พิมพ์หน้านี้ - อุบัติรักเรือผี <Betaverse> ตอนที่ 14 : 100% [14/07/64]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: GukakST ที่ 01-04-2021 21:54:37

หัวข้อ: อุบัติรักเรือผี <Betaverse> ตอนที่ 14 : 100% [14/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 01-04-2021 21:54:37
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0) 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0) 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
 
 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
 
 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
 ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
 
 เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
 - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
 - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
 - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
 - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
 - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
  เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
 วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
 
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี บทนำ : เรื่องราวของชายผู้จืดชืด 100% [01/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 01-04-2021 21:56:01
บทนำ เรื่องราวของผู้ชายจืดชืด

นี่คือเรื่องราวอันจืดชืดของหัวหน้าแผนกเซลล์ในบริษัทยาแห่งหนึ่ง บุคคลนี้เป็นเบต้า มีชีวิตเรียบง่าย เช้ามาทำงาน ตกเย็นกลับบ้าน กินข้าว อาบน้ำ แล้วก็นั่งดูทีวี จบชีวิตในหนึ่งวัน

ถ้ามีนิยายที่เขียนแต่วันธรรมดาแบบนี้จะมีใครอ่านไหม? ไม่น่าหรอก เพราะมันธรรมดาเกินกว่าจะเป็นนิยายรักสักเรื่อง ซึ่งคมสันต์เห็นด้วย มันไม่ต่างอะไรกับหนังสือเรียนหรอก น่าเบื่อจะตายชัก

ถ้างั้น...กดปิดหน้านี้ไปเถอะ เพราะชีวิตน้อยๆ ของคมสันต์นั้นน่าเบื่อเกินไป

อะ...ล้อเล่น!

บรรทัดด้านบนนั้นเป็นการเกริ่นชีวิตของคมสันต์ได้ถูกต้องตรงประเด็นที่สุดแล้ว ชีวิตธรรมดา กับเบต้าหนุ่มธรรมดา ที่มีฐานะธรรมดา และหน้าตาที่...ธรรมดา

งั้นนิยายเรื่องนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันล่ะ? นั่นน่ะสิ เรื่องนี้คมสันต์ก็คงไม่สามารถบอกได้ เพราะตัวของเขาเองก็ยังมองว่ามันไม่น่าสนใจเลย ทว่าในวันธรรมดาวันหนึ่งของคมสันต์ จู่ๆ มันก็ทำให้วันต่อมาหลังจากนั้นมันไม่ธรรมดาน่ะสิ

อะไรคือปัจจัยที่เปลี่ยนชีวิตเบต้าอันแสนจะธรรมดาให้ไม่ธรรมดาน่ะเหรอ คำตอบมันก็คงจะเป็นอัลฟ่าหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนนั้นล่ะมั้ง อืม...ใช่แหละ ชีวิตธรรมดาที่ไปพัวพันกับบุคคลที่ไม่ธรรมดา ทำให้ชีวิตของคนธรรมดาไม่ธรรมดา

คาดว่ามาถึงบรรทัดนี้คนอ่านคงเบื่อเต็มทีกับคำซ้ำที่ซ้ำจนน่าอ่านข้าม แต่เอาล่ะ มาเข้าเรื่องราวของชายหนุ่มผู้จืดชืดไร้ซึ่งความโดดเด่นคนนี้กันเถอะ คมสันต์ชายหนุ่มเบต้าที่มีรูปร่างสมส่วน หุ่นดีมั้ง หรือไม่ดี ก็คงปานกลางเพราะเขาไม่โดดเด่น เรื่องหน้าตาจัดว่าดี เกือบขี้เหร่แล้วเหมือนกันติดที่ยังหล่ออยู่ ผลการเรียนงั้นๆ ได้ที่สามที่สี่ไม่ได้เก่งอะไร จะมาโดดเด่นเอาจริงๆ ก็ตอนที่วัยใกล้เลขสามเข้าไปทุกทีอย่างตอนนี้ เพราะว่าคมสันต์นั้นได้เป็นถึงหัวหน้าแผนกแทนที่อัลฟ่ายังไงล่ะ

ส่วนคำถามที่ว่าเบต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกแทนอัลฟ่ามันโดดเด่นยังไงนั้นเอาไว้ค่อยไปเล่าบทอื่นละกัน เข้าเรื่องสำคัญที่ผู้อ่านอยากรู้เกี่ยวกับชีวิตอันแสนธรรมดาของคมสันต์ดีกว่า

เหตุการณ์มันเกิดขึ้นในวันหนึ่ง จะว่าเป็นวันปกติสุขหรือเป็นวันที่คมสันต์มีสุขอีกวันดีล่ะ เพราะมันทั้งปกติและมีความสุขด้วย คมสันต์นั่งประชุมเกี่ยวกับผลประกอบการและเขาก็ได้รับคำชมอย่างมากมายมหาศาล แฮ่ๆ แอบเวอร์หน่อยน่ะนะ แต่ถึงในความเป็นจริงคำชมนั้นจะไม่ได้มากมายขนาดที่ขายไปเมื่อครู่ แต่มันก็แฮปปี้มากแหละสำหรับเขา

เหล่าคนใหญ่คนโตเริ่มมองข้ามเพศสภาพของคมสันต์แล้วเล็งเห็นถึงการทำงานที่โดดเด่นสะดุดตา บ้างก็ว่าทำงานได้ดีกว่าพวกอัลฟ่าเสียอีก อยากบอกคนพูดประโยคนี้มากว่าอัลฟ่าจะแดกหัวผมแล้วครับ! แต่คมสันต์ก็ไม่ได้พูดออกไป เขาทำแค่ก้มหน้ายิ้มรับคำชมแบบหล่อๆ อยู่มุมหนึ่งของโต๊ะประชุม

กระทั่งการประชุมสิ้นสุดลง ทุกคนกรูออกจากห้องประชุมไปแล้วเว้นแต่คมสันต์ที่ยังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความสำเร็จอีกขั้นของตัวเอง ห้องประชุมว่างเปล่าและเขาก็เหมือนคนบ้าที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวในห้อง แหมคนมีความสุขก็ขอดื่มด่ำกับมันสักแป็บไม่เห็นเป็นอะไร

แต่แล้ว...คมสันต์ก็คิดว่าการที่เขาเลือกจะนั่งโง่ๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวในห้องประชุมนั้นเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ขึ้นมาเมื่อประตูห้องประชุมถูกเปิดออกอย่างแรงจนมันกระแทกกับกำแพงเสียงดัง!

โหยยย สะดุ้งเกือบตกเก้าอี้นะบอกไว้ก่อน ช็อตนี้คือหัวใจวายตายได้เลยถ้าเป็นคนหัวใจไม่แข็งแรง คมสันต์แอบลูบอกตัวเองเบาๆ เป็นการปลอบใจตัวเอง ในใจก็บอกขวัญเอ๊ยขวัญมา

ยังไม่ทันกล่อมตัวเองจนสงบได้ที่ แรงกดดันของอัลฟ่าก็ทำให้เขาต้องรู้สึกหนาวสะท้านและผวาหวาด ขนในกายลุกชันตามสัญชาตญาณของผู้ที่อยู่ในชนชั้นที่ต่ำกว่า คมสันต์แทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาในห้องเลยแต่มันก็อดไม่ได้ และเมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็พบกับ...

ให้เดาดีไหม? อะ...ไม่น่าดี

“คะ...คุณอลัน?” คมสันต์เอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกไป อลันยืนพิงอยู่ที่ประตู เหมือนฝ่ายนั้นจะกดล็อกประตูด้วยนะ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าสภาพของอลันในยามนี้

อลันที่อยู่ในสายตาของคมสันต์นั้นเป็นอลันที่มีบรรยากาศแห่งความกระหายใคร่อยากอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาใต้แว่นแข็งกร้าวราวกับต้องการสะกดให้เขาอยู่ใต้อำนาจของอลันในยามนี้ ริมฝีปากอีกฝ่ายขบเม้มกันแน่นจนจะกลายเป็นเส้นตรง คมสันต์ไม่เข้าใจเลยว่าอาการที่เห็นอยู่นี้เขาเรียกว่าอะไร แต่เมื่อสบตาอลันไปแล้ว ร่างสูงใหญ่อันน่าเกรงขามนั้นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้แม้จะโซซัดโซเซก็ตาม แต่พออลันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เขาที่นั่งอยู่มากเท่าไหร่ ไอ้อาการเดินนเป๋มันก็ค่อยๆ หายไปพร้อมกับที่อลันปลดเน็กไทและกระดุมเม็ดบนๆ ของตนออก

“เฮ้ย...!!!” กรี๊ดดดดดด นี่สิเสียงในใจ จะไม่ให้กรี๊ดแตกได้ยังไงก็ในเมื่ออลันดันพุ่งตัวเข้ามาหาแบบไม่ให้ตั้งตัว หนำซ้ำยังใช้เรี่ยวแรงอันมหาศาลของอัลฟ่าลากร่างกายของเขาจากที่นั่งเก้าอี้ไปเกยกับโต๊ะประชุมใหญ่กลางห้อง

ทั้งหมดมันรวดเร็วมาก เร็วชนิดที่ว่าคมสันต์คนนี้ตั้งตัวตั้งใจตั้งสติไม่ทันกันเลยทีเดียว เอ่อ...ถ้าจำไม่ผิดสติกระเจิงตั้งแต่ได้ยินเสียงเปิดประตูรุนแรงนั้นแล้วแหละนะ

คมสันต์มองอลันที่กักขังร่างกายของเขาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรง ภาพเบื้องหน้าของคมสันต์ดูเป็นภาพที่ยั่วเย้าแหละเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก แผงอกขาวๆ และใบหน้าฉ่ำอารมณ์ของอลันมันดี...ดีนะ เรียกว่าถ้าเขาเป็นโอเมก้าล่ะก็คงได้คลั่งอลันในยามนี้แน่ๆ

คมสันต์กระพริบตาปิบๆ อยากจะส่งสายตาปิ๊งๆ เหมือนกันแต่มันไม่ได้อยู่ในสถานะการณ์เช่นนั้น แล้วอีกอย่างการที่อลันเอาตัวเองแทรกเข้ามาที่หว่างขาเขาแบบนี้มันล่อแหลม...แหลมเปี๊ยวเลยทีเดียวเชียว

“เงียบหน่อยสิ” อลันเปิดปากพูดครั้งแรกก็สั่งเขาเงียบ หึ...เงียบบ้านพี่สิครับ ผมไม่เงียบแล้วก็จะไม่เงียบบบบบบ

ในใจก็บอกว่าจะไม่เงียบอะเนาะ แต่ความเป็นจริงก็เม้มปากแน่นเลยครับ ไม่กล้าพูดขนาดจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ๆ ลงคอยังกลัวว่าเสียงมันจะดังรบกวนคุณอัลฟ่ามาดโหดในตอนนี้

พอเขาเงียบก็ได้ยินเสียงลมหายใจฟืดฟาดและเสียงกัดฟันดังกรอดของอลันที่อยู่เบื้องหน้า คมสันต์ปะทะสายตากับอลันแล้วพบว่าอลันในยามนี้ดูไร้ซึ่งสติสุดๆ ขนาดไม่ได้เป็นโอเมก้าที่สนองตอบต่อกลิ่นของอัลฟ่ายังรู้สึกร้อนรุ่มได้เลย

ไม่นะ...อลันไม่ได้หื่นใช่ไหมนะ!

อลันใช้มือข้างหนึ่งที่เคยค้ำโต๊ะกักขังร่างกายของเขามาจับที่สาบเสื้อเชิ้ตสีขาว คมสันต์มองมือนั้นชัดๆ เห็นจะจะคาตาเลยว่ามันกำลังจะแกะกระดุมเสื้อของเขาอยู่ คมสันต์ตกใจไปหลายวิมาก ที่ว่ามากเพราะว่ามันสามารถทำให้กระดุมเสื้อของเขาหายไปได้ตั้งสามเม็ดรวด!

โหย...เชี่ยวชาญนะเราอะ!

“คุ...คุณจะจะทำอะไรครับ” คมสันต์จับมือนั้นไว้เพื่อจะหยุด แต่เพราะอลันใช้ความเป็นอัลฟ่ากดดันเขาเอาไว้ทำให้เรี่ยวแรงที่จะใช้หยุดมืออลันนั้นมันน้อยนิดกระจิ้ดริ้ดไปเลย

“...” อลันไม่ตอบแต่ปลดต่อ เป็นการปลดกระดุมที่ดูหื่นมาก สายตาคือกินเขาไปแล้วทั้งตัว ถ้าถามว่าทำไมรู้ก็เพราะว่ารู้สึกได้แม้ไม่ต้องสบตากับอีกฝ่าย คิดดูเถอะ ว่าอลันต้องการมากขนาดไหนอะ โอ้ยยยยยไม่นะม่ายยยยย

“คุณ...คะคะคุณหยุดเถอะอื้อ!” คือ...เอ่อคือ....จะให้หยุดไงโว้ย ให้หยุดแกะกระดุมน่ะไม่ใช่หยุดปากเขาไง!

นอกจากหยุดคำพูดของคมสันต์ด้วยปากแล้วอลันยังใช้มือข้างหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองของคมสันต์ตรึงไว้เหนือหัวเพื่อหยุดการขัดขืนของคมสันต์อีกทางด้วย

จูบอันหื่นกระหายของนักล่าที่ต้องการผสมพันธุ์นั้นมันเร่าร้อนและดุเดือดเลือดพล่านสุดๆ ทั้งที่แค่จูบแต่คมสันต์รู้สึกสะท้านไปทั้งร่างกาย หูอื้ออึงได้ยินแต่เสียงน้ำลายและเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย ดวงตาพร่าเบลอเพราะจ้องหลอดไฟเหนือหัวมากเกินไป....อะไม่ใช่

แรงขัดขืนของคมสันต์ที่มีต่ออลันเมื่อแรกพบสบตาได้หายไป คือ...ก็ไม่หายหมดแต่รู้ว่าขัดขืนคนหิวตอนนี้มันไม่ได้อะไรดีขึ้นมา หรืออาจจะต้องยอมรับความจริงที่ว่าแค่จะดึงมือของตัวเองออกจากการกดไว้เหนือหัวก็ยังทำไม่ได้ดีล่ะ

ฮื่ออออออ สู้แรงไม่ได้ง่ะ แถมไอ้จ้อนตื่นด้วยง่ะ แล้วที่จ้อนตื่นเพราะจ้อนมีอารมณ์ใช่ไหม อะ...แสดงว่าตอนนี้คมสันต์มีอารมณ์ แล้วพอมีอารมณ์ก็จะไม่ขัดขืน อ่า...ช่าย

เฮ้ย!!! ไม่ได้ดิ ใจง่ายไม่ได้ จริงจัง ห้ามเคลิ้ม หาคล้อยตาม ห้าม...ห้ามตัวเองไม่ได้เลยฮื่อ

“เบา แฮ่ก...อื้อคุณอลันเบาหน่อยของผมจะหักแล้วอ๊ะ” ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ดี เอ๊ย! ไม่ใช่...เอ่อมันรุนแรงมากจนร่างของเขาไถลขึ้นๆ ลงๆ อยู่บนโต๊ะประชุม ที่เมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนนี้เพิ่งได้ใช้งานประชุมแบบจริงจังไป แล้วดูคตอนนี้สิ...ดูหัวที่สั่นด็อกแด็กของคมสันต์สิ

แม่จ๋าอลันปล้ำหนู!!!

เขาปล้ำหนูไม่หยุดเลย และ...แล้วหนูก็ไม่อยากหยุดด้วยแม่!

….100%….

สวัสดีค่ะ Gukak เองนะคะ หายหน้าหายตาไปนานมากกกกก นานจนเหมือนซ้อมตายเลยค่ะ วันนี้ Gukak มาตามสัญญาด้วยการเอาเจ้าคู่เรือผีมาเสิร์ฟ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าคู่นี้เป็นเรือผีจริงๆ ค่ะ คือตอนแรกไม่ได้สนใจเจ้าคมสันต์เลย แล้วไปอ่านคอมเมนต์ เจอคอมเมนต์หนึ่งที่เขาชิบคู่นี้ แล้วเราก็เกิดไอเดียขึ้นมา จากตอนแรกเขียนขำๆ ตอนเดียวก็กลายเป็นคนบ้ายุ โดนนักอ่านยุจนเกิดเรื่องนี้ขึ้นนี่แหละค่ะ แฮ่ๆ

ฝากเนื้อฝากตัวฝากเรื่องเรือผีด้วยนะคะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็อยากให้ช่วยแชร์ช่วยคอมเมนต์ให้เค้าหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 1 : เบต้าชายที่ชื่อคมสันต์ 40% [01/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 05-04-2021 20:02:58
ตอนที่ 1 เบต้าชายที่ชื่อคมสันต์ [40%]

คุณเคยดูละครน้ำเน่าที่สาวน้อยเผลอไปมีอะไรกับหนุ่มหล่อรวยมั้ย? ต้องเผลอด้วยนะ แบบ...เมาแล้วไปล้มทับกัน ตื่นมาพบความจริงเอาตอนเช้าของอีกวัน ร่างกายเปล่าเปลือยอยู่บนเตียงนอนหลังกว้างของชายหนุ่มนั้น กอดผ้าห่ม น้ำตาไหลพรากๆ เพราะว่าเสียตัวให้กับคนอื่นโดยที่ไม่ตั้งใจ แล้วอีพระเอกมันก็จะนั่งริมเตียง สูบบุหรี่ พอพ่นควันออกจากปากได้ก็หันเอาสายตาเย็นชาราวกับไร้ความรู้สึกมามอง ก่อนถามว่า...จะเอาเท่าไหร่?

อะ เล่ามาถึงตรงนี้พวกคุณก็คงจะเดาเนื้อเรื่องต่อจากนั้นได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่ หญิงสาวก็จะบอกว่าตนไม่ต้องการเงินบลาๆ แล้วแยกย้ายกันไป แต่ก็มีเรื่องให้มาพัวพันกันเถือกนั้น ทีนี้...มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของคมสันต์น่ะเหรอ

ก็...คมสันต์ดันเป็นหญิงสาวในละครน้ำเน่าเรื่องนั้นน่ะสิ!

ครับ แล้วนี่ก็คือสภาพของคนที่โดนข่มแหงจนน้ำแห้งหมดตัว คมสันต์นอนขดตัวบนโต๊ะประชุมโดยมีเสื้อสูทของอลันพาดช่วงสะโพกลงไปเพื่อป้องกันการโป๊ ก็ไม่รู้ว่าต้องป้องกันทำไมเพราะมันก็โป๊เปลือยไปหลายต่อหลายชั่วโมงมากแล้ว อลันทำให้คมสันต์ได้เรียนรู้ว่าเวลาที่อัลฟ่าคลั่งเพราะความต้องการล้นทะลักมันเป็นยังไง เนื้อตัวที่โพล่พ้นเสื้อสูทราคาแพงของอลันนั้นเต็มไปด้วยรอยกัดนับไม่ถ้วน ยังไม่รวมรอยจูบรอยดูดจนแดงจ้ำช้ำไปทั้งตัว ยิ่งช่วงลำคอของคมสันต์นี้ยิ่งไม่เหลือที่ว่างให้เห็นสีผิวจริงๆ เลย

อลันนั่งอยู่บนเก้าอี้ เจ้าตัวลากมันไปยังกำแพงกระจก จุดบุหรี่สูบพลางทอดสายตาที่แสนจะอ่านยากไปยังท้องฟ้ายามราตรี คมสันต์นอนขดมองอลันมาครู่ใหญ่แล้วหลังจากอลันกินจนหนำใจ ดูเหมือนความบ้าคลั่งของอลันจะหายไปแล้ว แทนที่ด้วยความระบมไปทั่วร่างของคมสันต์แทนน่ะนะ

ฮึ้กๆ อยากร้องไห้ อยากฟ้องแม่ อยากบอกแม่ว่าหนูโดนข่มแหงรังแกจากอัลฟ่าหนุ่มคนนั้น อัลฟ่าหนุ่มที่ไกลเกินเอื้อมกับคนอย่างเขา อัลฟ่าที่แม้แค่เขาคิดจะเทียบเท่ายังเป็นเรื่องที่โง่เง่าสิ้นดี คมสันต์โอดครวญอยู่กับตัวเองแค่ในใจ ไม่กล้าจะร้องไห้ออกมาจริงๆ หรอกต่อให้โดนกระทำชำเราไปหนักหนาขนาดนั้นก็ตาม

ก็....จริงๆ ก็ชอบ!

เมื่ออลันดูดบุหรี่ในห้องแอร์เสร็จเจ้าตัวก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาคมสันต์ที่นอนมองตาปริบๆ ไม่นะ ห้ามนะ งดต่อรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้นะครับ ไม่ไหวแล้วนะ จะตายแล้วแห้งเหี่ยวไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วครับ คมสันต์แอบกลืนน้ำลายดังเอื้อกเพราะอลันมาหยุดตรงหน้า จ้องตาเขาหนำซ้ำยังเอามือมาเกลี่ยที่ร่องรอยบนตัวเขาอีก

“คือ...” อยากบอกว่าห้ามทำ ห้ามต่อ งดๆ ขอกลับบ้านไปพักเถอะ ปวดน้องไปหมดแล้วฮื่อ

“กลับไหวไหม” อลันถามเสียงเรียบทั้งที่ยังเกลี่ยรอยแดงบนตัว

“วะไหวครับ” ต้องไหวแหละ ไม่งั้นจะให้นอนสภาพนี้ในห้องประชุมของบริษัทหรือยังไงคร้าบบบ

“อืม” อลันละมือออกจากกายเขา แล้วไปสวมใส่เสื้อผ้า

แค่เนี้ยอะนะ แค่อืมอะเหรอ ไม่คิดจะชดใช้ค่าเสียหายนี่หน่อยเหรอครับ ไม่ถามแบบในละครเหรอว่าเอาเท่าไหร่น่ะ ถามหน่อยสิ อยากเรียกค่าเสียหาย ค่าน้ำที่เสียไปก็ได้ ใจร้ายจริงๆ คนอะไร๊

อะๆ ในเมื่อเขาไม่ถามก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงล่ะนะ ไม่ใช่ไรกลัวโดดนกดอีก แบบเกิดถามแล้วฝ่ายนั้นไม่พอใจขึ้นมาจับกดอีกนี่แห้งตายเลยนา น้ำในร่างนี้มันจะไม่เหลือแล้ว ทำซะอย่างกับอดยากปากแห้งมาจากไหนก็ไม่รู้ สั่งให้หยุดก็ไม่หยุด ทำแบบหน้ามืดตามัวสุดอะไรสุดมาก สมแล้วที่เป็นอัลฟ่า ว่าแต่ว่า...เบต้าอย่างเขารับไหวได้ยังไงวะเนี่ย งงใจตัวเองจริงๆ

คมสันต์ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง หย่อนขาทั้งสองลงกับพื้นเบาๆ ต้องเบาๆ เพราะไม่มีแรงเหลือแล้วแม่เจ้าโว้ย ละพอลงน้ำหนักไปที่เท้าก็รับรู้ได้เลยว่าตัวเองขาสั่นพับๆ จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่อยู่รอมร่อ ดีที่ยังใช้มือค้ำโต๊ะเอาไว้อยู่ไม่งั้นทรุดพรวดลงไปแบบนางเอกในนิยายเลยนะ แต่...แต่งตัวยังไงวะ กางเกงอยู่นู้นนนน ห่างจากโต๊ะไปสองสามโยชเห็นจะได้

สภาพของคมสันต์ที่ต้องค่อยๆ เดินไปเอากางเกงกับเสื้อของตัวเองที่พื้นนี่เป็นอะไรที่เอนกอนาถมากถึงมากที่สุด มันแบบขาสั่นพั่บๆ ตรงนั้นก็ปวดหน่วง เดินกระย่องกระแย่งไปก้มเบาๆ ค่อยๆ หยิบทีละชิ้น ทีละชิ้น ไม่ได้บรรจงนวยนาดอะไรแบบนางเอกหรอกนะแต่ไม่มีแรงเว้ย มันก็เลยต้องค่อยๆ ทำเนี่ยแหละ

แล้วพอหยิบมาได้ก็ต้องมายืนพิงโต๊ะประชุมเพื่อทรงตัว จากนั้นเอาขาเนี่ยสอดใส่เข้าไปในกางเกงทีละข้าง ทีละข้างอย่างใจเย็น เสียการทรงตัวนิดเดียวก็ตัวเอียงจะล้ม ต้องคว้าโต๊ะเอาไว้ จบจากกางเกงที่ยากเย็นแสนเข็ญก็เป็นเสื้อเชิ้ตซึ่งง่ายกว่าเยอะ พิงโต๊ะติดกระดุมสบ๊ายยย

“อุ๊ย!” ติดกระดุมเสร็จถึงได้เห็นว่าอลันยืนพิงกำแพงกระจกมองการกระทำของเขาอยู่ เหอๆ ตลกล่ะสิ จะขำก็ได้นะ แต่ขอค่าขำห้าบาทอะจ่ายไหม

“ไหว?” อลันเลิกคิ้วเชิงถาม แหม...ถามมาได้ ถามเอาตอนผ่านช่วงที่ยากที่สุดอย่างการใส่กางเกงมาได้ก็ไม่มีอะไรยากไปกว่านี้แล้วละครับคุณอลัน!

“ไหวสิครับ สบายมาก แค่นี้เองจิ๊บๆ” คมสันต์พยายามพูดติดตลก ก็อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะยิ้ม เอาแต่มองด้วยสายตาเย็นชาอยู่ได้ มองจนเขาจะกลายเป็นชาเย็นอยู่แล้วเนี่ยปั๊ดโถ่

“เค” อลันยืนเต็มตัวหลังจากได้ยินคำตอบ จากนั้นเจ้าตัวก็คว้าสูทพาดบ่าแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป

“อูยยยย ซี้ดดดดปวดเว้ย” พอไม่มีสายตาอลันเท่านั้นแหละ โอดครวญให้ไว ทรมานไปหมด ระบมทั้งตัว ไม่มีตรงไม่ปวดเมื่อยขบเลยแม้แต่จุดเดียว แถมขาเขอก็ยังไม่มีแรงอีก

คมสันต์มองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วก็ต้องเบะปากช้ำใจ นี่เขาโดนกินมาร่วมหกชั่วโมงเลยหรือ มิน่าล่ะ จะตายอย่างเดียวเลยตอนนี้ โอ๊ยยย พรุ่งนี้ผมจะทำงานไหวไหมคุณอลันเอ๊ย คมสันต์มองนาฬิกาอีกที ถอนหายใจอีกหนแล้วค่อยเดินเตาะแตะออกมาจากห้องประชุม ภายนอกยามเที่ยงคืนนี้มีแต่...ความมืด แหงล่ะ ป่านมันไม่มีใครอยู่ในบริษัทแล้วล่ะนอกจากผีอะ ดีนะที่ลิฟต์ยังใช้งานได้ไม่งั้นเดินบันไดคือตายเลยนะ หรืออาจจะต้องกลิ้งลงบันไดแทนการเดินน่ะ

คมสันต์เอามือค้ำกำแพงเดินไปตลอดทางจนถึงลิฟต์ อนาถใจอย่างบอกไม่ถูก มีตรงไหนไม่ปวดมั้งไหมน้าเจ้าตัวจับเอวเบาๆ นวดๆ นิดหน่อย อีกตรงที่อยากนวดแต่นวดไม่ได้ก็ตรงกลางร่างกายนี่แหละ เอิ่ม แต่เอาจริงๆ ก็ไม่น่าไปแตะต้องมันในตอนนี้หรอก

ชีวิตอันแสนธรรมดาของคมสันต์ในวันนี้ยุ่งเหยิงผิดจากเดิมไปหมด เขาพยายามอย่างสุดแรงเกิดเพื่อกลับมาบ้าน ตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่ออาบน้ำและล้มตัวลงนอน บอกตามตรง เรื่องคิดมีเยอะแต่ไม่คิดจะดีกว่า ขืนคิดมากไปกว่านี้พรุ่งนี้ตายแน่ๆ

เช้าวันต่อมาคมสันต์เกือบตื่นสายเพราะอ่อนเพลียเกินไป เจ้าตัวรีบเร่งไปหมด ไม่ว่าจะอาบน้ำหรือแต่งตัว มันดูลวกๆ ไปหน่อยแต่ทำไงได้ดีกว่าเข้างานสาย แต่เขาก็ไม่ลืมจะใส่เสื้อคอเต่าแขนกุดเอาไว้ข้างในเสื้อเชิ้ตเพื่อปกปิดร่องรอยของอลัน คมสันต์จับเน็กไทด์ของตัวเองให้เข้าที่ขณะเดินลงมายังข้างล่าง บ้านของเขาเป็นบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ แค่ยี่สิบสี่ตารางวา ลงมาก็เจอโต๊ะกินข้าวที่ตั้งติดกำแพงหลังบ้าน

“ตื่นสายจังลูก เมื่อคืนหนูกลับบ้านมาตอนไหน แม่ไม่เห็นหนูเลย” คนเป็นแม่เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ลูกชาย เป็นไข่เจียวและผัดผักง่ายๆ แวบหนึ่งคนเป็นแม่แอบสงสัยกับการแต่งตัวของลูกชายที่แปลกตาไปกว่าทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

“เมื่อคืนหนูมีสังสรรค์กับลูกค้า ก็เลยกลับบ้านดึก เกือบตีสองนู้นมั้งที่หนูมาถึงอะ” คมสันต์นั่งลง รับจานข้าวมาแล้วรีบตักกินในทันที ส่วนแม่ของเขานั้นก็นั่งกินอยู่ตรงข้าม

บ้านหลังนี้มีกันอยู่สองคนแม่ลูก ซึ่งบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านที่พ่อของเขาซื้อให้นั่นแหละ แม่คมสันต์เป็นเพียงแม่บ้านธรรมดา อยู่บ้านดูแลบ้านและอาหารการกินของลูกชาย เรียกได้ว่าคอยทำงานบ้านทุกอย่าง ส่วนคมสันต์นั้นก็มีหน้าที่แค่ทำงานข้างนอก เรื่องในบ้านหลังนี้แม่ที่แสนน่ารักได้จัดการเอาไว้ให้หมดแล้ว

“ดึกมากเลยนะเนี่ย วันนี้หนูจะทำงานไหวใช่ไหมลูก จะไปง่วงเอาที่ทำงานไหม แม่ชงกาแฟให้หนูสักแก้วดีกว่า”

“โอ้ยแม่ไม่ต้อง กาแฟทำหนูปวดหัวตลอดเลย”

“แต่แม่กลัวหนูทำงานไม่ไหวนี่” จริงๆ คนเป็นแม่รู้แหละว่าลูกชายตัวเองนั้นไม่ถูกกับกาแฟเท่าไหร่ แต่ก็กลัวลูกจะทำงานไม่ไหว

“หนูทำงานไหว แค่นี้เองจิ้บๆ แม่ไม่ต้องห่วงเลย ลูกแม่เก่งมาก” คมสันต์ยิ้มขำ ซึ่งนั่นก็ทำให้แม่ของเขายิ้มออกมาได้บ้าง

จบมื้อเช้าคมสันต์รีบเร่งไปยังรถประจำตำแหน่ง เรียกได้ดูหรูใช่มั้ย จริงๆ มันก็รถของบริษัทที่เขาเอามาใช้เหมือนเป็นรถของตัวเองนั่นแหละ เมื่อฝ่าดงรถติดมาถึงบริษัทได้ คมสันต์ก็ต้องใช้ขายาวๆ ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ด้วยการก้าวยาวๆ จะได้ไปสแกนบัตรให้ทันนั่นเอง

ระหว่างทางคมสันต์ทักทายเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นเบต้าสาว อัลฟ่า โอเมก้า คมสันต์ทักหมด เขาเป็นคนอัธยาศรัยดี เป็นมิตรกับคนอื่นๆ ที่จริงเมื่อก่อนเขาไม่โดดเด่นอะไรเลย แล้วก็ไม่ค่อยถูกกับอัลฟ่าขนาดปัจจุบันนี้ด้วย แต่เมื่อหลายเดือนก่อนมีการปรับปรุงระบบของบริษัท ตามนโยบายของท่านประธานคนใหม่ ทำให้ตอนนี้เหล่าชนชั้นต่างๆ นั้นอยู่ร่วมกันได้เป็นสุขมากขึ้น

____40%____

มาแล้ววววว เอาหนูคมสันต์มาเสิร์ฟแล้วจ้า หนูคมโดนกินแล้วก็ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ตีคุณอลันเลยเพียะๆ

ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาาา ขอบคุณสำหรับการติดตามงับ ไวเจอกันอีกทีวันพุธนะคะ เฝ้ารอกันด้วยเน้ออออ ^^
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 1 : เบต้าชายที่ชื่อคมสันต์ 40% [01/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-04-2021 09:57:46
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 1 : เบต้าชายที่ชื่อคมสันต์ 100% [07/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 07-04-2021 18:19:58
ตอนที่ 1 เบต้าชายที่ชื่อคมสันต์ [100%]

แต่ถึงอย่างนั้นคมสันต์ก็รับรู้ได้แหละว่ามีอัลฟ่าที่เชื่อมั่นว่าตนเองเหนือกว่าชนชั้นอื่นๆ หมั่นไส้เขาอยู่ ต้องเข้าใจในบริบทที่เพศที่สองมีบทบาท อัลฟ่าเปรียบเสมือนจ่าฝูง ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ของความเป็นผู้นำ มีอำนาจทางธรรมชาติที่สามารถแผ่ความกดดันให้กับชนชั้นที่อยู่ถัดลงไปจากตนเอง ถ้าเปรียบเป็นพีระมิต เหล่าอัลฟ่าก็คือกลุ่มคนจำนวนน้อยที่อยู่บนยอดสูงสุด

ถัดจากยอดนั้นลงมาก็คือเหล่าเบต้าซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในสามชนชั้น เป็นจำพวกคนธรรมดาที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับอะไรสักอย่างเดียว ธรรมดาแบบ...ธรรมด๊าธรรมดา ไม่ได้มีพันธุกรรมใดที่โดดเด่นแต่ก็ยังเหนือกว่าชนชั้นสุดท้าย

ส่วนชนชั้นสุดท้ายก็เป็นโอเมก้า เป็นกลุ่มที่มีน้อยยิ่งกว่าอัลฟ่า อัลฟ่าว่าน้อยแล้ว โอเมก้าน้อยเป็นครึ่งต่อครึ่งของอัลฟ่าเลยทีเดียว แถมชนชั้นนี้ยังเกิดมาพร้อมกับความเป็นผู้ตาม ธรรมชาติทำให้โอเมก้าสยบต่ออัลฟ่าได้เพียงแค่โดนสบตา หรือบางทีอาจจะแค่เข้าใกล้ด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่โอเมก้ามีเหนือกว่าเพศอื่นก็คือครรถ์ โอเมก้านั้นพิเศษกว่าทุกชนชั้นเพราะสามารถตั้งครรถ์ได้ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือชาย และจะสามารถตั้งครรถ์ได้ง่ายเมื่อฮีต

อาการฮีตของโอเมก้านี้นี่แหละที่เป็นเหมือนสารกระตุ้นความต้องการทางเพศต่อชนชั้นอื่นๆ เบต้าที่ธรรมดาขั้นสุดก็สามารถโดนอาการฮีตของโอเมก้าครอบงำได้ โดยโอเมก้านั้นจะมีอาการฮีตทุกเดือน ตั้งแต่สามวันจนถึงเจ็ดวัน หรืออาจจะมากกว่านั้น แล้วจะฮีตครั้งแรกประมาณอายุสิบห้าปี หรืออาจจะนานกว่านั้นน้อยกว่านั้นก็แล้วแต่สภาพร่างกายของโอเมก้าตนนั้นๆ ซึ่งโอเมก้านี้เมื่อฮีตจะปล่อยฟีโรโมนออกมา เหมือนสัตว์ตัวเมียในช่วงผสมพันธุ์จะมีกลิ่นเพื่อเชิญชวนเพศตรงข้ามมานั่นแหละ

เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือคู่แท้ อัลฟ่าและโอเมก้าจะมีคู่แท้ของกันและกัน เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก เรียกได้ว่าแสนคู่จะมีสักคู่ที่เป็นคู่แท้โดยธรรมชาติ เขาว่ากันว่า เมื่อโอเมก้าและอัลฟ่าที่เป็นเนื้อคู่มาเจอกัน พวกเขาจะรับรู้ได้ในทันทีว่านี่แหละคือคู่แท้ชั่วชีวิตของตนเอง แล้วเมื่อนั้นโอเมก้าจะฮีตทันทีแม้จะไม่ได้อยู่ช่วงฮีต แล้วฮีตของโอเมก้าที่เจอคู่แท้ จะทำให้อัลฟ่าที่เป็นคู่เกิดคลั่งรักขึ้นมาได้ เรียกว่า...บางคู่ตั้มกันสามวันเจ็ดวันกันเลย

เอาล่ะ จบวิชาสังคมโอเมก้าเวิร์สไว้แต่เพียงเท่านี้ แล้วมาเข้าเรื่องเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ของเบต้าที่ชื่อคมสันต์กันต่อ ตอนนี้คมสันต์เข้างานทันเวลา และคมสันต์ก็กำลังเคลียร์งานของตัวเองด้วยความง่วงนอนสุดๆ เมื่อวานนอนก็เหมือนไม่ได้นอน พักก็เหมือนไม่ได้พัก ร่างกายยังไม่หายเพลียจากการโดนดูดกลืนลูกๆ หลายร้อยล้านล้านตัวเลย

“บอกฉันเกี่ยวกับเสื้อคอเต่านั่นหน่อยสิ” มาถึงแผนกปุ๊บก็มีคน ‘ใส่ใจ’ ปั๊บ คมสันต์ซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ภายใต้รอยยิ้มสดใส

“พอดีเป็นผื่นขึ้นเต็มเลยน่ะครับ แล้วเผลอไปเกามันเลยแดงเป็นปื้นๆ เลย”

“อุ๊ยจริงเหรอคะ ขอดูได้ไหม” อีกคนยื่นหน้าเข้ามา คมสันต์ฉีกยิ้มกว้างขึ้นเป็นการบอกนัยๆ ว่ายุ่ง!

“อย่าดีกว่าครับ” คมสันต์ปฏิเสธเสียงนุ่มก่อนเปลี่ยนเรื่อง “ผมเอาน้ำเต้าหู้มาฝาก แบ่งๆ กันนะครับ”

“ตายจริง ขอบคุณนะคะ คุณคมเนี่ยน่ารักตลอดเลย” คนที่ถามเรื่องเสื้อคอเต่าคนแรกเข้ามารับแล้วพูดจาฉอเลาะ คมสันต์ก็รู้แหละว่าเธอเรียนจบการละครมาจากละครน้ำเน่าน่ะ

“ก็ว่าไปครับ ไม่ขนาดหรอก เดี๋ยวผมขอตัวนะ กินกันให้อร่อยนะครับ” คมสันต์ค้อมหัวให้เล็กน้อย แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกน้องของตัวเองก็ตาม

พอพ้นสายตาสาวๆ ที่จับกลุ่มเม้าท์มอยยามเช้าคมสันต์ก็หุบยิ้มฉับในทันที รู้สึกสิ้นเปลืองพลังงานอย่างไร้ประโยชน์สุดๆ กับการต้องมาปั้นยิ้มใส่คนพวกนี้ ถึงความเลื่อมล้ำในที่ทำงานจะลดน้อยลงแต่การนินทาหรือพวกประจบประแจงมันก็เยอะอยู่ดี ต้องบอกว่าที่ไหนๆ ก็มีแบบนี้ทั้งนั้น จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องปรับตัว เช่น...การซ่อนความในใจ

หรืออีกนัยคือการใส่หน้ากาก!

ห้องทำงานของคมสันต์นั้นรอบด้านเป็นกำแพงทึบแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งเป็นกระจกเพื่อจะได้คอยสอดส่องลูกน้อยในแผนก บนโต๊ะของเขามีตะกร้าใส่ขนมห่อเล็กห่อน้อยและตะกร้าใส่ลูกอมหลากรสชาติ ไอ้ของพวกนี้น่ะมันไม่ได้มีไว้เพื่อเขาหรอกนะ คมสันต์ไม่ชอบกินขนมเลยด้วยซ้ำ แต่ที่มีของแบบนี้อยู่บนโต๊ะก็เพราะว่าสาวๆ ชอบกินมันน่ะสิ

หึ คิดว่าคมสันต์ทำดีกับสาวๆ เหลือเกินน้า แบบนั้นใช่มั้ย กับผู้ชายเขาก็ทำดีด้วยนั่นแหละ แต่พวกผู้ชายจะกินลูกอมมากกว่าขนมจุกจิก เวลาที่พวกนั้นเอางานมาให้ก็จะได้หยิบพวกนี้ไปกินกัน บางทีมันดีนะ ขนมน่ะอุดปากพวกนั้นได้ดีเชียวแหละ

คมสันต์เป็นคนที่เทคแคร์ดูแลคนอื่นเก่ง เขาจำได้หมดเลยว่าใครชอบอะไรใครไม่ชอบอะไร ไม่ได้อยากจำด้วยนะ มันจำได้เองแล้วก็ทำไปเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อย่างถ้ารู้ว่าขนมอันนี้มีคนหนึ่งในแผนกชอบ เขาก็จะซื้อมาฝากโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลย แล้วก็ไม่เต๊าะใครก็ตามที่ซื้อขนมให้ด้วยซ้ำ ไอ้นิสัยชอบเทคแคร์นี้แหละทำให้คนอื่นมองเขาว่าดีนักดีหนา หึ...อย่ามาได้ยินเสียงในหัวเขาเชียวนะ ห้ามนะ ห้ามโคตรๆ เลยนะ!

“วันนี้แปลกนะ” จู่ๆ เจ้าเพื่อนสนิทก็นั่งลงตรงหน้าพร้อมกับเอกสาร ไม่วายยังมามองเสื้อคอเต่าเขาอีก

“คิดไปเอง” คมสันต์ยิ้มขำ เพื่อนที่มีนามว่าภูก็ขำตาม มันรู้ๆ กันอยู่ล่ะนะสำหรับเขาทั้งคู่

“สาวๆ พูดถึงนายใหญ่เลย เขาว่านายไม่ได้เป็นผื่นแต่แฟนนายน่าจะทำรอยเอาไว้” ภูพูดไปเรื่อยเปื่อยอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับคมสันต์แล้วเพื่อนคนนี้น่ะน่าคบที่สุดแล้ว

“ก็ตามนั้น ใครจะพูดอะไรยังไงก็ไม่เข้าหูเราอยู่ดี”

“หูนายเก็บไว้ฟังเสียงเท้าอย่างเดียวอะดิ”

“ฮ่าๆ รู้ดี...” คมสันต์หัวเราะร่าแล้วเซ็นเอกสารตรงหน้าให้กับเพื่อน

“เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาเล่นเกมด้วยกันเลยเนอะ” ภูรับเอกสารไปอ่านทวนตรวจดูความเรียบร้อย

“งานนายเยอะหนิ นี่มีกำหนดการจะบินอีกเร็วๆ นี้สิใช่ไหม”

“อืม บินไปกับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร”

“ชอบๆ ผมซื้อนะคำนี้” คมสันต์ยกนิ้วให้เพื่อน แล้วภูเพื่อนรักก็ยักคิ้วให้เป็นการตอบโต้

ช่วงเช้าจะมีคนเข้ามาหาคมสันต์เยอะมาก มาพร้อมเอกสารที่เขาต้องตรวจสอบและเซ็นอนุมัติ ทุกครั้งที่มีคนเข้ามาก็จะชอบมีคนถามเรื่องเสื้อคอเต่าจนคมสันต์อยากจะเขียนป้ายแปะไว้เลยว่า ตรูเป็นผื่น! จะได้เลิกถาม ปั้นยิ้มจนเหนื่อยแล้วคร้าบ แค่โดนกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวเมื่อวานก็อ่วมพอแรงล่ะ ต้องมายิ้มแฮ่ๆ ให้คนนั้นคนนี้อีก ให้ตาย น่าเบื่อ

ตกบ่ายคมสันต์ต้องเดินทางออกไปงานนอก เขามีธุระกับลูกค้าสองท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับเนื้องาน ต้องบอกว่าสองเจ้านี้ไม่พอใจกับพนักงานที่เข้าไปเสนองานนิดหน่อยก็เลยขอเปลี่ยนตัว คมสันต์จึงรับหน้าที่นี้แล้วมาทำแทน ระหว่างเดินออกจากแผนกก็ยิ้มหล่อๆ โปรยยยให้กับทุกคนที่มองมา ในใจก็ถามว่า...มองหาพี่แกเหรอ อะ ก้าวร้าว ไม่น่ารัก ไม่ดี ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง ซึ่งจริงๆ แล้วเขาก็แค่คิดขำๆ กับตัวเองมากกว่าจะด่าจริงจังอะไรล่ะนะ

“ดูสิๆ คุณเขาใส่คอเต่าปกปิดรอยดูดแน่ๆ เลย งี้ที่ว่าอาจจะไปเป็นของเล่นของอัลฟ่าล่ะ...เธอว่าไงๆ” นี่คือสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างในออฟฟิศนะครับ เพราะพวกเธอสามารถนินทาคุณได้แม้กระทั่งว่าคุณจะยังไม่เดินผ่านไปเลยก็ตาม

“เป็นไปได้นะ ก็เพื่อนตัวเองก็จับประธานถึงได้เป็นรองหัวหน้า นี่ก็คง...จับใครสักคนแหละ เพื่อนกันอะเนาะ” ครับๆ เพื่อนกันต้องเหมือนกัน แล้วเพื่อนผมก็ไม่ได้จับประธาน ประธานจับเพื่อนกูแดกกกก

ยุบหนอ พองหนอ....ช่างหัวมันหนอ

แล้วรู้ไหม พวยกเธอสามารถยิ้มให้คุณได้ทั้งที่ปากก็กระซิบกระซาบนินทาคุณอยู่ เหมือนไม่ได้ยิน เหมือนคนฟังเป็นคนหูหนวกอะไรทำนองนั้นเลยล่ะ คมสันต์ก็ยิ้มตอบนะ ยิ้มให้ก็ยิ้มไปแค่นั้น ส่วนไอ้เรื่องที่พูดๆ น่ะจะพูดไรก็พูดไปเถอะ ดีแต่ปากกันเท่านั้นแหละ

มันคงเป็นสีสันของพวกไม่รู้จะทำอะไรล่ะเนาะ วันๆ ตั้งใจหาเรื่องคนนั้นคนนี้มานินทา ไม่คนในบริษัทก็ต้องคนในโซเชี่ยล เอาจริงๆ คมสันต์ยังคิดเลยนะว่าไอ้การนินทาเนี่ยเป็นงานประจำของพวกผู้หญิงหรือเปล่า ส่วนงานในออฟฟิศมันเป็นแค่งานอดิเรกที่ทำให้มาเจอเพื่อนๆ เท่านั้น อยากบอกพวกเธอมากว่า...ตั้งใจทำงานให้เหมือนตั้งใจนินทาชาวบ้านดีกว่า

แต่ทำไม่ได้ ฮื่อออออ

คมสันต์ยืนรอลิฟต์ ข้างหลังนี่ยังมีเสียงงิ้วๆ กันอยู่เลยนะ ได้ยินแว่วๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจจะฟังแล้ว มันเปลืองโสตประสาท ราวๆ สองนาทีลิฟต์ตัวดีก็มาจอดอยู่เบื้องหน้า คมสันต์เตรียมตัวจะก้าวขึ้นลิฟต์อย่างดิบอย่างดี กะว่าเปิดปุ๊บนะ จะเดินเข้าไปแบบหล่อๆ ปั๊บเลย

ทว่า...

“อะ...อ่าสวัสดีครับ” คมสันต์นี่หยุดเท้าที่จะเข้าลิฟต์แทบไม่ทัน เมื่อลิฟต์เปิดออกมาแล้วมีร่างของอัลฟ่าระดับสูงอยู่ในนั้น

โห จะยืนขึ้นลิฟต์แบบธรรมดาไม่ได้ด้วยนะ ต้องแผ่รังสีอำมหิตไปทั่วลิฟต์ แล้วพอเปิดออกมาเจ้ารังสีนั้นก็ฟุ้งกระจายออกมาด้วย อารมณ์เหมือนฉีดน้ำหอมในที่อับแล้วมีคนมาเปิดระบายอากาศ ทีนี้เจ้ารังสีอัลฟ่ามันก็กกระจายออกจากลิฟต์ไปยังพื้นที่แผนกเซลล์ เสียงจอแจด้านหลังเงียบกริบ เงียบกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเลย

“จะเข้าไหม” อลันถาม คมสันต์ก็อยากตอบว่าเข้าแต่...ช่วยหยุดกดดันก่อนโว้ย

“ครับ” ไม่กล้าพูด พูดไม่ได้ ได้แต่เก็บมันเอาไว้ในใจอยู่ร่ำไป

พอเข้ามาในลิฟต์คมสันต์ก็ขยับเข้าไปยืนด้านใน ไม่ยืนล้ำหน้าอลันเพราะไม่ต้องการรับแรงกดดันโดยตรง จริงๆ อยากจะบอกกับอลันมากว่าช่วยทำเหมือนตอนนั้นได้ไหม...

ย้อนกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อนคมสันต์ได้พบอลันหมดสติอยู่ที่ลานจอดรถ เขาพาอลันขึ้นรถเพื่อไปส่งโรงพยาบาล อยู่กับอลันที่ไม่ได้สติจนเช้าเพราะกลัวว่าอลันตื่นมาแล้วจะงง จะไม่มีใครอธิบายอะไรให้ฟัง พวกเขาคุยกันนิดหน่อยในช่วงเช้าวันนั้น เรียกว่าคุยหรือเรียกว่าสั่งไม่รู้ เพราะอลันบอกให้คมสันต์ไปรับตนตอนเย็น ซึ่งคมสันต์ก็ทำนะ ไปรับอลันออกจากโรงพยาบาล นำอลันส่งถึงห้องของอลันก่อนจะได้กลับไปพักผ่อนเอง

สิ่งหนึ่งที่อลันในช่วงเวลานั้นแตกต่างกับอลันที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนคือความกดดัน อลันในวันนั้นไม่กดดันเขาเลย เหมือนเก็บพลังตามสัญชาตญาณตัวเองเอาไว้ ต่างกับตอนนี้ที่ปลดปล่อยมันออกมาอย่างเต็มที่ชนิดที่เขาจะหายใจไม่ออกแล้วโว้ย เอาวะ ฮึ้บๆ ไอ้คม!

“คุณอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ” คมสันต์กลั้นใจถามถึงอาการของเมื่ออาทิตย์ก่อน ตั้งแต่ไปส่งอลันวันนั้นเขาก็มาเจออลันอีกทีเมื่อวานที่โดนกินนั่นแหละ

“อาการไหนล่ะ” มันมีหลายอาการเหรอวะ? ต้องอาการเดียวสิ

“ก็ที่หมดสติคราวก่อนน่ะครับ” อะขยายความให้ เขาคงไม่ถามอาการคลั่งเมื่อวานหรอก ไม่อยากนึกถึงด้วยซ้ำ กระซิกๆ

“อืม” น่ะ เย็นชาเก่งงงงง

“ดีแล้วครับ คราวหลังระวังๆ ด้วยนะครับ อย่าโหมงานจนเป็นแบบนั้นอีกน้า เกิดเป็นอะไรขึ้นมาแล้วคนมารูดทรัพย์นี่เสียหายหลายแสนเลยนะครับ ผมเป็นห่วงนะเนี่ย” คมสันต์พูดพลางยิ้มแฉ่ง ยิ้มแบบที่อลันไม่เห็นนี่แหละ

“...” อลันไม่ตอบแต่หันหลังกลับมามอง คมสันต์ยิ้มค้างเพราะหุบยิ้มไม่ทัน แล้วยิ่งค้างขึ้นไปอีกเมื่ออลันใช้นิ้วเกี่ยวขอบเสื้อคอเต่าของเขาลง ดวงตาไร้อารมณ์ใต้แลนส์แว่นจับจ้องร่องรอยบนลำคอขาว แต่แค่จ้องขนก็ลุกซู่ขึ้นมา

“เอ่อคือ...” ต้องพูดไรไหม จังหวะนี้ต้องแบบ...อย่านะคุณจะทำอะไร! อย่างนี้ปะ ฮื่ออออไม่รู้ง่ะ

“ไม่ถามเรื่องเมื่อวานด้วยเหรอ” น้ำเสียงเย็นชาหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสวย คือเผลอมองตอนมันขยับน่ะ แล้วไอ้ความรู้สึกตอนที่ปากนั้นประกบลงมาก็ผุดขึ้นมาอีก อร๊ายยยย

“ระเรื่องเมื่อวาน..เอ่อ...มะไม่มีอะไรนี่ครับ” คมสันต์ก้มหน้าหลบสายตาจริงจังคู่นั้น เท้าทั้งสองเผลอถอยกรูจนแผ่นหลังแนบชิดกับโลหะเย็นเฉียบ อ่า...มึงเจอทางตันแล้วไอ้คมมมม

“ไม่มีเหรอ” ใบหน้าไร้อารมณ์เคลื่อนเข้ามาใกล้ คมสันต์สะดุ้งเฮือกเมื่อลมหายใจอุ่นเป่ารดใบหน้าของเขา แล้วนั่นก็ทำให้เขาเผลอหันมาสบเข้ากับสายตาดุดันราวกับนักล่าของอลันเข้าอย่างจัง

กรี๊ดดดดดด แม่จ๋าอลันจะลวนลามหนูอีกแย้ว!!!

“คะ...ครับอื้อ!” นั่นไง...ชอบหยุดคำพูดเขาด้วยปากจริงๆ เล้ยคนอะไร!

อลันขบเม้มริมฝีปากล่างและบนของคมสันต์สลับไปมา ขณะเดียวกันหว่างขาของคมสันต์ก็โดนเรียวขาของอีกฝ่ายแทรกเข้ามา ฮื่ออออ มันโดนคมน้อยน้าาา เรียวลิ้นช่ำชองเคลื่อนเข้ามาในริมฝีปากของคมสันต์มากขึ้นเรื่อยๆ จนแล้วจนรอดมันก็เข้ามาซุกซนอยู่ในปากของเขา อลันแย่งชิงลมหายใจของคมสันต์จนมันขาดห้วงเป็นพักๆ เขาต้องอาศัยจังหวะที่อลันขยับเปลี่ยนองศาปากโกยอากาศหายใจ น้ำลายสีใสไหลเยิ้มเบาๆ เพราะอลันดุเกินไป

“แฮกๆ...พะ...พอเถอะครับ” คมสันต์ใช้จังหวะที่อลันถอนริมฝีปากออกเพื่อจะเลียน้ำลายมุมปากดันอลันออกจากตัว

“จำได้บ้างหรือยัง” โอ๊ย คำถามนั้นเอาไว้ถามตัวเองเถอะคร้าบคุณอลัน คุณทำอย่างบ้าคลั่งขนาดนั้นหมาตัวไหนจะจำไม่ได้ฮื่อ

“ครับ” อะๆ จำได้ก็ได้ ยอมรับก็ได้ หน้าเน่อร้อนไปหมดแล้ว

“ดี” อลันขยับจับเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อยแล้วก็หันกลับไปยืนมองตัวเลขบนลิฟต์ มันใกล้ถึงชั้นล่างสุดพอดิบพอดี ราวกับอลันนับเวลาเอาไว้แล้วอย่างนั้นแหละ

คมสันต์เองก็ต้องจัดเสื้อผ้าของตัวเองด้วย มันยับยู่นิดหน่อยเพราะฝ่ายนั้นถึงเนื้อถึงตัว ถึงปากถึงลิ้นเลยคร้าบ ไอ้หนูตื่นหน่อยๆ ด้วยนะเนี่ย โอ๊ย ให้ตายเถอะ รู้งี้ยืนไปเงียบๆ ไม่ถามเพราะเป็นห่วงซะก็ดี! ไอ้คุณอลันบ้า!

____100%____

คุณอลันเขาอยากรื้อฟื้นความทรงจำให้น้อน กลัวน้อนจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา~ เห่อๆ รอยแดงยังไม่หายเลยคุณเอ๊ยยยย เขาคงลืมคุณหรอกคุณอลั๊นนนน
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ 40% [12/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 12-04-2021 21:55:42
ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ [40%]

คมสันต์ทนให้ตัวเองต้องใส่เสื้อคอเต่าอยู่ประมาณสองวัน สุดท้ายก็ไม่ไหว ต้องหาทางเอาร่องรอยแดงก่ำพวกนนี้ออกไปให้พ้นๆ ลำคอของเขา เพราะเสื้อคอเต่าเนี่ยมันโคตรร้อนเลย แล้วดูอากาศของประเทศไทยนะ หึ...เย็นจ๊าดดดด เย็นจนเหงื่อแตกพลั่กเลย ซึ่งเจ้าตัวก็ไปเอาวิธีที่ดูสิ้นคิดแต่ได้ผลมาใช้เช่นการเอาเหรียญมาขูด วันนี้เจ้าตัวจึงสามารถกลับมาใส่เสื้อเชิ้ตแบบปกติได้เสียที...

ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมานี้อลันได้หายไปจากการรับรู้ของเขา ไม่มีโอกาสได้เจอกันแล้วก็ไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด ไม่ต้องห่วงนะ คมสันต์เสียตัวให้อลันแต่คมสันต์ก็ไม่เสียใจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ...อ่าไม่บอกดีกว่า เอาเป็นว่าถึงเขาหลอกก็เต็มใจให้หลอกล่ะกันน้าาาาา

แบบว่า...มันแซ่บเอาเรื่องเลยง่ะ!

ชีวิตของคมสันต์ที่ปราศจากอลันนั้นเป็นเพียงชีวิตธรรมดา งานก็คือทำวนๆ ไปจนครบวันไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีทั้งหญิงหรือชายที่ไหนมาติดพันธุ์เจ้าเบต้าหน้าเด๋อคนนี้ทั้งนั้น ต่อให้คนอื่นชมว่าเขาดีอย่างนั้นอย่างดีแต่ก็ไม่เอาเขาทำหลัวสักคน และหลังจากหัวหมุนไปแปดกว่าชั่วโมงในที่สุดเขาก็ได้เวลากลับบ้านนนน

“เฮ้!” จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากทางซ้ายมือ คมสันต์ชะงักเท้าแล้วหันไปมอง ใครมันเรียกน้าาาา

“อ่าว เฮ้ยแต่วันเลยหรือไง” พอเห็นคนที่เรียกและสิ่งของที่วางอยู่เขาก็อดยิ้มไม่ได้ นี่เพื่อนเขาจะก๊งกันข้างบริษัทแบบนี้เลยเหรอคร้าบ

“นิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวก็แยกย้ายกันแล้ว มาๆ สักหน่อย” เพื่อนชูขวดสีน้ำตาลเข้มซึ่งข้างในบรรจุดของเหลวสีอำพันมีฟองมาให้

ด้วยความที่วันนี้ตั้งใจจะเดินทางกลับเองแบบไม่เอารถบริษัทกลับ คมสันต์ก็เลยเดินเข้าไปนั่งข้างเพื่อน พร้อมทั้งรับเอาเจ้าขวดนั้นมายกดื่ม ไม่ต้องสงสัยนะว่าหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อใกล้กับบริษัทก็ไม่มีที่ไหนขายแล้วล่ะ

คมสันต์เฮฮากับเพื่อนตามประสาชายหนุ่มที่เหนื่อยหน่ายกับการทำงานมาทั้งวัน พูดคุยเรื่องงานกันบ้างเล็กน้อย แค่เล็กน้อยนะ คุยเยอะเดี๋ยวเครียด ส่วนเรื่องที่ไม่เครียดก็คือเรื่องเกมนี่แหละ เข้ากันดีกับเพื่อนเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย แต่เอาจริงนี่ยังขาดเพื่อนเขาอีกคนที่ตอนนี้น่าจะโดนหลัวล็อกตัวไม่ให้ไปไหนง่ายๆ แค่จะไปดื่มกับเพื่อนช่วงสิ้นเดือนยังต้องขอแล้วขออีก มิหนำซ้ำยังต้องจำกัดเวลากลับด้วย ก็เงี้ย...มีหลัวขี้หวงก็เหนื่อยหน่อย

Rrrrrr!

ขณะกำลังดื่มอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ เสียงมือถือเจ้ากรรมก็ดันแผดร้องออกมากลางวง เพื่อนต่างหันมามองแล้วส่งสายตาประมาณว่างานเข้ามึงแล้ว เพราะไอ้สายแบบนี้นะ ส่วนใหญ่ลูกค้าโทรมาทั้งนั้นแหละ แต่พอหยิบมือถือมาดูกลับพบว่ามันเป็นเบอร์แปลกแฮะ

“สวัสดีครับ คมสันต์พูดสาย ไม่ทราบว่าผมกำลังเรียนสายอยู่กับใครครับ” คมสันต์รับสายอย่างเป็นทางการ ไม่ได้หรอก คนมันรักงานรักการก็ต้องรู้จักพูดจาดีๆ กับใครก็ไม่รู้ไปก่อน นี่ถ้าปลายสายถามหาป้าแต๋นนี่เหวอเลยนะ

(ผมอลัน) อุ๊ยยยย ไม่ใช่ป้าแต๋นวะ

“อ่า...ครับ คุณอลันมีอะไรหรือเปล่า” คมสันต์เดินหลบออกมาจากวงนั้นก่อนจะเอ่ยชื่อของอีกฝ่าย ไม่อยากให้พวกนี้มันเอาไปพูดอีกว่าอลันโทรหาเขา รำคาญจะฟังน่ะ

(คุณอยู่ไหน)

“ผมอยู่หน้าบริษัทนี่แหละครับ”

(จะกลับแล้วเหรอ)

“ใช่ครับ นี่นั่งดื่มกับเพื่อนๆ อยู่นิดหน่อยก็เลยยังไม่ได้กลับน่ะครับ คุณอลันล่ะมีอะไรหรือเปล่าถึงโทรหาผม” ตอนนี้คมสันต์ไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากโทรมาเรื่องงาน แค่ยังคิดอยู่ว่างานอะไรวะถึงต้องโทรมาหาเขาเนี่ย

(มาหาที่ห้องทำงานหน่อย)

“เอ๊ะ? แต่...โอเคครับ เดี๋ยวผมขึ้นไป” อยากกลับบ้านไปเล่นเกมแล้วนะ อะไรวะเนี่ย จู่ๆ ก็โดนเรียกขึ้นไปหาเฉย

คมสันต์เดินไปบอกเพื่อนว่ามีงานเข้าเล็กน้อย ซึ่งเพื่อนก็ถามแหละว่ามันจะไม่เป็นอะไรเหรอเพราะว่าเขาดื่มไปประมาณหนึ่งแล้ว คมสันต์ก็คิดในเรื่องนี้นะ แต่ก็คิดว่าอลันคงไม่ได้ใช้ให้เขาไปออกงานที่ไหนหรอกมั้ง คมสันต์เสี่ยงดวงเอาแหละ อีกอย่างก็บอกไปแล้วว่าดื่มอยู่กับเพื่อนๆ นิดหน่อยที่ข้างบริษัท

คมสันต์มาถึงชั้นที่อลันทำงาน ทั้งชั้นเงียบมากไม่มีใครอยู่เลย เขามองซ้ายมองขวานิดหน่อยเผื่อว่าจะเห็นใครสักคนแต่ก็ไม่ อย่าบอกนะว่ามีแค่อลันที่อยู่เนี่ย

“ขออนุญาตครับ”

“เข้ามา” คมสันต์เปิดประตูเข้าไปหลังเสียงของอลัน

“มีอะไรเหรอครับ” คมสันต์เดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของอลัน อีกฝ่ายคือปกติมากหรือเปล่า? ดูเหนื่อยๆ นะ

“อืม...ก็ไม่มีอะไรนักหรอก” อลันถอดแว่นออกแล้วนวดตรงระหว่างคิ้ว อืม...อยากบอกว่าเวลาอลันถอดแว่นแล้วสุดมาก หล่อลากสุดๆ

ใบหน้าของอลันมันหล่อเหลาชนิดที่เรียกว่าลูกรักพระเจ้ายังได้เลย โครงหน้าได้รูปรับกับดวงตาสีเขียวอมเทารีเรียวแต่คมกริบดั่งนักล่า เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนออกบลอนถูกจัดเซทให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าเรียบร้อยแบบไหนยามช้อนตาดุดันนั้นขึ้นมองเขามันถึงได้ดูกระชากใจอย่างไรชอบกลน้า

“คุณโอเคไหม คุณดูเหนื่อยๆ นะ” คมสันต์ตัดสินใจนั่งลงตรงข้ามกับอลัน ความเป็นคนดีอะรู้จักไหมคร้าบ

“ไม่รู้สิ ตาพร่าไปหมด”

“ไม่ไหวแล้วมั้งผมว่า ตาพร่าแบบนี้ต้องพักผ่อนนะคุณอลัน เนี่ย...คุณน่ะชอบฝืนทำงานอีกแล้วใช่ไหม ผมบอกแล้วว่าอย่าฝืนเยอะ พักผ่อนเยอะๆ บ้างไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีก”

“แล้วใครจะทำ” อลันสวนกลับทำเอาคมสันต์หุบปากฉับ อยากตอบว่าเขาทำให้ก็ไม่ได้ ทำไม่เป็นก็เลยไม่สามารถอาสาด้านนั้นได้ แล้วถ้าจะให้ใครมาทำแทนจะมีหน้าที่อย่างอลันไว้ทำไม

“มันก็ต้องคุณอลันทำนั่นแหละ แต่ผมก็อยากให้หาเวลาพักผ่อนไงครับ ผมก็เป็นห่วงน้า กลัวเป็นอะไรไปแบบคราวก่อนอีก” อันนี้พูดจริง เพราะไม่อยากให้อลันไปเป็นภาระใครหรอกนะถึงเป็นห่วงเนี่ย

“อืมๆ” อลันขานรับส่งๆ เอาแว่นสวมอีกครั้งแล้วทำทีเป็นมองงานตรงหน้า คมสันต์เห็นแบบนั้นก็แอบชะโงกหัวไปมองนิดหน่อย พอเจอสายตาดุๆ ก็กลับมานั่งนี่

เออ! พออยู่กันแบบนี้อลันไม่กดดันเขาแฮะ

“แล้วเรียกผมมามีอะไรให้ช่วยไหม คีย์งานอะไรงี้ ผมคีย์งานได้นะ ไม่เร็วมากแต่ก็ได้อยู่”

“ผมรู้สึกเพลีย” อ่าฮะ อันนั้นก็เห็นอยู่ แล้วไงต่อ เกี่ยวอะไรกับการเรียกเขามาวะครับ

“ก็แหงสิ คุณทำงานเยอะ ก็ต้องอ่อนเพลียเป็นเรื่องธรรมดา”

“แล้วผมก็รู้สึกจะขับรถไม่ไหว”

“ให้ผมเรียกแท็กซี่ให้ใช่ม้า จริงๆ ก็บอกเลขา...เอ่อไม่มีใครอยู่นี่เนอะ เอ้อ ไอ้ตอนที่โทรไปเมื่อครู่ก็น่าจะบอกผมนะ ผมจะได้โบกแท็กซี่ให้เลย” คมสันต์ตอบกลับฉะฉานชัดถ้อยชัดคำ อลันพูดมาปุ๊บนะตอบปั๊บ สมองแล่นดีมากเพราะแอลนิดหน่อย...ไม่สิเขาเก่งอยู่แล้วต่างหากหึหึ

“ไม่กลับแท็กซี่ ไม่ชอบ” อลันมองหน้าเขานิ่ง แล้วยังไง...ไม่ชอบกลับแท็กซี่? แล้วไงต่อ

“อืม...วินเตอร์ไซก์ ผมจำได้รางๆ ว่าที่พักคุณอลันอยู่ไม่ไกลมาก นั่นสินะครับ เวลานี้รถก็ติดอะเนอะ จะกลับแท็กซี่ก็คงติดแหง็กอยู่บนท้องถนนนานมากแล้วก็จะโดนค่ามิตเตอร์อีกเยอะโข” คมสันต์ใช้สมองเค้นความคิด “วินมอเตอร์ไซก์ใกล้ๆ มีเดี๋ยวผมเรียกให้ได้นะ แค่นี้เอง ผมเคยนั่งอยู่สองสามครั้งตอนไปหาลูกค้าใกล้ๆ เนี่ยอะครับ”

“ไม่!” เสียงอลันแข็งขึ้น ทำไมต้องเสียงแข็งใส่ด้วยง่ะ เขาผิดอะไรง่า....

