉันมาก่อน ฉันมาที่นี่ได้ยังไง”

นาคินทร์นั่งนิ่ง

“นาคินทร์ตอบมา ฉันจำได้แค่ไปดื่มกับคุณเอกสิทธิ์ แล้วฉันกลับมาได้ไง ใครมาส่ง แล้วฉันมานอนกับนาคินทร์ได้ไง”

“คุณหนูจำไม่ได้หรือครับ”

“จำได้จะถามไหมเล่า เวลาฉันแฮ้งค์ฉันขี้หงุดหงิดนะนาคินทร์ ตอบมาอย่าชักช้า”
นาคินทร์กลืนน้ำลาย ยังนั่งคุกเข่าตัวเปียกมะลอกเหมือนเดิม ในขณะที่ผมยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงศอกเดียว หน้าหงิก กอดอกแน่น

“คุณหนูไปดื่มกับคุณเอกสิทธิ์ครับ นาคินทร์ตามคุณหนูไปเพราะความเป็นห่วง พอคุณเอกสิทธิ์กำลังจะพาคุณหนูกลับ นาคินทร์เลยเข้าไปรับกลับมาบ้านแทน”
คนตัวสูงบอกเรียบ ๆ

“แล้วฉันมาอยู่นี่ได้ไง”

นาคินทร์มองตาผม

“คุณหนูลงมาเองครับ นาคินทร์ส่งคุณหนูเข้าห้องไปแล้ว แต่คุณหนูก็ลงมาอีกรอบ มาเอง”
ปากได้รูปเม้มแน่น ผมพยักหน้าหงึก ๆ

“ฉันเมาแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้ นี่เผลอทำตัวทุเรศใส่นาคินทร์เข้าหรือเปล่า ขนาดแก้ผ้าแก้ผ่อน ขอโทษจริง ๆ”

นาคินทร์ส่ายหัว เม้มปากแน่น

“คุณหนูจำไม่ได้เหรอครับ”

“ก็บอกแล้วว่าจำไม่ได้ แล้วนี่ทำโทษตัวเองเรื่องอะไร ทำอะไรผิดอีก”   

นาคินทร์ก้มหน้า ไม่ปริปากพูดอะไร ผมเกาหัวแกรก ๆ

“ช่างเถอะ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ฉันจะไปอาบน้ำ นาคินทร์เองก็รีบเข้าล่ะ สายขนาดนี้แล้ว”
ผมหันหลัง เดินเข้าบ้านไป

“อ้าว ทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะลูก เพิ่งกลับเหรอ”
แม่บีน่าถามระหว่างทางเดินขึ้นห้อง

“ผมเมาแม่ ไปแย่งที่นอนนาคินทร์เมื่อคืน”

แม่บีน่าส่ายหัว

“รีบขึ้นไปอาบน้ำป่ะ เดี๋ยวแม่ปรุงเครื่องดื่มแก้แฮ้งค์ให้”

ผมพยักหน้า เดินขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า จำเรื่องเมื่อคืนนี้ไม่ได้จริง ๆ ผมพ่นลมหายใจ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปข้างล่าง แม่บีน่าเตรียมเครื่องดื่มไว้ให้แล้ว กินง่ายดี กลืนไม่กี่อึกก็หมด ตามด้วยโจ๊กอ่อน ๆ กันอ้วก

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ผมบอกลาเดินออกจากบ้านไป กินเครื่องดื่มแก้แฮ้งค์อาการดีขึ้นหน่อย

นาคินทร์ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ข้างรถ สภาพเหมือนคนใจลอย

“นี่ นาคินทร์”
คนตัวสูงสะดุ้งโหยง มองหน้าผม ดวงตาคู่นั้นหยุดนิ่งอยู่แถว ๆ ปากผม นิ่งจนผมประหม่า

“ปากฉันมีอะไรติดเหรอ”
ผมจับปากตัวเองไว้ ขยี้ทั้งบนและล่าง นาคินทร์ยังไม่หยุดมองจนผมต้องขยี้แรงขึ้น

“อย่าครับคุณหนู เดี๋ยวมันช้ำ” นาคินทร์รีบหยุดมือผมไว้ “นาคินทร์ไม่อยากให้มันช้ำ” ดวงตานั้นหยุดนิ่ง ปลายนิ้วโป้งได้รูปแตะมาผะแผ่ว ผมรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำกับแววตาที่นาคินทร์มองมา มันดูอีโรติกยังไงบอกไม่ถูก

ผมหลุบตาลงต่ำ แลบลิ้นออกมาเกลี่ยรอบริมฝีปาก

“เรารีบไปกันเถอะ”
ผมชวน นาคินทร์พยักหน้ารับ ปล่อยมือผมลง เปิดประตูให้ ผมนั่งใจเต้น เมื่อคืนผมเมาไม่รู้เรื่อง แถมไปนอนแก้ผ้าให้นาคินทร์ดู ไม่รู้นาคินทร์จะรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่ท่าทางก็ยังเหมือนเดิม

‘กัดนมฉันแรง ๆ’
บางสิ่งแล่นผ่านหัวผมไป ผมชะงักกึก

สงสัยจิตใต้สำนึกผมคงอยากให้นาคินทร์ทำ ผมนั่งนิ่ง พิงหลังกับพนักพิง แค่วาดภาพว่านาคินทร์กำลังกัดหัวนมผมแรง ๆ ผมก็รู้สึกร้อนผ่าวแล้ว หัวนมผมตั้งชันอย่างเห็นได้ชัด ผมก้มมอง

อื้อหือ ตอนนี้มันตั้งชันจนชนเสื้อออกมาเลย

“คุณหนูหนาวหรือเปล่าครับ”

“ปะ เปล่านี่ ทำไม”

“เปล่าครับ คิดว่าหนาว นาคินทร์จะได้ลดแอร์ให้”

“ไม่หรอก นาคินทร์กินข้าวรึยัง”

“ยังครับ”
ผมหันขวับไปมอง

“นี่อย่าบอกนะว่าทำโทษตัวเองอีก นอกจากแช่น้ำแล้วยังไม่ยอมกินข้าว” ผมแว๊ดใส่

“เปล่าครับ พอดีอาบน้ำเสร็จ จะเดินไปกินข้าว มดขึ้นกับข้าวจนหมด สงสัยจะทิ้งไว้นานเกิน”

ผมหัวเราะพรืด

“โธ่ งั้นไปหาอะไรกินกัน”

“คุณหนูยังไม่ได้ทานหรือครับ”

“กินโจ๊กรองท้องมานิดเดียวเอง ตอนนี้หิวแล้ว หาไรกินก่อนเข้าออฟฟิศละกัน คุณเอกสิทธิ์ออกหน้าให้แล้ว”

“คุณหนู” อยู่ ๆ นาคินทร์ก็ทำเสียงจริงจังขึ้น “ระวังอย่าเข้าใกล้คุณเอกสิทธิ์ให้มากนักนะครับ”

“ทำไม”
นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด

“เขาถือว่าเป็นหัวหน้าฉันโดยตรงนี่”

“คือ…” นาคินทร์นิ่งเงียบ “ไม่มีอะไรหรอกครับ นาคินทร์แค่เป็นห่วง”

“นี่ฉันเป็นผู้ชายนะนาคินทร์ ใครจะมาทำอะไรฉันได้”

นาคินทร์ไม่โต้ตอบอะไร

“เอาเป็นว่า ถ้าเขาชวนไปไหน ให้พานาคินทร์ไปด้วย หรือไม่ก็คุณเลขา”

ผมพยักหน้าหงึก ๆ


............................................[ต่อค่ะ 50%]..............................................





กว่าจะออกจากบ้านก็สิบโมงกว่า โจ๊กเจ้าอร่อยหมดแล้ว ผมจึงชวนนาคินทร์ไปกินอาหารญี่ปุ่นกันในห้าง

“อย่าเลยครับ หาอะไรข้างนอกดีกว่า”

“ทำไม”

“นาคินทร์กินไม่เป็น”

ผมหัวเราะหึ ๆ

“เดี๋ยวฉันสอน”
ผมสั่งให้นาคินทร์วนรถจอดใต้ตึกในห้าง เดินตรงไปยังร้านโปรด ซูชิที่นี่อร่อย ผมเลือกนั่งโต๊ะที่ดูเป็นส่วนตัวหน่อย สั่งเมนูที่คิดว่านาคินทร์น่าจะชอบ ส่วนนาคินทร์นั่งมองเฉย ๆ ไม่นานซูชิเซตใหญ่ก็มา ผมสอนให้นาคินทร์รู้จักซอส วาซาบิ และวิธีกิน ซึ่งเอาเข้าจริง ของพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอก ผมนั่งกินไปด้วยความเอร็ดอร่อย ที่นั่งของเราเป็นแบบนั่งพื้นแบบของคนญี่ปุ่นจริง ๆ

ไม่นานผมก็อิ่ม มองนาคินทร์ที่ยังกินอยู่ สงสัยจะชอบ บอกแล้วว่าอร่อย ผมนั่งเพ่งมองคนตัวสูง

“อยากเห็นนาคินทร์ใส่ยูกาตะแบบญี่ปุ่นจัง คงเท่น่าดู”

นาคินทร์เงยหน้ามอง

“ชุดคลุมอาบน้ำน่ะเหรอครับ”

ผมหัวเราะพรืด

“รู้จักด้วยเหรอ”

“ครับ หนูแดงเคยเอารูปถ่ายของเพื่อนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาให้ดู บอกว่าเป็นยูกาตะสำหรับผู้ชาย แต่ผมว่ามองยังก็ชุดคลุมอาบน้ำ”

ผมหัวเราะเสียงดัง

“นี่ ดีไซน์เขาคนละแบบ ไว้เดี๋ยววันหน้าจะหามาให้ใส่ แล้วจะรู้ว่ามันต่างกันยังไง”

นาคินทร์ทำหน้าไม่ศรัทธาเท่าไหร่ กวาดเอาซูชิชิ้นสุดท้ายเข้าปาก กินวาซาบิเก่งเหมือนกัน

“นี่”
ผมเรียกคนที่กำลังดื่มชาเขียวล้างปาก แนบหน้ากับโต๊ะ นึกถึงคำพูดตัวเองเมื่อกี้หัวนมก็แอบแข็งแฮะ

“เมื่อคืน ฉันได้ทำอะไรทุเรศ ๆ ไปไหม ตื่นมาเห็นตัวเองแก้ผ้าแล้วตกใจ”

นาคินทร์พ่นชาออกพรืดจนเลอะไปหมด ผมรีบหยิบทิชชู่มาช่วยเช็ดน้ำที่เลอะปากกับพื้นตรงหน้าคนตัวสูง

“ซกมก”

“ขอโทษจริง ๆ ครับ”

“นี่แปลว่าฉันทำอะไรทุเรศไปจริง ๆ ใช่ไหม ตอบมาตามความจริงนะ”

นาคินทร์หลุกหลิกสายตา ท่าทางแบบนี้ แปลว่าทำจริง ๆ ด้วย

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณหนูปกติดี”

“โกหก ฉันแก้ผ้าได้ไง”

“คุณหนูร้อน เลยถอดออกเอง”

“แค่นั้น”

“ครับ”

ผมนิ่งคิด จริง ๆ ก็ไม่แปลก เพราะผมเป็นบ่อย ๆ เวลาอยู่นอก ผมพยักหน้าหงึก ๆ ยกนาฬิกามอง

“ไปทำงานกันเถอะ”

นาคินทร์พยักหน้า ผมเรียกเช็กบิล ไม่ได้ให้นาคินทร์เห็นราคาหรอก เพราะขืนเห็นคงไม่กล้ามากับผมอีก

“รอฉันเดี๋ยวนะ ปวดฉี่”

นาคินทร์พยักหน้า ยืนคอยอยู่แถว ๆ หน้าร้าน ผมรีบเดินรุด ๆ เข้าห้องน้ำไป ผมยืนฉี่อย่างสบายอารมณ์ พอเรียบร้อยก็ล้างมือ เดินออกจากห้องน้ำไป ชะงักเล็กน้อย เพราะตอนนี้คนที่ผมสั่งให้รอกำลังถูกผู้หญิงคนหนึ่ง คล้องคอบังคับให้ก้มหน้าเพื่อเซลฟี่ ผมหน้าหงิก

ผู้หญิงสมัยนี้นี่นะ ผมไม่ได้เข้าไปใกล้แต่ยืนดูสถานการณ์อยู่

“หนูหาโทรศัพท์อีกเครื่องไม่เจอ เครื่องนี้เงินหมด ขอยืมโทรเข้าเครื่องหน่อยได้ไหมคะ เผื่อใครเก็บได้”
มุกขอเบอร์ขั้นต้น นาคินทร์รีบล้วงหยิบของตัวเองมายื่นให้ทันที รายนั้นยิ้มกริ่มกำลังจะกด ผมเดินเข้าไปใกล้ แย่งมือถือคืน หญิงสาวหน้าเหวอ

“ใช้เบอร์พี่ดีกว่าครับ รู้สึกว่าเบอร์คนของพี่ตังค์จะไม่พอโทรออก”

“เอ่อ…”
เธอทำหน้างง ๆ ผมขยิบตาให้นิดหนึ่ง

“นี่ครับ มือถือพี่ ใช้โทรได้เลย ถ้าไม่เจอ พี่จะพาไปแจ้งตำรวจ”

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
แล้วเจ้าหล่อนก็เดินหนีไป ผมหน้าหงิกขึ้นมาทันที หันมองไปยังคนที่ยืนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้านหลัง นาคินทร์ทำหน้างง ๆ

“แค่มุกจีบหนุ่มตื้น ๆ แค่นี้ดูไม่ออกรึไง”

“มุกจีบอะไรครับ”
ดูท่าจะไม่รู้จริงแฮะ ผมถอนหายใจแรง หย่อนมือถือยัดใส่กางเกงคนตัวสูง

“ไปกันเถอะ”
นาคินทร์ไม่ใช่คนโง่ แต่บางเรื่องเขาแค่ไม่รู้แค่นั้น เราพากันนั่งรถกลับ คุณเอกสิทธิ์รีบโผล่ออกมารับ

“โทษทีนะ ทำให้เธอแฮ้งค์จนเสียการเสียงานแบบนี้”

“ครับ ผมขอแค่นี้ เพราะผมไม่ชอบดื่มเท่าไหร่ ดื่มแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้ ปวดหัวด้วย”
ผมบอกตรง ๆ คุณเอกสิทธิ์พยักหน้า ผมตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้งาน ถ้าเป็นเรื่องงานละก็ ผมค่อนข้างจะเร็ว

วันนี้คุณเอกสิทธิ์ไม่ได้ไปทานข้าวด้วย เพราะติดทานข้าวกับผู้ใหญ่ ผมนี่ตีปีกเลย รีบวิ่งขึ้นไปยังดาดฟ้าทันทีที่พักเที่ยง นาคินทร์กำลังขะมักเขม้นขึ้นไปตอกอะไรที่เป็นหลังคา ผมป้องหน้าผากมอง คนตัวสูงคาบตะปูไว้ ตอกโป๊ก ๆ ผมลองไม่เรียกนาคินทร์ดู ดูว่าจะมาหยุดงานแล้วมากินข้าวกับผมเองตอนไหน

ผ่านไปกระทั่งเที่ยงครึ่งนาคินทร์ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ผมหน้าหงิก ยันตัวลุก

“นาคินทร์”

นาคินทร์ชะงัก หยุดตอก หันมามอง ยกนาฬิกามอง ตาโต

“ขอโทษครับ คุณหนูเพิ่งมาถึงเหรอ”

“มาตั้งนานแล้ว ดูว่านาคินทร์จะหยุดงานมากินหรือเปล่า”

“ขอโทษครับ ถ้าได้ทำงานแล้วเพลิน คุณหนูน่าจะเรียก”

“ลองดูไง ว่าจะรู้ตัวไหม”

นาคินทร์เช็ดหน้า เดินไปล้างมือ

“ขอโทษจริง ๆ ครับ รีบทานเถอะ หิวรึยัง”

“ไม่หิวหรอก เราเพิ่งกินซูชิไปกันเมื่อกี้ หิวก็ไม่ใช่คนแล้ว”

นาคินทร์ยิ้มแหะ

“ครับ นาคินทร์ก็ยังอิ่มอยู่เลย”

“งั้นก็ไม่ต้องกิน”
ผมเสนอง่าย ๆ ซึ่งนาคินทร์ก็รับปากง่าย ๆ เหมือนกัน แต่มานั่งพักกินกาแฟกันแทน เพราะหลังคาขึ้นมาหลายส่วน ลมจึงพัดเย็นสบายน่าดู ผมแหงนหน้า ค้ำมือเอนไปด้านหลังน้อย ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นทิ้งตัวลงนอนเลย

“เลอะครับคุณหนู”

“นิดเดียว ไม่ได้ซักเองสักหน่อย”

“อย่าลืมว่าคุณหนูต้องใส่ชุดนี้ทำงานนะครับ เลอะมาคนจะมองว่าไง”

ผมเด้งตัวลุก

“เออ ลืมไป”

นาคินทร์หันซ้ายหันขวา มันไม่มีอะไรให้รองได้เลย แล้วอยู่ ๆ นาคินทร์ก็เลิกถอดเสื้อออกจากหัว

“ทำอะไร”

นาคินทร์ไม่ตอบ สะบัดเสื้อเบา ๆ ปูลงบนม้านั่ง

“นอนพักเถอะครับ อีก 20 นาทีนาคินทร์จะปลุก” ผมก้มมองเสื้อที่ถูกปูไว้นั้น “เอ่อ ถ้ารังเกียจก็ไม่เป็นไรครับ” นาคินทร์ทำท่าจะดึงเสื้อขึ้น แต่ผมยึดจับข้อมือใหญ่นั้นไว้

“ฉันไม่ได้รังเกียจ แต่แค่รู้สึกสงสัยว่าทำไมนาคินทร์ต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้”
ผมมองตา หวังมองเห็นอะไรที่มากไปกว่าบ่าวรับใช้ทั่วไป

“เพราะคุณหนูคือเจ้านายของนาคินทร์”
เป็นคำตอบที่ทำให้รู้สึกเจ็บในอกลึก ๆ ผมละสายตาหนี

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอหนุนตักหน่อยนะ”

“เอ่อ.. ผมว่า”
ผมไม่รอให้นาคินทร์ปฏิเสธ ทิ้งหัวลงหนุนต้นขาของคนที่นอนอยู่ แข็งปั๋ง แต่นุ่มลึก ๆ ในหัวใจ

“ขานาคินทร์มันแข็งนะครับ”
รู้ตัวอีก ผมไม่ใส่ใจ ปิดเปลือกตาลง ลมพัดกำลังสบาย ผมปล่อยให้สติตัวเองค่อย ๆ แผ่วหายไป รู้สึกได้ราง ๆ ว่าถูกเกลี่ยเส้นเส้นผม แก้ม และริมฝีปาก

ผมอาจคิดไปเองก็ได้
...
...
...
...
...
...
...

“คุณหนูครับ”
ผมถูกเขย่าปลุกอีกรอบ ผมปรือตามอง ยกหัวขึ้น มองนาฬิกา บ่ายโมงตรงพอดี คนงานกำลังเดินขึ้นมา
“ได้เวลาทำงานแล้วครับ”

ผมมองคนที่สละท่อนขาให้ผมหนุน

“เมื่อยไหม”

“ไม่ครับ เพื่อคุณหนู ต่อให้ต้องนั่งทั้งวันนาคินทร์ก็ไม่เมื่อย”
ฟังแล้วชื่นใจจัง ผมคลี่ยิ้มหวานหยดไปให้ นาคินทร์มองนิ่ง แล้วเสตาหลบ เกาแก้ม

“เจอกันตอนเย็นนะ”
ผมขยับลุก ดึงเสื้อมายื่นคืนให้ นาคินทร์รับไปสวมทางหัว นาคินทร์ชอบใส่เสื้อยืดเนื้อบาง ๆ มาก แต่ผมว่าก็เหมาะกับเขาดี โชว์แผงกล้ามเป็นมัด ๆ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ แตะมือลงบนหน้าท้องแกร่งเบา ๆ นาคินทร์สะดุ้งโหยง

“โทษที นาคินทร์ทำยังไงให้กล้ามขึ้นได้ขนาดนี้”

“ยกของหนักมากมั้งครับ ผมชอบซิทอัพด้วย หนูแดงสั่งให้ทำหลังจากมีช่วงหนึ่งผมอ้วนจนลงพุง”

“เคยด้วยเหรอ”
ผมถามตาโต

“ครับ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนูแดงเริ่มฝึกทำอาหาร หนูแดงเป็นเด็กทำอาหารอร่อย ทำอะไรนาคินทร์ก็กินหมด รู้ตัวอีกทีพุงยื่น หนูแดงรับไม่ได้ สั่งให้ผมออกกำลังกาย หลังจากนั้นก็ชิน บวกกับทำงานหนักด้วย”

ผมพยักหน้า แต่ให้ซิทอัพแบบนี้คงไม่ไหว

“ไปละ”
ผมบอกลา ลงจากดาดฟ้าไป ผมกลับมาทำงาน

“ขยันจังนะ”

ผมเงยหน้ามองคนพูด

คุณเอกสิทธิ์

“ฉันไม่เคยเห็นใครขยันเท่าเธอมาก่อนเลย ตั้งแต่เป็นเด็กส่งเอกสารแล้ว ขืนทำเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวได้มีคนมาซิวตัวหนีไปจากฉันหรอก”

ผมเลิกคิ้วมองคนพูดงง ๆ

“ดีนี่ครับ ผมบอกแล้วว่าอยากเรียนรู้งานให้หลากหลาย”

“เพื่ออะไร”

เพื่อเป็นผู้บริหารไง อันนี้ผมตอบในใจ

“เด็กจบใหม่ครับ กำลังไฟแรง เรียนรู้เพื่อหาแนวตัวเองให้เจอ หาเจอเร็วเท่าไหร่ ผมจะได้รู้ว่าผมควรจะอยู่ที่ไหนต่อไป”

“ถ้าเด็กสมัยนี้คิดได้แบบเธอบริษัทเราคงเจริญรุ่งเรือง”

“เหมือนกันครับ ถ้าบริษัทเรามีคนแบบคุณเอกสิทธิ์เยอะ ๆ ผู้ใหญ่คงปลื้ม”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มีพี่คนหนึ่งในแผนกเรียกให้ผมไปดีลงานกับลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งได้ชื่อว่ารับมือยากที่สุด ผมใช้เวลานั่งทำการบ้านประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ลุย

ถูกได้ลูกค้า ผิดเป็นครู

โชคดีว่าลูกค้าน่ารัก ผมเลยผ่านมาได้ง่าย ๆ

“แหม ตั้งแต่ได้อนุชามาเข้าแผนก แผนกเราคึกคักขึ้นเยอะเลย นี่อนุชา เธอมีแฟนรึยัง สเปคเป็นแบบไหน”
ผมก็ตอบไปเหมือนที่เคยตอบคุณเอกสิทธิ์นั่นแหละ

“นี่ ๆ แล้วมีเล็งใครในบริษัทเราไหม”

ผมส่ายหัว

“ไม่มีถูกใจเลยเหรอ”

“ไม่ครับ” แต่ละคนทำหน้าเสียดาย

“หรือจริง ๆ แล้วชอบผู้ชายใช่ม้า”

ผมพ่นน้ำที่กำลังดื่มอยู่ออก

“เฮ้ย โทษที ๆ”

“เอาตามจริงแล้วเรื่องคู่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมหรอก ชีวิตผมหรือครอบครัวผมค่อนข้างจะสมบูรณ์พร้อม มันไม่ต้องแสวงหา ถ้าเจอ ถูกใจ ว่ากันไป”

“นี่ ๆ ดูไว้เป็นตัวอย่าง ไม่เหมือนอย่างเธอ จีบคนไปมั่ว สักวันเอดส์จะกินตาย”

ผมหัวเราะ ชักสนุกกับการทำงาน

อยู่ ๆ ก็มีคนวิ่งกระหืดกระหอบมาหา

“คุณหนู นาคินทร์เกิดอุบัติเหตุครับ”

ผมเด้งตัวลุกทันที

“เป็นไร”
ผมถามทันที หัวใจร่วงวูบไปอยู่แทบเท้า

“ตกจากนั่งร้านครับ”


มีต่อ >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3453361#msg3453361




 :katai5: เปิดจองหนังสือ Memew แฮบ>> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: แพท ที่ 12-08-2016 11:18:42
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ ^^ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 12-08-2016 11:22:25
 :katai1:นาคิน ทนได้ไงว่ะ
โอ๊ยสงสารนาคินมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 12-08-2016 11:29:14
 :m25:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 12-08-2016 12:09:16
ตบะจะแตกแล้วค่ะซิส  :oo1: :oo1: :z1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-08-2016 12:15:18
ตอนนี้อยากให้นาคินจับคุณหนูกดมากๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ
เขาบอกให้รอ ก็ต้องรออิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 12-08-2016 12:29:13
อีกหน่อยนาคินทร์ก็คงทำให้คุณหนูจำได้ไม่ลืมเองแหละ ใกล้ละ  เหมือนจะเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ยะฮู้
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-08-2016 14:48:35
น่าน้อยใจจริงเนาะนาคินทร์ อนุชาจำอะไรไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-08-2016 14:49:11
‘กัดนมฉันแรง ๆ’ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 12-08-2016 16:19:34
 o18 ..มานัั่่งรอเลย^^
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2016 16:42:36
คุณหนู ฝันดีอีกแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แต่พอคุณหนูฝันดี  :mew1: :mew1: :mew1:
นาคินทร์ก็ลงโทษตัวเองอีกเหมือนกัน :katai1: :katai1: :katai1:
รอ    :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4::pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 12-08-2016 19:09:27
กัดนมฉันแรงๆ อื้อหือออออ สงสารนาคินทร์จับใจ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 12-08-2016 20:30:54
ปล่อยคุณหนูจอมยั่วไปได้ไงนาคินทร์
คิดว่าจะจัดสักยกเสียอีก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(12-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-08-2016 20:32:21
ยั่วขนาดนี้ นาคินทร์จะทนไปได้แค่ไหนกันน้าาาาาาาาาาาาาา :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 16-08-2016 21:09:38
สำหรับนาคินทร์ให้ล้านนึงเลย มีคุณค่ามากๆ อย่าเป็นอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-08-2016 21:25:09
หวังว่านาคินทร์คงไม่เป็นไรมากน้าาาาาาาาาาาาา :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-08-2016 21:35:20
ซื้ออออออออออ อย่างนาคินน่าจะโลละ100
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-08-2016 21:52:13
 :katai1: โน นาคินทร์

อยากให้ทั้งคู่รู้ใจกันเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 16-08-2016 22:03:18
นาคินทร์เป็นงัยบ้าง อยากรู้ๆ
อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 16-08-2016 23:26:43
 :ruready
คุณหนู คงไม่ให้ใครซื้อหลอก
คนเขียนก๊อ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 17-08-2016 13:39:45
มันน่าจะมีร่องรอยบนตัวอนุชาบ้างนะ คุณหนูไม่สงสัยบ้างเลยหรือคะ  :hao3:
นาคินทร์ คงไม่เป็นไรมากเน๊าะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-08-2016 13:57:27
คุณหนู รีบซื้อนาคินทร์เร้ววว โลละ 30 บาทเอง
ใครอย่าแย่งคุณหนูซื้อนะ
นาคินทร์ เป็นของคุณหนูคนเดียว
นาคินทร์ คุณหนู :mew1: :mew1: :mew1:
อยู่ใกล้กันเมื่อไร หัวใจเต้นแรงทุกทีสินะ
แค่คุณหนูแตะหน้าท้องแกร่งของนาคินทร์
นาคินทร์สะดุ้งโหยงเลย
ไม่รู้เป็นเพราะนาคินทร์ ลงโทษตัวเอง
ให้น้ำตกใส่หัวตัวเองนานๆตอนเช้าหรือเปล่า
ทำให้เป้นไข้ หน้ามืดเป็นลม
มือเท้าอ่อน เลยตกห้างร้านลงมา
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 17-08-2016 15:56:32
อยากอ่านอีกกกกก งอแงๆ 
คนอ่านอยากเหมานาคินทร์โล 30 แต่คุณหนูคงไม่ยอม 555
 
เข้าไปส่องหนังสือมาแล้ว
ชอบหน้าปก + ลายเส้นทาสแค้นพี่หมอกับน้ำฝน  จ๋วยงามมม >/// <   
ตั้งหน้าตั้งตาหยอดกระปุกรอสอยเรื่องนาคินทร์กับอนุชา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-08-2016 17:00:35
นาคินทร์จะเป็นอะไรมากรึเปล่า!?
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 17-08-2016 17:24:14
นาคินทร์อย่าเป็นอะไรนร้าาาาา
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 17-08-2016 18:43:48
เบื่อเอกสิทธิ์
นาคินทร์เป็นอะไร ค้าง!!!!
อย่าเพิ่งเป็นอะไรก่อนคนอ่านจะได้ฟินนะ ฮ่าาาาาา

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-08-2016 18:58:10
นาคินทร์จะเปนอารายไหมมมมม~~~~!!!

คุณหนูเมาแล้วน่าเสียตัวสุดๆ 555555 มีคนมอมยังไม่รุ้เรื่อง ต้องให้นาคินทร์คุมเข้ม!!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-08-2016 20:56:42
นาคินนนนนนนน
ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 21-08-2016 12:41:17
รอเเล้ว.. รอเล่า..  :katai5:
คิดถึงแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(16-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 21-08-2016 14:38:20
รอ รอ รอ รอ รอ . . . .

เมื่อไรจะมาอัพ!!!!
อยากอ่านแล้ว~

 :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-08-2016 18:11:51
[ต่อค่ะ]



ผมไม่รอให้คนงานพูดอะไรต่อ รีบวิ่งออกจากแผนกตรงไปยังดาดฟ้า พอขึ้นไปถึง เห็นนาคินทร์นั่งอยู่ในร่มพร้อมคนงาน ใช้ผ้ากดตรงแถว ๆ เหนือหน้าผากด้านหน้าไว้ ผมรีบตรงดิ่งเข้าไปหาทันที คนที่แผนกผมวิ่งตามมาด้วย ตอนนี้ผมไม่สนใจเรื่องความจริงจะถูกเปิดเผยหรือไม่อะไรแล้ว นาคินทร์เงยหน้ามอง หน้าหงิกใส่คนงานนิดหนึ่ง

“ไปบอกคุณหนูทำไม”

“ก็พวกเราเป็นห่วง เลือดออกเยอะ น่าจะต้องเย็บ”

ผมรีบดึงมือคนตัวสูงออก เลือดไหลพลั่ก ๆ เลย ผมเอามือที่มีผ้าผืนเดิมกดไว้

“ไปหาหมอ เดี๋ยวนี้”

“เดี๋ยวเลือดก็หยุด นิดเดียวเอง”

“นิดเดียวก็ต้องไป”

“แต่…”

“ไม่ต้องมีแต่”
ผมสั่ง จับมือคนตัวสูง หันไปขอตัวคนในแผนกที่ตามมาด้วยความเป็นห่วง พาลงลิฟท์ไปที่รถ

นาคินทร์ล้วงหยิบกุญแจรถมากดอันล็อก เปิดประตูออกกว้างให้อย่างที่เคยทำ ทั้งที่มือหนึ่งยังกดปากแผลอยู่ ผมแย่งกุญแจรถมาถือไว้

“นาคินทร์นั่นแหละเข้าไปนั่ง ฉันจะขับเอง”

“แต่คุณหนูครับ”

“อย่าให้ต้องพูดหลายคำนาคินทร์”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงโมโหนิด ๆ

“ครับ”
นาคินทร์พยักหน้ารับคำ ขยับเข้าไปนั่งแทนที่ ผมเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ เสียบกุญแจ สตาร์ทเครื่อง หมุนเปิดแอร์เพื่อให้ภายในรถเย็น หยิบมือถือมากดโทรออก

“อาหมอ ว่างไหม นาคินทร์หัวแตก จะพาไปให้ช่วยดูอาการหน่อย”

“อ้าวเหรอ ได้สิพามาได้เลย”

“ไม่ต้องรบกวนคุณหมอก็ได้ครับคุณหนู”
เสียงนาคินทร์แทรกมา อาหมอหัวเราะ

“พามาเลยอนุชา คนในบ้านอารักษามาครบทุกคนแล้ว เหลือนาคินทร์นี่แหละ ยังไม่ผ่านมืออาเลย ขอละเลงสักหน่อย”

“ให้ไปรักษานะครับ ไม่ใช่ให้ไปทำร้าย”

“นั่นแหละน่า พามา ๆ”

ผมกดวางสาย

“ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนครับ”

“ไม่หรอกน่า นาคินทร์นี่นะ”
ผมต่อว่าด้วยความเป็นห่วง ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ขับมาถึง อาหมอมารับหลังจากผมโทรหาอีกรอบ ใช้เวลาตรวจรักษาไม่นาน เย็บไปตั้งสามเข็มแน่ะ

“ไปทำอีท่าไหนให้ตกลงมาได้ล่ะ”
ผมถาม หลังจากอาหมอจากไปเพื่อตรวจคนไข้คนอื่นต่อ

“ผมคิดเรื่องอื่นเพลิน ๆ น่ะครับ”

“เรื่องอะไร คิดถึงสาวที่ไหนเวลางาน”
ผมถามไปงั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่านาคินทร์ไม่มีทางคิดเรื่องสาว ๆ ได้หรอก นาคินทร์ไม่ตอบ แต่มองหน้าผม

อ้าว หรือว่าคิดถึงสาวจริง ๆ ผมแอบเจ็บจี๊ดในหัวใจเบา ๆ

“นี่นายคิดเรื่องสาวจริง ๆ เหรอ นายเจอคนที่จะมาเป็นแม่หนูแดงแล้วเหรอ”
ผมถามต่อเสียงเบา อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ อยากกลายร่างเป็นผู้หญิงซะเอง จะได้เป็นแม่เลี้ยงของหนูแดงได้

นาคินทร์ส่ายหัว

“ไม่ใช่หรอกครับ คิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย”

“จริงนะ” ผมถามย้ำ

“ครับ นอกจากหนูแดง คนในครอบครัวคุณหนูกับคุณหนูแล้ว ผมไม่มีทางคิดถึงใครมากไปกว่านั้นหรอก”

ผมยิ้มออกมาได้

“อย่าให้รู้ว่าคิดถึงใครมากกว่าฉันนะ จะงอนเข้าให้”
เอ่อ…พูดไปแล้วก็ตะขิดตะขวงใจ

ผมเป็นอะไรกับนาคินทร์ ถึงมีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้คิดถึงใครได้

“ครับไม่มีหรอก”

ผมรู้สึกร้อนวูบวาบซาบซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ ถึงจะรู้ว่าความหมายที่นาคินทร์พูดคือในฐานะนายจ้าง แต่แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว

“นี่ ฉันว่านาคินทร์กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า อย่าทำงานเลย”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นาคินทร์ทำไหว อย่าให้นาคินทร์รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอเลยครับ อีกอย่าง นาคินทร์อยากกลับบ้านพร้อมคุณหนูด้วย”

ผมรู้ว่าเขาพูดในฐานะลูกจ้าง แต่คำนั้นทำให้ผมรู้สึกปลาบปลื้มในใจยังไงพิกล ผมพยักหน้า อาหมอให้ยามากิน แล้วจะแวะไปดูแผลให้เมื่อครบกำหนด ขากลับนาคินทร์ยืนยันจะขอขับรถเองเพราะไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแล้ว ผมก็ไม่คัดค้าน ตอนนี้ใบหน้าหล่อ ๆ นั้นมีผ้าก็อชปิดไว้จนเห็นได้เด่นชัด พอลงจากรถได้ผมก็เรียกให้นาคินทร์หยุด ขยับเข้าไปชิด

“เจ็บไหม”
ผมใช้มือแตะเบา ๆ บนผิวเนื้อใกล้ผ้าก็อช นาคินทร์จับมือผมไว้ ลดมันลงมากุมไว้เบา ๆ หัวใจผมเต้นแรง นี่นาคินทร์รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังจับมือผมอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดจะชักกลับ

“แค่คุณหนูเป็นห่วงนาคินทร์ก็หายเจ็บแล้วละครับ เป็นบุญของนาคินทร์จริง ๆ”

หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม

อยากจูบ...

ผมอยากจูบนาคินทร์จริง ๆ...

อยากจูบมาก ๆ...

ผมจ้องตาคนตัวสูง และนาคินทร์ก็ไม่ได้ละสายตาไปไหน บางสิ่งในนั้นดึงดูดให้เราสบกันนิ่งค้าง ผมคิดไปเองไหม ที่ใบหน้าของเราสองคนกำลังเคลื่อนเข้าหากัน

เราสองคนสะดุ้งเมื่อมีเสียงเครื่องยนต์สตาร์ทดังกระหึ่ม นาคินทร์รีบปล่อยมือผมออก

“เจอกันตอนเย็นนะครับ”

“ห้ามทำงานหนักล่ะ”
ผมกำชับ นาคินทร์แยกตัวขึ้นลิฟท์อีกตัวที่จะตรงไปยังดาดฟ้า ส่วนผมเดินไปยังลิฟท์ที่จะขึ้นแผนก

เมื่อกี้ ถ้าไม่มีรถคันนั้น ผมเดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเมื่อกี้จะเป็นการจูบหรือเปล่า

ผมใจเต้นแรง

ใจเย็นอนุชา ใจเย็น











“ทำไมคนงานทำสวนเรียกอนุชาว่าคุณหนูเหรอ”

ผมอ้ำอึ้งเมื่อเข้าไปถึงแผนกแล้วเจอคำถามนี้เข้า

“คือ.. มันเป็นชื่อเล่นผมน่ะครับ ชื่อหนู แต่เรียกอนุชาดีกว่า เฉพาะคนที่บ้านจะเรียกหนู เวลาเติมคุณเข้าไปเลยกลายเป็นคุณหนูน่ะ”

“อ๋อ น่ารักดีนะ คุณหนู”

ผมหัวเราะไม่เต็มเสียงนัก

“คุณหนู”

ผมสะดุ้งเฮือก หันขวับไปมองคนพูด คุณเอกสิทธิ์หัวเราะ

“ฟังดูดีแฮะ”

“อย่าเลยครับ ชื่อมันฟังดูน่าอาย ผมไม่ชอบให้ใครเรียก”

ยกเว้นนาคินทร์คนเดียว คุณเอกสิทธิ์พยักหน้าเข้าใจ 


พอเลิกงานปุ๊บผมก็วิ่งตรงขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที เห็นนาคินทร์ขึ้นไปนั่งทำอะไรอยู่บนนั่งร้านเหมือนเดิม ขยันจริง ๆ ขนาดบาดเจ็บนะเนี่ย

ผ่านไปเกือบสิบนาทีนาคินทร์ถึงเห็นว่าผมมานั่งคอย

“คุณหนูรีบไหม ถ้าไม่รีบ นาคินทร์ขอทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนกลับ”

“เอาสิ ไม่รีบ แล้วไม่เจ็บรึไง”

“ไม่ครับ ยิ่งมีคุณหนูอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ยิ่งไม่เจ็บเข้าไปใหญ่”
ผมร้อนวูบไปทั่วทั้งหน้า กัดริมฝีปากเบา ๆ

“งั้นก็รีบไปทำสิ เดี๋ยวจะส่งกำลังใจไปให้เยอะ ๆ”

นาคินทร์หัวเราะ หันกลับไปทำงานต่อ ผมนั่งเล่นมือถือคอยกระทั่งพระอาทิตย์ลาลับ ตอนแรกคิดว่าแผลบเดียว สงสัยนาคินทร์จะทำงานจนลืมเวลาอีกแน่ ๆ

กระทั่งงานตรงหน้าเสร็จ แบตในมือถือผมหมดพอดี

“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”

“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”

“คุณหนูจะรังเกียจไหม ถ้าวันนี้นาคินทร์จะลงมือทำครัวให้กิน”

ผมตาโตมอง

“จริงเหรอ”

“ครับ ตอบแทนสำหรับกำลังใจ อันที่จริงคนงานเอาไข่มดแดงมาฝากน่ะ ญาติเขากลับมาจากต่างจังหวัดเอามาฝาก คนงานเลยแบ่งมาให้ผมบางส่วน”

“ไข่มดแดง” ผมย่นหน้ามอง “กินได้ด้วยเหรอ”

“ครับ อาหารพื้นบ้าน เอ่อ ไม่แน่ใจว่าคุณหนูจะรังเกียจไหม ขอโทษครับ ลืมถามก่อน”

“ได้สิ ไข่ปลาคาเวียร์ก็เคยกินมาแล้ว แค่ไข่มดแดง”

นาคินทร์หัวเราะ พากันกลับบ้าน ผมขอตัวเข้าห้องไปอาบน้ำก่อน แต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าจะน่ารักที่สุดสำหรับนาคินทร์ลงไปข้างล่าง

“โห ช่วงนี้น่ารักขึ้นนะอนุชา”
พี่ชาติชม

“น่ารักน่าเริกอะไรกันพี่ชาติ เอาไว้ชมชยันต์ดีกว่า”

“อ้าว น่ารักก็คือน่ารัก”

ผมไม่สนใจคนตัวสูง แอบดีใจนิดหนึ่ง ถ้าพี่ชาติที่ชื่อว่าสายตาซื่อบื้อเรื่องความสวยความงามชมแปลว่าผมต้องดูดีระดับหนึ่งละ

ผมเดินย่องเงียบไปที่สวน เห็นคนตัวสูงกำลังขะมักเขม้นเตรียมอะไรสักอย่างอยู่หลังบ้าน ครัวนาคินทร์เป็นครัวแบบปิกนิก ไม่ใช่ครัวหลัก มีเพียงเตาแก๊สปิกนิก หม้อกระทะจานชามไม่กี่ใบ เพราะส่วนใหญ่ หนูแดงทำให้อยู่บ้านใหญ่อยู่แล้ว

“นาคินทร์”
ผมเรียกคนที่ยืนหันหลัง นาคินทร์หันมามอง

“คุณหนู”
นาคินทร์มองผมนิ่งค้าง

อ่ะ เอ่อ...นี่ผมดูดีจนทำให้นาคินทร์ตาค้าง หรือว่ามันทุเรศจนอีกคนตาค้างกันแน่ ความมั่นใจชักหด

“ทะ ทำไมเหรอ หรือฉันใส่เสื้อกลับด้าน”
ผมรีบก้มสำรวจตัวเอง

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณหนูรออยู่ที่นั่นละกัน ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อย”
นาคินทร์ชี้ไปยังม้านั่งตัวเดิม ผมเดินไปนั่ง เพราะไม่ถนัดทำอะไรพวกนี้อยู่แล้ว

To be Con...
เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่แต่งแล้วไม่มีดราม่าให้โดนเปลือกทุเรียนปาหัว ดีต่อหัวและหัวใจจริงๆ :o8:



:katai2-1: เปิดจองหนังสือ Memew แฮบ>> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-08-2016 19:15:21
แอร่ยยยยยยยยยยยยยย รำคาญอิตาเอกสิทธิ์
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-08-2016 19:25:28
ดีงามมมมมม นาคินสู้!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 22-08-2016 19:42:24
ลุ้นมากกกก
ลุ้นที่สุดก็ตรงที่ใจตรงกันแต่ซึนทั้งคู่นี่แหละ
เป็นนิยายที่อ่านแล้วดีต่อใจ จริงๆนะ > /////// <
 
#ทีมคุณหนูขี้อ่อย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 22-08-2016 19:49:20
นี่เอกสิทธิ์หรือแมลงหวี่แมหลงวันเนี่ยยยยยยยย  ใครเขามาสตาร์ทรถตอนนี้คะ!!!  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-08-2016 19:56:51
แหมเว้ย เกือบได้จู๊บกันละ เซ็ง 55555
ลำไยอิคุณเอกสิทธิ์มาก คืออยากให้อนุชาทันคนมากกว่านี้หน่อย นึกว่าจะเป็นนายเอกแบบทันคนซะอีก เห็นจบจากเมืองนอก เมืองนา มันผิดคาดนิดหน่อยอะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 22-08-2016 19:58:43
รอตอนต่อไปนะคะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 22-08-2016 20:07:46
เมื่อไร่ คุณหนูของนาคินทร์ จะย้ายแผนกฝึกงานซะที. เริ่มไม่ชอบคุณเอกสิทธิ์แล้วสิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-08-2016 20:11:18
เรื่อง ของ คุณหนู กับนาคินทร์ ก็ดีต่อหัวสมองและหัวใจจริงๆ
หัวสมองหายเครียด หายหงุดหงิด
หัวใจก็สูบฉีดโลหิตอย่างแข็งขัน
เพราะคนอ่านมีความสุข นั่นเอง (อ่าน... เท่าไรก็ไม่พอ)
คุณหนู จะงอนใส่นาคินทร์ ถ้านาคินทร์คิดถึงสาว อ๊ายยย...ฟินนนน
......นาคินทร์ กับคุณหนูเกือบจูบกันที่ลานจอดรถ   :ling1: :ling1: :ling1:
รอ ไข่เจียวใส่ไข่มดแดง(คิดไปเอง) ของนาคินทร์
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 22-08-2016 20:19:28
อั๊ยยะ นาคินทร์เริ่มอ่อยด้วยคำพูดหวานๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-08-2016 20:33:52
นาคินพูดแบบนี้คุณหนูมีลุ้นน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 22-08-2016 20:51:12
จะเอาเปลือกทุเรียนไปปาหัวไอ้คนที่สตาร์ทรถแทน
สตาร์ทได้จังหวะจริงๆ คนกำลังจะจูบกัน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 22-08-2016 21:05:32
แอร่ยยยยยยยยยยยยยย รำคาญอิตาเอกสิทธิ์


เห็นด้วยอย่างแรง!!!!
น่ารำคาญมากกกกกก

หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-08-2016 21:29:47
หึๆๆๆ รอนาคินทร์ตบะแตกอีก หึๆๆๆ :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-08-2016 23:41:39
ลุ้นๆๆ ต่างคนต่างหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] EP.9 หัวใจเต้นแรง (P.7)(22-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-08-2016 12:26:46
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว&โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 25-08-2016 08:10:16
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 10 :  อยากยั่ว & โดนยา


“นี่ ฉันขอทำด้วยได้ไหม”
ผมเดินเข้าไปใกล้ นาคินทร์ชะงัก

“ผมว่ามันจะไม่สะดวกคุณหนูนะครับ นั่งคอยเฉย ๆ ดีกว่า”

“อยากทำ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำเลย ไปนอกก็มีแม่บ้านมาทำให้กิน”

“ครับ งั้นคุณหนูทอดไข่เป็นไหม”

ผมส่ายหัว

“งั้นนาคินทร์จะสอนคุณหนูทอดไข่ละกัน”
ผมพยักหน้า นาคินทร์หยิบถ้วยขนาดกลางมาให้ผมใบหนึ่ง พร้อมไข่สี่ฟอง ทดลองให้ผมตอกเองดู อันนี้ไม่น่าจะยาก ผมหยิบไข่มาถือ ตอกกับพื้นดังเปาะ เปลือกไข่แยกออกจากกัน เนื้อไข่ทั้งหมด ทั้งไข่ขาวและไข่แดง ร่วงอย่างสวยงามลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นข้างจาน = =;

ผมหน้าจืด หันไปมองนาคินทร์

“ไม่เป็นไรครับครั้งแรก ลองใหม่ ไข่เรามีเยอะ”
นาคินทร์ปลอบใจ หยิบไข่ขึ้นมาตอกให้ดูฟองหนึ่ง ผมทำตาม ทดลองทำดูอีกรอบ คราวนี้ทำได้ง่าย ๆ โดยที่ไข่ไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกแล้ว

หลังจากนั้นนาคินทร์ก็ให้ผมตีไข่ เป็นการทอดด้วยสูตรบ้าน ๆ คือใส่พริกสด กระเทียมและหอม ทุกอย่างถูกซอยบาง ๆ ลงไป ปรุงรสด้วยรสดี น้ำปลา นาคินทร์ตั้งเตา ไฟร้อนระอุ เขาให้ผมเทน้ำมันลงไป ทดลองหย่อนไข่ลงไป ถ้าไข่ฟู แปลว่าร้อนได้ที่แล้ว ผมโดดเหย่งตอนน้ำมันกระเด็น นาคินทร์หัวเราะ บอกให้ผมค่อย ๆ เทไข่ลงไป เกลี่ยด้วยทัพพี ไข่ฟูเสียงดังซู่ หอมกรุ่นตลบอบอวลไปทั่ว

“รีบพลิกครับ เดี๋ยวจะไหม้เสียก่อน”

“เดี๋ยว แล้วพลิกยังไง”
ผมพยายามจะเขี่ยไข่ขนาดใหญ่ที่กำลังฟูในกระทะด้วยทัพพีเพื่อกลับด้าน แต่ดูแล้วเหมือนเป็นการพับหรือสับไข่ให้เละมากกว่า

“แบบนั้นเดี๋ยวเละ ทำแบบนี้ครับ”
นาคินทร์ขยับเข้ามากุมมือผมที่จับทัพพีไว้ ผมหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ไม่คิดจะชักมือกลับ มือใหญ่ ๆ นั้นกุมหลังมือผมไว้แน่น ค่อย ๆ ประคองบังคับให้พลิกไข่กลับด้าน ดีว่ามันยังไม่ทันไหม้ สีเหลืองกำลังน่ากินเลย นาคินทร์ยังไม่ปล่อยมือผมออก ไอตัวของนาคินทร์ร้อนผ่าว มันร้อนเสียยิ่งกว่าเปลวไฟในเตาตอนนี้ซะอีก

นาคินทร์หันไปหยิบจาน ช่วยผมตักไข่ขึ้นมาจากน้ำมัน ไข่หอมน่ากินมาก เขาปล่อยมือออก ผมกุมมือข้างนั้นไว้ ดีใจที่ถูกกุมมือแบบนั้น

“เอาละครับ แค่นี้ก็น่าจะพอ คุณหนูนั่งรอนะครับ ขอผมตักข้าวก่อน”     
นาคินทร์หันไปตักข้าวมาสองจาน ของผมมีแค่ครึ่งเดียวของเขา

อยากบอกว่าอาหารมื้อนี้อร่อยมาก ไม่รู้ว่าเพราะเป็นฝีมือของตัวเองด้วยส่วนหนึ่งหรือเปล่า กัดไปเจอกระเทียมเจอพริก เผ็ดจี๊ดอร่อยเหาะ

“ถ้าคุณหนูชอบ วันหน้านาคินทร์จะทำให้กินบ่อย ๆ”

ผมยิ้มรับ หลังกินอิ่มนาคินทร์หยิบจานทั้งหมดไปนั่งล้าง ผมยืนคอย

“คุณหนูจะกลับก่อนก็ได้นะครับ นาคินทร์จะรดน้ำต้นไม้สักหน่อย”

“รดไปสิ ฉันจะนั่งเล่น ง่วงค่อยขึ้น”

นาคินทร์พยักหน้า เปิดก๊อกน้ำที่หัวก๊อกสูงขึ้นมาถึงหัวเข่า มันถูกมัดไว้ข้างเสา และเสานั้นก็มีสายยางม้วนอย่างสวยงามห้อยไว้อยู่ น้ำวิ่งเป็นทางไหลออกมา นาคินทร์หยิบสายยางทั้งม้วน ทิ้งลงพื้น เดินไปรดต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไม้ประดับแบบพื้นบ้าน

จริง ๆ บ้านเราทำระบบสปริงเกอร์กับวางท่อให้น้ำหยดให้ความชุ่มชื่นตลอดเวลา หน้าที่ของนาคินทร์คือตรวจเช็กว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ยังทำงานได้ดีอยู่หรือเปล่า ตกแต่งเวลาต้นไม้ที่มันยื่นล้ำ ออกแบบตกแต่งสวนให้ดูสวยงามทันสมัยอยู่เสมอ เด็กที่ไปทำงานที่บริษัทก็เป็นลูกมือหรือจะว่าไปก็เป็นเด็กฝึกของนาคินทร์นั่นแหละ

ต้นไม้ที่นาคินทร์รดเป็นในส่วนของบ้านนาคินทร์เอง(หรือโรงเลื่อยนั่นแหละ) เห็นว่าอยากรดด้วยตัวเองมากกว่าใช้ระบบน้ำหยดหรือสปริงเกอร์ ผมเดินเข้าไปใกล้

“ขอรดหน่อยสิ”
ผมยื่นมือไปขอ นาคินทร์ก็ให้สายยางมาง่าย ๆ ผมก็ถือรด “เวลาอยากให้น้ำพุ่งไปไกล ๆ ต้องบีบปลายแบบนี้ใช่ไหม” ผมถามพร้อมทดลองบีบเอง มันพุ่งปรี้ดไปไกล แต่บางส่วนแตกกระจายมาถูกทั้งตัวผมและนาคินทร์ ผมหัวเราะแหะ ๆ

“โทษที”

นาคินทร์หัวเราะ ลูบหน้าตัวเองเบา ๆ

“เปียกไม่พอนะ น่าจะเปียกกว่านี้หน่อย”
ผมแกล้งฉีดน้ำใส่คนตัวสูง

“อย่าครับ คุณหนู นาคินทร์อาบน้ำแล้ว”

“อ๋อ อยากอาบน้ำใช่ไหม”
ผมแกล้งฟังไปอีกความหมาย หันไปแกล้งฉีดน้ำใส่ นาคินทร์พยายามหลบ ผมชักสนุก ไล่ฉีดใหญ่

“ไม่เอาครับ เดี๋ยวเปียก คุณหนู”
นาคินทร์หยุดมือผมไว้ ผมยื้อกลับจนน้ำบางส่วนรดเราสองคน ผมจะแกล้งรดนาคินทร์ต่อ นาคินทร์ก็พยายามจะห้าม ห้ามไปห้ามมาทั้งตัวผมตัวนาคินทร์เปียกมะลอก ผมหัวเราะร่วนที่แกล้งนาคินทร์ได้ ตอนนี้ตัวผมเองก็เปียกจนถึงไข่แล้ว แต่มันสนุกดีผมเลยไม่หยุด ทำให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่วิ่งฉีดน้ำเล่นเลย

“คุณหนูพอแล้วครับ”
นาคินทร์เบรกผมไว้ด้วยการรวบกอดผมแน่น หยุดทุกการกระทำผมไว้

น้ำมันเย็น แต่ตอนนี้ตัวผมกำลังร้อนผ่าว มือที่ถือสายยางถูกจับแน่น น้ำยังไหลพรากกระทบพื้นหญ้ากระเด็นใส่ขากางเกงจนเลอะ

“ปล่อยได้แล้ว ฉันเลิกแกล้งแล้ว”
ผมอ้อมแอ้มบอก นาคินทร์ค่อย ๆ ปล่อยตัวผมออกเหมือนกัน

“ผ้าก็อชเปียกแล้วนาคินทร์!!”
ผมบอกหน้าตื่น ห่วงเล่นเลยไม่ได้มองว่านาคินทร์บาดเจ็บอยู่ นาคินทร์ลองเอามือจับ ๆ ดู

“แค่ข้างนอกครับ”

“เปลี่ยนก่อน เดี๋ยวแผลติดเชื้อ”

“นาคินทร์เปลี่ยนเองได้ครับ”

“ฉันทำเปียก ฉันรับผิดชอบเอง”

“เอ่อ แต่คุณหนูครับ นาคินทร์ว่าคุณหนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า ตัวเปียกหมดแล้ว”

ผมก้มมองตัวเอง ผมใส่เสื้อยืดสีขาว มาตอนนี้มันเปียกจนเห็นหัวนมชัดเลย แต่ก็นั่นแหละ นาคินทร์ไม่ได้อะไรกับหัวนมผมอยู่แล้วนี่

“ทำแผลก่อน ของฉันเปลี่ยนทีหลังได้”
ผมให้นาคินทร์เอาถุงที่อาหมอให้มาออกมาให้ นาคินทร์จำต้องนั่งเฉย ๆ ให้ผมทำให้

เพราะจุดที่ผมทำคือหน้าผาก ผมให้นาคินทร์นั่งอยู่บนม้านั่ง ส่วนตัวเองคุกเข่าบนม้านั่งเดียวกัน หัวผมอยู่เหนือใบหน้านาคินทร์ขึ้นไป หน้าอกอยู่ในระดับสายตานาคินทร์ แค่อยู่ใกล้ ๆ นาคินทร์หัวนมผมก็ตั้งชันแล้ว อยากให้คนตัวสูงสัมผัสร่างกายผมจริง ๆ

ผมทำแผลให้นาคินทร์อย่างเบามือ เป่าเพี้ยงเหมือน ๆ ที่ย่าเคยทำหวังให้นาคินทร์หายเร็ว ๆ

“หายเร็ว ๆ นะ”

“ขอบคุณครับ นาคินทร์ว่าคุณหนูหนาวแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”

“อื้อ ได้ แต่ช่วยดูหลังให้นิดได้ไหม ไม่แน่ใจว่ารอยช้ำหายรึยัง”

“เอ่อ ครับ”

ผมหันหลังให้ มันเป็นแค่ความสุขลึก ๆ ที่อยากให้นาคินทร์ได้เห็นเรือนร่างผม ถึงจะรู้ว่านาคินทร์ไม่หลงเสน่ห์ก็เถอะ คราวนี้ผมใส่เป็นเสื้อยืดมา ผมจึงจำต้องถลกเสื้อขึ้นสูงแทนเพื่อให้นาคินทร์ดู

“จางลงเยอะแล้วละครับ”

ผมยิ้ม ลดเสื้อลง นาคินทร์เสหลบสายตามองไปทางอื่น

“ขี้เกียจขึ้นบ้าน ขอยืมเสื้อใส่สักตัวได้ไหม”

“เอ่อ ผมว่า…”

“หวง?”

“ไม่ได้หวงครับ แต่…”

“น่า ยืมหน่อย”
ผมร้องขอ นาคินทร์พยักหน้ารับ

“ไม่รู้ว่าคุณหนูจะชอบแนวไหน เลือกเองได้ไหมครับ เอาตัวที่ชอบที่สุดได้เลย”
นาคินทร์ให้สิทธิ์ ผมยิ้ม เดินเข้าไปในห้อง เปิดตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้าเยอะเหมือนกัน แต่ดู ๆ แล้วไม่น่าจะซื้อเอง ถ้าไม่หนูแดงก็คงเป็นคนในบ้านที่ซื้อมาฝาก ไม่ก็ชยันต์ที่ขยันซื้อเสื้อผ้ามาฝากแทบทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนขับรถหรือแม่บ้าน

ผมเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวผ้าเรียบลื่นมาตัวหนึ่ง มันดูใหม่หน่อย เหมือนไม่ค่อยถูกใช้งานเท่าไหร่ ควานหากางเกง ไม่มีเลยสักตัว ผมกัดปาก

ออกจะทุเรศสายตาไปบ้าง แต่แค่สักนิดน่า ผมอยากยั่วนาคินทร์นี่น่า

“นี่นาคินทร์ เสื้อเชิ้ตสีขาวนี่เคยใส่บ้างไหม”
ผมตะโกนถามคนด้านนอก

“เคยครับ แต่รอบสองรอบ ตอนออกไปทำธุระกับคุณท่าน”

ผมพยักหน้า ได้กลิ่นนาคินทร์ด้วย ผมสวมมันลงกับตัว ตัวใหญ่เบ้อเร่อ จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องใส่กางเกงก็ได้ เพราะมันยาวคลุมสะโพกแล้ว ผมพับแขนให้ข้อมือโผล่พ้นออกมา กลัดกระดุม เหลือไว้เม็ดหนึ่ง แค่นี้หน้าอกหน้าใจก็โผล่ออกมาล่อตาแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงก็ยั่วง่ายหน่อย แต่ผมเป็นผู้ชาย ไม่รู้มันจะได้ผลขนาดไหน

ดีไม่ดี อาจโดนต่อว่าเอาได้ง่าย ๆ

แต่ขอแค่ได้ยั่วผมก็พอใจแล้ว


ตอนนี้ใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวของผมจึงมีแค่กางเกงในเพียงตัวเดียวเท่านั้น ผมก้าวออกจากห้อง นาคินทร์หันมามอง คนตัวสูงชะงักไป ผมยิ้ม เดินเข้าไปหา นาคินทร์มีสีหน้าอึดอัด

“น่าเกลียดไหม”
ผมยกแขนขึ้นให้ดู พลิกหันหลังอีกนิดหน่อย บางจังหวะชายเสื้อก็ร่นสูงจนเห็นเนินต่ำด้านล่าง แต่ไม่เห็นลิงหรอกครับ

นาคินทร์ไม่ตอบ

“นี่นาคินทร์ ฉันถามว่าน่าเกลียดไหม”

“มะ ไม่หรอกครับ”
นาคินทร์ตอบรับกุกกัก ผมเดินไปนั่งข้าง ๆ นาคินทร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก

“นี่ นาคินทร์ก็เปียกนะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ”

“คะ ครับ”
นาคินทร์รีบเดินเข้าห้อง หายไปพักใหญ่ก็เดินออกมา ก็แต่งตัวแนว ๆ เดิมเขานั่นแหละ

“ขอพิงหน่อยนะ”
ผมขอไม่รอให้นาคินทร์อนุญาต หันหลังพิงหัวไหล่นาคินทร์ไว้ นาคินทร์นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ผมไม่สนใจอาการนั้น แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“อยากดูดาวจริง ๆ นี่ รีบหาเวลาว่างไปบ้านนาคินทร์กันดีกว่า”

“อาทิตย์หน้าก็ได้ครับ ผมลองเกริ่น ๆ กับยัยหนูแดงไว้แล้ว”

ผมหันไปมองตาวาว

“พูดจริงนะ ไปศุกร์กลับอาทิตย์ก็ได้”

“ครับ”

ผมยังพิงไหล่นาคินทร์อยู่ แค่นี้ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว ได้ยินเสียงยุงบินอยู่รอบ ๆ ผมเงยหน้ามอง

“ยุงมาไล่ที่แล้ว นาคินทร์มียากันยุงแบบทาไหม”

“มีครับ”

“ขอฉันหน่อยสิ”

“ครับ”
นาคินทร์ลุกหายเข้าไปในห้อง หยิบก.ย 15 มายื่นให้ ผมไม่รับ

“ทาให้หน่อย ขี้เกียจทาเอง”

“เอ่อ.. นาคินทร์ว่าคุณหนูทาเองดีกว่าครับ นาคินทร์คงลงน้ำหนักมือไม่ถูก”

“ก็เบามือหน่อย ทาเหมือนทาให้หนูแดงนั่นแหละ”

“แต่คุณหนูครับ”

“ไหนบอกทำเพื่อฉันได้ ขอแค่นี้ทำไม่ได้ หรือว่ารังเกียจ”

“นาคินทร์ไม่เคยรังเกียจคุณหนู ต่อให้ทำมากกว่านี้ นาคินทร์ก็ทำได้ แต่คุณหนูคือของสูงสำหรับนาคินทร์ นาคินทร์ไม่กล้าสัมผัสมาก”

ผมยิ้ม

“ทำให้เบามือที่สุด แค่นั้นก็พอ”

นาคินทร์มองตา พยักหน้ารับอย่างจำยอม ขยับลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นหญ้าต่อหน้าผม หยิบยากันยุงแบบครีมเทใส่มือ ผมยื่นแขนขวาให้ก่อน นาคินทร์แต้มยากันยุงลงบนแขนผมสามจุด แล้วค่อย ๆ ลูบไล้ ทำอย่างเบามือ จากแขนขวามาแขนซ้าย

มือใหญ่ ๆ นั้นสากอย่างรู้สึกได้ชัดจากการกร่ำงานหนัก นาคินทร์เทยากันยุงใส่มืออีกรอบ ลูบกันเบา ๆ แล้วแตะลงมาบนต้นขาขวา สัมผัสนั้นทำเอาผมร้อนวูบ ผมขยับยกเท้าขึ้นไปวางไว้บนหน้าตักนาคินทร์ในตำแหน่งที่ใกล้กับเป้ากางเกง ผมตีสีหน้านิ่งเรียบทั้งที่ภายในหัวใจกำลังเต้นแรง จังหวะนั้นนอกจากฝ่าเท้าผมจะอยู่ใกล้ชิดสิ่งสำคัญของนาคินทร์แล้ว ชายเสื้อที่ปิดต้นขาไว้ยังร่นสูงจนโชว์ต้นขามากขึ้นอีก

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นี่ จะสร้างความหวั่นไหวอะไรให้กับนาคินทร์ได้บ้างไหม นาคินทร์ลูบยาอยู่แค่ต้นขาด้านล่างเท่านั้น ไม่แตะขึ้นมาด้านบนหรอก ก่อนลากต่ำลงไปที่น่องและปลายเท้า

ผมเม้มปากแน่น ค่อย ๆ ดึงชายเสื้อสูง นาคินทร์ชะงัก ผมดึงสูงขึ้นมาอีกจนลิงน้อยเกือบโผล่ นาคินทร์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แต่เทยากันยุง ถูกันแล้ววางมือลงมาบนต้นขาท่อนบน ลูบแผ่วเบา สัมผัสนั้นทำเอาหัวใจผมไหว หลับตาลงเบา ๆ เกือบเผลอครางออกมาเมื่อมือนั้นไต่ลึกขึ้นมาเกือบชิดลิงน้อย

นาคินทร์ละมือไปทำอีกข้าง รู้สึกเหมือนมือนาคินทร์จะสั่นนิด ๆ คงเกร็งที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้ผม สัมผัสที่เหมือนจะกดหนักขึ้น เผลอทำเอาผมจิกเท้ากับต้นขานาคินทร์แรง

ผมอยากเลื่อนฝ่าเท้าไปวางไว้ตรงเป้ากางเกงของนาคินทร์จริง ๆ แต่ก็รู้ว่าไม่เหมาะ

“เรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงนาคินทร์แหบพร่ายังไงพิกล

หรือว่าผมคิดไปเอง

“ยัง” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน “ทาตรงนี้ด้วย ยุงมันเข้าไปกัดได้”
ผมชี้ให้ดูแถว ๆ ต้นคอ ผมเลื่อนมือมาปลดกระดุมออกสามสี่เม็ด

“คุณหนู นาคินทร์ว่า…”


ผมค่อย ๆ เลื่อนคอเสื้อต่ำลงมาคล้องไว้ที่ต้นแขน ไม่พูดอะไร ออกคำสั่งด้วยสายตา นาคินทร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เทยากันยุงใส่มือทาบนซอกคอ ผมหลับตา แหงนหน้าขึ้นนิด ๆ สัมผัสจากฝ่ามือนั้นทำให้ผมรู้สึกหวิวมาก นาคินทร์ทายาต่ำลงไปด้านล่าง

“ทาหน้าอกด้วย”
ผมสั่งเสียงแหบ นาคินทร์ชะงักอีกรอบ

“ผมว่า ผิวเนื้อตรงนั้นมันอ่อนเกินไป”

“ทาเถอะ ยุงที่นี่ตัวใหญ่ นาคินทร์ก็รู้ว่าฉันแพ้ยุง”
นาคินทร์ไม่เถียง เทยาใส่มือแล้วลูบผ่าน มันหวิวสะท้านจนผมเผลอครางออกมาเบา ๆ ผมจับมือนาคินทร์ไว้ ร้อนวูบไปทั่วทั้งหน้า

“ทะ โทษที ฉันจั๊กจี๊”

“ขอโทษครับ อดทนเอาหน่อย”

“อืม”

นาคินทร์ลูบมาที่นมผมอีกข้าง มือนั้นสั่นนิด ๆ จนรู้สึกได้ สงสัยนาคินทร์จะเกร็งที่ต้องสัมผัสผิวเนื้อเจ้านายแบบนี้ มือผมยังวางไว้บนหลังมือนาคินทร์ ครางออกมามากขึ้นเมื่อมือนั้นเหมือนจะทาบหัวนมผมมากขึ้น มันแข็งตัวอยู่ก่อนแล้ว ก่อนนาคินทร์จะทายาอีก นาคินทร์ละมือออก ผมหันหลังให้ เลื่อนเสื้อต่ำลงไปคล้องไว้ที่บั้นเอว นาคินทร์ลูบยาเบามือ สองมือใหญ่ทำประสานกัน

ผมกัดปากเบา ๆ หันไปมอง

“สบายจัง นาคินทร์นวดเป็นไหม”

นาคินทร์ชะงัก

“ครับ”

“นวดให้ฉันหน่อยได้ไหม”

“คือ นาคินทร์ว่าโทรเรียกหมอนวดมืออาชีพดีกว่าครับ”

“ฉันอยากให้นาคินทร์นวด มือนาคินทร์ร้อน ฉันชอบ”

“แต่คุณหนูครับ มือนาคินทร์สาก เดี๋ยวผิวคุณหนูเป็นรอย”

“นั่นแหละ ดีเลย ขัดผิวไปในตัว”

“แต่...”

“นะ” ผมอ้อน

“ดะ ได้ครับ แล้วจะให้นวดตรงไหน อะไรยังไง”

ผมมองม้านั่ง ไม่สะดวกแน่ ๆ

“ในห้องนาคินทร์ละกัน”

“เอ่อ…”

“นี่ ฉันนอนมาสองรอบแล้วนะ”

“ครับ”

ผมเดินนำนาคินทร์เข้าไปในห้อง ทิ้งตัวนอนคว่ำ ขอคิดอกุศลกับนาคินทร์หน่อยละกัน นาคินทร์เอาผ้าห่มมาคลุมท่อนล่าง แล้วลงมือนวดไหล่ให้ผมก่อน

“อ๊า สบายจัง”
ผมครางออกมาเพราะรู้สึกดีจริง ๆ มันไม่ใช่ดีเพราะอย่างอื่น แต่นาคินทร์นวดเก่งจริง ๆ นาคินทร์บีบไหล่ผมแผ่วเบา บีบเป็นจังหวะ ผมครางออกมาอย่างสบายอารมณ์ นาคินทร์ไล่สองมือต่ำลงไปที่แผ่นหลัง แล้วต่ำลงไปที่บั้นเอว

“ต่ำลงไปอีกนาคินทร์ อืม ตรงนั้นแหละ”
ผมสั่ง นาคินทร์ทำตาม ผมดึงผ้าห่มออก

“ห่มไว้ดีกว่านะครับ จะได้ไม่เจ็บผิว”
นาคินทร์ดึงมาคลุมไว้เหมือนเดิม

“ไม่เอา มือนาคินทร์ร้อน ฉันชอบ ห่มก็ไม่รู้ความร้อนน่ะสิ”

“แต่…”

“นวดไปเถอะน่า”
ผมออกคำสั่งเพราะรู้สึกสบายจริง ๆ สองมือใหญ่ไล่ต่ำลงไปบั้นท้าย ต่ำลงไปที่ต้นขา ลงไปถึงปลายเท้า ทุกสัมผัสทำเอาผมรู้สึกเคลิบเคลิ้ม มันสบายจนผมง่วง ผมปิดเปลือกตาลง แล้วปล่อยให้สติค่อย ๆ จางลง

“คุณหนูครับ”

“อืม” ผมครางตามเสียงเรียก

“ถ้าง่วงขึ้นไปนอนข้างบนก่อนดีกว่านะครับ”

“อื้ม”
คือจะพูดว่าไม่

“คุณหนูครับ” เสียงเรียกนั้นแหบพร่าเอามาก ๆ ทั้งพร่าทั้งสั่น “คุณหนู” เสียงลมหายใจคนเรียกฟังดูแรงยังไงพิกล

รู้สึกเหมือนมีอะไรร้อน ๆ ซุกลงมายังซอกคอ ผมแหงนหน้าขึ้น ฝ่ามือปริศนาร้อน ๆ ลูบไล้ผิวเนื้อผมแผ่วเบา รู้สึกเหมือนหัวนมถูกบีบ ผมอ้าปากครางสะท้าน ตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

นี่ผมคงกำลังฝันเปียกอีกแล้ว

[มีต่อค่ะ 50%>>]http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3457066#msg3457066
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 25-08-2016 08:19:18
 :hao6:ฝันเปียกบ่อยน่ะ คุณหนู
ขยันยั่ว. โอ้ยนาคิน จะ ไม่ไหวแล้วน่ะ สงสารนาคินเถอะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 25-08-2016 09:37:41
นางยั่วได้ใจจริงจริ๊งงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-08-2016 11:50:15
ค้างงงงงงง อะ ค้างงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่ชอบบบบ ที่คุณหนู ยั่วนาคินทร์สุดๆ ไปเลย :hao5:
อ่านไป เขินไป ไร้ท สุดยอด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
โอย....รู้สึกเลยว่า นาคินทร์ต้องทรมาณ มากกกก
แต่เป็นการทรมาณที่แสนหวาน นะ  :impress2:
คุณหนู โดนยานาคินทร์ หรือนาคินทร์โดนยาคุณหนูกันแน่
นาคินทร์จะตบะแตกแค่ไหน กันนะ
แต่ที่รู้ๆ คุณหนู มีพัฒนาการยั่ว การอ่อย มากกกกก
รอ อย่างใจจดใจจ่อ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-08-2016 14:28:06
ยั่วเก่งจริงจริ๊งคุณหนู~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-08-2016 14:54:41
เจอแบบนี้ถ้าเป็นป้า ป้าบอกเลยจะไม่ทน  :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-08-2016 17:31:38
ถ้าจะยั่วกันเบอร์นี้ >\\\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 25-08-2016 19:29:00
ยั่วขนาดนี้ นาคินทร์จะรอดไหมเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 25-08-2016 19:41:55
ยั่ววนไปค่ะ ยั่วจนกว่าจะได้!!!  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-08-2016 19:49:44
คุณหนูยั่วเก่งมากๆๆๆ นาคินทดได้ไงเนี่ย จัดเลยไหม ฮ่าๆๆๆๆ เอาอีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 25-08-2016 21:57:36
จับกดทีเถอะ ยั่วขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 25-08-2016 22:58:04
ยั่วขนาดนี้ ถ้ายังไม่รู้สึกก็เกินไปล่ะ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-08-2016 23:43:31
ขยันยั่ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 26-08-2016 01:45:55
ค้างงงงงง!!!!


 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(25-8-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 26-08-2016 15:21:09
กรี๊ดดดด อิฉันชอบนายเอกขี้ยั่ว ชอบมาก ชอบสุดๆถึงขั้นคลั่ง โอ๊ยยยย นาคินทร์ถ้าเป็นเราเราจะย่องขึ้นห้องคุณหนูไปลักหลับทุกวันเลย ฮึ่ม ขยันยั่วดีนัก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-08-2016 17:00:14
[ต่อค่ะ]


“คุณหนูครับ”
มือใหญ่บีบบั้นท้ายผมแรง แรงบีบนั้นทำเอาผมซี้ดปากเลย

“แรง บีบแรง ๆ”
ผมกระซิบร้องขอ จับมือใหญ่ให้บีบบั้นท้ายตัวเองแรงขึ้น คนที่สัมผัสผมอยู่ทำตาม บีบแรง เค้นคลึง ผมซี้ดปาก

“กัดนมฉันสิ กัด”
ผมร้องขอ คนด้านบนทำตาม กัดลงมา ขยี้ด้วยฟันเบา ๆ ผมครางสะท้าน ความเป็นชายผมตั้งชัน ผมดันหัวของคนที่กำลังงับหัวนมผมอยู่ให้ต่ำลงไปเพื่อครอบครองน้องผม และคนคนนั้นก็ทำตาม รู้สึกเหมือนกางเกงตัวน้อยผมถูกดึงให้หลุดหายไป แล้วปากร้อน ๆ ครอบครองน้องผมไว้ ผมครางเสียงดัง บิดกายเร่า จิกสองปลายเท้ากับที่นอน แอ่นสะโพกเข้าหา เหมือน ๆ จะมีนิ้วร้อน ๆ แทรกผ่านเข้ามาในร่างกาย ในส่วนที่แคบที่สุด ผมผ่อนคลายร่างกายเพื่อให้สิ่งแปลกปลอมเคลื่อนเข้ามา

ผมรู้ว่าผมกำลังฝันถึงนาคินทร์ ปกติผมจะฝันถึงแค่ขั้นแรก บางทีคืนนี้ผมอาจกำลังฝันถึงขั้นสุดท้าย ผมไม่หวาดกลัว เพราะผมต้องการอยู่แล้ว นิ้วนั้นแทรกลึกเข้ามามากขึ้น ผมกระตุกวูบ ครางออกมาเสียงดัง

“ลึกอีก”
ผมร้องขอ นิ้วร้อนนั้นแทรกลึกเข้ามามากขึ้น ผมผวาเฮือก เมื่อมันสะกิดไปถึงจุดอ่อนไหวที่เขาร่ำลือกัน ส่วนหน้าก็ถูกกระตุ้น ส่วนหลังก็กดแทรกไม่หยุด ผมหายใจหอบหนัก ความต้องการพุ่งสูง

“เร็ว”
ผมเร่ง ปากที่กำลังครอบครองอยู่เร่งจังหวะเร็วขึ้นกระทั่งผมปลดปล่อย ผมหอบแฮก

สิ่งที่ล่วงล้ำอยู่ถูกถอนออก มือผมถูกนำไปจับทาบไว้กับสิ่งแข็งขืนที่ผมจำได้ดีว่าคืออะไร ผมบีบมันอย่างคุ้นเคย เจ้าของมือจับมือผมบีบแน่นมากขึ้นขยับเป็นจังหวะ ในขณะที่ริมฝีปากร้อน ๆ ก็เคลื่อนมาซุกแถว ๆ ซอกคอ เสียงลมหายใจฟึดฟัดชัดเจน

นาคินทร์แน่ ๆ ผมฝันถึงนาคินทร์อีกแล้ว ผมเลื่อนมือไปคล้องลำคอคนตัวสูงไว้ แล้วก็มีปากร้อน ๆ เคลื่อนมาปิดปากผมไว้ ผมขยับตอบรับ

ฝันยังขนาดนี้ ตัวจริงจะขนาดไหนเนี่ย ได้ยินเสียงคำรามเบา ๆ คนในฝันผมคงไปถึงฝั่งฝันแล้ว







ผมลุกขึ้นมานั่งหัวฟูในสภาพเสื้อตกไปอยู่ที่หัวไหล่ เจ้าของห้องหายไปเหมือนเดิม หันมองนาฬิกา หกโมง ดีว่าไม่สายมาก

ผมดึงผ้าห่มนาคินทร์ขึ้นมาดม ยิ้มนิด ๆ

เมื่อคืนนี้ฝันดีแฮะ

ผมขยับลุก รู้สึกแปลก ๆ ที่ด้านหลัง ผมชะงัก ขมวดคิ้ว

นะ นี่อย่าบอกนะว่า เมื่อคืนผมฝันเปียกกระทั่งเผลอใช้นิ้วกับของตัวเองเข้า ผมเอามือกุมหน้า หวังว่านาคินทร์จะไม่เห็นตอนผมทำท่าทุเรศแบบนั้นนะ

ผมลุกจากเตียง เดินไปข้างนอก เห็นนาคินทร์ผูกผ้าขนหนูสีมอ ๆ พันไว้รอบหน้าผาก ล้างรถอยู่ ผมย่องเงียบเข้าไปหา

“นี่!”

นาคินทร์สะดุ้ง หันมามอง วันนี้นาคินทร์หล่อมาก หล่อเข้ม ยิ่งมีผ้าโพกหัวแบบนี้ยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่ 

“นอนหลับสบายไหมครับ คุณหนู”

“มาก” ผมบอกยิ้ม ๆ “หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ นอนให้นวดอยู่ดี ๆ มือนาคินทร์นี่ดีจริง ๆ วันหน้านวดให้อีกนะ”

นาคินทร์ส่ายหัว

“นาคินทร์ไม่อยากทำอีก”

“ขัดคำสั่งเจ้านายรึไง เดี๋ยวตัดเงินเดือนหรอก”

นาคินทร์เม้มปากแน่น

“รีบไปอาบน้ำเถอะครับ รถใกล้เสร็จแล้ว”

ผมพยักหน้า เดินขึ้นห้องไป ระหว่างทางเดินขึ้นบ้าน ชยันต์เดินสวนลงมาพอดีกับพี่เชนทร์ ชยันต์มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำสายตากรุ้มกริ่ม

“ไปนอนไหนมาเมื่อคืน”

“กับนาคินทร์”
ผมบอกตามตรง

“นี่ชุดนาคินทร์หรือเปล่า”
ผมพยักหน้ารับ ชยันต์หัวเราะคิก ยืดตัวขึ้นกระซิบข้างหูพี่เชนทร์ รายนั้นทำหน้าปุเลี่ยน มองหน้าผม ถอนหายใจแรง ลูบหัวผมเบา ๆ ยิ้มละมุน

“โตเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ แล้วนะ”

ผมขมวดคิ้วมอง

“โตมานานแล้วพี่ 25 แล้วนะ”

พี่เชนทร์ไม่พูดอะไร พากันเดินลงไป ผมมองตามงง ๆ ก่อนหันกลับมาวิ่งขึ้นบันไดต่อ

ผมมองตัวเองผ่านกระจก รู้สึกวันนี้เลือดลมจะดูเยอะ ๆ ผิดปกติ เพราะปากดูแดง ๆ ยังไงพิกล ความต้องการก็มากผิดปกติ ก่อนออกจากห้อง ผมสำเร็จโทษตัวเองไปอีกรอบ โดยใช้นาคินทร์นั่นแหละเป็นตัวช่วย                 

พอลงไปทานข้าวเช้า คนอื่นก็กินกันหมดแล้ว ผมนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ เดินออกไปหารถ นาคินทร์ยืนกอดอกรออยู่ข้างรถ ใบหน้าด้านข้างดูคมเข้ม ผมเดินเข้าไปหา พิจารณาใกล้ ๆ นาคินทร์หันมามอง ถอดผ้าปิดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าผากออกแล้ว ตอนนี้มีพลาสเตอร์กันน้ำติดไว้แผ่นหนึ่ง แต่ผมที่นาคินทร์ไว้จนถึงคิ้วปิดไว้แทบมิด

ทรงดูวัยรุ่นดี สงสัยยัยหนูแดงบังคับให้ไว้

“เจ็บแผลอยู่ไหม”
ผมถาม นาคินทร์ส่ายหัวไปมา ผมมองแผ่นพลาสเตอร์นั้น ไล่สายตาต่ำลงมาที่คางและแนวกราม

“เครางอกแล้วนะนาคินทร์”

นาคินทร์ลูบเคราตัวเองเบา ๆ

“ครับ สองสามวันนี้ไม่ได้โกนเลย”
ผมแตะปลายนิ้วลงบนผิวแก้มนั้น นาคินทร์ชะงักมอง ผมลูบเบา ๆ มันสาก ๆ แต่รู้สึกเซ็กซี่ยังไงพิกล เพราะในฝัน ผมรู้สึกถึงเคราสาก ๆ นี้มาซุกซอกคอด้วย 

“ไว้บาง ๆ แบบนี้ก็ดีนะ ลูบแล้วรู้สึกดี”

นาคินทร์มองหน้าผมนิ่ง ๆ

“คุณหนูชอบเหรอครับ”

“อืม”
ผมครางรับ ไล่มือสูงขึ้นไปถึงแนวหู นาคินทร์ไม่เลื่อนสายตาหนีไปจากหน้าผมเช่นกัน 

“ถ้าคุณหนูชอบ นาคินทร์จะไว้บาง ๆ ให้ครับ”

“ขอบใจมาก”

รู้สึกดีจริง ๆ ที่นาคินทร์ยอมทำเพื่อผมขนาดนี้

“คุณหนูรู้สึกไม่สบายหรือเปล่าครับ”

“ไม่นี่ ทำไม หน้าฉันซีดมากเหรอ”

“เปล่าครับ แต่ตรงกันข้าม รู้สึกปากคุณหนูจะแดงผิดปกติ”

ผมเผยอริมฝีปากนิด ๆ เพราะตอนนี้นาคินทร์กำลังมองปากผมอยู่ ผมอยากให้นาคินทร์มองมันนาน ๆ จะมองเพื่ออะไรก็ตาม ผมแสร้งแลบลิ้นออกมาเกลี่ยมันเบา ๆ ใจเต้นตึกตักเมื่อนาคินทร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

ให้ตายสิ อยากกอดนาคินทร์ชะมัด

“คุณหนู…” นาคินทร์เรียกเสียงแหบ “ผมว่าเรารีบไปกันเถอะครับ”

“อื้ม”
ผมรับปากเสียงเบา นาคินทร์เปิดประตูให้








ถึงที่ทำงานผมตั้งอกตั้งใจทำงานกว่าเดิม แต่รู้สึกเหมือนคุณเอกสิทธิ์จะใกล้ชิดผมผิดปกติโดยเฉพาะมือไม้ที่แต๊ะอั๋งมา แรก ๆ ผมก็คิดว่าเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัว แต่เท่าที่ผมสังเกตดู คุณเอกสิทธิ์ทำแบบนี้เฉพาะกับผมเท่านั้น

หรือว่า…

ผมทดลองอยู่นิ่ง ๆ ตอนคุณเอกสิทธิ์เข้ามาใกล้ มือใหญ่คล้องไว้ที่เอว ต่ำลงไปแถว ๆ เนินก้น คุณเอกสิทธิ์ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น แค่วางมือไว้ในลักษณะเกินเลย แต่ไม่น่าเกลียด

ผมไม่แน่ใจ และไม่กล้าถามด้วย ขืนไม่ใช่ขึ้นมา คงมองหน้ากันไม่ติด หรือถ้าเป็นจริง เขาจะกล้ายอมรับไหม แล้วผมควรจะปฏิบัติกับเขายังไงต่อ เพื่อจะได้ไม่เป็นการเสียการเสียงาน 

“คืนนี้ฉันต้องอยู่เคลียร์งานดึก อนุชาอยู่ช่วยฉันก่อนนะ” ผมรับปากอย่างเสียไม่ได้ “เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบไปส่ง บอกให้นาคินทร์ลูกพี่ลูกน้องเธอกลับไปก่อนก็ได้”

ผมนิ่งคิด “ประมาณกี่ทุ่มครับ”

“ฉันบอกไม่ได้ เสร็จตอนไหนก็ตอนนั้น อาจแค่ทุ่มสองทุ่มหรือสี่ห้าทุ่ม แต่ถ้าไม่ไหวก็กลับก่อนก็ได้ เป็นงานที่ต้องเร่งให้เสร็จพรุ่งนี้น่ะ คนอื่นงานล้นมือกันหมด”

อันนี้ผมไม่เถียง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงงานยุ่งจริง ๆ ผมรับปาก โทรหานาคินทร์ รายนั้นไม่พูดอะไร ไม่รับปากหรือปฏิเสธด้วย แต่คิดว่านาคินทร์คงจะเข้าใจและกลับก่อน เพราะผมโตแล้ว ไม่ใช่หน้าที่อะไรให้ต้องมาอยู่ด้วย

ผมอยู่ช่วยงานคุณเอกสิทธิ์ โดยเขาสั่งซูชิมาเป็นมื้อเย็น ทานกันแบบเร่งด่วน เพราะต้องเร่งงานให้เสร็จ นี่ขนาดมีผมอยู่ช่วยนะ ยังเยอะขนาดนี้ ให้ทำคนเดียว ไม่ยันรุ่งเช้าเลยเหรอ

“เอ้า อนุชาพักเหนื่อยหน่อย”
คุณเอกสิทธิ์โยนเครื่องดื่มมาให้กระป๋องหนึ่ง ผมรับมาถือ เปิดป๊อกออกดื่ม “อีกนิดเดียว ถ้าไม่ไหว กลับก่อนก็ได้นะ” เขาบอกเสียงเหนื่อย ให้กลับก่อนก็เอาเปรียบกันเกินไป

“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวเท่านั้น”
ผมวางเครื่องดื่มกระป๋องนั้นลงหลังดื่มไปได้ส่วนหนึ่ง หันกลับมาทำงานต่อ

ผ่านไปยี่สิบนาที แอร์เสียหรือยังไงฮึ ผมหันไปมองแอร์ที่ยังพ่นไอเย็น ๆ ลงมา แต่ผมรู้สึกว่ามันร้อนยังไงแปลก ๆ ผมกระพือเสื้อเบา ๆ เหงื่อซึมตรงขมับ คุณเอกสิทธิ์ดูไม่เห็นจะร้อนเลย นั่งหน้านิ่วทำงานในส่วนของตัวเองไป

เพราะมันร้อนจัด ๆ และนี่ก็เวลาเลิกงานมานาน ผมแค่ทำโอที ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นระเบียบมาก ผมดึงชายเสื้อออกจากกางเกง ปลดกระดุมเสื้อออกสองสามเม็ด ทั้งร้อนแล้วก็รู้สึกอยาก ๆ แปลก ๆ

“อนุชา มาช่วยทางนี้หน่อย”
คุณเอกสิทธิ์เรียกโดยไม่หันมามอง ผมเดินเข้าไปใกล้ เขาขยับเข้ามาชิดจนไหล่ชนไหล่ ร่างกายผมร้อนวูบ รู้สึกมันอยากผิดปกติ คุณเอกสิทธิ์หันมามอง

“ฉันว่าเธอไม่ไหวแล้วล่ะ ท่าจะเหนื่อยมาก ดูสิ”
คุณเอกสิทธิ์หันมาเผชิญหน้าตรง ๆ อังมือไว้กับหน้าผาก แตะแก้ม ไล่ต่ำลงมายังซอกคอ

ผมครางอื้อออกมาเบา ๆ กับสัมผัสพวกนั้น มันแปลก ๆ ยังไงพิกล ปกติคุณเอกสิทธิ์ไม่ใช่คนน่าสนใจ แต่วันนี้ผมรู้สึกต้องการแปลก ๆ อยากให้คุณเอกสิทธิ์สัมผัสมากขึ้น

“รู้สึกยังไงบ้าง”
คุณเอกสิทธิ์ถามเกลี่ยมือต่ำลงไปที่แผงอก

“ร้อน”
ผมตอบเสียงแหบ

“ร้อนก็ถอดเสื้อออกก่อนสิ มานี่ ฉันช่วย”
คุณเอกสิทธิ์ค่อย ๆ ปลดกระดุมผมออก ผมก็ไม่คิดจะห้ามเพราะมันร้อนจริง ๆ

“ร้อนตรงไหนบ้าง”
เขาถาม

“ร้อนไปหมด”
ผมตอบตามความรู้สึก มันร้อนไปหมดจริง ๆ

คุณเอกสิทธิ์เกลี่ยนิ้วเป็นทางบนแผงอกผม มันร้อนแล้วก็เสียววูบแปลก ๆ

“กินนี่ก่อนนะ กินให้หมด จะได้หายร้อน”
เขายกเครื่องดื่มของผมมาให้ ผมรับมาดื่มเพราะต้องการดับความร้อนที่มีอยู่ลง ผมกินกระทั่งหมดกระป๋อง     คุณเอกสิทธิ์โยนมันทิ้ง แต่แทนที่มันจะหายร้อนกลับร้อนขึ้นกว่าเดิมอีก

“ร้อน”
ผมบ่นเพราะความร้อนที่มีเพิ่มขึ้น

“เดี๋ยวฉันช่วยดับร้อน”
คุณเอกสิทธิ์ดันผมเบา ๆ ขึ้นไปนอนหงายบนโต๊ะทำงานตัวเอง ผมไม่ได้ขัดขืนอะไร แล้วร่างสูงก็ก้มลงมาจูบซับเบา ๆ กับหน้าท้องที่เปิดอ้าอยู่ของผม ตัวผมสั่นริกขึ้นมาทันที

“ขอโทษที่มารบกวนเวลานะครับ แต่ผมคิดว่าหมดเวลาทำโอทีแล้ว ผมจะพาคุณหนูกลับ”
เสียงใครสักคนทักมา เสียงนั้นถ้าจำไม่ผิด นาคินทร์แน่ ๆ คนที่กำลังซุกปากกับหน้าท้องผมขยับเคลื่อนที่หายไป ผมมองตามอย่างเสียดาย

“นี่มันเรื่องของเราสองคน นายไม่เกี่ยว”

“เกี่ยวครับ เพราะคนที่คุณกำลังจะทำอนาจารในที่ทำงานตอนนี้คือเจ้าชีวิตผม ผมมีหน้าที่ดูแลและปกป้องเขา ขอโทษที่มาขัดจังหวะ แต่ผมว่าคุณควรจะหาคนใหม่มาเป็นคู่นอนดีกว่า อย่ามายุ่งกับคุณหนูอีก ถ้าไม่อยากเดือดร้อนหรือมีปัญหาทีหลัง ผมเตือนคุณไว้แค่นี้”

“ฉันเป็นหัวหน้างานนะ ฉันมีสิทธิ์ทำให้อนุชาเขาออกจากบริษัทนี้ง่าย ๆ ก็ได้”

“หึ ลองดูสิครับ แล้วมาดูกันว่าคนที่จะออกจากบริษัทนี้คือคุณหนูหรือคุณกันแน่ ผมขอตัว”

“นี่ ปล่อย เด็กนี่เป็นของฉัน”

“ผลั๊ก!!”
ได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง ผมพยายามพยุงตัวลุกมอง เห็นคุณเอกสิทธิ์ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ส่วนนาคินทร์ยืนจังก้าอยู่อีกฝั่ง

“ผมเตือนคุณอีกครั้ง อย่ามายุ่งกับคุณหนูอีก ไม่งั้น ต่อให้คุณทำงานดีขนาดไหน ก็จะไม่มีโอกาสได้ทำงานที่นี่อีกแน่ ๆ”

“ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่ ๆ”
คุณเอกสิทธิ์เช็ดเลือดข้างมุมปากด้วยหลังมือ ชี้หน้านาคินทร์ รายนั้นไม่สนใจเดินตรงมาทางผม

“ไปครับคุณหนู”
ผมถูกช้อนอุ้มไว้ในอ้อมแขน 

“นาคินทร์”
ผมครางเรียก

“ครับ” 

“มาได้ไง” ผมถามเสียงแหบ “คิดว่ากลับบ้านไปแล้วซะอีก แล้วเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณเอกสิทธิ์ไปนั่งอยู่บนพื้นแบบนั้น”
นาคินทร์ไม่ตอบ พาผมเดินผ่านคุณเอกสิทธิ์ที่มองมาด้วยสายตาขุ่นเคือง ผมมองเขาจนลับสายตาก่อนหันกลับมามองคนที่อุ้มผมไว้อีกครั้ง

“นาคินทร์”
ผมถามเพื่อย้ำให้เขาตอบคำถามผมมา

“ผมไม่มีทางทิ้งคุณหนูไว้คนเดียวแน่ ๆ และผมก็คิดถูกที่ทำแบบนั้น”
นาคินทร์บดกรามแน่น

“ทำไม”
ผมถามต่อ พยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างทรมาน

“คุณหนู คุณหนูโดนวางยานะครับ”
นาคินทร์ก้มบอก

“โดนวางยา?”

“ครับ”

“ยาอะไร”
ผมถามเสียงแหบยิ่งกว่าเดิม เนื้อตัวสั่นริกไปหมดแล้ว นาคินทร์ไม่ตอบ

“อื้อ นาคินทร์ยาอะไร”
ผมถามพร้อมครางอย่างทรมาน กอดคอนาคินทร์แน่น เพราะอยู่ ๆ ก็รู้สึกเสียววูบจนร่างกายเหมือนถูกจับบิดด้วยมือที่มองไม่เห็น มันบิดเกลียวไปทั่วทั้งท้องน้อย

“ยาปลุกครับคุณหนู คุณหนูอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย นาคินทร์จะรีบพาคุณหนูกลับบ้าน”

ผมพยายามประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ยาปลุกงั้นเหรอ ใครทำ

ผมนึกย้อนไปถึงคุณเอกสิทธิ์

“คุณเอกสิทธิ์” ผมถามหอบ ๆ “เขาเป็นคนทำเหรอ”

นาคินทร์บดกรามแน่นยิ่งกว่าเดิม ไม่ได้ตอบคำถามผม แต่ผมก็พอจะเดาอาการได้ ผมไม่ประสาเรื่องพวกนี้หรอก ไม่ค่อยจะสนใจด้วยซ้ำ แต่อาการร้อนแปลก ๆ ของผมมันเกิดหลังจากกินเครื่องดื่มกระป๋องนั้นได้สักพัก ผมพยายามนึกย้อนไปอีก ไม่รู้ว่ายาแรงขนาดไหน ผมกินเข้าไปหมดกระป๋องเลยด้วย

“เครื่องดื่มกระป๋องนั้น” ผมขยุ้มคอเสื้อนาคินทร์แรงเมื่อร่างกายภายในบิดเกลียวอีกครั้ง “อึก ฉันดื่มเข้าไปหมดเลยนะนาคินทร์ ฉันไม่รู้”

“ครับ ผมรู้”
นาคินทร์ครางรับ ขยับก้าวเท้าเร็วขึ้น ผมโอบกอดรอบลำคอนาคินทร์แรงขึ้น

“ร้อน นาคินทร์ อึดอัด ทรมาน”
ผมบอกคนตัวสูง

“อดทนเอาหน่อยครับ ดึกแล้ว รถคงไม่ติดมาก”
นาคินทร์ไม่เดินแล้วคราวนี้วิ่งเลย ตรงเข้าลิฟท์ กดลงไปยังชั้นใต้ดิน ผมหอบแฮกโอบรอบลำคอคนตัวสูงมากขึ้น กดข่มความต้องการไว้

ต้องการขนาดไหนจะมาแสดงออกต่อหน้านาคินทร์ไม่ได้เด็ดขาด ผมไม่อยากให้นาคินทร์รังเกียจ


100%
มีต่อค่ะ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3459525#msg3459525
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 27-08-2016 17:31:42
:haun4: :haun4: :haun4:


นาคินทร์ช่วยหน่อยยยย
ฮ่าๆๆ



 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-08-2016 18:12:24
กรี๊ดดดดดดดดดด ค้างงงงงงงง
5555555
ตอนหน้าสงสัยจะเสียตัวแบบจิงจัง -.,-
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 27-08-2016 19:21:02
ตอนหน้าเท่านั้น !!!!!!! ขุ่นพร๊ะะะะ  :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: chaichan ที่ 27-08-2016 19:41:41
Waitingggggggggg
Pls hurry kaaaaaa
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 27-08-2016 20:00:45
ขอเสนอนาคินทร์เป็นยาแก้ให้คุณหนู
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-08-2016 20:13:31
อูยยย นาคินทร์ช่วยลึกๆเลยนะ พรุ่งนี้ปลูกป่าไม้เดียวกันเสร็จจะมาส่อง  :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 27-08-2016 20:14:19
อีคุณเอกสิทธิ์นี่เลวจริงๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยยา :z6: ซัดแม่งซักที ดีนะนาคินทร์มาช่วยทัน แล้วก็กลับบ้านไปช่วยคุณหนูโดยเร็วด้วยนะนาคินทร์ กร๊ากกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 27-08-2016 20:17:33
อย่างนี้ต้องไล่ออกสถานเดียว ถึงจะทำงานดีแค่ไหน คนอย่างนี้ก็ไว้ใจไม่ได้


 แล้วอย่างนี้นาคินทร์จะช่วยคุณหนูอย่างไง โอ้ยยยไม่อยากจะคิด
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-08-2016 20:28:25
นาคินเท่านั้น ลุ้นนนนนน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2016 20:37:54
โอย.....นาคินทร์ คุณหนู  :mew1: :mew1: :mew1:
ไล่เอกสิทธิ์ ออกเลย  :z6: :z6: :z6:
ดีนะ นาคินทร์ไหวทัน ช่วยคุณหนูทัน
จะถึงบ้านไหมนะ :ling1: :ling1: :ling1:
รอ อย่างจดจ่อ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 27-08-2016 20:39:35
กดเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 27-08-2016 21:04:57
นาคินทร์ ช่วยคุณหนูด้วยนะ เราไม่ไหวแล้ว เอ้ย คุณหนูไม่ไหวแล้ววววว ...ได้กันเสียเถอะ 5555555555

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไปอย่างใจจะใจจ่อเลยค่าาาาาา  :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 27-08-2016 21:05:58
เกือบไปแล้วๆ  :m16:
เลวจรองๆิอย่างนีัต้องไล่ออก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-08-2016 21:31:09
หึๆๆ แบบนี้นาคินทร์ตบะแตกแน่ ขนาดปกติยังแทบยั้งไม่อยู่แล้วแบบนี้จะเหลือเรอะ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 27-08-2016 21:56:39
 :katai3:เรากลับคิดว่านาคินอาจไม่ทำเพราะคุณหนูไม่ได้สติเท่าไกร่
แต่ถ้าทำขอทิชชูด่วน ฉันขอกรีสสสสสสสสสก่อน

แต่ยังหวังว่า นาคินน่าจะอยากให้คุณหนู....คือมีสติทั้งสองฝ่ายแบบncที่แบบทะนุทะนอมคุณหนูแบบโลแมนติกสุดๆๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-08-2016 22:14:34
เกลียดคุณเอกสิทธิ์จัง เฮ้อออออ

หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-08-2016 19:24:19
ตั้งหน้าตั้งตารอตอนหน้า  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 28-08-2016 21:38:42
นาคินทร์ต้องช่วยนะ
เอาให้หายร้อน :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 28-08-2016 23:16:36
รอออออออออ~~~~
เมื่อไหร่จะมาลง




 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-08-2016 23:53:35
ตอนที่แล้ว โดนแอบสอด ตอนนี้คงโดนจังๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-08-2016 23:59:33
นาคินทร์จะช่วยยังไงน้า~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 29-08-2016 08:56:39
รออย่างกระสับกระส่าย..
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.9)(30-8-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 30-08-2016 19:43:25
[ต่อค่ะ]


นาคินทร์รีบเปิดประตู วางผมลงบนที่นั่งประจำ รัดเข็มขัดให้ ผมนั่งบิดเกลียวอย่างทรมาน นาคินทร์รีบวิ่งไปที่ฝั่งตัวเอง ความต้องการพุ่งสูงเรื่อย ๆ จนผมกระสับกระส่าย ปวดเป่งตรงส่วนนั้นสุด ๆ อยากปลดปล่อย

“คุณหนู คุณหนูพอจะมีคู่ขาที่สามารถโทรเรียกมานอนด้วยได้ไหมครับ เอาที่ปลอดภัยที่สุด มีปัญหาน้อยที่สุด”

ผมส่ายหัว

“ไม่มี ฉันเคยบอกแล้วไงว่ายังไม่เคยแม้แต่จะขึ้นครู” 

นาคินทร์นิ่งไป

“เอ่อ…ขอโทษครับ นาคินทร์ลืม แล้วพอจะติดต่อหาใครสักคนมาช่วยได้ไหมครับ”

ผมส่ายหัวอีกรอบ เม้มปากแน่น
รู้สึกอับอายอยู่เหมือนกัน ผมเป็นผู้ชาย วัยเบญจเพสแล้วด้วย ผู้ชายอายุขนาดผม ส่วนใหญ่ก็เคยผ่านเรื่องพวกนี้มากันแล้วทั้งนั้น ยิ่งไปอยู่เมืองนอกเมืองนา เมืองแห่งอิสรเสรีของเซ็กส์ยิ่งไม่น่าจะพลาด

นาคินทร์จะคิดว่าผมผิดปกติไหม

แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้จริง ๆ อีกอย่างคือเห็นตัวอย่างจากพ่อและพี่ชายคนโตมาแล้ว เลยไม่อยากทำตัวแบบพวกเขา

ผมไม่ได้หัวโบราณ แต่แค่อยากมีบางสิ่งที่แตกต่างบ้างเท่านั้น

นาคินทร์ต้องดูถูกผมอยู่แน่ ๆ ทั้งเรื่องไม่เคยมีแฟน เรื่องบริสุทธิ์ แล้วไหนจะเรื่องที่โดนยาจากผู้ชายอีก ผมพยายามดึงชายเสื้อมาปกปิดสิ่งที่กำลังตั้งชัน ขยับหันหลังให้นาคินทร์

“คุณหนูครับ ถ้าคุณหนูทรมาน ช่วยตัวเองได้เลยครับ ไม่ต้องอายนาคินทร์ นาคินทร์จะไม่มอง กว่าจะถึง ปล่อยไว้เฉย ๆ มันคงทรมาน”

“ไม่เป็นไร ฉันทนได้”

“แต่คุณหนูครับ มันจะทรมานคุณหนูนะครับ” 

“ไม่เป็นไร รีบ ๆ ออกรถเถอะ”
ผมบอกปนหอบ ทั้งที่ตอนนี้อยากจับน้องตัวเองชักแรง ๆ ให้มันหยุดทรมาน

“ครับ”
นาคินทร์รีบสตาร์ทเครื่อง ขับรถออกจากบริษัทอย่างรวดเร็ว

“อื้ม”
ผมครางออกมาเบา ๆ

“อดทนหน่อยนะครับ” 

ผมไม่เคยต้องอดทนกับเรื่องพวกนี้มาก่อนจริง ๆ ปกติอยากก็ทำเลย แต่ที่ผมไม่ทำ ก็เพราะนาคินทร์นั่นแหละ ผมไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึกกับผมจริง ๆ

นาคินทร์จอดรถไว้ที่ลานจอดประจำ ก้าวออกจากรถวิ่งตรงมาทางผม เปิดประตูออก ช้อนอุ้มไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม

“อดทนหน่อยคุณหนู ผมจะพาขึ้นห้องเดี๋ยวนี้”
ผมไม่ตอบ กอดคอนาคินทร์แน่น เพราะตอนนี้สิ่งที่อยู่ภายในแทบจะระเบิดแล้ว ผมพยายามไม่กระทบกระเทือนมัน นาคินทร์กำลังจะก้าวเข้าบ้าน แต่ชะงักเท้ากึก

“มีแขกมาบ้าน ขืนเข้าไปตอนนี้ทุกคนคงสัยสัยอาการของคุณหนูแล้วสอบถาม เอาไงครับ พร้อมตอบไหม”

ผมดึงเสื้อนาคินทร์ไว้

“ไม่นาคินทร์ ฉันอาย ตั้งเด่ขนาดนี้ ขอฉันอายแค่นาคินทร์คนเดียวพอ พาฉันไปไว้ที่รถก่อนก็ได้ ทิ้งไว้ที่นั่น”

“ไม่ได้หรอกครับ อึดอัดแย่”

“งั้นไว้ในห้องน้ำนาคินทร์ก็ได้ ฉันจะไปจัดการเอง”

นาคินทร์มองหน้า

“ถ้าคุณหนูไม่รังเกียจ ใช้ห้องนาคินทร์ก็ได้ครับ นาคินทร์จะคอยข้างนอก”
ผมมองตาคนตัวสูง ใจอยากให้นาคินทร์กอดใจแทบขาด หรือไม่ก็ให้คนตัวสูงเป็นคนปลดปล่อยผมเหมือนพวกในหนังสือที่นางเอกโดนยาแล้วเสร็จพระเอก แต่แบบนั้นมันน้ำเน่าและทุเรศเกินไป นาคินทร์คงรู้สึกไม่ดี และผมก็คงจะรู้สึกแย่ ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วปรากฏว่านาคินทร์มาลาออกเพราะเรื่องของผม

ผมต้องอดทนให้มากที่สุด จะมาทำให้นาคินทร์เดือดร้อนหรือรังเกียจจนหนีผมไปไม่ได้เด็ดขาด ผมพยักหน้า นาคินทร์รีบพาผมวิ่งเข้าไปในห้องตัวเอง วางผมลงบนที่นอน ตัวผมสั่นจนน่าสมเพช

“คุณหนูครับ ไหวไหม”
นาคินทร์ถามเสียงแหบ ผมพยักหน้า

“นาคินทร์อย่าเกลียดฉันนะ” ผมพูดออกมาจากความรู้สึก “ฉันไม่ได้อยากให้นาคินทร์มาเห็นสภาพที่ทุเรศของฉันแบบนี้ ฉันขอโทษ”
น้ำตาผมร่วงลงมา มันอัดอั้นจากภายใน ทั้งจากความต้องการและจากหัวใจลึก ๆ

“โธ่ คุณหนูครับ จะให้นาคินทร์ยืนยันแบบไหนถึงจะทำให้คุณหนูรู้ว่า นาคินทร์ไม่คิดรังเกียจหรือดูถูกคุณหนูเลย นาคินทร์เข้าใจ ไม่ใช่ความผิดของคุณหนู อย่าเพิ่งคิดเรื่องนาคินทร์เลยครับ ช่วยปลดปล่อยตัวเองก่อนเถอะ นาคินทร์เคยโดนมาก่อน รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน ถอดกางเกงไหวไหมครับ”

ผมพยักหน้า พยายามจะปลดเข็มขัดแต่มือมันสั่นมากจริง ๆ

“ใจเย็นคุณหนู เดี๋ยวนาคินทร์ช่วย ช้า ๆ นะครับ”
ผมพยักหน้า ปล่อยให้นาคินทร์ปลดเข็มขัด รูดซิปให้

อายจริง ๆ ก่อนหน้านี้ผมเคยยั่วนาคินทร์ แต่มาเวลานี้ มันบอกไม่ถูก ความอยากมันตีกันยุ่งกับความกระดากอาย กลัวจะสูญเสียนาคินทร์มากกว่า ผมจับแขนนาคินทร์ไว้ ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดกว่าเดิม

“ใจเย็น ๆ ครับ เดี๋ยวนาคินทร์ช่วย”
นาคินทร์ล้วงดึงบางสิ่งออกมาจากกางเกงผม ผมครางออกมาทันที

“นาคินทร์ อ๊า”
ผมพุ่งทันทีที่มือนาคินทร์กุมมันไว้ ผมตัวสั่นริก น้ำสีขาว ๆ หยาดเยิ้มเลอะมือนาคินทร์ไปหมด ผมหอบหายใจแรง ซุกหน้ากับอกคนตัวสูง สะอื้นออกมาเบา ๆ

“ขอโทษ ฉันขอโทษ”

“อย่าคิดมากครับคุณหนู สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ”
นาคินทร์ลูบหัวผมเบา ๆ มือยังไม่ละไปจากน้องผม คำปลอบประโลมและท่าทีที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนนั้น ทำให้ผมรู้สึกเบาใจขึ้น ผมเลื่อนมือไปกุมเสื้อตรงสีข้างของคนตัวสูงไว้ สไลด์ขากับที่นอนเบา ๆ เพราะความอยากที่ยังไม่จบ

“นาคินทร์…”
ผมครางเรียกเสียงพร่า

“ครับ”
นาคินทร์ตอบรับด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน 

“กอดฉันได้ไหม”

“ครับ”
นาคินทร์เลื่อนมือที่ลูบหัวผมอยู่สอดเข้ามาใต้แผ่นหลัง ยกขึ้นจนแผ่นหลังผมลอยเหนือพื้น กระชับกอดแน่น ในขณะที่มืออีกข้างยังขยับไม่หยุด

ความหมายแท้จริงที่ผมอยากให้เขากอดไม่ใช่แบบนี้ แต่นาคินทร์คงไม่เข้าใจ ผมสไลด์จิกปลายเท้ากับที่นอนมากขึ้น สองมือขยุ้มกอบกำเสื้อคนตัวสูง

“กอดฉันแน่น ๆ นาคินทร์” ผมร้องขอเพิ่มเติม เลื่อนมือไปโอบกอดนาคินทร์ตอบ “อื้อ นาคินทร์” ผมซี้ดปากครางออกมาเสียงดัง

“ผมอยู่ตรงนี้ครับ”
นาคินทร์ตอบรับ ผมชอบเสียงของนาคินทร์จริง ๆ 

“นาคินทร์”
ผมครางเรียกอีกรอบ มองตาคนตัวสูง

“ครับ”
นาคินทร์ตอบรับคำเดิม ใบหน้าได้รูปนั้นดูเซ็กซี่มาก ๆ ผมมองนาคินทร์ตาปรอย

“จูบฉัน”
ผมเผยอริมฝีปากคอย นาคินทร์มองหน้าผม เลื่อนต่ำลงมายังริมฝีปาก

“ได้โปรด”
ผมร้องขออีกรอบ ขยับบดเบียดร่างกายเข้าหาคนตัวสูงมากขึ้น

“ครับ”
เสียงตอบรับแผ่วเบาเอามาก ๆ เบาจนผมแทบไม่ได้ยิน ก่อนนาคินทร์จะค่อย ๆ ก้มหน้าลงมา ปากร้อนทาบลงมาแนบสนิทกับปากผม

ผมจำริมฝีปากนี้ได้ จำความรู้สึกนี้ได้ ผมเคยสัมผัสมาแล้วจากในความฝัน ผมเลื่อนมือขึ้นไปโอบรอบหัวของคนตัวสูงไว้ กดเข้าหาหนัก ๆ นาคินทร์เอียงหน้าใช้ปากบดปาก ผมไม่เคยจูบใครมาก่อน นี่คือจูบแรกของผม จูบแรกจากคนที่ผมรู้สึกดี ๆ ด้วย สองริมฝีปากห้ำหั่นกันโดยไม่มีใครยอมใคร ผมร้อนเพราะฤทธิ์ยาและในส่วนลึกของหัวใจที่ต้องการนาคินทร์อยู่ก่อนหน้า ส่วนนาคินทร์ผมไม่รู้ อาจจะแค่ต้องการช่วยเหลือผมอย่างเดียวก็ได้

แต่มาตอนนี้ ผมไม่คิดจะหาคำตอบแล้ว แค่นาคินทร์ตอบสนองผมได้ก็ถือว่าดีแล้ว จะเพราะอะไรก็เถอะ เสียงลมหายใจของเราดังเคล้ากันรุนแรง ผมบดเบียดร่างกายเข้าหาคนตัวสูง ถ้าหล่อหลอมร่างกายเข้ากับนาคินทร์ได้ ผมจะทำเดี๋ยวนี้เลย

รู้สึกถึงบางส่วนที่กำลังชนขาผมอยู่ มันแข็งเป็นหินเลย ผมถอนปากออกมอง หน้านาคินทร์ตอนนี้เซ็กซี่สุด ๆ ผมเลื่อนมือลงไปจับมัน นาคินทร์ครางอื้อหลับตาเบา ๆ ใบหน้านั้นเอ็กซ์กว่าเดิมอีก

“นาคินทร์”
ผมครางเรียก นวดคลึงสิ่งนั้นเบา ๆ

“ครับ”
นาคินทร์ครางรับ

“นาคินทร์อยากไหม”

นาคินทร์สบตาผม บดกรามแน่น

“นาคินทร์พยายามจะไม่อยาก แต่ร่างกายนาคินทร์มันทรยศ ตอนนี้นาคินทร์อยากเหลือเกิน”
ตัวผมร้อนผ่าวไปกับคำนั้น

“นาคินทร์ ได้โปรดเถอะนะ กอดฉัน”

“นาคินทร์กำลังทำอยู่ครับ”

ผมส่ายหัว

“ไม่ใช่กอดแบบนี้ แต่กอดในความหมายที่ทำให้ฉันเป็นของนาคินทร์”

นาคินทร์เบิกตากว้าง

“คุณหนูครับ”

“ได้โปรด”
ผมร้องขอ โอบรอบลำคอคนตัวสูง บดปลีน่องสองข้างโอบรัดส่วนที่กำลังแข็งเป็นสากของนาคินทร์ไว้ สองมือนวดคลึงท้ายทอย ร้องขอทางแววตา

“อย่ารังเกียจฉันนะ ทำให้ถึงขั้นสุดท้าย ฉันอยากเป็นของนาคินทร์”
ผมกระซิบปากใกล้ปาก นาคินทร์ตัวสั่น ผมแนบปากกับปากร้อน ขยับบดขยี้ และนาคินทร์ก็ขยับตอบรับ 

“นาคินทร์ไม่อยากทำให้คุณหนูเจ็บ”
นาคินทร์พูดหอบ ๆ ผมกดหัวนาคินทร์ต่ำลงไปที่ปลายคาง บังคับให้ปากนั้นซุกซอกคอ

“นาคินทร์” ตอนนี้ผมต้องการแทบบ้าแล้ว “กอดฉัน กอดฉันแรง ๆ ฉันอยากเจ็บนะ”
นาคินทร์บดกราม ขยับซุกหน้ากับซอกคอผมรุนแรง

นั่นเป็นการรับปากของนาคินทร์กราย ๆ ว่าจะกอดผม ผมรีบแหงนหน้าให้คนตัวสูงทำได้ง่าย ๆ เคราสาก ๆ ลากไล้ บางจุดก็เจ็บ แต่ก็รู้สึกดี ผมหอบแฮก ไม่ต่างกับนาคินทร์ที่หอบหนักไม่ต่าง สองมือนาคินทร์กระชากดึงเสื้อออกจากตัวผม พอ ๆ กับที่ผมก็พยายามเลิกดึงเสื้อนาคินทร์ออกเหมือนกัน ผมทำไม่ได้หรอก เพราะไม่ถนัด

นาคินทร์ขยับยกตัวขึ้น ดึงเสื้อยืดเน้นกล้ามนั้นเลิกออกทางหัวโยนทิ้งลงข้าง ๆ กล้ามเนื้อที่ผมปรารถนาลอยเด่นอยู่เหนือใบหน้า แต่เพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้นนาคินทร์ก็ก้มลงมาซุกหน้ากับแผงอกผม ผมครางอื้อ

ปากร้อนนั้นลากไปที่หัวนม ผมครางเสียงดัง รีบจับหัวคนตัวสูงไว้

สัมผัสคุ้นเคยนั้น…

“กัดหัวนมฉัน นาคินทร์ กัดเร็ว”
ผมสั่ง นาคินทร์ทำตาม ตวัดเลียรอบหนึ่งแล้วใช้ฟันคมงับเบา ๆ ผมครางเสียงดัง ตัวสั่นหงึก นาคินทร์งับกัดสลับกับเลียอยู่อย่างนั้น หัวนมผมมันตั้งชันท้าทายคนทำ

“อื้อ ดีนาคินทร์ ฉันชอบ ฉันน่าเกลียดไหม”
ผมถามเสียงสั่น บางส่วนในความรู้สึกยังมีความกระดากอายอยู่

“ไม่ครับคุณหนู นาคินทร์ชอบหัวนมคุณหนู คุณหนูอย่าอายนาคินทร์นะครับ”
ผมครางอย่างพอใจเมื่อได้ยินแบบนั้น

“กัดสิ กัดอีก”
ผมร้องขอ เลื่อนหัวนาคินทร์ไปที่หัวนมอีกข้าง คนตัวสูงทำตามอย่างว่าง่าย ฟันคมบดขยี้มันเจ็บจนผมร้องโอ๊ยออกมา แต่ขณะเดียวกันมันก็รู้สึกดีจริง ๆ

“คุณหนูของนาคินทร์น่ารักมาก”

ผมเลื่อนมือลงไปที่เป้ากางเกงนาคินทร์ พยายามจะคลี่ปลดมันออก นาคินทร์ยกตัวขึ้น คลี่ปลดเข็มขัด ดึงบางส่วนของตัวเองออกมา

“อย่ามองคุณหนู”
นาคินทร์เสยคางผมขึ้น ผมมองคนตัวสูงตาเยิ้ม

“ฉันอยาก นาคินทร์”
ผมเลื่อนมือไปจับสิ่งนั้นของนาคินทร์ไว้โดยไม่ก้มมอง เพราะนาคินทร์ยังไม่ละมือจากคางผม นาคินทร์ครางเบา ๆ สิ่งนั้นใหญ่มาก กำแทบไม่มิด ผมกดนิ้วลงบนปลายยอด อยากกลืนกินสิ่งนั้นจริง ๆ นาคินทร์จับมือผมออก

“คุณหนูแน่ใจใช่ไหมครับ”

“แน่ใจนาคินทร์ ได้โปรดเถอะ”
ผมพยายามเบียดท่อนล่างเข้าหา นาคินทร์ก้มลงมาจูบผมเบา ๆ

“นาคินทร์ต้องเตรียมความพร้อมให้คุณหนูก่อน”
พูดจบนาคินทร์ก็จับผมพลิกคว่ำ ยกสะโพกผมขึ้นสูงในท่าคุกเข่า ผมหน้าร้อนผ่าว เพราะท่านี้ทำให้สิ่งที่น่าอายที่สุดของผมลอยเด่นแน่ ๆ ผมมุดหน้ากับที่นอนด้วยความอับอาย ร้องขอให้เขาทำเอง แต่ก็อายเอง

“อภัยให้นาคินทร์ด้วยนะครับ”
พอสิ้นประโยคผมก็ต้องสะดุ้งเฮือก เพราะนาคินทร์วางมือลงบนสองข้างเนินเนื้อ แล้วบางสิ่งอุ่นร้อนก็แทรกลงมา

ลิ้นของนาคินทร์!

