พิมพ์หน้านี้ - ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Dezair ที่ 02-11-2017 20:53:52

หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-11-2017 20:53:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-11-2017 20:54:36
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 1


   แสงอาทิตย์ลดแรงแผดเผามากแล้วเมื่อนาฬิกาที่ข้อมือขาวบอกเวลา 17.30 น. ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบจากนาฬิกายี่ห้อดังของสวิสเซอร์แลนด์ ไปมองในสนามฟุตบอลของโรงเรียน


   แม้จะเย็นแล้ว แต่ในสนามยังพลุ่กพล่านเสมอ


ปกฉัตรกวาดตามองนักเรียนชายที่วิ่งไล่ลูกฟุตบอลกลมๆ ก่อนจะพบดิษกรเพื่อนรักตัวหนาผิวเข้มกำลังวิ่งไล่ตามคนที่ครองบอลอยู่ข้างหน้า เพื่อนคนนี้มักจะยิ้มเก่งชอบอวดฟันขาวตัดกับสีผิวเป็นประจำ แต่ไม่ใช่เวลาที่อยู่ในสนาม


   ดิษกรมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังกับกีฬามากกว่าการเรียนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเองก็เชียร์เพื่อนสนิทมาแล้วแทบทุกประเภทกีฬา จนกระทั่งเมื่อตอนม.ต้นที่เจ้าตัวมุ่งมั่นเข้าชมรมฟุตบอลของโรงเรียน นับแต่นั้น ปกฉัตรก็มานั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ข้างสนามดูเพื่อนสนิทเตะฟุตบอลเสมอๆ


   แน่นอน...มานั่งครั้งแรกคนอื่นๆก็เข้าใจว่ามาเชียร์เพื่อน แต่พอมาบ่อยๆเข้า...ใครก็ต่อใครก็เริ่มพูดกันหนาหูว่า ปกฉัตรมานั่งเชียร์แฟน


แฟนที่ว่าก็คือดิษกรนั่นแหละ


   ข่าวลือนี้เข้าหูทั้งดิษกร ทั้งปกฉัตร แต่...ดิษกรก็ยังมุ่งมั่นกับชมรมฟุตบอล ในขณะที่ปกฉัตรก็ยังมาเชียร์อย่างสม่ำเสมอ


   ใช่...มาเชียร์...


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องไปที่เพื่อนสนิทที่กำลังดักหน้าดักหลังคนครองบอลเพื่อชิงลูกกลมๆนั่นมา ก่อนที่...สายตาจะไถลไปยังคนครองบอลแทน...หนุ่มรุ่นพี่ผิวขาวเหลือง ตาเรียว โหนกแก้มสูง ดูผ่านๆก็รู้ว่าเป็นลูกคนจีน ปกฉัตรจำหน้าอีกฝ่ายได้ดี เพราะมานั่งรอเพื่อนสนิทที่ข้างสนามทีไร สายตาของเขาก็...ไล่ตามรุ่นพี่คนนี้มากกว่าใคร


   ใบหน้าขาวกระตุกยิ้มที่มุมปากจางๆ


   ...ตั้งใจมาเชียร์ไอ้ดิษนะ อยากจะเอาใจช่วยไอ้ดิษอยู่หรอก...แต่...ก็อยากให้ใครอีกคนยิงประตูได้...


   คิดได้แค่นั้น คนที่ครองลูกฟุตบอลก็หักหลบร่างของเพื่อนสนิทของเขา แล้วเอี้ยวตัวเตะบอลอัดเข้าโกลล์ ได้ประตูไปในเสี้ยววินาที แขนแข็งแรงที่มีเหงื่อซึมชูขึ้นเหนือศีรษะ หน้าตาหล่อเหลาตามแบบฉบับหนุ่มเชื้อสายจีนยิ้มกว้าง โหนกแก้มยกสูงขึ้นอีกนิด และตาเรียวๆเหมือนตาเหยี่ยวนั่นหยีจนแทบกลายเป็นเส้น


   ...น่ามอง...


   ...เป็นผู้ชายที่...แข็งแกร่ง ทรงพลัง มีชีวิตชีวา ดูเผินๆแล้วน่าหมั่นไส้ แต่ไม่รู้เมื่อไรที่...ความน่าหมั่นไส้กลายเป็นน่าค้นหา...


   ปกฉัตรยกยิ้มกับตัวเอง ชื่นชมและยินดีเงียบๆกับคนยิงประตูได้ แต่พอดิษกรหันมามองที่ข้างสนาม เขาก็รีบหุบยิ้ม เบี่ยงสายตาไปมองเพื่อนของตนแทนแล้วยกข้อมือตัวเองให้อีกฝ่ายเห็นนาฬิกา เป็นการบอกเวลาว่าสมควรกลับได้แล้ว


   “ต้องกลับล่ะ” เพื่อนสนิทผิวเข้มหันไปตะโกนบอกคนอื่นๆในสนามซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นรุ่นพี่ในชมรมฟุตบอลที่เจ้าตัวสังกัด


   “อะไรวะ ทำไมรีบกลับ” เสียงทุ้มๆแต่ตะโกนดังลั่นมาเข้าหูปกฉัตรพอดี เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน คนเดียวกับที่ยิงประตูเมื่อกี้นี้


   ...เสียงก็เพราะ ถ้าไม่ตะโกนจะดีกว่านี้มากๆเลย...


   “ไอ้ปกจะกลับแล้ว” ตอบแล้วยิ้มกว้างเห็นฟันขาว ในขณะที่คนที่ถูกพูดถึงอย่างปกฉัตรยังยืนเงียบๆอยู่ข้างสนามรับรู้สายตาของคนอื่นๆอย่างนิ่งสงบ


   “มึงผูกขาไว้กับมันรึไง มันจะกลับก็ปล่อยมันกลับไปสิ”


   ...ปากไม่ดี น่าตบปากสักที แต่...ช่างมันเถอะ...


   “โฮ เฮีย...นั่นเพื่อนนะ พ่อแม่มันฝากไว้ อยู่ดีๆจะไปเทมันได้ไง”


   “เพื่อนหรือเมีย เอาให้แน่”


   ...มีเพื่อนเยอะแล้ว แต่ไม่เคยเป็นเมียใครเลย นี่พูดจริงๆ...


   “พูดไป ใครได้ไอ้ปกเป็นเมียนะ ชาตินี้สบ๊าย! ไม่คุยล่ะ ไปก่อน”


...เห็นมั้ย ไอ้ดิษยังยืนยัน...


ดิษกรวิ่งยิ้มกว้างเห็นฟันขาวตัวเปียกซกมาที่ข้างสนาม คนที่ยืนรออยู่ก็ส่งกระเป๋าเป้ให้อย่างรู้งาน


   “ไปมึง” คนตัวเปียกเหงื่อหลังจากวิ่งไล่ฟุตบอลมาเป็นชั่วโมงชักชวนเพื่อนซี้กลับบ้าน แต่ปกฉัตรยังเหลือบสายตาลงไปมองที่สนามที่ดูเหมือนจะเล่นกันต่อแล้ว แม้ว่าทั้งสองฝั่งจะมีจำนวนคนไม่เท่ากันก็ตาม


   “นั่นใคร” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องไปที่หนุ่มผิวขาวเหลืองตาเรียวคนเดียวกับที่ซัดลูกบอลตุงตาข่ายเมื่อครู่นี้ และเป็นคนเดียวกับที่หยอกว่า ‘เพื่อนหรือเมีย เอาให้แน่’


   ดิษกรหันกลับไปมองตามสายตาของเพื่อนข้างกาย ก่อนจะร้องอ๋อเสียงดัง


   “เฮียเจ๋งไง มึงก็เจอหลายรอบแล้วปะวะ”


ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปกฉัตรมานั่งเฝ้าเขาที่ข้างสนามในตอนเย็น ถึงจะไม่เคยเจอหน้ากันตรงๆ แต่ก็ไม่น่าจะไม่รู้จัก ในเมื่อ ‘เฮียเจ๋ง’ ดังออกขนาดนี้


ปกฉัตรยักไหล่แล้วตอบเรียบๆ


   “กูจำไม่ได้หรอก”


   ...ปากอย่าง ใจอีกอย่าง...รู้แล้วว่าชื่อ ‘เฮียเจ๋ง’ แต่อยากให้มึงพากูไปแนะนำให้ ‘เฮียเจ๋ง’ รู้จักอย่างเป็นทางการไง...


   “เฮียดังจะตาย” ดิษกรพูดแล้วก้าวเท้าเดิน หมดสิทธิ์เรื่องที่หวังเอาไว้ในใจ ปกฉัตรได้แต่หัวเราะเบาๆในคออย่างไม่มีความหมาย เป็นอีกครั้งที่ชวดกับการทำความรู้จักรุ่นพี่คนนั้น แต่...สักวันต้องได้ ความอดทนของเขามีอีกเยอะ


   “กูไม่เห็นจะรู้เลยว่าดัง”


   “ก็มึงสนใจอะไรที่ไหน เฮียเจ๋งเรียนเก่งด้วย บ้านรวยมาก มีสาวๆในสต็อกเป็นโหล”


   ...ฟังแล้วน่าเจ็บใจ มีสาวๆมากมาย แต่จะรู้บ้างมั้ยว่ามีรุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งมองตาม...


   “มึงเป็นไรวะปก ทำไมเงียบๆ หิวเหรอ” ดิษกรหันมาถาม และแน่นอน คนถูกถามกลบความรู้สึกทั้งหมดด้วยรอยยิ้มจางๆ


   “เปล่า แต่แวะกินนมปั่นก็ดี”


   “เออ กูจะชวนพอดีเลย ไปๆ” แล้วเสียงพูดคุยของพวกเขาก็แผ่วเบาลงเมื่อทั้งสองคนหายลับออกไปจากโรงเรียน

...............................

   ปกฉัตรยังคงแวะมานั่งรอเพื่อนสนิทเตะฟุตบอลหลังเลิกเรียนแทบทุกวัน แต่...การอยู่ข้างสนาม ไม่ได้ทำให้เขาได้พูดคุยกับรุ่นพี่ตาเรียวคนนั้นมากนัก จนในที่สุด สถานะม. 6 ของอีกฝ่ายก็จบลง ‘เฮียเจ๋ง’ ของดิษกรเรียนจบและออกจากโรงเรียนนี้ไป ในขณะที่รุ่นน้องอย่างเขาขึ้นชั้นปีสุดท้ายในชีวิตมัธยม


...ไปเรียนต่อที่ไหน เรียนต่อคณะอะไร...


...น่าเสียดายที่ไม่มีทางจะรู้ได้เลย ถ้า...ไม่ถาม...


“ดิษ มึง...ได้คุยกับพวกรุ่นพี่ที่เตะบอลกับมึงสมัยก่อนมั่งมั้ย”


หลังจากเปิดเทอมขึ้นชั้นม. 6 มาพักใหญ่ ปกฉัตรก็ทนเก็บความอยากรู้ไม่ไหวจนต้องมาเลียบๆเคียงๆถามเอากับเพื่อนสนิทผิวเข้มที่เรียนห้องเดียวกัน


“รุ่นพี่? อ้อ พวกเฮียเจ๋ง เฮียการุณ เฮียไทน่ะเรอะ”


“อือ” สองคนข้างหลังนั่นจะเป็นอย่างไร ปกฉัตรไม่ได้สนใจ ที่เขาอยากรู้คือชีวิตของคนที่ชื่อ ‘เจ๋ง’ นั่นมากกว่า


“เมื่อวันก่อนกูเพิ่งไปเตะบอลด้วยกันมา” คนฟังชะงักไปนิด อยากย้อนถามว่าทำไมถึงไม่ชวนเขาไปด้วย ก็มานึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยเป็นเพื่อนเตะบอลของดิษกรเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากอยู่ดีๆอีกฝ่ายมาชวน คงเป็นเรื่องน่าแปลก


“เหรอ...” คนผิวขาวเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองไปด้านข้าง ไตร่ตรองว่าจะใช้คำถามเเบบไหนดีที่จะไม่เป็นการโจ่งแจ้งมากนักว่าเขารู้สึกเช่นไร


...ปลื้ม...


...ประทับใจ...


...ชอบ...รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง...


แต่เขาก็ยังมองผู้หญิงสวยๆ ยังชอบผู้หญิงหน้าคมๆ ยิ้มเก่งๆ ตรงข้ามกับสิ่งที่ ‘เฮียเจ๋ง’ ของดิษกรเป็นอย่างสิ้นเชิง รายนั้นเป็นตี๋หล่อ ตาชั้นเดียวเรียวเหมือนตาเหยี่ยว ผิวขาวเหลือง แถมชอบขมวดคิ้วดูแล้วไม่น่าคบหาเลยสักนิด



...แต่...ปลื้มไปแล้ว ประทับใจไปแล้ว ชอบไปแล้ว...


...เลิกไม่ได้...


“วันนี้พวกเฮียจะกลับมาด้วยนะ เห็นว่าจะมาตอนเที่ยง” 


“จริงอ่ะ” ปกฉัตรหันขวับไปมองคนพูดทันที ดิษกรยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มหน้าเอาคัตเตอร์ตัดยางลบเล่นต่อ


“เออดิ เฮียเจ๋งบอกว่าต้องเอาเนคไทมาอวดหน่อย กว่าจะสอบติด เลิกเตะบอลไปตั้งเดือนนึงเพื่ออ่านหนังสือสอบ แต่จริงๆ เฮียแม่งโคตรเก่งอ่ะ กูว่าเตะไปอ่านหนังสือไปก็ติด เชื่อกูเหอะ”


... ‘เขา’ ...จะมา...จะเอาเนคไทมาอวด...จะมาที่นี่...


...วันนี้จะได้รู้ว่า ‘เฮียเจ๋ง’ ของไอ้ดิษ ไปเรียนที่ไหน คณะอะไร...


“เป็นไรวะปก ทำไมตาลอย มึงก็เก่งหน่า อ่านหนังสือตั้งแต่ป.1 อย่างมึง ยังไงก็สอบติด” ดิษกรเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อรู้สึกว่าเพื่อนเงียบไป แล้วก็พบว่าปกฉัตรตาลอยไปแล้ว


“กู...ไม่ได้คิดเรื่องนั้น” คนเพิ่งรู้ตัวตอบเสียงสั่น ระงับความดีใจเอาไว้ไม่ได้เลยแค่รู้ว่าวันนี้จะได้เจอหน้าใครคนนั้น


“เออ ให้มันจริงเหอะ ไม่เครียดๆ แล้ว...มึงจะเรียนอะไรนะ”


“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”


“เออๆ กูจำได้ว่ามึงเคยบอกว่าอยากเป็นทูต อยากเรียนสาขานี้ ที่ไหนวะ เมืองไทยมั้ย” ปกฉัตรหันมองเพื่อนรักที่คบหากันมาแต่เด็ก แล้วยิ้มจาง


“เมืองไทยสิ”


คำตอบทำเอาดิษกรยิ้มแฉ่ง


“ดีมาก เพื่อนกันต้องไม่ทิ้งกัน เรามาเข้ามหา’ลัยเดียวกันเถอะ!” ปกฉัตรเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรอีก ไม่อยากบอกเพื่อนสนิทเลย ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่ทิ้งดิษกรไปเรียนต่อเมืองนอกหรอก แต่ที่ตัดสินใจจะเรียนในประเทศ ก็เพราะอยากเรียนที่เดียวกับ ‘เฮียเจ๋ง’ ของดิษกรต่างหาก


คนมีความคิดเต็มหัวเหลือบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลับมามองมือตัวเองที่กำลังถูเข้าหากันช้าๆ


...ตื่นเต้นจนมือเย็น...


...ความฝันและความหวัง...จะต้องเป็นจริง...

...........................

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยบนเนคไท และเสื้อนิสิตสีขาวกับกางเกงสแล็ก


ปกฉัตรซึ่งนั่งอยู่หลังห้องเรียนกับเพื่อนสนิทอย่างดิษกรจับจ้องรุ่นพี่ร่วมโรงเรียนมัธยมที่เรียนจบไปแล้วและกำลังเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ 


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวขาวเหลือง ตาเรียวชั้นเดียวที่ยืนข้างเพื่อนๆหน้ากระดานไวท์บอร์ด


“เฮียชื่อเจ๋ง อยู่บัญชีปีหนึ่ง” ตาเรียวๆนั่นกวาดมองพวกน้องผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าห้องเป็นระยะ


“เฮียเจ๋งมีแฟนรึยังคะ” เพื่อนผู้หญิงใจกล้าของปกฉัตรคนหนึ่งยกมือถาม แน่นอนว่าคนถูกถามแสยะยิ้มร้ายๆ


“ยัง...น้องสนใจมั้ย”


ตายสนิท หน้าห้องล้มตายเป็นเบือ


“นายเจตน์ ไม่เต๊าะลูกสาวครูสิจ๊ะ ไม่อย่างนั้นเอาไมค์คืน” อาจารย์เจ้าของวิชาที่ให้พื้นที่พี่ๆมาพูดถึงคณะที่สอบติดรีบออกตัว คนถูกปรามก็เลยยักไหล่ทีนึงแล้วส่งไมค์ต่อให้เพื่อนคนอื่น แต่...ปกฉัตรไม่ได้มองตามไมค์เลย สายตาของเขายังพุ่งตรงไปที่หนุ่มบัญชีปีหนึ่งคนนั้น


‘...ยัง...น้องสนใจมั้ย...’


อย่าว่าแต่หน้าห้องจะตายเลย หลังห้องอย่างปกฉัตรก็พ่ายแพ้ต่อประโยคนั้น ทั้งๆที่คิดว่าแค่ปลื้ม แค่ประทับใจ แค่ชอบ...แต่หัวใจ...กลับไหวแรงอย่างน่าประหลาด


ดวงตาวูบลงต่ำมองฝ่ามือของตัวเองที่ถูเข้าหากันช้าๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ไตร่ตรองความรู้สึกที่แรงกล้าในหัวใจ มันบอกยากเหลือเกินว่าสิ่งที่มีคืออะไร ‘ชื่นชอบ’ ในฐานะรุ่นน้องกับรุ่นพี่ หรือว่า ‘รักชอบ’ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งกับคนที่รัก คำตอบของคำถามนี้หาไม่เจอในช่วงเวลาสั้นๆ แต่...สิ่งที่มั่นใจคือยังไงก็ต้องตามเข้าไปเรียนที่เดียวกันให้ได้


ปกฉัตรเหลือบตาขึ้นอีกครั้งเพื่อมองคนที่อยู่ในใจของเขามานาน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อสายตาของเขาปะทะกับสายตาของหนุ่มรุ่นพี่จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่มองตรงมาอยู่ก่อน


ตาสบตา...ปกฉัตรไม่ได้คิดไปเอง อีกฝ่ายมองเขาก่อน แต่พอเขามองกลับ เจตน์ก็เป็นฝายเบือนสายตาหนีไป

.......................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-11-2017 20:55:16


นับจากวันนั้น วิถีชีวิตนักเรียนม.หกกับนิสิตปีหนึ่งก็ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกันอีก เจตน์ไม่ได้กลับมาเยี่ยมโรงเรียนอีกเลย ในขณะที่ปกฉัตรเองก็มุ่งมั่นอยู่กับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย


ความฝันคือได้เรียนคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนหัวใจ...ต้องได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเจตน์


   ความมุ่งมั่นและความพยายาม คือสองอย่างที่ต้องมาพร้อมกัน บางคนประสบความสำเร็จกับสิ่งที่พยายาม บางคนก็ไม่ แต่สำหรับคนอย่างปกฉัตร...ความสำเร็จกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า


   มหาวิทยาลัยในวันนี้มีงานเฟิร์สเดท...งานแรกพบของรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะ ถนนภายในมหาวิทยาลัยถูกปิดการจราจรเพื่อจัดซุ้มกิจกรรมของแต่ละคณะ แต่ละซุ้มมีรุ่นพี่ทุกชั้นปีที่ขนกันมาดูแลต้อนรับน้องๆแรกเข้าปีนี้


ปกฉัตรมาถึงตั้งแต่เช้า แต่ยังไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมในซุ้มของคณะรัฐศาสตร์เลย เพราะเพื่อนสนิทอย่างดิษกรลากเขามาที่ซุ้มของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีเสียก่อน


“มาเป็นเพื่อนกูก่อน เดี๋ยวกูไปซุ้มรัฐศาสตร์เป็นเพื่อนมึงนะ”


นั่นคือประโยคขอร้องของดิษกรคนเหงาที่สอบเข้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีเพียงคนเดียว ไม่มีเพื่อนที่รู้จักมาเข้าด้วย


ปกฉัตรอยากจะดัดนิสัยเพื่อนรักให้ออกไปผจญโลกกว้างเพียงลำพังอยู่หรอก แต่คณะที่ดิษกรสอบติด ดันมีใครบางคนอยู่ในคณะนั้นน่ะสิ


...ไม่รู้ว่าวันนี้จะมามั้ย แต่...ถ้ามาก็คง...ได้เจอกัน...


“ไอ้ดิษ” เสียงทุ้มๆดังมาจากในซุ้มของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปกฉัตรไม่ใช่เจ้าของชื่อแต่ก็ถึงกับสะดุ้งเพราะจำเสียงได้ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินออกมายืนจังก้าอยู่ที่ทางเข้า


ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ตาเรียว โหนกแก้มสูงและชอบขมวดคิ้ว ผู้ชายที่เคยเป็นรุ่นพี่ร่วมโรงเรียนมัธยมเดียวกัน มาวันนี้...ปกฉัตรได้ตามมาเป็นรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยแล้ว


“ไม่น่าเชื่อ มึงสอบติดคณะกูจริงเหรอเนี่ย ข้อสอบปีนี้ง่ายเหรอวะ” ปรากฏตัวปุ๊บ ก็ปากไม่ดีปั๊บ ก่อนที่ตาเรียวๆจะเหลือบมามองปกฉัตรที่ยืนอยู่ข้างหลังดิษกร


“แล้วนั่น...ติดคณะนี้เรอะ?”


ปกฉัตรไม่ทันได้ตอบ เพราะดิษกรแย่งพูด


“เปล่าเฮีย ไอ้ปกมันติดรัฐศาสตร์ แต่ผมให้มันมาเป็นเพื่อน...” คราวนี้คิ้วที่ขมวดอยู่แล้ว ดูเหมือนจะชิดหนักกว่าเดิม


“มึงมาสมัครโรงเรียนอนุบาลรึไง ต้องมีเพื่อนมาด้วย เพื่อนมึงติดคณะไหนก็ไปคณะนั้นสิ! ส่วนมึงติดคณะนี้ก็เข้ามา!”


“โถ เฮีย ก็ผมติดคณะนี้คนเดียว ก็แบบ...” ดิษกรคนขี้เหงาขอความเห็นใจ แต่สภาพร่างกายสูงใหญ่ไม่เอื้ออำนวยให้น่าเห็นใจเท่าไร


“เข้ามาในซุ้ม!” เจตน์ทำเสียงแข็ง หน้าตาเอาเรื่อง ปกฉัตรเลยพยักหน้าสนับสนุนให้เพื่อนสนิทแสนขี้เหงาเข้าซุ้มคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีไปซะ


“มึงเข้าไปเถอะ ดิษ เดี๋ยวกูไปซุ้มคณะกูเหมือนกัน”


“งั้น...กูไปส่งมึง” โทษฐานที่ลากปกฉัตรมาถึงนี่ด้วยกัน ก่อนจะมาถูกรุ่นพี่จับแยกกันที่หน้าซุ้ม ดิษกรก็อยากจะไถ่โทษ


“ไอ้ดิษ เข้ามาในซุ้ม!” แต่รุ่นพี่ที่ยืนกอดอกทำหน้าขึงขังไม่ยอม


“มึงเข้าซุ้มไป ไว้เสร็จแล้วค่อยโทร.หา” ปกฉัตรดันหลังเพื่อนรักอีกหน ดิษกรเลยยอมผลุบหายเข้าไปในซุ้มของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คราวนี้ที่หน้าทางเข้าเลยเหลือแค่เจตน์และปกฉัตร


อดีตรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมโรงเรียนมัธยม


ปัจจุบันรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบันอุดมศึกษา


หัวใจปกฉัตรพองฟู แต่เจตน์พ่นฝีปากใส่


“มึงกลับซุ้มมึงไปได้แล้ว!” หัวใจที่พอง เหี่ยวแฟ่บลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองมาที่คนพูดวูบเดียว ก่อนจะมองไปรอบๆที่มีซุ้มมากมายและผู้คนที่เดินขวักไขว่


“พอรู้มั้ยครับว่าซุ้มรัฐศาสตร์อยู่ตรงไหน” แม้หัวใจจะหดเหลือเท่าเดิม แต่...ก็อยากคุยด้วยสักหน่อย แถมสบตาเจตน์เป็นเชิงขอคำตอบ


ดวงตาสองคู่ประสานกัน ตาเรียวสีดำสนิทนั้นดึงดูดให้น่าดำดิ่ง ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจางๆนั้นว่างเปล่า หนุ่มรุ่นพี่ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด


...ว่างเปล่า?...ว่างเปล่าพ่อง! กูยืนอยู่ตรงหน้า เสือกมามองกูแบบไม่รู้สึกเชี่ยอะไรเลย นี่มันคิดว่าคนอย่างไอ้เจ๋งเป็นผู้ชายเถือๆหาได้ตามข้างถนนง่ายๆรึไงวะ!!...


“ซุ้มรัฐศาสตร์อยู่ตรงไหนครับ”


คำถามดังขึ้นอีกหน เหมือนดึงเจตน์ออกมาจากภวังค์แห่งความหงุดหงิดที่ถูกอีกฝ่ายมองเหมือนเขาไม่มีอะไรน่าสนใจ ชายหนุ่มจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีกระชับแขนที่กอดอกตัวเองแล้วตอบห้วนๆ


“กูจะไปรู้ได้ไง!” แล้วจากนั้นร่างสูงใหญ่ของหนุ่มเชื้อสายจีนก็หมุนตัวเดินหายเข้าไปในซุ้มของคณะตัวเองอย่างรวดเร็ว ส่วนคนถูกทิ้งเอาไว้ที่หน้าทางเข้าก็ได้แต่พ่นลมหายใจเบาๆ


...ชวนคุยครั้งแรกก็โดนตอกกลับมาซะแล้งน้ำใจเลย...


ปกฉัตรหมุนตัวมองไปรอบกาย ป้ายสัญลักษณ์รูปสิงห์ของคณะรัฐศาสตร์ติดหราอยู่ที่เหนือซุ้มหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ต่อให้สายตาสั้นแค่ไหนก็มองเห็นสิงห์ตัวนั้นอยู่ดี


... ‘ซุ้มรัฐศาสตร์อยู่ตรงไหน’ ...คนถามก็รู้แก่ใจนั่นแหละ แต่ที่ถามก็เพราะอยากชวนคุยเท่านั้นเอง...


“มึงจะยืนเกะกะหน้าซุ้มคณะกูอีกนานมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังอีกที ปกฉัตรหันขวับไปมองอย่างคาดไม่ถึง คนที่เขาเห็นกับตาว่าเดินกลับเข้าไปในซุ้มเมื่อครู่นี้ กลับมายืนหน้าตึงอยู่ที่เดิมแล้ว


“ก็...ผมยังไม่รู้ว่าซุ้มรัฐศาสตร์อยู่ตรงไหน...” ปกฉัตรตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเป็นมองซ้ายทีขวาทีและแน่นอน...ทำเป็นไม่เห็นสัญลักษณ์สิงห์ของคณะรัฐศาสตร์ด้วย


“นั่นน่ะ ที่มีรูปเสือรูปสิงโตนั่น” คราวนี้เจตน์ยอมคุยด้วย แถมชี้ไปที่ซุ้มหนึ่งซึ่งมี ‘รูปเสือรูปสิงโต’ ติดอยู่


“ไหน ไม่เห็นมีเลย” ปกฉัตรไม่ได้โกหก เพราะที่ติดอยู่เหนือซุ้มคณะรัฐศาสตร์ไม่ใช่รูปเสือรูปสิงโต แต่เป็นรูปสิงห์...สัญลักษณ์ของคณะต่างหาก


“มึงตาบอดรึไงวะ!”


“ผมสายตาปกติ”


หน้าเจตน์เหมือนอยากจะหั่นคนพูดเป็นสองท่อน แต่ปกฉัตรก็ยังทำสีหน้าเฉยๆเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร


“งั้นมึงมานี่! เดี๋ยวกูพาไป!” รุ่นพี่ร่างสูงใหญ่ก้าวฉับๆเดินนำ ปกฉัตรคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีน้ำใจกับเขา แต่...จะให้เดินไวๆตามอีกฝ่าย น้ำใจที่เจตน์ให้ก็จะสั้นเกินไป


แม้จะขายาวเพราะความสูงเกินมาตรฐานชายไทย แต่ปกฉัตรกลับก้าวช้าๆ ทิ้งระยะห่างกับคนที่ออกปากว่า ‘พาไป’ จนเจตน์ต้องหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง


“เฮ้ย! มึงเดินชมโบราณสถานรึไง! ให้มันเร็วๆหน่อยสิวะ!” นิสัยปากเสียแบบนี้ ไม่ว่าจะสมัยเรียนมัธยมหรือเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เจตน์ก็ยังทำได้ดีไม่มีที่ติ แต่...ปกฉัตรผู้ทำสีหน้าเฉยๆเป็นนิจ ก็ทำสีหน้าเฉยๆส่งกลับไปเหมือนเคย


“ก็...ผมอยากรู้ว่ามีคณะอะไรมั่ง คณะนั้น...ผู้หญิงเยอะดี”


“นั่นอักษรฯ”


“มีแต่สวยๆทั้งนั้นเลย” ปกฉัตรมองเข้าไปในซุ้มตามประสาผู้ชาย ถึงแม้เขาจะยอมรับว่าประทับใจรุ่นพี่อย่างเจตน์จนถึงขั้นตามเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าเขาก็ยังชอบมองผู้หญิงสวยๆอยู่ดี


...หน้าคมๆ ยิ้มเก่งๆเนี่ยสเป็คเลย...


คิดได้เท่านั้นก็เหลือบกลับไปมองหนุ่มตี๋รุ่นพี่แล้วก็ส่ายหัวกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ


...แล้วทำไมมาชอบ...ผู้ชาย...แบบนี้ได้นะ?...


“ไอ้ดิษไม่ว่ารึไง” คำถามของเจตน์ทำเอาปกฉัตรที่กำลังระอาหัวใจตนเองต้องหันมองด้วยความสงสัย


“ดิษจะว่าผมเรื่องอะไร”


“กูจะไปรู้มึงเหรอ! เรื่องของมึงกับมัน ไม่เกี่ยวกับกู!” แล้วคนพูดก็ก้าวเท้าออกเดินอีกครั้ง คราวนี้ก้าวไวกว่าเดิม เพียงอึดใจเดียวก็มาหยุดที่หน้าซุ้มคณะรัฐศาสตร์ที่มีสัญลักษณ์เป็นสิงห์ แต่...ก็ต้องยืนรอคนที่เดินเอื่อยตามหลังอยู่เกือบนาทีเต็มๆ กว่าปกฉัตรจะก้าวเท้ามาหยุดข้างเขา


“มึงแดกหอยทากเป็นอาหารหลักรึไง! ช้าฉิบหาย! เนี่ย! คณะมึง!!” ด่าปุ๊บ ตามด้วยการแนะนำสถานที่ปั๊บ แบบนี้แถวบ้านเรียกปากร้ายใจดี   


ปกฉัตรเงยหน้ามองสัญลักษณ์คณะแล้วยกยิ้มจางๆที่มุมปาก


“นี่เหรอที่เมื่อกี้เรียกว่ารูปเสือรูปสิงโต” มือขาวชี้รูปสัญลักษณ์แล้วหันไปถามคนที่พามาส่ง


“ก็เออไง”


“เขาเรียกสิงห์” เฟรชชี่แห่งคณะรัฐศาสตร์เฉลย


“มันไม่ต่างกันหรอกเว้ย! จะสิงห์ จะเสือ จะสิงโต แม่งก็เหมือนกัน” หนุ่มรุ่นพี่แห่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีเถียงขวับ


“ไม่เหมือนหรอก” ปกฉัตรแย้งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


“งั้นมึงเรียกคนมาถาม!” เจตน์ท้า แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า


“ไม่ต้องทำให้คนอื่นวุ่นวายหรอกครับ ลองหาในเน็ตดูเองก็ได้ เรื่องง่ายๆแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเอง หาความรู้ด้วยตัวเอง น่าจะดีกว่าวิ่งถามแต่คนอื่น” รุ่นน้องปีหนึ่งแห่งคณะรัฐศาสตร์พูดเนิบๆด้วยสีหน้าเรียบๆก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก


“…ยังไงก็ขอบคุณที่พามาส่งนะครับ” แล้วร่างสูงโปร่งของปกฉัตรก็หมุนตัวเดินหายเข้าไปในซุ้มของคณะรัฐศาสตร์ ทิ้งคนพามาส่งให้ยืนตะลึงอยู่ที่เดิมชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะรู้ตัวว่าโดนด่าเข้าให้


เจตน์อ้าปากค้าง แต่จะไปลากตัวคนด่าเขาออกมาเอาเรื่องก็สายเกินไปแล้ว ชายหนุ่มรุ่นพี่แห่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวฮึดฮัดอยู่ตรงนั้นไม่กี่วินาที ก่อนจะผลุนผันจากไป

.....................

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนลอบมองออกจากภายในซุ้มคณะรัฐศาสตร์ รอยยิ้มจางๆจุดที่มุมปาก รอยยิ้มแบบนี้...หากดิษกรมาเห็นคงขนลุกไปทั้งสันหลัง รายนั้นบอกว่าเวลาเห็นเขายิ้มแบบนี้ เหมือนกำลังคิดแผนร้ายอยู่ในใจ ปกฉัตรไม่ใช่คนคิดร้ายคิดชั่ว เพียงแต่...เขายอมรับว่าบางครั้งก็ทำอะไรซับซ้อนไปบ้าง อย่างเช่น...เมื่อกี้นี้


“น้อง...ชื่ออะไร พี่จะเขียนป้ายชื่อให้” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ปลุกสติปกฉัตรหันมาอยู่กลับปัจจุบัน เขาหันไปมองต้นเสียงแล้วส่งยิ้มให้รุ่นพี่ผิวขาวจัดที่กำลังยิ้มสวยๆมาให้


“ปกครับ”


“อยู่ภาคฯอะไรเหรอ”


“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครับ” ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วของรุ่นพี่ร่วมคณะมีประกายยินดี รอยยิ้มสวยๆเหมือนจะขยายกว้างขึ้นอีก


“ภาคฯเดียวกันเลย พี่ชื่อโซ่นะ” รุ่นพี่คนนั้นแนะนำตัวเองแล้วเขียนขยุกขยิกลงในกระดาษในมือ ก่อนจะส่งให้


“อ่ะ...เอาอันนี้ห้อยคอ เดี๋ยวพวกพี่จะพาเดินไปดูคณะ”


“ขอบคุณครับ พี่โซ่...อยู่ปีอะไรเหรอ”


“ขึ้นปีสามน่ะ แล้วไว้เจอกัน” แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็ตบไหล่ปกฉัตรสองทีก่อนจะเดินถัดไปหาคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของเขา คำถามเรื่องชื่อและภาควิชาดังขึ้นอีก แต่ปกฉัตรไม่ได้หันไปสนใจคนข้างหลัง เพราะตอนนี้คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาเริ่มหันมาชวนคุยแล้ว   


“ชื่อไรอ่ะ...” ปกฉัตรหันไปมอง คนถามคือหนุ่มน้อยที่ท่าทางจะดูไม่เป็นหนุ่มเท่าไหร่ แถมปากถามเขาแต่มองตามหลัง ‘พี่โซ่’ ตาไม่กะพริบ ปกฉัตรอมยิ้มกับสายตาของเพื่อนร่วมรุ่นที่ยังไม่รู้จักชื่อกันเลย


“ถามชื่อเราหรือถามชื่อพี่คนนั้น” เขาย้อนถาม ทำเอาเจ้าของสายตาที่มองตาม ‘พี่โซ่’ ต้องหันกลับมามอง เจ้าตัวกัดปากเล็กน้อย ทำตาค้อนอีกหน่อย


“ถามชื่อนายก็ได้ แต่บอกชื่อพี่คนเมื่อกี้ให้เรารู้ก่อนได้มั้ยอ่ะ”


“เขาชื่อพี่โซ่ อยู่ไออาร์”


“ว้าววววว...รู้สึกอยากมีผัวทูตเลย...” เจ้าตัวพึมพำแล้วบิดตัวไปมา ก่อนจะเหลือบมามองปกฉัตร ดวงตาเป็นประกายวาววับ รุ่นพี่คนเมื่อกี้ก็หล่อ เพื่อนร่วมรุ่นคนนี้ก็หน้าตาดี


“แล้วนายชื่ออะไรอ่ะ”


“ปก”


“เรา...ติซซี่นะ อยู่ภาคฯสังคม ห้ามถามว่าแต่ก่อนชื่ออะไร รู้แค่ว่าตอนนี้ชื่อติซซี่ก็พอ” แล้วเจ้าตัวก็ขยิบตาให้ปกฉัตรอีกทีก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นๆ


ภายในซุ้มคณะรัฐศาสตร์มีเสียงดังอื้ออึง ทั้งเสียงรุ่นน้องเฟรชชี่ทักทายพูดคุยกันเอง และเสียงรุ่นพี่ที่ยืนรายล้อม เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่นไปทั่ว จับความได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ทำให้คึกคักดี


“เชี่ยโจ๊ก! มาแล้วยืนเฉยทีหลังมึงอย่ามา! สัด! ไปรอหน้าซุ้มเดี๋ยวพาน้องเดินไปดูคณะ!”


“อย่าด่าน้องกูแรง เพื่อนเวฟ ตั้งแต่กูรู้ว่ามันจะมา กูก็นอนไม่หลับเลยทั้งคืน”


“คราวหลังมึงก็อย่าให้มันมาสิ! เฮ้ย! ไอ้กอล์ฟ มึงเอาป้ายสิงห์น้อยออนทัวร์ให้ไอ้โจ๊กถือเดินนำน้อง!”


“โอ้โห เพื่อนเวฟ ให้เกียรติสุดหล่อปกครองหน่อย ป้ายสิงห์น้อยออนทัวร์นั่นให้คนอื่นที่เหมาะกับป้ายถือเถอะวะ”


“มึงน่ะเงียบไปเลย! ไหนมึงบอกมึงเป็นเฮดซุ้มเฟิร์สเดท! เฮดเชี่ยอะไรของมึงให้กูที่เป็นพี่วินัยลงมาช่วย! เฮ้ย! ปีสามตรงนั้นไปช่วยไอ้โซ่เขียนชื่อน้องปีหนึ่ง แล้วพวกไหนที่จะพาน้องไปดูคณะ ออกไปรอนอกซุ้ม เดี๋ยวให้น้องเรียงแถวเดินออกไป”


ปกฉัตรมองรุ่นพี่ในคณะที่เอะอะโวยวายแล้วก็ยิ้มจางๆ ถึงจะหนวกหูไปบ้าง แต่ก็อบอุ่นและครื้นเครงดี เขาหันไปทำความรู้จักกับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ได้เพื่อนใหม่ทั้งร่วมภาควิชาเดียวกันและต่างภาควิชาอีกหลายคน เป็นการเริ่มต้นวันแรกพบในคณะนี้และมหาวิทยาลัยนี้ที่น่าประทับใจ


ประทับใจ...ดีใจ...มีความสุข


เขายิ้มกับตัวเอง ยอมรับอย่างเต็มใจที่จะมอบสามคำนี้ให้กับทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้


รุ่นพี่คณะ เพื่อนที่เพิ่งรู้จัก และ...รุ่นพี่ร่วมมหาวิทยาลัยที่ชื่อ ‘เจตน์’


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   สวัสดีค่ะ ในที่สุดก็กลับมาแล้ว หลังจากหายไปทำเล่มวาระซ่อนเร้นมาสามเดือน (ความจริงทำเล่มไม่ได้นานขนาดนั้นหรอกค่ะ ฮ่าฮ่า)

   อย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนวาระซ่อนเร้นจบ ว่าเรื่องใหม่จะเป็นเรื่องของเจ๋งและปก (น้องชายของโจ๊กกับน้องรหัสของโซ่นั่นเองค่ะ) ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นตอนที่ปกเข้าเรียนปี 1 หมายความว่าโจ๊กและโซ่อยู่ปี 3 และ อิโจ๊ก เอ๊ย! เพ่โจ๊กยังไม่ลงเอยกับโซ่ค่ะ จีบไม่ได้ จีบไม่ติด และไม่สามารถเข้าใกล้โซ่ได้ด้วย วะฮ่าฮ่า (แม้ว่าวาระซ่อนเร้นจะจบแล้ว ทำเล่มแล้ว แต่บัวก็สามารถแกล้งโจ๊กได้เรื่อยๆแบบอินฟินิตี้ค่ะ ฮ่าฮ่า)
   
ยังไงก็ฝากเรื่องใหม่นี้ด้วยนะคะ
   
ขอบคุณพื้นที่บอร์ด ขอบคุณคนถามไถ่ คิดถึง และคนอ่านค่ะ
   
เจอกันพฤหัสหน้า
   
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 02-11-2017 21:08:53
จิ้มมมมก่อน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 02-11-2017 21:16:29
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-11-2017 21:22:44
หนุกหนาน ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 02-11-2017 21:24:41
 ในที่สุดน้องปกกับเฮียเจ๋งก็มาแล้ว ดีกรีความปากของเฮียเจ๋งเจ๋งกว่านังโจ๊กอีกค่ะ ดิษปกนี่ทำคนเข้าใจผิดไปทั่วเลยว่าเป็นแฟนกัน
 เฮียเจ๋งสนใจน้องปกแบบซึนๆหรือเปล่า มาหึงแทนดิษว่าน้องปกมองผู้หญิงอย่างนู้นอย่างนี้ ชอบสกิลการอ่อยน้องปกจัง ดีลูก เข้าหาเขาก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง ชอบแล้วต้องลุยจีบเลย
ติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 02-11-2017 21:32:51
น่ารักกกกก เฮียก็มองน้องอ่ะะะ รอชมการกลั่นแกล้งอิโจ๊กของพี่บัวค่ะ555666
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 02-11-2017 21:42:22
โอ้โห...พระเอกเรื่องนี้ปากร้ายนะคะคุณบัว แล้วดันมาเจอน้องปกฉัตรที่นิ่งมากๆ ด้วย ท่าทางจะมันนะคะ รอติดตามแน่นอนค่ะ

ขอบคุณคุณบัวมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-11-2017 21:58:53
 :z10:พอเจอโซ่รุ่นพี่ผิวขาวจัด นี่กำลังคิดเลย ว่า หรือจะเป็น โซ่ จากวาระซ่อนเร้น แล้วก็ใช่จริงๆด้วยยย แอร๊ยยยย คิดถึงทั้งโซ่ทั้งโจ๊กเลยค่าา  :-[ ปากแบบเจ๋งพอรู้ว่าเป็นน้องอืโจ๊กก็ไม่แปลกใจเลย 55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-11-2017 22:48:03
 :L2: :L1: :pig4:

รักนัดทุกวัน พฤ กับคุณบัว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-11-2017 23:41:55
กรี๊ดดดด คู่นี้มาแล้วววว
มีโจ๊กกะโซ่โผล่มาแวบๆ ด้วย 555
รักทั้งสองเรื่องเลยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 02-11-2017 23:57:50
น้องปกนี่ใช่เล่นนะคะ แอบมีแผน เจ้าเล่ห์ใช้ได้
ส่วนอิตาเจ๋ง ท่าทางจะไบโพลาร์พอกันกับพี่เขานะคะ ฮ่าๆๆๆ
คิดถึงโจ๊กกับโซ่มากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-11-2017 00:36:50
ปกไม่ได้มาเล่น ๆ ปกจะมาคว้าเฮียเจ๋งไปครอง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 03-11-2017 00:43:32
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-11-2017 03:08:24
เฮียเจ๋งโดนปั่นหัวแน่นอน ปกร้ายมากกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 03-11-2017 03:31:15
เจ๋งอย่าน้อยหน้าโจ๊กมันนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 03-11-2017 05:50:06
 :hao7: มาแล้ววววน้องปก.. :mc4: จุดพลุต้อนรับคะ

รบกวนสอบถามค่ะ... วาระซ่อนเล้นทำเป็นe-book version  ด้วยได้ไหมค่ะ. Please  :call:  :call:  :call:... อยู่ต่างประเทศไม่สะดวกซื้อเป็นรูปเล่มค่ะ แต่รักน้องโซ่ปลื่มโจ๊กไบโพล่ามาก...
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 03-11-2017 05:51:25
เฮียเจ๋งมาแล้ว กรี๊ดดด   
สำเนาถูกต้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน้องใคร
 ไม่ได้ดูจากความหล่อหรือนามสกุล
ดูจากฝีปากค่ะ !!
ปากเนี่ยน้าพอกันเลยทั้งพี่ทั้งน้อง 55555

ปล. น้องปกน่ารักอ่ะ เหมือนจะใสแต่แอบมีเล่ห์นิดๆสมกับเรียนการทูต
 
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 03-11-2017 07:25:14
มาตามน้องปก  และมาสนุกกับการแกล้งเพ่โจ๊กกจ้า 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 03-11-2017 07:53:57
ยกมือเป็นผู้สนับสนุนแกล้งโจ๊กกกกก อิอิ

ตอนแรกเหมือนน้องปกจะนิ่งๆนะ อ่านไปอ่านมา สงสัยเฮียเจ๋งจะต้องโดนน้องปั่นหัวแน่เลย 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 03-11-2017 08:49:39
เฮียเจ๋งมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 03-11-2017 09:14:34

เฮียเจ๋งอย่างเท่อะค่ะ

ขอสมัครเป็นแฟนคลับ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ichnuans ที่ 03-11-2017 09:17:17
เฮียเจ๋งงงงงง
นี่เฮียเจ๋งจะเป็นไบโพลาร์แบบโจ๊กไม่ได้นะ 55555 (ไม่น่ารอด)
รอค่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-11-2017 10:49:17
อิพี่เจ๋งนี่สืบทอดความเกรี้ยวกราดมาจากอิพี่โจ๊กเหรอหา หัวร้อนจริ๊งงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 03-11-2017 10:54:04
น้องปกมีความร้าย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 03-11-2017 12:51:52
โอ๊ยยยย คิดถึงงงง
รอเล่มนู้นกันอย่างจริงจัง ^^
เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องน้องๆ เราต้องมาว่าเรื่องนี้กันก่อนสิ

ก็ว่า...บุคลิกพี่เจ๋งนี่มันคล้ายใคร พี่ชายนางชื่อโจ๊กนี่เองงงง << เป๊ะแบบถอดกันมา 555
แล้วก็ต้องมาสยบกับพี่น้องรหัสภาควิชาเดียวกันไปอี๊กกกก ^^

ความเกรี้ยวกราดของพี่น้องรึจะสู้ความสงบของพี่น้องการฑูตได้ หุหุ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 03-11-2017 14:56:32
สัมผัสได้เลยว่าเจ๋งจะต้องมีชะตากรรมที่ไม่ต่างกะโจ๊ก จะต้องเป็นไบโพลาร์วันละหลายรอบเพราะปก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-11-2017 16:04:22
ว้ายยย แค่อ่านตอนแรกก็รู้แล้วละ ว่าน้องปกนะร้ายมาก

อยากอ่านต่อแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-11-2017 21:27:47
โอ้ ปกมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-11-2017 21:52:12
ติดตามค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-11-2017 22:07:31
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-11-2017 23:16:47
เจ๋งจะ...เหมือนโจ๊กหรือเปล่า  ติดตามจ้า  o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 03-11-2017 23:26:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-11-2017 11:39:08
เจ๋งอย่าเป็นแบบพี่โจ๊กไบโพล่าร์เลยนะ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-11-2017 12:28:08
อ๋อออออ น้องเจ๋งของพี้โจ๊กนี่เองงงง มาๆๆๆๆๆ  ปูเสื่อเกาะจอคอมฯทุกวันพฤหัสฯ อีกครั้งค่าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 04-11-2017 12:31:20
มาวี้ดดดดดดดด

ดีใจเจ๋งปกมาแล้ว วันพฤหัสจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป 555+
เจ๋งนี่นิสัยเหมือนโจ๊กเลยนะ แต่ปกนี่ก็แอบร้ายไม่เบา ท่าทางน่าสนุก รอติดตามจ้า

ป.ล. รอความกากอีโจ๊กอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจ้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 04-11-2017 18:44:06
อิเจ๋งคงมีชะตากรรมเดียวกันกับอิโจ๊ก555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 07-11-2017 20:27:41
มาตามต่อกิๆ พี่เจ๋งนี่เกรี้ยวกราดพอๆกับพี่ชายเลยนะ5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-11-2017 21:37:10
เรื่องใหม่มาแล้ว ดีใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: bmine ที่ 07-11-2017 21:47:32
เจ๋งต้องหนักกว่าโจ๊กแน่ๆเลยยยย เพราะปกดูแซ่บกว่าโซ่คนซื่ออ่ะ 555555 เสร็จแน่ๆเจ๋ง รอติดตามค่าาา สนุกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 07-11-2017 22:38:05
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 08-11-2017 00:48:49
นายเอกดูชั่วร้าย ชอบบบบ ติดตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 08-11-2017 03:25:08
ติดใจคนพี่ก็จะตามมาบ่วงคนน้องต่อ
เรื่องที่แล้วเรารักโจ๊กมากกก เอ็นดูมาก ยกให้เป็นลูกชาย 555555
มาถึงเรื่องของน้องเจ๋งบ้าง คงน่ารักน่าเอ็นดูน่าแกล้งน่าถีบพอ ๆ กับโจ๊ก ฮ่าา
แต่สกิลปากดูรุนแรงกว่าโจ๊กมาก 55555

แต่น้องปกนี่คาแรคเตอร์ผิดจากที่เดาไปเลยค่ะ ไม่นึกว่าจะเป็นฝ่ายที่คิดจะจีบเขาก่อน ชอบ ๆ
ดูมีความร้ายแบบเคะราชินี
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 08-11-2017 13:11:57
เอื้ออออ ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นนายเอกกันนะ ดูไม่ออกเลยข่า 555555555555
น้องปกเหมือนจะเป็นนายเอกแต่ทว่ามีรังสีบางอย่าง อาจจะเป็นพระเอกได้ นี่ไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Elektra ที่ 08-11-2017 16:29:49
ชอบผู้ชายปากจัดแบบเฮียเจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 08-11-2017 17:35:31

ติดตามเช่นเคยค่ะ
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 09-11-2017 20:28:41
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 2


หลังกิจกรรมเฟิร์สเดท แต่ละคณะมีกำหนดการรับน้องของตนเอง ปกฉัตรและดิษกรอยู่คนละคณะ แม้จะอยู่บ้านติดกัน แต่ก็แทบไม่ได้เจอกันอีก ยิ่งเปิดเทอมก็ยิ่งหาเวลาเจอกันยาก เพราะกิจกรรมเลิกไม่พร้อมกัน


อย่างเย็นวันนี้...ที่คณะรัฐศาสตร์มีห้องเชียร์ ซึ่งเปิดโอกาสให้รุ่นน้องปีหนึ่งเลือกที่จะเข้าหรือไม่เข้าร่วมก็ได้


แต่...เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า ‘พี่วินัย’ หน้าตาดีมากกกกกก...ทำให้ใครๆก็อยากเข้าร่วม


   ในโถงของตึกเรียน มีแต่เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเฟรชชี่คณะรัฐศาสตร์ซึ่งมารวมตัวก่อนจะเข้าห้องเชียร์ แม้จะไม่เป็นแถวไปบ้าง แต่ก็พอมองออกว่ากลางห้องโถงคือเด็กปีหนึ่ง ส่วนที่ยืนรายล้อมอยู่รอบๆคือรุ่นพี่ปีสองขึ้นไป


   “อุ๊ย! ปก! เข้าห้องเชียร์เหมือนกันเหรอ” เสียงจากคนที่เดินมายืนข้างๆ ทำเอาปกฉัตรหันมอง เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนร่วมคณะคนแรกที่รู้จักกันตอนงานเฟิร์สเดทอย่างติซซี่นั่นเอง


ปกฉัตรพยักหน้าน้อยๆแทนคำตอบ


   “ฮั่นแหน่ะ! เข้าเพราะพี่วินัยเหมือนเรารึเปล่า”


คนถูกถามยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา


   “เปล่า เข้าเพราะอยากรู้เฉยๆว่าห้องเชียร์เป็นยังไง”


   “ดีมาก! จะได้ไม่แย่งเรา อ๊ะ! นั่นพี่ปาร์ค ปกครอง อุ๊ย! พี่โจ๊ก ปกครองก็มา! วันนี้แต้มบุญเยอะเหลือเกินนนนนน...” แล้วสายตาติซซี่ก็ไถลออกไปที่อื่น ปกฉัตรหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคนนี้จะรู้จักคนมากมายเป็นพิเศษ


   “นู่นๆ พี่คนนั้นเขาว่ากันว่าไม่ได้เจอตัวได้ง่ายๆนะ! หล่อตี๋อินเทรนด์แถมแบดบอยนิดๆ สร้างวีรกรรมมีปัญหากับรุ่นพี่ปีก่อนๆด้วยแหละ ถึงหน้าตาจะไม่รับแขกไปหน่อย แต่ความหล่อเอาไปสิบกะโหลก!” แม้ตอนแรกจะไม่ได้สนใจ แต่เพราะเพื่อนชี้ชวนให้ดู ปกฉัตรก็เลยหันไปมอง


   ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวขาวเหลือง ตาเรียว โหนกแก้มสูง แม้สีหน้าบึ้งตึงเหมือนหงุดหงิดตลอดเวลา แต่...หน้าตาแบบนี้...เหมือน...


   ...เหมือนผู้ชายคนนั้น...


   ...คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้...


   แต่เปิดเทอมมาร่วมเดือน ปกฉัตรก็ยังไม่ได้เจอใครคนนั้นเลย


   “มีคนพูดว่าพี่เขามีน้องชายหรือพี่ชายเรียนอยู่บัญชีด้วยแหละ” ประโยคต่อมาของติซซี่ ทำเอาปกฉัตรหันขวับกลับไปมองคนพูดแทบไม่ทัน แต่พออ้าปากจะถามต่อ สายตาของติซซี่ก็ไถลไปพบคนหล่อรายถัดไป


   “อร๊าย! นั่นพี่โซ่ ไออาร์!! ปกดูๆ ตายแล้ว พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง! หล่อ สว่าง ไสว สะอาด สำรวม...โอ้วววว...สเป็คสาธารณะที่แท้ทรู...” ดูเหมือนติซซี่จะล่องลอยไปกับสเป็คสาธารณะคนนี้เสียแล้ว ปกฉัตรหมดโอกาสจะได้ถามอะไรต่อ แต่คำว่าคณะบัญชียังวนเวียนอยู่ในใจของเขา


   ...ทำยังไงถึงจะได้เจอ ทำยังไงถึงจะมีโอกาสได้พบกัน...


   เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด อาศัยเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนเข้าห้องเชียร์ส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทที่อยู่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี


   ‘ดิษ มึงกลับยัง’


   หัวแถวถูกรุ่นพี่พาเดินไปยังห้องที่ใช้ทำกิจกรรมสอนร้องเพลงเชียร์แล้ว ปกฉัตรเหลือบสายตามองก่อนจะก้มลงมองโทรศัพท์ในมืออย่างร้อนใจ


   ...ถ้าดิษยังไม่กลับ จะบอกให้มันรอ จะแวะไปหามัน เผื่อจะได้...มีโอกาสถามถึงพี่คนนั้น...


   ‘กลับแล้วว่ะ วันนี้อานิศบอกให้กลับไว มึงยังอยู่มหา’ลัยเหรอ’


   หมดกัน ดิษกรกลับไปแล้ว ปกฉัตรถอนหายใจเบา


   ‘กูเข้าห้องเชียร์น่ะ ไม่เป็นไรมึง’


   แล้วเขาก็ตัดสินใจเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง หมดหวังอีกแล้วสำหรับวันนี้

…………………….

   ห้องเชียร์ของคณะรัฐศาสตร์ใช้เวลาสามสิบนาที สิบห้านาทีแรกคือการสอนร้องเพลง ส่วนสิบห้านาทีหลังคือการทำหน้าที่ของ ‘พี่วินัย’ ที่ลือกันหนักหนาว่าหน้าตาดีทั้งหญิงชาย


วันนี้ รุ่นพี่ที่ทำหน้าที่พี่วินัยมี 5 คน ปกฉัตรคุ้นหน้าคุ้นตาทุกคน แต่มีบางคนที่เขาไม่รู้จักชื่อ ไม่เหมือนติซซี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งดูเหมือนจะรู้จักชื่อรุ่นพี่ทุกคน แต่...ดูเจ้าตัวจะไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับเสียงตะโกนเลย เพราะหูตาเยิ้มไปกับ ‘รุ่นพี่สเป็คสาธารณะ’ ที่ยืนอยู่ริมห้องอย่างเดียว


“นิสิตรัฐศาสตร์! ถ้าพวกคุณสอบเข้ามาที่นี่เพื่อศึกษาหาความรู้! คณะนี้มีพร้อมทั้งคณาจารย์และวัตถุดิบให้พวกคุณ!! ใครขยัน! ก็ได้มาก! ใครขี้เกียจ! ก็ได้น้อย! ใครไม่เข้าคณะ! ผมขอเสนอให้คุณลงวิชาที่ไม่เช็คชื่อ! วิชาไหนยาก ผมแนะนำให้พวกคุณลงแบบ sit in! เอาความรู้! ไม่เอาเกรด! แต่วิชาไหนที่ยากและจำเป็นต้องเอาเกรด! ก็ลงไปสิ! มันเป็นหลักสูตร!!”


“อ้าวววว...” เกิดเสียงครวญเล็กน้อย แต่พอพี่วินัยหน้าขึงขังทำตาดุ ทั้งห้องก็เงียบลงอย่างเก่า


“ความรู้และเกรดเป็นเรื่องสำคัญ! เมื่อคุณก้าวออกไปในโลกของการทำงาน! คนข้างนอกไม่มีใครรู้จักคุณ! สิ่งแรกที่เขาดูคือคุณได้เกรดเท่าไร! เพราะมันบอกว่าคุณใส่ใจกับหน้าที่ของคุณแค่ไหน! ตั้งใจ!! ให้สมกับที่สอบเข้ามา!!”


เหมือนในห้องมีไฟเปล่งประกายจากน้องๆปีหนึ่งหลายคน


“แต่ถ้าพวกคุณแน่ใจว่าเรียนยังไงเกรดก็ไม่ดี! เขียนคำตอบยังไงก็เข้าไม่ถึงใจอาจารย์! เป็นคนกลางๆ กลางไปหมดทุกอย่าง! ดิฉันขอแนะนำให้คุณทำกิจกรรมให้มาก! รู้จักคนให้เยอะ! เรียนรู้คนจากการทำงานร่วมกับคนอื่น!! ซึ่งคณาจารย์ไม่ได้สอน! แต่กิจกรรมและการทำงานกับคนอื่นจะสอนคุณ!” คราวนี้เป็นเสียงของพี่วินัยผู้หญิง หน้าสวยคม...สวยจนปกฉัตรมองตาม


 “พี่โซ่หล่อมากเลยอ่า...” แต่ความสวยของพี่วินัยทำอะไรติซซี่ไม่ได้ เพราะนอกจากจะหูตาเยิ้ม ก็ยังเอาแต่ครวญเบาๆไม่หยุด ปกฉัตรต้องกลั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูเพื่อนต่างภาคฯรายนี้


“นิสิตรัฐศาสตร์! ถ้าคุณเข้ามาคณะนี้เพื่อเป็นนิสิตรัฐศาสตร์อย่างเดียว! คุณทำสำเร็จแล้ว! แต่! คุณยังไม่เป็นสิงห์! ยังไม่มีรุ่น!! คุณรู้จักใครบ้าง! ใครรู้จักคุณบ้าง! ออกไปเจอโลกข้างนอก! เจอคนถามคุณว่าคุณเป็นสิงห์รุ่นอะไร! แต่ถ้าคุณไม่มี! แบลงก์!! อีกาบินผ่านหัวพร้อมจุดสามจุด!!” เสียงรุ่นพี่อีกคนดังต่อ คราวนี้รุ่นน้องปีหนึ่งมองหน้ากันเหมือนจะถามกันทางสายตาว่าพี่วินัยพูดอะไรวะ?


“พี่โซ่มองมาทางนี้ด้วย ไม่ไหวแล้ว...นี่มัน...ซอโซ่แห่งพรหมลิขิตจริงๆ” แต่ใครจะมองหน้ากันก็มองไป ติซซี่มอง ‘พี่โซ่’ คนเดียว แถมยังเปรียบเปรยได้น้ำเน่าจนปกฉัตรแทบกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไม่ไหว เสียงตะโกนของพี่วินัยยังดังต่อเนื่อง แต่กดดันอะไรเขาไม่ได้เลย เพราะติซซี่เบรคความกดดันทั้งหมดด้วยออร่าสีชมพูที่ส่งให้ ‘พี่โซ่’ ซึ่งยืนสังเกตการณ์อยู่ริมห้อง


“คุณมีความรู้! มีความสามารถ! คนอื่นก็มีความรู้และความสามารถเหมือนคุณ! แต่สิ่งที่เขาจะมีไม่เหมือนคุณ คือรุ่น! คือสายสัมพันธ์! คือคอนเนคชั่น! สิ่งเหล่านี้คือฐานรากของสังคมอุปถัมภ์และคอรัปชั่น! แต่อย่าลืม! ถือปืนเข้าป่าคนเดียว! ล้มช้างได้! แต่ลากช้างออกจากป่าไม่ได้! อย่าถามดิฉันว่าจะล้มช้างทำไม! ดิฉันเปรียบเปรยเฉยๆ!” รุ่นพี่ผู้หญิงสวยคมคนเดิมสร้างความเป็นยูนิตี้ด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม


“พี่ซอโซ่ของน้องงงงง...” แต่ความฮึกเหิมและคำเปรียบเปรยใหญ่โตก็ไม่อาจทำอะไรติซซี่ได้ เวลานี้เจ้าตัวเริ่มบิดตัวไปมาให้สมกับความเขินหลังจากได้ตาสบตากับ ‘พี่โซ่’ ไปแล้ว


“น้องเป็นอะไร” สภาพติซซี่ที่เหมือนขนมครองแครงกรอบ บิดจนแขนไขว้กันแล้ว ทำเอาพี่วินัยที่เดินผ่านมาพอดีหันมาถาม ติซซี่ผู้อ่อนไหวกับความหล่อของ ‘พี่โซ่’ รีบตั้งสติแล้วส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว


“ป...เปล่า...”


“ดีมากที่เข้มแข็ง! นี่คือตัวอย่างของคนที่จะเป็นสิงห์! แต่ถ้าไม่สบายก็ต้องยอมรับว่าไม่สบาย! ถ้าคุณฝืน ไม่ใช่แค่คุณที่จะลำบาก! แต่เพื่อนของคุณจะลำบากไปด้วย! ฝ่ายสวัสดิการอยู่ไหน! มาพาน้องคนนี้ไปพัก!”


“เอ้ย! ติซซี่ไหวค่ะ! ติซซี่ไหว!” ติซซี่รีบออกตัว เกรงว่าการถูกพาไปพักจะเป็นการไปอยู่ในจุดที่ไกลโพ้น ไม่สะดวกต่อการสอดส่อง ‘พี่โซ่’ ที่ยืนอยู่ริมห้องอีก ปกฉัตรเห็นสีหน้าเหมือนโลกจะแตกของติซซี่ก็พอจะรู้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นคนนี้ไม่อยากเดินออกไปจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่นิด


“เพื่อนผมไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาเอ่ยปากขึ้นมา คราวนี้ตาดุๆและสีหน้าถมึงทึงของพี่วินัยหันมามองที่เขา


“คุณเห็นรึเปล่าว่าเพื่อนคุณหน้าแดงมาก! ถ้าเกิดเพื่อนของคุณเป็นอะไรขึ้นมา คุณรับผิดชอบไหวมั้ย?! ผมบอกเลยว่าผมรับผิดชอบไม่ไหว!” เป็นพี่วินัยที่ตรงไปตรงมายิ่งนัก ติซซี่เกือบจะเทใจให้กับพี่วินัยผู้เถรตรงคนนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าพอเหลือบตาไปทางขวาแล้วเห็น ‘พี่โซ่ ไออาร์’ ยืนอยู่ หนุ่มน้อยปีหนึ่งจากภาคสังคมก็กลับลำยึด ‘พี่โซ่’ เป็นสรณะของหัวใจตามเดิม


“ติซซี่ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ...ติซซี่...หน้าแดงเพราะเขิน...” เพราะกลัวว่าจะถูกพาออกจากแถวจริงๆ หนุ่มน้อยปีหนึ่งภาคสังคมเลยยอมบอกความจริง


“เขิน?! พวกผมตะโกนปาวๆ คุณเขินอะไร?!”


“ข...เขินพี่โซ่ค่ะ” ปกฉัตรเหมือนเห็นเส้นเลือดที่ข้างขมับพี่วินัยเต้นตุบๆ ก่อนที่จะตะโกนไปยังข้างห้อง


“ไอ้โซ่! อยู่ไหน?! ออกจากห้องไปเดี๋ยวนี้เลย!”


“อ้าวววววว...” เสียงครวญดังลั่นห้อง บอกให้รู้ว่าการที่ ‘พี่โซ่ ไออาร์’ ถูกไล่ออกจากห้อง ไม่ได้มีแค่ติซซี่คนเดียวที่เสียใจ พี่วินัยเจ้าของคำสั่งกวาดตามองไปรอบห้อง สีหน้าดูจะเข่นเขี้ยวน้องๆปีหนึ่งรุ่นนี้เป็นพิเศษ


“พวกคุณร้องอะไรกัน?!! เสียดายที่ผมไล่ไอ้โซ่ออกจากห้องเหรอ?!!”


ไม่มีคำตอบ แต่ปกฉัตรพอจะเห็นหลายคนทำปากขมุบขมิบ บางคนเหลือบไปมอง ‘พี่โซ่’ เหมือนเสียดาย


“ดี! ผมจะได้รู้ว่าพวกคุณเข้าห้องเชียร์เพราะอยากมาเจอไอ้โซ่! แต่ผมจะบอกให้พวกคุณรู้! ผม!...อรรณพ นิสิตปีสี่ คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ! เป็นพี่รหัสของ สิตางศุ์ หรือที่พวกคุณเรียกว่า พี่โซ่ ไออาร์!” สิ้นประโยคนั้นของพี่วินัยหน้าดุ ก็เกิดเป็นเสียงอื้ออึงดังไปทั้งห้อง


“เชี่ยยยย”


“ฉิบหาย! ดุตายโหงเป็นพี่รหัสพี่โซ่!”


“ไม่จริง! พี่โซ่เป็นน้องรหัสพี่วินัย!”


“ถึงว่า...ทำไมเขาบอกกันว่าพี่โซ่โสด...”


ปกฉัตรยังยืนเงียบ เขาเห็นพี่วินัยผู้มีสถานะเป็น ‘พี่รหัสพี่โซ่’ กระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วตะโกนขึ้นอีกครั้ง


“ใครที่จ้องน้องรหัสผมไว้! ก็จำไว้ด้วยว่าผมเป็นพี่รหัสมัน!! คราวนี้พวกคุณเข้าใจคำว่าคอนเนคชั่นกันแล้วรึยัง?!!!”


ยิ่งกว่าการวาดรูปประกอบ เพราะความสัมพันธ์ของ ‘สเป็คสาธารณะ’ กับพี่วินัยที่ดุทั้งหน้า ดุทั้งเสียงนั้นชัดเจน


ห้องเชียร์ดำเนินต่อไปแล้ว ติซซี่ยังคงยืนอยู่ข้างปกฉัตรเหมือนเดิม แต่คนที่ถูกไล่ออกจากห้องคือรุ่นพี่ปีสามอย่าง ‘พี่โซ่ ไออาร์’ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าคนถูกไล่ออกจากห้องจะออกไปอย่างงงๆด้วยซ้ำ ปกฉัตรยืนเงียบๆ มองไปรอบๆห้อง พี่วินัยคนที่เผยสถานะพี่รหัสของ ‘พี่โซ่ ไออาร์’ และวาทกรรมเรื่อง ‘คอนเนคชั่น’ ทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องของตนเอง


ระหว่างเขากับเจตน์ มองเผินๆเหมือนห่างเหิน แต่ถ้ามองดีๆแล้ว...ห่างกันแค่กำแพงกั้น ต่างคนต่างรู้จักหน้ากัน ต่างคนต่างจำกันได้ แต่...ไม่เคยมีใครก้าวเท้าข้ามกำแพงไปหาอีกฝ่ายก่อนเลย


ปกฉัตรทบทวนและไตร่ตรอง และพอเลิกห้องเชียร์ เขาก็หันไปบอกเพื่อนๆด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ


“พอดีมีธุระ ไปก่อนนะ”


แล้วร่างสูงโปร่งของหนุ่มปีหนึ่งภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็สะพายกระเป๋าเป้เดินออกจากคณะ


ธุระของเขา...อยู่ที่คณะบัญชี

............................

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีไม่ใช่คณะเล็กๆ พื้นที่คณะประกอบด้วยตึกสูงๆสามตึกที่โอบรอบสนามฟุตบอลเอาไว้ ไม่รู้จะพบคนที่อยากเจอได้อย่างไร ริมฝีปากบางของคนมาเยือนได้แต่ขบเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ แต่ก็ยังก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆ


แม้จะเย็นมากแล้ว แต่ในคณะยังมีนิสิตและผู้คนเดินขวักไขว่ ปกฉัตรไม่รู้จักใครสักคน แถมคนที่เขารู้จักและเรียนคณะนี้ก็กลับบ้านไปแล้ว


...ไอ้ดิษ...คอนเนคชั่นเดียวที่มี แต่ไม่มีประโยชน์เอาซะเลย...


เดินวนใต้ตึกทั้งสามอย่างละรอบ เลยตัดสินใจหาที่นั่ง ปกฉัตรเลือกโต๊ะม้าหินหน้าตึกเรียนริมสนามฟุตบอล จากมุมนี้มองเห็นตึกทั้งสามตึกได้อย่างชัดเจน แต่...ถ้าจะมีใครสักคนเดินออกจากตึกไหนสักตึกไปโดยไม่ทันสังเกต ก็คงไม่เห็น


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนจะชะงักเมื่อพบร่างสูงใหญ่ที่แสนคุ้นตาเดินออกจากใต้ตึกใกล้ๆโต๊ะม้าหินที่เขานั่งอยู่


เจตน์...เจตน์จริงๆด้วย!


ปกฉัตรตั้งสติ ก่อนจะล้วงขวดน้ำพลาสติกที่เหลือน้ำอยู่เกือบครึ่งขวดจากกระเป๋าสะพายแล้วขว้างใส่พื้นข้างหน้าเจตน์


ปั่ก!


“เชี่ย!” เสียงร้องดังลั่นมาจากคนที่กำลังเดินออกจากตึก เพราะขวดน้ำเฉียดเท้าไปนิดเดียว


เจ้าของเสียงตวัดตาเรียวๆไปจ้องตามทิศทางที่ขวดน้ำกระเด็นมา ปกฉัตรกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตีสีหน้าเรียบเฉยแล้วเดินออกจากโต๊ะม้าหินมาเก็บขวดน้ำที่ตัวเองตั้งใจโยน


   “ขอโทษครับ พอดี...มันหลุดมือ” และเป็นการหลุดมือที่ตั้งใจมากๆด้วย


   “มึงนี่เอง...มาทำไรที่นี่” หนุ่มตี๋ตาเรียวหน้าตาหงุดหงิดถาม และเป็นคำถามที่ทำเอาปกฉัตรรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อกำลังขยับปีกอยู่บนหัวใจของตนเอง


   ... ‘มึงนี่เอง’...แสดงว่าจำกันได้จริงๆด้วย...


   “เอ่อ...ผมมาหาดิษ” แม้จะดีใจ แต่คำพูดที่เอ่ยออกไปกลับเรียบสนิทและพูดเรื่องของเพื่อนสนิทแทน แถมสีหน้าก็ยังเฉยเหมือนเดิม หากไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็นว่าริมฝีปากบางสีสดนั้นยกขึ้นเล็กน้อย


   “หาไอ้ดิษ? ป่านนี้เนี่ยนะ” เจ้าของตาเรียวเอาเรื่องย้อนถาม


   “ก็...ผมเพิ่งเลิกห้องเชียร์” เจตน์พยักหน้าหงึกหงักเหมือนไม่สนใจจะรับรู้เท่าไร แต่ก็ยังมีน้ำใจตอบ


   “มันกลับไปแล้วมั้ง กูเห็นมันเผ่นออกจากคณะไปตอนสี่โมง” เป็นคนหน้าตาเอาเรื่อง ชอบทำหน้าหงิกเหมือนไม่พอใจคนทั้งโลก แต่...ก็ยังมีน้ำใจ ปกฉัตรอดไม่ไหว รอยยิ้มที่มุมปากยกขึ้นอีกหน่อยจนเห็นได้ชัด และมันชัดจนคนเป็นรุ่นพี่ขมวดคิ้วฉับ


   “ยิ้มเชี่ยอะไรของมึง”


   “เอ่อ...เปล่าครับ...” ตอบแล้วก็เบือนสายตามองไปรอบๆเพราะไม่กล้าสบตาคนตัวสูงกว่า...สูงกว่าไม่พอ ยังตัวใหญ่กว่ามากอีกด้วย พอเจตน์มายืนอยู่ตรงหน้า เขาก็มองทางข้างหน้าไม่เห็นอีก ไม่รู้เพราะอีกฝ่ายตัวใหญ่จนบังทัศนียภาพมิด หรือเพราะ...สายตาของเขามองแค่เจตน์คนเดียว


   ...คิดแล้วเขิน...มองบล็อกปูทางเท้าบนพื้นนี่แหละ จะได้ไม่ต้องสนใจคนตรงหน้ามากนัก...


   “มึงลองโทร.หามันดูแล้วกัน” เจตน์เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาก็เลยตัดบท ปกฉัตรรีบเงยหน้าขึ้นทันที ร่างสูงใหญ่กำลังจะเดินจากไปแล้ว แต่...ยังคุยกันแค่ไม่กี่คำเอง


คนอุตส่าห์บุกมาถึงต่างถิ่นรีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


   “เอ้อ! เฮี...เอ่อ...พี่!” ตัดสินใจเพียงชั่ววินาที ที่จะไม่เรียก ‘เฮีย’ เหมือนคนอื่นๆ รอบกายผู้ชายตรงหน้าคงมีแต่คนเรียกเฮีย แต่...ปกฉัตรจะเรียกไม่เหมือนใคร


   ...จะเรียก ‘พี่’ จะได้จำได้สักทีว่ามีใครคนนึงที่พิเศษกว่าคนทั่วๆไป...


   เจตน์หันกลับมามอง ดวงตาเรียวสีดำสนิทจับจ้องคนที่เรียกเขาด้วยคำแปลกๆ คำที่ไม่มีใครใช้เรียกคนเชื้อสายจีนอย่างเขา


   “...ผมขอยืมโทรศัพท์พี่ได้มั้ย” คราวนี้ตาเรียวๆจ้องเขม็งกว่าเดิม ทว่าปกฉัตรยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นว่างเปล่าเหมือนไม่มีอะไรซุกซ่อนอยู่


   “คือ...มือถือของผมแบทฯหมด ก็เลย...” ปากว่าแบบนั้นแต่ไม่ล้วงโทรศัพท์มาให้ดูหรอก ว่ายังเหลือแบตเตอรี่อีกตั้งครึ่งนึง


   “มึงนี่วุ่นวายชะมัด!” เจตน์บ่นแต่มือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือส่งให้ ทว่าไม่ทันที่ปกฉัตรจะกดเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนสนิท หน้าจอก็ปรากฏสายเรียกเข้า เขาส่งให้เจ้าของโทรศัพท์ดู เจตน์เลยหยิบกลับไปกดรับสาย


   “ฮัลโล กำลังจะออกจากคณะแล้ว!”


   “เออ...รอหน่อยแล้วกัน! เลือกร้านที่อยากกินไว้ เดี๋ยวไปหา!” แล้วเจ้าของโทรศัพท์ก็กดตัดสาย ก่อนจะส่งกลับไปให้ปกฉัตรอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองเจ้าของโทรศัพท์อย่างชั่งใจ เขาทันเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์เมื่อครู่นี้


ชื่อ ‘นุ่น’ คงจะเป็นผู้หญิง...แถมจะไปกินข้าวด้วยกันอีกต่างหาก


   “แฟน...โทร.มาเหรอ” ใจจริงก็ไม่อยากถามหรอก แต่อยากรู้ เลยต้องถาม


   “เรื่องของกู อย่าเสือก แล้วมึงจะโทร.หาไอ้ดิษได้รึยัง” ถึงจะไม่ยอมบอก แต่ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าผู้ชายอย่างเจตน์มีตัวเลือกมากมาย ถึงจะปากไม่ดี ถึงจะขี้หงุดหงิด แต่ก็หน้าตาดี เรียนเก่ง นามสกุลดัง ที่สำคัญคือมีน้ำใจ...คนแบบนี้ ก็คงมีแฟนอยู่แล้ว


   ปกฉัตรตัดสินใจดันมือที่ยื่นโทรศัพท์มาให้กลับไป แล้วส่ายหน้า


   “ผมว่าผมไม่โทร.แล้วดีกว่า ขอบคุณมากครับ”


   “อะไรของมึงวะ” เจตน์งง แต่สีหน้าเหมือนมีเรื่องอยู่ในใจของคนตรงหน้าทำเอาด่าไม่ออก พอจะอ้าปากถาม อีกฝ่ายที่ดูเนิบนาบกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน


   “ผมว่า...พี่หัดพูดดีๆบ้างก็ดีนะ อย่างเมื่อกี้...มันห้วนไปหน่อยถ้าจะพูดกับผู้หญิง” ปกฉัตรพูดแล้วค้อมศีรษะหนึ่งทีเป็นการลา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากคณะไป ทิ้งเจตน์ให้ยืนนิ่งอ้าปากค้างที่อยู่ดีๆก็ถูกสั่งสอนจากรุ่นน้องต่างคณะที่ไม่ได้สนิทกันสักนิด


   ...แถมเป็นการสั่งสอนครั้งที่สองแล้วนะเว้ยเฮ้ย!!!...


   “ไอ้เชี่ย! ด่ากูเฉยเลย!!” หนุ่มปีสองโวยตามหลัง แต่...อีกฝ่ายเดินเลี้ยวออกจากคณะไปแล้ว เสียงโวย สีหน้าและอารมณ์ของเขา ตามไปไม่ทัน

.............................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 09-11-2017 20:29:04



ดิษกรออกจะงุนงงนิดหน่อยที่เมื่อตอนเย็น อยู่ดีๆปกฉัตรก็ส่งข้อความมาถามเขา แต่จะว่าไป ตั้งแต่ต่างคนต่างสอบติดคนละคณะก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย ทั้งๆที่บ้านอยู่ติดกันแท้ๆ


หนุ่มวัย 19 เปิดผ้าม่านมองส่องไปที่บ้านข้างๆ เกือบหกโมงเย็นแล้ว ไม่รู้ว่าปกฉัตรกลับมาถึงรึยัง


“มองอะไรน่ะดิษ” คำถามดังมาจากข้างหลัง ดิษกรหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้ผู้ปกครองเพียงคนเดียวของเขา นิศราเป็นหญิงโสดสวมแว่นวัยสี่สิบ มีสถานะเป็นอาที่เลี้ยงหลานชายคนเดียวอย่างดิษกรมาตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบปีแทนบิดามารดาที่เสียพร้อมกันด้วยอุบัติเหตุ


“ไอ้ปกน่ะอา ไม่รู้มันกลับมารึยัง” บ้านของปกฉัตรอยู่ติดกับบ้านของเขา รายนั้นก็อยู่เพียงลำพังเพราะบิดามารดาไปทำงานที่ต่างประเทศ ปีหนึ่งจะกลับมาเยี่ยมลูกชาย 2-3 ครั้ง


“วันนี้อยู่ดีๆมันส่งข้อความมา...เป็นห่วงเหมือนกัน”


“งั้นดิษไปดูหน่อยก็ดี เอาขนมไปฝากด้วย อาซื้อมาตั้งเยอะ” คุณอาสาวโสดร่างท้วมผลุบหายเข้าไปในครัว ดิษกรยืนรออยู่อึดใจก็ได้ถุงขนมและผลไม้มาเต็มมือไปเป็นของฝากเพื่อนข้างบ้าน พอก้าวเท้าพ้นรั้วบ้านของตนเอง เขาก็พบว่าเจ้าของบ้านเดินเข้าซอยมานู่นแล้ว


“ไอ้ปก...วู้วววว...” ดิษกรคนร่าเริงส่งเสียงดังพร้อมรอยยิ้ม ปกฉัตรก้าวเท้าไวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทยืนรอ


“มีอะไร”


“อานิศให้กูเอาขนมกับผลไม้มาฝาก” หนุ่มร่างผอมโปร่งยิ้มจาง แล้วเดินเลยบ้านของดิษกรไปที่บ้านของตัวเอง มีเพื่อนซี้ตัวใหญ่เดินตามหลัง


“มึงเพิ่งเลิกเหรอ ทำไมกลับเย็นจังวะ” ดิษกรถามด้วยความสงสัย นี่หกโมงกว่าแล้ว ถึงจะมีห้องเชียร์ก็ไม่น่าจะเย็นมากขนาดนี้ คนเพิ่งกลับนิ่งไปเล็กน้อย ไม่อยากบอกเลยว่าเขาเอาเวลาไปทิ้งไว้ที่คณะบัญชีตั้งนานสองนาน เพียงเพื่อจะได้รับรู้ว่าเจตน์จะออกไปกินข้าวกับแฟน


“ก็...กูอืดอาดเองแหละ” เขาบอกปัดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“แล้วกินไรยัง”


“ยัง”


ดิษกรทำตาโต อ้าปากหวอ


“จะทุ่มโมงแล้วยังไม่แดกข้าวอีก!? บ้านมึงมีอะไรกินมั้ยล่ะ เอากับข้าวบ้านกูมั้ย เดี๋ยวกูไปเอามาให้” ปกฉัตรส่ายหน้ายิ้มๆ ถึงดิษกรจะกำพร้า แต่ก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักและเอาใจใส่อย่างดี เพราะเจ้าตัวมักจะเผื่อแผ่ความเอาใจใส่มาให้เขาเสมอ


“กูหากินเองได้”


“งั้นก็กินได้แล้ว มึงผ้อมผอม! ที่คณะกับข้าวไม่อร่อยเหรอวะ”


“อ้าว พูดยังงี้ พรุ่งนี้มึงมากินข้าวคณะกูเลย จะได้รู้ว่าคณะกูกับคณะมึง กับข้าวใครอร่อยกว่ากัน” ถึงแม้จะยังไม่มีรุ่น ถึงแม้จะยังไม่เป็นสิงห์ แต่ใครจะมาหาว่าโรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ไม่อร่อยไม่ได้ ถือว่าเสียเกียรติเป็นอย่างยิ่ง!


ดิษกรยิ้มแฉ่งอย่างยินดี ตกปากรับคำจะไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะเดินตามเพื่อนรักต้อยๆเข้าห้องครัว ปกฉัตรมองเพื่อนสนิทนิสัยร่าเริงและอารมณ์ดี ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในเรื่องราวของตนเองและเจตน์ถูกปัดเป่าด้วยเรื่องตลกๆของคนที่มานั่งเป็นเพื่อนในระหว่างที่เขาทานข้าว


...เวลาแบบนี้อยู่คนเดียวเงียบๆอาจจะดี แต่พอมีเพื่อนมาอยู่ด้วย มันดียิ่งกว่าเสียอีก...

.................................

หลังจากนัดแนะกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเมื่อวานนี้ ดิษกรก็ตั้งหน้าตั้งตารอเที่ยงขอวันถัดมาที่จะได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนรักที่คณะ


นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องเรียนบอกเวลาเที่ยงตรง ผู้ชายตัวใหญ่เจ้าของรอยยิ้มแฉ่งก็รีบคว้าข้าวของใส่กระเป๋าเป้แล้วบอกลาเพื่อนๆร่วมคาบเรียนก่อนจะพุ่งตัวออกจากห้องทันที


...วันนี้นัดไอ้ปกที่โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์...


พอคิดถึงเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล ดิษกรก็อารมณ์ดีแม้อากาศข้างนอกจะร้อนจัด และเขาก็คงจะเดินฝ่าเปลวแดดตอนเที่ยงออกจากคณะไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าบังเอิญเจอรุ่นพี่ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี


“ไอ้ดิษ!” คนเรียกคือเจตน์ที่แท็กทีมด้วยเพื่อนสนิทต่างคณะแต่จบจากโรงเรียนมัธยมที่เดียวกันอีก 3 คน ดิษกรรู้จักทุกคนเพราะล้วนอยู่ในชมรมฟุตบอลด้วยกัน เขายกมือไหว้เรียงตัว ตั้งแต่ธนทัตจากคณะเศรษฐศาสตร์ การุนจากคณะสัตวแพทย์ และอิสระจากคณะวิศวกรรมศาสตร์


“เฮียเจ๋ง เฮียไท เฮียรุน เฮียอิส สวัสดีครับ ไปก่อนล่ะครับ วันนี้รี้บรีบ” ไหว้หนึ่งครั้งทักทาย แล้วตามด้วยไหว้อีกหนึ่งครั้งเป็นการลา บอกให้รู้ว่าวันนี้รีบจริง


“มึงจะรีบไปไหน” คนรีบท้วงคือหนุ่มรุ่นพี่ร่วมคณะอย่างเจตน์


“ไปรัฐศาสตร์ครับเฮีย นัดไอ้ปกไว้” ดิษกรสาบานว่าเห็นสีหน้าหนุ่มตี๋ตาเรียวบึ้งตึงขึ้นมาทันที ในขณะที่อีก 3 คนยังปกติกันดี


“อ้าวเหรอ แล้วเย็นนี้ว่างเปล่าวะ สักหกโมง...ไอ้เจ๋งจะนัดแดกเหล้า นี่ตั้งแต่มึงสอบติด พวกกูยังไม่ได้ฉลองให้มึงเลยนะ” การุนจากคณะสัตวแพทย์ หนุ่มแว่นเพียงคนเดียวในแก๊งเพื่อนของเจตน์ เป็นคนชวน คนสอบติดที่ยังไม่ถูกเลี้ยงฉลองจากเหล่าพี่ๆทำหน้านิ่งคิด


“วันนี้วันศุกร์...อ่า...คิดว่าไปได้นะเฮียรุน แต่ต้องโทร.บอกที่บ้านก่อน”


“เออ งั้นมึงบอกที่บ้าน แล้วสักหกโมง ไปเจอที่คอนโดไอ้เจ๋ง” คนบอกพิกัดยังคงเป็นการุนคนเดิม ในขณะที่เจ้าของห้องยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด


“เชี่ยเจ๋ง ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย เดี๋ยวไอ้ดิษไม่ไป” ธนทัตเพื่อนซี้จากคณะใกล้เคียงเห็นสีหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านของเพื่อนสนิทแล้วอดไม่ไหว


“นั่นสิเฮีย หน้าตาไม่รับแขกเลย”


“อย่าถือสา ไอ้เจ๋งเพิ่งเลิกกับแฟนก็งี้ สดๆใหม่ๆเมื่อวานนี้เอง เลยมู้ดดี้นิดหน่อย” ธนทัตแจกแจง


“มู้ดดี้พ่อง! กูไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้ว” คนเพิ่งเลิกกับแฟนมาหยกๆหันมาสวน ดูแล้วก็ไม่มีวี่แววจะเศร้าสลดกับการเลิกแฟนเลยแม้แต่นิด เพราะอารมณ์ร้ายเหมือนเดิม


“อ่ะๆ ไม่คิดก็ไม่คิด ไม่คิดก็ไปแดกข้าวกลางวันก่อนแล้วกันครับ” เพื่อนคนอื่นๆพากันตบไหล่คนเพิ่งเลิกแฟน ใครๆในกลุ่มก็มองว่าที่เจตน์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี สาเหตุคงเพราะเพิ่งเลิกรากับคนรักมา แต่...จะมีใครรู้ว่าต้นเหตุที่แท้จริงของความหงุดหงิดคือการที่โดนด่ามาเมื่อวานต่างหาก! แถมคนด่าไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เพื่อนสนิทของดิษกรนี่ไง!!


…แล้วด่าแบบตะโกนยังไม่เจ็บเท่าด่าแบบหน้าตายๆนั่นนะ! เชี่ยเอ๊ย!! เกลียดสายตากับสีหน้ามันฉิบหาย!...


“งั้นไว้เจอกันเย็นนี้นะครับ เฮียๆ ผมไปก่อนล่ะ เดี๋ยวไอ้ปกรอ” ดิษกรยกมือไหว้ลารุ่นพี่ทุกคนอีกรอบ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินจากไป เสียงของเจตน์ก็ดังขึ้น


“มึงบอกเพื่อนมึงที่รัฐศาสตร์ด้วย ว่าอย่ากวนตีนกูให้มันมากนัก!”


คนรอบข้างชะงักกึกกับคำพูดที่ไม่มีที่มาที่ไปของหนุ่มตี๋ตาเรียวเจ้าของสีหน้าบึ้งตึง ทุกคนมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนที่ธนทัตจะผลักศีรษะเพื่อนสนิทหน้าหงิก


“อะไรของมึงวะเจ๋ง เลิกแฟนแล้วอย่าพาลสิ ไปๆ ไอ้ดิษ มึงไปได้แล้ว เดี๋ยวเพื่อนมึงรอ” ดิษกรพยักหน้าอย่างงุนงง แม้จะเดินจากมา แต่ก็ยังไม่วายหันกลับไปมองรุ่นพี่อีกครั้ง


‘มึงบอกเพื่อนมึงที่รัฐศาสตร์ด้วย ว่าอย่ากวนตีนกูให้มันมากนัก’


…เพื่อนที่รัฐศาสตร์ก็มีแต่ไอ้ปก แล้วไอ้ปกไปกวนตีนเฮียเจ๋งเนี่ยนะ?!...


…บอกว่ามนุษย์โลกจับมือกับมนุษย์ดาวอังคารยังน่าเชื่อกว่าซะอีก!!!...

.............................

กว่าจะเดินมาถึงคณะรัฐศาสตร์ ก็เกือบเที่ยงครึ่งแล้ว ในโรงอาหารซึ่งเป็นจุดนัดพบในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ดิษกรโผล่หน้าเข้าไปกวาดตามองแค่แวบเดียวก็เห็นเพื่อนสนิทที่สอบติดคณะนี้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งด้านในโรงอาหาร


...หล่อสงบมาดผู้ดีสมกับเป็นไอ้ปก...น่าเสียดายที่ผอมกะหร่อง ถ้ากล้ามแน่นกว่านี้อีกหน่อย ไปเป็นพระเอกเชื้อเจ้าเชื้อขุนนางได้สบาย...


“ไอ้ปก”


เจ้าของชื่อหันมอง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหยีลงเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัวยกยิ้มจางๆ


“ไม่ต้องมายิ้มเลย กูโคตรหิว”


“ก็มึงมาช้าเอง ไหนว่าเลิกเที่ยง” ปกฉัตรย้อนถามพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ แต่หน้าตาดูไม่ได้เดือดร้อนกับการที่เพื่อนรักมาช้ากว่าเวลานัดเท่าไร นิสัยใจเย็นแบบนี้ ทำให้ดิษกรอยู่ด้วยแล้วเย็นใจ แม้จะเพิ่งเดินตากแดดเปรี้ยงมา


“เอ้า! ก็กูเลิกเที่ยง กว่าจะเดินมาอีกล่ะ แถมเจอพวกเฮียๆชวนคุยด้วย”


“พวกเฮียๆ?” เจ้าถิ่นคณะรัฐศาสตร์ถามแล้วเลิกคิ้ว ขณะลุกจากโต๊ะเพื่อไปรับอาหารที่สั่งเอาไว้


“ก็พวกเฮียเจ๋งไง” คำตอบของดิษกรทำเอาคนที่กำลังจะก้าวออกจากโต๊ะถึงกับชะงัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันไปมองคนพูดทันที และนั่นทำให้เขารู้ว่าดิษกรมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ปกฉัตรพยายามตั้งสติ แล้วเฉสายตามองไปทางอื่น ก่อนจะก้าวออกจากโต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“อ๋อเหรอ...เขาอยู่คณะเดียวกับมึงนี่นะ เดี๋ยวกูไปเอาข้าวที่สั่งก่อน คงได้แล้วแหละ สั่งนานแล้ว” ร่างสูงโปร่งของปกฉัตรเดินออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของเพื่อนรักมองตาม


ดิษกรจับสังเกตมาตั้งแต่เมื่อกี้ อันที่จริงเขาก็คงไม่สังเกตอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เจตน์ก็ฝากคำด่าปกฉัตรมากับเขา


...สองคนนี้ไปมีเรื่องมีราวกันตอนไหน ทำไมอยู่ดีๆเฮียเจ๋งถึงดูหงุดหงิดกับไอ้ปก?...


พักใหญ่ๆ ปกฉัตรก็เดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งพร้อมด้วยสุกี้แห้งทะเลสองจาน จานของปกฉัตรมีผักมากหน้าหลายตา ส่วนของดิษกรผู้ไม่กินผักกาดย่อมมีแต่ผักบุ้ง วุ้นเส้น ไข่และปลาหมึกกับกุ้ง


“กูจะอิ่มถึงชั่วโมงมั้ยวะ แดกสุกี้แห้ง” แขกจากต่างคณะบ่นอุบ ถึงจะให้เยอะ แต่สุกี้แห้งเป็นอาหารที่ย่อยง่ายสำหรับดิษกรมากกกกกก...


“ไม่ใส่ผักกาดด้วย” ในขณะที่เจ้าของคณะซึ่งถืออภิสิทธิ์สั่งมาเลี้ยง เสริมเรียบๆ คนฟังถึงกับแค่นยิ้ม


“ขอบใจมากครับคุณปก แต่แดกนี่เสร็จแล้ว ไปแดกโรงอาหารคณะกูต่อเลยนะ กูไม่อิ่มเว้ย!” คำว่า ‘คณะ’ ของดิษกรเป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรชะงัก และแน่นอนว่าคราวนี้ก็อยู่ในสายตาของหนุ่มบัญชีฯเช่นเคย


ดิษกรหรี่ตาลงอย่างจับผิด “มึงเป็นไร มีอะไรกับคณะกู หรือไม่อยากไป?”


“เปล่า...แต่...กูว่านี่ก็เยอะแล้ว ไม่ต้องไปกินคณะมึงก็ได้”


“แน่นะ? ไม่ใช่ไปกวนรุ่นพี่คณะกูไว้หรอกนะ?”


“กูจะไปกวนใคร มึงเห็นเพื่อนมึงชอบเล่นกับคนอื่นรึไง” ปกฉัตรย้อนถาม ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับรุ่นพี่คนไหนในคณะของดิษกรทั้งสิ้น


“เออ ก็จริงว่ะ มึงมันวางตัวดีมาตั้งแต่อนุบาลสอง เอาเถอะๆ ไม่ได้ไปกวนใครก็ดีแล้ว กูจะได้ชวนมึงไปแดกเหล้ากับพวกเฮียเจ๋ง เมื่อกี้กูโทร.ขออานิศ อาบอกว่าถ้าจะไปก็ให้เอารถไป นี่กะฆ่าหลานรักทางอ้อมชัดๆ กูเมาเป็นหมาง่ายขนาดนั้นยังจะให้เอารถไปอีก กูก็เลยจะให้มึงไปขับรถกลับให้” ประโยคหลังๆนั่นแทบไม่ได้อยู่ในความสนใจของปกฉัตรเลยแม้แต่นิดในเมื่อคำว่า ‘แดกเหล้ากับพวกเฮียเจ๋ง’ ฉุดสติทั้งหมดของเขาไป


...ไอ้ดิษจะไปกินเหล้ากับ ‘พี่’...


...เมื่อไร ที่ไหน...


“ปก ฟังกูอยู่เปล่า กูบอกว่าจะขอแรงมึงขับรถ” ดิษกรพูดซ้ำเมื่อสังเกตว่าเพื่อนสนิทตาลอยไปแล้ว


“อ้อ...เออ ได้ๆ อ่า...ม...เมื่อไหร่ล่ะ”


“เย็นนี้” คราวนี้คนที่เหมือนเพิ่งได้สติจากภวังค์ก็ช็อกไปอีกหน


“เย็นนี้เลยเหรอ?”


“ใช่ ทำไม หรือมึงไม่อยากไป” ดิษกรถามแล้วเหล่ตามาที่ปกฉัตรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“ม...ไม่ใช่ แต่...เอ่อ...วันนี้กูมีห้องเชียร์...” อันที่จริง ห้องเชียร์ก็ไม่ได้สำคัญถึงขนาดจะโดดไม่ได้ แต่...ถ้าตกปากรับคำง่ายๆ ปกฉัตรก็คิดว่าตัวเองจะดูกระตือรือร้นอยากไปมากเกินไป


...ต้องนิ่งเอาไว้ ปกฉัตร นิ่งเอาไว้...


“มึงเลิกห้องเชียร์ห้าโมงไม่ใช่เหรอ นี่เฮียนัดหกโมง”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทำเป็นเฉไฉมองไปทางอื่นเหมือนตัดสินใจไม่ได้ ในขณะที่ลูกกระเดือกวิ่งขึ้นลงช้าๆเพราะกลืนน้ำลาย


...วันนี้...จะได้เจอ ‘พี่’...


“ไปกับกูนะปก” ดิษกรอ้อนวอนอีกที ทำตาปริบๆขอความเห็นใจ


ปกฉัตรกลืนน้ำลายหนืดๆ อยากตะโกนตอบตกลงอย่างรวดเร็วใจจะขาด แต่...ถ้าทำแบบนั้นดิษกรต้องจับพิรุธได้แน่ๆ ดวงตาสีน้ำตาลยอมเหลือบกลับมาสบตาเพื่อนรัก แล้วส่งยิ้มจางๆ


“แล้วเฮียเจ๋งของมึงจะไม่ว่าเหรอ ที่มึงพา ‘คนอื่น’ ไปด้วย” คำว่าคนอื่นนั้น เขาพูดด้วยเสียงที่เบาและแผ่ว พูดกี่ครั้งก็คันยิบๆในใจ ที่เป็นได้แค่คนอื่นของเจตน์


“ไม่ว่าหรอก ก็กูขับรถไม่แข็งนี่หว่า แล้วอีกอย่าง...เฮียใจกว้าง มีคนไปเยอะๆ ยิ่งชอบ”


จากรอยยิ้มจางๆ ขยับยิ้มมากขึ้นอีกนิด แต่ก็ยังดูสุขุมใจเย็นเหมือนปกฉัตรคนเดิม


“ถ้ามึงว่างั้น กูจะไป...ขับรถให้”


ดิษกรยิ้มกริ่มอย่างดีใจ แล้วก้มหน้าตักสุกี้เข้าปากต่อไม่ทันเห็นสีหน้าของปกฉัตรที่จากรอยยิ้มสุขุมกลับกลายเป็นรอยยิ้มยินดี ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววถูกใจ


... ‘คอนเนคชั่น’ กำลังทำหน้าที่ของมันแล้ว...


ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสฯหน้าค่ะ)

ใครบอกน้องปกร้ายยยยย ปกไม่ร้าย แต่แค่เป็นคนไม่ค่อยแสดงออกเฉยๆ (แอบเขวี้ยงขวดน้ำใส่ขาผช.ที่ชอบก็ได้อี๊ก) ส่วนเฮียเจ๋ง...เห็นลางของความน่าสงสารเหมือนญาติของเฮียที่ชื่อโจ๊กแล้วใช่มั้ยคะ ฮ่าฮ่า

ตอนที่เขียนเนี่ย คิดหลายตลบมากเลยค่ะ ว่าจะเขียนห้องเชียร์(พี่วินัยและโซตัส)ยังไงดี เพราะมันก็มีหลายประเด็นที่ทำให้มองระบบโซตัสว่าเป็นการคุกคาม แต่เนื่องจากสมัยเรียน บัวพบเจอโซตัสในแบบที่ทำให้ประทับใจ ก็เลยคิดว่าจะสื่อถึงเรื่องเหล่านี้ในแบบที่ตัวเองเจอ

คาแรกเตอร์ของอรรณพ พี่รหัสของโซ่ก็มาจากคาแรกเตอร์พี่วินัยที่บัวเคยเจอค่ะ เกรี้ยวกราดแต่น่ารักมากกกกก

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ด

เจอกันเรื่องนี้ ในพฤหัสหน้า แต่...เจอกันตอนพิเศษ(สั้นๆ)ของเรื่องไหนสักเรื่อง วันที่ 11.11 นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-11-2017 20:40:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-11-2017 21:06:07
หนูปกคะ ชอบเค้าต้องเอาขวดเขวี้ยงใส่เค้าด้วยหรอคะ
เอ็นดูปกอ่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-11-2017 21:11:22
ปกลิขิตก่อนพรหมลิขิตสินะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 09-11-2017 21:28:05
แง๊ น้องปกน่ารักมากเลย เวลาหัวสมองคิดแผนว่าจะเคลมพี่เค้ายังไงนี่มันกรุ้งกริ้งมาก
คือน้องเรียบร้อยแต่ก็รู้อยากได้อะไร และทำอะไรบ้าง คืนนี้แหละไปบ้านเค้าแล้ว
มันจะต้องมีไรดีๆเกิดขึ้นบ้าง พี่เค้าเหมือนโจ๊กมากเลย แบบรู้เลยว่าเป็นญาติกัน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: chnokky ที่ 09-11-2017 21:29:11
น้องปกเรียกเฮียเจ๋งให้สนใจแบบฮาร์ดคอร์มาก ชอบการปาขวดน้ำใส่ สุดยอดมาก เดี๋ยวจำไปใช้บ้าง 55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-11-2017 21:35:01
ทำดีแล้วน้องปก ทำต่อไป เข้าอวยเราแน่นอน 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-11-2017 21:40:01
ในวาระซ่อนเร้นเหฌนปกหงิมๆไม่คิดเลยว่าจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ แบบนี้ต่อให้อิพี่เจ๋งมันจะเกรี้ยวกราดขนาดไหนก็คงหนีน้องปกไม่พ้นหรอก หึๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-11-2017 21:52:09
ชอบๆๆๆๆๆๆๆ ขอตอนพิเศษของจอมร้ายได้ไหม..คิดถึงของขวัญ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-11-2017 21:58:22
ปกร้ายลึกก 55555
เจ๋งนี่ก็น่าจะอีหรอบเดียวกะโจ๊กมะ แอบชอบเขาแต่เก๊กไว้ 55555 :hao7:
รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 09-11-2017 22:02:42
เอ็นดูเจ๋งมากอ่า ดูท่าแล้ว น้องปกร้ายไม่เบา เจ๋งถึงจะโหดจะดุก้ไม่เคยจะตามน้องทันเล้ยย เอ็นดูวววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 09-11-2017 22:06:59
เรารู้สึกถูกชะตากับน้องดิษลูกก น้องเหมือนพวกเมะหมาน้อย ร่าเริง สดใส ยิ้มแฉ่ง
แต่ดิษคงไม่ได้คิดเกินเพื่อนกับน้องปกใช่มั้ยลูก  :hao3:

ตลกน้องปกในการเรียกความสนใจจากพี่เขาด้วยการปาขวดน้ำ
ถ้าปาพลาดเข้าหัวได้มีเฮ อิพี่เจ๋งจำจนตาย 55555555


ปล.ยังคงคิดถึงโจ๊กโซ่มากก  :L1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 09-11-2017 22:19:02
ปกจ๊ะ เห็นเงียบๆแผนเพียบเลยน้าาาา55555
แบบนี้คงก้าวหน้าเร็ว โดดข้ามขั้รเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 09-11-2017 22:29:13
ปกร้ายยยยยอะ นางรู้จักเข้าหานะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-11-2017 22:40:48
ปาขวดน้ำเรียกความสนใจแล้วได้ผล ปาอีกเลยจ้า หลาย ๆ ที เจ่งจะได้จำปกได้ขึ้นใจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 10-11-2017 00:01:09
เห็นเงียบๆแบบนี้แต่แผนการเขวี้ยงขวดน้ำของน้องปกฉลาดล้ำลึกมาก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-11-2017 01:43:07
ชอบความไม่ธรรมดาของปก เฮียเจ๋งตามไม่ทันแน่ๆ 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 10-11-2017 09:53:52
ทำไมรู้สึกเหมือนว่า... ที่น้องปกคิดและทำ มันคล้าย ๆ กับโจ๊กช่วงต้นเรื่องเลย (แต่โจ๊กถูกหักคะแนนความไบโพล่าร์ จะทำการใหญ่ใจต้องนิ่งเหมือนปกนะ 555)

ตอนโซ่ถูกไล่ออกไปจากห้อง คงมีอีกคนที่ไม่ได้ส่งเสียงครวญครางแต่ใจตามโซ่ไปแล้ว ไม่อยากจะคิดว่าตอนนั้นโจ๊กจะเขม่นน้องปี 1 ขนาดไหน  :laugh:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 10-11-2017 10:51:23
จะวงวารใครดีหล่ะเนี่ย ระหว่างปกกับเฮียเจ๋ง หวังว่าปกจะไม่กวนจะเจ๋งทนไม่ไหวกระโดดต่อยหล่ะ 555+
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-11-2017 11:15:56
น้องปกเจ้าแผนการมาก  แล้วพี่เจ๋งจะรับมือยังไงหละนี่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: กาลครั้งหนึ่ง. ที่ 10-11-2017 13:34:11
 :hao7:

หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-11-2017 14:07:05
ปกน้ารักกก รอวันจับพี่รหัสได้พี่โซ่ ส่วนเฮียเจ๋ง คาดว่าความเกรี้ยวกราดจะติดต่อกันผ่านทางพันธุกรรมค่ะ เป็นโจ๊กร่างสอง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-11-2017 14:40:28
น้องปกทำดีแล้วลูก อยากได้ก็ต้องคว้า มีวิธีไหนก็ต้องทำ สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 10-11-2017 19:49:34
ตอนอ่านซอโซ่กับแฟนไบโพล่า นึกว่าน้องชายโจ๊กคงไปรุกปกจนได้มาเปนแฟน  แต่พออ่านอรื่องนี้แล้วอมยิ้มว่าคดีพลิก :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 10-11-2017 20:29:40
อื้อฮือออก ปกคะอยากให้หนูแกล้งเฮียเจ๋งเยอะๆจังอยากเห็นคนดิ้นกว่านี้ เฮียเริ่มสนใจน้องใช่มั้ย :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-11-2017 21:32:19
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Burry1004 ที่ 10-11-2017 22:24:30
 :hao7:

น้องปกกกกกกกกกกกกกกก ลูกจ๋าาาาา 555555555555

เอาจริงเราขำมากเลยตอนน้องเขวี้ยงขวดน้ำ
คือนี่ต้องใช้วิธีนี้เพื่อคุยคนที่ชอบจริงๆ เหรอคะ 5555

นิสัยน้องปกน่ารัก มีความหมั่นเขี้ยว ส่วนพระเอกเราเกรี๊ยวกราดต่อไปค่ะ เราเชื่อว่าตอนต่อๆ ไปต้องเยอะกว่านี้แน่ๆ

 :katai5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-11-2017 00:29:16
แหม่ อีกนิดเดียวพี่เจ๋งก็เสียเล็บนิ้วเท้าให้ขวดน้ำสานรักแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-11-2017 09:36:35
น้องปกเรียนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กำลังใช้กับเจ๋งด้วย เหมาะสมกับความรู้ที่กำลังเรียน เช่นโยนขวดน้ำเฉียดเท้า ก๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 11-11-2017 14:04:17
สู้เค้า ปกกกกกกกกก :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-11-2017 20:31:16
สงสารเฮียเจ๋ง5555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-11-2017 20:39:08
5555 แผนเยอะแบบนี้เหมาะเป็นน้องเฮียโจ๊ก ปกครองมากกว่านะ ซับซ้อนเหลือเกินนะปกฉัตร
ดิษกรเป็นเพื่อนสนิทแท้ๆ ยังดูไม่ออกอะ ดิษทะเล้นและออกแนวซื่อตรงกว่าไปอีก

เจ๋งคะ รู้สึกเหมือนโดนคุกคามไหม อีกนิดนะ ใกล้ละ  :mew5:

โอ๊ยยย สงสารโซ่ โซ่ทำอะไรผิด 5555


หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-11-2017 00:35:10
ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปก เจ้าเล่ห์ ไม่แพ้โจ๊กเลย  :hao3:
ที่ทำไปก็เรียกความสนใจจากเฮียเจ๋งได้แล้ว
แต่จะออกไปในแนวโมโหๆใส่น่ะสิ

เจอคนรู้จักเยอะเลย คิดถึงเลย วาระที่ซ่อนเร้น
อยากอ่านต่อแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-11-2017 20:59:37
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 3

ห้องเชียร์ยังคงเหมือนวันก่อนๆ เสียงฝีเท้า เสียงปลุกเร้าของพี่วินัย เสียงขานรับของน้องปีหนึ่ง ปกฉัตรอ้าปากงึมงำตามเพื่อนแต่ไม่มีสมาธิเลยสักนิด เสียงของเพื่อนและพี่วินัยเป็นแค่เสียงอื้ออึงที่ดังอยู่รอบๆ แต่ไม่เข้ามาในหูให้จับประเด็นได้เลย


...ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา...


โทษใครไม่ได้ก็โทษดิษกร เพื่อนรักคอนเนคชั่นเพียงหนึ่งเดียวที่เกี่ยวเขาและเจตน์เอาไว้ แถมไม่รู้เกี่ยวท่าไหน สุดท้ายก็มาลากเขาไปร่วมวงเหล้าด้วยเฉย...ในฐานะคนขับรถพากลับ


...ฟังดูเหมือนคนละชั้นไปหน่อย แต่...ถ้าได้เจอ ‘พี่’ ก็นับว่าไม่เลว...


พอห้องเชียร์เลิก ปกฉัตรก็ไม่อยู่ร่วมเสวนากับใครทั้งนั้น คว้ากระเป๋าได้ก็โบกมือลาเพื่อนๆแล้วก็รีบตรงดิ่งไปหาดิษกรที่คณะบัญชีทันที จากนั้นก็ขึ้นรถอีกฝ่ายไปยังสถานที่นัดแนะสำหรับตั้งวงเหล้าในวันนี้


รถญี่ปุ่นเลี้ยวเข้าอาคารห้องชุดหรูริมถนนที่จอแจของกรุงเทพฯ เพียงเท่านั้นคนที่ติดตามมาด้วยก็หันมอง


“นัดกันที่นี่เหรอ”


“เออ นี่คอนโดเฮียเจ๋ง” ดิษกรระบุเจ้าของเสร็จสรรพ ปกฉัตรก็ได้แต่เม้มปาก ไม่คิดมาก่อนว่านอกจากวันนี้จะได้เจอ ‘พี่’ แล้ว ยังได้มาเหยียบคอนโดของเจตน์ด้วย


“ทำไมทำหน้างั้น หรือไม่อยากมา? มึงมีอะไรกับเฮียเจ๋ง บอกกูมา” คนพามาฟันธงฉับ อาการเพื่อนสนิทไม่ปกติขนาดนี้ ทำไมจะดูไม่ออก


“ไม่มีอะไรหรอกหน่า”


“ถ้าไม่มี งั้นมึงจะเม้มปากทำไม ถามจริง มึงเกลียดเฮียเหรอวะ”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันขวับไปมอง “เปล่า ไม่ได้เกลียด”


สายตาของเพื่อนร่างใหญ่จ้องคนตอบเขม็งเหมือนจะไม่เชื่อ ปกฉัตรไม่กล้าสบตาเพื่อนรัก ถึงจะสนิทกันมาแต่เด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกเรื่องในหัวใจของเขาจะต้องแพร่งพรายไปถึง อย่างเรื่องนี้...ยังไงๆก็ไม่ควรให้คนอื่นรู้เห็นนอกจากตัวเอง


“...กู...แค่คิดว่าเขาไม่น่าไว้ใจ” ได้แต่อ้อมแอ้มตอบ เพราะรู้ดีว่าคนที่ไม่น่าไว้ใจที่สุดก็คือเขาเอง หัวใจของปกฉัตรต่างหากที่ไม่ควรไว้ใจและวางใจเลย เพราะ...ขนาดดิษกรกับเจตน์แย่งบอลกัน เขาก็ยัง...เชียร์เจตน์มากกว่าดิษกรทุกที


“ไม่น่าไว้ใจ? แบบไหน? หรือมึงคิดว่าเขาจะปล้ำกู?”


“เฮ้ย?!” ปกฉัตรชะงักกึกที่ดิษกรคิดไกลไปถึงขั้นนั้น เขากลืนน้ำลายเอื้อกกวาดตามองเพื่อนรักผิวเข้มหน้าตาคมคายที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วก็คิดไปถึง เจตน์หนุ่มตี๋หน้าหยกร่างสูงใหญ่ไม่ต่างกัน


…กล้ามชนกล้ามชัดๆเลย…


จริงๆเรื่องแบบนี้มันรสนิยมใครรสนิยมมัน แต่ว่า...ทำไมผู้ชายแท้ๆอย่างดิษกร ถึงมีความคิดประเภทนี้อยู่ในหัวได้เนี่ย


“ใช่มั้ย กูรู้นะว่าอานิศฝากมึงดูแลกูหลายเรื่อง แต่เรื่องแบบนี้กูดูแลตัวเองได้โว้ย แล้วกูชอบผู้หญิง เฮียเจ๋งก็มีผู้หญิงเป็นโหล เขาจะมาปล้ำกูได้ไง” อ้อ...ที่คิดไกลขนาดนั้นเพราะถูกอาพร่ำสอนมาตลอดสินะ


...แต่ว่า...สอนถึงขนาดปลูกฝังถึงขั้นรักนวลสงวนตัวนี่ก็เกินไปนะ อานิศ... 


ปกฉัตรนึกระอาสองอาหลาน แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อดิษกรคิดไปในทิศทางนั้นแล้ว เขาก็ควรเออออร่วมด้วย จะได้ไม่ถูกเซ้าซี้เรื่องที่มีปฏิกิริยาแปลกๆกับเจตน์อีก


“ก็...กูได้ยินคนพูดกันว่าเขาเจ้าชู้”


“เจ้าชู้กับผู้หญิงสิสัด! กูเป็นผู้ชาย!” ดิษกรแย้งทันควัน ปกฉัตรก็เลยเงียบ พอเห็นเพื่อนรักร่างโปร่งเงียบไป คนตัวใหญ่กว่าก็พ่นลมหายใจแล้ววางมือลงบนศีรษะของเพื่อนเหมือนจะให้วางใจ


“กูกับเขาอยู่ชมรมเดียวกันมาตั้งแต่ม.ต้น แล้วตอนนี้ก็อยู่คณะเดียวกันด้วย มันก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา เฮียเจ๋งน่ะ เป็นรุ่นพี่กู” หนุ่มผิวเข้มแห่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีย้ำสถานะ จ้องมองปกฉัตรแล้วก็คิดถึงรุ่นพี่คนสนิทอย่างเจตน์ ที่แม้จะปากเสียไปไม่หน่อย โผงผาง ใจร้อน เอาแต่ใจ แต่ก็มีน้ำใจ ไว้ใจได้ และฝากฝังได้ เป็นรุ่นพี่ที่ดิษกรพูดได้เต็มปากว่า ‘นับถือ’


“ปก มึงเองก็เป็นเพื่อนสนิทกู กูไม่อยากให้มึงมองเขาไม่ดี” เขาพูดตรงๆ ทว่าเป็นฝ่ายร่างโปร่งที่เบือนสายตาหนีไปทางอื่น ไม่อยากแก้ต่างว่าไม่ได้มองเจตน์ไม่ดีหรอก แต่มองดีมากกกก...จนแม้แต่ความปากเสียของฝ่ายนั้น ยังไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่เลยสักนิด


“กู...จะพยายามแล้วกัน” รับปากตรงข้ามกับใจ เพราะใจตอนนี้พยายามไม่ให้ชอบเจตน์มากไปกว่านี้เถอะ


“มึงรับปากกูก็ดีใจ ไป ลงกันเถอะ” แล้วดิษกรก็เปิดประตูลงจากรถ ปกฉัตรสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความตื่นเต้น ก่อนจะเปิดประตูลง แล้วก็ทันได้ยินเสียงเอ็ดตะโรลอยมาต้อนรับ


“กูยืนรอตั้งนาน! พวกมึงสั่งเสียกันในรถรึไง!!”


เจ้าของสถานที่ที่ลงมารอถึงหน้าคอนโดตั้งคำถามด้วยปากเสียๆและหน้าหงิกๆ ก่อนจะตวัดตาเรียวไปมองปกฉัตรที่เดินตามมายืนอยู่ข้างหลังดิษกรด้วยทีหนึ่ง แน่นอน...เป็นสายตาที่บ่งบอกว่ามีคดีกันมาก่อน ดิษกรมองตาม ก่อนจะรีบหันกลับมาส่งยิ้มแฉ่งให้รุ่นพี่ร่วมคณะ


“สั่งเสียอะไรล่ะเฮีย เออ...ผมขอพาไอ้ปกมาด้วยนะ”


เจตน์ยกมือขึ้นกอดอกยืนจังก้าเหมือนจะหาเรื่อง แต่พยักหน้ารับสั้นๆ


“มึงดูแลเพื่อนมึงด้วยแล้วกัน! กูไม่ใช่เจ้าบ้านที่ดี ยิ่งกับคนที่ไม่ใช่น้องคณะกู ชมรมก็ไม่เคยอยู่ด้วยกัน แค่น้องโรงเรียน กูให้แดกฟรีได้ แต่อย่าหาเรื่อง ไม่งั้นกูจะเตะออกจากห้อง” จงใจข่มเหงกันเห็นๆ ดิษกรชักจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่พอขยับตัวจะปกป้องเพื่อนรักที่ตนเองเป็นคนชวนมา ปกฉัตรก็ดันเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ


“ผมไม่ได้มาดื่ม แค่มาขับรถให้ดิษเท่านั้น” เป็นประโยคสั้นๆ ที่น้ำเสียงเรียบๆ มาพร้อมกับหน้าตาเรียบๆของคนพูดที่ทำให้เจตน์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก


“อ้อ! งั้นมึงก็นั่งรอล็อบบี้มั้ย?!” ตาจ้องตา คนพูดตาเรียวๆจ้องจิก ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของปกฉัตรที่จ้องกลับนั้นดูจะไม่สะทกสะท้านกับแรงจิกของอีกฝ่ายเลย


“ถ้า...พี่ไม่ให้ผมขึ้น ผมนั่งรอที่ล็อบบี้ก็ได้ครับ”


เป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรจงใจใช้คำว่า ‘พี่’ เรียกอีกฝ่าย เจตน์สะดุดหู แต่ที่สะดุดที่สุดคือการที่คนตรงหน้าอ้าปากงับข้อเสนอจะนั่งที่ล็อบบี้อย่างรวดเร็ว


...แม่ง! คิดว่ากูไม่รู้กาลเทศะรึไง?! มาด้วยกันสองคน แต่จะให้กูจับแยกคนนึงแดกเหล้ากับกูบนห้อง อีกคนนั่งรอปากแห้งที่ล็อบบี้เนี่ยนะ?!...


บรรยากาศระหว่างปกฉัตรและเจตน์ยิ่งทำเอาดิษกรหน้าเสีย นึกโทษตัวเองว่าไม่น่าอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่เจตน์ดูจะหงุดหงิดกับปกฉัตรแล้วให้สองคนนี้มาเจอกันเลย เขามองเพื่อนสนิทที มองรุ่นพี่คนสนิทที แต่พออ้าปากจะพูดอะไร เจตน์ก็พูดขึ้นมาก่อน


 “ไม่ต้องมาดราม่า! มึงดูหน้าไอ้ดิษด้วย หน้าอย่างมันจะปล่อยให้มึงนั่งข้างล่างคนเดียวรึไง?! ไป! ขึ้นห้อง!! อย่าให้กูพูดซ้ำ!!!” เจ้าของสถานที่เห็นสีหน้าของรุ่นน้องร่วมคณะชัดเจน ว่าห่วงใยคนที่พามาด้วย


ก็สมควรให้ห่วงอยู่หรอก ในเมื่อ...ใครๆก็พูดกันว่าดิษกรและปกฉัตรเป็นมากกว่าเพื่อน


เจตน์ไม่พูดอะไรอีก หมุนตัวเดินตรงไปยังโถงลิฟต์ ปล่อยให้สองรุ่นน้องเดินตาม ในลิฟต์กรุด้วยกระจก ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าสุดมองเห็นภาพสะท้อนของดิษกรที่มองเพื่อนสนิทด้วยความห่วงใย ยิ่งเห็นยิ่งหมั่นไส้ ไม่นึกมาก่อนว่าตนเองจะเป็นพวกขี้อิจฉาความรักความห่วงใยของคนอื่นขนาดนี้


ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบนสุดของอาคาร แต่ดิษกรคนร่าเริงยังกู้สถานการณ์กลับมาไม่ได้ เขาปล่อยให้รุ่นพี่หนุ่มเดินนำ ส่วนตัวเองเดินข้างๆปกฉัตร ไม่รู้ว่าสองคนนี้เกลียดขี้หน้าอะไรกันมา ทำไมถึงไม่ลงรอยกันขนาดนี้...ไม่สิ คนที่ดูจะไม่ลงรอยด้วยสุดๆก็ ‘เฮียเจ๋ง’ ของเขานี่แหละ


เจตน์เดินนำเงียบๆจนถึงห้องพัก เขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน เพื่อนสามคนของเขาอย่างธนทัต อิสระและการุนมารออยู่ก่อนแล้ว


“พวกไอ้ไทรอมึงชงเหล้าตั้งแต่เที่ยงแล้ว” เจ้าของห้องหันมาบอก แต่ดิษกรยังยึกยัก ดูห่วงใยคนที่พามาด้วยยิ่งนัก เจตน์เริ่มจะเคืองสายตามากขึ้นทุกที


“มึงจะอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย?!” เขาถามดิษกร แต่รุ่นน้องตัวใหญ่อึกอัก หันไปมองคนข้างกายมันอีกที เป็นอีกครั้งที่สองเพื่อนสนิทมองตากัน ยิ้มให้กัน จนเจ้าของห้องชักจะรู้สึกหูตาร้อนวูบๆ


“มึงไปกินเถอะ” ปกฉัตรเอ่ยขึ้นมาก่อน เจตน์ไม่อยากเปรียบเทียบ แต่น้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้พูดกับดิษกรแตกต่างจากเวลาพูดกับเขาลิบลับ


...ทีกับกูงี้ เสียงโมโนโทนยังกับผี! ทีกับเพื่อนมึง มีเสียงอ่อนเสียงหวาน สัด! สะกดคำว่าเท่าเทียมไม่เป็นรึไง!...


"แล้วมึงอ่ะ”


…ไอ้ดิษก็พอกัน! ตัวใหญ่แทบจะเป็นยักษ์ แต่พออยู่กับเพื่อนมันเข้าหน่อย ทำตัวเล็กตัวน้อย น่าเตะฉิบหาย!...


“กู...มีเรื่องจะคุยกับ...นิดหน่อย” ไม่มีชื่อเรียก ไม่มีสรรพนาม แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมามองเจตน์ราวกับจะบอกว่าผู้ชายหน้าตาหงุดหงิดคนนี้จะเป็นคู่สนทนารายถัดไป


ดิษกรกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง แต่ปกฉัตรไม่รอให้เพื่อนถาม เพราะเขาดันหลังอีกฝ่ายให้เดินลึกเข้าไปในห้อง


“มึงไปกินก่อน เดี๋ยวกูตามไป” ถูกผลักและดันขนาดนี้ ดิษกรก็ได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านใน เสียงทักทายดังลอดออกมาให้ได้ยิน บอกให้รู้ว่าเพื่อนสนิทของปกฉัตรคงถึงวงเหล้าแล้ว


ตอนนี้ที่ประตูห้อง เลยเหลือแค่หนึ่งเจ้าของห้อง กับหนึ่งแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เจตน์รู้สึกตัวเองมีอำนาจมากกว่าในฐานะเจ้าของสถานที่ เขากอดอก ผายไหล่ ยืดตัวตรง ตาเรียวมองจิก


“มึงมีอะไรจะคุยกับกู”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบขึ้นสบ ปกฉัตรตัวเตี้ยกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเคยมั่นใจในความสูงของตัวเองแค่ไหน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับคนตัวสูงใหญ่อย่างหนุ่มเชื้อสายจีนคนนี้ราบคาบ


ทว่า...แม้จะตัวเล็กกว่า เตี้ยกว่า แต่ไม่ได้หงอให้เลยแม้แต่นิดเดียว


“เปล่าครับ แต่ผมไม่อยากให้ดิษเป็นห่วง”


เจตน์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแต่ไม่ถาม เขารอให้ปกฉัตรพูดต่อเอง


“ดิษคงคิดว่าผมกับพี่มีเรื่องทะเลาะกัน ถ้าเมื่อกี้ผมตามมันไปกินเหล้าด้วย มันคงคาใจเรื่อง...ของเราสองคน” เป็นการอธิบายที่ปกฉัตรทำเนียนรวบยอดเรื่องของเขาและเจตน์ให้กลายเป็นเรื่องของเราได้หน้าตาเฉย แถมเป็นหน้าตาเฉยที่เรียบกริบเสียด้วย


“บอกมันว่าผมจะคุยกับพี่แบบนี้แหละ ดีแล้ว มันจะได้คิดว่าผมกับพี่เคลียร์กันแล้ว” ปกฉัตรเสริมแล้วยิ้มจาง การมองความคิดความอ่านของดิษกรทะลุปรุโปร่งนั้น ออกจะทำให้เจตน์คาดไม่ถึง เพราะไม่คิดว่าคนหน้าตาเฉยๆ ที่เหมือนจะไม่สนใจอะไร จะรู้จักนิสัยของดิษกรขนาดนี้


...แต่...พวกมันเป็นแฟนกัน ก็คงรู้จักกันดีเป็นเรื่องธรรมดา...


...เชี่ย! ทำไมกูต้องวกกลับมาคิดเรื่องที่พวกมันเป็นแฟนกันอีกแล้ววะ?!...


“สรุปว่ามึงไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกับกูใช่มั้ย?”


“ไม่มีครับ หรือว่าพี่มี?”


“กูก็ไม่มี!” ร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ กวาดตามองไปรอบๆ วันนี้เขาเอาโน้ตย่อวิชาที่เรียนมาทบทวนด้วย แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปนั่งในวงก็คงไม่สนุก สู้หาที่นั่งเงียบๆแถวนี้ อ่านหนังสือน่าจะมีประโยชน์กว่า


“งั้น...ผมขอนั่งตรงนั้นได้มั้ย” ปกฉัตรชี้ไปที่โซฟาเดี่ยวข้างตู้เก็บรองเท้า เจตน์ขมวดคิ้วฉับ


“แล้วทำไมมึงไม่ไปนั่งกินเหล้ากับพวกนั้น”


“ผมไม่ดื่มครับ ไปนั่งก็กลัวคนอื่นจะไม่สนุกไปด้วย” เป็นคำตอบที่ทำเอาร่างสูงชะงักอีกหน ดวงตาเรียวจับจ้องร่างผอมที่เดินไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวแล้วเปิดกระเป๋าเป้ที่หิ้วติดตัวมาด้วย เอาหนังสือออกมาอ่าน


...จะบอกว่าเป็นคนไม่สนใจใครก็ไม่ได้ เพราะเมื่อกี้มันก็บอกชัดๆว่ากลัวคนอื่นจะไม่สนุก...


...คนประเภทไหนกันที่กลัวคนอื่นจะไม่มีความสุข แล้วเลือกวิธีที่จะหลบไปอยู่เพียงลำพังแบบนี้?...


เจตน์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างวิ่งวนอยู่ในใจ เขามองเข้าไปในห้อง ที่ชุดโซฟาหน้าโทรทัศน์ มีเพื่อนๆของเขาและดิษกรกำลังชนแก้วกันอยู่ แตกต่างกับปกฉัตรที่นั่งเงียบๆอ่านหนังสือคนเดียว ก่อนจะถอนลมหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยปากขึ้นมา


“กินอะไรมารึยัง” คนที่นั่งอ่านหนังสือชะงักไปชั่วอึดใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำถาม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบกับดวงตาเรียวสีดำสนิทคู่นั้นวูบหนึ่ง ก่อนที่จะเป็นฝ่ายปกฉัตรรีบเฉสายตาไปทางอื่น


...แย่แล้ว อยู่ดีๆก็ใจเต้นแรงขึ้นมาเฉยเลย!...


“กูถามว่ากินอะไรมารึยัง” คำถามดังซ้ำเมื่อร่างโปร่งเอาแต่มองทางอื่น จากตอนแรกที่เจตน์รู้สึกสงสาร กลายเป็นชักจะหมั่นไส้


“เฮ้ย! ให้กูถามเป็นภาษาจีนมั้ย?!” เจ้าของห้องที่แสนใจร้อนและเอาแต่ใจถามประชดเมื่อไม่ได้คำตอบสักที ปกฉัตรสูดลมหายใจลึกก่อนจะหันมามอง


“ยังครับ” เป็นการตอบสั้นๆ แต่เจ้าตัวรู้ดีว่าเสียงสั่นผิดปกติ แต่...เจตน์ไม่ได้สนิทกับเขาเป็นปกติ ก็คงจะจับสังเกตไม่ได้ว่าเสียงปกติเป็นแบบไหน


“แล้วแฟ...เอ่อ...ไอ้ดิษล่ะ?!”


ปกฉัตรเงียบไปอึดใจเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าดิษกรทานอะไรมารึยัง พอเจอกันปุ๊บ ก็ขึ้นรถพากันมาที่นี่เลย


เจตน์เห็นรุ่นน้องเงียบไป ก็ตัดปัญหาเลิกถามแล้วรวบรัดคำตอบเอาเอง!


“ท่าทางจะยังเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน” ร่างโปร่งมองคนพูดอย่างไม่เชื่อหู ชนิดที่เจตน์ชักนึกขวางกับสายตาที่อีกฝ่ายมองมา


“มองกูแบบนี้ คิดว่ากูไม่มีปัญญาทำให้มึงแดกรึไงวะ! จะบอกให้! กูทำอร่อยด้วย!” เจ้าของคอนโดพูด แล้วหมุนตัวจะเดินเข้าครัว แน่นอนว่าเพราะเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว เลยไม่ทันเห็นว่าตอนที่เขาอวดตัวเองว่าทำอาหรอร่อย เรียวปากสีสดบนใบหน้าขาวมีรอยยกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลจางๆนั่นก็มีแววระยิบ


...แต่...ยอมกินอาหารอร่อยๆฝีมือคนขี้อวดง่ายๆ มันก็จะง่ายเกินไป...


“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ทานหรอก ไม่ต้องทำเผื่อผม” เสียงของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ทำให้อารมณ์ของเจตน์กระตุกอีกหนตามประสาลูกคนเล็กที่ไม่เคยมีใครขัดใจ เขาหันกลับไปมองคนพูด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองมาที่เขาเหมือนเจ้าตัวไม่คิดอะไร แต่แววประหลาดในดวงตาคู่นั้นเหมือนจะท้าทาย ทว่าสีหน้าเรียบเฉยนั่นปั่นอารมณ์ร่างสูงให้หงุดหงิดอย่างรวดเร็ว


“มึงจะแดกหรือไม่แดกมันก็เรื่องของมึง! ส่วนกูจะทำเผื่อมึงหรือไม่ทำก็เรื่องของกู! อย่ามาสั่งกู!!” แล้วร่างสูงหนาก็หายลับเข้าไปในห้องครัว ทิ้งปกฉัตรให้ยืนอยู่ที่เดิม เขามองตามเข้าไปในห้องครัวกว้างขวาง ที่มีผู้ชายร่างสูงใหญ่หยิบจับเครื่องครัวตึงตังปึงปังเสียงดังไปหมด


...เป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่...เหมือนหมีตัวโตๆที่งุ่นง่านอยู่ใต้รังผึ้ง...


...หงุดหงิดอยากน้ำผึ้ง หงุดหงิดที่โดนผึ้งต่อย หงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่...


...เห็นแก่ความหงุดหงิดเหล่านั้น...รังผึ้งจะหล่นลงไปหาก็ได้...


ปกฉัตรซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ใต้สีหน้าเรียบๆและสายตาที่พรางด้วยหมอกหนาปิดบังรอยวิบวับถูกใจ ก่อนจะเดินตามเข้าไปในครัวแล้วเอ่ยปาก


“ถ้างั้น...ให้ผมช่วยพี่นะครับ”

..........................................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-11-2017 21:00:06



เจตน์คาดไม่ถึง อันที่จริงก็ไม่คิดว่าคนที่มักจะมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าไร้อารมณ์อย่างปกฉัตรจะมีน้ำใจและมารยาทเดินตามเขาเข้ามาในครัวแล้วเสนอความช่วยเหลือ เขาหันไปมองร่างสูงโปร่งที่มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มันเป็นสีน้ำตาลจางๆที่...ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนจะว่างเปล่าในบางที แต่ก็เหมือนความว่างเปล่านั้นคือหมอกหนาๆที่ปิดบังอะไรเอาไว้


...ว่างเปล่าหรือปิดบัง...


...ถ้าว่างเปล่า...แล้วใครจะเป็นคนเข้าไปเติมเต็ม...


...หรือจริงๆแล้วปิดบัง...เพราะ...ไอ้ดิษ...


พอคิดถึงชื่อรุ่นน้องที่สนิทสนมกันมานาน เจตน์ก็หันขวับกลับไปสนใจเคาน์เตอร์ครัว แต่ปากก็ยังออกคำสั่งตามประสาเจ้าบ้านที่ดีเยี่ยม


“หั่นผักแล้วกัน กูจะทำข้าวผัด เขียงอยู่ในตู้นั่น ส่วนมีดก็อยู่โน่น” เจ้าของครัวชี้ซ้ายทีขวาที ทำเอาปกฉัตรมองเหลียวหลังซ้ายขวาตามมือ แต่พอหันกลับมามองคนชี้อีกทีก็ปรากฏว่าเจตน์ไปวุ่นวายอยู่กับการเตรียมเนื้อไก่แล้ว เขาก็เลยต้องไล่เปิดเคาน์เตอร์ครัวทีละอันเพื่อหาเขียงและมีด


“ตามึงมีไว้ใต้คิ้วอย่างเดียวรึไง! เห็นมั้ยว่ากูชี้ว่าเขียงอยู่นี่ ไปเปิดตู้นั้นทำไม” เสียงทุ้มๆดังดุจนปกฉัตรต้องเงยหน้าขึ้นมาจากการเปิดเคาน์เตอร์อันที่ 3 เจตน์เดินมาเปิดอีกเคาน์เตอร์หนึ่งแล้วหยิบเขียงพลาสติกอันเล็กออกมา ก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบมีดออกมาวางคู่กัน


“เอ้า! หั่นสักที! จะได้แดกมั้ยชาตินี้!” พออุปกรณ์ครบด้วยการที่เจ้าของสถานที่หามาประเคนไว้ให้ ปกฉัตรก็รอจนมีดพ้นมืออีกฝ่ายแล้ว ถึงเริ่มพูดจาหาเรื่องเล็กๆน้อยๆเป็นการหากิจกรรมลับฝีปากกัน


“ต่อให้ตาผมจะมีไว้ทำอะไร ผมว่ามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับพี่นะครับ” คนถูกย้อนนึกอยากกินหัวเพื่อนของรุ่นน้องร่วมคณะ อยากจะเอาเรื่องต่อสักหน่อยหรอก ถ้าไม่ใช่ว่ามันเดินมาหยิบมีดหั่นผักแล้ว ท่าทางของปกฉัตรดูคล่องแคล่วกับงานในครัว มือเรียวขาวหยิบจับมีดและผักที่หั่นจนเจตน์มองตามเพลิน


ไม่มีเสียงต่อล้อต่อเถียงอย่างที่คิด ปกฉัตรก็เลยหันมาถาม “มองอะไร” 


ร่างสูงรู้ตัวในวินาทีนั้นว่าเขาจับจ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ แต่จะปฏิเสธก็ใช่ที่ เลยยอมรับหน้าตาย


“ไม่คิดว่าจะหั่นผักเป็น”


“ไอ้ดิษกินผักได้ไม่กี่อย่าง บางอย่างต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ไม่งั้นมันไม่กิน”


“แล้วมึงล่ะ” คำถามของเจตน์ทำเอาคนกำลังหั่นผักต่อถึงกับชะงักอีกครั้ง หัวใจเต้นตึ่กๆเมื่อจู่ๆประเด็นการพูดคุยก็เบี่ยงมาที่เขา แถมเป็นการเบี่ยงแบบที่เจตน์ตั้งคำถามเองด้วย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบกลับมามอง แต่คนถามยักไหล่เหมือนไม่ได้สนใจจะเอาคำตอบเท่าไร


“อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็เรื่องของมึง แต่จะห้ามไม่ให้กูถามน่ะไม่ได้ ที่นี่ห้องครัวกู คอนโดกู และคำถามก็เป็นคำถามของกู อย่าเสือกมาสั่งกูห้ามถาม” เป็นอีกครั้งที่ความปากเสียของเจตน์ทำเอาคนที่พยายามทำสีหน้าเรียบๆต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการกลั้นรอยยิ้ม ยิ่งพอหันไปมองร่างสูงที่กำลังจ้องเอาจ้องเอาเหมือนจะไม่ปล่อยให้เขาลอยนวลไปกับความเงียบ ก็เลยต้องกระแอมในคอแล้วตอบช้าๆ


“ก็...ก็กินได้...” คำตอบแบ่งรับแบ่งสู้นั้น ทำเอาเจตน์ทำเสียงหึ


“ถ้าให้กูเดา ที่มึงแดกได้ เพราะแดกแทนไอ้ดิษมาตลอดสิท่า!” เจตน์พูดแล้วเบ้ปากมองจ้องเข้าไปในดวงตาของร่างโปร่ง ปกฉัตรชะงัก ที่ร่างสูงพ่วงชื่อเพื่อนสนิทของเขาเข้ามาอีกแล้ว หรือว่า...จะเข้าใจว่าเขากับดิษกรคบหากันเกินเพื่อนจริงๆ


...นิ่งไว้ก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งพูดอะไรออกไป เพราะคนอย่างเจตน์ ยังไงๆก็ต้องหลุดออกมาเองแน่ๆ...


   ร่างโปร่งไม่พูดอะไรอีก เขาก้มหน้าก้มตาหั่นผักต่อ สมาธิและสติแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกอยู่กับการหั่นผัก อีกส่วนอยู่ที่เจตน์ ที่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก


   “อ้าว เงียบไปเลย กูพูดอะไรไม่เข้าหูรึไง”


   ...นั่นไง...มาไม้นี้ ไม้หาเรื่อง...


   ...จะหาเรื่องกลับ หรือว่าเลี่ยงดี?...


   “ผมว่าพี่รีบล้างเถอะ จะได้รีบทำ” คนพูด พูดทั้งที่ไม่มองหน้า ทำเป็นเลี่ยงไม่อยากลับฝีปากด้วย ทั้งๆที่คนที่หาเรื่องมาตั้งแต่แรกก็คือเขาต่างหาก และดูเหมือนการเลี่ยงของปกฉัตรจะทำเอาเจตน์หงุดหงิด ร่างสูงทิ้งเนื้อไก่ที่กำลังล้างลงจาน ก่อนจะเดินมาจับปลายคางแล้วบิดมาสบตากับเขา


   “กูไม่ชอบคนสั่งกู! และกูก็ไม่ชอบคนที่พูดโดยไม่มองหน้ากู!”


เป็นครั้งแรกที่ร่างสูงได้สบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยคิดว่าว่างเปล่า มันเป็นระยะประชิดที่ทำให้มองเห็นว่าความว่างเปล่าที่เขาเคยเห็นนั้น มีอีกหลายอย่างซุกซ่อนอยู่ในนั้น เจตน์รู้สึกประหลาด อะไรบางอย่างพลุ่กพล่านในอกอย่างไม่รู้สาเหตุ เคยจ้องตาปกฉัตรจากระยะไกลก็ว่าดูไร้อารมณ์ ดูว่างเปล่า ดูไม่สนใจใยดี แต่ไม่คิดมาก่อนว่าพอมองใกล้ๆ กลับพบว่านัยน์ตาสีอ่อนนั้นสะสมประกายประหลาดเอาไว้มากมายขนาดนี้


   ...พวกนี้คืออะไร อะไรที่ซ่อนอยู่ในสายตาคู่นี้...


   “ปล่อย...” ในขณะที่เจตน์ดำดิ่งลงไปในดวงตาคู่นั้น ปกฉัตรก็ปลุกสติด้วยการพยายามดึงมือที่แข็งราวกับเหล็กคีบออกจากปลายคางเขา ทั้งเขินทั้งหวั่นยามสบตากับเจตน์จนไม่กล้าปล่อยให้อีกฝ่ายจ้องนานกว่านี้ แต่เพราะอยู่ใกล้กันเกินไปและมือของเจตน์ก็บังคับให้เขาขยับไปทางไหนไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องพยายามดึงมืออีกฝ่ายออก


   ร่างสูงยอมปล่อย แต่ไม่วายแกล้งด้วยการเอามือตัวเองไปป้ายจมูกอีกฝ่าย


   “เหม็นดีมั้ยล่ะ! กลิ่นไก่ดิบเนี่ย!” ตอนนั้นเองที่ปกฉัตรเพิ่งรู้สึกว่ามือที่เจตน์มาจับคางเขาเมื่อครู่นี้เพิ่งจะล้างเนื้อไก่มาหมาดๆ เขายกหลังมือเช็ดคางตัวเองแล้วทำหน้าเบ้เพราะกลิ่นไม่พึงประสงค์


   “มาล้างตรงนี้” มือใหญ่ดึงแขนร่างโปร่งให้เดินไปที่อ่างล้างจาน แต่เจ้าตัวดึงแขนตัวเองหนี


   “เลิกจับผมได้แล้ว ยิ่งจับยิ่งเลอะ”


   “เดี๋ยวมึงจะได้เลอะกว่านี้ถ้ายังดื้อกับกู” สุดท้าย ปกฉัตรก็ต้องยอมตามใจคนที่ออกตัวว่าไม่ชอบถูกใครสั่ง เขายอมเดินตามไปที่อ่างล้างจาน ยอมเปิดน้ำออกมาล้างปลายคางและแขนในขณะที่เจ้าของห้องครัวยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ พอล้างเสร็จปกฉัตรถึงได้เดินกลับไปหั่นผักต่อ และเมื่อนั้นเสียงเจตน์ถึงดังขึ้นอีกหน


   “ผักน่ะ มึงหั่นให้มันชิ้นใหญ่ๆหน่อย กูไม่ชอบแดกวิญญาณผัก แล้วถ้าไอ้ดิษมันแดกไม่ได้ เดี๋ยวกูจับยัดเอง” ปกฉัตรสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับหัวใจที่เต้นตึ่กตั่กเมื่อครู่นี้ซึ่งมันกำลังจะกลายเป็นหมั่นไส้เพราะความบ้าอำนาจของเจ้าของห้องครัว


   ...ปากว่าไม่ชอบถูกสั่ง แต่เรื่องสั่งคนอื่นนี่เก่งเหลือเกิน!!!...

…………………………

สองเพื่อนซี้อยู่ที่คอนโดของเจตน์จนดึก ปกฉัตรที่ไม่ได้ดื่มและตั้งใจว่าจะหามุมเงียบๆอ่านหนังสือ ก็กลายเป็นถูกเจ้าของห้องลากไปนั่งร่วมวงด้วย แต่ก็เป็นการร่วมวงอย่างเงียบๆเท่านั้นเอง ในขณะที่ดิษกรเมากรึ่มๆในแก้วสุดท้าย ก่อนจะล่ำลาวงเหล้าลงมาที่รถ คนขับจึงกลายมาเป็นปกฉัตรแทน


รถญี่ปุ่นของดิษกรจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กที่มีไฟสว่างจ้ามาจากในห้องอเนกประสงค์ด้านใน บอกให้รู้ว่าเจ้าของบ้านซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของดิษกรกลับมาแล้ว


“ไหวมั้ยมึง” ปกฉัตรหันมาถาม หลังจากดับเครื่องเรียบร้อย


“ไหวสิ แตงกิ้วมากปกเพื่อนรัก” ดิษกรยิ้มตาหวานเยิ้ม แล้วลากเอาหน้าผากขาวๆของเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่อนุบาลมาจูบทีหนึ่ง ซึ่งแรงประหนึ่งโขก


“ไอ้เชี่ยดิษ กูเจ็บ” คนถูกโขกหน้าผากด้วยริมฝีปากบ่นอย่างไม่จริงจังนัก คนที่เมากรึ่มเลยยิ้มหวานอีกรอบ


“เจ็บนิดเดียวเองงงงง แล้ว...มึงกลับไง” ดิษกรถามแล้วเปิดประตูจะลงจากรถ ลมเย็นๆพัดมากระทบใบหน้าให้รู้เนื้อรู้ตัวบ้าง แต่ก็ยังนั่งอยู่บนเบาะเหมือนเดิม ทั้งๆที่สองขาเหยียบพื้นแล้ว


ปกฉัตรส่ายหน้าอย่างระอา ลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาหาคนที่นั่งอยู่ในรถ แต่สองขาเหยียบพื้นโลก


“บ้านกูก็อยู่ข้างๆบ้านมึงไง” เขาว่าอย่างนั้นแล้วชี้นิ้วโป้งข้ามไหล่ไปบ้านหลังติดกันที่ปิดไฟมืด


มืดแน่ล่ะ เพราะบ้านหลังนั้นนอกจากปกฉัตรแล้ว ก็ไม่มีใครอยู่ ทั้งบิดามารดาทำงานอยู่ต่างประเทศกันหมด


“เออ...จริงด้วย มึงย้ายมาอยู่บ้านนี้ตอนอนุบาลสอง ห้อง ก.ไก่” เมาแล้วพูดจาเลอะเทอะไปหมด ขืนยังปล่อยเอาไว้แบบนี้ คืนนี้คงได้คุยไปตบยุงไป เขาดึงแขนเพื่อนสนิทออกมาจากรถ แม้ดิษกรจะตัวใหญ่กว่า หนากว่า แถมเป็นนักกีฬาฟุตบอล แต่เวลาเมากรึ่มๆแบบนี้ มันก็ทำตัวบอบบางปลิวลมยอมออกมาจากรถตามแรงดึงได้อย่างง่ายๆ


“เข้าบ้านไปได้แล้ว กูจะกลับแล้ว” ปกฉัตรพูดแล้วปิดประตูรถให้ ตามด้วยกดล็อกรถให้อีก แล้วยัดกุญแจรถใส่มือ


“รับทราบ ไว้เจอกันใหม่ เออ...วันจันทร์ มึงมีเรียนเช้าใช่มั้ย ไปกินข้าวโรงอาหารคณะกูนะ” คนเมาชวนแล้วยิ้มหวานเจี๊ยบ ปกฉัตรนิ่งไปเล็กน้อย...ถ้าไปที่นั่น เขาก็อาจจะได้เจอรุ่นพี่คนสนิทของดิษกร


“ไปน้า ไป ไป” ผู้ชายตัวใหญ่ที่เวลาเมาแล้วทำตัวอ้อแอ้ได้น่าเตะที่สุดในโลกก็น่าจะเป็นดิษกรนี่แหละ และปกฉัตรก็คงจะเตะไปแล้ว ถ้าหากว่า...ไม่คิดถึงวันจันทร์หน้าซะก่อน


...ถ้าไปคณะบัญชี ถึงจะกว้างแค่ไหน แต่โอกาสได้เจอก็มากกว่าอยู่เฉยๆ...


แม้ในใจจะลิงโลด แต่คนหน้าตาเรียบเฉยก็ทำสีหน้าเรียบๆ พยักหน้าอย่างขอไปที


“เออๆ มึงเข้าบ้านไปได้แล้ว กูกลับล่ะ” ต้องรีบชิ่งก่อนจะเผลอยิ้มดีใจ ปกฉัตรหมุนตัวเดินออกจากประตูรั้วของบ้านเพื่อนสนิทไปยังบ้านหลังข้างๆ เพราะคนที่อาศัยอยู่ในบ้านสองหลังนี้สนิทสนมกันอย่างดี รั้วกั้นจึงเตี้ยพอที่ความสูงของดิษกรจะทำให้เขามองเห็นเพื่อนสนิทร่างสูงโปร่งเดินจากประตูรั้วบ้านไปยังหน้าบ้านที่ยังมืด แม้จะเมาแต่หนุ่มปีหนึ่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีก็มองส่งเพื่อนรักเข้าบ้าน เปิดไฟสว่างจ้าเรียบร้อย


ดิษกรกำลังจะเดินเข้าบ้านตัวเองบ้างเช่นกัน แต่เเรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ทำเอาเขาต้องหยุดเดินแล้วหยิบขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำเอากะพริบตาปริบๆ แต่ก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว


“เฮีย...”


   ‘กูลืมเอาเลคเชอร์ปีที่แล้วให้มึงว่ะ ไอ้ดิษ’


   “โอยยยย...ถ้าให้สิโกรธ มือขวาน้องดกเหล้า มือซ้ายให้รับเลคเชอร์ เกินไป๊”


   ‘ไอ้หอก รักการเรียนบ้างก็ได้’ ดิษกรหัวเราะลั่น


   “งั้นเอาสัปดาห์หน้าก็ได้เฮีย วันจันทร์เฮียเข้าคณะมั้ยล่ะ”


   ‘ไม่’


   “โถ นึกว่าจะได้เจอกัน”


   ‘กับแค่เลคเชอร์ กูฝากไว้ร้านซีร็อกก็ได้ มึงไปเอาแล้วกัน’


   “ไม่ได้หมายถึงผมเจอกับเฮีย แต่หมายถึงเฮียเจอกับเพื่อนผมต่างหาก” ดิษกรแย็บไปถึงเพื่อนรักหนึ่งเดียวในดวงใจอย่างปกฉัตร แน่นอนว่าเขารอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อตอนเย็นก็ไม่รู้ว่าทั้งปกฉัตรและเจตน์คุยกันเรื่องอะไร แต่...ถ้าคุยกันได้ ก็น่าจะเคลียร์กันแล้ว และถ้าเคลียร์กันแล้ว ก็น่าจะเจอกันได้อีก...หลายๆครั้งสิ


   คนนึงก็รุ่นพี่ที่เคารพ อีกคนก็เพื่อนที่รัก ดิษกรชูสามนิ้วสาบานว่าอยากให้ทั้งสองคนรักกันมากๆเลยนะ!


   ‘เพื่อนมึง? ไอ้เด็กรัฐศาสตร์นั่นน่ะเหรอ’


“มันชื่อปกครับเฮีย ชื่อจริงชื่อปกฉัตร ไม่ใช่ปกสมุด ปกหนังสือ ปกหนา ปกบางอะไรนะเฮียยยยยย”


‘กูรู้แล้ว’


“ฮั่นแหน่ะ! รู้แล้ว แล้วไปเรียกไอ้เด็กรัฐศาสตร์ทำไม เดี๋ยวเขาก็สะดุ้งกันทั้งคณะหรอก ถ้าจะเรียกก็ต้องเจาะจงนิดนึง เรียกเด็กรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปีหนึ่ง...”


‘กูจะเรียกอะไรมันก็เรื่องของกู’


“แหน่ะ! ดุ...ดุทำไม ผมแค่อยากให้เฮียกับเพื่อนผมดีกัน มาเจอกัน มากินข้าวด้วยกัน...”


‘จะให้กูเจอกับมันทำไม’ เสียงทุ้มๆที่ปลายสายตอบกลับมานั้น คนเมากรึ่มๆถึงกับขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกว่ามันจะฟังแล้วห้วนไปหน่อย


“อ้าว...ก็...เผื่อเฮียจะสนิทกับมันบ้าง”


‘กูไม่ได้อยากสนิท! แค่นี้นะ! แล้วมึงไปเอาเลคเชอร์ด้วย!’ แล้วปลายสายก็ตัดไปอย่างรวดเร็ว ดิษกรได้แต่ลดโทรศัพท์ในมือลงมาดูอย่างงุนงง ก่อนจะมองข้ามรั้วเตี้ยไปยังบ้านหลังข้างๆที่มีไฟเล็ดลอดออกมาจากชั้นสอง


...ไอ้ปกกับเฮียเจ๋งมีเรื่องอะไรกันน้า...ดิษกรอยากช่วยเหลือให้ดีกันเหลือเกิ้น!...

...................

เจตน์โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งบนโซฟาข้างตัว หงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุทันทีที่ตัดสายจากรุ่นน้องร่วมคณะ ไม่รู้หงุดหงิดอะไร ทั้งๆที่ตอนร่วมวงเหล้าด้วยกัน ก็อุตส่าห์อารมณ์ดีเพราะเหล้าและผองเพื่อนแล้วเชียว แต่...พอโทรศัพท์คุยกับรุ่นน้องอย่างดิษกร แถมเรื่องของปกฉัตรมาด้วย เขาก็คิดไปถึงไอ้หน้าตาเฉยๆเหมือนไม่ยินดียินร้ายกับอะไรสักอย่างบนโลกใบนี้ของมันขึ้นมาอีก


....แม่ง!...แล้วทำไมสมองกูต้องคิดถึงหน้ามันด้วยวะเนี่ย!!...


แม้จะดึกมากแล้ว แต่เพื่อดับอารมณ์หงุดหงิดในหัวใจ หนุ่มปีสองจากคณะบัญชีเลยตัดสินใจจะอาบน้ำอีกสักรอบก่อนนอน ทว่า...ไม่ทันจะลุกไปไหน เสียงโทรศัพท์ที่แอ้งแม้งอยู่ข้างๆก็ดังขึ้น


ดวงตาเรียวเหลือบไปมอง บนหน้าจอขึ้นชื่อ ‘เฮียโจ๊ก’ ก็เลยตัดสินใจหยิบมากดรับสาย


“ไง เฮีย ดึกๆดื่นๆไม่นอนรึไง” เขาถาม แต่ตัวเองลุกขึ้นเดินเก็บซากอารยธรรมวงเหล้าที่วางเกลื่อนอยู่แถวชุดโซฟาไปเรื่อย ที่ตอนแรกกะจะอาบน้ำก็เลยผลัดไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าจู่ๆทำไมญาติผู้พี่คนนี้ถึงโทร.มาหา


‘เสาร์หน้ามึงว่างรึเปล่า’


“เสาร์หน้า? หมายถึงไม่ใช่พรุ่งนี้ใช่มั้ย” เพราะคืนนี้คือคืนวันศุกร์ เจตน์ที่มีแอลกอฮอลล์ในเลือดนิดหน่อยเลยมึนขึ้นมากะทันหัน


‘สัดเจ๋ง กูบอกเสาร์หน้า ถ้าพรุ่งนี้กูก็พูดว่าเสาร์นี้สิ’ และก็สมกับเป็นญาติผู้พี่ที่ปากเสียสมกับเป็นพี่น้องกันนั่นแหละ


“เออๆ เข้าใจแล้ว เสาร์หน้าเฮียจะทำไม”


‘กูไม่มีรถใช้’


“แล้ว?”


‘กูต้องไปคณะ จะให้มึงขับรถให้หน่อย กูจะยืมรถมึง กูก็ไม่ชอบขับรถคนอื่น’ เป็นญาติผู้พี่ที่เรื่องมากและเอาแต่ใจสุดขีด ดีว่าสนิทกันมาแต่เด็กหรอกนะ ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าคนอย่างเจตน์จะใจดี


“เฮียไปกี่โมงล่ะ” ปากถาม มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหู อีกมือเก็บจาน เก็บถ้วยมาไว้ที่อ่างล้างจาน


‘เก้าโมงเช้า’


“ทำไมเช้าจังวะ เฮีย”


‘เออหน่า สรุปว่ามึงว่างใช่มั้ย’


“บอกก่อน เฮียจะไปทำไมแต่เช้า” ปลายสายเงียบไปอึดใจ ก่อนที่คำตอบจะดังขึ้น


‘คณะกูมีจับสายรหัสอะไรไม่รู้ พี่รหัสบังคับกูไป’


...อ้อ...ที่แท้ก็กิจกรรมคณะนั่นเอง... เจตน์แอบฉุกใจเล็กน้อย เพราะเท่าที่สนิทสนมกับญาติคนนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนอย่าง ‘เฮียโจ๊ก’ ทำกิจกรรมคณะด้วย


‘เฮ้ย อย่าเงียบสิวะ สรุปว่าไง มึงไปส่งกูได้มั้ย’


“เออๆ เดี๋ยวขับรถให้” เจตน์รับปาก


‘งั้นเสาร์หน้า แปดโมงครึ่งมึงมารับกูที่คอนโดแล้วกัน’


“เออ” หนุ่มบัญชีกำลังจะตัดสาย แต่ตอนที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำใส่จานชามที่ยังไม่ได้ล้าง เขาก็พลันนึกถึงใครบางคนที่เมื่อตอนเย็นเข้ามามีส่วนร่วมในครัวนี้


“เฮีย! เดี๋ยวๆ!”


‘อะไรวะ อย่าบอกกูนะว่าจะไม่พาไปแล้ว’ ปลายสายทำเสียงห้วนกลับมา ไม่สมกับที่มาขอความช่วยเหลือเลยสักนิด แต่เจตน์ไม่มีเวลามาฉุนกับน้ำเสียงของญาติผู้พี่ เพราะมีอย่างหนึ่งที่เขาอยากถามเพื่อความแน่ใจ


“เฮียจะให้ผมไปส่งที่คณะ?”


‘เออสิ! ก็กูบอกว่ากูจะไปคณะ’


“แล้วเฮีย...อยู่คณะไหน”


‘รัฐศาสตร์โว้ย! ไอ้สัดเจ๋ง ถ้าสมองมึงไม่พร้อม ก็ไม่ต้องคุยกับกู! เสียเวลา! แค่นี้แหละ! แล้วเสาร์หน้ามารับกูด้วย!’ แล้วปลายสายก็ตัดไป ในขณะที่เจตน์ยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าอ่างล้างจานแล้วได้แต่กะพริบตาปริบๆ แล้วทันใดนั้น พอเขามองไปทางเคาน์เตอร์ครัว ก็เหมือนเห็นภาพซ้อนของใครบางคนกำลังก้มๆเงยๆหาของเหมือนเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมานี้


‘มันชื่อปกครับเฮีย ชื่อจริงชื่อปกฉัตร…’


…ปก...ปกฉัตร...


หัวใจเต้นดังตึ่ก! ครั้งที่หนึ่ง!


‘…เรียกเด็กรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปีหนึ่ง’


…รัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปีหนึ่ง…


หัวใจเต้นดังตึ่ก! ครั้งที่สอง!!


ภาพดวงตาสีน้ำตาลจางที่มีประกายบางอย่างซุกซ่อนอยู่ข้างในยามมองใกล้ๆนั้นหวนกลับมาอีก เจตน์รู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกดึงดูดให้เข้าไปอยู่ในวงโคจรของอะไรบางอย่างที่หนีไม่ได้ หันหลังให้ก็ไม่ได้ เพราะสุดท้าย...ปกฉัตรก็ยังมาวนเวียนอยู่รอบตัวของเขาอยู่ดี!


หัวใจเต้นดังตึ่ก! ครั้งที่สาม!!!


...ไม่! ไม่มีทาง!! ถึงจะคณะเดียวกับเฮียโจ๊ก แต่ก็อยู่กันคนละภาควิชา ไม่มีทางเจอกันหรอก!...


เจตน์ตัดสินใจผลักความรู้สึกบางอย่างออกไปจากใจ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาล้างจานโดยไม่รู้ความจริงบางอย่างที่ ‘เฮียโจ๊ก’ ไม่ได้บอก


คณะรัฐศาสตร์มี 4 ภาควิชาก็จริง และแต่ละภาควิชาก็จับสายรหัสภายในภาคฯของตนเองก็จริง แต่...ทุกภาคฯจับสายรหัสพร้อมกัน จับเวลาเดียวกัน และวันเดียวกัน!


วงโคจรอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับปกฉัตร ชาตินี้ทั้งชาติ…เจตน์ก็ไม่มีทางสลัดหลุดแน่นอน!!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

บางทีปกเขาก็อยู่ของเขาเฉยๆ อิโจ๊กดึงน้องมันมาใกล้เอง (ส่วนโจ๊ก...มนุษย์ซึ่งไม่ร่วมชุมนุมใดๆ แต่เราจะรู้กันเงียบๆว่ามันไปจับสายรหัสทำไม ไออาร์มา อิโจ๊กไม่มาได้ไง ฮ่าฮ่า)

เรื่องนี้ ถึงจะเชื่อมกับวาระซ่อนเร้นอยู่นิดหน่อย แต่โทนเรื่องก็คนละอย่างกันเลยล่ะค่ะ เพราะปกฉัตรมาสายขรึมแบบนี้ แถมเฮียเจ๋งก็สายโวยแหลกไปหมดทุกอย่างยังงี้ แต่ถึงยังไงก็ตาม เราก็จะพาคนรู้จักจากวาระซ่อนเร้นมาแวะเวียนในเรื่องนี้บ่อยๆนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสฯหน้า

ป.ล. เนื่องจากตอนนี้มันสั้น ภายในสัปดาห์นี้จะเอาสเปของขวัญพี่โตมาลงให้ได้อ่านก็แล้วกันนะ (นี่มันแทนกันได้ด้วยเหรอ??? ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-11-2017 21:25:45
ขอบคุณค่ะ  จีบแบบเนียนๆเลยนะน้องปก
เหอๆ  และจีบติดซะด้วย  อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-11-2017 21:26:08
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-11-2017 21:41:23
ยังยืนยันคำเดิมว่าอิพี่เจ๋งนี่ไบโพล่าร์หนักกว่าพี่โจ๊กอีก เฮ้ออ เหนื่อยกับความเกรี้ยวกราดของพี่แกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-11-2017 22:19:11
ชอบความวางแผน
แถมเหยื่อติดเบ็ดละเด้อออ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 16-11-2017 22:43:37
ชอบคาแรกเตอร์ปกจัง ดูมีอะไรน่าค้นหาดีอ่ะ
เหมือนทุกอย่างมีแผนไปหมด ดูร้ายเหมือนกันนะ 555

ว่าแต่ลูกคนจีนบ้านนี้ไบโพลาร์เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2017 22:59:06
พี่น้องบ้านนี้มันพอๆกันเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-11-2017 22:59:57
หลานปกหย่อนเบ็ดไว้นิ่ง ๆ นะ เด๋วปลาก็มาติดเองแหละ  :man1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 16-11-2017 23:45:50

ชอบๆ
เจตน์ คนชอบสั่งขี้โวยวาย
ปก คนแอบเก๊กแต่ใจสั่นตลอด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-11-2017 00:17:21
ทะเลาะกันเข้าไป..เดี๋ยวก้อลูกดกหรอก  :z1:  :z1: :z1:
รอของขวัญกะพี่โต คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ    :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-11-2017 00:45:54
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 17-11-2017 01:13:24
ไวกว่าที่ปกคาดแน่เลย ดีๆ รอเฮียติดบ่วงจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-11-2017 01:27:27
เฮียเจ๋งคือค่อยๆตกหลุมพรางที่น้องค่อยๆขุดไว้เรื่อยๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 17-11-2017 01:35:27
น้องปกเงียบๆขรึมๆ แต่มีแผนในใจ ปะทะ เฮียเจ๋งขี่โวยวาย แต่ไร้แผนการต่อสู้ งานนี้มีเฮแน่นอน5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 17-11-2017 04:12:47
ทีมปกค่ะเชียร์สุดๆ เค้าเริ่มใกล้ชิดกันแล้ววววว :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 17-11-2017 05:43:25
ปกทำดีแล้วลูก วางกับดักใส่เจ๋งไว้เยอะๆให้มันหลงเราโดยไม่รู้ตัว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-11-2017 07:04:05
ดับเบิ้ลพรหมลิขิต 55555 สลัดกันไม่หลุด จนอิพี่จะกลายเป็นไบโพล่าห์ล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 17-11-2017 07:46:20
โจ๊กปกครองจะไปส่องโซ่ไออาร์หรอออ 55555
เจ๋งเริ่มตกหลุมปกทีละนิดแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: TNM ที่ 17-11-2017 10:03:55
น้องปกคือคนละสายกับพี่โซ่เลยอ่ะ๕๕๕๕๕เจ้าเล่ห์เหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 17-11-2017 10:27:45
เฮียเจตน์มีความเกรี้ยวกราดเหมือนพี่โจ๊ก 5555
ส่วนน้องปก วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน
น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-11-2017 10:28:20
พี่เจ๋งเริ่มหวั่นไหวแล้ว น้องปกพยายามเข้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 17-11-2017 10:57:58
วรั้ยยยย ชอบน้องดิษกร55555 ผู้ชายใสๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-11-2017 12:34:11
สองพี่น้องตัว จ.กะลังจะเสร็จเด็กไออาร์ทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 17-11-2017 12:53:27
'...มีเพื่อนเยอะแล้ว แต่ไม่เคยเป็นเมียใครเลย นี่พูดจริงๆ...'

น้องปก ประโยคนี้ คือ ประโยคบอกเล่าแบบเปิดให้ใครใช่มั้ยคะ :m4: :m12:



...ไม่รู้ว่าจะมีใครคิดเหมือนกันรึปล่าวนะ!!  :m28:

ที่พี่เจ๋งช่างโวยวายเนี่ย ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นนายเอกมากกว่าพระเอกล่ะ  :m13:

ดูพี่เจ๋งเหมือนไบโพล่า แต่มุ้งมิ้งน่ารักนะเวลาปะทะกับน้องปก   :m1:

ส่วนน้องปกนี่.....  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 17-11-2017 14:24:41
ถัดจากโจ๊กปกครอง ก็เป็นเจ๋งบัญชีนี้ละ    ตามมมมม
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 17-11-2017 15:02:43
ปกร้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 17-11-2017 15:17:21
จีบแบบเนียนๆ 55555
น้องปกน่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-11-2017 20:13:52
ปกนี่ใช้สูตรโกงแบบบขัดใจไม่เรื่อยๆให้จำได้อะ5555
ไม่ว่ายังไงก้ตามเฮียมันก้จำน้องได้ขึ้นใจแล้ว
คิดถึงโซ่จังเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-11-2017 21:25:14
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 17-11-2017 22:32:10
อ่านแล้วมีความติดหนักมาก น้องปกนี่เนียนกริ๊บเลย รุกคืบแบบเงียบๆ
ส่วนเฮียโคตรจะโฉ่งฉ่าง นี่เฮียแอบชอบน้องมานานแต่ไม่รู้ตัว ขวางหูขวางตาตลอดดด
น้องก็ช่างกวนคนพี่ซะจริงๆ น่าฟัด เฮียๆ ฟัดให้เข็ดไปรุย กวนดีนัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 17-11-2017 23:39:45
 เฮียเจ๋งชอบเขาแล้วล่ะซี๊ พอคิดว่าเขาเป็นมากกว่าเพื่อนกันก็หงุดหงิด เขาไม่ได้เรียก อิจฉาความรักของคนอื่นค่ะเฮีย เขาเรียกว่า หึง ปากก็ด่าเขาแต่ก็คิดถึงเขาอะ ถ้าอีกสักพักเฮียเจ๋งยังคิดว่าดิษกับปกคบกัน เฮียเจ๋งจะเป็นยังไงเนี่ย ขนาดแค่นี้ยังใจเต้น แค่ได้ยินคณะรัฐศาสตร์จากโจ๊กก็คิดไปถึงน้องปกแล้ว
 คิดถึงโจ๊กจังเลย ชอบคติไม่ชอบเข้าสังคม แต่ถ้าสังคมนั้นมีโซ่โจ๊กจะอยู่
 ถึงแม้ว่าบุคลิกของโจ๊กกับเจ๋งจะคล้ายๆกันแต่คุณบัวแต่งออกมาทำให้ความรู้สึก นิสัย บรรยากาศโดยรอบของโจ๊กกับเจ๋งไม่เหมือนกันเลยค่ะ แบบแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่านี่แหละโจ๊ก นี่แหละเจ๋ง มันดีมากๆ ;w;
ติดตามตอนต่อไปนะคะ พี่โตกับน้องขวัญด้วย คิดถึงคุณอธิปที่สุดดด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 18-11-2017 07:48:36
 เข้าหาแบบธรรมดาเฮียไม่จำ ตอนนี้เฮียจดจำได้แล้ว ไม่รู้จำได้เพราะไม่ชอบขี้หน้าหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 18-11-2017 16:52:39
รักความเกรี้ยวกราดของพวกเขาเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-11-2017 21:44:37
ไม่รู้ว่าใครเต๊าะใครเลย 555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-11-2017 06:34:31
ค่ะ ทำตัวมีลับลมคมใน เหมือนคนเก็บกดกันไปอีก
เจอหน้าก็จะดีใจมากไม่ได้ จะยอ่มมากก็ไม่ได้ ปกฉัตรเจ้าแผนการ

เจตต์จะเป็นบ้าสักวัน อารมณ์สวิงเหลือเกิน แต่คิดถึงเค้านี่ยังไงน้า น่าจะคิดนะ

ตลกโจ๊ก งานไหนไม่เคยร่วม แค่พี่บังคับไม่ช่วยอะไรหรอก อยากไปเจอหน้าโซ่ก็บอกมาเหอะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-11-2017 10:51:13
ของขวัญพี่โต อิอิ เหยื่อเจ๋งติดเบ็ดของปกฉัตร ก๊ากๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 19-11-2017 11:58:12
รออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 19-11-2017 14:58:08
น้องปกเก็บอาการดีมากเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-11-2017 18:33:55
ปกก็ร้ายไม่เบานะ มีวางแผนไว้ด้วย 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 22-11-2017 06:00:57
ตามมาจากวาระซ่อนเร้น
สารภาพว่าแอบชอบคาร์แรกเตอร์ของเฮียเวฟมาตั้งแต่เรื่องโจ๊กโซ่ มีความขิงในบารมี มีความหวงน้องและโชว์พาวเบาๆ มุกที่ชอบที่สุดคือมุกคอนเนคชั่นที่เฮียแกใช้ขิงต่อหน้าน้องๆ นี่แหละค่ะ ถูกใจอีช้อยยิ่งนัก!
ส่วนน้องปกนี่ อ่านจากวาระฯ แล้วนึกว่าจะเป็นคนซื่อๆ ใสๆ แนวโซ่ แต่กลับไม่ใช่เลย แค่ติดจะเนิบๆ เรียบๆ เก็บอารมณ์เก่งไรงี้มากกว่า แต่ในส่วนของความคิดนี่...ร้ายอ่ะ เรียกว่าอยู่เป็นกันเลยทีเดียว ชอบๆ คูลดี
ส่วนเจ๋งนี่เหมือนโจ๊กเวอร์ชั่นซื่อๆ อ่ะ คือนางเต้นไปตามปกแบบไม่เฉลียวใจเลย เหมือนหมีตัวใหญจริงๆ ด้วย แล้วก็ชอบพื้นฐานนิสัยของคนตระกูลนี้นะคะ ลักษณะนิสัยของทั้งโจ๊กและเจ๋งสะท้อนให้เห็นถึงการถูกเลี้ยงดูมาอย่างอบอุ่น เอาใจใส่ เติบโตมาในครอบครัวที่ดี และอบอวลไปด้วยความรัก
ชอบดิษตอนเมานะคะ ดูเป็นผู้ชายมุ้งมิ้ง เอ็นดูนาง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 22-11-2017 16:33:10
ขอบคุณคุณบัวฮะ อ่านแล้วคิดถึงโจ๊กโซ่จริงๆ แต่มีทั้งคู่แวะเวียนมาบ่อยๆนี่ดีใจจังเลย
เจ๋งกับโจ๊กนี่โขกกันมาเลย 5555+
 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-11-2017 08:11:42
พึ่งเจอเรื่องนี้ ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 23-11-2017 17:03:13
ปากพี่น้องบ้านนี้เขาคุณภาพจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 3 (16 พ.ย. 2560) หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2017 19:30:39
มารอจ้า
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-11-2017 21:21:48
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 4


   ชีวิตของนิสิตปีหนึ่งมีเรื่องให้ทำมากมาย นอกจากจะเข้าเรียนแล้ว ยังมีห้องเชียร์ตอนเย็น แม้กระทั่งวันเสาร์ที่ควรจะได้หยุดอยู่บ้าน ก็ยังมีกิจกรรมจับสายรหัส


ปกฉัตรถอนหายใจเบาๆ รู้สึกล้ากับกิจกรรมจำนวนมากที่ผลาญพลังงานของเขา แต่...พอคิดว่าชีวิตนี้จะมีปีหนึ่งแค่ครั้งเดียว เขาก็ฮึดแรงออกจากบ้านมาที่คณะ


   วันๆวนเวียนอยู่แต่ในคณะ แทบไม่ได้ย่างกรายไปที่อื่นเลย คิดมาถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจอีกเฮือก อุตส่าห์สละเวลาตอนเช้าไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะบัญชีกับดิษกรวันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ เว้นวันพฤหัสหนึ่งวัน เพราะเดี๋ยวเพื่อนสนิทจะสงสัยว่าทำไมไปบ่อย แล้วก็ไปวันศุกร์อีกที


แต่...เขาก็ไม่ได้เจอหน้าเจตน์อีก


   ...ทำยังไงจะได้เจอกันอีกนะ ถึงจะชอบทำหน้าบูดไปหน่อย แต่...ก็อยากเห็นหน้ามากๆเลย...