“อ่า แล้ว...จะกลับยังไงล่ะครับ” คมสันต์จากที่กระตือรือร้นในการตอบก็หงอลง นั่งสงบเสงี่ยมเลยจ้า

“ไปส่งผมหน่อย” อ่าว...เฉยเลย

“ตะแต่..ผมดื่มจิ้ดหนึ่งนะ” ทำนิ้วให้ดูด้วยว่าจิ้ดหนึ่งเป็นยังไง

“แค่นั้นไม่เมาหรอกใช่ไหม ไปเถอะ ผมเพลียแล้ว” อลันไม่ว่าเปล่า ลุกขึ้นพร้อมหยิบข้าวของที่ถูกตระเตรียมเอาไว้

____[40%]____

อลันคิดถึงคมน้อยก็บอก แหมทำเป็นเพลียยยยย

สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะ (จริงๆ พรุ่งนี้แหละแต่พรุ่งนี้ไม่ได้อัป แฮ่) ช่วงนี้สถานการณ์โควิดระบาดหนักมากกกกก มากจนน่าตกใจเลยค่ะ นักอ่านต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ระมัดระวังมากขึ้น เดินทางไปไหนมาไหนก็ตรวจสอบเรื่องของแต่ละพื้นนิสสสนุงด้วยน้า เป็นห่วงจ้า
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ 40% [12/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-04-2021 07:04:00
ตามมมม
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ 100% [14/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 14-04-2021 19:46:59
ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ [100%]

เอ๊ะ เตรียมของไว้แล้วงั้นเหรอ แล้วเมื่อกี้ที่ทำท่าทำทางเหมือนมีงานอยู่คืออะไรนะ? อ๋อรู้แล้ว อลันคงเคลียร์งานที่ค้างอยู่เพื่อรอให้เขามาขับรถให้สิน้า งั้นก็แสดงว่าอลันตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วสิที่จะให้เขาขับรถไปส่งอลันน่ะ เอาจริงบอกกันตั้งแต่แรกหรือบอกก่อนเขาจะดื่มมันคงดีกว่า ผู้อ่านไม่เอานะ...ห้ามดื่มแล้วขับแบบที่เขาจะทำเพราะมันอันตรายจริงๆ นะ!

“คุณขับไม่ไหวจริงๆ เหรอครับ” คมสันต์ถามขึ้นหลังเดินออกมาจากห้องทำงานอลัน ก็อลันเดินปกติมาก เดินแบบไม่เหนื่อยไม่เพลียไม่อะไรเลย หรือว่าจริงๆ แล้วอลันก็แค่มีมาดในฐานะอัลฟ่ากันนะ

“ใช่สิ ผมไม่ไหว...ผมเพลีย ถ้าขับรถตอนที่รถติดแบบนี้คงหลับใน” อลันกล่าวเสียงเรียบ ความไร้อารมณ์ของอลันนี่คมสันต์นับถือเลย

“อ๋อๆ ผมเข้าใจแล้ว แต่กลับไปแล้วคุณต้องพักผ่อนนะครับ แล้วนี่กินอะไรหรือยัง หิวอะไรไหมครับ”

“จะกินคุณ”

“ฮะ? อะไรนะครับ...เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ถนัดเลย” ด้วยความที่เดินตามหลังก็เลยได้ยินสิ่งที่อลันพูดไม่ชัด คมสันต์รีบสาวเท้าเข้ามาใกล้เพื่อถามอีกครั้งว่าเมื่อกี้อลันพูดว่าอะไร

“บอกว่ายังไม่ได้กิน” อลันหันหน้ามามองสบตา เขารู้สึกได้ว่าสายตานั้นมันสื่ออะไรบางอย่างออกมาแม้ว่ามันจะยังนิ่งงันเหมือนไม่รู้สึกอะไรเช่นเดิมก็ตาม

“งั้นหาอะไรกินก่อนไหมครับ”

“ไม่”

“โอเคๆ” ไม่ก็ไม่ เรื่องเยอะจังโว้ยคุณอลัน แดกหัวแม่ม

คมสันต์ทำหน้าทำตาแบบอยากจะกินหัวอลันอยู่ข้างหลังอลัน คือถ้าอลันมีตาหลังนี่คมสันต์ตายคาเท้าของอีกฝ่ายแน่นอน แต่ไม่ต้องห่วงครับ อลันเป็นคนสี่ตาที่ไม่มีตาหลัง ฮ่าๆ

อลันนำไปยังรถของตน คมสันต์จำได้แหละว่ารถอลันน่ะคันไหนเพราะเคยเห็นตอนที่อลันเป็นลมล้มไป พอมาถึงอลันก็โยนกุญแจรถให้เขา จากนั้นเดินไปนั่งข้างคนขับอย่างสบายใจเฉิบ ส่วนไอ้คนเลิกงานแล้วต้องมารับจ๊อบไม่ได้เงินก็ประจำที่คนขับไป เขาแอบหันไปมองอลันที่คาดเข็มขัดได้ก็หลับตา

เฮ้อ...คนอะไรดูน่าเป็นห่วงขนาดนี้

คมสันต์แค่รู้สึกว่าเวลาที่อลันเอนหลังพักสายตาแบบนี้อลันก็ดูเหนื่อยดูอ่อนล้าแปลกๆ ถึงจะไม่ได้สนิทกันแต่ความรู้สึกบางอย่างมันบอกกับเขาแบบนั้น คมสันต์เอื้อมมือไปตรงแอร์รถ ขยับมันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มันเป่าโดนหน้าอลันตรงๆ กลัวจะหายใจไม่สะดวกแล้วก็เดี๋ยวเป็นหวัดเอา ยิ่งคนที่พักผ่อนน้อยร่างกายยิ่งอ่อนแอ อลันดูเป็นคนคนนั้นในเวลานี้เสียด้วย

กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงที่หมายท้องฟ้าก็มืดมิดไปแล้ว ไอ้ที่ตั้งใจจะกลับบ้านไปเล่นเกมนี่พักก่อนเลย ถึงบ้านอีกทีกี่โมงยังไม่รู้ แล้วเมื่อกี้นี้เขาก็แอบแวะซื้อของกินมาด้วย เป็นร้านโง่ๆ แหละแต่กินได้แล้วอาหารก็ผ่านมาตรฐานอยู่

“ถึงแล้วครับคุณอลัน” ปลุกเบาๆ ค่อยๆ สะกิด ไม่ใช่ไรนะ กลัวอีกฝ่ายตกใจแล้วต่อยสวนหน้าเขาอะสิ

“อืม..” อลันครางเบาๆ ปรือตามองรอบด้าน

“ผมซื้อข้าวมาเผื่อด้วย คุณอลันถึงห้องแล้วอย่าลืมกินนะครับ ถึงจะเป็นอาหารโง่ๆ ที่แคลสูงไปหน่อยก็เถอะ ผมไม่รู้จะซื้ออะไรให้ดี แต่อย่างน้อยกินบ้างก็ดีครับ”

“อืมๆ” อลันพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูลงไป

คมสันต์เก็บข้าวของของตัวเองเพื่อจะลงตามอลันไป ส่วนไอ้ของอลันนี่เขาไม่ยุ่ง รอบก่อนมาส่งก็มาส่งแค่หน้าเพนเฮ้าส์ ไม่ได้เข้าไปข้างใน อีกอย่างไม่ได้ขับรถ เดินขึ้นไปเองก็ได้อยู่แหละ

ปั๊ง!

“เฮ้ยยย!” ขณะที่คิดว่ามีอะไรตกหล่นไหม คมสันต์ก็สะดุ้งเฮือกเพราะมีเสียงอะไรไม่รู้กระแทกตัวรถ และเมื่อมองตามเสียงก็เห็นอลันค้ำตัวรถด้วยสภาพไม่สู้ดี

โอ๊ยยยย งานของไอ้เบต้าคนนี้แท้น้อว คมสันต์ทิ้งของทั้งหมดแล้วรีบลงจากรถไปอย่างร้อนใจ ก็อลันดิ ลุกยืนได้ไม่เท่าไหร่ก็วูบไป เสียงมือกระแทกกับรถดังลั่นเพราะอลันรีบคว้าไว้กันล้ม คมสันต์วิ่งไปประคองอลัน มองหน้าอีกฝ่าย สีหน้าอลันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปแต่คิ้วทั้งคู่กลับขมวดมุ่นราวกับทรมาน

“คุณไม่ไหวหรอก ผมเดินไปส่งดีกว่านะ”

“ไม่เป็นไร”

“เป็นดิ เป็นมากเลย คุณยืนได้แป็บเดียวคุณก็ล้มแล้ว นี่คุณอาการไม่น่าไว้วางใจสุดๆ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่ห้องแล้วก็เดี๋ยวรอคุณกินข้าวก่อนค่อยกลับ ดีไหมๆ” ยื่นข้อเสนอให้สุดใจเลยนะเนี่ย กลัวเป็นอะไรกลางทางแล้วรู้สึกผิดชะมัด

“อืม”

เอ๊ะ...ทั้งที่อลันตอบอืมปกติ แต่ทำไมเมื่อกี้เหมือนเห็นอลันยิ้มวะ? ไม่มีไรหรอกเนอะ ตาลายแหละ ตาลายตาพร่าตามัวตาอะไรก็ช่างมันเถอะครับ!

คมสันต์คนดีรีบไปเอาข้าวของจากในรถ ทั้งของอลันและของของตัวเอง ไม่ลืมข้าวที่ซื้อมาให้อลันหรอกนะ เมื่อของทั้งหมดกองอยู่บนแขนและบ่าของคมสันต์ เขารู้สึกเหมือน...เป็นเบ๊อีกแล้ว เหมือนเหตุการณ์คล้ายนี้จะเคยเกิดขึ้นตอนที่อลันเป็นลมครั้งนั้นเลยแหะ ตอนนั้นก็แบกเอาของสารพัดสิ่งของอลันไปโรงพยาบาลด้วย แต่มันไม่ลำบากเท่านี้เพราะตอนนั้นแค่เอาของกับร่างของอลันเข้ารถเอง

ได้ของครบปุ๊บก็เดินมาให้อลันกอดคอเพื่อพยุง มือที่ไม่ว่างพยายามประคองเอวของอลันเอาไว้เพราะกลัวอลันจะไม่ไหวแล้วล้มลง ขืนล้มโดยที่เขาไม่จับเอวอีกฝ่ายไว้นี่อลันกองกับพื้นแน่ๆ แต่ถ้าอลันล้มแล้วรั้งเขาลงไปด้วย...อ่าไม่ล้มไปด้วยกันเขาก็จับอลันไว้ได้แหละเนอะ

การรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก แถมยังต้องมีคีย์การ์ดเฉพาะเท่านั้น เข้าไปในลิฟต์แล้วเอาคีย์การ์ดแตะ ลิฟต์ก็พาทั้งคู่ไปยังชั้นที่อลันอาศัยอยู่ ตอนแรกน่ะคมสันต์คิดว่าพอมาถึงชั้นแล้วจะเจอกับห้องเรียงรายสองข้างทาง แต่ปรากฎว่ามันเป็นห้องทั้งห้องของอลันเลย!

ป๊าดดดดด รวยไปไหนพ่อคุณ

“นั่งก่อนน้า เดี๋ยวผมไป...” มองซ้ายมองขวา ไปไหนดีวะกู “ห้องครัวไปทางไหนครับ”

“...” อลันไม่ตอบ แต่มองคมสันต์ที่ยืนรอคำตอบ

“เอ่อ...หน้าผมมีอะไรหรือเปล่า เฮ้ยยยยยย!!!” ร่างคมสันต์โดนกระชากอย่างแรงในจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัวเป็นอย่างยิ่ง

อลันที่มีท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมันหายไปไหน แล้วไอ้อลันที่กำลังคร่อมร่างของเขาอยู่นี่มันคืออะไรกัน คมสันต์มองหน้าอลันอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้ยังไม่มีแรงจะเดินอยู่เลย เอาแรงที่ไหนมาเหวี่ยงร่างของเขาขึ้นโซฟาแบบนี้วะ

“ไม่กินข้าวเหรอครับ” คมสันต์ทำใจกล้าถามออกไป ซึ่งอลันก็ตอบเขาด้วยการถอดแว่นออกก่อนจะค่อยโน้มหน้าเข้าหา

“กินสิ”

“งั้นลุกไปกินข้าวกันครับ” ยิ้มสู้เสือ ยิ้มเว้ย ไอ้คม...กูต้องรอด!

“กินคุณอะ”

“อึ้ก!” พูดไม่ออก...บอกไม่ถูก กระอักกระอ่วนอยู่ในใจเบาๆ เมื่อถูกอัลฟ่าบอกว่าจะกิน

คือมันก็รู้สึกว่าต้องต่อต้านนะ รู้สึกว่าควรจะเอิ่ม...ใช้กำลังเพื่อหนีจากเงื้อมือของอลัน แต่ว่าพออลันยืดตัวเพื่อปลดกระดุมเสื้อตัวเองแล้วมันก็แบบ อืม...อ่าห์....อลันยังขยับสะโพกเบาๆ ถูกไถคมน้อยในกางเกง สายตาเขามันจับจ้องการกระทำของอีกฝ่ายที่อยู่บนร่างของตัวเองแบบไม่วางตา แสงสลัวที่อลันเปิดเอาไว้ตกกระทบกับร่างกายสมส่วนได้รูป อลันยามนี้น่าหลงใหลสุดๆ คมสันต์รู้สึกเหมือนกับโดนมนตร์สะกดให้แน่นิ่ง ยิ่งประสานสายตากับอลันเขายิ่งเคลิบเคลิ้มไปในภวังค์

ฮื่อ...แม่จ๋า...หนูยอมเค้า!!!

“ยะอย่าทำรอย...ที่คอนะครับ” พออลันโน้มใบหน้าเข้ามาที่ซอกคอ คมสันต์ก็รีบร้องบอกทันทีเพราะเขาไม่โอเคกับการต้องมาปกปิดร่องรอยพวกนั้นแล้ว

“ไม่ชอบเหรอ” เสียงอลันยามนี้เซ็กซี่ขยี้ใจฉิบ...หาย ยอมรับเลยว่าน้องตื่นเต็มตาเพียงเพราะเสียงของอลันมันกระเส่าอย่างบอกไม่ถูก แล้วพูดจริงนะ ถ้าอลันบอกกจะทำรอยบนคอเขาด้วยเสียงนี้เขาก็ยอมแน่เลยง่า ไม่น้าาาาา

“คะคือมันเด่นไป” ปากของอลันแนบลงที่ลำคอ ความเสียวซ่านแล่นปลาบขึ้นตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหัว แม่เจ้า แค่ปากนะเนี่ย

“แล้วมันยังไง” โอ๊ย นี่ไม่เข้าใจคำว่ามันเด่นไปหรือยังไง เดี๋ยวปั๊ดทำรอยคืนเลยหนิ

“ก็แค่มันอื้อ...เด่น” อย่ากัดคร้าบ อย่าดูดด้วยงื้อออออ

“ก็ได้” สิ้นสุดคำว่าก็ได้แบบเย็นชาแต่เซ็กซี่ คมน้อยก็อยู่ในอุ้งมือของอลัน...

“ฮะ...อื้ออ๊ะ บะเบาหน่อยอ๊า...” ราวกับว่าคำว่าเบานั้นไม่เคยมีอยู่ในหัวขออลัน

มันเป็นอีกครั้งที่คมสันต์ต้องนอนหัวสั่นหัวคลอนอยู่ใต้ร่างอันเซ็กซี่เร้าใจของอลัน แล้วมันก็เป็นอีกครั้งที่คมสันต์ทำได้แค่โกยอากาศเข้าปอดหนักๆ ซ้ำแล้ว...ซ้ำเล่า

มันจะหักไหมน่อวววว ในใจได้แต่คร่ำครวญคำถามนี้เป็นพักๆ แต่เอาเข้าจริงมันจะหักหรือไม่หัก ณ เวลานี้คมสันต์ก็ไม่ใส่ใจอะไรแล้วล่ะ แถมรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นตนเองกำลังอยู่เหนืออลันและเป็นผู้คุมเกมนี้ไปเสียแล้ว...

กว่าอลันจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระจากกิจกรรมเข้าจังหวะก็ปาไปเที่ยงคืน...เที่ยงคืนอีกแล้ว...หมดแรงไปหมดแล้ว...ไม่ไหวแล้วแง! อยากร้องไห้ อยากงอแง อยากบอกว่าหนูปวดไอ้จ้อนแล้วนะ แต่ทำได้แค่เบะปากเงียบแล้วงอแงในใจคนเดียว ส่วนเจ้าตัวการอะลุกเดินปล๋อไปทางอื่นเรียบร้อย ทิ้งให้เขานอนอยู่กับคราบน้ำที่มีสิ่งมีชีวิตมากมายมหาศาลจนนับไม่ถ้วน แล้วมันก็ไม่ใช่ของคมสันต์คนเดียวเสียด้วยสิ

เสียงสายน้ำดังแว่วๆ มาจากทางหนึ่งของที่พัก ซึ่งคมสันต์บอกไม่ได้หรอกว่ามันตรงไหนอะไรยังไงเพราะว่ามันปิดไฟมืด แล้วมันก็กว้างและใหญ่มาก ที่แน่ๆ เขาว่าอลันต้องไปอาบน้ำ ส่วนเขาน้าน...ไปอาบที่บ้านเถอะ

เอ้าฮึ้บ! คมสันต์ให้กำลังใจตัวเองในการลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าที่กองๆ อยู่ตรงพื้นหินอ่อน โชคยังดีที่ตรงนี้มีทิชชู่ด้วยนะ ไม่งั้นล่ะเน่าแน่นอน ระหว่างเช็ดไปก็เช็กไปด้วยว่ามีตรงไหนที่เป็นรอยมั้ง อืม...สงสัยต้องถามว่าตรงไหนที่ไม่เป็นรอยล่ะมั้งเนี่ย อย่างน้อยที่คอก็ไม่น่ามี เพราะรอบนี้อลันไม่ค่อยป้วนเปี้ยนกับคอของเขา มีแต่เขาที่ไปป้วนเปี้ยนแทน แฮ่!

พอแต่งตัวเสร็จคมสันต์ก็เอาข้าวที่ซื้อมาให้อลันออกจากถุง จริงๆ ตอนแรกอยากจะหาจานชามมาใส่ให้มันดีๆ อยู่นะแต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน จะให้เดินสุ่มหาตามทางมืดๆ ก็เกรงว่าจะเจอผีแทนเจอจานหรือห้องครัว อีกอย่างเดินไปมั่วซั่วเจ้าของเขาจะไม่พอใจเอาได้ ดีที่อาหารมันมีภาชนะกระดาษใส่อยู่ กินได้เลยต้องใส่จานหรอกเนอะ

แต่เห็นแล้วอยากกินมั้งง่ะ ฮื่ออออ คมสันต์มองเจ้าไก่แซ่บในถ้วยกระดาษแล้วท้องก็ร้องโครกคราก ต้องเข้าใจว่าเขาพลังงานไปเยอะมาก คิดดูนะว่าทำกันไปกี่ท่า เอ๊ย กี่ชั่วโมง ตั้งแต่ประมาณทุ่มกว่ายันนี่เที่ยงคืนนะครับผม อีกไม่นาทีก็จะเข้าตีหนึ่งด้วย โห ไม่อยากจะคิดเลยว่ากลับบ้านตอนนี้ได้นอนตอนไหน

“ทำอะไร” เพราะมัวแต่จ้องข้าวตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อลันก็เลยทักเพราะมันดูตลกละมั้ง คมสันต์คิดว่างั้น

“ผมเตรียมข้าวให้ครับ ผมแวะซื้ออันนี้มา ไม่แน่ใจว่าคุณจะโอเคไหมแต่ว่ามันก็รองท้องได้ แต่ก็ดีเลยตอนนี้คงสั่งอาหารจากไหนไม่ได้แล้วด้วยเนอะ” คมสันต์หันไปทางอลันที่ใส่เพียงผ้าขนหนูพันเอว นี่ขนาดไม่ได้เปิดไฟยังเห็นความขาวออร่าเลยบร๊ะเจ้า

“แล้วของคุณล่ะ” อลันเดินเข้ามาใกล้ แตะอะไรสักอย่างตรงโต๊ะข้างโซฟาไม่รู้ จู่ๆ ไฟตรงห้องนี้มันติดขึ้น คมสันต์นี่หลับตาให้ไวเลย ตาปรับแสงไม่ทันโว๊ยยยคุณอลัน!

“ผม..ผมไม่ได้ซื้อของผมมา กะว่าให้คุณเอามากินที่ห้องเองน่ะครับ แล้วผมก็จะกลับไปกินข้าวบ้าน” ค่อยๆ ปรับสายตาแล้วมองอลัน เจ้าตัวนั่งอยู่ข้างเขาแล้วสิ่งที่ดึงดูดสายตาดันเป็นรอบๆ ที่อลังการงานสร้างจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคอนโด เอ๊ะ...ไม่สิเพนเฮ้าส์ มันต้องหรูแหละเนอะๆ

“กินด้วยกันสิ”

“ไม่ดีกว่า คุณอลันกินเถอะครับ เดี๋ยวตอนขากลับผมแวะหาอะไรกินที่เซเว่นก็ได้ คุณกินให้อิ่มดีกว่านะครับเสร็จแล้วก็รีบพักผ่อน มันดึกแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ไหว” คมสันต์เลื่อนเจ้าถ้วยข้าวมาตรงหน้าอลัน แต่อลันกลับมองแต่หน้าเขา ทำไม...มันไม่น่ามีอะไรติดนะ หรือน้ำนั่นมันติด ไม่น้าาา

“จะกลับเหรอ?”

“ครับ กลับได้ โบกแท็กซี่กลับปื้ดดดดเดียวถึงเลย”

“นอนนี่ได้นะ” คมสันต์หันมองหน้าอลันอย่างไว ซึ่งเจ้าตัวกลับก้มไปให้ความสนใจกับข้าวซะอย่างนั้น แต่ก็...รู้สึกดีนะ เหมือนอลันเป็นห่วงเลยง่ะงื้อ

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับได้ คุณรีบพักผ่อนนะ นอนเยอะๆ สมองจะได้โล่งโปร่งสบายยยยย” ทำท่าทางประกอบด้วยการภายมือออกไปในอากาศ อลันหันมาแล้วมองเหมือนมองคนบ้า คมสันต์ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ให้

“อืมๆ กลับดีๆ”

“ครับ ฝันดี” คมสันต์ยิ้มหวานแป้นแล้นให้อีกครั้ง แล้วก็เก็บข้าวเก็บของออกจากห้องอลัน

หึ...พ้นห้องอลันก็อยากร้องไห้เพราะว่ามัวแต่ห่วงเขาตัวเองจะตายแล้วโง้ยยยยย

____[100%]____

น้อนคมต้องเข้าใจนะว่า อาหารไหนๆ ก็ไม่อร่อยถูกใจคุณอลันเท่าอาหารที่ชื่อคมสันต์อะ อิอิ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ 100% [14/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-04-2021 08:15:59
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ 100% [14/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 17-04-2021 12:06:18
ไม่รู้ว่าจะสงสารน้องคมดีไหมนี่ :z1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 2 : คมสันต์ผู้ซื่อจนบื้อ 100% [14/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-04-2021 00:03:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 3 : คมสันต์ผู้กลายเป็นของหวาน 40% [19/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 19-04-2021 18:58:47
ตอนที่ 3 : คมสันต์ผู้กลายเป็นของหวาน [40%]

“แกๆ แกเห็นที่คอคุณอลันปะ...เห็นปะๆ” สาวคนหนึ่งกระซิบกระซาบกับเพื่อน ท่าทางระริกระรี้ที่ดูแล้วตลกนิดหน่อย

“เฮ้ยยยยย ฉันเห็นแแก ตายจริง เขาไปนัวกับใครมานะ คนนั้นนี่ต้องเป็นอัลฟ่าชั้นสูงๆ แน่เลย” เป็นเบตาหน้าโง่คนนี้เองครับ คมสันต์อยากบอกมากแต่ทำได้แค่เงียบแล้วทำเป็นไม่ได้ยินสาวๆ นินทากันทั้งที่หัวหน้าอย่างเขากำลังเซ็นเอกสารให้อยู่

“คุณคมพอจะรู้อะไรไหมคะ แบบว่า...เพื่อนคุณคมก็เป็นคู่ท่านประธานอะ” เพื่อนเป็นคู่กับประธานแล้วเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ เอ้อ ถามไม่คิด สมองมีไว้คั่นหูแน่ๆ เลยล่ะ

“ผมไม่ทราบเลยครับ” อะยิ้มมม ยิ้มตอบแบบใสๆ ไม่รู้ไม่เห็นทั้งที่เป็นคนทำด้วยปากตัวเองนี่แหละ

“คุณอะ ถามเพื่อนให้หน่อยสิคะ” ใส่ใจเนอะ ไม่ใช่เรื่องตัวเองเนี่ยใส่ใจเก่งงงง

“มันคงไม่เหมาะที่จะถามมั้งครับ คุณอลันกับเพื่อนผมเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน”

“แต่ท่านประธานเกี่ยวกับคุณอลันแน่ๆ ให้เพื่อนคุณถามท่านประธานสิคะ นะคะๆ คุณคม” โถคนเรา ใส่ใจควรมีขอบเขตน้า อันนี้เกินละเกิน อยากไล่ให้ไปใส่ใจเรื่องตัวเองจริงๆ เลยให้ตาย

“พอดีผมไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นน่ะครับ ถ้าอยากถามผมว่าไปถามเองดีกว่า” เข้าใจไหม...คำว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านน่ะเฮ้ย โบกกะโหลกแตกเลยปั๊ดๆ

“แหม...คุณคมอ่า” ไม่ต้องมาบิดกระมิดกระเมี้ยน ไม่เห็นใจไม่สนใจด้วย

“อะ” คมสันต์ยื่นเอกสารที่เซ็นเสร็จให้ “รบกวนตรวจทานดีๆ ก่อนนำเสนอลูกค้านะครับ ลูกค้าที่คุณดูแลอยู่เคลมมาสองครั้งแล้วถ้ามีครั้งที่สามผมคงต้องออกใบเตือนนะ”

“เอ่อ...คุณคมอย่าใจร้ายสิคะ” สาวเอที่รับเอกสารคนแรกงอแง เธอวางงานลงแล้วเดินเบียดเพื่อนเพื่อมาเกาะแขนของคมสันต์ เอาหน้าอกดันแขนงั้นงี้ แต่คมสันต์ก็ดึงออกทำให้เธอต้องยืนหน้าบูดบึ้ง

“ส่วนอันนี้โอเคแล้วนะครับ แต่ก็ฝากเน้นเรื่องล็อตที่ผลิตนิดหนึ่ง ขอให้ตรงกันเอกสารที่เสนอลูกค้าหน่อยนะ” คราวนี้คมสันต์ส่งเอกสารให้สาวบี ขี้เกียจเรียกชื่อ...ตัวประกอบไม่อยากจำ

“ก็แค่ล็อตที่ผลิตเอง ไม่ได้คลาดเคลื่อนมากก็ไม่เห็นเป็นอะไรหนิคะ ยังไงก็ผลิตเดือนเดียวกันอยู่ดี” อะแล้วดูพูด บอกแล้วให้ใส่ใจเรื่องตัวเองน่ะ ใส่ใจแต่เรื่องคนอื่นแล้วทำงานไม่ได้เรื่อง

“ไม่ได้ครับ” คมสันต์ยิ้มหวาน “เรื่องพวกนี้สำคัญมากคิดว่าตอนฝึกงานคงได้เรียนรู้ไปแล้ว และเหมือนกันทั้งคู่ ถ้างานยังเป็นแบบนี้ผมก็จำเป็นต้องออกใบเตือน ผมว่าตั้งใจทำงานอีกนิดดีไหมครับ งานไม่มีปัญหาพวกคุณก็ไม่มีปัญหาไปด้วย

“อ่า...” สองสาวมองหน้ากัน แล้วต่างก็พยักหน้ารับ

“ค่ะ/ค่ะ” แล้วก็ออกไป...สักที!

เอ้อเว้ยพูดมาได้ล็อตผลิตที่ส่งกับในเอกสารไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไรงี้ บ้าหรือเปล่า นี่ไม่เอาเรื่องก็ดีเท่าไหร่แล้ว อีกคนนี่ก็อะไร เอกสารพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ลูกค้าส่งคำร้องเรียนมารอบแรกนี่ก็ว่าแย่แล้วนะ ส่งมาสองรอบ แล้วก็เตือนทุกรอบที่ส่งมาแต่ก็ไม่ใส่ใจ เนี่ยคอยดูนะ พอทำอะไรลงไปก็จะไปพูดว่าเขาเป็นหัวหน้าที่ใจร้าย ทั้งที่เป็นเบต้าแต่วางอำนาจบลาๆ จะทำหน้าที่ไหนก็โดนนินทาจริงๆ

คมสันต์เอาหน้าจุ่มแก้วเยติสีขาว งับหลอดโลหะแล้วดูดเอาน้ำสตรอว์เบอร์รี่ที่มีรสชาติเปรี๊ยวอมหวาน ตาหลับพริ้ม...อ่าห์ รู้สึกดีขึ้นหน่อย ต้องขอบคุณเจ้าน้ำนี่ที่ทำให้เขารู้สึกฟื้นขึ้นมาได้บ้างหลังจากต้องหงุดหงิดจากพวกสาวๆ อะไรก็ไม่รู้พวกนั้น

แต่เอ...เขาทำรอยบนคอของอลันเหรอ กรอกตาครุ่นคิดแป็บ เขาว่าเขาแค่ป้วนเปี้ยนไปนิดเดียวเองนะ ไม่น่าเป็นรอยปะ หรือเป็นโดยที่เขาไม่รู้ตัววะ แบบจังหวะที่กำลังดุเดือดเลือดพล่านแล้วเผลอทำไปแบบไม่รู้ แต่อลันไม่คิดจะปกปิดมันหน่อยหรือยังไง

คิดไปคิดมาก็ดันหน้าแดง! ก็ภาพที่อลันผู้เย็นชาคนนั้นเดินไปไหนมาไหนด้วยชุดสูทที่แสนหล่อเท่ แต่มีรอยแดงจางๆ ตรงลำคอขาวผ่องนั้นมันเซ็กซี่ยังไงบอกไม่ถูก ยิ่งนึกถึงสายตาเย็นชาทว่าเร่าร้อนเมื่อคืนก็ยิ่งเขิน เอ๊ย...ดูดน้ำแก้เขินแป็บ!

คมสันต์พยายามดึงสติตัวเองออกมาจากภาพของอลันเมื่อคืนนี้ หรือต้องบอกว่ามันมีของคืนนี้และคืนนู้น เอ๊ะ...นับเป็นทุกครั้งที่อลันทำกับเขาดีล่ะ พอๆ ไม่ดี เลิกคิด เลิกๆ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาคิดขณะที่กำลังนั่งเคลียร์งานกองโตบนโต๊ะของตัวเองเด็ดขาด เพราะมันจะส่งผลไม่ดีต่องานที่กำลังทำ ถ้าถามว่ามันมีผลไม่ดียังก็ต้องตอบแบบตรงไปตรงมาเลยว่า...มันทำให้เขามีอารมณ์!

ตบหน้าตัวเองเบาๆ สักทีสองทีแล้วตั้งสมาธิกับงาน ไอ้ข้างล่างที่ตั้งนิดๆ เดี๋ยวมันก็นอนได้เองโดยที่ไม่ต้องไปทำอะไรมัน มาถึงตรงนี้คนคงเริ่มคิดแล้วว่าไอ้นี่มันก็หื่นเนอะ วัยหนุ่มอะเนาะ ฮอร์โมนมันยังพลุ่งพล่านเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งไม่ค่อยได้อิ่มหนำสำราญกับเรื่องอย่างว่าจนกระทั่งมาเจออลันด้วยแล้วบอกเลยว่า...มูฟออนเป็นวงกลมเลยครับ

ไลน์!

เสียงไลน์เจ้ากรรมดังขึ้นขณะที่คมสันต์กำลังตั้งใจอ่านเอกสารเพื่อทบทวนความถูกต้อง แล้วไลน์นี้ก็เป็นไลน์ส่วนตัวของเขาด้วย คมสันต์จะแยกเสียงแจ้งเตือนของไลน์ออกเป็นสองเสียงเพื่อให้รู้ว่าเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว จริงๆ มาคิดดูแล้วเบอร์ที่อลันโทรหาเมื่อวานก็เป็นเบอร์ส่วนตัว แต่เพราะคมสันต์รีบรับเลยไม่ได้ดูว่ามันเรียกเข้ามาซิมไหน

[Alan : ผมหิว] คมสันต์อ่านข้อความสั้นๆ วนไปมาอยู่หลายวินาที ชื่อที่ส่งข้อความมาก็เป็นชื่อที่ไม่ต้องถามแล้วว่าใคร แล้วคงไม่ต้องคิดเพิ่มเติมด้วยว่าเอาไลน์เขามาได้ยังไงในเมื่ออลันนั้นมีเบอร์โทรของเขา

[Alan : ซื้ออะไรมาให้ผมหน่อย ผมไม่มีเวลากินเลยตั้งแต่เช้า] อีกข้อความตามมาติดๆ แล้ว...ไม่ให้คนอื่นไปซื้ออะ มาสั่งเขาทำไมเนี่ย คนเขามีงานมีการทำนะเฟ้ย แล้วเนี่ยก็ลูกจ้างไม่ได้เป็นเมียเจ้าของบริษัทที่จะอยู่เฉยๆ ก็มีเงิน แต่เอ๊ะ...อลันก็มีสิทธิ์ใช้เขาหนิ

[Alan : ผมรอนะ ขอด่วน...หิวมาก] หิวมากทำไมไม่สั่งล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานละครับฮัลโหล!

[คม : สักครู่นะครับ] บ่นไปมากมายก่ายกอง สุดท้าย...ก็ยอมเขา ปั๊ดโธ่วไอ้คมเอ้ย!!!

คมสันต์เกาหัวตัวเองเบาๆ แต่ก็ลุกเก็บข้าวเก็บของให้เข้าที่ทางก่อนจะเดินออกจากห้องตัวเอง ระหว่างที่ออกมาก็สั่งลูกน้องไว้ว่าเขาไม่ว่างสักพักนะ มีอะไรก็วางเอาไว้ให้ที่โต๊ะจะรีบกลับมาเคลียร์ให้ไวที่สุด ซึ่งเอาจริงๆ ช่วงบ่ายนิดๆ แบบนี้นี่งานเยอะใช้ได้เลยล่ะ เป็นไปได้คมสันต์ก็อยากอยู่เคลียร์งานของตัวเองมากกว่าจะไปหาอะไรให้อลันกิน

ว่าแต่อลันชอบหรือไม่ชอบกินอะไรนะ? คมสันต์ครุ่นคิดขึ้นมาช่วงที่อยู่ในลิฟต์ ตั้งใจจะลงไปที่ห้องอาหารของบริษัท ที่นั่นน่าจะตอบโจทย์สุดแล้วในเวลาแบบนี้ อาหารราคาไม่แรงแล้วก็ได้เยอะด้วย คิดไปคิดมาก็ทักหาอลันว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม แต่ทางนั้นกลับตอบมาแค่ไม่ ‘ไม่’ จ๊ะ คำเดียว สั้นง่ายแล้วก็เครียดด้วย ภาระกระผมเลยเนี่ย ชอบไม่ชอบอะไรก็บอกมาหน่อยไม่ใช่ตอบแค่ว่าไม่! ใครมันจะไปตรัสรู้ได้ล่ะเนี่ย

งั้นเอางี้...

“ป้าครับ เอาข้าวขาหมูพิเศษแบบเพิ่มข้าวเพิ่มหมูเพิ่มไข่ไปเลยครับ” กินของชอบเขาไปล่ะกันน้าคุณอลัน

“คุณคมยังไม่อิ่มอีกเหรอคะเนี่ย” ป้าขายข้าวขาหมูทัก เพราะว่าเขาก็เพิ่งมากินเมื่อเที่ยงนี่เอง

“ซื้อให้คนอื่นน่ะครับ”

“อ๋อ ได้เลยจ้า”

ข้าวขาหมูซุปเปอร์พิเศษถูกส่งมาให้คมสันต์ พร้อมกับที่เงินของคมสันต์นั้นหายออกจากกระเป๋าไปแปดสิบบาทถ้วน แล้วไหนๆ ก็ซื้อข้าวให้แล้วเลยซื้อน้ำหวานไปให้ด้วยเลย เป็นแค่น้ำชาเย็นโง่ๆ ใส่แก้วนี่แหละ ยี่สิบบาท หมดหนึ่งร้อย นี่ดีนะที่เขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินเหมือนเพื่อนเขาเมื่อก่อน ไม่งั้นนี่งอแงตายเลยนะเรื่องเงินหายออกจากกระเป๋าหนึ่งร้อยบาทเนี่ย

เดินมาจนถึงห้องของอลัน เลขาหน้าห้องก็เชิญให้เขาเข้าไปได้เลย เขายิ้มให้เธอด้วยความรู้สึกที่ว่าไอ้เลขาหน้าห้องนี่มันใช้ซื้อข้าวไม่ได้เหรอวะ ทำไมต้องเป็นเขาที่มีงานมีการต้องทำ อีกอย่างให้เลขาสั่งมันก็แค่แป็บเดียว หรือควรสอนให้อลัยใช้แอพพลิเคชั่นในการสั่งอาหาร หิวเมื่อไหร่ก็จิ้มๆ แป็บเดียวถึงมือเลย

“ข้าวมาแล้วคร้าบ” เปิดประตูปุ๊บส่งเสียงปั๊บ อลันเงยหน้าจากคอมมองด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือรอยแดงๆ บนลำคอ ฮ่าๆ นี่ไง...เย็นชาดีนักเขาเลยซื้อชาเย็นมาให้!

“...” อลันไม่พูดอะไร คมสันต์เลยเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามอลัน วางกล่องข้าวที่มีกลิ่นหอมหวนออกมายั่วน้ำลายคนที่กินข้าวไปแล้วอย่างเขา

“ผมซื้อข้าวขาหมูมาให้นะ นี่มีพริกกับกระเทียมเยอะเลย ไม่รู้คุณชอบไหมแต่ผมชอบผมเลยใส่มาเพลินมือไปหน่อย แล้วก็อันนี้ชาเย็นเหมาะกับคุณที่สุดเลย!” พราวพรีเซ้นมากเลย คมสันต์นี่ยิ้มหวานตาปิดกับชาเย็นมาก ซึ่งอลันก็ยังคงหน้านิ่งแต่...

“เหมาะตรงไหน” นั่นแหละ ชาเย็นมันเหมาะกับเขาอย่างไร ไม่เข้าใจเจ้าเบต้าคนนี้ก็ตอนนี้แหละ

“ก็คุณเป็นคนเย็นชายังไงล่ะ เย็นชากับชาเย็น ได้อยู่ๆ” มีการพยักหน้าเห็นด้วยกับตัวเองอีก แต่อลันก็ปล่อยเบลอ

____[40%]____

คมสันต์เรามุ้งมิ้งตุ้งติ้งสุดอะไรสุด หวังว่านักอ่านจะไม่รำคาญน้องกันนะคะ น้องเราใสๆ ข้างในขุ่นมัวค่ะ แฮ่ๆ

จริงๆ เขียนไปสักพักเราก็เริ่มเครียดเริ่มกังวลง่ะ แงงงง เขียนเรื่องไหนเราก็กังตลอดเลย เราหวังว่าเราจะไม่ทำให้นักอ่านผิดหวังนะคะ แต่ทางที่ดีอย่าหวังกับเราเลยงื้ออออ นิยายมันกาวคนเขียนก็กาวววว เรื่องเก่าดูทำไว้ดีจนเรื่องนี้กดดันตัวเอง กระซิกๆ คอมเมนท์ติติงเค้าได้เลยนะคะ เค้าจะปรับปรุงน้า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 3 : คมสันต์ผู้กลายเป็นของหวาน 100% [21/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 21-04-2021 18:42:48
ตอนที่ 3 : คมสันต์ผู้กลายเป็นของหวาน [100%]

คมสันต์เห็นอลันไม่ทำอะไรกับอาหารที่เขาซื้อมาให้สักทีก็เลยเอาออกจากถุงให้ แกะกล่องวางไว้ตรงหน้าอลัน ตามด้วยช้อนส้อมพลาสติก น้ำขาหมูนี่คมสันต์ราดให้แต่ไม่ได้ราดชุ่มอะไรเพราะรู้ว่าป้าแกทำเค็ม กลัวราดเยอะแล้วจะรสจัด ส่วนที่เหลือวางไว้ตรงฝากล่องพร้อมกับน้ำจิ้ม จากนั้นก็ค่อยๆ แกะขั้วพริกและเปลือกกระเทียมวางให้อลัน

“เรียบร้อยแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ” แกะทุกอย่างเสร็จก็ได้เวลาไปทำงาน เขาลุกขึ้นยืนแต่ไม่ทันได้เดินก็ถูกรั้งข้อมือไว้ คมสันต์มองอลันที่จับข้อมือแบบไม่เข้าใจ...รั้งทำไม อย่าบอกนะว่าต้องป้อนด้วยอะ อันนั้นจะเกินไปน้า

“อยู่ก่อน”

“ทำไมอะครับ มีอะไรอีกหรือเปล่า” อะๆ ให้อยู่ก็อยู่ แล้วถ้าจะให้ป้อนจริงๆ ก็คงป้อนแหละ...มั้ง

“นั่งไปเถอะ” นั่งทำไมล่ะ นั่งเฉยๆ เนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า งานการต้องทำน้า ถ้าให้นั่งเล่นเกมอะก็ว่าไปอย่าง!

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมให้นั่งอยู่ต่ออะนะ แต่คุณเนี่ยไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย คุณไม่คิดว่าจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีกเหรอครับ ยิ่งข้าวปลาไม่กินแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะ” คมสันต์กอดอกเท้ากับโต๊ะทำงานอลัน จ้องหน้าอีกฝ่ายที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก

“...” อลันไม่ตอบ ไม่พูด ข้าวเข้าปากแล้วก็เคี้ยวพลางมองหน้าคมสันต์

“...” พออลันไม่พูดอะไรซ้ำยังเอาแต่จ้องหน้า คมสันต์ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ไม่รู้พูดต่อแล้วอลันจะหงุดหงิดหรือเปล่าด้วยที่ไปกวนตอนกินข้าว

ในเมื่อไม่มีใครพูด แล้วก็นั่งอยู่ตรงข้ามกันขนาดนี้ มันก็ลงเอยด้วยการนั่งมองหน้ากันเป็นปลากัดเลย คมสันต์จ้องตากับอลันเกือบจะตลอดเพราะอลันเองนั่นแหละที่สะกดสายตาของคมสันต์ไว้ด้วยสายตาดุดันนั้น ไม่มีรังสีอัลฟ่าแผ่กระจายเพื่อกดดัน แต่ก็ละสายตาไม่ได้ มองตามองปากและรอยแดงบนลำคออลันสลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น แล้วดู...กินช้าอะไรปานนั้น ต้องค่อยๆ เคี้ยวเพื่อให้ละเอียดที่สุดหรือยังไง กลัวกระเพาะทำงานหนักเกินไปสิน้า นี่ถ้าเป็นคมสันต์นะ กระซวกสิบคำแป็บเดียวหมด

คมสันต์สังเกตว่าอลันจะไม่ค่อยกินพริก แต่จะกินกระเทียมแกล้มเข้าไปด้วยในบางคำ ไม่ใช่ทุกคำ น้ำจิ้มเองก็ไม่ต่างกับกระเทียมเท่าไหร่ หรืออลันเป็นพวกไม่กินรสจัด ชอบอะไรจืดๆ เหรอ หรือว่ากินเผ็ดไม่ค่อยได้ แล้วเจ้าปากเรียวสวยนั้นยามขยับนี่มันก็น่ารักแฮะ เออ คิดว่าน่ารักได้ไงไม่รู้แต่มันน่ามองน่ะ ยิ่งคิดว่ามันนุ่ม...

อ่า....พอเลยไอ้สมองกูเนี่ย!

“เยอะ” อลันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ แต่ก็ไม่ได้หยุดกินถึงแม้จะว่าข้าวตรงหน้าเยอะก็ตาม

“กินหมดไหมล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณจะกินเยอะไหมก็เลยสั่งพิเศษมาแบบจุกๆ เลยอะ กะว่าคุณกินแล้วต้องอิ่มแน่นอน” คมสันต์ทำหน้าทำตาแบบว่าภูมิใจอย่างสุดซึ้งที่คิดเผื่ออลันได้มากขนาดนี้

อลันไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่นั่งกินข้าวที่มีอยู่ในกล่องไปเรื่อยๆ มองรอยยิ้มของคมสันต์ไปพลางระหว่างที่เคี้ยวข้าวในปาก รสชาติมันก็งั้นๆ เป็นแค่อาหารราคาถูกที่กินพอประทังชีวิตได้ จะว่าชอบก็ไม่ จะเกลียดก็ไม่เชิง อย่างน้อยมันก็เป็นอาหารที่คมสันต์หามาได้ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไรหรือไม่ชอบกินอะไรนั่นแหละ

“สเต็กปลา”

“ฮะ? อะไรนะครับ...” จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาแบบนี้งงเด้อครับ

“ของชอบไง” อลันกินคำสุดท้าย คมสันต์นี่แอบว้าวเลยนะ...กินหมดด้วยแฮะ ทั้งที่บ่นว่ามันเยอะนะเนี่ย

“อ๋อ ชอบสเต็กปลาสินะครับ โอเค ไว้คราวหน้าผมจะซื้อมาให้” เดี๋ยวนะ เขาพูดว่าคราวหน้างั้นเหรอ? นี่เขาต้องซื้อข้าวให้อลันกินอีกหรือไงวะเนี่ย

“พูดแล้วนะ” น่าน...เข้าทางอีกคนทันทีเลย คมสันต์ละอยากตีปากตัวเองจริงๆ ไม่น่าปากไวใจเร็วเลยให้ตายเถอะ

“อ่า ครับ ก็ได้ครับ” คมสันต์เอื้อมมือไปเก็บเจ้ากล่องโฟมหน้าโง่กับของจุกจิกตรงหน้าอลัน เพราะเจ้าตัวดันกินน้ำแล้วมองหน้าเขานิ่งเลย ไม่มีแม้แต่จะเก็บช้อนกับส้อมให้เป็นระเบียบด้วยซ้ำ

“ของหวานล่ะ?” พอดื่มน้ำจนหนำใจแล้วก็เงยหน้าถามหาของหวานจากคมสันต์ที่กำลังเก็บขยะใส่ถุง แล้วคิดว่าคมสันต์จะวางมือจากถุงขยะเพื่อหยิบของหวานให้อลันไหม? ไม่! ไม่ก็บ้าแล้ว

“ผมมีแต่ลูกอมนะครับ” คมสันต์ล้วงกระเป๋าหยิบลูกอมหน้าตาไร้ราคาออกมาสองเม็ด เป็นลูกอมสตรอว์เบอร์รี่มิ้นต์ที่เขาชื่นชอบ และมันยังสามารถทำให้กลิ่นปากของเขานั้นหอมชื่นนนนนใจ

“แกะให้หน่อย” มือน่ะมีไหมครับ แหม แกะเองไม่ได้เลยนะ ตั้งแต่ข้าวกล่องนะครับ ปั๊ดตีเลยหนิ

“คร้าบๆ” ตีได้แต่ในความคิดอะครับ ไม่สามารถทำการจริงกับคนที่แสนนิ่งงันตรงหน้าได้ แค่จ้องตาเขามานี่ก็หงอเป็นลูกหมาแล้วตอนนี้

คมสันต์จัดการกับเศษซากของข้าวกล่องอลันก่อน นับว่าดีนะที่อลันเป็นคนกินข้าวเรียบร้อยไม่เลอะเทอะเลย ทำให้การเก็บกวาดมันง่ายดายเพียงกระดิกนิ้วเท่านั้น เห่อๆ ได้ก็บ้าล่ะ พอเก็บทุกอย่างเสร็จคมสันต์ก็ตั้งใจแกะเจ้าลูกอมนั้นให้อลัน รู้ไหม...คนอยากกินเขาทำท่าทางยังไง เขาก็ทำท่ากอดอก จ้องมองตางี้แข็งเชียว อยากรู้จริงๆ ว่าใช้สายตาอื่นไม่เป็นเหรอนอกจากนิ่งๆ และไร้อารมณ์เนี่ย ให้ตายเถอะ...

“นี่คร้าบบบ” ลูกอมร้อนๆ มาเสิร์ฟแล้วคร้าบบบบ พอใจไหมคร้าบบบบ ประชดมันในใจเนี่ยแหละ พูดเยอะไม่ได้ เดี๋ยวโดนเด้ง

“จะให้กินทั้งเปลือกเหรอ” อลันจ้องลูกอมที่ยังอยู่ในเปลือก คมสันต์ก็จ้องบ้าง คือแกะให้แล้วไง เนี่ย...บีบตรงนี้ปุ๊บก็กระเด็นเข้าปากปั๊บ เข้าใจยากตรงไหน

“ก็...โอเคๆ” รู้ล่ะ ก็แค่เอามันออกจากเปลือกให้ไอ้คุณอลัน!

คมสันต์ถึงกับกัดฟันยิ้ม มือแกะห่อลูกอมส่วนใจในน่ะกำลังบ่นเจ้าคนไม่ทำอะไรเลยนอกจากมองหน้าเขาอย่างอลันเนี่ย ดูซิ ตั้งแต่เขามานี่นะ อลันทำอะไรบ้างนอกจากตักข้าวกินเองน่ะ นอกนั้นอลันให้เขาทำหมดเลยนะ ตั้งแต่แกะกล่องข้าวเอย ถุงน้ำจิ้มเอย เด็ดพริกแกะกระเทียมยันแกะห่อลูกอม คิดดูเถิดคนเราน่ะ...มันจะทำแค่มองหน้าแล้วกอดอกตลอดการกินข้าวเลยจริงๆ น่ะเหรอฟร้ะ ฮ่วย!

เจ้าลูกอมสีขาวปนชมพูออกมาจากห่อหีบได้อย่างปลอดภัย แล้วมันก็อยู่ท่ามกลางนิ้วโป้งและชี้ของคมสันต์ จากนั้นเขาก็บรรจงยื่นมันไปตรงหน้าของอลันเพื่อจะให้มันใกล้มืออลันที่สุด แต่ครับแต่! มันใกล้ไม่พอ...อลันเลยคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขาแล้วลากไปจ่อปาก

“ฮะ..!” ดะเดี๋ยวววว กินแค่ลูกอมโว๊ยยยย

อึ้ก! กลืนน้ำลายคออึกใหญ่เลยจังหวะนี้ เมื่ออลันคว้ามือที่มีลูกอมไปจ่อปาก จากนั้นเรียวลิ้นสีชมพูสดก็แลบออกมาเลียก่อนจะตวัดเอาลูกอมและปลายนิ้วคมสันต์เข้าปากตัวเอง คมสันต์รู้สึกไปต่อไม่ถูก จังหหวะมันแบบ...ควรดึงมือออกฉิบหายแต่ก็ไม่อยากดึงออก อลันเริ่มใช้มือของตัวเองถูไถแขนของคมสันต์ ขณะที่ปลายนิ้วของคมสันต์นั้นกำลังถูกดูดดุนด้วยเรียวลิ้นจนเสียวปลาบ

แม่เจ้า...โดนดูดนิ้วแต่เสียวน้องวะ!

ต้องยอมรับลิ้นมันทั้งนุ่มละมุนและหยุ่นๆ สู้นิ้ว ยิ่งอลันเกร็งลิ้นให้แข็งขึ้นเพื่อยอกเย้าที่ปลายนิ้วของเขามันก็ยิ่งเสียวซ่านแปลกๆ สายตาอลันเริ่มมีความหื่นกระหายฉายแววออกมาให้ได้เห็น คมสันต์ไม่กล้าสบตาแต่ก็ละสายตาจากปากที่กำลังดูดนิ้วมือของเขาไม่ได้ ข้างในนั้นมีลูกอมกลิ้งไปกลิ้งมา...อลันต้องหวานและอร่อยมากแน่ๆ เลยใช่ไหม ทำไมถึงได้กลืนกินปลายนิ้วของเขาเข้าไปแบบนั้นล่ะ นิ้วเดียวก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังค่อยๆ จับนิ้วกลางและนิ้วนางของเขาเข้าไปในปากสีนู้ดนั่นอีก...

ไม่ไหว...ไม่ไหวจริงๆ กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ สายตาอลันโลมเลียใบหน้าของเขาพร้อมกับเรียวลิ้นซุกซนซอกซอนตามปลายนิ้วนั้นที นิ้วนี้ที ซ้ำยังมีมือของอลันที่คอยลูบไล้ท่อนแขนไปมาพาขนในกายลุกชัน ไม่อยากจะบอกเลยว่าไอ้นุ่นก็ลุกเหมือนขนเส้นเล็กๆ ตามแขนตามคอเหมือนกัน

ลมหายใจคมสันต์เริ่มหอบถี่ขึ้นตามจังหวะการใช้ลิ้นกับนิ้ว ถามว่าปลายนิ้วมันเสียวซ่านขนาดนั้นไหมมันก็ไม่หรอก แต่พอคิดว่าเจ้าลิ้นซนๆ นั้นมันละเลงอยู่ที่น้อง...มันก็ยิ่งสยิวกิ้วเข้าไปใหญ่ คมสันต์จ้องภาพอลันที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตา มันมีเสน่ห์และเร้าอารมณ์เขาอย่างที่สุด ถึงขั้นที่เป็นไปได้ก็อยากลุกไปลากอลันขึ้นบนโต๊ะทำงานที่กั้นกลางระหว่างเขาทั้งคู่เอาไว้

ความรู้สึกซาบซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง เจ้าน้องในกางเกงกระตุกเร่าๆ อยากออกมาชมวิวทิวทัศน์ห้องทำงานของอลันเต็มที คมสันต์รู้สึกตัวเองจะไม่ไหวแล้ว ถ้าอลันไม่หยุด...เขาจะหนีไปสไลด์เดอร์ตัวเองในห้องน้ำแล้วนะ เขาเผลอหลับตาลง สัมผัสมันรุกเร้าจนอีกมือของเขาต้องซนกับเป้ากางเกงตัวเอง แต่จังหวะนั้นแหละที่...อลันมาโพล่ตรงหน้า

“!!!” คมสันต์ตกใจมาก ตกใจจนเกือบตกโต๊ะไปเลยเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นอลันอยู่ตรงหว่างขา... เดินอ้อมมาตอนครับเนี่ย!

“นะนี่...นี่เวลางานนะครับ” ปากพูดอย่างนั้นแต่ในหัวกลับบอกว่าเวลางานก็ช่างแม่งงงงดิ

ฮื่ออออ แม่จ๋าหนูเป็นคนไม่ดีไปแล้ว!

อลันไม่พูดพร่ำให้มากความ ริมฝีปากที่เคยครอบครองนิ้วเรียวทั้งสามเอาไว้ค่อยๆ คายออก น้ำลายสีใสฉ่ำเยิ้มตามเรียวนิ้วและมุมปากของอลัน แต่นั่นก็ไม่ได้ดึงดูดเท่ากับมือขาวๆ ที่กำลังรูดซิปของคมสันต์ลงอย่างเชื่องช้า เสียงแกรกๆ สะท้อนก้องอยู่ในหู ส่วนภาพที่อลันโน้มหน้าเข้ามาหาส่วนนั้นก็สะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาท...

จากของหวานที่เป็นลูกอมโง่ๆ หนึ่งเม็ดกลายเป็นเรือนร่างและความเป็นชายของคมสันต์ไปได้ยังง๊ายยย เก้าอี้ที่นั่งอยู่ตอนนี้เลื่อนขึ้นๆ ลงๆ ขยับไหวไม่หยุดหย่อนเมื่อมีร่างของอลันเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วง คมสันต์กลัวเก้าอี้หักเหมือนกัน ทั้งเขาและอลันไม่ได้ตัวเล็กตัวน้อยเลยแม้แต่นิด ถึงจะไม่ได้กล้ามปูแต่ก็กำยำสมชายชาตรีทั้งคู่

แกร๊ก!

ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกด้วยน้ำมือของใครบางคน ซึ่งใครบางคนนั้นก็มีอำนาจมากพอที่จะเปิดเข้าออกห้องนี้โดยไม่ต้องขออนุญาต และครั้งนี้คนเปิดต้องมานั่งคิดใหม่ว่า...ขออนุญาตก่อนก็ดี

“อะ...ลัน” เสียงเรียกขาดห้วงตามด้วยร่างกายชะงักค้างที่หน้าประตู เอ่อ...คนเปิดไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมาเห็นภาพอลันกำลังจุดจุดจุดอยู่กับหัวหน้าเซลล์บนเก้าอี้ตัวน้อย!

แต่อย่าคิดนะว่าแค่คนเปิดที่ชะงัก เพราะตอนนี้ไอ้คนใต้ร่างอลันอย่างคมสันต์ก็ใบ้แดกไปเรียบร้อย ตาค้างตาเหลือกกันไปค้างเพราะหันไปสบสายตากับท่านประธานบริษัทแบบจังๆ เต็มเปา ส่วนอลันน่ะเหรอก็แค่นิ่งแล้วมอง...หรือต้องบอกว่าแค่หันไปมองนิ่งๆ เออ แบบไหนแม่งก็เหมือนกันอะ เอาเป็นว่าอลันไม่ได้สะทกสะท้านแล้วก็ไม่อายเลยแม้แต่นิดที่ประธานบริษัทเข้ามาเห็นหนังสดที่แสนเร่าร้อนเก้าอี้แทบหักกอย่างเน้!

“เสร็จแล้วไปหาผมล่ะกัน” ท่านประธานกล่าวเสียงเรียบ

“ครับ” อลันก็ขานรับเสียงเรียบ

ภาพในหัวคมสันต์คือพออลันขานรับแล้วอลันจะหยุดทุกอย่างไปแต่งตัวเพื่อคุยงานกับท่านประธาน แต่ปรากฎว่า...อลันทำต่อ ทำแรงๆ ด้วย ทำแบบคมสันต์อยากจะร้องขอชีวิตแล้วในตอนนี้!

น้ำแรกผ่านไป น้ำสองน้ำสามค่อยๆ ผ่านไป คมสันต์หลงผิดคิดดีใจ ก่อนเดินขาเปลี้ยมาถึงตรงนี้ โปรดใส่ทำนองเพี้ยนๆ ของเพลงมือปืนลงไปด้วยจะได้อรรถรสเป็นอย่างยิ่ง

มันเป็นอีกครั้งที่คมสันต์ต้องมองอลันแต่งตัวด้วยสภาพที่อิดโรยและหน้าที่แดงก่ำ ตอนประธานเปิดประตูมาวิญญาณเขาบินไปแล้วนะ แต่ถูกอลันกระชากกลับมาด้วยการกระแทกกระทั้นจนเกือบหัก แล้วก็ต้องทำต่อ คนคนนี้ไม่เคยพอที่น้ำเดียวจริงๆ ต้องเอาให้หมดเนื้อหมดตัวกันเลยไหมถึงพอใจ และใช่...มันเป็นอย่างนั้นแหละ กระซิกๆ เมื่อคืนก็หลายน้ำ วันนี้อีกหลายน้ำ ไม่ไหวแล้วคร้าบ ถ้าภายในอีกวันสองวันนี้โดนรีดน้ำอีกมีตายแน่!

“ผม..ผม...เอ่อขอตัวยก่อนนะครับ” คมสันต์แต่งตัวไม่ยากเท่าอลัน ถอดน้อยก็ใส่น้อย เช็ดๆ เก็บแล้วรูดซิปก็จบ

“อืม” อลันจับเน็กไทด์ตัวเองขยับไปมา สายตาดูแพ่งในจอคอมว่ามันตรงไหม

คมสันต์เห็นแบบนั้นก็เดินเลยเข้าไปจัดให้มันตรง ปัดๆ รอยยับของเสื้อผ้าแล้วก็สำรวจว่ามีตรงไหนเปื้อนไหม ไม่ได้เห็นหรอกว่าอลันมองเขาในตอนนี้ด้วยสายตายังไง พอเห็นว่าเรียบร้อยคมสันต์ก็เดินออกมาเลยไม่ได้คุยอะไรต่อ

เอาจริงก็แอบยืนทำใจอยู่หน้าประตูหลายวิเลยแหละ หน้างี้แดงงงงก่ำไปหมด เพราะคิดว่ามันมีคนเห็น แล้วมันเขินฉิบหายเลย ท่านประธานเห็นแล้วมีเหรอเลขาหน้าห้องจะไม่ได้ยินเสียง เขาเองก็ครางไปหลายยกซะด้วย อลันน่ะแหละชอบทำแรง...กลัวหักน่ะไม่รู้หรือไง

คมสันต์เดินเขินๆ ไปที่ลิฟต์เพื่อกลับไปทำงานต่อ โดยระหว่างที่เดินก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตากับเลขาหน้าห้อง แล้วก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าตัวเองมันไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น เสื้อก็อยู่ในกางเกงบ้างไม่อยู่บ้าง หลุดหลุ่ยเป็นจุดๆ หัวเหอฟูฟ่องจนนกจะมาทำรังบนหัวได้อยู่แล้ว

นี่แหละหนา...ห่วงแต่คนอื่น

ขนาดเข้ามาในลิฟต์คมสันต์ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกลิฟต์เลย เพราะมันยังเขินยังอายกับเรื่องนั้นอยู่ ก็จะมีใครบ้างไม่สะทกสะท้านตอนที่คนอื่นเข้ามาเห็นในจังหวะโจ๊ะพรึ่มพรึม อ้อ...อลันไง อลันไม่สะทกสะท้าน

“เอ่อ...ไปฟัดกับใครมาคะนั่น” ลงมาถึงแผนกตัวเองปุ๊บก็โดนทักปั๊บ จากที่หน้าหายแดงไปแล้วก็แดงงงงงขึ้นมาอีก!

“ปะ..เปล๊า ไม่ไม่ได้ฟัดใครเลย” ทั้งหน้าที่แดงและหัวที่ฟูกับเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง การบอกว่าเปล่าก็ถือการโกหกมันเนียนแหละเนอะ

“เหรอคะ” หน้าคนฟังอย่างไม่เชื่อ คมสันต์พยักหน้ารัวๆ แล้วเอามือลูบผมเพ้าของตัวเองให้เข้าที่ขณะสาวเท้าฉับๆ เข้าห้องทำงานตัวเอง

อับอายมาก อับอายที่ซู๊ดดดดด อับอายจนอยากจะมุดเข้าแกนโลกเพื่อหนีความจริงที่ต้องเผชิญกันเลยทีเดียว แต่มันก็ทำไม่ได้เพราะแกนโลกมันร้อน งั้นขอมุดหน้าเข้าใต้โต๊ะทำงานก่อนได้ไหม อย่างน้อยให้ความสงบมาช่วยบรรเทาจิตใจก็ยังดี

และ...คมสันต์ก็หนีไปซุกใต้โต๊ะทำงานไปอีกเกือบสิบนาที!