สิ่งนี้มันยิ่งกว่าความฝันเสียอีก ผมชักอยากขอบคุณคุณเอกสิทธิ์จริง ๆ แล้วที่ทำให้ผมมีช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ ผมขยุ้มที่นอนแน่นตอนลิ้นนั้นแหย่ลึกเข้ามาภายใน

นาคินทร์ไม่รังเกียจผมเลย ใช้ลิ้นกับของผมด้วย ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาลึกขึ้นจนผมครางสะท้าน

“นาคินทร์”
ผมครางเรียก ขยับแยกขาออกกว้าง พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุดเพื่อให้นาคินทร์ทำได้ง่าย ๆ นาคินทร์แหย่ลิ้นอยู่สักพัก ก็หยุด ขยับคร่อมร่างผมไว้ จูบซับแผ่นหลัง แทรกนิ้วเข้ามาแทนที่ ผมครางฮือเพราะความรู้สึกดีกับสัมผัสนั้น นิ้วร้อนแทรกเข้ามาจนสุด ก่อนนิ้วที่สองจะเข้ามาตามด้วยสาม บางจังหวะผมก็ขยับบีบรัดนิ้วนั้นแน่น

ผมกระตุกวูบเมื่อนาคินทร์สะกิดถูกบางสิ่งที่อยู่ภายใน

“ตรงนั้น”
ผมบอก นาคินทร์ขยับนิ้วย้ำตรงจุดนั้น ผมครางอย่างพอใจ นาคินทร์ขยับนิ้วเข้าออก เพิ่มจำนวนนิ้ว สลับกับถ่างเพื่อขยาย

อึดอัดชะมัด แต่ก็รู้สึกดี

“คุณหนู นาคินทร์จะเข้าไปแล้วนะครับ”
นาคินทร์กระซิบบอกข้างหู หัวใจผมเต้นตึกตัก พยักหน้า นาคินทร์ถอนนิ้วออก แล้วก็รู้สึกถึงบางสิ่งมาจ่อไว้ที่ปากทางเข้า

“อ๊า นาคินทร์”
ตัวผมสั่นริก ส่วนหัวค่อย ๆ ผลุบหายเข้ามาแล้ว

“อย่างนั้นแหละ ผ่อนคลายครับ อื้อ”
นาคินทร์ครางบ้างเมื่อผมเผลอรัดส่วนหัว สิ่งที่ผมปรารถนามาตลอดเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว

มันรู้สึกเจ็บ อึดอัดและรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน ไม่นานนาคินทร์ก็เข้ามาได้จนสุด นาคินทร์ขยับมาชิดใบหูผมอีกครั้ง

“นาคินทร์เข้าไปได้หมดแล้วนะครับ”

“อืม ดีนาคินทร์ ดี”
ผมครางบอก

“จะเริ่มขยับแล้วนะครับ”
ผมพยักหน้ารัว ๆ นาคินทร์ขยับยกตัวขึ้น ค่อย ๆ ขยับดึงส่วนเชื่อมเข้าออกเบา ๆ เพื่อให้ร่างกายผมปรับสภาพได้ ผมครางตามจังหวะนั้น

“เจ็บไหมครับ”

“เจ็บ แต่ทนได้ เร็วเถอะนาคินทร์ เร็ว”
ผมเร่งเมื่อความต้องการมันพุ่งสูง

“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวฉีก ให้ร่างกายชินก่อน”

“อื้ม เข้ามา เจ็บช่างมัน”

“ใจเย็นครับ”
นาคินทร์จูบซับหัวไหล่ปลุกปลอบ ผมขยำที่นอนแรง ใจอยากให้นาคินทร์ทำแรง ๆ เลย แต่คนด้านหลังยังเคลื่อนที่ช้า ๆ ผมตัวสั่นไปหมดทั้งตัว

“ผมจะเพิ่มความเร็วนะครับ”
นาคินทร์กระซิบบอกเมื่อภายในเริ่มไหลลื่น

“เร็ว เร็ว ๆ”
ผมเร่งเร้า นาคินทร์ขยับเพิ่มความเร็วอีกระดับ ผมครางดังขึ้นตามจังหวะนั้นเช่นกัน

“เจ็บไหมครับคุณหนู”

“เจ็บช่างมันนาคินทร์ อ๊า เร็ว ๆ สิ นาคินทร์เร็ว ๆ”
ผมเร่ง

“งั้นนาคินทร์ไม่เกรงใจแล้วนะครับ”
พูดจบนาคินทร์ก็ตะปบสะโพกผมไว้สองข้าง ขยับเร่งจังหวะจนเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วทั้งห้อง ผมครางออกมาเสียงดัง ขยับแอ่นสะโพกเข้าหามากขึ้น

“คุณหนู คุณหนูของนาคินทร์ อ๊า”
นาคินทร์ครางเสียงดัง ผมครางตามเพราะรู้สึกดีสุด ๆ ไม่ต้องใช้เวลานานสำหรับรอบนี้ ผมพุ่งอีกรอบในขณะที่คนด้านหลังยังไม่ถึง นาคินทร์ขยับท่านี้อยูสักพักก็จับผมนอนหงาย

ผมถึงได้เห็นใบหน้าของคนด้านบนชัด ๆ มันดีเสียยิ่งกว่าภาพฝันที่ผมเคยเจอ ทั้งใบหน้าอันแสนเซ็กซี่ น้ำเสียงอันเร้าอารมณ์ ท่าทางที่เต็มไปด้วยพละกำลัง ผมจับสองข้อมือนาคินทร์ที่จับเอวผมไว้เพื่อเคลื่อนไหว ตอนนี้สะโพกผมลอยเหนืออากาศแล้ว

ไม่แน่ใจว่าเพราะผมเพิ่งทำครั้งแรก หรือเพราะนาคินทร์เก่งมาก หรือเพราะฤทธิ์ยา มันรู้สึกดีสุด ๆ จริง ๆ

“แรง ๆ นาคินทร์ ทำฉันแรง ๆ”
นาคินทร์ทำตาม ขยำเอวผมไว้ กระแทกแรง ๆ ตามคำสั่ง เสียงคำราม เสียงหอบ เสียงหายใจแรง ๆ นั้นทำให้ผมรู้ว่านาคินทร์เป็นคนซ่อนอารมณ์เหมือนกัน นัยน์ตาที่เคยมองผมอย่างนอบน้อม ตอนนี้มันกลายเป็นนัยน์ตาของเสือกระหายเนื้อมนุษย์ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นซึ่งเราไม่สนใจว่าใครจะได้ยิน ที่นอนขยับเลื่อน ผมใช้สองขาโอบรอบเอวสอบไว้ นาคินทร์บดขยี้ของตัวเองลงมา คำรามเสียงดังกระตุกกายเกร็ง

นาคินทร์คงไปแล้วรอบหนึ่ง รู้สึกอุ่นวาบภายใน แล้วน้ำบางส่วนก็ค่อย ๆ เอ่อล้นออกมา

“อ๊า คุณหนูของนาคินทร์”
ผมยังไม่หยุดต้องการบีบรัดสิ่งนั้นแน่น นาคินทร์เลียริมฝีปากตัวเอง ใบหน้าได้รูปนั้นดูเซ็กซี่สุด ๆ นาคินทร์จับผมพลิกขึ้นไปด้านบน ขยับลุกนั่ง บดขยี้ร่างผมกับร่างตัวเอง

แล้วนาคินทร์ก็ดึงผมเข้ากอดและบดจูบลงมา ผมคล้องสองมือไว้รอบลำคอแกร่งทันที มองหน้าคนตัวสูงตาเยิ้ม

“กอดฉัน นาคินทร์ จูบฉัน รักฉันนะ”

“ครับ”
นาคินทร์กอดผมแน่นขึ้น จูบปาก เลื่อนลงไปที่ซอกคอ กระซิบข้างหู

“นาคินทร์รักคุณหนู”

ผมหลับตาพริ้ม จิกเล็บลงบนผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

To be Con...
คนที่ฟินสุดไม่ใช่อนุชา แต่อิคนเขียนนี่แหละ ตายอย่างสมใจอยาก -.,-

หนังสือ & e-book เรื่องนี้ค่ะ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 30-08-2016 20:16:20
:jul1: :jul1: :jul1:

ไม่มีความคิดเห็นค่ะ มีแต่ความฟินนนน
รอคอยมานาน

ชอบตรงนี้
v
v
v

ผมชักอยากขอบคุณคุณเอกสิทธิ์จริงๆแล้ว ที่ทำให้ผมมีช่วงเวลาดีๆแบบนี้





 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 30-08-2016 21:08:36
ได้กันแล้วๆๆ
ฟินนนนนค่าา  :-[

แล้วนาคินทร์บอกรักคุณหนูแล้วด้วย  :z2:
ต่อ/ปนี้ก็ไม่ต้องทนแล้วสินะ นาคินทร์
ไม่ต้องแอบทำตอนคุณหนูหลับแล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 30-08-2016 21:45:23
ฉันฟินมากกกกกกกกกกกกกกกก

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 30-08-2016 22:10:56
 :pighaun:เลือดหมดตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 31-08-2016 23:16:44
ในที่สุด สิ่งที่หวังก็เป็นจริงเสียที :heaven
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 01-09-2016 00:26:06
สมกับที่ลอยคอรอคอย จัดเต็มมากกกก คือแบบ วุ้ย มันใช่อ่ะคุณ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 01-09-2016 09:49:19
อ่านแค่ตอนล่าสุดเพราะชอบวิธีการเขียน
สำนวน  การบรรยายของนักเขียน
อยากบอกว่าสนุกมาก
ิอาจไม่ได้อ่านมาตั้งแต่ต้น(ทั้งเรื่องนี้และเรื่องทาสแค้น)อ่านจากตอนรักกันแล้วเลย
เพราะขี้เกียจรอ ยืดเยื้อ ขี้เกียจลุ้น
แต่ถ้าคนเขียนแต่งจบแล้ว อาจจะเริ่มอ่านตั้งแต่แรกค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.10 อยากยั่ว & โดนยา (P.8)(27-8-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-09-2016 20:50:18
ตอนที่รอคอยมาแล้ว มันยังไม่จบใช่มะ
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-09-2016 20:04:59
คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 11 : กลืนกินกันและกัน [150%]


ลีลารักของนาคินทร์ทำให้ผมแทบสำลักความสุขตาย นาคินทร์ตามใจผม เอาใจผม แต่บางครั้งก็ขัดใจทำให้ผมไม่สามารถได้ในสิ่งที่ต้องการง่าย ๆ แต่ส่วนใหญ่จะตามใจมากกว่า

“นาคินทร์”
ผมครางเรียกหลังร่างกายปลดปล่อยไปอีกรอบ มันเป็นรอบที่เท่าไหร่ ผมไม่รู้ แต่รู้สึกว่าฤทธิ์ยามันอ่อนลงมากแล้ว เหงื่อของผมคลุกเคล้าไปกับเหงื่อของคนด้านหลัง ผมนอนหมดแรง ของผมมันไม่ตั้งแล้ว แปลว่าน่าจะพอแล้ว คนด้านหลังจูบแผ่นหลังผมแผ่วเบา ค่อย ๆ ดึงส่วนที่เชื่อมร่างกายของเราอยู่ออก

ผมค่อย ๆ แผ่วลมหายใจลง พรุ่งนี้ผมจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับรับรู้ว่ามันเป็นความฝัน หรือพบกับความสุขหรือสูญเสียกันแน่ ผมขยับพลิกหันไปหาคนตัวสูงที่นอนมองอาการผมอยู่ มือร้อนเกลี่ยไล้คล้ายกับจะนวดให้ผ่อนคลายมากกว่ากระตุ้นอารมณ์

“อย่าเกลียดฉันนะนาคินทร์ ตื่นขึ้นมา นายต้องอยู่เคียงข้างฉัน อย่าหนีไปไหน สัญญาสิ”

“ครับ นาคินทร์สัญญา ไม่มีอะไรมาพรากนาคินทร์ไปจากคุณหนูได้ นอกจากคุณหนูจะไม่ต้องการนาคินทร์แล้ว หรือความตาย”
นาคินทร์กระซิบ ผมยิ้มเหนื่อยอ่อน โอบรอบลำคอแกร่งแน่น

“ง่วงจัง”

“หลับนะครับคนดี นาคินทร์จะอยู่ตรงนี้ คอยปกป้องคุณหนู ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม”
เสียงนั้นแผ่วหายไปเรื่อย ๆ

“นาคินทร์รักคุณหนูนะครับ”
และนั่นคือเสียงกระซิบสุดท้ายที่ผมได้ยิน แล้วทุกอย่างก็มืดลง






ผมปรือตาตื่นอีกทีเมื่อแสงขององค์สุริยะสาดพลังเข้ามาใส่ ผมกะพริบตา ขยับยกหน้ามอง สภาพผมตอนนี้คือนอนคว่ำหน้า สถานที่คือห้องของนาคินทร์ ผมขยับร่างกาย แต่ปวดแปลบไปทั่วทั้งสรรพางค์ด้านล่าง ผมชะงัก นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

ผมหน้าร้อนผ่าว

เมื่อคืน

ผมกับนาคินทร์

ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม

ผมลองขยับลุกดู มันเจ็บจริง ๆ ด้วย ผมยิ้มนิด ๆ ด้วยความดีใจ ก่อนหุบยิ้ม เมื่อหันมองไปยังที่นอนข้าง ๆ มันว่างเปล่า มองไปรอบ ๆ ห้องอีกที นาคินทร์ก็ไม่อยู่แล้ว

ไม่ใช่ว่าหนีผมไปแล้วนะ ผมใจหายวูบ รีบขยับลุกทั้งที่เจ็บ แต่มันไม่ได้เจ็บมากขนาดขยับเขยื้อนไม่ได้ ผมลุกยืน เสื้อผ้าผมถูกพับวางไว้บนหัวเตียง ผมรีบหยิบมาสวม

ขอให้ออกไปแล้วเห็นนาคินทร์อยู่ข้างนอกด้วยเถอะ

ผมกำลังจะเปิดประตู แต่ประตูถูกเปิดออกก่อน ผมเสียจังหวะจะล้ม คนเข้ามาใหม่รีบขยับเข้ามาโอบกอดผมไว้

“คุณหนู”

“นาคินทร์”
ผมครางเรียก ร่างสูงมองผมนิ่ง ๆ ใบหน้าเมื่อคืนฉายชัดเข้ามา ผมหน้าร้อนผ่าว

“คุณหนูไม่ควรจะลุกนะครับ”

ผมหน้าร้อนอีกรอบ

“ฉันกลัวว่านาคินทร์จะหนีฉันไป”

ดวงตานาคินทร์เปลี่ยนแสง รอยยิ้มนุ่มนวลเผยให้เห็นบาง ๆ

“นาคินทร์สัญญาแล้วยังไงล่ะครับ นอกจากความตายกับคำสั่งคุณหนูแล้ว ไม่มีอะไรมาทำให้นาคินทร์หายไปจากชีวิตคุณหนูได้”

“ไม่รังเกียจฉันแน่นะ”
ผมถามด้วยน้ำเสียงประหม่า คนตัวสูงส่ายหัว

ผมชะงักอีกรอบเมื่อน้ำของนาคินทร์ที่อยู่ในร่างกายผมไหลรินลงมาตามเรียวขา นาคินทร์ขมวดคิ้วมองเมื่ออยู่ ๆ ก็เห็นผมนิ่งไป

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“ปะ เปล่า แต่…”
ผมไม่ตอบ แต่ก้มมองที่ขาตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีน้ำสีขาว ๆ ไหลลงมาเป็นทาง นาคินทร์สังเกตเห็นเหมือนกัน

“ขอโทษด้วย นาคินทร์ปล่อยข้างในหมดเลย”

หน้าผมเห่อร้อนไปหมด ส่ายหัว รู้สึกดีที่ผมได้สิ่งนั้นของนาคินทร์

“คุณหนูอย่าคิดมากนะครับ มันเกิดขึ้นเพราะยา”

ใจผมหายวูบ เงยหน้ามองคนตัวสูง ที่นาคินทร์กอดผมเมื่อคืน เพราะต้องการช่วยผมอย่างเดียวใช่ไหม นาคินทร์คงไม่รู้สึกอะไรกับผม เหมือนที่ผมรู้สึกกับนาคินทร์ตอนนี้

ผมพยักหน้าเข้าใจ

“ฉันจะไปอาบน้ำ”

“เดินไหวหรือครับ”

“ไหว”
ผมขยับ แต่มันหน่วงและขาหมดแรงจนจะทรุด นาคินทร์รั้งผมไว้

“วันนี้จะไปทำงานไหมครับ”

ผมนิ่งคิด นี่มันก็สายมากแล้วนะ ผมส่ายหัว

“ลาละกัน พรุ่งนี้ก็เสาร์แล้ว”

นาคินทร์พยักหน้า

“งั้นผมจะอยู่ดูแลคุณหนูเอง”

ผมพยักหน้ารับบ้าง

“ถ้าอาบไม่ไหว นาคินทร์เช็ดตัวให้”

ผมส่ายหัว

“ฉันอยากอาบเอง”
ผมพยายามทรงตัว ก้าวอย่างอดทนไปเข้าห้องน้ำ นาคินทร์ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้

“แล้วชุดของคุณหนูล่ะครับ”

“ขอยืมของนาคินทร์ละกัน”

นาคินทร์มองหน้า ผมเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ สบู่นกแก้วทำให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย ผมเดินพันผ้าเช็ดตัวออกไปข้างนอก นาคินทร์ยืนคอยพร้อมชุด มันเป็นเสื้อเชิ้ตตัวที่ผมเคยใส่นั่นแหละ

“ให้ผมสวมให้นะครับ”
นาคินทร์ร้องขอ ผมพยักหน้า นาคินทร์คลี่เสื้อออก มันถูกรีดไว้อย่างดี เนื้อผ้านุ่มกว่าครั้งที่แล้วที่ผมใส่อีก นาคินทร์สวมมันลงบนหลัง ผมสอดแขนเข้าไปทั้งสองข้าง นาคินทร์ปรับปกเสื้อ ติดกระดุมให้ทีละเม็ด

“ขอโทษที่นาคินทร์รุนแรง”
นาคินทร์พูดเสียงเบาไม่มองหน้า เพราะบนตัวผมเต็มไปด้วยรอยกัด รอยมือและรอยคิสมาร์ค ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นผมเป็นคนเรียกร้องให้นาคินทร์เป็นคนทำทั้งนั้น

“ฉันเป็นคนขอนี่ ไม่ใช่ความผิดของนาคินทร์สักหน่อย ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะให้นาคินทร์มาทำเรื่องอะไรน่าเกลียดแบบนี้”
ผมเม้มปากแน่น ตาคลอนิด ๆ นาคินทร์เงยหน้ามอง มือจับอยู่ที่กระดุมเม็ดสุดท้าย

“คุณหนูครับ ไม่มีสิ่งไหนน่าเกลียดทั้งนั้น คุณหนูน่ารัก คุณหนูน่าทะนุถนอม นาคินทร์เป็นคนหยาบ เกรงจะทำให้คุณหนูรังเกียจเสียมากกว่า”

ผมส่ายหัวบ้าง ก้มหน้า กัดปากเบา ๆ

“ฉันคงเป็นโรคจิตแน่ ๆ ถึงได้เรียกร้องเรื่องน่าอายแบบนี้กับนาคินทร์”

นาคินทร์จับมือผมยกจุมพิต วางไว้บนหัวใจตัวเอง

“สาบานด้วยหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ ไม่ว่าสิ่งไหนที่คุณหนูเรียกร้อง มันคือสิ่งล้ำค่า ไม่มีคำว่าโรคจิต ถ้าคุณหนูคิดว่าสิ่งนั้นคือเรื่องโรคจิต งั้นนาคินทร์ก็คงโรคจิตกว่า เพราะนาคินทร์รู้สึกดีกับสิ่งที่ทำ ทั้งที่ไม่ควร คุณหนูคือสิ่งล้ำค่าสำหรับนาคินทร์ แต่นาคินทร์กลับพยายามบีบคั้น ทำร้าย และรู้สึกดีที่ได้ทำด้วย”

ผมยิ้มออกมาได้

“พูดเอาใจฉันหรือเปล่า”

“นาคินทร์ไม่ใช่คนขี้โกหกนะครับ”

ผมยิ้มให้อีกที

“คุณหนูหิวรึยังครับ นาคินทร์จะทำอะไรให้ทาน”

ผมพยักหน้า เพราะท้องพากันร้องแล้ว

นาคินทร์ลงทุนตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อทำชิงช้าแบบเตียงชิงช้าไว้ให้ผม มันก็เหมือนชิงช้าทั่วไปนี่แหละ เพียงแต่มีขนาดใหญ่จนสามารถขึ้นไปนอนได้ และตอนนี้มันถูกลากมาไว้ใต้ร่มไม้ มีผ้าห่มปูรองไว้ชั้นหนึ่ง พร้อมหมอนใบเล็ก ๆ ที่เคยอยู่ในห้องนาคินทร์นั้น เขาอุ้มผมขึ้นไปนอน ส่วนตัวเองเดินเข้าครัวไปทำอาหาร ผมนอนคว่ำมอง นาคินทร์ทำทุกอย่างอย่างคล่องแคล่วจริง ๆ

รู้สึกหน่วง ๆ ที่ด้านหลัง แต่เป็นความหน่วงที่ผมภาคภูมิใจ เพราะเป็นการย้ำว่าผมเป็นของนาคินทร์แล้ว

ไม่รู้ว่าฤทธิ์ยายังอยู่หรือว่าอะไร แต่ผมต้องการนาคินทร์อีกแล้ว นาคินทร์ทำอาหารไม่สนใจอะไร ในขณะที่ผมยิ่งมองนาคินทร์ตัวยิ่งร้อนผ่าว นาคินทร์ทำกับข้าวเสร็จพอดี เดินเข้ามาหา

“เรียบร้อยแล้วครับ”

ผมขยับลุกนั่ง

“นาคินทร์…”
ผมเรียกคนด้วยสูงเสียงแผ่ว นาคินทร์มองตาผมนิ่งค้าง

“มานี่สิ”
ขายาวก้าวเข้ามาช้า ๆ ผมคล้องมือไว้กับลำคอคนตัวสูง นาคินทร์ยื้อไว้นิดหนึ่ง ผมดึงหน้าคนตัวสูงลงมาจูบ

ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ครับ

“คุณหนู”
นาคินทร์ยกหน้าออก ผมมองคนตัวสูงตาเยิ้ม นาคินทร์ขมวดคิ้ว

“นี่ยายังไม่หมดฤทธิ์เหรอครับ”

“มั้ง”
ผมตอบรับไม่จริงจัง จับมือนาคินทร์มาวางไว้บนสะโพก เกลี่ยลิ้นออกมาเลียริมปีปากคนตัวโต มือหนึ่งก็เลื่อนไปยังหน้าท้องแกร่ง สอดมือเข้าไปลูบไล้หน้าท้องได้รูป นาคินทร์กระตุกวูบ ผมลูบมือต่ำลงไปด้านล่างมันยังนอนนิ่ง

“รังเกียจฉันไหม”

“ไม่ครับ”

“งั้นกอดฉันอีกรอบ นะ”

“แต่ คุณหนูครับ คุณหนูยังไม่หายเจ็บ”

ผมไม่ฟัง ค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อตัวเองออก

“คุณหนู”

กระดุมสองเม็ดแรกหายไป ผมจับมือนาคินทร์มาวางไว้บนหน้าอกตัวเอง

“ฉันรู้ว่ามันเล็ก แต่ได้โปรดเถอะ”

“คุณหนู”
เสียงนาคินทร์พร่าลง

“ทำสิ”

นาคินทร์บดกรามแน่น

“คุณหนูกำลังจะทำให้นาคินทร์หมดความอดทนนะครับ”

[50%]

ผมเลื่อนมือไปบีบน้องนาคินทร์หวังกระตุ้น

“อย่าทนนาคินทร์ เพราะฉันกำลังต้องการใจแทบขาดแล้ว ต้องการนาคินทร์ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย”
พอผมพูดจบนาคินทร์ก็ปิดปากผมด้วยปากตัวเองทันที แทรกปลายลิ้นเข้ามาภายใน ทะลวงลึก กวาดต้อน ดุนดัน

ให้ตาย ท่าทางผิดกันลิบลับกับคนเมื่อกี้เลย

นาคินทร์รวบจับสองมือผมไว้ด้วยกัน ดันจนนอนหงายไปกับเตียงชิงช้า ปลายเท้าห้อยยังอยู่ที่พื้น เจ้าตัวใหญ่ก้มลงมาใช้ปากงับหัวนมผมเบา ๆ ตวัดเลียจนผมครางอีกรอบ

“คุณหนู นี่มันข้างนอก เราเข้าไปในห้องกันเถอะ”
นาคินทร์ยังมีสติหยุดตัวเองไว้ ผมพยักหน้าเห็นด้วย นาคินทร์รีบรั้งเอาขาผมโอบรอบเอวตัวเอง ยกสูงเดินเข้าห้อง พอปิดประตูได้ นาคินทร์ก็จับผมพิงหลังผมกับประตูทันที

“อย่าหาว่านาคินทร์กักขฬะเลยนะครับ นาคินทร์ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
นาคินทร์พูดเสียงหอบ ขยับกระชากดึงกางเกงผมออกทั้งที่ยังยืนอยู่

“คุณหนูจะเจ็บมาก อดทนหน่อยนะครับ”


ผมพยักหน้า นาคินทร์รีบดึงของตัวเองออกมา เมื่อกี้มันหลับ แต่ตอนนี้มันตื่นขึ้นมาพร้อมใช้งานแล้ว นาคินทร์ยกขาผมขึ้น ค่อย ๆ จับผมกลืนกิน ผมตัวสั่นเทา นาคินทร์ทำค่อย ๆ อย่างอดทน ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว พอเข้าไปได้ก็ยกตัวผมขึ้น โอบขาผมคล้องเอวตัวเอง 

“นาคินทร์จะทำให้คุณหนูมีความสุข นาคินทร์สัญญา”
นาคินทร์ขยับยกตัวผมขึ้นและลงให้ร่างกายเราเชื่อมเข้าหากันและกัน ผมครางออกมาเสียงดัง สองมือนาคินทร์ประคองสองแก้มก้นผมไว้ ขยับมันยกขึ้นกลืนกิน ส่วนผมโอบรอบลำคอคนตัวสูงไว้ เลียริมฝีปากตัวเอง

“จูบ นาคินทร์ จูบฉัน”
นาคินทร์ก้มหน้าลงมาประกบปากตาม ผมครางอย่างพอใจ ทั้งจากด้านบนและด้านล่างที่ถูกปรนเปรอ ผมถูกปรนเปรออย่างหนักหน่วง

“นาคินทร์”
ผมกระซิบเรียก นาคินทร์ครางรับ

“ฉันอยากอยู่เหนือนาคินทร์ ขอฉันได้ไหม”

นาคินทร์มองหน้า อุ้มพาผมลงไปทิ้งตัวลงนอน

“ร่างกายของนาคินทร์เป็นของคุณหนู เชิญคุณหนูใช้งานมันได้อย่างที่คุณหนูต้องการเถอะครับ”

“จริงนะ” ผมถามย้ำ

“ครับ”

ผมยิ้ม ขยับกลืนกินของนาคินทร์อีกรอบ เสื้อผมคลุมไม่ให้เห็นของนาคินทร์ที่อยู่ภายใต้ แต่เห็นความต้องการของผมที่กำลังตั้งชันชนเสื้อ มันเปียกเยิ้มเสื้อไปหมด นาคินทร์หยิบหมอนมาหนุนหัว ยกสูงมอง ผมเลิกอายแล้วครับ

“คุณหนูน่ารัก”
คำพูดมาพร้อมการกระทำ นาคินทร์บีบส่วนหัวน้องผมที่ตึงผ่านเสื้อเบา ๆ ผมครางฮือเพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกแกล้ง ผมขยับเอวกลืนกินของนาคินทร์ นาคินทร์เลื่อนมาจับเอวผม ขยับช่วย ผมครางอย่างพอใจ

“คุณหนูของนาคินทร์น่ารักเหลือเกิน”
นาคินทร์ชม ผมขยับอย่างเชื่องช้า เพราะต้องการค่อย ๆ กินมากกว่าอะไร

กว่าเราจะได้กินมื้อเช้าก็ผ่านไปเกือบเที่ยง นาคินทร์ต้องลงมือทำใหม่ เพราะมดขึ้นก่อน ผมขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำนอน ขืนอยู่กับนาคินทร์อีก ผมคงจะกินนาคินทร์ต่อแน่ ๆ ผมนอนยิ้มอย่างมีความสุข

แต่อีกใจก็ยังหวั่น ๆ เพราะไม่รู้ความรู้สึกลึก ๆ ของนาคินทร์ และอีกอย่าง ถ้าคนอื่นรู้ความจริงขึ้นมาจะเป็นไง คนในครอบครัว พ่อแม่อีก

ผมถอนหายใจแรง ตอนนี้มันทั้งสุขและทุกข์คลุกเคล้ากันไป

ผมหลับกลางวันไปอีกรอบ จนแม่มาปลุก ผมให้เหตุผลที่หยุดงานว่าไม่สบาย โดนแม่ต่อว่านิดหน่อยแต่ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ผมจะเป็นเด็กดีของแม่เสมอ

คุณเอกสิทธิ์โทรมา แต่ผมไม่ได้รับสาย ยังไม่พร้อมเผชิญหน้า ข้อแรกผมยังรู้สึกแย่ที่เขาทำกับผมแบบนั้น ถ้านาคินทร์ไม่มาช่วย นั่นหมายถึงผมต้องตกเป็นของเขา แต่อีกใจก็ขอบใจเพราะเขาทำให้ผมได้เป็นหนึ่งเดียวกับนาคินทร์

ผมไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขายังไงดี เขาอาจโกรธ อาจพยายามจะบีบบังคับให้ผมออกจากบริษัท และแน่นอน ถ้าเขาทำแบบนั้น คนที่ต้องออกคือเขาแน่ ๆ ซึ่งยอมรับว่านอกจากเรื่องนี้ เขาเก่งเรื่องงานจริง ๆ และผมไม่ต้องการให้บริษัทเราสูญเสียคนทำงานเก่ง ๆ แบบนี้ไป

ผมไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครจริง ๆ

แล้วหน้าเลขาก็ลอยเด่นขึ้นมาอีกรอบ ผมโทรไปลางานรอบหนึ่งแล้วเมื่อเช้า ผมหยิบมือถือมาโทรหาอีกรอบ

“ธีระ ผมมีเรื่องจะปรึกษา”
ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ธีระนิ่งฟัง แต่ผมเว้นไว้แค่ไม่ได้เล่าว่าผมได้นอนกับนาคินทร์แทน

“ผมต้องขอโทษคุณหนูจริง ๆ ครับ ผมรู้ว่าเขาเล็งคุณหนูไว้ แต่คิดว่าคุณหนูไม่เล่นด้วยก็คงไม่มีอะไรมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้ ผมจะไล่เขาออก”

“อย่าเลย” ผมปราม “ถึงเขาจะเสียเรื่องนี้ แต่เราต้องยอมรับว่าเขาเก่งเรื่องงาน ผมอยากปรึกษาว่าทำยังไงถึงจะเก็บเขาไว้ แต่ให้เขาเลิกทำแบบนี้กับผม หรือคนอื่นในบริษัทเรา”

เลขานิ่งคิด

“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง แน่ใจนะว่าจะเก็บเขาไว้”

“อื้ม”

“ได้ครับ แต่ผมจะย้ายคุณหนูไปทำแผนกอื่นนะครับ”

ผมนิ่งคิด ไม่อยากเผชิญหน้าคุณเอกสิทธิ์ตอนนี้เหมือนกัน

“ได้” ผมรับปาก

“แน่ใจนะครับว่ายังไม่ถูกเขาทำอะไร”

“ยัง นาคินทร์เข้ามาช่วยไว้ก่อน”

เลขาถอนหายใจแรง

“โชคดีที่หมอนั่นซื่อสัตย์อย่างกับหมา”

ผมคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ

“นี่ อย่าพูดดูถูกนาคินทร์แบบนั้น”

“ผมเปล่าดูถูก ผมชื่นชมต่างหาก หายากนะครับที่จะมีใครชื่อสัตย์แบบนี้ คุณหนูลืมแล้วเหรอครับ ผมรักหมา ชอบหมา ผมเปรียบนาคินทร์เหมือนหมานี่ดีกว่าผมเปรียบเหมือนคนนะครับ ผมเพราะชอบคนน้อยกว่าหมา”

เอ้อจริง หมาลิซึ่มแบบเลขาผมนี่ชมนาคินทร์แบบนี้ก็ดีแล้ว

“โอเค ฝากด้วย”

เลขารับปาก ผมวางสายไป พักยาวกระทั่งเย็น วันนี้ทุกคนอยู่กันครบเลย เชิดวุธก็พาคุณวิลเลี่ยมมาด้วย พอสองคนนี้มาทีไร ชยันต์จะยิ่งสวีทกับพี่เชนทร์มากขึ้น ตามสไตล์เด็กขี้อิจฉาของน้องคนเล็ก ผมนั่งนิ่งเขี่ยข้าว

ถ้าผมได้คบกับนาคินทร์จริง ๆ นาคินทร์จะได้มาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเราแบบนี้ไหมนะ

รู้สึกว่าวันนี้ทุกคนจะมองหน้าผมมากผิดปกติ

“มองไร”
ผมถามไม่เจาะจงคนตอบ

“มีไรปิดบังพวกเราไหมล่ะ”
แม่แหม่มถาม ผมขมวดคิ้วมอง

“มีอะไรครับ”

“ก็มีเรื่องอะไรที่ควรจะเล่าแต่ยังไม่ได้เล่าหรือเปล่า”

ผมนิ่งคิด

“ไม่มีอะไรนี่ครับ วันจันทร์ผมจะย้ายแผนกอีกรอบ”
ผมสรุปสั้น ๆ

“ไม่ใช่เรื่องงาน”

“อ้าว แล้วเรื่องอะไร”
ผมถามงง ๆ

“เรื่องความรัก”

ผมชะงัก มองหน้าแม่ผมที่ถาม กวาดมองหน้าทุกคน ชะงักมากหน่อยก็ชยันต์ที่ทำหน้ากรุ้มกริ่ม ผมชักอึดอัด หรือทุกคนจะระแคะระคาย

ผมเกาแก้ม
“ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมยังไม่ได้คบใคร”

“ไม่คบ ไม่ได้แปลว่าไม่มีคนที่กำลังจีบหรือดูใจกันอยู่นี่”

“ไม่มีจริง ๆ ครับ”
ส่วนนาคินทร์เป็นของนอกกรณี เพราะจีบไปก็คงไม่มีทางติด

มั้ง…

ผมชักลังเล เพราะถ้านาคินทร์นอนกับผมได้ ก็มีสิทธิ์เป็นแบบพี่น้องคนอื่น ๆ น่ะสิ เพราะพวกนั้นก็ไม่ได้เป็นเกย์มาตั้งแต่ต้น

“แม่ไม่ว่าหรอกนะถ้าอนุชาจะรักจะชอบใคร ขอแค่เล่าให้ฟัง พามาแนะนำให้ครอบครัวเราได้รู้จักเท่านั้น ชยันต์เขาบอกว่าเขารู้ แต่ไม่ยอมบอกว่าใคร พวกเราก็ไม่เห็นว่าเราจะพาใครมาแนะนำ วัน ๆ ก็ทำแต่งานกับหมกตัวอยู่กับนาคินทร์ แม่เลยไม่รู้ว่าเราแอบไปซุกใครไว้ หรือว่าคนที่บริษัท”

ผมทำหน้าอึดอัด มองหน้าชยันต์ พูดไม่ให้มีเสียง

ไอ้แสบ

ชยันต์ยักคิ้วสองที จะโกหกว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งมีไปเมื่อคืนกับวันนี้หยก ๆ จนก้นยังระบมอยู่เลย

“ไว้ให้ผมพร้อมละกันนะครับ เพราะผมยังไม่รู้ว่าทางนู้นเขาคิดยังไงกับผม”

ชยันต์เลิกคิ้วสูง หัวเราะหึ ๆ

“จริงเหรอเนี่ย พวกเราจะรอดูว่าเป็นผู้หญิงยังไง”

ผมทำหน้าอึดอัด ชยันต์หัวเราะคิก พี่เชนทร์เคาะหัวชยันต์เบา ๆ ชยันต์บู้หน้า อมลมจนคนตัวสูงต้องเอาไปนั่งกอดเบา ๆ

รายนั้นก็หาเรื่องอ้อนได้ตลอดศกจริง ๆ 

ชิ เห็นแล้วอิจฉา อย่าให้ได้คบนาคินทร์บ้างละกัน จะเอามานั่งตักเย้ยให้ได้มากกว่าชยันต์อีก

วันนี้ผมใช้เวลาอยู่กับครอบครัวกระทั่งเข้านอน ก่อนนอนผมเปิดหน้าต่างออก เผื่อจะเห็นนาคินทร์ยืนอยู่ แต่ไฟในบ้านหลังนั้นปิดสนิท ผมพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ แอบเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้านาคินทร์ก่อนนอน ผมเข้านอนไปด้วยความสุขในหัวใจลึก ๆ จดจำทุกสัมผัส ทุกคำพูดที่นาคินทร์มีให้

ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมากระทบหน้าต่างเบา ๆ ผมขมวดคิ้ว มันดังขึ้นอีกรอบ ผมรีบเดินตรงไปเปิดหน้าต่างออก ยิ้มทันทีที่เห็นคนที่ผมต้องการเห็นมายืนอยู่ ไฟในโรงเลื่อยเปิดแล้วดวงหนึ่ง สงสัยนาคินทร์เพิ่งกลับ

นาคินทร์ยิ้ม ยกมือขึ้น ก่อนชูกระดาษที่เขียนด้วยปากกาให้ดู ผมเพ่งสายตาอ่าน หน้าร้อนวูบทันทีที่อ่านจบ

‘นอนหลับฝันดีนะครับ’

ผมชี้หน้านาคินทร์ บอกใบ้ให้คนตัวสูงอยู่เฉย ๆ วิ่งไปหยิบกระดาษมาเขียนกางให้ดู

‘นอนหลับฝันถึงฉันด้วย’

นาคินทร์นิ่งไป ผมก้มอ่านข้อความตัวเอง

ตายห่า เขียนอะไรจากใจเกินไปรึเปล่าเนี่ย ผมอ้าปากพะงาบ ๆ นาคินทร์ยิ้ม ทำสัญลักษณ์ว่าโอเค ผมหัวเราะไม่เต็มปาก แล้วนาคินทร์ก็หายลับไป ผมเดินกลับขึ้นเตียง กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยหัวใจฟูฟ่อง

ไม่คิดว่าการได้รักใครสักคนจะทำให้มีความสุขขนาดนี้

แล้วนาคินทร์ล่ะ รักผมบ้างไหม...รู้สึกดี ๆ กับผมบ้างหรือเปล่า

หัวใจที่ฟูอยู่แฟบลงทันที

แต่พอนึกถึงสิ่งที่นาคินทร์ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา หัวใจผมก็ฟูขึ้นมาอีกรอบ

สรุปคืนนั้นผมก็นอนหัวใจฟูสลับกับแฟบอยู่อย่างนั้นกระทั่งหลับไป


100%
มีต่อ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3464150#msg3464150
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-09-2016 20:28:35
สูบเลือดรอตอนหน้าอย่างด้วย คุณหนูจะขึ้นแล้วววววว
คู่นี้สุดดดดดขอบอกโดนใจมาก สมกับการรอคอย คุณหนูยั่วมานานล่ะ ในที่สุดก็สมใจ นาคินก็หื่นกระหายสุดดด คนอ่านจมกองเลือดล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 02-09-2016 20:31:49
โอแม่เจ้าขอเลือดเพิ่มด่วน :pighaun:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 02-09-2016 20:38:14
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-09-2016 20:40:45
ปกติเป็นคนไม่ชอบอ่านเอ็นซีที่เฝือๆสักแต่จะใส่มาเรื่อยๆ
แต่ชอบเรื่องนี้ เพราะเอ็นซีมาได้จังหวะ เต็มไปด้วยความรักและปรารถนาที่ร้อนแรงจากการรอคอยกันและกันมาแสนนาน สมเหตุสมผล
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 02-09-2016 20:45:33
โอ๊ยยบย ฉลองงงงงง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-09-2016 21:08:08
จุดพลุค่ะ!!!!!!!!  :katai4: :katai4: :katai4: ตอนหน้าแบบ  :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 02-09-2016 21:10:16
โอ๊ยยยยยยย ค้างคามากเลยยยย งื้ออออ รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 02-09-2016 21:11:00
ย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา   :ling1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 02-09-2016 21:11:43
 :haun4: :haun4: :haun4:
อ่านตอนแล้วฟินนนนน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-09-2016 21:27:48
คุณพระคุณเจ้า... :jul1: :jul1: :jul1:
สมใจอยากทั้งคู่แล้วนะ ไม่ใช่ฝันแล้วอนุชาาาาา  o18
มันพีคมาก มันเด็ด มันเผ็ช!!! ขอบคุณคุณเอกสิทธิ์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ 5555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 02-09-2016 21:39:44
Fin~~~

 :pighaun:

ทนรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว
รีบๆเอามาลงน๊าา

ต้องยกความดีความชอบให้เอกสิทธิ์
 o13

ทำให้นาคินทร์กับคุณหนูได้กันซะที




 :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Antisa ที่ 02-09-2016 22:07:11
เสียเลือดเป็นลิตรๆเลยค่ะ ร้อนแรงทั้งคู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-09-2016 22:15:26
อุว่ะ มีต่อก็อกสอง ติดตาม
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-09-2016 22:22:34
ราชินีสุดๆ ขี้อายแต่ก็ยังเอสมาก

นาคินทร์นายต้องฟิตร่างกายให้พร้อมนะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-09-2016 22:30:53
อื้อหืออออ มีความดุเดือดสมการรอคอยมากค่ะคุณหนู
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-09-2016 23:00:52
ตายตาหลับแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
นาคินทร์ คุณหนู  :mew1: :mew1: :mew1:
สุดยอดดดด ฟินนนน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-09-2016 23:20:05
ช่างร้อนแรงไม่บันยะบันยังเลยอ่ะ โอ๊ยยยย ขอเลือดดดดดดด :pighaun: :pighaun: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-09-2016 00:38:44
แซ่บอะไรเบอร์นั้น ร้อนแรงกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 03-09-2016 09:47:40
สองคนนี้เคมีเข้ากันสุดๆ :jul1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-09-2016 10:07:34
ตายอย่างสงบ  :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 03-09-2016 21:41:19
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
เลือดพุ่งออกจากตัวไปหลายก๊อก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 04-09-2016 02:16:54
เป็นเรื่องที่ชอบที่สุดของคนแต่งแล้ว ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 04-09-2016 02:35:52
ค้างฝุดๆ
 :hao5:
คุณหนูมีความหื่น
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 04-09-2016 08:22:48
 :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 04-09-2016 10:07:55
โอ๊ยยยย ดีๆๆๆๆต่อใจ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.9)(2-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 04-09-2016 12:13:14
 :pighaun:
“ฉันรู้ว่ามันเล็ก แต่ได้โปรดเถอะ”
“ฉันรู้ว่ามันเล็ก แต่ได้โปรดเถอะ”
จัดไปให้คุณหนูเถอะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-09-2016 10:37:21
ตามอ่านทันแล้วทำไมพลาดเรื่องนี้ได้ :ling2: :ling2:
หวังว่านาคินทร์จะไม่คิดมากหากคนในครอบครัวคุณหนูรู้เรื่องที่นาคินทร์กินคุณหนูนะ
แค่แอบลักหลับคุณหนูครั้งแรกก็ลงโทษตัวเองโดยการอดข้าวแล้วไม่รู้ว่าครั้งนี้จะลงโทษตัวเองยังไงอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 05-09-2016 11:06:55
เอาจริงๆเราชอบทุกคู่เลย โดยเฉพาะคู่เชิดวุธกับคู่นี้ แต่คนเขียนเก่งจัง 4เรื่อง4สไตล์ ชอบชยันต์อ่ะ แสบยังไงก็ยังแสบไม่เปลี่ยน เด็กขี้ยั่วเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 05-09-2016 11:30:25
อยากให้คู่นี้เปิดเผยเร็วๆอยากรู้ว่าจะหวานขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-09-2016 14:13:33
อึก...ขอ..เลือด... :pighaun:  :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-09-2016 14:22:52
นาคินทร์ต้องรักคุณหนูอยู่แล้วแหละ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-09-2016 14:34:13
ขอเติมเลือดเพิ่มแป๊ป  :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 05-09-2016 16:09:49
คุณเลขาจะไปจัดการด้วยตัวเองเลยรึเปล่า 55555555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 05-09-2016 22:06:42
หวานกันจังโรแมนติกด้วย มีการปากระดาษบอกฝันดี
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 05-09-2016 22:19:19
 :jul1: :jul1: :jul1:

ฟินจ้าาา

รีบมาต่อน๊า~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 05-09-2016 22:38:49
50%ที่เหลือ ขึ้นโพสต์ใหม่ดีกว่า ใส่โพสต์เก่า บางคนไม่รู้
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 06-09-2016 01:19:47
 :pighaun:ในที่สุดเค้าก็สมหวังกันเสียที :katai5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 06-09-2016 01:27:35
โอ๊ย รู้สึกขอบคุณที่ตาเอกสิทธ์ที่ทำให้คุณหนูสมหวัง ไม่คิดว่าฝันอีก 5555+
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-09-2016 04:04:12
 :pig4: เขินนน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.10)(5-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 06-09-2016 05:15:33
อยากรู้จังว่าคุณเลขาจะจัดการกับคุณเอกสิทธิ์อย่างไง
 :katai1: :katai1: :katai1: ต่อมเผือกมันกำเริบ   :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-09-2016 07:24:17
[ต่อค่ะ ] ตอนก่อนหน้า>> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3461808#msg3461808




วันเสาร์นี้ ผมใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ไม่เห็นนาคินทร์เลย แต่หนูแดงบอกว่าพ่อไปทำงานที่บริษัท

ขยันจริง ๆ ขยันจนผมยอมแพ้

“นี่ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้ากลับบ้านเกิดเหรอหนูแดง”

“ค่ะ พ่อจะพาไปหาปู่กับย่า ไม่รู้คิดอะไร เพราะปกติจะกลับปีละครั้ง”

ผมใจเต้นตึกตัก แปลว่าหนูแดงไม่รู้ว่าผมไปด้วย ผมนั่งนิ่งไม่พูดอะไร เพราะขืนพูดไปคนอื่นได้สงสัยแน่ ๆ

“งั้นเดี๋ยวก่อนไปหนูแดงมาเอาของฝากไปให้คุณปู่คุณย่าด้วยนะ”

“ค่ะ”
หนูแดงยิ้มร่า ผมไม่พูดอะไรเหมือนเดิม

ตกเย็นผมชะเง้อคอมองหานาคินทร์ แต่ไฟในโรงเลื่อยปิดสนิท วันอาทิตย์ก็ไม่เห็น แอบนอยด์เหมือนกันครับ หรือว่านาคินทร์จะรังเกียจผมจนไม่อยากเข้าใกล้อีกแล้ว ผมนั่งกัดเล็บอย่างจิตวิตก

ผมเปิดหน้าต่างไว้ตลอดเวลากระทั่งห้าทุ่มก็ไม่เห็นนาคินทร์โผล่ ผมปิดหน้าต่างลง เข้านอนในสภาพจิตใจห่อเหี่ยว
รุ่งขึ้นผมลุกขึ้นแต่งตัว คิดมากจนนอนแทบไม่หลับ ดีไม่ดีวันนี้นาคินทร์อาจไม่มารับผมก็ได้ ผมคว้ากุญแจรถส่วนตัวใส่กระเป๋ากางเกง

แอบทำใจไว้นิด ๆ ก้าวอย่างอาลัยตายอยากลงไปกินข้าว แม่ ๆ ถามว่าผมเป็นอะไร ผมก็บอกไปว่าคิดมากเรื่องงานในแผนกใหม่ที่ต้องไปทำ ซึ่งทุกคนก็ไม่มีใครติดใจเอาความ

ผมก้าวออกจากตัวบ้าน ชะงักเท้ากึก มองนาคินทร์ที่ยืนจังก้าอยู่ข้าง ๆ ประตูฝั่งผมนั่ง ดวงตาคมจ้องเป๋งมาทางผม หัวใจผมเต้นตึกตัก ทั้งดีใจและหวาดกลัว ผมเดินเข้าไปใกล้ วันนี้นาคินทร์แต่งตัวมาอย่างหล่อเลย เครายาวขึ้นอีกนิด ทำให้หน้าดูเข้มขึ้นไปอีก

“หายไปไหนมาหลายวัน”
ผมถามตามใจคิด นาคินทร์ยิ้มในดวงตาให้ผม

“ผมอู้งานไปหลายวัน เสาร์อาทิตย์นี้เลยไปเคลียร์งานหวังให้เสร็จตามเวลา ออกแต่เช้ามืด กลับเข้าบ้านเกือบเที่ยงคืน”

ขยันจริง ๆ

ผมเม้มปาก ขอบตาร้อนผ่าวนิด ๆ

“คิดว่ารังเกียจกันจนไม่อยากเจอหน้าซะอีก”

นาคินทร์มองหน้าผมจริงจังขึ้น

“ให้นาคินทร์ตายก่อนถึงจะคิดรังเกียจคุณหนู”

“แน่นะ”

“ครับ”

ผมยิ้ม มองไปรอบ ๆ ดวงหน้าได้รูปนั้น ดวงหน้าที่ครั้งหนึ่ง มันเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์

อยากให้คนตัวสูงจูบจริง ๆ

“พร้อมรึยังครับ”

ผมพยักหน้า ขยับก้าวขึ้นรถที่นาคินทร์เปิดให้ออกกว้าง นาคินทร์เดินไปนั่งฝั่งคนขับ ปิดประตู สตาร์ทเครื่อง เคลื่อนตัวรถออกนอกบ้านไป รถติดพอประมาณแต่ไม่มาก

“คุณหนูจะจัดการยังไงเรื่องคุณเอกสิทธิ์”

“เขาทำงานเก่ง ฉันไม่ไล่เขาออกหรอก ดูไปละกันว่าเลขาจัดการเรื่องนี้ให้ยังไง”

นาคินทร์หันมามองหน้า

“นาคินทร์ไม่ไว้ใจเขา”

“ฉันรู้ แต่บริษัทเราก็ต้องการเก็บคนเก่งไว้เหมือนกัน ถ้ากลัวว่าเขาจะทำอะไรฉันอีก นาคินทร์ก็อย่าคลาดสายตาจากฉันสิ”
ผมหาเรื่องให้นาคินทร์เฝ้ามองแต่เพียงผมคนเดียว

“ผมทำแน่”

ผมแอบอมยิ้ม กดเปิดเพลงฟัง ฮัมตามนิด ๆ อย่างสุขใจ




 
ผมเดินเข้าไปในบริษัท ตรงไปหาเลขา วันนี้ผมต้องย้ายแผนก ยังไม่รู้ว่าต้องทำที่ไหนเลยเข้าไปอยู่ในแผนกจัดซื้อก่อน หยิบเอกสารดู

“สวัสดีครับคุณหนู”

ผมสะดุ้งโหยงหันขวับไปมอง ตอนแรกคิดว่าเป็นนาคินทร์หรือเลขาซะอีก

“คุณเอกสิทธิ์”

เขาจ้องหน้าผม รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันไม่ใช่ความผิดของผมนี่ คนที่ต้องรู้สึกผิด คือคนตรงหน้ามากกว่า เขายิ้ม ดูจะไม่ยี่หระกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

“ทำไมไม่ไล่ผมออกกับสิ่งที่ผมทำกับคุณหนูล่ะครับ”

“เรียกผมเหมือนเดิมดีกว่า”

คุณเอกสิทธิ์เลิกคิ้ว

“ผมเรียกถูกแล้วนี่ครับ ว่าที่ผู้บริหารคนใหม่ ผมก็เพิ่งรู้ที่คุณหนูมาทำงานแต่ละแผนกเพื่อต้องการเรียนรู้ระบบภายใน ทำเอาผมทุยไปเลย”

ผมถอนหายใจแรง

“ผมไม่คิดจะโกหกใคร เพราะถ้ารู้ ทุกคนจะเกรงใจ แล้วการเรียนรู้งานของผมก็จะทำได้ไม่เต็มที่ ถ้าคุณรู้แล้วก็กรุณาเก็บไว้เป็นความลับด้วย ผมจะไม่เอาเรื่องใด ๆ คุณทั้งสิ้นกับสิ่งที่คุณทำ เพราะผมก็พลาดเองที่ไม่ระวังตัว แต่ก็อย่าให้มีอีก ไม่ว่าจะกับผมหรือว่าคนอื่นในบริษัท คุณเป็นผู้ใหญ่ มีความคิด ไม่น่าจะให้เรื่องนี้มาทำให้อนาคตตัวเองเสีย ผมให้โอกาส แต่คนอื่นคงไม่ และผมไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าเขาไม่เต็มใจ”

คุณเอกสิทธิ์มองหน้าผม

“คุณเป็นคนทำงานเก่งนะ ผมจะมองข้ามข้อเสียคุณไป ผมไม่อยากสูญเสียคนแบบคุณไป เรื่องที่ผมจะขอร้องก็มีแค่นั้นแหละ”

“ผมรับปากเรื่องงาน แต่เรื่องของคุณหนู”
เขาขยับเข้ามาชิด แต่อยู่ ๆ ก็ถูกกระชากดึงหายไปไกล ผมมองคนทำ

“นาคินทร์”

“อย่าเข้าใกล้คุณหนูอีก ต่อให้คุณหนูให้อภัย แต่ผมไม่ให้อภัยคุณแน่ ๆ”
นาคินทร์กำหมัดแน่น คุณเอกสิทธิ์ยกยิ้ม

“นายมันก็หมาแหงนมองเครื่องบินเหมือนกัน เป็นแค่คนสวน คิดหือหวังกินเจ้านาย”

ผมหน้าชาวูบ ใครจะต่อว่าอะไรผมก็ได้ แต่ถ้าจะมาดูถูกนาคินทร์ล่ะก็…

“คุณเอกสิทธิ์” ผมเรียกเสียงเย็น “ถ้าคุณกำลังดูถูกนาคินทร์ล่ะก็ บอกไว้เลยว่าคุณกำลังดูถูกผมด้วย เขาเป็นคนของผม เป็นคนที่รักและซื่อสัตย์กับผมที่สุด”

“ทั้งที่มันก็คิดไม่ซื่อกับคุณหนูเนี่ยนะ”

คนที่คิดไม่ซื่อกับนาคินทร์คือผมมากกว่า

“คุณทำอะไรผม ผมไม่ไล่คุณออกหรอก แต่ถ้าคุณคิดดูถูกนาคินทร์ล่ะก็ ผมอาจไล่คุณออกได้ง่าย ๆ อาจไกลถึงขนาดแบล็คลิสต์คุณ เอาให้ไปสมัครงานที่ไหน ขนาดแค่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขาก็ไม่รับ คุณจะเอาอย่างนั้นก็ได้นะ”

คุณเอกสิทธิ์หน้าเสียนิด ๆ

“ผมขอตัว”
แล้วเขาก็บอกลาเดินจากไป ผมถอนหายใจแรง เสยผมเบา ๆ

“ขอโทษที่ทำให้คุณหนูโดนดูถูกนะครับ”

ผมยิ้มเหนื่อยให้ ขยับเข้าไปชิด ก้มพิงหน้าผากไว้กับอกคนตัวสูง

“คุณหนู เดี๋ยวคนอื่นเห็น!”

“นิดเดียวนาคินทร์ ฉันเหนื่อย”

นาคินทร์ยืนนิ่ง สักพักผมก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มให้คนตัวสูง

“เอาละ เรามาลุยกันอีกรอบ นายก็ทำงานในส่วนของนายไป ฉันก็จะทำในส่วนของฉัน”
ผมบอกคนตัวสูงเบา ๆ นาคินทร์จับมือผมดึงไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง ยกจูบเบา ๆ มันร้อนวูบมาถึงหัวใจผมเลย

“นาคินทร์พร้อมรับใช้คุณหนู ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยยากแค้นแค่ไหน”

ผมยิ้ม

“ฉันไม่ใช้งานนาคินทร์หนักขนาดนั้นหรอก เจอกันตอนเที่ยง”

นาคินทร์พยักหน้า ผมย้ายไปแผนกขาย ซึ่งถือว่าเป็นแผนกที่ยากอีกแผนกหนึ่ง ต้องออกไซต์งานบ่อย ๆ กลัวเหมือนกันว่าคุณเอกสิทธิ์จะบอกความจริงทุกคน

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ก็แค่ทำให้ผมกลายเป็นผู้บริหารเร็วขึ้น หรือต้องฝึกงานโดยที่คนอื่นเกรงใจมากขึ้นแค่นั้นเอง






พักเที่ยง ผมรีบหอบตัวเองขึ้นไปบนดาดฟ้า นาคินทร์ยืนทำงานงก ๆ ผมตาโตเลย เพราะตอนนี้งานคืบหน้าไปเยอะมาก ต้นไม้เอย น้ำตกเอย มันขึ้นมาหมดแล้ว ชิงช้าด้วย

“ว้าว”
ผมร้องออกมาเบา ๆ นาคินทร์หันมามอง ยิ้ม

“ถูกใจไหมครับ”

“นี่อย่าบอกนะว่า เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา…”

“ครับ เพื่อคุณหนู”

ผมยิ้มหันไปมอง

“มันสวยมาก ๆ เลยนาคินทร์”
นาคินทร์พาผมเดินดูไปรอบ ๆ ชี้บอกให้ดูว่าต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีก พอครบถึงได้พากันไปนั่งกินข้าว
 


“นาคินทร์”
ผมเรียก ยื่นขนมที่หนูแดงแพ็คมาให้ใส่ปากคนตัวสูง นาคินทร์มองหน้าผมอึ้ง ๆ

“ผมว่า…”

ผมหน้าบึ้งนิด ๆ นาคินทร์รีบอ้าปากรับทันที ผมอมยิ้ม

เหมือนแฟนกันเลยแฮะ ผมหยิบป้อนคนตัวสูงอีกคำ

“คุณหนูทานเองบ้างสิครับ”

“นาคินทร์กินแทนฉันนั่นแหละดีแล้ว ฉันไม่อยากอ้วน”

“อ้วนตรงไหน ตัวเล็กนิดเดียว ตัวเบาอย่างกับนุ่น”

ผมหน้าร้อนผ่าว แอบนึกไปถึงท่าร่วมรักที่ผมถูกนาคินทร์อุ้มไว้กลางอากาศ ผมก้มหน้า

“นะ นั่นเพราะนาคินทร์ตัวใหญ่ แรงเยอะ เลยคิดว่าฉันตัวเบามากกว่า”
ผมอ้อมแอ้มตอบ เราต่างคนต่างเงียบกันไปนาน จนผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา

“ช่วงนี้ฉันจะยุ่งสุด ๆ พรุ่งนี้ต้องออกข้างนอก ไม่ได้มากินข้าวด้วย ดีไม่ดี อาจจะไม่ได้กลับบ้านด้วยกัน”

“ไม่เป็นไร แล้วคุณหนูจะกลับยังไง นาคินทร์ว่าถ้าเลิกงานที่ไหนเมื่อไหร่ โทรเรียกให้นาคินทร์ไปรับจะดีกว่า” 

ผมนิ่งคิด

“ฉันยังไม่รู้ ไว้ถึงเวลานั้นจะโทรบอกอีกที ตอนนี้ต้องติดสอยห้อยตามคนอื่นเขาไปก่อน”

นาคินทร์พยักหน้า ผมนั่งคุยกับนาคินทร์ต่อ พอจบจากมื้อเที่ยงก็บอกลา นาคินทร์เดินลงมาส่ง ใจผมอยากรั้งคอนาคินทร์ลงมาจูบ แต่ทำแบบนั้นมันจะดูน่าเกลียดเกินไป




 
ตอนบ่ายผมออกไปข้างนอกเป็นหลัก แผนกขาย ถือว่าเป็นแผนกที่น่าสงสารที่สุด เพราะต้องออกไปลุยกับลูกค้า ผมไม่ได้ทำหน้าที่ขายหรอก แค่ไปดูวิธีการทำงานเขาเท่านั้น ไม่แปลกใจว่าทำไมบริษัทเราถึงให้งบแผนกนี้เยอะนัก

ทั้งค่ารถ ค่าสวัสดิการและคอมมิสชั่น แต่ดีว่าเราได้คนเก่ง ๆ มาทำงาน

“นี่”
โซ่ หนึ่งในพนักงานขายน้องใหม่เรียก เขาอายุเท่ากับผม เป็นเด็กใหม่เหมือนกันเราเลยสนิทกันเร็ว

“มีแฟนยัง”

ผมมองหน้า ตั้งแต่เจอเรื่องของคุณเอกสิทธิ์ ผมชักระแวงขึ้นมาตงิด ๆ

“ทำไม คิดจะจีบรึไง”

“บ้าดิ คิดไรทุเรศว่ะอนุชา แล้วนี่ไม่มีชื่อเล่นเรียกรึไง เอาซะชื่อจริงเลย ฟังแล้วเหมือนพวกคุณชาย”

“ไม่มี ที่บ้านเรียกชื่อจริงกันทุกคน”

โซ่พยักหน้า

“ว่าแต่ มีแฟนยัง”

“ยัง ทำไม”

“จะติดต่อให้น้องสาว เห็นหล่อดี เป็นสเปคน้องสาว”

ผมหัวเราะ กอดคอโซ่ไว้

“โทษที พอดีมีคนในดวงใจแล้ว แอบรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่งเข้าใจไหม”

โซ่เบิกตากว้าง

“จริงเหรอ หน้าตาดีขนาดนี้ จีบก็น่าจะติดได้ง่าย ๆ นะ” 

ผมถอนหายใจแรง

“บางคนแค่หน้าตาอาจไม่เพียงพอ”

“ทำไม นิสัยนายแย่มาก หล่อนไม่ชอบ”

“เปล่า”

“แล้วทำไม”

ผมทำหน้าบู้บี้ ไม่รู้จะบอกความจริงยังไงดี

“เอาเป็นว่า ช่วงนี้กำลังจีบ ๆ อยู่ ๆ ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อยเปอร์เซ็นความสำเร็จต่ำกว่า 50%”

โซ่พยักหน้ารับ ตบไหล่ผมเบา ๆ

“เป็นกำลังใจให้ละกัน อกหักเมื่อไหร่ บอกนะ น้องสาวเรายังว่าง”

ผมพยักหน้า

วันนี้เราดีลงานดึกมาก ผมให้นาคินทร์กลับบ้านก่อนเพราะโซ่อาสาจะไปส่ง ให้ส่งแค่หน้าประตูบ้านเท่านั้นแหละครับ

“โห บ้านหลังใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” 

“ฮ่า ๆ ที่ซุกหัวนอนอยู่ในสวนนู่น”
ผมมุสาไป

“อ้าวเหรอ เอาน่า อย่าคิดมาก จนพอกัน ปากกัดตีนถีบกันไป เอาละ ส่งแค่นี้แหละ เจอกันพรุ่งนี้”

ผมพยักหน้า ขยับก้าวห่างจากรถ โซ่ขับรถหมุนวนกลับออกไป ผมยืนส่งจนลับสายตา ก่อนหันกลับมาหวังเดินเข้าบ้านอีกครั้ง

หัวใจแทบร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อหันกลับมาเจอใครบางคนยืนถมึงทึงอยู่

“นาคินทร์ ตกใจหมดเลย”
ผมลูบหัวใจตัวเองเบา ๆ

“ขอโทษที่ทำให้คุณหนูตกใจครับ คนที่แผนกเหรอครับ”

ผมยิ้ม

“ใช่ ชื่อโซ่ อายุเท่ากัน นิสัยน่ารักมาก”

นาคินทร์พยักหน้ารับ

“แล้วออกมาทำอะไรอยู่หน้าบ้านแบบนี้”
ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อคาดเดาว่าคนตัวสูงกำลังทำอะไรอยู่

“ออกมารอคุณหนูน่ะครับ ผมเป็นห่วง”

ผมชะงักกึก เงยหน้ามองคนพูด รู้สึกชุ่มชื้นในหัวใจสุด ๆ

“โทรถามเอาก็ได้ จะได้ไม่ต้องออกมารอ”

“นาคินทร์ไม่อยากโทรรบกวน เผื่อทำงานอยู่”

ผมอมยิ้ม

“ขอบใจนะ เข้าบ้านกันเถอะ”

นาคินทร์พยักหน้า เปิดประตูเล็กให้ผมก้าวเข้าไปภายใน อย่างน้อยผมก็ได้เห็นหน้านาคินทร์ก่อนแยกจาก ผมเดินเข้าบ้านในขณะที่นาคินทร์เดินลึกเข้าโรงเลื่อยตัวเองไปเหมือนกัน

กระทั่งรุ่งขึ้น ผมออกหาลูกค้ากับคนในทีมและโซ่แต่เช้า บ่ายก็ไม่ได้มาหานาคินทร์ กินข้าวกับคนในแผนก คิดถึงนาคินทร์สุด ๆ กระทั่งบ่าย

ผมรู้ว่าคนในแผนกนี้ไม่ค่อยเข้าบริษัทกันหรอก ออกข้างนอกกันเป็นส่วนใหญ่ ตอนแรกโซ่บอกจะไปส่ง แต่ผมอยากกลับกับนาคินทร์เลยปฏิเสธไป เหลือเวลาอีกชั่วโมงหนึ่งบริษัทจะงานเลิก ผมเดินไปที่ลิฟท์ขนของ เห็นเขากำลังขนอะไรกันอยู่อย่างวุ่นวายเลย คนคอยควบคุมการขนถ่ายคือนาคินทร์ ผมเดินเข้าไปใกล้

“ทำอะไรเหรอนาคินทร์”

“ของล็อตสุดท้ายครับ”

ผมพยักหน้า ยืนมองเฉย นาคินทร์ก็ไม่ได้สนใจเหมือนกัน พอเรียบร้อยก็หันมามอง ยกนาฬิกาดู

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“เปล่า ไม่มีอะไรให้ทำแล้วเลยมาหา”
ผมบอกตามความรู้สึก แววตานาคินทร์ดูอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“อีกชั่วโมงก็เลิกงานแล้ว นาคินทร์ขอขนของขึ้นไปเก็บก่อน”

“ฉันช่วย”

“ไม่เป็นไรครับ คนงานรอข้างบน”

“เพิ่มมาอีกคนจะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง เข้าไปสิ”
ผมพยักหน้าให้นาคินทร์เข้าลิฟท์ไป ผมเข้าไปด้วย มุมที่ยืนทำให้ผมแอบนึกถึงคืนวันเก่า ๆ เลย เสียดายที่วันนี้ลิฟท์ไม่ตกแบบวันนั้น

ตัวเลขบนลิฟท์ไล่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ รู้สึกถึงไอร้อนผ่าวของคนด้านหลัง อยากให้วงแขนใหญ่นั้นโอบกอดผมไว้ แต่ผมทำได้มากสุดแค่เม้มปากแน่นเท่านั้น ลิฟท์มาถึงปลายทางโดยสวัสดิภาพ นาคินทร์กดลิฟท์ค้างไว้ คนงานวิ่งเข้ามาช่วยกันขน ผมด้วย แล้วผมก็อยู่ช่วยนาคินทร์กระทั่งเวลาเลิกงาน คนงานถูกสั่งให้กลับก่อน เหลือไว้แค่ผมกับนาคินทร์สองคนเท่านั้น

“ถ้าไม่ติดส่งคุณหนู นาคินทร์จะอยู่ทำไปจนถึงห้าทุ่มแน่ ๆ”

“ขยันมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถึงเวลาเลิกงานก็ต้องเลิก ทำงานเกินเงินเดือนอยู่เรื่อย”

“นาคินทร์ไม่ได้ทำงานเพื่อเงินเดือนนี่ครับ นาคินทร์ทำเพื่อคุณหนู”

ผมชะงัก มองหน้าคนพูด แต่คนพูดไม่ได้สนใจว่าตัวเองได้พูดอะไรออกมาก้มหน้าแบกของไป ผมยิ้ม ผมรู้ว่าใจของนาคินทร์บริสุทธิ์ คนที่ใจไม่บริสุทธิ์ก็ผมนี่แหละ

ผมนั่งท้องกิ่ว อยากชวนนาคินทร์กลับจะแย่ แต่ก็รู้ว่าคนตัวสูงกำลังโหมงาน นาคินทร์หันมามอง ยกนาฬิกาดู วางงานไว้

“ขอโทษที่ทำให้รอครับ ป่ะ เรากลับกันเถอะ”

ผมรีบดีดตัวลุกยืน ท้องพากันร้องจ๊อก ๆ นาคินทร์หัวเราะ เดินไปคุ้ยอะไรในกล่องกระดาษ สักพักก็เดินกลับมา ยื่นนมเปรี้ยวกล่องละห้าบาทมาให้กล่องหนึ่ง

“รองท้องไปก่อนนะครับ”

“เอามาจากไหน เล็กตึ๋งหนึ่ง”

“ของคนงานน่ะครับ”

ผมอมยิ้มขำ แต่ก็รับมาดูดรองท้อง จึกเดียวก็หมดแล้ว นาคินทร์ล้างมือ ผมโยนกล่องเปล่าทิ้ง นาคินทร์เลิกถอดเสื้อออก ก้มตัวลงต่ำ ราดน้ำจากสายยางเทใส่แผ่นหลัง น้ำไหลลงไปที่หัวจนเปียกชุ่มไปหมด คนตัวสูงเงยขึ้นมาสะบัดเบา ๆ น้ำไหลเป็นทางลงสู่ขอบกางเกง มันเปียกจนเห็นได้ชัด แต่ดูนาคินทร์จะไม่ใส่ใจ ใส่เสื้อตัวเดิมลงหัว เสื้อมันเปียกจนแทบจะดูไม่ออกว่ามันเปียกเพราะเหงื่อก่อนหน้าหรือเปียกเพราะน้ำที่ถูกราดไว้เมื่อกี้

“ไปครับ”

ผมพยักหน้า ก้าวเท้าเดินเคียงไปกับคนตัวสูง รูปร่างของนาคินทร์ เหมาะกับการเป็นผู้นำจริง ๆ แต่ก่อนผมเคยคิดว่าผมจะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีได้ เพราะไงผมก็เป็นผู้ชาย แต่มาตอนนี้ ผมอยากให้นาคินทร์มาเป็นผู้นำผมแล้ว ไม่ใช่ในฐานะเจ้านาย แต่ในฐานะคู่ชีวิต

แล้วนาคินทร์ล่ะ จะอยากมาเป็นคู่ชีวิตกับผมไหม ผมเม้มปากแน่น เดินเคียงไปด้วยกัน



To be Con..
#หนึ่งคอมเม้นท์หนึ่งกำลังใจนะคะ
นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!






หนังสือ & e-book เรื่องนี้ค่ะ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-09-2016 08:20:59
เมื่อไหร่จะสารภาพความในใจกันซะทีน้า~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-09-2016 09:15:41
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
คุณหนูก็ถามนาคินทร์เลยว่าคิดยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-09-2016 09:49:52
คุณหนูสู้ๆยังไงก็ใจตรงกัน  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 06-09-2016 10:06:25
อยากให้รู้ใจกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 06-09-2016 10:16:03
ละมุน ดีต่อใจ ^_^
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-09-2016 10:24:34
อาจจะต้องคุยกันแบบจริงจังละมั้ง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-09-2016 14:29:03
 :jul1:   :-[    นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!  ดีต่อใจจริงๆค่า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 06-09-2016 17:17:09
อยากให้นาคินลุกอนุชาจังเลย จะเป็นไงนะ 5555  :z2: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 06-09-2016 17:32:36
อยากให้นาคินลุกอนุชาจังเลย จะเป็นไงนะ 5555  :z2: :hao7:

เห็นด้วยสุดๆ อยากให้นาคินทร์รุกบ้าง
นาคินทร์~~ กล้าๆหน่อย

ปล. หวังว่าเอกสิทธิ์จะหยุดจริงๆนะ



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-09-2016 18:29:56
โอ๊ยยยย ดีต่อใจไปอี๊กกกกกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 06-09-2016 18:53:41
ตาหนูขยันบุกและรุก หมั่นยั่วบ่อยๆ
นาคินทร์ก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว
ว่าแต่ หนังสือเป็นเล่ม เนื้อหาจะเหมือนกับที่ลงไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-09-2016 19:00:30
โธ่ คุณหนู นาคินทร์ก็บอกอยู่แล้วไงงงงง ทุกอย่างทำเพื่อคุณหนูของนาคินทร์ อะหึๆๆๆๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 06-09-2016 20:12:18
นาคินทร์นี่ดีต่อใจจังเลยค่ะ  :man1: :man1: ส่วนคุณเอกสิทธิ์นะคะ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด  o18
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 06-09-2016 21:25:06
นาคินช้า ระวังงานเข้าก่อนนะครัช
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 06-09-2016 21:35:04
นึกว่าเข้าใจกันแล้วซะอีก ทำไมย้อนกลับมาสเต็ปเดิม
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-09-2016 22:26:21
อีคุณเอกสิทธิ์นี่มันเป็นคนยังไง เป็นผู้ใหญ่ซะป่าวแต่กลับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ขนาดอยู่ต่อหน้าอนุชานะ ยังกล้าพูดแบบนั้นอีก ความเงี่ยนครอบงำจิตใจเกินไปแล้วย่ะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 06-09-2016 22:54:51
คุณหนู มาขนาดนี้ ยังไม่รู้ว่านาคินทร์คิดยังงัยอีกหรอ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 07-09-2016 12:28:12
หวังว่าจะบอกความในใจกันเร็วๆน้า

รักกันก็บอกกันไไปเลยน้าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-09-2016 21:32:30
นาคินแอยหึงป่ะเนี่ย ลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.11 กลืนกินกันและกัน (P.11)(6-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-09-2016 23:56:39
นาคินทร์อย่าแค่ซื่อสัตย์ภักดีสิ
ต้องรุกมห้อนุชามั่นใจบ้าง 5555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 11-09-2016 09:31:30
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 12 :  อิงแอบแนบชิด






เราสองคนนั่งเงียบกันมาตลอดทั้งเส้นทาง จริง ๆ มันก็ไม่เงียบหรอก เพราะนาคินทร์เปิดเพลงให้ผมฟัง เพลงโปรดของผมนั่นแหละ แต่วันนี้ผมรู้สึกว่ามันไม่เพราะเลย รถวิ่งใกล้บ้านเข้าไปทุกที ผมไม่อยากให้ช่วงเวลาของเราสองคนจบลงแค่นี้จริง ๆ

“ฉันเบื่อกินข้าวที่บ้านแล้ว ไปหาอะไรกินกันนอกบ้านดีกว่า”

นาคินทร์หันมามอง

“คุณหนูอยากไปที่ไหนล่ะครับ”

“ที่ไหนก็ได้ ข้างทางก็ได้ เพราะสภาพนาคินทร์แบบนี้ ขึ้นห้างคงไม่เหมาะ”
นาคินทร์ก้มมองตัวเอง เพราะนอกจากเหงื่อแล้วยังเลอะฝุ่นเลอะโคลน ผมไม่รังเกียจหรอก ชอบด้วยซ้ำ แต่ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไง

“งั้นคุณหนูเลือกนะ นาคินทร์จะขับรถวนไปเรื่อย ๆ”
นาคินทร์เลี้ยวไปยังเส้นทางที่ไม่ใช่ทางไปบ้าน ผมอมยิ้มนิด ๆ เราขับรถไปเรื่อย ๆ กระทั่งไปเจอร้านอาหารน่ากินร้านหนึ่งข้างทาง แต่ดูสะอาดและคนเยอะมาก ร้านไหนคนรุม เดาเอาไว้ก่อนว่ามันต้องอร่อยแน่ ๆ

ข้อเสียของการหาของกินข้างทางคือหาที่จอดรถยากนี่แหละ ร้อนอบอ้าวด้วย กว่าจะได้ที่จอด เราต้องเดินกันไกลร่วมห้าหกร้อยเมตร

“ถ้าไม่อร่อยนี่จะเอาระเบิดมาปาเลย”
ผมบ่น เช็ดเหงื่อตรงหน้าผากเบา ๆ นาคินทร์หัวเราะ

“กินที่บ้านก็จบแล้ว”

“ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
ผมหันไปบอก

“ครับ เปลี่ยนแล้วไง เปลี่ยนจากนั่งในห้องแอร์เย็น ๆ มาเดินตากควันรถร้อน ๆ ริมถนน”
เถียงไม่ออกเลย

ผมจะบอกว่าหมายถึงเปลี่ยนบรรยากาศจากกินข้าวกับครอบครัวมาเป็นกินข้าวกับนาคินทร์สองคนต่างหาก ผมปิดปากเงียบ ชวนมาเอง ยังไงก็ห้ามบ่น คนบนทางเท้าเยอะมาก ช่วงกำลังออกหาของกินของพวกทำงานออฟฟิศเลย

“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
ผมโดนกระแทกไหล่จากสาวออฟฟิศที่มัวแต่ก้มหน้าจิ้มมือถือเพลิน ๆ ผมยิ้มให้นิดหนึ่งไม่เอาความ ทั้งที่ใจจริงหงุดหงิดแทบตาย

มัวแต่เล่นมือถือไม่มองทาง เดี๋ยวแช่งให้เดินตกท่อหรอก

“ขอโทษนะครับคุณหนู” นาคินทร์พูดขึ้นมาเบา ๆ ขยับมาเดินนำ จับมือผมไว้ “คนเยอะ คุณหนูเดินตามนาคินทร์ดีกว่า” แล้วนาคินทร์ก็เดินดุ่มไปด้านหน้า ทั้งที่มือซ้ายจับมือผมไว้คล้ายกับเด็กสักคนที่มากับผู้ปกครอง

ผมหน้าร้อนผ่าว ไอ้ที่หงุดหงิดร้อนรุ่มเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง ผมก้มมองมือที่ถูกกุมไว้จากคนตัวสูง อมยิ้มนิด ๆ ผมรู้ว่านาคินทร์ทำไปเพราะต้องการปกป้องและดูแลผม แต่ผมก็แอบคิดลึกมากไปกว่านั้น

ผมกระชับจับมือของนาคินทร์แน่นขึ้น ถ้านาคินทร์จับมือผมไว้แบบนี้ ให้เดินอีกสักสองกิโล ผมก็ทนไหว
 

เวลาแห่งความสุข มักผ่านไปรวดเร็วเสมอ ไม่นานเราก็เดินมาถึงร้านอาหาร นาคินทร์กำลังจะพาไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างพอดี แต่ผมยื้อไว้

“เมื่อกี้ฉันเห็นแวบ ๆ ว่ามีอีกร้านน่ากินตรงนู่น เดินไปดูก่อนไหม”

“มีด้วยเหรอ ขับรถมานาคินทร์ยังไม่เห็นเลย”

“นาคินทร์ขับรถ จะเห็นได้ยังไง”

นาคินทร์ขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วย

“นำไปสิ”
ผมบอกเสียงเรียบ ทั้งที่ภายในกำลังยิ้มกริ่ม นาคินทร์ก้าวนำไปก่อนผมก้าวตามไปติด ๆ กระทั่งเดินมาถึงปลายทางซึ่งติดสี่แยกไฟแดงพอดี ไม่มีร้านอาหารที่ผมว่ามาสักร้าน

แน่นอน ก็มันไม่มีตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

ผมยิ้มแหะ ๆ

“สงสัยฉันหิวจนตาลาย”

นาคินทร์ส่ายหัว

“กลับไปร้านเดิมดีกว่าครับ เลยเวลาอาหารมามากแล้ว เดี๋ยวโรคกระเพาะถามหา”
ผมพยักหน้า นาคินทร์เดินนำเหมือนเดิม โดยมีผมเดินตาม

ผมอมยิ้ม ไม่ได้อยากหลอกลวงนาคินทร์แบบนี้ แต่มันรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้ใช้เวลาร่วมกันแบบนี้ 

ยังดีที่โต๊ะที่เราเล็งไว้ตัวนั้นยังว่างอยู่ เรารีบไปจับจองทันที ผมเป็นคนสั่งเหมือนเดิม นาคินทร์เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องอาหารการกินหรอก ผมเล่าเรื่องที่ออกไซต์งานให้คนตัวสูงฟังระหว่างรออาหาร นาคินทร์เป็นผู้รับฟังที่ดีสำหรับผมเสมอ ไม่นานอาหารก็มา

“อร่อย”
ผมใช้ตะเกียบคีบผัดผักกระเฉดน้ำมันหอยใส่ปาก ติดกลีบกระเทียมโขลกมาด้วยชิ้นหนึ่ง หอมกรุ่นเชียว

“หือ นี่ก็อร่อย”
ผมชิมจานต่อไป ตามธรรมเนียมเดิมผมแหละครับ มาร้านอาหารไหนครั้งแรก ผมจะสั่งแหลกเพื่อชิมรสชาติ ครั้งต่อไปจะได้รู้ว่าร้านนี้เมนูไหนเด็ด ซึ่งนาคินทร์ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะดูจะเป็นคนที่กินทิ้งกินขว้างไปสักหน่อย ด้วยความเสียดาย เจ้าตัวก็ฟาดเรียบจนพุงยื่น(นิด ๆ) ส่วนผมกินเท่าที่อิ่มครับ ราคาสบายกระเป๋าพอควร

“ขืนกินข้าวนอกบ้านบ่อย ๆ นาคินทร์คงอ้วนเป็นหมูแน่ ๆ”

“แล้วใครใช้ให้กินจนหมดล่ะ ฉันแค่สั่งมาเยอะเพราะต้องการเทสว่าจานไหนอร่อย”

“กินไม่หมดก็ทิ้ง เสียของเปล่า ๆ”

ผมส่ายหน้า

“เราเสียเงินซื้อมาแล้ว ทิ้งก็จะเป็นอะไรไป”

“นาคินทร์ถือครับ คนบ้านนอก กินอะไรก็ต้องกินให้หมด กินทิ้งกินขว้างเกิดมาชาติหน้าจะไม่มีให้กิน นาคินทร์ว่าครั้งหน้า คุณหนูทดลองแค่เมนูสองเมนูก็พอ มาครั้งต่อไปค่อยสั่งที่เราไม่เคยสั่ง อาจไม่รู้ในเวลาเดียว แต่ดีกว่าต้องเสียของ ถึงคุณหนูจะมีเงินจ่าย แต่มันเป็นนิสัยที่ไม่น่ารักนัก ผมว่าแทนที่จะเอาเงินมาจ่ายเพื่อทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ สู้เอาไปบริจาคให้เด็กที่แทบไม่มีข้าวสารกรอกหม้อกินจะดีกว่า”

ผมหน้าชาไปกับสิ่งที่นาคินทร์พูด นาคินทร์นิ่งไป 

“ขออภัยครับที่นาคินทร์พูดจามากไป นาคินทร์จะไม่พูดอีก”

ผมก้มหน้า ตอนแรกก็รู้สึกแย่อยู่หรอก แต่มันก็จริงของนาคินทร์ ผมเป็นลูกคนรวย เกิดมาก็มีให้กินจนครบสามมื้อ ไม่เคยเกิดมาอดอยากหรือลำบากมาก่อน ถ้านาคินทร์ไม่พูด ผมก็ไม่คิด

“ไม่หรอก นาคินทร์พูดถูก มันเป็นนิสัยที่เกิดจากความเคยชินน่ะ”

“ขอโทษที่นาคินทร์อาจแสดงความคิดเห็นอะไรที่เป็นส่วนตัวมากไป นาคินทร์แค่เสนอแนะในมุมของนาคินทร์ คุณหนูจะไม่เห็นด้วย หรือไม่ทำตามก็ได้ นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณหนู”

ผมยิ้ม

“นาคินทร์เป็นคนดี ความคิดของนาคินทร์ มันมาจากแก่นลึกของความรู้สึก ฉันไม่ใช่เด็กสอนยากนะ พูดได้สอนได้ เพราะไงนาคินทร์ก็อายุเยอะกว่าฉัน”

“แต่คุณหนูเป็นเจ้านาย”

“เจ้านายที่ไม่ฟังคำพูดของลูกน้องเลย ไม่ใช่เจ้านายที่ดีหรอกนะ”     

นาคินทร์มองหน้า ยิ้มในดวงตา

“คุณหนูน่ารักสำหรับนาคินทร์เสมอ”

ผมหน้าร้อนผ่าว ผมรู้ว่านาคินทร์พูดไปแบบไม่คิดอะไร คำว่าน่ารักสำหรับนาคินทร์ มันก็เหมือนคำพูดที่ผู้ใหญ่เอาไว้พูดกับเด็กห้าขวบ เวลาที่เด็กทำอะไรถูกใจแล้วได้รับคำชม

แต่ผมอยากให้คำว่าน่ารักของนาคินทร์ มีความหมายมากไปกว่านั้น

ฟ้าแลบนิด ๆ ผมกับนาคินทร์เงยหน้ามอง

“ฝนทำท่าจะตกแล้ว เรารีบกลับกันดีกว่า”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย เรียกเช็กบิล เรารีบพากันเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ แต่เดินไปได้แค่ครึ่งทางฝนก็พากันโปรยลงมาเบา ๆ

“คุณหนูครับ”

ผมหันไปมองคนเรียก เห็นนาคินทร์ในสภาพเปลือยเปล่าท่อนบนขยับเข้ามาชิด ยกเสื้อที่ผมไม่รู้ว่านาคินทร์ถอดออกตั้งแต่เมื่อไหร่มากางขึ้นเหนือหัวผมเพื่อกันฝนให้ ผมหน้าร้อนผ่าว แผงอกกว้างอยู่ไม่ห่างจากแผ่นหลังผม มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เข้าใจอารมณ์พวกนางเอกเอ็มวีเลย เราพากันก้าวเร็ว ๆ ไปที่รถ

ฝนตกแรงขึ้นเรื่อย ๆ นาคินทร์เปิดประตูให้ผมขึ้นไปก่อน แล้วตัวเองก็อ้อมไปเปิดฝั่งคนขับ หัวกับหน้าผมแทบจะไม่ถูกเม็ดฝน ในขณะที่นาคินทร์เปียกไปหมด คงเพราะเอาเสื้อและตัวตัวเองมาปกป้องผมเป็นหลัก นาคินทร์สตาร์ทเครื่อง เปิดแอร์ให้เบาที่สุด

“หนาว”
ผมสยิวกายเบา ๆ เพราะความหนาว

“อดทนเอาหน่อยนะครับ”
ผมพยักหน้า ฝนตกแรงมากจนแทบมองไม่เห็นเส้นทาง รถติดมากด้วย ผมนั่งตัวสั่นในขณะที่นาคินทร์ยังนั่งชิลล์

“พายุคงเข้า”
นาคินทร์เปรยเบา ๆ เคาะนิ้วกับพวงมาลัย ขยับหรี่แอร์ลงอีก

“นาคินทร์ไม่หนาวบ้างรึไง”

“หนาวครับ แต่ทนได้”
ผมพยักหน้าเข้าใจ

ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน นาคินทร์จอดรถ วิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้

“อาบน้ำสระผม อย่าลืมทานยาดักไว้ด้วยนะครับ ไม่งั้นหวัดกินแน่ ๆ”

ผมพยักหน้ารับคำอีกที

“นายเองก็เหมือนกัน”

“ครับ”
นาคินทร์รับปาก ผมเดินเข้าบ้านไป บรรดาแม่ ๆ นั่งดูทีวีกันหน้าสลอน

“เพิ่งกลับเหรอลูก ตัวเปียกมาเชียว”

“ครับ เจอฝนระหว่างทาง”

“ไป รีบไปอาบน้ำ อาบเสร็จลงมากินยาดักไว้ก่อนนะ เดี๋ยวหวัดกิน”
แม่ผมบอก ผมรับคำ วิ่งขึ้นห้องไป ได้น้ำอุ่น ๆ ทำให้ความหนาวที่มีมาก่อนหน้าเบาบางลง พออาบน้ำเสร็จผมก็ลงไปข้างล่าง แม่ผมรีบเอายามาให้กิน

 
ผมอยู่กับครอบครัวจนถึงเวลาเข้านอน ฝนด้านนอกก็ยังไม่หยุดตก พายุยังโหมแรง ทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน ผมขึ้นห้องตัวเองไปเหมือนกัน เดินขึ้นเตียง

คิดถึงนาคินทร์แฮะ ทั้ง ๆ ที่ก็เพิ่งแยกย้ายกันไปเมื่อตอนเย็น

ความรักมักทำให้คนเป็นทุกข์ ผมเคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่การรักคนที่ไม่ได้รักเรา มันเป็นทุกข์ยิ่งกว่า

ผมนอนหงายจ้องมองเพดานประดับดวงไฟที่ถูกปิดสนิท เสียงฝนยังดังกระทบหน้าต่างไม่หยุด พอ ๆ กับเสียงฟ้าคำราม แสงไฟที่แลบแปลบปลาบเข้ามา

ผมขยับพลิกหันข้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผมรู้สึกว่าเตียงผมมันกว้างเกินไป กว้างจนดูเคว้งคว้าง ผมชักรู้สึกชื่นชอบฟูกนอนแคบ ๆ เก่า ๆ ของนาคินทร์มากกว่า มันเล็กจนคนที่นอนอยู่ด้วยกันต้องเบียดชิดกัน ผมกระชับกอดผ้าห่มแน่น มันไม่รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจเหมือนผ้าห่มสีมอ ๆ ของนาคินทร์เลย ผมขยับดึงมันขึ้นมาดม มันไม่มีกลิ่นสาบสางของนาคินทร์ด้วย กลิ่นมันสะอาด

สะอาดจนเกินไป

ผมพยายามข่มตาให้หลับ แต่ทำยังไงมันก็ไม่หลับสักที เสียงฟ้ายังคงดังกระหึ่ม อยากให้คืนนี้ นาคินทร์กอดผมไว้จัง

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นอีกรอบ ผมเม้มปากแน่น ขยับลุกนั่ง ยกเข่าขึ้นมากอด กัดเล็บ มองไปทางหน้าต่างบานนั้น

“นาคินทร์”
ผมเรียก หวังให้เสียงผมทะลุผ่านหน้าต่างส่งไปถึงคนตัวโต ป่านนี้นาคินทร์คงหลับไปแล้ว ผมหันมองไปทางมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ หยิบมันมาดู กดอันล็อก จะมีใครรู้ว่าบ้าง ว่าผมเปลี่ยนหน้าจอจากรูปตัวเองมาเป็นรูปของนาคินทร์ตอนทำงานแล้ว

ผมจ้องมองมัน ราวกับภาพในมือถือนั้นจะมีชีวิตเดินออกมาหาผม เลื่อนไปมองเบอร์ที่ผมจำได้ขึ้นใจ เบอร์ที่โชว์ภาพใบหน้านาคินทร์ตอนยิ้มร่าให้ผม

ไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนเกินไปไหม แต่ผมอยากได้ยินเสียงเขา ไม่ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียงก็ยังดี

ผมตัดสินใจ กดโทรออก จะโทรแค่รอบเดียวเท่านั้น ถ้านาคินทร์ไม่รับเพราะนอนไปแล้วหรือเสียงฝนดังจนไม่ได้ยินเสียงก็แล้วไป ผมจะไม่รบกวนเขาอีก

เสียงรอสายผมดังอยู่สักพัก ผมเม้มปากแน่น เสียงสัญญาณสุดท้ายสิ้นสุดลงพร้อมกับความเงียบ ไม่มีเสียง’ครับ คุณหนู’ตอบรับเหมือนที่เคยได้ยินทุกครั้งที่ผมโทรหา

นาคินทร์คงหลับไปแล้ว

ผมจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มนั้น ก่อนสะดุ้งเฮือก เพราะอยู่ ๆ มือถือผมก็แผดจ้าขึ้น สายที่เรียกเข้าเป็นใบหน้าของคนที่ผมจ้องมองเมื่อกี้

หัวใจผมไหวแรง มองมันราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เสียงเรียกเข้ายังดังอยู่ไม่หยุด แต่ผมทำอะไรไม่ถูกกระทั่งมันเงียบเสียงไป

“ไอ้บ้าอนุชา ทำไมไม่รับวะ!”
ผมตำหนิตัวเอง จ้องมือถือนิ่ง รอสักพัก ถ้านาคินทร์โทรกลับมาอีก ผมจะรีบกดรับทันที

แต่ทุกอย่างนิ่งสนิท ผมเม้มปากแน่น ตัดสินใจกดโทรออกอีกครั้ง สัญญาณดังขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนจะได้ยินเสียงฝนดังแทรกเข้ามา เป็นการบอกให้ผมรู้ว่าฝั่งตรงข้ามกดรับแล้วเรียบร้อย แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาให้ได้ยินเลย

“นาคินทร์” ผมเรียก

“ครับ คุณหนู”
                     .........50%........ผมยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น

“นอนรึยัง”

“หลับไปแล้วครับ แต่ตื่นเพราะได้ยินเสียงมือถือของคุณหนู เสียงฝนมันดังกลบ นาคินทร์เลยรับไม่ทัน ขอโทษด้วยจริง ๆ คุณหนูมีอะไรให้นาคินทร์รับใช้หรือเปล่าครับ เมื่อกี้นาคินทร์โทรกลับไปรอบหนึ่ง คุณหนูไม่รับ นาคินทร์เลยเดาเอาว่าบางทีคุณหนูอาจเผลอกดโทรออก”

ผมยิ้ม ไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงว่ามัวแต่มองหน้านาคินทร์เพลินเลยไม่ได้กดรับ

“ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่นอนไม่หลับเพราะเสียงฝนกับเสียงฟ้ามันดัง”
ผมค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนหงาย จ้องมองเพดาน “ฉันไม่รู้ว่าจะคุยกับใครดี ตอนนี้นึกได้แค่นาคินทร์คนเดียว” พูดไปแล้วก็เม้มปากแน่น ผมอยากให้นาคินทร์รู้ความรู้สึกลึก ๆ ของผม แต่อีกใจก็ไม่อยากให้รู้ เพราะถ้านาคินทร์รู้ นาคินทร์อาจไม่ชอบ และอาจนึกตำหนิผมก็ได้

“กลัวหรือครับ”

“เปล่า แต่แค่นอนไม่หลับ”

“ผมว่าเสียงฝนตกเป็นเสียงที่เพราะนะ ฟังเพลิน ๆ แล้วชวนง่วงดีออก”
เสียงพูดนั้นฟังดูสบาย ๆ จนผมพลอยรู้สึกสบายใจไปด้วย

“ปกติฉันก็ชอบฟังเสียงมันนะ ฟังแล้วหลับสบายดี แต่วันนี้ไม่รู้เป็นไง เสียงมันทำให้ฉันนอนไม่หลับเฉยเลย”

“มีอะไรให้คิดหรือเปล่าครับ”
ผมชะงักไปกับคำถามนั้น แน่นอน ผมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

“ก็พอมี” ผมตอบแผ่ว

“อยากเล่าให้นาคินทร์ฟังไหม”

ผมเม้มปากแน่น

ก็คิดถึงนายไงล่ะ

“อย่าเลย ดึกแล้ว ไม่อยากหาเรื่องปวดหัวมาให้นาคินทร์ด้วย เอาเป็นว่าแค่ได้ยินเสียงของนาคินทร์ ฉันก็รู้สึกสบายใจแล้ว หลังจากวางสายคงนอนหลับฝันดี”
ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายทาง

“คุณหนูครับ”

“หือ”
ผมครางรับ เขี่ยมือกับที่นอนไปมา ใจจริงอยากให้มันเป็นแผงอกกว้าง ๆ ของนาคินทร์มากกว่า

“นาคินทร์อยากให้คุณหนูนอนหลับฝันดีนะครับ”

ผมอมยิ้ม กลิ้งไปจนสุดเตียงอีกด้าน

“ที่นอนฉันมันกว้างเกินไปนาคินทร์”

ปลายทางเงียบ

“ฉันชักติดใจที่นอนแคบ ๆ พื้นแข็ง ๆ ผ้าห่มสีมอ ๆ ที่มีกลิ่นสาบ ๆ ของนาคินทร์แล้ว เข้าไปทีไร หลับไม่ได้สติทุกที”
ปลายทางยังเงียบอยู่ ผมเม้มปาก รอคอยว่าอีกคนจะพูดอะไร

“ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ แต่คุณหนูเหมาะกับที่นอนกว้าง ๆ ผ้าสะอาด ๆ กลิ่นหอม ๆ มากกว่า”
ผมเป็นฝ่ายเงียบบ้าง นั่นเป็นคำตอบกราย ๆ ว่านาคินทร์คงไม่ชอบให้ผมไปแย่งที่นอนเท่าไหร่ ยิ่งคนที่เคยมีอะไรกันมา อาจทำให้เขาคิดรังเกียจและไม่อยากให้ผมไปนอนด้วยอีกแล้วก็ได้

เสียงฝนดังสนั่น ผมเดาไม่ออกว่าอันไหนดังกว่ากันระหว่างจากเครื่องของนาคินทร์กับห้องของผม

“คุณหนูครับ”

“หือ”
ผมครางรับในลำคอ

“เห็นเงียบไป คิดว่าหลับไปแล้ว”

“เปล่ายังไม่หลับหรอก คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ”

“นาคินทร์”
ผมเรียกคนตัวสูงอีกรอบ

“ครับ”

“นาคินทร์เป็นคนหวงที่นอนเหรอ”

“เปล่าครับ ทำไมคุณหนูคิดแบบนั้น”

“ก็ขอไปนอนด้วยทีไรปฏิเสธทุกที”

“เหตุผลก็อย่างที่ผมบอกไปแล้ว คุณหนูเหมาะกับเตียงกว้าง ๆ ผ้าสะอาด ๆ มากกว่าฟูกนอนแคบ ๆ เหม็นอับจากดิน”

“ทั้งที่ฉันบอกว่าฉันชอบสิ่งนั้นมากกว่าเตียงกว้าง ๆ น่ะเหรอ”

นาคินทร์นิ่งไป

“ฉันแค่เกิดมาเป็นลูกคนรวยนะนาคินทร์ ไม่ได้หมายความว่าจะชอบสิ่งที่คนไม่รวยเขาชอบกันไม่ได้”
นาคินทร์นิ่งไปพักใหญ่

“คุณหนูติดดินมากกว่าที่ผมคิดอีกนะครับ”

“ถ้าศึกษาดี ๆ จะรู้ว่าบางครั้งฉันก็มนุษย์ตุ่นดี ๆ นี่เอง”

เสียงนาคินทร์หัวเราะดังมาให้ได้ยิน พลอยพาเอาผมรู้สึกเบิกบานในหัวใจไปด้วย ผมชอบให้นาคินทร์ยิ้ม ผมชอบให้นาคินทร์หัวเราะ ผมชอบให้นาคินทร์มีความสุข

“พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้านะครับ”

“ง่วงแล้วเหรอ ถ้าง่วงนาคินทร์วางสายก่อนก็ได้”

“เปล่าครับ แต่นาคินทร์เป็นห่วงคุณหนูนั่นแหละ กลัวจะดึกมากจนโผเผพรุ่งนี้”

ผมอมยิ้ม

“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ฉันยังไม่ง่วงจริง ๆ”

“ทำยังไงถึงจะทำให้คุณหนูของผมง่วงได้นะ”
ผมไม่รู้ว่าน้ำเสียงนั้นถามมาในลักษณะหยอกเย้าหรือว่าถามเพราะอยากรู้จริง ๆ กันแน่ มันก้ำกึ่งกัน ฟังดูเหมือนจะเย้าแต่ก็ดูจริงจังจนผมคาดเดาไม่ออก

“ถ้าได้นอนบนฟูกเน่า ๆ ของนาคินทร์ ได้ห่มผ้าห่มสีมอ ๆ อาจทำให้หลับเร็วขึ้นก็ได้ แต่รู้ว่านาคินทร์คงไม่ชอบ หรือรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับสถานะของฉัน”
ผมดักคอไว้ก่อน

นาคินทร์นิ่งไปนาน

“ครับ ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณหนูหรอก”
คำนั้นยิ่งย้ำให้ผมรู้สึกแย่ กำลังจะอ้าปากบอกลา

“แต่ถ้าคุณหนูชอบ นาคินทร์ก็พร้อมจะยกมันให้คุณหนู ไม่ต่างกับตัวและหัวใจนาคินทร์ตอนนี้เลย”

หัวใจผมเต้นรัว ที่นอนของนาคินทร์ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นได้เท่ากับคำพูดท่อนสุดท้ายนั้น

หัวใจของนาคินทร์ หัวใจแบบไหน

“ถ้าตอนนี้ ฉันจะขอไปนอนด้วยล่ะ”

“นาคินทร์จะไม่ขัดคำสั่งคุณหนูครับ ถ้ามันทำให้คุณหนูมีความสุขและนอนหลับได้ แต่ตอนนี้ฝนตกหนักมาก”

“ฉันจะไป”
ผมตอบกลับอย่างมุ่งมั่น

“ครับ งั้นนาคินทร์จะรอ”
คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มได้

“ฉันอาจเปียก เตรียมชุดไว้ให้หน่อยแล้วกัน”

“งั้นให้นาคินทร์ไปรับดีกว่าครับ”

“อย่าเลย ขืนให้นาคินทร์มาได้พากันเปียกทั้งคู่ ให้ฉันเปียกคนเดียวก็พอ ฝนตกแรงมากด้วย เปียกแน่ ๆ”

“ครับ ระวังตัวด้วย บางส่วนน้ำอาจขังจนเป็นโคลน เดินระวังพวกสัตว์เลื้อยคลานที่จะออกมาเดินป้วนเปี้ยนด้วยนะครับ”
พูดมาซะทำเอาผมไม่อยากไปเลย แต่ก็ทำใจกล้าลุกขึ้นยืน

“ขอบใจที่เตือน งั้นแค่นี้นะ แล้วเจอกัน”
ผมกดตัดสายทันที โยนมือถือลงบนโต๊ะ หันไปรื้อหาร่ม เดินออกจากห้องไป ดีว่าทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วเลยไม่มีใครรู้เห็นว่าผมทำตัวได้น่าอายขนาดไหน

ผมเดินเงียบลงไปข้างล่าง กางร่มเมื่อออกไปนอกประตูบ้าน เห็นความแรงของฝนก็อดกลัวไม่ได้ แต่ก็ทำใจกล้า กระชับคันร่มแน่น วิ่งลิ่วฝ่าสายฝนไปทางหลังบ้าน

แค่ออกมาพ้นประตูบ้านแค่สองวา ตัวผมก็เปียกไปแล้วเกือบทั้งตัว ร่มแทบเอาไม่อยู่เพราะความแรงของฝน ผมวิ่งเร็วไปตามทางกระทั่งถึงโรงเลื่อย ผมรีบเคาะประตู นาคินทร์เปิดออก มองผมอึ้ง ๆ รีบดึงมือผมเข้าไปภายใน

“โธ่ เปียกหมดเลย”

ผมลูบหน้าตัวเองเบา ๆ สยิวกายเพราะความหนาว นาคินทร์รีบหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองมาห่มให้ ลูบหัวไหล่เบา ๆ เช็ดน้ำให้

“นาคินทร์ว่าอาบน้ำดีกว่า เปียกขนาดนี้ แค่เช็ดตัวหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าคงเอาไม่อยู่ น้ำฝนในกรุงเทพไม่ได้สะอาดเหมือนต่างจังหวัดด้วย”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย นาคินทร์ยกผ้าเช็ดตัวผืนนั้นให้พร้อมชุด พาผมไปส่งที่หน้าห้องน้ำ ผมใช้เวลาอาบไม่นานหรอก เพราะแค่ล้างตัว เดินตัวหอมฉุยเข้าไปในห้องนอนต่อ

เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนี้กลายเป็นชุดเก่งของผมไปแล้ว

“รู้สึกว่าฉันจะใส่เสื้อตัวนี้บ่อยกว่าเจ้าของซะอีก”
ผมพูดไปขยี้ผ้าเช็ดตัวกับเส้นผมไป นาคินทร์หัวเราะ ขยับมาจับผ้าเช็ดตัวไว้

“นาคินทร์เช็ดให้ครับ ถ้าอากาศไม่เย็นก็อยากให้เป่าด้วยพัดลม แต่ตอนนี้มันเย็น ขืนโดนพัดลมคงป่วย”

ผมไม่ว่าอะไร ปล่อยให้คนตัวสูงทำ ปกติผมจะพับแขนเสื้อขึ้นถึงศอกเพราะความใหญ่ของมัน แต่วันนี้ผมปล่อยยาวคลุมแขนเลยเพราะความหนาวเย็นจากฝนที่กำลังตกหนัก

“หนาวจริง ๆ”
ผมกอดอกสั่น ๆ นาคินทร์ขยี้เช็ดหัวผมให้เบามือ กระทั่งมันหมาด หัวผมตอนนี้คงฟูไม่เป็นทรง

“งั้นคุณหนูรีบนอนเถอะครับ ห่มผ้าห่มจะได้อุ่น ๆ”
นาคินทร์ขยับไปปรับที่นอนให้ ผมคลานขึ้นไปนั่งก่อน แล้วทิ้งตัวลงนอน นาคินทร์ห่มผ้าห่มให้

“อย่าคิดนั่งเฝ้าฉันทั้งคืนหรือแยกไปนอนข้างล่างล่ะ เอาตัวอุ่น ๆ ของนายมาเป็นฮีตเตอร์ให้ฉันเลย”
ผมเรียกเมื่ออีกคนทำท่าจะเดินไปเอาผ้าห่มสำรองมาปู นาคินทร์ชะงัก

“แต่ผมว่า…”

“แต่ถ้านาคินทร์รังเกียจก็ไม่เป็นไร”

“นาคินทร์ไม่ได้รังเกียจครับ แต่…”

ผมจ้องตาคนตัวสูง ตบที่นอนด้านข้างเบา ๆ

“ถ้าไม่รังเกียจก็มานอน แต่ถ้ารู้สึกอย่างนั้นจะนอนที่นั่นก็ได้ ฉันไม่ฝืนใจนายหรอก”

นาคินทร์ถอนหายใจแรง เดินกลับขึ้นมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ดึงผ้าห่มสีมอ ๆ ที่ผมเรียกขานประจำไปคลุมขา สีหน้าดูวิตก

“ฉันไม่บังคับหรอกนะ ถ้ามันลำบากใจขนาดนั้น”

“นาคินทร์ไม่ได้ลำบากใจครับ แต่…”

“แต่อะไร”

“ไม่มีอะไรครับ นอนเถอะดึกมากแล้ว พรุ่งนี้คุณหนูต้องตื่นแต่เช้า เดี๋ยวได้หน้าหมองไปพบลูกค้าหรอก”

ผมหัวเราะ พยักหน้า ขยับหันหน้าเข้าหานาคินทร์

“ขอโทษนะครับ”
คนตัวสูงเอื้อมมือข้ามผมไปปิดไฟหัวเตียง ความมืดปกคลุมไปทั่ว แต่ไม่ได้มากมายเพราะแสงที่ยังแลบแปลบปลาบอยู่ภายนอก นาคินทร์ขยับดึงผ้าห่มคลุมตัว

“ขอฉันนอนชิดนาคินทร์นิดนะ ตัวนาคินทร์ร้อนดี”

นาคินทร์นิ่งไปนานก่อนตอบรับ

“ครับ”

ผมยิ้ม ขยับกระดืบ ๆ เข้าชิดทั้งที่อีกคนยังนอนหงายอยู่ ผมขยับซุกหน้ากับต้นแขนแกร่ง มันแน่นไปด้วยมัดกล้ามและร้อนผ่าวราวกับเครื่องทำความร้อน

“อุ่นจริง ๆ”
ผมพูดเสียงเบา ผมว่าผมไม่ได้พูดเล่นนะ เพราะผมรู้สึกง่วงจริง ๆ

“คุณหนู”

“หือ…”
ผมครางรับเสียงเบา ขยับไซ้หน้ากับต้นแขนนั้นอีกนิด แล้วสติก็ค่อย ๆ จางหายไป


100%
[ต่อค่ะ]>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3473629#msg3473629


e-book : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-09-2016 10:04:07
 :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 11-09-2016 11:10:04
เรียกมาที่ห้องเถอะ....... เตียงมันกว้างนาาาา เหงาแย่
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-09-2016 11:40:40
 :katai2-1:   ลงไปหาเองเลยไหมคะคุณหนู.  แอร๊ย ขอเรือนหอด่วนๆคู่นี้คงจะแยกกันยากแล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2016 12:35:20
คุณหนู ติดนาคินทร์ ซะขนาดนี้
ห่าวเดี๋ยวเดียวก็คิดถึงนาคินทร์ แล้ว
สารภาพรักเลยดีไหม
นาคินทร์ ก็รัก ภักดีคุณหนูมากมาย
จะได้รู้ว่าใจตรงกัน ยิ่งเพิ่มความหวานชื่น
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-09-2016 13:07:52
  แค่ได้ยินเสียง ก็ไม่พอหรอก เอาอีกๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-09-2016 13:39:53
โอ๊ย มีอะไรพูดกันตรงๆสิคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 11-09-2016 14:05:24
ถ้าทนคิดถึงไม่ไหว ก็ลงไปนอนกับนาคินทร์เลย
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-09-2016 14:23:59
ฟินนนน~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 11-09-2016 14:52:24
ค้างมากกกกกก งื่อออ

รับมาต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 11-09-2016 15:17:43
โถ่ลงไปหาที่ห้องก็จบแล้วอนุชา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 11-09-2016 16:46:47
ลงไปหาเลยสิอนุชา  >__<
มัวชักช้าอยู่ทำไม~




คนแต่งรีบมาต่อไวๆนะ
รอจ้า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 11-09-2016 20:13:10
โอมมม นาคินทร์จงมาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-09-2016 00:47:21
ได้ยินแค่เสียงจะพอหรอออออออ :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(11-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Antisa ที่ 12-09-2016 21:10:13
ฟินแลนด์ มันคือแบบนี้นี่เอง~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 18-09-2016 04:44:01
คุณหนูโดนลักหลับอีกแน่ๆ
ใกล้ขนาดนี้ มีหรอจะทนไหว  :hao3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 18-09-2016 06:24:04
 :z1: :z1: :z1:  แล้วอย่างนี้นาคินทร์ จะไปไหนรอด อิอิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-09-2016 07:55:23
นาคินทร์เหมือนโดนทำร้าย 555555555
โดนอ่อยแต่กินไม่ได้นะจ๊ะ เอ๊ะ..หรือกินได้ -.,-
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2016 08:13:51
นาคินทร์จะนอนหลับไหมล่ะนั่น ไม่ใช่ว่าคุณหนูนอนหลับสบายในขณะที่นาคินทร์ตื่นทั้งตาตื่นทั้งตัวนาคินทร์น้อยเหรอ :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-09-2016 08:32:26
ว้า แอบสงสารนาคินทร์เนอะอยากกินก็ได้แค่ดมอุตส่าห์เอาไว้ไกลๆมือแล้วเชียว
ชอบจังค่ะ  :katai2-1:   คุยกันเถอะ รักแท้นาดนี้แล้วชนชั้นฐานะก็ช่างมันบ้าง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-09-2016 09:30:03
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 18-09-2016 10:03:37
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-09-2016 10:51:57
หึหึหึ จะทนได้อีกนานแค่ไหนเนี่ย?
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(17-9-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 18-09-2016 11:43:49
คิดถึงงงงงง รอมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 18-09-2016 12:29:16
[ต่อค่ะ]


“คุณหนู”
ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ พร้อมกับสัมผัสที่ผิวแก้ม เพราะอากาศมันหนาวผิดปกติ สัมผัสจากมือนั้นถึงได้ชัดเจนขึ้น

“คุณหนู”
ผมครางอื้อด้วยความขี้เกียจเพราะไม่อยากตื่น

“คุณหนูของนาคินทร์”
เสียงกระซิบนั้นดูราวกับมาจากที่ไกลแสนไกล แต่ความร้อนที่กำลังไล่อยู่บนผิวเนื้อแต่ละจุดตอนนี้มันชัดเจนขึ้น

ผมเอียงหน้าเมื่อมีบางสิ่งร้อน ๆ มาซุกอยู่กับซอกคอ ผมเครือครางออกมาเบา ๆ เงยหน้าขึ้นเมื่อปากนั้นไล่มากลางลำคอต่ำลงไปที่หน้าอก

อือ… อะไร

ผมถามตัวเองเบา ๆ แต่ความง่วงที่มีตอนนี้ ทำให้ผมอยากนอนมากกว่ารับรู้ว่ามันคืออะไร

“คุณหนูของนาคินทร์”
ได้ยินเสียงนั้นกระซิบพร่าก้องเข้ามาในความรู้สึก แล้วหลังจากนั้น ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีก








ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่นอีกที ลุกขึ้นมานั่งหัวฟู มีแสงอ่อน ๆ ลอดมาทางหน้าต่าง ได้ยินเสียงนกพากันร้องจิ๊บ ๆ ที่นี่จะทำให้ผมเข้าใกล้ธรรมชาติได้มากกว่าในห้องติดแอร์ของผมซะอีก

ที่นอนข้าง ๆ ว่างเปล่าเหมือนเคย ผมเกาหัวเกาพุงแกรก ๆ หลับสนิทมาก ไม่ฝันอะไรเลย ผมลุกขึ้นพับผ้าห่มแบบที่นาคินทร์เคยทำ เปิดประตูเดินออกไปนอกบ้าน ชะงักนิดหนึ่งเพราะออกไปก็ปะทะกับหนูแดงเข้าเต็ม ๆ ผมทำหน้าไม่ถูก ไม่เคยเผชิญหน้ากับหนูแดงในสภาพแบบนี้มาก่อน

หนูแดงจะคิดยังไง จะรังเกียจผมไหม ถ้ารู้จะคิดยังไง จะรังเกียจผม ห้ามปรามผมไม่ให้เข้าใกล้พ่อตัวเองหรือเปล่า

“ตื่นแล้วเหรอครับ”
นาคินทร์โผล่หน้าเข้ามาถาม

“นอนหลับฝันดีไหมคะพี่อนุชา”
หนูแดงถามตาม

“ไม่ได้ฝันอะไรเลย หลับเหมือนคนตาย”
ผมพยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด หนูแดงหัวเราะ

“ที่นอนกว้าง ๆ นุ่ม ๆ กลับไม่นอน มานอนที่นอนแข็ง ๆ เน่า ๆ ของพ่อได้”

นาคินทร์โขกหัวลูกสาวเบา ๆ

“ลามปามนะ”

หนูแดงยู่หน้า จริง ๆ หนูแดงทำตัวสมกับที่เราอยากได้เป็นน้องสาวมากกว่าพ่อที่เห็นเราเป็นเจ้านายมาแต่ไหนแต่ไร

“หลับสบายดีออก แล้วนี่มาทำอะไรแต่เช้า”

“พอดีจะมาบอกพ่อว่าเสาร์อาทิตย์นี้หนูแดงคงไม่ได้กลับบ้านไปหาปู่ย่าแล้ว เพราะต้องไปออกค่ายกับทางโรงเรียน เพิ่งแจ้งมาวันนี้เอง”

ผมมองหน้านาคินทร์

“งั้นเดี๋ยวเลื่อนเป็นอาทิตย์ต่อไปก็ได้”

หนูแดงยู่หน้าอีก

“ได้ที่ไหนเล่า ลืมไปแล้วรึไง หนูแดงถูกคุณท่านบังคับให้เรียนพิเศษภาษาจีนกับญี่ปุ่นเพิ่ม จะเริ่มอาทิตย์ถัดไป จริง ๆ ถ้าพ่อคิดถึงปู่กับย่ามาก ก็ไปคนเดียวก็ได้ เพราะพวกคุณท่านฝากของไปให้เพียบเลย”

นาคินทร์มีสีหน้าอึดอัด คงไม่ได้บอกหนูแดงไว้ว่าจะเอาผมไปด้วย

“จริง ๆ เราไม่ได้จะไปกันสองคนหรอก คุณหนูเขาขอไปด้วย”

หนูแดงทำหน้างง หันมองมาทางผม ผมทำหน้าอึดอัด กลัวหนูแดงจับความรู้สึกผมได้

“ก็ดีน่ะสิคะ พ่อจะได้มีเพื่อน บ้านหนูแดงสวยค่ะ ธรรมชาติเพียบ พี่อนุชาทำงานมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนที่แบบนั้นบ้างก็ดี งั้นพ่อก็จำเป็นต้องไปเลย เพราะมีพี่อนุชาไปด้วย พาพี่เขาไปพักผ่อน”

ผมมองคนตัวสูง ผมยังไงก็ได้ ยกให้เป็นหน้าที่ของนาคินทร์เพราะเป็นบ้านเกิดเขา

“เอาไงครับ”
นาคินทร์หันมาขอความเห็น

“แล้วแต่นาคินทร์เลย ฉันยังไงก็ได้”

“ไปเลยพ่อ เสียน้ำใจพวกคุณท่านที่อุตส่าห์เตรียมของไว้ให้ หนูแดงโทรไปเม้าท์ให้ย่าฟังแล้วเรียบร้อยด้วยว่าน่าจะมีอะไรไปฝากบ้าง พวกท่านกำลังคอยเลย หนูแดงมีของจะฝากไปให้ปู่กับย่าด้วย หนูแดงทำเอง ตอนแรกว่าจะให้กับมือ แต่คงไม่มีโอกาส ฝากพ่อไปละกัน”

นาคินทร์ทำหน้าลำบากใจ

“ก็ได้ พ่อเสียดายที่เราไม่ได้ไปด้วย”

“ไงสงกรานต์ก็ได้กลับ อีกอย่างรีบไปรีบกลับมันไม่สะใจเท่ากับไปอยู่หลาย ๆ วันในช่วงวันหยุดยาวหรอก”
นาคินทร์พยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นเดี๋ยววันพฤหัสพ่อจะไปเอาของแพ็คใส่รถเตรียมไว้”

“ค่ะ เดี๋ยวหนูแดงเลิกเรียนแล้วจะรีบกลับมาช่วย”

ผมยืนฟังสองพ่อลูกเขาคุยกันเฉย ๆ

“งั้นหนูแดงเตรียมตัวไปโรงเรียนก่อนนะคะ”
หนูแดงยกมือไหว้ทั้งผมและพ่อตัวเองวิ่งฉิวกลับเข้าบ้านใหญ่ไป บรรดาแม่ ๆ ผมให้หนูแดงพักอยู่ในบ้านใหญ่ไม่ต่างกับแม่บ้านคนอื่น ๆ ซึ่งแต่ก่อนจะพักอยู่บ้านพักคนงานหลังสวน แต่พวกแม่ผมเห็นว่าจะโตเป็นสาวแล้ว ห่วงความปลอดภัยเลยเอาไว้ในบ้านดีกว่า

“งั้นฉันขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อนละกัน”

“คุณหนูครับ”
นาคินทร์เบรกผมไว้ด้วยเสียง

“นอนหลับไหมครับ”

“สนิทชนิดไม่ฝันอะไรสักแอะ”

นาคินทร์ถอนหายใจแรง ยิ้มให้นิด ๆ

“เชิญครับ แล้วเจอกัน นาคินทร์จะรอที่เดิม”
ผมพยักหน้ารับ เดินตรงเข้าบ้าน

“ตื่นแต่เช้าเชียวลูก ไปเดินเล่นมาเหรอ”
แม่ถามขณะลำเลียงอาหารมาเตรียมบนโต๊ะ เพราะบ้านเรามีสมาชิกหลายคน บางคนตื่นเช้ามาก บางคนตื่นสาย จึงต้องจัดเตรียมอาหารไว้ให้พร้อมเสมอ

“ครับ”
ผมตอบรับไม่เต็มเสียง ไม่พูดอะไร เดินขึ้นห้องไป

ผมเดินไปหยุดยืนอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่ ใบหน้าดูผ่องใสดี คงเพราะได้หลับลึกตลอดทั้งคืน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว วิ่งลิ่วลงไปข้างล่าง ทุกคนอยู่กับพร้อมหน้าเลย

“นี่พี่อนุชา ชยันต์ซื้อนี่มาฝาก”
ชยันต์นั่งกินข้าวอยู่ก้มลงหยิบอะไรบางอย่างยื่นมาให้ เป็นถุงกระดาษครับ ไม่หนามาก

“อะไร”
ผมถามขณะยื่นมือไปรับ

“ดูเองดิ”

ผมเปิดอ้าออกดู แค่เห็นว่าเป็นผ้าก็พอจะเดาได้แล้ว

“ไม่ต้องซื้อมาฝากก็ได้”

“ถ้าอยากให้เขาหลงมาก ๆ ก็ต้องนี่แหละ”

ผมชะงัก จ้องหน้าคนพูด นี่ชยันต์รู้มากไปถึงไหนแล้ว ผมไม่พูดอะไรต่อเพราะกลัวคนอื่นสงสัย

“คุยอะไรกันสองคนบอกให้เราเข้าใจกันบ้างสิ ซุบซิบ ๆ กันสองคน อนุชาซุกใครไว้ก็รีบ ๆ บอกมา ส่วนชยันต์ รู้อะไรก็รีบ ๆ บอกมาเหมือนกัน”

“บอกทำไม รอเจ้าตัวเขาบอกเองสิ”
ชยันต์ทำหน้าทะเล้นแบบสวย ๆ หันไปตักอาหารป้อนพี่เชนทร์

แล้วสองคนนั้นก็ตัดขาดจากโลกภายนอกมุ้งมิ้งกันอยู่สองคนจนผมอิจฉา คนอื่นเขาชินแล้วครับ แต่ผมไม่เคยชินเพราะผมอยากมีแบบนี้บ้าง

พออิ่ม ผมเดินออกไปข้างนอก ออกพร้อม ๆ กับพี่เชนทร์และชยันต์ พี่เชนทร์กลายเป็นคนขับรถกิตติมศักดิ์ของชยันต์ไปแล้วครับ ชยันต์ผละจากจับแขนพี่เชนทร์มาเดินชนไหล่ผม ผมหันไปมองน้อง ในมือถือถุงผ้าที่ชยันต์ให้มาด้วย

“หน้าผ่องเชียว สงสัยน้ำเชื้อนาคินทร์จะดี”

ผมชะงักกึก จับแขนชยันต์ไว้ พี่เชนทร์หันมามองตาม ขมวดคิ้ว ผมอึกอัก คืออยากพูดกับชยันต์แต่ไม่อยากให้พี่เชนทร์รู้

“พี่เชนทร์ พี่ไปรอชยันต์ที่รถก่อน ขอคุยธุระส่วนตัวกับพี่อนุชานิด”
รายนั้นก็พูดง่ายดี พยักหน้า บางครั้งผมก็ทึ่งในความสามารถของน้องผมนะ อ่านใจคนเก่ง คอนโทรลคนเก่ง ใช้งานคนเก่งด้วย บางทีผมก็กลัว

“ที่พูดหมายความว่ายังไง”
ผมถามกลาง ๆ เพราะไม่รู้ว่าชยันต์รู้ไปถึงไหนแล้ว คนสวยประจำบ้านเรายู่หน้า

“ชยันต์กินข้าวไม่ได้กินหญ้าพี่อนุชา มีตาก็มองไม่ได้มีไว้ปิดตาดำอย่างเดียว”

ผมจิ๊ปาก วาจาเหลือร้ายจริง

“แล้วที่พูดหมายความว่าไง”

“ก็หมายความว่า…”
ชยันต์มองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม มองรถของนาคินทร์ที่ขับมาจอดยังจุดจอดเพื่อรับผม

“พี่อนุชาคิดยังไงกับคนสวนของเราล่ะ”

ผมชะงัก

“ก็ไม่คิดอะไร เขาเป็นคนซื่อสัตย์ดี”

ชยันต์ยิ้มในดวงตา

“ปากแข็ง รักนาคินทร์ใช่ไหม”

เหมือนโดนหมัดใหญ่ ๆ ซัดมาที่กลางใจ ผมตาโตพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าชยันต์มองออก

“ชยันต์รู้…”
ผมถามเสียงแผ่ว

“ก็บอกแล้วว่ากินข้าวไม่ได้กินหญ้า”

ผมหลุกหลิกสายตาไปมา

“แล้วคนอื่นในบ้านล่ะ”
ผมเม้มปากด้วยความหวาดหวั่น

“ไม่รู้กันหรอก คิดกันไม่ถึง แต่ชยันต์เป็นพวกชอบสังเกต” ใช้คำว่าเสือกน่าจะเหมาะกว่า “พี่เชนทร์ก็รู้”

ผมตาโต ชยันต์ยักไหล่

“แต่รายนั้นถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกัน ชยันต์บอกเอง”

ผมเริ่มคิดหนัก ถ้าคนอื่นรู้จะเป็นยังไง แค่หนักใจที่นาคินทร์ไม่ได้คิดอะไรกับผมก็มากพอแล้ว นี่ถ้าคนอื่นรู้ว่าผมชอบผู้ชาย แถมยังเป็นคนสวนที่ฐานะต่ำกว่ามากจะทำไง

นาคินทร์เปิดประตู ก้าวลงมาจากที่นั่งคนขับ เขาเห็นผมแล้ว ยิ้มให้อย่างที่เคยทำ ผมไม่ได้ยิ้มตอบ หันมามองชยันต์ ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“ตอบคำถามชยันต์ได้หรือยัง”

ผมเม้มปากแน่น ก้มหน้าหลบสายตา

“ยากนักรึไง กับแค่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง”
ชยันต์พูดขึ้นเสียงเรียบ

“นาคินทร์เป็นคนสวนนะ เป็นผู้ชาย เป็นพ่อลูกหนึ่ง และที่สำคัญ เขาไม่ได้คิดอะไรกับพี่”

ชยันต์มองผมเหมือนเห็นเขางอกออกมาที่หัว

“นี่อาหารเที่ยงพี่อนุชาเป็นหญ้าผสมเกลือหรือเปล่า”

ผมขมวดคิ้วมองงง ๆ

รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองจะโดนด่า

“คนสวนแล้วไง ผู้ชายแล้วไง เป็นพ่อลูกหนึ่งแล้วไง เรื่องแค่นั้นมันไม่ใช่อุปสรรคในการจะรักหรอก ยกเว้นพี่จะทำให้มันเป็นอุปสรรคเอง บ้านเราก็ใช่ว่าจะดูถูกเขา มองเขาต่ำต้อย ยกเว้นพี่นั่นแหละที่มองว่าเขาต่ำเอง ฐานะเป็นแค่เปลือกนอก เงินทองมันแค่เปลือกนอก มันสำคัญเท่าตัวตนของเขารึไง ไม่ดีจริงเขาคงอยู่กับเราไม่ได้มานานขนาดนี้หรอก”

คราวนี้เป็นผมเองที่อึ้ง

“ผู้ชายแล้วไง ผมก็ผู้ชาย พี่เชนทร์ก็ผู้ชาย พี่กวินทร์ พี่ชาย พี่เชิดวุธต่างก็เป็นผู้ชาย ถามจริงว่าพวกผมมีปัญหามากหรือน้อยต่างกับคู่ปกติตรงไหน อะไรที่คู่ปกติมีปัญหา เราก็มีเหมือนกันนั่นแหละ”

“มีลูกแล้วไง ดีออก ไม่ต้องคลอดเอง ไม่ต้องเครียดเรื่องมีคนดูแลตอนแก่ พวกผมยังต้องคิดมากกว่าอีก เพราะถ้าไม่อยู่ด้วยกันจนแก่ก็ต้องหาเด็กมาเลี้ยง ยุ่งยากกว่าอีก”

“ส่วนเรื่องความคิดของนาคินทร์…” ชยันต์นิ่งไป ทำท่าจะพูด ก่อนเงียบเสียงลง “มันเป็นเรื่องของพี่กับเขาแล้วละ ชยันต์จะไม่ยุ่งเรื่องนี้ เอาเป็นว่า ชยันต์ให้นาคินทร์ผ่าน ส่วนพี่อนุชาจะทำให้ตัวเองและนาคินทร์ผ่านไปได้ไหมเป็นเรื่องของพี่ ชยันต์จะไม่ยุ่งเรื่องนี้”

ผมนิ่งไป นาคินทร์ยังยืนอยู่ท่าเดิม ผมก้มมองชยันต์อีกครั้ง

“มีความเป็นไปได้สักนิดไหมที่เขาจะรักพี่บ้าง รักในฐานะคู่ชีวิตไม่ใช่รักเจ้านายแบบที่เขารู้สึกกับพี่อยู่ทุกวันนี้”

ชยันต์เลิกคิ้วสูง มุมปากยกขึ้นคล้ายกับจะหัวเราะ

“อ๋อ…มิน่า”

ผมขมวดคิ้วบ้าง

“มิน่าอะไร”

“เปล่า ๆ เพลา ๆ กินหญ้าลงบ้างนะพี่ เอาไว้ให้ควายมันกิน อย่าไปแย่งมันกินเลย”

“ชยันต์!”
ผมปราบฉุน ๆ

ชยันต์หัวเราะหึ ๆ ส่ายหน้าไปมา

“เดี๋ยวให้ถึงที่สุดก่อน ชยันต์ถึงจะช่วย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา จะรอดูว่าพี่ชายของชยันต์จะฉลาดหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไง ไปละ”
แล้วเจ้าตัวก็โบกมือให้ผมแค่นั้น วิ่งลิ่วไปหาพี่เชนทร์ รายนั้นจับหลังคนรักตัวเอง ขยับปากพูดอะไรสักอย่างที่ผมเดาไม่ออกว่าพูดอะไร

ก่อนเจ้าตัวยุ่งจะเข้าไปนั่งในรถ พี่เชนทร์หันมามอง ยิ้มให้นิดหนึ่ง ผมเม้มปากแน่น รู้สึกกระดากเหมือนกันเพราะพี่เชนทร์รู้แล้ว


To be Con...
อ่านกันให้สนุกนะขอรับ คิสสส




e-book : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 18-09-2016 12:41:18
โอ้ยยยยยยย คู่นี้ นึกว่าจะมีฉากสวีทบนดาดฟ้าซะแล้ว 5555 นาคินทร์เผยใจให้คุณหนูรู้สักนิด คุณหนูจะได้ไม่เปลี่ยวใจนัก

นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!นาคินทร์อนุชาจงเจริญ!!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-09-2016 13:00:45
เฮ้ออออ คุณหนูช่างซื่อเหลือเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :ling1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 18-09-2016 13:01:46
นาคินทร์เลิกเนียนได้แล้วค่ะ  :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-09-2016 13:02:28
เย้ มีตัวช่วยแล้วนะ. เอ้าเลิกเคี้ยวเอื้องสักทีนะคุณหนู
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-09-2016 13:40:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 18-09-2016 14:10:13
รู้ตัวกันสักทีเถอะ!!!