   “มอนิ่ง ปก” เสียงทักสดใสพร้อมด้วยฝ่ามือตบเข้าที่กลางหลัง ทำเอาปกฉัตรที่เดินคิดสะระตะถึงกับสะดุ้งเฮือกหันไปมอง เจ้าของฝ่ามือคือติซซี่ มีหนุ่มปีหนึ่งอีกคนติดสอยห้อยตามมาด้วย ปกฉัตรส่งยิ้มให้ทั้งติซซี่และเพื่อนผู้ชายคนนั้นที่อยู่ภาควิชาเดียวกับเขาแต่ไม่ค่อยได้คุยกันนัก


   “ปกไปโรงอาหารด้วยกันเปล่า เรากับเจฟจะไปหาไรกินก่อน” ปกฉัตรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ ติซซี่ก็คว้าแขนเขาไปควง


   “โอยยยย ไม่ต้องดูแล้ววววว...พวกพี่นัดสิบโมง นี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่งเอง! ไปกินข้าวกับเราเถอะ! นี่เจฟกับปกรู้จักกันรึยัง เจฟซิ่วมาแหละ อายุแก่กว่าแต่เข้าพร้อมกัน ก็นับว่าเป็นผั...เอ๊ย! เพื่อนนนนนน” ติซซี่ผู้แสนอัธยาศัยดีถามชายหนุ่มสองคนที่ตัวเองควงไว้ซ้ายคน ขวาคน จะว่าวันนี้แต้มบุญล้นเหลือก็ว่าได้ เพราะทางซ้ายนี่ปกฉัตร ที่ใครๆก็พูดกันว่าเป็น ‘ของดี ไออาร์ปีหนึ่ง’ ส่วนขวามือก็เจฟฟรี่ หนุ่มลูกครึ่งลีดคณะ


   ปกฉัตรยิ้มน้อยๆ มองเพื่อนร่วมภาควิชาที่ไม่ค่อยได้คุยกันแล้วหันไปตอบคนที่ควงแขนเขา


   “รู้จักกันแล้ว เจฟอยู่ไออาร์” หนุ่มลูกครึ่งที่ชื่อเจฟฟรี่พยักหน้าหงึกหงัก


   “จริงด้วย! งั้นวันนี้ขอหนุ่มสังคมควงหนุ่มไออาร์นะคระ! ไปค่ะ! ไปกินข้าวกัน!!” แล้วติซซี่ก็ลากสองหนุ่มไออาร์ไปโรงอาหารอย่างรวดเร็ว


ทว่า...ทันทีที่ก้าวเท้าเหยียบเข้าไปในโรงอาหาร สายตาของปกฉัตรก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ แต่กลับนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่โต๊ะหนึ่งในโรงอาหารรัฐศาสตร์


   เจตน์!


   “ปกกับเจฟกินไรดี” ติซซี่หันมาถาม ปกฉัตรเลิ่กลั่กอึดใจเดียว ก่อนจะตั้งสติอย่างว่องไว


   “ไปซื้อก่อนก็ได้ เดี๋ยวจองโต๊ะให้” หนุ่มสังคมร่างอ้อนแอ้นมองคนพูดตาปริบๆ แล้วกวาดตาไปทั่วโรงอาหารที่โล่งโปร่งสบายในยามเช้าวันเสาร์


   “ไม่ต้องจองก็ได้มั้ง ปก โล่งซะขนาดนี้”


   “เอ่อ...หมายถึง...หมายถึงเฝ้ากระเป๋าให้ไง” ปกฉัตรชี้ไปที่คนเพียงคนเดียวในสามคนที่หิ้วกระเป๋ามาด้วย ติซซี่ผู้นำเทรนด์มีแบรนด์เนมใบเล็กๆเป็นของตนเอง


   “อ้อ จริงด้วย งั้นฝากด้วยนะ! เจฟไปซื้อข้าวกัน!” แล้วติซซี่ก็ส่งกระเป๋าถือของตนเองให้ปกฉัตร ก่อนจะควงเจฟฟรี่ไปเตร่ที่ร้านอาหารไม่กี่ร้านที่เปิดในวันเสาร์


พอเหลือเพียงลำพัง อำนาจในการตัดสินใจเลือกโต๊ะจึงกลายเป็นของปกฉัตรแต่เพียงผู้เดียว


   ร่างผอมโปร่งเดินช้าๆไปที่โต๊ะด้านหลังเจตน์ที่นั่งอยู่คนเดียว แน่นอนว่าเขาจงใจเดินอย่างเงียบๆไม่ให้คนที่นั่งอยู่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนนั่งโต๊ะถัดไป


   แม้จะไม่ได้เห็นหน้ากัน แม้จะนั่งหันหลังให้กัน แต่ระหว่างแผ่นหลังของปกฉัตรและเจตน์ก็มีแค่ทางเดินแคบๆคั่นกลางเท่านั้น


   “เฮียโจ๊ก สั่งไร นานฉิบหาย” พอปกฉัตรทรุดตัวลงนั่ง เสียงทุ้มๆของคนที่นั่งหันหลังให้เขาก็ดังขึ้น ร่างโปร่งขยับตัวเล็กน้อย เอี้ยวตัวนิดหน่อย เลยพอจะเห็นว่ามีคนเดินมานั่งร่วมโต๊ะกับเจตน์ด้วย คงจะเป็น ‘เฮีย’ ที่เจตน์เรียก


   แต่...ทั้งเจตน์ ทั้ง ‘เฮียของเจตน์’ ทำไมมากินข้าวกันที่นี่?


   “สปาเก็ตตี้ผัดปลาหมึกไข่เค็ม” คำตอบดังมาจากคนร่วมโต๊ะ


   “เมนูอะไรวะเฮีย ไม่น่าจะแดกได้”


   “เมนูกูเอง แล้วคนแดกก็กูมั้ย มึงจะเสือกทำไม”


“ก็ไม่เห็นมีใครสั่งนี่หว่า เขามีแต่ปลาหมึกไข่เค็มราดข้าวไม่ใช่เรอะ?”


“ก็กูไม่อยากแดกข้าว กูอยากแดกสปาเก็ตตี้”


“เออๆ เรื่องของเฮีย แล้วเฮียเสร็จกี่โมง ผมจะได้รอ”


“ยังไม่รู้ มึงกลับไปก่อนก็ได้”


“ไม่เอา ขี้เกียจออกมาใหม่ เดี๋ยวรอแถวนี้แหละ เฮียจะกลับก็โทร.หาแล้วกัน แต่...ไม่น่าเชื่อว่าเฮียจะมาร่วมกิจกรรมจับสายรหัสนี่นะ” คนแอบฟังขมวดคิ้วฉับ


แสดงว่า ‘เฮียของเจตน์’ มาที่รัฐศาสตร์เพื่อมาร่วมกิจกรรมจับสายรหัสน่ะสิ!


   “กูไม่ได้อยากมา แต่...เอ่อ...พี่รหัสกูไม่ยอม” ร่างโปร่งกำลังจะเอี้ยวตัวไปแอบดูหน้าคนที่เจตน์เรียกว่าเฮียซึ่งมาร่วมกิจกรรมจับสายรหัสในวันนี้ แต่ไม่ทันจะมองเห็น ติซซี่ก็ถลามาที่โต๊ะพร้อมด้วยสีหน้าตื่นตะลึงสุดขีด


   “พี่โจ๊ก ปกครอง!” เจ้าตัวกระซิบแบบหน้าตาโอเว่อร์มาก ปกฉัตรรีบยืดตัวตรง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น


   “พี่โจ๊ก ปกครองนั่งโต๊ะข้างหลัง! โอยยยยย...แต้มบุญของฉันเยอะเกินไปแล้ววววว” ติซซี่ครวญ หน้าแทบจะทิ่มจานข้าวของตัวเอง


   “พี่โจ๊ก?” ปกฉัตรทวน


   “คนเสื้อดำที่กำลังตักสปาเก็ตตี้เข้าปากไง! เอ๊ะ! มีใครนั่งด้วย หรือว่า...” ติซซี่พยายามจะชะโงกหน้าดูให้เต็มตาว่าใครนั่งข้างหนุ่มปีสามภาควิชาการปกครองคนดัง แต่ไม่ทันจะเห็นได้ถนัด เจฟฟรี่ก็เดินถือจานข้าวมาที่โต๊ะแล้วเอ่ยปากด้วยเสียงที่ดังในระดับปกติ


   “ปก ไปซื้อข้าวได้แล้ว” เป็นเสียงระดับปกติ ที่นอกจากโต๊ะของปกฉัตรจะได้ยินกันทุกคนแล้ว โต๊ะข้างๆก็ได้ยินกันทุกคนเช่นกัน โดยเฉพาะ...เจตน์ ที่ถึงกับหันมองทันทีที่ได้ยินชื่อ ‘ปก’


   ต่างคนต่างเห็นกัน ปกฉัตรไม่รู้จะทำสีหน้าแบบไหนที่ถูกจับได้ว่าเขามานั่งอยู่ที่โต๊ะถัดไป เลยตีสีหน้านิ่งเฉยเอาไว้ก่อน แต่...เจตน์ไม่ใช่คนถนัดกับการทำเฉยๆ เขาเลิกคิ้วทันที


   “มึงอีกแล้ว?”


ปกฉัตรเหล่มองด้วยหางตา ท่องคำว่าสติในใจดังๆอยู่หลายที ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และสีหน้าเรียบ


   “อีกแล้วอะไร นี่คณะผม” 


   เจตน์อยากจะงับหัวคนพูดหน้านิ่ง สายตาว่างเปล่านั่นจริงๆ ยิ่งพอเหลือบไปเห็นหนุ่มลูกครึ่งนั่งลงข้างๆ ก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ


   “แล้วไอ้ดิษไปไหน” เขาถามกลับ จงใจพูดถึงดิษกรทั้งๆที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกี่ยวข้อง


   “ก็คงอยู่บ้านละมั้ง”


   “แล้วทำไมมึงไม่อยู่บ้าน?”


   “อ้าว ก็ผมมาจับสายรหัส” คำตอบของปกฉัตร ทำให้เจตน์รู้สึกตัวว่าเขาออกจะพาลไปหน่อย ชายหนุ่มตาเรียวจากต่างคณะกลั้นลมหายใจเหมือนจะกลั้นความรู้สึกแปลกๆในใจ เหลือบตาไปมองไอ้หนุ่มลูกครึ่งที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆคนผิวขาวร่างผอมตรงหน้า แล้วก็ชักจะหมั่นไส้


   ...เวลามีไอ้ดิษ ก็ตัวติดกันอย่างกับตังเม พอไม่มีไอ้ดิษ ก็มีตัวผู้มาติดอยู่ดี!...


   ...แล้วนี่...กูจะหงุดหงิดทำไมวะเนี่ย!...


   เจตน์พยายามระงับอารมณ์ เขาหันกลับไปทางญาติผู้พี่ที่อาศัยรถของเขามารับมาส่งในวันนี้


   “ผมไปรอร้านกาแฟแล้วกัน เฮียเสร็จแล้วโทร.มา!” แล้วหนุ่มปีสองจากคณะบัญชีก็ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากโรงอาหารไปอย่างรวดเร็ว ปกฉัตรได้แต่มองตามแผ่นหลังแล้วก็รู้สึกว่าถ้าวันนี้ติซซี่มีแต้มบุญมากมายเพียงใด เขาก็คงมีน้อยจนแทบติดลบ


   ...อุตส่าห์ได้เจอกัน แต่คุยกันได้ไม่ดีเลย...


   ...เพราะอะไรนะ...


   “ปก รีบไปซื้อข้าวเร็วเข้า! มีสายรายงานว่าเจอพี่โซ่ ไออาร์ที่โถงตึก!” เสียงของติซซี่ปลุกสติ ปกฉัตรเลยลุกจากโต๊ะ และเขาก็พบว่านอกจากเจตน์จะลุกจากโต๊ะไปแล้ว ‘เฮียของเจตน์’ ก็หายไปแล้วเช่นกัน


   “อ้าวววว พี่โจ๊กไปไหนแล้วอ่ะ!” เสียงของติซซี่ดังขึ้นเบาๆ แต่ปกฉัตรไม่ได้สนใจจะหาคำตอบมากนัก เพราะ...สิ่งหนึ่งที่สำคัญและมันหายไป คือหัวใจของเขาเอง


   ...เจอพี่ทีไร ใจหายไปอยู่กับพี่ทุกทีเลย ถึงแม้ว่าพี่...จะไม่รู้ก็ตาม...

...........................

   การจับสายรหัสของคณะรัฐศาสตร์ถูกแบ่งตามภาควิชา ปกฉัตรไม่รู้ว่าภาควิชาอื่นใช้วิธีไหน แต่ของเขาใช้วิธีสอยดาว และไม่รู้ว่าเพราะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือเพราะพรหมลิขิต เขาก็สอยเอาดาวกระดาษดวงหนึ่งที่อยู่ริมสุดลงมาเปิด


ปกฉัตรได้พี่รหัสเป็นผู้หญิงร่างเล็กป้อมผมหยิกเหมือนตัวการ์ตูน เจ้าตัวยิ้มแย้มสดใสทันทีที่รู้ว่าน้องรหัสของหล่อนคือเขา


‘พี่ชื่อฟางนะคะ วันนี้ลุงรหัสก็มาด้วยแหละ เดี๋ยวออกจากห้องแล้วไปหาอะไรกินกันนะ’


ตอนแรกปกฉัตรออกจะงุนงงที่พวกพี่ปีสองมองมาที่เขาแถมด้วยเสียงคร่ำครวญทำนองว่าพี่รหัสของเขาโชคดีเกินไปแล้ว แต่พอได้พบหน้าลุงรหัส ปกฉัตรก็เดาได้ในทันทีว่าถ้าติซซี่รู้ว่าสายรหัสของเขาเป็นใคร รายนั้นต้องยิ่งกว่าคร่ำครวญแน่นอน


...พี่รหัสชื่อพี่ฟาง ส่วนลุงรหัสที่อยู่ปีสามชื่อพี่โซ่ ส่วนปู่รหัสก็...ตามที่เคยแจ้งสถานะเอาไว้ในห้องเชียร์...พี่วินัยหน้าดุ เสียงดุที่ชื่ออรรณพคนนั้น...


“ฟาง ไม่ต้องยิ้มเยอะขนาดนั้นก็ได้นะ พี่รู้แล้วว่าดีใจที่่พี่พามาเลี้ยงกาแฟ” กิจกรรมเสร็จสิ้น สายรหัสก็พาน้องใหม่ของสายไปเลี้ยง แม้วันนี้จะขาดพี่ซีเนียร์ปีสี่ซึ่งตามธรรมเนียมจะต้องเก็บตัวเป็นความลับ แต่...อรรณพเปิดเผยตัวเองในห้องเชียร์ไปแล้ว โทษฐานที่น้องๆปีหนึ่งหมายตา ‘พี่โซ่ ไออาร์’ กันเป็นพิเศษ


“อ่านปากทิฆัมพรนะคะ ใครว่าฟางจะกินแค่กาแฟ! ฟางจะกินขนมด้วย!” ทิฆัมพร ผู้หญิงกินเก่งจนร่างป้อมย้ำหน้าตาจริงจัง ก่อนจะหันไปหาน้องรหัสใหม่ล่าสุดของตนเอง


“ปกอยากกินอะไร สั่งเลยนะ พี่โซ่นี่เศรษฐีกระบี่” แล้วเจ้าตัวก็โบ้ยไปที่เจ้ามือในวันนี้ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ปกฉัตรจำรุ่นพี่ปีสามคนนี้ได้ดี เพราะเป็นรุ่นพี่คนแรกที่ทักเขาในวันมาร่วมงานเฟิร์สเดท ไม่น่าเชื่อว่าโชคชะตาจะทำให้เขาได้กลายมาเป็นน้องในสายรหัสของอีกฝ่าย


คนถูกยกย่องให้เป็น ‘เศรษฐีกระบี่’ หัวเราะร่วน หน้าขาวๆดูเหมือนจะเปล่งแสงได้เวลาเจ้าตัวยิ้ม


“ปกทานอะไรดี สั่งขนมด้วยนะ จะได้อิ่มๆ” นอกจากจะเป็นคนยิ้มง่าย ยังเป็นกันเองและดูใจดี ปกฉัตรยิ้มรับก่อนที่พี่รหัสปีสองของเขาจะโผล่หน้าเข้ามา


“พี่โซ่จะให้น้องกินอิ่มที่ร้านกาแฟเลยเหรอคะ นี่ฟางนึกว่าจะเลี้ยงหมูกระทะต่อ” เป็นผู้หญิงที่ไร้มาดและไม่รักษาฟอร์มอย่างสิ้นเชิง ปกฉัตรหัวเราะกับพี่รหัสของตัวเองที่ดูแล้วน่าจะกินเก่ง


“อ้าว ฟางอยากกินหมูกระทะเหรอ พี่กะจะพาไปเลี้ยงบุฟเฟ่ปลาดิบซะหน่อย”


“ไม่จริง!!”


“จริง แต่ถ้าอยากหมูกระทะ ก็หมูกระทะ พี่ไม่ขัดใจน้องของพี่หรอก” พูดไปยิ้มไป ยิ่งยิ้มก็ยิ่งมีเสน่ห์ พี่ปีสามคนนี้สมแล้วที่เป็นสเป็คสาธารณะของแท้


“ขัดใจฟางเถอะค่ะ ขัดใจฟางที!” สองรุ่นพี่ดูเหมือนจะหยอกกันสนุกไปแล้ว คนปีสามนั่นหัวเราะง่ายเหมือนเด็กๆ ในขณะที่คนปีสองก็ท่าทางจะยั่วขึ้น ปกฉัตรมองรุ่นพี่ในสายรหัสของตัวเองตรงหน้าแล้วก็รู้สึกดี อย่างน้อยๆ...ถึงวันนี้จะถูก ‘พี่’ เดินหนี แต่ก็ได้สายรหัสที่เป็นกันเองสุดๆมาหนึ่งสาย


“ปกมาเลือกเค้กกับพี่ฟางดีกว่า พี่ฟางจะกินสามชิ้นเป็นอย่างต่ำ!”


แล้วปกฉัตรก็ถูกรุ่นพี่ผู้หญิงลากแขนไปที่หน้าตู้เบเกอร์รี่ มีเสียงหัวเราะสดใสของ ‘พี่โซ่’ ดังตามหลัง ไม่รู้แม้แต่นิดเดียว ว่าในร้านเดียวกันนี้...ใครบางคนที่เดินหนีเขามา นั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง และมองมาที่เขาด้วย!

………………..

   เจตน์นั่งอยู่ในร้านกาแฟ ที่โต๊ะริมหน้าต่างกระจก


ตั้งแต่เขาเผ่นออกมาจากโรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ด้วยความหงุดหงิดก็มาสถิตตัวเองอยู่ที่นี่ ต้นเหตุที่หงุดหงิดไม่ใช่ใครที่ไหน ก็สีหน้าเฉยๆของ ‘แฟนไอ้ดิษ’ มันน่าโมโห ก็เลยลุกออกมาทั้งที่ยังทานข้าวไม่อิ่ม สุดท้ายต้องมาพึ่งเครื่องดื่มคาเฟอีนและขนมปังในร้านกาแฟชื่อดัง


   ...แต่...อุตส่าห์หนีมาถึงนี่ สุดท้ายแม่งก็ยังตามมาอยู่ดี!!...


   ชายหนุ่มมองร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ระหว่างชายหนุ่มคนหนึ่งและหญิงสาวคนหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าสองคนที่ขนาบข้างนั่นเป็นใคร แต่เกี่ยวแขนเกี่ยวขากันพัลวันไปหมดจนเห็นแล้วยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม ยิ่งเห็นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่วาววับมีประกายนั่น ก็ยิ่งทนไม่ไหวจนต้องหันไปหยิบกาแฟมาดูดปรื้ดแรงๆ!


   …ทีกับกู ทำหน้านิ่งเหมือนกระดาษ A4 เปล่าๆหนึ่งแผ่น! ทีกับคนอื่นแม่งเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวมีความสุข!...


   …มีปัญหาอะไรกับกูนักหนาวะ เชี่ย!...


   แม้จะหงุดหงิด แต่เจตน์กลับไม่รู้ตัวเองแม้แต่น้อยว่ากำลังจ้องมองปกฉัตรที่ยืนอยู่หน้าตู้เบเกอรี่ และคงจะจ้องอยู่อย่างนั้นอีกนาน ถ้าไม่ใช่ว่าจู่ๆก็มีคนเดินมาทรุดตัวลงนั่งร่วมโต๊ะกับเขา


   “อ้าว เฮียโจ๊ก...” คนตรงหน้าคือ เจียระไน หน้าตาถอดพิมพ์เดียวกันมาเพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เขาไม่ได้นอนพักสบายๆอยู่บ้านในวันเสาร์ เพราะอีกฝ่ายจะมาร่วมกิจกรรมจับสายรหัสของคณะรัฐศาสตร์


   ใช่...ลูกพี่ลูกน้องของเจตน์คนนี้อยู่ในคณะรัฐศาสตร์ เดิมที ‘เฮียโจ๊ก’ ของเขาไม่ใช่คนสนใจกิจกรรมใดๆนักหรอก แต่ไม่รู้ทำไมคราวนี้ถึงต้องมาให้ได้ ขนาดรถเข้าศูนย์ ยังบังคับให้เขาขับรถมารับส่งเลย


   “รู้ได้ไงว่าอยู่นี่” เจตน์ถามอย่างงุนงงที่เห็นญาติผู้พี่ของตนมาอยู่ตรงหน้าทั้งๆที่ไม่น่าจะรู้ว่าเขารอที่นี่


   “อ่า...กู...ผ่านมาเห็นมึงนั่งอยู่พอดี” คนฟังขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ร้านกาแฟร้านนี้ไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่ได้อยู่ใกล้คณะรัฐศาสตร์ แต่...เจียระไนบอกว่าผ่านมาเห็น


   ...ช่างเถอะ เฮียคงจะผ่านมาเจอจริงๆนั่นแหละ...


   “แล้วนี่จับสายเสร็จแล้วเหรอ กลับเลยมั้ย” เจตน์ถามคนเป็นพี่ แต่รายนั้นเอนหลังพิงพนักโซฟา


   “ออกไปก็รถติด นั่งอยู่นี่ก่อนแหละ” พอ ‘เฮีย’ ว่าอย่างนั้น คนทำหน้าที่ขับรถก็ได้แต่ตามใจ แต่พอเขามองกลับไปที่ตู้เบเกอร์รี่อีกที ก็พบว่าปกฉัตรและชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั้นหายไปแล้ว


   ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบร้านทันที


   “มองหาใครวะ เจ๋ง” คำถามดังมาจากคนที่นั่งร่วมโต๊ะ เจตน์สะดุ้ง รู้สึกตัวขึ้นมาวินาทีนั้นว่าเขากำลังมองหาคนที่ไม่ควรจะมองหาที่สุด!


   ...เวลาเจอหน้ามันก็หงุดหงิด แล้วจะไปมองหามันทำไมวะเนี่ย!...


   “เปล่า...เฮ้ย! เฮีย นั่นกาแฟผม” เจตน์รีบร้องทัก เมื่อพบว่าแก้วกาแฟของตัวเองถูกญาติผู้พี่หยิบไปดูดซะแล้ว แถมดูเหมือนจะดูดอย่างไม่มีสติด้วย เพราะตาเอาแต่มองไปด้านหลังของเขา


   “อ้าว...เออ...โทษทีว่ะ งั้นกูไปซื้อกาแฟก่อน” แล้วเจียระไนก็รีบวางกาแฟคืนก่อนจะลุกจากโต๊ะไปทันที เจตน์มองตามด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองด้านหลังที่เป็นเป้าสายตาของพี่ชายของเขาจนทำให้หยิบกาแฟไปดูดหน้าตาเฉย


   แล้วตอนนั้นเอง...หนุ่มคณะบัญชีก็ได้รู้...โต๊ะข้างหลังของเขาเป็นโต๊ะของปกฉัตร!!


   ตาสบตาอีกครั้ง ดวงตาของเขามองสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ว่างเปล่าคู่นั้นอีกหน ก่อนที่เขาจะรีบหันหน้ากลับทันที ทว่า...โต๊ะของพวกเขาก็อยู่ใกล้กันเกินไปจนได้ยินเสียงจากโต๊ะของปกฉัตรอยู่ดี


   “ผมอยากเป็นทูต ก็เลยเข้าคณะนี้”


   “ทำไมถึงเข้ามหา’ลัยนี้เหรอ...อ่า...ก็...ผมอยากเข้ามาเจอใครบางคนที่นี่น่ะ”


   ทั้งๆที่สาบานกับตัวเองว่าไม่สนใจจะฟัง แต่ไม่รู้ทำไม...หูและสมองของเจตน์ถึงทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกิน


   ...อยากเป็นทูต ก็เลยเข้าคณะนี้...


   ...อยากเจอใครบางคน ก็เลยเข้ามหาวิทยาลัยนี้...

   
   แล้วจู่ๆ ชื่อ ‘ดิษกร’ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเจตน์


   สองคนนี้...เป็นแฟนกันจริงๆ

..........................

   มันเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด...หงุดหงิดอะไรไม่รู้ รู้แต่เจตน์หงุดหงิด ทั้งๆที่ไม่น่าจะเจอกัน แต่โชคชะตาก็เหมือนเล่นตลกให้เจอกันบ่อยๆ แล้วพอเจอกัน สีหน้าเฉยๆกับสายตาว่างเปล่าของฝ่ายนั้นก็ยิ่งทำเอาอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม แต่...พอโชคชะตาจะไม่ให้เจอกัน ก็เหมือนปกฉัตรจะพ้นไปจากวงโคจรของเขาอย่างสิ้นเชิง!!


   ...หลายวันแล้วนะสัด! กูไม่เจอ...เอ่อ...ไม่เจอใครเลยนอกจากเพื่อนในคณะ!!!...


   แล้วพอผ่านไปอีกหลายๆวันที่เจตน์ยังคงพบหน้าแต่เพื่อนในคณะหน้าตาเดิมๆ คนขี้หงุดหงิดก็ทนความหงุดหงิดไม่ไหวอีกต่อไป เขาคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นพวกชอบเข้าสังคมมากๆเลยทีเดียว เพราะรู้สึกคิดถึงผองเพื่อนสมัยมัธยมขึ้นมายังไงไม่รู้


ไม่ต้องพึ่งฤกษ์งามยามดีใดๆ อาศัยความหงุดหงิดเพราะไม่ได้เจอใครล้วนๆ ก็เลยตัดสินใจโทร.เชิญเพื่อนสนิทรายตัวให้มาร่วมเตะฟุตบอลกระชับมิตรในตอนเย็นหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง แน่นอน...มีตัวแถมเป็นรุ่นน้องที่แสนสนิทอย่างดิษกรมาด้วย


   ...แต่...ไอ้ดิษมาคนเดียว...


...วะ!!! นี่กูหงุดหงิดอะไรอีกแล้ว!!!!...


   “มึงช่วยทำหน้าตาเหมือนคนอยากเตะบอลหน่อย ไอ้เจ๋ง นี่มึงชวนพวกกูมาเตะนะ ไม่ใช่พวกกูเค้นคอมึงมา” ธนทัตหันมาด่าเพื่อนสนิทที่วิ่งอยู่ในสนามฟุตบอล แต่ไม่รู้เป็นอะไรของมัน เตะบอลไปหน้าหงิกไป ไม่สมคนคลั่งฟุตบอลเลยสักนิด!


   “นั่นสิเฮีย เมื่อกี้นี้ยิงแต่ละลูก ชนเสา ชนคาน ยิงนกตกปลา ไม่ได้สักลูก” ดิษกรหันมาบ่นรุ่นพี่ร่วมทีมที่ปกติฝีเท้าดีเยี่ยม แต่ไม่รู้วันนี้เป็นอะไร ยิงสวยๆไปชนกรอบประตูกระเด้งกระดอนออกนอกกรอบเสมอ


   “งั้นพวกมึงก็ยิงเองสิวะ!” เจตน์หันไปด่าตามประสาคนหงุดหงิด


   “ยิงพ่อง! กูเป็นโกลล์!” ธนทัตออกตัวก่อน ดิษกรก็รีบพูดต่อ


   “ส่วนผมก็กองหลัง” ไอ้คนออกตัวว่ากองหลังที่มาคนเดียวไม่หนีบใครมาด้วยนี่ยิ่งทำให้เจตน์หงุดหงิดใหญ่ ไม่รู้หงุดหงิดอะไร แต่ที่รู้ๆคือเห็นหน้ามันวันนี้แล้วหงุดหงิดมาก!


   “อ่า ใจเย็นๆ พักก่อนๆ” เป็นการุนที่อยู่อีกทีมเข้ามาห้าม พลพรรคนักกีฬาก็เลยพักครึ่งไปนั่งที่ข้างสนามฟุตบอลกันก่อน


   “เป็นไรของมึงวะ เจ๋ง” การุน จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ผู้เคยออกตัวว่าจะเรียนคณะนี้เพื่อมารักษาหมาในปากของเจตน์หันมาถาม คนถูกถามอยากจะอ้าปากบอกความหงุดหงิดหรอก แต่...ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะอธิบายความหงุดหงิดยังไง


   “เปล่า!!” บอกปัดไปซะ จะได้สิ้นเรื่อง แต่...ดูเหมือนเพื่อนๆที่คบหากันมานานจะไม่มีใครยอมให้เจตน์บอกผ่านเรื่องนี้ไปได้เลย


   “เปล่าเชี่ยอะไร หน้าเป็นตูดขนาดนี้” ธนทัตรีบขัด คนที่อุตส่าห์บอกว่าเปล่าเลยตวัดตาเรียวๆไปจิกทีหนึ่ง


   “กูบอกว่าเปล่าก็ช่วยเชื่อกูหน่อยได้มั้ย”


   “อ่ะๆ เชื่อๆมันไป อย่าไปตอแยมัน” การุนห้ามทัพ เพราะเกรงว่าเซ้าซี้มากๆ คราวนี้เพื่อนรักอาจจะไม่เตะบอลยิงนกตกปลาแบบเมื่อกี้ แต่จะเตะหัวพวกเขาแทน


เจตน์ยังหงุดหงิด แต่ก็รู้ดีว่าถ้าอยากให้เพื่อนๆมองข้ามความหงุดหงิดของเขาซะ ก็ต้องไม่ปล่อยให้บรรยากาศเงียบแบบนี้ หนุ่มตี๋ตาเรียวหันไปมองรุ่นน้องร่วมคณะซึ่งจะเป็นเหยื่อให้เขาใช้บังหน้า


   “แล้วมึงเป็นไง ไอ้ดิษ เรียนใกล้ซิ่วรึยัง”


 ดิษกรอ้าปากหวอ ที่อยู่ดีๆหวยก็มาออกที่ตนเอง


   “อ้าว...ทำไมอยู่ดีๆก็หันมาพูดจาเป็นมงคลกับน้องเฉยเลยล่ะครับ เฮียเจ๋ง”


   “ก็มึงขี้เกียจ”


   “อุ๊ย พูดจาแทงหัวใจ...แต่...เฮียก็พูดถูกแหละ ผมขี้เกียจ แถมวิชาก็ยาก แต่ถ้าซิ่ว สงสัยโดนทั้งอานิศด่า โดนทั้งไอ้ปกด่าแน่เลย” อยู่ดีๆ ชื่อแสลงก็ลอยมาเข้าหูเจตน์อีก แต่เขาไม่ทันถามอะไร คำถามจากธนทัตก็ดังขึ้นเสียก่อน


   “จะโดนด่าเรื่องอะไรวะ ก็คนมันจะซิ่ว”


   “ก็โดนด่าเพราะว่าตอนแรกอานิศบอกว่าผมเรียนไม่เก่ง ให้ไปเรียนอะไรก็ได้ที่เป็นสกิลอ่ะเฮีย อย่างน้อยก็มีอาชีพติดตัว อาหาคนสอนมาให้ด้วยนะ เห็นว่าเป็นพ่อครัว เป็นเจ้าของร้านอาหารด้วย ให้ผมไปเรียนในร้านเขาได้เลย ไอ้ปกก็เห็นด้วย แต่ผมเห็นเฮียเจ๋งเป็นไอดอลไง ก็เลย...เข้าคณะนี้”


   “อ้าว โทษกูอีก” ทำไมชื่อแสลงมันทำให้อารมณ์หงุดหงิดค่อยๆหายไปทีละหน่อยก็ไม่รู้ แต่รวมๆแล้ว เจตน์ชักอยากรู้ความเป็นไปของเจ้าของชื่อนี้อีก


   ...เรียนเป็นไงมั่ง ชีวิตปีหนึ่งโอ.เค.มั้ย...


   “แล้ว...แล้วเพื่อน...” ปากงึมงำจะถามถึงเพื่อนสนิทของดิษกรที่ไม่โผล่หน้ามาอีก แต่ธนทัตชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน


   “เจ๋ง มึงก็ติวให้ไอ้ดิษมันหน่อย มันอุตส่าห์เห็นมึงเป็นไอดอล” คนถูกแย่งพูดชะงักไปเล็กน้อยที่จู่ๆก็ถูกเพื่อนสนิทโยนงานมาให้ ดิษกรมองเจตน์ด้วยตาเป็นประกายเหมือนมีความหวัง


   “เฮียเจ๋งติวได้เหรอ?! ฮูยยย...พ่อพระมาโปรด นี่นึกว่าพ้นมัธยมมาแล้วจะไม่มีคนมาติวให้แล้วนะเนี่ย แต่ก่อนก็มีแต่ไอ้ปกนี่แหละติวให้ผมประจำเลย ตอนนี้จะให้มันมาติวให้อีกก็กลัวใจจะเข้าห้องสอบไปเขียนเรื่องก่อการร้ายอะไรของมันในวิชาคณะเรา” แล้วชื่อแสลงก็ดังเข้าหูเจตน์ให้ได้ยินอีกหน ไม่ได้เห็นหน้า ได้ยินแต่ชื่อก็ทำเอาหนุ่มตี๋จากคณะบัญชีนิ่งไปได้ถนัด


“เจ๋ง...ไอ้เจ๋ง...เป็นไรวะ” ธนทัตเห็นเพื่อนเงียบก็เลยเอาเท้าสะกิด เจตน์ถึงกับสะดุ้งหันมามองเพื่อนทั้งกลุ่มหน้าตาเหรอหรา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้พอเขาได้ยินชื่อปกฉัตรแล้วก็เข้าญาณขาดการติดต่อกับเพื่อนคนอื่นๆไปเลย


“เป็นไรของมึง อาการไม่ดีบอกกูนะ ถึงกูจะเรียนปีสอง แต่กูมีพี่ที่รู้จักเรียนปีหก เขาน่าจะช่วยมึงได้” การุนเสนอตัว


“เก็บไว้ช่วยตัวมึงเองเถอะ!” เจตน์ด่าเข้าให้ ก่อนจะเหลือบไปมองรุ่นน้องที่ยังคงส่งสายตาวิบวับขอความช่วยเหลือให้เขาติวหนังสือให้


“กูติวให้ก็ได้” ดิษกรเกือบจะร้องเย้ด้วยความดีใจ แต่ประโยคถัดมาของเจตน์ดังขึ้นเสียก่อน


“สัปดาห์หน้า ตอนเย็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์เลิกเรียนแล้วไปหากูที่คอนโดแล้วกัน”


...เลือกโลเกชั่นเป็นคอนโดนี่ ไม่ได้ตั้งใจให้ไอ้ดิษพาใครไปเลยนะ...จริงๆ...แค่...คิดว่ามันเป็นส่วนตัวดี เผื่อว่า...เอ่อ...เผื่อว่า...เผื่อว่าไอ้ดิษจะพาใครไปด้วย จะได้มีที่กว้างๆ แยกย้ายกันอ่านหนังสือไงล่ะ!...


   “จะติวตั้งแต่สัปดาห์หน้าเลยเหรอเฮีย” รุ่นน้องผู้แสนขี้เกียจตัวเป็นขนท้วงเบาๆ


   “หรือมึงจะรอติวตอนไทร์มั้ยล่ะ?”


   “อุ้ย! ขู่แรง ไปก็ได้ครับเฮีย แล้ว...ทำไมแค่จันทร์ พุธ ศุกร์อ่ะ สามวันพอเหรอ”


“วันอื่นก็ให้กูอ่านหนังสือของกูเองมั่งมั้ย ใจคอจะให้ติวให้มึงทุกวันเลยรึไง?” ดิษกรหัวเราะแหะๆอย่างเห็นจริงตามที่คนติวว่า


“จริงด้วย ยังไงก็ขอบคุณเฮียมากๆ ขอให้เฮียเจ๋งมีเมียเร็วๆนะ ให้สมกับบุญบารมีที่สร้างกับผม”


… ‘มีเมียเร็วๆนะ’ ...


ภาพจำไหลวูบกลับเข้ามาในสมอง ภาพที่ปกฉัตรก้มๆเงยๆหาของในห้องครัวของเขา ภาพที่ปกฉัตรกำลังหั่นผักอยู่ข้างๆเขา เจตน์กลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนจะรีบเอาเท้ายันเจ้าของคำอวยพรอย่างดิษกร


   “เว่อสัด!” เขาด่ากลบเกลื่อน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วไล่เพื่อนทุกคนให้กลับลงไปเตะฟุตบอลอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้...เจตน์ไม่มีสีหน้าหงุดหงิดอีกแล้ว แต่กลายเป็นไม่มีสติจะเตะฟุตบอลแทน


   “ไอ้เชี่ยเจ๋ง! มึงมาเป็นโกลแทนกูเลยสัด! พวกกูเตะบอลเอาแต้มนะโว้ย! ไม่ใช่เอานกเอาปลาไปต้มแดก!!” ธนทัตว้ากลั่น    


แต่ท้ายที่สุด...ทีมของเขาก็พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ เพราะพอเจตน์กลายมาเป็นโกล ไม่ว่าฝั่งตรงข้ามจะยิงมาทางไหน โกลตี๋คนนี้ก็รับพลาดไปหมดทุกลูกเลย


“ไอ้เชี่ยเจ๋ง!!!!!! มึงเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย!!!”


เจตน์อึกอัก ตอบได้แต่คำว่า “กูไม่รู้”


...กูไม่รู้ว่าทำไม...หน้าของเพื่อนสนิทไอ้ดิษถึงเต็มหัวกูไปหมดอย่างงี้...   

........................................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-11-2017 21:22:11


ดิษกรที่กลับจากเตะฟุตบอลกับเหล่าพี่ๆร่วมโรงเรียนมัธยมยังไม่ยอมเข้าบ้าน เขาเดินเตร่ไปมารอเพื่อนรักบ้านข้างๆตั้งแต่เย็นแล้ว เห็นปกฉัตรบอกว่าวันนี้จะกลับค่ำหน่อย เพราะมีกิจกรรมห้องเชียร์วันสุดท้าย รออยู่พักใหญ่ๆ รถโฟร์วีลคันโตก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังข้างๆ หนุ่มร่างยักษ์คณะบัญชีขมวดคิ้วฉับแล้วโผล่หน้าข้ามรั้วไปสอดส่องอย่างอยากรู้อยากเห็น


   ปกฉัตรเปิดประตูลงมายืน เห็นพูดอะไรกับคนขับไม่รู้ แล้วยกมือไหว้ จากนั้นก็ปิดประตูแล้วรถคันใหญ่ก็กลับรถออกจากซอยไป


   “ไอ้ปก” ดิษกรร้องเรียกทันทีที่รถโฟร์วีลพ้นสายตา เจ้าของชื่อที่กำลังเปิดประตูรั้วเข้าบ้านเดินไปหาเพื่อนรักที่ชะโงกหน้าข้ามรั้วด้านข้างมาเรียก


   “รถใครวะ” ในฐานะเพื่อนสนิทที่พ่อแม่ของปกฉัตรฝากฝังให้ช่วยดูแล ดิษกรเลยต้องซักไซ้มากหน่อย


   “พี่รหัสน่ะ”


   “พี่รหัสมึงเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ที่มึงเคยเล่าให้กูฟัง ทำไมขับรถคันใหญ่งี้วะ”


   “คนนี้เป็นพี่ปีสี่ วันนี้เฉลยพี่รหัสซีเนียร์ เขาก็เลยพาไปกินข้าวแล้วมาส่งนี่แหละ” ปกฉัตรตอบ วันนี้เป็นวันปิดห้องเชียร์ น้องปีหนึ่งบางคนก็ได้พบหน้าพี่ปีสี่ในสายรหัสเป็นครั้งแรก แต่เขา...เจอหน้าพี่รหัสซีเนียร์มาหลายครั้งแล้ว เพราะฝ่ายนั้นเป็นพี่วินัย


   “แล้วมึง...ไปเตะบอลมาเหรอ” ปกฉัตรเห็นเพื่อนสนิทยังอยู่ในชุดเสื้อบอลกางเกงบอลก็พอจะรู้ว่าดิษกรคงขลุกอยู่กับกีฬาลูกกลมๆนั่นแหละ


   “เออ เฮียเจ๋งโทร.มาชวน” ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของดิษกรทำเอาปกฉัตรชะงัก นึกเสียดายที่เขาไม่ถูกดิษกรชวนไปเป็นเพื่อน แต่...คิดอีกที หมู่นี้เขายุ่งมาก กิจกรรมคณะในแต่ละวันเยอะเสียจนเขากลับบ้านค่ำ ไม่ได้พบหน้าดิษกรด้วยซ้ำ จะให้เพื่อนมาชวนเขาซึ่งไม่เคยเตะฟุตบอลให้ไปด้วยกัน ก็คง...ประหลาด


   “แต่ไม่รู้เฮียเป็นอะไรว่ะ ดูแปล๊กแปลก”


   “แปลกยังไง” ปกฉัตรถามด้วยความอยากรู้ ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ แต่พอได้ยินชื่ออีกฝ่ายทีไร เขาก็...คิดถึงทุกที


   “ไม่รู้ สงสัยอยู่ในช่วงฝีเท้าตก เออ! แต่เฮียจะติวหนังสือให้กูด้วยล่ะ! มีคนสืบทอดตำแหน่งแทนมึงแล้วนะ!” ดิษกรขออวดสักหน่อย รุ่นพี่ซึ่งตัวเองทั้งเทิดทูนและบูชาอย่างเจตน์ทำตัวสมกับที่เขาไว้มองเป็นไอดอลจริงๆ!


   “อ้อ...ติววิชาคณะเหรอ” ดิษกรพยักหน้ารับ ดูจะภาคภูมิใจกับรุ่นพี่อย่างเจตน์มากเหลือเกิน ปกฉัตรลอบมองเพื่อนสนิท อาศัยว่าตอนนี้ดิษกรคงกำลังชื่นชมเจตน์จนไม่ทันสงสัยอะไร ถ้าเขาถามซักไซ้ก็คงไม่เป็นที่สังเกต


   “แล้วติวเมื่อไรล่ะ”


   “วันจันทร์หน้าตอนเย็น”


อ้อ...ว่างพอดี ห้องเชียร์ก็ไม่มีแล้วด้วย


   “ติวที่ไหน”


เผื่อจะทำเป็นบังเอิญไปเจอกันบ้าง จะได้ไม่ลืมหน้ากัน


   “คอนโดเฮีย” ปกฉัตรชะงัก รู้สึกเหมือนเจอทางตัน เพราะเขาคงบังเอิญไปเจอเจตน์ที่คอนโดของเจตน์ไม่ได้หรอก


   ท่าทีเงียบไปของเพื่อนสนิทร่างผอมโปร่ง ทำเอาดิษกรเพิ่งนึกออก เขารีบออกตัว


   “เฮ้ยๆ คราวนี้ไปติวหนังสือ กูไม่เมาอยู่แล้ว มึงไม่ต้องไปขับรถกลับให้กูก็ได้ กลับมาอ่านหนังสือเถอะ” แถมโดนดิษกรปิดประตูทุกเส้นทางอีก ไปแล้วไม่เมา ไปแล้วขับรถกลับเองได้ หมายความว่าปกฉัตรไม่ต้องไปด้วยเหมือนคราวก่อน


   ...ไม่สิ มันไม่เมา แต่มันก็ง่วงง่ายนี่หว่า...


   “แต่ติวหนังสือก็คงเลิกดึก มึงจะขับรถกลับยังไงทั้งๆที่ง่วง?” ใจหนึ่งน่ะห่วงเพื่อนอย่างที่ยกมาเป็นข้ออ้างนั่นแหละ อีกใจก็...ห่วงตัวเองจะไม่ได้เจอหน้าผู้ชายคนนั้น


   “อ่า...ก็...” ดิษกรนิ่งคิด จะขอค้างที่คอนโดของรุ่นพี่คนสนิทก็เกรงใจ ถึงฝ่ายนั้นจะใจกว้างก็เถอะ


   ปกฉัตรยิ้มจางแล้วเสนอตัว


   “เดี๋ยวกูไปด้วยนั่นแหละ จะได้ขับรถพามึงกลับ”


   “แล้ว...มึงไม่ต้องอ่านหนังสือสอบเหรอวะ” กับรุ่นพี่คนสนิทก็เกรงใจ แต่กับเพื่อนสนิทคนนี้ก็ยิ่งเกรงใจหนัก 


   “กูก็ขนไปอ่านที่คอนโดเฮียมึงด้วยไง หรือถ้าเขาไม่ให้กูอ่านที่ห้องเขา กูลงมาอ่านที่ล็อบบี้ก็ได้” ปกฉัตรตอบเรียบๆ แล้วยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ก็ไม่วายแซะเฮียของดิษกรที่เคยขู่จะไม่ให้เขาขึ้นคอนโด


   “อ่า...เฮียเจ๋งก็ปากเสียไปงั้นแหละ จริงๆเขาใจดี”


   “กูก็ไม่ได้ว่าอะไร” ปกฉัตรยักไหล่อีกทีเหมือนไม่ถือสาอะไรกับรุ่นพี่คนสนิทของเพื่อนรัก ดิษกรยิ้มเผล่


   “มึงไม่ว่าอะไรก็ดีแล้ว งั้น...วันจันทร์หน้า มึงเลิกเรียนแล้วไปเจอกูที่คณะ จะได้ไปคอนโดเฮียเจ๋งพร้อมกัน”


   “อือ” ร่างโปร่งรับคำแล้วยิ้มจางๆ ก่อนจะขอตัวเข้าบ้านเพราะยุงเริ่มชุม เขาหมุนตัวเดินจากมาพร้อมด้วยนัยน์ตาสีจางที่เต็มไปด้วยความสมหวัง


   ...จะได้ไปคอนโดของ ‘พี่’ อีกแล้ว…

...............................

   เย็นวันจันทร์ ดิษกรมายืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าเจตน์ที่เพิ่งลงจากตึก ข้างหลังรุ่นน้องตัวใหญ่คือเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลจางๆที่ทำหน้าตาเฉยๆเป็นประจำ


   ทั้งๆที่ตอนไม่เจอหน้ากันก็รู้สึกหงุดหงิด แล้วพอได้ยินชื่อมันจากปากคนอื่นกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็น แต่...พอมาเจอหน้ากันตรงๆ เจตน์ก็รู้สึกว่าตัวเองทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าความรู้สึกคันๆในใจนี่คืออะไร


   ...หงุดหงิดเปล่าวะ? ก็ไม่ใช่...มันเหมือน...มันเหมือนมีอะไรไม่รู้ไต่ยุบยิบอยู่ที่หน้าอกเนี่ย!...


   มือใหญ่ข้างหนึ่งถูอกตัวเอง รู้สึกรำคาญใจกับความยุบยิบนั่นจนชักจะหน้าหงิก ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง นิสัยปากไม่ดีก็เลยถูกงัดออกมาแสดงออกเป็นอย่างแรก


   “เพื่อนมึงซิ่วมาคณะนี้เหรอ?!” ถามถึงปกฉัตร แต่ไม่ถามปกฉัตร คนถูกพูดถึงที่ยืนอยู่ด้วยนึกเข่นเขี้ยวในใจ แต่...ก็ช่างมันเถอะ เขาอุตส่าห์ถามถึงให้ใจเต้นแล้วก็ยอมๆเขาหน่อย


   “ซิ่วไรล่ะเฮีย นี่ว่าที่ท็อปภาคฯ” ดิษกรอวยเพื่อนรักเล็กน้อย เจตน์เบะปากให้เห็นกันโต้งๆ


   “แล้วมาทำอะไรที่นี่?!”


   “ก็...ผมจะขอให้ไอ้ปกไปด้วย...” เจตน์เหลือบตามามองคนที่ยืนหน้านิ่งอยู่กับคนพูด ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วตั้งคำถาม


   “มันจะไปทำไม” สายตาเจาะจงที่ปกฉัตร แต่สรรพนามเรียกเป็นบุคคลที่สาม บอกให้รู้ว่าไม่ได้ถามให้ปกฉัตรตอบ แต่ถามให้ดิษกรตอบต่างหาก แต่...ปกฉัตรที่ดูนิ่งๆเฉื่อยๆ กลับไวกว่าเพื่อนสนิทมากนัก


   “ผมจะไปรอดิษ ติวเสร็จจะขับรถพาดิษกลับ”


   ...คำก็ดิษ สองคำก็ดิษ...


   ...กูรู้แล้วว่ากูหงุดหงิดเพราะกูอิจฉาพวกมีความรักนี่เอง!!!...


   “เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า คอนโดกูไม่ใช่ศาลาบริการฟรีให้มึงไปนั่งรอ”


   “แล้วพี่จะเอายังไง”


   เจ้าของคอนโดเหลือบตาไปมองรุ่นน้องร่วมคณะ ก่อนจะหันมามองปกฉัตรที่มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า


   ...มาอีกแล้ว ไอ้สายตาแบบนี้ กูล่ะเกลียดฉิบหาย!...


   ...กูยืนอยู่ตรงนี้! ถ้าเกลียดก็มองกูแบบเกลียดสิเว้ย! จะมองว่างเปล่าทำพ่องอะไร!!!...


   เจตน์ควักกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบเงินส่งให้คนที่มองเขาอย่างว่างเปล่า แต่...พอเงินถูกยื่นไปตรงหน้า ปกฉัตรก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยความงุนงง


   “มึงไปซื้อของสดมา!”


   “หะ?” แม้แต่ดิษกรยังงงไปด้วย แต่เจตน์จ้องรุ่นน้องต่างคณะตาเขม็ง


   “เย็นนี้กูจะทำกับข้าว ซื้อให้พอสำหรับสามคน! ไม่ต้องยึกยัก! มึงคิดว่ากูใจดีรึไง! คิดจะเอาห้องกูไว้รอเพื่อนมึงก็หัดตอบแทนเจ้าของห้องบ้าง! มึงน่ะน้องในไส้กูก็ไม่ใช่! น้องรหัสกูก็ไม่ใช่! น้องในคณะกูก็ไม่ใช่! ทุกอย่างที่กูให้มึง ไม่ใช่ของฟรี!! ต้องรู้จักทำอะไรตอบแทน! ไปซื้อของ! แล้วตามไปเจอพวกกูที่ห้อง!!”


   ปกฉัตรยืนหน้าชา มือไม้เย็นเฉียบ รู้สึกเหมือนน้ำลายเหนียวหนืดพูดอะไรไม่ออก ไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกมา โดนด่าแถมโดนทวงบุญคุณไปหนึ่งยกใหญ่ๆ แม้จะยอมรับว่าหัวใจชื่นชอบรุ่นพี่คนนี้มากแค่ไหน แต่...ก็เหมือนโดนตบหน้าแรงๆให้ตื่นมารับรู้ความจริง


   ...ไม่ใช่น้องในไส้ ไม่ใช่น้องรหัส ไม่ใช่น้องในคณะ...เป็นแค่เพื่อนของรุ่นน้องที่สนิท เป็นแค่คนห่างๆ ไม่มีความหมายอะไรเลย...


   หัวใจเหมือนอัดแน่นด้วยของเหลว มันอึดอัดจนพานให้หายใจไม่ออกไปด้วย เขาไม่รู้ตัวมาก่อนว่าถูกมองแบบนี้มาตลอด ถูกมองอย่างไม่มีค่า ไม่มีความหมาย ทั้งๆที่...เขาแค่...อยากอยู่ใกล้ๆ อยากรู้จัก อยากสนิท  อยากเป็นรุ่นน้องที่เจตน์เล่นหัวแบบดิษกร ไม่เคยคิดจะกินของฟรี หรือเอาเปรียบเลยแม้แต่นิด แต่...อีกฝ่ายไม่เข้าใจ แล้วเขาก็พูดให้เข้าใจไม่ได้ด้วย


ร่างโปร่งได้แต่เม้มปาก สองมือกำแน่น แต่ความเย็นเฉียบของฝ่ามือยังคงพุ่งมาทิ่มแทงหัวใจของเขาไม่หยุดหย่อน ดิษกรเห็นท่าไม่ดีเลยเดินมาขวางระหว่างรุ่นพี่ร่วมคณะและเพื่อนสนิทของตน


   “เอ่อ...เฮียเจ๋ง...ผมเป็นคนขอให้ไอ้ปกไปเป็นเพื่อนเอง ผมขับรถไม่แข็ง ก็เลยให้มัน...”


   “ไม่เป็นไร ดิษ เดี๋ยวกูไปซื้อของแล้วจะตามไป” ปกฉัตรดึงแขนดิษกรเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองคนเป็นรุ่นพี่ สีหน้าและสายตาของเจตน์ยามมองเขา ราวกับจะบีบหัวใจของปกฉัตรให้แหลก เขาสูดลมหายใจเขาลึก ส่งเงินคืน ก่อนจะเอ่ย


   “เดี๋ยวผมจ่ายเอง พี่ไม่ต้องออกเงินหรอก ผมไม่อยากให้พี่เข้าใจว่า...ผม...อยากได้ของพี่ฟรีๆ” ต่อให้เจตน์จะไม่รับเงินคืน มือขาวก็ยัดธนบัตรให้ แล้วหมุนตัวเดินออกจากหน้าตึกไปทันที


ดิษกรอึกอัก อยากตามเพื่อนสนิทไป แต่...ทั้งปกฉัตรและเจตน์ดูเหมือนจะทะเลาะกันแบบนี้ เขาก็เลยไม่รู้ว่าจะยืนอยู่อย่างนี้เพื่อพูดให้เจตน์ใจเย็นลง หรือตามปกฉัตรไปเพื่อทำให้เพื่อนสนิทรู้สึกดีขึ้น


   “เฮีย...ไอ้...ไอ้ปกมันไม่มีรถนะ แล้วมันจะไปซื้อของแบกของมายังไง” เขาหันไปเตือนสติรุ่นพี่ร่วมคณะ แต่เหมือนเจตน์จะยังทิฐิแรงกล้า


   “แท็กซี่สิ ไม่เห็นจะยาก!”


   “แต่มันขาไม่ดี…” คนฟังชะงัก ดวงตาเรียวตวัดไปมองดิษกร


   “มึงว่าไงนะ?!”


   “ไอ้ปกมันขาไม่ดี แล้วมันจะแบกของหนักๆได้ยังไง”


เจตน์เม้มปากแน่น ความรู้สึกบางอย่างตีรวนขึ้นมาในอก ทั้งๆที่เมื่อกี้รู้สึกว่าตัวเองทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว หาเรื่องปกฉัตร...กล่าวหาปกฉัตรลอยๆ...ทั้งๆที่ควรจะรู้สึกดีที่ทำให้หมอนั่นมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม แต่...สุดท้ายแล้ว กลับไม่ใช่เลย


   ...ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลย...


   ชายหนุ่มหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ดิษกรในทันที


   “มึงไปรอกูที่ห้อง เดี๋ยวกูตามไป!”


   “แล้วเฮียจะไปไหน”


เจตน์เงียบไปอึดใจ มองออกไปที่ไกลลิบๆ ยังคงเห็นร่างโปร่งเดินเพียงลำพัง


   “ไปซื้อของกับเพื่อนมึงไง” แล้วเขาก็หมุนตัวเดินตามปกฉัตรออกไปทันที ปล่อยให้ดิษกรมองตามอย่างงุนงง


   “แล้วทำไม...ไม่ให้ผมไปเป็นเพื่อนไอ้ปกอ่ะ...เฮ้...ผมก็มีรถนะครับ เฮ้...” แม้จะพยายามโบกไม้โบกมือเรียกเจตน์กลับมา แต่...ร่างสูงๆนั่นก้าวเท้าฉับๆหายไปทางหัวมุมแล้วเรียบร้อย

............................

   ซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมืองนั้นพลุกพล่านไปด้วยผู้คน เสียงเพลงช่วยให้เพลิดเพลินในการจับจ่ายซื้อของ แต่...ไม่ใช่สำหรับนิสิตชาย 2 คนที่มาด้วยกันเลย โดยเฉพาะเมื่อคนหนึ่งทำหน้าเหมือนไม่อยากมา ส่วนอีกคนก็เอาแต่ทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน


   ...แต่...ก็มาด้วยกันนั่นแหละ เพราะมีรถเข็นคันเดียวคั่นกลาง ในระหว่างที่คนหน้าหงิกกำลังเลือกบล็อกโคลี่ คนหน้าตาเฉยๆก็ยังยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ขยับไปไหน จนกระทั่ง...เป็นฝ่ายคนหน้าตาเฉยๆพูดขึ้นมาก่อน


   “นี่ผมไม่ได้สั่ง แต่ผมว่า...รีบๆเลือกดีมั้ย” ปกฉัตรเอ่ยปากขึ้นมา อารมณ์กรุ่นๆในอกที่ถูกกล่าวหาว่าเอาเปรียบทำให้ไม่อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้เท่าไร


   ...รู้มั้ยว่าน้อยใจ...รู้มั้ยว่าเสียใจ...


   ...ไม่รู้หรอก เพราะพี่ไม่เคยสนใจกันสักนิดเดียว...


   “มึงอยากมาซื้อกับกูครั้งนี้ครั้งเดียว หรืออยากมาวันพุธกับวันศุกร์ด้วย?”


   “วันพุธกับวันศุกร์? หมายความว่าไง”


   “มึงคิดว่าไอ้ดิษสอบกี่วิชา? แล้วมันก็ไม่ได้ฉลาด ขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนั้นคงจะอ่านหนังสือเองอยู่หรอก ที่กูซื้อเนี่ย คือซื้อเอาไปทำข้าวเย็นให้มึงกับไอ้ดิษแดกสามวัน” ปกฉัตรชะงัก เขาก็พอรู้ว่าไม่น่าจะติววันเดียวเสร็จ แต่ก็ไม่คิดว่าดิษกรจะมีโปรแกรมติวหนังสือกับรุ่นพี่อย่างเจตน์ถึงสามวันต่อสัปดาห์


   ...อย่างนี้ก็ต้องไปคอนโดของพี่ทั้งสามวันเลยน่ะสิ...


   ริมฝีปากบางกระตุกที่มุมปากเล็กน้อย อารมณ์น้อยใจเมื่อกี้เจือจางลงอย่างไวภายใต้ท่าทีเรียบเฉย


   “อะไร ทำหน้ายังงั้น” สีหน้าเหมือนจะยิ้มนิดๆของปกฉัตรอยู่ในสายตาของเจตน์พอดี เป็นสีหน้าประหลาดๆ เหมือนมีแววพอใจ แต่สุดท้ายก็หายไป


   ปกฉัตรหันไปมองคนถาม แน่นอนว่าสีหน้าของหนุ่มรุ่นน้องจากต่างคณะในเวลานี้เรียบเฉย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ว่างเปล่าไปแล้วเรียบร้อย


   “ผมทำหน้าแบบไหนเหรอ” แถมมีย้อนถามด้วย เจตน์ยิ่งคุยยิ่งหงุดหงิด


   “ไม่รู้โว้ย! หน้ามึง มาถามอะไรกูล่ะ!”


   “แต่ผมไม่เห็นหน้าตัวเอง มีแต่พี่ที่เห็นหน้าผม” อารมณ์ดีขึ้นแล้ว จะหาเรื่องคุยเล่นด้วยก็ได้ อย่างน้อยๆจะได้เอามาหักลบกลบหนี้กับความน้อยใจที่เมื่อกี้เจตน์ทำเอาไว้


   “โน่น กระจก! มึงไปส่องไป!”


   “ไม่ใช่นกแก้ว เจอกระจกต้องวิ่งไปส่อง” ปกฉัตรตอบเรียบๆ แต่นั่นทำเอาเจตน์หลุดหัวเราะออกมาหนึ่งที


   “มึงคิดเหมือนกูเลย ยิ่งเวลาเจอคนเอาแต่ส่องกระจกตลอดเวลา กูยิ่งคิดว่าเหมือนนกแก้ว” ปกฉัตรยกยิ้มน้อยๆ


   “แต่นั่นก็เพราะคนคนนั้นอยากดูดี อยากดูสวยที่สุดไม่ใช่เหรอ เขาถึงได้เอาแต่ส่องกระจก นกแก้วก็คงเหมือนกัน มันรู้ตัวว่ามันสวย มันอยากสวยที่สุด มันก็เลยต้องส่องกระจก ไม่เหมือน...นกเขา ตัวเทาๆ ส่องไม่ส่องก็เหมือนเดิม มันก็เลยไม่รู้จะส่องไปทำไม” ท้ายประโยคนั้นเสียงแผ่วลง ปกฉัตรเหมือนเห็นตัวเองเป็นแค่นกเขา ตัวเทาๆที่ไม่น่าสนใจ เจตน์ที่ใครต่อใครก็บอกว่ามีผู้หญิงเป็นสต็อก คงพบเจอคนที่สวยที่สุด คนที่ตรงสเป็คที่สุดมาแล้วมากมาย


แล้ว...ผู้ชายอย่างปกฉัตรล่ะ ผู้ชายที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ผู้ชายที่ไม่มีความสวยงามเหมือนผู้หญิง


   ...เป็นแค่นกเขานั่นแหละ...เกิดมาเป็นนกเขาก็ต้องเป็นนกเขาไปจนตาย ยังไงก็เป็นนกแก้วไม่ได้หรอก...


   ท่าทีเงียบขรึมและเหมือนจะจมลงไปหลุมดำมืดทั้งๆที่ยืนอยู่ข้างกันทำเอาเจตน์ชะงัก อะไรบางอย่างบอกเขาว่าจะปล่อยให้อีกฝ่ายหายลับเข้าไปในหลุมนั้นไม่ได้ เขาต้องฉุดออกมา!


   “นกเขาตัวเทาๆพ่อมึงสิ มึงไม่รู้รึไงว่ามีประกวดนกเขา” อยู่ดีๆ ร่างสูงก็โพล่งพรวดขึ้นมา ดึงสติปกฉัตรให้เงยหน้าขึ้นมอง

   
   “นกไหนมันก็สวยทั้งนั้นแหละ ถ้าคนมองว่าสวย แต่ถ้าคนจะมองว่าขี้เหร่ ต่อให้นกแม่งประกวดได้รางวัลมา แม่งก็ขี้เหร่อยู่ดี”


   “พี่พูดอะไรเนี่ย” ปกฉัตรเหมือนยังจูนไม่ติด กะพริบตาปริบๆพยายามตามคำพูดของอีกฝ่ายให้ทัน


   “ปลอบใจมึงไง” หัวใจคนฟังอุ่นวาบขึ้นมาทันที เจตน์เป็นคนปากร้ายโผงผาง แต่บทจะพูดตรงก็ตรงเสียจนร่างโปร่งตั้งตัวไม่ทัน


   ...แต่ก็เพราะ ‘พี่’ เป็นแบบนี้...ถึงได้...


   “อึ้งอะไร มาเข็นรถ ขาไม่ดีก็ไม่ต้องเสล่อเดินเอง หาที่เกาะไว้สิ” คราวนี้ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆ


   “ผม? ขาไม่ดี?” เขาย้อนถามก้มลงมองขาสองข้างของตัวเองก็ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหน ยังวิ่งได้ เดินได้ ว่ายน้ำได้ เหมือนคนปกติทั่วๆไป


   “เออไง! ก็ไอ้ดิษบอกกู” อ้อ...ดิษกรบอก แล้ว...ดิษกรไปเอาเรื่องขาไม่ดีมาจากไหน


   แม้จะสงสัย แต่ปกฉัตรออกจะฉลาดแกมโกงเล็กน้อย ก็เลยไม่ปฏิเสธ


พอ ‘คนขาไม่ดี’ เงียบ เจตน์ก็เลยพานนึกเอาเองว่าอีกฝ่ายคงขาไม่ดีจริง และคงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก เรื่องสุขภาพสำหรับบางคน ก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครรู้ แต่...บังเอิญเขารู้ไปแล้ว แล้วก็ไม่ใช่คนมองข้ามเรื่องพวกนี้ด้วย!


   “มึงจับรถไว้ เกิดเซ่อซ่าล้มหน้ากระแทกพื้นขึ้นมา กูไม่พาไปส่งโรง’บาลหรอกนะ!” แล้วคนปากร้ายแต่ใจดีก็ดึงมือของปกฉัตรมาวางบนราวจับรถเข็น 


แน่นอน...มือข้างหนึ่งของเจตน์ ‘เผลอ’ วางทับมือของปกฉัตรที่จับราวนั้นด้วย สมองของร่างสูงออกคำสั่งว่าทำแบบนี้แล้วจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะจับรถเข็นเดินไปตลอดทางโดยไม่ล้ม


ทว่า...สำหรับเจ้าของมือที่ถูกมือใหญ่ทับ กลับรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองปลิวออกไปจากอกแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองมือของตนเองที่ถูกมือของคนข้างกายทับเอาไว้แล้วยิ้มจาง


แม้มือของเจตน์จะหนักและร้อน...แต่...ปกฉัตรไม่ทักท้วงแม้แต่คำเดียว


ติดตามตอนต่อไป (วันพุธ)

ปกฉัตรสายอ่อย อันนี้อ่อยจริง ทำจริง แสตนด์อินไม่ต้อง ก็ว่าโจ๊ก ปกครองเป็นจอมสร้างสถานการณ์แล้ว มาเจอปก ไออาร์นี่สูสีเลยค่ะ ฮ่าฮ่า

ส่วนเฮียเจ๋ง...ปากไม่ดี ปากร้าย ขี้หงุดหงิด แต่ก็แอบคิดถึงเขาอ่ะ คนเรา กิ๊วๆ

ป.ล. เปิดตัวสายรหัสนี้ครบแล้วนะ เวฟ ปีสี่ > โซ่ ปีสาม > ฟาง ปีสอง > ปก ปีหนึ่ง (โจ๊กและเจ๋งควรรู้ ว่าถ้าเข้าทางพี่เวฟไม่ได้ ควรจะเข้าทางใคร กร๊ากๆๆๆ)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดเช่นเคย

   เจอกันวันพุธนะคะ เพราะว่าวันพฤหัสบัวไม่อยู่ เลยจะแวะมาลงให้ก่อนค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-11-2017 21:35:13
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: TNM ที่ 23-11-2017 21:53:58
เกินเรื่องมากหนูปกวางมาดเกินเรื่องมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-11-2017 22:07:23
โอ๊ยๆ...........มีความสุขมากกกกกก  ชอบบบบบบบ

เจ๋ง ไม่เจอปกนาน ก็คิดถึง
อุตส่าห์ออกอุบายชวนเพื่อน และดิษ  มาเตะบอล
แต่ปกไม่ได้มา ผิดหวัง ออกอาการซะเพื่อนๆผิดสังเกต

ปก  น้อยใจด้วย ที่เจ๋งพูดเหมือนตัวเองมาเอาเปรียบ
เจ๋ง ปากไว พูดแรงๆ เล่นเอาปกน้อยใจ เสียใจ
ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างชอบกัน  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แน่ะเจ๋งแอบวางมือทับมือปก ปกก็ทำเนียนเฉย    :z3: :z3: :z3:
อย่างนี้เจ๋งจะไม่ดีใจรึ  :hao3: :hao3: :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-11-2017 22:11:34
เกรี้ยวกราดแรงกว่าโจ๊กมากค่ะเฮียเจ๋ง สายซึนด้วย ขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกว่าชอบเขา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 23-11-2017 22:20:09
ทำไมชอบคาแรกเตอร์เจ๋งจัง ตอนก่อนก็ชอบความวางแผนของปก
มาตอนนี้เราชอบเจ๋ง หรือเพราะชีวิตจริงสเปคเราเป็นแบบเจ๋งมั้ง
ชอบคนใจดี แต่ไม่ชอบคนพูดหวาน ๆ หรือเอาใจ 55555

โถพ่อคุณ กากนัมเบอร์ทูกำลังจะเกิดขึ้นมั้ยอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 23-11-2017 22:31:41
เจ๋งคือซื่อกว่าที่คิดเยอะมากกกกกก
ถ้าได้ปกจริงๆคงหลงหัวปักหัวปำ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 23-11-2017 22:38:38
โอ้ยยยย เฮียเจ๋งคนซึน น่าดีดปากซักทีสองที
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2017 22:42:08
 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-11-2017 22:49:31
ฮ่าๆๆๆๆเฮียเจ๋งนี่ดีแต่เกรี้ยวกราดจริงๆ แบบนี้จะไปทันเล่ห์น้องปกได้ยังไง หืม?
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-11-2017 22:55:20
คำพูดเฮียเจ๋งมันก็น่าน้อยใจจริง ๆ นั่นแหละ แต่ถึงจะปากร้ายแต่ใจดีนะเออ
สนใจพี่เวฟ จะมีเรื่องเป็นของตัวเองไหมคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-11-2017 23:15:38
เฮียเจ๋ง โห ปาก นี่อยากจะกลุ้ม น้ำตาซึมเลยสงสารน้อง คนแอบรักก็มีปมอยู่ละ
เจอแบบนี้แน่นอนว่าจุก แต่เฮียก็รีบมาปลอบใจอยู่นะ ดิษคงงงๆ เอ๊ะ วันนี้กูจะได้ติวไหม
เฮียคิดถึงเขาทำไมปากแข็ง ขี้หึงด้วยนะเราอ่ะ นี่ถ้าน้องยิ้มแย้มน่ารักใส่ เฮียแกจะรับไหวไหม หลงตาย
ยิ้มใส่เฮียค่ะลูก น้องปก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-11-2017 23:28:32
พี่เจ๋ง (ของน้องปก) อาการหนักแล้ว +1  :ped149:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-11-2017 23:56:33
นิขนาดไม่ได้อ่อยคนพี่ยังคันหัวใจยุบยิบขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 24-11-2017 00:04:56
ตอนที่เราอ่านเรื่องโจ๊ก เราคิดว่าปกนี่ซื่อๆอ่ะแบบโดนเจ๋งล่อลวงไรงี้ ไหงมันกลับตาลปัตรแบบนี้55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-11-2017 00:20:41
พี่เจ๋งปากไม่ดี ทำร้ายจิตใจน้องปก   :m16:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-11-2017 00:23:31
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 24-11-2017 00:48:06
น่ารักมากกก ชอบบบบ ชอบทั้งเฮียเจ๋งทั้งน้องปกเลยย เมื่อไหร่จะเลิกเข้าใจผิดกันสักทีต่างคนก็ต่างใจตรงกันฮือออ อยากเห็นตอนเฮียเจ๋งรุกจีบน้องปกแล้ววว เอ๊ะหรือปกจะจีบเฮียก่อน555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 24-11-2017 00:59:16
น้องปกขุดหลุมพรางโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับเจ๋งที่กำลังจะโดดลงไปในหลุมที่น้องขุดโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 24-11-2017 02:04:47
  กรี๊ดดดดดดดด พี่เจ๋งคิดถึงน้องปกตลอดเลยนะ !! อะไรคือการเห็นน้องปกอยู่กับเพื่อนก็หงุดหงิด เจอน้องปกอยู่กับพี่โซ่ พี่ฟางก็ไม่พอใจ พี่ไม่ได้หึงแทนดิษหรอกค่ะพี่อย่าเข้าใจผิด ขนาดยังไม่เป็นอะไรกันพี่เจ๋งยังห่วงขนาดนี้แล้วถ้าเป็นไรกันนี่พี่เจ๋งไม่จับน้องอยู่ในห้องทั้งวันไม่ให้ใครเห็นเลยหรอคะ แค่คิดว่าเขาเป็นแฟนกับดิษก็เหม่อได้ทั้งวันแล้ว แอบอยากไปกระซิบบอกพี่เจ๋งว่าเขาไม่ใช่แฟนกันค่ะพี่ พี่จีบน้องปกทีน้องปกอ่อยขนาดนี้แล้ว ละก็อย่าปากหมาใส่น้องปกบ่อยดิ น้องมันน้อยใจละเนี่ย ถึงสุดท้ายจะตามมาง้อก็เถอะ

 ขำความพี่น้องตระกูล จ ขำกับการที่พี่โจ๊กแกล้งอยากนั่งร้านกาแฟต่อเนี่ยแหละ จะนั่งมองโซ่ก็บอก ชีวิตช่างน่ารันทดอยากเข้าหาก็โดนกีดกันจากพี่เวฟและอลงกต โถ่ หมดกันเจียระไนผู้ไม่อยากคบค้าสมาคมกับใครแต่ต้องออกมาดูการจับสายรหัสเพียงเพราะโซ่มา

ติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-11-2017 02:07:46
เจ๋งคิดถึงน้องก็บอกกก
หน่วงเล็กๆ แต่ก็มุ้งมิ้งหัวใจนะเนี่ยตอนเนี้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-11-2017 03:14:11
โถวววว คิดถึงเค้าขนาดนั้น แต่พอเจอดันนนปากไม่ดีอะนะเฮียเจ๋ง
ทำน้องเสียใจอะรู้มั้ยคะคุณ! แต่ปลอบใจน้องด้วยอะะ หายเคืองง
อยากให้เฮียรู้ใจคัวเองซะทีค่ะ น้องอ่อยจนเหนื่อยแล้ว555
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-11-2017 04:30:24
ยอมใจกับความไบโพล่าและฝีปากบ้านนี้จริงๆ
ดูอิพี่มันนะคิดถึงเขาแต่ปากไม่วายลับมีดตลอด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 24-11-2017 06:08:12
เจ๋งกับโจ๊กนี่สมกับเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเลย ปากร้ายมากก
ต่างกันแค่คนพี่ไปแอบชอบเขา ส่วนคนน้องเขามาแอบชอบก่อน 5555

แต่เจ๋งนี่จะออกแนวปากไวเกินไปหน่อย ทำน้องปกเสียใจแบบไม่รู้ตัวไปอีก น่าตบปากมาก
พูดแบบนั้นได้ยังไง ไม่มีการรักษาน้ำใจอะไรเลย สงสารน้อง  :hao5:

ส่วนน้องดิษ ตกลงจะทำหน้าที่เป็นกามเทพมั้ยยังไง  :hao3:

ปล.ชอบคาแรคเตอร์น้องปกมากเลยค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ มันใช่เลยอะ ชอบเขาแต่ทำเนียน สายตาว่างเปล่า เก็บอาการ
แสดงสีหน้าว่าเฉย ๆ แต่ในใจนี่ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ อ่านแล้วนึกถึงเพื่อนตัวเอง ตอนเดินผ่านรุ่นพี่ที่ชอบงี้ นิ่งมากจนเรานับถือ
แต่ถ้าไม่แสดงออกให้เค้ารู้เลย ก็เกือบจะนกเหมือนกัน เพราะอีกฝ่ายคิดว่า ไม่ได้มีใจให้ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 24-11-2017 07:19:41
ความผีบ้า ถ่ายทอดมาทางสายเลือดสินะ555555
ส่วนความน่ารักของสายปกนี่เหมือนจะเว้นรุ่นรึเปล่า55555 ไม่อยากนึกตอรพี่ๆในสายรู้ว่าน้องปกโดนเด็กบัญชีคาบไปกิน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-11-2017 09:24:01
เฮียเจ๋งชอบน้องปกแล้วล่ะสิ ทำอะไรก็คอยคิดถึงแต่ปก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-11-2017 10:04:20
เฮียเจ๋งน่ารักง่ะ
ปากร้ายแต่ใจดี๊ดี :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-11-2017 10:13:51
ความซึนนี่มันสืบทอดกันมาใช่มั้ย ^^ ทายาทสายซึน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งธิดา ที่ 24-11-2017 11:00:24
ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 24-11-2017 11:01:41
มึนๆทั้งคู่เลยอะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 24-11-2017 11:40:26
ปากของเฮียช่างรุนแรงนัก แต่เพราะปกทำแบบนี้ก็เลยทำให้เจ๋งจดจำได้เพราะแตกต่างจากคนอื่น อืมมมมม
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 24-11-2017 12:38:18
สนุกมาก
สอง จ มีความเหมือนกันพอควร 555
แต่ปกหน้าเฉยนี่ แสบมิใช่น้อย ปกสายอ่อย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดเกรด ที่ 24-11-2017 21:21:14
เจ๋งปากไวไปนะ ตบปาก :z6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 24-11-2017 23:22:38
เราอยากรู้ว่าในความติดของปก ปกคิดว่าตัวเองรู้สึกกับเฮียเจ๋งยังไง
เพราะมุมคนอ่านอย่างเรา คิดว่าปกชอบเฮียเจ๋งแบบชู้สาว แต่บางครั้งปกก็เหมือนอยากมีตัวตน เป็นน้องที่อยู่สายตาเฮียเจ๋งเหมือนดิษเท่านั้นเ อง

ปล. เฮียเจ๋งเกรี้ยวกราดมาก ทำปกน้อยใจแบบไม่รู้ตัวเลย แล้วเรื่องขาไม่ดีนี่ มันเป็นแผนของดิษหรอ เห็นซื่อๆนี่ร้ายเหมือนกันนะเรา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 25-11-2017 00:18:12
บอกพี่เค้าไปปกบอกว่าคิดถึงเราลุ้นใจจะขาดแล้วววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 25-11-2017 01:33:20
เฮียเจ๋งปากน่าตีมากกก ทำน้องเสียใจเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 25-11-2017 10:28:37
ต้องสตรองแค่ไหน ถึงทนแาก 2 พี่น้องตัว จ. ได้ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 25-11-2017 10:30:04
 :sad4: เฮียทำไมน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 25-11-2017 10:33:17
ตามไม่ทันน้องอยู่ดีนะ พี่เจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 25-11-2017 17:46:07
โอ้ย ตามๆๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-11-2017 20:18:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-11-2017 21:35:19
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 26-11-2017 00:07:01
ทำไมชอบบยยยยยอย่างนี้ รอวันเจตกดน้อง เอ๊ะ รึ น้องกดเจตนะ  อิออ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 26-11-2017 05:27:09
55555555 ปกร้ายมาก
พี่เจ๋งตามไม่ทันหรอกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-11-2017 07:39:38
55555 คนไม่รู้ใจตัวเอง ไม่ยอมรับว่าชอบไปแล้ว เบื่อพี่ มากกกก

ปกคะ เนียนมากค่ะ ทำดี ทำจนพี่หงุดหงิดน่ะ

โจ๊กกกกกก จะปฏิเสธยังไง ไม่เต็มปากนะ ตามโซ่ไปทั่วเลย
โซ่น่ารักเสมอเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 26-11-2017 08:50:54
สนุกมากเลยๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 26-11-2017 08:53:17
น่าติดตามมากค้าาาชอบมาก :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 26-11-2017 09:43:41
ปกสู้ๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 26-11-2017 11:24:13
คอนเนคชั่นทำงานแล้ววววว แสบเหมือนกันนะเนี่ย55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-11-2017 15:21:47
คิดถึงกันไปคิดถึงกันมา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 26-11-2017 17:32:02
เจ๋งคือน่าสงสารแท้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 26-11-2017 23:36:36
บ้านนี้มันนิสัยเอาแน่นอนไม่ได้จริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 27-11-2017 10:20:07
เข้ามาติดจ้ะ :call:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-11-2017 21:19:14
นี่ขนาดพี่เจ๋งยังไม่รู้ตัวนะเนี่ย ถ้ารู้ตัวไม่หลงน้องหัวปักหัวปำหรอ?

อ้ออออ มันอยู่ในสายเลือดของพี่น้องตระกูลนี้สินะ ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 28-11-2017 01:41:48
ใจจะละลายติดพื้นนนน :mew3: :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Cuddlemoon ที่ 28-11-2017 10:56:04
ดูปกนิ่งๆแต่น่าจะร้ายกว่าโจ๊กอีกนะเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 28-11-2017 10:59:11
งือ เราชอบน้องปกจังเลยอะะะ
ฮือ แผนน้องแยบยลมาก
ทำไมน้องน่ารักกกกก เชียร์น้องขาดใจ
อิพี่เจตน์นี่ก็ทำซึน แหม ไม่เจอเขาก็คิดถึง
เห็นเขากับเพื่อนก็หงุดหงิด
ทำมาเป็นบอกตัวเองว่าแค่อิจฉา
แหมมมมมมม มองจากฟ้ายังรู้เลยว่าชอบเขาน่ะ
5555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-11-2017 23:57:02
ตามมาจากโจ๊กกับโซ่

ปกแลดูเจ้าแผนการณ์
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 29-11-2017 00:59:49
พี่เจ๋งคนซึน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 29-11-2017 02:40:16
น่ารักมากกกกก อ่านละหุบยิ้มไม่ได้เลย  :-[

เหมือนตัวละครมีชีวิต อินมาก ชอบบรรยากาศ ภาษา โฮ่ รู้สึกเจอเรื่องนี้เร็วเกินไป เพิ่ง4ตอนเอง จะขาดใจ

รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-11-2017 12:44:29
รอรอรอ สนุกมาก  :mew1:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 29-11-2017 19:58:41
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 5   


   เพราะดิษกรต้องมาติวหนังสือที่คอนโดของเจตน์ถึงสามวันในสัปดาห์นี้ ก็เลยกลายเป็นว่าปกฉัตรต้องติดตามมาทั้งสามวันเช่นเดียวกัน ตั้งแต่วันจันทร์ วันพุธ จนกระทั่งวันนี้...วันศุกร์


มุมติวหนังสือของดิษกรคือที่โต๊ะกินข้าว ส่วนมุมประจำในการรอของปกฉัตรคือโซฟาหน้าโทรทัศน์ ในขณะที่เจ้าของห้องอย่างเจตน์เดี๋ยวสอนมั่ง เดี๋ยวปล่อยให้อ่านเองมั่ง เดี๋ยวก็หายเข้าไปในครัวทำของกินง่ายๆออกมาให้ และเดี๋ยว...ก็มาวุ่นวายกับปกฉัตร


   “วันๆมึงเรียนอะไรบ้างวะ อะไรเนี่ย โทษประหารชีวิต?”


มือใหญ่วางจานแอปเปิ้ลที่ปอกแล้วลงบนโต๊ะกระจกเล็กหน้าโซฟา แล้วเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มหนาภาษาอังกฤษล้วนไปเปิดผ่านๆ จากนั้นก็โยนปุลงมาวางที่เดิม ทำเอาคนกำลังพิมพ์รายงานลงในโน้ตบุ้คเครื่องเล็กที่พกมาด้วยต้องเงยหน้ามอง


   “ประเด็นโทษประหารชีวิตเป็นประเด็นใหญ่ มีทั้งคนเห็นด้วย ทั้งไม่เห็นด้วย” เจตน์พยักหน้าเหมือนไม่สนใจเท่าไร แล้วกวาดตามองหนังสือเล่มหนาที่วางซ้อนๆกันข้างร่างโปร่ง


   “แล้วมึงต้องอ่านหนังสือหมดนั่นเพื่อทำรายงานเหรอ”


   “ครับ” ปกฉัตรตอบสั้นๆ แล้วหันกลับไปพิมพ์รายงานต่อ เจ้าของห้องเหลือบมองดวงหน้านิ่งเฉยที่ไม่ค่อยบอกอารมณ์ แล้วเหลือบตาไปมองรุ่นน้องอย่างดิษกร ที่ตอนนี้สลบเหมือดหน้าคว่ำคาหนังสือไปแล้ว สองคนนี้ไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้ คนหนึ่งชอบแสดงความรู้สึกทางสีหน้า ส่วนอีกคน...นิ่ง ขรึม ไม่ถามก็ไม่พูด


   “แดกแอปเปิ้ลให้หมดล่ะ วางไว้นานๆมันจะดำ” เขาพูดลอยๆเหมือนไม่สนใจ แต่ทำเอาคนกำลังหันไปสนใจพิมพ์รายงานต่อต้องเงยหน้ามอง ดวงตา 2 คู่สบกันอีกหน นัยน์ตาสีอ่อนของปกฉัตรนั้นเต็มไปด้วยความงุนงงและสงสัย ในขณะที่นัยน์ตาสีเข้มของเจตน์เหมือนไม่รู้ไม่ชี้


   “แต่ถ้ามึงยังไม่หิวก็เอาไปแช่ตู้เย็น ไม่ใช่แดกแอปเปิ้ลอิ่ม ข้าวเย็นไม่แดก กูจะจับกรอกปากให้”


แล้วเจ้าของคอนโดหรูก็ทำเสียงเข้มขู่อีกหน ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าครัว ร่างโปร่งมองตาม แล้วเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนัง เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว...เขามาที่นี่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำไมจะไม่รู้ว่าเวลาใกล้หกโมงแบบนี้ เจตน์จะต้องเข้าครัวทำอาหารเลี้ยงคนที่มาสถิตอยู่ในคอนโดนี้


   ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบกลับไปมองรายงานที่ยังพิมพ์ค้างอยู่ในโน้ตบุ้ค ก่อนจะตัดสินใจเซฟงาน ปิดหน้าจอลง แล้วลุกขึ้นหยิบจานแอปเปิ้ลเดินเข้าไปในห้องครัว


   “ผมยังไม่กินแอปเปิ้ลได้มั้ย จะได้ช่วยพี่ทำกับข้าว” เสียงของร่างโปร่งดังขึ้นในนั้น แล้วกิจวัตรแบบเดิมๆตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


   เจตน์ทำอาหารเย็น โดยมีปกฉัตรเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ


   ดิษกรเงยหน้าจากหนังสือ มองเข้าไปในครัว เพราะครัวของคอนโดนี้เป็นครัวแบบเปิด ไม่ต้องแอบมองก็เห็นคาตาว่าปกฉัตรกำลังหั่นผักเตรียมวัตถุดิบ ส่วนเจตน์กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตา


หนุ่มบัญชีปีหนึ่งลุกอย่างช้าๆ แล้วย่อตัวตัวคลานเข้าไปใกล้ประตูห้องครัวให้มากที่สุด


... ขอฟังหน่อยสิ รุ่นพี่ที่เคารพกับเพื่อนที่รัก เวลาคุยกันเขาคุยกันยังไง...
……………………

   ในขณะที่นอกห้องครัวเป็นการแอบฟังอย่างเงียบเชียบ ภายในครัวเองก็เป็นการทำอาหารอย่างเงียบๆเหมือนกัน...แต่...ก็เงียบได้ไม่นานเท่าไร


   “กูจะทำหมูกระเทียมพริกไทย แต่ถ้ามึงจะสับกระเทียมแหลกขนาดนั้น มึงไปเอาครกมาเลยไป เดี๋ยวกูจะเปลี่ยนเมนูเป็นตำน้ำพริกแทน” เจ้าของครัวหันไปบ่น


   “แต่ถ้าไม่หั่นเล็กๆ ดิษก็กินไม่ได้”


   “ก็ลองมันไม่แดกของที่กูทำสิ!!” เจอเข้าแบบนี้ ปกฉัตรก็พูดต่อไม่ออก ต้องยอมหั่นกระเทียมออกเป็นชิ้นใหญ่ขึ้นมาหน่อย


   “มึงเองก็ด้วย ถึงบ้านกูจะรวย กูก็ไม่ชอบให้ใครมากินทิ้งกินขว้าง!” พอเลิกบ่นเรื่องกระเทียม เจตน์ก็หันมาบ่นเรื่องการกินทิ้งกินขว้างแทน ประเด็นนี้ปกฉัตรโดนบ่นมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่มาฝากท้องไว้ที่นี่ เพราะเจ้าของห้องตักข้าวให้เขามากเกินกว่าที่จะทานหมด


   “ผมก็บอกหลายครั้งแล้วว่ามันเยอะเกินไป”


เนื่องจากเจตน์เป็นเจ้าบ้าน เจ้าตัวเลยถือว่ามีสิทธิ์ขาดในการตักข้าวให้ทุกคน แถมยังตักแบ่งทุกจานอย่างเท่าๆกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าจานของปกฉัตรเท่ากับจานของเจตน์และดิษกร คนผอมกะหร่องที่กินข้าวไม่เยอะขอให้ตักส่วนที่เขาทานไม่หมดออกตั้งแต่แรก แต่คนตักไม่ยอม สุดท้ายต้องให้ดิษกรช่วยทาน ซึ่งรายนั้นยอมช่วยแบบที่พอเอาคำสุดท้ายเข้าปาก ก็เกือบตาเหลือกเพราะความอิ่ม แต่เจตน์ยังพูดหน้าตาเฉยว่าถ้าเขากินน้อยแถมให้เพื่อนช่วยกินแบบนี้ ชาตินี้ก็ไม่มีวันโต


   “กูกับไอ้ดิษยังแดกหมด มันจะเยอะเกินไปได้ยังไง!” เป็นตรรกะที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ปกฉัตรได้แต่ค่อนแคะในใจ


   “คนเราไม่ได้กินเท่ากันทุกคน” ฝ่ายกินน้อยพยายามแย้งอย่างใจเย็น


   “แต่มาบ้านกูก็ต้องแดกเท่ากู!” เป็นอีกครั้งที่ร่างโปร่งเถียงไม่ออก ไม่เข้าใจตัวเองว่าไปหลงใหลได้ปลื้มคนอย่างเจตน์ได้ยังไง


   “เข้าใจที่กูพูดรึเปล่า?!” พอเขาเงียบ ก็ยังมาคะยั้นคะยอให้รับปากอีกต่างหาก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบไปมอง เพราะลองว่าพูดแบบไม่มองหน้า เดี๋ยวก็ได้ถูกแกล้งแรงๆแบบครั้งก่อนอีก


   “เข้าใจ แต่ผมกินเท่าพี่ไม่ได้หรอก”


เจตน์โยนมีดลงในอ่างล้างจานดังเคร้ง


   “มึงไม่มีคำว่าแต่สักเรื่องได้มั้ย?!”


   “เอาเป็นว่าผมจะพยายามทานให้มากขึ้นแล้วกัน”


   “งั้นมาตักข้าว!! กูจะดูซิว่ามึงจะพยายามได้เท่าไร”


แล้วจากนั้นเจตน์กับปกฉัตรก็ใช้เวลาอีกเกือบห้านาทีที่หน้าหม้อหุงข้าว คนหนึ่งบอกให้ตักข้าวเพิ่มจากเดิมอีกหนึ่งทัพพีพูนๆ อีกคนต่อรองเหลือ 1 ใน 4 ทัพพีที่เพิ่มขึ้นมา และสุดท้ายจบลงที่เจตน์แย่งทัพพีมาตักข้าวโปะลงไปในจานของปกฉัตรอีก 1 ทัพพีตามความต้องการของตนเอง


   “ผมทานไม่หมดแน่ๆ” ปกฉัตรมองปริมาณข้าวในจานแล้วถอนหายใจ เถียงมาตั้งนานเพื่ออะไร สุดท้ายเจตน์ก็บังคับตักข้าวเท่าที่ตัวเองอยากตักอยู่ดี


   “เออ! กูรู้ มึงแดกได้เท่าไรก็เท่านั้น! ที่เหลือกูแดกต่อเอง! แม่ง! เรื่องมากฉิบหาย! ข้าวก็ข้าวกู!” แล้วร่างสูงก็บ่นอีกชุดนึง ก่อนจะเดินไปหยิบกระทะมาผัดหมูกระเทียมเพื่อนำมาราดข้าว 3 จานที่ตักรอไว้แล้ว


   แล้วมื้อเย็นวันนั้น ข้าวจำนวนมากในจานของปกฉัตรก็หมดลง ไม่ใช่เพราะเขาขอให้ดิษกรช่วยในส่วนที่ทานไม่หมดเหมือนวันก่อน แต่คนที่เอื้อมช้อนมาตักไปคือเจ้าของคอนโดแห่งนี้เอง

...............................

   หลังจากมื้อเย็นอันได้แก่ข้าวราดหมูกระเทียมพริกไทและไข่ดาว ดิษกรก็นั่งติวหนังสือต่อ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปิดสมุดแล้วผลักออกไปไกลตัวด้วยความอ่อนล้า


   “โอย เฮีย พอก่อน ผมไม่ไหวแล้ว” เจตน์หันมองหนุ่มรุ่นน้องที่ผลักหนังสือออกห่างจากตัว


   “พอวันนี้ วันหน้ารีไทร์เอามั้ย” ไม่มีการให้กำลังใจใดๆ ขู่ล้วนๆลูกเดียว ดิษกรถึงกับอ้าปากหวอ


   “โฮ เฮีย ให้กำลังใจกันบ้างก็ได้นะ”


   “ให้เพื่ออะไร กำลังใจมึง มึงก็หาเอาเองสิ” คนเป็นรุ่นน้องทำหน้ายู่ ก่อนจะนึกถึงกำลังใจสุดที่รักหนึ่งเดียวที่พกมาด้วย


   “เออ ไอ้ปกล่ะ” เขามองไปที่โซฟาหน้าโทรทัศน์อันเป็นที่สิงสถิตของปกฉัตรในช่วงที่มาคอนโดของเจตน์ รายนั้นก็เงียบเหมือนกัน ดิษกรรีบลุกขึ้นเดินไปดู ถึงได้พบว่าปกฉัตรที่นั่งทำงานอยู่กับพื้นฟุบหลับลงกับโต๊ะกระจกเล็กหน้าโซฟาไปแล้ว


   “เพื่อนมึงหลับหรือตาย” เสียงของรุ่นพี่เจ้าของคอนโดดังขึ้นข้างหลัง ดิษกรหันไปมอง


   “ถ้าตายก็ตายเพราะข้าวหมูกระเทียมเฮียนั่นล่ะ เดี๋ยวผมปลุกมันกลับบ้านดีกว่า” หนุ่มรุ่นน้องกำลังจะก้มลงสะกิดเพื่อนสนิทให้ตื่นเพื่อชวนกลับบ้าน แต่เสียงของเจตน์ดังขึ้นก่อน


   “กูว่าคืนนี้มึงนอนที่นี่เถอะ” รุ่นน้องร่วมคณะหันมองอย่างงุนงงกับคำชวน


   “เพื่อนมึงสภาพนี้ มันจะขับกลับยังไง มึงเองก็ขับรถไม่แข็งไม่ใช่เหรอ”


   “อ่า...ก็จริง...” ดิษกรมองสภาพเพื่อนรักที่นั่งฟุบอยู่กับกองหนังสือจำนวนมากก็พอรู้ว่าปกฉัตรทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ตัวเขาเองก็ขับรถไม่แข็ง


   “แต่ว่า...จะรบกวนเฮีย...” เขาเอ่ยเบาๆอย่างเกรงใจเจ้าของห้อง


   “ถ้ารบกวน กูไม่ชวนหรอก กูมีฟูกอยู่ เดี๋ยวเอาออกมาให้ มึงก็ไปอาบน้ำซะ ผ้าเช็ดตัวอยู่บนชั้นหน้าอ่างล้างหน้า จะใช้ผืนไหนก็หยิบเอา กูจะเอาเสื้อผ้าให้ยืม” พอเจตน์ออกปากแบบนั้น ดิษกรที่ก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะยกมือไหว้


   “ขอบคุณเฮียมากครับ”


   “ขอบคุณเชี่ยอะไร กูให้ค้าง ไม่ได้ยกห้องให้เลย” คนขอบคุณถึงกับหัวเราะก๊าก


   “โฮ เฮีย นึกว่าจะป๋า”


   “ป๋าพ่อง! ไป ไปอาบน้ำ จะได้มาปลุกเพื่อนมึงไปอาบน้ำต่อ”  เจตน์สั่งแล้วชี้ไปทางห้องน้ำ รุ่นน้องตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นก็รีบตะเบ๊ะแล้วพุ่งตัวไปห้องน้ำอย่างว่องไว ทิ้งเขาเอาไว้กับคนที่นั่งฟุบหลับ ดวงตาเรียวมองใบหน้าด้านข้างของคนที่หลับอยู่กับโต๊ะ วูบหนึ่งเขาเหมือนดำดิ่งลงไปกับใบหน้านี้ แต่แล้วจู่ๆ เหตุการณ์เมื่อครู่ก็ไหลกลับเข้ามาในสมอง


   ...กำลังใจของไอ้ดิษ...


   ...พวกมันเป็นแฟนกันจริงๆด้วย...


   ...เป็นแฟนกันจริงๆ...


   รู้สึกเหมือนคันยิบๆอีกแล้ว เจตน์ยกมือขึ้นถูอกตัวเองไปมาแล้วรีบเบือนสายตาหนีไปทางอื่น เขาเม้มปากราวกับจะอดกลั้นกับอะไรบางอย่างที่ทำให้หายใจไม่ออก ก่อนจะตัดสินใจเบี่ยงปลายเท้าไปที่บันไดแล้วก้าวเร็วๆหายขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับมามองคนที่ยังหลับอีกเลย

................................   

   “ไอ้ปก ไอ้ปก ตื่นมาอาบน้ำก่อนค่อยนอนต่อ” ดิษกรที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดและกางเกงเลของรุ่นพี่เจ้าของห้องสะกิดเพื่อนรักที่ยังหลับสนิทแรงๆ ปกฉัตรสะดุ้งลืมตาตื่นแล้วมองไปรอบตัวอย่างตื่นๆ


   “ดิษ...อ่า...เอ่อ...มึงติวเสร็จแล้วเหรอ”


   “อือ เที่ยงคืนแล้วมึง เฮียเจ๋งเลยให้นอนที่นี่ อ่ะ นี่เสื้อผ้า เฮียเอามาให้มึงยืม ผ้าเช็ดตัวอยู่ที่ชั้นตรงอ่างล้างหน้า หยิบใช้ได้เลย” ปกฉัตรขมวดคิ้วเล็กน้อย พอลดสายตามองก็ถึงได้พบว่าดิษกรเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว มีผ้าขนหนูพาดอยู่ที่ไหล่


   “มึง...อาบน้ำแล้วเหรอ?”


   “เออสิ ไป มึงไปอาบน้ำ ได้มานอน” ดิษกรโบ้ยไปที่ฟูกนอนที่ถูกปูอยู่หน้าโทรทัศน์ มีหมอน ผ้าห่มเรียบร้อย ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง กว่าจะตั้งสติได้ก็เกือบนาที


   “น...นอนที่นี่?”


   “เออ! มึงนี่เพิ่งตื่นแล้วเบลอรึไง”


   “อ่า...จ...จะดีเหรอ...” แม้ใจจะเต้นตึ่กตักเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ค้างที่นี่ แต่ปกฉัตรก็รู้สึกเก้อๆอย่างบอกไม่ถูก


   “ดีสิวะ คืนนี้มันดึกมากแล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ นี่กูโทร.บอกอานิศแล้วด้วยว่ามึงจะค้างกับกูที่คอนโดเฮียเจ๋ง” เป็นอันปิดหนทางจะได้กลับบ้าน เพราะดิษกรพูดจบแล้วก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนฟูกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ปกฉัตรได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก


   ...ค้างที่นี่ วันนี้จะได้ค้างที่นี่...


   ร่างโปร่งลุกจากพื้นแล้วหมุนตัวเดินไปที่ห้องน้ำทันที เพราะเกรงว่าขืนยังชักช้ากว่านี้อีกนิด จะถูกไล่ให้กลับบ้านไปทั้งๆที่กำลังดีใจแบบนี้

..................................

   ห้องน้ำของคอนโดหรูแห่งนี้มีสองห้อง ห้องหนึ่งอยู่ชั้นบนในห้องนอน ส่วนอีกห้องอยู่ชั้นล่างติดกับห้องทำงาน ปกฉัตรเคยใช้ห้องน้ำที่ชั้นล่างมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องใช้ห้องน้ำพร้อมด้วยผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าของเจตน์


   ร่างโปร่งเปิดประตูออกจากห้องน้ำ กระจกบานสูงที่ติดอยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามประตูทำให้มองเห็นเภาพเต็มตัวของเขา ปกฉัตรยืนนิ่ง เผลอมองเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเขานาน


เสื้อยืดและกางเกงเล บอกให้รู้ว่าเจ้าของตัวจริงทั้งตัวใหญ่ ไหล่กว้าง และอกหนา


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองภาพสะท้อน มือขาวลูบเสื้อเนื้อนิ่มอย่างแผ่วเบา ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสขนาดนี้...มีโอกาสได้ใส่เสื้อของเจตน์


   ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยมาตลอด มาวันนี้มันมีรอยยิ้มที่ทำให้ริมฝีปากบางขยับแย้มจนเห็นฟันขาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นมีแววเขินยามมองสบตัวเองในกระจกด้วยซ้ำ เขาก้มหน้าลง ยกคอเสื้อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสูดกลิ่นผงซักฟอกทีติดอยู่บนเสื้อ


   ...กลิ่นเสื้อของ ‘พี่เจ๋ง’...


   ภวังค์ที่มีแต่ใบหน้าของเจตน์ดึงดูดให้เขาเข้าไปอยู่ในโลกนั้น ทว่าเสียงประตูเปิดฉุดสติปกฉัตรกลับออกมา


   เขารีบดึงหน้าตัวเองออกจากเสื้อแล้วหันไปมองคนเปิดประตู เจตน์กำลังจ้องเขาอยู่


   “มึงทำไร” ปกฉัตรกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อยากบอกมากๆว่าเสื้อหอม เสื้อนิ่ม ใส่แล้วสบายทั้งใจทั้งกาย


   แต่...พูดความจริงคงถูกมองแปลกๆ


   “เอ่อ...รู้สึกว่าเสื้อพี่กลิ่นแปลกๆ” เจ้าของเสื้อขมวดคิ้วฉับ ก้าวเท้าไวๆเข้ามาหาแล้วคว้าชายเสื้อไปดม


   “เฮ้ย” คนที่สวมเสื้ออยู่ แต่จู่ๆก็ถูกดึงชายเสื้อเปิดขึ้นไปถึงหน้าอกร้อง ทำเอาเจตน์รีบปล่อยเสื้อออกจากมือ แต่สายตาก็ดันเห็นหน้าท้องแบนราบรำไรนั่น


   “ก...กลิ่นผงซักฟอก! ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน!” ตะกุกตะกักนิดหน่อย เพราะเมื่อกี้ที่ดึงเสื้อมาดมนั่นไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง พอได้ยินเสียงร้องนั่นแหละ ถึงได้รู้สึกตัว


   “เอ่อ...ครับ คงจะอย่างนั้น...”


   “มึงไปนอนได้แล้ว” คนถูกไล่ไปนอนยังไม่อยากนอน ยิ่งได้งีบหลับไปแล้วพักหนึ่งก่อนจะถูกปลุกมาอาบน้ำ ตอนนี้ยิ่งตาสว่างมาก


   “แล้วพี่...” ปกฉัตรถามด้วยความอยากรู้ เจ้าของคอนโดหรูขนาดสองชั้นเหลือบไปมองที่โต๊ะทำงานซึ่งมีหนังสือกองพะเนินอยู่ข้างๆโน้ตบุ้ค


   “อ่านหนังสือ แต่เดี๋ยวกูเอาขึ้นไปอ่านข้างบน ไม่กวนมึงหรอก” วินาทีนี้ ปกฉัตรชักจะไม่ชอบความหรูหราของคอนโดขนาดสองชั้นนี่แล้ว เพราะมันทำให้เขาถูกกันเอาไว้ที่ชั้นล่าง ส่วนเจตน์ก็มีตัวเลือกที่จะขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบน


   ใบหน้าขาวของหนุ่มรุ่นน้องนิ่งไป เจตน์มองเห็นความเอาแต่ใจของริมฝีปากที่ถูกยกขบเล็กน้อย เขาอยากถาม แต่...พอคิดถึงใครอีกคนที่นอนอยู่ที่หน้าโทรทัศน์ก็ทำให้เขานึกถึงสถานะของคนตรงหน้าขึ้นมาได้


   ปกฉัตรกับดิษกรเป็นแฟนกัน


   เจตน์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่เขาคิดอยากจะถาม อยากจะรู้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรของคนตรงหน้าก็ตาม สถานะของดิษกรและปกฉัตรต้องโผล่ขึ้นมาเสมอ


   “มึงไปนอนซะ” เขาออกปากไล่แล้วหมุนตัวเดินหนีไปที่โต๊ะทำงาน ทำเป็นไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอีก ร่างสูงไม่เห็นแม้แต่น้อยว่าคนที่ยืนมองเขาอยู่นั้นกำลังทอดสายตาแบบใดมาให้


   แต่ต่อให้จะไม่รับรู้สายตา ปกฉัตรก็อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ตัวตนของเขาสักนิด


   “ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้า”


   “อือ” เจตน์นิ่งไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับสั้นๆโดยไม่หันมอง


   “ขอบคุณที่ให้ใช้ห้องน้ำ”


   “อือ” ตอบอีกรอบ และไม่หันมองอีก



   “ฝ...ฝันดีนะครับ”



   “อือ” เขารับคำแล้วอึดใจต่อมาก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตั้งใจจะอ่านหนังสือไม่ได้จะนอน ทว่าพอหันกับไปมองเจ้าของคำอวยพรให้นอนหลับฝันดีก็พบเพียงความว่างเปล่าแล้ว


   ‘…ฝันดีนะครับ’ เสียงเมื่อครู่ดังซ้ำอยู่ในหัว เป็นอีกครั้งที่รู้สึกคันยุบยิบที่หน้าอกจนต้องเกา เจตน์คว้าหนังสือที่ตั้งจะอ่านคืนนี้เดินออกจากห้องทำงาน เดินเกาอกตัวเองออกตรงไปที่บันได แต่แล้วหางตาก็เห็นเจ้าของคำพูดเมื่อครู่นี้


   ดวงตาเรียวหันไปมองเต็มสองตา หนุ่มรุ่นน้องสองคนที่นอนออยู่ข้างกันทำเอามือที่กำลังเกาหยุดชะงัก เจตน์มองภาพนั้นนาน ก่อนจะตัดสินใจเบี่ยงปลายเท้าก้าวขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว


   ไม่ใช่แค่คันยุบยิบ...แต่มันเสียวแปลบจนไม่กล้านึกถึงภาพเมื่อครู่อีกเลย

.................................

   สัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบกลางภาค ไม่ว่านิสิตคณะไหนๆก็ตื่นตัว แต่ที่เห็นจะตื่นเป็นพิเศษก็คือปีหนึ่งที่เพิ่งจะได้สอบในระดับมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก


ที่คณะรัฐศาสตร์ บรรดารุ่นพี่หัวกะทิรวมตัวกันจัดโครงการพี่ติวน้อง ปกฉัตรเองก็ตั้งใจจะร่วมติวด้วยเช่นกัน แต่...ปัญหามันอยู่ที่ว่าการติวของรัฐศาสตร์จัดขึ้นในตอนเย็น เวลาเดียวกับที่ดิษกรต้องไปติวกับเจตน์


“กูเลิกทุ่มนึง เดี๋ยวไปหามึงที่คอนโดเฮียของมึงแล้วกัน” ปกฉัตรตัดสินใจ แต่เป็นการตัดสินใจที่ทำให้เพื่อนรักที่คบหากันมานานขมวดคิ้วมุ่น


“กูว่ามันลำบากมึงไปเปล่าวะ งั้นกูไม่เอารถไปดีกว่า มึงติวเสร็จจะได้กลับบ้านเลย ไม่ต้องไปหากูที่คอนโดเฮียเจ๋ง” ร่างโปร่งชะงักไปวูบหนึ่ง สอบก็ต้องสอบ แต่เขาก็อยากเห็นหน้าของเจตน์เช่นกัน


แต่...เรื่องอยากเห็นหน้าเจตน์ จะให้ดิษกรรู้ไม่ได้


“แต่มึงเลิกดึกไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับบ้านยังไง” หลังจากตั้งสติเป็นอย่างดี ปกฉัตรก็หันไปถาม


“ไม่เห็นยากเลย แท็กซี่ก็มี”


“แท็กซี่จะรับมึงเหรอ หน้ามึงเหมือนโจรนะดิษ”


“โห เชี่ยปก” ดิษกรอยากจะยกขาถีบเพื่อนรักสักที แต่เห็นแก่มาดดูดีอย่างกับคุณชายของมัน เขาก็เลยด่าแต่ปากพอ ปกฉัตรยิ้มจางแล้วใช้น้ำเสียงเรียบๆอย่างเป็นผู้ใหญ่ หมายจะให้ดิษกรคล้อยตามให้ได้


“มึงเอารถไปนั่นแหละ กูติวเสร็จจะตามไป แล้วจะขับรถกลับให้” สีหน้าคนฟังดูไม่เห็นด้วยเท่าไร ดิษกรเกรงใจ แต่ปกฉัตรไม่อยากให้เกรงใจเรื่องนี้เลย การที่เพื่อนรักไปติวหนังสือกับเจตน์ เป็นเรื่องดีสำหรับเขา แม้จะทำให้ต้องกลับบ้านดึกหน่อยก็เถอะ


“มึงคิดดูนะดิษ ถ้ามึงไม่เอารถไป ทั้งกูทั้งมึงก็ลำบาก กูเลิกทุ่มนึง กว่าจะกลับถึงบ้าน แถมต้องเดินเข้าซอยอีก มึงก็รู้ว่าซอยบ้านเรามันเงียบ ยิ่งดึกๆก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ ส่วนมึงเอง เลิกติวก็ดึกแล้ว หาแท็กซี่กลับบ้านก็ไม่ใช่จะง่าย แล้ว...สังคมสมัยนี้ก็อันตราย ถึงมึงจะเป็นผู้ชายตัวใหญ่ แต่ถ้ามันหมาหมู่มาสักสามคน มึงก็ไม่รอด” คนมาดดูดีน่าเชื่อถือยกเหตุผลมาอ้าง


“เชี่ย! พูดไรเนี่ย! กูกลัว!” ผู้ชายตัวใหญ่ที่ชื่อดิษกรนั้นใจปลาซิวปลาสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ปกฉัตรยิ้มน้อยๆเหมือนจะปลอบใจ


“มึงเอารถไป แล้วกูตามไปหาที่คอนโดของเฮียมึงน่ะ ดีที่สุดแล้ว…เชื่อกูสิ” และไม่ว่าจะด้วยมนต์วิเศษข้อใด ในประโยคสุดท้ายว่า ‘เชื่อกูสิ’ ของปกฉัตร ก็ทำให้ดิษกรคล้อยตามยอมพยักหน้าอย่างง่ายดาย


“ก็ได้ งั้นมึงตามไปนะ เดี๋ยวกูบอกเฮียเจ๋งให้เอง”

............................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 29-11-2017 19:59:27


เจ้าของคอนโดหรูไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจมากเท่าไรนัก เมื่อวันนี้มีรุ่นน้องเพียงคนเดียวมาที่คอนโดของเขา อันที่จริงก็มีแค่คนเดียวที่เขาติวให้ แต่อีกคน...อันนั้นกาฝากของแท้


...กาฝากก็จริง...แต่...ไม่เห็นหน้ามันแล้ว...เริ่มจะหงุดหงิดอีกแล้วว่ะ!...


“ไอ้ปกมันต้องติวที่คณะมันน่ะเฮีย เดี๋ยวมันตามมาเอง” ดิษกรอธิบาย


“คณะมันก็ดีนะเฮีย มีติวหนังสงหนังสือให้ด้วย” ดวงตาเรียวของหนุ่มรุ่นพี่ร่วมคณะตวัดฉับไปมองคนพูด


“แล้วคณะกูมันไม่ดีตรงไหน?!”


“อุ้ย! ดุทำไม ไม่ได้บอกสักคำว่าคณะเราไม่ดี แค่ชมคณะไอ้ปกเฉยๆ เฮียนี่หูหาเรื่อง” รุ่นน้องขี้ตกใจทำหน้าตางุนงงที่อยู่ๆเจตน์ก็ฉุนเฉียว พอถูกทักแบบนั้น ก็ดูเหมือนเจ้าของสถานที่จะรู้ตัว เขาสูดลมหายใจลึก ปรับน้ำเสียงใหม่ แต่ก็ยังฟังแล้วห้วนอยู่ดี


“แล้ว มัน…เอ่อ…เพื่อนมึงจะมายังไง ไหนมึงบอกว่าขาไม่ดี” ดิษกรเอียงคอเล็กน้อย


“ผมบอกเหรอว่าไอ้ปกขาไม่ดี”


“อ้าว! ไอ้เชี่ยดิษ! ก็มึงพูดเองตอนที่กูไล่ให้มันไปซื้อของ!!” รุ่นน้องปีหนึ่งหัวเราะแหะๆ


“ก็…ตอนนั้นเฮียเจ๋งใจร้ายกับไอ้ปกอ่ะ ผมก็กลัวเพื่อนผมเสียใจ อยากให้เฮียตามไป แต่ว่า…ถ้าบอกตรงๆเฮียไม่ตามแน่เลย จริงๆแล้วเฮียก็ห่วงไอ้ปกใช่มั้ยล่ะ แต่ทำไมชอบทำเป็นด่ามัน”


“กูจะด่ามึงด้วย! ไอ้เชี่ย! หลอกกู!!”


“ผมขอโทษ อ่า…แต่จริงๆไอ้ปกมันก็ข้อเท้าแพลงบ่อยนะ ตอน ม.ต้นมันเล่นบาส แล้วข้อเท้าพลิกบ่อยเกิน มันก็เลยเลิกเล่น แต่บางทีเดินๆอยู่ เจอฟุตบาธไม่ดี แม่งเท้าพลิกเฉยเลยก็มี”


“นั่นก็เพราะเพื่อนมึงเซ่อน่ะสิ!” เจตน์ด่าเข้าให้ แต่ดิษกรยังหัวเราะ


“มันเซ่อจริงๆนั่นแหละ แต่ชอบเก็ก ชอบมีฟอร์ม มันตัวคนเดียวนี่นะ ก็ต้องมีมาดให้ดูน่าเกรงขามนิดนึง”


“ตัวคนเดียว? หมายความว่าไง พ่อแม่มันล่ะ” ดิษกรทำตาโตหุบปากแล้วส่ายหน้า แน่นอนว่าเจตน์อยากรู้ แต่จะให้ไปเค้นคอคาดคั้นเพื่อที่จะได้รู้เรื่องของรุ่นน้องสักคนที่ไม่สนิทกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเขาจะทำ


“ไม่พูดก็ไม่พูด ไม่พูดก็มาติวได้แล้ว เปิดสมุดขึ้นมา” แล้วจากนั้น บทสนทนาในคอนโดของเจตนฺ์ก็ไม่มีเรื่องไหนเกี่ยวกับปกฉัตรอีกเลย แต่...น่าแปลกที่ในใจของเจ้าของห้อง กลับติดใจเรื่องของรุ่นน้องคนนั้นจนไม่มีที่ว่างให้เรื่องอื่นอีกแล้ว


...แน่นอน เจ้าของหัวใจไม่รู้ตัว...

.....................................

กว่าจะติวเสร็จ กว่าจะออกจากคณะ กว่าจะหารถแท็กซี่ได้ กว่าจะมาถึงคอนโดหรูใจกลางเมือง นาฬิกาบนข้อมือของปกฉัตรก็บอกเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว มือขาวข้างหนึ่งลูบท้องตัวเองเบาๆ เพราะนอกจากน้ำเปล่าที่พกเข้าไปดื่มในห้องช่วงที่ติวหนังสือ ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีก


...แต่...ไปเจอหน้าพี่ก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิดเรื่องอื่น...


เขาก้าวเท้าเดินเข้าไปในตึก มือกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทที่อยู่ในห้องของเจตน์ 


“ฮัลโล ดิษ กูอยู่ที่ล็อบบี้ ลงมารับหน่อย”


ปลายสายรับคำแล้วก็ตัดสายไป ปกฉัตรยืนรออยู่อึดใจ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็เดินเลี้ยวออกมาจากโถงลิฟต์ด้านใน


ดิษกรก็ตัวสูงใหญ่แบบนี้ แต่...คนนี้ตาเรียว โหนกแก้มสูง และผิวขาวเหลือง


...พี่...


ปกฉัตรไม่คิดว่าคนที่ลงมารับจะเป็นเจตน์ แม้จะตะลึง แต่เขาก็ยกมือไหว้เงียบๆ อีกฝ่ายไม่พูดอะไร มองหน้าเขาแล้วก็หมุนตัวเดินไปที่โถงลิฟต์อย่างเก่า โดยมีร่างโปร่งเดินตาม


ระหว่างเจตน์และปกฉัตรมีแต่ความเงียบ ยืนข้างกันในลิฟต์อย่างเงียบๆ แต่หากเจตน์จะหันมามองคนข้างกายสักนิด ก็คงรู้ว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นคอยแต่จะเหล่มองอยู่เสมอ


...วันนี้ได้เจอกันแล้ว วันนี้ที่เหนื่อยมาก หิวมาก แต่พอได้เจอพี่ ก็เหมือนทุกอย่างมันเบาสบายไปหมด...


“แดกอะไรมารึยัง” แล้วจู่ๆ ก่อนที่ลิฟต์จะขึ้นไปถึงชั้นของเจตน์ เสียงทุ้มจากร่างสูงก็ดังขึ้น ปกฉัตรหันมองเต็มสองตาอย่างไม่เชื่อหู แต่คนพูดยังเอาแต่จ้องตัวเลขบนแผงลิฟต์ที่ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละชั้น


“เอ่อ ยัง...”


ประตูลิฟต์เปิดพอดี เจตน์ไม่พูดอะไรแต่เดินนำไปที่ห้องตัวเอง แม้จะไม่อยากคาดหวัง แต่ก็อดลุ้นไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะเก็บอาหารเอาไว้เผื่อเขาสักจาน...แค่จานเดียวก็ยังดี


ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้อง เพียงเท่านั้นคนที่นั่งอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นอยู่ที่โต๊ะอาหารก็หันมามอง


“ปก!” ดิษกรร้องราวกับเพื่อนรักเป็นน้ำหยดเดียวท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง


“มึงไม่ต้องหาตัวช่วย ไอ้ดิษ” แต่เจตน์ก็เหมือนดวงอาทิตย์ที่แสนใจร้าย เผาผลาญน้ำหยดเดียวหยดนี้ให้หายวับไปในพริบตา เขาหันไปมองคนที่เดินตามเข้ามาในห้องแล้วชี้ไปที่ชุดโซฟาหน้าโทรทัศน์ที่ปกฉัตรใช้เป็นประจำช่วงที่มารอดิษกรที่นี่


“ส่วนมึง ไปอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องมาอยู่กับไอ้ดิษ เดี๋ยวแม่งเสียสมาธิ”


นี่แหละถึงได้บอกว่าไม่อยากคาดหวังอะไร ปกฉัตรถอนหายใจเล็กน้อย มาถึงก็โดนด่าว่ามาเพื่อทำลายสมาธิดิษกร ส่วนที่เจตน์ถามเรื่องปากท้องในลิฟต์ ก็คงถาม...เพราะเห็นว่าเงียบล่ะมั้ง


ร่างโปร่งไม่ต่อล้อต่อเถียง วันนี้ทั้งเรียน ทั้งติวสอบ เหนื่อยจนแทบจะไม่อยากเดินด้วยซ้ำ พอถูกไล่ให้ไปสถิตที่ประจำ เขาก็ไม่หือไม่อือ ก้าวเท้าช้าๆไปที่โซฟา ก่อนจะพบว่าบนโต๊ะกระจกเล็กๆหน้าโซฟามีอาหารวางอยู่ ข้าวสวยถูกตักใส่จานมีพลาสติกห่ออย่างดี มีกับข้าวพวกผัดผักและของทอดวางอยู่รอบๆ แถมยังมีจานผลไม้วางอยู่ถัดไปอีก


ปกฉัตรหันกลับไปมองเจ้าของห้องที่ยืนคุมรุ่นน้องร่วมคณะอ่านหนังสือ ดูเหมือนทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องแห่งคณะบัญชีจะรู้ตัวว่าถูกมอง เจตน์และดิษกรเลยพากันเงยหน้าขึ้น


“เอ่อ...นี่ของผมเหรอ” ร่างโปร่งถามแล้วชี้นิ้วไปที่อาหารบนโต๊ะกระจกเล็ก


“ใช่ๆ เฮียเจ๋งทำไว้เผื่อมึง” คนตอบคือดิษกร แน่นอนว่าเจตน์ถึงกับเหล่ตาลงไปมองคนที่ควรจะมีสมาธิอ่านหนังสือ แต่นับตั้งแต่เพื่อน...เอ่อ...แฟนของมันมาถึง มันก็แทบจะจดจ่อกับหนังสือไม่ได้อีกเลย


“ไม่ต้องเสือก ไอ้ดิษ อ่านหนังสือไป” ร่างสูงดุหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง และออกมาพร้อมกับกับข้าวอย่างที่สาม เป็นต้มจืดที่เพิ่งอุ่นไมโครเวฟเสร็จ เขาถือถ้วยต้มจืดไปวางบนโต๊ะกระจก ก่อนจะมองหน้าคนที่เหมือนจะตกตะลึงไปแล้ว


“แดกให้หมด” ปกฉัตรก้มลงมองกับข้าวสามอย่าง ข้าวสวยพูนจาน และผลไม้อีกหนึ่งจานเล็กๆ...ทั้งหมดตรงหน้านี้ ต่อให้หิวแค่ไหนก็ยัดลงท้องไม่ไหวแน่ๆ


“อ่า...ผมว่า มันเยอะไปมั้ย”


เจตน์แทบกรอกตามองเพดาน ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงไม่มีข้อแม้กับเขาสักครั้งไม่ได้!


“กูบอกว่าแดกให้หมด!”


เป็นน้ำใจล้นเหลือที่ปกฉัตรคาดไม่ถึง แต่สิ่งที่คาดถึงคือเจ้าของห้องที่ชื่อเจตน์ก็ยังเป็นคนเอาแต่ใจและชอบบังคับให้คนอื่นกินเยอะๆอยู่ดี!

.........................................

   ผ่านพ้นสัปดาห์แห่งการติวหนังสือที่คอนโดของเจตน์ เข้าสู่สัปดาห์ของการสอบกลางภาคของนิสิตทั้งมหาวิทยาลัย ปกฉัตรไม่ได้ไปที่คอนโดหรูใจกลางเมืองนั่นอีก รวมไปถึงไม่ได้เจอหน้าเพื่อนสนิทข้างบ้านด้วย แต่...ก็แค่ช่วงสอบเท่านั้น เพราะพอสอบเสร็จ เพื่อนรักร่างใหญ่ยักษ์เจ้าของรอยยิ้มกว้างเห็นฟันขาวครบทุกซี่ก็พุ่งตัวมาที่คณะรัฐศาสตร์ทันที


   “สวัสดีปกเพื่อนรัก กูรู้ว่ามึงสอบเสร็จแล้ว” ดิษกรยิ้มแฉ่ง ยืนอยู่ที่หน้าห้องเรียนของเพื่อนสนิทตอนสี่โมงเป๊ะ ปกฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ให้คนมาเยือนพูดก่อน


   “คือว่า...วันนี้มึงว่างมั้ย”


   “มึงจะให้ทำอะไร” ร่างโปร่งเอ่ยปากถาม แล้วก้าวเท้าช้าๆออกมาจากหน้าห้องเรียนที่เพิ่งเลิก มีดิษกรเดินขนาบข้างจนไหล่แทบเกยกัน


   ...ดูรู้เลยว่ามันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ...


   “คือ...กูสอบเสร็จแล้ว แล้ว...เฮียเจ๋งชวนไปกินข้าวที่คอนโด” เท้าที่กำลังก้าวช้าๆของปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังมีสติพอจะหยุดสองเท้าให้อยู่กับที่โดยไม่ล้มไปซะก่อน


   ...อันตราย อันตราย...ได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้นทีไรแล้วควบคุมร่างกายลำบากทุกทีเลย...


   “กินข้าว?” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมามองพร้อมการย้อนถาม ดิษกรพยักหน้ารัวๆ


   “ใช่ๆ เฮียจะเลี้ยงพิซซ่าอิตาเลียนแท้ มึงคิดดูนะเว้ย เทอเรซคอนโดเฮียมีสระว่ายน้ำวิวเมืองด้วยนะมึง! แล้วแดกพิซซ่าไป ชมวิวกรุงเทพฯไปด้วย โอ้โฮ...โอกาสนี้ ไม่รวยจริงทำไม่ได้!” เพื่อนรักขายฝันกันสุดฤทธิ์ แต่ปกฉัตรยังทำหน้าตาเฉยๆ


   “โฮ ปก...มึงช่วยทำหน้าตาอินไปกับกูหน่อยสิ! นะ...ไปกับกูเหอะ อานิศบอกว่าถ้ามึงไม่ไป กูก็ไม่ต้องไป คราวก่อนที่ค้างห้องเฮียเจ๋ง กูโดนดุว่าไปกวนเขามากเกินไป คราวนี้ห้ามค้าง ให้กลับมานอนบ้าน แล้วมึงคิดดูดิ แดกพิซซ่าก็ต้องมีเหล้าเป็นกับแกล้มเปล่าวะ แล้วถ้ากูเมา แล้วกูต้องขับรถกลับ เกิดอะไรขึ้นมาทำไง”


พูดมาเป็นฉาก แถมหน้าตาเล่นใหญ่เหมือนยกละครเวทีมาตั้งตรงหน้า ซึ่ง...แม้สีหน้าของปกฉัตรจะยังเฉยๆกับคำพูดของเพื่อน แต่ใจนี่สิ...ตีปีกไปถึงคอนโดของเจตน์แล้ว


   ก็...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จะได้เจอกันวันนี้ก็ไปเจอกันที่คอนโดแถมด้วยพิซซ่าเป็นดินเนอร์อีกต่างหาก


   “ปก...ไปกับกูนะ ไปเหอะนะ” เห็นเพื่อนยังเงียบ ดิษกรก็ชวนอีกรอบ แถมแกว่งแขนขาวๆของเพื่อนรักไปมาเหมือนเด็กขอของเล่น


   “เออ ไปก็ได้” คำตอบที่รอคอย ดิษกรยิ้มแฉ่งกว่าเดิม ในขณะที่ปกฉัตรยิ้มน้อยๆเหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่มากไปกว่าการตามใจเพื่อนรัก ทั้งๆที่ในกอจริงๆแล้ว คือการตามใจตัวเองต่างหาก


   ...จะได้เจอ ‘พี่’ แล้ว...


...เป็นกิจกรรมหลังสอบที่เยี่ยมไปเลย...

………………………………

   วันนี้คอนโดของเจตน์แตกต่างจากช่วงติวหนังสือสอบอย่างเห็นได้ชัด เพราะเต็มไปด้วยเพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนสนิทกลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ดิษกรรู้จักทุกคนและสนิทกับทุกคนตามประสาคนมนุษยสัมพันธ์ดี ตรงข้ามกับปกฉัตรที่แม้จะคุ้นหน้าค่าตา แต่จะให้เข้าไปนั่งหัวเราะเอิ้กอ้ากกลางวง เขาก็ทำไม่เป็น เลยพาตัวเองออกมานั่งเล่นโทรศัพท์มือถือพร้อมด้วยพิซซ่าในจานหนึ่งชิ้นอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วสอดส่องว่าเจ้าของคอนโดกำลังทำอะไรจะดีกว่า


   ...นู่น...พี่อยู่ในครัว อยากเข้าไปช่วยนะ แต่...แต่มันจะดูเสนอตัวเกินไปน่ะสิ...


   “ไม่ไปกินเหล้ากับไอ้ดิษเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอาปกฉัตรต้องหันมอง ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของรอยยิ้มสวยและดวงตาแพรวพราวยืนอยู่ใกล้ๆเขาโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิด


   “พี่ชื่อไท จำพี่ได้มั้ย เราเคยเจอกันบ่อยๆตอนเรียนมัธยมไง ปกมานั่งรอไอ้ดิษเตะบอลทุกเย็นเลย” ปกฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้จะไม่เคยคุยกันแต่ก็จำหน้าได้ เพราะหนึ่งในสมาชิกชมรมฟุตบอลประจำโรงเรียนมัธยม นอกจากเจตน์แล้ว รุ่นพี่คนนี้ก็ดังไม่แพ้กัน


   “จำพี่ไม่ได้แน่เลย งั้นพี่แนะนำตัวอีกที พี่ชื่อไทนะ อยู่เศรษฐศาสตร์” คนที่ออกตัวว่าชื่อไทพูดแล้วยิ้มอย่างมีมนุษยสัมพันธ์ ก่อนจะยิงคำถามต่อ


   “เราชื่อปกใช่มั้ย”


   “ครับ” คนที่เข้ามาชวนเขาไปร่วมวงกับคนอื่นๆในตอนแรกกลับเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างๆของเขาออกแล้วทรุดตัวลงนั่ง แม้จะเป็นการกระทำที่ออกจะกะทันหัน แต่อีกฝ่ายก็เว้นระยะห่างจนไม่น่าอึดอัดนัก


   “ไอ้ดิษบอกว่าเรียนอยู่รัฐศาสตร์ ภาคอะไรนะ”


   “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครับ”


   “หืม...พี่เองก็เคยอยากเป็นทูต แล้วเรียนเป็นไงบ้าง เห็นว่าทำเปเปอร์หนักกว่าสอบใช่มั้ย” ธนทัตนั้นเชี่ยวชาญเรื่องจีบผู้หญิง ถึงแม้ปกฉัตรจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เขาก็อาศัยความสามารถพิเศษเรื่องนี้ทำให้ตัวเองชวนอีกฝ่ายคุยได้ไม่ยาก อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดจะจีบอะไรรุ่นน้องคนนี้หรอก แต่เห็นนั่งแกร่วอยู่คนเดียวมานาน ดิษกรก็ไม่ได้สนใจเพื่อนสักนิด เขาทนเห็นอีกฝ่ายนั่งเงียบๆทั้งๆที่คนอื่นๆกำลังโหวกเหวกโวยวายเสียงดังแล้วนึกสงสาร เลยมาหาเรื่องชวนคุยซะหน่อย


   “เห็นพวกรุ่นพี่ในคณะเขาว่าอย่างนั้น แต่ผมเพิ่งปีหนึ่ง เปเปอร์ไม่เยอะเท่าไร”


   “ปกเรียนอะไรบ้างล่ะ”


   “ก็...เรื่องที่เป็นประเด็นตอนนี้ อย่าง...เอ่อ...โทษประหารชีวิต...” ปกฉัตรรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอามาเป็นหัวข้อหลักในการพูดคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักกันเลย แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายกลับยิ้มแย้ม นัยน์ตาระยิบอย่างนึกสนุก


   “จริงน่ะ น่าสนุก มีวิชาไหนเป็นเลือกเสรีให้เด็กคณะอื่นไปลงเรียนได้มั้ย พี่ชักอยากเรียนแหะ”


   “จริงๆแล้วมันไม่สนุกหรอกครับ” ปกฉัตรตอบซื่อๆ อย่างที่ทำเอาธนทัตหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู เสียงหัวเราะของเขาเริ่มทำให้ปกฉัตรผ่อนคลาย ธนทัตเป็นผู้ฟังและผู้พูดที่ดี และมีมุกตลกสอดแทรกเป็นระยะ จากตอนแรกที่ปกฉัตรต้องนั่งเงียบๆ เลยกลายเป็นว่าเขาเริ่มหัวเราะ


ทว่า...ความสุขไม่ยืนยาว เพราะจู่ๆ เสียงทุ้มๆและหาเรื่องก็ดังขึ้น


   “ไอ้ไท เด็กมึงโทร.มา” ธนทัตและปกฉัตรหันมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน เจตน์ยืนอยู่ที่ประตูครัวแต่มือชี้ไปที่โทรศัพท์ของเพื่อนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์ น่าแปลกที่เจตน์ซึ่งเพิ่งออกมาจากครัวกลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่าย


   ชายหนุ่มร่างสูงจากคณะเศรษฐศาสตร์มองเพื่อนรักอย่างงุนงง แต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินไปที่โทรศัพท์ของตัวเองที่วางอยู่ เขาหยิบขึ้นมาดู แต่ไม่เห็นมีสายเรียกเข้า จะอ้าปากถามเพื่อนคนอื่นๆที่นั่งดื่มเหล้าเล่นไพ่โล้งเล้งกันอยู่ก็คิดว่าคงไม่มีใครสนใจจะได้ยินเสียงโทรศัพท์เขาแน่ ธนทัตหันกลับไปจะถามเจตน์ แต่เจ้าของคอนโดกลับสั่งปกฉัตรเสียงดุ


   “มึงน่ะเข้ามาช่วยกูในครัว! นั่งเฉยๆอยู่ได้ น้ำใจน่ะมีมั้ย” แล้วปกฉัตรก็ถูกดึงเข้าครัวไปหน้าตาเฉย หนุ่มเศรษฐ
ศาสตร์ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง


   ...อะไรวะ บอกกูว่าเด็กกูโทร.มา แล้วมันก็ลากน้องเข้าครัวเฉยเลย นี่มันฉกกันหน้าด้านๆเลยนะเว้ยเฮ้ย...

..................................

   ปกฉัตรไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยที่อยู่ดีๆก็มาขึ้นเสียงหาเรื่องเขาแบบนี้ เท่าที่จำได้ วันนี้เขายังไม่หาเรื่องอีกฝ่ายก่อนด้วยซ้ำ เห็นว่ามีเพื่อนของเจตน์มากันเยอะ ก็เลยไม่ต่อปากต่อคำด้วย อดใจแทบแย่ แต่กลายเป็นอยู่ดีๆเจตน์ก็เหมือนจะเอาอารมณ์มาลงกับเขา


เขาก็รู้ตัวอยู่หรอกว่าไม่ได้เป็นทั้งเพื่อนสนิท เป็นทั้งรุ่นน้องร่วมคณะ หากจะชี้นิ้วมาที่ใครสักคนในคอนโดแห่งนี้ที่มีสถานะห่างเหินกับเจ้าของสถานที่ ก็คงเป็นเขา แต่หงุดหงิดอะไรมาแล้วมาลงที่เขาแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน


   “ทำไม?! มองกูอย่างงั้นมีปัญหาอะไร” เจ้าของสายตาหาเรื่องหันมาถามเขา


   ...เนี่ย อยู่ดีๆก็มาทำตาขวางใส่ แล้วมาถามว่ามีปัญหาอะไร ไม่อยากบอกหรอกนะ ว่าปัญหาไม่มี แต่มีอย่างอื่นมาให้แทน จะเอามั้ย...


   “พี่ต่างหากที่มองผม”


   “นี่มึงหาว่ากูเป็นฝ่ายเสือกก่อนเหรอ?!”


   “ก็แล้วจริงมั้ยล่ะ”


   “อย่าหาเรื่องกู!” เจ้าของหน้าตาหล่อเหลาแต่ถมึงทึงชี้หน้าเขา ปกฉัตรถอนหายใจเบา ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของเขาเลย คุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆด้วย


   “ผมไม่ได้จะหาเรื่อง...เฮ้ย! เจ็บ!” พูดไม่ทันจบขากรรไกรก็ถูกมือใหญ่เอื้อมมาบีบแรงๆจนต้องร้องออกมา


   “มึงคิดว่ากูอยากเสือกเรื่องของมึงนักเหรอ!! ช่วยแล้วยังไม่สำนึกอีก! อยากจะเป็นเมียไอ้ไทรึไง!!”


   “หะ?!” ร่างโปร่งกะพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ เจตน์ยอมปล่อยมือตัวเองออก แต่ก็ถือโอกาสผลักหน้าคนงงไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้


   ...ไอ้ห่าไทก็ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย! ไอ้นี่เป็นแฟนไอ้ดิษ! ยังจะเสือกไปยุ่งอีก!...


   “กูไม่ได้ห่วงมึงหรอกนะ!! แต่กูไม่อยากให้ไอ้ดิษเสียใจ!! มึงเองก็หัดดูคนให้เป็นบ้าง! ไม่ใช่ใครเข้ามาคุยด้วยแม่งก็คุยกับเขาไปหมด! เพื่อนกูน่ะมันเป็นคนดี! แต่คนดีก็เอาเป็น! เข้าใจรึเปล่า?!” ปกฉัตรยังงุนงงและนิ่งงัน แต่เมื่อถูกถามเขาก็พาซื่อพยักหน้า ทั้งๆที่เหมือนจะไม่เข้าใจนิดๆด้วยซ้ำ


   “แล้ว...แล้วเรื่องเพื่อนของพี่ มันเกี่ยวอะไรกับผม กับไอ้ดิษ?” เจตน์กรอกตามองเพดานแล้วถอนหายใจแรงๆ


   “ก็เพื่อนกูมันคุยหวังฟันน่ะสิ! แค่นี้มึงดูไม่ออกรึไง!! ไอ้ห่า!! ไอ้ดิษเอาอะไรให้แดก! ตาถั่วแถมโง่อย่างกับควาย!! มานี่!! มาช่วยกูทำ!!” ทั้งถูกด่า ทั้งถูกสั่งในเวลาเดียวกัน ปกฉัตรก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่ามันขัดใจคนขี้หงุดหงิดเช่นเคย


   “กูบอกให้มาช่วยกูไง! จะแดกมั้ย!”


   “ช่วย...ช่วยก็ได้ แต่...ไหนว่าจะกินพิซซ่า?” ปกฉัตรเดินตามไปยืนใกล้ๆ แต่ไม่วายตั้งคำถาม ดวงตาเรียวเหมือนตาเหยี่ยว ยิ่งเวลาอารมณ์ไม่ดียิ่งดุเป็นพิเศษตวัดมามอง


   “พิซซ่ามีแต่แป้ง กูจะแดกลงได้ไง มึงมาช่วยกูล้างผัก กูจะทำสลัด” ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไร เพราะตลอดสัปดาห์ติวหนังสือสอบที่ผ่านมา ที่ดิษกรและเขามาอ่านหนังสือที่นี่ อาหารทุกมื้อที่เจตน์ทำ มีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และแป้ง ดูใส่ใจกับเรื่องอาหารไม่เหมาะกับคนปากร้ายโผงผางแบบนี้เลย


   “พี่ชอบทำอาหารเนอะ”


ในครัวเงียบๆ มีเพียงเสียงน้ำจากอ่างล้างจานที่ปกฉัตรใช้ล้างผัก และเสียงตีน้ำสลัดในมือของเจตน์


   ดวงตาเรียวสีดำสนิทเหลือบมองคนพูดที่เอาแต่ก้มหน้าล้างผักไปเรื่อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในครัว แต่อยู่ดีๆก็ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในนี้


   ...กี่ครั้งแล้ววะ กี่ครั้งแล้วที่มันยืนอยู่ข้างกันแบบนี้...


   ...ถ้าวันหนึ่ง...กูชินที่จะเห็นมึงอยู่ในห้องครัวของกูขึ้นมา จะทำยังไง...


   “มึงออก...” อ้าปากจะไล่ให้ปกฉัตรออกไปจากห้องครัวนี้ ออกไปจากความคุ้นเคยนี้ แต่เจตน์ก็นึกขึ้นได้ว่าที่เขาลากอีกฝ่ายเข้ามาก็เพื่อให้พ้นจากธนทัตเพื่อนของเขา


   “ออก?...ออกไปไหน ให้ผมไปเอาอะไรเหรอ” ปกฉัตรหันมาถาม ดวงตาสีน้ำตาลจางๆนั่นไม่มีพิษมีภัย แถมดูเต็มใจจะช่วยทำทุกอย่างตามที่เจตน์ขออีกต่างหาก


   ร่างสูงกลืนน้ำลายเอื๊อก


   “ไม่ต้องออก เอ่อ...กู...กูเพิ่งนึกออกว่า...ว่ากูเอาของเข้าครัวมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรอยู่ข้างนอก” เขาอ้อมแอ้มตอบ ก้มหน้าก้มตาตีน้ำสลัดเพื่อไม่ให้สนใจคนที่ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในความคุ้นเคยของเขาอีก


   ...จะให้มันมาอยู่ใกล้ๆไม่ได้ มันเป็นแฟนไอ้ดิษ...


   ... ‘ไอ้ปก’ มีแฟนแล้ว...


   เจตน์พยายามตั้งสมาธิอยู่กับชามน้ำสลัด เขาตีจนมันเข้ากันดีแล้วก็หยิบช้อนเล็กมาชิม ก่อนจะเหลือบไปเห็นคนที่ถูกเขาลากมาช่วยลากผักซึ่งดูเหมือนจะล้างเสร็จนานแล้ว เพราะมันกำลังยืนมองเขาอยู่


   ...แล้ว...แล้วมอง...มองด้วยสายตาที่...ที่...มีประกายแปลกๆด้วยนะ!...


   “ม...มึงจะชิมรึเปล่า” เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เจตน์ก็เลยเสนอให้อีกฝ่ายลองชิมน้ำสลัดฝีมือเขา ปกฉัตรพยักหน้ารับ ขยับตัวเข้ามาใกล้แต่เจตน์ไม่ยอมหันมอง เขาใช้ช้อนจ้วงน้ำสลัดขึ้นมาส่งให้ คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะใช้มือรับไปชิม แต่...ไม่ใช่


   ปกฉัตรเอื้อมมือมาจับมือของเขา แล้วก้มลงหาช้อนนั้น ก่อนจะอ้าปากชิมน้ำสลัดบนช้อนในมือใหญ่ เจตน์ที่กลายร่างเป็นคนป้อนโดยไม่รู้ตัวกลืนน้ำลายอีกเอื๊อก ตาเหลือกอย่างคิดไม่ถึง แต่ดูเหมือนคนที่เข้ามาชิมน้ำสลัดจะไม่รู้ตัวสักนิดว่าทำอะไรให้เขาตกตะลึงไปแล้ว


   ใบหน้าอ่อนเยาว์ของหนุ่มรุ่นน้องช้อนตามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นมีประกายบางอย่างที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่รู้สึกเหมือนหัวใจสั่น!


   “ผมว่า...มันยังไม่เปรี้ยวนะ” ทว่าประโยคแรกหลังจากชิมน้ำสลัดคือการติชม เจตน์ชะงักไปเล็กน้อยก้มลงมองน้ำสลัดในชามแล้วใช้ช้อนคันเดิมตักน้ำสลัดขึ้นมาชิมอีกที แล้วก็พบว่าลิ้นของปกฉัตรกับเขาให้คำตอบเดียวกันจริง เขาหันไปหยิบมะนาวมาบีบเพิ่มแล้วตีอีกครั้งก่อนจะใช้ช้อนเดิมตักให้ปกฉัตรอีกหน


   แน่นอน...วิธีการชิมของปกฉัตรยังเป็นแบบเดิม แบบที่ทำให้เจตน์ใจสั่นนั่นแหละ!


   แต่คราวนี้พอชิมแล้ว เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เป็นสัญญาณว่ารสชาติน้ำสลัดพอดี คนทำเลยลองตักเข้าปากอีกที ก่อนจะหันมายิ้มตอบให้คนข้างกาย


   ชั่วอึดใจที่ต่างคนต่างเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังยิ้มให้กัน ก็เป็นฝ่ายเจตน์ที่หลบสายตาไปก่อน ในขณะที่ปกฉัตรอมยิ้มน้อยๆแล้วเดินกลับไปที่ชามผักสลัดเหมือนเดิม


   พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ถึงอย่างนั้น...ในครัวของเจตน์วันนี้ก็สร้างความทรงจำให้พวกเขาเก็บเอาไว้คนละหนึ่งอย่าง


   ความทรงจำ…ที่พวกเขายิ้มให้กัน

............................

   ในขณะที่ในครัวเป็นการทำงานของเจ้าของคอนโดและแขกที่ไม่รู้ว่าถูกเชิญมารึเปล่าอย่างปกฉัตร ที่วงเหล้าก็เกิด ‘ท็อปปิค’ ใหม่ที่คนเริ่มพูดก่อนคือธนทัต


   “กูว่าไอ้เจ๋งมันแปลกๆว่ะ” หลังจากโดนซิวปกฉัตรไปอย่างหน้าตาเฉย หนุ่มเศรษฐศาสตร์ปีสองก็อดปากไม่ไหวต้องปรึกษาผองเพื่อนร่วมก๊วน แน่นอนว่ามีหนึ่งรุ่นน้องอย่างดิษกรเสนอหน้าเข้ามาร่วมแจมด้วย


   “แปลกยังไง เฮียไท”


   “ก็แปลกกับเพื่อนมึงน่ะสิ เมื่อกี้กูคุยกับปกอยู่ดีๆ ไอ้เจ๋งมาบอกว่าเด็กกูโทร.มา เสร็จแล้วแม่งก็ลากปกเข้าครัวไปเฉยเลย”


   “ก็ฟังดูไอ้เจ๋งเป็นคนดีมีน้ำใจอยู่นะ โทรศัพท์มึง แต่มันก็ยังหูตาไวเห็นว่ามีคนโทร.มาแล้วเอามาบอก” การุนหนุ่มแว่นหันมาตอบ แต่ธนทัตเบ้ปาก


   “น้ำใจพ่อง! มือถือกูเงียบเป็นป่าช้า! ไม่มีใครโทร.มาสักคน!”


   “อ้าว แล้วมันบอกแบบนั้นทำไม”


   “นี่ไง! กูถึงได้บอกว่าไอ้เจ๋งมันแปลก” ดิษกรรับฟังอย่างเงียบๆ สมองประมวลผลความประหลาดของรุ่นพี่คนสนิทแล้วก็พลอยคิดไปถึงเพื่อนสนิทของตัวเองด้วย


   ...ถ้าจะบอกว่าเฮียเจ๋งแปลก ไอ้ปกก็แปลกเหมือนกัน...


   ...แต่แปลกยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่ามันแปลก...


   “ไอ้ดิษ เป็นไรวะ หรือมึงรู้อะไรเพิ่ม เอามาแชร์ซิ” รุ่นพี่คนอื่นๆปลุกสติให้ดิษกรหลุดออกมาจากภวังค์ เขาทำเป็นยิ้มเผล่แล้วเกาศีรษะเก้อๆ


   “ไม่รู้อะไรเลยเฮีย เดี๋ยวผมถามเฮียเจ๋งให้แล้วกันนะ”


   “มึงถามไอ้เจ๋ง พวกกูก็โดนมันด่าน่ะสิ!!!” แล้วหลังจากนั้น เหล่าพี่ๆในวงเหล้าก็ต้องช่วยปรับทัศนคติรุ่นน้องที่รักให้สงบปากสงบคำ เพราะขืนดิษกรเอาเรื่องที่พวกเขาตั้งข้อสังเกตไปถามกับเจตน์ตรงๆ มีหวังทุกคนจะได้ทักทายฟาร์มสุนัขนับร้อยในปากเพื่อนสนิทเป็นแน่แท้!

ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสหน้าค่ะ)

ไงล่ะ เฮียเจ๋งโดนเพื่อนจับได้แล้วเห็นมั้ยยยยยย

ส่วนปกก็อ่อยมากกกกก อ่อยเรี่ยราด อ่อยแบบตั้งใจสุด สงสารเฮียเจ๋งเขานะคะ โดนศึกรอบด้าน ไหนจะสถานะแฟนของปกกับดิษ ไหนจะโดนปกอ่อยอีก เหมือนโดนแอทแท็ครัวๆ ฮ่าฮ่า

สัปดาห์นี้มาไว เพราะพรุ่งนี้บัวไปเที่ยว กลับมาอีกทีพุธกลางคืน เพราะงั้นอาทิตย์หน้าจะมาลงวันพฤหัสเหมือนเดิมนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดเช่นเคย

เจอกันพฤหัสนู้นค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-11-2017 20:01:58
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 29-11-2017 20:16:01
เฮียเจ๋งมโนเก่งกว่าผู้หญิงอีกบอกเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 29-11-2017 20:37:59
เค้ายิ้มให้กันด้วยแหละะ><  กรี๊ดดดดดดด ปกอ่อยจริงๆ555555 อยากให้เฮียเจตน์รู้ใจตัวเองเร็วๆๆ
ขอบคุณพี่บัวสำหรับนิยายดีดีนะคะ สู้ๆ^^
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 29-11-2017 20:44:36
นี่เจ๋ง มโนแจ่มรึเปล่าคะ อะไรมันจะคิดเองเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น 555555555555 แล้วคือปกคือวางมาดเยอะเว่อ ดิษกรก็ยังไม่รู้ 55555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 29-11-2017 20:48:02
เฮียเจ๋งคนซื่อ โดนปกปั่นซ้ายปั่นขวาเข้าให้แล้ว
ฉงฉานนนน 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 29-11-2017 20:51:46
โอยยยย ชอบโมเม้นท์ครัว
น้ำสลัดแอทแทคไปอีกกกก

ความใช้ช้อนเดียวกันนี้...ไม่สนิทใจจริงไม่มีใครทำนาจา
อย่าว่าแต่นุ้งปกอ่อยเบย เฮียเองก็เปิดพื้นที่เช่นกัน แหมมมม ^^
คือเราต้องรู้สึกเองว่าจะทำแบบนี้กับคนนี้ ทำโดยไม่ตะขิดตะขวงใจอ่ะ มันดีย์~~~

เอาใจช่วยให้เฮียเจ๋งรู้ตัวรู้ความเพื่อนสนิทแท้ๆ ของดิษกับนุ้งปกเร็วๆ อยากเห็นความขี้หวงทวีคูณ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: chnokky ที่ 29-11-2017 21:05:11
ทำไมสัมผัสได้ถึงความกากในตัวเฮียเจ๋ง เจริญรอยตามโอจ๊กใช่มั้ยเนี้ย 555555555 น้องปกของเราก็อ้อยเรี่ยราดมาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 29-11-2017 21:14:27

“แท็กซี่จะรับมึงเหรอ หน้ามึงเหมือนโจรนะดิษ" เราฮาตอนนี้มากค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 29-11-2017 21:26:22
เฮียเจ๋งจะเป็​น​ไบโพลาแล้ววว :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 29-11-2017 21:26:50
เฮียเจ๋งใกล้เป็นไบโพล่าร์ตามเฮียโจ๊กแระ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 29-11-2017 21:33:06
น่ารักอ้ะ ด่าเค้า พูดจาหมาๆ ใส่กลบเกลื่อนไปวันๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-11-2017 21:48:24
แหม มีหวงเพื่อนตัวเองด้วยนะเฮียเจ๋ง
ไงละ โดนมือพิฆาตของปกมาจับ
ใจสั่นไปเลยดิ  :z2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-11-2017 22:09:59
อยากชิมน้ำสลัดผักดูบ้างจัง คงจะหวานน่าดู :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-11-2017 22:15:11
ว้ายยยยย โดนเพื่อนจับได้แล้ว

ขนาดเพื่อนเขายังรู้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนกัน ตัวเองไปเอาความมั่นใจแบบไม่ถามใครนั่นมาจากไหนเนี่ย?
คันยุบยิบต่อไปเถอะ...ฮาาาา

และน้องปก อ้อยแรงมากลูก แต่พี่เขาก็ยังมึนต่อไปอ่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-11-2017 22:20:06
ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกว่าเฮียเจ๋งน่ารัก ถึงจะอารมณ์แปรปรวนไปหน่อย แต่ถ้ารู้ใจตัวเองเมื่อไหร่ คงคลั่งรักน้องปกมากมายแน่ๆ  :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-11-2017 22:33:36
นี่ไม่รู้จะสงสารหรือขำเฮียเจ๋งก่อนดี คือเฮียควรไปเรียนรู้เรื่องความเจ้าเล่ห์แสนกลจากอิพี่โจ๊กมันบ้างนะคะไม่งั้นเฮียก็โดนน้องปกปั่นหัวอยู่แบบนี้นี่แหละ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Rungsai ที่ 29-11-2017 22:36:44
โอ้ยเขินเด้อออ
น้ำสลัดมันจะเปรี้ยวได้ไง
ก็สองคนเขาหวานกันขนาดนี้
อร๊อยยยยย

 :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 29-11-2017 22:38:12
เฮียเจ๋งก็น่ารักนะเนี่ย ได้ฟีลสาวน้อยแก้มแดง 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 29-11-2017 22:48:01
เฮียเจ๋งน่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-11-2017 22:56:09
กว่าจะได้รักกัน เฮียเจ๋งน่าจะเป็นไบโพล่าร์ก่อน ขึ้นๆ ลงๆ สุด หลงน้องไม่ได้รู้ตัวเลย หึงด้วยไรด้วย สงสารเขานะคะ
ส่วนคนน้องภายใต้สีหน้าเรียบๆ นั้น ก็ร้ายนัก แต่พี่เขาใจดีเนอะ ทำกับข้าวไว้เผื่อด้วย ดูแลดีอ่ะ น้องถึงรัก
เมื่อไรเฮียแกจะรู้ว่าเขาไม่ได้แฟนกัน ตอนชวนปกเข้าครัวโคตรตีมึน โกหกเพื่อนยังกล้าอ่ะคนเรา

ขอบคุณค่ะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-11-2017 23:02:29
ถึงเฮียปากร้ายก็ทน ๆ หน่อยนะปก เฮียแกหล่อ รวย ทำกับข้าวเก่ง
บางทีก็นึกสงสารดิษ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการพบกันของรุ่นพี่และเพื่อนโดยไม่รู้ตัวสักนิด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 30-11-2017 00:01:07
จะสงสารเจ๋งก็สงสารไม่สุดนายต้องโดนหนักกว่สนี้อีกหน่อยจัดไปค่ะปกลูกรักเฮียเจ๋งเริ่มหลุดแล้ว ปกสู้ๆ :mc4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 30-11-2017 00:20:55
เฮียเจ๋งนอกจากจะขี้หงุดหงิดใส่น้อง แล้วยังขี้มโนอีกกกก เมื่อไหร่จะลงเอยงี้ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-11-2017 00:27:54
สงสารเฮียเจ๋งเค้านะคะ มโนเองทีไรหัวใจมันเจ็บแปลบทุกที 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 30-11-2017 00:46:21
เอ็นดูน้องดิษสุดเลยยย เหมือนหมาโกลเด้นที่กระดิกหางตลอดเวลา 555555
ส่วนพี่เจ๋งนี่ก็ยังคงเลี้ยงฟาร์มสุนัขไว้ในปากได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ทำน้องน้อยใจไปกี่รอบแล้วเนี่ย
นี่ถ้าเจ๋งรู้ว่าจริง ๆ แล้วดิษกับปกไม่ได้คบกัน จะไม่หน้าแตกยับเลยเหรอ เข้าใจผิดมานาน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-11-2017 01:40:33
นี่ถ้ารู้ความจริงว่าโดนเฮียจับคู่ให้เป็นแฟนกับดิษ ปกคงแปลกใจนิดหน่อย แต่ตัวดิษนี่ซิจะดีดดิ้้นขนาดไหน อยากดูแฮะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-11-2017 01:43:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-11-2017 02:10:44
กว่าเค้าจะรักกัน
กว่าปกจะอ่อยสำเร็จ
กว่าเฮียเจ๋งจะตกหลุมน้อง
นี่ว่าเฮียเจ๋งต้องเป็นไบโพล่าตามเฮียโจ๊กปกครองไปแน่ๆเลยค่ะ
ตอนนี้คืออาการออกแต่ไม่รุ้ตัวว
โดนน้องอ่อยหนักมากแต่ติดกำแพงที่เข้าใจว่าน้องมีแฟนเป็นรุ่นน้องที่ตัวเองสนิทมากก
เหมือนโดนเอาเนื้อติดเบ็ดมาโยนข้ามกำแพงบ้านมาล่ออะ
พอจะวิ่งตามก้ติดกำแพง แต่ก้อยากกินเนื้อนะ งี้
ทางที่ดีคือเลิกคิดไปเองแล้วถามค่ะ555555555
โรคมโนนี่มันเป็นกรรมพันธุ์หรอคะ ไบโพล่าก้เช่นกันน
รออค่าา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-11-2017 05:16:54
ปกอ้อยมากกกกก เกินไปล่ะ เกินไป เฮียใจสั่นหมด 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-11-2017 06:50:56
งู้ยยย นุ้งปกอ้อยเรี่ยราดมาก ทำงี้เฮียเจ๋งหวั่นไหวนะ 55555 :hao7:
เจ๋งก็สนใจน้องแล้วล่ะ ขนาดนี้ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-11-2017 06:55:44
โอย......อ่านแล้วดีต่อใจมากๆ
มีความสุขสุดๆ อ่านไปยิ้มไป ภาษาเขียนของไรท์ ละมุนละไมมาก ชอบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เฮียเจ๋ง ไม่เจ๋งเหมือนชื่อเลย อ้อ....เรื่อง มโนเองเก่งมาก
ไม่ได้มีความเจ้าเล่ห์วางแผนเก่งเหมือนเฮียโจ๊กมาบ้างเลย
ต่างฝ่ายต่างชอบกัน แต่เฮียเจ๋งเห็นแววตาวิบๆของปกแล้วนะ

แต่เพื่อนเฮียสิ รู้แล้วว่าเฮีย ฉกปกซึ่งหน้า เพราะหึงแล้ว
ดิษ ที่ซื่อได้โล่ห์ เริ่มเห็นทั้งคู่แปลกๆเหมือนกัน
ชอบโมเมนต์ที่เฮียอยู่ในครัวชิมน้ำสลัดจากมือเฮีย
เฮียก็ชิมใหม่จากช้อนเดียวกัน อ๊าาาาา........ฟินนนนนนน

เฮียเอาแต่ใจ ชอบออกคำสั่ง
แต่บริการอาหารเผื่อปก ให้นอนค้าง สุดยอดดดดด
เฮียเจ๋ง ปก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณไรท์จริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 30-11-2017 08:30:26
น้องปกเยอะไปไหน ชอบพี่เจ๋งแต่เก๊กซิมใส่ พี่เจ๋งเหมือนโดนปั่นหัว งุ่นง่านน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 30-11-2017 08:44:09
เอ็นดู 'พี่' เจ๋ง นางน่าร๊ากกกกก เหมือนหมีงุ่นง่าน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-11-2017 08:47:01
คันยุบยิบหัวใจตลอดอ่ะอิพี่
ความเคยชินมันน่ากลัวนะอิพี่ รีบๆเอาน้องกอดได้และ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-11-2017 09:15:07
ศึกรอบด้านเลยเฮียเจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-11-2017 09:52:50
ปกอ่อยหนักมาก แต่อ่อยแบบหน้านิ่งใจสั่นนะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 30-11-2017 10:10:14
ขำกว่าเฮียเจ๋งก็ดิษอ่ะ 555 ตัวก็โต ทำไมไม่มีออร่าเมะเลยลูก เชื่อน้องปกเข้าไปได้ มีเพื่อนงี้ก็ดีนะ หลอกง่าย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 30-11-2017 12:20:36
คือปลื้มปริ่ม เฮียตระบะแตกจับจูบไปเลยค่ะ สนับสนุน!!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 30-11-2017 16:47:47
ทำไมรู้สึกเฮียเจ๋งสาวน้อยจัง555555555
ในหัวนี่แบบเฮียโดนกดลอยอยู่เต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 30-11-2017 18:17:42
น้องป้อง คนเนียน 2017
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-11-2017 21:09:31
 :katai2-1:


ลุ้นยิ่งกว่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-11-2017 22:10:13
ดิษ :  “เดี๋ยวผม ไปถามเฮียเจ๋งให้นะ”  ครือ.... นี่เขากำลังนินทาเฮียเจ๋งกันไง นินทาแปลว่าพูดกันแล้วไม่บอกให้เจ้าตัวรู้อ่ะ เก็ทไหมดิษ?  #ขำดิษแรงมาก   :jul3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-12-2017 00:25:42
อีกคนก็ขี้มโน อีกคนก็อ่อยแบบนิ่งๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-12-2017 00:37:25
ชอบความเหมือนจะไปดีมั้ยนะของปก มีความหาเหตุผล 5555555555555555555
ดิษนี่เหมือนหมาตัวโตๆอะ หูเหอมาหมดเลย
ส่วนพี่เจ๋ง อย่าว่างั้นงี้ พี่ไพโบลาร์แบบพี่โจ๊กละนะ 55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: TNM ที่ 01-12-2017 02:17:47
เจตน์คือน่ารักมากพ่อของลูกที่แท้จริง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 01-12-2017 02:42:26
น่าร้ากกกกกก หุบยิ้มไม่ได้ ช่วยด้วยย  :o8:

เกลียดตรง อยู่บ้านกู แดกเท่ากู ขรรรม อิพี่เจ๋ง อิบ้า ใช่หรอ!!!?

อยากให้วันพฤมาถึงเร็วๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 01-12-2017 10:14:22
เฮียเจ๋งชอบน้องแล้วไม่ชอบรับ!!  ปกอ่อยอีกๆๆให้พี่มันอกแตกตาย 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 01-12-2017 14:24:56
น้องดิษโง๊โง่เนอะ
ไม่ทันคนอื่นเอาซะเลย
เรื่องปกกับเจ๋งก็มีแต่เราที่อยู่ด้วยตลอดทำไมยังไม่ระแคะระคายเนี่ย!!!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 01-12-2017 18:21:01
งืออออออ ตายอย่างสงบค่ะ เค้ายิ้มให้กันแหละ เค้ายิ้มให้กัน  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-12-2017 00:39:45
ตลกดิษ คือแบบซื่อมาก เป็นคนซื่อน่ะ ขนาดคบกับปกมานาน ยังรู้แค่ว่าแปลก
แต่เดาอาการไม่ออก แล้วยังมีมาบอกจะไปถามเฮียให้ ถามให้โดนแหกอกหรอคะ 5555

แย่แน่ เน่าแน่ คือถ้าจะหลุด ถ้าจะหลง นี่คือทำตัวเองนะเจ๋งนะ
ออกอาการหนักมาก แล้วไซโคน้องหนักมาก กันซีนเพื่อนไปอีก สามารถจริง

ปกเอ้ยยย งงกับอาการพี่ไม่พอ ยังต้องมาเก็บอาการตัวเองอีก
อยากรู้จริงจะได้สมใจกันตอนไหน ยังไง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-12-2017 06:13:47
น้องดิษน่ารักจัง อยากรับเลี้ยง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-12-2017 11:36:06
หัวร้อนหนักกว่าโจ๊กอีกค่ะ โจ๊กยังรู้ใจตัวเอง แต่เฮียเจ๋งนี่ อืม เกาอกต่อไปค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (29 พ.ย. 2560) หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 03-12-2017 14:30:25
เพื่อนเจ๋งฉลาดนะ แต่ดิษเนี่ยดูบื้อๆมากเลย
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 07-12-2017 21:19:27
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 6


   อันที่จริง ดิษกรก็อยากจะวางข้อสงสัยของพวกพี่ๆเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ แต่เพราะชักจะสงสัยพฤติกรรมของเพื่อนสนิทไปด้วย เขาก็เลยอดไม่อยู่ ตัดสินใจพิสูจน์อย่างเงียบๆ ในเย็นวันหนึ่งที่ปกฉัตรจำเป็นต้องหอบหิ้วหนังสือจำนวนมากกลับบ้าน


ดิษกรอาสาขับรถพากลับ แต่ตั้งเงื่อนไขว่าปกฉัตรจะต้องมาหาเขาที่คณะ


ทว่า...พอถึงเวลาจริงๆ...งานชิ่งเนียนๆก็มา


   “ปก...กูต้องคุยงานต่อว่ะ มึงรอกูหน่อยได้เปล่า แล้วค่อยกลับพร้อมกัน” หนุ่มร่างใหญ่เจ้าของรอยยิ้มแฉ่งรีบวิ่งลงจากตึกมายกมือไหว้ประหลกๆปกฉัตรที่เพิ่งเดินมาถึงตึกคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี


   “อ้าวเหรอ...ก็ได้ งั้นกูนั่งรอตรงนี้แล้วกัน” ปกฉัตรคนง่ายๆ ยอมรอโดยไม่มีเงื่อนไข


   “กูจะรีบคุยงานให้เสร็จเร็วๆ มึงรอกูแป็บเดียว!”


   “เออๆ ไปเถอะ กูรอได้” พอเพื่อนรักรับปาก แถมทรุดตัวลงนั่งปักหลักที่โต๊ะม้าหินหน้าตึกเรียบร้อย ดิษกรก็รีบวิ่งกลับขึ้นไป เขายึดที่นั่งริมระเบียงชั้นสามเป็นสถานที่สังเกตการณ์ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็พบว่าเพิ่งจะสี่โมงห้านาที หวังว่า...คนที่เขารอ จะไม่ปล่อยให้รอนานนักหรอกนะ

……………………………….

   เจตน์สาบานกับตัวเอง ว่าเขาไม่เคยคิดอยากจะไปยุ่งกับแฟนของใคร ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวยิ่งแล้วใหญ่ ชายหนุ่มมีทางเลือกมากมาย ไม่จำเป็นต้องรู้สึกดี รู้สึกชอบคนที่มีเจ้าของแล้ว


   ...แต่...บางอย่างก็อยู่นอกเหนือความคิด...


   ...เพราะความทรงจำและความรู้สึก...บางครั้งก็ทรยศ...


   ร่างสูงโปร่งในชุดนิสิตถูกระเบียบแบบเด็กปีหนึ่งอันได้แก่เสื้อเชิ้ต ผูกไท และกางเกงสแล็กนั่งอยู่ที่หน้าตึกเรียนของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และก็คงจะเป็นนิสิตปีหนึ่งทั่วๆไปที่เจตน์มองผ่านไปอย่างไม่สนใจใยดี ถ้าหากว่า...ไม่ใช่ปกฉัตร


   ... ไม่ได้เรียนคณะนี้ แต่ก็มาที่นี่ แถมมาไม่พอยังนั่งสลอนอยู่ที่โต๊ะหน้าตึกล่อตาโจรฉิบหาย!...


   ดวงตาเรียวเหลือบมองซ้ายมองขวา เห็นรุ่นพี่คุ้นหน้าหลายคนมองตรงไปที่ปกฉัตรเป็นตาเดียว บางคนคงไม่รู้ข่าวลือที่ติดตัวไอ้ปีหนึ่งคนนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนมัธยม ถึงได้มองตาเป็นมัน


   ...ข่าวลือที่ว่ามันมีแฟนแล้ว และแฟนมันก็คือไอ้ดิษนั่นแหละ...


   ...ขืนปล่อยไว้อย่างงี้ แม่งโดนเต๊าะแน่ๆ...


   แม้จะสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว ยิ่งแฟนของคนใกล้ตัวยิ่งไม่เข้าใกล้ แต่...เขาก็เดินตรงดิ่งเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่เพียงลำพัง


   “เฮ้ย!” ส่งเสียงทักห้วนๆ คนที่นั่งอยู่ก่อนก็หันมอง ก่อนจะยกมือไหว้


   “ทำไมมานั่งคนเดียว?! แล้วไอ้ดิษไปไหน” เจตน์ยืนค้ำหัว หน้าตาถมึงทึงเหมือนมาไล่ที่


   “มันบอกว่าต้องคุยงานต่อ”


คนเป็นรุ่นพี่ทำหน้าหงุดหงิด


   “ที่ไหน?!”


ปกฉัตรมองซ้ายมองขวา ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนสนิทไปคุยงานที่ไหน แต่ล่าสุดก็เห็นมันวิ่งขึ้นตึกด้านหลังของเขาไป


   “บนตึกมั้งครับ”


   “แล้วทำไมมึงไม่ขึ้นไปหามัน”


   “อ่า ไม่ดีหรอกครับ ผมไม่ได้เรียนคณะนี้”


เจตน์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เหลือบตาไปมองรอบตัวอีกที ก็พบว่าพวกรุ่นพี่ที่มองปกฉัตรเมื่อกี้นี้ ยังคงนั่งกันอยู่ที่เดิม ขืนเขาปล่อยอีกฝ่ายไว้คนเดียวแล้วเดินจากไป พวกนั้นคงพุ่งถลาเข้ามาเสียบแทบไม่ทัน


   พอเห็นภาพในจินตนาการเป็นฉากๆ ร่างสูงก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้น เขาทรุดตัวลงนั่งร่วมโต๊ะด้วย ทำเอาอีกฝ่ายมองเขาตาปริบๆ


   “มองอะไร?! นี่คณะกู! กูจะนั่งตรงไหนก็ได้!!” พูดอีกก็ถูกอีก แถมปกฉัตรไม่ได้อยู่คณะนี้อีกต่างหาก นิสิตจากต่างถิ่นพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายร่วมโต๊ะอย่างช่วยไม่ได้


   เจตน์ร่วมโต๊ะเหมือนคนไม่รู้จักกันแต่บังเอิญถูกจับมานั่งด้วยกัน เขานั่งเฉยเหมือนไม่รับรู้การมีอยู่ของหนุ่มรุ่นน้องจากคณะรัฐศาสตร์ แต่สำหรับปกฉัตร...มันไม่ใช่


   คนอย่างปกฉัตร ไม่มีทางยอมนั่งเฉยๆแล้วให้เจตน์มองเขาเป็นแค่อากาศธาตุแน่นอน


ร่างโปร่งลุกจากเก้าอี้ ทำเอาคนที่นั่งเฉยต้องเงยหน้ามอง


“ผมว่า...ผมกลับเองเลยดีกว่า ไม่รอไอ้ดิษแล้ว” เขาเอ่ยปาก สีหน้าเรียบๆแบบที่ทำจนชิน


“อ้าว! แล้วมึงนั่งมาตั้งนาน เพิ่งมาตัดสินใจจะกลับตอนกูนั่งด้วยเนี่ยนะ?!” ยิ่งกว่าคำพูดหาเรื่องคือดวงตาเรียวๆที่จ้องจิกคนที่ลุก ปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อย คำพูดของเจตน์บอกเขาว่าอีกฝ่ายเห็นเขานั่งรออยู่นานแล้ว ถึงได้เดินมานั่งด้วย


หัวใจเต้นรัว แต่...ใบหน้าขาวก็ยังเรียบเฉยเหมือนเคยในขณะที่ปรายสายตามามองเจตน์


“ก็...ผมอยากกลับแล้ว...” คนพูดยังยืนอยู่ที่เดิม ที่ตั้งท่ามาทั้งหมดเป็นแค่การสร้างสถานการณ์ให้หันมาสนใจกันเท่านั้น


แถมได้ผลด้วย...เพราะร่างสูงที่อุตส่าห์เอาตัวเองมานั่งเป็นไม้กันหมาชักจะไม่สบอารมณ์


“เกลียดกู ไม่อยากนั่งกับกูก็พูดมาสิ! กูก็ไม่ได้ชอบมึงนักหรอก! แต่พวกรุ่นพี่ในคณะกูมันนั่งมองมึงมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว!”