____[100%]____

งื้อน้อนนนน มาๆ ออกจากใต้โต๊ะมาโอ๋ๆ มา โถ่…คุณอลันรังแกหนูคมได้น่าตีมั้กๆ ดูหนูคมซิ หน้าแดงหูแดงคอแดงหมดแย้ววว ไม่เป็นใยนะโอ๋ๆ //กอดเจ้าคนตัวโต

นิยายเรื่องนี้เน้นชิลล์นะคะ กินกันชิลล์ๆ ขำๆ ไปเรื่อย~เอื่อย~ แฮ่ๆ ถึงชิลล์แต่อ่านกันยาวๆ แน่นอนค่ะ

นักอ่านหลายท่านหรือเรียกว่าส่วนใหญ่ขอให้อัปเยอะๆ อัปบ่อยๆ น้องต้องขออภัยด้วยนะคะที่ทำไม่ได้ มีงานประจำก็เลยมีเวลาค่อยๆ เขียนน่ะค่ะ ขอบคุณที่ยังรออ่านนะคะ

ฝากเลิฟฝากเมนท์ฝากแชร์ด้วยนะคะ ฝากทีเดียวครบๆ เลย ^^
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ขำๆ อยากเขียน : 1 [22/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 22-04-2021 22:10:42
ขำๆ อยากเขียน EP.1

ณ.บาร์ชนชั้นสูงแห่งหนึ่ง

“ดีไหม...” คนเอ่ยถามหันมองเสี้ยวหน้าเพื่อน ขณะเดียวกันคนถูกมองก็หันมาสบตา ภายใต้ดวงตาเย็นชาใต้กรอบแว่นมีแววพึงพอใจฉายให้เห็น

“เรื่องไหนดีล่ะ” อลันเอ่ยถามคนที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานบริหาร ในเวลางานน่ะมันก็ใช่ แต่เมื่อเลิกงานแล้วมันก็อีกเรื่อง

“เบต้านั่นไง”

“แล้วเบต้าที่กอดมันดีไหม” พอเจอถามกลับคุณประธานก็ไหวไหล่ ยกเหล้าดีกรีแรงขึ้นจิบ

“ดีสิ”

“งั้นก็ดีไง...” อลันตอบเนิบๆ

“อืม ก็นะ นึกว่านายยังซื้ออยู่ เห็นซื้อบ่อย”

“หึหึ ฉันไม่ซื้อหรอกเพื่อน แค่มองตาก็เดินเข้ามาถวายหัวแล้ว จะซื้อทำไมให้เปลืองเงินกัน ความสามารถพอๆ กัน ระหว่างฟรีกับจ่าย เลือกแบบไม่ต้องคิดอะนะ” อลันดื่มบ้างและเขาก็ควักเอาบุหรี่กลิ่นมิ้นต์ขึ้นมาจุด

“คนนี้ด้วยเหรอ” คุณประธานถาอย่างไร้อารมณ์

“ไม่” และคนตอบก็ไร้อารมณ์

“อ่านหนังสือยังเข้าใจง่ายกว่าคนแบบนายจริงๆ นะอลัน”

“ก็หนังสือมันอธิบายทุกอย่างแล้วนี่ ฉันไม่ใช่หนังสือ ไม่มีคำอธิบายอยู่แล้ว” อลันพ่นควันสีเทาลอยเอื่อย

แล้วนั่นก็ทำเอาคุณประธานไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี สองผู้บริหารก็เลยได้แต่นั่งจิบเหล้าสีอำพันในแก้วของตัวเองไปเรื่อยๆ ให้เวลามันไหลไปแบบไม่ใคร่จะสนใจ

“แล้ว...คนที่บ้านไม่รอเหรอ”

“รออะไร คนนั้นกลับบ้านไปหาน้องหาแม่ พูดถึงแม่ฉันก็ปวดหัว ครอบครัวคนไทยนี่มันชวนเสียอารมณ์จริงๆ” คุณประธานนึกถึงครอบครัวหนึ่งแล้วก็เซ็งๆ ไม่อยากพูดไม่อยากก้าวก่ายแต่ก็ตัดออกจากการรับรู้ไม่ได้

“มิน่าถึงมาดื่มได้”

“แก้วสองแก้วแค่นั้นแหละ นายก็รู้ ฉันไม่ชอบดื่ม” ไม่ได้รักสุขภาพ แต่ถ้าอยากรู้ว่าทำไมก็หาอ่านเอาในเล่ม (อุบัติรักฟีโรโมนในตอนพิเศษ งานขายก็มา!)

“เข้าใจได้”

“จะอยู่นานไหมล่ะ”

“ฉันเหรอ” อลันทำท่านึกแล้วก็หันมายิ้มมุมปากใส่เพื่อน “ได้ทั้งคืน”

“เหงาทั้งคืนเปล่า”

“หึ เคยได้ยินคำว่า...ร้องเรียกเหมียวๆ เดี๋ยวก็มาไหม”

“นั่นมันแมว”

“กับหมาก็ใช้ได้นะ...” รอยยิ้มอลันกว้างขึ้นและคนมองก็ได้แต่ระอาใจเล็กๆ กับเพื่อนตัวดี

“ฉันว่าที่นายกำลังหมายถึงเป็นคนนะ”

“ฮ่าๆ นั่นสิ” อลันทำหน้าเหมือนคิดแล้วแฮปปี้อะไรอยู่คนเดียวก่อนจะหันมายื่นแก้วตรงหน้า “ชนหน่อยไหม”

“อ่าฮะ” คุณประธานชนแก้วกับเพื่อนแล้วก็จิบกันคนละนิดสองนิด

อลันเหม่อมองออกไปด้านนอก สงบนิ่งราวกับใช้ความคิดอยู่กับอะไรสักอย่าง ส่วนประธานน้านก็เช่นกัน ต่างคนต่างนิ่ง ทำตัวเป็นรูปปั้นแข่งกันนิ่ง ใครขยับก่อนคนนั้นจะแพ้ แล้วดูท่างานนี้คงจะแข่งกันนิ่งไปอีกนาน ไม่น่าเมาหรอก...น่าจะตะคริวกินก่อนอะ เฮ้อออออ ตัดจบ!

^____^

เขียนขำๆ นะคะ ไม่มีผลในเรื่อง หรือต่อให้มีก็น้อยมาก อ่านแยกได้ ไม่อ่านแยกก็ได้แล้วแต่ตามใจท่านเลย พอดีอยากทำตามใจตัวเองหน่อย หลายครั้งมันมีมุกนอกเหนือจากเนื้อหาหลักหลุดเข้ามาในหัวแล้วอยากเขียน ครั้นจะเก็บไว้ในหัวคนเดียวก็เหงา เอามาแชร์ให้อ่านกันขำๆ นะค้า
ปล.ความยาวเนื้อหาแล้วแต่อารมณ์
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ขำๆ อยากเขียน : 1 [22/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-04-2021 22:18:01
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ขำๆ อยากเขียน : 1 [22/04/64]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-04-2021 14:54:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 4 : คมสันต์ผู้โดนกดหมกห้องเอกสาร 40% [03/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 03-05-2021 18:16:45
ตอนที่ 4 : คมสันต์ผู้โดนกดหมกห้องเอกสาร [40%]

หลังจากผ่านเหตุการณ์อันน่าอับอายไปวันนั้น ชีวิตของคมสันต์คนนี้ก็เป็นปกติสุขมาเรื่อยๆ ไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่มีอดมื้อกินมื้อเพราะที่บ้านไม่มีภาระอะไรให้ต้องใช้จ่ายมากนัก ถึงจะอยู่กับแม่แต่แม่ของเขาเป็นพวกไม่ค่อยใช้เงิน อยู่บ้านว่างๆ ก็ถักไหมพรม อ่านหนังสือหรือทำงานบ้านไปตามเรื่องตามราว

แล้วถ้าจะถามว่าอลันล่ะไปไหน มาได้เสียกันขนาดนี้แล้วก็ต้องมาป้วนเปี้ยนวอแวกับเขาเหมือนคนไม่มีงานไม่มีการทำแบบละครหลังข่าวนั้นมันไม่จริง เพราะหลังจากเอาข้าวไปให้อลันกินพร้อมกับเสิร์ฟของหวานเป็นคมสันต์แล้วนั้นอลันก็หายไปเลย

หายไปเลย...หายไปในอากาศ

อลันไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลาสี่ห้าวันได้แล้ว ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคมสันต์ก็ใช้ชีวิตอันแสนสุขของตัวเองด้วยการไปก๊งกับเพื่อนวันศุกร์แล้วนอนอุตุตลอดสองวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ต้องถามนะว่างานบ้านน่ะไม่ทำเหรอ บอกเลยว่าแม่จัดการให้ทุกอย่างแล้ว เขามีหน้าที่ทำงานหาเงิน ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นซักผ้ารีดผ้าอาหารเช้ากลางวันเย็น แม่จัดให้หนูคนนี้ทุกอย่าง

การที่ครอบครัวของเขามีแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่แบบนี้ทำให้อดนึกถึงเพื่อนสนิทไม่ได้ เพื่อนคนนั้นนี่เป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมาก ใครเข้ามาพร้อมบวกเสมอ อะ...ไม่ใช่ เป็นคนมองโลกในแง่ดีนั่นแหละ แต่ที่บ้านกลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แม่ของเพื่อนมีนิสัยแตกต่างกับแม่ของเขาเอาการ ทำให้บางครั้งก็อดเห็นใจเพื่อนไม่ได้ที่มีภาระเยอะมากต้องจัดการ คมสันต์ก็อยากจะช่วยเหลือแต่เพื่อนคนนั้นไม่ค่อยมาบอกกล่าวอะไรกับเขา ชอบทำตัวให้แข็งแกร่งยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง แต่ทุกวันนี้ไม่ต้องห่วงเพื่อนละ...เพื่อนกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารเรียบร้อย

รู้สึกจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น เพื่อนของเขาดันไปโดนสารเคมีจนกลายเป็นโอเมก้าทั้งที่ตามเดิมแล้วคือเบต้านั่นแหละ แล้วโชคชะตาก็ดันให้เพื่อนคนนั้นเป็นคู่กับท่านประธาน ถูกต้องแล้วนะครับเพื่อนที่สนิทของเขาเป็นเมียท่านประธานนั่นเอง

จะว่าไป...ช่วงนั้นที่มีการรั่วไหลของเคมีคมสันต์เองก็มีโอกาสไปป้วนเปี้ยนแถวนั้นจนโดนเคมีเข้าไปเหมือนกัน แต่ว่าเขาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรนัก เอ๊ะ ไม่สิ เปลี่ยนนิดหน่อยมั้งนะ เหมือนจะเสร็จยากขึ้นแถมไอ้จ้อนก็โตขึ้นนิดหนึ่ง แต่ข้อนี้คมสันต์ไม่ได้ฟันธงกับตัวเองหรอก ยิ่งมาบอกว่าของตัวเองใหญ่นี่มันก็ดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อย เอาเป็นว่าเรื่องแบบนั้นเขาเปลี่ยนไปพอสมควรเพราะก่อนหน้านี้คมสันต์ก็อยู่ในระดับดีกว่ามาตรฐานมานิสสสนึง

คมสันต์ลั้นลาเข้าบริษัทอย่างทุกวัน ในมือนี่ก็มีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ติดมาด้วยเหมือนเป็นไอเทมประจำกาย แล้วที่ไม่ต่างกับทุกๆ วันเลยก็คือสาวๆ จับกลุ่มกันเม้าท์มอยตั้งแต่เรื่องเบต้าอีกแผนกลีลาดีมากฉันไปลองมาแล้วนะ อ้อ เรื่องนี้อธิบายนิดหน่อยคือคนที่พูดออกมาเนี่ยคือพวกอัลฟ่าสาวๆ ในแผนกนี่แหละ แต่เอาเข้าจริงจะสาวหรือหนุ่มก็มักไปกินกับเบต้าดีๆ สักคนเป็นของว่างก่อนต้องจับคู่กับใครสักคนนั่นแหละ สังคมที่คมสันต์อยู่นี่เรียกได้ว่าอัลฟ่าที่มีระดับมักจะถูกจับคู่กับอัลฟ่าด้วยกันมาตั้งแต่เรียนจบแล้ว มันก็เลยมีบ้างที่พวกอัลฟ่าพวกนี้จะหาคู่นอนที่ถูกใจไม่ใช่อัลฟ่าคู่ตัวเอง

จะว่าไป...เมื่อก่อนเขากับเพื่อนก็เป็นหนึ่งในคนที่พวกอัลฟ่าเปลี่ยวพูดถึงเหมือนกันนะ เป็นไง หน้าตาไปวัดไปวาแล้วไม่พอ ลีลายังมัดใจเหล่าอัลฟ่าสาวได้อีกต่างหาก หูยยยยอยากเก๊กหล่อเลยอะ

นอกจากเรื่องลีลาใครดีลีลาใครเด็ดแล้วก็ยังมีเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ความหล่อความสวยบลาๆ ตามประสาสาวๆ จะมีที่เอะใจคมสันต์ขึ้นมาหน่อยก็เรื่องอลัน

“มันยังไงนะเธอ คุณอลันเป็นเลขาท่านประธานไม่ใช่เหรอ” นี่...เรื่องแบบนี้ต้องเงี้ยหูฟังกันหน่อย คมสันต์วางน้ำเต้าหู้ตรงโต๊ะกินกาแฟที่อยู่ใกล้กับกลุ่มสาวๆ

“ก็ใช่ แต่ที่ฉันรู้มาน่ะคือคุณอลันมาทำหน้าที่เลขาแค่ชั่วคราวเพื่อเรียนรู้งานก่อนจะขึ้นรับตำแหน่งจริงน่ะสิ เธอไม่เคยเห็นเหรอว่าจริงๆ แล้วคุณอลันก็มีเลขาส่วนตัวอยู่นะ ทั้งที่เป็นเลขาท่านประธานแต่ก็มีเลขาเป็นของตัวเอง รู้สึกจะได้ยินมาว่าพ่อแม่มีหุ้นส่วนอยู่ที่บริษัทนี้เยอะเอาเรื่อง” ว้าววว สาระเลยนะเนี่ย การใส่ใจของสาวๆ มันดีอย่างนี้นี่เอง คมสันต์ฟังไปก็ทำทีเป็นชงไมโลไปด้วย คือกินกาแฟไม่ได้

“แต่จริงๆ แล้วฉันก็คิดนะว่าคุณอลันน่ะไม่ธรรมดา จริงที่ท่านประธานน่ะมีรังสีอัลฟ่าที่อัมหิตแล้วก็ดุดันเข้มข้นมาก แต่คุณอลันก็ไม่ได้ด้อยกว่านักสักเท่าไหร่ แถมยังหล่อเหลาแฮนซั่มจนน่าซั่มสุดๆ นี่เป็นฉันอัลฟ่านะ ฉันยังอยากจะฮีตใส่เขาเลย นี่ได้เขาเป็นผัวนะคงสบายไปทั้งชาติ”

“เธอก็พูดได้ โอเมก้าชั้นสูงมาอ่อยถึงที่คุณอลันยังไม่เอาเล้ย” เอ๊ะ จริงปะเนี่ย...มีโอเมก้ามาอ่อยแต่คุณอลันไม่เอาจริงเหรอ

“จริงๆ เรื่องนี้ได้ยินบ่อยมาก พวกลูกค้าระดับวีไอพีต่างๆ ชอบขอเข้าพบคุณอลันเป็นการส่วนตัวแล้วก็อ่อย บางคนถึงกับมาตอนที่ตัวเองฮีตเลยนะยะ”

“ต๊ายยย เกินไป กะจับได้ทันทีเลยสิ”

“ใช่ กะเอาฮีตมาจับคุณอลันเลยจ้า แต่คุณอลันก็แกร่งพอจะไม่ไหลไปกับกลิ่นฟีโรโมนง่ายๆ เลยนะ แข็งแกร่งขนาดนั้นนี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าได้ขึ้นมาจะภูมิใจขนาดไหน”

“ก็ดูคุณเมียท่านสิ ภูมิใจซะขนาดนั้นเลยล่ะ ฮ่าๆ”

“เจ้านั้นถ้าไม่ฮีตตอนท่านอยู่ก็ไม่ได้ท่านเหมือนกันแหละ” มาถึงตรงนี้ขี้เกียจฟังล่ะ

คมสันต์ชงไมโลไวๆ แล้วเดินผ่านโต๊ะสาวๆ ซึ่งพอทั้งโต๊ะเห็นเขาก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพราะรู้ดีว่าที่เมื่อกี้นินทากันอยู่น่ะเป็นเพื่อนของคมสันต์เอง แล้วคมสันต์อาจจะเอาไปฟ้องก็ได้ทำนองนั้น เอาจริงๆ จะฟ้องทำไม เรื่องไม่เป็นเรื่อง เพื่อนเขาเองก็ไม่ได้จับท่านประธานแบบที่คนอื่นเขาพูดกันด้วย ไม่รู้อะไรแล้วก็พูดกันไปเรื่อยเปื่อยจริงๆ พวกนี้

พอมาถึงห้องทำงานของตัวเองคมสันต์ก็มองแก้วไมโล เอามาทำไมก่อน...อยากกินไหมก็ไม่ หึ ว่าคนอื่นใส่ใจตัวเองก็เป็นกับเขาเฉย มันน่านัก คมสันต์ละอยากตีตัวเองสักทีแต่ไม่เอาเพราะกลัวจะเจ็บ เขาวางไมโลร้อนทิ้งไว้ รอมันเย็นแล้วค่อยกิน พอดีไม่สันทัดกับร้อนเท่าไหร่

ขณะที่เริ่มทำงานก็ครุ่นคิดเรื่องอลันไปด้วย หรือว่าการที่อลันหายไปเป็นเพราะเรื่องที่จะต้องขึ้นรับตำแหน่งจริงๆ ของตัวเองกันนะ งานก็เลยเยอะขึ้นงี้เหรอ บ้าเหอะ ถ้างานเยอะกว่าที่เป็นอยู่นี่อลันไม่ตายคากองงานไปเลยหรือยังไง แค่ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ท่วมหัวได้แล้วมั้งนั่นน่ะ

อ่า...อดเป็นห่วงไม่ได้แฮะ

คมสันต์หยิบมือถือของตัวเองมาเปิดโปรแกรมไลน์ส่วนตัว ช่องแชตส่วนใหญ่ของเขาจะว่างเปล่าเพราะไม่ค่อยได้เล่นโซเชี่ยลเท่าไหร่นัก ชื่อของอลันอยู่เป็นชื่อที่สี่รองจากเพื่อนๆ ของเขาที่ทักมาเรียกไปดื่มบ้างไปเล่นเกมบ้าง คมสันต์กดเข้าแชตของอลัน จ้องมองข้อความที่ยังค้างอยู่จากเมื่อครั้งล่าสุดที่ให้เขาไปซื้อข้าว

ถามดีไหมนะ?

คมสันต์ถามตัวเองก่อน ของแบบนี้ต้องคุยกับตัวเองให้รู้เรื่องก่อนว่าควรจะส่งข้อความไปหาอลันไหม ต้องส่งไปว่าอะไร กินข้าวหรือยัง ทำงานเหนื่อยไหม หรือเป็นไงบ้าง หรือต้องถามตรงๆ ว่าอยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง เป็นห่วงไรงี้ ไม่ดีๆ ไม่ได้เป็นอะไรกับอลันจะส่งไปถามอย่างนั้นก็ดูเผือกเกินไป

พอตีกับตัวเองจนพอใจคมสันต์ก็กดปิดโปรแกรมทิ้ง สรุปแล้วว่าช่างมันเถอะ ไม่ต้องถามหรอก คิดว่าเดี๋ยวคงมีเรื่องอลันเข้าหูอยู่แล้ว ยิ่งคนในแผนกใส่ใจเรื่องชาวบ้านขนาดนี้นี่ไม่มีทางจะไม่ได้ยินเรื่องอลันแน่นอน

คิดได้ดังนั้นก็เปิดคลิปกินโชว์สิครับรออะไร นี่คือของโปรดในการทำงานเลยนะ คมสันต์ละชอบดูจริงๆ ไปพวกอาหารและคนกินอาหารเนี่ย ยิ่งคนไหนกินดูอร่อยและกินของปริมาณเยอะๆ หมดนี่จะชอบเป็นพิเศษ ถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบเสียงกินที่มีตลอดคลิปประเภทนี้แต่คนคนนั้นไม่ใช่คมสันต์นะจ๊ะ

คมสันต์เคลียร์งานเอกสารกองโตของตัวเองตั้งแต่เช้ายันบ่ายกว่า คือพักเที่ยงเสร็จปุ๊บก็ขึ้นมาเคลียร์ต่อทันที ไม่มีงานนอกเพราะตอนนี้เขารับงานนอกแค่บางราย ด้วยความผิดพลาดหลายๆ อย่างที่ต้องใส่ใจทำให้ลูกค้าระดับวีไอพีตกมาเป็นของคมสันต์อย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกระดับสูงของบริษัทเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าให้คมสันต์เหมาะสมกับลูกค้าวีไอพีเนื่องจากเขาเป็นคนใจเย็นมาก

อีกคนที่ใจเย็นก็เพื่อนเขาแหละนะ แต่แน่นอนว่าคนนั้นก็รับลูกค้าระดับนี้เช่นกัน ดีไม่ดีรับมือกับลูกค้าระดับสูงกว่าเขาเสียอีก แต่ก็ดีแล้วล่ะ ลูกค้าเยอะสิ่งมากก็ปวดหัว

“มีเท่านี้ละมั้ง...” คมสันต์เอ่ยกับตัวเองขณะมองกองเอกสารที่ต้องเอาไปเก็บที่ห้องเอกสาร ที่สำคัญต้องถามทวนตัวเองด้วยว่ามีแค่นี้ใช่ไหม คงไม่ได้มีอะไรที่ตกหล่นหรอกเนอะ

ว่าแล้วก็หอบเอาเอกสารกองโตขึ้นอุ้ม ใช้เท้าดันประตูออกแล้วเดินไปยังทางห้องเก็บเอกสารที่อยู่ไม่ไกลจากแผนกสักเท่าไหร่ แต่ถึงจะไม่ไกลนักแต่โซนนี้เป็นโซนที่เงียบงันและวังเวงใช้ได้เลย แถมห้องเก็บเอกสารยังมีสองห้องเป็นห้องของฝ่ายขายและฝ่ายจัดซื้อที่ใช้พื้นที่ชั้นเดียวกันในการทำงาน

เดาซิ ห้องเก็บเอกสารมันเป็นยังไง เหอๆ คงไม่ต้องเดามากหรอกเพราะห้องเก็บเอกสารมันก็เต็มไปด้วยเอกสารและชั้นวางเอกสารตั่งต่างมากมาย ลิ้นชักและล็อกเกอร์อีกหลายต่อหลายตู้ แถมยังมืดทึมอีกต่างหาก ขนาดว่าเปิดไฟแล้วก็ยังอึมครึมอยู่เลย บอกเลยนะว่าห้องนี้ไอ้ภูเพื่อนคมสันต์คนนี้กลัวมาก กลัวเจอกุ๊กกู๋มาหลอกมาหลอน

คมสันต์ตรงเข้าไปยังด้านในสุดที่เป็นห้องโถงกว้างขวาง รอบด้านจะเป็นชั้นที่ใส่เอกสารเรียงรายเอาไว้ หนำซ้ำชั้นยังสูงจนจรดเพดานเพื่อเอาไว้ใส่เอกสารได้เยอะๆ ยิ่งชั้นบนๆ นี่คือเอกสารของปีที่เก่าที่สุดที่เก็บเอาไว้ มันต้องเก็บคัดทิ้งทุกปีในช่วงวันคลีนนิ่งเดย์ปลายปีก่อนหยุดยาว

คมสันต์ไล่เอาเอกสารเก็บตามหมวดของมันไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ทำเพราะหมดจากเอกสารที่ต้องจัดเก็บพวกนี้เขาก็ไม่มีงานแล้ว และด้วยความที่ห้องมันเงียบมาก ไม่มีใครเลย แค่กระดาษร่วงก็ยังได้ยินเสียง บอกตามตรงว่ามันวังเวงเอาเรื่องเลยนะ ขนาดว่าเป็นคนไม่กลัวยังรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมาเลยล่ะ

ด้วยความเงียบนี้เอง เสียงเปิดประตูอันแผ่วเบาก็ดังขึ้น คมสันต์ชะงักไปนิดเพื่อฟังดูว่ามีคนเข้ามาหรือเขาหูฝาดได้ยินเสียงประตูกันแน่ แล้วเสียงปิดก็ตามมา มีเสียงเท้าย่ำเบาๆ ก่อนจะมีเสียงล็อกประตู

เดี๋ยวนะ...ประตูล็อก?

____[40%]____

มาแน้ววววว หายไปหนึ่งอาทิตย์คิดถึงน้อนคมกันไหมคะ เราว่าน้อนกำลังจะโดนกุ๊กกู่ล่อลวงแน่นอนเลยล่ะค่ะ เอาใจช่วยน้องด้วยน้า

ช่วงนี้โควิดแรงมากๆ การเมืองก็ไม่ด้อยเลย ทุกคนต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ฮึ้บๆ แล้วฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกันน้า ส่วนเรานั้นยังไหวค่ะ แม้อาทิตย์ที่ผ่านมาจะเคลียร์งานจนน็อกไปแต่ก็ไหวค่ะ เราฮึ้บเก่ง คุณนักอ่านมาฮึ้บๆ นะคะ เป็นกำใจให้ทุกคนที่เครียดๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 4 : คมสันต์ผู้โดนกดหมกห้องเอกสาร 100% [05/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 05-05-2021 21:15:44
ตอนที่ 4 : คมสันต์ผู้โดนกดหมกห้องเอกสาร [100%]

คมสันต์วางเอกสารอย่างไวแล้วรีบเดินไปทางประตู แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงประตูเท้าทั้งคู่เป็นอันต้องชะงักกลางทาง เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าที่มาของเสียงเปิดปิดและล็อกประตูด้วยมาจากใคร!

“คุณอลัน!” นั่นแหละ...ไอ้คนที่หายไปเกือบห้าวันมันโผล่หัวมาแล้ววววว

แต่โผล่มาที่ห้องเอกสารเนี่ยนะ อ๋อ สงสัยจะมาหาเอกสารแน่ๆ มองตาอีกฝ่าย...จ้องเข้าไปในดวงตาของอัลฟ่าผู้เย็นชา คมสันต์อยากย้ำกับตัวเองว่าอลันมาหาเอกสารแหละ ถึงมันจะไม่สมเหตุสมผลที่คนระดับนี้จะลงมาหาเอกสารด้วยตัวเอง แถมแววตาคู่นั้นก็ยังแฝงความนัยน์อะไรบางอย่างที่คมสันต์เหมือนจะรู้จัก

“ตกใจทำไม” อลันเอ่ยถามเสียงเรียบ เท้าคู่นั้นค่อยๆ เดินเข้ามาหา แล้วเป็นบ้าอะไรไม่รู้ที่ต้องถอยเท้าหนีอีกฝ่าย

“ก็...โห่คุณ ห้องมันก็น่ากลัว จู่ๆ มีเสียงอะไรเกิดขึ้นก็ต้องตกใจทั้งนั้น ยิ่งมาเห็นคุณอลันในห้องนี้ด้วยยิ่งตกใจขึ้นไปใหญ่เลยล่ะครับ” ยิ้มสู้โว๊ย คนเราเกิดมาก็ต้องสู้ใช่ปะ ว่าแต่...ต้องสู้กับเรื่องแบบนี้ปะวะ?

“แปลกเหรอ” ไม่แปลกมั้งถามได้ นี่ห้องเก็บเอกสารนะครับไม่ใช่ผับไม่ใช่บาร์ ที่เห็นอลันแล้วจะรู้สึกว่าอ๋อก็ปกติหนิ

“นิดหน่อยครับ ไม่คิดว่าคุณอลันจะมาหาเอกสารด้วยตัวคุณเอง ว่าแต่คุณอลันต้องการเอกสารอะไรให้ผมช่วยหาให้ไหม” ขณะที่พูดไปอลันก็เดินเข้ามาใกล้ขึ้น ส่วนคมสันต์คนนี้ก็เดินถอยหลังมากขึ้น มีแอบเตะกองเอกสารของใครไม่รู้ที่วางทิ้งไว้จนเกือบล้ม ดีนะเก่ง ทรงตัวได้แบบไม่น่าเกลียด

“คิดว่าผมมาหาเอกสารจริงๆ เหรอ” คมสันต์จ้องสายตาใต้แว่นนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เอาจริงน่ะก็เหมือนเห็นชะตากรรมตัวเองแล้วแหละ แต่ยังไม่อยากยอมรับ อยากคิดว่ามาหาเอกสารไง

“ก็...” มองซ้ายมองขวา มีที่ให้หนีไหมวะ

“ว่าไง” ยังไม่หยุดเดินเข้ามาใกล้อี้กกกก อย่าเข้าใกล้มาก กลัวโดนกิน ฮื่อ...แม่จ๋าช่วยหนูด้วย

“ก็ถ้าไม่ได้มาหาเอกสารแล้วคุณอลันมาทำอะไรเหรอครับ แฮ่ๆ” ตลกไหม พอได้เปล่า ไม่ได้เหรอ สายตาอยากขย้ำมากกว่าเดิมมันคืออาร๊ายยยย

“มาหาคมสันต์” อุ๊ย เล่นมุกไปตามคมสันต์ได้ไหมนะ ได้ไหมได้ไหม...อ๋อไม่ได้

“...” คมสันต์ไม่ได้ตอบ แต่เหลือบมองไปด้านหลัง นี่มันจะสุดทางแล้ว ข้างหลังคือชั้นใส่เอกสารแล้วนะคร้าบ

“คุณชื่อคมสันต์หรือเปล่า หืม...” ไม่น่าถาม ปั๊ดโถ่ว ถ้าไอ้นี่ไม่ชื่อคมสันต์คงไม่เห็นอลันในห้องเก็บเอกสารนี่แหละมั้ง ฮื่ออออ

“ยอมแล้วคร้าบ” คมสันต์ยกมือทั้งสองข้างเสมอหัวเป็นการยกธงขาว ไม่อยากถามต่อแล้ว มันก็รู้อยู่แล้วไหม แต่ถึงแม้จะยกมือยอมแพ้คมสันต์ก็ยังไม่หยุดถอยเท้าไปเรื่อยๆ

รู้ทั้งรู้ว่าถอยไปมันก็ติดชั้นเอกสาร แต่มันก็อดที่หนีห่างจากสายตาดุจนักล่าของอลันในตอนนี้ไม่ได้ จริงๆ สายตาในวันแรกที่อลันมากดเขาน่ะน่ากลัวกว่านี้แต่สายตาที่อลันใช้มองคมสันต์อยู่ตอนนี้มันเหมือนจะเปลื้องผ้าเขาออกอย่างไรอย่างนั้น

ทั้งที่แค่โดนมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าไปเรื่อยๆ ขณะเดินถอยหลัง แต่คมสันต์ก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด คิดดูเถิดว่านอกจากสายตาของอลันจะดุดันแล้วยังทะลึ่งอีกต่างหาก

“อ๊ะ!” คมสันต์ร้องตกใจ หลังมันชนกับชั้นเอกสารทั้งที่สายตาถูกตรึงให้มองไปแต่อลัน

สิ้นสุดกันที ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน...อ๋อไม่ใช่ ไม่ควรร้องเพลงนี้ ฮื่อ ไม่มีทางหนีแล้วคร้าบ จนมุมแล้ว และเสื้อก็เปื้อนฝุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย คมสันต์เหลือบมองเจ้าชั้นเอกสารหน้าโง่อย่างเคียดแค้นทั้งที่มันไม่ได้ทำอะไรให้ แต่คือแค้นก่อนเพราะไม่รู้จะไปแค้นใคร

“มองอะไร...” สาปแช่งเจ้าชั้นเอกสารอยู่ดีๆ เสียงของอลันก็มาใกล้มาจนคมสันต์ตกใจ หันขวับไปมองแล้วก็เจอกับสายตาทรงเสน่ห์อยู่เบื้องหน้า โอ้ว...จังหวะนี้คือใกล้มาก ใกล้ชนิดที่ว่าอีกไม่เกินห้ามิลแว่นอลันก็จะโดนหน้าเขาแล้ว

“ผมแค่...มองชั้นเอกสาร” ไม่กล้าบอกว่าด่ามันอยู่ กลัวโดนหาว่าบ้าที่ด่าชั้นเอกสารอะ

“ไม่มองผมล่ะ” อลันกักขังร่างของคมสันต์ด้วยสองแขน เรียกว่าซ้ายก็มีขวาก็มี ทางที่ดีคือมุดลงล่างแต่อาจจะเจอกับ...อ่าอลันน้อย

“มองแล้วครับ มองแล้ว” อยากเบะปาก รู้ไหม...มองหน้าอลันนานๆ ในระยะนี้มันไม่ดี แล้วลมหายใจที่มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอลันก็ตกกระทบใบหน้าของเขา

คมสันต์กล้ายอมรับเลยว่าแววตาของอลันนอกจากทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายหิวโหยในเรือนร่างเขามากแค่ไหนแล้ว ดวงตาที่นิ่งงันเหมือนมหาสมุทรคู่นั้นก็ยังทำให้ด่ำดิ่งไปกับความรู้สึกหื่นๆ เช่นกัน เพราะมันทั้งเอาจริงดุดันและเร่าร้อน แม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในแววตาไร้อารมณ์คู่นั้นเลยก็ตาม

อลันเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ปากงับปากทั้งที่ดวงตายังตรึงสายตาของคมสันต์เอาไว้ เจ้าแว่นดุดันโดนใบหน้าคมสันต์เล็กน้อยแต่เมื่ออลันขยับเปลี่ยนองศาเจ้าแว่นนั่นก็ไม่โดนอีก แต่ที่แย่คือองศานี้คมสันต์เห็นแววตาของอลันโดยไม่ต้องผ่านแว่นเลย

หลับตาหนีแป็บ ฮื่อออ ทนไม่ได้ ทนไม่ไหว มันยั่วยวนเขาฉิบหายเลยอะ ดวงตาคู่นั้นมันยั่วเขามันท้าทายเขา แล้วมันก็กำลังแสดงความเป็นเจ้าของที่มีอำนาจเหนือกว่าเขาอีก ยอมจริงๆ เลย พลังของอัลฟ่า...ไม่สิเสน่ห์ของอัลฟ่ามันร้ายกาจชะมัด

อลันเลาะเล็มริมฝีปากคมสันต์จากล่างไปบน วนซ้ำๆ อยู่สองสามทีแล้วค่อยๆ สอดใส่ลิ้นเข้ามา คมสันต์คนนี้ยอมรับเลยว่ากระเหี้ยนกระหือรือขึ้นจิ้ดหนึ่งแล้ว มือทั้งสองข้างแหมะอยู่บนอกของอลัน กำเสื้อสูทของอีกฝ่ายเอาไว้พลางเปิดปากให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามา พอลิ้นแตะลิ้น กระแสความรู้สึกอันวาบหวามก็แล่นไปทั่วทั้งร่าง ลมหายใจหอบกระเส่าขึ้นทีละนิด...ทีละน้อย

“อื้อออ อ๊ะ” อลันเล่นขี้โกง ไม่ได้แค่จูบ แต่มือน่ะมันเลื่อนไปตรงนั้น ไม่น้าาาาา

คมสันต์รับรู้ได้ถึงซิปที่ถูกปลดลงไป และมือเย็นๆ สอดเข้ามาในชั้นในของเขา ค่อยๆ คลืบคลานทีละน้อย...ผ่านนู้นผ่านนี่มาเจอนั่น ทีนี้ละสะดุ้งเฮือกเกือบงับลิ้นอลัน ดีที่อลันรู้ตัวก่อนก็เลยกัดลิ้นคมสันต์ไปเบาๆ ท่อนขาในกางเกงสแล็กราคาแพงสอดเข้ามาที่หว่างขาคมสันต์ ตามมาติดๆ ด้วยร่างอลันที่บดเบียดจนเขาจะจมไปกับชั้นเอกสารอยู่แล้ว

คมสันต์โดนรุกจากแผ่วเบาไปถึงหนักหน่วงในระยะเวลาไปไม่ถึงสิบนาที ร่างกายนี้แทบจะทรงตัวไม่ไหวเมื่ออลันป้อนความกระสันให้กับร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง แล้วท้ายที่สุดคมสันต์ก็ค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ส่วนอลันก็ตามติดมานั่งบนตัก...

ไม่อยากยอมรับแต่เมื่ออลันตามลงมานั่งตัก คมสันต์ก็ดึงแว่นอลันออกแล้วตอบโต้กลับไปตามสัญชาตญาณอย่างไม่อาจห้าม อารมณ์และความต้องการที่อลันปลุกปั่นให้ตื่นนั้นตื่นสมใจอยากอลันแล้ว

จากนั้น...ห้องเก็บเอกสารก็กลายเป็บสนามรบของอัลฟ่าและเบต้าหนุ่ม

“อ๊า อ๊ะ...ซี้ด...บะเบาครับ”

“ไม่...อ่าห์...ดี...ดี”

“อ๊ะๆ อื้อออ อ๊ะคุณอลัน”

“ซี้ดดด โคตรดี”

และอีกมากมาย...

สงครามมักกินระยะเวลายาวนานเสมอ ไม่ว่าจะในหน้าประวัติศาสตร์หรือในชีวิตของคมสันต์คนนี้ เพียงแต่สงครามของอลันกับคมสันต์นั้นไม่มีผู้แพ้ มีแค่คนนั่งพิงชั้นเอกสารกอดเสื้อสูทปกปิดร่างเปลือยเปล่ากับคนที่นั่งเปลือยท่อนล่างดูดบุหรี่สบายใจเฉิบ

คงไม่ต้องบรรยายว่าใครกำลังนั่งกอดเสื้อทำหน้ากระซิกๆ เพราะปวดน้องน้อย แล้วใครที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเพราะสุขสมใจอยากไปหลายยก

อลันเหลือบตามองคนข้างๆ ซึ่งคมสันต์ก็รู้แหละว่าอลันมองน่ะ แต่เขาไม่มองตอบหรอกนะ เพราะงอนนิดหนึ่ง อลันน่ะรุนแรงจริงๆ บอกว่าเบาๆ ก็ไม่เชื่อเขาบ้างเลย หักไปทำไงเนี่ย ต้องไปหาหมอแล้วว่าแรงจัดจนมันหักอะเหรอ อายเขานะเว้ย

“ทำหน้าเป็นปลาขาดน้ำ” อลันเอ่ยเสียงเรียบก่อนพ่นควันออกจากปาก คมสันต์หันขวับไปมอง

“ใช่ น้ำผมจะหมดตัวแล้วครับ แล้วก็บอกให้เบาหน่อย...” คำว่าเบาเสียงมันก็เบาตาม

“ก็ชอบแรงๆ คุณก็ชอบหนิ...” อะ พูดมาแบบนี้ภาพก็แวบเข้ามาในหัวเลย ก็...เวลาเขาอยู่บนก็ชอบแรงๆ แหละ นิดหนึ่งอะ นิดหนึ่งจริงจริ๊งงง

“ไม่ต้องพูดเลย”

“หึ!” เมื่อไม่ให้พูด อลันก็ไม่พูด มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนไม่ค่อยพูดอย่างอลันอยู่แล้ว

คมสันต์มองเสื้อเชิ้ตสีขาวของตนที่อยู่ในร่างอลัน เขาเองที่เป็นคนถอดมันแล้วให้อลันใช้รองกายเพราะไม่อยากให้อลันเปื้อนฝุ่นที่อยู่ในนี้ ส่วนตัวเขาน่ะเหรอ เห่อๆ เต็มไปด้วยฝุ่นเลยคร้าบ ดำเป็นปื้นๆ ด้วยในบางจุด ไม่ว่าจะแขนขาหรือตัวก็ตาม ส่วนอลันนั้นเปื้อนแค่กางเกงนิดหน่อยไม่เยอะ ไอ้เสื้อสูทนี่อลันก็เพิ่งให้เขาคลุมตัวเมื่อกี้เองก็เลยสะอาด คมสันต์อดสำรวจไม่ได้จริงๆ ว่ามีอะไรของอลันที่เปื้อนไปบ้างในขณะที่ของตัวเองนี่ไม่มีอะไรไม่เปื้อนเลย

“คุณหันมาหน่อย” คมสันต์มองทุกอย่างแล้วก็หันไปเรียกอลันที่ยังดูดบุหรี่ไม่เสร็จ

“...” อลันไม่ตอบแต่หันมา

คมสันต์ไล่ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอลันทีละเม็ด เห็นว่าเนื้อหนังภายในของอลันนั้นมีรอยแดงจากฝีมือเขานิดหน่อย แต่เขาไม่ทำรอยที่คอหรอก อลันก็เลิกทำรอยที่คอเขาแล้วด้วย พอใส่เสื้อเชิ้ตให้เสร็จก็ตั้งใจจะส่งกางเกงคืนให้อลันใส่เอง แต่อลันดันยืนขึ้นตรงหน้าเขาเลย แม่เจ้าโว๊ย ไอ้จ้อนมันอยู่ตรงหน้าเขาเนี่ย!

“ไม่ใส่กางเกงเองล่ะครับ” อยากเบือนหน้าหนีจริงๆ ให้ตาย

“ไหนๆ ก็ใส่ให้แล้วก็ใส่ให้ครบสิ” น่ะ เอาแต่ใจจริงๆ เลย

“คร้าบๆ” แล้วอีนี่ก็ตามใจเก่งจริงๆ

คมสันต์ไม่ได้ใส่กางเกงให้อลันในทันทีหรอก เพราะเห็นว่ามันเปื้อนน้ำนั้นเต็มเลย เขาจึงใช้เสื้อเชิ้ตที่ใช้รองรับร่างกายอลันมาเช็ด โดยเน้นเอาส่วนที่ไม่ค่อยเปื้อนฝุ่นเช็ดๆ ปัดๆ จากนั้นแต่งตัวให้อลันเหมือนแต่งตัวให้เด็กน้อย

คมสันต์ที่หมกมุ่นกับการแต่งตัวและดูความเรียบร้อยให้เสื้อผ้าอลันนั้นพลาดรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าอัลฟ่าผู้เย็นชา น่าสงสารคมสันต์จริงๆ เพราะรอยยิ้มนั้นมันสดใสมากทีเดียว...

“เสร็จแล้วครับ เปื้อนตรงไหนไหม...” คมสันต์ไล่ดูอีกรอบเพื่อเช็กความเรียบร้อย  “โอเค...ไม่เปื้อนเยอะ ผมปัดๆ ให้ล่ะ สะอาดเท่าที่จะสะอาดได้แล้วล่ะครับ คุณอลันกลับห้องไปก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เดี๋ยวจะคันเอาเพราะมันมีฝุ่นเยอะ”

“อ่าฮะ” อลันหยิบบุหรี่อีกมวลมาจุด คมสันต์ยืนขึ้นเพื่อแต่งตัวบ้างก็มองด้วยคิ้วที่ขมวดหน่อยๆ

“ดูดเยอะไปแล้วครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” คมสันต์เอาเสื้อสูทที่อลันให้ห่มเมื่อครู่สวมให้อลันก่อนจะก้มไปเอากางเกงในและกางเกงสแล็กมาสวม

“ดูดไอ้นั่นล่ะ ดีต่อสุขภาพปะ”

“บ้าหรือเปล่าาาาา” คมสันต์ลากเสียงยาวใส่อลัน มันดูตลกแต่อลันก็ไม่ได้ขำ

“ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ โอ๊ย...คุณอลันเนี่ย ไปๆ กลับบ้านไปพักผ่อนเลยครับ กินข้าวกินปลาให้เรียบร้อยด้วยนะ อ้อแต่ต้องอาบน้ำก่อนรู้ใช่ไหมครับ”

“พูดเหมือนผมเป็นเด็ก”

“จากที่ให้ผมแต่งตัวให้ก็เด็กอยู่”

“คมสันต์!” อลันจงใจใช้เสียงที่แข็งมากขึ้นพร้อมๆ กับปล่อยความกดดันใส่ไปวูบหนึ่ง

“อ่า...” หงอก็ได้เว้ย เออ ไอ้คนเอาแต่ใจ ไม่ว่าว่าเด็กแล้วก็ได้ ฮึ่ยยยยย ตีแม่ม!

คมสันต์แต่งตัวเองจนเสร็จ เขาหันมองอลัน สบสายตาเย็นชานั้นด้วยความหงอหงอย เหมือนจู่ๆ ก็โดนดุก็เลยเกรงๆ นิดหนึ่ง แต่เขาก็สำรวจความเรียบร้อยให้อลันอีกที จัดปกเสื้อเชิ้ตเอยเสื้อสูทเอย

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณเป็นเด็กนะครับ ผมแค่เป็นห่วง อยากให้ดูแลสุขภาพหน่อย” แบบว่า...ภาพที่อลันฟุบอยู่ในลานจอดรถมันติดตาน่ะ ก็เลยห่วงๆ

“อืม” อลันขานรับ ตาจ้องตาแล้ว...

จุ๊บ!

ปากคมสันต์ก็โดนจุ๊บไปแบบงงๆ จุ๊บเสร็จอลันก็เดินไปทิ้งให้คมสันต์คนเอ๋อยืนเด๋อในดงเอกสาร แบบว่า...เมื่อกี้มันอะไร จุ๊บทำไม เอ๊ะ แล้วใจเต้นแรงทำไม หน้าร้อนทำไม...ทำไม...ทำไม...ฮื่อออ แม่จ๋าอลันจุ๊บปากหนู!
____[100%]____

น้อนคมตอนนี้เหมือนคุณแม่แต่งตัวให้ลูกชายตัวโตจังเลยน้า ฮ่าๆ มีความห่วงคุณเขาไปเสียทุกอย่าง น่าร้ากกกกกก

นิยายเรื่องนี้จะค่อนข้างมีความเป็นนิยายแก๊กนะคะ และขอบคุณสำหรับคำชมรูปประกอบ ถ้าชื่นชอบอยากเห็นฉากต่อๆ ไปก็ฝากแชร์ชักชวนเพื่อนๆ มาอ่านกันเยอะๆ นะค้า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 4 : คมสันต์ผู้โดนกดหมกห้องเอกสาร 100% [05/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-05-2021 22:34:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 4 : คมสันต์ผู้โดนกดหมกห้องเอกสาร 100% [05/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 09-05-2021 10:36:58
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 5 : 40% [11/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 11-05-2021 19:38:09
ตอนที่ 5 : คมสันต์ผู้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว~ [40%]

คุณคิดว่าหัวข้อที่พนักงานบริษัททั่วไปจะสนทนากันในวันศุกร์นั้นเป็นเรื่องอะไร? พรุ่งนี้จะไปไหน วันหยุดจะทำอะไร แต่ที่แน่ๆ มันจะไม่พ้นคำว่าเย็นนี้ไปร้านไหนดี เป็นที่รู้ๆ กันไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ตาม มักมีเรื่องแฮงก์เอ้าท์เข้ามาพัวพันในช่วงวันสุดท้ายของสัปดาห์เสมอ ดีหน่อยนะที่พวกผู้หญิงยังปาร์ตี้แค่วันศุกร์ ลองเป็นพวกผู้ชายสิ...เลิกงานก็ดื่มแล้ว วันไหนก็ได้

คมสันต์มองซ้ายทีขวาทีเมื่อมีคนเข้ามาร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขาหลายต่อหลายคน เขาจัดแจงหยิบพวกพริกน้ำปลาให้คนเหล่านั้นที่ทยอยมานั่งด้วย โต๊ะห้องอาหารที่บริษัทจะมีทั้งแบบตัวยาวนั่งได้เป็นสิบคนกับโต๊ะแยกนั่งกันสี่ห้าคน แล้วคมสันต์ก็นั่งมันที่โต๊ะยาว ไม่ใช่มนุษย์สังคมขนาดนั้นหรอกแต่โต๊ะสำหรับสี่ห้าคนมันเต็มหมดแล้ว

“เย็นนี้ร้านหมูกระทะข้างบริษัทก็ได้นะ ช่วงนี้ยิ่งแกลบๆ อยู่ไปร้านแพงๆ ไม่ค่อยไหวหรอก” หญิงสาวคนหนึ่งพูด ระหว่างที่พูดตามองเพื่อน ส่วนมือนี่กวาดหาพริกน้ำปลา เอ้อเว้ย ตามีก็มองหาก่อนก็ได้ไหม คมสันต์เลื่อนถ้วยสีน้ำตาลอ่อนที่มีของที่เธอต้องการให้

“ฉันกินจนจะเป็นหมูล่ะ”

“ก็เป็นหมูอยู่แล้วหนิ” เสียงผู้ชายแทรก ทำเอาเธอแทบปรี๊ด แหกปากด่าผู้ชายคนนั้นที่ทำแค่ขำเธอเท่านั้น

เฮ้อ...กลับไปเอาปิ่นโตมากินดีกว่าไหมเนี่ย?

คมสันต์ตักข้าวเข้าปากพลางมองผู้คนบนโต๊ะพูดคุยกันเสียงดังอย่างกับอยู่ในตลาดสด ตอนทำงานก็คุยนะ แต่ตอนนี้ทำเหมือนตอนทำงานไม่ได้พูดไม่ได้คุยกันเลย เอาจริงคมสันต์ไม่ค่อยชอบเสียงดัง ไม่ชอบฟังคนอื่นนินทากันด้วยเพราะมันไม่ได้มีความจรรโลงใจเลยแม้แต่นิด

อะๆ อย่าเพิ่งสวนเขานะว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาก็แอบฟังคนอื่นพูดถึงอลันน่ะ อันนั้นมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ในฐานะหัวหน้าแผนกคนหนึ่งมันก็ต้องสนใจเรื่องตำแหน่งบนๆ เป็นเรื่องธรรมดาเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงทางหน้าที่การงาน จริงไหม...หรือไม่จริง เออ หรือไม่จริงวะ ตำแหน่งล่างๆ อย่างเขาคงไม่กระทบมากหรอกเนอะ

“มาช้าเชียวนะยะหล่อน”

“รีบแล้วเหอะ” คนมาใหม่ปรี่เข้ามานั่งที่โต๊ะ แทรกเพื่อนเพื่อป้องปากกระซิบกระซาบ คมสันต์อยากบอกว่าถ้าการกระซิบมันเสียงดังฟังชัดขนาดนั้นก็อย่ากระซิบเลย

“เมื่อกี้นี้นะ ตอนฉันกดลิฟต์ขึ้นไปข้างบนเพื่อไปเอาของน่ะฉันเจอคุณอลัน!” เป็นไง เสียงดังฟังชัด กระซิบจริงๆ กระซิบมากกก

คมสันต์ขออนุญาตใส่ใจแป็บ!

“ตายจริง ได้อ่อยเขาไหมล่ะเธอ” คิดแต่จะอ่อย อิโถ่

“ก็อยากอ่อยอยู่ แต่ใครๆ ก็รู้ปะยะว่าคุณอลันน่ะชอบกดดันคนอื่น ใครเข้าใกล้ได้ที่ไหน เข้าไปในลิฟต์ด้วยนี่แทบจะหายใจไม่ออก เหมือนจะจมน้ำตายเลยนะเธอ ไอ้ฉันเนี่ยก็แบบฝืนๆ ทนๆ ตอนแรกเข้าไปก็คิดว่าจะอ่อยจะนั่นจะนี่ พอเห็นฉันเข้าใกล้หน่อยนี่กดดันจนจะเป็นลม” คมสันต์อยากยกนิ้วให้คนเล่าเพราะเธอเล่าได้รสชาติมาก เป็นรสพริกขี้หนูสดกับกระเทียม

“เออ เรื่องนั้นรู้อยู่”

“แต่ทีนี้ตอนที่อยู่ในลิฟต์ด้วยกัน ก่อนถึงชั้นสิบแปดน่ะ จู่ๆ คุณอลันแกก็วูบจะล้มน่ะเธอ ไอ้ฉันก็อยากเสนอตัวใช่มะ เลยปรี่เข้าไปหมายจะประคองแบบนางเอก อิคุณอลันนางหันหน้ามาจ้องตาฉันอย่างกับจะฆ่าเลยน่ะเธอ โอ๊ยยยย คนมันหวังดีแค่มีจุดประสงค์นิดหน่อยก็ไม่ได้ พอบอกว่าจะช่วยเขาก็บอกไม่ต้อง เสียงเย็นเหยียบจนฉันเนี่ยหนาวไปทั้งตัวเลย” เดี๋ยวนะ...วูบอีกแล้วเหรอไอ้คุณอลัน!

“ก็พอเข้าใจหรอกนะว่าเขาไม่ค่อยชอบให้ใครไปใกล้ไปแตะตัว แต่ถึงขั้นปฏิเสธการช่วยเหลือมันก็เกินไปเปล่า” อีกคนวิพากษ์วิจารณ์

“คุณเขาคงไม่อยากเสียฟอมล่ะมั้ง” พวกผู้ชายเอ่ยขึ้นบ้าง

“ทั้งที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกันยังต่างระดับกัน เขาคงไม่อยากให้อัลฟ่าระดับเราๆ ไปโดนนั่นแหละ เฮอะ ไม่รู้จะหยิ่งยโสไปไหน พวกระดับนั้นนี่เป็นงี้กันทุกคนเลยหรือไง หมั่นไส้ฉิบเป๋ง” คมสันต์ฟังพลางจ้วงข้าวเข้าปาก

“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ได้ยินมาว่าคุณอลันแกทำงานหนักมากเลยนะยะ ไม่ใช่แค่หยิ่งแต่ก็เก่งนะ”

“เข้าข้างกันเข้าไป เก่งแต่ยโสโอหังขนาดนั้นยังไงๆ ก็ไม่น่ารอด”

“นี่อย่ามาว่าคุณอลันของฉันนะ”

“ใช่ๆ คุณอลันคือของพวกฉัน”

“ผมขอตัวก่อนนะ” ของใครไม่รู้ กูชิ่งล่ะ!

คมสันต์ลุกออกจากโต๊ะตรงดิ่งไปยังลิฟต์แบบไวมาก ไม่กี่ก้าวถึง เรียกว่าจังหวะนี้ใช้ความยาวของท่อนขาตัวเองได้คุ้มสุดๆ เลยล่ะ ในหัวนี่รันมันแต่คำว่าอลันวูบ อลันวูบ โอ๊ยยยย คนอะไรวูบเก่ง วูบขนาดนี้ไม่นอนอยู่บ้านไม่ต้องทำงานล่ะ

เออ...อลันไม่มาแล้วใครทำแทน?

คมสันต์หัวเสียนิดหน่อย เพราะคิดไปคิดมาหน้าที่อลันก็ไม่มีใครมาทำแทนได้ แล้วเขาเองก็ไม่รู้เรื่องระบบการทำงานของรองประธานบริหารอย่างอลันเสียด้วย ถ้าเป็นสายงานฝ่ายขายของเขายังพอเข้าใจแต่นี่ไม่เก็ตเลยจริงๆ

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นเบื้องหน้า พร้อมกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็เลยหันหลังกลับไปยังห้องอาหารของบริษัทอีกครั้ง คราวนี้ได้หงุดหงิดแล้วล่ะ หงุดหงิดตัวเองเนี่ย รีบมาก รีบจัด รีบแบบไม่คิดอะไรเล้ย เจ้าตัวจ้ำอ้าวไปยังร้านขายอาหารประเภทสปาร์เก็ตตี้และสเต็กบลาๆ เป็นร้านที่คมสันต์ไม่ค่อยชอบ เคยกินครั้งสองครั้งให้รู้รสชาติ เสร็จแล้วก็กลับไปตายที่ข้าวขาหมูอยู่ดี

พอได้อาหารมาเรียบร้อยก็จ้ำไปที่ลิฟต์ กดลิฟต์ รอลิฟต์ น่าตบกะโหลกตัวเองจริงจริ๊งงง ถ้าแวะซื้อตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่ต้องมาทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง แทนที่จะได้ขึ้นไปหาอลันเร็วๆ กลับมาเสียเวลากับอะไรก็ไม่รู้

ชั้นที่อลันทำงานนี้จะมีห้องทำงานใหญ่ๆ อยู่สองห้อง ห้องละทาง ขวาเป็นห้องประธานใหญ่และซ้ายเป็นห้องรองประธาน เป็นห้องเดิมของอลันนี่แหละแค่เปลี่ยนป้าย เวลาเที่ยงยี่สิบกว่าๆ แบบนี้ชั้นนี้ร้างมากกก แถมยังเงียบสงัด คลิปหนีบกระดาษตกต้องก้องกังวาลไปทั่วทั้งชั้นอย่างแน่นอน

ว่าแต่...อลันจะอยู่ไหม?

คมสันต์มาสำนึกได้ก็เอาตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องอลันเรียบร้อย จะถามเลขาหน้าห้องก็ถามไม่ได้เพราะไม่มีใครอยู่เลย มีแค่โต๊ะเก้าอี้คอมและของอื่นๆ หรือเขาควรส่งข้อความไปถามอลันว่าอลันอยู่ที่ห้องไหมแบบนี้? แต่เขาก็อยู่หน้าห้องอลันแล้วเปิดๆ ไปดูก็จบแล้วปะวะ คมสันต์ตีกับตัวไปหลายวินาที สุดท้ายเขาก็ค่อยๆ แง้มประตูเพื่อสอดส่ายสายตาไปดูว่ามีใครอยู่ไหม

“ใคร!” แล้วเสียงกังวาลและทรงอำนาจของอลันก็ดังขึ้น คมสันต์สะดุ้งเฮือกตัวแข็งทื่อเพราะมันน่ากลัวมาก นี่น่ะเหรอที่คนอื่นเขาเจอ คนอย่างคมสันต์เพิ่งเคยเจอของอลันครั้งแรกนี่เอง

“ผะ...ผะผมเองครับ” กว่าจะเค้นเสียงตอบได้แทบตาย คำว่าอึดอัดชนิดที่เหมือนกับการจมน้ำแล้วใกล้ตายแม่งเป็นแบบนี้นี่เอง

“คมสันต์?”

“ครับ” เขาค่อยๆ เปิดประตูให้กว้างขึ้น แต่แข้งขาไม่ขยับเหมือนโดนสตาฟให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ แค่จะขยับมือให้เปิดประตูกว้างขึ้นอลันเห็นตัวได้นี่ก็ฮึดสุดๆ แล้ว

“อ่า...” อลันนั่งเอนกายอยู่ที่โซฟารับแขกตัวใหญ่กลางห้อง พอเห็นว่าเป็นคมก็ผ่อนคลายลงแล้วนั่งสบายๆ

ความกดดันที่มีมากมายมหาศาลเมื่อครู่นี้ค่อยๆ เจือจางลงจนแทบไม่เหลือความรู้สึกนั้น คมสันต์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ชดเชยช่วงเมื่อกี้ที่แทบหายใจไม่ได้ เขามองไปที่หน้าอลัน...มองอลันเอนหลังหลับตาอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยล้า

“ผมได้ยินมาว่าคุณวูบในลิฟต์” คมสันต์เข้าไปข้างๆ โซฟา แต่ไม่ได้นั่งเทียบเท่าอลัน เขานั่งมันที่พื้นข้างๆ อลันเลย

“อืม หน้ามืด” อลันลืมตามองต่ำมาที่คมสันต์ เห็นแววตาเป็นห่วงของเจ้าเบต้าแล้วมันก็รู้สึกดีขึ้น

คมสันต์มองสำรวจสีหน้าของอลัน ดูไปดูมาแล้วอยากจะบอกอีกฝ่ายเหลือเกินว่าสีหน้าคุณตอนนี้นี่ขาวซีดกว่าเนื้อไก่ต้มอีกนะ ไอ้หลายวันที่ไม่ได้เจอกันเนี่ยมันไปบุกป่าฟ่าดงอะไรมาถึงโทรมแบบนี้ คมสันต์อดถอนหายใจไม่ได้ เขาวางกล่องสเต็กปลากับน้ำหวานลงโต๊ะกระจกหน้าโซฟาก่อนจะหันไปจ้องหน้าอลันอีก

“คุณพักผ่อนไม่พอใช่ไหม นอนวันล่ะกี่ชั่วโมงแล้วทำงานกี่ชั่วโมงกัน ข้าวปลากินบ้างไหม หน้าคุณนี่ซีดแล้วก็ตอบไปหมดเลยนะ” พอเริ่มพูดคิ้วก็เริ่มขมวด

“...” อลันจ้องหน้าคมนิ่ง มองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มเปิดปากบ่น

“แหนะ ถามว่าทำงานกี่ชั่วโมงนอนกี่ชั่วโมงก็ไม่ตอบ” คมสันต์เผลอทำหน้าดุใส่เพราะไม่ได้รับคตอบในคำถาม

____[40%]____

คุณอลันน่ะชอบทำตัวให้น้องเป็นห่วง น่าตีจริงๆ คมสันต์ตีคุณอลันเลย..ตีเพี้ยะๆ

เมื่อวานว่าอัปแต่ลืมงับ เค้าขอโต้ดดดด ตอนหน้าวันพุธ มีรูป! รอชมนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 5 : 40% [11/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-05-2021 13:18:42
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 5 :100% [12/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 12-05-2021 19:45:20
ตอนที่ 5 : คมสันต์ผู้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว~ [100%]

“นอนตีสี่...มั้งหรือห้า”

“นอนดึกไปไหม ทำงานหรือทำอะไร”

“งาน”

“บ้าหรือเปล่าถามจริง คุณต้องทำงานอะไรขนาดนั้นอะ นี่งานรองประธานหรืองานอะไรกันแน่ กรรมกรยังไม่ทำงานหนักเท่าคุณเลยนะ หรือว่าประธานใหญ่ใช้งานคุณหนักเกินไป คนเราควรทำงานแค่วันละแปดถึงเก้าชั่วโมงเท่านั้นแหละ นี่ทำหามรุ่งหามเช้าแบบนี้ได้ที่ไหน สุขภาพพังหมดพอดีนะคุณ” พอได้ยินว่าทำงานยันตีสี่ตีห้าคมสันต์นี่ไปเลยจ้า...ไปเป็นแม่อลันอะ

“...” อลันเอนตัววางศอกกับที่พักเท้าคางจ้องคนขี้บ่น คิ้วคมสันต์ขมวดหน่อยๆ สีหน้าดูเหมือนจะดุแต่...ไม่เห็นดุตรงไหน

“หรือคุณอยากจะไปนอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือแบบคราวก่อนอีกหืม ถึงทำตัวแบบนี้ ผมว่าถ้างานมันหนักไปคุณก็น่าจะแจ้งได้ ผมเชื่อว่าเขาไม่ใจร้ายกับคุณขนาดไม่ให้คุณได้หลับได้นอนแบบนี้แน่ๆ แล้วข้าวปลาได้กินมันครบสามมื้อมั้งไหม ทำงานหนักแล้วข้าวปลาก็ไม่ค่อยกินอีกจะได้ตายก่อนสามสิบนะ”

“ผมสามสิบแล้ว” อลันโต้กลับเงียบๆ เล่นเอาคมสันต์ชะงักไปหน่อย...หน้าใสแบบนี้สามสิบเหรอ? เหรอวะ นึกว่าเท่ากันมาตลอดนะเนี่ย

“ไม่รู้แหละ ตายก่อนสี่สิบก็ได้อะ มันต้องตายเร็วแน่ๆ ถ้ายังใช้ชีวิตแบบนี้ คุณอย่ารักงานมากกว่ารักตัวเองสิครับ หาเมียสักคนไหม คนไหนก็ได้ที่มาดูแลคุณน่ะ ผมเจอคุณทีไรนะมีเรื่องให้ต้องห่วงทุกทีเลย เฮ้อ...ดูแลตัวเองดีๆ หน่อยสิครับ แล้วก็ไม่ต้องมานั่งมองผมนิ่งแบบนั้นด้วย ผมไม่กลัวหรอก” เออ...เป็นไง ดูคนหล่อไว้ คนหล่อคนนี้บ่นรองประธานแบบไม่กลัวโดนไล่ออกเลยล่ะ เท่ใช่มะ อืม...หวังว่าจะเท่จนจบเรื่องนะ

“แน่ใจ” อลันเริ่มใช้พลังทางธรรมชาติของตัวเองอีกครั้งเพื่อกดดันคมสันต์

“หยุดเลย!” แต่โดนเจ้าเบต้าตัวนิดขึ้นเสียง “เรี่ยวแรงจะไม่มีอยู่แล้วยังมาใช้พลังพร่ำเพื่อ เซฟแรงตัวเองบ้างครับ ไม่ต้องมาห่วงจะดุผมหรือทำให้ผมกลัว ตอนนี้ผมกลัวแค่คุณจะหิวตายซะก่อน”

“ไม่หิวนะ”

“อย่ากวนได้ไหม” คมสันต์ละอยากจะตีขาจริงๆ เล้ย สภาพนี้ยังจะมาเถียงเขาอีก

คมสันต์ถลึงตาใส่อลันอีกครั้งแล้วหันไปที่กล่องอาหาร มันเป็นอีกครั้งที่คมสันต์ต้องมานั่งแกะกล่อง เตรียมของข้างในให้พร้อมสำหรับการรับประทาน มันก็ดีที่ไม่มีอะไรมาก ของข้างในถูกจัดให้เป็นระเบียบและพร้อมกินมากอยู่แล้ว แค่แกะซอสราดลงไปและเอาช้อนกับส้อมพลาสติกวางคู่กัน

“กินข้าวครับ ผมซื้อมาให้” เขาเลื่อนมันไปตรงหน้าอลัน

“ไม่หิวไง” อลันยังนิ่ง มองนิ่งๆ ทำตัวนิ่งๆ พี่จะนิ่งเป็นรูปปั้นเหรอ

“ไม่หิวก็ต้องกินครับ ไอ้อาการวูบเนี่ยนอกจากนอนไม่พอแล้วก็ยังไม่ได้รับพลังงานที่เพียงพอด้วยแน่นอน”

“พอสิ”

“ยังไง”

“แอลกอฮอล์ก็มีพลังงานะ” ได้ยินคำนี้ปุ๊บเส้นเลือดในขมับเต้นตุ้บๆ เลยจ้า

“แอลกอฮอล์ คุณดื่ม? ข้าวปลาไม่กินแต่ดื่ม? ถามจริง...คุณเอาอะไรคิดครับเนี่ย โอ๊ยปวดหัวกับคุณจริงๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วกินได้แล้วครับ มันไม่ร้อนแล้วจะไม่อร่อย แล้วถ้ากินอิ่มแล้วจะเถียงจะว่าจะดุผมก็ค่อยทำตอนกินหมดนั่นแหละ” ปวดหัวจริงนะเนี่ย ปวดหัวกว่าตอนคุยงานกับลูกค้าอีก เพราะลูกค้าไม่เถียงกวนประสาทขนาดนี้อะ

“จิ๊!” อลันจิ๊ปากเบาๆ แต่คมสันต์ที่มองอยู่ก็เห็นจะจะคาตาแถมยังได้ยินด้วย แต่ที่เขาไม่ตอบโต้หรือบ่นต่อเพราะอลันขยับตัวมานั่งกินอาหารที่เขาซื้อให้

อลันค่อยๆ กินแบบละเลียดกินทีละน้อย มันคงไม่ได้อร่อยเหมือนที่อลันไปกินร้านหรูหรอกแต่คิดว่ามันก็พอกินได้ ประทังชีวิตของอลันได้ก็แล้วกันน่ะนะ คมสันต์มองอลันอยู่ตลอด หยิบจับน้ำมาใกล้ๆ เวลาที่ดูแล้วอลันต้องการจะดื่ม พออลันดื่มเสร็จก็หยิบไปวางห่างมือให้อลันกินสเต็กปลาต่อ เจ้าปลาแซลมอนเนื้อสีส้มกับสลัดผักและขนมปังกระเทียมในสายตาคมสันต์ดูน้อยนิดไม่น่าอิ่ม แต่คิดว่าคนที่ไม่ได้กินอะไรมาเลยอย่างอลันน่าจะอิ่ม เพราะเวลาที่อดอาหารมากๆ มากินอาหารมันจะกินได้น้อย

พอซอสเลอะคมสันต์จะเอาทิชชู่เช็ดให้โดยอลันกินไปเรื่อยๆ เปื้อนนั่นนี่นิดหน่อยก็คอยเช็ดคอยดูความเรียบร้อย เรียกว่านั่งเป็นตัวป่วนเลยตอนนี้ แถมกว่าอลันจะกินเสร็จก็เลยเวลาเข้างานของคมสันต์ไปเป็นสิบกว่านาที คมสันต์รู้นะแต่ไม่ได้หนีกลับเข้างานก่อนเพราะอยากเห็นว่าอลันจะกินหมดไหม

“อิ่มไหมครับ ให้ผมซื้ออะไรเพิ่มไหม” พออลันเคี้ยวคำสุดท้าย คมสันต์ก็เอ่ยถามพลางเก็บกล่อง

“อิ่มแล้ว”

“แน่ใจนะครับ”

“อืม จุก” แค่นี้จุกได้ไง

“แค่นี้ก็จุกแล้ว” คมสันต์บ่นพลางส่ายหน้าระอากับความกินนิดเดียว

“ถึงจะจุกก็กินคุณได้หมดนะ” รูปประโยคมันแปลกๆ ปะวะ กินเขา...กินเขาจุก? อะไร??