 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 18-09-2016 16:18:18
ฮืี้ออออ ซักทีเถอะ ซักที!! ทำไมดูกันไม่ออกนะ ทำกันถึงขนาดนี้ล่ะ งื่อออ

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอออออออออออ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-09-2016 16:32:21
เลิกกินหญ้าได้แล้วอนุชา อิๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2016 21:05:33
อย่างน้อยก็มีชยันต์คอยกระตุ้นอนุชาอีกไม่นานคงจะเลิกคิดว่านาคินทร์ไม่ได้รักตัวเองซะที

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-09-2016 21:38:00
หนุกมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 18-09-2016 21:48:46
รู้ตัวเร็วๆสิคุณหนู
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: แอลฟาฮาลา~ ที่ 19-09-2016 16:01:15
 :o8:เชียร์คุณหนูให้กล้ากว่านี้ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.12 อิงแอบแนบชิด (P.11)(18-9-2559) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-09-2016 17:55:28
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-09-2016 21:41:39
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 13 :  ออกเดินทาง



ผมเดินเข้าไปหานาคินทร์ที่ยืนรออยู่

“มีอะไรหนักใจหรือเปล่าครับ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว”

ผมจ้องหน้านาคินทร์ ยิ้มให้นิดหนึ่ง

“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าตัวแสบซื้อเสื้อมาให้” 
นาคินทร์หลุบตามอง หัวเราะนิด ๆ

“คุณหนูชยันต์เป็นคนมีน้ำใจเสมอ”

แส่ล่ะไม่ว่า

ผมก้าวขึ้นรถที่นาคินทร์เปิดให้ วางถุงกระดาษไว้เบาะหลัง นิ่งคิดนิดหนึ่ง

“นี่ ได้ข่าวว่าพวกแม่ ๆ เขาฝากของไปให้แม่นาคินทร์เยอะเลยเหรอ”

“ครับ หนูแดงว่างั้น”

ผมนิ่งคิด งั้นผมก็น่าจะซื้อไปฝากบ้างน่ะสิ เพราะไงผมก็ถือว่าเป็นเจ้านายของนาคินทร์ อีกอย่างเป็นคนไปเยี่ยมท่านเองไม่มีอะไรฝากอะไรเลยก็แย่

ที่สำคัญ…

นั่นคือแม่ของนาคินทร์ ก็เปรียบเสมือนแม่ของผมด้วยน่ะสิ

แอบรู้สึกแปลก ๆ แฮะ คิดแล้วก็ร้อนวูบวาบในอก กระดากนิด ๆ อายหน่อย ๆ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าพวกท่านจะมองผมแบบไหนถ้ารู้ความจริง คนรุ่นเก่ารับเรื่องพวกนี้ยากด้วย

แต่ก่อนจะไปถึงแม่ เอาลูกชายเขาให้ได้ก่อนไหม ยังไม่รู้เลยว่าคิดยังไง ดีไม่ดี เขาอาจไม่ได้ชอบผมเกินเลยไปกว่าเจ้านายลูกน้องอย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้า

“คุณหนูครับ”

แล้วทำยังไง ถึงจะทำให้นาคินทร์ชอบผมได้นะ ถ้าเขาบอกรักผมก่อน ผมก็พร้อมจะตอบรับทันที แต่ถ้าให้ผมบอกก่อน เขาอาจลาออกไปเองก็ได้

“คุณหนู”

ผมเม้มปากแน่น

“คุณหนูครับ”

ผมสะดุ้งเฮือก มองคนที่ขยับเข้ามาชิดด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ไม่สบายหรือเปล่า” หัวคิ้วเข้มขมวดหนัก อังหลังมือกับหน้าผาก “ตัวก็ไม่ร้อน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวหรือเปล่าครับ เมื่อวานตากฝนมาตั้งสองรอบ”

ผมจ้องหน้าคนพูด หัวใจพองโตขึ้นมา ผมจับมือนาคินทร์มาอังซอกคอผมไว้ หลับตาลง หวังซึมซับความห่วงใยนั้นเข้าไปในหัวใจ

“คุณหนู…” นาคินทร์เรียกเสียงแผ่ว

“โทษที” ผมรีบปล่อยมือคนตัวสูงออก “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”

“จะเล่าให้นาคินทร์ฟังไหม”

ผมยิ้มอ่อนโยนให้

“ไม่หรอก แค่มีนาคินทร์อยู่ใกล้ ๆ ฉันก็รู้สึกดีแล้ว”

นาคินทร์มองหน้า ขยับดึงเข็มขัดมากดล็อกให้

“นาคินทร์พร้อมดูแลคุณหนู ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะง่ายหรือยาก ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในอนาคต”

ผมยิ้มละมุน พยักหน้าไปข้างหน้า

“งั้นทำหน้าที่สารถีได้แล้ว พอดีฉันคิดเรื่องอื่นกับเรื่องที่เราจะกลับต่างจังหวัดกันนั่นแหละ คนอื่นเขาซื้อของฝากไปฝากแม่นาคินทร์กันหมด เหลือแค่ฉันนี่แหละ ซึ่งจริง ๆ ฉันต้องเป็นคนคิดถึงมันเป็นคนแรก”

“คุณหนูเอาตัวคุณหนูไปแล้วนี่ครับ”

“ตัวฉันสร้างประโยชน์ให้พ่อกับแม่นาคินทร์ได้ที่ไหนเล่า เอาไปขูดมะพร้าวรึไง”
นาคินทร์หัวเราะ สตาร์ทเครื่อง กดเลื่อนเกียร์ไปไว้ตำแหน่งเดินหน้าหันมามองหน้าผม

“ขูดได้ครับ ถ้าคุณหนูจะลอง”
ผมแค่ต้องการเปรียบเทียบ ไม่ได้จะไปนั่งขูดมะพร้าวจริง ๆ สักหน่อย

“ที่บอกว่าเอาตัวคุณหนูไปคือ ครอบครัวคุณหนูมีพระคุณกับครอบครัวนาคินทร์มาก แค่ให้เกียรติไปเยี่ยมนี่ก็ถือว่าบุญของแม่นาคินทร์แล้ว”

“นั่นคือของฝากทางจิตใจ แต่ฉันก็อยากได้ของฝากที่เป็นชิ้นเป็นอัน หยิบจับใช้ได้ ระลึกถึงได้ทุกเมื่อ”

“ต่อให้ไม่มีอะไรเป็นวัตถุ บางสิ่งแค่นึกถึงก็สร้างความสุขให้ได้แล้วละครับ”
นาคินทร์หันมามองตา ผมนิ่งไป

นาคินทร์พูดแบบนี้มีความหมายอะไรรึเปล่านะ

คงไม่หรอก…

“เอาเป็นว่า เย็นนี้เราไปหาซื้อของฝากกัน พรุ่งนี้แพ็คของแล้วนี่”

“ไม่อยากให้คุณหนูลำบากเลย”

“ไม่หรอก งั้นตามนี้”

นาคินทร์ถอนหายใจแรง

“ครับ คุณหนูจะออกข้างนอกทั้งวันเลยใช่ไหม แล้วข้าวเที่ยง…”

“ออกยาวเลย ข้าวกล่องของฉันก็ให้คนงานไปละกัน”

นาคินทร์พยักหน้า
“กับข้าววันนี้คงอร่อยน้อยลง”

“ทำไม”
ผมหันไปขมวดคิ้วถาม หรือว่าฝีมือหนูแดงตก

“ไม่มีคุณหนูทานด้วย อาหารรสชืดยังไงแปลก ๆ”
คนพูดไม่ได้หันมามอง ผมพยายามบังคับไม่ให้หัวใจพองโต แต่ตอนนี้ถ้ารถเกิดชนกันขึ้นมา ผมคงมีถุงลมนิรภัยใช้แน่ ๆ เพราะตอนนี้หัวใจผมมันพองโตจนแทบจะคับอกแล้ว

ผมไม่พูดอะไร ได้แต่อมยิ้ม

“ไม่นานหรอกน่า ย้ายแผนกก็ได้กินด้วยกันแล้ว”

“คงยาก เพราะงานนาคินทร์ใกล้เสร็จแล้ว”

ผมใจหายวูบ จริงสิ ลืมไปเลย เพราะกำหนดนาคินทร์มาทำสวนแค่เดือนเดียว ถ้างานเสร็จเร็ว นาคินทร์ก็ไม่ได้มาทำอีก เขาคงไม่ได้มาส่งผม เราคงไม่ได้กินข้าวด้วยกันตอนเที่ยง คงไม่มีโอกาสใช้เวลาด้วยกันแบบนี้ ยกเว้นผมจะไปหาเขาเองที่โรงเลื่อย

“นาคินทร์สัญญาแล้วใช่ไหมว่าจะคอยดูแลฉันตลอด”

“ครับ”

“งั้นนาคินทร์ต้องทำตามสัญญานะ ห้ามผิดสัจจะเด็ดขาด ต่อให้งานของนาคินทร์เสร็จ นาคินทร์ก็ห้ามทอดทิ้งฉันเด็ดขาด”

นาคินทร์หันมามองตาผม 

“ครับ นาคินทร์สัญญา”




 
พอถึงที่ทำงาน ผมแยกย้ายกับนาคินทร์ เดินเข้าลิฟท์ไป ระหว่างทางเดินไปแผนกโซ่เดินมาคล้องคอ

“เมื่อกี้เห็นมากับใครเหรอ หล่อดี”

ผมหันไปมองคนถาม

“คนขับรถน่ะ”

โซ่ตาโต ผมหัวเราะ

“ลูกพี่ลูกน้อง เราอยู่บ้านเดียวกันเลยมาด้วยกัน”

“โธ่ เกือบเชื่อละ นี่บอกตามตรงนะ เห็นผิวพรรณนายแล้วถ้าบอกว่าเป็นลูกคนรวยนี่เชื่อเลยนะ”
โซ่พยักหน้ามาที่ผิวผม ผมแสร้งยักคิ้วที

“เอาไว้หลอกสาว”

มันจิ้มหัวผมจนโยกไปไกล ผมหัวเราะร่วน กอดคอโซ่แน่น

“เอาล่ะ หัวหน้าแผนกเรามาแล้ว รีบไปกันเถอะ เดือนนี้ต้องหาคอมมิสชั่นเยอะ ๆ”

ผมหันไปมอง

“ทำไม”

“อยากซื้อของให้แม่”

ผมมองหน้าคนพูด ไม่พูดอะไร กอดคอกันไปหาหัวหน้าแผนกหน้าดุคนนั้น

เรื่องอื่นผมอาจหัวช้า แต่เรื่องงานละก็ผมหัวเร็ว หัวหน้าลองให้ผมลุยงานเองดู สงสัยเสน่ห์เมตตาในตัวผมจะเยอะหรือไม่ก็เพราะคนที่เราติดต่อเป็นผู้หญิง คุยไม่กี่คำก็ได้ดีลแล้ว ก่อนการตกลงจะเสร็จสิ้น ผมลากโซ่เข้ามาช่วยคุย

“โห อนุชา ได้ลูกค้าคนนี้คนเดียว ค่าคอมมิสชั่นนายเยอะกว่าคนทั้งแผนกทำมาตลอดทั้งเดือนซะอีก ตอนแรกพี่ก็คิดว่าเขาจะเอาแค่ล็อตเดียวอย่างที่แล้ว ๆ มา แต่นี่เหมาปีกันเลยทีเดียว”

ผมโบกมือ

“ผมขอยกค่าคอมมิสชั่นทั้งหมดให้โซ่นะ เพราะได้โซ่ช่วย ไม่งั้นก็ไม่สำเร็จหรอก เพราะงั้นให้โซ่เถอะ”

โซ่หันขวับมามอง

“เดี๋ยวอนุชา เรายังไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

“ช่วยสิ ช่วยเยอะด้วย เอาไปเถอะ ไม่ค่อยเดือดร้อนหรืออยากได้ค่าคอมมิสชั่นเท่าไหร่ อยากทำงานให้ได้เยอะ ๆ มากกว่า”
พี่หมีตบไล่ผมป้าบ
พี่เขาคงจะตบเบาแล้วล่ะ แต่สำหรับผมคืออุ้งตีนหมีดี ๆ นี่เอง

“ดี ๆ ได้คนแบบนี้มาทำที่แผนก แผนกเราคงรุ่ง”

ผมหัวเราะ โซ่ทำหน้าปุเลี่ยน ผมตบหน้าขาโซ่เบา ๆ

“อย่าคิดปฏิเสธนะ ถ้าคิดว่าเป็นเพื่อนกัน”

“ทางนี้ต้องพูดมากกว่า”

“เอาน่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ เอาละ ลุยไหนกันต่อ”
ผมพูดอย่างนึกสนุก

ตอนเที่ยงเรากินข้าวกันข้างนอก ระหว่างทางไปติดต่อลูกค้า ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ พอเห็นชื่อคนโทรผมรีบกดรับทันที

“นาคินทร์”

“ทานข้าวรึยังครับคุณหนู”

“กำลังกินเลย นาคินทร์ล่ะ”

“ยังครับ”

“ทำไม” ผมขมวดคิ้ว

“ไม่ค่อยหิว”

ผมยกนาฬิกามอง

“นี่คือคำสั่ง กินเลย กินให้หมด”

“แต่มันไม่หิว”

“นาคินทร์” ผมพูดเสียงเบา เพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน “ตอนนี้ฉันกำลังกินข้าวอยู่นะ ต่อให้ฉันนั่งอยู่กับคนอื่น ฉันก็คิดเสมอว่าฉันนั่งกินอยู่กับนาคินทร์นะ”
ปลายทางนิ่งไป เขาจะหาว่าผมบ้าไหมนะ

“ผมรู้สึกหิวขึ้นมาละ”

ผมหัวเราะ
“กินให้หมดนะ แล้วเจอกันตอนเย็น”

“ครับ ทานให้อร่อย นาคินทร์คิดถึงคุณหนูเสมอ”
ปลายทางตัดสายไป หัวใจผมพอง มันพองไปหมดจนแทบจะอิ่มให้ได้

“อะไรอนุชา คุยกับใคร หน้าแดงแป๊ดเลย สาวเหรอ”
พี่หมีหันมาแซว ผมนั่งอึดอัด

“เปล่าครับ รีบกินเถอะ”
ผมนั่งยิ้ม นับวันนาคินทร์ยิ่งทำให้ผมรู้สึกมีความสุขจริง ๆ

[....40%...]


ผมกลับเข้าออฟฟิศเลทเวลาเลิกงานไปเกือบชั่วโมง ผมยกนาฬิกามอง นาคินทร์คงรอแย่ ผมเดินเข้าลิฟท์ มุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุด ผมค่อย ๆ เปิดประตู ตอนแรกคาดเดาเอาว่านาคินทร์คงกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยู่ แต่พอขึ้นไป ข้างบนเงียบมาก เงียบจนไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ แต่ไฟยังเปิดอยู่แปลว่าคนน่าจะยังอยู่

หรือนาคินทร์จะเข้าห้องน้ำ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ จนเห็นร่างของใครบางคนนอนหลับอยู่บนหญ้าเทียม ผมยิ้ม นาคินทร์เอาผ้าขนหนูผืนเล็กปิดหน้าไว้ หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ผมย่องเงียบเข้าไปใกล้ คุกเข่าลงข้าง ๆ ไม่ได้ปลุก แต่หันไปเด็ดยอดหญ้าที่ขึ้นบนกระถางต้นไม้มายอดหนึ่ง เกลี่ยเบา ๆ บนต้นแขนคนตัวสูง

นาคินทร์ขยับยกหนี แต่ยังไม่ตื่น ผมอมยิ้ม ขยับไต่สูงไปที่แก้ม นาคินทร์ขยับพลิกหน้าหนี ผมเกลี่ยยอดหญ้าต่ำลงมาที่ลำคอ นาคินทร์ตบมันหมับเหมือนตบแมลงสักตัว ผมกลั้นขำ รีบดึงหญ้าออก กลับไปเกลี่ยแก้มต่อ

มือของคนที่กำลังหลับอยู่คว้าหมับที่มือผมพร้อมยอดหญ้า ดึงผ้าออกมอง ทำหน้าตะลึงนิด ๆ ที่เห็นผม

“คุณหนู”
มือใหญ่กำมือผมแน่น มองมือผมที่ถือยอดหญ้าอยู่

“แกล้งผมเหรอครับ”

“เปล่า”
ผมปฏิเสธหน้าตาย นาคินทร์หัวเราะหึ ๆ ยกตัวนั่งทั้งที่มือยังจับมือผมไว้อยู่

“นี่ปล่อยได้แล้ว”

“ปล่อยอะไรครับ”

“ปล่อยมือไง”

“มือใคร”

“มือฉัน”

“ไหนครับ”

“ก็นี่”
ผมตอบพร้อมพยายามดึงกลับ

“มือคุณหนูที่ไหน นี่มันตัวอะไรก็ไม่รู้ มาไต่ผมตอนหลับ ผมกำลังจะจับมันไปขัง”

“บ้ารึไง นี่มันมือฉัน”

“อ้าว คุณหนูบอกเองนี่ว่าไม่ได้แกล้งผม เพราะงั้นนี่ก็คงไม่ใช่มือคุณหนูหรอก”
เจอกลับแบบนี้ ผมอ้าปากพะงาบ ๆ ใช้มืออีกข้างต่อยอกกว้างไปป้าบใหญ่

“เออ ยอมรับก็ได้ว่าแกล้ง”
นาคินทร์หัวเราะปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ

“หิวรึยังครับ”

“หิวมาก”
หิวจริง ๆ ครับ อุตส่าห์ไม่กินอะไรกับคนที่แผนกเพราะต้องการกลับมากินกับนาคินทร์

“งั้นรีบไปกันเถอะ จะกินอาหารร้านเดิม หรือจะเลือกร้านใหม่”

“มีร้านหนึ่ง คนในแผนกแนะนำให้ไปทาน เลยกะจะมาชวนนาคินทร์ไปกินด้วยกันนี่แหละ”

“ครับ งั้นไปกันเถอะ”
ผมพยักหน้า เดินเคียงไปด้วยกันง่าย ๆ นาคินทร์ดับไฟ เดินเคียงกันไปตามทางเดิน เพราะเวลานี้มันก้ำกึ่งระหว่างมืดกับสว่าง ผมไม่ดูทางสะดุดเข้ากับอะไรสักอย่างจะล้ม วงแขนแกร่งรองรับผมไว้ ผมยืนนิ่ง เงยหน้ามอง ยิ้มให้นาคินทร์นิด ๆ

“ขอบใจนะ นาคินทร์นี่มือไวเสมอจริง ๆ”
นาคินทร์ทำหน้าลำบากใจ

“นั่นเป็นคำชมหรือเปล่าครับ มันฟังดูแม่ง ๆ ยังไงพิกล”

ผมหัวเราะ
“ชมสิ”

นาคินทร์พยักหน้า ผมเดินใจเต้น สัมผัสนั้นอบอุ่นจริง ๆ

 
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงร้านอาหารที่ว่า ผมหยิบเมนูมาเปิด ตอนแรกจะทำนิสัยเหมือนเดิม คือมาร้านไหนครั้งแรกจะสั่งแหลก แต่พอนึกถึงคำพูดของนาคินทร์ ผมเลือกเมนูที่อยากกินที่สุด แล้วสั่งมาแค่สามอย่างเท่านั้น นาคินทร์มองหน้า

“แค่นี้เหรอครับ”

“แค่นี้แหละ เดี๋ยวคุณพ่อนาคินทร์ต่อว่าเอาอีก”
ผมอมลมนิด ๆ

นาคินทร์ยิ้มในดวงตา

“คนที่สมควรโดนต่อว่าคือผมมากกว่าที่บังอาจไปพูดกับเจ้านายแบบนั้น”

“แต่ก็ดีแล้วล่ะ นาคินทร์จะได้ไม่เป็นโรคเสียดายกินจนพุงยื่น ไม่อยากให้นาคินทร์กลิ้งได้เหมือนกัน”
นาคินทร์หัวเราะ เพราะอาหารสั่งไปน้อย จึงมาเร็ว จะว่าไปแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรถ้าจะทำ ผมกินเหมือนที่นาคินทร์สอนคือกินข้าวหมดจาน กับข้าวเกลี้ยงฉาด นาคินทร์มองยิ้ม ๆ ผมยกนาฬิกามอง

“แล้วเราจะซื้ออะไรไปฝากแม่นาคินทร์ดี ท่านต้องการอะไรบ้าง”

นาคินทร์นิ่งคิด

“ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกคุณท่านฝากอะไรไปให้ท่านบ้าง เอาเป็นว่า คุณหนูอยากให้อะไรก็ให้เถอะครับ น้ำใจ ได้อะไรท่านก็ดีใจหมดแหละ”

ผมนิ่งคิด

“งั้นเอาของที่สามารถใช้ในบ้านได้ละกัน สำหรับคนสูงอายุ”

นาคินทร์พยักหน้า

“คิดว่าขึ้นไปแล้วจะเจอนาคินทร์ทำงานอยู่ซะอีก”

“ไม่อยากตัวเลอะมาก คุณหนูต้องพาไปเดินซื้อของ ไม่ได้เอาเสื้อมาเปลี่ยนด้วย”

ผมหันไปมอง
“คิดไกลนะเนี่ย”

นาคินทร์หัวเราะ ผมพานาคินทร์เข้าซูเปอร์มาร์เก็ตก่อน เลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ในบ้านแหละ อะไรที่คนต่างจังหวัดจำเป็นต้องใช้จริง ๆ นาคินทร์แวะซื้อเสื้อผ้าให้พ่อกับแม่คนละสองชุด ผมด้วย ตอนแรกผมจะซื้อให้สักคนละห้าชุด แต่โดนปรามเลยเหลืออยู่แค่สองชุดเหมือนกัน

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอซื้อของเข้าห้องด้วย นาคินทร์อยากได้อะไรเพิ่มเติมที่ห้องไหม เลือกไปเลยทีเดียว”
นาคินทร์นิ่งคิด หันมามองผม

“แล้วมีอะไรที่คุณหนูอยากใช้ในห้องผมไหมครับ”

ผมมองคนพูดงง ๆ

“เอ้า มาถามฉันทำไม ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของห้องนะ”

นาคินทร์มีสีหน้าอึดอัด

“ของที่นาคินทร์ต้องการน่ะไม่มีหรอก เพียงแต่นาคินทร์เป็นห่วงคุณหนู เวลาที่มาห้องนาคินทร์ อาจต้องการใช้อะไรแล้วไม่มี ก็เลือกไปไว้ได้เลยครับ”

ผมหน้าร้อนผ่าว แอบอมยิ้มอยู่ในที ให้อารมณ์สามีภรรยาซื้อของเข้าบ้านดี

“งั้นเดินดูไปเรื่อย ๆ ละกัน ถ้าขาดอะไรก็หยิบ ๆ เอา ให้คิดตอนนี้คิดไม่ออกจริง ๆ”

“ครับ” 

สรุปแล้วก็ไม่ได้อะไรหรอก เป็นของฝากถึงพ่อแม่นาคินทร์เป็นหลัก ได้เต็มรถเข็นเลย ผมเดินไปจ่ายเงินคนเข็นคือนาคินทร์ ผมยืนเคียงอยู่กับตัวสูง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเราสองคนเป็นคู่ชีวิตกันจริง ๆ รู้สึกพองโตในหัวใจยังไงพิกล

ไม่รู้ว่านาคินทร์จะคิดแบบเดียวกันไหม

ระหว่างที่เราสองคนกำลังยืนรอคิวคนข้างหน้าที่ซื้อของเยอะกว่าเรามาก นาคินทร์หยิบกล่องสี่เหลี่ยมที่ลวดลายเป็นรูปผลสตรอว์เบอร์รีขึ้นดู มันวางอยู่บนชั้นตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงินนั่นแหละ นาคินทร์คงไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมรู้แล้ว เพราะอ่านภาษาอังกฤษหน้ากล่องออก ผมหน้าแทบไหม้ นาคินทร์ทำหน้างง ผมรีบจับมันวางลงที่เดิม ดึงนาคินทร์ออกมาห่างจากจุดนั้น

“อะไรครับ ถ้าเป็นขนม จะซื้อไปฝากหนูแดง กล่องน่ารักดี หนูแดงชอบอะไรที่เป็นสตรอว์เบอร์รีด้วย”

“ไม่ใช่หรอก”
ผมอ้อมแอ้มบอก นาคินทร์ทำหน้างงกว่าเดิม คนที่ยืนต่อคิวเราหัวเราะคิก เขาคงรู้ว่านาคินทร์ไม่รู้ หน้าผมแทบไหม้ ไม่ได้อายที่นาคินทร์ไม่รู้ แต่อายเพราะถ้านาคินทร์รู้แล้วจะคิดยังไงต่างหาก

“แล้วอะไรล่ะครับ”
นาคินทร์ถามอย่างอยากรู้หันไปมอง คนที่กำลังให้พนักงานคิดเงินอยู่อมยิ้ม

“ขนมสำหรับผู้ใหญ่น่ะคุณ ไม่ได้เอาไว้กิน แต่เอาไว้ใช้ทำอย่างอื่น”

นาคินทร์ทำหน้างงกว่าเดิม ผมว่าหนูแดงน่าจะสอนพ่อเรื่องนี้บ้างนะ ผมหน้าร้อนผ่าว

“ไม่ได้ให้เขาใช้กับคุณบ้างเหรอ”
คนตรงหน้าถามมาอีกรอบ ผมอ้าปากพะงาบ ๆ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
พนักงานหัวเราะคิก ผมรีบหันมาหยิบของวาง กว่าจะหลุดพ้นออกมาจากตรงนั้นได้ โดนทั้งพนักงานทั้งคนด้านหลังมองใหญ่ ส่วนเจ้าประคุณตัวดีนี่ไม่รู้ไม่ชี้อะไรบ้างเลย

แต่จะว่านาคินทร์ก็ไม่ได้ เพราะไอ้กล่องที่นาคินทร์หยิบมันเหมือนกล่องขนมสำหรับเด็กจริง ๆ จะเข้าใจผิดก็ไม่แปลก นาคินทร์ไม่เก่งภาษาอังกฤษด้วย

“คุณหนูไม่สบายหรือเปล่าครับ หน้าแดง ๆ”

“เปล่า ฉันสบายดี”
ผมตอบกลับพยายามปรับสภาพให้เป็นปกติที่สุด

“นี่ นาคินทร์ ถามหน่อย”

“ครับ”

“ตั้งแต่แต่งงานมา เคยคุมกำเนิดบ้างไหม”

นาคินทร์มองหน้าผมงง ๆ
“ไม่นี่ครับ”

“อ้าว แล้วทำไงให้มีหนูแดงแค่คนเดียว ทั้งที่ก็แต่งงานอยู่กินกับมะลิมาหลายปี”

นาคินทร์ยิ้มเศร้า

“สภาพร่างกายมะลิไม่ค่อยสมบูรณ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอมีหนูแดงอาการก็หนักขึ้น ต่อให้รักและต้องการขนาดไหน นาคินทร์ก็ไม่ทำร้ายคนที่รักเพราะความต้องการส่วนตัวหรอก ถึงตอนนี้ก็ยังพยายามอยู่…”

“งั้นนาคินทร์ก็ต้องช่วยตัวเองมาตลอดน่ะสิ”

นาคินทร์ส่ายหน้า

“ตอนมะลิป่วย นาคินทร์ไม่มีอารมณ์ในเรื่องแบบนั้นหรอกครับ มีแต่ความกังวล จนมะลิจากไปหลายปีถึงกลับมาเป็นปกติ แต่นาคินทร์ก็ไม่ค่อยจะอะไรกับมันมากนักหรอก ส่วนใหญ่จะเอาไปลงที่งานมากกว่า”

“นี่”
ผมเรียก หันไปมองด้วยสีหน้าจริงจัง เม้มปากแน่น
“ตอนก่อนเรามีอะไรกัน” พูดไปแล้วก็อาย นาคินทร์มีสีหน้าอึดอัดไม่ต่าง “นาคินทร์เคยบอกว่าเคยโดนยาแบบที่ฉันโดนมาก่อน โดนได้ไง ที่ไหน ใครทำ”

อันนี้ผมอยากรู้จริง ๆ ครับ

“ผมว่า…”

“ฉันอยากรู้” ผมพูดด้วยเสียงจริงจัง นาคินทร์ทำหน้าอึดอัด

“สมัยก่อน เคยมีคนขอร้องให้นาคินทร์ไปช่วยทำสวนให้ นาคินทร์ก็ไปทำ หลังจากนั้น เขาก็เอาของกินมาให้ หลังกินไปได้ไม่นาน นาคินทร์ก็รู้สึกร้อนรุ่ม ความต้องการสูงสุด ๆ แทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ เธอจู่โจมนาคินทร์ทันที เกือบเสร็จแล้วเหมือนกัน โชคดีว่าสมัยก่อนหนูแดงเป็นโรคหวงพ่อ ไปตามกลับบ้าน พอเห็นลูกจิตใต้สำนึกมันกลับคืนมาบ้าง นาคินทร์รีบกลับบ้านพร้อมหนูแดง นาคินทร์ไล่ให้ลูกเข้าไปอยู่ในบ้านใหญ่ ส่วนนาคินทร์ก็เข้าห้องปิดประตู กว่าจะหายก็เกือบวัน ห้องเละไม่เป็นท่า”

ผมอึ้งฟัง
“โชคดีนะ ที่หนูแดงไปช่วยทัน”

“ครับ โชคดีมาก”
นาคินทร์ถอนหายใจแรง

“เอ่อ อันนั้นออกจะส่วนตัวไปหน่อย นาคินทร์จะตอบก็ได้ไม่ตอบก็ได้นะ คิดซะว่าเราผู้ชายเหมือนกัน คุยกัน”

นาคินทร์มองตา พยักหน้า

“นอกจากมะลิแล้ว ไม่นับคืนนั้นกับฉันด้วย นาคินทร์เคยนอนกับใครอีกไหม”
นาคินทร์ส่ายหัว ผมแอบดีใจนิด ๆ ที่ได้ยินแบบนั้น

“ดึกแล้ว เรากลับกันเถอะ”
ผมเสเปลี่ยนเรื่องทันที พากันกลับบ้าน

เหลียวมองท้องฟ้า สว่างโร่เลย คืนนี้คงไม่มีฝน ไม่มีข้ออ้างขอไปนอนกับนาคินทร์แล้ว

เรากลับถึงบ้านกันเกือบห้าทุ่ม ไม่คิดว่าแค่การไปซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้จะทำให้เสียเวลาขนาดนี้ นาคินทร์บอกให้ผมเข้าบ้านไปก่อน ที่เหลือเขาจะจัดการเอง ผมทำตามเพราะไม่มีอะไรต้องจัดการอยู่แล้ว หิ้วข้าวของส่วนตัวที่ซื้อติดมือมาด้วยขึ้นห้อง อาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก เปิดหน้าต่าง เผื่อจะเห็นคนตัวสูงออกมาเดินเตร่ให้เห็น ไฟในโรงเลื่อยมืดมิด นาคินทร์คงหลับไปแล้ว ผมถอนหายใจเบา ๆ ปิดหน้าต่าง เปิดแอร์ทิ้งตัวลงนอน

เตียงผมมันกว้างเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ

ผมหยิบมือถือมากด ผมไม่กล้าโทรไปรบกวนนาคินทร์จึงเลื่อนไปที่ปุ่มข้อความกดเมสเสจส่งไป

‘ราตรีสวัสดิ์’

แล้ววางลง นอนคว่ำหน้าจ้องมือถือ ดูว่าจะมีข้อความอะไรส่งกลับมาไหม ไม่มีข้อความแต่เสียงมือถือผมแผดจ้าขึ้น ผมรีบคว้ามากดแนบหูทันที

“นาคินทร์” ผมเรียกอัตโนมัติ “คิดว่าหลับไปแล้วซะอีก”

“ยังครับ เพิ่งจัดของเสร็จ กำลังจะอาบน้ำ”

ผมลุกจากเตียงเดินไปเปิดหน้าต่าง ยิ้มทันที เพราะที่นั่น คนตัวสูงยืนเท่โบกมือให้นิดหนึ่ง

[80%]

มีต่อ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3483718#msg3483718

.
.
e-book : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-09-2016 21:48:31
มียึกยักเนอะ
ต้องซั่มกันอีกสักรอบสองรอบถึงจะเปิดใจคุยกันได้
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-09-2016 21:58:02
อ๋อออยยยย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 22-09-2016 21:58:26
โอ๊ยยยยยยย ทำไมมันสั้นเหลือเกินนนน!!!

ฮื่อออ เราจะรออย่างอดทนค่ะ นาคินทร์เริ่มรุกๆล่ะเนี้ย โอ๊ยยย

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ เรารอออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2016 21:59:12
ไม่เห็นหน้าคุณหนู นาคินทร์กินข้าวไม่ลง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-09-2016 22:09:25
เมื่อไหร่จะคุยกันให้เข้าใจเสียที คุณหนูก็คิดมาก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-09-2016 05:02:04
นาคินทร์มียงมีหยอด เริ่มจะไม่อยากเก็บความรู้สึกไว้แล้วล่ะซิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-09-2016 07:24:24
กรี๊ดดดด โมเม้นต์แฟนกันมากๆ >\\\<
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-09-2016 08:11:15
นาคินทร์มีแอบหยอดด้วยยยย คุณหนูรีบรู้สึกตัวเถอะว่านาคินทร์คิดเกินเลยไปนานแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-09-2016 08:45:39
อยากให้รู้ตัวเร็วๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 23-09-2016 12:21:58
โอ๊ยยบ ดีต่อจัยยย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 23-09-2016 20:56:57
คุณหนูนี่น้า หัวช้าเรื่องความรักจริงๆ
แค่นี้ไม่ต้องกลัวนาคินไม่รักน้า  :o8:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 23-09-2016 22:14:59
สาวที่ไหนคะ ตัวเบ้อเริ่ม 5555555555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 23-09-2016 22:29:42
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:



เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า อยากได้ยาวกว่านี้ ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 25-09-2016 12:06:08
นาคินทร์เริ่มหยอดละ น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-09-2016 14:21:02
โมเม้นแฟนจีบกัน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-09-2016 21:32:32
ตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Shxaum ที่ 01-10-2016 19:23:10
อ่านไปบิดไปเกือบทุกครั้งเลยยย 555555555555
เขินนนง่าาาา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.13)(22-9-2559) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-10-2016 20:58:26
จะกินข้าวก็คิดถึงกัน จะนอนก็คิดถึงกัน
ดอกฟ้าโน้มกิ่งไปเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-10-2016 21:00:48
ตอนก่อนหน้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3477060#msg3477060

[ต่อค่ะ]



“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

ผมมองหน้าคนถาม ค้ำศอกกับหน้าต่างมอง

“เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทดลองใช้สบู่ที่ซื้อมาใหม่ หอมใช้ได้เลย”
ผมยกแขนตัวเองขึ้นดมให้ดู

“ไม่ว่าใช้อะไร ตัวคุณหนูก็หอมอยู่แล้ว”

ผมหน้าร้อนผ่าว

“เหนื่อยไหม”
ผมถามเพื่อหาเรื่องคุย

“ไม่ครับ คุณหนูล่ะ”

“ไม่เหนื่อยเหมือนกัน”
ใจผมอยากขอไปนอนกับนาคินทร์ แต่มันคงน่าเกลียดถ้าทำแบบนั้น

“คุณหนูครับ”

“หือ”
ผมครางรับ มองหน้าคนเรียก

“ดึกแล้ว นอนหลับฝันดีนะครับ เจอกันพรุ่งนี้”

ผมเม้มปากเบา ๆ ยังไม่ได้ตอบรับราตรีสวัสดิ์

“นี่นาคินทร์ ถ้าคืนนี้ฉันนอนไม่หลับอีกล่ะ”

นาคินทร์นิ่งเงียบนาน

“นาคินทร์ก็พร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อทำให้คุณหนูนอนหลับฝันดี”

ผมหัวเราะ

“งั้นเต้นโคโยตี้ให้ดูที”

“หะ!!”

ผมหัวเราะเสียงดัง

“ก็บอกจะทำทุกอย่างไม่ใช่เหรอ เต้นโคโยตี้ให้ดู จะทำให้หลับฝันดี”

นาคินทร์ทำหน้าปุเลี่ยน

“ขออย่างอื่นไหมครับ นาคินทร์เต้นไม่เป็น”

ผมหัวเราะกับความซื่อของอีกคน

“ไม่ต้องหรอก ฉันล้อเล่น ถ้านาคินทร์ลุกขึ้นเต้นจริง ฉันคงนอนไม่หลับหรือไม่ก็คงฝันร้ายไปตลอดทั้งคืนแน่ ๆ”

“ผมก็ว่างั้น”

ผมยังหัวเราะกึก ๆ ไม่หาย

“งั้นนาคินทร์ไปอาบน้ำนอนเถอะ เจอกันพรุ่งนี้”

“ครับ ราตรีสวัสดิ์”

“เหมือนกัน”
ผมเป็นคนกดวางสายก่อน นาคินทร์โบกมือให้ เดินลับหายไป

ผมค่อย ๆ ปิดหน้าต่างลง กุมหัวใจตัวเองไว้ ไม่คิดว่าแค่ได้คุยโทรศัพท์กับคนที่เราแอบชอบ จะทำให้รู้สึกดีได้ขนาดนี้ ผมเดินตัวลอย ๆ ไปทิ้งตัวนอนคว่ำบนเตียง

“นาคินทร์บ้า ทำไมชอบทำให้ฉันใจเต้นอยู่เรื่อย รู้ไหม ยิ่งนายทำแบบนั้น ฉันยิ่งรักนายมากขึ้น ๆ ฉันรักนายนะนาคินทร์”
ผมพูดกับที่นอนอู้อี้ แล้วปล่อยให้สติค่อย ๆ จางหายไป 
 



รุ่งขึ้นผมไปทำงานตามปกติ โดยมีนาคินทร์เป็นสารถี ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ผมกดรับ

“ครับ”

“อนุชา โทษทีรถพี่เสีย ไม่ได้ไปรับนะ มาเจอกันที่ออฟฟิศลูกค้าเลยนะ”

“เหรอครับ”
ผมหันไปมองคนขับ

“นาคินทร์ ขับรถไปส่งฉันทีนะ พอดีรถพี่หมีเสีย จะให้โซ่วนมารับก็เกรงใจ”
นาคินทร์พยักหน้าอย่างว่าง่าย ขับรถพาผมไปที่นัดหมาย
 

“เจอกันตอนเย็นนะครับ”
นาคินทร์บอกหลังจากส่งผมเรียบร้อย ผมช้อนตามองคนตัวสูง

“เที่ยงฉันจะโทรหานะ”

นาคินทร์มองตาผมบ้าง

“ครับ ผมจะรอ”

ผมใจเต้นตึกตัก พยักหน้า ต่างคนต่างแยกย้าย โซ่เดินมาคล้องคอ

“หมอหล่อจริง ๆ”
โซ่พยักหน้าไปทางนาคินทร์ ลากผมเข้าไปทำงาน ผมยิ้มอย่างภาคภูมิ ทำงานด้วยความชุ่มชื่นในหัวใจ

ผมกับนาคินทร์ลาหยุดหนึ่งวันเพื่อเดินทาง จริง ๆ ตอนแรกผมก็ไม่คิดจะลาหรอก เพราะไม่อยากเสียการเสียงาน แต่เนื่องด้วยผมหาลูกค้ารายใหญ่ให้บริษัทได้ และผมก็ยกค่าคอมมิชชั่นให้โซ่ พี่หมีเลยใจดีให้วันหยุดผมเพราะได้ข่าวว่าผมจะกลับต่างจังหวัดไปเยี่ยมญาติ

โชคดีไป

“นี่ เห็นเอาแต่มองโทรศัพท์ รอสายใครอยู่”
โซ่หมุนนิ้วชี้เป็นวงกลมตรงหน้าผม แล้วยกนิ้วก้อยขึ้นมากระดิกงอขึ้นลง

“คนนั้นอ๊ะเปล่า”

ผมพยักหน้า แต่ไม่ได้รอสายหรอก รอเวลาเหมาะสมที่จะโทรออกมากกว่า

“ชักอยากเห็นซะละ จะสวยขนาดไหน”
ผมไม่ตอบ ขอตัวเดินเลี่ยงไป ผมกดโทรออกทันทีเมื่อคิดว่าเวลาเหมาะสม เสียงรอสายดังไม่นานก็มีเสียงตอบรับ

“คุณหนู”

ผมยิ้มออกมาทันที

“กินข้าวรึยัง”

“ยังครับ คุณหนูล่ะ”

“กำลังรอพี่หมีอยู่” ผมยืนเขี่ยนิ้วกับรอยแยกของกระเบื้องกำแพงตึก “ใจฉันอยากกินข้าวกับนาคินทร์มากกว่า”

“พรุ่งนี้ก็ได้กินแล้วครับ”
ผมยิ้ม อยู่คุยกับนาคินทร์ไม่ถึงสิบนาทีก็วางสายเพราะพี่หมีตะโกนเรียกแล้ว

“เจอกันตอนเย็นนะ”

“โทรบอกนาคินทร์ล่วงหน้านะครับ นาคินทร์จะไปรับ”
ผมรับปาก วางสายเดินไปรวมกลุ่ม ถึงมันจะเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พวกนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขจริง ๆ
 





นาคินทร์ขับรถมารับผมถึงที่ พากันกลับบ้าน ไปแพ็คของ อยากบอกว่าของเยอะมาก คนในบ้านรู้แล้วว่าผมไปด้วย แต่ก็เข้าใจว่าผมอยากไปพักผ่อน ไม่มีใครติดใจอะไร ยกเว้นชยันต์ที่หัวเราะคิก หันมาชนไหล่

“ไปเยี่ยมแม่สามีเหรอพี่”

ผมเตะขาชยันต์ไปที รายนั้นหัวเราะร่วน

ของอันไหนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษไว้ในรถ ที่เหลือก็ห่อพลาสติกไว้หลังรถ ของฝากพ่อแม่นาคินทร์ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นพวกอุปกรณ์การเรียนการสอน แล้วก็เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้แล้วที่ทุกคนรวบรวมเพื่อเอาไปบริจาคให้กับโรงเรียนยากจนที่นั่น ผมก็คุ้ยได้เสื้อผ้ามาเพียบเหมือนกัน รวมถึงข้าวของหลายอย่างที่ไม่ได้ใช้ด้วย งานนี้นอกจากจะได้เที่ยวแล้วยังได้ทำบุญอีกด้วย

กว่าจะแพ็คของกันเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ผมกับนาคินทร์แยกย้ายกันเข้านอน เจอกันอีกทีรุ่งเช้า
 




ผมแต่งตัวพร้อมในชุดเดินทางทะมัดทะแมง หนูแดงเตรียมเสบียงไว้ให้แล้ว พอเก้าโมงตรงผมกับนาคินทร์ก็ออกรถ

ตื่นเต้นเหมือนกันครับ ตื่นเต้นหลายอย่าง ตื่นเต้นที่ได้ไปเที่ยวกับนาคินทร์ ตื่นเต้นที่ได้อยู่กันเพียงลำพัง ตื่นเต้นที่จะได้เจอพ่อแม่พี่น้องของคนที่ผมรัก นาคินทร์กดเปิดเพลงให้เบา ๆ

ผมนั่งคิดไปตามทาง ตั้งแต่มีอะไรกันวันนั้น นาคินทร์แทบไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับผมเลย มีแต่ผมนี่แหละที่ต้องการนาคินทร์อยู่ฝ่ายเดียว

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“มีเรื่องให้คิดหนักเหรอครับ”
นาคินทร์หันมาถาม ผมส่ายหน้าไปมา

“คิดเรื่องไร้สาระนิดหน่อย หิวแล้ว ไม่รู้หนูแดงแพ็คอะไรมาให้เรากินกันบ้าง”
ผมดึงความสนใจนาคินทร์ไปเรื่องอื่น หันไปหยิบถุงของกินที่หนูแดงแพ็คให้ออกดู ข้างในเป็นพวกแซนด์วิชหั่นพอดีคำ ผลไม้สดทั่วไป

“น่ากินแฮะ”
ผมหยิบแซนด์วิชมากินคำหนึ่ง ก่อนยื่นอีกคำไปให้นาคินทร์ นาคินทร์ชะงัก

“ไม่ต้องก็ได้ครับ”

“เสียน้ำใจหนูแดงทำให้”

“คือ นาคินทร์หมายถึงว่า...”

“ถ้าจะเกรงใจที่ฉันป้อนก็ขับรถดี ๆ”
นาคินทร์ไม่พูดอะไรต่อ อ้าปากรับเอาแซนด์วิชเข้าปาก ผมอมยิ้ม กินไปป้อนคนตัวสูงไป

“นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูลดตัวมาทำแบบนี้เพื่อนาคินทร์เลย”

“ฉันเต็มใจ”
ผมพูดพร้อมมองตา แต่แค่แวบเดียว เพราะนาคินทร์ต้องมองหน้ารถต่อ

“ขอบคุณครับ”

แล้วเราก็เงียบกันไป…

เพลงหนึ่งดังขึ้น เป็นเพลงที่ผมชอบ ความหมายมันเหมือนผมตอนนี้เลย แอบรักแต่บอกไม่ได้ ผมร้องคลอเบา ๆ นาคินทร์หันมามอง

“คุณหนูร้องเพลงเพราะนะครับ ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แต่แต่ก่อนร้องเพลงการ์ตูน”

“จะให้ฉันร้องเพลงการ์ตูนตอนโตรึไง คนจะได้ว่าฉันปัญญาอ่อนน่ะสิ”

“ถ้าชอบก็ร้องได้นี่ครับ”

“ไม่ชอบแล้ว นั่นมันสมัยเด็ก สมัยนี้ต้องเพลงแนวนี้แหละ”
พูดจบผมก็ร้องดังขึ้น หวังให้นาคินทร์รู้ลึกถึงความรู้สึกผม นาคินทร์นิ่งฟังเงียบ ๆ

รถเราวิ่งออกจากเมืองหลวงขึ้นทางด่วนตรงมาทางเหนือเรื่อย ๆ เป้าหมายคือจังหวัดตาก จังหวัดที่เป็นรั้วกั้นของชาติไทย
 



“แวะปั๊มหน่อย ปวดฉี่”
ผมบอก นาคินทร์พยักหน้า ตบไฟเลี้ยวเข้าปั๊มที่ผมเล็งไว้ นาคินทร์ให้ผมเข้าไปก่อนส่วนตัวเองเปิดฝากระโปรงเพื่อเช็กสภาพรถรอ พอผมเดินออกมา ก็เห็นนาคินทร์เช็ดมือกับผ้าเช็ดมือเน่า ๆ ผืนหนึ่ง เปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้งั้นแหละ

“ฉันรอที่นั่นนะ”
ผมพยักหน้าขึ้นไปยังร้านกาแฟอเมซอนตรงหน้า นาคินทร์พยักหน้า เดินเข้าห้องน้ำไป ผมสั่งกาแฟมาสองแก้ว ตัวเองแก้วหนึ่ง ของนาคินทร์แก้วหนึ่ง ทันทีที่ผมนั่ง นาคินทร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ตรงมาทางผม ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ผมเลื่อนแก้วกาแฟไปไว้ตรงหน้า

“ขอบคุณครับ”
นาคินทร์บอกเรียบ ๆ ยกดื่มทันที

“เหนื่อยไหม”
ผมถาม เพราะขับรถมาหลายชั่วโมงติด ตอนนี้เรามาถึงครึ่งทางกันแล้ว

“ไม่เลยครับ”
นาคินทร์ตอบรับยิ้ม ๆ ผมยิ้มตามบ้าง ยกกาแฟดื่ม มองออกไปนอกร้าน เห็นครอบครัวหนึ่ง คงเดินทางไปต่างจังหวัดเหมือนผมกับนาคินทร์ ป้ายทะเบียนเป็นจังหวัดตากด้วย รถคันเดียว แต่กระบะท้ายอัดแน่นไปด้วยข้าวของและผู้คนที่โพกผ้าไว้เพราะแดดแรง นั่งยัดกันมาอย่างแออัด แต่ทุกคนก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งแนบชิดกันมา

ผมยกนิ้วโป้งขึ้นมากัดเล็บเบา ๆ ถ้ารวยแล้วรักนาคินทร์ไม่ได้แบบนี้ สู้ผมไม่รวยจะดีกว่าไหม

“คุณหนูครับ” อยู่ ๆ นาคินทร์ก็เอ่ยเรียก ค่อย ๆ ดึงนิ้วที่ผมกัดอยู่ลง นาคินทร์ยิ้มละมุน “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณหนูกลุ้มใจเรื่องอะไร แต่ผมอยากให้คุณหนูเลิกคิดถึงมัน เลิกเอามาใส่ใจ คุณหนูมาเพื่อพักผ่อนนะครับ”

ผมมองตา มือผมยังอยู่ในมือสากกระด้างแต่อบอุ่นนั้น ผมขยับเก้าอี้ไปนั่งชิด พิงหัวกับหัวไหล่กว้าง นาคินทร์นั่งตัวตรงแน่ว

“ขอบใจนะสำหรับกำลังใจ ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”

“เอ่อ…ครับ” นาคินทร์ไม่พูดอะไร ผมพิงหัวไว้เฉย ๆ มือนาคินทร์วางอยู่ใกล้ ๆ หัวใจผมไหวแรง ผมขยับไปจับมันไว้เบา ๆ

“มือนาคินทร์สากจัง”
หาเรื่องคุยไปงั้นแหละ จริง ๆ แล้วหาเรื่องแต๊ะอั๋งคนตัวสูงมากกว่า

“มือกรรมกรนี่ครับ ไม่นุ่มเหมือนมือคุณหนูหรอก”

ผมลูบมันเบา ๆ ใช้นิ้วไต่เช็ก สำรวจไปทีละจุด มันมีทั้งรอยแผลเป็น รอยสาก มีหนังด้านด้วย แต่มันกลับมีเสน่ห์สำหรับผมมาก ผมลองถูมือตัวเองกับมือนาคินทร์ นาคินทร์กระตุกมือเบา ๆ ผมใช้หน้ามือถู ก่อนสลับเปลี่ยนไปใช้หลังมือเกลี่ยถู

“ฉันชอบความรู้สึกนี้นะ” ผมบอกเสียงแผ่ว

“แต่มันด้านนะครับ”
นาคินทร์พูดเสียงเบาเหมือนกัน คงเพราะหัวเราอยู่ใกล้กันล่ะมั้ง พูดกันเบา ๆ ก็ได้ยิน

“ใช่ มันด้าน เวลาลูบแล้วเหมือนได้นวดมือไปในตัว”
ผมถูหลังมือกับฝ่ามือที่หงายวางไว้เฉย ๆ ให้ผมจับเล่น แกล้งเกลี่ยปลายนิ้วผ่านกลางฝ่ามือ

นั่นเป็นสัญลักษณ์เชิญชวน ถ้าคนรู้ความหมาย นาคินทร์ยังนั่งนิ่ง ผมก็ไม่อะไร เพราะจงใจทำแบบไม่ตั้งใจ เปลี่ยนจากถูมาเป็นแทรกปลายนิ้วประสานเป็นหนึ่งเดียว

“ดูสิ คนละไซส์เลย”
ผมยกให้คนตัวสูงดู นาคินทร์หัวเราะ

“มือนาคินทร์อุ่นจัง”
ผมกุมมือคนตัวสูงไว้ นาคินทร์ไม่พูดอะไร ผมใจเต้นแรง หวังว่านาคินทร์จะไม่รังเกียจการกระทำผมนะ
 

ไม่รู้ว่าเรานั่งพักกันแบบนั้นนานแค่ไหน ผมนั่งนิ่งไม่ยอมปล่อยมือนาคินทร์ และไม่อยากให้เวลานี้สลายไป ส่วนนาคินทร์ก็นั่งนิ่งและผมไม่รู้ว่านาคินทร์นิ่งเพราะอะไร นิ่งเพราะรอผมเคลื่อนไหว หรือนิ่งเพราะอยากพักขับรถนาน ๆ

มีคนกลุ่มใหญ่เดินตรงมาที่ร้าน ผมรีบปล่อยมือเพราะดูมันประเจิดประเจ้อมากไป

“เรารีบไปกันเถอะ”
ผมชวน ยกเครื่องดื่มเดินไปที่รถ นาคินทร์ปิดกระโปรงรถลง เปิดประตูให้ผมนั่ง แล้วเราก็ออกเดินทางอีกครั้ง


To be Con...
เขินนนนนนนน กลิ้งหลุน ๆ ด้วยความเขินอาย >/////<


e-book : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-10-2016 21:09:13
อื้อหือ. บางทีตบะของนาคินทร์ก็แก่กล้าเกินไปนะ
ทั้งอ่อยทั้งยั่วขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-10-2016 22:38:32
นาคินทร์ถึงจะโดนคุณหนูส่งสัญญาณอะไรก็คงไม่ทำเพราะคิดเจียมตัวหรือเปล่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-10-2016 22:52:19
นาคินทร์จะนิ่งไปไหน คุณหนูทั้งยั่วทั้งอ่อยขนาดนี้ ยังจะนิ่งอีกกกกกกกกกกก :katai1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-10-2016 23:02:55
เราเขินความเป็นชายฉกรรจ์ของนาคินทร์มากเลย แงงงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 03-10-2016 00:56:33
เราว่านาคินทร์รู้ แต่ยังติดว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าอนุชา เลยไม่ค่อยกล้าบอกรักเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 03-10-2016 04:38:47
นาคินทร์ใจนิ่งได้อีก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-10-2016 08:49:11
มีความมุ้งมิ้ง ปนอ่อยจะคุณหนูของเรา >\\\<
นาคินทร์อย่าไปทนค่ะ จับปล้ำโลดดดด 55555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-10-2016 09:05:14
นาคินทร์ตายด้านไปแล้วมั้ง!?
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: noksamsee ที่ 03-10-2016 12:31:03
นึกว่าหนูแดงจะไปเป็นก้างเสียอีก
ไปกันสองคนนาคินรีบบอกคุณหนูได้แล้วว่าคิดไง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-10-2016 13:55:44
นาคินนนนน รุกเลยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-10-2016 14:19:51
นาคินทร์ นิ่งแค่กาย  แต่ใจสั่นระทึกแน่เลย
สถานะต่างกัน เลยได้แตเจียมใจ เจียมกาย
งื้อ.....แต่นาคินทร์บอกว่าตัวคุณหนูหอม แม้ไม่ใช้อะไรเลย 
นี้เป็นการบอกความในใจของนาคินทร์นะ
ที่ผ่านมานาคินทร์ ก็ปวารนาตัว
เพื่อคุณหนูนาคินทร์ ทำให้ได้ทุกอย่าง ฟินนนน
คนที่เฉยๆ ไม่ชอบกัน ใครเขาจะพูดแบบนี้คุณหนู
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-10-2016 15:21:01
เมื่อไหร่เขาจะบอกรักกัน  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 03-10-2016 15:54:22
คุณหนูชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย  :hao5:
ชัดเจนไปเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.13 ออกเดินทาง (P.14)(2-10-2559) 120%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 03-10-2016 18:18:05
อ่อยเบอร์แรงขนาดนี้ นาคินทร์ยังนิ่ง เง้อ

รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-10-2016 19:27:51
ep14 ค่ำคืน ท้องฟ้า ดวงดาว หิ่งห้อย





ในที่สุด เราก็ขับรถมาถึงปลายทาง ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ทันทีที่ก้าวลงจากรถ บ้านเล็กกว่าที่คิดเยอะมาก เป็นบ้านไม้ สภาพเก่ามาก   

“นี่ถ้าพ่อรู้ว่าพ่อแม่นาคินทร์อยู่กันแบบนี้ ต้องรีบมาสร้างบ้านหลังใหม่ให้แน่ ๆ”

“สร้างแล้วครับ หลังนู้น” นาคินทร์บุ้ยปากไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ กันห่างออกไปประมาณไม่เกินห้าสิบเมตร “แต่พ่อแม่นาคินทร์ไม่ไปอยู่เพราะท่านรักบ้านหลังนี้มาก อยู่กันมาหลายรุ่นแล้ว ถึงมันจะเก่าแต่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำ บ้านหลังนั้นลูก ๆ คนอื่นกับหลาน ๆ ไปอยู่ ส่วนพ่อแม่นาคินทร์อยู่ที่นี่เหมือนเดิม คล้ายกับจะอนุรักษ์ไว้ พ่อแม่นาคินทร์ก็นิสัยเหมือนนาคินทร์นี่แหละ นาคินทร์ส่งเงินมาให้เท่าไหร่ก็ไม่ยอมใช้ เก็บไว้ให้ลูกให้หลาน ส่วนตัวเองก็กินอยู่อย่างประหยัด อีกอย่างท่านก็บอกว่าอยู่แบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายอะไรมาก บ้านก็มีให้อยู่ อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์ ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยทะเยอทะยานอยากได้นู่นอยากได้นี่ ท่านก็ถือว่าพวกท่านมีพร้อมทุกอย่างแล้วครับ”

ผมมองคนพูดอึ้ง ๆ ยิ้มให้

“เหมือนนาคินทร์ใช่ไหม”

“ครับ”   

มีใครคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากบ้านมอง เป็นผู้หญิงแก่ ๆ ครับ เค้าหน้าเหมือนนาคินทร์มาก เดาเอาว่าน่าจะเป็นแม่นาคินทร์นั่นแหละ นาคินทร์รีบยกมือไหว้ทันที เดินเข้าไปใกล้ ผมรีบเดินตามเข้าไปยกมือไหว้บ้าง ท่านรับไหว้ทั้งผมทั้งนาคินทร์ กอดนาคินทร์แน่น แล้วก็มีผู้ชายแก่ ๆ คนหนึ่งเดินมาจากทางหลังบ้าน นาคินทร์รีบยกมือไหว้เหมือนกัน ผมรีบทำตาม ท่านเดินยิ้มแป้นเข้ามาหา ตบหลังนาคินทร์เบา ๆ

“เดินทางมากันเหนื่อยไหมลูก”

“ไม่ครับ” นาคินทร์ตอบรับ

“คุณหนูอนุชาใช่ไหมคะ ยินดีต้อนรับ ที่พักอาจไม่สะดวกสบาย ขอบคุณจริง ๆ ที่มานะเจ้าคะ”
สองคนรีบเบนกลับมาให้ความสนใจกับผมจริงจัง โดยมีนาคินทร์ยืนเคียงอยู่ข้าง ๆ

เพราะเรามาถึงกันเร็ว ทำให้พี่น้องคนอื่นของนาคินทร์ยังไม่กลับมาจากเทือกสวนไร่นา ส่วนเด็ก ๆ ก็ยังไม่กลับจากโรงเรียน

นั่งคุยกันพักหนึ่ง เด็ก ๆ ก็กลับมาก่อน ตามติดด้วยบรรดาญาติพี่น้องของนาคินทร์ที่พากันมาห้อมล้อมดูเจ้านายของนาคินทร์อย่างผม ราวกับผมคือนายกพบประชาชน

แต่ผมก็ทำตัวเหมือนจริง ๆ เพราะพอทุกคนมาครบ ผมก็สั่งให้นาคินทร์ไปขนของที่เราซื้อมาเอามาแจกจ่ายทุกคนทันที ผมให้ด้วยมือตัวเองทุกชิ้น ยิ้มหน้าบานกันใหญ่ เยอะหน่อยก็ของพ่อกับแม่นั่นแหละ แล้วก็เอาขนมมาแจกให้เด็ก ๆ ดีว่าเราเตรียมมากันเยอะ

เด็ก ๆ พากันดีใจใหญ่ ผมไม่ค่อยทำอะไรพวกนี้เท่าไหร่หรอก รู้สึกดียังไงพิกล พวกอุปกรณ์การเรียนการสอนบางอย่างก็เอามาแบ่ง ๆ ให้บ้าง

ผมอยู่นั่งคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนานจนนาคินทร์หันมาสะกิด

“ผมว่าคุณหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่า หลังพระอาทิตย์ตกอากาศที่นี่จะหนาวมาก ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นนะครับ”
ผมพยักหน้าเข้าใจ บอกขอตัวทุกคนเดินกลับไปที่รถเพื่อเอากระเป๋าเดินทาง 

“นาคินทร์จะให้คุณหนูไปพักที่บ้านใหญ่นะครับ”

“ได้ นาคินทร์ก็อยู่ที่นั่นเหมือนกันใช่ไหม” 

นาคินทร์ส่ายหัว

“อ้าว”

“นาคินทร์จะอยู่หลังนี้ ปกติมาทีไรจะอยู่ที่นี่ประจำ นาคินทร์มีห้องส่วนตัวอยู่ แต่มันไม่สะดวกสบายเท่าบ้านหลังใหญ่”

ผมหยุดเท้าลงกึก

“ไม่เอา นาคินทร์นอนไหน ฉันก็นอนนั่น จะให้ฉันไปนอนแยกคนเดียวได้ไง”

“ห้องแคบมากนะครับ”

“แคบก็จะนอน”

“มันไม่สะดวกนะครับ คุณหนู”

“ฉันอยู่กับความสะดวกมาตลอดทั้งชีวิตแล้วนะ มาลำบากแค่นี้จะเป็นไรไป”

“แต่…”

“ฉันจะอยู่กับนาคินทร์”
ผมยืนยันหนักแน่น นาคินทร์มองหน้า พยักหน้ารับเบา ๆ

“ครับ แล้วคุณหนูจะอาบน้ำบ้านไหนดีครับ บ้านใหญ่มีห้องน้ำมิดชิด หรือที่นี่ ก็อย่างที่คุณหนูเห็น”
นาคินทร์พยักหน้าไปทางหลังบ้านที่มีห้องน้ำยื่นออกมาให้เห็น มันทำจากไม้ล้วน ๆ ผมมองไปทางบ้านใหญ่ ซึ่งตอนนี้ทุกคนย้ายจากแคร่ที่นั่งคุยกันเมื่อกี้ไปที่นู่นหมดแล้ว เพื่อเตรียมกินมื้อเย็น คนในบ้านนั้นจึงเต็มไปหมด

“อาบนี่ก็ได้”

นาคินทร์พยักหน้า เดินไปที่รถหิ้วกระเป๋าเดินทางทั้งของผมกับของตัวเองแบกใส่บ่าเดินพาผมเข้าบ้าน เดินตรงเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง

“ห้องพ่อกับแม่อยู่ตรงนั้น ส่วนนี่ห้องที่ผมใช้มาตลอดตั้งแต่เล็กยันโต”

“เป็นห้องหอด้วยสินะ”
ผมถาม มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องแคบ ๆ นั้น

“ครับ”

โรงเลื่อยว่าแคบแล้ว ที่นี่แคบกว่าอีก ไม่ได้มิดชิดอะไรด้วย แต่ก็ดูอบอุ่นดี

“ข้าวของของนาคินทร์ยังอยู่อยู่เลย”

“ครับ พวกท่านเก็บไว้ให้ ทุกครั้งที่นาคินทร์กลับก็มานอนนี่เสมอ ไม่มีใครมาใช้หรอก เพราะคนอื่นไปอยู่บ้านใหญ่กันหมด”

“ฉันชอบนะ”
ผมเดินไปหยิบรูปของมะลิที่ตั้งไว้ขึ้นมอง ภาพเธอตอนนี้ดูซูบผอมอย่างคนกรำงานหนัก มะลิเธอถูกเลี้ยงดูจากยายเพียงคนเดียว แต่งงานได้ไม่นานยายก็เสีย ชีวิตที่เหลือจึงฝากไว้ที่นาคินทร์คนเดียว

หน้ายังเด็กอยู่เลย มีปฏิทินเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้แขวนไว้ เป็นรูปพระเจ้าอยู่หัว นอกนั้นก็ไม่มีอะไร ที่กรุงเทพเป็นไง ที่นี่ก็มีสภาพไม่ต่าง นาคินทร์วางกระเป๋าผมลงข้างกำแพง ขยับไปดึงที่นอนมาปูจัดให้ มันมีขนาดกว้างเพียงแค่สี่ฟุตเท่านั้น

“คุณหนูนอนห้องนี้ไปนะครับ นาคินทร์จะนอนด้านนอก”

ผมหันไปมองตรง ๆ ส่ายหน้า

“ฉันไม่นอนในห้องนี้คนเดียวเด็ดขาด บอกแล้วไง นาคินทร์นอนไหน ฉันนอนนั่น”

“แต่…”

“อย่าทิ้งให้ฉันนอนคนเดียวเลยนะนาคินทร์” ผมเอาลูกอ้อนเข้าสู้ นาคินทร์นิ่งไป

“ครับ”
แล้วเขาก็ไปลากที่นอนอีกชุดมาปูข้าง ๆ กัน

ผมยิ้ม

“คุณหนูรีบเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำดีกว่าครับ ค่ำแล้ว”

ผมเพิ่งนึกได้ รีบเดินไปรูดซิปรื้อกระเป๋า ดึงเอาอุปกรณ์อาบน้ำมาถือ พร้อมชุดและผ้าเช็ดตัว นาคินทร์พาผมเดินไปยังห้องน้ำ

“ผมจะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ เผื่อคุณหนูต้องการความช่วยเหลืออะไร”

ผมพยักหน้า เดินเข้าห้องน้ำไป มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องน้ำทำจากไม้ สร้างแยกจากตัวบ้านออกมา หลังคาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีสบู่นกแก้วสีเขียววางไว้ ผมยิ้มทันทีที่เห็น มีที่เสียบแปรงสีฟันพลาสติกแขวนไว้ สภาพมันเอียงจะหลุดมิหลุดแหล่ มีแปรงอยู่สองด้ามบาน ๆ

ผมว่าน่าจะซื้อใหม่ให้ท่านได้แล้วนะ ยาสระผมแฟซ่าหนึ่งขวด รองน้ำด้วยโอ่งมังกรขนาดใหญ่ น้ำเต็มตุ่มอยู่ มีขันพลาสติกสีเขียวลอยฟ่อง เหนือโอ่งเป็นก๊อกน้ำต่อด้วยท่อพีวีซีสีฟ้าสดใส หัวก๊อกเป็นทองเหลือง คนที่เข้ามาเปิดน้ำไว้คงปิดก๊อกไม่สนิท ตอนนี้มันเลยพากันหยดติ๋ง ๆ ลงสู่อ่างน้ำ สร้างระลอกคลื่นให้น้ำในตุ่มเป็นระยะ ผมห้อยผ้าเช็ดตัวไว้กับตะปูข้างฝา วางอุปกรณ์อาบน้ำที่เตรียมมาลง ถอดเสื้อผ้าออกจากตัวจนเปลือยเปล่า หนาวเยือกเลย ผมลองเอามือจุ่มน้ำดู

“อึ๋ย”
ผมร้องออกมาทันที

“ทำไมครับคุณหนู”
นาคินทร์ร้องถามมา คงยืนเฝ้าผมอยู่หน้าห้องจริง ๆ

“น้ำเย็นมาก”

นาคินทร์หัวเราะ

“ผมถึงได้อยากให้อาบเร็ว ๆ ไงครับ รีบเถอะ ยิ่งดึกยิ่งหนาวนะ”

“แต่มันเย็นมากเลยนะนาคินทร์ ทำไมไม่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้บ้าง”

“คนที่นี่เขาชินแล้วครับ หนาวมากสำหรับคนเมือง แต่ธรรมดาสำหรับคนต่างจังหวัด”

“ธรรมดาตรงไหน นี่มันน้ำจากตู้เย็นชัด ๆ ก๊อกนี่ต่อมาจากตู้เย็นหรือเปล่า”
ผมแกล้งแซวออกไป เสียงหัวเราะดังเข้ามาให้ได้ยิน

ผมยืนทำใจ

“ยิ่งช้ายิ่งหนาวนะครับ” มีเสียงเตือนเข้ามาอีกเบา ๆ

“ขอทำใจก่อน”

“รีบอาบดีกว่าครับ หนาวขันแรก ลองราดไปหลาย ๆ ขัน เดี๋ยวร่างกายก็ชินเอง”

“ชินหรือแข็งตายคาห้องน้ำกันแน่”
ผมลองเอานิ่วจุ่มน้ำในโอ่งดูอีกรอบ นี่มันน้ำในตู้เย็นชัด ๆ จริง ๆ

“รีบอาบดีกว่าครับ ยิ่งนานยิ่งหนาวนะ”
นาคินทร์บอกมาอีกที

“ไม่ไหว มันหนาวมากเลย ฉันต้องแข็งตายแน่ ๆ นาคินทร์มีกาต้มน้ำไหม”

“มีครับ แต่อยู่บ้านใหญ่ ไงเดี๋ยวรอสักครู่ นาคินทร์จะไปเอามาให้”

“ไม่ต้อง ๆ นาคินทร์”
ผมรีบร้องเบรกไว้ทันที “คนถามมา ฉันคงอายแย่ แค่นี้ก็ต้องต้มน้ำอาบ”

“ทุกคนเข้าใจครับว่าคุณหนูไม่ชิน”

“ไม่เป็นไร”
ผมพูดอย่างฮึดสู้ อนาคตผมอาจได้เป็นสะใภ้หนุ่มบ้านนอก แค่นี้ทนไม่ได้อย่างอื่นก็อย่าทำเลย “ฉันจะอาบมันทั้งเย็น ๆ แบบนี้แหละ ตายเป็นตายวะ”
คำหลังผมพูดกับตัวเอง ใช้ขันตักน้ำจ้วงราดตัว ได้ยินเสียงท้วงว่าเดี๋ยวของนาคินทร์ดังมา แต่ไม่ทันแล้ว เพราะน้ำมันมาอยู่บนตัวผมหมดแล้ว

ผมร้องจ๊ากออกมาทันที ได้ยินเสียงหัวเราะของคนนอกห้องน้ำ ผมตัวสั่นหงึก รีบตักอีกขันจ้วงใส่ตัวโครม ๆ อย่างที่นาคินทร์บอก

“ไหนว่าราดเยอะ ๆ แล้วจะหายหนาวไง หนาวกว่าเดิมอีก”
ผมบอกปากสั่นกำมือดึงชิดอกแน่นเบียดขาตัวสั่นหงึกกว่าเดิม

“ต้องราดแบบไม่หยุดนาน ๆ ครับ รับรองชิน แต่คุณหนูรีบถูสบู่รีบล้าง แล้วรีบออกมาดีกว่าครับ ไม่ชินเดี๋ยวตะคริวกิน”

“คนโกหก”
ผมด่าออกไปปากสั่น ๆ นาคินทร์หัวเราะ ผมรีบดึงสบู่กลิ่นประจำตัวมาราดน้ำแล้วถูตัว ปกติเวลาอยู่กรุงเทพ ผมอาบน้ำนาน อยู่นี่นานไม่ได้แน่ ๆ

ผมรีบถู รีบล้าง ล้างตัวเสร็จก็ล้างหน้า ตักน้ำราด ๆ อาบไปก็บ่นหนาว ๆ บ่นไป คนด้านนอกก็หัวเราะใหญ่ ผมชอบให้นาคินทร์หัวเราะนะ แต่ตอนนี้อยากเตะมากกว่า

ผมรีบเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดลวก ๆ คว้าเสื้อผ้ามาสวม รีบเปิดประตูออกไป กะจะด่าต่ออีกสักหน่อย ค่าที่ล่อลวงผมมาอาบน้ำเย็น คนตัวสูงยิ้มพราย ขยับกางผ้าเช็ดตัวสีน้ำเงินผืนใหญ่ในมือออกกว้างแล้วพันมารอบตัวผม รัดแน่นด้วยวงแขนตัวเอง

ไอ้ปากที่เตรียมจะต่อว่านิ่งสนิทเลยครับ ตัวผมถูกห่อแน่นไว้ในอ้อมแขนแกร่งนั้น

“จะต่อว่าอะไรนาคินทร์ก็ได้ แต่ขอให้นาคินทร์ทำให้คุณหนูตัวอุ่นก่อน”

ใครจะต่อว่าได้ล่ะ มาทำให้ใจละลายแบบนี้

ผมยืนเม้มปาก พยายามไม่คลี่ยิ้มออกมาให้เห็น นาคินทร์ถูหลังผมเบา ๆ หวังให้ความอบอุ่นเพิ่มขึ้น ไอร้อนจากตัวนาคินทร์ทำให้ผมรู้สึกอุ่นขึ้นมาจริง ๆ ผมซุกหน้ากับแผงอกกว้างทันทีอย่างถือโอกาส

“ดีขึ้นไหมครับ”

“นิด ๆ” ผมอู้อี้บอก

“ผมก็ลืมนึกเรื่องกาต้มไป เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะต้มน้ำร้อนรอไว้ให้”

“ไม่ต้องหรอก” ผมปฏิเสธเสียงเบา “ถ้านาคินทร์ออกมาคอยรับฉันแบบนี้ ฉันทนได้”

นาคินทร์ชะงักมือไปนิดหนึ่ง แล้วถูหลังผมต่อ จนผมรู้สึกหายหนาวนั่นแหละนาคินทร์ถึงปล่อยอ้อมแขนออก

โดนกอดแบบนี้ทุกวัน ให้หนาวกว่านี้ ผมก็ทนได้


[....80%....]

“เดี๋ยวผมจะอาบต่อ คุณหนูไปรอที่บ้านใหญ่ได้เลยนะครับ ทุกคนรออยู่”
ผมพยักหน้า เดินเข้าห้องไป ในขณะที่นาคินทร์แยกตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

ตอนแรกก็ว่าจะไปรอที่บ้านใหญ่ตามคำแนะ แต่คิดไปคิดมา รอไปพร้อมนาคินทร์ดีกว่า ผมทิ้งตัวลงนอนบนฟูก คว้ามือถือมากดเปิดถ่าย ถ่ายรูปห้องนาคินทร์นั่นแหละ แปะสถานที่ไปเล็กน้อย แล้วส่งลงเฟซครอบครัวไป

ครับ เรามีเฟซสำหรับครอบครัวด้วย ไม่ใช่เฟซส่วนตัว เป็นเฟซที่ทุกคนเข้าไปลงข้อความอะไรได้หมด

กำลังตอบเม้นท์อยู่ก็ได้ยินเสียงแกรกของประตู นาคินทร์เดินเปลือยท่อนบนเข้ามา ท่อนล่างพันผ้าขนหนูไว้หลวม ๆ ที่เอว มันจะหลุดมิหลุดแหล่อยู่แล้ว นาคินทร์ชะงักที่เห็นผม

“ขอโทษที่เสียมารยาทครับคุณหนู คิดว่าคุณหนูออกไปแล้ว”

ผมเสหน้าหลบ

“จะรอไปพร้อมกัน”

“งั้นคอยสักครู่ครับ”
นาคินทร์กุมปมผ้าขนหนูไว้ หยิบเสื้อกับกางเกงที่วางอยู่มาถือ กำลังจะเดินออกจากห้อง

“ไปไหน” ผมรีบถามทันที

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ”

“เปลี่ยนที่นี่ก็ได้”

“เอ่อ แต่คุณหนูอยู่”

“ผู้ชายเหมือนกัน คิดอะไร” พูดไปทั้งที่ใจคิด “ฉันไม่แอบมองหรอก เล่นมือถืออยู่ เปลี่ยนไปสิ เสียเวลา พื้นเปียกด้วย” พูดจบผมก็ก้มหน้าทันทีให้รู้ว่าผมจะมองมือถือมากกว่าจริง ๆ

“ครับ”
ได้ยินแค่นั้น ผมลอบเงยหน้ามองนิดหนึ่ง เห็นเพียงแผ่นหลังของนาคินทร์เหนือผ้าขนหนูขึ้นมา กล้ามเนื้อแผ่นหลังกว้างมาก นาคินทร์ก้มใส่ชั้นในก่อน ผมหน้าร้อนผ่าว กระดากอายเหมือนกัน แต่ภาพแบบนี้ขืนไม่มองก็เสียดายแย่

หลังจากนั้นก็ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืด รวดเร็วมาก ๆ จนน่าเสียดาย พอนาคินทร์จะหันมา ผมรีบก้มมองมือถือทันที แกล้งพิมพ์อะไรยิก ๆ

“เรียบร้อยแล้วครับ”
นาคินทร์แจ้ง ผมถึงได้เงยหน้ามองอีกที

ผมกดปิดมือถือ ลากสายชาร์จมาเสียบทิ้งไว้

“งั้นเราไปกันเถอะ”
ผมชวน นาคินทร์พยักหน้าเดินตามหลัง ผมเบรกเท้าลงกึกเพราะเพิ่งนึกอะไรได้ เพราะผมเบรกกะหันทัน คนด้านหลังถึงชนผมเข้าเต็ม ๆ จนผมเซจะล้ม นาคินทร์รีบโอบเอวผมไว้ทันที ผมอึ้งไป เอี้ยวตัวมอง

“ขอโทษครับ”
นาคินทร์ค่อย ๆ ปล่อยมือออก

“โทษที หยุดกะทันหัน นึกได้ว่าน่าจะเอามือถือไปด้วยเผื่อถ่ายรูป รอเดี๋ยวนะ”
ผมรีบวิ่งกลับเข้าห้อง แล้วออกมาพร้อมมือถือ แอบดีใจนิด ๆ กับสัมผัสใกล้ชิดเมื่อกี้

ขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่านาคินทร์ก็น่าจะมีความรู้สึกอะไรสักอย่างหลงเหลือบ้าง หลังจากคืนที่เรามีอะไรกัน

นาคินทร์ยืนคอย ผมกดถ่ายนาคินทร์ก่อนคนแรก ถ่ายวิวอีกเล็กน้อย พอออกไปก็ได้เวลาอาหารพอดี เป็นอาหารพื้นบ้าน ซึ่งบางอย่างผมก็กินได้ บางอย่างก็ไม่ได้ แต่ยอมรับว่าอร่อยทุกอย่างจริง ๆ

เพราะคนเยอะ วงอาหารมื้อนี้จึงใหญ่มาก ผมโดนชมว่าเป็นคุณหนูที่ค่อนข้างติดดิน

คนต่างจังหวัดกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของคู่กัน มีใครสักคนส่งเครื่องดื่มมาให้ทั้งผมและนาคินทร์ แต่นาคินทร์เตือนผมไว้ว่ากินน้อย ๆ เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะลุกเที่ยวไม่ไหว

แน่นอน ผมห่วงเที่ยวกับนาคินทร์มากกว่าเครื่องดื่มแบบนี้อยู่แล้ว ผมดื่มไปแค่แก้วเดียวตามคำคะยั้นคะยอแล้วก็ไม่ดื่มอีกพอ ๆ กับนาคินทร์ที่ดื่มไปแค่แก้วเดียวเหมือนกัน

วงเหล้าสลายตัวกันเร็วมาก อาจเพราะคนต่างจังหวัดนอนเร็วละมั้ง คนสูงวัยทั้งสองเข้าห้องนอนไปกันตั้งแต่สองทุ่มแล้ว เหลือแต่ผู้ใหญ่ที่นั่งคุยกันอยู่เด็ก ๆ ถูกไล่ให้ไปนอนตอนสามทุ่ม ไม่เกินสี่ทุ่มนาคินทร์ก็ชวนผมกลับไปพักผ่อน ซึ่งทุกคนก็ยอมปล่อยตัวผมดี ๆ

“ทักทายแค่พอประมาณครับ เพราะเป้าหมายที่พาคุณหนูมาที่นี่ไม่ใช่มาพบญาตินาคินทร์”
นาคินทร์บอกนิ่ง ๆ ผมมองงง ๆ นาคินทร์ยิ้ม

“รอนี่สักครู่นะครับ”

ผมพยักหน้ายืนคอย นาคินทร์เดินกลับมาพร้อมเสื่อหนึ่งผืนในมือ ไฟฉายหนึ่งกระบอก และบางสิ่งที่รูปร่างเหมือนตะเกียงเจ้าพายุ

“อะไร”

“คุณหนูอยากดูดาวไม่ใช่หรือครับ เอานี่ไปนั่งดูดาว”

ผมอ้าปากค้าง

“ลืมไปเลย เอาสิ ไป ๆ”
ผมบอกอย่างตื่นเต้น นาคินทร์กดเปิดไฟฉายทันที ลำแสงจากหลอดไฟขนาดใหญ่สว่างจ้าพุ่งตรงไปด้านหน้า

“ถ้าโชคดี เราอาจได้เห็นหิ่งห้อย”

“เหรอ ดีเลย”
ผมบอกอย่างตื่นเต้น เดินตามหลังคนตัวสูง นาคินทร์พาเดินออกจากตัวบ้านลึกไปทางหลังบ้านซึ่งเป็นทุ่งนาที่ไม่มีต้นข้าวแล้ว เป็นนาโล่ง ๆ เดินออกมาได้นิดเดียว ผมก็เข้าประชิดตัวนาคินทร์ทันที

“นี่ นาคินทร์แน่ใจนะว่าเราจะเจอหิ่งห้อยไม่ใช่กระสือโผล่มา”

นาคินทร์หัวเราะ

“คุณหนูกลัวด้วยเหรอครับ ไหนว่าไม่กลัวพวกนี้แล้ว”

“กรุงเทพไม่กลัว แต่ที่นี่น่ากลัว”
ผมมองไปรอบ ๆ อย่างหวาด ๆ ใบไม้เสียดสีกัน เสียงแมลงตัวน้อยร้องกันระงม เสียงเหยียบใบไม้ดังกรอบแกรบ

“งั้นทำแบบนี้คุณหนูยังกลัวอยู่ไหม”
นาคินทร์จับมือผมไว้ ผมก้มมอง เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง ผมยิ้มให้ ส่ายหน้าไปมา

“ไม่กลัวแล้ว”

“ครับ งั้นเดินระวังนะ”
นาคินทร์พาผมเดินลัดเลาะห่างตัวบ้านออกไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงลานโล่ง ผมอ้าปากค้างทันที ตอนแรกงงว่าทำไมนาคินทร์ไม่พานั่งดูหน้าบ้านเพราะน่าจะมีพื้นที่ให้ดูได้เหมือนกัน แต่ที่นั่นเทียบกับที่นี่ไม่ติดเลย เพราะทุกพื้นที่มันโล่ง มองเห็นดาวได้ชัดเจนมากกว่า ที่บ้านบางจุดมีต้นไม้ใหญ่บัง

“ว้าววว”
ผมหมุนวนไปรอบ ๆ มันไม่โล่งธรรมดา มันโล่งมาก ๆ เห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลย

“เราโชคดีมากันเดือนมืด เห็นดาวได้ชัด”
นาคินทร์กวาดมองไปรอบ ๆ

“นั่งตรงนี้ละกัน คุณหนูเห็นตรงนั้นไหมครับ บางครั้งจะมีหิ่งห้อยมาบินเล่น แต่ต้องลุ้นนะครับ เพราะมันไม่ได้มาทุกคืน วันนี้อาจเห็นหรือไม่เห็น”
ผมพยักหน้าเข้าใจ นาคินทร์วางตะเกียงเจ้าพายุลงกับพื้น กางเสื่อออกปู ล้วงหยิบไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงมาจุดตะเกียง เจ้าตัวหรี่ไฟลงให้เบาบาง พอให้เห็นหน้ากันได้บ้างเท่านั้น

“เชิญครับ”
นาคินทร์เชิญ ผมรีบถอดรองเท้าก้าวขึ้นไปนั่งทันที 

“ขอโทษ นาคินทร์ลืมไป น่าจะเอาผ้ามาปูรองด้วย คุณหนูจะได้ไม่เจ็บ”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันนั่งได้”
ผมยกเข่าขึ้นมากอดเงยหน้ามองดาว

“ว้าว สวยมาก ๆ เลย เสียดายมืดไปหน่อย ถ่ายด้วยกล้องมือถือไม่สวย”

“มองด้วยตาเก็บไว้ด้วยใจจะดีกว่าครับ”
ผมยิ้ม นั่นสินะ นาคินทร์ลงมานั่งข้าง ๆ

“ผมลืมอีกแล้ว”
นาคินทร์จิ๊ปาก

“อะไร”
ผมหันไปถาม

“คุณหนูอาจหนาว ผมลืมเอาผ้าห่มมาให้ด้วย”

“นี่ ย้ายห้องนอนมาไว้ตรงนี้เลยไหม”

“แต่คุณหนูจะหนาวมาก นาคินทร์น่ะทนได้อยู่ แต่คุณหนู…”

“ถ้าทนไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องอื่นเลย ดูดาวกันดีกว่า สวยมากเลย”
ผมเงยหน้ามองอีกที

มันสวยจริง ๆ ดวงดาวบนท้องฟ้าพากันส่องแสงระยิบระยับ ดวงจันทร์ประดับอยู่เคียงกัน ดาวเป็นนางเอก พระจันทร์เป็นพระเอก 

ผ่านไปไม่ถึงสองนาที ลมพัดผ่านผิวหน้าไปวูบหนึ่ง มันหนาวยะเยือกจนขนตั้งชัน

หนาวจริง ๆ แฮะ

ผมพยายามอดทน แต่ลมโกรกมาอีกระลอกใหญ่พัดพาเอาไอน้ำค้างมาโอบผิวด้วย ผมลูบแขนตัวเองเบา ๆ

“หนาวใช่ไหมคุณหนู งั้นรอนาคินทร์สักครู่ นาคินทร์จะรีบวิ่งกลับไปเอาผ้าห่มมาให้”

“ไม่ต้อง”
ผมรีบคว้าจับชายเสื้อของคนที่ลุกพรวดขึ้นยืน

“มันหนาวนะครับ ยิ่งดึกยิ่งหนาวกว่านี้อีก คุณหนูดูดาวไม่มีความสุขแน่ ๆ รอนาคินทร์ไม่ถึงสิบนาทีหรอก”

“บ้ารึไง ตั้งสิบนาที เกิดมีผีโผล่มาลากตัวฉันไปจะไปทำไง”

นาคินทร์หัวเราะ

“ไม่มีหรอกครับ”

“ไม่เอาฉันกลัว”
ผมยึดชายเสื้อคนตัวสูงไว้มั่น

“งั้นเราไปกันสองคน แล้วเดินกลับมาใหม่”

ผมนิ่งคิด ก่อนส่ายหัว

“ขี้เกียจเดินย้อนไปย้อนมา”

“แต่…”

“อยากให้ฉันหายหนาวใช่ไหม”
ผมถามกลับ นาคินทร์พยักหน้า ผมอมยิ้ม

“งั้นนั่งลง”

นาคินทร์ขมวดคิ้วมองผมงง ๆ แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี ผมขยับลุกไปนั่งตรงหน้าคนตัวสูง จับแขนนาคินทร์มาโอบไว้รอบตัวผม

“คุณหนู!”

“เป็นฮีตเตอร์ให้ฉันซะดี ๆ ข้อหาลืมเอาผ้าห่มกับผ้ารองมาตั้งแต่ต้น”

“ผมว่า…”

“ชู่ว เบา ๆ สิ เสียงดังไป เดี๋ยวดาวตกใจพากันวิ่งหนีจากท้องฟ้าหมดหรอก”

นาคินทร์หัวเราะออกมาทันที กระชับกอดผมแน่นขึ้น

“คุณหนูนี่มีอารมณ์ขันเสมอเลยนะครับ”

“นี่ฉันพูดจริง ๆ”

“ครับ ๆ นาคินทร์เชื่อ งั้นสักครู่นะครับ นั่งแบบนี้ดีกว่า”
นาคินทร์ขยับปรับท่าเป็นนั่งขัดสมาธิ รั้งผมไปนั่งบนตักดี ๆ โอบกอดผมไว้ในอ้อมแขน

“พื้นมันเย็น นั่งตักนาคินทร์น่าจะอุ่นกว่า”

ผมร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า ทั้งตัวและหัวใจ เมื่อกี้นี้มันหนาวยะเยือก แต่ตอนนี้ตัวผมอุ่นสุด ๆ ผมกระชับแขนนาคินทร์ให้กอดผมแน่นขึ้น พิงหัวไว้กับแผงอกกว้าง

เราต่างคนต่างพากันนั่งเงียบ

“เมื่อกี้นี้ฉันหนาวมากเลยนะ”
ผมพูดเสียงแผ่วแทรกเสียงแมลงตัวเล็ก ๆ ขึ้นมา นาคินทร์ก้มมอง ผมยิ้มให้ “แต่ตอนนี้ฉันอุ่นมากเลย ดีไม่ดี ตัวนาคินทร์ทำให้ฉันอุ่นได้มากกว่าผ้าห่มหลายผืนซ้อนกันซะอีก”

นาคินทร์ยิ้ม กระชับกอดผมแน่นขึ้นอีก

“ถ้าคุณหนูไม่รังเกียจร่างกายของคนต้อยต่ำไร้สกุลรุนชาติแบบนี้ ผมก็พร้อมจะกอดคุณหนูเสมอ”

“ฉันไม่เคยรังเกียจเลย”

“ขอบคุณครับ”
นาคินทร์กระซิบพูดเสียงแผ่ว ผมอิงแอบแผ่นหลังเข้ากับแผงอกกว้างมากขึ้น



มีต่อค่ะ>>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3489452#msg3489452
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 05-10-2016 19:35:35
แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม่ อยากวิ่งจากห้องน้ำแล้วมีผู้ชายเตรียมห่อผ้าเราแบบนี้บ้างจริงจริ๊งงงงงงงงงง  อนุชาไม่ต้องแอ๊บแล้วแหละ อย่างนาคินทร์นี่ว่าต้องแสดงให้เห็นแบบโต้งๆ ไม่งั้นเขาจะเกรงใจอยู่แบบนี้ เอาเลยค่ะ ขอวิถีคนจริง 555555555555555555   :L2: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2016 19:50:49
อะร้างงงง......นาคินทร์ที่รออยู่ :impress2:
พร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่
แถมอ้อมกอดอุ่นๆ รัดแน่นอีก  :-[ :o8: :-[
ฟินนนนน ซุปเปอร์ฟินนน เล้ย
คุณหนู ย้ายมาทำกิจการตจว.ดีกว่า
พานาคินทร์มาอยู่ด้วยกัน
จะได้มีอ้อมกอดอุ่นๆ บริการหน้าห้องน้ำทุกวัน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 05-10-2016 20:11:40
ดี๊ดีๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-10-2016 20:43:44
อิจฉาคุณหนูเบาๆ หนาวๆอยู่ในอ้อมกอดนาคินทร์
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 05-10-2016 21:03:57
ฟินจริงๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-10-2016 21:31:33
ผ้าห่มมีชีวิตสำหรับคุณหนูคนเดียว อิๆๆ :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-10-2016 21:38:10
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-10-2016 00:11:39
เขินนนน~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 06-10-2016 09:11:48
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(5-10-2559) 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-10-2016 19:03:28
อื้อหือ. มาถึงขั้นนี้แล้วคุณหนูต้องส๋ขอเลยนะ. ขอไปเป็นสามีและผ้าห่มตลอดชีวิต
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-10-2016 11:41:43
เมื่อไหร่นาคินทร์จะรุกใส่คุณหนูบ้าง  :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 08-10-2016 11:49:24
ผ้าห่มมีชีวิตของคุณหนู กรี้ดดดดด
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-10-2016 11:55:23
อ้อมกอดอันอบอุ่นท่ามกลางสายลมอันหนาวเหน็บ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 08-10-2016 12:50:02
 :กอด1: 
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-10-2016 13:11:52
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 08-10-2016 15:35:50
อยากได้นาคินทร์ใส่ห่อกลับบ้าน 55555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 08-10-2016 19:22:00
โอ๊ยยยย ผ้าห่มผืนนี้ดี
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 08-10-2016 22:29:55
มีความโรแมนติกอ่ะ อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยย :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-10-2016 08:41:30
งื้อ~โรแมนติกสุดๆ >.<
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(8-10-2559) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-10-2016 12:18:41
กรี๊ดดดดดด ผ้าห่มผืนหน๊าหนาาาาาา >\\\\<
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 10-10-2016 18:25:43
(ทำต่อ)

“ทำไมนาคินทร์ตัวใหญ่จัง ญาติพี่น้องก็ไม่เห็นมีตัวใหญ่ ๆ เลย”

“นอกจากพี่สาวแล้วนาคินทร์ก็ถือว่าเป็นลูกชายคนแรกของบ้าน ทำงานหนักมาตั้งแต่เล็ก ๆ กินเยอะออกกำลังเยอะ มันก็ต้องตัวใหญ่เป็นธรรมดา อีกอย่างไปอยู่บ้านคุณท่าน การกินอยู่ก็อุดมสมบูรณ์มากขึ้น”

ผมละสายตาจากดวงดาวมามองต้นแขนแกร่ง บีบมันเบา ๆ

“แข็งโป๊ก”

นาคินทร์หัวเราะหึ ๆ

“ร่างกายของคนทำงานครับ”

“แต่ฉันชอบนะ ดูแข็งแรงดี”

“แต่นาคินทร์ชอบแบบคุณหนูมากกว่า”
พูดแล้วมือร้อนก็เกลี่ยหลังมือกับผิวแขนผมเบา ๆ นาคินทร์อาจทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่หัวใจผมไหววูบไปกับสัมผัสแบบนั้น
“มันนุ่มและเนียนเรียบเอามาก ๆ ผิวคุณหนูสวยยิ่งกว่าผิวหนูแดงเสียอีก”

ผมอมยิ้ม ขอบคุณที่ผมได้ผิวเรียบ ๆ ของแม่มา ผมเกลี่ยมือกับผิวเนื้อแข็งแกร่งนั้น มันร้อนวูบวาบยังไงพิกล

“บางทีในตัวนาคินทร์อาจมีเครื่องทำความร้อนอยู่ภายในนะ ดูสิ ตรงนี้ก็ร้อน”
ผมเอานิ้วจิ้ม ๆ ดู นาคินทร์หัวเราะ

“คนเลือดลมดีตัวจะร้อนครับ ถ้าคุณหนูออกกำลังกายเยอะ เลือดจะสูบฉีดดี”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ขยับดึงขาเข้าชิดเพราะรู้สึกหนาวที่ฝ่าเท้า นาคินทร์ใช้แขนข้างหนึ่งรวบกอดขาผมไว้บีบเท้าผมเบาให้ไออุ่น

“ขอบใจ”
ผมกระซิบบอก ขยับพลิกหันข้างเข้าหาคนตัวสูง ท่านี้ผมสามารถยกขาขึ้นมาบนตักนาคินทร์ได้หมด นาคินทร์รวบกอดและให้ความอบอุ่นกับเท้าผมได้ด้วย

ผมอิงแก้มแนบแผงอกกว้าง ขยับไซ้เบา ๆ อย่างรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ดาวสลับกันกะพริบแสง ผมลูบมือกับต้นแขนแกร่งหวังให้แขนนั้นเพิ่มความอบอุ่นกับมือผมมากขึ้น เลื่อนสูงไปเรื่อย ๆ ก่อนสอดนิ้วเข้าไปในแขนเสื้อคนตัวสูง

“อุ่น”
ผมได้แหล่งพักพิงมือแห่งใหม่แล้ว นาคินทร์หัวเราะ

“ถ้าคุณหนูไม่รังเกียจ ไว้ในเสื้อผมที่ท้องก็ได้ครับ น่าจะอุ่นกว่า”
อนุญาตแล้วนี่ ผมรีบทำตามทันที แทรกมือเย็น ๆ สอดเข้าไปใต้ชายเสื้อคนตัวสูง นาคินทร์สะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่ขัดขืนอะไร

“อุ่นกว่าจริง ๆ”
ผมอังหลังมือสลับกับหงายเพื่อปรับให้มือตัวเองหายหนาว วางมันไว้เฉย ๆ เลื่อนไปแถว ๆ เอวเพราะมันถนัดกว่า

“นาคินทร์หนาวไหม”

“ตอนแรกหนาวนิด ๆ ตอนนี้ไม่แล้วครับ”

ผมเงยหน้ามอง เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ถึงตัวคุณหนูไม่ได้ร้อนเหมือนนาคินทร์ แต่ก็ทำให้นาคินทร์อุ่นขึ้น”
ผมหัวเราะ เลื่อนมือไปด้านหลังมากขึ้นคล้ายกับจะกอดนาคินทร์กลับ

“หนักไหม”
ผมกระซิบถามเสียงเบา ไม่อยากให้เสียงตัวเองรบกวนความสุขที่มีตอนนี้มาก

“ไม่ครับ คุณหนูตัวเบา”

ผมอิงแอบใบหน้ากับแผงอกมากขึ้น มีอะไรบางอย่างกะพริบแสงริบหรี่บินมาตัวหนึ่ง ผมมองตามเพราะไม่แน่ใจว่านั่นคืออะไร ตอนแรกก็แอบกลัวครับ แต่พอเพ่งมองดี ๆ แล้วถึงเห็นว่ามันมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกสองสามแสง

“นาคินทร์”
ผมเรียก นาคินทร์ก้มมองผม ผมบุ้ยปากไปทางพุ่มไม้ของต้นอะไรสักอย่างที่นาคินทร์บอก นาคินทร์ยิ้ม

“คุณหนูโชคดีมากครับ หิ่งห้อยมากันแล้ว”
นาคินทร์หันไปมองตามดี ๆ พวกมันพากันบินมากันทีละตัวสองตัว บินว่อนกลางอากาศ มันไม่ได้เยอะแต่ก็สวย ผมเงยหน้ามองดาวสลับมองหิ่งห้อยพวกนั้น

“นาคินทร์”

“ครับ”

“นาคินทร์เคยพาสาวมานั่งดูดาวกับหิ่งห้อยแบบนี้ไหม”

“ไม่เคยครับ”

ผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ

“อ้าว แล้วมะลิล่ะ”

“มะลิเธอกลัวผีครับ”
นาคินทร์ตอบโดยไม่มองหน้า ผมพยักหน้าเข้าใจ

“ถ้ามากับนาคินทร์ ฉันไม่กลัวหรอก”

นาคินทร์กระชับกอดผมแน่นขึ้น

นั่งดูเพลิน ๆ มันก็ชักง่วง ๆ ผมหาวออกมาเบา ๆ นาคินทร์ก้มมอง

“ง่วงแล้วเหรอครับ”

ผมพยักหน้า

“ดึกมากแล้ว เข้านอนก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมจะพามาดูอีกรอบ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ขยับลุกยืน นาคินทร์ลุกตาม ขยับออกจากเสื่อ ก้มพับมันเป็นม้วน หยิบไฟฉายและตะเกียงเจ้าพายุขึ้นมาหมุนเพิ่มแสง พยักหน้าชวนผมให้เดินตาม

“ไอ้นั่น ฉันถือเองดีกว่า”

นาคินทร์หันมามองงง ๆ ผมยื่นมือตัวเองไปให้จับ

“นาคินทร์มีหน้าที่จับมือไม่ให้ฉันกลัวนะ”

นาคินทร์ยิ้ม แต่ก็ยอมส่งตะเกียงเจ้าพายุมาให้ผมถือ จับมืออีกข้างที่ว่างผมไว้ ผมยิ้มให้นิด ๆ ยกตะเกียงเจ้าพายุสูงขึ้นให้ทาง เดินเคียงกันทีละก้าวเข้าบ้านไป




ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องนอน นาคินทร์นอนแล้ว บนฟูกฝั่งหนึ่ง ผมล็อกประตู วางตะเกียงเจ้าพายุไว้ แต่ไม่ได้ดับ หรี่แสงลงจนอ่อน

“เปิดไว้ทั้งคืนได้ไหม”

“ได้ครับ คุณหนูกลัวเหรอ”

“ไม่ได้กลัว แต่มีไว้ให้อุ่นใจ”

นาคินทร์หัวเราะ ผมทิ้งตัวลงนอน หันหน้าเข้าหาคนตัวสูง

“นาคินทร์” ผมเรียกเสียงเบา นาคินทร์พลิกหันมามอง “นอนด้วยได้ไหม”

นาคินทร์เลิกคิ้ว

“ก็นอนอยู่ด้วยกันนี่ครับ”

“นอนใกล้กันกว่านี้”

นาคินทร์มองตาผม

“มันน่าจะอุ่นกว่าผ้าห่มผืนนี้”
ผมจ้องตาคนตัวสูงกลับ กลัวเหมือนกันว่าจะโดนปฏิเสธ นาคินทร์ไม่พูดอะไร พยักหน้าให้ที ผมยิ้ม ขยับเลื่อนตัวออกจากผ้าห่มตัวเอง แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน นาคินทร์ขยับพลิกตัวหันมาเผชิญหน้า ผมไม่พูดอะไร ขยับมุดทั้งตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น ดึงเอาแขนแกร่งพาดไว้บนตัว กระซิบบอกเสียงเบา

“ทำให้ฉันอุ่นทีนะ”

“ครับ”
ได้ยินเสียงตอบรับเบา ๆ

กลิ่นตัวนาคินทร์หอมมาก หอมสุด ๆ ผมแนบปากลงกับแผงอกกว้างอย่างไม่ให้อีกคนรู้ตัว ใจผมตอนนี้อยากให้นาคินทร์กอดผม กอดแน่นกว่านี้ กอดด้วยหัวใจ กอดด้วยร่างกาย กอดด้วยความรัก ผมจงใจเบียดชิดเรือนร่างเข้าหาคนตัวสูงมากขึ้น โดยเฉพาะขาที่บดเบียดกับส่วนนั้นของนาคินทร์โดยตรง ท่าทางเหมือนกับร่างกายต้องการหาไออุ่นทั่วไป ผมหวังว่าขาผมจะทำให้มันตื่นขึ้นมาได้บ้าง แต่มันยังนอนนิ่งจนผมแอบท้อใจ

แต่ก็เอาเถอะ แค่ได้นอนอยู่ภายในอ้อมแขนของกันและกันนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ราตรีสวัสดิ์”
ผมกระซิบบอก เบียดขากับส่วนนั้นมากขึ้นไปอีก จะว่าไปแล้วมันก็อุ่นดี
 
“คุณหนูครับ”
ได้ยินเสียงเรียกหาแผ่ว ๆ ลอยมาตามลม

“คุณหนู”
ได้ยินเสียงเรียกอีกครั้งแผ่วเบา ผมหันไปมอง ยิ้มทันทีที่เห็น

“นาคินทร์”

นาคินทร์ในชุดคล้ายนักรบยืนนิ่งอยู่ตรงจุดนั้น ผมรีบเดินเข้าไปหา แต่วันนี้ชุดผมมันแปลกยังไงพิกล ผมก้มมอง สิ่งแรกที่เห็นคืออะไรดูม ๆ ตรงหน้าอก ผมตาโตก้มสำรวจ มันเป็นหน้าอกผู้หญิงครับ ผมลองจับ ๆ ดู รู้สึกได้เลย

นี่ผมมีหน้าอกด้วย มองต่ำลงไป ผมใส่กระโปรงอยู่ ยาวคลุมข้อเท้า รูปแบบชุดเหมือนหนังสมัยโบราณสักเรื่องที่ผมเคยดู ผมยกมือขึ้นดู มือผมดูบอบบางมากกว่าปกติ ขาวจั๊วะเลย มีกำไลเต็มแขน ผมยาวอีกต่างหาก ผมลองจับหน้าจับตาตัวเองดู กำลังจะสำรวจเพื่อให้หายสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงได้กลายมาเป็นผู้หญิงได้ แต่ผมก็เลิกสนใจไปเพราะนาคินทร์สำคัญกว่า ผมรีบขยุ้มกระโปรงที่มันยาวรุ่มร่าม ยกขึ้นนิด ๆ วิ่งเข้าไปหาคนตัวสูง

ผมไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม นาคินทร์ย่อตัวคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น ทำความเคารพผมทันที จับหลังมือผมไปจุมพิศแผ่วเบา

“เราคิดถึงท่านเหลือเกิน”
แล้วทำไมผมต้องพูดจาภาษาโบราณแบบนี้ด้วยวะ

“กระหม่อมเช่นกัน”
อ้าว นาคินทร์ก็ด้วย

“คิดว่าจะไม่มาหาเราซะแล้ว”

“กระหม่อมติดภาระกิจเพื่อบ้านเมือง องค์หญิงก็น่าจะทรงทราบดี”
อ้าวไหง จากคุณหนูกลายมาเป็นองค์หญิงไปได้ล่ะ

ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากมายนัก นาคินทร์พาผมเดินเล่นไปรอบ ๆ ผมรู้แค่ผมว่ามีความสุขมาก และรู้สึกรักนาคินทร์มากจริง ๆ

แล้วอยู่ ๆ ภาพแห่งความสุขกับนาคินทร์ก็เปลี่ยนไปเป็นฉากที่นาคินทร์ในชุดนักรบชุดเดิมถูกทหารสองคนจับนั่งคุกเข่า ปลายดาบจ่อไว้ที่คอหอย

“ไม่นะท่านพ่อ ปล่อยเขาไป ได้โปรดเถอะ!!”
เสียงผมตะโกนลั่นร้องขอชีวิต

ไม่ได้นะ พวกเขาจะมาพรากนาคินทร์ไปจากผมไม่ได้

“ไม่เป็นไรองค์หญิง กระหม่อมผิดเองที่อาจเอื้อม”

“ไม่ ได้โปรดเถอะ อย่าทำอะไรเขาเลย หากจะลงโทษได้โปรดลงโทษลูกที่ปล่อยตัวปล่อยใจมอบหัวใจดวงนี้ให้แก่เขา ได้โปรดเอาชีวิตลูกไปเถอะ”
แล้วหน้าผมก็หันไปตามแรงมือจากฝ่ามือที่ผมรู้ว่าเขาเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของผมเอง

“เจ้าทำผิดประเวณี ทำตัวต่ำช้า เสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล”

ผมน้ำตาร่วง

“ประหารมันเดี๋ยวนี้”

“ไม่น้า!!”
ผมตะโกนลั่น นาคินทร์มองมาที่ผม

“ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติกระหม่อมจะเป็นทาสรักขององค์หญิงตลอดไป”
นาคินทร์หลับตาลง แล้วคอที่เคยวางอยู่บนหัวก็ขาดสะบั้น ผมกรีดร้องออกมาสุดเสียง จ้องมองร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณนั้น

หน้าที่ถูกตบยังไม่สร้างความบอบช้ำได้เท่ากับหัวใจที่ถูกพรากจาก ผมขยับร่างคว้าเอามีดสั้นที่อยู่กับเอวของทหารคนหนึ่งขึ้นมาถือ

“องค์หญิง!!”
เสียงผู้คนพากันลุกฮือ ผมไม่สนใจใคร น้ำตาไหลรินไม่หยุด ขยับปากกับดวงตาที่ปิดสนิทแต่ไร้ร่างกายนั่น

“ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติภพ หัวใจดวงนี้ ร่างกายนี้จะเป็นของท่านเพียงคนเดียว”
ผมจ้วงปักมีดลงกลางใจตัวเอง

“องค์หญิง!!”

“คุณหนู”

“คุณหนูครับ”

“คุณหนู”
มีบางสิ่งเขย่าปลุกร่างผมแรง ๆ ผมค่อย ๆ ขยับเปลือกตามอง

“เป็นไรครับ เกิดอะไรขึ้น” นาคินทร์มองผมด้วยสีหน้าร้อนรน “เกิดอะไรขึ้น เจ็บตรงไหน ร้องไห้ทำไม”
ผมไม่ได้พูดอะไร ภาพฝันกับภาพจริงตีกันให้ยุ่ง

“นาคินทร์” ผมขยับเลื่อนมือไปจับหน้านาคินทร์ไว้ นาคินทร์รวบจับมือผมไว้ “นาคินทร์จริง ๆ ใช่ไหม นาคินทร์ยังไม่ตาย”

“คุณหนูครับ นาคินทร์ยังไม่ตาย เกิดอะไรขึ้น ฝันร้ายเหรอ”

ผมสะอื้นออกมาเบา ๆ นี่ผมร้องไห้ออกมาเลยเหรอ

“นาคินทร์”
ผมโผเข้ากอดนาคินทร์แน่นทันที ความรู้สึกเจ็บร้าวขององค์หญิงผู้นั้นล้นปรี่อยู่ในหัวใจผม ผมสะอื้นไห้ โดยมีนาคินทร์ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจ

“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีอะไร คุณหนูแค่ฝันร้าย”
นาคินทร์ลูบหัวปลอบ ผมยังนั่งน้ำตาไหลรินไม่หยุด กระทั่งความเศร้าที่มีมากล้นค่อย ๆ เบาบางจางลง

“ฝันว่าอะไรครับ เล่าให้นาคินทร์ฟังได้ไหม”

ผมนิ่งคิด นาคินทร์จะหาว่าผมเพ้อเจ้อหรือเปล่านะ แต่มันน่าอายเกินไป ผมเลยเลือกที่จะไม่เล่า

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันร้าย สงสัยก่อนนอนลืมสวดมนต์”

“ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าไม่สบายใจ สวดมนต์ก่อนก็ได้”
ผมพยักหน้า ลุกขึ้นสวดมนต์จริง ๆ อะระหังสัมมาธรรมดานี่แหละ แล้วทิ้งตัวลงนอนต่อ คราวนี้ผมไม่ต้องร้องขอเพราะนาคินทร์โอบเอาตัวผมเข้าไปกอดแน่นอีกครั้ง

“นาคินทร์เชื่อเรื่องเนื้อคู่ไหม” ผมกระซิบถามภายในอ้อมแขนแกร่ง “คู่เวรคู่กรรม”

“ครับ เสียแต่เนื้อคู่นาคินทร์อายุสั้นไปหน่อย”

“นั่นอาจไม่ใช่เนื้อคู่ที่แท้จริงของนาคินทร์ก็ได้นะ”

นาคินทร์ก้มมอง

“แล้วใครคือเนื้อคู่ที่แท้จริงนาคินทร์ละครับ”

ผมไม่ตอบ

“กอดฉันแน่น ๆ นะนาคินทร์ ฉันไม่อยากฝันแบบนั้นอีกแล้ว”

“ครับ” นาคินทร์ตอบรับ กระชับกอดผมแน่นขึ้น

To be con..
เป็นเนื้อคู่กันแล้ว ไม่แคล้วกัน
หนึ่งเม้นท์หนึ่งกำลังใจนะคะ ^^





แจ้งข่าวววว
วันที่ 13-24 ต.คนี้ ไปหาซื้อหนังสือของ Memew ได้ที่ร้าน B2S กับ Hermit ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ คนเขียนเอานิยายไปลง 5 เรื่อง , Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี (250.-), Try Love รักครับ ขอจีบได้ไหมครับอาจารย์ (350.-), Hate Love ทาสแค้น (1,300.-), Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (1,500.-), Boyfriends 300.-
เสียดายปกนาคินทร์อนุชาเสร็จไม่ทัน เลยอดไปงานนี้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 16 ต.ค 59 เวลา 11.00-12.00 น. คนเขียนจะชูแวบไปแจกลายเซ็นที่บูธ B2S ไปเจอกันได้นะคะ ^^



หนังสือ&e-book Memew : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-10-2016 18:49:35
 :sad11:    โอ๋ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-10-2016 19:23:39
เนื้อคู่อาจอยู่ใกล้ๆนาคินทร์แล้วก็ได้น้าาาาาาา :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-10-2016 20:05:19
อู้ววววววววว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 10-10-2016 21:10:11
อ้อยเบาๆ ฝันซะเศร้าเลยนะคะ  :o12:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: wannawanpa ที่ 10-10-2016 21:52:02
รู้ตัวกันได้แล้วววววววว
เศร้าไปนิดหน่อยเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-10-2016 22:09:08
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-10-2016 22:32:38
โอ้วววววว มีเร่องชาติก่อนด้วยอ่ะ
งี้คงไม่แคล้วกันแหงๆ 55555555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-10-2016 23:23:24
มีฝันเห็นอดีตด้วย เป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 11-10-2016 09:27:14
 :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 11-10-2016 12:25:25
5555 นาคินคนซื่อ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Shxaum ที่ 13-10-2016 01:10:09
เป็นเนื้อคู่กันมาก่อนอยู่แล้ว โอ้ยยยย อบอุ่นอ่าาา น่าร๊ากกกก  :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-10-2016 05:25:17
อ่านไป ก็จั๊กกะเดียมใจ :-[
ฮึ่ยยย....ทำไมเราไม่มีผ้าห่มมีชีวิตแบบนี้กับเขาบ้าง  :ling1:
อบอุ่น อ่อนโยน ตามใจ แบบนาคินทร์บ้าง
นาคินทร์ คุณหนู คงมีความสุขมากๆ
เพราะต่างฝ่ายต่างรักกัน แม้ไม่บอกกัน
แต่พอรู้อดีตชาติ ก็น่าเห็นใจความรักต่างศักดิ์
ต้องมาเสียชีวิตในวัยหนุ่มสาว
เพราะค่านิยม ชนชั้น ที่สืบต่อกันมา ของคนที่ไม่เปิดกว้าง
รอ  นาคินทร์ปลอบคุณหนู อื้ออ.....อย่างนั้นนะ  :-[ :impress2:
แล้วเข้า....กันซะที หลายที...ยิ่งชอบบบบ  :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.14 ค่ำคืน ท้องฟ้า...(P.14)(10-10-2559) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-10-2016 05:53:05
 :pig4:
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 15-10-2016 16:30:31
+CHAPTER 15 : สองร่างรวมเป็นหนึ่ง 150%


ผมหลับไปอีกรอบท่ามกลางความอบอุ่นในอ้อมแขนแกร่ง ลองมานึกทบทวนฝันเมื่อคืน สงสัยผมจะฟุ้งซ่านคิดมากไปเอง หรือถ้าเป็นฝันบอกเหตุจริง ผมกับนาคินทร์ก็ถือว่ามีกรรมร่วมกันมาก ขนาดเป็นผู้หญิงผู้ชายยังไม่มีสิทธิ์ได้ครองรักกันเลย มาชาตินี้มันจะอยู่ด้วยกันได้ไหม ฐานะผมสูงกว่านาคินทร์เหมือนเดิม ถึงไม่ขนาดเป็นเจ้าหญิงก็เถอะ แต่ก็เป็นเจ้านาย สูงศักดิ์กว่า ที่สำคัญ ยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก
 
พอผมตื่นก็ไม่เห็นนาคินทร์แล้ว ผมลุกเดินออกจากห้อง เห็นแม่นาคินทร์นั่งทำอะไรอยู่ ผมทักทายพอเป็นพิธีเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน อย่าหวังว่าผมจะอาบน้ำครับ น้ำเย็นขนาดนี้
 
นาคินทร์โผล่หน้าเข้ามาพอดี ผมยิ้มอ่อนโยนให้
 
“ตื่นแล้วเหรอครับ หิวรึยัง”
 
“นิด ๆ”
 
“นาคินทร์จะจัดอาหารให้ คอยสักครู่นะครับ”
ผมพยักหน้ารับ นั่งมองแม่นาคินทร์เย็บอะไรอยู่ คงเป็นเสื้อผ้าที่ขาด ตาแกหรี่แสงลงแล้ว แต่ก็ยังคล่องแคล่ว นาคินทร์เข้ามาชวนผมกิน นาคินทร์กินก่อนกับครอบครัวแล้ว อันนี้ต่อว่านาคินทร์ไม่ได้เพราะผมตื่นสายเอง อีกอย่างนาคินทร์มาหาพ่อแม่ ผมไม่ควรงี่เง่าต่อว่าเขาด้วย
 
บางอย่างนาคินทร์ลงมือทำให้ผมโดยเฉพาะ ทุกคนออกจากบ้านกันหมดแล้ว ก่อนที่เราจะเอาข้าวของที่เตรียมมาไปบริจาค ผมร้องขอให้นาคินทร์พาผมเข้าเมืองไปหาซื้อของเพิ่ม
 
ใช้เวลาขับรถไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็มาถึงห้างใหญ่ในเมือง นาคินทร์เดินไปเอารถเข็นอย่างรู้หน้าที่ ผมเดินไปยังโซนเครื่องใช้ส่วนตัวก่อน หยิบแปรงสีฟันเป็นสิ่งแรก เอาชนิดที่นุ่มที่สุดดีที่สุดสำหรับสุขภาพคนสูงวัย เอามาหลายอันเลย นาคินทร์มองงง ๆ
 
“เอาไปบริจาคเหรอครับ”
 
“เปล่า เอาไปฝากพ่อแม่นาคินทร์ ของท่านบานหมดแล้ว”
 
“ซื้อเอาร้านขายของชำสิบบาทก็พอครับ”
 
ผมส่ายหน้า “อันนี้แหละดีแล้ว ซื้อเผื่อไว้หลาย ๆ อัน”
 
“แต่มันแพงเกินไป”
 
“ฉันรู้ อย่าไปบอกราคาจริงกับพ่อแม่ล่ะ”
 
“คุณหนู”
 
“นี่ ให้ฉันได้ใช้เงินตัวเองบ้าง เก็บไว้นานมันจะบูดเอานะ นี่ ฉันทำตามอย่างที่นาคินทร์บอกแล้วไง แทนที่จะเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย เอามาทำประโยชน์ให้คนอื่นดีกว่า”
พูดจบผมก็กวาดเอาของใช้จำเป็นยกแพ็กลงรถเข็น กะเอาไปบริจาคทั้งหมดนั่นแหละ นาคินทร์ส่ายหน้า แต่ไม่พูดอะไร
 
พอเงินหมดพอประมาณ นาคินทร์ก็พาผมกลับ เราเอาพวกเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่เตรียมมาไปตระเวนแจกให้คนยากคนจนกันก่อนตามบ้านคนยากคนจน ซึ่งพ่อกับแม่นาคินทร์ไปด้วยในฐานะคนพื้นที่และรู้จักผู้คนในหมู่บ้านตัวเองดีว่าใครต้องการอะไรบ้าง โดยทุกคนให้ผมเป็นคนมอบเองหมด พวกนั้นกราบไหว้ผมกันยกใหญ่
 
“ทานน้ำก่อนครับ”
นาคินทร์ยื่นน้ำเปล่าที่เสียบหลอดเอาไว้ให้เรียบร้อยมาให้ ผมรับมาดูด นาคินทร์เอาพัดมาพัดให้จนผมผมปลิวสะบัด ผมยิ้มให้กับการเอาอกเอาใจแบบนั้น
 
“เหนื่อยไหม”
ผมถามกลับ นาคินทร์ยิ้ม
 
“นาคินทร์ต้องถามคุณหนูมากกว่า”
 
ผมส่ายหัว “ไม่เหนื่อยเลย สนุกดี ไม่น่าเชื่อว่าหลายคนจะยากจนขนาดนี้”
 
“มุมหนึ่งของชีวิตครับ นาคินทร์ถึงเสียดายทุกครั้งที่คุณหนูใช้จ่ายแบบไม่คิด”
 
“ตอนนี้ฉันคิดได้แล้วเห็นไหม สมองมีรอยหยักขึ้นมาแล้ว”
นาคินทร์หัวเราะ เรามองตากัน ภาพในความฝันหวนเข้ามา
 
ความเสียใจที่กรุ่นอยู่ในหัวใจผมลึก ๆ ในฐานะเจ้าหญิงวิ่งวนเข้ามา ผมไม่รู้ว่าฝันนั้นจริงหรือไม่จริง แต่ผมไม่อยากให้เราพรากจากกันอีก ผมใช้หลังมือเกลี่ยแก้มนาคินทร์เบา ๆ นาคินทร์นิ่งไป
 
“สัญญานะนาคินทร์”
 
“ครับ ว่า…”
 
“ห้ามหนีฉันไปไหนเด็ดขาด นาคินทร์ต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต แม้กระทั่งความตาย ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ห้ามด่วนตายก่อนเป็นอันเด็ดขาด”
 
“มันขึ้นอยู่กับเวรกับกรรมนะครับ เรื่องแบบนี้ห้ามกันไม่ได้หรอก”
 
“ได้สิ ถ้านาคินทร์ให้สัจจะมั่น ห้ามตายหนีฉันไปเด็ดขาด”
นาคินทร์มองตา จับมือผมที่แก้มตัวเองไว้ รับปากเสียงแผ่ว
 
“ครับ นาคินทร์สัญญา”
 
ผมยิ้ม
 
พ่อกับแม่นาคินทร์พากันเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น เราเอาของมาแจกเขาก็จริง แต่แต่ละบ้านก็มีน้ำใจแบ่งปันผักบ้างผลหมากรากไม้ จนเหมือนของในรถแทบจะไม่ยุบมีแต่จะเพิ่ม เราก็เอาไปแบ่งให้บ้านอื่นต่อ เป็นวิถีชีวิตที่น่ารักดี
 
มื้อเที่ยง เรากินกันริมแม่น้ำที่เป็นเส้นทางจะไปบ้านคนยากไร้อีกหลัง ปูเสื่อนั่งจ้วงกันริมน้ำเลย อร่อยเหาะ พ่อแม่นาคินทร์ห่อมาเมื่อเช้า ปกติบ้านผมจะไม่กินอาหารซ้ำซาก แต่คนต่างจังหวัดทำกับข้าวครั้งเดียวกินได้ทั้งวันดีไม่ดีข้ามวันด้วยซ้ำ
 
ตราบจนข้าวของที่จัดมาสำหรับคนยากไร้หมดสิ้น นาคินทร์ถึงได้พาพ่อกับแม่กลับบ้าน ส่วนพวกอุปกรณ์การเรียนการสอนต้องรอให้วันจันทร์ ซึ่งเราไม่ได้อยู่มอบหรอก ไว้ให้พี่สาวนาคินทร์ช่วยเป็นธุระให้อีกที
 
“คุณหนูอยากนั่งรถเที่ยวรอบหมูบ้านไหมครับ”
 
“เอาสิ เมื่อกี้มีหลายจุดอยากแวะลงถ่ายรูป แต่เกรงใจพ่อกับแม่เลยไม่ได้แวะ”
 
“งั้นสักครู่”
นาคินทร์เข้าไปในบ้านแล้วกลับออกมาอีกครั้ง ไม่รู้เข้าไปเอาอะไร
 
“ลองไปด้วยไอ้นั่นดีไหม”
ผมชี้ไปยังมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ ที่จอดไว้ข้าง ๆ  นาคินทร์ส่ายหัว
 
“มันเสียแล้วครับ ถ้าอยากไปมอเตอร์ไซค์จริง รอสักครู่”
นาคินทร์เดินหายไปพักหนึ่งก็เดินกลับมาพร้อมมอเตอร์ไซค์หน้าตาดีคันหนึ่ง
 
“รถหลานนาคินทร์เอง เกียร์ออโต้”
ผมพยักหน้า หมวกไม่ต้อง นาคินทร์ขึ้นนั่ง ผมรีบขึ้นไปซ้อนทันที
 
“กลับมาเมืองไทยก็ไม่มีโอกาสได้ขี่รถแบบนี้อีกเลย”
 
“ลองขับดูเองไหมครับ”
 
“ไม่ละ นาคินทร์ขับเถอะ เจ้าของถิ่นรู้เส้นทางดีกว่า ฉันจะถ่ายรูป”
 
นาคินทร์พยักหน้ารับ ขับช้า ๆ พาผมทัวร์รอบหมู่บ้าน ก่อนแวบพาไปตามถนนที่สองข้างทางเป็นท้องทุ่งนา เส้นทางไหนรถวิ่งได้ก็พากันไป มีห้างน้อยกลางทุ่งนาวิวดีหลังหนึ่งตั้งอยู่บนเนินดิน ลักษณะมันเหมือนที่เขาชอบถ่ายลงในโปสการ์ด ผมบอกให้นาคินทร์จอด เดินหามุมถ่ายรูป อัพลงเฟซครอบครัว ใส่ตัวหนังสือเก๋ ๆ ชิค ๆ ลงไปอีกนิดหน่อย
 
“คุณหนูถ่ายรูปเก่งจัง”
นาคินทร์ชม ผมยิ้ม เพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่มาด้วยกัน ไม่เคยถ่ายรูปคู่กันเลย
 
“นาคินทร์มานี่”
ผมเรียก จับนาคินทร์มาใกล้ กดถ่ายภาพแชะ นาคินทร์หน้าเหวอ
 
“เอาใหม่ ๆ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามนะ”
ผมบอกเพื่อให้อีกคนตั้งตัวทัน พอผมนับสามนาคินทร์ก็ฉีกยิ้มตาม ได้ภาพคนสองคนที่มีรอยยิ้มพิมพ์เดียวกันบนหน้าจอ ผมอัพรูปลงเฟซทันที
 
แน่นอนคนเม้นท์เพียบ ชยันต์เม้นท์มาด้วย
 
'หน้าตาคล้ายกันจังนะ'
 
ผมอึ้งไป นึกถึงคำโบราณที่เขาบอกไว้กันว่าเนื้อคู่กันมักหน้าตาเหมือนกัน ผมมองหน้านาคินทร์ ผมไม่รู้หรอกว่าเราเหมือนไม่เหมือน ผมรู้แค่ว่า  นาคินทร์หล่อมาก ไม่ใช่หล่อที่ภายนอก แต่เป็นหล่อจากภายใน
 
หัวใจนาคินทร์หล่อกว่าหน้าตาภายนอกที่เห็นเยอะ ผมไม่ได้สนใจตอบใคร ปิดมือถือลง
 
“นี่ เราขึ้นไปนั่งกันบนนั้นได้ไหม ของใคร”
 
“นั่งได้ครับ ที่นี่เขาไม่ได้หวงหรอก อย่ายกไปทั้งหลังก็พอ”
 
ผมหัวเราะ
 
“ไปครับ นาคินทร์จะพาไป”
นาคินทร์ยื่นมือมารับ ผมวางมือลงบนมือนั้น ก้าวตาม ต้องปีนเนินกันนิดหน่อยแต่ไม่มาก บนนี้ลมพัดเย็นดีมาก
 
“เขาเอาไว้พักเวลามาทำไร่ทำนากัน ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครผ่านมาหรอก เพราะเขาปลูกข้าวกันหมดแล้ว นาน ๆ ทีมาดูที”
ผมพยักหน้าเข้าใจ มองนาข้าวเขียวขจี
 
“นาอื่นปลูกข้าวกันทำไมนานาคินทร์ไม่ปลูก”
 
“ปีนี้ฝนแล้ง คนที่บ้านเลยตกลงกันว่าจะไม่ทำนา ซึ่งก็ตัดสินใจกันถูกแล้วละครับ เพราะน้ำไม่พอ นาแถวนี้ทำได้เพราะใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ แต่มันก็แห้งมากแล้ว”
นาคินทร์ชี้ให้ดูแนวลำคลองที่เห็นอยู่ไม่ห่าง
 
“ฝนคงแห่ไปตกกันที่กรุงเทพหมด”
 
“ถ้าเทียบกับทุกปีแล้ว ปีนี้ถือว่าฝนน้อยครับ กรุงเทพยังน้อยเลย”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย มองทุ่งข้าวขนาดใหญ่ตรงหน้า ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นเหมือนกันว่ามันไม่ค่อยเขียวขจีเหมือนในภาพถ่ายที่ผมเห็นเท่าไหร่ แต่ก็ยังสวยงามอยู่
 
ผมนั่งห้อยขาบนห้างน้อย พื้นมันยกสูงประมาณสะโพกผม นาคินทร์นั่งอยู่ข้าง ๆ ห้อยขาลงมาไม่ต่าง มองตรงไปยังทุ่งนาเดียวกัน ผมขยับเข้าไปชิดนาคินทร์มากขึ้น อิงหัวซบไหล่ นาคินทร์ไม่ได้ขยับเลื่อนตัวหนีหรือทักท้วงอะไร
 
“ฉันชอบที่นี่นะนาคินทร์”
 
“ครับ นาคินทร์ก็ชอบ”
นาคินทร์ตอบเสียงเบา หลังมือผมอยู่ชิดหลังมือนาคินทร์ ผมค่อย ๆ เลื่อนไปกอบกุมมันไว้ ไม่มีใครพูดอะไรต่อกัน ผมตื่นเต้นนะที่มาทำอะไรแบบนี้
 
“หนาวเหรอครับ”
ผมยิ้มบางกับคำถามนั้น นาคินทร์คงเข้าใจว่าทุกครั้งที่ผมจับมือคือผมต้องการหาไออุ่นซินะ ผมพยักหน้านิด ๆ ทั้งที่อากาศตอนนี้กำลังเย็นสบายได้ที่ นาคินทร์กระชับมือผมแน่นขึ้น
 
“เสียงคุณหนูเพราะ คุณหนูร้องเพลงให้นาคินทร์ฟังสักเพลงได้ไหมครับ”
 
ผมนิ่งคิด ก่อนขยับปาก ร้องเพลงรักหวานซึ้งเบา ๆ มือที่กุมมือผมไว้กระชับแน่นขึ้นอีก
 
“เพราะ”
นาคินทร์พูดขึ้นมาคำเดียว
 
ผมขยับปากร้องเพลงถัดไป มีนกโผบินเข้ามาใกล้ ๆ สายลมพัดผ่านดังซ่า กิ่งก้านไหวเอนเสียดสีกันไปมาเบา ๆ ใบไม้สีเขียวสลับกับเหลืองอ่อนร่วงหล่นลงมาเป็นทางราวกับหิมะหลากสี ผมหลับตาลง ใช้ใจในการร้อง เปล่งเสียงให้ไพเราะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ความหมายของเนื้อเพลง กินลึกเข้าไปในหัวใจนาคินทร์
 
ผมค่อย ๆ ลืมตามองเมื่อเสียงเพลงท่อนสุดท้ายจบลง นาคินทร์มองผมอยู่ หน้าผมร้อนผ่าว
 
“บางครั้งนาคินทร์ก็คิดว่าคุณหนูคือเทพธิดาแปลงกายมา”
นาคินทร์พูดเสียงเบา
 
“เทวดาสิ เทพธิดามันผู้หญิง”
ผมพูดกลับด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน ตาจ้องตา นาคินทร์ส่ายหัว
 
“เทวดาไม่งดงามเท่าเทพธิดาหรอกครับ และคุณหนูของผมงดงามเกินกว่าจะเป็นเทวดา”
 
“นาคินทร์ ฉันเป็นผู้ชายนะ” ผมกระซิบเตือนเสียงแผ่ว
 
“นาคินทร์รู้ครับ แต่ก็เป็นผู้ชายที่งดงามและน่าทะนุถนอมที่สุด”
 
“นาคินทร์คิดแบบนี้กับพี่น้องทุกคนของฉันหรือเปล่า”
ผมเลื่อนสายตาลงไปยังริมฝีปากได้รูปนั้น
 
“ไม่ครับ เฉพาะคุณหนูอนุชาเท่านั้น”
 
“ชยันต์ก็สวยนะ”
เราพูดกันด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเป็นเสียงกระซิบ
 
“ครับ คุณหนูชยันต์เป็นผู้ชายที่สวยมาก แต่สำหรับนาคินทร์ คุณหนูอนุชางดงามที่สุด”
นาคินทร์พูดเหมือนคนโดนมนต์สะกด
 
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนหน้าของเราสองคนจะขยับเข้าหากันมากขึ้น ผมเผยอริมฝีปากนิด ๆ นาคินทร์หลุบตามอง ผมร้อนวูบในหัวใจ ค่อย ๆ หลับตาลงเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายแนบชิดลงมา สัมผัสแรกแค่แตะแผ่ว ก่อนจะค่อย ๆ แนบแน่นมากขึ้น

“คุณหนู”
นาคินทร์ละปากมากระซิบเรียก ผมไม่พูดอะไร แนบปากเข้าหาอีกครั้ง เผยออ้านิด ๆ ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายก็แทรกเข้ามาทันที
 
เรายังนั่งกันอยู่ท่าเดิม มีเพียงปากเท่านั้นที่กำลังแนบสนิท ผมขยับเอียงหน้าให้ได้องศา นาคินทร์บดขยี้ริมฝีปากผมรุนแรง ลิ้นร้อนภายในก็โหมเร้า หน้าผมแหงนไปตามแรงกดที่ดูเหมือนจะเพิ่มทวีคูณ นาคินทร์ขยับมาคร่อมร่างผมไว้ มือหนึ่งค้ำพื้น อีกมือรองหลังค่อย ๆ ดันผมลงนอน
 
ขาผมยังห้อยอยู่ สองลิ้นภายในตวัดทักทายกันอย่างแสนคิดถึง ผมเลื่อนมือขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่งไว้ในขณะที่มืออีกฝ่ายล้วงผ่านชายเสื้อเข้ามาลูบไล้หน้าท้องสูงขึ้นมาที่หัวนม ผมครางออกมาเบา ๆ
 
นาคินทร์ชะงัก ค่อย ๆ ถอนปากออกมอง ก่อนก้มมองมือตัวเองที่อยู่แถว ๆ ยอดอกผม
 
“นาคินทร์ขออภัย”
นาคินทร์ทำท่าจะชักมือกลับ แต่ผมตะครุบจับไว้ มองตาไม่เคลื่อนไปไหน
 
“จับอีกสิ” ผมบอกเสียงแผ่ว “บีบแรง ๆ อย่างที่นาคินทร์เคยทำ”

นาคินทร์นิ่งอยู่สักพัก ก่อนมือนั้นจะค่อย ๆ เคลื่อนไหว เกลี่ยไล้ไปมา แล้วบีบยอดอกผมเบา ๆ ผมครางออกมาอย่างรู้สึกดี 
 
“คุณหนูน่ารัก น่ารักเหลือเกิน”
คำพูดพร่า ๆ นั้นทำให้อารมณ์ผมร้อนรุ่มมากขึ้นอีก
 
“กอดฉันนาคินทร์กอดฉัน”
ผมร้องขอเหมือนที่เคยทำ
 
“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวใครผ่านมาเห็นเข้า”
 
“ใจร้าย” ผมต่อว่า
 
“ให้อภัยนาคินทร์ด้วย เดี๋ยวนาคินทร์จะช่วยปลดปล่อยให้”
พูดจบนาคินทร์ก็คล้องเอวผมดึงให้ลุกนั่งท่าเดิม กระซิบข้างหูเบา ๆ
 
“อยู่นิ่ง ๆ นะครับ”
แล้วมือร้อนก็จัดการเคลื่อนไหวส่วนล่างให้ ผมมุดหน้ากับแผงอกกว้างนั้น เพียงแค่ชั่วเดี๋ยวเดียวมันก็ปลดปล่อย ผมหอบแฮก ก้มมองด้านล่างของนาคินทร์บ้าง มันตื่นเหมือนกัน
 
“ให้ฉันช่วยไหม”
 
“ไม่ครับ เดี๋ยวมันก็หลับ เราไปกันเถอะ มีอีกหลายที่ที่นาคินทร์อยากให้คุณหนูดู”
 
“แต่…”
ผมทำท่าจะจับ แต่นาคินทร์จับมือผมไว้
 
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวมันก็ลงจริง ๆ”
ผมพยักหน้าเข้าใจ นาคินทร์คงกลัวใครมาเห็น เขาเดินไปขึ้นรถ ผมแอบลอบมอง มันยังไม่ลดขนาดลงเลย
 
ผมเม้มปากแน่น ก้าวขึ้นไปนั่งซ้อน กอดเอวนาคินทร์ไว้ ผมกระซิบบอกเสียงแผ่ว
 
“นั่งอยู่เฉย ๆ นะ”
นาคินทร์หันมามอง ผมไม่พูดอะไร ขยับล้วงมือเข้าไปในกางเกง
 
“คุณหนู!!”
 