“พูดถึงใคร” ปกฉัตรย้อนถามอย่างงุนงง กวาดตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นจะมีใครสนใจเขาเลย กลุ่มผู้ชายใกล้เสาตึกนั่นนั่งจับกลุ่มคุยกัน ส่วนอีกกลุ่มก็กำลังเตะบอลพลาสติกตรงลานใกล้ๆ ไม่มีใครมองมาทางนี้ทั้งสิ้น


ทว่าสำหรับเจตน์ที่รู้เช่นเห็นชาติพวกผู้ชายในคณะด้วยกันดี ถึงกับกรอกตา


“กูล่ะอยากรู้จริงๆว่า ไอ้ดิษเอาอะไรให้มึงแดก โง่จนวัวควายเรียกพี่”


“ไม่ประชดแล้วพูดเอาแต่เนื้อได้มั้ย” ปกฉัตรย้อนเรียบๆ จากเมื่อกี้ที่ลุกขึ้นยืน เจ้าตัวก็นั่งลงที่เดิม ทำเหมือนว่าต้องการคุยกันให้รู้เรื่อง


“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู! ไอ้หอก!”


“ผมชื่อปก” เป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรย้อนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าเรียบๆ แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นมีแววระยับ ไม่ว่างเปล่าเหมือนที่แล้วมา


“กูรู้! ไอ้สัด!”


“รู้ก็เรียกผมดีๆสิ ผมยังไม่เห็นเคยเรียกพี่แบบที่พี่เรียกผมเลย”


“ก็มึงลองเรียกกูแบบที่กูเรียกมึงสิ! กูชกปากแตกแน่!”


“ทีพี่ยังเรียกคนอื่นได้”


“แต่มึงเรียกกูแบบนั้นไม่ได้! ไอ้เชี่ย!”


“ไอ้ปก…” แล้วบทสนทนาก็หยุดลงแต่เพียงเท่านั้น เจตน์ชะงักเพราะจำเสียงได้ดี ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงเรียกนี้


“อ้าว! เฮียเจ๋ง” แล้วเจ้าของเสียงเมื่อครู่ก็ถลามานั่งร่วมโต๊ะด้วย เก้าอี้ม้าหินมีสี่ตัว ตัวหนึ่งเจตน์นั่ง ตัวหนึ่งปกฉัตรนั่ง อีกตัวมีกระเป๋าเป้วางอยู่ และอีกตัวว่าง แต่…ดิษกรกระแซะตัวใหญ่ๆของตนเองลงนั่งเบียดกับปกฉัตรแถมยิ้มแฉ่ง เจตน์เหลือบตาไปเห็นวูบเดียว ก็รีบเบือนสายตาหนีไปทางอื่น


...แม่ง รู้แล้วว่าเป็นแฟนกัน เบียดกันตำตากูอยู่นั่นล่ะ...


“แล้วทำไมมานั่งด้วยกันได้” ดิษกรถามหน้าตาเหรอหรา มองเพื่อนสนิทที มองรุ่นพี่ร่วมคณะที


“กูก็ไม่รู้” คนตอบคือปกฉัตร เจตน์เข่นเขี้ยวตวัดสายตามาจิก


“เออ! กูเสือกมานั่งเอง! มีไรมั้ย!!”


“โอ๋ๆ ไม่มีไรหรอกเฮีย เฮียมานั่งกับไอ้ปกก็ดีแหละ” ปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของเพื่อนสนิท แต่เขาก็ยังทำหน้าเฉยๆทั้งๆที่ในใจกำลังหวั่นว่าดิษกรจะรู้เห็นอะไร


เป็นเพื่อนกันมานานเสียด้วย สนิทกันมากอีกต่างหาก เขากลัวดิษกรจับได้ว่ากำลังเนียนเข้าใกล้รุ่นพี่ที่มันเคารพรัก ไม่รู้ว่ามันจะยอมรับไหมที่เพื่อนสนิทผู้ชายของมันจะชื่นชอบรุ่นพี่ผู้ชายของมัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ให้รู้ตอนนี้ไม่ได้หรอก นอกจากจะกลัวเพื่อนไม่ยอมรับแล้ว ดิษกรยังเป็นพวกเก็บความลับไม่มิด เกิดหลุดปากออกไป จบเห่กันพอดี


“ดีเชี่ยอะไร! กูจะกลับล่ะ!” เจตน์ด่ากลับ แต่รุ่นน้องอย่างดิษกรซึ่งทั้งเคารพและเทิดทูนยังยิ้มแฉ่งไม่มีสะทกสะเทือนกับเสียงตะคอกของหนุ่มตาเรียวหน้าตาเอาเรื่องเลยแม้แต่นิด


“ถ้าเฮียจะกลับ งั้นผมฝากไอ้ปกกลับด้วยได้มั้ยอ่ะ”


“หะ?!!” ทั้งปกฉัตรทั้งเจตน์หันขวับแทบพร้อมกัน ดิษกรทำสายตาอ้อนวอนมองเพื่อนของตนทีหนึ่ง มองรุ่นพี่ของตนทีหนึ่ง


“คือ...วันนี้มีธุระด่วน ผมฝากเฮียไปส่งไอ้ปกได้เปล่า บ้านมันอยู่ติดบ้านผมเลย” คนถามมองหน้ารุ่นพี่รอคอยคำตอบ แต่ใครอีกคนก็รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อไม่แพ้ดิษกรเลย


ปกฉัตรนั่งเงียบ แต่หัวใจเต้นถี่แรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ลุ้นคำตอบของคนร่างสูงใหญ่


“แล้วเพื่อนมึงกลับเองไม่เป็นรึไง” แต่คำตอบของเจตน์เป็นการย้อนถาม และเป็นการย้อนที่ทำเอาหัวใจคนลุ้นแทบหยุดเต้นในวินาทีนั้น


...คาดหวังอะไรอยู่นะ...คาดหวังอะไรกับคนที่เขาไม่ได้เห็นหัวกันเลยสักนิด...


ร่างโปร่งลอบถอนหายใจเบา แล้วหันไปทางเพื่อนสนิทของตนเอง


“ดิษ กูกลับเองได้” เป็นประโยคสั้นๆ ที่มีความเศร้าแฝงมาด้วย


ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนิทสนมกับเขา ที่ทุกวันนี้ได้พูดคุยกันก็เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของดิษกร และดิษกรเป็นรุ่นน้องที่เจตน์สนิทด้วย ถ้าไม่มีดิษกรเป็นคนกลาง ระหว่างเขาและเจตน์ก็ไม่ต่างกับโลกสองใบที่ไม่มีทางมาซ้อนทับกันได้หรอก


“แต่วันนี้มึงบอกว่าขนหนังสือกลับไปอ่านเยอะไม่ใช่เหรอวะ” หนุ่มปีหนึ่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีท้วงเพื่อนต่างคณะที่มานั่งรอตั้งแต่เลิกเรียนคาบบ่าย ปกติ ปกฉัตรไปกลับมหาวิทยาลัยด้วยตนเอง แต่เพราะวันนี้ดิษกรรู้ว่าเขาจะยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านหลายเล่ม เลยชวนให้กลับพร้อมกันด้วยรถญี่ปุ่นคันเล็กๆของมัน


แต่...ดิษกรมีธุระด่วน กลับตอนนี้ไม่ได้


คนมีธุระหันไปมองเจตน์แล้วไหว้วานอีกที


“เฮีย ผมวานไปส่งไอ้ปกหน่อยได้เปล่า ไอ้ปกมันแบกหนังสือกลับเยอะ” เจตน์หันไปมองปกฉัตรที่นั่งเงียบ แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ทอดมองมาที่เขานั้นไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเคย มันมีแววเหมือนจะน้อยใจ


...หรือว่าแม่งน้อยใจเพราะโดนไอ้ดิษเทเฉยเลยวะ ไอ้เชี่ยนี่จะไปธุระก็เสือกให้แฟนมานั่งรออยู่ได้ แม่งเอ๊ย!...


ปกติไม่ใช่คนใจบุญสุนทาน แต่ไม่รู้เป็นอะไร ดวงตาเศร้าๆของปกฉัตรทำให้เจตน์ทนไม่ไหว


“ไหนล่ะหนังสือที่จะเอากลับ” เขาตั้งคำถามห้วนๆ


“ในกระเป๋าเป้” ปกฉัตรตอบ เจตน์เลยลุกขึ้นเดินไปที่กระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอีกตัว ก่อนจะหยิบขึ้นมากะน้ำหนักแล้วก็ต้องเบ้หน้า


“นี่มึงขนกระเบื้องหลังคาตึกคณะมึงกลับบ้านรึไง หนักฉิบหาย!”


“ก็...หนังสือหลายเล่ม” คนขนหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านตอบเบาๆ


“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง! ไป เดี๋ยวรถติด” แล้วร่างสูงก็หมุนตัวถือเป้ของอีกฝ่ายเดินนำออกไป ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง แต่ไม่ทันร้องเรียกอะไร อีกฝ่ายก็ถือกระเป๋าของเขาเดินลิ่วไปแล้ว ร่างโปร่งรีบลุกขึ้นยืนแล้วหันไปลาเพื่อนสนิท


“อ่า งั้นกูไปก่อนนะ พี่มึงเอากระเป๋ากูไปเฉยเลย” ปกฉัตรรีบวิ่งตามหลังไปดึงกระเป๋าเป้ในมือของเจตน์ แต่หนุ่มตาเรียวคณะบัญชีหันมาจิกตาใส่อีกรอบ


“มึงเดินตามกูมาเฉยๆเถอะ!”


“กระเป๋าผม ผมถือเองก็ได้”


“กลับรถกู! กูจะถือ!!” เจตน์ขึ้นเสียงใส่แถมถลึงตาอีกหน่อยก่อนจะหมุนตัวเดินนำต่อทันที ปกฉัตรก็ไม่มีอำนาจต่อรองอีก ได้แต่เดินตามหลังตัวเปล่าๆไม่มีอะไรในมือสักอย่างเดียว


 ดิษกรมองตามเพื่อนสนิทและรุ่นพี่เดินเคียงกันหายไปทางอาคารจอดรถแล้วก็ได้แต่เคาะนิ้วลงกับโต๊ะม้าหินเป็นจังหวะ ก่อนจะตัดสินใจกดโทรศัพท์หาใครบางคน


“ฮัลโล อานิศ วันนี้กลับเร็วเปล่า อ่ะ! ถึงบ้านแล้วเหรอ เยี่ยมเลย หลานรักมีเรื่องจะวานหน่อย”


“เรื่องดีสิอา เรื่องไม่ดีดิษกรไม่ทำนะ จริงๆ...คือวันนี้ไอ้ปกมันไม่ได้กลับกับผมนะ เดี๋ยวจะมีคนไปส่งมัน ฝากอาส่องให้หน่อยสิ ว่าส่งอย่างเดียว หรือมีอย่างอื่นด้วย”


“กลับไปส่องเองไม่ได้หรอกอา ดิษมีธุระนิดหน่อย บอกอาไม่ได้เหมือนกันว่าธุระอะไร แหะๆ”


“ฝากดูหน่อยนะอา เดี๋ยวกลับไปฟังรายงาน” ดิษกรกำชับกับคนที่บ้านเสร็จสรรพก็วางสาย ต่อให้ไม่เห็นด้วยตา แต่ฝากอาช่วยดูให้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาคุณอามือโปรของเขาไปได้


หนุ่มปีหนึ่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชียิ้มกระหยิ่ม แล้วแหงนหน้ามองตึก จากระเบียงทางเดินบนชั้นสาม มองลงมาที่โต๊ะม้าหินนี้ เห็นชัดแจ๋ว ถึงจะไม่ได้ยินว่าสองคนนั้นคุยอะไรก็เถอะ


 ...มีเพื่อนรักปากแข็งโป๊กกับรุ่นพี่ปากไม่ตรงกับใจ จะเสือกแต่ละทีก็ต้องสร้างสถานการณ์กันหน่อย ไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยให้ไอ้ปกนั่งรอ ในวันที่เฮียเจ๋งมีเรียนที่ตึกนี้แถมเลิกเย็นหร้อกกกกก...

.............................

   เพราะไม่คิดว่าอยู่ดีๆจะได้มาขึ้นรถของเจตน์ ปกฉัตรเลยทำตัวไม่ถูก แม้จะพยายามมีสติและท่องหนึ่งถึงร้อยในใจไม่ให้เตลิดไปมากกว่านี้ แต่เขาก็ยังควบคุมร่างกายให้ผ่อนคลายไม่ได้ ตอนนี้ร่างสูงโปร่งของหนุ่มปีหนึ่งจากคณะรัฐศาสตร์เลยเกร็งทื่ออยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ


   เจ้าของรถแตะเบรกเมื่อสี่แยกข้างหน้าเป็นไฟแดง ก่อนจะเหลือบมองคนข้างกายที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัย


   “นี่มึงหายใจอยู่รึเปล่า” คำถามแรกจากเจ้าของรถก็ทำเอาปกฉัตรแทบลืมอาการเกร็งในวินาทีนั้น บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าหัวใจเล่นตลกให้มาแอบชอบผู้ชายปากแบบนี้ได้ยังไงทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ซึ่งหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เจตน์ คนใจเย็นเป็นน้ำแข็งอย่างเขาคงอาจถึงขั้นต่อยคนพูดปากแตกไปแล้วก็ได้


   “ยังไม่ตายครับ”


   “ก็ดี จะได้บอกทาง กูจำไม่ได้หรอกว่าบ้านไอ้ดิษไปทางไหน” ปกฉัตรพยักหน้ารับรู้ ในรถเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่เจตน์จะพูดขึ้นมา


   “ไอ้เชี่ยดิษก็ประหลาด ธุระอะไรหนักหนาอยู่ดีๆมาทิ้งมึง” ร่างสูงไม่ได้คิดจะยุแยงให้แตกแยก ใจจริงเขาอยากเตือนสติคนข้างกายในเวลานี้ด้วยซ้ำ คนเป็นแฟนกัน อยู่ดีๆมีอย่างที่ไหนมายกหน้าที่รับส่งให้คนอื่นเฉยเลย ถึงแม้ว่าคนอื่นที่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักและไว้ใจได้อย่างเขาก็เถอะ


   “คงเป็นธุระสำคัญ...” ปกฉัตรแก้ต่างแทนเพื่อน


   “แต่มันก็ควรไปส่งมึงก่อน” เจตน์ย้ำ ถึงเขาจะมีแฟนมากมาย แต่เขาก็คบทีละคน และเขามั่นใจว่าทุกคนที่เป็นแฟนของเขา ล้วนได้รับการปฏิบัติที่ดีจากเขาเสมอ ถึงแม้...เขาจะปากไม่ดีก็ตาม


   แต่การย้ำของเจตน์ กลับทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นภาระให้ลำบาก ปกฉัตรข่มกรามเพื่อเก็บกักความน้อยเนื้อต่ำใจลงไปให้ลึกที่สุด แล้วเอ่ยเบาๆ


   “ถ้าพี่ไม่สะดวกไปส่งผม จอดข้างหน้าก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง”


   “กูพูดเหรอว่ากูไม่สะดวก?!”


   “อ้าว ก็...ผมเห็นพี่พูดเรื่องดิษ...”


   “ที่กูพูดเพราะอยากให้มึงสอดส่องพฤติกรรมมันเว้ย!!”


   “ผมจะไปสอดส่องพฤติกรรมไอ้ดิษทำไม” ปกฉัตรย้อนถามอย่างไม่เข้าใจปนหงุดหงิดที่ถูกอีกฝ่ายหาเรื่อง เจตน์เองก็เริ่มหงุดหงิดเช่นกันที่คนข้างกายไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย!


   …ถ้าโดนไอ้ดิษสวมเขานะ กูจะไม่แปลกใจเลยสัด!...


   “เออ! งั้นมึงไม่ต้องส่อง!! บอกทางกูได้แล้ว!! สี่แยกนี้เลี้ยวมั้ย?!”


   “ไม่เลี้ยวครับ ตรงไปเรื่อยๆ” อยู่ดีๆก็โดนด่า อยู่ดีๆก็โดนขึ้นเสียง แม้จะแอบปลื้มมาตลอด แต่ปกฉัตรก็ชักหมั่นไส้อีกฝ่าย ไม่รู้ถูกเลี้ยงมาแบบไหน ทำไมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้


   ภายในรถไม่มีเสียงพูดคุยหาเรื่องอีก เพราะปกฉัตรบอกทางแทบจะทุกๆห้านาที ในที่สุด รถหรูของหนุ่มบัญชีปีสองก็เลี้ยวเข้าซอย ก่อนที่คนข้างกายจะก็บอกให้จอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ปิดเงียบ


   ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีเข้มแล้ว แต่บ้านทั้งหลังเหมือนไม่มีคนอยู่ แตกต่างจากบ้านหลังข้างๆที่เปิดไฟสว่างโร่ เจตน์ขมวดคิ้วมุ่น


   “นี่บ้านมึงเหรอ ไม่มีคนอยู่เลยรึไง หรือยังไม่มีคนกลับ” เขาตั้งคำถาม แม้บ้านข้างๆจะสว่างกว่า แต่เขากลับสนใจบ้านเงียบๆของปกฉัตร


   “ผมอยู่คนเดียว” ปกฉัตรตอบแล้วปลดเข้มขัดนิรภัย


   “อ้าว แล้วพ่อแม่มึงล่ะ” เป็นคำถามที่เจตน์อยากรู้ หลังจากก่อนหน้านี้ดิษกรเคยพูดให้เขาได้ยินว่าปกฉัตรตัวคนเดียว


   “ไปทำงาน”


   ...อ้อ ก็ไม่ตัวคนเดียวนี่หว่า ไอ้สัดดิษ! ตอแหลอีกแล้ว!!...


   “แล้วไปทำงานไม่กลับเลยรึไง”


   “อื้อ ต่างประเทศน่ะ”


   …อ้าว...งั้นมันก็อยู่คนเดียวน่ะสิ...


   “แล้วมึงต้องอยู่คนเดียวทุกวันเลยเหรอ” คำถามของเจตน์ทำเอาปกฉัตรต้องหันมอง


   “ครับ”


   “เวลาไม่มีคนอยู่แล้วมันมืดๆเงียบๆแบบนี้ ไม่กลัวโจรขึ้นบ้านรึไง” คำถามแบบปากไม่ดีของร่างสูงทำเอาคนที่ต้องอยู่คนเดียวทุกวันถลึงตาใส่ เจตน์ไม่ใช่คนยอมคน ถูกอีกฝ่ายถลึงตามา เขาเลยถลึงตากลับ


   “กูพูดจริง! บ้านเงียบๆแบบนี้น่ะเป้าหมายโจรทั้งนั้นแหละ”


   “เรื่องจริงก็ไม่ต้องพูดก็ได้ ยังไงก็ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ปกฉัตรไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอีก เขาหันไปจะเปิดประตูรถเพื่อจะลง แต่อยู่ดีๆคนขับกลับพูดขึ้นมา


   “ไม่คิดจะชวนกูเข้าไปกินน้ำสักแก้วเลยรึไง”


ร่างโปร่งหันกลับมามองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง และโดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไร เจตน์ก็เป็นฝ่ายเปิดประตูลงจากรถไปยืนคอยอยู่ที่หน้าประตูบ้าน


   ...เป็นอันว่า...วันนั้นเจตน์ก็ได้เข้าบ้านที่ทั้งมืดทั้งเงียบเป็นครั้งแรก...

...........................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 5 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 07-12-2017 21:19:46


นิศรากลับมาถึงบ้านนานแล้ว วันนี้นอกจากจะเลิกไว รถยังไม่ติดด้วย ตอนแรกตั้งใจว่ากลับมาถึงบ้านจะทำอาหารเย็นของโปรดหลานชายเพียงคนเดียวเอาไว้ให้ แต่ปรากฏว่าหลานเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูมาแต่เล็กกลับโทร.มาฝากฝังเสียก่อน


‘…คือวันนี้ไอ้ปกมันไม่ได้กลับกับผมนะ เดี๋ยวจะมีคนไปส่งมัน ฝากอาส่องให้หน่อยสิ ว่าส่งอย่างเดียว หรือมีอย่างอื่นด้วย’


   พอหล่อนบอกให้กลับมาสอดส่องเอง หลานชายสุดที่รักกลับบอกว่ามีธุระ แถมไม่บอกอีกต่างหากว่าธุระอะไร นิศราสงสัยนิดหน่อย แต่ก็ทำตามที่หลานชายฝากเอาไว้อย่างดี


   หญิงสาววัยสี่สิบยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนั่งเล่นแล้วมองออกไปด้านนอก ถึงจะเย็นมากแล้ว แต่ข้างนอกก็ยังไม่มืดสนิท หล่อนพอจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่หน้าบ้านของบ้านหลังถัดไป


   รถยนต์หรูที่ไม่คุ้นตาแล่นเข้ามาจอด จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งลงมา นิศราไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่อึดใจต่อมาคนที่หล่อนคุ้นเคยดีเพราะเห็นมาตั้งแต่เล็กก็ลงจากรถอีกคน


   ปกฉัตรเดินนำไปเปิดประตูรั้วบ้าน จากนั้นผู้ชายคนที่หล่อนไม่รู้จักก็เดินตามเข้าบ้านไปด้วย


   ...แปลก...ปกฉัตรพาเพื่อนมาบ้าน...


   ...นี่ล่ะมั้ง ที่ดิษฝากฝังให้ช่วยดูเอาไว้...


   นิศรารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วส่งข้อความบอกหลานชายอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่รู้ว่าคนที่พาปกฉัตรมาส่งเป็นใคร แต่ถ้าหลานชายฝากให้ช่วยสอดส่อง ก็หมายความว่าผู้ชายคนนั้นอาจไม่น่าไว้ใจ นิศราเป็นกังวล ยังคงยืนอยู่ที่หน้าต่างเหมือนเดิม แล้วมองไปยังบ้านหลังข้างๆด้วยความห่วงใย

.....................

   ในขณะที่คุณอาข้างบ้านยังคงยืนมองออกมาจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยความเป็นห่วง ที่บ้านของปกฉัตร ทั้งเจ้าของบ้านและแขกกำลังยืนเงียบกันอยู่ที่หน้าประตู ทางซ้ายมือเป็นโซนรับแขก ส่วนทางขวาคือประตูห้องครัว


   “เอ่อ...พี่ไปนั่งรอที่โซฟาก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมเอาน้ำให้ อ่า...มีแค่น้ำเปล่ากับกาแฟ จะทานอะไร”


   “แดกกาแฟตอนนี้ กูจะได้หลับกี่ทุ่ม” เจตน์ถามกลับ คนที่เสนอเรื่องกาแฟขึ้นมาอย่างตกประหม่าเลยได้แต่เม้มปาก เพิ่งรู้ตัวก็ตอนนี้ว่าการที่อีกฝ่ายเข้ามาเหยียบในบ้านของเขา ยิ่งทำให้ปกฉัตรตั้งสติแทบไม่ได้


   “อ่า...งั้น...งั้นน้ำเปล่าแล้วกัน เดี๋ยวผมเทให้” ปกฉัตรเดินเลี้ยวเข้าครัวทางขวามือ ดวงตาเรียวของหนุ่มรุ่นพี่จากต่างคณะมองตามร่างสูงโปร่งของเจ้าของบ้านแล้วก็ตัดสินใจเบี่ยงปลายเท้าเดินตามเข้าไป


   ในห้องครัวที่ฝั่งหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์ครัว ส่วนอีกฝั่งมีโต๊ะอาหารขนาดสี่ที่นั่ง ทั้งสองฝั่งถูกกั้นด้วยเคาน์เตอร์และเก้าอี้สตูลบาร์ เป็นห้องครัวขนาดใหญ่เกินไปสำหรับอยู่คนเดียว อันที่จริงบ้านหลังนี้ก็ใหญ่เกินไปที่จะอยู่คนเดียวนั่นแหละ


   ...ไม่เหงาบ้างรึไง ไม่กลัวบ้างรึไง ประตูหน้าต่างเยอะแยะขนาดนี้ ตัวคนเดียวจะปิดล็อคทุกบานครบได้ยังไง...


   “อ้าว...ทำไมไม่นั่งรอที่โซฟาล่ะ” ปกฉัตรชะงักไปเล็กน้อยเมื่อหันกลับมาจากตู้เย็นแล้วพบเจตน์ยืนอยู่กลางห้อง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เหลือบตาไปมองคนถามแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้สตูล


   “พ่อแม่มึงกลับมาหาบ่อยมั้ย” เขาไม่ตอบคำถามเมื่อครู่ แต่จงใจตั้งคำถามใหม่ อะไรไม่รู้ที่ทำให้เจตน์นึกสงสาร บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เล็กแคบอะไร แต่หากต้องอยู่คนเดียวทั้งวันทั้งคืน ก็คง...เหงา


   “ก็...ปีละ 2-3 ครั้ง” ปกฉัตรตอบ แล้ววางแก้วน้ำลงตรงหน้า


   “ไม่เหงาเหรอ” คำถามของเจตน์ทำเอาอีกฝ่ายชะงัก แต่ก็ส่งยิ้มจางตอบกลับไป


   “ก็เหงา แต่...พ่อกับแม่ไปทำงาน ถ้าผมเอาแต่ใจ เขาก็จะห่วงหน้าพะวงหลัง อีกอย่าง...ไอ้ดิษก็อยู่บ้านข้างๆ อานิศ อาของดิษก็อยู่ วันไหนเหงามากๆก็แวะไปกินข้าวด้วย ก็หายเหงาลงนิดนึง”


   “แต่วันนี้มันไม่อยู่” เจตน์โบ้ยหน้าไปที่บ้านข้างๆ รู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมรุ่นน้องร่วมคณะ เพราะสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม เจตน์เคยคิดว่ารุ่นน้องคนนี้มีความรับผิดชอบ แต่แล้ววันนี้...คงจะดีแตก เพราะมันทิ้ง...แฟนมันหน้าตาเฉย


   “ทุกคนก็มีธุระส่วนตัวกันทั้งนั้นแหละ”


   “แล้ววันนี้มึงเหงารึเปล่า” ปกฉัตรชะงักเป็นรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่รู้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองคนถามด้วยความงุนงง


   “ที่นี่มีอะไรแดกมั้ยล่ะ กูจะแดกเป็นเพื่อน” ยิ่งกว่าได้ยินว่าดาวอังคารมีสิ่งมีชีวิตก็ข้อเสนอนี้ของเจตน์ คนถูกถามนิ่งตะลึงตาค้าง อ้าปากค้าง ไม่เชื่อหู


   “เฮ้ย กูถามว่าที่นี่มีอะไรแดกมั้ย” หนุ่มตาเรียวแห่งคณะบัญชีถามซ้ำ ปกฉัตรต้องรีบคว้าสติตัวเองกลับมาในวินาทีนั้น เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะควานหาเสียงตัวเองเจอ


   “พี่...จะกินข้าวที่นี่เหรอ”


   “เอ้า! สัด ก็กูพูดเมื่อกี้ว่ากูจะแดกเป็นเพื่อนมึง ฟังภาษาไทยไม่ออกรึไง”


   “อ...ออก...ฟังออก...เอ่อ...เดี๋ยว...เดี๋ยวผมดูก่อนว่ามีอะไรกินมั่ง” ปกฉัตรรีบตอบอย่างรวดเร็ว ยังตะลึงไม่หายที่เจตน์จะทานข้าวด้วยกันที่นี่ แต่พอจะก้าวเท้าเร็วๆไปที่ตู้เย็น ก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาแสดงออกมากเกินไป เลยต้องพยายามตั้งสติให้มากกว่าเดิมแล้วก้าวเท้าในจังหวะที่เป็นปกติ


   ...พี่จะกินข้าวด้วย พี่จะกินข้าวที่นี่ด้วย...


   ...กินอะไรกันดีล่ะ มีข้าว มีไข่ ข้าวไข่เจียวคนละจานจะธรรมดาไปมั้ยนะ...


   “วันนี้จะได้แดกมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาคนที่กำลังสอดส่องมองไปทั่วตู้เย็นต้องหันไปมอง แล้วก็พบว่าแขกผู้มีเกียรติอัญเชิญตัวสูงใหญ่มายืนอยู่ข้างหลังเขาแล้วเรียบร้อย แถมช่วยส่องตู้เย็นบ้านของเขาอีกต่างหาก


   “อ่า...คือ...ผมไม่ได้ไปซื้ออะไรมาเก็บไว้เลย มีแต่ไข่ แล้วก็ผัก...” ผักที่ว่าคือแครอทและกะหล่ำปลี ซึ่งมีอายุยืนยาวในตู้เย็นแต่สภาพมันก็ดูเหมือนจะถูกเก็บมานานแล้ว


   “ผักมึงสภาพนี้เอาไปปลูกยังไม่แตกหน่อเลย เอาไปทิ้ง!” ปากไม่พูดอย่างเดียว แต่มือใหญ่คว้าผักทั้งสองอย่างในมือปกฉัตรไปทิ้งถังขยะทันที


   “อะ...เอ่อ...แล้ว...แล้วพี่จะกินอะไร”


   “มีข้าวมั้ย”


   “มีครับ”

   
   “มีแบบไหน ถ้าแบบขึ้นรากูไม่แดกหรอกนะ”


   “ยังไม่ขึ้นสักหน่อย เพิ่งหุงเมื่อวาน เก็บใส่ตู้เย็นไว้” ปกฉัตรชักจะหมั่นไส้คนปากไม่ดี ถึงจะยอมรับว่าผักสองอย่างเมื่อครู่นี้มันไม่น่าจะกินได้แล้วก็ตามที


   “งั้นข้าวไข่ดาว เอาข้าว เอาไข่ออกมา” คนตัวใหญ่ว่าอย่างนั้น ก่อนจะเดินดุ่มๆไปที่หน้าเตาแก๊ส สำรวจว่าอุปกรณ์อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ในขณะที่เจ้าของบ้านรีบคว้าวัตถุดิบทุกอย่างออกมาจากตู้เย็น พออ้าปากจะพูดอะไร คนที่มาอย่างแขกก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน


   “มึงเอากระทะ เอาตะหลิวออกมาด้วย เดี๋ยวกูทำเอง ชอบแบบไหนไข่แดงสุกมั้ย ไข่ขาวกรอบมั้ย บอกมาให้ครบ!” แล้วนับจากนั้นเจตน์ก็กลายร่างเป็นคนออกคำสั่ง ส่วนเจ้าของบ้านอย่างปกฉัตรก็กลายเป็นลูกมือไปโดยปริยาย

.............................

   ปกฉัตรเคยคิดว่าบ้านตัวเองใหญ่เหลือเกินเมื่ออยู่เพียงลำพัง แต่แล้ววันนี้ที่ผู้ชายตัวสูงใหญ่กำลังยืนทอดไข่ดาวอยู่ที่หน้าเตาแก็ส เสียงน้ำมันร้อนๆกับไข่ดาวดังเป๊าะแป๊ะไปทั่วห้อง ทำให้รู้สึกว่าทั้งบ้าน ทั้งครัวของเขาทั้งเล็กและเสียงดังไปในทันที


“ยืนเซ่อทำไม เอาจานมาสิ มึงจะแดกในกระทะเหรอ” แถมเสียงโหวกเหวกของพ่อครัวจำเป็นอีกหน่อย เจ้าของบ้านก็รีบหันไปหยิบจานที่มีข้าวอุ่นร้อนแล้วมาส่งให้ มือใหญ่หันมารับไปตักไข่ดาววางบนข้าวอีกที ก่อนที่มื้อเย็นง่ายๆที่ไม่มีความหรูหราตรงไหนเลยจะเกิดขึ้นที่เคาน์เตอร์ครัว


ปกฉัตรมองข้าวร้อนๆที่ถูกวางทับด้วยไข่ดาวสองฟองของตนเองแล้วก็เหลือบไปมองจานของเจตน์


ของเจตน์ก็มีสองฟองเหมือนกัน แต่...แต่ดูๆแล้วข้าวในจานของเขาเยอะกว่าของเจตน์อยู่ดี


“พี่กินเยอะ เราแลกจานกันมั้ย” ดวงตาเรียวของคนถูกขอแลกจานตวัดขวับไปมองอย่างเอาเรื่อง


“อ่า...เอ้อ...ไม่แลกก็ได้ แต่แบ่งจากผมไปหน่อยนึงได้รึเปล่า เยอะขนาดนี้ผมกินไม่หมดหรอก” ปกฉัตรเปลี่ยนวิธีการพูดใหม่ แต่ก็ยังมีความหมายเดิมคือให้ร่างสูงแบ่งข้าวไปบ้าง


“แดกให้หมด!” คนถูกสั่งทำหน้าหงอย แต่ไม่หงอ เพราะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับเมื่อถูกขัดใจ


“ผมกินไม่หมดจริงๆนี่นา ผมเคยบอกพี่แล้วว่าทุกคนไม่ได้กินเท่ากัน”


“ไหนมึงเขี่ยให้กูดูซิ ว่ามึงกินได้เท่าไร”


เพียงเท่านั้น ปกฉัตรก็รีบกันส่วนที่ตัวเองจะกินไหวออกจากส่วนที่กินไม่ไหว ซึ่งส่วนที่กินไม่ไหวมีมากกว่าส่วนที่กินไหวเยอะกว่ามากกกกก...


“มึงแดกน้อยขนาดนี้ แล้วจะให้กูทำให้มึงแดกทำไม ทีหลังแดกอาหารเม็ดสิ!”


“ผมก็อยากกินอาหารเม็ดเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทำกินเอง” แถมกินง่าย เข้าปากทีเดียวจบ ไม่ต้องเคี้ยว ไม่ต้องนั่งกินให้หมดจานอย่างเหงาๆ เพราะใช้ชีวิตเพียงลำพัง


หากจะมีคนที่อยากกินอาหารเม็ดแทนข้าว นอกจาก คนที่ยุ่ง คนที่ไม่มีเวลา คนที่ไม่เห็นว่าเรื่องกินคือเรื่องใหญ่แล้ว ก็คง...เป็นคนอย่างปกฉัตร...ที่ต้องกินข้าวคนเดียวทุกวัน


...จะทำกินให้มันหรูหราทำไม ในเมื่อต้องทำคนเดียว กินคนเดียว อยู่คนเดียว...


ท่าทางเหงาๆของคนตรงหน้าทำเอาเจตน์นึกคำด่าไม่ออก แต่เพราะเป็นคนแข็งๆ ก็เลยพูดดีๆไม่ค่อยเป็น


“ตอนนี้ไม่มีอาหารเม็ด ก็แดกอาหารคนไปซะ! ตรงนี้คือมึงไม่แดกใช่มั้ย เดี๋ยวกูช่วย” ร่างสูงชี้ข้าวฝั่งที่ปกฉัตรกันออก ก่อนจะยื่นช้อนไปตัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบขึ้นมอง แล้วก็กลายเป็นชะงักเมื่อพบว่าช้อนที่ยื่นมาตักนั้น เจตน์เอาเข้าปากไปแล้ว


“อะไร หรือว่ารังเกียจน้ำลายกู” เป็นคนที่หาเรื่องเก่งที่สุดในโลก แค่มองตาค้างนิดเดียว หาเรื่องว่ารังเกียจน้ำลายเฉยเลย


“ป...เปล่าครับ พี่ตักเลย ตักเยอะๆ”


“ลามปามแล้วมึง กูช่วยแค่นี้” คนช่วยรีบเอาช้อนมากันเอาไว้ ก่อนที่ปกฉัตรจะดันข้าวฝั่งของตนเองไปอยู่ฝั่งที่ไม่ทานเพิ่มขึ้น พอถูกจับได้ ร่างโปร่งเลยก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ คนอายุมากกว่ามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มอยู่กับจานแล้วในใจก็เหมือนไหลบ่าไปด้วยความสงสาร


...สงสารเพราะเห็นมันเหงา สงสารเพราะเห็นมันอยู่คนเดียว สงสารเพราะเห็นมันไม่มีใคร...


...ทำไมสงสารแต่มันก็ไม่รู้...


“แดกให้เยอะๆ จะได้ไม่ผอมแคระแบบนี้ ถ้ามึงแข็งแรง มึงเรียนจบ มึงทำงาน มึงมีปัญญาจะไปหาพ่อแม่มึง หรือจะให้พ่อแม่มึงกลับมาอยู่ด้วยก็ได้ไม่ใช่เหรอวะ ถ้ามึงแข็งแรง มึงจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”


เป็นประโยคปลอบใจและให้กำลังใจที่ปกฉัตรคาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน เขาเงยหน้ามอง สบตากับดวงตาเรียวสีดำสนิทคู่นั้น ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเจตน์เบี่ยงสายตาหนีไป


แล้วจากนั้นในห้องครัวก็ตกอยู่ในความเงียบ


แต่...มีคนหนึ่งที่หัวใจพ่ายแพ้ให้กับกำลังใจของเจตน์


...พ่ายแพ้...อย่างสิ้นเชิง...

.............................

เกือบสองทุ่มแล้ว ไม่มีกิจกรรมใดๆให้แขกผู้มีเกียรติต้องอยู่ในบ้านเงียบๆหลังนี้อีก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินนำออกจากบ้าน มีเจ้าของบ้านเดินตามเงียบๆ คนหนึ่งทำตัวเหมือนจะกลับ ส่วนอีกคนก็ทำเหมือนจะไปส่งที่รถ แต่...ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่มีใครพูดอะไรสักคำ


สายตาของเจตน์มองออกไปที่นอกประตูรั้วซึ่งมีรถของเขาจอดอยู่ อึดใจหนึ่ง เขาอยากให้รถของตนเองจอดไกลกว่านี้อีกนิด


...มีเรื่องอยากจะคุยกับไอ้คนที่เดินข้างๆอีกหน่อย...


แต่บ้านหลังนี้มีพื้นที่ไม่มาก จากหน้าประตูบ้านถึงประตูรั้ว เดินไม่ถึงหนึ่งนาที พวกเขาทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่ที่รั้วแล้ว ไม่มีข้ออ้างจะหาเรื่องคุยอะไรอีกแล้ว


“กู...ไปล่ะ” ร่างสูงหันมาลา


“ครับ ขอบคุณที่มาส่ง” เสียงที่ตอบกลับมานั้นออกจะแผ่ว ปกฉัตรใจหายที่เวลาของเขาและอีกฝ่ายหมดลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ 


เจตน์มองคนที่เอาแต่มองเมินไปทางอื่นแล้วรู้สึกเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่...มันติดอยู่ที่ปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากจะคุยอะไร อยากจะพูดอะไร


...ปิดบ้านดีๆ ล็อกบ้านดีๆ มีอะไรก็...โทร.มา...เอ่อ...ไม่สิ ไม่มีเบอร์กันนี่หว่า มีอะไรก็...191 แล้วกัน...


“ปิด...” เขากำลังจะเอ่ย แต่แสงไฟจากบ้านข้างๆไหววูบเสียก่อน พอหันมองถึงได้เห็นว่าเป็นไฟจากหน้ารถยนต์ที่กำลังเลี้ยวเข้าบ้าน


ปกฉัตรหันมองก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย


“สงสัยไอ้ดิษกลับมาแล้ว” เขาเปรย ชื่อของดิษกรทำเอาทุกประโยคที่เจตน์อยากพูดหายวับลงท้องไปทั้งหมด


...ไอ้ดิษมา กูก็ต้องไปสินะ...


“งั้นกูไปล่ะ” แล้วเขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการออกจากบ้านของปกฉัตร ร่างโปร่งจะเอ่ยลา แต่ไม่ทันแล้ว เพราะอีกฝ่ายก้าวเท้าไปที่รถ เปิดประตู กระโดดขึ้นนั่ง แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็จากไปไวอย่างกับสายลม


   แต่ไม่ใช่เพียงปกฉัตรคนเดียวที่ไม่เข้าใจ เพราะเจตน์ที่ขับรถออกมาสู่ถนนใหญ่ก็งุนงงกับสิ่งที่ตนเองทำเหมือนกัน


...พอไอ้ดิษมา กูก็ไป...


...เฮ้ย! นี่มันชู้ชัดๆไม่ใช่เหรอวะ?!!...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

หลังจากเรื่องที่แล้ว อิโจ๊ก เละสมชื่อโจ๊ก เรื่องนี้ก็เลยตั้งชื่อเฮียเจ๋งแก้เคล็ดค่ะ แต่สรุป เละพอกับญาติของเฮียนะคะ

วันนี้สภาพบัวไม่ไหวแล้ว เพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน แถมเมื่อเช้าไปทำงานด้วย ร่างจะแหลกกับการไปทำงานหลังจากเที่ยวแล้วค่ะ ฮืออออออ

เจอกันพฤหัสหน้าเหมือนเคย

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงและคนติดตามทุกๆคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 07-12-2017 21:44:06
“ไม่ประชดแล้วพูดเอาแต่เนื้อได้มั้ย”  :m20: :m20:
บอกตรงๆว่าคำกับประโยคนี้เป็นนาที ชอบเค้าจริงเหรอลูก
ทำไมพูดแทงใจได้ขนาดนั้น ตลก 55555555555555555555555555

ทุกครั้งที่อ่านประโยคของเฮียเจ๋งรู้สึกเหนื่อยมากค่ะ ตะโกนในใจตัวเองตลอดเวลา
ตอนอ่านโจ๊กยังไม่รู้สึกตะโกนขนาดนี้ อ่านไปขำไป
ละเฮียมีอะไรทำไมไม่ถามเค้าตรงๆ
มโนแจ่มเหลือเกิน
ล่าสุดมโนว่าตัวเองเป็นชู้  :hao3:
เอาเข้าไปสิ เฮ้ยเป็นคนตลกอ่ะ ดูแคร์ปกมาก
แต่เพราะไม่ถามว่าปกโสดมั้ย การแสดงออกเลยกระอักกระอ่วน
ดูตะโกนกลบเกลื่อนกลัวชาวบ้านจะรู้ใจตัวเอง ขำไปหมด  :hao7: :hao7:

หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-12-2017 21:49:15
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-12-2017 22:14:15
เฮียเจ๋งคะ เฮียควรนอนเป็นเพื่อนน้องที่บ้านนะคะ เป็นห่วงน้อง กลัวโจรปล้น :z2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-12-2017 22:14:51
เจตน์ นี่คิดเองเออเองตลอดๆ

ท่าทางของดิษ กับปก ก็ไม่บอกไปในทิศทางว่าเป็นแฟนกันแท้ๆ
แล้วเห็นแค่นี้ดิษจะอ่านออกไหมนะ

ที่แน่ๆ ปก มีความสุขไปแล้ว
เฮียเจ๋งทั้งมาส่ง ทั้งมาทำอาหารให้ ทั้งกินข้าวด้วย ปกฟินนนนน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: chnokky ที่ 07-12-2017 22:30:57
ตอนโจ๊กก็ว่าน่าสงสารแล้ว มาเจอเฮียเจ๋ง ยิ่งกว่าโจ๊กไปอีก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 07-12-2017 22:36:24
เฮียเป็นชู้  :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 07-12-2017 22:38:29
เฮียเจ๋งเป็นชู้ววววววววว~
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 07-12-2017 22:39:21
ถ้ารู้ว่าเค้าเป็นเพื่อนกันจะทำไงนิ55555

อ่านเรื่องเฮียโจ๊กจะอารมณ์แบบ ขึ้นๆลงๆเหมือนเป็นไบโพลา อ่านเรื่องเฮียเจ๋งล่ะเหนื่อย เหมือนต้องตะโกนด่าตามเค้าตลอด5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-12-2017 22:41:24
เราว่าบางทีเฮียเจ๋งก็ต้องพูดสิ่งที่คิด(ในด้านดี)ออกไปบ้าง หรือคุยอะไรกันให้สุดๆสักครั้ง จะได้เข้าใจตรงกันสักที

มีความหมั่นไส้ปนๆกับสงสารเฮียเบาๆ ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 07-12-2017 22:47:08
เกรี้ยวกราวไปงั้นแหล่ะ แต่ก็ทำให้เขาตลอดนะเฮีย รีบเลิกคิดไปเองได้แล้วนะ 555+
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-12-2017 22:55:17
สถานะชู้เอาไปเลยค่ะ ไม่ถามก็เป็นชู้ต่อไปเด้อออ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-12-2017 22:57:58
สงสารปกอยู่คนเดียว ฮือ จะเหงาขนาดไหนนะ เฮียแกใจดีแต่ปากร้าย ต้องข้ามผ่านไปให้ได้นะ
เมื่อไรแกจะเลิกมึนว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันสักทีนะ เฮียอย่าดุน้องนะ สงสาร

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-12-2017 22:58:48
ความลับกำลังจะถูกเปิดเผย..ยยยยย อิพี่เจ๋งปากร้ายมาก อบอุ่นจนร้อน..นนนนน เอ็นดูปกฉัตรจริงๆ  รอตอนหน้าจ้า  :a11: :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 07-12-2017 23:00:17
เมื่อไหร่จะรู้ เจ๋งสมชื่อหน่อยค่ะ เพื่อน! ไม่ใช่แฟน! แต่คำปลอบดีงาม พยายามรู้ใจและรู้ความจริงต่อไป
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2017 23:10:43
จากเจ๋งมันจะกลายเป็นเจ้งไหมคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 07-12-2017 23:21:13
เฮียเจ๋งปากร้ายแต่ใจดี  :L1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 07-12-2017 23:33:47
เฮียเจ๋งนี่ที่สุดของความคิดไปเองจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-12-2017 23:35:23
ปากบอกว่า "ไม่" แต่มือนี่ขยับช่วยน้องตลอด  :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-12-2017 23:37:40
เฮียเจ๋งนี่ไม่เจ็บคอบ้างเหรอคะขยันตะคอกเหลือเกิ้นนน แอบขำกับสถานะชู้มโนของเฮีย เอ้อ ไหวมั้ยคะเนี่ยกว่าจะจีบปกได้กลัวเฮียแกจะไบโพล่าร์ซะก่อน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-12-2017 23:47:32
ปากเสียๆเนี่ยเลิกซะทีเฮียเจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 08-12-2017 00:07:37
ขุ่นพี่จะฉุนเฉียวไปไหนนนนน เกรี้ยวกราดเบอร์ใหญ่ใหญ่มากก เจ็บคอแทน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 08-12-2017 00:15:47
เจ๋งปากเสียมากเลย แต่ทำไมไม่บอกว่าเข้าใจว่าปกเป็นแฟนกับดิษให้เข้าใจกันน้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 08-12-2017 00:22:38
เอ็นดูนาง พี่เจ๋งเป็นคนที่เกรี้ยวกราดได้น่ารักมากเว่อร์ เป็นห่วงแบบฮาร์ดคอร์หน่อยๆ อ่ะ5555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-12-2017 00:40:12
เกลียดความคิดเองเออเองของอิพี่มันจริงๆ
งานนี้ดิษกรเป็นพ่อสื่อ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 08-12-2017 00:54:07
ทำไมไม่ถามมมซะที!!!! เมื่อไหร่จะรู้ว่าเขาไม่ใช่แฟนกันนน อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดนิดๆอะขัดใจเฮียเจ๋งปากไม่ตรงกับใจ แต่ถ้าเฮียรู้เมื่อไหร่แล้วรุกจีบปกนะคงมีคนตายอย่างสงบศพสีชมพูแน่ๆ555555 แต่ชอบบุคลิคเฮียเจ๋งมากเลยนะเหมือนหมีตัวโตๆอะ น้องปกก็น่ารักน่าเอ็นดู เฮียต้องดูแลน้องดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-12-2017 00:54:58
สงสารพี่น้องบ้านนี้เหลือเกิน ไบโพล่าร์วันละห้ารอบ ชอบคิดไปเองอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-12-2017 01:07:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 08-12-2017 01:18:29
จะบ้าตายกับความเข้าใจผิด​กันไปมา~~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 08-12-2017 01:21:21
เฮียเจ๋งน่ารักกกก ถึงเฮียเขาจะปากไม่ดียังไงเขาก็เป็นห่วงน้องปก ชอบเวลาเฮียด่ามันกร๊าวใจมากๆ โหย กว่าคุณดิษจะสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของเจ๋งปก ในฐานะที่รู้สึกช้าช่วยมาเป็นกามเทพให้สองคนนี้เลยนะคะดิษ เจ๋งก็คิดว่าปกเป็นแฟนดิษ ปกก็คิดว่าเจ๋งไม่ชอบตัวเองมากๆ อยากให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกัน ชอบก็บอกเขาไปว่าชอบ ไม่ใช่ให้เขาเชิญเข้าไปในบ้านกินกาแฟนะคะพี่เจ๋ง
ติดตามรออ่านตอนต่อไปนะคะ อยากให้วันพฤหัสมาถึงเร็วๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 08-12-2017 01:31:27
ความมโนขั้นสุดของเจ๋ง 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 08-12-2017 01:43:53
แกร๊ แพ้ว่ะ แพ้คนแบบเฮียเจ๋ง ตอนแรกก็หมั่นไส้หรอก คำพูดคำจา (แต่ตลกดีนะ ขำหนักมาก อย่าง ยังหายใจอยู่มั้ย หรือ จะกินในกระทะหรือไง เห้ย ชอบอะ ตลก 5555555)

แล้วคนที่พูดจากวนๆ แบบนี้มาให้กำลังใจแบบนั้น โอ๊ย แพ้อะ แพ้ๆๆ

ชอบมาก ฮือ มาต่อเรื่อยๆนะคะ  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 08-12-2017 03:16:29
อิพี่เจ๋งเอกมโน โทจินตนาการ :z3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 08-12-2017 03:49:16
รีบชวนน้องไปอยู่ซะทีสิเจ๋งเห็นมั้ยว่าน้องเหงา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 08-12-2017 06:38:16
สงสัยต้องให้ดิษ ช่วยเยอะซะละ 5555 คืบหย้าน้อยมากกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 08-12-2017 08:19:17
ก้าวไปอีกขั้นแล้ววว แต่เฮียเจ๋งก็ปากแข็งเหมือนเดิม โอ้ยยย 555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Faii0518 ที่ 08-12-2017 09:01:14
นี่คิดไปถึงตอนที่สองคนนี้คบกันแล้วอะ เวลาเข้าครัวทำกับข้าวคงจะหวานกันน่าดูเลย >\\\\\<
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 08-12-2017 09:07:55
เป็นได้แค่ชู้วว~ 55555
วงวารเฮีย 5555
เดี๋ยวต่อไปก็จะได้เขยิบเป็นแฟนแล้วนะเฮีย อดทนไว้ๆ 55
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 08-12-2017 11:05:39
555+ ชู้จริง ๆ ด้วย ปากเฮียเจ๋งไม่ธรรมดาจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 08-12-2017 12:59:06
สนุกมากๆ ชอบบรรยากาศตอนท้าย
เหมือนเดินไปส่งแต่ไม่พูดกัน..
นี่ถ้าพี่มันรู้ว่าปกกับดิษเป็นแค่เพื่อนกัน จะเป็นไงเนี่ย
รอลุ้นไม่ไหวละ ฮ่าๆ

รอนะตั้งพฤหัสหน้า แต่ก็รอ~
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 08-12-2017 13:23:32
เด่วดิษจะเป็นคนเฉลยกับเฮียใช่ไหม ว่าไม่ได้เป็นแฟนกันอ่ะ เฮียจะได้เลิกมโนแจ่มเสียที
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 08-12-2017 15:07:16
เจ๋งไบโพล่าร์ชัดๆ 5555555

ปกน่าสงสารอะ คงเหงาน่าดู

เคลียร์ๆกันได้แล้ว เจ๋งจะได้มาเติมเต็มความเหงาของปก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 08-12-2017 16:40:53
ไม่เจ๋งเหมือนชื่อน่าหว่าาาา เฮียเจ๊ง5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-12-2017 19:07:34
เออนะ จะพูดกับเค้าดีๆ บ้างก็ไม่ได้ เจ๋งนะเจ๋ง
ปกน่าสงสารนะ ต้องมารับความเหวี่ยงของพี่ทุกสิบวิ 55555

ดิษแผนสูงนะคะ หวังว่าจะรู้นะ

หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 08-12-2017 19:51:46
ต้องหาคู่ให้ดิษแล้ววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 08-12-2017 23:01:03
อ่านเรื่องนี้แล้วเหนื่อยมากกค่ะ
เพราะเฮียเป็นคนเก้วกาดมากๆๆๆ
เราเลยเหมือนต้องตะโกนอ่านตามเฮียแกตลอดเวลา
55555555555555 ผิดที่ใครคะ สังคมมม!
การมโนนี่ใังลึกในดีเอ็นเอแล้วใช่มั้ยคะ
เป็นเรื่องเป็นราวอะไรได้ขนาดนี้อะ
มโนว่าน้องมีแฟน รู้ใจคัวเองก้มโนต่อมาต้องตัดใจจ
มโนว่าน้องยะโดนแฟนนอกใจ ล่าสุดคือมโนว่าตัวเองเป็นชู้แล้วค่ะ
พีคในพีคคคไปอีกก เฮียเจ๋งอย่ากากเหมือนอิโจ๊กสิคะ!!
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 09-12-2017 02:57:50
ดิษต้องบอกเฮียเจ๋งนะว่าไม่ได้เป็นแฟนกับปก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 09-12-2017 04:30:43
เฮียเจ๋งนี่ เป็นคนขี้มโนจริงๆนะเราเนี่ย คิดเองเออเอง55555   :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-12-2017 06:07:58
เขาก็เคยบอกแล้วว่าไม่ใช่แฟนน555

ขี้มโนเอ๊ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 09-12-2017 09:14:26
เฮียเจ๋งน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 09-12-2017 13:10:46
พี่เจ๋งคะ แพ้ทางเขารัวๆเลยค่ะ ดีนะน้องปกก็แพ้ทางพี่เหมือนกัน อิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 09-12-2017 13:46:12
เฮียเจ๋งขี้มโนนนนนน ปากร้ายแต่ใจหวั่นไหว กิ๊วๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 09-12-2017 13:49:56
ฮืออ เหนื่อยค่ะ ขำเหนื่อยกับการเกรี้ยวกราดของเฮีย เหนื่อยกับการที่ฮีตะโกน
ถลึงตาได้ทุกเมื่อที่มีโอกาส ทำไมเป็นคนตลกขนาดนี้ 5555555555
ขำหนักคือตอนที่น้องปกถลึงตาใส่เฮีย แล้วเฮียก็ถลึงกลับ โอ้ย ยอมไม่ได้เลยจริง ๆ  :m20:

รอลุ้นตอนเฮียรู้ว่าจริง ๆ แล้วดิษปกไม่ได้เป็นแฟนกัน(ทั้ง ๆ ที่ก็เหมือนน้องจะเคยบอกไปแล้วว่าไม่ใช่แฟน แต่ฮีก็ยังดันทุรังต่อไป
 ดูซิ จะมีปฏิกิริยายังไง แค่เรื่องนี้เล้ยย ไม่งั้นเรียบบ  :hao3:

ปล.เฮียเหมือนหมี น้องปกเหมือนแมว ดิษก็เหมือนโกลเด้น
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-12-2017 17:35:32
แงง ทำไมพึ่งเห็น ตามมคนไบโพล่าด่วนๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 09-12-2017 21:31:06
ยัดเยียดสถานะความเป็นชู้ให้ตัวเองทำไมอะเฮีย
คิดเยอะนะเราอะ 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2017 22:06:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 09-12-2017 22:43:59
สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 10-12-2017 12:07:01
แค่ถามก็จบแล้วเฮีย!!! จะอมพะนำอะไรนักหนา จะได้จีบๆสักที ว้อยยยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-12-2017 17:04:19
ทำไมเฮียเจ๋งไม่เจ๋งเหมือนชื่อเลยอ่ะ ถามไปเลยว่าเป็นแฟนกันรึป่าว นี่ก็มัวแต่คิดไปเองจนจะจบเอกมโนศาสตร์แล้วเนี่ยเฮีย สงสารปกด้วยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 10-12-2017 17:44:19
อีเฮีย จะต้องเกรี้ยวกราดตลอดเลยหรอ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-12-2017 22:17:55
เกรี้ยวกราดจังพ่อคุณ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 10-12-2017 22:24:58
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 11-12-2017 03:43:04
เขาเป็นเพื่อนกันค่ะเฮีย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: pandant ที่ 11-12-2017 18:26:19
เฮียไม่คิดเองเออเองค่ะเฮีย!!
ปกรับมือเฮียได้ดีอยู่แล้วเน่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 14-12-2017 09:37:11
เป็นชู้ไม่รู้ตัวของปกไปซะงั้น5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 6 (7 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 14-12-2017 14:39:30
พี่โจ๊กเป็นไบโพล่า พี่เจ๋งก็ดูจะเป็นคนย้อนแย้งนะคะ
ปากร้าย ด่าเค้าสารพัดแต่ก็ห่วงเค้า แถมยังจะเป็นชู้อีก
โอ๊ยยยย สงสาร..สงสารที่ไม่รู้อะไรเลยนี่แหละว่าเค้าแค่เพื่อนกัน
ถถถถถถถถถ รอตอนต่อไปนะ อยากให้เฮียเจ๋งรู้ตัวเองซักทีเถอะ
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 14-12-2017 20:25:17
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
ตอนที่ 7


ทั้งที่หัวใจเปรียบเปรยว่าการกระทำของตัวเองเหมือนคนเป็นชู้ แต่เจตน์ก็อดไม่ได้ ยิ่งพอได้รู้ว่าปกฉัตรอยู่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ไปทำงานต่างประเทศกันหมด เขาก็ยิ่งเป็นห่วง ไหนจะเรื่องที่ดิษกรทิ้งๆขว้างๆอีก


   ...ก็ไม่อยากจะจุ้นจ้านหรอกนะ ไม่อยากจะวุ่นวาย ไม่อยากจะทำตัวเหมือนเป็นชู้ใคร…


 แต่...อดเสือกไม่ได้จริงๆว่ะ!...


   หนุ่มปีหนึ่งร่างสูงโปร่งจากต่างคณะนั่งอยู่เพียงลำพังที่โต๊ะม้าหินตัวเดิมหน้าตึกคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีอีกแล้ว และไม่รู้จะด้วยสวรรค์สรรสร้างความบังเอิญนี้ขึ้นมาหรือไม่ เจตน์ถึงได้ลงจากตึกเรียนมาเจอหน้ารุ่นน้องคนนี้…อีกแล้ว


   หนุ่มตี๋ตาเรียวแห่งคณะบัญชีหงุดหงิดงุ่นง่าน ที่เคยพูดเคยเตือนไป ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สำนึกเลยสักนิดเดียว!


   …ต้องให้กูมาตามจ้ำจี้จ้ำไชอยู่นั่นล่ะ!!...


   เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปสั่งสอนอีกสักหน แต่...ใครอีกคนกลับก้าวไปถึงโต๊ะของปกฉัตรไวกว่า


   ธนทัตเพื่อนรักจากคณะเศรษฐศาสตร์นั่นเอง


   เจตน์ขมวดคิ้วฉับ มองเพื่อนสนิทของตนเองยืนอยู่ข้างโต๊ะของปกฉัตร แถมคุยอะไรไม่รู้ ต่างคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอย่างดี


   ...เชี่ยไทแม่งจะตีท้ายครัวไอ้ดิษแล้วไง!!...


   ...เนี่ย! กูไม่ได้อยากจะเข้าไปเสือกจริงๆนะ! แต่...แต่สถานการณ์มันเรียกร้องกูมากๆ!!...


   “ไท!” เจตน์ก้าวเท้าอย่างเร็วตรงไปที่โต๊ะแล้วร้องเรียกชื่อเพื่อนสนิท ธนทัตหันมามองแล้วยิ้มให้ แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไร หนุ่มบัญชีเจ้าของสถานที่ก็ชิงถามขึ้นมาทันที


   “มาทำอะไรที่นี่วะ?!”


   “กูเห็นปกนั่งอยู่ เลยแวะมาหา” ธนทัตตอบตรงเผงชนิดที่คนถามขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ตวัดสายตาไปทางรุ่นน้องเหมือนจะบอกว่า ‘กูบอกมึงแล้วใช่มั้ย?!! ว่านั่งตรงนี้มันล่อเสือล่อตะเข้!!’ แต่คนถูกมองก็ยังทำสีหน้าเฉยๆ ทำเอาคนกระแทกกระทั้นในใจต้องสูดลมหายใจเช้าลึกแล้วตั้งคำถามใหม่


   “แล้วไอ้ดิษไปไหน?!”


   “อยู่บนตึกครับ” ปกฉัตรตอบเรียบๆ สีหน้าเหมือนเดิม แม้ในใจจะดีใจที่อีกฝ่ายแวะมาชวนคุยด้วย...ด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าคุยด้วยก็เถอะ


   “บนตึกอีกแล้ว?! แล้วทำไมมึงไม่มาตอนมันลงจากตึกแล้ววะ?!!” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเจตน์เหมือนไล่แขกจากต่างคณะยังไงชอบกล


   “ก็...ผมเลิกเร็ว ก็เลยมาก่อน แล้ว...ดิษมันก็บอกว่ามันช้าหน่อย”

   “ช้าหน่อยเชี่ยอะไร?! นี่จะหกโมงอยู่แล้ว!!” ในขณะที่เจตน์โวยแหลก ธนทัตกลับแนะนำด้วยน้ำเสียงเป็นผู้เป็นคนแตกต่างจากเพื่อนสนิทอย่างเห็นได้ชัด


   “ปกโทร.หามันมั้ย พี่ว่าเลิกช้าก็ไม่น่าจะเลทขนาดนี้นะ”


   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้รีบอะไร รอได้” ปกฉัตรตอบแล้วยิ้มจางๆ คนฟังมีสองคน คนหนึ่งพยักหน้ารับอย่างตามใจ อีกคน...หน้าหงิกชนิดที่บอกบุญก็ไม่รับ


   “แล้วถ้าแม่งลงจากตึกสองทุ่ม มึงไม่ต้องรอมันสองทุ่มเลยรึไง!” คนหน้าหงิกสวนทันควัน


   “คงไม่ถึงสองทุ่มหรอก” ร่างโปร่งตอบ เจตน์อยากจะเถียงแต่เสียงของเพื่อนรักคณะเศรษฐศาสตร์ดังขึ้นเสียก่อน


   “ถ้าไอ้ดิษลงมาช้า งั้นปกไปหาไรกินกับพี่มั้ย พี่ว่าจะไปหาข้าวเย็นกินพอดีเลย” ธนทัตชวนโต้งๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอารมณ์ น้ำเสียงและสีหน้าของเจตน์เลยแม้แต่นิด


   ...จะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง จะล้วงคอหมีอย่างไอ้เจ๋ง ยิ่งต้องนิ่งเข้าไปใหญ่...


   “ไม่ต้องไป!” เจตน์สวนขวับ


   “เฮ่ย มึงจะห้ามอะไรน้องมันวะ” ธนทัตแย้ง ปกฉัตรได้แต่มองหนุ่มรุ่นพี่สองคนด้วยความงุนงง ที่จู่ๆก็กลายมาเป็นเถียงกันเรื่องของเขาเสียแล้ว


   “มันมารอไอ้ดิษ! มึงจะมาลากมันไปไหนไม่ได้!” ฝ่ายหนึ่งหน้าตาถมึงทึง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่ขี้หงุดหงิดแถมชอบตะโกน


   ธนทัตทำเป็นแคะหู ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


   “มึงจะตะโกนทำไมวะ เจ๋ง อยู่กันแค่นี้” พอถูกทักเข้าหน่อย คนที่อยู่ดีๆก็โหวกเหวกอย่างไม่มีเหตุผลก็ชะงักไปนิด ก่อนจะทำมึน


   “ก...กูก็พูดปกติของกู! ไม่ได้ตะโกน!” เพื่อนสนิทที่เรียนโรงเรียนเดียวกันมาหลายปีอยากจะบอกมากนักว่าเสียงระดับนี้ไม่ใช่ระดับปกติของผู้ชายที่ชื่อเจตน์เลย แต่...เห็นแก่เพื่อนหน้าด้านกล้าแถโต้งๆ ก็จะทำเป็นเชื่อๆไปก็แล้วกัน...


   “ไม่ตะโกนก็ไม่ตะโกน...” ว่าแล้วก็หันไปทางปกฉัตรแล้วยิ้มหวานเจี๊ยบให้หนุ่มรุ่นน้องอีกที


   “...ปกว่าไง ไปกินข้าวกับพี่มั้ย”


   “ก็กูบอกแล้วว่ามึงจะลากมันไปไหนไม่ได้!” คนถูกถามไม่ทันได้ตอบ เสียงตะโกนก็ดังสวนมาจากคนหน้าตาถมึงทึง ธนทัตปรายตามองเพื่อนสนิท


   “แล้วเกิดปกหิวล่ะ?”


   “หิวก็เรียกไอ้ดิษลงมา!”


   “ก็น้องมันบอกอยู่แหม่บๆว่าไม่เรียก รอได้”


   “รอได้ก็รอแม่งตรงนี้! ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!!”


“อะไรของมึงวะ! กันท่ากูฉิบหายเลย! กลัวกูจะทำอะไรปกรึไง ดูด้วยนี่น้อง!” ธนทัตชี้ปกฉัตรให้เพื่อนรักดูเต็มสองตาว่าหนุ่มปีหนึ่งคนนี้มีสถานะเป็น ‘น้อง’ เจตน์ตวัดสายตาไปมอง ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งร่วมโต๊ะกับปกฉัตรราวกับจะบอกให้รู้ว่าถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ ธนทัตจะมาพาปกฉัตรไปไหนไม่ได้!


“ก็น้องกูเหมือนกัน!” ร่างโปร่งชะงักกึก เผลอใจหันมองคนพูดในวินาทีนั้นอย่างคาดไม่ถึง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นตะลึงค้างจับจ้องเจตน์เนิ่นนาน หัวใจอิ่มเอิบจนแทบคับอก


... ‘น้อง’...วันนี้ได้เป็นน้องของพี่แล้ว...


ดวงตาเรียวสีดำสนิทเหลือบมองคนที่เขาออกปากว่าเป็น ‘น้องกู’ แล้วก็ชักจะรู้สึกคันยุบยิบที่อกจนต้องยกมือขึ้นเกา ยิ่งพอหันไปมองธนทัตเพื่อนสนิทที่กำลังจ้องมาที่เขา เจตน์ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนน้ำลายจะหายไปจากปากและคอของเขาทั้งหมด


“อ...เอ่อ...น้อง...น้องโรงเรียน...” เป็นการให้เหตุผลที่แถเอาสีข้างเข้าถูยิ่งกว่าอะไร แถมไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทที่รู้หัวรู้หางกันดีอีกต่างหาก


“แหม...มึงคงมีน้องโรงเรียนหลักหมื่นคนเลยล่ะ” ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะสอดรู้สอดเห็นความแปลกของเจตน์อย่างเงียบๆ แต่ธนทัตก็อดไม่ได้ที่หยอกเอิน เขามองทั้งเพื่อนสนิท ทั้งรุ่นน้องจากคณะรัฐศาสตร์แล้วก็เห็นความอิหลักอิเหลื่อของคำว่า ‘น้อง’ ระหว่างสองคนนี้


แต่...ถ้าจะเอาให้ชัด ก็ต้องเล่นใหญ่ขึ้นอีกหน่อย


“เอาล่ะ ในเมื่อไอ้เจ๋งไม่ให้ปกไปกินข้าวกับพี่ งั้นพี่ขอนั่งรอด้วยคนก็แล้วกันนะ” แล้วหนุ่มเศรษฐศาสตร์ปีสองก้าวเท้าเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยเป็นคนที่สาม เขาหันไปพูดกับปกฉัตรแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมัธยมอย่างเจตน์


   “กูนั่งคณะมึงได้ใช่มั้ย เจ๋ง” เจ้าของสถานที่รู้สึกหมั่นไส้หูตาแพรวพราวของเพื่อนสนิทอย่างบอกไม่ถูก อุตส่าห์ขวางไม่ให้ไปกินข้าวด้วยกันได้แล้ว มันก็ยังสู้อุตส่าห์นั่งร่วมโต๊ะกับปกฉัตรจนได้!


   “จะนั่งตรงไหนก็เรื่องของมึง!” แต่ที่แน่ๆ เจตน์จะไม่ลุกไปไหนทั้งนั้น ถ้าหากดิษกรยังไม่ลงจากตึกมาพาปกฉัตรกลับบ้าน ดวงตาเรียวของหนุ่มปีสองคณะบัญชีเหลือบไปมองคนผิวขาวร่างโปร่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วก็นึกหงุดหงิด คันอกยิบๆอีกแล้ว


   ...ไอ้เชี่ยนี่ก็ไม่เคยรู้เรื่องห่าเหวอะไรเลย! ไอ้ไทจ้องจะงาบแม่งก็ยังบื้ออยู่ได้!...

…………………….

   ห้านาทีหลังจากนั้น ดิษกรถึงได้ลงจากตึกมาพร้อมรอยยิ้มแฉ่ง แต่ไม่ทันจะได้ทักรุ่นพี่สองคนตามประสาคนมีมารยาท เจตน์ที่นั่งหน้าหงิกมาตั้งแต่แรกก็แสดงมารยาทก่อนใคร


   “ทำไมเพิ่งลงมา!! มึงช่วยยามปิดตึกรึไง!” คนนั่งรอมาตั้งแต่สี่โมงอย่างปกฉัตรยังไม่ออกตัวแรงขนาดนี้เลย เป็นอีกครั้งที่ธนทัตเช็กลิสต์อากัปกิริยาของเพื่อนรักในใจ


   “ก็...งานไม่เสร็จน่ะเฮีย”


   “งานอะไรของมึง” ดิษกรกะพริบตาปริบๆที่เห็นรุ่นพี่ร่วมคณะขึ้นเสียงขั้นสุด


   “ก็...งานคณะ...” ปากตอบเจตน์ แต่ตาเหลือบไปมองเพื่อนรักเหมือนจะเป็นคำถามว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมจู่ๆเจตน์ถึงหงุดหงิด ปกฉัตรยกไหล่อย่างไม่มีคำตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดแทรก


   “กลับเถอะ”


   แต่ดิษกรอุตส่าห์เรียกปกฉัตรมานั่งรอ แถมจับมือกับธนทัตให้เข้ามาแจม จะกลับทั้งๆแบบนี้ ก็เสียเปล่า


   “เดี๋ยวดิ...ไหนๆ เฮียไทกับเฮียเจ๋งก็อยู่นี่ สนใจไปกินข้าวบ้านผมกันมั้ย” ตาสามคู่มองมาที่ดิษกรเป็นตาเดียว


   ตาคู่แรกเป็นของปกฉัตรที่ดูจะสงสัยกับคำชวนของเขา


   ตาคู่ที่สองเป็นของธนทัตที่ดูจะเห็นดีเห็นงามด้วย


   และตาคู่สุดท้าย...ตาคู่นี้เอาเรื่องหน่อยเพราะถลึงใส่ด้วย


   แต่...ดิษกรทำเป็นไม่สนใจสายตาของรุ่นพี่ร่วมคณะ เขายังยิ้มเห็นฟันเกือบครบทุกซี่


   “อาผมทำกับข้าวไว้เยอะเลย มีแต่ของอร่อยๆ ถ้ายังไงไปกินข้าวบ้านผมกันนะ อานิศบอกว่ามีของชอบมึงด้วยนะปก” ท้ายประโยค ดิษกรหันมาชักชวนเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านติดกัน ปกฉัตรพยักหน้ารับเพราะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว และเขาก็แวะไปทานข้าวด้วยบ่อยๆ ส่วนรุ่นพี่อีกสองคน ถึงไม่เคยไปกินข้าวที่บ้านของดิษกรมาก่อน...แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าคิดหนัก


   “น่าสน งั้นกูไปด้วย” ธนทัตเห็นชอบ คราวนี้ทุกคนเลยหันมามองชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไม่มีคำตอบ และดูเหมือนจะหน้าหงิกกว่าเดิม


   “มึงไปด้วยกันมั้ย” 


เจตน์เหลือบไปมองรุ่นน้องสองหน่อและธนทัตแล้วก็นึกเข่นเขี้ยวไอ้ปีหนึ่งจากรัฐศาสตร์นั่นยิ่งกว่าใคร ทั้งๆที่เขาเคยพูดแล้วว่าเพื่อนของเขาไม่ได้ชวนคุยเพราะหวังสนิทแบบผู้ชายสนิทกัน แต่...ไอ้หน้า A4 นั่นก็ดูเหมือนจะไม่สนใจคำเตือนของเขาเลย!


   ...ไอ้ไทก็อีกคน! ตีท้ายครัวกลางวันแสกๆต่อหน้ากูด้วยนะมึง!!...


   “เจ๋ง คิดนานไปมั้ย จะไปไม่ไป?” ธนทัตถามซ้ำ เจตน์พ่นลมหายใจแรงๆอย่างหงุดหงิด คันอกยิบยับไปหมดที่เห็นปกฉัตรยังทำหน้าตาเฉยๆเหมือนไม่รู้เห็นว่าเพื่อนของเขาเสนอตัวขนาดนี้


   “ที่ห้องกูก็ไม่มีอะไรแดกเหมือนกัน!” คำตอบของหนุ่มตี๋ตาเรียวทำเอาเพื่อนสนิทเลิกคิ้ว


   “คำพูดของมึงหมายความว่า ที่ห้องไม่มีอะไรแดก และจะไปแดกที่บ้านไอ้ดิษด้วยกันใช่มั้ย” คราวนี้ดวงตาเรียวตวัดมามองธนทัตอย่างเอาเรื่อง คนถูกจ้องเลยต้องรีบยกสองมือปิดปากไม่พูดจาจี้ใจดำใดอีกๆ


   เจตน์ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับใคร เขาลุกขึ้นหมุนตัวเดินออกจากโต๊ะ แต่เดินไปได้ไม่ไกล เจ้าตัวก็หันกลับมาที่สมาชิกร่วมโต๊ะมื้อเย็นในวันนี้ที่ยังยืนกันอยู่ที่เดิม


   “เอ้า! แล้วพวกมึงจะยืนกันอยู่อย่างงั้นรึไง!! ไปขึ้นรถสิวะ!” คนหน้าหงิกสั่ง แต่พอจะก้าวเท้าเดินต่อ เสียงของเพื่อนสนิทจากคณะเศรษฐศาสตร์ก็ดังขึ้น


   “กูไม่รู้ทางไปบ้านไอ้ดิษ” 


ร่างสูงหันขวับกลับมามองแทบไม่ทัน คนรู้ทางมีสองคนคือเจ้าของบ้านอย่างดิษกร และคนบ้านติดกันอย่างปกฉัตร แต่...ถ้าดิษกรเอารถมา มันต้องส่งปกฉัตรไปนั่งเป็นเนวิเกเตอร์ในรถของธนทัตแน่นอน


   “งั้นปก มึงไปนั่งกับเฮียไท” ไม่ผิดไปจากที่เจตน์คาดการณ์เอาไว้เลย เพราะเจ้าของบ้านที่พวกเขาจะไปทานมื้อค่ำหันไปบอกปกฉัตร


   แต่ก่อนที่ปกฉัตรจะเดินไปหาธนทัต หนุ่มตาเรียวแห่งคณะบัญชีก็รีบร้องบอก...แบบหน้าหนาที่สุดแล้วของวันนี้


“กูก็ไปไม่เป็น!”


   “อ้าว...แต่เฮียเคยไปส่งไอ้ปกไม่ใช่เหรอ บ้านผมก็อยู่ติดกับบ้านไอ้ปกอ่ะ” ดิษกรย้อนถาม สองมือไขว้หลังตัวเองเอาไว้เพื่อจิกเล็บไม่ให้ยิ้มเพราะเดี๋ยวหมีตัวใหญ่อย่าง ‘เฮีย’ จะรู้ซะก่อนว่าเขาเริ่มรู้ทันอะไรเข้าให้แล้ว


   “กูลืมไปแล้ว!!” แต่หมีตัวนี้ก็ยังอาศัยความมึน พูดจาเสียงดังหน้าตาบึ้งตึง


   “เอาไงดี ผมก็เอารถมาซะด้วย” เจ้าของบ้านสำหรับมื้อเย็นในวันนี้เปรย ก่อนจะตัดสินใจในวินาทีต่อมา


   “งั้น...เฮียเจ๋งขับรถตามเฮียไทได้มั้ย”


   “แล้วไอ้นี่ล่ะ” เจตน์ชี้ขวับไปที่ปกฉัตรอย่างรวดเร็ว


   “ก็นั่งไปกับกูไง” ธนทัตตอบแทน


   “แล้วทำไมไม่ให้มันนั่งไปกับกู แล้วมึงขับรถตามกู?” เจตน์แย้ง


   “เอาล่ะครับ ไม่ต้องเถียงกัน” ปกฉัตรรีบพูดแทรกก่อนที่รุ่นพี่สองคนจะเถียงกันมากกว่านี้ เขามองธนทัตที มองเจตน์ที ก่อนจะตัดสินใจ


   “เดี๋ยวผมนั่งรถไปกับพี่ แล้วให้พี่ไทขับรถตามก็แล้วกัน จะได้เลิกบ่น” ร่างโปร่งพูดแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นไหล่ สีหน้าเรียบเฉยติดไปทางหงุดหงิดกับเสียงโหวกเหวกของเจตน์ด้วยซ้ำ แถมคำพูดคำจาก็เหมือนเป็นการตัดสินใจที่ตัดปัญหาจากคนเรื่องมากและชอบหาเรื่องอย่างเจตน์ ทว่า...ไม่มีใครทันเห็นรอยยิ้มจางๆที่มุมปากของปกฉัตรสักคน


   เป็นการตัดสินใจไปนั่งรถของเจตน์ ด้วยความอยาก ไม่ใช่เพื่อตัดปัญหาสักหน่อยน่ะ


   “นี่มึงหาว่ากูบ่นงั้นเหรอ?!”


   “ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ” ปกฉัตรก้าวเท้าออกเดิน มีเจตน์เดินข้างๆพร้อมกับหาเรื่องไปด้วย


   “กูไม่ได้บ่นโว้ย! เลี้ยวทางนี้ รถกูจอดอยู่ข้างหลัง!” เป็นการต่อล้อต่อเถียงที่เถียงกันไป บอกทางกันไป โดยมีสายตาสองคู่ของธนทัตและดิษกรที่มองตาม


   “กูไม่อยากจะเปรียบตัวเองเป็นหมาหรอกนะ แต่ไอ้เจ๋งแม่งกลายร่างเป็นไม้กันหมาจริงๆว่ะ” หนุ่มรุ่นพี่จากคณะเศรษฐศาสตร์เอ่ยปาก ดิษกรพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย


   “ที่น่าแปลกคือเพื่อนผมก็ยอมอยู่เฉยๆให้ไม้กันด้วยนี่สิ...”


   สองหนุ่มต่างชั้นปีมองหน้ากัน แล้วหัวเราะเบาๆในคอราวกับจะบอกว่าเห็นความแปลกของเพื่อนรักชัดแจ้งแล้ว

...............................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 14-12-2017 20:25:39


อาหารเย็นที่บ้านของดิษกรเดิมที่มีกันแค่สองคนอาหลาน แต่วันนี้ได้ต้อนรับแขกร่วมโต๊ะเพิ่มอีกสามคน คนหนึ่งเป็นคนคุ้นเคยอย่างปกฉัตรที่อยู่บ้านข้างๆ ส่วนอีกสองเป็นรุ่นพี่ที่ดิษกรสนิทสนมดีอย่างเจตน์และธนทัต


   “ถ้าบอกว่าเป็นอานี่ผมไม่เชื่อเลยนะครับ อานิศดูเหมือนอายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ” คนคุยเก่งอัธยาศัยดีคือธนทัต


   “อาสี่สิบแล้วจ้ะ” คนอาวุโสที่สุดในโต๊ะคืออาของดิษกร เป็นหญิงสาวร่างท้วม ยิ้มง่ายเหมือนหลานชายแต่หน้าตาไม่มีเค้ากันเลยแม้แต่นิดเดียว


   “ที่อาดูไม่แก่ เพราะว่าผมเลี้ยงง่ายน่ะเฮีย” ดิษกรรีบออกตัว ทำเอาคนเป็นอาต้องหันไปเขกหัวหลานชายอย่างหมั่นไส้


   “ครับๆ เลี้ยงง่ายมากเลยหลานคนนี้ เลี้ยงง่ายเพราะมีเพื่อนบ้านอย่างปกช่วยเลี้ยงน่ะสิ” คนเป็นอาหันไปมองปกฉัตรที่นั่งข้างหลานชาย หนุ่มข้างบ้านร่างสูงโปร่งยิ้มจาง


   “หลานอานิศเลี้ยงง่ายจริงๆนะครับ หาขนมให้กินก็เงียบ เปิดแอร์หาผ้าห่มให้ก็หลับ หาฟุตบอลแล้วชี้ออกไปนอกบ้านก็วิ่งออกไปเล่นคนเดียวได้ด้วย”


   “เชี่ยปก เลี้ยงง่ายของมึง ทำไมกูฟังดูไม่ดีเลยวะ” ดิษกรหันไปบ่นเพื่อนรัก แต่ปกฉัตรกลับหัวเราะเบาๆ ธนทัตเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย จะมีก็แต่เจตน์ที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อนสนิทที่หัวเราะไปกับสองอาหลานและเพื่อนข้างบ้าน


   “ไอ้ดิษกับเพื่อนมันสนิทกันดีนะ มึงว่ามั้ย” พูดเหมือนชี้โพรงให้กระรอก แต่จริงๆแล้วคือการพยายามดึงกระรอกเพื่อนรักออกมาจากโพรงต่างหาก


   ...ไม่รู้ไอ้ไทมันตาบอดรึไง! ถึงได้ไม่เห็นว่าสองคนนั้นสนิทกันขนาดไหน!...


   “เออ แล้วปกก็น่ารักมากด้วย มึงว่ามั้ย” ธนทัตถามกลับ ทำเอาเจตน์หันขวับไปมองเพื่อนสนิททันที


   “มึงคิดอะไร” แต่เพื่อนรักไม่มีคำตอบนอกจากยิ้มกวนๆแล้วหันไปสนใจอาหารบนโต๊ะต่อ


 ในเมื่อทำอะไรเพื่อนสนิทไม่ได้ เจตน์ที่หงุดหงิดงุ่นง่านก็เลยหันไปหาแพะตัวต่อไปอย่างปกฉัตรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนแทน รายนั้นกำลังจะจิ้มทอดมันกุ้งที่อยู่ตรงหน้า เขาก็เลยหยิบส้อมไปจิ้มทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายมาใส่จานของตัวเองทันที


   “อ้าว...” คนถูกแย่งทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายไปหน้าตาเฉยถึงกับร้องออกมาหน้าตาเหรอหรา ดิษกรที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามอง ทันเห็นเหตุการณ์ที่ทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายไปอยู่ในจานของเจตน์พอดี เขายิ้มร่าแล้วโยกหัวเพื่อนสนิทอย่างเอ็นดู


   “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะปก เดี๋ยวกูให้อานิศทำให้กินใหม่ก็ได้” ปลอบใจเพื่อนแต่ไม่ต่างอะไรกับการเล่นสนุก เพราะดิษกรเอามือถูศีรษะจนผมปกฉัตรกระเซิง เจตน์ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด แต่ความหงุดหงิดของเขาคือการเอาไปลงกับเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยการจิกตาให้ธนทัตเห็นถึงความสนิทสนมของปกฉัตรและเจ้าของบ้าน


   แต่ธนทัตทำเป็นยักไหล่อีกที ก่อนจะหันไปมองรุ่นน้องปีหนึ่งจากคณะรัฐศาสตร์


   “ปกชอบทอดมันกุ้งเหรอ”


   “ยิ่งทอดมันกุ้งฝีมืออานิศ ไอ้ปกชอบมากกกกกก...” หลานชายที่แสนเลี้ยงง่ายของนิศราชิงตอบ


   “งั้นไว้คราวหน้า พี่จะซื้อทอดมันกุ้งเจ้านึงมาให้ชิม จะได้รู้กันว่าจะสู้ฝีมืออานิศได้มั้ย”


แล้วธนทัตคนอัธยาศัยดีก็กอบกู้สถานการณ์ด้วยรอยยิ้มและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อีกครั้ง ความหงุดหงิดและหาเรื่องของเจตน์ทำอะไรไม่ได้อีกตามเคย


มื้อเย็นวันนั้น...จบลงด้วยดีตอนหัวค่ำ


สองหนุ่มรุ่นพี่ลาเจ้าของบ้านทั้งอาทั้งหลานอยู่ที่หน้าบ้านซึ่งสว่างไสวด้วยแสงไฟจากภายในบ้านและหน้าประตูบ้าน


“ขอบคุณมากครับอานิศ อาหารอร่อยมากเลย” ทั้งเจตน์ทั้งธนทัตยกมือไหว้ แต่คนพูดคือหนุ่มเศรษฐศาสตร์เจ้าของรอยยิ้มกว้างขวาง


“ไว้ว่างๆแวะมากินอีกนะ คราวหน้าอาจะทำของที่ดิษบอกว่าอาทำอร่อยที่สุดให้กิน” เจ้าของบ้านอย่างนิศราต้อนรับขับสู้อย่างดี


“โอ้โห พูดอย่างงี้ สงสัยผมต้องรีบทำตัวว่างแล้วครับอา” นัดแนะกันคร่าวๆเรียบร้อยว่าคราวหน้าธนทัตจะแวะมากินข้าวด้วยอีก ก็ถึงเวลากลับ


ปกฉัตรซึ่งอยู่บ้านติดกันยกมือไหว้นิศรา เจตน์และธนทัต ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากบ้านไป รถยนต์สองคันของแขกผู้มีเกียรติที่มาทานข้าวด้วยในวันนี้จอดขวางอยู่หน้าบ้านของดิษกรและเขา คันที่ขวางหน้าบ้านดิษกรคือรถของธนทัต ส่วนคันที่จอดเลยไปทางหน้าบ้านของเขาคือรถยุโรปของเจตน์


แค่เห็นป้ายทะเบียน เขาก็จำได้ดี เขาจำได้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจตน์นั่นแหละ แต่...ดูเหมือนรายนั้นจะไม่พอใจกับการที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายเลย


...ทำไมนะ พออะไรๆมันเหมือนจะดี ก็เหมือนว่า ‘พี่’ จะหงุดหงิดขึ้นมาทุกที...


“เฮ่ย” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง ทำเอาปกฉัตรที่กำลังก้าวเท้าเอื่อยๆไปยังบ้านของตนเองต้องหันมอง เจตน์ออกมาจากประตูรั้วบ้านของดิษกร แล้วก้าวเท้าไวๆมาหาเขา ดวงตาเรียวๆนั่นวาววับอย่างไม่พอใจ ซึ่ง...ปกฉัตรไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่พอใจเขาเรื่องไหน


...ทอดมันกุ้งชิ้นสุดท้ายก็ยกให้ แถมยังไม่พูดหาเรื่องอะไรสักคำ วันนี้เราน่าจะคุยกันดีกว่านี้ด้วยซ้ำ...


“กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ แต่ไอ้ไทมันเพื่อนกู!” ปกฉัตรงงตึ้บ อยู่ดีๆเจตน์ก็มาชี้แจงสถานะตนเองกับธนทัตให้เขาฟัง


“ผมรู้ว่าพี่ไทเป็นเพื่อนพี่”


“และมึงก็ควรรู้ว่าไอ้ดิษนับถือไอ้ไทมาก!” ปกฉัตรขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


“เกี่ยวอะไรกับดิษ”


“ก็มึงมีไอ้ดิษแล้ว! มึงจะอ่อยเพื่อนกูอีกไม่ได้!” คนฟังชะงักกึก เข้าใจในวินาทีนั้นเองว่าเจตน์หงุดหงิดเขาเรื่องอะไร


...เพราะคิดว่าเป็นแฟนกับดิษ แล้วก็คิดว่าอ่อยพี่ไทด้วย ก็เลย...ไม่พอใจ...


ร่างโปร่งหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อย แต่ก็พยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องหงุดหงิดใส่เขาอีก


“แล้วถ้าผมบอกว่าผมกับไอ้ดิษเป็นเพื่อนกันเฉยๆล่ะ” ดวงตาสีน้ำตาลจางๆที่สะท้อนกับแสงไฟจากเสาไฟข้างถนนนั้นมีแววประหลาด


“มึงคิดว่ากูโง่รึไง! กูได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่กูอยู่ม.6 มึงจะบอกว่าไอ้ที่กูได้ยินเป็นแค่ข่าวลืองั้นสิ! กูถามหน่อย ผู้ชายประเภทไหนปล่อยให้มีข่าวลือเชี่ยๆนี่มาหลายปีแล้วไม่ทำห่าอะไรเลย!!”


“ก็ผมไม่เดือดร้อนอะไรนี่นา ไอ้ดิษก็ไม่เห็นจะว่าอะไรด้วย”


มาเจอโดนย้อนแบบนี้ เจตน์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่บนปากเหว เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ข่าวลือที่ว่าเขาก็ได้ยินมานาน นาน...จนไม่คิดว่าจะเป็นแค่ข่าวลือ แล้วทั้งดิษกรและปกฉัตรก็รู้เรื่องข่าวลือนี้ทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไรกับมันเลย แถมบางครั้งยังทำตัวสนิทสนมสมกับข่าวลือที่ว่านั่นด้วย


ถ้าเขาเชื่อคำพูดของปกฉัตร แล้วก้าวเท้าลงเหวไปล่ะ...หรือจะไม่เชื่อ แล้วถอยกลับออกมาจากปากเหวนั่นดี?


“พี่...หงุดหงิดผมเรื่องนี้เหรอ” คำถามดังขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ แถมด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของคนถามอีก


   “ก็มึงมันน่าหงุดหงิด!” ไม่รู้หงุดหงิดตรงไหน ตา หู จมูก ปาก ความสูง ความผอมขี้ก้าง ทุกอย่างของปกฉัตร แค่เจตน์เห็นก็หงุดหงิดไปหมด!


   “ผมไม่ได้ทำอะไรพี่สักหน่อย” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆนั่นก็มีแววอ่อนโยน จนมองสบนานๆไม่ได้ต้องหันไปมองทางอื่น


   “แต่มึงยุ่งกับเพื่อนกู!!” หลับหูหลับตาด่า เพราะเวลานี้เจตน์ไม่กล้ามองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆที่มีแววประหลาดนั่นสักนิดเดียว


   “เพื่อนพี่มายุ่งกับผมเองต่างหาก” แต่คราวนี้คำพูดไม่เข้าหู จากตอนแรกที่หันหนี เจตน์ถึงกับตวัดสายตามาจิกคนพูดทันที


   “ถึงเพื่อนกูมายุ่งกับมึง มึงก็ไม่ควรไปยุ่งกับมัน!”


   “แต่ถ้าผมไม่มีใคร แล้วเพื่อนพี่ไม่มีใคร ถ้าเราจะยุ่งกัน มันก็ไม่เห็นจะมีใครเสียหายเลย”


   “ไอ้เชี่ย ปากดี!!” เจตน์ไม่รู้ว่าความหงุดหงิดที่อยู่ในใจตอนนี้มันเริ่มมาจากตรงไหน แต่ยิ่งอีกฝ่ายพูด ก็เหมือนจะไม่เข้าหูเขามากขึ้นทุกที โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น


   ‘ถ้าเราจะยุ่งกัน มันก็ไม่เห็นจะมีใครเสียหายเลย’


   “ไม่มีใครเสียหาย แต่กูไม่ชอบเว้ย สัด!!”


   เขาพูดรอดไรฟันอย่างโมโหแล้วกระชากแขนขาวของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนมากระแทกกับอกแข็ง ตั้งใจจะทำแรงๆให้อีกฝ่ายเจ็บตัว จะได้หยุดปากดี แต่...ดูเหมือนมันจะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม เมื่อร่างโปร่งกระแทกมาโดนร่างเขา แขนข้างหนึ่งกลับไม่รักดี โอบร่างของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ร่างผอมๆนี้กระเด็นออกจากอ้อมอกของเขา


   ปกฉัตรพูดอะไรต่อไม่ออก ไม่ว่าจะด้วยเพราะพวกเขาใกล้ชิดกันมากเกินไป หรือเพราะคำพูดของเจตน์ที่ตีความนัยไม่ออก หรืออาจจะเพราะ...นี่คือช่วงเวลาที่ดวงตาของพวกเขาได้มองสบกันโดยไม่มีอะไรขวางกั้น


   ...แค่ชั่ววินาที...ที่อคติ ทิฐิ และการปิดบังเข้ามาเยือนไม่ถึง...


   ...ตาสองคู่สบกัน มองเห็นประกายบางอย่างในกันและกัน...ประกายที่ซุกซ่อน ประกายที่ลึกล้ำ ประกาย...ที่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็น...


   ดวงตาเรียวของเจตน์ มีนัยน์ตาสีดำสนิท มันทรงพลัง ดูลึกลับ น่าค้นหาจนดิ่งลึกลงไปในนั้น ยิ่งมองเข้าไปมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดึงรั้งอยู่ในนั้นจนหาทางออกไม่เจอ


   ดวงตาของปกฉัตร เป็นทรงกลม หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาเป็นสีน้ำตาลอ่อน ทุกๆครั้งที่เจตน์มองเข้าไปในตาคู่นี้มักจะเห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่ก็หมอกหนาๆที่ทำให้อ่านความรู้สึกนึกคิดไม่ออก แต่มาวันนี้...มาวันนี้มันมีประกายแปลกๆ ราวกับโหยหา ราวกับสุขใจ ปนเปไปกับความโดดเดี่ยวและเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ข้างใน


   ไม่ทันระวังหัวใจตัวเอง ปลายนิ้วของร่างสูงก็แตะเข้าไปที่หางตาของปกฉัตรเบาๆ


   “ทำไม...ตาเศร้า...” เสียงทุ้มเอ่ยราวกับกระซิบ แต่ไม่มีคำตอบจากคนตาเศร้านั้นเลย ใบหน้าของเจตน์ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น มากขึ้น และ...สุดท้ายนัยน์ตาสองคู่ก็มองไม่เห็นกันและกันอีก เมื่อใบหน้าของพวกเขาใกล้กันเสียจน...ริมฝีปากของเจตน์แนบสัมผัสลงกับริมฝีปากของปกฉัตร


   นุ่มนวลและปลอบประโลม ทว่าชั่วอึดใจหนึ่งมันก็ถอยห่างออกไป


   ตอนที่ริมฝีปากแยกจากกัน ปกฉัตรถึงได้รู้สึกตัว เขายืนนิ่ง ดวงตาเบิกโพลงอย่างคาดไม่ถึง ตกตะลึงยิ่งกว่าการกระทำของร่างสูงคือความรู้สึกในหัวใจของเขาที่พรั่งพรูเหมือนถูกปลดออกมาจากการกักขังที่ยาวนาน


ภาพในอดีตที่เขานั่งมองเจตน์อยู่ที่อัฒจันทร์ไหล่บ่าเข้ามาในความทรงจำ วันนั้น...เขามองเจตน์อย่างชื่นชม อยากเป็นอย่างเจตน์ ยกเจตน์เป็นต้นแบบ แต่วันนี้...สิ่งที่ท่วมท้นออกมาจากหัวใจไม่ใช่แค่ความชื่นชมอีกแล้ว มันเป็นอย่างอื่นที่มากกว่า เป็นความรู้สึกอื่นที่ทำให้หัวใจพองคับอกราวกับเลือดทั้งร่างไหลไปกองอยู่ที่เดียวกันจนร้อนผะผ่าวในขณะที่เนื้อตัวเย็นเฉียบ


   สายลมเย็นพัดผ่านหน้า ปลุกสติให้ปกฉัตรรู้สึกตัว เขากะพริบตาถี่ๆเพื่อตั้งสติแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าตรงหน้าคือความว่างเปล่า


   ...ว่างเปล่า...


เจตน์หายไป


   เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ปกฉัตรหันมองก็ถึงได้เห็นว่ารถยนต์หรูของเจตน์เปิดไฟหน้าสว่างจ้า จากนั้นคนที่ไม่รู้ว่ากระโจนกลับไปที่รถตั้งแต่เมื่อไรก็หมุนพวงมาลัยพุ่งตัวออกจากหน้าบ้านของปกฉัตรไปอย่างรวดเร็ว


   ...ถูกพี่จูบ...


...แล้ววินาทีต่อมา พี่ก็รีบขับรถออกไป...


   ในหัวใจที่ร้อนผ่าวกลายเป็นเย็นเฉียบในชั่ววินาที เลือดทั้งร่างที่กองอยู่ที่เดียวกันเหมือนถูกแช่แข็งด้วยอุณหภูมิที่ต่ำยิ่งกว่าติดลบ ความรู้สึกมากมายที่เพิ่งรับรู้ในวันนี้ ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง จากความชื่นชมที่กลายเป็นความรู้สึกอย่างอื่นที่มากกว่า และ...มันเป็นอย่างอื่นที่...ทำให้เจ็บกว่า


   ดวงตาแสนเศร้าปิดเปลือกตาลงแล้วถอนหายใจเบา ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่บ้านตัวเองอย่างเชื่องช้าและอ่อนแรง


   ...จูบแรก...


   ...ที่ไม่ดีใจเลย...

..................................

   เสียงเพลงในรถถูกปิดไปตั้งแต่ออกมาจากซอย เจตน์ไม่รู้สึกว่าเพลงร็อกเมื่อครู่นี้ทำให้จิตใจของเขาสงบลงเลยสักนิด ตรงกันข้าม...มันทำให้หัวใจเต้นถี่และหนักจนแทบระเบิดออกมาจากอก หายใจไม่สะดวกจนต้องเผยอปากเพื่อรับอากาศ แต่พอเผยอ เขากลับพบว่าลิ้นไม่รักดีกำลังเลียริมฝีปากตัวเองเหมือนกำลังลิ้มรสชาติสุดท้ายที่เหลืออยู่ของรอยจูบเมื่อครู่


   ...จูบไปแล้ว...


   ...จูบมันไปแล้ว...


   ...ไม่ใช่ไม่เคยจูบใคร แต่...ไม่เคยมีใครที่จูบด้วยความรู้สึกแบบนี้มาก่อน...


   หัวใจเหมือนจะพลิ้วไหว แต่พอนึกถึงข่าวลือที่ว่าปกฉัตรเป็นแฟนกับดิษกร เจตน์ก็ได้แต่เม้มปากแน่น เขาไม่เคยทรยศหักหลังใคร ยิ่งกับคนใกล้ตัวที่สนิทกันอย่างดิษกร เขายิ่งทำไม่ได้


   ชายหนุ่มพิงศีรษะกับเบาะ มือหนึ่งกุมพวงมาลัยแน่น อีกมือปิดปากตัวเอง เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ย้อนกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง


   ผลไม้ต้องห้ามนั้นดูเหมือนจะหวานฉ่ำ แต่ทันทีที่กัดกิน ยาพิษก็ไหลซึมเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว


   จูบนั้น...เหมือนเคลือบด้วยยาพิษชั้นดี มันทำให้หัวใจปลิดปลิวไปกับสายลม...ต่อให้คว้ากลับมาได้...ก็ไม่มีทางเหมือนเดิม...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   อย่าโกรธเฮียยยยยยยย...เฮียสับสน เฮียไม่รู้ว่าเฮียจะเชื่ออะไรดี เชื่อข่าวลือ เชื่อตัวเอง หรือเชื่อน้อง เฮียผิดไปแล้ว
   
อ้อ...ขอแก้ข่าวแทนเฮียนิดนึง คือเฮียแกก็พูดดีๆเป็นนะคะ ไม่ได้ต้องพกสเต็ปซิลตลอดเวลา แต่แบบ...คนมันเขินเนาะ คันยุบยิบหัวใจไปหมด คันไปพูดเบาไปก็เดี๋ยวจะไม่ได้ยินกัน เลยต้องพูดดังๆค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า เฮียจะกลับมากู้โลกด้วยมือของเฮียเอ๊ง!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: chnokky ที่ 14-12-2017 20:36:30
สงสารเฮียเจ๋งเหลือเกิน ไม่เป็นไรนะเฮีย เดี๋ยวช่วยโดเนทสเต็ปซิลให้ :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-12-2017 20:38:15
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 14-12-2017 20:48:12
เมื่อไหร่สองคนนี้จะคิดตรงกันสักทีคะเศร้า เฮียเจ๋งคิดไปทาง น้องปกคิดไปทาง ในที่สุดพี่เจ๋งก็รู้แล้วว่าน้องปกไม่ได้เป็นแฟนกับดิษ ลุยจีบเขาให้เต็มที่เลยค่ะพี่เจ๋ง
เอาตามตรงคืออ่านแล้วชอบผู้ชายสไตล์เฮียเจ๋งมากๆ โคตรขี้หวง ขี้ห่วง ขี้หึง ความจริงที่ปกมาคณะไม่ใช่เพื่อรอดิษแต่เพื่อมามองแกตังหากเฮียเจ๋ง
ตอนต่อไปพี่เจ๋งต้องกลับมาคุยกับนุ้งปกนะ นุ้งปกคิดมากแล้ว
ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 14-12-2017 20:52:41
อาการออกแบบปิดไม่อยู่แล้วเฮีย 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-12-2017 20:54:57
ขนาดบอกว่าเป็นเพื่อนยังไม่เชื่อเลย เฮียเจ๋งงงง โอ้ยยย จะทำยังไงกับพี่ดี สงสารน้องงงงง 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 14-12-2017 21:12:54
ขอสคิปไปอาทิตย์หน้าเลยเถอะ. ฮืออออ แต่กว่าเฮียจะรู้ใจตัวเองจริงๆ ปกจะเข้าใจผิดไปแล้วรึป่าวอ่าาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: pandant ที่ 14-12-2017 21:15:53
ไม่โกรธ​เฮีย โกรธ​นักเขียน​เนี่ยยยยย อยากให้ถึงวันพฤหัสบ​ดี​แล้ว ชอบ ฮื้ออ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 14-12-2017 21:17:23
สงสารปกกกก เฮียแม่งงง ฮืลลลลลล
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 14-12-2017 21:18:34
 “มึงจะตะโกนทำไมวะ เจ๋ง อยู่กันแค่นี้”  :m20: :m20: :m20:
เจอประโยคนี้ขำขี้แตก 55555555555555555555555555555555555555
เค้าจูบกันแล้วเรายังไม่หยุดขำ ความสับสนของเฮียเจ๋ง
ยิ่งกว่าสาววัยแรกรุ่น
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 14-12-2017 21:18:57
เลิกอึนล๊าวววว :impress2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 14-12-2017 21:20:10
เอ็นดูเฮียเจ๋ง  รีบเข้าใจตัวเองได้แล้ว สงสารน้องปก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 14-12-2017 21:28:11
ยุใ้ห้ปกเลิกชอบดีมั้ย อิพี่ทำน้องเสียใจตลอด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 14-12-2017 21:30:15
เดี๋ยวนะ ๆ  :a5:

ปก...เก่งมากลูกกกก เอาตัวเองเนียน ๆ เข้ามาใกล้เฮียได้ขนาดนี้ (รอยยิ้มมุมปากนั้นช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน 555)  แต่ปกดูเฮียเขาไม่ออกเลยเหรอ ใคร ๆ เขาก็ดูออกหมดนะ ยังถือว่าอ่อนหัดจ้ะลูก 555

เฮียเจ๋ง... กาก ค่ะ ไร้สกิลการปกปิดอารมณ์ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของตัวเองอย่างสิ้นเชิง แล้ว 1.จูบ 2.เผ่น นี่คืออะไรคะ ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน ? :angry2:

รอเฮียกลับมากอบกู้โลกกาก ๆ ของเฮียนะคะ อย่าปล่อยให้ปกโดดเดี่ยวไปกว่านี้อีกเลย

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:

ปล.ดิษทำได้ดีมาก (ยื่นลูกบอลให้ 555)
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 14-12-2017 21:34:45
เฮียไมจูบแล้วหนีเลยอะ โอ้ยๆๆๆน้องคิดมากแล้วเนี่ยสงสารปกเลยยิ่งอยู่บ้านคนเดียวอยู่ ทั้งเหงาทั้งเศร้าแน่ๆๆ ฮื้อๆๆอยากวิ่งไปกอดน้องปก  :z3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2017 21:35:22
แล่ว แล่ว แล้ว...........
การเข้าใจไปเองว่าคู่นั้นชอบกัน
บางทีเป็นการฟังมาจากการล้อๆกัน แค่เห็นเขาเดินด้วยกันบ่อยๆ
แล้วคู่นั้นไม่แก้ต่าง
ก็เหมือนเจตน์ที่คิดไปเองว่าใช่เขาชอบกัน

แต่เจตน์จูบปกแล้ว  :z3: :z3: :z3:
แล้วหายตัวไปราวกับชิ่งหนีของร้อน
ปก ไม่เวิร์กแน่ๆ
เฮียเจ๋ง ทักว่าตาปกเศร้า แต่เฮียทำให้ปกใจเศร้า เสียใจเพิ่มซะแล้ว   :angry2: :angry2: :angry2:

เฮียเจ๋ง ปกฉัตร  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 14-12-2017 21:35:38
กราบเฮียค่ะ เลิกคิดไปเองสักที อยากรู้อะไรถาม! อย่ามโนแล้วตบตีกับตัวเอ๊งงงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: wiseducky ที่ 14-12-2017 21:36:29
เวลาอ่านก็แอบตะโกนเสียงในใจตามเฮียเจ๋ง
เหมือนจะน็อตหลุดได้บ่อยๆ55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-12-2017 21:47:26
น้ำตาจะไหล..คิดถึงใจน้องปก อิเฮียใจ่ร้าย..ยยยยยย   :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 14-12-2017 22:00:39
เฮียยยยยยย  ทำไมทำแบบนี้

สงสารปก คงเฟลน่าดู
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-12-2017 22:20:45
คู่นี้น่าจะต้องใช้ตัวช่วย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 14-12-2017 22:21:47
ขอตอนต่อไปเลยได้มั้ยคะ ค้างมากกกกกก
เฮียเชื่อปกเถอะ สงสารปก ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 14-12-2017 22:27:28
อยากให้ทุกวันเป็นวันพฤหัสสสส

ขอบคุณที่ทำให้ทุกพฤหัสมีความหมาย

อ่านละยิ้มทุกตอนเลยค่ะ ปกน่ารักก เฮียจะเก้วกร้าดดดไปไหนคะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-12-2017 22:33:56
เผลอใจจนได้นะเฮียเจ๋ง ไหนที่ท่องในใจว่าแฟนรุ่นน้องไง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-12-2017 22:35:47
สงสารปกอะ เหมือนโดนถีบตกเหวท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 14-12-2017 22:37:33
สงสารน้องปกของพี่ มาจูบแล้วก็ทิ้งไปเฉยๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-12-2017 22:38:02
เฮียยยยย ถ้าไม่เชื่อน้องปก ก็ลองไปเลียบๆเคียงๆถามดิษดูไหมล่ะ?

สงสารน้องงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-12-2017 22:52:15
โถ่เฮียเอ้ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-12-2017 23:25:20
ยุให้ปกไปแจ้งความโลด ลวนลามเสร็จก็เผ่นหนีไป อีพี่นิสัยไม่ดี  o12
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-12-2017 23:32:24
อีเฮีย อีบ้า มาจูบเขาแล้วก็หายไป สงสารน้อง เย็นชาจนวูบหลไปหมดแล้วนั่น คืนนี้จะร้องไห้ตาบวมไหม
แกล้งหายตัวไปเลยดีไหมปก เอาให้มีคนร้อนรน อีเฮียหึงบ้าหึงบอแหกปากแหกคอจนเขากลัวกันไปมหดแล้ว
ไม่รู้ล่ะ ต้องรักน้อง ดีกับน้องมากๆ น้องตาเศร้าน่าสงสาร

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 14-12-2017 23:33:05
เอ้าเฮ้ยยยย อยู่ๆดีเจอฉากจูบแบบไม่ทันตั้งตัว อย่าว่าแต่ปกเหวอเลยค่ะเราคนอ่านก็เหวอ ว่าแต่เฮียเจ๋งคะจูบเขาแล้วชิ่งแบบนี้ก็ได้เหรอคะ นิสัยไม่ดี!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 14-12-2017 23:47:32
ต่างคนต่างคิดเยอะ ก้อเลยเป็นแบบนี้ เฮ้อ!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 14-12-2017 23:55:35
จูบน้องมันแล้วก็ต้องรับผิดชอบน้องด้วยดิ o12
เล่นขับรถหนีน้องแบบนี้คือไรคะเฮีย 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 14-12-2017 23:57:03
โอ้ยยยย เจอหน้ากันคราวหน้าจะเป็นไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-12-2017 00:07:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 15-12-2017 00:13:57
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 15-12-2017 00:38:47
เฮียเจ๋งมาอ่อยแล้วก็จากไปอย่างนี้ไม่ได้นะ! :hao4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-12-2017 00:52:28
โอ้ยยยอิเฮียยยยย
อะไรคือจูบแล้วชิ่งคะ สงสารน้องปกอ่า
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 15-12-2017 01:40:40
ถามจริง แกเจ็บคอบ้างไหมเจตน์
ตะโกนตะคอกเกือบทั้งตอน5555
เอาฮอลคูลไหม เผื่อจะใจเย็นลง5555
อยากจะตบหัวเจตน์สักที
ไปจูบเขาแล้วก็หนี คิดได้ไงฮะะะ
ไอ้บ้าเอ๊ย ไม่นึกถึงใจน้องเลย
เอาละ ถ้าทีนี้น้องเมินละสนุกแน่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-12-2017 02:10:02
 :katai2-1:

อยากให้มีคนเห็นฉากนี้สักคน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 15-12-2017 02:18:19
เห้ออออสงสารปกเจอแบบนี้ใครก็เสียใจรีบมาแก้ตัวไวไว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-12-2017 02:19:21
จ้าา นอกจากเป็นไบโพล่ายังสับสนกับความรู้สึกตัวเองอีก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-12-2017 02:26:23
มารอ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: PHA_ ที่ 15-12-2017 03:42:58
โอย เฮียเจ๋งไม่ได้ดีกว่าเฮียโจ๊กเลย น้องเคียส
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 15-12-2017 04:04:29
สงสารเฮียเจ๋ง แล้วเมื่อไหร่เค้าจะเข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-12-2017 05:33:42
ชอบในความปากร้ายใจดีของเฮียแกนะ
น่าสงสารทั้งคู่เลย ข่าวลือนี่ไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 15-12-2017 05:38:30
เฮียเจ๋ง ทำอะไรน้องลงไป มารับผิดชอบนะ เด็กเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วเห็นมั้ย   :hao4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-12-2017 05:39:53
เฮียจะจีบหรือตะกินหัวเค้าถาม!!! โหดแท้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 15-12-2017 05:40:22
อ่านไปก็ตะโกนในใจตามเอียเจ่งไป เหนื่อย 55555

โอ้ย ทีเรื่องคนอื่นละมองทะลุปรุโปร่ง แต่เรื่องตัวเองกลับมองไม่ออกเน้ออออ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-12-2017 06:56:51
เฮีย สงสัยมากนักก็จับทั้งคู่มาคุยแล้วถามไปตรงๆเลย วิถีคนแมนน่ะทำเป็นไหมคะะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-12-2017 07:21:59
น้องบอกว่าเป็นเพื่อนทำไมไม่เชื่ออ
เจ้าตัวบอกเองเฮียก็ยังจะไม่เชื่อเนอะ คนเราอะ 55555
สงสารน้องง จูบแล้วจากมางี้เลย //ตีเฮีย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 15-12-2017 07:35:40
ชู้ในมโนของตัวเอง Vs น้องปกคนดีของพรี่
ถ้าได้รักกันพี่เจตน์ต้องขี้หึงและหวงน้องปกสุดๆ แน่เลย แก๊
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 15-12-2017 08:10:36
o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-12-2017 08:47:35
เจ๋งกับโจ๊กนี่สมเป็นมีสายเลือดเดียวกัน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 15-12-2017 10:11:19
ปกหลบหน้าแม่งเลยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 15-12-2017 10:28:07
เฮียเจ๋ง​ นี่มันจะเจ๊งแล้วววว!!  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 15-12-2017 16:27:50
ทำไมปู้จายเรื่องนี้น่าเอ็นดูทั้งนั้นเลย  :o8:

นี่ขนาดเจ๋งยังไม่ได้คบกับน้อง ยังหวงเว่อร์ขนาดนี้ เอาเลย เต็มที่ลูกก :ruready



สำหรับคนที่กำลังสับสนในความรู้สึกของตัวเองอย่างเจ๋ง

การจูบแล้วเผ่นนี่ทำเราเอ็นดูเขามาก ๆ ค่ะ

เหมือนหมีตัวโต ๆ วิ่งหนีเข้าป่าซะอย่างนั้น ฮาาา


แล้วกลายเป็นเหมือนจะดูออกกันหมดว่าเจ๋งกับน้องปกซัมติงแน่ ๆ

แต่มีแค่เจ้าตัวเอง 2 คนที่ดูกันและกันไม่ออก คิดกันไปโน้นน

หนักสุดคือหมีเจ๋ง พูดความจริงแล้วก็ยังไม่เชื่อ โถ

แต่ก็เข้าใจว่าคนมันได้ยินข่าวลือกับได้เห็นความสนิทสนมกับน้องดิษน้องปกมาตั้งนาน

มันก็เหมือนสะกดจิตตัวเอง ฝังแน่นไปโดยปริยาย  :เฮ้อ:


หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-12-2017 20:09:04
เจ๋งทำร้ายใจน้องมาก ไม่เชื่อไม่ฟังคำน้อง คำใคร
แต่ตอนนี้ใจเจ๋งไปแล้วนะ เจ๋งต้องทำให้มากกว่านี้

สงสารปกฉัตร นอยด์ไปแล้วไง พี่จะเข้าใจไหมว่าน้องเสียใจ

ดิษกับธันต้องกระตุ้นอีกไหม หรือต้องบอกกันสักที
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 15-12-2017 20:30:03
เบื่อเฮีย เฮียซื่อบื้อว่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 15-12-2017 21:23:08
ไม่น่าจะลงเอยกันได้เลยคู่นี้ 555 กองเชียร์ก็มาหล่ะ ดิษกับไท
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 15-12-2017 21:55:49
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-12-2017 04:26:25
เฮียนี่ขี้หึง ขี้หวงมากๆเลยนะ
ขนาดตอนนี้เข้าใจผิดอยู่อาการยังจนาดนี้
ถ้าได้มาเป็นแฟนแล้วจะขนาดไหน
น้องช้ำกันพอดี
แต่น้องก้คงดูเต็มใจช้ำเพราะความหึงเต็มที่ละ555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 16-12-2017 04:53:26
เขาจูบกันแล้ววว กรี๊ดดด
ปกฉัตรอย่าเพิ่งเข้าใจเฮียผิดด
เฮียแกเขินและสับสนไปนิด T^T
รอตอนหน้านะค้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 16-12-2017 07:52:53
:hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 16-12-2017 10:08:43
น้องปกน่าสงสารอ่ะ เมื่อไรคู่นี้จะพูดกันตรงๆน้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-12-2017 11:12:25
อิพี่เจ๋งงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-12-2017 15:36:54
เข้าใจไปคนละทางแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-12-2017 19:46:01
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 17-12-2017 01:30:09
แม่งงงงงงงงงงง อิพี่!!!!!
จูบแล้วทิ้งน้องไว้นี่นะ ฮืออออ
อิน อยากด่า สงสารน้องอ่าาา
แล้วชอบพูดจาแรงๆกลบเกลื่อน คำพูดฆ่าคนได้เคยได้ยินมั้ยยยยยย
เสียใจจจจ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 17-12-2017 08:06:54
จูบแล้วกรี๊ดดด  :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 17-12-2017 09:59:00
มาต่อเถอะค่ะ รออ่านอยู่นะคะ
สนุกมากๆเลย ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งธิดา ที่ 17-12-2017 10:30:13
 :mew5:สงสารน้องปกคงคิดว่าเฮียรังเกียจตัวเองแล้วแน่ๆเลย คิดถึงน้องแล้วอ่ะ  รอค่ะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-12-2017 13:54:30
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่นิยายของคุณบัวพระเอกของเราจะทำกับข้าวเก่งนะ 555 อ่านไปนีแบบว่ามีแฟนแบบนี้คงสบายไปเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 17-12-2017 15:25:23
ฮือออออ เจ๋งกับโจ้กนี่พี่น้องกันจริงๆ ซื่อบื้อตามกันมากๆ 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 18-12-2017 03:05:25
เห็นแก่ที่เฮียสับสน  ให้โอกาศกลับมาสร้างความทรงจำ(จูบ)ดีๆเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 18-12-2017 10:15:59
ตอนแรกอ่านตอนนี้ก็ฮาดีนะคะ
ขำความหงุดหงิดของเฮียเจ๋งกันท่าพี่ไทสุดฤทธิ์อ่า
แต่ตอนท้ายๆนี่สงสารน้องปกเลย เสียจูบแรกให้พี่เค้า
ทั้งที่คนจูบยังสับสนอยู่เลย อิพี่เจ๋งก็นะ
จูบเค้าละชิ่งเฉยเลย ไม่ "เจ๋ง"ให้ได้เหมือนชื่อฟะ
ฮึ่มมมมมมม  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 18-12-2017 23:26:28
เมื่อไรใจจะตรงกันนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 19-12-2017 04:08:27
สงสารปกจังเลย ว่าแต่ฉากจูบมีผู้ชมไหมน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 7 (14 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 19-12-2017 09:48:42
เฮียยยยยย. เดี๋ยวดีดดดดด สงสารน้องงงงง จูบแล้วหนีตะไมมมฮือ
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-12-2017 20:38:52
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
   ตอนที่ 8


   อะทินนาทานา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ


ไม่หยิบฉวยเอาของของผู้อื่นมาเป็นของตน


...แต่ดันไปขโมยจูบแฟนของไอ้ดิษ...


กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ


ไม่ผิดลูก ผิดเมียคนอื่น


...แต่ดันไปยุ่งกับแฟนของรุ่นน้องที่สนิท...


   แถมปกติก็ตบยุงเวลามันกัด ฆ่ามดเวลามันขึ้นอาหาร บางทีก็โกหกเอาตัวรอด พ่วงด้วยดื่มเหล้าทุกเทศกาล


..โอ้โห เชี่ยเจ๋ง! ชีวิตมึง! ศีล 5 แม่งขาดทุกข้อ!!!...


   เจตน์พ่นลมเป็นครั้งที่ล้านตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่วันที่ไปทานข้าวเย็นที่บ้านของดิษกร และ ‘พลาดพลั้ง’ หรือ ‘เผลอใจ’ ก็ไม่รู้ ทำให้ไปจูบปกฉัตรเข้า นับแต่นั้น ในหัวของเขาก็มีเรื่องเดียว เป็นเรื่องเดียวที่เหมือนเป็นตราบาปรบกวนจิตใจ


   แถมพอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทีไร ก็เหมือนจะได้ยินเสียงสวดศีลข้อ 2 และ 3 ตามลำดับดังอยู่ข้างหูเหมือนยกวัดมาตั้งอยู่ข้างๆ เขารู้ดีว่าทางเดียวที่จะทำให้ความรู้สึกผิดบรรเทาลงได้ ก็คือต้องหาความจริงเรื่องดิษกรและปกฉัตรให้ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่ไปถามรุ่นน้องร่วมคณะของเขาตรงๆ ให้ทั้งดิษกรและปกฉัตรยืนยันตรงกัน แต่...ไอ้เรื่องที่ว่าไม่ยาก มันมายากก็ตรงที่นับจากวันนั้น เจตน์ไม่พบหน้าดิษกรอีกเลย


   เหมือนเป็นกรรมเวร ทำเรื่องชั่วลงไปแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว แล้วก็ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดพร้อมด้วยเสียงสวด ‘อะทินนาทานา...’ และ ‘กาเมสุมิฉา กามา..’  ที่ดังระงมอยู่ในหู


   ...โอยยยยยยย...กูรู้แล้วว่ากูผิด!! แต่เลิก ‘อะทินนา...’ กับ ‘กาเม...’ ในหูกูสักทีเถอะ!!!...


   แล้วก็คล้ายกับเทวดาฟ้าดินจะได้ยินคำร้องขอนี้ เพราะตอนที่เจตน์งุ่นง่านอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าตึก เขาก็ดันเหลือบไปเห็นหลังไวๆของของรุ่นน้องคนสำคัญเข้า


   “ไอ้ดิษ!!” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียก ก่อนจะยิ้มแหยแล้วยกมือไหว้ร่างสูงใหญ่ที่ลุกพรวด เดิมดุ่มๆตรงมาหา


   “ดีครับเฮีย ไปไงมาไง ไม่เจอกันเลย”


   “กูสิไม่เจอมึง!...เอ่อ...แล้ว...มึงมาคนเดียว?” พอด่าไปประโยคหนึ่งก็เพิ่งรู้ตัวว่าเอาอารมณ์เสียๆไปลงกับรุ่นน้องตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังยิ้มแฉ่งไม่รู้เรื่องรู้ราว แถม...เวลานี้เขาควรจะสำนึกถึงความผิดที่ก่อเอาไว้ด้วย


   “ก็มาคนเดียว ทำไมเหรอ? เฮียอยากเจอใครล่ะ”


   “เปล่า!” วัวสันหลังหวะที่ชื่อเจตน์รีบตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเม้มปากแน่นเพื่อตัดสินใจถามคำถามบางอย่างที่...คำตอบของดิษกรจะช่วยปลดล็อกความผิดในใจของเขาได้ หรือไม่อย่างนั้น...ก็อาจจะได้คำตอบที่ล็อกหัวใจของเขาให้แน่นหนากว่าเดิม


   “กู...มีเรื่องจะถามมึงหน่อย...” ดิษกรพยักหน้าอย่างจริงจัง เต็มใจให้รุ่นพี่ที่เคารพและนับถือตั้งคำถาม ท่าทางของรุ่นน้องยิ่งทำเอาเจตน์รู้สึกตกประหม่า แต่...เขารู้ดีว่าจะถอยไม่ได้อีกแล้ว ต้องถาม จะได้รู้คำตอบ แล้วจะได้รู้ตัวว่าควรจะทำยังไงต่อไป


   “เรื่องของมึงกับ...กับ...ไอ้เด็กรัฐศาสตร์นั่น...”


   “รัฐศาสตร์?...อ่า...หมายถึงไอ้ปก?” ดิษกรย้อนถาม


   “อือ...ค...คือ...มึง...มึงกับมันเป็นแฟนกันรึเปล่า”


   “เฮียยยยยย!!” คนถูกถามถึงกับร้องลั่น เล่นเอาเจตน์ที่ตั้งอกตั้งใจกับคำถามเต็มที่ถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วก็เลยเผลอตบหัวคนร้องไปที


   “มึงจะร้องทำเชี่ยอะไร!”


   “ก็ผมตกใจ! ไม่คิดว่าเฮียจะถามเรื่องนี้ โอยยยยย...ใจดิษกรจะวาย ถามอะไรเนี่ย”


   “อ้าว ก็...ก็กูได้ยินเขาว่ากันว่า...”


หนุ่มปีหนึ่งคณะบัญชีหัวเราะเสียงดัง


   “โอยยยย...เขาว่ากันมานานนม เพิ่งมาถามอะไรเอาตอนนี้ล่ะเฮีย”


   “ก็...ก็...ก็กูเพิ่งอยากรู้ตอนนี้! สรุปว่าไง...มึงกับมัน...” เจตน์ไม่กล้าพูดซ้ำ หนุ่มตี๋ปีสองกลัวคำตอบจะกลายเป็นการยืดอกรับยิ่งกว่าอะไร


   “เป็นเพื่อนครับเฮีย เพื่อนตั้งแต่อนุบาลสอง เพื่อนข้างบ้าน เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันจนถึงม.6 เก๋มั้ยเฮีย แม่งโคตรมิตรภาพลูกผู้ชายอ่ะ!” สีหน้าคนอวดมิตรภาพที่มีกับ ‘เพื่อน’ นั้นดูจะตื่นเต้นดีใจกับความสัมพันธ์อันยาวนาน แต่สำหรับคนฟังแล้ว ดูจะไม่ ‘อิน’ ไปกับมิตรภาพนี้เลย


   ...เป็นแค่เพื่อนแล้วก็เสือกตัวติดกันอย่างกับผัวเมีย! เป็นแค่เพื่อนแล้วก็เสือกปล่อยให้เขาลือว่าเป็นแฟน! ไอ้เพื่อนคู่นี้นี่แม่งงงงงง!!!!...


   ดิษกรมองหน้ารุ่นพี่ร่วมคณะแล้วก็ทำตาหลิ่วตาเหล่


   “ฮั่นแหน่ะ! วันนี้เฮียเจ๋งมาแปลก มาถึงก็ถามหาไอ้ปก แถมถามเรื่องผมกับไอ้ปกอีก ทุกทีสนใจอะไรใครที่ไหน มีไรกับเพื่อนผมเรอะ” พอถูกอีกฝ่ายจับผิดเข้าจังใหญ่ เจตน์ก็เหมือนน้ำท่วมปาก ดวงตาเรียวสีดำสนิทล่อกแล่กซ้ายทีขวาที


   “ก็…ก็กูแค่อยากรู้! ทำไม?! กูถามไม่ได้รึไง?!!”


   “ไม่หาเรื่องกันสิเฮีย เดี๋ยวก็ไม่พูดซะเลย ว่าทำไมหมู่นี้ ไอ้ปกไม่มาคณะเรา”


คราวนี้คนถือไพ่เหนือกว่าคือดิษกรผู้กำลังยิ้มแฉ่งเห็นฟันครบทุกซี่ หนุ่มรุ่นพี่ถึงกับชะงัก อยากปากหนัก ปากแข็ง ปากหาเรื่อง แต่...ความอยากรู้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง


   “ทำไมมันไม่มา”


 ดิษกรเล่นตัวเล็กน้อย ทำเป็นสูดลมหายใจยาวๆ ทำเป็นเงยหน้าชมนกชมไม้ ทำเป็นชื่นชมบรรยากาศรอบตัว จน...คนถามชักรู้สึกว่าขากระตุกมากขึ้นทุกที ทว่าก่อนที่จะได้เตะรุ่นน้องที่รัก ดิษกรก็หันมาเห็นอาการของเจตน์เสียก่อน เขารีบยิ้มกว้างประจบเอาใจ


   “อ่ะๆ...บอกก็ได้ ไอ้ปกบอกว่ามันจะไม่มารอผมแล้ว ให้ผมไปหามันที่คณะแทน”


   “ทำไม?” เจตน์ย้อนถามอย่างรวดเร็ว ดิษกรทำหน้าตาครุ่นคิด มือเกาคางตัวเอง


   “นั่นสิ ทำไม”


   “มึงอย่ากวนตีนกูได้มั้ย?!”


   “ก็มันบอกแค่นี้ อาจจะเปเปอร์เยอะ อาจจะเครียดเรื่องเรียน อาจจะเครียดเรื่อง...เรื่องใครก็ไม่รู้ หมู่นี้มันกินข้าวน้อยด้วย อานิศยังบ่นเลย สงสารมันเนาะ! พ่อแม่ก็อยู่ไกล ตัวคนเดียว แถมยัง...ไม่สบายใจอีก” ดิษกรขุดทุกความน่าสงสารขึ้นมากองรวมกันตรงหน้า รับรองได้เลยว่าอีกไม่เกินห้านาที จะเห็นคนแถวนี้เหาะได้


   “ตอนนี้เพื่อนมึงอยู่ที่ไหน”


   “น่าจะคณะมันนะ”


   “ตรงไหนของคณะมัน?!” หน้าตาคนถามพร้อมจะกัดหัวเพื่อให้ได้คำตอบ ดิษกรรู้ดีว่าถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่เพื่อกวน ‘เฮียเจ๋ง’ ไปอีกนานๆ คราวนี้เขาต้องตอบตามจริง ไม่มียึกยัก


   “ห้องสมุด” สิ้นคำพูดนั้น เขาก็ได้เห็นคนเหาะได้ของจริง


   เจตน์พุ่งตัวออกจากหน้าตึกคณะไปอย่างรวดเร็ว แต่ดิษกรยังไม่ทันยิ้ม รุ่นพี่หนุ่มก็พุ่งตัวกลับมา


   “กูลืมถาม! เพื่อนมึงโสดมั้ย” คราวนี้เพื่อนรักของปกฉัตรยิ้มกว้าง


   “โสดสิเฮีย โสดสนิท แต่จะมีคนจีบติดมั้ย อันนี้ไม่รู้นะ” แล้วจากนั้น เจตน์ก็เหาะออกจากคณะไปจริงๆ จุดหมายปลายทางไม่ต้องบอกว่าเป็นที่ไหน


   ...ห้องสมุด คณะรัฐศาสตร์...

……………………..

   ห้องสมุด คณะรัฐศาสตร์นั้นเสียงดังคึกคักตามประสาคณะที่มีเรื่องมาวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกันอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นที่ซอกระหว่างตู้หนังสือด้านในสุด ก็ค่อนข้างสงบ และมีเสียงเล็ดลอดไปถึงแค่เพียงเล็กน้อย


   ปกฉัตรกำลังพลิกหนังสือที่หยิบออกมาดู แต่...พยายามตั้งสติก็แล้ว ก็ยังอ่านไม่รู้เรื่องเลย


   เขาถอนหายใจเบา แล้วดันหนังสือเก็บเข้าไปในชั้นใหม่ ไม่ใช่แค่การอ่านหนังสือหรอกที่เขารวบรวมสมาธิไม่ได้ แต่การเรียนในห้องก็ไม่เข้าสมองของเขาเลย


   เพราะรู้ว่าแถวนี้ไม่มีค่อยมีคนเดินเข้ามา ความอ่อนล้าจากการตกอยู่ในบ่วงความคิดซ้ำๆ ทำให้เขาวางหน้าผากลงกับชั้นหนังสือ


   ...จูบแรก...จูบของพี่...


...แต่...พอพี่จูบแล้ว พี่ก็ทิ้งกันไปเฉยเลย...


   “ปก!” เสียงทุ้มดังห้วนๆทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง แต่ก่อนที่จะทันหันไปมอง เจ้าของเสียงก็ก้าวพรวดมาคว้าแขนของเขาไปจับแล้ว


   “มึงเป็นอะไร?!” คำถามที่สองตามมา ปกฉัตรหันไปเห็นเต็มสองตาว่าเจ้าของคำถามที่กำลังจับแขนเขาอยู่ในตอนนี้คือคนที่อยู่ในความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเขาเอง


   ...พี่...


   ใจโหยหา ใจเรียกร้อง แต่...กลับเค้นเสียงออกจากคอไม่ได้เลย


   ...พี่จูบ แล้วพี่ก็ไป...


   ...คราวนี้...ไม่รู้ว่าถามแล้ว แล้วพอได้คำตอบแล้ว พี่จะไปอีกไหม...


   “กูถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่ตอบ” เพราะปกฉัตรยืนเงียบเหมือนตกตะลึง เจตน์ที่มาเห็นสภาพไม่สู้ดีเลยถามซ้ำ


   “ผม...ไม่ได้เป็นอะไร” แม้ใจจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไปอีก แต่เขาก็ยังใช้เรี่ยวแรงที่มีเค้นเสียงแหบแห้งออกมาตอบคำถามพร้อมด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้แผลจะยังสดและใหม่ แม้สัมผัสนั้นจะเพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้ แต่...คนเข้มแข็งที่อยู่เพียงลำพัง ก็รู้จักที่จะดูแลและรักษาแผลใจของตัวเอง สร้างกำแพงหนาๆมาฉาบบนสีหน้าเพื่อไม่ให้คนอื่นรับรู้ความเจ็บปวดเหล่านั้น


   “ไม่เป็นไรอะไรของมึง! ก็กูเห็นเมื่อกี้ว่ามึงจะสิงตู้หนังสืออยู่แล้ว! ไม่สบายเหรอ?!” คำถามที่สี่ตามมา พร้อมด้วยหลังมือของเจตน์ที่ทาบลงกับหน้าผากของปกฉัตร


   ...มือของพี่ ความร้อนของพี่...


   แค่รับรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังแตะหน้าผาก เลือดทั้งร่างก็พร้อมใจกันวิ่งพล่าน โดยเฉพาะบนใบหน้าที่ขึ้นสีอย่างรวดเร็ว


   “มึงหน้าแดง?” เจตน์เห็นกับตาว่าจากหน้าซีดๆเปลี่ยนเป็นมีเลือดฝาดที่ข้างแก้ม


   “เปล่า” หนุ่มปีหนึ่งตอบแล้วขยับถอยห่างจากหลังมือนั้น แต่...ถูกด่าเสียก่อน


   “ตากูไม่ได้บอด! กูเห็นอยู่ว่าหน้ามึงแดง! เสือกมาบอกว่าเปล่าอีก!”


   “แล้วจะขึ้นเสียงใส่ผมทำไมเนี่ย” ปกฉัตรไม่เข้าใจเลย อีกฝ่ายเหมือนจะห่วงใย แต่...พูดสามคำ ด่าอีกห้าที


   คนอายุมากกว่ารู้ตัวขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาเรียวมองใบหน้าแดงก่ำที่ยอมให้เขาทาบหลังมือวัดอุณหภูมิ มันตัวไม่ร้อนหรอก แต่เมื่อกี้มันหน้าซีด ยิ่งตอนแรกสุดที่เห็นมันฟุบหน้ากับตู้หนังสือ เขาก็ยิ่ง...ห่วง


   “แล้ว...มึงแดก...เอ่อ...กินอะไรรึยัง” คนปากไม่ดีใช้สติเยอะมากกับคำถามนี้ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะพูดจาสุภาพมากขึ้นอีกนิด


ทว่า...ดูเหมือนคนถูกพูดจาสุภาพขึ้นมาหน่อยจะไม่รู้ตัวแม้แต่นิด แถมยังงงอีกต่างหาก


   “งงอีก! จะงงอะไรของมึงวะ! กูถามว่ามึงหิวมั้ย?!”


   “ไม่” คำตอบที่ได้มา ทำเอาเจตน์ชะงักไปอีกที คิดว่าจะได้หาร้านหรูๆ นั่งกันเงียบๆ ค่อยๆคุย ค่อยๆปรับความเข้าใจ ค่อยๆทำความเข้าใจกันในทุกๆเรื่องที่ค้างคาใจ แต่...ปกฉัตรกลับไม่หิวซะงั้น!


   ...แต่...มันไม่หิว งั้นกูหิวเอง!...


   “แต่กูหิว ไปกินเป็นเพื่อนกูหน่อย!”


   “กินเป็นเพื่อนพี่?” ปกฉัตรยังจับต้นชนปลายไม่ถูก อีกฝ่ายบุกมาถึงนี่ จากคณะบัญชีมาคณะรัฐศาสตร์ เพื่อที่จะชวนรุ่นน้องคนนึงที่ไม่สนิทกันไปกินข้าวเป็นเพื่อนน่ะเหรอ?


   “เออ! กูมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย!”


   “คุย? เรื่องอะไร” ร่างโปร่งชักใจคอไม่ดี ระหว่างเขาและเจตน์ ถ้าจะมีเรื่องที่ค้างคาใจก็น่าจะมีแค่...จูบวันนั้น...


   “ไว้ถึงร้านแล้วมึงก็รู้เองแหละ ตามกูมา” แล้วหนุ่มบัญชีก็ดึงแขนของรุ่นน้องผู้ไม่สนิทสนมกันแต่อย่างใดออกจากซอกระหว่างตู้หนังสือ ทว่าปกฉัตรรั้งตัวเอาไว้


   “ถ้าจะคุย ก็คุยกันที่นี่ก็ได้” ถ้าจะต้องคุยเพื่อให้เรื่องมันจบ ไม่ต้องไปถึงร้านไหนทั้งนั้น คุยกันที่นี่ ในซอกของตู้หนังสือก็พอ จะได้ไม่มีคนรู้ จะได้ไม่มีคนเห็น ให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแค่...ความฝัน...ของปกฉัตรคนเดียว


   ดวงตาเรียวของคนถูกรั้งตวัดมามอง ก่อนจะตอบห้วนๆตามสไตล์


   “คุยที่นี่ได้ไง! มันไม่โรแมนติกเว้ย!” คนฟังงงตึ้บ แต่ไม่ทันถาม ไม่ทันรั้งตัวเอาไว้อีกแล้ว เพราะเจตน์ดึงเขาออกจากห้องสมุดไปอย่างรวดเร็ว


   เจตน์ต้องการความโรแมนติก แต่จะเอาความโรแมนติกมาทำไม ปกฉัตรไม่เข้าใจเลย

...........................

   ร้านอาหารฝรั่งในห้างสรรพสินค้าหรูคือสถานที่ที่เจตน์ตัดสินใจเองว่าน่าจะโรแมนติกเพียงพอแล้ว ในขณะที่ปกฉัตรยังคงงงกับคำว่าโรแมนติกจนถามอะไรไม่ออก


   นิสิตหนุ่มสองคนจากต่างคณะสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ที่โต๊ะก็เหลือเพียงความเงียบ และคนทำลายความเงียบก็คือคนไม่ค่อยจะอดทนอย่างเจตน์


   “ทำไมกูไม่เห็นมึงที่คณะ”


“ผมก็เข้าคณะผมทุกวัน”


“กูหมายถึงคณะกู!!” คำพูดของคนอารมณ์หงุดหงิดฟังดูประหลาด แต่เพราะเคยถูกหาเรื่องมาตลอด คราวนี้แม้จะฉุกใจอยู่บ้างแต่ร่างโปร่งก็คิดเอาว่ารุ่นพี่รายนี้คงจะแค่รวนกันเหมือนครั้งก่อนๆ


   “เปเปอร์ผมเยอะ”


   “มึงแบ่งเวลาไม่เป็นรึไง?! เปเปอร์เยอะก็เลยไม่โผล่หัวไปที่คณะกูอีกเนี่ยนะ ฟังไม่ขึ้นว่ะ!!”


   “แล้วการที่ผมไม่ไปคณะพี่ มันเดือดร้อนพี่ตรงไหน”


   “แล้วถ้ากูไม่เดือดร้อนกูจะไปหามึงถึงรัฐศาสตร์มั้ยล่ะ?!!!!” ปกฉัตรเหลือบมองคนพูดที่ใส่อารมณ์มาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เขามองด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจว่าการที่เขาไม่ไปที่คณะของเจตน์ มันจะกลายเป็นเรื่องให้เจตน์ต้องบุกมาหาเขาและลากเขาออกมานั่งกินข้าวด้วย


   ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มองสบเข้าไปในดวงตาสีอ่อนแล้วก็ได้แต่หันมองหนีไปทางอื่น ปกฉัตรทำให้เขาไม่เหมือนเดิมขึ้นทุกวัน...ไม่รู้ว่าตั้งแต่วันไหน แต่...ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม...


   “กูไม่เคยเป็นแบบนี้” เขาเอ่ยออกมาอย่างอึดอัด คันยุบยิบในอกอีกแล้ว ไม่รู้จะคันอะไรนักหนาแค่คิดเรื่องของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาทีไรมันก็คันจนมือไม้อยู่ไม่สุขต้องคอยแต่จะเกาจะถูตลอดเวลา


   “หมายถึงเป็นแบบไหน” ปกฉัตรย้อนถาม


   “ก่อนหน้านี้...กูเอาแต่คิดเรื่องมึงกับไอ้ดิษ...แบบ...แบบว่ากูคิดว่าพวกมึงเป็นแฟนกัน กูไม่ควรยุ่ง ไม่ควรเสือก แต่...แต่กูก็หยุดตัวเองไม่ได้ กูรู้ว่ากูโคตรเหี้...เอ่อ...โคตรเลวที่กูหักหลังไอ้ดิษ กูบอกตัวเองว่ากูไม่ควรทำ แต่...กูก็ยัง...ยังจูบมึง...”


คราวนี้เป็นฝ่ายปกฉัตรที่ได้แต่ก้มหน้า เขาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่อยากยอมรับให้หัวใจต้องเจ็บไปมากกว่านี้ ว่าสัมผัสวันนั้นที่เจตน์มอบให้ ยังติดอยู่ในความรู้สึก การถอยห่างของเจตน์ยังติดอยู่ในความทรงจำ และทำให้เขากันตัวเองออกห่างโดยไม่แวะไปที่คณะบัญชีอีก


   “แต่ผมกับดิษไม่ได้เป็นแฟนกัน...”


   “เออ มึงบอกกูแล้ว แล้วกูก็ถามไอ้ดิษแล้ว มันก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ไม่ใช่ว่ากูไม่เชื่อคำพูดมึงหรอกนะ แต่...แต่กูแค่อยากมีคนยืนยันว่าถ้ากูทำอะไรมากกว่านี้ กูจะไม่ไปแย่งเมียใคร” ประโยคหลังนั่นทำเอาปกฉัตรชะงักกึก เงยหน้ามองคนพูดตาปริบๆ


   “ย...แย่งเมีย?...” ในขณะที่คนถามยังงุนงง แต่เจตน์ที่ตัดสินใจมาดีแล้วย่อมไม่มีลังเลใดๆอีก


   “กูจะจีบมึงไง!”


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือกโต แต่ดวงตาเรียวเหมือนตาเหยี่ยวจับจ้องมาที่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามราวกับจะไม่ให้คลาดสายตา


   “ม...เมื่อ...เมื่อกี้พูดอะไรนะ”


   “กูบอกว่ากูจะจีบมึง”


   “เฮ้ย!” คนกำลังจะถูกจีบได้แต่ครางอย่างคาดไม่ถึง แต่เจตน์กลับยักไหล่


   “ก็ในเมื่อมึงยังไม่มีแฟน แล้วกูจะจีบมึงนี่ผิดตรงไหน” ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆ อ้าปากค้าง น้ำลายเหนียวหนืดแทบกลืนไม่ลงคอ รู้สึกเหมือนใจหวิวแปลกๆกับคำพูดเถรตรงของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


   “ม...ไม่ผิด...แต่แบบ...”


   “หรือมึงคิดว่าเพราะกูกับมึงเป็นผู้ชายทั้งคู่ จีบกันไม่ได้? มึงเรียนรัฐศาสตร์ ควรใจกว้างกับเรื่องเพศสิวะ” โดนเจตน์จิกไปหนึ่งดอก แต่ปกฉัตรไม่ได้คิดเรื่องเพศพวกนั้นเลย ที่ยังอึ้งและงงก็เพราะอยู่ดีๆ อีกฝ่ายโผงผางจะจีบต่างหาก


   “ผ...ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”


   “งั้นก็แสดงว่ามึงไม่มีปัญหาที่กูจะจีบ” เจตน์สรุป ก็พอดีอาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟ ร่างสูงเลยไม่พูดอะไรอีก เขาตักคาโบนาร่าของตัวเองใส่จานเล็กแล้วส่งให้ปกฉัตรไปลองชิม ย้ำหนักย้ำหนาว่าร้านนี้อร่อยมากก่อนจะก้มลงตักเข้าปาก แต่ดูเหมือนปกฉัตรจะยังทั้งอึ้งทั้งงง คนที่เอ่ยปากว่าจะจีบเมื่อกี้ก็เลยกระทุ้งด้วยคำพูดแสนโรแมนติกว่า


   “แล้วนั่นมึงจะนั่งเฉยๆให้มันระเหิดกลายเป็นไอลอยเข้าจมูกรึไง ตักกินสิวะ!”


   ช่างเป็นการจีบที่...โรแมนติกแบบฮาร์ดคอร์ยิ่งนัก

..............................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-12-2017 20:39:14


จบมื้ออาหารคาวอย่างงงๆ ปกฉัตรก็ถูกร่างสูงลากเข้าร้านขนมเค้กชื่อดังในห้างสรรพสินค้าเดียวกัน พอมายืนอยู่หน้าตู้กระจกที่โชว์เค้กมากหน้าหลายตา เจตน์ก็หันมาโยนหน้าที่ให้คนข้างกายที่ยังงงไม่หาย


   “เลือกสิ อยากกินชิ้นไหน”


   “ให้ผมเลือก?” ปกฉัตรย้อนถามชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง


   “เออ! งงอะไรของมึง แค่เลือกเค้กเนี่ย” ร่างโปร่งมองคนพูดที เหลือบตาไปมองพนักงานที่กำลังรอให้บริการที แล้วสุดท้ายเขาก็ชี้นิ้วเลือกเค้กมาหนึ่งชิ้น แต่ก็ถูกสั่งให้เลือกเพิ่มอีกชิ้น และกลายเป็นว่าพอเขาเลือกอีกชิ้น เจตน์ก็เลือกเพิ่มอีกกลายเป็นสามชิ้น


   จ่ายเงินเรียบร้อยและออกจากร้าน เจตน์ก็ยัดกล่องเค้กใส่มือขาว


   “อ่ะ กูซื้อให้”


   “ซื้อให้? ซื้อให้ทำไม”


   “ก็กูบอกแล้วว่าจะจีบมึง ทำไม? ไม่ชอบกินเค้กรึไง” เจตน์เคยแต่คบหากับผู้หญิง แน่นอนว่ากับร้านเค้กชื่อดังพวกนี้เขาคุ้นเคยดี เลยลืมตัวว่าเวลานี้เขากำลังตามจีบผู้ชายอย่างปกฉัตร


   “แล้วทำไมไม่ถามกันก่อน ชิ้นเป็นร้อย แล้วซื้อตั้ง 3 ชิ้น” ร่างโปร่งบ่น


   “อ้าว แล้วมึงชอบกินอะไร ไหนพากูเดินไปดูซิ กูจะได้รู้” เจตน์สั่ง ท่าทางวางอำนาจใหญ่โตทำเอาปกฉัตรนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด ปากว่าจะจีบเขา แต่ดูทำแต่ละอย่าง เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ถามอะไรเขาสักคำเดียว


   “ยืนนิ่งอีก กูบอกให้เดินไปไง”


   “นี่จีบหรือปล้น” ร่างโปร่งบ่นเบาๆ แต่เจตน์ที่ยืนใกล้ๆก็หูดีพอจะได้ยิน


   “บ่นอะไร” ปกฉัตรไม่ต่อความยาว เพราะรู้ดีว่าเถียงไปก็เท่านั้นคนอย่างเจตน์ก็คงบังคับเอาเท่าที่อยากได้นั่นแหละ เขาก้าวเท้าออกเดิน มีร่างสูงเดินตามหลัง ปกฉัตรพาเดินข้ามฝั่งจากห้างสรรพสินค้ามายังย่านการค้า แล้วพาเดินต่อไปอีกจนกระทั่งมาหยุดที่ร้านขายขนมริมถนน


   “เนี่ยเหรอ ของที่มึงชอบ” เจตน์ถาม


   “อือ เอาอันนี้กล่องนึงครับ” ปกฉัตรรับคำก่อนจะหันไปสั่งคนขายด้วยการชี้นิ้วลงบนขนมครกใบเตยสีเขียวที่ส่งกลิ่นหอม


   “ไม่เอาอันนี้ด้วยล่ะ” ร่างสูงที่ยืนข้างๆชี้นิ่วไปที่ขนมบ้าบิ่นที่วางอยู่ใกล้ๆกัน


   “ไม่เอา”


   “ทำไม ไม่ชอบเหรอ”


   “อื้อ”


   “แต่กูชอบ...เอาอันนี้ด้วยกล่องนึง” เจตน์สั่งขนมบ้าบิ่นอีกกล่อง แล้วเป็นฝ่ายแย่งจ่ายเงินทั้งค่าขนมครกใบเตยและค่าขนมบ้าบิ่น ปกฉัตรต้องเดินตามเพื่อเอาเงินคืนในส่วนของขนมตัวเองแต่อีกฝ่ายหันมาพูดเสียงดุ


   “กูกำลังจีบมึงอยู่ ช่วยอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้กูจีบ” เป็นอันว่า...หน้าที่ของปกฉัตรไม่มีอย่างอื่นนอกจากอยู่เฉยๆให้เจตน์จีบตามใจชอบนั่นเอง...

...............................

   หลังจากซื้อขนม พวกเขาก็พากันกลับมาที่รถยนต์ของร่างสูงเพื่อกลับบ้านของปกฉัตร ครั้งนี้...บ้านหลังเล็กเงียบๆที่อยู่ติดกับบ้านของดิษกร ก็ยังเงียบและมืดเหมือนเคย


   “ขอบคุณสำหรับค่าข้าวแล้วก็ขนม” ปกฉัตรหันมาบอกคนขับ เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านของเขาเรียบร้อย


   “มึงเอาบ้าบิ่นไป กูจะเอาไอ้เขียวๆนั่น” เจตน์หยิบกล่องขนมออกมาส่งให้คนที่กำลังจะลงจากรถเขา


   “อ้าว แต่ผมไม่ชอบกินบ้าบิ่น”


   “ก็ลองกินดูอีกทีสิ มึงอาจจะชอบก็ได้นี่หว่า แล้วไอ้เขียวๆเนี่ยกูไม่เคยกิน กูก็จะลอง”


   “แล้วทำไมไม่ซื้อมาสองกล่องถ้าพี่อยากจะลอง”


   “ก็กูอยากแลกกับมึง” ปกฉัตรพูดไม่ออก คนแบบเจตน์เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งเคยเจอก็วันนี้ ทั้งกวนโมโห ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งบ้าอำนาจ


   “แล้วเค้กเนี่ย มึงจะเอามั้ย” เจตน์ถามเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาหลังจาก ‘แลกขนมบ้าบิ่นกับขนมครกใบเตย’ ไปแล้วตามความต้องการของตัวเอง เขายกกล่องเค้กขึ้นมาถาม เป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรถอนหายใจ


   “ผมกินไม่หมดหรอก ตั้ง 3 ชิ้น”


   “กูก็ไม่กิน”


   “แล้วก็สั่งมาได้ตั้ง 3 ชิ้น”


   “ก็มันสั่งมาแล้ว คราวหน้ากูไม่สั่งแล้ว” พอเจตน์รับปากแบบนั้น ปกฉัตรก็เลยไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ร่างสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเหลือบไปมองคนที่นั่งเงียบๆ ไม่ต่อล้อต่อเถียงอีก


   ...บ้านก็มาถึงแล้ว ไม่มีเรื่องให้เถียงกันแล้ว แต่...ก็ยังไม่ลง กูจะถือว่ามึงอยากคุยกับกูต่อนะ...


   “แล้วพรุ่งนี้มึงไปเรียนมั้ย เรียนกี่โมง”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันมองคนถาม


   “เรียนเช้า”


   “เดี๋ยวกูมารับ ไม่ต้องแต่ ตอนนี้กูจีบมึงอยู่ มึงควรจะแฟร์และให้โอกาสกูอยู่ใกล้มึงด้วย แล้วเอาเบอร์มือถือมึงมา” ทั้งสั่งทั้งเอาแต่ใจ แต่สุดท้ายปกฉัตรก็ต้องยอมบอกเบอร์โทรศัพท์ให้อีกฝ่าย พร้อมๆกับที่เจตน์บังคับให้เซฟเบอร์ของเจ้าตัวลงเครื่อง แล้วจากนั้น...ปกฉัตรถึงได้ลงจากรถ


   วันที่แสนยาวนานวันนี้น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่...ตอนสี่ทุ่มกว่า เบอร์ของคนที่เขาเพิ่งจะเซฟเข้าเครื่องก็โทร.มาหา


   ‘ยังไม่นอนใช่มั้ย กู...จะโทร.มาถามว่ามึงล็อกประตูหน้าต่างหมดรึยัง”


“หมดแล้วสิ นี่อยู่ข้างบนแล้ว”


‘ไปเดินดูอีกรอบ บ้านมึงหน้าต่างโคตรเยอะ เอาให้ชัวร์ว่าล็อกหมดแล้ว’


“ครับๆ” ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีทางมองเห็น แต่ปกฉัตรก็ยอมลงจากชั้นบน เปิดไฟตรวจตราชั้นล่างอีกครั้ง ก่อนจะกลับขึ้นห้องนอนตนเอง ที่หูยังแนบโทรศัพท์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรเลย แต่ก็รับรู้ว่าเจตน์ยังคงอยู่ในสาย และดูเหมือนจะรอให้เขารายงานความเรียบร้อยด้วย


“เช็คแล้ว ปิดประตูหน้าต่างหมดแล้ว”


‘เออ แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่’


   “กำลังจะอ่านหนังสือ” ปกฉัตรตอบลงไปในโทรศัพท์ มือหนึ่งใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมขณะเดินมานั่งบนเตียง


   ‘มึงชอบอ่านหนังสือเหรอ’


   “อื้อ”


   ‘อ่านแนวไหน หนังสือที่อาจารย์ assign?’


   “ก็ประมาณนั้น วิชาที่คณะส่วนใหญ่ต้องอ่านเปเปอร์หลายชิ้น ก็เลยไม่มีเวลาอ่านอย่างอื่นเลย”


   ‘แล้วมึงดูบอลรึเปล่า คืนนี้มีตีสอง’


   “ไม่ดูหรอก”


   ‘ปกติหลับกี่โมง’


   “ก็...ดึกเหมือนกัน บางทีก็เที่ยงคืน ตีหนึ่งบ้าง ตีสองบ้าง”


   ‘บอลก็ไม่ดู แล้วทำอะไรดึกๆดื่นๆ อ่านหนังสือเหรอ’


   “ครับ”


   ‘งั้น...กูคุยกับมึงอีกครึ่งชั่วโมงแล้วกัน มึงจะได้มีเวลาไปอ่านหนังสือ’ ปกฉัตรนิ่งไปเล็กน้อย แต่ดูเหมือนปลายสายจะเริ่มชวนคุยเรื่องอื่นต่อแล้ว หัวข้อบทสนทนาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจิปาถะซักถามเรื่องต่างๆของกันและกัน ก่อนที่เจตน์จะยอมวางสายตอนที่นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มนิดๆ


   ‘แล้วเจอกันพรุ่งนี้ เจ็ดโมงครึ่ง’


   “อื้อ...”


   ‘ฝันดีนะ’ คนฟังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เพราะปลายสายวางไปแล้วหลังจากทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้


   ...ฝันดีนะ...


ร่างโปร่งมองโทรศัพท์ในมือที่สัญญาณตัดไปแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะปรากฏบนใบหน้า ต่อให้เจตน์ไม่บอก แต่เขาก็เชื่อแน่ว่าคืนนี้จะต้องหลับฝันดี

............................

   เพราะเมื่อคืนฝันดี เช้าวันนี้ปกฉัตรเลยตื่นมาอย่างสดชื่นเป็นพิเศษ ก่อนจะรีบออกจากบ้านไปที่ร้านมินิมาร์ทหน้าซอยซึ่งเปิด 24 ชั่วโมง หาซื้อวัตถุดิบทำแซนวิชง่ายๆกลับมาที่บ้าน


   อีกสิบห้านาทีเจ็ดโมง แซนวิชสำหรับสองคนก็ถูกบรรจุใส่กล่องทัปเปอร์แวร์ ก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ชุดนิสิตที่ใส่เหมือนเดิมในทุกๆวันก็ยังสู้เลือกชุดที่รีดเรียบกริบที่สุด จากนั้นก็กลับลงมานั่งรอคนที่บอกว่าจะมารับ


   เจ็ดโมงสิบห้า


   เจ็ดโมงครึ่ง


   เจ็ดโมงสามสิบห้า


   เจ็ดโมงสี่สิบห้า


   ...ไม่มีใครมา...


   ร่างโปร่งในชุดนิสิตเตรียมพร้อมไปเรียนนั่งอยู่ในห้องครัว ตรงหน้าคือกล่องทัปเปอร์แวร์บรรจุแซนวิชที่เขาทำเสร็จตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมง เป็นแซนวิชสำหรับสองคนที่เขาทำเผื่อใครบางคนที่ทั้งตัวใหญ่และกินเยอะ


   ...ใครบางคนที่ออกปากว่าจะมารับตอนเจ็ดโมงครึ่ง...


   ...แต่ตอนนี้...ยังไม่มา...


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบลงมองนาฬิกาบนข้อมือ แต่ละเข็มที่กระดิกไปช้าๆเหมือนจะค่อยๆดึงความตื่นเต้นออกจากหัวใจไปจนหมด รอมาสิบห้านาทีแล้ว แต่ไม่มีวี่แววของคนที่สัญญาเอาไว้เลย


   ร่างผอมลู่ไหล่ลงตามการถอนหายใจ ฝันดีเมื่อคืนไม่เท่าความจริงที่โหดร้ายเมื่อตื่น หวังไว้มาก ดีใจไว้มาก พอถึงเวลาที่ผิดหวังขึ้นมา หัวใจก็เลย...เจ็บ


   ...ไม่น่าเลย...ไม่น่าไปหวังอะไรแบบนั้นเลย...


   แม้จะโทษตัวเองที่คาดหวังเอาไว้สูงลิ่วว่าเจตน์จะมารับ แต่ปกฉัตรก็ยังยิ้มจางๆ คนที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังมีวิธีในการสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองในเวลาที่เจ็บปวด แม้จะเป็นความเข้มแข็งที่จอมปลอมก็ตาม


   เขาลุกจากเก้าอี้ช้าๆ เก็บกล่องทัปเปอร์แวร์ใส่กระเป๋าเป้ เพื่อถือติดตัวไปทานเป็นมื้อกลางวัน ก่อนจะปิดไฟแล้วออกจากบ้าน ทว่า...ก่อนที่จะเดินพ้นรั้ว รถยนต์หรูที่ปกฉัตรจำได้ดีก็ปราดเข้ามาจอดแทบเท้า กระจกรถลดลงเผยให้เห็นคนขับสวมแว่นกันแดดสีดำที่บังได้แค่สายตา แต่ปิดความหงุดหงิดของคนสวมไม่ได้เลย


   “รถติดสัด!” แถมด้วยคำด่าเป็นประโยคทักทาย ไม่ต้องถอดแว่นตาออก ปกฉัตรก็รู้ทันทีว่าตาเรียวๆใต้แว่นกันแดดนี้ต้องหงุดหงิดมากมายแค่ไหน


   “แล้วนี่มึงออกมารอกูหน้าบ้านเลยเหรอ” คนขับตั้งคำถาม เพราะเห็นปกฉัตรอยู่หน้าบ้านแล้ว ร่างโปร่งพูดไม่ออกว่าเขาไม่ได้ออกมารออีกฝ่าย แต่ตัดสินใจจะไปเรียนเองแล้วต่างหาก


   “มึงปิดบ้านดีแล้วใช่มั้ย งั้นขึ้นรถ วันนี้รถติดฉิบหาย ไม่รู้จะถึงมหา’ลัยกี่โมง” ร่างโปร่งได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบในประโยคแรกก่อนจะรีบก้าวไปขึ้นรถ พอคาดเข็มขัดเรียบร้อย คนขับก็จัดการเลี้ยวรถกลับออกไปที่ถนนใหญ่


   ภายในรถมีแค่เสียงแอร์ดังเบาๆ กับการจราจรที่แออัดของถนนในกรุงเทพฯ ปกฉัตรเหลือบไปมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แล้วอะไรบางอย่างก็ดลใจให้เขาพูดความจริง


   “ผม...คิดว่าพี่จะไม่มาแล้ว” เจตน์ชะงัก หันมองคนข้างกายในวินาทีนั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มจางๆให้เจ้าของรถ เป็นรอยยิ้มเศร้าๆของคนที่กลัวผิดหวังจากการตั้งความหวัง


   “แสดงว่าเมื่อกี้มึงไม่ได้ออกมารอกู แต่มึงกำลังจะไป?”


   “ครับ ผมเห็นว่ามันเลทไปสิบห้านาทีแล้ว ก็เลย...โอ๊ย!” มะเหงกแข็งๆเคาะลงกับศีรษะจนพูดต่อไม่ออกอีก


   “เห็นกูเลทก็โทร.หาสิ! เกิดกูตายห่ากลางถนน! มึงไม่คิดจะไปดูดำดูดีกูเลยรึไง!”


“อ...อ้าว...” จากคนที่กลัวผิดหวังกลายเป็นโดนด่า โทษฐานไม่ติดต่อไปก่อน


“เมื่อวานกูก็ให้เบอร์ไว้แล้วไม่ใช่รึไง! มึงเก็บเอาไว้ดูเล่นอย่างเดียวเหรอ?!!”


   “ก็...” ปกฉัตรพูดไม่ออก นิสัยพึ่งพาตัวเองก่อนจะถามหาคนอื่นทำให้เขาไม่คิดจะคาดคั้นอะไรจากใคร พอคิดเองเอออเองว่าอีกฝ่ายคงไม่มาแล้ว ก็เลยไม่คิดจะโทร.ถามอีกเลย


   เจตน์เห็นคนข้างกายเงียบ ก็พลอยนึกไปถึงเรื่องที่ดิษกรเคยบอก ปกฉัตรเติบโตมาเพียงลำพัง พ่อแม่ทำงานต่างประเทศ ปีหนึ่งได้เจอกันไม่กี่ครั้ง ดูแลตัวเองมาตลอด พึ่งพาตัวเองมาตลอด แล้วก็เลือกที่จะปกป้องตัวเองจากความผิดหวัง


   ...ไม่โทร.ถาม คงเพราะกลัวจะได้ยินว่าถูกทิ้ง ถูกทำลายความหวัง...


   มือใหญ่ที่เมื่อครู่เป็นมะเหงเขกกลางหน้าผากกลายเป็นมืออุ่นๆที่วางบนลงบนศีรษะของปกฉัตร


   “กูอยู่นี่...มึงฝากความหวังไว้ที่กูได้”


   เป็นประโยคสั้นๆที่ไม่มีคำสุภาพอะไรเลย แต่...มันทำให้หัวใจคนฟังที่ห่อเหี่ยวไปแล้วเหมือนได้น้ำมาพรมอีกครั้ง คำว่า ‘อยู่นี่’ ของเจตน์ไม่ต่างอะไรกับแสงที่ส่องเข้ามาในชีวิตของคนโดดเดี่ยว


ปกฉัตรอยากจะให้ระหว่างพวกเขาสองคนเป็นบรรยากาศอุ่นๆแบบนี้ไปตลอดทาง แต่เจตน์ก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากจะพูดจาซึ้งๆไม่เป็นแล้ว ยังมีสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตเป็นอาวุธ


   “หิวฉิบหายเลย นี่กูออกจากคอนโดมาตั้งแต่เจ็ดโมงสิบห้า คิดว่าบ้านมึงจะใกล้ เสือกรถติด!”


จากบรรยากาศซึ้งๆ กลายเป็นการบ่นถึงเรื่องปากท้อง เท่านั้นไม่พอ มือที่วางอยู่บนศีรษะของปกฉัตรก็ถูกชักกลับไปลูบท้องตัวเองแล้ว เป็นการเปลี่ยนอารมณ์ที่ไวจนคนถูกปลอบเมื่อครู่นี้ได้แต่กะพริบตาปริบๆ


   “มองไร มึงเรียนเก้าโมงไม่ใช่เหรอ กูไม่แวะไหนหรอก เดี๋ยวมึงสาย” ร่างสูงหันมาเห็นตาปริบๆที่มองเขาอยู่ก็เลยให้ความมั่นใจว่าสารถีคนนี้จะทำหน้าที่พาไปส่งถึงคณะให้ทันเวลาเรียนแน่นอน ปกฉัตรอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้กลัวว่าจะไปเรียนสาย แต่กำลังอึ้งเพราะความสามารถในการเปลี่ยนบรรยากาศของเจตน์ต่างหาก


   ...แต่...เอาเถอะ...ถึงยังไงเมื่อกี้พี่ก็ปลอบล่ะนะ...


   “ผมมีแซนวิชนะ พี่จะกินมั้ย” คนนั่งข้างคนขับเสนอถึงอาหารในกล่องทัปเปอร์แวร์ที่อยู่ในกระเป๋า


   “เอา! แล้วไม่รีบบอก”


ร่างโปร่งเปิดกระเป๋าเป้หยิบเอากล่องทัปเปอร์แวร์ออกมาเปิด แต่พอหยิบแซนวิชมาส่งให้คนขับ ก็ถูกตาเรียวๆนั่นเหลือบมาจิกอีก


   “ป้อนสิ! กูขับรถอยู่” แม้จะชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายสั่งแต่โดยดี มือขาวยื่นสูงขึ้นอีกหน่อยให้พอดีกับปากของคนที่หันมาแต่หน้า แต่ตายังอยู่ที่ถนน แซนวิชถูกส่งเข้าปาก กัดไปหนึ่งคำ ปกฉัตรก็ดึงมือกลับมา


   “แล้วมึงไม่แดก...เอ่อ กินเหรอ” คนเคี้ยวแซนวิชหันมาถาม


   “กิน...” ปกฉัตรเหลือบตาลงมองในกล่องทัปเปอร์แวร์ที่มีแซนวิชอีกมาก ซึ่งเขาทำมาสำหรับสองคน แต่...ในมือก็ยังมีอีกชิ้นนึงที่ถูกกัดไปแล้วหนึ่งคำ


   ...กินชิ้นที่อยู่ในมือแล้วกัน...


   “อ้าว อันนั้นกูกัดไปแล้ว” พอส่งชิ้นที่อยู่ในมือเข้าปาก เสียงของเจตน์ก็ดังขึ้นทันที ปกฉัตรหันไปมอง


   “จะหวงทำไม มีอีกตั้งเยอะ” ร่างโปร่งพูดไปคนละเรื่อง ทำเป็นตีความความหมายของอีกฝ่ายว่าหวงแซนวิช เจตน์ได้แต่งง แต่ไม่ทันพูดอะไรอีก แซนวิชอีกชิ้นก็ถูกส่งมาป้อนถึงปาก และพอเขากัดไปหนึ่งคำ อีกคำก็ถูกส่งเข้าปากของปกฉัตรต่อ


   ภายในรถไม่มีเสียงพูดอะไรอีก เพราะต่างคนต่างกัดแซนวิชกันไปคนละคำ พอมาถึงมหาวิทยาลัย แซนวิชก็เกลี้ยง รถหรูจอดเทียบที่หน้าตึกเรียนของคณะรัฐศาสตร์


   “ขอบคุณนะครับ ที่มาส่ง” ปกฉัตรหันไปมองคนขับ เจตน์พยักหน้ารับสั้นๆ แต่พออีกฝ่ายหันไปเปิดประตู เสียงของคนที่ไม่ยอมพูดอะไรก็ดังขึ้น


   “เลิกเรียนแล้วโทร.มา” มือขาวที่กำลังจะดันประตูออกถึงกับชะงัก ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปมองเจ้าของเสียง เจตน์กำลังมองเขาอยู่ด้วยดวงตาเรียวที่ทรงพลัง ไม่มีแว่นกันแดดบดบังแล้ว


   “โทร.หากูด้วย” ร่างสูงย้ำ แต่ปกฉัตรยกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ สารถีที่พามาส่งถึงคณะรัฐศาสตร์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอก่อนจะย้ำ


   “ก็กูจีบมึงอยู่ ก...กูจะพาไปกินข้าว”


ไม่อาจกลั้นความรู้สึกในใจไหวอีกแล้ว เจตน์คือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตเรียบเรื่อยของเขามีสีสัน เป็นแสงแดดที่บางครั้งก็ร้อนแรงแผดเผา บางครั้งก็อุ่นสบาย


   รอยยิ้มบนใบหน้าขาวทำเอาคนจะพาไปกินข้าวหลังเลิกเรียนชักเขิน จนต้องเบี่ยงสายตาไปทางอื่น แต่ไม่วายสำทับอย่างจริงจัง


   “โทร.หากูด้วยล่ะ เบอร์กูเลขสวยนะจะบอกให้” เป็นการอวดเบอร์โทรศัพท์ตัวเองที่ทำเอาคนฟังหัวเราะเบาๆ


   “ครับ เดี๋ยว...ผมเลิกเรียนแล้วจะโทร.หา” เขารับปาก ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ แล้วรอจนรถของเจตน์เคลื่อนตัวออกจากหน้าคณะไปแล้วถึงได้หมุนตัวก้าวเท้าเข้าตึกเรียนพร้อมกับอารมณ์ดีๆที่ทำให้มีรอยยิ้มติดแก้มไปตลอดทั้งวันเลยทีเดียว


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสที่ 4 มกราค่ะ)

   เนื่องจากสิ้นปี บัวไม่อยู่ ก็เลยจะขอเลื่อนวันลงเรื่องนี้จากพฤหัสหน้า ไปเป็น พฤหัสที่ 4 มกราคม แทนค่ะ ขอโทษที่ต้องข้ามไปหนึ่งสัปดาห์นะคะ

   สำหรับตอนนี้ หวังว่าทุกคนจะไม่เหนื่อยกับการตะโกนของเฮีย ฮ่าฮ่า เฮียอยู่กับปก เฮียก็พูดดีๆเป็นนะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์และทุกกำลังใจเช่นเคย

เจอกันในอีกสองสัปดาห์ค่ะ

ป.ล. คิดถึงขนมครกใบเตยสยามมมมมมมม

ป.ล.2 เราจะไม่บอกหรอกนะ ว่าธรรมเนียมสิ้นปีของเราคืออะไรรรรรร ใครคิดถึงก็รอนิดนึง...เดี๋ยวมาลงก่อนไปเที่ยว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 21-12-2017 20:59:38
เฮียยยยยยยย นี่คือการจีบใช่มั้ย 555555 ฮาร์คคอร์แบบสุด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 21-12-2017 21:03:55
ทำไงดี เรานั่งขำทั้งตอนเลย เหนื่อย5555
ชอบอิพี่เจ๋งนะ ความเป็นผู้ชายทื่อๆ
นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด ทำอะไรก็ทำ
แต่มันก็เป็นความพยายามในแบบของเขานะ
อ่านไปก็เออ น่ารักดีเหมือนกันนะไอ้บ้านี่555
ต่อไปน้องปกจะมีคนดูแลแล้ว ดีจัง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 21-12-2017 21:07:10
เจ๋งช่วยโรแมนติกแบบละมุนๆหน่อยได้มั้ย ฮาร์ดคอไปอีก  แต่พอรู้ว่าปกโสดนี้เดินหน้าจีบเต็มกำลังเลยนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: TNM ที่ 21-12-2017 21:11:02
หวานเกินไปสาววายไม่ำหวแล้วกรี้สสสสสสสส เจตน์เนี่ยแรร์ไอเทมมากๆ เป็นผู้ช้ายผู้ชายไม่เหมือนอีโจ๊กเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-12-2017 21:14:40
 :heaven ในที่สุดเฮียก็คิดได้ว่าควรทำอย่างไร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 21-12-2017 21:15:21
ตะโกนทำไม ค่อยๆ พูด ค่อยๆ พูด
แต่ยังไงก้อรักนะคะเฮียเจ๋งงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 21-12-2017 21:20:36
แปรปรวนกว่าพายุก็เฮียเนี่ยแหละ 5555
เขินกับการกินคนละคำ ปกก็ร้ายนะคะ---
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ละอองฝน ที่ 21-12-2017 21:27:24
ต่อไปจะเรียกว่าเฮียบ้าบิ่น 55555
ผ่านมาหลายตอนแล้ว เรายังรู้สึกไม่ชินกันการพูดแบบตะโกนอัดหน้าของเฮียเจ๋งเลยค่ะ
ตอนนี้น่ารักมาก เราเขินไป สวนด่าเฮียไปในใจบางที สนุกมาก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-12-2017 21:29:42
เฮียเจ๋งคนจริง 2017 แอบน้ำตาซึมตอนน้องคิดว่าเฮียไม่มารับ..บบบบ
รอโปรเจ็คสิ้นปีด้วยใจจดจ่อ..จะมาหลายๆเร่ื่องเหมือนปีที่แล้วหรือเปล่า???  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 21-12-2017 21:30:56
ตอนจะเป็นแฟนกัน เฮียคงไม่ขอเป็นแฟนอ่ะ น่าจะบังคับขู่เข็นให้ตกลงเป็นแฟนมากกว่า 555+
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 21-12-2017 21:32:26
ยื่นสเต๊ปซิลให้เฮียจ้ะ  กินเมื่อเจ็บคอ
ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์เราก็มีนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ปกดูเป็นเด็กน้อยน่ารักไปเลย ง่า น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-12-2017 21:35:07
นี่คือการจีบน้องของเฮีย ฮาร์ดคอร์มาก แต่น่ารักดีนะ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 21-12-2017 21:36:39
นี่จีบหรือปล้น 5555555. นุ้งปกน่าเอ็นดู ><  ดีใจกับเฮียนะคะ มีพัฒนาการแล้ว55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-12-2017 21:38:02
เห็นแนวทางการจีบแล้ว  o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: wiseducky ที่ 21-12-2017 21:40:30
น่าจะถามตั้งนานแล้วนะ555555
ตะโกนเกือบทุกประโยค เจ็บคอแทนพี่เค้านะคะ

ปล.ปีนี้จะมีตอนพิเศษของใครนะ รออ่านอยู่นะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 21-12-2017 21:44:42
เป็นการจีบที่เกรี้ยวกราดมากกกก นั่นจีบแล้วจริงดิ?