“ผมไม่เข้าใจ”

“หมายถึงไอ้นั่น...ถึงจะจุกแต่ผมก็รับได้” เอ๊ะ? ไอ้นั่นเหรอ...ไอ้นั่นเขาเหรอ

“ช่างเถอะ เดี๋ยวมีงานต่อใช่ไหมครับ งานเร่งไหม ถ้าไม่เร่งมากผมว่าคุณงีบพักสักหน่อยก็ดีนะ จะได้สดชื่นตื่นมาทำงานแบบสมองปลอดโปร่ง การพักผ่อนมันดีมากเลยนะครับ ถ้านอนพอนี่รับรองว่าคิดงานอะไรก็ออก”

“อืม” อลันดูจะไม่ใส่ใจ แล้วคมสันต์ก็เหนื่อยจะพูดแล้ว

“คุณนี่นะ” สายตาคมสันต์มันมีทั้งห่วงทั้งระอา หรือเรียกว่าเหนื่อยใจกับคนคนนี้แต่ก็ห่วงอยู่ดี

“ผมทำไม”

“เปล่า มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหม ถ้าไม่มีผมจะได้กลับไปทำงาน” คมสันต์จ้องตาอลันเพื่อรอคำตอบ

“มี” อลันขยับมาใกล้ สายตาที่มองมานี่...อ่า...ไม่นะ ไม่หรอกนะ ไม่ใช่ไหม

“อะ...อะไรล่ะครับ” จะถอยก็ลำบากเพราะดันนั่งขัดสมาธิอยู่

“ทำให้หน่อย”

“ทำอะไร ผมไม่รู้เรื่อง...คุณพูดเรื่องอะไร” คมสันต์เลิกลั่กในทันใด คือต่อให้อลันพูดแค่ว่ามีกับสายตาที่จ้องมองมาเนี่ยคมสันต์ก็รู้แล้วว่าอลันหมายถึงอะไรแล้วอลันมีอะไรให้เขาช่วยน่ะ

“ต้องให้อธิบาย...จริงเหรอ” อลันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ พลางส่งสายตากระหายให้คมสันต์ ที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างล่างได้เหมือนเจ้าสัตว์ตัวจ้อยที่กำลังจะโดนรับประทานสุดๆ

“อ่า...” คมสันต์กัดปากตัวเอง ตามองตาสายตาก็จ้องมองกัน...จังหวะนี้ใครใส่ทำนองในหัวก็ขอให้โชคดี

“งั้นผมจะอธิบาย...”

“ไม่ต้องครับ ผมรู้แล้ว” ยอมจริงๆ ยอมไอ้เจ้าคนคนนี้เลย

“หึ” อลันกระตุกยิ้มแล้วยืดตัวไปเอนหลังบนโซฟา

“คุณนี่มันหื่นจริงๆ เลยรู้ตัวไหม นอกจากจะนอนน้อย ข้าวไม่กินแล้วก็ดื่มเหล้าดูดบุหรี่คุณนี่ก็พ่วงท้ายด้วยความหื่นตัวโตๆ เลยนะครับ” ปากบ่นครับ แต่ตัวเองน่ะขยับคุกเข่าเข้าหาหว่างขาอลันแล้ว

“อืมหึ” อลันเท้าคางมอง ไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่ก็รับรู้ได้ว่ากำลังพอใจ

คมสันต์มองหน้าอลัน คิดอยู่นะว่าจะบ่นต่อดีไหม...เจ้าตัวดูไม่สะทกสะท้านกับคำบ่นของเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังรับรู้ได้ถึงความพออกพอใจอะไรสักอย่างที่เขาบ่นๆ อยู่เนี่ย

อลันยื่นมือมาที่ปากของคมสันต์ สายตาที่มองมาราวกับจะบอกว่าเลียสิ...โอเค เลีย ได้เลย คมสันต์ค่อยๆ อ้าปากให้นิ้วเรียวสวยนั้นสอดเข้ามายอกเย้าเจ้าลิ้นนุ่มนิ่ม โดยที่สายตาก็ยังคงสบอยู่กับอลันที่มองมา

นิ้วเรียวของอลันเป็นแค่ออเดิร์ฟชิ้นแรกที่ได้ผ่านเข้ามาในปากของคมสันต์ หลังจากนั้นอลันยังป้อนออเดิร์ฟให้อีกหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะริมฝีปากนุ่มนิ่ม ลิ้นนุ่มหยุ่นและลำคอที่หอมหวาน ก่อนจะเป็นจานหลักบนร่างกายอันยั่วเย้าและ...ความอุ่นร้อนโอบรับที่น่าหลงใหล

ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกขอให้ปรนเปรอแต่คมสันต์ไม่แน่ใจว่าเขาปรนเปรออลันหรืออลันกันแน่ที่ปรนเปรอเขา เพราะช่วงที่ได้ทำมันคือช่วงเวลาที่ตัวเขาเองก็มีความสุข สีหน้าอลันในตอนนี้ไม่เหมือนสีหน้าอลันยามปกติ ลมหายใจหอบถี่และเสียงครางต่ำอันสั่นเครือขยี้อารมณ์ของคมสันต์ให้แตกกระเจิดกระเจิง สุดท้ายแล้ว...เขาก็ทำตามใจตนเองอย่างไม่อาจยับยั้งได้

กิจกรรมชักกะเย่อครั้งนี้ไม่กินเวลามากมายเหมือนครั้งก่อน เพราะงานที่ยังรอคอยทั้งคู่อยู่ทำให้ต้องแยกย้ายกันทั้งที่อลันยังไม่อิ่มหนำเท่าที่ควร คมสันต์รู้ว่าอลันต้องการอีก แค่น้ำสองน้ำไม่พออลันหรอก คนอย่างอลันนะต้องยันเย็น แต่ในเมื่อมันไม่ได้ก็คือไม่ได้

คมสันต์เดินเข้าไปสำรวจและตรวจดูความเรียบร้อยให้อลัน เช็กว่าผมเพ้าโอเคไหม ปกเสื้อเรียบร้อยหรือเปล่า แล้วมีตรงไหนเปื้อนเปรอะอะไรที่มันลามกบ้าง พอเห็นว่าเรียบร้อยดีทุกอย่างคมสันต์ถึงได้สบายใจและยิ้มออกมา

“โอเคครับ ผมขอตัวนะ แล้วก็...พักผ่อนด้วยนะครับ”

“อืม” อลันก็คืออลัน นิ่งได้นิ่งดี นิ่งซะอยากตีเลย

คมสันต์เพิกเฉยต่ออาการนั้นแล้วเดินออกมาจากห้อง คราวนี้ไม่ลืมที่จะเช็กสภาพตัวเองเหมือนกันนะ คราวก่อนนี่หัวฟูออกจากห้องเสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ไปหมด รอบนี้เนี้ยบแน่นอน

ถึงจะเห็นว่าคมสันต์ดูแลอลันหรือคนอื่นยังไง สิ่งหนึ่งที่คมสันต์ไม่ลืมก็คือดูแลตัวเอง อาจจะมีบ้างที่เผลอเรอไปนิดแต่ไม่ต้องห่วง เขาถือคติว่าถ้าดูแลตัวเองยังไม่ดีจะไปดูแลคนอื่นได้ยังไง

คมสันต์เดินผ่านเลขาหน้าห้อง ส่งยิ้มให้เธอซึ่งเธอก็ยิ้มแบบกรุ่มกริ่มตอบ อ่า...ได้ยินแน่นอน เอาไงดี ต้องเลิ่กลั่ก หรือไม่ต้อง เออช่างเหอะ คราวก่อนก็โชว์ประธานบริษัทไปแล้วคราวนี้จะเจอรอยยิ้มแบบนี้จากเลขาหน้าห้องก็ช่างมันเถอะเนอะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วชีวิตไอ้คมเนี้ย

นึกถึงสีหน้าของอลันตอนก่อนจะออกมา คมสันต์คิดนะว่าแววตาขออลันมันแปลกๆ จริงที่อลันมีสายตาอยู่แบบเดียวนั้นแหละ ถ้าถามว่าเป็นแบบไหนก็คือตานิ่งๆ แข็งๆ เลย ไม่แสดงสีหน้า ไม่แสดงอารมณ์ ขนาดพูดยังพูดน้อยเลย แต่คมสันต์กลับรับรู้ได้ว่าในความราบเรียบที่ดูไม่มีอะไรนั้นมันมีอะไรอยู่น่ะสิ

‘เหงา’

คำนี้แวบเข้ามาในหัวของคมสันต์ แล้วเขาก็คิดว่าแววตาเย็นชาคู่นั้นบ่งบอกกับเขาแบบนี้เหมือนกัน ทั้งที่ดูเป็นคนเพอร์เฟกต์ไปทุกอย่างแต่กลับดูโดดเดี่ยวชอบกล เขาอาจจะคิดไปเองก็ได้แหละนะ แต่มันก็หยุดคิดไม่ได้อยู่ดี

กระทั่งว่า...เป็นห่วงอลันขนาดนี้ทำไมก่อน!

อลันเท่าที่คมสันต์ได้เฉียดเข้าไปใกล้ แหม...ใช้คำว่าเฉียดด้วยนะ เฉียดฉีอะจิ เนื้อตัวเนี่ย อลันเป็นคนที่น่าห่วงมากคงเพราะเจอกันแต่ละครั้งอลันดูป่วยอยู่ตลอดละมั้ง แบบร่างกายไม่แข็งแรงเพราะโหมทำงานมากเกินไป ข้อนี้ไม่รวมตอนอลันหลอกเขาไปที่ห้องนะ แต่สำหรับวันนั้นคมสันต์ก็คิดนะว่าอลันอาจจะไม่ได้หลอกเขาหรอก แค่ตอนนั้นอลันก็หื่นด้วยแล้วใช้พลังแห่งความหื่นมากระทำชำเราเขาเท่านั้นเอง

นั่นกับเท่ากับว่าทุกครั้งที่คมสันต์เห็นหรือเจออลันจะเป็นตอนที่อลันดูอ่อนแอทุกที ในขณะที่ฟังจากคนอื่นๆ มาอลันดูดุดันและแข็งกร้าวอยู่ตลอด ไม่เคยเสียมาดให้ใครเห็นเลย

ฮั่นแน่...เขาต้องเป็นคนพิเศษใส่ไข่ของอลันแน่ๆ เลย

คมสันต์ขำกับตัวเองในใจ คนพิเศษของอลันเนี่ยนะ? เขาคิดได้ยังไง นี่แค่เบต้าธรรมดาเท่านั้น อัลฟ่าระดับสูงแบบนั้นไม่มาชายตาแลหรอก ขืนคิดเป็นตุเป็นตะเข้าหาข้างตัวเองแล้วจู่ๆ อลันมาบอกว่าเขาเป็นแค่คู่นอนนี่หน้าแตกดังโพล๊ะ! เลยน้า

คมสันต์กลับเข้ามาทำงานอีกครั้งท่ามกลางคำถามว่าหายไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมง นี่ถ้าแต่ก่อนทำงานอยู่ในอานัติคนอื่นโดนด่าไปแล้วนะที่โดดงานเป็นชั่วโมงๆ เนี่ย รู้สึกขอบคุณตำแหน่งของตัวเองขึ้นมาทันใดเพราะสามารถที่จะแถแถ่ดๆ ได้หลายประเด็น

แม้ว่าจะรู้สึกเป็นคนไม่ดีก็เถอะ แต่เรื่องนี้คงต้องโทษอลัน อลันนั่นแหละที่ทำให้เขากลายเป็นคนเกเรเกงานแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะอลันนี่เขาจะได้รางวัลพนักงานดีเด่นแข่งกับเพื่อนเขาเลยนะ เชื่อไหม...เชื่อเถอะ ทั้งขยันเรื่องงาน เรื่องน่ารัก เรื่องดูแลคนอื่นและเรื่องดื้บๆ ขนาดนี้ มันต้องได้สักรางวัลละวะ

เออ...หรือไปขอรางวัลจากอลันดีไหมน่อว?

ไม่ดีๆ แค่คิดว่าคนอย่างอลันจะให้รางวัลเขามันคงไม่พ้นเรื่องดื้บๆ แน่นอน แล้วคนที่เหนื่อยมันก็จะกลายเป็นเขาอีก โอ๊ย แค่คิดก็เหนื่อยแล้วอะคิดดู!

____[100%]____

คือเราชอบความเทคแคร์ดูแลเอาใจใส่คนอื่นของน้องมาก ต่อให้น้องจะมีรำคาญบ้างเวลาอยู่กับสายซุบซิบแต่น้องก็ยังคอยสังเกตความต้องการของคนอื่น น้องอาจจะดูง่องแง่งๆ ไม่เหมือนพระเอกแต่เราก็ยืนยันว่าพระเอกน่ารักแบบน้องได้งื้อออออ

แล้วก็หวังว่านักอ่านจะชอบน้องที่เป็นแบบนี้เหมือนเรานะคะ ^^
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 5 :100% [12/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-05-2021 20:57:27
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 6 : 40% [17/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 17-05-2021 20:42:32
ตอนที่ 6 : คมสันต์กับปิ่นโตสีชมพู [40%]

วันนี้...คมสันต์อยากนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่มีชื่อปิ่นโตอัจฉริยะ  มันคือไอเทมที่เหมาะแก่คนยุคใหม่ที่มีชีวิตรีบเร่งแต่ยังคงรักและห่วงสุขภาพ แค่คุณมีปิ่นโตน้อยสีชมพูอันนี้ คุณก็สามาถจะรังสรรค์อาหารคลีนได้เองหรือแม้กระทั่งกินอาหารที่นำมาจากบ้านโดยที่มันยังร้อนรุ่มระอุอยู่ในปากได้อย่างง่ายดาย เป็นไง...ปิ่นโตอะไรเท่ขนาดนี้ หุงอุ่นตุ๋นต้มนึ่งได้ภายในปิ่นโตอันเดียวววว

บอกตรงๆ คมสันต์เห่อไอ้ปิ่นโตหลักพันนี่มาก!

เห่อขนาดที่ว่าเอาข้าวสารมาเองเพื่อจะเอามาหุงกินที่ทำงานน่ะคิดดู ข้าวสวยที่บ้านแม่หุงให้ดีๆ ไม่เอา อยากหุงเอง อยากหล่อเท่ ไม่พอด้วยนะ มีเอาไข่มาเองด้วย พร้อมซอสปรุงรสฝาทองของยี่ห้อภูผาสีทอง มีไส้กรอก ปูอัดและหมูยอแป้งที่ซื้อมาจากตลาดสามถุงร้อยพร้อม! คือดูๆ ไปแล้วซื้อกินมันน่าจะง่ายและสะดวกกว่า แต่คนมันเห่อของใหม่อะนะ มันก็เลยมานะในการแบกของพวกนี้มาที่ทำงาน

คมสันต์เตรียมของเอาไว้ด้วยการหั่นมันในปริมาณที่พอกับตัวเองกินแล้วใส่ถุงแกงมา มัดเลียนแบบแม่ค้าที่ตลาดด้วยไม่อยากจะคุย พอเห็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะพักเที่ยงคมสันต์ก็เริ่มปฏิบัติการทำอาหารอย่างง่ายในปิ่นโตที่ซื้อมาจากในเน็ต เตรียมของทุกอย่าปุ๊บเสียบปลั๊กแล้วนั่งรอ ง่ายแบบง่ายมากกกกกก

เจ้าตัววางปิ่นโตสีชมพูนมเย็นไว้ตรงหน้า ยิ้มกริ่มขณะที่เจ้าปิ่นโตกำลังทำหน้าที่ของมันอยู่ ลุ้นใจจดใจจ่อเลยตอนนี้ว่ามันจะหน้าตาออกมาแบบไหนน้า หูยยยย แค่กลิ่นที่ลอยออกมาจากกล่องก็หอมฟุ้งพาให้น้ำลายสอแล้ว!

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นเรียกคนเห่อปิ่นโตใบใหม่ให้หันไปมอง หญิงสาวหนึ่งในลูกน้องของแผนกเป็นคนเคาะ แล้วเธอก็เปิดประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส

“คุณคมคะ ไปกินข้าวเที่ยงกันไหม...” เธอพูดพลางมองเจ้ากล่องข้าวสีชมพูตรงหน้าคมสันต์ แล้วรอยยิ้มนั้นก็แปลกประหลาดไปเล็กน้อย

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณที่มาชวนน้า แต่ว่าวันนี้ผมมีข้าวเที่ยงแล้ว” ไม่อยากจะบอกว่าข้าวเที่ยงนี้เขาทำเองกระทั่งหุงข้าวเลยนา

“ข้าวเที่ยงในปิ่นโตสีชมพูนั่นน่ะเหรอคะ แฟนสาวทำมาให้เหรอ”

“อ๋อเปล่าหรอกครับ ของผมเอง นี่ผมซื้อมาเองเลยน้า...สนใจกินด้วยกันไหมครับ ผมทำไข่ตุ๋นใส่ปูดอัดกับไส้กรอกด้วยนะ มีหมูยอพริกไทยด้วยล่ะ” คมสันต์เอ่ยชวนอย่างอารมณ์ดี ซึ่งเธอคนนั้นกลับยิ้มแหยๆ ใส่เขา

“ซื้อเองเลยเหรอคะ สีชมพูเนี่ยนะคะ” ทำไมอะ สีชมพูมันทำไมเหรอ เขาชอบนะ สีสวยมากเลย

“สวยใช่ไหมล่ะครับ” คมสันต์ยิ้มกว้าง ทำนิ้วพริ้วๆ ใส่เจ้าปิ่นโตราวกับมันจะทำให้ปิ่นโตมีอะไรฟรุ้งฟริ้งออกมาได้อย่างนั้นแหละ

“ก็สวยนะคะ แต่มันดู...ไม่เหมาะ” รอยยิ้มเธอเริ่มกลายเป็นการเหยียดหยันขึ้นทีละนิด คมสันต์งงกับคำว่าไม่เหมาะของเธอ ปิ่นโตสีชมพูไม่เหมาะกับเขางั้นเหรอ เขาชอบมากเลยนะ สีสันสดใสน่าร้ากกก

“ยังไงเหรอครับ” คมสันต์ถามหน้าซื่อตาใส

“ก็คุณเป็นผู้ชาย” เป็นผู้ชายแล้วชอบสีชมพูไม่ได้ ตรรกะไหนวะเนี่ย

เธอกอดอกแล้วมอง “สีมชมพูมันเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าไหมล่ะคะ อีกอย่างคุณคมเองก็ไม่ใช่โอเมก้าตัวน้อยที่จะดูน่ารักเวลาใช้ของสีหวานแบบนั้นเสียหน่อย มันดูตลกมากกว่านะคะ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ แบบนี้...สาวๆ ไม่เข้าหาหรอกเพราะคิดว่าจะได้เพื่อนสาวมากกว่าแฟนหนุ่มน่ะค่ะ”

“อ่า...” เหยียดเก่งงงงง ผู้ชายตัวใหญ่ที่ไม่ใช่โอเมก้าใช้สีชมพูไม่ได้เพราะสาวจะไม่เอา ถามก่อน...กระผมเอาเธอไหม?

“อีกเรื่อง...นี่มันหมดยุคจะมาพกปิ่นโตแล้วไหมคะ ตำแหน่งคุณมากินอะไรอย่างนี้ คนอื่นรู้เข้าเขาจะไม่นับถือเอานะคะ ควรจะไปหาอะไรที่ดูดีและมีราคากินเพื่อให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอมากกว่า ลองคิดดูสิคะ ถ้าสาวที่คุณเข้าไปจีบเขาเจอคุณสภาพนี้ เขาคงคิดแหละค่ะว่าคุณนั้นงกเกินไป แล้วก็คงไม่อยากได้แฟนที่ยังมานั่งกินปิ่นโตแบบนี้ หรือไม่ก็กินข้าวที่แม่ยังทำให้เป็นเด็กๆ ดิฉันไม่ได้จะว่าคุณคมน้า...แค่แนะนำเฉยๆ” ไม่ว่าเลยจ้ะ สายตาคือเหยียด...อัลฟ่านี่เหยียดเก่ง

รอยยิ้มของคมสันต์ไม่มีเจื่อนเลยแม้แต่น้อยเพราะไอ้คำพูดของเธอนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสะทกสะท้านได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าถามว่าคำพูดพวกนี้ทำให้เขารู้สึกอะไรบ้าง เขาคงตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ารู้สึกว่า...เสือก เสือกจัง เสือกทำไมก่อน ชวนกินเฉยๆ จะกินก็ไม่ว่า ไม่กินก็บอกไม่กินแล้วก็ไปสิ เอ้อคนเรา มาบงมาบอกว่าหวังดี...เอาความหวังดีนี้ไปหมุนเงินให้ชนเดือนก่อนดีกว่าไหม

“ขอโทษที่พูดแรงไปนะคะ พอดีหนูก็พูดตรงๆ แบบนี้แหละค่ะ” พูดตรงกับพูดแบบไม่มีมารยาทน่ะมันเส้นบางๆ นะเธอจ๋า

“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าหวังดี ยังไงก็ขอบ...”

!!!

คำพูดของคมสันต์ขาดห้วงพร้อมๆ กับท่าทางของหญิงสาวที่เปลี่ยนไปแบบกระทันหันด้วยแรงกดดันจากอัลฟ่าระดับสูง ราวกับตอนนี้มีน้ำมากมายมหาศาลร่วงตู้มมมมลงมาในห้องนี้ในเสี้ยววินาที ทั้งอัลฟ่าสาวและเบต้าหน้าง่าวอย่างคมสันต์ต่างรู้สึกอึดอัดอย่างกับคนจมน้ำ

คมสันต์รับรู้ได้ว่าความรู้สึกนี้มาจากคนคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคย แต่แม้จะรู้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรับมือได้ ในขณะเดียวกันอัลฟ่าสาวเบื้องหน้าคมสันต์ตอนนี้กลับตัวสั่นก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง เธอดูหวาดกลัวกับรังสีกดดันของอลันเป็นอย่างมาก

“กินด้วยสิ” เสียงทุ้มนุ่มไร้อารมณ์ดังขึ้นท่ามกลางความกดดัน สาวเจ้าหดคองอไหล่ลู่เข้ากับตัวอย่างกับสุนัขที่ต้องเผชิญหน้ากับจ่าฝูง อลันปลายตามองเธอ และเมื่ออลันมองเธอก็ทรุดลงไปกับพื้นด้วยทนรับความกดดันจากอลันไม่ไหว

“เอ่อคือ...” โอ๊ยยยย มาถึงก็เอาเรื่องเลยนะคนคนนี้

“คุณจะไม่ให้ผมกินด้วยเหรอ” อลันหันไปมองคมสันต์ แต่สิ่งที่คมสันต์ได้รับมันไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนจะจมน้ำตายแบบที่หญิงสาวได้รับ

“เปล่าครับ กินได้สิครับ” พูดว่ากินได้ไปงั้นแหละ ไอ้ที่เขาทำๆ ไปอะ จะกินได้จริงๆ อย่างที่พูดไหมก่อน

“ดีเลย ผมหิว” อลันเดินเข้าไปใกล้ เฉียดร่างหญิงสาวที่เข่าอ่อนบนพื้น เขาปลายตามองเธออีกครั้ง และมันก็ทำให้เธอถึงกับน้ำตาซึมด้วยความกลัว

คมสันต์อยากจะเขย่าตัวอลันแล้วบอกว่าพอได้แล้ว เธอกลัวหมดแล้ว เล่นพุ่งพลังใส่เธอแบบนั้นถ้าไม่ใช่คนระดับเดียวกันไม่มีทางต่อกรได้หรอก แล้วเธอก็ไม่ใช่อัลฟ่าที่มีสายเลือดเข้มข้นอะไรเสียด้วย นี่ถ้าอลันเอาพลังนี้มาพุ่งใส่เขาแทนมีหวังคมสันต์สลบเมือดไปแล้วเรียบร้อย ไม่มีทางจะนั่งหัวโด่ดมกลิ่นข้าวกับข้าวที่ตัวเองทำแบบที่ทำตอนนี้ได้หรอก

“แล้วเธอไม่ไปกินข้าวเหรอ” ทำแบบนั้นใส่เธอคงลุกขึ้นหรอกนะ

“ก็คุณ...”

“ผมทำไม” อลันหันขวับมามองคมสันต์ มองนิ่งๆ นิ่มๆ แต่คนโดนมองจะตายแล้ววววว

“เปล่าคร้าบ” ไม่มีอะไรเลยคร้าบ ไม่กล้ามีคร้าบ กลัวแล้วคร้าบ

อลันละสายตาแล้วหันไปมองคนบนพื้นอีกครั้ง “ไปสิ จะไปไหนก็ไป”

“คะ...ค่ะค่ะค่ะไปแล้วค่ะ” เธอลนลานรีบลุกทั้งที่เข้งขาไม่มีเรี่ยวแรง คมสันต์เห็นคาตาเลยว่าขาเธอนั้นสั่นพั่บๆ กว่าจะลุกเดินไปถึงประตูได้เรียกว่าทุลักทุเลสุดๆ

คมสันต์คนนี้เป็นคนดี เอาใจช่วยเธอแบบเต็มที่ เชียร์ในใจสุดฤทธิ์สุดเดชให้เธอลุกแล้วรีบหนีออกไปจากห้องนี้ อลันน่ะนอกจากจะโหดเหี้ยมด้วยความเย็นชาไม่สนใจใครแล้วอลันยังเอาแต่ใจด้วย เพราะงั้นหนีป๊ายยยย

“จะมองเธออีกนานไหม เสียดายเหรอ” อลันนั่งตรงข้ามคมสันต์ เอ่ยถามเรียบๆ เงียบๆ ไร้อารมณ์ เป็นรูปปั้นพูดได้หรือไงถามจริง

“เปล่านะแค่เอาใจช่วย”

“ช่วยทำไม” รู้สึกถึงความหนักอึ้งอีกแล้วววว

“พอแล้วคร้าบ ผมจะหายใจไม่ออกแล้ว” คมสันต์เบะปาก แบบว่าน่ารักมาก...มั้ง

“ก็ตอบสิ”

“ก็สงสารเฉยๆ เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เข่าอ่อนเข่าทรุดขนาดนั้นผมก็ต้องรู้สึกสงสารและเห็นใจเป็นธรรมดานี่ครับ นี่ถ้าปกติผมคงไปช่วยพยุงแล้ว แต่ไม่กล้า...กลัวโดนกินหัว” เบะปากรอบสอง เอาให้น่ารักกว่ารอบแรก แต่ดูจากปฏิกิริยาจากอลันแล้วก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองน่ารักหรือน่าถีบกันแน่ เพราะอลันหน้าเดิม...เยี่ยม!

“หึ!” อลันส่งเสียงไม่พอใจขึ้นจมูก แค่นั้นคมสันต์ก็เผลอสะดุ้งนิดหน่อย เขาต้องนิ่ง...นั่งนิ่งๆ ตามอีกฝ่ายทั้งที่กลิ่นอาหารในปิ่นโตเขากำลังส่งกลิ่นหอมฉุย

คมสันต์มองหน้าอลันสลับกับปิ่นโตสีชมพูหวานราวกับลูกกวาดของตัวเอง ไม่รู้ต้องสนใจอันไหนก่อนระหว่างบุรุษผู้ทำตัวเหมือนรูปปั้นเดินได้กับอาหารกลิ่นหอมๆ ส่งกลิ่นยั่วให้กินเสียที

____[40%]____

เผลอมองคนอื่นนานหน่อยไม่ได้เลย ไม่ได้จริงๆ คุณอลันเขาหวงของเขานะเข้าใจไหม จริงๆ แอบสปอยหน่อย ตอนนี้น่ารักมากกกก รออ่านครึ่งหลังได้เลย
ปล.น้องนักวาดวาดแฟนอาร์ตให้เค้าด้วย แง น่ารักง่า
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 6 : 40% [17/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-05-2021 20:42:41
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 6 : 100% [19/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 19-05-2021 20:45:05
ตอนที่ 6 : คมสันต์กับปิ่นโตสีชมพู [100%]

มองสลับไปมาอยู่สองหนก็เจอสายตานิ่งๆ ที่แฝงคำถามมาให้เขา นี่อาจจะเป็นความสามารถพิเศษที่ผุดขึ้นมาหลังจากโดนอัลฟ่าระดับสูงกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวว่าทำไมเขาถึงยอมให้อีกฝ่ายพูดจาไม่ดีใส่ คมสันต์อาจจะคิดไปเองก็ได้นะ แต่เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ รู้สึกด้วยว่าอลันไม่พอใจที่เขายอมอีกฝ่ายแบบนี้ แต่ถึงจะรับรู้อะไรบางอย่างจากสายตาเย็นชาใต้แว่นราคาแพงนั้นคมสันต์ก็ไม่คิดจะพูดอะไร

ก็นะ...ไม่ใช่ว่ายอมหรืออะไรหรอก แค่เห็นว่าคำพูดพวกนั้นมันไม่ได้มีค่าให้ใส่ใจหรือสนใจขนาดนั้น เธอคนนั้นจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ หงุดหงิดนิดหน่อยแต่มันก็แค่นั้นอะ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตของเขาอยู่ดี แล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ความกินดีอยู่ดีของเขาลดลงด้วย เขายังได้เงินเท่าเดิม มีกินมีใช้เหลือๆ สบายๆ แบบไม่เดือดร้อนใคร

หรือต้องบอกว่าคำพูดคนอื่นนอกจากครอบครัวแล้วคมสันต์ไม่สนใจเลยดีกว่า

“ว่าแต่คุณอลันมีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้มาหาผมถึงนี่เลย จริงๆ ถ้าหิวก็ให้คนอื่นไปซื้อได้ อ่า...หรือจะใช้ผมแบบที่เคยใช้ก็ได้น้า” เป็นไง เป็นคนดีไหม อลันอยากใช้งานเขาอีกคนเขาก็ไม่ปฏิเสธเลย คนดีจ๊าดดดด

“กินด้วย” กินอะไร...คมสันต์คิด แล้วมองปิ่นโตที่ส่งกลิ่นหอมฉุยจากนั้นมองหน้านิ่งๆ ของอลันอีกครั้ง

“มีแต่ไข่ตุ๋นนะ ไม่สิ มีข้าวด้วย ผมหุงเองเมื่อกี้เลยนะครับ แอบหุงในเวลางานนี่เลย แล้วก็ทำไข่ตุ๋นเองด้วย ไข่ตุ๋นผมเนี่ยนะทอปปิ้งด้วยปูอัด ไส้กรอกและหมูยอพริกไทยดำ เป็นไงๆ ผมเก่งเปล่า เออใช่! ผมเอาเครื่องปรุงมาเองเลยนา...นี่ไง” ว่าแล้วก็ชูเจ้าซอสปรุงรสสำเร็จรูปให้อลันดู แล้วเพียงแวบเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าอลันทำหน้าอิหยังวะใส่เขา

“...” อะ...ถึงกับพูดไม่ออก ไม่คิดว่าเขาจะทุ่มเทขนาดนี้ล่ะเซ่

“ฮ่าๆ หน้าคุณตลกจัง” แต่ถ้าคนอื่นได้ยินคมสันต์พูดแบบนี้จะตลกคมสันต์มากกว่านะ เพราะอลันก็ทำหน้าเดิมไม่ได้ทำหน้าตลกอะไรเลยแแม้แต่นิดเดียว

“อ่าฮะ”

“ว่าแต่...กินข้าวแล้วกินผมด้วยเปล่า” คมสันต์ยื่นหน้าเข้าหาอลันก่อนยิงคำถามด้วยสายตาแพรวพราว ก็ทำไปด้วยอารมณ์อยากหยอกล้อนั่นแหละ

อลันไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจ้องตาคมสันต์ “แน่นอน นั่นแหละประเด็นสำคัญที่ผมมาหาคุณ”

“เอ่อ...” เจอแบบนี้ก้เผลอเขินเว้ย “พูดตรงไปไหมครับ ฮ่าๆ แต่การพูดตรงไปตรงมาของคุณก็น่ารักดีนะ”

“...” คมสันต์เห็นว่าอลันเงียบไม่ได้ตอบก็หันมาสนใจปิ่นโต

เอาล่ะคร้าบบบบ ได้เวลาเผยโฉมหน้าอาหารอันหรูหราราคาสิบบาทกันแล้ว แทแด๊ คมสันต์เปิดปิ่นโตออกมาก็มีไอน้ำพุ่งขึ้นในอากาศเบาๆ พร้อมกับกลิ่นหอมของไข่ตุ๋นหน้าตาเด๋อด๋าเหมือนเจ้าของ คมสันต์ทำใส่ถาดยาวทั้งสองที่ร้านให้มา เรียกว่าข้าวเยอะไข่ก็เยอะและเครื่องบนหน้าไข่ตุ๋นก็แน่นเปรี๊ยะ

เอ่อ...แต่ไม่มีจานชามช้อนวะ?

“น่ารักก็รักสิ”

เคร้งงงงงง

อุ๊บ...ไม่นะ ไม่ เมื่อกี้หูฝาด เมื่อกี้หูพิการแน่ๆ เลย อลันพูดอะไรออกมา คมสันต์ตกใจถึงขั้นทำฝาปิ่นโตร่วงลงกระทบโต๊ะทำงานของตัวเอง เงยหน้าช้าๆ แบบสโลวโมชั่นไปที่อลัน แล้วก็พบกับสายตาเย็นชาที่มีความจริงจังอยู่ในนั้น เท่านั้นแหละ...ไอ้อาการช็อกเมื่อครู่ก็หายไปแล้วแทนที่ด้วยความเขินพุ่งปรี๊ดเหมือนปรอทวัดอุณหภูมิในทันที

“ฮะๆ ฮะๆ ฮ่า...ผมหูฝาดแน่เลย”

“หูฝาดอะไร” อลันถามจี้ ดูอาการก็รู้หรอก ดูออกง่ายขนาดนี้

“ก็...ที่คุณพูด”

“ให้พูดซ้ำไหมล่ะ ผมบอกว่า...น่ารักก็รักสิ น่ารักก็รักสิ น่ารักก็รักสิ น่ารัก....”

“พ๊ออออออ โอ๊ย...พอเลย ไม่ต้องมาพูดคำนั้นทั้งที่หน้าคุณมันนิ่งเหมือนรูปปั้นได้ไหม ให้ตายเถอะ” คนอะไร บทจะกวนกก็กวนหน้าตายจริงๆ แล้วไอ้นิสัยปั่นประสาทแบบนี้เนี่ยไปเอามาจากไหน

“หึหึ” อะ...ไม่หยุดขยี้หัวใจ ยังมีหน้ามาหัวเราะพร้อมรอยยิ้มมุมปากอีก ไม่น้าาาาา จะมายิ้มหน้าซื่อตาใสใส่เขาแบบที่เขาไม่ทันตั้งตัวไม่ได้นะเว้ย!

คมสันต์หลบสายตา หลบรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีของอลันไปที่อาหารตรงหน้าแทน เขามีชามแค่ใบเดียวเอาไว้ต้มมาม่ายามฉุกเฉิน เจ้าชามนี้นี่แหละที่คมสันต์เอามาให้ตัวเองไว้กิน แล้วนี่ก็ดีนะที่มีช้อนสองคันเพราะตอนนั้นหาอีคันแรกไม่เจอเลยเอามาเพิ่ม พอเอามาเพิ่มอีช้อนคันแรกก็โพล่หน้ามาให้เห็นราวกับเพิ่งกลับมาจากการพักร้อน คมสันต์ให้อลันกินในปิ่นโตนั้นเลยส่วนตัวเองก็ตักแบ่งข้าวออกมาจากถาดชั้นล่าง

ข้าวน่ะมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอกสำหรับผู้ชายน่ะ คมสันต์ตักมาไม่เยอะนัก ทำเหมือนแบ่งครึ่งแต่จริงๆ แล้วเขาทำให้มันหลอกตาเฉยๆ เขารู้ว่าอลันไม่น่าจะกินอะไรมาเพราะไอ้นิสัยทำแต่งานข้าวปลาไม่กินของอลันนั่นแหละ เขาอยากให้อลันกินเยอะๆ จะได้อิ่มแล้วก็มีแรงทำงาน เขาน่ะหิวก็ยังมีมาม่าที่ตุนสำรองเอาไว้ อยากกินเมื่อไหร่ก็แค่ไปกดน้ำร้อนเท่านั้น

อลันมองช้อนหน้าตาบ้านๆ ของเขา พลิกซ้ายขวาสำรวจความสะอาดก่อนจะตักเจ้าไข่ตุ๋นมาชิม ตักมาคำเล็กมากกกก ดูรู้เลยนะว่าไว้ใจอาหารของเขามากขนาดไหนนะ แต่พอชิมจนรู้รสแล้วอลันก็ตักไปราดข้าวของตน

“อร่อยไหมอะครับ” พูดไปก็ตักชิมบ้าง อื้ม...อร่อยจริมๆ รสชาติของลูกผู้ชาย

“ก็พอกินแทนน้ำเปล่าได้” โหยแรงงงงง แรงกว่าคนนั้นที่ว่าปิ่นโตสีชมพูอีกแหนะ ใจร้ายวะ

“เสียจุย ผมตั้งใจทำมากเลยนะ ถึงจะปรุงรสไม่เป็นแต่เจ้าซอสปรุงรสอันนี้น่ะเหมาะกับคนทำอาหารโง่มากแบบผมสุดๆ แล้วผมว่ามันก็อร่อยด้วย ถึงปูอัดไส้กรอกและหมูยอจะมีแป้งเยอะมากก็ตาม แฮ่ๆ ผมซื้อมาจากตลาดสามอันร้อยรสชาติก็ได้แค่นี้แหละครับ ถ้าคุณว่ามันไม่โอเคกินแค่ไข่ก็ได้นะ” เพราะเดี๋ยวไอ้พวกนั้นผมจะสวาปามเองงงงง วะฮะฮ่า

“อืม” อลันพยักหน้าส่งๆ แล้วนั่งกินข้าวไปมองหน้าคมสันต์ไป

แล้วคนอย่างคมสันต์จะทำอะไรได้นอกจากนั่งมองหน้าอลันตอบ ก็ตรงหน้าเขาเป็นอลันอะ นี่ถ้าอลันไม่อยู่เขาคงกินข้าวไปดูยูทูปไปด้วยเหมือนเคย กินไปกินมาคมสันต์ก็รู้สึกว่าเขากับอลันจะกลายร่างเป็นปลากัดกันแล้วน้า ก็เล่นเอาแต่มองหน้ากันตลอดเลย เกิดเขาท้องขึ้นมาทำไง จะฟ้องแม่ยังไงดี...

เสียงเจี๋ยวจ๊าวด้านนอกดังขึ้นมาตอนที่คมสันต์กินข้าวของตัวเองหมด ขณะที่อลันยังละเลียดกินเหมือนเดิมแบบที่เขาเคยนั่งเฝ้าอยู่หลายต่อหลายครั้งนั่นแหละ แถมเวลากินไม่มองกับข้าวด้วยนะ มองหน้าเขา มองอะไรก็ไม่รู้ สงสัยจะคิดว่าเขาคือกับข้าวที่อลันอยากจะกินก็เป็นไปด้าย

“ใกล้เวลาเข้างานแล้วสิ” คมสันต์เอ่ยเบาๆ คนด้านนอกเองก็มองเข้ามาในห้องของเขา ด้วยความที่ห้องนี้มันทึบแค่ช่วงครึ่งท่อนล่าง แต่ครึ่งท่อนบนเป็นกระจกเพื่อให้มองดูพนักงานด้านนอกได้

“ไปส่งด้วย”

“ฮะ? เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ”

“บอกว่าไปส่งด้วย กินข้าวแล้วแต่ผมยังไม่ได้กินคุณ”

“ชะอุ๊ย! แหม...ไม่คิดจะอ้อมโลกกันสักหน่อยเหรอครับไอ้เรื่องอย่างนั้นน่ะ” คนเขินมันเป็นไอ้คมคนนี้ละคร้าบบบคุณอลันครับ

“เสียเวลา” อลันกวาดไข่ตุ๋นในถ้วยคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นเลื่อนถาดอาหารอันว่างเปล่ามาตรงหน้า แล้วคมสันต์ก็ส่งน้ำเปล่าให้อลันเหมือนเครื่องส่งน้ำอัตโนมัติ

“คร้าบๆ” คมสันต์หยิบเอาของเหล่านั้นมาซ้อนๆ กันแล้วปิดฝาให้เรียบร้อย เดี๋ยวว่างๆ ค่อยเอาไปล้างหรือไม่ก็ล้างที่บ้านเลยทีเดียว

ระหว่างเก็บข้าวของให้เรียบร้อยก็คิดนะ...คิดว่าเพิ่งกินข้าวก็ต้องเอาออกแล้วงั้นเหรอ โถ เจ้าพลังงานตัวจ้อยทั้งหลาย ข้ากินพวกแกก็เพื่อเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายกับอลันนี่แหละหนา ครั้นจะปฏิเสธแบบสาวน้อยก็ทำไม่ได้ ทำไมน่ะเหรอ ฮื่อออออ ไม่อยากตอบเลย ก็มันแบบ...มันแบบ...ชอบง่ะ

แง๊!!! หนูกลายเป็นเด็กหื่นแล้วแม่!

อลันลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องของคมสันต์ ตอนนี้เหล่าพนักงานในแผนเข้ามาเกือบหมดแล้วเพราะไม่ถึงห้านาทีจะได้เวลาเข้างานช่วงบ่าย คมสันต์เดินตามหลังออกไปต้อยๆ ท่ามกลางสายตาใส่ใจจากเหล่าสาวๆ และหนุ่มๆ ทั่วทั้งแผนก พวกนั้นต่างมองมาที่อลันและคมสันต์ สายตานี่แบบ...สู่รู้สุดอะไรสุด สงสัยเจ้าคนที่โดนอลันกดดันขั้นหนักนั้นจะเอาไปเม้าท์มอยมาเรียบร้อยแล้วตอนลงไปกินข้าวนั่นแหละ

ดูเหมือนอลันจะไม่ค่อยชอบสายตาที่จับจ้องมายังตนเอง รังสีอัลฟ่าเข้มข้นจึงถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง คมสันต์ไม่ทันตั้งรับก็ชะงักไป ขาสั่นพั่บๆ ด้วยความกลัวและกดดัน ในใจอยากโวยวายนะว่าจะทำอะไรบอกกันก๊อน จะเปิดปิดพลังทางธรรมชาติของตัวเองเป็นเปิดปิดน้ำไฟแบบนี้ไม่ได้นะเฟ้ยยยย

แน่นอนว่าพออลันใช้ความเป็นอัลฟ่ากด คนเหล่านั้นก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามามองอลันและคมสันต์ เสียงซุบซิบที่ดังเจือแแจ้วอยู่ก็พลันหายไปราวกับว่าชั้นนี้ทั้งชั้นไม่มีใครอยู่ คมสันต์นี่ได้ยินกระทั่งเสียงลมหายใจของคนที่เขาเดินผ่านอะคิดดู อะไรจะอยู่ในความสงบเสงี่ยมได้มากขนาดนั้น!

คมสันต์เดินตามอลันต้อยๆ เป็นหมาน้อยเดินตามเจ้านายไม่มีผิด แถมระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไรหรือแม้แต่มองมายังทำไม่ได้ อลันนั่นแหละที่กดพวกเขาเอาไว้ คมสันต์รู้เลยว่าหลังจากนี้จะเป็นขี้ปากชาวบ้านเขาทั่วทั้งบริษัท แต่ไม่เป็นไรนะ เดอะคมสันต์นั้นหูทวนลมเก่งเป็นที่หนึ่งเลยล่ะ

มาถึงห้องทำงานอลันปุ๊บ อลันดันเขาหลบแล้วล็อกประตูปั๊บ โอ้โหว...ปิดประตูตีหมาชัดๆ งานนี้ตาย กูตาย น้ำแห้งหมดตัวตายอนาถคาห้องทำงานอลันนี่แหละ

“ถอดสิ” อะไร...มาถงมาถอดสิอะไร ไม่โรแมนติกเลยโอ๊ย ต้องค่อยๆ บิวท์ไหม เล้าโลมอะรู้จักเปล่า โด่วคนไรก็ไม่รู้ รีบจัด

“ครับ” บ่นในใจเป็นร้อยพูดออกมาคำเดียว สุดยอดเลยโคมมม

คมสันต์เดินไปยังโซฟาสำหรับรับแขก ณ จุดจุดต้องกราบขออภัยแขกทุกท่านที่ต้องมานั่งทับที่สมรภูมิจำเป็นระหว่างเขากับอลันด้วย หากมีเจ้าลูกอ๊อดตัวน้อยกระเด็นกระดอนจนตกซอกหลืบโซฟาก็ขอให้ทำเป็นมองผ่านเพราะว่าเขาและอลันนั้นไม่ได้ตั้งใจเลยจริงจริ๊ง

ว่าแต่...ต้องถอดหมดไหม?

“หยุดทำไม?” กำลังปลดประดุมเสื้ออยู่ดีๆ ก็ชะงัก อลันจึงเอ่ยถามแล้วเขาก็เงยหน้ามองอลันด้วยสายตาลำบากใจ

“ผมคิดว่าผมต้องถอดหมดไหม แบบว่า...ปกติไม่ได้ถอดหมด...เหรอ” จะถามกลับยังไม่ตอบตัวเองไม่ได้เลยไอ้คมเอ้ย

“อยากเปื้อนก็ใส่ไว้”

“ครับ ถอดหมดครับ” ได้เลยครับคุณอลัน ผมจะโชวเรือนร่างอันหล่อเหลาน่าสไลด์บนตัวเป็นที่สุดต่อหน้าคุณอลันเอง

เสื้อจ๋า เราห่างกันสักพักนะจ๊ะ คมสันต์วางเสื้อไว้ที่โซฟาเดี่ยวข้างๆ จากนั้นตามด้วยเข็มขัดและกางเกงสแล็ค ถอดมาถึงตรงนี้...คงต้องเอ่ยลากับกางเกงในสีขาวของตัวเองอีกชิ้น ฮื่อ ครั้งนี้มันไม่ได้นัวๆ แบบครั้งก่อนๆ แต่ต้องมาถอดทีละชิ้นต่อหน้าอลัน บอกตามตรง ด้านขนาดไหนก็เขินวะ แล้วแค่ถอดก็ตื่น ป๊าดไอ้หนู มึงตื่นไวไปลูก เจอสายตาโลมเลียเข้าหน่อยก็ไม่ไหวแล้วจังหวะนี้

ระหว่างที่ถอดเสื้อผ้าออกนั้นคมสันต์ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองอลัน คือมันอายน่ะ มันเขินด้วย มันก็เลย ก็เลย...บั่บว่าบั่บว่าไม่กล้าสบตาอะไรเถือกนั้น

“เฮ้ยยยยย” แต่เพราะไม่ได้มอลันเนี่ยแหละ อลันมาถึงตัวตอนไหนไม่รู้ รู้อีกทีก็โดนผลักให้ล้มลงไปบนโซฟาเสียแล้ว

อลันยามนี้เปลือยเปล่า ท่ามกลางแสงสว่างของห้องทำงานทำให้คมสันต์เห็นเรือนกายของอลันอย่างเต็มสองตา อยากร้องอู้วหูวดังๆ มาก คนอะไรร่างกายสมส่วนขนาดนี้ กล้ามท้องเป็นรอนๆ ผิวกายเนียนละเอียดและขาวผ่อง อลันในสายตาคมสันต์นั้นเหมือนกับนายแบบที่หลุดออกมาจากหน้าปกนิตยาสารไม่มีผิด เพียงแต่...นายแบบคนนี้กำลังจะกินเขา

ขอกลืนน้ำลายหลายๆ อึกนะครับผม พอดีไม่ได้มองหน้า แต่มองต่ำ แล้วเห็นอลันน้อยจะๆ คาตา มันตื่นจนน้ำเยิ้มออกมาจากส่วนปลาย แล้วไม่รู้เป็นบ้าอะไร เห็นน้ำสีใสนั้นแล้วดันรู้สึกน้ำลายฟูมปากแต่ลำคอกลับแห้งผากเสียอย่างนั้น

“เอาสิ...ทำสิ” อย่างกับอลันอ่านใจเขาได้ ฝ่ามือแข็งแรงนั้นดันหัวของเขาให้โน้มเข้าหาส่วน...อร๊ายยยยนี่มันลามกเกินไปแล้ว!

แต่แล้วยังไงล่ะ...ก็ก้มลงไปยังไงล่ะ!

แม่จ๋าหนูเจอของกินที่อร่อยอีกอย่างแล้ว มันเป็นน้ำสีใสๆ ที่ผุดออกมาจากส่วนแข็งขืนและนุ่มหยุ่นในเวลาเดียวกัน มันมีรสชาติหวานๆ ปนเค็มเล็กๆ มีกลิ่นหอมๆ ด้วยนะ...หอมจนเผลอใช้จมูกฟัดมัน พอฟัดไปมาหนูก็เผลอกินอย่างตะกรุบตะกราม แล้วเจ้าสิ่งนั้นมีเคยมีแค่น้ำใสๆ ไหลซึมก็มีอีกน้ำทะลักเข้ามาในปากหนู

มัน...อร่อย

อร่อยเพราะปฏิริยา

อร่อยเพราะเสียงลมหายใจแหบพล่า

และอร่อย...เพราะคนที่หนูกินเขาโคตรอร่อย

แม่หนูหยุดกินไม่ได้!

____[100%]____

น่ารักก็รักสิ น่ารักก็รักสิ น่ารักก็ร้ากกกกซี่~ ไอ้ต้าวอลันนนน
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 6 : 100% [19/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-05-2021 20:36:19
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 6 : 100% [19/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-05-2021 22:17:19
 :hao6:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 7 : 40% [25/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 25-05-2021 19:11:07
ตอนที่ 7 : คมสันต์กับน้ำสตรอว์เบอร์รี่ [40%]

นาย ค.ตามรอยเพื่อน มุ่งหน้าจับผู้บริหารระดับสูง! อ่านต่อ...บรรทัดต่อไป

นับว่าเป็นข่าวที่เหนือความคาดหมายของหลายต่อหลายคน เมื่อนาย ค. หัวหน้าแผนกหนึ่งได้ดำเนินตามรอยเท้าเพื่อนซี้ของตัวเอง เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ต้องเชื่อ ผู้คนมากมายได้เห็นนาย ค. และคุณ อ. กินอาหารกลางวันด้วยกันที่ห้องทำงานของนาย ค. ก่อนทั้งคู่จะไปต่อกันที่ไหนสักที่ เรื่องนี้กลายเป็นที่จับตามองของผู้คนเนื่องจากนาย ค. นั้นไม่ได้มีอาการที่สื่อถึงนิสัยด้านนี้ และด้วยความที่นาย ค. นั้นไปยุ่งเกี่ยวกับนาย อ. ที่เป็นคนเข้าถึงยาก คาดว่างานนี้นาย ค. อาจจะใช้คุณไสย์หรือสารผิดกฎหมายเพื่อจับนาย อ. ที่เป็นอัลฟ่าระดับสูงอีกหนึ่งคน ทั้งยังเป็นอัลฟ่าที่ถูกสาวๆ หมายปองเป็นอย่างมาก

งานนี้สงสัยนาย ค. จะถูกสังคมจับตามองเป็นพิเศษเพราะสาวๆ คงไม่ยอมให้นาย ค. ได้ครอบครองคุณ อ. ของพวกเธอง่ายๆ แบบที่นาย ค. คิดไว้เป็นแน่

ถ้าชีวิตของคมสันต์ถูกนำไปเขียนบนหน้าหนังสือพิมพ์โซนกอซซิปก็คงไม่พ้นประโยคแบบนี้ หรืออาจจะแรงกว่านี้ที่ว่าเขาจะจับอลันเนื่องจากอลันรวยมาก เขาคนนี้ต้องการรวยทางลัดเพราะขี้เกียจจะทำงานนี้แล้ว...ตลกเถอะคร้าบบบ คมสันต์รักงาน รักน้ำ รักปลารักโรงเรียนนะเฟ้ย

และถึงชีวิตคมสันต์จะไม่ได้ถูกเอาไปขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ใดๆ แต่ประโยคเหล่านั้นก็ขึ้นหราอยู่บนหน้าเฟซบุ๊คของพนักงานในแผนกเขา กะไว้แล้วเชียวว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้ออกมา บอกตามตรงว่าไม่รู้จริงๆ ว่าระหว่างเขากับอลันใครกันแน่ที่เป็นผู้เสียหายจากเรื่องนี้

“ของที่สั่งได้แล้วค่ะ”

“อ๊ะ...ขอบคุณครับ” คมสันต์เก็บมือถือของตัวเข้ากระเป๋าพร้อมหยิบเงินจ่ายพนักงานอย่างไว

วันนี้มีงานมาพบลูกค้าคนพิเศษช่วงเช้านิดหน่อย ส่วนตอนบ่ายก็มีนัดคุยกับอลันเรื่องงาน อันนี้ย้ำว่าเรื่องงานนะ เพราะว่ามีการแจ้งมาอย่างเป็นทางการเพื่อเรียกตัวไปพบแล้ว และก่อนจะกลับเข้าบริษัทคมสันต์ก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมหวานเจ้าดังเข้าออฟฟิศเพื่อฝากสาวๆ

สาวๆ ที่นั่งเม้าท์มอยเขาเนี่ยแหละ!

ในโพสต์เมื่อกี้นี้มีแต่คอมเมนต์แรงๆ ประมาณว่าอยากได้คนรวยขนาดนั้นเลยเหรอ ได้วิชามารมาจากเพื่อนสินะ สงสัยเพื่อนจะติวมาดีคุณอ. ถึงได้มาหาถึงห้องทำงานขนาดนั้น มีบ้างที่จะบอกว่ามันเป็นธุระระหว่างเขากับอลันหรือเปล่า แต่คอมเมนต์นั้นก็โดนถล่มจนเกือบยับ ไม่มีใครเชื่อและคิดแบบนั้น ซึ่งก็ถูกนะ...อลันไม่ได้มาหาเขาเพราะมีธุระในเชิงธุระ แล้วที่เขาไปต่อกับอลันมันก็เป็นแบบที่พวกนั้นคิดนั่นแหละ เพียงแค่เขาไม่ได้จะจับอลันอย่างที่คนพวกนั้นพูดก็เท่านั้นเอง

เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้รักสบายขนาดนั้นนะ เพราะคิดไม่ออกว่าถ้ารวยแล้วจะใช้ชีวิตยังไง ให้นอนโง่ๆ ทำตัวเป็นอีหนูรออลันมากินหัวกินหางเนี่ยไม่ใช่ทางอะ ชอบทำงาน อยากมาทำงาน การมาทำงานมันทำให้รู้สึกว่าชีวิตแม่งมีอะไรทำดี แล้วอีกอย่างมันก็ทำให้เวลาอันน้อยนิดมีค่าขึ้นมาได้ด้วย

ดังนั้น...คมสันต์ไม่อยากเป็นอีหนูนอนรอบริการใครทั้งนั้นแหละคร้าบ

“ฉันไปตีสนิทมั้งดีไหมเผื่อได้วิชาดีๆ จับอัลฟ่าได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากขนาดนั้นน่ะ” นั่นไง...เรื่องของเขาจากปากคนอื่น

“ค. น่ะยังพอไหวนะ แต่ ภ. น่ะยาก ไม่เห็นเหรอว่าเดินทางออกนอกประเทศเป็นว่าเล่น ตอนนี้เป็นลูกรักประธานไปแล้ว” รู้ดีจังเลย รู้ดีเหมือนเป็นเพื่อนเขาไปแล้วนะเนี่ย ไปสิงร่างกันหรือเปล่า...สิงร่างกันตอนไหนนะ

“แหม่ ก็เมียนี่ยะ เมียน่ะก็ต้องรักปะ ดูท่าแล้วนางก็มีของดีพอตัวไม่งั้นประธานไม่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนั้นหรอก ดีไม่ดี ไอ้ที่ว่าไปต่างประเทศน่ะก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกนอกจากทำตัวเป็นโอเมก้าให้ประธานอะ” เขาจะทำตัวเป็นอะไรมันก็เรื่องของเขา เขาผัวเมียกัน เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้ มาอิจฉงอิจฉา อยากบอกจัง...แข่งอะไรก็แข่งได้แข่งบุญแข่งวาสนามันไม่ได้จริงจริ๊งงง

“แล้วนาย ค. ก็จะเป็นแบบเพื่อน เฮ้อ เอาจริงนะ ฉันล่ะคิดภาพนาย ค. เป็นแบบนั้นไม่ออกเลย นางก็ดูดีดูสมาทแม้จะเป็นแค่เบต้าอะนะ น่าเสียดาย ไม่น่าเป็นคนที่คิดหาทางลัดในการรวยสิ้นคิดแบบนี้เลย เป็นโอเมก้าเหรอก็ไม่ใช่ จะมาบอกเป็นคู่ของคุณ อ. ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ” ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นคู่เชิงนั้นหรือเปล่า คู่นอนล่ะสิไม่ว่า แต่อย่างว่าละเนอะ เจ้าคนที่พูดๆ กันเนี่ยแม้แต่คู่นอนก็ยังไม่ได้เป็นเลยวะ

“ใช่ๆ”

“ใช่ๆ....ร้านนี้อร่อยมาก” คมสันต์ยิ้มหวานใส่สาวๆ ที่เม้าท์แบบไม่สนหน้าสนหลัง ยืนฟังมาพักหนึ่งล่ะ อยากแทรกนะ แต่กลัวเสียมารยาท

สาวๆ ที่สุมหัวแชร์เหากันเม้าท์มอยอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง บางคนทำมือถือร่วง บางคนปัดแก้วน้ำตัวเองร่วงไปแล้วด้วยซ้ำ สายตามองมาที่คมสันต์อย่างตื่นตระหนก อะไรกัน นี่คนนะครับไม่ใช่ผี จะได้มาทำหน้าตาตื่นขนาดนั้นใส่เขาเนี่ย

“ผมซื้อขนมมาฝาก กินกันให้อร่อยนะครับ ร้านนี้สาวๆ ชอบผมรู้” คมสันต์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่ดูท่าคนอื่นจะไม่คิดแบบนั้น กลัวเขาจะเอาเรื่องที่นินทาเรื่องเขางั้นเหรออ ไม่หรอก มันไร้สาระเกินกว่าจะมานั่งใส่ใจ

“คะคะคะ...” ติดอ่างเฉย “ขอบคุณค่ะ” แหม่...นึกว่าต้องตบหัวสักทีเผื่อจะหายติดอ่างแล้วเชียวนะ

“คร้าบ” วางของให้แล้วก็เดินลั้นลากลับไปที่ห้อง คนในโต๊ะนั้นยังไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาเลย ถ้ามันเป็นเรื่องจริงจะกลัวทำไม

เออ จะว่าไปก็อยากบอกสาวๆ เหมือนกันนะว่าเขาไปต่อกับอลันที่ห้องอลัน จากนั้นก็กินของหวานตบท้ายมื้อเที่ยงด้วยกันอื้อๆ อ๊าๆ อร่อยมาก อร่อยจนเข้งขาสั่นพั่บๆ เพราะกินหนักเกินไป แต่คิดว่าถ้าไปพูดแบบนั้นต่อหน้าสาวๆ จริงมีหวังพวกนั้นช็อกตายกันก่อนพอดี

คมสันต์ลั้นลาเข้าห้องทำงาน ในมือมีน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นร้านประจำ รสชาติหวานล้ำปนเปรี๊ยวละมุนลิ้นเป็นที่สูดดดด แค่กินก็รู้สึกชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วไอ้เรื่องที่พวกนั้นพูดๆ กันนั้นก็หายออกไปจากหัว

คมสันต์เริ่มจากการเอามือถือมาเปิดคลิปสตรีมแข่งเกมก่อนจะเริ่มเคลียร์งาน เมื่อวานนี้มีการแข่งแต่เขาไม่ว่างดูก็เลยมาใช้เวลาแบบนี้ในการดูไปทำงานไป มันเพลินมากกก เวลามีอะไรดูไปด้วยระหว่างทำงานเนี่ย จากความเครียดก็กลายเป็นความชิลล์ได้อย่างง่าย ดีด้วยนะที่บริษัทเขาไม่ได้ห้ามเรื่องการเล่นมือถือ หรือต้องบอกว่าห้ามไม่ได้เพราะงานแม่งใช้มือถือเนี่ยแหละ

ตอนเที่ยงคมสันต์ส่งข้อความไปหาอลันว่าจะกินข้าวเที่ยงไหม ไม่งั้นเขาจะกินละนะ กลัวโดนสั่งตอนที่กำลังกินๆ อยู่ หรือไม่ก็โดนบ่นว่าเขากินไม่แบ่งอะไรทำนองนั้น ทว่าอีกฝ่าย ไม่แม้จะอ่าน คาดว่าคงติดงานเช่นเคย

ถึงจะรู้จักอลันมาไม่นาน แต่คมสันต์กลับรู้ดีว่าอลันนั้นมุ่งมั่นกับทำงานอย่างเดียวเสียมากกว่า ไอ้เวลาว่างจะดื่มจะเซ็กส์อะไรนั่นมันก็แค่ส่วนน้อยเท่านั้นเอง เพราะคมสันต์สังเกตเวลาทำกับอลัน เขาจะรู้ได้เลยว่าอลันไม่ได้ไปทำอะไรมาก่อนทำกับเขา คือแบบว่า...อธิบายเจาะลึกมันก็ดูลามกง่ะ เพราะฉนั้น...ข้ามเถิด

บ่ายโมงห้าสิบคมสันต์เริ่มเก็บของและเอกสารที่ตัวเองเคลียร์ค้างเอาไว้เข้าที่ให้เรียบร้อย เขาใช้เวลาเพียงห้านาทีในการเก็บของและเตรียมตัว ขึ้นลิฟต์ไปหาอลันอีกสามนาที มาถึงก่อนเวลานัดตั้งสองนาที โคตรเป๊ะ คนอะไรจะหล่อเหลาเพอร์เฟกต์ได้ขนาดนี้น้าาาา

“เชิญค่ะคุณคมสันต์ คุณอลันรออยู่” เลขาหน้าห้องเปิดประตูให้เขาเข้าไปอย่างเป็นทางการ บอกแล้วว่าวันนี้เป็นนัดเพื่อเรื่องงานไม่ใช่เรื่องแบบนั้น ไม่งั้นเลขาไม่อยู่หน้าห้องรอต้อนรับหรอก

อลันนั่งอยู่หลังคอมและกองเอกสาร มือกำลังขยุกขยิกขีดเขียนลงบนเอกสารสำคัญตั่งต่างตรงหน้า แม้ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะไร้อารมณ์แต่คสมสันต์ก็รับรู้ได้ถึงความเครียดขึงของอลันยามทำงาน ความกดดันอ่อนๆ แผ่กระจายอยู่ในห้องเหมือนเป็นการประกาศอาณาเขตของตนเองเวลามีใครเข้ามา จะได้รู้ว่าในนี้น่ะใครใหญ่

ครับ...คุณอลันใหญ๊ใหญ่

“นี่เป็นรายงานลูกค้าที่คุณต้องดูแล” พอนั่งปุ๊บ เอกสารก็ถูกวางตรงหน้าปั๊บ เลขาคนสวยยืนอยู่เยื้องไปด้านหลังไม่ได้ออกไป คมสันต์คว้าเอกสารตรงหน้ามาอ่านคร่าวๆ

มันเป็นข้อมูลสำคัญของลูกค้ารายใหญ่กว่าปกติ เซลล์มีหน้าที่นำเสนอยาและขายของก็จริงตามหน้าที่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็จะมีเซลล์อีกระดับหนึ่งเหนือขึ้นมาคือพวกที่ต้องดีลกับลูกค้าคนสำคัญโดยตรง ซึ่งลูกค้าเหล่านี้จะเป็นลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับบริษัท หรือลูกค้าที่เข้ามาให้บริษัทผลิตยาให้ภายใต้แบรด์ของตัวเอง

คมสันต์อ่านชื่อลูกค้าที่ถูกลงนามในนั้นแล้วก็สะดุด...ไม่น้า ไม่หน่า ไม่หรอก อืม...ช่างมันเถอะ คมสันต์ตีกับตัวเองครู่หนึ่งแล้วก็เมินเฉยต่อชื่อที่เขารู้จักแล้วอ่านรายละเอียดอื่น

“แต่ปกติผมไม่ได้ทำหน้าที่ขนาดนี้นะครับ” คมสันต์วางเอกสารลงบนโต๊ะตามเดิม เขาอ่านรายละเอียดแล้วและรู้ว่าหน้าที่นี้ใหญ่กว่าหน้าที่ปกติของเขาที่ดูแลความเรียบร้อยในแผนก

เซลล์ในแผนกอย่างเขาและลูกน้องมีหน้าที่ไปดีลกับฝ่ายสั่งซื้อของทางนั้น ยื่นข้อเสนอและโพรโมชั่นตั่งต่างให้แล้วก็ทำยอดเอาจากส่วนนั้นแหละ แต่หน้าที่ที่รับดูแลลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาดีลหรือลูกค้าที่เข้ามาเพื่อให้ทางนี้ผลิตยาให้จะมีอีกส่วนหนึ่งคอยดูแล เพราะว่าลูกค้าระดับนี้มักจะเป็นบุคคลระดับสูงของที่นั้นๆ เช่นผู้บริหารมาเอง รองผู้บริหารหรือผู้รักษาการแทน เมื่อดีลงานจนลงตัวแล้วนั่นแหละถึงส่งไปให้ฝ่ายเซลล์ดูแลต่อ ซึ่งหน้าที่นี้มีบุคลลจำนวนไม่มากที่ได้ทำ เช่นเพื่อนของเขาเป็นต้น

“ที่ประชุมเป็นฝ่ายเสนอชื่อของคุณ แล้วผลงานของคุณก็นับว่าโดดเด่นเหมาะที่จะรับตำแหน่งนี้มาก อีกอย่างประสบการณ์ขนาดคุณมันไม่ได้ยากเกินไปเลย” นี่ต้องตกใจกับประโยคยาวๆ ของอลันก่อนเรื่องงานปะวะ? เอ๊ะ...อยู่กับเขานี่พูดไม่กี่คำ พอเป็นงานปุ๊บ เออ ก็พูดยาวๆ ได้นี่หว่า

“ครับ เอ่อ...ผมถามได้ไหมครับว่าทำไมถึงที่ประชุมถึงเสนอชื่อผม”

____[40%]____

สายนินทานี่เขาก็นินทากันเก๊งงงงเก่งนะคะเนี่ย รู้ลึกรู้จริงยิ่งซะคิดว่าแอบฟังใต้เตียงเขา แต่ถ้าแอบฟังใต้เตียงได้ขอไปด้วยนะคะ อยากฟังมั้ง งื้ออออ

ปล.เมื่อวานไม่ได้มาอัปเพราะน้องชายเกิดอุบัติเหตุค่า ชออภัยด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 7 : 100% [26/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 26-05-2021 20:59:01
ตอนที่ 7 : คมสันต์กับน้ำสตรอว์เบอร์รี่ [100%]

“ความใจเย็นไง ที่แผนกคุณมีหลายคนที่ทำงานไม่ดีจนลูกค้าไม่พอใจ แต่ทุกเคสคุณก็ไปเคลียร์จนจบสวยทุกงาน ทางเราเลยเห็นว่าคุณเหมาะกับงานนี้”

“อ๋อ ครับ” อะ เบื้องบนว่าอย่างนั้นก็ทำไปอย่างนั้น

คมสันต์พอรู้เรื่องรายละเอียดงานนี้อยู่ นอกจากเพื่อนเขาที่ทำหน้าที่เซลล์กิติมาศักดิ์นี้แล้วก็ยังมีสี่ห้าคนที่ทำ ซึ่งโดยปกติจะแทบไม่ออกงานนอกเลยยกเว้นไปดูแลลูกค้าเฉพาะรายเท่านั้น งี้เขาก็ไม่ต้องออกงานนอกพร่ำเพื่อแบบตอนนี้ล่ะดิ เยี่ยมเลย...ขี้เกียจขับรถเก๋งแล้วรถติดฉิบ

เอ๊ะ แต่ถ้ามีงานก็ต้องขับไปอยู่ดีปะวะ? เออ นานๆ ขับทีดีกว่าขับทุกวันละเนาะ เจอรถติดทุกวันประสาทก็เสียได้แม้ว่าจะเป็นคนประสาทเสียยากก็ตาม แต่คมสันต์รู้ตัวเองดีว่าถ้าประสาทเสียเมื่อไหร่ล่ะกินหัวชาวบ้านเขาแน่นอน

“ลูกค้าจะเข้าตอนบ่ายสามนะ ไปรอต้อนรับเขาที่ห้องรับรอง ระหว่างนี้ก็ทำความเข้าใจเอกสารไป” อลันพูดทั้งที่ไม่ได้มองหน้าเขา เพราะอลันมองแต่เอกสารที่กำลังอ่านอยู่ จริงๆ ต้องบอกอลันมองหน้าเขาแค่ตอนยื่นเอกสารให้แวบเดียวเท่านั้นแหละ

“ครับ งั้นผมขอตัวไปเตรียมตัวและเอกสารก่อนนะครับ”

“อืม” พออลันขานรับคมสันต์ก็ลุกขึ้น ก้มหัวให้อลันเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ

เลขาคนสวยเดินนำลิ่วออกไปก่อนเป็นแรก ไม่รู้เพราะเป็นเลขาอลันหรือเปล่าถึงได้เดินไวขนาดนั้น อลันต้องใช้งานเยอะจนเดินช้าๆ ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าเดินช้าก็จะทำงานตามอลันไม่ทันยังไงล่ะ

“คุณ” แต่ก่อนจะเปิดประตูเสียงเรียกแสนเย็นชาก็ดังชึ้น คมสันต์ชะงักมือจากประตูแล้วหันหลังไปมอง

“ครับ?” จะเรียกกันก็เงยหน้าจากเอกสารมามองกันหน่อยเถอะพ่อคุณทูลหัว

“ผมหิว” มาหงมาหิวตอนนี้แล้วจะไปหาอะไรมาให้กินล่ะ

“คุณนี่...” จนคำพูด

ขอถอนหายใจเลยอะ ถอนแรงๆ ด้วย สักทีดีไหมไอ้คุณอลัน ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้ตอนทักมาหาก็ไม่ตอบ ถามจะกินอะไรก็ไม่อ่าน จะได้หามาให้กิน แล้วนี่เวลาลูกค้าจะมาก็กระชั้นชิดเต็มที มาบอกหิวตอนนี้...ปล่อยให้หิวให้ตาย!