“นั่งอยู่เฉย ๆ”
ผมสั่ง นาคินทร์นั่งนิ่ง ผมกอบกุมสิ่งนั้นไว้ดึงออกมานอกกางเกง
 
“คุณหนูครับ!”
 
“เงียบ!”
 
นาคินทร์เงียบตาม ครางออกมาเบา ๆ เมื่อผมเริ่มต้นขยับ
 
“ไม่ควรเลย”
 
ผมไม่โต้ตอบอะไร ขยับเบา ๆ ก่อนเร่งจังหวะเร็วมากขึ้น
 
“คุณหนู…”
นาคินทร์ครางเรียกเมื่อใกล้ไปถึงปลายทาง ผมขยับเร็วขึ้นกระทั่งนาคินทร์ปลดปล่อย มือผมเปียกไปหมด นาคินทร์หอบแฮกก้มมอง ผมเก็บสิ่งนั้นเข้ากางเกง ชักมือกลับ
 
“คุณหนู มือของคุณหนู”
 
“อย่าหันมามองนะ”
ผมห้ามเมื่อนาคินทร์ทำท่าจะหันมามอง นาคินทร์ชะงัก ผมมองมือตัวเอง ตวัดเช็ดด้วยปลายลิ้น
 
“คุณหนูเช็ดมันยังไง”
 
“สตาร์ทเครื่องได้แล้ว”
 
“คุณหนู…”
 
“ไปเถอะ”
ผมโอบเอวคนตัวสูงอีกครั้งเมื่อมือสะอาดดีแล้ว นาคินทร์ไม่พูดอะไรอีก สตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนออกไปช้า ๆ
 
“นาคินทร์รังเกียจสิ่งที่ฉันทำไปเมื่อกี้ไหม”
ผมกระซิบถาม
 
“ไม่ครับ แต่นาคินทร์รู้สึกว่ามันไม่ควร คุณหนูสูงส่งเกินกว่าจะมาทำเรื่องแบบนี้กับคนต่ำต้อยแบบนาคินทร์ นาคินทร์ผิดเองที่ไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี”
 
ผมแอบอมยิ้ม แปลว่านาคินทร์มีอารมณ์กับผมจริง ๆ
 
“มันเป็นความต้องการพื้นฐานของร่างกายนะนาคินทร์ เมื่อถูกกระตุ้นมันย่อมตื่นตัว มันเป็นเรื่องสามัญ”
ผมพูดปลอบใจ
 
“ครับ”
นาคินทร์รับปากเสียงเบา


นาคินทร์พาผมเที่ยวต่อกระทั่งเย็นถึงกลับบ้าน ผมอยู่พูดคุยกับทุกคนเหมือนเคย วันนี้นาคินทร์เข้าไปช่วยเขาทำอาหารด้วย ผมเข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ มอง
 
“คุณหนูครับ”
นาคินทร์หันมาเรียก ผมนั่งมองนาคินทร์สับหมูอยู่ข้าง ๆ ถ่ายรูปอัพเฟซไปแล้ว นาคินทร์ชี้ไปยังกระต่ายขูดมะพร้าว
 
“ทำไม”
 
“จะลองขูดดูไหมครับ”
 
“จะบ้ารึไง”
ผมตบไหล่คนตัวสูงเบา ๆ คนในนั้นหัวเราะ ผมนั่งมอง คนขูดเป็นหลานชายของนาคินทร์เอง
 
“เพิ่งเคยเห็นผู้ชายทำ คิดว่าเป็นงานของผู้หญิงซะอีก”
 
“มันเป็นงานใช้แรงครับคุณหนู จริง ๆ ผู้ชายทำจะเหมาะกว่า”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ นึกสนุกอย่างทำขึ้นมาบ้าง
 
“งั้นขอลองหน่อยได้ไหม”
 
“เอาจริงเหรอ”
นาคินทร์หันมาถามใช้มีดรวบตักเนื้อหมูที่สับเรียบร้อยใส่กะละมังสแตนเลส ผมพยักหน้า หลานของนาคินทร์รีบลุกทันที ผมไปนั่งแทนที่เก้ ๆ กัง ๆ ลองจับมะพร้าวครึ่งลูกนั้นแล้วขูดดู
 
ไม่ใช่งานง่ายเลยครับ ต้องใช้แรง จับจังหวะ แต่ผมก็ทำได้ แต่แค่ไม่กี่ที ให้นาคินทร์ถ่ายรูปให้แล้วลงมานั่งมองเฉย ๆ นาคินทร์หัวเราะ
 
“ใช้ได้ครับ”
 
“ไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ จะลองหัดทำอาหารด้วยตัวเองดู”
 
“นาคินทร์อยากกินอาหารฝีมือคุณหนูเหมือนกัน เอาแค่พอกินได้นะครับ อย่าให้ถึงกับต้องท้องเสียหรือเสียชีวิตเสียก่อน”
ผมตีแขนแกร่งไปอีกรอบ
 
“ดูถูก ถ้าฉันตั้งใจไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอก”
 
“ครับ นาคินทร์เชื่อ”
นาคินทร์พูดยิ้ม ๆ ผมพยักหน้าไปยังเขียงหมูที่นาคินทร์กำลังสับอยู่
 
“อยากลองสับบ้าง”
 
นาคินทร์เลิกคิ้ว “เอาจริงเหรอครับ”
 
ผมพยักหน้ารับจริงจัง นาคินทร์พยักหน้าให้ผมไปนั่งตำแหน่งตัวเอง ยื่นมีดให้ ทุกคนมองยิ้ม ๆ ผมหน้าร้อนผ่าว ค่อย ๆ สับ
 
“จับแบบนี้จะดีกว่าครับ”
นาคินทร์จับมือผมปรับ ผมหน้าร้อนอีกรอบ พยายามตีสีหน้านิ่งเฉย เพราะคนอยู่กันเยอะ ผมสับตามคำสอน ตอนแรกจังหวะเปะปะมาก สักพักข้อมือก็พลิ้ว นาคินทร์หยิบมือถือผมมากดถ่ายรูปให้ แล้วยื่นมือมาขอมีดคืน
 
“พอดีกว่าครับ ให้คุณหนูทำ พรุ่งนี้ก็ไม่ได้กิน”
ผมค้อนไปที นาคินทร์หัวเราะ แต่ผมก็ยอมยื่นมีดให้แล้วนั่งมองแทน น่าจะทำลาบหมูนะ
 
หลังจากสับหมูเสร็จ นาคินทร์ก็สวมถุงก๊อบแก๊บที่มือ เทข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา ผงปรุงรส รวมถึงผักต่าง ๆ ลงไป กลิ่นลาบลอยคลุ้ง ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้กินอาหารพื้นบ้านไทย ๆ แบบนี้เท่าไหร่หรอก หรือถ้าจะกินก็จะเป็นแนวขึ้นร้านอาหารมีระดับ การปรุงจะคนละแบบ นาคินทร์ตบท้ายด้วยการบีบมะนาวสด ๆ ลงไปหลายซี่ ใช้ช้อนตักชิม
 
“อร่อย”
 
“ขอชิมหน่อย” ผมรีบร้องขอทันที
 
“รอผมคั่วก่อนครับ ค่อยชิม”
 
“ทีตัวเองยังชิมได้”
 
“มันไม่ดีต่อสุขภาพ เอาชัวร์ ๆ ดีกว่า”
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
นาคินทร์แบ่งลาบออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งไว้คั่วสุก อีกครึ่งไว้ให้คนที่ชอบกินแบบดิบ ๆ กินกัน ยังดีที่บ้านหลังนี้พัฒนามาใช้แก๊สแล้ว นาคินทร์หมุนเปิดไฟ หยิบกระทะมาวาง เทน้ำมันลงไป ปิดฝาขวด รออึดใจเดียวก็เทลาบลงไปทีเดียวหมด ใช้ทัพพีขนาดใหญ่เขี่ยคั่ว ผมยืนอยู่ข้าง ๆ มองตามทุกขั้นตอน 
 
พอคั่วได้ที่ นาคินทร์ก็ตักใส่ช้อน เป่าจนเย็นตักหันมาทางผม ผมอ้าปากรับเข้าปากทันที
 
“อร่อย”
 
แบ่งกันทำคนละมือสองมือ สุดท้ายก็ได้อาหารมื้อใหญ่มา ส่วนผมไม่ได้ทำอะไรเลย พอเรียบร้อยผมก็ลงไปนั่งข้าง ๆ นาคินทร์ ตักอาหารกิน อร่อยจริง ๆ มีใครสักคนรินเบียร์ที่กำลังฟองฟอดให้นาคินทร์ รายนั้นก็รับมาดื่ม ผมรู้ว่าถ้าดื่ม นาคินทร์จะดื่มแค่แก้วเดียว เพราะโดยพื้นฐานไม่ใช่คนดื่มคนกิน นอกจากเพื่อสังสรรค์เล็ก ๆ น้อย ๆ พอไม่ให้เสียน้ำใจเท่านั้น
 
เพราะฟองเบียร์ค่อนข้างเยอะ มันเปื้อนมุมปากนาคินทร์ทั้งสองข้างเหมือนเด็กน้อย นาคินทร์ป้ายเช็ดด้วยหลังมือทีเดียว ทำให้ออกไม่หมด ผมหัวเราะ หยิบทิชชู่ไปเช็ดให้ นาคินทร์ชะงัก ยิ้มในดวงตาให้เป็นการขอบคุณ
 
“ลุงอินกับคุณหนูเหมือนแฟนกันเลย”
นาคินทร์สำลักอาหารที่กินเข้าไป ผมเองก็เกือบสำลักเหมือนกัน ดีว่ายั้งไว้ทัน นาคินทร์ไอโขลก อาหารคงเข้าหลอดลมเต็ม ๆ ผมรีบลูบหลังให้ด้วยความเป็นห่วง นาคินทร์ไอจนหน้าแดง
 
“พูดอะไรไม่คิดยัยแสบ”
นาคินทร์ชี้หน้าหลานสาวลูกของน้องสาวคนที่สามทันที
 
“เอ้า มิ้งแค่บอกว่าเหมือน นี่ถ้าคุณหนูเป็นผู้หญิงนะ มิ้งฟันธงร้อยเปอร์เซ็นเลย”
 
“เสียมารยาทน่ามิ้ง”
นาคินทร์รีบปราม มิ้งบู้หน้า หันไปตักอาหารกิน ผมหน้าร้อนผ่าว ดีใจอยู่ลึก ๆ ที่ถูกมองแบบนี้   
 
“พูดถึงผู้ชาย จำไอ้ปอได้ไหมนาคินทร์ หลานไอ้สน”
 
“จำได้” นาคินทร์รับ
 
“เออ นั่นแหละ สามสี่ปีแรกควงผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้า มาปีนี้มันควงผู้ชายมา ดูท่าจะเป็นผัวด้วย”
 
นาคินทร์สำลักอาหารอีกรอบ
 
“คนสมัยนี้นี่เนอะ แต่ก็เห็นว่ามันดูรักกันดี ทางนู้นก็ดูแลมันดี๊ดี ครอบครัวมันก็มีฐานะขึ้นมาเพราะแฟนมันนั่นแหละ พ่อแม่เลยพลอยสุขสบายไปด้วย” เขาพูดแบบไม่คิดอะไร ผมเม้มปากแน่น นาคินทร์มีสีหน้าอึดอัด
 
“ได้ข่าวว่าเมียตาเนตรท้องนี่”
นาคินทร์เสถามไปเรื่องอื่น เราลอบสบตากันแวบหนึ่งแล้วเสหลบไปคนละทาง
 
ผมเม้มปาก หัวใจไหวแรง แอบนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกับนาคินทร์เพิ่งทำกันมาสด ๆ ร้อน ๆ วันนี้




_______________________ต่อค่ะ_____________________




เรื่องที่พูดคุยในวงสนทนาเปลี่ยนไปไม่ซ้ำตั้งแต่เรื่องในยุ้งยันเรื่องในมุ้ง เรื่องเบสิกพื้นฐานการใช้ชีวิตไปจนถึงเรื่องการเมือง สรรหามาคุยกันได้ไม่รู้เบื่อจริง ๆ
 
เหมือนเดิมครับ หมดเวลาอาหารนาคินทร์ก็เตรียมเสื่อ เตรียมผ้าห่ม ตะเกียง ผ้ารองพื้น มีแม้กระทั่งหมอน พ่อกับแม่ยังไม่นอนถามว่าจะไปไหนกัน นาคินทร์บอกจะพาผมไปดูดาว พวกท่านเลยพากันเข้านอนก่อน วันนี้นาคินทร์ต้มน้ำให้ผมอาบ ผมเลยอดอยู่ในอ้อมแขนของนาคินทร์เลย
 
แต่ไม่เป็นไร เพราะวันนี้ได้ไปเยอะแล้วกลางทุ่งนา
 
ผมทำหน้าที่ถือตะเกียงเจ้าพายุเดินนำนาคินทร์ไป นาคินทร์เดินตาม วันนี้ผมจงใส่เสื้อสุดยั่วของชยันต์มากับกางเกงขาสั้น สั้นแบบสั้นติดสะโพกเลย
 
ไม่รู้สึกไม่ตื่นตัวก็ให้มันรู้ไปสิ วัวเคยค้าม้าเคยขี่ แถมวันนี้ผมก็ยังพิสูจน์มาแล้วรอบหนึ่ง คืนนี้ก็น่าจะได้บ้างสักเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือไม่ อาจมีอะไรคืบหน้ามากไปกว่านั้นก็ได้
 
“นาคินทร์ว่าคุณหนูกลับไปใส่กางเกงขายาวดีกว่านะครับ จะได้อุ่น ๆ”
 
“มีผ้าห่มแล้วนี่”
ผมตอบเหมือนไม่ใส่ใจ
 
หรือว่านาคินทร์รังเกียจวะ ผมขมวดคิ้วคิด
 
“นาคินทร์แค่เป็นห่วง คืนนี้หนาวกว่าเมื่อวานด้วย”
 
ผมหันขวับกลับไปมองนาคินทร์ นาคินทร์เบรกกึกพอกัน สีหน้าดูตกใจนิด ๆ ผมยิ้ม
 
“นาคินทร์พกไฟแช็กมาด้วยใช่ไหม”
 
นาคินทร์พยักหน้ารับ
 
“ฉันมีวิธีทำให้อุ่นขึ้นกว่าเดิมอีก”
 
นาคินทร์มองงง ๆ
 
“ก่อกองไฟกันไง สนุกไปอีกแบบ หรือว่าไม่ได้”
 
“ได้ครับ นาคินทร์ก็ลืมนึกไป ไม่งั้นคงทำไปตั้งแต่เมื่อวาน”
ไม่ทำน่ะดีแล้ว ขืนทำ ผมก็อดอยู่ในอ้อมแขนนาคินทร์น่ะสิ
 

มีต่อ>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3496699#msg3496699
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-10-2016 17:37:45
นาคินทร์น่ารักมากเลย
หลงคุณหนูวนไปค่ะ
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ #รักพ่อ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 15-10-2016 18:09:39
รออออออ ฮีลลิ่งขั้นถัดไป
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 15-10-2016 18:31:48
มีการอัพรูปคงรูปคู่ เปิดตัวเลยละกัน 5555555555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-10-2016 18:47:35
ดูท่าอนุชาจะสมหวังเร็วๆนี้แหละน๊าาาาาา >\\\\<
#รักพ่อ #เราต้องเดินต่อไป
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-10-2016 19:24:34
  :mew6: :mew6: :mew6:
 :mew2: :mew2: :mew2:
:mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 15-10-2016 20:04:13
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 15-10-2016 20:54:26
ตามมาอ่านจนถึงปัจจุบันเลย
เขินๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-10-2016 21:34:57
ง่าาาาา ตัดได้ทำร้ายจิตใจมากกกก  :mew6: :mew6:
รอต่อค่าาาาาา :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-10-2016 21:35:27
 :pig4 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-10-2016 23:19:25
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-10-2016 23:29:57
บรรยากาศเป็นใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 16-10-2016 01:55:39
ค้างค่ะ ฮื่ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ


ขอบคุณที่มาต่อนะคะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(15-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 16-10-2016 14:08:43
เอาใจช่วยอนุชา #รักพ่อเหมือนกัน #ไม่อยากให้ทุกคนเศร้า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(18-10-59) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-10-2016 09:14:53
ยังไม่ถึงไหนเลยคุณหนู อิอิ
งานนี้ต้องให้น้องช่วยแล้วมั้ง ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(18-10-59) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2016 14:16:57
นาคินทร์พาเมียกลับบ้าน คิกๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(18-10-59) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-10-2016 16:09:47
 นาคินทร์ คุณหนู :mew1: :mew1: :mew1:

        คุณหนูสุขนัก          นั่งตักนาคินทร์
อิงแอบกายิน                  อบอุ่นกายา
        นาคินทร์โอบกอด    เอวคอด อนุชา     
อารมณ์รักพา                  ทั้งคู่รื่นรมย์
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
       
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(18-10-59) 100%
เริ่มหัวข้อโดย: pamazier24 ที่ 22-10-2016 16:49:36
อยากให้นาคินทร์กับคุณหนูมีอะไรกันบ่อยๆ ชอบมาก ชอบ NC แรงๆ อิอิ  :oo1: / รีบมาต่อนะคะ คิดถึง สนุกมาก ภาษาเขียนก็สวย ชอบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-10-2016 17:34:06
[ต่อค่ะ]


พอไปถึงนาคินทร์ก็ปูเสื่อให้ รองด้วยผ้า วางหมอนวางผ้าห่มพร้อม เชิญให้ผมขึ้นไปนั่ง ผมก็ทำตัวประหนึ่งพระราชา ขึ้นไปนอนตะแคงข้างห่มผ้าห่มไว้ครึ่งตัว มองคนที่ถือไฟฉายไปก้มเก็บเศษไม้รอบ ๆ ทิศมาเพื่อก่อกองไฟ ผมไม่ได้ช่วยอะไรเพราะนาคินทร์ไม่ยอมให้ทำ กลัวงูกัดด้วย ผมเลยไม่เสี่ยง ผมไม่ชำนาญเท่านาคินทร์ด้วย
 
ไม่นานก็ได้เศษไม้มากองหนึ่ง นาคินทร์หยิบฟางมาเป็นเชื้อจุดแล้วเป่าฟู่ ๆ ผมมองเพลินเลย พอเชื้อไฟติด นาคินทร์ก็เอาฟางมาสุม ๆ เพิ่มเพื่อให้ไฟโหม แล้วเอาไม้อันเล็ก ๆ วางด้านบนก่อน ทับไว้บนสุดด้วยไม้ขนาดใหญ่ ไม่นานไฟก็โหมขึ้น แต่ไม่แรงมาก พอให้แค่รู้สึกอบอุ่น
 
“โอเคไหมครับ”
นาคินทร์เงยหน้าถาม ผมยิ้ม ยกนิ้วโป้งให้ นาคินทร์ขยับขึ้นมานั่งข้าง ๆ ผมแบ่งผ้าห่มให้ รายนั้นก็รับไปคลุมขา เราวางหมอนไว้เคียงกัน นอนดูดาว
 
วันนี้นอกจากเสียงแมลงแล้วยังมีเสียงไฟไหม้ไม้เพิ่มมาด้วย ได้กลิ่นไอควันลอยมาเป็นระลอกขึ้นอยู่กับว่าลมจะพัดมาทิศทางไหน เมื่อวานว่าสวยงามแล้ว วันนี้มันสวยยิ่งกว่า วันนี้ไม่ได้จุดตะเกียงเจ้าพายุเพราะมีแสงจากกองไฟ นาคินทร์ผงกหัวดูกองไฟเป็นพัก ๆ ผมนอนมองดาวนิ่ง ๆ
 
“สวยเนอะ”
ผมชวนคุยท่ามกลางความมืด มีหิ่งห้อยตัวหนึ่งบินผ่านไป ผมขยับลุกนั่ง นาคินทร์ขยับตาม หิ่งห้อยมันน่าจะบินมาที่นี่เวลาเดิม ผมมอง รู้สึกหนาวเยือก ต่อให้มีผ้าห่มก็เถอะ ผมขยับจากผ้าห่มเข้าไปชิดกองไฟ อังมือไว้ แล้วเอามาเป่า
 
“ทำไมต่างจังหวัดหนาวขนาดนี้ กรุงเทพไม่เห็นหนาว”
 
“กรุงเทพไม่มีฤดูหรอกครับ ร้อนตลอดปี”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย อังมือเสร็จก็เอามาอังแก้ม นาคินทร์ซุนไฟ
 
“นี่ถ้ามีข้าวโพด เอามาย่างกินคงอร่อยพิลึก”
 
“นาคินทร์ก็ว่างั้น แต่นาคินทร์ชอบหัวเผือกหัวมันมากกว่า”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย พออุ่นได้ที่ผมก็คลานกลับไปหาผ้าห่มเหมือนเดิม ทิ้งตัวลงนอนมองดาวต่อ น้ำค้างลงหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนพื้นที่รอบด้านเปียก
 
“น้ำค้างลงแรง คุณหนูมานั่งชิดกองไฟดีกว่า”
นาคินทร์เรียก และผมก็เห็นด้วย ขยับไปนั่งข้างกองไฟต่อ
 
“นี่ นาคินทร์เล่าชีวิตวัยเด็กให้ฟังหน่อยสิ เอาตั้งแต่จำความได้เลยนะ”
 
นาคินทร์หันมามอง ก่อนเสหน้ามองเปลวไฟ ดวงตานั้นเหม่อลอย ยิ้มนิด ๆ เริ่มต้นเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่ความแสบของตัวเอง ความยากลำบากชนิดต้องอดมื้อกินมื้อเพราะหนี้สินพะรุงพะรังจนตัวเองต้องหอบเมียเข้ากรุงเทพไปทำงาน
 
แล้วก็เรื่องของมะลิ นาคินทร์เล่าด้วยความภาคภูมิ ผมแอบเศร้าในหัวใจนิดหนึ่ง ผมจะแทนที่ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบคนนั้นได้ไหม ผมซบหน้าลงกับเข่า
 
“ยังดีที่มะลิมอบสิ่งล้ำค่าที่สุดไว้ให้”
 
นาคินทร์หันมามอง
 
“อะไรครับ”
 
“หนูแดงไง สิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับนาคินทร์”
 
นาคินทร์ยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
 
“ครับ หนูแดงมีค่าสำหรับนาคินทร์มาก”
 
ผมยิ้มตาม
 
“แล้วฉันล่ะ”
อยู่ ๆ ผมก็ถามขึ้น นาคินทร์ละสายตาจากท้องฟ้าหันมามอง
 
“คุณหนูก็มีค่าสำหรับนาคินทร์มากเหมือนกัน มีค่าเสียยิ่งกว่าอะไร”
 
ผมเอียงหน้ามอง ส่งรอยยิ้มหวานจากใจไปให้ นาคินทร์มองไม่วางตา ก่อนเสเมินไปมองท้องฟ้าต่อ
 
“ทั้งมีค่าและสูงส่ง”
นาคินทร์เงียบไปนาน ไม่ต่างกับผม
 
“คุณหนูเห็นดวงดาวบนนู้นไหมครับ”
 
ผมเงยหน้ามองตาม
 
“คุณหนูเหมือนดวงดาว มนุษย์อย่างนาคินทร์ทำได้มากสุดแค่มองเท่านั้น”
 
“แล้วถ้าวันหนึ่ง ดาวตกลงมาใส่มือนาคินทร์ล่ะ นาคินทร์จะทำยังไง”
 
นาคินทร์มองตา
 
“นาคินทร์ก็คงจะทั้งรักและทะนุถนอม สิ่งนั้นเคยอยู่บนฟ้ายังไง นาคินทร์ก็จะดูแลเสมอเหมือนเช่นนั้น”
ผมยิ้ม นั่นคือความจริงใจที่ผมรับรู้ได้ คือคำตอบว่าไม่ว่าจะยังไง นาคินทร์ก็จะวางผมไว้บนหิ้ง เป็นสิ่งสูงค่าสำหรับเขาเท่านั้น
 
“เสียดายที่เราอยู่กันแค่สองวันเนอะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว ไม่รู้จะมีโอกาสได้ดูดาวสวย ๆ แบบนี้อีกไหม”
 
“ถ้าคุณหนูชอบและมีเวลา นาคินทร์จะพาคุณหนูมาบ่อย ๆ”
 
“สัญญานะ”
 
“ครับ สัญญา”
 
ผมยิ้ม เราอยู่มองดาวกันต่อจนถึงเที่ยงคืนถึงได้ชวนกันกลับ เพราะยิ่งดึกมากเท่าไหร่ น้ำค้างยิ่งลงหนัก อีกอย่างไฟเริ่มมอด นาคินทร์หาฟืนที่พอเหมาะไม่ได้แล้ว ที่มีก็ต้องใช้มีดตัดซึ่งเราไม่ได้เตรียมมา เลยต้องพากันกลับห้อง
 
“ฉันจะเก็บสิ่งนี้ไว้ในใจ”
ผมบอกกับคนตัวสูงเสียงแผ่ว
 
“ครับ” นาคินทร์รับคำ



บนที่นอนสองที่ คืนนี้ผมไม่ได้ขยับไปนอนกอดนาคินทร์ หรี่ไฟจากตะเกียงเจ้าพายุเอาไว้ราง ๆ นาคินทร์นิ่งไปแล้ว คงหลับไปแล้ว ผมนอนพลิกตัวไปมา พยายามข่มตาให้หลับแต่มันไม่หลับ
 
นี่ผมติดนอนกับนาคินทร์แล้วเหรอเนี่ย
 
ผมเม้มปากแน่น นาคินทร์คงหลับไม่รู้สึกตัวแล้ว ผมไม่อยากรบกวนคนตัวสูง แต่ก็อยากนอนให้หลับเหมือนกัน ผมค่อย ๆ กระดืบ ๆ คืบคลานเข้าไปชิด ทำให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้นาคินทร์ตื่น ผมไม่ได้ชิดมาก แต่ให้อยู่ในระยะที่จะได้รับไออุ่นเท่านั้น
 
“นอนไม่หลับเหรอครับคุณหนู”
 
ผมสะดุ้งเฮือกเงยหน้ามอง
 
“ขอโทษที่ทำให้ตื่น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรบกวน พอดีนอนไม่หลับ คิดว่าถ้านอนใกล้ ๆ อาจทำให้หลับง่ายขึ้น”
 
นาคินทร์ขยับพลิกตัวหันมามอง
 
“มันอันตรายนะครับ”
 
“อะไรอันตราย” ผมถามงง ๆ
 
“ตัวนาคินทร์”
 
ผมจ้องหน้าคนพูดงุนงงยิ่งกว่าเดิม
 
“นาคินทร์เป็นผู้ชายนะครับ”
 
ผมขมวดคิ้ว “ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน”
 
“ครับ นั่นแหละปัญหา”
 
ผมขมวดคิ้วหนัก นาคินทร์ถอนหายใจแรง
 
“ถ้าคุณหนูเป็นผู้หญิง ทุกอย่างมันจะง่ายมากขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ทั้งที่คุณหนูเป็นผู้ชาย นาคินทร์ก็ยังมีจิตคิดอกุศลกับคุณหนู นาคินทร์ไม่อยากให้คุณหนูเข้าใกล้นาคินทร์มาก แค่ที่เกิดขึ้นมาตลอดมันก็แย่พอแล้ว”
 
ผมจ้องตาคนพูด
 
“นาคินทร์รังเกียจฉันเหรอ”
คำถามเดิมครับ นาคินทร์ส่ายหัว
 
“นาคินทร์ต้องการฉันหรือเปล่า”
ผมถามใหม่ นาคินทร์มองตาผม
 
“นาคินทร์เตือนตัวเองตลอดไม่ให้คิด แต่ร่างกายนาคินทร์มันระยำมากกว่าที่คุณหนูคิด นาคินทร์ควรจะลาออกที่คิดไม่ซื่อกับคุณหนู แต่นาคินทร์สัญญาไว้แล้วว่าจะอยู่เคียงข้าง เพราะงั้น อย่าเข้าใกล้นาคินทร์มากนักเลยครับ”
 
ผมใจเต้นแรง ตาจ้องตา ตัวผมยังนอนนิ่ง แต่เลื่อนมือช้า ๆ ไปวางไว้บนแผงอกกว้าง 
 
“คุณหนู…”
นาคินทร์ครางเรียก ผมขยับฝ่ามือเลื่อนต่ำลงไปเรื่อย ๆ
 
“อย่าครับ”
นาคินทร์จับมือผมไว้แผ่วเบา กระซิบห้ามเสียงพร่า ผมเผยอปากยั่วนิด ๆ สายตาไม่ละไปจากดวงตาคนตัวสูง
 
“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันต้องการนาคินทร์ล่ะ…” นาคินทร์บีบมือผมแน่นขึ้น “นาคินทร์จะใจร้ายปฏิเสธฉันไหม”
 
“คุณหนู”
นาคินทร์เรียกแค่นั้นขยับพลิกตัวขึ้นคร่อม ทาบปากลงมาชิดปากผมทันที หัวใจผมไหวแรง จูนกันไม่ยากเลย เพราะผมต้องการจนเอ่อล้นอยู่แล้ว จังหวะจูบของนาคินทร์ดูจาบจ้วง เหมือนพวกเก็บกด พวกที่กำลังหิวโหยแล้วได้อาหารมาโยนใส่
 
นาคินทร์บดขยี้ริมฝีปากผม แทรกลิ้นเข้ามาตวัดเกี่ยวลิ้นผม ผมขยับตอบเท่าที่ความสามารถจะทำได้ เสียงหอบหายใจเร่าร้อนนั้นยิ่งกระตุ้นความต้องการผมให้โหมกระหน่ำ นาคินทร์แนบชิดลำตัวลงมา
 
และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ต้องการ เพราะตอนนี้ของนาคินทร์ก็เต็มที่แล้วเหมือนกัน
 
รสจูบรุนแรงของเราชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูและเสียงฝีเท้าใครสักคนนอกห้อง นาคินทร์ละปากออก พอ ๆ กับผมที่รีบเบรกความต้องการของตัวเองลง เราต่างคนต่างนิ่งค้าง ฟังเสียง เสียงนั้นเดินไปทางห้องน้ำ เพราะมันเงียบมาก ๆ เราได้ยินแม้กระทั่งเสียงราดน้ำจากคนในห้องน้ำ เรานิ่งฟังอย่างอึดอัด เสียงฝีเท้าเดินกลับมาที่ห้องพ่อกับแม่ ตามด้วยเสียงประตูเปิดและปิด แล้วทุกอย่างก็เงียบลง
 
เรามองตากันอีกครั้ง
 
“ที่นี่ไม่เก็บเสียงนะครับ”
นาคินทร์กระซิบบอก
 
“มัดปากฉันไว้ก็ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าหยุด”
 
“นาคินทร์ไม่ใจร้ายกับคุณหนูขนาดนั้นหรอกครับ” นาคินทร์กระซิบแผ่ว “นาคินทร์จะทำเบา ๆ” คำพูดมาพร้อมกับการกระทำ นาคินทร์จูบซับปลายคางผมเบา ๆ ตัวผมสั่นสะท้านบีบสองแขนแกร่งแน่น นาคินทร์ขยับไปหรี่ไฟให้สว่างขึ้นอีกนิด แต่ไม่มาก ผมมองตาคนตัวสูงอาย ๆ
 
“คุณหนูน่ารักเหลือเกิน”
แค่คำพูดแทบทำเอาผมไปให้ได้
 
ผมมองนาคินทร์ด้วยดวงตาปรอยฉ่ำ ใจอยากให้นาคินทร์รุนแรงกับผม แต่ก็รู้ว่ามันไม่ควร ผมเป็นคนครางเสียงดังด้วย และตัวนาคินทร์เอง บางครั้งก็ซุกซ่อนอารมณ์เร่าร้อนเยี่ยงสัตว์ป่าไว้
 
นาคินทร์ค่อย ๆ เลื่อนมือผ่านชายเสื้อลูบสูงมายังยอดอก เกลี่ยแผ่วเบาแล้วบีบบี้ ผมตัวสั่นด้วยความปรารถนาจับมือนาคินทร์ไว้ กระซิบแผ่ว
 
“แรง ๆ”
 
นาคินทร์สั่นหัว ก้มกระซิบข้างหู
 
“ครั้งนี้นาคินทร์ขอขัดคำสั่งนะครับ”
นาคินทร์ขยับทาบปากลงกับหน้าท้องผม ตัวผมสั่นริกขึ้นมาทันที มันทั้งเสียวทั้งทรมาน ผมกุมหัวคนตัวสูงไว้ สองเท้าจิกที่นอนแน่น ครางออกมาให้เบาที่สุด
 
นาคินทร์เลิกเสื้อผมขึ้นสูงตามติดด้วยริมฝีปาก ผมหดหน้าท้องด้วยความสะท้านลึก ก่อนที่ปากนั้นจะมาครอบงำยอดอกผมเบา ๆ ผมกดหัวนาคินทร์แน่นทันที แอ่นอกเข้าหาปากร้อน นาคินทร์เลิกถอดเสื้อออกจากหัวผมจนท่อนบนผมเปลือยเปล่า นาคินทร์มองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด
 
ผมรู้สึกอับอายไปกับสายตาแบบนั้น นาคินทร์ก้มลงมาเอาปากแนบผิวเนื้อ แตะผะแผ่วอย่างทะนุถนอม เลื่อนไปทีละจุดทีละจุด ของนาคินทร์ตั้งชันจนตุงกางเกง ไม่ต่างกับของผม นาคินทร์ยกตัวขึ้น ขยับดึงเสื้อที่คอตัวเองถอดเสื้อออกจากหัว แผงกล้ามท่อนบนสะท้อนแสงไฟที่เปิดไว้ทันที
 
ผมมองมันด้วยดวงตาแห่งความปรารถนา นาคินทร์จับมือผมไปจุมพิต
 
“อย่ามองผมด้วยสายตาน่าขย้ำแบบนั้นครับคุณหนู”
ผมเลื่อนสายตาไปสบดวงตาคนตัวสูง หัวใจผมปรารถนานาคินทร์มากแค่ไหน ผมเผยผ่านดวงตาออกมามากขึ้นเท่านั้น
 
นาคินทร์ก้มหน้าลงมา แตะริมฝีปากไว้กับริมฝีปากผมแล้วมอบจูบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรสจูบเมื่อกี้ มันนุ่มนวล เต็มไปด้วยความรัก
 
นาคินทร์ยกตัวขึ้น ใช้มือค่อย ๆ ถอดปราการด่านสุดท้ายของผมออก สายตามองมาราวกับผมเป็นทองคำอันเลอค่า ผมหนีบปลีน่องเข้าหากันอย่างอับอาย
 
“ได้โปรดให้นาคินทร์ได้มองชัด ๆ เถอะครับ คุณหนูงดงามเหลือเกิน”
 
“ฉันอายนะ” ผมบอกตรง ๆ
 
“คุณหนูแน่ใจแล้วรึยังครับ”
 
“ว่า…”
ผมถามเสียงแผ่ว ไม่ยอมปล่อยปลีน่องให้แยกออกจากกัน
 
“จะยอมรับเรือนร่างของชายต่ำต้อยคนนี้เข้าไปในตัว”
 
ผมแทนคำตอบด้วยการกระทำ ขยับลุกนั่ง ใช้มือค่อย ๆ เกี่ยวดึงกางเกงให้บางสิ่งที่ผมเคยสัมผัสมาก่อนดีดเด้งออกมา มันสั่นริก หยาดเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำแห่งความต้องการ ผมจับมันไว้เบา ๆ นาคินทร์ครางในลำคอ หลับตาลง
 
“กอดฉัน นาคินทร์ กอดฉัน”
ผมกระซิบแผ่ว นาคินทร์เปิดดวงตาขึ้น ช้อนหลังผมลงนอนอีกรอบ ดึงกางเกงตัวเองออกจนเรือนร่างของเราเปลือยเปล่า
 
นาคินทร์จูบผมอีกรอบ เลื่อนปากต่ำลงไปที่ลำคอ ต่ำลงไปยังแผงอก หน้าท้อง แล้วครอบครองส่วนอ่อนไหวของผมไว้ในปาก ตวัดปรนเปรอ ผมกัดฟันแน่นพยายามจะไม่ส่งเสียง สะดุ้งเฮือกเมื่อบางสิ่งแทรกเข้ามายังความคับแน่นด้านหลัง
 
นาคินทร์ถอนปากและนิ้วออก ขยับมานอนตะแคงข้าง จับผมพลิกนอนในท่าเดียวกัน ปากร้อนจูบซับแก้มผมเบา ๆ
 
“พร้อมจะเป็นของนาคินทร์แล้วใช่ไหมครับ”
 
ผมพยักหน้า ต้องการจนจะบ้าตายอยู่แล้ว นาคินทร์ลูบมือผ่านเอวไปที่สะโพก ขยับยกขาผมขึ้นข้างหนึ่ง
 
“อย่าเกร็งนะครับ ของคุณหนูแน่นเหลือเกิน”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว บางครั้งนายก็ตรงไปนะนาคินทร์ ผมพยักหน้าอีกรอบ แล้วความอุ่นจากผิวเนื้อร้อน ๆ ก็ค่อย ๆ ดุนดันอยู่แถว ๆ ปากทางเข้า นาคินทร์ขยับเชื่องช้า ผมค่อย ๆ แอ่นส่วนท้ายให้นาคินทร์ทำได้ง่ายมากขึ้น พลิกหันหน้าไปหานาคินทร์ หน้านาคินทร์อยู่สูงเหนือผมขึ้นไป เขาก้มลงมาจูบผะแผ่วในขณะที่ท่อนล่างก็สอดแทรกเข้ามาทีละนิด ๆ ทีละนิด
 
ผมครางผ่านลำคอเมื่อส่วนนั้นเข้ามาได้ครึ่งทาง แล้วก็ค่อย ๆ ลึกเข้ามามากขึ้นและมากขึ้นตราบจนสองร่างของเราเชื่อมเป็นหนึ่งเดียว
 
ผมชอบท่านี้นะ แผ่นหลังแนบแผงอกกว้าง ความร้อนจากตัวนาคินทร์หลอมผมไว้เป็นหนึ่งเดียว นาคินทร์เริ่มต้นขยับสะโพก ผมเริ่มคราง
 
“ครางเบา ๆ ครับ”
ผมน้ำตาคลอเพราะความอึดอัด ซี้ดปาก นาคินทร์ขยับเป็นจังหวะ ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมนาคินทร์ทำท่านี้ เพราะมันทั้งลึกทั้งแน่น สะกิดเข้าถูกจุด แต่ไม่ทำให้เกิดเสียงเหมือนท่าอื่น ๆ ผมแทบบ้ากอดแขน นาคินทร์ที่กอดผมอยู่แน่น ได้ยินเสียงทุ้มแผ่วกระซิบข้างหู
 
“ผมรักคุณหนูครับ”
 
ผมกระซิบกลับ
 
“ฉันก็รักนาคินทร์นะ”
 
นาคินทร์มองตา ขยับจูบซับแก้มผมเบา ๆ นาคินทร์เพิ่มความเร็วมากขึ้นกระทั่งเราทั้งคู่พากันไปถึงฝั่งฝัน น้ำของนาคินทร์ไหลพรากเต็มต้นขาผม
 
“ขอบคุณที่ให้เกียรตินาคินทร์ขนาดนี้”
นาคินทร์จูบซับแก้ม ผมขยับลุกขึ้นนั่ง จับนาคินทร์นอนหงาย ขึ้นไปนอนทาบอยู่บนนั้น ก้มจูบ นาคินทร์โอบกอดผมไว้ จูบตอบ เราจูบกันเบา ๆ สัมผัสกันเบา ๆ ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปทั่วทั้งบั้นเอวผมเบา ๆ ต่ำลงไปยังเนินเนื้อ ไล่ไปที่ต้นขา บางสิ่งที่ผมทับอยู่ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
 
“อภัยให้นาคินทร์ด้วย”
 
ผมยกตัวขึ้นนิด ๆ มอง ขยับลงไปด้านล่าง คุกเข่า อยู่เหนือสิ่งนั้น
 
“คุณหนู”
 
ผมไม่พูดอะไร ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงหลอมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับนาคินทร์อีกครั้ง นาคินทร์ครางแผ่ว สิ่งนั้นแข็งขึ้นอีกพอ ๆ กับของผมที่ตั้งชันขึ้นมาอีกครั้งบอกนาคินทร์ด้วยร่างกายว่าผมเองก็ปรารถนาด้วยเช่นกัน ใบหน้าของนาคินทร์เซ็กซี่สุด ๆ ผมขยับโยกไหว พยายามใช้ท่าที่ทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุด เน้นเบียดชิด บีบรัด และให้สิ่งนั้นสะกิดเข้าที่จุดไวสัมผัสมากที่สุด
 
“อ๊า นาคินทร์ไม่ไหวแล้วคุณหนู”
 
ผมเอามือแตะปากตัวเองเบา ๆ เป็นเชิงให้นาคินทร์เงียบเสียงลง แต่บีบรัดส่วนนั้นแน่น ขยับสะโพกแรงขึ้น นาคินทร์ขยับมือมาจับสะโพกผมไว้ ช่วยผมขยับ
 
“เซ็กซี่เหลือเกินคุณหนู” นาคินทร์ชม ผมขยับท่อนล่างเร็วขึ้นกระทั่งนาคินทร์กัดฟัน ผมรู้ว่าแรงรัดรุนแรงของผมทำให้นาคินทร์พุ่งได้ง่าย ๆ ผมรีบเร่งความเร็วเพื่อให้เราไปถึงที่หมายพร้อม ๆ กัน
 
และผมก็ทำได้สำเร็จ
 
ผมค่อย ๆ ซบหน้าลงกับแผงอกกว้าง ของนาคินทร์ค่อย ๆ หลุดออก นาคินทร์โอบรอบตัวผมไว้ เกลี่ยมือกับเส้นผมผมแผ่วเบา จูบซับแก้ม



“อย่ากระตุ้นนาคินทร์อีกเลยนะคนดี ครั้งต่อไป นาคินทร์อาจบังคับไม่ให้รุนแรงไม่ได้แน่ ๆ”
 
ผมพยักหน้า
 
“ง่วง”
 
“หลับเถอะครับ หลับในอ้อมแขนของผม”
แล้วผมก็ค่อย ๆ หลับตาลง ได้ยินเสียงกระซิบแทนคำราตรีสวัสดิ์เบา ๆ ว่า
 
“รักครับ”
ผมยิ้มนิด ๆ แล้วสติก็ค่อย ๆ จางหายไป
 

To be Con...

ยกให้คอมเม้นท์นี้เป็นคอมเม้นท์ให้ใจแห่ง >////< ชอบบบบ
นาคินทร์ คุณหนู :mew1: :mew1: :mew1:

        คุณหนูสุขนัก          นั่งตักนาคินทร์
อิงแอบกายิน                  อบอุ่นกายา
        นาคินทร์โอบกอด    เอวคอด อนุชา     
อารมณ์รักพา                  ทั้งคู่รื่นรมย์
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
       

หนังสือ & e-book https://goo.gl/FSOuuM
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 22-10-2016 18:51:19
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด เขาบอกรักแล้ววววว   :pighaun: :haun4: :z1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-10-2016 18:52:11
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-10-2016 20:03:15
โอ้โห คุณหนูเด็ดจริงๆๆ สู่ขอเลยไหมคะมาถึงบ้านเขาแล้วนี่
ขอนาคินทร์เลยๆ คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันเนาะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-10-2016 21:10:22
โอ๊ย  คู่นี้นารักกก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 22-10-2016 21:41:19
น่ารักมาก บอกรักกันแล้ว กรี้ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2016 22:19:40
เป็นความสุขที่ทรมานเพราะความอึดอัดจะส่งเสียงระบายก็ไม่ได้เดี๋ยวพ่อกับแม่นาคินทร์ได้ยิน :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 22-10-2016 23:45:57
สมหวังแล้วอนุชา 5555+
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-10-2016 00:03:29
เขินนน~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-10-2016 03:12:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 23-10-2016 03:32:41
Fin~~~~


 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 23-10-2016 05:14:17
          :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: pamazier24 ที่ 23-10-2016 13:36:53
nc ยังไม่จุใจเลยยยย :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.15 สองร่างรวมเป็นหนึ่ง(P.15)(22-10-59) 150%
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-10-2016 01:20:44
คุณหนูกับนาคิน ในที่สุดก็ได้บอกความในใจซะที  :impress2:
คราวนี้ก็ไม่ต้องยั้งความรุ้สึกอีกแล้วสินะื :mc4:
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 26-10-2016 19:42:43
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 4 : #นาคินทร์อนุชา
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 16 :  หัวใจตรงกัน [ตอนจบ]


ผมสะดุ้งเฮือกขยับลุกนั่ง

ฝัน!!

เมื่อคืนผมฝันว่ามีอะไรกับนาคินทร์ หรือว่าผมมีอะไรกับนาคินทร์จริง ๆ กันแน่

แล้วสิ่งที่ฟ้องว่าผมไม่ได้ฝันไปแน่ ๆ ก็ปรากฏลงมาเป็นทาง ผมเม้มปากแน่น รู้สึกดีใจมาก ๆ ถึงจะหน่วงหน่อย ๆ ก็เถอะ ขยับลุกยืน รีบทำความสะอาดทำลายหลักฐาน คว้าผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องไป สายโด่งเลย ไม่เห็นใครสักคน ผมเดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย นึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ก็รู้สึกดีใจไม่หาย

นาคินทร์รักผม นาคินทร์ปรารถนาผม และผมก็ได้บอกความรู้สึกนาคินทร์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าคนตัวสูงจะเข้าใจแบบไหน หนาวขนาดไหนผมก็จำต้องอาบน้ำเพราะเหนียวไปหมดทั้งตัว เดินตัวหอมฉุยออกไป วันนี้ต้องเดินทางกลับแล้ว เสียดายมาก ๆ ผมตากผ้าเช็ดตัวไว้ เดินออกไปนอกบ้าน เห็นคนตัวสูงที่กอดผมเมื่อคืนกำลังสาละวนอยู่กับมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ คันนั้น ผมเดินเงียบเข้าไปหา

“ทำอะไร”

นาคินทร์หยุดมือที่ทำอยู่ลง หันมามอง ดวงตานั้นสบผมนิ่ง ๆ ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี มันกระดาก มันอาย มันภูมิใจ มันหวาด ๆ ผสมปนเป

“หิวรึยังครับ”

“นิด ๆ”

นาคินทร์ขยับลุก เช็ดมือ

“เดี๋ยวนาคินทร์ไปเตรียมอาหารให้”

“พ่อกับแม่ล่ะ”

“พอดีหลานตาใบเขาคลอดลูก พ่อกับแม่ไปผูกแขนรับขวัญเด็กครับ เดี๋ยวก็กลับ” ผมไม่ได้ถามต่อถึงพิธีแบบโบราณ ๆ ที่ว่านี้ เดินเคียงไปกับคนตัวสูงเข้าไปในครัว

นาคินทร์จะรู้สึกเหมือนผมไหมนะ

นาคินทร์ยกกับข้าวและตักข้าวให้ผมหนึ่งจาน ผมนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ ไม่บ่นอีกเหมือนเคยว่านาคินทร์ไม่กินด้วย ผมกินไปสองจานเลย

“หิวมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“อร่อย”

นาคินทร์หัวเราะ

“ซ่อมเหรอ ไม่เอาเข้าร้านล่ะ”

“แค่ซ่อมเท่าที่ซ่อมได้ มันต้องมีเครื่องมือกับอุปกรณ์เสริม นาคินทร์ซ่อมแค่บางส่วนเดี๋ยวที่เหลือค่อยส่งร้าน จริง ๆ ไม่ต้องซ่อมก็ได้ ไม่มีใครใช้อยู่แล้ว”

“นาคินทร์ไม่เอาไปใช้ล่ะ ไว้เป็นเพื่อนเจ้าปุโรทั่งที่บ้าน”

นาคินทร์หัวเราะ

“นาคินทร์กลัวว่าวิ่ง ๆ ไปแล้วล้อวิ่งนำไปก่อนเหมือนกันครับ”

ผมนึกภาพตามแล้วหัวเราะ นาคินทร์เก็บสำรับหลังผมกินอิ่ม กลับไปเช็กรถต่อ ผมนั่งมอง ถ่ายรูปอัพเฟซอีกนิด อยากพูดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่นาคินทร์ก็เงียบเหลือเกิน

“นาคินทร์จะลองไปซื้อเครื่องมือมาซ่อมดู คุณหนูจะรออยู่นี่หรือ...”

“ฉันจะไปด้วย!!”
ผมโพล่งขึ้นก่อนนาคินทร์จะพูดจบ นาคินทร์หัวเราะ

“ครับ งั้นรอเดี๋ยว”
นาคินทร์เดินเข้าบ้าน ไปหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าเงิน

“ซื้อใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ”

“ของหลานก็มีครับ นาคินทร์ซ่อมไว้เฉย ๆ”
ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็พยักหน้า คงให้อารมณ์เหมือนเจ้าปุโรทั่งล่ะมั้ง

“มันคงเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับเจ้าปุโรทั่งแน่ ๆ นาคินทร์ถึงได้ใส่ใจขนาดนี้”
นาคินทร์หัวเราะ เดินไปเปิดประตูรถให้ผมนั่ง แล้วตัวเองก็เดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ นาคินทร์สตาร์ทเครื่อง หมุนกระจกรถลงทั้งสองด้าน คงหวังรับลมจากธรรมชาติ หันมามอง

“คุณหนู”

“หือ”
ผมครางรับ คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จพอดี นาคินทร์ทำท่าจะถามอะไรสักอย่าง แต่ปิดปากเงียบลง

“เปล่าครับ”
แล้วนาคินทร์ก็หันไปสับเกียร์พารถออกจากรั้วบ้านที่เปิดอ้าไว้ตลอดนั้นไป ลมจากธรรมชาติโบกผมผมจนปลิวสะบัด อากาศดีจริง ๆ ขามาไม่ได้เปิดกระจกลงแบบนี้เลยไม่รู้ว่าวิวมันดีสุดยอดขนาดนี้

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ

“อากาศดีจัง”

“ดีใจที่คุณหนูชอบ”

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านขายอุปกรณ์รถ มันเป็นร้านเล็ก ๆ นาคินทร์เข้าไปเช็กดูในขณะที่ผมยืนรับลมรอ ชักหิวน้ำ ผมเดินไปยังร้านขายของชำข้าง ๆ ซื้อชาเขียวเย็น ๆ มาขวดหนึ่ง

อย่าถามว่าทำไมผมไม่ซื้อมาสองขวด เพราะผมมีเหตุผล

“นาคินทร์”
ผมเดินเข้าไปหาคนตัวสูง นาคินทร์ยังหน้านิ่วถืออะไรที่คล้ายกับท่อสองชิ้นมองสลับกันไปมา คงเลือกไซส์หรือสีล่ะมั้ง นาคินทร์หันมามอง ผมยื่นชาเขียวที่เปิดฝามีหลอดดูดพร้อมไปให้ ผมถือขวดมือหนึ่ง อีกมือจับหลอดไว้ จ่อมันใกล้ปากคนตัวสูง

นาคินทร์มองอึ้ง

“อร่อยนะ”
ผมพูดเสียงแผ่ว นาคินทร์มองหน้า กะว่าถ้านาคินทร์ปฏิเสธจะบังคับแล้ว แต่นาคินทร์ก็ก้มลงดูดใส่ปาก ผมยิ้มอย่างพอใจ จ้องมองดวงตาคมไม่เลื่อนไปไหน นาคินทร์ก็ไม่ละดวงตาไปไหนเหมือนกัน

ผมเผยอปากนิด ๆ อย่างเคยชิน ดวงตาคู่นั้นละสายตามองนิดหนึ่ง ผมกลืนน้ำลาย รู้สึกหวิวในหัวใจยังไงแปลก ๆ

เสียงเจ้าของร้านเดินเข้ามา นาคินทร์รีบละปากจากหลอดทันที ผมก็ดึงขวดน้ำกลับเหมือนกัน

“เอานี่ไหม ใกล้เคียงหน่อย”
เขายื่นไอ้สิ่งที่นาคินทร์กำลังเลือกอยู่มาให้ นาคินทร์วางไอ้ที่อยู่ในมือลง รับมาเช็กดู

“ครับ แบบนี้แหละ ขอบคุณมาก”
นาคินทร์ยื่นสิ่งนั้นคืนเจ้าของร้าน เดินดูอย่างอื่นต่อ นาคินทร์บอกซื้อที่นี่ถูกกว่าในห้างใหญ่ ๆ เสียอีก เราได้ของมากันพอประมาณ ราคาย่อมเยา นาคินทร์วางของไว้กระบะท้าย เปิดประตูให้ผมนั่งตามเดิม

นาคินทร์ขับรถช้า ๆ พาผมกลับบ้าน ไปถึงก็ลงมือซ่อมทันที เราช้ามากไม่ได้ครับ เพราะเดี๋ยวต้องตีรถกลับกรุงเทพ ผมนั่งบนเปลญวนมอง นาคินทร์ทำไปเช็ดเหงื่อไป

ผู้ชายคนนี้ชอบทำงานใช้แรงจริง ๆ

“ดื่มน้ำหน่อยพ่อช่างคนเก่ง”
ผมลุกจากเปลเดินไปยื่นน้ำให้ นาคินทร์อ้าปากดื่มเหมือนเคย ผมนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ ส่องดู

“ซ่อมได้แน่เหรอ”

“ไม่มีอะไรที่นาคินทร์ซ่อมไม่ได้ครับ”
ผมพยักหน้า กลับไปนั่งบนเปลมองเหมือนเดิม หน้านาคินทร์มอมเพราะคอยใช้แขนเช็ดเหงื่อ ผมมองขำ ๆ นาคินทร์เงยหน้ามอง

“หัวเราะอะไรนาคินทร์ครับ”

“หน้ามอมหมดแล้ว”

นาคินทร์ยิ้มทั้งที่หน้ายังเปื้อน

“สภาพคนทำงานก็แบบนี้แหละ ไม่ได้สะอาดสะอ้านเหมือนคนทำงานในห้องแอร์หรอกครับ”

ผมเลิกคิ้วสูง ยิ้มนิด ๆ

“แต่ฉันชอบมองหน้ามอม ๆ ของนาคินทร์มากกว่าหน้าสะอาด ๆ ของคนในห้องแอร์นะ”

นาคินทร์มองตาผมนิ่ง ขยับใช้แขนเช็ดอีกทีให้หน้ามอมยิ่งกว่าเดิม

“แต่มอมมาก ๆ ก็ไม่ไหว” ผมส่ายหัว นาคินทร์หัวเราะมองแขนตัวเอง สงสัยจะไม่รู้ว่าแขนเปื้อน หันไปซ่อมรถต่อ

ผ่านไปชั่วโมงหนึ่งได้ นาคินทร์ก็สตาร์ทเครื่อง เสียงมันดังกระหึ่ม ผมตาโตเลย ไม่คิดว่าจะติด นาคินทร์ทดสอบเครื่อง บิดเบิ้ล ๆ หลาย ๆ ที กระทั่งแน่ใจว่าไม่ดับแล้วจริง ๆ ถึงได้ดับเครื่องลง ตรวจเช็กไปรอบ ๆ อีกรอบ แล้วเอามันไปล้าง

คราวนี้ผมนึกสนุก

“ฉันช่วย”

นาคินทร์ไม่ปฏิเสธ ผมจับสายยางฉีดใส่ตัวรถ ในขณะที่นาคินทร์เอาฟองน้ำผสมน้ำยาล้างมอเตอร์ไซค์ขัดไปทั่ว นาคินทร์ค่อนข้างจะทำงานละเอียด ทุกซอกทุกมุมเลย ผมปิดก๊อกระหว่างรอนาคินทร์ล้างด้วยน้ำยาขัด จุดไหนที่เรียบร้อยผมก็ฉีดน้ำ

ผมแกล้งตวัดน้ำใส่คนตัวสูงนิดหนึ่ง นาคินทร์มองหน้า ผมหัวเราะหึ ๆ แกล้งฉีดมากขึ้น

“นาคินทร์เปียกหมดแล้วครับคุณหนู”

“เดี๋ยวก็ต้องอาบน้ำแล้ว ฉันช่วยไง”

“อย่าครับ”
นาคินทร์ห้ามไปขัดรถไป ผมก็แกล้งฉีดตัวคนล้างรถบ้าง ฉีดใส่รถบ้าง กระทั่งนาคินทร์ขอสายยางคืนผมถึงได้ส่งให้ดี ๆ นาคินทร์ฉีดล้างจนสะอาดเอี่ยม ลองสตาร์ทเครื่องอีกรอบ

“ขอผมไปอาบน้ำก่อน แล้วจะลองขับทดสอบรถดู”

ผมพยักหน้า นั่งเปลคอย แม่กับพ่อกลับมากันพอดี พอเห็นรถถูกซ่อมก็พากันชื่นชมใหญ่

คอยไม่นานนาคินทร์ก็แต่งตัวเรียบร้อยออกมา

“คุณหนูคอยอยู่นี่ก่อนนะครับ”

“ไปด้วยสิ”

นาคินทร์มองหน้า ก่อนพยักหน้ารับ นาคินทร์สตาร์ทเครื่อง ผมนั่งซ้อน

“ไม่น่าเชื่อว่ามันจะวิ่งได้”

นาคินทร์ขับช้า ๆ พาผมออกไปนอกตัวบ้าน ทดสอบขับไปรอบ ๆ อีกนิด พอให้รู้สึกว่ามันไม่ดับระหว่างทางก็โอเค

“นี่ถ้าเครื่องเกิดดับระหว่างเราทดสอบ คงเดินกันขาลาก”

นาคินทร์หัวเราะ

“นาคินทร์ไม่ยอมให้คุณหนูเดินเองแน่ ๆ”

“ทำไม จะเอาฉันขี่คอเหรอ”

นาคินทร์ส่ายหน้า

“จะจับนั่งบนรถแล้วนาคินทร์จูง”

“ฉลาดมาก”

เราพารถกลับบ้าน ขนของเตรียมตัวกลับกรุงเทพ แอบเสียดายครับ ผมรู้สึกผูกพันกับที่นี่แปลก ๆ ผมไหว้พ่อกับแม่นาคินทร์ประหนึ่งเป็นพ่อกับแม่ตัวเอง พวกท่านเอ็นดูและเคารพรักผมมาก ฝากฝังให้ผมดูแลเขา ผมรับปาก เราออกเดินทางกันอีกครั้ง ไม่มีโอกาสได้ลาญาติคนอื่นของนาคินทร์เลย แต่ทุกคนรู้แล้วว่าเราจะกลับกันช่วงเวลานี้ของวัน

“ไม่อยากกลับเลย”

“ไว้ช่วงไหนว่างหรือหยุดยาว ๆ นาคินทร์จะพามาอีก หรือถ้าคุณหนูไม่ได้ไปเที่ยวไหนช่วงสงกรานต์นาคินทร์จะพากลับมาเล่นน้ำสงกรานต์ที่นี่”

“น่าสนุก”
ผมตาวาว นาคินทร์ยิ้ม ผมนั่งนิ่งนึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นความทรงจำที่ดีจริง ๆ

“ฉันคงคิดถึงดวงดาว คิดถึงทุกคนที่นี่”

“ดวงดาวทุกดวงที่นี่ก็คิดถึงคุณหนูเช่นกัน”

ผมหันไปมองคนพูด ยิ้มให้นิด ๆ

รถกลับมาถึงกรุงเทพก็ดึกมากแล้ว เราต่างแยกย้ายกันเข้าบ้าน ผมคิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมาจริง ๆ อยากถามนาคินทร์ให้แน่ใจถึงความรู้สึกแท้จริงที่นาคินทร์มีต่อผมด้วย

นาคินทร์รักผมแบบไหน

อยากให้เวลาหยุดลงเพียงแค่นั้นจริง ๆ ไม่อยากกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเลย








ผมกับนาคินทร์ตื่นไปทำงานเหมือนเดิม ผมกะว่าคืนนี้แหละ ผมจะถามนาคินทร์แล้ว อย่างน้อยถ้าไม่ได้คิดอะไร ผมจะได้วางตัวถูก แต่ถ้าคิดจะได้พูดคุยกันว่าจะเอายังไงต่อไป

ผมนั่งกัดเล็บ แอบเครียดครับ ถ้านาคินทร์ปฏิเสธ ผมจะทำหน้าแบบไหน จะแก้ยังไง

จะยอมแพ้ หรือจะหน้าด้านขอนาคินทร์คบ

ผมนิ่งคิดกระทั่งถึงเวลากลับบ้าน ผมไม่ได้กลับพร้อมนาคินทร์เพราะออกหาลูกค้ากับคนที่แผนก กว่าจะแล้วเสร็จก็ดึกเพราะดันดื่มกันต่อ ผมว่าแผนกนี้นอกจากจะทำงานเก่งยังดื่มเก่งด้วย ขืนทำงานแผนกนี้มาก ๆ ผมมีสิทธิ์เป็นขี้เหล้าได้ง่าย ๆ นะ จะกลับก่อนก็ไม่ได้ เพราะกลับก็ต้องรอกลับพร้อมกัน

ผมจำต้องนั่งดื่มอย่างเสียไม่ได้ ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ผมล้วงมากดรับ

“คุณหนูอยู่ไหนครับ” เสียงของนาคินทร์ ผมยิ้มนิด ๆ

“ร้านเหล้า โดนลากมาเลี้ยง”

“ร้านไหนครับ”
ผมบอกชื่อร้านและสถานที่ไป แอบกระซิบกรอกเสียงลงไปว่าให้มารับหน่อยเพราะอยากกลับจะแย่แล้วแต่โดนดึงตัวไว้ นาคินทร์รับปาก ผมยิ้มดีใจที่นาคินทร์จะมา

ผมโดนบังคับให้กินอีกนิด กระทั่งเห็นใครบางคนยืนหันซ้ายหันขวา ก่อนมองเห็นผม ผมยกมือให้ นาคินทร์เดินตรงมาหา

“ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ มีคนมารับแล้ว”

“อ้าว ๆ เฮ้ย ได้ไง กินด้วยกันก่อน”

ผมบุ้ยปากไปทางนาคินทร์                         

“เกรงใจเขา อุตส่าห์ขับรถมารับ”
ผมชิ่งออกมาจากวงเหล้าทันที ลากแขนนาคินทร์กลับบ้าน

“ไม่ไหว ขอย้ายแผนกด่วน ๆ”

นาคินทร์หัวเราะขำ ๆ เขาเปิดเพลงให้ผมฟังเบา ๆ ตอนนั่งรถ เพลงเพราะมาก แม้รถจะติดแต่ผมก็รู้สึกมีความสุข

“นาคินทร์”
ผมหันไปทางคนตัวสูง

“ครับ”

“เดี๋ยวฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนะ อาบน้ำเสร็จจะลงไปหา”

นาคินทร์หันมามองหน้า พยักหน้ารับเบา ๆ

ผมกลับเข้าบ้าน รีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าน่ารักที่สุด ลงไปข้างล่าง เห็นนาคินทร์นั่งห้อยขาอยู่บนเปลนอนที่นาคินทร์เคยทำไว้ให้ผมนอนเล่นนั่นแหละ ดวงตาเหม่อมองผ่านทิวไม้ ปลายทางเป็นดาวเหนือที่นาคินทร์เคยบอก มันมองเห็นได้จากที่นี่จริง ๆ ด้วย

ผมเดินช้า ๆ เข้าไปหา แต่เผลอเหยียบใบไม้กิ่งหนึ่งเข้า ผมหยุดเดินนาคินทร์ละสายตาจากท้องฟ้าหันมามอง วันนี้นาคินทร์เปิดไฟไว้แค่ดวงเดียว มันสว่างเรือง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เราไปดูดาวกันกลางทุ่งนา ผมขยับเดินเข้าใกล้ เงยหน้ามองสิ่งที่นาคินทร์มองอยู่

“นั่นดาวเหนือใช่ไหม”
นาคินทร์มองตาม ขยับปากพูดโดยไม่หันมามอง

“ครับ”

“ดวงเดียวกับดาวเหนือที่เราดูกันต่างจังหวัดไหม”

นาคินทร์หัวเราะกับมุกผม

“น่าจะนะ”

ผมหัวเราะบ้าง เรานิ่งเงียบกันไป จนนาคินทร์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น

“คุณหนูบอกมีเรื่องจะพูดกับผม”

“ใช่”
ผมเม้มปาก ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าชีวิตนี้ต้องมาคุยเรื่องแบบนี้กับผู้ชาย จะว่าเป็นการขอคบไหมก็ใช่ ถ้าผมจีบผู้หญิงมันจะตื่นเต้นสุดเหวี่ยงขนาดนี้รึเปล่า

ผมหันไปเผชิญหน้ากับนาคินทร์ เขายังนั่งอยู่ด้านบน ผมยืนอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม ลมโกรกมาเบา ๆ จนผมนาคินทร์ปลิว

“นาคินทร์เคยบอกรักฉัน”
ผมเข้าประเด็นทันที “ฉันอยากรู้ว่าความรักของนาคินทร์ที่มีต่อฉันมันเป็นความรักแบบไหน” ผมนิ่งฟังหลังถามไปแล้ว นาคินทร์นิ่งไป

“คุณหนูครับ”

เหมือน ๆ ผมจะเป็นลม ผมพยายามฝืนสติ ขืนนาคินทร์บอกว่ารักแค่นายรักบ่าว ผมคงเป็นลมไปแน่ ๆ

“นาคินทร์…”
นาคินทร์นิ่งไป ผมเม้มปากแน่น

“พูดออกมาตรง ๆ นาคินทร์ ห้ามโกหก ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเสียใจ โกรธ หรือว่ารับไม่ได้”

นาคินทร์จ้องหน้าผม

“นาคินทร์รักคุณหนู” นาคินทร์บอกเสียงแผ่ว หัวใจผมไหวแรงด้วยความรู้สึกดี “รักเสียยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก” คำนี้ทำให้ผมรู้สึกหวิวหม่นนิด ๆ แล้วนาคินทร์ก็เงียบไป ไม่พูดอะไรต่อ

“แค่นี้?”
ผมย้ำ นาคินทร์พยักหน้า ผมเม้มปากแน่น

“แล้วที่นาคินทร์กอดฉันล่ะ”

นาคินทร์ก้มหน้า

“คุณหนูครับ” ก่อนเงยหน้าขึ้นมาเรียก “ถึงใจนาคินทร์จะเรียกร้องยังไง นาคินทร์ก็ไม่มีสิทธิ์ ไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดได้ นาคินทร์มันคนต่ำศักดิ์”

“นาคินทร์” ผมขยับเข้าไปใกล้ “นาคินทร์รักฉันมากไหม”

“มากครับคุณหนู”

“ปรารถนาในร่างกายฉันไหม”

ดวงตานั้นแววแสงลง

“ครับ”

“แล้วหัวใจล่ะ”

นาคินทร์นิ่งไป

“นาคินทร์ไม่อยู่ในฐานะที่จะได้ครอบครองสิ่งนั้น”

ผมขยับเข้าไปชิด จับมือนาคินทร์มาวางไว้ตำแหน่งหัวใจตัวเอง มันเต้นแรงจนนาคินทร์น่าจะฟังได้ชัด

“นี่คือสภาพหัวใจฉันเวลาที่เข้าใกล้นาคินทร์นะ”

“คุณหนู…”

“ฉันพร้อมจะเป็นดาวที่ตกลงมาสู่มือนาคินทร์นะ และอยากให้นาคินทร์ดูแลมันด้วยร่างกายและหัวใจ ไม่ใช่จับวางไว้บนหิ้งบูชาเหนือหัว แต่จับไว้เคียงข้างหัวใจนาคินทร์ ดูแลมันด้วยหัวใจนาคินทร์เอง”

“คุณหนู…มันไม่ควร”

ผมขยับเข้าไปชิดคนพูดอีก

“ฉันรักนาคินทร์นะ ไม่ใช่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง แต่ในฐานะคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกัน เหมือนที่พ่อรู้สึกกับแม่ สามีกับภรรยา”

“คุณหนู” นาคินทร์เบิกตากว้าง “นาคินทร์ไม่อาจเอื้อม”

“นาคินทร์” ผมเบรกคนตัวสูงไว้ ขยับเข้าไปชิด โอบกอดแผ่นหลังคนตัวสูงไว้ “ถ้าตัดเรื่องฐานะออก นาคินทร์จะรักฉันและยอมให้ฉันรักนาคินทร์ได้ไหม”

“มันเป็นไปไม่ได้”

“ตอบมาก่อน”

“คุณหนู แต่…”

“นาคินทร์สัญญาใช่ไหม ว่าจะรัก ดูแล และเคียงข้างฉันเสมอ”

“ครับ แต่ในฐานะบ่าวรับใช้”

“งั้นจงเป็นบ่าวต่อไป แต่เพิ่มเติมคือรับรู้ความรู้สึกฉันเอาไว้ด้วย นาคินทร์จะยังเป็นนาคินทร์ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ไม่จำเป็นต้องปรับ แต่ให้รับฉันไว้ในหัวใจ”

“คุณหนูครับ คุณหนูอยู่ในใจนาคินทร์มานานแล้วนะครับ” นาคินทร์จับมือผมไปวางไว้บนหัวใจตัวเอง

“งั้นก็จงรู้ไว้ ว่าหัวใจฉันมีนาคินทร์เช่นกัน”

“ไม่ควรเลย” นาคินทร์ส่ายหัว ผมขยับแนบหน้ากับแผงอกกว้าง

“ฉันรักนาคินทร์นะ รักมาก”

“โธ่ คุณหนูครับ นาคินทร์ขอโทษ” นาคินทร์กอดตอบ กระชับแน่นขึ้น ผมยิ้มนิด ๆ ขยับดันตัวออก มองหน้านาคินทร์ เผยอปากนิด ๆ เป็นสัญญาณให้นาคินทร์รู้ว่าเขาควรทำยังไง นาคินทร์ไม่โง่ในเรื่องนี้เลย เขาก้มลงมาประกบจูบ หัวใจผมไหวรุนแรง โอบกอดคนตัวสูงแน่นขึ้น เราค่อย ๆ ถอนปากออก ผมยิ้มนิด ๆ กับสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น

“ฉันดีใจจังที่นาคินทร์รักฉันมากกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง”

“นาคินทร์ก็ดีใจเช่นกันครับ แต่ไม่ควรเลย เกิดใครรู้เข้า”

ผมมองตา

“ต่อให้พ่อตัดฉันออกจากกองมรดกเพราะเรื่องนี้ ฉันก็พร้อมจะไปอดมื้อกินมื้อกับนาคินทร์นะ”

“คุณหนู ให้ฟ้าถล่มดินทลาย สาบานได้ว่านาคินทร์จะไม่ยอมให้คุณหนูลำบากหรืออดอยากเป็นอันขาด”

ผมยิ้ม

“สัญญานะ”

“ครับ นาคินทร์สัญญา”


[มีต่อ]>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3506693#msg3506693

หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-10-2016 20:15:10
จบไวจัง ใจหายเนาะ
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 26-10-2016 20:38:37
โฮ้ยยย จะจบแล้วว ฮื่อออ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-10-2016 21:40:49
 อะร้างงงงงง ชอบบบบบ :mew1: :mew1: :mew1:
            นาคินทร์มองดาว         สุกสกาวสูงส่ง
       รักนั้นซื่อตรง                    มั่นคงคุณหนู
            อนุชาเทใจ                 มอบให้ยอดชู้
       นาคินทร์หยั่งรู้                  จู่โจมทันควัน                   
            พลิกตัวโอบกอด          สวมสอดสุขสันต์
       เริงรักร่วมกัน                    ฉ่ำรักสองเรา
                    :o8: :-[ :impress2:
                        :L1: :L1: :L1:
                   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-10-2016 21:48:51
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 26-10-2016 22:02:04
ขอบคุณคนแต่งค่าาาา
จะจบแล้วหรอ ยังไม่อยากให้จบเลย
ขอตอนพิเศษได้ไหมค่ะ คริคริ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 26-10-2016 22:27:12
งื่ออออออ จะจบแล้วหรอคะ ไม่อยากให้จบเลย

ชอบเรื่องนี้จังงงงงง

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 26-10-2016 23:09:54
ปกสวยมาก ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 27-10-2016 11:55:09
จะจบแล้ว แอบเศร้านิดๆ อยากให้เอาเรื่องอื่นมาลงที่เล้าด้วย ไม่ถนัดตามไปอีกที่นะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-10-2016 16:54:02
จะจบแล้วเหรอ? อยากอ่านคู่อื่นด้วยนะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-10-2016 21:30:28
อ่าาาา จะจบซะแล้วววว ชอบสองคนนี้อ่ะ ค่อยเป็นค่อยไป ความหวานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ//ปัดๆๆมด o13 o13
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 28-10-2016 13:09:11
อ่านเรื่องนี้แล้วมันดีต่อใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-10-2016 17:19:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(26-10-59) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-10-2016 19:28:41
น่ารักคู่นี้ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-10-2016 18:55:24
ดีใจจัง เข้าใจความรู้สึกที่ตรงกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-10-2016 20:22:15
คุณหนูสุดยอดดดดดด บทนี้ยกให้เลยค่าาาาา o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2016 22:43:35
นาคินทร์ อนุชา  :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 29-10-2016 22:49:59
จจบแล้วหรอ อยากอ่านอีกอ่ะ ชอบๆๆ ขอตอนพิเศษได้ไหม
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-10-2016 05:40:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-10-2016 07:47:44
งื้อ~เขินนนน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-10-2016 08:00:04
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(29-10-59) 80%
เริ่มหัวข้อโดย: pamazier24 ที่ 03-11-2016 00:16:45
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่าาาาาาาา :call:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-11-2016 12:26:10
(ต่อค่ะ)

ผมขยับขึ้นไปนั่งบนเปลกับนาคินทร์ เรานอนกอดกันมองดาวที่เห็นเพียงไม่กี่ดวงนั้น

“คุณหนูรักนาคินทร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

“ไม่รู้สิ รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว แล้วนาคินทร์ล่ะ”

“ขอลอกคำตอบคุณหนูมาได้ไหมครับ”

ผมยู่หน้าใส่ ไม่ว่าอะไร เลื่อนมือไปวางไว้บนหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะนั้น

“เราคงต้องเก็บเรื่องของเราเป็นความลับไปก่อน ฉันยังไม่รู้เลยว่าถ้าบอกจะเกิดอะไรขึ้น” นาคินทร์ขยับยกตัวขึ้น

“งั้นนาคินทร์ว่ามานอนด้วยกันแบบนี้ อาจมีคนมาเห็นเข้านะครับ”

ผมส่ายหัว

“มุมนี้ไม่เห็นหรอก ไม่งั้นฉันจะกล้ามานอนกอดนาคินทร์เหรอ”

“เผื่อมีใครผ่านมาเห็น”

“งั้นเข้าห้อง”

“เอ่อ...ผมว่า”

“รังเกียจก็แล้วไป” ผมแสร้งขยับจะลงจากเปล

“สาบานให้ฟ้าผ่าตายว่าไม่”

“งั้นเข้าห้อง”

นาคินทร์จำต้องพยักหน้า พาผมเดินเข้าห้องนอนไป มันไม่มีอะไรในห้องนี้เลย นอกจากฟูกนอนผ้าห่ม ตู้เสื้อผ้า โต๊ะวางของและพัดลมหนึ่งตัวเหมือนเดิม

พอเข้าห้องได้วงแขนใหญ่ก็โอบกอดผมไว้จากทางด้านหลังทันที ผมอึ้งไปเพราะไม่คิดว่านาคินทร์จะกล้าทำ

“นาคินทร์ดีใจเหลือเกินครับ ดีใจที่ใจของเราตรงกัน นาคินทร์ทรมานแทบบ้า ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แต่นาคินทร์กลับห้ามร่างกายไม่ให้ต้องการคุณหนูไม่ได้ ห้ามหัวใจให้หยุดรักคุณหนูไม่ได้ มันทรมานเหลือเกิน”

ผมขยับพลิกหันไปเผชิญหน้า

“งั้นนาคินทร์ก็คิดแบบเดียวกับฉัน”

นาคินทร์มองหน้าผม

“จูบได้ไหมครับ”

ผมเผยอริมฝีปากตอบรับทำที นาคินทร์ก้มหน้าลงมา ทาบริมฝีปากไว้เหนือริมฝีปากผม เนิ่นนานทีเดียวก่อนปากนั้นจะค่อย ๆ ละออก เพียงแค่จูบ บางสิ่งก็ขยับตื่นตัวแล้ว

“ขออภัยครับ นาคินทร์ไม่ตั้งใจ”
นาคินทร์ขยับร่างกายออกห่าง ผมขยับเข้าไปชิด จับมือนาคินทร์มาจับบางสิ่งของผมบ้าง นาคินทร์มองอึ้ง

“ฉันเองก็เป็นนะ”

“คุณหนูครับ”
นาคินทร์กระชากตัวผมเข้าไปใกล้ กระชากดึงเสื้อจากหัวไหล่ผมลง ก้มซุกซอกคอ

“ขออภัยจริง ๆ นาคินทร์ทนไม่ไหวแล้ว”
นาคินทร์พูดเสียงพร่า ขยับล้วงมือบีบแก้มก้นผมแรง ยกขาผมขึ้นพาดสะโพก สิ่งนั้นตื่นตัวเต็มที่ นาคินทร์ขยับดันผมไปยืนพิงตู้เสื้อผ้า เลื่อนปากมาจูบ ท่าทางดูเร่าร้อนรุนแรงเหมือนตอนอยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ มือใหญ่กระชากดึงกางเกงผมลง ถอนปากออก ขยับพลิกตัวผมหันหน้าเข้าหาตู้เสื้อผ้า ดึงสะโพกผมออกห่างนิด ๆ

“คุณหนู คุณหนูของนาคินทร์”
ผมเองก็แทบจะทนไม่ไหว ครางออกมาเบา ๆ เมื่อสิ่งนั้นค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาช้า ๆ อยู่นี่ผมไม่กลัวใครมาได้ยินเสียง ผมครางออกมาอย่างพอใจ ขยับแยกขาออกกว้าง

“แรง ๆ นะนาคินทร์ แรง ๆ”
ผมร้องขอเสียงสั่น

“ครับ”
นาคินทร์รับปาก พอเข้าได้ก็จับสะโพกผมแรง เคลื่อนไหวในจังหวะเอาอกเอาใจผม นาคินทร์เร่าร้อน นาคินทร์รุนแรง บางครั้งกักขฬะ บางครั้งอ่อนหวาน แต่ทุกท่วงท่า ทำเอาผมแทบจะหลอมละลายตายเพราะความสุขใจ ยิ่งนานเสื้อผ้าเรายิ่งเหลือน้อยชิ้น กระทั่งมันไม่เหลือเลย

ผมยังยืนพิงตู้อยู่ มีนาคินทร์อยู่ข้างใน ปากเราแนบชิด ผิวเนื้อติดแน่น ร่างเราเชื่อมประสาน เสียงครางสอดคล้อง หัวใจเทียบหัวใจ

ครั้นพอเราพากันเคลื่อนที่ไปยังที่นอน บางครั้งผมอยู่บนบางครั้งนาคินทร์ขึ้นไปแทนที่ แต่ไม่ว่าจะใครนำใครตาม เสียงครางของเราก็เป็นเสียงครางแห่งความสุขสม มันไม่ใช่ความสุขที่ร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความสุขที่หัวใจด้วย

เราจบบทรักครั้งสุดด้วยด้วยการที่ผมทำตัวเป็นนักขี่ม้า ควบขี่นาคินทร์ นาคินทร์เป็นพวกยิ่งนานยิ่งร้อนยิ่งรุนแรง ตัวผมคงช้ำ ข้างในผมคงระบม

แต่ผมสนใจหรือเปล่า

ไม่เลย

“ฉันรักนาคินทร์นะ”
ผมกระซิบบอกหอบ ๆ

“ผมก็รักคุณหนูครับ คุณหนูของผม” นาคินทร์จูบผมแผ่วเบา ผมเคลื่อนตัวลงไปนอนเคียงข้าง นาคินทร์โอบกอดผมไว้ แม้ร่างกายจะเลอะเทอะ แต่ผมไม่สนจะไปล้างมันออก ผมภูมิใจที่บางสิ่งของนาคินทร์วิ่งเล่นอยู่ในตัวผม ผมซบหน้ากับแผงอกกว้างหลับใหลไปด้วยกัน




ผมกับนาคินทร์แอบคบกันมาเงียบ ๆ ส่วนใหญ่ผมจะเป็นฝ่ายย่องไปหานาคินทร์มากกว่า เพราะดูไม่น่าเกลียดเท่ากับนาคินทร์มาหาผมที่ห้อง

ผมไม่ย้ายแผนกหรอก เพราะยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกหลายอย่าง พ่อเรียกผมเข้าไปสอบภูมิ ซึ่งผมก็ทำได้ดีพอควร

นาคินทร์ไม่ยอมให้ผมขึ้นไปหาอีก เพราะอยากเซอร์ไพร์ส ตอนแรกก็อยากเห็นทุกขั้นตอน แต่เมื่อนาคินทร์ตั้งใจแบบนั้นผมก็ไม่ขัดศรัทธา เฝ้ารอเวลาให้นาคินทร์พาผมไปดู

กระทั่งวันนี้มาถึง นาคินทร์ให้ผมขึ้นไปหาตอนหนึ่งทุ่มตรงพอดี เราจะทานมื้อค่ำกันที่นั่น ผมนั่งท้องกิ่วรอเวลากระทั่งทุ่มตรงถึงได้เดินออกจากแผนกไปที่ประตูลิฟต์ขนของ พอประตูลิฟต์เปิดออก ผมอ้าปากค้างทันที เพราะมีตัวหนังสือคำว่า ‘For U’ ติดอยู่ มันถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษ

ผมใจเต้นแรง หรือว่านาคินทร์เป็นคนทำ

ผมเดินขึ้นบันไดไป มีลูกโป่งติดไว้เป็นทาง ผมยิ้ม ฝีมือนาคินทร์แน่ ๆ ผมเดินขึ้นไปจนถึงดาดฟ้า ผมอ้าปากค้างอีกระรอก มองดาดฟ้าที่แสนสวยงาม มีต้นไม้ใหญ่น้อยเรียงราย น้ำตกจำลอง ชิงช้า ม้านั่งแนววินเทจ โต๊ะพร้อมเก้าอี้สำหรับนั่งสังสรรค์กันได้นิด ๆ ม่านดอกไม้ ทุกอย่างสวยงามจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

“ชอบไหมครับ”

ผมมองทึ่ง ๆ

“สวยมากเลยนาคินทร์”

นาคินทร์ยิ้ม

“เชิญคุณหนูทางนี้ครับ”
นาคินทร์ยื่นมือมารับเหมือนคนขอผู้หญิงเต้นรำ ผมวางมือลง ก้าวตามไปข้าง ๆ นาคินทร์พาผมเดินอ้อมผ่านม่านบาหลีไปอีกด้าน ผมตาโต เพราะด้านหลังเป็นโต๊ะแบบวงกลมที่มีอาหารวางไว้ ของโปรดผมทุกอย่าง พร้อมไวน์มียี่ห้อขวดหนึ่ง แก้วไวน์สองใบ ดอกไม้ประดับบนโต๊ะ ผ้าคลุมโต๊ะเป็นสีขาว ดอกกุหลาบประดับโต๊ะสีแดง รูปแบบถอดมาจากหนังสือที่ผมเห็นแน่ ๆ

ข้างในคือม่านบาหลี วิวอีกด้านคือแสงไฟที่กำลังส่องสว่าง สูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วแต่จังหวะ อาจไม่ได้เยอะ แต่ผมรู้ว่ายิ่งดึก แสงเหล่านั้นจะยิ่งเยอะขึ้น ดาวเหนือยังอยู่ตรงนั้น

“เชิญนั่งครับ”
นาคินทร์ลากเก้าอี้ออกให้ ผมหย่อนตัวนั่งราวกับถูกสะกด

“สวยมากเลย”

“เพื่อคุณหนู”

ผมมองตาคนตรงหน้า ไม่คิดว่าเขาจะทำเพื่อผมขนาดนี้ นาคินทร์หยิบไวน์เย็น ๆ ขวดนั้นมาเปิดจุก รินใส่แก้วแล้วยื่นมาให้ผม รินให้ตัวเองบ้าง ผมมองด้วยหัวใจเปี่ยมสุข

“นาคินทร์ไม่รู้พิธีรีตองของคนระดับสูง เอาที่นาคินทร์พอจะเคยเห็นมาจากหนังช่องสามกับอ่านหนังสือละกัน เพื่อคุณหนูครับ” นาคินทร์ยกแก้วยื่นมาทางผม ผมหยิบแก้วขึ้นมาถือ ยื่นไปชนแก้วนาคินทร์เบา ๆ จนเกิดเสียง

ผมยกดื่ม แค่คำเดียวครับ เดี๋ยวเมา

“อาหารจากไหนเนี่ย”
ผมก้มมองอาหารหน้าตาน่าทานตรงหน้า

“ครัวนาคินทร์ครับ”

ผมเงยหน้ามอง

“จริงเหรอ”

“ครับ ไปขอยืมครัวจากร้านอาหารข้างล่างมา”

“โห” ผมมองทึ่ง ๆ ตักชิม

“อร่อย”

“นาคินทร์ดีใจที่คุณหนูชอบ”

“ชอบมาก ๆ ไม่ใช่ชอบธรรมดา” 

“ขอบคุณครับ”

เรานั่งกินอาหาร พูดคุย มองดาว มองตากัน ผมมีความสุขกับสิ่งนี้มากจริง ๆ

หลังจากเราอิ่มจากอาหารมื้อโรแมนติก นาคินทร์ก็พาผมมานั่งชิงช้าขนาดใหญ่ ผมอิงแอบแผงอกนาคินทร์ไว้

“นี่นาคินทร์”
ผมกระซิบเรียกคนตัวสูง

“ครับ”
นาคินทร์ครางรับ จับมือผมไว้บีบเบา ๆ จูบซับหน้าผาก

“ฉันตัดสินใจแล้ว”

“ว่า…”

“ฉันจะบอกความจริงกับทุกคนเรื่องของเรา และไม่ว่าผลจะออกมายังไง ฉันก็พร้อมจะน้อมรับ สิ่งเดียวที่จะไม่ยอมแน่ ๆ คือพรากจากนาคินทร์”

นาคินทร์ดันตัวผมออก มองตา

“คุณหนูแน่ใจนะครับ”

“ฉันแน่ใจ”

“แล้วถ้าเกิดคุณท่านโกรธมาก สั่งห้ามไม่ให้เราคบกันล่ะ”

“ฉันจะหนีตามนาคินทร์ไป นาคินทร์ไปไหน ฉันจะไปด้วย”

นาคินทร์มองตาผม

“ถ้าคุณหนูพร้อมนาคินทร์ก็พร้อม จะพานาคินทร์ขึ้นฟ้า ลากนาคินทร์ตกเหว นาคินทร์ก็พร้อมจะไปกับคุณหนู” ผมยิ้ม อิงตัวซบอกกว้างอีกครั้ง

“ฉันรักนาคินทร์นะ”

“นาคินทร์ก็รักคุณหนูครับ ยอดรักของนาคินทร์”
นั่นคือคำรักที่แทรกผ่านเข้ามาในหัวใจผม

ผมพร้อมแล้วสำหรับอนาคต ไม่ว่ามันจะมืดหรือสว่าง ผมก็พร้อมจะเดินเคียงไปกับนาคินทร์แล้ว

The End

จบอีกเรื่องแล้ววว

ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกันจนจบนะคะ ดีใจที่เรื่องนี้ทำให้คนอ่านมีความสุข เจอกันเรื่องหน้าาาา (นาน ๆ ทีจะแต่งนิยายไม่ดราม่า ทางนี้ปลื้ม T^T)

แล้วเจอกันนนนน

ปล. ฝากนิยายเรื่องอื่น ๆ ด้วย ทั้ง hate love ทาสแค้น, kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ และ brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี รวมถึง boyfriends 3p สำหรับคอหื่น

ปล.2 e-book และหนังสือเรื่องนี้ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56295

(http://upic.me/i/24/1lh01.jpg)
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-11-2016 13:21:46
 :-[  ปริ่มเหลือเกิน  น้ำตาซึม   :mew1:   :heaven 
ฟินแรงมาก ขอบคุณมากๆค่ะ สายฮีลจริงๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-11-2016 13:54:26
อยากรู้ว่าถ้าบอกไปแล้วคุณหนูกับนาคินทร์จะ Happy หรือเปล่า :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 05-11-2016 14:11:01
เข้ามาอีกทีก็จบไปแล้ว แบบนี้มันดีอ่ะ แต่ก็สงสัยว่าถ้าที่บ้านรู้จะเป็นไง
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 05-11-2016 14:27:18
งื้อ จบแค่นี้จริงๆเหรอ อยากรู้หลังเปิดตัวด้วยจุง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 05-11-2016 15:19:26
ง่ะ จบงี้เลยเหรอ งงแปป @__@
เหมือนรีบตัดจบ ยังไม่สุดเลยอ่า อยุ่ๆเกริ่นขึ้นมาว่าจะบอกแล้วก้จบ :hao4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 05-11-2016 16:22:10
โอ้ยยยยยย จบแบบนี้ต้องมีตอนพิเศษ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-11-2016 16:31:34
เร้าร้อนยันตอนจบ... :pighaun: :pighaun: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-11-2016 16:32:53
จบแล้ว~ ดีต่อใจมากๆเลย ชอบสุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 05-11-2016 19:33:35
จบแบบนี้ก็โอเคแล้วค่าาา ให้ไปคิดต่อกันเอง 5555
ฮอตจนจบเรื่องจริงๆ นาคินทร์คนฮอต!!!!  :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 05-11-2016 20:15:22
จบแล้วววว ขอบคุณคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-11-2016 20:23:39
คุณหนูกับนาคินร้องแรงเสมอ อิอิ
จบแบบนี้ก็ให้ลุ้นกันเอง ดีไปอีกแบบ
แต่เชื่อว่าแฮปปี้แน่
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-11-2016 22:31:19
อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 05-11-2016 22:37:51
มันดีต่อใจจริงๆ หาหนุ่มแบบนี้ได้ที่ไหน หลบเท้าอนุชาแผลบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: love noon ที่ 07-11-2016 10:20:50
เฮ้อ ดีต่อใจมากๆเลย มีความละมุน มีความหวาน อิจฉาอนุชาแพร้บ

แต่จบตัดไปหน่อยอ่ะ ค้างคา  รู้สึกช็อค

อยากได้ตอนพิเศษมาปลอบประโลมใจ

 :sad4:   :o8:   :-[   :impress2: 
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 07-11-2016 17:17:42
น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 08-11-2016 15:36:56
ไร้ดราม่า ดีต่อใจจริงๆ แต่จบเร็วไปหน่อยนะคะ เหมือนได้ฟอกไต จาการกินมาม่าเยอะไปจริมๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-11-2016 00:02:59
อยากได้ตอนพิเศษจัง อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจดีแท้
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2016 22:48:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 06-12-2016 10:35:39
เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว "ฟิน" มากสุดๆเรื่องนึงเลยค่ะ ถือเป็นข้อเด็ดของคนเขียนทีเดียว
ประทับใจจากเรื่อง Kiss Loveฯ มาก่อนแล้วด้วย และเรื่องนี้ก็เช่นกัน
ช็อตปากกับหน้าอกในลิฟท์นี่โดนที่สุด ชอบการแอบยั่วของนายเอก และการข่มอารมณ์ของพระเอก
รวมถึงซีนลักหลับต่างๆ ก็กรี๊ดหนักมาก ...ชอบจังหวะการใส่บทกระตุ้นความรู้สึก จนไปสู่ nc ที่แสนจะได้อารมณ์
หลายเรื่องเลยที่อ่านข้ามๆเลิฟซีนไปบ้าง แต่ของคุณ Memew นี่อ่านทุกเม็ดอ่ะ เขียนดี ไม่เฝือ มาถูกที่ถูกเวลาจริงๆค่ะ (+เป็ดรัวๆ)
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 21-02-2017 13:51:57
ง่ะ เหมือนอยากจบก็จบเฉยเลย เรื่องมันยังไม่สุดสักทาง ขอตอนพิเศษเพิ่มเติมหน่อยเถอะ

 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 13:09:19
 :L2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-12-2017 17:03:48
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 13-01-2018 18:25:32
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]
เขียนโดย : +Memew+
จำนวนตอน : 8 ตอนจบ
+CHAPTER 01 : พายุอารมณ์
*คำเตือน 1: พระเอกคนนี้โหดมาก คู่นี้เอ็นซีเยอะ เนื้อหารุนแรง พระเอกเอาแต่ใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ^^*
.
.
.
.
.

Feel คนเจ้าอารมณ์ 
[พี่ชายกวินทร์] : 01 :
พายุอารมณ์
 
“ไปลงนรกซะเถอะไป!!”

ผมก้มหลบอะไรบางอย่างที่กำลังปลิวหวือมาใส่หัวทันทีที่เปิดประตูเข้าไปภายใน สิ่งนั้นวิ่งผ่านใบหูผมไปเพียงคืบเท่านั้น ก่อนก้มหลบอีกชิ้น

“ฉันไม่เคยบอกสักคำว่าจะจริงจังกับเธอ เข้าใจแล้วก็รีบ ๆ ไสหัวออกไป แล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ”
พอสิ้นเสียงทุ้ม ๆ เสียงหวีดแหลมอย่างหมดความอดทนของหญิงสาวก็แผดลั่นจนผมต้องรีบเอามืออุดหู

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขยับไปหยิบของสองสิ่งบนพื้นมาถือไว้ เดินกลับเข้าไปในห้องใหม่ ปิดประตูลงกันเสียงผรุสวาทของหญิงสาวดังออกไปรบกวนห้องอื่น ๆ ผมเลือกยืนอยู่ไม่ห่างจากประตูเท่าไหร่เพื่อสังเกตการณ์ หญิงสาวเจ้าของเสียงกำลังก้มเก็บเสื้อผ้าที่หล่นระเกะระกะขึ้นมาสวมใส่ลวก ๆ สีหน้าท่าทางยังคงเกรี้ยวกราดรุนแรง

พอเห็นเรือนร่างของเจ้าหล่อนชัด ๆ แล้วแทบทำน้ำลายหกพื้น อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกกลมกลึง เนื้อนมไข่อะไร ๆ น่าฟัดไปหมด โครงหน้าสวย หุ่นดี ผิวขาวราวกับหยวก ผมเจ้าหล่อนยาวสลวยย้อมสีทองอ่อน ๆ ให้ดูร้อนแรง

พอชุดครบ ไม่รอปรับให้เรียบร้อย เจ้าหล่อนก็เดินไปคว้ากระเป๋าหันกลับมาฟาดไหล่เจ้าของห้องแรงไม่ยั้ง ซึ่งรายนั้นก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือปัดป้องอะไร ยืนนิ่งเป็นเสาอิฐเสาปูนเฉย

แล้วเธอก็เดินปั้นปึ่งผ่านผมไปราวกับผมเป็นอากาศธาตุ กระชากเปิดประตูออกแล้วกระแทกปิดแรงจนบานประตูสั่นริก เสียงปิดนั้นคงดังไปทั่วทั้งคอนโดแน่ ๆ

แล้วพายุที่กำลังโหมรุนแรงอยู่ก็สิ้นสุดลง

ผมหันกลับมามองเจ้าของห้องที่เดินเปลือยเปล่าไปหยิบบุหรี่ในซองขึ้นมาเสียบปาก หยิบไฟแช็ก ใช้นิ้วโป้งดีดเปิดฝา กดปุ่มสีดำเบา ๆ แล้วเปลวไฟที่ร้อนระอุก็ลุกพรึ่บขึ้นมาเผาไหม้ปลายบุหรี่ให้แดงวาบ ส่งไอควันที่พร้อมจะทำร้ายร่างกายของใครก็ตามที่อยู่ภายในห้องให้ตับไตไส้ปอดพัง

แต่เจ้าตัวคงไม่สะทกสะท้านหรอก เพราะทำจนเคยชินแล้ว 

“มีไร”
เขาถามเสียงเรียบ ไม่หันมามองหรืออนาทรร้อนใจอะไรกับสภาพที่เกิดขึ้น ยืนพ่นไอควันขาวให้ลอยคลุ้งขึ้นไปกลางอากาศ สภาพที่ผมเข้ามาเจอตอนแรกเป็นไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น

ร่างกายสีแทนอย่างคนชอบออกกำลังกลางแจ้งตึงเปรี้ยะไปด้วยมัดกล้าม ลอนหกห่อนั้นเรียงกันจากใหญ่ลงมาสู่เล็กได้ระดับไม่ต่างกับนายแบบมืออาชีพ อกผาย ไหล่ผึ่ง ช่วงไหล่กว้าง เอวสอบ เส้นผมสีดำสนิทรับกับเรียวคิ้วเข้ม ๆ และดวงตาดุดันสีเดียวกัน กลีบปากเสมอกันทั้งบนและล่าง มันถูกรังสรรค์ให้ออกมาดูดีแม้กระทั่งตอนที่มันกำลังห่ออมมวนบุหรี่อยู่

บางสิ่งยังคงสะท้อนเด่นชัดว่าก่อนพายุอารมณ์ของผู้หญิงคนนั้นจะปะทุ สองคนนี้กำลังมีความสุขด้วยกันขนาดไหน ลำท่อนแข็งแรงชี้เด่พุ่งขึ้น 45 องศา และดูเหมือนมันจะยังคงสภาพนั้น ราวกับนั่นคือหุ่นยนต์มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ผมโบกมือไล่ไอควันที่กำลังลอยคลุ้งมาปะทะจมูกออก

“เลิกสูบก่อน บอกแล้วไงว่าผมแพ้”

“แล้วมามีไร”
เจ้าตัวขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมขยี้ปลายบุหรี่ลงบนถาดแก้ววงกลมสีใส หันมามองผมเต็ม ๆ บางส่วนยังคงชี้โด่

“ทำอะไรกับมันสักอย่างสิ อุจาด”

“อย่ามาลีลากวินทร์ มีไรก็รีบพูดมา ฉันกำลังหัวเสีย”

“กับแม่สาวคนนั้น?”
ผมเลิกคิ้วถาม

“จะใครซะอีก มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา!!”
คราวนี้เขาขู่ตะคอกเสียงดัง ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวหัวหด แต่ผมที่เคยอยู่ร่วมกันมานานชาชินซะแล้ว ก็แค่เสียงหนึ่งที่ดังเกินระดับปกติเท่านั้น

“คุณลุงให้มาตามกลับบ้าน”

“ไม่กลับ”
เขาตอบกลับทันควัน หยิบบุหรี่อันเดิมพร้อมไฟแช็กเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ผมเดินเข้าไปใกล้ คว้าออกจากปาก ขยำแล้วทิ้งลงถังขยะ คว้าที่เหลือในกล่องมาขยำๆ แล้วโยนลงถังขยะไปด้วย

“อย่ามาหาเรื่องน่ากวินทร์ ฉันกำลังหงุดหงิด”

“บุหรี่มันไม่ช่วยหรอก ยิ่งสูบยิ่งหงุดหงิด อารมณ์ตัวเองยังไม่ลง ไปทำให้มันลงซะก่อนสิ”

“ขี้เกียจ” เขาตอบกลับราบเรียบ “มือมันไม่ได้อารมณ์เท่ากับของจริงหรอก ยัยนั่นก็ดันมาเรื่องมาก เรียกร้องนู่นนี่ ตะเพิดกลับซะเลย”

“ใจร้อน” ผมต่อว่า “ให้โทรหาใครสักคนไหมล่ะ”
ผมเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีมือถือเขาวางไว้อยู่ 

“ไม่ต้อง รำคาญ กำลังหงุดหงิด ไม่มีอารมณ์จะเอาใครตอนนี้”

“แล้วไอ้นั่นคืออะไร”
ผมพยักหน้าไปยังลำท่อนที่ยังคงเย้ยฟ้าท้าดิน เฮียแกยักไหล่

“เทคยา พอดีไม่มีอารมณ์”

ผมถอนหายใจแรง
“ไม่มีแล้วจะเรียกเขามานอนด้วยทำไม”

“ไม่ได้เรียก เสือกร่านมาหาเอง ขี้เกียจปฏิเสธ เทคยากะทำให้มันเสร็จ ๆ ไป เจ้าหล่อนก็ดันมางี่เง่าหาเหาใส่หัวให้หงุดหงิด”

“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักที พี่สามสิบแล้วนะ หาผู้หญิงสักคน แต่งงาน มีฝั่งมีฝาได้แล้ว เพื่อนพี่เขามีลูกทันใช้กันหมดแล้ว”

“ฉันเกลียดเด็ก”

“ไม่ต้องเลี้ยงเอง ให้เมียเลี้ยงสิ ขี้เกียจเลี้ยงก็เอามา เดี๋ยวเลี้ยงให้เอง” ผมอาสา “ตอนนี้พี่ยังไม่คิด แต่อีกหน่อยก็ต้องคิด รีบไว้ดีกว่า”

“อย่ามาบ่นเป็นแม่น่า ไปบอกตาแก่นั่นว่าฉันไม่กลับ แล้วก็ถ้าจะมาด้วยเรื่องแค่นี้ ครั้งหน้าไม่ต้องเสนอหน้ามาอีก”

ผมส่ายหัวไปมา

เขาเดินไปเปิดลิ้นชักคุ้ยหาอะไรบางอย่าง ให้เดาน่าจะเป็นบุหรี่ แต่คงไม่มีเลยเดินกลับมานั่งที่เดิม ไอ้ที่ลงถังไปแล้วคงหยิบมาสูบอีกไม่ได้ เขานั่งหน้ามุ่ย ไอ้นั่นก็ยังไม่ยอมลง ผมเลิกสนใจ เดินไปก้มเก็บเสื้อผ้ามาโยนให้ หันไปเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทางด้วย

“ไม่ต้องเก็บหรอก ไว้ให้แม่บ้านจัดการ”

ผมไม่สนใจกับคำปรามนั้น ก้มเก็บไปเรื่อย ๆ 

“มาไง”

“มอ’ไซค์”

เขาขมวดคิ้ว
“ไหนว่าตาแก่นั่นซื้อรถให้ ไปไหนแล้ว”

“ผมไม่ชอบขับรถใหญ่ในเมือง รถติด พี่ก็รู้”

“ร้อนจะตายห่า อากาศก็เสีย”

“ผมทนได้”
ผมตอบไม่ใส่ใจ จัดของอื่น ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ผมหันกลับไปมองคนตัวสูงอีกที

“ไม่ทรมานรึไง ปล่อยไว้แบบนั้น”

“ไม่ทรมานจะนั่งหงุดหงิดแบบนี้รึไง”

“อ้าว คิดว่าหงุดหงิดให้ผู้หญิงคนนั้นซะอีก”

“ทั้งสองอย่าง”

ผมพยักหน้าเข้าใจ
“หิวไหม จะทำอะไรให้กิน”
ผมอาสา

“ไม่ต้อง ไม่มีอารมณ์จะกิน”

“แทนที่จะมานั่งหงุดหงิด ไปว่าวให้มันลงสักรอบสองรอบสิ”

“ขี้เกียจ”

ผมส่ายหัวไปมา ยกนาฬิกามอง

“กะจะมานั่งเล่นด้วยนาน ๆ สักหน่อย เห็นอารมณ์แล้วคงนั่งไม่ไหว งั้นนั่งหงุดหงิดไปละกัน วันหลังจะมาหาใหม่”
ผมบอก ก้าวตรงไปทางหน้าประตู

“เดี๋ยว”
เขาเบรกผมไว้ด้วยเสียง ผมหันไปมอง

“ไหน ๆ ก็มาแล้ว อย่าเพิ่งกลับ อยากคุยด้วย แต่ไอ้นี่มันจะไม่ยอมลงจนกว่าจะปล่อยไปสักสองสามน้ำ”

“ก็บอกให้ไปว่าว”

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบทำเอง”

“แล้วให้ทำไง หญิงก็ไม่เอา ว่าวก็ไม่เลือก นั่งมองแบบนั้นมันจะเสร็จเองไหม”
ผมกอดอกมอง คนตัวสูงขมวดคิ้วคิด

“ทำให้หน่อย”

ผมขมวดคิ้วบ้าง

“ตลก?”

“เห็นฉันเป็นคนยังไง ถ้าอยากอยู่ต่อก็ทำให้มันลง ๆ ไป”
พี่ชายย่นคิ้ว วางสองแขนราบไปกับพนักพิง แยกขาออกกว้างโชว์ความแข็งแรงอย่างชายชาตรีให้ตั้งตระหง่านเด่นชัดขึ้น

“พี่ชาย ผมว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ อีกอย่างมันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะมาดูแล”

“ไหนว่ามีหน้าที่คอยดูแลฉันไง แค่นี้ก็ทำไม่ได้”

“นั่นมันนอกเหนือหน้าที่”

“แค่ชัก ๆ ให้มันจบ อย่าลีลาน่า ฉันหงุดหงิด”

ผมมองคนที่นั่งคิ้วขมวดชนกัน ทำไมพระเจ้าไม่ประทานจิตใจที่ดีงามลงมาบนตัวของชายผู้นี้บ้างนะ นิสัยสวนทางกับหน้าตาจริง ๆ ผมถอนหายใจแรง ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปหา

เอาวะ แค่มาสเตอร์เบทให้
ผมย่อตัวลงไปคุกเข่าตรงหน้า จับลำท่อนแข็งแรงไว้ในมือ กระอักกระอ่วนเหมือนกัน แต่คิดซะว่ามันคือหน้าที่ เหมือนกับการเช็ดตัวนั่นแหละ ผมขยับมันขึ้นลงเหมือนกำลังทำมาสเตอร์เบทให้ตัวเอง พี่ชายครางทุ้มในลำคออย่างพอใจ ฤทธิ์ยาคงทำให้รู้สึกดีไม่น้อย

“อย่างนั้นแหละ อื้ม ดีมาก”
เขาส่งเสียงนุ่มมากขึ้น หลับตาลงพริ้มเข้าสู่ภวังค์

“ประมาณกี่รอบเนี่ย”
ผมถามหยั่งจำนวน

“น่าจะสาม ยัยนั่นอึด”

“กล้ามขึ้นแน่”
ผมบ่น ขยับมือเร็วขึ้น ทุลักทุเลไม่เบาเพราะทำให้คนอื่นกับทำให้ตัวเองมันค่อนข้างใช้แรงและน้ำหนักต่างกัน

ผมพยายามใช้เทคนิคที่มีขยับรูดรั้งให้มันเร็วขึ้น พี่ชายเกร็งหน้าท้อง หายใจหอบเร็ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคงใกล้ถึงปลายทางแล้ว ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น เสียงครางในลำคอของเขาดังขึ้นเป็นลำดับ แหงนหน้าขึ้นฟ้า มือจิกพนักพิงแน่น ก่อนส่งเสียงอ๊ายาว ๆ แล้วหยาดน้ำขาวขุ่นก็พวยพุ่งออกมาจากกระบอกน้ำทางธรรมชาติของร่างกาย ไหลรินลงมาเป็นทาง สภาพไม่ต่างกับน้ำพุ แรงดันใต้พื้นพิภพค่อนข้างแรง น้ำสีขาวขุ่นพุ่งดิ่งฉีดใส่หน้าผมแบบไม่ให้ตั้งตัว ผมรีบหลับตาเพราะบางส่วนกระเด็นมาถูก รีบละมือมาเช็ดทันที

พี่ชายหอบแฮก น้ำพุสีขาวใต้บาดาลยังคงไหลไม่หยุด แต่ระดับความแรงเหลือไว้เพียงแค่สายน้ำอ่อน ๆ ไหลรินลงมาเท่านั้น ลำท่อนยังคงตั้งตรงคงสภาพไว้เท่าเดิม ผมรีบลุกไปหยิบทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดทั้งหน้าทั้งมือ แล้วยื่นบางส่วนไปให้เขาเช็ดของตัวเองบ้าง

แต่รายนั้นไม่สนใจ นั่งหอบจนหน้าท้องขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ผมยืนมองนิ่ง ๆ คอยเวลาให้อีกคนพร้อมสำหรับรอบถัดไป

“เอาล่ะ เริ่มได้”
พี่ชายพยักหน้าสั่ง ผมลงไปนั่งคุกเข่าท่าเดิม กำลังจะหยิบทิชชู่มาเช็ดไอ้ที่เปื้อน ๆ รอบลำท่อนแข็งแรงออก แต่เขาสั่งห้ามไว้

“ปล่อยไว้งั้นแหละ จะได้ลื่น ๆ”

“เหนียวเหนอะหนะขยะแขยงน่า”

“มันก็ไอ้น้ำแบบเดียวกันกับของนายนั่นแหละ ต่างกันตรงไหน”

ผมยอมจำนนต่อเหตุผล จริง ๆ ถ้าจะตอบก็ตอบได้ ต่างกันตรงไหน ก็ตรงที่มันไม่ใช่ของผมเองไงล่ะ 

ผมจำต้องจับมันไว้ในมืออีกรอบ กลิ่นคาวขื่น ๆ ลอยมาปะทะจมูก กลิ่นมันก็ไม่ต่างกับกลิ่นของผมเองหรอก ลื่นมือกว่าจริง ๆ (ลื่นเกินไปด้วยซ้ำ) อุณหภูมิในร่างกายของพี่ชายต้องสูงมากแน่ ๆ เพราะน้ำที่เคลือบอยู่ยังอุ่น ๆ อยู่

ผมใช้เทคนิคเดิมขยับอีกรอบ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่ยอมออกสักที ผมสลับไปใช้มือซ้ายทำ มันก็ยังไม่เสร็จอีก ไม่ถนัดด้วย ผมกลับมาใช้มือขวาอีกรอบ   

“แรงตกรึไง”
เขาขมวดคิ้วต่อว่า

“มันไม่ยอมออก”
ผมขมวดคิ้ว เร่งจังหวะเร็วขึ้น

เมื่อยจริง ๆ

“งั้นลองนี่”
พี่ชายปัดมือผมออกแรง คว้าจับท้ายทอยแล้วกดหัวผมต่ำลงไปหาลำท่อนแข็งแรงนั้น

ผมตาโต เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องแบบนี้ ส่วนปลายของลำท่อนแข็งแรงผลุบหายเข้ามาในปาก เขาจับหัวผมไว้ด้วยมือสองข้าง กดต่ำลงไปอีกจนผมหายใจไม่ออก ผมพยายามจะดึงหัวออก แต่เขากดแน่นกว่าเดิม ผมรัวทุบคนตรงหน้าแรงทั้งต้นขาหน้าท้องและสีข้าง ผมว่าผมเป็นคนแรงเยอะแล้วนะ แต่ดูเขาไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

“อย่าดื้อน่า ฉันใกล้แล้ว อื้อ อุ่นจัง อ๊า ดีขยับลิ้นหน่อยกวินทร์”
พี่แกบอกอย่างรื่นเริงในอารมณ์ ไม่สนสักนิดว่าผมจะขัดขืนขนาดไหน บังคับให้หัวผมเคลื่อนที่ขึ้นลงเป็นจังหวะ

“ขยับลิ้นด้วยกวินทร์ เกลี่ยไปมา เร็ว!”
เขาสั่งเสียงพร่า ผมขมวดคิ้ว จำต้องทำตาม กวาดลิ้นไปซ้ายและขวา พี่ชายแหงนหน้าครางทุ้ม “ดี อย่างนั้นแหละ ดีมาก อ๊า ดูดเร็ว ๆ แรง ๆ”

ผมส่ายหัว

“ทำตาม ถ้าไม่อยากเจ็บตัว!”
พี่แกขู่เสียงดัง ผมจำต้องทำตาม ดูดเม้มที่ปลายยอด
“นั่นแหละ แรง ๆ อ๊า ปากร้อนใช้ได้เลย”
คนตัวสูงพูดอย่างวาบหวิว มือที่ตรึงท้ายทอยอยู่เริ่มนวดคลึง ปล่อยให้ผมใช้ลิ้นสร้างความสุขสมให้กับตัวเอง สลับกับบังคับผมด้วยมือให้ขยับบ้าง

พี่ชายเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อใกล้ถึงปลายทาง ผมพยายามจะดึงหน้าออก เพราะขืนอยู่ต่อจนถึงวาระสุดท้าย มีหวังน้ำพุที่เห็นเมื่อตะกี้ได้ล้นทะลักเต็มปากผมแน่ ๆ และดูเหมือนพี่ชายจะรู้ดีรีบกดหัวผมค้างไว้ ผมครางอื้อ

ไม่ทันแล้ว พี่ชายคำรามเสียงดัง กดหัวผมลงไปกับน้องตัวเองที่กำลังพุ่งลาวาร้อนออกมารุนแรง ผมรีบผลักตัวเองออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้ายสำลักจนตัวโยน ขยับลงไปนั่งไอโขลกที่พื้น น้ำหูน้ำตาไหล หยาดน้ำบางส่วนไหลเลอะไปทั่วทั้งปากล้นลงมาถึงลำคอและเสื้อ แต่ผมไม่สน นั่งสำลักอยู่อย่างนั้น   

“ไม่รู้จังหวะปิดหลอดลมไว้รึไง”
พี่แกต่อว่าไม่สนสักนิดว่าเมื่อกี้เกือบทำผมตายเพราะหายใจไม่ออก

ผมรีบลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังไออยู่ เช็ดปากที่เปื้อนเปรอะด้วยหลังมือลวก ๆ ไออีกรอบ ไล่ไอ้สิ่งที่ติดอยู่กับหลอดลมหยดสุดท้ายออก ใช้หัวไหล่ป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลเพราะแรงสำลักเมื่อกี้

“รอบสุดท้ายทำเอาเอง ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
ผมบอกฉุน ๆ เดินละไปที่หน้าประตู แต่ก้าวยังไม่ทันถึงก็ถูกคว้าข้อมือไว้ พี่ชายลากผมมาทิ้งตัวลงนอนหงายบนโซฟา ยังไม่ทันได้ขัดขืนพี่แกก็คร่อมทับลงมา ขนาบคอผมด้วยสองเข่า มือหนึ่งบีบปากผมไว้ให้อ้ากว้าง อีกมือจับน้องที่ยังคงร้อนแรงและมีกลิ่นคาวรวมถึงน้ำขาวขุ่นเข้ามาใหม่

“อื้อ!!”
ผมดิ้นรนหวังลุก แต่ถูกรั้งตรึงหัวไว้จนเจ็บหนังหัวไปหมด แรงดิ้นนั้นทำเอาฟันผมครูดท่อนเนื้อไปมาแรง   

“อื้อ ดี”
แทนที่จะเจ็บอีกคนกลับครางออกมาอย่างรู้สึกดี ผมพยายามดิ้นท่อนล่าง แต่ไม่ว่าจะดิ้นขึ้นหรือดิ้นลง มันก็ไม่ยอมหลุดไปจากคีมล็อกด้านบนได้ จะพลิกหน้าก็พลิกไม่ได้เพราะถูกจับคางไว้อยู่

ผมดิ้นจนหยุดดิ้นไปในที่สุด หอบหายใจแรงเพราะความเหน็ดเหนื่อย

เอาเถอะ อดทนหน่อยละกัน อีกรอบเดียวเท่านั้น

พอผมหยุดดิ้นเขาก็หยุดบังคับ ปล่อยมือทั้งสองมาค้ำไว้กับพื้นโซฟาในท่ากึ่งวิดพื้น ให้ผมกลืนกินดี ๆ

ผมดูดเม้มด้วยเทคนิคเดิมเพื่อให้มันออกเร็ว ๆ ผมรู้ว่าพี่ชายเป็นพวกอารมณ์รุนแรง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ผ่านไปสักพักเขาก็ขยับถอนลำท่อนแข็งแรงออกจากปากผม ดึงผมลุกนั่ง ตอนแรกคิดว่าจะพอแล้ว พี่แกนั่งหันข้างให้กับพนักพิง ขาหนึ่งทับไว้ อีกขาหย่อนลงพื้น แล้วกดหัวผมลงไปกลืนกินน้องตัวเองอีกรอบ

ผมรีบปรับสภาพประคองตัวไว้เพราะท่าคุกเข่ากะทันหันนั้นเกือบทำผมพลาดท่าตกโซฟา สองมือรีบหาที่ค้ำยันเพราะหน้ากำลังทิ่ม ปากยังไม่เป็นอิสระ หัวถูกสองมือแข็งแรงตรึงแน่นขยับตามจังหวะที่เจ้าตัวต้องการ ผมก่ายได้เป็นต้นขาแกร่ง พยายามปรับลมหายใจเพราะความคับใหญ่ไซส์ฝรั่งนั้น

อยากร้องห้ามให้เบาแรงลง แต่ก็รู้ว่าอีกคนกำลังจะเร่งให้เสร็จ ผมรอเวลาอย่างอดทน

“อื้อ”

แต่มันนานไปแล้วนะ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ
   


to be con...
คนอ่านจะงงกันไหมคะ ลงคู่ที่ 4 จบแล้วย้อนกลับมาคู่ที่ 1 ใหม่
...
พี่ชายกับกวินทร์เป็นคู่แรกที่แต่ง แต่งวันเดียวจบในร้านกาแฟแถวคอนโด นั่งส่องหนุ่มไปแต่งไป ฟินได้อีก เอ็นซีอาจดุเดือดไปนิดตามนิสัยของพี่ชาย คู่นี้มี 8 ตอนจบ

อ่านกันให้สนุกนะคะ : )  :กอด1:

.
.
.
.
.
.
.
Other Story : Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-01-2018 19:22:23
พุ่งมาเลยอ่ะ
ตามติด อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-01-2018 23:58:44
0_0!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-01-2018 10:44:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 15-01-2018 14:17:57
แซ่บบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: Qualmy ที่ 16-01-2018 19:16:23
 :katai1:j ชอบไปหมดเลยค้บบบบ ฮือออ รอคู่ชยันต์ อยากอ่านแย่เลี้ยวววว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-01-2018 01:43:32
มาเกาะขอบ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.1 พายุอารมณ์ (P.18)(13-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-01-2018 17:39:43
ชอบแนวนี้ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.2 บังคับฝืนใจ (P.18)(24-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 21-01-2018 12:23:52
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

จำนวนตอน : 8 ตอนจบ

+CHAPTER 02 : บังคับฝืนใจ

 

“มันไม่ยอมเสร็จ” พี่แกบ่นหลังผ่านไปนานหลายสิบนาที ผมรีบดันตัวยกขึ้นมาเช็ดปากด้วยหลังมือ เมื่อยกรามไปหมด   

“งั้นพอแค่นี้แหละ” ผมไม่รอคำตอบ ดีดตัวลุกยืน แต่พี่ชายคว้าจับข้อมือไว้ พี่แกยังนั่งอยู่ท่าเดิม ผมยืนอยู่ข้าง ๆ เขาขมวดคิ้ว สีหน้าครุ่นคิด จ้องหน้าผมเขม็ง

“รออยู่นี่ก่อน” แล้วก็ลุกหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนกลับออกมาพร้อมบางสิ่งในมือ

ผมมองงง ๆ มันเป็นขวดแก้วครับ สีชา คล้ายขวดสำหรับใส่คอนแทคเลนส์ สูงประมาณหนึ่งนิ้ว ข้างในมีน้ำอยู่เกือบเต็ม พี่ชายใช้ฟันงัดเปิดฝาขวดกระเด็นหลุด จับคางผมเงยหน้าขึ้น บีบให้อ้าปากแล้วเทสิ่งนั้นลงมา ผมกลืนสิ่งที่ตกกระทบลิ้นลงคอทันทีอัตโนมัติ พอตั้งสติได้ผมรีบปัดสิ่งนั้นทิ้ง เสียงขวดแก้วตกกระทบพื้นดังเคร้ง แล้วกลิ้งหลุน ๆ ไปปะทะกำแพง น้ำในขวดหายไปเกือบหมด 

“อะไร” ผมกลืนน้ำลายไล่รสชาติปะแล่ม ๆ ติดโคนลิ้นลงคอ

“ยาตัวเดียวกับที่ฉันเทคไปก่อนหน้า”

ผมตาโต

“แล้วเอามาให้ผมกินทำไม!” ผมรีบหันหลังกะจะวิ่งไปล้วงคออ้วก ผมยังไม่อยากโด่ไม่รู้ล้มแบบพี่ชายนะ พี่ชายรวบจับผมไว้ ดึงลงไปนอนบนโซฟา 

“ปล่อย ผมจะไปอ้วก”

พี่แกไม่โต้ตอบอะไร จับผมถอดเสื้อออก 

“ทำบ้าอะไรของพี่ จะถอดทำไม” ผมรีบยึดเสื้อคืน แต่มันถูกกระชากหลุดออกจากมือเหวี่ยงทิ้งไปไกล ห่วงเสื้อได้ไม่กี่อึดใจก็ต้องกลับมาห่วงกางเกงต่อ

“พี่ชาย!!” มือหนัก ๆ ปลดล็อกหัวเข็มขัดดึงพรืดเดียวหลุดออกจากรู ปลดกระดุมรูดซิป ผมรีบใช้สองมือห้ามเป็นพัลวัน แต่แรงต่างกันเกินไป เผลอแผลบเดียวกางเกงผมก็หลุดหายออกไปพร้อมกางเกงใน

ผมกำหมัดหวังต่อยอีกคนเรียกสติ พี่ชายหลบวูบ ผมออกอีกหมัดแต่เขาคว้าจับไว้ได้ ผมง้างมืออีกข้าง แต่เขารับไว้ง่าย ๆ เหมือนกัน ผมมองคนตรงหน้าตาขวาง

ร่างกายร้อนขึ้นเรื่อย ๆ มันคงไม่ได้เกิดจากความโมโหแน่ ๆ เพราะตอนนี้บางส่วนของผมกำลังขยับตื่นตัว หัวใจเต้นแรง ความอยากมีมากขึ้น  เรื่อย ๆ พี่ชายจับข้อมือผมไว้ข้างละมือ มองมานิ่ง ๆ คล้ายกับจะดูปฏิกิริยาจากผม

ผมพอจะเดาได้ลาง ๆ แล้ว ว่าเขาคิดจะทำอะไร

“อย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ นะ ผมน้องพี่” ผมเตือนสติ จ้องกลับตาเขม็ง

“แค่ลูกพี่ลูกน้อง” พี่แกตอบกลับราบเรียบ ผมกัดกรามแน่น พยายามระงับความต้องการที่กำลังพุ่งสูง จะดึงมือออก แต่ไม่หลุด ส่วนนั้นของผมตั้งชันขึ้นเรื่อย ๆ จนมันตื่นเต็มที่ ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ล้อเล่นน่า” ผมทำใจดีสู้เสือ ภาวนาขอให้เขาเปลี่ยนใจ

“เห็นฉันเป็นพวกชอบล้อเล่นรึไง” เขาพูดเสียงเรียบ ขยับตัวจนบางส่วนกระทบกันเบา ๆ ผมครางอื้ออย่างรู้สึกดี พี่ชายก้มมอง ขยับออกห่าง ปล่อยมือผมออกข้างหนึ่งไปเกลี่ยน้องผมจากโคนถึงปลาย ผมครางออกมาเบา ๆ หัวใจไหวแรง พี่ชายปล่อยมือลง จับผมพลิกคว่ำ ยกสะโพกขึ้นสูง 

“พี่ชาย!!” ผมตะโกนลั่น พยายามจะขยับหนี พี่ชายไม่พูดพร่ำทำเพลง จ่อปลายลำท่อนที่กำลังร้อนระอุกับผนังแคบ ผมตะเกียกตะกายหนีไปด้านหน้า แต่อีกคนยึดเอวไว้ พยายามยัดสิ่งนั้นเข้ามา ผมใจหายวูบ

เขาเอาจริงแน่!

“พี่ชาย!!” ผมตะโกนเตือน พี่ชายไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น พยายามจับยัดอยู่อย่างนั่น ได้ยินเสียงจิ๊เหมือนขัดใจ แน่นอนสิ ผมชอบออกกำลังกาย กล้ามเนื้อทุกส่วนของผมมันแน่นไปหมด ถึงจะไม่ขนาดพี่แกก็เถอะ   

ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ ปล่อยผมออก ลุกขึ้นเดินหัวเสียเข้าห้องนอนไป ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับสภาพตัวเองตอนนี้ดี ระหว่างเข้าห้องน้ำไปปลดปล่อยกับกลับบ้านไปทำเองที่บ้าน

ยังไม่ทันได้ตัดสินใจอะไร พี่ชายก็เดินกลับมาอีกรอบพร้อมขวดเจล หล่อลื่น ผมเบิกตากว้าง รีบลุกจากโซฟาวิ่งเข้าหาเสื้อผ้า แต่ก็ช้ากว่าพี่ชายที่เดินมารวบเอวผมไว้ ดันลงไปนอนบนโซฟาเหมือนเดิม เปิดฝาเทเจลใส่มือจนชุ่ม มือหนึ่งคว้าจับน้องผมไว้ อีกมือกดแทรกเข้ามาในผนังแคบ 

ให้นรกพลิกขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เถอะ!