อ่านไปก็ขำไป ปรับอารมณ์กันไม่ทันเลยทีเดียว ฮาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 21-12-2017 21:48:30
จีบได้โหดมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-12-2017 21:49:26
โรแมนติกไม่ได้ทั้งเรื่องเลยค่ะถ้าพี่ยังฮาร์ดคอร์อยู่แบบนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2017 21:53:58
ช่างเป็นการจีบที่ฮาร์ดคอร์ซะจริงๆ  :z3: :z3: :z3:
เอาน่า แล้วเฮียเจ๋ง ก็คิดตก
ศีลก็ไม่ผิดซักข้อ   เฮียเจ๋งพร้อยลุยยยย แล้ว

ปก ที่วิตกกังวล
อยู่ๆ เฮียก็มาจูบ แล้วก็หายวับฉับพลัน
ก็มาเจอการจีบที่เอาแต่ใจต่อเถอะ

เฮียเจ๋ง จะเก็ทไหมนะ กับการกิบแซนวิซ
ที่เฮียกินคำ แล้วปกก็กินต่อ แอร๊ยยยยยย จูบทางอ้อมนะเฮีย  :o8: :-[ :impress2:
เฮียเจตน์ ปกฉัตร  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 21-12-2017 21:55:06
นี่คือการจีบจริงๆใช่มั้ย5555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-12-2017 21:56:35
เฮียเจ๋งนี่ ร้ายจริงๆ กินขนมจนบ้าบิ่นไปแล้วแน่ หวานไม่มีเลย แต่ก็รักนะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 21-12-2017 22:05:23
การจีบแบบพี่เจ๋งสไตล์ 555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 21-12-2017 22:06:28
ตอนนี้อ่านแล้วฮาลั่นตลอดตอนเลย สนุกๆ :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: pandant ที่ 21-12-2017 22:11:50
สวัสดีปีใหม่ล่งงหน้านะคะคุณบัว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-12-2017 22:13:29
Specialllll เราจำได้ รักคุณบัว

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 21-12-2017 22:19:37
อ่านเวลาเฮียพูดทีไรเหมือนตะโกนในใจตามทุกที
คนอะไรโวยวายสุดดด 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-12-2017 22:20:30
โถ่ มโนตั้งนานกว่าจะได้จีบ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 21-12-2017 22:21:40
สมชื่อเจ๋ง ตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าทันที ปกคงได้ยิ้มกว้างหรือยิ้มหุบกับอารมณ์ของเฮียเจ๋งวันละหลายรอบ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 21-12-2017 22:29:26
คนนึงก็งงเก่ง  อีกคนก็เสียงดังเก่ง
ตลกดี
พี่เจ๋งแกเสียงแหบบ้างมั้ย 5555
อยากพี่เจ๋งดีกะปกเยอะๆ
ลึกๆปกเป็นคนน่าสงสารมากเลย
นิสัยเหมือนตัวเรา แต่เราไม่นิ่งเท่าปก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 21-12-2017 22:29:43
อิพี่เจ๋งคือไบโพล่าของแท้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-12-2017 22:32:45
เฮียเจ๋งจะมาเป็นแฟนหรือมาเป็นพ่อ ดุเชียว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-12-2017 22:38:33
โอยยย จีบแบบเถื่อนๆ ก็ดีต่อใจนะ ^^
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 21-12-2017 22:46:53
โอ้ยเค้าจีบกันแล้ว เฮียเจ๋งสู้ๆนะ ปกต้องรับกับฝีปากพี่เค้าให้ได้นะคะลูก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 21-12-2017 22:50:14
 ในทีสุดดดดดดดดด :impress2: ซะทีนะเฮียยย5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 21-12-2017 22:57:24
โถ่เฮียถ้าการจีบของแกจะเป็นแบบนี้อ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-12-2017 23:03:51
 :laugh:


แหมๆ ได้ทีล่ะ ขู่จัง

สมยอมแล้วจะปลอดภัย ลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-12-2017 23:14:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 21-12-2017 23:19:08
จะว่าไป ตอนอ่านก็รู้สึกเหนื่อยแทนเฮียนะ ฮ่าๆๆ
เจอกันใหม่ปีหน้านะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-12-2017 23:22:49
เนี่ย ถ้าถามก็ได้เป็นแฟนไปแล้วพี่เจ๋ง55
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 21-12-2017 23:27:06
เฮียเจ๋ง​ จีบฮาร์​ด​คอ​ไปและ~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 21-12-2017 23:45:15
ชัดเจนดีเฮียเจ๋ง ดีใจกับน้องปก จะได้ไม่เหงาเนอะ จีบของเฮียตลกดี แต่ก็น่ารัก
ถ้าปกยิ้มเยอะๆนะ เฮียรักเฮียหลงแน่นอ ตอนเฮียมาสายตกใจไปด้วยกลัวไม่มา

ขอบคุณค่ะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 21-12-2017 23:48:34
ถ้าการจีบของเฮียจะดุดันขนาดนี้ อร๊ายยยยย ช่างกระแทกกระทั้นเหลือเกินน ใจบางง  :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 21-12-2017 23:54:03
เฮียเจ๋งนี่มันเจ๋งจริงๆ555555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 22-12-2017 00:17:01
รุกแรง ฮาร์ดคอร์เฟร่อ แต่น่ารักกกก อ่านไปก็ยิ้มแก้มแตกอีกแล้ว  :-[

ขอบคุณคนเขียนเช่นกันฮับบ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 22-12-2017 01:58:05
น่ารักมากกกกกกกกก ๆๆ เลยค่ะ
เราชอบความเป็นเจ๋งมาก ๆ เลย นางเป็นคนตลกนะ อ่านแล้วฮาดีเวลาตะโกนแก้ตัว 55555
สมกับลูกพี่ลูกน้องของโจ๊ก สายเลือดแรงจริง ๆ
รักใคร ชอบใครก็ต้องจีบ ไม่ต้องลังเลอะไรให้มากความ

วิธีจีบ(?)ก็สมกับเป็นเจ๋งดี นี่อยากรู้เลยว่าตอนจีบหญิงก็กระโชกโฮกฮากแบบนี้รึเปล่า  o7

ในส่วนของน้องปกนี่เข้าใจเลยที่ว่าถ้าโทรไปแล้วก็กลัวจะผิดหวัง
ด้วยความที่น้องคงยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าอิพี่มันมาจีบจริง ๆ หรือว่าอะไรยังไงเลยไม่โทรดีกว่า

แต่ต่อไปนี้น้องปกไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะลูก :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 22-12-2017 05:16:56
มันฮาร์ดคอไปมั้ย หรือน้องปกชอบแนวนี้ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 22-12-2017 07:58:28
พี่เจ๋งน่ารักเกินไปแล้วววว ว่าแต่เอายาอมแก้เจ็บคอหน่อยมั้ยคะพรี่5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-12-2017 08:33:51
เขาจีบกันน่ารักเน๊อะ :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 22-12-2017 08:47:58
ชอบความปกฉัตรนางทำหน้านิ่งๆตอนอยู่กับพี่เจตน์ แต่ในใจคือเรียกพี่เขาอย่างนู้น พี่เขาอย่างนี้ หนูลูกกกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 22-12-2017 09:25:45
โอ๊ยยยยย อิพี่เจ๋งงงงงงงง
เป็นการจีบที่ฮาร์ดคอร์มากกกกก
คือถ้าน้องปกไม่ได้มีใจให้อยู่แล้วนี่คงสงสารน้องน่าดู
โดนคนอย่างเจ๋งจีบเนี่ย เอาแต่ใจชิบเป๋ง
จะโรแมนติกทั้งทีก็ได้แป๊บๆ ๕๕๕๕๕๕
แต่ถ้าจะใจตรงกันขนาดนี้แล้ว เป็นแฟนกันเลยเถอะค่ะ
แหมมมมมมมม  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 22-12-2017 10:27:14
สงสารปก เฮียเจ๋งผู้ชอบทำลายบรรยากาศ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 22-12-2017 10:54:56
กรี๊ดดด ตอนนี้เฮียเจ๋งทำดีมาก ท็อปฟอร์มม 555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 22-12-2017 12:19:43
เขาจีบกันแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 22-12-2017 12:44:47
นี่จีบหรือลักพาตัว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-12-2017 13:03:39
เฮียเจ๋ง เจ๋งสมฉายา
คราวนี้ได้เขินกับรอยยิ้มปกบ่อยๆแน่เฮีย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 22-12-2017 13:04:29
บอกทีว่านี่คือเขาจีบกันอยู่ ถ้าไม่บอกนี่คิดว่าพี่เขาขู่กรรโชกทรัพย์กับปกอยู่นะเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 22-12-2017 13:12:35
เกลียดประโยคนี้ 55555
บอกทำไมอะ

"โทร.หากูด้วยล่ะ เบอร์กูเลขสวยนะจะบอกให้” เป็นการอวดเบอร์โทรศัพท์ตัวเองที่ทำเอาคนฟังหัวเราะเบาๆ"
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 22-12-2017 13:53:35
ตัดสินใจอะไรเร็วมั่กก เฮียเจ๋ง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 22-12-2017 14:22:54
เจ๋งฮามากอ่ะ ปกโดนจีบแบบงงอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-12-2017 20:14:52
ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ว่าจีบอยู่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 22-12-2017 21:18:22
ว่าจะไม่เข้ามาอ่าน...กะรอให้ลงจนจบแล้วอ่านรวดเดียวแบบ "วาระซ่อนเร้น" แต่น้องสาวสายวาย...พูดกรอกหูทุกวี่ทุกวันว่ามันเด็ดมากพี่...มันดีเหลือเกิน เจ๋งจูบปกแล้ว...ฮ่อยยย!!! ใครจะทนไหว...ต้องกลืนคำมั่นของตัวเองลงท้อง...แล้วมานั่งอ่านอยู่แบบนี้...ตายเลยเรา...คงต้องรอให้คุณ Dezair มาอัพตอนที่ 9 ไว ๆ แบบว่าจะขาดใจแล้วววววว   :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-12-2017 21:47:47
อยากซื้อยาแก้เจ็บคอเป็นของขวัญปีใหม่ให้เฮียเจ๋ง ตะโกนตลอดเวลา 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: momaynadsini ที่ 22-12-2017 22:06:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-12-2017 22:21:45
โรแมนติกแบบโหดๆ อ่านะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-12-2017 22:32:38
จีบแบบนี้ก็ได้หรออออ  :ruready
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 22-12-2017 22:51:18
จีบตามสไตล์เฮียเจ๋งจริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-12-2017 00:00:32
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 23-12-2017 01:09:53
เป็นการจีบที่ฮาร์ดคอร์แลดูกรรโชกทรัพย์มาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 23-12-2017 01:32:24
เจ๋งนี่มันเจ๋งจริงๆ เล่นเอาน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-12-2017 04:25:26
โอ้โหห นี่รือการจีบ การปล้น หรือขู่ฆ่าคะเฮียย
ทำไมมันรุนแรงเหลือเกินนนนน
ปกจะได้มีความสุขกับเขาจริงๆซะทีนะ รักก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-12-2017 08:09:04
จีบแบบเฮียเจ๋งฮาร์ดคอร์สุดๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 23-12-2017 12:52:51
เฮียเป็นคนตลก

อยากได้ดิษษษษ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 23-12-2017 13:12:05
 :hao7: ตอนล่าสุดทำไมต้องเขิลเพราะน้องยิ้มตามอิพี่เจ๋งด้วยก้ไม่รุ้ว้อยยยยย

น่ารักอ่ะฮรื้อออ อิพี่ก้จีบน้องได้ฮาร์ดคอร์มากจย้าา 65555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-12-2017 22:58:56
55555 เจ๋งนี่มันเจ๋งจริงๆ ทำไมเกรี้ยวกราดแบบนั้นล่ะ
ดีนะ คิดได้สักทีว่าจะจริงจัง จะถามให้ชัวร์ แต่กว่าจะคิดได้ ก็พากันผอมไปข้าง

ปกฉัตรไม่ต้องทำอะไรแล้วนะ อิพี่มาเองเลยทีนี้
ไม่ห่วงแล้ว ยิ้มได้แบบสบายใจสักที

ดิษคะ กวนประสาทมากระวังเฮียจะมาย้อนให้นะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 24-12-2017 10:43:50
โคตรฮาร์ดคอร์ ถ้าน้องไม่มีใจ เฮียจะจีบติดไหมอยากรู้ 555 ดีใจกับน้องงงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-12-2017 17:02:40
ถ้าเฮียเจ๋งจะเอาแต่ใจเบอร์นี้ ฮ่าๆๆ นี่คือจีบใช่ไหมคะเฮียฮาร์ดคอร์ดีแท้ไม่อยากจะคิดถึงตอนเป็นแฟนว่าจะขนาดไหน

ปล.บางทีก็เหนื่อยแทนกับความกระโชกโฮกฮากของเฮียจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 28-12-2017 08:41:46
ได้ยินความเอะอะโวยวายจากตัวหนังสือเลยค่ะ อ่านแล้วเหนื่อยมากอะเพราะเราดันใส่น้ำเสียงไปด้วย555555 ทายาทอสูรของโจ๊ก~~เป็นพระเอกที่เราอยากทุบทุกครั้งที่พี่แกพูดออกมาเลย ปกจะต้องอดทนขนาดไหนเนี้ยยยย ของขวัญการคบกันคงได้เป็นสเตร็ปซิลกับแพ็คเก็จการตรวจหูอะ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ShinsHolic ที่ 28-12-2017 09:01:14
กรี๊ดดดดดดดดดด เป็นการจีบแบบงงๆ แต่ฮาร์ดคอมั่กกกก พี่เจ๋งงงงง สมชื่อเค้านะคะ555555 งานอ่อยของน้องปกประสบผลสำเร็จล้าวววววว ฮี๊วววววว

ฮือออออ เที่ยวให้สนุกนะค้าาา สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าด้วยค่ะ จะรอวันที่4นะคะะะ ♡♡
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 8 (21 ธ.ค. 2560) หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-12-2017 11:24:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 04-01-2018 20:19:19
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
   ตอนที่ 9


   หมู่นี้เพื่อนพ้องของเจตน์ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมักจะเห็นหนุ่มตี๋ตาเรียวปากร้ายขี้หงุดหงิดกลายร่างเป็นมนุษย์อารมณ์ดีที่ยอมเดินฝ่าแดดเปรี้ยงตอนเที่ยงออกจากคณะ สายข่าวตาดีบอกว่าจุดหมายปลายทางของพ่อหนุ่มปี 2 คนนี้คือคณะที่ไม่ใช่บ้านใกล้เรือนเคียงแต่อย่างใด...คณะรัฐศาสตร์นั่นเอง


   เที่ยงวันนี้ก็เช่นกัน หนุ่มหล่อปากไม่ค่อยดีลงจากตึกเรียนแล้วก็บ่ายหน้าจะเดินออกจากคณะ แต่...ถูกดักไว้ซะก่อน


   “เชี่ยเจ๋ง แวะโต๊ะเพื่อนหน่อยครับ” เจ้าของเสียงคือธนทัตเพื่อนสนิทจากคณะข้างเคียงอย่างเศรษฐศาสตร์ที่วันนี้พาผองเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมอย่าง การุณและอิสระมาบุกคณะบัญชี เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเจตน์ลืมโรงอาหารคณะไปแล้ว


   “อ้าว พวกมึงมาได้ไง” เจ้าถิ่นที่ดี เจอเพื่อนต่างคณะแวะเวียนมาทั้งที่ต้องถามตามมารยาทแต่เท้าก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่คิดจะรอฟังคำตอบสักนิด เป็นธนทัต การุณและอิสระที่ต้องวิ่งไปขวางไว้


   “เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนของมึง คุยกับพวกกูก่อน” คนถูกขวางขมวดคิ้วชิด


   “คุยอะไร?! กูรีบ!”


   “งั้นกูถามแบบรีบๆก็ได้ เดี๋ยวนี้ไม่แดกข้าวคณะตัวเองแล้วเหรอ” ธนทัตถามไว ในขณะที่อีกสองเพื่อนทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม เจตน์ชะงัก กวาดตามองเพื่อนสนิทสามหน่อแล้วก็รู้ว่าเรื่องของเขาและปกฉัตรคงรู้ถึงหูพวกนี้แล้ว ถึงได้แห่กันมาถึงนี่


   ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิดอะไร เพราะเขาก็ตามรับส่ง แถมกินข้าวกับปกฉัตรอย่างเปิดเผย


...แต่...รู้สึกหมั่นไส้สายตาพวกแม่ง กูจะไม่บอกดีๆหรอก!...


   “กูจะแดกที่ไหนก็เรื่องของกูมั้ย”


สามเพื่อนซี้ทำปากซู้ดที่ถูกด่าว่าอยากรู้อยากเห็น


   “แดกที่ไหนก็เรื่องของมึงครับ แต่แดกกับใครนี่รบกวนบอกพวกกูด้วย” อิสระแหย่ เจตน์รู้ดีว่าพวกนี้ไม่จบเรื่องที่อยากถามอย่างไวแน่ หนุ่มตี๋แห่งคณะบัญชียกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เที่ยงห้านาทีแล้ว และใครบางคนรอทานข้าวกับเขาอยู่


   “พวกมึงอยากรู้ก็ตามมา!”


แล้ววันนี้ โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ก็ได้ต้อนรับแขกต่างถิ่นเพิ่มอีกสามคน

...................

ปกฉัตรเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเจตน์ไม่ได้โผล่หน้าเข้ามาในโรงอาหารรัฐศาสตร์เพียงลำพัง แต่มีเพื่อนสนิทอีกสามตามหลัง สามคนนั้นเขาพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเคยเจอกันตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนมัธยม โดยเฉพาะธนทัตที่พักนี้ เจอกันทีไรก็มักจะชวนเขาคุยทุกที


“มึงสั่งข้าวรึยัง” เจตน์มาถึงก็ถามเรื่องอาหารกลางวันทันที ปกฉัตรยังงุนงงกับคนที่ตามหลังร่างสูงมาด้วยแต่ก็ยังส่ายหน้าเป็นคำตอบ


“แล้วทำไมไม่ไปสั่งไว้ก่อนวะ?! เดี๋ยวช้าแล้วมึงก็ไม่ได้กินกันพอดี! เรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ?!”


“ก็ไม่รู้ว่าพี่อยากทานอะไร”


“กูกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ! งั้นเดี๋ยวกูไปสั่งให้ มึงกินแบบกูแล้วกันจะได้เร็ว! อ้อ...ไอ้พวกนี้อยากมาแดกข้าวด้วย” ดูเหมือนเจตน์จะเพิ่งนึกได้ว่ามีพยานรักอีกสาม ปกฉัตรได้แต่พยักหน้ารับ หันไปส่งยิ้มจางๆเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกว่านี้


“งั้นพวกกูฝากสั่งด้วยแล้วกัน ไอ้เจ๋ง เอาแบบมึงกับน้องปก” อิสระกำลังจะหาทางได้ซักถามรุ่นน้องร่วมโรงเรียนมัธยมโดยปราศจากเพื่อน แต่เจตน์ตวัดสายตามาจิก มองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วเหมือนเห็น เสือ สิงห์ และกระทิงล้อมรอบลูกแกะตัวน้อยๆของเขา


...ถ้ากูไปสั่ง ก็เหลือไอ้ปกกับพวกนี้...


...ไม่ได้สิวะ! แกะของกู ใครอย่าแตะ!!!...


“พวกมึงสามตัวนั่นแหละไปสั่งข้าว” เรื่องอะไรจะทิ้งปกฉัตรไว้กับคนอื่น สู้ถีบคนอื่นออกไปแล้วทิ้งตัวเองไว้กับปกฉัตรดีกว่า!


“ก็มึงสั่งแทนพวก...”


“กูบอกว่าให้ไปสั่งข้าว! สั่งแทนกูกับปกด้วย!” คนที่ยังอยู่ในสถานะตามจีบ หวงก้างขนาดหนักชนิดไม่ยอมปล่อยปกฉัตรไว้กับเพื่อนสนิทของตนเองด้วยซ้ำ


“กันท่าแล้วคาบไปแดกตลอด” ธนทัตบ่น ก่อนจะพาผองเพื่อนอีกสองไปต่อแถวร้านขายอาหาร ในขณะที่เจตน์ยังยืนเฝ้าปกฉัตรอย่างกับเป็นเจ้าที่ก็ไม่ปาน


“แล้วพวกพี่ๆเขาจะทานน้ำอะไรกัน เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ร่างโปร่งหันมาถาม ตามประสาเจ้าบ้านที่ดี มีคนต่างถิ่นมาทานข้าวที่โรงอาหารทั้งที ก็ต้องต้อนรับกันอย่างมีมิตรไมตรี


“กูจะไปรู้เหรอ!” แต่คนที่ไม่มีไมตรีใดๆคือคนที่ยังหงุดหงิดเพื่อนซี้ ยิ่งเห็นสายตาพวกนั้นมองปกฉัตรกันระยิบ ก็ยิ่งรู้สึกหวงขึ้นมาถนัด หนุ่มปีหนึ่งคณะรัฐศาสตร์เห็นอารมณ์คนข้างกายก็ไม่อยากเซ้าซี้ ยอมเป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินตามสามหนุ่มจากต่างถิ่นไปถามเอง


“พี่...จะทานน้ำอะไรกันครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ประโยคนั้นลอยเข้าหูคนขี้หงุดหงิดพอดิบพอดี


คำว่า ‘พี่’ สั้นๆคำเดียว เป็นคำที่ก่อนหน้านี้เจตน์รู้สึกระคายหูเพราะไม่เคยถูกใครเรียก แต่ปกฉัตรกลับเรียกเขา แล้วพอเริ่มคุ้นชิน มาวันนี้ก็ชักจะระคายหูอีกรอบ เพราะปกฉัตรเอาไปเรียกคนอื่น


ร่างสูงไม่รู้ว่าสามเพื่อนสนิทสั่งน้ำอะไรกันบ้าง เพราะเขากระแทกตัวลงนั่งอย่างงุ่นง่าน แต่พอปกฉัตรกลับมาที่โต๊ะพร้อมด้วยน้ำเปล่าสี่ขวดที่หอบมาด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือน้ำใบบัวบกมาวางลงตรงหน้าเขา อกก็เริ่มคันยิบๆ ส่วนความหงุดหงิดก็ชักจะถดถอยลง


“เป็นอะไร ทำไมหงุดหงิด” คำถามดังเบาๆจากคนที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พอดวงตาเรียวเหลือบไปมอง เจ้าของคำถามกำลังเท้าคางมองมาที่เขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่...ทำให้เจตน์คันอกหนักกว่าเดิม


“พ...เพื่อนกูชื่อไอ้ไท ไอ้อิสแล้วก็ไอ้การุณ...”


ร่างโปร่งเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย เจตน์ดูดน้ำใบบัวบกสีเขียวเข้มปรื้ดใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ


“ถ้ามึงจะเรียกพวกมันว่าพี่ ก็เรียกพี่แล้วตามด้วยชื่อ ไม่ใช่เรียกพี่คำเดียวเหมือน...เหมือนที่เรียกกู...”


คิ้วเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคลายลงในวินาทีนั้น ทว่าดวงตายังจับจ้องคนพูดในขณะที่ริมฝีปากแย้มยิ้มจางอย่างเอ็นดู เป็นรอยยิ้มจางที่ไม่ต้องเก็บกดเอาไว้ข้างในอีกแล้ว เวลานี้...ปกฉัตรไม่ต้องกลัวที่จะซุกซ่อนความรู้สึกอีกแล้ว หากเจตน์ถามว่ายิ้มทำไม เขาก็จะตอบตามตรงว่ายิ้มเพราะเอ็นดูมาก


...เอ็นดูคนขี้หวงคนนี้มากๆ...


หนุ่มตี๋เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่นั่งข้างเขา อยากจะถามว่ายิ้มทำไม แต่...เพราะเป็นรอยยิ้มจากคนที่มักจะทำหน้าเฉยๆเป็นนิจ หัวใจของเขาบอกว่าไม่กล้าถามอะไรก็ตามที่จะทำให้รอยยิ้มนั้นหายไป


คนปากไวแถมปากไม่ค่อยดี เรียนรู้ที่จะหุบปากด้วยการโกยน้ำแข็งเข้าปากเยอะๆ จะได้ไม่พูดอะไรที่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของปกฉัตรจืดจาง เขา...อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้นานๆ ถึงจะเป็นรอยยิ้มน้อยๆก็เถอะ


ระหว่างพวกเขากลายเป็นความเงียบ ความเงียบที่คนหนึ่งนั่งยิ้มน้อยๆจ้องมองคนที่เอาแต่ตั้งสมาธิอยู่กับการโกยน้ำแข็งจนเกือบหมดแก้ว ก่อนจะลดสปีดกลายเป็นการเขี่ยเข้าปากทีละก้อนแทน


“พี่...ไม่อยากให้ผมเรียกคนอื่นเหมือนพี่เหรอ”


ในที่สุดก็เป็นปกฉัตรที่ตั้งคำถามขึ้นมาก่อน หัวใจอุ่นๆในอกนี้อยากให้เจตน์หันมาสนใจกันมากกว่าจะให้ไปสนใจน้ำแข็งก้อนไหนเสียอีก


“...” ไม่มีคำตอบ แต่คนถูกถามหูกระดิกรับรู้ เขี่ยน้ำแข็งเข้าปากไปอีก จนมือขาวต้องยื่นไปจับข้อมือของคนที่กำลังยกแก้วชิดปาก เจตน์ชะงักไปในทันที ปรายตามองก็เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มน้อยๆมาให้


...แล้วยิ้มแบบนี้กูจะพูดอะไรได้!...


“เคี้ยวน้ำแข็งแบบนั้นเดี๋ยวฟันก็สึกหมดหรอก ผมเทน้ำให้นะ” มือของปกฉัตรไม่ต้องออกแรงเลยแม้นิด แค่แตะเบาๆให้เจตน์วางแก้วลง คนตัวใหญ่แถมแรงเยอะกว่าก็ยอมวางแก้วให้เขาเทน้ำเปล่าใส่อย่างง่ายดาย


น้ำดื่มจากขวดพลาสติกค่อยๆรินลงสู่แก้วที่มีน้ำแข็งนอนก้น สายตาของเจตน์ควรจะหยุดอยู่ที่แก้วของตนเองแต่เขากลับมองทวนขึ้นไปตามสายน้ำ สู่ปากขวด สู่มือขาว ไปยังข้อมือ ไล่ไปตามแขนจนถึงข้อศอก แม้แขนเสื้อจะขวางกั้น แต่สายตาของเจตน์ก็ยังไล่ไปยังไหล่ จนมาถึงคอปกของเสื้อเชิ้ตนิสิตปีหนึ่งที่เผยอออกจากกันเล็กน้อยเพราะไม่ติดกระดุมเม็ดบนและไม่สวมเนคไท


...คอขาว กระดูกไหปลาร้าโปนที่วับๆแวมๆ...


สายตาจากดวงตาเรียวไล่ขึ้นมาที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ของหนุ่มรุ่นน้อง และสิ่งที่ตรึงสายตายิ่งกว่าอะไรก็คือใบหน้าของปกฉัตรที่กำลังยิ้มน้อยๆในขณะที่เจ้าตัวตั้งใจเทน้ำให้เขา


ไม่ใช่แค่บริการเล็กๆน้อยๆ แต่น้ำใบบัวบกแก้วนี้ ปกฉัตรตั้งใจซื้อมาให้


“วันนี้กูมาช้า มึงไม่หิวเหรอ” เป็นคำถามเบาๆจากผู้ชายโผงผาง เจตน์รู้สึกว่าพวกเขานั่งใกล้กันมากพอที่จะคุยกันด้วยเสียงเบาๆได้แล้ว หรือถ้าปกฉัตรจะไม่ได้ยิน เขาก็ยินดี...ที่จะขยับเข้าไปหาอีกหน่อย


ขยับเข้าไปใกล้กันอีกนิด...ให้ไหล่ของเขาซ้อนอยู่ข้างหลังไหล่ของปกฉัตร


“ไม่หรอก ผมก็เพิ่งเลิกเรียนเหมือนกัน” เพราะใกล้กันมากขึ้น น้ำเสียงที่คุยกันก็พลอยเบาลงไปด้วย


“แล้วเย็นนี้อยากกินอะไร”


“คิดไม่ออก ข้าวกลางวันยังไม่ได้กินเลย” ปกฉัตรตอบ รอยยิ้มกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย เรื่องทนหิวไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตนัก แต่สำหรับเจตน์ถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งทีเดียว หนุ่มตาเรียวกะพริบตาปริบๆ เหมือนจะเพิ่งนึกออกว่าส่งเพื่อนสนิทสามหน่อไปสั่งข้าว แต่ป่านนี้ยังไม่เห็นโผล่หัวกลับมาสักคนเดียว!


“เออ! แล้วพวกไอ้ไทแม่งไปสั่ง…” หันรีหันขวางจะมองหาเพื่อน แต่มือขาวกลับแตะแขนเรียกความสนใจจากเขาเสียก่อน


“ผมไม่รีบ รอได้” พอเจตน์หันกลับมามองหนุ่มรุ่นน้อง เสียงในคอที่เมื่อครู่จะโหวกเหวกก็หายวับเหลือเพียงเสียงเบาๆ


“แต่มึงจะหิว...”


“กินน้ำไปก่อนก็ได้...” แล้วเจ้าตัวก็หยิบแก้วน้ำที่เดิมเคยเป็นน้ำใบบัวบกแต่บัดนี้ถูกเติมน้ำเปล่าจนเต็มขึ้นมาดื่ม...ดื่มผ่านทางปากแก้ว ทั้งๆที่มีหลอด


เจตน์มองริมฝีปากที่กำลังดื่มน้ำแก้วเดียวกับเขาแล้วก็คันอกยุบยิบ ดวงตาเรียวพยายามอย่างยิ่งที่จะมองไปทางอื่น แต่ไม่รู้ทำไม จุดที่น่าสนใจจุดเดียวคือใบหน้าของปกฉัตรที่กำลังแตะริมฝีปากอยู่กับปากแก้ว ในขณะที่มุมปากยกขึ้นน้อยๆเหมือนกำลังยิ้ม


“ก...แก้วกูนะปก”


“ก็ไม่ได้ดูดจากหลอดนี่นา”


“ต...แต่เมื่อกี้กูกระดกน้ำแข็ง”


ปกฉัตรวางแก้วคืนตรงหน้าเจตน์ทั้งๆที่ยังยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องคนที่ทำเป็นมองไปทางอื่นด้วยหัวใจพองฟู


...พี่ที่กำลังเขินแบบนี้น่ะ น่ารักมาก...


“พี่เรียนบัญชีน่าจะคิดเลขเก่ง บอกหน่อยสิ...ปากแก้วเป็นวงกลมแบบนี้ มีกี่เปอร์เซ็นที่ปากผมจะทับรอยพี่...”


เกิดมาทั้งชีวิต เจตน์ไม่คิดว่าคณิตศาสตร์จะทำให้อกคันหนักขนาดนี้เลย!!!

......................

...พ่ายแพ้หมดสภาพ...


อย่าถามถึงสารรูปตอนนี้เลย เพราะหนุ่มเชื้อสายจีนผู้โผงผางแห่งคณะบัญชีคิดว่าตอนนี้ดีกว่าเมื่อตอนกลางวันมากแล้ว


ไม่รู้ปกฉัตรไปเรียนไอ้วิธีพูดเสียงเอื่อยๆแต่ตาพราวและยิ้มจางๆแบบนั้นมาจากไหน เจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่ายิ้มจางๆนั่นหวานเสียจนเขาไม่อยากให้หยุดยิ้มแม้แต่วินาทีเดียว ไหนจะดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นที่มองตรงมาที่เขาอีก ประกายระยิบในนั้น...ไม่อยากให้ละไปจากเขาเลย


แต่...ไม่ว่าจะรอยยิ้มหรือสายตา ยิ่งเห็น ยิ่งมองก็ยิ่งคันอกจนแทบบ้า


“มึงเป็นกลากเหรอกเจ๋ง กูเห็นเกาอยู่นั่น!” เสียงของญาติผู้พี่ที่หน้าตาคล้ายกันอย่างกับพี่น้องคลานตามกันมาดังขึ้น เจตน์เหลือบตาไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เจ้าของเสียงที่เดินผ่านไปยังห้องครัว


“ม่า ผมมาแล้วนะ”


“เล่นกับเจ๋งไปก่อน” เสียงตะโกนตอบกลับมาจากห้องครัวเป็นของหญิงชราเจ้าของอาคารพาณิชย์แห่งนี้ที่วันนี้ลงมือเข้าครัวเอง แถมด้วยการชักชวนหลานๆให้มาทานแหนมเนืองฝีมืออาม่าด้วย หลานรักรายแรกที่มาร่วมคือคนที่อาม่าเลี้ยงมาเองกับมือ อย่างเจตน์ซึ่งยอมกลับบ้านในวันธรรมดาหลังจากไปส่งปกฉัตรแล้ว ส่วนหลานรักรายที่สองซึ่งถูกอาม่าเลี้ยงมาพร้อมๆกันก็คือเจียระไน


“ม่าให้กูเล่นอะไรกับมึงวะ” หลานรักรายที่สองซึ่งโตเกินกว่าจะเล่นกับญาติผู้น้องหันมาถาม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ดูจะไม่สนใจเจตน์เลยสักนิด


“เฮีย...” แต่เจตน์จะไม่สนใจลูกพี่ลูกน้องรายนี้ก็ไม่ได้ เพราะถือเป็นญาติสนิทที่สุด และเวลานี้...เขาก็ต้องการศิราณีมากๆด้วย


เจียระไนเหลือบตามองเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ก่อนจะลดสายตาลงสนใจโทรศัพท์มือถือของตนเองต่อ


“คือ...เฮียคิดว่าไง ถ้าคนจีบกันกินน้ำแก้วเดียวกัน บ...แบบจงใจด้วยนะ”


ตาเรียวๆของญาติผู้พี่เหลือบมองคนมีศักดิ์เป็นน้องอีกที


“มึงถามเชี่ยอะไรเนี่ย?!”


“ก็...ก็...” เจตน์เองก็ไม่รู้ว่าถามอะไรออกไป


   “คนก่อนๆของมึงคงไม่ใช่แค่แดกน้ำแก้วเดียวกันหรอกมั้ง”


   “ก็ใช่...แต่...แต่คนนี้ไม่เหมือนคนอื่น...” พอคิดถึงตอนปกฉัตรจรดริมฝีปากกับปากแก้วของเขาแล้วเจตน์ก็คันอกขึ้นมาอีก แถมตอนนี้ยังคำนวณเปอร์เซ็นที่รายนั้นถามค้างเอาไว้ไม่ออกเลย


   “ค...คือผมจีบมัน แต่...แต่อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าโดนมันจีบเอาๆ” คนฟังถึงกับชะงัก เพราะนอกจากน้องชายจะมีโอกาสได้จีบแล้ว มันยังกล้าพูดว่าถูกอีกฝ่ายจีบกลับด้วย


   ...เชี่ยเอ๊ย! อิจฉา!!...


    “มึงคิดไปเองรึเปล่า!” สาบานว่าอิจฉาของแท้ เจียระไนเลยหักดิบญาติผู้น้องซะเลย


   “ไม่หรอกเฮีย มัน...ดูเงียบๆก็จริง ไม่น่าจะจีบใครเป็น แต่...แต่ยังไงผมก็ว่าเหมือนมันจะจีบผมกลับ...” ฟังๆแล้วเจียระไนชักอิจฉาหนัก เพราะสิ่งที่เจตน์พูดมา ล้วนตรงกับเขาทุกอย่าง


   คนที่เขาหมายตาก็เงียบๆ ดูแล้วไม่น่าจะจีบใครเป็น แต่มันต่างกันตรงที่เจตน์ถูกคนแบบนั้นจีบกลับ ส่วนเขา!...อย่าว่าแต่โดนจีบกลับมาเลย! เอาแค่ให้ฝ่ายนั้นรู้ว่าเขาจีบก็ยากแล้ว!!


   “กูว่ามึงคิดไปเอง!!” เจียระไนย้ำชัด หน้าตาอิจฉาระดับสิบ เจตน์ชะงัก หันมองคนเป็นพี่ด้วยความงุนงง


   “เออ คิดไปเองก็ได้ เฮียจะใส่อารมณ์ทำไมวะ”


   “กูเปล่า! แต่กูว่ามึงคิดไปเอง! ก็มึงบอกกูอยู่เมื่อกี้ว่ามึงเป็นคนจีบ! แล้วคนที่มึงจีบจะมาจีบมึงกลับได้ไง! ถ้าเขาจีบมึงกลับก็แสดงว่าเขาก็ชอบมึงน่ะสิ! ถ้าแบบนั้นแม่งก็เป็นแฟนกันไปเลยสิวะ! จะจีบกันไปๆมาๆทำเชี่ยอะไร!!” เจียระไนใส่อารมณ์เต็มร้อยตามประสาคนไม่ประสบความสำเร็จในความรักสักที ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีหายเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงโล้งเล้งดังลั่น


   “ม่า! ผมหิว! ผมจะช่วยม่าทำ!”


   เจียระไนหารู้ไม่...คำพูดประชดประชันเมื่อครู่นี้ราวกับคัมภีร์เบิกเนตรน้องชาย


   ถ้าจีบก็แสดงว่าชอบ ถ้าปกฉัตรจีบกลับก็แสดงว่าปกฉัตรก็ชอบ


   ...เออ! ถ้าต่างคนต่างชอบกัน แล้วจะจีบกันไปจีบกันมาทำไม! เป็นแฟนกันเลยสิวะ ถึงจะถูก!!!...

.............................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 04-01-2018 20:19:59


อย่าว่าแต่เพื่อนของเจตน์จะจับสังเกตความสัมพันธ์อันงอกเงยของเจตน์และปกฉัตรได้เลย ดิษกรที่แม้จะไม่ได้เจอเพื่อนสนิทบ่อยๆ แต่อาศัยว่าบ้านใกล้เรือนเคียง ก็ยังเห็นความเป็นไปที่เกิดขึ้นในบ้านหลังข้างๆ ที่เดี๋ยวนี้มีรถหรูมารับมาส่ง บางวันคนขับก็สิงสถิตอยู่ที่บ้านหลังนี้จนมืดค่ำก่อนจะยอมกลับ บางวันก็แวะมาส่งดึกๆ และต้องรอจนกว่าเจ้าของบ้านจะปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ถึงได้กลับ หรือบางวันก็แวะมาส่งอย่างเดียว แต่ก็เห็นล่ำลากันในรถนานเป็นพิเศษก่อนคนถูกพามาส่งจะได้ลงจากรถ


   สบโอกาสเหมาะก็เย็นวันนี้ที่คนขับรถหรูคันนั้นไม่ลงจากรถ แถมส่งแล้วก็กลับไม่นั่งแช่อยู่ที่บ้านของปกฉัตรนานๆเหมือนทุกที


“อะแฮ่ม” ดิษกรผู้อยู่บ้านหลังข้างๆชะโงกหน้าข้ามรั้วเตี้ยๆเข้ามายิ้มแฉ่งส่งเสียงทักทาย


ปกฉัตรนิ่งไปเล็กน้อย เห็นจากรอยยิ้มของดิษกรก็พอรู้ว่าเพื่อนสนิทรายนี้คงรู้เห็นไม่ต่างจากเหล่าเพื่อนสนิทของเจตน์ที่พากันมาที่โรงอาหารคณะของเขาหรอก


แต่...คนทำหน้านิ่งเป็นนิจก็ยังทำสีหน้าเฉยได้เหมือนเคย ก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่ชะโงกหน้าข้ามรั้วมา


“วันนี้กลับเร็วเหรอ” ปกฉัตรถามก่อน


“ไม่เร็วก็ไม่ได้เห็นเพื่อนกูเปลี่ยนไปหรอก” ดิษกรหุบรอยยิ้มแล้วทำหน้าหงอย ทำเอาร่างโปร่งงงงัน


“เปลี่ยนไปตรงไหน”


“ก็ตรงที่เดี๋ยวนี้มีรถหรูรับส่ง ลืมรถญี่ปุ่นกูไงล่ะ” จากความงุนงงกลายเป็นชักจะเขินที่ถูกทักเรื่องนี้ แต่ปกฉัตรก็ยังอาศัยความนิ่ง มองไปทางอื่นแล้วตอบเสียงเบา


“ก็แค่มารับส่ง”


“แหม มึงพูดอย่างกับเฮียกูเป็นแท็กซี่” ดิษกรหยอก ค้ำสองแขนกับรั้วเตี้ยจับจ้องใบหน้าของเพื่อนรัก อีกฝ่ายดูมีความสุข อย่างน้อยๆในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ทำเป็นมองเมินไปทางอื่นก็บอกเขาแบบนั้น


“เล่าให้เพื่อนฟังได้ยัง ไปไงมาไง ทำไมมาลงเอยกัน”


“ลงเอยอะไร”


“ฮั่นแหน่ะ! มีปากแข็ง เรื่องเมื่อกลางวันที่โรงอาหารคณะมึงน่ะ อย่าคิดนะว่าจะไม่มีคนมาเล่าให้กูฟัง กูมีคลิปด้วย”


“คลิปอะไร” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกโตอย่างไม่เข้าใจ หวนคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรประเจิดประเจ้อ ก็แค่...หาเรื่องกินน้ำแก้วเดียวกับ ‘พี่’ แค่นั้นเอง


“คลิปอิงแอบแนบชิด” ดิษกรพูดแล้วยิ้มกริ่ม ก่อนจะเปิดโทรศัพท์มือถือให้ดู คลิปที่ปรากฏนั้นเป็นคลิปที่ถูกถ่ายจากด้านหลังปกฉัตรและเจตน์ ไม่เห็นมีอะไรเลยนอกจากไหล่ของเจตน์ซ้อนอยู่ข้างหลังเขา


นั่งใกล้กันจริง แต่ไม่ถึงขั้นอิงแอบแนบชิดสักหน่อย


“มีคนบอกกูว่าเฮียหูแดงเลย มึงทำอะไรเฮียเจ๋งของกู หึ?”


“ไม่ทำอะไรหรอกหน่า” เป็นว่ายังไงๆก็ไม่ยอมพูด แต่ถึงอย่างนั้นดิษกรก็ยังเอาคลิปนั้นมาเปิดดูซ้ำ แม้ในคลิปจะเห็นแค่ข้างหลัง เขาก็ดูไปยิ้มไป


“ยิ้มอะไรนักหนา ดิษ” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเพื่อนสนิท ทำเอาปกฉัตรเขินขึ้นมาแล้วจริงๆ


“ขนาดเห็นแค่ข้างหลังยังรู้เลยว่ามึงมีความสุข” ดิษกรเอ่ยปากอย่างที่ทำเอาร่างโปร่งนิ่ง


...ความสุขหรือ...


...ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเวลาอยู่กับพี่แล้วมีความสุขขนาดที่แม้จะมองจากข้างหลังก็ยังรับรู้ได้...


...ความสุข...


จู่ๆภาพความสุขในอดีตที่ปกฉัตรเคยมี ภาพของครอบครัวของเขาที่มีพร้อมหน้าทั้งบิดามารดาและบ้านหลังนี้ ภาพของเด็กชายปกฉัตรที่ห้อมล้อมด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ภาพเหล่านั้น...ปรากฏขึ้นในสมอง


มันปรากฏแค่วูบเดียว ก่อนจะกลายเป็นภาพของบิดามารดาที่หายลับเข้าไปในเขตของผู้เดินทางออกจากประเทศ แล้วเหลือเพียงปกฉัตรคนเดียวที่นี่


“ปก?...ไอ้ปก...” เสียงดิษกรปลุกสติร่างโปร่งออกมาจากความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ความสุขที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยการจากลา ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย แต่ที่นี่...ที่บ้านหลังนี้ก็เหลือเพียงปกฉัตรคนเดียว


“เป็นไรวะ” สีหน้าซีดเผือดของเพื่อนสนิททำเอาดิษกรใจหาย ปกฉัตรส่ายหน้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่พอจะเดินหนีเข้าบ้าน แขนของเขากลับถูกคว้าเอาไว้


ดิษกรเอื้อมมือข้ามรั้วมาจับแขนเพื่อนรักเอาไว้แน่นราวกับจะไม่ปล่อยไปถ้าหากยังไม่ได้คำตอบ ปกฉัตรนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาอย่างแผ่วเบา


“ความสุข...จะอยู่กับกูอีกนานมั้ย” เป็นคำถามที่ทำเอาคนฟังตะลึงงัน


เพราะรู้จักกันมาแต่เด็ก เขารู้เห็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของเพื่อนคนนี้หลายอย่าง รวมไปถึงการเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวด้วย


“ปก...มึงกำลังกลัวเหรอ”


ไม่มีคำตอบจากปกฉัตร ทว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นไหวระริกและมองเมินไปทางอื่น


“กู...บอกมึงไม่ได้หรอกว่าความสุขจะอยู่กับมึงอีกนานมั้ย แต่ที่กูรู้...เฮียเจ๋งเป็นคนหนักแน่น จริงจัง และกูว่า...ความรู้สึกที่เขามีให้มึง มันจะทำให้มึงมีความสุขมากกว่าความทุกข์” หนุ่มตัวใหญ่ที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอออกปากด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ และเป็นความแน่วแน่ที่ทำให้ดวงตาของปกฉัตรต้องเหลือบกลับมามอง



ทว่า...ในดวงตาคู่นั้นกลับฉายชัดไปด้วยความหวั่นไหว



“ต่อให้จริงจัง...สุดท้ายก็คงจะไปจากกูอยู่ดี...”


“...ความสุข...ไม่เคยอยู่กับกูนาน...”


ระหว่างพวกเขาคือรั้วเตี้ยที่กั้นเอาไว้ ดิษกรมองข้ามรั้วนี้เข้าไปในบ้านของเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็กจนโต เห็นตั้งแต่ปกฉัตรยังเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยพ่อแม่ เป็นครอบครัวอบอุ่น


แต่แล้ววันหนึ่ง...วันที่พ่อแม่ของปกฉัตรถูกส่งไปทำงานที่ต่างประเทศ เด็กชายปกฉัตรในวัยแตกเนื้อหนุ่มเสนอให้พ่อและแม่ไปเพียงสองคน ในขณะที่ตนเองจะอยู่ประเทศไทยเพื่อเรียนต่อมัธยมปลายและสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะด้วยกาารแสดงออกอย่างเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยเหตุผล หรือเพราะพ่อแม่ตามใจ สุดท้าย...ปกฉัตรก็อยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง


สามคนพ่อแม่ลูกไม่ได้บาดหมางกัน พ่อแม่ของปกฉัตรยังคงกลับมาเยี่ยมลูกชายทุกปี กลับมาจัดงานวันเกิดให้แทบทุกปี ยังส่งของขวัญตามเทศกาลมาให้ ยังติดต่อทางโทรศัพท์และการสื่อสารอื่นๆที่อำนวย ปกฉัตรเองก็ยังรักและคิดถึงบุพการีเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าตัวเคยหลุดปากบอกเพื่อนสนิทคือ ณ วันนั้น สิ่งที่ทำคือการลองใจ ระหว่างงานที่ต่างประเทศหรือลูกชายที่เมืองไทย บิดามารดาจะเลือกอะไร


หากย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ยื่นข้อเสนอให้พ่อแม่เลือกระหว่างงานและตัวเขาเลย


หากย้อนเวลากลับไปได้...จะไม่เติบโตขึ้นเพียงลำพังในบ้านที่มีแต่ความทรงจำของครอบครัวเลย


ดิษกรพูดไม่ออก และพลอยเป็นรั้งเพื่อนเอาไว้ไม่ได้อีก ปกฉัตรหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน ในขณะที่เขาทำได้เพียงยืนมองอยู่ที่เดิม


ถ้านี่คือความกลัว ก็ขออย่าให้มันทำลายความสัมพันธ์ของเจตน์และปกฉัตรเลย

................................

เมื่อเช้า ปกฉัตรดูแปลกๆ


เงียบ ซึม ต่อให้ยิ้มก็ยิ้มแบบที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นไม่ได้ยิ้มตามเลยสักนิด


เจตน์ตามรับส่งมาพักหนึ่งแล้ว ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเช้าวันนี้ของปกฉัตรไม่เหมือนก่อน ที่คิดๆเอาไว้ว่าจะขอเป็นแฟนตามที่ถูกญาติผู้พี่เบิกเนตรมาก็เลยต้องพับไปก่อน เพราะสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายดูแล้วน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง!


...หรือเที่ยงนี้จะพามันไปกินอะไรอร่อยๆดี...


...ไม่สิ มันปีหนึ่ง วิชาที่ต้องเรียนแน่นเอี้ยดอย่างกับหางว่าว! แดก! เอ๊ย! กินที่โรงอาหารคณะมันนี่แหละ!...


เจตน์ตัดสินใจเสร็จสรรพตอนเดินมาถึงคณะรัฐศาสตร์ เที่ยงนี้เขาก็ยังถูกเพื่อนๆยกย่องว่าเป็นมนุษย์อารมณ์ดีที่กล้าเดินฝ่าแดดตอนเที่ยงออกจากคณะมาได้โดยไม่หงุดหงิด


...ก็แน่สิ! จะมาเจอไอ้ปก จะหงุดหงิดทำพ่องรึไง?!!!...


คนปวารณาตัวว่าจะไม่หงุดหงิดยืนสถิตอยู่ที่เดิมอันเป็นที่ประจำที่เขามักจะมารอปกฉัตรตรงนี้ หรือไม่ปกฉัตรก็มารอเขา เป็นมุมเสาต้นหนึ่งที่โถงของตึกเรียนที่มีคนพลุ่กพล่าน


เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกห้านาทีจะเที่ยงแล้ว อีกฝ่ายคงใกล้จะลงมาแล้ว ดวงตาเรียวสอดส่ายมองหา ก่อนจะเห็นร่างสูงโปร่งเดินมาจากระเบียงทางเดิน พร้อมด้วย...หนุ่มลูกครึ่งแต่หน้าตาฝรั่งจ๋า! แล้วพอเหลือบไปมองปกฉัตรที่กำลังยิ้มแย้มก็นึกเข่นเขี้ยวคนที่เขาอุตส่าห์เป็นห่วง


...ทีเมื่อเช้าหน้าซึมฉิบหาย! พออยู่กับไอ้ฝรั่งนี่แล้วดี๊ด๊าเป็นปลาได้น้ำเลยนะมึง!!!...


เจตน์กำลังจะพุ่งตัวไปแทรกกลางก็ดันช้ากว่าหญิงสาวร่างป้อมผมหยิกที่วิ่งไปถึงก่อน


...ผู้หญิงมาจากไหนวะเนี่ย?!!...


เกือบจะได้ว้ากก่อนเที่ยงดูสักที แต่ปรากฏว่าปกฉัตรยกมือไหว้ผู้หญิงคนนั้น อารมณ์ที่กำลังจะได้ที่ของเจตน์เลยแทบมอดในวินาทีนั้น แล้วจัดลำดับหญิงสาวคนที่ปกฉัตรไหว้ให้เข้าไปอยู่ในหมวดหมู่ญาติผู้ใหญ่


...แต่...ถึงผู้หญิงจะผ่าน ไอ้ลูกครึ่งนั่นกูก็ไม่ให้ผ่าน!! ยืนข้างไอ้ปกแทบจะสิงกันอยู่แล้วนะเว้ย!!...


หนุ่มตี๋ที่เพื่อนๆคณะบัญชีบอกว่าหมู่นี้อารมณ์ดี ตีหน้าหงิกแล้วก้าวเร็วๆไปหาทันที แต่เพราะผู้คนมากมายในโถงตึก กว่าเขาจะแทรกผ่านกลุ่มขี้เม้าตรงนั้น หลบคณะนิสิตที่ห้อมล้อมอาจารย์รูปหล่อตรงโน้น แถมเกือบจะชนกับคนที่รีบวิ่งออกจากตึก กว่าจะไปปรากฏตัวในสายตาของปกฉัตรได้ หญิงสาวคนนั้นก็โบกมือลาแล้ว


“ดี จะได้กินยาวๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกพี่โซ่กับพี่เวฟก่อนนะ แล้วไว้เจอกันวันเสาร์นะปก” แต่ไม่วายก่อนไปก็ยังนัดแนะมาเข้าหูเจตน์อีก


“นั่นใคร?!” หนุ่มตี๋หน้าหงิกไม่เพียงแต่ก้าวเข้าไปยืนประจันหน้ากับปกฉัตร แต่ยังถามถึงหญิงสาวที่หายออกจากโถงตึกไปแล้ว


“อ้าว พี่มาแล้วเหรอ”


“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง กูถามว่านั่นใคร?!”


“เมื่อกี้พี่รหัส”


“ชื่อไร?!”


“พี่ฟาง”


“แล้วนัดอะไรกัน?!” ไม่ตะคอก ตะโกน ตะเบ็ง แต่ตาเรียวจิกหนักแถมเสียงแข็งโป้กอีกต่างหาก


“พี่ฟางนัดไปกินข้าวกับสายรหัส”


“เมื่อไร?!”


“วันเสาร์นี้...” ปกฉัตรตอบแล้วก็รู้สึกว่าถ้าเขาไม่บอกให้หมด เจตน์ก็คงถามทีละคำถามเพื่อเอาคำตอบจากเขาอยู่ดี


“...แต่ยังไม่รู้ว่าที่ไหน พี่เขาบอกว่าจะไปคุยกับพี่ปีสามกับพี่ปีสี่แล้วจะมาบอกอีกที แล้ว...เดี๋ยวผมบอกพี่นะ” ประโยคหลังนั่นเหมือนเป็นประโยคบอกเล่า แต่สายตาจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายบางอย่างที่ทำเอาคนเสียงแข็งเมื่อครู่นี้ใจอ่อนยวบ


“เออ! บอกกูด้วย!” ใจอ่อนกับเรื่องหญิงสาวร่างป้อมคนเมื่อครู่นี้ก็จริง แต่ยังเหลือเรื่อที่ควรจะใจแข็งอีกเรื่อง


เจตน์ปรายสายตาไปทางหนุ่มลูกครึ่งที่ยังยืนเงียบอยู่ข้างปกฉัตร แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร หนุ่มลูกครึ่งรายนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน


 “ไปโรงอาหารก่อนนะ” เป็นการบอกกับเพื่อนร่วมภาควิชา ก่อนจะเดินจากไปทันที ปกฉัตรมองตามด้วยความสงสัย เพราะเจฟฟรี่ที่คุยสนุกสนานตั้งแต่ออกจากห้องเรียนดูจะเงียบไปในทันทีที่พี่รหัสของเขาปรากฏตัว


“กูหิว!!” และเพราะเอาแต่มองตามคนอื่น ผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยต้องเรียกร้องความสนใจนิดหน่อย แต่...หนุ่มรุ่นน้องก็ยังไม่หันมาสนใจกันอยู่ดี


   “เฮ่ย! กูบอกว่าหิว!!” เป็นอีกครั้งที่เสียงของเจตน์ดังอย่างหงุดหงิด ปกฉัตรหันกลับไปมองคนหน้าหงิก


   “หงุดหงิดอะไร” เขาถามเรียบๆ แต่ร่างสูงพ่นลมหายใจแรง


   “ก็มึงให้กูมารอ! แต่เสือกคุยกับคนนั้นทีคนนี้ที! เห็นหัวกูบ้างมั้ยเนี่ย!!” มุมปากของปกฉัตรปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ถึงจะรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำให้อีกฝ่ายต้องแบกท้องหิว แต่ก็...อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี


   ...ไม่อยากบอกเลยว่าเห็นหัวพี่คนแรกเลยตั้งแต่เดินมาถึงนี่น่ะ...


   “ยิ้มไร?! เห็นกูหิวเป็นเรื่องสนุกรึไง!”


   “เปล่า...พี่รออีกหน่อยได้มั้ย ผมต้องเอาเลคเชอร์ของเพื่อนไปซีร็อกก่อน” ร่างโปร่งบอกเงื่อนไขแล้วชูสมุดในมือให้คนหน้าหงิกดู


   “มึงจดเองไม่เป็นเหรอ ถึงต้องยืมคนอื่น!”


อันที่จริงก็ไม่ได้หิวจนหงุดหงิด แต่ที่ไม่สบอารมณ์สุดก็ตอนที่เห็นไอ้หนุ่มลูกครึ่งเดินขนาบข้างปกฉัตรมาต่างหาก เท่านั้นไม่พอ ยังมีผู้หญิงตัวกระปุกลุกวิ่งดุ๊กๆมาเกาะแขนอีก! นี่ยังดีนะว่ารายนั้น ปกฉัตรยกมือไหว้ จะไม่หึงก็ได้!


   “จดเป็น แต่ผมจดไม่ทัน” แต่ปกฉัตรก็ยังเย็นเหมือนน้ำ ตอบเรื่อยๆ ใบหน้าขาวก็ยังเรียบ ไม่บอกอารมณ์ แต่...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั่นระยิบระยับ เจตน์ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด


   ...ตอนมองไอ้ฝรั่งเมื่อกี้นั่นตาวิบวับแบบนี้เปล่าวะ?! แม่ง!!!...


   “ของไอ้เมื่อกี้ใช่มั้ย?!” เขาถาม เคืองสายตาแม้กระทั่งสมุดสีน้ำตาลในมือขาว


   “เขาชื่อเจฟ”


   ...สัด! ชื่อคล้ายกูด้วยนะ!!...


   “กูชื่อเจ๋ง!” ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกทำไม แต่เจตน์ก็อยากบอก ปกฉัตรเกือบหลุดหัวเราะ ดีว่าทำเป็นกระแอมทัน เขาตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ว่าตัวเองรู้เห็นในอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดและหึงเป็นบ้าแบบนี้


   “ผมรู้แล้วว่าพี่ชื่อเจ๋ง บอกผมทำไม” ปกฉัตรยังทำหน้าเฉยๆถามกลับไป เจตน์ยิ่งงุ่นง่านหนักกว่าเก่า เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกชื่อตนเองทำไม ที่รู้ๆคือชื่อหนุ่มฝรั่งเมื่อกี้ดันใกล้เคียงกับชื่อของเขา! แถมมันยังมาเกาะแกะปกฉัตรเหมือนเขาด้วย!


   …ไม่รู้ล่ะ! ยังไงกูก็จีบก่อน! ถือว่ากูเป็น first priority โว้ย!!...


   “ก็เดี๋ยวมึงลืม! แล้วจำไว้ด้วยว่ากูจีบมึงอยู่!” เจตน์ให้เหตุผลมั่วซั่วไปหมด แต่ก็ยังไม่วายย้ำประโยคเด็ดถึงสถานะระหว่างเขากับปกฉัตร


   “เรื่องนี้ผมก็รู้แล้ว...” ปกฉัตรพูดเสียงเบา ไม่ใช่เกรงว่าใครจะได้ยิน แต่กำลังเขินจนวาบหวามไปทั้งหัวใจต่างหาก


   “รู้แล้วก็ดี! ไปแดกข้าวได้แล้ว!” เจตน์คว้าหมับเข้าที่แขนของคนตรงหน้า แต่ปกฉัตรยื้อร่างเอาไว้


   “ซีร็อกก่อน” พูดแล้วก็โบกสมุดในมือไปมา หนุ่มบัญชีปีสองพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ ก่อนจะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปที่ร้านถ่ายเอกสาร แต่แน่นอน...เรื่องอะไรจะปล่อยให้ปกฉัตรเดินไปคนเดียว แม้จะไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนคุยกันเมื่อกี้ แต่เจตน์ก็ยังเดินตามไปแสดงความเป็นเจ้าของด้วย


   กว่าจะถ่ายเอกสารเสร็จ มาถึงโรงอาหารก็ไม่มีที่ว่างแล้ว ในโรงอาหารแน่นขนัดไปด้วยนิสิตจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นปกฉัตรก็ยังเห็นเจฟฟรี่นั่งทานข้าวอยู่กับเพื่อนในภาควิชาคนอื่นๆ เขาเอาสมุดเลคเชอร์ไปคืน ขอบอกขอบใจด้วยรอยยิ้มและไมตรีที่ดีต่อกันได้ไม่เกินหนึ่งนาที หนุ่มตี๋แห่งคณะบัญชีก็ไปยืนตีหน้าหงิกอยู่ข้างๆ เจฟฟรี่ไม่เข้าใจเท่าไรนักว่าทำไมคนแปลกหน้าอย่างเจตน์ถึงไปยืนจ้องเขา แต่...ใครอีกหลายคนในโรงอาหารเข้าใจ


   ข่าวลือที่ว่าปกฉัตรมีแฟนเป็นหนุ่มต่างคณะแพร่สะพัดไปทั่วคณะรัฐศาสตร์


   “นั่นแฟนน้องปก ไออาร์”


“ปก ไออาร์มีแฟนแล้วเหรอ?!”



   “ใช่คนที่นั่งชิดกันในคลิปเปล่าวะ”


   “คลิปนั่นมีหลายมุมฉิบหาย มีมุมนึงแม่งอย่างกับซุกคอกัน!”


   “เฮ้ยๆ กูจำไอ้คนที่เดินกับน้องปกได้นะ นั่นเด็กปีสองบัญชีฯอ่ะ ชื่อเจ๋ง”


   “เจ๋ง บัญชีฯ? งั้นก็น้องไอ้โจ๊ก ปกครองน่ะสิ!”


   ในโรงอาหารนั้นเซ็งแซ่ แม้ใครจะพากันพูดเรื่องปกฉัตรและหนุ่มข้างกาย ก็อาจจะจับคำพูดได้ไม่มากนัก แต่ที่จับได้แน่ๆคือสายตาที่มองมาที่พวกเขา ปกฉัตรรู้ตัวอยู่แล้วเกี่ยวกับข่าวลือของเขาและเจตน์ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือเจตน์จะเลือกอะไร...ระหว่างเขาหรือข่าวลือพวกนั้น...


   “ผมว่า...เราไปกินที่อื่นกันมั้ย” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมามองร่างสูงที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด


   “ทำไม?! มึงไม่อยากให้กูเห็นไอ้ฝรั่งนั่นรึไง?!”


   “ไม่ใช่สักหน่อย แต่...ที่นี่มีข่าวลือเรื่องผมกับพี่ เอ่อ...เมื่อวาน มีคนแอบถ่ายคลิปพวกเรา...”


   คลิปที่ดิษกรเคยเอามาให้ดู เคยออกปากว่าเห็นแค่ข้างหลังก็รู้ว่าปกฉัตรมีความสุข คลิปที่...ปกฉัตรไม่กล้าดูอีก เพราะกลัวว่าความสุขที่เขามี จะหายไปเมื่อรู้ตัว


   “คลิปไร”


   “ก็...คลิปที่เรานั่งข้างกัน”


   “แล้ว?” เจตน์ยังไม่เข้าใจ แค่คนนั่งข้างกันมันจะเป็นประเด็นอะไรนักหนา


   “ก็...อาจจะมีคนมองมาที่พี่ แล้วพี่จะ...อึดอัด...” เจตน์กวาดสายตามองรอบตัว ถึงได้เพิ่งสังเกตว่ามีสายตาหลายคู่ในโรงอาหารมองมาที่พวกเขา แต่พอเขาหันไปมองตอบ พวกนั้นก็ก็ลอยหน้าลอยตาหนี บ้างก็ทำเป็นตั้งหน้าตั้งกินข้าว


   “พี่...อาจจะทานข้าวไม่ลง ถ้า...มีคนมองแบบนี้”


   “เออสิ! กูไม่ใช่หมีในสวนสัตว์! ถึงต้องให้คนมาจ้องตอนกูแดก!”


   “งั้น...ไปกินที่อื่นมั้ย” ปกฉัตรถาม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเจตน์ต้องเลือกความสบายใจด้วยการไปทานที่อื่นแทนที่จะทนนั่งอยู่ในโรงอาหารนี้แล้วให้ผู้คนพากันมองแล้วซุบซิบนินทา


ทั้งๆที่รู้ว่าสุดท้ายเจตน์ต้องเลือกอย่างอื่นที่ไม่ใช่เขา แต่ก็อด...ใจหายไม่ได้อยู่ดี


   ร่างสูงหันมามองคนถาม ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู


   “เที่ยงสิบห้าแล้ว มึงจะไปแด...เอ่อ...กินไหนล่ะ กว่าจะไปถึง กว่าจะได้โต๊ะ กว่าจะสั่ง มึงจะกลับมาเรียนคาบบ่ายทันเหรอ”


   “แล้วอีกอย่าง...ถึงกูจะอึดอัดที่ถูกมอง แต่กูน่ะจีบมึงจริง ถ้าจะมีคนเอาเรื่องที่กูจีบมึงไปลือ แล้วพวกที่ได้ยินข่าวลือก็พากันมาจ้องกู กูว่ามันก็สมเหตุสมผลเปล่าวะ?!”


เจตน์คนจริง เป็นคนที่เอาจริงเอาจังอย่างห้าวหาญ ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจในโรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ คำพูดทื่อๆเหล่านั้นไม่โรแมนติกเลยสักนิด แต่...สำหรับปกฉัตรแล้ว คำพูดของเจตน์กลับทำให้เขาร้อนผ่าวเหมือนถูกกอดแน่นๆซ้ำๆ


   “แล้วมึงจะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย ไปสั่งข้าวสิ! มีเรียนบ่ายไม่ใช่รึไง?! ไม่สั่งเดี๋ยวก็ไม่ได้แดก...เอ้ย...กินสักทีหรอก!” เสียงของเจตน์ดังปลุกสติ ปกฉัตรพยักหน้าหงึกหงัก


   “งั้น...งั้นพี่หาที่แล้วกัน จะกินอะไร ผมจะสั่งเผื่อ”


   “เอาเหมือนมึงนั่นแหละ จะได้ไว” ร่างโปร่งพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปต่อแถวร้านอาหารตามสั่ง แต่ไม่วายหันกลับไปมองหนุ่มต่างคณะที่ไปด้อมๆมองๆโต๊ะที่ใกล้จะกินเสร็จ จนสุดท้ายก็ได้โต๊ะนั่ง


หนุ่มตี๋คณะบัญชีนั่งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสายตามากมายที่มองตรงไปที่คนแปลกหน้าของคณะรัฐศาสตร์ ถึงจะดูหงุดหงิดเพราะคิ้วขมวดชิดแต่ก็ไม่ทุกข์ร้อน เป็นคนจริงจังและหนักแน่นกับความรู้สึก ตั้งใจและมั่นใจกับสิ่งที่ทำ


   หัวใจเสี้ยวหนึ่งของปกฉัตรร้องบอกว่าฝากความหวังไว้ที่ผู้ชายคนนี้ได้


...ผู้ชายคนนี้...จะไม่ทิ้งกันไป แล้วปล่อยให้โดดเดี่ยวเหมือนที่แล้วมา


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ปกฉัตรเป็นคนชอบวัดใจคนอื่นค่ะ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่าง ‘การจะนั่งในโรงอาหารต่อไปมั้ย ถ้าจะมีคนมอง’ แต่น้องก็ไม่พร้อมจะเสี่ยงกับผลลัพธ์เลย เป็นคนที่สร้างเกมขึ้นมาเองแล้วก็เจ็บเอง ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้ตามที่คิดค่ะ

ส่วนเฮียเจ๋ง จะเห็นว่าพาร์ทนี้เฮียโชว์ความจริงจังและหนักแน่นของเฮียมาก ชื่อจริงของเฮีย “เจตน์” มาจากคำว่า “เจตนา = ความคิด ความตั้งใจ” นั่นเองค่ะ (ตั้งชื่อเอาเคล็ดจริงๆ บอกแล้ววววว)

เฮียชอบโวยวายก็จริง แต่เฮียน่ารักเนอะ เหมือนจะคล้าย “โจ๊ก ปกครอง” แต่น่ารักกว่าพี่โจ๊กเยอะเลยค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสฯหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 04-01-2018 20:42:21
น้องปกลูก55555 ทำพี่เจ๋งเขินบ่อยๆ นะ ชอบเวลาคนเกรี้ยวกราดเขิน เอ็นดูแรงมว๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: chnokky ที่ 04-01-2018 20:53:30
ทำไมเอ็นดูตอนโจ๊กอยู่กับเจ๋ง ขำที่ม่าบอกให้ไปเล่นกับเจ๋งก่อน อิพี่โจ๊กคงงงจะให้เล่นอะไรกัน 555555555 อยากให้มีโมเม้นคู่ลูกพี่ลูกน้องเยอะๆ ชอบเวลาอยู่ด้วยกันน่ารักดี ... มาที่น้องปกบ้าง รุกแรงมาก เฮียเจ๋งเกือบไปไม่เป็นเลย แต่ปมน้องก็น่าสงสาร กลัวการโดนทิ้ง โอ๋ๆนะ เฮียเจ๋งไม่ทิ้งหนูหรอกลูก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 04-01-2018 21:06:00
อิพี 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-01-2018 21:20:48
เฮียหึงได้น่ารักอ่ะ อย่างว่าเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด
ยังไง น้องปกก็ไม่ไปไหนแล้วละ
 :really2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-01-2018 21:23:52
อ่านตอนนี้แล้วอยากโอ๋ปกมากๆ โถลูกกกก พี่เจ๋งจะต้องเข้ามาเปลี่ยนอะไรในชีวิตหนูแน่ๆลูก

และแอบขำโจ๊กปกครองด้วยได้ไหม? ฮาาาาา สงสารเขานะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 04-01-2018 21:36:23
พี่เจตน์คือวิ่งวนในกำมือน้องปกมากเว่อ กี๊ดดดดดดดดด ปวดหัวตอนโจ๊กกับเจ๋งคุยกัน คือฮาร์ดคอมากเว่อ ยอม 55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 04-01-2018 21:40:03
เห็นเจ๋งเขินแล้วเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-01-2018 21:44:11
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ ไม่ม่โรคภัย มีความสุขมากๆ

อ่านปึ๊บ ก็ขำปั๊บเลย มีความสุขมากกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ขำ โจ๊ก อิจฉาเจ๋ง แต่ให้คำแนะนำสุดยอดดดดด
"ถ้าเขาจีบมึงกลับก็แสดงว่าเขาก็ชอบมึงน่ะสิ! ถ้าแบบนั้นแม่งก็เป็นแฟนกันไปเลยสิวะ! จะจีบกันไปๆมาๆทำเชี่ยอะไร!!”

แต่แป๊บเดียว ก็เศร้า น้ำตาซึม  :mew6: :mew6: :mew6:
“ความสุข...จะอยู่กับกูอีกนานมั้ย”
“ต่อให้จริงจัง...สุดท้ายก็คงจะไปจากกูอยู่ดี...”
“...ความสุข...ไม่เคยอยู่กับกูนาน...”


เฮียเจ๋ง ก็เจ๋งจริง ไม่สนการถูกมองแม้ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ
ปก ไม่น่าคิดมาก หวั่นไหวง่ายเลย
แถมลองใจว่าเฮียจะเลือกเขา หรือกลัวข่าวลือ กลัวคนมอง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เจ๋ง ปก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 04-01-2018 21:44:34
เซย์ไฮพี่โจ๊กกก ขำพี่น้องสองคนนี้ ตลกกกด
ตอนม่าบอกให้พี่โจ๊กไปเล่นกับพี่เจ๋งนี่นึกภาพแบบ... น้องโจ๊กกับน้องเจ๋งสามขวบ--- 55555

ปกร้ายยยยย แกล้งซะเจ๋งไปไม่เป็นเลย ร้ายกาจๆ!
พี่เจ๋งคนดีจริงดีมาก! จริงใจและเลือกน้องปก! สู้ๆพี่!
กอดน้องปกโอ๋ๆนะ ความสุขจะอยู่กับน้องนานๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 04-01-2018 21:50:05
ความชัดเจน มันน่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2018 21:51:19
 o13  o13  o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-01-2018 21:55:24
สงสารปกเลย ถ้าอิพี่เจ๋งมันไปที่อื่นน้องคงเฟล
ดีนะเจอพี่เจ๋งคนจริง 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 04-01-2018 21:57:00
ตอนแรกนึกว่าน้องปกจะถูกเฮียเจ๋งกดขี่ข่มเหง เพราะเฮียนี้ปากร้าย เกรี้ยวกราดมาก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าคนที่ร้ายกว่าคือน้องปก ร้ายตาใสมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 04-01-2018 22:10:47
 :hao7:ว้าย คนพี่ขี้อิจฉราาาาา 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-01-2018 22:18:53
อ่านไป..คันอกยุบยิบตาม เจ๋งน่ารักกว่าเฮียโจ๊กไบโพล่าจริงๆ 555 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 04-01-2018 22:26:27
เขินตามพี่เจ๋งเลย 5555555555
เกรี้ยวกราดบอยเบอร์หนึ่งกับสอง ชอบๆ ความเกรี้ยวกราดส่งต่อทางสายเลือด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Faii0518 ที่ 04-01-2018 22:28:50
เฮียเจ๋งขี้โวยวายพออยู่กับน้องปกทีไรจะที่แหกปากก็จะเสียงอ่อยๆหน่อยอะนะ
นี่กำลังจีบเค้าอยู่พอเจอเค้าจีบกลับ(แบบไม่รู้ตัว)ถึงกับไปไม่เป็นเลย
สงสารปก แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ความสุจจะอยู่กับปกตลอดไป
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 04-01-2018 22:34:06
โธ่ อิพี่โจ๊กก็ยังกากเสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะ จะสร้างความแตกแยกให้น้องกับคนที่จีบพูดไปพูดมาดันไม่เป็นไปตามที่หวัง รออีกปีนะเฮียถึงจะได้โซ่น่ะ  :laugh: /หัวเราะด้วยความสะใจ

พี่เจ๋งนี่เกรี้ยวกราดมาก ขำในความเกรี้ยวกราดของนางอะ ขี้หึงอีกตังหาก เอ็นดู นี่ว่าถ้าพี่เจ๋งเก็บน้องปกไม่ให้พบไม่ให้เจอใครทำได้นางทำไปแล้ว

อ่านความหลังแล้วแอบสงสารน้องปกไม่กล้าไว้ใจไม่กล้าที่จะมีความสุขเพราะกลัวโดนทำลาย แต่นี่เชื่อว่าพี่เจ๋งสามารถทำให้น้องปกไว้ใจได้อย่างแน่นอน เอาเขามาเป็นแฟนให้ได้นะพี่เจ๋ง

ติดตามนะคะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-01-2018 22:53:52
ตกลง มันมีกี่ % ที่จะรอยปากเฮียกับน้องปกจะปะกันที่ปากแก้วน้ำนะ อยากรู้จริง ๆ เลย  :confuse:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-01-2018 22:54:21
อิเฮียมันน่ารัก แน่นอนเฮียรู้สึกไม่ผิดหรอก อิน้องมันตั้งใจจีบเฮียนี่แหล่ะ :-[

แต่อิเฮียโจ๊กนี่ ขี้อิจฉา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-01-2018 22:56:27
ตลกตอนบอกว่าตัวเองชื่อเจ๋ง เป็นความหึงที่แบบโอ้ยยย เอ็นดูวววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-01-2018 22:56:39
ถึงโจ๊กกะเจ๋งจะปากเสีย ชอบขู่บังคับ เหมือนจะไม่โรแมนติก แต่รักเดียวและจริงใจสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 04-01-2018 22:59:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Fresh ที่ 04-01-2018 23:01:02
งื้อ หายคิดถึงเลยค่ะ :hao7:
สวัสดีปีใหม่นะคะ
รอพฤหัสหน้าค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-01-2018 23:23:26
น้ำตาซึม ทำไมเฮียเจ๋งน่านักแบบนี้ ว่าที่ผัวแห่งชาติ
น้องปกน่าสงสารเป็นคนเหงาที่เหงาจริงๆ เหงาแบบเงียบงัน แต่ต่อไปจะไม่เหงาแล้วเนอะ โอ๋ๆ
เฮียแบบหึงโคตรจะน่ารัก คงหึงได้กับทุกอย่าวหมาแมวก็ไม่น่าเว้น น่าเอ็นดูเนอะ
น้องปกเลิกซึมแล้วหันมาแอ๊วเฮียต่อค่ะลูก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 04-01-2018 23:26:54
เจ๋งหนักแน่นแบบแมน ๆ ปกมั่นใจได้เลยนู๋... :mc4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-01-2018 23:41:59
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: pimBNY ที่ 05-01-2018 00:01:50
เฮียโวยวายได้น่ารักน่าหมั่นมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 05-01-2018 00:13:23
รักเจ๋งงงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-01-2018 00:15:33
เจ๋งนิมันเจ๋งตามชื่อจริงอะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 05-01-2018 01:08:15
เป็นตอนที่ขำหนักมากกกกกกกก     :m20: :m20:
ขำความเป็นรองของเฮียเจ๋ง ความหึงหน้ามืดตามัว
แถมตอนเจ๋งเจอโจ๊ก ทำไมตลกเบอร์นี้
โจ๊กเอ๊ยยยยยยยย ไม่ได้อย่างเขาก็อย่าไปเสียใจ
ผู้ชายบ้านนี้ตลกทุกคน
แล้วทำไมเรานึกถึงภาพคนตะโกนใส่กันสองคนตลอดเวลา   :katai4:
ขำไม่ไหวแล้ววววว  :laugh:
ลืมหมดความอบอุ่นของเฮีย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 05-01-2018 01:51:14
 :-[  ตอนนี้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 05-01-2018 02:52:35
ทำไมเราสงสารเจตน์ต่อไปคงโดนแอคแทคบ่อยๆแน่เลยสู้ๆนะลูกเขยคันยุบยิบในอกต่อไป
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-01-2018 03:20:56
ขำอิโจ๊ก อิจน้อง 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nongmint31 ที่ 05-01-2018 04:20:26
ชอบความขี้โวยวายพี่เจ๋ง  555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 05-01-2018 06:51:32
แงงง ชอบคนอย่างเฮียเจ๋ง แบบนี้โคตรน่ารักเลย
จริงจังจริงใจ
ขำตอนอ่อนให้ปกทุกเรื่อง แทบจะชี้นกเป็นนกเลยทีเดียว
 น้องปกลูกกก หนูอย่าคิดมากนะ กลัวใจละเกินนน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 05-01-2018 07:12:39
เจ๋งก็เจ๋งสมชื่ออออออออ
รักกกกกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 05-01-2018 08:37:21
ขำที่ปรึกษาไบโพล่าขี้อิจฉา :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ShinsHolic ที่ 05-01-2018 08:43:53
เอ็นดูววววน้องปกกกกก ;______; เห็นเป็นคนนิ่งๆแต่ถ้าชอบเล่นเกมกับตัวเองแบบนี้ในใจคงคิดอะไรเยอะแยะไปหมดเลย มีอะไรระบายออกมาบ้างนาา มีพี่เจ๋งแล้ว ไม่เหงาแล้ว;--;
เอ็นดูพี่เจ๋งด้วยยย ฮือออ ชื่อถือเคล็ดจริงๆค่ะ น้องชื่อเจ๋งก็เจ๋งสมชื่อ คนจริงสมชื่อ ส่วนพี่ชื่อโจ๊ก เละสมชื่อเลย 55555

ฮืออออ สู้ๆนะน้องปกกกก อย่าเพิ่งกลัวเลยยย พี่เจ๋งกำลังจะขอเป็นแฟนเน้ออออ

รอพฤหัสหน้านะค้าาา สู้ๆค่ะะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-01-2018 09:40:13
ขำโจ๊กคนไบโพล่าขี้อิจฉา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 05-01-2018 09:44:11
ตอนนี้ขำ โจ๊ก หล่ะ ขี้อิจฉาจริง ๆ 555+ เจ๋งคนจริงกับปกขี้กลัว ก็ดูเข้ากันดี น่าจะมีอีกหลายเหตุการณ์มาให้วัดใจ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 05-01-2018 10:06:57
เอ็นดูเฮียเจ๋งมาก หึงบ้าหึงบออะไรขนาดนี้
แต่เข้าใจเค้านะคะ คนขี้หึง2018
นี่ชอบเวลาน้องปกจีบพี่เจ๋งจริงๆ
คิดอยู่แล้วว่าปกร้ายกาจจะตาย จีบยังไงไม่ให้รู้ว่าจีบ
เล่นซะพี่เจ๋งหูแดง รวนไปหมด กรี๊ดๆๆๆ
รออ่านตอนต่อไปเด้อออ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-01-2018 10:13:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 05-01-2018 10:14:42
น่าร้ากกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-01-2018 11:12:06
ปกร้ายอะ สงสารเฮียเจ๋ง  :laugh:
เฮียพาลแม้กระทั่งชื่ออ โอ๊ยย เอ็นดู  o18
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 05-01-2018 11:55:27
แงงง เอ็นดูพี่เจ๋ง เจ๋งสมชื่อจริงๆ อย่าปล่อยให้ปกต้องอยู่คนเดียวเลยนะ ปกเหงามามากพอแล้วเด้อ สงสารรร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 05-01-2018 12:19:13
 :impress2: อิพี่เจ๋งรู้สึกช้า น้องปกจีบตอบเป็นนาน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 05-01-2018 14:37:30
ชอบเจตมากเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 05-01-2018 15:44:58
 เฮียเจ๋งน่ารักกก ดูคุยง่ายกว่าโจ๊กเยอะ 555555
ปกฉัตรไม่ต้องกลัวน้า เฮียเจ๋งหนักแน่นพออยู่แล้วว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-01-2018 17:54:56
เฮียเจ๋งรีบขอปกเป็นแฟนเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-01-2018 19:27:37
เฮียเจ๋งแกก็เจ๋งสมชื่อจริงๆนั่นแหละแต่ขำตอนเฮียเขินมากสาวน้อยไปอีก แล้วอะไรคือการอิจฉาของอิพี่โจ๊กคะ โถววว สงสารตัวเองยังจีบไม่ติดละสิเลยมาอิจฉาตาร้อนเฮียเจ๋งน่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 05-01-2018 19:53:28
พี่เจ๋งน่ารักมากอ่ะ ขอให้ทำให้น้องปกมั่นใจในความจริงจังนั้นนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-01-2018 22:06:11
ตอนนี้คือสงสารอิพี่โจ๊ก เป็นตัวประกอบของตอนได้น่าสงสารมากกก 55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 05-01-2018 22:51:45
เป็นคนเกรี้ยวกราดที่น่ารักกกก 55&
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 05-01-2018 22:54:54
น่ารัก  :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-01-2018 23:15:06
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-01-2018 23:32:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-01-2018 23:59:01
สนุกกกกกกกก :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 06-01-2018 00:19:41
ตอนที่น้องปกจีบเฮียนี่ ใจสั่นตามเลยยยย
อ่านแล้วยิ้มตลอดเลยยยยย

น้องปกต้องยิ้มเยอะๆ เฮียเค้าแพ้ทางงงง
อิอิ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-01-2018 00:52:18
ฮาโจ๊กอิจฉาน้อง เด็กมันขาดความรักก็เงี้ย ฮ่าา
แหมๆๆ อิพี่เจ๋งทำเป็นเขินน้อง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-01-2018 05:35:27
เฮียเจ๋งน่ารักกว่าอิโจ๊กเยอะเลยค่ะ
นั่นมันคนบ้า ไบโพล่าค่ะ5555
เอ็นดูตอนเจ๋งเขิน ชอบบที่หนักแน่นขนาดนี้
ปกดูเป็นคนที่มันใจในตัวเองนะ
ถึงได้กล้าลองเสี่ยงอะไรแบบนี้ตลอดเวลา
แต่ก้เป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองอะ
ถึงได้ไม่มั่นใจเลยว่าตำตอบจะตรงใจตัวเอง
สุดท้ายน้องก้เจ็บเพราะสิ่งที่ตัวเองเสี่ยง
มีเฮียเจ๋งนี่แหละที่ซื้อๆแต่ก้ดูรู้ใจน้องไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 06-01-2018 08:03:03
สองพี่น้องชอบตะโกนกันเสียจริง เจ็บคอแทนเลย555555
น้องปกมาสายอ่อย แหมมมม เหมือนจะสลับฝ่ายนะคะ สรุปใครจีบใคร55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 06-01-2018 10:32:47
เฮียน่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-01-2018 12:54:01
ปกจีบเจ๋งกลับแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 06-01-2018 18:37:20
เอ็นดูวววววววเฮียเจ๋ง เฮียแกน่ารัก เป็นคนๆตรง แสดงออกทางการกระทพเลยก็ดี น้องปกแกชอบลองใจแกจะได้เห็นว่า เออเฮียแกก็พึ่งพาได้นะเว้ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 06-01-2018 22:02:31
เฮียเจ๋งน่ารักกกก เอ็นดู ยังคงมีความโวยวายเหมือนเดิม 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-01-2018 05:36:31
55555 เจ๋งเอ้ย ไบโพล่าไม่ต่างกับพี่
แต่ดีกว่าตรงที่ปกฉัตรรู้ตัวและยอมใจพี่

นี่แค่จีบนะ ถ้าคบกันแล้ว คงผูกไว้ติดตัว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 9 (4 ม.ค. 2561) หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 10-01-2018 21:18:32
เป็นกำลังใจให้น้องปก  :mew2:

แต่จเจ๋งกับเอียโจ๊กนี่เหมือนกันนะ บ้าบอพอกัน  :hao7:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 11-01-2018 21:28:33
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
   ตอนที่ 10


   ตั้งแต่วันนั้น…วันที่เจตน์แสดงออกถึงความจริงจังและจริงใจกับความสัมพันธ์ของพวกเขา วันที่เจตน์ไม่สนใจเสียงลือหรือสายตาใดๆ บอกปัดความอึดอัดในใจตนเองแล้วเลือกที่จะนั่งทานข้าวท่ามกลางสายตาคนอื่นๆ เพื่อที่ปกฉัตรจะได้ขึ้นเรียนทันเวลาในคาบบ่าย


   เจตน์เลือกเขา


   ...จะฝากความรู้สึกทั้งหมดไว้กับพี่ได้ใช่มั้ย...


   ...พี่จะไม่ทิ้งกันไปตอนหลังใช่มั้ย...


   “ปก?...ไอ้ปก...” เสียงเรียกดังขึ้นทำเอาคนที่อยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งแล้วหันมอง แต่เจ้าตัวไม่หันมองอย่างเดียว เพราะมือที่ถือสายยางรดน้ำต้นไม้หันตามไปด้วย น้ำจากสายยางเลยพุ่งตรงไปที่คนเรียกทำเอาเจ้าตัวร้องว้าก


   “เปียก!!” ดิษกรร้องแล้วกระโดดหนี


   “โทษๆ! กูไม่ได้ตั้งใจ...” ปกฉัตรรีบกดสายยางลงต่ำ โชคดีว่าระหว่างพวกเขาสองคนคือพุ่มไม้และรั้วเตี้ยๆ น้ำจากสายยางเลยไปถึงดิษกรที่อยู่อีกฝั่งของรั้วไม่มากนัก


   “เป็นไรของมึงวะ กูเห็นยืนรดต้นเข็มจนรากจะเน่าแล้วมั้ง”


ปกฉัตรก้มลงมองที่พุ่มไม้ น้ำเจิ่งนองบอกให้รู้ว่าเขายืนรดน้ำตรงนี้มากเกินไปจริงๆด้วย ร่างโปร่งรีบวิ่งไปปิดก๊อก ก่อนจะเดินกลับมาเก็บสายยางสีเขียวๆที่น้ำหยุดไหลไปแล้ว


   “มีไรเปล่า ปก หน้าตามึงดูไม่ดีเลย” ดิษกรชักเป็นห่วง


   คนถูกถามถอนหายใจเบาๆ มือที่กำลังรวบสายยางดูเหมือนจะล้าแรงขึ้นมาทันที


   “กู...กลัว”


เพื่อนร่างใหญ่เหมือนเห็นภาพในอดีต อดีตที่เด็กชายปกฉัตรซึ่งเคยร่าเริงกลายมาเป็นปกฉัตรคนที่ยิ้มน้อยๆและไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึก


   “เดี๋ยวกูไปหา” ดิษกรพูดแค่นั้นก็ใช้สองแขนค้ำรั้วเตี้ยแล้วกระโดดข้ามไปยืนอยู่ในอาณาเขตของบ้านเพื่อนสนิททันที เขาแตะแขนปกฉัตรเบาๆ สัมผัสใบหน้าและซอกคอด้วยหลังมือเพื่อวัดอุณหภูมิ ร่างกายของเพื่อนดูปกติดี แต่ที่ไม่ดี...น่าจะเป็นเรื่องของจิตใจ


“มึงกลัวอะไร ใครทำอะไรมึง เฮียเจ๋งเหรอ”


ปกฉัตรส่ายหน้า ดิษกรเลยดึงไปนั่งที่เก้าอี้ม้านั่งยาวใกล้ๆ เก้าอี้ตัวนี้เก่ามากแล้ว ในอดีตมันดูใหญ่กว่านี้ แต่เวลานี้...เพื่อนสองคนต่างเติบโต มันก็เลยดูเล็กลงไปถนัด แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี...มันก็ยังทำหน้าที่เป็นที่นั่งของปกฉัตรและดิษกรได้อย่างดี


“ดิษ...มึงเคยบอกกูใช่มั้ยว่าเฮียของมึงเป็นคนจริงจัง” เพราะดิษกรนั่งเงียบๆ คนพูดก่อนก็เลยเป็นปกฉัตร


ร่างโปร่งถูมือสองข้างบนใบหน้าตัวเองเหมือนจะเรียกสติ แต่...สติกลับมาได้ยากเหลือเกิน เพราะยิ่งตั้งสติรับรู้ความจริงจังของเจตน์มากเท่าไร ก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น


“เขาจะจริงจังกับกูจริงๆมั้ยวะ กูกลัว...ว่าสุดท้าย...ถึงเขาจะจริงจัง แต่เขาก็จะไปจากกู...”


ปกฉัตรมีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็จริง มีบิดามารดาที่รักและเอาใจใส่ก็จริง แต่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่เติบโตขึ้นมากับความเหงาและว้าเหว่สอนให้เขาเรียนรู้ความไม่ยั่งยืน ความรู้สึกที่จริงจัง ความรู้สึกที่หนักแน่น สุดท้ายแล้ว...ก็อาจเหลือเพียงความว่างเปล่า เหลือเพียงเขาที่อยู่ตรงนี้เพียงลำพัง จนต้องสร้างความเข้มแข็งขึ้นมาเป็นเปลือก ทั้งที่ภายในอ่อนไหวและเปราะบาง


ดิษกรถอนหายใจเบาด้วยความสงสาร เรื่องครอบครัวของปกฉัตร หากจะโทษว่าเป็นความผิดของใครสักคนก็คงต้องโทษความไม่คุยกันอย่างตรงไปตรงมา โทษคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ โทษคำว่า ‘ดูแลตัวเองได้’ แต่...จะขุดเรื่องในอดีตขึ้นมาหาคนผิด ก็เลยเวลานั้นมามากแล้ว เวลานี้...สิ่งที่ควรทำคือไม่ทำซ้ำเดิมกับที่แล้วมา


“ถ้ามึงไม่อยากให้เขาไปจากมึง มึงก็ต้องบอกเขาตรงๆ เลิกสักทีไอ้คำว่าไม่เป็นไร อยู่ได้หรืออะไรพวกนั้นน่ะ” ดิษกรแนะนำ เขาจิ้มนิ้วกับหน้าอกของเพื่อนรัก


“บอกสิ่งที่อยู่ในใจมึงให้เขารู้ วางสมองลงบ้างเถอะ เรื่องบางเรื่องก็ควรเป็นหน้าที่ของหัวใจอย่างเดียว”


...สมองมีไว้เพื่อกำหนดทิศทางและควบคุม แต่ไม่ใช่ครอบงำ...


...เพราะเรื่องของความรู้สึก...เป็นเรื่องของหัวใจ...


มันเป็นเรื่องของหัวใจ ที่ควรจะให้หัวใจรับรู้มากกว่าใช้สมองตัดสิน


ปกฉัตรหันมองเพื่อนรักแล้วยิ้มจาง ดิษกรเป็นเพื่อนที่แสนดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนที่เข้าใจเขายิ่งกว่าใคร และเวลานี้ เพื่อนคนนี้ก็คือคนที่เตือนสติให้เขาใช้หัวใจมากกว่าสมอง


“ขอบใจนะดิษ” ดิษกรยิ้ม วางมือลงบนศีรษะของเพื่อนร่างผอมที่ย้ายมาอยู่ข้างบ้านของเขาตั้งแต่เด็กๆ


สมัยก่อนยังตัวเท่าๆกัน แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็กลายเป็นเพื่อนไซส์ยักษ์ ในขณะที่ปกฉัตรผอมกะหร่องแบบนี้


“ทำอะไรกัน?!!!” เสียงตะคอกดังลั่นทำเอาคนกำลังเอ็นดูเพื่อนรักถึงกับชะงักชักมือกลับแทบไม่ทัน ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของเสียงคือเจตน์ที่ไม่รู้ว่าเข้ามายืนในอาณาเขตบ้านของปกฉัตรตั้งแต่เมื่อไร แต่ที่รู้คือหน้าหงิกมากกกกกก!!!


“อ...อ้าวเฮีย...มาได้ไงอ่ะ” หนุ่มรุ่นน้องร่วมคณะของคนหน้าหงิกทำเป็นถามตาใสเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด ทั้งๆที่เพิ่งถูกจับได้คาหนังคาเขาว่าลูบหัวปกฉัตรอย่างแสนจะเอ็นดู!


“เปิดประตูเข้ามา!” คนมาใหม่ตอบกลับ แล้วก้าวฉับๆตรงมาที่เก้าอี้ม้านั่งยาว


“สรุปว่าเมื่อกี้พวกมึงทำไรกัน?!”


ปกฉัตรกับดิษกรมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเจ้าของบ้านเอ่ยเรียบๆ


“คุยกันนิดหน่อย เอ่อ...พี่รอแป๊บนึง ผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย”


เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ที่ปกฉัตรมีนัดทานข้าวกับสายรหัส เจตน์อาสาไปรับไปส่ง ก็เลยมาเห็นฉากเด็ดดิษกรลูบหัวปกฉัตรพอดิบพอดี!


ร่างโปร่งลุกจากม้านั่งเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งเหยื่อตัวใหญ่อย่างดิษกรเอาไว้กับหมีหน้าหงิกที่ตวัดสายตามาจิกจะเอาความจริง


หนุ่มรุ่นน้องทำหน้าหวาด แต่จะลุกหนีก็ไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ร่วมคณะยืนกอดอกจังก้าจ้องตาไม่กะพริบ


“บอกกูได้รึยังว่าเมื่อกี้ทำอะไร?!”


ดิษกรกลืนน้ำลายเอื๊อก อยากจะบอกรุ่นพี่ที่เคารพรักเหลือเกินว่าเขากับปกฉัตรน่ะสนิทกันมาตั้งแต่อนุบาล ยิ่งกว่าลูบหัวก็เคยมาแล้ว!


…แต่...รักชีวิตเถอะ อย่าพูดเลยว่านอกจากลูบหัวแล้ว เคยทำอะไรไอ้ปกบ้าง!...


“ก็...ก็ไอ้ปกมันมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย”


“ปัญหาอะไร ทำไมมันไม่บอกกู!!”


“เฮียก็ไปถามมันสิ ว่าทำไมมันไม่บอกเฮีย”


“เดี่ยวกูไปถามมันเองว่าทำไมมันไม่บอกกู! แต่ที่กูถามมึงตอนนี้คือกูถามว่ามันมีปัญหาอะไร?!!”


ดิษกรกลืนน้ำลายอีกเอื้อก ไม่รู้จะหาทางเลี่ยงยังไง


...แต่...บอกความจริงก็คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะนอกจากเฮียจะไว้ใจได้แล้ว เฮียยังตั้งใจจีบไอ้ปกอีกต่างหาก...


“เฮีย...รู้ใช่มั้ยว่าพ่อแม่มันอยู่เมืองนอก”


“เออ! แล้วไง?!!”


“ก็...มันก็เลยโตมาแบบเด็กเหงาๆ แล้วทีนี้...มันก็...มันก็กลัวว่าเฮียจะทิ้งให้มันเหงาอีก”


เจตน์ขมวดคิ้วฉับ


“หมายความว่ามันไม่เชื่อใจกูงั้นสิ?! สัด! กูพูดปากเปียกปากแฉะว่ากูจริงจัง! ตามรับตามส่งทุกวัน ใช้เวลาอยู่กับมันมากกว่ากูอยู่คนเดียวซะอีก! แล้วยังเสือกกลัวว่ากูจะทิ้งมันเนี่ยนะ?!!!” กลายเป็นว่าเจตน์หงุดหงิดไปซะงั้น ดิษกรอ้าปากค้าง ดูท่าเขาจะทำให้เพื่อนซวยซะแล้ว


“เอ่อ...ไอ้ปกมันแค่กลัว มันอยากได้ความจริงจังนะเฮีย แต่...พอได้กลับมามากๆ มันก็กลัวว่าวันนึงจะหายไป อ่า...แต่ถ้าเฮียทำให้มันมั่นใจเรื่อยๆ ผมรับรอง! เพื่อนผมจะไม่กลัวอีกต่อ...ไป...” หนุ่มรุ่นน้องพยายามกอบกู้สถานการณ์ แต่พอโดนเจตน์ตวัดสายตามาจิก คนตัวใหญ่ก็หดลีบ


“เดี๋ยวเพื่อนมึงจะต้องเคลียร์กับกูแน่! กลัวเชี่ยอะไรไม่เข้าท่า!”


เจตน์หมายมาดด้วยหน้าตาหงิกๆตามนิสัย เห็นแล้วดิษกรก็อยากจะส่งซิกแนลบอกเพื่อนรักเหลือเกินว่านอกจากปกฉัตรอาจจะต้องเลิกกลัวความเหงาแล้ว ควรจะหันมากลัวผู้ชายที่เข้ามาทำให้ชีวิตไม่เหงาจะดีกว่า!

......................

   เจตน์เป็นคนขับรถมาส่งที่ร้านอาหารที่ปกฉัตรนัดแนะกับสายรหัสเอาไว้ คนที่ยืนรออยู่หน้าร้านคือรุ่นพี่ปีสองร่างป้อม


   “คนนั้นพี่รหัสมึงใช่มั้ย” ตลอดการเดินทางที่เงียบเชียบ ในที่สุดคนขับรถก็พูดขึ้นมา


   “ครับ พี่ฟาง” เจตน์พยักหน้ารับรู้ ไม่พูดอะไรอีก ปกฉัตรไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธอะไรเขาหรือไม่ แต่นับตั้งแต่ออกจากบ้านเขา เจตน์ก็ไม่พูดอะไรเลย


   “เอ่อ...ถ้าเลิกแล้วจะโทร.บอกนะ...” เป็นฝ่ายปกฉัตรพูดก่อน คำแนะนำของดิษกรยังดังอยู่ในหู ให้พูดความรู้สึกจากหัวใจ ไม่ใช่สมอง แม้สมองจะบอกให้เกรงใจ แต่หัวใจ...บอกว่าอยากให้เจตน์เป็นคนมารับ


...ไม่รู้ว่าจะรบกวนมากเกินไปหรือเปล่า แต่...ก็อยากนั่งรถกับพี่อย่างนี้...


   “อือ” เจตน์รับคำสั้นๆ


   เป็นอันว่าพวกเขาก็ไม่ได้คุยกันอีก ต่างคนต่างเก็บเรื่องที่อยากพูดเอาไว้ก่อน เย็นนี้...ขากลับที่เจตน์มารับ ก็คงมีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น


   ทว่า...สิ่งที่หวังเอาไว้ไม่เป็นจริง


หลังจากสังสรรค์ทานข้าวกับสายรหัสเสร็จแล้ว พี่ใหญ่สุดในสายที่ชื่ออรรณพก็ไล่ถามรุ่นน้องรายตัวว่าแต่ละคนกลับอย่างไร


   “รถเมล์” พี่ปีสามที่ชื่อสิตางศุ์ตอบด้วยหน้าตาซื่อๆ


   “สัด กลับรถเมล์ แค่ยืนอยู่ที่ป้ายมึงก็โดนสอยแล้วมั้ง ไม่ต้องเลย เดี๋ยวกูไปส่ง” อรรณพตัดบท คนจะนั่งรถประจำทางกลับทำท่าเหมือนจะค้าน แต่พี่ซีเนียร์หันไปทางหญิงสาวคนเดียวของสายรหัสสายนี้แล้ว


   “แล้วเราล่ะ ฟาง”


พี่ปีสองร่างเล็กป้อมอย่างทิฆัมพรยิ้มกระมิดกระเมี้ยน “อยากกลับรถโฟร์วีลค่ะ พี่เวฟ”


   “เออ ไปรถพี่” เจ้าของรถโฟร์วีลบอก ก่อนจะหันมาที่คนสุดท้าย...ปกฉัตร ปีหนึ่ง


   “แล้วเรากลับไง ปก”


   “เดี่ยวผมโทร.ให้คนมารับครับ”


   “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปส่ง”


   “แต่ว่า...” ปกฉัตรจะค้าน ทั้งเกรงใจ ทั้งอยากให้เจตน์มารับ


   “มึงจะให้คนมารับทำไม เสียเวลา เปลืองน้ำมัน รถกูจอดอยู่หน้าร้าน เดี๋ยวกูขับไปส่งรายคน”


   “ตามใจลุงเขาหน่อยปก ลุงเขาขี้เหงาเอาแต่ใจ ชอบบริการน้องๆ” ทิฆัมพรบอกพร้อมรอยยิ้ม


   “เออ รู้ว่าขี้เหงาเอาแต่ใจ ก็ตามใจด้วย! มึงโทร.ไปบอกคนที่จะมารับว่าไม่ต้องมา เดี๋ยวกูไปส่งให้เอง บอกเขาว่าไม่ต้องห่วง กูขับรถดี ไม่ซิ่ง ไม่แว้น”


   “พี่เวฟขับรถดี สุภาพ มีน้ำใจสุดๆเลย ถ้าเห็นคนยืนรอข้ามทางม้าลายนะ พี่เวฟจอดจนคันหลังแทบชนตูดมาแล้ว” สิตางศุ์ช่วยสนับสนุนอีกแรง เล่นเอาคนขับรถสุภาพต้องเหล่ตามองน้องรหัสผิวขาวที่สุดในบรรดาสามคน


   “นี่มึงชมกูใช่มั้ยไอ้โซ่”


   “ชมสิ ไม่มีใครขับรถได้อย่างพี่เวฟสักคนนะ”


   “ทำไมกูไม่ดีใจเลยเนี่ย” อรรณพบ่น น้องรหัสหัวเราะสดใสแต่ไม่วายหันไปกำชับกับน้องปีหนึ่งอย่างปกฉัตรให้มั่นใจ


   “ปกไม่ต้องห่วงนะ บอกคนที่จะมารับด้วยว่าไม่ต้องห่วง พี่เวฟขับรถดีจริงๆ” พอถูกพี่ๆคะยั้นคะยอให้กลับด้วยกันโดยรถโฟร์วีลของพี่ปีสี่ ปกฉัตรก็ค้านต่อไม่ออก เขาได้แต่พยักหน้าก่อนจะขอตัวไปโทรศัพท์บอกเจตน์ คราวนี้...เจตน์ไม่ว่าอะไรเลยที่เขาจะกลับรถของคนอื่น นอกจากรับคำว่า ‘อือ’ แล้วก็ตัดสายไป


   ความกลัวแล่นพล่านอีกครั้ง ปกฉัตรได้แต่กลืนน้ำลาย จิกเล็บลงกับมืออย่างไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดี

...............................

   เจตน์หายเงียบไปนับตั้งแต่ที่ปกฉัตรโทรศัพท์ไปบอก แล้วพอถึงบ้าน เขาส่งข้อความไปแจ้งอีกครั้งว่าถึงแล้ว ข้อความก็ไม่ถูกอ่านด้วยซ้ำ อีกฝ่ายเงียบ...ไม่มีสัญญาณใดๆจนคนกลัวยิ่งหวั่นใจ


   ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งบนเตียง เส้นผมชื้นๆหลังสระถูกขยี้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์มือถือของตัวเองเอาไว้ บนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว


ทุกๆวัน เวลาแบบนี้ จะมีใครบางคนโทร.มาชวนเขาคุย แต่...วันนี้ ใครคนนั้นหายเงียบไป


   …ความกลัวกำลังมาเยือน ความกลัวจากการถูกทิ้งกำลังครอบงำจิตใจ...


   ...โดนทิ้งเหรอ?...


...พี่กำลังอยู่กับคนอื่นรึเปล่า?...


...หรือว่า...พี่อาจจะไม่สบาย?...


   ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมเจตน์ถึงเงียบ สุดท้ายเลยตัดสินใจกดโทร.ออกหาเบอร์ล่าสุดที่เขาเพิ่งโทร.ไปหาเมื่อตอนเย็น


เขานั่งฟังเสียงสัญญาณรอสายเหมือนใจเย็น ทั้งๆที่ในสมองมีความคิดมากมายวิ่งวนเต็มหัว


รอจนกระทั่ง...


   ‘ฮัลโล...’


ถึงแม้จะเป็นฝ่ายโทร.ไปหาเอง แต่พอได้ยินเสียงคนรับที่คุ้นเคย ปกฉัตรก็ถึงกับสะดุ้งโหยง แต่ไม่ทันจะพูดอะไรตอบกลับไป เสียงจากปลายสายก็ดังมาอีก


   ‘ฮัลโล! โทร.มาไม่พูด! คิดจะหาเรื่องกวนตีนกูรึไง?!’


   “เอ่อ...เปล่า...ผม...ผม...เอ่อ...พี่ว่างรึเปล่า”


   ‘ไม่ว่างกูจะรับทำไม?!’


   “ก็...” ปกฉัตรพูดไม่ออก เขาปล่อยให้ความเงียบครอบงำอยู่นานก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย แล้วตามมาด้วยคำพูดสั้นๆ


   ‘แบตกูจะหมด!’


   “อ้าว เหรอ งั้น...” ปกฉัตรไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ในเมื่ออีกฝ่ายจะต้องวางสายแล้ว ทั้งๆที่อยากคุย อยากสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองด้วยเสียงของเจตน์ แต่...เจตน์ต้องวางสายแล้ว


   ‘ให้กูไปหามั้ย?!’ คำถามประโยคต่อมาทำเอาร่างโปร่งนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบกลับไป


   “ปกติไม่เห็นเคยถาม”


   ‘ปกติมึงก็ไม่เคยโทร.หากูแล้วไม่พูดอะไรเหมือนกัน!’ คนโทร.ไปหาเงียบไปอีกหน เขารู้ว่าต่างคนต่างไม่ปกติ โดยเฉพาะเจตน์ที่ไม่พูดไม่จาไม่ติดต่อเขาเลย


   “ถ้าพี่ว่าง...”


   ‘ถ้ากูไม่ว่าง กูไม่รับโทรศัพท์มึงตั้งแต่แรกแล้ว! รอเปิดประตูบ้านให้กูแล้วกัน เดี๋ยวกูไปหา!’


แล้วสายก็ถูกตัดไป ปกฉัตรได้แต่ลดโทรศัพท์ลงมามอง ก่อนจะลุกขึ้นเดินลงไปที่ชั้นล่าง


บ้าน 2 ชั้นที่ทั้งเงียบและวังเวงถูกเปิดไฟสว่างโร่อีกครั้ง และหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง รถหรูคุ้นตาก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้ว เจ้าของบ้านเดินออกไปเปิดประตูให้แขกผู้มีเกียรติยามวิกาลที่หันมาทักทายด้วยคำพูดห้วนๆ


   “กูหิว มีอะไรให้กูกินมั่ง!”

.................................


หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 11-01-2018 21:29:09


โจ๊กซองกึ่งสำเร็จรูปดูจะเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนหิวตอนดึกๆ


เจ้าของบ้านกำลังยืนคนโจ๊กอยู่ที่หน้าเตาแก๊ส ในขณะที่แขกผู้มาเยือนนั่งรออยู่ที่สตูลบาร์ใกล้ๆ ดวงตาคมจับจ้องร่างโปร่ง สูง เก้งก้าง ผอมกะหร่อง...และถ้าเทียบกับเจตน์ก็...ตัวนิดเดียว


   เจ้าของบ้านหันมาเห็นสายตาที่จับจ้องมาก็ถึงกับชะงักไปอึดใจหนึ่ง รู้สึกตกประหม่าเล็กน้อย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ชินกับการที่มีอีกฝ่ายเข้ามานั่งอยู่ในบ้าน แต่วันนี้ที่เจตน์มา...กลับ...รู้สึกแปลกๆเหมือนทุกอย่างมันชวนให้หวั่นไหวไปหมด


“มองอะไร”


   “กูหิว เมื่อไรจะเสร็จ”


   “เสร็จแล้ว” ปกฉัตรยกหม้อโจ๊กลงจากเตาตักแบ่งใส่ถ้วย 2 ใบ ก่อนจะยกมาวางตรงหน้าร่างสูง แล้วนั่งลงบนสตูลบาร์ตัวข้างๆ


   ภายในครัวเต็มไปด้วยความเงียบ แต่คนอย่างเจตน์ไม่ใช่มนุษย์อดทน หลังจากตักกินไปได้ 3 คำถ้วน เขาก็ตั้งคำถามขึ้นอย่างฉุนๆ


   “สรุปมึงโทร.หากูมีเรื่องอะไร” เขาจ้องคนข้างกายอย่างจริงจัง ปกฉัตรเหลือบตามาสบได้อึดใจเดียวก็ต้องหลบสายตาหนีไปมองถ้วยโจ๊ก


   “เอ่อ...ผม...เห็นพี่เงียบไป ก็เลย...”


   “มึงรู้รึเปล่าว่าทำไมกูเงียบ” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองคนถาม ก่อนจะส่ายหน้าไปมา


   “เพราะกูรอให้มึงพูดเอง! กูอยากรู้ว่ามึงจะพูดอะไร! กูไม่ถามหรอกนะว่ามึงเป็นอะไร! มีเหตุผลเหี้...เอ่อ...มีเหตุผลอะไรที่ไอ้ดิษต้องมาลูบหัวปลอบใจมึง! เพราะมึงควรจะรู้ว่ามึงต้องเป็นคนบอกกู!!”


ร่างโปร่งได้แต่ก้มหน้านิ่ง จนคนที่เก็บความหงุดหงิดฉุนเฉียวเอาไว้ในใจมาตั้งแต่เช้าถึงกับพ่นลมหายใจพรูด้วยความใจอ่อน เห็นท่าทางหงอยๆของอีกฝ่ายแล้วก็ดุไม่ลงเลย


“...กูอยากรู้เรื่องของมึงนะปก แต่มึงล่ะ...อยากให้กูรู้บ้างมั้ย” คราวนี้ปกฉัตรเงยหน้ามองอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและสำนึกผิด


“ผมอยาก...ให้พี่รู้...”


“งั้นมึงก็บอกกูบ้าง เรื่องเมื่อวานนี้ของมึง เรื่องวันนี้ของมึง เรื่องวันพรุ่งนี้ของมึง เรื่องที่มึงอยากทำ เรื่องที่มึงคิด เรื่องที่มึงรู้สึก เปิดใจมึงให้กูบ้างสิวะ ที่กูทำทุกวันนี้ มึงมองไม่ออกเหรอว่ากูเต็มใจจีบมึงจริงๆ กูตั้งใจจีบมึงจริงๆ ทุกๆอย่างที่กูทำ มึงบอกกูซิว่ามึงเห็นตรงไหนที่กูทำเป็นเล่นงั้นเหรอ?”


   “ไม่เลย...” ปกฉัตรตอบเสียงเบาแล้วส่ายหน้า


   “มึงเห็นว่ากูจริงจัง แล้วทำไมไม่เปิดใจให้กู”


ดวงตาสีน้ำตาลจางเหลือบมองคนถาม มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและบอบช้ำ


   “ก็ผมกลัว...” ปกฉัตรตอบแล้วได้แต่เม้มปากแน่น


   “มึงกลัวอะไร”


   “กลัว...พี่ทิ้งผม...” เจตน์ท่องหนึ่งถึงร้อยในใจ เมื่อกี้พูดตั้งยาวว่าเขาจริงจังแค่ไหน แต่ปกฉัตรกลับตอบหลับมาว่ากลัวเขาทิ้ง


   ...นี่ถ้าไม่ใช่ว่ากูจีบมึงจริงๆนะ! กูชกมึงเรียกสติแล้ว!!!...


   “กูจริงจัง! กูจะทิ้งมึงได้ยังไง!” เขาถามกลับ พยายามไม่ให้โมโหมากไปเพราะเกรงว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังเสียงแข็งโป้กตามประสาคนใจร้อนขี้โมโหอยู่ดี


   “พ่อแม่ผม...ยังทิ้งผมเลย” ทว่าประโยคนี้ของคนอายุน้อยกว่ากลับทำให้ร่างสูงถึงกับชะงักในวินาทีนั้น ปกฉัตรเม้มปากแน่น กลืนความรู้สึกที่ทำให้หัวใจปริร้าวลงในอก ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น


   “พ่อแม่ผมไม่ผิดหรอก ผมเป็นคนบอกให้เขาไปเอง แต่...มันก็บอกให้ผมรู้ ความรู้สึกน่ะ...ต่อให้จริงจังแค่ไหน วันหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลง พี่จริงจังวันนี้ แต่พรุ่งนี้พี่อาจจะไม่จริงจังแล้วก็ได้ ไม่มีใครรู้อนาคต...” ริมฝีปากที่ถูกเม้มจนแดงก่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะราบเรียบ แต่เจ้าตัวรู้ดีว่าเสียงแบบนี้ทั้งสั่นและไหวเพราะความเจ็บช้ำ

   
เจตน์มองคนตรงหน้าที่เอาแต่เลี่ยงสายตาไปทางอื่น ต่างคนต่างรู้ดีว่าไม่มีคำว่าตลอดกาลในโลกใบนี้ ไม่มีใครรับประกันว่าความรู้สึกในวันนี้จะยาวนานไปอีกกี่วัน อีกกี่เดือน หรืออีกกี่ปี แต่...สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือความรู้สึกที่เขามียามมองคนตรงหน้า


ปกฉัตรที่ไม่ค่อยพูด ปกฉัตรที่ไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึก ปกฉัตรที่มักจะมีประกายบางอย่างในดวงตา และนานๆครั้งถึงจะยิ้มให้เห็นชัดๆสักที


ทั้งหมดของปกฉัตร...คือสิ่งที่เขาอยากดูแล


   ร่างสูงจับไหล่ผอมให้หันมามองเขาตรงๆ ตาสบตา ตาคู่หนึ่งทั้งหวั่นใจทั้งกลัวใจจะเจ็บปวด ส่วนตาอีกคู่...ทั้งมั่นใจทั้งจริงจัง


   “ปก ถ้าวันนึงความรู้สึกที่กูมีมันหายไป กูก็จะยังอยู่กับมึง จะอยู่กันอย่างเพื่อน อย่างพี่อย่างน้อง จะไม่ทิ้งมึง”


   “กูไม่มีอะไรมารับประกันคำพูดของกู แต่กูจะทำให้มึงเห็น...มึงเปิดใจให้กูอยู่ข้างๆได้มั้ย ให้กูทำให้มึงเห็น ว่ากูจริงจัง ว่ากูจะอยู่ตรงนี้ กูจะไม่ไปไหน”


ทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา เต็มไปด้วยความแน่วแน่ เจตน์ตั้งใจจริงแค่ไหน เจตน์จริงจังแค่ไหน ต่อให้ปกฉัตรจะไม่อยากเชื่อใจความจริงจังเหล่านี้อีกแล้ว แต่ก็อดไม่ได้...อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว อดไม่ได้ที่หัวใจจะร่ำร้องให้เชื่อ และอดไม่ได้...ที่จะทำตามหัวใจอีกสักครั้ง


   ...จะยอมเชื่อใจความจริงจัง จะยอมเชื่อใจ...ว่ามันจะไม่ทำให้เจ็บปวดเหมือนที่แล้วมา...


   ปกฉัตรยื่นมือออกไป แต่ไม่ทันจะแตะก็ถูกอีกฝ่ายรวบไปจับแน่นด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาโอบไหล่เขาให้เอนเข้าหา เป็นการกอดไหล่หลวมๆ ทว่าก็ทำให้หัวใจของคนเปล่าเปลี่ยวอบอุ่นจนรู้สึกได้ ก่อนที่วินาทีต่อมา สัมผัสอุ่นๆจะแนบลงมาแรงๆที่ข้างขมับ ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อย แต่สัมผัสนั้นแนบแน่นอยู่กับขมับของเขานาน ก่อนจะผละจากไป พร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังขึ้นต่อมา


   “...ถ้ากูตายห่าไปก่อน มึงก็หาผัวใหม่แล้วกัน แต่กูว่ากูไม่มีทางยอมตายก่อนแน่ๆล่ะ”


   แล้วบรรยากาศในห้องครัวก็เปลี่ยนจากฟ้าเป็นเหว เจตน์ปล่อยแขนที่โอบหลวมๆออก ขยับกลับไปนั่งตัวตรง ตักโจ๊กเข้าปากด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายวางอยู่บนหน้าขา...และยังจับมือของปกฉัตรอยู่อย่างนั้น


   ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆ ถ้าความจริงจังไม่มีอยู่จริง ความโรแมนติกของเจตน์ก็ไม่มีอยู่จริงยิ่งกว่า!


   คนกำลังซึ้ง อยู่ดีๆก็รู้สึกอยากชกเจตน์สักหมัดจริงๆ!


   มือขาวข้างซ้ายที่ถูกเจตน์จับไม่ปล่อยเริ่มขยับยุกยิกจนคนจับเหลือบตามามอง


   “ดูด้วยว่ากูเอามือมึงวางไว้ตรงไหน ขยับอยู่ได้ เดี๋ยวก็ขึ้นหรอก” พอร่างสูงพูดอย่างนั้น เจ้าของมือถึงได้เห็นว่ามือของเขาวางอยู่บนตักของอีกฝ่าย เขาอ้าปากค้าง อยากดึงมือคืนกลับมาแต่เจตน์ก็ออกตัวไว้แล้วว่า ‘เดี๋ยวก็ขึ้นหรอก’


   “งั้นพี่ก็ปล่อยมือผมสิ”


   “ไม่! ปล่อยมือมึงเดี๋ยวมึงก็คิดมากอีก กูจับไว้อย่างงี้แหละ สบายใจทั้งกูทั้งมึง” ไม่รู้ว่าใครสบายใจกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ เจตน์กินโจ๊กหมดภายในเวลาไม่กี่นาที แต่ก็ยังนั่งอยู่เดิม รอจนปกฉัตรกินเสร็จ


   “พี่ปล่อยได้แล้ว ผมจะไปล้างจาน”


ตอนนั้นแหละ เจตน์ถึงยอมปล่อยมือ แต่ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม มองดูเจ้าของบ้านล้างชามสองใบแล้วคว่ำไว้ข้างอ่างเรียบร้อย ปกฉัตรถึงได้หันกลับมา แน่นอน...เจ้าตัวเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนังด้วย


   ...จะเที่ยงคืนแล้ว...


   “พี่...ไม่กลับเหรอ ดึกแล้วนะ”


   “มึงเรียกกูมา กูทำทุกอย่างให้มึงสบายใจ เสร็จแล้วมึงก็ไล่กูกลับงี้เหรอ? นี่คือตอบแทนกูแล้วใช่มั้ย?”   


   “อ้าว...แล้ว...แล้วพี่จะ...จะเอายังไง”


   “กูจะนอนที่นี่” เป็นอีกครั้งที่เจ้าของบ้านตาค้าง แต่เจตน์ยังจ้องอย่างจริงจัง


   “หรือมึงจะให้กูขับรถกลับคอนโดกูดึกๆดื่นๆ? อยากให้กูตายห่าระหว่างทาง จะได้หาผัวใหม่?” คราวนี้นอกจากจะตาค้าง ปกฉัตรยังอ้าปากค้างอีกด้วย เจตน์เป็นมนุษย์ที่ปากไม่ดีที่สุดในโลกเลย


   “พูดอะไรของพี่เนี่ย”


   “งั้นก็ให้กูค้างที่นี่” เจ้าของบ้านยังเงียบ นอกจากพ่อกับแม่ที่ปีหนึ่งจะกลับมาค้างแค่ไม่กี่วัน กับดิษกรที่อยู่บ้านข้างๆ บ้านหลังนี้...ก็ไม่เคยต้อนรับใครอีกเลย


   แต่วันนี้...มีผู้ชายคนหนึ่งหาเหตุผลอะไรสักอย่างแล้วยื่นคำขาดว่าจะนอนที่นี่ให้ได้


   “กูไม่ค้างทุกวันหรอก แต่วันนี้...กูไม่อยากให้มึงอยู่คนเดียว” เหมือนถูกเจตน์อ่านใจออกทะลุปรุโปร่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองคนพูดที่ยังคงมองตรงมาที่เขา สายตาที่มั่นคง สายตาที่จริงจัง


   ทุกการกระทำของผู้ชายคนนี้...ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องเล่นเลย


   “ผม...จะปูที่นอนให้แล้วกัน”


   ถ้านี่คือโอกาสที่จะทำให้ปกฉัตรหันกลับมาเชื่อในความจริงจังอีกครั้ง เขาก็จะมอบโอกาสนั้นให้กับผู้ชายคนนี้...คนที่ชื่อเจตน์

..................................

   “ดิษ...” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำเอาดิษกรที่กำลังจับสังเกตบ้านเพื่อนสนิทหลังข้างๆต้องหันมอง แต่ก่อนจะหันมอง เขาก็ทันเห็นว่าชั้นล่างของบ้านถูกปิดไฟ เหลือแค่ไฟนอกบ้าน ก่อนที่ไฟที่ชั้นสองจะถูกเปิดจนแสงส่องผ่านออกมาทางม่านหน้าต่าง


   “อานิศ...” นิศราคุณอาสุดที่รักของเขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างเช่นกัน


   “คนที่มาหาปกน่ะ ใช่รุ่นพี่ของดิษที่มากินข้าวบ้านเราคราวก่อนรึเปล่า”


ดิษกรหวนคิดความหลังเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ


   “รุ่นพี่คนไหน? คนที่ยิ้มเก่งๆ หรือคนหน้าหงิกๆ” หลานชายตัวใหญ่ถึงกับหัวเราะก๊าก เลยโดนคนเป็นอาตีไปที


   “เอ๊! จะหัวเราะอาทำไม ก็อาพูดจริงนี่นา สองคนนั่นเป็นเพื่อนกันจริงเหรอ คนนึงเหมือนจะด่าคนทั้งโลก อีกคนก็น่ารักอัธยาศัยดี เขาชมอาว่าอาดูวัยรุ่นด้วยนะ”


   “คนที่ชมอาว่ายังสาวน่ะชื่อเฮียไท ส่วนคนหน้าหงิกชื่อเฮียเจ๋ง”


   “แล้วสรุปคนไหนที่มาหาปก”


   “คนหน้าหงิกสิอา” คราวนี้นิศราทำหน้าตาเป็นห่วง มองออกไปยังบ้านหลังข้างๆอีกที


   “ไว้ใจได้แน่รึเปล่าดิษ ไม่ใช่รุ่นพี่คนนี้ทำอะไรปกนะ พ่อแม่ของปกฝากเราให้ช่วยกันดูแล จะให้ใครทำอะไรปกไม่ได้นะ”


   “รายนี้ไว้ใจได้นะอา ถึงเฮียเจ๋งแกจะหน้าหงิกไปหน่อย แต่นิสัยไม่หงิก ใจดี พึ่งพาได้ ไว้ใจได้” ถึงหลานชายจะออกปากแบบนั้น แต่นิศราก็ยังไม่วางใจ


   “แล้วทำไมต้องมาหาดึกๆดื่นๆด้วยก็ไม่รู้”


   “เอาหน่า ไอ้ปกมันก็โตแล้ว”


   “โตแล้ว แต่อาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี” หล่อนเห็นปกฉัตรมาแต่เล็ก ยิ่งพ่อแม่ไปทำงานต่างประเทศเหลือเจ้าตัวเพียงลำพัง หล่อนก็ยิ่งเป็นห่วง คนข้างบ้านกันก็ต้องคอยสอดส่อง มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทันเวลา


   “อาก็ห่วงแต่ไอ้ปก ไม่เห็นมาห่วงหลานอาบ้างเลย ไปนอนดีกว่า อาไม่รัก” ดิษกรตีบทแตกเรียกร้องความสนใจเดินหน้าบูดบึ้งกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง นิศรารู้ว่าต้องง้อหลานชาย แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองบ้านข้างๆผ่านทางหน้าต่างบานเดิมด้วยความห่วงใย


   หล่อนควรจะส่งข่าวคราวเรื่องรุ่นพี่หน้าหงิกให้พ่อแม่ของปกฉัตรรู้ดีไหมล่ะนี่?

.............................

   ห้องนอนของปกฉัตรเป็นห้องนอนขนาดย่อมบนชั้นสองของตัวบ้าน มีตู้ โต๊ะ เตียงครบถ้วน ห้องที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรก็เลยดูคับแคบนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีพื้นที่ข้างเตียงที่พอจะให้ปูฟูกเสริมได้


   “กูไม่นอนพื้น” แต่แขกผู้มีเกียรติที่ชื่อเจตน์ประกาศก้อง เจ้าของห้องเหลือบตามอง


   “ผมนอนพื้นเอง พี่ขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ”


   “กูไม่ให้มึงนอนพื้นด้วย!”


   “อ้าว แล้วจะนอนกันยังไง”


   “มึงนอนเตียง” เจตน์สั่ง


   “แล้วพี่ล่ะ”


   “นอนเตียงกับมึง” ปกฉัตรชะงัก หันกลับไปมองที่เตียงตนเอง ถึงจะใหญ่กว่าเตียงเดี่ยวขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดเตียงคู่


   “จะนอนได้ยังไง เตียงผมมันแคบ”


   “ก็เอาไอ้กองหมอนข้างของมึงออกไปให้หมด มึงนอนข้างใน แล้วกูนอนตะแคง” แขกผู้มีเกียรติตัดสินใจเสร็จสรรพ ก่อนจะปรายตามองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างกาย ปกฉัตรอยู่ในชุดเตรียมนอนแล้ว อย่างน้อยไอ้กางเกงยางยืดเนื้อนิ่มๆนั่นก็บอกเขาแบบนั้น


   “นี่มึงอาบน้ำแล้วใช่มั้ย”


   “ครับ แล้วพี่...จะอาบรึเปล่า”


   “ถ้ากูอาบแล้วมีเสื้อผ้าให้กูเปลี่ยนรึไง” 


ถึงปกฉัตรจะสูง แต่ก็ผอมกะหร่อง แตกต่างจากมนุษย์หมีบ้าพลังที่ทั้งสูงทั้งหนาแบบเจตน์อย่างเห็นได้ชัด


   “ก็...ของไอ้ดิษ” ชื่อชายอื่นที่แม้จะเป็นชายบ้านข้างๆแต่ก็ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วฉับ


   “มึงมีของไอ้ดิษได้ไง?!”


   “มันมาค้างบ่อย” ตามประสาเพื่อนสนิท และตามประสาดิษกรที่เห็นปกฉัตรอยู่บ้านเพียงลำพังทุกวันทุกคืน


   “แล้วมันนอนไหน?!” และนี่คือคำถามที่เจตนที่อยากรู้ที่สุด


   “นอนพื้น” คำตอบน่าพอใจ คราวนี้จะยอมปล่อยไปก่อน แต่หลังจากนี้อย่าหวังว่าเพื่อนสนิทสองคนจะได้นอนห้องเดียวกันโดยไม่มีเขาอีกเลย!


   “งั้น...เดี๋ยวผมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนแล้วกัน”


   “เปลี่ยนทำไม มึงนอนได้กูก็นอนได้”


ปกฉัตรส่ายหน้าหวือ ไม่กล้าสบตาเพราะชักเขิน...จะให้นอนบนเตียงที่ผ้าปูเตียงมีแต่กลิ่นของเขา มันก็...


   “เออ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวกูช่วย” เจตน์เห็นสีหน้าก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้เขินมากกว่าเดิม ภายในห้องนอนมีแค่เสียงสะบัดผ้าปูที่นอน เสียงปลอกหมอนเสียดสีกับตัวหมอน แล้วก็เสียงหมอนถูกโยนไปไว้บนเก้าอี้ คนโยนไม่ใช่ใครที่ไหน เจตน์ผู้ซึ่งจะนอนบนเตียงกับปกฉัตร หมอนข้างจำนวนมากนั่นเกะกะ เขาอนุโลมให้มีแค่หมอนหนุนศีรษะสองใบพอ


   พอล้มตัวลงนอนข้างกัน คนที่ออกปากว่าจะนอนตะแคงก็ดันนอนหงาย เตียงที่ไม่ได้ใหญ่พอสำหรับสองคนก็เลยกลายเป็นว่าไหล่ของปกฉัตรเบียดชิดกับไหล่ของเจตน์


   ร่างโปร่งเหลือบมองคนข้างกายที่หลับตาไปแล้ว หัวใจมันหวิวไหวซาบซ่านอยู่หรอก แต่แบบนี้...เห็นทีคืนนี้จะไม่ได้นอน


   “พี่...ไหนว่าจะนอนตะแคง”


คนถูกทักลืมตาขึ้นมาเหล่มอง ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ทันที ปกฉัตรชะงัก เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหันหนีกันแบบนี้


   ...พี่อุตส่าห์นอนไหล่ชนกันอยู่ดีๆ ก็ดันไปทักให้เขานอนหันหลังให้...


   นึกเจ็บใจตัวเอง ได้แต่นอนมองแผ่นหลังกว้างของร่างสูงอยู่อย่างนั้น ได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาขยับทีละนิด ทีละนิดแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดไปมหันต์ มีโอกาสได้นอนด้วยกันทั้งที แต่กลับทำให้อีกฝ่ายหันหลังให้กันแบบนี้


แต่...ถ้าเขาขยับเข้าไปหาอีกหน่อย ก็คงไม่รู้ตัว


เจ้าของห้องขยับเข้าหาอย่างช้าๆ มีช่องว่างระหว่างพวกเขาแค่ไม่กี่เซนติเมตร ทว่าก่อนจะหลับตาลง คนที่นอนหันหลังให้ก็พลิกตัวกลับมา คนทำเนียนเข้าไปนอนใกล้เลยสะดุ้งเฮือก แต่จะถอยหลังก็ไม่ทันแล้ว เพราะเจตน์คว้าเอวเขาไว้หมับ


“กูให้โอกาสมึงอธิบายว่าทำไมเตียงโคตรแคบแล้วยังเสือกมาเบียดกู”


“เอ้อ...คือ...” นึกข้ออ้างใดๆไม่ออกแม้แต่นิด ได้แต่ก้มหน้ามองอกแข็งๆของเจตน์ ทั้งๆที่ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคงมองเขาด้วยสายตาระยิบระยับแค่ไหน


“นับหนึ่งถึงสาม...ถ้าตอบไม่ได้ กูจะนอนกอดมึงทั้งคืนเลย” บทลงโทษของการตอบไม่ได้ทำเอาหัวใจปกฉัตรยิ่งไหวหนัก


...ถึงจะเขิน...แต่ถ้าถูกพี่กอดทั้งคืน ก็...


“หนึ่ง สอง สาม หมดเวลา!” ไม่รู้ใครเร็วกว่ากัน ระหว่างคนนับหรือคนจะถูกลงโทษ เพราะพอเจตน์รั้งเข้าไปหา ปกฉัตรก็ไม่มีทีท่าจะขัดขืนแต่อย่างใด ร่างของเขาจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของผู้ชายตัวใหญ่อย่างง่ายดาย และหากเจตน์จะก้มลงมองสักนิด ก็คงเห็นว่าบทลงโทษนี้ทำให้คนถูกลงโทษถึงกับยิ้มเขินจนหน้าแดงไปหมด


“นี่มึงตอบไม่ได้ หรือว่าไม่อยากตอบเพราะอยากให้กูกอดวะ”


 “พี่บ้า...” เจ้าตัวงึมงำอยู่กับอกแข็งๆนั่น ก่อนจะสอดมือเข้ากอดเอวของเจตน์เช่นกัน เจ้าของอกที่ถูกด่าและถูกกอดไม่รู้สึกเคืองหูเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับหัวเราะในคอ แล้วโอบร่างโปร่งเข้ามาชิดมากกว่าเดิม


คืนนี้...ที่ห้องนอนของปกฉัตร มีคนสองคนที่นอนหลับฝันดีในอ้อมกอดของกันและกัน

……………………….

   ทว่า...คืนนี้กลับมีใครอีกคนที่ยังไม่เข้านอน


   เจฟฟรี่จ้องมองโทรศัพท์ของตนเองนานแล้ว ชื่อและเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอถูกเก็บอยู่ในนั้นมาหลายปี ช่วงหนึ่งเขาเคยติดต่อเบอร์นี้ทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็หยุดลง หยุด...เพราะเขาเลือกเอง


   ต่างคนต่างเติบโต ต่างคนต่างเข้ามหาวิทยาลัย คงจะได้พบเจอใครอีกมากมาย ความสัมพันธ์ที่ห่างไกล อย่างไรเสียวันหนึ่งก็ต้องจืดจาง


   ครั้งหนึ่งเขาคิดเช่นนั้น แต่...ผ่านไปหนึ่งปี ความรู้สึกที่อัดแน่นก็ยังไม่คลี่คลาย และมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากลับมาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์อีกครั้ง


   หนุ่มลูกครึ่งตัดสินใจกดโทร.ออกไปหาเบอร์นั้น ทว่าพอเขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูก็พบว่าเป็นสัญญาณอัตโนมัติ


   ‘หมายเลขที่ท่านเรียก ยังไม่เปิดใช้บริการ...’


   เป็นความผิดหวังจนต้องหงายหลังพิงพนักเก้าอี้ เจฟฟรี่ไม่คิดมาก่อนว่าเบอร์โทรศัพท์ที่เขายังเก็บเอาไว้ มาบัดนี้มันถูกปิดไปแล้ว คงเกลียดกันมาก คงไม่อยากเจอหน้ากันอีก คงไม่คิดถึงกันอีกแล้ว แต่...เขายังคงรัก ยังคงอยากเจอหน้า ยังคงคิดถึง


   วันนี้...ถึงได้กลับมา


   แม้จะถูกทำให้ผิดหวังจากเบอร์โทรศัพท์ที่ยังเก็บเอาไว้ แต่วันนี้เขาไม่ได้กลับมาเพื่อพ่ายแพ้ เขากลับมา...เพื่อขอโอกาสอีกสักครั้ง และนี่จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ขอนิดนึง...เนื่องจากตอนที่แล้วมีตัวประกอบค่าตัวแพงคนหนึ่งมาออก พี่แกออกมาพูดไม่กี่ประโยค แต่ความขี้อิจฉาเอาใจคนอ่านไปกันหมด ฮ่าฮ่า รู้เลยนะคะว่ารักและเอ็นดูตัวประกอบคนนี้มากแค่ไหน

ส่วนตอนนี้ หวังว่าความจริงจังของเฮียเจ๋ง จะทำให้คนอ่านรักและเอ็นดูได้สักครึ่งนึงของที่มีให้กับพี่โจ๊ก ปกครองบ้างนะคะ (ขอความเห็นใจให้พระเอก ที่นิสัยพระเอก แต่ปากผู้ร้ายแบบเฮียด้วยค่ะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสฯหน้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-01-2018 21:32:31
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-01-2018 22:04:25
ปกพูดน้อยมาก ดีที่ดิษช่วยพูดให้เปิดทางไปบ้าง คนอ่านนี่ลุ้น
แต่เฮียเขาชัดเจนและน่ารัก ตอบไปตวาดไปขู่ไป พระเอกฉัน น้องปกเหลือตัวกะติ๊ด
ชอบเฮียเจ๋ง จริงจัง ขี้หึงมากด้วย
เดี๋ยวเจฟฟรี่ไรนี่ใคร ของปกแน่เลย ลุ้นอีก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 11-01-2018 22:11:44
ช็อตคว้ากันไปกอดนี่คือ ว้อยยยย ละลายมาก เขินมาก กอดกันซะไม่ให้อากาศผ่านไปเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 11-01-2018 22:15:46
เขาคือครายยยย เจฟฟรี่่ อี้ อี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 11-01-2018 22:24:40
เจฟฟรี่นี่ใครรรร เพิ่งมาใช่มั้ย มาทำไม
ถ้าจะเข้ามาหาน้องปกล่ะก็...คงช้ำในตายแน่ เฮียเจ๋งขย้ำคอตายยยย

แต่ถ้าเป้าหมายคนละคนก็แล้วไป
อย่าได้มาแหยมน้องปกของเฮีย จำไว้!! << ทำไมต้องจริงจังเบอร์นี้!! 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 11-01-2018 22:26:52
เจฟฟรี่กับใคร
จะมาขอโอกาสกับใคร เฮียเจ๋งหรือปก :a5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Faii0518 ที่ 11-01-2018 22:32:32
ขอบคุณคำปรึกษาดีๆของดิษที่ทำให้ปกกล้าพูดทุกอย่างที่รู้สึกออกไป
และก็ขอบคุณปกที่ช่วยพูดให้เฮียเข้าใจตัวตนของปกมากขึ้น
ขอบคุณความจริงจังและจริงใจของเฮียที่มีให้น้อง
..แต่ตอนนี้อยากรู้ว่าคนที่เจฟฟรี่กลับมาขอโอกาสอีกครั้งคือใครหว่า?
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-01-2018 22:44:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-01-2018 22:53:11
เขากอดกันแล้วววววว
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 11-01-2018 22:53:34
 :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: nnnnnnni ที่ 11-01-2018 22:53:58
ดิษเป็นเพื่อนที่ดีมากๆเลยอ่ะ  แต่ว่าเจฟฟรี่นี้ใคร :ruready
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-01-2018 23:04:10
ตอนนี้ก็ปรบมือให้ดิษรัวๆ
เฮียเจ๋งได้ทีกอดน้องนอนเลยแฮะ
 :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 11-01-2018 23:05:06
คืนนี้ไม่เหงาแล้วนะปก :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 11-01-2018 23:11:22
เขินฉากกอดกันบนเตียงมากกอะ
ไม่ได้ทำไรกันแท้ๆ ทำไมเขินขนาดนี้
อ่านไปยิ้มไปแก้มปริเลยค่ะ
เฮียเจ๋งเป็นผลเก้วกราดดที่น่ารักมากอะ
รู้ว่าน้องไม่กล้าพูดก้อดทนใจเย็นไม่ถาม
แต่สุดท้ายก้ต้องมาเค้นคอปกให้พูดจนได้
ปกต้องเจอแบบนี้แหละ เค้นให้พูดไม่งั้นก้เก็บเอาไว้เต็มไปหมด
แล้วเจฟฟรี่นี่คืออะไรร ใคร มาจากไหน จะมาหาใครร ดูไม่ได้มาดีเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-01-2018 23:31:15
เจฟฟรี่กะดิษรึเปล่า????? น้ำตาไหลเอ็นดูน้องปก เด็กขี้เหงาเอ๋ย  :sleep2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 12-01-2018 00:03:22
เค้ากอดกันแล้วค่ะแม่ เขินเวอร์รรรรรร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 12-01-2018 00:38:55
ยกเจฟฟี่ให้น้องดิษเลยคับ ปล่อยให้ยอดชายนายเจตน์มีความสุขไปเถอะ  o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-01-2018 00:54:49
เจฟฟรี่คือใครอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-01-2018 01:25:31
สุขสมหวังกันเรียบร้อยไปแล้วนะน้องปกพี่เจ๋ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 12-01-2018 01:41:55
เดี๋ยว ๆ เจฟโทรหาปกแม่นก่อ??? งานนี้มองเห็นสงครามโลกย่อม ๆ อยู่ร่ำไร ๆ ซะแล้ว...เมื่อเจฟบอกว่าการกลับมาครั้งนี้...ไม่ได้มาเพื่อพ่ายแพ้   :jul1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 12-01-2018 02:45:39
หืม เดี๋ยวนะ เจฟฟรี่คือเพื่อนในคณะปกคนนั้นที่ปกยืมเลคเชอร์
แล้วคืออะไรยังไงหว่า เคยมีเบื้องหลังอะไรกันมาก่อนเหรออ

พอตัดเข้าซีนเจฟฟรี่แล้วอารมณ์วูบจากฉากที่เค้ากอดกันเลยทีเดียว 555555
คู่นี้พัฒนาการเร็วมากกก โจ๊กจะอิจฉาก็ไม่แปลกเลยจริง ๆ โถลูกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-01-2018 02:48:21
มันฮาตรง ถ้ากูตายมึงหาผัวใหม่ได้เลย นี่แหล่ะ
จะหาใหม่ได้ไง เฮียยังไม่ได้เป็นผัวเลย 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2018 03:55:26
เขินๆจากฉากบนเตียง แล้วเรื่องเจฟฟรี่นี้คืออะไร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 12-01-2018 04:32:37
ตอนเฮียเจ๋งหันมากอดนี่แบบว่าาาา   :hao5: :hao5:
เกิดมาไม่เคยอยากเป็นปกเท่านี้เล้ย !!
ละเจฟฟรี่นั่นมันอะไรรรร อยากเตือว่าระวังตัวไว้
ถ้าจะมาจีบปก เฮียไม่ยอมแน่นอน  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 12-01-2018 06:42:11
เอ้อ ก็โรแมนติกตามสไตล์พี่เจ๋งอะเนอะ 55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 12-01-2018 07:40:53
ฮูอิสเจฟฟี่?
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-01-2018 08:21:33
อุ้ย คืบหน้านะเนี่ยนอนกอดกันด้วย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ShinsHolic ที่ 12-01-2018 08:45:56
อ๊ายยยยยย อะไรอ่ะเฮียยย ไปนอนบ้านเขาเฉยยยเลยยยย :impress2:

สังหรณ์ใจว่าน้องเจฟฟี่จะเป็นคู่แข็งของ 'พี่' ของปกยังไงไม่รู้ค่ะ.... เห่ะๆ ถ้าจริงตามนี้ บอกเลยงานยากกว่าคอนเนคชั่นของพี่เวฟอีก... สู้จย้า

รอตอนต่อไปนะค้าา สู้ๆค่ะะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 12-01-2018 09:02:15
เจฟฟรี่คู่ใครหล่ะเนี่ย เดาไม่ออกเลย เฮียข้ามขั้นตลอด 555+
สถานะไปเร็วมาก แต่ทางปฏิบัติเค้าแค่นอนกอดกันเองค่ะท่านผู้ชม หุหุ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 12-01-2018 09:20:17
ปกเริ่มเปิดใจแล้ว ดีใจกับเฮียเจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 12-01-2018 09:36:21
เข้าใจทั้งปกทั้งพี่เจ๋งเลย
มีไรต้องพูดกันเนอะ ชอบพี่เจ๋งอ่ะ
พูดตรงๆกับน้อง งือออ ตอนกอดกันนี่แบบ..
ฟกดกส่าสดสดกวเกาสก่ดส  :hao6: :hao6:

ส่วนเจฟฟรี่นี่ก็ว่าแปลกๆตั้งแต่ตอนที่แล้วละ
สงสัยตรงที่ปกบอกว่าเจฟฟรี่เงียบไปตั้งแต่ตอนที่
พี่รหัสปรากฎตัว มีชื่อตัวละครหลุดมาคือพี่โซ่กับพี่เวฟ
หุหุ พี่เวฟป่าววววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 12-01-2018 11:39:28
เขาโทรหาใครเอ่ย ปกใช่ไหม...
เจฟฟรี่... ระวังเจอเจตนี่นะคะ...
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-01-2018 12:14:22
ความแมนความหลัวของพี่เจ๋ง กรี๊ดดดด
นอนกอดกันคือฟินจ้าาา
เจฟฟี่คือไผ จะมาตื๊อใคร ใครก็ได้ยกเว้นเมียพี่เจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-01-2018 13:15:35
ในขณะที่อิโจ๊กกำลังด้อม ๆ มอง ๆ จะจีบพี่โซ่ยังไง น้องชายตัวดีวิ่งแจ้นมานอนบ้าน(ว่าที่)แฟนแล้วฮ้า (ขออภัยที่ต้องพาดพิง)
ส่วนคู่ของเจฟทำไมไม่มีใครสงสัยว่าอาจจะเป็นพี่ฟางก็ได้นะ กร๊ากกกก แต่เราเชียร์พี่เวฟแหละ โผล่มาว้อบแว้บ ๆ สองเรื่องแระ ด้วยบุคลิกอันเกรี้ยวกราดควรจัดให้มีผรัวเป็นตัวเป็นตน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 12-01-2018 14:42:24
ถือว่าความคืบหน้าของเฮียแกไวกว่าตัวประกอบบางคนสักอีก 555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 12-01-2018 15:05:03
อิพี่เจตน์โวยวายเก่ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-01-2018 15:47:35
ฮ่อลลลล เฮียเจ๋งคะว่างๆไปแนะนำอิพี่โจ๊กบ้างนะคะจีบก็ก่อนแต่ดั๊นนนนได้หลังน้อง วงวาร ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ปรบมือให้เฮียเจ๋งเลยค่ะกับความจริงจังของพี่แกบวกกับความเจ้าเล่ห์ในตอนท้ายนิดๆ ทำน้องปกเขินเลย ชอบเฮียเจ๋งเวอร์นี้จริงๆ ส่วนเจฟฟรี่นี่ไม่รู้ทำไมเราไม่คิดว่าเป็นปกเพราะที่เจฟบอกว่าคงไม่อยากเจอกันแล้วมันไม่น่าจะใช่ปกสิเพราะเจฟกับปกเรียนคลาสเดียวกันนี่ แถมปกยังยืมเลคเชอร์ด้วย เลยกำลังคิดว่าเป็นดิษรึเปล่าแต่แบบ...กับดิษเนี่ยนะ!? งานกล้ามชนกล้ามจะมารึเปล่าน่อ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 12-01-2018 18:23:55
เจฟฟรี่นี่เพื่อนปกนิ แต่คู่ใครล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 12-01-2018 21:03:38
น่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 12-01-2018 21:49:41
สงสารดิษ โถววว มีเฮียขี้หึงต้องทำใจ ถึงจะเป็นเพื่อนก็ไม่ได้ เฮียแกหวงของแกเด้ออ  :z1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-01-2018 22:32:19
ไม่น่าใช่เจฟรี่กับปก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-01-2018 23:02:51
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 12-01-2018 23:07:28
เจฟฟรี่นี่ใครกันนนนนนนนฃ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 13-01-2018 00:47:49
งืออบอุ่นใจกับผู้ชายแบบพี่เจ๋งมากเลย
ส่วนเจฟฟรี่นี่คู่กับใครนะ ดิษเหรอ? พี่อรรณพ หรือพี่ไท55555
เดาไป ไม่ใช่ปกกับเฮียเจ๋งรึเปล่า ก็ตอนที่ติชชี่แนะนำปกก็ปกติดี
ส่วนเฮียเจ๋งเจอแล้วยังหึงที่เจฟฟรี่อยู่กับปกอยู่เลย
อีกอย่างถ้าอีกฝ่ายของเจฟเกลียดนางแล้วก็คงไม่ใช่2คนนี้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-01-2018 08:17:37
เฮียเจ๋งมันดิบมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-01-2018 08:35:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-01-2018 11:32:01
 :a5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 13-01-2018 23:34:53
เดาว่าเจฟน่าจะเป็นของดิษนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-01-2018 01:19:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-01-2018 05:27:33
โอ๊ยยยย ทำน้องนอยด์มาทั้งวัน
แต่เจ๋งนอยด์กว่า เพราะน้องไม่ยอมบอก

ได้คุยกันแล้ว เคลียร์กันแล้วนะ
ปกน่ารักไปอีก ก็พี่รอให้ดึกจะได้มีข้ออ้างไง
พี่ก็เนียนโวยวายไปเหอะ แล้วหาเรื่องกอดน้องไปเหอะ 55555

เจฟฟรี่จะกลับมา มาหาใครคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-01-2018 05:57:12
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 17-01-2018 01:11:07
สารภาพว่าอ่านค้างไว้ตอนที่ 6 แล้วก็ลืมเลย จนมาเจอลิงก์อีกครั้งถึงนึกได้ 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 17-01-2018 09:18:11
แปะเม้นให้ตอนที่ 7
คือแบบ... พี่คะ พี่สับสนแต่ทำให้น้องเจ็บปวดงะ
ต่างคนต่างเข้าใจกันไปคนละอย่าง แง สงสารน้อง
พี่เชื่อน้องหน่อยสิ น้องพูดเองเลยน้า
 :ling1:  :mew6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 17-01-2018 10:29:20
โหววววว เจฟฟี่คือใคร ทำไมมีพารืทของตัวเองด้วย 5555
เฮียเจ๋งคนจริง น้องก็คนจริง กอดกันไปเล้ยยย  :-[
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 18-01-2018 19:56:45
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
ตอนที่ 11


   ภาพคุ้นตาของใครๆในมหาวิทยาลัยช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นภาพหนุ่มปีสองคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่มักจะไปไหนมาไหนกับหนุ่มปีหนึ่งคณะรัฐศาสตร์ ข่าวลือและคลิปก่อนหน้านี้ถูกขยายความให้กลายเป็นความจริง ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทุกวัน


ตอนเช้า เจตน์มักจะจอดรถที่คณะตนเองแล้วเดินไปส่งปกฉัตรถึงคณะรัฐศาสตร์


ตอนกลางวัน เจตน์และปกฉัตรก็มักจะนั่งทานข้าวด้วยกันที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงอาหารที่คนเนืองแน่น


แม้อากาศกรุงเทพฯจะร้อนจัด แถมสายตาใครๆก็ร้อนผ่าวๆ แต่เจตน์คนจริงดูจะไม่อินังขังขอบเลยสักนิด!


   “พี่ไม่ต้องเดินไปส่งผมที่คณะหรอก” ปกฉัตรออกปากเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ เขาบอกหลายครั้งแล้วว่าเดินไปเองได้ แต่อีกฝ่ายทำหน้ามึน แล้วก้าวเท้าตีคู่ไปเรื่อย


   “กูเดินออกกำลังกาย” ผู้ชายปากแข็งว่าอย่างนั้น ทำเอาคนข้างกายหัวเราะเบาๆ พอเปิดอกคุยกันแล้ว พอรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของกันและกันแล้ว ก็เหมือนอะไรๆจะสดใสไปหมด รวมถึงโลกทั้งใบของคนเหงาที่ชื่อปกฉัตรด้วย


   “หัวเราะอะไรของมึง”


   “เดินไม่ถึง 10 นาที จะเรียกว่าออกกำลังกายได้ไง” คนที่มักทำหน้าเฉยๆย้อนถามแถมรอยยิ้มจาง หนุ่มตาเรียวส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ปรายตามองร่างโปร่งที่เดินอยู่ข้างๆ เห็นอีกฝ่ายยิ้มแย้มหน้าตาสดใสก็สบายใจอย่างประหลาด เพิ่งรู้ก็ตอนนี้ว่าเวลาเห็นคนที่รักมีความสุขแล้วโลกมันน่าอยู่ขึ้นจริงๆ


   “งั้นก็ไม่ต้องเรียกว่าออกกำลังกาย เรียกว่าเดินไปส่งมึงก็แล้วกัน” เป็นผู้ชายทื่อๆ ที่ไม่มีลับลมคมในอะไรมากมาย เป็นผู้ชายปากแข็ง แต่พอให้พูดจริงๆก็โผงผางจนคนฟังคาดไม่ถึง และเพราะคาดไม่ถึง ใบหน้าขาวถึงได้ขึ้นสีเรื่อและต้องเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเพราะความรู้สึกอุ่นซ่านในอก


   “มึงเรียนห้องไหนล่ะ” เท้าเหยียบเข้ามาที่โถงตึกเรียน เสียงของเจตน์ก็ดังขึ้น ปกฉัตรเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาเดินมาถึงคณะแล้ว


   “อ่า...ชั้นบนน่ะ พี่กลับคณะได้แล้ว เดี๋ยวเข้าห้องสาย”


   “อือ” เจตน์หันมารับคำ เห็นใบหน้าที่ยังมีสีเรื่อๆ กับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้แล้วก็อยากใกล้ชิดมากกว่านี้อีกหน่อย แต่ติดที่อยู่กลางตึกเรียน แถมอยู่ในสถานศึกษา จะทำอะไรก็รู้สึกผิดต่อสถานที่


   ...อยากลากมันเข้ามากอดแน่นๆ อยากจูบขมับมันแรงๆ อยากทำให้มันแน่ใจว่าที่ข้างมันเป็นของผู้ชายคนนี้ คนที่ขอโอกาสให้เชื่อใจความจริงจังอีกสักครั้ง...


   แต่...ทำไม่ได้สักอย่าง นอกจาก...


   มือใหญ่ๆวางปุลงบนศีรษะของปกฉัตรก่อนจะขยี้ผมเส้นเล็กสีน้ำตาลนั่นแรงๆ


   “เจอกันตอนเที่ยง” ดวงตาสองคู่สบกัน ปกฉัตรส่งยิ้มจางให้เจ้าของมือที่ยังวางอยู่บนศีรษะของเขา ไม่ว่าเจตน์จะทำแบบนี้เพื่ออะไร แต่มันทำให้เขารับรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ และจะกลับมาเจอกันเมื่อถึงเวลา


   ทว่า...บรรยากาศอุ่นอวลนั้นถูกทำลายโดยเสียงของใครบางคน


   “ปก”


ไม่ใช่แค่ปกฉัตรที่หันมอง แต่เจตน์ก็หันด้วยเช่นกัน


   “อ้าว เจฟ”


หนุ่มลูกครึ่งเพื่อนร่วมคณะ ร่วมภาควิชาเจ้าของชื่อ ‘เจฟ’ ยิ้มตอบ แล้วยืนรออยู่ที่บันไดขึ้นชั้นสองของตึก ทำราวกับว่าหากปกฉัตรไม่ไปด้วยกัน ก็จะไม่ขึ้นเรียน


   เจตน์รู้สึกตะขิดตะขวงจนต้องหันมองคนข้างกาย


   “เพื่อนมึงเหรอ” ถามไปงั้น ทำไมเขาจะจำไม่ได้ว่าเคยเห็นหมอนี่เดินกับปกฉัตร


   “อื้อ เพื่อนในภาคฯ”


   “เรียนห้องเดียวกับมัน?”


   “ครับ” คำตอบนั้นทำเอาเจตน์พ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมา ปกฉัตรรู้สึกเหมือนใจหายที่อีกฝ่ายไม่พูด ไม่โวยวายแต่เลือกที่จะเดินหนีแบบนี้


   “พี่...”


ร่างสูงหยุดเดิน ยกมือขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอี้ยวหน้าไปบอก


   “เจอกันตอนเที่ยง”


   แล้วจากนั้น หนุ่มรุ่นพี่ก็เดินหายลับออกจากตึกคณะรัฐศาสตร์ไป

...........................

   เจตน์หงุดหงิดเรื่องไหนไม่ต้องบอก เจ้าหนุ่มลูกครึ่งยีนส์ฝรั่งเด่นนั่นทำตัวเคืองสายตาด้วยการยืนคอย เป็นการบอกโต้งๆว่ามันเรียนห้องเดียวกับปกฉัตร นิสิตจากต่างคณะแถมต่างชั้นปีอย่างเขาย่อมทำอะไรไม่ได้ นอกจากหมุนตัวเดินจากมา


   ...พอกูยังไม่จีบ ไม่เห็นมีใครจะมาสนใจไอ้ปก พอกูตามรับตามส่ง เสือกมีตัวผู้มายืนรอขึ้นเรียน!! น่าหงุดหงิดฉิบเป๋ง!!...

   
   “อ้าว! เฮีย ไม่ขึ้นเรียนเรอะ” เสียงทักดังขึ้นทำเอาเจตน์ที่กำลังดูดน้ำใบบัวบกสีเขียวเข้มเย็นจัดปรื้ดใหญ่ต้องหันมอง และพอดวงตาเรียวตวัดไปจ้องคนทัก หนุ่มรุ่นน้องตัวใหญ่ยักษ์ก็ถึงกับสูดปาก


   “อู้ยยยย...สายตาอาฆาตละเกิ้น!” ถึงจะสูดปากอย่างสยองกับสายตาของหนุ่มรุ่นพี่ แต่ดิษกรก็ยังก้าวเท้าเข้ามานั่งร่วมโต๊ะใต้ตึกเรียนที่มีลมพัดเย็นสบายด้วย


   สิบโมงแบบนี้ นิสิตส่วนใหญ่ที่มีเรียนก็ขึ้นเรียนกันหมดแล้ว แต่ก็มีไม่น้อยที่นั่งเตร็ดเตร่อยู่ใต้ตึกเรียนตามโต๊ะต่างๆ อย่างเช่นเจตน์เป็นต้น


   “กูรู้สึกว่ามีบางคนจะจีบเพื่อนมึง” เจตน์เปรย คำว่าบางคนที่ว่า ในหัวของเขาปรากฏหน้าไอ้หนุ่มลูกครึ่งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ


   “บางคนจะจีบเพื่อนผม?” ดิษกรย้อนถาม แต่พอเจตน์หันมอง หนุ่มรุ่นน้องตัวใหญ่ก็ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเขาเสียแบบนั้น


   “เออ! คนนึงก็กูเนี่ยแหละ แต่กูคิดว่ามีคนอื่นด้วย!”


   “อ๋ออออ...มันก็เป็นเรื่องธรรมดานะเฮีย เพื่อนผมน่ะ โปรไฟล์ดี หน้าตาก็ไม่ขี้เหร่ ถ้าจะมีคนอื่นมาจีบนอกจากเฮีย มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ”


   “กูรู้ว่ามันไม่แปลก แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นมีเลยนี่หว่า!”


   “ฮั่นแหน่ะ! รู้ได้ไงว่าก่อนหน้านี้ไม่มีคนมาจีบไอ้ปก”


   “ก็...” ไม่รู้จะอ้างอะไร หนุ่มปีสองทำปากขมุบขมิบ “...ก็กูไม่เห็นจะมีใครพูดถึงเพื่อนมึงด้วยซ้ำ!”


   “ไม่พูดถึงแต่ก็มองกันตาเป็นมันนะครับ! เพื่อนผมน่ะเกรดพรีเมี่ยมจะตาย” เจตน์เบะปาก รู้สึกหมั่นไส้คนเกรดพรีเมี่ยมขึ้นมาทันที


   “แล้วไง มีคนมาจีบเพื่อนผม เฮียก็เลยหึงงั้นสิ?” คนถูกถามเม้มปากเล็กน้อย จะบอกว่าหึงก็ใช่ จะบอกว่าหวั่นใจก็ใช่ เพราะนอกจากจะมีคู่แข่งแล้ว อีกฝ่ายยังเป็นคู่แข่งที่ตรงข้ามกับเขาทุกอย่าง ไอ้ฝรั่งนั่นดูเรียบร้อยแตกต่างจากหนุ่มตี๋ตาชั้นเดียว โผงผาง โวยวาย และขี้หงุดหงิดอย่างเขาโดยสิ้นเชิง


   “มึงเป็นเพื่อนไอ้ปก มึงรู้มั้ยว่าไอ้ปกชอบผู้ชายแบบไหน” ดิษกรกะพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าจะถูกถามตรงเผงแบบนี้


   “อ่า...ผมไม่เคยคิดว่าไอ้ปกชอบผู้ชายนะเฮีย”


   “งั้นมันชอบคนแบบไหน แบบ...แบบสุภาพ หรือแบบ...แบบหยาบค...เอ่อ...” จะพูดว่าหยาบคายก็กระดากใจตัวเอง ถึงแม้เจตน์จะรู้ตัวดีก็เถอะว่าเขาออกจะหยาบคายจริงๆนั่นล่ะ


   “มีใครชอบคนหยาบด้วยเหรอเฮีย” หนุ่มรุ่นพี่ชะงักไปในทันที พูดอีกก็ถูกอีก จะมีใครที่ไหนชอบความหยาบ ในเมื่อความสุภาพมันจรรโลงใจมากกว่า


   หนุ่มตี๋ตาชั้นเดียวเงียบไป คิ้วที่ขมวดมุ่นก็พลอยคลายตัวลง น้ำใบบัวบกที่เมื่อครู่นี้ดูดปรื้ดๆอย่างหงุดหงิดก็กลายเป็นค่อยๆดูดราวกับจะดม


   เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว!


   ดิษกรทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ


   “เฮีย...ถามจริงเหอะ นานแค่ไหนแล้ววะ ที่เฮียคิดว่าผมกับไอ้ปกเป็นแฟนกัน”


   “ก็...ม.6มั้ง” เจตน์ตอบเรียบๆ นึกย้อนกลับไปสมัยยังเรียนมัธยมปลายก็มักจะเห็นปกฉัตรมานั่งรอดิษกรที่ข้างสนามฟุตบอลทุกเย็น ใครไม่คิดว่าเป็นแฟนกับดิษกรก็บ้าแล้ว


   “แล้วเฮียชอบเพื่อนผมตั้งแต่เมื่อไร” คราวนี้ตาเรียวเหลือบมามอง สีหน้าของคนปากแข็งออกจะอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย ภาพของปกฉัตรอัดแน่นอยู่ในความทรงจำของเขาเยอะเหลือเกิน เพราะมองไปที่ข้างสนามทีไรก็เห็นคนตัวผอมกะหร่องนั่งอยู่เพียงลำพังทุกที


   ...ไม่รู้เมื่อไรที่ชอบ แต่...ก็มองมาตลอด...


   “ก็...ไม่รู้ กูรู้แต่ว่าพวกมึงเป็นแฟนกัน”


   “เฮียควรจะได้จีบเพื่อนผมเร็วกว่านี้ ถ้าไม่คิดเองเออเอง”


   “เออๆ! กูรู้! แล้วตอนนี้กูก็รู้แล้วว่าพวกมึงไม่ได้เป็นแฟนกัน แล้วมันเกี่ยวกันยังไงกับที่มีคนอื่นจะมาจีบเพื่อนมึงวะ?!”


   “ถามสิเฮีย เฮียอยากรู้อะไรจากไอ้ปกก็ถาม อยากรู้ว่ามันชอบคนแบบไหนก็ถาม อยากรู้ว่าไอ้คนที่มาจีบคนนั้นกับเฮีย ใครภาษีดีกว่ากันก็ถาม แล้วเนี่ย...เฮียเดินมานั่งเป็นตูดอยู่ที่นี่ ส่วนไอ้ปกอยู่คณะมัน มันจะรู้มั้ยว่าเฮียกำลังเครียดเรื่องอะไร”


   เพราะไม่ชอบถาม เพราะชอบสังเกตด้วยสายตา เพราะคิดว่าปกฉัตรควรจะบอก ก็เลยไม่เคยคิดจะถามเลย


   “แล้วอย่าลืมถามมันด้วยว่าถ้าเฮียหยาบ...เอ่อ...หมายถึง...เป็นแบบนี้ แล้วรู้สึกกับมันแบบนี้ มันจะยังอยากให้เฮียอยู่กับมันมั้ย ไอ้ปกมันเหงาก็จริงนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าใครเข้ามาใกล้ แล้วมันต้องคว้าคนนั้นไปอยู่กับมันซะหมด ไม่อย่างนั้นมันไม่มีผมเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวหรอก”


จริงอย่างที่ดิษกรว่า ถึงปกฉัตรจะมีเพื่อนน้อย โลกส่วนตัวสูง แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้ใครเข้าไปอยู่ด้วย ถึงจะเหงา เจ้าตัวก็เหงาอย่างเงียบๆเพียงลำพัง ไม่ไขว่คว้าใคร


   เพราะฉะนั้น...คนที่ได้อยู่ใกล้ คือคนที่ปกฉัตรเลือกแล้ว


   หนึ่งคือดิษกร และสองคือเจตน์


   ไม่สิ หนึ่งคือเจตน์ต่างหาก! คนอย่างเจตน์ไม่เคยเป็นสองรองใคร ส่วนดิษกรเป็นเพื่อนเฉยๆ!! 


   “สบายใจแล้วสิเฮีย หน้าตาดูเปี่ยมไปด้วยพลังงานเตรียมด่าคนอื่นเหมือนเดิมแล้ว” หนุ่มรุ่นน้องร่วมคณะหยอก เมื่อเห็นสีหน้าของตี๋ตัวใหญ่ไม่เจี๋ยมเจี๊ยมแบบเมื่อครู่อีกแล้ว ดวงตาเรียวตวัดมอง


   “กูด่ามึงคนแรกเลยดีมั้ย”


   “อู้ยยยย...ดุ” เจตน์ไม่พูดอะไรอีก เขาดูดน้ำใบบัวบกจนหมดแก้ว แล้วลุกขึ้นยืน


   “จะไปแล้วเหรอเฮีย”


   “เออสิ ขึ้นเรียน!”


   “โถ นึกว่าจะโดดเรียนกับน้อง”


   “กูไม่ได้เตรียมตัวโดนรีไทร์อย่างมึง จะโดดทำเชี่ยอะไร!!” ด่าดิษกรไปหนึ่งดอกแล้วเจตน์ก็ชิ่งหนีขึ้นตึกเรียนไปในทันที ทิ้งคนโดดเรียนให้อ้าปากค้าง


   นี่คือการทำบุญโปรดสัตว์ได้บาปที่แท้ทรู!

.................................

   เพราะมัวแต่กังวลว่าเจตน์จะรู้สึกอย่างไร ปกฉัตรเลยไม่ทันรู้ตัวว่าเขาเดินเข้าห้องเรียนโดยมีเจฟฟรี่เดินขนาบข้างมาด้วย และพอเขาทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะว่าง โต๊ะข้างๆก็ถูกจับจองโดยเจฟฟรี่เช่นกัน แต่...ก็เป็นการนั่งเรียนข้างกันเฉยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งสิบเอ็ดโมงครึ่ง และอาจารย์วางไมโครโฟนลง


   “พูดเร็วไปไหน ปกจดทันมั้ย” ปกฉัตรหันมองเพื่อนข้างกายแล้วยิ้มจาง


   “ทัน”


   “ขอยืมไปซีร็อกหน่อยสิ ไม่ไหว ‘จารย์คนนี้พูดเร็วมาก ไม่เห็นใจลูกครึ่งเลย” ลูกครึ่งหนุ่มว่าอย่างนั้น ทำเอาปกฉัตรหัวเราะ ส่งสมุดเลคเชอร์ของตัวเองให้อีกฝ่าย เจฟฟรี่พลิกสมุดไปมา ก่อนจะถอนหายใจ


   “เยอะขนาดนี้ สงสัยจะซีร็อกหลายหน้า ปกจะไปรอโรงอาหารมั้ย”


ปกฉัตรพลิกนาฬิกาข้อมือดูก็เห็นว่ายังอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าเจตน์จะเลิกเรียน แล้วอีกอย่าง เขาก็นัดกับเจตน์ที่โถงตึกเรียนใกล้ร้านซีร็อกด้วย


   “ไม่เป็นไร ไปรอร้านซีร็อกก็ได้”


   สองหนุ่มปีหนึ่งภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศพากันเดินออกจากห้องเรียนไปยังร้านถ่ายเอกสารในโถงตึก เจฟฟรี่ยื่นสมุดของปกฉัตรให้เจ้าของร้าน แจ้งจำนวนหน้าเรียบร้อย พวกเขาก็ขยับมายืนรอใกล้ๆ


   “ปกจะไปกินข้าวก่อนมั้ย เดี๋ยวเราเอาสมุดไปคืนที่โรงอาหารก็ได้” หนุ่มลูกครึ่งหันมาถาม สายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเดินลงมาจากชั้นสองแล้ว


   “ไม่เป็นไร นัดพี่ไว้ที่นี่เหมือนกัน”


   “อ้อ...” เจฟฟรี่รับคำ เบือนสายตาหนีจากหญิงสาวร่างป้อมที่เหยียบบันไดขั้นสุดท้าย กลับมาที่เพื่อนร่วมภาควิชา


ใบหน้าขาวอ่อนเยาว์ของปกฉัตรนั้นดูดีก็จริง แต่ไม่ได้ดึงดูดให้เขาเข้าใกล้ในความรู้สึกมากกว่าเพื่อนเลย แต่...สิ่งที่อีกฝ่ายมีต่างหาก ที่ทำให้เขาต้องทำแบบนี้


   “มีอะไรติดผมน่ะ ปก” หนุ่มลูกครึ่งที่สูงกว่าก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปแตะที่ข้างขมับของปกฉัตรอย่างถึงเนื้อถึงตัว แล้วทันใดนั้น เสียงตวาดก็ดังลั่น


   “เฮ้ย!!!”


มือที่เอื้อมมาแตะถึงกับชะงักไปในทันที ทั้งปกฉัตรและเจฟฟรี่หันมอง เจ้าของเสียงคือเจตน์ที่ก้าวพรวดๆเข้ามากระชากแขกปกฉัตรให้พ้นออกมาจากเพื่อนร่วมภาควิชาฯ


   “โอ๊ย!” คนถูกกระชากอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยร้อง แต่ดูเหมือนร่างสูงจากต่างคณะจะไม่สนใจเสียงร้องของเขาเลย เพราะกระชากออกมาปุ๊บก็ก้าวเท้าขวางระหว่างปกฉัตรและเจฟฟรี่ทันที


   “เมื่อกี้ทำอะไร?!!”


เจตน์ที่เดินมาถึงคณะรัฐศาสตร์ เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่พอดี และไม่ว่าจะด้วยสายตาแบบคนอคติหรืออะไร ภาพที่เขาเห็นคือไอ้ลูกครึ่งตัวใหญ่นี่กำลังลูบเส้นผมของปกฉัตรอยู่! แถมออร่าสีชมพูลอยละล่องไปหมด!!


   “มีเศษอะไรไม่รู้ติดผมของปก ผมก็เลยหยิบออกให้” ดวงตาเรียวสีดำสนิทตวัดไปมองคนที่เขาเอาไปซ่อนไว้ด้านหลัง กวาดตาดูจนทั่วศีรษะก็ไม่เห็นจะมีเศษอะไรสักนิด!


   “เมื่อกี้มันยังมี สงสัยหายไปแล้วมั้ง” เจฟฟรี่พูดต่อเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว เจตน์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อไม่ให้หงุดหงิดจนทำทุกอย่างพังพินาศ เขาหันไปหาปกฉัตรที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลัง


   “จะไปกินข้าวกันได้รึยัง!” ดิษกรสั่งมาว่ามีอะไรให้ถาม ไม่กระแทกกระทั้น ไม่ประชดประชัน แต่น้ำเสียงก็ยังแข็งอยู่นิดหน่อย


   “เจฟยืมสมุดผมไปซีร็อก...”


ชื่อเจฟฟรี่ทำให้เจตน์ต้องหันกลับไปหาหนุ่มลูกครึ่งอีกครั้ง พอดีกับที่ร้านถ่ายเอกสารเรียกเจฟฟรี่ให้ไปรับสมุดคืน เขาจ่ายเงิน ก่อนจะรับทั้งกระดาษที่ถ่ายสำเนาและสมุดเลคเชอร์ของปกฉัตรมา


   “ขอบใจมากนะปก” แม้ร่างโปร่งจะถูกดันไปอยู่ข้างหลังหนุ่มคณะบัญชี แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์ส่งสมุดคืนให้เจ้าของตัวจริงได้อยู่ดี ทว่าแม้ปกฉัตรจะรับสมุดไปแล้ว เจฟฟรี่กลับไม่ปล่อย


   “ปก...มีแฟนรึยัง”


ปกฉัตรชะงัก ในขณะที่เจตน์อ้าปากค้าง


   “เราจีบปกได้มั้ย” 


สิ้นประโยคนั้น ทั้งปกฉัตรทั้งเจตน์ก็พากันตาเหลือก หันขวับมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย เสียงเซ็งแซ่เกิดขึ้นที่หน้าร้านถ่ายเอกสารทันที เพราะนิสิตคณะรัฐศาสตร์มากหน้าหลายตาตรงนี้ล้วนได้ยินการประกาศเจตนารมณ์ของเจฟฟรี่ ปีหนึ่ง ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


   เจฟฟรี่จะจีบปกฉัตร


ปกฉัตรคนที่มีข่าวลือว่าเป็นแฟนของน้องชายลูกพี่ลูกน้องของเจียระไน ปีสาม ภาควิชาการปกครองนั่นแหละ!!

.......................................

   ไม่รู้ว่าออกมาจากหน้าร้านถ่ายเอกสารที่โถงตึกเรียนได้อย่างไร ไม่รู้ว่ามาอยู่ในรถของเจตน์ได้อย่างไร และไม่รู้ว่าเที่ยงนี้คนขับรถที่ชื่อเจตน์จะพาไปไหน โดยรวมแล้วปกฉัตรไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ดีๆมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง


   “นานรึยัง เรื่องไอ้ลูกครึ่งนั่น!”