คมสันต์เดินกลับมาทางอลันที่ยังก้มหน้าอ่านเอกสาร เวลาบ่ายสองยี่สิบกว่าเกือบสามสิบแล้ว คงพอหาอะไรให้อลันกินได้อยู่มั้ง แต่ไม่น่าจะอยู่แกะข้าวแกะอะไรให้กินได้อะนะ

“ตอนผมทักมาถามว่าจะกินอะไรก็ไม่ตอบ ตอนนี้มีงานให้ผมไปรับผิดชอบดันมาบอกว่าหิว ผมจะเอาเวลาไหนไปหามาให้คุณกินละครับคุณอลัน แล้วนี่ก็บ่ายสองกว่าแล้วด้วย ในกระเพาะมีอะไรบ้างเถอะนอกจากกาแฟดำนั่นน่ะ” บนโต๊ะอลันมีกาแฟดำวางอยู่เลยคิดเองเออเองว่าอลันกินไปแค่นั้น

“ไม่ว่าง ติดงาน”

“ติดงานก็ต้องกินสิ เลขาก็มี ให้เธอไปซื้ออะไรมาให้กินก็ได้”

“อยากให้คุณสั่ง” เอาแต่ใจจังโว้ยยยย

“คร้าบๆ แต่ผมอยู่ด้วยไม่ได้นะ ผมสั่งให้แล้วคุณกินเองแล้วถ่ายรูปให้ดูด้วย” ปากพูดมือนี่กดสั่งอาหารผ่านแอพเรียบร้อย

ในเมื่อไม่มีเวลากลับเข้าที่ของตัวเองเพื่อทบทวนและทำความเข้าใจกับรายละเอียดงาน คมสันต์ก็เลยต้องนั่งในห้องของอลันเพื่ออ่าน ด้วยความกระชั้นชิดมาก งานนี้ทางเลขาของอลันจึงทำเอกสารมาให้ครบหมดแล้ว ส่วนครั้งหน้าเขาก็ต้องทำออกมาเอง แต่ไม่ต้องห่วง คมสันต์เชี่ยวชาญการทำเอกสารมาก แค่นี้น่ะจิ๊บๆ

ประมาณครึ่งชั่วโมงอาหารที่คมสันต์สั่งให้ก็ถูกนำมาส่งโดยพี่ยาม ไม่ให้คนนอกเข้าก็ต้องให้ยามรับให้ แล้วเงินค่าอาหารก็หักจากบัตรเอา คมสันต์ชอบแบบนี้ ไม่อยากลงไปข้างล่างเพื่อจ่ายเงินแล้วขึ้นมานั่งกินมันเสียเวลาน่ะนะ

สเต็กปลาแซลมอนของโปรดของอลันถูกวางให้เจ้าคนชื่ออลันนั่นแหละ คมสันต์วางให้และแกะกล่องเปิดให้เฉยๆ เขาไม่สามารถจะมานั่งจัดนั่นนี่ให้อลันได้เพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีก็ได้เวลานัดกับลูกค้าแล้ว

“กินให้หมดนะครับ กล่องนี้แพงอยู่ ถ้าคุณกินไม่หมดก็เก็บเอาไว้เดี๋ยวผมมากินเองแต่คุณต้องกินนะ ผมขอตัวก่อน” คมสันต์พูดตอนที่เปิดกล่องแล้วสาวเท้าออกจากห้อง

เห็นว่าเลขาหน้าห้องมองคมสันต์แปลกๆ งงล่ะซี่ที่ตอนแรกเดินตามหลังเธอมาแต่ไม่ได้ออกมาพร้อมเธอ หนำซ้ำยังสั่งอาหารมาที่ห้องของอลันอีก แต่เธอไม่ได้ถาม ความเป็นเลขามันต้องรู้ใจเจ้านายมั้งแหละ ถ้าอลันไม่ชอบไม่พอใจจริงๆ อลันไม่มีทางยอมให้เขาสั่งอาหารมาที่ห้องหรอก

ห้องรับรองลูกค้าระดับวีไอพีอยู่ที่ชั้นยี่สิบ คมสันต์ยืนอ่านเอกสารทวนอีกรอบเพื่อความแม่นยำ การนำเสนอโดยที่ไม่ต้องอ่านเอกสารหรือไม่พูดเหมือนท่องจำจะทำให้การนำเสนอดูราบรื่นและดูเป็นมืออาชีพมากกว่า จริงๆ เนื้องานมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น ตัวยาที่ทางนั้นต้องการให้ผลิตก็เป็นตัวยาที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว ปัญหาเดียวของคมสันต์เห็นจะเป็นชื่อของลูกค้าที่เข้ามาเนี่ยแหละ...

นานแค่ไหนแล้วนะ...ที่เขาลืมเลือนชื่อนี้ออกไปจากความทรงจำ ชื่อที่ทั้งรักและเกลียดในเวลาไล่เลี่ยงกัน คมสันต์ไม่คิดเลยว่าโชคชะตาจะเหวี่ยงกลับมาเจอ หรือเขาต้องคิดบวกเหมือนเพื่อนเขา อย่างคิดว่าก็แค่คนชื่อเหมือนคนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่คนที่เขาคิดหรอก

มั้ง...

คมเข้าไปจัดการเปิดห้องรับรอง มีการเตรียมการเอาไว้แล้วแและแม่บ้านก็พร้อมที่จะนำน้ำและกาแฟมาเสิร์ฟทันทีที่ลูกค้าเข้ามา คมสันต์มาถึงก่อนเวลานัดหมายแค่หนึ่งนาที แต่ฝ่ายลูกค้าก็ไม่ได้มาตรงเวลานัก ประมาณสิบห้านาทีนับจากเวลานัดหมายประตูห้องก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของแม่บ้านที่ดูแล

ชายวัยกลางคนร่างสูงสง่าในชุดสูททางการเยื้องย่างเข้ามาภายในห้อง อายุอานามประมาณจากสายตาคงสี่สิบปลาย แต่คมสันต์รู้ดีว่าชายคนนี้มีอายุเลขห้าเข้าไปแล้ว

“สวัสดีครับคุณครรชิต” คมสันต์ลุกขึ้นยกมือไหว้ชายวัยกลางคนตรงหน้า ทางนั้นยกมือรับไว้แต่ไม่ได้ยิ้มให้แค่มองคมสันต์นิ่งๆ

“เชิญนั่งก่อนครับ” อะผายมือเชื้อเชิญให้นั่งด้วย รอจนฝ่ายนั้นนั่งแล้วคมสันต์ก็นั่งตามข้างๆ

“สวัสดี” ครรชิตเอ่ยเสียงเรียบทว่าทรงอำนาจ ดูเหมือนเจ้าตัวจะปลดปล่อยพลังของอัลฟ่าออกมาเต็มที่เพื่อกดคู่สนทนาอย่างคมสันต์

“ครับ ผมคมสันต์ทำหน้าที่ดูแลท่านในงานนี้นะครับ นี่เป็นเอกสารเสนอราคาของทางเรา...” คมสันต์วางเอกใบเสนอราคาและใบงานอื่นๆ ลงตรงหน้า

ครรชิตปลายตามองคมสันต์นิ่งๆ แต่กดดันมาก คมสันต์ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะยิ้มรับกับแรงกดดันของอัลฟ่าที่ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดขี่ตนโดยเฉพาะแบบนี้ เอาจริงๆ เจอลูกค้ามาก็เจอแต่ไม่เคยเจอใครที่ตั้งใจจะกดเขาขนาดนี้เลย

หรือว่าเพราะเป็นผู้ชายคนนี้นะ?

ข้อนี้คมสันต์ก็คงให้คำตอบไม่ได้ รู้แค่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทางนั้นเองก็เห็นว่าคมสันต์นิ่งและยิ้มได้ก็เลยเพิกเฉยต่อพลังที่ปล่อยออกไป ไม่คิดจะหยุดหรือลดทอนอะไรเลย

“ผมคิดว่าคุณอลันจะมาด้วย” ทางนั้นวางเอกสารลงแล้วมองหน้าคมสันต์ สายตาคู่นั้นเหมือนนึกอะไรบางอย่าง

“พอดีว่าคุณอลันติดงานสำคัญก็เลยไม่สามารถมาได้ ตรงนี้ต้องขออภัยแทนด้วยนะครับ”

“ไม่หรอก ผมก็ไม่ได้นัดเป็นการส่วนตัว แค่บอกไว้ว่าอยากคุยงานกับคุณอลัน ไม่ใช่...เบต้า” เอ้าเหยียดดด เหยียดให้เต็มที่เลยคร้าบ คมสันต์ยิ้มรับ ไม่สะทกสะท้าน ไอ้ลูกค้าอัลฟ่ามีระดับก็แบบนี้แหละ จะมีพวกเฉยๆ ก็คืออัลฟ่าที่อยู่ระดับล่างๆ ซึ่งมันคลุกคลีกับเบต้าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

“ผมทราบว่าท่านอาจจะไม่สบายใจที่ต้องร่วมงานกับเบต้าอย่างผม แต่ผมรับปากนะครับผมจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ไม่ให้ท่านผิดหวังแน่นอนครับ” ในใจอะเหรอ...ก็อยากเปลี่ยนร่างเป็นอัลฟ่าให้อยู่นะแต่โทษทีที่ทำไม่ได้น่ะ

“หวังว่าจะทำได้อย่างที่พูด” ทางนั้นกอดอกไขว่ห้างมองเขา ไม่อ่านเอกสารเหรอ? อ่านเข้าใจแล้ว?

“ครับ ผมจะทำให้ได้อย่างที่พูด” เอ้ายิ้มมมม ยิ้มเข้าไว้แล้วโลกใบนี้จะสดใส ยิ่งโลกที่มีผู้ชายคนนี้ด้วยแล้วต้องยิ้มกว้างๆ ให้เหมือนคนบ้าเลยล่ะ

คมสันต์ถามไถ่เรื่องงานต่อ เอกสารที่เอามาเสนอนั้นทางครรชิตว่าอย่างไร สงสัยอะไรไหมหรือต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า แต่ทางนั้นดูจะไม่ได้สนใจเอกสารและงานที่อยู่ตรงหน้า กลับเอาแต่จ้องตาคมสันต์เหมือนคิดอะไรบางอย่าง คมสันต์ก็พยายามเบี่ยงเบนและลากเข้าเรื่องตลอด

แล้วครรชิตทำยังไงรู้ไหม...ไม่รู้ล่ะสิ แหงสิ ยังไม่ได้บอกจะรู้ได้ยังไงล่า ครรชิตเล่นตอบตกลงแบบไม่คิดให้ถี่ถ้วนใดๆ ทั้งสิ้น เล่นเอางานมันผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ง่ายเกินไปด้วยบางที

“สรุปล็อตแรกที่ลองผลิตกับทางเราคือตัวนี้ ทั้งหมดห้าหมื่นแผงนะครับ” คมสันต์ทวน

“ใช่”

“ครับ” ยิ้มรับ ขีดๆ เขียนๆ แล้วก็บอกเรื่องเอกสารอีกเล็กน้อย อย่างเรื่องวันเวลาในการจัดทำและราคารวมทั้งหมด ครรชิตรับฟัง ไม่พยักหน้ารับแต่รู้ว่าฟัง

ยิ้มจนเหงือกแห้งขนาดนี้ บอกเลยนะ กลับไปห้องทำงานตัวเองเมื่อไหร่พ่อจะซัดน้ำสตรอว์เบอร์รี่ของตัวเองให้ชื่นใจเลยทีเดียวเชียว แล้วเนี่ยสายพันธุ์เดียวกับอลันจัดๆ ทำหน้านิ่งอยู่ได้ นวดหน้ามั้งนะ กล้ามเนื้อยึดหมดแล้วมั้งป่านนี้

คมสันต์ใช้เวลาเคลียร์กับลูกค้าอย่างครรชิตราวชั่วโมงครึ่งถึงปิดจ็อบงานได้ ระหว่างที่คุยทางนั้นก็เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาแต่คมสันต์เมินเฉยมัน จนกระทั่งตอนจะลากันเเนี่ยแหละ...

“แม่นาย...”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวมีความคืบหน้าอะไรยังไงผมจะรีบติดต่อกลับไปในทันที” เสียมารยาทมากที่พูดแทรก แต่ไม่เอาไม่พูดเรื่องส่วนตัวเวลางานครับ


อะ ไม่รอให้ฝ่ายนั้นพูดด้วยนะ พูดๆ เองจบก็ขอตัวแล้วชิ่งงงงเลย คมสันต์ประเมินแล้วว่าการทำแบบนี้นั้นไม่ได้น่าเกลียด การคุยงานจบลงด้วยดีและเขาก็เอ่ยลาเป็นพิธีเรียบร้อยโรงเรียนคมสันต์ ดังนั้นการที่เขาจะชิ่งเนียนๆ ด้วยรอยยิ้มแบบนี้มันไม่ได้เสียหายอะไรเลย แม้ว่าทางนั้นจะมีสีหน้าหงุดหงิดนิสสสสนึงก็เถอะน้า

คมสันต์เดินอมยิ้มกลับแผนก ดูอารมณ์ดีดี๊ด๊าทั้งที่มีเรื่องให้คนอื่นเขานินทากันอยู่ ไอ้อาการอย่างนี้มีแต่ไปเสริมให้พวกขี้เม้าท์คิดไปว่าคมสันต์ไปอะไรๆ กับอลันมาแน่ๆ แต่ในความเป็นจริง...คมสันต์ไม่ได้ร่าเริงอย่างที่คนอื่นเห็นแลยแม้แต่นิดเดียว

จะว่ารู้สึกมากมายมันก็ไม่เชิง แต่จะบอกว่าไม่รู้สึกะไรมันก็ไม่ใช่อีก ภาพของครรชิตวนๆ อยู่ในหัวของคมสันต์ราวกับมันเป็นเพลงจุดแล้วก็วน วนมันอยู่นั่นแหละ จะหยุดก็หยุดไม่ได้ก็เลยต้องยิ้มไปงั้น หน้าจะได้ไม่บึ้งในเวลาที่ภาพของคนคนนั้นอยู่ในหัวของตัวเอง

อยากทักไปหาเพื่อนภูจัง ภูจ๋า...ภูสอนคิดบวกหน่อยเร็ว นี่คิดบวกได้อย่างเดียวเลยคือหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองเนี่ย ทำไมมันดูสิ้นคิดขนาดนั้นวะ อย่างกับเขาลืมอเอาสมองมา เอ๊ะ หรือต่อให้เอามาก็คิดได้แค่นี้วะ? อ่า...น่าจะอย่างนั้นแหละ

“น้ำจ๋าาาาา” ขอดูดให้ชื่นนนนใจหน่อยเถิด “อ่าห์....”

น้ำสตรอว์เบอร์รี่นี่มันดีต่อใจจริงๆ นะ มันทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี่กระเปร่าขึ้นมาได้หลังต้องนั่งเผชิญหน้ากับความกดดันของอัลฟ่ามาชั่วโมงกว่า ไม่สิ ต้องบอกว่าสองชั่วโมงกว่าเพราะตอนคุยกับอลันคมสันต์ก็ต้องเผชิญกับความกดดันเหมือนกัน ถึงไม่มากแต่ก็เจออะ ดีนะที่อัลฟ่าเลขาของอลันไม่กดดันด้วยอีกคน ไม่งั้นไอ้เบต้าหน้าเด๋อคนนี้ตายยยย

[Alan : เรียบร้อยไหม] กำลังเอาปากจุ่มหลอดอยู่ดีๆ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นพร้อมข้อความจากอลัน คมสันต์หยิบมือถือมาตอบทั้งที่เอาคางเกยขอบแก้วเยติและปากคาหลอด

[คม : เรียบร้อยครับ ทางนั้นตกลงรับล็อกแรกห้าหมื่นแผง ส่วนตัวอื่นๆ เขาได้ขอศึกษาตัวอย่างอีกสักพักแล้วจะแจ้งมาครับผม] คมสันต์ตอบไปตามจริงพลางคิดว่าอะไรจะห่วงงานขนาดนั้น เขาไม่ทำงานล่มหรอก

[Alan : ดี] แค่เนี้ย...แค่ดี โอเค แค่นี้ก็แค่นี้

[คม : ครับ]
[คม : แล้วคุณอลันกินสเต็กปลาหมดไหมครับ]

[Alan : ส่งรูป] อลันไม่ได้พิมพ์ตอบแต่ส่งเป็นรูปซากกล่องเปล่ามาให้ คมสันต์เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว มันแบบ...ชื่นใจไปอีกแบบที่เห็นว่าอาหารที่เขาสั่งมาให้นั้นอลันกินหมดไม่เหลือเลย

[คม : ว้าวววว กินหมดด้วย ผมนึกว่าคุณจะกินไม่หมดแล้วผมต้องไปเอามากินแล้วนะเนี่ย] อันนี้หยอกๆ นะ ไม่ได้คิดจะไปเอามากินหรอก ขี้เกียจกลับไปห้องอลันแล้ว อีกอย่างจะเลิกงานแล้วด้วย

อลันไม่ได้ตอบกลับมา ขึ้นแค่อ่านแล้วหายไป คมสันต์กินน้ำ จ้องหน้าจอแล้วยิ้มคนเดียวเงียบๆ รอยยิ้มครั้งนี้ไม่ได้ยิ้มเพื่อสร้างภาพแบบตอนเดินกลับมาที่ห้อง แต่เป็นรอยยิ้มจริงๆ ที่เกิดขึ้นเพราะอลัน มันคือความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับเวลาดูแลใครสักคนแล้วเขาเชื่อฟัง ยิ่งอลันเป็นพวกเงียบๆ ไม่พูดไม่แสดงออก แต่ทำตามที่เขาบอกไว้แบบนี้ก็มันน่ารัก...น่ารักมากเลยล่ะเจ้าตะลันนน

อลันรู้ว่าเขาเรียกงี้นะหัวหลุดแน่เลย!

____[100%]____

ตอนนี้ไม่มีตั้มมมม มีแต่คุณตะลันของน้อนคมมมม
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 8 : 40% [31/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 31-05-2021 20:18:15
ตอนที่ 8 : คมสันต์กับอาการรัท [40%]

มนุษย์จืดชืดอย่างคมสันต์เริ่มเดินทางห่างไกลจากคำว่าธรรมดาเข้าไปในทุกๆ วัน โดยเฉพาะวันนี้ที่มีข้อความไลน์เข้าก่อนเสียงนาฬิกาปลุก เป็นข้อความไม่ยาวนักจากอลัน อยากอ่านไหม...อยากรู้เปล่าว่าอลันส่งมาหาเขาว่าอะไรในรอบสามวันที่อลันขาดหายไป

อะ...ดู!

[Alan : เย็นคุณต้องไปงานเลี้ยงกับผม] คมสันต์ที่กำลังตาพล่าเพราะยังตื่นนอนไม่เต็มตาถึงกับอ่านทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไปงานเลี้ยง? งานเลี้ยงอะไร!  เมื่อสงสัยก็ต้องถามนะครับ

[คม : งานเลี้ยงอะไรเหรอครับ?] ส่งแล้วก็รอ รอ รอ รอ รอ และรอ นาฬิกาปลุกดังขึ้นเล่นเอาสะดุ้งเฮือกเพราะตั้งอกตั้งใจในการรออีกฝ่าย แต่ทางนั้นคือไม่ขึ้นกระทั่งอ่านแล้ว

[คม : ผมต้องแต่งตัวยังไง มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ] อะถามต่อ แต่พอกดส่งแล้วคมสันต์ก็ลุกไปอาบน้ำอาบท่า กะว่าออกแล้วอลันคงตอบเสร็จแล้วล่ะ

ทว่า...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

เอิ่ม ไม่คิดจะบอกรายละเอียดะไรกันหน่อยเหรอ แค่บอกว่าต้องไปงานเลี้ยงด้วยแค่นี้ก็คือจบแล้วหรือยังไง? คมสันต์มองเสื้อผ้าในตู้ของตนเอง สำรวจไปสำรวจมาก็ยังคิดไม่ออกว่าต้องแต่งตัวยังไง มันต้องมีเสื้อสูทไหม แล้วเสื้อสูทโง่ๆ ที่เขามีไว้ยามจำเป็นที่ต้องเจอลูกค้านี่มันใส่เข้างานเลี้ยงได้หรือเปล่า เจ้าตะลัน...เจ้าบังอาจทำให้เครียดแต่เช้าจริงๆ

คมสันต์ตัดสินใจที่จะแต่งตัวด้วยชุดทำงานธรรมดาๆ แบบที่ใส่ทุกวันไป เสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงแสล็ค ส่วนสูทก็พกไปด้วยแต่ไม่ได้ใส่ไป แค่เอาติดรถไว้เผื่อจำเป็นต้องใช้ นับว่าดีนะที่แม่เขาเตรียมความพร้อมเอาไว้ให้แล้ว เสื้อสูทที่มีเพียงตัวเดียวก็เลยถูกซักรีดอย่างดีใส่ไว้ในซองเสื้อ

หลังจากที่คมสันต์ได้รับมอบหมายให้ดูแลลูกค้าระดับวีไอพีเขาก็ไม่ต้องระหกระเหินออกจากบริษัทไปงานข้างนอกอีกเลย แค่คอยดูความเรียบร้อยแล้วก็กำกับงานอยู่ที่บริษัทเป็นส่วนใหญ่ ดูเหมือนสบายนะงานนั่งโต๊ะน่ะ แต่สมองจะระเบิดอยู่แล้ว แค่ตัดงานนอกออกไม่ได้ตัดงานหลักๆ ออกสักหน่อย

อ้อ นอกจากไม่ต้องออกงานนอกแล้วคมสันต์ก็ยังได้รับขนานนามว่าเป็น ‘เด็กอลัน’ ซะด้วย ชื่อโคตรหล่อเท่เลยบอกตรงๆ เรื่องชาวบ้านเนี่ยผู้คนมักพูดกันเก่ง ยิ่งรู้ว่าอลันมอบหมายงานนี้ให้กับเขายิ่งเข้าทางทฤษฎีสมคบคิดที่พวกนั้นตั้งขึ้นมาแบบเป๊ะเด๊ะ แล้วยังมาว่าเขาหยิ่งไม่ไปกินข้าวด้วยกันกับคนในแผนก ถึงขั้นว่าไม่เห็นหัวพนักงานคนอื่น พอมีอลันแล้วก็คือไม่ซื้อขนมนมเนยให้ใครอีกเลย นี่แหละหนา...ได้ดิบได้ดีเป็นหนูตกถังข้าวสารแล้วก็คงคลุกอยู่แต่ข้าวสารในถัง

กรอกตาวนๆ เป็นวงกลมหนึ่งที โทษน้า...ให้ซื้อขนมมาฝาก ซื้อจากไหนก่อน ได้ออกไปไหนก่อนนอกจากที่บริษัทดีกว่า ไอ้ตอนเช้าก็ยังพกน้ำเต้าหูมาให้นะแค่ไม่มีขนมที่ดูมีราคามาให้เท่านั้นเอง ก็ชีวิตมันไม่ได้ไปวนเวียนอยู่ในห้างแบบก่อนหน้านี้นี่หว่า นี่แหละหนาคน จะนินทาอะไรก็อิงความเป็นจริงและสมเหตุสมผลนิดนึงงง นี่มโนเอาเป็นตุเป็นตะนึกว่าเป็นนักเขียนนิยาย

คมสันต์ตรวจเช็กงานของครรชิตอย่างใกล้ชิด เมื่อมีความคืบหน้าก็จะไปดูตัวอย่างงานแล้วทำเอกสารแจ้งไปทางบริษัทของครรชิตแบบเรียลไทม์ ระหว่างนี้ก็รอไปด้วยว่าเมื่อไหร่นะ...เมื่อไหร่คุณอลันจะแจ้งรายละเอียดงานมาให้เขาเสียที รออย่างไร้จุดหมายแบบนี้นี่มันเคว้งคว้างและแหว่ว้ามากๆ เลยนา

แหละเนื่องจากวันๆ ที่ปราศจากอลันนั้นมันก็เป็นเพียงวันธรรมดาของมนุษย์เงินเดือน นั่งทำงาน เคลียร์งาน วุ่นๆ ยุ่งๆ พักเที่ยง กินข้าว กินน้ำ นั่งดูยูทูปแล้วก็จะวนกลับไปทำงานอีก ดังนั้น...ความธรรมดาเหล่านั้นจะถูกข้ามไปเพราะเดี๋ยวมันจะน่าเบื่อเสียก่อน

ตัดวาบเวลามาที่ตอนสี่โมงเย็นของวัน ในที่สุด! อลันก็อ่านข้อความและตอบกลับมา แต่ครับแต่...อลันตอบได้ยาวมาก ยาวจนน่าตกใจไม่คิดไม่ฝันเล้ยยยว่าจะตอบได้ยาวขนาดนี้หลังจากรอคอยคำตอบมาตั้งแต่เช้า ‘มาหาที่ห้องผม’ อยากรู้จริงๆ ตอนพิมพ์นี่เหนื่อยไหม เหนื่อยมากหรือเปล่ากับอีกแค่ไม่กี่คำเนี่ยยย

แดกหัวแม่ม!

[คม : ครับ] แดกหัวในความคิดนี่แหละ เห่อๆ อนาถจิตอนาถใจ ไอ้คมเอ้ยยยแกนี่มันแกจริงๆ เลยเชียว

เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงแล้ว และการที่อลันเรียกไปหาที่ห้องนั้นอาจหมายความได้ว่าใกล้ได้เวลาไปงานสังคมอย่างที่อลันเกริ่นตั้งแต่เมื่อเช้า ดังนั้นคมสันต์คนนี้จึงเก็บข้าวของทุกอย่างใส่เป้ ที่เหลือบนโต๊ะก็จัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับเขาเลิกงานแล้ว มันก็ดูเหมือนจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่อยากที่จะแบบว่าพอไปหาอลันแล้วอลันให้ไปงานสังคมเลย มันจะเตรียมอะไรไม่ทันแล้วจะกลายเป็นว่าทำให้อลันเสียเวลา

เลขาหน้าห้องอลันวันนี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ สงสัยจะไปงานเดียวกัน แล้วดูสภาพอีเบต้าเงินเดือนคนนี้สิ ผมเรียบแปร้ได้ก็นับว่าเก่งหลังจากทำงานทำการมาทั้งวัน ส่วนคุณเลขา...นั่นทำงานหรือเสริมสวยทั้งวันกันแน่ ผู้หญิงนี่สุดยอดจริงๆ สามารถแต่งหน้าแต่งตาได้ตลอดวันโดยไม่เหนื่อยเลยเนอะ

“คุณคมสันต์มาแล้วค่ะท่าน” เลขายกหูโทรศัพท์เข้าไปบอกคนในห้องก่อนจ้องหน้าคมสันต์แล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้เข้าไปได้

แน่นอนว่าภาพที่เจอตรงหน้านี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากครั้งก่อนเลย กองเอกสารกับอลันที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบนโต๊ะ นี่มันมิติไร้การเวลาหรือยังไง เข้ามาทีไรก็รู้สึกวนลูปทุกที

“มานี่สิ” อลันเรียกทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามอง คมสันต์ละไม่เข้าใจ การมองหน้าเขามันมีค่าน้อยกว่าอีเอกสารนั่นหรือไง เชอะ...ถึงจะมีค่าน้อยกว่าจริงก็เถอะ เชอะๆ

“ครับ” คมสันต์เดินมาหยุดที่ตรงข้ามอลันกั้นกลางด้วยโต๊ะ แต่อลันกลับเอื้อมมือมาจับข้อมือของคมสันต์ ออกแรงดึงเบาๆ ให้คมสันต์เดินเข้าหาอลันที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวใหญ่

คมสันต์ตอนนี้เป็นคมเอ๋อ เพราะงงกับการกระทำของอลันที่มือหนึ่งล็อกข้อมือเขาไว้ ส่วนอีกมือก็ยังจรดปลายปากกาเพื่อเซ็นเอกสารอยู่ไม่ยอมหยุด ลากมายืนข้างๆ แล้วก็เมินเงี้ย โหย เสียใจนะ...ฟ้องแม่จริงๆ ทำแบบนี้กับเขาเนี่ย คมสันต์ขมุบขมิบปากบ่นอลันเงียบๆ ใจกล้าขนาดนี้เพราะเชื่อว่าอลันไม่เห็นนั่นแหละ

แล้วไอ้การจ้องหัวอลันและบ่นคนเดียวทำให้คมสันต์ไม่ได้ดูเลยว่าอลันนั้นเคลียร์โต๊ะตัวเองจนเกือบจะมีพื้นที่ว่างในการวางร่างของคมสันต์ลงไป มารู้ตัวก็ตอนโดนลากให้มายืนอยู่ตรงหน้าอลันแบบที่ด้านหลังคือโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ข้างหน้าคืออลันบนเก้าอี้ตัวใหญ่เช่นกัน

เอ่อ...สถานการณ์แบบนี้จะเสียตัวไหม?

เสียเหรอ...เสียแหละอืมใช่ เฮ้ยยยยไม่ได้!!!

อลันไม่พูดอะไรเลย พลักคมสันต์ให้นั่งลงโต๊ะทำงานของตัวเอง จากนั้นยืนขึ้นใช้สองมือค้ำร่างกายคร่อมคมสันต์ให้อยู่ใต้ร่าง จังหวะที่เจ้าเบต้าทำหน้าเหรอหราเพราะตั้งตัวไม่ทันนั้นก็ฉกชิงลมหายใจจากริมฝีปากนุ่มนิ่ม

คมสันต์รับรู้ได้ถึงกลิ่นบุหรี่ที่หอม ใช่ อ่านไม่ผิด...มันหอม เพราะมันเป็นบุหรี่อย่างดีมีกลิ่นมิ้นต์ๆ ไม่เหม็นเหมือนบุหรี่ทั่วไป คาดว่าอลันคงเพิ่งสูบไปเมื่อกี้นี้ไม่งั้นกลิ่นมันคงไม่อบอวลอยู่ในโพรงปากและเรียวลิ้นของอลันอย่างนี้ คมสันต์โดนรุกเข้ามาอย่างหนัก ลิ้นตัวเองโดนโฉบไปเกี่ยวกระหวัดเล่นด้วยลิ้นของอลัน

ดวงตาดุจนักล่าอันน่าเกรงขามจับจ้องคมสันต์ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อที่อยู่ต่อหน้าผู้ล่าที่เหนือชั้นกว่า คมสันต์ต่อกรกับอลันไม่ได้ ไม่แม้จะต่อต้านได้เลย ทั้งที่อลันยังไม่ได้จ้าบจ้วงร่างกายของเขาด้วยฝ่ามือ มีแค่ลิ้นและลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหน้า ร่างกายนี้ก็ตื่นตัวเสียแล้ว

เมื่ออลันแย่งชิงลมหายใจของคมสันต์จนพอใจแล้ว กระดุมเสื้อของคมสันต์ก็โดนปลดทีละเม็ด ทีละเม็ด เชื่องช้าแต่ร้อนรุ่มเพราะอลันใช้ริมฝีปากประทับเบาๆ ไปที่ลำคอของคมสันต์ตลอดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตราคาร้อยกว่าบาท จนแล้วจนรอดท่อนบนของคมสันต์ก็เปลือยเปล่า และมันก็โดนโลมเลียด้วยปากกับลิ้นที่ช่ำชองของอลันจนไปถึง...

“ซี้ด...อึ้กอ๊ะอ่าห์”

เรียบร้อยโรงเรียนอลัน คลาสนี้อลันใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่าจะปล่อยให้คมสันต์ได้นั่งกอดตัวเองร้องไห้กระซิกๆ ที่เสียตัวให้กับอัลฟ่าอย่างอลันอีกหน แต่การร้องไห้กระซิกๆ ในใจของคมสันต์นั้นปลอมนะ ปลอมมาก...ปลอมชนิดที่ว่าแค่ปลายตามองก็รู้ อลันส่ายหน้าเบาๆ มองเขาที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ที่อลันเคยนั่งเมื่อสองชั่วโมงก่อน

อลันเดินเปลือยท่อนล่างไปทางไม้แขวนสูทที่มันจะมีรูปร่างเหมือนต้นไม้มีกิ่งก้านยื่นๆ ออกมา ตรงนั้นคมสันต์เห็นแล้วล่ะว่ามันมีซองสูทออยู่สองซอง อลันเอื้อมไปหยิบมาทั้งสองก่อนจะโยนมาให้เขาชุดหนึ่งและอีกชุดถูกถือเดินเข้าห้องน้ำไป

เอามาให้ทำไม? คมสันต์มองของในมือและร่างอลันที่หายวับเข้าไปในห้องน้ำแล้วเป็นที่เรียบร้อย กว่าอลันจะเดินกลับออกมาตัวคมสันต์ก็แห้งกรัง เหนียวเหนอะน่ะ ไม่อยากนึกสภาพว่าต้องไปงานสังคมด้วยสภาพนี้เลยจริงๆ

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว” อลันออกมาในชุดสูทสีดำ...ก็ไม่เชิงดำล้วนแต่มีเหลือบน้ำเงินเล็กๆ เป็นน้ำเงินเข้มที่ทำให้สูทของอลันดูมีดีเทล ไม่ได้ดูแล้วไม่มีอะไร

“ครับๆ” คมสันต์วางซองสูทไว้ที่โต๊ะอลันจากนั้นโกยเจ้าเสื้อผ้าของตัวเองบนพื้นเพื่อจะเอาเข้าไปใส่ แล้วอีตอนทำนี่ทำกันยังไง ทำไมเสื้อผ้ามันอยู่คนละทางกันน้า คมสันต์ก้มเก็บทีละชิ้น ขยับไปอีกสองก้าวก็หยิบอีกชิ้น จนถึงชิ้นที่เป็นกางเกง กำลังจะหยิบแต่อลันดันเหยียบเอาไว้ คมสันต์นี่เงยหน้ามองอย่างไว

____[40%]____

มีคนอยากรู้เรื่องคุณครรชิตเยอะเลย แล้วเราก็จะปล่อยให้สงสัยอีกสัก…ตอนสองตอน อิอิ

ส่วนอาการรัทที่เป็นชื่อตอนนั้นจะเป็นอาการของอัลฟ่าที่เรียกว่าเหมือนฮีทในโอเมก้า จะเป็นอาการที่ความต้องการในการสืบพันธุ์สูงกว่าปกติชนิดที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ค่ะ ส่วนใครรัท? รอตอนหน้านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 8 : 40% [31/05/64]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 01-06-2021 15:05:58
คุณคมนี่โดนกินตลอดเวลา สงสาร แต่ก็อาจจะไม่จำเป็นเพราะเจ้าตัวมองโลกในแง่ดีอ่ะ ใช่ชีวิตต่อไปแบบชิลๆ
แต่ก็แอบมาแซบบ้างประปราย(เพราะเลี่ยงไม่ได้และใจมันรัก 555)
พระเอกนี่บทพูดน้อยมากกกกกก จนแอบหมั่นไส้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 8 : 100% [03/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 03-06-2021 20:10:54
ตอนที่ 8 : คมสันต์กับอาการรัท [100%]


“ใครให้ใส่ชุดนี้” ก็นี่มันชุดเขานี่หว่า มองชุดตัวเองแล้วก็มองหน้าอลันอีกหนด้วยสายตาฉงนเป็นที่สุด

“ก็นี่ชุดผม”

“ชุดนู้นต่างหากที่ให้ใส่” อลันพยักหน้าไปที่ซองสูทบนโต๊ะ เจ้าชุดที่อลันโยนให้นั่นแหละ

“แต่...”

“ไปใส่ชุดนู้น” จะให้ใส่ชุดนั้นทำไมไม่พูดดดด จะมาโยนให้แล้วเดินลิ่วๆ ไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้มีสมองไว้คิดวิเคราะห์และแยกแยะเรื่องอย่างนี้นะครับผม แล้วเนี่ยถ้าบอกดีๆ ก็ไม่ต้องมาเหยียบกางเกงเขาล่ะปะ

“ครับ แต่...ผมขอกางเกงผมเถอะนะครับ” เอาเท้าออกเถอะคร้าบ อย่าให้ต้องกระชากมันออกมาจากเท้าของอลันเลย เดี๋ยวมันจะเปื้อนไปมากกว่านี้

อลันยกเท้าออก เดินกอดอกไปนั่งรอที่โซฟารับแขกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไอ้คมสันต์คนเด๋อก็หอบเอาชุดที่อลันให้ไปยังห้องน้ำทั้งที่เปลือยมันไปทั้งตัว มันคือความไม่แฟร์นิดหน่อย อลันจะถอดของเขาหมดเพื่อดูร่างกายเปลือเปล่า ส่วนอลันนั้นจะเหลือเสื้อเอาไว้ซะเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นดุมากหรือเขาอารมณ์ขึ้นสุดๆ ก็จะเอามันออกเช่นกัน

คมสันต์มองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก แบบว่า...คนข้างในนั้นมันโคตรหล่อเลยอะ หล่ออะไรขนาดนี้วะเนี่ย ชุดสูทมันสารมารถทำให้ดูดีได้ขนาดนี้เลยเหมือนกันแฮะ เขาไม่เคยคิดจะให้ความสำคัญกับชุดประเภทนี้เพราะไม่ค่อยได้ใช้งานมันอยู่แล้ว แต่ว่ามันเอะใจนิดหนึ่งคือทำไมชุดมันพอดีจังวะ?

จะว่าคมสันต์กับอลันมีรูปร่างและส่วนสูงใกล้กันมากมันก็ได้อยู่ แต่นี่มันรูปแบบพอดีเด๊ะ หุ่นเขากับอลันมันเท่ากันขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอเนี่ย กอดมาก็หลายครั้งแต่ไม่ยักกะรู้แหละ สุดยอดไปเลย

คมสันต์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อยด้วยความไม่คุ้นชินกับชุดที่ใส่อยู่ แต่ไอ้คนที่รอเนี่ยจ้องมองเขาตั้งแต่เยื้องย่างออกมาจากห้องน้ำแล้วนะ จ้องแบบจ้องเลยอะ จ้องอะไรขนาดนั้นก๊อนนนน

“เอ่อ...แปลกๆ ไหมครับ” ด้วยความโดนจ้องจนเหมือนจะโดนกินอีกรอบ คมสันต์ก็เริ่มไม่แน่ใจว่ามันจะยังไงแน่ หรือชุดนี้มันไม่เหมาะกับเขาหรือว่าเขาใส่พลาดอะไรตรงไหน

“ไม่” ถ้าไม่แล้วจะจ้องอะไรขนาดนั้นล่ะนั่น อยากถามจริงๆ แต่ไม่กล้าแฮะ

“งั้นเหรอครับ ดีจัง ผมนึกว่าจะแปลกๆ ผมไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ก็เลยไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่เพิ่งรู้เลยนะครับเนี่ยว่ารูปร่างของผมเท่ากับของคุณอลันเป๊ะเลย นึกว่าผมจะอ้วนกว่าคุณซะอีก” อันนี้เป็นความรู้สึก แค่แบบ...ดูอลันตัวเล็กกว่าเขานิสสสนุง นิดเดียวนะ ไม่เยอะ แต่กล้ามเนื้อของอลันจัดว่างามเชียวล่ะ

“ชุดของคุณ ไม่ใช่ของผม” อลันตรงเข้ามาทางคมสันต์ที่ทำหน้างง ใช่ หน้างงเนี่ยแหละ อะไรคือชุดของคุณไม่ใช่ของผม

“ยังไงครับ หมายถึงชุดนี้เป็นชุดของผมเลยงั้นเหรอครับ?”

“ใช่ สั่งตัดมา” อลันมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า จากนั้นก็เดินวนอีกรอบแล้วก็เดินนำไปหน้าประตู

แล้วก็คือจะไม่ไขข้อกระจ่างแจ้งใจให้คมสันต์อีกเช่นเคย เออดีจัง โตมาแบบอธิบายอะไรไม่เก่งแน่ๆ เลยคนคนนี้ เมื่อออกมาหน้าห้องเลขาคนสวยก็ไม่อยู่แล้ว คมสันต์อยากถามแต่กลัวได้คำตอบสั้นๆ ไม่ได้ใจความจากอลันอีกก็เลยไม่ถาม เดินตามไปเงียบๆ เนี่ยแหละ

ไอ้ตอนเดินแบบไม่มีคนมันก็ดีนะ แต่พอออกมาลิฟต์ที่ชั้นล่างเพื่อจะไปที่ลานจอดรถเนี่ยมีคนเยอะแยะมากมาย บวกกับเวลานี้เป็นเวลาที่คนเลิกงานกัน จริงที่เวลาปกติจะเลิกห้าโมงเย็นแต่ใช่ว่าจะไม่มีคนเลิกตอนหกโมงเสียหน่อย สายตาของคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่อลันอย่างกับลูกธนูที่พุ่งปิ้วววมาทิ่มร่างอลันเลย

คมสันต์รู้ว่ามันไม่แปลกเลย ตัวเขาเองยังมองอลันดูดีมาก ตอนเห็นอลันเดินออกมาจากห้องน้ำนี่รู้สึกเหมือนตกหลุมอากาศไปเหมือนกัน ทั้งที่การสวมแว่นตามันจะทำให้ดูเนิร์ด แต่กลับอลันมันไม่ได้ทำให้รู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่นิด เชื่อว่าไอ้คนที่มองๆ อยู่ตอนนี้ต้องรู้สึกเหมือนเขา รู้สึกว่าอลันโคตรหล่อ หล่อฉิบหาย หล่อไปไหน หล่อไม่แบ่งใคร นี่ถ้าไม่เย็นชานะรับรอง...อลันคงไม่ได้ใส่กางเกงทั้งวันอะ

“จิ๊!” เดินตามด้วยความเพลินอยู่ดีๆ คนข้างหน้าก็จิ๊ปาก คมสันต์เป็นเอ๋ออีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจว่าอลันจะจิ๊ทำไม

แล้วเสี้ยววินาทีต่อมาบรรยากาศรอบๆ ตัวอลันก็หนักอึ้งขึ้น คมสันต์รับรู้ได้ในทันทีเลยว่าอลันปลดปล่อยกลิ่นคุกคามอันเป็นความเฉพาะของสายเลือด เขาก็คิดนะว่าแค่คนมองเพราะอลันหล่อเนี่ยมันจำต้องไม่ชอบใจขนาดนั้นเลยเหรอ คมสันต์เห็นอาการคนรอบด้านทุกคนดูหวาดกลัวและก้มหน้ากุมมือต่ำไม่มองมาทางอลันอีก ในขณะที่คมสันต์เองไม่ได้รู้สึกมากมายขนาดนั้น
และที่สำคัญ...คมคนเด๋อก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าที่อลันต้องใช้กลิ่นคุกคามก็เพราะไม่อยากให้คนมองตนเองนั่นแหละ!

กว่าจะเดินทางไปถึงที่หมายก็ล่อไปทุ่มกว่าเกือบสองทุ่ม ที่จัดงานเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาว จัดในห้องจัดงานเลี้ยงที่ใหญ่โตและบรรจุผู้คนไว้มากมาย คมสันต์เดินอยู่ด้านหลังอลัน คอยทำความเคารพคนที่อลันเข้าไปพูดคุยด้วยแทบจะตลอดทาง ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่คมสันต์ได้เห็นอลันยิ้ม...ยิ้มเลยนะ ยิ้มแบบยิ้มน่ะ โอ้วโหว มันเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ แม้ว่าคมสันต์จะรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นมันจะเป็นแค่เปลือกก็ตาม

เข้าใจคำที่ว่าผีเห็นผีไหม นั่นแหละ ด้วยความที่คมสันต์เองก็ใช้รอยยิ้มแบบนี้ในการเข้าสังคม มันเลยไม่แปลกที่เขาจะมองรอยยิ้มของอลันออกภายในแวบแรก แต่ถึงจะมองออกมันก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ดี ปกติมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเห็นอลันยิ้ม ต้องใช้คำว่ายากมากกก เพราะอลันทำหน้าเดียว...หน้านิ่งอะ

อลันแนะนำว่าคมสันต์คือผู้ช่วยของเขา หลายคนแปลกใจที่ผู้ช่วยของอัลฟ่าระดับสูงอย่างอลันจะเป็นเพียงเบต้าธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ด้วยรูปลักษณ์และรอยยิ้มของคมสันต์ทำให้พวกนั้นไม่ติดใจอะไรคมสันต์มาก เพราะมันมีบางอย่างที่รู้สึกว่าถึงนี่จะเป็นเบต้าแต่ก็ดูเป็นเบต้าที่ดูดีด้วยบุคคลิกและการวางตัวที่สง่าสมชายชาตรี ถ้าไม่ได้เป็นอัลฟ่าที่มีความสามารถมากก็อาจจะคิดว่าคมสันต์คืออัลฟ่าเสียด้วยซ้ำ

คมสันต์เดินตามอลันและอยู่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวอย่างที่อลันแนะนำกับคนอื่นๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่องใดๆ เรื่องการดูแลและเทคแคร์คนอื่นน่ะงานถนัดเลยไม่อยากจะคุย เรียกว่าอลันมองตาคมสันต์ก็แทบจะรู้แล้วว่าอลันต้องการอะไร เป็นไง...ดูเวอร์ไหม ใช่คมสันต์เวอร์เองแหละ ถึงจะไม่ได้เข้าใจทุกอย่างยามมองตาแต่ก็พอรู้ได้ด้วยความรู้สึกแหละว่าอลันต้องการอะไรหรือไม่สบายใจที่จะอยู่คุยกับคนกลุ่มนี้

“เอ๋? คุณคมใช่ไหมคะเนี่ย..ตายจริง คุณคมจริงๆ ด้วย” เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นด้านขวามือ คมสันต์ละสายตาไปมองเธอที่อยู่ในชุดเดรสยาวสีชมพูรัดรูป

“อ่าวคุณแก้ว สวัสดีครับ” คมสันต์ยกมือไหว้เธออย่างงาม ประหนึ่งว่าเรียนจบเอกมารยาทไทยมาเลยทีเดียว

“คุณคมหล่อมากเลยนะคะเนี่ย แก้วมองตั้งนาน คิดอยู่ว่าใช่คุณไหม” ในมือเธอถือแก้วแชมเปญ รอยยิ้มหวานๆ ถูกส่งมาให้คมสันต์ มันน่ามองและดูออกได้ง่ายเลยว่าเธอชมเขาอย่างใจจริง

“คุณแก้วชมผมเกินไปแล้วล่ะครับ วันนี้คุณแก้วเองก็สวยมากๆ เลย ผมนึกว่านางฟ้าแหนะ”

“ฮ่าๆ คุณคมเนี่ยเวอร์จัง” เธอป้องปากหัวเราะอย่างน่ารัก ความเป็นหญิงสาวหวานๆ ตัวเล็กตัวน้อยมันก็ต้องน่ารักเป็นเรื่องธรรมดา

อลันชะงักการพูดคุยกับคนรู้จักตั้งแต่มีคนเอ่ยทักคมสันต์แล้ว ในมือเขามีแก้วแชมเปญเช่นเดียวกับหญิงสาวที่ชื่อแก้ว ก็ยอมรับแหละนะว่าคนที่เข้ามาทักคมสันต์นั้นสะสวยแถมยังมีกิริยาที่น่ารัก ไม่อยากยอมรับหรอก แต่มองแบบนี้ทั้งคู่ก็เหมาะสมกันดีจริงๆ

เสียงคู่สนทนาเอ่ยเรียกย้ำสองสามครั้ง อลันจำต้องหันกลับไปสนทนากับอีกฝ่าย ใช้ความสามารถของตัวเองต่อบทสนทนาให้เป็นไปอย่างราบรื่น มีคนอีกสองเข้ามาทักทายและชวนให้อลันไปอีกทางเพื่อเจอคนที่อยากแนะนำให้รู้จัก อลันจำต้องเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้

อลันไม่ชอบงานสังคมเท่าไหร่นัก เขาแสดงออกไม่ค่อยเก่งแล้วก็ทำได้แค่ปั้นยิ้มใส่ผู้คนที่เข้ามาพูดคุยไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็จะได้รับรอยยิ้มเป็นมิตรของเขา แถมงานแบบนี้ก็เลี่ยงที่จะเจอคนเอาตัวเข้ามาเสนอไม่ได้ด้วย อลันนับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อยในฐานะอัลฟ่าระดับสูงที่ทั้งหล่อรวยและทำงานเก่ง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนอยากได้ก็คือความได้ยากของอลัน เพราะคนอย่างอลันแค่เป็นอัลฟ่าที่สูงระดับเดียวกัน หน้าตาดี เก่งหรือรวยก็เอาใจเขาไปไม่ได้หรอก

เผลอแป็บเดียวอลันก็เห็นว่าคมสันต์และคนที่ชื่อแก้วไปนั่งที่โต๊ะ ทั้งสองดื่มและพูดคุยกัน มองจากข้างนอกเข้าไปมันแทบไม่ต่างอะไรกับการดูคู่รักคู่หนึ่งสวีตกัน อลันหงุดหงิดจนยกแก้วดื่มเป็นว่าเล่น หมดแก้วปุ๊บก็เอาแก้วใหม่ การยกดื่มเร็วๆ อย่างนี้ต่อให้คอแข็งแค่ไหนก็ไปไวได้ไม่ต่างกัน...

อลันเดินเข้าไปที่โต๊ะที่มีคมสันต์และหญิงสาวนั่งคุยกัน สายตาเย็นชาจับจ้องใบหน้าของคมสันต์ที่พูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างออกรสออกชาติ ในมือคมสันต์มีเหล้าที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับวิสกี้ แต่อลันรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ และกำลังสงสัยว่าสาวเป็นคนให้คมสันต์กินหรือคมสันต์กินเอง

“เอ่อ...” คมสันต์รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง พอหันไปด้านข้างก็เจออลันนั่งจ้องเขาเขม็ง

“สวัสดีค่ะคุณอลัน” หญิงสาวเอ่ยทักทาย น้ำเสียงและสีหน้าเป็นมิตรสุดๆ แต่คนเมาอย่างอลันกลับเฉยและจ้องหน้าคมสันต์นิ่งงัน

“คุณอลันโอเคไหมครับ” สีหน้าอลันมันก็เหมือนเดิมอะ ดูไม่ออกว่าเป็นอะไร เมาไหมหรือไม่เมาก็ยังไม่รู้เลย

“...” น่ะ ถามแล้วก็ไม่ตอบ ซ้ำยังนั่งเท้าคางจ้องไม่ละสายตา ไอ้การจ้องแบบนี้นี่จะให้ทำยังไง? ให้กลับไปพูดคุยกับสาวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอะนะ บ้าเปล่าาา

คมสันต์ผู้ไม่รู้อะไรเลยหันกลับไปมองหน้าคุณแก้วที่อยู่ข้างๆ นั่งกระซิบกระซาบกันสองคนว่าอลันอาจจะเมาแล้วก็ได้ คือเธอจะเห็นอลันเป็นมิตรตลอด ไม่เคยเจออลันที่เป็นแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนคมสันต์นั้นชินกับความนิ่ง แต่ที่ไม่ชินคือมันนิ่งแล้วรู้สึกว่าไม่พอใจด้วยเนี่ยสิ

คมสันต์ไม่ได้รู้เลยว่าท่าทางการกระซิบกระซาบกันนั้นทำให้ยิ่งดูเหมือนสวีตกันหนักขึ้นไปอีก สายตาอลันทิ่มแทงคมสันต์แบบตรงไปตรงมาแม้จะไม่พูดอะไรแต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องหันไปสบตาอลันหรือชวนอลันคุย

อ่าห์...ฉิบหายแล้ว!

จังหวะหันกลับมาสบตาไม่พอใจของอลันรอบนี้คมสันต์รู้สึกวูบวาบแปลกๆ ลำคอแห้งผากขึ้นมาอย่างฉับพลันเลยต้องยกแก้วของตัวเองดื่มอึกใหญ่จนหมดแก้ว พอวางปุ๊บสาวก็เป็นคนดีไง เรียกบริกรมาเปลี่ยนแก้วทันทีทันใดว่องไวได้ใจกันสุดๆ ไปเลย แต่คมสันต์คือไม่ได้รับรู้อะไรตรงนั้นแล้ว เขาถูกสายตาไม่พอใจของอลันตรึงเอาไว้ หัวใจเต้นแรงมาก คิดว่ามันเป็นเพราะแอลกอฮอล์แต่ก็มันแปลกและแตกต่างกว่าปกติที่ดื่ม

สาวสะกิดเรียกคมสันต์ เธอขยับเข้ามากระซิบจนใบหน้าหวานๆ นั้นเกือบจะชิดกับไหล่ของคมสันต์ ก็ถามไถ่เรื่องอลันแหละ เพราะดูอลันนั่งเท้าคางจ้องมองพวกเขานิ่งไม่ไหวติง นิ่งแบบเป็นรูปปั้นไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นเลย นี่ถ้าอีตรงหน้าอกไม่ขยับขึ้นลงด้วยนี่คิดว่าอลันตายไปแล้วนะ

จู่ๆ ไอ้ดวงตาที่แสนเย็นชาไร้อารมณ์คู่นั้นมันก็เริ่มเยิ้มแปลกๆ จังหวะนี้คมสันต์ว่าอลันเมาแล้วจริงๆ แหละ ไม่งั้นไม่น่าทำตาเยิ้มใส่เขา แล้วดู มีการแลบลิ้นเลียริมฝีปากอีก เลียไม่พอกัดปากเข้าไปอีกกกก กัดทำไมคร้าบ ไม่ต้องกัดคร้าบ ไม่ต้องเลียปากด้วยคร้าบ ไม่ต้องทำตาเยิ้มด้วยครับไอ้คุณตะลันนนน

“เอ่อคุณแก้วครับ ผมว่าผมต้องขอตัวก่อน เอาไว้คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันอีกนะครับ” ไม่ไหว มันต้องพูด มันต้องจัดการเรื่องนี้ คืออลันไม่ควรมาเมาในงานสังคมแบบนี้ มันไม่ดีไม่งามสุดๆ

โชคดีที่แก้วเองก็พอจะเดาสถานการณ์ได้ก็เลยเอ่ยลากับคมสันต์ เมื่อเธอลุกเดินออกไปจากโต๊ะ คมสันต์ก็ดึงอลันให้ลุกจากโต๊ะเช่นกัน เขาต้องหาทางออกทางด้านหลังที่คนไม่เยอะเท่าไหร่เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน แต่คนเยอะขนาดนี้มันเลี่ยงยังไงพ้น สุดท้ายก็ต้องเอ่ยทักทายและกล่าวคำลากับทุกคนที่ผ่านอยู่ดี แต่อลันเก่งมาก อลันยังสามารถที่จะทำตัวเหมือนเป็นปกติได้แม้ตัวเองจะเมาก็ตาม

เมื่อพ้นตัวงานมายังที่จอดรถ อลันที่ว่าเก่งๆ เมื่อกี้นี้ก็ตัวอ่อนขึ้นมาซะอย่างนั้น คมสันต์รับแทบไม่ทัน เกือบจะร้องเฮ้ยลั่นลานจอดรถอยู่แล้ว ดีนะที่ห้ามปากตัวเองทันไม่งั้นละก็กลายเป็นที่สนใจของผู้คนมากแน่ๆ คมสันต์ค่อยๆ ประคองอลันมายังรถ จับร่างย้วยๆ ยัดเข้าไปแล้วตัวเองก็เข้าประจำที่นั่งข้างอลัน

“เฮ้อ...” ขอถอนหายใจหน่อยเถอะ “ปกติมางานแบบนี้คุณเมาตลอดไหมเนี่ย”

“ไม่” ไม่เหรอ แล้วคมสันต์คนนี้ก็มาเจอแจ็กพอทเหรอ โอ้วก๊อดยอดไปเลย

“งั้นทำไมคราวนี้เมาได้ล่ะครับ เพื่อนชวนดื่มหรือ” รถค่อยๆ เคลื่อนออกจากที่จอดไปยังถนนใหญ่ระหว่างที่พูดคุยกับคนเมาข้างกาย

“ไม่” เอ้า เพื่อนก็ไม่ได้ชวนดื่ม แล้วเมาได้ไงวะ? ไอ้คมเป็นงงเด้อหนิ

“แล้วเมาได้ยังไงครับเนี่ย คุณเผลอดื่มเยอะเกินงั้นเหรอ”

“ใช่” นี่คิดจะตอบแค่ไม่กับใช่หรือไง คมสันต์หันไปมองอลันแวบหนึ่ง กะส่งสายตาระอาใจให้แต่กลับเจอสายตาเร้าร้อนส่งกลับมาแทน

อึ้ก!

ฉิบหายแล้วไอ้คม ฉิบหายแบบหาไม่เจอเลยทีนี้ บ้าหน่า เป็นไปไม่ได้อะ ดื่มไปสามแก้วไม่มีทางมีอาการแบบนี้แน่ๆ คมสันต์คิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาในทันทีที่หันไปสบตากับอลันเมื่อกี้ แค่เสี้ยววินาทีที่สบตาไอ้นั่นก็ตื่น บ้าไปแล้ว...นี่มันไม่ใช่แล้ว

“คราวหลังระวังๆ หน่อยนะครับ อย่าดื่มเยอะแบบนี้อีก มันจะไม่ดีกับตัวคุณเอง” คมสันต์ข่มใจพูดเตือนอลันออกไปแม้ว่าในร่างกายมันจะร้อนรุ่มขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุก็ตาม

มีเสียงอืมในลำคอตอบรับมาเบาๆ คมสันต์เห็นว่าอลันเมาก็ไม่เลยไม่คิดจะพูดอะไรอีก แต่อีกแง่หนึ่งเขากำลังรู้สึกลำคอแห้งผาก แห้งชนิดที่ว่าคอจะกลายเป็นผงอยู่แล้วในตอนนี้ ไอ้หนูในกางเกงก็ตื่นขึ้นมาดุนดันเนื้อผ้า จากตอนแรกที่ตื่นนิดๆ ตอนนี้ดันตื่นเต็มตัว เรียกว่าแข็งตีหัวหมาแตกได้เลยล่ะ คมสันต์ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมีอาการแบบนี้ได้ ไอ้ความต้องการมันปะทุขึ้นรุนแรงมาก มือไม้สั่นเหงื่อเริ่มไหลซึมตามไรผมทั้งที่แอร์ในรถมันเย็นฉ่ำจนหนาวด้วยซ้ำ

ทรมาน...