ผมครางอื้อเพราะความรู้สึกดีที่ถูกสัมผัสจากทางด้านหน้า พี่ชายคงรู้สึกแบบนี้สินะตอนที่ถูกผมจับ ผมครางในลำคออย่างพอใจ หลงลืมไปเลยว่ากำลังถูกรุกรานอยู่ ผมรีบควานมือไปจับมือพี่ชายไว้ หวังช่วยกันขยับเพื่อไปให้ถึงปลายทาง

มันรู้สึกดีจริง ๆ

พี่ชายรู้จังหวะในการขยับเป็นอย่างดี ดีจนผมไม่ต้องช่วยอะไรเลย นอกจากกุมมือไว้เฉย ๆ ก่อนสะดุ้งเฮือก เพราะแรงรุกจากปลายนิ้วด้านหลัง มันไม่ใช่แค่นิ้วเดียว แต่เป็นสองหรือสาม หรืออาจมากกว่านั้น และสิ่งนั้นกำลังขยับถ่างออกจากกัน

“พี่ชาย อะ อื้ม…” กำลังจะครางท้วง แต่ต้องเปลี่ยนเป็นครางแบบอื่นแทนเพราะจังหวะเร่งเร้าจากทางด้านหน้าคล้ายกับเขาจงใจจะเบนความสนใจด้านหลังผมทิ้ง หัวใจไหวแรงยิ่งกว่าเดิม

ถึงจะรู้สึกถึงแรงแหวกด้านหลัง แต่ความหฤหรรษ์จากทางด้านหน้านั้นทำให้ผมรู้สึกดียิ่งกว่า

“อื้อ พี่ชายอย่าทำ..” ผมท้วงด้วยสติที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง

“อย่าต่อต้านกวินทร์ ผ่อนคลายสิ” พี่ชายบอกพร้อมควงนิ้วเพื่อขยายให้มันกว้างขึ้น มันรู้สึกดีจริง ๆ ผมไม่รู้ว่ามันรู้สึกดีเพราะถูกปรนเปรอจากทางด้านหน้า หรือว่าเกิดจากตัวมันเอง

ผมเลิกขัดขืนตามคำสั่ง หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ครางนิด ๆ ในลำคออย่างพึงพอใจ

แต่แล้วอยู่ ๆ พี่ชายก็หยุดมือที่กำลังปรนเปรอลง พอ ๆ กับถอนนิ้วออก ผมลืมตามอง เขาจับผมพลิกคว่ำ ยกสะโพกขึ้นสูงอีกรอบ ผมเบิกตากว้าง

“พี่ชาย อย่า!” ผมร้องห้ามเสียงดัง พี่ชายไม่พูดอะไร จ่อปลายความร้อนเข้ามาอีก เพราะเบิกทางไว้ก่อนหน้านั้นแล้วมันถึงได้เข้ามาง่ายขึ้น แต่ก็มาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น

“พี่ชาย!!” ผมรีบเขยิบไปด้านหน้าจนสิ่งนั้นหลุดออก พี่ชายยึดจับสะโพกผมไว้ ยัดกลับเข้ามาใหม่

“เจ็บนะเว้ย!!” ผมตะโกนลั่นเหวี่ยงหมัดไปด้านหลัง ทั้งทุบทั้งดึงมือที่สะโพกออก

“อย่าดิ้นสิกวินทร์” พี่แกห้ามเสียงเขียว

“ก็มันเจ็บ โอ๊ย! พอแล้ว“

“กวินทร์ บอกว่าอย่าดิ้น!!” พี่แกตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงโมโห จับมือผมที่พยายามแกะมือพี่แกออกไปไพล่กดติดไว้บนหลัง มืออีกข้างผมทำอะไรไม่ได้เพราะต้องเอาไว้พยุงตัว ผมหายใจหอบถี่ ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ต่อต้านด้วยการหดเกร็งบีบรัดส่วนนั้นแน่น

“โอ๊ย! กวินทร์!” พี่ชายแหกปากร้องลั่น หยุดขยับทันที

“กวินทร์ ปล่อย!!” ผมไม่ฟัง กัดฟัน บีบรัดแรงยิ่งกว่าเดิม ได้ยินเสียงกัดกรามกรอด

“ไม่ฟังกันใช่ไหม!!” พี่ชายกระชากถอนตัวออกแรง ก่อนส่วนกลับเข้ามาใหม่ด้วยแรงส่งเดียวกับตอนที่ถอนออก ผมแหกปากร้องลั่น ตัวสั่นริกเพราะความเจ็บที่พุ่งปราดเข้ามาราวกับโดนต่อย

“บอกแล้วไม่ฟังเอง” พี่แกเข่นเขี้ยวใส่ ผมหยุดทุกการดิ้นรนลง หัวใจแทบหยุดเต้น มันเจ็บจนหมดแรงเอาดื้อ ๆ

พี่ชายขยับดึงลำท่อนออกช้า ๆ ผมเบ้หน้าอ้าปากครางเจ็บออกมา น้ำตาคลอเบ้า

“เจ็บ...” ผมบอกได้แค่นั้น ปวดร้าวจนถึงไขสันหลัง

“อืม ได้เลือดเลย เห็นไหม”

ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะมันเจ็บไปหมด เขาขยับดันกลับเข้ามาใหม่ ผมครางเจ็บตามจังหวะนั้น

“พี่ ผมเจ็บ…” ผมร้องขอความเห็นใจอย่างยากเย็น แต่คนด้านหลังไม่ฟัง ขยับดึงออกแล้วใส่เข้ามาใหม่อยู่อย่างนั้น

ผมว่าผมเป็นพวกมีความอดทนสูงแล้วนะ แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นตอนนี้มันมากกว่าความเจ็บที่เกิดจากการต่อยตีจนปากแตกซะอีก พี่ชายขยับมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมกัดกราม กำสองมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อ พยายามไม่ส่งเสียงอะไรออกมาอีก

พี่ชายยังเคลื่อนไหวไม่หยุด ในจังหวะที่ลื่นไหลขึ้น แล้วความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาแทนที่ มันเป็นความรู้สึกวูบ ๆ วาบ ๆ ในทรวงอกลงไปถึงท้องน้อยและปลายยอดแห่งความต้องการ มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ถูกปรนเปรอจากทางด้านหน้า ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยาหรือว่าเพราะร่างกายกำลังตอบรับสิ่งแปลกปลอมกันแน่

ความรู้สึกนั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมือที่กำไว้ของผมค่อย ๆ คลายลง แขนขาที่เกร็งแน่นก็เริ่มผ่อนคลาย ความเสียวซ่านที่จางหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง ผมครางออกมาเบา ๆ ก่อนครางมากขึ้นตามความต้องการที่พุ่งสูง

เมื่อกี้มันทรมานเพราะความเจ็บ แต่ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกทรมานเพราะความรู้สึกดี ๆ ที่พุ่งสูง ร่างกายผมทุกส่วนคลายแรงต้านลง ไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนนั้น เหมือน ๆ มันจะเปิดกว้างขึ้นเพื่อให้พี่ชายเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น ได้ยินเสียงครางทุ้ม ๆ อย่างพอใจจากคนด้านหลัง เสียงครางแบบนั้นทำเอาผมรู้สึกเหมือนโดนราดด้วยน้ำมันบนตัวแล้วโยนเชื้อไฟใส่

ผมขยับสะโพกบีบรัดลำท่อนแข็งแรงภายในเบา ๆ เป็นจังหวะ พี่ชายครางออกมาอย่างพอใจมากขึ้น

“ดีกวินทร์ อย่างนั้นแหละ รัดฉันเบา ๆ อื้ม..” พี่ชายซี้ดปาก บดขยี้เข้ามาลึกขึ้น จังหวะนั้นมันไปกระทบเข้ากับบางจุดของผม ผมครางออกมาเสียงหลง และดูเหมือนพี่ชายจะรู้ว่าคือจุดอะไร เขาบดขยี้อยู่ตรงจุดนั้น ผมครางแทบไม่เป็นภาษา กวาดมือแปะป่ายไปหามือที่จับสะโพกผมไว้ บีบแรงให้รู้ว่าผมจะทนไม่ไหวแล้ว 

“เร็ว พี่ชาย เร็ว” ผมร้องขออย่างไม่อาย พี่ชายกระแทกเร็วขึ้นตามคำขอ ยิ่งทำยิ่งรู้สึกดี 

“แรง ๆ” ผมร้องขออย่างบ้าคลั่ง มือไม้ทั้งบีบทั้งดึงทั้งบังคับให้อีกคนทำแรงขึ้น ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ อย่างพอใจจากคนตัวสูง 

“แรง พี่ชาย แรง ๆ” ผมเร่งเร้า แรงขนาดไหนตอนนี้มันก็คงไม่แรงเท่าที่ใจต้องการ เขาจับผมพลิกนอนหงายทั้งที่ยังสอดประสาน ร่างกายแข็งแรงอยู่เหนือผมขึ้นไป พี่แกจับสะโพกผมไว้ จงใจบดขยี้เน้น ๆ ผมบดกรามกรอดอย่างรู้สึกถึงใจ พี่ชายจับลำท่อนผมไว้ ขยับให้เป็นจังหวะ

ทั้งที่อยากไปแทบตาย แต่ทำไมมันถึงไม่เสร็จสักที ไม่รู้เป็นเพราะยาหรือเปล่า พี่ชายจับผมพลิกขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน

“ขึ้นไปกวินทร์” เขาผลักผมให้นั่งตรง ๆ คงหวังให้ผมออนท็อปให้ ผมไม่รู้วิธี แต่สัญชาตญาณดิบบอกไว้ว่าผมต้องทำยังไง ทันทีที่ตั้งตัวได้ ผมก็ขยับร่างกายทันทีอย่างรู้งาน ของพี่ชายจุกแน่นไปทั่วทั้งภายใน เจ็บด้วย แต่ความเสียวนั้นมีมากกว่า ผมขยับร่างกาย ท่าทางไม่ต่างกับคนกำลังควบขี่ม้า พี่ชายซี้ดปาก บีบต้นขาผมแรง กัดกรามแน่น ดวงตาเหี้ยมเกรียมมองมาอย่างสะใจผสมเร่าร้อน

“ดีนั่นแหละ ไอ้เสือ ควบไปเลย” พี่แกตีสะโพกผมแรง มันเจ็บนะ แต่แรงตีนั้นกระตุ้นเร้าให้ผมขยับเร็วขึ้นตามคำสั่ง 

“นั่นแหละ เก่งมาก อ๊า ดีกวินทร์” พี่แกครางชม ผมเบียดจนไม่รู้ว่าจะเบียดยังไง อึดอัด ทรมาน อยากปลดปล่อย แต่มันก็ไม่ยอมเสร็จสักที 

ผมหอบหนักเพราะความเหน็ดเหนื่อย เหงื่อไคลไหลย้อย เหมือนมีธารน้ำมากมายไหลมาจุกอยู่ที่ช่องท้อง แต่หาทางออกไม่เจอ ผมครางอย่างทรมาน ขยับร่างกายจนสุดกำลัง พี่ชายจับผมพลิกลงไปนอนแทนที่อีกรอบ ขยับโยกไหวด้วยตัวเอง

เมื่อกี้ผมว่าผมเร่งเครื่องเต็มที่แล้วนะ ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของพี่ชายเลย เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเคล้าไปกับเสียงครางของเราสองคน พี่ชายคงอยากไปแล้วเหมือนกัน ผมจับน้องตัวเองชักเพื่อให้เสร็จเร็วขึ้น

ใช้เวลาอยู่ชั่วอึดใจก็รู้สึกอุ่นวาบไปทั่วทั้งภายใน ผมบอกไม่ได้ว่าใครเสร็จก่อนกัน รู้ตัวอีกที ลาวาขาวขุ่นของผมก็พุ่งออกมาเคลือบมือผมแล้ว ผมหอบแฮก ขยับรีดเค้นเอาความอัดอั้นออกมา กระทั่งมันหมด ปกติมันต้องหดลงแล้ว แต่นี่ยังคงขนาดอยู่เท่าเดิม และยิ่งขยับ ดูเหมือนจะยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ผมหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย นวดคลึงของตัวเองไปมา ไม่สนใจว่าตอนนี้คู่ต่อสู้กำลังทำอะไรอยู่

พี่ชายค่อย ๆ ถอนน้องตัวเองออก แต่แทนที่จะดึงออกไปเลยกลับกระแทกใส่เข้ามาใหม่สุดแรง ผมเบิกตากว้าง ครางลั่นขาสั่นพั่บอย่างเสียวซ่าน พี่ชายหัวเราะหึ ๆ ก้มลงมากระซิบ   

“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น กวินทร์”


_________________50%__________________

ผมตื่นอีกทีเพราะได้กลิ่นบุหรี่ฉุน ๆ ลอยมาแปะจมูก ผมย่นหน้า ลืมตามอง เบ้หน้าเมื่อขยับร่างกายแล้วเจ็บไปทั่วทั้งด้านล่างและบั้นเอว

ผมเงยหน้าจากท่าที่นอนคว่ำมอง พี่ชายนั่งอยู่ข้าง ๆ หลังพิงหัวเตียง สองขาราบไปกับที่นอน ร่างกายยังเปลือยเปล่า กำลังกดปลายบุหรี่ลงบนถาดใส

“โทษที”

ไม่รู้ว่าขอโทษผมเรื่องบุหรี่หรือเรื่องที่ทำไปเมื่อคืนกันแน่ ผมไม่ใส่ใจพยายามขยับลุก แต่มันเจ็บไปทั่วทั้งสรรพางค์ด้านล่างจนต้องเบ้หน้าแล้วเบ้หน้าอีก

กี่รอบวะ

นับไม่หวาดไม่ไหวจริง ๆ

“ไม่ไหวก็นอนไป จะสั่งอะไรมาให้กิน”

“ไม่ต้อง” ผมรีบโบกมือ ขยับร่างกาย แต่ถูกกดหลังแนบติดที่นอนแน่น

“เลือดออกเยอะแยะ”

“แล้วทำไมตอนทำไม่คิด”

“เทคยา”

“สันดาน” ผมด่ากลับ

“กินข้าวกินยาก่อน” แล้วพี่แกก็กดมือถือรัวสั่งข้าวแถมยังสั่งให้คนขายข้าวซื้อยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดมาให้ด้วย ผมนอนอย่างหมดแรง ได้ยาก็ดี จริง ๆ ผมไม่ใช่คนอ่อนแอทนไม่ไหวกับความเจ็บปวดหรอก

แต่คุณครับ มันตรงนั้น ถ้าไม่รีบรักษา การเข้าห้องน้ำยามเช้าของผมคงมีปัญหาแน่ ๆ

ผมผล็อยหลับไปอีกรอบก่อนจะได้กลิ่นข้าวต้มหอม ๆ ข้างตัว ผมลืมตามอง กวาดมองไปรอบ ๆ พี่ชายไม่อยู่แล้ว ผมพยายามพยุงตัวลุก เม้มปากแน่น กรอกยาเข้าปากตามด้วยน้ำ แล้วซัดข้าวต้มตามไปทีหลัง ผมใช้เวลากินไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แล้วทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ หลับใหลไป

 

ผมตื่นอีกทีเพราะเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิง และเสียงหัวเราะที่ผมจำได้ว่าเป็นของพี่ชาย ผมค่อย ๆ ลุกยืน เสื้อผ้าคงอยู่นอกห้องนอน ผมลุกไปคว้าเสื้อพี่ชายมาใส่ตัวหนึ่งปกปิดร่างกายไว้ก่อน เดินเจ็บ ๆ ออกไปดู

บนโซฟาตัวเดิมเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังบรรเลงเพลงรักเร่าร้อนกันอยู่   

จริง ๆ ผมก็เคยเห็นมาแล้ว แต่ก็ยังอดทึ่งไม่ได้ ขนาดเมื่อคืนทำกับผมไปตั้งหลายรอบ มาเช้านี้ก็ยังมีแรงเหลืออีก

ไม่ใช่สิ พี่ชายไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นอนอยู่เฉย ๆ แล้วให้สาวเจ้าควบขี่ต่างหาก ผมละสายตาจากภาพนั้น เดินเจ็บ ๆ ตรงเข้าห้องน้ำไป หยิบเสื้อตัวเดิมมาสวม เดินออกไปด้านนอก สองคนนั้นยังไม่หยุดเล่นรัก คราวนี้พี่ชายอยู่ด้านบน เสียงเจ้าหล่อนหวีดร้องตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ผมไม่สนใจ เดินเจ็บ ๆ ออกจากห้องนอนตรงไปหยิบเสื้อผ้า เจ้าหล่อนร้องว้ายเพราะไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่แบบผม

“ตามสบาย แค่ผ่านมา” ผมบอกเจ้าหล่อน และพี่ชายก็ยังไม่หยุดโยกไหว ไม่สนใจมองผมด้วยซ้ำ ก้มหน้าก้มตาควบขี่ต่อ ผมแต่งตัวมันตรงนั้นแหละ ปล่อยให้พี่ชายหรรษาไป เดินหวังออกจากห้อง

“กวินทร์ รอเดี๋ยว” พี่แกห้ามพร้อมเร่งจังหวะ ผมหันไปมอง เขาเร่งจังหวะหนักขึ้น

ภาพที่ผมเห็นตรงหน้า มันก็ไม่ต่างกับผมยืนมองพระเอกนางเอกเล่นหนังเอวีกันอยู่ พี่ชายกระแทกแรงห้าหกทีก็หยุดนิ่งกระตุกกายเกร็ง ลุกขึ้นยืน คลี่ถอดถุงยางอนามัยที่เต็มไปด้วยลาวาร้อนโยนลงถังขยะ

ก็ยังดีที่การนอนกับผู้หญิงทุกครั้ง พี่แกป้องกันตัวตลอด ไม่เคยใช้ถุงยางของคนอื่นด้วยนอกจากของตัวเอง เพราะเคยมีเคสผู้หญิงท้องแล้วมาบอกว่าแกเป็นพ่อเด็ก พี่ชายไม่ใส่ใจไยดีหรือรับผิดชอบอะไร พูดคำเดียวว่ารอให้คลอดก่อน ถ้าพิสูจน์ดีเอ็นเอออกมาแล้วใช่ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ไม่ยอมรับผู้หญิงมาเป็นเมียหรอกนะ

พอผู้หญิงคนนั้นคลอด ปรากฏว่าไม่ใช่ลูกของพี่แก เป็นของใครก็ไม่รู้ ซึ่งคนที่คอยวิ่งเต้นดำเนินเรื่องตอนนั้นให้คือผมเองนี่แหละ

พี่ชายคว้าทิชชู่เปียกมาเช็ดทำความสะอาด ก้มหยิบเสื้อผ้ามายื่นให้ผู้หญิงคนนั้น

“ออกไปก่อน”

“อะไร เสร็จแล้วก็จะไล่เลยเหรอ เพิ่งรอบเดียวเองนะ” เจ้าหล่อนกระเง้ากระงอด

“ไป!!” นี่แหละพี่ชายผม ไม่เคยรักษาน้ำใจอะไรใคร ได้แล้วเฉดหัวทิ้ง หล่อนรีบลุกขึ้นแต่งตัว เดินมาจุ๊บพี่ผมทีหนึ่ง

“ไว้วันหน้าจะมาหาใหม่นะคะ” เธอขยิบตาให้พี่ชาย เดินนวยนาด ยิ้มให้ผมนิดหนึ่งเดินออกจากห้องไป

ผมหันกลับมามองเจ้าของห้องอีกครั้ง 

“มีไร” ผมถามกลับราบเรียบ พี่ชายก้มหยิบเสื้อผ้ามาใส่ เดินเข้ามาใกล้ จับก้นผมหมับ ผมสะดุ้งโหยงร้องโอ๊ยออกมาเสียงดัง

“โทษที แค่อยากเช็กว่ายังเจ็บอยู่ไหม”

ผมผลักคนตรงหน้าออกแรง 

“เจ็บ มีอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“อยากชวนไปดูหนัง แต่ดูท่าจะเดินลำบาก”

“พี่อยากไปก็ไปเถอะ ผมไม่ไหว จะกลับบ้านไปนอน”

เขาจับแขนผมไว้

“งั้นนอนที่นี่แหละ ยังไม่ต้องกลับ”

“ไม่ต้อง จะกลับบ้าน” ผมกระชากแขนกลับ จะก้าวเดิน แต่มันปวดแปลบข้างหลังจนต้องเกาะประตูไว้ พี่ชายรีบเข้ามาพยุง

“อย่าดื้อได้ไหม เข้าไปพักก่อน”

“ผมทนได้ อยากกลับบ้านไปนอน”

พี่ชายไม่ฟัง ลากผมเดินกลับเข้าห้อง ผมร้องโอ๊ย ๆ มาตลอดทางเพราะแรงลากไม่บันยะบันยังนั้น ผมถูกดันลงบนเตียง ความเจ็บปวดจากแรงเสียดสีนั้นพุ่งปราดขึ้นไปที่ก้านสมองอีกครั้ง ผมซี้ดปาก

“นอนไป เอาให้หายเจ็บก่อนแล้วค่อยกลับ” ผมคว้าจับหมอนเหวี่ยงใส่คนที่ยืนอยู่แรง พี่ชายรับไว้แล้วปล่อยมันตกลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจ ผมกำที่นอนแน่นมองตาขวาง เขาขยับเข้ามาใกล้ ดึงกางเกงผมลง

“จะทำอะไร!” ผมโวยวายหน้าตื่น พี่แกจับแก้มก้นผมขยับแยกออกจากกัน ผมร้องโอ๊ยเสียงดังอีกรอบ คิ้วเข้มขมวดมุ่น แหกดูเพิ่มขึ้น ผมพยายามเหวี่ยงกำปั้นไปทุบ

เจ็บจะตายยังจะมาขยับมันอีก

“มันอักเสบหนักนะ ทั้งบวมทั้งแดง คงต้องหายาทา”

“ถึงอยากกลับบ้านไง”

เขาดึงกางเกงผมขึ้น หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก พูดคุยกับปลายสาย ผมพยายามจะดันตัวลุก

แค่นี้ต้องทนได้สิวะ คิดซะว่าเป็นริดสีดวงละกัน พี่ชายเดินมากดหลังผมอีก

“ถ้าขยับอีกรอบ ฉันจะมัดนายติดกับหัวเตียงเลย”

ผมหันไปมองด้วยสายตาเหวี่ยง ๆ เพราะนิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ของพี่แก ถึงได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไปทั่ว ปกติผมไม่เคยใส่ใจอะไร แต่ครั้งนี้มันหนักเกินไป เรื่องเตะเรื่องต่อย หรือรับหน้าเวลามีผู้หญิงมาหาเรื่องผมไม่ว่า

“เลิกนิสัยแบบนี้สักที พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ พี่มีเรื่องอะไรผมช่วยเหลือแก้ไขให้พี่ได้ แต่เรื่องนี้มันมากเกินไป” ผมขยับลุก

พี่ชายไม่พูดอะไร เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเชือกมาเส้นหนึ่ง แน่นอนว่ามันเป็นเชือกที่เขาเอาไว้เล่นกับสาว ๆ นั่นแหละ นำมันมามัดสองข้อมือผมติดกับหัวเตียงที่ถูกออกแบบให้มีห่วงสำหรับเล่นกามารมณ์ของพี่เขาโดยเฉพาะ

พี่ชายไม่ใช่คนพูดเล่น พูดคำไหนคำนั้น

“พี่ชาย!!” ผมโวยวาย

ได้ยินเสียงเคาะประตู พี่ชายหันไปมอง เดินออกไปนอกห้องนอนจนไปถึงหน้าประตู ผมมองไม่เห็นแล้ว เขากลับมาพร้อมถุงอะไรบางอย่าง วางไว้บนเตียง พี่ชายไม่พูดอะไร หยิบอะไรบางอย่างจากถุงคลี่ออกอ่าน เปิดฝา พลิกกลับหัวฝาเพื่อเจาะรูบนหลอด ยาสีขาวพุ่งออกมาตามแรงบีบ พี่ชายแต้มลงบนนิ้วเป็นทางยาว ขยับเข้ามาใกล้ ดึงกางเกงผมลงอีกรอบ

“จะทำอะไร!”

“ทายา”

“ผมทาเองได้ ปล่อยเชือกได้แล้ว”

“จะทาให้”

“ไม่ต้อง!” พี่ชายไม่สนอาการขัดขืนของผม จับแยกขาออกจากกัน ก้มดู ผมครางออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะแรงขยับแบบไม่นุ่มนวลนั้น

เขาแต้มยาลงมา ความเย็นจากยาทำเอาผมสะดุ้งเฮือก เบ้หน้าเพราะความแสบจากแผลสด ผมกำมือกัดกรามแน่น แผลปากแตกยังไม่เจ็บขนาดนี้เลย

“เจ็บมากเหรอ” ผมไม่ตอบ บดกรามแน่นรอเวลาให้ความเจ็บแสบที่บังเกิดขึ้นนั้นค่อย ๆ จางหายไป มันเจ็บจนถึงหัวใจเลย

“ปล่อย” ผมบอกอีกที พี่ชายไม่สนคำปฏิเสธผม ลุกขึ้นยืน

“พี่ชาย ปล่อยผมก่อน” พี่แกเดินไปคลี่ปลดเสื้อผ้า คว้าผ้าเช็ดตัวมาถือ เดินโทง ๆ เข้าห้องน้ำไป สักพักก็เดินออกมาแต่งตัว คว้ากุญแจรถมาถือ

“จะไปไหน ปล่อยผมก่อน” ผมตะโกนเรียก

“นอนอยู่เฉย ๆ อย่าดื้อ” พี่แกชี้หน้า เดินหายออกจากห้องไป
เวลาอ่านนิยายสายขาวของนักเขียนบางท่าน ย้อนมาดูนิยายตัวเอง ทำไมเอ็นซีเยอะงี้ พอไปอ่านนิยายสายฮาร์ดคอร์ระดับ25++กลับมาอ่านนิยายตัวเอง ทำไมเบบี๋แบบนี้เนี่ย สรุปคือ นิยายเรื่องนี้เอ็นซีเยอะหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับการเสพของคนอ่านว่าผ่านมาระดับไหนแล้ว

 
[color]
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.2 บังคับฝืนใจ (P.18)(21-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-01-2018 13:12:49
กวินทร์ตกกะไดพลอยโจร ไม่น่าดื้อเลยลูก
แบบนี้ต้องเอาให้ติดใจจนโงหัวไม่ขึ้นสิลูก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.2 บังคับฝืนใจ (P.18)(21-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-01-2018 19:12:06
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ :: CH.2 บังคับฝืนใจ (P.18)(21-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-01-2018 23:47:21
อ่านกี่ครั้งก็ยังดุเดือดไม่เปลี่ยน :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.3 ไข้รุมเร้า&ตัดสัมพันธ์ (28-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-01-2018 10:03:32
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 03 : ไข้รุมเร้ม & ตัดสัมพันธ์
 
         




 

หิวน้ำ

ผมค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากสภาพที่ต้องนอนแซ่วเหมือนเหยื่อถูกจับ พี่ชายหายไปนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ หิวน้ำจนคอแห้ง ร้อนผากไปหมด หายใจมีไอร้อน ๆ ด้วย
 
ไข้ขึ้นเหรอ

ผมลองพ่นลมหายใจแรง ๆ ดู รู้สึกได้ถึงไอร้อน ๆ หนักกว่าเดิม ร้อนกระบอกตาด้วย

ไอ้พี่บ้านั่น จะไปแรดไหนก็ไม่ยอมปล่อยผมออกไปก่อน มือถือยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมจะใช้กายกรรมอีท่าไหนถึงจะได้มันมา จะใช้ก้นไถกับที่นอนเพื่อดันให้มันออกก็ลำบาก ไหนจะเจ็บก้น ไหนจะลำบากเพราะกางเกงมันคับมาก เวลาปกติยังเอาออกลำบากแล้ว ผมพยายามอยู่สักพักก็ต้องยอมแพ้เพราะความร้าวระบมด้านล่าง

ผมนอนต่อไปอีกนิด ไม่รู้กี่โมง แต่ท้องพากันร้องเพราะความหิว ทั้งหิวน้ำทั้งหิวข้าว ไข้รุมจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง ได้ยินเสียงประตูเปิดออกพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักของชายหญิงคู่หนึ่ง เดาไม่ยากว่าพี่ชายออกไปเริงร่ากับผู้หญิงอีกแล้ว ทิ้งผมให้นอนทรมานอยู่ในห้อง เสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาถึงห้องที่ผมนอนอยู่

ผมพยายามเพ่งมอง ภาพตรงหน้าพร่ามัวเล็กน้อย

“อุ๊ย!” สาวเจ้าสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นผมนอนอยู่บนเตียง พี่ชายขมวดคิ้วมอง

“โทษที เธอกลับไปก่อนนะ”

“อะไรกัน เรายังไม่ได้…”

“ออกไป!!” ยังไม่ทันที่ผู้หญิงคนนั้นจะพูดจบ พี่ชายก็ออกปากไล่เสียงดัง เสียงนั้นสะท้อนก้องแปลก ๆ
 

หรือหูผมจะเพี้ยนไปแล้ว?

ผู้หญิงคนนั้นโวยวายด้วยความขุ่นมัว แต่ก็ยอมล่าถอย พี่ชายเดินออกไปส่งที่หน้าประตู สักพักก็เดินกลับเข้ามาใหม่

“โทษที พี่ก็ลืมไปว่านายอยู่นี่” อืม คงลืมจริง ๆ นั่นแหละ ลืมจนผมจะอดข้าวอดน้ำตายอยู่รอมร่อ

“ได้กินอะไรรึยัง” อยากบอกเหมือนกันว่ากินแล้ว ลุกเดินไปกินเองเมื่อกี้นี้เอง อิ่มแล้ว อร่อยมาก

“น้ำ…” ได้แค่คิดเท่านั้นครับ เพราะตอนนี้ผมต้องการน้ำมาก ๆ ผมร้องขอสิ่งที่ต้องการเสียงปร่า พี่ชายรีบขยับมาแก้มัด   

“ตัวร้อน” เปล่า ตัวผมเย็นเฉียบเลย เย็นเหมือนลาวา เขาเดินหายออกจากห้องไป ผมพยุงตัวลุกนั่ง

“อย่าลุก!” พี่แกสั่งเสียงเข้ม เดินมาพร้อมน้ำเย็นจัดในแก้ว ยื่นมาให้ ผมปัดออกเบา ๆ

“ทำไมไม่กิน” พี่แกขมวดคิ้วถาม ผมมองอย่างระอา

“ผมไม่สบาย” ผมพูดอย่างยากเย็น “คนเป็นไข้ที่ไหนกินน้ำเย็นได้ ไข้จะยิ่งหนักน่ะสิ”

“ฉันไม่รู้นี่” แล้วพี่แกก็ลุกหายไปอีกรอบ กลับมาพร้อมน้ำอุณหภูมิห้อง ผมรับมาประคองใส่ปากอย่างหิวโหย รู้สึกเหมือนอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่าแล้วพบแหล่งโอเอซีส ท้องพากันร้องจนได้ยินเสียงชัดเจน

“ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม”

“กินแล้ว อร่อยมาก” ผมตอบประชด พี่ชายมองหน้า

“กวินทร์ ปกตินายไม่เคยดื้อกับพี่นะ”

“ถ้าปกติน่ะใช่ แต่ไม่ใช่อีกแล้ว พี่เห็นผมเป็นอะไร ทำร้ายร่างกายผม ผมจะกลับไปดูแลรักษาตัว พี่ก็กักตัวไว้ กักไว้ทำไม กักไว้ให้อาการหนักกว่าเดิมแทนที่จะรักษา ผมเหนื่อยพี่ชาย ผมอยากกลับบ้าน ผมหิว พี่ดูแลใครไม่เป็นหรอก และผมก็ยังไม่อยากตายอยู่ในห้องนี้ ผมจะกลับบ้าน”

“แต่ฉันทำนายเจ็บ ฉันต้องรับผิดชอบ”

“โดยการทำให้อาการผมหนักขึ้นเนี่ยนะ!” ผมตอกกลับเสียงแหบ “ผมหิว ผมจะกลับบ้านไปกินข้าวกินยา นอนพัก อยู่กับพี่มีแต่อาการจะแย่ลง ดีไม่ดีอาจตายเพราะอดข้าวนี่แหละ โชคยังดีนะที่พี่ยังมีกะจิตกะใจหอบผู้หญิงกลับมานอนด้วย ไม่พากันไปกกที่อื่นจนหลงลืมผมไว้ให้อดตายที่นี่…ปล่อย” ผมพยุงตัวลุกโซเซ พี่ชายประคองไว้ หน้ามืดหน่อย ๆ จนเซไปซบอกคนตรงหน้า เขาจับผมดันให้นอนอีกรอบ ผมนอนมึนอยู่กับที่ พี่ชายคว้ามือถือมากดโทรสั่งอาหาร

“ฉันดูแลคนเป็นไข้ไม่เป็น ต้องทำยังไงบ้าง”

“ส่งผมกลับบ้าน” ผมตอบเสียงแหบ

“ไม่ได้!”

ผมถอนหายใจแรง

“งั้นขอกินข้าว ขอยาแก้ไข้กับแก้อักเสบ แค่นี้ก็พอ เดี๋ยวพอมีแรงแล้วผมจะกลับเอง”

เขามีสีหน้ากังวล ผมปิดเปลือกตาลงช้า ๆ

“ให้พี่ดูแลก็เหมือนขาผมข้างหนึ่งก้าวลงนรกไปแล้ว พี่ดูแลผมไม่ได้หรอก” ผมพูดเสียงแผ่วโดยไม่เปิดเปลือกตามอง เหงื่อเริ่มไหลซึม หายใจเข้าออกลำบาก

“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ฉันจะทำแล้วทำไม่ได้” ได้ยินเสียงแค่นั้น แล้วสติผมก็ดับอีกรอบ

 

 

 

 

 

 

ผมสะลึมสะลือตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก สมองผมไหวเบลอ จนรู้ว่ามีอะไรอุ่น ๆ มาจ่อปาก รสชาติมันหวานหอมจนผมต้องอ้าปากรับเอาเข้าไป มันคือพลังงาน และผมต้องการพลังงานอย่างมาก ผมอ้าปากรับทั้งที่ดวงตายังเปิดไม่ได้ ไม่รู้ว่าอาหารพวกนี้มาจากไหน แต่ผมต้องการมันมากขึ้นและมากขึ้น กระทั่งอิ่ม

“กินยา” มีอะไรบางอย่างยัดเข้ามาภายในปาก ผมคาบมันไว้อย่างนั้นเพราะยังประมวลผลไม่ถูก

“กลืนเข้าไปกวินทร์”

กลืน กลืนอะไร แล้วอะไรเนี่ย ขมจัง ผมคายสิ่งที่อยู่ในปากออก มันถูกสอดใส่กลับเข้ามาใหม่ ผมคายมันออกอีกเมื่อรับรู้ถึงรสขมของมัน

“เด็กดื้อเอ๊ย” ได้ยินเสียงสบถแค่นั้น ก่อนจะรู้สึกถึงบางสิ่งที่ปิดลงมาบนปาก มันมาพร้อมน้ำรสขมจำนวนหนึ่ง จังหวะนั้นมันเหมือนถูกบังคับให้ต้องกลืน และผมก็ต้องกลืนมันลงไป

แล้วผมก็หลับไม่ได้สติต่อไปอีกรอบ
 

 

 

 

 

ผมลืมตาอีกที น้ำ คือสิ่งแรกที่ผมต้องการ ผมขยับลุก มันมืดแล้ว ผมควานหาปลั๊กไฟ เปิดมันออก รู้สึกถึงแรงขยับข้างตัว

“จะทำอะไร” พี่ชายถามมางัวเงีย

“น้ำ” ผมร้องขอ พี่ชายรีบก้าวลงจากเตียง เดินไปหยิบน้ำบนโต๊ะมายื่นให้ ผมรับมากรอกปาก

“ทำไมไข้ยังไม่ลด”

ผมไม่ได้สนใจ พยุงตัวจะลุก

“จะไปไหน นอน!”

“ห้องน้ำ” ผมบอกเสียงแหบ พี่ชายพยุงตัวผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมเพิ่งสังเกตว่าชุดที่ใส่มันไม่ใช่ชุดผม แต่เป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของพี่ชาย ผมดึงกางเกงลงเพื่อฉี่ โดยมีพี่ชายยืนพยุงอยู่ข้าง ๆ

“เลอะหมดแล้ว” เบลอครับ โฟกัสไม่ถูก แล้วพี่แกจัดการจับให้เพื่อให้มันลงร่อง “เกิดมาเพิ่งเคยดูแลใครขนาดนี้ พ่อแม่หรือผู้หญิงยังไม่เคยเลย” พี่แกบ่น

“ถึงบอกไงว่าให้ปล่อยผมกลับบ้าน ห้ามไว้ทำไม”

“ฉันบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบ” พี่ชายยังคงเป็นพี่ชาย เคยดื้อดึงยังไงก็ยังรักษาความดื้อเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ผมเดินโซซัดโซเซกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียง

 

 

 

ผมนอนดิ้นไปมาอย่างอึดอัด หายใจไม่ออก ร้อน เหนียวเหนอะหนะ ก่อนบางสิ่งเย็น ๆ จะซับลงมาบนหน้าผาก มันเย็นจนผมเลื่อนมือไปจับไว้ กดมันราวกับจะให้ความเย็นนั้น ซึมเข้ามาในตัว จับมันเลื่อนลงมาที่หน้าและซอกคอ ก่อนหมดแรงปล่อยให้มือนั้นเคลื่อนที่ด้วยตัวเองอย่างอิสระ ผมทำได้แค่แหงนหน้า ความเย็นนั้นเคลื่อนไหวอยู่ด้านบนลงไปถึงหน้าท้องเท่านั้น แค่นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนหลุดพ้นออกมาจากขุมนรกแล้ว

ความเย็นนั้นกดลงมาที่ซอกคอผมอีกรอบ ผมไม่อยากให้ความเย็นนั้นห่างหายไปไหน ผมกดมันแน่นติดไว้กับคอตัวเอง

แต่สิ่งนั้นก็เคลื่อนหนีไปจนได้ ผมนอนเสียดาย

แต่แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว
 

 

 

 

 

ตื่นอีกรอบเพราะตะวันฉายแสงทางหน้าต่าง ผมลืมตาก็เห็นข้าวต้มวางไว้บนโต๊ะ ผมค่อย ๆ ขยับลุก เห็นโน้ตวางไว้

‘ฉันติดงาน จะรีบกลับมาหา’

ผมขยำกระดาษนั้นทิ้ง จ้วงตักข้าวต้มกิน มันเย็นจนชืดแล้ว แปลว่าเตรียมไว้ให้นานแล้ว ผมหยิบยาใส่มือ มันมีจำนวนเยอะกว่าเดิมสองเม็ด ดูแล้วเหมือนวิตามินซี ผมวางยาทุกเม็ดไว้บนมือ ตบเข้าปากรวดเดียวกรอกน้ำตาม

ไข้ยังรุม ด้านหลังยังเจ็บ แต่ไม่หนักเท่าเมื่อวาน ผมพยุงตัวลุก สะบัดหัว รีบกลับบ้านดีกว่า อย่างน้อยที่บ้าน แม่ยังดูแลได้ อยู่นี่แทนที่จะหายกลับต้องตายเร็ว ผมเดินเบลอ ๆ ออกจากห้องนอน เดินไปจนถึงประตูหน้าห้อง พอจับลูกบิดได้ก็มีเสียงตี๊ดของสัญญาณคีย์การ์ดดัง และกุญแจแบบงวงช้างก็ถูกหมุนเปิดออก ประตูผลักเข้ามาด้านใน ผมยืนอยู่ในระยะประชิด จึงถูกชนเข้าเต็ม ๆ จนล้มลงไปนอนอยู่กับพื้น

“กวินทร์!” พี่ชายรีบเข้ามาช่วยพยุง แต่ผมไม่ได้ขยับลุกตาม เบ้หน้ากัดปากแน่นเพราะความเจ็บนั้น ล้มลงมาให้เจ็บช้ำกว่าเดิมอีก ผมนั่งคอยให้ความเจ็บค่อย ๆ จางลง   

“จะออกมาทำไม บอกให้รอจะกลับมาหา ทำไมดื้อไม่ฟังกันแบบนี้”

“จะกลับบ้าน” ผมยืนยัน

“เดินแทบจะไม่ไหว ได้ไปล้มกลางทาง”

ผมไม่คิดจะขับรถกลับอยู่แล้ว นั่งแท็กซี่ พอคลายความเจ็บ ผมพยุงตัวลุกโดยมีพี่ชายช่วยประคอง แต่พี่แกพาผมเดินเข้าไปในห้องนอนแทนที่จะปล่อยกลับบ้านอย่างใจ   

เขาดันผมนอนหงาย อยากขัดขืนมากกว่านี้เหมือนกัน แต่มันเพลีย ตาผมปรือลง ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปเมื่อกี้หรือเปล่า ผมถึงได้รู้สึกง่วงจัด ๆ ขนาดนี้ ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือสีหน้ากังวลของพี่ชาย แล้วผมก็ไม่เห็นอะไรอีก
 

 

 

 

ผมตื่นอีกทีเพราะเสียงหนังแอ็คชั่นยิงกันสนั่นลั่นห้อง พี่ชายชอบดูทีวีเสียงดัง ไม่ได้ปิดประตูห้องนอนด้วย ผมพยุงตัวลุก อังหน้าผากเบา ๆ ไข้ลดแล้ว ข้างตัวมีข้าวต้มกับยาวางไว้เหมือนเดิม ผมคว้าน้ำมาดื่มก่อนเป็นอันดับแรก ลุกเดินเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมานั่งกินข้าวต้มต่อ เสียงหนังยังดังสนั่น ผมกลับเข้าไปล้างปากกลั้วคอ ไข้ลดแล้ว เดินได้แล้ว คงกลับได้แล้ว

พี่ชายนั่งดูหนังอย่างตั้งใจ ผมไม่อยากรบกวนเวลาเจ้าของห้อง เดินลิ่วตรงไปที่ประตู

“กวินทร์” ได้ยินเสียงเรียก ผมหันไปมองในจังหวะที่กำลังจับลูกบิด

“ทำอะไรของนาย จะไปไหน!”

“กลับบ้านสิ”

“มันน่ากลับอะไรหนักหนาหะ เอะอะอะไรก็จะกลับ อยู่นี่มันจะตายรึไง ไม่เห็นรึไงว่าฉันดูแลนายอยู่”

ผมหันไปเผชิญหน้ากับคนเจ้าอารมณ์

“การดูแลคนอื่นต้องทำด้วยความเต็มใจ ถ้าต้องอดทนหรือจำใจแบบนี้ อย่าทำเลย ผมไม่อยากสร้างความลำบากให้พี่ แค่นี้ก็มากพอแล้ว”

“ฉันเต็มใจ”

“อาการของพี่เขาเรียกจำใจ” ผมตอกกลับ “พี่ไม่ได้อยากทำ แต่จำใจต้องทำ ทำเพื่อไม่ให้ผมว่ากลับว่าพี่ทำไม่ได้ ผมไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกเต็มใจเลยสักนิด ผมดีขึ้นแล้ว จะนั่งแท็กซี่กลับ หายแล้วจะกลับมาเอารถ”

“ถ้าฉันปล่อยให้นายกลับบ้านได้ อย่าเรียกฉันว่าพี่ชายเลย” แล้วพี่แกก็ลากผมกลับเข้าห้องไปอย่างเดิม

“ปล่อย พี่ชาย”

“นอน!”

“ผมเบื่อ ผมนอนมาสองวันเต็ม ๆ แล้วนะ ดูแลคนไม่เป็นก็อย่าทำเลย”

“ปกตินายพูดง่ายนะกวินทร์ ทำไมต้องดื้อกับพี่ด้วย”

“เพราะพี่ไม่ฟังที่ผมพูดไง ผมเบื่อพี่แล้ว ไม่อยากดูแลไม่อยากนับถือแล้วด้วย เบื่อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ปล่อยผมไปสักที”

พี่ชายมองผมตาวาว

“ก็ไหนนายสัญญาว่าจะคอยดูแลพี่ เป็นน้องชายที่เชื่อฟังทุกอย่างไง”

“ใช่ แต่มันจบไปตั้งแต่พี่ทำให้ผมเป็นอะไรที่ไม่ใช่น้องชายพี่แล้ว” ผมตอกกลับด้วยความโมโห จริง ๆ สิ่งนั่นไม่ใช่ข้ออ้างหรอก ผมยกมางั้นเอง จะได้มีเหตุผลตอกกลับได้ ผมแค่เบื่อที่ต้องดูแลคนไม่รู้จักรับผิดชอบกับชีวิตขนาดนี้

“พี่มันไอ้คนเหลาะแหละ ไร้ความรับชอบ ไม่มีความสามารถ ชุ่ย ทุเรศ ทำได้แค่ฟันผู้หญิงไปวัน ๆ ผมอยากได้พี่ชายที่เก่ง มีความรับผิดชอบ เป็นผู้เป็นคนกว่านี้ ผมคอยดูแลเพราะเห็นแก่คุณลุง คิดว่าสักวันพี่จะคิดได้ แต่วันแล้ววันเล่า พี่ก็ทำไม่ได้ หนำซ้ำยังทำให้ผมหมดความนับถือในตัวพี่ลง พอแล้ว พี่จะไปชุ่ยจะไปเหลาะแหละที่ไหนก็ไป ถ้าคุณลุงมาขอร้องอะไรผมเรื่องพี่อีก ผมจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว ปล่อย!” ผมตะคอกกลับ

ดวงตาพี่ชายเปลี่ยนแสงเป็นอะไรสักอย่าง ผมหวังให้คำพูดผมทำให้เขาโกรธ ไล่ตะเพิดผมหนีไป

“เลิกถือว่าฉันเป็นพี่ชายตั้งแต่นอนกับฉันแล้วซินะ”

“ใช่” ผมรับเสียงหนัก

“งั้นฉันจะให้สถานะใหม่กับนาย”

ผมมองคนตรงหน้างง ๆ พี่ชายยกยิ้ม นัยน์ตาเหี้ยมเกรียม คว้าจับเสื้อยืดที่ผมใส่อยู่กระชากขาดดังแควก

“…พี่ชาย” 



To be Con...

 :katai4: :katai4: :katai4:







Other Story : Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5

             
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.3 ไข้รุมเร้า&ตัดสัมพันธ์ (28-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-01-2018 10:29:58
เดี๋ยวนะนี่พระเอกหรอ
น้องเจ็บอย่าทำน้อง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.3 ไข้รุมเร้า&ตัดสัมพันธ์ (28-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-01-2018 20:38:34
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: พี่ชายกวินทร์ CH.4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย (31-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 31-01-2018 19:34:54
 เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 04 : จากน้องชาย...กลายเป็นเมีย & ยาตัวใหม่



 “พี่ชาย…”
ผมครางปรามเสียงพร่า พี่ชายหูดับไปแล้ว ผมคาดหวังให้เขาโกรธแล้วไล่ตะเพิดผมหนีไป แต่สิ่งที่เขาทำตอนนี้คือโหมความโกรธทั้งหมดลงมาบนตัวผม

“พี่ชาย…”
ผมครางห้าม วันนี้ไม่ได้เทคยา มันเจ็บจนผมน้ำตาเล็ด ผมครางอย่างเจ็บปวด

“ไม่อยากเป็นน้องชายก็กลายเป็นเมียละกัน”
เขาโหมอารมณ์ใส่ไม่หยุด

“พี่ชาย อื้อ ปล่อย พอ เจ็บ”
ผมร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเจ็บจริง ๆ เขาไม่ฟัง กระแทกกระทั้นจนเหมือนร่างกายจะถูกแยกออกเป็นชิ้น ๆ ผมมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาพร่าเลือน

ไม่ใช่แล้ว คนตรงหน้าไม่ใช่พี่ชายผมแล้ว





รู้สึกถึงแรงลูบเบา ๆ บนหัว พร้อมเสียงเรียกคุ้นเคย ผมค่อย ๆ ปรือตามอง ก่อนดวงตาผมจะปิดลงไปอีกรอบ

...

..

“กวินทร์” เสียงเรียกนั้นดังแว่วมาอีกครั้ง เหมือนเรี่ยวแรงจะถูกสูบให้จางหาย รู้สึกเหมือนถูกพยุงให้ลุกนั่ง ก่อนมีข้าวต้มอุ่น ๆ มาจ่อใกล้ปาก ผมรับเข้าไปและกลืนกินอย่างยากเย็น





เจ็บคอ ปวดหัว ปวดตัว แล้วก็มีบางสิ่งปิดปากผมไว้ มันมาพร้อมกับน้ำรสขม ๆ





รู้สึกเย็น ๆ ไปทั้วทั้งตัว มันต่ำลงไปที่แขนขาด้วย เย็นสบายมาก ๆ





ผมลืมตาตื่นอีกที ปวดหัวเหมือนแฮ้งค์หนัก ผมปรือตามอง พอขยับก็ได้ยินเสียงแกร๊งดังขึ้น ผมก้มมอง เบิกตานิด ๆ เพราะตอนนี้ขาผมข้างหนึ่งถูกคล้องด้วยโซ่มัดไว้ที่ปลายเตียง ผมขยับลุก ปวดแปลบจนต้องเบ้หน้า จำได้ชัดเจนว่าถูกพี่ชายทำอะไรไว้บ้าง

ผมพยายามจะแกะโซ่ออก แต่เรี่ยวแรงเหลือน้อยเต็มทน มีข้าวต้มกับยาวางไว้ข้างเตียง ผมรีบกินเพราะความหิวโหย เนื้อตัวเปลือยเปล่าล่อนจ้อน แต่สะอาดสะอ้านดี ผมกวาดมองไปรอบ ๆ

“พี่ชาย”
ผมลองเรียกหาดู แต่เงียบ สงสัยจะออกไปทำงานแล้ว ผมพยายามจะกระชากโซ่ออก กระชากแรงจนข้อเท้าถลอก เลือดไหลซิบ ๆ   

เกิดพี่แกติดหญิงเพลินจนลืมผมขึ้นมาอีกรอบ ผมคงได้ตายที่นี่แน่ ๆ ผมพยายามแกะโซ่ล่ามออกทุกวิถีทางแม้กระทั่งถีบปลายเตียงหวังให้มันพัง แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่เป็นอิสระ ผมหมดแรง ทิ้งตัวลงนอน ผล็อยหลับไปอีกรอบ

ผมสะดุ้งลืมตาตื่นเพราะความเจ็บตรงข้อเท้าที่ถูกล่ามโซ่ไว้ ผมมองต่ำลงไปเบื้องล่าง เห็นพี่ชายนั่งอยู่ปลายเตียง จับขาผมข้างนั้นไว้ ผมรีบขยับหนี แต่มันไปได้ไม่ไกลเพราะมันตึงแล้ว แถมแรงกระชากเมื่อกี้ยังทำให้ผมต้องเจ็บตัวอีกต่างหาก ผมเบ้หน้าเพราะความเจ็บนั้น

“เป็นแผลหมดแล้ว”

“อย่ามายุ่งกับผม ปล่อยผมไป!”
ผมบอกเสียงกร้าว แววตาไร้ความนับถือโดยสิ้นเชิง พี่ชายมองตาผม วูบแรกแววตานั้นดูสลด ก่อนคมกล้าขึ้นมาอีกรอบ

“อยากหนีก็กระชากให้ขาขาดไปเลย”
เขาว่าแค่นั้น ลุกคว้าถ้วยข้าวต้มเปล่า ๆ เดินออกไป

“พี่ชาย ปล่อย!”
เขาไม่หันมามอง ผมทิ้งตัวลงอย่างหมดอาลัยตายอยาก 
 
ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย เพราะความห่วงแท้ ๆ เชียว ไม่คิดว่าจะทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนแบบนี้

 

 

 

 

 

“พี่ชาย ผมอยากเข้าห้องน้ำ”
ผมบอกเมื่อต้องการปลดทุกข์ พี่ชายไม่พูดอะไร เดินมาปลดกุญแจ พยุงผมเข้าห้องน้ำ

“จะหนัก”
ผมบอก เขาไม่ตอบอะไร เดินออกไปให้ผมได้อยู่เพียงลำพัง

มันเป็นความทรมานที่ยากจะอธิบาย ผมน้ำตาเล็ด กัดกรามแน่น

ผมล้างทำความสะอาด ล้างเข้าไปถึงภายใน ผมน้ำตาไหลพราก กดชักโครก กดน้ำใส่ค้างไว้อย่างนั้นเพื่อล้างมันให้หมดจด

“กวินทร์”
พี่ชายเปิดประตูเข้ามา ผมหยุดล้างจ้องมองคนเข้ามาใหม่ น้ำตาอาบหน้า มองอย่างอดทน กัดกรามแน่น พี่ชายมีสีหน้าเป็นห่วง ผมหลุบตาต่ำ วางที่ทำความสะอาดลง ลุกขึ้น กดน้ำอีกรอบ ความเจ็บที่โหม ทำเอาผมแทบก้าวไม่ออก พี่ชายรีบเข้ามาประคอง

“อย่ามายุ่ง!”
ผมมองกลับด้วยดวงตาแข็งกร้าว แววตาห่วงใยเมื่อกี้เปลี่ยนแววอีกรอบ เขาเปลี่ยนจากประคองเป็นกระชากลากผมออกจากห้องน้ำไปโยนโครมไว้บนเตียง มันเจ็บจนกระดิกกระเดี้ยแทบไม่ได้ ผมนอนนิ่ง ฟุบหน้ากับที่นอนอย่างนั้น

“ไม่ชอบให้พูดดีด้วยใช่ไหม!”
พี่แกจับผมพลิกหงาย ตบหน้าลงมาฉาดใหญ่ หน้าผมหันไปตามแรงมือ มันไม่เจ็บ แต่ชาวูบ หน้ามืดไปชั่วขณะ แก้มแนบที่นอน

ผมพยายามปรือตามอง ร่างกายที่เจ็บมาก่อนหน้าแทบทำเอาผมประคองสติไว้ไม่ได้แล้ว แรงตบเมื่อกี้เหมือนจะบังคับให้ผมหมดสติไปจริง ๆ แต่ผมก็พยายามประคับประคองมันไว้ ความชาหายไปกลายเป็นความเจ็บปวด ได้รสเค็ม ๆ ของเลือดในปากด้วย   

“อย่าคิดดื้อกับฉันอีกกวินทร์”
พี่ชายสอดมือเข้ามาใต้ท้ายทอยขยุ้มรวบกุมเส้นผมงัดเอาหัวผมลอยขึ้น เลือดในปากไหลล้นออกมาเป็นทาง พี่ชายทำหน้าอึ้ง ๆ ผมพยายามปรือเปิดเปลือกตาเรียกสติตัวเองไว้ กลืนเลือดคาว ๆ ลงคอ

แต่ไม่ไหวแล้วครับ

ผมหายใจแผ่วลง ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ   

“กวินทร์!!”
ได้ยินเสียงเรียกเพียงเท่านั้น แล้วผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
 

 

 

 

 

ผมขยับเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมอง ไม่รู้ว่ามันโมงกี่ยามแล้ว แต่แสงสว่างยังมีอยู่ ถ้ายังไม่มืด ก็แปลว่ารุ่งขึ้นของอีกวันแล้ว

ผมไม่สนใจ ปิดเปลือกตาลงอีกรอบ ก่อนค่อย ๆ ปรือเปิดขึ้นอีก สมองหนักราวกับมีรถบรรทุกมาจอดเรียงกันไว้สักสิบคัน ร่างกายเย็นเฉียบเพราะแอร์ที่ตกกระทบผิว ยกเว้นตรงเอวและตลอดทั้งแผ่นหลัง ผมก้มมอง สิ่งที่ให้ความอบอุ่นผมตอนนี้คือวงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมนุษย์ ซึ่งไม่ต้องเดาให้ยากว่าเป็นของใคร ผมขยับ แต่สัมผัสเย็น ๆ ตรงข้อเท้าทำให้รู้ว่าผมยังไม่เป็นอิสระ

ผมมองไปรอบ ๆ เผื่อจะเจอกุญแจ มันวางอยู่ตรงนั้น บนโต๊ะข้างหัวเตียง ผมพยายามรวบรวมกำลังค่อย ๆ ขยับลุก เอื้อมมือสูงขึ้นเรื่อย ๆ หวังไขว่คว้าหาอิสระให้ตัวเอง แต่แรงรัดตรงเอวทำให้ผมสะดุ้ง หันไปมอง พี่ชายมองมาด้วยสายตาน่ากลัว
 
“อย่าคิดหาอิสระให้ตัวเอง ถ้าฉันไม่อนุญาต”

“ปล่อย ผมต้องกลับบ้าน แม่เป็นห่วงแล้ว”

“อารู้แล้วว่านายอยู่นี่ เขาไม่ห่วงหรอก”

หึ ถ้ารู้ว่าผมอยู่ในสภาพไหน รับรองแม่ต้องเป็นห่วงแน่ ๆ

“ปล่อย ผมขอโทษที่ทำให้พี่โมโห ปล่อยผมไปเถอะ”
ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“คิดว่าง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
พี่แกยกตัวขึ้นมาคร่อม ผมขมวดคิ้วมอง

“ก็ขอโทษแล้วไง พี่ทำร้ายผมก่อน ผมโมโห ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายขอโทษก่อนแล้ว พี่ก็ปล่อยผมไป เลิกแล้วต่อกัน ผมจะกลับไปตามทางของผม พี่ก็อยู่ของพี่ไป เราไม่มีอะไรเกี่ยวของกันอีก”

แววตานิ่งเรียบเมื่อกี้แววโรจน์ขึ้นมาอีกรอบ กรามคมบดแน่น

“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
พี่แกทวนคำช้า ๆ จับขาผมแยกออกจากกัน แทรกนิ้วเข้ามาแรง ผมร้องลั่น พยายามขยับหนี แต่ไปไหนไม่ได้เพราะขาหนึ่งถูกยึดไว้

“ดูซิ ทำขนาดนี้ยังจะว่าไม่เกี่ยวข้องกันอีกไหม”
เขายังไม่หยุดกระแทกนิ้วเข้ามาภายใน ในขณะที่อีกมือล้วงลงไปจับลำท่อนที่กำลังหลับใหลของตัวเองขยับกระตุ้นให้มันตื่น   

“อ๊า..พี่ชาย ปล่อย เจ็บ เจ็บ!!”
ผมพยายามหยุดมืออีกคนไว้ แต่เรี่ยวแรงแค่นี้ไม่มีผลอะไรต่อคนตัวสูงเลย เขาไม่ได้ต้องการเบิกทาง แต่กำลังทำโทษให้ผมเจ็บ ผมน้ำตาร่วงอาบแก้ม แรงดิ้นนั้นทำเอาโซ่ครูดข้อเท้าผมจนเจ็บไม่แพ้ด้านหลัง

“เจ็บ!”
ผมทำได้แค่ร้องท้วง

“หึ ๆ”
และนี่คือน้ำคำตอบรับ พี่ชายลากผมต่ำลงไปที่ปลายเตียงเพื่อไม่ให้ขาผมตึงมากจนเกินไป ยกสองขาผมพาดแขน สอดใส่เข้ามาอย่างไม่ปรานี ผมทำได้แค่ครางห้าม น้ำตาอาบแก้ม

“พี่ชาย หยุดเถอะ ผมเจ็บ…”
พี่แกไม่ฟัง พอเข้ามาได้เต็มตัวก็ขยับเคลื่อนไหวรุนแรง ผมได้แต่แหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น

ผมไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากความเจ็บ เสียงร้องทรมานของผมไม่สามารถหยุดคนตรงหน้าได้เลย มีวิธีเดียวเท่านั้นที่ผมจะสามารถหลีกหนีจากความเจ็บปวดนี้ได้ คือเจ็บให้มากที่สุด เจ็บมากจนทนไม่ไหว แล้วหลังจากนั้น ผมจะหมดสติไปเอง   




‘ตายรึยัง’
นี่คือคำถามแรกที่ผมถามตัวเองหลังได้สติ

‘น่าจะยัง..’
และนี่คือคำตอบที่ผมใช้ตอบตัวเอง

ผมค่อย ๆ ลืมตามอง ปวดร้าวไปหมดทั้งร่าง ขนาดกลืนน้ำลายยังเจ็บ ตอนนี้ผมจึงทำได้แค่นอนนิ่ง ๆ ลืมตาโพลงเท่านั้น

ไม่ตายก็เหมือนตาย เพราะร่างกายขยับไม่ได้แล้ว ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ผมไม่คิดจะเหลือบไปมอง เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร เสียงนั้นใกล้เข้ามาทางหัวเตียง มาพร้อมกลิ่นหอม ๆ ของข้าวต้ม ผมไม่สนใจอะไร นอนลืมตาเหม่อ ๆ มองเพดานขาวด้านบนเท่านั้น

“ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมากินข้าว”
เขาสั่งเสียงเข้ม ผมไม่ตอบ ไม่เหลียวไปมอง ไม่ขยับร่างกายแม้แต่องค์คุลีเดียว สิ่งเดียวที่ขยับตอนนี้ คงมีแค่ลมหายใจผมเท่านั้น ถึงมันจะแผ่วมากแล้วก็เถอะ

ผมรู้ว่าร่างกายผมต้องการอาหาร เพราะมันส่งเสียงร้องจนได้ยินชัดเจน แต่ผมไม่อยากขยับจริง ๆ เพราะทันทีที่ผมกระดิกตัว มันเหมือนมีคนเอาไม้กระบองมารุมทุบผมพร้อมกันนับสิบ ๆ อัน   

เจ็บครับ เจ็บจริง ๆ   

“บอกให้ลุกมากินข้าว!!”
พี่ชายเรียกเสียงดังมากขึ้น แต่ผมยังไม่ทำตาม

“กวินทร์!!”
พี่แกตะโกนเรียก ผมไม่สะดุ้งสะเทือน จริง ๆ คือไม่เหลือแรงให้สะดุ้งด้วย ผมค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง   

“กวินทร์!!”
พี่ชายเรียกอีกรอบ เสียงนั้นมาพร้อมกับแรงกระชากที่ข้อมือผม ดึงขึ้นแรงหวังให้ลุกนั่ง เหมือนร่างกายถูกจับช็อตด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง ผมเบ้หน้าเพราะความเจ็บปวด อยากร้องหรือครางให้อีกคนรับรู้ว่าผมเจ็บปวดแค่ไหน แต่มันไม่มีแรงเหลือแล้ว ไม่มีเสียงจะร้องแล้วด้วย ร่างผมไหลพรืดราวกับมนุษย์ไร้กระดูกหน้าฟุบแนบที่นอน

“กวินทร์!”
พี่ชายเรียกเสียงตื่น ประคองร่างผมไว้ ผมไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพยุงตัวขึ้น ไม่มีแรงแม้แต่จะประคองศีรษะให้ตั้งตรง พี่ชายทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ประคองผมแนบอก

เจ็บครับ เจ็บจนไม่มีแรง   

“กินข้าวก่อน”
พี่แกบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น หันไปตักข้าวต้มมาจ่อใกล้ปาก อยากประท้วงหรือต่อต้านโดยไม่กินเหมือนกัน แต่ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ อยากกลับไปดูแลพ่อกับแม่ ผมจะมาตายตรงนี้ไม่ได้

ผมขยับอ้าปากรับอย่างยากเย็น ไม่มีแรงเคี้ยวหรอก พอเข้าปากได้ ผมก็กลืนเลย อาหารมันไม่มีรสชาติ หรือต่อมรับรสผมหยุดทำงานก็ไม่รู้ ไม่อร่อยเลย แต่ไม่เป็นไร กินแค่ต่อลมหายใจ

หลังจากป้อนข้าวจนหมดถ้วย พี่ชายก็ป้อนยา ดีว่ามันเป็นยาน้ำ ขมหน่อย แต่กลืนง่าย เขาค่อย ๆ ประคองผมนอนพัก แล้วผมก็หลับไปง่าย ๆ หลังจากนั้น

 หลังจากนั้น ผมก็ไม่เอ่ยปากร้องหาอิสระใด ๆ อีก ไม่ต่อต้าน ไม่ร้องขอ เมื่อถึงเวลากินก็กิน พอกินอิ่มก็นอน เพราะผมรู้ว่ายิ่งพูดมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้พี่ชายโมโหแล้วมาลงกับร่างกายผมอีก และทุกครั้งที่พี่ชายทำโทษ พี่ชายจะรุนแรงมากขึ้นด้วย 

ผมว่าถ้ามีครั้งหน้าอีก ผมคงต้องตายแน่ ๆ ตอนนี้ผมต้องนอนพักเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ แล้วออกไปจากที่นี่สักที

ผมปรือตามอง ได้ยินเสียงหนังดังด้านนอก พี่ชายคงกำลังดูหนังอยู่ ผมอยากเข้าห้องน้ำ แต่ไม่อยากพูดกับเขา มองเห็นกุญแจวางไว้บนหัวเตียง ผมยิ้ม รีบยื่นมือออกไปหยิบ แต่มันไม่ถึง ผมอดทน คว้าหมอนมาเกลี่ยจนมันร่วงลงพื้น ดีว่าพี่ชายดูหนังเลยไม่ได้ยินเสียง ผมเกลี่ยกระทั่งได้มันมาอยู่ในมือ ผมรีบหยิบมาเสียบใส่รูที่ขา มือสั่นจนเห็นได้ชัด

ผมก้าวลงจากเตียง เดินเจ็บ ๆ ไปเปิดตู้ คว้าเสื้อกับกางเกงคนตัวสูงมาใส่ เดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวด้วยความเจ็บปวด ผมกดน้ำ ลุกขึ้นยืน เกาะขอบอ่าง เปิดประตูออกกว้าง

ผมผงะถอยหลัง เมื่อคนที่นั่งดูหนังอยู่เมื่อกี้มายืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าประตูแล้ว

“พี่ชาย…”
ผมครางเรียก ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เผลอตัวก้าวถอยไปด้านหลัง พี่ชายคว้าต้นแขนผมไว้หมับ กระชากเข้าหาตัว ผมเบ้หน้าเพราะความเจ็บจากท่อนล่าง

“เก่งดีนี่ ยังมีแรงเดินได้ขนาดนี้ก็น่าจะรับได้อีกสักยก”

ผมตาโต ส่ายหัวร่อน

“อย่านะ ขืนทำอีก ผมตายแน่ ๆ”
ผมร้องขอ พี่ชายยกยิ้ม

“ไม่ต้องห่วงครั้งนี้ฉันมีตัวช่วยไม่ให้นายเจ็บ”
เขาดึงผมออกไปนอกห้องน้ำ ตรึงไว้กับกำแพง กระชากดึงกางเกงผมลง

“พี่ชายข้อร้องล่ะ อย่าทำอีกเลย”
ผมพยายามขอร้อง สองมือผลักคนตรงหน้าออกเป็นพัลวัน พี่ชายไม่พูดอะไร ล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดฝาบีบใส่มือ ปิดฝาแน่น แล้วป้ายสิ่งเข้ามาภายใน ผมสะดุ้งเฮือก เพราะความเจ็บเหมือนโดนทายา

“อย่า!”
ผมยังร้องห้ามไม่หยุด นิ้วร้อนยังคงเคลื่อนไหวเนิบ ๆ อยู่ภายใน แต่แล้วอยู่ ๆ ความเจ็บปวดรวดร้าวที่มีเมื่อกี้ก็ค่อย ๆ จางลง มันไม่ได้หายเจ็บแค่ข้างล่าง แต่มันหมายรวมไปถึงทุกส่วนในร่างกาย เรี่ยวแรงที่แทบไม่เหลือพอเดินก็กลับคืนมาด้วย ดูมีพลังมากขึ้น ร่างกายที่เย็น ๆ ก็เริ่มร้อนมากขึ้น มันร้อนจนบางส่วนของผมด้านหน้าตื่นตัว

พี่ชายถอนนิ้วออกมามองหน้าผมเฉย ๆ

“ยาดีใช้ได้นี่ คิดว่าจะโดนหลอกซะอีก”
พี่แกโยนยาหลอดนั้นไว้บนโต๊ะ ถอดกางเกงตัวเองออก ขยับเพื่อกระตุ้นของตัวเองจนตื่นพร้อม
 
ผมส่ายหัวจนผมสะบัดหวังให้อีกคนหยุด เขาไม่สนใจทั้งเสียงร้องหรือท่าทางของผม ยกขาผมขึ้นข้างหนึ่งแล้วจับความแข็งขืนนั้นสอดใส่เข้ามา ผมจิกต้นแขนแกร่งแน่น เบ้หน้าเตรียมรับความเจ็บปวด

แต่แปลกที่คราวนี้มันไม่เจ็บ มันเสียว มันรู้สึกดี ดีมากจนผมต้องเปลี่ยนจากจิกมือหนแรกเป็นกอดคนตรงหน้าแน่น แหงนหน้าครางรับเบา ๆ   

“พี่ชาย พี่ชาย”
ผมครางเรียกเหมือนคนเสียสติ มันรู้สึกดีจริง ๆ พี่ชายขยับเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ บดเบียด นวดคลึงเข้าที่จุดไวสัมผัส ผมครางลั่นด้วยความรู้สึกดี หัวใจราวกับมีฝูงผีเสื้อมากมายโบยบิน

“อย่าขัดขืนฉันกวินทร์ รับเอาฉันเข้าไป”
คนตรงหน้ากระซิบ ผมรัดลำท่อนนั้นแน่นตามคำสั่ง

“อ๊า ดีอย่างนั้นแหละ อืม...”
เขาครางเสียงทุ้ม ขยับเคลื่อนไหวเข้ามาลึกขึ้น ผมกัดไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นแรงระบายความอึดอัดที่มีมากมายตอนนี้ลง ขยับยกขาขึ้นสูงเอง

ตอนนี้มันไม่เจ็บแล้ว มันมีแต่ความรู้สึกดี ๆ เท่านั้น ไม่เจ็บส่วนไหนในร่างกายเลย

รู้สึกดี

รู้สึกดีมาก ๆ

“เร็ว”
ผมเร่งอย่างร้อนรน สองมือบีบเค้นดึงพี่ชายเข้าหาตัวอย่างโหยหา

“เร็ว”
ผมเร่งเร้าขึ้นอีก เหมือนพี่ชายจะเอาใจเร่งความเร็วมากขึ้นพอ ๆ กับควานเข้ามาให้ลึกขึ้น เลือกกดคลึงตรงจุดที่ทำให้ผมเหมือนหลุดออกจากแกนโลก เสียงมีเท่าไหร่ ผมครางออกมาหมด

พี่ชายจับผมพลิกหันหน้าเข้าหากำแพง บดคลึงเบียดชิด เนื้อแน่น ๆ ของผมดูดกินของเขาราวกับมันเป็นอาหารอันเลิศรส พี่ชายก้มลงมาขบเม้มใบหูให้เสียวสะท้าน มือหนึ่งจับน้องผมไว้ อีกมือเกลี่ยเล่นอยู่บนยอดอก ผมกำลังถูกปรนเปรอไปทุกส่วนของร่างกาย

ก่อนหน้านี้ผมจะตายเพราะความเจ็บปวด แต่ตอนนี้ผมกำลังจะตายเพราะความสุขที่ล้นขึ้นมาถึงอก พี่ชายจับผมพลิกหันไปเผชิญหน้าอีกครั้ง ผมมองคนตรงหน้าตาปรอย

ก่อนพี่ชายจะก้มลงมา เอาปากแนบปาก

จูบแรกระหว่างเราสองคน   

ผมกำลังร้อน ผมกำลังต้องการ ผมกำลังอดอยากและโหยหา ผมจูบตอบคนตัวสูงกว่าอย่างเร่าร้อน พี่ชายร้อนมาเท่าไหร่ ผมตอบกลับหนักหน่วงพอกัน จนผมแทบจะสำลักความสุขและเสียวซ่านตายเอาให้ได้ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก

“แรง ๆ”
ผมร้องขอ แหงนหน้าขึ้น กดหน้าพี่ชายลงมาที่ลำคอ บังคับให้ไซ้ปากกับซอกคอตัวเอง ซึ่งดูเหมือนพี่ชายจะรู้ความต้องการของผมดี ทั้งงับทั้งไซ้ ในขณะที่ท่อนล่างก็ยังทำหน้าที่ไม่หยุด

“ลึก พี่ชาย ลึก ๆ แรง ๆ พี่ชาย”
ผมร้องขอเหมือนคนจะขาดใจตาย เขาเร่งจังหวะเร็วและแรงขึ้น ได้ยินเสียงทุ้มครางไปเร่งจังหวะไป ตราบจนวินาทีสุดท้ายมาถึง ผมรัดของพี่ชายแน่น พี่แกคำรามเสียงดัง แต่เสียงที่ดังกว่าคือเสียงร้องของผมเมื่อสวรรค์ที่ผมพยายามไขว่คว้ามาสู่มือได้สำเร็จ

“แน่น”
พี่ชายกัดกรามบอก เพราะผมรัดส่วนนั้นแน่นจนรู้สึกได้ ผมรูดรั้งเอาน้ำทุกหยดออกมาจากตัวเขา ตัวเราเบียดกันแน่นจนแทบหาช่องว่างไม่เจอ

หัวใจต่อหัวใจ มันเต้นเคียงไปด้วยกันราวกับมีใครมาตีกลองรัวไว้กลางอกเรา พอ ๆ กับจับหวะการตอดรัดถี่ยิบด้านล่างของผม

“สวรรค์”
ได้ยินเสียงกระซิบจากคนตัวสูง ก่อนเจ้าตัวจะเลื่อนหน้ามามองตาผม บดจูบลงมาอีกรอบ และผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เริ่มต้นเพลิงสวาทอีกครั้ง


To be Con...

เอาสำลีอุดจมูกไว้ทั้งสองรู พี่ชายโหดร้ายมาก แต่ฟินมาก

ปล. เตือนแล้วนะว่าคู่นี้โหดดดดดด
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย (31-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-01-2018 20:24:53
อีพี่หื่นมากอะแข็งได้ตลอดเวลาที่จะรังแกน้อง โอ้ยเจ็บแทนน้องเขานะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย (31-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-01-2018 22:04:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย (31-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 01-02-2018 10:28:24
คุณพี่ค่ะโหดได้ฟินมากค่ะ วิธีรั้งน้องนี้ดุเดือดมากค่ะ
ทำให้ลุกไม่ขึ้น หึหึ โธ่แล้วจะได้รู้ใจตัวเองกันตอนไหนเนี้ยใช้ร่างกายคุยกันตลอด
เป็นกำลังใจให้พี่ชายสายโหดนะ :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย (31-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-02-2018 22:43:25
OMG!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.4 จากน้องชายกลายเป็นเมีย (31-1-61)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-02-2018 15:50:11
พี่เล่น หื่น โหด ขนาดนี้น้องไม่ไหวแน่ๆๆ
รอน้องหลุดไปได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน (5-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-02-2018 19:28:38
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 05 : ล่ามไว้ในอ้อมแขน




ผมนอนคว่ำหน้าสิ้นไร้เรี่ยวแรงหลังผ่านพายุอารมณ์มาราธอนกับพี่ชายมา มันไม่ได้เจ็บเหมือนครั้งก่อน ๆ สภาพผมตอนนี้คือเหนื่อยจนหมดแรงมากกว่า หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยพี่ชายก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ 

“เจ็บไหม”
พี่แกถาม วางมือไว้บนแก้มก้นผม แหวกดูนิด ๆ ซึ่งมันไม่รู้สึกเจ็บอะไรจริง ๆ ผมส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ พี่ชายขมวดคิ้วมอง

“ไม่เจ็บก็จริง แต่มันแดงและเลือดออกด้วย”
พี่ชายลุกไปหยิบยามาทาให้ มันไม่เจ็บแต่รู้สึกดีเวลาที่ถูกสัมผัส ดีจนผมเผลอครางออกมาเบา ๆ พี่ชายหัวเราะในลำคอ

“ยาดีจริงแฮะ”
แล้วพี่แกก็เคลื่อนไหวปลายนิ้วอย่างแช่มช้าราวกับจะหยอกล้อ เคลื่อนไปทั่วทั้งผิวเนื้อบริเวรรอบ ๆ สะโพกลงไปถึงต้นขา วกกลับมาที่บั้นเอว ผมครางอย่างเผลอไผล บางส่วนที่นอนทับอยู่ขยับเบา ๆ 

“ยังอยากอยู่เหรอ”
พี่ชายกระซิบถาม ผมไม่ตอบ ได้แต่เครือครางอย่างร้อนรุ่มในลำคอเท่านั้น

“ด้านหลังคงรับไม่ไหวแล้ว จะทำด้านหน้าให้ละกัน”
แล้วพี่แกก็จับผมพลิกหงาย กอบกุมด้านหน้าผมไว้ นวดคลึงให้เบา ๆ มันรู้สึกดีจริง ๆ เหมือนอยู่บนสวรรค์ คงเป็นผลมาจากยา

“พี่ชาย..”
ผมครางเรียก พี่ชายยิ้ม ขยับเร็วขึ้นเพื่อให้ผมพ้นทรมานเร็ว ๆ น้ำในตัวผมแทบไม่มีเหลือหลอ งวดนี้มันเลยออกมานิดเดียว

“นอนซะ”
เขาบอกแค่นั้น ดึงโซ่มาล่ามขาผมไว้เหมือนเดิม ดึงผ้าห่มมาห่มให้
“จะออกไปข้างนอก จะหาอะไรมาให้กินด้วย”
ผมไม่สนใจฟังอะไรอีก ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงแล้วหลับใหลไป

ผมลืมตาตื่นอีกครั้ง รอบด้านมืดสนิท ดึกแล้วเหรอ นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว ยังไม่ทันได้คำตอบ ผมก็ต้องครางออกมาเบา ๆ เมื่อความเจ็บหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ได้ยินเสียงขยับมาจากที่นอนข้าง ๆ แล้วไฟข้างเตียงอีกด้านก็สว่างขึ้น

“เจ็บเหรอ” พี่แกถามเสียงเครียด “ยาคงหมดฤทธิ์แล้ว กินข้าวก่อนละกันจะได้กินยาแก้อักเสบ” เขาลุกจากเตียง ผมนอนนิ่งอยู่ที่เดิม น้ำตาซึมนิด ๆ เพราะความเจ็บที่กำลังปะเดปะดังกันเข้ามา พี่ชายเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมยาหลอดเดิม บีบแต้มใส่นิ้ว ผมเบิกตากว้าง ส่ายหัวพรืด

“ไม่เอา ไม่ทำแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”
ผมร้องขออย่างยอมแพ้ ตอนนี้มันเจ็บมาก เจ็บจนผมขอละทิ้งทุกอย่าง ร้องขออย่างหนูจนตรอก น้ำตาพากันไหลริน ดวงตาพี่ชายแปรแสงนิดหนึ่งคล้ายกับดวงตาแห่งความสงสาร

“ไม่ทำหรอก จะทายาให้ มันจะได้ไม่เจ็บ ทานิดเดียวไม่ทำให้ตื่นหรอก หรือถ้าตื่นจะทำด้านหน้าให้อย่างเดียว”
เขาบอกเสียงนุ่ม เป็นเสียงของพี่ชายในแบบของพี่ชายจริง ๆ เวลาต้องการเอาใจผม (ซึ่งหายากมาก  เพราะปกติจะเอาแต่ใจตัวเองตลอด)

ผมไม่พูดอะไร นอนนิ่ง ๆ ให้ทา อย่างน้อยให้รู้สึกอยากอีกรอบดีกว่ารู้สึกเจ็บจนหัวใจแทบหยุดเต้นแบบนี้ ทาไปได้ไม่ถึงนาทีผมก็หายเจ็บ ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นนิด ๆ 

“เดี๋ยวทายาแก้อักเสบอีกตัว”
พี่แกหยิบยาอีกสองตัวมาทา ซึ่งตอนนี้มันไม่เจ็บไม่แสบแล้ว แต่รู้สึกดีเวลามือนั้นมาสัมผัส ดีจนเผลอครางออกมาเบา ๆ

“กินข้าวก่อน”
พี่ชายพยุงผมลุกนั่ง ซึ่งพอไม่เจ็บมันก็นั่งได้ง่าย ๆ ผมกินข้าวมือสั่น ๆ ดูนี่จะเป็นอาหารมื้อที่สองของวัน ผมว่าสองสามวันมานี่น้ำหนักผมต้องลดลงไปเยอะแน่ ๆ เพราะเล่นกินข้าวแค่วันละมื้อสองมื้อ แถมแต่ละมื้อยังเป็นแค่ข้าวต้มที่แทบจะไม่อยู่ท้อง แต่ร่างกายแบบนี้ กินอะไรมากอาจแสลงต่อแผลก็ได้

พออิ่มเขาก็พยุงผมลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่ไม่ยอมให้อาบน้ำเพราะกลัวแผลอักเสบแล้วอาสาเช็ดตัวให้

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมก็มานั่งมองคนที่ได้ชื่อว่าเอาแต่ใจสุด ๆ เดินถือกะละมังใส่ผ้ามาวางไว้ข้าง ๆ หัวเตียง พี่ชายหย่อนตัวลงนั่งข้างผม ยกผ้าขึ้นบิด

“ผมเช็ดเองได้”
ผมเบรกมือนั้นไว้ทันที จะแย่งผ้ามาเช็ดเอง 

“อย่าดื้อ”
พี่แกปรามเสียงเข้ม ดึงผ้าคืน

“นอนลงไป จะได้เช็ดง่าย ๆ”
ผมจำต้องทำตาม ทิ้งตัวลงไปนอนแทนนั่ง พี่ชายเริ่มเช็ดให้ตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงท่อนล่าง เพราะฤทธิ์ยากระตุ้น ทำให้ผมเผลอครางออกมาทุกครั้งที่เขาลากผ้าผ่านผิวเนื้อ น้ำที่นำมาเช็ดเป็นน้ำอุ่นด้วย สัมผัสจากผ้าอุ่น ๆ นั้นกระตุ้นอารมณ์ผมอยู่ไม่น้อย ไม่นานการเช็ดตัวก็เสร็จสิ้นลง พี่ชายวางผ้าไว้ในกะละมัง หันมามอง

ของผมยังไม่ตื่นหรอกครับ แต่มันกระตุกนิด ๆ อยู่ ๆ เขาก็เลื่อนมือมาจับหัวนมไว้ ผมครางออกมาเบา ๆ รีบตะครุบจับมือนั้นไว้ พี่ชายไม่ได้ดึงมือออก หนำซ้ำยังขยับปลายนิ้วบดขยี้บีบคลึงหัวนมผมไปมาราวกับจะยั่วให้อารมณ์กระเจิง ผมครางอย่างเผลอไผล วางมือไว้ข้างตัวเหมือนเดิม ยินยอมให้พี่ชายบดขยี้เล่น มันไม่ใช่อารมณ์เร่าร้อนรุนแรงแบบตอนโดนป้ายยาเยอะ แต่มันคืออารมณ์พลิ้ว ๆ สบาย ๆ คล้ายกับกำลังถูกนวดด้วยน้ำมันสปา

ปลายนิ้วร้อนละจากหัวนมไปที่จุดอื่น ผมไหวกายตอบรับทุกสัมผัส เนื้อตัวเบาหวิว รู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ ผมหลับตา เครือครางตอบรับ มือนั้นเกลี่ยผ่านไปที่ไหน มันมีสภาพไม่ต่างกับเปลวแห่งความสุขลากผ่านตามไปด้วย 

“พี่ชาย…”
ผมครางเรียก พี่ชายเลื่อนมือต่ำลงไปวนรอบ ๆ น้องผม มันยังไม่ตื่นหรอกครับ กำลังนอนสบายไม่ต่างกับตัวผมในตอนนี้เลย

“ชอบไหม”
เขากระซิบถาม ผมไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้ารับ ดวงตาท่ามกลางความมืด มองเห็นเพียงปุยเมฆขาวลอยละล่อง

“กวินทร์ ลืมตา”
พี่แกออกคำสั่ง ผมค่อย ๆ ลืมตามอง ภาพตรงหน้าพร่าเลือนนิด ๆ เห็นพี่ชายกำลังมองอยู่ ดวงตาคู่นั้นดูมีเสน่ห์ราวกับดวงจันทร์ยามค่ำคืน ผมแอ่นอกเข้าหานิ้วร้อนที่วกกลับมาบดขยี้หัวนมผมอีก พี่ชายก้มหน้าลงต่ำ ประทับริมฝีปากไว้เหนือริมฝีปากผม

ผมรู้ว่าเขาคือพี่ชาย รู้ว่าเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และผมก็รู้ว่าทุกความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้มาจากฤทธิ์ยา

ผมเลื่อนสองแขนโอบรอบลำคอแกร่งไว้ เอียงหน้าตอบรับรสจูบแสนหวานนั้น พี่ชายไม่ได้จาบจ้วง แต่กำลังดื่มด่ำไวน์รสเอ็นไซน์จากผม

ผมไม่รู้ว่าเราจูบกันนานแค่ไหน อาจสิบหรือยี่สิบนาที รู้แค่ว่าผมไม่ยอมปล่อยสองมือที่คล้องลำคอแกร่งนั้นออกเลย พอ ๆ กับพี่ชายที่ไม่ยอมถอนปากออกเหมือนกัน มันเป็นรสจูบที่แสนอบอุ่น อ่อนโยน อ่อนหวาน เคล้าความเร่าร้อนเอาไว้นิด ๆ

จนในที่สุด พี่ชายก็หยุดจูบลง ยกหน้าขึ้นมอง ผมรั้งไว้อย่างสุดแสนเสียดาย รู้สึกชาช้ำที่ปาก สองมือผมยังคล้องไว้ที่คอคนด้านบน ร้องขอทางดวงตาว่าผมยังอยากได้จูบแบบนั้นอีก ซึ่งพี่ชายก็ฉลาดพอที่จะอ่านออก ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง

“นอนเถอะ พักเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ”
เขาถอนปากออกมาบอก ผมจำต้องพยักหน้า คลายวงแขนลง เขาทิ้งตัวลงมานอนข้าง ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้อย่างเบามือ






ท่ามกลางความมืดบนเตียงกว้าง ผมขยับพลิกตัวเบา ๆ จากท่านอนหงายไปเป็นนอนตะแคงข้าง ปกติเวลาผมนอนท่านี้ ผมชอบงอขาขึ้นนิด ๆ วันนี้ก็เหมือนกัน ผมงอขาอย่างเคยชินโดยลืมไปว่าข้อเท้าถูกตรึงด้วยโซ่ แรงดึงนั้นทำเอาผมรู้สึกเจ็บนิด ๆ จนตื่น ผมก้มมองผ่านความมืด

มันมีอยู่สองทางเลือกคือผมต้องขยับตัวลงไปที่ปลายเตียงอีกนิด เพื่อให้โซ่ไม่ตึงจนเกินไป หรือไม่ก็นอนหงายเหมือนเดิมแบบนี้ต่อไป

พี่ชายคงได้ยินเสียงอะไรผิดปกติถึงได้ตื่นตาม

“ทำไม”

“ไม่มีอะไร แค่อยากนอนตะแคง”
ผมบอกตามจริง เขาก้มมอง ผมไม่สนใจพูดคุยอะไรต่อ ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง นอนหงายเหมือนเดิม ผมปิดเปลือกตาลงช้า ๆ หลับ ๆ ไปเถอะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว

รู้สึกเหมือน ๆ พี่ชายจะก้าวลงจากเตียง สักพักข้อเท้าผมก็เป็นอิสระ ผมลืมตามองท่ามกลางความมืด พี่ชายไม่พูดอะไร จับผมให้นอนตะแคงข้างอย่างที่ต้องการ ล่ามผมไว้ในอ้อมแขน แผ่นหลังผมแนบติดอยู่กับแผงอกกว้าง ห้องมันเงียบมาก ๆ เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแผ่วเป็นจังหวะของคนด้านหลังเลย

ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้งช้า ๆ พี่ชายกระชับโซ่แขนแน่นขึ้น มันไม่เย็นเหมือนโซ่เหล็ก แต่มันอุ่น อุ่นไปถึงหัวใจเลย แล้วผมก็หลับใหลไป
                   

“จะไปคุยกับลูกค้าสักสามชั่วโมง”
พี่แกสั่งเสียไว้แค่นั้น หลังป้อนข้าวป้อนน้ำ และพาผมเข้าห้องน้ำพร้อม เขาเตรียมโถฉี่ไว้ให้ผมด้วย ผมไม่พูดอะไร นอนนิ่งบนเตียงที่ไร้อิสระอย่างเดิม

เขาทายาไว้ให้อ่อน ๆ ซึ่งฤทธิ์ของมันอยู่ได้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง มันเป็นแค่ยาระงับปวดและกระตุ้นความต้องการ แต่ไม่ใช่ยารักษา ในขณะที่ยารักษาจริง ๆ อยู่ข้างกัน ผมพยายามจะปลดโซ่ออก แต่รู้ว่าไร้หนทาง

ผมนอนเบื่อพลิกไปพลิกมา กระทั่งหัวมาทิ้งดิ่งลงข้างเตียงอย่างเบื่อหน่าย ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมหูตั้งรีบหันไปมอง พี่ชายเดินเข้ามา หายเข้าไปทางในครัว แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องนอน

“เป็นเด็กดีหรือเปล่า”
พี่แกวางชามข้าวต้มรสเดิมไว้

“มีอย่างเดียวรึไง เบื่อ” 

“กินอย่างอื่น เดี๋ยวแผลติดเชื้อ”

“อยากกินข้าวผัด”
ผมบ่น พี่ชายไม่พูดอะไร หยิบกุญแจมาปลดล็อกขาให้ ผมจำต้องลุกขึ้นมานั่งตักกิน อากาศเย็นแล้ว ผมดึงผ้าห่มมาห่ม ปกติผมทนความหนาวเก่ง แต่เพราะภูมิต้านทานร่างกายช่วงนี้ต่ำมั้งผมเลยรู้สึกว่ามันจะหนาว ๆ ไงพิกล ผมในห่อผ้าห่มข้างเตียงนั่งซดข้าวต้มร้อน ๆ จนแทบเลียจาน

ผมได้กินข้าวแค่วันละสองมื้อ เช้ากับเย็น เพราะพี่ชายมักหายไปช่วงเที่ยง ๆ ปล่อยให้ผมหิวจนท้องไส้กิ่วไปหมด

แต่ก็รู้ว่าไม่อยู่ในฐานะจะพูดอะไรได้ เพราะถูกจับทำเชลยแบบไม่ทราบสาเหตุ

“เบื่อ อยากดูหนัง”
ผมร้องขอ พี่ชายไม่พูดอะไร พยักหน้า ดันหลังผมเบา ๆ ให้เดินไปที่โซฟา

“ผมขอเสื้อผ้าหน่อย”

“ไม่จำเป็น”

“ผมหนาว”

“ห่มผ้าแล้วนี่”
ผมจ้องตาคนพูด ไม่ร้องขออะไรอีก เพราะรู้ว่าพี่เขามีเจตนาไม่ให้ผมกล้าผลุนผลันหนีออกจากห้องตอนไม่มีโซ่ล่ามแบบนี้ พี่ชายไขกุญแจออกจากขาเตียง เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมหยิบรีโมทมากด คู้ตัวอยู่ในผ้าห่ม ไล่ไปที่ช่องหนังที่วนฉายตลอดทั้งวัน หนังเรื่องนี้เคยดูแล้ว แต่ก็ดีกว่านอนแซ่วอยู่ในห้อง พี่ชายล้วงมือผ่านผ้าห่มเข้ามา แล้วล็อกโซ่บนข้อมือผมเข้ากับข้อมือตัวเอง โยนกุญแจทิ้งไปยังมุมหนึ่งของห้อง

“ลำบากตัวเองไปเพื่ออะไร พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร”
พี่แกไม่ตอบ นั่งพิงหัวกับพนักพิง แล้วหลับตาลง ผมเม้มปากแน่น ขยับดึงมือเข้ามาในผ้าห่มเพราะความหนาว พี่ชายลืมตามอง คงคิดว่าผมจะลุกไปเอากุญแจละมั้ง พอเห็นว่าผมแค่ขยับเพื่อหนีความหนาวก็หลับตาต่อ ผมนั่งดูหนังไปเรื่อย ๆ กระทั่งเมื่อย ขยับจะนอนดู แต่ติดตรงที่มือข้างหนึ่งเชื่อมกับพี่ชายไว้ พี่แกลืมตามองอีกรอบ

“ผมเมื่อย อยากนอนดู”
ผมบอกให้อีกคนรู้ พี่ชายพยักหน้า ขยับเข้ามาชิดเพื่อให้ผมนอนดูหนังได้ ระยะยืดมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาเลยเอนสีข้างมาทับตัวผม ช่วงแรกก็รับน้ำหนักไหวอยู่หรอก ๆ แต่หลัง ๆ ชักไม่ไหว

“หนัก”
ผมบอก พี่ชายลืมตามอง คิ้วเข้มเริ่มขมวดแสดงความไม่พอใจ โฉบดึงตัวผมเข้าไปกอดแนบอก แล้วทิ้งตัวลงนอน ผมดิ้นจะลุก

“นอน!”
เขาสั่งเสียงเข้ม ผมหยุดดิ้น นอนนิ่งบนแผงอกแกร่งนั้น

หนังสนุกจนผมหลงลืมทุกอย่าง พี่ชายตวัดวงแขนข้างที่เป็นอิสระโอบรอบลำตัวผมไว้ ผมมองมันอย่างเซื่องซึม

เมื่อไหร่ ผมจะหลุดพ้นจากที่นี่สักที

ไม่รู้ว่าผมนอนดูทีวีจนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีตัวผมก็แนบอยู่กับตัวพี่ชายโดยปราศจากผ้าห่มกั้น แล้วผ้าห่มผืนนั้นก็วางอยู่ด้านบนของเราสองคน

“ให้ผมกลับไปนอนที่เตียงก็ได้ พี่จะได้ไม่ลำบากแบบนี้”
ผมเสนอเพราะรู้สึกสงสารที่ต้องมานอนหลังขดหลังแข็งเฝ้าผมไว้แบบนี้ พี่ชายไม่พูดอะไร ดึงตัวผมเข้าไปกอดแนบอก กรนฟี้ไปอีกรอบ ความง่วงเข้าแทรกผมอย่างหนักหน่วง ผมค่อย ๆ หลับตาลง ปล่อยสติให้หายไปอีกรอบ











 

เช้านี้ผมยังคงตื่นขึ้นมาเพราะความร้าวระบม พี่ชายลุกทำแผล ป้อนข้าวป้อนน้ำ ข้าวแค่นี้มันไม่เพียงพอต่อความต้องการในร่างกายหรอก เรี่ยวแรงก็เหลือน้อยเพราะไหนจะเจ็บ ไหนจะได้กินข้าวแค่วันละสองมื้อ แต่ละมื้อก็แค่ข้าวต้มโรยผักไม่กี่อย่าง

พี่ชายไม่ได้มัดขาผมติดปลายเตียง แต่มัดมือผมไว้กับมือตัวเอง ตอนกลางคืนก็กอดผมไว้แน่น ราวกับกลัวว่าผมจะหลุดหนีหายไปไหน

เข้มกันขนาดนี้ ผมจะหนีไปไหนได้

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมารู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิม คงเพราะได้นอนเยอะละมั้ง พอไม่เจ็บมันก็โอแล้ว หลังจากหาข้าวหาน้ำให้ผมกิน พี่ชายก็แวบออกไปพบลูกค้า กลับมาเพื่อเอาผมเข้าห้องน้ำ ผ่านมื้อเที่ยงผมไปสู่มื้อเย็น

รู้สึกหน่วงด้านหลัง สงสัยฤทธิ์ยาจะหมด ผมพยายามกระดืบ ๆ คว้าหยิบยามาทา ทั้งยาทาแก้อักเสบ ยาทาแก้ปวด และยาปลุกที่ทำให้หายเจ็บนั้น ปกติพี่ชายจะทาให้ ผมไม่รู้ว่าควรจะทาบางแค่ไหน ผมแต้มยาใส่นิ้วมือ สงสัยจะแต้มเยอะไป ผมพยายามแต้มใส่หลอดคืน แต่มันไม่เข้า ผมแบ่งส่วนหนึ่งทาลงด้านล่าง เกลี่ยให้ทั่ว มองอีกครึ่งที่เหลือ

จะทิ้งก็เสียดาย


ทา ๆ ไปละกัน มันก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย คงไม่ทำให้ออกฤทธิ์มากหรอก

ผมตัดสินใจป้ายยาส่วนที่เหลือเพิ่มเข้าไป ป้ายลึกเข้าไปด้านในด้วย จะได้หายเจ็บเร็ว ๆ

แล้วหนึ่งนาทีต่อจากนั้น…



To be Con....

คนเขียนจิไม่อยู่ไทยหลายวัน เจอเมื่อกลับมาเน้อ
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน (5-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-02-2018 19:47:06
โอ้ว น้องลำบากกว่าเดิมแน่เลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน (5-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-02-2018 21:34:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน (5-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-02-2018 22:06:26
เอิ่มมมม ทาหมดเดือดร้อนแน่ กวี...
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน (5-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-02-2018 00:04:50
0_0!!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน (5-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-02-2018 00:35:29
หลังจากนั้นก็หลับสบายยย :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.5 ล่ามไว้ในอ้อมแขน (5-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-02-2018 07:03:23
พี่ชายก็ไม่อยู่ช่วยนะกวิน มีอารมณ์ขึ้นมาละแย่เลย นี่น้องเริ่มชอบพี่ชายมั่งแล้วรึยังคะ? รู้สึกว่าพี่ชายหวงไม่อยากปล่อยไปแต่น้องยังไม่ชัดเจนว่าไงแน่
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.6 รองรับอารมณ์ (11-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 11-02-2018 10:58:03

(https://www.img.in.th/images/0d01cc037d81173c9685ecd84c8ec81d.jpg)
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 06 : รองรับอารมณ์   



ร้อน…

ร่างกายผมกำลังร้อน มันร้อนรุ่มอย่างรุนแรง ผมคงทายาเยอะไป หรือไม่ก็เพราะผมทาเข้าไปลึกเกิน

ไม่ไหวแล้ว...

ผมต้องการ...

ต้องการมาก ๆ...

ผมเลื่อนมือลงไปกอบกุมส่วนกลางลำตัวของตัวเองไว้ ขยับเพื่อปลดปล่อย

ผมทำสำเร็จไปแล้วสองรอบ แต่ดูเหมือนมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมยังต้องการอยู่ มันไม่ใช่ความต้องการด้านหน้าเหมือนเคย แต่เป็นด้านหลัง

ผมไม่อยากแตะต้องมันเลย ไม่อยากยอมรับว่ารู้สึกอะไรกับมัน แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ผมทดลองเคลื่อนปลายนิ้วไปสัมผัสผนังนุ่มแผ่วเบา สาบานได้ว่าผมแตะมันเบา ๆ จริง ๆ แต่มันรู้สึกดีมาก ดีจนผมต้องค่อย ๆ กดนิ้วจมลึกเข้าไป

ผมครางเบา ๆ ผ่านลำคอ รู้สึกทุเรศกับสภาพที่เกิดขึ้นของตัวเองเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนั้นมีน้อยกว่าความต้องการทางกายมาก ผมครางมากขึ้นเมื่อปลายนิ้วกดลึกไปถูกจุดอ่อนไหวเข้า ผมจำได้ว่ามันอยู่ตรงไหนเพราะถูกพี่ชายกระตุ้นบ่อย ๆ มือหนึ่งผมขยับด้านหน้า อีกมือกดลึกย้ำ ๆ สร้างความสุขสมให้ตัวเองด้านหลัง

แต่มันไม่สะใจเอาซะเลย

ผมต้องการ...

ต้องการมากกว่านี้

ต้องการของพี่ชาย

ผมหลับตาลง นึกจิตนาการว่าปลายนิ้วที่กำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้ คือนิ้วของเขา รวมไปถึงส่วนนั้นด้วย

“พี่ชาย...”
ผมเผลอตัวครางเรียกผ่านความมืด 

ได้ยินเสียงตี๊ดของบัตรผ่านประตูตามด้วยเสียงหมุนผลักเปิดประตูออก ผมลืมตาโพลง รีบถอนนิ้วออก ขยับลุกมองไปทางประตูห้องนอน หัวใจพากันไหวแรงด้วยความดีใจ ได้ยินเสียงงับปิดประตูลงเบา ๆ ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องรับแขก ผมขยับคุกเข่า ตาจ้องเป๋งไปทางประตูไม่เปลี่ยน ลุ้นให้อีกคนรีบเข้ามาเร็ว ๆ

ไม่นาน ร่างของพี่ชายก็โผล่พ้นกรอบขาวสี่เหลี่ยมนั้นเข้ามา

“พี่ชาย”
ผมเรียกหาทันที ไม่เรียกเปล่า ยังพยายามจะเคลื่อนตัวเข้าหาด้วย ติดแต่ว่าขาผมลูกล่ามไว้ พี่ชายมองหน้าผมงง ๆ ก่อนมองไปยังโต๊ะที่มีหลอดยาวางอยู่ คิ้วเข้มขมวดมุ่น

“นี่นายทายาเองเหรอ”

“อืม..พี่ชาย”
ผมไม่ได้ตอบคำถาม แต่พยายามเรียกร้องให้อีกคนเข้ามาใกล้ด้วยน้ำเสียงและสายตาเว้าวอน มือหนึ่งกอบกุมน้องตัวเองไว้ อีกมือใช้ขยับเคลื่อนตัวเข้าหาคนตัวสูง สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างกับพวกติดยาที่กำลังจะลงแดงตาย

พี่ชายยกยิ้ม เดินช้า ๆ มาหยุดยืนชิดขอบเตียง ใกล้กับตำแหน่งที่ผมอยู่ คลี่ปลดเข็มขัด ดึงบางส่วนที่กำลังหลับสนิทออกมาด้านนอก   

“ปลุกมันก่อนสิ”

ผมไม่รอช้า คว้าสิ่งนั้นเข้าปากอย่างหิวกระหาย เพราะผมรู้ว่ายิ่งพี่ชายตื่นเร็วมากเท่าไหร่ ผมจะยิ่งได้ในสิ่งที่ต้องการมากขึ้นเท่านั้น ผมใช้ทั้งปากทั้งลิ้นทั้งมือช่วยกันกระตุ้น ไม่กี่อึดใจมันก็พร้อมเต็มที่ ผมอดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว รีบดึงพี่ชายลงมานอนราบบนเตียง ขยับขึ้นไปนั่งคร่อมสอดใส่ด้วยตัวเองทันที มันไม่ค่อยถนัดหรอกเพราะติดขา แต่สิ่งนั้นไม่เป็นอุปสรรคในเวลาที่ความต้องการกำลังเปี่ยมล้นขนาดนี้ พอใส่ได้ผมก็ขยับทันที

ขยับแรงด้วย

เจ็บเป็นเจ็บช้ำเป็นช้ำ ต่อให้ตื่นขึ้นมาแล้วลุกไม่ขึ้นก็ยอม

พี่ชายคงเห็นว่าผมทำไม่ถนัดเลยล้วงหยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกงมาไขโซ่ออกให้ ผมดึงขาขึ้นมาขยับปรับท่าให้ดี ๆ อีกที เคลื่อนไหวอย่างอิสระมากขึ้น

แต่ทำไปได้ไม่นานผมก็หมดแรง หอบแฮก เคลื่อนไหวช้าลง

“หมดแรงแล้วเหรอ”
พี่แกถาม พลิกผมลงไปนอนแทนที่ ผมมองคนตรงหน้าตาเชื่อม ความอยากเปี่ยมล้น ผมรัดสิ่งนั้นแน่นจนคนตัวสูงครางออกมาอย่างพอใจ พี่ชายยกยิ้ม จับสองขาผมยกพาดบ่าเริ่มควงสว่านจนผมครางแทบไม่เป็นภาษาอย่างรู้สึกสาแก่ใจ







 

กี่ยกนั้นผมจำไม่ได้ รู้แค่ว่าตัวผมกำลังเบาหวิว พี่ชายทายาให้อีกรอบ บังคับให้กินข้าวกินยา ถึงไม่เจ็บ แต่ร่างกายมันเพลียมาก ไม่รู้ว่าเพราะใช้พลังงานไปเยอะ หรือเพราะร่างกายกำลังนำกำลังทั้งหมดไปดูแลส่วนที่สึกหรอกันแน่ แล้วหลังจากนั้นผมก็หลับสนิทอยู่ภายในอ้อมแขนของพี่ชายต่อ

ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงมือถือผมหรอก เป็นของพี่ชาย พี่แกงัวเงียเงยหน้ามอง เอื้อมผ่านตัวผมไปหยิบมาดูเบอร์ วางไว้ที่เดิมหลังมอง

“ใคร” ผมถาม

“ผู้หญิง คงอยากมานอนด้วย”

“ก็เอาสิ ให้ผมกลับตอนนี้เลยก็ได้นะ”
ผมรีบสนับสนุนอย่างเห็นช่องทาง ถ้าพี่เอาผู้หญิงมานอนด้วย พี่จะได้ปล่อยผมไปสักที ยังไงนอนกับผู้หญิงก็ต้องดีกว่านอนกับผู้ชายแบบผมอยู่แล้ว พี่ชายค่อย ๆ ยกตัวขึ้นมอง แสงไฟที่เปิดไว้เรืองรองส่องให้เห็นดวงหน้าที่กำลังฉายแววไม่พอใจได้ชัดเจน

“อย่ามาแผนสูง ถ้าฉันต้องการจริง ๆ แค่จับนายแหกขาก็ได้ปลดปล่อยแล้ว”

“ยังไงผู้หญิงก็ต้องดีกว่าผม มีนม มีช่องทางที่พรั่งพร้อมกว่าเห็น ๆ”
ผมพยายามกระตุ้นต่อ พี่ชายขยับมาคร่อมผมไว้

“นายเองก็มีนมเหมือนกัน”
ไม่พูดเปล่า ยังเลื่อนนิ้วมาสะกิดหัวนมผมเบา ๆ ผสมบีบและขยี้จนมันแข็งตัวสู้มือ ผมครางออกมาทันที รีบจับมือนั้นไว้หวังหยุดการรุกราน พี่ชายกางมือใหญ่ ๆ ออกกว้าง ขย้ำลงบนฐานนมผมแรง ผมครางออกมาเสียงดังมากขึ้น เขานวดคลึงบีบเค้นเป็นจังหวะ ท่าทางไม่ต่างกับกำลังจับนมผู้หญิงจริง ๆ สักคน นมผมมันไม่ได้ตั้งเต้าจับได้ถนัดถนี่เหมือนนมผู้หญิงหรอก แต่มันก็มีมากพอให้มือใหญ่ ๆ นั้นเค้นคลึงได้อย่างมันมือ

ผมครางตามแรงบีบขยำนั้น มือผมยังวางอยู่บนหลังมือพี่ชาย ตอนแรกก็พยายามจะดึงมือนั้นออกอยู่หรอก แต่มันก็แอบรู้สึกดีจนหลัง ๆ ผมเผลอบีบมือนั้นเพื่อให้มือนั้นคลึงหน้าอกผมให้แรงขึ้นแทน ปากก็ครางรับทุกจังหวะแห่งความทุกข์ทรมานผสมสุขสมนั้น 

“ไอ้ช่องทางที่พรั่งพร้อมก็มีเหมือนกัน”
เขาเลื่อนมืออีกข้างลงไปข้างล่าง แทรกนิ้วเข้ามาในโพรงที่กำลังบอบช้ำของผม แน่นอนว่าฤทธิ์ยาไม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่รู้สึกเพลิดพลิ้วแทน ผมเลื่อนมืออีกข้างไปจับต้นแขนข้างนั้นไว้ บีบเบา ๆ ตามความรู้สึกที่ถูกกระตุ้น ผมแหงนหน้าปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปในสวนพฤกษาสวย ทุกครั้งที่นิ้วนั้นเคลื่อนเข้าที่ขยับออก มันกระตุ้นเร้าให้อยากไม่รู้จบ เขาสะกิดเข้าที่จุดอ่อนไหว ผมผวาเฮือกกอดลำคอแกร่งไว้ พี่ชายขยับเคลื่อนตัวใช้ต้นขาค่อย ๆ ดันสะโพกผมยกสูง

“จริง ๆ ว่าจะไม่ทำเพราะเห็นว่ายังช้ำอยู่มาก แต่แค่จะย้ำให้รู้ว่านายน่ะ เหมาะสมกับการรองรับอารมณ์ฉันขนาดไหน”
แล้วพี่แกก็ส่งลำท่อนที่พรั่งพร้อมทิ่มพรวดเข้ามาทีเดียวจนสุดความยาว ผมอ้าปากอย่างรู้สึกถึงใจ ภายในบีบรัดแน่น ความต้องการที่ถูกกระตุ้นไว้ก่อนหน้าโหมขึ้นกว่าเดิม ผมรีบตะเกียกตะกายตะปบมือไว้บนสะโพกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้น บังคับให้คนตัวสูงรีบขยับ

“เร็ว ทำเร็ว ๆ พี่ชาย”
ผมร้องขอให้อีกคนเคลื่อนไหว พี่ชายหัวเราะหึ ๆ จับขาผมพาดไหล่ ยกสะโพกผมลอยเหนืออากาศนิด ๆ แล้วขยับเคลื่อนไหว

พี่ชายไม่ได้ใจร้ายทำผมหลายรอบ คงเพราะรู้ว่าร่างกายผมรับไม่ไหวอีกแล้ว ผมหลับไปอีกรอบก่อนตื่นขึ้นแต่เช้ามืด พี่ชายยังหลับสนิท สองแขนก่ายกอดผมไว้กันหนี ผมขยับตัวแผ่วเบา ค่อย ๆ ดันตัวออกช้า ๆ กะจะอาศัยจังหวะนี้หนีไป

ในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ ผมคลี่ยิ้มนิด ๆ อย่างดีใจ ลุกจากเตียง

“จะไปไหน!!”
เสียงเข้มตวาดลั่นมาจากทางด้านหลัง ผมสะดุ้งเฮือก หันหลังไปมอง พี่ชายลุกพรวดจากเตียงตรงดิ่งมาจับสองมือผมไพล่หลัง ดึงแรงจนอกผมแอ่นเจ็บแขนไปหมด ผมเบ้หน้า

“จะหนีรึไง!”

“ปะ เปล่า แค่จะเข้าห้องน้ำ”
ผมโกหกเพื่อกลบเกลื่อน แรงดึงที่แขนค่อย ๆ คลายลง แล้วพี่แกก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ

“ครั้งหน้า จะลุกไปไหนให้ปลุก ห้ามลุกมาเงียบ ๆ แบบนี้อีก”

“แค่เข้าห้องน้ำ”

“แค่นั้นก็ไม่ได้”

ผมเม้มปากแน่น

“ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยงหรือนักโทษของพี่นะ”
เขาขยับเข้ามาชิด รวบกุมเส้นผมตรงท้ายทอย กระชากดึงลงต่ำจนหน้าผมแหงนขึ้น ผมร้องโอ๊ยเพราะความเจ็บกะทันหันนั้น

“สำนึกไว้เลยว่าตอนนี้นายเป็นแล้ว เป็นทั้งนักโทษและสัตว์เลี้ยงของฉันด้วย”
ผมกัดกรามแน่นกุมสองมือไปด้านหลังเพื่อดึงมือใหญ่นั้นออก

“ปล่อย เจ็บ!”
ผมตะคอกเสียงดัง

“ห้ามตะคอก!”
ผมเม้มปากแน่น น้ำตาคลอ พี่ชายยกยิ้ม มองหน้าผม สายตาบ่งบอกความพอใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นแวววาว เลื่อนต่ำลงไปที่ริมฝีปาก ลำคอ แผงอกลงมาจนถึงด้านล่าง

พี่ชายยกยิ้มนิดหนึ่ง

“จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่รึไง รีบไปสิ”
พี่แกผลักผมไปทางห้องน้ำ ผมถลาจนเกือบจะหกล้ม กำมือกัดกรามแน่น ไม่ได้หันไปมอง แต่เดินตรงเข้าห้องน้ำไปอย่างขัดขืนอะไรไม่ได้ ผมกดล็อก ยืนนิ่ง พยายามระงับสิ่งที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจลง กวาดมองไปรอบ ๆ หวังหาทางหนีทีไล่ แต่คอนโดที่ทำไว้มิดชิดชนิดที่ตะโกนให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินไม่มีทางหนีไปได้แน่ ๆ

“อย่าลีลา จะทำอะไรก็รีบทำ!!”
ได้ยินเสียงทุบประตูเสียงดัง ผมรีบทำธุระส่วนตัว ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว อย่างน้อยก็ขออาบน้ำเพื่อเรียกกำลังหน่อย

ผมรีบเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว หมุนเปิดให้น้ำมันไหลรินลงมา สัมผัสแรกที่น้ำถูกตัว รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ลองเลื่อนมือไปแตะช่องแคบดู มันบวมอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่เจ็บ สงสัยฤทธิ์ยายังอยู่

ผมยืนนิ่ง ปล่อยให้สายน้ำชะโลมตัว จะหนีออกไปจากที่นี่ยังไงดี ผมอยากกลับบ้าน ผมถอนหายใจแรง หยิบสบู่มาฟอก ใช้เวลาไม่นานหรอก เพราะกลัวคนด้านนอกจะเร่งมาอีก 

ผมปิดฝักบัว ลูบน้ำจากหน้าสะบัดทิ้ง เรี่ยวแรงกลับมาบ้างแล้ว พอจะวิ่งได้ ลองเสี่ยงหนีดูดีไหม ผมก้มมองตัวเอง แต่ถ้าหนี ผมต้องหนีไปในสภาพนี้นะ   

ผมยืนชั่งใจ กระทั่งได้ยินเสียงทุบประตูอีกรอบ ผมกรอกตาพยายามหาทางออก

อย่างน้อยได้ผ้าเช็ดตัวสักผืนก็ยังดี ผมทำใจกล้า หมุนลูกบิด เปิดประตู โผล่แค่หน้าออกไป

“พี่ชาย ผมขอผ้าเช็ดตัวหน่อย”
ยังไม่ทันได้ในสิ่งที่ต้องการ ประตูที่ผมเปิดไว้แง้ม ๆ ก็ถูกผลักเปิดออกกว้าง แล้วพี่ชายก็ก้าวพรวดเข้ามากระชากแขนผมออกไปยืนเปียกข้างนอก   

“ใครอนุญาตให้อาบน้ำ!”

“แค่อาบน้ำเอง”

“ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องขออนุญาตก่อน”

“ผมน้องพี่นะ”

“หึ ไหนว่าไม่ใช่ตั้งแต่เรามีอะไรกันแล้วไง”

ผมอึ้งไป มองอีกคนตาวาว

ได้ เมื่อไม่รับกันเป็นน้อง ผมก็ไม่รับเป็นพี่เหมือนกัน

“ผมก็ลืมไป”
ผมบดกรามจ้องตาอย่างไม่ยอมแพ้ พี่ชายจ้องหน้าผม เลื่อนสายตาต่ำลงไปที่แผงอก แววตานั้นเปลี่ยนไปทันที 

“หอมดีนี่”
พี่แกดึงผมเข้าไปชิด ผมตาโต

“อย่านะ!”
ผมรีบใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักคนตรงหน้าออกแรง เอาวะ ไม่มีเสื้อผ้าก็ได้ ไปตายเอาดาบหน้า ผมรีบวิ่งตรงดิ่งไปทางหน้าห้อง แต่ยังไม่ทันจะพ้นขอบประตูห้องนอน ตัวผมก็ถูกรวบแน่นจากด้านหลัง เขาเหวี่ยงผมแรงลงไปชนขอบเตียง หน้าฟุบแนบที่นอน ผมรีบพลิกหันไปมอง

พี่ชายย่างสามขุมเข้ามาหา เลิกถอดเสื้อผ้าออกจากตัว ผมใจหายวาบ ขยับตาหลีตาเหลือกลุกวิ่งอีกรอบ แต่พี่ชายรวบไว้ กำหมัดซัดใส่หน้าท้องผมแรง ผมอ้าปากค้าง ตัวงอเป็นกุ้ง กุมหน้าท้องไว้ สองเข่าทรุดฮวบลงไปจรดพื้น ก่อนที่ตัวทั้งตัวตัวจะล้มแผละลงไปนอนตะแคงข้าง หายใจรวยริน พี่ชายขยับเข้ามาชิด ใช้เท้าเขี่ยผมเบา ๆ ก้มลงมาขยุ้มผมผม ลากให้ลุกขึ้น ผลักแรงลงบนเตียง 

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าคิดหนีอีก”
พี่แกก้มลงมาขู่ปากชิดปาก ผมน้ำตาเล็ดเพราะความเจ็บ ถุยน้ำลายใส่คนตรงหน้า พี่ชายหลับตาลง เห็นแนวสันกรามบดแน่น ก่อนแววตาที่ปิดแน่นนั้นจะเปิดออกพร้อมแวววาวโรจน์ ใช้หลังมือเช็ดป้ายกับที่นอน

“งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายละกัน”
เขาปล่อยมือที่ขยุ้มหัวผมแรงกระแทกที่นอน ขยับจับขาผมยกสูง ใบหน้านั้นดูเหี้ยมเกรียม มือใหญ่อีกข้างขยับกระตุ้นตัวเอง ไม่กี่วิลำท่อนแข็งแรงนั้นก็พร้อมใช้งาน และวินาทีถัดมาความเจ็บปวดอันเหลือคณานับก็พุ่งปราดเข้ามาในร่างผม

ผมอ้าปากค้าง เจ็บไปถึงก้านสมอง ทุกส่วนในร่างกายชาดิก ยาหมดฤทธิ์แล้วเหรอ หรือว่าเพราะผมอาบน้ำล้างมันไปเมื่อกี้

“ยา..”
ผมร้องขอเสียงแหบ

“ไม่ให้ วันนี้นายต้องทนเจ็บรองรับอารมณ์ฉันไป ทำโทษที่คิดจะหนีอีก”
พูดจบ เขาก็ขยับร่างกายรุนแรง และดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้นไปอีก

ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย นอกจากความเจ็บ มันเจ็บ แล้วก็เจ็บ

“พอพี่ชาย ขอร้องล่ะ ผมเจ็บ ผมยอมแล้ว พอเถอะ”
ผมพยายามร้องขอ น้ำตาพากันไหลพราก พี่ชายไม่หยุดฟัง โหมกระหน่ำราวกับสัตว์ป่ากำลังขย้ำเหยื่อ ผมพยายามกัดฟันอดทนต่อแรงโหมรุนแรงนั้น ได้กลิ่นคาวเลือดด้วย

เจ็บ...

เจ็บมาก...

ผมเจ็บ...

หัวใจผมถูกบีบแน่น หายใจแทบไม่ทัน เรี่ยวแรงเหลือน้อยลงทุกที ภาพสุดท้ายที่ผมเห็น คือพี่ชายที่ไม่ใช่พี่ชายของผมอีกต่อไป…


To be Con...

สงสารกวินทร์สุดติ่งกระดิ่งแมว TT
คู่นี้มีแค่ 8 ตอน อีกสองตอนก็จบแล้ว จะได้เริ่มคู่ที่สองกัน ตัดอารมณ์กันให้ทันนะคะ คู่แรกคู่โหด คู่ที่สองคู่ยั่ว คู่ที่ 3 คู่ฮา คู่ที่สี่สาโรแมนติก (ซึ่งอัพจบก่อนเพื่อนไปแล้ว = =) อ่านกันให้สนุกนะขอรับ  :katai2-1: :katai2-1:




Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.6 รองรับอารมณ์ (11-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 14-02-2018 10:21:54
พี่ชายโหดได้ใจจริงๆแล้วแบบนี้จะรักกันยังไงดี น้องมันเจ็บนะ
ส่วนคนน้องอย่าคิดหนีเลยเป็นของเขาแล้วต้องรับผิดชอบด้วย
มันใช่เหรอ แต่ว่าอะไรทายาแล้วคิดถึงพี่ชายนี้คือ ไม่ต้องหนีเลยนะ
ติดใจกันและกันไปแล้วแบบนี้มาลุ้นว่าจะได้ยินเขาบอกรักกันไหมดีกว่า
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.6 รองรับอารมณ์ (11-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-02-2018 10:29:26
ควรส่งรพ.ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.6 รองรับอารมณ์ (11-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-02-2018 20:18:07
 :katai5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.6 รองรับอารมณ์ (11-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: doll999 ที่ 16-02-2018 15:54:48
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.7 ปลุกเร้าให้สมยอม (22-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 22-02-2018 19:27:31
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 07 : กลั้นแกล้งให้ร้องขอ ปลุกเร้าให้สมยอม




ผมค่อย ๆ ปรือเปลือกตาขึ้นมอง

ตายรึยัง

ผมถามตัวเอง

แต่ปรากฏว่ายังไม่ตายและขยับเขยื้อนตัวได้อยู่ ตอนแรกคิดว่าจะปวดจนดิ้นไม่ไหว แต่กลับขยับได้ง่ายกว่าที่คิด

สงสัยพี่ชายจะทายาให้

แต่เพลียเหลือเกิน หิวน้ำ หิวข้าว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ข้าวต้มวางไว้ที่เดิมพร้อมยาเซตเดิม ผมรีบตะครุบกินอาหารด้วยความหิวโหย กรอกยาตาม เรี่ยวแรงพอมีบ้าง ขาผมถูกตรึงไว้ที่ปลายเตียงเหมือนเดิม ผมพยายามกระชาก ทั้งที่รู้ว่ากระชากยังไงก็ไม่มีทางหลุด พี่ชายคงไปทำงานแล้ว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนทิ้งตัวนอนแผ่หรา

พ่อ…แม่

ผมนึกถึงบุพการีขึ้นมาทันที ทำไมไม่มีใครสงสัยแล้วออกตามหาผมกันบ้าง ผมนอนทอดอาลัย ลืมตามองเพดาน ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงเปิดประตูด้านนอก ผมรีบขยับลุกนั่งอย่างตระหนก พี่ชายเดินหน้านิ่งเข้ามา ก่อนยกยิ้มเมื่อเห็นผม เดินเข้ามาชิด จับคางผมไว้ พลิกหันซ้ายหันขวา ดันให้แหงนขึ้นนิด ๆ.........

แล้วกดจูบลงมา อยากขัดขืน แต่รู้ว่าถ้าทำต้องถูกทำโทษอีกเลยจำต้องสมยอม

ไม่ต้องพยายามสมยอมให้ยาก เพราะฤทธิ์ยาที่ถูกทาไว้มันกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย ๆ แม้ใจจะต่อต้านไม่ให้ตอบสนอง แต่ร่างกายกลับเร่าร้อน รสจูบนั้นทำให้ผมเริ่มทนไม่ไหว ตะปบเรือนร่างแกร่งอย่างโหยหา พี่ชายค่อย ๆ ถอนปากออก ผมจะขยับเข้าหาอีก แต่เขาดันกั้นไว้ เดินออกไปข้างนอก ผมกำหมัดอย่างเจ็บใจ ใช้มือในการกำจัดความต้องการของตัวเอง ผมทิ้งตัวลงนอน

แค่รอบเดียว รอบเดียวเท่านั้น           

ผมจับมันขยับ หลับตาแน่น

แต่พับผ่าสิ ท่ามกลางความมืดนั้น กลับมีแต่ภาพของพี่ชายที่กำลังสอดใส่ผมอยู่ ผมพยายามลบภาพนั้นทิ้งไปแล้วนึกถึงสาว ๆ แทน แต่สาว ๆ เหล่านั้นก็กลับกลายมาเป็นพี่ชายอีกรอบ ผมกัดกราม พยายามขนาดไหนก็ทำให้เสร็จไม่ได้สักที

ทรมาน ทรมาน

ผมค่อย ๆ ปรือตามอง เห็นพี่ชายยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องนอนมองมา มุมปากได้รูปยกขึ้นนิด ๆ ผมรีบละมือออก พยายามอดทนต่อความต้องการ หวังให้มันหลับใหลไปเอง

“ทำไม ทำให้เสร็จไม่ได้รึไง”

ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ขยับขึ้นไปนอนดี ๆ ดึงผ้าห่มมาห่ม หลับไปสักงีบมันก็อาจจะดีขึ้น ผมจะไม่ร้องขอเด็ดขาด

พี่ชายเดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะหัวเตียง ก้มหยิบยามาเปิดฝาป้ายใส่นิ้วในปริมาณที่เยอะเกินปกติ ผมมองตาโต พี่ชายยิ้มนิด ๆ รอยยิ้มนั้นดูเจ้าเล่ห์และสะใจอยู่ในที

“อย่า”
ผมรีบร้องห้าม พี่แกไม่พูดอะไร กระชากผ้าห่มออก แทรกยามาทา ไม่เกินนาทีหลังจากนั้น ความต้องการที่ปวดเปล่งอยู่ก่อนหน้าก็แทบจะระเบิดแตก หัวใจถูกบีบแน่นเต้นแรง 

“พี่ชาย พี่ชาย”
ผมร้องขออย่างร้อนรน พี่ชายหัวเราะหึ ๆ ขยุ้มหัวผมไว้กระชากดึงให้หน้าแหงน

“มีนิ้วไม่ใช่เหรอ ใช้นิ้วสิ”

ผมครางอื้ออย่างขัดใจ เรียกร้องยังไงพี่ชายก็ไม่ยอมเข้าใกล้ ผมทิ้งตัวลงนอน มือหนึ่งขยับลำท่อน อีกมือแทรกนิ้วเข้าไปในช่องตัวเอง มันแทบไม่รู้สึกอะไรเพราะขนาดมันเล็กเกินไป แต่ก็ยังดีกว่านั่งทรมานเพราะทำอะไรไม่ได้

“อ๊า…”
ผมครางออกมาเบา ๆ เมื่อควานไปสะกิดถูกจุดอ่อนไหวเข้า ผมกดย้ำอยู่ตรงจุดนั้น ดีว่ามันไม่ลึกมาก ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น ไม่กี่ชั่วอึดใจผมก็นำพาตัวเองไปถึงปลายทางได้

แต่มันไม่ถึงใจ มันไม่ได้รู้สึกดีเท่ากับของพี่ชาย แต่ตอนนี้ผมต้องทำ ผมยังไม่หยุดขยับ กระทั่งมือผมที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ถูกกระชากออกกดติดกับที่นอน ผมมองหน้าคนทำ

“อยากได้อะไรที่ใหญ่กว่านิ้วไหม”
เขาถามมาด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ ผมพยักหน้ารับ

“ได้โปรดพี่ชาย ใส่เข้ามาเถอะ นะ ผมขอร้อง ผมอยากได้”
ผมพยายามเคลื่อนสะโพกเข้าหาเพราะสองมือถูกตรึงแน่นอยู่ พี่ชายหัวเราะพอใจ ค่อย ๆ ดันบางสิ่งเข้ามาโดยไม่ใช้มือช่วย ผมครางอย่างพอใจเมื่อส่วนปลายค่อย ๆ ผลุบหายเข้ามา

“เร็ว”
ผมเร่ง พี่ชายดึงออกนิด ๆ แล้วใส่กลับเข้ามาใหม่ มันรู้สึกดีจริง ๆ พี่ชายกดเข้ามาเรื่อย ๆ กระทั่งมันหายเข้ามาได้ทั้งหมด

ราวกับล่องลอยอยู่บนสวรรค์ พี่ชายกดสองมือผมติดเตียงแน่นขยับเพียงท่อนล่าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถึงใจสุด ๆ ผมตอบสนองด้วยการบีบรัดของพี่แกแน่น ได้ยินเสียงครางทุ้ม ๆ อย่างพอใจ

“นั่นแหละ รัดแรง ๆ กวินทร์”
เขาปล่อยมือผมออก ผมรีบโอบรอบลำคอแกร่งทันที บีบรัดแรงขึ้นอีก เขาจับผมพลิกคว่ำ ขยับโหมแรงขึ้นอีก 

“พี่ชาย...”
ผมร้องเรียกเสียงพร่า และพี่ชายก็ตอบสนองผมสุดกำลังที่มีเหมือนกัน







ผมนอนหมดแรงอยู่บนที่นอน ในขณะที่เจ้าของห้องออกไปทำงาน ผมหลับไปอีกรอบ แล้วก็ตื่นขึ้นมานอนมองเพดานเฉย ๆ ใช้ชีวิตเบื่อ ๆ มีสภาพไม่ต่างกับนักโทษที่ถูกจองจำ กระทั่งคนตัวสูงกลับมาอีกครั้งพร้อมข้าวต้มรสเดิม 

“อยากกินข้าวผัด”
ผมเปรยเบา ๆ ร้องขอ พี่ชายไม่ตอบอะไร เดินเข้าห้องน้ำไป 

“ผมเบื่อ อย่างน้อยระหว่างวัน ขอดูทีวีก็ยังดี หนังสือก็ได้”
ผมพูดกับคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำอีกรอบเพื่อแต่งตัว พี่ชายไม่หันมามองหรือตอบ ทำราวกับไม่มีผมอยู่ในห้อง ผมเม้มปากแน่น

เป็นนักโทษ เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงสินะ

ผมละความสนใจจากคนในห้อง ล้มตัวลงนอน พลิกหันหลังให้อย่างหมดอาลัยตายอยาก

เฝ้าภาวนาขอให้ตัวเองหลุดพ้นไปจากที่นี่เร็ว ๆ

ได้ยินเสียงแกรก ผมก้มมอง พี่ชายปลดโซ่ออกให้ ผมรีบเด้งตัวนั่งมอง ทำไม จะให้ผมเข้าห้องน้ำเหรอ

“รีบไปอาบน้ำอาบท่าจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วออกไปรอที่ห้องนั่งเล่น อย่าหัวหมอถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีก”

ผมรีบลุกจากเตียงตามสั่ง ก่อนเบรกกึก

“ผมขอผ้าเช็ดตัวสักผืนได้ไหม”
พี่แกพยักหน้า ผมรีบเดินไปหยิบผืนใหม่มาถือ เดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบเสร็จ เดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น พี่ชายนั่งรออยู่แล้ว ผมเดินขลาด ๆ เข้าไปใกล้

“มานั่งนี่”
พี่แกบอก ผมเดินตรงไปนั่งตามสั่ง เขาหันมาคล้องโซ่ไว้ที่สองข้อมือผม ไม่ต่างกับนักโทษที่ถูกจับ ผมก้มมอง 

“อยากดูก็ดูไป”
เขาพยักหน้าไปทางทีวี ผมไม่พูดอะไร นั่งนิ่ง ๆ มอง

แอร์เย็นฉ่ำเริ่มทำให้ผมรู้สึกหนาว ผ้าเช็ดตัวมันชื้นด้วยแหละมั้ง

“ผมขอเสื้อผ้าสักชุดได้ไหม”

“ไม่จำเป็น เสียเวลาถอดด้วย”

“ผมหนาว”

พี่ชายลุกเดินไปเอาผ้าห่มมาให้ ผมดึงผ้าเช็ดตัวออก ขยับห่มอย่างยากลำบากเพราะมือไม่เป็นอิสระ แต่ในที่สุดก็ทำได้ นั่งกอดเข่านิ่ง ๆ มองสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในจอ มันไม่ได้วิ่งเข้ามาในหัวผมหรอก เพราะสิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ ไม่ใช่การดูทีวี แต่คืออิสระมากกว่า

ผมไม่น่ามาหาพี่เขาเลย

ไม่น่าเป็นห่วงคนคนนี้

และนี่คือผลของการเป็นห่วงสินะ

ผมนึกถึงภาพวันคืนเก่า ๆ ถึงพี่ชายจะมีนิสัยเอาแต่ใจขนาดไหน แต่พี่เขาจะดีกับผมระดับหนึ่งเสมอ ไม่เสมอเหมือนพี่ชายทั่วไปตามสันดาน แต่ก็ไม่เคยทำให้ผมต้องเจ็บตัวหนักแบบนี้

“กวินทร์”

ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเรียกนั้น หันไปมอง

“ทำไม เบื่อรึไง”
แล้วเขาก็ยื่นรีโมทมาให้ ผมเม้มปากแน่น มองตา

“เมื่อไหร่พี่จะปล่อยผมไป”

ดวงตานั้นวาวโรจน์น่ากลัวขึ้นมาทันที

“จนกว่าฉันจะพอใจ”

“พ่อกับแม่จะเป็นห่วง”

“ไม่ต้องห่วง ฉันบอกพวกท่านว่านายไปทำงานต่างประเทศตามคำสั่งฉัน”

ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ

“ท่านต้องสงสัยแน่ ๆ เพราะผมไม่ได้โทรหาท่านเลย”

“ฉันบอกว่าส่งไปในประเทศที่การติดต่อลำบาก นายไม่ใช่เด็กที่พ่อแม่ต้องเป็นห่วงนี่”

เพราะงี้แหละมั้ง ผมหายมาเกือบอาทิตย์ขนาดนี้ ทุกอย่างถึงได้เงียบ

ผมเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรต่ออีก คงต้องรอเวลาให้พี่ชายเบื่ออย่างเดียวสินะ ผมขยับไปชิดขอบพนักพิง ทิ้งหัวลงซบอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตอีกครั้ง แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น

ก่อนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกดกริ่งหน้าประตู ผมหันไปมองพอ ๆ กับพี่ชาย เขาลุกเดินไปเปิด

“ฮ้าย ฮันนี่ ดีใจจังที่เธออยู่ห้อง”
สาวเจ้านางหนึ่งโผเข้าหาพี่ชาย ระดมจูบไม่สนฟ้าสนฝน แต่ก็นั่นแหละ สาว ๆ ของพี่ก็แบบนี้แทบทุกคน เร่าร้อนรุนแรง จบแล้วแยกจาก พบกันเพื่อเซ็กส์โดยเฉพาะ วันหนึ่งเคยฟันหญิงห้ารายติดกันด้วยซ้ำ

ผมมองด้วยสายตานิ่งเรียบ

“อุ๊ย ขอโทษ ไม่คิดว่าจะมีแขก”
เธอมองหน้าผม พินิจนิดหนึ่ง แล้วเดินเข้ามาใกล้

“ว้ายหน้าตาน่ากินจัง ขอหม่ำได้ไหมเนี่ย สองคนพร้อมกันเลยก็ได้นะ”
เธอพูดอย่างสาวรักสนุก ทำท่าจะจับคางผม แต่พี่ชายกระชากเธอออกห่าง 

“ฉันไม่มีอารมณ์ กลับไปก่อน”

หญิงสาวตาโต

“มีอะไรผิดปกติกับเธอหรือเปล่าชาย เธอไม่เคยปฏิเสธฉันนะ”

พี่ชายทำหน้าหน่าย

“ไว้มีอารมณ์เมื่อไหร่จะโทรหา แค่นี้แหละ จะดูหนัง”

“เดี๋ยวชาย รอเดี๋ยวสิ!”