แล้วจู่ๆ ตอนที่รถติดไฟแดง เสียงของคนขับก็ดังขึ้น ปกฉัตรหันไปมองด้วยสายตาที่ยังเต็มไปด้วยความตกใจและงุนงง


   “ผม...ผมก็ไม่รู้ เพิ่งรู้พร้อมพี่ก็วันนี้...”


   “แล้วมันไม่ได้แสดงออกเลยรึไง?! ว่ามันจะจีบมึง!”


ร่างโปร่งส่ายหน้า เขามองเจฟฟรี่อย่างเพื่อนร่วมภาควิชา และก็คิดว่าอีกฝ่ายมองเขาเป็นเพื่อนเช่นกัน แต่ทำไม...


   “มึงไม่ได้อ่อยมันใช่มั้ย?!” เพราะคำพูดของดิษกรยังลอยวนอยู่ในหัวว่ามีอะไรให้ถามไปเลย ผู้ชายปากไม่ค่อยดีแบบเจตน์ก็เลยถาม...ตรงๆ


   คนถูกถามอ้าปากค้างตาโต ทุบไหล่คนถามไปทีเป็นการตอบแทนความปากไม่ดี


   “ผมจะไปอ่อยเขาทำไม” แค่อ่อยผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆนี่ก็แทบแย่แล้ว


   “ก็กูเห็นมันเดินตามมึงต้อยๆ...” ปกฉัตรทุบไปอีกที เจตน์ก็เลยไม่พูดต่อ ปล่อยให้คนข้างกายเป็นคนพูดเอง


   “ผมเห็นเขาเป็นเพื่อน”


   “แล้วกูล่ะ”


คราวนี้ปกฉัตรชะงักหันมองคนถามทันที ใบหน้าขาวมีเลือดฝาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


   “พ...พี่ก็เป็นพี่ ผมจะมองพี่เป็นเพื่อนได้ยังไง”


 เป็นคำตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งคนฟังควรจะพอใจ เพราะอย่างน้อยก็ไม่อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าหนุ่มลูกครึ่งนั่น


   แต่...ถึงไอ้ลูกครึ่งนั่นจะอยู่ในระดับต่ำกว่าเขา ก็ต้องรีบตัดมันออกจากสารบบของคู่แข่ง!


…แม่งเรียนปีเดียวกันด้วยนะ! ภาคฯเดียวกันอีก! รักแท้ของกูจะมาแพ้ความใกล้ชิดของมันไม่ได้นะเว้ย!!...


“ไม่มองกูเป็นเพื่อนก็ดี! แต่กับไอ้เจฟอะไรนั่น มึงต้องเด็ดขาด!”


“ผมรู้แล้ว ก็กำลังคิดอยู่นี่ไงว่าจะพูดยังไงดีที่จะไม่เสียเพื่อนเพราะเรื่องแบบนี้”


เพราะหัวใจมีใครอีกคนจับจองแล้ว คำตอบที่ปกฉัตรจะมีให้เพื่อนลูกครึ่งรายนั้นคือการปฏิเสธ และถ้าเป็นแบบนั้น...ก็คงมองหน้ากันไม่ติด


แต่...ความอาทรในฐานะเพื่อนนั่นออกจะไม่เข้าหูคนขับรถเท่าไร


   “เพื่อนหวังเคลมมึงจะคบทำเชี่ยอะไร?!”


   “มันไม่ได้หวังเคลมหรอก...”


   “ปกป้องมันอีก?!”


   “ผมไม่ได้ปกป้องสักหน่อย ผมแค่คิดว่าเจฟเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี ผมไม่อยากให้มองหน้ากันไม่ติดเพราะเรื่องแบบนี้”


   “แล้วมึงจะปฏิเสธมันรึเปล่า?!”


   “ปฏิเสธสิ เพราะอย่างงั้นก็เลยไม่รู้จะพูดยังไงไม่ให้เสียเพื่อน”


   “มึงก็บอกไปเลยว่าไม่เป็น!!” คนใจร้อนอย่างเจตน์ มีแค่ประโยคเดียวที่คิดว่าปกฉัตรควรพูด


   “พูดแบบนั้นไม่ได้หรอก บอกแล้วไงว่าไม่อยากเสียเพื่อน”


   “โว้ย! แล้วมึงจะพูดยังไงวะ?!” คนหวงก้างนัมเบอร์วันที่ตามรับตามส่งมาตลอดชักจะทนไม่ไหว ขนาดไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวยังทำเสียงจิ๊จะในลำคอเพราะนั่นหมายความว่าเขาต้องหันไปสนใจถนน แทนที่จะได้คุยกับปกฉัตรอย่างจริงจัง


   ...หรือกูตบไฟเลี้ยวลงซ้าย จอดริมฟุตบาธคุยกับไอ้ปกก่อนเลยดีวะ!!...


   “ผมว่า...ผมจะบอกเจฟว่าผมมีแฟนแล้ว”


คำพูดของคนข้างกาย ทำเอาเจตน์ไม่ตบไฟเลี้ยว แต่หักรถลงซ้ายทันควัน เสียงแตรจากรถคันหลังดังยาว จนแม้แต่ตัวคนขับเองยังสะดุ้ง ต้องรีบหันไปผงกศีรษะขอโทษขอโพยรถเจ้าของเสียงแตรที่ขับแซงเขาไป


พอประคับประคองรถหรูจอดที่ริมฟุตบาธ เปิดไฟขอทางเรียบร้อย เจตน์ก็รีบหันมาทางปกฉัตรทันที


“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ?!”


“ผม...จะบอกเจฟว่ามีแฟนแล้ว”


“มึงเป็นแฟนกับใคร?!!”


“ก็...ไม่มีหรอก...” ร่างโปร่งพูดแล้วเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น ดูเขินอายไม่กล้าสบตากับเจ้าของรถที่จ้องเอาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดต่อเบาๆ “...ยังไม่ถูกขอเป็นแฟนเลยนี่นา”


...ยังไม่ถูกขอเป็นแฟน ยังไม่ถูกขอเป็นแฟน...


...แสดงว่ามันรอกูขออยู่น่ะสิ?!!...


ภายในรถมีแต่เสียงแอร์ดังเบาๆ คนออกตัวว่ายังไม่ถูกขอเป็นแฟนก็ใจแกว่ง กลัวว่าตัวเองจะล้ำเส้นมากเกินไป ในขณะที่คนฟังก็ใจสั่น สูดลมหายใจลึกหลายครั้งเพื่อรวบรวมความกล้า


“แล้ว...ถ้าขอ จะเป็นมั้ย”


เป็นคำถามที่ดังกว่าเสียงแอร์แค่นิดเดียวเท่านั้น ปกติเจตน์ชอบตะโกนโหวกเหวก แต่นานๆทีพูดเบาๆแบบนี้ก็ทำเอาทำเอาปกฉัตรเขินจนได้แต่เม้มปากแน่นๆเพราะกลัวจะเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้


...ไม่อยากบอกเลยว่าอยากเป็นแฟนพี่จะแย่อยู่แล้ว...


...แต่...จะไม่พูดออกไปตรงๆหรอก แล้วก็ไม่โง่พอที่จะเงียบด้วย...


   “พี่...จะเป็นแฟนผมเพื่อช่วยผมจากเจฟรึเปล่า”


   “กูขอมึงเป็นแฟนเพราะอยากเป็นแฟนกับมึง ส่วนเรื่องช่วยมึงจากไอ้มนุษย์หน้าไหนนั่นมันหน้าที่แฟนอย่างกูอยู่แล้ว”


ปกฉัตรยังเอาแต่ก้มหน้าเงียบ เจตน์ชักหวั่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ แต่...ดิษกรบอกเขาว่าอยากรู้อะไรต้องถาม เพราะงั้น...ต้องถามอีกครั้ง


   “มึง...อยากเป็นแฟนกับกูรึเปล่า”


   “อื้อ...”


   “เป็นแฟนกูแล้วนะ”


   “อื้อ...”


   “ไม่ให้ไปเป็นแฟนใครแล้วนะ”


   “พี่ก็...อย่าไปเป็นแฟนคนอื่นนะ”


   แล้วจากนั้น รถหรูของเจตน์ก็เปิดไฟเลี้ยวขอกลับเข้าสู่ถนนอีกครั้ง คราวนี้...รถคันนี้ขับดีและแสนสุภาพจนน่าใจหาย!

.....................................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 18-01-2018 19:57:10


เจฟฟรี่นั่งอยู่เพียงลำพังที่โต๊ะม้าหินหน้าตึกเรียน เกือบจะบ่ายโมงแล้ว และพวกปีหนึ่งที่มีเรียนรวมคาบบ่ายก็คงจะเริ่มทยอยเข้าห้องเรียนกันแล้ว แต่...นอกจากเขาก็คงมีปกฉัตรอีกคนที่โดดเรียนวันนี้


   ถึงจะรู้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมภาควิชา แต่เจฟฟรี่ก็ทำลงไปแล้ว ทำเพื่อ...ให้ใครบางคนเห็น ทำเพื่อให้ใครบางคนสนใจ แต่...เปล่าประโยชน์ ไม่หันมาสนใจกันเลยสักนิดเดียว


   ถุงพลาสติกใสที่ใส่น้ำขวดเย็นเฉียบจนมีไอน้ำเกาะและแซนวิชสำเร็จรูปถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้า ดึงสติของหนุ่มลูกครึ่งให้ออกจากภวังค์ เขาเงยหน้ามองก่อนจะชะงักเพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่เข้ามาหาเขาจะเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำ


   ทิฆัมพร...หญิงสาวร่างป้อมผมหยิกเหมือนตัวการ์ตูน หล่อนเป็นคนสดใส ร่าเริง กินเก่ง แต่ถึงอย่างนั้นเวลานี้เจ้าตัวกลับทำหน้าเฉยแถมไม่มองเขาด้วย


   “ไม่รู้รึไงว่าปกมีแฟนแล้ว” ปากถามแต่ไม่มองกันสักนิด เจฟฟรี่เจ็บแปลบแต่ความสงสัยทำให้เขาต้องเอ่ยปากถาม


   “แฟน?”


ทิฆัมพรถอนหายใจแรงๆ


   “ก็ผู้ชายที่พาปกออกไปไง เขาลือกันว่าเป็นแฟนปก” 


คราวนี้คนฟังตาเหลือกเพราะคิดไม่ถึง เขาเห็นปกฉัตรเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ทุกคำก็นึกว่าเป็นพี่น้องกัน ถึงจะหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ก็คิดเอาเองว่าน่าจะเป็นญาติ เพราะเห็นตามรับส่ง ไม่ทันฉุกใจหรือสนใจข่าวลือสักนิดด้วยซ้ำ


   “เรา...ไม่รู้มาก่อนเลย” เขาครางเบา ได้แต่กะพริบตาปริบๆเพราะรู้สึกเหมือนจะทำให้เพื่อนตกที่นั่งลำบากไปเสียแล้ว


   “เคยรู้อะไรมั่งล่ะ!” หญิงสาวปรายตามองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพ่นลมหายใจอีกทีเหมือนจะบอกว่าช่างมันเถอะ


   “พวกปีหนึ่งมีเรียนรวมบ่ายนี้ไม่ใช่รึไง กินซะแล้วไปเข้าเรียน” หล่อนสั่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากโต๊ะ ทว่าเจฟฟรี่ไวกว่า


   “ฟาง!” เจ้าของชื่อหยุดชะงัก แต่ไม่หันกลับมามอง


   “แล้วเราควรจะรู้อะไรอีกบ้าง บอกเราหน่อยได้มั้ย” สายตาของหนุ่มลูกครึ่งที่มองตรงไปยังแผ่นหลังของหญิงสาวร่างเล็กป้อมนั้นสื่อความหมายมากมายที่อัดแน่นอยู่ในอก ความรู้สึกเหล่านี้คือตัวแปรที่ทำให้เขาขวนขวายสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่อีกครั้ง


ขวนขวายเพื่อกลับมาเจอ ขวนขวายเพื่อกลับมาขอโอกาส


   ทิฆัมพรหันกลับมามอง ความร่าเริงดูเหมือนจะไม่หลงเหลืออยู่ในตัวของหล่อนอีกแล้ว


   “คณะนี้ใครเข้าก่อนถือเป็นพี่ ใครเข้าทีหลังถือเป็นน้อง พี่อยู่ปีสอง น้องอยู่ปีหนึ่ง คราวหลังอย่าเรียกฟางเฉยๆ ต้องเรียกพี่ฟาง”


แล้วหล่อนก็หมุนตัวเดินจากไปทันที ทิ้งช่องว่างระหว่างพวกเขาให้ขยายกว้างมากกว่าเดิม


   ไม่ใช่ทิฆัมพรและเจฟฟรี่อีกแล้ว แต่เป็น ‘พี่ฟาง ปี 2’ กับ ‘น้องเจฟ ปี 1’ ต่างหาก

.................................

   เรื่องเจฟฟรี่ ปี 1 ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประกาศขอจีบปกฉัตร เพื่อนร่วมรุ่นร่วมภาควิชาที่หน้าร้านถ่ายเอกสารเมื่อหลายวันก่อนเป็นที่เล่าขานไปทั่ว แต่ที่ทั่วยิ่งกว่าก็เห็นจะเป็นการที่เจตน์ไม่ใช่แค่ตามรับส่งปกฉัตรถึงคณะเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ไปส่งถึงห้องเรียน แถมทำความรู้จักกับเพื่อนในภาควิชาและต่างภาควิชาของปกฉัตรให้รับรู้ทั่วกันอีกด้วย


   ‘เฮียชื่อเจ๋ง เป็นแฟนปก ฝากดูปกด้วย เดี๋ยวเลิกเรียน เฮียจะมารับ’


   ต่อให้จะมีสักอีกกี่สิบคนจีบ แต่ผู้ชายที่ออกตัวว่าเป็นเจ้าของหัวใจปกฉัตรก็คือเจตน์คนนี้


   “ช่างเป็นผู้ชายที่ชาตรีมากๆ โอ๊ยยยยย...นี่ถ้าเราไม่ได้มอบใจดวงนี้ให้พี่ซอโซ่แห่งพรหมลิขิตไปแล้วล่ะก็ จะมอบให้เฮียเจ๋งอีกคนนึงเลย!” ติซซี่พร่ำพรรณนาตาลอยค้างเหมือนอยู่ในความฝัน


ตอนได้ยินมาจากเพื่อนคนอื่นๆในภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าแฟนปกฉัตรมาแสดงตัวถึงห้องเรียน ฝากฝังเพื่อนๆให้ช่วยดูแล ติซซี่ก็กรี๊ดไปรอบนึงแล้ว พอมาเจอกับตัวในคาบเรียนรวมแล้วต้องบอกว่า อย่าแค่กรี๊ดเลย สลบลงกับพื้นก็ไม่มีใครว่า! เพราะ ‘แฟนปก’ งานดีมากกกกกก...


   ...ไม่ใช่แค่หน้าตา ไม่ใช่แค่รูปร่าง แต่คือหัวใจที่แข็งแกร่งดังหมียักษ์!...


   ...เห็นแล้วระทดระทวย! อยากจะถูกชายอื่นตามจีบแล้วมีผู้ชายอย่าง ‘เฮียเจ๋ง’ มาประกาศตัวว่าเป็นแฟนอย่างงี้มั่ง!...


   “เออ แล้วเจฟว่าไง” ว่าแล้วติซซี่ก็ถามถึงเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่เคยประกาศขอจีบปกฉัตรหน้าร้านถ่ายเอกสาร คาบเรียนรวมวันนี้ก็แอบเห็นแว่บๆว่าเข้าเรียนเหมือนกัน


   “ไม่รู้ เจอกันแต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก”


เพราะเจตน์มาส่งถึงห้องเรียน ตอนมารับก็มาถึงห้อง แถมอย่างที่ติซซี่บอก คือเจตน์ประกาศตัวฝากฝังให้เพื่อนๆช่วยกันเป็นหูเป็นตา เจฟฟรี่เลยถูกกันออกห่างไปโดยปริยาย


   “ก็เฮียคนจริงอ่ะ! กันท่าขนาดนี้ แสดงออกว่าทั้งรัก ทั้งหวง โอ๊ยยยยย...ปก! โชคดีอะไรอย่างงี้ได้เฮียเจ๋งเป็นแฟน!”


ปกฉัตรได้แต่ยิ้มเงียบๆ เขาไม่ได้พูดอะไรกับติซซี่อีกเพราะอาจารย์เข้าห้องแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นร่างโปร่งก็รับรู้ว่ามีใครบางคนมองตรงมาที่เขา


   เจฟฟรี่


   ร่างโปร่งไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมองเขาทำไม แต่สายตาที่มองมา มันเต็มไปด้วยความอึดอัดและลำบากใจ

……………………….

   เจฟฟรี่รู้ตัวว่าเขาทำให้เพื่อนร่วมภาควิชาอย่างปกฉัตรอาจจะตกที่นั่งลำบาก อย่างน้อยๆก็คงต้องเคลียร์เรื่องของเขากับ ‘แฟน’ ที่เป็นรุ่นพี่จากต่างคณะคนนั้น เขาไม่อยากแก้ตัว แต่ก็อยากจะแก้ปัญหาในเรื่องที่เกิดขึ้น ปกฉัตรเป็นเพื่อนที่ดี และเขาก็...รู้สึกผิดที่ทำลงไปโดยคิดไม่รอบคอบแบบนี้


   คาบเรียนเลิกได้ 5 นาทีแล้ว แต่หนุ่มลูกครึ่งยังนั่งรออยู่ในห้อง นิสิตคนอื่นๆทยอยออกจากห้อง บ้างก็จับกลุ่มคุยกัน เขาเห็นปกฉัตรยังถูกติซซี่ประกบแจ จนกระทั่งผู้ชายตาเรียวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องเรียน


   “เฮียเจ๋งมาแล้ว...” เสียงติซซี่ร้องวี้ดว้าย ปกฉัตรลาเพื่อนๆแล้วเดินออกไปกับคนที่มารับ เจฟฟรี่รีบลุกตามออกไปอีกประตูทันที


   “ปก!” เขาร้องเรียก คนสองคนที่เดินนำหน้าก็พากันหันมอง แน่นอน วินาทีแรกที่ทั้งสองคนหันมาเห็นเขา หนุ่มรุ่นพี่จากต่างคณะก็ดึงปกฉัตรไปไว้ข้างหลังทันที


   “จะขอคุยด้วยหน่อย”


   “คุยกับกูเนี่ย! กูเป็นแฟนไอ้ปก!” ทั้งๆที่เสียงของเจตน์เครียด แต่ปกฉัตรกลับกลั้นรอยยิ้มของตนเองไม่ไหว


   “ผมรู้ว่าพี่เป็นแฟนปก ผมคุยกับพี่ด้วยก็ได้ ผมอยากอธิบายเรื่องวันนั้น”


   “ถ้ามึงรู้ว่ากูกับปกเป็นแฟนกัน แล้วมึงจะอธิบายทำเชี่ยอะไร?! สิ่งที่มึงต้องทำคือเลิกมายุ่งกับไอ้ปก! ไม่ใช่มาวิ่งตามขออธิบาย!” เจตน์ผู้ขี้หงุดหงิดและโผงผางไม่เห็นความจำเป็นตรงไหนที่จะต้องมานั่งฟังคำอธิบายคนที่ประกาศตัวโต้งๆว่าจะจีบปกฉัตร แต่สำหรับปกฉัตร...เขายังจำสายตาของเจฟฟรี่ที่มองมาที่เขาได้


   ...เสียใจ ขอโทษ อึดอัด ลำบากใจ...


   ...ไม่ใช่สายตาของคนจะจีบไม่ใช่หรือ...


   “พี่ ใจเย็นก่อน ให้เจฟพูด” หนุ่มตี๋จากคณะบัญชีตวัดสายตามามองคนที่รั้งแขนเขา


   “จะให้มันพูดอะไร?!”


   “ฟังเจฟพูดก่อน” ปกฉัตรย้ำคำเดิม เจตน์เลยได้แต่งุ่นง่านหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่...ก็แค่หันหนี เพราะมือโอบไหล่คนรักแน่น


   ร่างโปร่งเหลือบมองคนแสดงความเป็นเจ้าของแล้วทั้งขำทั้งฉุน แต่ถึงอย่างนั้นก็ปล่อยให้แขนใหญ่วางทับไหล่ของเขาต่อไป


   “ขอโทษนะปก เรื่องที่หน้าร้านซีร็อกวันนั้น...”


เจตน์เหลือบตาไปมองคนพูด รู้สึกเคืองหูกับความมีมารยาทของมัน


...ขอโทษอยู่นั่นไม่จบไม่สิ้น ไม่ใช่ขอโทษเสร็จแม่งวนไปขอจีบ ขอเป็นแฟน พ่อจะถีบให้!...


   “ไม่ต้องเกริ่น! เข้าเรื่องเลย! กูมีความอดทนฟังมึงแค่สามประโยค!!”


หนุ่มลูกครึ่งหันมองคนใจร้อน แล้วถอนหายใจเบาๆหันกลับมาทางเพื่อนร่วมคณะร่วมภาควิชาอีกครั้ง


   “ปกรู้ใช่มั้ยว่าเราซิ่วมา...จริงๆแล้วเราเรียนม.ปลายที่เดียวกับฟาง”


   “ฟาง? พี่ฟาง พี่รหัสของเราเหรอ?” ปกฉัตรย้อนถาม คำตอบที่ได้คือการพยักหน้ารับ


   “เรากับฟาง...เคยเป็นแฟนกัน”


   “อ้าว!!” เจตน์ร้องลั่น อารมณ์ขึ้นพรวดพราด


   “นี่มึงเป็นแฟนเก่าพี่รหัสไอ้ปก! แต่จะมาจีบไอ้ปกเนี่ยนะ?!!”


   “พี่…ใจเย็นก่อน” ต้องเป็นปกฉัตรที่ปราม ดึงเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้กระโจนเข้าไปหาเจฟฟรี่


   “ผมไม่ได้จะจีบปก” เจฟฟรี่หันไปบอกคนหน้าตาถมึงทึง ก่อนจะกลับมามองปกฉัตรอีกครั้ง


   “แต่...อยากให้ฟางหันมาสนใจกันบ้าง...”


   “โฮ! ไอ้สัด!!!” เจตน์ด่าลั่น โทษฐานที่ไอ้หนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าทำอะไรไม่ตรงไปตรงมา โชคดีที่เขาไม่วู่วามทะเลาะกับปกฉัตรเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ต้องบานปลายเพียงเพราะไอ้เจฟฟรี่อะไรนี่ต้องการความสนใจจากแฟนเก่า!


   “พี่...ใจเย็นๆ” ปกฉัตรรั้งร่างสูงเอาไว้ แม้เจตน์จะยังฮึดฮัดแต่ก็ควบคุมอารมณ์ได้ดีพอสมควร ร่างโปร่งเลยหันกลับไปมองหนุ่มลูกครึ่งที่คอตกหน้าหงอย


   “แล้วพี่ฟางว่ายังไง”


เจฟฟรี่ส่ายหน้าไปมา หลายวันมานี้เขาพยายามตามหาทิฆัมพร แต่พอเจอทีไร หล่อนก็มักจะอยู่กับเพื่อน หรือที่ร้ายที่สุดคืออยู่กับพี่รหัสปีสี่ที่ชื่ออรรณพ แล้วรายนั้นดุอย่างกับเสือ หากบุ่มบ่ามเข้าไปก็เกรงว่านอกจากทุกอย่างจะพังแล้ว ชีวิตอาจจะหาไม่ด้วย


   “ปกช่วยหน่อยได้มั้ย เราอยากปรับความเข้าใจกับฟาง...”


   “ไม่ต้องไปช่วยมัน!” เจตน์สวนขวับ ปกฉัตรหันมองร่างสูงแล้วก็ไม่รู้จะช่วยพูดยังไง เวลานี้เจตน์กำลังหงุดหงิด เขาก็ไม่อยากไปขวางคนอารมณ์ร้อน ถึงจะอยากบอกแทบตายว่าถ้าไม่เพราะเจฟฟรี่ประกาศว่าจะจีบเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อาจจะยังอยู่ที่ ‘จีบ’ ไม่ได้ชัดเจนขนาดที่เจตน์มายืนโอบไหล่ประกาศสถานะด้วยซ้ำ


   “เรื่องของมึงกับแฟนเก่า มึงก็ไปเคลียร์กับแฟนเก่าเองสิวะ! ไอ้ปกน่ะแฟนกู! กูไม่ให้แฟนกูไปช่วยใครทั้งนั้น ไอ้สัด!!” โดยเฉพาะช่วยคนที่เคยประกาศว่าจะจีบปกฉัตรมาก่อน ถึงมันจะสารภาพว่าที่พูดไปนั้นก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนรักเก่าก็ตาม


   เจตน์ไม่พูดอะไรอีก ลากปกฉัตรให้เดินหนีออกมาทันที ร่างโปร่งมองกลับไปที่เพื่อนร่วมภาควิชาด้วยความเห็นใจ ก่อนจะเหลือบมองคนดึงแขนเขา


   “พี่...” เรียกคำเดียว แต่ตาเรียวตวัดมาจิกเหมือนปกฉัตรเรียกอย่างหยาบคาย


   “ถ้าพี่เป็นเจฟ พี่จะทำไง”


   “ทำเอง! คนที่รู้จักแฟนกูดีที่สุดก็คือกู! ถ้ากูจะง้อแฟนกู ก็ต้องเป็นกูที่ลงมือทำเองสิ!”


   “แต่ถ้าผมเป็นเจฟ ผมอาจจะทำแบบเจฟ...” ปกฉัตรออกปาก ทำเอาร่างสูงหันกลับมามองเต็มสองตา


   “ไอ้ที่ประกาศจีบคนอื่นเพื่อเรียกร้องความสนใจเนี่ยนะ?!”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองสบเข้าไปในตาเรียว ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ เขาก็เคยอยู่นอกสายตา นอกความสนใจของเจตน์ ทำทุกอย่างจนกระทั่งวันนี้...ที่ได้มายืนข้างๆด้วยสถานะที่แตกต่างไปจากเดิม


   “ในเมื่อเราไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย ถ้ามีวิธีไหนที่พอจะทำได้เพื่อให้เขาหันมาสนใจกัน...มันก็น่าลองทำทั้งนั้น”


เหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ที่ปกฉัตรพยายามมีตัวตนในสายตาของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นมาในห้วงความรู้สึกของร่างโปร่ง


   ตอนที่ทำเป็นชวนคุยขอให้ไปส่งที่ซุ้มคณะในวันเฟิร์สเดท ตอนที่ทำเป็นโยนขวดน้ำไปเกือบโดนเท้าของเจตน์เพื่อให้หันมามองกัน ตอนที่ทำเป็นนั่งโต๊ะใกล้ๆเจตน์ในโรงอาหาร ตอนที่ทำเป็นตามไปคอนโดของเจตน์เป็นเพื่อนดิษกร ทุกๆอย่างที่ทำ...ก็เพื่อให้เจตน์เห็นเขาอยู่ในสายตาทั้งนั้น


   คนฟังนิ่งงัน มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ตรงหน้า แล้วภาพในความทรงจำก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขาเช่นกัน


   ภาพที่ปกฉัตรยืนอยู่หน้าซุ้มคณะบัญชีในวันเฟิร์สเดท ภาพที่ปกฉัตรเดินมาเก็บขวดน้ำที่ตกมาใกล้เท้าของเขา ภาพของปกฉัตรที่เขาหันไปเห็นว่านั่งอยู่ข้างหลังในโรงอาหาร ภาพของปกฉัตรในคอนโดของเขา


   ถ้าทั้งหมดนั่น...ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


   ถ้าทั้งหมดนั่น...คือเรื่องของคนคนหนึ่งที่ทำขึ้นมาเพื่อให้เขาหันไปเห็น...


   “ปก...มึงรู้สึกกับกูนานแค่ไหนแล้ว”


 ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกะพริบช้าๆ เมินหนีไปทางอื่น


   “ตั้งแต่...ไปนั่งดูพี่เตะบอล”


เจตน์ชะงักเพราะคิดไม่ถึง ตั้งแต่เมื่อไรที่ปกฉัตรไปนั่งอยู่ข้างสนามฟุตบอล เขาก็จำไม่ได้แน่ชัด แต่ที่จำได้คือพอไปดูหลายครั้งเข้า ก็มีคนพูดมาถึงหูเขาว่าปกฉัตรไปนั่งดูดิษกรเตะฟุตบอล และ...ทั้งสองคนเป็นแฟนกัน


   “ตอนม.ปลายน่ะเหรอ”


   “อืม...”


คนที่รู้สึกก่อน มักเป็นคนที่พ่ายแพ้ และต่อให้ปกฉัตรจะรู้ดีว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับเจตน์ แต่ก็ไม่อาจทอดทิ้งความรู้สึกเหล่านี้ไปได้เลย ต่อให้ต้องแพ้ ต่อให้จะไม่มีทางชนะ ความรู้สึกก็ยังสั่งสมรุนแรง มันทับถมจนงอกเงยขึ้นมาเป็นความรู้สึกอื่นที่มากกว่าความชื่นชมธรรมดา


   “...ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าผมอยากเป็นอย่างพี่ แข็งแรง มีชีวิตชีวา มีเพื่อนเยอะแยะ แต่…ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร...จากที่ผมแค่มองพี่อย่างเดียว ถึงกลายเป็นอยากให้พี่หันกลับมามองผมบ้าง อาจจะ...ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจจะเข้ามหาวิทยาลัยนี้ล่ะมั้ง”


   ‘ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย...’


   จู่ๆ เจตน์ก็นึกไปถึงคำพูดของปกฉัตรที่เขาเคยบังเอิญได้ยิน


   “ที่มึงเคยพูดว่าเข้าที่นี่เพราะอยากเจอคนบางคนน่ะ...หมายถึงกูเหรอ”


ใบหน้าอ่อนเยาว์ให้คำตอบด้วยการพยักหน้าน้อยๆ เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวไม่กล้าสบตา สายตาของคนพ่ายแพ้ สายตาของคนที่มีแต่ความรู้สึกอัดแน่นท่วมท้น คงเป็นสายตาที่...น่าอายเกินไป


   เจตน์ได้แต่มองคนที่เอาแต่หลบเลี่ยงสายตาไปจากเขา ปกฉัตรเป็นคนร่างสูงโปร่งแต่ก็ผอมกะหร่อง มองจากคนตัวใหญ่อย่างเขา อีกฝ่ายเหมือนคนแคระแกร็นที่ไม่น่าจะโตไปกว่านี้ได้แล้ว แต่...คนคนนี้กลับแบกรับความรู้สึกมากมายเหล่านั้นแล้วทำทุกอย่างจนมายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน


   มือใหญ่เอื้อมไปจับมือขาวของปกฉัตรแล้วกระตุกเบาๆให้ออกเดินตามกันไปจนกว่าจะถึงรถ ระหว่างทางมีแต่ความเงียบของพวกเขาสองคน จนกระทั่งเจ้าของมือที่กุมมือของปกฉัตรอยู่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ


   “ต่อจากนี้มึงไม่ต้องทำอะไรให้กูเห็นมึงแล้วนะ เพราะกูเห็นมึงแล้ว...”


เป็นคำพูดเบาๆที่ทำเอาปกฉัตรต้องเหลือบมอง ทว่าเจตน์ยังมองตรงไปข้างหน้า


   “แล้วกูก็จะอยู่ข้างๆมึงแบบนี้ ให้มึงเห็นกูด้วยเหมือนกัน”


   ยิ่งกว่าประโยคบอกรัก คือประโยคที่ทำให้ปกฉัตรมั่นใจ


   ผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่แค่คนรัก แต่จะเป็นคนที่อยู่เคียงข้าง จะอยู่ให้เห็น จะอยู่ให้รับรู้


   นับแต่นี้ จนกว่า...จนกว่าวันใดสักวันหนึ่งในอนาคตที่ไม่มีใครรู้


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

มีคนทายถูกด้วยว่าเจฟฟรี่กลับมาขอโอกาสจากใคร

แต่ที่ร้ายสุดคือมีคนทายว่าคู่กับพี่เวฟ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวก่อนนนนน!!! พี่เวฟจะมีคู่ไม่ได้ค่ะ แกต้องอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้โซ่ไปจนกว่าจะเรียนจบ ฮ่าฮ่า

ส่วนเรื่องนี้ที่ชื่อผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะน้องปกของเราเป็นสายใช้ทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ค่ะ ขนาดวิกฤตเจฟฟรี่ น้องก็พลิกเป็นโอกาสจนได้เป็นแฟนกับพี่เลยค่ะ ฮ่าฮ่า (ส่วนพี่...พี่น่ารักนะ แต่พี่ตามน้องไม่ทัน กร๊ากกกกก)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดเช่นเคย

ป.ล.เนื่องจากนกคอนฯ แถมงานเยอะจนหงุดหงิด พรุ่งนี้จะมาลงโจ๊กโซ่ค่ะ บอกเลยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-01-2018 20:04:42
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 18-01-2018 20:22:55
น้องงงงงงงงงงง น่ารักตลอดเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 18-01-2018 20:29:09
เก้วกราดได้ตลอดเวลา 5555555555 รักความเกรี้ยวกราดของพี่เขา ปกลูกกกก กว่าจะอยู่ในสายตาของเขามันใช้เวลาเยอะจริงๆ แต่มันก็คุ้มค่าเนอะ ที่นอกจากจะอยู่ในสายตาเขาแล้ว พี่เขายังหวงขนาดนี้ กี๊ดดดดดด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-01-2018 20:56:57
เรียกเฮียเจตย์ เฮียเจตย์ จนลืมชื่อเล่นเฮียว่า ชื่อเจ๋ง 55555 โอยยย ปกน่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-01-2018 20:57:22
นึกว่าจะได้มาคู่ดิษซะแล้ว โอ้ยยย ขอบคุณเจฟฟรี่มากจ้า เลยได้เป็นแฟนกันเลย พี่ก็หัวร้อนตลอดเวลา โอ้ยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-01-2018 21:23:09
ชอบๆ  พัฒนาความสัมพันธ์ไปไวกว่าโจ๊กเยอะเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-01-2018 21:25:12
เจฟฟฟฟ ตัวประกอบที่แท้ทรู ดีนะที่ไม่ถูกเฮียชกหน้าไปซะก่อน
อยากรู้ว่าลูกหลานบ้านเฮียยังเหลืออีกไหม อยากได้ ๆๆๆๆ โคตรคนจริง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 18-01-2018 21:34:19
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 18-01-2018 21:37:41
เขาเป็นแฟนกันแล้ววววว >\\\\<
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 18-01-2018 21:41:29
โอ้ยยยยยย ฟิน !!! ความรู้สึกที่ปกซ่อนไว้ก็ได้เปิดเผยซะที เฮียต้องรักปกให้มากๆ นะ อ่อนโยนกับปกบ่อยๆ นะเฮียนะ  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-01-2018 21:43:29
ยินดีด้วยที่ปกกับเจ๋งได้เป็นแฟนกัน  :mc4:
ส่วนเจฟ สู้ สู้นะลูก เอาใจช่วยจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2018 22:03:22
 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-01-2018 22:08:43
เฮียเจ๋งคนจริง ถึงจะห่ามไปหน่อย หยาบคายไปนิด แต่ชัดเจน
//ชูป้ายFC
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-01-2018 22:09:37
ฮ่าๆๆๆๆโอ้ยยย ไม่คิดว่าจะเจอนอร์มอลไงเลยเดาไปว่าดิษกรโน้นน เอาใจช่วยเจฟนะแต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรในอดีตฟางถึงเย็นชาขนาดนี้ ส่วนน้องปกนั้นก็เข้าใจพลิกวิกฤติเป็นโอกาสจริงๆ เฮียเจ๋งอะเป็นแต่เกรี้ยวกราดตามน้องไม่ทันหรอก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 18-01-2018 22:10:22
ปกเธอทำเราเสียน้ำตามันอธิบายไม่ถูกเลยว่าคนๆหนึ่งจะทำทุกอย่างเพื่อให้อีกอีกคนมองมาที่เราบ้างและตอนนี้เจตต์ก็มองกลับมาที่ปกแล้วเป็นการบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักซึ้งจริงค่ะไรท์แต่งได้สุดยอดมากขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆอีกเรื่องให้เราได้อ่านนะคะขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2018 22:12:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 18-01-2018 22:14:57
พลิกมาเจฟฟรี่ แต่ก็เข้าทางปก เค้าเป็นแฟนกันแล้ว ชายชาตรีมาก ๆ อย่างที่ติชชี่บอกเลย เจ๋งคนจริง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 18-01-2018 22:17:04
พี่เจตน์คนขี้เหวี่ยง หมั่นไส้ 
จริงๆควรขอบคุณเจฟเขานะ ไปช่วยเขาง้อแฟนเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2018 22:22:43
ชอบปก ปกน่ารัก  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 18-01-2018 22:31:03
เฮียเจตน์คือของดีที่แท้จริงงงงงง คนจริงมากจ๊ะเฮีย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-01-2018 22:36:41
อ่านไปก็รู้สึกเอ็นดูพี่ไป เหมือนโดนน้องแอบชักใยอ้อมๆตลอดเลย เอ็นดู 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-01-2018 22:40:09
555 เดาผิดเรื่องเจฟฟรี่ ว่าแต่ไรต์นกคอนฯผู้ใด๋..อยากรู้  :m28: :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 18-01-2018 23:00:15
แงง น้องปกน่ารักมากๆเลย
ในที่สุดก็เป็นแฟนกัน
น้องพยายามมามากจริงๆอะ
อิพี่เจ๋งต้องดูแลน้องให้ดีมากๆเข้าใจม้าย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-01-2018 23:08:32
เฮียมันจะโวยวายไปไหนเนี่ย 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 18-01-2018 23:46:27
สุดท้ายก็ได้ขอเป็นแฟนอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนทางเจฟจะเป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 19-01-2018 00:19:36
น่ารักกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 19-01-2018 00:23:31
พี่เจ๋งรึจะสู้น้องปก ฝีปากอย่างเดียวเท่านั้นแล ที่เหลือนี่แอบเห็นแววหลงเมียมาแต่ไกล

ปล.คิดถึงน้องซ.โซ่คนดีแล้ววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: pandant ที่ 19-01-2018 00:31:34
เหม็นคนมีรักจนเหงาเลยค่ะ ฮื้อออ ทำไมช่วงนี่อ่านนิยายรักกลับเศร้ากว่าทุกที
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-01-2018 00:46:23
เฮียน่ารักอีกแล้ว
ดีใจที่ปกยอมบอกความจริง
ที่ว่าชอบเฮียมานานแสนนาน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ละอองฝน ที่ 19-01-2018 01:29:55
ไม่ไหวกับเฮียเจ๋งค่ะ เขินมากถึงมากที่สุด
พี่คะ ตะโกนอัดหน้าน้องเลย น้องยอม  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-01-2018 02:50:11
กรี๊ดดด นุ้งปกเราร้ายมาก พลิกวิกฤตเป็นโอกาส  :hao7:
เป็นแฟนกันแล้วจ้ะ แถมปกได้บอกด้วยว่าแอบชอบมานานแล้วว
รอโจ๊กโซ่ด้วยค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-01-2018 05:55:14
เป็นแฟนกันแล้ว เย่ พี่เจ๋งเสร็จน้องแล้ว ดีใจกับน้อง
ขี้หึงชิบหายพี่เจ๋ง เขารักของเขาเนอะ
ตอนปกพูดถึงเจฟเรื่องการพยายามขอคืนดี เศร้าจัง การแอบรักใครสักคนต้องอดทนมากเลย
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 19-01-2018 06:42:57
เป็นแฟนกันแล้ววววววว ฮือออออ พูดถึงโจ๊กโซ่ก็เอ็นดูเฮียโจ๊ก 55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 19-01-2018 07:15:40
เป็นแฟนกันแล้ววว เฮียเจ๋งต้องขอบคุณน้องเจฟเค้านะเนี่ย โหดจั๊งงงงง 55555555
นอกจากจะได้แฟน ยังได้รู้ความลับของน้องด้วยเนอะ ปกเอ้ยยย เฮียเค้ารักหนูตายเลยลูกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 19-01-2018 07:33:26
คารวะน้องปก 555 ต่อไปไม่ต้องวางแผนอะไรแล้วน้า เอ๊ะ หรือต้องวางอยู่ พี่เจตน์จะได้ตกลงหลุมไปลึกๆปีนออกมาไม่ได้เลย ><
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 19-01-2018 07:37:41
พี่เจ๋งควรขอบคุณเจฟอะ ได้เป็นแฟนน้องแล้วนะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 19-01-2018 07:48:40
ชอบเฮียเจ๋งมาก ลูกผชตัวจริง 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-01-2018 07:59:24
เฮียก็อย่าคิดไปเองมากนักนะ จะทำให้ดูโก๊ะๆ ไปเลย
ชอบที่ว่าจะทำอย่างไรก็ได้ที่ขอให้อยู่ในสายตา
เฮียเจ๋งถึงกับอึ้งเมื่อนึกย้อนเรื่องที่ผ่านมา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 19-01-2018 09:27:35
เป็นแฟนกันแล้ววว  :katai2-1: :katai2-1:
น้องปกนี่ร้าย ยอมใจน้องเลย
พี่เจ๋งถึงกับอึ้งไปเลยที่รู้ว่าน้องชอบตัวเองมานานแล้ว
แต่พี่เจ๋งอบอุ่น ถึงจะเกรี้ยวกราดไปบ้างก็เถอะ :mew3:

แต่เจฟนี่ก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นฟาง แต่นึกว่าจะวายอ่ะ
นึกว่าพี่เวฟจะมีคู่กับเค้าบ้าง หนูรักพี่เวฟนะคะ ๕๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 19-01-2018 11:29:44
อยากเป็นปก เฮียน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 19-01-2018 15:50:04
ผู้ชายอย่างเฮียถึงจะโผงผางแต่ก็อบอุ่นเน้อ :o8:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 19-01-2018 16:13:42
 :L2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 19-01-2018 17:04:44
อยากมีเฮียเจ๋งมาเกร้วกราดใส่บ้างจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-01-2018 18:49:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 19-01-2018 20:49:28
กรี๊ดดดดด หวานแบบคนแมนคือพี่เจตน์

ปกได้เป็นแฟนซะมีมองมาก็นานสมหวังแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 19-01-2018 21:07:56
ผู้ชายแบบเจตต์นี่จะมีโอกาสได้เจอบ้างไหมอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 19-01-2018 23:44:20
 :impress2: :-[ เค้าเฉลยที่มาที่ไปกันแล้ววว ฟินนน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-01-2018 23:59:37
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-01-2018 00:26:09
เป็นแฟนกันแล้วอ่ะ ความในใจพรั่งพรูมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 20-01-2018 01:15:36
เมื่อคืนก่อน ไปดู oor นึกถึงอิโจ๊กตอนดีดกีตาร์ให้โซ่ฟังเลยยย ทากะร้องสดได้อารมณ์จริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-01-2018 01:24:21
อิเฮียยย ผีออกจากร่างหรอละมุนมากกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 20-01-2018 08:22:49
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ShinsHolic ที่ 21-01-2018 08:50:28
อ๊ายยยยยยยย หน่องปกกกกก พลิกวิกฤตมากค่ะ 55555555 พี่เจ๋งอึ้งไปเลยเดด้  เคลียร์กันแล้วก็ช่วยน้องเจฟกันหน่อยเถอะค่ะะ แอบเห็นใจจ ;---; (ไม่ใช่เพราะภาษียีนส์ฝรั่งแต่อย่างใดจริงจริ๊งง)
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 21-01-2018 12:04:09
เฮียเจ๋งสมชื่อสินะคะ
ถวายตัวให้ได้ไหมคะ//จิตวิญญาณติชชี่แอบมาสถิต555555555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-01-2018 15:10:49
เขินเฮียเจ๋งเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-01-2018 18:45:06
แหมมม ตอนจีบก็ว่าแรงแล้วนะ ตอนเป็นแฟน ยิ่งออกตัวแรงสุดไปอีก
จัดเต็มไปเลยค่ะ เฮียเจ๋ง มีคนช่วยเฝ้าตรึม

ปกฉัตรเอาอยู่ บอกเลย ยังไงพี่ก็ฟัง ทำเป็นเสียงเข้มไปงั้น

สงสารเจฟฟรี่นะ พยายามเข้านะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 21-01-2018 22:49:46
แรกๆพี่เค้าก็ดูดีอยู่นะคะ แต่ยิ่งนับวัน เรารู้สึกว่าไม่น่ารู้จักพี่เค้าเลยค่ะ เกรี้ยวกราดอะไรเบอร์นี้ 555555  แต่เหมือนยิ่งพี่ดุ น้องปกจะยิ่งฟินนะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 21-01-2018 22:50:36
การขอเป็นแฟนสไตล์เฮียเจ๋ง
พี่แกได้รู้สักทีว่าน้องชอบตั้งแต่ม.ปลาย
ขอบคุณเจฟ และขอเธอให้สมหวัง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-01-2018 03:23:42
ชอบความชัดเจนของคนพี่จัง
ในที่สุดเฮียก้รับรู้ถึงความพยายามของน้องแล้ววว
เป็นไงง ซึ้งเลยดิ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 22-01-2018 19:54:29
งื้ออออ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 24-01-2018 01:30:48
เป็นแฟนกันแล้ววว แต่เจฟกับพี่ฟางนี่คาดไม่ถึงแฮะ กะนึกว่าจะมาจีบปก เป็นแผนหรอกเรอะ แต่ก็ทำให้เค้าได้เป็นแฟนกันเนอะ ให้อภัยล่ายยย ผลบุญจงตกแก่ทั่นนน แต่แฟนเก่าเลิกกันเพราะอิหยังน้ออ รอต่อไปค่าา  :katai5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-01-2018 14:53:10
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 24-01-2018 20:07:46
เฮียเจ๋ง คนจริง2018 หางี้ได้ที่ไหนอีกกก เถรตรงสุด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 24-01-2018 23:49:35
เฮียเจ๋งง ไอคนขี้หวง 55555
เป็นแฟนกันแล้วววว อาการหนักกว่าอีกไหมเนี่ยเฮียย

น้องปกมันร้ายนะคะ เฮียยยย เฮียไม่รอดหรอก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 25-01-2018 02:29:33
เฮียเจ๋งดิ้นหนีปกไม่หลุดแล้วสินะ คิคิคิ
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 25-01-2018 21:00:25
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
ตอนที่ 12

   อรรณพ นิสิตปีสี่ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่ใครๆก็รู้จักกันดีในนาม ‘พี่เวฟ’ ก้าวเท้าออกจากโรงอาหารโดยมีจุดหมายปลายทางที่ห้องสมุด ชีวิตนิสิตปีสี่ไม่ค่อยวุ่นวายอีกแล้ว แต่...ก็ยังมีน้องรหัสที่ต้องคอยดูแล ชีวิตของอรรณพก็เลยยังคงวนเวียนเช้า สาย บ่าย เย็นที่คณะอยู่ดี


   “พี่เวฟ...” เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาชายหนุ่มปีสี่ต้องหันมอง หญิงสาวร่างเล็กป้อมผมหยิกวิ่งดุ๊กๆมาหาเขา


   “วันนี้มีเรียนเหรอพี่ เข้าคณะด้วย?” ทิฆัมพรตั้งคำถามเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้า หล่อนเป็นน้องรหัสของสิตางศุ์ หรือนับง่ายๆก็เป็นหลานรหัสของเขาเอง


   “เปล่า แต่ตอนเย็นจะไปช่วยติวน้องปีหนึ่ง”


   ช่วงนี้ใกล้ปลายภาคเข้าไปทุกทีแล้ว โครงการพี่ติวน้องของคณะรัฐศาสตร์กลับมาอีกครั้ง อรรณพย่อมต้องแวะมาสอดส่องดูแล ตามประสา ‘ผู้มีบารมีแห่งรัฐศาสตร์’


   หญิงสาวปีสองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เห็นว่าเพิ่งจะบ่ายโมงตรง


   “ติวน้องปีหนึ่งมันห้าโมงไม่ใช่เหรอ”


   “เออ...” ใจอยากตอบแค่นั้น แต่สายตาของน้องในสายรหัสทำเอาอรรณพพ่นลมหายใจแล้วยอมพูดต่อ “...แต่จะไปหาไอ้โซ่ที่ห้องสมุดก่อน พักนี้ลางไม่ดี รู้สึกเหมือนมีคนจ้องจะงาบมันอยู่” คราวนี้ทิฆัมพรหัวเราะร่วน


   “ใครๆก็จ้องพี่โซ่ทั้งนั้นแหละ พี่รหัสฟางน่ะเขาสเป็คสาธารณะ”


   “รู้ว่าไอ้โซ่มันสเป็คสาธารณะ แต่คราวนี้แม่งมากกว่าทุกที คนแรกก็ไอ้กอล์ฟ ปกครอง รุ่นเรานั่นแหละ ไอ้นี่จ้องไอ้โซ่มาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ส่วนอีกคน...ยังไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าจะเจอมันบ่อย...”


ตัวละครลับที่อรรณพยังไม่อยากฟันธงแต่ซุ่มสังเกตการณ์อย่างเงียบๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ ‘โจ๊ก ปกครอง’ แต่...ใครๆก็ว่ามันไม่ค่อยสนใจอะไร อรรณพก็อยากให้มันไม่มาสนใจน้องรหัสของเขาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไม พักหลังมานี่ เขาถึงเห็นมันวนเวียนอยู่รอบตัวสิตางศุ์บ่อยเหลือเกิน!


   “อาจจะเนื้อคู่พี่โซ่ก็ได้นะ”


   “จะเนื้อคู่เนื้อคี่ ไอ้โซ่ก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี ยิ่งใกล้ปลายภาคแบบนี้ มันจะแดกชีทแทนข้าวแล้วมั้ง แล้วนี่เราจะไปไหน” อรรณพวกกลับมาถามเรื่องของหญิงสาวตรงหน้าแทน


   “ไปกับพี่เวฟ” หนุ่มรุ่นพี่ปีสี่เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่พอเจ้าหล่อนยิ้ม เขาก็ไม่ถามอะไรต่อ ก้าวเท้าเดินตรงไปยังห้องสมุด มีหญิงสาวร่างป้อมตามไปด้วย


   ไม่ใช่แค่เรื่องลางสังหรณ์เกี่ยวกับน้องรหัสอย่างสิตางศุ์หรอก แต่เขาก็ชักเอะใจพฤติกรรมของหลานรหัสอย่างทิฆัมพรเช่นกัน พักหลังมานี่หล่อนตามติดเขาแจ


   “พี่เวฟจะไปนั่งกับพี่โซ่ใช่มั้ย เดี๋ยวฟางตามไปนั่งด้วยนะ” หล่อนหันมาบอก ตอนเข้ามาในห้องสมุดแล้ว


สิตางศุ์สเป็คสาธารณะนั่งอยู่เพียงลำพังที่โต๊ะขนาดสี่ที่นั่ง ไม่มีคนเข้าไปนั่งด้วย แต่...หลายสายตามองตรงไปที่คนผิวขาวจัดรายนั้น


   อรรณพพยักหน้า แยกกับหลานรหัสที่เลี้ยวเข้าซอกระหว่างตู้หนังสือ ส่วนตนเองตรงดิ่งไปหาสิตางศุ์ สายตาหลายคู่ที่มองมา พากันหลบวูบเมื่อเขาปรากฏตัว


   “อ้าว พี่เวฟ” ส่วนคนที่เอาแต่อ่านหนังสือจนไม่รับรู้สายตาใครเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ ช่วงใกล้สอบ ใกล้ส่งเปเปอร์ก็แบบนี้ สิตางศุ์คนขยันแทบไม่ละไปจากหนังสือที่ต้องอ่านสอบและใช้ประกอบการทำรายงานเลย


   อรรณพทรุดตัวลงนั่งร่วมโต๊ะด้วย กวาดตามองสารรูปน้องรหัสเป็นอย่างแรก


   “แดกข้าวรึยัง”


   “กินแล้ว แต่...ไม่ค่อยเยอะ กินไม่ค่อยลง เปเปอร์อาจารย์พุธยังไม่เสร็จเลย” เจ้าตัวสารภาพ หรือต่อให้ไม่สารภาพ อรรณพก็คิดว่าน้องรหัสของเขาดูซูบลงไปเยอะทีเดียว


   “เปเปอร์แม่งก็ไม่มีทางเสร็จอยู่แล้วเปล่าวะ ถ้ามึงไม่ตัดใจส่ง”


   “ผมส่งไม่ได้นี่นา รู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ”


   “แต่ยังไงมึงก็ต้องส่งอยู่ดี แล้วเดธไลน์เมื่อไร”


   “หลังไฟนอลวันสุดท้าย 7 วัน” อรรณพพยักหน้ารับรู้ เรื่องเปเปอร์ของนิสิตคณะรัฐศาสตร์ล้วนเป็นของคู่กันจนไม่ต้องให้กำลังใจกันและกันอยู่แล้ว คราวนี้เขาก็เลยเหลือบมองไปซ้ายบ้างขวาบ้าง พบว่าไอ้พวกหนุ่มๆทั้งหลายที่เคยนั่งอยู่ใกล้ๆโต๊ะของสิตางศุ์หายหัวไม่เหลือแม้แต่เงา!


   แต่...มีใครบางคนไม่หายไปไหน มันยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหลังของสิตางศุ์ อรรณพจำได้ว่าตั้งแต่เขานั่ง ก็ไม่มีใครเดินมานั่งแถวนี้อีก แสดงว่า... ‘มัน’ นั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรก และพอเขามา ‘มัน’ ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ทำเป็นก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์


   “มองไรเหรอ” สิตางศุ์เห็นสายตาพี่รหัสก็เอี้ยวตัวไปด้านหลัง เห็นเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างภาควิชานั่งอยู่เพียงลำพังและดูเหมือนจะไม่สนใจใครด้วยซ้ำ นอกจากโทรศัพท์ในมือ


   “โจ๊กนี่...นั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร”


   “มึงไม่รู้เหรอ ว่ามันนั่งข้างหลังมึง” คนเป็นพี่รหัสที่มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเอ่ยปากถาม สิตางศุ์หันกลับมาแล้วส่ายหน้า


   “ไม่รู้หรอก อ่านชีทอยู่” แล้วก็ยกเอกสารในมือให้ดู เห็นพฤติกรรมการอยู่ในโลกที่มีแต่หนังสือและการเรียนของน้องรหัสแล้ว อรรณพก็ไม่อยากจะถามอะไรอีกเลย แต่...ทิฆัมพรก็เป็นน้องในสายรหัส มีอะไรก็น่าจะช่วยกันดู ช่วยกันสังเกต


   “แล้วมึงรู้เรื่องไอ้ฟางบ้างมั้ย” เขาตั้งคำถาม ทำเอาคนที่กำลังจะก้มหน้าอ่านเอกสารประกอบการเรียนต้องเงยหน้ามอง


   “ฟางทำไม?”


   “กูรู้สึกว่าพักนี้มันตามกูตลอด กูไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่กูว่ามันหลุกหลิก”


   “ยังไง”


   “เหมือนหนีใครแล้วเอากูมาบังหน้า” สิตางศุ์กะพริบตาปริบๆ


   “น้องจะหนีใครล่ะ? หรือมีคนจะทำร้าย?!”


   “กูก็ไม่รู้” สิตางศุ์เองก็จนปัญญาได้แต่ส่ายหน้าเช่นกัน


   “ถามปกดีมั้ย ปีหนึ่งกับปีสองน่าจะเจอกันบ่อยกว่าพวกเรา ปกอาจจะรู้” อรรณพพยักหน้าเห็นด้วย สิตางศุ์เลยวางเอกสารในมือลงแล้วหันไปวุ่นวายอยู่กับการติดต่อน้องรหัสปีหนึ่งอย่างปกฉัตร คนเป็นพี่เลยมีโอกาสมองไปที่โต๊ะด้านหลังอีกครั้ง


   ‘โจ๊ก ปกครอง’ ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตาเหมือนไม่สนใจโลก


แต่...โทรศัพท์น่ะ เล่นที่ไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องมานั่งเล่นข้างหลังสิตางศุ์


อรรณพหรี่ตาอย่างจับผิด แต่อีกฝ่ายก็นิ่งเกินกว่าเขาจะจับสังเกตใดๆได้ แต่ถึงจะจับสังเกตไม่ได้ พี่รหัสที่ตามดูแลสิตางศุ์มาตั้งแต่น้องเข้าปีหนึ่งก็ต้องคอยกันเอาไว้ดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง!


   “โซ่ เดี๋ยวเย็นนี้มึงอยู่ดูติวน้องกับกูนะ เสร็จแล้วกูจะพาไปกินข้าวแล้วพาไปส่ง!”


   ตัดกำลังคู่ต่อสู้ในทุกๆทางคืองานของอรรณพ ไม่ว่า ‘โจ๊ก ปกครอง’ จะคิดอะไรกับน้องรหัสของเขาหรือไม่ แต่เขาก็ต้องประกาศให้มันรับรู้ว่าถ้า ‘นายอรรณพ’ ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็มายุ่งกับสิตางศุ์ไม่ได้เป็นอันขาด!

...........................

   โครงการพี่ติวน้องยังคงเหมือนเมื่อตอนกลางเทอม สนับสนุนการติวโดยรุ่นพี่หัวกะทิในระดับปีสอง ปีสาม และปีสี่ อันที่จริง สิตางศุ์เป็นนิสิตระดับหัวแถวของคณะและภาควิชา แต่อรรณพไม่อนุญาตให้น้องรหัสสภาพสะโหลสะเหลไปสอนไปติวใครอีกแล้ว นอกจากแวะมานั่งดูเฉยๆ


   ส่วนปีหนึ่งอย่างปกฉัตรที่เข้าร่วมโครงการนี้ก็บอกเจตน์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาต้องติวกับเพื่อนๆและจะเลิกค่ำ รายนั้นไม่ถาม ไม่ห้าม พยักหน้าอย่างเดียวแล้วบอกว่าจะไปรอที่ห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์


   กว่าจะเลิกติวก็เกือบทุ่มตรง สภาพนิสิตปีหนึ่งแต่ละคนที่เรียนตั้งแต่คาบเช้าจนถึงคาบติวพิเศษในตอนค่ำนั้นดูใกล้จะสลบเหมือดกันไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นปกฉัตรก็ยังอาศัยแรงฮึดสุดท้ายกวาดหนังสือและเอกสารทั้งหมดเก็บลงกระเป๋าเป้แล้วบอกลาเพื่อนๆในห้อง ก่อนจะรีบก้าวเท้าออกมา


   ...เพราะพี่รออยู่...


   คำสั่งเดียวในสมองตอนนี้คือต้องรีบไปห้องสมุดเพราะเจตน์รอที่นั่น จนทำให้เขาไม่ทันสังเกตสิ่งรอบตัวเลยสักนิด


   “จะไปไหน” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านใครบางคน ร่างโปร่งชะงักแล้วหันกลับไปมอง ก็พบว่าคนที่ออกปากว่าจะรอที่ห้องสมุด ตอนนี้ยืนพิงเสาอยู่ที่โถงตึกที่เขาเพิ่งเดินผ่าน


   “อ...อ้าว...ไหนพี่ว่าจะรอห้องสมุด”


   “กูเห็นว่ามันจะทุ่มแล้ว เลยเดินมาดู มึงติวเสร็จแล้วเหรอ” แม้จะค่ำแล้ว แต่ที่โถงตึกก็เปิดไฟสว่างโร่ เจตน์เห็นสีหน้าอ่อนล้าของคนตรงหน้าแล้วก็นึกเป็นห่วง


   “ครับ อ่ะ...เอ่อ...ผมถือเองก็ได้...” ปกฉัตรรีบบอก เพราะอีกฝ่ายดึงกระเป๋าเป้ของเขาไปถือ


   “หน้าซีดๆแบบมึงน่ะเดินอย่างเดียวก็พอ ไป...เดี๋ยวกูพาไปแวะกินข้าวแล้วจะพาไปส่งบ้าน มึงจะได้อ่านหนังสือ” เจตน์เอ่ยปากแล้วเดินนำ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการเดินนำที่คอยหันกลับมามองข้างหลังตลอดเวลา และบ่อยครั้งที่คนเดินไวยอมก้าวให้ช้าลงเพื่อที่จะให้ปกฉัตรเดินตามทัน แล้วในที่สุด...ตอนที่เดินผ่านจุดซึ่งแสงสว่างจากเสาไฟเข้าไม่ถึง เจตน์ก็คว้าแขนปกฉัตรไปจับเอาไว้


   “เดินดีๆ ตรงนี้มันมืด”


   ทว่า...พอพ้นจากจุดมืด มือของเจตน์ก็ยังจับอยู่แบบนั้น ปกฉัตรก้มลงมองมือใหญ่ที่จับแขนของเขาเอาไว้แล้วยิ้มจางกับตนเอง


   ...เรียนหนักมันก็เหนื่อยจริงๆนั่นแหละ แต่พอเห็นพี่ก็หายเหนื่อย...


...แล้ว...พอพี่ดูแลกันดีแบบนี้ ก็ชัก...อยากจะทำเป็นเหนื่อยต่ออีกสักหน่อย...


    เดินมาจนถึงรถ เจตน์ก็เปิดประตูหลังโยนกระเป๋าเป้ของคนรักเข้าไปในนั้น เขาเห็นปกฉัตรเดินไปเปิดประตูนั่งที่นั่งข้างคนขับแล้ว ก็เลยเดินไปขึ้นตำแหน่งคนขับบ้าง ชายหนุ่มดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ปากก็เอ่ยถามคนที่นั่งข้างๆ


   “มึงอยากกินอะไร เดี๋ยวกู...” เจตน์พูดไม่ทันจบก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างกายเอนศีรษะพิงเบาะแล้วหลับตา หัวใจของผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับหมีถึงกับอ่อนยวบ


“ปก...” เขาเรียกเเผ่วเบา


เสียงของเขาทำให้ร่างโปร่งลืมตาขึ้นมอง ความมืดสลัวของยามค่ำทำให้มองไม่ออกว่าหน้าซีดหรือไม่ แต่ที่เขารับรู้คือความเหนื่อย...ปกฉัตรทั้งเหนื่อยทั้งล้า


“ไปหาหมอมั้ย” เขาถาม ทาบหลังมือกับหน้าผากของคนรัก ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเล็กน้อย


“ผมแค่เหนื่อย ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ของีบสักพักได้รึเปล่า”


ขอมาแบบนี้ มีหรือเจตน์จะไม่อนุญาต เขาพยักหน้ารัวๆ อยากบอกว่าถ้าปกฉัตรอยากจะหลับในรถของเขา ชายหนุ่มก็เต็มใจจะขับรถวนกรุงเทพฯสักรอบก็ได้ เพื่อให้อีกฝ่ายมีเวลาพักนานขึ้น


...ไม่สิ มันยังไม่ได้กินข้าว ควรจะหาอะไรทานแล้วจะได้นอน ตื่นขึ้นมาอีกทีจะได้มีแรงอ่านหนังสือต่อ...


ทว่าเจตน์ไม่ทันได้พูดอะไรอีก ปกฉัตรก็พิงศีรษะกับเบาะอีกครั้งแล้วหลับตาลง เจ้าของรถไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย จึงยืดตัวข้ามไปกดปรับเบาะให้


“อ๊ะ..” เสียงจากคนที่ถูกเขายืดตัวคร่อมดังขึ้นเบาๆ เจตน์เหลือบตาลงมองคนที่เมื่อครู่นี้หลับตา แต่ตอนนี้ลืมตามองเขาอย่างตื่นๆ


“กูปรับเบาะให้ จะได้นอนสบาย”


“ข...ขอบคุณครับ” เพราะจู่ๆระหว่างพวกเขาก็ใกล้ชิดกัน ปกฉัตรก็เลยได้แต่อ้อมแอ้มพูดเบาๆแล้วไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายอีก


เบาะถูกปรับให้เอนราบลงอีกหน่อย เจตน์ก็ถึงขยับไปนั่งที่นั่งของตนเองตามเดิม คนข้างกายหลับตาไปแล้ว ไม่รู้จะได้ยินในสิ่งที่เขาจะพูดไหม แต่ร่างสูงก็ยังเอ่ยปาก


“เดี๋ยวกูแวะซื้อข้าวต้มให้นะ”


หลังจากนั้้นรถหรูก็เคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถ คนขับหันไปสนใจกับถนนข้างหน้าแล้ว และไม่รู้ตัวสักนิดว่าคนที่เขาคิดว่าหลับ ลืมตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองเขา


รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ก่อนที่จะหายไปเมื่อเจ้าตัวหลับตาลง

...............................

ปกฉัตรไม่ได้หลับจริงอย่างที่อีกฝ่ายคิด เขาแค่หลับตานอนนิ่งๆ รับรู้ว่ารถของเจตน์กำลังเคลื่อนตัวไปบนถนน แต่ก็ไม่รู้ว่าเคลื่อนตัวไปทางไหน


ช่วงหนึ่งรถจอดที่ริมฟุตบาธ คนขับดับเครื่องยนต์ กดหน้าต่างลงนิดหน่อยแล้วลงจากรถ ก่อนจะล็อกเอาไว้ คนที่แกล้งทำเป็นหลับเลยลืมตาขึ้นมองรอบตัวก็พบว่ารถมาจอดที่หน้าร้านข้าวต้มเจ้าดังที่มีลูกค้ามากมาย หนึ่งในคนเหล่านั้นคือผู้ชายตัวใหญ่อย่างเจตน์ที่ยืนรออยู่หน้าร้าน ครู่ใหญ่ๆ ถึงเดินกลับมาที่รถพร้อมด้วยข้าวต้มหลายถุงในมือ ปกฉัตรแกล้งหลับตาต่ออีกครั้ง


รถเคลื่อนตัวออกสู่ถนนอีกหน ขับต่อไปอีกพักหนึ่ง รถก็เลี้ยวซ้ายแล้วจอดสนิท ร่างโปร่งยังหลับตา จนกระทั่งแรงสะกิดที่ไหล่ของเขา


คนแกล้งหลับทำเป็นลืมตาตื่น


“ถึงแล้วเหรอ” เขาลุกขึ้นนั่ง แต่พอมองออกไปนอกรถก็พบว่านี่ไม่ใช่ละแวกบ้านของเขาเลย


“คอนโดกูเอง คืนนี้มึงค้างที่นี่แหละ” ปกฉัตรชะงัก หันมองคนพูดเพราะไม่เชื่อหูกับประโยคหลัง


...ค้างที่นี่...พี่ชวนให้ค้างที่คอนโดของพี่...


มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยแถมหัวใจยังเต้นถี่ด้วยความดีใจ โชคดีที่รอบตัวมืดสลัว ไม่อย่างนั้นเจตน์คงรู้แน่ว่าเขาอยากนอนที่นี่ขนาดไหน


 “เอ้อ...กู...กูเห็นว่าสภาพมึงเป็นแบบนี้ กูไม่อยากให้มึงกลับไปนอนที่บ้านคนเดียว แล้ว...แล้วมึงก็ขนหนังสือมาแล้วใช่มั้ยล่ะ คืนนี้ก็...อ่านหนังสือห้องกูนี่แหละ” เจตน์ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาพามาค้างที่ห้องของเขาเพราะหวังอย่างอื่น นอกจากเป็นห่วง


ทว่าสำหรับปกฉัตรผู้ซึ่งเต็มใจจะค้างคอนโดของเจตน์มานานแล้วต้องพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ใต้สีหน้าเรียบเฉย แล้วทำเป็นก้มหน้าจนคางชิดอกเหมือนกำลังตกประหม่า


...ก็ประหม่าจริงๆนั่นแหละ ครั้งที่ 2 เองนี่นาที่จะได้ค้างห้องของพี่...


“แต่ว่า...ผมไม่มีเสื้อผ้า...” ปกฉัตรก็ยังทำเป็นถามเหมือนจะหาข้ออ้างที่จะไม่ค้างที่นี่


...โชคดีจริงๆ...ที่พี่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคิดอะไร...


“เสื้อผ้ากูไง แล้วชุดนิสิตที่จะใส่พรุ่งนี้ ก็ชุดที่มึงใส่อยู่ เดี๋ยวกูซักปั่นแล้วรีดให้”


“พี่หมายถึง...พี่จะซักรีดให้ผมเหรอ”


“ก็เออสิ มึงคิดว่าว่าจะมีร้านไหนเปิดทำให้มึงด่วน ส่งซักวันนี้พรุ่งนี้ได้ใส่เหรอ”


ยิ่งกว่าโชคสองชั้น เพราะนอกจากจะค้างที่นี่แล้ว เจตน์ยังจะเอาเสื้อผ้าไปซักรีดให้อีกต่างหาก


หัวใจของปกฉัตรเต้นรัว ยิ่งเต้นเท่าไรก็ยิ่งพูดไม่ออกมากเท่านั้นเพราะเกรงว่าเสียงที่ส่งออกไปจะทำให้ถูกจับได้ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้อยากจะกลับบ้านเลยสักนิด


...ใจแทบจะขึ้นไปรอหน้าประตูคอนโดของพี่อยู่แล้ว...


“เอาไง ค้างมั้ย ถ้ามึงไม่อยากค้าง กูก็จะพาไปส่งที่บ้าน” เจตน์เห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบก็ชักกังวล กลัวจะถูกคนรักมองว่าตนเองหาเหตุผลมาหวังรวบหัวรวบหาง ถึงใจจะเป็นห่วง แต่...ถ้าไม่อยากค้างที่นี่ จะพาไปส่งที่บ้านก็ได้! แล้วจะขอค้างที่บ้านด้วย!


“ค...ค้าง...ที่นี่ก็ได้ พี่จะได้ไม่ต้องขับไปบ้านผมอีก...” พอร่างโปร่งตัดสินใจอย่างนั้น เจตน์ก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเปิดประตูลงจากรถ ช่วยหิ้วกระเป๋าและถือถุงข้าวต้มเดินนำเข้าไปในอาคารสูง


เป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรยิ้มเพียงลำพังโดยที่คนรักไม่ทันเห็น


...เหนื่อยแล้วแกล้งหลับมันดีแบบนี้เอง...

..............................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 25-01-2018 21:00:53


คอนโดหรูขนาดสองชั้นยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเคย แต่ไม่ว่าจะมาสักกี่ครั้งก็ยังทำให้ปกฉัตรตื่นเต้นจนได้แต่ยืนอยู่เฉยๆกลางห้องแล้วปล่อยให้เจ้าของห้องเป็นฝ่ายพูดก่อน


   “มึงไปอาบน้ำ กูจะหาเสื้อผ้าให้ใส่” ประโยคแรกของเจตน์ทันทีที่วางข้าวของทั้งหมดลงกับโต๊ะคือการไล่แขกไปอาบน้ำ ปกฉัตรได้แต่พยักหน้ารับ กำลังจะหมุนตัวจะเดินไปเข้าห้องน้ำที่ติดกับห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นล่าง แต่เสียงเจ้าของห้องดังขึ้นเสียก่อน


   “ไปใช้ข้างบน” ร่างโปร่งชะงัก หันมองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง


ข้างบนที่ว่าคือห้องน้ำที่ชั้นบนซึ่งเป็นห้องน้ำในห้องนอน แม้จะเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่...ก็ไม่เคยก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสักที


   เจตน์เองก็เห็นว่าคนตรงหน้านิ่งไป เขาขยับตัวเล็กน้อย มือไม้เกาอก รู้สึกคันยุบยิบอีกแล้ว


   “ส...เสื้อผ้ากูอยู่ข้างบน” แล้วร่างสูงก็หมุนตัวเดินนำขึ้นบันไดทันที แน่นอนว่าคนอยากมาค้างที่นี่จะแย่ได้แต่เดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ


   บนชั้นสองมีแค่ห้องนอนและห้องน้ำ ปกฉัตรพยายามจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำโดยไม่สนใจเตียงกว้างกลางห้องนอน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง


   ...เตียงใหญ่ ผ้าปูเตียงสีน้ำตาล แล้วก็...มีหมอนสองใบ...


   ...พี่นอนกับใคร นอนคนเดียวมั้ย...


   “มองเตียงกูทำไม” คราวนี้สายตาอยากรู้อยากเห็นจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไม่อาจลอดพ้นสายตาของเจ้าของห้องที่เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ หนุ่มรุ่นน้องจากคณะรัฐศาสตร์นึกคำแก้ตัวไม่ออก


   “ง่วงแล้วล่ะสิ” เจตน์เดาเอาว่าอีกฝ่ายคงเพลียจนเห็นเตียงแล้วอยากนอน


   “ก็...ครับ” ปกฉัตรเองก็ไม่โง่พอจะปฏิเสธ ให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขามองเตียงเพราะง่วง ดีกว่ารู้ว่าเขามองเตียงเพราะอยากนอนกับเจตน์


   ...โชคดีแล้วจริงๆ ที่พี่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคิดอะไร...


   “งั้นก็ไปอาบน้ำซะ ออกมากินข้าวแล้วค่อยนอน ไว้ตื่นมาแล้วค่อยอ่านหนังสือ” ร่างสูงส่งเสื้อผ้าสะอาดและแปรงสีฟันอันใหม่ที่ยังอยู่ในกล่องอย่างดีให้อีกฝ่าย ปกฉัตรได้แต่รับไปเงียบๆ แล้วระลึกเอาไว้เสมอว่าทำไมวันนี้ถึงได้มาค้างที่นี่


   ...มาเพื่ออ่านหนังสือ...


   ...มาเพราะพี่เป็นห่วงไม่อยากให้อยู่บ้านคนเดียว...


   ร่างโปร่งหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำช้าๆโดยไม่พูดอะไรอีก พอประตูห้องน้ำปิดลง กั้นคนสองคนให้อยู่กันคนละฝั่ง ปกฉัตรอยู่ในห้องน้ำ ส่วนเจตน์ยังยืนอยู่ที่เดิมในห้องนอน


   ดวงตาเรียวของเจ้าของห้องจับจ้องบานประตูห้องน้ำแล้วได้แต่กวาดตามองเพดานหนึ่งรอบ ตามด้วยการกัดลิ้นตัวเองแรงๆหนึ่งทีแล้วสบถกับตัวเองอีกหนึ่งชุด


   “ทำหน้าเหมือนอยากให้กูอาบให้เลยเว้ย! ไม่! เชี่ยเจ่ง คิดอะไรวะเนี่ย ไอ้ปกมันไม่ได้คิดแบบกูหรอก!”


   สะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองแล้วก็รีบหมุนตัวลงจากชั้นสองทันที ไม่รู้สักนิดว่าคนที่อยู่ข้างหลังประตูห้องน้ำกำลังทำหน้าเหงาๆ และอยากชวนเจ้าของห้องเข้ามาอาบน้ำพร้อมกันเหมือนที่เจตน์คิดนั่นแหละ!

........................

เจ้าของห้องหายลงไปชั้นล่างเพื่อจัดการเรื่องข้าวต้มก่อนจะยกขึ้นมาที่ชั้นบน นี่คือการเอาอาหารขึ้นมากินบนห้องนอนเป็นครั้งแรกในชีวิต นับตั้งแต่เคยถูกอาม่าดุเพราะแอบเอาขนมไปซุกอยู่ซอกเตียงสมัยเด็กๆ


แต่ถ้าวันนี้อาม่าจะแวะมาดุ ก็จะบอกกับอาม่าตรงๆว่าคนที่มาค้างด้วยไม่ค่อยสบาย ไม่อยากให้มันเดินขึ้นเดินลงเลย


…อ่า ไม่สิ ก่อนที่อาม่าจะดุ คงต้องอธิบายกับอาม่าก่อนว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงให้ใครสักคนมาค้างด้วยกันสองต่อสองแบบนี้…


…ไอ้ปกมันเป็นแฟนครับอาม่า…


…เป็นแฟนผมเอง…


ชายหนุ่มท่องบอกตัวเองในใจ ตั้งเป้าหมายว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะพาปกฉัตรไปแนะนำให้อาม่าได้รู้จัก


เสียงประตูห้องน้ำเปิดดังขึ้น ปกฉัตรเดินออกมาแล้วก็ชะงักเล็กน้อยที่เห็นเขายังถือถาดถ้วยข้าวต้มอยู่ในมือ


“กินบนนี้แหละ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลง” เจ้าของห้องออกปาก คนที่ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงก็คือคนที่สภาพดูไม่สู้ดี ส่วนเจตน์ซึ่งแข็งแกร่งเยี่ยงหมีป่า ต่อให้ขึ้นลงสักสิบรอบก็ไหว


ปกฉัตรพยักหน้ารับน้อยๆ ดูเจ้าตัวจะเขินๆกับการใส่เสื้อผ้าของเจตน์พอดู


“เสื้อผ้ากูเหม็นอีกรึเปล่า” เจ้าของเสื้อผ้าถาม คราวแรกที่ปกฉัตรมาค้างที่นี่และหยิบยืมเสื้อผ้าของเขา เจ้าตัวบอกว่ากลิ่นแปลกๆ


“ไม่เหม็น” คำตอบน่าพอใจ เจตน์กำลังจะบอกให้อีกฝ่ายมาทานข้าวต้มที่ยังร้อน แต่ปกฉัตรที่ดูเอื่อยเฉื่อยกลับพูดขึ้นมาไวกว่า


“แล้วก็สบู่พี่หอมมาก ผิวไม่แห้งด้วย”


ร่างสูงชะงักกึก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปกฉัตรเดินเข้ามาใกล้ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ ที่จู่ๆก็เหมือนได้กลิ่นหอมๆจากคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ 


เจตน์กลืนน้ำลายเอื้อก เหลือบตาลงมองช่องว่างระหว่างเขาและปกฉัตรที่ห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ท่อนแขนขาวของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นแขนเสื้อยืดของเขาดูนิ่ม นุ่ม และหยุ่น...น่าจับ


...น่าจับ...


แขนที่เห็นได้บ่อยๆ แขนที่ไม่ใช่ส่วนปกปิดมิดชิดใดๆ แต่ก็อยากจับ


...ผิวไม่แห้งจริงไหม ผิวจะหอมสบู่จริงไหม...


...น่าจับมากกกกก...


เจตน์กลืนน้ำลายอีกเอื้อก แล้วเสียงตะโกนของตัวเองก็ดังขึ้นในหัว


...แขนเองนะเว้ย! ไอ้เจ๋ง! แค่แขน! มึงจะกลืนน้ำลายเอื้อกๆเเค่เพราะอยากจับแขนไม่ได้!!...


“ข้าวต้มน่าทาน” ในขณะที่คนหนึ่งตกลงไปในหลุมของความคิดที่อยากแต๊ะอั๋ง อีกคนกลับชวนคุยไปเรื่องอื่น เจตน์พยายามดึงสติออกมาจากหลุมที่ตัวเองพลัดตกลงไปเพียงเพราะคำชมเชยเรื่องสบู่


“เอ่อ...ม...มึงกินข้าวต้มปลาหรือข้าวต้มเป็ดล่ะ”


“อะไรก็ได้ พี่ทานอะไร”


“มึงกินปลาแล้วกัน” แล้วร่างสูงก็พยายามอย่างยิ่งที่จะสนใจแต่ข้าวต้มในถ้วย เขานั่งลงบนโซฟายาวที่ริมห้อง แล้วยกถ้วยข้าวต้มเป็ดขึ้นมาทาน ปกฉัตรเห็นอาการของร่างสูงที่ทำเหมือนไม่สนใจเขา ทั้งๆที่เมื่อครู่นี้ตาค้างและเหม่อลอย


รู้เลยว่ากำลังติดใจเรื่องสบู่


หนุ่มปีหนึ่งยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ก่อนจะเจือรอยยิ้มให้หายไปเพียงไม่กี่วินาทีแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกัน แน่นอน...เขาไม่ได้นั่งชิด แต่เว้นระยะห่างเอาไว้หน่อย ก่อนจะยกถ้วยข้าวต้มมาถือ


และก็แน่นอนอีกเช่นกัน ที่แม้จะไม่นั่งชิด ปกฉัตรก็มีวิธีเรียกร้องความสนใจในแบบของตนเอง


เขาตักเข้าปากไปหนึ่งคำ ก่อนจะเอ่ยปาก


“อร่อยดีนะ พี่ชิมไหม”


เจตน์เงยหน้ามองคนพูดทันควัน ประโยคที่มีแค่ประธานกับกริยาแบบนี้ หัวใจที่แข็งแกร่งของเขาเกือบจะหลอมละลายเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยากให้ชิมอะไร


...ชิมแขนมึงก่อนเลยได้มั้ย...


...จะได้รู้ว่าหอมจริงรึเปล่า...


“พี่ ชิมข้าวต้มปลาของผมมั้ย” คำถามของปกฉัตรดังซ้ำ ปลุกสติร่างสูงอีกที


“ม...ไม่ กูกินบ่อยแล้ว” รีบตอบ แล้วรีบก้มหน้า แต่อีกฝ่ายอุตส่าห์มีน้ำใจถามเขา เขาก็ควรมีน้ำใจถามกลับไปเช่นกัน


“ม...มึงชิมเป็ดของกูมั้ยล่ะ เจ้านี้ทำเป็ดอร่อย ไม่เหม็น” เจตน์ตักข้าวต้มเป็ดขึ้นมาให้ดู แล้วชั่ววินาทีต่อมา ใบหน้าของปกฉัตรก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะรับข้าวต้มในช้อนเข้าปากไป ในขณะที่เจ้าของช้อนถึงกับสูดลมหายใจยาวลึก


...หอม หอมจริงๆ สบู่กูหอมจริงๆด้วย!...


“อร่อย” เสียงของปกฉัตรดังขึ้น เจตน์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขายังคงถือช้อนค้างอยู่กลางอากาศทั้งๆที่ร่างโปร่งกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิมแล้ว


“อะ...เอ่อ...งั้น...งั้นมึงจะกินก็ตักกินเองแล้วกัน”


“พี่ป้อนผมอีกไม่ได้เหรอ”


เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงตาเหลือก เงยหน้ามองคนพูดทันที ทว่าปกฉัตรกลับหัวเราะน้อยๆเหมือนเมื่อครู่นี้พูดเรื่องตลก ทว่า ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับแจตน์เลย


...ทำไมจะป้อนอีกไม่ได้ล่ะ...


เขาตักข้าวต้มขึ้นมาหนึ่งคำ แล้วยื่นไปใกล้ เสียงหัวเราะหายไปในทันที มีแค่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมา


ไม่มีคำพูดอะไรต่อกัน ปกฉัตรก็อ้าปากรับข้าวต้มเข้าไปอีกคำ อมยิ้มน้อยๆขณะที่เคี้ยวข้าวต้มในปากช้าๆ ก่อนจะตักข้าวต้มปลาในถ้วยป้อนให้เจตน์ทานบ้าง


มื้อข้าวต้มในค่ำวันนี้เต็มไปด้วยความเงียบและรอยยิ้มเขินอายของคนสองคน

...........................

อิ่มข้าวต้มกันทั้งคู่โดยที่เจตน์ไม่คะยั้นคะยอให้คนรักทานหมดถ้วยเหมือนแต่ก่อน เพราะหนุ่มตัวใหญ่เขินจนแทบไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ถ้าเรื่องที่เขาและปกฉัตรป้อนข้าวต้มกันและกันในวันนี้รู้ถึงหูเพื่อนสนิทของเขาเข้าล่ะก็ มีหวังคงล้อกันไปจนแก่


เจ้าของคอนโดหรูเป็นคนยกถ้วยเปล่าลงไปเก็บล้างพร้อมด้วยเสื้อผ้าของปกฉัตรที่ถูกนำไปซักและปั่น กลับขึ้นมาอีกทีก็พบว่าร่างโปร่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เขาก็เลยเดินไปหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเรียบร้อยออกมาอีกทีก็พบว่าปกฉัตรยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม แต่สภาพสะโหลสะเหลเต็มทน


“ไปนอนก่อนสิ หน้ามึงจะปักหนังสืออยู่แล้ว แล้วค่อยตื่นมาอ่านดึกๆ” เขาท้วง ปกฉัตรเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะเหลือบไปมองที่เตียง


“ก็...ผมไม่รู้ว่าพี่จะให้นอนตรงไหน” โอ้โห หัวใจคนฟังแทบจะไหลลงไปกองกับพื้น คำพูดคำจาของแขกผู้มีเกียรติที่เจตน์เต็มใจให้ค้างอย่างยิ่งกลับพูดเหมือนคนห่างไกล


“จะนอนไหน ก็นอนเตียงสิวะ!” แต่ถึงหัวใจจะมลายกลายเป็นน้ำ แต่คนปากไม่ดีก็ยังโหวกเหวกเหมือนอีกฝ่ายพูดจาไม่เข้าหู


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมามองอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงแผ่วที่แทบเป็นกระซิบ


“พี่ยังไม่นอน ผม...ก็ไม่กล้า...” หัวใจคนฟังที่เมื่อครู่นี้ละลายเป็นน้ำ มันไหลไปกองบนเตียงเรียบร้อยพร้อมจะกระโดดขึ้นไปนอนเตียงเดียวกับปกฉัตรตลอดเวลา!


“เออ! กูนอนเลยก็ได้!”


ปกฉัตรเดินไปนอนลงบนเตียง ในขณะที่เจตน์ปิดไฟจนเหลือแค่ไฟจากโคมไฟข้างเตียงที่ยังให้ความสว่างอยู่นิดหน่อย


“กูเปิดโคมไฟไว้นะ เผื่อมึงตื่นมาดึกๆจะได้มองเห็น” เขาหันมาบอกคนที่นอนตะแคงมองมาทางเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมานั้น เจตน์ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่มันเชิญชวนจนใจสั่นไปหมด


เขาพยายามกลืนน้ำลายหลายๆที ก่อนจะนอนลงบนเตียงเดียวกัน แล้วความเงียบก็ตามมาอีก


แม้จะเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่...บรรยากาศรอบตัวก็ยังน่าประหม่าอยู่ดี เจตน์กลืนน้ำลายซ้ำๆจนแทบไม่มีอะไรจะกลืน ก่อนจะเหลือบมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ปกฉัตรยังนอนตะแคงมาทางเขา และยังคงมองอยู่


“ม...มองอะไรวะ?! หลับได้แล้ว!”


“เตียง...มีแต่กลิ่นพี่ทั้งนั้นเลย” คำพูดของปกฉัตรทำเอาคนถามไปไม่เป็น ได้แต่มองคนพูดตาค้าง แล้วก็ยิ่งตาค้างกว่าเดิมเมื่อร่างโปร่งเบี่ยงใบหน้าลงกับหมอนแล้วสูดลมหายใจลึก


“เป็นกลิ่นพี่จริงๆด้วย...”


หมดความอดทนสำหรับคนที่พยายามกลืนน้ำลายมาตลอด เจตน์พลิกร่างโปร่งลงนอนราบกับเตียงแล้วตามขึ้นคร่อมอย่างชิดใกล้


“กลิ่นกู...ก็ดมจากตัวกูสิ ไม่ใช่ดมจากหมอน”


ปากว่าอย่างนั้น แต่กลายเป็นเจตน์เสียเองที่กดจมูกและริมฝีปากลงกับแก้มขาวหนักๆ ลากเลื้อยลงสู่ซอกคอ จากนั้นก็ขึ้นไปที่ปลายคาง จวนเจียนจะเบียดลงกับริมฝีปากของคนที่อยู่ใต้ร่างอยู่แล้ว แต่เสียงของปกฉัตรท้วงขึ้นมาเบาๆ


“พี่...คืนนี้เราต้องตื่นมาอ่านหนังสือนะ”


“กูรู้...” หลังคำพูดนั้นคือริมฝีปากของเจตน์ที่แนบเข้าหา คนท้วงไม่ได้ปัดป้อง กลับตอบรับจูบนั้นอย่างยินดี


ชั่วลมหายใจหนึ่ง เจตน์ก็ถอยออกห่างไปคลอเคลียที่กลีบปากล่าง เปิดโอกาสให้คนรักท้วงอีกหน


“พี่...ใกล้สอบไฟนอลแล้วนะ”


“กูรู้...” หลังคำพูดนั้นคือริมฝีปากของเจตน์ที่แนบกลับเข้าหาริมฝีปากของปกฉัตรอีก รสจูบยังคงหวานฉ่ำเหมือนเมื่อครู่ บดเบียดเคล้าคลึงแล้วแทรกสอดปลายลิ้นเข้าหาลิ้นของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆถอยห่างเล็กน้อย


“พี่...”


“กูรู้ มึงต้องนอน นอนซะ...” เจตน์ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้วเบี่ยงใบหน้าลงซุกอยู่กับซอกคอขาว ไม่ยอมขยับกลับไปนอนที่เดิม เขายังคงนอนคร่อมให้อีกฝ่ายอยู่ใต้ร่างของเขาอยู่อย่างนั้น  ในเมื่อไม่ได้มากกว่านี้ อย่างน้อยเขาก็ควรจะได้ค่าชดเชยด้วยการนอนกกปกฉัตรแบบนี้ ได้ดมดอมในสิ่งที่อยากดม ได้กกกอดในสิ่งที่อยากแตะต้อง


...อย่างน้อย ก็ได้รู้ว่ากลิ่นสบู่กับกลิ่นผิวมันแม่งเข้ากันจริงๆ!!...


…หอม! แถมเนื้อตัวก็นิ่มมากด้วย!!!...


ปกฉัตรรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังซุกจมูกอยู่กับซอกคอของเขาไม่หยุด ถึงจะจั๊กจี้แต่ก็ยินดีให้เจตน์ทำตามใจชอบ เขายิ้มจางอย่างอารมณ์ดีแล้วฝังใบหน้ากับลาดไหล่แข็งแรงของคนรักตัวใหญ่ที่ทาบทับอยู่เบื้องบนเช่นกัน


ยอมให้เจตน์ดมตามใจชอบแล้ว เขาก็ขอพูดตามใจชอบบ้างก็แล้วกัน


“พี่...ตัวหอมจริงๆนะ...”


นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ปกฉัตรจะหลับตาลง เป็นประโยคราตรีสวัสดิ์ที่ทำเอาคนฟังได้แต่ครางฮือในหัวใจ


...ฮือออออ กูอยากกดมึงเดี๋ยวนี้เลย!!!!!...

..................................

นิศราวางจานผลไม้ลงตรงหน้าหลานชายก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วค่อยวกไปดูที่นาฬิกาบนฝาผนัง ดึกมากแล้วแต่บ้านหลังข้างๆที่หล่อนรู้จักเจ้าของเป็นอย่างดี ยังคงปิดเงียบ


“ปกยังไม่กลับเลย” หล่อนเปรย ทำเอาดิษกรต้องหันมองตาม บ้านของปกฉัตรทั้งมืดและเงียบบอกให้รู้ว่าเจ้าของไม่อยู่


“เห็นว่าวันนี้ที่คณะมันมีติวนะ”


“ติวอะไร ป่านนี้แล้วยังไม่เลิก”


“อาจจะแวะกินข้าวมั้ง”


“จะไปแวะที่ไหน ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว” นิศรายังบ่นไม่หยุด จนหลานรักหันมายิ้มปลอบ


“เฮียเจ๋งไปรับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเฮียก็พามาส่ง” คราวนี้คุณอาสุดที่รักของดิษกรชักจะขมวดคิ้ว


“แล้วทำไมเฮียเจ๋งของดิษต้องไปรับปกด้วยล่ะ เลิกเรียนพอดีเหรอ” ดิษกรชะงักไปเล็กน้อย ลืมนึกไปสนิทว่าความสัมพันธ์ของปกฉัตรและเจตน์เป็นที่รับรู้ของเขาและคนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ในขณะที่อาของเขาไม่รู้เรื่อง


“ก็...เฮียอยู่คณะพอดีน่ะอา”


“อ้อ คงจะอ่านหนังสือเตรียมสอบสินะ แล้วหลานอาล่ะ ไม่อ่านหนังสือเตรียมสอบกับเขาบ้างเหรอ”


“อ้าว มาลงที่ผมซะงั้น”


“ก็อายังไม่เห็นหลานอาอ่านหนังสือเลยนี่ครับ หือ?” กลายเป็นหวยมาออกที่ดิษกรผู้ซึ่งขี้เกียจตัวเป็นขน หนุ่มปีหนึ่งร่างยักษ์ทำหน้าบูดบึ้ง


“ก็เวลาหลานอ่าน อาก็ไม่เห็น พอไม่อ่าน อาก็เห็นตลอด แบบนี้ไม่แฟร์ ไม่แฟร์สำหรับดิษกรเลย!”


แล้วคนเป็นหลานก็ทำปั้นปึ่งกับความไม่แฟร์ ลุกขึ้นเดินหนีขึ้นห้องไป โดยไม่ลืมหยิบจานผลไม้ติดมือไปด้วย นิศรามองตามหลังหลานชายด้วยความมันเขี้ยว แต่...พอหล่อนเหลือบสายตามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วยังคงเห็นบ้านหลังข้างๆปิดไฟเงียบ ความกังวลก็เริ่มกลับมาอีกหน


‘เฮียเจ๋ง’ อาจจะไว้ใจได้สำหรับดิษกร แต่สำหรับนิศรา หล่อนคิดว่าพ่อแม่ของปกฉัตรควรรู้ว่าพักหลังมานี่ มีหนุ่มรุ่นพี่จากโรงเรียนมัธยมเดียวกันเข้ามาวนเวียนในชีวิตของปกฉัตร และ...ไม่น่าวางใจเลย!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สำหรับตอนนี้ น้องปกเอาคะแนนอ่อยไป สิบ สิบ สิบ ไม่มีจุดใดให้หักจ้า (โซ่เอาคะแนนความบื้อไป สิบ สิบ สิบ เช่นกัน ฮ่าฮ่า)

ส่วนเฮียเจ่ง มนุษย์ลูกไก่ในกำมือ ปากเก่งจิกแสบๆคันๆแต่เอาเข้าจริงโดนน้องชักใยซ้ำแล้วซ้ำอีก สงสารเขานะคะ (ส่วนเฮียของเฮียเจ๋งอีกทีก็เอาคะแนนความนกไป สิบ สิบ สิบ เช่นกันกันค่ะ มองโซ่จนแทบจะสูบ แต่พี่เวฟก็เข้ามาขวางทุกทีไป)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-01-2018 21:06:38
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 25-01-2018 21:31:33
อ่อยให้สุดแล้วหยุดที่ห้ามตัวเองไม่ได้ค่ะ!!!! แต่ละคนนี่คือ ทามมาเปงงงง เนียนเก่งงงงง  :hao6: นี่ว่าอีกไม่นานเรื่องต้องไปถึงหูผู้หลักผู้ใหญ่แน่ๆเลยค่ะพี่  :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-01-2018 21:33:12
น้องปกน่ารัก เฮียเจ๋งตามน้องไม่ทันอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 25-01-2018 21:42:07
อ่อยขนาดนี้ ขอให้ได้ ขอให้โดนจ้า  o18
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 25-01-2018 21:42:59
น้องปกลู๊กกกกกกก ช่างอ้อยเสียจริง สอนพี่โซ่บ้างนะคะ5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 25-01-2018 21:45:57
ปกมันร้ายจริงๆ เฮียตามไม่ทันหรอก 555+
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Faii0518 ที่ 25-01-2018 21:50:00
เฮียเจ๋งที่ว่าแน่ก็แพ้ทางน้องปกอ่ะค่ะ น้องไม่ได้อ่อยเล่นๆน้องจริงจัง พี่ไม่ต้องคิดมาก อยากทำอะไรก็ทำโลด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 25-01-2018 21:53:31
จุดพลุให้ค่ะเฮียเจ๋งอย่างน้อยก็ได้กอดน้องนะคืนนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: chnokky ที่ 25-01-2018 21:55:16
เรื่องอ่อยไส้ใจน้องปกค่ะ!!! อ้อยเนียนๆแบบนี้เฮียเจ๋งจะไปไหนรอด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-01-2018 22:01:34
น้องปกกกกก ฮืออ น้องอ่อยได้มีชั้นเชิงมาก
อ่อยแบบไม่น่าเกลียด แต่น่ากด
ฮื้ออออออ อยากให้พี่เจ๋งจับกดน้องไปเลย!
น้องเหมือนเคะราชินีในคราบลูกแกะ555
เหมือนจะใสๆแต่แผนน้องเยอะอย่าบอกใคร55
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-01-2018 22:46:36
ร้ายยมากเลยนะปก ไม่ยักรู้ว่าที่เงียบมาแต่ก่อนแอบซ่อนความร้ายลึกไว้
ว่าแต่ดิษ มีแก้งงอนด้วย บอกน้าไปว่าเฮียที่ตามปกทุกวันนะ เป็นแฟนกัน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-01-2018 22:58:42
น้องปกอ่อยแบบนิ่งๆ ทำเอาพี่เจ๋งเกือบตบะแตก :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-01-2018 23:02:10
บอกเลยว่าร้ายมาก ร้ายกาจมาก อำนาจทำลายล้างสูงมากกกก
น้องปกกก อะไรยังไงอย่างงี้ ยั่วทุกตรง น่าให้อีคนพี่ทนไม่ไหวจริงๆ
เฮียเจ๋งว่าที่ประธานชมรมพ่อบ้านใจกล้า(ที่กลัวเมีย) สงสารเขานะคะจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-01-2018 23:05:33
ปกลูกกกกกก หนูอ่อยพี่เขาขนาดนั้นนี่ ควรจะสงสารพี่เจ๋งดีไหมเนี่ย?
ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 25-01-2018 23:11:19
ความอ่อยของปกนี้ มันน่าโดนกดจริงๆ นะเฮียเจ๋ง 5555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-01-2018 23:13:03
อีน้องอ่อยอีพี่ แต่มันติดที่อีน้องง่วงนอนเสียก่อน ฝากอีพี่จัดการต่อแล้วกันนะ ตามซิบาย  :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 25-01-2018 23:26:08
ปกร้ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-01-2018 23:31:06
 ...โชคดีแล้วจริงๆ ที่พี่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคิดอะไร...555
รอพฤหัสหน้าด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-01-2018 23:42:16
น้องมันขี้อ่อยอิพี่ก็เอะอะหื่นตลอด ดีต่อใจจจ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-01-2018 23:45:58
เฮียเก่งมาก ทนได้ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-01-2018 23:47:19
ปกจ๋าหนูไปเรียนสกิลการอ่อยแบบนี้มาจากไหน  o13  o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 25-01-2018 23:49:53
เฮียเจ๋งตามปกไม่ทันเลยจริงๆ ถ้าพ่อแม่ปกรู้จะออกมาแบบไหนน้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 25-01-2018 23:55:21
เฮียเจ๋งซวยแล้ววววว 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 26-01-2018 00:05:03
เอาคะแนนอ่อยเต็ม 100 ไปเลยค่ะ
พี่โจ๊กจะไปไหนรอด   :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-01-2018 00:09:54
ปกร้ายไม่เบา อ่อยสุด เนียนจริงไรจริง เอ็นดูอะ 55555
อ่านแล้วเขินนน พี่เจตน์ดูใสๆไปเลยอะ 5555
 :m20: :o8:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-01-2018 00:12:23
ปกลูกกก~~นับวันหนูจะยิ่งร้ายนะคะ กับเฮียเจ๋งที่ดีแค่เกรี้ยวกราดไปวันๆ รึจะมาสู้น้องปกจอมเจ้าเล่ห์ได้ แบบนี้เรียกว่าอ่อยยังไงไม่ให้เขารู้ว่าอ่อยสินะคะ

ปล.เฮียเจ๋งดูท่าจะงานเข้าเพราะความยุ่งของอาข้างบ้านปกแล้วละ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 26-01-2018 00:43:45
เขินนนน น้องปกนี่อ่อยขั้นสุด  :ling1:  :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-01-2018 00:43:57
ซื่อสุดในเรื่องก็เจ๋งนิแหละ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 26-01-2018 00:48:12
ปกกกกกก เธอมันร้ายสุดในเรื่องนี้ เฮียเจ๋งอยู่ในกำมือเธอแล้ว
สงสัยเรื่องจะไม่ง่ายแล้วเฮีย เดี๋ยวเรื่องคงถึงผู้ใหญ่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 26-01-2018 00:55:50
ร้ายกว่าเฮียเจ๋งก็น้องปกนี่แหละะะ เฮียกลายเป็นลูกไก่ในกำมือน้องแล้ววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 26-01-2018 01:08:58
เฮียต้องระงับอารมณ์เบอร์ไหน ปกน่าเอ็นดูขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-01-2018 01:25:19
ปกอ่อยขั้นเทพหรือเฮียเจ๋งไม่รู้อะไรเลย 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-01-2018 05:30:43
พี่เวฟทำตัวเป็นไม้กันหมาจริงๆ หมาบ้า2 ตัวด้วย 55555
ปกลูกกกก อ่อยอีกนิดก็โดนกดแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 26-01-2018 06:03:54
เฮียเจ๋งหมกหมุ่นอะ 5555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 26-01-2018 06:27:34
โธ่ววววว เฮียเจ๋ง ลูกไก่ในกำมือน้องนี่หว่า 555555
น้องปกเนียนมากลูก เอาให้พี่เค้าเหลวไปทั้งตัวทั้งใจเลย

ส่วนคู่พี่น้านนน โจ๊กปกครอง ร้องเพลงรอยาวไปปปป ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-01-2018 07:28:28
เจอแบบนี้เข้าไป เฮียเจ๋งเป็นเด็กน้อยไปเลย 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 26-01-2018 08:10:01
ความอ่อยนี้ของปกชนะเลิศค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-01-2018 08:34:40
บอสตัวจริงของเรื่องนี้คือปกซินะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-01-2018 08:35:56
ปกอ่อยเนียน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-01-2018 09:17:15
น้องปกกกกกก ทำไมขี้อ่อยแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 26-01-2018 10:13:09
อ่อยเบอร์แรงมากคะแต่น่าจะมีงื้อๆ :z3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-01-2018 10:54:20
ปกอ่อยแบบบบบ ฮือออ หัวใจจจ
เฮียเจ๋งจะไปไหนรอดดด
นี่ก้แทบจะดิ้นตายคาเท้าน้องแล้วว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 26-01-2018 10:59:38
โจ๊กปกครอง กว่าจะได้ใกล้ชิดโซ่ จัดว่าเป็นพระเอกที่น่าสงสารมาก ๆๆ 55+
ตายหล่ะพ่อแม่จะรู้เรื่องรุ่นพี่มารับมาส่ง น้องปกจะทำยังไงหล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-01-2018 13:40:08
อื้อหือ แล้วอย่างนี้เฮียเจ๋งจะไปไหนรอด ปกอ่อยซะอยู่หมัด
ส่วนโจ๊กปกครองนั้น ได้แต่นั่งมองข้างหลังโซ่ไออาร์ ซึ่งคงได้แต่มองเป็นปี ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 26-01-2018 14:39:07
อีกไม่นานเฮียตบะแตกชัวร์ 555 :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 26-01-2018 17:05:16
ว่าด้วยเรื่องของกลิ่น5555555 ฮือออออ น่าสงสารเฮียเจ๋งเขานะคะ อดทนไว้เฮีย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-01-2018 20:35:57
ปกอ่อยขนาดนี้พี่ก็ทำเถ๊อะะะะ 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ichnuan ที่ 26-01-2018 20:59:55
#เจ๋งคนโดนอ่อย2018
ทนได้อย่างไรรรรคะพี่
จะไปไหนรอดละแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 26-01-2018 22:21:02
แหม่ สงสารเฮียเขานะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-01-2018 23:46:22
โห ปกอ่อยเบอร์แรงมาก!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 27-01-2018 02:04:28
รอค้าาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 27-01-2018 03:16:01
สงสารเฮียโจ๊กและเอาใจช่วยเจ๋งให้ได้กินน้องซะที น้องยั่วขนาดนี้แล้ววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-01-2018 08:39:10
จ๊ะ ละลายนะเจ๋งนะ
น้องทำอ้อน ทำอ่อนหน่อย พี่ก็ห่วงจั้ง
ไม่รู้ฤทธิ์และความเนียนของน้องซะแล้ว

ปกฉัตรก็ฟินไปสิ พี่ทำให้ทุกอย่าง ดูแลทุกอย่าง
ห่วงไปหมด กลัวน้องอยู่คนเดียว กลัวนั่นนี่
แถมได้นอนกอดกันบนเตียงห้องพี่ด้วย

อื้อหือออ ปกฉัตรล้ำมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 27-01-2018 12:58:58
 เพิ่งเข้ามาอ่าน รวดเดียว 12 ตอน
งานดีมากค่าาา  ขอบสำนวนการเขียนของคุณ Dezair นะคะ
ติดตามตอนต่อไปค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 28-01-2018 06:59:30
น้องปกกก อ่อยเก่งงงง อิพี่จะไปไหนรอดดด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 28-01-2018 07:38:24
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 28-01-2018 11:52:51
ตามมาจากวาระซ่อนเร้นนน :katai3: คือดีย์มากเรื่องนี้ เค้าชอบบบบ :katai2-1: แต่อยากให้อีพบ่อยกว่านี้ง่า555555555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 28-01-2018 21:17:39
ปกรู้กกกกกก หนูทำแบบนี้กับพี่เค้าได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 29-01-2018 07:36:44
โอ๊ยยยย อ่อยกันไปอ่อยกันมา เฮียได้ซุกคอน้องแล้วนะคะดีใจด้วย 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 29-01-2018 09:07:18
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
น้องปกเป็นเด็กขี้ยั่วอ่าาา
เราเป็นพี่เจ๋งเราจะไม่ทน กรี๊ดดดด
ร้ายกาจ ให้เม้นกี่ตอนก็จะบอกว่าน้องปกร้ายกาจ
ยอมใจน้องปกจริงๆ พี่เจ๋งดูน่าสงสารไปเลย
โอ๊ยยยย อยากให้โดนพี่เจ๋งกดเร็วๆจัง ๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 29-01-2018 09:31:34
งู๊ย!!!! พี่เจ๋ง หลงน้องขนาดหนักแล้ว น้องปกนี้มันลูกจิ้งจอกในคราบลูกแกะชัดๆเลย  555 แต่อ่านไปแล้สเหนือง นี้ทำไมเราต้องมาตะโกนเหมือนพี่เจ๋งด้วย โอ๊ย 5555 
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 29-01-2018 12:21:01
สู้ๆๆนะพี่เจต. รู้เลยใครร้ายสุดในเรื่องงง 5555. น้องปก จะอ้อยต้องอ้อยให้สุดนะหนู
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-01-2018 02:10:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 30-01-2018 23:13:32
ปก...ฮื่ออ!!! สายอ่อย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 12 (25 ม.ค. 2561) หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 31-01-2018 04:14:08
คุณอาาาา ใจเย็นนะ ขอให้คู่นี้สวีตกันอีกนิด อย่าเพิ่งลากดราม่าเลย
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 01-02-2018 21:08:21
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
ตอนที่ 13

   เจฟฟรี่กำลังถูกหลบหน้า


ไม่ใช่ปกฉัตรที่หลบหน้าเขาหรอก แต่เป็นรุ่นพี่ปีสอง อดีตเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมอย่างทิฆัมพร แถมยังใช้วิธีพึ่งบารมี ‘พี่เวฟ’ ซึ่งเป็นพี่ในสายรหัสของหล่อน ที่ทั้งดุ ทั้งแกร่ง


   หนุ่มลูกครึ่งมองเห็นแค่ทางเดียวในการจะเข้าไปใกล้ทิฆัมพรอีกครั้งคือต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมภาควิชาอย่างปกฉัตร 


แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...ก่อนหน้านี้เขาก่อเรื่องด้วยการประกาศเจตนารมณ์ปลอมๆว่าจะจีบปกฉัตร ทำให้แฟนของปกฉัตรต้องมาแสดงตัวที่นี่ พวกเพื่อนๆทั้งร่วมรุ่นและร่วมภาคฯก็เลยช่วยกันกันท่าไม่ให้เขาและปกฉัตรใกล้กันอีก


   ...แล้วจะขอความช่วยเหลือยังไงดีล่ะ...


   เจฟฟรี่คิดไม่ตก ปัญหารุมเร้าในช่วงใกล้สอบแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่มีสมาธิเลยสักนิด เขาดันหนังสือที่ต้องอ่านสอบออกจากตัวอย่างหมดแรง ทว่าสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้องสมุดพอดี


   ปกฉัตร!


   เขาสบตากับดวงตาสีน้ำตาลจางๆคู่นั้น แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง...สายตาของปกฉัตรเหลือบไปมองที่ตู้หนังสือซึ่งเรียงรายเป็นแถวยาวและลึกราวกับจะบอกให้ไปรอในซอกใดซอกหนึ่งที่ลับสายตาคน ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปคุยกับหนุ่มตี๋ร่างใหญ่จากต่างคณะที่ยืนอยู่ข้างกาย


หนุ่มลูกครึ่งรีบลุกจากโต๊ะ เดินปะปนกับนิสิตคนอื่นๆที่ขวักไขว่อยู่ในห้องสมุด ก่อนจะหลบเข้าไปในซอกหนึ่งของตู้ เขารออยู่ในนั้นอึดใจใหญ่ คนที่สบตากับเขาเมื่อครู่ก็เดินเข้ามา


   ต่างคนต่างมองกัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของปกฉัตรทำเอาเจฟฟรี่กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ เพื่อนร่วมภาควิชาคนนี้บางทีก็ดูเงียบๆและเป็นมิตร แต่บางครั้ง...เจ้าตัวก็นิ่ง ลึก และทันคน


   “เห็นมองมาหลายวันแล้ว มีอะไร” เห็นไหมล่ะ เจ้าตัวรู้จริงๆว่าเขาตามอยู่


   “อยากขอให้ปกช่วย”


ปกฉัตรเงียบ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เจฟฟรี่เลยถือโอกาสเล่า


   “เรากับฟาง จบกันไม่ดีเท่าไร เรา...อยากคุยกับฟางอีกสักครั้ง แค่ครั้งเดียวก็ยังดี”


   “จบกันไม่ดีแบบไหน แบบพี่ฟางทำไม่ดี หรือแบบนายทำไม่ดี”


เป็นอีกครั้งที่สายตาของปกฉัตรทำเอาหนุ่มลูกครึ่งตัวใหญ่กว่าถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลง ได้แต่อ้อมแอ้มตอบกลับไป


   “เราทำไม่ดี...เราขอเลิกกับฟางแล้วก็ไม่คุยกับฟางอีกเลย” เจฟฟรี่สารภาพคอตก วันที่รู้ว่าต่างคนต่างสอบติดกันคนละมหาวิทยาลัย เจฟฟรี่มองเห็นแต่เส้นทางแห่งการเลิกรา เรียนคนละที่จะคบหากันต่อได้อย่างไร สู้เลิกกันแล้วให้ต่างคนต่างได้เรียนรู้คนอื่นไม่ดีกว่าหรือ


   แต่เวลานี้เขารู้แล้ว...ยิ่งไกล ยิ่งเลิก ก็ยิ่งเจ็บ เจ็บจนต้องโหยหากลับมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันอีกครั้ง


   “ถ้าแบบนี้ไม่ช่วย” ปกฉัตรพูดทันที ทำเอาคนคอตกถึงกับเงยหน้ามองทันควัน


   “ปก เรารู้ว่าเราผิด เราแค่อยากขอโอกาสอีกครั้งให้เราได้อธิบายกับฟาง”


   “แต่เราไม่อยากให้พี่ฟางเสียใจอีก นายคิดว่าเขาเลิกกับนายคราวก่อน เขาเสียใจไม่พอเหรอ” เพื่อนร่วมรุ่นย้อนถาม แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่คนถูกบอกเลิก คนถูกทิ้งย่อมเป็นฝ่ายเจ็บปวด ทิฆัมพรเป็นพี่รหัสของเขา ถึงจะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เขาก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นน้องรหัสที่พาคนอื่นมาทำร้ายสายรหัสตัวเอง


   เจฟฟรี่พูดไม่ออก เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคราวก่อนที่เลิกรากันไป ทิฆัมพรเสียใจแค่ไหน คราวนี้ถึงได้อยากอธิบายสักครั้ง ไม่ต้องกลับมารักกันเหมือนเดิมก็ได้ แต่อย่าหลบหน้ากันอย่างนี้เลย


   ปกฉัตรไม่พูดอะไรอีก เขาหมุนตัวจะเดินออกจากซอกหนังสือ แต่เสียงของเพื่อนลูกครึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน


   “ถ้าแฟนของปกเอาแต่หลบหน้า เอาแต่หนี ปกจะทำยังไง”


ร่างโปร่งชะงัก หันกลับไปมองเจ้าของคำถาม เจฟฟรี่มองมาที่เขา สายตาแบบนี้ เขารู้ว่าตัวเองก็เคยมี เป็นสายตาของคนที่เอาแต่ไล่ตาม เพื่อขอโอกาส...โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดสักครั้ง


   “ฟางไม่ต้องรักเราเหมือนเดิมก็ได้ จะมองเราเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกันก็ได้ แต่เราไม่อยากให้ฟางหนีเราแบบที่ผ่านมา...มัน...เจ็บ”


ไม่ต้องอธิบายว่าเจ็บแบบไหน ปกฉัตรก็เข้าใจดี ถึงสถานะของเขาและเจตน์กับเจฟฟรี่และทิฆัมพรจะต่างกัน แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยไล่ตามเจตน์ เคยทำทุกวิถีทางให้เจตน์หันมาสนใจกันสักครั้ง เหมือนกับที่เจฟฟรี่กำลังพยายาม


แต่ความพยายามของเจฟฟรี่โหดร้ายกว่าของปกฉัตรหลายเท่านัก เพราะทิฆัมพรกำลังหนี


   คนไล่ตามก็เจ็บ คนหนีก็คงเหนื่อยไม่แพ้กัน เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่หนีหัวซุกหัวซุนจนแม้แต่พี่รหัสปีสามอย่างสิตางศุ์ยังต้องโทร.มาถามข่าวคราวจากเขา แถมย้ำอีกว่าพี่รหัสปีสี่อย่างอรรณพก็เป็นห่วงเช่นกัน เพราะพักนี้ทิฆัมพรตามติดแจอย่างไม่มีสาเหตุ


“จะช่วยก็ได้...”


   “จริงเหรอ?!” หนุ่มลูกครึ่งร้องถามอย่างมีความหวัง


   “แต่จะไม่ให้คุยกับพี่ฟางสองคน” เจฟฟรี่พยักหน้ารัวๆ ถึงจะมีบุคคลที่สามอย่างปกฉัตรอยู่ด้วย เขาก็ยินดี ขอเพียงได้อธิบายกับทิฆัมพรอีกสักครั้งก็พอ


   “ได้! มีปกอยูด้วยก็ได้”


ทว่าปกฉัตรส่ายหน้า


   “ไม่ใช่แค่เรา แต่ต้องมีสายรหัสเราด้วย”


คราวนี้หนุ่มลูกครึ่งชะงักไปเล็กน้อย


   “สายรหัส? หมายถึง...”


   “หมายถึงทั้งสาย ถ้านายจะคุย ก็ต้องมีพี่โซ่ กับพี่เวฟ” คนแรกไม่เท่าไร แต่คนหลังนี่สิ เจฟฟรี่กลืนน้ำลายเอื้อก!


   ‘พี่เวฟ’ บุรุษผู้มากบารมีแห่งรัฐศาสตร์!


   “ก...ก็ได้ มีพี่เวฟด้วยก็ได้...” แม้ใจจะหวั่น แต่เพื่อให้ได้โอกาสครั้งสำคัญ หนุ่มลูกครึ่งก็ได้แต่อ้อมแอ้มรับคำ


   “ขอนัดก่อน แล้วจะบอก” แล้วร่างโปร่งของเพื่อนร่วมภาควิชาก็หมุนตัวเดินออกจากซอกตู้หนังสือไป เจฟฟรี่พ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จไปหนึ่งขั้น เหลืออีกขั้นคือต้องเตรียมตัวไปคุยกับทิฆัมพรต่อหน้าพี่รหัสปีสี่ของหล่อน


   …จากตอนแรกที่แค่อยากจะคุยกับฟาง แล้วสุดท้ายกลายเป็นว่ามีสายรหัสทั้งสายของฟางมาร่วมด้วยได้ไงวะเนี่ย?!...


   หนุ่มลูกครึ่งถอนหายใจอีกเฮือก ถ้าอรรณพคือคนที่มีบารมี ปกฉัตรก็คือคนที่รู้จักใช้บารมีของพี่รหัสให้เป็นประโยชน์ เจฟฟรี่รู้ตัวดี ถ้าคราวนี้เขาทำให้ทิฆัมพรเสียใจอีกหน จะมีคนที่มีบารมีและคนที่ใช้บารมีเป็น ทำให้เขาไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย...

...............................

    เพราะก่อนหน้านี้ถูกสั่งห้ามไม่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนลูกครึ่งร่วมภาควิชา แต่คู่กรณีของเจฟฟรี่ก็คือทิฆัมพรซึ่งเป็นพี่รหัส ไหนจะพี่รหัสปีสามอย่างสิตางศุ์ที่โทร.มาถามเขาส่วนตัว หนำซ้ำพี่รหัสปีสี่อย่างอรรณพก็เป็นห่วง ที่สำคัญคือสิ่งที่เจฟฟรี่แสดงออก ครั้งหนึ่งปกฉัตรก็เคยทำแบบนั้น


   ไม่สนใจวิธีการ ขอแค่ผลลัพธ์ที่ต้องการ


   ...ขอแค่หันมาเห็นกันบ้าง ขอแค่รับรู้การมีอยู่ของกันและกันบ้าง...


   ปกฉัตรตัดสินใจจะช่วยให้คนสองคนได้พบหน้ากันอีกครั้ง โดยมีพยานร่วมรู้เห็นเป็นเขา สิตางศุ์และอรรณพ โดยอาศัยการเลี้ยงสายรหัสของอรรณพบังหน้า


   แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือต้องบอกคนรักอย่างเจตน์ก่อน ร่างโปร่งอาศัยช่วงเวลาดีๆตอนกำลังช่วยกันล้างจานหลังมื้อค่ำที่บ้านของเขา


   “เลี้ยงสาย? เลี้ยงอีกแล้ว? สายรหัสมึงแดกอะไรนักหนา”


   “ก็พี่ปีสี่จะเลี้ยงก่อนสอบ”


   “เมื่อไร”


   “พรุ่งนี้หลังติวตอนเย็น”


เพราะใกล้สอบเข้าไปทุกที ปกฉัตรเลยรีบนัดทุกคนในวันถัดไป อรรณพเองก็สนับสนุนเพราะเห็นสภาพสิตางศุ์เอาแต่อ่านหนังสือทำเปเปอร์แล้ว ก็อยากให้ออกไปเห็นโลกนอกห้องสมุดบ้าง


   “งั้นมึงก็กลับดึกสิ”


ปกฉัตรไม่ตอบ แต่มือขาวรับจานใบสุดท้ายที่ถูกล้างด้วยน้ำยาล้างจานจนฟองฟ่อดมาล้างน้ำเปล่าต่อ พอจานหมด คราวนี้เขาก็ดึงมือของเจตน์มาล้างน้ำเปล่าแทน ใช้มือตัวเองค่อยๆลูบฟองน้ำยาล้างจานออกจากมืออีกฝ่ายอย่างช้าๆ แล้วพูดเบาๆโดยไม่หันมอง


   “พี่ไปรับผมได้มั้ย...” เจตน์กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ตาเรียวมองไปที่มือของเขาที่สะอาดดีอยู่แล้ว แต่ปกฉัตรยังลูบเบาๆอยู่ใต้สายน้ำเย็นจากก็อกน้ำ


   น้ำเย็นๆ กับมืออุ่นๆ สัมผัสนิ่มๆ และไหล่ที่ชนไหล่


   ใกล้กันจนไหล่ชนไหล่แล้ว แต่เจตน์ก็ยังขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย คราวนี้ไหล่ของเขาซ้อนกับไหล่ของปกฉัตร ก้มหน้าอีกหน่อย ริมฝีปากก็อยู่ในระดับหูของอีกฝ่ายพอดี


   ไม่ต้องตะโกนแล้ว พูดเบาๆก็ได้


   “อยากให้ไปรับเหรอ” ใบหน้าอ่อนเยาว์ของหนุ่มรุ่นน้องเอี้ยวมามองเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นเต็มไปด้วยแววหวานอย่างที่ทำเอาลืมเรื่องรอบตัวไปหมด


   “อื้อ พี่ว่างรึเปล่า...” เจตน์ขยับเข้าใกล้ ริมฝีปากคลอเคลียกันเบาๆ ไม่ใช่จูบ...แต่เป็นการเกลี่ยริมฝีปากนิ่มๆของอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากของเขา


   ...บางเบา แต่โหยหา...


   “ว่างสิ” มือที่เปียกและชื้นของเจตน์เอื้อมไปปิดก๊อกน้ำ แล้วหมุนร่างผอมให้หันมาสู่อ้อมกอดของเขา ตอนนี้ปกฉัตรเลยตกอยู่ในวงล้อม ด้านหน้าคืออกแข็งๆที่ขยับชิด ส่วนด้านหลังคืออ่างล้างจานที่ตรึงให้เขาอยู่กับที่


   ...ไปไหนไม่ได้ ก็อยู่ในอ้อมกอดของพี่แบบนี้แหละ...


   ริมฝีปากที่คลอเคลียกันและกัน เดี๋ยวก็จูบเบาๆ เดี๋ยวก็เกลี่ยไปมา บอกให้รู้ว่าถ้าปกฉัตรออกปากอนุญาตสักนิด อารมณ์ของเจตน์คงปะทุง่ายดาย


   มือขาวลูบอกแข็งเบาๆ ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปคล้องคอของร่างสูงเอาไว้ ภาษากายเหมือนจะโอนอ่อนไปกับอารมณ์หวาม แต่ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มจางๆกลับปรามเบาๆ


   “ใกล้สอบแล้วนะ...”


   “แต่ไปเลี้ยงสายได้นี่” เจตน์ย้อน ริมฝีปากยังคลอเคลียไม่ห่าง มือหนาฟ้อนเฟ้นแผ่นหลังด้วยความมันเขี้ยว หากปกฉัตรส่งสัญญาณว่าพร้อม ต่อให้ที่นี่จะเป็นห้องครัว เจตน์ก็พร้อมกระโจนใส่ร่างในอ้อมแขนเช่นกัน


ทว่า...สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะเบาๆ


   “ก็นั่นไปกินข้าว”


   “แล้วกูล่ะ...”


   “ก็ให้ไปรับไง”


   “ไม่...กูหมายถึง...” หนุ่มรุ่นพี่ทิ้งประโยคไว้แค่นั้น เขารู้ว่าปกฉัตรรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ดวงตาสีน้ำตาลจางที่กำลังสบตาเขาอยู่นี้ทั้งฉลาดและล้ำลึก


   มือขาวที่โอบคอของเขาอยู่แตะปลายนิ้วเบาๆที่ท้ายทอยแล้วลูบไล้ไปมาจนเจตน์ต้องสูดลมหายใจลึกเฮือกใหญ่


   “หลังสอบนะ...” คนฟังกลืนน้ำลายอีกอึก


   “หลังสอบจริงเหรอ”


   “อื้อ...”


   “ขอมัดจำก่อนได้มั้ย”


ปกฉัตรยิ้มหวาน


   “ผมให้แค่จูบนะ” แล้วเจ้าตัวก็เป็นฝ่ายขยับใบหน้าเข้าหา จูบนี้...ปกฉัตรเป็นคนเริ่ม ถือเป็นค่ามัดจำที่เจตน์จะได้ แล้วตอนนั้น ร่างสูงก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องเลี้ยงสายรหัสของปกฉัตรอีกเลย

.................................

การเลี้ยงสายช่วงเวลาใกล้สอบเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกใบนี้ แต่เมื่ออรรณพออกปากชวนน้องรหัสปีสองอย่างทิฆัมพรไปกินข้าวตอนทุ่มตรง สาวปีสองก็ตกปากรับคำตามประสาคนกินเก่ง


   “ปีนี้พี่เวฟป๋ามาก เลี้ยงน้องสองรอบเลย!” หล่อนชมพร้อมรอยยิ้มกว้าง มื้อค่ำวันนี้เป็นร้านอาหารปิ้งย่างแบบเกาหลี ไม่รู้ใครเลือกร้าน แต่ที่รู้ๆ สามในสี่คนที่มารู้ถึงสาเหตุสำคัญในการนัดเลี้ยงสายกันวันนี้


   แต่...ทิฆัมพรไม่รู้


   “ฟางกินโซจูมั้ย กินเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ ไอ้โซ่กับปกแพ้แอลกอฮอล” อรรณพชวน หญิงสาวกะพริบตาปริบๆที่จู่ๆก็ถูกชวนดื่ม หันมองสิตางศุ์กับปกฉัตรแล้วก็พบว่าสองคนนั้นดื่มชาเขียวไปแล้ว เลยหันไปพยักหน้ารับให้คนถาม


   “กินได้พี่ ว่าแต่...พี่เวฟเป็นไรเปล่าเนี่ย อยู่ๆสั่งโซจู”


   “กินอาหารเกาหลี ให้สั่งวอดก้ามั้ยล่ะ”


   “ไม่ช่ายยย ฟางหมายถึง...มีปัญหาไรเปล่า” หนุ่มปีสี่หันมามองด้วยสายตาเรียบๆ


   “พี่ไม่มี แล้วฟางล่ะมีมั้ย”


   “ถ้านับเปเปอร์เป็นปัญหา ฟางก็อยากจะบอกว่าฟางมีเพียบเลยค่ะ” หญิงสาวคนเดียวในสายหัวเราะร่วน ทว่าคนในโต๊ะไม่มีใครหัวเราะไปกับหล่อนเลย สุดท้ายเสียงหัวเราะของสายรหัสปีสองก็เริ่มเงียบไป ทิฆัมพรเริ่มเห็นถึงความผิดปกติ หล่อนกวาดตามองพี่น้องสายรหัสอีก 3 ชีวิต แล้วก็พบว่าทุกคนกำลังมองหล่อนด้วยสายตาที่ทำเอารู้สึกหายใจไม่ออก


   “ม...มีอะไรกับฟางเปล่าคะ”


อรรณพไม่ตอบ แต่เทโซจูใส่แก้วเล็กส่งให้


   “พวกเราไม่มี แต่เราอยากรู้ว่าฟางมีปัญหาอะไรกับใครรึเปล่า” คำพูดของพี่ใหญ่สุดในสายรหัส ทำเอาเจ้าของคำถามเงียบกริบ ทิฆัมพรอ้าปากค้าง โทษตัวเองที่ไม่สังเกตความผิดปกติของการนัดเลี้ยงสายช่วงใกล้สอบไฟนอล


   ไม่ใช่แค่เลี้ยงข้าว แต่ครั้งนี้มีวาระซ่อนเร้น!

................................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 01-02-2018 21:09:31



เจตน์กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่ในบ้านหลังข้างๆของดิษกร


ใช่...บ้านหลังนี้เป็นของปกฉัตร แต่เจ้าของบ้านยังไม่กลับ ติวหนังสือตอนเย็นเสร็จแล้วจะไปทานข้าวกับสายรหัสต่อ เขาก็เลยมารอที่นี่ แถมอยู่บ้านแฟนไม่นิ่งดูดาย นอกจากรดน้ำต้นไม้แล้วก็มากวาดใบไม้ที่ปลิวมาจากบ้านข้างๆนี่ล่ะ แล้ว...ก็เลยมีไอ้เพื่อนบ้านจอมสอดรู้สอดเห็นโผล่หน้ามาทักทายพร้อมกับเสียงหัวเราะ


   “เอ้า! ปกกกกกก...ทำไมจากหนุ่มน้อยหน้าใสตัวผอมกะหร่องถึงกลายร่างเป็นหนุ่มตี๋ไซซ์ฝรั่งได้ล่ะจ้ะ”


   “กลายร่างพ่อง!!” หนุ่มตี๋ไซซ์ฝรั่งด่าไปดอก อยากจะเขวี้ยงไม้กวาดในมือข้ามรั้วดูสักที แต่ขี้เกียจไปตามเก็บ ก็เลยไม่ทำดีกว่า


   “ดุจริ๊ง! แล้วไอ้ปกไปไหนอ่ะ”


จริงๆแล้วภาพเจตน์มาช่วยงานในบ้านหลังนี้ชักจะชินตาเข้าไปทุกที เพราะเวลามาส่งปกฉัตรและอยู่ทานข้าวเย็นด้วยทีไร ผู้ชายตัวใหญ่คนนี้ก็มักจะเดินไปเดินมารอบบ้าน เดี๋ยวรดน้ำต้นไม้บ้าง เดี๋ยวกวาดเศษใบไม้บ้าง ใครผ่านไปผ่านมาก็พากันมองทั้งนั้น เพราะอยู่ดีๆบ้านนี้ก็มีผู้ชายเพิ่มมาอีกหนึ่ง แถมเป็นผู้ชายหน้าหงิกที่ไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิด!


   ร็อตไวเลอร์ยังไม่น่ากลัวเท่าผู้ชายที่ชื่อ ‘เฮียเจ๋ง’ เลย! พูดจริง!!


   “ไปกินข้าวกับสายรหัสมัน”


   “อ้าว แล้วเฮียไม่ไปกับมันเหรอ”


   “มันไปกับสาย กูจะไปทำไมล่ะ?!” อันที่จริงก็อยากไป แต่มันไม่ชวนสักที อยากเปิดตัวจะแย่อยู่แล้ว!


   “แล้วเฮียไม่ไปรับส่งเหรอ”


   “มันไปจากคณะกับพี่รหัสมัน แต่เดี๋ยวขากลับ กูไปรับ” จะว่าไป เจตน์ก็อยากเจอพี่รหัสคนอื่นๆของปกฉัตรดูสักที


   “อ๋อ พี่รหัสคนที่ขับโฟร์วีลใช่มะ” คำถามของคนบ้านติดกันทำเอาหนุ่มตี๋ตวัดสายตาไปมอง


   “ขับโฟร์วีล?! ผู้หญิงน่ะเหรอ” เจตน์จำพี่รหัสผู้หญิงร่างป้อมๆได้ ดูตัวเล็กๆ ไม่เหมาะกับโฟร์วีลเท่าไรเลย


   “ไม่ใช่ผู้หญิง คนที่ขับโฟร์วีลนั่นผู้ชาย”


   ...มั้ยล่ะ! มีตัวผู้โผล่เข้ามาในชีวิตไอ้ปกอีกแล้ว!...


   “ฮั่นแหน่ะ! สีหน้าไม่เป็นมงคลกับชีวิตแบบนี้แสดงว่ากำลังหึงอยู่ชัวร์!”


   “ก็นั่นแฟนกูมั้ย?! ไม่ให้กูหึงแล้วให้กูอวยพรรึไง?!!”


   ...เดี๋ยวเจอกันก่อนเหอะ! กูจะให้ไล่ชื่อพี่รหัสทุกคนในสายให้กูรู้จัก!...


   “แฟน?! ไอ้ปกยอมเป็นแฟนกับเฮียแล้วเหรอ?! นี่บังคับมันเปล่าเนี่ย?!!” ดิษกรไม่อยากจะเชื่อ เห็นจีบกันอยู่แหม่บๆ มาวันนี้ ‘เฮียเจ๋ง’ พูดเต็มปากว่าเป็นแฟนกันแล้ว


   “สัด! กูไม่ได้บังคับ!”


   “งั้นแสดงว่าเพื่อนผมต้องมีใจให้เฮียก่อนแน่เลย” เจตน์เงียบไป คำสารภาพของปกฉัตรที่บอกว่ามองเขามาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ยิ่งทำให้ตระหนักว่าความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ มีค่าจนสัญญากับตัวเองซ้ำๆว่าจะไม่มีวันทำให้เจ้าของความรู้สึกนี้เสียใจเป็นอันขาด


   “กูจะรักเพื่อนมึงให้มากกว่าที่เพื่อนมึงรักกู” เขาเอ่ยปากกับดิษกร หนุ่มรุ่นน้องที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรั้วเตี้ยยิ้มจางอย่างยินดี ต่อให้เจตน์ไม่พูด เขาก็เชื่อแน่ว่าปกฉัตรจะต้องได้รับทั้งความรักและความจริงจังจากผู้ชายคนนี้


   “ผมฝากเพื่อนผมด้วยนะเฮีย” สองหนุ่มร่วมคณะไม่ทันได้พูดอะไรกันอีก เสียงโทรศัพท์และแรงสั่นในกระเป๋ากางเกงของเจตน์ก็ขัดบทสนทนา หนุ่มตาเรียวหยิบขึ้นมาดู แต่หมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอไม่ใช่เบอร์ที่เขารู้จัก


   ตอนแรกคิดจะไม่รับสาย แต่คิดอีกที เวลานี้ปกฉัตรอยู่ห่างสายตาเขา เบอร์คนที่โทร.มาอาจจะเป็นใครสักคนที่อยู่ใกล้ปกฉัตรก็ได้


   “ฮัลโล”


   ‘ฮัลโล เฮียเจ๋งรึเปล่าคะ?!’ เสียงที่ตอบกลับมานั้นไม่คุ้นหู


   “อือ นั่นใคร”


   ‘ติซซี่ค่ะ เพื่อนของปก ไออาร์’ เจตน์ชะงักไปเล็กน้อย จำไม่ได้ว่าใครคือติซซี่ แต่ที่จำได้ดีคือปกฉัตรเรียนภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรียกกันย่อๆว่า ‘IR’


   ‘เฮียอย่าเพิ่งตกใจนะคะว่าติซซี่รู้เบอร์เฮียได้ยังไง นี่ใช้กำลังภายในหว่านแหโทร.หาเพื่อนในบัญชี อู้ยยยย...กว่าจะหาเบอร์ได้ เหงื่อตก! อ้อ...เฮียรู้ใช่มั้ยคะว่าปกมากินอาหารเกาหลี!’


   “รู้” เจตน์ตอบสั้นๆ กำลังจะขอตัดบทแถมคาดโทษคนที่แจกเบอร์เขาให้คนอื่น แต่ปลายสายยิงประโยคแทรกขึ้นมาเสียก่อน


   ‘แล้วรู้มั้ยคะว่าเจฟ ไออาร์ก็มาด้วย!’ ตาเรียวๆของหนุ่มตี๋คณะบัญชีเบิกโพลงทันที


   “อะไรนะ?!!”


เขารู้แค่ว่าปกฉัตรไปกินข้าวกับสายรหัสที่ร้านอาหารเกาหลี แต่ที่เขาไม่รู้คืองานนี้มีแขกรับเชิญพิเศษด้วย!


   ‘ติซซี่ก็ว่าแปลกๆ มีคนบอกว่าเห็นปกกับเจฟแอบคุยกันในห้องสมุด วันนี้เลิกติวแล้วได้ยินปกบอกว่าจะไปกินข้าวกับพี่รหัส ติซซี่เลยตามมา! เจอเจฟที่หน้าร้านด้วยนะคะ! เฮียรีบมาเถอะค่ะ! ไม่รู้เจฟจะทำอะไรรึเปล่า!!’ ความรู้สึกของเจฟฟรี่นั้น เจตน์รู้ดีแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะจีบปกฉัตรตามที่ประกาศหน้าร้านถ่ายเอกสาร แต่ที่เขากังวลคือปกฉัตรจะหาเรื่องใส่ตัวไปช่วยเจฟฟรี่ต่างหากล่ะ!


   ...กูสั่งว่าห้ามช่วย!! ไม่ฟังกูสักคำ!!!...


   “จะไปเดี๋ยวนี้!!” เจตน์ตัดสายทันที ก่อนจะหันไปหาดิษกรที่ยืนอยู่อีกฝั่งรั้ว


   “ไอ้ดิษ! มึงมีกุญแจบ้านไอ้ปกรึเปล่า!”


   “ม...มี...”


   “ฝากปิดด้วย! กูจะไปจัดการเพื่อนมึง! อยู่ดีไม่ว่าดี! กูสั่งว่าห้ามช่วยแม่งก็ยังแส่หาเรื่อง!” แล้วเจตน์ก็พุ่งตัวออกจากบ้านไปที่รถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ทันที ทิ้งบ้านของปกฉัตรให้ดิษกรต้องรีบกระโดดข้ามรั้วมาช่วยจัดการแทน

............................

   โต๊ะมุมในสุด เป็นโต๊ะที่อรรณพใช้บารมีความเป็นคนรู้จักกับเจ้าของร้านขอร้องกับพนักงานว่าต่อให้ลูกค้าจะเยอะแค่ไหน เขาก็ต้องได้โต๊ะที่ลับตาคนที่สุด สุดท้ายก็เลยได้โต๊ะในมุมส่วนตัวมากพอที่จะให้น้องรหัสของตนเองดื่มไประบายความรู้สึกไป


   “ตอนแรกก็ไม่คิดจะรักมันหรอก ฮึก...ไอ้เจฟน่ะ สูงยาวเข่าดี หล่อสง่ามีราศี ฮึก...ฟางสิพี่ ฟางน่ะถึงจะไม่อ้วนแต่ก็ตุ้ยนุ้ยน่ารัก เดินด้วยกันเหมือนการ์ตูนหัวโตกับเจ้าชาย ฮึก...แต่มัน...ฮึก แต่ไอ้เจฟมันบอกว่ามันรักฟาง มันรักในสิ่งที่ฟางเป็น ฟางถึงใจอ่อนคบกับมัน แล้วพอเรียนจบม.ปลาย ฟางกับมันสอบติดคนล่ะที่ ไอ้เจฟก็ขอฟางเลิก! ฮือออออ...”


หญิงสาวเพียงคนเดียวในสายรหัสสี่ชั้นปีร้องไห้ออกมาเหมือนทำนบแตก ทำเอาสิตางศุ์ผู้แสนใจอ่อนกับเด็ก สตรีและคนชราถึงกับต้องช่วยลูบหลังลูบไหล่ปลอบประโลม ในขณะที่อรรณพเทโซจูใส่แก้วของทิฆัมพรให้อีกจอก


   “แล้วดูสิ! ดูตอนนี้! ตอนนี้มันมาเป็นรุ่นน้องฟาง แล้วมันก็...” ดวงตาของหญิงสาวร่างป้อมเหลือบไปมองน้องรหัสของตนเอง จะชังก็ชังไม่ได้ จะตัดพี่ตัดน้องก็ทำไม่ลง “...มันก็...มาขอปกเป็นแฟน ฮือออออ...” แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเจ็บใจอยู่ดี ทำไมคนที่เจฟฟรี่มาขอเป็นแฟนต่อหน้าต่อตาหล่อน ต้องเป็นน้องรหัสของหล่อนด้วย


     “แต่ผมกับเจฟไม่ได้...” คนเป็นรุ่นน้องรีบออกตัว แต่ไม่ต้องพูดจบทิฆัมพรก็พยักหน้ารับรู้ ปาดน้ำตาป้อยๆ


   “พี่รู้...ปกไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เจฟหรอก ก็ปกมีแฟนอยู่แล้วนี่นา แฟนแซ่บซะด้วย ถึงจะเป็นน้องพี่โจ๊กก็เหอะ…”


   “โจ๊ก?...” อรรณพทวน รู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดี เวลาได้ยินคำนี้ แต่ทิฆัมพรไม่ขยายความต่อ เพราะหล่อนกำลังดิ่งลงสู่อดีตอันเจ็บช้ำ


“...ฮึก...แต่คนที่คิดน่ะ...คนที่คิดน่ะมีแต่พี่! ฮือออออ...” ร้องไปยกโซจูกระดกไป ก่อนจะมีสติขึ้นมาหน่อยที่เห็นอรรณพเทโซจูใส่แก้วของหล่อนอีกแล้ว ในขณะที่แก้วเขาไม่พร่องเลย


   “พี่เวฟทำไมไม่กิน นี่หลอกฟางกินคนเดียวใช่มั้ย ทำไมมีแต่ผู้ชายหลอกลวง...” หญิงสาวเบะปากจะร้องไห้อีก หนุ่มรุ่นพี่เลยต้องรีบยกแก้วตัวเองขึ้นมาให้ดู


   “เฮ้ย ไม่ได้หลอก นี่ไง กินแล้ว”


   “พี่เวฟต้องกินเยอะๆนะ ฮึก...ฟางไม่มีใครอีกแล้ว พี่โซ่กับปกก็ไม่กินเป็นเพื่อนฟางเลย ฮือ...” แม้กระทั่งคนไม่ดื่มก็โดนหญิงสาวดราม่าใส่ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่มีสะบัดสะบิ้งให้มือของสิตางศุ์พ้นไปจากไหล่หล่อนเลย ยอมให้พี่รหัสผิวขาวจัดลูบหลังลูบไหล่อยู่แบบนั้น


“พี่ใส่ชุดนิสิต ดื่มเป็นเพื่อนฟางไม่ได้...” คนแต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าบอกเสียงนุ่ม แล้วส่งยิ้มจางที่แสนอ่อนโยนให้


   “แต่ยังไง พี่ก็อยู่ข้างๆฟางนะ” ทิฆัมพรอยากจะร้องไห้ต่อไมตรีของพี่รหัสที่แสนดีแสนบริสุทธิ์ผุดผ่องคนนี้


   “พี่โซ่คือตัวอย่างของผู้ชายที่แสนดี แต่ทำไมฟางต้องเจอผู้ชายเลวๆ ที่หลอกลวงฟางอย่างไอ้เจฟด้วยยยยยย! ฮืออออออ...” เพ้อขั้นสุด แต่ถึงอย่างนั้นคนกินเก่งก็ยังเป็นคนกินเก่ง หล่อนคีบหมูย่างเข้าปากแกล้มเหล้าไปด้วย



   “อยากจะกินให้อ้วนประชดชีวิต แต่ตอนคบมันก็อ้วนไง...จะอ้วนไปอีกก็ไม่มีประโยชน์” หล่อนยกความอ้วนความผอมขึ้นมาเป็นเหตุผลในการคีบหมูย่างเข้าปากไปอีกชิ้นโตๆ


   “งั้น...ฟางลดน้ำหนักมั้ย” คนซื่ออย่างสิตางศุ์เสนอ ทำเอาคนกำลังจะคีบหมูเข้าปากถึงกับชะงัก ตาเบิกโพลง แล้วก็กลายเป็นว่าเริ่มจะเบะปากอยากจะร้องไห้อีกแล้ว


   “ไอ้โซ่ ไอ้ปก พวกมึงออกไปจัดการที่กูให้ทำไป” อรรณพรีบไล่ แม้จะมีจิตใจอันบริสุทธิ์แค่ไหน แต่คนกำลังอกหัก มันก็ยังไปเสนอให้เขาลดน้ำหนักอีก รุ่นน้องปีหนึ่งและปีสามของสายรหัสพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ


   “ถ้าไม่เห็นแก่ว่าสเป็คสาธารณะนะ หึ!” ทิฆัมพรไม่ได้เอะใจว่ารุ่นพี่ปีสี่อย่างอรรณพสั่งให้อีกสองคนลุกออกจากโต๊ะไปทำไม หล่อนยังคงคีบหมูย่างเข้าปากเหมือนจะไม่หยุดง่ายๆ จนกระทั่งสิตางศุ์และปกฉัตรกลับเข้ามาอีกครั้งโดยมีชายหนุ่มลูกครึ่งปีหนึ่งเดินตามหลังมาด้วย


   ตอนแรกหญิงสาวคนเดียวของโต๊ะยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งเสียงเรียกชื่อของหล่อนดังขึ้น


   “ฟาง...”


   แทบจะสร่างเมาในวินาทีนั้น มือที่กำลังคีบหมูย่างทำตะเกียบร่วงก่อนจะรีบหันมองทันควัน


   หนุ่มลูกครึ่งยืนอยู่ข้างหลังสิตางศุ์ และกำลังมองมาที่หล่อนอย่างขอลุแก่โทษ


   “พามันมาทำไม?!!” หญิงสาวร้องถาม แก้มยังเปรอะน้ำตา น้ำมูกยังไหลแต่ก็สูดน้ำมูกกลับเข้า


   “ฟางใจเย็นๆก่อนนะ” ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดประโยคนี้ ทิฆัมพรคงยิ่งคลั่ง แต่...เพราะคนพูดคือชายหนุ่มผิวขาวจัดผู้มีดวงตาคู่สวยที่กำลังมองมาอย่างอ่อนโยน ไหนจะมือขาวที่ยื่นมาแตะแขนของหล่อนอย่างแผ่วเบา ถ้าหากหล่อนสะบัดมือนี้ออกไป รับรองว่าคนทั้งคณะรัฐศาสตร์จะต้องด่าหล่อนจนจมดินแน่ๆ


   “ฟาง...พี่ไม่ขอให้ฟางให้อภัยเขาหรอกนะ แต่อยากให้ฟางฟังเขาสักนิด ตอนที่เลิกกันน่ะ ต่างคนต่างก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยไม่ใช่เหรอ มันคาใจใช่มั้ยล่ะ ตอนนี้เขามาอยู่ตรงหน้าฟางแล้ว ฟางจะไม่ให้โอกาสตัวเองฟังเรื่องของเขาหน่อยเหรอ”


อรรณพอยากจะยื่นคบเพลิงให้น้องรหัสตนเองไปถือแล้วยืนแทนเทพีเสรีภาพจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีพูด คำพูด หรือการกระทำประกอบคำพูด ทั้งหมดล้วนทำให้ทิฆัมพรที่เกือบจะอาละวาดได้แต่นิ่งสงบ


   พอเห็นว่าน้องรหัสของตนเองเริ่มสงบ สิตางศุ์ก็พลอยยิ้มออก เขาขยับตัวออกจากหญิงชายทั้งคู่เพื่อให้ทั้งสองคนได้เห็นกันและกันชัดเจนยิ่งขึ้น


   ทิฆัมพรมองเจฟฟรี่ เจฟฟรี่ก็มองทิฆัมพร ต่างคนต่างมองกัน แต่ไม่มีใครยอมพูดอะไร


   “พี่ฟาง...เรื่องที่เกิดขึ้นหน้าร้านซีร็อกน่ะ เจฟเขาอยากอธิบายนะ” ปกฉัตรพูดแล้วก้าวเข้ามาใกล้


   “ก็พูดมาสิ! พูดมาเลยว่าชอบปก เราไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว!” 


ทั้งมึนแอลกอฮอล์ ทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บใจ ทั้งน้อยใจ ทิฆัมพรไม่รู้ว่ารู้สึกแบบไหนมากกว่ากัน แต่มันปนเปกันมั่วไปหมด ยิ่งมองหน้าเจฟฟรี่ที่เคยรู้สึกดีต่อกัน จนเขาสร้างความเจ็บช้ำด้วยการขอเลิกราแล้วก็หายไป ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในฐานะรุ่นน้อง มาบอกขอจีบปกฉัตรคาตาหล่อน ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งที่ใกล้จะระเบิดเพราะอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ทั้งรักทั้งเกลียด


   “เราไม่ได้ชอบปก เราชอบฟาง” ประโยคแรกและประโยคเดียวที่เจฟฟรี่อยากบอก แต่มันเป็นประโยคที่ไม่ถูกที่ถูกเวลาเอาเสียเลย


   หญิงสาวเพียงคนเดียวอ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากได้อากาศหายใจ คำบอกรักของอดีตคนรักทำให้หล่อนหายใจไม่ออก อารมณ์โกรธตีร่นขึ้นมาจนเนื้อตัวสั่นไปหมด


   “พูดได้ยังไง! พูดได้ยังไงว่าชอบเรา!!” พอกันที หมดความอดทนอีกแล้ว ทิฆัมพรหันไปคว้าจานใส่กิมจิแล้วสาดใส่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า


   เจฟฟรี่สะดุ้งหลบ แต่...ปกฉัตรเอื้อมมือไปหมายจะจับจานกิมจิเอาไว้ไม่ให้สาดใส่ใคร


   ไม่รู้จะด้วยพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรืออะไร เขาถูกหล่อนสาดกิมจิสีแดงส้มมีทั้งผักและน้ำใส่เสื้อจังใหญ่!


   “เฮ้ย!!!” อรรณพร้อง คราวนี้โต๊ะมุมในสุดของเขาไม่ช่วยให้รอดพ้นจากสายตาใครทั้งสิ้น ทั้งลูกค้าและพนักงานในร้านหันมองเป็นตาเดียว แม้กระทั่ง...คนที่เข้ามาใหม่


   “ไอ้ปก!” เจตน์เปิดประตูเข้ามาในร้านพอดีกับที่เห็นกิมจิสีแดงส้มสาดใส่เสื้อของคนรัก ดูเหมือนปกฉัตรจะช็อกไปกับสภาพตัวเองเช่นกัน เจ้าตัวได้แต่ยืนตาปริบๆ ในขณะที่คนทำก็อ้าปากค้าง


   “ป...ปก...พ...พี่...พี่ขอโทษ” ยิ่งกว่าสร่างเมา เพราะเวลานี้ทิฆัมพรไม่รู้สึกถึงแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดเลยสักนิด อย่างเดียวที่รู้คือหล่อนโคตรก่อเรื่อง!


   “ม...ไม่เป็นไร...ผม...ผมขอไปจัดการเสื้อผมก่อนแล้ว...” ปกฉัตรพยายามตั้งสติ ถึงแม้กิมจิที่มีทั้งผักทั้งน้ำจะยังติดอยู่บนเสื้อเชิ้ตของเขาก็ตาม ทว่าไม่ทันจะได้เดินไปไหน คนมาใหม่ที่เห็นเหตุการณ์พอดีก็ตะเบ็งเสียงลั่น


   “ไม่ต้องจัดการแล้ว!! มึงกลับเดี๋ยวนี้เลย!!!” เจตน์เห็นสภาพเลอะเทอะแล้วอยากจะเขกหัวหลายๆที พอเหลือบตาไปเห็นหนุ่มลูกครึ่งต้นเรื่องก็ยิ่งหงุดหงิดหนัก เขาย้ำกับปกฉัตรแล้วว่าห้ามเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ แต่แล้วมันฟังที่ไหน! บอกเขาว่ามากินข้าวกับสายรหัส แต่ที่ไหนได้! แอบมาช่วยเคลียร์เรื่องนี้!


   “เดี๋ยวพี่ เสื้อผม...” คนเสื้อผ้าเลอะเทอะก้มลงมองตัวเองเพื่อค้าน แต่เจตน์ไม่ฟัง เขาคว้าหมับเข้าที่แขนก่อนจะลากปกฉัตรออกจากร้านทันที เป็นคนถูกลากที่ต้องรีบหันกลับมาค้อมศีรษะลาคนอื่นๆ ก่อนจะหายลับออกจากร้านไป


   “นั่นใคร” อรรณพถามขึ้นมาตามประสาคนมีสติที่สุด


   “ได้ยินปกเรียกพี่ คงเป็นพี่ชายของปก” คำตอบซื่อๆของสิตางศุ์ช่วยแก้ปัญหาให้ อรรณพเลยเลยหันกลับมาให้ความสนใจกับสมาชิกที่เหลือ ตอนนี้ลูกค้าคนอื่นๆในร้านก็พากันไปสนใจเตาของตนเองต่อแล้ว


   “ไงล่ะเรา หายเมารึยัง” หนุ่มปีสี่ถามก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เดิม ทิฆัมพรพูดไม่ออก หล่อนวู่วามจนทำให้น้องรหัสเลอะเทอะขนาดนั้น แต่พอหันไปมองเจฟฟรี่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี


   “พี่เวฟนัดมันมาเหรอ” หล่อนถามหาคนเจ้าแผนการ อรรณพไม่ตอบว่าใครคือคนนัด แต่เขาเห็นด้วยกับการนัดครั้งนี้


   “พี่อยากให้เคลียร์กันให้จบ ไม่ใช่เพราะว่าอยู่คณะเดียวกันแล้วต้องรักกันอะไรนั่นหรอกนะ แต่พี่ไม่อยากเห็นเราหนี” อรรณพพูดตรงเผงจนหญิงสาวเถียงไม่ออก หนุ่มรุ่นพี่ดูออกว่าหล่อนหนี แถมหนีด้วยการติดสอยห้อยตามอรรณพไปทุกแห่งเพราะคิดว่าเขาจะทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวาย


   “เอาล่ะ ไอ้โซ่ มึงมานั่งข้างกู” คนอาวุโสที่สุดในโต๊ะสั่ง สิตางศุ์ทำตามอย่างว่าง่ายไปนั่งข้างอรรณพ เก้าอี้ว่างเหลืออีกหนึ่งตัวข้างทิฆัมพร


   “ส่วนมึง...ปีหนึ่ง ถ้าจะเคลียร์กับไอ้ฟางก็ไปนั่งข้างมัน เคลียร์กันตรงหน้ากูนี่แหละ เดี๋ยวกูเป็นคนกลางให้เอง” ชายหนุ่มผู้เป็นทั้งพี่รหัส เป็นทั้งพี่ซีเนียร์ เป็นทั้งพี่วินัย ออกตัวขอทำหน้าที่อีกอย่าง...อนุญาโตตุลาการ...คนกลางเจรจาข้อพิพาท


   ...เข้าคณะนี้แล้วได้ทำทุกอย่างจริงๆว่ะ!....
   

   ...โคตรประทับใจ!!...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

‘โซ่ ไออาร์’ เป็นคาแรกเตอร์ที่เขียนทีไรก็จะรู้สึกถึงความวิ๊งๆรอบตัวโซ่ทุกทีเลยค่ะ ต่อให้โซ่จะพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ก็ดูมีวิ๊งๆขึ้นรอบตัวอยู่ดี โซ่เป็นคนคิดเยอะ ห่วงหน้าพะวงหลัง คิดเผื่อคนนั้นคนนี้ แต่การกระทำกับความคิดไปในทิศทางเดียวกัน

ตรงข้ามกับน้องปก ปกมีระดับความลึกของการทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้อะไรสักอย่างหรือหลายๆอย่างกลับมา ถ้าพี่เวฟคือคนที่มีบารมี ปกที่ไม่มีบารมีก็จะเลือกใช้บารมีของพี่เวฟอีกทีค่ะ จะบอกว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่...ร้ายลึกก็ได้มั้งนะ (เอ้า! นี่นายเอกนะ ฮ่าฮ่า)

เรื่องนี้ใกล้จบแล้ว คาดว่าจบในเดือนนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดเช่นเคย

ป.ล. เฮียเจ๋งดึงน้องปกกลับบ้านทั้งๆที่เสื้อเลอะกิมจิ คิดว่าน้องจะรอดจากเงื้อมมือเฮียมั้ยคะ กด1'รอดใสๆ ดูด้วยปกเป็นใคร' กด2'ไม่รอดแน่ เพราะคราวนี้เฮียมาอย่างเสือ!'
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-02-2018 21:19:16
 :L2: :pig4:
เฮียเป็นเสือที่ไม่ค่อยมีพาวเวอร์ เราว่าน่าจะรอดมะ?
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 01-02-2018 21:26:17
วางเงิน 10 บาทว่าปกไม่รอดค่ะ!!! เอาความเก้วกร้าดของพี่เขาเป็นประกัน 5555555 มาแอบทำลับหลังพี่เขาแบบนี้ด้วยแล้ว อิพี่ต้องได้ไม่มากก็น้อย!  :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 01-02-2018 21:34:44
น้องปกมีสอบไงเฮียต้องใจเย็น หายใจเข้าลึกๆ หืดหาดๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 01-02-2018 21:42:19
ปก! นายมันร้ายยยย สงสารก็แต่เฮียเจ๋งผู้เกรี้ยวกราด ตามนังปกมันไม่ทันหรอก 555+
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-02-2018 21:48:36
ตอนนี้ชอบพี่เวฟมากจ้า ดูครอบคลุมทุกบทบาท
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 01-02-2018 21:54:29
ขอโหวตว่าปกรอด เพราะพูดกันแล้วว่าจะกินกันหลังสอบ 5555

แต่ระหว่างทางอาจโดนแทะโลมอีกเยอะะะะะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-02-2018 22:05:01
อย่างน้อยปกต้องโดนพี่เจตต์จับอาบน้ำนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 01-02-2018 22:05:27
สงสารเจฟ เนี่ยแหละ การตัดสินใจพลาดมักทำให้อะไรๆพลาดตามมาตลอด จะโดนพี่เจตมันซัดอีกรอบมั้ยต่อไป 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 01-02-2018 22:07:50
วิธีง้อของปกจะต้องไม่ทำมะดา
 :katai5: :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 01-02-2018 22:08:12
 :hao3: กด 1 ได้ไม๊ ...เราว่าปกมีวิธีเอาตัวรอด  แบบว่ามีวิธีจัดการเฮียเจ๋งอะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 01-02-2018 22:16:43
มาแล้ววววววววววววววววววว :katai2-1:  ขอเลือก2ละกันนะคะ55555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 01-02-2018 22:21:40
 :impress2: รอเฮียลงโทษที่น้องขัดคำสั่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 01-02-2018 22:24:17
โอ๊ย ทำไมขำ
ตลกอะไรไม่รู้
โซ่ว่าพี่น้อง พีาเวฟจะมาพี่น้องตามไมได้
ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้จริงงงงง
โจ๊กนี่หายไปเหล่ย ค่าตัวแพงต้องยอม5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-02-2018 22:26:31
ปกจะรอดไม๊นะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-02-2018 23:13:04
กด 2 รัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะจบแล้วอ่อ ใจหาย :m22: :m22: :m22:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 01-02-2018 23:14:15
แค่น้องล้างมือ เจ๋งก็ไปซะละ 555 ไม่เคยจะทันน้องเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: KaeM_PonG ที่ 01-02-2018 23:15:59
กด 1 ปกรอดขัวร์

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-02-2018 23:18:01
น้องปกทำไมยั่วเย มันน่านักกกก
เอ้าดีกันๆ ใจตรงกันก็ดีกันเถอะเนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2018 23:24:08
ก็น่าจะโดนทำโทษนิดๆหน่อยๆละน่ะ เราเชื่อปกเอาอยู่ พี่เขาแพ้ทางปกอยู่แล้ว รอจัดเต็มหลังสอบเสร็จดีกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 01-02-2018 23:38:57
พี่เจ๋งมาอย่างโกรธ ปกจะเสียตัวก่อนสอบไหมเนี่ย ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-02-2018 23:57:49
เราว่ารอดใสๆ เฮียจะสู้ปกได้เร้อ~
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 01-02-2018 23:58:33
ชอบความชัดเจนของแต่ละคนมาก คนขี้หึง คนนุ่มนวล
ค้างอีกแล้ว น้องปกจะโดนหนักขนาดไหนลูก อิพี่เลือดขึ้นหน้าแล้วววว รอดมั้ยลูก :a5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-02-2018 00:08:42
เดาว่า ตอนแรกน้องปกจะกลายร่างเป็นกวางน้อยให้เสือขย้ำ จนเสือหมดแรง แล้วค่อยตลบหลังสั่งสอนเสือทีหลัง  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-02-2018 00:40:28
มาถึงขั้นนี้แล้วก็เห็นๆกันอยู่ เฮียเจ๋งก็ดีแต่เกรี้ยวกราดนั่นแหละค่ะ เจอน้องปกอ้อนหน่อยก็ลืมแล้ว ไม่เคยทันอะไรน้องหรอก

ปล.ขำความซื่อของพี่โซ่ บอกเฮียเจ๋งเป็นพี่แค่เพราะปกเรียกว่าพี่อะนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-02-2018 00:47:21
รอดจ้า เพราะเฮียสู้จริตของปกไม่ได้หรอก 555 :mc4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 02-02-2018 01:07:43
ใกล้จบแล้วหรอฮือออเร็วจัง ตอนหน้าคาดว่าเฮียจะได้กินน้องปกก่อนสอบ รึเปล่าน้าาา555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 02-02-2018 01:16:54
โถววววว หนูป๊กกกก ตายแหย่งานนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-02-2018 01:42:02
เฮียเจ๋งอดทนไว้ อย่าเพิ่งทำอะไรน้องปกน้า น้องขอหลังสอบ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-02-2018 02:02:21
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 02-02-2018 02:37:01
กลายเป็นปกฉัตรรสกิมจิไปซะแล้ว
ชอบคาแรคเตอร์น้องปกจังเลย มันดูอ้อย ดูอ่อยแบบไม่ประดักประเดิดดีจัง
ใต้ความนิ่งนั้นก็มีความเซ็กซี่เล็ก ๆ แฝงอยู่ เฮียเจ๋งต้องฮึบนะ

และจะรอดไม่รอดก็ทุกอย่างขึ้นอยู่กับน้องปก ถ้าน้องบอกไม่ เฮียก็ไม่กล้าขัดร้อกก
ค่อยรอไปจัดหนักหลังสอบรึเปล่าน้า
แต่ก็น่าจะโดนลงโทษสักหน่อยแน่ ๆ  :-[

ปล.เอ็นดูพี่น้องโซ่คนดี ทำไมดูนุ่ม ๆ น่าบีบตลอดเวลาเลยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-02-2018 03:33:59
จะรอดหรือไม่รอดก้ขึ้นอยู่กับปกล้วนๆเลยค่ะ
ไม่เกี่ยวว่าอิพี่จะเกรี้ยวกราดขนาดไหนเลย
ถ้าน้องอยากจะยอมพี่ก้คงสมหวัง
แต่ถ้าปกเซย์โนอิพี่ก้แห้วไปนะจ๊ะ
ปล.หนูก้ภูมิใจในตัวพี่เวฟมากค่ะ เป็นทุกอย่างให้สายรหัสแล้วจริงๆ
พี่ รุ่นพี่ พ่อ พี่ว้าก ผู้มีอำนาจมีบารมี ไม้กันหมา ล่าสุดเป็นศาลแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-02-2018 07:36:43
พี่เวฟเหมือนพ่อที่คอยหวงคอยดูแลลูกๆอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-02-2018 07:43:30
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 02-02-2018 10:12:03
จริงค่ะ เวลาอ่านเจอโซ่
จะรู้สึกถึงออร่าที่แตกต่าง 55555
เหมือนมีประกายวิ้งๆรอบตัวเหมือนที่คนแต่งว่าเลย5555555555
น้องปกหนูเซ็กซี่จัง ทำไมถึงมีเสน่ห์แบบนี้ TvT
อย่างนี้อิพี่เจ๋งคงไปไหนไม่รอด555555555
อย่าว่าแต่พี่เจ๋งรอหลังสอบเลยค่ะ คนอ่านก็รอ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 02-02-2018 10:17:56
กด1 รอดแน่นอน เพราะเฮียแพ้ทางน้องตลอด ไม่เคยทันอ่ะ5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 02-02-2018 10:35:09
ปกใสๆค่ะ ใสมากกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 02-02-2018 10:50:07
เราเขินมากกกตานที่พวกเค้าทั้งสองแสดงความรักกันถึงจะแค่กอดและจูบก็เถอะแต่ละมุนมากหวานมากกกกกชอบทั้งสองมากกกกกกกกขอบคุณไรท์มากๆนะคะเราไม่ได้อ่านฉากที่แสดงความรักได้ปริ่มหัวใจมานานขนาดไหนแล้วอธิบายไม่ถูกเลยแต่รู้สึกดีมากๆเจตต์ดูอ่อนโยนมากเราดีใจแทนปกฉัตรจริงๆที่ได้เจอคนที่รักและดูแลปกอย่างเจตต์ชอบคุณอีกครั้งค่ะขอบคุณจริงๆที่มาแต่งนิยายดีๆมาให้ได้อ่านเราชอบตั้งแต่เรื่องของโจ็กและโซ่แล้วและจะติดตามตลอดไปค่ะ :mew3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 02-02-2018 10:53:00
น้องปกก็ต้องโดนลงโทษมัดจำแรงๆ
หลังสอบค่อยมารับโทษเต็มขั้น
และดีใจกับเจฟด้วย ที่ได้โอกาสเคลียร์แล้ว
จะได้หายคาใจกันซะที
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 02-02-2018 11:20:20
 จะได้รอหลังสอบมั้ยน้องปก หรือจะโดนตอนกลับบ้านเลย 55555
เขินตอนในก้องครัวมากกกก โอ๊ยยย เขาไม่ค่อยหวานแบบนี้ให้เห็น
น้องปกก็ขี้ยั่วนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 02-02-2018 11:56:34
บางครั้งความซื้อของโซ่ก็มีประโยชน์ 555 แต่ให้ไปลดน้ำหนักนี่น่าโดนจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-02-2018 12:18:34
กดเลือก รอดใสๆ
เจ้าเล่ห์กว่าเจ๋งก็ต้องปกอะ น้องไม่ยอมพี่รึจะกล้า 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-02-2018 13:20:34
ขำคุณพี่เวฟแม่ไก่หวงบรรดาลูกเจี๊ยบ :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-02-2018 13:40:40
คนพี่ไม่น่จะจัดการอะไรกับน้องปกได้หรอกนะ แพ้ทางกันขนาดนั้น (ก็นี่ทีมปกอ่ะ...ฮาาาา)

และรักโซ่ด้วย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 02-02-2018 18:37:06
โซ่ก็ยังเป็นโซ่คนเดิม  :katai2-1:
ปกไม่น่ารอดละรอบนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-02-2018 19:39:30
เฮียหีงหน้ามืดอีกแล้ววว o18
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-02-2018 19:48:55
กด 1 เฮียเจ๋งได้แต่ปากหมาแต่ใจอ่อนจะตาย ปกช้อนตามองก็ยอมหมดแล้ว 555
แต่อยากให้เฮียของขึ้นฉุดไม่กลับแล้วจัดแบบกด 2!!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-02-2018 20:19:41
นี่ใคร!!! ปกนะเว้ย รอดอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-02-2018 21:40:18
ปกรอดจากโทษขั้นสูงสุดแน่ๆ
เพราะเฮียรับปากแล้วหลังสอบตามปกขอ
แต่โทษขั้นรองลงมาก็ไม่รู้ซินะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-02-2018 21:44:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 02-02-2018 23:38:58
เอาจริงๆเสืออย่างเฮียพอเจอน้องก็กลายเป็นแมวอยู่ดี 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-02-2018 00:04:09
ปก ไม่รอเงื้อมมือ เอ๊ย......อ้อมกอด เฮียเจ๋งแน่  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 03-02-2018 01:43:55
เดี๋ยวก็รู้กันว่าเสือหรือแมววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Faii0518 ที่ 03-02-2018 03:11:15
กด 1 ปกรอด(แบบต้องยอมเปลืองตัวอีกนิดส์)
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 03-02-2018 05:50:39
ขอกด 2 ล่ะกัน5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 03-02-2018 07:07:20
น้องปกกกกก ยกนิ้วให้หนูเลย 5555 และเชื่อคราวนี้หนูก็ต้องรอดเนอะ แต่อาจต้องเปลืองตัวนิดหน่อย อิอิ

ขอขำน้องซอโซ่ ซื่อละเกิน น่ารักกกกก 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-02-2018 07:22:53
พี่โซ่คนซื่อ เอ็นดูจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-02-2018 07:37:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: +pEnGuIn+ ที่ 03-02-2018 10:56:09
ตอนนี้รอแค่หลังสอบค่ะ หุหุ  :hao6:

แต่พี่เจ๋งโมโหขนาดนี้จะโดนจัดซะก่อนรึป่าวก็ไม่รู้

น้องปกหาเรื่องซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ichnuan ที่ 03-02-2018 14:21:03
กด 1 ปกรอด แต่คิดว่าพี่ไม่รอดค่ะ
นุ้งปกต้องง้อและอ่อยต่อชัวร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 03-02-2018 14:22:57
เฮียเจ๋งหรอจะกล้าหือกับน้อง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 03-02-2018 14:39:31
สวัสดีค่ะเพราะคิดถึงโ๊จ๊กกับโซ่เลยกับไปอ่านซ้ำเลยได้มีโอกาสตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วย  แค่ชื่อเรื่องก็โดนใจสุดๆแถมยังเป็นเจ๋งกับปกอีกดีใจสุดๆเลยค่ะ  แล้วก็ตามมาจนทันถึงตอนล่าสุดเสียทีอยากบอกว่าขำหนักมากกกกกกก  เฮียเจ๋งเป็นพระเอกที่ปากร้ายมากๆเลยสมกับที่เป็นน้องของโจ๊กแต่เฮียแกภาษีดีกว่าเยอะเพราะน้องปกปลื้มเฮียเจ๋งอยู่ก่อนแล้ว ส่วนน้องปกน้องร้ายกาจมากๆชอบนิสัยน้องมากค่ะ  อ่านตอนแรกๆแอบปวดใจไปกับน้องเวลาโดนเฮียแกด่าแล้วน้องปกก็คิดไปในแง่ลบตลอดเลยลุ้นหนักมากตอนที่เฮียเจ๋งรู้สึกคันๆในอกอยากให้น้องปกสมหวังเร็วๆ  แล้วเฮียก็ไม่ทำให้คนอ่านต้องรอนาน  สรุปชอบอ่ะชอบมากๆ  รอตอนต่อไปด้วยความอยากรู้แต่เราว่าน้องปกน่าจะรอดนะดูเหมือนเฮียเจ๋งแกไม่ค่อยทันน้องอ่ะ  แต่ก็ :hao3:ลุ้นๆเฮียอยู่เหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-02-2018 15:01:30
กด2 อยากเห็นเด็กโดนขย้ำ กรี๊ดดด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-02-2018 21:58:52
ชอบสายรหัสนี้จริง ๆ ใส่ใจกันทุกระดับ
ส่วนเฮียเจ๋งนั้นไม่น่าจะเอาชนะน้องปกได้ คงเป็นได้แค่แมวเชื่อง ๆ มากกว่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-02-2018 09:06:26
เจ๋งมาไวยิ่งกว่าจรวด มาแบบพายุ
ถึงบ้านแล้วจะเป็นแค่ลมพัดผ่านหรือเปล่าต้องรอดู

เจ๋งอยู่บ้านปก ไม่นิ่งดูดายนะคะ
ถ้าน้องชวนมาอยู่ด้วยคือพี่คงไม่ต้องกลับไปเอาของ ซื้อใหม่เลย

ปกฉัตรทำได้ และทำดีค่ะ
รอบนี้ก็ยังคิดว่าสยบได้
แต่จะสมยอมปล่อยให้พี่ได้ใจหรือเปล่า อันนี้เป็นไปได้

ติชชี่คือคู่ชงดิษหรอ แหมม เรือกำลังเชี่ยวเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 04-02-2018 11:50:35
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: crOnOs ที่ 04-02-2018 18:58:41
อ่อยให้สุด ถ้าได้เเล้ว... ก็อย่าหยุดนะลูก
น้องปกคะ พี่เชียร์ขาดใจ สายอ่อย สายยั่วเยงี้ พี่ชอบ อร๊ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 05-02-2018 15:47:19
อยากกด 2 แต่ความร้ายลึกของปกนั้นนนน อิชั้นขอกด1 ค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-02-2018 20:20:16
เฮียเจ๋งพาน้องไปเปบี่ยนชุดอย่างไวแน่ๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 07-02-2018 08:48:09
โซ่ไออาร์ นายเอกในใจระดับท็อปเลย  :mew1:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 08-02-2018 20:41:35
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
    ตอนที่ 14


   กิมจิสีสดและเปียกชุ่ม


   ปกฉัตรนั่งอยู่ในรถยนต์หรู ก้มหน้าก้มตาพยายามเอากระดาษทิชชู่เช็ดคราบที่ติดเสื้อ ยังดีว่าก่อนขึ้นรถเขากอบเอาส่วนที่เป็นผักและเศษต่างๆออกจากเสื้อไปแล้ว ตอนนี้ที่ยังเหลือคือคราบน้ำสีแดงส้มซึ่งเป็นวงกว้างและมันซึมเข้าไปข้างในด้วย


   รถยนต์ขับเลยสี่แยกไปได้หน่อยก็เลี้ยวเข้าสู่อาณาเขตของคอนโดหรูริมถนน ร่างโปร่งหันมองแล้วก็เพิ่งรู้ว่าคนขับไม่ได้พาเขากลับบ้าน


   “ไม่ต้องมามองกู รถติดแบบนี้มึงคิดว่าถึงบ้านมึงกี่โมง? ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบนคอนโดกู!”


เพราะรู้ตัวดีว่าแอบทำลับหลังเจตน์ ปกฉัตรเลยไม่กล้ามีปากเสียงนัก เขายอมลงจากรถเดินตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดี


   คอนโดหรูห้องนี้ เขาเคยมาหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกก็ว่าประหม่ามาก แต่ครั้งนี้สิ...ทั้งประหม่า ทั้งรู้ตัวว่าผิด


   “ขึ้นไปอาบน้ำ! แล้วถ้าไอ้น้ำกิมจิหยดลงบนพื้นห้องกู กูจะให้มึงถูทั้งคอนโด!” เสียงทุ้มเข้มงวดของเจ้าของห้องบอกให้รู้ว่าเจตน์กำลังโกรธ ปกฉัตรไม่พูดอะไร เดินขึ้นชั้นสองไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย


   ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็กลับลงมาชั้นล่างอีกครั้งด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่หาเอาจากตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้อง คราวนี้เจตน์คงโกรธจริง เพราะไม่อำนวยความสะดวกเหมือนคราวก่อนแต่อย่างใด แถมเจ้าตัวยังนั่งหน้าหงิกอยู่ที่โซฟาด้วย


   ปกฉัตรเดินเข้าไปหา พอนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน เจ้าของห้องก็เปิดฉากทันที


   “กูบอกว่ายังไง?! บอกว่าห้ามมึงไปยุ่งกับเรื่องไอ้ฝรั่งนั่นใช่มั้ย?!”