มันเป็นคำเดียวเลยที่วนเวียนอยู่ในหัว ผู้ชายแม่งเป็นแบบนี้แหละ ถ้าความต้องการตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้จัดการอะไรกับมัน ยิ่งปล่อยให้มันตื่นมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะกลายเป็นความทรมานที่ส่วนนั้น มันจะปวดตุบๆ บอกตามตรงตอนนี้ไม่มีสมาธิจะโฟกัสอะไรเลยด้วยซ้ำ ไอ้จะบอกว่าเมาเขาก็รู้ตัวเองดีว่าไม่ได้เมา แค่มีความต้องการมาก มากแบบมากๆ เลยล่ะ!

“เป็นอะไร” อลันที่เห็นว่ามีเหงื่อซึมตามไรผม มือสั่นน้อยๆ และลมหายใจหอบถี่ก็เอ่ยถาม

“ปะ...เปล่าครับ” แล้วใครมันจะไปกล้าพูดตรงๆ ล่ะว่าจู่ๆ ก็เงียบอะ (เงียบที่ไม่ได้แปลว่าเงียบ)

“แน่ใจ” อลันไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเอื้อมมือมาวางลงบนเกียร์กระปุกของคมสันต์

“อ๊ะ!” เล่นเอาสะดุ้งโหยง เขารีบมองไปที่คนขับรถอย่างไว กลัวว่าจะโดนเห็น

“หึ...นี่นะไม่เป็น”

“คุณ! มันไม่ใช่เรื่องนะครับ...มันอันตรายนะ” อลันไม่หยุดลูบ และคมสันต์เองก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าให้หยุดเพราะมันดันรู้สึกดี

“จะจอด...” อลันบีบเจ้าคมน้อย เล่นเอาเจ้าของกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด “หรือจะยังไง...”

“...” จังหวะนี้คมสันต์ไม่พูด ไม่ตอบแต่กัดฟันกรอดจนขึ้นเป็นรอยนูนตรงสันกราม เขาหันไปมองหน้าอลันเล็กน้อยก่อนจะหันไปเร่งคนขับเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พักของอลัน

จำไม่ได้เลยว่าลากอลันขึ้นไปที่ห้องของอลันเองได้ยังไง สิ่งที่คมสันต์จำได้คือภาพที่เขาดันอลันเข้าไปในห้องแล้วก็กดอลันให้จมไปกับโซฟารับแขก มันเป็นสิ่งแรกที่คมสันต์เห็น ทันทีที่ได้ประทับจูบดุเดือดความอดทนของคมสันต์ก็พังทลายลงอย่างกับเขื่อนแตก
คมสันต์ยามนี้ไม่ต่างอะไรกับอัลฟ่าที่มีอาการรัท บ้าคลั่งและกระทำกับร่างกายของอลันตามสัญชาตญาณตัวเองราวกับสัตว์ป่าในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ในหัวว่างเปล่าขาวโพลน มีแค่ความต้องการที่จะกระทำกับอีกคนเท่านั้นที่เป็นใหญ่ ยิ่งได้ยินเสียงของอลันคมสันต์ก็ยิ่งดุดันและหึกเหิม หนำซ้ำสัตว์ป่าอย่างคมสันต์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบความบ้าคลั่งนี้ได้โดยง่าย แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านเข้าสู่ช่วงเช้าของวันใหม่แล้วก็ตามที...

____[100%]____

เบต้ารัทค่าาาา มีคนคลั่งค่าาาาา คุณตะลันแกน่วมแน่!
ปล.มาช้าไปหนึ่งวันต้องขออภัย มัวแต่ก๊งอยู่ง่ะแง
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 8 : 100% [03/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-06-2021 23:04:16
 :laugh:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 8 : 100% [03/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-06-2021 08:37:32
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 9 : 40% [07/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 07-06-2021 21:16:09
ตอนที่ 9 : คมสันต์กับครรชิต [40%]

งานเลี้ยงสังสรรค์วันนั้นทำเอาคมสันต์หลอนกับการดื่มเครื่องดื่มในงาน ไม่ใช่เพราะมันแรงมาแค่สามแก้วก็เมา หรือว่ามันทำให้เขาแฮงก์หนักจนตื่นบ่าย แต่เพราะว่ามันมีส่วนผสมบางอย่างที่ทำใ้ห้เกิดความกำหนัดอย่างรุนแรงขึ้น เอาจริงถ้าอลันไปเขียนโน้ตบอกว่าอย่าดื่มซี้ซั้วตอนเช้าก็ไม่รู้หรอก คงยังงงๆ อยู่ทำไมวันนั้นถึงอยากขนาดนั้น คิดว่าเมาที่ไหนได้...เหล้าเป็นเหตุจริงๆ

แต่เอาจริงๆ เขาไม่ได้ดื่มซี้ซั้วนะ ก็คุณแก้วให้มาก็รับมาดื่มตามมารยาทก็แค่นั้น ใครจะไปคิดล่ะว่าไอ้ที่โรงแรมนั้นดันมีเหล้าสูตรพิเศษแบบนี้ แล้วไอ้เหล้านั่นก็ทำให้เขาเป็นบ้าระห่ำทำกับอลันยันเช้า มันเป็นอาการที่ห้ามตัวเองไม่อยู่ก็จริงแต่เสือกจำได้ไง น่าอายสุดๆ พอช่วงเช้าก็หมดสติ รู้ตัวอีกทีขาดงานไปแล้วจ้าาาา

คมสันต์กลับไปทำงานอีกทีในวันศุกร์ การขาดงานตั้งหนึ่งวันทำให้งานบนโต๊ะเขาเยอะโคตรๆ เยอะชนิดที่ว่ามันสามารถหล่นลงมากระแทกหัวเขาสลบข้ามไปอีกวันหนึ่งได้เลย แต่ไม่เป็นไรนะ เขาเก่ง...เขาเก่งมาก เคลียร์แป็บเเดียวเท่านั้นแหละ...

...หนีไปกินน้ำหวานเย่!

โห่ งานขนาดนั้นใครเขาเคลียร์กันชั่วโมงสองชั่วโมงเสร็จกัน ทำทั้งวันจะเสร็จไหมยังไม่รู้เลย แต่คมสันต์ก็มานะในการทำงานนะ เที่ยงวันก็ทักไปหาอลันเรื่องข้าวเที่ยง ถามดูนี่แหละว่าจะกินอะไรไหม ไม่ชอบเวลาที่กำลังทำงานแล้วโดนบอกให้ไปซื้อของกิน มันเสียจังหวะ แต่วันนี้ก็เหมือนเมื่อวานที่ไม่ตอบข้อความของเขา

เมื่อวานนี้ตอนคมสันต์กลับบ้านไปพัก เขาทักไปหาอลันว่าเป็นยังไงบ้าง ตัวเขาตื่นเอาเสียบ่าย แต่อลันน่าจะตื่นเช้าไปทำงาน ทั้งที่ทำกันไปขนาดนั้น ไม่อยากเชื่อหรอกนะว่าอลันจะทำงานไหวแต่อลันก็ไปทำงานจริงๆ น่ะ

นั่งรอข้อความพร้อมเคลียร์งานของตัวเองจนกระทั่งเลิกงาน เป็นอีกวันที่สงบสุข ปราศจากคนมาก่อกวนแม้กระทั่งสาวๆ ขาเม้าท์ยังไม่มายุ่งกับเขาเลย อาจจะเห็นว่างานที่ค้างบนโต๊ะมันเยอะแล้วเลยไม่อยากมากวนก็ได้แหละ คมสันต์มองนาฬิกาเล็กน้อย...ทำงานอีกหน่อยละกัน อย่างน้อยๆ วันจันทร์งานก็จะไม่เยอะขนาดนี้

คมสันต์คนขยันนั่งเคลียร์งานเพลินจนร่วงเลยมาถึงทุ่มกว่า เรียกว่าเงยหน้ามองเวลาอีกทีคือตกใจ ไม่คิดว่าจะค่ำแล้ว คิดว่ายังห้าโมงกว่าเกือบหกโมงอะไรทำนองนั้น ในเมื่อค่ำแล้วก็ไปสิครับ เลิกงานๆ ไม่ทงไม่ทำแล้ว ไอ้ที่เคลียร์ไปก็เยอะพอสมควร วันจันทร์ไม่น่าตายอนาถแหละนะ

[Alan : หิว...มาหาที่ห้องหน่อย] กำลังเดินเข้าลิฟต์ชิลล์ๆ ไอ้คนที่เขารอข้อความเป็นนักหนาก็ส่งกลับมาจนได้ แต่บอกเลยนะ อ่านข้อความจบแล้วไม่คิดว่าอลันหิวข้าวแน่นอน

[คม : ไม่สั่งข้าวกินละครับ ผมสั่งให้ไหม สั่งผ่านแอพให้ได้นะครับ]

[Alan : เขามีอาหารที่ชื่อว่าคมสันต์ไหม] อันนี้กวนติงปะนะ? คมสันต์คิ้วขมวดแล้วขมุบขมิบปากบ่นเจ้าตะลัน ทีเรื่องอย่างนี้ละทักมา ทีตอนถามเรื่องของกินที่เป็นของกินจริงๆ นี่ไม่อยากจะตอบหรอก โว๊ะ ตีแม่ม

[คม : คร้าบ จะเอาข้าวเอาอะไรไหมผมจะได้แวะซื้อไปให้] ใจก็บ่น ใจก็อยากจะถามว่าหายไปไหนทำไมไม่ตอบข้อความบลาๆ แต่ก็ไม่ได้ถามแล้วก็หยุดคิดเรื่องพวกนั้นไปอย่างง่ายดาย

[Alan : ข้าว] พูดก็น้อย พิมพ์ก็น้อย คมสันต์ละบีลีฟจริงๆ

[คม : ค้าบๆ รอแป็บ ผมเพิ่งเลิกงานอาจจะไปช้าหน่อย เวลานี้รถติดดีจังเลยล่ะครับ] มันขึ้นอ่านแต่ไม่ขึ้นตอบ อย่าบอกนะว่าขานคำว่าอืมคนเดียวน่ะ

นี่ต้องเอารถบริษัทกลับเหรอเนี่ยยยย เซ็ง คมสันต์มักจะเลี่ยงการเอารถบริษัทไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนะ แค่เบื่อรถติดอะ ยิ่งเวลาเลิกงานแบบนี้บอกเลยว่าโคตรติด ติดขนาดหลับได้เลยนะบางวันน่ะ โดนเฉพาะศุกร์สิ้นเดือนเนี่ย สุดๆ แล้ว นี่ยังดีที่ไม่ใช่ศุกร์สิ้นเดือน แต่วันศุกร์ก็คือวันศุกร์อยู่ดี

เอาเวฟที่บ้านมาขับดีกว่าม้างงงง

คมสันต์โทรไปบอกแม่ว่าจะไม่กลับไปกินข้าวบ้าน ระหว่างนั้นก็ค่อยๆ กระดื้บรถไปบนท้องถนนที่แทบจะไม่มีที่ว่างให้แม้กระทั่งรถมอเตอร์ไซก์กระดื้บผ่าน โคตรเมื่อยเลย ต้องมาคอยเหยียบครัชอยู่ทุกๆ นาที นี่ถ้าเขาขึ้นรถไฟฟ้านะถึงที่หมายไปนานแล้ว เออ...แล้วทำไมไม่ขึ้นรถไฟฟ้าวะ? อะ...โง่ไปอี้กกกไอ้คมเอ๊ย

ถึงจะหงุดหงิดที่ตัวเองคิดช้าไป ดันไปคิดว่าถ้าต้องไปเพนเฮ้าส์ต้องเอารถไปด้วยทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาก็สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้นี่หว่า แต่ทำไงได้ ตัดสินใจเอารถมาแล้ว คมสันต์ปลงกับความคิดช้าของตนเองแล้วมองหาร้านอาหารตามข้างทางที่ขับผ่าน เอาจริงๆ ตอนนี้ก็หิว มันได้เวลากินข้าวเย็นแล้วด้วย ดังนั้นสิ่งที่คมสันต์มองหาเลยเป็นอาหารที่เขาจะกินได้อิ่มและอลันต้องกินได้ด้วย มันเลยจบด้วยการซื้อสเต็กมากินกับข้าวเหนียว...

เมื่อไปถึงอลันก็ให้เขาบอกชื่อกับพนักงานด้านล่างแล้วเดี๋ยวทางนั้นจะสแกนคีย์การ์ดให้เขาได้ขึ้นไปที่ห้อง ซึ่งพนักงานก็แค่เข้ามาในลิฟต์แล้วสแกน จากนั้นเธอก็ออกไปทิ้งให้เขาอยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง คมสันต์จำได้อยู่ว่าห้องของอลันนั้นอยู่ชั้นค่อนข้างบนๆ แล้วทั้งชั้นนั้นก็เป็นห้องทั้งห้องไม่มีแบ่งซอยเป็นห้องอื่นๆ เลย

แต่คมสันต์คนนี้ไม่เคยได้มองห้องของอลันจริงๆ จังๆ เลยสักครั้งเดียว มาครั้งแรกโดนเหวี่ยงขึ้นโซฟาทั้งที่ห้องยังมืด ล่าสุดก็มาตอนที่จำอะไรแทบไม่ได้แล้ว ถึงจะบอกว่าไอ้เหล้านั่นมันไม่ได้ทำให้ความทรงจำหาย แต่คมสันต์ดันจำแค่อลันน่ะ

ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกคมสันต์ก็ยืนอึ้งไปครู่หนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ห้องนี้เปิดไฟ ห้องของอลันนั้นเพดานอยู่สูงมาก ประมาณคร่าวๆ ก็น่าจะสามจุดห้าเมตรได้มั้ง แล้วมันก็ค่อนข้างโล่งโปร่ง ขวามือของคมสันต์เป็นเหมือนป่าดงดิบในตู้กระจก ข้างในมีต้นไม้ท่อนไม้บ่อน้ำเล็กๆ ที่เป็นของปลอม ซ้ายมือเป็นห้องน้ำ โทนห้องออกขาวเขียวทอง มีเครื่องทองเหลืองประดับประดาเล็กน้อย แต่ต้นไม้ปลอมจะเยอะ หน้าตู้กระจกป่าดงดิบปลอมนั้นเป็นโซฟาตัวแอลขนาดใหญ่ เจ้าโซฟานั้นนั่นแหละสนามรบของทุกรอบที่ผ่านมา

คมสันต์มองอลันที่นั่งเอกขเนกอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ สายตาใต้แว่นคู่นั้นมองออกยังกำแพงกระจกที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงสีจากตึกรามบ้านช่องระยิบระยับแทนดวงดาว แม้ว่าคมสันต์จะเดินเข้ามาใกล้แล้วแต่อลันก็ยังไม่ปลายตามองมา

“คุณอลันครับ” เรียกสักหน่อย เผื่อไม่รู้ตัว

“นั่งสิ” อะ...ก็รู้ตัวหนิหน่า แล้วไมไม่มองเขาเลยหว่า

คมสันต์ยังคงมองไปที่รอบๆ ห้องของอลัน ดูเจ้ากำแพงไม้ที่เลื่อนได้ข้างหลังโซฟานั่น คิดว่ามันคงเป็นประตูแบบเลื่อนได้ แต่คมสันต์ไม่รู้หรอกว่าด้านหลังนั้นมันคืออะไร ตอนนี้คนเด๋อต้องสนใจอลันที่มัวแต่เหม่อ

“มานี่” อลันเรียกให้ไปนั่งใกล้ๆ คมสันต์วางถุงสเต็กบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาแล้วเคลื่อนกายเข้าไปใกล้

“อ๊ะ...” เนี่ย พอใกล้ทีไรก็กระชากเขาทุกที แล้วทุกการกระชากมันต้องตกลงบนตัวอลันตลอดดดด

ทั้งที่ร่างกายของทั้งคู่ก็ไม่ได้มีขนาดที่แตกต่างกันนัก แต่ไม่รู้ทำไมเวลานี้คมสันต์ถึงรู้สึกตัวเล็กลงไปมาก อาจจะเพราะเขานอนทับตัวอลัน ศีรษะอยู่ตรงอกอีกฝ่ายและช่วงตัวทาบตัวก่อนเรียวขาอลันนั้นจะพาดเกี่ยวขาของเขา คมสันต์อยากจะตกใจเวอร์ๆ แบบในนางเอกละครไทยแต่ว่าเมื่อสบตากับอลันในตอนนี้เขากลับไม่ทำแบบนั้น

อลันเชยคางเขาขึ้น ริมฝีปากที่ไม่เคยยิ้มให้เลยแม้แต่ครั้งเดียวเคลื่อนเข้าหา จากนั้นความนุ่มนิ่มก็แผ่กระจายไปบนริมฝีปากของเขา วงแขนอลันโอบรัดร่างกายคมสันต์ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้แผ่นหลัง จากภายนอกก็เลื้อยเข้ามาภายใน ช่วงท้องรับรู้ได้ถึงส่วนนั้นที่ตื่น เล่นแข็งจนดุนดันหน้าท้องเขาไม่หยุด

“เดี๋ยวค่อยกินข้าวนะ” อลันกระซิบริมฝีปาก คมสันต์ก็อยากจะเถียง อยากบอกว่าเขาหิวข้าวมากๆ ทำงานมาเหนื่อยๆ ต้องเติมพลังงานก่อนจะทำศึก แต่อลันกลับสอดใส่ลิ้นเข้ามาแล้วเขาก็ทิ้งเรื่องกินข้าวไป

อลันรุกหนักมากรุกจนคมสันต์ทำได้แค่หอบหายใจแฮกๆ ตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของอลัน ไม่ว่าจะโดนจับถอดเสื้อถอดกางเกง เล่นกับหัวบนหรือหัวล่างคมสันต์ก็ยินยอมไม่ดื้อดึงใดๆ ทั้งสิ้น

โถ่วววมันรู้สึกดีมากนะ ใครกันจะไปหือกับเรื่องอย่างนี้กันได้ลงคอ อีกอย่างต้องยอมรับเลยว่าอลันนั้นช่ำชองในการเล้าโลมเสียจริง อาจจะเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็ได้มันเลยรู้ใจกันไปหมดว่าตรงไหนดีตรงไหนไม่ดี

จากแรกเริ่มด้วยความนุ่มนวลราวกับค่อยๆ ละเลียดกินอาหาร แต่ความหิวเป็นตัวเร่งเร้าให้ยับยั้งชั่งใจกินแบบเชื่องช้าต่อไปไม่ได้ ความมูมมามจึงเกิดขึ้น คมสันต์ตั้งรับกับอลันที่กินเขาอย่างตะกละตะกรามแทบไม่ทัน หลายครั้งถึงกับต้องร้องขอให้เบาลงหน่อยแต่อลันไม่ฟังอะไร แล้วคมสันต์จะทำอะไรได้นอกจากตอบสนองอีกฝ่ายไปให้เท่าเทียมกัน

จากที่คิดว่าจบรอบเดียวจะได้กินมื้อค่ำ ปรากฎว่ามันไม่เป็นแบบนั้น จริงๆ คมสันต์ก็คิดไว้แล้วแหละว่าอลันไม่หยุดง่ายๆ หรอก แต่ไม่คิดจริงๆ ว่าจะไม่ให้พักกินข้าวกินปลากันเสียหน่อยเลย ท้องนี่โครกคราก น้ำย่อยเต็มกระเพาะไปหมดเพราะความหิว

แต่นั่นแหละ...ตราบเท่าที่อลันยังไม่อิ่มคมสันต์ก็ยังไม่ได้กินอยู่ดี

¥__________¥

เสียงโวยวายดังขึ้นในช่วงสายของวันหยุด คมสันต์เอาหมอนขึ้นมาอุดหูเพราะเขาอยากจะนอนต่อ เมื่อคืนนี้เป็นอาหารให้อลันลากยาวเกือบตีสาม กว่าจะได้หลับได้นอนก็ตีสี่ แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามกัน เขาไม่ตื่นหรอกนะ...ไม่อยากตื่นอยากนอนคร้าบบบบ

เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ...เสียงโวยวาย? ที่บ้านเขาเนี่ยนะ?

โอ๊ยไอ้คมมึงลุกเลย! คมสันต์ดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างไว หมอนที่เอามาอุดหูเมื่อกี้ก็บินลงจากเตียงโง่ๆ ของเขาไปกองอยู่ที่พื้น และใช่ เมื่อคืนหลังจากจบจากอลันเขาก็ลากสังขารตัวเองกลับมานอนบ้านนี่แหละ

____[40%]____

น้อนคมทำหน้าที่กับต้าวตะลันเสร็จแน้วก็กลับบ้านมาเป็นเด็กดีของแม่ โถ คนอะไรน่าเอ็นดู~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 9 : 40% [07/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2021 02:16:30
 :katai3:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 9 : 40% [07/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-06-2021 12:29:00
ลากสังขารตัวเองกลับมาบ้านได้ด้วย อึดเว่อร
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 9 : 100% [09/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 09-06-2021 19:45:36
ตอนที่ 9 : คมสันต์กับครรชิต [100%]

“แม่...แม่!” คมสันต์รีบลงมาจากชั้นสองของบ้าน เพราะถ้าบ้านเขามีเสียงโวยวายเกิดขึ้นมันต้องไม่เป็นเรื่องดีแน่

บ้านคมสันต์นั้นมีแค่คมสันต์กับแม่อยู่กันสองคน ถ้าแม่ไม่เปิดทีวีบ้านก็จะไม่มีทางเสียงดังขนาดทำให้เขาตื่น และแม่เองก็รู้ดีด้วยว่าในวันหยุดเขาจะพักผ่อนนานมาก คือตื่นสายนั่นแหละ แม่เลยจะไม่ค่อยกวนให้เขาตื่นจนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเอง

“นั่นไงไอ้คม” พอเขาลงมาถึงด้านล่าง ชายวัยกลางคนก็แสยะยิ้มพร้อมเรียกชื่อของเขา

แม่ยืนอยู่เบื้องหน้าชายคนนั้น สีหน้าแม่ไม่สู้ดีซ้ำยังทำท่าไล่คนคนนั้นให้ออกไป แต่คนคนนั้นกลับไม่สนเสียงโวยวายของแม่เลยแม้แต่นิดเดียว นอนน้อยก็ว่าหงุดหงิดแล้วนะ ดันมาเจอคนนี้ที่บ้านอีก

“สวัสดีครับ” คมสันต์ยกมือไหว้ชายคนนั้นลวกๆ ส่วนแม่ก็เดินเข้ามาลูบแขนของเขา

จากที่ตอนแรกทำท่าเหมือนเดินดูนั่นดูดีอยู่ในบ้านก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขา สายตาของอัลฟ่าไล่มองคมสันต์ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยความดูถูกดูแคลน

“ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าเนี่ย...มันลูกฉัน”

“ผมก็ไม่อยากคิดว่าคุณเป็นพ่อเหมือนกัน” คมสันต์ตอบกลับในทันที ซึ่งทำให้แม่ตกใจมาก แต่คนฟังกลับยิ้มขำ

“ก็ดี ดีมากเลยล่ะ แต่ถึงแบบนั้นฉันก็พ่อแก สำนึกบุญคุณฉันบ้างนะที่ทำให้แกได้เกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้” ช่างกล้าพูด พ่อเชี่ยไรก่อน อยากจะด่าจริงๆ เล้ยยยให้ตาย

“อ๋อใช่สิ ฉันมีบุญคุณต่อพวกแกมากเลยนี่เนอะ นอกจากจะทำให้แกได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วฉันก็ยังให้ที่ซุกหัวนอนกับแกและแม่ด้วยหนิ ต้องทดแทนบุญคุณกันหน่อยแล้วไหม” คนเป็นพ่อเดินเข้ามาใกล้ จ้องหน้าคมสันต์ด้วยสายตาแข็งกร้าว กลิ่นอายคุกคามแผ่กระจายจนทำให้เบต้าอย่างเขาและแม่ต่างก็หวาดผวา

ทว่า...

พลั๊ก!

แม่กลับผลักอกผู้ชายคนนั้นให้ออกห่างจากคมสันต์ มันเป็นความกล้าหารของสาวเบต้าที่พร้อมจะปกป้องลูกชายของตัวเอง แม้ว่ามันจะส่งผลเสียต่อตัวเองแต่เธอก็ไม่กลัว

“มันไม่เกี่ยวกันเสียหน่อย คุณไม่มีสิทธิ์มาทวงบุญคุณอะไรกับตาคมทั้งนั้น”

“น้ำหน้าอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน!” คนเป็นพ่อตะคอกใส่ นั่นมันทำให้แม่ของคมสันต์ถึงกับตัวสั่นเทาเพราะยังไงซะแม่ก็ยังเป็นแค่เบต้าที่ไม่สามารถต่อต้านแรงกดดันจากอัลฟ่าได้

“ฉันไม่ได้สั่งคุณ ฉันแค่ย้ำให้คุณรู้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวตาคมทั้งนั้น”

“แต่เลือดมันก็เลือดฉัน”

“แต่เขาเป็นลูกฉัน” แม้จะหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ แต่ความเป็นแม่มันอยู่เหนือกว่า เธอยืนหยัดต่อหน้าอัลฟ่าด้วยใจที่ไม่หวาดกลัวต่ออัลฟ่าเลย

คมสันต์มองแผ่นหลังของแม่ด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวในใจ มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกเมื่อต้องเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ มายืนปกป้องตัวเองที่ตัวใหญ่กว่าเธอเสียด้วยซ้ำ คมสันต์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของแม่ ดึงแม่ให้มาอยู่ข้างหลังของตนเอง

แม่ปกป้องเขามามากแล้ว ตอนนี้เขาโตเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาก็จะเป็นผู้ชายที่คอยปกป้องแม่บ้าง ถึงอีกฝ่ายจะเป็นทั้งพ่อและเป็นอัลฟ่าที่เหนือกว่าเบต้าอย่างเขา แต่เขาก็ไม่หวั่นหรอกนะ

“คุณครรชิตมาที่นี่มีอะไรครับ”

“หึ...แกจำฉันได้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วสินะ เสียดายที่กว่าฉันจะนึกออกว่าแกเป็นใครก็ใช้เวลาไปนานหลายชั่วโมงเลย อย่างว่า ลูกนอกคอกแบบแกมันไม่ได้อยู่เสี้ยวสมองฉัน” พล่ามเพื่อ? พล่ามทำไม...พล่ามแล้วหล่อมากมั้ง คมสันต์ละไม่อยากให้เกียรติคนตรงหน้าเลยจริงๆ

“ครับ” แล้วไงต่อ คมสันต์มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ ซึ่งทางนั้นก็พยายามใช้กลิ่นอายกดดันเขา แต่เขาก็ยังนิ่ง

พอตั้งสติดีๆ แล้วคมสันต์ก็รู้สึกว่ากลิ่นอายอัลฟ่าของพ่อเขานั้นมันไม่ได้เข้มข้นรุนแรงอะไรเลย ถึงจะเหนือกว่าอัลฟ่าที่เป็นลูกน้องที่ทำงานแต่ก็เทียบกับอลันไม่ได้ คนที่ทนอยู่กับอลันยามอลันปล่อยกลิ่นคุกคามได้คงไม่เป็นอะไรง่ายๆ กับความกดดันแค่นี้

“ไม่คิดจะทักทายฉันเหรอตอนที่เห็นหน้าฉัน”

“ผมก็ทักทายแล้ว”

“เหรอ ฉันไม่เห็นว่าแกจะทำแบบนั้นเลยนี่ไอ้คม”

“ทักทายในฐานะลูกค้าไงครับ” ถูกไหม มาเจอกันในฐานะลูกค้าก็ต้องทักทาย มีใครที่ไหนไม่ทักทายลูกค้าตัวเองบ้างบ้าหรือเปล่า อย่าวางอำนาจในรูปแบบที่ดูสิ้นคิดทีเถอะ เอียนวะ คมสันต์ใช้ความสามารถพิเศษในการซ่อนสีหน้าที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ภายใต้ความนิ่งเฉย

เพี้ยะ!!!

“กรี๊ดดดด”

จู่ๆ ใบหน้าของคมสันต์ก็โดนตบอย่างแรงจนถึงกับเซ กลิ่นคาวของเลือดคลุ้งไปทั่วโพรงปาก แก้มซ้ายชาแสบร้อนวูบวาบ บอกตรงๆ คมสันต์เหวอไปเหมือนกันเพราะมันไวมากไม่ทันตั้งตัว แถมไม่คิดด้วยว่าครรชิตจะตบหน้าเขาแบบนี้ คนเป็นแม่กรีดร้องตกใจแล้วก็เตรียมพุ่งตัวไปผลักครรชิตแต่คมสันต์กันแม่ไว้แล้วยืนจ้องหน้ากับครรชิตในระยะห่างกันแค่คืบเดียว

“แม่แกมันไม่สั่งไม่สอนเหรอว่าต้องทำตัวยังไงกับพ่อของมัน หรือแม่แกเอาเวลาไปอ่อยอัลฟ่าคนอื่นอยู่ลูกมันถึงไม่มีมารยาทมายืนจ้องหน้าจ้องตาพ่อมันแบบนี้!!!” ครรชิตตะคอกใส่หน้าคมสันต์เสียงดังกังวาล แม้กระทั่งแม่ที่ว่ากล้าหารยังตัวสั่นอยู่ข้างหลัง แต่คมกลับโกรธแทนที่จะกลัว

ครรชิตง้างมือหมายตบหน้าคมสันต์อีกฉาดใหญ่เพราะสายตาอวดดีของลูกนอกคอก แต่เมื่อฟาดมือลงไปก็โดนคมสันต์คว้าจับเอาไว้มั่น ถึงเป็นเบต้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมจำนนต่ออัลฟ่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อคนนี้ คมสันต์ฝืนต่อสัญชาตญาณตนเองแล้วจ้องหน้ากับอีกฝ่ายนิ่งงัน เห็นได้ชัดเลยว่าทางนั้นกัดฟันกรอดจนสันกรามขึ้นรอยนูน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

“พูดธุระของคุณมาดีกว่าครับคุณครรชิต” คมสันต์นิ่งแบบที่ไม่ค่อยนิ่ง ท่าทางแบบนี้ของเขามีเฉพาะตอนที่เขาไม่พอใจเท่านั้นแหละ

“หึ! ได้สิ” ครรชิตกระชากมือตัวเองออกจากการเกาะกุม สายตาอาฆาตที่ไม่สามารถกำราบให้คมสันต์ยอมจำนนต่อตนเองได้แบบที่คิดเอาไว้

“...” คมสันต์รอฟัง อยากรู้จริงๆ ว่าอะไรทำให้ชายที่ละทิ้งตนและแม่ไปถึงได้หวนกลับมาที่นี่อีกครั้งในรอบสิบปี

“ฉันต้องการให้แกหาทางให้น้องสาวแกได้ใกล้ชิดกับคุณอลัน” ฮะ? เรื่องเชี่ยอะไรเนี่ย? คมสันต์ได้ฟังสิ่งที่พ่อพูดถึงกับงงไม่เข้าใจ น้องสาวอันนี้ก็พอเข้าใจได้แต่กับคุณอลันเนี่ยนะ?

“ไม่คิดเหรอว่า...น้องสาวของแกควรมีอนาคตที่ดีกับอัลฟ่าระดับสูงอย่างอลัน จริงๆ การที่ฉันเลือกบริษัทแกในการผลิตยานั้นก็เพราะอยากให้คะนิ้งได้ใกล้ชิดกับอลัน ตอนแรกคิดว่าต้องใช้เวลาสักหน่อยแต่พอได้เห็นแกกับอลันที่งานเมื่อวันก่อนแล้ว ฉันว่าแกน่าจะทำให้น้องสาวของแกประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นนะ” ฉิบหายจริงๆ คมสันต์ไม่รู้เลยว่าในงานสังสรรค์วันนั้นจะมีพ่อเขาอยู่ในงานด้วย ตามติดแต่กับอลันตลอดไม่ได้สนใจรอบด้านเลยไม่เห็น หรือที่จริงแล้วครรชิตก็แค่ไม่โพล่มาให้เขาเห็นเพื่อสังเกตการณ์

การจับคู่ลูกอัลฟ่ากับอัลฟ่าระดับสูงกว่านั้นเป็นเรื่องปกติของสังคมนี้ ยิ่งอัลฟ่ามีการเกิดน้อยก็ยิ่งอยากรักษาสายเลือดอัลฟ่าแท้เอาไว้โดยลืมคำนึงไปว่าอัลฟ่าสายเลือดแท้ที่มีคุณภาพจริงๆ จะเกิดกับอัลฟ่าและโอเมก้าเท่านั้น แต่ก็นะ บางจำพวกที่รักความเป็นอัลฟ่าของตัวเองก็ผยองพองขนว่าจะไม่คู่กับชนชั้นที่ต่ำกว่า ครรชิตเองก็เป็นเช่นนั้น

แต่ว่า...มันไม่ดูขายลูกตัวเองไปหน่อยเหรอวะ?

“ผมทำไม่ได้” อยากบอกว่าที่ทำไม่ได้เพราะเขาไม่สิทธิ์อะไรกับอลัน แล้วระดับของเขากับอลันมันก็ต่างชั้นกันเกินไป

“ดูจากวันนั้นไม่มีทางที่จะทำไม่ได้มั้ง อย่างน้อยก็ใช้ความเป็นผู้ช่วยส่วนตัวพาอลันไปเจอกับน้องสาวแกก็ได้นี่ เรื่องง่ายๆ แค่นี้เบต้าอย่างแกไม่น่าโง่คิดไม่ได้นะ เอ๊ะ...หรือความโง่มันเป็นกรรมพันธุ์จากแม่แก” อะไรก็ลามปามแม่ ไม่ติดว่าจะมีปัญหาคงได้ต่อยปากสักที ถึงแก่ก็ไม่กลัวหรอกนะเอาจริง

“ผมไม่รับปาก”

“ก็ได้ แกจะไม่รับปากหรือแกจะไม่ทำก็ไม่เป็นไร เพราะคนที่จะเป็นมันคือ...” ครรชิตเคลื่อนหน้าเข้าใกล้ จงใจกระซิบเสียงเบาข้างใบหูคมสันต์ “แม่แก”

“คุณ!”

“รู้นะว่าฉันเอาจริง” คมสันต์กลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เอาจริงในเรื่องความต้องการของตัวเองเสมอ

“ครับ”สุดท้ายก็ทำได้แค่กัดฟันรับคำไป

“ดี แล้วฉันจะติดต่อมา” ว่าแล้วครรชิตก็เดินเชิ่ดหน้าออกไปด้วยรอยยิ้มหยัน ผิดกับคมสันต์ทียืนกำหมัดแน่นอยู่กับที่ไม่ไหวติง

คมสันต์เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีรักโลภโกรธหลง แล้วเรื่องนี้ก็ทำเขาโกรธใช้ได้เลยล่ะ เวลาที่โกรธคมสันต์มักจะเงียบแล้วก็จะนิ่งกว่าปกติ แม้กระทั่งคนเป็นแม่ก็ยังหวั่นเวลาลูกชายคนนี้โกรธขึ้นมา คมสันต์มีแต่ความชิงชังอยู่ในความรู้สึก เขาเกลียดผู้ชายคนนั้นจริงๆ เกลียดทุกอย่างที่เป็นผู้ชายคนนั้นเลย

ผู้ชายที่ทิ้งแม่กับเขาไปเพียงเพราะเขาไม่ใช่อัลฟ่า!

พ่อในความทรงจำของเขานั้นไม่ใช่พ่อที่มีเวลาให้กับที่บ้านสักเท่าไหร่ พ่อมักจะติดงาน กลับบ้านดึกหรือบางทีก็จะไม่กลับบ้านซึ่งเขาก็เข้าใจและเป็นเด็กดี คมสันต์จำได้ว่าพ่อมักจะพูดเสมอว่าเขาต้องเป็นอัลฟ่าที่ดีแน่ๆ เนื่องด้วยการเรียนของเขานั้นดีเด่นกว่าใครๆ ในห้อง คมสันต์ภูมิใจในตัวเองสุดๆ เลย

เด็กน้อยในวันนั้นตั้งใจเรียนเพื่อจะได้รับคำชมจากพ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ และเมื่อเขามีผลการเรียนดีๆ ไปให้พ่อจะยิ้มแล้วก็ชมเขา จากนั้นจะพาเขาไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ทั้งพ่อและแม่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เจ้าคมสันต์ตัวน้อยถูกจูงมือด้วยคนที่เขารักทั้งสองคนจากสองฝั่งซ้ายขวา

ต้องยอมรับว่าถึงพ่อจะไม่มีเวลาแต่ช่วงเวลานั้นพ่อก็เป็นพ่อที่ดี ที่ทำหน้าที่ของตัวเองแบบเต็มที่ที่สุดแล้ว คมสันต์ภูมิใจในตัวพ่อมากๆ ถึงขั้นอวดพ่อตัวเองเป็นตุเป็นตะว่าพ่อเขานั้นเป็นอัลฟ่าที่เท่มากๆ เท่แบบไม่มีใครเปรียบได้เลย ก็มีทั้งคนที่ชอบและคนหมั่นไส้เป็นเรื่องปกติ แต่คมสันต์ในวัยนั้นไม่ได้คิดอะไร

ชีวิตอันปกติสุขของเด็กน้อยคมสันต์ดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เขาเฝ้ารอและมันก็ตื่นเต้นมากๆ มันคือวันที่เขาจะรู้ว่าตัวเองจะเป็นเพศไหนในวัยสิบสองปี คมสันต์เชื่อมั่นมาตลอดเลยว่ายังไงเขาก็ต้องเป็นอัลฟ่าเหมือนพ่อแน่ๆ ตามประสาเด็กชายที่มีพ่อเป็นฮีโร่ในดวงใจ

ทว่า...ผลมันไม่เป็นเช่นนั้น

คมสันต์เห็นกระดาษรายงานผลการตรวจเพศของตัวเอง จังหวะนั้นเขาสตั้นไปนาน ถึงกับยืนนิ่งอยู่ข้างโต๊ะด้วยตั้งความหวังเอาไว้สูงไม่ใช่น้อย สิ่งที่คมสันต์กลัวคือพ่อจะผิดหวังในตัวเขา เพราะพ่อบอกว่าเขาต้องเป็นอัลฟ่าแน่ๆ พ่อเชื่อมั่นแบบนั้นแต่ในความเป็นจริงคมสันต์คนนี้ก็เป็นเพียง

...เบต้า

คมสันต์จำได้ว่าวันนั้นพ่อกลับบ้านเร็ว พอถึงบ้านเขาก็เห็นว่าพ่อกำลังนั่งดื่มกาแฟพูดคุยกับแม่ในเรื่องผลของเขา ดูสีหน้าพวกท่านที่มีความสุขแล้วเขาก็ปวดร้าวในใจ คมสันต์ถือใบรับรองเข้าไปหา เดินก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตากับใครเลย แม้ว่าตรงนี้จะมีแค่แม่กับพ่อของเขาเท่านั้น

และเมื่อยืนเอกสารให้พ่อแล้ว พ่อก็นิ่ง คมสันต์ยังไม่กล้ามองหน้าพ่อแต่คาดหวังว่าพ่อจะปลอบเขาว่าไม่เป็นอะไรหรอก เป็นเบต้าแต่หนูก็เป็นลูกพ่ออะไรแบบนั้น ความคิดของคมสันต์นั้นมันช่างสวนทางกับความเป็นจริง เมื่อพ่อวางเอกสารนั้นลงกับโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินหนีไป คมสันต์น้ำตาไหลพราก ยืนก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนแม่ต้องเข้ามาสวมกอดเขาไว้

แม่บอกว่าพ่อคงช็อกเพราะพ่อเชื่อว่าลูกเป็นอัลฟ่า พ่ออาจจะต้องการเวลาในการทำใจในเรื่องนี้ ให้เวลาพ่อสักนิดแล้วมันก็จะดีขึ้น เด็กน้อยถามย้ำกับแม่ว่าจริงนะ จริงๆ นะ พ่อจะดีขึ้นแล้วกลับมากอดเขาใช่ไหม แม่ย้ำให้เขามั่นใจแล้วก็พาเขาไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าว

พ่อหายไปนานมาก เกือบอาทิตย์ ใจของเด็กน้อยมันห่อเหี่ยวลงทุกวัน ทุกวัน คมสันต์มารอหน้าบ้านเพื่อจะเจอพ่อ อย่างน้อยก็อยากขอโทษที่ไม่เป็นอย่างที่พ่อหวัง แต่พ่อก็ไม่เคยโผล่มาให้เห็น หลายครั้งคมสันต์ร้องไห้จนหลับไปตรงหน้าบ้าน แม่ก็ต้องมาปลุกให้เข้าไปนอนเพราะอุ้มเขาไม่ไหวอีกต่อไป

จนแล้วจนรอด เมื่อพ่อกลับมา...พ่อกลับมาทะเลาะกับแม่แล้วก็หย่ากับแม่ด้วยเหตุผลที่ว่าคมสันต์ไม่ใช่อัลฟ่า วันนั้นคมสันต์อยู่ด้วย เขาอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่ตั้งใจ แค่รีบมาหาเพราะคิดถึงพ่อ อยากกอดพ่อเหมือนวันวาน แต่พ่อก็ผลักเขา ไล่เขาอย่างกับเขาไม่ใช่ลูกแล้วพ่อก็ลากแม่ไปคุยด้วยกันสองต่อสอง ล็อกห้องไม่ให้คมสันต์เข้าไปแต่คมสันต์ยืนเกาะประตูหน้าห้อง เขาได้ยินเสียงแม่...เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและเสียงตะคอกอันแข็งกร้าวของพ่อ

“ฉันจะไปอยู่กับครอบครัวของฉัน เซ็นใบหย่านี่ซะแล้วฉันจะยกบ้านนี้ให้” คมสันต์ไม่เข้าใจเลย ครอบครัวของพ่อมันก็คือพวกเขาไม่ใช่เหรอ เขากับแม่ไม่ใช่ครอบครัวของพ่อเหรอ

เด็กน้อยมีแต่คำถาม แล้วคำถามนั้นแม่ก็ถามพ่อเช่นกัน คนเป็นพ่อหัวเราะแล้วบอกว่าทั้งแม่และเขาโง่ พ่อมีอีกครอบครัวและลูกสาววัยห้าขวบของพ่อก็กำลังน่ารัก เด็กคนนั้นเกิดจากพ่อที่เป็นอัลฟ่าและแม่ที่เป็นอัลฟ่า ยังไงก็ต้องเป็นอัลฟ่า ไม่เหมือนกับคมสันต์ที่เกิดจากแม่ที่เป็นเบต้าก็เลยเป็นเบต้าแบบนี้

คมสันต์รู้ความจริงแบบนั้นถึงกับใจสลาย เด็กน้อยที่รักและเทิดทูลพ่อตัวเองกลายเป็นเหมือนตัวร้ายในการ์ตูนที่เขาดู แต่มันดันเจ็บปวดกว่าการ์ตูนเพราะคนร้ายคนนั้นมันคือพ่อที่เขารัก และที่ทำให้เจ็บเป็นทวีคือเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของแม่ที่อยู่ในนั้น คมสันต์รู้เลยว่าคนที่ใจสลายยิ่งกว่าเขาก็คือแม่นั่นเอง

หลังจากวันนั้นพ่อก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีก...และคมสันต์ก็เลิกคิดว่าคนคนนั้นคือพ่อเช่นกัน

____[100%]____

ค่ะ คุณครรชิตเขาเป็นพ่อน้อน เป็นพ่อที่น้อนไม่นับเป็นพ่อ แง โอ๋ๆ เจ้าน้อนตอนเด็ก~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 9 : 100% [09/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 09-06-2021 22:25:40
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 9 : 100% [09/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-06-2021 01:10:44
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 19 : 40% [15/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 15-06-2021 20:57:04
ตอนที่ 10 : คมสันต์กับคะนิ้ง [40%]

ช่างเป็นวันหยุดธรรมดาที่ระดับความเครียดไม่ธรรมดา ถึงกับต้องไปนั่งก๊งอยู่กับแม่ในช่วงเย็นกันเลยทีเดียวสำหรับคมสันต์ แต่แม่ได้ก๊งด้วยหรอกนะ แค่นั่งคุยกันตามประสาแม่ลูก ซึ่งแม่ก็ถามๆ เรื่องคุณอลันอะไรนั่นแหละว่าเขาเป็นใครทำไมครรชิตถึงต้องมาให้เขาจับคู่กับให้กับลูกสาวอัลฟ่าของตัวเองด้วย คมสันต์เล่าในส่วนที่เล่าได้ ไอ้ส่วนที่โดนจับกินนั้นไม่ได้พูดออกไปเพราะด้วยแม่จะยกแก้วเขาซดเพื่อย้อมใจเสียก่อน

วันจันทร์คมสันต์มาทำงานด้วยสภาพที่จะเรียกว่าโทรมก็ไม่ใช่ จะว่าสดใสก็ไม่เชิง เป็นแบบก่ำกึ่งเหมือนน้ำกร่อยที่มันไม่อร่อยแน่ๆ อะไรทำนองนั้น แต่คมสันต์ก็ยังคงแจกยิ้มเรี่ยราดตามประสาเบต้าอัธยาศัยดี การเป็นคนดีต่อหน้าคนอื่นมันก็จะเหนื่อยๆ อะนะ

น้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นวันนี้จัดแบบหวานพิเศษใส่น้ำตาลหลายช้อน เพื่อให้น้ำตาลได้เข้าสู่กระแสเลือดแล้วจะทำให้อารมณ์ดี ซ้ำยังมีช็อกโกแลตแบบหวานมากอีกสองบาร์ เป็นไง เตรียมความพร้อมรับความเครียดขั้นสุด ระดับนี้แล้ว...มีเรื่องแค่ไหนคมสันต์ก็ยิ้มได้ครับ!

คมสันต์ประจำที่โต๊ะทำงานของตัวเอง งานเมื่อวันก่อนนั้นยังคาอยู่บนโต๊ะไม่เคลื่อนที่ไปไหนทั้งนั้น แหงล่ะ ขืนมันขยับได้เองนี่มีเรื่องแน่ๆ เอกสารแต่ละอย่างสำคัญทั้งนั้น หายขึ้นมาละวายป่วงสุดๆ ละพอนั่งที่ได้ ดูดน้ำอึกใหญ่สองสามอึกพร้อมหยิบมือถือมาเสียบหูฟัง เปิดคลิปที่ตัวเองชอบแล้วก็เริ่มทำงานอย่างไม่ให้เวลานั้นเสียเปล่า

แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้ดวงมันตกหรืออย่างไร ความสงบสุขนี่มันอยู่ได้ไม่นานเลยจริงๆ นอกจากอลันจะคอยหิวแล้วบุคคลที่มีนามว่าครรชิตก็เข้ามามีบทบาทในชีวิตอันธรรมดาของเขาไปอีกคน และข้อความที่มาจากครรชิตนี่แหละที่เพิ่มความยุ่งยากให้กับชีวิตของคมสันต์

[ครรชิต : เที่ยงนี้พาอลันไปที่ร้าน xxx โต๊ะที่อยู่โซนด้านในที่เป็นส่วนตัว จะมีหญิงสาวใส่ชุดเดรสลูกไม้สีชมพูนั่งอยู่ แกก็ทำทีเป็นทักทายซะ เธอชื่อคะนิ้งเป็นลูกสาวฉัน ที่เหลือแกคงดีรู้ดีนะว่าต้องทำยังไง] ตอบว่าไม่รู้ได้ปะล่ะ แบบว่า...พอดีเป็นเบต้าหน้าโง่อะ ฮึ้ยยยอ่านแล้วก็หงิด

[ครรชิต : ส่งรูป] คมสันต์เผลอกำมือถือตัวเองแน่นจนมันแทบจะหักคามือให้ได้เสียตังซื้อเครื่องใหม่ เมื่อภาพที่ครรชิตส่งมามันคือภาพบ้านเขาและผู้ชายใส่ชุดสีดำสามสี่คนเดินวนบริเวณบ้าน!

[คมสันต์ : ครับ] แล้วทำไงได้ เล่นเอาคนไปคุมที่บ้านขนาดนี้จะทำอะไรได้!!!

ก็รู้อยู่นะว่าครรชิตน่ะเป็นพวกที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ เหมือนที่อยากได้ลูกเป็นอัลฟ่าต่อให้ต้องคบซ้อนมีสองครอบครัวแต่เพื่อลูกสายเลือดอัลฟ่าคนแบบนี้มันก็ทำได้ แต่อันนี้มันเกินไปไหม เอาชายหนุ่มสี่คนไปล้อมบ้านที่มีแค่ผู้หญิงเบต้าตัวเล็กๆ ไม่มีทางสู้เนี่ยนะ โหย...มันเห้เกินไปปะ ว่ากันตามตรงเลยแม่งไม่มีความลูกผู้ชายเลย ไม่มีแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของความเป็นอัลฟ่าสักนิด ชั่วฉิบหาย ไม่อยากจะคิดเลยว่าไอ้เลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายนี้มันคือเลือดของผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้!

“เอ่อ...ขอโทษนะคะ” เสียงเรียกจากหญิงสาวกระชากคมสันต์ให้หลุดจากภวังค์ เขาปั้นยิ้มในทันทีแม้ว่าในใจจะคุกกรุ่นด้วยความโกรธก็ตาม

“ครับ...” อาจจะดีก็ได้ที่มีคนเข้าถามเรื่องงานก่อนที่เขาจะกำมือถือให้หักคามือ

คมสันต์เร่งงานตัวหนึ่งให้หญิงสาวที่ต้องออกไปงานนอกช่วงสายของวันนี้ ตอนแรกก็ทำไปหงุดหงิดไปนั่นแหละ แต่งานมันผิดเยอะก็เลยต้องตั้งสติแล้วทำงานให้ดีจะได้ไม่ต้องการซ้ำซาก แบบนั้นมันจะยิ่งเสียเวลามากขึ้นไปอีก

พองานตัวนี้เสร็จก็ตามมาติดๆ ด้วยอีกสองงานจากคนละเจ้า ต้องเรียกว่าคมสันต์ลากงานยาวจนถึงสิบเอ็ดโมงห้าสิบเลยทีเดียว พอวางปากกาได้ก็โทรไปหาอลัน ขี้เกียจส่งข้อความด้วยทางนั้นไม่ค่อยตอบ การโทรเป็นการติดต่อที่ดีที่สุดและคิดออกได้ง่ายในเวลานี้ อลันรับสายดั่งคาด แล้วอลันก็ยังอยู่ห้องทำงานไม่ได้ไปไหน

คมสันต์ตรงดิ่งไปหาอลันที่ห้องทำงาน เลขาคนสวยของอลันกำลังเก็บของเพื่อลงไปกินมื้อเที่ยง เจอหน้าก็ทักทายกันนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาเห็นหน้ากันมาพักหนึ่ง ดีที่แค่เห็นหน้าไม่ได้เห็นเนื้อหนังแบบท่านประธานเห็นนะ เลขาอลันบอกให้เข้าไปหาได้เลย คมสันต์เป็นคนเชื่อฟังคนอื่นอยู่แล้ว บอกเขาไปได้ก็เข้าไปเลย

“ขออนุญาตครับ” มันเป็นภาพเดิมๆ ที่เห็นอลันอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ถือปากกาก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าตัวเองไม่หยุด ขนาดว่าเขามาแล้วอลันยังไม่เงยหน้ามองเลย

“มีอะไร” อลันถามสั้นๆ

“เอ่อ...” บอกว่าไงดีอะ รู้นะว่าต้องทำอะไรแต่มันอึดอัดใจที่จะพูดอะ ยิ่งเห็นอลันหมกมุ่นอยู่กับงานยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ไอ้สิ่งที่เขาจะทำเนี่ยแม่งก็ดูเป็นการหลอกลวงอลันไปเลย

“...” คราวนี้อลันเงยหน้ามอง เท้าคางกับปลายปากกาเพื่อดูคนที่มาหาแต่ไม่พูดอะไร

“คือ...” โดนจ้องก็ยิ่งเลิ่กลั่ก คมสันต์เอามือกุมต่ำไม่กล้าสบตากับอลัน “ผมจะมาชวนไปกินมื้อเที่ยงครับ”

“ฮะ?” แปลกประหลาดอยู่แล้ว ปกติแค่ถามว่ากินอะไรไหมจะซื้อมาให้เฉยๆ หรือไม่ก็ไปกินปิ่นโตด้วยที่ห้องทำงานคมสันต์ แล้วนี่อะไร มาชวนกินข้าวเนี่ยนะ

“แฮ่ๆ คุณอย่าฮะแบบนั้นสิ ผมเขินนะเนี่ย” ไม่เขินแต่เลิ่กลั่กสุดอะไรสุด ดูแววตาราบเรียบของอลันก็รู้ว่าอลันแปลกใจกับคำชวนของเขา

“ชวนไปกินปิ่นโต”

“เปล่าครับ ไม่ใช่ ผมจะชวนไปกินที่ร้าน...” คมสันต์บอกชื่อร้านเสร็จ คิ้วอลันก็ขมวดมุ่นทันที

“ไม่ล่ะ” อาจจะเพราะว่ามันแปลกก็ได้อลันเลยปฏิเสธ

“ทำไมล่ะครับ”

“ปิ่นโตล่ะ”

“ผมไม่ได้เอามา” โกหกตกนรกแน่ๆ แต่เอาจริงๆ ที่มานี่ก็มาเพื่อโกหก อย่างนั้นตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่คมเอ้ยยย

“...” คราวนี้อลันลดมือลง วางปากกาแต่สายตามองคมสันต์แทบตาไม่กระพริบ ทำเอาคมสันต์ร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก เหมือนอีกฝ่ายจะรู้แต่ก็เหมือนแค่สงสัยในความแปลกประหลาดของเขา

“ไปกินด้วยกันนะครับ ผมอยากไปกินร้านนี้แต่ผมไม่เคยไป อ้อ แต่ว่าเขาบอกว่าสเต็กปลาแซลมอนอร่อยมากๆ เลยนะครับ มีซอสราดหลายแบบเลยนะครับ” มันตลกแน่ๆ ที่เอาของกินมาล่ออลัน อลันเนี่ยนะ...อลันเลยนะเฮ้ยยย

“ไม่ได้สนใจ” อ่า...หมายถึงไม่ได้สนใจซอสราดหรือไม่ได้สนใจสเต็กปลาวะ ทำไมพูดสั้นพูดง่ายพูดไม่เข้าใจ แต่ช่างเถอะ

“ไปนะครับ น้า...คุณอลัน” อ้อนล่ะ อ้อนก็ได้ พลีสสสส ไปเถอะ ถ้าไม่ไปนี่ซวยแน่เลย

อลันจ้องมองคมสันต์อย่างพินิจพิเคราะห์ แต่เห็นคมสันต์ทำตาอ้อนก็ใจอ่อนยอมตอบตกลงโดยการพยักหน้าแล้วยืนขึ้น สีหน้าคมสันต์ดีขึ้นที่เห็นว่าอลันเอาสูทมาสวมแล้วติดกระดุม

ทว่า...ขณะที่อลันยอมคมสันต์ก็เจอกับความรู้สึกผิดถาโถมราวกับคลื่นยักษ์ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ อลันยอมเขาเพราะอะไรเขาไม่รู้หรอก แต่อลันก็ยอมแล้ว การที่รู้ทั้งรู้ว่ากำลังทำในสิ่งที่ผิดเนี่ยมันโคตรแย่เลย คมสันต์มองแผ่นหลังของอลันที่เดินนำหน้าไป ทุกย่างเก้ามันหนักอึ้งเต็มไปด้วยความกดดันและความรู้สึกผิด เขากำลังหลอกอลัน...เขาหลอกอลันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง

โคตรแย่เลยไอ้คม มึงมันโคตรแย่!

คมสันต์ด่าทอตัวเองในใจขณะที่เดินตามอลันไปยังชั้นจอดรถ เมื่ออลันหันหน้ามาส่งกุญแจให้คมสันต์ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแล้วขึ้นไปประจำที่คนขับ เขารู้หน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดี ถ้าอลันมาด้วย คนขับรถมันคือเขา ส่วนอลันจะนั่งพักสายตาอยู่ข้างๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย และตลอดเวลาที่ขับรถนั้นอลันก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนอลันจะงีบไปเสียด้วยซ้ำ

ยิ่งหันไปมองหน้าอลันที่อ่อนเพลียจากการทำงานก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี อยากจับมืออลันแล้วไว้แล้วเอ่ยขอโทษชมัด แต่เวลานี้มันต้องเลือกแหละว่าจะเอาอะไร ระหว่างแม่กับอลัน คมสันต์กล้าพูดอย่างไม่อายปากเลยนะว่าในสถานการณ์นี้เขาเลือกแม่ อย่างน้อยก็ไม่ได้พาอลันไปมอมยา คิดเสียว่าอลันไปดูตัวแล้วกัน แม้ไม่ใช่วิธีที่ถูกแต่คงไม่เป็นอะไรมากนัก

ร้านที่ครรชิตส่งโลเคชั่นมาให้นั้นจัดเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดหรูใจกลางเมือง อยู่บนชั้นยี่สิบสองในโรมแรมกลางกรุง เมื่อคมสันต์ไปถึงก็บอกกับพนักงานว่าตนจะไปร้านอาหารนี้ๆ เขาก็กดลิฟต์ให้ แล้วพนักงานเองก็ดูเกรงกลัวต่ออลันที่ปล่อยกลิ่นคุกคามเบาๆ อยู่ตลอดเวลา

เพียงไม่นานก็มาถึงร้านอาหารหรู มีพนักงานของร้านเดินเข้ามาทัก ถามว่ามากี่คนอะไรทำนองนั้น จัดหวะนี้แหละคมสันต์เลิ่กลั่กขึ้นอีกครั้ง เอาอึกอักไม่รู้จะพูดอย่างไรดี กลัวว่าเธอจะพาเขาไปยังโต๊ะสำหรับสองท่านทั้งที่เขาต้องไปยังโต๊ะที่น้องสาวต่างแม่อยู่ แล้วจะไปบอกตรงๆ มันก็ดูโจ้งแจ้งไป คมสันต์เหลือบมองอลัน...ดูท่าทีว่าอลันสนใจเขาอยู่ไหม ซึ่งอลันไม่ได้สนแค่มองดูร้านด้วยสายตาเย็นชา คมสันต์ใช้จังหวะนี้แอบบอกพนักงานว่านัดเพื่อนไว้จะเซอร์ไพรส์คนข้างๆ พนักงานพยักหน้ารับเข้าใจ

คมสันต์เดินนำเข้าไปด้านใน อลันเดินตาม สายตาเรียบนิ่งไร้อารมณ์จ้องแผ่นหลังชื้นเหงื่อของคมสันต์ คนโดนจ้องใช่ว่าไม่รู้ตัว ร้อนๆ หนาวๆ ขนาดนี้ไม่รู้ก็บ้าแล้วล่ะ คมสันต์คิดว่าอลันคงรู้สึกถึงความผิดปกติอะไรแน่ๆ เลย โถ่...เขาไม่ใช่คนที่จะมาเข้าร้านอะไรแบบนี้อยู่แล้วด้วยหนิ

“เบื่อข้าวขาหมูแล้วหรือไง” จู่ๆ อลันก็พูดขึ้นมาขณะเดินตามหลังเขา อีกไม่กี่โต๊ะก็จะถึงที่หมายแล้ว คมสันต์ชะเง้อชะแง้ดูโต๊ะที่มีหญิงสาววัยยี่สิบในชุดเกรสลูกไม้สีชมพู

“อยากลองอะไรใหม่ๆ บ้างน่ะครับ แต่ผมก็พอจะรู้นะว่ามันไม่ใหม่สำหรับคุณอลันแน่ๆ ดีไม่ดีคุณอลันจะเบื่อแล้วซะมากกว่าใช่ไหมครับ” คมสันต์มองหน้าอลันยิ้มๆ

“อืม”

“แฮ่ๆ งั้นผมว่าผมรบกวนให้คุณอลันแนะนำผมดีไหม อันไหนน่าสนใจหรืออันไหนอร่อย ผมน่ะไม่คุ้นเคยกับอาหารประเถทนี้”

“คุ้นแต่ขาหมู” แหนะ...อะไรก็ขาหมู ใช่สิ เขามันชอบขาหมูหนิ คมสันต์เบะปากน้อยๆ แล้วก็ยิ้มขำ มันเป็นรอยยิ้มขำแรกของวันนี้เลย อลันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้จากการแซวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

“...อ่าวคุณคะนิ้ง” แต่ขณะที่มีความสุขเพียงเสี้ยวนาที คมสันต์ก็เจอโต๊ะที่ว่า

____[40%]____

ตอนนี้น้อนคมเราจะน่าสงสารหรือน่าตีดีนะ หลอกคุณตะลันไปแบบนี้นี่อันตรายนะเนี่ยยย

ขอขายของหน่อยค่าาา เป็นนิยายแนวน่ารักๆ ฟิวกู๊ดที่เปิดพรีนะคะ อุดหนุนเค้าได้ เค้าจิได้มีค่าขนมและคอมมิชั่นนนน

Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์
สั่งซื้อได้ที่ 
เทพช๊อป // https://bit.ly/2OUrk08 
inbox เพจ // https://bit.ly/37av9Jl 

 ทดลองอ่าน 
 RAW - https://bit.ly/35bG6KC
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 19 : 40% [15/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-06-2021 23:20:05
 :serius2:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 10 : 100% [16/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 16-06-2021 22:36:07
ตอนที่ 10 : คมสันต์กับคะนิ้ง [100%]

หญิงสาวผมลอนสีชมพูอ่อนกับชุดเดรสลูกไม้พริ้วๆ สีชมพูไล่โทนไปถึงขาวนั่งยิ้มหวานอยู่ที่โต๊ะริมกำแพงกระจก แสงสว่างจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาทำให้เธอดูเจิดจรัสไม่น้อย ส่วนหนึ่งบนใบหน้ามีความคล้ายเขา แต่อาจจะด้วยการแต่งหน้าของเธอทำให้ดูเผินๆ แล้วแตกต่างกับเขาราวกับคุณหนูและคนสวน

“สวัสดีค่าคุณคม เอ๊ะ...นั่นคุณอลันหรือเปล่าคะ” เธอลุกขึ้นทักทายอย่างเป็นกันเอง ทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้าคมสันต์และอลันเป็นครั้งแรก จะว่าเจออลันครั้งแรกก็ไม่ถูกเพราะเธอเห็นอลันในงานสังคมบ้าง

“ครับ สวัสดี” อลันกล่าวเสียงนิ่ง สายตามองเธอแค่แวบเดียวแล้วหันมาจ้องหน้าคมสันต์ที่ยิ้มหวาน

“นี่คุณคะนิ้ง ลูกสาวของคุณครรชิตลูกค้ารายล่าสุดที่คุณอลันให้ผมเข้าไปดูแลไงครับ” คมสันต์แนะนำอย่างเป็นธรรมชาติกับอลันก่อนจะหันไปหาคะนิ้ง “คุณคะนิ้งมากินมื้อเที่ยงคนเดียวเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ คุณคมกับคุณอลันมากินด้วยกันไหมคะ...” เธอเชื้อเชิญ

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิคะ คะนิ้งกินคนเดียวก็เหงา ถ้าได้ร่วมโต๊ะกับคุณทั้งสองจะดีมากๆ เลยล่ะค่ะ” เธอจ้องหน้าอลันเป็นพิเศษ ซึ่งอลันไม่แม้แต่จะมองหน้าหญิงสาว กลับจ้องรอยยิ้มของคมสันต์แทน

หึหึ โดนจ้องขนาดนี้หนาวสันหลังวูบๆ เลยล่ะ คมสันต์ไม่รู้หรอกว่าอลันไม่พอใจเรื่องอะไร แต่รับรู้ได้ว่าไม่พอใจแน่นอน อาจจะเพราะโดนเรียกให้ร่วมโต๊ะทั้งที่เขาไม่อยากร่วมก็ได้ คมสันต์ทำได้แค่ยิ้มแล้วเชิญให้อลันนั่ง โดยไปเลื่อนเก้าอี้ให้คะนิ้งก่อนจะมาเลื่อนอลันที่ยังยืนมองอยู่ คะนิ้งน่ะไม่สะทกสะท้านอะไร ต่างจากคมสันต์ที่ตอนนี้มือสั่นเบาๆ ยามต้องสบตาดุดันของอลัน แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเลื่อนเก้าอี้ให้ อลันจ้องคมสันต์อีกครู่หนึ่งถึงได้ค่อยๆ นั่งลง

“บังเอิญดีจังเลยนะคะที่ได้มาเจอคุณอลัน คุณพ่อพูดถึงคุณอลันให้คะนิ้งฟังอยู่ เห็นว่าอนาคตคะนิ้งก็ต้องร่วมงานกับคุณ” คะนิ้งเริ่มชวนคุย ส่วนคมสันต์นั่งยิ้ม...ยิ้มไป ยิ้มเรื่อยๆ ยิ้มให้เหงือกแห้งไปเลย

อลันหันมาจ้องคมสันต์ที่ยังยิ้มไม่หุบ สายตาดูคาดโทษแปลกๆ แต่เมื่ออลันหันกลับไปมองหญิงสาวอีกครั้งเขาก็เริ่มยิ้มบางๆ เหมือนอลันเพิ่งจะปรับอารมณ์ของตัวเองได้

“ครับ เป็นเกียรติมากเลยครับที่คุณครรชิตพูดถึงผม แน่นอนว่าอนาคตเราคงได้ร่วมงานกันจริงๆ”

“ใช่ค่ะๆ ตอนนี้คะนิ้งก็ดูๆ เนื้องานอยู่ พอดีว่าคะนิ้งยังเรียนไม่จบเลยน่ะค่ะ ก็เลยมีเวลาในการศึกษางานน้อยหน่อย”

“งั้นเหรอครับ ยังเรียนอยู่แบบนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ ทั้งเรียนทั้งทำงานนี่มันไม่ง่ายเลย”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ คะนิ้งว่ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น”

“เก่งจังครับ” อลันยิ้มการค้า ต่อบทสนทนากับหญิงสาว ซึ่งคะนิ้งเองก็หาบทสนทนามาต่อเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดปาก

บริกรเดินเอาเมนูมาวาง คะนิ้งรีบเอ่ยถึงเมนูที่น่าสนใจแล้วก็แนะนำให้อลันได้รู้จัก อลันที่สวมหน้ากากประหนึ่งคุยงานกับลูกค้าอยู่นั้นก็เออออไปกับเธออย่างเป็นกันเอง ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะ ดูสดใสในแบบของอลัน ผิดกับคมสันต์ที่ตอนนี้ก้มหน้าดูเมนูแล้วก็คิดไปด้วยว่าควรสั่งไหมหรือควรชิ่งเลยดี...