พี่ชายไม่สนเสียงโวยวาย ดันผู้หญิงคนนั้นออกนอกประตูไป เดินกลับมาที่โซฟา

“ทำไม เสียดายที่ฉันไม่ได้นอนกับเจ้าหล่อน หรือเสียดายที่ไม่ได้นอนกับเจ้าหล่อนเองล่ะ”

ผมไม่สนใจโต้เถียงอะไร ขยับฟุบหน้ากับพนักพิง มองทีวี แต่ภาพบนหน้าจอที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ถูกดับลงพรึบ

“อย่าเมินเวลาที่ฉันถาม รู้สึกยังไงบอกมา!!”
เขาจับผมหันไปเผชิญหน้า

“ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่ได้อยากนอนกับเจ้าหล่อน แล้วก็ไม่เสียดายที่พี่ไม่ได้นอนกับเจ้าหล่อนด้วย ผมไม่มีสิทธิ์รู้สึกอะไรทั้งนั้น”
ผมหมายความตามคำพูดจริง ๆ พี่ชายจ้องหน้า ก่อนยกยิ้ม

“เรียนรู้ได้เร็วนี่ ถ้าฉันไม่อนุญาตไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ได้นอนกับนายทั้งนั้น”
พูดจบก็ล้วงมือเข้ามาภายในผ้าห่ม แทรกนิ้วใส่ช่องทางคับแคบของผม ผมผวาเฮือก ครางฮืออย่างเผลอไผล ร่างกายมันร้อนผ่าวจนอ่อนแรง ขยับรัดนิ้วพี่ชายแน่น เขาขยับเข้าออกอยู่สักพักก็ถอนนิ้วออก ดึงขาผมจนตัวราบไปกับโซฟา กระชากผ้าห่มทิ้ง

“หนาว”
ผมบอกเมื่อความเย็นตกกระทบผิว มันหนาวจริง ๆ ครับ ขนผมลุกชันไปหมด

“จะทำให้หายหนาวเอง”
แล้วพี่แกก็ดึงลำท่อนที่ผงาดพร้อมใช้งานออกมาจากกางเกง กดเชื่อมเข้ามาเบา ๆ

พี่ชายไม่ได้พูดเล่น เพราะทันทีที่ความร้อนจากคนตัวสูงเข้ามาในตัวผม ผมก็รู้สึกร้อน และร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเหงื่อพากันแตกพลั่ก เสียงกำไลเหล็กบนข้อมือดังกระทบกันเคล้าไปกับจังหวะของการเคลื่อนไหวด้านล่าง 

ร่างกายผมกำลังดูดกลืนลำท่อนของพี่ชาย ดูดแน่นอย่างเรียกร้อง

“อื้อ อย่างนั้นแหละเด็กดี”
พี่ชายครางอย่างชื่นอารมณ์ ในขณะที่ผมหลับตาแน่น ครางรับทุกจังหวะนั้น







ผมไม่หือไม่อือไม่ต่อต้านอะไรเขาอีกนับจากวันนั้น ตื่นขึ้นมากินข้าวต้มเป็นอาหารเช้า รองรับทุกอารมณ์ของพี่ชายที่พร้อมจะโหมได้ทุกเมื่อ

พี่ชายเป็นคนขี้เบื่อ ปกติไม่เคยนอนกับใครได้เกินสามครั้งติดต่อกัน ผมน่าจะเป็นคนแรกที่โดนกอดติดต่อกันนานขนาดนี้ แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ได้เกิดจากความใคร่ปกติ แต่เกิดจากความโกรธ และอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผมก็ไม่อาจอ่านใจเขาได้

ผมนอนดูทีวีในห้องนอน พี่แกคงสงสารที่ผมนอนเบื่ออยู่แต่ในห้องเลยลากทีวีมาไว้ในห้องนอนให้เลย ผมก็ทำได้แค่นั่ง ๆ นอน ๆ ดูทีวีรอ ขาข้างหนึ่งยังไร้อิสระอย่างเดิม

ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมหันไปมอง พี่ชายเดินทำหน้าเหนื่อย ๆ เข้ามา

“เป็นอะไร”
ผมถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ คนตัวสูงไม่พูดอะไร เดินไปอาบน้ำ แล้วมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ผมถามอย่างเป็นห่วง ทั้งที่ก็ไม่อยากทำ พี่ชายมองหน้า ไม่พูดอะไร 

“มีปัญหาเรื่องงานเหรอ”
เพราะมีแค่เรื่องเดียวที่ทำให้คนอย่างเขาเครียดได้คืองานนี่แหละ

พี่ชายพยักหน้า ผมอ้าปากจะถาม แต่ทิฐิในฐานะนักโทษค้ำคอ มันคือความโกรธเล็ก ๆ ผมจึงเลือกที่จะไม่ถาม ทั้งที่แต่ก่อน ผมจะถามจนพี่แกเล่าให้ฟังจนหมดเปลือกและถามวิธีแก้ไข ผมกดเลื่อนไปยังช่องอื่น

คนตรงหน้านี้ไม่ใช่พี่ชายผมอีกแล้ว

อยู่ ๆ ก็มีอ้อมแขนแกร่งมาโอบกอดผมไว้จากทางด้านหลัง หัวนั้นซบลงมาคล้ายคนหมดแรง ความเป็นห่วงบุกเข้ามาในใจ เพราะหลัง ๆ พี่ชายไม่เคยแสดงความอ่อนล้ากับผมแบบนี้

ผมเม้มปาก กดความเป็นห่วงทั้งหมดทั้งปวงลงไป ทำเป็นไม่ใส่ใจ

“เกลียดฉันรึยัง”

ผมชะงักกับคำถามนั้น

“ถ้าผมตอบความจริง พี่จะทำโทษผมไหม”
ผมถามหยั่งเชิงโดยไม่หันไปมอง

“ไม่”

“เกลียด”
ผมตอบกลับทันที

“เกลียดมากไหม”

“มาก”
ปากกับใจผมมันสวนทางกัน เพราะพี่ชายยังไงก็คือพี่ชาย ต่อให้เลวร้ายขนาดไหนผมก็ไม่เคยเกลียด แต่ผมแค่โกรธ โกรธที่ถูกทำราวกับสัตว์เลี้ยงหรือนักโทษแบบนี้ พี่ชายนิ่งไปนาน

“แต่เสียใจนะ ยังไงนายก็ต้องอยู่กับคนที่นายเกลียดมากคนนี้”
แล้วเขาก็จับผมกดลงกับพื้นที่นอน ซุกหน้าลงมางับหัวนม

ร่างกายผมมันเคยชินกับรสรักของพี่ชายซะแล้ว ผมแอ่นอกผวาเฮือก ครางแผ่วโอบกอดรอบหัวของคนตัวสูงไว้

แล้วรสรักที่ผมคุ้นเคยก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


To be Con...
ช่วงนี้อินดี้หนีเข้าถ้ำไปนั่งแต่งนิยายรัวๆ จบไปสองเรื่องแล้ว กำลังลุ้นว่าเรื่องที่สามจะจบได้ก่อนกำหนดหรือเปล่าาาา (ยัดยาดมใส่รูตะหมูกบานๆ เฮือกใหญ่) คาดว่าต้นเดือนหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็น่าจะได้อ่านกันล้าวววววว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.7 ปลุกเร้าให้สมยอม (22-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 23-02-2018 10:45:40
เย้ๆๆมาแล้วโธ่น้องแล้วไปตอบไม่ตรงกับใจทำไมเนี้ย
ถ้าตอบตามใจคิด น่าจะได้เป็นอิสระอยู่นะ แค่บอกว่าจะไม่หนีไปไหน
พี่ชายคงใจอ่อนปล่อยจากการจับมัดอยู่ก็ได้ หรือเปล่าฮ่าๆๆๆ
เพราะพี่ชายเขาหวงขั้นสุดยอดไปแล้วไม่งั้นไม่ทำอย่างงี้หรอก
ดูสิหมดแรงกับงานมาอยากให้น้องปลอบ แอบอ้อนให้น้องใจอ่อนโยนทิ้งทิฐิเลยนะ
แต่พี่ชายนี้เก่งจริงบอกพ่อแม่แบบดักไว้ทุกทางเลย เอาสิใครมันจะไปตามหา
ลุ้นจริงๆว่าพี่ชายกับน้องจะได้บอกความในใจกันไหม แต่ก็นั้นรู้ใจตัวเองก่อนจะดีมาก
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.7 ปลุกเร้าให้สมยอม (22-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-02-2018 11:54:20
สงสัยจะติดใจมาก แต่ความรู้สึกยังบอกได้ยาก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.7 ปลุกเร้าให้สมยอม (22-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 23-02-2018 17:17:51
 o22 :a5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.7 ปลุกเร้าให้สมยอม (22-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-02-2018 00:10:39
0o0!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.7 ปลุกเร้าให้สมยอม (22-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-02-2018 20:55:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.7 ปลุกเร้าให้สมยอม (22-2-61)
เริ่มหัวข้อโดย: eat2tea ที่ 25-02-2018 12:25:50
อ่านจบตอนที่2 แล้ว รู้สึกว่าคุณอนุชาเริ่มจะชอบนาคินทร์ซะแล้ว  :o8:

นั่งรถไปซื้อต้นไม้กับนาคินทร์ที่คลอง15 ด้วย (ตรงนั้นร้านขายต้นไม้เยอะมาก ส่วนคลอง16 มีมหาลัยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ อ่านแล้วนึกถึงครับ)

เพิ่งเข้ามาอ่าน +เป็ดให้กำลังใจครับ (#ผมเชียร์นาคินทร์)
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: I :: [พี่ชายกวินทร์] CH.8 ก้าวเข้าสู่ห้องขุมขังอีกครั้ง |จบ
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-03-2018 19:39:43
 
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 08 : ก้าวเข้าสู่ห้องคุมขังอีกครั้ง
   








พี่ชายนั่งพิงหลังกับกำแพงหัวเตียง มีหมอนรองหลัง มือเกลี่ยอยู่กับเส้นผมผมใกล้ใบหู สัมผัสนั้นอ่อนโยนจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือสัมผัสจากคนที่ชอบทำร้ายผม

“ฉันเลวมากไหมกวินทร์”

“เลว” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด

“เลวมานานรึยัง” 

“ตั้งแต่จำความได้” ผมตอบตามจริง

ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ

“แล้วทำไมนายถึงยังตามตูดฉันต้อย ๆ คอยดูแลมาตลอดล่ะ” 

“พี่เคยเป็นฮีโร่ของผม ต่อให้นิสัยแย่ขนาดไหน ผมก็รักฮีโร่คนนั้น”

“เคย…”

“ใช่…เคย”

“แล้วฮีโร่คนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ”

“ตั้งแต่ที่เขาไม่คิดว่าผมเป็นน้อง ทำร้ายย่ำยี บังคับข่มเหงผม ฮีโร่ผมได้ตายจากไปแล้ว”
ผมบอกเสียงแผ่ว หลับตาลงทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น

“ถ้าฉันปล่อยนายไป นายจะทำยังไงต่อไป”

ผมลืมตาโพลงทันที นี่พี่ชายจะปล่อยผมไปจริง ๆ เหรอ ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง

อย่าดีใจไปเลยกวินทร์ อิสระมันคงไม่มาถึงนายง่ายขนาดนั้นหรอก

“ผมก็คงกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม เพิ่มเติมคือพี่ชายที่ผมเคยรักและเคารพได้ตายจากไปแล้วอย่างไม่มีทางหวนกลับ”

พี่ชายก้มลงมาจูบซับตรงหัวไหล่ สัมผัสนั้นทำเอาผมรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ แต่เดาเอาว่าน่าจะเพราะฤทธิ์ยามากกว่า

ริมฝีปากร้อนผ่าวเกลี่ยไปมาอย่างอ่อนโยน เขาจับผมพลิกหันไปเผชิญหน้า มองตาผม ไม่พูดอะไร ก้มลงมาจูบ มันไม่ใช่จูบแห่งความต้องการ แต่มันเป็นรสจูบที่ดูออดอ้อน รสจูบที่คล้ายกับคนกำลังร้องขอความรัก หัวใจผมไหวแรง ผมบอกความรู้สึกไม่ถูก แต่มันอบอุ่น วาบหวาม เอาอกเอาใจ ผมโอบลำคอคนตัวสูงไว้ รสจูบนี้ไม่ได้ทำให้ผมหรือพี่ชายรู้สึกตื่นตัว แต่เป็นรสจูบที่ทำให้เราไม่อาจพรากปากออกจากกันได้

มันเป็นรสจูบที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ภายใน

เขาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก มองตาผม ดวงตานั้นกำลังฉายความรู้สึกบางอย่างออกมา มันคล้ายกับคนที่กำลังเหงา ต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้าง

แล้วปากนั้นก็ปิดสนิทลงมาอีกครั้ง คราวนี้ผมจูบตอบในลักษณะปลุกปลอบ เอาใจ ไม่ได้ใช้คำพูด แต่ใช้รสจูบปลอบประโลม ต่อให้ผมโกรธแค้นขุ่นเคืองขนาดไหน แต่พี่ชายก็คือพี่ชาย ผมไม่อยากให้เขาเงียบเหงา เขาค่อย ๆ ละปากออก เลื่อนตัวลงไปแนบหน้ากับอกผม โอบกอดผมไว้

ผมกอดตอบ ลูบหัวแผ่วเบา พี่ชายอาจกำลังเครียดเรื่องงาน ผมไม่อยากพูดปลอบใจ เพราะคำพูดนั้นผมมีไว้เพื่อพี่ชายที่เป็นพี่ชายของผมจริง ๆ ไม่ใช่คนตรงหน้านี้ แต่ผมก็อยากให้กำลังใจเขา อย่างน้อยพูดไม่ได้ ก็ขอใช้ร่างกายเพื่อสื่อความหมายไปละกัน

เขาแนบแก้มซ้ายกับอกผม ขยับซุกราวกับคนกำลังหาไออุ่นจากอกแม่ มันอาจไม่ใช่ความผิดของพี่ชายที่มีนิสัยฟันผู้หญิงไม่เลือกแบบนี้ เพราะคุณลุงเองก็มีลูกมีเมียหลายคน แม่พี่ชายเป็นเมียหลวงสุด และนี่คงเป็นสาเหตุให้พี่ชายเติบโตมาเป็นคนแบบนี้

เขาเป็นฮีโร่ของผม ตั้งแต่เด็กจะคอยช่วยเหลือและเป็นพี่ชายที่ดีสำหรับผมเสมอ ไม่นับรวมนิสัยแย่ ๆ เขาก็คือฮีโร่เบอร์หนึ่งของผม

เราหลับกันไปทั้งอย่างนั้น ทีวีก็ไม่ปิด ตื่นอีกทีเพราะเสียงพิธีกรรายการอะไรสักอย่างพูดอรุณสวัสดิ์ ผมหันไปมอง ทีวียังเปิดค้างไว้เหมือนเดิม

“พี่ชาย”
ผมขยับปลุก ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เพราะตัวพี่ชายดูร้อนผิดปกติ ผมอังหลังมือกับหน้าผาก

“ตัวร้อนจี๋เลย” 

“พี่ชาย พี่ไม่สบายนะ รู้สึกยังไงบ้าง”
คนตัวสูงครางอื้อ คล้ายกับจะไม่รับรู้อะไร ผมขยับลุก เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ผมพยายามเขย่าปลุก แต่อีกคนไม่หือไม่อือ

“พี่ชาย”
ผมเขย่าปลุกแรงขึ้น ขาก็ถูกมัด จะช่วยได้ยังไง

“พี่ชาย ตื่นก่อน พี่ไม่สบายนะ ไปหาหมอดีกว่า”
เขาครางอื้ออย่างไม่มีสติ ขืนปล่อยไว้แบบนี้แย่แน่ ๆ

“พี่ชาย ประคองสติหน่อย ผมขอกุญแจแก้โซ่ที่ขา พี่ต้องกินยาหรือไปหาหมอนะ ผมขอกุญแจ”
ผมเขย่าปลุกอีกรอบ พี่ชายปรือตามอง ขยับลุกเดินโซซัดโซเซไปหยิบกุญแจในกระเป๋าแจ็คเก็ตมายื่นให้ ผมรีบไขปลดล็อกโซ่ ลุกจากเตียง

ผมเป็นอิสระแล้ว!

จริง ๆ ผมสามารถอาศัยช่วงเวลานี้หนีไปเลยก็ได้

แต่คนที่นอนไม่ได้สติอยู่นี่ล่ะ

ผมนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เขาเคยทำกับผม จะไปห่วงเขาทำไม ขนาดเขายังไม่เคยห่วงอะไรผมเลย ปล่อยให้ผมทั้งเจ็บทั้งทรมานอยู่ในอ้อมแขนของเขา ผมเม้มปากแน่น ทิฐิกับความห่วงใยตีกันให้วุ่น ใจหนึ่งอยากหนีไปให้ไกล ๆ แต่อีกใจก็เป็นห่วง

ผมตัดสินใจลุกไปแต่งตัว ต่อให้ผมโกรธขนาดไหน เขาก็คือพี่ชาย เป็นคนป่วย ผมรีบคว้ามือถือมากดโทรเรียกรถพยาบาล การป่วยของพี่ไม่ใช่การป่วยแบบธรรมดา ปกติเขาเป็นคนหัวแข็ง ป่วยยาก แต่ล้มทีต้องถึงมือหมอเท่านั้น ไม่งั้นก็น่าเป็นห่วง

ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้ว แต่อิสระของผมยืนอยู่บนความร้อนรุ่ม ผมยังไม่ได้ขยับหนีไปไหน ยืนดูหมอกับนางพยาบาลช่วยกันรักษาคนป่วยอยู่ พี่ชายอยู่ในมือหมอแล้ว ผมควรจะจากไปได้เลย แต่ผมทำไม่ได้

ไม่เกินชั่วโมงหลังจากนั้น ผมก็มายืนนิ่งจ้องหน้าคนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องพักพิเศษ ดวงตาที่เคยมองผมด้วยความเหี้ยมเกรียมกำลังปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดี แทนที่ผมจะรีบ ๆ หนีไป แต่เหมือนขาผมถูกตรึงแน่นด้วยโซ่ที่มองไม่เห็นอยู่กับที่ ผมมองคนตัวสูงด้วยความเป็นห่วง โทรบอกคนที่บ้าน แต่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพ่อพี่ชาย ทางนั้นถามว่าเป็นอะไร ผมก็บอกไปว่าเป็นไข้

“หึ คิดว่าเป็นเอดส์ตายซะอีก ไอ้ลูกไม่รักดีพรรค์นั้น”

ผมเม้มปากแน่น ผมรู้ว่าพี่ชายทำตัวไม่ดี แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะคุณลุงเป็นต้นแบบไม่ใช่รึไง   

“ถ้ามันฟื้นก็บอกให้มันทำตัวเป็นผู้เป็นคนขึ้นซะบ้าง ไม่ใช่ทำตัวแบบนี้”

ผมถอนหายใจแรง กดวางสาย


ผมควรจะเดินออกไปจากชีวิตเขาด้วยอีกคนไหม ผมถามใจตัวเองอยู่นานกระทั่งได้คำตอบ เขาคงไม่มีโอกาสจับผมได้อีกแล้ว แต่ผมก็ไม่ควรทอดทิ้งเขา ผมขอตัวพี่นางพยาบาลกลับบ้านไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดนี้ผมใส่มันครั้งล่าสุดเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ตอนก้าวเข้าไปหาพี่ชาย และก็ไม่มีโอกาสได้ใส่อีกเลยกระทั่งวันนี้ วันที่ผมก้าวออกมาจากห้องนั้น

ผมนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ก้าวเข้าห้อง ห้องที่ผมไม่ได้เหยียบย่างมานาน ทั้งที่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งชีวิต แต่มาวันนี้ ผมกลับรู้สึกคุ้นเคยกับมันน้อยกว่าบางสถานที่ที่ผมเพิ่งไปใช้ชีวิตมาแค่สองอาทิตย์นั้นซะอีก ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือความรู้สึกลึก ๆ ที่อยู่ภายในหัวใจผมนี่แหละ ผมสลัดเสื้อผ้า เดินตรงเข้าห้องน้ำไป สองอาทิตย์ที่ผ่าน เหมือนเป็นความฝันเลย ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนี้ผมตื่นจากความฝันแล้วรึยัง

ผมยืนนิ่งอยู่ใต้ฝักบัว แหงนหน้ารับน้ำที่กำลังไหลรินลงมา ใจผมมันแหว่ง ๆ หวิว ๆ ยังไงบอกไม่ถูก ผมก้มหน้าให้น้ำไหลผ่านหัวลงสู่ลำตัวท่อนล่าง พยายามนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝันกันแน่



ผมออกจากห้องน้ำมาแต่งตัว นั่งแท็กซี่กลับไปโรงพยายาบาล เปิดประตูออก คนบนเตียงหันมามอง ดวงตานั้นเบิกกว้างคล้ายกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ผมชะงัก เพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะฟื้นแล้ว ผมทำใจกล้า ขยับเดินเข้าไปภายใน

“ตื่นนานรึยัง อาการเป็นยังไงบ้าง”
ผมถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คิดว่าจะไม่มาให้เห็นหน้าแล้วซะอีก”
เสียงถามนั้นแหบแห้ง

“ผมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น”

“คิดว่าจะใช้โอกาสนี้หนีไป”

“ยังไงผมก็เป็นอิสระแล้ว”

เขามองหน้าผม

“ใช่ นายเป็นอิสระแล้ว”

ผมรู้สึกวูบโหวงในหัวใจยังไงพิกล ผมก้าวช้า ๆ เข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง กลืนน้ำลายลงคอ อังหลังมือไว้บนหน้าผากเลื่อนต่ำลงไปยังซอกคอเพื่อวัดอุณหภูมิ

“ไข้ลดแล้ว”
กำลังจะชักมือกลับ แต่ถูกจับไว้ เขามองตา มือนั้นบีบมือผมแน่น สายตามีแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก

“พักผ่อนเถอะ จะได้หายเร็ว ๆ”

“ไม่ได้โกรธฉันอยู่หรอกเหรอ”

“โกรธ แต่ผมก็มีสามัญสำนึกมากพอที่จะไม่ทอดทิ้งคนป่วยไว้คนเดียว”
พี่ชายไม่พูดอะไร ยึดมือผมไว้ ดึงไปซุกซอกคอตัวเองอีกครั้ง

“ง่วงจัง”
แล้วดวงตาคู่นั้นก็ค่อย ๆ ปิดลง ผมเม้มปากแน่น กระตุกมือเบา ๆ หวังดึงออก แต่แรงยึดของคนป่วยนั้นหยุดแรงผมไว้

จริง ๆ ถ้าดึงแรง ๆ ก็ดึงหลุด เพราะเขาคงไม่มีแรงมายึดมือผมไว้ได้ตลอด แต่เหมือนมีพันธนาการบางอย่างที่มองไม่เห็นมายึดมือผมไว้อีกทอด ไม่เห็นด้วยตาแต่รู้สึกด้วยใจ พอ ๆ กับข้อเท้าที่เหมือนถูกล่ามไว้ด้วยโซ่หนักทำให้ผมก้าวหนีไปไหนไม่ได้

ผมยืนนิ่งมองคนหลับที่กรนฟี้ไปแล้ว ผมควรจะดึงมือออก แต่สิ่งที่ผมทำ กลับแค่ลากเก้าอี้มาทิ้งตัวลงนั่ง ปล่อยให้มือถูกกุมไว้ยังซอกคอคนป่วยเหมือนเดิม

ท่ามกลางแอร์ที่กำลังเย็นฉ่ำ มีแค่มือเท่านั้นที่รู้สึกอบอุ่น รู้สึกเหมือนถูกเกลี่ยเส้นผมตรงหน้าผาก แอร์เย็น ๆ ไม่ได้ทำให้ผมอยากตื่นขึ้นมาสำรวจว่ามันคืออะไร ผมปล่อยสติให้หายไปอีกครั้ง กระทั่งตื่นอีกทีเพราะนางพยาบาลเข้ามาเช็ก พี่ชายโดนฉีดยาอีกเข็ม

“ถ้าคนไข้ตื่นก็สามารถกลับบ้านได้เลยนะคะ”

ผมพยักหน้ารับ มองคนที่กำลังหลับสนิท

“พอดีที่คอนโดไม่มีใครดูแล ดูเขายังไม่ฟื้นตัวดี เอาไว้สักคืนก่อนไม่ได้เหรอครับ”

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเราเห็นว่าอาการคนไข้ดีขึ้นมากแล้ว มีคนไข้ต้องใช้ห้องต่อ แต่เปลี่ยนไปอยู่ห้องคนไข้รวมได้ค่ะ”

ผมขมวดคิ้ว ให้ไปอยู่รวมกับคนอื่น สู้เอากลับไปดูแลเองดีกว่า ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ถึงครึ่งวันพี่ชายก็ฟื้น หมอเข้ามาตรวจอีกรอบ และยืนยันว่าสามารถกลับบ้านได้แล้ว พี่ชายดูมีแรงมากขึ้น แต่สีหน้ายังอิดโรย ปากยังซีดอย่างเห็นได้ชัด ผมออกไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง พี่ชายยังนอนอยู่บนเตียง พวกสายน้ำเกลือกับเข็มที่ถูกปักทิ่มไว้บนหลังมือถูกถอดออกหมดแล้ว พี่ชายหันมามอง

“แต่งตัวเถอะ”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยุงคนตัวสูงลงจากเตียงช่วยแต่งตัว พี่ชายไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมช่วยเงียบ ๆ เราต่างคนต่างไม่พูดอะไรต่อกัน พากันเดินออกจากห้องพักตรงไปตามทางเพื่อขึ้นแท็กซี่

จริง ๆ พี่ชายพอช่วยตัวเองได้แล้ว ผมควรจะปล่อยให้เขากลับเอง แต่อีกใจก็ยังเป็นห่วง กลัวจะไปล้มระหว่างทางเข้า ผมพาพี่ชายขึ้นแท็กซี่ นั่งเงียบมาตลอดทั้งเส้นทาง ผมนั่งฝั่งหนึ่งพี่ชายนั่งห่างไปอีกฝั่งหนึ่ง ยิ่งรถขับใกล้คอนโดเข้าไปเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งเต้นแรง เพราะสถานที่นั้นเป็นที่คุมขังอันโหดร้ายของผม ภาพเก่า ๆ หวนคืน มันน่าหวาดกลัวพอ ๆ กับน่าเสียดายที่จะไม่ได้กลับมาเห็นมันอีกแล้ว

รถจอดสนิทหน้าคอนโด ผมจ่ายเงิน ก้าวลงจากรถ เปิดประตูอ้าไว้ให้พี่ชายก้าวลงมาตาม คนตัวสูงไม่พูดอะไรเหมือนเดิม

ผมให้พี่ชายเดินนำ ส่วนตัวเองก้าวเท้าเดินตาม ผมก้มหน้า มองเพียงส้นเท้าของคนที่กำลังก้าวนำ มันเคลื่อนที่ไปด้านหน้าทีละก้าว แต่ละก้าวนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะเดินทางเข้าสู่แดนประหาร ยิ่งใกล้เปอร์เซ็นที่จะมีชีวิตรอดยิ่งน้อยลงทุกที

แต่ผมหยุดขาตัวเองไม่ได้ จริง ๆ แค่ผมหยุดเดินหรือหันกลับ ทุกอย่างก็จบแล้ว แต่ผมทำไม่ได้จริง ๆ ผมเดินตามช้า ๆ กระทั่งฝ่าเท้าได้รูปนั้นหยุดลง ผมหยุดตาม ค่อย ๆ เงยหน้ามอง ผมจดจำหมายเลขห้องนั้นได้อย่างแม่นยำ

ห้องของพี่ชาย

พี่ชายล้วงหยิบการ์ดมาแตะเปิด ประตูบานใหญ่ถูกผลักออกกว้าง เขาก้าวเข้าไปภายใน หันกลับมามอง ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ฉันพอดูแลตัวเองได้บ้างแล้ว นายจะใช้โอกาสนี้หนีไปก็ได้นะ ฉันสัญญาว่าจะไม่จับนายมาขังอีก แต่ถ้านายพอมีความรู้สึกบางอย่างกับฉันบ้าง ให้ก้าวเข้ามา แต่บอกได้เลยว่านายจะไม่มีอิสระอีกต่อไป เพราะฉันจะล่ามนายไว้อีกรอบ”

ผมจ้องตาคนพูด เขาให้โอกาสแล้ว ผมควรจะคว้ามันไว้ใช่ไหม ผมควรจะก้าวหนีไป แต่สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างกับแมงเม่าตัวโต ๆ ที่พร้อมจะบินเข้าหากองไฟ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่ว่ามันทั้งร้อนและพร้อมจะเผาไหม้ทุกชีวิตให้วอดวาย

ผมขยับเท้า…

ไม่ได้ก้าวถอย แต่ขยับก้าวไปข้างหน้า วางเท้าซ้ายลงก่อนตามติดด้วยเท้าขวา แล้วฉับพลันนั้นเองก็มีโซ่เส้นหนึ่งคล้องหมับมาที่ลำตัว มันรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก มันเป็นโซ่ที่ทำจากเลือดเนื้อ แข็งแกร่งราวกับเหล็ก แต่ก็อบอุ่นจนถึงขั้วหัวใจ

โซ่เส้นนั้นมาพร้อมริมฝีปากที่กำลังแห้งผาก มันแนบติดลงมาบนริมฝีปากผม ผมไม่คุ้นเคยกับความแห้งผากนั้น แต่คุ้นเคยกับรสจูบนั้นดี หัวใจแนบหัวใจ จังหวะการเต้นดูรุนแรงมากกว่าปกติ

ปากเราเหมือนแม่เหล็กที่ถูกดึงดูดเข้าหากัน ยิ่งนานมันยิ่งแนบติดแน่น และในระหว่างเราสองคนก็ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดจะดึงออกด้วย

“นายต้องเสียใจที่ไม่คิดจะหนีไป”
พี่ชายละปากออกมากระชิบบอก

“ผมรู้”
ผมกระซิบตอบกลับผะแผ่ว แล้วปากของเราสองคนก็แนบติดเข้าหากันอีกครั้ง


The End

จบแล้ววววสำหรับคู่แรก รอคู่ที่สองน้าาาา คู่ของพี่ชายคนโตกับน้องเล็กสุดของบ้าน ไม่โหดแบบคู่แรกแล้ว  :mew1:






book&ebook | https://goo.gl/aJFpH5

                                                                                 อนุชา



แท็กนิยายเรื่องนี้ #คนเจ้าอารมณ์ #พี่ชายกวินทร์



ต้องการหนังสือ>>ดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ<<







e-book เรื่องนี้





เป็นแฟนคลับเรื่องนี้ จิ้มพี่ชายหรือกวินทร์ในอ่างได้เลยค่าาา -,.- 
 


 

 

 

ติดตามข่าวสาร & รับแจ้งอัพนิยาย & ทักทายไรท์ หลังไมค์ได้ทุกช่องทางตามนี้ค่ะ

1. Page: Facebook.com/memew28

2. Twitter: Twitter.com/memew28 หรือ @memew28

3. Line: Memew28

4. Mail: Memew28(แอท)gmail.com
           5. e-book : https://www.mebmarket.com/index.php?action=Publisher&id=638072










 

 
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.1 ค้นพบ [6-3-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 06-03-2018 21:30:10
(https://www.img.in.th/images/df37b8a6d77accfbee09233299c74201.jpg)
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 01 : ค้นพบ




 “โอ๊ย~”
ผมครางออกมาเบา ๆ ขณะหย่อนขาลงจากเตียง ผมฉีกยิ้มกว้าง วิ่งไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ คว้าปากกาเมจิกกับไม้วัดวิ่งไปยืนหันหลังชิดกำแพง มันมีตัวเลขเรียงกันตั้งแต่ 0 CM ขึ้นไปจนถึง 200 CM ผมเอาไม้วัดวางทาบบนหัว ขีดเส้นด้วยปากกาเมจิก พลิกหันไปมอง 

“ว้าวววว สูงขึ้นตั้งสองเซนแน่ะ” ผมฉีกยิ้มอย่างลิงโลด หันไปมองรูปถ่ายที่ผมแปะเรียงรายกันไว้เป็นแผงบนกำแพงไม่ห่าง ผมหุบยิ้มเปลี่ยนเป็นอมลมจนเต็มแก้ม โยนปากกาเมจิกทิ้งอย่างไม่ไยดี

“พี่ชายตอนอายุ 15 สูงตั้ง 175 พี่เชนทร์ 174” แต่ของผมแค่ 160 นี่ขนาดทั้งกินนมทั้งออกกำลังกายแถมยังนอนเร็วแล้วนะ

แต่ไม่เป็นไร ยังมีเวลาเร่ง ผมเขียนเป้าหมายไว้ ก่อนอายุ 20 ผมต้องสูงให้ได้ 180 จะได้หล่อ ๆ เท่ ๆ แบบพี่ชาย

ผมเดินไปยืนอยู่หน้ากระจก เพ่งมองใบหน้าตัวเอง แต่ต่อให้ผมพยายามขนาดไหนก็คงไม่มีทางทำหน้าให้เข้ม ๆ แบบพี่ชายได้แน่ ๆ 

เพราะผมเป็นลูกเสี้ยว แม่เป็นคนยุโรป ผิวเลยขาวกว่าพี่น้องทุกคน ขาวอมชมพูด้วย ที่ต่อให้ตากแดดขนาดไหน มันก็แค่แดง ไม่นานก็กลับมาขาวอมชมพูเหมือนเดิม โครงหน้ารูปไข่ ไม่มีกราม ไม่มีลูกกระเดือก ขนขึ้นมาเป็นไรอ่อน ๆ สีแทบกลืนไปกับผิว รูปร่างหน้าตาผมตอนนี้ ถ้าไปหลอกคนอื่นว่าเป็นผู้หญิง คนก็เชื่อ ผมถอนหายใจยาว ทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หราอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงเคาะห้องเบา ๆ

“คราย” ผมถามออกไปเสียงยาน 

“พี่เองครับ ตื่นรึยัง” โง่หรือเปล่า ตอบรับไปขนาดนี้แล้วยังจะมาถามอีก

“ยาง” ผมตอบกลับเสียงยานตามเดิม ได้ยินเสียงแกรกของลูกบิดที่ถูกหมุน เพราะผมเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน ทำให้พวกแม่ ๆ และพี่ ๆ ทั้งหลายแวะเวียนมาหาบ่อย ๆ ผมจึงไม่เคยล็อกห้อง พี่เชนทร์เปิดเข้ามา ผมขยับหันเท้าไปทางหัวนอนห้อยหัวลงไปที่ปลายเตียง มองคนเข้ามาใหม่ในลักษณะกลับหัว 

“สายแล้วนะ รีบอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน”

ผมพยักหน้าเลื้อยลงจากเตียง พี่เชนทร์ยืนเท่คอย ผมหันไปมอง ถึงพี่เชนทร์จะไม่หล่อและเท่เท่ากับพี่ชาย แต่พี่เชนทร์ก็หล่อและเท่รองลงมาในบรรดาพี่น้องของเราทั้งหมด ผมเข้าไปยืนเทียบ ตอนนี้ผมสูงเพียงแค่อก พี่เชนทร์เท่านั้น พี่เชนทร์มองผมงง ๆ

“อะไร”

“เมื่อไหร่ผมจะสูงและเท่ได้เท่าพี่ชายนะ”

พี่เชนทร์หน้าบึ้ง

“แล้วพี่ไม่เท่บ้างรึไง” 

“ไม่ พี่ชายเท่และหล่อกว่าเยอะ” ผมพูดตรง ๆ

พี่เชนทร์ถอนหายใจยาว

“เอาล่ะ หล่อกว่าก็หล่อกว่า รีบไปอาบน้ำเถอะ” พี่เชนทร์มักจะยอมผมแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม อาจเพราะในบ้านหลังนี้ ถ้าไม่นับพี่ชายที่เป็นพี่คนโต แต่ชอบทำตัวแหกคอกจนไม่คิดว่าเราอีก 9 คนเป็นพี่น้อง พี่เชนทร์ก็ถือว่าเป็นพี่ใหญ่สุดของบ้าน ผมที่เป็นน้องเล็กสุด เลยถูกดูแลดีเป็นพิเศษ

จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ กับการเกิดมาเป็นน้องเล็กของบ้านเนี่ย เพราะอยากได้อะไรก็ได้ ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนคนอื่น ๆ ด้วย

ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็ออกมาอยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อย ผมอยู่มอสี่แล้ว แต่อายุ 15 เพราะเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ 

“นี่คนนั้นพี่ชายชยันต์เหรอ หล่อจัง เขาทำงานอะไร ถามพี่เขาหน่อยว่าอยากเลี้ยงต้อยไหม” เพื่อนผู้หญิงในห้องผมถาม ผมว่าพี่เชนทร์หล่อน้อยนะ แต่มาส่งผมที่โรงเรียนทีไรมีแต่คนกรี๊ดทุกที

“หล่อเหรอ ถ้าคิดว่าพี่เชนทร์หล่อ เจอพี่คนโตของเราซะก่อน พี่เชนทร์เทียบไม่ติดแน่ ๆ”

เพื่อนผมตาโต มองหน้าเขม็ง

“ยังมีหล่อกว่านี้อีกเหรอ”

ผมพยักหน้า หยิบการ์ดที่ผมทำพิเศษเป็นพวงกุญแจขึ้นมาให้เพื่อนดู เพื่อน ๆ คนอื่นรีบพากันเข้ามาส่อง กรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายกันใหญ่

จริง ๆ ตั้งแต่ขึ้นมอสี่มา ผมอยากได้เพื่อนผู้ชายเท่ ๆ แมน ๆ มากกว่า แต่พอเข้าไปทักใคร ก็พากันมองผมแปลก ๆ คุยกับผมด้วยภาษาเรียบร้อย ไม่มากูมึงแบบที่ผมอยากให้เป็น

ต่อให้บุคลิกภายนอกผมดูคุณหนูคุณชายขนาดไหน แต่ผมก็ยังอยากมีเพื่อนห่าม ๆ อยากเตะฟุตบอล อยากเล่นบาสเหมือนกัน พอไปขอเข้าชมรมเข้าทีม แทนที่จะให้ผมเป็นตัวเล่น ก็โยนหน้าที่ไปเป็นคนดูแล เพื่อนผู้ชายไม่ยอมคุยด้วย จนผมต้องระหกมาคบกับเพื่อนผู้หญิงแทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แล้วพวกนี้ก็พากันเพ้อแต่เรื่องผู้ชาย วัน ๆ ไม่ทำอะไรหรอก นอกจากคุยเรื่องผู้ชายและสรีระศาสตร์ของผู้ชาย

“นี่ เธอชอบผู้ชายแบบไหนชยันต์”

ผมมองหน้าคนถาม

“เราชอบผู้หญิง” พวกนั้นพากันมองมาตาโต

“ล้อเล่นน่า ชยันต์ หน้าอย่างเธอเนี่ยนะ” ทำไม หน้าอย่างผมมันชอบผู้หญิงไม่ได้รึไง

“นี่ หน้าก็หวาน เสียงก็หวาน ท่าทางก็นิ่มขนาดนี้ อย่าหลอกกันดีกว่า”

ผมถอนหายใจแรง

“เราชอบผู้หญิง” ผมยืนยัน แต่ไม่ใช่แรด ๆ แบบพวกเธอละกัน ผมนั่งเท้าคางมอง เบื่อจัง หรือจะย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศดี แต่ก็ไม่อยากไปไหนห่างไกลจากครอบครัว ไปอยู่คนเดียวที่อื่นคงไม่มีคนคอยตามใจแบบนี้ด้วย

“นี่ ๆ ผู้ชายคนนี้หุ่นแซ่บมากเลย ดูสิ ชยันต์ดู”

“อืม เท่ดี” กล้ามเป็นมัด ๆ ผมอยากมีกล้ามแบบนี้บ้างจัง

“นี่ ๆ ฉันมีหนังสือโป๊ด้วย ไปดูกันไหม”

“ว้าย จริงเหรอ”

“จริงสิ”

ผมตาโตมอง ไม่คิดจริง ๆ ว่าเพื่อนผู้หญิงกลุ่มผมจะกล้ากันขนาดนี้

“ดูศึกษาไว้ เวลาเจอของจริง แฟนจะได้รักได้หลง”

“ผู้ชายเขาชอบผู้หญิงบริสุทธิ์ไม่ใช่เหรอ” ผมออกความเห็น

“นั่นมันสมัยพระเจ้าเหาจ้ะ อีตาชยันต์ สมัยนี่ต้องเก่ง ๆ แรด ๆ ร่าน ๆ ถึงจะเอาผู้ชายอยู่หมัด กลเม็ดพิชิตใจชาย เอาให้ไปไหนไม่ได้ ก้าวซ้ายได้แหวน ก้าวขวาได้เงินได้ทอง”

“อ้อนเอาเฉย ๆ ก็ได้มั้ง” ผมแนะ

“นี่ สำหรับเธอน่ะได้อยู่หรอก แต่ก็ต้องเพิ่มมหาเสน่ห์เข้าไปหน่อย เธอมีหน้าตาเป็นอาวุธ แต่ถ้าเรื่องบนเตียงไม่ได้เรื่อง ผู้ชายเขาจะเบื่อเอา มารยาหญิงฝึกไว้เยอะ ๆ”

ผมขมวดคิ้ว อยากเถียงเหลือเกิน ว่าผมชอบผู้หญิง จะเรียนรู้วิธีมารยาแบบนี้ไปทำไมกัน

แต่ละวัน ผมก็จะวนเวียนอยู่แต่เรื่องแบบนี้แหละ ศึกษาวิธีเอาใจผู้ชาย ดูแลผู้ชาย จับผู้ชาย อ่อยผู้ชาย ยั่วผู้ชาย แต่ยอมรับว่าผู้หญิงกลุ่มผมฮอตจริง ๆ ครับ หัวกระไดไม่เคยแห้ง แต่ดีอยู่อย่าง ต่อให้พวกนี้แรดร่านไร้สาระกันขนาดไหนก็เรียนเก่ง กลุ่มผมเป็นท็อปห้องด้วย ผมคิดว่าพวกเธอจะเอาแต่บ้าผู้ชายจนไม่สนใจเรียนกันซะอีก

เอาเป็นว่าผู้หญิงกลุ่มผม เรื่องเรียนก็เอาอ่าว เรื่องผู้ชายก็เก่งกาจ ไม่รู้ผมหลุดเข้ามาอยู่ในวงจรนี้ได้ยังไงกัน

“นี่ชยันต์ สเปคเธอเป็นแบบไหน”

ผมได้แต่เถียงอยู่ในใจว่าสเปคผมคือผู้หญิงน่ารักและผมยาว แต่พวกนี้ก็รบเร้า หาว่าผมกลบเกลื่อนและไม่ยอมรับความจริงตลอด 

“กล้ามใหญ่ ๆ ผิวสีแทน เท่ ๆ” ผมบรรยายถึงหุ่นพี่ชาย ซึ่งเป็นหุ่นที่ผมปรารถนาอยากเป็นมาตลอด 

“แหม ตัวเล็กแบบเธอ จะรับไหวเหรอ” ผมยักไหล่ ก็ไม่คิดจะไปนอนด้วยนี่หว่า

“นี่วันนี้ฉันมีอะไรมาให้ดู พวกเธอสนใจกันไหม”

ผมหันไปมองคนพูด

“พิเศษมากเลยนะ โดยเฉพาะกับเธอ ชยันต์”

ผมเลิกคิ้วมอง วันนี้ผมกับเพื่อน ๆ มารวมตัวกันที่บ้านคนพูดเพื่อทำรายงานครับ และเหมือนเดิม พอทำรายงานเสร็จก็แรดเรียนรู้เรื่องผู้ชายตามประสา ผมก็ชักจะชิน ๆ

สิ่งที่เพื่อนผมเปิดให้ดู มันเป็นหนังโป๊ครับ แต่เป็นหนังโป๊ของผู้ชายกับผู้ชาย ผมแทบอ้วกตอนเห็นครั้งแรก พวกนั้นวี้ดว้ายดูกันตาแป๋ว พอผมจะเลิกดูพวกนั้นก็ไม่ยอม ยึดผมไว้ให้ดูอีก

แรก ๆ ก็ขยะแขยงนะ แต่หลัง ๆ ชักชิน ชินไม่ชินเปล่า ผมยังรู้สึกร้อนวูบวาบด้วย

“เกิดอารมณ์ตามเลย” เพื่อนผู้หญิงผมบอก แล้วพวกนั้นก็พากันวี้ดว้าย

“เป็นไงบ้างชยันต์ ตื่นเลยดิ บอกแล้วว่าเธอต้องชอบ อะ เรามีเยอะ เอาไปเลย เอาไว้เรียนรู้ ศึกษาไว้บ้าง เวลามีผัวจะได้ไม่ลำบาก”

“ไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธ ดันซีดีปึกนั้นกลับไป

ได้ยินเสียงเคาะห้องเบา ๆ เพื่อนผมรีบยัดซีดีทั้งหมดใส่กระเป๋านักเรียนผมทันที หันไปยิ้มบริสุทธิ์ใสซื่อใส่แม่ที่เปิดประตูเข้ามาพอดี

“ทำอะไรกันอยู่เหรอลูก”

“พวกเรากำลังทำรายงานกันค่ะแม่” เพื่อนผมตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“แม่แค่แวะเอาผลไม้มาให้” แม่วางจานผลไม้ที่ปอกไว้พร้อมกินลงตรงกลางระหว่างพวกเรา  เธอเป็นแม่ผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวานมาก ไม่รู้แม่จะรู้รึเปล่าว่าลูกสาวตัวเองเป็นพวกแบ๊วไม่บริสุทธิ์ ผู้หญิงนี่บางทีก็น่ากลัวไปนะ

พอแม่ออกไป เพื่อนผมก็สลัดคราบสาวหวานทิ้งหยิบนิตยสารผู้ชายมาเปิดดูต่อทันที 

ผมได้แต่ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย







 

ทุ่มตรงผมก็โทรเรียกสารถีประจำตัวให้มารับ พี่เชนทร์มาถึงภายในเวลาไม่เกิน 20 นาทีด้วยซ้ำ

“นี่ ได้ข่าวว่าพี่ชายกับพี่กวินทร์กลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว เราไปหากันเถอะ” ผมหันไปร้องขอ

“โทรบอกก่อนสิ สองคนนั้นยิ่งไม่ชอบให้ไปหาโดยไม่บอกกล่าวอยู่ด้วย”

“ไม่เอา น่านะ ไปหาเถอะ ผมคิดถึงพี่ชาย อยากไปเซอร์ไพรส์ด้วย” พี่เชนทร์ขมวดคิ้วทำท่าคิด ก่อนพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ พาผมขับรถไปจอดไว้ใต้คอนโดสุดหรูของพี่ชาย

โชคดีอะไรอย่างนี้ ทันทีที่จอดรถได้ก็เห็นรถของพี่ชายวิ่งวนเข้ามาจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องไปด้านทางซ้ายนิด ๆ 

“นั่นรถพี่ชายนี่ รีบออกไปดักกันเถอะ” พี่เชนทร์ชวน

“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง” ผมรีบเบรกไว้ “ไว้ให้เดินผ่านมาค่อยออกไปจ๊ะเอ๋” ผมบอกอย่างนึกสนุก

เรานั่งรอ พอรถพี่ชายจอดสนิท ประตูฝั่งคนนั่งข้าง ๆ ก็เปิดออก พี่กวินทร์เดินหน้าบึ้งออกมากระแทกปิดประตูแรง พี่ชายรีบเปิดประตูออกมาตาม กระชากจับแขนพี่กวินทร์ที่กำลังจะเดินหนีไว้ สองคนนั้นเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่ ดูรุนแรงด้วย ผมไม่ได้ยินว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไรเพราะอยู่ในรถ แต่ทั้งผมทั้งพี่เชนทร์พากันนั่งนิ่งไม่ออกไปห้ามปราม

สถานการณ์ไม่น่าเข้าไปหาเลยแฮะ 

พี่กวินทร์ตบหน้าพี่ชายแรงจนหน้าพี่ชายหันไปตามแรงมือ ผมใจหายวูบ พี่ชายหันกลับมามองช้า ๆ ดวงตาวาวโรจน์ ผมหดคอลงทันทีอย่างหวาดเสียว 

ทำให้พี่ชายโกรธขนาดนั้น มีหวังพี่กวินทร์โดนกระทืบไส้แตกแน่ ๆ

แต่สิ่งที่พี่ชายทำ กลับทำให้ผมนิ่งอึ้งกว่าเดิม ผมนั่งอ้าปากค้าง เพราะแทนที่พี่ชายจะกระทืบพี่กวินทร์ไส้แตกอย่างที่ใจคิด กลับกระชากพี่กวินทร์เข้าไปบดจูบ พี่กวินทร์พยายามขัดขืน แต่ไม่นานก็โอนอ่อน พี่ชายจับพี่กวินทร์กด  ลงบนฝากระโปรงรถ ก้มซุกซอกคอ สีหน้าพี่กวินทร์เคลิบเคลิ้มอย่างเห็นได้ชัด

ดูท่าพี่ชายจะปล้ำพี่กวินทร์กลางลานจอดรถจริง ๆ (เพราะตอนนี้มือพี่ชายสอดเข้าไปในเสื้อของพี่กวินทร์แล้ว เหมือนจะจับนมด้วย!!) แต่ดูเหมือน   พี่กวินทร์จะได้สติก่อน รีบจับมือพี่ชายไว้ ดันคนตัวสูงออก พี่ชายทำหน้าเสียดาย สีหน้าแสดงความเร่าร้อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด คว้าจับแขนพี่กวินทร์ ลากแถก ๆ ตรงเข้าตึกไป

ผมนั่งมองอ้าปากตาค้างอยู่ท่าเดิม

นี่ใช่ไหม คือสาเหตุที่พี่ชายยอมเชื่อฟังพี่กวินทร์ทุกอย่าง ทั้งที่ไม่เคยยอมลงให้ใครมาก่อนแม้แต่กับพ่อแม่

เพราะพวกเขามีสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน!

ผมกะพริบตาปริบ ๆ ค่อย ๆ หุบปากลง กลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยคิดเลย ว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งหลงเสน่ห์ผู้ชายอีกคน จะทำให้ยอมกันได้ขนาดนี้ 

ผมไม่รู้ว่าผมนั่งนิ่งเป็นหินแบบนั้นอยู่นานแค่ไหน กระทั่งพี่เชนทร์ทำลายความเงียบขึ้นมา 

"ยังอยากไปหาอยู่ไหม”

“บ้ารึไง! ตอนนี้พวกเขาคงกำลัง…” ผมหยุดเสียงลงกึก หันขวับไปมอง

ทำไมพี่เชนทร์ดูไม่ตกใจอะไรเลย

“ไม่แปลกใจเลยเหรอ” ผมถามงง ๆ

“พี่รู้มาตั้งนานแล้วว่าสองคนนั้นเขาแอบคบกันอยู่ 5-6 ปีได้แล้วมั้ง”

ผมอ้าปากค้าง

“ทะ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

พี่เชนทร์ถอนหายใจแรง 

“ไม่รู้เรื่องน่ะดีแล้ว เรายังไร้เดียงสา”

“ไร้เดียงสาตรงไหน ผมโตแล้วนะ”

“โตตรงไหน” พี่เชนทร์จงใจมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“งั้นแปลว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันเกินเลยกว่าลูกพี่ลูกน้องกันมานานแล้ว” พี่เชนทร์พยักหน้า ผมเม้มปากแน่น ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ


To Be Con..
ต่อด้วยคู่ที่ 2 รัวๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.1 ค้นพบ [6-3-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-03-2018 07:51:17
มาอีกคู่แล้ว~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.1 ค้นพบ [6-3-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Sistel2 ที่ 07-03-2018 10:29:07
กรี๊ดหนักมาก รอดูชยันต์คนขี้ยั่ว  :-[
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.2 [21-3-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 21-03-2018 10:52:02
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 02 : ภารกิจยั่วพระอิฐพระปูน

มกลับมาถึงบ้านในสภาพช็อกนิด ๆ ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ กับสิ่งที่เห็น มันทำให้มุมมองเรื่องผู้ชายกับผู้ชายของผมเปลี่ยนไปนิด ๆ พี่ชายที่ผมปลื้มนักปลื้มหนาเป็นเกย์ งั้นเกย์ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องน่ารังเกียจหรือแปลกอะไรมากน่ะสิ

ผมกลับเข้าห้อง กดล็อกประตู มันเป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ผมล็อกห้อง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว ผมรีบเปิดคอม รื้อหนังเกย์ที่เพื่อนให้มา เลือกแผ่นที่คิดว่าน่าดูที่สุดเปิดก่อน

ผมเปิดดูมันด้วยความรู้สึกใหม่ ๆ ผมไม่ได้รังเกียจ ถ้าพี่ชายชอบได้ ผมก็ชอบได้เหมือนกัน

ผมนั่งดูกระทั่งจบแผ่น หลังจากนั้นก็ลองเปิดเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ดูเพิ่มเติม บอกตามตรงว่ามันทำให้ผมเกิดอารมณ์  จริง ๆ เกิดอารมณ์จนอยากได้ใครสักคนมาเป็นคู่นอนด้วยจริง ๆ ผมโตพอที่จะทำเรื่องพวกนี้ได้แล้วด้วย ผมลองเปิดดูพวกเว็บหาเพื่อนหรือคู่นอนดู แต่ส่วนใหญ่พวกนี้หาความปลอดภัยได้ค่อนข้างยาก ปัญหาเยอะ หลอกลวงกันก็เยอะ แต่ผมก็ยังไม่หยุดค้นหา เผื่อฟลุ๊คเจอคนเข้าตา

ผมรู้ว่าผมเป็นฝ่ายรับดีกว่าฝ่ายรุก จะเพราะเรี่ยวแรงหรือสเปคก็ได้ ผมชอบผู้ชายแบบพี่ชาย แต่คนที่ดูดีแบบพี่ชายหาไม่ได้เลยจริง ๆ

ผมนั่งเบื่อหาไปเรื่อย ๆ กระทั่งตัดใจกดปิดเว็บแล้วหันมาเปิดเฟซบุ๊กแทน

มีคนถ่ายรูปพี่เชนทร์มาลงเฟซบุ๊กด้วย เป็นภาพตอนพี่แกถอดเสื้อ ใส่กางเกงเอวต่ำ คงเพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายมาใหม่ ๆ เพิ่งสังเกตว่าพี่เชนทร์ก็หุ่นดีเหมือนกัน

จะว่าไปแล้ว พี่เชนทร์ก็หล่อรอง ๆ ลงมาจากพี่ชายนะ

ผมนิ่งคิด ถ้าผมจะลองมีอะไรกับใครสักคนที่ไว้ใจไม่ได้ สู้ลองมีอะไรกับคนที่ไว้วางใจได้ไม่ดีกว่าเหรอ พี่เชนทร์เก็บความลับเก่ง สะอาด ปลอดภัย(เพราะแกไม่เจ้าชู้เหมือนพี่ชาย) และหุ่นดีใช้ได้เลย ผมไล่ดูภาพพี่เชนทร์เพิ่มเติม

พี่ชายนอนกับพี่กวินทร์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องได้ งั้นผมน่าจะนอนกับพี่เชนทร์ได้ เสียแต่พ่อเดียวกันเท่านั้น แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวเรื่องท้องด้วย ผมเกิดอารมณ์ง่ายเพียงแค่เห็นกล้ามผู้ชาย พอมองภาพพี่เชนทร์มาก ๆ ผมก็ชักเกิดอารมณ์

ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ได้ยินเสียงเคาะประตูให้ลงไปกินข้าว เสียงเรียกเป็นเสียงของพี่เชนทร์ ได้ยินเสียงหมุนลูกบิดแกรก ๆ แต่ผมล็อกไว้เลยเปิดไม่ได้

“ชยันต์ อยู่ในนั้นหรือเปล่า ทำไมล็อกห้อง”

ผมกดพักหน้าจอคอม ลุกเดินไปกดล็อก หมุนเปิดประตูออกกว้าง พี่เชนทร์มองมาด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมมองหน้าคนตัวสูงกลับ

เพราะมุมมองของผมเปลี่ยนไปหรือไง ผมถึงได้รู้สึกว่าพี่เชนทร์หล่อขึ้น

ผมจ้องหน้าคนตัวสูง ไล่ต่ำลงมายังริมฝีปาก ลำคอ แผงอกกว้าง ลงไปถึงหน้าท้องภายใต้เสื้อผ้า ปกติพี่เชนทร์จะชอบแต่งตัวมิดชิดทำให้ไม่เห็นหุ่นแท้จริง แต่ผมรู้ว่าภายใต้เสื้อผ้ามิดชิดนั้น มีเรือนร่างที่น่าขย้ำอย่างชายแท้แฝงอยู่

ผมรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” พี่เชนทร์ถาม อังมือไว้กับหน้าผาก ผมรีบจับมือนั้นไว้ มองตานิ่ง ๆ

มือพี่เชนทร์ร้อน ถ้ามือนี้มาลูบไล้เนื้อผมตัว มันจะเป็นยังไงนะ

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกร้อน ผมคงเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ ๆ

ผมว่าผมเป็นคนปกติที่สุดในบรรดาพี่น้อง 10 และคิดว่าผมมีเลือดพ่ออยู่น้อยที่สุดแล้วนะ แต่บางทีผมอาจคิดผิด เพราะตอนนี้เลือดเจ้าชู้และเร่าร้อนของพ่อในตัวผมกำลังเดือดพล่าน

และผมต้องการพี่เชนทร์

ผมคลี่ยิ้มหวานหยดใส่คนตรงหน้า มารยาหญิงที่เพื่อน ๆ เพียรสอนถูกงัดเอามาใช้ในบัดดล

“ผมโตแล้ว อยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง” ผมมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเชื่อมหวาน

ผมรู้ว่าเขาเป็นพี่ชาย

แต่ตอนนี้ ผมกำลังปรารถนาในตัวของพี่ชายผมคนนี้

พี่เชนทร์มองผมอึ้ง ๆ

“ตัวผมร้อนมากเลยเหรอ” ผมจับมือพี่เชนทร์มาอังหน้าผาก พี่เชนทร์มองมาอึ้ง ๆ ยิ่งกว่าเดิม กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ไม่มาก เอาเถอะ รีบไปกินข้าวดีกว่า ทุกคนมากันครบแล้ว” ผมยิ้ม ก้าวตามคนตัวสูงออกไป

ต่อหน้าพ่อแม่ ผมก็ยังทำตัวน่ารักน่าทะนุถนอมเหมือนเดิม อ้อนพ่ออ้อนแม่ อ้อนพี่ชายทุกคนเหมือน ๆ ที่ผมเคยทำ
























“นี่ ช่วงนี้ออร่าแรดหล่อนพุ่งนะ”

“อะไร ออร่าแรดพุ่ง” ผมถามเพื่อนงง ๆ

“ไม่รู้อ่ะ แต่แกดูยั่ว ๆ ปากแดง ๆ สีหน้ายั่วยวนสุด ๆ ดูสิ พวกผู้ชายมองกันตาเป็นมัน”

ผมมองตามสายตาเพื่อน ๆ ผมรู้ตัวดีครับว่าช่วงนี้ผมมีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันขนาดไหน นั่นเป็นเพราะผมจงใจ จงใจบริหารเสน่ห์ โดยเฉพาะเสน่ห์ต่อเพศเดียวกัน

พี่เชนทร์เป็นพวกความอดทนสูง เก็บความรู้สึกเก่ง ผมอยากให้พระอิฐพระปูนอย่างพี่เชนทร์ตบะแตก ผมถึงได้ฝึกยั่วไว้ขนาดนี้

“คิดมาก” ผมตอบไม่ใส่ใจ เพื่อนผมหรี่ตามอง

ช่วงนี้มีผู้ชายมาตามจีบผมเยอะ แต่ผมไม่คุยกับใครสักคนจนเพื่อน ๆ พากันต่อว่า

“ยั่วขนาดนี้ แต่เสือกไม่หม่ำใครสักคน พี่มอหกที่เล่นบาสก็หล่อ พี่โฟร์นักบอลก็กล้ามเยอะ สเปคแกไม่ใช่เหรอ” ใช่ แต่ไม่ใช่คนที่ผมอยากได้นี่ คนที่ผมต้องการจริง ๆ มีเพียงพี่เชนทร์คนเดียวเท่านั้น

















วันนี้ผมรอพี่เชนทร์มารับกลับบ้านเหมือนเดิม พอรถหน้าตาคุ้นเคยเวียนเข้ามาจอด ผมยิ้มร่ารีบวิ่งเข้าไปหาทันที

“อยากกินติม พาไปกินหน่อยนะ” ผมอ้อน พี่เชนทร์พยักหน้า เข้าเกียร์ พาตรงไปยังห้าง เข้าร้านไอศกรีมร้านโปรดของผม เราได้โต๊ะวิวดีที่หนึ่ง ผมจงใจนั่งหันหน้าไปทางผู้คน สั่งไอศกรีมรสโปรดมากิน

“อ๊ะ!” ผมแกล้งทำไอศกรีมหกรดอกเสื้อ พี่เชนทร์รีบหยิบทิชชู่มาเช็ดให้

“ใจเย็น ๆ ไม่มีใครเขาแย่งกินหรอก”

“เปื้อนหมดเลย เดี๋ยวผมไปล้างก่อนนะ” ผมขอตัวเข้าห้องน้ำ พอไปถึง ผมมองตัวเองในกระจก ยกยิ้มนิด ๆ เซตหน้าดี ๆ ปลดกระดุมออกสามเม็ดจนเห็นหน้าอก วันนี้ผมจงใจใส่เสื้อนักเรียนที่บางมาก ๆ มา(พวกหนุ่มใจสาวในโรงเรียนผมชอบใส่กัน) ผมล้างหน้า เสยผม ปล่อยให้น้ำมากมายหยดลงมาจนเสื้อเปียก เห็นหัวนมที่กำลังตั้งชันเพราะความเย็นของน้ำได้ชัดเจน

ผู้ชายที่เพิ่งฉี่เสร็จหันมามอง หน้าแดงทันทีที่เห็น ผมยิ้มหวานให้ที เขาทำหน้าแทบไม่ถูก ผมไม่สนใจกิริยาของเขาต่อจากนั้น เดินออกจากห้องน้ำไป กลับไปนั่งที่เดิม พี่เชนทร์มองมาอึ้ง ๆ

“ทำไมเปียกแบบนั้น” พี่แกรีบยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ ผมรับมาซับนิด ๆ

แห้งก็ไม่ยั่วน่ะสิ



“ร้อนจะตาย” ผมรู้สึกร้อนจริง ๆ แต่ไม่ใช่ร้อนเพราะอากาศหรอก



“เรากินกันต่อเถอะ” ผมชวน หยิบช้อนตักไอศกรีมในถ้วยกินต่อ จงใจเลียมันอย่างยั่วยวน ไม่ได้ยั่วมากหรอก เอาแค่พอประมาณ ดูให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่งั้นเดี๋ยวพี่เชนทร์รู้ไต๋

ผมรู้ว่ามีหลายคนมองอยู่ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แกล้งนั่งเหม่อตวัดปลายลิ้นเลียช้อนเปล่า คิดเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย

“มีอะไรเหรอ” ผมแกล้งหลุดจากภวังค์หันมามองคนที่จ้องผมนิ่งค้าง

“เปล่า แต่พี่รู้สึกว่าชยันต์…”

“ทำไม” ผมกะพริบตาปริบ ๆ มอง เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“เปล่า โตขนาดนี้แล้ว มีแฟนยัง” ผมบู้หน้า แนบตัวกับโต๊ะ หวังให้หัวนมผมโผล่ออกมาโชว์ แอบเห็นนะครับว่าพี่เชนทร์มองมาเหมือนกัน ผมหัวเราะหึ ๆ อย่างมีชัย

“พยายามจีบอยู่ แต่ไม่ติด มีคนแย่งไปก่อน”

“น้องพี่ออกจะน่ารัก ผู้หญิงคนนั้นตาถั่วเอง”

“นั่นน่ะสิ หาใหม่ ผู้หญิงมีเยอะ”

พี่เชนทร์หัวเราะ

“พี่ว่าติดกระดุมเสื้อหน่อยดีกว่านะ”

“ติดทำไม แบบนี้แหละเย็นดี”

พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด

“ผู้ชายแมน ๆ โชว์กล้ามอกแบบพี่ชาย สาว ๆ จะได้หลง” ผมจงใจยืดอกให้ดู พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัดยิ่งกว่าเดิม

“หรือว่าผมไม่หล่อ ก็ไหนพี่เชนทร์บอกว่าผมหล่อผมเท่ไง”

“ครับ หล่อมาก เท่มากด้วย” มุสาไม่เก่งเลยนะ ผมไม่ได้โง่นี่

“งั้นเราไปดูหนังกันดีกว่า”

“กลับไปดูพร้อมคนที่บ้านดีกว่า” ปกติเราจะดูกันแบบครอบครัวครับ ผมส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอา โตแล้ว อยากดูคนเดียวหรือสองคนกับพี่มากกว่า นะ” ผมอ้อนโดยใช้ดวงตาแบบแมวน้อยร้องขออาหาร อ้อนแบบนี้ทีไร พี่เชนทร์ปฏิเสธไม่ได้ทุกที พี่แกพยักหน้า ผมเดินควงแขนคนตัวสูงไปซื้อตั๋ว

“เอ่อ พี่ว่าชยันต์เลิกเกาะแขนพี่แบบนี้ดีกว่า”

ผมแกล้งมองคนตรงหน้างง ๆ

“ทำไม”

“คือ ไม่กลัวคนอื่นเขาเข้าใจผิดเหรอ” 

ผมแกล้งทำหน้างงกว่าเดิม

“เข้าใจผิดว่าอะไร”

“เปล่า ๆ”

ผมหัวเราะหึ ๆ อยู่ในใจ พอได้ตั๋วหนัง ผมก็ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน ไปฉีดน้ำหอมนิดหน่อย พี่เชนทร์ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้มาก ผมเดินกลับมาอีกรอบ

“พี่เชนทร์ มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” ผมกวักมือเรียกให้พี่เชนทร์ก้มต่ำ เล่ามุกที่ผมเมกเองให้ฟัง จริง ๆ จงใจให้ร่างกายของเราแนบชิด พี่เชนทร์จะได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวผมด้วย

“ตลกเนอะ” ผมเล่าเรื่องไปเจอผู้ชายเป้าขาดมา เอาแนวเรื่องคร่าว ๆ มาจากเน็ตนั่นแหละ ผมแกล้งเฉียดปากผ่านแก้มพี่เชนทร์ไปแบบไม่ตั้งใจ พี่เชนทร์ชะงัก

“อะ อืม”

ผมยิ้มหวาน

“งั้นเราไปกันเถอะ หนังจะฉายแล้ว” ผมชวน จับมือพี่เชนทร์เดินเข้าโรงหนังไป ตลอดเวลาผมก็นั่งซบไหล่คนตัวสูง หยิบขนมกินบ้าง ป้อนพี่เชนทร์บ้าง พอออกมาจากโรงหนังผมก็ชวนพี่เชนทร์ไปเดินเล่นต่อ

เห็นร้านขายฮอตด็อกแบบแท่งใหญ่ ๆ ผมรีบชี้มือเลือกเอาอันที่ใหญ่ที่สุดทันที หลังจากนั้นก็พากันเดินกลับรถ 

“ขอผมกินให้หมดก่อนจะได้ไม่เลอะรถพี่” ผมชูฮอตด็อกในมือให้ดู พี่เชนทร์พยักหน้า ยืนคอย ผมจงใจไล้ปลายลิ้นเลียน้ำจิ้มที่เคลือบอยู่รอบ ๆ ฮอตด็อก พี่เชนทร์เมินหน้าหนี

“นี่ วันนี้รู้สึกเหมือนสิวจะขึ้น ไม่รู้ขึ้นจริงไหม ดูให้หน่อยสิ” ผมเรียกความสนใจคืน พี่เชนทร์หันมามอง

“ไม่นี่”

“เหรอ ขืนมีคงหมดหล่อ” ผมอมฮอตด็อกชิ้นนั้นไว้ในปาก แกล้งงับนิด ๆ ให้เห็นทั้งฟันขาว ๆ ที่ผมเพิ่งไปฟอกมาและปลายลิ้นที่แลบออกมาหน่อย ๆ ไม่เลื่อนสายตาไปจากดวงตาคนตัวสูง ยิ้มพราวให้เล็กน้อย พี่เชนทร์ทำท่าอึดอัดรีบหันมองไปทางอื่นอีกที

ผมยิ้มอยู่ในใจ น่าจะพอแล้วล่ะ ผมโยนฮอตด็อกชิ้นนั้นทิ้งลงถังขยะทั้งอัน

“หมดละ เราไปกันเถอะ”

พี่เชนทร์หันมามอง พยักหน้ารับ เดินไปฝั่งคนขับ ผมขึ้นนั่งประจำที่บ้าง หัวเราะหึ ๆ เพราะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างระหว่างเป้ากางเกงคนตัวสูง

พระอิฐพระปูนขนาดไหนก็ตื่นละวะ

To be con...

เจอยั่วขนาดนี้ อย่าว่าแต่พระอิฐพระปูนเลยอีหนูชยันต์ ป้าแก่ ๆ แถวนี้ก็เดาสาดกันเป็นทิวแถว เพลา ๆ ลงหน่อย สงสารคนแก่(เอายาดมยัดรูหมูก)

เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากพี่ชายเพียงคนเดียว เหมือนโดมิโน่ เริ่มจากพี่ชายไล่ไปเรื่อย ๆ

คู่นี้เนื้อหาจะหลวมนิดหนึ่ง (จงใจ) เนื้อเรื่องจะวิ่งไปค่อนข้างเร็ว เก็บรายละเอียดไม่เยอะ หวังว่าคงจะชอบกันน้าาาา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.2 ภารกิจยั่วพระอิฐพระปูน
เริ่มหัวข้อโดย: LOVEJUICE ที่ 23-03-2018 08:43:19
 :-[จะเห็นใจพี่เชนทร์ดีไหมเนี้ย โดนยั่วจนทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี้ย
น้องร้ายมากอย่ายั่วนานนะส่งสารพี่เขาบุกไปเลย วะฮ่าๆๆ
ไม่ได้เน๊าะเราต้องให้อีกฝ่ายเป็นคนทนไหวแล้วจัดการตามแผนเราเองเน๊าะ
จะได้ล๊อคพี่เขาได้อยู่มือแบบเนียนไม่ต้องทำอะไรมาก รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.2 ภารกิจยั่วพระอิฐพระปูน
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-03-2018 11:02:33
หูยย~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.3 ยั่ว..อีกนิด (4-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 04-04-2018 18:04:19
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 03 : ยั่วอีกนิด



ผมหอบหมอนใบหนึ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง ยกมือขึ้นเคาะเบา ๆ รอไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดให้ พี่เชนทร์เลิกคิ้วสูงมอง

“มีอะไร”

“ไม่อยากนอนคนเดียว ขอนอนด้วยคนนะ”

พี่เชนทร์ขมวดคิ้วมุ่น ผมหน้าสลด เม้มปากแน่น

“ขอโทษ ผมว่าผมคงโตเกินไปจนอ้อนพี่ไม่ได้อีกแล้ว”

“ปะเปล่า เพียงแต่พี่แปลกใจ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างดีใจ

“เมื่อคืนฝันร้าย กลัวฝันแบบเดิมอีก มีเรื่องเครียด ๆ ที่โรงเรียนด้วย”

“อะไร” พี่แกรีบถามทันทีด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ขอเข้าไปก่อนสิ ใจคอจะให้ยืนคุยอยู่ตรงนี้รึไง” ผมหน้าบูด พี่เชนทร์รีบเปิดประตูออกกว้างให้ สมัยก่อนผมเข้ามาในห้องนี้บ่อย พอโตมาหน่อยก็ไม่ค่อยได้เข้าแล้ว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งรูปพี่น้องสมัยเด็กสิบคนที่เรียงกันอยู่นั้น

“ยุ่งอยู่หรือเปล่าล่ะ” ผมถาม

“ไม่หรอก” พี่เชนทร์ตอบกลับราบเรียบ “กำลังดูบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านใหม่อยู่” ผมพยักหน้า พี่แกคงหมายถึงหนึ่งในธรุกิจที่พ่อโยนมาให้ช่วยจัดการ พ่อก็ขยันทำธุรกิจพอ ๆ กับขยันมีลูกนั่นแหละ ทดลองทำไปเรื่อย ๆ บางอย่างก็ทำแล้วขายให้คนอื่นดูแลต่อ บางอย่างก็ยกให้ลูก ๆ ดูแล ผมไม่สนใจธุรกิจอะไรของพ่อเลย แต่ผมวางแผนไว้แล้ว ว่าถ้าผมจีบพี่เชนทร์ติด ผมจะเลือกเรียนเพื่อกลับมาเป็นผู้ช่วยหรือเลขาของพี่เชนทร์

“งั้นพี่ทำงานไปก่อนก็ได้ ผมไม่รีบ จะนอนเล่นรอไปก่อน”

“แน่ใจนะ” พี่เชนทร์ถามมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมพยักหน้ารัว ๆ รับ

“ได้” แล้วพี่แกก็ทิ้งตัวลงนั่ง ผมนอนมอง ไล่เช็กไปทั้งใบหน้าด้านข้าง ปกติพี่เชนทร์จะไม่ใส่แว่น แต่เวลาทำงานหรืออ่านหนังสือจะใส่ ผมมองเจ้าของเรือนร่างนั้นอย่างหลงใหล เผลอเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ

พี่เชนทร์มีความอดทนสูงมากจริง ๆ ผมยั่วไปตั้งขนาดนั้นแล้วยังไม่ยอมตกหลุมพรางผมอีก แต่ไม่เป็นไร ยังมีอีกหลายเล่ห์มารยาเอาไว้พิชิตหัวใจคนใจแข็ง

ผมลุกจากที่นอน เลียบเคียงไปก้มดูใกล้ ๆ พี่เชนทร์หันมามอง ผมหันไปยิ้มให้

“ยากไหม”

พี่แกทำสีหน้าอึดอัด

“สนใจเหรอ”

ผมกอดคอพี่เชนทร์ จริง ๆ ผมชอบทำมากตอนเด็ก ๆ แต่พอขึ้นมอต้นก็เลิกทำเพราะคิดว่าโตแล้ว พี่เชนทร์เกร็งตัวขึ้นมานิด ๆ ผมแนบแก้มลงกับแก้มนั้น

“นิสัยแบบผมให้ไปเป็นผู้นำใครคงไม่ไหว ผมเลยคิดว่าน่าจะเข้าไปช่วยพ่อหรือพี่ ๆ สักคนทำในตำแหน่งเลขาหรือผู้ช่วยน่าจะเหมาะกว่า และในบรรดาพี่ ๆ ทุกคน ผมเลือกพี่เชนทร์ เพราะพี่ทำงานเก่งสุด มีความรับผิดชอบมากสุด ทำงานกับพี่ น่าจะทำให้ผมพัฒนาตัวเองได้ดีกว่าคนอื่น ๆ” ผมพูดพร้อมยิ้มหวานให้ พี่เชนทร์กระแอมไอที ค่อย ๆ ดึงมือผมออกจากคอ

“พี่หิวน้ำ เอาอะไรสักหน่อยไหม”

“พี่กินไร ชยันต์เอาอันนั้นแหละ”

พี่เชนทร์เดินหายออกจากห้องไป ผมหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ปลดกระดุมเสื้อลงสองเม็ดไปนั่งอยู่ข้างเตียง พี่เชนทร์เดินกลับมาพร้อมน้ำผลไม้ ถือจานผลไม้สดที่ถูกปอกและหั่นไว้พอดีคำขึ้นมาด้วย ปกติแม่บ้านมักแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อให้คนในบ้านหยิบทานได้ตลอดทั้งวัน(วันไหนไม่หมดก็เสร็จแม่บ้าน) ผมยิ้ม เดินไปยืนจิ้มกินข้าง ๆ พี่เชนทร์หันมาเผชิญหน้า กลัดกระดุมให้ ผมก้มมอง

“ร้อนจะตาย”

“เดี๋ยวพี่ลดแอร์ให้”

“ทำไม มันไม่เรียบร้อยเหรอ”

“ติดแบบนี้น่ารักกว่า”

ผมบู้หน้า

“ติดแบบนี้เลยเป็นไง” ผมแกล้งขยุ้มคอเสื้อจนชิดคาง พี่เชนทร์หัวเราะ

“รู้ตัวรึเปล่าว่าเราน่ะโตเป็นหนุ่มแล้ว”

ผมตาโต มองพี่เชนทร์ตาวาว

“จริงเหรอ แล้วผมหล่อไหม” ผมขยับเข้าไปชิด จ้องตาพี่เชนทร์เขม็ง พี่เชนทร์นิ่งค้าง ผมขยับเข้าไปชิดอีก เผยอริมฝีปากนิด ๆ ให้ดูเซ็กซี่แบบที่ผมฝึกทำในกระจก พี่เชนทร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ผมหล่อไหม พี่เชนทร์” ผมถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่านิด ๆ เซ็กซี่หน่อย ๆ อ้อยอิ่งให้ดูยั่ว ๆ

“อะ อืม” พี่เชนทร์ตอบรับไม่เต็มเสียง ผมยิ้มออกมาทันที

“เหรอ นี่รู้ไหม อยู่โรงเรียนผมไปเล่นกีฬาด้วย ไปเตะบอล แต่เผลอทีไรเตะเข้าโกลตัวเองทุกที พยายามออกกำลังกาย กล้ามจะได้ใหญ่ ๆ แบบพี่เชนทร์” ผมแตะมือไปที่หน้าท้องพี่เชนทร์ รายนั้นสะดุ้งเฮือก ผมทำเป็นไม่ใส่ใจอาการสะดุ้งจนเกินปกติของคนตัวสูง วางมือไว้บนนั้น ลูบไล้แผ่วเบา

นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ผมได้สัมผัสเรือนร่างพี่เชนทร์ ผมไล่จับลอน มันเป็นคลื่นอย่างเห็นได้ชัดสูงขึ้นไปถึงแผงอก พี่เชนทร์รีบจับมือผมไว้ทันที ผมมองตามงง ๆ แกล้งบู้หน้า

“แค่นี้ทำเป็นหวง ผมไปขอพี่ชายลูบก็ได้” ผมทำท่าจะหันหลัง

“เดี๋ยว”

ผมหันไปมอง

“ไปตอนนี้เนี่ยนะ”

“ใช่ ก็ผมอยากรู้ว่าต้องทำขนาดไหนถึงจะได้กล้ามที่ดูดีแบบพี่ชายหรือแบบพี่เชนทร์ ถ้าพี่เชนทร์หวง ผมจะไปขอพี่ชายดู”

“รบกวนพี่ชายทำไม รายนั้นคงยอมง่าย ๆ หรอก”

“งั้นพี่จะใจดีให้ผมจับได้ใช่ไหม” พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด พยักหน้าแบบไม่เต็มใจนัก ผมฉีกยิ้มกว้าง เลื่อนมือเข้าไปภายในชายเสื้อ พี่เชนทร์สะดุ้งหนักกว่าเดิมรีบคว้าจับมือผมไว้

“จับข้างนอกก็พอ” 

ผมทำตาปริบ ๆ บู้หน้าอีกรอบ

“มันไม่ถนัดนี่” พี่เชนทร์มองหน้า ก่อนค่อย ๆ ละมือออก ปล่อยให้ผมจับดี ๆ ผมเกลี่ยนิ้วไปบนลอนหกห่อทีละลูก เลื่อนจากล่างสุด ไต่สูงอย่างยั่วยวนขึ้นไปถึงหน้าอก บังคับไม่ให้ร่างกายตัวเองตื่นจนอีกคนจับสังเกตได้ เลื่อนมือต่ำลงไปยังลอนลูกสุดท้าย อยากเกลี่ยต่ำลงไปกว่านั้น แต่เดี๋ยวไก่ตื่น

ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ เพราะบางส่วนของพี่เชนทร์กำลังขยับตื่นขึ้นมา ผมทำเป็นมองไม่เห็นซะ ไล่กลับไปไต่นิ้วใหม่

“เมื่อไหร่มันจะโตได้แบบนี้น้า” ผมละมือมาเลิกหน้าท้องตัวเองขึ้น ผมจงใจใส่กางเกงนอนที่เอวต่ำมาก ๆ มา ไม่ใส่ชั้นในมาด้วย พี่เชนทร์ตาโต ผมจับมือพี่เชนทร์ ดึงมันมาวางแหมะไว้บนหน้าท้อง เกือบครางออกมาแล้ว เพราะฝ่ามือร้อน ๆ นั้น แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ไว้

“อีกนานไหม กว่ามันจะขึ้นเท่าพี่”

เหมือนมีอะไรมาเย็บปากพี่เชนทร์ไว้ ผมจับมือนั้นลูบไล้หน้าท้องตัวเองเบา ๆ สูงขึ้นมาถึงอก จงใจให้มือนั้นเกลี่ยผ่านติ่งไตที่กำลังชูชันของผมไป หัวใจผมไหวแรง ตัวสั่นริก เกือบเผลอครางออกมา แต่ก็ยังดีที่อดใจไว้ได้

พี่เชนทร์เหมือนมีแต่ร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้ว

“พี่ว่าอีกนานไหม” ผมถามเสียงยั่ว พี่เชนทร์กลืนน้ำลาย บางส่วนตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมทำเป็นไม่เห็นเสียอีกครั้ง

“ดูจากสีหน้าพี่แล้ว น่าจะอีกนานล่ะสิ” ผมละมือพี่เชนทร์ออก เพราะของตัวเองเริ่มตื่นแล้ว โดดขึ้นเตียงไปคว้าเอาหมอนมากอด ปิดบังบางส่วนของตัวเองไว้

“พะ พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน” พี่เชนทร์รีบหันหลัง ผมหัวเราะหึ ๆ คงอีกสักระยะแหละกว่าพี่เชนทร์จะกลับ ผมเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุม ล้วงมือผ่านขอบกางเกงลงไปด้านล่าง อย่างน้อยถ้าพี่เชนทร์โผล่ออกมาเร็วกว่ากำหนดจะได้ไม่เห็น

ผมสูดดมกลิ่นที่นอนของพี่เชนทร์ ขยับท่อนล่างเร็ว มันใช้เวลาไม่นานหรอก เพราะผมอยากสุด ๆ แล้ว ผมหอบแฮก ผมป้ายเช็ดมือที่เปรอะเปื้อนกับขากางเกง พี่เชนทร์เดินออกมาหน้านิ่ง ๆ ส่วนนั้นลดแล้ว ผมหัวเราะหึ ๆ 

อดทนไปเถอะพ่อพระอิฐพระปูน ผมจะทำให้พี่ตบะแตกให้ได้ 

ผมเลิกผ้าห่มออก นอนหงาย ทำเป็นดิ้นไปดิ้นมาจนหน้าท้องโผล่ พี่เชนทร์เหลือบมามอง ก่อนเบนสายตากลับไปที่งานอีกครั้ง

“นอนก่อนก็ได้นะ”

“ไม่เอา จะรอ”

“ตามใจ” พี่เชนทร์นั่งทำงานต่อ ก่อนทำท่านึกขึ้นได้ “พี่ลืมไปว่าเรามีเรื่องเครียดจะเล่าให้ฟังไม่ใช่เหรอ” พี่แกกลับมาสู่โหมดพี่ชายที่แสนดีอีกที ผมส่ายหน้าไปมา

“แค่เห็นหน้าพี่ ผมก็หายเครียดแล้ว”

พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด ก่อนพยักหน้า ทำงานต่อ จนผ่านไปถึงสี่ทุ่ม พี่เชนทร์เก็บงานเดินมาทิ้งตัวลงนอน บ้านนี้อนามัยครับ สี่ทุ่มก็นอนกันแล้ว

“ปิดไฟละนะ”

“ครับ” ผมตอบรับ พี่เชนทร์เอื้อมปิดไฟ ผมเขยิบเข้าไปใกล้ โอบกอดคนตัวสูงไว้

“ชยันต์!” พี่เชนทร์เรียกเสียงตื่น

“หือ?” ผมแกล้งถามอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้นานแล้วเนอะ ในบรรดาพี่น้องสิบคน พี่เป็นคนที่รักและดูแลผมดีที่สุดแล้ว ขอบคุณนะ” ผมบอกยิ้ม ๆ ซุกหน้ากับต้นแขนแกร่ง แกล้งไซ้จนเบียดติดอก อมยิ้มเมื่อพี่เชนทร์นอนตัวแข็งทื่อ

ผมวางมือไว้บนแผงอก ผู้หญิงนอนกอดผู้ชายยังไง ผมก็นอนกอดพี่เชนทร์แบบนั้นแหละ

“ราตรีสวัสดิ์” ผมบอกแค่นั้นแล้วหลับใหลไป ตอนนี้ผมนอนในฐานะน้องชายไปก่อน แต่ในอนาคต มันต้องไม่ใช่แบบนี้แน่ ๆ

 
ผมตื่นเช้าขึ้นมาอย่างรู้สึกสดชื่นสดใส พี่เชนทร์ดูสะโหลสะเหลยังไงพิกล

“ผมกลับห้องก่อนนะ” ผมยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มคนตัวสูง หอบหมอนวิ่งลิ่ว ๆ ออกจากห้อง ผมรู้ว่าทำไมพี่เชนทร์มีสภาพแบบนั้น

นอนยั่วขนาดนั้น หลับได้ก็เก่งแล้ว







“นี่ ช่วงนี้มีคนมาจีบบ้างหรือเปล่า” แม่ผมหันมาถามขณะนั่งรวมกันกินข้าวเช้า ผมงับขนมปังเข้าปาก มองหน้าแม่งง ๆ

“หมายถึงผมไปจีบใครมั่งหรือเปล่าน่ะเหรอ ไม่เลย แม่สอนไม่ให้จีบใครก่อนเรียนจบไม่ใช่เหรอ นี่ทำตามแล้วนะ”
แต่ไม่ได้บอกว่ากำลังอ่อยพี่ชายอยู่

“เปล่า แม่หมายถึง ไม่มีคนมาจีบบ้างเหรอ”

“พูดบ้า ๆ ผู้หญิงที่ไหนจะมาจีบผู้ชาย”

“แม่หมายถึงผู้ชาย”

ผมแกล้งอ้าปากค้าง

“เฮ้ย ผมผู้ชายนะแม่”

แม่ผมจิ๊ปาก

“นี่ อย่าปิดบังแม่ แม่รู้ว่าหน้าตาลูกแม่เป็นแบบไหน หน้าอย่างเราน่ะ แม่ไม่คิดว่าผู้หญิงจะชอบหรอกนะ ผู้ชายก็ว่าไปอย่าง”

ผมแกล้งทำหน้างง

“ยังไง”

“ก็...” แม่ผมทำท่าจะพูด แต่เงียบเสียงลง หันไปมองใครสักคนเพื่อให้อธิบายถึงหนังหน้าที่แท้จริงของผม   

“นี่ชยันต์” พี่ไชยวุธรับอาสา ทำท่าจะอธิบาย ผมมองกลับตาแป๋ว ปากที่กำลังจะพูดนั้นปิดสนิททันที

ผมหัวเราะหึ ๆ อยู่ในใจ

“ช่างเถอะ” แม่ตัดบท “งั้นแม่ถามหน่อย ช่วงนี้มีผู้ชายมาขอเบอร์ ขอเป็นเป็นแฟน ขอคบ ขอเดทไรงี้ไหม”

ผมแกล้งตาโต ไอ้ที่ว่ามาเนี่ย ผมโดนมาหมดแล้ว

“รู้ได้ไง แต่ผมว่าพวกนั้นไม่ได้จีบจริงหรอก แกล้งกันมากกว่า เพราะผู้หญิงกลุ่มผมสวย เข้าทางผมเลยไปทางเพื่อน ๆ ไง” ผมแสร้งไม่รู้ว่าตัวเองนั้นมีเสน่ห์ขนาดไหน

เดี๋ยวพี่ชายตื่น

“เชนทร์ เราดูแลน้องหน่อยนะ แม่ชักเป็นห่วง ออร่าฟุ้งเหลือเกิน”

ผมมองแม่ตาปริบ ๆ แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ ไม่ให้ฟุ้งได้ไง ผมจงใจอ่อยพี่ชายตัวเองนี่

“ออร่าอะไรแม่ ออร่าหล่อเหรอ อันนี้ไม่บอกก็รู้ ผมโตแล้ว กล้ามขึ้นแล้วด้วย แถมยังได้เป็นนักกีฬาโรงเรียนอีก เป็นนักบอล”

“เราน่ะเหรอเป็นนักบอล!” แม่พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

“ใช่” ผมพยักหน้ารับ “แต่ถูกปลดแล้ว เพราะเผลอเตะลูกเข้าโกลด์ตัวเอง” ทุกคนหัวเราะร่วน

“นี่ ถ้าช่วงนี้มีผู้ชายเดินตาม ให้ระวัง ๆ ไว้หน่อยนะ”

“ระวังทำไม ผู้ชายเหมือนกัน” ทุกคนทำสีหน้าอึดอัด

ผมรู้ครับว่าทุกคนหมายถึงอะไร

“อืม แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้รู้สึกมีคนแปลกหน้ามาวนเวียนเหมือนกัน สงสัยจะมาชอบผู้หญิงในกลุ่มผมอีก เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนกับครูพละ” อันนี้ผมพูดจริงครับ ทั้งครูพละกับรุ่นพี่ที่ว่ากำลังตามจีบผมอยู่ โดยเฉพาะรุ่นพี่ ตื้อหนักมาก ทุกคนมีสีหน้าเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง” พี่เชนทร์รับปาก ผมแอบยิ้มกริ่มอยู่ในใจ

เชิญเลย แล้วพี่จะได้ดูแลผมไปตลอดทั้งชีวิตแน่ ๆ



To be con..

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จ้าา
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.3 ยั่ว..อีกนิด (4-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: LOVEJUICE ที่ 07-04-2018 21:52:49
 o18คุณพี่จะรอดไปได้กี่น้ำเนี้ย น้องก็หมั่นยั่วดีเหรอเกิน
มีการไปอ่อยถึงห้องจับเนื้อจับตัว พี่เราก็ใจแข็งไก่ยังไม่ตื่นเน๊าะ
เห็นจะอดได้อีกไม่กี่น้ำ เด็กมันยั่วเก่งต้องทำใจนะจ้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.4 พระอิฐเริ่มร้าว (19-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 19-04-2018 20:31:10
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 04 : พระอิฐเริ่มร้าว


“นี่ถามจริง แกมีแผนการร้ายอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า” อยู่ ๆ เพื่อนผมก็พากันหันมาจ้องหน้าถาม

“แผนการร้ายอะไร” ผมถามกลับหน้าซื่อ

“นี่ หล่อนไม่ต้องมาแหล แอบชอบใครอยู่ บอกมานะ”

“บ้า มีที่ไหนเล่า ถ้ามีพวกเธอก็ต้องเห็นแล้วสิ อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาขนาดนี้” ยกเว้นที่บ้านนะ

“ท่าทางแกมันน่าสงสัยนี่” เพื่อนผมยังไม่หยุดสงสัย หรี่ตามองหาสิ่งผิดปกติ

“แต่มันก็น่าเชื่อนะ เพราะไม่เห็นมันคุยกับใครเป็นพิเศษสักคน เลิกเรียนก็กลับบ้าน ไม่เคยเห็นไปเถลไถลที่ไหนด้วย ถ้าไปก็ไปแต่กับพี่ชายมันเอง ดูสิ พวกผู้ชายอกหักกันเป็นทิวแถวเลย” เพื่อนผมอีกคนพูดพร้อมพยักหน้าไปยังกลุ่มผู้ชายที่พากันมองมาตาเชื่อม

ผมหัวเราะอยู่ในใจ แสร้งตีหน้าซื่อต่อไป

เวลาปฏิเสธผู้ชายผมไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมายหรอกครับ แค่ตอบไปประโยคเดียวว่า 'แม่ไม่ให้มีแฟนตอนเรียนหนังสือ' แค่นั้นเอง แต่ดูเหมือนนั่นจะยิ่งเป็นการทำให้เรตติ้งในตัวผมพุ่งสูงกว่าเดิมอีก

“ไม่ได้แอบซุกใครไว้แน่นะ” มันถามต่อ

“พี่ชายดุจะตาย จะซุกใครได้” ผมแหลต่อ แต่อันนี้ผมไม่ได้โกหกนะ เพราะเวลามาโรงเรียนพี่เชนทร์ชอบตีหน้าดุ ประมาณว่า 'น้องข้า ใครอย่าแตะ' จริง ๆ จึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าคนที่บ้านผมดุมาก

“แต่แหม พูดถึงพี่ชายหล่อน อยากซบอกกว้าง ๆ นั้นจนตัวสั่นเลยเธ้อ หุ่นขนาดนั้นไอ้นั่นจะขนาดไหน ว้ายยย” พวกนั้นส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดจนคนอื่นหันมามอง นินทากันไม่เกรงใจน้องชายที่นั่งหัวโด่อยู่อย่างผมเลย ผมกระตุกยิ้ม

“ก็ไม่ธรรมดาหรอก ลูกเสี้ยวนี่” เพื่อน ๆ ผมพากันตาโต

“เหรอ ใหญ่ขนาดไหน”

ผมหัวเราะหึ ๆ แต่ไม่ตอบ เรื่องอะไรจะเอาเรื่องของคนที่ผมรักมานินทา

คนอื่นไม่ถือ แต่ผมถือ

“น่าอิจฉาอีตาชยันต์เนอะ ได้อยู่ท่ามกลางวงล้อมของหนุ่มหล่อ ๆ เป็นดาวล้อมเดือน นี่ขอสมัครเป็นสะใภ้สักคนไมได้เหรอ ขอไปเที่ยวบ้านบ้างก็ได้ ตั้งแต่คบกันมา มีแค่บ้านหล่อนที่แหละที่ไม่ยอมให้พวกเราไปเที่ยวสักที จะหวงอะไรนักหนา”

หวงพวกเธอนั่นแหละ กลัวจะไปวางข่ายดักพวกพี่ชายที่บ้าน แล้วอีกอย่าง ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้ด้วย ว่าผมคบเพื่อนแบบไหนอยู่

ตอนนี้คนที่บ้านเข้าใจกันว่าผมมีเพื่อนหลายกลุ่ม เพื่อนผู้หญิงของผมก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกนี้เวลาเจอผู้ชายหล่อ ๆ บางครั้งจะแอ๊บกันไม่อยู่ แล้วบ้านผมผู้ชายหน้าตาดีอยู่กันเป็นโขลง ขืนพาไปไม่ใครก็ใคร ได้เสร็จเพื่อนผมสักคนแน่ ๆ แน่นอน ว่าผมยังไม่อยากได้เพื่อนเป็นพี่สะใภ้



























ตกเย็น ผมออกไปยืนรอพี่เชนทร์ที่จุดนัดพบ ไม่นานก็เห็นรถพี่เชนทร์วิ่งเข้ามาจอด ไม่มีใครกล้ามาข้องแวะผมตอนยืนรอพี่เชนทร์หรอก เพราะผมบอกทุกคนที่เข้ามาคุยด้วยว่าถ้าพี่มาเห็นเข้า กลับไปผมจะโดนทำโทษหนักมาก ซึ่งทุกคนไม่มีใครอยากให้ผมโดนทำโทษจึงพากันมองอยู่ห่าง ๆ อย่างเป็นห่วงเท่านั้น

“พี่เชนทร์ พรุ่งนี้พาไปเที่ยวหน่อยสิ” ผมหันไปร้องขอหลังจากขึ้นรถได้

“อยากไปไหน”

ผมนิ่งคิด ดูหนังก็เบื่อ ซื้อของก็เบื่อแล้ว น่าจะไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ กันบ้าง

“ไปทะเลกัน ไปเสาร์กลับอาทิตย์”

“แค่สองคนเหรอ ชวนคนอื่น ๆ ไปด้วยสิ”

ผมอมลม

“ผมอยากไปกับพี่เชนทร์แค่สองคนนี่ มีคนอื่นไปด้วยพี่ก็ดูแลผมน้อยลง”

พี่เชนทร์มองผมอึ้ง ๆ

“นะ” ผมอ้อนด้วยท่าทางน่ารัก พี่เชนทร์นิ่งคิด ก่อนพยักหน้ารับ ผมฉีกยิ้มกว้าง





เช้าวันเดินทาง ผมเตรียมสเบียงไว้เรียบร้อยหมดแล้ว อะไรที่มีไว้สำหรับเดท ผมเตรียมมาหมด พอรถเคลื่อนตัว ผมก็กดเปิดเพลงเบา ๆ เลือกเอาเพลงที่ฟังดูโรแมนติกและผ่อนคลายที่สุด คลี่ปลดกระดุมเสื้อออกนิด ๆ หวังยั่วเสือยั่วตะเข้แถวนี้

“ติดกระดุมหน่อย มันไม่เรียบร้อย”

“ไม่เรียบร้อยตรงไหน เท่ดีออก พี่ชายทำออกบ่อย สาวติดตรึม” ผมพูดไปปรับเสื้อให้มันดูดีไป ก่อนแกล้งชะงัก เปลี่ยนสีหน้าเป็นรู้สึกแย่มองกลับ

“หรือจริง ๆ แล้วมันไม่เท่เลย ผมทำแล้วมันทุเรศเหรอ”

“ปละ เปล่า เท่มาก แต่พี่เห็นว่าแอร์มันเย็นกลัวชยันต์หนาว”

ผมฉีกยิ้มกว้าง ขยับแหวกอีกนิดจนหัวนมจะโผล่แหล่มิโผล่แหล่ พี่เชนทร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผมนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ ก่อนหันไปหยิบของกินที่เตรียมมาเปิดออกกิน ผมจงใจเลือกเอาอาหารแบบคำเดียว มีชอสเยอะ ๆ เยิ้ม ๆ หน่อย หยิบกินคำไหนก็ต้องเลียนิ้วคำนั้น

“อะ” ผมรอจังหวะให้รถโล่ง ๆ หันไปยื่นให้พี่เชนทร์คำหนึ่ง คนตัวสูงหันมามองนิดหนึ่ง อ้าปากรับในขณะที่ตายังมองท้องถนนอยู่ ผมจงใจค้างนิ้วไว้แทนที่จะรีบชักกลับ พี่เชนทร์งับนิ้วผมตามแผน ผมครางออกมาเบา ๆ พี่เชนทร์รีบหันมามอง ผมหรี่ตาทำหน้าเจ็บแบบเซ็กซี่ใส่ พี่เชนทร์มองมาตาค้างนิด ๆ ผมชักนิ้วกลับมาอมไว้

“อร่อยไหม” ผมถามในความหมายสองแง่สองง่าม แกล้งตวัดปลายลิ้นออกมาเลียนิ้วตัวเอง พี่เชนทร์รีบละสายตาหนี ผมหัวเราะหึ ๆ มองต่ำลงไปที่เป้ากางเกง

มันตื่นขึ้นมาแล้วครับ

“เอาอีกไหม”

พี่เชนทร์ส่ายหน้า ผมรวบเก็บถุงของกินไปวางไว้ด้านหลัง ปรับเบาะลงนิด ๆ

“ง่วงแล้ว ขอนอนก่อนนะ” ผมยกแขนขึ้นไปไว้เหนือหัว จงใจให้หัวนมโผล่ออกมาวอมแวม พี่เชนทร์หันมามองนิด ๆ แล้วรีบหันกลับไปขับรถต่อ ผมแอบอมยิ้ม เพราะตอนนี้เป้าพระปูนของผมตุงยิ่งกว่าเดิมซะอีก

เอาแค่นี้ก่อนดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะตื่นซะเอง

แอร์ในรถเย็นมาก แต่ร่างกายผมกำลังร้อนรุ่มเพราะความต้องการ ผมอยากให้พี่เชนทร์มาเป็นของผมเร็ว ๆ จัง ไม่ต้องห่วงเรื่องร่างกายผม เพราะผมเตรียมความพร้อมไว้เสมอ ผมรู้ไซส์พี่เชนทร์ดีอยู่แล้ว แถมยังฝึกจนต่อให้โดนครั้งแรก ผมก็จะไม่เจ็บเด็ดขาด

แล้วผมก็หลับไปจริง ๆ

กระทั่งได้กลิ่นไอทะเลลอยกรุ่นเข้ามาแปะจมูก ผมลืมตามอง พี่เชนทร์หมุนกระจกลงจนสุดเพื่อรับลม

“ว้าวว” ผมฉีกยิ้มกว้าง มาถึงกันแล้วครับ หัวหิน

พี่เชนทร์ขับตรงไปอีกกระทั่งจอดสนิทยังโรงแรมที่เราจองกันไว้ก่อนหน้า ซึ่งคนที่จองคือผมเอง เลือกเอาที่พักที่สวยที่สุด ติดทะเลมากที่สุดและโรแมนติกสุดด้วย ถึงพี่เชนทร์จะพาผมมาในฐานะน้องชายแต่ผมมากับพี่เชนทร์ในฐานะคนรัก

พอเอากระเป๋าเข้าไปไว้ในห้องเรียบร้อย(แน่นอนว่าห้องเดียวกัน) ผมก็ชวนพี่เชนทร์ไปเดินเล่นทันที เปลี่ยนชุดก่อนไปด้วย เผื่อได้เล่นน้ำ ผมจงใจเลือกใส่เสื้อขาว แถมยังบางสุด ๆ กางเกงสีเดียวกันแต่มีลายนิดหนึ่งเพื่อไม่ให้น่าเกลียดเกินไป จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะทุกคนในบ้านจะรู้ว่าผมชอบใส่เสื้อผ้าสีสว่าง โดยเฉพาะโทนขาว ถ้าเป็นสีก็ต้องเป็นสีโทนสว่างไปทางขาวเป็นหลัก

ผมจับมือพี่เชนทร์ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง พี่แกมีสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ไม่มาก คงกลัวผมรู้สึกไม่ดี คนรักเขาจับมือกันแบบไหนผมก็ทำแบบนั้นแหละ

“คนมองกันใหญ่ สงสัยเพราะพี่ผมหล่อ” ผมชม พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด ผมลอบยิ้ม ขยับเปลี่ยนเป็นควงแขน

“เอ่อ..เดินเฉย ๆ ก็ได้มั้งชยันต์ เดินถนัดเหรอ”

“ถนัดสิ อยากเดินกับพี่เชนทร์แบบนี้ รู้สึกอบอุ่นดี” พี่เชนทร์ไม่ค้านอะไรต่อ เดินไปได้สักพักเราก็วกกลับ

“ไปเล่นน้ำกัน” ผมชวน พี่เชนทร์พยักหน้า

ผมวิ่งลงน้ำไปก่อนทันที ทิ้งตัวลงน้ำจนเสื้อเปียก ผมแช่อยู่ในนั้นกระทั่งพี่เชนทร์ก้าวตามลงมา ผมยิ้มลอยตัวไปรอบ ๆ สภาพไม่ต่างกับเด็กน้อยเล่นน้ำทั่วไป ก่อนขยับไปใกล้ โผล่ขึ้นเหนือน้ำต่อหน้าพี่เชนทร์ รายนั้นมองมาตาค้างนิด ๆ ผมลอบยิ้ม แน่นอนสิ เสื้อผมเป็นสีขาวแถมยังบางสุด ๆ พอเปียกมันก็ลู่แนบเนื้อ

สภาพผมตอนนี้ใส่เสื้อก็เหมือนไม่ได้ใส่ แถมหัวนมยังตั้งชันเพราะความเย็นจากน้ำอีก พี่เชนทร์รีบเบนหน้าหนี ผมขยับเข้าไปใกล้ แกล้งผลักคนตัวสูงให้ถอยร่นขึ้นไปยังน้ำที่ตื้นขึ้นจนพี่เชนทร์ล้มลงไปนอนหงาย ค้ำรองร่างด้วยสองมือด้านหลัง ผมคร่อมกอดพี่เชนทร์ไว้ กึ่งเล่นกึ่งนัวเนีย แอบแต๊ะอั๋งบ้างบางจังหวะ

ผมหัวเราะเหมือนเด็กน้อยไม่คิดอะไร จนเหนื่อยนั่นแหละ(อันนี้เหนื่อยจริงครับ)ผมถึงได้หยุดเล่น คร่อมร่างพี่เชนทร์ไว้ ผมจงใจมองคนด้านล่างด้วยสายตาเชื่อมหวาน ซึ่งพี่เชนทร์เองก็มองผมกลับด้วยสายตาเดียวกัน พี่แกคงทำไปแบบไม่รู้ตัว

พี่เชนทร์ตกหลุมพรางของผมเข้าให้แล้ว

แต่สำนึกด้านดียังมีอยู่ พี่เชนทร์รีบขยับถอยชวนผมขึ้นจากน้ำ ผมรับคำอย่างว่าง่าย พากันขึ้นไปนั่งเล่นทรายแทน ผมกอดเข่าไว้หลวม ๆ มองคลื่นน้ำที่กำลังซัดสาดเคียงข้างคนตัวโต เรามีร่มอันใหญ่ ๆ ไว้กันแดด ของทางที่พักนั่นแหละ

“บรรยากาศดีเนอะ” ผมชม พี่เชนทร์พยักหน้าเห็นด้วย ผมขยับเปลี่ยนที่จากนั่งข้าง ๆ ไปเป็นนั่งอยู่ด้านหน้าพี่เชนทร์ จับแขนคนตัวสูงมาโอบผมไว้ พี่เชนทร์มองมาอึ้ง ๆ ผมหันไปยิ้มใสซื่อใส่

“ขอระลึกความหลังหน่อย จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พี่ชอบกอดผมแบบนี้ประจำ” ผมขยับจงใจให้ก้นเบียดชิดเป้าของคนด้านหลัง อมยิ้มนิด ๆ เพราะบางสิ่งของพี่เชนทร์กำลังขยับตื่นตัว ผมพิงหลังกับอกกว้าง จ้องมองท้องทะเล

“บางครั้งก็อยากกลับไปเป็นเด็ก”

“ตอนไหนก็น่ารัก”

“จริงเหรอ” ผมหันไปส่งยิ้มหวาน พี่เชนทร์มองมานิ่งค้าง พยักหน้ารับ

เราหากิจกรรมอื่น ๆ ทำกันต่อ ตอนเด็กเคยทำอะไร ผมก็พยายามย้อนกลับไปทำ กระทั่งถึงมื้อดึก ผมโทรจองร้านอาหารแบบบรรยากาศดี ๆ ภายใต้แสงเทียนไว้ โดยให้เหตุผลพี่เชนทร์ว่าเพื่อน ๆ แนะนำให้มา

เย็นนี้ผมจงใจแต่งตัวให้ดูน่ารักกึ่งเซ็กซี่ แต่อย่างหลังจะหนักหน่อย พี่เชนทร์มองตาค้างตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำแล้ว ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ควงแขนคนตัวสูงเดินออกมาจากห้อง ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึง เราได้โต๊ะวิวดีที่สุดของร้าน เทียนสีแดงถูกจุดวางไว้ ดูโรแมนติกอย่างที่ผมต้องการจริง ๆ

“โรแมนติกจัง” ผมพูดเคลิ้ม ๆ เราสั่งหาอาหารไปกันแล้ว

“มันจะดีกว่านี้ถ้ามากับแฟน”

ผมแกล้งหน้าบูด

“มากับน้องไม่ดีงั้นสิ งั้นผมกลับก็ได้” ผมขยับลุก พี่เชนทร์รีบคว้าจับข้อมือผมไว้

“พี่แค่พูดเฉย ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้งอน”

“แน่นะ”

พี่เชนทร์พยักหน้า ผมยิ้ม ทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมดี ๆ ไม่นานอาหารก็มา ผมตักกับข้าวที่พี่เชนทร์ชอบที่สุดไปวางไว้บนจานคนตัวสูง พี่เชนทร์มองอึ้ง ๆ ผมแค่ยิ้มให้ ก่อนตักอีกคำไปจ่อไว้ใกล้ปาก พี่เชนทร์มองมาตาปริบ ๆ

“ตอบแทนที่ดูแลผมดีมาตลอด ต่อไปนี้ให้ผมเป็นฝ่ายดูแลพี่บ้าง ผมหลงเพ้อถึงแต่พี่ชายมาตลอด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าใครคือพี่ชายที่แสนเพอร์เฟคที่สุดสำหรับผม” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง พี่เชนทร์นิ่งค้างไปพัก แต่ก็อ้าปากรับ

ดวงตาคมคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสน ผมลอบยิ้มอยู่ในใจ ผมรู้ว่าพี่เชนทร์มีความต้องการในตัวผม และอาจมีบางสิ่งที่มากกว่านั้น แต่มันก็ตบตีกับความรู้สึกผิดในฐานะพี่ชายที่มีสายเลือดเดียวกันอยู่ครึ่งหนึ่ง และในฐานะผู้ชายแท้ ๆ คนหนึ่งด้วย

เพศเดียวกันคงไม่เท่าไหร่ แต่ความเป็นพี่น้องนี่สิ ต่อให้ร่างกายอยากขนาดไหน ก็ต้องบังคับจิตใจไว้ ผมรู้ว่าพี่เชนทร์ทรมาน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อผมต้องการ ต่อให้มันผิด ผมก็จะทำ

วันนี้ผมขอพี่เชนทร์ทดลองดื่มไวน์ บอกพี่แกว่าทดลองดื่มเป็นครั้งแรกเพราะโตแล้ว แต่จริง ๆ แล้วผมกินกับพวกเพื่อน ๆ ในกลุ่มบ่อย

“เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าอย่าลองอย่าลอง”

“ผมอยากเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ” ผมแกล้งเมา นัวเนียพี่เชนทร์มาตลอดทางกระทั่งถึงห้อง พี่เชนทร์ค่อย ๆ ประคองผมลงบนเตียง ผมแกล้งเลิกเสื้อขึ้นสูงเหมือนคนร้อน

“ร้อนเหรอ ไปอาบน้ำก่อนไหม”

“อืม ฉุดหน่อย” ผมยื่นมือไปหา พี่เชนทร์ช่วยฉุด ผมหัวเราะเอิ๊กเหมือนคนไม่ได้สติ ดึงคนตัวสูงจนเสียหลักล้มลงมาทับ

“หา จะเล่นมวยปล้ำเหรอ ได้เลย” ผมหัวเราะรวบกอดคนตัวสูง พลิกกลิ้งไปมา

“ชยันต์ นายเมาแล้วนะ”

“ใครเมา” ผมบดเบียดท่อนล่างไปมา จับคนด้านบนพลิกลงไปนอนหงายที่พื้น

“เจ้าคือม้าของข้า จงพาข้าไปเมืองพาราณสีซะ” ผมขึ้นคร่อมคนตัวสูง จงใจเบียดชิดเนินเนื้อบนลำท่อนแข็งแรง ตัวผมสั่นขึ้นมานิด ๆ

สิ่งนี้สินะ ที่จะเข้ามาอยู่ในตัวผม

“ชยันต์ นายเมาแล้ว” พี่เชนทร์จะจับผมลง แต่ผมยึดจับไว้ แกล้งเบียดเบา ๆ พี่เชนทร์เบ้หน้า บางส่วนตื่นตัวขึ้นมานิด ๆ

“โอ้ว ผมเห็นศัตรูแล้ว” ตอนเด็ก ๆ ผมเล่นแบบนี้จริง ๆ ผิดแต่พี่เชนทร์จะเป็นม้าให้ผมขี่หลัง ไม่ใช่ขี่ด้านหน้าแบบนี้ ผมยิ้ม ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปด้านหน้า พี่เชนทร์ทำหน้าอึดอัด ส่วนนั้นตั้งชันจนชนร่อง

รู้สึกดีจัง...

“ชะ ชยันต์” พี่เชนทร์ซี้ดปาก ผมก้มมองพี่เชนทร์ตาเชื่อม

“อะไร ผมหนักมากเลยเหรอ” ผมแกล้งยกท่อนล่างขึ้นนิด ๆ เพื่อไม่ให้ทับพี่เชนทร์ แล้วทิ้งตัวลงไปใหม่ จงใจให้ร่องชนเป้าที่กำลังชูชัน พี่เชนทร์ครางอื้อในลำคออย่างทรมาน ผมแกล้งทำหน้าฉงน ขยับถอยไปด้านหลังนิด ๆ เพื่อก้มดูสิ่งที่กำลังทิ่มก้นอยู่นั้น

“พะ พี่ขอโทษชยันต์” พี่เชนทร์หน้าซีด คงกลัวผมรู้สึกแย่ที่ตื่นกับผมแบบนี้ ผมแกล้งทำหน้าฉงนยิ่งกว่าเดิม เอียงคอมอง

“นี่อะไร” ผมจับสิ่งนั้นหมับผ่านกางเกง

“ชยันต์!!” พี่เชนทร์ตัวสั่นริก

“ซ่อนอะไรไว้ข้างในเนี่ย” ผมลองคลำ ๆ ดู

“ยะ อย่า ชยันต์ อย่าจับ อื้ม...” พี่เชนทร์รีบคว้าจับมือผมไว้ ผมมองหน้า อมลมนิด ๆ

“ซ่อนของกินไว้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ชยันต์”

“แล้วอะไรล่ะ ขอดูหน่อย” ผมไม่ขอเปล่า จับขอบกางเกงพร้อมกางเกงในพี่เชนทร์ดึงพรืดลงมา บางสิ่งโชว์หรา ตั้งชันสั่นริก ปลายยอดเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำแห่งความต้องการ

“ชยันต์!!” พี่เชนทร์หน้าตื่น จะดึงกางเกงกลับ แต่ผมยึดจับมันไว้ หัวใจพากันเต้นโครมคราม

สิ่งนี้แหละ คือสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด

“ปล่อยมือชยันต์” พี่เชนทร์พยายามจะดึงกางเกงขึ้น

“ไหนว่าไม่ใช่ของกินไง ไส้กรอกอันเบ้อเร่อเลย” ผมแกล้งพูด

“มันไม่ใช่ไส้กรอกนะชยันต์ ปล่อยพี่ก่อน” ผมอมลม แทนที่จะปล่อยกลับคว้าจับสิ่งนั้นไว้ในมือหมับเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

“ชยันต์!!” พี่เชนทร์หน้าตื่น พยายามจะงัดมือผมออก แต่ผมยึดแน่น จ้องตาวาว

“น่ากินจัง”

พี่เชนทร์พยายามร้องห้ามแต่ผมไม่ฟัง ยังยึดจับแน่น แตะปลายนิ้วลงบนส่วนยอด พี่เชนทร์ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด ตรงนั้นก็สั่นริกคงเพราะความอัดอั้น

“ราดซอสครีมด้วย”

“ไม่ใช่นะชยันต์”

ผมไม่ฟังเสียง ก้มลงไปตวัดเลียซอสครีมนั้นเข้าปากทันที พี่เชนทร์อ้าปากค้าง ผมเลิกสนใจคนด้านบน ยึดจับสิ่งนั้นด้วยสองมือมั่น ตวัดปลายลิ้นเลียปลายยอดคล้ายแมวกำลังเลียอาหาร พี่เชนทร์ครางทุ้ม มือที่พยายามผลักไสหยุดนิ่งลงชั่วขณะ ผมไล่งับเบา ๆ ก่อนพลิกลิ้นมาเป็นตวัดเลียขึ้นลงทั้งลำท่อน พี่เชนทร์ซี้ดปากผสานมือกับเส้นผมผมทันที พอผมอ้าปากรับเอาสิ่งนั้นเข้าไปภายใน มือที่ผสานอยู่แปรเปลี่ยนเป็นบดคลึง ใบหน้าได้รูปแหงนขึ้นนิด ๆ แล้วครางออกมาด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่เร่าร้อน

ผมฝึกเรื่องพวกนี้มาหมดเลย รวมถึงทุกจุดเร้าและจุดอ่อนของผู้ชายด้วย ผมกลืนของพี่เชนทร์เข้าไปแทบจะมิดอัน เทคนิคนี้ฝึกยากครับ ต้องใช้ให้คุ้ม ๆ หน่อย พี่เชนทร์ครางเรียกเสียงหนัก ๆ ลมหายใจหอบถี่ให้รู้ว่าใกล้จะไปถึงปลายทางแล้ว ผมเร่งให้ทันทีอย่างรู้งานกระทั่งมีน้ำอุ่น ๆ พรั่งพรูเข้ามาในปาก ผมตวัดกินจนหมดไม่เหลือไว้ให้เสียของแม้แต่หยดเดียว พี่เชนทร์หอบจนหน้าท้องไหวกระเพื่อม

“พี่เชนทร์ ทำไมผมรู้สึกร้อนแปลก ๆ” ผมจ้องหน้าคนตัวสูงตาเยิ้ม

“โดยเฉพาะตรงนี้” ผมกุมเป้าตัวเองไว้ตัวสั่น ๆ ไอ้ที่สั่นนี่ไม่ได้แกล้งครับ ผมต้องการจริง ๆ น้องผมตั้งชันจนพองกางเกงแล้ว

“ช่วยตัวเองสิ” พี่เชนทร์ตอบกลับ ท่าทางยังหอบอยู่นิด ๆ ผมมองกลับตาเชื่อม

“ยังไง”

”ไม่เคยช่วยตัวเองเลยเหรอ” พี่เชนทร์ขมวดคิ้วถาม

“ร้อน” ผมไม่ตอบ แต่แสดงท่าทางที่ทรมานใส่แทน พี่เชนทร์นิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนรั้งเอาตัวผมลงไปนั่งบนตัก ล้วงมือดึงของผมออกมาด้านนอก ผมครางออกมาทันทีจิกเท้ากับที่นอนแน่น

“เราโตเป็นหนุ่มแล้วนะ หัดช่วยตัวเองได้แล้ว”

ตอนนี้สติด้านการรับฟังของผมมันพังทะลายไปแล้วเพราะความต้องการที่กำลังเปี่ยมล้น ผมครางเรียกพี่เชนทร์ ขยับร่างกายตามอารมณ์ อันนี้ไม่ได้ใช้มารยาอะไรแล้วครับ รู้สึกแบบไหนก็แสดงออกมาเลย ความต้องการมั่นเอ่อล้นอยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นานผมก็ไปถึงปลายทาง ผมหอบแฮก แผ่นหลังยังแนบอยู่กับแผงอกกว้าง น่าจะพอแล้วสำหรับวันนี้ ผมค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง

“เดี๋ยวชยันต์!” ผมไม่สนใจเสียงเรียกนั้น สั่งตัวเองให้หลับไปจริง ๆ





 

ผมตื่นอีกทีตะวันก็สายโด่งแล้ว ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดชัดเจน อากาศดี  สุด ๆ พื้นที่ข้าง ๆ ว่างเปล่า ผมลุกจากเตียงเดินออกไปนอกห้องนอน เห็นพี่เชนทร์ยืนเหม่อมองท้องทะเลอยู่นอกระเบียง ปลายสายตาเป็นระลอกคลื่นที่กำลังวิ่งกระทบฝั่งลูกแล้วลูกเล่า  ผมย่องเงียบเข้าไปจ๊ะเอ๋ พี่เชนทร์หันมามองด้วยใบหน้าตกใจ

“เป็นไร ทำหน้าเหมือนเห็นผี”

พี่เชนทร์จ้องหน้าผม

“เมื่อคืน...”

“เมื่อคืนทำไม ว่าแต่ ผมกลับมาอยู่ห้องได้ไง จำได้ว่านั่งกินไวน์กันอยู่ รู้ตัวอีกที ตื่นแล้ว อะไรว้า~”

พี่เชนทร์ขมวดคิ้ว

“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”

“จำได้สิ”

พี่แกหน้าซีด

“จำได้ว่ากินไปแก้วเดียว”

“ใครว่าแก้วเดียว ห้าแก้วต่างหาก”

“บ้า แก้วเดียว”

“ห้า” พี่เชนทร์ถอนหายใจแรง “สรุป นายลืมเหตุการณ์หลังจากแก้วแรกหมด”

ผมแกล้งทำหน้าตื่น

“ทำไมเหรอ หรือว่าผมเมาแล้วรั่ว ผมทำอะไรทุเรศไปหรือเปล่าพี่” พี่เชนทร์จ้องหน้าผมเหมือนกำลังจะค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง ผมยังทำหน้าตื่นอยู่

“ไม่หรอก ปกติดี”

“แล้วผมกลับมาไง”

“เดินกลับมาเองนี่แหละ”

“อะไรวะ จำไม่ได้เลย มิน่ารู้สึกตัวเน่า ๆ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมเดินอมยิ้มเข้าห้องน้ำไป


To be con..







Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.4 พระอิฐเริ่มร้าว (19-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-04-2018 08:55:12
ใกล้ตบะแตกแล้ว~
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.4 พระอิฐเริ่มร้าว (19-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: doll999 ที่ 24-04-2018 09:10:34
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.4 พระอิฐเริ่มร้าว (19-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-04-2018 18:56:48
กรี๊ด รอคนตบะแตก :hao6:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.4 พระอิฐเริ่มร้าว (19-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 28-04-2018 18:35:01
หลากหลายเรื่องดีครับ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.4 พระอิฐเริ่มร้าว (19-4-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: LOVEJUICE ที่ 02-05-2018 21:52:47
 :hao3:พี่จะตามทันได้ไงน้องมีความโปรในการวางแผนแบบนี้
แค่นี้ก็ทนจะไม่ไหวอยู่แล้วรอบหน้าคงไม่รอดแน่ๆเลย
สร้างบรรยากาศอ่อยซะขนาดนี้ ทำเป็นเนียนไม่ให้พี่ไก่ตื่นบอกจำอะไรไม่ได้เลย
สงสารพี่ดีไหมนะ ฮ่าๆๆ เอาใจช่วยน้องจอมยั่วแผนสูงสุดพลัง
รอตอนต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.5 พระอิฐแตกพ่าย (จบคู่ที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-05-2018 09:40:16
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 2 : #พี่เชนทร์ชยันต์ [คู่ยั่ว : พระอิฐพระปูน x เด็กยั่ว]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 05 : พระอิฐแตกพ่าย



“ชยันต์”

“ครับ” ผมหันไปหาคนเรียกขณะกินมื้อเช้ากันอยู่

“ต่อไปนี้ นายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด ถ้าจะดื่มให้ดื่มกับพี่เข้าใจไหม”

“ทำไม”

“นายจำอะไรไม่ได้ เกิดถูกหลอกไปจะมีอันตราย”

“ถ้าผมกินกับเพื่อนล่ะ”

“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย” พี่แกถามเสียงเครียด

“ผู้ชายสิ” จริง ๆ แล้วผมมีแต่เพื่อนผู้หญิง

“ไม่ได้!!” พี่เชนทร์ตอบกลับทันที ผมบู้หน้า

“ไหน ๆ ก็อุตส่าห์กินเป็นแล้ว เวลาเพื่อน ๆ ชวนจะได้ไปกินได้”

“ไม่ได้ ไม่ต้องไปด้วย”

“อยากไปอ่ะ” ผมงอแงไม่ยอม พี่เชนทร์มองมาด้วยสีหน้าซีเรียส

“ไม่ต้องไป แต่ถ้าดื้อจะไปจริง ๆ ก็ให้โทรบอกพี่ก่อนทุกครั้งเข้าใจไหม ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด พี่จะไปอยู่เฝ้า”

ผมแกล้งบู้หน้าทำเหมือนเด็กวัยรุ่นโดนผู้ปกครองคุม แต่ภายในกำลังตีปีกพับ ๆ อย่างดีใจ

วันศุกร์ถัดมาผมก็นัดเพื่อน ๆ ดื่ม วันนี้ผมกะว่าจะเผด็จศึกถึงขั้นสุดท้ายเลย พอเครื่องดื่มหมดไป 2 ขวด ผมก็โทรบอกพี่เชนทร์ รายนั้นพอรู้ว่าเมาผมก็แทบจะเหาะมาหาทันที 

“ไหนบอกว่าจะมาทำรายงาน ดื่มกันได้ยังไง” พี่แกถามด้วยน้ำเสียงตำหนินิด ๆ

“วันเกิดเพื่อน มันเกิดวันนี้ ...มันเกิดอยากจะดื่ม” ผมพูดไปหัวเราะไป

“พี่บอกแล้วว่าอย่ากิน ต่อให้เพื่อนสนิทชวนก็เถอะ”

“ทำไมเล่า” ผมแกล้งบู้หน้า

“ดื่มแล้วเราจำอะไรไม่ได้เลย ไม่มีสติ เกิดไปทำอะไรแผลง ๆ ขึ้นมาทำไง”

“ไม่มี๊” ผมปฏิเสธเสียงสูง

“เอาล่ะเข้าไป อาบน้ำแล้วก็นอนเลยนะ” พี่เชนทร์ลากผมอย่างทุลักทุเลจนมาถึงบ้าน ดันผมเข้าห้อง ปิดประตูล็อกกลอนให้เรียบร้อย ผมยิ้ม เข้าไปอาบน้ำ แล้วออกมาแต่งตัวด้วยชุดที่ยั่วที่สุดและถอดง่ายที่สุด กะเวลาให้อีกฝ่ายอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยถึงได้เดินออกไปเคาะห้อง

พี่เชนทร์เปิดประตูออก ใส่ชุดนอนเรียบร้อย สวมแว่น คงนั่งทำงานอยู่

“ออกมาทำไม ทำไมไม่รีบนอน”

“ไม่อยากนอนคนเดียว ขอนอนด้วยคน นะ”

“พี่ต้องทำงาน นอนห้องตัวเองไปน่ะดีแล้ว”

ผมแกล้งงอน ง้ำหน้าลงนิด ๆ เดินเลยไปทางห้องพี่ชายคนถัดไป พี่เชนทร์รีบตามมาฉุดแขนไว้

“จะไปไหน”

“ไปนอนกับพี่อนุชา” ผมหมายถึงน้องชายแม่เดียวกับพี่เชนทร์

“ไม่ต้อง มานี่เลย” แล้วพี่แกก็ลากผมเข้าไปในห้องตัวเอง ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ

“พี่ขอร้องล่ะ อย่าดื่มอีกได้ไหม”

“ทำไม พรุ่งนี้วันเสาร์นะ”

“จะวันไหนก็ห้ามดื่ม”   

ผมแกล้งบู้หน้า แต่ก็พยักหน้ารับเหมือนเข้าใจ

“พี่ต้องทำงาน เรานอนไปก่อนละกัน”

ผมพยักหน้าอีกรอบ เดินไปทิ้งตัวลงนอน ห่มผ้าห่มอย่างดี พี่เชนทร์ถอนหายใจแรง กลับไปนั่งทำงานต่อ ผมนั่งมองอยู่สักพักก็ย่องเงียบลงจากเตียงเข้าไปหา

“นี่” ผมสะกิดหัวไหล่ พี่เชนทร์สะดุ้งนิดหนึ่งหันมามอง

“ทำไมยังไม่นอน”

“มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พี่เชนทร์ถอดแว่น หันมาตั้งใจฟังดี ๆ

“วันนี้ตอนดื่ม เพื่อน ๆ เขาเปิดหนังโป๊ดูกัน เป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูหนังโป๊ โอ้โห มันสุดยอดไปเลย ไม่น่าเชื่อเนอะว่าคนเราจะทำกันได้”

พี่เชนทร์นิ่งงันไป

“นี่ ผมว่าจะถามมาหลายรอบแล้ว”

“อะไร”

“ผู้หญิงมีอะไรกับผู้ชายพอเข้าใจ แต่พี่ชายกับพี่กวินทร์เขาทำกันยังไงเหรอ เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ ด้านหลังมันเข้าไปได้จริง ๆ น่ะเหรอ”

พี่เชนทร์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“พี่ไม่รู้”

“วันนั้นเห็นพี่ชายกับพี่กวินทร์จูบกัน ผู้ชายกับผู้ชายจูบกันมันรู้สึกดีด้วยเหรอ” ผมถามต่อด้วยน้ำเสียงอินโนเซ้นท์

“นอนเถอะ ดึกแล้ว” พี่เชนทร์ตัดบท ลุกจากเก้าอี้ จะพาผมเดินไปที่เตียง

“นี่ ผมอยากลองจูบดูบ้าง”

พี่เชนทร์ชะงัก

“ไว้มีแฟนก่อนสิ”

“เมื่อไหร่กันเล่า แม่ไม่ยอมให้มีแฟนจนกว่าจะเรียนจบนะ นี่สอนผมจูบหน่อย เวลามีแฟนจะได้จูบเป็นไง”

“เรื่องนี้มันสอนกันไม่ได้”

“น้า สอนผมหน่อย นะ ๆ” ผมเขยิบเข้าไปกระแทกลูกอ้อนใส่

“ชยันต์!” พี่เชนทร์ตวาดเบา ๆ ผมอมลมใส่อีกรอบ

“ขี้ตืด ไปให้พี่อนุชาสอนก็ได้” ผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง พี่เชนทร์รีบคว้าข้อมือผมไว้

“มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้ใครสอนก็ได้นะ มันเป็นสิ่งที่เอาไว้ทำกับคนที่เรารัก”

“ก่อนจะรักก็ต้องหัดเรียนรู้ก่อนสิ ผมยังเป็นนักเรียนอยู่นะ เพราะงั้นสอนผมหน่อย”

“เราเป็นพี่น้องกัน”

“แค่จูบเนี่ยนะ”

“ใช่”

“งั้น ผมไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องมาสอนก็ได้” ผมทำท่าจะเดินออกจากห้องอีกรอบ

“ชยันต์ มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันเล่น ๆ นะ”

“ก็สอนผมหน่อยสิ ผมแค่อยากรู้” พี่เชนทร์นิ่งคิด จ้องหน้าผมเขม็ง

“เอาแค่ให้หายอยากรู้อยากเห็นใช่ไหม”

ผมพยักสองหงึก พี่เชนทร์กรอกตาทำหน้าลังเล ผมยืนคอยด้วยหัวใจอันลุ้นระทึก

“ขอให้นายลืมตอนสร่างเมานะ”

ผมพยักหน้ารับ พี่เชนทร์มีสีหน้าลังเลยิ่งกว่าเดิม จ้องหน้าผมเขม็ง ก่อนค่อย ๆ โน้มหน้าลงมาช้า ๆ 

สาบานได้ว่าผมรอคอยช่วงเวลานี้มานานมาก ๆ ผมเคยทำอะไรกับพี่เชนทร์มาบ้างระดับหนึ่งก็จริง แต่เราก็ยังไม่เคยจูบกัน พอริมฝีปากแตะกันได้ พี่เชนทร์ก็รีบยกหน้าขึ้นทันที

“เอาล่ะ นอนได้แล้ว”

ผมบู้หน้า

“ยังไม่รู้สึกอะไรเลย ลองอีกทีนะ”

พี่เชนทร์ส่ายหน้า

“งั้นไปให้พี่อนุชาสอนต่อก็ได้ เมื่อกี้เหมือนเด็กอนุบาลจุ๊บกันเลย” ผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง พี่เชนทร์รีบคว้าข้อมือผมไว้อีกที ทำสีหน้าอึดอัดยิ่งกว่าเดิม

“รอบนี้รอบเดียวเท่านั้นนะ ตื่นมาก็ลืมให้หมดด้วย เข้าใจไหม”

ผมพยักหน้า ยิ้ม ขยับมายืนอยู่ใกล้ ๆ เงยหน้าขึ้นนิด ๆ เผยอริมฝีปากให้ดูเซ็กซี่หน่อย ๆ 

พี่เชนทร์กลืนน้ำลาย ก่อนค่อย ๆ แนบปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้รีบยกหนี แต่นิ่งค้างไว้ หัวใจผมพากันไหวแรง พี่เชนทร์ไม่ยอมขยับริมฝีปากเลยแม้แต่นิดเดียว จนผมต้องเป็นฝ่ายขยับเอง พอผมเริ่มนำ พี่เชนทร์ก็ขยับตาม แต่ไม่มาก เป็นไปในลักษณะตามน้ำมากกว่า

ผมรู้ว่าพี่เชนทร์คงกลัวว่าตัวเองจะเกิดอารมณ์ หรือไม่ก็จะเผลอรู้สึกอะไรมากไปกว่านี้ ผมค่อย ๆ ยกมือขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่ง ขยับริมฝีปากเพิ่มความเร่าร้อนให้รสจูบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด มันก็ร้อนฉ่าจนส่วนนั้นของพี่เชนทร์ตั้งขึ้น พี่แกรีบดันตัวผมออกทันที

“พอแค่นี้แหละ รีบไปนอนได้แล้ว”

พี่เชนทร์บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตามีแววเซ็กซี่นิด ๆ ตามแรงอารมณ์ ผมไม่พูดอะไร วางมือไว้บนบางสิ่งที่กำลังตั้งชันของพี่เชนทร์ บีบเบา ๆ พี่แกครางนิด ๆ รีบจับมือผมออก

“อย่าชยันต์ รีบเข้านอนเถอะ” 

ผมยื้อไม่ยอม ดึงมือออก ล้วงเข้าไปในกางเกง ดึงความชูชันของพี่เชนทร์ออกมา

“ชยันต์”

ผมขยับเบา ๆ มือที่จะปรามหยุดนิ่ง ผมรีบย่อตัวลงไปคุกเข่าที่พื้น อ้าปากรับเอาความแข็งขืนเข้าไปภายใน

“ชยันต์ อย่า”

พี่เชนทร์จับหัวผมไว้ ดันออก แต่ผมไม่ขยับ ตวัดปลายลิ้นปรนเปรออย่างช่ำชอง พี่เชนทร์เปลี่ยนจากดันหัวมาเป็นจับและคลึงเบา ๆ แหงนหน้าขึ้นนิด ๆ ครางออกมาตามแรงอารมณ์ 

“ทำไมทำเก่งแบบนี้นะ”
พี่เชนทร์ชมเสียงพร่า ผมไม่ตอบ แต่ขยับปรนเปรอให้เยอะกว่าเดิมอีก แต่ไม่ทำให้พี่เชนทร์เสร็จหรอก พอปรนเปรอทางปากจนหนำใจ ผมขยับลุก เลือนมือหนึ่งขึ้นไปคล้องลำคอในขณะที่มืออีกข้างยังคงขยับปรนเปรอส่วนล่างเพื่อรักษาอารมณ์ เบียดชิดร่างกายเข้าหาคนตัวสูง ของผมเองก็ตื่นเต็มที่แล้ว ผมมองพี่เชนทร์ตาปรอย ขยับริมฝีปากชิดปากอีกฝ่าย

“อยากจัง เรามาทำกันไหม ทำแบบที่พี่ชายกับพี่กวินทร์ทำ”

“ไม่ ชยันต์ ไม่ควร”
พี่เชนทร์กระซิบกลับด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน หลับตาเบา ๆ เมื่อผมกดเข้าที่จุดไวสัมผัสบนลำท่อนแข็งแรงด้านล่าง

“นะ ผมอยากจริง ๆ”

“ไม่ได้ชยันต์ เราเป็นพี่น้องกัน” พี่เชนทร์กระซิบตอบ ผมไม่พูดอะไรต่อ ละมือขึ้นมาคล้องลำคอแกร่งไว้ เคลื่อนริมฝีปากแนบชิด รุกเร้าด้วยตัวเอง พี่เชนทร์โอนอ่อน ขยับปากตอบรับคล้ายกับคนโดนมนต์สะกด จากเชื่องช้า รสจูบของเราก็เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งมือไม้ที่เคยหยุดนิ่งของพี่เชนทร์เริ่มจับเนื้อจับตัวผมลูบไล้อย่างเผลอไผล

แต่พระอิฐก็คือพระอิฐ ต่อให้อยากขนาดไหนตบะก็ยังแก่กล้าอยู่ พี่เชนทร์รีบดันตัวผมออก จับน้องตัวเองยัดใส่กางเกงเหมือนเดิม ทั้งที่มันตั้งชันจนตุงกางเกง

“ชยันต์จะนอนอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่จะไปนอนห้องชยันต์เอง” ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่พูดอะไร ขยับขึ้นไปนอนบนเตียง จ้องคนตัวสูงตาเยิ้ม ให้รู้ว่าผมยังมีอารมณ์อยู่ ผมค่อย ๆ เลิกถอดเสื้อออกจากหัวพอ ๆ กับถอดกางเกงออกจากตัว พี่เชนทร์มองมาตาค้าง

“จะทำอะไร” พี่แกถามเสียงเครียด

“ช่วยตัวเองไง”
ผมบอกเรียบ ๆ ลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วทั้งผิวเนื้อตัวเอง เลื่อนไปบีบหัวนมนิด ๆ แล้วครางออกมาเบา ๆ พี่เชนทร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ จ้องมาตาเขม็ง ผมเลื่อนฝ่ามือไปตามหน้าท้องผ่านข้างสะโพก ปลีน่อง พี่เชนทร์ยืนนิ่งราวกับถูกสาป ผมทำเป็นไม่สนใจอาการแบบนั้น ขยับแยกขาออกกว้างให้บางสิ่งโชว์เด่นท้าทายสายตา

“จะไปก็รีบไปสิ ผมจะช่วยตัวเอง”
ผมบอกเสียงเบา ปรือตาลงนิด ๆ เคลื่อนนิ้วไปแตะผะแผ่วตรงผนังนุ่ม ค่อย ๆ ไถลปลายนิ้วแทรกเข้าไป แต่ทำได้แค่ครึ่งข้อพี่เชนทร์ก็ยึดจับมือผมไว้ก่อน 

“อย่า ชยันต์ อย่าไปแตะต้องมัน”

“ทำไม นี่มันร่างกายผม ถ้าพี่ไม่ทำให้ผมก็จะทำเอง”
ผมดึงมือที่ถูกยึดจับไว้ออก ไถลนิ้วใส่เข้าไปใหม่ พี่เชนทร์ยึดจับไว้อีกที ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ 

“อย่า...ชยันต์ อย่าแตะมัน”
พี่เชนทร์ปรามเสียงพร่า ผมค่อย ๆ ดันตัวลุกนั่งในท่าเอนหลังนิด ๆ ค้ำร่างไม่ให้ล้มด้วยมือเดียวด้านหลัง จับมือพี่เชนทร์วางไว้ตรงตำแหน่งนั้น กดปลายนิ้วกลางจมลึกเข้ามาในผนังนุ่ม ผมครางออกมาทันทีเบา ๆ

พี่เชนทร์เบิกตากว้าง ผมตรึงสายตาคนตัวสูงไว้ไม่ให้เคลื่อนหนีไปไหน กดนิ้วนั้นลึกเข้ามาอีก ยิ่งลึกผมยิ่งครางเสียงดัง บีบรัดสิ่งนั้นแน่น คลายออกแล้วดูดกลืนเข้ามาใหม่ พี่เชนทร์กลืนน้ำลายลงคออีกอึก

“ใส่เข้ามาอีกสิพี่เชนทร์”
ผมร้องขอ ค่อย ๆ ดันนิ้วถัดไปให้ขยับกดเข้ามา มือที่อยู่นิ่ง ๆ ในตอนแรกเริ่มขยับอย่างที่ผมต้องการ ผมครางอย่างพอใจตามจังหวะของมือนั้น ไหวกายให้ดูยั่วยวนหนักเข้าไปอีก ลมหายใจพี่เชนทร์หนักขึ้น พี่แกใส่นิ้วเข้ามามากขึ้นอย่างเผลอไผล

“พี่เชนทร์ ผมอยากได้ไอ้นี่”
ผมจับของพี่เชนทร์ พี่แกส่ายหน้า

“ไม่ได้ชยันต์ เราเป็นพี่น้องกัน”

“ได้โปรด”

“ไม่ได้”
คนตัวสูงปฏิเสธอย่างอดทน ตัวผมสั่นริกไปหมดเพราะความต้องการอันเอ่อล้น พี่เชนทร์กลืนน้ำลายลงคอ ผมขยับผลักคนตัวสูงลงไปนอนแทนที่ เคลื่อนตัวขึ้นคร่อม ดึงสิ่งนั้นออกมาจากกางเกงอีกรอบ พี่เชนทร์ยกตัวขึ้นมานั่ง ดันร่างผมไว้ ส่ายหน้าไปมา

“อย่าชยันต์ อย่าทำแบบนี้”

ผมไม่พูดอะไร สื่อทุกความรู้สึกผ่านดวงตา แนบปากเข้าไปจูบผะแผ่ว จับสิ่งที่กำลังตั้งชันไว้ ค่อย ๆ เชื่อมประสาน

“ชยันต์...”
พี่เชนทร์ครางเรียกเสียงทุ้ม “เราไม่ควรทำแบบนี้” พี่แกกระซิบบอกเมื่อผมลงไปได้ครึ่งทาง ผมไม่สนใจอะไร ค่อย ๆ กดร่างลงไปลึกขึ้น กระทั่งสิ่งนั้นแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับผม ผมเชิดหน้านิด ๆ ด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้น บีบรัดสิ่งนั้นแน่นจนพี่เชนทร์ครางตาม

ผมเริ่มเคลื่อนไหวท่อนล่าง พี่เชนทร์เบ้หน้า สองมือกำที่นอนแน่น แต่ยังไม่ยอมเคลื่อนไหวอะไรคล้ายกับจะพยายามอดทนให้ถึงที่สุด

พระอิฐของผมพยายามอดทนจนวาระสุดท้ายจริง ๆ

ผมไม่สนใจท่าทีแบบนั้น อยากดูเหมือนกันว่าจะอดทนไปได้นานแค่ไหน ผมขยับไหวเอวรุนแรงขึ้น ครางออกมาตามแรงอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริง พี่เชนทร์ยังคงนั่งนิ่งกัดฟันแน่น

เอาล่ะ ได้เวลาทุบตบะพระอิฐให้แตกแล้ว

ผมแกล้งหมดแรงหลังจากขยับไปได้พักใหญ่ ๆ ซบทั้งหน้าทั้งตัวลงบนแผงอกกว้าง หอบแฮกจนหน้าอกไหว ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูง น้ำตาคลอเบ้านิด ๆ พี่เชนทร์อึ้งไป ผมคล้องมือไว้รอบลำคอแกร่ง เหวี่ยงพาร่างตัวเองลงไปนอนแล้วให้คนตัวสูงอยู่ด้านบน อย่าใช้แรงตัวเองรั้งครับ เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าเรายังมีแรงเหลือเฟือ แต่ทำเหมือนล้มแบบไม่ตั้งใจ ให้น้ำหนักตัวพี่เชนทร์นั่นแหละพาเราสองคนล้มลงไปนอนในท่าคร่อมกันแบบนี้

“ได้โปรด”
ผมร้องด้วยด้วยสีหน้าและท่าทีของลูกแมวน้อยร้องขออาหารตามเดิม ตาคลอหน่อย ๆ ตัวสั่นนิด ๆ

แค่นั้นแหละ ตบะอันกล้าแกร่งของพี่เชนทร์ก็พังทะลายลงมาทันที สิ่งหนึ่งที่พี่เชนทร์มีเหนือกว่าพี่ชายคนอื่น ๆ ก็คือความเป็นนักปกป้อง เป็นผู้นำ เป็นพี่ชายที่พร้อมจะเป็นพี่ชายสำหรับทุกคนนี่แหละ

เมื่อน้องเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ มีหรือที่พี่เชนทร์จะปฏิเสธ ต่อให้สิ่งนั้นมันผิดก็เถอะ พี่แกจับขาผมข้างหนึ่งยกสูงนิด ๆ เบียดชิดท่อนล่างเข้ามา ผมครางด้วยความพอใจ 

“นายทำให้พี่ต้องเสียคนนะชยันต์”

ผมไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรนอกจากครางรับตามแรงส่งที่หนักหน่วงแต่ก็อบอุ่นในแบบของพี่เชนทร์นั้น

“อืม พี่เชนทร์ แรงอีก”
ผมร้องขอ และพี่เชนทร์ก็ใจดีทำให้ผมได้อย่างถึงใจ

“ชยันต์”
พี่เชนทร์ครางพร่าในลำคอ ผมโอบสองขารอบเอวสอบ เคลื่อนไหวร่างกายตอบรับเป็นจังหวะ

สิบห้านาทีถัดมาเสื้อพี่เชนทร์ก็ปลิวหาย อีกห้านาทีถัดมาก็กางเกง จนตอนนี้เราเหลือไว้แค่ผิวเนื้อแนบผิวเนื้อ พี่เชนทร์จับผมพลิกคว่ำ ขยับเคลื่อนไหวด้วยท่าทีที่เร่าร้อนขึ้น เลือดพ่อในตัวของเราสองคนกำลังเดือดพล่าน ผมรู้ว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกัน ลีลาของพี่เชนทร์เป็นไปในรูปแบบที่ผมชื่นชอบ และผมก็รู้ดีว่าทำแบบไหนถึงจะทำให้พี่เชนทร์พอใจ

ผมอยากให้พี่เชนทร์รักและหลงผมมาก ๆ คราวนี้ขอบ้านก็ได้บ้านขอรถก็ได้รถ ขอเดือนขอดาวขออะไรก็คงได้หมด

แต่สิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

หัวใจพี่เชนทร์







ผมตื่นอีกทีตอนเช้า เห็นพี่เชนทร์นั่งทำหน้าซีเรียสอยู่บนเก้าอี้ ตั้งศอกกับเข่าประสานมือค้ำไว้ที่ปากมองมา

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“จำอะไรได้ไหม”
พี่แกถามมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ผมอ้าปาก ยิ้มแหะ ๆ ขยับลุก รู้สึกหน่วงไปทั่วทั้งด้านหลัง

“เจ็บสะโพก เมื่อคืนผมหกล้มเหรอ”

พี่เชนทร์นิ่ง

“จำอะไรได้บ้าง”

“จำไม่ได้เลย”

พี่แกขมวดคิ้ว

“พี่ขอสั่งห้าม ห้ามไม่ให้ดื่มอีก เข้าใจไหม”

“ครับ”
ผมทำเสียงหงอ ลุกขึ้นยืน เซนิด ๆ เพราะเมื่อคืนโดนล่อไปซะหลายยก พี่เชนทร์รีบเข้ามาประคอง

“เจ็บมากไหม” พี่แกถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมพยักหน้านิด ๆ

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
พูดจบก็อุ้มผมไว้ในอ้อมแขนเหมือนผู้ใหญ่อุ้มเด็กสักคน(ไม่ใช่ท่าเจ้าหญิงนะ) อุ้มที่สะโพกเหมือนพ่ออุ้มลูกธรรมดา ผมโอบรอบลำคอแกร่งไว้ ยิ้มให้นิด ๆ มองกลับด้วยสายตาเชื่อมหวาน พี่เชนทร์มองอึ้ง รีบละสายตาหนี ผมหัวเราะหึ ๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.5 พระอิฐแตกพ่าย (จบคู่ที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-05-2018 09:41:18
ผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ หนึ่งอาทิตย์ พี่เชนทร์ที่เคยดูแลผมดีแค่ไหน ตอนนี้ดูแลดีหนักกว่าเดิมอีก อุ้มได้พี่แกคงอุ้มผมไปแล้ว แต่ผมทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่างเพื่อไม่ให้พี่แกติดใจอะไร

“พี่เชนทร์”
ผมนั่งกัดเล็บ แกล้งทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาทางจิตนิด ๆ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องของพี่เชนทร์ ในขณะที่รายนั้นนั่งทำงานอยู่ พี่เชนทร์หันมามอง

“มีอะไร”
ผมเงยหน้ามองตาคนตัวสูง นัยน์ตาแสดงความหวั่นไหวออกมา(แน่นอนว่ามันเป็นการแสดง = =)

“ตลอดหนึ่งอาทิตย์มานี่ผมฝันแปลก ๆ”

“ฝันว่า...?”
พี่เชนทร์ถามค้างไว้ ผมทำหน้าชั่งใจ ใจอยากบอก แต่อีกใจก็ไม่อยาก(แน่นอนว่ามันเป็นการแสดง = =)   

“ฝันว่าอะไร”
พี่เชนทร์หันมามองตรง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าผมเล่า พี่อย่าหัวเราะนะ มันน่าอายมาก”

“ไม่หรอก พูดมาเถอะ เผื่อพี่ช่วยแนะนำอะไรได้”

“เอ่อ...ผมฝันว่าผมมีเซ็กส์”
ผมอ้อมแอ้มบอก พี่เชนทร์เลิกคิ้ว หัวเราะออกมาเบา ๆ

“โธ่ คิดว่าเรื่องอะไร แค่นี้เอง นี่แปลว่าชยันต์โตเป็นหนุ่มแล้ว ฝันเปียกใช่ไหม” 

ผมแสร้งทำหน้ากระอักกระอ่วน พยักหน้ารับนิด ๆ

“ไม่ต้องอายหรอกมันเป็นเรื่องธรรมดา พี่เองก็ฝันออกบ่อย” พี่เชนทร์ยิ้มละมุน ผมแกล้งกัดเล็บหนักกว่าเดิม

“ทำไม” พี่เชนทร์ถามอีกรอบ คงเพราะเห็นผมยังซีเรียสอยู่ 

“ผมไม่ได้ฝันว่ามีเซ็กส์กับผู้หญิง”

พี่เชนทร์งันไป

“ผมฝันว่าผมมีเซ็กส์กับผู้ชาย”

พี่เชนทร์มองมาอย่างตกตะลึง ผมทำหน้าซีเรียสยิ่งขึ้น นัยน์ตาดูสับสนนิด ๆ(และแน่นอนว่ามันคือการแสดงล้วน ๆ = =)

“แล้วผู้ชายที่ผมฝันถึง คือพี่เชนทร์”

พี่เชนทร์ตาค้าง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ทำท่าเหมือนจะพูด แต่พูดไม่ออก

“มะ มันเป็นแค่ความฝัน” พี่แกพูดอย่างยากลำบาก “สงสัยเพราะพี่อยู่ใกล้ชยันต์มากไป”

“ผมไม่รู้ ฝันเห็นทุกคืนเลย” ผมทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “ผมต้องเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้ฝันแบบนั้น” ผมรีดน้ำตาให้มันร่วงเหมาะแหมะ(แน่นอนว่ามันคือการแสดงล้วน ๆ = = อันนี้ไม่ยากเลยครับ)

พี่เชนทร์รีบลุกจากโต๊ะทำงานมานั่งข้าง ๆ โอบกอดผมไว้ทันที โยกตัวโอ๋เบา ๆ เหมือนผู้ใหญ่โอ๋เด็ก   

“ไม่เป็นไรนะชยันต์ มันแค่ความฝัน” ผมแกล้งร้องไห้กระซิก ๆ อยู่ในอ้อมแขนแกร่งนั้น(เป็นการแสดงล้วน ๆ ครับ = =)

“ผมฝันว่าพี่กอดผม สัมผัสผม กลืนกินผม พอตื่นขึ้นมามันก็เปียกแล้ว”

“มันเป็นแค่ความฝันนะ” พี่เชนทร์ย้ำ กอดผมแน่นขึ้นลูบหัวปลอบใจ 

“พี่เชนทร์” ผมแหงนหน้ามองตาปรอย ๆ พี่เชนทร์จ้องมาตาค้าง

“ผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง พี่ช่วยผมได้ไหม”

พี่เชนทร์มองหน้า ทำท่าคิด ก่อนพยักหน้าแบบปฏิเสธไม่ได้   

“อะไร”

“จูบผมหน่อย”

“ชยันต์” พี่เชนทร์ตาโต “พูดอะไรออกมา”

“ผมแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง”

“พิสูจน์อะไร”

“พิสูจน์ว่ามันเป็นแค่ความฝัน มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไร ผมไม่ได้เป็นโรคจิต ผมเป็นคนปกติ ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย” พี่เชนทร์มองมาตาค้าง ส่ายหัวไปมา

“ชยันต์ นายไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น มันก็แค่ความฝันนะ มันเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องปกติ ชยันต์เป็นคนปกติ ไม่ได้เป็นโรคจิต แล้วก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย”

“งั้นช่วยผมพิสูจน์สิ” ผมร้องขอเสียงเบา พี่เชนทร์กลืนน้ำลาย “นะ” ผมร้องขอ พี่เชนทร์ขมวดคิ้ว

“เราเป็นพี่น้องกันนะชยันต์”

“ผมถึงขอพิสูจน์กับพี่ไง ผมไม่อยากไปพิสูจน์กับผู้ชายคนอื่น ผมกลัว แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ผมต้องเป็นบ้าแน่ ๆ”

“โธ่ ชยันต์” พี่เชนทร์กอดผมแน่น พูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจสุด ๆ

“นะ” ผมร้องขอด้วยน้ำเสียงน่าสงสารอีกรอบ

“แค่จูบนะ ถ้าชยันต์ไม่รู้สึกอะไรเลยแปลว่ามันแค่ความฝัน อย่าคิดมาก เข้าใจไหม” ผมพยักหน้า เผยอปากรอ พี่เชนทร์ก้มหน้าลงต่ำ ยั้งท่านิดหนึ่งเหมือนจะลังเล ก่อนปิดปากลงมา
 
พี่แกวางปากแหมะไว้เฉย ๆ ครับ ไม่ได้ขยับหรือทำอะไร ผมยกยิ้มอยู่ในใจ ขยับปากเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง พี่เชนทร์ขยับจะผละตัวหนี แต่ผมเลื่อนมือขึ้นไปโอบกอดรอบลำคอแกร่งไว้ ขยับคุกเข่าคร่อมตักคนตัวสูง รุกจูบหนักหน่วง พี่เชนทร์ครางท้วงในลำคอ พยายามจะดันตัวผมออก แต่ผมรุกจูบอย่างรู้ชั้นเชิง สองมือใหญ่จับเอวผมไว้

ผมรู้ว่าควรจะกระตุ้นพี่เชนทร์ตรงไหน ไม่ถึงนาทีพี่แกก็ขยับปากตอบรับดี ๆ รสจูบของเราร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายตื่นตัว

“เดี๋ยว ชยันต์” พี่เชนทร์รีบเบรกความร้อนแรงของผมลง ทั้งที่ของตัวเองก็ตื่นตัวเต็มที่แล้ว   

“กอดผม” ผมร้องขอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า   

“ไม่ได้ชยันต์ เราเป็นพี่น้องกัน” พี่แกพยายามบังคับฝืนผมไว้ออก   

“แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมต้องการ นะ กอดผมหน่อย”

“ไม่ได้ชยันต์ พี่บอกแล้วไง ต่อให้ต้องการแค่ไหน เราก็เป็นพี่น้องกัน”

“ผมขอร้อง” พี่เชนทร์ส่ายหน้า ผมกัดปากตัวเองเบา ๆ ขยับลุกทั้งที่ร่างกายตื่นเต็มที่ เดินตรงไปที่หน้าประตู

“จะไปไหนชยันต์” พี่เชนทร์รีบตามมาจับข้อมือไว้

“ก็เราเป็นพี่น้องกันนี่ ผมจะไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องกันนอนด้วย”

พี่เชนทร์ขมวดคิ้วฉับ

“มีสติหน่อยชยันต์ มันไม่ใช่เรื่องนะ ช่วยตัวเองก็พอแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมา ดราม่าเข้าไว้ จะเดินออกจากห้อง พี่เชนทร์รีบฉุดไว้ลากกลับไปนั่งข้างเตียง

“ช่วยตัวเองอยู่นี่แหละไม่ต้องไปไหน”

ผมส่ายหน้า

“ทำได้ทำไปนานแล้ว” พี่เชนทร์ขมวดคิ้วมองด้วยสีหน้างุนงง

“หมายความว่าไง”

“มันไม่ยอมเสร็จ”

“ทำไม่ถูกวิธีหรือเปล่า มานี่พี่ทำให้”

พี่เชนทร์รีบเขยิบมานั่งซ้อนหลังผมไว้ จับแล้วขยับให้ แน่นอน ต่อให้พี่เชนทร์ชำนาญเรื่องนี้ขนาดไหนผมก็ควบคุมไว้ได้ ไม่ยอมให้ตัวเองเสร็จง่าย ๆ พี่เชนทร์คิ้วขมวดสงสัย

ผมพลิกตัวหันหน้าเข้าหาพี่เชนทร์อีกที ความต้องการมันล้นจนแทบจะปล่อยอยู่รอมร่อ ขืนไม่รีบหยุดมีหวังผมเสร็จคามือพี่เชนทร์แน่ ๆ เสียงครางผมกระตุ้นพี่เชนทร์จนเห็นได้ชัด ผมบดปากจูบอีกรอบ   

“พี่เชนทร์ วันนี้ช่วยลืมว่าผมเป็นน้องแล้วกอดผมที นะ” ผมละปากมาร้องขอ

“ไม่...” ผมไม่รอให้พี่เชนทร์พูดจบ กดจูบอีกรอบ ละปากออกมาถอดเสื้อออกจากหัว พอมือพี่เชนทร์จับมาอีกที มันก็แตะผิวเนื้อผมเข้าเต็ม ๆ มือร้อนนั้นทำเอาผมครางแผ่วออกมา

ผมละปากออกมาถอดเสื้อคนตัวสูง ในขณะที่พี่เชนทร์ก็พยายามจะยื้อแย่งไว้ จริง ๆ ถ้าเทียบแรงกันแล้ว แค่พี่เชนทร์ผลักผมเบา ๆ ทีเดียว ตัวผมก็ตัวปลิวตกเตียงแล้ว แต่พี่แกทำไม่ได้หรอก เพราะจิตใจภายในมันต้องการผมสุด ๆ 

ผมถอดกางเกงนอนตัวเองออก ถอนจูบ กดหัวพี่เชนทร์ต่ำลงไปหายอดอกตัวเอง ร่างกายที่เคยสัมผัสกันมาก่อน มีหรือที่มันจะจำไม่ได้ ความปรารถนาในส่วนลึกของพี่เชนทร์ต่อตัวผมก็มีมากจนแทบจะล้นปรี่อยู่แล้ว แม้อยากขัดขืนขนาดไหนก็เอาชนะสัญชาตญาณดิบของตัวเองไม่ได้หรอก ปลายลิ้นร้อนตวัดหัวนมผมทันที ผมครางตอบรับ เลื่อนมือลงไปดึงบางสิ่งออกมาขยับเคลื่อนไหว

“ไม่ได้ชยันต์” พี่เชนทร์ละปากออกมาห้ามอีกรอบ ผมไม่รอให้เหยื่อมีโอกาสถอยหนี จับสิ่งนั้นตั้งตรง กลืนกินทันที พี่เชนทร์ตาโต

ผมตัวสั่นเทาด้วยความปรารถนาที่กำลังเปี่ยมล้น บีบรัดของพี่เชนทร์ภายในแน่น ผมยังไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายใด ๆ ทั้งสิ้น มองพี่เชนทร์ตาปรอย โอบลำคอแกร่งไว้

“ผมเป็นของพี่แล้วนะ ได้โปรด...”
ผมกระซิบแผ่ว พี่เชนทร์กัดกรามกรอด ก้มหน้าลงมาบดจูบผมทันที  ผมขยับปากตอบรับอย่างเร่าร้อน พี่แกไม่พยายามควบคุมตัวเองแล้วครับ สองมือใหญ่จับเอวผมขยับเคลื่อนไหวเข้าหาตัวรุนแรง ผมครางในลำคออย่างพอใจ 

“นายกำลังทำให้พี่เสียคน เสียความเป็นพี่ไป”

“ไม่ พี่จะยังเป็นพี่ที่ดีสำหรับผมเสมอ แต่เรื่องนี้ผมขอ นะ”
ผมกระซิบร้องขอ พี่เชนทร์กอดผมแน่นขึ้น กดร่างผมกลืนกินตัวเอง ปากก็ไล่เล็มมาทั่วทั้งซอกคอและแผงอก ผมครางออกมาอย่างเพลิดพลิ้ว พี่เชนทร์จับผมพลิกลงไปนอนหงาย ถอดกางเกงตัวเองออก แล้วเชื่อมประสานใหม่ 

“อย่ามาเสียใจทีหลังนะ”

ผมตอบรับคำนั้นด้วยการบีบรัดภายในแน่นขึ้น พี่เชนทร์คำรามในลำคอ จับสองขาผมพาดแขน สองผิวเนื้อแนบสมานกันเป็นหนึ่งเดียว สองเสียงครางดังคละเคล้าจนแทบเดาไม่ออกว่าเสียงครางของใครดังกว่ากัน

ในที่สุดพายุอารมณ์อันร้อนแรงก็จบลง ผมนอนพักเหนื่อยอิงแอบคนตัวสูงไว้ ในขณะที่พี่เชนทร์นอนหงาย ใช้แขนรองหัวผมแทนหมอน กอดผมไว้หลวม ๆ ดวงตานั้นเพ่งมองเพียงเพดานขาวด้านบน สีหน้ารู้สึกผิดจริง ๆ

“เรื่องนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริง ๆ พี่น่าจะควบคุมตัวเองให้มากกว่านี้” พี่เชนทร์พูดอย่างสำนึกผิด

ผมอมยิ้ม ขยับขึ้นไปนอนคว่ำบนตัวคนตัวสูง ซึ่งพี่เชนทร์ก็ไม่คิดจะปัดป่ายออก

“มันไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก” ผมบอกเสียงเบา เกลี่ยปลายคางพี่เชนทร์ไปมา ไรเครางอกนิด ๆ ดูเซ็กซี่ดีครับ “เพราะคนที่ต้องการจริง ๆ คือผม”

นัยน์ตานั้นหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

“แต่พี่เป็นพี่”

ผมคลี่ยิ้ม

“แต่พี่โชคร้ายไปหน่อยที่เกิดมามีน้องชายเจ้าเล่ห์แบบผม”

พี่เชนทร์ขมวดคิ้วมองงง ๆ ผมยิ้ม นิ้วยังเกลี่ยอยู่แถว ๆ แนวกราม ผมแสดงความปรารถนาออกมาให้เห็นได้เด่นชัด ผ่านดวงตา ส่งยิ้มสดใสให้

“ข้อแรก อาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่ได้ฝันเปียกถึงพี่หรอก”

พี่เชนทร์ขมวดคิ้ว

“แต่ผมจงใจเอาพี่เชนทร์ไปจินตนาการแล้วช่วยตัวเองเลยต่างหาก”

พี่เชนทร์มองมาอึ้ง ๆ

“ข้อสอง ผมคอแข็งมาก”

พี่เชนทร์จ้องมองอย่างตกตะลึง

“แล้วก็ไม่เคยลืมว่าทำอะไรลงไปบ้างตอนเมา”

พี่แกตาโตทะลึ่งลุกพรวดขึ้นนั่ง ผมรีบโอบรอบลำคอแกร่งไว้ ตอนนี้ผมจึงนั่งอยู่บนตักคนตัวสูงแทน 

“เพราะงั้น เรื่องที่เรามีอะไรกัน ผมจำได้หมด แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้เอง”

พี่เชนทร์ครางอะไรสักอย่างออกมาในลำคอ ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่

“และข้อสาม ผมไม่ได้ใสอย่างที่พี่เห็นหรอก ผมจงใจยั่วพี่มาตลอดเอง”

ดวงตานั้นเบิกค้างอย่างคนช็อกสุดขีด ผมยิ้มหวาน

“ทะ ทำไม...” น้ำเสียงที่ถามแหบแห้งจนจะกลายเป็นเสียงกระซิบ ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความสับสน โกรธเคือง และผิดหวัง
 
“เพราะผมรักพี่ไง”

พี่เชนทร์ตาค้างอีกระลอก

“รักมากจนต้องวางแผนทำให้พี่รักผม”

“ชยันต์!!”

ผมกระชับวงแขนแน่นขึ้น

“รังเกียจผมไหม”

“นายไม่ควรทำแบบนี้” พี่เชนทร์พยายามรั้งมือผมออกจากคอตัวเอง สีหน้ากึ่งไม่พอใจกึ่งสับสน

“รังเกียจผมไหม” ผมยื้อถามอีกรอบ

“เราเป็นพี่น้องกันนะชยันต์”

“รังเกียจผมไหม” ผมถามด้วยคำถามเดิม

“เราเป็นพี่น้องกัน” พี่เชนทร์ยืนยันคำเดิมเหมือนกัน

“รังเกียจผมไหม” ผมถามอีกที

“พี่...”

“ผมเคยโกหก เคยหลอกลวง เคยใช้ทุกเล่ห์เพทุบายเพื่อให้พี่หลงเสน่ห์ แต่ตอนนี้ผมเปิดเผยหมดแล้ว ทั้งความรู้สึกและสิ่งที่เคยทำ แล้วพี่เชนทร์ล่ะ”

“ไม่”

“เหรอฮะ” ผมแกล้งหน้าสลดลงนิด ๆ ปล่อยมือจากลำคอคนตัวสูง ลุกเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวม เดินทื่อ ๆ จะออกจากห้อง พี่เชนทร์รีบตามมาฉุดไว้

“จะไปไหน”

“ไปหาใครสักคนที่รักผม ใครสักคนที่ไม่ใช่พี่น้อง น่าจะหาคนจริงใจและรักผมจริง ๆ ได้สักคน อ้อ แล้วก็ปลอดภัยไม่มีโรคด้วย” ผมบอกเสียงเรียบ ดึงแขนออกจะเดินออกจากห้องต่อ

“ไปหาที่ไหน” พี่แกถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส

“ถ้าไม่ตามบาร์เกย์ก็คงเป็นอินเตอร์เน็ตล่ะมั้ง”

“นี่ พวกนั้นไว้ใจได้ที่ไหน”

“ไว้ใจไม่ได้หรอก แต่เมื่อคนที่ผมรักดันเป็นพี่ชาย ก็ต้องไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายแทน”

“ชยันต์!”

ผมหันไปเผชิญหน้ากับพี่เชนทร์ตรง ๆ ไม่หวาดกลัวต่อเสียงดุนั้น

“ผมมีสองทางเลือกให้พี่ หนึ่ง ฉุดผมไว้ในอ้อมแขน รักผมในฐานะน้องชายแต่เพิ่มเติมคือเป็นคนรัก จะเปิดเผยก็ได้ ไม่เปิดเผยก็ได้ ผมไม่ซีเรียส ขอเพียงได้รักพี่ผมก็พอใจแล้ว หรือสอง ปล่อยผมไป แล้วผมจะไปหาใหม่เอาข้างหน้า ดีเลวยังไงก็แล้วแต่เวรแต่กรรม”

“ไม่ให้ไป” พี่เชนทร์ตอบกลับทันที “แล้วเราก็รักกันไม่ได้ด้วย”

ผมขยับตัวเข้าไปชิด วางมือไว้บนหัวใจดวงนั้น

“ในนี้ มันมีผมอยู่บ้างไหม” คำตอบของพี่เชนทร์บอกผมผ่านดวงตาหมดแล้ว แต่ปากคนตัวสูงยังปิดสนิท

“ผมรักพี่นะ ผมรู้ว่ามันผิด แต่ผมห้ามตรงนี้ไม่ได้” ผมเอามือใหญ่มาวางไว้ตรงแหน่งหัวใจตัวเอง

“ผมรักพี่”

พี่เชนทร์มามองนิ่ง ๆ นัยน์ตานั้นสับสนอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่บังคับฝืนใจแล้ว ปล่อยให้คนตัวสูงคิดเอาเอง

“ผมจะก้าวออกจากห้องอีกครั้ง ถ้าพี่ฉุดผมไว้ ผมจะถือว่าพี่ยอมรับว่ารักผม แต่ถ้าปล่อยผมไป ผมจะได้ตัดใจ” ผมขยับก้าวถอยไปด้านหลังทีละก้าว หันหลัง เดินตรงไปยังประตู

ตื่นเต้นเหมือนกันครับ ลุ้นว่าแผนการที่วางมาทั้งหมด มันจะได้ผลหรือล่มไม่เป็นท่าเพราะความหนักแน่นดั่งหินผาของพระอิฐพระปูนผม

มือผมแตะอยู่ที่ลูกบิด จับมันไว้หมุนเปิดเบา ๆ   

ว้า... ไม่ได้ผลจริง ๆ เหรอเนี่ย

แต่บานไม้ที่กำลังจะเปิดออกกว้างถูกมือใหญ่ผลักปิด พี่เชนทร์จับผมพลิกหันไปเผชิญหน้า

“คิดดีแล้วใช่ไหมที่ตัดสินใจแบบนี้”

“ใช่” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วปากผมก็ถูกปิดสนิท นั่นคงเป็นคำตอบแทนคำพูดของพี่เชนทร์

“เด็กเจ้าเล่ห์ ร้ายนักนะเรา” พี่เชนทร์ละปากมากระซิบแผ่ว ๆ แล้วปิดปากผมไว้อีกรอบ อุ้มผมกลับไปที่เตียง

ส่วนว่าจะกลับไปทำอะไรกันต่อ กรุณาจิ้นกันเอาเองนะครับ...

หึ ๆ มิสชั่นเคลียร์!!



THE END

เอาจนได้นะนุ้งชยันต์ของเรา

รอติดตามคู่ที่ 4 นะคะ วิลเลี่ยมกับเชิดวุธ คู่ฮาประจำเรื่องนี้ รับรองหนุกไม่แพ้คู่อื่น ๆ จ้าาาาา >///<


Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.5 พระอิฐแตกพ่าย (จบคู่ที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 05-05-2018 17:02:12
ชอบคู่2 อะ  คู่แรกก็ชอบนะแต่มันอ่านแล้วไม่เขิน555มันได้แต่ฟิลแบบอะนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :: II :: [พี่เชนทร์ชยันต์] CH.5 พระอิฐแตกพ่าย (จบคู่ที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-05-2018 12:27:46
หลงคู่นี้กันเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ : (วิลเลี่ยมเชิดวุธ) CH.1 แรกพบ...สบจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 15-05-2018 16:57:59
(https://www.img.in.th/images/ea81ab0144a02f4c7219ab2915c423fe.jpg)

เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 3 : #วิลเลี่ยมเชิดวุธ [คู่ฮา]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 01 : แรกพบ..สบจูบ 

 

 

“เฮ้ยวุธ กูขอร้องล่ะ ช่วยกูหน่อย”
เพื่อนผมกรอกเสียงมาตามสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน ผมขมวดคิ้ว เพราะร้อยวันพันปีมันเป็นคนอารมณ์ดีจะตาย ไอ้ที่จะมาทำเสียงเหมือนเดือดร้อนหนักหนานี่หายากมาก ๆ

“อะไร” ผมถามกลับ

“รู้ใช่ไหมว่าอีกสามวันดร.วิลเลี่ยมจะมา”

ผมขมวดคิ้วนิดหนึ่ง พยายามนึกว่าไอ้ดร.วิลเลี่ยมที่เพื่อนพูดถึงนี้คือใคร จำไม่ได้หรอกครับ มันเล่าให้ฟังเยอะ

“อื้ม” ผมตอบรับมั่ว ๆ

“เออนั่นแหละ จริง ๆ คือกูต้องทำหน้าที่ดูแลเขา แต่คราวนี้ ไอ้เชี่ยบอสกูเสือกโยนงานมาให้ซ้อนกัน แล้วงานมันก็ดันมาคล้าย ๆ กันอีก กูไม่รู้จะทำยังไง กำหนดการมีไว้แน่นอนแล้วด้วย”

มันพูดเหมือนจะร้องไห้

“ยกเลิกไปดิ ถ้าหาคนไม่ได้” ผมแนะอย่างไม่เดือดร้อน แกะหมากฝรั่งโยนใส่ปากเคี้ยวหยับ ๆ

“ยกเลิกได้ทำไปนานแล้ว มึงก็รู้งานของกูแต่ละชิ้นมันคืองานที่เกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโต แล้วคราวนี้มันก็เป็นคนระดับประเทศด้วย”

ผมเอานิ้วแหย่รูจมูก แคะเอาขี้มูกแห้ง ๆ แผ่นบาง ๆ คล้ายกระดาษออกมาหนึ่งก้อน ดีดหวือไปกลางอากาศ

“แล้วไง” ผมถามกลับไม่ใส่ใจ

“กูไม่รู้จะมองหาใครช่วยกูได้แล้ว นอกจากมึง”

ผมถอนหายใจแรง ไอ้เรื่องช่วยงานมันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไรสำหรับผม ผมทำทุกอย่างเพราะอยากทำอยู่แล้ว จริง ๆ บ้านผมเป็นบ้านที่ถือว่ามีฐานะร่ำรวย(มาก)คนหนึ่ง ผมเป็นลูกคนสุดท้องจากแม่คนที่สาม แต่เป็นลูกคนที่ 6 จากพี่น้อง 10 คน

งงกันไหมครับ พอดีพ่อผมสะโพกพลิ้วไง มีเมียหลายคนลูกหลายคน แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมเป็นลูกที่พ่อตั้งใจทำแน่ ๆ

“ช่วยก็ได้ แต่ค่าแรงสองเท่านะ”

“กูให้ห้าเท่าเลย”
มันสวนกลับมาทันควัน ผมไม่ใช่คนงกนะ แต่หูมันกระดิกยิก ๆ ยังไงพิกล

“ทำไมให้เยอะจัง”

“มึง...” มันทำท่าจะพูดแล้วเงียบเสียงลง

“ว่าไง” ผมกระตุ้น

คะ คือ งานนี้มันไม่เหมือนงานรับรองแขกแบบที่แล้ว ๆ มานะ”

“ไม่เหมือนยังไง ก็แค่พาแขกเที่ยวไม่ใช่รึไง”

“คะ คือ โธ่เว้ย กูไม่เคยบอกมึงนะ แต่แบบว่าเอ่อ…” ผมนิ่งฟังสิ่งที่มันจะพูดต่อ “กูว่าถ้ากูพูดไป มึงอาจจะไม่รับงานว่ะ ต่อให้สิบเท่าก็เถอะ”

“เอ้า” ไอ้นี่ “สรุปให้กูช่วยไม่ช่วย ไม่ให้ช่วย กูจะวางสายแล้ว”

“เฮ้ย ช่วยกูหน่อย กูไม่รู้จะไปขอร้องใครแล้ว แต่มึงก็เพื่อนที่กูรักมากคนหนึ่ง กูไม่อยากให้งานครั้งนี้ทำให้เราผิดใจกัน แต่ถ้าไม่ขอร้องให้มึงทำเลย ปัญหาใหญ่มาก ๆ ตามมาแน่ ๆ” มันพูดเสียงเครือ

“งั้นพูดมาตรง ๆ เสียเวลาแคะขี้มูกกู”

“เอาล่ะ มึงฟังกูนะ ลูกค้าชื่อดร.บิลล์ วิลเลี่ยม เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทกู ถ้าทำให้เขาโกรธรับรองได้ว่าบริษัทกูมีสิทธิ์ล้มละลายได้แน่ ๆ”

“กูขอเนื้อว่ะ อิ่มน้ำแล้ว”

“เอาเป็นว่า ลูกค้าอีกคนก็รายใหญ่พอกัน แต่ทางนี้เขาเคยเจอกูมาแล้ว และคราวนี้เจาะจงกูมาอีก แต่คุณวิลเลี่ยมไม่เคย เลยไม่ได้เจาะจงมา”

“แค่นำเที่ยว ต้องเจาะจงด้วยรึไง เอาคนขับซาเล้งมาพาเที่ยวยังได้เลย” ผมพูดไม่ใส่ใจเพื่อนผมหัวเราะทั้งที่ยังซีเรียสอยู่

“ข้อดีของมึงก็ตรงนี้แหละ ทำให้หัวเราะได้ตลอด แต่คราวนี้เราอาจหัวเราะไม่ออกก็ได้นะกับลูกค้ารายนี้ เอาเป็นว่ากูให้ห้าเท่าจากค่าตัวที่กูเรียกร้องไป แต่กูขอสัญญาอะไรจากมึงก่อน”

“ว่า…” ผมไถลนิ้วใส่รูจมูกอีกข้าง แงะหาขี้มูกแห้ง ๆ มาแคะเล่น

“ห้ามโกรธกูเด็ดขาด และทำงานให้เสร็จลุล่วง”

“มึงก็รู้ว่าถ้ากูรับปาก ไม่เคยทำให้มึงผิดหวังอยู่แล้ว”

มันนิ่งไป ก่อนถอนหายใจแรง แล้วโวยวายอะไรออกมา

“ใจเย็นมึง” ผมปลอบใจเพื่อน

“เอาล่ะ กูจะไม่บอกรายละเอียดอะไรมึง แต่ให้มึงไปเผชิญหน้าเอาเอง แล้วถ้าบางอย่างมึงไม่อยากทำมึงก็หาทางเลี่ยงเอา แต่ให้ประนีประนอมที่สุด เพราะถ้าแตกหักมา จำไว้ว่าบริษัทกูล่ม มึง มันไม่ใช่แค่กูที่จะตกงาน รวมอีกร้อยกว่าชีวิตในบริษัทกูด้วย”

“ใหญ่ขนาดนั้น แล้วนัดพลาดกันได้ไงวะ”

“บอสกูหัวขาวไปครึ่งหนึ่งแล้ว เราไม่มีทางเลือก กูถึงต้องมาขอร้องมึงนี่แหละ”

“เออ ๆ” ผมรับปาก

“เดี๋ยวกูจะโอนเงินให้ตอนเย็น ระยะงานคือ 2 อาทิตย์” พูดจบมันก็วางสาย ผมไม่ใส่ใจอะไร หมุนเก้าอี้ไปขีดกากบาทบนปฏิทิน

นอกจากพี่ชายพี่คนโตแล้ว ผมว่าผมน่าจะเป็นลูกที่ชอบแหกคอกของพ่อคนหนึ่ง ธุรกิจในครอบครัวมีให้ทำเยอะแยะ แต่ผมไม่ชอบสักอย่าง เลยทำงานอิสระ โดยรับงานต่อจากเพื่อน ๆ อีกที พอดีเพื่อน ๆ กลุ่มผมส่วนมากจะทำงานหลากหลาย ผมจะเป็นมือสำรองครับ อาชีพคือตัวตายตัวแทน ชนิดที่ใครงานล้นมือจะโทรเรียกผมทันที แน่นอนว่ารายได้จะต้องจ่ายให้ผมสองเท่า

ผมว่างานมันหลากหลายดี แถมได้เงินเยอะด้วย ข้อดีของลูกคนสุดท้องคือโดนพ่อแม่ตามใจ และข้อดีของลูกคนกลาง ๆ คือไม่ถูกคาดหวังอะไรมาก ผมจึงเป็นลูกที่ไม่มีใครมากะเกณฑ์อะไรมากเท่าไหร่

ได้ยินเสียงเคาะห้องเบา ๆ  ผมหันไปมอง ยังไม่ทันได้ตอบรับประตูก็เปิดออก ชยันต์ น้องชายคนที่สิบของบ้านก็โผล่หน้าสวย ๆ เข้ามาหา กำเดาผมแทบสาดตอนเจ้าเด็กนั่นโผล่ มันเล่นใส่แค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว เนื้อผ้าบางเฉียบ โชว์รอยเพ้นท์รูปดาวตรงหน้าอกให้ดูนิดหนึ่ง ชายยาวคลุมสะโพกกลม ๆ เนื้อผ้าเรียบลื่นคลุมสะโพกกลมมนได้รูป ดูกี่ทีกี่ที ผมก็ว่าน้องผมคนนี้มันเอ็กซ์ได้ใจจริง ๆ เห็นทีไรเผลอเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงอยู่เรื่อย แล้วเจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวหรอกว่าตัวเองนั้น  เซ็กซี่ยั่วยวนแค่ไหน 

ยังดีที่ไปไหนมาไหน มีพี่เชนทร์คอยตามประกบ ไม่งั้นโดนฉุดไปฟัดนานแล้ว ยิ่งโตยิ่งสวยอีกต่างหาก

“มีอะไร” ผมถามน้องเล็กสุดของบ้าน เจ้ายั่วห่อปากกระจับน่าจูบนั้นนิดหนึ่ง เดินมาคล้องแขนรอบคอผมไว้ แนบหน้ากับแก้ม กลิ่นแป้งหอม ๆ กระตุ้นต่อมหื่นให้ตื่นยังไงพิกล นอกจากรูปร่างภายนอกที่กระตุ้นร่างกายผู้ชายด้วยกันเองแล้ว น้องผมยังมีกลิ่นตัวยั่วยวนอีกต่างหาก มือขาวที่โผล่พ้นข้อมือมาดูเนียนเรียบราวกับไม่ใช่มือผู้ชาย

ขนาดผมเป็นผู้ชายและไม่ได้เป็นเกย์ยังแทบทนไม่ไหว จะไม่ให้พี่เชนทร์เป็นห่วงจนต้องตามประกบแจได้ยังไงกัน

“พี่เชนทร์ไม่ยอมพาไปเที่ยวอ่า พาผมไปหน่อย” มาละลูกอ้อน มหาประลัย

“พี่เชนทร์ติดงานล่ะสิ”
มีอยู่แค่เหตุผลเดียวที่พี่เชนทร์จะปฏิเสธชยันต์ได้ก็เรื่องงานนี่แหละ นอกนั้นต่อให้นอนห้อยน้ำเกลืออยู่ก็ต้องมานั่งดูแลชยันต์แน่ ๆ ชยันต์บู้หน้าแทนคำตอบ

ผมเดาไม่ผิดจริง ๆ

“ครับ ๆ เดี๋ยวพี่พาไป ไปแต่งตัวสิ”

“แต่งแล้ว ชุดนี้ไง”

ผมมองชยันต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“พี่ว่ามันหวิวไปนะ” ผมพูดตรง ๆ 

“ตรงไหน”
เจ้าตัวเอียงคอถาม ผมคันปากอยากพูด แต่พูดไปเจ้าตัวก็คงไม่รู้ตัวอยู่ดี เลยได้แต่พยักหน้า อย่างน้อยมีผมไปด้วย ถึงคนจะมองแต่ก็คงไม่กล้าเข้ามาทำอะไรหรอก ผมบิวท์หน้าให้เข้มขึ้นทันที พาน้องออกไปเที่ยวอย่างที่น้องต้องการ จะว่าไป การได้ควงชยันต์ก็ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อยชยันต์น่ารัก อ้อนเก่ง ยิ้มน่ารัก คนมองกันใหญ่

“อยากได้ชุดใหม่”
ชยันต์บอก ลากพาผมเข้าร้านเสื้อผ้าสไตล์ที่ตัวเองชอบ ผมได้แต่เดินตาม ระหว่างรอชยันต์เลือกเสื้อผ้า (ซื้อทีเป็นสิบครับเด็กคนนี้ แถมยังมีนิสัยแปลกประหลาดคือชอบซื้อเสื้อผ้าไปฝากคนอื่นด้วย) ผมก็เดินดูนู่นนี่ไปเรื่อย ๆ ผมไม่ค่อยชอบซื้อเสื้อผ้าหรอก ที่ใส่อยู่ทุกวันนี้มีแต่แม่กับคนอื่นซื้อให้ 

ชยันต์ยังเลือกเสื้อผ้าอยู่ ผมเดินดูเสื้อผ้าไปเรื่อย ๆ ฆ่าเวลาจนมาหยุดอยู่หน้าหุ่นผู้ชายที่หุ่นติดจะผอมบางมากกว่าปกติยืนเท่อยู่กลางร้าน ชุดที่หุ่นใส่เป็นชุดเดียวกับที่ชยันต์ใส่มาวันนี้เลย สงสัยจะซื้อจากร้านนี้เหมือนกัน

“ชอบเหรอคะ”
พนักงานเดินเข้ามาถามด้วยท่าทางนอบน้อม ปากสีแดงนั้นวาดกว้างหวานจ๋อย (ดูอ่อยนิด ๆ ด้วย)

“อ๋อไม่หรอกครับ ชุดเหมือนตุ๊ดขนาดนี้ผมไม่มีทางใส่หรอก”

พนักงานยิ้มเจื่อนทันที ชยันต์เดินยิ้มแก้มบานเข้ามาหาหลังจากยื่นบัตรให้พนักงานเรียบร้อย บัตรนั่นพี่เชนทร์เป็นคนทำไว้ให้ บัตรทองด้วย รูดได้ไม่อั้นเลย

“อะไร พี่วุธชอบชุดนี้เหมือนกันเหรอ”

กำลังจะอ้าปากตอบเหมือนที่ตอบพนักงานว่าเหมือนตุ๊ดไม่ได้ชอบหรอก แต่น้องใส่อยู่ ขืนผมพูดไปก็เหมือนผมด่าน้องว่าเป็นตุ๊ดน่ะสิ ชยันต์ยิ่งไม่ชอบให้ใครพูดคำนี้กับตัวเองด้วย เพราะปมด้อยเรื่องหน้าตาที่หวานจัดนั้น

“เปล่าครับ เท่ดีออก ชุดเดียวกับชยันต์ใช่ไหม ชยันต์ใส่แล้วเท่มาก ๆ เลย”

ชยันต์ตาวาวทันทีกับคำชมผม

บื้อหรือเปล่าวะน้องกู แยกไม่ออกระหว่างเท่กับสวยรึไง

“จริงเหรอ ถ้างั้น...” ชยันต์เบรกเสียงไว้ หันไปทางพนักงาน “พี่ฮะ เอาแบบนี้ไซส์เอ็มนะ ห้าสี สีขาว ฟ้าอ่อน ชมพูอ่อน เขียวอ่อน เหลืองไข่ไก่”

“ค่ะ” พนักงานตอบรับ รีบกุลีกุจอไปหยิบให้ นำไปคิดเงินกับเสื้อผ้าที่เลือกมาก่อนหน้า

“นี่ เราใส่ไซส์เอสไม่ใช่เหรอ สั่งไซส์เอ็มมาทำไม”
ผมถามน้องงง ๆ น้องมองหน้าผม ส่งยิ้มหวานหยดมาให้ เวลาชยันต์ยิ้มให้ผมกับยิ้มให้พี่เชนทร์จะต่างกันนิดหน่อย เวลายิ้มให้พี่เชนทร์ มันดูยั่ว ๆ ยังไงพิกล

หรือผมจะคิดไปเอง?

พนักงานเดินกลับมาพร้อมเสื้อผ้าอีกหลายถุง ชยันต์รับบัตรเก็บ ก้มดูของในถุงแล้วยื่นหนึ่งในถุงนั้นมาทางผม

“อ่ะ ชยันต์ซื้อให้ พี่จะได้เท่ ๆ เหมือนชยันต์ไง”

ผมอ้าปากค้าง

คะ คือ พี่ไม่อยากเป็นตุ๊ดนะชยันต์

ชยันต์มองผมตาแป๋ว

“อะไร ชยันต์ซื้อให้ไง หรือว่าจริง ๆ แล้วมันไม่เท่”

“เท่ครับเท่”
ผมรีบรับมาถือไว้ทันที ชยันต์ยิ้มหวาน

“รักพี่วุธที่สุดเลย ผมซื้อให้ห้าสี พี่ใส่ห้าวันเลยนะ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะ”

“เอ่อ อย่าดีกว่า”

“พี่จะได้เท่ ๆ ไง”

กูไม่น่าไปวิจารณ์ว่าเหมือนตุ๊ดเลย ผมจำต้องพยักหน้ารับ เดินเคียงกันออกจากร้านไป ผมแอบเห็นพนักงานพากันหัวเราะคิกคักด้วย

เอาวะ ทนเหมือนตุ๊ดไปสักสี่ห้าวัน มันไม่หนักหนานักหรอก

“อะไร ติดงานยาวอีกแล้วเหรอ”
ชยันต์ทักหลังจากดูตารางงานผมบนปฏิทิน

“อื้ม”

“คราวนี้ทำงานให้ใครเหรอ”

“คนเดิม”

ชยันต์พยักหน้า

“งานมีพรุ่งนี้แล้วนี่ แพ็คของรึยัง”

“ยัง พี่ชอบแพ็คชั่วโมงสุดท้ายก่อนเดินทาง นายก็รู้”

“ชุ่ยไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ” น้องมันด่าตรง ๆ ซึ่งผมไม่โกรธหรอก เพราะเป็นแบบนั้นจริง ๆ จะเรียกว่าเซอร์ก็ได้นะ “มานี่ชยันต์ทำให้” ชยันต์อาสา ผมพยักหน้าไม่ใส่ใจ

“คราวนี้ไปเที่ยวไหน” ชยันต์หันมาถาม

“เมืองไทยนี่แหละ กรุงเทพไล่ไปทางใต้ เสื้อผ้าขอแบบใส่สบาย ๆ เพราะอากาศร้อนช่วงนี้” ผมบอกกลับไม่ใส่ใจ

ชยันต์มุดตัวอยู่กับตู้เสื้อผ้าผม เรื่องระยะเวลาชยันต์รู้แล้ว เพราะผมขีดฆ่าไว้บนปฏิทินเรียบร้อย ไม่เกินครึ่งชั่วโมง กระเป๋าเดินทางผมก็พร้อม

“เรียบร้อย งั้นชยันต์ไปก่อนนะ”
แล้วเจ้าตัวยุ่งก็ออกไป ผมกลับมานั่งทำงานต่อ เพื่อนผมส่งไฟท์เดินทางและรายละเอียดของลูกค้ามาให้แล้วล่ะครับ

ดูท่าจะเป็นคนสำคัญมากจริง หน้าตาหล่อพระกาฬเลย ผมดำตาสีน้ำตาลเข้ม สูงเกือบสองเมตร พวกมึงจะเปรตกันไปไหน

พอถึงกำหนดนัด เครื่องลงตอนเก้าโมง ผมตื่นแต่เช้า แบกกระเป๋าเดินทางลงไปชั้นล่าง ตัวป่วนของผมมองมา

“ว้าว พี่วุธเหมาะกับเขียวอ่อนจัง”
ชยันต์ชม ก็มันเป็นสีเดียวที่ผมรู้สึกว่ามันแมนที่สุดในบรรดาเสื้อสีลูกกวาดที่น้องผมหามาให้นี่นา

“สองอาทิตย์ใช่ไหม”
แม่ถาม ผมพยักหน้านั่งกินข้าวกับทุกคน หลังจากนั้นก็ขับรถจากบ้านไปที่สนามบิน
 

ผมยกนาฬิกามอง สำรวจเนื้อตัวตัวเองนิดหนึ่ง เบ้หน้าตอนเหลือบมองต่ำลงไปเห็นเสื้อที่ใส่อยู่

“อย่างกับแต๋ว”
หวังว่าลูกค้าจะไม่ใส่ใจนะ จะไม่ใส่ก็ไม่ได้ เดี๋ยวโดนน้องว่าเอาอีก ผมไม่สนใจกับเสื้อผ้าตัวเองเท่าไหร่ ถือกุญแจลงจากรถตรงไปยังประตูผู้โดยสารขาเข้า พร้อมกระดาษเอสี่สีขาวที่ปริ้นท์ชื่อเต็มลูกค้าไว้

ผมเดินผิวปากควงกุญแจไปตามทาง คนมองกันนิดหน่อย สงสัยเพราะผมหล่อ หึ ๆ แน่นอนสิ แม่ก็สวยพ่อก็หล่อ ลูกไม่ออกมาหล่อก็ให้มันรู้ไป

ผมเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง ขยับปกเสื้อให้ลุคดูเท่เข้าไปอีก ก่อนหามุมดี ๆ ในการยืนคอย คนกำลังทยอยกันออกมา ผมชูป้ายขึ้นเพื่อให้ลูกค้าผมเห็น แต่ไม่ได้ชูสูงอะไรหรอก แค่เท้าไว้กับรั้วกั้นเท่านั้น คนก็มองกันใหญ่ อันนี้เคยชินแล้วล่ะครับ เพราะคนหน้าตาดี คนจะมองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ผมยืนหาวหวอดไปเป็นหนที่สิบ ล้วงมือเข้าไปเกาตรงไหปลาร้านิด ๆ ไอ้เสื้อตัวนี้มันออกแบบมาแปลก ๆ แทนที่จะมีกระดุมที่ปิดขึ้นมาถึงบนสุดอย่างเสื้อเชิ้ตทั่วไป กลับออกแบบมาเหมือนกับจะให้เปิดโชว์แผงอกมากกว่า ไม่ให้ผมบอกว่าเป็นเสื้อของพวกตุ๊ดแล้วจะให้ผมว่าไง

มีผู้โดยสารอีกกลุ่มออกมา ผมพยายามมองหาเป้าหมายของผม รูปร่างหน้าตาโดดเด่นขนาดนั้นไม่น่าจะพลาด ผมพยายามมองหา แต่ที่เห็น ๆ มีแต่พวกหัวขาว พุงพลุ้ย หน้าเป็นปลาจวด หูกาง ปากห้อย

ทำไมมีแต่พวกทุเรศ ๆ วะ

ผมพยายามเทียบหน้าคนที่ผ่านมากับเมมโมรี่ที่เปิดดูมา แต่ก็ยังไม่เห็นสักคน จนมีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา หุ่นเตะตาดี แต่เห็นหน้าไม่ชัด เพราะใส่หมวกแก๊ปแล้วดึงหมวกต่ำบังหน้า แถมยังใส่แว่นดำด้วย ผิวสีเข้ม กล้ามนี่อื้อหือ

นายแบบที่ไหนวะ

เขาเดินลากกระเป๋าสีดำใบเดียวเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงกลาง ๆ แล้วกวาดมองไปรอบ ๆ สงสัยจะมองหาคนมารับแบบที่ผมมารอนี่แหละ

จริง ๆ น่าจะถอดหมวกหรือแว่นหน่อยคนมารับจะได้เห็นหน้าค่าตาชัด ๆ

แต่หน้าคุ้น ๆ แฮะ

ยังไม่ทันที่สมองผมจะทำงานทัน เขาก็มองมาทางผม ชะงักนิดหนึ่ง เพ่งมองมาทางนี้

เฮ้ย กูรู้ว่ากูหล่อ ไม่ต้องมองมาก

เขาขยับกระเป๋า เดินด้วยมาดนิ่ง ๆ ใกล้เข้ามา ผมยังถือกระดาษไว้ท่าเดิม แล้วอีตาวิลเลี่ยมนี่เมื่อไหร่จะโผล่วะ ยืนรอมาเป็นชั่วโมงแล้วนะเว้ย! ผมบ่นอยู่ในใจ

หมอนั่นเดินตรงมายืนอยู่ตรงหน้า กรามกับปากคุ้น ๆ นะ ผมพยายามดึงเมมโมรี่ตัวเองออกมาใช้งาน เขาหยิบกระดาษจากมือผมไปถือ

“เฮ้ย!” ผมท้วงเบา ๆ เขามองหน้าผมผ่านแว่น ผมพยายามเพ่งมองอีกที

โอเค กูรู้ละ

“ดร.วิลเลี่ยมใช่ไหมครับ”
ผมลองถามดู เขาไม่ตอบ มองหน้าผมอย่างเดียว

แต่แม่ง กูรู้ว่าฝรั่งตัวใหญ่ แต่มึงตัวใหญ่ไปไหม รู้ไหมกูเมื่อยคอเวลาต้องคุยกับมึงเนี่ย แล้วนี่กูต้องอยู่กับมึงไปตั้งสองอาทิตย์ กูจะคอเคล็ดม้าย คอเคล็ดมาใครจะจ่ายค่ารักษา พ่อกูรวย แต่กูงก เข้าใจไหม

ผมบ่นไปในขณะแหงนหน้ามอง ไอ้นี่ ถามไม่ตอบ กูว่ากูพูดภาษาอังกฤษนะ ให้พูดภาษาพม่าไหม

“ดร.วิลเลี่ยมใช่ไหมครับ”
ผมถามเขาด้วยภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำอีกรอบ เขาไม่ตอบ จ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น

“ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป เอาคืนมานี่”
ผมดึงกระดาษคืน เพราะเพื่อนผมบอกว่าเขาพูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ถามแล้วไม่ตอบก็ไม่น่าจะใช่

เขายึดกระดาษผมคืน ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เห็นปากได้รูปนั้นยกขึ้นนิดหนึ่ง

โอเค กดหนึ่ง มึงหัวเราะเยาะกูอยู่ใช่ไหม

กดสอง มึงกำลังหัวเราะเยาะกูอยู่

“ได้โปรด คืนกระดาษผมมา ผมมารอรับคน”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงชัดเจน เขาไม่พูดอะไร เขยิบเข้ามาชิดผมอีก แตะปลายนิ้วลงตรงหน้าอก ผมก้มมองมือนั้นงง ๆ แล้วปลายนิ้วนั้นก็ไล่ช้า ๆ สูงขึ้นมาเรื่อย ๆ ผ่านลำคอสูงขึ้นมาถึงปลายคาง

สาบานได้ว่าเหมือนโดนไฟฟ้าสถิต ร้อนวูบไปตลอดทาง มีเสียงอะไรแปลก ๆ ออกมาจากลำคอผมด้วย มือนั้นมาหยุดไว้ที่ใต้ปลายคาง เขาดันไว้เบา ๆ ให้ผมเงยหน้ามอง ผมอ้าปาก อยากพูดอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่ออก ออร่าบางอย่างในตัวหมอนี่มันมีอิทธิพลให้ผมพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ

ผมรีบยกมือขึ้นมาจับมือนั้นไว้

“ชื่ออะไร”
เขาถามเสียงนุ่ม มือยังไม่ปล่อยไปจากคางผมทั้งที่ผมก็จับข้อมือเขาไว้แท้ ๆ ลำข้อใหญ่มาก

ใหญ่ขนาดนี้ แล้วอะไรในตัวมันจะขนาดไหนวะ

“เชิดวุธ”
ผมตอบเหมือนถูกมนต์สะกด เขายกยิ้มนิดหนึ่ง

“ใช้ได้นี่”

ผมขมวดคิ้ว อะไรใช้ได้ ถ้าเรื่องความหล่อ กูหล่อกว่าฝรั่งอย่างมึงละกัน เรื่องอื่นกูก็เก่ง ผมดันมือเขาเบา ๆ เขาถอดแว่นออกช้า ๆ

โป๊ะเชะครับ อีตาวิลเลี่ยมจริง ๆ แม่งเมื่อกี้ก็ไม่ยอมตอบคำถามกู

ผมรีบเปลี่ยนท่าทีทันที

“คุณวิลเลี่ยม ขออภัยที่ผมเสียมารยาท ผมจำไม่ได้จริง ๆ”

เขาไม่พูดอะไร ผมรีบขยับเข้าไปด้านใน รับกระเป๋ามาลากเอง พ่อเคยด่าประจำว่ามาทำงานอะไรเอาใจคนอื่นแบบนี้ แทนที่จะนั่งเป็นประธานอยู่ที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งที่พ่อตั้งขึ้น

มันก็จริง แต่ผมเบื่อไง ไปวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็ก

“เชิญทางนี้ครับ”
ผมผายมือเชิญให้เขาเดินนำ แต่เขาไม่เดินนำ กลับมาเดินเคียงข้างผมแทน

อะไรวะ

แต่ผมไม่ซีเรียส พาเขาตรงไปที่ลิฟท์ กดลิฟท์ ยืนรอ คนรอลิฟท์กันเยอะพอประมาณ

“เหนื่อยไหมครับ” ผมถามเอาใจ เขาไม่ตอบ เพียงแค่หันมามองเท่านั้น

โอเค เจ้านายผมคนใหม่เป็นพวกกลัวดอกพิกุลร่วง ก็ดีเพราะผมก็ขี้เกียจพูดเหมือนกัน พอเขาไม่พูด ผมก็ไม่สน หันไปมองลิฟท์ต่อ ฮัมเพลงเบา ๆ อย่างเคยชินเวลารอลิฟท์ เขาขยับเข้ามาใกล้จับเอวผมไว้ ผมหันไปมอง กำลังจะฉุนที่ถูกแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ลิฟท์มาพอดี ผมเลยพอเดาได้ว่าเขาน่าจะสะกิดบอกว่าลิฟท์มาแล้วมากกว่า

คนเฮกันเข้าลิฟท์ไม่ต่างกับผมและเขา เราพากันยืนนิ่ง ได้กลิ่นน้ำหอมลอยมาแปะจมูกบาง ๆ น้ำหอมกลิ่นหอมดี

กลิ่นไรวะ จะได้ใช้บ้าง

ลิฟท์จอดที่ชั้นสอง แต่เราต้องไปกันที่ชั้นหนึ่ง คนพากันเดินเข้ามาเพียบ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับ ก็มีมือปริศนาใหญ่ ๆ คล้องเอวผมดึงไปด้านหลังเบา ๆ จนแผ่นหลังผมแปะหน้าอกเขา ผมหันไปแหงนหน้ามองงง ๆ เจ้าของมือไม่ได้มองผมแต่มองตรงไปนอกลิฟท์

อื้ม มีมารยาทเหมือนกันนี่หว่า แต่ไมต้องถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้ด้วยวะ คืออยากบอกให้เขาปล่อยมือจากเอว แต่แบบ มันจะหาญน้ำใจเขาไปไหม

อีกชั้นเดียวไม่เป็นไรหรอก ผมยืนนิ่ง ๆ ให้มือใหญ่คล้องไว้ที่เอวแบบนั้น กระทั่งลิฟท์เปิดที่ชั้นหนึ่ง ผมก้าวออกไปก่อน ตามด้วยเขา

คือ มึง คือ คุณมึงเอามือออกไปจากบั้นเอวกูได้แล้วครับ ผมเดินเร็วขึ้นจนมือที่เอวหลุดออก ผมถอนหายใจเบา ๆ

เฮ้อ ฝรั่งแท้ ๆ นี่ถึงเนื้อถึงตัวกันง่ายจัง ผมพาเขาไปที่รถ เอากระเป๋าเก็บ เปิดประตูให้ เขาก้าวขึ้นไปนั่ง

โห รถผมเล็กไปถนัดตาเลย

ผมก้าวขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ ผมว่าที่นั่งจะแคบไปสำหรับเขานะ

“ปรับไปด้านหลังได้นะครับ” ผมบอก เขาหันมามองหน้าผมนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไร

เออ กูลืมไปว่ากูรับจ้างมาเป็นขี้ข้า

โอเค กูปรับให้ก็ได้ ผมขยับไปกดที่นั่งให้ ดันที่นั่งไปด้านหลัง โดยที่เขาก็ช่วยดันด้วย

“พอไหม”
ผมเงยหน้าถามทั้งที่มือยังอยู่ที่เบาะในลักษณะโอบเขาไว้ เขาก้มหน้าลงนิดหนึ่งตอบรับ

ผมขับรถพาเขาไปที่โรงแรมสุดหรูคืนละหลายหมื่นที่เขาจองไว้ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่รวยธรรมดา ต้องรวยมาก ๆ ถึงจะจองห้องขนาดนี้ได้

“เอาละครับ คุณต้องการจะเที่ยวเลยหรือว่าพักผ่อนก่อน”
ผมถาม เขาไม่ตอบ รวบจับเอวผมไว้ด้วยมือสองข้างดึงเข้าไปชิด ผมตาโต เพราะบางสิ่งตรงกลางระหว่างร่างกายเขามันตั้งขึ้นมาอย่างเด่นชัด ผมอ้าปากค้าง แหงนหน้ามองตา ยังไม่ทันที่เสียงจะได้ออกมาสู่โลกภายนอก ปากผมก็ถูกปิดสนิทซะแล้ว

นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!!!

........................................

มันเกิดอะไรขึ้น!!!!! คู่ฮามาแล้วค่าาา วิลเลี่ยมกับเชิดวุธ

 

ฝากติดตามคู่นี้ต้วยยยยย


Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ : (วิลเลี่ยมเชิดวุธ) CH.1 แรกพบ...สบจูบ
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-05-2018 01:48:57
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ : (วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!! (20-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 20-05-2018 11:49:52
(https://www.img.in.th/images/ea81ab0144a02f4c7219ab2915c423fe.jpg)
#วิลเลี่ยมเชิดวุธ
:: Chapter 2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!! ::


นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!!!

ผมถามตัวเองตาโต

“อื้อ…”
เสียงผมมาแล้วครับ แต่มาได้แค่ในลำคอแล้วก็ต้องหดเก็บไป มันจูบผมยังไม่ว่า ยังฉกลิ้นเข้ามาอีกต่างหาก

หวา!!

ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต ไอ้วิปริต ไอ้สารเลว ไอ้ ไอ้!!

“อื้อ...”
ผมครางในลำคออีกรอบเมื่อลิ้นนั้นเริ่มกระดกขยับเกี่ยวลิ้นผมไปมา แล้วมันก็ม้วนเอาลิ้นผมไปคลุกวงในเล่น ปากก็ขยับบดบี้

โอ้แม่เจ้า ผมถูกผู้ชายจูบ!

ผู้ชายต่างชาติด้วย!

ลูกค้าด้วย!!

เรี่ยวแรงผมเหมือนหุ้นที่ลดฮวบลงกะทันหัน ผมจับต้นแขนแกร่งไว้ คือกะจะดันมันออกแต่ตอนนี้มันช็อกจนหลงลืมไปแล้วว่าต้องดันออกยังไง หน้าผมแหงนไปตามแรงบดขยี้ด้วยลิ้นเชี่ยวชาญนั้น ผมว่าผมรุกเก่งแล้วนะ มาเจอหมอนี่ ผมนี่แทบจะกลายเป็นไอ้บื้อไปเลย

อื้อหือ จูบเก่งจัง นี่คือความแตกต่างกันระหว่างชาวไทยกับชาวต่างชาติซินะ

ไม่ใช่สิ!

นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมนะ!

“อื้อ…”
ผมครางท้วงในลำคอ แต่ลิ้นที่ฉกอยู่ภายในเริ่มทำให้ผมหลง ๆ ลืม ๆ วิธีพูดภาษามนุษย์แล้ว ของเขาก็ทิ่มอยู่กับหน้าท้องผม มันตั้งอย่างเห็นได้ชัดเลย

มึง สากยักษ์!!

เขาละปากออก น้ำลายบางส่วนของผมไหลยืดผ่านมุมปากเพราะแรงโหมเมื่อกี้ ผมหอบแฮก เขามองผมด้วยสีหน้าพอใจ

“มึง...”
ผมเผลอพูดภาษาไทยออกมา ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเขาก็เลื่อนมือลงไปที่สะโพกผมบีบเบา ๆ จนผมผวาเฮือก ผมอ้าปากค้างด้วยความช็อกระลอกสอง

เดี๋ยว ๆ ใจเย็นเชิดวุธ มันเป็นฝรั่ง ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นนี่อาจเป็นแค่การทักทายธรรมดาก็ได้ ผมพยายามคิดปลอบใจตัวเอง

แต่ไอ้สากที่ทิ่มพุงกูอยู่นี่ไม่น่าจะใช่นะ!!

เขาก้มลงมาจูบผมอีกรอบ ผมรีบบีบสองต้นแขนแกร่งแน่น อยากผลักออก แต่ให้ตายเถอะ ชั้นเชิงการจูบนั่นทำให้ผมไปไม่เป็นเลย เขาละปากออก เลื่อนต่ำลงไปที่ลำคอ

ชัดเลย มันไม่ใช่การทักทายกันธรรมดาแล้ว ไอ้ด้านล่างก็กระดิกดุ๊กดิ๊ก

“ปล่อย!”
ในที่สุดผมก็ควานหาคำเจอ

แต่ไอ้วุธ! มันจะเข้าใจภาษาไทยที่มึงพูดไหม! 

มันหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ลงไปงับติ่งหูไล่มาที่ลำคอ ต่ำลงไปที่ไหปลาร้า

“อ๊า…”
ผมครางออกมาเบา ๆ เพราะแรงซุกจากปากร้อน ๆ นั้น ให้ตายเพิ่งรู้ว่าเวลาโดนผู้ชายด้วยกันกระตุ้นมันจะหวิวได้ขนาดนี้

แต่ไม่ได้ ๆ ผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมมาเพื่อพาลูกค้าเที่ยว ไม่ใช่มาทำเรื่องแบบนี้

“Stop!”
ผมตะโกนห้ามเสียงดัง

ครับ ดังมาก...

ดังออกมาจากลำคอนิดเดียวเอง แข่งกับลมหายใจนี่ ลมหายใจเหยียบแท่นอับดับหนึ่งแน่ ๆ

เขาบีบแก้มก้นผมแรงขึ้นสลับกันสองข้าง เริ่มได้ยินเสียงลมหายใจแรง ๆ ของเขาแล้ว

โอ้ว ไม่นะ ผมไม่อยากนอนกับผู้ชาย ToT

มือร้อนข้างหนึ่งล้วงผ่านชายเสื้อเข้ามาภายใน

“อื้อ…”
สาบานได้ว่านี่คือเสียงผม ผมครางออกมาเบา ๆ เมื่อมือนั้นกำลังเช็กแฮนด์ทำความรู้จักกับหัวนมผมอยู่ ไม่รู้ว่าหัวนมผมมันอยากจะเป็นนักสู้อะไรตอนนี้ นี่ถ้ามันใส่นวมได้ ผมคงใส่นวมให้หัวนมผมไปแล้ว มันตั้งเด่สู้มือของเขาใหญ่ ไอ้นี่ก็สะกิดท้าทายใหญ่

“อย่า...”
ผมครางห้าม แต่เสือกห้ามด้วยภาษาไทย มันคงจะรู้เรื่องหรอกนะ! ไม่ถึงนาทีหลังจากนั้นกระดุมเสื้อผมก็แยกทางกับรังดุม มันร่นเสื้อผมลงไปแขวนไว้ที่แขน 

มึงแขนกูไม่ใช่ไม้แขวนเสื้อนะ! 

ผมพยายามจะดันทั้งมือทั้งหน้ามันออก แต่ไม่มีแรงครับ มันเลื่อนปากต่ำลงไปงับหัวนมผมเบา ๆ ผมครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“อะ ไอ้”
ผมด่าได้แค่นั้น ขยุ้มหัวมันไว้แรง ลูกคงลูกค้าผมไม่รับรู้แล้วครับ กระตุ้นเก่งมากจนร่างกายผมตื่น มันเลื่อนมือลงไปกอบกุมความภาคภูมิใจผมไว้

เหมือนโดนน็อคกลางอากาศ ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก เสียวด้วย เพราะลิ้นเขาเล่นละเลงไปรอบหัวนมผมแล้ว

มันยกผมขึ้น ให้ผมนั่งอยู่บนน้องที่ตั้งเด่ คล้องขาผมโอบรอบสะโพกไว้ เดินดุ่ม ๆ ไปที่เตียง

“ไม่นะเฮ้ย กูไม่นอนกับมึง ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ!”
ผมรัวบอกด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ตอนนี้ลืมภาษาอังกฤษไปแล้วครับ

มันวางผมลงบนเตียงตามติดด้วยตัวมันเอง ผมอยากดิ้นรนจริง ๆ ให้ตาย แต่ปากที่กำลังงับหัวนม ซุกซอกคอ มือไม้ที่กำลังไล่ไต่ไปทั่วทำให้ผมเสียวจนไม่รู้วิธีปฏิเสธแล้ว

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นกางเกงผมก็หลุดหายไปจากตัวเหลือไว้แค่เสื้อที่สาบเสื้อแยกทางจากกัน

แม่เจ้า น้องผมตื่นครับพี่น้อง ตื่นอย่างขัดคำสั่งเจ้านายมันที่สุด

“อย่า”
ผมร้องห้าม เขาขยับลุก ถอดเสื้อออก

โห ว้าว กล้ามอย่างใหญ่อ่ะ แปดห่อได้มั้ง

เฮ้ย! ไม่ใช่!!

“อย่านะไอ้โรคจิต!”
ผมผลักเขาออกแรง แต่ร่างนั้นไม่เขยื้อน เขาขยับปลดเข็มขัด ไม่ได้ถอดกางเกงครับ แค่ดึงน้องมันออกมาเฉย ๆ

ผมตาโตจ้องมองสากยักษ์ตรงหน้า

“ไม่ไม่ไม่ไม่ กูไม่ใช่เกย์ กูไม่ใช่ตุ๊ด ปล่อยกูไป”
ผมรีบรัวลิ้นบอก ทำไมมึงถึงได้โง่ขนาดนี้วะ ทำไมฟังภาษากูไม่ออก มันจับมือผมไปกุมสากมันไว้ ผมตาโตรีบชักมือกลับ

“ปล่อย!”
ผมห้ามมันด้วยภาษาไทย มันรีบจับผมพลิกคว่ำ

“เฮ้ยอย่า!”
ผมยังห้ามมันเป็นภาษาไทย มันไม่พูดอะไร มุดหน้าเข้ามาตรงร่อง

อ๊ากกกก!!! พ่อจ๋าแม่จ๋า พี่ ๆ น้อง ๆ ตอนนี้มีผู้ชายกำลังแหย่ลิ้นอยู่ด้านหลังผม!!

ผมจะขยับตัวหนี แต่มันก็รั้งไว้ ห่อลิ้นแหย่ ๆ เข้ามา ผมกระตุกวูบ รู้สึกแปลก ๆ กับสัมผัสนั้น มันแหย่ลิ้นเข้ามาลึกขึ้นขยับเข้า ๆ ออก ๆ ผมได้แต่คราง ไม่ได้อยากรู้สึกดี

แต่ตอนนี้มันรู้สึกดีฉิบหาย!

มันยังแหย่ลิ้นเข้ามาไม่หยุด ให้ผมกระตุกวูบ ๆ ก่อนมันจะถอนลิ้นออกไปแล้วแหย่นิ้วเข้ามาแทนในระดับที่ลึกขึ้น ผมครางออกมาทันที เพราะสกิดถูกจุดกระสันมากขึ้น ผมแหงนหน้ากำที่นอนแน่น ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าตัวเองจะเป็นพวกอ่อนไหวง่ายดายขนาดนี้   

เขาเลื่อนนิ้วเข้ามาลึกขึ้น อีกมือก็เลื่อนมาสู้กับหัวนมผมที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาสู้มือมันไม่หยุด มันก้มตัวลงมานาบแผ่นหลังผมไว้ ไอร้อน ๆ นั้นแทบเผาไหม้ร่างกายผมเลย

“หือ?”
มันครางในลำคอเหมือนกำลังสงสัยอะไรสักอย่าง ทะลวงนิ้วลึกขึ้นอีก

“อ๊า…” ผมครางเสียงดัง

“ยังเวอร์จิ้นอยู่นี่”
กะ ก็ใช่น่ะสิ ผมหอบแฮก ร่างกายสั่นริกไปหมด เขาจับผมพลิกหงาย ผมมองมันตาคลอ มันเสียวมากจริง ๆ มันยังกระตุ้นภายในไม่หยุดจนผมกระตุกวูบ ๆ

“นี่ยังเวอร์จิ้นอยู่จริง ๆ เหรอเนี่ย”
เขาไม่ถามด้วยปากเปล่าแต่ยังส่งนิ้วเข้าไปสำรวจลึกขึ้นอีก ผมอ้าปากครางออกมาเสียงดัง เลื่อนมือสั่น ๆ ไปจับมือเขาไว้หวังให้เขาหยุดการกระทำสำรวจถ้ำน้อยของผมลง

“ยะ อย่า”
ผมห้ามเสียงสั่น มันจับคางผมไว้ ใบหน้าฉาบรอยยิ้มอ่อนโยนเอาไว้บาง ๆ

“เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ฉันจะได้นอนกับหนุ่มเวอร์จิ้น ไม่ต้องกลัว ฉันจะอ่อนโยนให้มาก ๆ”

“มะ ไม่”
ผมครางห้าม จับมือที่ยังสำรวจถ้ำผมไว้หวังดึงออก เขาจับหัวเข่าผมไว้แยกกว้างนิด ๆ ให้ทะลวงนิ้วได้ถนัดขึ้น

ให้ตายทำไมมันถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้นะ

ชักเข้าใจความรู้สึกของพวกตุ๊ดพวกเกย์ที่ชอบให้ผู้ชายด้วยกันทะลวงด้านหลังซะแล้ว

แต่ไม่ได้ ๆ ถึงจะรู้สึกดีขนาดไหน ผมก็ยังเป็นผู้ชาย

ผู้ชายทั้งแท่งด้วย!

หนำซ้ำคนที่จะมาทะลวงก็ยังเป็นผู้ชายต่างชาติที่มีสากกะเบือขนาดใหญ่อีกต่างหาก ขืนโดนทะลวงจริงมีหวังแหกแน่ ๆ

“ปล่อย”
ผมบอกด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ บีบรัดนิ้วมือนั้นแน่น ตอนนี้เขาเริ่มทะลวงเข้ามาสองนิ้วแล้วครับ

“อื้อ อย่าเกร็ง”
เขาปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือมันดูจะชำนิชำนาญมาก มือหนึ่งกระตุ้นด้านหลัง อีกมือลูบไล้ไปทั่วไปทั้งร่างผมให้รู้สึกเพลิดพลิ้ว จากสองนิ้วมันใส่นิ้วที่สามเข้ามาแหวก ๆ คล้ายจะเบิกทาง

ผมกระตุกร่างกายทุกครั้งเมื่อนิ้วนั้นเคลื่อนผ่านจุดอ่อนไหว เหมือนเขาจะเรียนรู้ว่าจุดไหนในร่างกายผมต้องการการเอาใจมากกว่าตัวผมเองที่เป็นเจ้าของเสียอีก

“อย่า...”

“อีกนิดเดียว ถ้าไม่เตรียม เข้าไม่ได้แน่ ๆ” 

แล้วใครจะให้มึงเข้ามาวะ!

ตัวผมสั่นริก ดวงตาพร่ามัวไปหมด มันมองหน้าผมไม่วางตา

“เธอเซ็กซี่มาก”
เซ็กซี่บ้านเตี่ยมึงดิ! กูกำลังทรมาน

“เอาล่ะ น่าจะได้แล้ว”
มันบอกแค่นั้น ถอนนิ้วออก ผมหายใจอย่างโล่งอก แต่มาตาโตอีกรอบ เมื่อมันเคลื่อนลำตัวแทรกกลางเข้ามาระหว่างขาผม

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะทำช้า ๆ”
มันพูดพร้อมค่อย ๆ จับสากยักษ์แข็งทิ่มปลายเข้ามาเบา ๆ

“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่”
ผมรัวลิ้นบอก จับแขนมันไว้หวังดันออก

“อย่าเกร็ง หายใจลึก ๆ”
ผมหายใจหอบถี่แทน ส่วนหัวผลุบหายเข้ามาอย่างรู้สึกได้เพราะอุณหภูมิร้อน ๆ เขาขยับดันเข้ามานิดหนึ่งแล้วขยับออก แล้วใส่ลึกเข้ามาอีก ขยับเข้า ๆ ออก ๆ อยู่อย่างนั้นเพื่อให้ร่างกายผมคุ้นชิน 

ผมกลั้นหายใจเพราะกลัวแหก มึงตั้งแต่เกิดมา กูให้มันออกอย่างเดียวไม่เคยนำเข้ามาก่อนเลยจริง ๆ มันเลื่อนมือมาจับน้องผมไว้ นวดคลึงเพื่อให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย มันผ่อนคลายจริง ๆ

ใช้เวลาเกือบสิบนาทีอย่างอดทนที่สุด ในที่สุดสากยักษ์ก็เข้ามาในร่างกายผมได้สำเร็จ ร่างกายผมบีบรัดสิ่งแปลกปลอมแรงจนเขาครางในลำคอ

น้ำตาผมไหลแล้วครับ ไหลเพราะความจุก แน่นและเจ็บ กล้ามเนื้อหูรูดกูขาดหมดแล้วมั้งน่ะ

“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ ฉันพยายามอ่อนโยนอย่างที่สุดแล้วนะ”
เขาเลื่อนมือมาเกลี่ยน้ำตาออกให้

พ่อครับ แม่ครับ ขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวลูกชายคนนี้ แต่ตอนนี้ลูกของพ่อกับแม่กลายเป็นเมียชาวบ้านไปแล้วครับ

“อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวก็รู้สึกดีแล้ว ฉันจะอ่อนโยนให้มาก ๆ”
เขาเริ่มขยับเบา ๆ อย่างเชื่องช้าที่สุด ค่อย ๆ ขยับทีละสเต็ปมือไม้ก็จับเนื้อตัวรวมถึงน้องผมเพื่อให้ผมรู้สึกผ่อนคลายที่สุด

เขาบี้หัวนมผมเบา ๆ ตัวผมสั่นสะท้านจนรู้สึกได้ แรงขยับด้านหลังก็เพิ่มจังหวะที่ลื่นไหลมากขึ้น

“อ๊า ตัวเธอน่ารักมาก แดงจัดไปหมดทั้งตัวแล้ว”
น่ารักพ่อง! หล่อสิเฟ้ย พ่อกับแม่อุตส่าห์ตั้งใจทำ

ผมกัดปากนิด ๆ พยายามอดทนต่อความรู้สึกดี ๆ ที่มีตอนนี้ ผมรู้ว่าร่างผมมีเชื้อพ่ออยู่ครึ่งหนึ่ง เชื้อที่ได้ชื่อว่ามีความต้องการที่สูงเกินกว่าระดับปกติ ไอ้ความต้องการทางเพศระดับสามัญผมพอเข้าใจได้ แต่ในฐานะฝ่ายรุกนะ ไม่ใช่รับแบบนี้

มันละมือจากนมผมไปจับสะโพกผมไว้ ตัวมันใหญ่จริง ๆ ขนาดผมว่าผมตัวใหญ่แล้ว ต่อให้ไม่ใหญ่ขนาดพี่ชายหรือพี่เชนทร์ แต่ก็ไม่ได้ตัวเล็กขนาด  ชยันต์ ผมน่าจะอยู่กึ่งกลางระหว่างพี่ใหญ่และน้องเล็กสมกับเป็นคนกลาง ๆ มากกว่า แต่พอมาเทียบกับร่างกายหมอนี่แล้ว ผมดูเป็นคนแคระไปเลย สองมือใหญ่ตะปบสะโพกผมแน่น สอบสะโพกเข้ามา

ร่างกายผมสร้างสารหล่อลื่นได้ด้วยตัวเอง และตอนนี้มันก็ทำงานได้เป็นอย่างดี เขาครางพอใจในลำคอ ยิ้มนิด ๆ ขณะมองหน้าผม

“ฉันปรารถนาจะได้เจอใครสักคนที่มีร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนี้ ไม่คิดว่าจะได้มาเจอที่นี่”

ผมซี้ดปากตอนสิ่งนั้นบดขยี้จุดเร้าผมแรง

“ฉันจะทำให้เธอมีความสุขที่สุด ฉันสัญญา” แล้วเขาก็ทำอย่างที่พูดจริง ๆ ผมครางออกมาอย่างไม่อาย

“ฉันชอบเสียงครางของเธอนะ เพราะดี”
ผมกัดฟันพยายามไม่ครางออกมาเอาใจ เขาหัวเราะหึ ๆ กระแทกท่อนล่างเข้ามาแรง ผมครางรับเสียงดัง รู้สึกเสียววาบยิ่งกว่าเดิม ขาสั่นริก หน้าแหงนอย่างเพลิดพลิ้ว

ให้ตายสิ รู้สึกดีชะมัด

ดีสุด ๆ

“ชอบให้ทำแรง ๆ หรอกรึ”
คืออยากปฏิเสธว่าไม่ แต่ไม่ทันได้ทำหมอก็กระแทกลำท่อนเข้ามาแรง ๆ เป็นจังหวะ ผมส่ายหัวครางลั่นเสียงดัง ลีลาสะโพกหมอนี่ไม่ใช่ย่อย ๆ เลย หนังโป๊ฝรั่งยังไงยังงั้น

“เปลี่ยนท่ากันบ้างดีกว่า”

“มะ ไม่ต้อง”
ผมรีบห้ามเสียงดัง

แน่นอน… ด้วยภาษาไทย 

มันคงจะฟังออกหรอกนะ!!

มันจับผมพลิกตะแคงข้าง ยกขาผมข้างหนึ่งสูง อีกข้างจับงอนิด ๆ แล้วเชื่อมประสานอีกรอบ 

โอ๊ย! ไอ้บ้า!! แค่ท่าเบสิกกูก็แทบไม่ไหวแล้ว นี่ยังจะมาท่ายากอีก

แล้วมันก็เริ่มต้นบรรเลง จากช้าไปเร็วสลับกับช้าอยู่อย่างนั้น จากตะแคงข้างมันจับผมหมุนเป็นตุ๊กตายางคุกเข่า

ท่าประจำผมเลยครับ ผมชอบทำกับสาว ๆ เพราะรู้ว่ามันลึกถึงใจ ทำถนัดด้วย และแน่นอนเป็นท่าที่ซัดตูม ๆ ได้ถนัดที่สุด

แต่พระเจ้า... กรรมกำลังตามสนองผม เพราะทันทีที่ผมพลิกคว่ำ เข่ารองรับน้ำหนักตัวได้ สิ่งนั้นก็ซัดตูมซัดตู้มเข้ามา

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะ ผมครางเสียงดัง มือรองรับน้ำหนักตัวท่อนบน ผมแหงนหน้าครางออกมาเสียงดัง ภาพสาว ๆ ที่ผมฟัดฉายชัดขึ้นมาในหัว

สัญญาว่ากูจะไม่ทำท่านี้กับใครอีกแล้ว เสียวก็จริง แต่ทรมานคนรับฉิบหาย 

“ร่างกายเธอน่ารักมาก”
มันออกปากชมไม่หยุด ขยับรุนแรง สองมือใหญ่ ๆ จับสะโพกผมไว้ ร่างกายมันไปเองครับ ผมแอ่นสะโพกเข้าหาเพื่อให้สิ่งนั้นเข้ามาได้ง่ายขึ้น

“ไม่ไหวแล้ว ไปพร้อมกันนะ” มันบอกพร้อมเร่งเครื่องเร็วขึ้น 

โอโห มึง มึงซัดกระทิงแดงก่อนลงจากเครื่องรึไง ร่างผมสั่นไหวไปหมดจากแรงกระแทกระดับกระทิงต่างชาตินั้น

ผมร้องลั่นกระตุกร่างกายไปก่อนมันอีก ส่วนคนด้านหลังเร่งเครื่องต่ออีกไม่ถึงนาทีมันก็ทำกระดูกเชิงกรานผมแทบหักจากแรงซัดครั้งสุดท้ายนั้น

ได้ยินเสียงคำรามของคนด้านหลัง มีอะไรอุ่น ๆ ที่ฉีดปรี๊ด ๆ อยู่ภายใน ร่างที่กระตุกเป็นจังหวะของคนด้านหลัง มันบดส่วนนั้นแนบติดกับผมแน่น ราวกับจะหลอมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับผม บดนวดไปมาเพื่อให้ภายในผมรีดเค้นเอาน้ำมันออก

ผมหอบแฮกอยู่ท่าเดิม มันเองก็เหมือนกัน จนขนาดของเขาหดลง น้ำที่อยู่ภายในก็ค่อย ๆ ไหลล้นออกมาจนรู้สึกได้ มันไหลอาบไปทั่วทั้งเรียวขาผม เขาจับผมพลิกหงาย คุกเข่าจ้องมอง ผมนอนหอบไม่มีแรงจะห้ามปราม มันคุกเข่าก้มมองผลงานตัวเองอยู่นาน ก่อนเลื่อนสายตามามองผม ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“รู้ไหม ฉันไม่เคยไม่ใส่ถุงยางกับใครเลยนะ เธอเป็นคนแรก ฉันรู้สึกภูมิใจจัง”

แต่กูไม่ภูมิใจ! 

ผมยังหอบไม่หยุด ร่างกายยังสั่นริก อยากพูดอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่ออก มันเลื่อนมือมาแตะตรงผนังนุ่มนั้น ผมผวาเฮือกเผลอครางออกมาเบา ๆ คงเพราะส่วนนั้นยังเซนซิทีฟอยู่

“จับตรงไหนก็น่ารักไปหมด น่ารักมาก ฉันขออีกรอบนะ”
ผมตาโต มันไม่พูดเปล่า ขยับสอดใส่สากที่แข็งพร้อมใช้งานของมันเข้ามาอีกรอบ

ไม่น้าาา







มีต่อ >>
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ : (วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!! (20-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 20-05-2018 11:50:51
“อืม...” ผมสะลึมสะลือตื่นจากความฝัน 

“ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันนอนกับเด็กนั่นไปแล้ว” ได้ยินเสียงอะไรแว่ว ๆ เป็นเสียงผู้ชาย 

“ถึงว่ายังเวอร์จิ้น แล้วทำไมไม่แจ้งไว้ตั้งแต่แรก” เสียงนั้นยังดังไม่หยุด

“ไม่รู้ เด็กนี่ไม่พูดภาษาอังกฤษกับฉันเลย พูดแต่ภาษาไทยแล้วก็คราง เลยไม่รู้ว่าไม่รู้เรื่อง”

ใครวะ จะว่าเป็นเสียงของพี่เชนทร์ก็ไม่น่าจะใช่

“ไม่เป็นไรฉันจัดการเอง แต่พวกนายมีความผิดที่ไม่แจ้งฉันก่อน” 

ผมพยายามปรือตามอง เมื่อกี้ผมฝันด้วย ฝันว่าโดนผู้ชายเอา พอสายตาปรับภาพได้ สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานที่ตกแต่งไว้แบบโคตรหรู

เพดานนี้มันคุ้น ๆ นะ 

รู้สึกปวดแปลบที่บั้นท้ายจนผมครางโอ๊ยออกมาเบา ๆ

“เขาตื่นแล้ว แค่นี้ก่อนนะ ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้”

รู้สึกเหมือนมีใครมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมหันไปมอง ตาโตทันทีที่เห็น

มันไม่ใช่ความฝัน!

“อะ ไอ้โรคจิต”
ผมด่ามันด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ

“ฉันฟังภาษาไทยไม่ออกหรอกนะ” มันพูด “แต่ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไร ขอโทษที่นอนด้วยโดยไม่ถามความเห็นก่อน ปกติพวกเขาจะส่งเด็กที่รู้เรื่องมาให้ ไม่คิดว่าจะไม่รู้เรื่องแบบนี้” ตอนนี้ต่อมแปลภาษาผมพังครับ

“แต่ฉันดีใจนะ ดีใจที่ฉันเป็นคนแรกของเธอ ดีใจที่เธอไม่ใช่เด็กขาย ดีใจที่เธอไม่รู้เรื่องทำให้รู้ว่าเธอบริสุทธิ์จริง”

มะ มึง มึง มึงมาพรากจิ้นกูไปแล้วยังมาดีใจอะไรอีก!!

“ขอให้นิ้วโป้งตีนมึงหัก”
ผมด่าคำที่คิดว่าน่าจะเจ็บแสบที่สุดไป มันทำหน้าฉงนกับภาษาที่ผมใช้ เลื่อนมือมาเกลี่ยแก้มผมเบา ๆ

“ฉันชอบเธอนะ ชอบตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว” แล้วมันก็จับมือผมยกขึ้นจุมพิตแบบที่ผมชอบทำกับสาว ๆ

“ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างตามแต่เธอจะเรียกร้อง”

ผมพยายามประมวลผล โอเค ผมตกลงรับงานกับเพื่อน แล้วถูกไอ้บ้านี่ปล้ำ

“ปล่อยไอ้โรคจิต”
ผมด่าด้วยภาษาไทยเหมือนเดิม ก่อนสะบัดหัวนิดหนึ่งแล้วแปลงภาษาใหม่

“ปล่อยไอ้โรคจิต ผมไม่ใช่เกย์”
ดวงตาเขาฉายแววอะไรสักอย่าง ก่อนยิ้มพรายในดวงตา รอยยิ้มพออกพอใจ

“ถ้าคิดว่าคนที่เป็นเกย์เป็นโรคจิตฉันก็ยอมรับ แต่ฉันก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนนี่”

“ทำสิ ผมนี่ไง อยู่ ๆ ก็มาปล้ำกัน คุณมันเลว โรคจิต”
ผมด่าต่อ เขาส่ายหัวไปมา

“ฉันทำไปเพราะฉันไม่รู้ ปกติเวลาไปเที่ยวที่ไหน เลขาจะจัดส่งเด็กที่รู้เรื่องและเป็นมืออาชีพมาให้ ไม่คิดว่าเธอจะไม่รู้เรื่อง แถมยังไม่ประสาเรื่องนี้อีก”

ผมอ้าปากค้าง

นี่กูกำลังโดนด่าว่าไม่ประสาเรื่องเซ็กส์งั้นเหรอ

มึง มึงกำลังดูถูกน้ำเชื้อพ่อกู!

แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าแข่งกันรุกผมอาจสูสี แต่รับนี่ครั้งแรกจริง ๆ

“แต่ฉันดีใจนะที่เธอไม่ประสา เธอดูบริสุทธิ์ เรียบร้อย น่ารัก ฉันไม่เคยได้ยินใครครางได้น่ารักแบบเธอมาก่อนเลยจริง ๆ แม้แต่คนญี่ปุ่นที่เขาว่ากันว่าครางได้เร้าใจ ฉันก็ยังเฉย ๆ แต่เธอ ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงเลย”

ผมอ้าปากพะงาบ ๆ

มะ มึงว่าอะไรนะ มึงมาว่าแมนทั้งแท่งแบบกูครางน่ารัก คะ ความภาคภูมิใจกูอยู่หนใด รีบออกมาปรากฏตัวด่วน

“ท่าทางช็อกแบบนี้ของเธอก็น่ารัก ไม่ว่าจะท่าไหน เธอก็น่ารัก น่ากินไปทั้งตัวเลย ฉันชอบเธอมากจริง ๆ”
พูดจบมันก็ก้มลงมาจูบหน้าผากผมเบา ๆ

“ขอประทานโทษ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็น “ผมไม่ใช่เกย์ และไม่คิดจะเป็นด้วย ผมรับจ้างมาเป็นคนนำเที่ยว แค่นำเที่ยวเฉย ๆ ไม่ได้คิดจะมาเป็นคู่เที่ยวพร้อมอีหนูแบบนี้”

เขามองหน้าผม

“บางทีเธออาจต้องคุยกับเพื่อนของเธอนะ เมื่อกี้ฉันคุยกับเขาแล้ว เขาโทรมาเล่าว่าเธอคงไม่ทำหน้าที่’เด็ก’ให้ใครนอกจากนำเที่ยวอย่างเดียว แต่ฉันบอกว่าสายไปแล้ว”

ผมอ้าปากค้าง แปลว่าเพื่อนผมมันก็รู้เรื่องหมดทุกอย่างน่ะสิ

“ผมจะโทรหาเพื่อน”
ผมรีบรัวลิ้นบอก เขาหยิบมือถือมายื่นให้ ผมกดเบอร์ ทันที เสียงสัญญาณดังไม่ถึงสามครั้งมันก็รับสาย

“ฮะ ฮาโหลว”

“ไม่ต้องฮาหลงฮาโหลวเลย นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้!!” ผมโวยลั่น

“ขะ ขอโทษจริง ๆ กูก็บอกแล้ว ว่าหน้าที่อื่นก็ให้บอกเขาไปว่าดูแลไม่ได้ ไม่คิดว่ามึงจะยอมเขาง่าย ๆ กูกะเวลามาว่าน่าจะทันการแล้วนะ แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้”

“ก็ใช่อะดิ เข้าห้องได้มันก็ปล้ำกูเลย”

“ปะ ปล้ำเลยเหรอ”

“เออดิ มึงคิดว่าคนอย่างกูจะยอมง่าย ๆ รึไง”

มันนิ่งไป ผมเปิดศักราชนั่งวีนมันต่อจนมือถือแทบแบตหมด ด่ามันจนเหนื่อย ผมเองก็เพิ่งรู้ว่ามันทำแบบนี้ด้วย

“นี่ปกติมึงนอนกับลูกค้าด้วยเหรอ มึงเป็นเกย์”

“โทษ กูกลัวมึงรับไม่ได้ กูเลยไม่กล้าบอก”

“เรื่องมึงเป็นเกย์ยังไม่ทำให้กูฉุนขาดเท่ากับมึงขายตัวเลยนะ!”
ผมตะคอกด่ามันอีกรอบ

“เปล่า กูไม่ได้ขาย ว่ายังไงดี กูเป็นเกย์นะ ชอบเรื่องพวกนี้ ที่กูรับงานเพราะได้นอนกับคนหล่อ ๆ นี่แหละ แถมยังได้เที่ยวด้วยได้เงินด้วย วิน ๆ กันทุกฝ่าย”

“โอ๊ย กูจะเป็นลม” แล้วผมก็บ่นมันไปอีกระลอก

“มึงเอาไง” มันถามต่อ

“กูจะกลับ กูไม่ทำให้มึงแล้ว ยกเลิกไปเลย ให้มันล่มไปบริษัทมึง แม่ง มันไม่ใส่ถุงด้วย ติดโรคขึ้นมาทำไง”

“เฮ้ย!!” มันทำเสียงตกใจ “ปกติเขาป้องกันตลอดนะ”

“ป้องกันทำเตี่ยไร สด แตกใน สามรอบเน้น ๆ กระแทกมาจนกระดูก   เชิงกรานกูแทบหัก”

“อูย มึงพูดซะกูเสียดาย”

“เชี่ย ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้ใส่กู กูไม่คืนเงินให้มึง ไม่เรียกร้องเพิ่มก็บุญแล้วนะมึง”
ของกไว้ก่อนครับ

“เออ ๆ งั้นก็บอกเขาละกัน เมื่อกี้กูก็คุยให้แล้ว เราได้คนดูแลใหม่แล้วด้วย เดี๋ยวจะส่งไปให้เขาแทนมึง”

“เออ รีบส่งมาเลย กูจะกลับบ้าน”
ผมบอกแค่นั้น กดตัดสายไป หันไปมองผู้ร่วมห้องตาขวาง สิ้นสุดการเป็นลูกค้าแล้วนี่ ผมก็ไม่จำเป็นต้องวางตัวดี ๆ แล้ว

“เขาจะส่งคนใหม่มาให้ ผมจะกลับ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ถือว่าแล้ว ๆ กันไป ผมไม่เอาความ ลืม ๆ มันซะเถอะ”

เขาส่ายหัวไปมา ยิ้มละไมในสีหน้า จับมือผมแล้วเอาไปวางไว้บนสากยักษ์ที่บัดนี้มันตื่นขึ้นมาอีกระลอก ผมตาโตอ้าปากค้าง

“เธอเป็นคนแรกเลยนะที่ทำให้ฉันตื่นเพียงแค่มองหน้าเท่านั้น”

“ดะ เดี๋ยว!”

เขาจับผมกดลงกับที่นอนอีกรอบ

“ปล่อย ผมไม่ใช่เกย์ แล้วก็ไม่ได้อยากนอนกับคุณ ที่สำคัญ ผมยกเลิกการนำเที่ยวคุณแล้ว ปล่อย อะ อ๊า…”
แม่งเลวเอ๊ย มันไม่ฟังผมเลยครับ จับขาผมพาดไหล่แล้วเสียบเข้ามาเลย ทีเดียว มิดลำ ตัวผมสั่นริกขึ้นมาอีกรอบด้วยความเสียวซ่าน

“หึ ๆ เหมือนร่างกายเราจะเข้ากันได้ดีนะ”

“ดีเชี่ยไร”
ผมด่ามันเป็นภาษาไทย แล้วผวาครางเสียงดังเมื่อเขาเริ่มขยับดึงออกและใส่กลับเข้ามาใหม่

ไอ้ร่างกายทรยศ! ไอ้ร่างกายเลวระยำ! ไอ้ร่างกายไม่รักดี! ไปยอมมันทำไม!

ได้ยินเสียงหัวเราะพออกพอใจของคนด้านบน เขาจับขาผมยกสูง แล้วบรรเลงเพลงสวาทชาติฝรั่งที่ทำให้ผมทำได้แค่คราง คราง แล้วก็ครางเหมือนคนจะสิ้นใจเท่านั้น

“น่ารักมาก ฉันคงหลงรักเธอซะแล้ว”

“ตะ แต่กู อืม…ไม่รักมึง”
ผมตอบกลับด้วยภาษาไทยกระท่อนกระแท่น

“ฉันฟังภาษาไทยไม่ออกนะเชิดวุธ ภาษาอังกฤษสิ”
มันบอกในขณะที่ส่ายเอวพลิ้ว ๆ ของตัวเองไปมา

“อื้ม..รัก..คุณ”
คือจะพูดว่า’แต่ผมไม่ได้รักคุณ’ด้วยภาษาอังกฤษ แต่คำอื่นมันหายไปเหลือไว้แค่สองคำนี้เท่านั้น เขาทำหน้าดีใจ ขณะที่ยังเคลื่อนไหวสะโพกไม่หยุด

“จริงเหรอ เธอเองก็รักฉันเหมือนกันเหรอ”

ไม่ใช่เว้ย!!

อยากปฏิเสธครับ แต่ตอนนี้ทำได้แค่กัดฟัน เอียงหน้า จับมือใหญ่ที่จับสะโพกผมไว้เพราะความเสียวซ่านเกินระดับนั้น

สารภาพตามตรงว่านอนกับผู้หญิงมาเยอะ รุกจนผู้หญิงสลบคาเตียงมาก็เยอะ แต่ไม่เคยมีเซ็กส์ครั้งไหนทรมานเท่ากับมีอะไรกับหมอนี่ มันเสียว เสียวแบบแทบขาดใจตายกันไปข้าง

ยิ่งหมอนั่นกระแทกแรงเท่าไหร่ ผมนี่จะตายเอา ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด รู้สึกดีมากจริง ๆ

“ชอบแบบนี้ใช่ไหม”

ผมรู้ว่าผมชอบเซ็กส์ที่รุนแรง แต่เคยเป็นแต่ฝ่ายรุกไง ไม่คิดว่าตอนเป็นรับจะชอบแบบนี้ด้วย

แล้วเขาก็เอาใจผมไปอีกหนึ่งยกเน้น ๆ 



ผมนอนหมดแรงจนได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารหอม ๆ ปลิวมาแปะจมูก

“กินข้าวก่อน ส่วนนี่ยา” 

หิวแทบตาย ผมรีบพยุงตัวลุกนั่งซัดแหลกทันที ไม่ถึงสิบนาทีก็อิ่มกรอกยาเข้าปาก ผมมองคนตรงหน้าตาขวาง

“จะกลับแล้ว ถ้าทำอะไรผมอีก ผมจะแจ้งตำรวจจับคุณข้อหาข่มขืน”
ผมขู่ เขามองหน้าผม

“ฉันชอบเธอนะ”
แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ผมมองกลับอึ้ง ๆ

“ขอโทษ แต่ผมไม่ได้ชอบคุณ และไม่ได้เป็นเกย์ด้วย”

“ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร แต่ฉันชอบเธอ อยู่ด้วยกันกับฉันนะ”

“เขาส่งคนมาให้แล้ว ไปเอาคนที่พร้อมสำหรับคุณดีกว่า”

“ฉันไล่กลับไปแล้ว”

ผมอ้าปากค้าง

“ไล่ไปทำไม! ผมยกเลิกนำเที่ยวคุณแล้วนะ”

“ฉันไม่ต้องการคนอื่น ฉันต้องการแค่เธอคนเดียว”

“แต่ผมไม่ต้องการคุณ ถ้าไม่อยากได้คนนำเที่ยวคนอื่นก็เที่ยวคนเดียวไปละกัน”
ผมขยับตัวจะลุก แต่เขาจับมือผมไปกุมไว้ 

“ฉันชอบเธอจริง ๆ นะ”

“แต่ผมไม่ชอบคุณ อย่าให้ถึงกับต้องเกลียด”

เขานิ่งอึ้ง สีหน้าขรึมขึ้น

“ถ้าเธอไม่ยอม ฉันจะทำให้บริษัทเธอเพื่อนเธอล้มละลาย”

ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำได้

“อย่ามาขู่ให้ยาก”
ผมขยับลุก เขาล้วงหยิบมือถือขึ้นมากด กรอกเสียงพูดกับใครสักคนเหมือนเป็นเลขาแล้วสั่งในทำนองว่าให้ดิสเครดิตบริษัทเพื่อนผมและทำให้บริษัทนั้นไม่สามารถติดต่อการค้ากับใครในโลกได้อีก 

ผมรีบดึงมือถือออกจากปากเขากดปิดทันที

“อย่าทำบ้า ๆ คนอื่นเขาสร้างบริษัทมาด้วยความยากลำบาก จะมาถูกทำลายเพราะความต้องการของคุณคนเดียวได้ไง”

“ยอมฉันสิ อยู่เที่ยวกับฉัน แค่สองอาทิตย์เท่านั้น”

ผมเม้มปากแน่น   

“ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”

เขาแย่งมือถือจากมือผมไปจะโทรออกอีก แต่ผมเบรกไว้

“ทำไมไม่ยอมนอนกับคนที่พร้อมจะนอนกับคุณ มีเยอะแยะ เพื่อนผมยังอยากเลย เรียกมันมานอนด้วยก็ได้ มันออกจะน่ารัก”

“แต่ฉันชอบเธอ”

ผมนิ่งอึ้ง

“นี่ ไอ้ด้านหลังของผู้ชาย รูไหน ๆ มันก็เหมือน ๆ กัน ไปหารูใหม่ไป”

“แต่ฉันชอบเธอ” เขายืนยันคำเดิม

“โธ่เว้ย! พูดไม่รู้เรื่องรึไง!!”

คนตรงหน้ายิ้ม

“ตกลงใช่ไหม”

“ขู่กันขนาดนี้ ปฏิเสธได้รึไง!” ผมตะคอกกลับ เขายิ้มพอใจ

“ผมจะนำเที่ยวคุณก็ได้ แต่ห้ามมีเซ็กส์”

เขาส่ายหน้าไปมา

“ฉันเป็นพวกความต้องการสูงนะ สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับฉันพอ ๆ กับอาหารก็คือเซ็กส์นี่แหละ”

ผมอ้าปากค้าง

“ผมไม่ใช่ผู้ชายขายตัว”   

“ก็ไม่ต้องขาย แต่เต็มใจนอนกับฉันด้วยความต้องการของเธอเองจริง ๆ”

“ไม่มีทาง ผมไม่ใช่เกย์ และไม่ได้คิดพิศวาสอะไรคุณด้วย”

“แต่เธอไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่ารู้สึกดีเวลาที่ถูกฉันสัมผัส ถูกจูบ ถูกลูบไล้ รวมถึงเวลาที่ถูกฉันกระแทกแรง ๆ ด้วย ฉันรู้ว่าเธอชอบมันมาก”

ผมอ้าปากค้างกับการพูดโดยไม่อับอายของคนตรงหน้า

ตอนนี้ผมควรทำยังไงดีครับ

กดหนึ่ง กรี๊ดแรง ๆ ให้สาวแตกไปเลย

กดสองนั่งบื้อต่อไป

ผมกดเลือกข้อสอง

เขาจับมือผมไปกุมไว้ทั้งสองข้าง

“สองอาทิตย์เท่านั้น” เขาจูบซับมาที่แก้มผมเบา ๆ “ถ้าไม่อยากเสียเปรียบ ให้ถือซะว่า สองอาทิตย์นี้ฉันคือคนรักของเธอ ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดี ตามใจเธอทุกอย่าง ขอแค่อย่างเดียว พาฉันเที่ยวและยอมให้ฉันมีเซ็กส์ด้วย”

“นั่นมันสองอย่างแล้วเฟ้ย!”