   “แต่ผมไม่ได้รับปากว่าจะไม่ยุ่ง...”


   “ไอ้ปก!!” เจตน์ร้องลั่น เห็นปกฉัตรดูนิ่งๆเหมือนจะเป็นคนว่าง่าย แต่เจ้าตัวหัวหมอยิ่งกว่าหน้าตาเยอะ


   แล้วคนหัวหมอก็รู้เสียด้วยว่าพอเจตน์เริ่มจะอาละวาด เขาควรจะทำยังไง


   ร่างผอมขยับเข้าหา วางมือกับต้นขาของคนรัก


   “พี่...ที่ผมทำ ก็เพราะไม่อยากให้พี่ฟางหนีเจฟอีก เพราะถ้าผมเป็นเจฟ แล้วพี่หนีผมแบบนั้น ผมก็คง...เป็นยิ่งกว่าเจฟในตอนนี้”


พอยกมาเปรียบเทียบกับเรื่องของตัวเอง คนกำลังโมโหก็เงียบกริบ ดวงตาเรียวจับจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น ปกฉัตรยังคงหวั่นไหวและไม่แน่ใจ ความมั่นใจสร้างขึ้นมายาก แม้ว่าครั้งหนึ่งคนที่ทำลายมันจะไม่ใช่เจตน์ก็ตาม


   “กูบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอว่ากูไม่หนีมึงไปไหนหรอก กูจะอยู่กับมึง จะอยู่ข้างๆมึง จะไม่ทิ้งมึงไว้คนเดียว” ร่างสูงโอบร่างของอีกฝ่ายเข้าใกล้


   “หลับตาสิ” เสียงทุ้มดังแผ่ว ปกฉัตรหลับตาลงอย่างว่าง่าย ปล่อยให้สัมผัสจากแขนของอีกฝ่ายโอบรัดร่างกายของอย่างเชื่องช้า


   “กูกอดมึงอยู่ มึงรู้ตัวมั้ย” คนที่ยังหลับตาพยักหน้ารับ ก่อนที่ลมหายใจอุ่นๆจะเคลื่อนเข้าใกล้แก้มมากขึ้นอีกนิดแล้วกลายเป็นสัมผัสที่แนบชิดลงกับผิว


   “กูหอมแก้มมึงอยู่ มึงรู้ตัวมั้ย” คนที่ยังหลับตาพยักหน้ารับอีกครั้ง คราวนี้สัมผัสที่ข้างแก้มลากเลื้อยมาที่ริมฝีปาก มันไม่ได้จู่โจมในทันที แต่คลอเคลียเบาๆบนริมฝีปากของปกฉัตร


   “ต่อให้มึงหลับตา กูก็ยังอยู่กับมึง...” ปกฉัตรไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอีก สัมผัสที่ริมฝีปากบอกเขาว่าเจตน์กำลังจูบ เป็นจูบที่หนักแน่นแต่นุ่มนวล เป็นสัมผัสในความมืดมิดที่มองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ว่าเจตน์ยังอยู่ตรงนี้ ยังกอดเขาเอาไว้ ยังจูบเขาด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี


   กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ริมฝีปากของเจตน์ก็เคลื่อนออกห่างแล้ว ปกฉัตรลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่านอกจากเจตน์จะกดร่างของเขาจนแทบจมหายเข้าไปในพนักโซฟาแล้ว แขนของเขาก็คล้องคอร่างสูงอยู่


   ...ดูแล้วเต็มใจถูกจูบ และเต็มใจจูบกลับเป็นอย่างยิ่ง!...


   “ผมขอโทษนะ พี่หายโกรธผมได้มั้ย” เสียงอ่อนๆ มาพร้อมกับมือที่ลูบอก ความโกรธมลายลงใต้มือนี้ ชีวิตลูกไก่ในกำมือเป็นยังไง เจตน์เข้าใจถ่องแท้ก็วันนี้


   “มึงก็อย่างงี้ทุกที” หนุ่มตี๋ซุกหน้าลงกับซอกคอขาวของคนรัก ไม่อยากยอมรับคำขอโทษของคนใต้ร่างตัวเองเลย แต่...ทำไงได้ ใจยอมมันไปหมดแล้ว ยอมตั้งแต่คำพูดของมันแล้ว


   ‘…ถ้าผมเป็นเจฟ แล้วพี่หนีผมแบบนั้น ผมก็คง...เป็นยิ่งกว่าเจฟในตอนนี้’


   ถ้าหนี ปกฉัตรจะยิ่งตาม ยิ่งหาทุกวิถีทาง ทำทุกอย่าง...ปกฉัตรคนนี้ คนที่ตะเกียกตะกายจนมาอยู่ข้างกันในวันนี้ เป็นคนที่ใช้ความรู้สึกเป็นที่ตั้ง และใช้ความพยายามอันแรงกล้า


   เพื่อเจตน์


เพื่อความรัก


   ร่างสูงสั่นเทิ้มไปทั้งหัวใจ อยากตอบแทนทุกความรู้สึกของคนในอ้อมแขน อยากตอกย้ำให้มั่นใจถึงสัญญา เขากอดรัดร่างผอมยิ่งขึ้น กลิ่นกรุ่นและไออุ่นของผิวเนื้อหลังอาบน้ำเข้ามาในประสาทสัมผัส หลับตาลงลากไล้ปลายจมูกไปมาเบียดจูบและปากลงกับซอกคอของปกฉัตร สองมือสอดไล้เข้าไปใต้เสื้อยืดของร่างผอม ชวนให้อารมณ์ลุกโหม แต่...เจ้าของผิวกลับทวงสัญญา


   “เราตกลงกันแล้ว ว่าหลังสอบนะ...” เจตน์ครางฮือเสียงดัง อารมณ์ลุกโชนดับมอด ดึงมือตัวเองออกจากเสื้อของอีกฝ่าย แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากผิวของปกฉัตร


   “พี่...รักษาสัญญานะ” เป็นอีกครั้งที่เสียงฮือดังขึ้น ดูเหมือนคนถูกขอให้รักษาสัญญาจะยอมรามือแต่โดยดี แต่ไม่วายกัดซอกคอขาวไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว


   “อื้อ!...” ความรู้สึกเจ็บจี้ดทำเอาเจ้าตัวร้องเบาๆ ก่อนที่ร่างสูงที่ทาบทับอยู่ข้างบนจะพลิกตัวเองไปนั่งด้านข้างทำเป็นมองไปทางอื่นเพื่อระงับอารมณ์เอาไว้ ปกฉัตรยิ้มจางอย่างเอ็นดู เขาอยากจะอ้อนต่ออีกหน่อยแต่เสียงโทรศัพท์ขึ้นเสียก่อน เขาหันมองหา ก็ถึงได้เห็นทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ถูกวางเอาไว้ข้างกระเป๋าเป้


   ร่างโปร่งลุกขึ้นไปหยิบมาดู แล้วชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็ทำเอาชะงัก


   “เป็นไร” เจตน์หันมาถามเพราะเห็นอีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์เสียที ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองเขา ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเผยอตอบ


   “แม่โทร.มา”

...............................

   ชายหนุ่มจากคณะบัญชีนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา ในขณะที่ปกฉัตรเดินกลับมานั่งข้างเขา พร้อมกับโทรศัพท์แนบหู


   “ปกไปกินข้าวกับสายรหัสน่ะแม่ แล้ว...นี่ก็อยู่บ้านของรุ่นพี่ ” ร่างโปร่งพูดกับปลายสาย เจตน์ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาถามทำนองว่าทำไมไปรบกวนอยู่บ้านคนอื่นดึกๆดื่นๆ เขาก็ชักคันปากอยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นแฟน


   ...เป็นแฟนครับแม่! เป็นว่าที่ลูกเขยแม่ด้วย!...


   “ปก...ขอคุยหน่อย” จู่ๆคนที่นั่งข้างๆก็พูดขึ้นมา ร่างโปร่งไม่ทันอนุญาต โทรศัพท์ในมือก็ถูกดึงไป


   “สวัสดีครับ ผมชื่อเจ๋งนะครับ” เขากรอกเสียงลงโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นเดินออกไปคุยที่เทอเรซ ลมพัดสบายและบรรยากาศสวยๆของกรุงเทพฯยามค่ำคืนทำให้เจตน์คิดว่าเขาหัวแล่นกว่าการนั่งตัวตรงแน่วอยู่บนโซฟา


   ปกฉัตรรีบลุกตามคนรักปากไม่ค่อยดีด้วยความกังวล ทว่าเจตน์กลับดูสบายๆเหมือนคุยกับคนที่รู้จักกันมานาน


   “น้องมาค้างกับผมได้ครับ คืนนี้ดึกแล้ว แท็กซี่หายาก แล้วซอยบ้านน้องก็เงียบด้วย กว่าน้องจะถึงบ้านคงจะดึกกว่านี้ แล้วช่วงนี้น้องใกล้สอบ อ่านหนังสือดึกๆหลายคืน ให้นั่งแท็กซี่กลับคนเดียวผมก็เป็นห่วง มาค้างกับผม ห้องผมอยู่ใกล้มหา’ลัย พรุ่งนี้น้องก็ตื่นสายได้หน่อยนึงด้วยครับ”


   “ผมไม่ใช่รุ่นพี่ในคณะ ผมเรียนบัญชี แต่เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยม ไอ้ดิษเพื่อนสนิทของน้องก็รู้จักกับผม แล้วถ้าคุณแม่ไม่สบายใจ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ผมให้คุณแม่ก็ได้ครับ”


   “ครับ ช่วงนี้น้องเรียนหนักเพราะใกล้สอบ วันนี้ก็ติวจนค่ำ แล้วน้องก็ไม่ค่อยชอบกินข้าว ใช่ครับ...น้องทานน้อยเกินไป ดิษยังกินมากกว่าน้องเยอะเลยครับ แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลน้องอย่างดี” เจตน์ยิ้มกับโทรศัพท์ก่อนจะหันมาส่งคืนให้ปกฉัตรที่ยืนมองเขาตาปริบๆ


   “คุณแม่จะคุยด้วย” ร่างโปร่งรับโทรศัพท์กลับไป แล้วเสียงของแม่ก็ลอยเข้าหู


   ‘แม่คุยกับพี่เขาแล้ว แต่ถึงพี่เขาจะเต็มใจ ปกก็อย่ารบกวนพี่เขามากนะ แล้วเมื่อกี้พี่เขาบอกว่าปกไม่ค่อยทานข้าวอีกแล้วเหรอ’


   “ก็...ทานนะแม่ แต่...พี่เขาทานเยอะเกิน เขาก็เลยเห็นว่าปกทานน้อย” ไม่รู้ว่าเจตน์ใส่อะไรลงไปในคำพูด ดูเหมือนแม่ของเขาจะไม่สงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขาเลย



   ‘แล้วอย่าโหมอ่านหนังสือมากนะ ไว้พ่อกับแม่กลับไปแล้วเจอกันนะปก’


   “ครับแม่” แม่วางสายไปแล้วเจตน์เลยหันมาสั่งคนข้างกาย


   “มึงอย่าลืมส่งที่อยู่กูให้แม่มึงด้วยล่ะ” ร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ แล้วก็พลอยข้องใจจนต้องขบริมฝีปาก


   “แม่รู้ได้ยังไงว่าผมไม่กลับบ้าน” เพราะประโยคแรกของแม่คือถามว่าเขาอยู่ที่ไหน ปกฉัตรติดต่อพ่อแม่เสมอ ถึงจะไม่ทุกวัน แต่สัปดาห์หนึ่งๆก็หลายครั้ง ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่แม่โทรมาหาแล้วเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำถามที่ประหลาด

   
   “ก็...คงโทรเข้าบ้านมึงแล้วไม่มีคนรับรึเปล่า”


   “แม่ผมไม่เคยโทรเข้าบ้านตั้งแต่ผมมีมือถือ...”


คิดได้อย่างเดียวคือมีคนบอก แล้วใครบอก?


   “ก็คงมีคนบอก ไม่เห็นต้องคิดมาก แม่มึงโทรมาแบบนี้ กูก็เลยได้แนะนำตัว” เจตน์พูดอย่างไม่เดือดร้อน ปกฉัตรหันมามองร่างสูงเต็มสองตา ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายปากไม่ดีคนนี้ จะพูดจาสุภาพกับผู้ใหญ่ได้ขนาดนี้


   “พี่...ไม่โกรธใช่มั้ยที่ผมบอกแม่ว่าพี่เป็นรุ่นพี่”


   “ตอนนี้กูจะยอมเป็นรุ่นพี่ต่อหน้าพ่อแม่มึงไปก่อน แต่ถ้าเมื่อไรที่มึงคิดว่าพ่อแม่มึงพร้อม กูก็พร้อมจะบอกว่ากูเป็นแฟน” แต่ที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไม่ได้เลย ก็คือความเป็นคนจริงจังของผู้ชายคนนี้ ใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยอยู่เสมอเผยรอยยิ้มจางก่อนจะเดินเข้าไปโอบร่างหนาเอาไว้


   “ขอบคุณนะพี่”


   “กูรอเป็นแฟนมึงต่อหน้าพ่อแม่มึงอยู่นะ แล้วก็...รอเป็นผัวมึงหลังไฟนอลด้วย โอ๊ย! นี่มึงตีกูเรอะ?!” ตีไม่พอ คนตียังหมุนตัวเดินหนีอีกต่างหาก เจตน์จ้ำเท้าเดินตามจะไปเอาเรื่อง โทษฐานที่ประทุษร้าย


   “พี่ไม่ต้องตามมาเลย ผมจะอ่านหนังสือสอบ”


   “ไว้มึงสอบเสร็จก่อนเหอะ!”


   เป็นผู้ชายที่...พร้อมจะทำลายความโรแมนติกตลอดเวลา!

..................................

   สอบปลายภาคมาเยือนอย่างรวดเร็ว ปกฉัตรไม่ได้ถามผลลัพธ์ของการพบเจอกันระหว่างเจฟฟรี่และทิฆัมพรที่ร้านอาหารเกาหลีในวันนั้น แต่ตอนที่เขาพบหน้าเพื่อนลูกครึ่งที่หน้าห้องสอบ รายนั้นยิ้มให้เขาอย่างสดใสแล้วค้อมศีรษะให้หนึ่งที ก็พอจะเดาได้ว่าทุกอย่างคงลงตัวแล้ว


   แต่...คณะรัฐศาสตร์ ปี 1 สอบเสร็จวิชาสุดท้าย ในขณะที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ทั้งปี 1และปี 2 ยังสอบไม่เสร็จ


   ร่างสูงโปร่งของหนุ่มปี 1 ก้าวเท้าเข้ามาในอาคารสูงใจกลางเมือง ใบหน้าเรียบเฉยของปกฉัตรก็ยังเรียบเป็นนิจ แต่พอหันไปเห็นเจตน์เดินออกมาจากโถงลิฟต์ มุมปากของเจ้าตัวก็ยกขึ้นเล็กน้อย พอๆกับที่ดวงตาสีน้ำตาลจางๆคู่นั้นมีประกายวาวขึ้นมาอีกหน่อย


   “ทำไมมึงมาช้า กูหิว!” เจ้าของคอนโดหน้าหงิกก้าวไปถึงตัวก็บ่นทันที แต่ปกฉัตรดูจะคุ้นเคยกับเสียงแข็งๆและหน้าหงิกๆของหนุ่มตี๋รายนี้แล้ว


   “แล้วทำไมพี่ไม่หาอะไรกินรองท้องไปก่อนล่ะ” ตาเรียวของเจตน์ถลึงใส่คนต่อล้อต่อเถียงที่เดินเคียงกันไปยังโถงลิฟต์


   “ก็เพื่อนมึงน่ะสิ!! วอแวไม่ให้กูลุกไปไหนเลยเนี่ย! นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามึงมาพร้อมข้าวเย็น มันก็คงไม่ให้กูลงมารับ แม่ง! เสือกจะติววันเดียวสอบ โง่ๆอย่างมันเอาให้ผ่านมีนยังยากเลย!”


   วันนี้ดิษกรมาพึ่งใบบุญเจตน์เหมือนเมื่อตอนกลางภาค แต่ปกฉัตรไม่ได้มาด้วยเพราะสอบเสร็จแล้ว แถมไม่ต้องหาข้ออ้างเรื่องขับรถแทนเหมือนแต่ก่อน เพราะมีใครบางคนโทรไปเรียกร้องให้เขาแวะมาทานข้าวด้วยอยู่แล้ว


   “แล้วนี่มึงเอาอะไรมา” เจตน์ถามแล้วเอื้อมมือไปดึงถุงพลาสติกในมือคนรักมาเปิดดู


   “ก๋วยเตี๋ยว มีเส้นเล็ก เส้นใหญ่และก็บะหมี่ ไม่รู้พี่จะอยากทานเส้นไหนบ้าง” ร่างสูงนิ่วหน้า เพราะก๋วยเตี๋ยวที่ปกฉัตรซื้อมานอกจากจะเยอะแล้วยังหนักน้ำซุปด้วย


ประตูลิฟต์เปิดออก เจตน์เดินลิ่วๆตรงไปยังห้องของตนเองโดยไม่พูดอะไร ทำเอาคนอุตส่าห์ทั้งซื้อทั้งหิ้วก๋วยเตี๋ยวมาชักกังวล


   พอเปิดประตูเข้าไปในคอนโด ปกฉัตรไม่แม้แต่จะแวะไปทักทายเพื่อนสนิทที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าโทรทัศน์ แต่กลับเดินตามเจ้าของห้องเข้าไปในครัว


   “พี่...” เขาเรียกคนที่เพิ่งยกถุงก๋วยเตี๋ยววางบนเคาท์เตอร์ ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็หันมามองหน้า


   “คราวหลังมึงซื้อแห้งมานะ”


   ...โธ่ ก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็อยากกินก๋วยเตี๋ยวแห้ง...


   ปกฉัตรยิ้มจาง เดินเข้าไปใกล้ “ถ้าพี่อยากกินแห้ง พี่ก็ไม่ต้องเติมน้ำ พี่จะกินเส้นอะไร เดี๋ยวผมใส่ถ้วยให้”


เจตน์อาจจะเครียด อาจจะอารมณ์ไม่ดีเพราะยังสอบไม่เสร็จ คนสอบเสร็จแล้วอย่างปกฉัตรก็เลยไม่ถือสาหาความกับหน้าหงิกๆและการเรียกร้องก๋วยเตี๋ยวแห้งนั่นเท่าไร ทว่า...ยังไม่ทันที่มือขาวจะหยิบถุงก๋วยเตี๋ยวออกมา เสียงของเจตน์ก็ดังขึ้นอีก


   “กูหมายถึงว่ามึงซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำแล้วมึงต้องหิ้วหนัก”


   ปกฉัตรชะงัก หันมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ


   “ซื้อมาได้ยังไง ที่กูนับๆดูเนี่ยสิบถุงได้มั้ง แล้วไหนจะน้ำซุปอีก”


เป็นคำพูดห่วงใยแบบทื่อๆของผู้ชายตัวใหญ่หน้าหงิกที่ทำเอาคนหิ้วก๋วยเตี๋ยวสิบถุงได้แต่กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มจางด้วยความรู้สึกอุ่นๆในอก มือขาวสอดเข้าโอบเอวคนหน้าบึ้งอย่างเอาใจ ขยับตัวเข้าใกล้แล้วพูดเบา


   “ไม่ได้หนักมากมายอะไรหรอก แค่อยากให้พี่ได้ทานของอร่อยแค่นั้นเอง...” ริมฝีปากที่เอื้อนเอ่ยใกล้แค่เอื้อม และมันเป็นเอื้อมของเจตน์ที่แค่ฉกวูบนึงก็ได้ลิ้มรสจูบของคนรักแล้ว


   เป็นจูบที่เหมือนฉกเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดีจากปกฉัตร


   “พอเลย ไอ้ดิษก็อยู่...” เจ้าของเสียงหัวเราะท้วง แต่เจตน์กลับหมุนตัวเขาเข้าหาเคาท์เตอร์ ใช้ขนาดตัวไซซ์ฝรั่งบังร่างของปกฉัตรมิด ถ้าดิษกรจะทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องครัวตอนนี้ ก็คงเห็นแค่แผ่นหลังของเจ้าของห้องเท่านั้น


   ใบหน้าของหนุ่มตาเรียวคณะบัญชีบังแม้กระทั่งแสงจากหลอดไฟบนเพดานด้วยซ้ำ ปกฉัตรมองเห็นแต่ประกายวาววิบในดวงตาสีดำสนิทที่กำลังจับจ้องมาที่เขา


   ต้องการ...แต่ก็อ่อนล้า


   มือขาวยื่นไปแตะแก้มของร่างสูงแผ่วเบา นิ้วโป้งไล้ผิวอย่างอ่อนโยน แต่ก่อน เขาเคยคิดว่าเจตน์คือผู้ชายตัวใหญ่ที่แข็งแรง แข็งแกร่ง มีชีวิตชีวา แต่เวลานี้...ผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เหนื่อยและล้าทว่าก็ยังพยายามกับหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองอย่างดี


   “พรุ่งนี้สอบวิชาสุดท้ายแล้วใช่มั้ย”


   “อือ”


   “พี่ทำได้ พี่เก่ง...” ปกฉัตรรับรู้ถึงอ้อมแขนของอีกฝ่ายที่รัดเขามากขึ้นเล็กน้อย เจตน์เครียด เขารู้ดี ไหนจะต้องเจียดเวลาไปช่วยติวดิษกรอีก ความใจดีและใจกว้างของร่างสูงทำให้ทอดทิ้งรุ่นน้องร่วมคณะที่แสนสนิทไม่ลง


   “คืนนี้มึงค้างที่นี่ได้มั้ย...กู...อยากเห็นหน้ามึงก่อนไปสอบ...” รอยยิ้มจางเผยบนใบหน้าที่เคยเรียบเฉย ก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มจะยืดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมอบสัมผัสแผ่วเบาให้กับริมฝีปากของคนร้องขอ


   “ถ้าเห็นหน้าผมก่อนสอบ ผมคาดหวังเกรดวิชานี้ของพี่นะ...” ใบหน้าของเจตน์ที่แสนเหนื่อยล้ามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง


   “มึงเป็นป๊าม้ากูเหรอ คาดหวังเกรดกูเนี่ย”


   “ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่...อยากได้แฟนเรียนเก่ง...ก็เท่านั้นเอง” ยิ่งกว่าสาดกำลังใจใส่คนฟัง คนกำลังเหนื่อยกำลังล้า ถูกอีกฝ่ายเรียก ‘แฟน’ เข้าหน่อยก็เหมือนได้รับพลังเพิ่มอย่างรวดเร็ว อ้อมแขนแข็งแรงรัดแน่นขึ้นอีกนิด


   “แฟนมึงไม่ได้เรียนเก่งอย่างเดียวหรอกนะ อย่างอื่นก็เก่ง...”


   “ฮะแฮ่ม!!” บรรยากาศอ้อล้อของคนรักหายวับทันทีที่มีเสียงบุคคลที่สาม เจตน์ถอนหายใจเฮือก ขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ยอมคลายอ้อมแขนออกให้ปกฉัตรโผล่หน้าพ้นร่างเขาไปดูที่ประตูครัว


หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 08-02-2018 20:41:54



ดิษกรยืนพิงกรอบประตูยิ้มแฉ่งอยู่เหมือนไม่รู้ไม่เห็นการขัดจังหวะแต่อย่างใด


   “ดิษ หิวรึยัง กูซื้อก๋วยเตี๋ยวมา มาเลือกสิ จะกินเส้นอะไร” ปกฉัตรเบี่ยงตัวออกจากกอดของคนรัก เดินมาที่ถุงก๋วยเตี๋ยว ดิษกรเลยเดินมาสอดส่องบ้าง แต่ไม่วายทำเป็นมองไปที่รุ่นพี่ร่วมคณะอย่างรู้ทัน


   “แล้วเฮียเลือกยัง ว่าจะกินเส้นไร” 


   “เลือกแล้ว! กูแดกเส้นใหญ่!” คนถูกขัดจังหวะไพรม์ไทม์ตอบเสียงแข็ง


   “เดี๋ยวผมเทใส่ถ้วยให้ พี่ออกไปเคลียร์โต๊ะข้างนอกที” ปกฉัตรรีบออกปากไล่คนรักออกจากห้องครัว เพราะเกรงว่าดิษกรจะหาเรื่องหยอกล้อแล้วก๋วยเตี๋ยวจะกลายเป็นอาวุธของคนกำลังเหนื่อย กำลังล้า และเพิ่งถูกขัดจังหวะซะก่อน


   เจตน์ยอมเดินตึงตังออกจากครัวไปแต่โดยดี เหลือแค่ดิษกรและปกฉัตรในครัวแค่สองคน ร่างโปร่งไม่พูดอะไร นอกจากหยิบถุงก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ออกมาเทใส่ชามและอุ่นไมโครเวฟให้


   “เอาใจเฮียดีเนาะ!” คำพูดของเพื่อนตัวใหญ่ทำเอาปกฉัตรต้องหันมอง


   “ก็เฮียมึงเหนื่อย...”


   “กูก็เหนื่อยนะ” ร่างโปร่งหัวเราะเบาๆ


   “เอาของมึงมาสิ เดี๋ยวกูอุ่นให้” ดิษกรดี๊ด๊า ส่งถุงก๋วยเตี๋ยวที่ตนเองเลือกให้เพื่อนรัก เขามองปกฉัตรจัดแจงเทก๋วยเตี๋ยวใส่ถุงและอุ่นไมโครเวฟต่อจากของเจตน์


   “มึงรู้มั้ย เมื่อกี้เฮียหูแดงด้วย ถามจริง ทำอะไรเฮียกู”


   “ไม่ได้ทำอะไรนี่”


   “แหมะ! ไม่ทำอะไรแล้วเฮียกูจะหูแดงได้ไง อานิศน่าจะได้มาเห็นว่าน้องปกน่ะ น่ากลัวกว่าเฮียเจ๋งเยอะ! ถ้าจะมีใครทำอะไรใครจริงล่ะก็ ไม่ใช่เฮียเจ๋งของกูแน่ๆล่ะ” ปกฉัตรชะงักไปอึดใจเมื่อดิษกรพูดถึงนิศราขึ้นมา


   “อานิศ...พูดถึงเรื่องกูเหรอ”


   “อื้อ ก็เขาเห็นเฮียมาบ้านมึง เขาก็สงสัยว่าใคร กูเลยบอกว่าเฮียคนที่หน้าหงิกๆ”


   “แล้วอานิศถามอะไรอีกรึเปล่า”


   “ไม่นะ เพราะกูก็บอกอาแล้วว่าเฮียเจ๋งน่ะคนดี ไว้ใจได้”


ร่างโปร่งรับฟังอย่างเงียบๆ ดิษกรอาจจะไม่คิดอะไร แต่นิศราเป็นคนใกล้ชิดครอบครัวของเขาคนหนึ่ง หากหล่อนจะให้ความสนใจกับเรื่องของเจตน์ หล่อนก็อาจเป็นคนที่โทรศัพท์ไปบอกแม่ของเขาที่ต่างประเทศ


   “ดิษ...ถ้าอานิศถามอีก มึงบอกอานิศไปก็ได้ว่า...เฮียของมึงรู้จักแม่กูแล้ว...”


   “เฮ้ย! รู้จักเมื่อไร”


ปกฉัตรยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลจางนั้นแฝงความนัยอย่างที่ดิษกรมองไม่ออก


   “แม่เคยโทรมาตอนกูอยู่กับพี่ ก็เลยได้คุยกัน”


   หากนิศราเป็นคนฟ้องเรื่องเจตน์กับมารดาของเขา ปกฉัตรก็จะให้นิศรารู้ว่าเจตน์ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นคนใกล้ตัวที่รู้จักคุ้นเคยกับมารดาของเขาแล้ว ต่อให้ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเขาและเจตน์ แต่คนรักของเขาก็ไม่ใช่คนไร้ตัวตนในสายตาบุพการีแน่นอน


   ปกฉัตรจะไม่ยอมให้ทุกอย่างพังเพราะอาของดิษกรอาศัยความหวังดีไปฟ้องพ่อแม่ของเขา และลงเอยที่การถูกกีดกันเด็ดขาด


   ...กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลย และจะไม่ยอมให้มันพังลงง่ายๆเช่นกัน...

...............................

   คืนนั้นดิษกรและปกฉัตรค้างที่คอนโดของเจตน์ สถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือรุ่นน้องต่างคณะถูกไล่ขึ้นไปนอนชั้นบน เพราะเจตน์และดิษกรอ่านหนังสือที่ชั้นล่าง เกือบรุ่งสาง เจ้าของห้องถึงได้เดินสะโหลสะเหลขึ้นไปล้มตัวลงนอนบนเตียง


   ปกฉัตรตื่นขึ้นมาตอนถูกอีกฝ่ายรวบไปกอด แต่เจตน์หลับทันทีที่หัวถึงหมอน เป็นคนถูกกอดเสียอีกที่ได้แต่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขน คิดสะระตะไปเรื่อยอยู่ในอ้อมแขนนั้นจนกระทั่งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น คนที่เพิ่งได้นอนไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วก็ขยับตัว อ้อมแขนคลายออก เจ้าของห้องพลิกตัวไปกดปิดเสียงแล้วนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ร่างโปร่งผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย กลัวว่าอีกฝ่ายจะหลับต่อ


   “พี่...หกโมงเช้าแล้ว”


   ดวงตาเรียวที่ปิดสนิทปรือขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะลุกขึ้นนั่ง สะบัดศีรษะตั้งสติไล่ความง่วงงุนก่อนจะหันไปมองคนที่ยังนอนมองเขาตาแป๋ว


   “มึงนอนต่อเถอะ”


   เจตน์กำลังจะหันไปลงจากเตียง แต่มือของเขากลับถูกคว้าไว้ คนเพิ่งตื่นที่ได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงหันมามองด้วยความงุนงงผสมหงุดหงิดเล็กๆ แต่คนที่รั้งเขาเอาไว้กลับลุกขึ้นนั่ง


   แล้วนั่งอย่างเดียวไม่พอ ยังยืดหน้าเข้ามาจูบเขาเบาๆอีกด้วย


   คนถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับตาค้าง แต่คนตั้งใจจูบขยับถอยห่างพร้อมกับรอยยิ้มเขินๆ เป็นรอยยิ้มเขินที่น่ารักมากๆในสายตาของคนตาค้าง


   “เดี๋ยวผมลงไปทำอาหารเช้าให้นะ”


   เจตน์ได้แต่มองตามคนที่ลงจากเตียงเดินออกจากห้อง ตอนจะปิดประตูยังหันมามองเขาแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำ ร่างสูงได้แต่ยิ้มกับตัวเอง เขาสูดลมหายใจลึกรวบรวมพลังสำหรับการสอบในวันสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำอย่างกระปรี้กระเปร่า


   มีคนรักมานอนค้างด้วยมันดีแบบนี้เอง!

..............................

   ดิษกรไม่อยากจะบอกรุ่นพี่ร่วมคณะที่เมื่อเช้าออกมาสอบพร้อมกันเอาซะเลย ว่า ‘เฮียเจ๋ง’ หน้าตาดุดันเหมือนจะเข้าไปฟันเกรดงามๆจากวิชานี้ยิ่งนัก ไม่รู้ฮึกเหิมมาจากไหน แต่ที่รู้ๆเขาแอบได้ยินปกฉัตรบอกกับเจตน์ก่อนจะออกมาสอบว่า


   ‘เย็นนี้เจอกันนะ’


   ก้างขวางคออย่างดิษกรอยากจะไปเจอด้วยมากๆ แต่นอกจากเพื่อนสนิทจะไม่ชวนแล้วก็เกรงใจเฮียเช่นกัน เอาเป็นว่าเย็นนี้จะปล่อยให้คู่รักข้าวใหม่ปลามันเขาไปฉลองสอบเสร็จกันสองคนก็แล้วกัน!


   “อานิศ ขอข้าวเพิ่ม” สอบเสร็จก็ตรงกลับบ้าน วันนี้คุณอาแสนใจดีของเขาออกปากว่าจะทำของชอบให้กิน เป็นการฉลองสอบเสร็จ


   “สอบมาเหนื่อยล่ะสิ แล้วทำได้มั้ยล่ะวันนี้ อาต้องเตรียมหาที่เรียนใหม่ให้รึเปล่า” นิศราตักข้าวใส่จานหลานชายเพิ่มแต่ไม่วายหยอกด้วยรอยยิ้ม ดิษกรทำหน้ามู่แต่จิ้มทอดมันกุ้งมาใส่จานตัวเอง


   นอกจากจะมีของชอบของเขาแล้ว ก็มีของชอบของปกฉัตรด้วย แต่วันนี้ปกฉัตรไม่อยู่ เพราะงั้นดิษกรจะสอยให้เรียบ!


   “ทำได้สิอา เมื่อคืนเฮียเจ๋งติวให้ตั้งเยอะ เฮียเก่งจริงๆนะ ติวตรงไหน ออกตรงนั้น ถ้าไม่ได้เฮีย ผมว่าวิชานี้ผมแย่แน่เลย” คำว่า ‘เฮีย’ ทำเอานิศราชะงักไปเล็กน้อย


   “เฮียหน้าหงิกคนนั้นน่ะเหรอ”


   “อื้อ!”


   “แล้ว...ทำไมดิษไม่ชวนเขามากินข้าวบ้านเราล่ะ”


   “จะชวนอยู่หรอก แต่เห็นว่านัดกับไอ้ปกไว้แล้ว ก็เลยไม่ได้ชวน ไว้วันไหนเฮียว่างจะชวนมากินข้าวบ้านเรานะ” ดิษกรผู้แสนซื่อไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองพูดอะไรออกไป


   “นัดกับปก? ถึงว่าล่ะ ปกไม่กลับบ้านสักที”


   “ช่าย เมื่อวานมันก็ไปค้างที่คอนโดเฮียเจ๋งเหมือนกัน”


   “ไปทำไม ปกเรียนคนละคณะไม่ใช่เหรอ” คำถามนั้นทำเอาดิษกรเริ่มรู้ตัวว่าเขาเล่าสนุกปากจนลืมความจริงข้อหนึ่งที่ว่า นิศราไม่รู้ความสัมพันธ์ของเจตน์และปกฉัตร


   หนุ่มร่างยักษ์เหลือบตามองคุณอาของตนเองเล็กน้อย รู้สึกฝืดคอจนต้องหยิบน้ำมาดื่ม


   “ดิษ ปกกับเฮียของดิษคนนี้น่ะ...เป็นแฟนกันใช่มั้ย” คราวนี้น้ำที่ควรจะไหลลงหลอดอาหารกลับไหลลงหลอดลมแทน ดิษกรสำลักไอโขลกหน้าแดง ทว่านิศรากลับจ้องหลานชายนิ่ง


   “อาจะบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของปก”


   “อานิศ!” คนไอโขลกถึงกับร้องเสียงหลง


   “ไม่ใช่ว่าอาไม่เห็นด้วย หรือไม่เข้าใจความรักของวัยรุ่น แต่ถ้าปกจะคบหากับใคร อาคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ของปกก็ควรรับรู้”


   “แต่ไอ้ปกมันบอกว่าแม่มันรู้จักเฮียเจ๋งแล้วนะ เคยคุยกันด้วย” ดิษกรรีบละล่ำละลักบอก


   “เพราะอาเป็นคนโทรไปบอกให้คุณแม่ของปกโทรตามปกน่ะสิ” คราวนี้หลานชายถึงกับพูดไม่ออก นิศราเป็นคนใจดีก็จริง แต่หล่อนก็เข้มงวด


   “อาหวังดีกับปก ถ้าเฮียของดิษคิดจะคบหากับปกจริง เขาก็ต้องกล้าเผชิญหน้ากับทุกอย่าง...รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ของปกด้วย”


   “อ...อานิศหมายความว่ายังไง”


   “คุณพ่อคุณแม่ของปกกำลังกลับมาเมืองไทย”


แล้วอาหารเย็นของดิษกร ก็จบลงในวินาทีนั้นเอง!

...........................

   มันเป็นช่วงเวลาดีๆของคนสอบเสร็จที่ความรักกำลังสุกงอม ปกฉัตรไปรอรับที่หน้าตึกคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พอเจตน์ลงมา ก็เป็นฝ่ายร่างสูงที่พาเขาแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อของสด 2-3 อย่างแล้วก็กลับมาที่คอนโด ชวนทานที่อื่นก็แล้ว แต่คนเห็นเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่บอกว่าหลังสอบเสร็จแบบนี้ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น!


   แล้วประโยชน์ที่ว่าก็คือต้องครบ 5 หมู่ด้วยนะ!


   เจตน์กำลังหมักเนื้อวัวด้วยเครื่องเทศ นอกจากสเต็กแล้ว ก็มีมันอบ กับสลัด ส่วนของหวานเป็นผลไม้ ครบ 5 หมู่ตรงตามหลักโภชนาการ


   “เดี๋ยวผมล้างผักให้แล้วกัน” ปกฉัตรเสนอ จะให้ยืนดูอีกฝ่ายทำคนเดียวก็ไม่ได้ จะออกไปนอกห้องครัวก็ไม่อยาก ในเมื่อเจตน์อยู่ในนี้ เขาก็อยากอยู่ด้วย


   “เออ เอาใส่ชามอ่างเลย อยู่ใน...” เจ้าของห้องครัวกำลังจะหันมาชี้พิกัดที่เก็บชามใบใหญ่สำหรับใส่ผักสลัด แต่ปกฉัตรเดินไปเปิดเคาท์เตอร์หยิบออกมาแล้ว เจตน์กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่นอกจากเขาแล้ว ก็มีใครอีกคนที่รู้ซอกมุมในครัวนี้ ทั้งๆที่...แต่ก่อน ไม่เคยให้ใครเข้ามาวุ่นวายในครัวเลยด้วยซ้ำ


   “มีอะไรเหรอ หรือพี่ไม่ได้หมายถึงใบนี้” ปกฉัตรเห็นอีกฝ่ายมองก็ออกปากถาม ชูชามอ่างในมือให้ดู


   “เปล่า...กูแค่...แปลกใจตัวเอง” ร่างโปร่งเดินมาที่อ่างล้างจานใกล้ๆ เสียงน้ำจากก๊อกดังกลบความเงียบในห้องครัว ก่อนที่จะมีเสียงของเจตน์แทรกขึ้นมา


   “มึงรู้มั้ย แต่ก่อน...กูไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่งในห้องครัวกูเลย พวกไอ้ไทยังถูกไล่ออกไปข้างนอก” ดวงตาสีน้ำตาลจางหันมามอง แต่เจตน์ที่หมักเนื้อเสร็จแล้ว กลับยังเอาแต่จับจ้องเนื้อวัวในถ้วยใบใหญ่นั้น


   “แต่มึง...กูกลับลากเข้ามา”


   “แล้วพี่ก็หาเรื่องผมด้วย” เจตน์หันมองคนพูด ปกฉัตรยิ้มจางมาให้


   “ก็!...ตอนนั้นกูคิดว่ามึงกับไอ้ดิษเป็นแฟนกัน แล้ว...แล้วไอ้ไทก็ทำท่าสนใจมึง” คนฟังถึงกับส่ายหัวไปมา ทำเอาร่างสูงขมวดคิ้วฉับ ขยับเข้ามาใกล้


   “ส่ายหัวทำไม”


   “คิดว่าผมกับดิษเป็นแฟนกันก็พอเข้าใจ แต่คิดว่าพี่ไทสนใจผมนี่สิ นั่นเพื่อนพี่นะ...อ๊ะ! พี่มือเลอะ อย่าขยับเข้ามาใกล้สิ เลอะเสื้อผม” คนพาลที่ดูเพื่อนสนิทตนเองไม่ออกยิ่งพาลหนักด้วยการขยับเข้าใกล้ ทั้งๆที่มือเพิ่งผ่านกรรมวิธีการหมักเนื้อมา ปกฉัตรพยายามเอนตัวหนี แต่ยิ่งหนี เจตน์ก็ยิ่งใกล้ และพอยิ่งใกล้ด้วยหน้าตาหาเรื่องแบบคนพาล ปกฉัตรก็อดไม่ไหวหัวเราะออกมาเบาๆ


   “ยังจะหัวเราะกูอีก” คราวนี้ร่างสูงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายลอยนวล ต่อให้มือทั้งสองข้างจะแตะเนื้อต้องตัวคนรักไม่ได้ เขาก็ยังสู้อุตส่าห์เอาร่างใหญ่ๆของตนเองเบียดจนปกฉัตรหนีร่นไปชิดกำแพง


   ข้างหลังกำแพง ข้างหน้าก็...ผู้ชายตาเรียวที่หมู่นี้มักชอบพูดจาเบาๆให้หัวใจสั่นไหวเรื่อย


   “หมดทางหนีแล้ว...” เสียงทุ้มดังเบา ใบหน้าเคลื่อนเข้าชิดใกล้จนแทบใช้ลมหายใจเดียวกัน คำว่าหนีของร่างสูงไม่ใช่แค่หนีจนมาชิดกำแพง แต่เป็นเรื่องที่เคยขอเอาไว้ แต่อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงให้รอคอยหลังสอบเสร็จ


สอบเสร็จแล้ว ปิดเทอมแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาของกันและกันแล้ว


สัญญาที่ปกฉัตรให้ไว้ วันนี้...เจตน์จะขอ


   ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มจาง ไออุ่นที่เบียดเข้ามาหาบอกเขาถึงอารมณ์ที่อีกฝ่ายมี อกหนาที่แนบชิดร้อนรุ่มกว่าเคยจนหัวใจหวามไหว


   “ถ้าจะหนีแต่แรก ก็ไม่ไปรับที่คณะหรอก...” ริมฝีปากเกลี่ยกันและกันอย่างอ่อนหวาน ความรู้สึกกำลังพุ่งทะยานจากความใกล้ชิดที่โหยหามานาน


   “แต่...มือพี่เลอะอยู่นะ” แล้วก็เป็นฝ่ายปกฉัตรที่ฉุดอารมณ์โหมกระพือให้ตกวูบ เจตน์รู้ตัวในวินาทีนั้นว่าพวกเขากำลังทำอาหารกันอยู่ แต่แล้วจู่ๆ...ก็เลยเถิดกันกลางห้องครัวเสียอย่างนั้น


   ร่างสูงกะพริบตาปริบๆ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนที่ยังถูกเขาเบียดชิดกับกำแพงก็ยิ่งมันเขี้ยว แต่จะจับตัวปกฉัตรเอาไว้ก็ไม่ได้ เพราะมือของเขาทั้งเลอะทั้งเหม็น เลยต้องยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระทั้งๆที่ยังหัวเราะแบบนั้น


   “ไว้กินข้าวเสร็จก่อนเถอะ ยังไงวันนี้มึงก็ไปไหนจากกูไม่รอดหรอก!” ร่างสูงหมายมั่น แต่ปกฉัตรยังหัวเราะ ดึงแขนคนรักไปที่อ่างล้างจานที่ยังเปิดน้ำล้างผักอยู่


   “ล้างมือเถอะ ก่อนที่จะคิดทำอย่างอื่น” แล้วเจ้าตัวก็ยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เห็นสีหน้าปกฉัตรสดใสแล้วถึงจะหมั่นไส้แต่ก็อดเอ็นดูไม่ได้ แล้วยิ่งเอ็นดู ก็ยิ่งอยากรักษารอยยิ้มแบบนี้เอาไว้นานๆ


   “มองอะไร จะหาเรื่องแกล้งผมเหรอ” ร่างโปร่งถาม ทว่าเจตน์กลับส่ายหน้า


   “กู...จะทำให้มึงยิ้มแบบนี้บ่อยๆ กูสัญญา” เสียงหัวเราะจางหายไป เหลือเพียงรอยยิ้มของคนฟังที่ไม่คิดว่าจะได้รับคำสัญญาแบบนี้เลย เป็นสัญญาที่ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีราคาค่างวด เป็นแค่สัญญาของผู้ชายทื่อๆคนหนึ่งที่ออกปากว่าจะทำให้เขายิ้มบ่อยๆ


   “แค่มีพี่ ผมก็ยิ้มออกแล้ว”


เจตน์ยิ้ม ไม่ต้องมีคำพูดอะไร ริมฝีปากของพวกเขาก็มอบคำสัญญาให้กันด้วยการสัมผัส เป็นการสัมผัสอย่างแผ่วหวานที่ไม่ได้จุดชนวนความรักความใคร่ แต่กลับดื่มด่ำและอุ่นวาบในหัวใจ


   ในห้องครัวมีเสียงพูดคุย และเสียงหัวเราะดังมาเรื่อย เป็นอาหารมื้อเย็นที่ช่วยกันทำและทานกันในห้องครัว ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีแม้แต่เก้าอี้นั่ง ทำไป ทานไป แล้วก็พูดคุยกันด้วยเรื่องของกันและกัน อาหารคาวหมดลง ปกฉัตรและเจตน์ก็ยกผลไม้ออกมาจากห้องครัว พวกเขากำลังจะเดินออกไปยังเทอเรซ แต่แสงสว่างวาบจากโต๊ะหน้าโซฟาทำเอาร่างโปร่งต้องหันมอง


   “ผมก็ว่าได้ยินเสียงโทรศัพท์อยู่” ปกฉัตรว่าอย่างนั้น ส่งจานผลไม้ให้ร่างสูงช่วยถือก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตนเองมาดู บนหน้าจอปรากฏสัญลักษณ์ของสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับหลายสาย


   “ไอ้ดิษโทร.มา” เขาเอ่ยปาก แต่วินาทีต่อมาบนหน้าจอจะปรากฏสัญญาณเรียกเข้าอีกครั้ง และคราวนี้...ปกฉัตรชะงัก


   “ทำไม” เจตน์เห็นสีหน้าของคนรักก็รีบเดินเข้ามาดู ปกฉัตรเงยหน้ามองเขา


   “แม่โทร.มา”


ร่างโปร่งกดรับสาย ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นมาเสียก่อน


   ‘ปก แม่กลับมาถึงเมืองไทยแล้วนะ อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงบ้านนะจ๊ะ’


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ไหน คราวที่แล้วใครกด 2 บอกน้องปกเสร็จเฮียเจ๋งแน่ๆคะ? เฮียเป็นลูกหมีในกำมือขนาดนี้ บอกว่าหลังสอบก็ต้องหลังสอบ ไม่มีก่อนสอบได้หรอกค่ะ ฮ่าฮ่า

ตอนหน้าแม่น้องปกมา ส่วนเรื่องหลังสอบของเฮียก็...มาจริง มาแน่ ใจเย็นๆนะเฮียนะ (ลูบหลังเฮียแต่เอาลิ้นดุนแก้มกลั้นยิ้ม)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-02-2018 20:59:45
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-02-2018 21:05:24
เฮียผ่านไปได้ สบายๆอยู่แล้ว
รู้ว่าอาของดิษหวังดีแต่แบบ อาน่าจะคุยกับปกก่อนมั้ยอ่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 08-02-2018 21:12:29
สงสารเฮียเจ๋งเขานะคะ สู้ๆ นะคะเฮีย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Faii0518 ที่ 08-02-2018 21:21:13
เฮียเจ๋งอยู่ในโหมดชี้นกเป็นไม้สุดๆอะ
ตอนหน้านี่ลุ้นเรื่องพ่อแม่ปกเลย แต่คิดว่าน้องปกเอาอยู่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-02-2018 21:26:57
กูรอเป็นแฟนมึงต่อหน้าพ่อแม่มึงอยู่นะ แล้วก็...รอเป็นผัวมึงหลังไฟนอลด้วย #เฮียเจ๋งคนจริง 2018 กล่าว
ขุ่นแม่มาแล้วจะได้...หรา งุ้ยๆๆๆหงุดหงิดแทนเฮีย  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 08-02-2018 21:35:02
โอ้ยยยยย !!! แม่นะแม่ มาขัดจังหวะอะไรตอนนี้ ทีตอนนั้นละทิ้งน้องไปทำงานได้ พอน้องมีแฟนละก็รีบกลับมาดู ชิส์ !!! แถมมาดูไอ้วันที่พี่เจ๋งรอคอยด้วยสิ !!  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 08-02-2018 21:41:56
กรี้ดดดดดด อดเลยอ่ะเฮีย ถือซะว่าไปขอน้องจากพ่อแม่เขาก่อนเนอะ แล้วค่อยทำตามขั้นตอน 555555 เสียดายอ่า น้องอุตส่าห์พร้อมแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 08-02-2018 21:51:19
สู้ๆนะเฮียเจ๊งงงงงงงงงงงงงงง o13  รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 08-02-2018 21:52:36
ความหวังดีที่ร้ายกาจ อยู่ๆ น้องปกก็ได้รับ จะตั้งรับมันยังไง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 08-02-2018 22:03:24
เข้าใจว่าผู้ใหญ่หวังดี แต่เรื่องผู้ชายคบกันนี่ก็ดูเซ้นซิทีฟเกินไปสำหรับบางครอบครัว
แต่ก็เชื่อว่าเฮียเจ๋งและน้องปก จะผ่านบททดสอบนี้ไปได้  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-02-2018 22:07:24
เฮียเจ๋งสู้ๆนะ ยังก็ว่าที่แม่ยาย ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-02-2018 22:12:49
เห็นมะก็บอกแล้วว่าอย่างเฮียเจ๋งน่ะเหรอจะสู้ปกได้ ฮ่าๆ แต่อ่านตอนนี้แล้วรำคาญอานิศหนักมากคือถึงจะเป็นห่วงยังไงแต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของปกนะ ยิ่งดิษยืนยันว่าเฮียเจ๋งเป็นคนดีอานิศก็ไม่ควรจะมายุ่งสิ ขอหยาบหน่อยเถอะแบบนี้นี่เขาเรียกเสือกนะ ถึงจะอยู่บ้านใกล้กันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเสือกเรื่องของเขาได้ทุกเรื่องหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-02-2018 22:24:08
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 08-02-2018 22:45:38
เฮียเจ๋งคือหมีในกำมือลูกไก่555
โอ้ยยยย ลุ้นคุณแม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-02-2018 22:50:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 08-02-2018 22:55:58
 :mew2: เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย  น้องปกเก่งอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-02-2018 23:11:50
 o9
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-02-2018 23:13:34
เฮียเจ๋งนี่น่ารักหลายเรื่อง ชอบตอนคุยกับแม่ปก ผู้ชายคนนี้คือดีงาม ไม่มีหนีมีหลบ
ตอนห่วงปกหิ้วเตี๋ยวหนัก ตอนเขินเวลาปกยั่ว ชอบความพยายามของปก ไม่ยอมแพ้แน่นอน
เอ้าๆ แม่มาได้เวลาเปิดตัว ดีนะไม่กินกันไปก่อน เดี๋ยวลูกแม่บอบช้ำแล้วคะแนนตก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 08-02-2018 23:23:04
นิยายของคุณมันจะต้องมีให้ทั้งคู่ฝ่าด่านเรื่องการยอมรับ
มีดราม่าแน่เลย



ไม่มีไร เดาล้วนๆค่ะ
อินจัด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 08-02-2018 23:24:46
แม่มาไวมากกกกก
 :a5:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-02-2018 23:38:48
แล่วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-02-2018 23:40:19
คุณแม่ขาตอนคุณแม่ไม่อยู่น้องปกดูแลตัวเอง และตอนนี้ก็มีคนมาช่วยดูแล หุ่นเหมือนหมีปากยิ่งกว่าหมา คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เชิญกลับต่างประเทศไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 09-02-2018 00:29:26
แม่ขาาาาา แม่รู้มั้ย เฮียเค้ารอมานานแค่ไหน โถ๊วววว วงวาร งั้นไปสู่ขอ แต่งงาน เข้าห้องหอไปเลยค่ะ จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาดอี๊กกกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 09-02-2018 00:53:39
อุปสรรคมาแล้ววววววว :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 09-02-2018 01:01:33
สงสารเฮียเจ๋งนะแต่ก็พยามเข้านะคะด่านผู้ปกครองรออยู่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-02-2018 01:59:20
แม่ปก เฮียก็คุยมาแล้ว ไม่ค่่อยห่วงเท่ากับพ่อปกนี่แหละ ไม่รู้ว่าจะโหดแค่ไหน  :hao4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-02-2018 02:03:48
สงสัยงานกินตับต้องเลื่อนซะและ
ตอนนี้อิเฮียละมุนมากค่าา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-02-2018 04:02:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-02-2018 06:47:37
แม่มาาาา ได้แนะนำตัวก่อนกินน้องแน่ๆเบยยย 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 09-02-2018 07:23:49
เฮียเจ๋งคนนกๆ โอ้ยยจะได้ขย้ำลูกแกะเมื่อไหร่เนี่ย ลุ้นแทน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 09-02-2018 07:43:39
อานิศไม่น่ารักเลยค่ะ เยอะไป สิ่งที่ทำคือฟ้องพ่อแม่คนอื่นถึงพฤติกรรมลูกเค้านะ เรื่องแบบนี้ควรให้ลูกเค้าพูดเองมั้ย หรือบอกอ้อมๆมั้ย ไม่งั้นพ่อแม่ก็คิดว่าลูกปิดบัง ลูกมันก็ยังไม่ทันตั้งตัวไม่ได้เตรียมใจ  แล้วน้องมันก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ถ้าอาเป็นผู้ใหญ่อาควรทำแบบนี้รึเปล่าคิดดีๆ  เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 09-02-2018 07:47:42
แม่ยายมากลับไปรายงานตัวด่วนเลยเฮีย!!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 09-02-2018 07:55:32
ทำไมคุณอาเป็นคนแบบนี้... :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 09-02-2018 08:32:45
ตลกอ่ะ อ่านมาก็ลุ้นๆๆๆ แบบท้ายๆ เรื่อง นุ้งปกเสร็จอิเฮียแน่ สรุป แม่มาาาาาาาา

อ่านจบถึงกะร้องออกมาดังๆ ว่า โถ๊ววววววว อิเฮี๊ยยยยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 09-02-2018 09:21:56
อืมมมม มาขอลูกเค้าอย่างเป็นทางการเลยเฮีย นี่ถ้าแม่ขออย่าชิงสุกก่อนห่าม เฮียคงรอน้องจนเป็นหมันแน่ ๆ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-02-2018 09:47:09
จะดราม่าไหมเนี่ย!?
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 09-02-2018 10:25:05
ทำไงได้  ใจยอมมันไปหมดแล้ว  ยอมตั้งแต่คำพูดของมันแล้ว 
อร๊ายยยยย55555+พอได้อ่านประโยคนี้ก็สรุปได้ว่าเฮียเจ๋งแพ้ทางน้องปกทุกทางเลย
แล้วก็เราเข้าใจนะในมุมมองของอานิศด้วยความเป็นห่วงไงแล้วก็รักและเอ็นดูน้องปกเพราะตัวอานิศรู้จักเฮียเจ๋งแค่ผิวเผินแถมตอนมากินข้าวด้วยยังหน้าหงิกตลอดอีก  ยังไงเฮียเจ๋งก็เป็นคนจริงจังอยู่แล้วแค่แสดงออกอย่างชัดเจนผู้ใหญ่ต้องเข้าใจแน่ๆแล้วน้องปกก็คงไม่ยอมอะไรง่ายๆอยู่แล้วแน่นอนน้องมีความพยายามสูงมากด้วย
เราคงต้องลุ้นกับตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 09-02-2018 10:54:47
เฮียใจเย็นน้าาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 09-02-2018 11:36:46
คุณแม่อาจจะไม่เท่าไหร่
คุณอานี่แหละ หมั่น!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 09-02-2018 12:57:44
อดอีกแล้วช่างน่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 09-02-2018 15:29:03
ทำไมคุณอาถึงไม่ถามน้องปกก่อนเนี่ย  เรื่องจะยุ่งยากไหมเนี่ย แต่เจ๋งน่าจะรับมือได้แน่นอน เฮียเจ๋งคนจริงซะอย่าง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 09-02-2018 15:38:23
สงสารเฮียยย สู้ทั้ง2คน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 09-02-2018 16:49:42
เฮียสู้ได้ เฮียสู้ๆ
จริงใจขนาดนี้ ตรงขนาดนี้
แถมกับผู้ใหญ่ก้มีมารยาทได้ขนาดนี้
เฮียต้องรอดด
เฮียต้องรอดไปรับรางวัลหลังสอบนะ!!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 09-02-2018 17:33:35
เฮียเจ๋งอบอุ่นมากกกก เรื่องก๋วยเตี๋ยวน่ารักสุดๆ ^_^
เชื่อว่าทั้งคู่ต้องผ่านด่านพ่อแม่น้องปกได้ สู้ๆน้าาา
สุดท้ายสงสารเฮีย ร้องเพลงรอไปก่อนนะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ichnuan ที่ 09-02-2018 18:02:16
อ้าวว แม่มาาา วงวารเฮียยย อิอิ
นี่ก็แอบเสียดายแต่ก็สาแก่ใจที่น้องปกยังไม่โดนกิน
สงสัยงานนี้ต้องไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการละค่าา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-02-2018 18:29:39
สงสารเฮีย อดไปอีก :mew6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 09-02-2018 18:39:19
แม่! ทำไมเซอร์ไพรซ์งี้อ่ะ ถึงไวไปนะแม่ ถึงพรุ่งนี้เช้าแทนได้เปล่า ข้าวจะได้สุกก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-02-2018 01:35:36
เฮียเจ๋งกับปกสู้ๆ ขอให้คุณแม่เข้าใจนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 10-02-2018 01:55:37
เอิ่มมมมม เอาจริงๆนะถ้าคุณแม่ไม่ไว้ใจหรือเป็นห่วงลูกก็ไม่ควรทิ้งไว้คนเดียวตั้งแต่แรกอ่ะ  แล้วอะไรคือการกลับจากต่างประเทศแทนที่จะบอกตั้งแต่เครื่องออกดันบอกตอนจะถึงโคตรไม่เมคเซนส์ อย่างกับบินจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ โว๊ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 10-02-2018 10:14:55
ก็ไม่อยากบอกว่าอาขี้เสือกนะ แต่ก็เค้าก็เป็นห่วง แต่ไม่ต้องยุ่ฃได้ไหมเนี่ย
เฮียเจ๋งทำได้อยู่แล้ว เฮียแกเจ๋งสมชื่อ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-02-2018 20:02:09
ดีนะกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว
เพราะไงก็ต้องรีบไปส่งปกที่บ้าน
จะรอดูคนจริงจังอย่างเฮียเจ๋ง
ตอนเจอครอบครัวของปก
ว่าจะเป็นอย่างไร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 12-02-2018 01:00:58
เอาล่ะเว้ย!!! พ่อแม่กลับมาแล้ว...ปกกับเฮียจะทำไงต่อไป??? ลุ้น ๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 14-02-2018 07:30:41
ไม่รู้เราเป็นอยู่คนเดียวไหม พออ่าน
ตอนเจ๋งพูดทีไรเป็นต้องอ่านแบบเกรี้ยวกราดตาม 55555

เรื่องของปกก็ควรคุยกับปกก่อนไหม น้องโตแล้วด้วย รู้ว่าหวังดีแต่บางทีควรมีขอบเขต หวังดีกับเสือกมันมีแค่เส้นบางๆกั้นอยู่นะ โชคดีไปที่ปกคงมองเป็นอย่างแรก เป็นเราป้าข้างบ้านทำอย่างนี้คงมองดีไม่ได้เลย เหอๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-02-2018 06:39:31
ทุกอย่างพอดีไปหมด
กำลังจะหวานชื่น ก็ต้องมาเจอเรื่อง

เจ๋งก็กำลังจะอิน และเตรียมฟินมาหลายวัน
ดับฟินมากเลยค่ะ

ปกน่าเห็นใจ ชอบที่น้องหัวไวมาก
คือเดาทางออกไปหมด ทันเกมส์ตลอด
อ้อนพี่ได้ตลอด จนพี่ยอมตั้งแต่มองหน้าละ

อานิศเป็นคนดีค่ะ แต่ดีมากไปก็นั่นแหละนะ
ดิษโทรมาไม่ทันการณ์แล้วจ้า

อีกครึ่งชม.เจอกันแล้วค่ะ จะอึมครึมไหมนั่น
เชื่อว่าเจ๋งทำได้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 15-02-2018 21:56:27
มารอนุ้งปกกะอิเฮียยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 15-02-2018 21:59:36
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 15-02-2018 22:40:28
น้องปก ป้ามาปูเสื่อรอแล้วนะตะ :call:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-02-2018 00:01:35
เค้ามารอตัวนะ..เอ้อหน่ะ เอ้อหนะ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Preenp ที่ 16-02-2018 00:47:30
กางเต้นท์รอ :katai5:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-02-2018 00:52:27
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
……………….
   ตอนที่ 15


   ครึ่งชั่วโมง


   จากคอนโดของเจตน์มาที่บ้านของปกฉัตรใช้เวลาราวๆนั้น แต่ตอนที่รถหรูของหนุ่มปีสองคณะบัญชีปราดเข้าไปจอดที่หน้าบ้าน บ้านที่ควรจะปิดเงียบเพราะไม่มีใครอยู่กลับเปิดประตู เปิดไฟ สว่างโร่


   “พ่อ...แม่...” ปกฉัตรก้าวเท้าเข้าบ้านแล้วก็ร้องทักบุพการีที่นั่งอยู่ในห้องอเนกประสงค์ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปกอดชายหญิงวัยกลางคนที่ลุกขึ้นอ้าแขนรับทันที


   สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันชื่นมื่น คนเป็นแม่หอมแก้มลูกชายคนเดียวซ้ายทีขาวทีด้วยความคิดถึง มนุษย์เสียงดังโผงผางอย่างเจตน์ที่ตามเข้ามาด้วยได้แต่ยืนเงียบๆ จนกระทั่งมารดาของปกฉัตรเหลือบมาเห็นเข้า


   คราวนี้หล่อนคลายกอด แล้วมองตรงไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าในบ้านทันที เกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่ปกฉัตรจะแนะนำ


   “เอ่อ...นี่รุ่นพี่ปกเองแม่ วันนี้สอบเสร็จ ก็เลยไปกินข้าวด้วยกันมา”


เจตน์ยกมือไหว้


   “ผมชื่อเจ๋งครับ ที่เคยคุยกับคุณแม่ทางโทรศัพท์”


   “อ๋อ...ที่ว่าเรียนคนละคณะกับปกแต่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมน่ะเหรอ” สายตาของหล่อนยังมองตรงไปที่เจตน์ รูปตาแบบนี้ วิธีการมองแบบคาดเดาอารมณ์และความรู้สึกไม่ได้แบบนี้ เหมือนปกฉัตรไม่มีผิด


   “ครับ” แต่ถึงอย่างนั้นเจตน์ก็ยังใจดีสู้เสือ ยืดอกพูดจาฉะฉาน


   “แล้วไปทานอะไรกันมา” คราวนี้คนเป็นแม่หันไปถามลูกชายตัวเอง


   “สเต็ก สลัดอะไรแบบนี้น่ะแม่”


   “งั้นก็อิ่มกันมาแล้วสิ นี่แม่ว่าจะชวนไปทานข้าวด้วยกันสักหน่อย พ่อกับแม่เพิ่งมาถึง ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” คำว่าชวนนั้น หล่อนหันไปมองชายหนุ่มรุ่นพี่ของลูกชายหล่อนด้วย


แน่นอนว่าโอกาสกินข้าวกับ ‘พ่อแม่แฟน’ ลอยมาอยู่ตรงหน้า หากเจตน์จะไม่กระโดดตะครุบก็เห็นจะยังไงอยู่


   “เราไม่ได้ทานกันอิ่มหรอกครับ จะไปทานกับคุณพ่อคุณแม่อีกรอบก็ยังได้” มารดาของปกฉัตรหัวเราะ หันมามองหน้าลูกชาย


   “รุ่นพี่ของปกคนนี้น่าจะกินเก่งเหมือนที่ปกบอกแม่จริงๆด้วยนะ แต่...ไม่เห็นหน้าหงิกเหมือนที่แม่ได้ยินมาเลย”


ปกฉัตรชะงักกึก มารดาของเขายิ้มจางทำเหมือนไม่ได้จงใจพูดให้เขาสงสัย แต่คนเป็นลูกมีหรือจะไม่รู้จักนิสัยของแม่ตนเอง


   ...แม่ต้องรู้อะไรมาแล้วแน่ๆ เผลอๆอาจจะรู้จักพี่ มากกว่าที่เคยคุยกันทางโทรศัพท์ด้วยซ้ำ...


   ...ไม่ไหวแน่ๆ ถ้าพี่เจอฤทธิ์ของแม่ ต้องไม่ไหวแน่ๆ...


   “พี่เขาเพิ่งสอบเสร็จวันนี้ ให้กลับไปพักดีมั้ย ส่วนพ่อกับแม่ ถ้าอยากกินอะไร เดี๋ยวปกพาไปเอง” ปกฉัตรหาทางกันคนรักออกห่างจากครอบครัวของเขา พ่อที่ไม่ค่อยพูดน่ะไม่เท่าไร แต่แม่ของเขานี่สิ...สายเจรจาชนิดที่เคยต่อราคาจนแม่ค้ามืออาชีพยังยกนิ้วให้


   แล้วถ้าเจรจายกเขาให้เจตน์ฟรีๆก็ไม่เท่าไรหรอก แต่กลัวว่าฟรีแบบมีเงื่อนไขเป็นหางว่าวนี่สิ!


   “ปก กู...เอ้อ...พี่ไหว!” แต่เจตน์ไม่ร่วมมือด้วยเลย หนุ่มร่างสูงออกตัวกับคนรักอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีก แน่นอนว่าคนที่หัวเราะก็คือมารดาของปกฉัตร


   “พี่เขาไหว ก็ให้พี่เขาไปด้วยกัน แหม...ดูท่าทางจะเจ๋งสมชื่อนะ”


ร่างโปร่งพยายามส่งสายตาบอกให้คนรักรู้ตัวว่าแม่ของเขาไม่น่าจะมาดี แต่ดูเหมือนเจตน์จะไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่ากำลังก้าวเข้าสู่สนามรบที่มีมารดาของปกฉัตรบัญชาการอยู่ฝั่งหนึ่ง


   อย่าว่าแต่ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่เลย ถ้าจะดูปกฉัตร ก็ควรดูมารดาของเขาด้วยเช่นกัน!

.....................................

   เยาวราช


   ตกค่ำ คนก็ยิ่งพลุ่กพล่าน ทั้งร้านค้า รถเข็นและผู้คนยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคัก สามพ่อแม่ลูกบวกด้วยตัวแถมอย่างเจตน์ยืนอยู่ริมถนน ปกฉัตรหันไปทางคุณศศิธรผู้เป็นมารดาของตนเองที่เสนอเยาวราชขึ้นมา


   “แม่อยากทานร้านไหน”


   “ขอแม่เดินดูก่อนแล้วกันนะ” แล้วหล่อนก็ก้าวเท้าเดินนำ ปกฉัตรชักใจคอไม่ดี เขาปล่อยให้บิดาเดินตีคู่ไปกับมารดา ส่วนตัวเองเดินตามหลังเคียงข้างเจตน์


   “มึงเป็นอะไรรึเปล่า” ร่างสูงหันมาถามคนรักที่สีหน้าไม่สู้ดีนับตั้งแต่ออกจากบ้านมา


   “ผมว่าแม่ต้องรู้อะไรมาแล้วแน่ๆ”


   “หมายถึง...รู้เรื่องกูกับมึงน่ะเหรอ” ประโยคนี้ของเจตน์เบาเสียงลงจนแทบไม่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นปกฉัตรก็พยักหน้ารับเป็นคำตอบ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ทำให้ร่างสูงอดไม่ไหว เขาจับมือคนข้างกายเอาไว้แล้วบีบแน่นๆ จนดวงตาสีน้ำตาลจางต้องหันมามอง


   “พี่...เดี๋ยวมีคนเห็น...”


   “ถ้ามีคนเห็น กูก็จะบอกว่ากูให้กำลังใจมึง” เป็นการให้กำลังใจด้วยการบีบมือแน่นเสียจนรับรู้ถึงความร้อนผ่าวของมือใหญ่นั้น สีหน้าที่เคร่งเครียดของปกฉัตรคลายลง ทว่าก่อนที่จะได้เผยรอยยิ้ม มารดาของเขาที่เดินนำหน้าก็หยุดเดินแล้วหันกลับมา


   เจตน์ไม่ได้ปล่อยมือคนรักออก แต่เขาทำเป็นดึงมือของปกฉัตรหลบไปด้านหลัง แล้ว...ก็ยังจับอยู่แบบนั้น


   ดูเหมือนคุณศศิธรจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าลูกชายของตนเองยืนชิดกับหนุ่มรุ่นพี่แค่ไหน เพราะหล่อนยังยิ้ม...ยิ้มจางๆไม่บอกอารมณ์แบบเดียวกับที่ปกฉัตรชอบยิ้ม


   “แม่ไม่ได้ซื้อทองนานแล้ว ขอแวะร้านทองหน่อยนะ” แล้วจากนั้นหล่อนก็ควงสามีเดินฉับๆเข้าร้านขายทองใหญ่โตที่เปิดไฟสว่างจ้าทันที


   เหนือประตูกระจกของร้านคือป้ายตัวอักษรภาษาจีนขนาดใหญ่เขียนว่า陳金利เจตน์อ่านตัวอักษรทีละตัวอย่างช้าๆ ก่อนจะลดสายตาลงมองทะลุกระจกหน้าร้านเข้าไปข้างในอีกครั้ง


   มีลูกค้าอยู่จำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือคุณศศิธรและคุณดิลก บุพการีของปกฉัตรที่เพิ่งเดินเข้าไป


   แล้วก็มีพนักงานขายอีกจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือหญิงชราหน้าตาใจดีที่...เจตน์คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง


   อาม่าของเขาเอง!!!


   นี่คือร้านทองของตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์!!


   ตั้ง กิม หลี!


   “พี่...มีอะไรเหรอ” ปกฉัตรถามเมื่อเห็นคนข้างกายยืนนิ่ง ตาค้าง แทบไม่หายใจ


   เจตน์กลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างยากลำบาก แล้วหันมองคนรัก


   “กูรู้แล้ว...ว่าแม่มึงคิดจะทำอะไร”


   ถ้ามารดาของปกฉัตรรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา การที่คุณศศิธรเลือกที่จะมาเยาวราชและแวะร้านทองของแซ่ตั้งก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน


   นี่คือความตั้งใจของมารดาของปกฉัตร แต่เจตน์ก็จะแสดงความจริงใจของเขาให้อีกฝ่ายเห็นเช่นกัน!

.....................................

   แน่นอนว่าพอเจตน์เดินเข้าไปในร้าน ฐานะหลานชายสุดที่รักของอาม่าเจ้าของร้านก็ปรากฏ และคนที่ทำหน้าตาตกใจเหมือนไม่รู้มาก่อนเป็นคนแรกก็คือคุณศศิธร


   “พอดีเดินผ่านค่ะ! นึกอยากได้แหวนทองสักวงก็เลยแวะซะเลย ไม่รู้เลยนะคะว่าเป็นร้านของอาม่าของเจ๋ง!” หล่อนหันไปพูดด้วยสีหน้าตกอกตกใจกับหญิงชราเจ้าของร้านที่ยังยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะหันกลับไปมองหนุ่มร่างใหญ่ผู้ออกตัวว่าเป็นรุ่นพี่ของลูกชายของหล่อน


   “เจ๋งก็ไม่บอกแม่สักคำเลยนะว่ามีร้านของที่บ้านอยู่แถวนี้”


ปกฉัตรรู้สึกว่ามารดาของเขาใส่น้ำหนักในคำว่าแม่ที่เรียกแทนตัวเองยามพูดกับเจตน์พอตัวเลยทีเดียว


   “ผมไม่ทราบว่าคุณแม่จะซื้อทอง ก็เลยไม่ได้พูดถึง” แต่เจตน์ผู้จริงใจ ก็เรียกมารดาของปกฉัตรว่าแม่กลับไป ไม่กระดาก ไม่งุบงิบ ไม่หลบสายตาแต่อย่างใด


   “แม่จะเห็นแก่ความมีน้ำใจของเจ๋ง จะไม่เอาเรื่องที่ไม่บอก แล้วจะอุดหนุนด้วย!” ว่าแล้วหล่อนก็หันไปทางอาม่า ยิ้มแย้มการค้าไปหนึ่งทีก่อนจะพูดยาวเหยียด


“หลานชายอาม่าน่ารักมากเลยค่ะ วันนี้เพิ่งสอบเสร็จ แต่ก็ยังมีน้ำใจพาพวกเรามาทานข้าว อ้อ...ลืมบอกไป นี่ปกฉัตรค่ะ ลูกชายฉันเอง เห็นว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนมัธยมเดียวกัน แต่ก่อนก็ไม่เห็นรู้ว่าสนิทกันนะคะ พอเข้ามหา’ลัย เรียนกันคนละคณะก็ยังมาสนิทกันได้” คุณศศิธรแนะนำลูกชายตัวเองกับหญิงชรา แถมท้ายด้วยว่าสนิทกับหลานชายอาม่าอีกต่างหาก


“อ้อ ถึงว่า...อาม่าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน” อาม่าตอบก่อนจะเหลือบดวงตาเรียวหยีไปยังหลานชายของตนเอง เจตน์รู้ทันทีว่าหลังจากส่งครอบครัวปกฉัตรที่บ้านแล้ว เขาคงต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อเล่าความจริงบางอย่างให้อาม่าฟัง


คุณศศิธรไม่ได้สนใจสายตาของสองย่าหลาน หล่อนทำเป็นกวาดตามองแหวนทองในตู้กระจกแล้วหันไปหาลูกชาย


“ปก...อยากได้วงไหนล่ะลูก เลือกแหวนสักวงสิ ให้พี่เจ๋งเขาช่วยเลือก ผู้ชายเหมือนกัน น่าจะแนะนำกันได้ดี”


“ไม่เอาหรอกแม่” ปกฉัตรตอบเบา รู้สึกน้ำลายเหนียวคอไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักญาติของเจตน์ บรรยากาศเหมือนจะสรวลเสเฮฮา แต่กลับรู้สึกเหมือนไม่มีอากาศหายใจเลย


คำพูดของมารดาของเขาบอกให้รู้ว่าเขาและเจตน์สนิทกันแค่ไหน และเขาไม่รู้ว่าอาม่าของเจตน์จะยอมรับความสนิทของเขาและเจตน์ได้มากแค่ไหนด้วย


“เอาสักวงสิ ถือว่าเป็นของขวัญจากแม่ไง นี่แม่อยากซื้อให้เจ๋งด้วยนะ แต่มันคงจะแปลกถ้าซื้อของจากร้านอาม่ามาให้หลานชายอาม่า เอาไว้แม่กลับมาเมืองไทยอีกรอบ แล้วแม่จะซื้อของมาฝากเจ๋งแล้วกันนะ แต่ต้องชิ้นใหญ่หน่อย เพราะปกท่าทางจะไปรบกวนเจ๋งเอาไว้เยอะ บางทีโทร.หาปก ปกบอกว่าค้างคอนโดเจ๋งก็มีค่ะ รบกวนจริงๆ”


ประโยคหลังนั่น คุณศศิธรยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ของลูกชายตัวเองและหลานชายของอาม่าให้แน่นหนามากขึ้นไปอีก ปกฉัตรหน้าซีดเผือด มองเจตน์ด้วยสายตาขอโทษ แต่...หลานอาม่าคนนี้เป็นคนจริง เขาถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะพูดเรียบๆ


“ปก มานี่มา เดี๋ยวกูช่วยเลือกแหวน”


ไหนๆก็ไม่พ้นสายตาอาม่าแล้ว ไหนๆก็ต้องกลับมาอธิบายความสัมพันธ์ของเขาและปกฉัตรให้อาม่ารู้อยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว


เจตน์ไม่รอให้ปกฉัตรเดินตาม แต่เขาคว้ามือของอีกฝ่ายเดินไปยังตู้กระจกของแหวนทองสำหรับผู้ชาย สั่งพนักงานให้หยิบถาดแหวนมาให้เลือกให้ลอง แน่นอน...คนจริงอย่างหนุ่มตาเรียวคณะบัญชีคนนี้ช่วยเลือก ช่วยสวม ต่อหน้าธารกำนันรวมทั้งคุณศศิธรด้วย


“ที่ว่าจะมาทานข้าว ตั้งใจจะไปทานร้านไหนล่ะคะ” เสียงของอาม่าดังขึ้นเบาๆ ทำเอามารดาของปกฉัตรต้องหันมอง


“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะ”


อาม่าพยักหน้ารับรู้แล้วถามอีกคำถาม


“แต่ตั้งใจมาที่นี่ก่อนใช่มั้ยคะ”


คุณศศิธรยิ้มจาง แน่นอน...ว่านั่นคือคำตอบของหล่อน

.................................

   หลังออกจากร้านทอง ครอบครัวของปกฉัตรก็ไปทานข้าวต่อ เจตน์ยังคงติดตามไปด้วย ก่อนจะพากลับไปส่งที่บ้านแล้วกลับไป ที่บ้านของปกฉัตรเลยเหลือเพียงสามคนพ่อแม่ลูก


   ปกฉัตรยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของบุพการี ตลอดการรับประทานอาหาร มารดาของเขายังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ส่วนบิดาซึ่งเป็นคนเงียบๆก็ชวนเจตน์คุยบ้าง แต่ไม่มีใครเอ่ยถึงความสัมพันธ์อันแสนสนิทสนมของเจตน์และปกฉัตรเลย ทั้งๆที่...น่าจะดูออก


   โดยเฉพาะลูกอย่างปกฉัตรที่มีเพื่อนสนิทคนเดียวคือดิษกร และแทบจะไม่คบค้าสมาคมกับใครถึงขั้นไปไหนมาไหนกันเพียงลำพังแบบนี้


   “อ้าว ปก ทำไมยืนอยู่ตรงนี้” เสียงดังมาจากด้านหลัง ทำเอาร่างโปร่งสะดุ้งโหยงหันมอง บิดาของเขานั่นเอง คุณดิลกเป็นคนพูดน้อย ปกฉัตรได้นิสัยไม่ค่อยพูดมาจากบิดา


   “เอ้อ...ปก...อยากคุยกับพ่อแม่...”


คนเป็นพ่อมองลูกชายเพียงคนเดียวแล้วยิ้มอย่างใจดี


   “จะคุยกับพ่อแม่พร้อมกัน หรือจะคุยทีละคน” ใจดีก็จริง แต่พ่อก็เป็นคนสร้างตัวเลือกได้บาดใจลูกชายนัก


   “คุย...กับพ่อก่อนก็ได้...” คุณดิลกยิ้ม มองซ้ายมองขวา แต่บ้านหลังนี้มีเครื่องเรือนน้อยชิ้น โถงทางเดินชั้นสองไม่มีที่นั่งเลย สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินไปนั่งที่ขั้นบันได


   “อ่า...นั่งตรงนี้เลยเหรอพ่อ” ปกฉัตรถามบิดา หากใครมาเห็นคุณดิลกซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตนั่งบนขั้นบันไดแบบนี้ คงเป็นเรื่องให้คนเอาไปพูดปากต่อปากไม่จบแน่ๆ


   “ก็ไม่มีที่นั่งนี่นา ปกมานั่งสิ จะได้คุยกัน”


   พอบิดาว่าอย่างนั้น ปกฉัตรเลยเดินไปนั่งด้วย สองพ่อลูกนั่งกันที่บันไดขั้นบนสุดท่ามกลางบรรยากาศเงียบๆ คุณดิลกกำลังจิบน้ำร้อนที่ลงไปเอามาจากครัวอย่างใจเย็น ในขณะที่คนเป็นลูกถูมือเข้าหากันไปมาเหมือนกำลังรวบรวมกำลังใจ


   ผ่านไปนาทีที่หนึ่ง นาทีที่สอง และนาทีที่สาม


   คุณดิลกยังจิบน้ำร้อน ในขณะที่ปกฉัตรก็ยังถูมือตัวเองอยู่แบบนั้น


   “พ่อว่า...เราสองคนนี่ก็ใจเย็นดีนะ” แล้วในที่สุด บิดาก็พูดขึ้นมาก่อน


   “นั่นสิครับ แต่แม่ใจร้อน” คุณดิลกหัวเราะเบาๆ


   “มากเลยล่ะ ถึงกับจองตั๋วด่วนบินกลับมาเลย”


   “พ่อกับแม่...รู้เรื่องผมกับพี่เจ๋งใช่มั้ย” คำตอบคือการพยักหน้าน้อยๆ


   “รู้...มานานแค่ไหนแล้วครับ” เป็นคำถามที่พอถามออกไปแล้วเหมือนสูบลมออกจากร่างไปด้วย เพราะปกฉัตรรู้สึกเหมือนร่างกายเบาโหวงเหวง พร้อมจะสลายไปได้ทุกเมื่อ


   “ก็...รู้มาสักพัก แต่เพิ่งแน่ใจตอนที่แม่โทร.หาปกแล้วปกบอกว่าอยู่คอนโดเจ๋ง แล้วจากนั้นเจ๋งก็เอาโทรศัพท์ไปคุย”


   “เพราะว่า...อานิศบอกใช่มั้ย”


   “พ่อกับแม่ฝากนิศให้ช่วยดูแลปก เขาเห็นปกกลับบ้านช้าบ้าง ไม่กลับบ้านบ้าง เราน่ะทำให้เขาเป็นห่วงรู้มั้ย” คนเป็นพ่อกันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆเหมือนเดิม ใบหน้าใจดีก็ยังใจดีอยู่อย่างนั้น แต่กลับทำให้ปกฉัตรรู้สึกผิด


   “ตอนแรกที่พ่อรู้ พ่อคิดว่าปกแค่มีแฟน...ปั๊บปี้เลิฟ มันเป็นเรื่องของวัยรุ่น ปกเองก็พิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นมาหลายปีว่าปกดูแลตัวเองได้ดี แก้ปัญหาเองได้ แต่...วันที่แม่โทร.หาปกแล้วปกให้เจ๋งคุยกับแม่ วันนั้นพ่อกับแม่ก็เริ่มแน่ใจว่าปกจริงจังกับคนนี้ เพราะปกที่พ่อแม่เลี้ยงมาน่ะ เก็บความรู้สึก เก็บคนสำคัญ เก็บทุกอย่างมิดชิด แต่กับคนนี้...กลับยอมให้คุยกับแม่ ยอมให้แม่รู้จัก เราก็เลยคิดกันว่า...เจ๋งอาจจะไม่ใช่แค่ปั๊บปี้เลิฟ” คุณดิลกตอบด้วยน้ำเสียงราบเรื่อย ปกฉัตรเดาใจบิดาไม่ถูกว่าตอบคำถามเขาด้วยความรู้สึกแบบไหนกัน คนเป็นลูกได้แต่เม้มปาก


   “แม่เขาก็เลยรีบเคลียร์งานทุกอย่าง แล้วบินกลับมาให้ไวที่สุด เราอยากมาเจอคนสำคัญที่ลูกของเราจริงจัง”


   “แล้ว...พอเจอพี่เจ๋งแล้ว พ่อ...ว่ายังไงครับ” ปกฉัตรทั้งประหม่าและหวาดหวั่น เขาไม่รู้ว่าบิดาจะเห็นเรื่องแบบนี้ในทิศทางไหน ลูกชายคนเดียวอย่างเขา กับ...คนรักที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน


   “พ่อเพิ่งเจอเขาวันแรก บอกไม่ได้หรอกว่าเขาเป็นคนยังไง”


   “ไม่สิ ปกไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ปกหมายถึง...พี่เขา...เป็นผู้ชาย แล้ว...แล้วปกก็...”


   “อ้าว ปกก็รู้นี่ว่าเขาเป็นผู้ชาย และปกเป็นผู้ชาย แล้วทำไมปกถึงเลือกเขาล่ะ” ปกฉัตรชะงักกับคำถามนั้น เขามองหน้าบิดาที่ยังมองตรงมาด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนเคย ไม่ว่าจะตอนดุ ตอนทำโทษ หรือตอนให้รางวัล สายตาของพ่อมักจะเป็นแบบนี้


   “ปก...ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่า...เวลามองเขา ปกเห็นตัวเองกำลังยิ้ม เขา...คงเป็นพลังแห่งความสุขของปก...เอ่อ...ไม่ได้หมายความว่าปกมองพ่อกับแม่แล้วปกไม่มีความสุขนะ เวลาปกมองพ่อแม่ ปกก็มีความสุขแบบนึง แต่...เวลามองพี่เขา ปกก็...มีความสุขอีกแบบนึง มัน...เป็นความสุขที่ไม่เหมือนเวลามองใครคนไหน...”


   คุณดิลกยังยิ้ม ยิ้มน้อยๆพร้อมด้วยสายตาที่อ่อนโยน


   “เขาเป็นความสุขของปกไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาเป็นความสุขของปก เขาก็เป็นความสุขของพ่อเหมือนกัน”


   ปกฉัตรพูดไม่ออก ความเต็มตื้นล้นหัวใจ


   “ขอบคุณครับพ่อ” คุณดิลกโอบลูกชายเข้ามากอดด้วยความรัก


   “เอาล่ะ คุยกับพ่อเสร็จแล้วก็ไปคุยกับแม่ด้วย”


   “แม่จะคุยง่ายเหมือนคุยกับพ่อมั้ย” คุณดิลกยิ้ม เป็นรอยยิ้มแบบเดิมที่มากับสายตาอ่อนโยนเช่นเดิม


   “แม่ของปกเคยคุยง่ายด้วยเหรอ” และเป็นการให้กำลังใจแบบเดิมๆ เหมือนสมัยปกฉัตรหัดถีบจักรยานแล้วล้ม แต่พ่อก็ยังบอกให้ลุกขึ้นมาขี่อีกครั้ง เพราะล้มครั้งไหนก็ไม่เจ็บเท่าล้มครั้งแรก


   ระหว่างพ่อกับแม่ ใครน่ากลัวกว่ากัน ปกฉัตรก็ตอบไม่ได้จริงๆ

.................................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-02-2018 00:53:18


คุณศศิธรกำลังอ่านเอกสารจากโทรศัพท์มือถืออย่างตั้งใจมากเสียจนถ้าลูกน้องคนไหนมาเห็น ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นจริงจังขนาดนี้กับงานไหนเลย


   ...แน่ล่ะ จะมีงานไหนใหญ่กว่าเรื่องคนรักของลูกได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่แทบเหาะกลับมาเมืองไทยแบบนี้หรอก!...


   เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงหล่อนออกจากภวังค์ ทั้งบ้านมีคนอยู่แค่สามคน สามีของหล่อนไม่จำเป็นต้องเคาะประตูห้องนอน เพราะฉะนั้นก็คงจะเป็นลูกชายคนเดียว


   “เข้ามาสิ” ปากส่งเสียง นิ้วมือก็กดปิดหน้าจอ ประตูถูกเปิดเข้ามาโดยคนที่หล่อนคิดเอาไว้


   ปกฉัตร


   “ปก...อยากจะขอคุยกับแม่หน่อย” เลือกเนื้อเชื้อไขของหล่อนเอ่ยปาก หน้าตาของเขาที่มักจะเรียบเฉย เวลานี้กลับไม่สามารถซุกซ่อนอารมณ์ใดๆได้เลย แค่ปรายสายตามองก็รู้แล้วว่าลูกชายของหล่อนทั้งกังวล ทั้งหวาดหวั่น ทั้งตกประหม่า


   อย่างนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นวัยรุ่น! วัยรุ่นที่จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งก็ต้องเรียนรู้อารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ใช่อะไรก็เฉยเมยไปซะหมดเหมือนปกฉัตรคนเดิม


   “แม่ขอพูดก่อนได้มั้ย ครั้งนี้แม่เสียใจมาก” คุณศศิธรพูดอย่างรวดเร็ว ทำเอาลูกชายถึงกับอ้าปากค้าง คำว่าเสียใจของมารดาฉุดหัวใจคนเป็นลูกให้ดิ่งวูบ


   “ปกไม่ค่อยเล่าอะไรให้พ่อกับแม่ฟัง อาจจะเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงหรืออะไรก็ตาม เรื่องนั้นพ่อแม่เข้าใจแล้วก็ขอบใจปกเสมอ ที่ปกไม่เคยสร้างภาระหนักใจอะไรให้พ่อกับแม่เลย แต่เรื่องนี้...ไม่ใช่ภาระ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปกโดยตรง ไม่ว่าพี่คนนี้จะเป็นอนาคตของปกมั้ย แต่เขาเข้ามาในชีวิตปก ในแบบที่ปกก็รู้ดีว่าเขาไม่เหมือนคนอื่นๆที่ปกรู้จัก อย่างน้อยๆเขาก็ต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างให้ลูกของแม่ แต่!...ปกไม่บอกแม่ และให้แม่รู้เรื่องนี้จากคนอื่น”


ปกฉัตรได้แต่ก้มหน้านิ่ง เถียงไม่ออกสักคำ


   “หรือปกจะบอกแม่ว่าปกยังไม่แน่ใจในตัวพี่คนนี้?”



   “ไม่ใช่ครับ ปกแน่ใจ แต่...ปกกลัวว่าพ่อกับแม่จะ...” ปกฉัตรเป็น ‘ลูกชาย’ ของพ่อและแม่มาตลอด ความคาดหวังในคำว่า ‘ลูกชาย’ มีอะไรบ้าง เขาคิดว่าใครต่อใครก็คงรู้ดี


   มีคนรักเป็นผู้หญิง แต่งงานกับผู้หญิง มีลูก มีหลาน สืบสกุล


   แต่...คนรักของเขาเป็นผู้ชาย เจตน์เป็นผู้ชาย


   “นี่ก็อีกเรื่องที่แม่เสียใจ พ่อกับแม่ให้ปกเลือกมาตลอด ให้ปกเลือกว่าจะเรียนดนตรีมั้ย ให้ปกเลือกว่าจะเรียนสายอะไร แล้วกับเรื่องคนรักของปก ปกคิดว่าพ่อกับแม่จะไม่ให้ปกเลือกเองเหรอ” ปกฉัตรเหลือบมองมารดา ก่อนจะเอ่ยเบาๆ


   “แต่ตอนจะเรียนดนตรี แม่ก็ถามว่าปกจะเรียนไวโอลิน หรือเรียนกีต้าร์”


คุณศศิธรชะงักไปนิด “ก็!...แม่ชอบเสียงไวโอลินกับเสียงกีต้าร์นี่นา”


   “แล้วตอนจะเลือกสาย แม่ก็ให้เลือกแค่สายวิทย์-คณิตกับสายศิลป์ฝรั่งเศส”


คุณศศิธรชะงักไปอีกหน่อย “ก็!...แม่คิดว่าถ้าจะเรียนเลข ก็เรียนวิทย์-คณิตไปเลย หรือถ้าจะไปทางภาษา ก็ควรเป็นฝรั่งเศส เพราะจะต่อยอดภาษาตะวันตกได้ง่าย”


   “แต่ปกอยากเรียนจีน...” พอลูกชายคนเดียวพูดมาแบบนี้ คุณศศิธรก็เงียบกริบ เพราะสุดท้ายแล้วถึงหล่อนจะให้ปกฉัตรเลือกเองจริง แต่หล่อนก็เป็นคนกำหนดตัวเลือกให้เขา


   “คราวนี้ก็เหมือนกัน ปกไม่แน่ใจ...ว่าตัวเลือกที่แม่จะให้ปกเลือก กับสิ่งที่ปกอยากเลือก จะเป็นตัวเลือกเดียวกันรึเปล่า” สองแม่ลูกได้แต่มองหน้ากัน ในห้องนอนนั้นเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ ก่อนที่คุณศศิธรจะอ้าแขนออกเป็นสัญญาณให้บุตรชายเดินเข้ามาหา


   ปกฉัตรก้าวเท้าเข้าไปโอบกอดมารดาเอาไว้ เป็นกอดระหว่างแม่ลูกที่ซุกซ่อนความเสียใจและคำขอโทษที่มีให้กัน


   เรื่องบางเรื่องมันก็นานเกินกว่าจะรื้อฟื้นขึ้นมาแล้ว ความเสียใจจากอดีตที่ตกผลึกอยู่ในใจ จะตักออกก็ไม่ได้ ถ้าขุดขึ้นมาก็ยิ่งทำให้ขุ่นเคือง ความเงียบและอ้อมกอด...ดูจะเป็นการปลอบประโลมได้ดีที่สุด


   “ปกเลือกเถอะลูก...” เสียงของมารดาดังขึ้นเบาๆ


   “ความรักของปก คนที่จะอยู่กับปก แม่ให้ปกเป็นคนเลือก” คุณศศิธรรับรู้ถึงอ้อมกอดของบุตรชายที่รัดร่างหล่อนแน่นขึ้นอีก หล่อนเองก็กอดเขาแน่นจนรับรู้ถึงแรงสั่นน้อยๆ


   “ขอบคุณครับแม่...” เสียงนั้นฟังอู้อี้จนคนเป็นแม่ต้องผละออกมา ดวงตาสีน้ำตาลจางๆนั้นเอ่อคลอน้ำใส แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้ม


   เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่แค่ยิ้มจางๆเหมือนที่เขาชอบทำ แต่เป็นยิ้มกว้างที่แสนสวย


   ยิ้มแบบนี้ของปกฉัตร นานเท่าไรแล้วที่ไม่เห็น


   “สงสัยคนนี้จะได้มายาก พอแม่อนุญาตล่ะยิ้มแป้นเชียว”


   “ย...ยิ้มแป้นอะไร...” ปกฉัตรชักเขินจนต้องรีบหุบยิ้ม แต่คุณศศิธรยังจ้องตาไม่กะพริบ


   “แม่ถามจริง...ปกเริ่มก่อนรึเปล่า”


   “ถ...ถามทำไมล่ะแม่!” ปกฉัตรทำเสียงเข้ม พยายามกลบเกลื่อนความกระอักกระอวลในใจ


   “อ้าว ก็แม่อยากรู้ว่าปกสมเป็นลูกของแม่มั้ย สมัยพ่อกับแม่น่ะ แม่ก็จีบพ่อก่อนนะ” คุณศศิธรเอาเรื่องของตัวเองมาตะล่อมให้ลูกชายยอมปริปากพูด แต่ปกฉัตรทำเป็นมองเมินไปทางอื่นแต่หน้าแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินจัดทีเดียว


   ...แบบนี้แสดงว่าจีบก่อนแน่ๆ!...


   “อ่ะ! ไม่บอกก็ไม่บอก แต่ถ้าปกเริ่มก่อน แม่ก็ขอชมว่าลูกแม่ตาถึงมาก โปรไฟล์พี่เขาใช้ได้ ฐานะสมน้ำสมเนื้อกับเรา เกรดตอนจบม.6ก็ดี นี่แม่ให้คนสืบเกรดปี 1 ของเขาอยู่ แต่ดูโหงวเฮ้งแล้วก็เป็นคนฉลาด เรื่องความรับผิดชอบ แม่ก็ให้ผ่าน ส่วนนิสัย...เรื่องแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ แต่ดูๆวันนี้เขาก็เป็นคนจริงจัง จริงใจดีนะ ดูไม่เหลาะแหละโลเลอะไร”


   “เดี๋ยว...แม่รู้ได้ไง” จากตอนแรกที่เขินเพราะถูกแซ็ว ตอนนี้ปกฉัตรชักจะงงกับประวัติของเจตน์ที่ออกมาจากปากมารดาของเขา


   “ให้คนสืบไงจ๊ะ ง่ายจะตาย โทร.กลับมาเมืองไทยกริ๊งเดียว โปรไฟล์พี่เขาก็ถึงมือแม่แล้วจ้ะ!” สมกับเป็นคุณศศิธรของแท้ 


   “เอาเป็นว่าคนนี้แม่โอ.เค. ปกลุยเลยลูก! อย่าให้เขาปีนขึ้นมาจากหลุมที่เราขุดได้ล่ะ!”


   “ม...แม่! หลุมอะไรล่ะ ผ...ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นหรอก...” เห็นลูกชายทั้งเขิน ทั้งอาย หน้าแดงปากแข็งแล้วผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็ถึงกับถอนหายใจ การครองคู่ของคนรักนั้นไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะยาวนานแค่ไหน เพราะฉะนั้นนอกจากจะใช้ใจในการรักแล้ว สมองก็เป็นอีกเรื่องที่จำเป็น


   “ปกฉัตร...ทำตัวให้สมชื่อหน่อย ชื่อปกฉัตรสำหรับแม่ หมายถึงร่มเงาแห่งการปกครอง ครอบครองไปหมดทุกอย่าง...ทั้งตัว ทั้งหัวใจของเขา” ปกฉัตรตาค้าง รู้สึกขนลุกไปทั้งสันหลังกับการโน้มน้าวของมารดา


   “น...ไหนว่าชื่อผมมาจากต้นสกุลของแม่ไง...”


   “นั่นก็ใช่ แต่ความหมายก็ต้องยิ่งใหญ่ด้วยสิ! เอาล่ะ แม่ว่าปกควรจะโทร.ไปถามสารทุกข์สุขดิบพี่เจ๋งก่อนนอน ไม่รู้ว่าทางอาม่าของเขาจะโอ.เค.รึเปล่า”


   “นี่...แม่ตั้งใจพาผมกับพี่ไปร้านทองของอาม่าของเขาใช่มั้ย” คุณศศิธรยิ้มหวาน แต่นัยน์ตาร้ายลึก


   “แม่ไม่มีนโยบายยกลูกของแม่ให้ใครฟรีๆ แม่ไม่ได้อยากได้เงินทอง ไม่ต้องมีพิธีอะไรก็ได้ แต่ผู้ใหญ่ทางนั้นต้องรับรู้” ปกฉัตรไม่เชื่อว่ามีเหตุผลเท่านี้แน่ๆ คนอย่างแม่ของเขา คาดหวังผลลัพธ์สูงลิบลิ่วเสมอ


   “แค่นี้เหรอแม่...” พอถูกลูกชายถามย้ำ หล่อนก็ถึงกับหัวเราะ


   “ที่สำคัญคือ แม่รู้จักกับอาม่าของพี่เจ๋งแล้ว ถ้าจะมีใครรักๆเลิกๆ ไม่ฝ่ายไหนก็ฝ่ายหนึ่งต้องกลัวโดนถอนหงอกกันบ้างล่ะ” ไม่รู้จะเรียกว่าเอาผู้ใหญ่เป็นตัวประกันได้ไหม แต่ที่แน่ๆ...ถ้าเจตน์เป็นฝ่ายทำปกฉัตรเสียใจ คุณศศิธรคงบุกไปถอนหงอกผู้ใหญ่สักคนของครอบครัวเจตน์แน่นอนทีเดียว!


   สรุปว่า ระหว่างพ่อกับแม่ ปกฉัตรยกให้แม่น่ากลัวกว่าพ่อเยอะเลย!

.................................

   ในขณะที่ปกฉัตรทำความเข้าใจกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว เจตน์เพิ่งจะมาถึงอาคารสูงของตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์ นอกจากอาม่าจะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ยังมีลูกๆของอาม่าทั้ง 7 ครอบครัวอยู่ด้วย เจตน์เองก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเหมือนหลานคนอื่นๆ แต่ทุกสุดสัปดาห์ก็จะแวะกลับมาหาอาม่าและบุพการีเสมอ


   ทว่า...วันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์ เจตน์มีเหตุผลอื่นถึงมาที่นี่


   “กับคนนี้ นานรึยัง” อาม่าเป็นผู้หญิงชราที่มีตาหยีเล็กแบบคนจีนแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็พูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ


   “ก็พักนึงแล้ว” ส่วนผู้ชายตัวใหญ่กว่าอาม่าเท่าตัวคือเจตน์ แต่ตอนนี้หลานชายตัวใหญ่คนนี้กำลังนั่งหงอคอตกให้สตรีอาวุโสสอบสวน


   “แล้วไปทำอะไรเข้า พ่อแม่เขาถึงร้อนใจพามาหาอาม่าถึงที่ร้าน” เจตน์เม้มปาก คิดๆดูแล้ว เพราะเคยพาปกฉัตรไปค้างอ้างแรมที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน แถมออกตัวดูแลด้วย พ่อแม่ที่ไหนก็คงต้องรีบกลับมากันทั้งนั้น


   “เขาคงเป็นห่วง คือ...ไอ้ปกมันอยู่เมืองไทยคนเดียว พ่อแม่มันทำงานเมืองนอกกันหมด แล้ว...ก่อนหน้านี้ผมก็เคยคุยโทรศัพท์กับแม่มันด้วย...” อาม่ามองหลานชายคนโปรดที่หล่อนเลี้ยงมากับมือ เจตน์เป็นหลานหนึ่งในสองที่อาม่าดูแลตอนยังเล็กๆ สายตาจากดวงตาหยีเล็กนั้นทำเอาเจตน์กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วแตะมือใหญ่ลงกับหน้าตักของสตรีอาวุโสอย่างแผ่วเบา


   “ม่า...โกรธผมรึเปล่า เอ่อ...ที่ไอ้ปก...เป็นผู้ชาย คือ...ผมจะมีหลานเหลนโหลนให้ม่าไม่ได้แล้วนะ” ดวงตาหยีเปล่งประกายแห่งความเอ็นดูก่อนที่เสียงหัวเราะของอาม่าจะดังขึ้นเบาๆ


   “อาม่าอายุขนาดนี้แล้ว ถึงเจ๋งจะมีหลานเหลนโหลน แต่อาม่าคงอยู่อุ้มเขาได้ไม่นานหรอก เผลอๆตายก่อนเขาจะจำหน้าอาม่าได้ เจ๋งต่างหาก...คิดไหมว่าถ้าคบกับคนนี้แล้วมีลูกด้วยกันไม่ได้ เจ๋งจะเอายังไงต่อ”


   “ก็ไม่เอาไงต่อ ก็อยู่กับมันไปเรื่อยๆ อยู่มองมันยิ้มให้ผมแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แล้วก็คิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรให้มันยิ้มให้ผมอีก ไอ้ปกมันไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยบอก ผมเลยต้องพยายามมากหน่อย กว่ามันจะยิ้มแต่ละที”


   “พยายามมากๆไม่เหนื่อยเหรอ” คนเป็นหลานส่ายหน้าไปมา


   “มันพยายามมามากกว่าผมอีก”


   “แค่เขายิ้มให้ เจ๋งก็พอใจแล้วเหรอ”


   “แค่นั้นก็มีค่าแล้วม่า แค่มันยิ้มให้ผมก็พอแล้ว” อาม่าโอบร่างใหญ่ๆของหลานชายเข้ามากอด แน่นอนว่าหญิงชราร่างเล็กอย่างหล่อนย่อมโอบแผ่นหลังเขาไม่รอบ แต่ก็ยังโยกร่างเขาไปมาเหมือนกอดเด็กชายเจตน์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว


   “หลานของอาม่าโตแล้วจริงๆด้วย รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ตีค่าไม่ได้”


   “ผมก็โตมาตั้งนานแล้วนะ” หนุ่มตัวใหญ่ว่าอย่างนั้น อาม่าผละออกมายิ้มให้


   “แต่เจ๋งอย่าเพิ่งบอกป๊าม้าของเจ๋งนะ เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป”


   “ม่าว่า...ป๊ากับม้าผมจะว่าไง” หญิงชราทำหน้าตาเด็ดเดี่ยว


   “ตอนอาม่าจะอยู่กินกับอากง ป๊าของเจ๋งไม่เห็นว่า ตอนป๊าของเจ๋งจะแต่งกับม้าของเจ๋ง เจ๋งก็ไม่เห็นว่า แล้วถ้าเจ๋งจะคบกับปก ทั้งอาม่า ทั้งป๊า ทั้งม้าของเจ๋งก็ไม่ควรว่าอะไรเหมือนกัน”


   “เดี๋ยวนะม่า ป๊าจะว่าอะไรได้ไง ก็ตอนม่าจะอยู่กับกง ป๊ายังไม่เกิด”


   “ก็ใช่ไง ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครอยู่กินกับใครแล้วมันจะดีหรือร้าย มันเป็นเรื่องของอนาคต เรื่องของเจ๋งกับปกก็เป็นเรื่องอนาคต อนาคตของเจ๋งกับปก ใครก็เป็นห่วงได้แต่ชี้เป็นชี้ตายไม่ได้ เอาเถอะ! เรื่องป๊ากับม้าของเจ๋งก็เป็นเรื่องอนาคตเหมือนกัน อย่าเพิ่งไปคิดมาก เจ๋งโทรไปชวนพ่อแม่ปกมากินข้าวกับอาม่าวันพรุ่งนี้ก่อน ผู้ใหญ่จะได้คุยกัน”


 ผู้ใหญ่ซึ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์พูดแบบนั้นก็เหมือนเปิดอุโมงค์อันกว้างขวางให้หลานชายมุ่งมั่นกับความรักครั้งนี้ เจตน์ยิ้มกว้าง กอดร่างหญิงชราอีกครั้งด้วยความรัก แต่ไม่วายถูกกำชับอีกหน


   “แล้วอย่าทำให้อาม่าถูกถอนหงอกนะเจ๋ง พ่อแม่ของปกน่ะ...ไม่ใช่เล่นๆนะ จะบอกให้”

.......................................

   เพราะเป็นการเดินทางกลับมาประเทศไทยอย่างกะทันหัน คุณดิลกและคุณศศิธรเลยอยู่กับลูกชายได้แค่ 3 วัน


   วันนี้ นอกจากจะมีนัดทานข้าวกับอาม่าของเจตน์ตอนเที่ยงแล้ว สามพ่อแม่ลูกเลยตื่นแต่เช้าไปทำบุญตักบาตรร่วมกัน พอกลับมา เพื่อนบ้านหลังข้างๆก็โผล่หน้ามาทักทายข้ามรั้ว


   “สวัสดีครับ พ่อ แม่” ดิษกรยกมือไหว้พร้อมด้วยรอยยิ้มแฉ่ง


   “ดิษ! เป็นยังไงบ้างลูก มาหาแม่เร็ว! มาให้แม่กอดที!” คุณศศิธรร้องเรียก แน่นอนว่าเพื่อนสนิทของลูกชายก็รีบวิ่งออกจากบ้านตัวเองมาที่บ้านของปกฉัตรทันที เขาเข้าไปกอดบิดามารดาของเพื่อน ราวกับเป็นลูกชายอีกคนก็ไม่ปาน


   “เข้ามหา’ลัยแล้วดูเป็นหนุ่มขึ้นเยอะเลย มาๆ แม่ซื้อของมาฝากดิษด้วยนะ” แล้วดิษกรก็เดินตามพ่อแม่ของปกฉัตรเข้าบ้านอย่างว่าง่าย ร่างโปร่งมองตามเพื่อนรักแล้วส่ายศีรษะอย่างเอ็นดู ก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาของใครอีกคนที่อยู่บ้านหลังข้างๆ


   นิศรา


   หล่อนมองตรงมาที่เขาจากอีกฝั่งของรั้ว ปกฉัตรหมุนตัวเดินออกจากบ้านตนเองไปยังบ้านของหล่อน


   “เรื่องของพี่เจ๋ง...อานิศเป็นคนบอกพ่อกับแม่ผมใช่มั้ย” เพื่อนสนิทของหลานชายที่หล่อนเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน นิศราไม่ตอบ ได้แต่มองไปทางอื่น


   “อานิศ...ผมรู้ว่าอานิศหวังดีแล้วก็เป็นห่วงผมนะ” คราวนี้หล่อนหันมามองเขาเต็มสองตา


   “อาเป็นห่วงปกจริงๆนะ ปกก็เหมือนหลานอาคนนึง แล้ว...จู่ๆก็มีคนเข้ามาในชีวิตปกแบบ...แบบหน้าตาไม่ค่อยจะเป็นมิตร อาก็กลัว...เกิดวันนึงเขาทำอะไรปกแล้วไม่มีใครรู้ จะทำยังไง” นิศราห่วงใย ยิ่งเห็นปกฉัตรกลับค่ำบ้าง ไม่กลับบ้านบ้าง หล่อนก็ร้อนใจ หล่อนอาจจะละลาบละล้วงเรื่องของเขา แต่...หล่อนทำเพราะหวังดีทั้งนั้น


   ร่างโปร่งหัวเราะเบาๆ จะกลับไปบอกเจตน์ว่าสีหน้าไม่สบอารมณ์ของผู้ชายตัวใหญ่ ทำให้อาของดิษกรกังวลหนักขนาดนี้


   “โธ่ อานิศ พี่เขาก็แค่หน้าหงิกไปหน่อย...”


   “หงิกไปหน่อยอะไรล่ะ! หงิกมากกกกก! ปกไม่รู้อะไร คนในซอยบ้านเราเขาพูดกันว่าบ้านปก...หมาดุ”


   “ผมไม่ได้เลี้ยง...อ่า...” ปกฉัตรเพิ่งนึกออกก็ตอนนี้เอง ถึงเขาไม่ได้เลี้ยงสุนัข แต่พักหลังมานี่ มีใครบางคนเข้ามาในบ้าน บางทีก็ช่วยรดน้ำต้นไม้ บางทีก็ช่วยกวาดเศษใบไม้ เดินไปเดินมารอบบ้านด้วยหน้าตาที่...ไม่เป็นมิตรเท่าไร


   “แต่ถ้าปกยืนยันว่าเขาหงิกแค่หน้า อาก็...ก็จะไว้ใจในระดับหนึ่งนะ” ปกฉัตรรู้ดีว่านิศราไม่มีทางปล่อยปละละเลยเรื่องของเขา เอาเถอะ...ถึงหล่อนจะชอบสอดส่องชีวิตของเขา แต่หล่อนก็หวังดีและห่วงใยโดยเนื้อแท้


   “ไว้ผมจะพาเขามาเจออานิศบ่อยๆ อานิศจะได้วางใจ”


   “ปก...ไม่โกรธอานะ”


   “ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่าอาเป็นห่วงผม”


   “แล้ว...ถ้าอาจะห่วงต่อไปเรื่อยๆ?” คำว่าห่วงของหล่อน หมายรวมถึงการสอดส่อง


สำหรับนิศรา ปกฉัตรก็ยังเป็นเด็กชายปกฉัตรตัวเล็กๆวันยังค่ำ ในขณะที่อีกฝ่าย...รุ่นพี่ตัวใหญ่ หน้าตาหงุดหงิดเหมือนโกรธคนมาทั้งโลก


...น่าวางใจเสียที่ไหนล่ะ!...


ปกฉัตรหัวเราะจนตัวโยน ก่อนจะพยักหน้ายอมรับความห่วงใยของคุณอาข้างบ้าน แล้วชวนนิศราไปพูดคุยกับบิดามารดาของเขา พอตอนเที่ยง เจตน์ก็ขับรถมารับสามคนพ่อแม่ลูกไปทานข้าวกับอาม่า ให้ผู้ใหญ่สองบ้านได้พูดคุยทำความรู้จักกัน


วันนี้...เป็นวันแห่งความสุขที่ยาวนาน


เป็นวันที่ทั้งเจตน์และปกฉัตรมีแต่รอยยิ้ม


และชั่วชีวิตนี้ของพวกเขา จะไม่วันลืมเลือนมันเลย
...................................

ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ


สองสามีภรรยากำลังเตรียมตัวจะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจความปลอดภัยก่อนจะเดินทางออกจากประเทศ ปกฉัตรยืน
มองบิดามารดาเตรียมเอกสารอย่างเงียบๆ


   “พ่อกับแม่ไปก่อนนะ” คุณศศิธรหันมาบอกลูกชาย ปกฉัตรพยักหน้า ยกมือไหว้แล้วสวมกอดบิดามารดาทีละคน เจตน์เองก็ยกมือไหว้ลาเช่นกัน


   “แล้วไว้เจอกันนะจ๊ะ” คนเป็นลูกไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มจางๆแล้วปล่อยให้พ่อกับแม่เดินจากไป


พ่อกับแม่หายไปแล้ว พ่อกับแม่...ไปแล้ว


ร่างโปร่งได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ รอบตัวมีแต่เสียงอื้ออึงของความวุ่นวายในสนามบินขนาดใหญ่ของประเทศไทย พ่อกับแม่ไปแล้ว กลับไปทำงานแล้ว ส่วนเขา...ถึงจะเป็นลูกก็โตมากพอที่จะดูแลตัวเองแล้ว อยู่คนเดียวมาตั้งหลายปี แต่กี่ปีๆ กี่ครั้งๆ ทุกคราวที่มาส่งพ่อแม่ เป็นต้องรู้สึกแบบนี้ทุกที


ว้าเหว่ เหงา เปล่าเปลี่ยว


ไออุ่นของใครบางคนขยับเข้ามาใกล้ ดึงปกฉัตรออกมาจากภวังค์ที่มีเพียงลำพัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบไปมอง รู้สึกตัวในตอนนี้ว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ไม่ใช่เด็กชายปกฉัตรที่ต้องทำตัวให้เข้มแข็งมากๆ เพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้เขาเป็นปกฉัตรที่อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่มัธยมต้น แต่...มีคนอยู่ข้างๆแล้ว


“พี่...” เขาเรียกอีกฝ่ายแผ่วเบา รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยที่ได้รู้ว่าข้างกายของเขาคือเจตน์ ผู้ชายปากร้ายใจดี เป็นคนที่เอาใจใส่และรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของเขา


“อย่าบอกกูนะว่ามึงจะไปวิ่งตามเครื่องบินแล้วตะโกนเรียกชื่อพ่อแม่”


แต่บางทีก็เป็นคนที่ปากร้ายมากไปหน่อย จนคนฟังที่อยากได้กำลังใจ ชักระอา


“ใครจะทำยังงั้น” ปกฉัตรตอบ เขาหมุนตัวจะเดินกลับไปที่ลานจอดรถ แต่ถูกคว้ามือไว้ก่อน คนคว้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายหน้าตี๋ตาเรียว ที่ทำเป็นมองเพดานที มองพื้นที


   “ไว้ปิดเทอมใหญ่ ไปหาพ่อกับแม่มึงด้วยกัน”


   “พี่...จะไปกับผมเหรอ” ดวงตาเรียวสีดำสนิทเหลือบมามอง


   “ก็กูบอกแล้วไง ว่าจากนี้มึงไปไหน กูจะไปด้วย” เจตน์พูดเรียบๆ ก่อนจะมองเมินไปทางอื่น แต่มือที่จับมือของปกฉัตรก็ยังจับอยู่อย่างนั้น


   “มึงไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ที่ข้างๆมึงน่ะ...มีกูอยู่ด้วย” เป็นผู้ชายที่ไม่มีความโรแมนติกใดๆ ไม่รู้จักวิธีพูดหวานๆ แต่...ไม่รู้ทำไม คำพูดของเจตน์ถึงทำให้หัวใจของปกฉัตรสั่นไหวนัก


   มือขาวที่ถูกจับ สอดปลายนิ้วเข้าประสานกับมือของร่างสูง เจตน์หันมามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มักจะอ่านอารมณ์ไม่ออกกลับเปล่งประกายแห่งความสุข ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยก็เผยรอยยิ้มสดใส


   หากผลประโยชน์ของความพยายามคือความรัก


ผลประโยชน์ของความรักก็คือรอยยิ้ม


เป็นรอยยิ้มของปกฉัตรที่มอบให้เจตน์ และเป็นรอยยิ้มของเจตน์ที่มอบให้ปกฉัตร


   ภายในสนามบินยังคงจ้อกแจ้กจอแจ ผู้คนพลุ่กพล่าน แต่...ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนคือการยืนข้างกันอย่างเงียบๆ เป็นความเงียบที่มีแค่รอยยิ้มและสายตา


   ด้วยความรักและความพยายาม


   แด่ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่และมีค่า


ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร


มันจะเติบโตบนมือของพวกเขาทั้งสองคน


   FIN

ส่วน ‘หลังสอบ’ ที่เฮียทวงแล้วทวงอีก จะมาพฤหัสหน้านะคะ เพราะฉะนั้น สัปดาห์หน้า เราจะยังเจอกันต่อค่ะ นี่มันจบยังไงเนี่ยยยย ฮ่าฮ่า

วันนี้ไม่ไหวแล้ว เหน็ดเหนื่อยกับเทศกาลตรุษจีนเหลือเกิน ตาจะปิดแล้ว

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้ากับ ‘หลังสอบ’ ของเฮียค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-02-2018 00:59:34
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 16-02-2018 01:17:36
อันนี้ยังไม่ end ใช่ไมหค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: nnnnnnni ที่ 16-02-2018 01:35:06
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ  :pig4: :pig4:


รอหลังสอบอยู่นะอิอิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 16-02-2018 01:59:23
งือออ ดึใจจจ คู่นี้ลงตัวมาก ชอบทั้งคู่เลยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 16-02-2018 02:44:59
งื้อออจะจบแล้วววว เดะต้องอ่านอีกรอบบ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 16-02-2018 02:57:05
ขอบคุณคร้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 16-02-2018 03:08:26
ขอบคุณที่แต่งพาร์ทของคู่นี้มาให้อ่านนะครับ ปกน่ารักมากเลย เฮียเจ๋งก็ให้ความรู้สึกเป็นโจ๊กเวอร์ชั่นซอฟท์ลง แลดูมีสติไม่น็อตหลุดง่าย 555 เคลียร์เกือบทุกปมจบได้ดีแล้วครับในความคิดผม จากนี้ก็มีแค่อยากจะเสริมอะไรหรือเปล่า

ปล. จะรอดูลีลาเฮียนะ ว่าสมราคาที่เคยคุยไว้มั้ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-02-2018 03:10:17
ครอบครัวเข้าใจไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วน้องปก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-02-2018 03:15:21
จะจบแล้วว
น่ารักเรื่อยๆเลยคู่นี้
รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 16-02-2018 03:18:12
หลังสอบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-02-2018 04:01:23
 o13 ไม่ว่าเรืองไหนๆของคุณก็จะเจอผู้ใหญ่ใจดีตลอด เข้าอกเข้าใจบุตรหลานและสังคมเป็นอย่างดี ไม่ตะบี้ตับันเอาแต่ใจ ชอบมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-02-2018 05:23:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-02-2018 06:02:20
เฮียเจ๋ง เจ๋งสมชื่อจริงๆ รอหลังสอบอย่างใจจดใจจ่อนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 16-02-2018 06:21:37
ผู้ใหญ่ก็เยอะไปอะ ใจร้อนกันทั้งนั้นเลย  แต่มาดีไม่ได้ดราม่า และลูกๆแฮปปี้ก็โอเคเนอะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-02-2018 07:17:59
ปก ได้เกือบทุกอย่างจากแม่
ความคิด ความฉลาด เอ่อ.........ร้ายลึกๆ ไม่ยอมคน
ได้ความพูดน้อยจากพ่อ ลงตัวจริงๆ

แม่ ลูก เหมือนกันสุดๆ  :z3: :z3: :z3:
เรื่องถูกใจ เรื่องมองคน เรื่องตัดสินใจ เรื่องวางแผน  สุดยอดดดดด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เฮียเจ๋ง  ปกฉัตร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 16-02-2018 08:18:51
รอ หลังสอบ ของเฮีย ค่าาาา :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 16-02-2018 08:21:32
ฮืออออจบแล้ววววว
อ่านแบบบแปปปๆ จบแล้วหรอ

น้องปกน่ารัก. พี่เจ๋งก้อน่ารักกก
....
ขอบคุณคนแต่ที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะะ

จะรออออตอนหลังสอบบบบบบ
ฮี่ๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 16-02-2018 08:59:04
อ่านตอนนี้จบเราก็รู้ได้ทันทีว่า  ปกนิสัยใจคอได้คุณแม่มานี่เองร้ายกาจมากส่วนอาม่าก็ยังเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือเหมือนเดิม  แล้วก็สำหรับเฮียเจ๋งบอกได้เลยว่า เฮียเจ๋งคนจริง2018จริงๆ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-02-2018 09:00:19
จบได้น่ารักมากๆ จ๊ะ พ่อกับแม่ก็ปูทางให้ลูกได้ดี
ความเป็นพ่อแม่นะเข้าใจ แม่นี่ร้ายลึกไม่เบาอิอิอิ

หลังจากจบเรื่องหลังสอบที่รอมานานแล้ว รอหรือเปล่านะ อิอิ
ขอเรื่องของดิษ มาเป็นตอนพิเศษหน่อยนะ แบบไหนก็ได้ อิอิ

 :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-02-2018 09:16:21
จบแล้วเหรอ? ยังอยากอ่านต่อไปอีกเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ichnuan ที่ 16-02-2018 09:22:42
งื่ออออออ น่ารักกก
จบแล้ว เอ้าจบแล้วหรอ 555
Like mother like son เลยค่ะแม่ลูกคู่นี้
รอหลังสอบของพี่เจ๋งนะคะะะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 16-02-2018 09:54:43
แม่ปกคนจริงบุกถึงที่เลย อาม่าก็คนจริง 55+
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 16-02-2018 10:24:48
เฮีย  :katai2-1: ตกหลุมรักเฮียอีกแล้ว อิจฉาน้องปกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-02-2018 10:25:30
รักอาม่าจัง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 16-02-2018 10:31:36
เป็นตอนพิเศษไปอีก ตั้งตาคอยวันพฤหัสบดีมั่กๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 16-02-2018 10:34:14
 :L2: :pig4:
อ่านแบบมีความสุข ยิ้มไปกับปก+เจ๋ง
 แล้วคือปก เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นคุณแม่เลย :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-02-2018 11:08:13
น่ารัก ชอบครอบครัวปกและอาม่าของเฮียมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Eangoey ที่ 16-02-2018 11:32:41
เคลียร์เรื่องครอบครัวจบแล้ว ข้ามถึงวันพฤหัสบดีเลย  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 16-02-2018 12:08:49
ใกล้จะจบแล้ว โอ๊ยย หยักดั้ยผู้ชายอย่างเฮียจังเลยค่ะ ตอนหน้าจะคอยดูเฮียทวงของรางวัลลล  :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 16-02-2018 13:01:36
มาแจกอั่งเปาให้หายเหนื่อย  :mew1: :mew1: :mew1: ขุ่นแม่ o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 16-02-2018 13:47:53
จบแล้ว ยังคงยืนยันว่าชอบพระเอกมาก เจ๋งมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผู้ใหญ่บางคนในเรื่องเสียอีก ทุกครั้งที่อ่านนิยายคุณบัวหลงรักความอบอุ่นของคนในครอบครัวเสมอ กับเรื่องนี้เราได้เห็นถึงความเป็นห่วงที่มากเกินไปของครอบครัว ตอนที่ปกคุยกับแม่พาร์ทนั้นทำเอาน้ำตาไหลจริงๆ เพราะบางครั้งสิ่งที่ต้องการกับตัวเลือกที่มีไม่ตรงกันก็เหมือนกับการโดนบังคับ นิสัยของแม่ปกนี่ถ้าคนชอบก็คงชอบถ้าไม่ชอบก็คงเกลียดไปเลย ยินดีมากที่คุณแม่กลับต่างประเทศไปเร็วๆ แต่ในขณะเดียวกันก็คือเนื้อเรื่องจบแล้ว เศร้า ขอตอนพิเศษยี่สิบตอนเหมือนจอมร้ายค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-02-2018 13:49:20
พี่เจ๋งคนจริง  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-02-2018 14:45:40
ยอมรับเลยว่าคุณแม่น่ากลัวจริง ๆ แต่คุณลูกก็ยังเหนือกว่านิดหน่อยค่ะ 55555 สงสารลูกเขยจังเลยนะคะ 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 16-02-2018 16:23:00
ม.ต้นนี่สิบสามสิบสี่เองนะ มีลูกแค่คนเดียวพ่อแม่ที่ไหนจะทิ้งลูกไว้อยู่คนเดียว ยิ่งพ่อแม่ที่รักเอาใจใส่ลูกมากๆ ไม่มีใครยอมทิ้งลูกไว้หรอก ต่อให้มีเพื่อนบ้านก็เถอะ เข้าสู่วัยรุ่นจะเสียผู้เสียคนรึเปล่า จะมีปัญหาอะไรรึเปล่า เจ็บป่วยใครจะช่วยดูแล

ไม่น่าเป็นไปได้เลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 16-02-2018 16:52:48
นึกว่าจะดราม่าแต่ขอบคุณที่ทุกอย่างลงตัว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 16-02-2018 17:22:32
พ่อกับแม่ของนู๋ปก นี่เยี่ยมเลย o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-02-2018 19:19:54
คุณแม่น้องปกแอบน่ากลัวอ่า อาม่าเฮียเจ๋งก็น่ารัก ขอสมัครเป็น FC อาม่า
แฮปปี้ทั้งสองฝ่ายไร้ดราม่า รออ่านตอนหลังสอบนะคะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-02-2018 19:22:17
เฮียเจ๋ง เจ๋งสมชื่อ  :heaven
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-02-2018 19:38:08
พอเหมาะพอเจาะมากคู่นี้
อาม่าเป็นผู้ใหญ่ที่มองโลกกว้างมาก

รอหลังเฮียเจ๋งสอบเสร็จ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 16-02-2018 20:16:18
นับวันหลังสอบของเฮียอย่างใจจดใจจ่อ คอยเอาใจช่วยน้องปกนะคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-02-2018 21:26:43
ชอบขุ่นแม่น้องปก..รอพฤหัสหน้าด้วยใจจดจ่อ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-02-2018 21:35:17
เห็นว่าตอนจบแล้วก็ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย เหมือนอยู่กับความอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเฮียเจ๋งมานาน แบบนี้ทุกวันพฤหัสเราก็จะไม่ได้เจอกับความเกรี้ยวกราดของเฮียเจ๋งแล้วสิ แต่ยังไงก็รอบทส่งท้ายนะคะ ขอโบนัสให้เฮียหน่อย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-02-2018 00:02:16
ตกใจเลยเห็น Fin รอหลังสอบ อย่างใจจดใจจ่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-02-2018 01:09:56
รอจ้า รอรอบหลังสอบ  :m3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 17-02-2018 02:53:42
จบแล้วจริงอ่ะ แม่ปกร้ายมากเลย ปกได้นิสัยแม่มาด้วยนะเนี่ยในการจีบเจ๋งก่อน5555 รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-02-2018 04:47:01
รอหลังสอบน่าจะฟินสุดติ่ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 17-02-2018 07:17:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 17-02-2018 12:38:22
ความอ่อยของนุ้งปกแต่ละตอนนั้นน :hao6:
เรื่องของครอบครัวก็เป็นไปได้ด้วยดีละ เย่ๆ  :mc4:
รอหลังสอบของเฮียค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 17-02-2018 16:41:08
พ่อแม่น้องปกไม่ใช่เล่นๆ เลยจริงๆ 5555555
อาม่าก็น่ารักกกกกกก รู้ทันกันไปหมดเลย
รอหลังสอบของเฮียนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-02-2018 00:06:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-02-2018 00:20:26
นึกว่าคุณแม่จะมาพร้อมดราม่าซะอีก รอดไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-02-2018 16:51:58
ปกฉัตรได้พ่ออม่มาอย่างละครึ่ง แต่ไหนเลยจะชนะต้นฉบับ

ขอบคุณที่พ่อแม่แค่เป็นห่วง กลัวลูกเจอคนไม่ดี
ไม่ได้ปิดกั้นคนที่ทำให้ลูกมีรอยยิ้มได้

และต้องยกนิ้วให้ปกที่กล้าจะบอกเรื่องที่เคยถูกตีกรอบ

เจ๋งสมชื่อมากค่ะ เปิดเผย ไม่โยกโย้ ไม่พลุนพลัน
ทำตัวนิ่งๆ ตามน้ำ แต่ไม่บื้อค่ะ

ชอบอาม่ามากค่ะ ชอบตั้งแต่ตอนโจ๊กละ
เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ล้าสมัย และเปิดใจ ไม่ปิดกั้นลูกหลาน

จะจบแล้วหรอคะ ยังทำใจไม่ทันเลยนะ
รอเฮียขอหลังสอบ และขอคนแต่งสักสามตอนเลยนะคะ 55555
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนพิเศษ (21 ก.พ. 2561) หน้าที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-02-2018 21:02:43
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
……………….
ตอนพิเศษ

   สอบเสร็จแล้ว


ปิดเทอมแล้ว


พ่อแม่และอาม่ารู้จักกันแล้ว


และ...ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว


...ใช่! ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว! แต่เรื่องที่ตกลงกันไว้ก็ยังเป็นได้แค่สัญญาลมปาก!...


‘หลังสอบนะ...’


ประโยคนี้ของปกฉัตรยังดังในหูอยู่เลย แต่คนพูดกลับทำนิ่ง ทำลืม ทำเหมือนไม่เคยพูดมาก่อน


...มันใช่เหรอวะ?! สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ!...


เจตน์เสยผมอย่างหงุดหงิด ดวงตาเรียวมีประกายมุ่งมั่นจับจ้องไปที่ร่างผอมโปร่งที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ริมรั้ว เขากวาดตามองเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยที่อยู่บนร่างกายของปกฉัตร


…เสื้อยืดสีดำนั่นอ่อยกันเปล่าวะ…


…อ่ะ! โอเค ก็คิดไปเองจริงแหละ แต่...แต่ไอ้ปกแม่งใส่เสื้อดำโคตรขึ้นเลยนะเว้ย!...


ปกฉัตรอ่อยหรือไม่ หนุ่มตี๋แห่งคณะบัญชีไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือวันนี้ต้องเป็นวันยกพลขึ้นบกของเขาให้ได้!


ร่างสูงตัดสินใจก้าวเท้าออกจากบ้านไปหาคนที่กำลังรถน้ำต้นไม้รอบเย็น เท้าก้าวไปถึงแล้ว ปกฉัตรหันมายิ้มให้เขาแล้ว แต่พอมือจะโอบเอวอีกฝ่ายเข้ามาชิด เสียงทักทายก็ดังมาจากอีกฝั่งของรั้ว


“ปก เฮีย อานิศให้มาตามไปกินข้าววววว” เพื่อนบ้านอย่างดิษกรคือเจ้าของเสียงที่ทำเอาเจตน์วืดชักแขนกลับแทบไม่ทัน


นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทันเห็นแว่บๆว่าอีกฝ่ายชักมือกลับเลยหันไปถาม


“พี่มีอะไรรึเปล่า”


   “เปล่า!” คนตอบหน้าหงิก แต่ปกฉัตรทำหน้าเฉย ส่วนดิษกรยิ้มแฉ่ง


   “กินข้าวๆ วันนี้อานิศทำทอดมันกุ้งให้มึงด้วยนะปก” คนยิ้มยังคงเชื้อชวนระริกระรี้ ปกฉัตรหันไปยิ้มให้เพื่อนข้างบ้าน ก่อนจะหันมามองคนหน้าบูด แน่นอน...หน้าเจตน์ก็บูดแบบนี้เป็นนิจ ทั้งปกฉัตรและดิษกรก็เลยทำเหมือนหน้าตาแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของสากลโลก


   “งั้นไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวอานิศคอย” ร่างโปร่งชวนคนรัก แต่ไม่รอคำตอบ เดินลากสายยางไปเก็บแล้วปิดน้ำ ก่อนจะเดินนำไปยังบ้านข้างๆ แล้วจากนั้น เจตน์ก็กลายเป็น ‘คนวืด’ โดยสมบูรณ์แบบ
.....................................

   นิศรายังคงไม่สบายใจ


   อาจจะเพราะหลานชายของตนเองเป็นเด็กอารมณ์ดี ยิ้มง่าย ร่าเริง พอมาเจอผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับดิษกรแต่ทั้งหน้าหงิก ทั้งคิ้วขมวด ดูเข้าใจยากแบบเจตน์ ก็เลยกังวลไม่หาย ไม่รู้ปกฉัตรถูกหลอกล่อด้วยวิธีไหน ถึงไปตกหลุมผู้ชายแบบนั้นได้


   หล่อนขอยืนยันคำเดิม ว่ากลัวเจตน์ฆ่าปกฉัตรหมกหลังบ้านจริงๆ!


   “แฟนปกน่ะ...หน้าหงิกอีกแล้ว เขาไม่ชอบอะไรอารึเปล่า” เจ้าของบ้านและเป็นเจ้ามือมื้อเย็นวันนี้แอบถามกับร่างโปร่งที่หล่อนลากมาช่วยล้างจาน ในขณะที่เจตน์และดิษกรช่วยกันเก็บกวาดโต๊ะอาหารเพื่อทานขนมหลังมื้ออาหารคาว


   “ไม่หรอกครับ อานิศ” เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลจางหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ตั้งแต่ปกฉัตรคบกับเจตน์ ดูเจ้าตัวจะยิ้มง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ


   “ปกถามเขาบ้างก็ดีนะ คนอะไรหน้าหงิกตลอดเวลา”


   “ไว้จะกลับไปถามเขานะ” ปกฉัตรตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ทว่าดวงตาสีน้ำตาลจางคู่นั้นที่เหลือบกลับไปมองยังร่างสูงใหญ่ของหนุ่มตี๋ตาเรียวซึ่งเดินไปเดินมาอยู่ที่โต๊ะอาหารกลับซ่อนประกายระยิบระยับบางอย่าง


   ...ไม่ต้องถามก็รู้ ว่าพี่หงุดหงิดอะไร...

................................

   หลังทานขนมหวานเป็นลอดช่อง ปกฉัตรและเจตน์ก็บอกลาเจ้าของบ้าน พวกเขาเดินจากบ้านดิษกรกลับไปที่บ้านหลังข้างๆ ระหว่างบ้าน 2 หลังห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว แต่ก็จำต้องใช้เวลาเพราะใครบางคนเดินช้ากว่าเคย


   “พี่จะกลับบ้านเลยรึเปล่า แต่ตอนนี้น่าจะรถติด พี่นั่งเล่นบ้านผมก่อนก็ได้นะ”


ร่างสูงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่ทันได้พูดอะไร ปกฉัตรก็เดินนำเข้าบ้าน และแน่นอน เจ้าตัวหันมายิ้มเชิญชวนให้อีกที


...อ่อย นี่มันอ่อยกูชัดๆ!...


เจตน์ไม่รออะไรอีกแล้ว เขากระโจนตามเข้าบ้านไปในทันทีแต่ยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปคว้าคนรักเข้ามากอดให้หายอยาก คนที่เหมือนจะทำอะไรเชื่องช้าก็พูดขึ้นมาอย่างเนิบๆแต่เร็วกว่ามือเจตน์มากนัก


“พี่นั่งดูโทรทัศน์ไปก่อนนะ ผมต้องโทรคุยกับแม่ก่อน”


...เอ้า! เชี่ย!...


แล้วปกฉัตรก็ยิ้มให้อีกที ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องเอนกประสงค์ที่มีชุดโซฟาและโทรทัศน์ เขาเปิดเครื่องปรับอากาศและโทรทัศน์ให้เสร็จสรรพ แล้วหันมามองหน้าเจตน์


“ถ้าพี่หิว เปิดตู้เย็นได้เลยนะ เดี๋ยวผมลงมา”


แล้วจากนั้นเจ้าของบ้านก็ปลีกตัวขึ้นชั้นสองไปคุยโทรศัพท์กับมารดา ทิ้งแขกผู้มีเกียรติที่คาดหวังสัญญาเอาไว้ที่ชั้นล่างเหมือนเดิม


หนุ่มตี๋ตาเรียวถึงกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด


...นี่มันอะไรกันวะ! เหมือนกูเกือบจะถึงเส้นชัยแล้วอยู่ดีเส้นชัยก็ขยับหนีไปจากกูเฉยเลย!...


ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด หงุดหงิดแม้กระทั่งโฆษณาในโทรทัศน์ยังหนวกหูจนต้องกดปิด แต่พออยู่เงียบๆ ในหัวก็มีแต่เรื่องทวงสัญญาจากคนรัก เจตน์ไม่คิดว่าตัวเองคิดไปเอง เขาเห็นประกายวิบวับแปลกๆในดวงตาของปกฉัตร


ท้าทาย เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และที่สำคัญเจ้าตัวก็รู้ทุกขณะจิตว่าสัญญาอะไรเอาไว้ แต่ทำเป็นไม่พูดขึ้นมาก่อน พอคนจะให้ไม่ยอมพูด ถ้าคนจะเอาอย่างเจตน์ออกตัวก็คงถูกมองว่าเป็นผู้ชายหื่นหวังเคลมแฟนตัวเอง


...ยอมรับก็ได้ว่าหวังเคลมจริงแหละวะ!...


ก็คนเป็นแฟนกัน กอดกันแล้ว หอมกันแล้ว จูบกันแล้ว แถมจูบลึกซึ้งก็เคยมาแล้ว ลูบเนื้อลูบตัว ล้วงเสื้อก็เคยมาแล้ว แต่มารผจญให้ไปไม่ถึงสักที แบบนี้มันทำร้ายหัวใจผู้ชายวัยฉกรรจ์อย่างเจตน์นัก


…อยากกอดโว้ย! อยากได้ไอ้ปกสักที!...


…ถ้ากูได้กอดเมื่อไรนะ! กูจะไม่ปล่อยให้มันหนีกูเป็นครั้งที่สองเลย!!...


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำเอาคนกำลังหมกมุ่นกับความอยากของตัวเองต้องหยิบขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือเพื่อนสนิทอย่างธนทัต


“มีเชี่ยอะไรไอ้ไท” ประโยคทักทายของคนหงุดหงิดอย่างเจตน์ย่อมมีคำด่ามาด้วยเสมอ


‘โอ้โฮ ใครเหยียบตาปลามึงก่อนรับสายกูหรือครับ ชายเจ๋ง’


“ไม่มี”


…มีแต่คนไม่ให้กูกดสักทีนี่แหละ!...


‘หงุดหงิดอะไรวะ ทะเลาะกับปกรึไง’


“ไม่ต้องแช่งกูกับแฟน สัด!”


‘โธ่ กะเสียบสักหน่อย’


“ลามปาม! เมียกู!”


‘น้องยอมเป็นเมียมึงแล้วเรอะ’ ปลายสายถามเหมือนนั่งทางในมาเห็นสถานการณ์จริง ทั้งๆที่ตั้งแต่ปิดเทอม เจตน์ไม่ได้พบหน้าเพื่อนสนิทคนไหนทั้งนั้น วันๆอยู่แต่กับปกฉัตร ยอมรับอีกครั้งว่าหวังเคลมมันทุกวันเลย แต่ไม่ได้สักวันนี่ไง


‘ฮั่นแหน่ะ เงียบอย่างงี้แสดงว่ายัง’ แล้วธนทัตก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น เจตน์อยากจะปาโทรศัพท์มือถือทิ้งดูสักที แต่ติดที่เครื่องนี้เอาเงินเก็บซื้อเอง จะไม่ทำลายข้าวของก็ได้


“มึงโทรมามีเรื่องอะไร ถ้าไม่มีสาระ กูจะวาง”


‘แหม่ะ! น้องมันไม่ให้ขยับสถานะก็เกรี้ยวกราดใส่กูเฉยเลย กูจะโทร.มาชวนมึงมาแดกเหล้า มามั้ย พาปกมาด้วยก็ได้’


“ขอกูคิดก่อน ที่ไหน”


‘ร้านเดิมเลยมึง มึงนอนคิดคืนนี้ คืนพรุ่งนี้ค่อยบอกกูก็ได้นะครับ แหม เรื่องแค่นี้เสือกขอคิด จะกลับไปขออนุญาตปกก็บอกกูตรงๆก็ได้ กูเข้าใจ บอกน้องมันไปว่าพวกกูแดกเหล้าเพียวๆ ไม่มีผู้หญิง ไม่ต้องห่วง’


“เออๆ แค่นี้นะ” เจตน์รับคำตัดรำคาญ แต่พอจะวางสาย ธนทัตกลับส่งเสียงบอกประโยคสุดท้าย


‘มอมเหล้ามั้ยมึง เผื่อสถานะแฟนจะเปลี่ยนง่ายขึ้น’


คนฟังตาเหลือก ถึงจะไม่ใช่คนดีนัก แต่เรื่องชั่วอย่างมอมเหล้าปกฉัตรก็ไม่เคยอยู่ในระบบความคิดของเขา


“เชี่ยไท!” หนุ่มตาเรียวตะคอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนกลับมา


‘กูล้อเล่นหน่า อย่าทำจริงนะมึง นั่นน้องปกของพวกกูทุกคนนะ’


“ของกูคนเดียว! สัด!” ธนทัตหัวเราะอีกที ไม่พูดอะไรแล้วตัดสายไป เจตน์พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด หงุดหงิดปกฉัตรคนเดียวไม่พอ ตอนนี้หงุดหงิดเพื่อนสนิทด้วย ตั้งแต่เขากับปกฉัตรเป็นแฟนกัน ไอ้สามเกลอเพื่อนของเขาก็พากันเรียกปกฉัตรว่า ‘ปกของพวกกู’


...นี่กูเป็นนางกวักรึไง! ตอนกูไม่จีบ ไม่เห็นไอ้ปกจะเป็นของใคร! พอกูได้มาเป็นของตัวเอง เสือกมีคนมารุมตอม!...


“อ้าว เห็นเงียบๆ นึกว่ากลับไปแล้ว” เสียงของปกฉัตรดังขึ้น ดวงตาเรียวของคนกำลังหงุดหงิดถึงกับตวัดไปมอง แต่แล้วก็ต้องเบิกค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อพบว่าเจ้าของบ้านที่ตอนแรกบอกว่าจะขึ้นไปโทรศัพท์หามารดา กลับลงมาชั้นล่างอีกครั้งในสภาพที่...


...เอ่อ อาบน้ำแล้ว...


อาบน้ำสวมชุดนอน เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นคอวีบางๆ กับกางเกงขายาวเอวยางยืดเนื้อนิ่มๆ


อาบน้ำไม่พอ สระผมด้วย ผมเปียกหมาดๆที่มีหยดน้ำซึมลงกับเสื้อบางๆนั่น


...สัด! อ่อยกูแน่ๆ! งานนี้อ่อยกูแน่ๆ!...


“พี่…เป็นอะไรไปน่ะ วันนี้ทำหน้าแปลกๆตั้งหลายรอบ” ปกฉัตรเห็นอีกฝ่ายมองเขาตาค้างก็เดินเข้าไปถาม หลังมือขาวแนบลงกับหน้าผากของเจตน์ในขณะที่ก้มลงมาหา


ระดับสายตาพอดีกัน แต่สายตาของเจตน์มองเลยไปที่คอเสื้อ ล้วงเข้าไปถึงแผ่นอก


...อ่อยกูจริงๆด้วย!!...


“หน้าแดงด้วย เป็นอะไร...อ๊ะ!” คำตอบของเจตน์คือการคว้าร่างคนรักขึ้นมานั่งบนตัก ปกฉัตรตกใจร้องเสียงหลง แต่ก็ถูกปิดเสียงนั้นในวินาทีต่อมาด้วยริมฝีปากร้อนแรงที่แนบประกบเข้าหา


จูบของเจตน์


จูบที่เรียกร้อง และร้อนแรง


เป็นจูบทวงสัญญา


“จำสัญญาที่มึงให้กูไว้ได้รึเปล่า” ร่างสูงผละออกเล็กน้อย เล็มไล้ผิวแก้มลงไปที่ซอกคอขาว เนื้อนิ่มๆที่เย็นชื้นหลังอาบน้ำ หอมกลิ่นสบู่จางๆ สบู่ของปกฉัตรเป็นกลิ่นเดียวกับสบู่ในห้องของเขาเลย


“สัญญาอะไร อ๊ะ!” โทษฐานถามทั้งๆที่จำได้ เจตน์ขบเนื้อที่คอเบาๆ ก่อนจะบดเบียดปลายจมูกลงกับเนื้อหอมกลิ่นสบู่ ดอมดม หิวกระหาย และโหยหา สองมือสอดไล้เข้าไปใต้เสื้อ บีบคลึงแผ่นหลังขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลัง ก่อนจะไต่ลงสู่สะโพกกลม


“อื้อ!...” มือร้อนบีบขย้ำผ่านทางกางเกง ก้อนเนื้อเต็มไม้เต็มมือ ยิ่งบีบก็ยิ่งมันเขี้ยว ยิ่งบีบก็ยิ่งได้ยินเสียงประท้วงจากปกฉัตร


“พ...พี่...ป..ปิดบ้านก่อน...”


“ถ้ากูให้ปิดบ้าน กูจะ ’ได้’ มั้ย” เจตน์ละใบหน้าขึ้นมาจากซอกคอที่เริ่มแดงเพราะแรงขบของเขา ดวงตาสีน้ำตาลจางที่ทอดมองมานั้นปรือปรอย แก้มขาวซับสีเลือด ริมฝีปากถูกเจ้าตัวขบจนขึ้นรอยแดง อารมณ์ของปกฉัตรในเวลานี้ไม่ได้แตกต่างไปจากเจตน์เลย


“ข...ขอปิดบ้านก่อนนะ...อื้อ...” เสียงของร่างโปร่งนั้นสั่นเครือในตอนท้าย เพราะปลายนิ้วของเจตน์กรีดไปตามร่องสะโพกผ่านทางเนื้อผ้ากางเกงอีกหนก่อนจะขยำเนินเนื้อสองข้างแรงๆอีกที ริมฝีปากของร่างสูงงับปากเขาเบาๆอย่างหยอกเย้า ก่อนจะปล่อยเจ้าของบ้านลงจากตัก ปกฉัตรเดินนำไปปิดประตูหน้าต่าง มีร่างสูงเดินตามหลัง จนสุดท้ายมาหยุดยืนที่สวิสซ์ไฟชั้นล่าง



ไฟชั้นล่างของบ้านถูกปิดลง ก่อนจะปรากฏแสงสลัวจากห้องนอนของปกฉัตรที่ส่องลอดออกมาทางม่านหน้าต่างแทน


วันนี้แขกผู้มีเกียรติจะเลื่อนขั้นเป็นคนพิเศษ...ยิ่งกว่าใคร

...................................

   ห้องนอนของปกฉัตรบนชั้นสองทั้งสลัวและเงียบ เงาตะคุ่มบนเตียงคือร่างของคนสองคนที่คร่อมทับกัน


   เจตน์ลากริมฝีปากไปตามผิวเนื้อจากแก้มลงสู่ลำคอ และแผ่นอกแบนราบ เขากดจูบดูดดึงทุกที่ที่ผ่าน จนกระทั่งลากลงต่ำถึงหน้าท้อง ชายหนุ่มหยุดนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อส่วนแข็งขืนอย่างผู้ชายของปกฉัตรอยู่ตรงหน้าเขา


   ทั้งชีวิตไม่เคยคิดว่าคนที่ตนเองกอดจะเป็นผู้ชายด้วยกันเลย แต่เพราะเป็นปกฉัตร เพราะผู้ชายคนนั้นคือปกฉัตร


   ริมฝีปากร้อนมอบความอบอุ่นให้แก่ส่วนที่อ่อนไหวที่สุด ร่างโปร่งผวาเฮือกสองมือจิกขยำผ้าปูที่นอนจนแทบขาดวิ่น เสียงครางแผ่วดังออกมาจากลำคอเมื่อโพรงปากร้อนดูดกระชับจนแทบคลั่ง


   เพราะความไม่คุ้นเคยของปกฉัตร และความเอาแต่ใจของเจตน์ เพียงอึดใจเดียว อารมณ์ก็พุ่งสูง


   “พี่...อย่า...อื้อ...พอก่อน...อ๊ะ!!!” ร่างขาวเกร็งเฮือก ความอ่อนไหวที่แข็งขืนถูกดูดดึงจนทนไม่ไหว ต้องปล่อยให้ทะลักทลายในปากร้อนของเจตน์


   ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก เขาคายหยาดหยดที่อยู่ในปากออกมาแล้วไล้ปลายนิ้วเปียกชื้นไปที่ช่องทางด้านหลังของคนที่ยังนอนระทดระทวยอยู่ตรงหน้า พอปลายนิ้วแตะเข้าที่ปากทางร้อนผ่าว ปกฉัตรก็สะดุ้ง ดวงตาสีอ่อนเหลือกโตมองมาที่เจตน์อย่างหวาดหวั่น กำลังจะกระถดร่างหนี แต่มือใหญ่คว้าสะโพกร่างขาวเอาไว้มั่นในขณะที่จ่อความร้อนถึงขีดสุดของตนเองที่ปากทางแฉะฉ่ำ


   “พ...พี่...ม...ไม่...” ถึงจะยินยอมพร้อมใจแต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆความหวาดกลัวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า สองมือพยายามดันร่างหนาที่ก้มลงมากอดเขา แต่ดูเหมือนร่างสูงใหญ่จะไม่กระเทือนกับคำร้องห้ามของเขาเลย เจตน์ไม่พูดอะไร เขากดริมฝีปากลงจูบบนริมฝีปากแดงก่ำนั่นแล้วพาร่างกายด่ำดิ่งเข้าสู่ความอ่อนนุ่มที่คับแน่น


   “อื้อ!...” คนถูกจูบและถูกแทรกสอดได้แต่กรีดร้องในลำคอ ความเจ็บปวดแล่นริ้วจนเหมือนร่างจะถูกฉีกออกเป็นสองส่วน สองแขนพยายามดันร่างเบื้องบนให้ออกไปในขณะที่ใบหน้าพยายามเอี้ยวหลบรสจูบหนักหน่วงนั้น


   “ม...ไม่...เจ็บ...อื้อ...” แต่ดูเหมือนเจตน์จะไม่ได้ยินอะไรเลย เขายังคงเดินหน้าพาร่างกายแข็งแกร่งของตัวเองไปตามช่องทางแคบและร้อนอย่างใจเย็น ริมฝีปากบดจูบหนักหน่วงจนแทบไม่ปล่อยให้ปกฉัตรมีโอกาสได้ร้องขอความเห็นใจ


   การเดินทางยาวนานที่คับแน่นและอึดอัดผสานไปกับความเจ็บปวดสิ้นสุดลงเมื่อร่างสูงพาความร้อนผ่าวของเขาเข้าแนบชิดได้ทั้งหมด ชายหนุ่มยอมปล่อยริมฝีปากแดงก่ำและบวมช้ำของร่างผอมให้เป็นอิสระแล้วครางเครือในคออย่างสุขสม


   “อ่า...แน่นฉิบหาย...”


   “เจ็บ...” เสียงครางเบาทำเอาต้องลดสายตาลงมองคนที่นอนนิ่งอยู่ใต้ร่าง และนั่นดูเหมือนจะทำให้เจตน์รู้สำนึกว่าคนที่เขากกกอดกำลังเจ็บเจียนตายแต่ทำได้เพียงน้ำตาไหลโดยไม่มีเสียงสะอื้น


   “กูไม่ขยับแล้ว...ไม่ขยับแล้ว” ผู้ชายแข็งกระด้างทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่กระซิบเบาๆ ความรัดรึงทำให้อยากสวนกระแทกแทบตาย แต่น้ำตาที่ไหลซึมทางหางตาของปกฉัตรทำให้เขาหยุดทุกอย่าง เจตน์ไม่รู้จะปลอบยังไง ได้แต่จูบซับหยาดน้ำใสๆนั่น


   “กู...ขอโทษ...อย่าโกรธกูนะปก” เขาได้แต่กระซิบ เกร็งร่างกายให้นิ่งที่สุดแม้จะอยากตอบสนองต่อความคับแน่นที่โอบล้อมแก่นกายของเขามากแค่ไหน


ชายหนุ่มจูบแผ่วเบาราวกับจะปลอบประโลมทั้งที่หางตา หน้าผากหรือแม้แต่ปลายจมูก สองแขนที่ค้ำร่างกายตัวเองไม่ให้ทิ้งตัวลงแนบสนิทกับคนที่อยู่ใต้ร่างนั้นได้แต่กำหมัดแน่น คนที่ตอบสนองทุกความต้องการตัวเองมาวันนี้เข้าใจแจ่มแจ้งกับคำว่าอดทน


   เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ความแข็งแกร่งยังแช่ค้างอยู่ในร่างกายที่ดูเหมือนจะค่อยๆตอบสนองต่อความใหญ่โตนั้น ถึงแม้ว่าความเจ็บจะยังหลงเหลือแต่มันก็ทุเลาลงมากจนน้ำตาหยุดไหล


     “พี่...” ปกฉัตรครางเรียกชื่อคนที่ยังฝังกายแน่นอยู่ในร่างของเขา สายตาของเจตน์ที่จ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ แต่คนที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความต้องการขนาดนี้ กลับยอมหยุดอยู่นิ่งๆเพียงเพราะเขาร้องไห้


   “ขยับก็ได้...แต่ช้าๆ...”


   “ไม่เจ็บแล้วเหรอ” เพราะเมื่อกี้เอาแต่ใจตัวเองจนอีกฝ่ายร้องไห้ พอมาครั้งนี้ เจตน์ที่ไม่เคยกลัวอะไรกลับกลัวว่าตัวเองจะทำให้ปกฉัตรเจ็บอีกครั้ง


   มือขาวที่เมื่อครู่ทั้งผลักทั้งดันให้ร่างใหญ่โตออกห่างมาตอนนี้เป็นฝ่ายโน้มคอคนด้านบนลงมาจูบเบาๆ และนั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำยืนยันที่เจตน์ต้องการ


   สองร่างบนเตียงกว้างกลางห้องขยับไหวอีกครั้งหนึ่ง ครั้งแรกๆมันเป็นการขยับที่เชื่องช้าและยาวนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสียงครางเครือดังก้องไปทั้งห้องพร้อมๆกับการขยับเริ่มไวขึ้นรุนแรงมากขึ้น เจตน์พาคนใต้ร่างไปสู่ความสุขสมพร้อมๆกับตนเองในครั้งนี้ และมันเป็นครั้งที่สองในค่ำคืนนี้สำหรับปกฉัตร


คนที่นอนหายใจระทดระทวยด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้ากำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ คิดเอาเองว่ามันน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับช่วงเวลาอันยาวนาน ทว่าเมื่อร่างสูงใหญ่ทาบทับลงมาอีกครั้ง ดวงตาที่กำลังหรี่ปรือก็ถึงกับเบิกโพลง


   “พ...พี่...พอ...พอก่อน...”


   “ครั้งเดียวจะพอได้ไง”


“แต่...แต่...ผมสองครั้งแล้ว”


“ก็นั่นมึง แต่กูครั้งเดียว”


“แต่...”


“มึงก็รู้ว่ากูอยากได้มึง เลิกผลักกูหน่า”


แล้วจากนั้นเจตน์ก็จับสองแขนของปกฉัตรให้วางพาดข้ามไหล่เขาแล้วพาร่างกายตัวเองเข้าไปดื่มด่ำกับความรัดรึงเร่าร้อนนั่นไปอีกค่อนคืน

.................................

   ปกฉัตรไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาหลับไปตอนไหน สติสุดท้ายที่รับรู้คือเจตน์ยังฟัดแก้มของเขาอยู่เลย พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในห้องนอนก็ปิดไฟหมดทุกดวงแล้ว เขาไม่รู้ว่ากี่โมง แต่พอขยับตัวจะลุก แขนของคนที่นอนข้างๆก็ตวัดมารัดแล้วลากกลับเข้าไปนอนชิดยิ่งกว่าเดิม


   “กูไม่ชอบให้ลุกตอนกูนอนอยู่” เสียงทุ้มดังเบาๆ ที่หลังหู ปกฉัตรก้มหน้าจนแทบชิดอก ถึงจะใจกล้าอ่อยเจตน์ก่อน แต่เวลาแบบนี้กลับไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเลย


   สัมผัสอุ่นร้อนแนบลงกับท้ายทอยจนร่างโปร่งสะดุ้ง แต่เป็นอีกครั้งที่ไม่ยอมหันมอง อ้อมแขนนั้นรัดแน่นขึ้นอีกจนเจตน์วางคางลงกับไหล่ของคนรักได้พอดี


   “จะลุกไปไหน”


   “ป...ไปใส่เสื้อผ้า” เนื้อตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแบบนี้ไม่ดีเท่าไร ยิ่งเมื่อเจตน์ขยับเข้ามากอด ก็ยิ่งทำเอาขนอ่อนลุกเกลียวไปทั้งสันหลังกับสัมผัส ‘เนื้อแนบเนื้อ’


   “ใส่ทำไม อยู่กับกูสองคน”


   “อยู่กับพี่นั่นแหละ ยิ่งต้องใส่” ปกฉัตรหันไปเถียง

   
   “ถ้ามึงใส่ กูจะจับถอดให้หมด” แล้วร่างสูงก็ยิ่งกอดรัดคนรักแนบแน่น เป็นการกอดที่เหมือนจะกกเอาไว้กับตัวไม่ให้ปกฉัตรลุดรอดออกไปไหนอีกแล้ว


   “...มึงจะได้ไปจากกูไม่ได้ไง” ยิ่งกว่าการถูกล่ามด้วยโซ่ คือคำพูดของเจตน์ ปกฉัตรอยากบอกเหลือเกินว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่กับเจตน์ เหมือนที่เจตน์อยู่กับเขา


   ร่างโปร่งขยับตัวเล็กน้อย แล้วพลิกตัวกลับไปหาคนรัก


   “ผมให้พี่ไปหมดแล้ว ผมจะไปไหนได้อีก” ดวงตาในความสลัวของห้อง คือดวงตาที่เปล่งประกายของปกฉัตร ดวงตาคู่นี้คือดวงตาคู่เดียวกับที่เจตน์เคยคิดว่ามันว่างเปล่า ทว่าวันนี้เขารู้แล้ว...มันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ทำให้เขาเต็มตื้น


   เจตน์แตะปลายนิ้วลงกับใบหน้าของคนรักอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วโป้งไล้ที่หางตาอย่างอ่อนโยน


   “ตานี้ของกูนะ”


   “อือ”


ปลายนิ้วเลื่อนจากใบหน้าลงไปตามลำคอ ไปยังลาดไหล่


   “ตัวก็ของกู”


   “อือ”

   แล้วก็เลื่อนมาที่กลางอกแบนราบของปกฉัตร


   “ใจก็ของกู”


   “อือ”


   ดวงตาเรียวยังคงมองจ้องเข้าไปในดวงตาของปกฉัตร


   “บอกรักกูหน่อยสิ...”


“ไม่” คราวนี้ไม่อือ แต่ตอบปฏิเสธพร้อมกับการเบียดตัวเองเข้ากอดเจตน์ราวกับจะดึงดูดความสนใจให้เลิกถาม


“อ้าว!”


“ยอมขนาดนี้ ยังต้องให้พูดอีกรึไง”


“มึงยอมอะไรวะ?! นี่กูจับปล้ำหรอกนะถึงได้มา ไม่งั้นเรียนจบก็ไม่ได้แดก!”


ปกฉัตรอยากเถียงใจจะขาดว่าถ้าเขาไม่ยอม ต่อให้เจตน์จะอยากจับปล้ำแค่ไหนก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ แต่...เอาเถอะ ปล่อยให้เข้าใจไปว่าเจ้าตัวใช้ความพยายามสุดความสามารถจนได้กอดเขาไปนั่นแหละ ไม่ต้องรู้หรอกว่าแท้จริงแล้วโดนเขาอ่อยจนตบะแตก


“นี่จะไม่บอกรักกูจริงเหรอ”


“ไม่” ปกฉัตรยังตอบเสียงเรียบ หมายจะแกล้งให้อีกฝ่ายหงุดหงิดหัวใจเล่น เห็นเจตน์ทำหน้าหงิกหน้างอแล้วน่าเอ็นดูไว้แกล้งจนพอใจเมื่อไร...จะ ‘กระซิบ’ ให้ได้ยินกันสองคน


“อะไรวะ! ทำไมไม่บอกรักกูล่ะ!” ร่างสูงท้วงตามประสาคนเอาแต่ใจ แต่ปกฉัตรซุกอกเขาเงียบ คนอยากได้ยินคำรักเลยต้องพ่นลมหายใจ


“งั้นกูบอกเองก็ได้! กูรักมึง!”


คราวนี้คนที่เล่นตัวทำเป็นไม่ยอมพูดถึงกับชะงัก ปกฉัตรเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของประโยคบอกรักที่ไม่มีที่มาที่ไปด้วยความคาดไม่ถึง


“อ้าว จ้องกูซะงั้น กูพูดอะไรผิดเหรอ” เจตน์เห็นอีกฝ่ายมองเขาตาค้างก็ชักกังวลว่าอาจจะทำอะไรไม่เข้าท่า


“ป...เปล่า...ม..ไม่คิดว่าพี่จะ...” ปกฉัตรพูดไม่ออก ความรู้สึกมันตีขึ้นมาจุกถึงคอ


ประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ประโยคที่ไม่คิดว่ามันจะมาอย่างรวดเร็ว ประโยคที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของเจตน์ ผู้ชายที่แข็งทื่อ ปากไม่ดี และไม่มีความโรแมนติก แต่ผู้ชายคนนั้นกำลังกอดเขาเอาไว้ แล้วบอกรักด้วยคำพูดสั้นๆ เป็นคำพูดสั้นๆที่ไม่มีการเกริ่นนำใดๆ ไม่มีบรรยากาศหรูหรา ไม่มีของขวัญมีค่า มีแค่คำพูดของผู้ชายคนเดียวคนนี้ คำว่า ‘รัก’


“ก็กูถามมึงแล้วมึงไม่พูดนี่หว่า กูก็พูดเองสิ จริงๆ กูเตรียมแหวนไว้ให้มึงด้วย ตอนแรกตั้งใจจะให้แหวนมึงก่อนแล้วค่อยเอา...เอ่อ...คือสวมแหวนก่อนทำอย่างอื่น แต่มึงน่ะ ทำแผนกูล่มทุกที” เจตน์สารภาพ อุตส่าห์อยากจะโรแมนติก แต่ไม่ได้ใช้สักอย่าง ถึงปากจะโทษว่าเป็นความผิดของปกฉัตรที่ทำให้เขาลืมความตั้งใจ แต่แท้จริงแล้วรู้ตัวดีว่าคนที่หน้ามืดตามัวมากกว่าใครก็คือเขานี่ล่ะ


...ก็แหม ไอ้ปกสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จแบบนั้น มายืนอยู่ตรงหน้า ไม่หลงจนหน้ามืดก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!...


“เดี๋ยวกูไปเอามาใส่ให้...” ร่างสูงอยากจะกอบกู้ความโรแมนติกกลับมาสักหน่อย แต่พอจะลุกไปค้นแหวนจากกระเป๋ากางเกง คนที่กอดเขาอยู่กลับกอดไม่ปล่อย


“ปก?” ร่างสูงเรียกชื่อเบาๆ แต่อีกฝ่ายซุกหน้ากับอกเขา แล้วตอนนั้นเองที่รับรู้ถึงน้ำอุ่นๆที่สัมผัสลงกับอก


เจตน์ชะงัก ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลุกไปเอาแหวน


“ร้องไห้เหรอ” คนที่ซุกหน้าอยู่กับอกไม่ยอมเงยขึ้นมา แถมยังส่ายศีรษะไปมา แต่หยาดน้ำอุ่นๆนั่นก็ยังซึมลงกับผิวของร่างสูง จนต้องโอบกอดอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิม


กอดเพื่อให้คนหลั่งน้ำตากับคำพูดของเขามั่นใจ กอดเพื่อให้น้ำเหล่านั้นซึมลงกับหัวใจของเขา จากนี้ไป...ไม่ใช่แค่ร่างกาย ไม่ใช่แค่หัวใจเท่านั้นที่เป็นของเจตน์ แต่น้ำตา...ไม่ว่าจะเสียใจหรือดีใจ ก็ต้องหยดลงกับอกของเจตน์เช่นกัน


หัวใจของผู้ชายคนนี้...จะรับทุกความรู้สึกของปกฉัตรเอง


“กูรักมึงนะ...” ยิ่งย้ำเป็นครั้งที่สอง น้ำตาก็ยิ่งหลั่งไหล ปกฉัตรได้แต่กอดร่างสูงแน่น ซุกหน้าลงกับอกของอีกฝ่าย


ท่ามกลางความสลัวของห้อง นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศแล้วก็มีเสียงสะอื้นจากคนที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเจตน์ และประโยคสุดท้ายที่แสนแผ่วเบาและสั่นเครือของค่ำคืนนี้


“...ผม...ก็รักพี่เหมือนกัน”


ความรู้สึกมากมายที่เก็บเอาไว้มานานแสนนาน ไม่ใช่รักข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว


ความรักของปกฉัตรและเจตน์...มาวันนี้ได้ฟังและได้บอกแล้ว


FIN

พอดีว่าพฤหัสนี้ติดธุระ ก็เลยมาลงก่อน เฮียได้หลังสอบแล้วนะคะ ส่วนน้องปกก็ได้แหวนค่ะ วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย ฮ่าฮ่า

ตอนพิเศษของเรื่องนี้ยังมีอีก วันพฤหัสหน้าจะมาลงอีกค่ะ

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ พื้นที่บอร์ดและทุกกำลังใจเชียร์เฮีย

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-02-2018 21:19:28
ในที่สุด เฮียเจ๋งก็เจ๋งจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 21-02-2018 21:34:48
 :-[ เค้าได้กันแล้วววววววว สไตล์เฮียเจ๋ง 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Wanwann ที่ 21-02-2018 21:47:45
 เฮีย o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-02-2018 21:52:13
นี่นั่งอ่านไปก็ขำเฮียเจ๋งไป ปฏิณานแน่วแน่มากค่ะเฮีย อยากได้ก็ต้องได้!!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 21-02-2018 21:57:13
โง้ยยย ปกน่ารักกกกก อ่อยแบบไม่รู้ตัวหรือจงใจกันน้าา 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-02-2018 22:02:05
ดีใจกับพี่ด้วยจ้าาา 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 21-02-2018 22:55:17
โอ้ยยย รักเรื่องนี้จังเลยงะ :katai2-1:  รอตอนพิเศษใหม่5555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 21-02-2018 22:55:32
จุดพลุให้เฮียยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 22-02-2018 00:33:06
พี่เจ๋งงในที่สุดพี่ก็ทำสำเร็จแล้ว น้องปกนี่เจ้าเล่ห์ ขี้ยั่ว แผนแยบยลมากอยากจับน้องมาตีก้น โถ่ พี่เจ๋งนี่อยู่ในกำมือน้องปกจริงๆค่ะ ขำตรงที่พี่เจ๋งคิดว่าตัวเองทำสำเร็จแต่จริงๆแล้วเป็นเพราะน้องยอมตังหากล่ะพี่ เขินตอนที่พี่เจ๋งไม่ให้น้องปกไปใส่เสื้อผ้า คนบ้า บ้าที่สุดเลย  :jul1:
ในขณะที่พี่เจ๋งได้กินน้องปกแล้ว /ตัดภาพฉายไปที่พี่โจ๊ก ช่างเป็นพระเอกที่น่าสงสารยิ่งนักรอต่อไปนะคะพี่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 22-02-2018 00:51:40
ฮือออสมการรอคอยมากกค่าาาา
อ่านแล้วแบบบบปกยังคงคอนเสปความร้ายยไว้หมือนเดิม เฮียเจ๋งกะไม่ได้รู้เรื่องไรเล้ยยย
ชอบฉากร้องไห้คาอกมากก
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปกร้องไห้
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-02-2018 01:20:46
 :laugh:

เฮียผู้เกี๊ยวกราดตั้งแต่ต้น จนตอนพิเศษ

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-02-2018 09:16:13
น้องก็ยังฉลาดเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 22-02-2018 12:20:07
กรี๊ดดดดดด ความอ่อยนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-02-2018 13:10:05
เคยคิดทันปกฉัตรด้วยเหรอนายเจ๋ง แต่ยังไงก็ยินดีด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 22-02-2018 14:10:23
ดีใจด้วยนะเฮียเจ๋ง :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 22-02-2018 14:45:56
FIN ไวมาก ๆ เลยเฮียสมหวังซะที นึกว่าจะอดซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-02-2018 01:02:42
วิชาอ่อยนี้ ปกได้แต่ใดมา... :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-02-2018 01:43:18
ไม่เห็นขึ้นวันนึกว่าไม่ซะละอาทิตย์นี้ สองมาเปิดดูเอ้าาา ลงแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 23-02-2018 09:32:58
ดีงามต่อใจ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 23-02-2018 14:59:52
ตลกนุ้งปกอ่อย 5555555
เฮียหน้ามืดตามัวมาก จับกดลูกเดียว  :hao7: แต่แอบอยากตีเฮียจริงเชียว -_-
รอตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-02-2018 16:07:21
ออเจ้า..เหตุใดวันที่ตรงชื่อเรื่องไม่เปลี่ยน นึกว่าติดธุระอันใดเสียอีก
ขออภัยกะลังอินกะบุพเพสันนิวาส  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-02-2018 23:36:57
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านไปด้วยใจระทึกกับน้องปก เป็นคนเงียบๆ แต่มีเรื่องให้เราลุ้นตลอดเวลา เอาใจช่วยน้องด้วย
พ่อแม่อาม่าเปิดทางหมด แฟนก็รักก็หลง ใครจะน่าอืจฉาเท่าน้องปกตอนนี้ ขำเฮียหื่น อยากได้แฟน โอ้ย ตลก
ยั่ว ยั่วแน่ๆ 55555คิดถูกค่ะพี่ ชอบเฮียเจ๋งทุกประโยค ขอแค่น้องยิ้มก็มีความสุขละ
ชอบที่แม่สอนน้อง ปกฉัตร คือปกครองทั้งตัวแลหัวใจ โอว มั่นใจว่าปกทำได้แน่นอน

ขอบคุณค่ะ รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-02-2018 02:05:50
น้องปกอ่อยแบบเงียบๆ และเฮียเจ๋งก็กินเรียบ :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-02-2018 08:29:40
ยินดีด้วยค่ะเฮีย...
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 25-02-2018 10:07:07
หลังสอบ!!! วันพฤหัส!!!! :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ความหนักแน่นของเฮียคือของขวัญตอบแทนความพยายามของปก
คนบ้าอะไรตอบโจทย์ ฟลูออบชั่นขนาดนี้น เป็นยันหมาดุ 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 01-03-2018 20:40:09
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………
ตอนพิเศษ ช้างเท้าหน้า


   ใครๆก็ว่า คนที่ชี้นิ้วสั่งอันเป็นคุณลักษณะของ ‘ช้างเท้าหน้า’ ต้องเป็นผู้ชายโผงผาง ปากร้าย อารมณ์ร้อนและหน้าหงิกอยู่เสมอแบบเจตน์ ในขณะที่ปกฉัตรนั้นทั้งเงียบ ทั้งไม่มีปากมีเสียง ดูแล้วอะไรก็ได้ อะไรก็ดี เจตน์ว่ายังไงก็ไม่มีขัดใจเลยสักนิด


   ยกตัวอย่างง่ายๆเช่นช่วงนี้


   กีฬาภายในมหาวิทยาลัยเป็นกีฬาที่แข่งกันระหว่างคณะ มีทั้งแบบทีม แบบเดี่ยว แบบชายล้วน หญิงล้วน และทีมผสม แน่นอนว่าคณะที่ช่วงชิงความเป็นใหญ่ย่อมเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ที่มีนิสิตจำนวนมาก ในขณะที่คณะรัฐศาสตร์...คณะเล็กๆ ทรัพยากรน้อยๆนั้นไม่ต้องพูดถึง เอาเป็นแค่เจียดนิสิตลงครบทุกประเภทกีฬาก็หืดขึ้นคอแล้ว


แถม...ยังมีนิสิตต่างคณะบางคนใช้ความมีอำนาจบาตรใหญ่ห้ามนิสิตคนหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ลงแข่งทุกประเภทกีฬาอีกต่างหาก


   ‘เปียกเหงื่อ เปียกน้ำ ใส่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น กางเกงขากว้าง กูไม่ให้เล่น’


   เจตน์ออกปากตรงไปตรงมากลางโถงตึกเรียนคณะรัฐศาสตร์ชนิดที่ปกฉัตรไม่ต้องขอลงแข่งกีฬาใดอีก แต่...เห็นแก่ความขาดแคลนปริมาณนักกีฬาชาย พ่อหนุ่มบัญชีเลยยอมผ่อนปรนให้หนึ่งอย่าง


   ‘กูยอมให้เล่นเปตองอย่างเดียว’


   สรุป เลยไม่ลงกีฬาสักอย่าง ถือว่าตัดปัญหาไป


   แต่...ถึงจะไม่ได้ลงกีฬาสักอย่าง วันนี้ปกฉัตรก็มาถึงสนามฟุตบอลของคณะตนเองตั้งแต่สี่โมงตรง


เหล่านิสิตชายหญิงเริ่มมายืนรอดูแมทช์เล็กๆระหว่างเจ้าบ้านอย่างรัฐศาสตร์และผู้มาเยือนอย่างคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีแล้ว ปกฉัตรยืนพูดคุยกับรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะตัวเองได้ไม่ถึง 5 นาที ดิษกรก็เดินเลียบๆเคียงๆจากฝั่งบัญชีมาหา


“ปก เฮียให้มาตาม” หนุ่มร่างยักษ์จากคณะคู่แข่งในวันนี้พยายามทำตัวเล็กลีบด้วยความเกรงใจเจ้าถิ่น แต่คนที่ไม่เกรงใจใครเลยคือเจตน์


ร่างสูงใหญ่ยืนจังก้า ตาเรียวจ้องจิกมาจากอีกฝั่งของสนามฟุตบอล ออกคำสั่งทางสายตาให้ปกฉัตรย้ายฝั่งไปอยู่กับบัญชีเดี๋ยวนี้!