คมสันต์มองคะนิ้งผู้เป็นน้องต่างพ่อกับอลันสลับกัน บรรยากาศแบบนี้มันคงโอเคแล้วมั้ง อลันเองก็ปรับอารมณ์ได้แล้ว ดูไม่หงุดหงิดแบบตอนแรกที่โดนชวนให้นั่งกินมื้อเที่ยง อีกสิ่งที่ว้าวคือคะนิ้งชวนคุยได้เก่งมาก ใช้ความเป็นสาวน้อยน่ารักได้คุ้มค่าทุกนาทีที่ผ่านไปเลยจริงๆ

แถม...ไม่เอ่ยชื่อคมสันต์เลยด้วย

คมสันต์อาศัยจังหวะที่คะนิ้งกับอลันกำลังหัวเราะกันอยู่ลุกออกมาเนียนๆ คือมันเนียนมากเพราะคะนิ้งดึงความสนใจจากอลันไปหมด เขาน่ะนั่งเป็นอากาศธาตุมาได้พักใหญ่แล้วตั้งแต่ทั้งคู่ได้เริ่มคุยกันนั่นแหละ คมสันต์เดินถอยออกมาไม่ห่างนัก เพื่อถ่ายรูปที่อลันและคะนิ้งกำลังนั่งพูดนั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ ถ่ายได้ปุ๊บสาวเท้าหนีออกจากที่นี่ในทันที ถึงเท้าจะสาวฉับๆ แต่มือนี่กดมือถือหยิกๆ เพื่อส่งรูปและข้อความหาครรชิต

[คมสันต์ : ส่งรูป]
[คมสันต์ : ผมทำให้แล้วนะครับ เอาคนพวกนั้นออกมาจากบ้านผมได้แล้ว แล้วก็เลิกยุ่งกับแม่ผมด้วยนะครับ]
[ครรชิต : ok] ฝ่ายนั้นตอบมาง่ายๆ แค่นั้นคมสันต์ก็พอจะเบาใจลงได้

คมสันต์มุ่งหน้ากลับมาที่ทำงาน มีเวลาเหลือน้อยมากกกก เขาจุมปุกอยู่กับปิ่นโตสีชมพูหวานแหววของตัวเอง ข้าววันนี้อร่อยนะ แต่เขาไม่มีอารมณ์กินเลยมันหลากหลายอารมณ์มากที่ตีกันอยู่ อย่างแรกน่ะแน่นอนเลยว่ารู้สึกผิด เขามันแย่ที่หลอกลวงอลันให้ไปที่นั่น ต่อให้อลันจะยิ้มจะหัวเราะจะอะไรก็ช่าง แต่เขาก็หลอกอลันไปอยู่ดี เขามันไม่ซื่อตั้งแต่ที่ชวนอลันไป อย่างที่สองก็ยังกังวลว่าครรชิตจะเลิกยุ่งกับแม่เขาจริงไหม ถ้าเกิดครรชิตโกหกล่ะ มันจะเป็นยังไง...เขาต้องทำอะไรแบบนี้อีกเหรอ ไม่ชอบเลย...ไม่ชอบที่ตัวเองต้องมาทำสิ่งแย่ๆ แบบนี้กับคนอื่น

ถ้าครรชิตจะมาโวยวายว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณแล้วให้ชดใช้หนี้เป็นเงินทองเขาจะไม่ลำบากใจแบบนี้เลย ต่อให้หาเงินได้ยากเย็นแค่ไหนเขาก็ยินดีที่จะหามาชดใช้ให้ จะช้าจะเร็วก็จะหาให้แน่นอน แต่นี่มันคือหลอกลวงคนอื่นให้ครรชิตได้สมปรารถนา ต่อให้เอาคำว่าน้องสาวมาอ้างก็เหอะ พูดเหมือนเขารักน้องเขามากงั้นแหละ ถ้าไม่โดนบีบเรื่องแม่ไม่มีทางทำแน่!

โอ๊ยยยยข้าวไม่อร่อยเลย!!!

คมสันต์กินข้าวแบบหมดอาลัยตายอยากมาก นึกถึงสีหน้าอลันที่ยิ้มที่หัวเราะอยู่กับน้องสาวต่างแม่แล้วก็รู้สึกแปลกๆ ข้างในมันจี๊ดๆ เหมือนมีหนูเข้ามาแทะหัวใจเขาเลย สงสัยเขาต้องหากาวดักหนูมาไว้ในหัวใจของเขาล่ะมั้งเนี่ย อะบ้าบอ...ก็แค่รู้สึกไม่ดีที่หลอกคนอื่นเท่าแหละ ไม่ได้มีความรู้สึกหงุดหงิดอะไรเลยจริงๆ นะ

คมสันต์ไม่ได้หงุดหงิดเลยที่อลันหัวเราะต่อกระซิบกับหญิงสาวน่ะ ไม่เล๊ยยย เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นจริงๆ มันก็เป็นธรรมดาที่อลันจะยิ้มหวานให้ทุกคนยกเว้นคนที่มีไว้กินตอนหิวแบบเขาอะเนอะ

ฮรึ้ก...เศร้าเรื่องไรดีฟระตรู!

คมสันต์เป็นบ้าไปแล้ว เครียดจัดจนสับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่หลายๆ อย่างมันตีกันไปมา ไม่ว่าจะรู้สึกผิด รู้สึกหงุดหงิดแล้วก็รู้สึกโล่งนิดๆ มันผสมปนเปไปหมดจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อ้อ ข้าวไม่อร่อยรวมเป็นเรื่อหงุดหงิดด้วยไหม หรือว่าเพราะหงุดหงิดข้าวมันเลยไม่อร่อย แน่เลย...สงสารเจ้าข้าวในปิ่นโตจังงงงง

ช่วงบ่ายคมสันต์ไม่สามารถฝืนยิ้มแบบเมื่อเช้าได้ ตอนนี้สีหน้าคือซังกะตายไปเป็นที่เรียบร้อย ลูกน้องเข้ามาในห้องถึงกับงงไปเลยเมื่อเจ้าของรอยยิ้มเป็นมิตรตอนนี้ดันทำหน้าเศร้าราวกับจะร้องไห้ คือถ้านั่งเบะปากเป็นเด็กน้อยได้คมสันต์คงทำแบบนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่การทำแบบนั้นมันจะทำให้หนุ่มเบต้าวัยยี่สิบเจ็ดแบบเขาน่าถีบมากกว่าน่าเอ็นดูน่ะสิ

“คุณคมคะ...” เสียงเรียกหวานๆ ยานๆ คางๆ เข้ามาในห้องทั้งที่ประตูยังเปิดไม่เต็มบาน ทำไมเสียงต้องมาก่อนตัว ตัวมาพร้อมเสียงไม่ได้หรือยังไงสงสัยจัง

“ครับ”

“อุ้ย หน้าบึ้งเชียวค่ะ หนูนึกว่าที่เขาพูดกันเนี่ยพูดเล่นนะว่าคุณคมหน้าบูด” หน้าไม่บูด ดมดูได้ไม่มีกลิ่นบูดเลยเนี่ย

ขำไหม...ไม่เหรอ

“มีเรื่องคิดนิดหน่อยครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย” เห็นไม่เข้ามาในห้องแต่ยืนเกาะประตูก็เลยถาม แต่เอาจริงๆ เรียกมาขนาดนี้มันต้องมีอะไรอยู่แล้วแหละ

“มีค่ะ พอดีว่าคุณอลันเรียกคุณคมไปพบด่วนที่ห้องทำงานน่ะค่ะ” อ่า....ฉิบหายแล้วกู!

“ครับ”

“คุณคมโอเคนะคะ หน้าซีดเชียว...ไม่สบายหรือเปล่า” อยากขอบคุณในความห่วงใย แต่เขาไม่ได้เป็นไข้แน่ๆ แต่ก็อาจจะไม่มีชีวิตกลับมาจากห้องอลันได้

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวยังไงถ้าผมกลับมาช้าก็วางๆ งานไว้ที่โต๊ะนะครับ”

“ได้เลยค่า”

รู้จักคำว่าลางสังหรณ์ไหม ตอนนี้คมสันต์รับรู้ได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีของตัวเอง ร้อนๆ หนาวๆ วูบๆ วาบๆ เหมือนคนจะไม่สบายแต่ก็ไม่ได้เป็นไข้ ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นคนที่โกหกอัลฟ่าระดับนั้นยังไงล่ะ!

คมสันต์รู้ตัวเองดีทันทีที่มีคนบอกว่าอลันเรียกเลยว่าเรื่องเมื่อเที่ยงแน่นอน มันจะเป็นเรื่องงานก็ได้ อาจจะเป็นเรื่องจิปาถะอื่นๆ หรือเรียกเขาไปกินแบบที่ทำบ่อยๆ ก็ได้ แต่ความรู้สึกคมสันต์มันไม่บอกแบบนั้น มันบอกว่ายังไงก็เรื่องเมื่อเที่ยง เรื่องที่เขาพาอลันไปแล้วก็ทิ้งอลันไว้กับหญิงสาว จากนั้นหายมาแบบไม่บอกไม่กล่าว

คิดเอาไว้แล้วว่าจะบอกกับอลันว่ายังไง คือกะเอาไว้เลยว่าถ้าโดนดุก็จะเอาเหตุผลนี้มาใช้ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นเหตุผลที่ดีพอหรือเปล่า คมสันต์ไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก ครั้นจะพูดว่าครรชิตขู่เข็ญมันก็ทำให้ทั้งครรชิตและคะนิ้งดูไม่ดี อย่าถามว่าทำไมต้องปกป้องนะ แค่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่มากกว่านี้เท่านั้นเอง

อีกอย่าง...เขาไม่อยากให้ใครรู้หรอกว่าเขาเป็นสายเลือดเดียวกับคนพันธุ์นั้น

มาถึงเลขาหน้าห้องก็ไม่พูดอะไร เชิญเขาเข้าไปด้วยสายตาสงสาร คมสันต์นี่กลืนน้ำลายลงอึ้กใหญ่ คือลำคอแห้งผากแต่เหงื่อไหลซึมตามหลังตามไรผม มือที่เอื้อมไปจับลูกบิดประตูสั่นเทาเบาๆ แค่วางมือลงไปบนลูกบิดก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายคุกคามที่รุนแรง มันดูเวอร์มาก...แต่คมสันต์ตอนนี้แทบจะไม่มีแรงเปิดประตูด้วยซ้ำ

นี่สินะพลังของอัลฟ่าที่มีสายเลือดเข้มข้น!

คมสันต์รู้ได้ว่าเลขาที่เป็นอัลฟ่าเดินหนีออกไปจากโต๊ะของเธอ เหลือทิ้งไว้แค่เขาที่ยืนอยู่หน้าห้อง คมสันต์กลั้นใจบิดประตูแล้วค่อยๆ แง้มเข้าไปทีละนิด แต่มันเหมือนมีรังสีอำมหิตเข้มข้นพุ่งออกมาตามรอยแยกของบานประตูห้อง คมสันต์หนาวสะท้านไปทั้งร่าง การรับแรงกดดันและแรงอาฆาตจากอัลฟ่าระดับสูงนั้นมันแตกต่างกับพวกระดับล่างอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่มีทางเลือก เขาหนีไม่ได้ เขาทำให้อลันโกรธดังนั้นเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอลันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง คมสันต์ฝืนเปิดประตูจนกว้างพอจะยัดตัวเองเข้าไป ในห้องทำงานของอลันที่ก่อนนี้เป็นแค่ห้องทำงานทึมๆ ตอนนี้มันเหมือนห้องเชือดมากกว่า เป็นห้องเชือดที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์การเชือด แค่มีอลันนั่งประสานมือไว้ใต้คางแล้วจ้องมองคมสันต์ราวกับจะฆ่าให้ตายเท่านั้นเอง

คมสันต์ขาสั่น เรี่ยวแรงของเขาหดหายไปเมื่อเจอสายตาฆ่าฟันที่อลันมอบให้กับเขาอย่างจงใจ นี่แหละพลังของอัลฟ่า...พลังของอลันที่คมสันต์ไม่เคยเจอมันแบบเต็มๆ มาก่อน ก้าวแต่ละก้าวที่เยื่องย่างเข้าหาอลันนั้นทั้งสั่นทั้งหนักอึ้ง ลมหายใจหอบถี่และไม่สามารถที่จะหายใจให้เต็มปอดได้เลย เหงื่อในร่างผุดพรายออกมาอย่างกับตอนนี้คมสันต์อยู่ในห้องที่ร้อนอบอ่าวแต่...ร่างกายกลับหนาวสะท้านไปถึงกระดูก

คมสันต์พูดไม่ออก เขาไม่รู้ต้องพูดอะไรทั้งที่ก่อนนี้เขาคิดแล้วว่าเขาจะขอโทษอลัน จะอธิบายในเหตุที่เตรียมมาให้อลัน แต่พอเจออลันที่ใช้พลังทั้งหมดกดเขา คมสันต์ก็คิดอะไรไม่ออก มีแต่ความหวาดกลัว...

ฟุ่บ!

หนึ่งคนลุก...หนึ่งคนล้ม!

ทันทีที่อลันลุกขึ้นยืน คมสันต์ก็ทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กลางห้องทำงานของอลัน ร่างกายปราศจากเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านความเป็นอัลฟ่าที่น่าเกรงขามและดุดันของอลัน ร่างสูงสง่าเดินออกมาจากโต๊ะ อลันใช้สัญชาตญาณตนดึงสายตาคมสันต์สบตา รู้ทั้งรู้ว่าคมสันต์หวาดผวาตนแค่ไหน แต่ตอนนี้อลันไม่แคร์

คมสันต์สมควรได้รับการลงโทษหลังจากทำเรื่องแบบนั้นกับเขา!

แต่ละก้าวของอลันที่ขยับเข้ามาใกล้ คมสันต์กลับรับรู้ได้ถึงมวลอากาศที่หนักอึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาอลันที่เคยราบเรียบตอนนี้มีแต่ความโกรธจัด สีม่านตาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยตามแรงอารมณ์และนั่นก็ทำให้คมสันต์หวาดกลัว

อลันหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า กอดอกพร้อมจับจ้องเขาด้วยสายตาที่หมายมาดจะเอาให้ตาย ลึกๆ คมสันต์รู้ว่ามันจะไม่โหดร้ายแบบนั้น ถึงรู้อย่างนั้นแต่กลิ่นอายที่อลันปลดปล่อยออกมาแบบไม่ยับยั้งก็ยังทำให้จิตใต้สำนึกของคมสันต์สั่นคลอน เขาเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ทรุดตัวอยู่ตรงหน้านักล่าที่กำลังจะพรากชีวิตตนเองไปอย่างไร้ซึ่งความปรานี

แล้ว...คมสันต์ก็ยอมจำนนต่อความรู้สึกนั้นเสียด้วย

____[100%]____

พบคนโกรธจัดหนึ่งอีเอ นอกจากโดนหลอกไปหาสาวแล้วยังโดนทิ้งให้อยู่กับสาวสองต่อสองอีก รอบนี้น้อนคมโดนตีแน่!

____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____

Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)
สั่งซื้อได้ที่ 
เทพช๊อป // https://bit.ly/2OUrk08 
inbox เพจ // https://bit.ly/37av9Jl 
ทดลองอ่าน // https://bit.ly/35bG6KC

Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)
ลิงก์// https://bit.ly/3xmyEIw
โปรโมชั่นพิเศษ! ลด 50% จากปก 119 เหลือเพียง 59 หมดเขตวันที่ 17 มิ.ย 64 จร้าาา

~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 10 : 100% [16/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-06-2021 03:29:38
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 11 : 40% [21/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 21-06-2021 22:26:54
ตอนที่ 11 : คมสันต์กับการลงโทษ [40%]

“อึก!” คมสันต์สะดุ้งผวา เมื่อปลายคางถูกมืออลันบีบบังคับให้เงยหน้าขึ้น

ทันทีที่สบเข้ากับดวงตาอันเย็นชาคู่นั้น ความกลัวที่อยู่ภายในจิตใจก็ถูกสัญชาตญาณกระตุ้นอย่างรุนแรง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตาทั้งสองข้างทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ คมสันต์ไม่ได้อยากร้องไห้แต่มันเหมือนถูกบีบบังคับจากอำนาจที่เหนือกว่า เขาไม่อาจต้านทานอลันที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และกล้ายอมรับเลยว่าเขาหวาดกลัวอลันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ผม...ผะผมขอโทษ” น้ำเสียงของคมสันต์ยามนี้สั่นเทาไม่ต่างจากร่างกาย เขาเค้นเสียงพูดด้วยซ้ำเพราะบางอย่างในความรู้สึกมันสั่งให้เขาพูดคำนี้ออกไป

ครั้งนี้เขาผิด เขาผิดแบบที่เห็นๆ เลยว่าผิดขนาดไหน การที่อลันจะโกรธมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เขาอยากขอโทษแล้วเขากก็พร้อมที่จะรับความรู้สึกโกรธเกรี้ยวทั้งหมดที่อลันมีต่อเขาเอาไว้ เพราะเขาไม่มีทางเลือกจริงๆ

อลันบีบคางคมสันต์แรงขึ้นขณะที่หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตนเอง สายตาที่แสนดุดันละจากคมสันต์ไปเสี้ยววิเพื่อจะกดโทรหาใครบางคน

“บอกกับทางนั้นว่าบ่ายนี้คมสันต์ไม่เข้างาน” อลันเอ่ยเสียงเรียบทั้งที่จ้องหน้าคมสันต์

คมสันต์รู้ได้ในทันทีเลยว่าอลันโทรไปที่ไหน แล้วความหมายของคำว่าบ่ายนี้เขาจะไม่เข้าไปทำงานนั้นก็คงเพราะอลันจะลงโทษเขานั่นแหละ และเขาก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใดๆ

“นั่งไปจนกว่าผมจะเคลียร์งานเสร็จ” มันคือคำสั่งที่เย็นชาและไร้อารมณ์ ทั้งที่มวลอารมณ์นั้นมันกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกอนูในห้องทำงานนี้เลย กระทั่งปลายนิ้วที่บีบคางคมสันต์ก็ยังคงมีความกรุ่นโกรธอยู่อย่างชัดเจน

“คะ..ครับ” คมสันต์กล้ำกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ พร้อมทั้งพยายามที่จะไม่ให้น้ำตามันไหลลงมาอาบแก้มให้น่าอายไปมากกว่านี้

“ระหว่างนี้ก็คิดเหตุผลสักข้อสองข้อสำหรับการกระทำของวันนี้ด้วย” ปลายนิ้วนั้นบีบคางคมสันต์แรงขึ้น เขาเจ็บจนเผลอเบ้หน้า ทำให้น้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ไหลซึมลงมาจนได้

“ครับ...” สิ้นเสียงขานรับ อลันก็สะบัดคางคมสันต์แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง

คมสันต์ต้องนั่งคุกเข่าอยู่ที่กลางห้องแบบนั้นตามคำสั่งของอลัน บอกตามตรง...ไอ้คำว่าจนกว่าจะเคลียร์งานเสร็จเนี่ยมันตอนไหนก็ไม่รู้ คมสันต์ไม่กล้าถาม ไม่กล้าจะพูดอะไรเลยหลังอลันทิ้งเขาให้นั่งโง่ๆ อยู่อย่างนี้

นี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่คมสันต์ได้เจอกับกลิ่นคุกคามของอัลฟ่าระดับนี้ โดยเฉพาะกับอลันที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับเขามาก่อน จริงที่อลันไปไหนมาไหนอลันมักจะปล่อยกลิ่นคุกคามในระดับหนึ่งรอบตัวอยู่เสมอ เพราะอลันเป็นพวกไม่ชอบให้ใครเข้ามาใกล้หรือมายุ่งย่ามกับตน แต่นี่มันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่แค่ป้องกันคนอื่นแต่มันคือการคุกคามสัญชาตญาณของคมสันต์อย่างจงใจ

คมสันต์กล่าวโทษอลันไม่ได้ด้วยรู้ดีถึงความผิดของตัวเอง  วันนี้สิ่งที่เขากระทำลงไปมันคือการหลอกลวง เขาหลอกอลันไปที่นั่นเพื่อให้เจอกับน้องสาวต่างแม่ แม้ว่ามันจะเป็นความจำเป็นส่วนตัวของเขา แต่ในความจำเป็นนี้เขาดันทำมันกับคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ต่อให้อลันไม่ลงโทษเขาด้วยการให้นั่งคุกเข่า เขาก็ยังต่อว่าตัวเองในสิ่งที่ได้ทำไปอยู่ดี

อลันเริ่มทำงานของตัวเอง ไม่สนใจใยดีคนที่นั่งคุกเข่าเหลือบมองตนจากลางห้อง กลิ่นคุกคามก็ยังคงทำหน้าที่ของมันเพื่อกดดันคมสันต์ได้เป็นอย่างดี อลันไม่อ่อนข้อให้คมสันต์เลย แม้จะเห็นว่าคมสันต์นั้นหวาดกลัวจนน้ำตาคลอก็ตาม

อันที่จริงต้องบอกว่าคมสันต์นั้นแตกต่างจากเบต้าทั่วไป ด้วยการคุกคามระดับสัญชาตญาณแบบนี้ไม่มีเบต้าที่ไหนเขาจะต้านทานได้ไหว ส่วนใหญ่มักจะเป็นลมล้มพับกันไปหมด แม้กระทั่งอัลฟ่าด้วยกันเองก็ยังมีหวาดผวากับการคุกคามของอลัน ทว่าคมสันต์กลับทนมาได้ขนาดนี้นับว่าเกินคาดจริงๆ

อลันเหลือบสายตามองคมสันต์ที่นั่งก้มหน้ามองตักตัวเอง เหตุการณ์เคมีรั่วไหลในลิฟต์จะเกี่ยวข้องกับความถึกของเบต้าคนนี้ไหม? อลันจำได้ว่าในเหตุการณ์นั้นได้มีการตรวจสอบพนักงานที่มีโอกาสโดนเคมีแล้ว คมสันต์เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับสารเคมีเข้าไปแต่ไม่มีอาการอะไร หรือว่า...นี่เป็นอาการแฝง?

ความคิดของอลันชะงักลงเมื่อมีสายเรียกเข้า เป็นสายงานที่สำคัญ อลันละสายตาจากคมสันต์ไปมองวิวด้านนอกเพื่อเพ่งสมาธิกับการสนทนาในครั้งนี้

นี่อาจเป็นโชคดีของคมสันต์ก็ได้เพราะเมื่ออลันหันหลังไปคุยงาน บรรยกาศที่หนักอึ้งเมื่อครู่ก็เริ่มเบาบางลงไปบ้าง ถึงจะเล็กน้อยมันก็สามารถทำให้คมสันต์หายใจได้เต็มปอดมากยิ่งขึ้น

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป คนที่นั่งทำงานอยู่เวลานี้คงผ่านไปไวในขณะที่คนนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องกลับต้องทนทรมานจากอาการเจ็บเข่า จริงที่ว่าคมสันต์นั้นทรุดลงตรงพรมพอดี แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาปวดเข่าน้อยลงเสียเมื่อไหร่

ความปวดร้าวจากเข่าทั้งสองลามไปทั่วทั้งขา คำเดียวที่มีในหัวเลยคือทรมาน ปวดมาก อยากยืดขาหรืออย่างน้อยก็อยากเปลี่ยนท่านั่งบ้างก็ยังดี คมสันต์เงยหน้ามองอลัน สายตาอ้อนวอนโดยไม่รู้ตัวเพราะเขากำลังปวดกับการนั่งท่านี้ ทว่าอลันกลับไม่สนใจ มองคมสันต์แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปแบบไม่แคร์

จากปวดร้าวก็เริ่มกลายเป็นชาไปทั้งขา เหมือนการนั่งท่านี้มันเข้าที่เข้าทางแล้ว แค่อย่าให้ต้องลุกตอนนี้ถ้าลุกนี่มีล้มพับลงไปเพราะขาไม่มีแรงแน่ๆ ปัญหาที่ตามมาจากการนั่งคุกเข่านานๆ มันไม่ใช่เรื่องของความปวดหรือเหน็บชาอีกต่อไป แต่มันคืออาการปวดฉี่แทน

ฉิบหาย...

คมสันต์พยายามอั้น จากครึ่งชั่วโมงเป็นหนึ่งชั่วโมงเป็นสองชั่วโมง ขาเริ่มสั่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วครั้งนี้มันทรมานยิ่งกว่าครั้งแรก เพราะว่าพอเขาเผลอขยับไอ้ขาที่มันเป็นเหน็บชามันจี๊ดขึ้นมา บวกกับปวดเข้าห้องน้ำ คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทรมานแบบนี้แนะนำให้ไปลองทำดู นั่งคุกเข่าสักสามชั่วโมงโดยไม่ขยับตัว แล้วก่อนนั่งก็กินน้ำมาเยอะๆ ด้วย แบบคมสันต์ที่ซัดน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นมาแก้เครียดมาเมื่อเที่ยงวัน

ก๊อกๆ

เสียงเคาะห้องประตูดังขึ้น เรียกสายตาจากคมสันต์ให้หันไปมอง ต่างจากอลันที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าดูด้วยซ้ำว่าใครมาเคาะห้องทำงานของตนในเวลานี้

“เข้ามา”

“ขออนุญาตค่ะ” เลขาสาวของอลันนั่นเอง เธอไม่กล้าเดินเข้ามาในห้อง ด้วยกลิ่นคุมคามของอลันนั้นคละคลุ้งอยู่ในนี้ไม่มีเจือจาง แม้เธอจะเป็นอัลฟ่าแต่เธอก็รู้สึกแย่มาก แล้วเบต้าอย่างคมสันต์ที่ทนมาจนถึงบ่ายสามนี่ล่ะ

“คุณคะนิ้งนัดคุณอลันไปทานข้าวเย็นค่ะ” สิ้นคำพูดของเธอ บรรยากาศก็หนักอึ้งขึ้นมาอีกหน หนักอึ้งแบบตอนแรกที่คมสันต์เข้ามาในห้องนี้ ซ้ำอลันยังจ้องตาคมสันต์ทั้งที่ต้องตอบคำถามเลขาอีกด้วย

“ไม่ว่าง”

“เอ่อ...แต่คุณคะนิ้งบอกว่าจะคุยเรื่องงานด้วยน่ะค่ะ” เลขาสาวเผลอถอยเท้าออกไปทางประตูแบบไม่รู้ตัว ส่วนคมสันต์นั้นนั่งก้มหน้าก้มตาไม่มองตอบอลัน

“ให้นัดมาในเวลางาน”

“ค่ะคุณอลัน” เธอรีบรับคำแล้วเดินออกไปอย่างไว ทิ้งให้คมสันต์เผชิญหน้ากับอลันตามลำพังอีกหน

ไม่รู้ว่าเพราะชื่อของคะนิ้งหรือเพราะเลขาเข้ามาตอนที่อลันทำงาน เพราะหลังจากที่เธอออกไปบรรยากาศก็กลับมากดดันหนักจนหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง หลังมันผ่อนลงมาบ้างแล้วตอนอลันทำงาน สายตาคมกล้าใต้แลนส์แว่นพุ่งตรงมาที่เขา คมสันต์ไม่ได้เงยหน้าสบตาแต่รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าอลันจ้องตนเองอยู่

คมสันต์ในตอนนี้มีอาการเพลียจากการเกร็งจัดเพราะแรงกดดัน เข่าทั้งสองรวมถึงขาปวดร้าวไปถึงกระดูกรวมถึงอยากเข้าห้องน้ำจัดๆ กลั้นไว้จนปวดหนึบที่ท้องน้อย ความรู้สึกทรมานทางกายภาพนี้กำลังรุมเร้าเขาอย่างหนักหนา คมสันต์ถึงกับต้องจิกหน้าขาตัวเองเพื่อให้อดทนแล้วผ่านพ้นไปถึงเวลาที่อลันเคลียร์งานเสร็จได้

แต่ดูเหมือนว่าคมสันต์จะถึงขีดจำกัดแล้ว...

ร่างกายของคมสันต์เอนล้มลงไปนอนกองกับพื้นพรม อลันตวัดสายตามองก็เห็นว่าคมสันต์พยายามจะยันกายลุกขึ้นมานั่งท่าเดิม ด้วยไม่ได้ตั้งใจจะล้มตัวลงนอนแค่ขามันไม่มีแรงแล้วร่างกายมันก็อ่อนล้าเต็มที คมสันต์พยายามแล้วพยายามอีก เขาเกือบจะเอาตัวเองขึ้นมานั่งคุกเข่าในท่าเดิมต่อได้แล้ว ทว่าร่างสูงสง่าของอลันก็คืบคลานเข้ามาใกล้พร้อมแรงกดดันอันมหาศาล แบบนี้...คมสันต์ลุกไม่ไหวจริงๆ

จู่ๆ อลันก็ผลักคมสันต์ให้นอนหงายเหยียดยาว ขาที่งอมาหลายชั่วโมงปรับตัวกับการยืดแบบกระทันหันไม่ทัน คมสันต์ปวดจี๊ดขึ้นมาจนน้ำตาไหลทางหางตา เขาหลับตาลง คิ้วขมวดมุ่นเพราะมันเจ็บมันปวด...มันร้าวไปทุกส่วนของขาเลย

“ใครให้คุณนอน” อลันค่อมตัวคมสันต์ ฝ่ามือเชยคางคมสันต์ให้หันมามองหน้า

“ผมไม่ได้ตั้งใจ ขะขามันไม่มีแรง...ผมล้ม ผมจะลุกเดี๋ยวนี้ครับ” แต่ถ้าจะลุกอลันก็ต้องลุกจากตัวเขาก่อนเช่นกัน ถ้าอลันยังนั่งยองๆ ค่อมตัวเขาอยู่แบบนี้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้จริงๆ

____[40%]____

คุณอลันดุมากกกก เค้ากลัวคุณตะลันแน้วววว
เดี๋ยวเราจะมีการรีไรท์เนื้อหา อาจจะมาช้าบ้างมาไม่ตรงเวลาบ้างต้องขออภัยนะคะ
____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____

Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)
สั่งซื้อได้ที่ 
เทพช๊อป // https://bit.ly/2OUrk08 
inbox เพจ // https://bit.ly/37av9Jl 
ทดลองอ่าน // https://bit.ly/35bG6KC

Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)
ลิงก์// https://bit.ly/3xmyEIw

~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 11 : 40% [21/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-06-2021 22:42:32
 :z3:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 11 : 40% [21/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-06-2021 12:05:34
น่าสงสารอ่ะ ไม่ใจอ่อนเลยนะอลัน ตอนหลังถ้าทำผิดบ้างจะให้คมงอนหนักๆเลย
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 11 : 40% [21/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-06-2021 00:19:01
อลันโหดล่ะ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 11 : 100% [29/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 29-06-2021 08:54:50
ตอนที่ 11 : คมสันต์กับการลงโทษ [100%]

อลันรับรู้ได้ในทันทีว่าคมสันต์ถึงขีดจำกัดความอดทนแล้ว ไม่อย่างนั้นเนื้อตัวที่อยู่ใต้ร่างของเขาตอนนี้คงไม่สั่นเทาอย่างกับลูกนกตกน้ำ หยาดน้ำกลิ้งอยู่ในดวงตาคมสีนิลดำ มันพร้อมจะหลั่งรินได้แค่อลันกดดันเพิ่มเข้าไป

“อ๊ะ” อลันนั่งทับลงบนตัวของคมสันต์ เจ้าตัวถึงกับร้องออกมา ร่างกายแข็งเกร็งหนักหน่วงขึ้นในแบบที่อลันไม่เข้าใจนัก

“เป็นอะไร” หยาดน้ำที่กลิ้งไปมาเมื่อครู่รินไหลเป็นที่เรียบร้อย อลันเอื้อมมือไปเกลี่ยมันออกจากหางตา จะว่าโกรธอยู่มันก็โกรธ แต่มันไม่ได้รุนแรงเท่าตอนแรก

“ผะผม...ผมขอเข้าห้องน้ำ” คำตอบของคมสันต์ทำให้อลันรู้ว่าที่เกร็งเฮือกใหญ่ขนาดนี้ก็เพราะปวดฉี่นี่เอง...

“ผมไม่อนุญาต” ไม่อนุญาตไม่พอ ยังขยับสะโพกบดคลึงหน้าท้องของคมสันต์เล่นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อีกต่างหาก

ใบหน้าคมสันต์ขมวดมุ่นไปหมด ดูอดทนอดกลั้นยิ่งกว่าตอนที่มีอะไรกันอีก อาจจะดูโหดร้ายไปหน่อยแต่อลันกลับชอบสีหน้าตอนนี้ของคมสันต์ มันบรรเทาความโกรธเคืองเขาได้เยอะ ยิ่งเห็นคมสันต์ต้องอดทน ต้องทรมาน ยิ่งรู้สึกอยากกระทำกับคนคนนี้มากขึ้น มันเลยไม่แปลกที่เขาจะกดน้ำหนักลงไปที่ส่วนนั้นของคมสันต์ด้วยสะโพกตัวเอง ยิ่งพบว่าส่วนนั้นของคมสันต์พองตัวขึ้นจากการกลั้นมานานก็ยิ่งสนุกใหญ่

ร่างกายคมสันต์เกร็งหนักจนสะโพกถึงกับลอยเหนือพื้นขึ้นมาในตอนที่อลันลงน้ำหนัก ส่วนนั้นมันปวด เขาอยากเข้าห้องน้ำ คมสันต์ใช้สายตาอ้อนวอนกับอลัน แต่พบว่ามุมปากของอัลฟ่าบนร่างกายของเขามันกระตุกยิ้มแปลกๆ

“ผมขอร้องละครับ...” เสียงคมสันต์สั่นพล่า เกือบจะปนสะอื้นอยู่แล้วด้วยซ้ำเพราะมันจะเล็ดแล้ววววว

“ไม่”

“ฮึ้ก...คุณอลันอย่าใจร้ายกับผมเลย” สองมือคมสันต์จิกขาตัวเองเอาไว้เพื่อให้อดทนได้ ถ้ามันไม่ไหวแล้วไอ้นั่นจริงๆ มันน่าอายมากเลยนะ มันจะไม่สามารถมองหน้าอลันตรงๆ ในจังหวะที่อลันไม่คุกคามได้อีกต่อไปเลย

แววตาของคมสันต์ช่างน่าสงสาร เป็นสัตว์เล็กตัวน้อยที่กำลังอ้อนวอนขอความเมตาจากนักล่าที่อยู่เบื้องหน้า แต่การอ้อนวอนนี้ก็ดูสิ้นหวังเหลือเกิน ดูออกว่าทรมานจนใกล้ถึงขีดจำกัด ทว่าถึงจะรู้ดีแค่ไหนอลันก็ยังไม่ปล่อยไปง่ายๆ คมสันต์กล้ามากที่หลอกเขาให้ไปร้านอาหารนั้น และเขายินยอมก็เพราะเชื่อใจในคมสันต์ การที่โดนกระทำแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับการโดนหักหลัง ถึงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในแง่ของการกระทำแต่มันเป็นเรื่องใหญ่ในแง่ของความรู้สึก

“ไหนเหตุผลที่ผมบอกให้คุณหามาให้” เหตุผลอะไรวะ คมสันต์แวบคำนี้เข้ามาในหัว เนื่องจากเขาทั้งปวดขาปวดเข่าเมื่อยขบและเพลียจัดตอนที่ต้องนั่งนิ่งๆ อยู่กลางห้อง ทำให้เขาเผลอลืมไปว่าอลันต้องการอะไร แต่มันก็ไม่นาน เนื่องจากมันคือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมานอนทรมานอยู่ใต้ร่างอลันแบบนี้

“คือ...คุณคะนิ้งสนใจคุณอลัน” คมสันต์กลั้นใจพูด ทั้งกลั้นใจและกลั้นนั่นเลยแหละ

“แล้ว?”

“คุณคะนิ้งเลยขอให้ผมช่วยหาโอกาสให้คุณคะนิ้งได้เจอกับคุณอลัน”

“เธอหาโอกาสเองไม่เป็นเหรอ” สายตาอลันคือเบื่อหน่าย เหตุผลที่คมสันต์ให้เป็นเหตุผลที่ไม่ต่างจากที่คิดนัก และอลันก็คิดว่ามันไร้ความสามารถสุดๆ

“คุณคะนิ้งบอกว่าอึ้ก...คุณอลันเข้าถึงยาก แฮกๆ พอเห็นว่าผมเป็นผู้ช่วยคุณอลันก็เลยขอร้องมาครับ”

“แล้วคุณก็ทำตาม” อลันว่ามันน่าขันสิ้นดี เป็นลูกสาวของลูกค้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาสั่งงานลูกน้องเขาได้เสียหน่อย

“ก็...ผมเห็นว่าเหมาะสม...” ยังไม่ทันพูดให้จบ เสื้อเชิ้ตใส่ทำงานก็ถูกอลันกระชากจนกระดุมหลุดเกือบหมดแผง คมสันต์ตกใจจนหน้าเหวอฉี่ที่ปวดอยู่ถึงกับจะเล็ดให้ได้เลย

ฮื่ออออออ แม่จ๋าช่วยหนูด้วย!

“คุณไม่มีสิทธิ์มาบอกว่าใครเหมาะสมกับผมหรือไม่เหมาะสมกับผม” อลันดูไม่พอใจอีกแล้ว คมสันต์เข้าใจในคำพูดของอลันแล้วตนเองก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นด้วย แค่...ความจริงมันไม่ควรพูด

“ผมขอโทษ ผมรู้แล้วว่าผมไม่มีสิทธิ์ ให้อภัยผมเถอะนะครับ” ข้อร้องล่ะ อย่างน้อยๆ ให้เข้าห้องน้ำแล้วค่อยมาต่อก็ได้นะ อย่ารังแกกันด้วยสภาพนี้เลยเถอะ

“ได้...”

“จริงนะครับ” ดีใจขึ้นมาทันตาเห็น แววตานี่เป็นประกายหนักมาก แบบว่าจะให้อภัยเขาแล้วปล่อยเขาไปเข้าห้องน้ำใช่ไหม

“จริงสิ”

“งะงั้น...ผม....ผมขอไป...” คำพูดค้างเติ่งอยู่แค่นั้นเมื่ออลันเคลื่อนตัวไปจับเข็มขัดกางเกงสแล็กของคมสันต์

สถานกาารณ์แบบนี้ไม่ต้องเดาให้ยากหรือคิดให้มากความเลย อลันจะจับเขากินอีกแล้ว ไม่น้า...ไม่ควรเป็นตอนนี้น้า คมสันต์ขยับกายหนีแต่ก็ไม่วายโดนกระตุกเข็มขัดออกจากเอว ซ้ำอลันยังตรึงเขาไว้ด้วยการใช้เข่ากดต้นขาไม่ให้ดิ้นหนี

“ไปไหน” อลันถามเหมือนไม่เข้าใจ คมสันต์รู้ดีว่าอลันเข้าใจแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจก็เท่านั้นเอง

“ห้องน้ำ...ห้องน้ำครับขอเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” คมสันต์รีบพูดลวกๆ เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้ากางเกงสแล็กใส่ทำงานของเขาก็หลุดออกจากตัวพร้อมกางเกงชั้นในเป็นที่เรียบร้อย...

ม่ายน้าาาาา ไม่จริงน้าาาาา เจ้าแอร์เย็นตกกระทบกับส่วนนั้นที่กำลังตึงเปรี๊ยะเพราะอยากเข้าห้องน้ำ ยิ่งทำให้มันอยากเข้าห้องน้ำเข้าไปใหญ่ ส่วนนั้นกระดิกดุ๊กดิ้กต่อหน้าอลัน คมสันต์ได้แต่ภาวนาให้อลันปล่อยเขาไปห้องน้ำก่อนจะทำอะไรกับร่างกายนี้ แต่คำภาวนาของคำสันต์ไม่จริง ไม่แม้แต่จะใกล้เคียง

“อื้อออออ” อลันดันแตะต้องส่วนนั้นที่แข็งขืน แน่นอนมันไม่ได้แข็งเพราะมีอารมณ์แต่อย่างใด

อลันโน้มหน้าเอาปากประชิดริมฝีปากคมสันต์ก่อนกระซิบเบาๆ “อดทนให้ผมเสร็จสักรอบก่อนก็แล้วกัน”

“มะไม่...ไม่นะ...ฮื่อออออ” คมสันต์จะดิ้นหนี แต่อลันบดจูบปิดปากของเขาเสียก่อน

อลันไม่เปิดโอกาสให้คมสันต์ได้ทักท้วงหรือดิ้นรนหนีจากเงื้อมือของตัวเอง เขาใช้ความช่ำชองและความรู้จักร่างกายคมสันต์ในการเร้าโลมรวมถึงกลั่นแกล้งส่วนนั้นที่น่าจะทรมานเอาการ มันอาจเป็นสีสันอีกอย่างในเรื่องเซ็กส์ การเห็นคมสันต์ดิ้นรนหนีและไม่ยินยอมง่ายๆ มันก็สนุกและเร้าใจเขาดีไม่ใช่น้อยๆ

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าการที่ปวดฉี่แล้วทำไปด้วยร่างกายจะไวต่อความรู้สึกมากเป็นพิเศษ อาจจะเป็นกับคมสันต์คนเดียวก็ได้ แต่จะกับใครบ้างอลันไม่สน สนแค่คนตรงหน้านี้เท่านั้น ร่างกายเกือบเปลือยเหลือแค่เสื้อเชิ้ตติดกายดีดดิ้นเบาๆ หนีมือไปมา สนุกเหมือนเล่นไล่จับเลย อลันใช้จังหวะที่บดปากกับคมสันต์เตรียมความพร้อม

แล้ว...

“ขอโทษครับ!!!” คมสันต์ก็งัดเอาเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายดันอลันออกจากตัว ลุกขึ้นวิ่งอย่างไวไปที่ห้องน้ำ เขาอั้นไม่ไหวจริงๆ

เมื่อทำธุระเสร็จก็ต้องกลับมาเผชิญหน้าอลันที่นั่งกอดอกไม่พอใจอยู่ตรงโซฟา กลิ่นคุกคามเบาบางลงใช่ว่าโกรธน้อยลง คมสันต์สบตาอลัน รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องทำอะไร เขาเดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าอลันเพื่อน้อมรับบทลงโทษ

อลันจับปลายคางคมสันต์แล้วบดปากลงไปอย่างแรง เอาโทสะสาดใส่คมสันต์เพื่อระบายอารมณ์ขุ่นมัว เซ็กส์รอบนี้จึงเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนที่อลันมอบให้คมสันต์

สี่สิบนาทีผ่านไปไวเพราะข้ามฉาก!

คมสันต์ตะเกียกตะกายอย่างทุกลักทุเลไปยังห้องน้ำในห้องทำงานของอลันหลังจากอลันพ่นใส่หน้าอกของเขา เปรอะเปื้อนเสื้อทำงานเป็นวงๆ กระจัดกระจายกันไปอย่างไม่เท่าเทียม

คมสันต์ใช้มือสั่นๆ ของตัวเองวักน้ำมาเช็ดที่หน้าอกและเสื้อ อย่างน้อยเอามันออกไปบ้างตอนกลับบ้านจะได้ไม่น่าเกลียดเสื้อผ้าพวกนี้แม่เขาเป็นคนซักเสียด้วย

แม่จ๋า หนูขอโทษที่ต้องให้มือแม่แปดเปื้อน!

คมสันต์คิดพลางเช็ดๆ ถูๆ หวังเอาคราบพวกนี้ออกให้ได้มากที่สุดแม้ว่าเสื้อจะเปียกเหมือนคนตกน้ำมาก็ตามที มันไม่สบายใจเวลาที่มีของแบบนี้เปื้อนเสื้อผ้าแล้วแม่เอาไปซักน่ะนะ

คมสันต์มองตัวเองในกระจก ดูสภาพหัวเหอที่กระจัดกระจายจากการที่โดนกระทำด้วยความรุนแรง ลำคอไม่เป็นรอยแต่เนื้อตัวไม่รอดเช่นเคย เหมือนอลันหมั่นเขี้ยวหรืออะไรสักอย่างถึงได้ชอบกัดชอบบีบเขาแบบนี้ บางทีคงเพราะอลันเป็นอัลฟ่า สัญชาตญาณลึกๆ ของอัลฟ่าก็คงอยากฝังคมเขี้ยวลงไปที่โอเมก้าเพื่อผูกพันธะนั่นแหละ ซึ่งเบต้าอย่างคมสันต์ไม่เป็นอะไรแค่เจ็บ ช่าย...เจ็บไม่ใช่เล่นๆ เลยด้วย

ร่างโปร่งอ่อนแรงเดิกกะเผลกพร้อมเกาะพวกกำแพงโต๊ะเก้าอี้เข้ามาในห้องทำงานอีกหนก็พบว่าอลันนั้นแต่งตัวเรียบร้อย ผมจัดทรงเรียบเสื้อผ้าเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับเรื่องเมื่อกี้นี้ไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งที่กางเกงสแล็กและกางเกงชั้นในของคมสันต์ยังกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพรมกลางห้อง

อลันที่กำลังขยับเน็กไทด์ตรงคอหันมาจ้องมอง คมสันต์สะดุ้งเฮือก ด้วยยังหลอนกับแววตาที่ดุร้ายของอลัน ถึงขั้นหลบสายตาแล้วไปมองพื้นมองพรมแทนที่จะเป็นใบหน้าอลัน โดนกดดันจนประสาทจะกินไปตั้งหลายชั่วโมง ความกล้าหาญชาญชัยที่เคยมีมันก็หดหายไปหมดแล้วเช่นกัน

คมสันต์รู้สึกโดนสายตาคู่นั้นไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า มือหนึ่งของเขาค้ำกำแพงไว้เพราะยืนยังไม่ค่อยไหว ลงน้ำหนักไปที่ขามากไม่ได้มันปวด แต่ถึงกระนั้นก็ต้องใช้อีกมือปกปิดเจ้าคมน้อย เนื่องจากทั้งตัวเขามีแค่เสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียว ท่อนล่างมันถึงได้ดูโป๊ดูลามกเป็นอย่างมาก ยิ่งมีหยดน้ำเกาะผิวกายท่อนล่างก็ยิ่งดูล่อแหลม

“ซักผ้ามารึไง” แค่คำถามเรียบง่ายของอลันคมสันต์ก็สะดุ้งเฮือก เขาค่อยๆ เงยหน้าช้อนตาเศร้าๆ มองผู้พูดอย่างอลัน

“ก็มันเปื้อนนี่ครับ” ถ้าอลันไม่ทำเปื้อนก็ไม่เปียกน้ำขนาดนี้หรอก

“แล้วทำไมไม่ถอด” เพราะไม่อยากทำเลยไม่ถอดมั้งแหม คมสันต์เผลอเถียงในใจแบบที่ชอบทำ แล้วก็เบะปากเบาๆ กับน้ำเสียงที่เหมือนดุเด็กของอลัน

“คุณน่ะใจร้าย”

“ใครใจร้าย” อลันสวนทันทีสุ้มเสียงแข็งกระด้างกว่าเคยเล็กน้อย แค่เล็กน้อยคมสันต์ก็รับรู้มันได้อย่างชัดเจน

อลันพูดแบบนี้คมสันต์ก็ไม่กล้าที่จะงอแงให้เห็น แล้วไอ้เรื่องจะไปเถียงว่าอลันน่ะใจร้ายมันพูดได้ไม่เต็มปาก ยังไงเขาก็สร้างเรื่องเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะมีสภาพแบบนี้เหรอ

บอกตรงๆ อลันที่เป็นอัลฟ่าจ๋าๆ น่ากลัวมาก น่ากลัวชนิดที่คมสันต์ไม่อยากจะเจออลันในเวอร์ชั่นนั้นอีกแล้ว มันฝังใจเพราะเขาไม่เคยเจออัลฟ่าคนไหนกดดันได้มากขนาดนี้ ขนาดที่สัญชาตญาณกรีดร้องด้วยความหวาดผวาอย่างที่สุด คมสันต์จำแววตาและกลิ่นที่ได้รับเป็นอย่างดี หรือต้องบอกว่าเขาจดจำสิ่งที่อลันทำไว้ได้หมด

“ผมขอโทษนะครับ...”

“...” อลันไม่ตอบ จะเบะปากร้องไห้อีกรอบนะ ไม่ได้สิ...อลันยังไม่ได้ดุแบบนั้นเสียหน่อย

“ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีจริงๆ คุณคะนิ้งดูปลื้มคุณอลันมาก ผมเห็นว่าเธอ...”

“พอ!” จู่ๆ อลันก็แทรกเสียงแข็งราวกับไม่อยากฟังคำคำนั้นจากปากคมสันต์

และใช่...ไอ้คำพูดที่ดูเหมือนจะจับคู่เขากับหญิงสาวที่ไหนก็ไม่รู้มันไม่น่าฟัง มันน่าหงุดหงิด นี่ชีวิตเขา เรื่องคู่เขาจะเลือกเองไม่ว่าคนอื่นจะมองว่าเหมาะสมไหมเขาไม่สน เพราะถ้าเขาต้องการและคิดดีแล้วว่าคนคนนี้คือคนที่ใช่ ต่อให้ทั้งโลกบอกว่าไม่เหมาะสมเขาก็ไม่แคร์ เพราะคนที่อลันจะเลือกคือคนที่อลันจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยไม่ใช่ไอ้คนทั้งโลกที่เป็นใครก็ไม่รู้

อลันเดินไปนั่งโซฟากลางห้องทำงาน กอดอกแล้วจ้องมองคมสันต์ที่ยืนค้างเติ่งอยู่ระหว่างทางไปเอาเสื้อผ้าตัวเองบนพรม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ไม่ได้หล่อเหลาระดับซุปเปอร์โมเดลนั้นกำลังแสดงออกถึงความหงอยที่โดนตะคอกไปเมื่อครู่ ทำไมอลันจะไม่รู้ว่าแค่ขึ้นเสียงใส่คมสันต์ตอนนี้ก็สามารถทำให้คมสันต์ร้องไห้ได้ ร่างกายนั้นอ่อนล้าและจิตใจที่โดนกดดันจนสั่นคลอนมานานนับชั่วโมงๆ อ่อนไหวได้ง่ายยิ่งกว่าเด็กน้อยวัยอนุบาลเสียอีก

“ขอโทษครับ” คมสันต์เอ่ยขอโทษเสียงอ่อน บวกกับท่าทางแบบนั้น เอาเข้าจริง...คนฟังก็เริ่มใจอ่อน

“ยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด” คมสันต์คิดนะว่าเขาน่ะไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย แต่ก็นั่นแหละ...เป็นเขาก็คงหงุดหงิดไม่ต่างจากอลันหรอก

“ครับ ผมจะไม่พูดแล้ว” คมสันต์หงอเป็นหมาหงอย หมาที่โดนเจ้านายดุเพราะไปดื้อใส่เจ้านายตัวเองเนี่ยแหละ

คมสันต์เดินกะย่องกะแย่งไปยังพรมที่มีเศษซากเสื้อผ้า ไอ้เจ้ากางเกงสแล็กและชั้นในน่ะอยู่ดีมีสุข ไอ้ที่อยู่ไม่ดีมันคือเสื้อเปียกน้ำนี่แหละ เพราะนอกจากจะเปียกน้ำเหมือนไปโดนสาดมาจากที่ไหนแล้วก็ยังมีกระดุมเหลือติดเสื้อแค่สองเม็ดเท่านั้น

คมสันต์ทรุดตัวลงกับพื้นพรม ดึงกางเกงชั้นในและสแล็กของตัวเองมาไว้ใกล้ๆ มันคงเป็นภาพที่น่าอนาถพอดู เมื่อเขาไม่สามารถที่จะยืนใส่กางเกงเองไหวเพราะขาเจ้ากรรมดันไม่มีแรง คมสันต์ค่อยๆ สวมใส่ท่อนล่างทีละชิ้นท่ามกลางสายตาของอลันที่จ้องมองราวกับจะกดดัน แม้ว่าที่จริงอลันแค่มองแบบปกติ ติดที่คมสันต์อ่อนไหวกว่าปกติก็เท่านั้นในตอนนี้

RrrrrRrrrrrr!!!

ยังไม่ทันสอดขาเข้ากางเกงสแล็กเสียงเรียกเข้าก็แผดร้องออกมาท่ามกลางความเงียบงัน คมสันต์สะดุ้งอีกครั้ง ตอนแรกคิดว่าเป็นของอลันแต่ว่าพอดูดีๆ มันเป็นของเขาซึ่งมือถือนั้นนอนสั่นอยู่บนพรม...

ครรชิต! มันคือชื่อที่เด่นหราอยู่ที่หน้าจอ

____ [100%] ____

รอกันนานไหมคะ นานแน่ๆ เลย เมื่อสัปดาห์ก่อนไม่ได้อัปเพราะรอภาพคอมมิชชั่นจากน้องนักวาดค่ะ ด้วยคิวน้องยาวก็เลยมาช้าขออภัยด้วยนะคะ ต่อไปนี้อาจจะอัปโดยไม่มีภาพคอมมิชชั่น ไว้ภาพมาค่อยมาใส่ให้ชมน้า

สำคัญ~ เร็วๆ นี้จะมีข่าวดีเรื่องรูปเล่มนะคะ ^^



____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____

Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)

สั่งซื้อได้ที่

เทพช๊อป /> https://bit.ly/2OUrk08

inbox เพจ /> https://bit.ly/37av9Jl

ทดลองอ่าน // https://bit.ly/35bG6KC

Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)

ลิงก์/> https://bit.ly/3xmyEIw

~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 11 : 100% [29/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-06-2021 11:11:06
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 11 : 100% [29/06/64]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-06-2021 19:02:01
อลันใจร้ายไปอ่ะ ถ้าคมไม่ชอบไม่รักขึ้นมา จะหัวเราะให้
นาทีขอเกลียดอิพ่อก่อนทำลูกตัวเองเดือดร้อน อลันจัดการด่วนๆ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 12 : 40% [01/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 01-07-2021 19:38:49
ตอนที่ 12 : คมสันต์กับการปฏิเสธ [40%]

“จะมองมันอีกนานไหม” คมสันต์สะดุ้งได้สติหลังจากมองชื่อบนหน้าจอมือถือ

“ครับๆ” รีบใส่กางเกงลวกๆ แล้วคว้ามือถือมารับ อลันคงรำคาญที่เสียงมันดังรบกวนละมั้ง

คมสันต์ไม่อยากจะรับสายนี้เลย มันเป็นสายของตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งคุกเข่าอยู่ร่วมสี่ชั่วโมง แถมยังโดนทรมานด้วยการกระทำชำเราขณะที่ปวดขาไปหมด

แถม...ไม่ทำให้เขาเสร็จด้วย!

“สวัสดีครับ” คมสันต์กดรับสายพร้อมกับนั่งทับขาตัวเองอยู่ตรงพื้นพรม ท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเพราะร่างโปร่งบนโซฟากำลังนั่งเท้าคางจ้องมองอยู่

(ทำไมอลันปฏิเสธที่จะไปกินข้าวกับคะนิ้งฮะ!!!) โอ๊ยสะดุ้งอีกรอบ เอามือถือออกจากหูตัวเองแทบไม่ทัน อะไรจะหัวร้อนขนาดนั้น เล่นตะคอกใส่ตั้งแต่คำแรกที่พูดออกมาเลย

“เขาไม่ว่างครับ” เพราะเขากินลูกชายคุณอยู่ครับ น่าตอบแบบนี้จริงๆ เลยให้ตายเถอะ

(แกก็ทำให้เขาว่างซะสิ!!) เดี๋ยววววว หลายๆ เดี๋ยวเลยก็ได้ถ้าเป็นไปได้ คนเขาไม่ว่างจะมาบังคับว่าต้องว่างเพื่อไปกินข้าวกับลูกสาวตัวเองเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่าอะ ตรรกะอะไรวะเนี่ยยย

“ผมทำแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะครับ”

(แกต้องทำได้สิ แกเป็นผู้ช่วยเขานะ) ผู้ช่วยปลอมๆ ล่ะสิไม่ว่า มันก็แค่สิ่งที่อลันเอาไปอ้างเมื่องานสังสรรค์ครั้งก่อนเท่านั้น แต่จะให้พูดความจริงตรงนี้มันก็ไม่ได้อีก

“ผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ครับ” คมสันต์พูดอย่างระมัดระวัง การเอ่ยชื่อของคนปลายสายและคนที่นั่งจ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

(แกนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ) ไร้ประโยชน์แล้วมาใช้งานเขาทำไมวะ ไม่ไปหาคนอื่นที่มันประโยชน์กว่าเขามาจับอลันให้ลูกสาวล่ะ เรื่องแค่นี้อัลฟ่าไม่น่าจะฉลาดน้อยคิดไม่ได้นะ

“...ครับ” ตอบได้แค่นี้แหละ จะให้ตอบอะไรมากกว่าล่ะ

(งั้นเย็นนี้คุณอลันเขามีงานอะไรทำไมถึงไม่ว่าง) คมสันต์เหลือบตามองอลัน ซึ่งก็เจออีกฝ่ายจ้องอยู่แบบไม่ละสายตา

“งานที่บริษัทครับ” พูดรวบๆ ไปแบบนี้ก็แล้วกัน อย่างที่รู้ๆ กันแหละว่าอลันทำอะไรถึงไม่ว่าง

(แล้ววันอื่นๆ ล่ะ คุณอลันมีงานที่ไหนหรือออกงานสังคมไหนบ้าง) โอ๊ะ ถึงขั้นถามตารางงานรองประธานบริหารกันอย่างนี้เลยนะ แล้วไอ้ผู้ช่วยจอมปลอมอย่างคมสันต์มันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ

“เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานด่วน” คมสันต์ตัดบททิ้งดื้อๆ เหมือนได้ยินเสียงตะคอกอะไรไม่รู้แว่วๆ แต่เขาไม่สนใจ รีบวางสายแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตัวเอง

แน่นอนว่าทุกการกระทำของคมสันต์นั้นอยู่ในสายตาอลันตลอดเวลา คมสันต์ก็รู้ตัว เขาขยับตัวช้าๆ เปลี่ยนท่ามานั่งคุกเข่าอีกครั้งเพื่อจะได้ลุกขึ้นง่ายๆ คิดว่าอลันไม่น่าจะมีอะไรแล้วในวันนี้ นี่ก็เลยเวลาเลิกงานมาพอสมควรแล้วด้วย

ด้วยความที่อลันจ้องมองคมสันต์อยู่ตลอด พอคมสันต์เงยหน้าก็สบตากับอีกฝ่ายในทันที ดวงตาแสนเย็นชาคู่นั้นถ้าไม่มีงานอยู่ตรงหน้าก็อยู่ที่หน้าคมสันต์คนนี้ มันเป็นแบบนี้เสมอตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาช่วยพาอลันไปส่งโรงพยาบาลเพราะอลันเป็นลมแล้วล่ะ คมสันต์ไม่รู้หรอกว่าอลันจ้องมองแบบนั้นไปทำไม แต่ที่รู้ๆ เขาเองเวลาสบตากับอลันแล้วก็ละสายตาไม่ได้ทุกที

“คุยกับใคร” คำถามของอลันพาเอาเลิ่กลั่ก นึกภาพตัวเองเป็นการ์ตูนแล้วคงตลกเพราะเหงื่อจะออกตามขมับเป็นเม็ดเป้งๆ พร้อมสายตากวาดซ้ายขวาไม่กล้ามองตอบโต้กับผู้ถาม

“เอ่อคือ...” คุยกับใครดีวะ “ลูกค้าน่ะครับ”

“คนไหน” ตอบจบปุ๊บถามต่อปั๊บ เอาล่ะ ความเอ๋อมาเยือน...เขาควรตอบว่าลูกค้าคนไหนดีวะ จะอ้างชื่อครรชิตก็ไม่ได้เนื่องจากมีประเด็นอยู่

“ก็...” ก็อะไรดีวะ ลูกค้าคนไหนดีวะ เอ่อ คนไหนได้...คนไหนอลันไม่รู้จัก “เป็นลูกค้ารายย่อยที่ลูกน้องผมดูแลอยู่น่ะครับ พอดีลูกน้องผมให้เขาโทรมาถามเรื่องงานนิดหน่อย”

“งานอะไร” เฮ้ยยยย ไม่จี้ไม่ถามต่อไม่รู้จะตอบยังไงเลยโว้ยยยย

“ก็มีในส่วนของเอกสารที่ทางเขาไม่เข้าใจ แล้วเขาก็อยากให้ผมเป็นคนเอาเอกสารนั้นไปให้ แต่มันไม่ใช่การรับผิดชอบของผม ผมเองถ้าจะทำก็ต้องไปเอารายละเอียดจากลูกน้องคนนั้น แต่ว่าวันนี้ลูกน้องคนนั้นเขาลางานก็เลยยังจัดการปัญหาให้เขาไม่ได้ครับ” คมสันต์ต้องตัดสินใจยกเคสหนึ่งที่เคยมีปัญหาคล้ายๆ แบบนี้มาโกหกอลัน

สาบานด้วยความสัตย์จริงว่าไม่ได้อยากโกหกอลันเลย เป็นไปได้เขาก็ยังอยากเป็นแค่คนที่อลันเรียกให้ไปซื้อข้าวมาให้กินในบางครั้งเหมือนที่ผ่านมา ไม่ได้อยากมาหลอกอลันแบบนี้ แต่การพูดความจริงมันก็กระอักกระอ่วน กลัวกังวลผลกระทบที่จะตามมาหลายอย่าง

ถ้าอลันไม่สนใจน้องสาวต่างแม่ของคมสันต์จริงๆ ยังไงซะวันหนึ่งอลันก็ต้องบอกกับเธอ แล้วคงเคลียร์ปัญหานี้ได้เอง ดูเห็นแก่ตัวมากเลยนะ ที่เอาเรื่องมาให้อลันจัดการเองเนี่ย แต่ถ้าไม่ทำทางนั้นก็ไม่หยุดยุ่งกับแม่ของเขา

“แล้วบอกเขาว่ามีงานด่วนนี่คือ?” นี่คือจะจำมันทุกคำพูดเลยหรือยังไงครับ จำดีไปไหม อะไรลืมได้ก็ลืมๆ มันไปบ้างเพราะไอ้คนโกหกคนนี้แม่งไม่รู้แล้วว่าจะหาอะไรมาแถ

“คือ...” แก้ต่างแบบไหนให้รองประธานบริหารไม่กินหัวก่อน คิดสิคิดดด ไอ้คมใช้สมองคิสสสส “เขาดูตื้อไปหน่อยน่ะครับ ผมเลยก็ชิ่งก่อน เดี๋ยวจะรีบตามน้องคนที่ดูแลงานนี้มาจัดการต่อ”

“ปัดความผิดชอบ?” น่านไง บอกแล้วว่าทางไหนก็ดูแย่น่ะ บอกฝ่ายนั้นว่ามีงานด่วนทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่ได้มีงานอะไรเลย มีแต่อัลฟ่าที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาเท่านั้นเอง

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คือ...เกรงใจคุณอลันที่มานั่งจ้องด้วยแหละครับ คิดว่าเดี๋ยวผมค่อยแวะกลับไปที่แผนกเพื่อดูงาน ถ้าเจอก็จะรีบแจ้งเขาทันทีเลยครับ”

“โทษผม?” โอ๊ยยยยยไอ้คุณตะลันนนน

“เปล่าคร้าบ”

“หึ” อลันกระตุกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้จะทำยังไงของคมสันต์ มันตลกดี เวลาที่เจ้านี่ทำหน้าเหมือนหนูติดจั่น

“อ่า...คุณแกล้งผมเหรอ” ไหล่ห่อลงพร้อมกับสีหน้างอน

“ผมไม่เล่นเป็นเด็กหรอก” ก็เห็นๆ อยู่ว่ายิ้มใส่อะ จะมาบอกว่าไม่เล่นเป็นเด็กเนี่ยนะ แต่เอาเหอะ...คุณอลันว่าอย่างไรก็ตามนั้น

“คร้าบๆ คุณอลันจะกลับเลยไหมครับ”

“คุณจะกลับแล้ว?”

“ครับ ผมจะกลับบ้านแล้ว” อยากกลับไปหาแม่คร้าบ อยากกลับไปพักผ่อนด้วยคร้าบ แต่ไม่รู้ทำไมพอบอกว่าจะกลับบ้านอลันก็ชักสีหน้าใส่ มันนิดเดียวจริงๆ นะเวลาอลันแสดงสีหน้า แต่ไม่รู้ทำไมคมสันต์ดันมองมันออกแล้ว

“แน่ใจว่าจะกลับทั้งที่ยังไม่เสร็จ” ไม่เสร็จในทีนี้หมายถึง..พุ่งปี๊ดอ่า~ ใช่ ครั้งนี้คมสันต์ไม่เสร็จเพราะว่าอลันแกล้งเขายังไงล่า

“อ่า...”