“โอเค สองอย่าง” เขาแก้มาง่าย ๆ

“นะ” เขาคร่อมร่างผมไว้ ใช้ดวงตาอันแสนมีเสน่ห์ร้องขอ

อะ เอาไงดีวะ ผมนิ่งคิด

ในระหว่างนิ่งคิดก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ผมก้มมอง ตอนนี้ผมนั่งอยู่ข้างเตียง ในสภาพเสื้อเชิ้ตตัวเดิมปกปิดร่างกายไว้หมิ่นเหม่ เขาคร่อมผมไว้ มือใหญ่ลูบไล้แถว ๆ หน้าขาผม ผมก้มมองมือนั้น เลื่อนสายตาสูงขึ้นอีกนิด

สากยักษ์ตื่นขึ้นมาชี้หน้าผมอีกแล้ว

ผมตาโต เงยหน้าสบตาเจ้าของมัน ดวงตานั้น ฉายชัดถึงความต้องการจนเปี่ยมล้น เขายกมือผมขึ้นจุมพิต

“เธอทำให้ฉันตื่นอีกแล้ว ไม่เคยเลยนะ ที่จะมีใครทำให้ฉันเร่าร้อนได้ขนาดนี้”

“ไม่ ไม่ ไม่” ผมรีบรัวตอบกั้นมือไว้กับอกเขา “วันนี้ผมโดนไปหลายรอบแล้วนะ”

“แต่ฉันอดทนต่อไปไม่ได้แล้ว”
พูดจบเขาก็จับสองขาผมยกสูงเสมอสะโพก จนผมร้องเหวอล้มลงไปนอนหงาย   

“เดี๋ยว ๆ”
ผมพูดได้แค่นั้นแหละ ที่เหลือครางอย่างเดียว

แม่ง หมอโคตรหื่นอ่ะ

 



ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ : )


Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ : (วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!! (20-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-05-2018 18:00:22
ร่างกายเป็นใจมากเชิดวุธ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ : (วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!! (20-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-05-2018 01:12:50
 นั่งขำรัว
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ : (วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.2 เอาเวอร์จิ้นกูคืนมา!! (20-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สบันงา ที่ 22-05-2018 03:39:38
เข้ามารอทุกวันเด้อ :impress2:
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) 3 ไม่ได้ ผมไม่ได้หวั่นไหวจริงๆ (27-5-18)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-05-2018 19:11:58
 
(https://www.img.in.th/images/ea81ab0144a02f4c7219ab2915c423fe.jpg)
#วิลเลี่ยมเชิดวุธ
:: Chapter 3 ไม่ๆ ผมไม่ได้หวั่นไหวจริงๆ ::


สามคืนแรก ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนกันเลยครับ ผมถูกวิลเลี่ยมฟัดอย่างเดียว ตื่นขึ้นมาโดนฟัดจนหลับไป ตื่นอีกที กินข้าว โดนฟัดแล้วหลับต่อ ผมนี่แทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ครางจนเจ็บคอไปหมด และตอนนี้เขาคนนั้นก็มานอนขนาบอยู่ด้านหลังผม กอดก่ายไว้ด้วยความอ่อนโยน เวลากอดผมก็พร่ำบอกรักไม่ขาดปาก ซึ่งบอกตามตรงว่าผมไม่เชื่อ

หนึ่ง ผมไม่เชื่อความรักระหว่างเพศเดียวกันว่ามันจะมีอยู่จริง สอง ผมไม่เชื่อน้ำคำบอกรักตอนมีอะไรกัน เพราะมันมักเป็นคำที่เอาไว้หลอกล่อให้คู่นอนตายใจ 

“ผมจะนอน” ผมบอกเขาไปอย่างอ่อนเพลีย

“ก็นอนไปสิ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ไม่ได้ว่า แต่มึงจะทำให้กูนอนไม่หลับ

“นี่” ผมพลิกตัวหันไปทำหน้าจริงจังใส่ “ปล่อยให้ผมได้นอนพักบ้าง ครางจนเสียงแหบไปหมดแล้ว ปวดเอว ปวดสะโพก อยากให้ตายก่อนครบสองอาทิตย์รึไง”

“แต่คนที่เรียกร้องให้ฉันทำแรง ๆ คือเธอเองนะ”

ผมอ้าปากค้างอย่างเถียงไม่ออก

“มันก็แค่อารมณ์พาไป ไม่ใช่ความต้องการของผมจริง ๆ สักหน่อย”

“อย่าโกหกน่า บอกสิว่าร่างกายเธอมันต้องการฉัน รักฉัน ขาดฉันไม่ได้”
คำพูดนุ่มนวลมาพร้อมร่างกายสูงใหญ่ที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า รู้ตัวอีกที ผมก็ถูกเชื่อมร่างแล้วเรียบร้อย

สาบานได้ว่าผมไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ สุดท้าย ผมก็ต้องขึ้นไปนอนเกยอยู่บนอกกว้างของคนตัวสูง แล้วปล่อยให้เขาขยับสะโพกสร้างความสุขสมให้ผมเอง

ข้อดีของการเป็นฝ่ายรับ ถ้าตัดเรื่องความเจ็บจุกออกไปคือไม่ต้องออกแรงมาก บางครั้งก็นอนอยู่เฉย ๆ ครางอย่างเดียวพอ

จนล่วงเข้าวันที่แปด

ครับ ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนกับเขาเลยตลอดเจ็ดวัน โดนฟัดอยู่บนเตียงอย่างเดียว

“เห็นไหม มัวแต่มีเซ็กส์ เหลือเวลาเที่ยวอีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น”

เขาหันมามอง ยิ้ม แล้วขยับมาจูบหน้าผากผมเบา ๆ

“เรื่องเที่ยวไม่สำคัญเท่ากับการได้อยู่กับเธอหรอกนะ”

ใจผมชักจะแกว่ง ๆ ไปกับน้ำคำหวาน ๆ ที่เขากรอกหูผมทุกวัน เช้ากลางวันเย็นทุกครั้งหลังอาหาร ทุกครั้งระหว่างมีเซ็กส์

แต่ผมก็มั่นใจว่าใครก็ตามที่พูดคำรักบ่อย ๆ คนคนนั้นไม่ได้พูดออกมาจากใจจริงหรอก

คำรัก นาน ๆ พูดทีจะดีกว่า 

“ฉันรักเธอนะ”
เขาบอกอีกรอบ ผมได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่าย พยักหน้าหงึก ๆ อย่างไม่ศรัทธา

ผมกลัดกระดุมเสื้อ เขาเดินเข้ามาชิด สวมมือมาที่เอวด้านหลัง รู้สึกถึงไออุ่นจากแผงอกกว้างได้ชัดเลย

“ฉันเคยได้ยินมาว่า มีชาวต่างชาติหลายคนหลงเสน่ห์คนไทย ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ฉันก็เพิ่งรู้ว่าทำไม” 

ผมหันไปมองงง ๆ เขามองตอบ

“คนไทยน่ารัก มีเสน่ห์ อ่อนหวาน เสียงหวาน ผิวสวย น่าทะนุถนอม เธอเป็นทุกอย่างที่ว่ามาทั้งหมด”

ผมทำหน้าแหยง 

“นี่คุณ ผมเป็นผู้ชาย ผู้ชายทั้งแท่งด้วย”

เขายิ้ม

“ใช่ และเป็นผู้ชายที่คว้าเอาหัวใจฉันไปด้วย”
เขายกมือผมขึ้นจูบ

ผมเบะปากใส่อย่างไม่เชื่อ

“ฉันนอนกับคนมาเยอะนะ นับรวมเธอด้วยก็คงร่วมร้อย แต่สาบานได้ว่าฉันไม่เคยบอกรักใครเลยสักคนนอกจากเธอ” 

ผมมองตา บอกตามตรงว่าไม่เชื่อหรอก

“เดี๋ยวก็เบื่อ”
ผมบอกเขางั้น เขาส่ายหัวไปมา

“ไม่มีทาง”

“นี่คุณ ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้หรอกนะ ความชอบของคนก็เหมือนกัน ตอนนี้คุณอาจถูกใจผม เพราะผมไม่ง่ายในสายตาคุณ ไม่ได้ยอมเหมือนคนอื่น ๆ แต่สักวันคุณก็ต้องเบื่อ”

เขาส่ายหัวช้า ๆ อีกรอบ

“ถ้าแค่ร่างกายอาจใช่ แต่ไม่ใช่ตรงนี้”
เขาจับมือผมไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง ผมมองตาคนตรงหน้า

“เอาเถอะ ๆ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว มีหลายโปรแกรมต้องตัดทิ้งเพราะคุณมัวแต่กกผมนี่แหละ”

เขาขยับมาจูบหน้าผากผมเบา ๆ สัมผัสจากริมฝีปากนั้นวูบทะลวงลึกลงไปถึงหัวใจเลย

สงสัยผมจะชินเกินไปแล้ว 

ชยันต์จัดเสื้อผ้ามาให้มีแต่ชุดที่เจ้าตัวซื้อให้ผมทั้งนั้น วันนี้ผมใส่เชิ้ตแบบเดิม แต่สีชมพู แน่นอนผมไม่ได้เลือกเอง แต่วิลเลี่ยมขอร้องมา ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ตัวไหนก็ใส่ได้ เกือบจะไม่ได้ออกจากห้อง เพราะวิลเลี่ยมน้อยทำท่าจะตื่นอีก ดีว่าผมสามารถลากเขาออกมาได้ ก่อนจะต้องมานอนครางใต้ร่างของเขาอีก เราพากันเดินไปที่รถ

โธ่ ลูกพ่อเป็นไงบ้าง เราไม่ได้เจอกันตั้งอาทิตย์ ผมลูบลูกรักเบา ๆ ขึ้นนั่งประจำที่ ส่วนเขาก็นั่งข้าง ๆ

ผมหันไปมองคนที่ควานมือหาที่ปรับเบาะด้านล่าง ผมขยับเข้าไปช่วยกดปรับเลื่อนให้ เขาคงอึดอัดเพราะตัวใหญ่   

“พอไหม”
ผมเงยหน้าถาม เขาไม่พูด เพียงแค่ยิ้ม มองหน้าผมนิ่ง ๆ เท่านั้น

“พอไหมคุ้ณ”
ผมถามเขาเสียงสูงอีกรอบ เขาไม่ตอบแต่ก้มจูบผมเบา ๆ แทน

“เท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกสำหรับเธอ”
ตอบไปกันคนละเรื่องเลย ผมอ้าปากค้าง เขายิ้ม หอมแก้มผมเบา ๆ อีกทีฟอดใหญ่ ผมรีบดีดตัวออก

“บ้า ทำไรประเจิดประเจ้อข้างนอก”
ผมรัวพูดด้วยภาษาไทยอย่างเคยชิน เขาทำหน้างง

“ขอภาษาอังกฤษ”

“หน้าด้าน!”
ชัดถ้อยชัดคำดีไหม เขาหัวเราะหึ ๆ

“ด้านของจริงต้องแบบนี้”
พูดจบเขาก็จับคางผมดันให้แหงนขึ้นแล้วบดจูบลงมา จูบไม่พอยังแทรกลิ้นเข้ามาอีกต่างหาก

เทคนิคต่างกันเกิน ไม่ถึงนาทีผมก็หอบแฮก เขาค่อย ๆ ถอนปากออก ยิ้ม ก้มจูบใหม่ เปลี่ยนจากจูบรุกเร้ามาเป็นจูบเบา ๆ อย่างอ่อนโยนแทน

“อย่าพยายามทำให้ฉันตื่นดีกว่า ฉันยังรู้จักประเทศไทยไม่ดีพอนะ แต่คนไทยอย่างเธอ ฉันรู้จักมาทุกซอกทุกมุมแล้ว ยกเว้นหัวใจที่เจ้าตัวไม่ยอมให้เข้าไปสำรวจสักที”
กูก็เพิ่งรู้ว่าฝรั่งก็พูดจาภาษาเสี่ยวได้ด้วย แต่คำพูดเมื่อกี้ทำให้หัวใจของผมไหวแรงพิลึก

“ก็แค่หลงของใหม่” ผมผลักอกเขาออกเบา ๆ “รัดเข็มขัดได้แล้ว” ผมสั่ง เขาหัวเราะหึ ๆ หันไปจับเข็มขัด ดึงพรืดมาวางมือไว้ตรงที่ล็อก

“รัดไม่ได้แฮะ” 

ผมหันไปมอง

“เอ้า ก็แค่กดมันลงไป แบบนี้ไง”
ผมกดของตัวเองให้ดู เขาลองกดบ้าง แต่ไม่ลงรู   

“กดให้ลงรูสิคุ้ณ”

“กดให้หน่อยสิ”

ผมจิ๊ปาก หันไปจับหัวเบลท์กดลงรูให้ กำลังจะชักมือกลับแต่เขาจับมือผมไว้ ผมมองงง ๆ เขายิ้ม ดึงมือผมขึ้นไปกุมไว้ตรงหัวใจตัวเอง กุมไว้นิ่งเฉยอยู่อย่างนั้นแล้วมองตา มองเฉย ๆ

ดวงตาสีเดียวกับคนเอเชียนั้นสะกดผมไว้ให้นิ่งค้าง เขาเกลี่ยแก้มผมเบา ๆ

“ฉันรู้ว่าเธออาจจะเบื่อที่ได้ฟังมันบ่อย ๆ แต่ฉันอยากให้เธอรู้ไว้นะ ฉันรักเธอ” 

ผมนิ่งอึ้งไป รู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มไล่ลงไปสะกิดที่หัวใจยังไงพิกล ผมแกล้งทำเป็นยักไหล่

“มีคนรักย่อมดีกว่ามีคนเกลียด”

เขาหัวเราะหึ ๆ ปล่อยมือผมออกจากตำแหน่งหัวใจตัวเอง ผมขยับกลับมานั่งดี ๆ สตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนตัวรถพาเขาไปสู่เป้าหมาย

ที่เที่ยวแรกที่ผมจะพาเขาเที่ยวคือวัดพระแก้วมรกตครับ ต่อด้วยวัดอรุณ วัดระฆังตามลำดับ แค่นี้ก็หมดวันแล้ว

“รถติดจังนะ”
เขาพูดเบา ๆ ผมหันไปมอง ยักคิ้วให้นิดหนึ่ง

“ความภาคภูมิใจของคนไทย ไม่มีประเทศไหนจะรถติดได้น่ารำคาญแบบประเทศผมอีกแล้ว”

เขาหัวเราะ กว่าจะถึงที่หมายก็เกือบชั่วโมง วนหาที่จอดอีกเกือบครึ่งชั่วโมง พอได้ผมก็พาเขาลงจากรถ ทำหน้าที่ไกด์ที่ดีแนะนำเขาไปรอบ ๆ เขาเป็นพวกไม่กลัวแดด แต่ใส่แว่นดำ พอ ๆ กับผมนี่แหละ 

ป้องกันนิดหนึ่งครับ

ดูเขาจะชอบศิลปะของวัดพระแก้วมรกตเอามาก ๆ เขาพกกล้องมาด้วยตัวหนึ่ง อย่างมืออาชีพเลย เดินถ่าย ผมได้แต่เดินตาม ปากก็เล่าประวัติเท่าที่พอจะรู้ให้ฟัง เขาก็ฟังไปถ่ายไปดูไป วันนี้เขาแต่งตัวแนวสบาย ๆ ใส่กางเกงผ้าเข้ากับเมืองร้อนเสื้อยืดแขนยาว ตอนแรกกลัวว่าจะร้อนเหมือนกัน แต่ก็รู้ว่าเนื้อผ้าแบบนี้จะทำให้รู้สึกเย็นมากกว่า
 



ตอนนี้ผมกำลังยืนเหม่อมองพระพุทธรูปที่ตั้งเรียงรายกันไว้ ในขณะที่วิลเลี่ยมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

ผมสะดุ้งเมื่อมีคนมาส่งยิ้มให้ เป็นผู้ชายครับ ฝรั่งด้วย ตัวใหญ่เบ้อเริ่ม

พวกมึงจะสูงใหญ่กันไปไหน เห็นใจคนไทยไซส์กลาง ๆ แบบกูบ้าง อยู่กับพวกมึง กูรู้สึกด้อย ๆ ยังไงพิกล 

“ไฮ”
เขาทัก ผมยิ้มให้ 

ทำไม หรือจะมาถามทางไปห้องน้ำ 

“มาคนเดียวเหรอ”
เขาถามต่อ 

“เปล่าครับ มากับเอ่อ...”
ผมหยุดคำไว้ กำลังคิดอยู่ว่าวิลเลี่ยมเป็นอะไรสำหรับผม ลูกค้าก็ไม่ใช่แล้ว เพื่อนยิ่งแล้วใหญ่

“สามี”
เสียงตอบดังมาจากทางด้านหลัง ผมหันไปมอง เห็นวิลเลี่ยมยืนหน้าบึ้งอยู่ เขายืนห่างจากตัวผมคืบเดียวเท่านั้น เขามองคนถาม วางมือไว้บนเอวผมให้รู้ความหมายที่ลึกซึ้งขึ้น

“โทษที” คนแปลกหน้ายกสองมือเสมอหน้า พูดยิ้ม ๆ กับวิลเลี่ยมแล้วก้มพูดกับผมต่อ “สามีคุณนี่หล่อดีนะ” แล้วเดินจากไป 

ผมอ้าปากค้าง หันไปเผชิญหน้าคนสมอ้าง

“พูดอะไรของคุณ!”

“ก็พูดความจริง ฉันเป็นคนแรกของเธอไม่ใช่รึไง เพราะงั้นฉันถือว่าเป็นสามีของเธอ”

ผมชกอกหนานั้นไปที

“ไม่ใช่ มันก็แค่ความเข้าใจผิด นี่ในวัดในวาห้ามพูดเรื่องใต้สะดือ”
ผมปราม

“นั่นแหละ เพราะงั้นเธอเป็นเมียฉันแล้ว ห้ามไปอ่อยใครอีกเด็ดขาด”

ผมเหยียบเท้าคนพูดไปที

“ใครอ่อย คนที่บังคับขืนใจผมคือคุณต่างหาก”

“ในวัดในวาห้ามพูดเรื่องใต้สะดือ”
เขาเอานิ้วชี้มาแตะปากผมเบา ๆ ใช้คำพูดผมมาย้อนเข้าให้ ผมมองตาขวาง ถ้าไม่ติดว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะด่าไปถึงโคตรเหง้าเหล่าศักราชจริง ๆ เขาหัวเราะหึ ๆ

เพราะปากด่าไม่ได้ ผมจึงด่าเขาทางสายตาแทน

“สำหรับคนไทย ถ้านอนด้วยกันส่วนใหญ่จะเป็นแฟนกันใช่ไหม” เขาถาม

“ก็ใช่”
ผมตอบตามจริง

“เพราะงั้น ฉันได้เวอร์จิ้นเธอ เพราะงั้น เธอก็เป็นของฉัน”

ผมกำหมัดแน่น พูดอะไรมากไม่ได้เพราะคนอยู่เยอะ เขาหัวเราะหึ ๆ

“แต่ผมไม่ใช่เกย์ และไม่คิดจะเป็นด้วย” 

“ก็ไม่ต้องเป็น”

ผมมองหน้าเขางง ๆ

“ไม่ต้องเป็นเกย์ แต่เป็นคนรักของฉันคนเดียวก็พอ”

ผมอ้าปากค้าง นะ แน่ใจนะว่าคนคนนี้เป็นฝรั่ง เขาหัวเราะหึ ๆ ลากผมให้เดินตามไปดูวิวกันตรงอื่น

 

ถัดจากวัดพระแก้วมรกตก็ไปต่อกันที่วัดอรุณ วัดระฆังผมก็ไหว้พระขอพรบ้าง ส่วนเขาไม่ทำความเคารพอะไรหรอกเพราะไม่ใช่ศาสนาเขา ผมไม่เรียกร้องให้เขาทำด้วย พอเที่ยงก็แวบพากันไปกินอาหารไทยมีชื่อของเมืองกรุงซะหน่อย แล้วตะลุยเที่ยวกันต่อกระทั่งเย็น ปกติพาฝรั่งเที่ยวรายไหนรายนั้นเป็นต้องโอดว่าเหนื่อยและร้อน แต่รายนี้ผิดคาด เหมือนยิ่งเย็นพลังยิ่งเยอะ ยิ่งเที่ยวยิ่งคึกคัก 

ผมก็ลืมไปว่าหมอนี่เป็นนักเที่ยวตัวยง ในขณะที่ผมร่อแร่เต็มทน

“ไหวหรือเปล่า”
เขาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง จริง ๆ เขาชวนผมกลับหลายรอบแล้ว แต่ผมฝืนไว้เองเพราะต้องพาเขาเที่ยวให้คุ้มกับที่เสียเวลามาแล้ว กระทั่งกินข้าวเย็นกันอิ่มนั่นแหละ ผมถึงได้ยอมแพ้เพราะแบตหมดแล้วจริง ๆ ขับรถพาเขากลับมาถึงที่โรงแรมจนได้

“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
ผมบอก เขาพยักหน้า ส่วนผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา แล้วหลับไปง่าย ๆ
                                                       




รู้สึกตัวอีกทีเพราะรอบตัวรู้สึกอุ่น ๆ เปียก ๆ ผมค่อย ๆ ลืมตามอง จนรู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติ ผมไม่ได้นอนอยู่บโซฟา แต่ตอนนี้อยู่ในอ่างน้ำที่น้ำสูงขึ้นมาจนถึงระดับอก ผมนอนอยู่บนแผงอกกว้างของคนใครสักคน ผมรีบหันไปมอง 

วิลเลี่ยมยิ้ม

“ตื่นแล้วเหรอ คิดว่าจะหลับยาวกว่านี้ซะอีก”

ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อยจนหลับไม่รู้เรื่องกระทั่งถูกลากมาแช่ในห้องน้ำขนาดนี้ ดีไม่ดีถูกลากไปฆ่าได้ง่าย ๆ นะเนี่ย

“ดื่มหน่อยไหม”
เขาชูแก้วไวน์ให้ดู ข้างอ่างมีโต๊ะขนาดเล็กวางไว้ มีแชมเปญและแก้วอีกใบว่าง ๆ วางอยู่ แชมเปญถูกวางไว้ในถังน้ำแข็งเรียบหรู ผมรีบดีดตัวจากท่าที่นอนอยู่บนอกนั้น

“ผมคงเหนื่อยจัด”

“ก็น่าจะหรอก โดนขนาดนั้นยังฝืนพาฉันเที่ยวอีก”

“ผมไม่ชอบทำอะไรไม่เต็มที่”

“เพราะงี้แหละ ฉันถึงได้รักเธอ” 

ผมหันไปมอง

“คุณนี่พูดคำรักง่ายไปนะ รู้ไหมคนไทยถือว่ามันไม่ได้ออกมาจากหัวใจ”

“เหรอ สำหรับประเทศฉันหรือตัวฉันเอง รู้สึกไงก็บอกไปงั้น รักก็คือรัก เกลียดก็คือเกลียด รักมากก็บอกรักมาก รักน้อยก็บอกรักน้อย ฉันเป็นพวกตรง ๆ นะ” 

ผมมองอึ้ง 

“เอาล่ะ จะดื่มไหม”

ผมชั่งใจ ถึงสภาพตอนนี้จะไม่น่าอภิรมย์ แต่ก็อยากกิน ผมพยักหน้านิดหนึ่ง เขาหันไปรินมายื่นให้ ผมรับมายกดื่ม   

“อื้อ”
อร่อยจริง ๆ ผมเคยดื่มไวน์มีราคามาบ้าง แต่ไม่มีอันไหนอร่อยได้เท่าอันนี้เลยจริง ๆ ผมเทกรอกปากดื่มอึก ๆ เป็นเบียร์ราคาบ้าน ๆ จนหมด ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ จากคนด้านหลัง หันไปยกขวดไวน์มาเติมให้อีก

“ชอบหรือเปล่า”

“อร่อยดี คงแพงน่าดู” 

เขายักไหล่นิดหนึ่ง ไม่ตอบเรื่องราคา เทใส่แก้วที่ผมถือรอไว้ เติมใส่แก้วตัวเองอีกนิด วางขวดลง ขยับแก้วมาชิดแก้วผม ชนกันเบา ๆ จนเกิดเสียง

“เพื่อเราสองคน”

ผมหน้าร้อนผ่าว รู้อยู่หรอกว่าพวกฝรั่งต่างชาติเป็นพวกโรแมนติกมาก แต่มันโรแมนติกไปไหม ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ 

ผมไม่พูดอะไร กำลังจะยกดื่ม แต่เขาใช้แก้วตัวเองดันแก้วไว้ ผมมองงง ๆ

อะไร มารินให้กูแล้วไม่ให้กูกินเนี่ยนะ 

อย่า มึง มึงอย่ามางกอะไรแถวนี้

เขายิ้ม จับผมให้พลิกหันไปเผชิญหน้า ไขว้แขนที่ถือแก้วไวน์ไว้กับแขนผมข้างเดียวกัน ยิ้มหล่อให้นิดหนึ่ง ค่อย ๆ ยกดื่ม มองตาผมไม่เคลื่อนไปไหน หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ไม่รู้เพราะท่าไขว้มือดื่มไวน์แบบคู่รักนี้ หรือเพราะสายตาบอกรักที่กำลังส่งมาให้นั้นกันแน่

“ดื่มสิ”
เขากระตุ้นเมื่อผมยังถือแก้วนิ่งค้างไว้ท่านั้น

“ดื่มแบบนี้ไม่ถนัด”
ผมเลี่ยง จะดึงแขนออก แต่เขาดันเบา ๆ ให้ผมนิ่ง

“กินท่านี้แหละ อร่อยดี”

จะไม่อร่อยก็เพราะสายตาของมึงนี่แหละ

เขายกดื่มในขณะที่ตาก็ยังไม่ละไปจากดวงตาผม แก้มผมร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม เห็นปากได้รูปนั้นยกยิ้มนิดหนึ่ง

ผมเสมองไปทางอื่นแล้วยกดื่มบ้าง แต่เขาเลื่อนมือมาจับคางผม ดันให้หันกลับมามองที่เดิม หน้าผมแทบไหม้เพราะสายตาหวานเชื่อมนั้น

“รู้ไหมตอนนี้หน้าเธอแดงจัดขนาดไหน”

“เอ้า ก็ดื่มไวน์นี่ หน้าแดงก็เรื่องธรรมดา”
ผมแถ เรื่องอะไรจะยอมรับว่ากำลังเขินสายตาเขาอยู่ ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ

“เหรอ คิดว่ากำลังเขินฉันซะอีก”

ถูกเผง

ไม่ใช่สิ!

ผมเชิดหน้าขึ้น

“ไม่มีทาง ข้อแรก ผมเป็นผู้ชาย ไม่มีทางมาเขินอะไรกับผู้ชายด้วยกันแน่ ๆ ข้อสอง เขินทำไม ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณสักหน่อย”

เขาเลิกคิ้วสูง ไม่พูดอะไร ยกดื่มต่อ ในขณะที่เติมน้ำตาลในดวงตามากขึ้น รู้สึกว่าความร้อนมันไหลไปทั่วทั้งร่างผมแล้วตอนนี้ 

“ตัวเธอแดงตามหน้าไปแล้วนะตอนนี้”

ผมอ้าปากพะงาบ ๆ 

“ผมว่าผมพอแค่นี้ดีกว่า สงสัยจะดื่มมากไป”
ผมดึงแก้วไวน์ออก วางไว้ที่โต๊ะตามเดิม ได้ยินเสียงหัวเราะถูกใจในลำคอ   

“เอาล่ะ คุณจะแช่น้ำก็แช่ไป ผมจะขึ้นแล้ว”
ผมดันตัวจะลุก แต่เขากดตัวผมไว้

“นี่ ปล่อยได้แล้วคุณ ผมจะขึ้น”

เขาส่ายหัวไปมา

“ผ่อนคลายหน่อยเชิดวุธ”
เขาดันผมให้นอนทับแผงอกเขาอีกรอบ โอบกอดผมไว้หลวม ๆ

เจ็ดแปดวันที่อยู่ด้วยกันมา ทำให้ผมรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาสำหรับหมอนี่ ถ้ายืนยันว่าจะให้ทำก็ต้องทำ เขาวางแก้วไว้บนโต๊ะ แล้วโอบกอดผมไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง แนบปากกับแก้มผมเบา ๆ

“ต่อให้เธอเบื่อหน่ายขนาดไหน ฉันก็จะย้ำให้เธอฟัง ฉันรักเธอ”
เขากระซิบบอกผมข้างหู คำนั้นทำเอาความรู้สึกบางอย่างอุ่นวาบลงสู่หัวใจ เขาหอมแก้มผมเบา ๆ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ผมนั่งนิ่งไม่ตอบโต้อะไร น้ำมันอุ่น แต่ตัวผมตอนนี้มันร้อนไปหมดแล้ว

“เชิดวุธ”
ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ ผมหันไปมองนิดหนึ่ง เขาจับคางผมไว้ ดันให้แหงนหน้านิด ๆ แล้วประกบปากลงมา ส่งน้ำรสหวานนิด ๆ ที่ผมดื่มกินเมื่อกี้เข้ามา

รสชาติมันอร่อยจนผมไม่คิดจะปฏิเสธ ผมกลืนสิ่งนั้นลงคอ เขาค่อย ๆ ถอนปากออก เลียข้างมุมปากผมนิดหนึ่ง เกลี่ยเช็ดน้ำไวน์ที่ไหลเลอะ

เพลงที่เขามักจะเปิดคลอไว้เบา ๆ จบลงแล้วเพลงใหม่ก็บรรเลงขึ้นมาอีก มันทำให้บรรยากาศโดยรอบฟรุ้งฟริ้งยังไงพิกล เหมือนมีดอกกุหลาบสีแดง ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดรอบห้องน้ำ

ผมพยายามปรับสภาพโบกไล่ความโรแมนติกที่บังเกิดทิ้งไป มือใหญ่เกลี่ยผิวผมใต้น้ำเบา ๆ ก่อนลูบสูงขึ้นมาที่แผงอก บีบหัวนมผมเบา ๆ ผมผวาเฮือก เผลอครางออกมาเบา ๆ

มันชินครับมันชิน

“เธอเป็นคนอ่อนไหวมากผิดกับภายนอกนะ สัมผัสตรงไหนก็รู้สึกไปหมด” ไม่พูดเปล่ายังไล่มือเกลี่ยเพื่อพิสูจน์คำพูดตัวเอง ผมรีบหยุดมือใหญ่ไว้ “ฉันปรารถนาในตัวเธอนะ ต้องการมาก ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่หัวใจด้วย” เขากระซิบข้างหู เกลี่ยบีบหัวนมผมเล่นอยู่อย่างนั้น

“นี่ จะกินก็กินดี ๆ อย่าเล่นนมผม”

เขาหัวเราะหึ ๆ

“เล่นนมคนรักมันผิดตรงไหน”

“ผิดตรงที่ผมไม่ใช่คนรักคุณนี่แหละ”

“ใช่สิ ใช่ตั้งแต่วินาทีแรกที่พบหน้าแล้ว”

“นั่นมันคำพูดของคุณเองคนเดียว พูดเองเออเองคิดเองไปคนเดียว”

เขาหัวเราะ คลึงหัวนมผมเล่นไม่หยุด

“คงงั้น แต่สักวัน เธอต้องรักฉันแน่ ๆ”

“เอาความมั่นใจมาจากไหน”

“จากใจ”
อื้อหือ มึงช่างกล้า ไม่หล่อไม่ฉลาดไม่หลงตัวเองนี่คิดไม่ได้นะเนี่ย

“ต่อให้วันนี้เธอไม่รักฉัน แต่สักวันฉันจะทำให้เธอรักฉันให้ได้”
เขาพูดกระซิบ

อย่า อย่าเชิดวุธ มึงอย่าหวั่นไหวกับน้ำคำพวกเกย์เด็ดขาด มันไม่จริงใจ มันไม่ยั่งยืน และที่สำคัญมันเชื่อถือไม่ได้ ผมสั่งใจตัวเอง สองแขนแกร่งโอบรัดเอวผมไว้ จูบซับมาที่แก้ม 

ยิ่งจูบหัวใจผมยิ่งเต้นแรง

บางสิ่งที่ผมนั่งทับอยู่ไหวชันขึ้นมา

อื้อหือ ถามจริง มึงใช้ระบบอะไรในการสูบลมเข้าไป 

คือของผมเวลามันจะขึ้น มันจะค่อย ๆ ขึ้น แต่ของหมอนี่มันขึ้นในลักษณะ ผ่างงงง ดีดขึ้นมาเลย

“บางทีผมก็กลัวร่างกายคุณนะ ตื่นเร็วเกิน”
ผมพูดตรง ๆ ชักรู้ชะตากรรมในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ

“เพราะเธอนั่นแหละ แค่ได้กลิ่นหอม ๆ ได้สัมผัสผิวเนื้อนุ่ม ๆ ร่างกายฉันมันก็มีปฏิกิริยาแล้ว”
เขาจับผมพลิกหันไปเผชิญหน้า มองผมด้วยดวงตาสื่อความรู้สึกบางอย่าง จับตัวผมเชื่อมร่างภายใต้น้ำผสมสบู่ทันที

“ดะเดี๋ยว”
คือไม่เคยมีอะไรกับใครในน้ำจริง ๆ ครับ แม้แต่กับผู้หญิง ผมชอบเร่าร้อนบนเตียง

“กินมันเข้าไป นั่นของเธอนะ”
เขาบอกพร้อมกดร่างผมลงไปกลืนกิน น้ำสบู่ลื่น ๆ ช่วยให้เข้าไปได้ง่ายขึ้น ผสมเข้ากับเทคนิคส่วนตัวของหมอนี่ ไม่นานผมกับเขาก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาครางในลำคอ

ให้ตายผู้ชายอะไร ครางได้โคตรเซ็กซี่

เขาจับสะโพกผมไว้ ขยับโยกเบา ๆ เข้าหาตัวเขา เขาดันตัวผมค่อย ๆ ให้โน้มตัวลงไปหาเขา แล้วปากได้รูปนั้นก็ประกบปากผมไว้ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

มันไม่ใช่เซ็กส์ในแบบที่ผมเคยนอนกับผู้หญิงหลายคนที่แล้ว ๆ มา ทุกสัมผัสจากเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก สองมือใหญ่จับสะโพกผมไว้ ขยับให้โยกไหวกลืนกิน เขาไม่ได้รุนแรง แต่มันเชื่องช้า รสจูบก็เป็นรสจูบที่เชื่องช้า เหมือนจะสื่อคำรักผ่านรสจูบนั้นมา   

แรก ๆ ผมไม่ได้ตอบสนอง แต่เมื่อลิ้นร้อนรุกไล้ผมมากขึ้น ผมก็เริ่มที่จะตอบสนองและรุกกลับบ้าง มันเป็นความรู้สึกที่เพลิดพลิ้วยังไงบอกไม่ถูก ผมละปากออกมาครางเมื่อเขาเริ่มขยับในจังหวะที่เร็วขึ้น แรงที่เพิ่มขึ้นทำเอาน้ำกระฉอกออกนอกอ่างเป็นระลอก ผมเริ่มขยับตอบรับเขาเองบ้าง แหงนหน้าครางออกมาอย่างรู้สึกดีในอารมณ์ ผมมองเขาตาปรอย และเขาก็มองมาด้วยแววตาเดียวกันด้วย

“น่ารัก เซ็กซี่มาก”
เขาชม ผมก็ชักจะเหลิง ๆ กับคำชมนั้นซะแล้ว “ขยับสิเชิดวุธ ฉันเป็นของเธอแล้ว ทั้งกายทั้งใจ รักฉัน ทำรักกับฉัน ทำให้ฉันเป็นของเธอ” เขาบอกมาอย่างเร่าร้อน เอวผมเริ่มขยับตามสัญชาตญาณ เขาปล่อยมือที่จับเอวผมไว้ เลื่อนมาบีบบี้หัวนมผมทั้งสองข้าง

ส่วนผมเมื่อไม่มีเขาช่วยก็ต้องบรรเลงเอง ไอ้นั่นมันใหญ่มากถ้าเทียบกับไซส์ของตัวผมเอง แต่ก็แปลกที่ร่างกายผมกลับกลืนกินเขาได้อย่างง่ายดาย เขายกตัวขึ้นมากัดหัวนมผมแรงจนผมร้องด้วยความเจ็บ

แต่สาบานได้ มันเสียววูบไปถึงไส้ติ่งเลย เขาหัวเราะหึ ๆ เหมือนจะรู้ว่าผมเองก็ชอบ 

หมอนี่ชักรู้นิสัยผมมากเกินไปแล้วนะ

“เวลาที่เธอมีความต้องการมาก ๆ ตัวเธอจะแดงจัด เธอรู้บ้างไหม”

โทษที กูไม่เคยสังเกต

เขาโฉบอุ้มผมลุกจากอ่าง ผมกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวเขาพาล้มฟาดพื้น เขาพาผมไปยืนค้ำกำแพง แล้วสอดใส่เข้ามาอีกรอบ

“จะท่าเยอะไปไหม”
ผมหันไปบ่น เขาแนบอกกับแผ่นหลังผม

“ฉันอยากกระแทกใส่เธอแรง ๆ ในน้ำทำไม่ได้”
อะ อะไร ไอ้หน้าด้านไอ้หน้าทน มึงกล้าพูดออกมาได้ตรง ๆ

“เพราะฉันรู้ว่าเธอชอบ” เขากระซิบข้างหู บดขยี้เนื้อแนบเนื้อผม จงใจบดคลึงจุดเร้าผมภายใน ผมครางอื้อแอ่นสะโพกเข้าหา

“พร้อมนะ”
เขาถามมาเพื่อให้ผมเตรียมตัว

“ถ้าบอกว่าไม่พร้อมล่ะ”
ผมหันไปถาม เขาหัวเราะ

“แปลว่าเธอโกหก”
แล้วหลังจากนั้น เขาก็ถอนสิ่งนั้นออก ใส่กลับเข้ามาใหม่ในลักษณะรุนแรง

ไม่อยากจะยอมรับ แต่ผมชอบจริง ๆ พับผ่า

ผมครางเสียงดังลั่นห้องน้ำ หมอก็ท่ามาก ท่ายาก ท่าเยอะ จับผมพลิกหันหน้า หันหลัง หันซ้ายหันขวา บางครั้งก็ยกผมควบกลางอากาศ นอนกับสาว ๆ สิบคนยังไม่สะใจในรสรักได้เท่ากับนอนกับหมอนี่คนเดียวเลย

ถ้าพูดถึงสมรภูมิรบบนเตียง ผมผ่านสาว ๆ มาแค่สิบ ๆ เขาเป็นร้อย ลีลามันต่างกันเห็น ๆ ผมกอดคอเขาไว้แน่น เมื่อร่างกายกำลังวิ่งสูง

“จะไปแล้วเหรอ”
เขาถาม ผมไม่ตอบ แต่กรีดนิ้วลงบนผิวเนื้อแผ่นหลังเป็นการบอกด้วยอาการ เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้น

เสียงที่ได้ยินท่ามกลางปุยเมฆบนสวรรค์ คือคำบอกรักเบา ๆ ข้างหู

“ฉันรักเธอ”

จบจากห้องน้ำ ก็ไปต่อที่เตียง หลังจากนั้น ผมก็หลับเป็นตายภายในอ้อมแขนของเขา 

มีต่อ
V
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.3 ไม่ได้ ผมไม่ได้หวั่นไหว (27-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-05-2018 19:12:31
(ต่อค่ะ)





รุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาก่อนเขา เมื่อคืนนอนอยู่ท่าไหน ตอนนี้ก็ท่านั้น เขายังกอดผมแน่นเหมือนเดิม ผมขยับ เขาก็ขยับตาม

“จะนอนต่อก็ได้”
ผมบอก เขาพยักหน้า คลายอ้อมแขนออกแล้วนอนต่อ ผมขยับลุกไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้อยากใส่เสื้อยืด ผมรื้อหาเสื้อยืดเท่าที่มีออกมาวาง 

โห แบบเดียวกันทั้งแถบ แต่คนละสี แล้วแต่ละตัวก็บางเชียว แต่ยอมรับว่าเนื้อผ้าใส่สบายจริง ๆ ผมเลือกสีฟ้ามาใส่ เดินไปส่องกระจก

โอ้โห เห็นหัวนมได้รำไรเลย หวังว่าคงไม่มีคนสังเกตนะ

วิลเลี่ยมนอนหลับสนิทบนเตียง ผมจ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังหลับใหลนั้น แทบไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับผม

ปกติตื่นขึ้นมา คนที่นอนบนเตียงจะเป็นสาว ๆ ผมยาวเคลียบ่า ผิวขาว นมใหญ่ แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นผู้ชายผิวเข้มไอ้นั่นใหญ่แทน

“หลงเสน่ห์ฉันแล้วใช่ไหม”

ผมสะดุ้งโหยงมองคนพูดที่ลืมตาขึ้นมามอง

“ใครว่า ผมกำลังนึกต่างหาก ว่าทำไมถึงเป็นผู้ชายแทนที่จะเป็นสาว ๆ”
เขาขยับลุกนั่ง ผ้าห่มที่คลุมช่วงเอวไว้ร่นต่ำจนทับไอ้นั่นไว้หมิ่นเหม่

“ถ้าตื่นแล้วก็ลุกเถอะ จะได้ไปกินข้าว แล้วเที่ยวกันต่อ” 

เขาพยักหน้า

“เชิดวุธ”
เขาเรียกเบา ๆ ผมหันไปมอง เขากระดิกนิ้วเรียก ผมขมวดคิ้วเดินเข้าไปหา เขาดึงผมลงไปนั่งข้าง ๆ กดจูบลงมา ผมกำลังจะอ้าปากท้วง เขาอาศัยจังหวะนั้นแทรกลิ้นเข้ามา

“อรุณสวัสดิ์ เป็นเช้าที่น่ารักมาก”
หมอนี่พูดคำว่าน่ารักได้กับทุกอย่างจริง ๆ เขามองหน้าตื่น ๆ ของผม แล้วเลื่อนสายตาต่ำลงไปที่หน้าอก

“เข้าใจเลือกเสื้อใส่นี่ จงใจยั่วกันรึไง”
เขาเลื่อนมือมาบีบหัวนมผมเบา ๆ ผ่านเสื้อบาง ๆ ตัวนั้น

“ใครว่าล่ะ ผมไม่ได้ซื้อไม่ได้เลือกเอง น้องชายจัดให้”

“เหรอ แต่ฉันชอบนะ กระตุ้นอารมณ์ได้ดี”

“ไม่ดีเลย ผมไม่ชอบ”

“แต่ฉันชอบ”
เขาเปลี่ยนจากจับนมข้างขวามาเป็นข้างซ้าย ผมก็ชักจะวูบ ๆ ไหว ๆ ไปกับสัมผัสนั้น

โดนจับไปจับมามันก็ชักจะเพลิน ๆ ผมหลับตาลงเบา ๆ ไปกับสัมผัสพลิ้วอารมณ์นั้น ผมเป็นผู้ชาย ผมชอบจับหน้าอกใหญ่ ๆ ของผู้หญิง ผมชอบสัมผัสหัวนมใหญ่ ๆ ของผู้หญิง แต่ผมเดาไม่ถูกว่าเขามีอารมณ์กับหัวนมเล็ก ๆ ของผมได้ยังไงกัน

ผมค่อย ๆ ลืมตามองเจ้าของดวงตาที่มองมาก่อนหน้านั้นแล้ว ใบหน้านั้นฉาบไปด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มนั้นอบอุ่นมาก ๆ ฉาบเข้ากับมือที่บดคลึงหัวนมผมอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกดีจริง ๆ

“ฉันรักร่างกายของเธอนะ น่ารักไปทุกส่วน”
เขาบดคลึงแรงขึ้นจนผมร้องโอ๊ย พอผมร้องเขาก็ก้มลงไปงับมันผ่านเสื้อ ผมรีบดันหัวเขาออกทันที

“อย่าทำ เดี๋ยวก็ตื่นหรอก”
ผมรีบปราม เขาเงยหน้าขึ้นมามอง

“สายไปแล้วล่ะ มันตื่นตั้งแต่เห็นเธอมายืนมองแล้ว เธอไม่สังเกตเห็นเองต่างหาก”

ผมรีบมองต่ำลงไปด้านล่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาจับผมพลิกลงไปนอนแทนที่

ผ่าง!!

ไอ้นั่นชี้หน้าผมเต็ม ๆ ผมรีบเงยหน้ามองเจ้าของมัน ส่ายหัวพรืด

“อาบน้ำแล้วรีบไปเที่ยวกันเถอะ”

“ได้ แต่หลังจากเธอทำให้มันลงก่อน”

“ไม่ ๆ ห้องน้ำเลย ห้องน้ำ”
ผมรีบหาทางเลี่ยง เขาเลื่อนมือมาจับขอบกางเกงผม ผมรีบยื้อไว้ เขาดึงพรืดเดียว กางเกงผมก็หลุดติดมือเขาไป

“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าความต้องการฉันสูง”

“เพราะงั้นผมถึงไม่เหมาะกับคุณไง เพราะความต้องการผมต่ำ ตอบสนองคุณไม่ได้หรอก”

“ตรงกันข้าม ฉันว่าเธอนี่แหละ คือคนที่เหมาะกับฉันที่สุด”
พูดจบเขาก็เข้าแทรกระหว่างขาผม เชื่อมร่างสร้างสัมพันธ์ยามเช้ารับอรุณทันที

เฮ้อ ครั้งหน้าผมจะได้รู้ไว้ ว่าไม่ควรจะมายืนมองหน้าคนคนนี้เด็ดขาด



To be Con...

หึๆ ไม่รอดหรอเชิดวุธ -,.- ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ : )





Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5 
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.3 ไม่ได้ ผมไม่ได้หวั่นไหว (27-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-05-2018 09:02:35
เหมาะกันดีคู่นี้
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.3 ไม่ได้ ผมไม่ได้หวั่นไหว (27-5-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: chanakan2535 ที่ 29-05-2018 00:29:56
“ตรงกันข้าม ฉันว่าเธอนี่แหละ คือคนที่เหมาะกับฉันที่สุด”
พูดจบเขาก็เข้าแทรกระหว่างขาผม เชื่อมร่างสร้างสัมพันธ์ยามเช้ารับอรุณทันที
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

 ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ (https://www.88live.tv)
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.4 เออ! ยอมรับว่ารักก็ได้ (3-6-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-06-2018 18:40:24
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 3 : #วิลเลี่ยมเชิดวุธ [คู่ฮา]
เขียนโดย : +Memew+
+CHAPTER 04 : เอ้อ ยอมรับว่ารักก็ได้!!


วันนี้ผมจะพาเขาไปนั่งเรือเที่ยวครับ ชมแม่น้ำเจ้าพระยานี่แหละ หลังจากสามารถพาเอวเคล็ด ๆ ออกจากห้องมาได้ก็สายของวัน ผมพาเขาไปนั่งกินข้าวเที่ยงที่ริมแม่น้ำก่อน บรรยากาศดีใช้ได้ หมอชมไม่หยุดปากทั้งอาหารทั้งบรรยากาศ ผมก็ดูแลไปตามมีตามเกิด บอกตามตรงว่าไม่ได้ดูแลแบบที่ผมเคยดูแลลูกค้าหรอก เพราะเขาก็ไม่ใช่ลูกค้าผม แต่ก็ไม่ได้ละเลยหรือทำอะไรทุเรศ ๆ กับเขา พออิ่ม ผมก็ไปติดต่อขอเช่าเรือเร็วยิงยาวไปถึงเกาะเกร็ดเลย

ผมผมตีแสกหน้าพั่บ ๆ พอ ๆ กับผมของเขา ใบหน้าของเราสองคนถูกซ่อนไว้ภายใต้แว่นตากันแดดขนาดใหญ่ เขานั่งเอนหลังนิด ๆ บนเบาะที่เขาทำไว้ให้อย่างดี โดยมีผมนั่งอยู่ในอ้อมแขน

อย่าคิดว่าผมพิศวาสเข้าไปในอ้อมแขนเขาเองนะครับ หมอดึงผมเข้าไปเองต่างหาก ไม่อายคนขับเรือเล้ย

เรือแล่นตีคลื่นน้ำตรงไปตามทาง ผมเคยพาฝรั่งเที่ยวบ่อย ๆ แต่วันนี้มันแปลกออกไป ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหม ผมว่าบ้านเรือนมันน่าดูขึ้น ผู้คนดูมีความสุขขึ้น แม่น้ำดูใสขึ้น คนขับเรือดูหล่อขึ้น น้ำเปล่าที่พกมากินก็รสชาติหวานขึ้นด้วย ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ผมนั่งมองวิวไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกที หน้าผมก็ซบลงบนแผงอกกว้างแล้ว เขาก้มมองนิด ๆ แต่ไม่พูดอะไร โอบผมไว้หลวม ๆ มองบ้านเรือนที่เคลื่อนผ่านหน้าไปแต่ละหลังละหลัง ตราบจนเรือแล่นมาถึงเกาะเกร็ด

เราให้เรือรอในขณะที่ผมพาเขาก้าวขึ้นฝั่งเพื่อพาเขาไปเดินเล่น

วิลเลี่ยมเป็นคนที่มีศิลปะในจิตใจ เห็นเขายกกล้องถ่ายรูปเก็บหลากหลายความรู้สึกของผู้คน เขาถ่ายได้ทุกอย่างตั้งแต่สีหน้าของคน สิ่งของ เป็นนักซื้อของฝากตัวยงด้วย ซื้อเยอะมาก เห็นบอกจะเอาไปฝากคนอื่นและแจกให้กับพนักงานที่บริษัท

ของกินบางอย่างผมก็ให้เขากิน บางอย่างก็ไม่เพราะกลัวเขาท้องเสีย ผมก็ชักจะชิน ๆ กับมือไม้ที่เกาะเกี่ยวไว้บนเอวบ้าง สะโพกบ้าง หลังบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่มีผู้ชายมองมาที่ผม มือนั้นจะวางไว้บนแก้มก้นผมเลย

ผมรู้อยู่อย่างว่าวิลเลี่ยมก็ขี้หึงพอควร นี่ขนาดผมไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับเขานะ ยังหวงขนาดนี้ ถ้าได้เป็นแฟนกันจะขนาดไหน

ผมหยุดเท้าตัวเองลงกึก ขมวดคิ้ว

โอ้ว… ไม่นะ!!

นี่ผมกำลังวาดภาพว่าผมกับเขาเป็นแฟนกันแล้วเหรอเนี่ย!!

ไม่ได้ ๆ อีกไม่กี่วัน เราก็จะแยกทางกันแล้ว ทั้งผมและเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป จบกันแค่นี้

“อยากลองกินไอ้นั่นดู”
เขาชี้ไปยังขนมครกที่คุณยายกำลังแคะออกจากเตา กลิ่นมันหอมทะลวงจมูกจริง ๆ ผมพาเขาเดินตรงไปที่ร้านนั้น ซื้อมากล่องหนึ่ง คละไส้ ซื้อน้ำเปล่ามาเพิ่มด้วย มองหาที่นั่ง จนได้ที่ว่างเป็นสะพานที่ยื่นออกไปยังแม่น้ำ วิวมันสวยแถมยังเงียบด้วย ผมพาเขาไปหย่อนขานั่ง กับพื้นนั่นแหละ

ดีว่าหมอเป็นคนติดดินพอควร ไม่งั้นคงรังเกียจสถานที่แบบนี้ ผมวางของฝากทุกอย่างลง เปิดห่อขนมครกออก บอกตามตรงว่าผมก็ไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้นานแล้ว ผมเป่าฟู่ ๆ ไล่ความร้อนทิ้งไป ยื่นไปให้เขาทั้งกล่อง

เขาก้มมอง ส่ายหน้าไปมา

“อ้าว ไหนว่าอยากลองกินดู”

“ป้อนหน่อย”

ผมอ้าปากค้าง

“มีมือก็กินเองสิ”

“นะ ฉันอยากให้เธอป้อน”
เขามองผมตาเชื่อม ให้ตาย อะไรจะขี้อ้อนขนาดนี้ ผมจำต้องใช้ไม้แหลม ๆ ยาว ๆ ที่เขาแถมมาให้จิ้มตัดแบ่งครึ่ง รองด้วยมือยื่นไปไว้ใกล้ปาก เขารับเข้าไปเคี้ยว ผมมองลุ้น ๆ

“อื้อ อร่อย หวาน ๆ มัน ๆ”

“ขนมไทยสมัยโบราณเลยล่ะ แม่บ้านผมทำให้กินบ่อย ๆ”

“อยากไปเที่ยวบ้านเธอจัง”

“ไปทำไม อีกไม่กี่วันก็กลับแล้ว”

“ไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกเขย”

ผมส่ายหัวไปมา

“แค่ห้าวันคุณก็กลับแล้ว เลิกแล้วต่อกัน”

เขายกยิ้ม นัยน์ตามีประกาย ไม่พูดอะไร อ้าปากงับเอาขนมครกใส่ปาก ดื่มน้ำนิดเพราะความหวานจัด ผมก็กินบ้าง อร่อยดีครับ

“หวานน้อยไปหน่อย”

“นี่หวานมากแล้วนะ หวานกว่านี้เดี๋ยวก็เป็นเบาหวานหรอก” ผมติง เขาส่ายหัว

“ฉันหมายถึงเธอ หวานน้อยไปหน่อย หวานกับฉันให้มาก ๆ หน่อยสิ”

“เรื่อง” ผมหน้าร้อนผ่าว

ให้ตาย ตั้งแต่เกิดมามีแต่ไปจีบคนอื่น ไม่เคยถูกจีบสักที

พออิ่ม ผมก็พาเขาเดินจนครบแล้วพากันนั่งเรือกลับ ตกกลางคืนคืนนี้ ผมว่าผมจะพาเขาไปเที่ยวบาร์เกย์สักหน่อย บางทีอาจทำให้เขาเลิกหลงผมก็ได้ เขาเพิ่งมาเมืองไทย เห็นผมคนแรกแล้วทำให้คิดว่าชอบผม แต่ถ้าได้เจอผู้ชายน่ารักคนอื่น ๆ อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจก็ได้

พอกลับถึงโรงแรม ผมก็ให้เขาอาบน้ำเตรียมตัว สักสามทุ่มผมก็พาเขามาที่ซอย 4 ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบาร์เกย์ เขากวาดมองไปรอบ ๆ แล้วมองหน้าผม

“พามาที่นี่ทำไม”

“เอ้า แนวคุณไม่ใช่เหรอ ผมแค่จะทำให้คุณรู้ว่า คุณไม่ได้รักผมหรอก แค่หลงเพราะแรกเห็น เจอคนเอาใจดี ๆ หน่อย ขี้คร้านจะรีบวิ่งหนีผมไป พามานี่แหละ อยากได้ร้านไหนแวะเลย ชอบเด็กคนไหนบอก ผมออฟให้”

เขามองหน้าผม ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลย ผมไม่สนใจ พาเขาเดินเข้าร้านหนึ่งที่ศึกษามาว่าเด็กหน้าตาดี เอาใจเก่งและเน้นเทคแคร์คนต่างชาติได้เป็นอย่างดี

พอเข้าไปได้ เขาก็โดนหนุ่ม ๆ หุ่นไล่ไซส์ตั้งแต่เล็ก ๆ ยันไปถึงบักกล้ามมาให้เลือกเยอะแยะ โดนรุมจนผมชักรู้สึกสงสาร หน้าเขาไม่มีความสุขเลย เรียบเอามาก ๆ ผมพาเขานั่งดูโชว์ต่าง ๆ แล้วหันไปดูปฏิกิริยา

นิ่งสงบมาก นั่งดื่มไปนิ่ง ๆ ผมขยับไปกระซิบ

“อยากได้สักคนไหม เลือกเอา ผมออฟให้”

เขายังนิ่ง

“นี่คุณ”

เขาถอนหายใจแรง ดึงมือผมไปกุมเป้ากางเกงตัวเอง ให้ตายเถอะ มันนอนสงบนิ่งเลย ผมมองหน้าเขาอึ้ง ๆ ทั้งที่ข้างบนคนรูปร่างหน้าตาสเปคเขากำลังเต้นยั่วขนาดนั้น

เรานั่งต่อกันอีกชั่วโมง ดูท่าเขาจะเปลี่ยนจากหน้าเรียบเป็นบึ้งผมจึงพาเขากลับ

“ไม่ชอบสักคนเลยเหรอ แล้วคุณชอบแบบไหนล่ะ”
ผมถามหลังก้าวเข้าห้องได้

“แบบนี้ไง”
เขาจับผมดึงเข้าไปชิด

จึก!!

เดาสิครับ เสียงอะไร

ใช่แล้ว เสียงไอ้นั่นทิ่มพุงผม ผมค่อย ๆ ก้มมอง แม่ง หนุ่ม ๆ เกย์มาเต้นยั่วเต็มร้าน น้องแฟบ พอกลับมาถึงโรงแรมกลับตื่นจนตุงกางเกงแบบนี้

“เอ่อ…”

“คราวนี้พิสูจน์ได้รึยังว่าฉันรักเธอจริง ๆ”

“ผะ ผมว่าคุณแกล้งบังคับไม่ให้มันตื่นมากกว่า”
ผมอ้อมแอ้มบอก เขาส่ายหน้าอย่างระอา จับมือผมไปจับน้องเขาไว้ นวดคลึงเบา ๆ เขาซี้ดปาก

“ถ้าคนบนเวทีเป็นเธอแล้วเต้นยั่วแบบนั้น รับรองได้ว่าฉันออฟกลับบ้านแน่ ๆ”

ผมจำนนต่อเหตุผล

“ผมว่าคุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”

“ได้”
เขารับปากอย่างว่าง่ายจนผมงง พอเขาออกมาผมก็เดินเข้าห้องน้ำต่อ เหลือบมองด้านล่าง มันยังไม่ลด ผมถอนหายใจแรง รับรองได้ว่าคืนนี้ ผมคงไม่รอดแน่ ๆ

“เชิดวุธ” เขาเรียกผมไว้ ผมหันไปมอง เขายื่นสิ่งหนึ่งมาให้ เป็นถุงครับ สีฟ้า

“อาบน้ำเสร็จ ใส่ไอ้นี่ออกมาแทนชุดนอนนะ”

“อะไร”

“ทำตาม เป็นการทำโทษที่เธอพาฉันไปในที่ที่ฉันไม่อยากจะไป”
อ้าว ผิดกูอีก ได้ข่าวว่ามึงเป็นเกย์ พาไปบาร์เกย์ก็ถูกแล้วนี่

“แล้วถ้าผมไม่ใส่ล่ะ”

“ฉันก็จะบังคับให้เธอใส่ให้ได้”

ผมหน้าบึ้ง ยังไงผมก็ต้องใส่ให้ได้ใช่ไหมล่ะ ผมเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำล้างตัวเสร็จก็หยิบของในถุงออกมาชูดู

แม่งเอ้ย จะให้กูใส่ไอ้นี่เนี่ยนะ

มันคือกางเกงครับ แบบที่ในร้านเขาใส่กันวันนี้ เป็นกางเกงขาสั้น รัดติ้วเหมือนกางเกงใน แต่ลายเท่กว่าเยอะ มันจะให้ผมใส่จริง ๆ เหรอ

แต่คิดไปคิดมา มันก็เหมือนกางเกงในนั่นแหละ

“นี่คุณจะให้ผมใส่จริง ๆ เหรอ เอาของใครมา สะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ของใหม่ เป็นชุดที่เขาสั่งตัด ยังไม่มีใครใส่”
แล้วนี่ไปตกลงซื้อขายกันมาตอนไหน!! ผมจำต้องใส่ แล้วเดินห่อด้วยผ้าเช็ดตัวออกมา

“ถอดผ้าเช็ดตัวออก”
เขาสั่ง นอนเอกเขนกจิบไวน์อยู่บนเตียง เขาใส่ชุดคลุมไว้ตัวเดียว ชุดพร้อมรบเขาละ

ผมจำต้องถอดผ้าเช็ดตัวออก โยนไว้ที่พื้น จ้องหน้าเขาเขม็ง เขามองมาตาวาว สาบานได้ว่าเมื่อกี้ ตรงกลางของหมอนั่นดีดเด้งขึ้นมาจนเห็นได้ชัดเลย

ชักรู้สึกภูมิใจนิด ๆ ที่เขาตื่นกับผมคนเดียวนะเนี่ย

“หันหลังมา”

ผมขยับหันหลังตามคำสั่ง ให้ตาย อายนะเนี่ย

“อืมน่ารัก มานี่”

ผมจำต้องเดินเข้าไปใกล้

“ทำโทษที่พาฉันไปในที่แบบนั้น เอาไอ้นั่นมาป้อนฉันด้วยตัวเองเลย” เขาพยักหน้าไปยังจานที่มีองุ่นหน้าตาดีวางอยู่ ผมจำต้องทำตาม

“ขึ้นมาบนนี้สิ” เขาตบตรงหน้าท้องตัวเองเบา ๆ ผมขยับไปนั่งบนนั้น โดยให้ไอ้นั่นอยู่ด้านหลัง

“เอาล่ะ ป้อน”

“เคยคิดถึงศักดิ์ศรีผมบ้างไหม ให้มาทำอะไรทุเรศแบบนี้”

“ทำโทษไง ครั้งหน้าจะได้ไม่คิดผลักไสฉันไปให้คนอื่นอีก”

ผมเม้มปากแน่น หยิบองุ่นมายัดใส่ปากเขา ตามด้วยไวน์ เรียกได้ว่าป้อนกันคำต่อคำเลย

“หวานใช้ได้”

ผมลองหยิบองุ่นใส่ปากกินดู

อืม…หวานจริง ๆ

“ฉันหมายถึงเธอ”

ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำนั้น

“พอแล้วล่ะ ฉันจะกินเธอแทนองุ่น”

“ผมว่าผมง่วงแล้ว” ผมรีบผละตัวออกจากหน้าท้องเขา ถึงจะรู้ว่าไม่รอด แต่ก็ไม่อยากจะสมยอมอย่างง่ายดายเกินไป เขาจับผมไว้ ดึงกางเกงผมออกจากตัวพรืดเดียวจนผมล่อนจ้อน เขาแนบร่างลงมา ไอ้นั่นทิ่มบั้นท้ายผมอยู่ ถึงมันจะอยู่ภายในชุดคลุมก็เถอะ

“คนที่จะทำให้ฉันตื่นได้ตอนนี้ก็มีแค่เธอนะ”

แล้วผมก็ตกเป็นของเขาอีกรอบ





วันนี้ผมพาเขานั่งเครื่องตรงดิ่งไปเที่ยวภูเก็ต แน่นอนว่าที่พักสุดหรูเช่นเคย โปรแกรมมีสิบอย่างหมอตัดออกเหลือแค่อย่างเดียวเพื่อเอาเวลานั้นมากกผม

บอกตามตรงว่าเวลาที่นับถอยหลังมันทำให้ผมรู้สึกวูบโหวงยังไงพิกล ผมพาลูกค้าเที่ยวมาเยอะ บางคนก็ทำให้ผมรู้สึกผูกพัน แต่มันไม่มากเท่าเขา

อาจเพราะความที่เอาเนื้อแนบเนื้อก็ได้ แต่ไม่เป็นไร ครบสองอาทิตย์ แยกจากกันเมื่อไหร่ เขาก็ลืมผม และผมเองก็จะลืมเขาเช่นกัน

ผมไม่ขัดคำสั่งเขาเลย เขาให้ทำอะไรก็ทำ เขาอยากกอดมากแค่ไหนก็ให้กอด เพราะไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกดี ผมเองก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย และนับวันก็จะยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

บรรยากาศริมทะเลมันรู้สึกดีมาก ๆ ตอนนี้เขานอนอยู่บนเปล โดยมีผมนอนเกยอยู่บนอกเขาอีกที

“ไม่หนักรึไง” ผมถาม

“ไม่นี่ เธอตัวเล็กนิดเดียวเองนะเชิดวุธ”

“สำหรับคุณน่ะใช่ แต่สำหรับคนไทย ผมนี่ถือว่าตัวใหญ่แล้ว”

เขาหัวเราะ ขยับให้เปลไกวเบา ๆ

“คุณรักผมจริงเหรอ”
อยู่ ๆ ผมก็ถามเขาขึ้น เขามองตาผม

“ใช่”

“แล้วคุณไม่มีคนรักรึไง”

“มีสิ”

ผมเงยหน้ามองตาเขา

เฮอะ! มาบอกรักกูทั้งที่มีคนรักอยู่แล้ว ผมรีบดีดตัวขึ้นทันทีจากท่านอนซบอกนั้น

“งั้นทำไมไม่มากับเขา ทำแบบนี้คุณมันก็ไอ้คนทรยศ ไม่ให้เกียรติแฟน มีคนรักอยู่แล้วยังเที่ยวไปนอนกับคนนู้นคนนี้ รู้ไหมคนไทยเขาถือ”
ถึงพ่อผมจะมีเมียสี่คน แต่ก็รักและดูแลเมียทุกคนดีเท่าเทียมกันหมด ที่สำคัญไม่เคยนอนกับใครที่ไม่ใช่เมียแต่งด้วย ผมเองก็เถอะ ถึงจะชอบเที่ยวผู้หญิง นอนกับใครหลายคน แต่ก็เป็นแบบเพื่อนเซ็กส์ยังไม่ใช่แฟน ถ้าเป็นแฟน ผมก็ไม่คิดจะนอกใจแน่ ๆ

“สิ่งที่ผมเกลียดสุดคือพวกนอกใจ”

“หมายความว่าถ้าเธอได้ตกลงเป็นแฟนกับใครแล้ว ไม่มีทางไปยุ่งกับคนอื่นใช่ไหม”

“ใช่” ผมตอบอย่างหนักแน่น

“ฉันบอกว่าฉันเป็นอะไรกับเธอนะ”

“คนรัก”

เขาคลี่ยิ้มหวานหยด

“งั้นเธอก็ห้ามนอกใจฉัน”

ผมขมวดคิ้วมอง ผลักเขาออกแรง

“นี่ คุณบอกว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว แล้วยังมาแกล้งทำแบบนี้กับผม คุณนี่มันเลวจริง ๆ” ผมบอกอย่างหัวเสีย

“ใช่ ฉันมีคนรักอยู่แล้ว”

ผมยิ่งฉุนเข้าไปใหญ่

“พอเลย ไปหาคนรักคุณได้แล้ว พาเขามาเที่ยว ไม่ใช่มาหาคนอื่นนอนด้วยแบบนี้”

“ไปหาทำไม ก็คนรักฉันอยู่นี่แล้ว”

ผมชะงัก จ้องตาคนพูด

“คุณบอกว่าคุณมีแฟนอยู่แล้ว” ผมถามใหม่อีกรอบ เขาพยักหน้า “แฟนคุณชื่ออะไร” เอาตรง ๆ กันเลยครับขี้เกียจอ้อมค้อม

“ชื่อเชิดวุธ”

ผมอ้าปากค้าง เขายิ้ม ดึงผมลงไปจูบเบา ๆ

“นี่ฉันจะสี่สิบแล้วนะ เชื่อไหมว่ายังไม่เคยบอกรักใคร ไม่เคยยกใครขึ้นมาเป็นแฟน เธอเป็นคนแรก อาจฟังดูเชื่อยาก แต่ฉันชอบเธอตั้งแต่แรกพบ ถูกใจตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งได้รู้ว่าฉันได้ความบริสุทธิ์เธอยิ่งทำให้ฉันทั้งชอบทั้งหลงใหล ยิ่งรู้ว่าเธอไม่ใช่เกย์ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน นั่นยิ่งทำให้ฉันหลงรัก เพราะเธอบริสุทธิ์จริง ๆ”

ผมสตั้นไปแล้วครับ กับสิ่งที่อีกคนพูด

“ฉันรักเธอนะ” เขาย้ำให้ผมฟังอีกรอบ

ผมควรจะเชื่อเขาดีไหม ผมไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ ไม่เชื่อเรื่องความรักของเกย์ และไม่อยากจะเชื่อในอีกหลาย ๆ อย่างในตัวเขา



ผมพาเขาเที่ยว เวลายิ่งนับถอยหลัง ผมชักรู้สึกไม่อยากพาเขาเที่ยว แต่อยากใช้เวลาอยู่กับเขาให้นาน ๆ มากขึ้น ๆ

ผมไม่กล้าออกปากถามเขาว่าถ้าพ้น 2 อาทิตย์นี้ไปแล้ว เราจะเป็นอะไรกัน เขายังจะรักผมเหมือนเดิม หรือกลับไปแล้วหลงลืมผมเหมือนที่ผมคิดไว้

ตราบจนวันสุดท้ายมาถึง สองวันสุดท้าย เขาไม่ให้ผมพาเที่ยวเลย แต่กกผมไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืน คล้ายกับจะส่งท้าย

“เชิดวุธ” เขากระซิบเรียก ผมขานรับในลำคอ

“รักฉันบ้างรึยัง”

ผมเม้มปากแน่น ถ้าแรก ๆ ผมคงต้องปฏิเสธทันควัน แต่ตอนนี้ผมบอกไม่ถูก อาจรักแล้ว อาจจะยัง หรืออาจจะไม่มีทางรักเลย

“ไม่ตอบแบบนี้แปลว่ารักแล้ว” เขาพูดเองเออเอง ผมตวัดสายตามอง

“แล้วไง ถ้าผมรักคุณแล้วไง สุดท้ายพรุ่งนี้คุณก็ต้องเดินทางกลับ ต่างคนต่างแยกย้าย คุณก็ลืมผมอยู่ดี”

“รักฉันบ้างรึยัง” เขาถามคำเดิม ผมไม่ตอบ เขายกตัวผมขึ้นไปนั่งบนหน้าท้อง แม่งตัวกูออกใหญ่ มานั่งหน้าท้องมันเหมือนเด็กเลย

“รักฉันบ้างรึยัง ตอบตามความรู้สึก ตัดทิฐิ ตัดสิ่งอื่นออกทิ้งไป ถามเฉพาะแค่ใจตัวเอง”

ผมหลุบตาลงต่ำ แต่เขาเสยคางผมขึ้น บังคับให้จ้องตา

“รักฉันบ้างรึยัง”

ผมเม้มปากแน่น

“ผม…” ผมกลืนน้ำลายลงคอ

“รักมั้ง”

เขายกยิ้ม ดึงผมลงไปกอดแน่น แล้วไม่พูดอะไร

“แล้วไง คุณทำสำเร็จแล้วนี่ ทำให้ผมรักได้แล้ว สุดท้ายคุณมันก็ไอ้เกย์คนหนึ่ง ที่รักง่ายหน่ายเร็ว ทำให้คนอื่นรัก แล้วก็ทอดทิ้ง กลับไปก็หลงลืมผม” ผมต่อว่าไป รู้สึกเสียงตัวเองจะเครือ ๆ ด้วย เขากอดผมไว้ จูบซับมาที่แก้ม กระซิบพูดแผ่วเบา

“ฉันรักเธอ”





นั่นคือคำรักสุดท้ายที่ผมได้ยิน ผ่านไปสองอาทิตย์หลังจากเขาบินกลับไป ผมก็กลับมานั่งเหงาหงอยจนเพื่อนผมจับสังเกตได้

“มึงรักเขา” มันถาม

ผมถอนหายใจเบา ๆ

“เออ!” ผมกระแทกเสียงตอบ “แม่ง มันทำทุกวิถีทางให้กูรักมัน เป็นไง พอทำสำเร็จมันก็บินหนีกูไป ไม่ติดต่อ ไม่ส่งข่าว จบกัน จบแล้วจบเลย นี่ไง กูถึงบอกว่าพวกเกย์ไม่มีความจริงใจ รักง่ายหน่ายเร็ว เฮอะ จะรักกูคนเดียว” ผมบ่น เริ่มทำใจได้แล้วล่ะครับ

ถึงงั้นผมก็ไม่คิดจะแปรธาตุไปเป็นเกย์ตามเพื่อน ทั้งที่มันก็ชวน

อ้อ ผมมีความลับจะบอกคุณอยู่อย่าง เป็นเรื่องที่ช็อกครอบครัวเราสุด ๆ นั่นก็คือพี่ชายคนโตของผมกับพี่กวินทร์ลูกพี่ลูกน้องของผมเป็นแฟนกัน คบกันมาได้หกปีแล้ว และที่ช็อกไปกว่านั้นคือ พี่เชนทร์ที่หวงชยันต์สุด ๆ นั้น แท้จริงแล้วพวกเขาแอบคบกันอยู่ บรรดาแม่ ๆ นี่ถึงกับเป็นลมที่รู้ข่าว

จริง ๆ แล้วพี่น้องบางคนผมรู้ว่าพี่ชายกับพี่กวินทร์คบกัน แต่ที่ไม่รู้คือพี่เชนทร์กับชยันต์นี่แหละ ส่วนว่ารู้ได้ไงทั้งที่ปกปิดกันมาได้นานสองนาน

มีวันหนึ่งพี่ชายมาบ้านพร้อมพี่กวินทร์ในงานวันเกิดคุณพ่อ แล้วพี่กวินทร์เขาเข้ามาใกล้ชิดพี่เชนทร์เพราะกะจะเซอร์ไพรส์พ่อ แต่พี่ชายหึงหูดับไม่ฟังฟ้าฟังฝนจะวางมวยกับพี่เชนทร์ ไม่มีใครห้ามได้จนชยันต์เห็นท่าไม่ดีเลยออกก้าวสกัดและบอกความจริงว่าจริง ๆ แล้วพี่เชนทร์เป็นของตนไม่ได้คิดอะไรกับพี่กวินทร์นั่นแหละ วันเกิดพ่อ พ่อได้ของขวัญช็อกคูณสอง นำส่งโรงพยาบาลกันแทบไม่ทัน

พี่ชายนั้นไม่แคร์กับคำตำหนิของใครอยู่แล้ว ส่วนพี่กวินทร์ก็โดนปกป้องจากพี่ชาย ขืนใครพูดจากระทบหูให้พี่กวินทร์เสียความรู้สึก เฮียแกต่อยตาย

ส่วนพี่เชนทร์โดนด่าหนักหน่อย เพราะน่าจะเป็นผู้เป็นคนสุด และที่สำคัญ เป็นพี่น้องกันด้วย แต่นั่นแหละ อำนาจมืดของชยันต์มีเยอะกว่า ด้วยวาจาดั่งสาลิกาลิ้นทอง ไม่นานทุกคนก็ยอมรับ อาจจะเพราะหนึ่งทุกคนทำใจไว้อยู่แล้วว่าชยันต์นั้นน่าจะถูกเสพมากกว่าไปเสพคนอื่น และถ้าจะให้คนอื่นที่ไว้ใจได้ยากมาเสพ สู้ยกให้พี่เชนทร์ที่ดูแลน้องดีมาตลอดเสพดีกว่า

และคนในครอบครัวก็ช่วยกันรักษาความลับนั้นต่อไป เอวังด้วยประการละฉะนี้แล

เพื่อนผมพอรู้ว่าผมรู้ มันก็เปิดเผยมากขึ้น แต่ก่อนผมไม่ได้สังเกต ว่าไอ้อาการมองผู้ชายแบบนี้ของมันคือการอ่อยเหยื่อ

“นี่ แล้วถ้าเขากลับมาหามึง มึงจะเอาไง”

“ไม่เอาไง เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้”

“งั้นมึงก็ไปหาเขาดิ”

“เอาช้างมาลากกูเถอะ”

มันส่ายหน้าไปมา

“เขาเป็นเจ้าของธุรกิจ ร่ำรวยมาก มึงนั่นแหละต้องไปอยู่กับเขา”

ผมส่ายหน้าไปมา

“ถ้าเขารักกูจริง เขาต้องมาหากู”

“มึงนี่นะ มันจะเป็นไปได้ไง”

ผมยักไหล่

“ก็เป็นไปไม่ได้น่ะสิ มันไม่มีทางกลับมาหากูหรอก ป่านนี้นอนกอดหนุ่มน้อยที่ไหนสบายใจไปแล้ว” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจทั้งที่ภายในรู้สึกเศร้าใจยังไงพิกล แต่ผมไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้อารมณ์ดีพดาวน์ได้นานหรอก ผ่านไปได้แค่เดือนเดียวผมก็กลับมาดี๊ด๊าเหมือนเดิมแล้ว

อยากควงสาว ๆ ออกไปฟัดให้หนำใจเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจิตใจผมย่ำแย่หรือร่างกายผมมันเคยชินกับการถูกผู้ชายกอดกันแน่

ผมไม่มีอารมณ์ครับ กับผู้หญิง ไม่ว่าจะสวยหยาดฟ้ามาดินขนาดไหน หรือแม้แต่คู่นอนที่เคยมือเคยตีนกันมาแล้วก็ยังไม่มีใครสามารถทำให้ผมตื่นได้เลย

ให้เดาน่าจะเป็นเพราะสภาพจิตใจผมมากกว่า กำลังนอยด์มั้ง ปล่อยให้เวลาผ่านไปสักพักก็น่าจะดีขึ้น




(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.4 เออ! ยอมรับว่ารักก็ได้ (3-6-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-06-2018 18:40:42
วันนี้วันเสาร์ ไม่มีอะไรทำ ผมว่าจะไปแก้เบื่อด้วยการเดินเล่นหรือดูหนังสักหน่อย เดินควงกุญแจรถลงบันไดตรงไปยังห้องรับแขกเพื่อออกจากบ้านไปขึ้นรถ

เห็นพี่เชนทร์นั่งหน้าขรึมอ่านเอกสารงาน โดยมีชยันต์นอนคว่ำหน้าพาดตัวไว้บนตักกว้าง มีหนังสือการ์ตูนวางไว้ตรงหน้า มือหนึ่งเปิดอ่านอีกมือถือลูกอมจูปาจุ๊บดูดไว้ในปาก ปากแดง ๆ นั้นเวลามีลูกอมสีแดง ๆ มาอมไว้ มันดูเซ็กซี่ให้ตาย

ชยันต์ชอบแต่งตัวเซ็กซี่อยู่แล้ว เสื้อที่ใส่วันนี้เป็นเสื้อแขนยาว แขนเสื้อยาวจนคลุมข้อมือ ชายยาวคลุมสะโพก แต่ขอโทษเหอะ คอเสื้อกว้างมากจนหัวไหล่ขาวจั๊วะนั้นโผล่พ้นคอเสื้อออกมา เพราะนอนพาดอยู่บนตักพี่เชนทร์ สะโพกกลมกลึงลอยเด่น เห็นแล้วน่าฟาดสักเพี้ยะ พี่เชนทร์อ่านเอกสารไม่สนใจใคร ในขณะที่ชยันต์ละสายตาจากการ์ตูนมองมาทางผม

“อ่ะไอไอ๋อ่ะอี่”

“กดหนึ่ง ขอภาษาไทย กดสอง ขอภาษาอังกฤษ” ชยันต์หัวเราะร่วน ดึงจูปาจุ๊บออกจากปาก

“ขอเพิ่มกดสาม กดพี่เชนทร์แทนได้ไหม”

ผมนี่เงิบเลย พี่เชนทร์ที่สนใจแผ่นงานอยู่ยังละสายตามมอง ชยันต์ยิ้มยั่ว ผมว่าไอ้รอยยิ้มนั้นมีไว้เพื่อพี่เชนทร์จริง ๆ โดยเฉพาะนั่นแหละ

พี่เชนทร์ฟาดก้นชยันต์ไปเพี้ยะ รายนั้นบู้หน้า เลื่อนมือไปรั้งคอคนตัวสูง กดลงไปประกบปาก ผมทำหน้าหน่ายเบือนหน้าหนี

ตั้งแต่ความจริงเปิดเผย ชยันต์ก็แสดงออกแบบไม่อายฟ้าอายดิน พี่เชนทร์ก็เหมือนกัน แทนที่จะห้ามปรามอะไรบ้างก็ไม่เถียงน้องเล้ย

ผมรีบเดินเลยก่อนจะได้เห็นหนังสดที่ไม่อยากจะเห็น มันพาลทำให้นึกถึงอีตาวิลเลี่ยมขี้โกหกนั่นขึ้นมาด้วย

“ไปไหนอ่ะพี่”

เดินยังไม่ทันจะออกนอกประตู เสียงชยันต์ก็ทักขึ้นมาก่อน ผมเบรกเท้ากึก หันไปมอง ชยันต์เลิกจูบพี่เชนทร์แล้ว

“ไปเดินเล่นดูหนังฟังเพลงดำน้ำปลูกปะการังตามประสาคนโสด เบื่อ”

ชยันต์หัวเราะร่วน ดีดตัวลุกจากตักพี่เชนทร์

“ไปด้วยคนสิ”

“อ้าว ไม่อยู่กับพี่เชนทร์ล่ะ”

“ไม่ละ พี่เชนทร์มีประชุมอีกสิบนาทีก็ต้องไปแล้ว ชยันต์ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว เบื่อ นะ” ชยันต์รีบเดินเข้ามาอ้อน ผมหันไปมองพี่เชนทร์

“ฝากหน่อย”
แปลว่าชยันต์พูดจริง ผมจำต้องพยักหน้า พาน้องเดินไปขึ้นรถ แน่นอนว่าทุกสายตาพุ่งเป้ามาที่ชยันต์เป็นตาเดียว จะว่าเพราะชุดอันแสนเซ็กซี่ที่ใส่ หรือว่าจะเพราะรูปร่างหน้าตาอันสวยหวานมีเอกลักษณ์เกินชายนั้นด้วย ผมมองหัวไหล่ชยันต์อย่างเพลิดเพลิน

“มองนานแล้วนะ ทำไม ไหล่ชยันต์มีขี้ไคลเหรอ”

“เปล่า คิดว่าชุดนี้ทำให้ชยันต์เซ็กซี่ดี”

ชยันต์ฉีกยิ้มกว้าง จ้องหน้าผม

“เท่ไหม”

ผมอ้ำอึ้ง ถ้าพูดว่าเท่มีหวังชยันต์ต้องลากผมไปซื้อแน่ ๆ แต่ถ้าพูดว่าหวานมีหวังโดนงอน

“เซ็กซี่” ผมตอบคำเดิม คิ้วเรียวเรียงกันสวยราวกับถูกจับวาดโดยพระเจ้าขมวดเข้าหากันนิด ๆ ถ้าจับชยันต์สตาฟได้ ผมว่าชยันต์ต้องเป็นหุ่น สตาฟที่น่ารักที่สุดในโลกแน่ ๆ

“เท่ครับ” ผมตอบอย่างจำใจ เรียวปากกระจับขยับแยกกว้าง มันดูหวานหยดจนผมอยากซัดพี่เชนทร์แล้วจับน้องฟัดแทน

“ถ้างั้น…” ผมว่าผมชักรู้แกวน้องตัวเองแล้วนะ

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องซื้อให้พี่หรอก” ผมรีบดักทางไว้ก่อน ชยันต์เบะหน้า

ผมว่าบางทีชยันต์อาจต้องการแค่แกล้งผมก็ได้นะ

“ครับ ๆ ไปซื้อก็ได้”

ชยันต์ฉีกยิ้มอีกรอบ รีบดึงผมลากเข้าร้านประจำทันที ร้านเดิมครับ พนักงานมองหน้าผมแล้วยิ้ม สงสัยพวกนี้จะจำผมกันได้หมด

ทำไมไม่ลา ๆ ออกกันไปบ้างวะ

“รับชุดไหนดีคะ” พนักงานถาม

“ชุดเซตนี้หมดแล้วหรือยังครับ” ชยันต์โชว์ชุดที่ตัวเองใส่อยู่ให้ดู

“เซตนี้หมดคอลเลคชั่นแล้วล่ะค่ะ”

ชยันต์หน้าเสีย ผมแอบกำมือชักเข้าหาตัวแล้วร้องเยสแรง ๆ ในใจ

สวรรค์ กูไม่ต้องใส่ชุดแต๋วแตกแล้วเว้ยยย!!

“แต่เรามีเซตใหม่ที่เซ็กซี่กว่าเซตนี้ค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการจะดูก่อนไหมคะ”

เจ้ย!! นรกตกใส่หัว!!

ผมตาโต แอบเห็นพนักงานมองมาแล้วพากันหัวเราะด้วย ชยันต์ตาวาว รีบบอกให้พนักงานพาไปดู

พนักงานพาเดินไปที่หุ่นกลางร้านทันที

ไอ้นายแบบคนเดิมนั่นแหละครับ มันไม่คิดจะเปลี่ยนอาชีพหรือไปเพิ่มกล้ามให้ดูแมนกว่านี้รึไง อ้อนแอ้นเหลือเกิน

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มองเสื้อที่มีรูปแบบไม่ต่างกับของชยันต์ คือแขนยาว ชายยาวคลุมสะโพก แต่ตัวนี้จะยาวกว่าเล็กน้อย แขนเสื้อคลุมหลังมือ มีริ้วนิด ๆ ให้ดูหวานขึ้น เนื้อผ้าบางลง และที่สำคัญคือคอเสื้อ…

มึงจะเว้าไปไหน!!

มึงจะโชว์อะไร!!

ไหปลาร้า?

กูมีสองไห มีปลาขี้ไคลว่ายเต็มไปไหมด

เสื้อสีขาวอมเทา

“ทุเรศมาก/ว้าว น่ารักมาก” ผมกับน้องพูดขึ้นพร้อมกัน แต่ผมพูดอยู่ในใจ

“งั้นขอตัวนี้ ไซส์เอ็ม มีกี่สีเอามาให้หมด”

“ชยันต์” ผมรีบปรามน้อง

“ชยันต์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้านะ อีกสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ”

“คะ ครับ”

ชยันต์ยิ้มร่า ผมชักรู้สึกว่าน้องผม มีเขากับหางงอกยังไงพิกล

“เอาละ” ชยันต์หันมามอง นรกสำหรับผมมาก

ชยันต์ซื้อเสื้อให้ผมหลายตัวเนื่องในวันเกิด และน้องขอร้องให้ผมใส่ทุกวัน วันละตัว

อื้อ ๆ ทำไมชยันต์ถึงทำกับพี่ได้

 

วันนี้ผมเดินลงมาจากชั้นบนในสภาพหัวหางฟู เมื่อคืนทำงานหนักไปหน่อย ทุกคนหันพรึบมามอง แม่ผมหัวเราะคิก

“ชยันต์ซื้อให้อีกล่ะสิ” แม่แซว ผมก็แอบงงเหมือนกันว่าทำไมในบรรดาพี่น้องทุกคน ชยันต์จะต้องเลือกซื้อเสื้อผ้าสไตล์ตัวเองให้ผมใส่เพียงคนเดียว นอกนั้นก็ซื้อแบบเท่ ๆ ให้

“ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องซื้อให้แต่แบบนี้”

“ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่สิ” พี่อนุชาแนะ

“ทำได้เหรอ เถียงได้ที่ไหน เด็กนั่นน่ะ ซาตานดี ๆ นี่เอง”

“อ้าว เพิ่งรู้เหรอ” จะหาว่าผมควายมาตลอดใช่ไหม

คนที่ถูกต่อว่าวิ่งตุบ ๆ ลงบันไดมา

“ว้าววว พี่วุธหล่อจัง”

ตรงไหน ผมตอบอยู่ในใจ

แอบเห็นพี่อนุชาหัวเราะด้วย อ้อ จะบอกว่า ตอนนี้พี่เชนทร์กับชยันต์นอนห้องเดียวกันเรียบร้อยแล้วครับ ห้องชยันต์เลยถูกจัดใหม่ให้กลายเป็นห้องรับแขกบ้านแขกเรือนไป

“น่ารักดี” พี่เชนทร์ชม ผมหน้าเบี้ยว

“พี่ ผมไม่ภูมิใจนะ” ผมกระซิบ พี่เชนทร์หัวเราะ

“โอเค งั้นพูดใหม่ นายเท่ดี”

ผมกรอกตาขึ้นฟ้า ยกมือขึ้นในทำนองว่าไม่เชื่อ พี่เชนทร์หัวเราะเดินไปนั่งประจำที่เพื่อทานอาหารเช้า

ได้ยินเสียงกริ่งดังมาจากหน้าบ้าน พวกเราไม่มีใครขยับหรอก เพราะเรามีทั้งแม่บ้านพ่อบ้านในการออกไปดูว่าใครมาอยู่แล้ว

“ดอกไม้ครับ” พ่อบ้านเราเดินหน้าหล่อเข้ามา

เชื่อกันหรือเปล่าว่าบ้านผมมีพ่อบ้าน เหมือนบ้านฝรั่งเลย หล่อมาก บ้านผมมีแต่คนหน้าตาดี คนสวนยังหล่อ

พวกเราทุกคนหันไปมอง

สิ่งที่พ่อบ้านผมอุ้มเข้ามาในอ้อมแขนคือดอกไม้ครับ ดอกกุหลาบสีแดงสด ช่อเบ้อเร่อ บรรดาแม่ ๆ ผมตาวาว สงสัยพ่อจะส่งมาให้แม่สักคนเพื่อเซอร์ไพรส์ละมั้ง

“ของใคร” ชยันต์รีบถาม

“ของคุณเชิดวุธครับ” ทุกคนหันพรึบมามองผมเป็นตาเดียว

เดี๋ยวนะ

อย่าเพิ่งมองกู

อย่ามองเสมือนกูเป็นผู้ร้ายข้ามแดนขนาดนั้น

“ใครเป็นคนส่งมา” แม่ผมถามต่อ

“ไม่ได้ระบุชื่อเต็มผู้ส่งครับ ในนี้เขียนไว้แค่ เอ่อ คุณวุธจะอนุญาตให้ผมอ่านไหมครับ เพราะของคุณวุธโดยตรง” พ่อบ้านผมมีมารยาทดีมากที่ไม่ด่วนอ่านก่อน เพราะไม่รู้ว่าในนั้นเขียนไว้ว่าอะไร ตอนแรกจะบอกว่าไม่ให้อ่าน เพราะของผมคนเดียว แต่รู้สึกว่ามีสายตานับสิบคู่พุ่งตรงมาราวกับมีดจี้คอหอย และคำพูดไม่มีเสียงว่า

ไม่ให้รู้ มึงตาย

ผมน้ำตาตกใน พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

พ่อบ้านผมก้มลงไปมองกระดาษที่แนบติดอยู่บนดอกกุหลาบสีแดงช่อโตในอ้อมแขน คลี่แหวกออกด้วยนิ้ว ขยับปากเป

ล่งเสียงออกมา

“I LOVE YOU”

ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสะกด

สาวไหนส่งให้ผมวะ

“ใครเป็นคนส่งมา” ผมถาม “สาวไหนส่งมาให้เนี่ย” ผมถามเพราะอยากรู้จริง ๆ มีไม่กี่คนหรอกที่ชอบเซอร์ไพรส์ผมแบบนี้

“ลงชื่อย่อว่า W. ครับ”

ผมนิ่งคิด

ใครวะ W. น้องหวานเหรอ ไม่นี่ ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วนะ ผมนั่งนึก พ่อบ้านเดินเอาดอกไม้มายื่นให้

แม่ง พ่อบ้านผมนี่ ลาออกไปเป็นพระเอกหนังเหอะ

หล่อเกิ้น!

ผมรับมาประคองไว้ในอ้อมแขน พลิกดูกระดาษ มันถูกเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบ

“ดีจัง มีสาว ๆ ส่งมาให้แบบนี้” ใครสักคนพูดขึ้น

“คนมันหล่อก็แบบนี้แหละ เชื้อพ่อมันแรง” ทุกคนหัวเราะ ผมหอบเอาดอกไม้เดินขึ้นไปไว้ในห้องนอน หยิบแจกันมารินน้ำ แล้วใส่ดอกไม้ลงไป

นาน ๆ ทีได้ดอกไม้จากสาว เก็บไว้นั่นแหละดีแล้ว





Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.4 เออ! ยอมรับว่ารักก็ได้ (3-6-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthan1234 ที่ 16-06-2018 00:51:14
รออยู่คร้าๆๆๆๆๆๆๆ :ling1:  :ling1:  :katai5:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.4 เออ! ยอมรับว่ารักก็ได้ (3-6-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-06-2018 00:45:41
ไม่ใช่ของสาวๆซะหน่อย
หัวข้อ: Feel คนเจ้าอารมณ์ :(วิลเลี่ยม-เชิดวุธ) CH.5 ดอกไม้กับชายแปลกหน้า (17-6-2018) จบ
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-06-2018 10:24:36
 
เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์

คู่ที่ 3 : #วิลเลี่ยมเชิดวุธ [คู่ฮา]

เขียนโดย : +Memew+

+CHAPTER 05 : ดอกไม้ กับชายปริศนา


เช้าวันที่ 2 ผมได้ดอกไม้เหมือนเดิม แต่รูปแบบเปลี่ยนไป พ่อบ้านออกไปรับ มีการ์ดใบเล็ก ๆ เขียนตัวหนังสือแบบเดิมไว้

I Love You

ทุกคนเริ่มพากันงง

วันที่ 3 ก็ถูกส่งมาอีก คนส่งคนเดิม เวลาเดิม คำพูดเดิม ๆ จนพวกเราในบ้านชักกลัว ๆ ให้คนไปสืบว่าใครเป็นคนส่ง จนในที่สุดเราก็รู้ว่าเป็นร้านไหน แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าใครส่ง เพราะลูกค้าโทรสั่งของมาทางโทรศัพท์ ไม่ได้แจ้งชื่อหรือรายละเอียดอะไรไว้ นอกจากสั่งให้ไปส่งดอกไม้ให้ผมทุกวัน วันละช่อ เป็นเวลาสองอาทิตย์ และช่อดอกไม้ห้ามซ้ำแบบกันด้วย จ่ายเงินล่วงหน้าให้ครบหมดแล้ว

ถึงทุกคนในบ้านจะรู้อยู่แล้วว่าผมจะได้ดอกไม้แบบนี้ทุกวันเป็นเวลาสองอาทิตย์ แต่ทุกคนก็อดตื่นเต้นไม่ได้เวลาที่ได้ยินเสียงกริ่งดังหน้าบ้าน โดยเฉพาะผม แรก ๆ พ่อบ้านจะออกไปรับให้ครับ พอครบอาทิตย์ผมก็เป็นคนออกไปรับด้วยตัวเอง จะว่าเพราะพี่คนส่งหน้าตาดีก็ได้

เข้าวันที่ 10 ผมอาบน้ำแต่งตัวหล่อเฟี้ยวลงมารอข้างล่างเหมือนเดิม

“แหม ไม่เตรียมพร้อมเลยนะ อยากรู้จังว่าสาวไหนส่งมาให้”

ผมเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง ยักคิ้วให้คนพูด

“คนมันหล่อครับท่านผู้ชม”

ได้ยินเสียงกริ่ง ผมดีดตัวลุก วิ่งจู๊ดออกไปหาพี่พนักงานส่งดอกไม้หน้าตาดีคนนั้น

“คุณเชิดวุธนะครับ”

“ครับ” เขาก็จำหน้าผมได้นะ แต่ไม่รู้จะย้ำชื่อไปทำไมทุกวัน ผมรับมาถือ เขาหันหลังก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับจากไป

ผมอุ้มดอกไม้ช่อนั้นเดินเข้าบ้าน ก้มหอมดอกไม้ช่อนั้นนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครส่งมาให้ แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีใจจริง ๆ

“หน้าเป็นกระด้งเลยนนเชิดวุธ บางทีอาจเป็นดอกไม้ผสมพิษบนเกสร หรือสาว ๆ โรคจิตก็ได้”

“อิจฉาอะดิ” ผมยักคิ้วกลับ พี่ชาติพี่ชายแม่เดียวกับผมเบ้หน้านิดหนึ่ง ห้องผมล้นไปด้วยดอกกุหลาบที่มันยังคงสดอยู่ ผมเลยเอาดอกไม้ช่อนั้นไว้ในห้องรับแขกนั่นแหละ จัดใส่แจกันไว้

“ดีนะแค่สองอาทิตย์ ถ้าส่งมาทุกวัน เราคงต้องเช่าโกดังเก็บดอกไม้แน่ ๆ” ใครสักคนแซว ผมไม่ใส่ใจ ก้มหอมดอกไม้นั้นเบา ๆ หยิบแค่การ์ดมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ

ไม่รู้ว่าใครล่ะ ที่ส่งมา มันทำให้ผมรู้สึกดีจริง ๆ

แอบเสียดายนิด ๆ ที่เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน

และวันนี้ผมไม่รอให้กริ่งดัง ผมออกไปรอดอกไม้ของผมหน้าบ้านทันที วันนี้วันที่ 13 แล้วครับ พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว

“ออกมารอเลยเหรอครับคุณวุธ” แหม มีแซว ๆ เดี๋ยวนี้ไม่ถามชื่อแล้วเหรอ

“จริง ๆ เอามาให้ทีเดียว 14 ช่อเลยก็ได้” ผมบอก คนส่งดอกไม้ส่ายหน้า

“เขาบอกให้ส่งให้ทุกวันวันละช่อครับ เราต้องทำตามคำสั่ง”

ผมรับมาถือ

“ส่งให้แต่คนอื่น เคยได้รับเองบ้างไหมเนี่ย” ผมแซวเขายิ้ม ๆ

“ไม่ละครับ ผมถนัดส่งมากกว่า”

ผมพยักหน้าไม่ใส่ใจ เขากระชับหมวกแก๊ปบนหัว คล้ายกับจะทำความเคารพนิดหนึ่ง ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ขับจากไป ผมหันหลัง เดินเข้าบ้าน ก้มดมดอกไม้มาตลอดทาง แอบเสียดายนิด ๆ ครับที่พรุ่งนี้มันจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้แล้ว

กระทั่งวันรุ่งขึ้น ผมรีบตื่นแต่เช้า แต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอะไรบอกไม่ถูกเหมือนกัน แค่มีอะไรมาสะกิดใจว่าผมควรทำ อย่างน้อยก็เพื่อให้คนส่งดอกไม้เห็นแล้วหน้าชื่นบ้าง

วันนี้ผมไม่ได้ออกไปยืนคอย แต่นั่งอยู่ในบ้านนั่นแหละ

“อ้าว วันนี้ไม่ออกไปรอหน้าบ้านเหรอ”

“เดี๋ยวเขาก็มา” ผมตอบ ทุกคนมองขำ ๆ จนเวลาผ่านไป ผมเหลือบมองนาฬิกาบ่อยมาก เริ่มกระสับกระส่ายเพราะยังไม่มีเสียงกริ่งอะไรหน้าบ้านเลย

“นี่ คนส่งดอกไม้ยังไม่มาอีกเหรอ” ผมถามพ่อบ้าน เขาส่ายหน้า

“ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรครับ”

ผมเริ่มร้อนใจ สองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ เมื่อวานแค่สิบสามวันเอง

ผมรอกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมง พี่เชนทร์ออกไปทำงานแล้ว ชยันต์ก็ไปโรงเรียนแล้ว ผมคอยทุกคนทยอยกันออกจากบ้าน ผมนั่งไหล่ตกจนบรรดาแม่ ๆ ที่มีอาชีพแค่แม่บ้านเดินมาลูบหัวผมเบา ๆ

“คนส่งดอกไม้คงมาเลท ถ้าชอบขนาดนั้น แม่สั่งให้เขาส่งให้ทุกวันยังได้”

“เหมือนกันที่ไหนเล่าแม่แหม่ม” ผมบอกแม่ของพี่ชายคนโต คนนี้ใจป้ำเสมอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปล่อยให้พ่อมีเมียได้อีกตั้งสามคน

ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ บรรดาแม่ ๆ รักใคร่สนิทสนมกลมเกลียวกันดีครับ ไม่มีตีไม่มีทะเลาะกัน อาจมีเง้างอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่กันอย่างพี่สาวน้องสาวมากกว่า อายุก็ไล่เลียงกันตามลำดับเลย

ผมนั่งหงอยเพราะดอกไม้ช่อสุดท้ายของผมไม่มีมาจริง ๆ ผมตัดใจบอกลาบรรดาแม่ ๆ หวังเดินกลับห้อง แต่เดินขึ้นบันไดไปได้แค่สองสามก้าวเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมชะงักกึกหันขวับไปมอง พอ ๆ กับบรรดาแม่ ๆ หัวใจผมไหวแรงด้วยความดีใจ รีบหันหัวเรือจากเดินขึ้นห้องไปเป็นหน้าบ้านทันที

ผมทำเป็นเดินใจเย็นทั้งที่ใจจริงอยากวิ่งไปหาแทบแย่ นอกประตูรั้วเห็นใครคนหนึ่งยืนถือดอกไม้ช่อโตไว้อยู่

“ทำไมมาช้าจังวันนี้” ผมถามไปกึ่งงอน เขาไม่ตอบ ขยับปีกหมวกที่บังหน้าลงต่ำ วันนี้มาแปลกแฮะ ชุดน่ะเหมือนเดิม คือใส่แจ็กเก็ต แต่คนละแบบกับที่ร้าน ไม่มีโลโก้ร้านด้วย แต่เท่กว่า ตัวสูงใหญ่กว่ามาก

อ้าว พนักงานคนใหม่เหรอ ผมเปิดประตูเล็กออก

“พนักงานใหม่เหรอ มิน่ามาส่งช้า” ผมติงไป เขาไม่พูดอะไร ไม่เงยหน้ามอง ใส่แว่นตาดำด้วย

อะไรวะ มาช้าแล้วยังมาทำปิดหน้าปิดตา ไม่พูดไม่จาทำตัวน่าสงสัยนะมึง เดี๋ยวกูโทรไปสั่งเจ้าของร้านให้เลิกจ้างซะนี่

ผมเดินเข้าไปชิด กลิ่นน้ำหอมนี้มันคุ้น ๆ แฮะ

“ผมชื่อเชิดวุธ ของผมใช่ไหม เอามาสิ” ผมยื่นมือออกไปรับ แต่เขาไม่ส่งให้ ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

อะไรวะ

“นี่คุณ” ผมถาม เขาไม่พูดอะไร กระชากดึงตัวผมเข้าไปชิด ผมเบิกตากว้างเงยหน้ามอง

ผมชะงักค้าง มองดวงตาภายใต้แว่นตาดำขนาดใหญ่และหมวกที่ปิดบังหน้าตานั้น

ผมลืมไปได้ยังไงกัน

กลิ่นตัวแบบนี้ คางแบบนี้ ริมฝีปากแบบนี้ ความใหญ่โตของเรือนร่างสูงใหญ่ขนาดนี้

ผมยืนช็อกค้างอยู่ภายในอ้อมแขนเขา

ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองตาค้าง เหมือน ๆ กับดวงตาผมกำลังคลอด้วยอะไรบาง หัวใจไหวแรง ปากแห้งผากไปหมด

“มีคนส่งข้อความมาบอกคุณว่า I LOVE YOU” เสียงกระซิบนั้นดังชัดเจนข้างหู ข้อความครั้งนี้มันไม่ได้มาเป็นตัวหนังสือ แต่มาเป็นน้ำเสียงแทน

ผมไม่ชอบคำนี้ ผมไม่อยากฟังคำนี้ แต่นี่ตอนนี้ คำคำนี้ เรียกน้ำตาคนร้องไห้ยากแบบผมได้ กลีบปากเซ็กซี่นั้นคลี่ยิ้มกว้าง

“ฉันรักเธอ” เขายิ้มอีกรอบ ถอดแว่นออก เผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่แสนคุ้นเคย ปากเขาก็ก้มลงมาประกบปากผมไว้

ความจริงหรือความฝันกันแน่ ผมรีบโอบรอบลำคอแกร่งไว้ ยึดไว้เพื่อให้แน่ใจว่ามันคือความจริงไม่ใช่ความฝัน

มันคือความจริง ปากร้อนบดเบียดนวดคลึง

มันเป็นปากที่ผมแสนโหยหา

“คิดถึงนะ” เขาละปากออกมาพูด

“คิดถึงบ้าอะไรของคุณ ไหนว่ารักนักรักหนา หายหัวต๋อมเนี่ยนะรัก” ผมต่อว่าทั้งน้ำตา เขาหัวเราะหึ ๆ

“ก็อยากจะดูว่าคนใจแข็งจะรู้สึกอะไรบ้างไหมถ้าฉันไม่อยู่”

“คุณมันบ้า คุณมันไอ้เกย์ขี้โกหก” ผมด่าไปร้องไห้ไป เขาหัวเราะอีกรอบ เกลี่ยน้ำตาออกให้เบา ๆ

“ฉันไม่เคยโกหกอะไรนะ ฉันรักเธอ รักมาก”

“รักมากอะไร แล้วทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้าง”

เขายิ้ม

“แล้วทำไมไม่คิดจะติดต่อฉันกลับบ้าง ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ เมลอะไรก็ให้ไปแล้ว จดหมายสักฉบับก็ไม่มี”

ผมเม้มปากแน่น

“ก็แล้วทำไมคุณไม่ติดต่อมาบ้าง ทำไมผมต้องติดต่อคุณไปก่อน”

“ใครว่าฉันไม่ติดต่อ”

ผมทำหน้างง

“ตรงไหน ไม่เห็นมีอะไรโผล่มาสักอย่าง”

เขายกดอกไม้ให้ดู

“ของฉัน ถึงเธอโดยตรง นี่ฉันก็เขียนเองกับมือเลยนะ” เขายื่นการ์ดให้ดู ผมอึ้งไป

“ฉันจริงใจมากกว่าที่เธอคิดนะ”

ผมร้องไห้โฮออกมาอีกรอบ กอดคอเขาแน่น เขากอดตอบโยกตัวเบา ๆ

“ฉันรักเธอ” ได้ยินคำรักอีกรอบ ผมสะอื้นฮัก ยอมรับว่าชอบฟังคำนี้จากปากคนคนนี้จริง ๆ

“เอ่อ…” ได้ยินเสียงใครสักคนพูดขึ้น ผมค่อย ๆ ละสายตาจากอกแกร่งหันมองเข้าไปภายในรั้วบ้าน เห็นบรรดาแม่ ๆ และพ่อบ้านคนสวนออกมายืนอ้าปากตาค้างมองกันอยู่

ผมตัวชาวูบ

เอาล่ะกู มายืนกอดผู้ชายอยู่หน้าบ้าน

บ้านแตกแน่ ๆ


วิลเลี่ยมดันตัวผมออกเบา ๆ พยักหน้าบอกให้ผมพาเข้าบ้าน ผมอ้ำอึ้ง พาเขาเดินเหนียม ๆ เข้าบ้าน

เอาไงดีวะกู จะแก้ตัวไง พี่ชายไปกับพี่กวินทร์ พี่เชนทร์ไปกับชยันต์ นี่ผมยังพาผัวฝรั่งเข้าบ้านอีกเหรอ

“สวัสดีครับ มิสซิสมารีย์ มิสซิสดวงนภา มิสซิสคาร่า มิสซิสบีน่า ผมบิลล์ วิลเลี่ยม แต่นี้ไปขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนในครอบครัวด้วย ผมรักและต้องการดูแลเชิดวุธจริง ๆ”

บรรดาแม่ ๆ ผมพากันอ้าปากค้าง

แล้วหลังจากนั้น ผมก็ถูกฟอกจนขาวสะอาด ซึ่งแน่นอนว่าคนตรงแบบวิลเลี่ยมก็พูดออกมาตรง ๆ ถึงที่มาที่ไปว่าเหตุไฉนเล่าผมถึงได้ผ่าเหล่ามาถูกเขาเสพได้

ในระหว่างที่แม่ผมฟอกวิลเลี่ยม พ่อบ้านหัวเห็ดของเราก็เอาชื่อเขาไปโจรกรรมข้อมูลมายื่นให้ พอพวกท่านเห็นและอ่านเท่านั้นก็พากันอึ้ง

คือทำไมเหรอ เขาเป็นเจ้าของบริษัทธรรมดาไม่ใช่เหรอ โอเค อาจใหญ่หน่อย แล้วมันน่าตกตะลึงตรงไหน

“คุณแน่ใจนะว่ารักเชิดวุธจริง ๆ”

“ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย”

“เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน”

“ไม่เคยมีใครทำให้หัวใจผมหวั่นไหวได้เท่าเชิดวุธหรอก Love at the first sight ผมรักเขาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้สัมผัสยิ่งได้พูดคุย ผมยิ่งรัก”

“ลูกเราไม่ใช่เกย์”

“ผมรู้ครับ ต่อให้เขาเป็นหรือไม่เป็น ขอให้เป็นเชิดวุธ เขาจะเป็นคนที่ผมรัก” พวกบรรดาแม่ ๆ ผมพากันปลื้มกันใหญ่ แน่นอนวาจาปานอมน้ำตาลไว้สิบกระสอบขนาดนั้น

หลังจากนั้นข่าวการตกเป็นเมียชาวบ้านของผมก็กระพือออกไปให้บรรดาพี่น้องทุกคนรู้รวมถึงพ่อด้วย พ่อผมแทบเป็นลมอีกรอบ แต่พอเห็นประวัติวิลเลี่ยมก็เปลี่ยนท่าทีไปทันที

อะไรนักหนาวะ(ผมยังไม่ได้ดูเลย)

และเย็นนั้น บ้านเราก็จัดงานฉลองต้อนรับลูกเขยคนใหม่ของบ้าน แน่นอนว่าทุกคนถูกเรียกตัวมากันหมด ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายกับพี่กวินทร์ บ้านเราพูดภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน เพราะงั้นบ้านเราวันนี้จึงมีสองภาษาสลับกัน เวลาจะนินทาก็ภาษาไทยครับ พูดกับเขาก็ภาษาอังกฤษ

“ขอบคุณสำหรับชุดน่ารัก ๆ ที่ซื้อให้เชิดวุธ เธอน่ารักมาก” วิลเลี่ยมหันไปคุยกับชยันต์ ต่อมหึงผมทำงานทันที เพราะชยันต์น่ารักมาก เขาอาจเปลี่ยนใจไปชอบก็ได้ ผมรีบกระชากแขนเขาไว้พอ ๆ กับพี่เชนทร์ที่ดึงชยันต์ขึ้นไปนั่งเกยบนตัก

ทุกคนพากันหัวเราะร่วนกับสิ่งที่ผมกับพี่เชนทร์ทำ ชยันต์คล้องคอพี่เชนทร์ไว้ทันที หอมแก้มฟอดใหญ่

“หึงเหรอ”

พี่เชนทร์หน้าเสีย คงรู้ว่าทำไปแบบไม่รู้ตัว รีบคลายปล่อยชยันต์ออก แต่เมื่ออ้อยเข้าปากช้างแล้ว อย่าหวังว่าอ้อยจะออกจากปากช้างง่าย ๆ ชยันต์กระชับกอดคอพี่เชนทร์แน่นขึ้น ซบหน้ากับอกกว้างไปเนียน ๆ ผมเองก็รีบคลายปล่อยมือจากแขนวิลเลี่ยมเหมือนกัน ปากได้รูปนั้นยิ้มเหมือนพอใจในปฏิกิริยาของผม

“หึงเหรอ”

“เปล่า” ผมตอบปฏิเสธตามสไตล์

“โกหก” เขาก้มหอมแก้มผมฟอดใหญ่ให้อับอายเล่น พ่อกระแอมไอ แล้วทุกคนก็กลับมาคุยกันต่อ พี่ชายไม่สนใจใครนั่งหน้าหงิกบ่นว่าชวนมาทำไมเสียเวลากดพี่กวินทร์ รายนั้นโดนพี่กวินทร์บิดแขนไปที พี่ชายชี้หน้าคาดโทษ

ไม่รู้จริง ๆ ว่าคู่นี้ใครเหนือใครกันแน่

คืนนี้เขากลับไปพักที่โรงแรมก่อน ผมแอบอาลัยอาวรณ์นิด ๆ เพราะอยากตามไปด้วยหรือไม่ก็ให้เขาค้าง แต่ผมถูกสั่งห้ามไว้ก่อนเพราะมีเรื่องให้ทุกคนซักเป็นการส่วนตัว

หลังจากเขากลับโรงแรมไปผมก็ตัวขาววอกจากการซักฟอกของทุกคน สภาพไม่ต่างกับพี่ชายหรือพี่เชนทร์ตอนรู้ความจริงนั่นแหละ

“ที่ฉันมีลูกเยอะนี่ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ไปรักกับเพศเดียวกันนะ” พ่อตำหนิ ผมหน้าเศร้า

“แต่พ่อก็รู้ว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ เอาเถอะ ถ้ามีความสุขก็ทำไป เพราะพี่ชายของแกคนเดียว” เอาล่ะ พ่อกับพี่ชายนี่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่รักกัน แต่เจอกันทีไรก็กัดกันตลอด พวกเราพากันส่ายหัว

ชยันต์หาว พี่เชนทร์เลยชวนเด็กน้อยเดินขึ้นห้อง พี่ชายลากพี่กวินทร์เข้าห้องตัวเองเหมือนกัน ในขณะที่บรรดาแม่ ๆ ก็พากันแยกย้ายเข้าห้องตัวเอง ส่วนพ่อผมเขาจะเข้าห้องแบบเรียงวันครับ สลับกันสี่คน วันนี้เวรใครมิอาจรู้ได้ ตอนนี้เหลือแค่พ่อกับผมสองคนเท่านั้น

“ขอโทษนะ ผมทำพ่อผิดหวังเรื่องงานแล้วยังมาผิดหวังเรื่องนี้อีก”

พ่อลูบหัว

“เอาเถอะ พ่อก็ใช่จะดีนักหนา เอาล่ะ ไปนอนเถอะ พ่อง่วงแล้ว”

ผมพยักหน้าเดินขึ้นห้อง อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จัง

ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ใครนะโทรมา นี่มันดึกมากแล้วนะ ผมรับมากดแนบหู

“ครับ” เบอร์ไม่คุ้นเลย

“เชิดวุธ”

วิลเลี่ยม!

ผมรีบเด้งตัวจากที่นอนทันที

“วิลเลี่ยม! ทำไมโทรมาดึกขนาดนี้”

“นอนไม่หลับ คิดถึงเธอ” ผมหน้าร้อนผ่าว ผู้ชายคนนี้ขยันทำให้ผมเขินได้จริง ๆ พับผ่า

“ก็หลับ ๆ ไปเถอะน่า”

“ไม่มีเธอนอนเคียงข้าง มันหลับลำบาก อยากฉุดเธอมานอนเคียงข้าง แต่รู้ว่าไม่ควร พอคิดถึงเธอแล้วนอนไม่หลับ อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ”

ผมนิ่งไป ก่อนอ้อมแอ้มตอบ

“ผมก็เหมือนกัน” ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงเพราะไม่เห็นหน้า

“ราตรีสวัสดิ์ แค่นี้ฉันว่าฉันน่าจะนอนได้แล้ว” แล้วสายก็ถูกตัดไป ผมลดโทรศัพท์จากหูมามองงง ๆ

อะไรวะ โทรมาทำให้ใจเต้นแล้ววางสายไปแค่เนี่ย

อีตาบ้าเอ๊ย!

ผมตีหมอนแทนหน้าหล่อ ๆ นั้นไปที




รุ่งขึ้นเราก็เห็นแขกไม่ได้รับเชิญโผล่มากินข้าวด้วยแต่เช้า ผมไม่ได้เตรียมตัวด้วยซ้ำ เดินหัวฟูลงมาในชุดเสื้อแขนยาวสุดเอ็กซ์ของชยันต์นั่นแหละ คือกะจะไปอ่อย

เอ่อ ไม่ใช่ กะจะไปหาวิลเลี่ยมที่โรงแรม แต่ไม่คิดว่าเขาจะโผล่มาแบบนี้

ผมทำตัวแทบไม่ถูก หมอก็กลมกลืนกับคนในครอบครัวผมเหลือเกิน พี่ชายนั่งกินข้าวหน้าเบี้ยว พี่กวินทร์ดูเพลีย ๆ ชยันต์หน้าตาเบิกบาน พี่เชนทร์ก็ดูเหนื่อย ๆ

“ใครเชิญ” ผมกวน

“ไม่มี พอดีเป็นลูกเขยบ้านนี้แล้ว เลยมาเอง” เขากวนกลับบ้าง

หลังมื้อเช้าพอทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน ผมก็ลากเขาขึ้นห้องครั้งแรก แอบตื่นเต้นครับ เขากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องผม ใหญ่พอควรตามฐานะ

“รกจัง”

“อ้าว” ผมถลกแขนเสื้อทันทีอย่างนักเลง “มันอาชีพผมนะคู้ณ รับไม่ได้ก็ลาออกจากการเป็นลูกเขยบ้านนี้ไปเลย”

“ไม่ละ อดทนมาตั้งสองเดือน เรื่องไรจะกลับง่าย ๆ” ผมยังไม่ได้คุยกับเขาเลยว่าถ้าตกลงคบกันแบบนี้จะเอายังไงกับคู่ของเรา

ต่างคนต่างอยู่ ผมไปอยู่กับเขา หรือเขาจะมาอยู่กับผม แต่อย่างหลังนี่ท่าจะยาก ต่างคนต่างอยู่ผมก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ แค่นี้ก็คิดถึงจะตาย ให้ไปอยู่กับเขา ผมก็ไม่อยากไปไหน ติดครอบครัวด้วย

“เอาไงกับเรื่องของเรา” ผมเปิดอกทันทีอย่างอัดอั้น

“เธอย้ายไปอยู่กับฉันที่นู่น”

ผมอ้าปากค้าง

“ไม่ไป ผมติดครอบครัว”

“โอเค งั้นฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่”

“เดี๋ยวครับคุณบิลล์ วิลเลี่ยม คุณจะพูดง่ายไปไหมครับ งานคุณล่ะ บริษัทคุณล่ะ ครอบครัวคุณล่ะ”

“นี่” เขาดึงผมเข้าไปชิดขณะทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง ผมยืนอยู่ระหว่างซอกขาเขา เขาโอบสองขาผมไว้หลวม ๆ ผมมองดวงตานั้น

“ฉันใช้ชีวิตอย่างอิสระมาตลอดนะ ครอบครัวฉันไม่มีใครให้ผูกพันมากมายเหมือนครอบครัวเธอ ส่วนงานฉันทำที่ไหนก็ได้ อาจขรุขระหน่อยถ้าจะย้ายสำนักงานมาทำที่ไทย แต่คงไม่เป็นปัญหาเพราะมีเครื่องบินส่วนตัว เงินฉันก็มีมากพอ ใช้ชาตินี้ยันชาติหน้าซื้อประเทศหรือเกาะให้เธอทั้งเกาะก็ยังได้”

ผมอ้าปากค้าง รวยขนาดนั้นเลย?

“แต่ฉันทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาอยู่กับเธอ แค่นี้พอจะยืนยันคำพูดฉันได้รึยังว่าฉันรักเธอมาก” ผมเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้

“ผม”

“ฉันรักเธอนะ บอกฉันสักคำสิ มันคุ้มค่าพอไหม ที่ฉันจะเสียสละทุกอย่างพาหัวใจมาฝากไว้กับเธอ”

“ผม”

“ไม่ถนัดคำพูด ภาษาร่างกายก็ได้นะ” เขาให้ทางเลือก

แม่ง ขอกูซึ้งหน่อยเหอะ

“รีบตอบเร็ว ๆ ฉันจะระเบิดแล้ว”

ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองเขางง ๆ

“อะไรระเบิด” ผมพาซื่อถาม เขาเบ้หน้าคล้ายคนกำลังทรมานจริง ๆ จับมือผมลงไปจับบางส่วนของตัวเองด้านล่างไว้

ผ่างงงงง

อืมไม่ได้ยินซาวน์แบบนี้มาสองเดือนได้แล้วมั้ง

“สองเดือนเชิดวุธ สองเดือนที่ฉันไม่ได้ปลดปล่อยเลย”

ผมอ้าปากค้าง

“ทะ ทำไม มือก็ได้ หนุ่ม ๆ ก็มี”

ผมถาม เขาส่ายหัว

“เราเคยพูดกันไว้ว่าไง ฉันจะไม่นอกใจเธอ จนกว่าเราจะเลิกกัน”

ผมน้ำตาแทบไหล ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกับผมขนาดนี้

“อย่าเพิ่งซึ้งเชิดวุธ ช่วยกันก่อน”

นี่มึง ให้เวลากูซึ้งหน่อย แม่ง ผมต่อว่ามันไปทางสายตา

“จะให้ช่วยอะไร”
ผมอ้ำอึ้งถาม ไม่ได้ไม่ประสา แต่แบบให้เริ่มตรงไหน บอกกูหน่อย กูเริ่มไม่ถูก

ปากมึงก็น่ากิน แผงกล้ามอกมึงก็น่ากอด ไอ้นั่นของมึงก็น่าจับ

หมอไม่พูดพร่ำทำเพลงครับ จับกางเกงผมถอดพรืดเหลือไว้แค่เสื้อของชยันต์ ปลดน้องตัวเองออก จับผมนั่งคร่อมบนตักทันที ผมตาโต

“นี่!!” มาถึงมึงก็จะจับเสียบเลยเหรอ

มันเข้าไม่ได้หรอกครับ เพราะห่างไปร่วมสองเดือน เขาเบ้หน้า

“นี่ไม่ได้นอนกับใครเลยเหรอ ทำไมคับแบบนี้”

“บ้า ผมไม่ใช่เกย์จะได้เที่ยวไปนอนกับชาวบ้านเขาไปทั่ว”

เขาไม่พูดอะไรอีกเลื่อนนิ้วเข้ามาเบิกทางก่อน ผมว่าเขาก็ใจเย็นกับผมเรื่องนี้พอควรนะ ต้องการจนตัวสั่นไปหมด ร่างคงแทบระเบิดจริง ๆ แต่ก็ยังอดทนไม่เสียบพรวดเข้ามาให้ผมบาดเจ็บ

“พอเถอะเข้ามาได้แล้ว”
ผมร้องขอเสียงสั่น เพราะต้องการเขาจะแย่แล้ว

“ยัง”
เขาบอกเสียงสั่น

จริง ๆ มันต้องสลับบทกันพูดไม่ใช่เหรอมึง = =

“ของฉันมันใหญ่นะเชิดวุธ ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ”

อยากร้องไห้ ทำไมผัวกูช่างเป็นคนดีแบบนี้ ผมนอนราบจนมันผ่อนคลายได้ที่ เขาถึงได้ค่อย ๆ จับส่วนนั้นค่อย ๆ แทรกเขามา ช้า ๆ เป็นจังหวะ สภาพเหมือนวันที่เขาพรากจิ้นผมนั่นแหละ

“อืม น่ารักมาก” เขาออกปากชม ผมกำที่นอนแน่น พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด พอเข้ามาได้จนสุดเขาก็ยิ้ม

“แรก ๆ จะวิ่งช้า ๆ แต่หลัง ๆ จะเร่งเครื่องนะ”
โห มีการบอกไว้ก่อนด้วย ผมพยักหน้า เขาขยับเบา ๆ ผมครางออกมาทันที

ให้ตาย ทำไมมันรู้สึกดีขนาดนี้

“เชิดวุธ ฉันรักเธอ”
เขาครางบอก ผมชักจะชินและชอบสิ่งที่เขาสารภาพตอนมีอะไรกันซะแล้ว

ลีลาเขาเคยเร้าใจยังไง ตอนนี้ก็ยังคงเร้าใจอยู่ไม่เปลี่ยน เขาเหวี่ยงตัวไปนั่งข้างเตียง แล้วจับผมนั่งน้องเขาไว้ กอดผมไว้แนบอก

มาแล้วเจ้าพ่อท่ามาก

“เอ่อ…วันแรกเอาเบสิกก็พอ”

เขามองตาผม

“นี่แหละเบสิกแล้ว”

เบสิกพ่อง!!

เขาดันตัวผมไปด้านหลังนิด ๆ แล้วจับสะโพกให้ขยับกลืนกิน ให้ตาย อะไรจะท่ามาก ท่ายากเยอะแยะขนาดนี้!!
 

 

สามชั่วโมงผ่าน…

พระอินทร์พยายามเรียกตัวผมไปเฝ้าแต่พ่อเจ้าพระคุณทูนหัววิลเลี่ยม ยังไม่คิดจะปล่อยผมไปง่าย ๆ ตอนนี้ร่างกายของเราเปลือยเปล่า บางส่วนยังแทรกอยู่ด้านหลัง แผงอกกว้างแนบติดอยู่กับหลังผม สะโพกแกร่งขยับเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ

“ไม่ไหวแล้ว วิลเลี่ยมพอเถอะ”
ผมร้องขอ

“ถ้าง่วงก็หลับไป ฉันขอกอดเธอหน่อย คิดถึง ไม่ได้ทำมาตั้งสองเดือน ขอทดแทนส่วนที่ขาดหายไปก่อน”
แล้วผมก็นอนครางจนเสียงแหบยันเช้า

เอวเดี้ยงครับ…

ผมลุกไม่ขึ้นในขณะที่เตียงข้าง ๆ ว่างไปแล้ว วิลเลี่ยมคงลงไปข้างล่าง จนเที่ยง ผมถึงได้กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยมาแปะจมูก หันไปมองถึงได้เห็นว่าวิลเลี่ยมเดินถือถาดอาหารเดินเข้ามา ผมขยับลุกกินข้าวที่เขาเอามาให้

หลังจากป้อนข้าวป้อนน้ำผมเสร็จเขาก็ให้ผมนอนต่อ แต่ก็ยังไม่วายเล็มเล็กเล็มน้อยกัดแทะกิน บางทีมีเสียบเลย




สามวันครับ สามวันที่มันกินผมแบบไม่ให้ลุกออกจากห้อง มันไม่เกรงใจเลยว่านี่คือบ้านผม วันที่สี่ผมลุกได้เพราะวิลเลี่ยมมีงานต้องไปจัดการ ผมไม่รู้ว่าเขาไปทำที่ไหนอะไรยังไง ไม่ได้สนใจด้วย ลุกจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดเน่า ๆ ย้วย ๆ ลงไปข้างล่าง เห็นแม่นั่งจัดดอกไม้กันอยู่

“อ้าว ฟื้นแล้วเหรอลูก กำลังลุ้นเลยว่ากี่วันจะลุกได้”

“ไม่ไหว” ผมโบกมือ “อึดเกินคน ผมจะตายเอา” พวกท่านพากันหัวเราะ ไอ้สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกเพราะพ่อผมก็มหาอึดเหมือนกัน

“เขาบอกว่าลูกสาวมักหาสามีที่เหมือนพ่อ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง”

“เดี๋ยวครับแม่ ผมผู้ชาย”

“ก็พาลูกเขยเข้าบ้านก็เหมือนเป็นลูกสาวนั่นแหละ”

ผมไม่อยากจะเถียง หลังจากลงมาหาอะไรกิน เดินเล่นนิดหน่อย ก็กลับไปนอนพัก กว่าหมอจะกลับก็ดึก กลับมาก็ทำเอาผมแทบลุกไม่ขึ้น จนครบหนึ่งอาทิตย์ เขาก็ได้กำหนดเดินทางกลับประเทศ โดยสัญญาว่าจะดำเนินการเพื่อย้ายมาอยู่ไทยกับผม

จริง ๆ ผมก็เห็นแก่ตัวนะ เพราะผมย้ายไปอยู่กับเขาน่าจะดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมย้ายไปอยู่กับเขา มันก็ง่ายไป วันใดวันหนึ่งเกิดเขาเบื่อผมขึ้นมา เขาคงเฉดหัวผมทิ้ง

ในระหว่างเขาดำเนินการเดินทางไปกลับเพื่อย้ายฐานที่มั่นอีกส่วนมาไว้ที่นี่ ผมก็มีเดินทางไปกับเขาบ้าง แต่ผมไม่ค่อยไปหรอก เพราะไปก็เหมือนไปเป็นอีหนูให้หมอมากกว่า หื่นมากจริง ๆ ทำการทำงานอยู่ก็ไม่เว้น

หมอรวยมากจริง ๆ เวลามาก็บินมาด้วยเครื่องบินส่วนตัวครับไม่ได้นั่งเครื่องรวมมากับคนอื่น ๆ (แต่ตอนที่มาเที่ยวเขาจงใจนั่งเครื่องรวมมาเพราะมาในฐานะนักท่องเที่ยว) วันนี้ผมติดเครื่องไปทำงานกับเขาด้วย

ต้องยอมรับว่าเวลาเขาทำงานกับช่วงเวลาปกติต่างกันนิดหน่อย

เวลางานหน้าจะดุ ลูกน้องกลัวกันหัวหด แต่เวลาส่วนตัว โดยเฉพาะเวลาอยู่กับผมจะกลายเป็นคนโรแมนติก น่ารัก เสียงนุ่ม

“ทำไมคุณถึงเป็นเกย์”
ผมยกไวน์ขึ้นจิบ ถามคนตรงหน้า เขามองหน้าผม

“ไม่รู้สิ รู้ตัวอีกทีก็เกิดอารมณ์กับผู้ชาย แต่เฉย ๆ กับผู้หญิง”

ผมพยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจ คงให้อารมณ์เหมือนผมที่ผมเกิดอารมณ์กับผู้หญิงแต่ไม่ได้เกิดกับผู้ชายละมั้ง

“แล้วเคยเกิดอารมณ์กับผู้หญิงไหม”

เขาส่ายหน้า

“เคยคบใครมาก่อนไหม”

เขาส่ายหน้าอีก

“โกหกหรือเปล่า หน้าตาฐานะอย่างคุณนี่ไม่เคยคบใครได้ไง ท่าทางก็ออกโรแมนติกเป็นสุภาพบุรุษ”
ผมพูดตามจริง

“คนที่รักฉันน่ะมีเยอะ แต่คนที่ฉันรักมีแค่เธอคนเดียว”

ผมมองหน้าเขา ใจก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ผมก็รู้ว่าเขาพูดจริง

“ขอบคุณ”

“เอาล่ะที่รัก” เขาเรียก “ได้เวลาแล้ว”

“เวลาอะไร”

“เวลากิน”

ผมมองหน้าเขา กินอะไรก็กินกันอยู่ เขาดึงขอบกางเกงตัวเองลง

ผ่าง!!!

โอเคครับ ได้เวลากินไส้กรอกแล้ว ผมขอตัวไปกินก่อนนะ


The END...

จบแล้วววววว ครบทุกคู่แล้วนะคะ จริงๆ แผลนไว้ว่าจะแต่งต่ออีก 3 คู่ แต่น่าจะเป็นหมันเพราะคิวยาวเหลือเกิน เพราะงั้นเอาไปแค่นี้ก่อน ซียูนะค่าาา ฝากเรื่อง Love me จับเพื่อนทำเมีย กับ หงส์ซานด้วยยย

 

Book & ebook : https://goo.gl/aJFpH5
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-10-2018 22:55:50
 :haun4:  คู่สุดท้ายคือโอ้โหหหห
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 25-10-2018 22:15:39
ว้ายยยยยย ชอบทุกคู่เลยอ่าาาา  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-10-2018 21:43:47
 :pig4:

ชอบทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-10-2018 14:46:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-10-2018 01:33:48
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-11-2018 08:06:56
สนุกดีค่ะ
ชอบทุกคู่เลย
แต่ชอบมากสุด คือคู่เชิดวุธ
น่ารักดี
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 31-12-2018 22:25:40
แซ่บทุกคู่  :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 13-06-2019 16:12:03
อนุชายั่วเก่งมาก​ อ่อยเบาๆตลอด :hao3:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 16-06-2019 00:47:47
ตายๆปรับอารมณ์ไม่ทันคู่สองโหดเหลือเกิน :katai1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 17-06-2019 10:33:10
ชยันต์ร้ายมาก ยั่วจนได้ผู้555
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 09-07-2019 11:17:11
คู่สุดท้ายหมอหื่นเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 19-07-2019 21:29:52
ชอบคู่เชิดวุธอ่ะ
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 27-07-2019 23:51:10
ครบเลย ครบทุกคู่เลย

ขอบคุรสำหรับนิยายดีๆ o13 o13
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] CH.16 หัวใจตรงกัน (P.16)(5-11-59) [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: fulltime ที่ 28-07-2019 12:11:37
อยากมีนาคินทร์เป็นของตัวเอง
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 28-07-2019 20:06:03
สงสารเชิดวุธพี่วิลเลี่ยมดุมาก :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 28-07-2019 22:16:54
สนุกมาก  :3123: :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 29-07-2019 09:13:38
สนุกมากกก เข้ามาอ่านคู่สุดท้ายโดยเฉพาะเลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 30-07-2019 09:48:12
กรี๊ดดดดด ตามมาจากในทวิต ชอบคู่นี้มากเลยค่ะ มีสเปชีวิตของทั้งคู่หลังจากวิลเลี่ยมย้ายมามี้ยคะ อยากอ่านต่อมาก ชอบมาก เป็นเรื่องยาว ทำเล่มก็จะซื้อ!
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 30-07-2019 21:25:06
กลับมาอ่านอีกกี่รอบก้ยังชอบทุกคู่มันฮืดฮาดดีต่อใจจริงๆๆ แต่ชอบนาคินทร์จังดูมีความ :haun4:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 06-08-2019 00:10:23
หลายรสชาติดีมากกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 12-08-2019 15:53:43
อ่านรอบที่สอง ก็สนุกเหมือนเดิมมมม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 14-08-2019 05:43:24
ปัก
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 18-08-2019 00:00:13
อยากตะโกนดังๆว่า 'ชอบ โว้ยยยยยยยย!!!' เรื่องสุดท้ายคือดีมากๆๆๆค่ะ ขอบคุณนะคะ สนุกทุกเรื่องเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 09-03-2020 02:35:04
ชอบทุกคู่เลย  o13
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ss.suttida ที่ 30-03-2020 22:04:55
ได้แต่บอกว่าเลิศๆๆๆ  ชอบทุกคู่ ยิ่งคู่พี่เชนกับวิลเลี่ยมยิ่งชอบแนวยั่วๆบดๆกับรักถวายหัวเนี่ยปลื้มเลย
หัวข้อ: Re: Feel คนเจ้าอารมณ์ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 11-03-2024 14:07:26
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)