คนถูกตามตัวถอนหายใจเบา พยักหน้ากับเพื่อนรักแล้วหันไปลาคนที่กำลังคุยกันอยู่ ก่อนจะยอมเดินไปยังอีกฝั่งของสนาม แล้วพอไปหยุดอยู่ตรงหน้าหนึ่งในนักกีฬาฟุตบอลจากคณะบัญชีที่ชื่อเจตน์ คำถามแรกที่แสนห้วนก็ดังขึ้นทันที


“มึงเชียร์ใคร”


รอบข้างมีแต่เพื่อนของเจตน์ทั้งนั้น และทุกคนก็รู้ว่าปกฉัตรกับเจตน์คบหากันแบบไหน พอมาตั้งคำถามแบบนี้ เสียงโห่เลยดังเกลียว


   “แหม ไอ้เชี่ยเจ๋ง คำถามมึงเหมือนจะเปิดกว้างนะ แต่เสียงมึงจิกซะเหลือช้อยส์เดียว” ธนทัตแซ็ว แม้จะมาจากคณะเศรษฐศาสตร์ที่ไม่มีส่วนได้เสียใดๆกับฟุตบอลแมทช์นี้ แต่ก็มาเพื่อเชียร์เพื่อนสนิทโดยเฉพาะ


“นั่นสิ มึงปล่อยให้น้องได้เลือกคณะตัวเองบ้างเถอะ” การุณจากคณะสัตวแพทยศาสตร์นี่ก็มาเชียร์เพื่อนเช่นกัน


   “เออ แค่นี้น้องมันก็ถูกมึงบังคับให้มาสิงที่บัญชีมากกว่าคณะมันเองอีก” และสุดท้ายอิสระจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ออกตัวว่าไม่ได้มาเชียร์เพื่อน แต่มาสอดส่องแทคติกเก็บไปบอกทีมวิศวะฯที่มีกำหนดจะแข่งกับทีมบัญชีสัปดาห์หน้า


   “แล้วถ้ากูจะให้มันเชียร์กูนี่ผิดตรงไหน”


นั่นไง...มาเจอฝีปากของเจตน์ยิ่งทำเอาคนฟังเก้อหนักกว่า ปกฉัตรทำหน้าไม่ถูก ยิ่งถูกตาเรียวๆจ้องเอาเป็นเอาตายให้เขาตอบท่ามกลางสายตาเพื่อนๆของเจตน์ ก็ยิ่งพูดไม่ออก


   “ว่าไง กูจะลงไปเล่นแล้ว”


พอโดนย้ำ คนถูกบังคับเลยต้องยอมตามใจเอ่ยปากสั้นๆ


   “ตั้งใจเล่นแล้วกัน” 


แล้วคนพูดก็เดินหนีไปนั่งที่เก้าอี้ม้านั่งยาวข้างสนาม ในขณะที่เสียงแซ็วเจตน์ดังตามหลังมาอีกชุดใหญ่ๆ


   “เชี่ยเจ๋ง! ทำหน้าจริงจังในการเล่นด้วยครับ มึงยิ้มปากจะฉีกถึงหูแล้ววววว...”

.....................................

   คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีขึ้นนำ 1 ประตูต่อ 0 


คนยิงไม่ใช่ใครที่ไหน ศูนย์หน้าของคณะอย่างเจตน์นั่นเอง เสียงตะโกนเชียร์คนยิงประตูที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นดิษกรที่อยู่ในฐานะตัวสำรอง ในขณะที่เจ้าของคณะตัวจริงอย่างปกฉัตรนั่งดูเงียบๆ


ใจหนึ่งก็อยากให้รัฐศาสตร์ได้แต้มบ้าง อย่างน้อยเสมอก็ยังดี แต่อีกใจก็ไม่อาจละสายตาไปจากร่างสูงใหญ่ที่วิ่งอยู่ในสนามได้เลย


   “ไม่น่าเชื่อ มึงมาดูบอลด้วย” เสียงหนึ่งดังปลุกสติให้ปกฉัตรต้องละสายตาไปมอง คนทักคือเพื่อนร่วมคณะร่วมภาควิชาที่เรียนคลาสเดียวกันบ่อยๆชื่อภาณุ


   “ก็...คณะเราแข่งทั้งที”


   “แข่งแบบไม่หวังผลน่ะสิ นี่บัญชีนำไปกี่ลูกแล้ว” ภาณุเดินเข้ามายืนข้างๆปกฉัตรที่นั่งอยู่แล้วชวนคุย


   “1-0”


   “มึงว่ามีโอกาสเสมอมั้ย พี่แกรนด์ รปศ. กับพี่กต ไออาร์เล่นบอลเก่งนะเว้ย ที่ใส่เสื้อเบอร์ 7 กับ 4 น่ะ แต่ที่เหลือนี่อย่าให้พูด เล่นเพราะใจรัก แต่ไร้ฝีมือล้วนๆ”


ปกฉัตรหัวเราะเบาๆกับคำพูดของเพื่อนร่วมคณะที่ชวนคุย แต่อึดใจต่อมาก็ต้องสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่เพราะอยู่ดีๆ ลูกบอลก็พุ่งข้ามหัวเพื่อนของเขาไปนิดเดียวชนิดว่าเส้นยาแดงผ่าแปด ปกฉัตรรีบหันกลับไปมองในสนาม สบตากับเจตน์ที่มองมา ก่อนที่เสียงโวยวายของสมาชิกทีมคณะบัญชีจะดังขึ้น


   “ไอ้เชี่ยเจ๋ง! มึงเตะออกนอกสนามทำไมวะ พวกกูอยู่นี่!”


   “พอดีตีนกระตุก” 


เกมในสนามดำเนินต่อไปแล้ว แต่คราวนี้ดิษกรย้ายมายืนขวางกลางระหว่างปกฉัตรและเพื่อนชายจากคณะรัฐศาสตร์ ก่อนจะหันไปอธิบายสั้นๆให้คนเกือบโดนบอลเตะอัดหัวได้เข้าใจ


   “กูไม่อยากเห็นหมีตกมันตอนนี้ ขอคั่นกลางก็แล้วกันนะ”


   ไม่ต้องชี้เป้าว่าใครคือ ‘หมีตกมัน’ ที่ว่า เพราะเจ้าของเดียวกับ ‘ลูกบอลตีนกระตุก’ เมื่อครู่นี้เอง!

.......................................

   การแข่งขันฟุตบอลจบลงที่สกอร์ 3-1 คณะไหนชนะขาดไม่ต้องบอก เพราะหลังจากการเตะลูกออกนอกสนามครั้งนั้น ก็ดูเหมือนศูนย์หน้าที่ชื่อเจตน์จะยิ่งบุกหนักหน่วง ยิ่งเพิ่มอีก 1 แถมจ่ายให้เพื่อนยิ่งอีก 1


   “อาทิตย์หน้าเจอกับวิศวะฯ เอาให้ได้แบบนี้นะเฮีย!” ดิษกรพูดกับรุ่นพี่ร่วมคณะที่กำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่ม


   “มึงดูด้วย วิศวะฯมีเด็กกี่พันคน แล้วบัญชีมีเด็กกี่ร้อยคน พวกแม่งเกณฑ์แต่นักกีฬามหา’ลัยมาเล่น เอาแค่ให้มันชนะไม่เกิน 2 ลูกก็พอเหอะ” เจตน์ตอบแล้วโยนขวดน้ำให้ปกฉัตรที่นั่งอยู่ตรงหน้าไปถือไว้ ก่อนที่จะถอดเสื้อบอลที่แฉะชื้นไปด้วยเหงื่อออก ทำเอาคนที่ระดับสายตาพอดีกับช่วงเอวหนาแข็งแรงถึงกับชะงัก


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองขึ้นไปถึงแผ่นอกล่ำ แล้วลงมายังหน้าท้องทีมีซิกแพ็คจางๆ และไรขนอ่อนที่หายลงไปใต้ขอบกางเกงบอล ปกฉัตรเม้มปากแน่นพยายามเบี่ยงสายหนีไปมองทางอื่น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบกลับมาสำรวจแผ่นอกเปล่าเปลือยของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง


   เจตน์เห็นสายตาที่จับจ้องร่างกายเขาแล้วก็กระตุกยิ้มก้มลงกระซิบใกล้ๆคนที่ยังสำรวจร่างกายเขาอย่างไม่รู้ตัว


   “มึงอย่ามองกูแบบนั้น เดี๋ยวจากที่ว่ากูจะปล่อยให้นอนตอนเที่ยงคืน มึงจะไม่ได้นอนจนเช้า”


คำพูดนั้นปลุกสติให้ปกฉัตรผงะถอยห่าง เหลือบดวงตาตื่นๆขึ้นมองสบกับดวงตาเจ้าเล่ห์ของร่างสูงแล้วก็ต้องรีบหันหน้าหนี เจตน์ก็เลยแกล้งเอาเสื้อบอลชื้นๆของตัวเองโยนใส่ศีรษะคนที่หลบสายตาเขา ได้ผล...เพราะปกฉัตรดึงเสื้อออกแล้วหันมาดุ


   “เหม็นเหงื่อ”


   “เดี๋ยวมึงจะได้เจอยิ่งกว่าเหงื่อ” ร่างสูงชี้หน้า ปกฉัตรเลยได้แต่เงียบเพราะยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัว ปล่อยให้เจตน์เช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วหยิบเสื้อตัวใหม่มาสวมแทนตัวเดิม


   “เฮียเจ๋งเอาไง เฮียไทจะเลี้ยง ไปกินกันเปล่า” ดิษกรที่ผลุบหายไปตกลงนัดแนะกับเพื่อนสนิทของเจตน์ หันกลับมาถาม คนทั้งคู่หันมองหน้ากันเหมือนจะถามความเห็นด้วยสายตา ก่อนที่ร่างสูงจะเป็นคนตอบ


   “ไป” เมื่อคำตอบของเจตน์เป็น ‘ไป’ คำตอบของปกฉัตรก็ย่อมเป็นอย่างอื่นไม่ได้


ก็บอกแล้ว...ช้างเท้าหน้าน่ะ ‘เจตน์ บัญชี’ อยู่แล้ว!

.................................

   ร้านอาหารที่พวกเขาแวะมาทานอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก มื้อนี้มีธนทัตจากคณะเศรษฐศาสตร์ออกตัวเป็นป๋าเลี้ยง อันเนื่องมาจากการพนันขันต่อเมื่อแมทช์ก่อนหน้านี้ ที่เจตน์พาคณะบัญชีทุบประตูคณะเศรษฐศาสตร์ไปได้ 2-0 คนแพ้เลยต้องเลี้ยงข้าวเพื่อนรักเป็นการตอบแทน ซึ่งพอมีคนออกตัวว่าจะเลี้ยงโทษฐานแพ้พนัน ผองเพื่อนที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมเลยเฮโลกันมาถล่มธนทัตเต็มที่


   เสียงพูดคุยดังโล้งเล้งตามประสาโต๊ะของชายหนุ่มวัยคึกคะนอง ดิษกรซึ่งนอกจากจะเป็นคนอัธยาศัยดีแล้วยังรู้จักสนิทสนมกับคนทั้งโต๊ะ เลยอาศัยความทะเล้นทโมนคุยเรื่องตลกโปกฮาอย่างครื้นเครง ปกฉัตรเองถึงแม้จะเป็นคนเงียบๆ ไม่ช่างพูดช่างคุย แต่ก็อดหัวเราะตามมุกทะลึ่งตึงตังไม่ได้


   “จะไปห้องน้ำนะ”


กินกันได้พักใหญ่ ปกฉัตรก็หันไปบอกดิษกรที่กำลังหัวเราะอยู่กับเรื่องเล่า เพื่อนร่างยักษ์พยักหน้าหงึกหงักไม่ได้สนใจเท่าไร ทว่าพอร่างโปร่งลุกขึ้น เจตน์ก็หันไปถามทันที


   “ไปไหน” คำถามไม่ดังเพราะเสียงหัวเราะและเสียงแย่งกันพูดของคนอื่นๆดังกว่า


   “ห้องน้ำ” คำตอบของปกฉัตรทำเอาร่างสูงมองไปรอบๆร้าน แต่ไม่เห็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำ เขาก็เลยลุกตาม


   “ไปด้วย” แล้วทั้งคู่ก็เดินหายออกไปด้วยกัน ทำเอาเรื่องที่คนทั้งโต๊ะกำลังคุยกันถึงกับหยุดกะทันหัน ทุกสายตามองตามแต่คนที่เพิ่งออกจากโต๊ะไป


   “ไอ้เจ๋งตามต้อยๆเลยเว้ย พ่อช้างเท้าหน้า” ธนทัตเปรยอย่างชอกช้ำ ไหนใครๆก็ว่าเจตน์เป็นช้างเท้าหน้า แต่ภาพที่เห็นนี่มันเท้าหลังชัดๆ!


   “เฮ้ย เรื่องสัตว์ให้ถามกู โหวงเฮ้งไอ้เจ๋งนี่ช้างเท้าหน้าชัวร์! มึงเห็นมันเตะบอลเปล่าล่ะ โชว์สกิลเท้าหน้า ตีนกระตุกเตะบอลเฉี่ยวหัวคนที่มาคุยกับน้องปกเฉ้ย!” อนาคตสัตวแพทย์หนุ่มอย่างการุนพยายามกอบกู้ศักดิ์ศรีเพื่อนสนิทอย่างเต็มที่


   “เชี่ยการุน ที่ตีนไอ้เจ๋งกระตุกเพราะมันหึงเว้ย!” อิสระหันมาขยี้มุกเพื่อน


   “แต่พักหลังมานี่ ไอ้เจ๋งก็สมควรตามหึงจริงๆแหละ น้องปกนั่งคนเดียวทีไร ฟีโรโมนฟุ้งทุกที”


   “โฮ เฮียไท พูดซะหื่น นั่นเมียเฮียเจ๋งนะ”


   “เออ สถานะนี้น่ากลัว กลัวแม่งตีนหน้ากระตุกอีก” เสียงหัวเราะดังครืนทั้งวง ก่อนที่หัวข้อจะถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแทนเมื่อทั้งเจตน์และปกฉัตรเดินกลับมา โดยที่คนทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้รู้แม้แต่นิดเดียว ว่าเมื่อกี้ถูกนินทาเผาขนไปกี่ร้อยเส้นแล้ว

................................

   อิ่มหนำสำราญกับมื้อเย็นที่ธนทัตจ่ายทุกบาททุกสตางค์ การแยกย้ายก็มาถึง


   “มึงกลับยังไง” ปกฉัตรหันมาถามเพื่อนรักร่างหนาที่เดินออกจากร้านพร้อมกัน


   “เอารถกลับ กูกินไปแก้วเดียวเอง มึงไปด้วยกันสิ” คนถูกชวนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าไปมา


   “กู...ต้องไปคอนโดเฮียมึง” ดิษกรทำตาโตจ้องเพื่อนสนิทอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่พอดีมีโทรศัพท์เข้ามา ปกฉัตรเลยเดินหลบไปรับ สายตาของของเขาเลยมาตกกับเจตน์แทน


“วันนี้ไอ้ปกไปคอนโดเฮียเหรอ”


   “อือ”


   “เพื่อนผมมันก็มีบ้านมีช่องอยู่นะเฮีย ปล่อยมันกลับบ้านมันบ้าง”


เจตน์แสยะยิ้มหัวเราะหึแล้วเหลือบตามองไปที่ร่างโปร่งที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล


   “ช่วงนี้กูแข่งบอล”


   “เฮียแข่งบอลแล้วเกี่ยวอะไรกับไอ้ปกล่ะ”


   “ก็...กูยิงได้เท่าไร กูเอาจำนวนลูกคูณ 3 น่ะสิ” แล้วเขาก็หัวเราะชอบใจ ดิษกรถึงกับอ้าปากค้าง ไม่ต้องให้รุ่นพี่ร่วมคณะพูดให้ครบทั้งประโยค ก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าเจตน์เอาจำนวนลูกคูณด้วย 3 แล้วเอาผลลัพธ์ไปทำอะไรต่อ


   “เดี๋ยวนะ...เมื่อสามวันก่อนคณะเราชนะเศรษฐศาสตร์ใช่มั้ย”


   “อือ 2-0” นักบอลคณะตำแหน่งศูนย์หน้าตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ


   “แล้วเฮียยิงไปกี่ลูก” มาถึงตรงนี้หนุ่มตี๋ตาเรียวยิ้มร้ายหนักกว่าเดิม


   “2”


   “แล้ววันนี้...คณะเราก็ชนะรัฐศาสตร์อีก?”


   “เออ 3-1”


   “แล้ว...เฮียยิงไป...”


   “2”


   “เช็ดดดดดดดด!...2 คูณ 3 กับ 2 คูณ 3...” สูตรคูณง่ายๆ แต่หาคำตอบยากขึ้นมาทันที เจตน์หัวเราะร้าย


   “ไม่ต้องห่วง กูเป็นคนใจดีให้แบ่งจ่ายได้ แค่คิดดอกเบี้ยเพิ่มไปวันละ 1 ครั้งเท่านั้นเอง นัดที่เจอกับเศรษฐศาสตร์ เพื่อนมึงเหลืออีก 2 ยังจ่ายไม่หมด นับดอกของวันนี้อีก 1 กลายเป็น 3 แล้วนัดนี้กูยิงได้อีก 2 ก็เป็น 6 อืม...3 บวก 6 ก็...” ดิษกรอ้าปากค้างพูดไม่ออก เหลือบไปมองเพื่อนรักที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่แล้วก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมอากาศร้นตับแลบ แต่ปกฉัตรแต่งตัวมิดชิดนัก!


   2 หนุ่มจากคณะบัญชีไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะคนที่เดินหลบไปคุยโทรศัพท์เดินกลับมาพอดี


   “ใครโทร.มา” เจตน์หันไปถาม


   “ไอ้ชาร์ป พรุ่งนี้มันจะเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุด ให้ไปยืมต่อจากมัน จะได้ใช้ทำเปเปอร์อาจารย์พุธ” ปกฉัตรตอบ แม้จะไม่ใช่คำตอบยาวๆ แต่ก็ทำเอาเพื่อนรักอย่างดิษกรที่สนิทสนมรู้จักนิสัยคนเงียบๆถึงกับมองตาไม่กะพริบ และนั่นทำเอาปกฉัตรต้องหันมามอง


   “มีอะไร ดิษ”


   “มึงบอกเฮียเจ๋งทุกอย่างเลยเหรอ” ไม่ใช่อะไร แต่ดิษกรไม่คิดว่าปกฉัตรจะพูดทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องถูกถาม ร่างสูงหันมามองรุ่นน้องร่วมคณะ


   “ก็ลองมันไม่บอก กูก็ต้องถามอยู่ดี ใครโทร.มา โทร.มาทำไม ดึกๆดื่นๆไม่รู้จักเวล่ำเวลา ที่บ้านไม่มีนาฬิการึไง” ประโยคหลังๆนั่นเป็นความปากเสียล้วนๆ ปกฉัตรชินแล้ว และเพราะชินเลยออกปากเล่าก่อนที่จะถูกถาม


   ดิษกรทำปากจุ๊ย์ๆอย่างคาดไม่ถึง เขามองเจตน์และปกฉัตรคุยกันไม่กี่คำ ร่างโปร่งก็หันมาลา หนุ่มบัญชีร่างยักษ์ได้แต่มองตามปกฉัตรที่เดินตามเจตน์ไปที่รถต้อยๆ แล้วหันไปทางเพื่อนๆของเจตน์ที่มองตามกันตาไม่กะพริบ


   “เฮียเจ๋งนี่ช้างเท้าหน้าแน่ใช่มั้ย”


   “เหมือนๆว่าจะเป็นงั้นว่ะ”


   “แต่น้องปกนี่ชัดๆเลย ช้างเท้าหลังชัวร์ๆ ตามใจไอ้เจ๋งฉิบหาย”


   “แต่ทำไมผมรู้สึกว่าเพื่อนผมไม่น่าจะเป็นเท้าหลังที่ดีเลยวะ เฮีย”


   ดิษกรคิดว่าตัวเองรู้จักเพื่อนสนิทดีพอ ปกฉัตรอาจจะดูไม่มีปากมีเสียง แต่...คนไม่มีปากเสียงแบบนี้สิ เป็นควาญช้างกันมานักต่อนักแล้ว!

.........................................
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 01-03-2018 20:40:30
ปกฉัตรมาค้างคอนโดของเจตน์หลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ร่างสูงแข่งกีฬา เขาก็แทบไม่ได้กลับไปนอนที่บ้าน นอกจากข้อตกลงที่เขาจะ ‘ให้’ ตามคะแนนที่เจตน์ทำประตูได้แล้ว หลังเล่นกีฬาเสร็จแบบนี้ อีกฝ่ายยัง ‘ต้องการ’ มากกว่าทุกทีด้วย


   ดูเหมือนเขาจะเสียเปรียบอยู่เรื่อย แต่...ถ้ามันเป็นความพอใจของปกฉัตรเช่นกัน ก็ควรจะเรียกว่าได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบไม่ใช่หรือ


   อ้อมแขนร้อนกอดรัดทันทีที่ประตูห้องปิดลง ริมฝีปากจู่โจมลงกับติ่งหู แม้จะใส่เสื้อปิดคอ แต่เจตน์ก็ยังรั้งคอเสื้อออกแล้วลากริมฝีปากและจมูกลงมาดูดดึงผิวเนื้ออ่อน


   “พี่...อ๊ะ...อย่าเพิ่ง...” ได้ยินเสียงอู้อี้ตอบกลับมา ขณะที่ร่างของเขาถูกกดแนบให้รับรู้ความต้องการของคนที่ซ้อนกอดจากด้านหลัง


   “อื้อ...พี่ อาบน้ำก่อน...” เสียงอู้อี้ตอบกลับมาอีก มือหนาสอดล้วงเข้ามาในเสื้อแล้ว


   “พี่...เหม็นเหงื่อนะ...” คราวนี้มือหยุดชะงัก สัมผัสร้อนที่ต้นคอผละจากไป พร้อมกับที่อ้อมกอดจากด้านหลังคลายตัวอ่างรวดเร็ว ปกฉัตรไม่ทันหันไปมอง คนถูกขัดใจก็ผุนผันเดินตึงตังหนีขึ้นชั้นบนไปแล้ว


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองตามแล้วส่ายศีรษะ รอยยิ้มจางเผยที่ริมฝีปาก ปกฉัตรไม่ได้เดินตามขึ้นไปในทันที เพราะของแบบนี้...ทิ้งระยะสักหน่อย ให้โหยหากันมากกว่านี้อีกนิด แล้ว...ความต้องการของเจตน์ทั้งหมดจะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

................................

   เสียงน้ำจากฝักบัวด้านในห้องน้ำเงียบไปแล้ว ปกฉัตรเปิดประตูเข้าไปช้าๆ เขาเห็นร่างสูงใหญ่กำลังสระผมอยู่ใต้ฝักบัวที่ถูกปิดน้ำเอาไว้


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องแผ่นหลังกว้างที่มีกล้ามเนื้อสมส่วนของคนรัก ผิวขาวเหลืองแบบลูกหลานคนจีนทำให้เห็นร่องรอยที่ปกฉัตรทิ้งเอาไว้บนแผ่นหลัง


   ไม่รู้ว่าเจ็บบ้างรึเปล่า เวลาโดนน้ำแล้วแสบบ้างไหม แต่...เวลาถูกกอด เวลาถูกทำให้อึดอัดคับแน่น เวลาถูกปลุกปั่นอารมณ์ให้ลุกไหม้ มันก็ยั้งใจไม่ได้...ที่จะกอดร่างของพี่ให้แน่นขึ้น อดไม่ได้ที่จะฝากฝังรอยเล็บเอาไว้กับแผ่นหลัง ยามใดที่พี่ถอดเสื้อ ก็อยากให้มีตาสักร้อยคู่มาเห็นว่าผู้ชายคนนี้ถูกจับจองแล้ว มีเจ้าของแล้ว


   และเจ้าของก็คือปกฉัตรคนนี้


   มือขาวเอื้อมไปแตะแผ่นหลังเบาๆ ปลายนิ้วลูบรอยเล็บที่เขาฝากเอาไว้


   ...จงใจ ตั้งใจ เพราะช่วงนี้พี่เตะบอล...


   ...คนขี้ร้อนอย่างพี่ เตะบอลเสร็จก็ต้องถอดเสื้อ ต่อให้จะมีสายตาไม่ถึงร้อยคู่ทันเห็นรอยพวกนี้ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีสักคน ต้องมีสักคนที่จะเอาไปเล่าต่อ บอกกันปากต่อปากว่าพี่เป็นของใคร...


   “ผม...อาบน้ำให้นะ” ปกฉัตรเอ่ยเบาๆ ไม่มีเสียงตอบจากคนที่กำลังสระผม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย ร่างโปร่งกดสบู่เหลวอาบน้ำใส่มือ แล้วถูลงบนแผ่นหลังกว้างเบาๆ ลูบไล้จากไหล่ซ้ายไปขวา ก่อนจะไล้ลงตามแนวกระดูกสันหลังไปจนถึงบั้นเอว เพียงเท่านั้นคนที่ยืนหันหลังให้เขาถูสบู่ก็หมุนตัวหันมาประจันหน้ากัน


   เจตน์ตัวเปล่าทั้งเปียกน้ำและหลังเต็มไปด้วยสบู่ ในขณะที่บนศีรษะก็ยังมีฟองแชมพูเต็มผม


   ปกฉัตรยังสวมเสื้อผ้าครบชุด และแทบจะไม่เปียกเลย


   “นี่มึงตั้งใจเข้ามาอาบให้กูรึเปล่า” คนอารมณ์ไม่ดีเพราะถูกขัดใจไม่ให้กอดออกปากอย่างหงุดหงิด ทว่าร่างโปร่งกลับยิ้มน้อยๆ


   “ตั้งใจสิ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่มือขาวยื่นไปกดสบู่มาอีก จากนั้นก็ค่อยๆถูลงบนแผ่นอกหนา อย่าว่าแต่แผ่นหลังของร่างสูงจะมีรอยเล็บของเขาเลย แผ่นอกก็มีรอยประปรายเช่นกัน


   ผู้ชายคนนี้เป็นของเขา ไม่ใช่แค่แผ่นหลังหรือหน้าอก แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวทั้งหัวใจ เป็นของเขาแต่เพียงคนเดียว


   “วันนี้เหนื่อยไหม” ปกฉัตรถามเบาๆ ฝ่ามือลูบสบู่แล้วนวดเบาๆไปด้วย


   “กูเตะบอล ไม่ได้นั่งเฉยๆ จะได้ไม่เหนื่อย” แต่คนยังหงุดหงิดก็ยังเป็นคนหงุดหงิดวันยังค่ำ ยิ่งปกฉัตรมาอาบน้ำให้ทั้งๆที่เสื้อผ้าครบชุดแบบนี้ยิ่งน่าน้อยใจเข้าไปใหญ่


   อยากกอดก็ไม่ให้กอด แถมยังบ่นว่าเหม็นเหงื่ออีก แล้วไหนจะมาอาบน้ำให้แบบเสื้อผ้าครบชุด ดูไม่ไม่ตั้งใจจะ ‘อาบด้วยกัน’ เลยสักนิด


   “พี่เตะบอลเก่งมากเลยนะ” เจอชมเข้าไปหนึ่งประโยค คนกำลังหงุดหงิดก็ถึงกับชะงัก ก้มลงมองคนที่ยังถูสบู่ไปตามแขนเขา


   “มึงเชียร์กูรึเปล่า” คราวนี้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมาสบ ที่มุมปากยกขึ้นน้อยๆเป็นรอยยิ้มที่ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น


   “คณะผมแข่งกับพี่นะ” 


เหมือนจะบอกกลายๆว่าไม่อยากทรยศคณะตัวเองเลย


   “แล้วมึงเชียร์กูมั้ย” เจตน์ถามย้ำ แต่อีกฝ่ายเหมือนดึงเวลา หันไปปลดฝักบัวลงมาจากเสาแล้วเปิดน้ำมาล้างสบู่บนร่างกายของคนรักให้


   “ปก...” ร่างสูงเรียกซ้ำตามประสาคนใจร้อน ปกฉัตรยิ้มจาง


   “หลับตาก่อนแล้วก้มลงมาด้วย จะล้างแชมพูให้” เจตน์ไม่อยากทำตาม แต่พอมืออีกฝ่ายดึงแขนเขาเบาๆ ก็ก้มตัวลงให้แต่โดยดี เขาปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวชะล้างฟองแชมพูออกไปได้ไม่เกิน 3 นาทีก็เงยหน้าขึ้น เอามือเสยผมลวกๆ


   “มึงยังไม่ตอบกูเลย สรุปว่าเชียร์กูรึเปล่า” ร่างโปร่งหัวเราะเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนพราวระยับ ขยับตัวเข้าใกล้ร่างที่เปียกปอนของคนรัก


   “ผม...ก็เชียร์พี่อยู่คนเดียว แล้วก็เชียร์มาตลอดด้วย อ๊ะ!...”


สิ้นประโยคนั้น ร่างโปร่งก็ถูกคว้าเข้าไปกอด ฝักบัวในมือขาวตกลงแกว่งไปมา สะบัดน้ำสาดกระเซ็นไปทั้ง ทว่า...ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากคนทั้งคู่ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์รักได้เลย

..........................

 สัปดาห์ถัดมาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีโคจรมาเจอกับคณะที่ไม่มีใครอยากจะพบปะในกีฬาทุกชนิด...คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มีปริมาณนิสิตชายมากที่สุดในมหาวิทยาลัย ถึงแม้ฝ่ายบัญชีจะมีกองหน้าอย่างเจตน์ แต่สุดท้ายก็แพ้วิศวะฯไป 4-1


“ไอ้เชี่ยอิส! มึงไปบอกพี่มึงเลยนะ! ถ้าจะเกณฑ์มาทั้งทีมฟุตบอลมหา’ลัย ทีหลังคณะมึงรอรับเหรียญทองอย่างเดียว ไม่ต้องแข่งกับใคร!” เกมจบอารมณ์ไม่จบ เพราะเจตน์ฝากความปรารถนาดีไปกับอิสระเพื่อนสนิทซึ่งอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์


“เพื่อนเจ๋งแพ้แล้วอย่าพาลคณะกูสิครับ” อิสระรีบเถียงช่วยคณะตัวเอง


แน่นอนว่าระหว่างที่วิศวะฯกับบัญชีฯแข่งกันอยู่ เสียงเชียร์คณะวิศวะฯที่ดังที่สุดก็มาจากปากเขานี่แหละ ส่วนเสียงเชียร์คณะบัญชีฯที่เบาที่สุดเป็นของใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ร่างสูงโปร่งจากคณะรัฐศาสตร์ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆกับเกมนี้แต่ถูกบังคับให้มานั่งดู


ปกฉัตรนั่งดูเงียบๆ ถึงแม้ว่าดิษกรที่นั่งข้างๆจะส่งเสียงดังแค่ไหน แต่คนเงียบๆก็ทำเพียงมองตามร่างสูงใหญ่ที่วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ในสนาม และเวลานี้คนที่มีพลังเหลือเฝืออยู่ในสนามก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ถอดเสื้อที่ชื้นเหงื่อออกมาเช็ดเนื้อตัวในขณะที่ปากก็คุยกับเพื่อนสนิท จนกระทั่งเสียงเล็กๆดังขึ้น


“พี่เจ๋งคะ” เสียงผู้หญิงทำเอาทั้งกลุ่มเงียบกริบแล้วหันขวับไปมองทันที หญิงสาวร่างผอมบางหน้าตาสวยหวานเจ้าของเสียงส่งยิ้มบางเบามาให้


“อ้าว ส้ม” ดิษกรรีบเสนอหน้าเข้าไปชวนคุยตามประสาหนุ่มๆที่อยากจะมีเรื่องพูดคุยกับสาวๆร่วมคณะ


เพื่อนร่วมรุ่นส่งยิ้มให้คนทักทีหนึ่ง ก่อนจะเหลือบตาหวานๆมามองเจตน์อย่างเขินๆ แล้วยื่นขวดน้ำเกลือแร่เย็นเจี๊ยบให้


“ส้มเรียนคณะเดียวกับพี่ค่ะ วันนี้เลยมาเชียร์ แล้วก็...เอาน้ำมาให้ด้วยค่ะ” คราวนี้สายตาทุกคู่ของเพื่อนทุกคนรวมทั้งดิษกรและรุ่นน้องอย่างปกฉัตรพร้อมใจกันมองมาที่เจตน์


“ขอบใจนะ แต่พี่มีแล้ว” แล้วหนุ่มรุ่นพี่ก็ชี้ไปที่ปกฉัตรซึ่งนั่งมือเปล่า ไม่มีน้ำสักขวดนอกจากกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ข้างกาย


“แต่...นี่น้ำเย็นนะคะ” หญิงสาวรุ่นน้องพยายามเสนอน้ำเย็นจัดในมือให้ ทว่าเจตน์กลับส่ายหน้า


“มีแล้ว” หล่อนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มจางแต่นัยน์ตาเศร้าให้


“พี่เจ๋ง...รับหน่อยได้มั้ยคะ”


“ถ้าให้รับ จะเอาไปให้คนอื่นนะ”


เจตน์ตอบ จงใจไม่ให้ความหวังแต่ก็ยังรักษาน้ำใจอีกฝ่าย แม้วิธีนี้จะเป็นการรักษาน้ำใจที่แห้งแล้งมากก็ตามที หญิงสาวไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้า เจตน์เลยรับขวดน้ำมาแล้วส่งต่อให้ดิษกร


“อ้อ...เรียกเฮียว่าเฮียเจ๋งนะ ไม่ชอบให้คนอื่นเรียกพี่” เขาหันมาบอกกับสาวรุ่นน้อง


“เหรอคะ เอ่อ...ส้ม...เคยได้ยิน...” หล่อนเหลือบไปมองปกฉัตร จำได้ว่าเคยได้ยินอีกฝ่ายเรียกเจตน์ว่าพี่


หนุ่มตี๋ตาเรียวมองตามสายตาหญิงสาวไปที่คนรักของเขา ก่อนจะพูดเรียบๆ


“เฮียให้ไอ้ปกเรียกว่าพี่ได้คนเดียว” เป็นอันเข้าใจแจ่มแจ้งในทุกความข้องใจ คนเพียงคนเดียวที่มีอภิสิทธิ์เหนือใครคือปกฉัตร


“ค...ค่ะ งั้นส้มไปก่อน แล้วไว้เจอกันนะคะ...เฮียเจ๋ง ดิษ” แล้วหล่อนก็รีบหมุนตัวเดินกลับไปหาเพื่อนๆ พอพ้นหลังสาวน้อย คราวนี้ทั้งกลุ่มเงียบกริบไม่มีใครกล้าพูดอะไร ต่างส่งสายตาพากันมองไปที่ปกฉัตรที่นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆกระเป๋าเป้


“น้ำกูล่ะ” และคนที่ส่งเสียงขึ้นมาก่อนก็คือเจตน์ แถมแบมือตรงหน้าร่างโปร่งบาง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบขึ้นมอง ก่อนจะเบือนไปยังขวดเกลือแร่ในมือดิษกร


“ก็นั่นไง” น้ำเสียงเรียบๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่เจ้าตัวกลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่นิดเดียว


“กูบอกว่าจะเอาน้ำกู” เจตน์ย้ำคำเดิม


“ก็ที่คนเมื่อกี้เขาให้ไง จะเอาอย่างอื่นทำไม”


“น้ำ-กู” พอถูกย้ำเสียงแข็งอีกครั้ง ปกฉัตรเลยต้องยอมเปิดกระเป๋าเป้ของตัวเองหยิบน้ำเปล่าที่ซื้อเอาไว้จนหายเย็นออกมาส่งให้ เจตน์รับไปเปิดขวดดื่มไปครึ่งหนึ่ง แล้วส่งคืนแต่ขวด ยังถือฝาเอาไว้


“พี่เอาฝามาสิ”


“ตั้งแต่มานี่ มึงกินน้ำบ้างรึยัง” ปกฉัตรส่ายหน้าแทนคำตอบ


“งั้นก็กินให้หมด จะได้ไม่ต้องถือกลับ” เจตน์สั่ง แล้วยืนเฉยเหมือนจะรอให้ปกฉัตรดื่มน้ำอีกครึ่งขวดให้หมด ร่างโปร่งยอมยกขวดกระดก แต่กินได้ไม่มากก็ส่งคืน


“ไม่กินแล้วเหรอ” พอปกฉัตรส่ายหน้าอีกครั้ง ร่างสูงถึงยอมกระดกน้ำที่เหลือเข้าปาก ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ข้างกายคนรักขึ้นมาสะพายไหล่แล้วหันกลับไปบอกเพื่อนๆคนอื่น


“พวกกูกลับก่อนละกัน” แล้วหันไปพยักหน้าให้ปกฉัตรลุกตามไป ร่างโปร่งลาดิษกรและเพื่อนสนิทของเจตน์แล้วถึงได้ก้าวเท้าเดินตามร่างสูงๆที่สะพายเป้เดินนำ แต่เดินนำได้ไม่กี่อึดใจสุดท้ายก็หยุดรอให้ปกฉัตรก้าวเท้าเดินทัน คนทั้งคู่เดินเคียงกันไปก่อนจะหายลับไปทางลานจอดรถ


เมื่อนั้นเสียงของเพื่อนและรุ่นน้องของเจตน์ก็ดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่


“ไหนใครบอกว่าเพื่อนกูช้างเท้าหน้า หน้ามือเป็นหลังตีนสิไม่ว่า เกรงใจน้องปกขนาดนี้ ใครก็ได้จ้างไอ้เจ๋งไปเล่นเป็นพระเอกที!”

.......................................

   เจตน์เหลือบตามองคนที่นั่งข้างกันในรถยนต์ที่ขับออกมาจากคณะ แสงไฟเพียงเล็กน้อยจากภายนอกรถทำให้เขามองคนรักไม่ชัดนัก แต่ที่รู้ๆคือหัวใจของเขาไม่สงบเอาเสียเลย


   ปกฉัตรจะคิดมากเรื่องรุ่นน้องร่วมคณะที่เอาน้ำมาให้รึเปล่า ปกฉัตรจะไม่พอใจมั่งมั้ย ปกฉัตรคนเงียบๆ ที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยแสดงออกอะไร แต่...ปกฉัตรคนนี้ คือคนที่เจตน์ห่วงใยความรู้สึกที่สุด


   รถยนต์เลี้ยวซ้ายเข้าสู่อาณาเขตของคอนโดหรูใจกลางเมือง คนนั่งหน้าข้างคนขับก็ยังคงทำทุกอย่างอย่าเงียบๆ รอรถจอดสนิท ปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูลงจากรถ เดินไปเปิดกระโปรงหลังหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเอง แล้วก็เดินตามเจตน์ไปที่ลิฟต์อย่างเงียบๆ


   เป็นเจตน์ที่ทั้งกังวล ทั้งเป็นห่วง แต่...จะทำอย่างไรดีให้ปกฉัตรหันมาสนใจกัน


   “ปก...” เขาเรียกแล้วคว้าแขนคนรักเอาไว้ทันทีที่เข้ามาในห้องและปิดประตูลงแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลจางที่เหลือบมองทำเอาร่างสูงตัดสินใจดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด ปกฉัตรชะงักไปนิด แต่ก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดอย่างเงียบๆ


   ตอนแรกตั้งใจจะง้อปกฉัตร แต่พอได้กอดคนรักเอาไว้ในอ้อมแขนในวันที่ทำเต็มความสามารถแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่อยากพูดก็เปลี่ยนไป


   “วันนี้กูแพ้...” เจตน์เอ่ย คนที่อยู่นิ่งในอ้อมกอดของเขาเริ่มขยับ มืออุ่นๆลูบแผ่นหลังของเขาเบาๆ


   “ไม่เป็นไร พี่เก่งมากแล้ว” ต่อให้ไม่มองหน้า ต่อให้ได้ยินแค่เสียง แต่ไม่รู้มีอะไรอยู่ในน้ำเสียงของปกฉัตร เพราะมันทำให้ผู้ชายคนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกลายร่างเป็นเด็กผู้ชายตัวน้อยๆที่แข่งกีฬาสีโรงเรียนแพ้ และอยากได้คำปลอบใจ


   “แต่มึงอุตส่าห์มาดู...”


   “ไม่เห็นต้องชนะทุกครั้งที่ผมมาดูเลย” คนที่ยืนกอดเจตน์ ยังคงลูบหลังลูบไหล่ของเขาไปมาเหมือนปลอบประโลม


   “กูอยากให้มึงดีใจ...”


   ปกฉัตรขยับตัวออกจากอ้อมกอดเล็กน้อย รอยยิ้มจางที่มอบให้คนแพ้ในวันนี้ทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน


   “แค่ผมได้ดูพี่เล่น ผมก็ดีใจแล้ว”


   “จริงนะ” ร่างโปร่งยังคงยิ้มจางๆส่งให้หนุ่มคนรักตัวใหญ่ เป็นรอยยิ้มที่เติมเต็มในวันที่พ่ายแพ้และผิดหวัง แม้วันนี้จะไม่ใช่วันของเขา แต่เจตน์ก็ยังรู้สึกดีที่อย่างน้อย วันที่ผลการแข่งขันไม่เป็นดั่งใจ ก็ยังมีใครบางคนอยู่ใกล้ๆ และเป็นแหล่งพลังงานสำหรับวันต่อๆไป


   ชายหนุ่มขยับใบหน้าเข้าใกล้ อยากเติมพลังงานด้วยจูบที่แสนคุ้นเคย แต่ปกฉัตรกลับเอี้ยวตัวหลบพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน


   “ไปอาบน้ำเลย”


   “ขอกูจูบก่อนไม่ได้เหรอ” แน่นอนว่าคำตอบคือการส่ายหน้า แต่เพราะอยู่ในอ้อมกอดของเจตน์ ปกฉัตรเลยทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบซ้ายทีขวาที ขยับหนีไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น...เจตน์ก็ยังหาทางจู่โจมจูบไม่ได้เสียที


   “ผมยังมีเรื่องสงสัยอยู่นะ”


   “เรื่องอะไร”


   “ส้มคือใคร” เป็นคำถามที่ไม่ต้องใช้เสียงเข้มเพื่อกดดันอะไรเลย แค่คำถามสั้นๆก็ทำเอาหนุ่มรุ่นพี่คณะบัญชีชะงักไป


   ...ใช่ เรื่องนี้แหละที่อยากเคลียร์...


   ...แต่พอกอดมันได้ก็ลืมเรื่องที่อยากเคลียร์ไปหมด...


   “รุ่นน้องที่คณะ รุ่นน้องอย่างเดียวจริงๆ กูไม่ได้คิดอะไรกับเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาดู” ถามคำถามเดียว แต่คำยืนยันมายาวเหยียด


   เพราะตลอดเวลาที่แข่งฟุตบอล เจตน์มักจะมองมาที่ข้างสนามบ่อยๆ...ข้างสนามที่ว่าก็คือข้างสนามที่ปกฉัตรนั่งอยู่ พวกเขาสบตากันนับครั้งไม่ถ้วนจนแม้แต่ดิษกรยังล้อเลียน แล้วเจตน์จะมีเวลาไปสนใจคนที่มาเชียร์คนอื่นได้ยังไง


   “แต่เขาตั้งใจมาเชียร์พี่นะ เอาน้ำมาให้ด้วย” ปกฉัตรพูด ดวงตาสีน้ำตาลจางจับจ้องใบหน้าของคนรักราวกับกำลังหาคำตอบของอะไรบางอย่าง ต่อให้จะมั่นใจในความรัก ต่อให้เจตน์จะทำให้เชื่อมั่น แต่ปกฉัตรก็ยังทิ้งนิสัยวัดใจคนอื่นไม่ได้เสียที


   แต่...วัดใจใครก็ไม่สู้วัดใจเจตน์ ผู้ชายที่ทั้งจริงจัง ทั้งมั่นคงและแน่นอน


   “กูไม่ได้อยากกินน้ำเขา กูอยากกินน้ำมึง” สายตาจากดวงตาเรียวทำเอาหัวใจของปกฉัตรเต้นถี่จนได้แต่เบี่ยงสายตาไปทางอื่น และนั่นดูจะกลายเป็นโอกาสให้เจตน์จู่โจมฉกริมฝีปากเข้าไปจูบเอาอย่างที่ต้องการ


   “อื้อ!” เสียงประท้วงดังขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายปกฉัตรก็จูบตอบอีกฝ่ายแต่โดยดี จูบของเจตน์นั้นอ้อยอิ่งเหมือนจะทั้งง้องอนและอ้อนวอน


   “เตะบอลมันเหนื่อย แต่พอมองข้ามสนามแล้วเห็นมึงทีไร กูมีแรงวิ่งทุกที”


   ปกฉัตรยิ้มจาง


   “ผมก็นั่งข้างสนามมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ม.ปลาย...”


   “กู...ก็มองตั้งแต่ม.ปลายเหมือนกัน...”


   ดวงตาเรียวทอดสบดวงตาสีน้ำตาลจางที่ชะงักค้างอย่างคาดไม่ถึง แต่...สิ่งที่คาดถึงคือเจตน์เป็นมนุษย์ผู้ขายที่ไม่โรแมนติกมากๆคนหนึ่งบนโลกใบนี้


   “มองว่ามึงเป็นแฟนไอ้ดิษ”


   ปกฉัตรหัวเราะจนตัวโยน แต่เจตน์หน้ามุ่ย รู้โดยไม่ต้องมีใครบอกว่าเสียงหัวเราะนี้เยาะเย้ยเขาชัดๆ


   “ก็มึงมานั่งรอไอ้ดิษ แล้วก็มีแต่คนพูดว่ามึงกับไอ้ดิษเป็นแฟนกัน กูก็เลย...” พูดแล้วก็เจ็บใจ หากไม่มีข่าวลือพวกนั้น เขาอาจจะมองปกฉัตรแบบอื่นที่ไม่ใช่คนรักของรุ่นน้องที่สนิท แล้วบางที...ความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะ...เกิดขึ้นไวกว่านี้ก็ได้


   ร่างโปร่งต้องพยายามกระแอมไอเพื่อลดเสียงหัวเราะของตัวเองลง มือยังลูบหลังเจตน์ขึ้นลงเพื่อปลอบ ไม่รู้ว่าปลอบเรื่องแพ้ฟุตบอลแมทช์นี้ หรือปลอบเพราะอีกฝ่ายเคยเข้าใจเขาและดิษกรผิด


   “จากนี้ ผมจะไปนั่งรอพี่ ดีไหม”


   “ไม่ใช่แค่นั่งรอ แต่ต้องเชียร์กูด้วย”


   “รู้แล้ว พี่ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้มากินข้าว” ปกฉัตรไล่หนุ่มนักฟุตบอลตัวเหนียวเหนอะที่ยังกอดเขาไม่ปล่อย แน่นอนว่าเจตน์ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แต่ร่างโปร่งก็มีวิธีที่จะให้อีกฝ่ายยอมปล่อยเขาได้ง่ายๆเช่นกัน


   “ผมหิวแล้วนะ” สั้นๆได้ใจความ เจตน์ก็ยอมปล่อยคนรักออกจากอ้อมกอดแต่โดยดี แต่พอร่างสูงจะหมุนตัวเดินขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำ ปกฉัตรกลับดึงแขนเอาไว้แล้วพูดเบาๆ


   “กินข้าวเสร็จแล้ว ถ้า...พี่เมื่อยตรงไหน เดี๋ยวผมนวดให้” จบประโยคนั้น คนที่ทำตัวเหมือนไม่อยากจะอาบน้ำในตอนแรกก็เหาะขึ้นชั้นบนไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ปกฉัตรมองตามพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ


   แล้วนับจากนั้น หากเมื่อไรก็ตามที่เจตน์ลงแข่งฟุตบอล ที่ข้างสนามจะต้องมีปกฉัตรมานั่งอยู่เสมอ ใครๆก็ว่าคนมานั่งดูอย่างเงียบๆคงถูกบังคับให้มาพร้อมด้วยน้ำเปล่าหนึ่งขวดในกระเป๋าเป้ข้างตัว


   ภาพลักษณ์ช้างเท้าหน้าของเจตน์ยังคงเป็นที่กล่าวขานของคนที่พบเห็น เรื่องหนึ่งที่เป็นข่าวลือหนาหูมากขึ้นทุกทีคือ ‘ช้างเท้าหน้าตัวนี้’ งดรับของสมนาคุณใดๆจากคนที่มาเชียร์ข้างสนามทั้งสิ้น แต่...สิ่งที่มาพร้อมกับข่าวลือนี้คือเสียงอื้ออึงจากผองเพื่อนคนสนิทของเจตน์ที่ดิสเครดิตภาพลักษณ์ ‘ช้างเท้าหน้า’ จนยับเยิน


   “ไม่แดกน้ำอื่นนอกจากน้ำของน้องปก ไอ้เจ๋งแม่งช้างเท้าหน้าจริงๆ เกรงใจเท้าหลังสัดๆเลย!”


FIN

สวัสดีค่ะ

(คาดว่า)ตอนนี้น่าจะเป็นตอนพิเศษสุดท้ายสำหรับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะเดี๋ยวบัวจะรีไรท์เรื่องนี้ใหม่ อยากให้มันกระชับกว่านี้ อยากเพิ่มชีวิตของปก อยากเพิ่มเรื่องของเฮีย อยากไปหมดทุกอย่าง ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนคอมเม้นท์ และทุกๆกำลังใจที่มีให้กับเรื่องนี้มาโดยตลอด ขอบคุณที่รักและเอ็นดูเฮียเจ๋งและน้องปก ทั้งๆที่เฮียเป็นผู้ชายที่ปากไม่น่ารักเอาซะเลย ส่วนน้องปกก็เป็นนายเอกที่ชอบวางแผนตลอดเวลา แต่ก็ยังได้รับความเอ็นดูจากทุกๆคน ขอบคุณมากๆค่ะ

หลังจากนี้ ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องใหม่จะมาเมื่อไร เพราะช่วงนี้บัวยุ่งมากๆ แต่ถ้ามีตอนพิเศษ จะเอามาลงแน่นอนค่ะ ยังไงก็ฝากเรื่องหน้าเอาไว้ด้วยเลยแล้วกันนะคะ ฮ่าฮ่า

เจอกันใหม่เมื่อมีตอนพิเศษ/เรื่องใหม่

ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-03-2018 20:43:26
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-03-2018 21:13:55
ปกน่ารัก  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-03-2018 21:32:05
เฮียเจ๋งเป็นช้างท้าวหน้า ที่เกรงใจน้องปกสุดๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 01-03-2018 21:35:00
 :pig4:  ชอบเฮียเจตต์ ลูกชายตระกูลนี้เขามีเอกลักษณ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 01-03-2018 21:37:00
พ่อช้างเท้าหน้า 555 หมดกันเฮียเจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2018 21:43:34
 :laugh: ยิ่งใหญ่กว่าช้างเท้าหน้าก็คือควาญช้างอย่างปกฉัตรนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-03-2018 21:51:25
น่ารักดีคู่นี้ แต่ปกจะเหนื่อยหน่อยนะ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 01-03-2018 22:06:31
เฮียยยเข้าสมาคมมกลัวเมียนะเนี่ยยย
ฮาาาาาาา

ทำไมมมยั่งไรขนาดนี้
อ่านไปเขินไปปป

ปกร้ายยยยยยยย
เวลาอ่าาความคิดปกละเขินง่ะ ฮือ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 01-03-2018 22:16:51
รักกกกก ใช้ความความนิ่งสยบความเคลื่อนไหวของแท้เลยยยยยย อิเฮียยยยยย ทั้งรักทั้งหลงน้องขนาดดดด ชอบที่สุดคือการให้เกียรติน้อง ชอบที่ไม่มีมาดใดๆใส่กัน บอกรักโดยไม่ต้องง้างปาก รักๆๆๆๆๆ


ขอบคุณนะคะ ถึงแม้ตอนแรกๆจะอ่านไปตะโกนในใจไปตอนอ่าน55555 ตอนหลังๆมาก็มาเขินกับการกระทำที่ซื่อตรงและโรแมนติกแบบคนเกรี้ยวกราด ตอนพิเศษที่ทวีความหวานมีแต่รอยยิ้ม ขอบคุณที่สร้างพวกเขามาเพื่อให้เราตกหลุมรัก ขอบคุณที่สร้างรอยยิ้มก่อนนอนให้เรา รัก :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-03-2018 22:50:39
55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-03-2018 23:14:07
เฮียเจ๋งน่ารักจริงๆ รักแฟนและติดแฟนมาก ขี้หึงมากด้วย
ปกมีความแซ่บ ฝากรอยเล็บไว้ให้ ปกขี้ยั่ว เฮียก็รมขึ้นตลอด เป็รไรที่เข้ากัน
เกรงใจเมียเจริญทุกคนค่ะพี่

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 01-03-2018 23:18:04
น่ารักกกกก ปกมางียบๆแต่แผนเพียบนะจ๊ะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-03-2018 23:49:31
เอ็นดูเฮียเจ๋งตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้ายนี้จริงๆ อย่างเฮียจะทำอะไรน้องปกได้ ดีแต่เกรี้ยวกราดไปวันๆนั่นแหละ ต่อให้โกรธน้องแค่ไหนแค่ปกทำเสียงอ้อนใส่เฮียก็เหลวแล้ว

ขอบคุณคุณบัวสำหรับนิยายสนุกๆ รออุดหนุนเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 01-03-2018 23:52:21
"ไอ้เจ๋งแม่งช้างเท้าหน้าจริงๆ เกรงใจเท้าหลังสัดๆเลย!” เป็นประโยคที่บอกสถานะได้ดีจริง ๆ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: tweetpuen ที่ 02-03-2018 00:20:40
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 02-03-2018 00:25:03
จะกลับไปอ่านอีกรอบแน่นอน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-03-2018 00:37:19
อยากจะเห็นปกวีนจังเลย วีนแล้วเฮียจะเกรงใจมากแค่ไหน อยากเห็น ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-03-2018 00:38:26
ชอบแก้งค์ผองเพื่อน..มีความมงแซะมง  :m20: :
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 02-03-2018 00:44:07
ชอบมากกกก รักเว่อ :katai1: แยากให้มีตอนพิเศษไปเรื่อยๆเลยงะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 02-03-2018 00:47:05
เฮียเจ๋งจะเป็นช้างเท้าหน้าได้ซักเท่าไหร่กันเชียว 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 02-03-2018 00:49:35
เฮียเจ๋งน่ารักกกกแบบหลงน้องปกมาก ชอบเรื่องนี้มากๆเลยฮืออออจบแล้วต้องคิดถึงมากแน่ๆ อยากได้ตอนพิเศษอีกเยอะๆ5555 รอติดตามนิยายของคุณบัวอยู่นะคะ จะติดตามไปเรื่อยๆ ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-03-2018 02:05:01
 :katai2-1:

ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ !!

จะเป็นใหญ่ใจต้องนิ่ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-03-2018 02:16:58
สนุกมากๆๆๆ เลย แล้วต่อไปนี้ทุกพฤหัส จะรอเรื่องอะไรละทีนี้ :hao7:

รักพ่อช้างเท้าหน้าที่เกรงใจช้างเท้าหลังสัดๆ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-03-2018 03:42:47
จบจริงๆแล้วว เฮียเจ๋งกับปกของเราา
ชอบเฮียมากก เฮียเกรี้ยวกราดในทุกจังหวะชีวิตจริงๆอะ
แต่พอรักกับปกแล้ว เป็นแฟนกันแล้ว
ในความเกรี้ยวกราดของเฮียคือมีความละมุน ความใส่ใจ
และมีอยู่ในทุกการกระทำและความคิดจริงๆอะ รักกกมากก
รักน้องปกในความพยายามอ่อย ความแผนสูงของนังงง
ต้อนพี่มันมาเรื่อยๆค่ะลูก แล้วพี่มันก้จะตกหลุมของเราเอง
น้องควีนมากกก เป็นควีนแบบดูนิ่งๆนิ่มๆ แต่น้องได้ทุกอย่างที่ต้องการจริงๆอะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ รอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
คิดถึงนิยายคุณ Dezair จริงๆค่ะ งานคุณภาพ งานดี แต่มีจำกัด 55555T5555T555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 02-03-2018 04:12:19
ดีใจกับเฮียด้วยยย ได้เลื่อนสถานะมากกว่าแฟนแล้วนะ 555555
แอบเสียดาย น้องมัวซึ้งเลยไม่มีฉากสวมแหวนเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 02-03-2018 05:22:32
น้องปกน่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-03-2018 06:23:04
น้องปกเค้าเป็นควาญช้างงงง 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-03-2018 07:48:53
ขอบคุณเช่นกันนะคะ เรื่องนี้สนุกมากๆ ><
นุ้งปกนี่ร้ายลึกได้คงเส้นคงวาและน่ารักมาก 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 02-03-2018 08:53:30
น้องปกเหมาะเป็นช้างเท้าหน้าจริงๆ ทุกคนก็รู้ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 02-03-2018 09:23:17
เฮียเจ๋งเป็นช้างเท้าหน้า ส่วนปกนะควาญช้างจ้าาาา

 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 02-03-2018 09:33:29
จ้า เอาที่เฮียสบายใจเลย 5555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-03-2018 10:00:31
เจ๋ง ปก    :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ช้างเท้าหลัง ที่นำช้างเท้าหน้า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-03-2018 10:06:32
เท้าหน้าสุดๆอ่ะเฮียเจ๋ง
เรียกพี่ไม่ได้เดี๋ยวโดนกินหัว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 02-03-2018 10:07:41
งือออออ เฮียยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 02-03-2018 10:23:57
ช้างเท้าหลัง กำกับช้างเท้าหน้า :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 02-03-2018 10:48:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 02-03-2018 11:59:26
เฮียแค่เกรงใจปกเอง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 02-03-2018 12:32:35
ช้างเท้าหน้าจริงๆเนอะเฮียเจ๋ง  5555+ :m20:
เป็นเรื่องที่อ่านไปยิ้มไปแถมหัวเราะจนน้ำตาไหลจนต้องหาโอกาสอ่านเวลาอยู่คนเดียวตลอดเสมอ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ  แล้วจะรออ่านเรื่องต่อไปแน่นอนค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 02-03-2018 18:16:05
จบแล้ว เป็นเรื่องที่น่ารักตั้งแต่ตอนแรกจนตอนจบเลยค่ะ คืออยากอ่านตอนพิเศษ ช้างเท้าหน้าอีกหลายๆมุมจังเลยค่ะ คงจะน่ารักน่าดู เฮียเจ๋งคงหลงรักหัวปักหัวปำแน่เลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 02-03-2018 19:51:44
น้องปกเป็นควาญช้างงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-03-2018 20:35:34
ช้างเท้าหน้าแค่ในนามสินะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 02-03-2018 21:47:03
อยากอ่านตอนพิเศษอีก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-03-2018 01:04:19
ใครกันแน่ช้างเท้าหน้า ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 03-03-2018 01:05:49
น่ารักทั้งคู่เลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-03-2018 08:20:28
55555 ช้างเท้าหน้าอะไร ทำเสียงเข้ม และเกรี้ยวกราดไปงั้น
พอน้องเงียบไป ก็ถึงกับไปต่อไม่เป็น อยู่นิ่งไม่ได้

ปกฉัตรคือความเหนือที่แท้จริงค่ะ
มานิ่ง ๆ เงียบ ๆ แต่เก็บเจ๋งเรียบ

น่ารักดี ทำพี่หงุดหงิดได้ คือดีใจ
เพราะทำให้รู้สึกว่าตัวเองสำคัญ
ปกฉัตรหนอปกฉัตร ใครเลยจะเหนือกว่า

ขนาดพี่มีประสบการณ์เยอะยังมองไม่ออกเลยจ้า

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับเรื่องราวดี ๆ
เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ รอติดตามเรื่องใหม่นะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-03-2018 10:52:39
ไปๆมาๆ เฮียเจ๋งทำตัวน่ารักแบบหลบในนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-03-2018 13:16:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 03-03-2018 20:32:12
คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักตลอด อ่านแล้วชอบดิษเหมือนหมาตัวโตๆบื้อๆแต่ก็น่ารัก 55 อยากให้มีเรื่องแยกจัง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 03-03-2018 21:30:43
เพิ่งอ่านเรื่องนี้ เฮียเจ๋งเกรี้ยวกราดสุดๆ น้องปกน่ารักกกก แอบอ่อยอิพี่แบบเนียนๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-03-2018 22:52:11
พี่เจ๋งคนจริงไง ก็ต้องช้างเท้าหน้าสุดๆแบบนี้ล่ะ ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: BoYz~ ที่ 04-03-2018 09:39:02
งืออ เจ๋งปก เฮียน่ารักก ปกน่ากินน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 04-03-2018 10:36:53
เฮียเจ๋งเหมือนเด็กมากๆ เอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจสุดๆ
เจอน้องปก(ควาญช้าง)ปราบซะ 55555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 04-03-2018 20:47:04
ตามอ่านจนจบแล้วววววว ชอบคาแรคเตอร์น้องปกมากกกกก ร้ายลึกสุดๆ พี่เจ๋งที่เหมือนจะเจ๋งก็ยังไม่เท่าความเจ๋งของน้อง 55555555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ อ่านแล้วมีความสุขมากๆ รอเรื่องต่อไปเลยค่าาา  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 06-03-2018 22:15:53
ชอบเรื่องนี้มากๆ ไม่แพ้เรื่องโซ่-โจ๊กเลย
ตามอ่านของคุณบัวมาหลายเรื่องละจ้า
ชอบทุกเรื่องเลย อาม่าเป็นตัวละครที่น่ารักตลอดๆ
นึกว่าเจ๋งจะไบโพล่าห์เหมือนโจ๊ก แต่เปล่าเลย
เบากว่าเยอะ 555 แต่เหมือนกันที่สยบให้ความเยือกเย็น
ชอบทั้งโซ่ทั้งปกเลย มาให้คิดถึงตลอดๆ
อยากรู้ว่าจะมีคู่พี่อรรนพ ผู้มากบารมีรึเปล่า
คงสนุกไม่แพ้สายรหัสเลย
แล้วฟาง-เจฟ จบยังไง นี่ค้างนิดๆกับคู่นี้
หวังว่าคุณบัวจะมีตอนพิเศษมาเฉลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 07-03-2018 13:30:12
 :katai2-1:พี่เจ๋งคือเจ๋งสมชื่อมากเด้อ. พี่ชอบพี่ก็จบจะทำไม. เริศสุด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 07-03-2018 19:43:34
สนุกมากเลย อ่านรวดเดียวจบ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 07-03-2018 22:22:11
พี่เจ๋งผูเกรี้ยวกราด หายไปไหนแล้ว

น้องปกน่ารัก มีความอ่อย

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-03-2018 22:33:43
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 07-03-2018 22:44:55
ไม่ได้กลัวเมียนะแค่เกรงใจ :laugh:
เฮียน่ารักมากกก คือเป็นผชที่จริงใจและจริงจังมาก แต่ก็ปากร้ายมากเช่นกัน555555
น้องปกก็ร้ายไม่เบา แต่สงสารสุดๆตอนดราม่าเหงาๆ เข้าทางเฮียคนขี้ใจอ่อนเลย
เอ็นดูสุดคือดิษ หนูลูกกกก ซื่อมากใสมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 08-03-2018 00:34:33
อยากเจอคนจริงใจ(ที่ยังโสด)มีมั้ยแถวนี้~ #โปรดใส่ทำนองตามจริต555

เขินเลยอะ ตอนแรกกดเข้ามาแบบไม่ดูชื่อคนแต่งอะไรทั้งนั้น จนมาสะดุดที่ชื่อโจ๊กนี่แหละ  :o8:

จนคู่นี่รักกันไปถึงไหนคู่โจ๊กยังมีผู้คุมกันอยู่เลนอะ สงสารสุด5555  :laugh:

ส่วนตัวไม่ค่อยชอบพ่อแม่ปกเลยอะ มีที่ไหนทิ้งลูกไว้คนเดียว  :เฮ้อ: เลยกลายเป็นนายเอกมีปมเลยเนี่ย

ขอบคุณคุณคนเขียนนะคะ อย่าลืมกลับมาต่อตอนพิเศษน้าาา  :pig4: :impress2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: jomyingg ที่ 08-03-2018 02:55:40
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ ชอบมากๆ  :ling1:
ชอบความพี่เจ๋งที่กระโชกโฮกฮากตลอดเวลาด้วย ตล๊กกก55555
ชอบที่สุดก็การอ่อยของปกนี้แหละ แหม่เนียนมากสุด ขอยืมไปใช้ในชีวิตจริงบ้างได้มั้ยเนี้ย555 แต่ก็เอ็นดูปกมากเลยๆ หนูลูกกโง้ยยย  :man1:
อยากฟัดแรงๆ รู้สึกคู่นี้เคมีเข้ากันม๊ากมากเลยค่ะ ชอบจัง
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้ได้อ่านกันนะคะ ร้ากก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ijune12s ที่ 09-03-2018 21:19:34
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: peta1015 ที่ 12-03-2018 12:08:15
ตามมาจากโจ๊กโซ่ค่ะ ยังแต่งดีไม่เปลี่ยนแปลง เราชอบมากกกกก รออุดหนุนเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 13-03-2018 04:01:57
ฮืออ ดีมากขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะชอบมากตัวละครแต่ละตัวชอบความปากร้ายของเฮียชอบสกิลความแอ๊บเนียนของปกรักมาก  :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 14-03-2018 03:00:44
สนุกมากค่ะ ชอบน้องปก แอบร้ายลึกเล็กๆ 555

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ ^^
บวกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-03-2018 21:18:41
5555 ชอบน้องปก เงียบๆแต่ได้ใจจริงๆ

ขอบคุณพี่บัวมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-03-2018 19:52:36
น่ารักมากกกก
เจ๋งมีความฮาร์คอร์มากๆ 55555+
กระโชกโฮกฮากตลอด แต่ก็น่ารักกับน้องปก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 19-03-2018 08:44:06
น่ารักมากเลยครับ อ่านเพลินรวดเดียวตั้งแต่เมื่อวานจนจบเลย ^^
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 21-03-2018 14:27:30
สนุกมาก ๆ ครับ เฮียเจ๋งนี่ปากร้ายแต่ก็น่ารักมาก ๆ ปกก็น่ารักมาก




ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 23-03-2018 21:45:24
ปกร้ายแต่น่ารักกก เฮียเจ๋งถึงไปไนไม่รอด
ขอบคุณมากๆค่า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 24-03-2018 07:27:34
 :katai2-1:ปรบมือให้ช้างเท้าหน้าที่เกรงใจช้างเท้าหลัง เฮียเจ๋งนี่ยอมปกคนเดียว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 25-03-2018 14:13:28
อ่านรวดเดียวจบ ชอบมากๆเลยค่ะ
น้องปกนี่เงียบๆแต่เจ้าแผนการมาก
ส่วนเจ๋ง เจ๋งกว่าโจ๊กเยอะเลย 555555555
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ
รอติดตามเป็นเล่มแล้วก็เรื่องต่อๆไปด้วยค่าา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 26-03-2018 02:31:53
กรี๊ดดดดด ตอนแรกหลงโซ่มากกกกก
แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ โอยยยย ยัยปก นี้มันนายเอกในดวงใจเลยจริงๆ ชอบมากๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 26-03-2018 17:02:03
เราพลาดเรื่องนี้ไปได้งายยยย ชอบมากเลยค่ะ พี่เจ๋งคนจริง น้องปกก็ขี้อ่อย น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ช้างเท้าหน้า (1 มี.ค. 2561) หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 29-03-2018 00:28:05
ขอบคุณนะคะ สนุกมากๆค่ะ
ชอบการดำเนินเรื่อง ชอบภาษา ชอบทุกๆอย่างค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ :mew3:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-03-2018 19:32:51
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………

ตอนพิเศษ สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ



เสียงจามดังติดๆกันเป็นครั้งที่เท่าไรก็สุดจะนับ อันที่จริงเจตน์เลิกนับตั้งแต่เสียงจามดังมากกว่าสามครั้ง เพราะยิ่งจามมากเท่าไรก็ยิ่งบอกให้รู้ว่าคนที่จามนั่นน่ะ...แพ้อากาศชัดๆ!



   “ผมไม่เป็นไร กินยาแก้แพ้เดี๋ยวก็หาย” คนจามพูดเสียงอ่อน สองมือยังจับกระดาษเช็ดหน้าปิดครึ่งปากครึ่งจมูกของตัวเองเอาไว้ ในขณะที่ดวงตาแดงก่ำเพราะการจามหลายครั้งติดๆกันนับตั้งแต่ตื่น



   “กูรู้ว่าเดี๋ยวก็หาย...” เจตน์ยืนค้ำหัวหน้าหงิก แน่นอนว่าหน้าตาหงิกๆแบบนี้ ปกฉัตรรับมือได้ดีมาโดยตลอด ทว่า...ไม่ใช่ครั้งนี้ น้ำมูกยังไหล แถมคันจมูก และอยากจามจนใช้สมองคิดไม่ทัน



   “...แต่กูไม่ให้ไปงานหนังสือ!” คนหน้าหงิกก็พูดสวนขึ้นมาอีก



   “แต่ผมมีหนังสือต้องซื้อ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่คนอยากไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติทั้งๆที่แพ้อากาศจนจามไม่หยุดยังหันไปมองลิสต์รายชื่อหนังสือที่จดเอาไว้ด้วย



   “ก็ไว้ไปซื้อวันอื่น!”



   “แต่ถ้าไม่ไปวันนี้ วันอื่นก็ไม่ว่างแล้ว...”



   “งั้นก็ไว้ซื้อที่ร้าน!”



   “มันก็ไม่ได้บรรยากาศ...”



   “มึงจะเอาบรรยากาศทำพ่องอะไร!”


ปกฉัตรทำปากยื่น จากใบหน้าเรียบเฉยที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ มาวันนี้กลับแสดงความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกขัดใจ คิ้วขมวดชิด ดวงตาสีน้ำตาลจางนั้นวาววับ ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากัน



   “พี่ไม่เข้าใจหรอก” พูดไปก็เท่านั้น เพราะปกฉัตรคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจหัวอกคนชอบซื้อหนังสือ ไม่มีวันรู้ว่าการเดินงานหนังสือ เห็นผู้คนมากมาย เห็นหนังสือออกใหม่ในงาน ได้พบปะคนเขียนหนังสือ คนขายหนังสือที่มีแรงบันดาลใจใกล้เคียงกัน มันให้ความรู้สึกกระชุ่มกระชวยแค่ไหน



   “เออ! กูไม่เข้าใจ! และกูก็ไม่ให้มึงไปด้วย!!!”



...................................



   สามชั่วโมงต่อมา



   ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์



   ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวกางเกงยีนส์ขายาว สะพายเป้ที่หลัง สวมหน้ากากอนามัยก้าวเท้าจากบันไดเลื่อนที่หน้าทางออกสถานีรถไฟใต้ดิน คล้อยหลังเล็กน้อยคือผู้ชายตาเรียวผิวขาวเหลืองตัวสูงใหญ่ที่...หน้าบูดสนิท



   “ถ้ากูได้ยินมึงจามแม้แต่ครั้งเดียว กูจะพากลับทันที!” คนหน้าหงิกไม่วายขู่ก่อนจะเข้างาน แต่ปกฉัตรที่นอกจากจะทานยาแก้แพ้มาแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นมาด้วยทำเป็นไม่สนใจคำขู่เหล่านั้น เขาเดินตามผู้คนจำนวนมากเข้าไปในงานหนังสือทันที



   ทางเดินแคบๆสู่ฮอลล์ชั้นบนนั้นค่อนข้างเบียดเสียดเพราะมีทั้งผู้คนที่กำลังเดินเข้างานและคนที่กำลังจะกลับ ถึงจะสวมหน้ากากอนามัยมา แต่ปกฉัตรก็ยังพยายามเงยหน้าให้สูงที่สุดเพื่อให้สูดอากาศได้สะดวก แน่นอน...ว่ามันไม่สะดวกในการเดินเอาเสียเลย เพราะคนด้านหลังก็คอยจะแต่จะรุนให้เดินไปข้างหน้า ในขณะที่ทางแคบต้องเบียดกับคนที่เดินสวนออกมา



   พอพ้นทางแคบมาได้ ก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาจากคนหน้าตาหงุดหงิด ร่างโปร่งก็รีบทำตัวเป็นปกติทันที



   “ไหนล่ะ หนังสือที่มึงต้องซื้อน่ะ!”



   ปกฉัตรปลดเป้ที่ไหล่ออกมาเปิดซิบ แล้วหยิบกระดาษขนาด A4 ที่จดรายชื่อหนังสือพร้อมด้วยสำนักพิมพ์ออกมา ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เรียน มีทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อันที่จริงจะยืมหนังสือในห้องสมุดมาอ่านก็ได้ แต่...คนชอบหนังสืออย่างเขาก็อยากเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกด้วย



   “แล้วจะรู้ได้ไงว่าหนังสือที่มึงจะซื้ออยู่ตรงไหน” เจตน์ชะโงกหน้ามาดูแล้วก็ตั้งคำถามตามประสาคนไม่อินกับบรรยากาศงานหนังสือเท่าไร



   “มีบอร์ดติดรายชื่อกับผังงานอยู่ข้างบน” ปกฉัตรกำลังจะหมุนตัวเดินนำขึ้นบันไดไปยังจุดประชาสัมพันธ์ของงาน แต่ถูกอีกฝ่ายคว้าแขนไว้



   “มึงเอาเป้มา” เจตน์สั่ง



   “ไม่เป็นไร ผมสะพายได้”



   “กูบอกให้เอามา”



   “มันไม่หนัก...”



   “แต่ถ้ามึงซื้อหมดทุกเล่มที่จดมา ยังไงก็หนัก” ปกฉัตรเห็นสีหน้าเอาจริงของคนรักก็ไม่อยากขัดใจ เขายอมปลดกระเป๋าเป้ลงจากไหล่แล้วส่งให้



   “แล้วกระเป๋าตังค์กับมือถือของมึงอยู่ไหน”



   ร่างโปร่งตบมือสองข้างลงบนกระเป๋ากางเกงตัวเองเป็นสัญญาณว่าอยู่ตรงนี้ เจตน์พยักหน้ารับรู้ ก่อนสะพายกระเป๋าเป้แทน แล้วจากนั้นก็พยักเพยิดให้ปกฉัตรเดินนำ



   และนี่...คือครั้งแรกของผู้ชายที่ชื่อเจตน์กับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ


.....................................


   ดวงตาเรียวกวาดมองรอบตัวอย่างคาดไม่ถึง ไม่นึกมาก่อนว่าจะมีคนที่อยากมาเอาบรรยากาศงานหนังสือมากขนาดนี้ แสดงว่าคนประเภทเดียวกับปกฉัตรมีไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วแต่ละคนที่มาก็ไม่ได้ซื้อกันแค่คนละเล่ม สองเล่ม ที่เห็นๆคือถือเป็นสิบยังน้อยไป



   ...ซื้อไป ได้อ่านมั้ยวะ?!...


   
   “อ่ะ...” หนังสือเล่มหนาถูกส่งมาตรงหน้าเจตน์ เขาหันไปมองคนส่ง ปกฉัตรกำลังดูรายชื่อหนังสือที่อยู่บนกระดาษในมืออีกข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างส่งหนังสือที่ซื้อแล้วมาให้เขาเก็บลงกระเป๋า



   “เล่มนี้ซื้อแล้ว...เล่มนี้กับเล่มนี้ ต้องไปที่ฮอลล์นู้น...แล้วก็...” เจ้าตัวพูดไปก็สลับกระดาษรายชื่อหนังสือที่จะซื้อกับแผนผังของงานไปด้วย ดูมุ่งมั่นกับการตามล่าหาซื้อหนังสืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย



   เจตน์ถอนหายใจเบา บางทีเขาคงห่วงมันมากเกินไป เพราะตั้งแต่มาถึงงาน ปกฉัตรก็ไม่จามเลยสักนิด แถมยังดูมีความสุขกับการหาซื้อหนังสือที่อยากได้อีกด้วย



   ...คงจะห่วงมากเกินไปจริงๆ...



“อ้อ เดี๋ยวต้องไปบู้ทตรงนั้นก่อน ต้องไปซื้ออีกเล่มนึง”



มือขาวชี้ไปที่ ‘ตรงนั้น’  ซึ่งพอเจตน์มองตามก็เห็นแต่หัวผู้คนที่กำลังเดินเบียดเสียดขวักไขว่ มองยังไงก็ไม่อินกับบรรยากาศคนเยอะแบบนี้เลย แต่พอมองคนข้างกายที่มีหน้ากากปิดปากและจมูกเอาไว้ แต่ดวงตาสีน้ำตาลจางคู่นั้นเป็นประกายระยิบ ก็พอจะรู้ว่าถึงเขาไม่อิน แต่ใครบางคนอินหนักมาก



   “ไป” คนอินหมุนตัวเดินออกเดินนำ แต่อาจจะเพราะตั้งหน้าตั้งตามากเกินไปหน่อย เจ้าตัวเลยไม่ทันเห็นกลุ่มนักอ่านที่เพิ่งซื้อหนังสือจากบู้ทนี้เสร็จและหมุนตัวออกมาชนพอดี


   “เฮ้ย!”


   คนโดนชนเซไปก้าวนึง ได้ยินเสียงขอโทษแต่เขายกมือบอกไม่เป็นไร ทว่าพอจะกลับมายืนตัวตรงตามเดิม กลับรู้สึกเหมือนฮอลล์ทั้งฮอลล์กำลังหมุน



   “ปก!”



ปกฉัตรได้ยินเสียงเรียก ก่อนที่ร่างจะถูกคว้าเอาไว้ เขาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สูดลมหายใจลึกแล้วกะพริบตาซ้ำๆหลายครั้งเพื่อตั้งสติ



   “ปก! มึงไหวรึเปล่า?!”


ปกฉัตรไม่ตอบแต่ดึงหน้ากากอนามัยออกเพื่อให้หายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น ตอนนั้นเองเจตน์ถึงได้เห็นว่าคนที่ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับกลับมีสีหน้าซีดเผือด



   หนุ่มตี๋ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิดตัวเอง เขาคือคนที่บังคับให้ปกฉัตรสวมหน้ากากอนามัย และก็เพราะหน้ากากอนามัยนี้ที่ทำให้เขาไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าของคนรักไร้สีเลือดขนาดไหน



   “ออกมากับกูเดี๋ยวนี้เลย!” ร่างสูงสั่งเสียงแข็งแล้วลากคนรักออกจากฮอลล์ทันที ปกฉัตรไม่ทันได้ค้านว่ามีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้ซื้อ แต่เจตน์ก็คงไม่ปล่อยให้เขาเดินงานนี้อีกแล้ว



...แค่เมาคนนิดเดียวเอง ไม่เข้าใจคนอินเอาซะเลย...


.............................


   นอกฮอลล์มีผู้คนขวักไขว่ แต่ก็ไม่แออัดเหมือนข้างใน เจตน์สั่งให้คนรักนั่งพักบนขั้นบันได ก่อนจะหายไปซื้อน้ำเปล่ามาให้หนึ่งขวดแล้วยืนคุมหน้าตาเข้มงวดให้ดื่มให้หมด


   “แดกหมดแล้วกลับ!”



บังคับให้ดื่มน้ำไม่พอ ยังบังคับให้กลับทั้งๆที่ซื้อหนังสือไม่ครบทุกเล่ม ปกฉัตรเงยหน้ามองแล้วได้แต่เม้มปาก อาการเวียนหัวหายไปแล้ว คงเป็นเพราะข้างในคนเยอะและเบียดเสียด พอออกมาอยู่ในจุดที่คนไม่เยอะเท่าและอุณหภูมิเย็นฉ่ำแบบนี้ แถมมีน้ำเปล่าเย็นๆหนึ่งขวดที่ถูกบังคับให้ดื่มให้หมด ก็เลยหายเป็นปลิดทิ้ง



   “เม้มปากหมายความว่าไง?!” หนุ่มตี๋อารมณ์ไม่ดีย้อนถามเสียงแข็ง ดีว่ารอบข้างค่อนข้างจ้อกแจ้กจอแจ เลยไม่มีใครสนใจชายหนุ่มสองคนที่คนหนึ่งนั่งดื่มน้ำอยู่บนขั้นบันได ส่วนอีกคนยืนค้ำหัวหน้าตาเอาเรื่องเหมือนจะไถเงิน



   “ยังซื้อหนังสือไม่ครบทุกเล่มเลย...”



   “เมื่อกี้นี้มึงเกือบเป็นลมในงานนะปก!” เจตน์ย้ำให้จำว่าถ้าเมื่อครู่เขาไม่คว้าเอาไว้ ปกฉัตรคงล้มลงไปกองกับพื้น



   “แต่ตอนนี้หายแล้ว...”



   คราวนี้คนหงุดหงิดถึงขั้นยกแขนขึ้นเท้าเอว หน้าตาเอาเรื่องมากกว่าเดิมไปอีกห้าระดับ แต่ปกฉัตรก็ยังดื่มน้ำไม่หมดขวดสักที ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวตั้งใจจิบทีละนิด ทำตัวเป็นเด็กโอ้เอ้ขอขยายเวลาสนุก!



   …สนุกเชี่ยอะไร! เกือบเป็นลมแล้วไง!!...



   เจตน์บอกกับตัวเองว่าเขาไม่ปล่อยให้ปกฉัตรเดินงานหนังสือต่อแน่ ถ้าคนจะเยอะขนาดนี้ แต่...พอเหลือบสายตาลงมองสีหน้าของคนรักที่นั่งอยู่บนขั้นบันได ปกฉัตรที่เอาแต่มองพื้นไม่ยอมเงยหน้ามองเขา ทำราวกับหากไม่ได้ซื้อหนังสือที่ลิสต์มาในวันนี้ จะไม่มีโอกาสได้ซื้ออีก



   ...ก็...ก็น่าสงสารอยู่...



   ...แต่...แต่เมื่อกี้มันจะเป็นลม...



   ...ยังไงๆก็ไม่ให้ไปเดินอีกแน่!...



   เจตน์สูดลมหายใจอย่างขึงขัง ย้ำหนักแน่นกับหัวใจว่าพวกเขาจะต้องกลับทันทีที่ปกฉัตรดื่มน้ำหมดขวด แต่...พอเหลือบสายตาลงมองคนรักอีกครั้ง เห็นริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งๆที่ดวงตาสีน้ำตาลจางคู่นั่นไม่เงยมองขอความเห็นใจแต่อย่างใดแล้วก็ ชัก...ใจเป๋


   ...อย่าเรียกว่าเป๋เลย เรียกว่าเอียงแถ่ดๆไปเห็นใจไอ้ปกก็แล้วกัน!!...



   “มึงเอาลิสต์หนังสือที่จะซื้อมา!” มือใหญ่ยื่นออกไปตรงหน้าปกฉัตร คราวนี้ดวงตาคู่ที่เอาแต่มองพื้นยอมเหลือบขึ้นมองเขาอย่างงุนงง



   “เอามาสิ! เอาผังงานมาด้วย! กูจะได้รู้ว่าเล่มไหนซื้อตรงไหน!”



   “ผมรู้...”



   “มึงรู้แต่มึงไม่ต้องไป! นั่งอยู่ตรงนี้แหละ! เดี๋ยวกูไปซื้อให้เอง!” จบประโยคนั้น หนุ่มตี๋ก็ดึงทั้งลิสต์หนังสือที่ปกฉัตรอยากซื้อและแผนผังงานมาถือไว้ ก่อนจะเดินดุ่มๆกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้ง



   ...และ...น่าจะเป็นคนเดินงานสัปดาห์หนังสือที่หน้าหงิกที่สุดของวันนี้เลยทีเดียว


……………………………..


   แม้จะเหลือหนังสืออีกไม่กี่เล่มที่ยังไม่ได้ซื้อ แต่ทุกเล่มล้วนอยู่กันคนละบู้ท เจตน์แทบจะเดินร่อนไปทั่วงานเพื่อหาซื้อหนังสือให้ครบทุกเล่ม ต้องผ่านการเบียดเสียดกับมนุษย์มากหน้าหลายตา ไหนจะต้องซักถามหนังสือที่ไม่เคยเห็นแม้แต่ปกกับพนักงานขาย ย้ำแล้วย้ำอีกว่าถูกต้องตามที่ปกฉัตรจดมา กว่าจะได้ครบทุกเล่ม อารมณ์คนหงุดหงิดก็แทบจะทะลุปรอทอยู่แล้ว



   ร่างสูงเดินฉับๆกลับไปยังจุดที่เขาทิ้งปกฉัตรเอาไว้ แน่นอนว่ากลับมาพร้อมกับอารมณ์ที่พร้อมจะอาละวาดทุกเมื่อหากมีใครสักคนมาเหยียบตาปลา



แต่...พอเลี้ยวพ้นหัวโค้งมาที่ขั้นบันไดที่เขาทิ้งปกฉัตรเอาไว้ก็พบว่าคนที่เขาปล่อยให้อยู่กับหนังสือที่เพิ่งซื้อมากำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อครู่นี้ ไม่ต้องให้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นเงยขึ้นมาสบเขา เจตน์ก็รู้ดีว่ามันจะต้องเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับแค่ไหน



   ...ไอ้ปกมันชอบหนังสือมากจริงๆ...



   ฝีเท้าที่ก้าวตึงตังกลายเป็นเบาลง แล้วพอก้าวไปถึงตัวคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มใหม่ เจตน์ก็อดไม่ได้ที่จะเอาหนังสือเล่มบางๆในมือตัวเองเคาะลงบนศีรษะของคนรัก



   “ไอ้ขี้เห่อ”



   ปกฉัตรเงยหน้ามอง



   “พี่...ซื้อเสร็จแล้วเหรอ”



   เจตน์พยักหน้า วางถุงหนังสือที่ตนเองไปเดินหาลงตรงหน้าคนรัก



   “ดูซิ ว่าครบรึเปล่า” แทบจะสิ้นประโยคนั้นที่ปกฉัตรรีบหยิบหนังสือแต่ละเล่มออกมาดู ดวงตาเป็นประกายทุกครั้งที่เห็นหน้าปกแต่ละเล่ม บางเล่มเจ้าตัวพลิกหน้าพลิกหลังหลายรอบเหมือนภูมิใจนักหนาที่ได้มาอยู่ในมือ ดูมีความสุขเสียจนเจตน์ยังอดยิ้มกับตนเองไม่ได้ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ทำเอาร่างโปร่งหันมอง



   “ครบแล้ว…”



   “งั้นก็กลับได้ล่ะ มึงเอาหนังสือมาใส่เป้ เดี๋ยวกูสะพายเอง”



   “ผมช่วยถือ”



   “มึงถือเล่มเล็กๆแล้วกัน” ชายหนุ่มสองคนช่วยกันเก็บหนังสือใส่กระเป๋า และแยกหนังสือเล่มบางๆสองสามเล่มมาใส่ถุง ก่อนที่หนุ่มตี๋จะสะพายเป้ขึ้นหลัง แล้วยืนรอให้คนข้างกายสวมหน้ากากปิดจมูกและปากให้เรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันจะก้าวเดิน เสียงอู้อี้จากคนที่สวมหน้ากากอนามัยก็ดังขึ้นอย่างจับใจความไม่ได้



   “......”



   เจตน์ขมวดคิ้ว เพราะนอกจากหน้ากากจะบังให้ได้ยินไม่ชัดแล้ว เสียงจากรอบข้างก็จ้อกแจ้กจอแจเหลือเกิน



   “มึงพูดอะไร” เขาก้มลงถาม ปกฉัตรเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูแล้วพูดผ่านหน้ากากให้ได้ยิน



   “ขอบคุณนะครับ” ไม่เพียงแค่เสียง แต่สัมผัสอุ่นๆแตะเข้าที่ติ่งหูจนเจตน์สะดุ้ง เขาหันขวับมองเจ้าของสัมผัส แต่ก็เห็นแค่ดวงตาสีน้ำตาลจางที่เป็นประกาย ไม่อยากถามว่าเมื่อครู่นี้ปกฉัตรเอาอะไรมาชนกับหูของเขา ในเมื่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขนาดนั้น



...ไม่ปลายจมูกก็ปาก...ผ่านทางหน้ากาก...



...ไอ้ปกแม่ง!!...



อกคันยุบยิบจนหนุ่มตี๋ต้องเกาแกร๊กๆ มองเมินไปทางอื่นเพราะใจสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่



   “ผมดีใจที่ได้มางานหนังสือกับพี่นะ” ทีอย่างนี้พูดเสียงดังผ่านหน้ากากออกมาให้ได้ยิน โดยไม่ต้องให้เขาก้มลงหา ร่างสูงมันเขี้ยวคนรัก ถ้าหากไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ เขาคงจับปกฉัตรกดพื้นไปแล้ว!



แต่...เพราะที่นี่คือที่สาธารณะและมีผู้คนมากมาย สิ่งเดียวที่ทำได้คือเกาอกไปเรื่อยๆพร้อมกับความคันยุบยิบที่มากกว่าเดิม!



   “กลับกันเถอะครับ” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลจางที่ระยิบระยับเอ่ยปากชวน เจตน์กำลังจะก้าวเดินแต่แขนถูกแตะเบาๆเสียก่อน เขาหยุดก้าวหันมามอง



   “ขอจับแขนพี่ได้ไหม ผมกลัวเป็นแบบเมื่อกี้...” ไม่มีคำพูดจากร่างสูง นอกจากการเป็นฝ่ายจับมือของปกฉัตรมากุมเอาไว้แทน พวกเขาก้าวเดินไปพร้อมๆกัน แต่ก่อนจะพ้นออกจากประตู เสียงจากร่างโปร่งก็ดังขึ้นมาอีก


   “ครั้งหน้า มาด้วยกันอีกได้มั้ย”


เจตน์เหล่ตามอง


   “ที่ให้กูจับมือเพราะจะอ้อนให้กูพามาคราวหน้าใช่มั้ย” ปกฉัตรยิ้มใต้หน้ากากอนามัย ซึ่งอีกฝ่ายรับรู้ได้ผ่านดวงตาที่หยีลงเล็กน้อย



   “ผมอยากมากับพี่นะ” ไม่ตอบปฏิเสธ แต่ย้ำเหตุผลของการชวนมาด้วยกันอีกครั้ง



ร่างสูงไม่อยากรับปาก ไม่อยากพาคนรักมาเบียดเสียดกับผู้คน ไม่อยากพามาสุ่มเสี่ยงกับการเป็นลม ไม่อยากให้ต้องแบกหนังสือหนักๆ แต่พอคิดถึงดวงตาระยิบระยับ สีหน้าที่มีชีวิตชีวายามได้หยิบจับหนังสือ และ...ความสุขของปกฉัตร แล้วก็พลอย...รับปาก



   “อือ...ถ้าอยากมากับกู กูก็จะมากับมึงนั่นแหละ...”




FIN

ปกติมักจะเขียนตอนพิเศษช่วงเทศกาล ช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ก็ถือซะว่าเป็นเทศกาลก็แล้วกันนะคะ ฮ่าฮ่า

ช่วงนี้ยังยุ่ง ก็เลยยังเอาเรื่องใหม่ลงไม่ได้ค่ะ แต่เดือนหน้าจะมีตอนพิเศษของเรื่องไหนสักเรื่อง เขียนเสร็จแล้ว แต่รอเดือนหน้า ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงเฮียและน้องปก และพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันเดือนเมษากับตอนพิเศษสั้นๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-03-2018 19:51:42
ตอนเฮียบอก ซื้อไปได้อ่านมั้ย นี่ เหมือนโดนศรปักดังจึ๊ก!! วุ้ยยย ของแบบนี้ใครเค้ารีบอ่านกัน ต้องดองไว้ก่อนสิ  อ่านตอนไหนก็ได้ เฮียนิ ไม่รู้เลย 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: jomyingg ที่ 30-03-2018 19:59:54
โอ๊ยพี่เจตน์ ที่สุดแห่งความพ่อบ้านใจกล้า รักมากหลงมากเวอร์55555 ปกก็ขี้อ่อยเสมอต้นเสมอปลายจริงๆลูกเอ๊ยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-03-2018 20:11:52
 อะโด่ นึกว่าจะแน่เห็นทำขึงขัง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-03-2018 20:32:22
ในความขี้บ่น ห้ามนั่น นี่ นู่น
มีแต่ความรัก ความห่วงใยจากเจตน์
สุดท้ายก็ตามใจตล๊อด 

เจตน์  ปก   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 30-03-2018 20:50:56
เดินร่อนไปซื้อหนังสือให้น้องปกซะทั่วงานตอนนี้อินหรือยังคะเฮียเจ๋ง แหมมม อิจฉาจริงๆเราก็อยากจะมีคนช่วยแบกหนังสือบ้าง แต่ในความเป็นจริงคือต้องสตรองเท่านั้นถึงจะอยู่รอดในงาน ฮือออ น้ำตาจิไหล
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-03-2018 20:53:48
ชีวิตนี้ต้องยอมน้องมันตลอดไปสินะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-03-2018 21:10:51
เฮียก้อเก็กไปงั้น..สุดท้ายก้อตามใจน้องยิ่งกว่าใคร น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-03-2018 23:20:25
โอเคค่ะเป็นช้างเท้าหน้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-03-2018 23:32:10
เนี่ยยย คนพี่ก็ทำเป็นเกรี้ยวกราดตลอดอ่ะ แต่ก็ยอมน้องตลอดดดดดด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 31-03-2018 00:55:18
ซื้อ​มา​ดองยะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 31-03-2018 01:17:59
แพ้น้องตลอดเล้ยยยยยย 5555555 ขอบคุณนะคะ อยากเจออีกทุกเทศกาลเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 31-03-2018 01:35:17
ใจอ่อน แพ้ทางกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 31-03-2018 02:02:31
อิพี่แพ้ทางน้องสุดๆ ทำมาเป็นเสียงแข็ง ถ่อววววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-03-2018 02:58:25
น้องปกเอ้ยยยยยยย แบบนี่พี่เจตต์จะไปไหนรอด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-03-2018 08:58:38
เฮียใจอ่อนตลอดแหละ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 31-03-2018 15:26:33
ลึกๆ แล้วปกมันร้ายยยย
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 31-03-2018 18:11:19
คนแบบนี้แหละค่ะที่ชาติต้องการรรรร หายากนะคะ คนที่จะยอมมาเดินงานหนังสือกับเราทั้งที่ไม่อินเนี่ยยย เฮียแกทั้งรักทั้งหลงน้องขนาดหนักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 31-03-2018 20:33:28
สนุกมากค่ะ ชอบมากๆ ตอนแรกก็หมั่นไส้เฮียนะ แต่เฮียแกทำตัวหยาบคายได้น่ารักจริงๆ 5555 ปกก็อ่อยเก่งงงง น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-03-2018 21:18:51
55555 อยากให้มีเทศกาลแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ รอตอนพิเศษเดือนเมษายนจ้า

เกรี้ยวกราดไม่เลิก และก็ทนให้น้องเศร้าไม่เคยไหว
สุดท้ายต้องยอมหน้าหงิกไปจ่ายหนังสือมาให้จนได้
ความแพ้ทาง ความสนอง ความใส่ใจ ที่แท้จริง

ปกฉัตรก็แผนเยอะ ทำก้มหน้าเม้มปาก
ทำพี่ใจบางไปสิ เลยได้ปากเฉียดหูและยิ้มแก้มปริสมใจ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 31-03-2018 22:46:43
เจอน้องมันหงอยหน่อยเฮียก็ใจอ่อนแล้วว :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 01-04-2018 01:29:45
งานของคุณบัวอ่านกี่ครั้งกี่เรื่องก็มีความสุขขขข
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ
  ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอยากอ่านอะไรเลย 
แต่พออ่านงานคุณบัวแล้ว รู้สึกกระชุ่มกระชวย มีความสุขขึ้นมา
รักตัวละครทุกตัวในทุกเรื่องของคุณบัวเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้และจะติดตามทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 01-04-2018 02:58:52
เจ๋งสมชื่อเลย ชอบๆๆๆๆๆๆๆ คนจริงสุด แต่ก็น่ารัก ปกคือร้ายเว่อร์5555555 ขี้อ่อยด้วย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-04-2018 03:36:36
คิดหรือว่าจะชนะลูกอ้อนของน้องปกได้  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-04-2018 09:29:37
น่ารัก และแล้วน้องปกก็ชนะเฮียเจ๋งอีกเช่นเคย



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 01-04-2018 13:20:06
เฮียเจ๋งคนหลงเมีย 2018 :katai2-1: :mc4: o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-04-2018 17:33:01
เข้มได้ไม่นานก็พาลใจอ่อนตลอดอ่ะเฮียเจ๋ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-04-2018 23:10:46
น่ารักอ่ะ พี่เจ๋งเกิดมาเพื่อแพ้น้องจริงๆ น้องก็อ้อนเก่งไม่งั้นจะได้อย่างใจทุกอย่างเหรอ น่ารักจริงๆ
เฮียใจดีเหมือนเดิม หน้าบึ้งเหมือนเดิม น้องปกก็น่ารักกก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 01-04-2018 23:36:23
ใจอ่อนกับเมียยยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-04-2018 00:13:59
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงง น้องปก กับ เฮีย :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ice-cream ที่ 02-04-2018 23:31:21
อ่านจบแล้ววววว ชอบๆๆ สนุก ไม่ดราม่า ดีต่อใจ เฮียเจ๋งก็คนจริง ปกก็แอบร้าย ขี้อ่อยเหมือนกันนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 03-04-2018 00:19:34
วิถีคนซึนที่ยอมน้องตลอด 5555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 03-04-2018 00:58:38
น้องอ้อนเก่ง ไอ้คนพี่ก็เอาใจน้องจะตายแระ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 03-04-2018 01:39:57
แหมมมม....ตอนพิเศษล่าสุดเข้ากับบรรยายกาศและช่วงจังหวะนี้สุด ๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 03-04-2018 05:26:06
เฮียใจร้อนจัง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 04-04-2018 12:52:14
"ซื้อไปได้อ่านไหม" เหมือนโดนอิเฮียด่า ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 05-04-2018 01:11:59
น้องปกขี้อ่อย
เจ๋งก็ไบโพลาร์ แต่น้อยกว่าโจ๊ก ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 07-04-2018 00:57:41
เจ๋งนิสัยน่ารักเกินไป ฮือออ เขินน
น้องปกเจ้าเล่ห์มาก555555
รักเรื่องนี้ :hao7: :hao5: o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 07-04-2018 21:53:05
เนี่ย แบบเฮียเนี่ยแหละปากร้ายใจดี
ขี้หงุดหงิดแต่ขี้ใจอ่อนกับน้องงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 14-04-2018 08:37:07
เฮียเจ๋งนี้อ่อยง่ายจริงๆ หรือว่าปกเป็นยอดนักอ่อย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 23-04-2018 10:47:34
เราก็เป็นอีกคนเหมือนกันทีเวลาไปงานสัปดาห์หนังสือสัปดาห์หนังสือแล้วเมาคนเหมือนกันไม่เคยซื้อได้ครบอิจฉาน้องปกจริงๆมีแฟนใจดีแบบนี้อยากมีแบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 23-04-2018 15:23:52
เฮียเจ๋งน่ารักสุดๆ  อุตส่าห์ไปเบียดเสียดผู้คนเพื่อซื้อหนังสือให้น้องปกจนครบ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 23-04-2018 15:35:14
 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 05-05-2018 22:09:04
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
……………………..
ตอน ง้อ


   บ่ายวันอาทิตย์ คือช่วงเวลาที่ขี้เกียจที่สุด


ดิษกรคนสันหลังยาวนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา มีพัดลมหนึ่งตัวเปิดจ่อสบายอุรา จนกระทั่งเสียงของนิศราดังเข้าหู


   “ดิษ ไปเก็บผ้าหลังบ้านให้หน่อย”


คนนอนอืดเหล่ตามองไปตามเสียงเล็กน้อย แต่ตัวยังอยู่ในท่าเดิม


   “ดิษกร...” เสียงเรียกดังซ้ำ คราวนี้เลยยอมขยับด้วยการผงกศีรษะขึ้นมอง นิศราโผล่หน้าเข้ามาในพอดี


   “ลุกไปเก็บผ้าให้อาหน่อย เดี๋ยวอาทุบน้ำแข็งทำขนมปังน้ำแดงไมโลเย็นให้”


ฟังแบบนี้แล้วค่อยน่าสนใจ หนุ่มร่างใหญ่ยอมลุกจากโซฟาแต่โดยดี


   “เอาขนมปังสองแผ่นเลยนะอานิศ” แต่ก่อนจะออกจากห้องต้องมีต่อรอง


   “อาเพิ่มนมข้นให้ด้วยอีกช้อนนึง”


   “ของแบบนั้นมันต้องใส่อยู่แล้ว”


   “ไป ไปเก็บผ้า แล้วชวนปกกับเจ๋งมากินด้วยนะ”


ดิษกรพยักหน้าหงึกหงัก แล้วเดินออกไปหลังบ้าน คว้าเอาตะกร้าเปล่าหนึ่งใบติดมือไปด้วย เขาหยีตาเล็กน้อยเมื่อมองฝ่าเปลวแดดช่วงบ่ายออกไปพบว่านอกจากเขาจะถูกไล่มาเก็บผ้าแล้ว ยังมีใครอีกคนยืนรดน้ำต้นไม้อยู่อีกที่ริมรั้วบ้านหลังติดกันด้วย


   บ้านหลังนั้นเป็นของปกฉัตรเพื่อนซี้ของเขา แต่คนที่ยึดตำแหน่ง ‘คนสวน’ ไปนานแล้วคือ ‘เฮียเจ๋ง’ ของเขาเอง!


   …แต่...วันนี้สีหน้า ‘คนสวน’ ดูไม่สดชื่นเอาซะเลย...


   ...อย่างงี้ต้องตอแยซะหน่อย!...


   “เฮียยยยยย...” ดิษกรส่งเสียงรื่นเริง เดินฝ่าเปลวแดดออกไปที่ริมรั้วอย่างอารมณ์ดี แตกต่างจากอากาศหน้าร้อนยิ่งนัก


   ตาเรียวตวัดมอง ทำเอาใจคอคนรื่นเริงชักจะหวั่นๆ


   แต่...คิดจะแหย่หนวดหมี ก็ต้องเอาให้สุด!


   “ตาจิกน้องได้อีก อย่าบอกนะว่าทะเลาะกับไอ้ปก?” คนถูกทักว่าทะเลาะกับคนรักชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาเรียวเหลือบกลับไปมองที่บ้านแล้วพ่นลมหายใจออกมาทีนึง


   “แม่ง ง้อยากง้อเย็น!” เป็นประโยคบอกเล่าที่ตอบคำถามของดิษกรแบบไม่ต้องแปล


...ทะเลาะกันมาจริงๆด้วย!...


   แล้วพอได้พูดหนึ่งประโยค ความอัดอั้นที่เก็บมาตั้งแต่เช้าก็เหมือนน้ำหลากในช่วงทำนบแตก


   “ไม่ใช่กูไม่ง้อนะ กูง้อแล้ว! แต่เพื่อนมึงแม่งไม่สนใจการง้อของกูเลย!”


   ดิษกรกลืนน้ำลายเอื้อก ฟังจากคำพูดแถมหน้าตาของหนุ่มรุ่นพี่ คำสอนของผู้ใหญ่ก็ดังขึ้นมาในหัว


‘ผัวเมียทะเลาะกัน บุคคลที่สามไม่ควรเข้าไปยุ่ง’


   “เอ้อ...เฮียก็...ใจเย็นๆ...” ปากปลอบ แต่สายตาหลุกหลิกหาทางหนีทีไล่สำหรับตัวเอง


   “กูเย็นมามากแล้วนะสัด!” เนี่ย...ที่ไม่อยากเอาคอเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคู่นี้ก็เพราะอยู่ดีๆ ดิษกรก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกด่าเฉยเลย!


   “ผมรู้...เอ่อ...ผม...ผมไปเก็บ...” จะขอปลีกตัวไปเก็บผ้า แต่เจตน์ที่ยังมองกลับเข้าไปในบ้านไม่ได้รับรู้อาการของหนุ่มรุ่นน้องเลยสักนิด เพราะเขาระบายความในใจต่อทันที


   “กูไม่เคยเย็นกับใครเท่าที่เย็นกับมันเลยนะ! กูรู้ว่ากูผิด กูก็ง้อก่อนแล้ว กูยอมมันทุกอย่าง แต่แม่ง!...เพื่อนมึงมันเอาใจยาก!”


   คำพูดคำจาของหนุ่มรุ่นพี่ชักทำเอาดิษกรหูผึ่ง ประโยค ‘ผัวเมียทะเลาะกัน บุคคลที่สามไม่ควรเข้าไปยุ่ง’ เริ่มจะจางหายจากหัว


   ...เรื่องนี้เฮียผิด แถมเฮียง้อก่อนอีกต่างหาก เฮียเอาใจไอ้ปกทุกอย่าง แต่...ไอ้ปกยังไม่ยอมคืนดี...


   ...วะ?! กูอยากรู้เรื่องของสองคนนี้ขึ้นมาซะงั้นล่ะ!...


   “แล้ว...เฮียทะเลาะกับมันเรื่องอะไร”


   หนุ่มตี๋ตาเรียวร่วมคณะหันกลับมามองคนถาม พ่นลมหายใจอีกเฮือกก่อนจะยอมเปิดปากเล่า


   “เมื่อคืนกูไปแดกเหล้ากับพวกไอ้ซัน”


   “พี่ซันชมรมฟุตบอลน่ะเรอะ?” ดิษกรย้อนถามถึงแก๊งค์ชมรมฟุตบอลของคณะบัญชี บางคนในชมรมนี้ก็หอบหิ้วกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายที่เดียวกับพวกเขานี่ล่ะ


   “เออ! คือกูน่ะเคยสัญญากับไอ้ปกไว้ว่าจะไม่แดกเหล้าเยอะ แล้วรอบนี้กูก็บอกมันแล้วว่าไปกินแก้วเดียว แล้วจะกลับสี่ทุ่ม แต่...พี่วอร์มมาได้ตอนห้าทุ่ม กูเลยส่งข้อความไปบอกไอ้ปกว่ากูจะกลับเที่ยงคืน เพราะต้องรอเจอรุ่นพี่ก่อน แล้ว...แล้วแม่งก็งอนกูไปเลย” เจตน์เล่าเหตุการณ์เมื่อวานอันเป็นฉนวนเหตุความบาดหมางในวันนี้


   “แล้วเฮียโทรบอกมันกี่โมงล่ะ”


   “ตั้งแต่สามทุ่มครึ่ง! ทันทีที่กูรู้ว่าพี่วอร์มมาห้าทุ่ม กูก็รีบบอกไอ้ปกคนแรกเลย!”


เจตน์คิดว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว เขายังคงดื่มเหล้าแค่แก้วเดียว ตอนที่ขอต่อเวลาจะกลับเที่ยงคืนเพื่ออยู่รอเจอรุ่นพี่ที่สนิทกันซึ่งเป็นประธานชมรมฟุตบอล เขาก็บอกปกฉัตรล่วงหน้าตั้งครึ่งชั่วโมง แถมเขากลับถึงบ้านก่อนเที่ยงคืนด้วยซ้ำ แต่...ปกฉัตรไม่อะลุ้มอล่วยและไม่เข้าใจ


   “มึงรู้มั้ย กูตามง้อมันตั้งแต่เช้า ตื่นมาตั้งแต่ตีห้า ไปตลาด ซื้อปลามาทำข้าวต้มให้มันกิน แม่ง! เสือกแดกเท่าแมวดม! แล้วตั้งแต่เช้านะ! มันไม่คุยกับกูสักคำ! เชี่ยเอ๊ย! เดี๋ยวกูก็ฉุดขึ้นห้องไปตกลงกันบนเตียงซะหรอก!”


   สีหน้าของเจตน์บอกอารมณ์หงุดหงิดได้เป็นอย่างดี แถมคำพูดคำจาฮึกเหิม แต่ทำไมดิษกรเห็นเป็นภาพปกฉัตรนั่งบนเตียงแล้วเจตน์นั่งพื้น กำลังตกลงกันในห้องนอนก็ไม่รู้!


   “เพื่อนมึงง้อยากฉิบหาย! เรื่องแค่นี้แม่งโกรธกูเป็นวัน! อะไรนักหนาวะ!”


ฟังๆดูแล้วก็น่าเห็นใจเจตน์ แต่อีกใจ...ดิษกรก็เข้าใจความรู้สึกของปกฉัตรดี


   “ตอนเด็กๆ...ไอ้ปกมันรอพ่อแม่มันบ่อยนะเฮีย บางวันพ่อแม่มันบอกว่าจะกลับเร็ว แต่สุดท้ายโทร.มาบอกว่าติดงาน ต้องกลับช้า ผมพามันมารอที่บ้านผมเรื่อย เพราะไม่อยากให้มันอยู่คนเดียว ถึงมันจะไม่เคยโวยวาย แต่ใจคนรอนะ...ทั้งๆที่คิดว่าจะได้เจอกันแล้ว แต่ก็ถูกผลัดออกไปอีก น่าสงสารออกนะ...”


คนฟังนิ่งไป ดิษกรไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ประตูหลังบ้านของปกฉัตรก็ถูกเปิดออก ใบหน้าขาวโผล่ออกมามองเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากบ้านมาที่ริมรั้ว


ปกฉัตรเดินออกมายืนข้างๆเจตน์ เว้นที่ว่างระหว่างกลางเอาไว้เกือบหนึ่งช่วงแขน ดวงตายังมองตรงไปที่ดิษกร


“มากินผลไม้ที่บ้านมั้ยดิษ”


คำชวนดังขึ้นเบาๆ แต่มันเป็นคำชวนที่มอบให้เพื่อนสนิทข้างบ้านเพียงคนเดียว เจตน์ได้แต่มองเมินไปที่ต้นไม้เขียวๆที่ตนเองกำลังรดน้ำ ใบเขียวชุ่มชื้นจากน้ำดีแล้ว แต่หัวใจของเขาสิ...แห้งผากเพราะถูกคนรักเมินเฉย


...ข้าวต้มปลา กูเลาะก้างให้อย่างดีก็แดกเหมือนดม ผลไม้แม่งปอกก็ชวนแต่ไอ้ดิษคนเดียว...


...กูยืนทนโท่อยู่นี่ จะมองกุสักนิดก็ไม่มี...


...ไอ้ปกแม่ง...


...ใจดำ...


“อื้อ...แต่เดี๋ยวกูต้องเก็บผ้าก่อน อานิศสั่ง” ดิษกรตอบแล้วชี้นิ้วข้ามไหล่ตัวเองกลับไปที่ราวตากผ้า ปกฉัตรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเหลือบมองคนรักที่ยืนอยู่ข้างๆและยังเอาแต่รดน้ำต้นไม้โดยไม่สนใจกัน


เขาเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ย


“ผม...ปอกผลไม้ไว้นะ” ประโยคสั้นๆนั้นเบาแค่พอที่เจตน์จะได้ยิน แน่นอน...ดิษกรที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรั้วเงี่ยหูสุดชีวิตเพื่อให้ได้ยินด้วย


คนชวนไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเพื่อง้องอน พอพูดเสร็จก็หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านอย่างเงียบๆ


เจตน์ยังคงเอาแต่สนใจต้นไม้ ทั้งๆที่ได้ยินเต็มสองหู และเห็นทางหางตาว่าคนที่พูดเมื่อครู่นี้เดินหน้าเศร้ากลับเข้าบ้านไปแล้ว


“ไอ้ปกง้อเฮียนะนั่น”


ดิษกรกระทุ้งอีกรอบ เพราะยังเห็นรุ่นพี่ร่วมคณะยืนนิ่ง เจตน์เหลือบตามองคนพูด สีหน้ายังยุ่งเหยิงเหมือนหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็เดินเกาอกยุกยิก ลากสายยางไปเก็บ แล้วเดินตามเข้าบ้าน

...............................

   ภายในบ้านไม่ร้อนเท่าข้างนอก แถมอารมณ์คนหงุดหงิดก็เย็นลงมากแล้วนับตั้งแต่มีใครบางคนเดินตามออกไปยืนข้างๆ เจตน์มองเข้าไปในห้องอเนกประสงค์ ที่โต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์มีจานผลไม้ที่ถูกปอกและหั่นแล้ววางอยู่ พอเขาเดินเข้าไปนั่ง อึดใจต่อมา ปกฉัตรก็ตามเข้ามาวางแก้วน้ำเย็นลงตรงหน้าอย่างเอาใจ


   ระหว่างพวกเขาคือความเงียบ เจตน์เงยหน้าสบตาร่างโปร่งที่ยืนอยู่ สายตาของปกฉัตรทำเอาหัวใจของผู้ชายขี้หงุดหงิดคนนี้ไหวสั่นจนต้องเอื้อมมือไปคว้าแขนแล้วดึงให้ทรุดตัวลงนั่งข้างๆกัน


   “หายโกรธกูแล้วเหรอ” ปากถาม แต่ตาเลื่อนกลับไปที่จานผลไม้ มีทั้งมะม่วงและชมพู่ที่ถูกปอกและหั่น จัดเอาไว้อย่างดี คนทำคงตั้งใจทำมาง้อกันจริงๆ


   “พี่ล่ะ”


   “อือ...” หมายความว่าหายแล้ว หายตั้งแต่ปกฉัตรไปตามมาทานผลไม้แล้ว


   “ผม...ขอโทษ...” ปกฉัตรรู้ว่าเขาเอาแต่ใจเกินไป ถึงจะเป็นคนรักกัน แต่เจตน์ก็มีโลกของเจตน์ มีสังคมของตนเอง เขาไม่ควรก้าวก่าย


   ดวงตาเรียวเหลือบมอง มือที่จับแขนขาวเลื่อนลงไปกุมมือของปกฉัตรเอาไว้ สรีระของพวกเขาแตกต่างกัน เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ไหล่หนา แขนขาใหญ่ แต่ปกฉัตรผอม เก้งก้าง แม้แต่นิ้วก็เหมือนมีแต่กระดูกโปน


   มือใหญ่ลูบปลายนิ้วของคนรักหนักๆ


   “กูก็ผิด กูรับปากมึงไว้ว่าจะกลับสี่ทุ่ม แต่กูไม่ทำตามที่พูด กูขอโทษ”


   “ผมเองก็โกรธพี่มากเกินไป...เมื่อวานมันหลายเรื่อง...ผมเป็นห่วงพี่ด้วยที่พี่ไปดื่ม แล้วไหนพี่จะขอกลับช้าอีก...แต่...ผมก็ไม่ควรโกรธพี่มากขนาดนั้น...” คำสารภาพของคนข้างกายทำเอาเจตน์สะท้านในอก หัวใจคนรอนั้นคาดหวังเพียงใดเขาเข้าใจแล้ว ยิ่งคนรอคนนั้นคือปกฉัตร เขาก็ยิ่ง...สมควรที่จะรักษา


   ร่างสูงบีบมือคนพูดแน่น


   “ทั้งๆที่มึงเป็นห่วง มึงจะโกรธกูก็ไม่ผิดหรอก แต่กูเสือกโกรธมึงกลับอีก...” เจตน์บ่นแล้วถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับความใจร้อนขี้หงุดหงิดของตัวเอง


   ปกฉัตรตบมืออีกข้างลงกับมือของเจตน์ราวกับจะปลอบ


   “ช่างมันเถอะ พี่โกรธผมกลับ มันก็ทำให้ผมรู้สึกตัวว่าผมโกรธพี่มากเกินไป” หนุ่มตาเรียวหันมองคนรัก เพราะปกฉัตรใจเย็นแบบนี้ ให้อภัยกันได้ทุกเรื่องแบบนี้ เขาเลยยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต้องปรับปรุงตัวเองมากกว่านี้


   เพื่อรักษาความรู้สึกของคนสำคัญเอาไว้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่แสนสำคัญนี้เอาไว้


   “กูแค่โกรธที่มึงไม่เห็นความพยายามของกูที่กูง้อมึง กูลืมด้วยซ้ำ...ว่าจริงๆกูทำให้มึงรอ ทำให้มึงเป็นห่วง กูต่างหากที่เป็นคนผิด”


“...จากนี้กูจะบริหารเวลาของกูให้ดีกว่านี้ กูมีสังคมของกูก็จริง แต่กูก็มีมึงด้วย กูจะพยายามไม่ทำให้มึงต้องรอกูแบบนี้อีก” คนจริงจังพูดจาเป็นงานเป็นการ ฟังแล้วชวนให้ขำจนปกฉัตรยังต้องยิ้ม


   “ยิ้มไรของมึง” ใบหน้าขาวส่ายไปมาเป็นเชิงไม่ยอมตอบ และก่อนจะถูกซักไซ้ ปกฉัตรก็มีวิธีที่จะเบี่ยงเบนความสนใจ เขาพิงศีรษะลงกับไหล่หนา แทนคำพูดหลากหลายของความรู้สึกในขณะนี้


   ...ขอโทษที่เอาแต่ใจ...


   ...แต่ก็รักและเป็นห่วง...


   เจตน์มองอาการนิ่งเงียบและเอาศีรษะซุกไหล่ของเขาแล้วก็ถอนหายใจเบาอย่างโล่งอก ถึงปกฉัตรจะไม่พูด แต่การที่แพะพิงลงกับร่างกายของเขาก็พอจะบอกให้รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากลับมาเข้ารูปเข้ารอยแล้ว


   มือยังกุมมือ มืออีกข้างของเจตน์เอื้อมไปหยิบชมพู่มาส่งให้คนที่นั่งพิงศีรษะกับไหล่ของเขาอยู่ ปกฉัตรเงยหน้ามอง ไม่ต้องพูดอะไรกัน มีแค่ความรู้สึกทางสายตา การดูแลอย่างเอาใจใส่ เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว


   “คราวหน้า มึงจะไปกับกูด้วยก็ได้นะ พวกไอ้ซัน มึงก็น่าจะเคยเห็นหน้า ที่เคยเตะบอลกับคณะมึง” ระหว่างมื้อของว่าง คือการพูดคุยกันโดยไม่มีความแง่งอนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว


   “ไม่เป็นไร ผมไม่ดื่ม ถ้าไป คนอื่นๆจะไม่สนุก”


   “ไม่สนุกที่ไหน ขนาดเมื่อวานมึงไม่ไป พวกนั้นยังถามถึงแต่มึง” ประโยคของเจตน์มีหางเสียงหงุดหงิดนิดหน่อยตามประสาคนขี้หวง


   ...ขอย้ำคำเดิมว่าก่อนหน้านี้ที่กูไม่จีบไอ้ปก ไม่เห็นใครจะมาสนใจมัน พอกูได้มันเป็นแฟน แม่งมีแต่คนอยากจะเข้ามาท้าทายอำนาจมืดของกูเหลือเกิน!...


   “เพื่อนพี่รู้จักผมด้วยเหรอ” ปกฉัตรถาม กัดมะม่วงไปหนึ่งคำแล้วทำหน้าแหยเพราะความเปรี้ยว เจตน์เลยดึงมะม่วงที่เหลือไปกินต่อ


   “รู้จัก มันบอกมึงดังในคณะ” คนถูกเยินยอว่า ‘ดังในคณะ’ ทำหน้างง


   “ผมน่ะเหรอ” ปกฉัตรคนเงียบๆ คนที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ไม่คิดว่าตัวเองป็อปปูลาร์เท่าไร ถึงจะพอรู้ตัวว่ามีใครหลายคนมองมาที่เขาอย่างสนใจก็เถอะ


   “เออ! มีใครมาจีบมึงบ้างรึเปล่า?!” ร่างสูงตวัดสายตามาจิก แต่คนแผนสูงทำนิ่งไม่ยอมตอบ คราวนี้เจตน์เลยพลิกตัวขึ้นคร่อมทับเสียเลย


   “อื้อ...ทำอะไร...” คนที่จู่ๆก็ตกอยู่ใต้ร่างหนาร้องถามเบาๆ แต่ดวงตาหลุกหลิกลงมองริมฝีปากของเจตน์ที่ใกล้แค่เอื้อม


   “มีใครมาจีบมึงรึเปล่า...” เสียงทุ้มดังใกล้ ริมฝีปากที่ปกฉัตรมองเลื่อนเข้าหามากยิ่งขึ้น


   “พี่ยังมีสังคมของพี่ ผมก็มีสังคมของผมนะ” ถูกย้อนด้วยวาทะ ‘สังคม’ แบบนี้ ทำเอาคนฟังเข่นเขี้ยว


   “สังคมหมายถึงเพื่อน ไม่ได้หมายถึงคนมาจีบ!”


   “แล้ว...พี่คิดว่ายังไงล่ะ...” มือขาวไล้ที่บั้นเอวของเจตน์หนักๆ เป็นภาษาพูดและภาษากายที่ชวนให้ทำอย่างอื่นมากกว่าการซักไซ้ตอบคำถาม


   “หมายความว่ามีใช่มั้ย”


ปกฉัตรคนเงียบมีประกายบางอย่างในดวงตาที่ทำให้เจตน์มันเขี้ยวกว่าเดิมจนอยากบดขยี้หนักๆ


   “ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมีอยู่คนเดียวที่บอกว่าจีบ แล้วก็เข้ามาจีบ...”


ไม่ต้องบอกชื่อก็รู้ว่าคนที่บุ่มบ่ามทำอะไรแบบนั้นคือใคร หนุ่มตี๋ยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้แล้วงับริมฝีปากที่ปกติมักไม่ค่อยพูด แต่พอพูดทีไร ทำเอาความรู้สึกของเขากระเจิดกระเจิงทุกที


   “แล้วก็ดันเก่ง จีบติดด้วย...” เขายกยอตัวเองก่อนจะประกบปากแนบแน่น ปกฉัตรอยากหัวเราะ แต่เพราะจูบของอีกฝ่ายปิดปากเขาเสียก่อน สิ่งที่ทำได้คือจูบกลับทั้งๆที่ยังมีรอยยิ้มติดที่มุมปาก


กายหนาโน้มลงแนบชิด เสียดสีทั้งที่ยังมีเสื้อผ้า เสียงจูบและดูดดึงนั้นฟังแล้วดื่มด่ำ ราวกับจะชดเชยช่วงเวลาหมางเมินที่มีให้กันมาตั้งแต่เมื่อคืน


   ทว่า...เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน


   จูบหนักหน่วงหยุดชะงัก ทั้งเจตน์และปกฉัตรหันมองตามเสียง


   “ไอ้ปกกกกก เฮียยยยยย...ดิษกรมาแล้ว” เสียงตะโกนมาจากหน้าประตู คนนอกบ้านเพียงคนเดียวที่สามารถถือวิสาสะข้ามรั้วจากบ้านหลังติดกันมาจนถึงหน้าบ้านได้โดยไม่ต้องกดออดที่ประตูรั้ว


   เจตน์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอที่ถูกขัดจังหวะ มือขาวที่เมื่อครู่ลูบไล้เนื้อตัวของเขากลายเป็นผลักออกห่าง


   “มึงน่ะไปชวนมันมาทำไมไม่รู้?!” เขาโทษคนรัก ปกฉัตรได้แต่เงียบ เพราะความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะชวนดิษกร แต่ที่ต้องชวนเพราะจะได้มีข้ออ้างเดินออกไปหาเจตน์ที่ริมรั้วต่างหาก


   “วู้ฮู ดิษกรมีหนมปังน้ำแดงใส่ไมโลกับนมข้นเยอะๆมาแลกด้วยยยยย” เสียงตะโกนยังดังไม่จบสิ้น ปกฉัตรจำต้องมุดตัวเองออกจากวงแขนของคนรักแล้วเดินออกจากห้องเอนกประสงค์ไปเปิดประตูให้ ดิษกรคนมาเยือนยืนยิ้มหน้าแฉล้มพร้อมด้วยน้ำแข็งใสถ้วยใหญ่


   “อานิศทำเอง กูเลยเอามาแบ่ง เฮียล่ะ” เพื่อนข้างบ้านมองชะเง้อหารุ่นพี่ร่วมคณะ


   “อยู่ที่หน้าโทรทัศน์” คำตอบของปกฉัตรทำเอาดิษกรละสายตาจากการชะเง้อมามองเพื่อนสนิท


   “มึงดีกับเฮียแล้วใช่มั้ย” เพราะอย่างน้อย ก็ยอมชี้พิกัดว่าเจตน์อยู่ตรงไหนของบ้าน


   ร่างโปร่งพยักหน้ารับน้อยๆ เพียงเท่านั้นดิษกรก็ยิ้มกริ่ม


   “ดีแล้ว เฮียรักมึงนะ มึงเองก็รักเฮีย ต่างคนต่างเมินกัน มันไม่ดีหรอก”


ปกฉัตรไม่พูดอะไร ไม่อยากบอกว่านอกจากจะดีกันแล้ว กิจกรรมหลังจากดีกันก็คือกอดรัดฟัดเหวี่ยง และอาจจะไปไกลกว่านั้นถ้าดิษกรไม่โผล่มาซะก่อน


   “มึง...เอาน้ำแข็งไสไปนั่งกินกับพี่ก่อน เดี๋ยวกูเอาผลไม้ไปเพิ่มให้” เจ้าของบ้านเสนอ ดิษกรพยักหน้ารับอย่างเห็นดีเห็นงาม แล้วเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องเอนกประสงค์ ส่งเสียงเชื้อเชิญคนที่นั่งอยู่ในนั้นให้ทานน้ำแข็งไสด้วยกัน แน่นอนว่าได้ยินเสียงด่าของเจตน์ทำนองว่า ใส่นมข้นเยอะอะไรขนาดนี้ ลอยออกมาจากห้องด้วย


   ปกฉัตรมองตามเข้าไปแล้วได้แต่ยิ้มกับตัวเองที่เห็นเจตน์โวยวายเหมือนเดิมแล้ว เขาเดินเข้าครัวเพื่อหาผลไม้เพิ่มสำหรับเพื่อนกินเก่งอย่างดิษกร แต่พอหมุนตัวออกจากหน้าตู้เย็นก็พบว่าคนรักเดินหน้าหงิกตามเข้ามาในห้องครัว


   “ไอ้เชี่ยดิษแม่งแดกน้ำแข็งไสโคตรหวาน”


   ปกฉัตรยิ้มน้อยๆ หยิบขวดน้ำออกมาจากตู้เย็นแล้วหาแก้วมาเทน้ำส่งให้ ช่างเอาอกเอาใจ แม้จะไม่ค่อยพูด


   ร่างสูงรับน้ำมาดื่ม สายตายังมองร่างผอมโปร่งที่กำลังวุ่นวายอยู่กับผลไม้ เขาวางแก้วลงบนเคาท์เตอร์ครัวแล้วเดินตามไปยืนซ้อนหลัง


   “อ๊ะ...พี่...” ขยับชิดจนปกฉัตรเอี้ยวกลับมาได้แค่หน้า แต่แค่นั้นก็มากเพียงพอแล้วสำหรับเจตน์ที่ยังโหยหารสจูบของคนรักอยู่


   ใบหน้าหล่อเหลาของตี๋หนุ่มเลื่อนลงหา ปกฉัตรต้องออกปากเตือน


   “ไอ้ดิษอยู่...”


   “มันไม่ได้อยู่ตรงนี้นี่”


   “แต่...”


   “กูยังอยากจูบมึงอยู่เลย” เจอประโยคนี้ของเจตน์เข้าไป ปกฉัตรก็หมดใจจะต้านทาน ปล่อยให้อีกฝ่ายก้มลงหาแล้วมอบสัมผัสร้อนลงกับริมฝีปากของเขา


   ส่วนแขกผู้มีเกียรติที่ชื่อดิษกร หลังจากถูกทิ้งให้อยู่กับถ้วยน้ำแข็งไสคนเดียวก็ลุกขึ้นเดินตามหาเจ้าของบ้านและรุ่นพี่ที่เคารพ ตอนที่ชะโงกเข้าไปดูในห้องครัวก็พบว่าสองคนที่เขากำลังตามหายืนจูบกันอยู่ที่หน้าอ่างล้างจาน


   ดิษกรกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะถอยฉากออกจากห้องครัวและบ้านของเพื่อนซี้ พอออกมาแล้วถึงได้นึกขึ้นได้ว่าลืมถ้วยน้ำแข็งไสเอาไว้ แต่เกรงว่ากลับเข้าไปอาจจะเจอฉากเด็ดยิ่งกว่าจูบเมื่อครู่นี้


   หนุ่มข้างบ้านถอนหายใจเฮือก สอนตัวเองว่านอกจากเรื่อง ‘งอนๆ’ ของเจตน์และปกฉัตรที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งแล้ว ควรจะปล่อยให้เรื่อง ‘ง้อๆ’ ของสองคนนั้นตกผลึกก่อนจะแวะเวียนไปเยี่ยมบ้าน เพราะมิเช่นนั้น...อาจจะต้องเจอภาพตราตรึงเช่นนี้แล


   เขากระโดดข้ามรั้วกลับไปที่บ้านตนเอง แล้วเดินลากเท้าเข้าบ้าน พลางร้องหาคุณอาสุดที่รัก


   “อานิศศศศศ...ทำหนมปังเย็นให้กินอีกถ้วยนึงงงงงง”


FIN

ดิษกรคนดวงดีค่ะ ฮ่าฮ่า

ส่วนเฮียกับปกก็...ถ้ามีลูกได้ น่าจะหัวปีท้ายปีนะคะ ฮ่าฮ่า

ขนมปังน้ำแดงใส่ไมโลนี่ของที่อ้วนมากๆ แต่ก็อย่างว่า ยิ่งเป็นของอ้วนยิ่งอร่อยเนอะ (ถึงแม้มันจะดูไม่น่าจะเข้ากัน แต่มันเข้ากันนนนนนน)

หมู่นี้ยังเป็นหน้าร้อนที่ฝนตก รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงเฮียเจ๋งและปกฉัตร ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

ถ้าเขียนตอนพิเศษเสร็จ สัปดาห์จะเอามาลงให้อ่านอีก และแน่นอน...ลุ้นกันเหมือนเดิมว่าจะเป็นเรื่องอะไร ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-05-2018 22:30:05
เฮียเจ๋งก็คือเฮียเจ๋งวันยันค่ำนั่นแหละแพ้ทางปกตลอด ส่วนดิษนี่น่าหาคู่ให้เขานะคะจะได้ไม่เหงา เราจองได้มั้ยล่ะน่ารักเหลือเกินดิษเอ้ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 05-05-2018 23:12:05
ดิษผู้น่าสงสาร 555 รู้เห็นเป็ยพยานรักตลอด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 05-05-2018 23:22:21
เหม็นความรัก 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-05-2018 23:32:09
เอ็นดูดิษ นั่งกินน้ำแข็งใสย้อมใจไปก่อนนะ 555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 05-05-2018 23:34:07
น่ารักจัง :)
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 05-05-2018 23:34:30
คนโชคดีคือดิษ 555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 05-05-2018 23:52:04
ชอบบบบมากกกกกก รอตอนพิเศษต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 06-05-2018 00:17:42
 :impress2:เฮียเจ๋งผู้พ่ายแพ้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-05-2018 00:27:08
ขออีก~
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: jomyingg ที่ 06-05-2018 01:02:34
งุ้ยยยยคิดถึงจังงง เอ็นดูดิษอะ นั้ลลัคคคค55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 06-05-2018 01:09:25
โอ้ยยยยยยย !!! คิดถึง คิดถึงมากๆ ได้อ่านละชื่นใจจริงๆ :katai2-1: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 06-05-2018 06:34:52
อ่านตอนนี้แล้วอยากกินน้ำแข็งไส ใส่ไมโลเยอะๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-05-2018 09:17:01
สงสารดิษกร  :laugh:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-05-2018 09:27:05
คิวปิดดิษกร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 06-05-2018 19:59:05
เรื่องของปกเฮียจริงจังเสมอ. จะไปโกรธไรกั้นนน รักกันจะตาย
แป้บเดียวกลับมาหวานกันละ ดิษหาแฟนมะ 555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 06-05-2018 20:47:42
ดิษกรตลกดีอ่ะ น่ารักด้วย
ฮามากตอนดิษกร วู้ฮู มีขนมปังน้ำแดงมาแลก ฮ่าๆๆ

น่าจะมีเรื่องของดิษกรเองเนอะคนแต่ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2018 21:04:12
 :man1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-05-2018 22:28:43
มาตามสัญญา..ลุ้นจันทร์จ้าวชักจะคิดถึง  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: pp_psj ที่ 06-05-2018 22:34:11
น้องปกน่ารักมากอยากฟัดด้วยคนอะ เฮียเจ๋งขอฟัดน้องทีนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 07-05-2018 17:27:11
 :mew2: โถ่ๆ ดิษกร ...เป็นหมาหัวเน่าซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-05-2018 21:08:33
ฮึ่ยยยยย....... :z3:
ดิษ  มาขัดจังหวะคนรักที่กำลังจู๋จี๋ซะนี่  :serius2: :serius2: :serius2:

เฮียเจ๋ง  ปก   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 08-05-2018 13:01:46
สนุกมากๆ ค่ะ ปกฉัตรน่าร๊ากกก
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 08-05-2018 13:47:29
เฮียเจ๋งนี่แพ้ทางปกมากเว่ออ 555555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 09-05-2018 09:05:41
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-05-2018 13:36:16
ตามอ่านครบแล้วค่ะ เหมาะกันดีจังทั้งสองคน

คนนึงใจเย็น คนนึงใจร้อน

คนนึงขี้หวง อีกคนชอบให้ห่วง

คนนึงชอบเป็นผู้นำ อีกคนยอมตามง่ายๆ เพราะอีกคนชอบ

น่ารักมากค่ะ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-05-2018 14:09:41
คิดถึงทั้ง 3 คนเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 09-05-2018 15:25:15
อยากให้นุ้งดิษมีเรื่องของตัวเองมั่งงงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-05-2018 20:04:13
ขำดิษกร  :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-05-2018 20:21:10
สนุกมากกกกกกกก
เฮียเจ๋ง นี่เจ๋งสมชื่อจริงๆ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 10-05-2018 18:44:03
คิดถึงคู่เฮียเจ๋งและน้องปกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 10-05-2018 22:29:52
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 11-05-2018 14:00:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-05-2018 19:58:49
งอนๆง้อๆ กระชับสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 11-05-2018 20:49:22
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 12-05-2018 19:18:05
สงสารดิษเด้ออออ555555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 12-05-2018 22:51:44
อ่านมา2วันจบสักที
สนุกดี ชอบความรุกคืบแบบไม่รู้ตัวของปก
กว่าจะรู้สึกอีกฝ่ายก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-05-2018 19:13:59

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 18-05-2018 20:58:48
เจ๋งยังไงก็ยังแพ้ทางปกอยู่ดีนะเฮีย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 21-05-2018 02:16:51
ดิษเจอช็อตเด็ดตลอด ฮาาาา เอ็นดูนาง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: mida ที่ 22-05-2018 16:08:45
อยากเป็นแฟนดิษจัง ชอบผู้ชายแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 25-05-2018 03:32:52
เอ็นดูดิษอ่ะ  :m20:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 27-05-2018 08:24:00
ดิษจะมีคู่บ้างมั้ย55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 27-05-2018 14:57:52
น่ารัก คิดถึงเฮียเจ๋งเลย ล
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 28-05-2018 22:16:33
 :-[
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 10-06-2018 02:57:02
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลย​ สนุกมากกกกกก​ ภาษาดีมากๆ​ ชอบตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้มาก​ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆนะคะ​ จะไปตามอ่านทุกๆเรื่องของคนเขียนเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 10-06-2018 05:10:24
ขำเฮียเจ๋ง... โวยวายริมรั้ว
ท่าทางอัดอั้นนะนั่น
คราวหน้าแนะนำให้ไปปรึกษาเพจพ่อบ้านใจกล้านะเฮียนะ

ปรึกษาปุ๊บ ลากปกเข้าห้องปรับความเข้าใจปั๊บ
ไม่ต้องมีดิษกรเป็นก้าง

 :katai3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: winning ที่ 16-06-2018 01:29:20
ดิษผู้น่าสงสาร555​
เฮียนี่เจ๋งสมชื่อจริงๆน้องปกก็อ่อยเก่งเหลือเกินลูกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 16-06-2018 07:12:50
เติมความหวานให้กันเสมอ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 18-06-2018 10:52:04
อ่านจบแล้วค่า มีความสุขไปกับทั้งคู่ด้วยเลย
ชอบตอนพิเศษงานหนังสือ กับ ง้อ ด้วยค่ะ น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 18-06-2018 19:07:05
ชอบอะเฮียกับน้องน่ารักทั้งคู่ :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 08-07-2018 11:43:38
เฮียเจ๋งนี่มันมนุษย์ขี้โวยวายทุกสิ่งอย่าง  :hao7: :hao7:

แต่ก็แพ้ทางให้กับปกผู้เก่งกาจ เอาเฮียอยู่แบบนิ่งๆได้เลย :katai2-1:

เอาจริงๆ นี่ก็ว่านิสัยสไตล์ปกก็รู้สึกน่ากลัวลึกๆ ยังไงก็ไม่รู้นะคะ
ถ้าเป็นคนไม่ดี แล้วทำตัวดูไม่ออกแบบนี้น่ะ ... ดูน่าอันตรายกว่าคนขี้โวยวายอย่างเฮียเจ๋งซะอีก  :hao4:

ขอบคุณมากๆเลยค่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-07-2018 13:21:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 17-07-2018 19:16:06
น่ารักกก เฮียเจ๋งงง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 17-07-2018 22:36:41
 :pig4:ชอบจังน่ารักทุกตอนนนน :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 18-07-2018 22:36:40
 :katai2-1:ชอบอะเรื่องนี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 26-07-2018 17:39:52
อยากเจอผู้ชายแบบนี้ ชอบมากกว่าโจ๊กอีก

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-07-2018 01:38:00
เพื่อนดิษที่น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: หลงลำดวน ที่ 04-08-2018 13:00:26
 :katai5: น่ารักจัง โอ๊ยๆๆ :mew3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 06-08-2018 16:45:40
น่ารักมากๆ เลย โดยเฉพาะดิษกร 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 06-08-2018 18:19:20
กลับมาอ่านบางตอนซ้ำๆก็ยังคงอินเลิฟ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 16-08-2018 23:40:20
น่ารักอะ คนเงียบๆ แต่เจ้าแผนการกับคนขี้โวยวาย ที่แสนจะจริงจัง ความต่างที่ลงตัว :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 09-09-2018 05:04:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 21-09-2018 14:27:35
เฮียเจ๋ง เจ๋งสมชื่อ ไม่กากเหมือนเฮียโจ๊กเนาะ 555
น้องปกก็น่ารักในแบบของนาง ต้องแบบนี้แหละ ถึงจะเอาเฮียเจ๋งอยู่
ว่าแต่น้องดิษฐ์ไปเห็นฉากงับปากกันของเฮียสุดที่รักและเพื่อนรัก
ติดตาตรึงใจมั้ยล่ะน้องดิษฐ์ น่าอิจฉา เอ๊ยน่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 26-09-2018 20:47:32
เป็นเรื่องที่ชอบอุปนิสัยในทุกตัวละครเลย
ชอบความควีน ความจิ้งจอกห่มหนังแกะของปก
ชอบความหยาบกระด้างที่อบอุ่นของเฮีย
ชอบความโกเด้น+ฮัสกี้ ขอดิณ (รายนี้เอ็นดูพิเศษ)
รวมไปถึงเพื่อนๆของเฮียเจ๋งด้วย
และก็รักในด้านความสำพันธ์ของดิษกับปกด้วย
มันคือความผูกพันธ์ของเพื่อนที่คบกันมาทั้งชีวิต
อย่างบริษุทธิ์ใจจริงๆ

สุดท้ายขอบคุณผู้แต่งมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 08-10-2018 21:48:29
ลุ้นหนักมาก ขอบคุณค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-11-2018 16:19:08
ตอนพิเศษหวานมาก
เฮียเจ๋งยังไบโพล่าร์ไม่เท่าโจ๊กนะ
เป็นเรียนมาใหม่!!! 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 27-11-2018 03:56:33
ปกหนูลูกทำไมวร้ายแบบนี้ อยากปั้นแล้วกลืนลงท้องไม่ให้พี่เจ๋งคนหลงตัวเอง
นิยายน่ารักมากเลย หลงงงงง
ขอบคุณนักเขียนนะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 12-12-2018 19:31:47
ปกน่ารักมากกก พี่เจ๋งคือผีบ้า 55555  :m20:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 12-12-2018 19:52:13
คิดถึงเรื่องนี้มากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 14-12-2018 16:27:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-12-2018 05:24:09
ตามคุณผชตาเรียวหน้านิ่งมาจากจอมร้ายค่ะ อิอิ รู้สึกว่าต้องโดน

พอรู้ชื่อปุ้บต้องตามหาเลยว่าจะอยู่เรื่องไหน
------------------------
อ่าาาา มาผิดเรื่อง  :laugh: เก็บหน้าแทบไม่ทันเห็นชื่อโจ๊กแว้บๆ

นึกว่าใช่เลยจัดเต็มที่ 55555
____________________

อ่าา มาเพิ่มเติม หลังจากโจ๊กจบแล้วเราจึงตามหาน้องปกของเรา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 1 (2 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 02:03:57
555 ว่าแล้วหนุ่มน้อยคนนั้นต้องเป็นติซซี่ พี่ชอบหนูจังลูกมาๆ

หวังว่าคงไม่ใช่ติซซี่หรอกนะที่จะเป็นแม่สื่อแม่ชักคอยช่วยปกอะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 2 (9 พ.ย. 2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 03:22:58
ปกกกกกกก  ดูยังไงก็ร้ายอะลูกกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 4 (23 พ.ย. 2560) หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 04:36:08
 :laugh: ขาไม่ดี ฉันก็คิดไปไกลแล้ว คิดว่าปกเคยประสบอุบัติเหตุ

หรืออะไรร้ายแรงเกี่ยวกับขา ดิษนะดิษ 55555 อ้อ ส่วนสองพี่น้อง

ตระกูลจ.เนี่ย ช่วยหยุดไบโพล่าร์หน่อยนะคนอ่านปรับอารมณ์

ตามไม่ทันจะเป็นตามแล้วพ่อคุณเอ้ย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 10 (11 ม.ค. 2561) หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 07:16:32
เห~~ เจฟฟี่โทรหาใคร? ฟาง? ดิษ? รึเวฟ? ใครรร  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 11 (18 ม.ค. 2561) หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 07:33:55
ถถถถ กำลังจะทักเลย เพราะเจฟแปลกๆ ตลอดตอนมีฟางอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 13 (1 ก.พ. 2561) หน้าที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 08:08:05
ติซซี่! หล่อนหายเงียบไปแล้วนึกว่าจะไปลับ อยู่ดีๆ พอมีเรื่อง

แบบนี้ละโผล่มาได้จังหวะจริงๆ นะ แหม มีการบอกสุ่มเบอร์โทร

สุ่มแม่นจังเลยนะทั้งเบอร์โจ๊ก เบอร์เจ๋งเนี่ย อิจฉา!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 08:40:28
 :hao5: ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 15 (16 ก.พ. 2561) หน้าที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 20:03:41
ปกกกกก ปกร้ายว่ะ ร้ายมากน้อง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (30 มี.ค. 2561) หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 20:12:17
ถถถถถถ เจ๋งผู้เป็นช้างเท้าหน้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 21:13:06
ดิษน่ารักอะ ไม่ค่อยเข้ากะตัวโตๆ นั่นเลยลูกเอ้ย ถถถ แต่ยังไงก็น่ารักอะนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 03-01-2019 00:40:09
สนุกมากกกกกก ชอบความอ้อยเก่งของปกแล้วเฮียไม่รู้ เห็นปากร้ายปากเสียอย่างนี้แต่พอเป็นแฟนกับปกแล้วเฮียเค้าก็มีความละมุนเหมือนกัน :m3:   ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน ง้อ (5 พ.ค. 2561) หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-03-2019 13:30:36
โอ้ยย อยากหาคู่ให้ดิษกรสักคนจรืงๆ5555555
เฮียเจ๋งคนซึนจอมโวยวาย มีหรือจะลูกอ้อนของปกได้
โอ้ยยย น่ารักกกก ชอบมากกกกก คิดถึง~

ขอบคุณนะคะ ชอบนิยายของคุณบัวมากกกกกถึงมากที่สุดดดดด กลับมาอ่านที่ไรเหมือนได้ฮีลตัวเอง
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ จะติดตามผลงานตลอดไปเลยค่ะ รัก  :mew1:
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2562) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 11-03-2019 22:18:34
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
ตอนพิเศษ วันเกิด


เครื่องปรับอากาศปล่อยไอเย็นฉ่ำอย่างเงียบๆไปทั่วทั้งห้องนอน สำหรับคนตัวใหญ่ขี้ร้อนอย่างเจตน์ย่อมสบายเนื้อสบายตัวดี แต่...สำหรับอีกคน ดูเหมือนอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสจะเป็นต้นเหตุให้ต้องขยับตัวเข้าหาไออุ่น


เจตน์ยังไม่หลับ พอรู้ตัวว่ากำลังถูกเบียดจึงปรือตาขึ้นข้างหนึ่ง ภายในห้องนั้นมืดสลัวแต่เพียงชั่วครู่เขาก็มองเห็นเงาลางของคนรักที่ซุกตัวเข้าหา ปกฉัตรไม่ใช่คนช่างพูด ดังนั้นการกระทำแบบนี้จึงเกิดขึ้นเงียบๆ


...แต่...แม่งเงียบแบบแปลกๆเปล่าวะ?...


ท่ามกลางความมืดสลัว หนุ่มตี๋เห็นศีรษะกลมๆซุกอยู่กับแขนของเขา จากนั้น...ถึงได้รับรู้สัมผัสอุ่นๆที่แนบลงกับต้นแขน


...จูบ?...


เจตน์รู้ในทันทีว่าคนที่ซุกหน้าและเบียดตัวเข้าหาฝากรอยจูบลงกับต้นแขนของเขา


“เป็นไรของมึง” คนไม่โรแมนติกย่อมไม่เข้าใจ แถมยังเป็นคนโผงผางคิดอะไรก็ถาม เลยกลายเป็นคำถามที่ฟังดูแล้วท้าตีท้าต่อยด้วยซ้ำ


ทว่าปกฉัตรไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใครตอบ หนำซ้ำยังเบี่ยงประเด็นเก่ง


“ง่วง...” เสียงตอบนั้นแสนเบาแถมยังแนบหน้าผากลงกับตำแหน่งจูบเมื่อครู่นี้อีก


เจตน์ขมวดคิ้วฉับ ทั้งงงทั้งง่วง


...คนง่วงที่ไหนมาจูบต้นแขนกันยังงี้วะ...


แต่ถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ ปกฉัตรเป็นมนุษย์ที่เดาใจยากที่สุดในโลกของเจตน์เลย


“ง่วงก็นอนดีๆ”


“นี่แหละ ดีแล้ว”


ดวงตาเรียวจับจ้องคนที่ซุกหัวกลมๆลงกับต้นแขนของเขาอีก ไม่เข้าใจว่าวันนี้ปกฉัตรเป็นอะไร แต่เห็นซุกแล้วเงียบ เขาก็ไม่ได้กวน ความง่วงทำให้ชายหนุ่มเชื้อสายจีนพักความสงสัยเอาไว้แค่นั้นแล้วหลับตาลง เพียงครู่เดียวก็หลับสนิท ไม่รู้แม้แต่นิดว่าคนที่ซุกหน้าลงกับต้นแขนของเขา กลับเงยขึ้นมองด้วยแววตาอ่อนโยน แล้วยืดใบหน้าเข้าหาก่อนจะจูบเบาๆที่ปลายคาง


วันนี้...ปกฉัตรอ้อนเป็นพิเศษ แต่ ‘พี่’ ไม่รู้อะไรบ้างเลย


...................................


เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เจตน์จำได้ว่าตั้งแต่ตื่นลงมาข้างล่างเพื่อทำอาหารเช้า เขายังไม่ได้ออกไปเปิดประตูรั้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนที่สามารถบุกมาถึงประตูหน้าบ้านได้โดยไม่ต้องผ่านการกดออดจากประตูใหญ่


ดิษกร เพื่อนบ้านหลังติดกันของปกฉัตรเอง


“สงสัยดิษมา เดี๋ยวผมไปเปิดเอง” เจ้าของบ้านร่างผอมที่ช่วยยกถ้วยข้าวต้มมาวางบนโต๊ะหันไปบอกคนที่ถือหม้อตามมา ดูท่าแล้วเจตน์จะต้องหาทางมาเติมข้าวต้มใส่ถ้วยเพิ่มแน่ๆ


“พี่...ผมไม่เอาเพิ่มแล้วนะ กินไม่หมด”


“กูจะเพิ่มปลา ไม่ได้เพิ่มข้าว!” พ่อครัวประจำวันเถียงขวับ ปกฉัตรก็จนใจจะพูดอะไรอีกได้แต่หมุนตัวเดินออกจากห้องครัวไปเปิดประตูบ้าน ยอมปล่อยให้เจตน์ตักเนื้อปลาใส่ถ้วยเพิ่มตามสบาย


“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทู้ยู! แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูน้องปก...” เสียงอวยพรเป็นเพลงดังแว่วๆ ทำเอาพ่อครัวที่กำลังแอบตักข้าวเพิ่มใส่ถ้วยของปกฉัตรถึงกับชะงัก เจตน์วางหม้อลงกับโต๊ะ แล้วเดินตามออกไปดูที่หน้าประตู คนที่สบตาเขาเป็นคนแรกคือรุ่นน้องร่วมคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีอย่างดิษกร


“เอ้า! เฮีย อยู่ด้วยเหรอ” รุ่นน้องตัวใหญ่ทักทายพร้อมรอยยิ้มแฉ่ง เจตน์พยักหน้าสั้นๆ เพิ่งสังเกตว่านอกจากเสียงเพลงอวยพรเมื่อครู่แล้ว ในมือของดิษกรยังมีเค้กพร้อมเทียนปักอยู่ด้วย


“วันเกิดใคร” เขาถาม ก้าวเท้าไปหยุดอยู่ข้างคนรัก


“ผมเอง” ปกฉัตรหันมาบอก ทั้งเสียงทั้งหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ ทว่าคนเพิ่งรู้ถึงกับกะพริบตาปริบๆ


“วันเกิดมึง?”


“อื้อ แต่ไม่ใช่วันนี้หรอก” เจ้าของวันเกิดเสริม เจตน์เกือบจะสบายใจอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ใช่ว่าดิษกรพูดต่อ


“เมื่อวานน่ะเฮีย เมื่อวานวันเกิดไอ้ปก”


ดวงตาเรียวของหนุ่มเชื้อสายจีนเบิกโพลงเป็นไข่ห่าน หันขวับมาเฉ่งคนรักทันที


“อะไรนะ?! มึงเกิดเมื่อวาน?! ทำไมกูไม่รู้?!!!”


ทั้งๆที่เมื่อวานอยู่ด้วยกันแทบทั้งวัน แต่ปกฉัตรไม่พูดไม่บอกสักคำ


“อ้าว…ก็…” ส่วนเจ้าของวันเกิดก็หาเหตุผลไม่ได้ พอเหลือบตาไปมองดิษกรเพื่อหาตัวช่วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะรายนั้นหันไปวางเค้กลงกับโต๊ะใกล้ๆ แล้วยิ้มแห้ง


“ล...ลืมเลย อานิศบอกว่าให้ช่วยตากผ้าให้ด้วย เอ่อ...ปก...มึงกินเค้กไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยไปกินข้าวบ้านกูกัน อานิศจะกลับมาทำให้กิน ไปก่อนนะเฮีย” แล้วดิษกรเพื่อนบ้านผู้ไม่เคยเป็นทัพหน้าใดๆ ก็รีบเผ่นออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว


ภายในบ้านของปกฉัตรคราวนี้เลยเหลือเพียงเค้กวันเกิดที่ยังคงมีเทียนปัก เจ้าของวันเกิดเมื่อวาน และผู้ชายที่ไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของแฟนตัวเอง


   และผู้ชายคนนั้นคือเจตน์เอง!!!


“เอ่อ...ผมไม่ได้คิดว่ามันสำคัญเท่าไร ก็เลยไม่ได้บอก” ปกฉัตรเห็นว่าอย่างน้อยเจตน์ก็มาอยู่กับเขาทั้งวันแล้ว นั่นน่าจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เจตน์ให้ แถมตอนกลางคืนพอเขาขอให้ค้าง อีกฝ่ายก็ยินดีอีกต่างหาก


“วันเกิดมึงไม่สำคัญได้ไง?! แล้วนี่ทำไมกูไม่รู้วะเนี่ย?!!” ประโยคหลังนั่นคนเป็นพี่บ่นตัวเองล้วนๆ ทั้งๆที่เป็นคนจู้จี้จุกจิกและเจ้ากี้เจ้าการ แต่เรื่องวันเกิดกลับมองข้ามไปหน้าตาเฉย


สัมผัสอุ่นๆแตะเบาๆที่ต้นแขน ดวงตาเรียวตวัดมองถึงได้เห็นว่าเจ้าของวันเกิดเมื่อวานวางศีรษะลงกับไหล่ของเขา


“แค่พี่อยู่ด้วยก็พอแล้ว” 


ที่เมื่อวานปกฉัตรขอให้ค้างด้วยกัน ก็อาจจะเพราะเป็นวันเกิด เจตน์น่าจะฉุกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงอ้อนเขาผิดปกติ แต่...เขากลับไม่สงสัยเลย...


“กูก็อยู่ด้วยแล้วนี่ไง” เจตน์ไม่เห็นว่าการที่เขาอยู่กับปกฉัตรจะเป็นเรื่องพิเศษในวันพิเศษอย่างวันเกิดเลยสักนิด ในเมื่อเขาก็อยู่กับปกฉัตรในทุกๆวันอยู่แล้ว เรื่องที่ควรจะพิเศษมันน่าจะเป็นการพาไปเลี้ยงข้าวร้านอร่อยที่ปกฉัตรอยากทาน หรือซื้อของขวัญสักชิ้นที่ปกฉัตรอยากได้ แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้น...ไม่มีเลย! เพราะเจตน์ไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของคนรัก!


…เนี่ย!! คิดแล้วมันน่าเจ็บใจ!! ทำไมกูไม่ถาม ไม่สงสัย ไอ้ปกไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ แต่กูเสือกลืมคิดถึงวันเกิดมันไปเฉยเลย!!!


“แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะครับ” ทว่าสำหรับปกฉัตร ไม่มีร้านไหนที่เขาอยากทาน ไม่มีของขวัญอะไรที่เขาอยากได้ สิ่งเดียวในเวลานี้ที่เป้นของขวัญที่จับต้องได้และอยู่ข้างกายคือผู้ชายตัวใหญ่หน้าหงิกที่ยืนอยู่กับเขาต่างหาก


เจตน์หันมามองคนที่ยังคงยิ้มน้อยๆให้เขา ปกฉัตรแทบจะไม่เรียกร้องอะไรจากเขาเลย เขารู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ขาดเหลืออะไร ไม่ฟุ้งเฟ้ออยากได้ของมีราคา อะไรมีก็ใช้ อะไรไม่มีก็ไม่อยาก สิ่งเดียวที่ปกฉัตรน่าจะอยากได้ที่สุดคือ...ครอบครัว

แต่...ทุกครอบครัวล้วนมีเงื่อนไข และเงื่อนไขของแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกัน ครอบครัวของปกฉัตรก็เช่นกัน เงื่อนไขสำคัญของครอบครัวนี้คือรักกัน...แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน


“เมื่อวานได้โทรหาพ่อแม่ไหม”


เจ้าของวันเกิดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า


“โทรแล้ว พ่อกับแม่อวยพรด้วย แต่ได้คุยกับแป๊บเดียว” เพราะบิดามารดาของปกฉัตรทำงานที่ต่างประเทศ นอกจากเวลาจะไม่ตรงกันแล้ว ยามได้คุยทางโทรศัพท์ บางครั้งก็สั้นจนแทบทดแทนความคิดถึงไม่ได้


ดวงตาเรียวจับจ้องใบหน้าที่ดูนิ่งเฉย แต่จะมีใครสักกี่คนมองเห็นความเศร้าสร้อยภายใต้คำว่าไม่เป็นไร ปกฉัตรอายุเท่านี้ แต่วันสำคัญกลับไม่มีบุพการีเคียงข้าง


“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เดี๋ยวกูพาออกไปข้างนอก”


ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงงที่จู่ๆก็ถูกสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้า


“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” คนสั่งย้ำอีกครั้ง


“ตอนนี้เหรอ แต่ข้าวต้ม...” ร่างโปร่งคิดถึงอาหารเช้าที่พ่อครัวหน้าหงิกคนนี้อุตส่าห์ทำให้


“กูเก็บเอง มึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป” เจตน์พูดแล้วก็ช้อนถาดเค้กถือเข้าห้องครัว ปกฉัตรงง แต่รู้ดีว่าขืนยังยืนอยู่ที่เดิมให้คนรักออกมาเห็น เขาคงถูกด่าแน่นอน


แต่...พอขึ้นมาถึงห้องนอน ก็ได้แต่หยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเพราะไม่รู้ว่าควรจะแต่งตัวอย่างไรดี


‘พาออกไปข้างนอก’


…หมายถึงพาไปไหนล่ะ…


…ต้องแต่งตัวแบบไหน…


เจ้าตัวยืนคิดอยู่พักหนึ่ง ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามา เจตน์เห็นคนรักยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมเลยต้องก้าวเท้าฉับๆเข้ามาหา


“ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ต้องให้กูทำให้ทุกเรื่องเลยรึไงวะ?!” ดุแต่ปาก ส่วนมือเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและกางเกงยีนส์สีเข้มออกมาหนึ่งตัวก่อนจะส่งให้


“ผมไม่รู้ว่าพี่จะพาไปไหน”


ร่างสูงนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากเรียบๆ


“พาไปกินข้าวกับอาม่า”


“อาม่า?”


“วันเกิดก็ต้องไปกินข้าวกับพ่อแม่ไง แต่พ่อแม่มึงไม่อยู่เมืองไทย งั้นก็ไปกินข้าวกับอาม่ากู แทนกันได้”


เป็นผู้ชายทื่อๆที่ไม่รู้ว่าคนรักเกิดวันไหน แถมยังรู้ช้าไปหนึ่งวัน ของขวัญก็ไม่มีให้ แต่เป็นผู้ชายทื่อๆที่อยากให้ปกฉัตรมีความสุขและมีรอยยิ้มในทุกๆวัน โดยเฉพาะวันสำคัญแบบนี้


...อยากให้มันมีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่าจะย้อนหลังก็เถอะ...


ปกฉัตรมองคนตัวสูงกว่าที่ยังถือเสื้อผ้ายื่นมาให้ เขาไม่ได้เอื้อมมือออกไปรับ แต่กลับสอดสองแขนเข้าโอบรอบลำตัวหนาแล้วพาร่างตัวเองเข้ากอดอีกฝ่ายแนบแน่น


“เฮ้ย! เดี๋ยวเสื้อมึงยับ” คนถูกกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวร้องลั่น ชูมือข้างที่ถือเสื้อผ้าเอาไว้สูง กลายเป็นเปิดโอกาสให้ปกฉัตรกอดได้แนบสนิทยิ่งกว่าเดิม


“ไอ้ปก!!” เจตน์ดุไปอีกที แต่คนกอดก็กอดอยู่อย่างนั้น แถมยังรัดแน่นราวกับจะไม่ปล่อยเขาไปไหน


หรือต่อให้ปล่อยเขาไป เจตน์ก็ไม่คิดจะไปไหนอีกแล้ว เขาอยู่ตรงนี้ และจะอยู่ต่อไป ถึงวันนี้จะทำให้ปกฉัตรยิ้มหรือหัวเราะทั้งวันไม่ได้ แต่เขาก็ตั้งใจจะทำให้ดีมากกว่าเมื่อวาน


“กู...มีให้มึงได้แค่นี้แหละ ไม่มีของขวัญอะไรให้นะ” เพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน จนบางครั้งเจตน์ก็ลืมที่จะเรียนรู้เรื่องอื่นๆของคนรักที่เขายังไม่รู้


“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดีมากแล้ว”


“กูขอโทษที่ไม่เคยถามมึงเลย ว่ามึงเกิดวันไหน”


คราวนี้คนกอดยอมเงยหน้ามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นดูชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำกว่าเคย เจตน์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายซาบซึ้งอะไร ในเมื่อเขาลืมถามวันเกิดด้วยซ้ำ


“บอกแล้วไงว่าไม่ได้สำคัญอะไรหรอก”


“แต่มึงสำคัญ”


ปกฉัตรรู้สึกเหมือนลำคอตีบตันพูดไม่ออก เจตน์กำลังทำให้เขาหลงระเริงไปกับความเอาใจใส่มากขึ้นทุกวัน หากวันหนึ่งเจตน์ไม่อยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร


...ไม่สิ พี่บอกว่าอย่าไปคิดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด วันนี้ที่พี่อยู่ตรงนี้สำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น...


“ขอบคุณนะครับ”


และเพราะอีกฝ่ายยังอยู่ตรงนี้ อยู่ให้กอด อยู่ให้รัก ปกฉัตรจึงไม่ใช่แค่มอบความรู้สึกด้วยคำพูด แต่ยืดใบหน้าขึ้นไปแตะริมฝีปากลงกับปลายคางอีกฝ่ายเบาๆ เป็นจูบนุ่มนวลที่ทำให้เจตน์คิดถึงรอยจูบที่ต้นแขนของเขาเมื่อคืน


“ที่เมื่อคืนอ้อนกู ก็เพราะเป็นวันเกิดใช่ไหม” หนุ่มตี๋ถาม ยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก สองแขนที่ชูสูงเพื่อไม่ให้เสื้อยับเมื่อครู่นี้ ไม่ได้สนใจความยับของเสื้อผ้าแล้ว เพราะแม้จะยังถืออยู่ เขาก็ยังโอบร่างผอมได้


ไม่มีคำตอบจากคนไม่ค่อยพูด แต่ดวงตาเป็นประกายพอจะให้คำตอบได้ดี


...เห็นแล้วมันเขี้ยว ใครว่าปกฉัตรเป็นคนซื่อๆกัน...


...เล่ห์เหลี่ยมซ่อนอยู่ในดวงตาเยอะเชียวล่ะ...


ร่างสูงก้มลงหา หยอกล้อริมฝีปากเจ้าของสัมผัสนุ่มนวลทั้งเมื่อคืนและเมื่อครู่ พลางกระซิบ


“ถ้าเมื่อคืนบอกกูแต่แรก กูจะไม่นอนเฉยๆเลย”


ปกฉัตรหัวเราะเบาๆ


“นอนเฉยๆแหละดีแล้ว อื้อ...” ถูกดูดริมฝีปากล่างแรงๆ เจ้าตัวก็ได้แต่ประท้วง ก่อนจะถูกครอบครองทั้งริมฝีปากจนพูดไม่ได้อีก


กลีบปากเบียดชิดแทบไม่มีช่องว่าง หนำซ้ำยังยาวนาน จนต้องส่งเสียงครวญเพื่อขออากาศ


“พี่...ต้องไปหาอาม่าไม่ใช่เหรอ” ริมฝีปากปกฉัตรนั้นช้ำแดงและบวมเจ่อ เจตน์ยิ่งอดไม่ไหวต้องดูดแรงๆอีกที


“ไปสิ”


“ปล่อยก่อน...”


“คืนนี้อ้อนกูอีกไหม”


คนถูกถามหัวเราะเบาๆ แล้วถอยห่างออกมาแย่งเสื้อผ้าจากมือเจตน์เดินหนีไปที่ห้องน้ำ แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะหายลับเข้าไปหลังบานประตู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับเหลือบกลับมามองเขาอีกครั้ง


“ถ้ากลับมาเร็วนะ...”


นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ปกฉัตรจะรีบปิดประตู เจตน์วิ่งตามไปไม่ทัน ได้แต่มุ่งมั่นกับตัวเองว่าพาปกฉัตรไปหาอาม่าเพื่อทานข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อ แล้วจะรีบกลับบ้านให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย!


 ..........................


ทานข้าวกับอาม่าแล้ว หลานรักแสนดีอย่างเจตน์กำลังจะขอตัวพาคนรักกลับ แต่ญาติผู้ใหญ่แห่งตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์ดูจะไม่เข้าใจ


“วันเกิด ต้องทำบุญด้วย ไปไหว้พระกับม่านะ” ปกฉัตรยิ้มรับ ตื้นตันที่ได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ในครอบครัวของเจตน์ขนาดนี้ แต่อีกคนดูจะเริ่มหน้ามุ่ยขึ้นเรื่อยๆ


“แล้วเจ๋งเป็นอะไร ทำไมทำหน้าหงิก ไม่อยากไปก็รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวม่าพาปกไปทำบุญแล้วจะพากลับมาเอง”


“ไม่ได้ไม่อยากไปซะหน่อย”


...แค่อยากกลับบ้านแล้ว...


อยากกลับไปกอดใครบางคนที่ทำตาระยิบระยับเวลามองมาที่เขา คนที่ก่อนออกจากบ้านมาที่นี่ทิ้งประโยคว่า ‘ถ้ากลับมาเร็วนะ...’ เอาไว้ขยี้หัวใจเจตน์เล่น


“งั้นก็ทำหน้าให้มันดีๆ วันเกิดของปกเป็นวันดี เป็นวันมงคล ทำหน้าหงิกอยู่ได้ ม่าขอโทษนะปก ม่าคิดว่าเลี้ยงเจ๋งมาดีแล้วนะ แต่ทำไมโตมาทำหน้าหงิกเก่งก็ไม่รู้”


ปกฉัตรยิ้มลูบมือเหี่ยวย่นของหญิงชราอย่างเอาใจ


“พี่เจ๋งเป็นคนดีครับอาม่า” 


คนหน้าหงิกได้ยินแบบนั้นก็ชักจะหงิกต่อไปไม่ไหว หัวคิ้วคลายลงอย่างรวดเร็ว แล้วรู้สึกว่ากระดูกสันหลังและต้นคอจะยืดสูงขึ้นอีกหน่อย เดิมทีสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร การยืดรอบนี้น่าจะเพิ่มความสูงไปได้อีกห้าเซนติเมตร


หญิงชราเหลือบไปมองหลานชายที่เลี้ยงมาเองกับมือ รายนั้นไม่ได้ทำหน้าหงิก แต่ตีสีหน้านิ่งเหมือนไม่รู้ไม่ได้ยินอะไร แต่ที่รู้ๆคืออกผายไหล่ผึ่งเห็นแล้วมันเขี้ยวนัก 


“ชอบฟังมั้ย เวลาปกพูดแบบนี้”


หลานชายปากร้าย ขี้หงุดหงิดไม่ยอมตอบ แถมไม่หันมอง แต่ที่แน่ๆมือไม้เกาอกยุกยิก


“ม่าถามว่าชอบมั้ย” หญิงชราถามซ้ำ เจตน์หันมามองทำหน้าตาหงุดหงิดหัวใจเล็กน้อยที่ถูกตื้อให้ตอบ ก่อนจะยอมพยักหน้าสั้นๆเหมือนถูกบังคับ


“ชอบให้ปกพูด แล้วไม่คิดเหรอว่าปกก็ชอบให้เจ๋งพูดเหมือนกัน”


คราวนี้คนทำหน้าหงุดหงิดถึงกับชะงัก ดูท่าอาม่าจะเล่นงานหลานรักฉลองวันเกิดให้ปกฉัตรซะแล้ว


“มันขี้อายน่ะม่า! ไม่อยากฟังหรอก!” เจตน์อ้างคนรักล้วนๆ หญิงชราเหลือบไปมองปกฉัตรที่ยิ้มน้อยๆเหมือนไม่ถือสากับการยกเขาเป็นข้ออ้าง


“เอาเถอะ ตามใจเจ๋ง แต่ม่าขอบอกว่าวันมงคลเราก็ต้องทำแต่สิ่งดีๆ พูดแต่เรื่องดีๆ แต่ถ้าเจ๋งไม่อยากพูดดีๆก็แล้วแต่เจ๋ง” แล้วหญิงชราก็เลิกตอแย หันไปชักชวนจับจูงหนุ่มร่างผอมโปร่งผู้ไม่ค่อยพูดลงจากตึกไปขึ้นรถ แน่นอนว่ามีหลานชายตัวดีปากหนักมองตามแล้วได้แต่ขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดหัวใจ


‘…ไม่คิดเหรอว่าปกก็ชอบให้เจ๋งพูดเหมือนกัน’


‘…วันมงคลเราก็ต้องทำแต่สิ่งดีๆ พูดแต่เรื่องดีๆ แต่ถ้าเจ๋งไม่อยากพูดดีๆก็แล้วแต่เจ๋ง’


…พูดดีๆแม่งพูดยังไงวะเนี่ย?!!!...


……………….


   วัดจีนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงคือจุดหมายปลายทาง อาม่า ปกฉัตรและเจตน์ให้คนขับรถจอดส่งที่หน้าวัดแล้วขับเลยไปหาที่จอดที่อื่นเนื่องจากการจราจรละแวกนั้นค่อนข้างแออัด


   ทันทีที่ก้าวเข้าสู่อาณาเขตวัด อาม่าก็สถาปนาตัวเองเป็นไกด์ท้องถิ่น จัดแจงพาซื้อธูปเทียนและของไหว้ แล้วพาไปไหว้สักการะพระพุทธรูปและเทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์


   ควันธูปโขมง มีผู้คนประปราย และเงียบสงบ เจ้าของวันเกิดเมื่อวานนี้พนมมือถือธูปแล้วหลับตาอธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง พอลืมตาขึ้นก็พบว่าเจตน์กำลังยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ


   “จะปักธูปให้” หนุ่มตี๋พูดเรียบๆ ไม่ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ปกฉัตรส่งธูปในมือให้แต่โดยดี มองผู้ชายตัวใหญ่บรรจงปักธูปในกระถาง แล้วถอยออกมายกมือไหว้ก่อนจะตบมือลงกับศีรษะ 2-3 ที เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนข้างกาย แต่พอเจตน์หันมา เขาก็รีบเม้มปากเกลี่ยรอยยิ้มให้หายไป


   “ทำแบบนี้ด้วย สิ่งดีๆจะได้เข้าหาตัว” มือใหญ่เอื้อมมาตบเบาๆที่หน้าผากให้ ปกฉัตรยิ้ม ยกมือขึ้นตบทับลงบนมือของเจตน์บนหน้าผากของตนเองอีกทีหนึ่ง


   ...ขอให้สิ่งดีๆเข้าหาตัว ขอให้สิ่งดีๆอยู่กับตัว…


สิ่งดีๆ...ก็คือเจ้าของมือนี้...


   แน่นอนว่าความนัยของการกระทำนี้ เจตน์เองก็รับรู้ เขามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หากปกฉัตรอยากจะได้สิ่งดีๆสักอย่างในวันนี้ เจตน์ก็คิดว่า...บางทีอาจจะเป็น...คำพูดดีๆจากเขา


   “สุขสันต์วันเกิด...”


   “ขอให้ปีนี้มีความสุขมากๆ...” เป็นประโยคสั้นๆที่แสนเบาจากคนชอบโหวกเหวกโวยวาย ปกฉัตรไม่รู้ว่าความอบอุ่นจากที่ไหนแทรกซึมผ่านเข้ามาในหัวใจ แต่มันทำให้เขายิ้มอย่างดีใจ


   “ขอบคุณครับ พี่” มือขาวข้างหนึ่งกุมชายเสื้อคนรักเอาไว้ ราวกับเป็นสะพานสื่อความรู้สึก หากอยู่ในที่มิดชิดลับตาคน เขาคงโผเข้ากอดตอบแทนความแสนดีของเจตน์ไปแล้ว แต่...ในเมื่อตอนนี้อยู่ในวัด อย่างน้อยก็ขอแค่ได้บอกให้ผู้ชายคนนี้รับรู้ ว่าเขารู้สึกดีแค่ไหนกับ ‘สิ่งดีๆ’ ที่เจตน์มอบให้


   ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรต่อ ดูเจ้าตัวจะเขินกับการอวยพรแบบไม่กรรโชกโฮกฮาก ได้แต่พยักหน้าสั้นๆ แล้วพาเดินไปไหว้เทพศักดิ์สิทธิ์องค์อื่น ปกฉัตรวางถาดของไหว้ลงบนโต๊ะหน้ารูปปั้นเทพเจ้าสามองค์ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบกายเพราะไม่เห็นอาม่า เขากำลังจะหันไปถามเจตน์ที่ยืนอยู่ข้างกัน แต่หญิงชราเดินเลี้ยวพ้นมุมเสามาเสียก่อน


   “ปก...” อาม่าเดินเข้ามาหา ก่อนจะส่งถุงแดงซองเล็กๆ มีน้ำเต้าองค์น้อยขนาดจิ๋วเท่าหัวแม่มืออยู่ในนั้น


   “อาม่าให้ เก็บเอาไว้ในกระเป๋านะ”


   “ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งยกมือไหว้แล้วรับมา แม้เป็นของเล็กน้อย แต่ความปรารถนาดีของหญิงชราทำให้เขาอิ่มเอม


   “ขอให้ปีนี้มีแต่เรื่องดีๆ” คำอวยพรจากผู้ใหญ่ที่แม้ไม่ใช่ญาติตามสายเลือด แต่ก็ทำให้ปกฉัตรดีใจ เขายิ้มรับอย่างเต็มตื้นหันมองคนรักที่ยืนข้างกายแล้วก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณเจตน์ที่พาเขามาหาอาม่าในวันนี้


   ต่อให้จะบอกว่าวันเกิดไม่ใช่วันสำคัญอะไร แต่เมื่อมีคนสำคัญให้ความสำคัญและใส่ใจ จากวันเกิดที่ไม่สำคัญก็กลายเป็นวันเกิดที่พิเศษกว่าวันไหนๆ


   ...วันเกิด...


...เป็นวันที่พิเศษจริงๆ...

………………………..

   หลังจากทำบุญแล้ว อาม่าชักชวนให้ปกฉัตรอยู่ทานข้าวมื้อเที่ยงด้วยกัน แน่นอนว่าเจตน์ขวางทุกรูปแบบ เพราะอาม่าบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เจตน์เองก็เลยคิดถึงแต่เรื่อง ‘มงคล’ ระหว่างตนเองและปกฉัตรล้วนๆ


   ชายหนุ่มกลับไปเอารถที่อาคารตั้งกาญจนพาณิชย์พร้อมด้วยการทำใจแข็งปฏิเสธไม่อยู่ทานข้าวเที่ยงกับอาม่า จากนั้นก็พาปกฉัตรกลับบ้าน ทว่าตอนที่คิดว่าจะได้ใช้วันมงคลไปกับเรื่องมงคลแน่แล้ว ไอ้หนุ่มข้างบ้านที่ชื่อดิษกรก็ชะโงกหน้าข้ามรั้วมารั้งเอาไว้


   “เฮีย ไอ้ปก แวะมาที่นี่หน่อยเร้ว!” เจตน์ไม่อยากแวะเลยให้ตาย แต่ปกฉัตรนี่สิ เพื่อนเรียกก็พร้อมจะไปตามเพื่อนซะงั้น!


   “มีอะไรเหรอ ดิษ”


   “มาช่วยกูหน่อย กูทำจานแตก เดี๋ยวอานิศกลับมาเห็น กูโดนด่า” ดิษกรเพื่อนรักร่างใหญ่แต่ทำหน้าตาเหมือนหมาน้อย ร้องขอความช่วยเหลือ เจตน์แทบจะกรอกตา 360 องศา ปากกำลังจะด่ารุ่นน้องร่วมคณะที่แค่จานแตกก็ต้องเรียกปกฉัตรไปช่วย แต่...ไอ้คนถูกขอความช่วยเหลือนี่สิ...เดินออกจากบ้านไปบ้านหลังข้างๆเรียบร้อย!


   เห็นแล้วอยากด่าปกฉัตรแทนดิษกรเหลือเกิน! โอ๋เพื่อนไม่มีใครเกินก็มันนี่ล่ะ!


   …ไม่สิ...อาม่าบอกว่าวันนี้วันมงคล ต้องพูดแต่สิ่งดีๆ...


   ...แต่จริงๆแล้ววันมงคลของไอ้ปกคือเมื่อวานเปล่าวะ? เมื่อวานที่แม่งไม่บอกกูไง!!!...


   “เฮีย เข้ามาก่อนสิ รออยู่ตรงนั้นร้อนออกนะ” ไอ้คนข้างบ้านชวนเจตน์ที่พยายามยืนระงับอารมณ์ หนุ่มตี๋จำต้องยอมเดินตามไปยังบ้านดิษกรด้วย


ทว่า...ทันทีที่เจ้าของบ้านเปิดประตูเดินนำ ตามหลังด้วยปกฉัตร เสียงปุ้งปั้งก็ดังขึ้น สายรุ้งหลากสีพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงใส่ศีรษะเจ้าของวันเกิดเมื่อวานนี้


   ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อย แต่แล้วก็ต้องตาโตเมื่อพบว่าคนที่ดึงพลุกระดาษปล่อยสายรุ้งคือบุพการีของเขาเอง


“พ่อ! แม่!” ปกฉัตรร้องออกมาอย่างดีใจ พุ่งตัวเข้ากอดบิดามารดาที่ยืนยิ้มอ้าสองแขนรอรับ สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันแนบแน่น มีนิศราและดิษกรยืนใกล้ๆ ตบมือยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เจตน์เลยต้องปรบมือไปด้วยทั้งๆที่ไม่อินกับเรื่องเซอร์ไพรส์เท่าไร


แต่...เห็นมันยิ้มเต็มหน้าแบบนั้นแล้วก็...อินก็ได้วะ...


คนที่ตอนแรกว่าไม่อิน ตบมือเสียงดังกว่าใครเพื่อนทีเดียว


“พ่อกับแม่กลับมาเมื่อไร ทำไมผมไม่รู้” ปกฉัตรดีใจจนน้ำตารื้น ในขณะที่คนเป็นแม่ยิ้มกว้าง


“รู้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิจ๊ะ” คราวนี้ร่างโปร่งเลยหันกลับไปมองดิษกร ที่ชวนเขามาบ้านหลังนี้โดยมีข้ออ้างเรื่องจานแตก


“ไหนว่าจานแตกไงล่ะ”


เพื่อนรักร่างใหญ่หัวเราะแหะๆแล้วเกาหัวแก้เขิน “ก็ไม่รู้จะอ้างอะไรนี่หว่า”


   “แล้วพ่อกับแม่จะมาอยู่กี่วันครับ คราวนี้กลับมาได้นานรึเปล่า” คนเป็นลูกหน้าตาสดใสและมีความหวัง แน่นอนว่าใครอีกคนก็หวังเช่นกัน แต่เห็นทีจะหวังคนละอย่างกับปกฉัตร


   “7 วันนานพอไหม” มารดาย้อนถามทำตาระยิบระยับ


   “จริงเหรอครับ?!” เจ้าของวันเกิดดีใจออกนอกหน้า แต่เจตน์ใจหายวาบ ทว่า...พอมองสีหน้าของคนรักที่มักไม่ค่อยแสดงออก แต่เวลานี้กลับยิ้มแย้มอย่างมีความสุข หัวใจที่หายไปก็บอกเสียงแผ่วๆกับตัวเองว่า ‘ดีแล้ว’


   ...เห็นมันยิ้มได้แบบนี้ก็ดีแล้ว...


...จะใจดำอยากให้พ่อแม่มันกลับเร็วๆได้ไงล่ะ...


   หนุ่มตี๋ไม่ท้วงใดๆ เขารู้ว่าปกฉัตรขาดอะไรและอยากได้อะไร หากนี่จะเป็นหนึ่งในคำอธิษฐานที่มันอยากได้ เขาก็ยินดีให้เวลาส่วนหนึ่งของปกฉัตรเป็นของครอบครัว


   “พ่อกับแม่ซื้อของขวัญมาให้ปกด้วยนะ มาๆ”


สองแม่ลูกจับจูงกันเข้าไปในบ้าน มีนิศราและดิษกรเดินตาม เจตน์กำลังจะก้าวแต่บิดาของปกฉัตรหันมาตบไหล่เขาเสียก่อน


   “ดิษบอกว่าเจ๋งพาปกไปทานข้าวกับอาม่า ขอบใจมากนะ” หนุ่มตาเรียวเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มรับ


   “ผม...แค่อยากทำให้ปกมีความสุข”


   “พูดแบบนี้แสดงว่ารู้ว่าความสุขของปกคืออะไร”


   “ผมรู้ว่าน้องขาดอะไร ถึงผมจะเติมให้ทุกอย่างไม่ได้ แต่ผมจะพยายาม”


ความจริงจังของเจตน์นั้นฉายชัด ไม่ใช่แค่คำพูดแต่เป็นการกระทำ ดิลกเข้าใจถ่องแท้ว่าทำไมปกฉัตรถึงเลือกคนนี้


   “พยายามได้ดีมากแล้ว...” ชายวัยกลางคนชมพลางยิ้มจาง เจตน์รู้สึกคุ้นเคยกับรอยยิ้มแบบนี้เหลือเกิน แน่ล่ะว่าเป็นรอยยิ้มจางๆที่ปกฉัตรได้มา รวมทั้ง...วิธีการพูดเนิบๆแต่มีนัยสำคัญด้วย


   “...พยายามต่อไปนะ” บิดาของปกฉัตรพูดต่อ ก่อนจะหมุนตัวเดินตามเสียงรื่นเริงเข้าไปในบ้าน ทิ้งเจตน์ให้ยืนกะพริบตาปริบๆมองตาม


   ‘พยายามได้ดีมากแล้ว...’


   ‘...พยายามต่อไปนะ’


   เหมือนจะชมในตอนแรก แต่ตอนท้ายคล้ายจะบอกว่าที่พยายามมานั้น...ยังไม่พอ และจงพยายามต่อไปเพื่อลูกชายของท่านจะได้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป


   ชายหนุ่มจะทักท้วงก็ไม่ถนัดปาก เพราะนอกจากบิดาของคนรักจะเดินหายเข้าไปด้านในแล้ว เขาเองก็อยากให้ปกฉัตรมีความสุขมากขึ้นในทุกๆวันเช่นกัน เพราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ...ก้มหน้าก้มตาพยายามต่อไปจริงๆนั่นแหละ...

…………….

หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2562) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 11-03-2019 22:19:11



บิดาและมารดาของปกฉัตรอยู่ประเทศไทย 7 วันเต็มสมกับเป็นเซอร์ไพรส์ชิ้นใหญ่ให้ลูกชายเพียงคนเดียว แน่นอนว่าตอนกลับ ดิลกยังคงมอบธรรมประจำใจให้เจตน์ถือครองก่อนจะแยกจากกันที่สนามบิน


   ‘พยายามเข้านะ’


   เจตน์อยากจะบอกเหลือเกินว่า ‘ครับ คุณพ่อ ผมจะพยายามต่อไปเพื่อให้ลูกของคุณพ่อมีความสุขยิ่งๆขึ้นไปนะครับ’  แต่ก็เกรงว่าเดี๋ยวเขาจะรู้กันทั้งสนามบินว่าพ่อตาลูกเขยมีข้อตกลงอะไรร่วมกัน สุดท้ายเลยได้แต่ยิ้มรับเงียบๆ และ...ก้มหน้าก้มตาพยายามต่อไปนั่นเอง


   และความพยายามอย่างแรกสุด...ก็คือพาปกฉัตรกลับบ้านอย่างสบาย


   จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้ากรุงเทพ รถเยอะแค่ไหน ปกฉัตรก็นั่งสบายอยู่ข้างกาย ส่วนผู้ชายที่ชื่อเจตน์ก็ตะบี้ตะบันขับรถแข่งกับรถบรรทุกเข้าไป


   รถหรูเข้าสู่อาณาเขตกรุงเทพฯแล้ว อีกไม่ไกลจะถึงคอนโดของเจตน์ แต่...ไม่มีเรื่องให้แวะ เพราะต้องไปส่งคนข้างกายที่บ้านก่อน


   ทว่าจู่ๆ คนที่นั่งเงียบๆก็เอ่ยปากขึ้นมา


   “พี่...พ่อกับแม่ฝากของฝากไว้ให้ด้วยนะ”


   “อือ เดี๋ยวกูไปส่งมึงแล้วค่อยเอากลับ”


   “ผมหิ้วมาด้วยแล้ว มันจะละลายรึเปล่า เป็น...ชอคโกแลต”


   “อ้าวเหรอ...งั้น...แวะเก็บคอนโดกูก่อนมั้ย”


   “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” ปกฉัตรรับคำ เจตน์ตบไฟเลี้ยวเตรียมเข้าซ้าย ไม่ทันสังเกตว่าคนข้างกายที่มักพูดจาเรียบๆจะมีประกายตาวิบวับแค่ไหนยามมองถุงกระดาษที่วางอยู่บนตักตนเอง


   นัยน์ตาสีน้ำตาลจางมองกล่องของฝากในถุงที่มารดาให้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง และเขาอุตส่าห์หิ้วขึ้นรถมาในวันนี้ด้วย


   ...แน่นอนว่าเหตุผลที่หิ้วมาด้วยมีเพียงอย่างเดียว คือจะใช้เป็นข้ออ้างในการแวะคอนโดของ ‘พี่’...


   ...ส่วนเรื่องกลัวละลายน่ะหรือ...


   ...คุ้กกี้ชอคโกแลตที่ไหน ละลายได้กันเล่า...

……………………

   ตอนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน 2 คน และปกฉัตรเอาแต่ก้มหน้าก้มตาส่งข้อความคุยกับบิดามารดาที่กำลังรอขึ้นเครื่อง เจตน์เพิ่งนึกออกก็ตอนที่เห็นเงาสะท้อนบนกระจกลิฟต์ที่มีเพียงเขาและคนรัก


   เขา...ยังไม่ได้ให้ของขวัญปกฉัตรเลย นับตั้งแต่วันที่ไปหาอาม่าด้วยกัน


   วันนั้น ก่อนจะออกจากบ้าน ปกฉัตรรับปากว่า ‘ถ้ากลับมาเร็วนะ...’ ซึ่งวันนั้นก็กลับเร็ว แต่บุพการีของปกฉัตรมาเสียก่อน เรื่องที่ติดค้างกันเอาไว้ก็เลย...ค้างยาวมา 7 วันแล้ว


   ชายหนุ่มเกร็งคอจนเส้นเอ็นขึ้น พยายามท่องสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว แม้จะอยากให้ของขวัญย้อนหลังแค่ไหน แต่...ทายาทแซ่ตั้งอย่างเขาก็ควรมีชั้นเชิงบ้าง


   ...ใช่! ตั้งกาญจนพาณิชย์ทำธุรกิจมาจนวันนี้เป็นปึกแผ่นก็เพราะเรามีสมองและสองมือ! เรามีทั้งชั้นเชิงและความพยายาม! วันนี้! แซ่ตั้งรุ่นที่สามอย่าง เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์คนนี้! จะไม่ทำให้บรรพบุรุษผิดหวังเรื่องชั้นเชิงแน่นอน!...


   เจ้าของห้องเปิดประตูให้ปกฉัตรเข้าก่อน ร่างผอมโปร่งเดินนำเข้าไป ก้มลงถอดรองเท้าที่หน้าตู้เก็บรองเท้า


วูบแรก...เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์ทำเป็นเมินสะโพกกลมได้รูปใต้กางเกงยีนส์สีเข้มนั่น แล้วรีบถอดรองเท้าลวกๆ ก็พอดีกับที่ปกฉัตรหันไปสวมสลิปเปอร์เดินเลี้ยวไปยังห้องครัว


วูบสอง...เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์เมินแผ่นอกขาวที่เห็นรำไรจากการขยับคอเสื้อเชิ้ต


ปกฉัตร ไม่ได้แต่งตัวโป๊เปลือย เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็แค่เสื้อเชิ้ตสีสุภาพเนื้อนิ่มกับกางเกงยีนส์ขายาว เหมาะสมกับการไปส่งพ่อแม่ที่สนามบิน แถมไอ้ความวับๆแวมๆนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาอกุศลของเจตน์เอง มีหรือจะเห็น


…อ่ะ! ยอมรับก็ได้ว่าตั้งใจจ้อง! ตั้งใจเห็น! แต่จะดูแค่ตา มือไม่ต้อง เพราะต้องมีชั้นเชิงเว้ย!!...


เจตน์ท่องเอาไว้ในใจ แต่ตอนที่กำลังจะเดินผ่านครัวไปอย่างเข้มแข็ง เสียงเรียกก็ลอยออกมา


“พี่...”


เท้าชะงัก สายตาที่พยายามมองตรงไปยังชุดโซฟาและโทรทัศน์หันขวับมองตามเสียงเรียกทันที


...เฮ้ย! ชั้นเชิงสิวะ ชั้นเชิง!…


โชคดียังมีสติ เจตน์ดึงขาตัวเองเอาไว้แล้วตอกแน่นอยู่ที่หน้าประตูครัว อีกมือหนึ่งจับกำแพงเอาไว้ หากมีกระจกสักบาน รับรองว่าต้องได้เห็นหนุ่มตี๋พิมพ์นิยมสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยืนเท้ากำแพงเท่ๆ


แต่ใครจะรู้...เบื้องหลังท่านี้เกิดจากการใช้มือยึดตัวเองไม่ให้ก้าวเท้าตามเสียงเรียกต่างหาก


...ท่องไว้ไอ้เจ๋ง ชั้นเชิง …


ปกฉัตรหันกลับมามอง หน้าซื่อๆตาใสๆ


“ผมจำได้ว่าพี่มีนมข้น แต่หาไม่เจอ...”


...น...นมข้น...


นอกจากสายตาของเจตน์จะอกุศลแล้ว สมองของเจตน์ก็ไม่ได้น้อยหน้าสายตาแต่อย่างใด คนถามถามถึงนมข้น แต่คนถูกถามคิดไกลไปถึงอย่างอื่นที่คล้ายนมข้นแต่ทดแทนกันไม่ได้


“พี่...” เสียงเรียกดังขึ้นอีก พร้อมกับเดินเข้าหา เจตน์กะพริบตาปริบๆ พอก้มลงมองคนที่มาหยุดอยู่ตรงหน้า เสื้อเชิ้ตที่ติดกระดุมทุกเม็ดยกเว้นเม็ดบน ก็ทำให้สายตาของหนุ่มตี๋หยุดชะงักอยู่ที่แอ่งไหปลาร้าจนต้องสูดลมหายใจลึกๆแล้ว


“พี่...เป็นอะไรรึเปล่า”


“ป...เปล่า...” ตอบแล้วก็รีบเดินเลี่ยงเข้าห้องครัว ตอนที่เดินมาหยุดอยู่หน้าตู้เย็น ก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าตอนแรกอุตส่าห์ท่องคำว่าชั้นเชิงแทบตายเพื่อปักเท้าเอาไว้นอกครัว ตอนนี้อย่าว่าแต่สะกดคำว่าชั้นเชิงเลย เพราะเท้าก้าวมาถึงหน้าตู้เย็นแล้วเรียบร้อย!


...ช่างมันวะ! แค่หานมข้นให้! มันจะเสียชั้นเชิงสักเท่าไรเชียว!...


“มึงจะเอานมข้นไปทำอะไร” ปากถามในขณะที่มือควานหา


“ผมอยากกินขนมปัง” ว่าแล้วก็โบ้ยไปที่ขนมปังแผ่นที่วางอยู่มุมหนึ่ง เจตน์หยิบขวดนมข้นออกมาแล้วมองตามมือขาว ก่อนจะหันมาถาม


“ปิ้งด้วยมั้ย”


ปกฉัตรพยักหน้ารับ เจ้าของห้องเลยหิ้วถุงขนมปังแผ่นและนมข้นเดินไปเปิดเคาท์เตอร์ครัวหยิบเครื่องปิ้งขนมปังออกมา แต่แน่นอนว่าคนใจดีแต่ปากไม่ค่อยดีย่อมไม่ทำอย่างเดียว เพราะปากก็บ่นไปด้วย


“เมื่อเช้ากูบอกให้มึงกินเยอะๆ ก็ไม่กิน”


ปกฉัตรยังคงทานข้าวน้อยเสมอต้นเสมอปลาย แถมเมื่อเช้าดูจะน้อยกว่าเดิมอีก อาจจะเพราะตระหนักว่าเป็นมื้อสุดท้ายที่ได้ทานกับพ่อแม่


“ก็...เมื่อเช้าไม่ค่อยหิว” ร่างผอมเดินมายืนข้างๆคนใจดีที่ช่วยจัดการปิ้งขนมปังให้ เจตน์เหลือบมองเล็กน้อย เห็นสีหน้าหม่นหมองของคนข้างกายแล้วก็พลอยใจหาย มือใหญ่โอบไหล่แล้วดึงร่างของปกฉัตรเข้ามาชิดราวกับเป็นการปลอบประโลม


“เดี๋ยวพ่อแม่มึงเขาก็กลับมาอีก หรือไม่งั้นเราก็ไปหา”


ปกฉัตรเหลือบสายตาขึ้นมองคนกอด เจตน์เป็นคนใจดีที่พูดดีๆไม่ค่อยเป็น เรื่องพูดจาหวานหูหรือทำอะไรแผ่วเบาย่อมเป็นเรื่องห่างไกลจากวิถีชีวิต แต่ถ้าเป็นเรื่องความจริงใจและความรู้สึกแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายมีให้เขาเกินร้อยด้วยซ้ำ


    ดวงตาสีจางจับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มเชื้อสายจีน สายตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและดีใจที่วันนี้คนคนนี้ยังคงทำอย่างที่พูด อยู่ข้างกายไม่ไปไหน กอดเขาเอาไว้ในวันที่อ่อนแอ และพร้อมจะเดินหน้าหาวันที่สดใสไปด้วยกัน


ดวงตาเรียวเหลือบลงมองเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้อง กำลังจะอ้าปากถามว่ามองอะไรนักหนา ก็กลายเป็นว่าคนจ้องยืดใบหน้าขึ้นมาจูบเบาๆที่มุมปากของเขาแล้ว


“ขอบคุณนะครับ” เป็นคำขอบคุณแผ่วเบาที่มาพร้อมกับสัมผัสนุ่มนวล แม้แต่คนกระด้าง ทำอะไรปึงปังเสียงดังก็ยังหวั่นไหวไปกับรสสัมผัสนั้นจนจุดยิ้มที่ริมฝีปาก แต่...แม้จะเรียนรู้ความอ่อนโยน คนอย่างเจตน์ก็ทำอะไรเบาๆไม่เป็นอยู่ดี เขาตวัดร่างเจ้าของจูบขึ้นมาวางบนเคาท์เตอร์อีกตัว แล้วแทรกกายเข้ากลางหว่างขา สองแขนโอบรอบเอวอย่างรวดเร็ว ปกฉัตรอุทานเสียงเบาด้วยความตกใจ รีบดันอกอีกฝ่ายออกห่างก่อนที่จะใกล้ชิดกันมากไปกว่านี้


ทว่า...แรงของเขาหรือจะสู้แรงของหนุ่มตี๋ตัวใหญ่ได้ เพราะสองมือดันออกได้แค่อก แต่ใบหน้าของเจตน์ยื่นเข้ามาแทบชิด


“กูให้ขอบคุณใหม่อีกที”


ปกฉัตรรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รางวัลขอบคุณด้วยการจูบที่มุมปากนั้นไม่ใช่สิ่งที่เจตน์พอใจ แต่...ของแบบนี้ขอกันง่ายๆ แล้วจะให้กันง่ายๆอย่างนั้นหรือ...ไม่มีทาง


“พี่...ปิ้งขนมปังอยู่นะ...” ร่างโปร่งท้วงแล้วบุ้ยหน้าไปยังเครื่องปิ้งขนมปังที่ยังทำงานอย่างเชื่องช้า นึกขอบใจตัวเองที่ชอบทานขนมปังปิ้งที่ไม่เกรียมมากนัก เครื่องปิ้งไฟฟ้าจึงถูกตั้งให้ใช้ไฟอ่อนและใช้เวลานานกว่าปกติ ซึ่งมันดีสำหรับการอ้อล้อกันและกันอย่างนี้พอดี


ทว่าไม่มีเสียงตอบโต้จากคนที่ยังยืนอยู่กลางหว่างขาเขา พอปกฉัตรหันกลับมาก็พบว่าเจตน์ยังมองเขาอยู่ ไม่ใช่มองอย่างคาดคั้น แต่มองอย่างต้องการ


แล้วในเมื่อคนรักต้องการ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ แม้จะกระดากอายแต่สองมือยื่นออกไปประคองใบหน้าของเจตน์เอาไว้ ยื่นหน้าเข้าใกล้ ก่อนจะแตะริมฝีปากของตนลงกับริมฝีปากที่มีรอยยิ้มจางนั่น


ทุกอย่างเชื่องช้าและอ่อนหวาน เนื้อนิ่มบดเบียดคลึงเคล้าอย่างอ่อนโยน จูบย้ำทีละจุดบนริมฝีปากของร่างสูง ก่อนจะเป็นฝ่ายไล้ปลายลิ้นลงกับริมฝีปากล่างอย่างนุ่มนวลราวกับขออนุญาต เป็นบทจูบที่สุภาพเหมือนถูกหยอกล้อด้วยขนนกพริ้ว แล้วแบบนี้มีหรือเจตน์จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายล่วงล้ำปลายลิ้นเข้ามาในปากของเขา


ปลายลิ้นเกี่ยวกวัดกันและกัน ฉุดรั้งความหวามไหวให้พุ่งสูงจนต้องเบียดร่างเข้าแนบชิด ปลายนิ้วของปกฉัตรฉอนไชเข้าสู่กลุ่มผมดกดำของคนรัก ในขณะที่สองมือของเจตน์นวดคลึงอยู่กับบั้นเอวเล็ก


เสียงจูบดูดดื่มดังก้องอยู่ในห้องครัวอึดใจใหญ่ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายปกฉัตรถอนริมฝีปากออกห่าง มันชุ่มชื้นและแดงช้ำเพราะบดเบียดเป็นเวลานาน เจตน์จับจ้องใบหน้าแดงเรื่อของคนรักด้วยความรักใคร่ร้อนแรงจนไม่กล้าสบตา


ปกฉัตรคนซื่อที่ใครต่อใครก็พากันมองเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนบริสุทธิ์ นอกจากเจตน์แล้วก็คงไม่มีใครรู้ว่าปกฉัตรคนนั้นคือคนเดียวกับคนเมื่อครู่นี้ที่เป็นฝ่ายจูบก่อน


“เก่ง...” คำชมจากคนถูกจูบยิ่งทำให้เขินหนัก ดันคนพูดให้ออกห่างเพื่อจะลงจากเคาท์เตอร์ แต่เจตน์ไม่ปล่อย เมื่อครู่นี้เป็นคำขอบคุณของปกฉัตรที่มีให้ ตอนนี้ถือเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง 8 วันที่ปกฉัตรยังไม่ได้รับจากเขา


ใบหน้าของหนุ่มตี๋ก้มลงใกล้ แต่ก่อนจะทำอะไร เสียงประท้วงก็ดังเบาๆจากคนที่กำลังถูกล่วงล้ำเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ต


“พี่...ขนมปัง...” ปกฉัตรท้วง มองเลยไปยังเครื่องปิ้งขนมปังที่ทำหน้าที่ของมันเสร็จแล้ว ขนมปังถูกปิ้งได้ที่จนส่งกลิ่นหอมฉุย แต่...ดูเหมือนจะหมดโอกาสได้กิน เพราะเสียงหัวเราะของเจตน์ดังขึ้นเบาๆ ดวงตาเรียวพราวระยับยามมองใบหน้าแดงก่ำ


“กูมีอย่างอื่นอร่อยกว่าขนมปังปิ้งอีก...” สายตากรุ้มกริ่มของเจตน์แฝงนัยเฉลยว่าอะไรที่อร่อยกว่าขนมปังปิ้ง แม้ปกฉัตรจะซื่อเพียงใด แต่มีหรือจะไม่รู้ว่าคืออะไร ใบหน้าที่เคยขาวซีดกลับแดงก่ำยิ่งกว่าเก่าแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่หลบเลี่ยงเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าลงหา


ชั้นเชิงที่ทายาทแซ่ตั้งท่องมาอย่างดีถูกทิ้งอย่างไม่ใยดีไว้เบื้องหลัง แต่จะถือว่าเจ๊ากับปกฉัตรก็แล้วกัน เพราะรายนั้นก็ต้องทิ้งขนมปังปิ้งที่อยากกินเอาไว้อย่างนั้น แล้วมากินอย่างอื่นที่อร่อยกว่า


ทว่า...เจตน์หารู้ไม่...ปกฉัตรไม่ได้อยากกินขนมปัง แต่ตั้งใจจะกิน ‘อย่างอื่น’ ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก

……………………

   มือขาวลูบไล้ท่อนเนื้อร้อนผ่าวอย่างเนิบนาบ แม้จะใช้เพียงสัมผัสของฝ่ามือเพียงอย่างเดียว ปกฉัตรก็พอจะคะเนอารมณ์ของคนรักได้แล้ว เขาไม่กล้าก้มลงมองอาวุธร้ายที่แข็งขืน หนำซ้ำยังต้องเอียงคอแหงนเงยให้เจ้าของแก่นกายที่อยู่ในมือซุกไซ้ซอกคอตามแต่จะพอใจอีกด้วย


   เสียงคำรามอย่างพึงใจของเจตน์ดังกระหึ่ม ดูดเนื้ออ่อนข้างซอกคอเจ้าของสัมผัสที่ชวนสยิวซ่านอย่างมันเขี้ยว


   “อื้อ! เจ็บ!” ปกฉัตรร้องเบาๆ ร่างสูงยอมถอนใบหน้าออกจากซอกคอ ทว่าสีหน้าไม่มีสำนึกผิดสักนิด เขาแสยะยิ้ม ดวงตาเป็นประกายด้วยความกระหายยามจับจ้องคนที่ถูกจับนั่งอยู่บนเคาท์เตอร์


   ปกฉัตรยังสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้น แม้ว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตจะถูกมือเขาปลดออกไปหมดทุกเม็ดแล้วก็ตาม แผ่นอกรำไรใต้สาบเสื้อที่แยกออกจากกัน ยิ่งเห็นเจตน์ก็ยิ่งกระสันจนต้องเลียปาก ดึงเสื้อยืดของตัวเองออกทางศีรษะ ร่างกายของเขาพร้อมรบ สายตาของเขาก็ร้อนแรง แน่นอนว่าปกฉัตรเห็นทุกสัญญานว่าอย่างไรเสียก็ไม่รอด แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ยังออกปากเหมือนขอความเห็นใจ


   “ถุงยาง...อื้อ!...” เจตน์จู่โจมซุกไซ้ซอกคอที่แดงเถือกนั่นอีกครั้ง มือใหญ่ดึงทึ้งกระดุมกางเกงยีนส์ของปกฉัตรจนหลุดออกจากกัน แล้วล้วงมือลงหาสะโพกนิ่ม


   “พ...พี่...อื้อ...ถ...ถุงยาง...”


   “ในนี้ไม่มี” แม้จะมัวเมากับผิวเนื้อที่กำลังดูดดึง และเมามันกับการบีบขย้ำเนื้อสะโพก แต่เจตน์ก็ยังมีใจยอมตอบคำขอ...ซึ่ง...เป็นการตอบเหมือนปฏิเสธไปในที


   ปกฉัตรดันอกคนรักออกพยายามดึงรั้งสติของอีกฝ่ายเอาไว้ ขืนปล่อยให้ทำตามอำเภอใจ ไม่ฉุดอารมณ์เอาไว้ บทหนักเป็นต้องตกลงที่เขาทั้งตอนนี้และหลังจากนี้แน่


   เจตน์ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอขาวอีกหน มองสีหน้าวอนขอของอีกฝ่ายวูบเดียวก็ฉวยเอาร่างคนรักขึ้นอุ้มกระเตงพาออกไปยังชุดโซฟาหน้าโทรทัศน์ เขาโยนร่างผอมลงนอนบนโซฟา ปกฉัตรยังไม่ทันมีสติขยับตัวลุก เจตน์ก็ดึงกางเกงของเขาแล้วรูดออกทางปลายเท้าโยนข้ามโซฟาทิ้งไปแล้ว


   ร่างที่นอนหงายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตที่พยายามใช้มือรวบสาบเสื้อมาปกปิดผิวเนื้อ แต่เบื้องล่างนั้นล่อนจ้อนเหลือเพียงชั้นในติดตัว เจตน์นั่งลงบนโซฟา ดึงร่างของคนรักเข้ามาใกล้ กระชากชั้นในรูดออกไปทางปลายเท้าอีกตัว ปกฉัตรไม่ทันได้ร้องด้วยความตกใจ ก็กลายเป็นต้องร้องหวีดเมื่ออีกฝ่ายก้มลงฝังหน้ากับแก่นกายของเขาแล้ว


   “พ...พี่...อ๊ะ...อ๊ะ...” มือหนึ่งขยุ้มศีรษะคนรักเพราะถูกริมฝีปากร้อนฉุดอารมณ์อย่างรุนแรง อีกมือคว้าเอาหมอนอิงได้ก็ตวัดมันมากอดแนบอก แล้วขย้ำไปตามอารมณ์เพริศ


   โพรงปากของเจตน์ร้อนผ่าว ลิ้นสากตวัดเลียลากขึ้นลง นำพาอารมณ์ของปกฉัตรให้พุ่งทะยานจนสมองขาวโพลน ไม่รู้ตัวสักนิดว่าสะโพกที่ตอนแรกพยายามกระถดหนีกลายเป็นขยับตอบรับตามจังหวะของเจตน์ตั้งแต่เมื่อไร แต่ดูเหมือนยิ่งตอบสนองมากเท่าไร คนปรนเปรอก็ยิ่งพอใจมากเท่านั้น


   ทว่า...วินาทีต่อมาทุกอย่างก็หยุดชะงัก


   “อื้อ!” ปกฉัตรรู้สึกถึงความเย็นซ่านจู่โจมมาที่กลางลำตัวเมื่อจู่ๆริมฝีปากร้อนถอดถอนออกไป เจตน์ลุกขึ้นนั่ง มองมาที่เขาด้วยสายตาพอใจที่เห็นร่างขาวซีดแดงเห่อไปทั้งตัว


   “พ...พี่...อ๊ะ!” ไม่ทันทำความเข้าใจกับอะไรทั้งสิ้น ร่างของปกฉัตรก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นมานั่งคร่อมตักเจตน์ที่ขยับตัวนั่งพิงพนักโซฟา ร่างผอมสะดุ้งโหยงเมื่อความร้อนผ่าวของเขาแตะเข้ากับความต้องการที่แข็งแกร่งของเจตน์


   ซองพลาสติกสี่เหลี่ยมถูกยื่นมาตรงหน้า


   “ใส่ให้หน่อย” ดวงตาเรียวนั้นร้อนแรงยามเอ่ยปาก ปกฉัตรเบิกตาโพลงด้วยความอาย แต่ความต้องการในเวลานี้พลิกความอายของเขาให้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้ว เพราะร่างโปร่งรับซองในมือเจตน์มาฉีกออก


   แม้จะเงอะงะงุ่มง่ามด้วยความกระดากแต่เมื่อมือขาวค่อยๆรูดถุงยางลงตามความยาว มันกลับยิ่งสร้างความรัญจวนจนได้ยินเสียงครางด้วยความพอใจ


   “ยกสะโพกขึ้น” คำขอถัดมาทำเอาคนที่คิดว่าทุกอย่างน่าจะจบแล้ว ถึงกับเบิกตาโตกว่าเดิม


   “เร็ว ยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงมา”


ปกฉัตรสั่นหน้ารัว แต่มือใหญ่ฉวยเอาแก่นกายของเขาเป็นตัวประกัน นิ้วโป้งบดบี้ลงกับส่วนหัวฉ่ำเยิ้มจนคนที่คิดจะหนีถึงกับสะท้านเฮือกด้วยความต้องการ เสียงครางดังผะแผ่ว ทั้งพอใจกับสัมผัสจากมือหยาบและทั้งทรมานกับอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นอยู่ในร่าง


   “ปก...ยกสะโพกขึ้น...” ราวกับถูกควบคุมด้วยความกระสันและเสียงทุ้ม สะโพกขาวยอมยกขึ้นอย่างช้าๆ เจตน์จ้องความแข็งขืนของตัวเองตาเป็นมัน มือหนึ่งบดบี้ความต้องการของคนรักเพื่อกระตุ้นความต้องการ มืออีกข้างช่วยจับเอวของปกฉัตรให้อยู่ในจุดที่ถูกที่ถูกทาง แล้วค่อยๆกดเอวคนรักลงหาแก่นกายของเขา


   “อ่า...” ร่างสูงครางต่ำ แค่สัมผัสกับปากทางร้อน อารมณ์ของเขาก็พุ่งพล่านแล้ว ร่างของปกฉัตรสั่นระริก ทั้งๆที่ผ่านความร้อนแรงของกันและกันมาไม่รู้กี่หน แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังไม่คุ้นเคยอยู่ดี และจุดนั้นยิ่งสร้างความกระหายให้กับเจตน์


   เขาบังคับกดสะโพกกลมลงอีก ชำแรกช่องทางร้อนของคนรักด้วยความต้องการที่ตั้งชัน ชายหนุ่มเงยหน้ามองคนที่กอดคอเขาเอาไว้ สีหน้าของปกฉัตรในเวลานี้ทั้งสุขสมทั้งทรมาน หลับตาขมวดคิ้วมุ่นกัดริมฝีปากด้วยความอึดอัดคับแน่น เจตน์เองก็ทรมานไม่ต่างกัน หากทุกการเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเนิบนาบอยู่แบบนี้ เขาคงอกแตกตาย


   “ปก...” เจ้าของชื่อยอมลืมตาขึ้นมอง ดวงตาของปกฉัตรชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำคลอ


   “...ที่รัก...” น้อยจนแทบนับครั้งได้ที่คนโหวกเหวกโวยวายอย่างเจน์จะพูดด้วยเสียงเบาแผ่วอย่างนี้ หนำซ้ำยังเป็นคำหวานหูที่ไม่น่าจะพูดอีกด้วย ปกฉัตรตกใจแต่เมื่อจับจ้องดวงตาเรียวคู่นั้น แววรักใคร่ที่ถ่ายทอดให้รับรู้ก็ยิ่งทำให้หัวใจเต้นถี่กว่าเดิม


   ร่างโปร่งก้มลงหา มอบสัมผัสลงกับริมฝีปากของคนรัก ความร้อนแรงของอารมณ์ดูจะสู้ความรุนแรงของความรู้สึกในเวลานี้ไม่ได้เลย รสจูบดูดดื่มนั้นราวกับคำบอกรัก ยิ่งประกบปากดูดดื่มกันและกันมากเท่าไร ก็เหมือนยิ่งเปิดใจให้ต่างคนต่างได้รับรู้ความรู้สึกของกันและกันมากเท่านั้น


   รสจูบราวกับคำปลอบประโลมให้ผ่อนคลายความอึดอัดคับแน่นตลอดการเดินทางที่แสนยาวนาน เมื่อทุกอย่างแนบสนิท ริมฝีปากของทั้งคู่จึงได้ผละออกจากกัน


   เจตน์คำรามในคออย่างพอใจ มือใหญ่นวดคลึงเนินเนื้อสองข้างด้วยความมันเขี้ยว ร่างของปกฉัตรสั่นระริก ทั้งอึดอัดและเสียวซ่านจนน่าสงสาร จนร่างสูงต้องจูบแก้มอย่างเอาใจ


   “เก่งมาก...ที่รัก...โอ้ว...” เขาครางต่ำเมื่อภายในตอดรัดเขาถี่ยิบขึ้นมาทันที ดูเหมือนร่างกายของปกฉัตรจะมีปฏิกิริยากับบางคำเป็นพิเศษ หนุ่มตี๋ที่แม้จะถูกไฟตัณหาครอบงำแต่ก็มีแววเล่นสนุก


   “...ที่รัก...ซี้ด...” เขาลองเรียกซ้ำอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ความแข็งขืนของเขาถูกตอดรัดเป็นพิเศษ เจตน์หัวเราะเบาๆ ดวงตาเรียวจับจ้องใบหน้าแดงก่ำของคนรักที่ดูท่าจะตื่นตระหนกกับร่างกายของตัวเองเช่นกัน


   “ชอบคำนี้เหรอ...”


   “ม...ไม่...อ๊ะ! อย่า...อย่าเพิ่งขยับ...อื้อ!” สองมือพยายามดันหน้าท้องของคนข้างล่างเอาไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเลยสักนิดเพราะแม้จะนั่งอยู่ใต้ร่างของเขา เจตน์ก็ยังกระทุ้งถี่ๆจนเขาสะดุ้งเฮือกๆ


   “ที่รัก...อู้ว...”


   “ม...ไม่...อื้อ...”


   “ที่รัก...โอ้ว...”


   “ย...อย่า...เรียก...อ๊า...”


   “ที่รัก...ดี...อ่า...ซี้ด...ขยับเร็ว...โอ้ว...” ยิ่งเห็นปกฉัตรดิ้นพล่าน ตอบสนองต่อคำเรียกพิเศษนี้ เจตน์ก็ยิ่งได้ใจ เขากระทุ้งถี่ๆสั้นๆ เรียกที่รักซ้ำๆยิ่งทำเอาช่องทางรัดรึงหนักหน่วง จากตอนแรกที่เป็นฝ่ายเขาขยับสวนจากข้างล่าง ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นปกฉัตรขยับสะโพกตอบสนองเสียเอง มือใหญ่บีบขย้ำเนื้อสะโพกจนแทบปลิ้น ฝังใบหน้าลงกับแผ่นอก ดูดดึงขบเม้มยอดอกของคนเขยื้อนไหวเหนือร่างตนเพื่อดึงอารมณ์ปกฉัตรให้ยิ่งทะยาน


   เบื้องล่างร้อนฉ่าเพราะแรงเสียดสีจนแทบลุกไหม้ ภายในตอดรัวราวกับเนื้อร้อนของเจตน์เป็นอาหารรสเลิศ เสียงครางกระเซ่าไม่รู้ของใครเป็นของใคร แต่ยิ่งเจตน์เรียกปกฉัตรว่าที่รักมากเท่าไร ร่างผอมก็ยิ่งกระแทกสะโพกลงหาความแข็งแกร่งถี่ยิบมากขึ้นเท่านั้น


   “ดี! อ้า! ดี! แรงกว่านี้ ซี้ด ที่รัก! ขย่มลงมา โอ้ว!...” ปกฉัตรไม่รู้ตัวว่าร่างกายของเขาเร่าร้อนเพียงใด เสียงครางของเจตน์ไม่ต่างจากเสียงเชียร์ คำบางคำมีอิทธิพลเหนือหัวใจ ร่างผอมขยับขย่ม เนื้อสะโพกกระแทกกับหน้าขาจนเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อ มันหยาบโลน...ทว่าถึงใจ


   “อื้อ! พี่...พี่...อ๊ะ! อ๊ะ!...ไม่ไหว...อื้อ!!!!!” ก่อนที่แรงเฮือกสุดท้ายจะหมดลง เจตน์ก็คว้าศีรษะคนรักให้ก้มลงมอบจูบดูดดื่มกับเขาอีกครั้ง มืออีกข้างกดสะโพกลงรับแรงกระแทกสวนลึกสุดใจ ปกฉัตรสะดุ้งเฮือก ตาเบิกโพลงกับความอึดอัดคับแน่น ท่อนร้อนกระแทกลึกจนสะท้านวาบ ฉุดกระชากอารมณ์ให้ทะลักทะลายความเหนียวข้นออกมาจนหมดสิ้น อารมณ์ที่กระซ่านกระเซ็นยิ่งทำให้ภายในตอดรัดถี่ยิบ สองมือของเจตน์ขยุ้มสะโพกกลมจับบังคับให้สวนกระแทกกับแก่นกายของเขาอีกไม่กี่ครั้งก็กดร่างปกฉัตรลงรับการเติมเต็มสุดความยาวอีกที


   เสียงของเจตน์ครางกระหึ่มเมื่ออารมณ์ถูกปลดปล่อย ก่อนจะปล่อยให้ปกฉัตรทรุดลงพิงกับอกเขาแต่โดยดี


   สองร่างยังกอดเกี่ยว หัวใจยังเต้นถี่ ในขณะที่ต่างคนต่างหอบหายใจโกยอากาศหลังจากกิจกรรมเรียกเหงื่อที่ยาวนาน เจตน์ก้มลงมองคนที่วางหน้าผากลงกับไหล่ของเขา ก่อนจะจูบเบาๆที่ข้างแก้มอย่างรักใคร่


   “...แฮปปี้เบิร์ธเดย์ย้อนหลัง” ปกฉัตรลืมตา แหงนหน้าขึ้นมองเล็กน้อยเหมือนจะค้อนอยู่ในที


   “นี่ของขวัญของพี่เหรอ...” เจตน์หัวเราะเบาๆ ดูจากท่วงท่าของพวกเขาแล้ว คล้ายปกฉัตรเป็นของขวัญของเขาอย่างไรชอบกล


   “ไม่ชอบรึไง” คำถามนี้ตอบยาก...ยากเสียจนปกฉัตรต้องซุกหน้าลงกับลาดไหล่หนาตามเดิม


   “ปก...”


เจ้าของชื่อไม่เงยมอง คงคิดว่าอาจถูกแกล้ง แต่ถึงอย่างนั้นเจตน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจฟังอยู่


“...มึงเป็นของขวัญของกูนะ...”


“...ขอบคุณที่เกิดมา...”


“...ขอบคุณที่อยู่มาจนวันนี้ ให้กูได้เจอ...” 


การเกิดมาและมีอยู่ของใครสักคนอาจจะเป็นที่รับรู้ของคนรอบข้างไม่กี่สิบกี่ร้อยคน ปกฉัตรคนเงียบๆอาจจะเป็นหนึ่งในคนประเภทนั้น เกิดมาและมีอยู่ โดยมีคนรู้จักเพียงหยิบมือ...แต่...หนึ่งในคนรู้จักเพียงหยิบมือนั้น กลับ...ขอบคุณการเกิดมาและมีอยู่ของเขา


   ร่างโปร่งยอมเงยหน้าขึ้นมาจากลาดไหล่ ดวงตาเรียวของเจตน์ยังมองตรงมาที่เขาด้วยประกายแรงกล้าของความรู้สึกมากล้นที่จริงจังและจริงใจ หากจะบอกว่าของขวัญที่มีค่าที่สุดในปีนี้คือการได้พบหน้าพ่อแม่ ของขวัญอีกชิ้นที่มีค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือปีนี้เป็นปีแรกที่เจตน์อยู่กับเขา


   การมีอยู่ของเจตน์...ก็เป็นของขวัญวันเกิดของเขาเหมือนกัน


   นัยน์ตาสีจางนั้นชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำคลอ จนเจตน์ต้องไล้นิ้วโป้งที่หางตาให้อย่างแผ่วเบา จูบซับที่ผิวแก้มข้างละที เกลี่ยปลายจมูกอย่างอ้อยอิ่งแล้วจบที่ริมฝีปากแดงฉ่ำ รสจูบครั้งนี้เต็มไปด้วยความรักจากหัวใจ เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังที่ไม่รู้ว่าปกฉัตรจะรู้ตัวไหมว่าเจ้าของจูบนี้ตั้งใจจูบอย่างละมุนละไมที่สุดเท่าที่จะทำได้


   เพื่อขอบคุณ...


ขอบคุณ...ที่เกิดมา


   ขอบคุณ...ที่ผ่านความสุขและอดทนกับความเศร้ามาจนถึงวันนี้


   ขอบคุณ...ที่ก้าวเข้ามาในชีวิต


   และขอบคุณ...ที่ให้ ‘พี่’ ได้รัก ‘ปก’


   FIN

   จริงๆวันนี้ไม่ใช่วันเกิดปก แต่เกิดเพราะบัวสอบเสร็จค่ะ ฮ่าฮ่า แล้วก็ไม่ได้ลงสเปเรื่องนี้มานานแล้ว ก็เลยเอาซะหน่อย

   ตอนแรกจะแกล้งเฮียเจ๋งแล้วค่ะ ให้เป็นหมีอดน้ำผึ้งแบบตอนหลัก แต่เห็นแก่ความรักและความจริงใจที่เฮียมีให้ปกเสมอ แม้ว่าเฮียจะปากไม่ค่อยตรงกับใจก็ตาม ก็เลย...อะ! เซอร์วิสเฮียก็ด้ายยยยย

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงเฮียเจ๋งและปก (ไม่กล้าเรียกพี่ เพราะคำว่าพี่มีให้ปกเรียกคนเดียว ฮิ้ววววว) ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   เจอกันวันพฤหัสกับระบบอุปถัมภ์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 11-03-2019 22:55:40
 :mew1: :mew1:ใน ขอบคุณมากๆสำหระบตอนพิเศษที่ยาวมากๆ ฟินสุด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 11-03-2019 23:02:25
คิดถึงความไม่ใสของน้องปก แล้วก็ความไม่ทันน้องของนังเฮีย  ฮือออออ แต่พี่เค้าไม่กากแล้วนะคะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 11-03-2019 23:13:17
พี่เจ๋งนี่มันนน น่านัก  :haun4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-03-2019 23:22:48
อิพี่ไม่อดแล้วจ้าา ซาบซ่านจับใจ อิอิ
อยากให้อิพี่โจ๊กคนดีของซอโซ่ได้แบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 11-03-2019 23:23:11
ชอบเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ รักทั้งปก เฮียเจ๋ง และนายดิษ 555555 ขอบคุณสำหรับสเปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-03-2019 23:34:48
 :L2: :L1: :pig4:

ดีใจกับเฮีย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 11-03-2019 23:40:52
เนี่ยเฮีย เห็นมั้ยว่าพูดดีๆ หวานๆ ก็ได้รางวัลเยอะๆ น้องชอบออก อิอิ

ชอบความรักของครอบครัว แม้ต่างมีเงื่อนไขในการพบเจอ แต่ความรักไม่ลดลงเลย น่ารักจัง

คนรัก...เป็นของขวัญของกันเสมอ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-03-2019 23:47:44
 o13 o13 o13​ ดีใจ​มาก​ๆ​
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-03-2019 23:48:32
แดดดี้เจ๋ง ก้อมีมุมหวานๆนะ   :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 11-03-2019 23:58:27
ขอบคุณที่รักน้องไม่แพ้ที่น้องรักนะเฮียเจ๋งดีใจแทนน้องปกจริงๆเป็นคนเถื่อนที่รักน้องโคตรๆละมุนสุดๆค่ะ อิจฉาน้องปกมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 12-03-2019 00:35:23
คิดถึงเจ๋งปกที้สุดดด
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 12-03-2019 00:52:22
แอบขำกับเสียงครางเฮียเจ๋ง ที่รักโอ้ว 55555555555555555555
ตลกเฮียที่เป็นคนคิดเยอะ พยายามเข้านะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 12-03-2019 01:48:33
ดีใจกับเฮียด้วย ถึงต้องรอ 7-8 วันก็ตาม 55555 ร้ายทั้งคู่


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 12-03-2019 02:59:05
ช่วงแรกๆน้องก็แอบร้าย แต่พอจบกลายเป็นคนพี่พาหวานซะน้ำตาลเรียกพี่ เขิน  :o8:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-03-2019 03:27:57
 :pighaun:  :haun4: ของขวัญ หรรษา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-03-2019 05:44:11
แบบนี่น่าจะเป็นของขวัญของเฮียหรือเปล้า ไม่ว่ายังไง เฮียก็มีแต่ได้กับได้ 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 12-03-2019 05:47:25
ดีงามพระรามแปดมากๆเลยค่าาาาาาา

 :hao5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-03-2019 06:49:19
เฮียพูดหวานก็เป็น...
ที่รัก... หว๊านหวานจังเฮีย 5555555

คิดถึงน้องปกและเฮียที่สุดเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 12-03-2019 07:33:17
ย้อนหลังวันเกิด 8วัน โอ๊ยย เฮียยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 12-03-2019 07:43:00
ขอบคุณคุณบัวค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-03-2019 09:36:55
เป็นตอนพิเศษที่ดีต่อใจ

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-03-2019 10:04:42
คิดถึงคู่นี้~
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-03-2019 12:23:48
เฮีย ช่าง หื่นขึ้นตา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 12-03-2019 12:24:27
ร้อนแรงมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 12-03-2019 12:50:23
ร้อนแรงเว่ออออ  :m10:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Maleemol ที่ 12-03-2019 16:35:43
ขอบคุณค่ะ
ชอบเฮียเจ๋งช้างเท้าหน้ามากกก
แต่น้องปกควาญช้าง
คริคริ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-03-2019 16:32:42
นี่มันของขวัญวันเกิดของน้องปก หรือของเฮียกัน บ้าจริง  :o8: :jul1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 13-03-2019 18:20:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 14-03-2019 09:04:11
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ ยาวจุใจมาก :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 14-03-2019 13:13:13
 :pig4: ยาวจุใจ ดีต่อใจเหลือเกินนน

อยากมุดเข้าไปใต้เตียงแล้วแอบอัดเสียง ..ที่รัก โอ้วว...ของเฮียเจ๋งไว้จรี๊งๆ  :z1:



หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: npsp2555 ที่ 14-03-2019 20:36:29
ขอบคุณค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 15-03-2019 13:28:35
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 16-03-2019 09:51:32
น้องปก~ สุขสันต์วันเกิดจ้า
ขอให้ที่รักของเฮียเจ๋งมีความสุขทุกวันนะจ้ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-04-2019 12:05:09
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-04-2019 19:07:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-04-2019 20:05:13
คนเงียบ ๆ ไม่ได้จืดชืดเสมอไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: m_ilk_y ที่ 04-04-2019 16:25:21
อร๊ายยย คิดถึงคู่นี้มากกก
น้องปกแอบเจ้าเล่ห์หลบในอ่ะะะ
แต่พี่เจ๋งนี่ไม่ไหวแล้ว ตอนเรียกน้องว่าที่รัก
ทำไมนี่เขินตาม
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 08-04-2019 09:31:50
ที่รักกก :jul1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 08-04-2019 14:15:03
เซอร์วิสเจ๋งเต็มที่เลยตอนนี้
ชอบน้องปกที่ร้ายลึก
ปล่อยให้เจ๋งคิดว่านำ
แต่จริงๆแล้วตาม
ชอบคู่นี้มากๆๆ
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่มอีกจัง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 09-04-2019 00:17:21
อิจฉาหนักมากกก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-04-2019 20:48:20
เฮียอิ่มมะ  :m25:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-04-2019 19:47:58
 :katai2-1: :hao6: o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน วันเกิด (11 มี.ค. 2561) หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: N-T ที่ 18-06-2019 09:45:05
 :-[
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 29-08-2019 23:00:21
ผลประโยชน์ทับซ้อน
BY: Dezair
………….
ตอนพิเศษ แฟนประเสริฐ



ตี๋ตาเรียวที่ชื่อเจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์นั่งหน้าหงิกเป็นตูดอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นของคอนโดมาร่วมครึ่งวันแล้ว เจียระไนเพิ่งรู้ว่าเวลาตัวเองหงุดหงิดไม่สบอารมณ์แล้วหน้าตาเป็นอย่างไรก็ตอนที่มองหน้าญาติผู้น้องของตนในตอนนี้


ส่วนประเด็นที่ว่า มันหงุดหงิดอะไรมานั้น แน่นอนว่ามีแค่เรื่องเดียว


“ปกไม่รับสายกูเลย สงสัยมันรู้ว่ากูจะโทร.ไปคุยเรื่องน้องมึง” เสียงจากคนผิวขาวจัดที่ยืนอยู่ข้างกาย ทำเอาเจียระไนต้องหันมอง เจ้าของห้องและแฟนเจ้าของห้องต้องมายืนกระซิบกระซาบคุยกันอยู่ในห้องครัว เพราะแขกไม่ได้รับเชิญบุกมาที่นี่ตั้งแต่เช้าด้วยหน้าตาเหมือนจะระเบิดโลกทั้งใบทิ้ง


‘ทะเลาะกับไอ้ปก!! แม่ง!! มันคิดว่ามันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้วะ!! ผมรักมันแทบตาย! ทำให้มันสารพัด! แฟนประเสริฐกว่าผมไม่มีที่ไหนอีกแล้ว แต่มันก็ยัง...เชี่ยเอ๊ย!!’


นั่นคือประโยคแรก นับตั้งแต่เจตน์บุกมาถึงคอนโดของเจียระไน ตอนแรกเจ้าของห้องก็อยากจะเถียงอยู่หรอกว่า ‘แฟนประเสริฐกว่ามึงก็กูนี่ไง’ แต่เนื่องจากสิตางศุ์อยู่ด้วยพอดี เลยรีบตะครุบปากเขาเอาไว้ แล้วปล่อยให้เจตน์เข้ามานั่งสงบสติอารมณ์ในห้อง


...ย้ำอีกครั้งว่าเจียระไนไม่ได้ใจดียอมให้ไอ้คนหน้าหงิกเข้ามาเป็นมลพิษทางสายตา เเต่เพราะนิสัยห่วงใยมนุษยชาติของสิตางศุ์เริ่มขึ้นทันทีที่เห็นหน้าตาบูดสนิทของแขกไม่ได้รับเชิญต่างหาก


“หรือให้กูไปหาปกที่บ้านมั้ย กูรู้จักบ้านมันอยู่นะ”


สิตางศุ์อาสาแบบไม่มีใครขอร้อง เพราะเหตุผลเพียงข้อเดียวคือไม่อยากเห็นคนทะเลาะกันตามประสานิสัยรักสันติ


“มึงจะไปยุ่งอะไรกับพวกมัน ทะเลาะกันได้ เดี๋ยวก็ดีกัน” ในขณะที่คนไม่สนโลก ไม่แคร์ว่าที่ใดจะมีสันติหรือสงครามรีบแย้ง


...ธุระไม่ใช่ จะแหย่ตีนเข้าไปทำไม...


แน่นอนว่าประโยคนี้เถียงในใจ สมกับวิถีพ่อบ้านใจกล้า


“แต่ว่าจะดีกันได้ยังไงล่ะ เจ๋งมาอยู่ที่นี่ ปกก็ไม่รับสาย”


“ก็ไว้ไอ้เจ๋งอารมณ์เย็นลง เดี๋ยวมันก็...” เจ้าของห้องยังพูดไม่ทันจบ เสียงปึงปังก็ดังมาจากห้องนั่งเล่น เจียระไนต้องโผล่หน้าออกไปดูก็เห็นน้องชายสายฮาร์ดคอร์หยิบมือถือบนพื้นขึ้นมาแล้วปาลงพื้นอีกรอบ


“เฮ้ย! ไอ้เชี่ยเจ๋ง! ทำอะไรของมึง!” เขารีบถลาเข้าไปดึงแขนเอาไว้ แล้วงัดโทรศัพท์อออกมาจากมือของน้อง สภาพมันแตกไปแล้ว คงเพราะปาทิ้งไปครั้งแรก


“ไอ้ปกไม่รับสาย!”


“คงไม่ได้อยู่ใกล้โทรศัพท์ เมื่อกี้ไอ้โซ่โทร.หาก็ไม่รับ”


“ไม่ได้อยู่ใกล้โทรศัพท์ หรืออยู่ใกล้ตัวผู้ตัวอื่น!!!” เจียระไนเหลือบตาไปมองสิตางศุ์อย่างเกรงใจ ถึงจะรู้กันดีว่าเจตน์ปากไม่ค่อยดี แต่พูดจาแบบนี้ต่อหน้าพี่รหัสของปกฉัตรก็คงไม่ค่อยจะเข้าหูเท่าไร


แต่…สิตางศุ์ผู้เข้าอกเข้าใจมนุษย์ทั้งโลกมองเห็นสภาพอารมณ์ไม่คงที่ของหนุ่มรุ่นน้องอยู่แล้ว ย่อมไม่ถือสา


“ทะเลาะอะไรกัน บอกพี่ได้มั้ย” แถมยังพูดจาดี มีมารยาท เจียระไนอยากจะมอบรางวัลสันติภาพให้จริงๆ


เจตน์ที่กำลังหงุดหงิดโมโหร้ายปาโทรศัพท์ทิ้งไปเครื่องนึงแล้ว อยากจะหันไปอาละวาดให้สมกับอารมณ์ที่เป็นอยู่ แต่พอหันไปสบตากับดวงตาสวยๆที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยน อารมณ์ร้อนๆในใจก็เหมือนถูกหรี่ให้มอด


“เมียกูถาม ให้ตอบ ไม่ต้องจ้องนาน!” แต่ดวงตาสวยๆแบบนี้มีเจ้าของแล้ว แถมเป็นเจ้าของที่นิสัยขี้หวงเหมือนเขาเด๊ะอีกด้วย เจตน์พ่นลมหายใจหันมองไปทางอื่นแล้วกระแทกตัวลงนั่งเเรงบนโซฟา


“ไอ้ปกมีคนอื่น”


เจียระไนและสิตางศุ์หันมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อ โดยเฉพาะสิตางศุ์ที่เป็นพี่รหัสซึ่งสนิทกับน้องๆในสายพอสมควร ยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่


“แน่ใจเหรอ ปกไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นนะ”


“แน่! จับได้ด้วย! มันแชทคุยกับผู้ชาย!”


“เพื่อนรึเปล่า”


“ไม่ใช่! ไอ้เวรนั่นเป็นรุ่นพี่!!”


“รุ่นพี่? รุ่นพี่ในคณะเหรอ” สิตางศุ์ถามต่อด้วยความสงสัย หากเป็นรุ่นพี่ในคณะ เขาก็น่าจะพอรู้จักบ้าง


“อือ! ชื่อเท็ด! คราวก่อนก็คนนึงแล้วชื่อชิน! คณะพี่แม่งเป็นทูตอะไรกันเยอะแยะวะ!” คำบ่นเต็มไปด้วยอารมณ์ล้วนๆ กระทั่งเรื่องคณะรัฐศาสตร์ผลิตคนเข้าสู่อาชีพทูตก็ยังกลายเป็นประเด็นว่า ‘เป็นอะไรกันเยอะแยะ’


“อ่า...เท็ด?...หรือว่าจะรุ่นพี่เวฟ พี่เวฟมีเพื่อนคนนึงชื่อเท็ด” สิตางศุ์พยายามใช้น้ำเสียงสงบและการพูดอย่างช้าๆ เพื่อดึงอารมณ์คนหงุดหงิดให้สงบลง


“ไม่รู้ว่ารุ่นไหน! แต่ไอ้ปกคุยกับไอ้เชี่ยนั่นทุกวัน!”


“อาจจะคุยเรื่องเป็นทูตรึเปล่า ปกมันอยากเป็นทูตไม่ใช่เหรอ”


“ผมรู้ว่ามันอยากเป็นทูต! แต่คราวก่อนก็เรื่องแบบนี้! คุยกับรุ่นพี่ที่เป็นทูต! เหอะ! แม่งจะคุยอะไรนักหนา คุยรอบเดียวก็พอมั้ย! แล้วรอบนี้มีชวนทำวิจัยห่าเหวอะไรด้วยนะ! แม่ง!!” เจตน์หงุดหงิดจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไร คราวก่อนก็ครั้งหนึ่งแล้วที่ปกฉัตรคุยกับผู้ชายคนอื่นจนไอ้ผู้ชายคนนั้นชักจะซอกแซกตั้งคำถามเหมือนจีบ เราเคยทะเลาะกันด้วยเรื่องพรรค์นี้มาหนหนึ่งแล้ว และครั้งนี้ก็วนกลับมาเรื่องนี้อีก


...อ้อ...ไม่สิ...คราวนี้ขั้นกว่าคือไม่คุยอย่างเดียว แต่ชวนกันไปทำวิจัย!...


…วิจัยพ่อง!! มาวิจัยอารมณ์กูนี่!!!...


ในขณะที่เจตน์ยังหงุดหงิดงุ่นง่าน อารมณ์ไม่สมประกอบ เสียงโทรศัพท์ของคนผิวขาวจัดก็ดังขึ้น สิตางศุ์รีบล้วงขึ้นมาดูเพราะไม่อยากให้เสียงหงุงหงิงของโทรศัพท์ตัวเองไปกวนอารมณ์โมโหน้องชายของคนรักมากกว่านี้ พอเห็นชื่อพี่รหัสปรากฏบนหน้าจอ เลยรีบหลบออกมาคุยที่ห้องครัว


“ฮัลโล พี่เวฟ”


‘กูอยู่ที่ล็อบบี้คอนโดไอ้โจ๊ก’ ปลายสายบอกพิกัดมาก่อนเลย


“หะ?! พี่เวฟมาคอนโดโจ๊กเหรอ”


‘เออ พาปกมา’


“ปก?! นี่ปกอยู่กับพี่เวฟเหรอ?!!”


‘เออ แฟนปกก็อยู่ที่นี่ใช่มั้ย’


“ใช่ๆ เดี๋ยวพวกผมลงไป”


สิตางศุ์ตัดสายแล้วรีบกลับไปที่ห้องนั่งเล่น พอเขาเอ่ยปากว่าปกฉัตรมารออยู่ที่ล็อบบี้ เจตน์ก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตัวออกจากคอนโดทันที

......................................

ร่างโปร่งยืนอยู่ที่ล็อบบี้ของคอนโดหรู ทว่าเจ้าตัวไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพังแต่มีผู้ชายแปลกหน้าตัวใหญ่ยืนเคียงข้างด้วย วินาทีแรกที่เจตน์เห็นคนรักของตัวเอง เหมือนความโกรธทั้งหมดจะถูกกวาดทิ้งไปแล้ว ทว่าพอเหลือบไปเห็นว่าปกฉัตรไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง ชื่อแรกที่พุ่งขึ้นมาในหัวคือ


...ไอ้เชี่ยเท็ด!!!...


…ต้องเป็นไอ้เชี่ยนั่นแน่ๆ!!...


“มึง!!!!” เขาพุ่งถลาเข้าไปหา เจียระไนก้าวตามอย่างไวเพราะเห็นชัดแล้วว่าญาติผู้น้องคิดจะทำอะไร และก่อนที่เจตน์จะทำเรื่องให้เลวร้ายลงไปอีก เจียระไนก็รีบคว้าหมัดญาติตัวเองเอาไว้


“เฮียปล่อย! ไอ้เชี่ยนี่มันเป็นชู้กันไอ้ปก!!!” เจตน์ร้องลั่น


“พูดอะไร?!!!” ปกฉัตรหันมาสวนกลับหน้าตาเอาเรื่อง


“มึงถึงกับพามันมาหากูเลยเหรอไอ้ปก!!”


“ก็พี่เวฟรู้จักคอนโดพี่โจ๊ก”


“เวฟ?! ไอ้สัด!! นี่นอกจากจะมีไอ้เท็ด! มึงมีไอ้เวฟด้วยเหรอ?!!” ชื่อตัวละครใหม่ทำเอาเจตน์เลือดขึ้นหน้าจนหยุดไม่อยู่อีกแล้ว ไม่มีสติจะทบทวนสักนิดว่าตัวละครใหม่คนนี้ คุ้นหน้าค่าตาเหมือนเคยพบกันโดยบังเอิญหรือผ่านตามาก่อนแล้ว


อรรณพมองคนที่โวยวายอยู่ตรงหน้าแล้วหันมองน้องรหัสในสายอย่างปกฉัตรอย่างไม่เข้าใจ


“มันพูดอะไรของมัน”


“ไม่มีอะไรหรอก คนมันไม่คิดจะฟังอะไรก็แบบนี้ ขอบคุณพี่เวฟที่พามานะครับ ผมคุยกับเขาเสร็จจะกลับเอง ไม่รบกวนพี่แล้ว”


“อือ มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกล่ะ”


“โอ้โห!! ไอ้เชี่ย!! นั่นเมียกู!! มันอยากได้อะไร! กูช่วยมันเอง! เฮีย! ปล่อยสิวะ!!!” เจตน์พยายามดึงแขนออกจากการยึดจับของผู้เป็นพี่ อรรณพหันไปมองคนโวยวายแล้วก็เหลือบตามองปกฉัตร น้องรหัสคนนี้ไม่ได้ซื่อใสแบบสิตางศุ์ แต่ก็ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก ทว่าวันนี้เขาดูออกว่าปกฉัตรก็ยังหงุดหงิด


...แหม น้องรหัสหงุดหงิด พี่รหัสที่ดีก็ต้องทำอะไรสักหน่อย...


“มึงปล่อยมัน ไอ้โจ๊ก” เขาสั่งเจียระไน ไอ้หนุ่มปกครองรุ่นน้องยอมปล่อยแขนของคนที่กำลังโวยวาย และราวกับเสือที่หลุดออกจากกรง เจตน์พุ่งตัวมาหาอรรณพทันที


ผลัวะ!!!


หมัดหนักๆของพี่รหัสของสิตางศุ์ชกเข้าที่โหนกแก้มของคนโมโหจนเซแทบล้ม


“เฮ้ย!!” เสียงร้องเป็นของสิตางศุ์ ส่วนปกฉัตรทำตาโตเล็กน้อย ในขณะที่เจียระไนเลิกคิ้วนิดหน่อย


“กูชื่อเวฟ เป็นพี่รหัสไอ้โซ่ เป็นปู่รหัสไอ้ปก มึงรู้จักกูมั้ย” เจตน์มึนตึ้บกับหมัดหนักเมื่อครู่นี้ แถมยังเจอประโยคเรียงลำดับญาติไปอีกดอกเลยกะพริบตาปริบๆ


“ปู่รหัส?” เขาทวน แต่พอตั้งสติได้ก็เบิกตาโพลงแล้วหันไปมองคนรัก


“ไอ้ปก! นี่มึงเอากระทั่งกับสายรหัสเหรอวะ?!!”


“ปากอย่างงี้น่าซ้ำอีกที” อรรณพเดินตรงเข้าหาจะชกซ้ำอีกสักรอบ ถ้าไม่ใช่เพราะปกฉัตรดึงแขนเอาไว้


“ไม่ต้องพี่เวฟ” หนุ่มรุ่นน้องว่าอย่างนั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเจตน์ที่ถูกเจียระไนพยุงให้ลุกขึ้นยืน ดูท่าแล้วคงเมาหมัดอรรณพอยู่ไม่น้อย แต่ปากเมื่อกี้นี้ก็บอกให้รู้ว่าแม้จะยังมึนกันแรงหมัด แต่ก็ยังหาเรื่องไม่ฟังอะไรสักนิดเดียว


ผลัวะ!!


ใบหน้าหล่อเหลาของคนถูกชกเมื่อครู่โดนชกไปอีกรอบจนหน้าหัน ทุกคนเงียบกริบ แม้กระทั้งอรรณพก็ยังคาดไม่ถึงว่าหลานรหัสตัวเองจะกล้าชกคนอื่นด้วย ปกฉัตรที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใคร คราวนี้คงจะหมดความอดทนแล้วจริงๆ


เจตน์หันกลับมามองเจ้าของหมัด ดวงตาเรียววาวโรจน์ด้วยความโกรธ เขาอาจจะเคยมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น หรืออย่างเมื่อกี้ก็โดนชก แต่...คราวนี้คนที่ชก กลับเป็นคนที่เขารัก


ทว่า...พอหันกลับเห็นสายตาจากดวงตาของคนตรงหน้า คำพูดสาดเสียเทเสียที่พร้อมจะหลุดจากปากก็หายวับลงคอไปหมด


“ถ้าผมมีคนอื่น ผมจะมาตามหาพี่ทำไม”


คำถามสั้นๆ แต่น้ำเสียงสั่นจนหัวใจที่เต็มไปด้วยไฟโกรธของเจตน์ยังไหวโหวง ในดวงตาคู่นั้นที่เขามองสบเอ่อด้วยน้ำใสจนวาววับ แต่เจ้าตัวก็กล้ำกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับหันหน้าหนีไปทางอื่น


“ผมมาตามพี่กลับ จะกลับไปกับผมมั้ย”


เป็นอีกคำถามที่สั่นเครือ เจตน์ได้แต่ยืนนิ่ง ทั้งๆที่ใจยังโกรธ สมองยังเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่...ใจแข็งๆของผู้ชายคนนี้ก็อดไหวเอนไปกับคำถามของคนรักไม่ได้


เขาหันไปหาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเอง


“เฮีย ผมกลับก่อน” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ลาสิตางศุ์ แล้วเหลือบสายตาไปที่ชายหนุ่มอีกคนเจ้าของหมัดแรก


“ถ้าเป็นปู่รหัสอย่างเดียว ไม่มีสถานะอื่นก็...หวัดดีครับ” แล้วหนุ่มตาเรียวที่เมื่อครู่นี้โวยวายเสียงดังลั่นก็ยกมือไหว้ทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปทางคนรักที่ยืนเงียบ


“กลับกัน ปก”


มือใหญ่รั้งแขนปกฉัตรเบาๆ แล้วพายุอารมณ์สองลูกก็พัดผ่านจากล็อบบี้ไป


 .................................


หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 29-08-2019 23:00:46


จากคอนโดของเจียระไนมาถึงคอนโดของเจตน์ใช้เวลาไม่มากนัก ทว่าคนสองคนที่นั่งรถมาด้วยกัน ต่างไม่มีใครพูดอะไรเลย จนกระทั่งกลับเข้ามาในห้อง ปกฉัตรดึงแขนคนรักที่โหนกแก้มช้ำจากหมัดของอรรณพ และมุมปากแตกจากหมัดของเขา เข้าไปในห้องครัว ร่างโปร่งเปิดตู้เหนือศีรษะตู้หนึ่งที่เก็บยาสามัญประจำบ้านแล้วหยิบเอาอุปกรณ์ทำแผลออกมา


“ห้องกูมีของพวกนี้ด้วยเหรอ” เจ้าของห้องที่แท้จริงอย่างเจตน์ตั้งคำถามอย่างคาดไม่ถึง


“ผมซื้อมาเก็บไว้เอง”


“อ้อ คิดว่ากูคงโดนชกแน่ล่ะสิ” ร่างสูงพึมพำแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่อยากสบตา ไม่อยากมองหน้าปกฉัตรเลย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคงจะดีไม่พอที่จะสู้ผู้ชายคนอื่นๆที่รายล้อมตัวคนคนนี้


“ปากอย่างนี้ ก็ไม่น่าจะผิดคาด” ปกฉัตรตอบเรียบๆ ดึงสำลีออกมาแตะเบาๆที่รอยช้ำบนโหนกแก้ม เห็นรอยฝกช้ำและแผลแตก แม้ใจจะโกรธแต่ก็อดห่วงไม่ได้


“...เจ็บรึเปล่า”


“ไม่เท่ากับที่มึงทำหรอก”


“ขอโทษ แต่ถ้าผมไม่ชก พี่คงโดนพี่เวฟชกอีกรอบ หน้าคงยับกว่านี้”


“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องที่มึงชก”


...หมายถึงเรื่องอื่น เรื่องอื่นที่มึงทำกับใจกู ทำกับความรักของกู ทำกับความรู้สึกของกู...


“กูดีไม่พอใช่มั้ยปก มึงอยากให้กูแก้ตรงไหน ทำไมไม่บอก”


...ทำไมต้องไปคบคนอื่น ทำไมต้องแอบไปคุยกับคนอื่น...


“พี่น่ะใจร้อน เอาแต่ใจ พูดอะไรก็ไม่ฟัง มองโลกด้านเดียว”


ดวงตาเรียวเหลือบกลับมามองอย่างคาดไม่ถึงว่าจะถูกกล่าวหาถึงขั้นนี้


“ถ้ากูเลวขนาดนั้น มึงก็ไปเถอะ”


ปกฉัตรถอนหายใจเบา มองสบเข้าไปในดวงตาคู่นั้นที่เคยเต็มไปด้วยความถือดี ทว่าบัดนี้มันกลับหมองหม่นและน้อยเนื้อต่ำใจ


“เห็นมั้ย ยังฟังไม่จบก็เถียงแล้ว”


“แล้วให้กูฟังมึงด่าข้อเสียกูอีกงั้นเหรอ”


...กูก็มีหัวใจนะ คนที่กูรักมายืนด่ากูอยู่ตรงหน้าแบบนี้ คิดว่ากูเจ็บไม่เป็นรึไง...


“ไม่ได้จะด่า แต่ผมจะบอกว่าผมรักพี่”


เจตน์ชะงัก ไม่คาดคิดว่าคำบอกรักจะมาในประโยคแบบนี้ เขาหันมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายอีก เพราะกลัวว่าจะใจอ่อนอีกรอบ แค่นี้ก็เจ็บมากพอแล้ว


“รักกู แต่มีคนอื่น”


“ไม่ฟังกันอีก” ปกฉัตรบ่น


“ก็จริงมั้ยล่ะ?! มึงคุยกับไอ้เท็ดอะไรนั่น!”


“แล้วพี่ดูที่ผมคุยมั้ย ผมคุยเรื่องงานเขา”


“มึงก็เคยคุยแล้วไม่ใช่เหรอ กับไอ้เชี่ยชินคราวก่อน...” คำพูดประโยคนี้แม้จะหงุดหงิด แต่ที่มากกว่าคือความน้อยใจ


เจตน์ไม่รู้ว่าตนเองมีความรู้สึกประเภทนี้ตั้งแต่เมื่อไร อาจจะตั้งแต่คบหากับปกฉัตร จากที่เคยคิดว่าตนเองเพียบพร้อมในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งให้คนรอบข้างได้ แต่กับปกฉัตร กลับรู้สึกว่าตนไร้ค่าและเป็นที่พึ่งให้ไม่ได้...คนรักของเขาไม่เคยปรึกษาเขา ไม่เคยเรียกร้องความช่วยเหลือใดๆ แม้กระทั่งปรึกษาเรื่องเส้นทางอาชีพในอนาคต ปกฉัตรไม่เคยพูด ไม่เคยเล่า ไม่เคยขอความเห็น



แต่เรื่องทั้งหมดนั่น กลับบอกคนอื่น


“พี่รู้ใช่ไหมว่าผมอยากเป็นทูต ถ้าเป็นทูตก็ต้องออกโพสต์ ต้องไปอยู่ที่อื่น แต่ผมอยากอยู่กับพี่ ผมต้องเริ่มคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิต ผมต้องหาคำตอบให้ตัวเองว่าอยากเป็นทูตเพราะอะไร อยากทำเป็นอาชีพ หรืออยากทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน ถ้าสุดท้ายผมตัดสินใจว่าไม่ต้องเป็นทูตก็ได้ ผมก็ต้องหาว่างานไหนบ้างที่จะทำให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมรู้ สิ่งที่ผมสนใจ”


ปกฉัตรเป็นคนเงียบๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาพูด เจตน์คนโผงผางก็ยังต้องเงียบเพื่อรับฟัง


“พี่เท็ดเขามีเครือข่ายกับพวกทำวิจัยประเด็นระหว่างประเทศ เขาให้ข้อมูลผมได้ ผมก็ต้องคุยกับเขา ถ้าสุดท้ายแล้วตัดสินใจจะหันไปทำงานวิจัยจริงๆ เขาช่วยผมได้ แต่พี่คิดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ คิดว่าทุกคนที่คุยกับผม จะต้องเป็นแฟนผมรึไง เมื่อกี้กับพี่เวฟก็เหมือนกัน พี่ปามือถือผมทิ้ง ผมไม่รู้จะตามตัวพี่ที่ไหน ไปหาพี่โซ่ที่คอนโดก็ไม่เจอ คนเดียวที่ผมรู้จักบ้านคือพี่เวฟ เลยไปขอให้เขาช่วย เขารู้จักคอนโดพี่โจ๊ก ก็เลยพาผมมา พี่เวฟเขาช่วยผมขนาดนี้ แต่พี่ก็ยังคิดว่าเขาเป็นแฟนผมงั้นเหรอ” 


เหมือนความอัดอั้นถูกระบายออกมาจนหมด ปกฉัตรพ่นลมหายใจหงุดหงิด แล้วหมุนตัวหันหลังหนีเพราะไม่อยากทะเลาะกันอีก ทว่า...ไม่ทันจะเดินหนี ร่างของเขาทั้งร่างก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง


“กูขอโทษ”


เป็นคำขอโทษจากผู้ชายที่ไม่เคยมองเห็นความผิดของตัวเอง แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ เจ็บเพราะเจตน์รู้ว่าเขาพลาดมากแค่ไหนที่ทำให้คนที่รักเขามากขนาดนี้ต้องเจ็บปวด และความเจ็บปวดนั้นไม่ได้อยู่แค่ปกฉัตรแต่มันแผ่มาถึงเขาด้วย


“กูขอโทษ กูผิดเอง หลังๆมานี่กูได้ยินแต่คนชมมึง เห็นแต่คนมองมึง กูหวง กูกลัวมึงจะทิ้งกูไปหาคนอื่นที่ดีกว่า”


“คิดว่าผมโลเลขนาดนั้นเลยรึไง”


“เปล่า แต่มึงมีตัวเลือกในชีวิตอีกเยอะ กูรู้ว่ากูดีไม่พอสำหรับมึง”


ปกฉัตรหันกลับไปมองเจ้าของเสียงพูดที่ไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด เจตน์ที่เคยอกผายไหล่ผึ่ง มาวันนี้กลับตัวหดลีบ


“ผมไม่ได้อยากได้คนที่ดีพอ พี่ไม่ต้องดีมากไปกว่านี้ แต่ขอแค่ฟังผมบ้าง...ผมรักพี่ ผมอยากอยู่กับพี่ อยากเป็นคนที่ทำให้พี่ภูมิใจ ไม่อยากให้พี่อายใครเวลาพี่บอกคนอื่นว่าผมเป็นอะไรกับพี่”


ปกฉัตรมั่นคงกับความรู้สึกมากแค่ไหนก็ดูเอาจากที่เขาพยายามตระเตรียมชีวิตของตนเองล่วงหน้า หนึ่งปี หรือสองปีหลังจากนี้ไม่ใช่เวลายาวนานเลย อีกไม่นานเขาจะเรียนจบ และเขาอยากเป็นคนที่เทียบเท่ากับเจตน์ ต่อให้จะไม่สามารถบอกคนทั้งสังคมว่าพวกเขาคบหากันในสถานะใด แต่ยามใดที่เจตน์แนะนำเขาให้ใครรู้จัก อย่างน้อยในฐานะ ‘น้องคนสนิท’ หรือ ‘น้องคนสำคัญ’ ก็ต้องไม่เป็น ‘น้อง’ ที่ลอยชาย


ต่อให้ไม่อาจทัดเทียมกันอย่างออกหน้าออกตา แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะต้องไม่ถูกมองต่ำ เพราะปัจจัยฐานะทางสังคมของปกฉัตร


เจตน์มองลึกเข้าไปในดวงตาสีจาง น้อยครั้งที่ปกฉัตรจะบอกความรู้สึกเป็นคำพูด แต่...ดวงตาคู่นี้บอกสิ่งเหล่านี้ให้เขารับรู้ตลอดมา ยิ่งเห็น ยิ่งรับรู้ ก็ยิ่งโทษตัวเอง เขาต่างหากที่ไม่เคยเข็ด ครั้งที่แล้วก็หนหนึ่งที่ไม่ไว้ใจ ทั้งๆที่ปกฉัตรไม่เคยเปลี่ยนไปเลย


รู้สึกอย่างไรก้รู้สึกอย่างนั้น รักอย่างไรก็รักอย่างนั้น มั่นคงอย่างไรก็มั่นคงอย่างนั้น


“ขอโทษ...” หนุ่มตาเรียวได้แต่พูดเสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดประเดประดังจนหน้าสลด


ท่าทางของเขาทั้งหงอยทั้งน่าสงสารจนปกฉัตรต้องเป็นฝ่ายขยับเข้าหา สองมือประคองแก้มของร่างสูงเอาไว้ แล้วแนบริมฝีปากกับริมฝีปากของเจตน์เบาๆ ก่อนจะผละออกห่าง มอบรอยยิ้มจางที่ชวนให้หัวใจคนมองหวั่นไหว จนเจตน์ยังต้องอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแผ่ว


“ยกโทษให้กูนะ”


“สัญญากับผมก่อน ต่อไป ถ้ามีอะไรจะถาม อย่าเพิ่งโมโหแบบนี้”


“กูสัญญา...กูจะไว้ใจมึง จะเชื่อใจมึง กูจะไม่เอาแต่อารมณ์” ถึงจะฟังดูยากสำหรับคนใจร้อนเอาแต่ใจ แต่ปกฉัตรก็พร้อมจะให้โอกาสกับคนที่เขารัก เมื่อต่างคนต่างมีรอยยิ้มให้แก่กัน บรรยากาศรอบตัวที่เคยขมึงเกลียวก็พลอยผ่อนคลายลง อ้อมแขนที่โอบกอดก็เริ่มแนบชิด ใบหน้าเคลื่อนเข้าหา เคลียปลายจมูกกันและกันอย่างออดอ้อนอ่อนหวาน แล้วชวนให้อารมณ์หวามค่อยๆถูกจุดขึ้นในใจ


“ตรงนี้ได้มั้ย” คำถามที่ไม่เคยถาม แต่ไม่รู้วันนี้เจตน์เป็นอะไรถึงขออนุญาตกันก่อน ปกฉัตรหัวเราะเบา สองมือที่ยังประคองใบหน้าคนรัก เกลี่ยปลายนิ้วกับแก้มอย่างแผ่วเบา


“ใช่พี่ตัวจริงรึเปล่า”


“ทำไม อย่างกูมีหลายคนรึไง อย่าหวังเลย มึงน่ะผัวเดียวไปจนตาย โอ๊ย!”


โทษฐานกลับมาพูดเรื่องเดิม ปกฉัตรเลยกดนิ้วลงบนรอยช้ำที่ใบหน้าหล่อๆนั่นไปที


“ถ้ายังไม่หยุดพูดเรื่องนี้อีกนะ”


“มึงจะทำอะไรกู” เจตน์คนเดิม ที่ทั้งเอาเรื่องทั้งเอาแต่ใจกลับมาแล้ว แถมยังดันคนร่างโปร่งให้ถอยหลังไปชิดเคาน์เตอร์ครัวอีกต่างหาก


ปกฉัตรเอี้ยวมองไปด้านหลัง แต่เขาขยับไม่ได้อีกแล้ว ข้างหน้าก็มีร่างสูงใหญ่ขยับชิดมากขึ้นทุกที


“ปล่อยก่อน ผมยืนไม่ได้”


“กูไม่ได้จะให้มึงยืน” ไม่พูดอย่างเดียว แต่มือใหญ่สองข้างรวบเข้าที่เอวของคนตรงหน้าแล้วยกขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ครัว ปกฉัตรไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกจู่โจมปิดริมฝีปากไปแล้วเรียบร้อย


รสจูบของเจตน์นั้นไม่อ่อนโยน ดุเดือด รุนแรงและโหยหา เหมือนอีกฝ่ายพร้อมจะสูบวิญญาณปกฉัตรให้ออกจากร่างทุกเมื่อ แต่น่าแปลก ทั้งที่น่าจะผลักไส แต่ปกฉัตรกลับหยัดใบหน้าขึ้นรับสัมผัสนั้น พาดสองแขนไปโอบรอบคอรั้งอีกฝ่ายให้แนบชิดกัน 


เสื้อผ้าที่ขวางกั้น ในไม่ช้าก็ถูกมือใหญ่ฉุดกระชากออก อกเปลือยแนบสัมผัสและถูไถกันและกันยามที่บทจูบยังดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น


“อื้อ...ฮ้า” ริมฝีปากที่ถูกบดขยี้จนแดงช้ำเผยอรับอากาศเมื่อถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ แต่อึดใจต่อมาร่างกายก็ถูกรุกรานด้วยริมฝีปากจนหายใจไม่สะดวกอีกครั้ง คราวนี้เจตน์บดเบียดริมฝีปากของเขาลงกับซอกคอขาว ดูดเม้มจนพอใจก็ลงมาที่อก ในขณะที่สองมือวุ่นวายอยู่กับการถอดกางเกงคนรัก


“พี่...อื้อ...ไม่ใส่เข้าไปนะ” ปากห้าม แต่พอมือใหญ่พยายามดึงกางเกงออกจากร่าง ปกฉัตรกลับยกสะโพกให้ความร่วมมืออย่างดี ในที่สุดร่างผอมโปร่งก็เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวที่ปลดกระดุมจนหมด


“ไม่ใส่แล้วจะเสร็จได้ไง” เจตน์พูดแล้วแสยะยิ้ม เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักหนึ่งของเคาน์เตอร์ครัวแล้วหยิบถุงยางออกมา ปกฉัตรถึงกับตาโตทุบอั่กเข้าที่บ่าแข็ง


“เดี๋ยวนี้เก็บเอาไว้ในครัวด้วยเหรอ?!”


“ทีมึงยังเก็บยาแบบที่กูไม่รู้ได้เลย กูก็ต้องทำได้บ้างสิ”


“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ...อ๊ะ...พี่...เดี๋ยว...อื้อ” ปกฉัตรท้วงแต่ไม่มีผล อีกฝ่ายเร้าอารมณ์เขาด้วยฝ่ามือใหญ่ร้อนนั่นจนต้องเบียดสองขาแนบชิดเพราะอารมณ์หวามที่เริ่มพุ่งพล่าน เสียงครางแผ่วดังอยู่ในห้องครัวก่อนจะเงียบไปแล้วกลายเป็นเสียงครางอย่างอึดอัดแทนเมื่อเจตน์พาร่างกายของตัวเองดำดิ่งเข้าสู่ความคับแคบที่โหยหา


“อ่า...ดี...”


“อื้อ...ท่านี้มัน...อ๊ะ” ปกฉัตรแทบหน้าหงาย สองขาถูกยกขึ้นชันเข่าเปิดทางกว้างให้อีกฝ่ายเดินทางอย่างสะดวก แต่ต่อให้แม้สะดวกแค่ไหน ก็ยังทรมานจนหน้าเหยเกทุกที


เจตน์จับปลายคางคนตรงหน้าให้หันมาประสานสายตากับเขา นัยน์ตาสีอ่อนนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่มีให้ แต่เขากลับมองข้ามมันไป เอาแต่วิ่งตามหึงหวงคนนั้นทีคนนี้ที ทั้งๆที่...ปกฉัตรรักเขาคนเดียว


“พี่ขอโทษ...” อีกครั้งของผู้ชายแข็งกระด้าง แต่เป็นอีกครั้งที่แสนสุภาพ บอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้พร้อมเปลี่ยนแปลงตัวให้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ปกฉัตรที่อยากเป็นที่ภาคภูมิใจของเจตน์ แต่เจตน์เองก็อยากจะเคียงข้างเป็นที่เชิดหน้าชูตาของปกฉัตรเช่นกัน


ใบหน้าของร่างโปร่งแดงเรื่อเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรัก ความต้องการ ความอึดอัดและความเจ็บปวดยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มที่บอกทุกอย่าง


รอยยิ้มที่มอบให้กับคนที่รัก


รอยยิ้มที่มอบให้กับคนรักที่ผิดพลาด


รอยยิ้มที่มอบให้กับความเจ็บปวดที่ผ่านมา


รอยยิ้ม...ที่มีเพื่อให้อภัย


“พี่รักปก”


“ผมก็เหมือนกัน”


เป็นการบอกรักที่วาบหวามและทำให้หัวใจเสียวซ่าน บทรักของเจตน์มักจะหนักหน่วงและรุนแรงแต่คราวนี้มันเนิบนาบราวกับจะขอโทษ ปกฉัตรพบว่าอีกฝ่ายทำให้เขาแทบขาดใจตายกับความนุ่มนวลที่มอบให้ แต่ถึงอย่างนั้นก็โหยหาความดิบหยาบที่คุ้นเคย


“พ...พี่...” เม็ดเหงื่อซ่านกระเซ็น เนื้อตัวร้อนระอุ แต่ปกฉัตรกลับรั้งคออีกฝ่ายให้เข้าใกล้แล้วกระซิบแผ่วที่ข้างหู เบื้องล่างของพวกเขายังไหวโยกตามแรงขยับ เสียงครางเครือจึงยังดังไม่ขาดสาย


“พี่...แรง...แรงกว่านี้ก็ได้...”


“ถ้าลุกไม่ขึ้นอย่าบ่นนะ”


นัยน์ตาสีจางคู่นั้นหวานฉ่ำยามมองสบกับดวงตาเรียวของเจตน์ รอยยิ้มจางปรากฏบนหน้าใบหน้าอีกครั้ง


“ไม่บ่นก็ได้ อื้อ”


………………….

   ‘น้องปก ตื่นรึยัง’


   ‘พรุ่งนี้ พี่จะแวะไปคณะ เผื่อน้องปกอยู่ มากินข้าวด้วยกันนะ’


   ‘น้องปกสนใจเรื่อง migrant ไหม อยากมาฟังสัมมนารึเปล่า เดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดงานให้ ถ้ามา พี่จะได้จะแนะนำให้รู้จักน้องอีกคนที่อยู่ทีมวิจัยอีกทีมด้วย’


    สามข้อความรับอรุณ


   เจตน์เปิดหน้าจอห้องสนทนาของปกฉัตรและ ‘ไอ้เท็ด’ ค้างเอาไว้ชนิดที่อีกฝ่ายส่งอะไรมา เขาได้อ่านแบบเรียลไทม์ แต่...ไม่ตอบ


   ‘น้องปกลองอ่านดูก่อนก็ได้นะ ถ้าจะมาก็บอกได้เลย’


   ข้อความที่สี่ปรากฏหลังจากผ่านไปห้านาทีแบบที่ ‘น้องปก’ ที่ฝ่ายนั้นเข้าใจ หรือในความเป็นจริงคือเจตน์ ไม่ยอมตอบอะไรเลย


   หนุ่มตี๋ตาเรียวแห่งตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์ยกยิ้มร้าย ก้มลงมองคนที่ยังนอนซุกอยู่ข้างกายเขาแล้วก็นึกวิธีการตอบที่ดีที่สุดขึ้นมาได้


   ‘กันไว้เลย 2 ที่’ ในเมื่อปกฉัตรสนใจเรื่องพวกนี้ ในฐานะ ‘แฟนประเสริฐ’ อย่างเจตน์ก็มีแต่จะต้องสนับสนุนอย่างสุดตัวเท่านั้น อีกทั้งมารยาทดีๆอาม่าก็สอนสั่ง ใครคุยดีกับเรา เราต้องคุยดีตอบ เจตน์ก็เลยตอบอย่างเป็นผู้เป็นคนที่สุด


แต่...ชายหนุ่มพลิกตัวกกร่างคนรักเอาไว้ในอ้อมกอด เรียกได้ว่าเอาตัวพาดจนแทบมิด จากนั้นก็ยื่นแขนข้างหนึ่งออกไปกลางอากาศแล้วเปิดกล้องหน้า


   ...เซลฟี่...


   หน้าหล่อๆของตี๋ตระกูลตั้งยิ้มจางแต่ตาจิก มองเผินๆเหมือนเซลฟี่รูปคนเดียว แต่ถ้าสังเกตก็เห็นได้ไม่ยากว่ามีใครอีกคนนอนซุกอกอยู่


   แล้วรับประกันล้านเปอร์เซ็นว่าไอ้เท็ดอะไรนั่นต้องซูมรูปดูแน่


   เจตน์จิ้มโทรศัพท์อีก 2-3 ที รูปเซลฟี่เมื่อครู่ก็ถูกส่งเข้าไปในห้องแชทของปกฉัตรและ ‘ไอ้เท็ด’ รูปภาพถูกเปิดดูภายในไม่กี่วินาที ก่อนที่ห้องแชทจะเงียบกริบไร้การตอบกลับราวกับอีกฝ่ายตาย


   หนุ่มตี๋หัวเราะหึอย่างสะใจ พิมพ์ข้อความตบท้าย


   ‘กูไปกับมัน’


   ข้อความถูกอ่าน และเป็นอีกครั้งที่เงียบฉี่ไม่มีอะไรตอบกลับมา เจตน์ไม่ใช่คนอดทน ไม่คิดจะรอการตอบสนองอยู่แล้ว พอข้อความนี้ถูกอ่าน เขาก็รัวนิ้วส่งข้อความต่ออีกประโยค


   ‘แล้วก็เลิกจีบไอ้ปกสักที มันเป็นแฟนกู’


   ไม่รอดูฟีดแบ็ก ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความนี้ของเขาหรือไม่ ส่งข้อความไปแล้วก็สบายใจปิดหน้าจอ โยนโทรศัพท์มือถือของปกฉัตรลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วพลิกตัวกลับไปนอนต่อ คนที่ถูกเขากกจนอุณหภูมิของร่างสูงใหญ่ช่วยทำให้อุ่นสบาย เมื่ออีกฝ่ายกลับไปนอนข้างกายตามเดิมเลยต้องขยับตัวซุกเข้าหามากขึ้นตามสัญชาตญาน เจตน์เหลือบมองคนรักที่ยังอยู่ในห้วงนิทรา ก่อนจะยิ้มจางแล้วพลิกตัวโอบกอดให้ความอบอุ่นกับร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าห่มหนาผืนเดียว


   “กูภูมิใจในตัวมึงนะปก แล้วกูจะทำให้มึงต้องภูมิใจในตัวกูเหมือนกัน”


   เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์ตั้งใจมั่นว่าจะปรับปรุงตัวเป็นยิ่งกว่าแฟนประเสริฐให้ได้ รับรองว่านับจากนี้ปกฉัตรจะต้องหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งที่ได้แฟนดีๆแบบนี้


   ‘ใจร้อน เอาแต่ใจ พูดอะไรก็ไม่ฟัง มองโลกด้านเดียว’


   …เพิ่มเติมคือรักปกคนเดียวและ ‘พี่’ พร้อมเปิดตัว!!...


   FIN

   สวัสดีวันพฤหัสค่ะ (หมายถึงวันที่บัวลง ยังเป็นวันพฤหัสนะ ฮ่าฮ่า)
   
สารภาพบาปเลยแล้วกันค่ะ ว่านอกจากเรียนโท ทำงาน เขียนนิยายแล้ว ตอนนี้ก็ติ่งด้วย

ชีวิตบันเทิงกับการจัดสรรเวลามาก ก็เลยเขียนเรื่องใหม่ได้ช้ามากๆ เดือนหน้าก็คาดว่าน่าจะต้องลงตอนพิเศษอีกนะคะ (แต่เดือนหน้าจะเป็นตอนพิเศษยาวที่น่าจะต้องแบ่งลง 2 ตอน)

ส่วนเรื่องใหม่ รอหน่อยนะคะ จะพยายามเอามาลงให้ทันปีนี้ค่ะ

สำหรับตอนพิเศษนี้ เฮียเจ๋งกับน้องปกเป็นคู่รักสามวันดีสี่วันไข้จริงๆค่ะ เพราะคาแรกเตอร์ทั้งคู่สวนทางกันมากๆ แต่เฮียบอกแล้ว เฮียจะเป็นแฟนที่ยิ่งกว่าแฟนประเสริฐให้ได้ เฮียจะเติบโตไปเป็นผู้ชายที่น้องปกภาคภูมิใจ เพราะฉะนั้น เป็นกำลังใจให้เฮียด้วยนะคะ

ส่วนเอ็กตร้าตอนต้นทั้งโจ๊ก ปกครอง โซ่ ไออาร์ และพี่เวฟบุรุษผู้มากบารมี หวังว่าคนอ่านจะคิดถึงพวกเขาบ้างนะคะ ถ้ามีตอนพิเศษวาระซ่อนเร้น จะเอามาลงแน่นอนค่ะ

เจอกันเดือนหน้ากับตอนพิเศษเรื่องไหนสักเรื่อง

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ กำลังใจและทุกความคิดถึง ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 29-08-2019 23:25:04
โอ้ยยยย ใจร้อน ปากเร็ว ขี้โมโห โวยวาย คงเส้นคงวาจริงๆเลยยยยยยยยยยยยยยยยย

เอ็นดูน้องปก ยังคงเป็นน้ำเย็นตลอด แต่วันนี้ร้ำเย็นไม่ใช้ลูบอย่างเดียว ใช้สาดด้วย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 29-08-2019 23:28:46
สองลูกพี่ลูกน้องนี้เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ 555555555 วิธีจัดการแบบเดียวกับที่โจ๊ก จัดการ เพื่อนโคตรดี ของโซ่ เป๊ะ!!!! เพชรลมหึงแรงมาก 555555555  :z1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 29-08-2019 23:38:39
พี่เวฟเจ๋งสุดละ 555
อุตส่าห์ต่อยเรียกสติแล้วยังไม่หยุด เลยโดนน้องซ้ำซะเลย...นี่สมน้ำหน้าเฮียเจ๋งล้วนๆ อะ

คู่รักคู่นั้นคงต้องทำใจ มีน้องวนเวียนเข้าคอนโดเวลาทะเลาะกันไปอีกนาน 555

คิดถึงทุกตัวละครเลยแฮะ งวดหน้าจะมาเจอกับใครหนอ ^^
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 30-08-2019 08:46:39
รอตอนพิเศษ+รอเรื่องใหม่จ้า :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 30-08-2019 08:53:15
โดนไป 2 หมัดฟื้นคืนสติ 555+ ผีบ้าผีบอจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 30-08-2019 09:44:54
ตอนพี่ด่านี่คือร้องตามแล้วอะ

พอโดนต่อย อืม สม

ยังคิดถึงเสมอครับ :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 30-08-2019 10:27:03
คิดถึงโจ๊ก ปกครองมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 30-08-2019 10:30:30
แหมะคนพี่ก็อวยตัวเอง คนน้องก็ใจร้อน แหมะ

ดันได้แฟนดี หึหึ

หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-08-2019 11:58:07
เจตน์อารมณ์ร้อนยิ่งกว่าพี่โจ๊กอีก   :hao4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 30-08-2019 12:17:03
อิพี่มันร้าย  :m20:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-08-2019 13:12:51
 o13 o13 o13​... มีกี่นิ้วก็จะยกให้ค่ะ​ แฟนประเสริฐ​มากๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-08-2019 14:23:47
พี่น้องแซ่ตั้งบ้าๆบอๆจริงๆ
หมั่นไส้แฟนประเสริฐ พ่อคุณเอ๊ยยย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-08-2019 14:46:46
เจ๋งก็ยังเป็นเจ๋งนะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-08-2019 15:27:22
 :katai1: เอางี้เลย  เปิดตัวชัดเจนมาก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-08-2019 18:01:29
ชอบหนุ่มตระกูลตั้ง 555555555555555​เหมือนเป็นแรร์ไอเทม แบบนิสัยนี้ ลักษณะนี้ มีแค่ตระกูลนี้เท่านั้น
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: thebrownbear ที่ 30-08-2019 19:53:45
คิดถึงพี่โซ่ค่า ตอนนี้มาแบบรุนแรงแซ่บๆ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-08-2019 20:18:11
ยังแสบอยู่
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 30-08-2019 20:48:32
โอ๊ยยยยยยยยพี่โซ่ของน้องงงงงง กินขาดทุกซีน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 30-08-2019 21:37:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 30-08-2019 23:05:20
 โอ๊ยย  ดีใจมากๆๆๆ กดเข้ามาอ่าน เจอตอนพิเศษ 2 ตอน จุกๆ 
ตอน’วันเกิด’ ทำเอาเราซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก และเลือดกระฉูดไปกับความร้อนแรง
ตอน’แฟนประเสริฐ’ ทำให้เราช่วยลุ้น และรู้สึกอยากเฝ้ามองการเติบโตด้านความรักของทั้งสองคนต่อไปเรื่อยๆเลยค่ะ
สุดท้าย..รอตอนพิเศษ ตอนต่อไปอยู่นะคะ ทั้งเรื่องนี้และ พี่เจ๋ง/โซ่/พี่เวฟ ด้วยค่าา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 31-08-2019 07:57:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 31-08-2019 10:03:49
มีแฟนแบบพี่เจ๋ง เราชอบออก มันเหมือนเขาให้ความสำคัญกับเราคนเดียว ยิ้มให้เราคนเดียว อาจจะหึงแรงอ้อนหน่อยเขาก็ยอมรับฟังแล้ว น่ารักจะตาย ถ้ามีแฟนแบบใครมาคุยด้วยแล้วต้องรักษามารยาท ปวดหัวตายเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: LOVEJUICE ที่ 31-08-2019 12:41:30
 :katai2-1:ชอบความรักของสองคนนี้มาก มันดูเกินๆแต่จริงจังไม่มีใครเกิน
เรื่องสามวันดี สี่วันไข้นั้นต้องยกให้จริงๆ ก็เขารักของเขามาก
เรื่องหึงแล้วเปิดเผยยกให้เฮียแกเถอะ ปกไม่หนีเฮียไปไหนหรอกเขารักของเขามาก
เป็นกำลังใจให้เฮียต่อไป รออ่านตอนพิเศษต่อไปนะจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 31-08-2019 13:53:54
ใจร้อน เอาแต่ใจ พูดอะไรก็ไม่ฟัง มองโลกด้านเดียว’


   …เพิ่มเติมคือรักปกคนเดียวและ ‘พี่’ พร้อมเปิดตัว!!... จ้าาา ยกให้พี่น้องคู่นี้ พ่อคุณอ้ยย ถอดกันมาเป๊ะๆ ทั้งรักทั้งหวงเมียสุดหัวใจ เจอเข้าสองหมัด โดยเฉพาะหมัดของเมีย หมีหงอย  :laugh:

พี่โซ่ขา พี่โซ่ของน้อง~ เลิฟๆ  :-[ คิดถึงงงง คิดถึงทุกคนเลยยย

โง้ยยย ดีใจ มีความสุขทุกครั้งได้เป็นส่วนนึงในความรักของพวกเขา ขอบคุณนะคะ ขอบคุณตัวเท่าวาฬชุบแป้งทอดเลยย
รอเรื่องใหม่และตอนพิเศษ เรื่องต่อไปนะคะ กอดดดดดดดดด  :กอด1:



หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-08-2019 20:03:57
พี่เวฟที่หนึ่งเลย o13
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 02-09-2019 14:27:12
มึนทั้งพี่ทั้งน้องเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 03-09-2019 00:45:11
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:


โอ๊ยยยยย....
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-09-2019 14:42:30
ใจเย็นหน่อยอีพี่    :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 03-09-2019 23:54:09
ขอบคุณที่มา update คนตระกูลตั้ง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-09-2019 00:10:21
ขี้หึงจริงๆ พ่อเอ๊บ บางทีก็สงสารปก 555
แฟนที่ประเสริฐ ทำมไตลก หายหงุดหงิดให้ได้ก่อนจ้า

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 05-09-2019 20:58:47
คิดถึงวาระซ่อนเร้น
อยากให้มีตอนพิเศษบ้าง
แต่ก็มาให้หายคิดถึงในเรื่องนี้
ชอบคนทั้งตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์มาก
โดดเด่นทุกเรื่องเลย
รออ่านตอนพิเศษของเรื่องอื่นๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 06-09-2019 07:31:20
กลับมาอ่านอีกรอบวนซ้ำก็ยังสนุกตามอ่านทุกตอนเหมือนเริ่มอ่านครั้งแรก ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆที่แต่งมานะคะ เราชอบทุกเรื่องที่คุณเขียนเลย บางเรื่องก็อินจนน้ำตาซึมตาม 5555
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 11-09-2019 13:25:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 11-09-2019 21:48:13
ถ้าเขาไม่ได้จีบปกเลยนี่คือเจตน์เหมือนคนขี้อวดไปเลยนะ
ไอ้ที่เซลฟี่ตอนน้องหลับแล้วส่งให้เขาแบบนี้ ปกเอ้ยยย พี่เจตน์นะมันร้าย

....
รอตอนพิเศษเรื่องถัดๆ ไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-09-2019 15:38:45
 :3123:
 :กอด1:
วนมาอ่านซ้ำอีกรอบ ก็ยังสนุกค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-11-2019 00:54:15
พี่เจ๋งร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: meawwja ที่ 03-11-2019 10:41:49
โอ๊ยยย ไอ้เฮียนิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-11-2019 13:00:31
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

เพิ่งได้ตามเข้ามาอ่าน แต่ก็หลงรักน้องปก นางไม่อ่อนเกินไปแต่ก็ไม่แข็งกระด่าง
กำลังพอดีอะ เหมาะกับเฮีย ชอบเรื่องนี้น่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-11-2019 22:10:34
ทำเป็นคนหัวร้อนไปได้ ยังไงปกก็ชนะอยู่ดี

ปล.พี่เวฟควรจะมีพาร์ทของตัวเองนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 20-11-2019 17:06:04
สนุกๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: tweetpuen ที่ 14-02-2020 02:09:49
จะมีตอนพิเศษอีกไหมน้า

Sent from my SM-N950F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Malibu ที่ 19-02-2020 22:05:19
คิดถึงการอ่อยของน้องปก เข้ามาอ่านรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้55
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 14-04-2020 17:34:42
พระเอกนี่หัวร้อนเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 07:50:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: FordFy ที่ 26-07-2020 09:31:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-08-2020 07:16:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Ploybudz ที่ 07-08-2020 00:01:00
วันเกิดน้องหรือวันเกิดพี่  :-[
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน แฟนประเสริฐ (29 ส.ค. 2562) หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 03-11-2020 21:04:58
เฮียเจ๋ง  คือ แม่งเจ๋งจริง  อิอิ
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-11-2020 23:38:56
ผลประโยชน์ทับซ้อน
BY: Dezair
………….
ตอนพิเศษ เมา


   ในปีหนึ่งๆ มีวันฤกษ์ดีมากมาย แต่จะมีอยู่วันหนึ่งที่โหรทุกสำนักฟันธงว่านี่คือวันที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี หากคิดจะจัดงานบุญ งานกุศล จะซื้อบ้าน ออกรถ เปิดร้าน ออกบวช ลาสึก หมั้นเช้า แต่งเย็น กิจกรรมใดๆที่อยากจะพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น ก็ควรจะลงมือในวันนี้!


   ผลคืองานใดๆก็ล้วนมาลงที่ ‘วันฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี’ เจ้าภาพก็ปวดหัวเพราะแย่งตัวแขกกันจ้าละหวั่น แขกก็ปวดหัวเพราะแบ่งร่างไปทุกงานไม่ได้ ต้องเลือกงานอยากไปที่สุด สำคัญสุด สนิทกับเจ้าภาพที่สุด


แต่...แขกบางคนไม่ได้อยากไปสักงาน แต่กลับมีงานสำคัญหลายงาน แถมสนิทกับเจ้าภาพทุกงาน ไม่ไปไม่ได้เลยสักงาน!!


   “เฮียจะเปิดร้านวันเสาร์สิ้นเดือนนี้?!” เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์หันไปร้องถามญาติผู้พี่ที่นั่งกินขนมอยู่ใกล้ๆ


   ชายหนุ่มหน้าตี๋พิมพ์เดียวกันนามว่า ชเยนตร์  ตั้งกาญจนพาณิชย์ พยักหน้าหงึกหงัก


   “ใช่แล้ว เสาร์สิ้นเดือนนี้เลย!” ดอกเตอร์หนุ่มอนาคตไกลแถมยังไฟแรงแปลบปลาบ กลับมาเมืองไทยได้ไม่นานก็ซื้อแฟรนไชน์จากต่างประเทศมาลงทุนทำตลาดในแผ่นดินมาตุภูมิทันที!


แล้วเปิดร้านทั้งที จะแกรนด์โอเพนนิ่งอย่างเงียบๆ ชเยนตร์ก็บอกว่า  ‘คุณยายไม่ยอม’ เลยต้องจัดงานเปิดร้านอย่างอลังการ อลังไม่พอ จำเพาะเจาะจงต้องเปิดกิจการในวันมหาฤกษ์ให้ได้ด้วย!


   “ทำไมเฮียรีบเปิดจังวะ”


   “รีบเปิดอะไร ทุกอย่างพร้อม ก็ต้องเปิดสิ แล้วเสาร์สิ้นเดือนนี้ฤกษ์ดีสุดด้วยนะ”


   เรื่องนั้นเจตน์รู้ เพราะเสาร์สิ้นเดือนนี้ รุ่นพี่ของเขาคนหนึ่งก็จัดงานแต่ง และเขารับนัดไปแล้ว


   “วันนั้นผมต้องไปงานแต่ง” เขาหันไปพูดกับญาติผู้พี่


   “แต่งเย็นไม่ใช่เหรอ เฮียเปิดร้านตอนเช้า เก้าโมงเก้านาที เวลาดี คุณยายดูฤกษ์มาให้แล้ว” ชเยนตร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่เจตน์ไม่ยิ้มไปด้วยแม้แต่นิด แถมยังหน้านิ่วคิ้วขมวด เม้มปากแน่น


...ถูก! ต่อให้งานแต่งมีทั้งวัน แต่เขาก็รับปากว่าจะไปแค่ตอนเย็น ส่วนก่อนหน้านั้นน่ะหรือ?...


...เขาก็ต้องอยู่กับไอ้ปกน่ะสิ!! วันไหนฤกษ์ดีเขาไม่รู้หรอก ที่รู้คือวันเสาร์เป็นวันของเขากับคนรักต่างหาก!!...


แต่...ขืนพูดเรื่องนี้ออกไป เกิดชเยนตร์เอาไปฟ้องอาม่า อาม่าจะมองปกฉัตรไม่ดีไปด้วย เพราะงั้น ถึงเหตุผลนี้จะสำคัญแค่ไหนก็พูดไม่ได้เด็ดขาด!!


เจตน์นิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วก็นึกเหตุผลดีๆออก


   “เฮ้ย! แต่วันนั้นวันเกิดโซ้ยเจ็กไม่ใช่เหรอเฮีย ถ้าเปิดร้านวันนั้น แล้ววันเกิดเจ็กเอาไง”


   ทั้งๆที่คิดว่าชเยนตร์จะต้องเพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน แต่รายนั้นกลับยิ้มกว้างกว่าเดิม แถมโบกมือไปมา


   “ไม่ต้องห่วง! เฮียคุยแล้ว เฮียเปิดร้านตอนเช้า แล้วไปกินเลี้ยงกันที่โรงแรม เจ็กก็เลยจะจัดปาร์ตี้ต่อที่โรงแรมเลย”


   ...ไม่ได้ห่วงเฮีย แต่ห่วงว่าจะไม่ได้อยู่กับไอ้ปกต่างหากล่ะเฮีย!!...


   เจตน์ขยี้ผมอย่างหงุดหงิด


...แม่งเอ๊ย! วันฤกษ์ดีเชี่ยไร กูยุ่งฉิบหายขนาดนี้!...


...เช้าต้องไปงานเฮียชุน กลางวันไปงานวันเกิดเจ็ก เย็นไปงานแต่งรุ่นพี่ แล้วเวลาไหนให้กูได้อยู่กับไอ้ปก?!!!...


   “เฮียเปิดร้านวันอื่นไม่ได้รึไง?!” คนที่รู้ตัวว่าจะต้องวิ่งรอกหลายงานเริ่มพาล แต่ชเยนตร์ไม่ถือสาหน้าตาบูดบึ้งของญาติผู้น้องคนนี้ เพราะรู้เช่นเห็นชาติกันมาแต่เด็ก


   “ไม่ได้ คุณยายให้ซินแสดูให้แล้ว บอกว่าวันนี้ฤกษ์ดีสุด”


   “ยายของเฮียเป็นคนไทยไม่ใช่เหรอ เชื่ออะไรกับซินแสวะ” เจตน์พาลไปถึง ‘คุณยาย’ ของชเยนตร์


   เจ้าของกิจการที่จะจัดงานแกรนด์โอเพนนิ่งตามฤกษ์ของซินแสถึงกับหัวเราะ 


   “ก็คนไทยนั่นแหละ แต่อะไรที่ทำแล้วได้ประโยชน์ คุณยายไม่ถือ” ชเยนตร์ไม่ได้คิดจะนินทา แต่เรื่องของ ‘คุณยาย’ ที่ชื่อ กอบกุล  วงศ์กีรติ นี้ใครๆก็รู้นิสัยใจคอแกดี สิ่งใดที่เรียกว่าผลประโยชน์ ต่อให้วันนี้ไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง แต่ถ้าวันหน้าดูทรงแล้วว่าจะได้ แกกวาดเรียบหมด


“...แล้วอีกอย่าง วันนั้นก็วันเกิดโซ้ยเจ็ก ตอนเช้าเปิดร้านของเฮีย ตอนบ่ายกินเลี้ยงวันเกิดต่อ จองโรงแรมทีเดียว ได้ถึงสองงานไง!” ชเยนตร์ยังคงพรรณนาถึงความดีงามของการจัด 2 งานในวันเดียวกัน ในขณะที่เจตน์ต้องพ่นลมหายใจ พยายามข่มอารมณ์ตามประสา ‘คนโตๆแล้ว’ แล้วลองเจรจาอีกหน


“แต่ตอนเย็น ผมต้องไปงานแต่งรุ่นพี่ที่รู้จักอีกนะเฮีย”


   “ก็ไปสิ งานเลี้ยงวันเกิดเจ็ก เลิกไม่เย็นอยู่แล้ว”


   ชเยนตร์ไม่มีเปลี่ยนใจสักนิด ญาติผู้น้องเลยข่มอารมณ์แบบ ‘คนโตๆแล้ว’ ไม่ไหว


   “ผมหมายถึงว่าทั้งวันจะไม่ได้อยู่กับเมียผมต่างหาก!”


   คราวนี้ญาติผู้พี่หัวเราะอย่างคนไม่คิดมาก แถมแนะนำเหมือนเป็นเรื่องง่าย


   “จะยากอะไร ก็พามางานด้วยสิ”


   เจตน์ได้ยินแล้วก็ถึงกับชะงัก เหมือนเห็นแสงสว่างวาบที่ปลายอุโมงค์


   ...เออ! จริงว่ะ! ในเมื่ออยู่กันเงียบๆสองต่อสองไม่ได้ ก็พามันตะลุยไปด้วยกัน 3 งานซะเลย!...


   “แต่ผมว่าไม่ดี”


ทว่า แสงสว่างปลายอุโมงค์ก็ดับพรึ่บ เมื่อญาติผู้พี่อีกคนที่ชื่อเจียระไนแย้งขึ้นมา


ตี๋ตาเรียวพิมพ์เดียวกันที่นั่งร่วมวงแบบเงียบๆเพราะเอาแต่กดโทรศัพท์ยิกๆมาตั้งแต่ต้น ยอมวางมือจากโทรศัพท์แล้วหันมาจ้องเจตน์


   “มึงจะพาเมี...เอ่อ...แฟนตะลอนๆไปทั่วยังงั้นได้ไง ไม่กลัวเหนื่อยเหรอ”


คนถูกถามกะพริบตาปริบๆ เพราะร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็น ‘เฮียโจ๊ก’ ห่วงใยใคร คราวนี้ทำไมกลัวคนรักของเขาเหนื่อย?


   ทว่า...ปกฉัตรในสายตาของเจตน์ ถึงจะผอมแห้ง แรงน้อย แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอต้องให้เขามานั่งกังวลเรื่องความเหน็ดเหนื่อยสักนิด


“ไม่กลัวอ่ะเฮีย ไอ้ปกไม่ได้เหนื่อยง่ายขนาดนั้น”


เจียระไนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แต่ยังไม่ละความพยายาม


   “แล้วมึงไปงานเฮียชุน มึงก็ต้องช่วยรับแขก แฟนมึงจะไปอยู่ตรงไหน”


   “ก็อยู่ข้างผม ช่วยผมรับแขก”


เจียระไนนิ่งไปอีกรอบ แต่...จะหยุดไม่ได้...


...แฟนกูไม่อยู่ให้พามาด้วย แล้วมึงจะพาแฟนมึงมาอี๋อ๋อตำตากูได้ยังไง!!...


   “มึงคิดให้ดีนะไอ้เจ๋ง งานเลี้ยงวันเกิดเจ็ก มีแต่คนในครอบครัว...”


   “ไอ้ปกก็คนในครอบครัว!” คราวนี้เจตน์เถียงไว จิกตาใส่ด้วย


   “กูไม่ได้บอกว่าแฟนมึงไม่ใช่คนในครอบครัว แต่กูกลัวแฟนมึงจะเขินต่างหาก!”


   “ไอ้ปกไม่ใช่คนขี้อายหรอก”


   คราวนี้เจียระไนเริ่มคิดไม่ออกว่าจะขัดแข้งขัดขาญาติผู้น้องอย่างไรดี    


   อ้างเรื่องปกฉัตรจะเหนื่อยก็แล้ว อ้างเรื่องที่เจตน์ต้องช่วยงานก็แล้ว อ้างเรื่องปกฉัตรจะเขินคนรอบข้างก็แล้ว แต่ไม่รู้เจตน์เอานิสัยดื้อด้านมาจากใคร! ถึงมีข้อโต้แย้งทุกกรณีขนาดนี้!


   เจียระไนคิดไปคิดมาก็เหลืออีกเรื่องที่ยังไม่ได้อ้าง เขาหันไปมองหน้าญาติผู้น้อง หรี่ตาอย่างรู้เท่าทันกันดี


   “มึงอย่าลืมว่าเจ็กดื่มเก่ง มึงไปงานวันเกิดเจ็ก มึงก็ต้องดื่ม เจ็กคงจะปล่อยให้มึงกลับแบบเดินตรงทางหรอก แล้วเมื่อกี้มึงบอกว่าต้องไปงานแต่งต่อใช่มั้ย ไปงานแต่ง มึงคงแดกน้ำเปล่าสินะ ไอ้เจ๋ง”


เจตน์ชะงัก เห็นภาพตามเป็นฉากๆ


คราวนี้เจียระไนยิ้มกริ่มในใจ แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า ในขณะที่ปากพูดต่อ


“แล้วมึงเมาทีอย่างกับหมา แน่ใจเหรอว่าอยากให้แฟนมึงเห็น”


   ญาติผู้น้องแทบหยุดหายใจ เจียระไนเห็นอย่างนั้นก็รีบปิดจ็อบด้วยประโยคเด็ด


   “คิดดูดีๆ แฟนมึงจะคิดยังไง ถ้าได้เห็นสภาพมึงตอนเมา!”


   ............................


   ...เมาอย่างกับหมา...


   เรื่องนี้ออกจะเกินความจริงไปหน่อย เจตน์คิดว่าเขาไม่ได้เมาขนาดจะใช้นิยามแบบนั้น แต่ก็ยอมรับว่าถ้าเมื่อไรที่เมา ถึงจะรู้ตัวทุกอย่าง แต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะ ‘ปาก’


   แล้วจะให้ปกฉัตรเห็นสภาพแบบนั้นของเขาจริงหรือ


   ...แน่นอนว่าไม่!...


   เพราะฉะนั้น วันเสาร์ที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี เขาจะต้องไปคนเดียว!!


   สมองและหัวใจของเจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์นั้นกล้าแกร่ง คิดอะไรก็ได้ ตัดสินใจอะไรก็เด็ดขาด แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำให้เรื่องตัดสินใจกลายเป็นความจริงนี่สิ...อีกเรื่องหนึ่ง


   ชายหนุ่มลอบมองคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ปกฉัตรกินข้าวเงียบๆ แม้จะไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ แต่ก็ดูรู้ว่าอารมณ์ดี เวลาอย่างนี้ควรเป็นเวลาสำหรับการขออนุญาต...


   ...เอ้ย! ไม่สิวะ! ขออนุญาตอะไร้!!! กูแค่ ‘บอก’ ต่างหาก! ‘บอก’! ไม่ได้ขออนุญาตสักหน่อยน่ะ!!...


   จิตใจของหนุ่มตี๋แซ่ตั้งนั้นแข็งแกร่งจริงๆ บอกตัวเองในใจอย่างเสียงดังว่าเรื่องที่จะพูดเป็นแค่ ‘ประโยคบอกเล่า’ ขออนุญาตคืออะไร? เจตน์ไม่รู้จัก!


ทว่า...ถึงจะคิดว่าเป็นแค่ ‘การบอก’ เฉยๆ ปากกลับไม่เผยอออกจากกันสักนิด เอาแต่เม้มแน่น แถมกลืนน้ำลายซ้ำๆ มือไม้เย็นเฉียบ กำช้อนส้อมจนแทบจะบิดให้งอในอุ้งมือ


   “พี่มีอะไรรึเปล่า” ปกฉัตรเป็นคนเงียบๆ แต่ความรู้สึกไว ถูกคนรักลอบมองบ่อยๆ ก็ชักสงสัยขึ้นมา


เจตน์ชะงัก ขยับตัวนั่งตรงแน่วโดยอัตโนมัติ แล้วกลืนน้ำลายอีกรอบ


   “ค...คือ...” ช้อนส้อมในมือเขี่ยข้าวไปมาจนข้าวออกไปกองขอบจาน ตรงกลางเป็นหลุมว่างคล้ายสมองเขาตอนนี้


   ...ว่าง...โล่ง...คิดอะไรไม่ออก...


   ...เมื่อกี้จะขออนุญาตอะไรนะ เอ้ย! ไม่ใช่ขออนุญาตสิวะ! แค่ ‘บอก’!!...


   “ค...คือ...”


   สมองว่าว่างแล้ว ปากคอยิ่งเพี้ยนหนัก เพราะพูดออกมาไม่เป็นคำ ในขณะที่ปกฉัตรมองคล้ายรอฟัง


ทั้งๆที่ดวงตาสีจางเพียงแค่มองเฉยๆ ไม่ได้คาดคั้น แต่เจตน์กลับรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวเย็นจัด หนาวยะเยือกตั้งแต่หนังหัวจนถึงปลายเท้า แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจอันกล้าแกร่งของหนุ่มแซ่ตั้งก็ยังตะโกนบอกตัวเองอย่างแข็งขัน


...แค่บอกเท่านั้นไอ้เจ๋ง! แค่บอกเท่านั้นเอง!...


   “ค...คือ...ก...กูมาหามึงไม่ได้...หมายถึง...หมายถึง...วันเสาร์สิ้นเดือน...อ...เอ่อ...กู...กูต้องไปงานเลี้ยงตั้งแต่เช้าเลย...ก็เลย...ก็เลยมาไม่ได้...เอ่อ...”


   ทั้งๆที่นอนเรียบเรียงมาทั้งคืนว่าจะเริ่มต้นด้วยรายละเอียดอีเว้นท์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในวันฤกษ์ดีเสาร์สุดท้ายของเดือน แต่พอถึงเวลาจริงๆ สิ่งที่เรียบเรียงไว้กลับแตกกระจายกระเจิดกระเจิง


   แต่...ถึงจะไม่มีรายละเอียดใดๆ แถมเรียงลำดับประโยคแปลกๆ ปกฉัตรก็เป็นคนเข้าใจง่าย เขาเพียงรับคำ


   “ครับ”


   ทว่าความเข้าใจง่ายนี้ ไม่ได้ทำให้เจตน์สบายใจขึ้นเลย ชายหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมรอบตัวยังเย็นจัด แถมในอกยังหนักอึ้ง ทั้งๆที่คนรักก็ไม่ได้มีทีท่าปั้นปึ่งแต่อย่างใด ดูสบายๆด้วยซ้ำ แต่...เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยังมีเรื่องค้างคาใจ


หนุ่มตี๋เม้มปากเงียบไปอึดใจหนึ่ง แล้วพูดอีก


   “ฮ...เฮียชุน...เอ่อ...มึงจำได้มั้ย คนที่เพิ่งจบดอกเตอร์น่ะ...ข...เขาซื้อแฟรนไชน์ไก่ทอดมาจากเกาหลี แล้ว...แล้วต้องเปิดร้าน...เอ่อ...หมายถึงจัดงานโอเพนนิ่ง ทีนี้...ตอนเช้าเลยต้องไปงานร้านเขา แล้ว...แล้ววันนั้นเป็นวันเกิดโซ้ยเจ็ก...ง่า...เจ็กคนที่เป็นหมอ...ตอนบ่ายเลยต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดเจ็กต่อ แล้ว...แล้ว...แล้วตอนเย็น ต้องไปงานแต่งรุ่นพี่...อ่า...รุ่นพี่คนนี้...เอ่อ...เป็นคนที่คณะ...แล้ว...ไอ้ดิษก็ไป...”


   เจ้าของดวงตาสีจางมองคนรักอย่างไม่ติดใจอะไรสักนิด แล้วรับคำสั้นๆ


   “อ้อ ครับ”


   อย่างที่บอกว่าปกฉัตรเป็นคนเข้าใจง่าย เจตน์มาหาไม่ได้ก็คือไม่ได้ เจตน์ต้องไปงานเลี้ยงก็คือต้องไป ไม่ใช่ปัญหา และไม่ใช่เรื่องใหญ่


   แต่...คนต้องไปงานเลี้ยงและมาหาปกฉัตรไม่ได้กลับคิดว่านี่คือปัญหา แถมยังเรื่องใหญ่ขึ้นมากเมื่อคนรักไม่ถามอะไรสักคำ


   “คือ...คือไม่ใช่กูไม่อยากมาหามึงนะ กูต้องไปงานเลี้ยง แล้ว...แล้วก็ไม่ใช่กูไม่อยากพามึงไปงานเลี้ยงนะ ต...แต่กูต้องวิ่งรอกหลายงาน คือ...คือกู...กูต้องดื่มด้วย ต้องชนแก้วกับคนนั้นคนนี้ กู...อ่า...กูกลัวว่าพามึงไปแล้ว...แล้วมึงจะเหงา...”


เจตน์คนโวยวายโผงผาง มาวันนี้พูดอะไรก็เหมือนลิ้นจะพันกันไปหมด ทั้งๆที่ท่องมาทั้งคืน ว่าจะพูดอย่างไรไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก แต่พอถึงเวลาจริงๆ ทุกอย่างที่ท่องมาก็เหมือนกลายเป็นศูนย์ และคนคิดมากคือเขาเอง


   แต่ปกฉัตรเป็นคนเข้าใจง่าย อีกทั้งยังเป็นคนฉลาด การที่เห็นอีกฝ่ายร้อนรนอธิบายด้วยสีหน้ายุ่งยาก ย่อมเข้าใจดีว่าคนรักคิดอย่างไร เขายิ้มจาง หันไปตักผัดพริกแกงใส่จานคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม เพียงเท่านั้น เจตน์ก็เงียบ


   “พี่ขับรถไปเองรึเปล่า”


   “เปล่า...อ่า...กะว่าตอนเช้าจะไปพร้อมอาม่า แล้วตอนไปงานเลี้ยงวันเกิดเจ็กก็จะติดรถใครสักคนไป ตอนเย็นออกไปงานแต่ง ค่อยให้รถไปส่ง ขากลับจากงานแต่งค่อยกลับพร้อมไอ้ดิษ”


เรื่องนี้เจตน์ไม่คิดว่าจะถูกถาม เลยไม่ได้ท่องมา อาศัยตอบตามที่คิดเอาไว้แต่แรก จึงไม่ตะกุกตะกักสักนิด แตกต่างจากตอนขออนุญาตเมื่อครู่ลิบลับ เอ้ย! ไม่ใช่ขออนุญาตสิ! เมื่อกี้คือการบอกต่างหากล่ะ!!


   คนฟังยิ้ม “สบายใจแล้วครับ...กลัวพี่เมาแล้วขับรถ”


   เจตน์นิ่งไป คำว่า ‘สบายใจ’ ของปกฉัตรคล้ายปลดความหนักอึ้งในใจของเขา


   “มึง... ไม่ว่าใช่มั้ย”


   “หือ? ว่าอะไร?”


“ก...ก็...กูต้องไปงานเลี้ยง...แล้ว...แล้วก็ไม่ได้พามึงไปด้วย ก...กู...” ตี๋ตาเรียวไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาไม่กล้าบอกว่าเขาคงต้องดื่มเยอะ และน่าจะเมา และถ้าเขาเมา...เขาก็ไม่อยากให้ปกฉัตรเห็นเขาในสภาพนั้น


...แต่เหตุผลแบบนั้น มันดูไม่เท่เอาซะเลย...


ปกฉัตรไม่รู้เหตุผลข้อนี้ แต่ถึงไม่รู้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ดวงตาสีจางทอดมองคนรักด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยลดลง แม้จะคบหากันมาหลายปีแล้ว


“ทุกคนมีสังคมของตัวเอง ผมก็มี พี่ก็มี เรามีเวลาให้กันได้ทุกวันอยู่แล้ว พี่ไปมีเวลาให้สังคมของพี่บ้าง ไม่เป็นไรหรอกครับ”


   เจตน์มองคนที่ยังยิ้มให้เขา เมื่อได้รับการยืนยันว่าปกฉัตรไม่คิดมากเรื่องนี้ ความกังวลของเขาก็พลอยคลายลง


   ดังนั้น ในวันเสาร์ที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี เจตน์จึงไม่ได้มาหาปกฉัตร 


บ้านหลังเล็กแม้จะมีคนอยู่แต่ก็ค่อนข้างเงียบ เจ้าของบ้านใช้เวลาตลอดทั้งวันในการทำความสะอาด ตอนเที่ยงแวะไปกินข้าวกับนิศราที่อยู่บ้านข้างๆ ดิษกรก็ไม่อยู่เพราะไปช่วยงานแต่งรุ่นพี่ งานเดียวกับที่เจตน์จะตามไปตอนเย็น


   วันเสาร์กำลังจะผ่านไปกับกิจกรรมที่เรียบง่าย ถึงจะเหงาไปสักหน่อยเพราะไม่มีคนตัวใหญ่แสนอบอุ่นมานั่งให้เบียดอยู่ข้างๆ


แต่...เหงาวันนี้ พรุ่งนี้ก็หายเหงาแล้ว เหงาวันนี้ พรุ่งนี้ก็ได้เจอพี่แล้ว เจอกันพรุ่งนี้ จะคลายเหงาด้วยการกอดพี่แน่นๆเลย...


ปกฉัตรตั้งใจจะรีบเข้านอน จะได้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ แต่...ตอนห้าทุ่มกว่า เสียงกดออดที่หน้าบ้านก็ดังขึ้นรัวๆ


   ร่างโปร่งนึกแปลกใจที่ถูกรบกวนยามวิกาล แต่ไม่ทันจะลุกไปเปิดผ้าม่านดู เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นด้วย เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อดิษกรก็กดรับสาย ยังไม่ทันพูดอะไร ปลายสายก็พูดรัวเร็ว


   ‘ไอ้ปก! เปิดประตูด่วน! เฮียเจ๋งเมาเละตุ้มเป๊ะ!’


   เท่านั้น ปกฉัตรก็วิ่งแน่บออกจากห้องนอนลงมาเปิดประตูให้ดิษกรทันที!


……………………….
หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-11-2020 23:39:29
ดิษกรและชายหนุ่มอีกคนช่วยกันหิ้วปีกเจตน์มานอนแหมะบนโซฟาในห้องเอนกประสงค์ของบ้านปกฉัตร ปาดเหงื่อกันไปคนละหลายที ก่อนจะหันมาทางเจ้าของบ้าน


   “เฮียบอกให้กูพาไปส่งคอนโด แต่สภาพนี้ปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่น่าไหว กูเลยพามาหามึงนี่แหละ” ดิษกรบอก ก่อนจะหันไปมองหนุ่มรุ่นพี่ที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา


ตี๋ตาเรียวผิวขาวอย่างลูกหลานคนจีนมาบัดนี้หน้าคอแดงก่ำ ตาปรือปรอยแทบลืมไม่ขึ้น


“ดื่มไปเยอะมากเหรอ” เจ้าของบ้านถาม สีหน้าเป็นห่วง



ถึงพักหลังมานี้เจตน์จะไม่ค่อยดื่มแล้ว แต่ปกฉัตรก็รู้ว่าคนรักดื่มได้มาก และเมายาก แต่ถ้าวันนี้ ถูกหิ้วปีกพามาส่งสภาพแบบนี้ แสดงว่าคงดื่มหนักมาก


   “เห็นว่าเฮียมีงานตั้งแต่เช้า แล้วค่อยมางานแต่ง คงดื่มมาหลายงาน มาเจองานนี้อีก เลยหมดสภาพ แต่ไม่อ้วกหรอกนะ เฮียเป็นพวกอะไรเข้าปากก็คือไม่เอาออกทางปากแล้วน่ะ” ดิษกรพูดแล้วหัวเราะร่วน ปกติกล้าหยอกซะที่ไหน มีช่วงนี้ล่ะไพรม์ไทม์!


   ปกฉัตรถอนหายใจเบาอย่างเป็นห่วง นั่งลงข้างกายคนรัก


สภาพของเจตน์ในเวลานี้เรียกว่าหมดสภาพยังน้อยไป แต่ถึงอย่างนั้น เพราะมีคนมานั่งเบียด คนเมาจนหมดสภาพก็ยังพยายามลืมตาขึ้นมอง


   แม้จะเมาแต่เจตน์ก็มองเห็น ถึงภาพจะเบลอไปบ้าง แต่ก็รู้ว่าคนที่นั่งเบียดเขาอยู่นี่...หน้าตาคุ้นๆ...


   “หน้าเหมือนไอ้ปก...เฮ้ย กูบอกว่าให้ไปส่งกูที่คอนโดไง! กูจะกลับคอนโด!” คนเมาโวยวายลิ้นแข็ง แต่ก็นับว่าฟังรู้เรื่อง เจ้าตัวพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกดิษกรและเพื่อนช่วยกันกดลงนอนบนโซฟาตามเดิม


   “กลับไปอยู่คนเดียวได้ไงล่ะเฮีย เมาขนาดนี้” ดิษกรบ่น พยายามกดแขนสองข้างของรุ่นพี่เอาไว้มั่น ส่วนเพื่อนเขาช่วยกดขา แต่คนเมาก็ยังฤทธิ์มากและแรงเยอะ ดิ้นอึกอักบนโซฟา


   “ไม่ๆ กูจะกลับ กูเจอไอ้ปกไม่ได้”


   ‘ไอ้ปก’ คนที่เจตน์เจอไม่ได้ถึงกับกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง


   อย่าว่าแต่ปกฉัตรงงเลย ดิษกรเองก็งง ถึงเจตน์จะใจร้อน โผงผาง ขี้โวยวายและเอาแต่ใจที่สุดในโลก แต่เรื่องหนึ่งที่ใครๆก็รู้ดีคือทั้งรักทั้งหวงปกฉัตรยิ่งกว่าอะไร ถ้าผูกติดเอวเอาไว้ได้ ก็คงทำแบบไม่สนสายตาใครแน่ๆ


แต่...เจตน์ ตั้งกาญจนพาณิชย์คนนั้น เวลานี้กลับบอกว่า ‘เจอไอ้ปกไม่ได้’


“ปล่อยสิวะ! กูจะกลับคอนโด ปล่อย...” คนเมาแรงเยอะ แต่การขยับตัวไม่คล่องแคล่วว่องไวเหมือนเคย ถึงดิ้นรนจะลุก แต่ในเมื่อมีรุ่นน้องตัวใหญ่ยักษ์ 2 คนช่วยกันจับแขนจับขา มีหรือตัวคนเดียวจะสู้ได้


...แต่ถึงแรงสู้ไม่ได้ ปากก็ยังสู้ได้…


“กูบอกให้ปล่อย ปล่อยโว้ยยยย ปล่อย”


เสียงเจตน์นั้นน่าหนวกหู ดิษกรเลยเกิดไอเดียรีบเจรจา


   “เฮ้ย! เฮียเมาแล้ว ไอ้ปกที่ไหน นี่บ้านผมนะเฮีย จะมีไอ้ปกได้ไง”


คนเมานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันมามองปกฉัตรที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ


   “แต่ไอ้นี่...หน้าเหมือนปก...” พูดแล้วก็เพ่งมอง แต่สายตาและสติสัมปัญชัญญะของคนเมา มีหรือจะสู้คนไม่เมาอย่างดิษกร


   “เฮียเมาแล้วว่ะ! นี่ไม่ใช่ไอ้ปก นี่น้องผมเอง!” ดิษกรมั่วไปเรื่อย ทั้งๆที่หากเจตน์มีสติสักนิด คงย้อนถามแล้วว่า ‘มึงลูกคนเดียว ไปงอกน้องขึ้นมาตอนไหน’


   แต่ตอนนี้ เจตน์เมา...เมาแบบพูดได้ ฟังรู้เรื่อง แต่คิดอะไรไม่ออก และเชื่อคนง่ายที่สุด...


   “อ้อ...น้องมึง...เออๆ...น้องมึงนี่เอง ไม่ใช่ไอ้ปก...ใช่ๆ ไม่ใช่ไอ้ปก...ไอ้ปกจะอยู่บ้านมึงได้ไง ไม่ได้...กูให้มันไปอยู่ที่ไหนไม่ได้หรอก มันต้องอยู่บ้านกูแหละ...”


   ดูเหมือนคนเมาจะสบายใจแล้ว ว่าไม่ได้อยู่ในบ้านของปกฉัตรแน่ก็หลับตาลง


ดิษกรถึงกับลอบถอนหายใจ ก่อนจะหันไปกระซิบขอตัวกับเจ้าของบ้าน เพราะต้องพาเพื่อนไปส่ง แต่ก่อนจะไป ดิษกรเพื่อนรักของปกฉัตรและเป็นน้องรักของเจตน์ก็เตือนไว้ประโยคหนึ่ง


“เฮียเมาแล้วพูดมากหน่อยนะมึง ถ้าพูดอะไรมากไปก็อย่าคิดเยอะล่ะ ท่องไว้ว่าคนเมาๆ”


พอประตูบ้านปิดลง คราวนี้เจตน์คนเมาเลยตกเป็นภาระขอปกฉัตรแต่เพียงผู้เดียว


   เจ้าของบ้านกลับขึ้นชั้นบนเอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำแล้วเข้าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวคนรักที่ยังนอนอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์


   เจตน์เมาแต่ไม่ได้หลับ พอรับรู้ถึงสัมผัสเย็นชื้นที่แนบลงกับแก้ม เขาก็ลืมตาขึ้นช้าๆ


   “ชื่อไร...” คำถามของคนเมาทำเอาปกฉัตรกะพริบตาปริบๆ


   “น้องไอ้ดิษชื่อไร”


   เชื่อแล้วว่าเจตน์เมาจริง กระทั่งเรื่องที่ดิษกรกุขึ้นยังเชื่อเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ปกฉัตรซ่อนรอยยิ้มขำเอาไว้ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


   “ดี”


   “หือ?”


   “น้องของดิษ...เอ่อ...น้องของพี่ดิษชื่อดี”


   เจตน์พยักหน้าเหมือนรับรู้ ดวงตายังปรือปรอย แต่ไม่ยอมหลับ แล้วก็พูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง


   “มึงหน้าเหมือนเมียกูเลย”


   ผ้าขนหนูชุบน้ำที่เช็ดลงมายังซอกคอชะงักไปอึดใจหนึ่ง แต่คนเมาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ ยังพูดต่อ


   “...เมียกูโคตรน่ารัก...ไม่ๆ เขาบอกว่าห้ามเรียกเมียกูว่าเมีย คำว่าเมียมัน feminine เออ...เขาไหนวะ เสือกเรื่องกูกับเมียกูจัง แต่กูไม่เรียกเมียกูว่าเมียก็ได้ ให้มันเป็นผัวก็ได้ กูโอเคทั้งนั้น เพราะมันน่ารัก...ไอ้ปกน่ารัก...”


   ตอนที่ดิษกรเตือนว่าเจตน์เมาแล้วพูดมาก ปกฉัตรไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดมากเรื่องแบบนี้เลย


   “ถ้ามึงเห็นก็ต้องว่าน่ารัก มันน่ารักที่สุดในโลกของกูเลย...”


   คนเมายังพูดต่อไป ในขณะที่ปกฉัตรแม้จะทั้งเขินทั้งขำแต่ก็กลั้นยิ้มเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก ก้มหน้าเช็ดตัวให้อีกฝ่ายต่อไป


   “แต่...” แล้วคนเมาก็ขึ้นต้นด้วยการแย้ง ทำเอาผ้าชุบน้ำที่กำลังเช็ดตามแขนชะงัก “...มันไม่ค่อยยิ้ม ข้าวก็ไม่ค่อยกิน ตัวเท่ามด” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นมา เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้แตะกัน เป็นการบอกขนาด ‘ตัวเท่ามด’


   “ใครที่ไหนจะตัวเท่านั้น” คนเช็ดตัวย้อนเรียบๆ แต่ริมฝีปากเจือรอยยิ้ม


   “เมียกูไง อ่า ผัวกูสิ...ไอ้ปกน่ะตัวเท่านี้ แต่น่ารักเท่าโลก” ตอนพูดว่า ‘ตัวเท่านี้’ เจตน์ยังเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ติดกัน แต่ตอนบอกว่า ‘น่ารักเท่าโลก’ เขากลับอ้า 2 แขนออกกว้าง


ปกฉัตรกลั้นขำ ดึงแขนอีกฝ่ายลงมาเช็ดตัวต่อ


“ทำไงให้มันตัวใหญ่เท่าโลก” คนเมาพูดมากหาเรื่องชวนคุยต่อ


“ไม่มีใครตัวใหญ่เท่าโลก” คนเช็ดตัวตอบ


“ก็ให้ไอ้ปกเป็นคนแรกสิ”


“ตัวใหญ่ขนาดนั้น กินเยอะ เปลืองตังค์นะ”


“ไม่เป็นไร กูจะหาตังค์เก่งๆ กูจะทำกับข้าวให้มันกินทุกวัน”


“ก็ทำทุกวันอยู่แล้วนี่”


“ใช่...ไม่ ม่าย...วันนี้ไม่ได้ทำ ไม่ได้ดูมันกินข้าวด้วย มึงได้ดูมันมั้ย มันกินข้าวเยอะรึเปล่า” คนเมาพูดมากไม่พอยังเฟอะฟะที่สุด เชื่อว่าคนข้างกายในเวลานี้ไม่ใช่ปกฉัตรจริงๆ


“เยอะ”


“รู้ได้ไง มึงได้เจอมันเหรอ กูไม่ได้เจอมันเลย ไม่ดีเลย คนอื่นได้เจอ แต่กูไม่ได้เจอ...”


“พรุ่งนี้ก็เจอ”


“แต่กูอยากเจอ...” พูดแล้วก็ทำหน้าเศร้า เสียงอ่อนระโหย


รู้ทั้งรู้ว่าเวลานี้เจตน์เมา ถึงจะโต้ตอบรู้เรื่อง แต่ก็ไม่รู้ว่ามีสติมากน้อยแค่ไหน แต่หัวใจคนฟังกลับไหวสั่นอย่างประหลาด โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น


‘...แต่กูอยากเจอ...’


“อยากเจอ แล้วทำไมไม่ไปหาล่ะ”


“ม่าย...ม่ายได้ กูเมา...เฮียโจ๊กบอกกูเมาแล้วเหมือนหมา ไม่เท่” แล้วก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหาพนักโซฟา ทำตัวเป็นเด็กๆขี้น้อยใจ ปกฉัตรมองแผ่นหลังคนรักแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู


   “ดีแล้วที่ไม่เจอ ถ้ามันเห็นกูเมาเป็นหมา มันต้องไม่รักกูแน่ๆ” คนเมาบ่นกับพนักพิงเหมือนคุยกันรู้เรื่อง ก่อนจะหันกลับมาจ้องปกฉัตรที่ตนเองคิดว่าเป็นน้องของดิษกรด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่ก็เป็นสายตาเอาเรื่องที่เต็มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล


   “มึงอย่าบอกมันนะว่ากูเมา ห้ามบอกเด็ดขาด ถ้ามันรู้ กูจะไม่เท่อีก”


   ปกฉัตรได้แต่เม้มปากกลั้นรอยยิ้ม แต่ก็ยากเต็มทน คำถามที่ถามกลับไปจึงเจือด้วยเสียงหัวเราะเบา ทว่าเป็นเสียงหัวเราะที่เอ็นดูคนรักตัวใหญ่จับใจ


   “กลัวไม่เท่ด้วยเหรอ”


   “อื้อ...ถ้ากูไม่เท่ เดี๋ยวมันไม่รัก”


   คำพูดของคนเมาเหมือนรถไฟเหาะ ฉุดความรู้สึกของปกฉัตรขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวเอ็นดู เดี๋ยวใจสั่น และตอนนี้...ใจสั่นจนแทบจะเก็บเอาไว้ในอกไม่ไหวอีกแล้ว


ดวงตาสีจางทอดมองคนที่นอนตาลอยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล ได้ยินเสียงพึมพำของเจตน์ดังมาอีกระลอก


“ถ้ามันไม่รัก กูไม่รู้จะทำยังไงเลย กูต้องเท่...ต้องเท่มากๆ มันจะได้รัก...”


ปกฉัตรจับมือคนรักเอาไว้ บีบเบาๆคล้ายจะให้อีกฝ่ายรู้ตัว แม้จะรู้ดีว่าเจตน์ยังเมา และพูดไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะจำได้หรือไม่ แต่ต่อให้พรุ่งนี้ เจตน์จะจำเรื่องในวันนี้ไม่ได้ เขาก็ไม่อยากให้คนรักต้องจมอยู่กับความกลัวเช่นนั้นแม้แต่วินาทีเดียว


   “ไม่ต้องเท่ ก็รัก”


   เจตน์สบตาคนพูด สติและแอลกอฮอลผสมกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรคือเรื่องจริง คนตรงหน้าของเขาหน้าตาเหมือนปกฉัตรอย่างกับแกะ แต่นี่คือน้องของดิษกรที่ชื่อดีต่างหาก


แต่...ก็เหมือนปกฉัตร


แต่...ไอ้ดิษบอกว่าที่นี่คือบ้านของมัน ไม่ใช่บ้านของปกฉัตร


   “มึง...ปก...” เขาพึมพำ สติมีไม่มากพอจะจับต้นชนปลาย อีกฝ่ายยิ้มจาง เป็นรอยยิ้มที่สวยจนเจตน์นึกถึงคนรักของเขาขึ้นมาอีก


   “พี่ปกฝากมาบอก...เขารักพี่นะ รักพี่คนเดียว”


   “อ้อ...” เจตน์ในยามเมานั้นเชื่อคนง่ายอย่างเหลือเชื่อ พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นก็เลิกแคลงใจ หนำซ้ำยังสบายใจจนหลับตาลงด้วย


“กูก็รักมัน...”


เขาพึมพำประโยคสุดท้าย และก่อนที่ฤทธิ์แอลกอฮอลจะพาเข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนสบาย ชายหนุ่มรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นที่แนบลงกับหน้าผากเขา กลิ่นคุ้นเคยลอยปะจมูก ชวนให้คิดถึงเจ้าของกลิ่นนี้


“ปก...” เขาพึมพำแล้วสูดลมหายใจลึกคล้ายจะให้กลิ่นนั้นอบอวลอยู่ในใจ ก่อนจะหลับตาลง...ด้วยหัวใจที่อิ่มเอม


…………………….


   เจตน์หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้ตัวอีกที ภายในห้องก็สว่างด้วยแสงธรรมชาติจากภายนอกแล้ว ถึงอากาศจะเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ แต่แสงจ้าที่ส่องเข้ามาทางรอยแยกของผ้าม่านก็บอกให้รู้ว่าเลยเวลาเช้ามามาก


   แต่...


   ผ้าม่าน?


   ผ้าม่านสีนี้?


   หนุ่มตี๋กะพริบตาปริบๆ สติเริ่มกลับมาทีละน้อย เขาจำได้ว่าเมื่อวานเป็นวันเสาร์ที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปีจนมีงานซ้อนกัน 3 งาน


   ทั้ง 3 งานล้วนเป็นงานมงคล งานแรกไม่เท่าไร แต่ 2 งานต่อมานี่พ่วงด้วยเครื่องดื่มมึนเมา เขาเริ่มจับแอลกอฮอลแก้วแรกตอนมื้อเที่ยง แล้วจากนั้นก็อย่าถามถึงเครื่องดื่มชนิดอื่น เพราะมีแต่ ‘น้ำหมัก’ หลากชนิดที่ลงท้องเขาเท่านั้น


   เจตน์ดื่มเก่งก็จริง เมายากก็ใช่ แต่เจอสารพัด ไม่ซ้ำชนิด ถ้าไม่เมาก็จะยังไงอยู่ แต่โชคยังดีที่เป็นพวกเมาแล้วมีสติ คือมีสติพอจะพูดคุยออกคำสั่ง และเขาสั่งให้ดิษกรพาเขาไปส่งที่คอนโด


   ใช่! เขาสั่งให้ดิษกรพาไปส่งที่คอนโดของเขา แต่...คอนโดของเขาไม่มีผ้าม่านสีนี้! ไม่มีโซฟาแบบที่ใช้อยู่ตอนนี้! และไม่มีโทรทัศน์แบบนี้!


   ทั้งหมดนี่ ไม่ใช่ของในคอนโดเขา แต่เป็นของในบ้านไอ้ปก!!


   “ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวมั้ย” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอาเจตน์ที่กำลังนั่งตาเหลือกถึงกับสะดุ้งเฮือกหันไปมอง เจ้าของบ้านตัวเป็นๆยืนอยู่ที่ประตู สีหน้าเฉยๆ เหมือนเดิม


   “ป...ปก...” เจตน์คราง หน้าซีดหน้าหด เพราะเมื่อคืนเขาเมาเละสุดๆ!


   ‘...มึงเมาทีอย่างกับหมา แน่ใจเหรอว่าอยากให้แฟนมึงเห็น’


   เสียงของญาติผู้พี่ที่เคยเตือนสติดังขึ้นในมโนสำนึก แต่สถานการณ์จริงในเวลานี้อย่าเรียกว่า ‘แฟนเห็น’ เลย เรียกว่า ‘มาอยู่บ้านแฟนทั้งคืน’ จะถูกที่สุด!!


   “พี่? แฮงค์เหรอ” ปกฉัตรเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ เอาแต่หน้าซีดก็ชักเป็นห่วง จนต้องเดินเข้ามาถาม เจตน์เริ่มรู้สติอีกรอบ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะตอบ


   “ม...ไม่...”


   โชคดีที่เป็นพวกเมาแล้วไม่อ้วก สร่างเมาแล้วไม่แฮงค์ แค่ ‘เมาอย่างกับหมา’ เท่านั้นเอง!!


“งั้นก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน ผมต้มข้าวต้มกุ้งไว้แล้ว”


น้ำเสียงของปกฉัตรไม่ได้ออกคำสั่ง แต่ชายหนุ่มกลับทำตามอย่างว่าง่าย หนำซ้ำตอนเดินผ่านกันที่ประตู หนุ่มตี๋ตัวใหญ่ยังทำตัวลีบสุดๆ


เขาล้างหน้าแปรงฟัน สมองทบทวนว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง สิ่งที่นึกออกเป็นภาพเลือนราง เขาเห็นคนเช็ดตัวให้ ส่วนตัวเขาก็พูดอะไรไปตั้งเยอะ แล้วแต่ละอย่างที่พูดก็...


คิดมาถึงตรงนี้ เจตน์ก็ภาวนาให้ภาพเบลอๆที่ตนเองจำได้ เป็นเพียงเรื่องที่คิดขึ้นเอง ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นสแตนด์อิน เพราะหากว่าเกิดขึ้นจริง กับปกฉัตรตัวจริง เขาก็ไม่รู้ว่าปกฉัตรจะคิดยังไง


พอออกจากห้องน้ำ จะหลบเลี่ยงแอบกลับก็ไม่ได้ เพราะได้เสียงก็อกแก็กมาจากครัว เดาได้ว่าปกฉัตรคงอยู่ในนั้นและเตรียมอาหารไว้ให้เขา สองขาของชายหนุ่มเลยต้องพาหน้าสลดๆไปเสนอให้อีกฝ่ายเห็น ทั้งที่ไม่กล้าสบตาสักนิด


“อ้าว...แล้วทำไมยืนตรงนั้น ข้าวต้มเสร็จแล้วนะ” เสียงของคนรักดังขึ้น ทำเอาคนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างประตู ต้องก้าวเท้าเข้ามานั่งที่โต๊ะกินข้าว


นี่อาจจะเป็นวันที่เจตน์ทำตัวเงียบที่สุด ทำตัวเล็กลีบที่สุด ยิ่งตอนนั่งลงตรงข้ามปกฉัตร ส่วนสูง 180 เซนกว่าๆของเขาเหมือนกลายเป็น 100 เซนฯ ในบัดดล


   ยิ่งปกฉัตรเงียบ เจตน์ก็ได้แต่กลืนน้ำลายพูดไม่ออก มือจะจับช้อนตักข้าวต้มใส่ปากสักคำยังไม่อยู่ในหัวด้วยซ้ำ


   “กินสิ เดี๋ยวก็หายร้อนหรอก” เป็นฝ่ายเจ้าของบ้านทักขึ้นมาอีก เจตน์เลยหยิบช้อนมาตักเข้าปากหนึ่งคำ แล้วก็เหลือบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกรอบ ร่างโปร่งก็ยังไม่มีทีท่าอะไร เป็นฝ่ายเจตน์ที่ทนไม่ได้ พูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก


   “เอ่อ...คือ...เมื่อคืน...”


   “เมา” คนที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดต่อให้ หลังจากเห็นเจตน์อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง ยิ่งพอดวงตาสีจางเหลือบขึ้นมาสบ หนุ่มตี๋ผู้หน้าหดเหลือ 3 เซนฯก็รู้สึกเหมือนอยากจะได้ปี้บอีกสักใบมาคลุมหัว


   “ก...กู...”


   “เมาขนาดนั้น แล้วทำไมยังให้ดิษพาไปส่งคอนโด” เจ้าของบ้านถาม น้ำเสียงไม่ได้คาดคั้น ติดจะเรียบๆเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศด้วยซ้ำ แต่คนมีชนักปักหลังกลับยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่


   “กู...กูไม่กล้ามาเจอมึง...”


   “เพราะรู้ว่าจะเมา กลัวว่าจะไม่เท่ในสายตาผม กลัวว่าผมไม่รักเหรอ”


   เจตน์ใจหายวาบ ภาพเบลอๆที่เขาจำได้ เกิดขึ้นจริงๆด้วย


   ...ไม่ใช่สแตนด์อิน แต่เป็นปกฉัตรตัวจริง ตัวเป็นๆ อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน!…


   “พี่คิดว่าผมรักพี่ เพราะพี่เท่เหรอ”


   ปกฉัตรคนเงียบๆ มาวันนี้ทำไมถามเก่งนักก็ไม่รู้ ส่วนเจตน์คนที่ด่าแต่ละทีมีแต่คนกระเจิง มาวันนี้ด่าไม่ออกสักคำ จะขึ้นเสียงสักแอะยังไม่กล้า


   เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม ทำเอาคนที่เอาแต่ก้มหน้าสำนึกผิดต้องเงยมองเพราะคิดว่าคนรักจะเดินหนี แต่...ผิดคาด


   ร่างโปร่งไม่ได้ลุกเพื่อเดินหนี แต่ลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้เขาต่างหาก


   “ทำไมไม่ตอบเลย ทีเมื่อคืนล่ะพูดไม่หยุด”


   เจตน์กะพริบตาปริบๆ อยากยื่นมือออกไปแตะว่าปกฉัตรที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้เขาคือตัวจริง เขาไม่ได้เมาแล้วคิดไปเอง แต่...นั่นแหละ ไม่กล้า...


   “ว่าไง ทำไมไม่พูดเลย”


   หนุ่มตี๋กลืนน้ำลายอึกใหญ่


   “ช...ใช่...”


   “อะไรคือใช่”


   “ใช่...อย่างที่พูดไปเมื่อคืน...”


   คราวนี้ ฝ่ายคนตั้งคำถามนิ่งไปเล็กน้อย ปกฉัตรเห็นอีกฝ่ายเมาหนักขนาดนั้น ย่อมไม่คิดว่าเจตน์จะจำอะไรได้


   “พี่จำได้?”


   “อืม...” ถึงจะเบลอและมึน ถึงจะเมาจนแทบไม่มีสติ เวลานั้นคิดอะไรไม่ออก ไตร่ตรองอะไรไม่ได้ แต่เขาจำได้ทุกอย่าง


   ปกฉัตรเม้มปากเล็กน้อย รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในอก เพราะเมื่อคืนนี้ เขาเองก็...ทำอะไรหลายอย่างที่เวลาปกติไม่ค่อยทำ


“จำอะไรได้บ้าง?”


   “ก็...จำได้ว่ามีคนหน้าเหมือนมึงมาช่วยเช็ดตัวให้ แล้ว...แล้วก็...คุยกัน...แล้ว...แล้วก็บอกว่า...เอ่อ...รัก...ง่า...แล้ว...แล้วก็...” เจตน์ยกมือขึ้นแตะหน้าผากตนเอง ตำแหน่งที่เขาจำได้ว่ามีสัมผัสอุ่นๆแนบลงมาเมื่อคืนนี้ก่อนที่จะหลับ


   ความเขินแผ่ซ่านในใจของปกฉัตร จนต้องหมุนตัวจะเดินหนี แต่เจตน์ลุกขึ้นดึงแขนคนรักเอาไว้


   “ปก...กู...”


   ร่างสูงไม่รู้จะพูดอะไร เห็นอีกฝ่ายไม่ดิ้นรนหนี ก็ลองก้าวเข้าใกล้ ใกล้...จนอกของเขาเบียดชิดแผ่นหลังของคนรัก ปกฉัตรยังยืนนิ่ง เขาจึงโอบสองแขนรอบเอวเอาไว้ ยิ่งไม่มีทีท่าขัดขืน หนุ่มตี๋ก็ใจชื้น หมุนตัวคนรักให้หันกลับมามองหน้ากัน


   “กู...ขอโทษ...”


   “ขอโทษเรื่องอะไร” ดวงตาสีจางเหลือบขึ้นสบ


     “ขอโทษที่เมา”


   ปกฉัตรส่ายหน้า “พี่จะเมาบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมไม่ได้โกรธเรื่องนั้นสักหน่อย แต่ไม่ชอบที่พี่เมาแล้วจะกลับไปนอนคนเดียว”


   “ก็...กูไม่อยากเป็นภาระของมึง...”


   “แล้วก็กลัวไม่เท่” ปกฉัตรเสริม เจตน์ได้แต่เงียบ ไม่เถียงสักคำ เหตุผลข้อนี้ใหญ่พอๆกับเหตุผลกลัวเป็นภาระ


   “ขอโทษ”


   “คราวหลัง ไม่เอาแบบนี้นะ แล้วก็เลิกคิดว่าถ้าไม่เท่ ผมจะไม่รักด้วย”


   “ครับ...” เจตน์คนโวยวาย กลายร่างเป็นผู้ชายสุภาพนุ่มนวลพูดจาแผ่วเบา ฟังแล้วจั๊กกะจี้ปนเขินจนปกฉัตรต้องหาทางเลี่ยงเพราะขืนปล่อยให้อีกฝ่ายกอดแล้วกระซิบแบบนี้ หัวใจต้องเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆแน่


   “ปล่อยได้แล้ว จะได้กินข้าว” ใบหน้าขาวมาบัดนี้แดงเรื่อน้อยๆ เห็นอย่างนั้นแล้วยอมปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมแขนก็ไม่ใช่เจตน์แล้ว


   เขาโอบร่างผอมแน่นขึ้นอีก ก้มหน้าลงหา เกลี่ยปลายจมูกกับผิวแก้มเบาๆ ในขณะที่ฝ่ามือร้อนเริ่มลูบไล้แผ่นหลังของคนรัก


   “หิวแล้วเหรอ...” น้ำเสียงของหนุ่มตี๋นั้นแสนเบา


   “...เมื่อวานก็ไม่ได้กอดกัน...” เขากระซิบอีก จากที่ปลายจมูกคลอเคลียอยู่บนผิว กลายเป็นกดริมฝีปากลงจูบแก้มด้วยแล้ว


ริมฝีปากร้อนไล้มายังมุมปาก ทว่าก่อนจะบดเบียดแนบสนิท เจตน์กลับถอยออกมาเล็กน้อย ตาสบตา


   “...ก่อนกินข้าวได้มั้ย” 


   ปกฉัตรทำขำทั้งเขิน ขำเพราะไม่คิดว่าเจตน์จะขอ แต่ก็เขินเพราะเจตน์ขอ


   แต่ในเมื่อกล้าขอ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธ


   สองมือของคนถูกขอเลื่อนขึ้นโอบรอบคอคนรัก เพียงแตะท้ายทอยของเจตน์เบาๆ อีกฝ่ายก็ก้มลงหา ให้เขาเป็นฝ่ายกระซิบบนริมฝีปากร้อนนั่นบ้าง


   “ถ้าพี่สัญญา ว่าเมาคราวหน้าแล้วจะกลับมาหาผม...”


   สิ้นประโยคนั้น ร่างของคนพูดก็ถูกรวบตัวจนเท้าลอยจากพื้น พาเดินออกจากห้องครัว แต่เรื่องอะไรเจตน์จะปล่อยให้อีกฝ่ายรู้ตัว ตอนที่เดินกลับไปที่ห้องเอนกประสงค์ เขาก็เจรจาไปด้วย


“กูเมาเละนะ”


“อื้อ”


“กูเมาแล้วพูดมากนะ”


“อื้อ”


“กูเมา...เหมือนหมานะ” ประโยคนี้ ปกฉัตรหัวเราะ


“ลูกหมาน่ะสิ”


เจตน์หรี่ตามองคนที่เขาอุ้มอยู่ มันเขี้ยวคนจำกัดความการเมาของเขาใหม่ แต่...เมาเป็นลูกหมาก็คงดูดีในสายตาของปกฉัตรมากกว่าเมาเป็นหมานั่นล่ะ


“ถ้ามึงรับได้ กูสัญญาว่าเมาแค่ไหนก็จะกลับมา”


ปกฉัตรยิ้มแทนการตอบรับ


“แต่กูก็สัญญาว่าจะเมาให้น้อยที่สุด จะไม่ทำให้มึงต้องเป็นห่วงอีก”



รอยยิ้มของปกฉัตรแย้มกว้างขึ้นอีก ก่อนจะก้มลงจูบคนที่ยังอุ้มเขาอยู่ ตอนนั้นเองที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาถูกอุ้มนานเกินไปแล้ว จึงผละออกมา


“พี่วางผมลงได้แล้ว จะได้กินข้าว อ๊ะ!” เจตน์วางคนรักลงตามที่ขอ แต่ไม่ได้วางบนพื้น กลับวางลงบนโซฟา แล้วตามคร่อม จนร่างโปร่งต้องเอนตัวลงนอนราบไปกับโซฟาจุดเกิดเหตุ ‘เมาเป็นลูกหมา’ เมื่อคืนนี้


“มึงบอกว่าถ้ากูสัญญา ก็ ‘ก่อนกินข้าว’ ได้”


เจตน์คนไม่เมากลับมาแล้ว ดูได้จากความเจ้าเล่ห์และดวงตาเป็นประกายระยิบระยับของเขา ปกฉัตรหมั่นไส้คนรัก แต่เมื่ออีกฝ่ายก้มลงมามอบจูบดูดดื่ม เขาก็ทำได้เพียงจูบตอบ ตอนที่อีกฝ่ายผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อถอดเสื้อ เป็นช่วงเวลาเดียวที่ได้บ่น


“ผมว่าพี่ตอนเมาน่ารักกว่าตอนนี้เยอะเลย”


...โดยเฉพาะตอนเมาเป็นลูกหมาน่ะ น่ารักน่าเอ็นดูที่สุดแล้ว...



FIN


ก็คือวันสุดท้ายของเดือน แหะๆ

ขอโทษที่มาดึกมากนะคะ วันนี้ยุ่งมากๆ ตั้งแต่เช้า ถ้ามีคำผิดตรงไหน บอกได้เลยนะคะ เดี๋ยวบัวกลับมาแก้ค่ะ

ตอนพิเศษสำหรับเดือนนี้เป็นเฮียเจ๋งกับปก (พร้อมด้วยเอ็กตร้าที่มาทั้งตัวและมาแต่ชื่อ ฮ่าฮ่า) ซึ่งเฮียมาในมาดใหม่ มาดลูกหมาตัวน้อยๆ น่ารักน่าเอ็นดู หวังว่าจะเอ็นดูเฮียเจ๋งกันนะคะ

ส่วนเดือนหน้า น่าจะได้อ่านเรื่องใหม่ และ...เดือนหน้าจะมาเฉลยเซอร์ไพรส์ อิอิ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม การอ่าน การคอมเม้นท์ และทุกกำลังใจเช่นเคย

เจอกันเดือนหน้าค่ะ (อีกประมาณครึ่งชั่วโมงคือเดือนหน้า ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 01-12-2020 02:30:22
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-12-2020 13:41:25
เจตน์อย่างน่ารัก...กกกกกก   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-12-2020 14:22:40
น่ายักกกกกกกก
น่ายักกกกกกกก
น่ายักกกกกกกก
น่ายักกกกกกกก
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-12-2020 17:52:21
เจ้ายู้กหมาาา น่ารักกกกกก

โง้ยย ทั้งขำทั้งเอ็นดูวว กลัวไม่เท่ กลัวเมียไม่รัก ตัวโตเป็นยักษ์เเต่กลัวเมียตัวเท่ามด เอ่ะ! ไม่สิ! กลัวเกลออะไร๊ แค่เกรงใจ!5555555

นังโจ๊กนังคนขี้อิจฉา ดื้อด้าน คลั่งรักเมีย พอกันอิพี่น้องคู่นี้ โอ้ยยย ขำไม่ไหว55555555555555

//ขอบคุณนะคะคุณบัว คิดถึงทุกเรื่องของคุณบัวเลยค่ะ ดีต่อใจทุกเดือนจริงๆค่ะ ชอบมากกกกก ปักหมุดรอเรื่องใหม่เลยค่าา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-12-2020 20:40:39
หลงเมียไม่มีใครเกิน
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-12-2020 22:13:56
 o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 01-12-2020 23:45:51
อุแงงง คิดถึงมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 02-12-2020 01:18:02
สรุปตอนนี้ได้ว่า...
ถ้าโซ่ว่าง ตอน(พิเศษ)นี้ก็คงไม่มี... 555...
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-12-2020 01:32:07
แหมม โมเม้นท์ลูกหมาของเฮียเจ๋ง
ฟินกันไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-12-2020 07:47:02
เมาแล้วเป็นอีกคนเลยนะเฮีย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 03-12-2020 18:58:31
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-12-2020 13:48:01
ขอบคุณคุณบัวค่ะ คู่นี้น่ารัก อดขำความขี้อิจฉาของแขกรับเชิญในตอนนี้อย่างโจ๊กไม่ได้  :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 06-12-2020 21:56:50
เมายังกะลูกหมา  :hao6:
หมดกันคนเท่ของฉัน!!
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 13-12-2020 02:11:53
เอ็นดู เจตน์ กับน้องปก น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-12-2020 09:33:16
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 26-12-2020 23:25:10
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 13-01-2021 09:48:43
น่ารัก...เมาเป็นลูกหมาเลย
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอนที่ 14 (8 ก.พ. 2561) หน้าที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 03-01-2022 00:24:30
“อาจะบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของปก”
Eอ้วน Eทึนทึก หยุดนะ ไม่เสือกสิ
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 13-01-2022 08:18:12
ชอบมากจนต้องกลับมาอ่านซ้ำ แต่ที่ชอบมากที่สุดคือตอนที่ครอบครัวเปิดใจคุยกัน ชอบครอบครัวที่ทัศนคติดีๆแบบนี้ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 24-01-2023 10:31:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 31-01-2023 11:03:07
เป็นพระเอกที่พูดจาไม่ได้เรื่องเลย แต่เขินมาก ส่วนน้องปกก็ทั้งเหนือทั้งเนียน  รอตอนพิเศษอีกนะคะ อยากรู้ว่าทำงานแล้วจะเป็นยังไงบ้าง
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-02-2023 21:50:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 22-04-2023 02:06:57
ขอบคุณมากเลยค่า