“ผมยังไม่พอด้วย” อลันพูดแบบตรงไปตรงมา ก็รู้แหละว่าเรื่องความต้องการของอลันน่ะ อลันจะพูดให้รู้ๆ กันไปเลย ไม่มาอิดออดเล่นตัวกับเขานักหรอก

คมสันต์ยอมรับเลยว่าการที่รู้ว่าอลันยังต้องการนั้นเป็นสิ่งที่ยั่วยวนเขาไม่ใช่น้อยๆ เหมือนอลันเอาสตรอว์เบอร์สดสีแดงฉ่ำมาล่อหลอก มันไม่แปลกใช่ไหมที่เขาจะหลงใหลการทำเรื่องลามกกับอลัน หลงใหลเรือนร่างสีหน้าและเสียงหอบทรงเสนห์ของอลัน ที่ผ่านมามีอะไรกับใครไม่ว่าแฟนหรือวันไนท์ก็ยังไม่มีใครที่ถึงใจเท่าคนตรงหน้าเขาเลย

ต่อให้ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่การได้ทำกับอลันมันก็ฟิน...

____[40%]____

มันน่าเบื่อไหมคะ? นิยายเรื่องนี้…เรากลัวมันน่าเบื่อจังเลยค่ะ

ช่วงนี้เรามีอะไรต้องจัดการเต็มไปหมด วุ่นวายกับหลายๆ อย่างเลยมาอัปนิยายช้า ต้องขอโทษด้วยค่ะ แบบว่ากลับบ้านมาก็แทบจะหลับเลย เพลียมากกกก

____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____

Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)
สั่งซื้อได้ที่ 
เทพช๊อป // https://bit.ly/2OUrk08 
inbox เพจ // https://bit.ly/37av9Jl 
ทดลองอ่าน // https://bit.ly/35bG6KC

Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)
ลิงก์// https://bit.ly/3xmyEIw

~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 12 : 40% [01/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-07-2021 12:07:53
 อลันวันๆไม่ทำไรต้องแต่จะกินเค้าอย่างเดียว กินแล้วก็ไปฟาดตัวปัญหาให้เค้าด้วยละ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 12 : 100% [02/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 02-07-2021 18:12:29
ตอนที่ 12 : คมสันต์กับการปฏิเสธ [100%]

คมสันต์มองหน้าอลันด้วยความลำบากใจ อยากต่อก็อยากเพราะยังไม่เสร็จจริงๆ อีกทั้งคมสันต์ปฏิเสธคนไม่เก่งเท่าไหร่ ยิ่งกับอลันที่เขารู้สึกถึงบางอย่างด้วยแล้วยิ่งไม่อยากปฏิเสธเลย


แต่เหนือกว่าอลันคือแม่...แม่เป็นคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้ คมสันต์ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมันทำอะไรกับแม่เขาไหม หรือแม่เขาจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องโดนคนมาป้วนเปี้ยนข่มขู่อยู่รอบบ้านตัวเองขนาดนั้น ถึงแม่จะแสดงให้คมสันต์เห็นว่าเข้มแข็งแค่ไหนแต่เอาเข้าจริงๆ แม่ก็เป็นแค่ผู้หญิงเบต้าตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

ถึงจะลำบากใจมากคมสันต์ก็มีทางเลือกเดียวจริงๆ คมสันต์เงยหน้าสบตากับอลัน แววตาเขาฉายความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอลันที่เห็นๆ ว่านิ่งเฉย ทว่าคมสันต์รับรู้ได้ว่าอลันนั้นคาดหวังคำตอบแบบไหนอยู่

“ผมขอโทษจริงๆ ที่ต้องปฏิเสธ ผมต้องกลับบ้าน” ทันทีที่พูดจบบรรกาศรอบด้านก็หนักอึ้ง โอ๊ย...ต้องเจอกับการคุกคามของอัลฟ่าจนหมดวันเลยไหมเนี่ยยย

“ทำไม” เสียงอลันแข็งขึ้น ความไม่พอใจฉายชัดในแววตาเย็นชาคู่นั้น คมสันต์คนนี้แทบจะไม่กล้าสบตาต่อแต่เพื่อให้อลันรู้ว่าเขาจำเป็นจริงๆ เลยต้องฝืนตัวเองเอาไว้

“พอดีว่าวันนี้มีคนมาป้วนเปี้ยนที่บ้านน่ะครับ แม่ผมส่งข้อความมาบอก ผมเป็นห่วง...ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมันจะทำอะไรแม่หรือเปล่า ไอ้จะถามก็...” เว้นว่างไว้ให้รู้ว่าที่ถามไม่ได้เพราะนั่งสำนึกผิดอยู่กลางห้องนี้นี่แหละ

“เจ้าหนี้หรือไง” เออ...จะว่าเจ้าหนี้ก็ไม่ผิด แต่ไม่ใช่เจ้าหนี้ในเชิงนั้นเนี่ยสิ

“ไม่ครับ ผมกับแม่ไม่ได้ไปสร้างหนี้ที่ไหน แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาเป็นใคร แม่ก็ไม่รู้  พวกนั้นมาป้วนเปี้ยนที่บ้านตั้งแต่เช้า แม่บอกว่าพอผมออกจากบ้านมาทำงานไม่ถึงชั่วโมงคนพวกนั้นก็มา จนกระทั่งช่วงเที่ยงที่แม่ส่งมาหาผมคนพวกนั้นก็ยังไม่ไปไหน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมันไปหรือยังเพราะว่าไม่ได้ติดต่อกับแม่”

“งั้นก็โทรสิ” อ่า...ไอ้คุณตะลันเอาแต่ใจอีกแล้ว

“ผมห่วงแม่จริงๆ ครับคุณอลัน ผมขอโทษที่ต้องขัดใจคุณ”

“จิ๊!” อลันวาดขาที่ไขว่กันอยู่ออก จากนั้นร่างสูงสง่าก็ลุกขึ้นไปคว้าเสื้อสูทของตัวเอง

คมสันต์ทำได้แค่มองอลันเดินออกจากห้องทำงานไปด้วยความรู้สึกที่แสนหนักอึ้ง มันแย่ในหลายๆ ความหมาย การเห็นอลันไม่พอใจมันก็ทำให้เขาไม่สบายใจเหมือนกัน แต่อย่าถามนะว่าทำไมถึงไม่สบายใจ เขาก็ไม่รู้ลึกๆ หรอก อาจจะแค่เป็นห่วง...มั้ง ไม่สิ รู้สึกผิดมากกว่าที่ทำให้คนอื่นผิดหวัง ดูก็รู้ว่าอลันหวังไว้เยอะทีเดียว

ตั้งแต่ได้มาพัวพันอยู่กับอลันไม่มีครั้งไหนที่คมสันต์ปฏิเสธอลันเลย เขายินที่จะตามใจอัลฟ่าคนนี้แค่ไม่ใช่ในครั้งนี้ คมสันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อยๆ ปล่อยวางความรู้สึกตัวเองลง ว่าง่ายๆ คือพยายามปลงนั่นแหละ เขาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

“เฮ้อ...” ถอนหายใจหนักๆ อีกรอบ

วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจเลย โดยเฉพาะเรื่องเหนื่อยใจเนี่ยสุดๆ ทั้งต้องมาหลอกลวงคนอื่น มาโกหกคนอื่น แล้วก็ต้องมาโดนลงโทษจนกระทั่งตอนนี้ขาก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง ทำไมมันแย่แบบนี้น้า...คมสันต์ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

คมสันต์ค่อยๆ พาสารร่างของตัวเองออกมาจากห้องทำงานของอลัน ต้องค่อยๆ ลุกนะ เพราะเข่านี่คือพังมาก อาการอย่างกับคนแก่ที่เข่าเสียไปแล้ว เดินเหินลำบากสุดๆ ก้าวไปแต่ละก้าวคือปวดจี๊ดที่หัวเข่า มันเป็นอาการปวดตุ้บๆ อยู่ข้างในเข่าอีกทีน่ะ แถมด้วยความที่ต้องอดทนกับแรงกดดันที่อลันได้มอบให้อย่างหนักหน่วงในช่วงบ่าย ทำให้คมสันต์เพลียหนักจัดๆ แทบไม่มีแรงจะเดินเลย

เกือบครึ่งโมงที่แสนทุลักทุเล ในที่สุดคมสันต์ก็มาหยุดยืนอยู่ริมถนน ด้วยความที่ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว จะให้ขับรถเองมันก็ดูเป็นการทรมานเข่าซ้ำซ้อน คมสันต์เลยตัดสินใจโบกรถแท็กซี่กลับบ้าน แล้วคิดสภาพท้องถนนในเมื่องกรุง นั่งแท็กซี่ตอนนี้ตีบวกเรื่องค่ารถไปอีกคูณสองคูณสามได้เลย เพราะรถมันติดมากกกก มากถึงมากที่สุด เรียกได้ว่าแค่เห็นก็รู้สึกเหมื่อยขาแทนคนขับรถแล้ว...

ระหว่างอยู่บนรถคมสันต์ได้โทรไปหาแม่ ถามแม่เรื่องคนพวกนั้นว่ากลับไปหรือยัง ทำให้คมสันต์รู้ว่าทันทีที่เขาส่งรูปให้ครรชิต ทางนั้นก็ให้คนที่มาป้วนเปี้ยนบ้านเขากลับไป แล้วคนพวกนั้นก็แค่มาเดินวนไปวนมาสร้างความกดดันให้กับแม่ของคมสันต์เท่านั้น ไม่มีการบุกรุกเข้ามาในบ้านหรือว่าข่มขู่รุนแรงอะไร คมสันต์ถึงถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ อย่างน้อยแม่เขาก็ปลอดภัย

ด้านคนเป็นแม่เองใช่ว่าจะไม่ห่วงลูกชาย เห็นว่ามีคนมากดดันที่บ้านก็รู้ได้แล้วว่าคนพวกนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวกับครรชิตและคมสันต์แน่ๆ คมสันต์เลือกที่จะยังไม่เล่าให้แม่ฟังในตอนนี้ ไว้ถึงบ้านค่อยเล่าระหว่างที่นั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน

พอรู้ว่าแม่ไม่เป็นอะไรมันก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก โล่งมากกก ถ้าไม่นับอาการทางร่างกายตอนนี้น่ะนะ ถือว่ามันก็ยังมีเรื่องให้สบายใจอยู่บ้าง ดีกว่ามีเรื่องที่ต้องคิดต้องเครียดนั่นแหละ นี่คมสันต์เผลอคิดไปด้วยนะว่าพวกนั้นอาจจะทำอะไรแม่ ถ้าเกิดพวกนั้นมันทำอะไรขึ้นมาแล้วเขาจะทำยังไง โอ๊ย...แค่จำลองในหัวก็แทบจะเส้นเลือดในสมองแตกแล้ววว

“แม่หนูกลับมาแล้ว...” คมสันต์ส่งเสียงให้ผู้เป็นแม่ขณะเปิดประตู กลิ่นหอมของอาหารที่แม่ทำให้นั้นลอยคลุ้งเข้าสู่โพรงจมูก เล่นเอาท้องนี่ร้องโครกครากดังลั่น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าคมคนนี้ก็เดินไวๆ ไม่ได้

“ตายแล้วลูก!” แม่เห็นคมปุ๊บก็ต้องตกใจ แหงล่ะ...สภาพเดินกระแผลกๆ ขนาดนี้ไม่ตกใจได้ยังไง

“ยังไม่ตายแม่ หนูยังหายใจ”

“แหนะลูกคนนี้ ใช่เรื่องเล่นไหมเนี่ย” แม่ตีไหล่คมสันต์เบาๆ ก่อนจะประคองแขนลูกชายเข้าบ้าน

ภาพผู้หญิงตัวเล็กลุกลี้ลุกลนเข้ามาประคองผู้ชายร่างสูงใหญ่ค่อยๆ หายลับสายตาไป เมื่อทั้งสองร่างนั้นพากันเดินเข้าตัวบ้าน อลันลดกระจกลง เคาะบุหรี่จากซองมาคาบไว้ก่อนจะจุดสูบควันพิษเข้าปอดอึกใหญ่

ภาพที่คมสันต์เอ่ยปฏิเสธเขายังชัดอยู่ในความทรงจำ แววตาและสีหน้าลำบากใจของคมสันต์ทำให้อลันรู้สึกว่าสิ่งที่คมสันต์พูดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก แต่มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ คมสันต์ตามใจอลันมาตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก ให้ทำอะไรก็ทำ ให้พาไปส่งก็ไป ทว่าครั้งนี้เจ้าเบต้าดันกล้าปฏิเสธเขา มันโคตรน่าหงุดหงิดเลย

ส่วนหนึ่งในใจอลันเชื่อคมสันต์ แต่อีกส่วนก็อยากพิสูจน์ว่าคมสันต์นั้นพูดจริงไหม ตอนที่เขาเดินออกมาโดยไม่พูดไม่จาอะไร ทิ้งให้คมสันต์นั่งหน้าหงอยอยู่ในห้องทำงานคนเดียวนั้นเขาหงุดหงิดจริงๆ แต่พอมาถึงลิฟต์เขาก็คิดได้ว่าเขาอยากรู้ว่าคมสันต์โกหกเขาไหม

อลันไปเอารถของตัวเองมาจอดไว้ในจุดที่สามารถเห็นด้านหน้าบริษัทได้อย่างชัดเจน เขาจุดบุหรี่รอคมสันต์เดินออกมา ซึ่งเขารออยู่นานมาก นานจนคิดว่าคมสันต์จะเป็นอะไประหว่างที่ออกมาจากห้องเขาหรือเปล่า

ในช่วงที่ความอดทนในการรอของอลันกำลังจะหมดลงเขาก็ได้เห็นร่างสูงโปร่งสมส่วนของคมสันต์เดินออกมา เจ้าเบต้าของเขานั้นมีกระเป๋าเป้ที่เหมือนกระเป๋าใส่แล็ปท็อปสะพายอยู่ข้างหน้า อลันรู้แหละว่ามันมีไว้เพื่อปกปิดเสื้อที่ไม่มีกระดุม

อลันขับรถตามแท็กซี่ที่คมสันต์นั่งออกมาจากหน้าบริษัท ขับมาเรื่อยๆ รักษาระยะห่างด้วยหมู่บ้านของคมสันต์เป็นแค่ทาวน์เฮ้าส์ พื้นที่มีไม่มาก ถนนในหมู่บ้านมีสองเลนให้รถขับสวนกันออกไปได้ อลันต้องรอจนกระทั่งแท็กซี่ของคมสันต์ขับออกไปแล้วค่อยทิ่มหน้ารถเข้าไปในซอยที่คมสันต์อาศัยอยู่

มันอาจจะดูเป็นการกระทำที่ไม่เข้ากับอัลฟ่าระดับอลัน แต่นี่แหละอลัน ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเย็นชาและไร้ความรู้สึกที่ใครๆ ต่างก็พากันมองว่าหยิ่งผยองและไม่แคร์ใครเลย

อลันทอดสายตาเหม่อมองเข้าไปในตัวบ้านสลับกับดูเวลาที่ผ่านเลยไป มีคนบางคนแอบเดินมาเมียงมองรถของอลันด้วยความที่อลันใช้รถยุโรปราคาแพง ทำให้มันเป็นที่สนใจของคนตรงนั้น แต่อลันก็ไม่สน เขาอยากรู้ว่าคมสันต์นั้นห่วงแม่จริงๆ หรือว่าแค่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปข้างนอกต่อ

ตรึ๊งงง

อลันเหลือบสายตามองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงแจ้งโดยไม่หันใบหน้าไป มีข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์เด่นตระหง่านอยู่ตรงนั้น มีคนจำนวนไม่มากที่อลันจะเปิดแจ้งเตือนและคนที่ส่งมานี่ก็เป็นหนึ่งในจำนวนน้อยนั้น

[คม : คุณอลันถึงบ้านหรือยังครับ] อลันหยิบขึ้นมาอ่านพลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสือยิ้มยากอย่างเขา

แต่...เขาก็แค่อ่าน

[คม : ผมถึงบ้านแล้วนะ] ใช่ เห็นแล้วว่าถึงบ้านแล้ว

[คม : คุณอลันอย่าลืมกินข้าวเย็นด้วยนะครับ หรือกินสเต็กปลาแบบที่คุณชอบก็ได้]

[คม : อาบน้ำแล้วพักผ่อนเยอะๆ นะครับ อย่าโหมงานเยอะนะ]

[คม : เรื่องวันนี้ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีผมขอโทษจริงๆ ผมผิดไปแล้วจริงๆ นะครับ]

[คม : หวังว่าคุณจะไม่โกรธผมซ้ำที่ผมปฏิเสธการไปส่งคุณที่บ้านวันนี้]

[คม : ผมไม่ได้อยากปฏิเสธคุณอลันจริงๆ นะครับ]

[คม : ผมยินดีที่จะไปส่งคุณตลอดเลยนะ แค่วันนี้มันมีเรื่องที่บ้าน]

[คม : อ่า...เวลาคุณอ่านแล้วไม่ตอบมันกดดันจังเลยครับ]

[คม : สติ้กเกอร์] เจ้าตุ๊กตาหมาหน้าโง่ที่หัวเราะทั้งน้ำตาเนี่ยนะ หึ! จริงๆ เลย

[คม : งั้นผมรบกวนคุณแค่นี้ดีกว่า ผมฝันดีคุณล่วงหน้านะ ไม่นอนดึกมากนะครับ]

มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คมสันต์จะส่งข้อความมาหาเขาในลักษณะนี้ แค่จะไม่ใช่เวลาแบบนี้เท่านั้น คมสันต์มักส่งมาตอนใกล้ๆ เที่ยงวันถามว่าเขาจะกินอะไรไหม ดูท่าคมสันต์จะห่วงเรื่องอาหารการกินและการพักผ่อนเป็นพิเศษ

บางครั้งอลันก็ตอบหรือไม่ก็ทักไปหาเอง แต่ช่วงเวลาใกล้เที่ยงที่อ่านไม่ตอบ ทิ้งให้ข้อความถูกดองอยู่ในมือถือมันก็เป็นเพราะว่าอลันนั้นยุ่งอยู่กับงานจนไม่สนใจแจ้งเตือนอะไรเลย ยกเว้นว่าอีกฝ่ายจะโทรมา อันนั้นถือว่าเป็นเรื่องด่วนอลันจะรับทุกสาย

อลันนั่งอ่านทวนข้อความจากคมสันต์อีกครั้งพร้อมกับจุดบุหรี่อีกตัว พออ่านทวนจนพอใจถึงได้มองไปยังบ้านหลังนั้น บ้านที่คมสันต์อาศัยอยู่กับแม่แค่สองคน ในสายตาอลันบ้านหลังนี้มันเล็กมาก ทั้งที่มีสองชั้นแต่ก็ยังเล็กกว่าห้องนั่งเล่นของเขา อาจะพอๆ กับห้องน้ำใหญ่ในห้องมาสเตอร์รูมเห็นจะได้

แต่อลันก็ไม่ได้มีความรู้สึกรังเกียจอะไรที่คมสันต์มีบ้านแบบนี้หรอก เขาเฉยๆ มากกว่าเพราะสิ่งที่เขาโฟกัสมันไม่ใช่บ้านแต่เป็นตัวคมสันต์เอง เบต้าคนนี้มีดีกว่าที่เห็นจากภายนอกเยอะมากๆ

ดีมากจนต้องเอาไว้ใกล้ๆ ตัวเลยล่ะ!

บุหรี่มวลที่สองยังไม่ทันหมดอลันก็เคลื่อนรถหรูออกจากซอยบ้านคมสันต์ เสียงเปียโนดังขึ้นเบาๆ จากการถูกเปิดให้คลอระหว่างขับไปยังท้องถนนที่เริ่มโล่งตาขึ้นมาบ้าง

‘นี่มันมิวสิกบ็อกใช่ไหมครับ...หูยเป็นมิวสิกบ็อกเวอร์ชั่นเปียโนเหรอ เพราะจังครับ’

แค่เพลงที่คมสันต์เคยพูดว่าชอบดังขึ้น อลันก็เหมือนได้ยินประโยคนั้นทวนซ้ำอีกครั้งในความทรงจำ ทั้งที่เพลงพวกนี้อลันมีไว้เพื่อให้ไม่เงียบเกินไปขณะต้องขับรถบนท้องถนนที่แออัด เขาไม่ชอบเพลงที่มีคำร้องนักแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดนตรีของบางเพลงมันก็เพราะดี แต่ก็เท่านั้นไม่เคยใส่ใจกับมันจนกระทั่งคมสันต์ได้ฟังนั่นแหละ

ที่ว่ากันว่าดนตรีเปรียบได้กับคำว่าความทรงจำนั้นคงจะจริง แค่ดนตรีมันอยู่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ความทรงจำนั้นก็จะถูกเซฟผ่านเสียง และเมื่อได้ยินดนตรีนั้นอีกครั้ง ความทรงจำก็จะหวนกลับมา

อลันเปิดเพลงเดิมวนซ้ำๆ อยู่เพลงเดียวจนกระทั่งกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตัวเอง พื้นที่พักอาศัยมันดูกว้างใหญ่เมื่อมันมีคนอยู่เพียงคนเดียว อลันไม่ได้ตกแต่งห้องของตัวเองเยอะ มีแค่ต้นไม้นานาพันธ์ุที่เอามาประดับตรงส่วนที่ไม่ได้ใช้พื้นที่นั้นๆ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าปล่อยให้โล่งไปเลย

สูทและเชิ้ตถูกถอดออกตามๆ กัน อลันโยนมันไว้ที่มุมหนึ่งของโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ เขาพาตัวเองไปยังห้องครัวที่ติดกับห้องนั่งเล่น ตรงไปยังบาร์ส่วนตัว คว้าเหล้าดีดรีแรงและแก้วคริสตัลมานั่งดื่มที่ห้องนั่งเล่น

ท้องฟ้ายามราตรีช่างกว้างใหญ่ แสงสีจากเมืองหลวงกลบเกลื่อนแสงดาวที่มีอยู่บนท้องฟ้า อลันนั่งมองความมืดเบื้องบนพลางจิบเหล้าเข้าปากไปเรื่อยๆ

ถ้าบอกว่านี่เป็นบ้าน...มันก็เป็นบ้านที่เหงาทีเดียว

อลันลองนึกดูว่าถ้าคมสันต์เห็นเขากินเหล้าแทนที่จะเป็นข้าวเย็นละก็จะมีสีหน้าเป็นแบบไหน เจ้าเบต้าแสนธรรมดาคนนั้นคงคิ้วขมวดมุ่นแล้วก็บ่นเขาแน่ๆ กินข้าวสิครับ อย่าเพิ่งกินเหล้าสิครับ คงมีแต่คำแบบนี้วนๆ และยาวเหยียดจนเหมือนแม่บ่นลูก ดีไม่ดีเจ้าเบต้าจะไปรีบไปหาข้าวหาปลาจัดใส่จานมาประเคนให้ แบบที่เจ้าตัวมักทำเวลาเขานิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจจะกินข้าว

จะว่าไป...คมสันต์เคยให้เขาหาเมียสักคนมาดูแลสินะ

หรือว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คมสันต์ทำตัวเป็นพ่อสื่อให้เขากับคะนิ้ง ตลกเหอะ กับผู้หญิงแบบนั้นน่ะนะ แค่คุยด้วยไม่กี่คำก็แทบจะเดาได้แล้วว่าเธอมีนิสัยเป็นยังไง หึ...บอกเลยว่าคนแบบนั้นรับอลันที่เป็นอย่างนี้ไม่ได้หรอก เธอก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่สนใจในความได้ยากของเขาก็เท่านั้น หรือไม่ก็เพราะสายเลือดของเขานั่นแหละที่ทำให้เธอต้องการ

ตรึ๊งงงง

เสียงข้อความไลน์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ อลันรู้สึกแปลกใจมากที่มีข้อความเข้าในเวลาแบบนี้ อลันกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดูแต่เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่...

...คะนิ้ง?

____[100%]____

ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยนะคะ ดีใจที่คุณนักอ่านไม่เบื่อกัน แม้ว่านิยายจะยืดยาดตามที่บางท่านได้ติงมา จะพยายามปรับปรุงแก้ไขนะคะ ขอบคุณมากๆ เลย

ตอนนี้ภาพประกอบยังไม่มานะคะ น้องนักวาดเองก็งานชุมเอาเรื่อง ยังไงถ้าภาพมาแล้วจะนำมาใส่ให้นะคะ ^^
____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____

Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)
สั่งซื้อได้ที่ 
เทพช๊อป // https://bit.ly/2OUrk08 
inbox เพจ // https://bit.ly/37av9Jl 
ทดลองอ่าน // https://bit.ly/35bG6KC

Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)
ลิงก์// https://bit.ly/3xmyEIw

~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 12 : 100% [02/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-07-2021 23:35:55
สงสารคมสันต์เลย
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 12 : 100% [02/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-07-2021 12:16:23
อลันใจร้ายไป ใจร้ายเกินไปจริงๆ
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Omegaverse> ตอนที่ 13 : 40% [06/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 06-07-2021 22:25:07
ตอนที่ 13 : คมสันต์กับการง้อ [40%]

วันนี้คมสันต์ตื่นเช้าเป็นพิเศษ เช้าชนิดที่ว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยล่ะ แม้ว่าร่างกายของเขานั้นจะยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ถึงจะทายาและกินยาเข้าไปแล้ว มันบรรเทาได้บ้างแหละ แค่บรรเทาไม่ได้หายเลย อีกอย่างเข่านี่อย่างช้ำ ม่วงเป็นจ้ำๆ เลยจ้า

อะ...แต่วันนี้คมสันต์มีเหตุผลที่ตื่นเช้าขนาดนี้ เจ้าตัวลุกเดินกะย่องกะแย่งลงมายังห้องครัวหลังบ้าน เปิดตู้เย็นมองหาของสด สิ่งที่มีในตู้เย็นก็ไม่ได้มีอะไรหรูหราหรอกนะ แต่อย่างน้อยมันก็มีปลาเนื้อขาวอยู่ นี่แหละของที่ต้องการ คมสันต์ตั้งใจมากที่จะเอากับข้าวจำพวกปลาไปให้อลันได้กิน

ก็แบบ ส่งข้อความไปหาแล้วมีแค่ขึ้นอ่าน ถ้าปกติเวลาอลันไม่ตอบจะเป็นเวลาที่อลันไม่ได้อ่าน เรียกว่าไม่ว่างจะเอามือถือมาอ่านข้อความก็คงได้ แต่นี่อ่านแล้วไม่ตอบ ต่อให้อลันไม่อยู่ตรงหน้ายังรับรู้ได้เลยว่าอลันเคืองอยู่ แค่ไม่รู้ว่าเคืองเรื่องอะไรบ้าง จะเรื่องที่เขาหลอกให้ไปหาสาวหรือเคืองที่เขาไม่อยากไปส่งที่ห้องก็ไม่รู้

แล้วมนุษย์แสนธรรมดาอย่างคมสันต์คนนี้ก็ไม่มีปัญญาจะไปหาของแพงๆ มาง้ออลันด้วย เห็นว่าเขาซื้อขนมนมเนยฝากคนอื่นแบบนี้เขาก็มีข้อจำกัดในการใช้เงินนะ อย่าลืมว่าคมสันต์ก็แค่มนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง แค่มีเงินเดือนเยอะหน่อยแล้วก็ไม่ได้มีภาระที่ต้องรับผิดชอบขนาดนั้น บัตรเครดิตก็ไม่เคยทำ บ้านก็ไม่ต้องผ่อน ส่วนมอเตอร์ไซค์หน้าโง่ของเขามันก็ผ่อนหมดไปเป็นชาติแล้วด้วย ทุกวันนี้แค่ให้แม่ใช้จ่ายแล้วก็ดูแลพวกค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ตเท่านั้น สบายกว่าหลายคนเยอะ

คมสันต์บรรจงนำปลานึ่งสมุนไพรใส่ปิ่นโตอัจฉริยะของตนเอง วันนี้พิเศษมากกก เพราะมันมีสองเถายังไงเล่า อันนี้ของเขา อันนี้ของอลัน สองอันเหมือนกันแล้วจะแยกของใครกับของใครเพื่อ? ไม่รู้สินะ ตอนทำในหัวมันแบ่งของมันเองโดยลืมไปว่ายังไงซะสองเถานี้ก็ต้องใส่ของที่เหมือนๆ กัน นอกจากปลาแล้วก็ยังมีน้ำจิ้มสูตรไม่เด็ดแม่ไม่ได้ให้มาในกระปุกเล็กๆ คมสันต์ตั้งใจจะใส่กระปุกแยกเพราะว่าช่องอื่นๆ ในปิ่นโตนั้นมีข้าวสวยและผักแน่นเอี๊ยด อ้อๆ มีไข่ต้มด้วยน้า อาหารโคตรสุขภาพดีเลยล่ะ แต่ที่ต้องทำอาหารดูจืดชืดแบบนี้ก็เพราะเขาสังเกตว่าอลันไม่กินรสจัดน่ะน้า

เตรียมปิ่นโตน้อยๆ สีชมพูสดใสเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปอาบน้ำอาบท่า คมสันต์เดินทางไปทำงานด้วยรถประจำทาง เมื่อวานนั่งแท็กซี่มาไง แล้วไม่ต้องคิดเลยนะว่าเขาจะนั่งแท็กซี่ไปทำงานอีกน่ะ รถติดตอนเย็นเมื่อวานผลาญค่าแท็กซี่เขาไปมากแล้ว เช้านี้คมสันต์ไม่ยอมให้เจ้าแท็กซี่เหล่านั้นผลาญเงินของเขาได้อีกหรอกบอกเลย

พอถึงที่ทำงานแล้วมันก็เหมือนในทุกๆ วันนั่นแหละ ยิ้มหวาน ทักทาย ส่งน้ำเต้าหู้ให้คนในแผนกตามด้วยขนมจุกจิกตามนิสัย ไอ้ที่ต่างในแต่ละวันก็จะเป็นเรื่องหัวข้อที่สาวๆ เขาเม้าท์กันมากกว่า และวันนี้ก็มีแต่คนถามว่าอลันเรียกเขาไปทำไมเหรอ เรียกแล้วไม่ได้กลับเข้ามาเลยนี่ บลาๆ คิดว่าคมสันต์จะตอบว่าไง

อ๋อออออ ผมโดนอลันกินหัวมาคร้าบ~

ตลก ใครเขาจะตอบแบบนั้น มันก็ต้องตอบเหมือนดารากันหน่อย ไม่มีอะไรหรอก แค่คุณอลันต้องการให้คนไปช่วยทำงานนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง พอตอบไปแบบนี้ สาวๆ แบบอยากเป็นคนไปช่วยอลันทำงานจังเลยน้า ไปสิ ไปเลย แนะนำเลยล่ะ ยิ่งอลันในเวอร์ชั่นจัดเต็มแบบเมื่อวานนี้นี่คมสันต์นำเสนอจริงๆ นะ สาวน้อยสาวใหญ่ต้องกรี๊ดสลบกับอลันลุ๊คนั้นเลยล่ะ

กรี๊ดสลลบแบบสลบน่ะ

คงไม่ต้องเล่าช่วงเวลาของการทำงานหรอก มันไม่มีอะไรน่าสนใจ เหมือนคุณไปทำงานในทุกๆ วันนั่นแหละ อ่าน เขียน เขียน อ่าน วนๆ ไปจนกระทั่งถึงเที่ยงวัน

ถ้าเป็นลูกน้องคมสันต์เขาก็จะนั่งปรึกษาหาหรือกันตั้งแต่ยังไม่ใกล้เที่ยงว่าวันนี้จะกินอะไรกันดี แต่คมสันต์นั้นรอเวลาเที่ยงตรง หิ้วกระเป๋าผ้าที่ข้างในบรรจุปิ่นโตสีชมพูสองอันเดินลิ่วววววออกจากแผนกไปยังลิฟต์ก่อนใครเพื่อน สาวๆ ว่ารีบแล้วยังไม่รีบเท่าคมสันต์เลย

แหม...มันก็ต้องรีบไปหน่อย อยู่กับอลันแต่ละทีอย่างกับจะได้ออกมาในหนึ่งชั่วโมงงั้นแหละ ถ้าเป็นงั้นงานเขาคงไม่ดองเป็นตั้งๆ อย่างที่เจอบนโต๊ะหรอก แต่จะว่าไปช่วงนี้คมสันต์รู้สึกจะกลายเป็นหัวหน้าที่เทงานเก่ง จากเมื่อก่อนนี้เคลียร์งานฉับๆ เยอะแค่ไหนไม่หวั่นไม่มีดองใดๆ ทั้งสิ้น ได้ปุ๊บทำปั๊บ ได้ปั๊บทำปุ๊บ จนกระทั่งมาพัวพันกับอลันเนี่ยแหละนะ

“อ้าวคุณคม สวัสดีค่ะ” เลขาหน้าห้องกล่าวทักทาย เธอกำลังเดินไปที่ลิฟต์เพื่อหาข้าวเที่ยงกินพอดี

“สวัสดีครับ จะไปพักเที่ยงเหรอครับ” คำถามดูโง่ไหม ตอนเที่ยงไม่ไปพักเที่ยงให้ไปไหนก่อน เลขาสาวของคมสันต์ยิ้มๆ

“ค่ะ ดิฉันกำลังจะไปพักเที่ยง แล้วคุณคมละคะ ไม่ไปพักเหรอ” ก็จะไปพักนะ...ไปพักในห้องทำงานอลันน่ะ

“แฮ่ๆ เดี๋ยวผมไปครับ ผมว่าจะมาหาคุณอลัน”

“เหมือนเดิมเลยค่ะ อยู่ในห้อง น่าจะนั่งทำงานอยู่” ทำงานเก่งงง เก่งกว่าประธานแล้ว

“เขาไม่ค่อยพักเที่ยงเลยนะครับ”

“ค่ะ ตั้งแต่ดิฉันมาเป็นเลขาก็ไม่เห็นเขาพักเที่ยงนะ ยกเว้นตอนไปหาคุณคมหรือคุณคมมาหา” สายตาเธอมีเลศนัย แฮ่ๆ ไม่ต้องทำเป็นสงสัยเมื่อเธอก็เคยได้ยินเขาครางหรอกนะ ชิ!

“แฮ่ๆ งั้นกินข้าวให้อร่อยนะครับ ผมขอตัวไปหาคุณอลันก่อน”

“ได้เลยค่ะ ขอให้คุณคมโชคดีนะคะ” ทำไมคำพูดมันดูน่ากลัววะ คมสันต์แอบเหงื่อตกนิดหน่อย อลันยังดุอยู่เหรอ ไม่น้าาา ไม่อยากเจออลันโหมดนั้นแล้วจริงๆ นะ อารมณ์ดีไม่ออกเลยล่ะเมื่อวานน่ะ

จากตอนแรกที่เดินดิ่งไปยังห้องของอลัน ตอนนี้เผลอลดสปีดตัวเองลงเล็กน้อย แบบว่า...ขอเวลาทำใจนิดนุง เกิดอลันยังเกรี้ยวกราดอยู่เขาจะทำยังไง คือถ้าอารมณ์ไม่ดีเพราะคนอื่นมันยังไม่เท่าไหร่ พออลันอารมณ์ไม่ดีเพราะตัวเองแล้วมันรู้สึกไม่โอเคเอาเสียเลย

แต่ดึงจังหวะให้ช้าไปก็เท่านั้น เผลอแป็บเดียวก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของอลันเรียบร้อย คมสันต์สูดหายใจเข้าลึกๆ ในหนังเรื่องหนึ่งมันบอกว่ามันจะมีช่วงหนึ่งที่จะฮึ้ดขึ้นมา คมสันต์หายใจแล้วก็ใช้ความฮึ้ดในเสี้ยววินั้นเคาะห้อง

ก๊อกๆ
“เข้ามา!” เสียงที่ดังหลังประตูบานใหญ่น่ากลัวมาก ขนาดมีประตูกั้นอยู่นะเนี่ย คนอะไรคุกคามเก่งงง

เมื่อประตูถูกแง้มออก กลิ่นอายกดดันจากอลันก็กระแทกเข้าหน้าอย่างจัง เหมือนเดิมจริงๆ ซึ่งเหมือนเดิมในที่นี้ของคมสันต์คืออลันมักจะทำให้บรรยากาศในห้องทำงานไม่เป็นมิตรกับใครก็ตามที่ย่างกายเข้ามาในนี้ ทว่าวันนี้มันหนักกว่าปกติ ไม่ได้หนักเท่าตอนโกรธเขาหรอกแค่หนักกว่าวันธรรมดาอะไรทำนองนั้น

“คุณอลัน...” ด้วยความที่อลันมักจะไม่เงยหน้ามองคนที่เข้ามา คมสันต์จึงส่งเสียงเรียก

“...” นั่นไง อลันเงยหน้ามองเขาแล้ว

แววตาไร้อารมณ์ที่ดูดุดันคู่นั้นมีแววอ่อนลงเล็กน้อย คมสันต์คงคิดไปเอง อาจจะตาฝาด ไม่หรอก...ไม่ได้ตาฝาด แล้วก็ไม่ได้คิดไปเอง เพราะบรรยากาศภายในห้องมันผ่อนคลายลงอย่างแปลกประหลาด คมสันต์ที่ตอนแรกหวาดกลัวอยู่ก็เริ่มจะยิ้มกว้างๆ เต็มแก้มได้บ้าง ยังไงเขาก็ชอบตอนอลันไม่กดดันมากกว่าล่ะนะ

“หยุดทำงานแล้วมากินข้าวเที่ยงกันครับ” คมสันต์ตรงไปยังโต๊ะรับแขกกลางห้อง ก็โต๊ะเล็กหน้าโซฟาที่เขาต้องคุกเข่าอยู่ข้างมันเมื่อวานนี้แหละ เขาวางกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินของตัวเองลงพร้อมกับแก้วเก็บความเย็นที่มีน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่น

“อะไรของคุณ” เอ้า ไหงอลันพูดแบบนี้ เสียใจนะ ทำตาเศร้าใส่แป็บ

“ผมก็อยากมาขอโทษ”

“จะขอโทษให้ครบพันครั้งหรือไง” อลันลุกจากเก้าอี้ จับสาบเสื้อขยับเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง คมสันต์อยากบอกว่าหล่อแล้วครับ...หล่อมากเลยครับ

“ก็ถ้าคุณต้องการผมก็ทำให้ได้นะ”

“...” อลันไม่ตอบแต่นั่งลงบนโซฟา ส่วนคมสันต์คุกเข่า...อีกแล้ว ไม่ได้คุกเข่าขอโทษอะไรแค่คุกเข่าก่อนเพื่อจะนั่งขัดสมาธิน่ะ

“ผมรู้สึกผิดจริงๆ อยากขอโทษจริงๆ แล้วก็...” คมสันต์ไม่กล้ามองหน้าอลัน กลับไปให้ความสนใจกับถุงผ้า หยิบปิ่นโตที่กดทำความร้อนมาแล้วเรียบร้อยขึ้นวางบนโต๊ะ

“แล้วก็อะไร” อลันไม่ได้มองปิ่นโต แต่จ้องหน้าคมสันต์แทน

“ก็...ก็คุณไม่ค่อยกินข้าวเที่ยง” ข้อนี้มันเรื่องจริงนะ อลันไม่ค่อยกินข้าวเที่ยง ข้าวเช้ากับเย็นกินหรือเปล่าเถอะ ไม่รู้แหละ...ห่วงคือห่วง ไม่คิดเยอะ

“...” อะเงียบเก่ง คมสันต์รู้แหละว่าอลันไม่ค่อยพูด แต่ก็ไม่พูดจริงจังมากเลยนะ เขาเงยหน้ามองอลันแล้วก็...

มันคงดูตลกนะถ้าจะบอกว่าเมื่อมองไปที่อลันแล้วคมสันต์รู้สึกเหมือนเวลามันหยุดเดินไปเลย รอยยิ้ม...ยิ้มที่เป็นยิ้มจริงๆ ประดับอยู่บนใบหน้าของอลัน แม้มันจะแค่มุมปากแต่มันก็ทำให้คมสันต์ถึงกับใจเต้นแรง

จริงอย่างที่เขาว่ากัน คนยิ้มยากเวลายิ้มทีโลกมันจะสดใส อลันแค่ยิ้มที่มุมปากกับแววตาโลกยังสดใสขึ้นมาเลย ราวกับรอบกายอลันมีกลิตเตอร์วิ่งๆ สีหวานออกแนวน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นอะไรทำนองนั้น

ฮื่อ...เจ้าตะลันนนนน

____ [40%] ____

ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมแล้วค่ะ แต่ยังมีเรื่องควันพิษอยู่ คุณนักอ่านต้องระวังเรื่องควันพิษด้วยนะคะ มันอันตรายมากๆ เลย ทางเราก็ยังคอยดูทิศทางของควันอยู่เรื่อยๆ แล้วก็...จบเรื่องไฟที่กิ่งแก้วลาดกระบังก็ไฟไหม้อีกแล้วค่ะ โรงงานน้ำหอม บริเวณใกล้ๆ ต้องระวังด้วยนะคะ เป็นห่วงมากๆ น้า

____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____
Rre-Order เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)
สั่งซื้อได้ที่
เทพช๊อป /> https://bit.ly/2OUrk08
inbox เพจ /> https://bit.ly/37av9Jl
ทดลองอ่าน /> https://bit.ly/35bG6KC
Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)
ลิงก์/> https://bit.ly/3xmyEIw
~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~

หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Betaverse> ตอนที่ 13 : 40% [06/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-07-2021 12:54:54
ง้อได้ผลมาก
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Betaverse> ตอนที่ 13 : 40% [06/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-07-2021 22:40:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Betaverse> ตอนที่ 14 : 100% [14/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 14-07-2021 17:51:40
ตอนที่ 13 : คมสันต์กับการง้อ [100%]

“เลิกจ้องได้ละ” ตะลันของคมสันต์ดับฝันหวานกลางวันด้วยการพูดเสียงแข็ง ยิ้มก็น้อยแล้วยังมาดุอีก



“แฮ่ๆ เวลาคุณยิ้มมันน่ารักครับ” อุ๊บส์! พูดคำว่าน่ารักใส่อลัน...มึงตายแน่ไอ้คมสันต์



“หึ!” อลันยกยิ้มอีกครั้งแต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คมสันต์เสียวสันหลังวาบ เขาชอบรอยยิ้มใสๆ ไม่ใช่ไสย์ๆ นะ



“อ่า...กินข้าวดีกว่าเนอะๆ ผมทำปลานึ่งสมุนไพรมา คือที่บ้านมีแต่ปลานิลคุณอลันกินได้ใช่ไหม” อลันไม่ตอบแต่พยักหน้า



แน่นอนว่าการกินมื้อเที่ยงกับอลันนั้นคมสันต์ต้องทำทุกอย่างให้ ตั้งแต่เริ่มจากการแกะปิ่นโตออกจากเถาแล้ววางเรียงตรงหน้าอลัน ต้องวางเป็นลำดับดีๆ กินง่ายๆ จากนั้นเอาช้อนส้อมวางเข้าไปในส่วนที่เป็นข้าว คมสันต์ใช้ข้าวกล้องผสมกับข้าวหอมมะลิอย่างดี กลิ่นคือหอมมาก จัดเองหิวเอง และทำเองก็ชมตัวเองด้วยว่าอร่อยมาก!



“อันนี้เป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดครับ ผมทำให้ไม่เผ็ดมากคุณอลันจะได้กินได้ คุณอลันลองชิมก่อนก็ได้นะ เผื่อว่ามันจะเผ็ดเกิน พอดีผมไม่แน่ใจว่าคุณกินเผ็ดได้แค่ไหนน่ะครับ” แกะถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆ วางให้ข้างกล่องปลา



อลันไม่พูดอะไรแต่ก็เอาช้อนไปแตะๆ น้ำจิ้มมาชิม พอรู้สึกว่ามันไม่ได้เผ็ดขนาดนั้นก็เริ่มลงมือกินข้าว ส่วนคมสันต์เริ่มกินช้ากว่า แหงล่ะ เพิ่งจะเตรียมให้อลันเสร็จยังไม่ได้แกะปิ่นโตตัวเองออกมาเลย แต่พอมันเป็นของตัวเองคมสันต์ก็ไม่ได้พิถีพิถันกับมัน เอาออกได้วางๆ แล้วก็เริ่มกิน



คมสันต์รู้สึกชื่นชมตัวเองสุดๆ พอเอาเนื้อปลาวางบนข้าวนะ โปะด้วยผักนะ ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ดนะ หูย...เบต้าอะไรเก่งขนาดนี้วะเนี่ย โคตรอร่อยเลย ขนาดทำไม่เป็นยังอร่อย ถ้าทำเป็นรับรองว่าลาออกไปเปิดร้านขายข้าวแกงได้เลยล่ะ แล้วนี่ไข่ต้มยางมะตูม เป็นยางมะตูมสวยมากก เอาช้อนผ่าลงไปนะสีแดงไหลเยิ้มมมฉ่ำมาก ปลื้มอะ...เก่งจังไอ้คม!



“พอกินได้ไหมครับ” ชื่นชมตัวเองเสร็จก็เงยหน้าถามอลัน แล้วมันก็เหมือนกับทุกครั้งที่อลันกินข้าวกับเขา อลันจะมองหน้าเขาไปเรื่อยๆ ทั้งที่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ



แก้มอลันพองออกมาน้อยๆ ขยับดุ๊กดิ๊กนิดๆ ตามจังหวะการเคี้ยว คือถึงคมสันต์จะบรรยายกับตัวเองในหัวจนดูน่ารักแต่ในความเป็นจริงอลันหล่อเท่มาก ต้องบอกว่าขนาดกินข้าวยังดูมีออร่าเลย ออร่าความเย็นชาอะ



“อืม” ถึงจะตอบแค่อืมแต่ก็ตอบ และเมื่ออลันยอมตอบนั่นหมายความว่ามันดีแล้ว ถ้าไม่ตอบสิต้องคิดหนักว่ามันอาจจะไม่ดีจนอลันฝืนกินก็เป็นไปได้



“นึกว่าจะไม่รอดซะอีก กินให้หมดเลยนะครับจะได้มีแรง...”



“มีแรงทำกับคุณอะเหรอ”



“บ้าาาาา” เดี๋ยวปาผักใส่หน้าเลย ใช่เวลามาพูดเรื่องใต้สะดือตอนกินข้าวไหม



“หึ!” หัวเราะหึเก่ง เก่งพอๆ กับตอบอืมและเงียบใส่



คมสันต์หน้ามุ่ยนิดหน่อย เขาไม่สนใจอลันแล้ว อัลฟ่าขี้หื่น...หื่นมากหื่นมายหื่นได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนกินข้าวก็ไม่ละเว้น สาวๆ มารู้ความจริงข้อนี้ของอลันจะยังคงปลื้มอลันอยู่ไหม หรือจะมองว่าอลันเร่าร้อนดีรึเปล่า แต่อลันเร่าร้อนจริงนะ...แบบดิสอีสอะโซฮอทเลยอะ



บ้าาา คมคิดบ้าอะไรก็ไม่รู้ พอเลยเจ้าสมองน้อยๆ นี้ก็นะ อลันเปรยมานิดเดียวคิดต่อเป็นตุเป็นตะไปได้ แต่มันช่วยไม่ได้แหละก็อลันเปิดก่อนนี่นะ ถ้าอลันไม่เปิดประเด็นให้คิดเขาก็ไม่คิดอะไรหรอก



คมสันต์เป็นคนกินข้าวค่อนข้างไว เนื่องจากเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาพักเที่ยงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ถ้ากินช้าก็จะไม่มีเวลาพักไปทำอย่างอื่น ดังนั้นมันไม่แปลกเลยที่ไม่ถึงสิบห้านาทีเขาก็กินข้าวจนหมด คมสันต์คว้าแก้วเก็บความเย็นสีเงินของตัวเองมาดูดน้ำข้างในเป็นการจบมื้ออาหาร และด้วยความมันเป็นน้ำหวานมันเลยให้ความรู้สึกว่าแบบ...น้ำและของหวานครบจบในอึกเดียว



แตกต่างจากอลันที่กินไปได้แค่ครึ่งเดียว ความเร็วในการกินสม่ำเสมอมาก ต้องบอกว่ากินช้าเสมอต้นเสมอปลาย รู้จักกันตอนแรกกินช้ายังไงตอนนี้ก็ยังกินช้าอยู่อย่างนั้น คมสันต์จัดการเก็บปิ่นโตของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วก็นั่งเท้าคางมองอลันกินข้าว ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการนั่งจ้องตากันเนี่ยแหละ



ถ้ามองว่านี่เป็นการนั่งรอคนกินข้าวช้าคนหนึ่งมันคงดูน่าเบื่อ นั่งเฉยๆ นั่งนิ่งๆ ดูอีกฝ่ายเคี้ยวข้าวไปเรื่อย ถ้าเป็นคนอื่นคงหยิบโทรศัพท์มากดเล่นแล้ว แต่คมสันต์กลับรู้สึกเพลินตามากกว่าที่ได้นั่งมองอลันกินข้าว จริงๆ ต้องบอกว่าถ้าอลันคุยกับเขาสักหน่อยมันจะเพลินกว่านี้



อลันวางช้อนส้อมลงบนกล่องที่ว่างเปล่า คมสันต์กินเสร็จในสิบห้านาที ส่วนอลันกินเสร็จตอนเหลือเวลาสิบห้านาทีเข้างาน ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยจริงๆ คมสันต์ส่งน้ำเย็นให้กับอลันดื่มเป็นการล้างปาก จริงๆ เขาไม่ได้ซื้อน้ำอะไรมาให้อลันแค่ออกไปเอาให้ตอนที่เห็นว่าข้าวเหลือไม่เยอะ



“เธอน่ารำคาญ” อลันวางแก้วได้ก็เปรยขึ้นมา คมสันต์เกือบเผลอฮะใส่อลันแล้วถามว่าเธออะใคร แต่นึกขึ้นได้ว่าเธอคนนั้นคือคะนิ้งนั่นแหละ



เอาล่ะ...ที่ลั้นลากินข้าวอย่างสงบเมื่อสี่สิบห้านาทีที่ผ่านมามันกำลังพังทลายลงเสียแล้ว คมสันต์เหงื่อแตกพลั่กๆ ด้วยรู้ดีว่ามันคงหนีไม่พ้นสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปนั่นแหละ แค่คิดว่าอลันจะโกรธจนลงโทษเขาอีกเขาก็อยากจะงอแง เมื่อวานมันอ่วมเอาเรื่องเลยนะ เขาไม่อยากเจออะไรแบบนั้นอีกง่าาาา



“ผมไม่รู้ว่าเธอไปไลน์ผมมาได้ยังไง...” นั่นไงไอ้คม นั่นไงงงง มึงตาย มึงตายซ้ำตายซ้อนตายแบบอินฟินิตี้ ตายแบบไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดกันเลย



“อึก...” อลันจ้องหน้าคมสันต์ รับรู้ได้แล้วล่ะว่าต้นเหตุน่าจะไม่หนีคนคนนี้



“เธอทักมาไม่หยุดเลย อย่าให้รู้นะว่าใครเอาไลน์ผมให้เธอ” ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคุณนี่แหละที่เอาไลน์ไปให้เธอคนนั้น กระซิกๆ เอาไงดี สารภาพเลยได้ไหม...ไม่อยากให้อลันโกรธ ถ้าสารภาพแล้วอลันจะโกรธไหมอะ



ไม่น่าถามคำถามโง่ๆ เลยไอ้คมเอ้ยยยย



“คือ...ผมขอโทษคร้าบบบบ” คมสันต์ยกมือไหว้อลัน คือถ้าคลานเข่าเข้าไปกราบแนบตักได้ก็จะทำ



“...” เอาแล้ว หนาวๆ ร้อนๆ เรียบร้อย บรรยากาศกดดันอันคุ้นเคยคืบคลานเข้ามาทีละนิด อย่างกับน้ำที่ถูกเทลงมาในถังที่คมสันต์นอนขดตัวอยู่ในนั้น



“ผมให้เธอเองครับ ผมขอโทษจริงๆ ครับ”



“...” อลันไม่พูด อลันแค่จ้อง แค่ปลดปล่อยสัญชาตญาณกดดันแบบที่ทำกับคมสันต์เมื่อวานนี้ก็เท่านั้นเอง



“ผม...” ผมกลัวแล้วคร้าบบบ อยากตอบแบบนี้เพราะอลันเล่นเขาแบบเมื่อวานอีกแล้ว ไม่น้า “ผมมันน่าตีจังเลยนะครับ ทำอะไรไม่คิด ทำอะไรไม่นึกถึงความรู้สึกของคุณ ไปให้ไลน์คุณกับคนอื่นแบบนั้นได้ยังไงกัน”



“งั้นตีสิ” อุ๊ย ตีเลยเหรอ...พูดให้สงสารเฉยๆ นะไม่ได้ให้ตีจริงๆ นะ



“ก็ได้คร้าบ ผมตีแล้ว” คมสันต์ตีมือตัวเองด้วยมือตัวเองข้างละสองสามที ให้สาสมกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป



แล้วก็ไม่รู้หรอกว่าเพราะไอ้ท่าทางตีมือมันดูปัญญาอ่อนหรืออะไร กลิ่นคุกคามของอลันมันถึงค่อยๆ หายไปแล้วกลับเข้าสู่ความปกติ ไม่เชิงว่าปกตินัก อลันยังเคืองคมสันต์แค่ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงแบบเมื่อวาน



เพราะสีหน้าที่ออดอ้อนกลัวโดนลงโทษนั่นล่ะมั้ง...ที่ทำให้อลันใจอ่อนง่ายอย่างนี้



“ผมตีแล้ว นี่ๆ แดงเลยครับ ยกโทษให้ผมนะ...อย่าลงโทษผมแบบเมื่อวานเลยนะนะนะคุณอลันนะ ผมกลัวแล้วจริงๆ ตอนผมทำมันคิดน้อยไป ลืมนึกไปเลยว่ามันจะทำให้คุณอึดอัดได้”



“อย่าให้มีอีกละกัน”



“ครับ ไม่มีแล้วแน่ๆ ครับ ผมไม่กล้าแล้ว...กลัวแล้ว”



“กลัวโดนลงโทษขนาดนั้นเลย”



“ก็ใช่ แต่กลัวคุณโกรธมากกว่า” จริงนะ โดนลงโทษมันก็น่ากลัว แต่คมสันต์กลัวอลันโกรธมากกว่า



คมสันต์ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคำตอบของตนเองนั้นเรียกรอยยิ้มมุมปากจากอลันได้อีกหน มัวแต่ก้มหน้าทำเป็นเศร้าสำนึกผิดอยู่เลยพลาดรอยยิ้มอลันไป



“ถ้าผมบล็อกเธอจะเป็นยังไง...” คมสันต์เงยหน้าพรึ่บ เลิกเศร้าแล้วตกใจแทน



เดี๋ยว...ตกใจทำไมวะ ถ้าอลันบล็อกคะนิ้งด้วยตัวอลันเองเขาก็ไม่เกี่ยวด้วย เขาคงไม่โดนอะไรมั้ง...มั้ง ไม่โดนจริงเหรอ เมื่อวานอลันไม่ว่างไปกินข้าวเย็นด้วยครรชิตยังโทรมาโวยวายใส่เขาเลย แล้วถ้าติดต่อกับอลันผ่านไลน์ไม่ได้ครรชิตจะมาโวยแทนคะนิ้งหรือเปล่า คมสันต์เผลอขมวดคิ้วมุ่น เขาน่าจะโดนทางนั้นโวยใส่แน่ๆ ขนาดเมื่อวานยังโดนเลย แต่ว่าเขาก็ไม่สิทธิ์ห้ามอลันไม่ให้บล็อกคะนิ้ง



อ่า...มีสองทางคือโดนโวยกับโดนโวยสินะ



“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”



“คุณจะโดนเธอโวยไหมล่ะ” ถ้าถามแบบนี้แล้วตอบตามความจริงได้ก็จะบอกว่าโดนแน่ๆ



“ไม่มั้งครับ แล้วถ้าผมโดนโวยคุณอลันจะไม่บล็อกเธอเหรอครับ”



“บล็อก” ครับ จบครับ เหมือนอย่างที่คิดเลยว่าไม่ว่าทางไหนก็คือโดนอยู่ดี



“แฮ่ๆ” ยิ้มแหย่ส่งไปหนึ่งที เฮ้อ...ชีวิตมันวุ่นวายขนาดนี้ได้ยังกันนนนน



“วันนี้ไปส่งผมด้วยนะ” อลันลุกขึ้น จัดเสื้อพลางบอก ไม่ๆ สั่ง ต้องใช้คำว่าสั่งกับคมสันต์ที่นั่งมองอยู่ที่พื้นพรม



“ครับ” คมสันต์มองดูอลันเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เขาเองก็ต้องทำงานและต้องรับมือกับอะไรก็ไม่รู้ที่จะตามมาจากทางครรชิต



คมสันต์เดินออกมาจากห้องของอลัน ตอนมาสีหน้าดีกว่าตอนกลับอะคิดเอา ด้วยความที่คิดมากเรื่องครชชิตกับคะนิ้งนั่นแหละ แต่ระดับคมสันต์แล้วยังยิ้มได้ครับผม เขายิ้มให้เลขาหน้าห้อง พูดคุยกันอีกเล็กน้อยว่ามื้อเที่ยงเป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม เธอก็ตอบกลับอย่างเป็นมิตรเหมือนเคย ซ้ำยังแหย่คมสันต์ด้วยว่าการกินข้าวกับอลันนั้นอร่อยไหม หึหึ อร่อยมาก...อร่อยจนน้ำตาไหลเลยล่า ซึ่งคมสันต์ก็ตอบแค่ว่าอร่อยครับ เพราะเขาทำอาหารมาเอง อาหารเขาอร่อยมาก ทำเอาเลขาอลันยิ้มขำกับท่าทางที่ดูขี้โม้แบบน่าเอ็นดูนั้น



ระหว่างกลับเข้าห้องทำงานก็แน่นอนว่าคนฮอตก็ต้องมีใครต่อใครเข้าหาทั้งนั้น...เข้ามาถามหางานน่ะ คมสันต์บอกแค่จะรีบเคลียร์ให้ขอให้รออีกแป็บหนึ่ง ด้วยความที่จำงานบนโต๊ะตัวเองได้ทำให้คมสันต์สามารถคาดคะเนเวลาที่เขาจะทำเสร็จได้ไม่ยาก เขาก็แค่ให้ลูกน้องเข้ามาเอาเอกสารในเวลาประมาณนี้ๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของคมสันต์



ช่วงบ่ายเริ่มต้นได้อย่างสงบสุข ความสงบสุขในที่นี้หมายถึงห้องทำงานของเขา คมสันต์สามารถเคลียร์งานไปได้เรื่อยๆ แบบต่อเนื่องไม่หยุดพัก ความกังวลตอนออกมาจากห้องอลันหายไปชั่วคราวเนื่องจากเขาต้องโฟกัสเรื่องงานที่อยู่ตรงหน้าก่อนปัญหาส่วนตัวที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่



แต่คำว่าเริ่มต้นสงบสุขไม่ได้หมายความว่ามันจะสงบสุขได้ตลอดทั้งวัน...



ไลน์!

ไลน์!

ไลน์!

ไลน์!

ไลน์!



นั่นแหละครับ...เสียงไลน์ส่วนตัวดังรัวขึ้นมาในตอนบ่ายสามกว่า คมสันต์ที่ใส่หูฟังดูคลิปเกมอยู่ถึงกับขี้หูสั่นเพราะมันดัง ดังรอบเดียวก็ว่าตกใจแล้ว นี่ยังดังมารัวๆ อีก แถมยังเป็นชื่อ...คะนิ้ง บร๊ะ! ให้มันได้อย่างนี้



คมสันต์กดเข้าไปอ่านข้อความที่เธอส่งมา กวาดตาอ่านแล้วคมสันต์ก็สรุปกับตัวเองได้ว่าคะนิ้งนั้นช่างเป็นลูกของครรชิตจริงๆ เพราะเธอค่อนข้างจะโวยวายและเอาแต่ใจใส่เขา เรียกว่าทักมาฟาดๆ เรื่องอลัน ถามว่าอลันอยู่ไหน อลันทำอะไร ทำไมอลันไม่อ่านข้อความ ทำไมอลันไม่ตอบข้อความ ทำไมติดต่ออลันไม่ได้ เรียกอลันมาคุยเดี๋ยวนี้ อืม... ตอบหมดนั่นเอกสารไม่ได้เขียนแน่ๆ คมสันต์จึงตัดสินใจโทรไปหาคะนิ้งแทนที่จะพิมพ์เป็นข้อความ



“ฮัลโหลครับ” ไม่ต้องรอนานเลย ทางนั้นรับสายไวมาก อยู่ที่หน้าจอนั่นแหละไม่งั้นไม่ไวขนาดนี้หรอก



(คุณอลันไปไหน) ทำไมถามไม่ฉลาดเลย



“คุณอลันทำงานครับ”



(แล้วทำไมเขาไม่ตอบข้อความ ไปบอกคุณอลันให้ตอบข้อความของฉันเดี๋ยวเลยนี้เลยนะ) จะตอบได้ไงในเมื่ออลันบล็อกไปแล้วอะ



“ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะครับคุณคะนิ้ง ผมไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้คุณอลันทำอะไรก็ได้ตามใจผมนะครับ” คมสันต์ใช้น้ำเสียงดีๆ แบบคนมีสติและใจเย็นในการพูดกับเธอ



(งั้นก็ใช้สมองที่มีน้อยนิดนั้นหลอกล่อให้อลันตอบข้อความของฉันสิ) นี่ต้องเอาสมองมาลงกับอะไรแบบนี้เหรอ โห...ทำไมมันดูสิ้นเปลืองทรัพยากรสมองจังเลยอะ



(เป็นผู้ช่วยของคุณอลันภาษาอะไรเรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ เหมือนที่พ่อบอกเลยว่านายน่ะมันไร้ประโยชน์ เป็นแค่เบต้าที่ทำได้แค่งานเอกสารโง่ๆ) เอ้า เฉย...อะไรวะ ไม่ได้ดั่งใจหน่อยก็โวยวายลามปามไปเรื่อย แล้วเนี่ยพ่อลูกกันจริงๆ เลยนะ ความคิดเหมือนกันอย่างกับถอดแบบกันมาเด๊ะ



“ผมไม่ได้เป็นผู้ช่วยคุณอลันหรอกนะครับ วันนั้นที่คุณอลันแนะนำว่าผมเป็นผู้ช่วยก็เพราะว่าผู้ช่วยคุณอลันเขาไม่ว่าง ผมแค่ไปแทนวันนั้นวันเดียว ผมเป็นแค่หัวหน้าฝ่ายขาย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณอลันโดยตรง อย่าว่าแต่จะรู้ว่าคุณอลันทำอะไรบ้างเลย แค่เจอหน้าผมยังไม่เจอเขาเลยครับ” นี่อธิบายสุดๆ แล้วนะ ถ้าคนมีมันสมองน่ะมันต้องคิดแล้วล่ะว่าคำพูดของเขามันมีเหตุผลขนาดไหน



(ตอแหล!) แหนะ...อธิบายดีๆ ก็ว่าตอแหล ไอ้คนตอแหลมันคือปลายสายไม่ใช่เหรอ มาเที่ยวด่าคนอื่นปาวๆ เป็นอัลฟ่ามีการศึกษาหรือเป็นแค่อัลฟ่าระดับล่างกันล่ะเนี่ย

“ผมพูดจริงๆ ครับ ผมสั่งคุณอลันไม่ได้จริงๆ หลอกล่ออะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น ผมเป็นแค่ลูกจ้างที่ห่างชั้นกับคุณอลันไกลมากทีเดียว”



(ฉันไม่เชื่อ วันนั้นแกยังมากับคุณอลันตามคำสั่งของพ่อได้เลย ทีอย่างนี้ละบอกตัวเองไม่ใช่ผู้ช่วยบ้างล่ะ ไม่รู้เรื่องคุณอลันบ้างล่ะ ต่อให้โง่ขนาดไหนเขายังไม่เชื่อคำพูดตอแหลๆ ของแกเลย)



“วันนั้นผมก็แค่แจ้งไปทางเลขาเขาว่าลูกค้าต้องการพบเพื่อคุยกับคุณอลันโดยตรง ที่จริงพอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องงานคุณอลันก็ไม่พอใจผม...”



(พอ! ฉันไม่อยากฟังคำโกหกของแกแล้ว ฉันจะบอกพ่อ แกก็ไปนั่งอธิบายคำโกหกโง่ๆ ของแกให้พ่อฟังก็แล้วกัน) แล้วเธอก็กดตัดสายไป



โอ้วโหวววว ไปต่อไม่ถูกกันเลยทีเดียวเชียว คนพ่อว่าพูดเอาแต่ได้แล้วนะ คนลูกหนักเลย เลี้ยงดูกันมายังไงอะ แม่ง! แล้วถ้าเรื่องมันถึงครรชิต ทางนั้นคงไม่แค่มานั่งตะคอกเขาแบบนี้แน่ๆ



โอ๊ย...ขอลาออกจากการเป็นไอ้คมหนึ่งวัน!!!

____ [100%] ____

สำหรับคำว่า Betaverse นั้นเป็นแค่คำที่เราตั้งขึ้นมาเองนะคะ อัลฟ่า เบต้า โอเมก้า รวมกันนี้ก็ยังคือ Omegaverse ค่ะ ไม่ต้องตกใจว่าเอ...มันมีแยกเวิร์สด้วยเหรอ? เพียงแต่เวิร์สนี้มีน้อนคมแล้วน้อนคมก็เป็นเบต้า ยกทั้งเวิร์สให้น้อนเลยค่าาาา

สำหรับภาพคอมมิชชั่นนั้นทางนักวาดทำไม่ทันนะคะ ไว้น้องทำเสร็จจะรีบเอามาให้ชมเลยค่า

และ...ปกน้อนมีสปอยไปแน้วในตอนที่แล้ว มีใครหาที่ซ่อนของขวัญเจอไหมคะ ถ้าหาเจอละก็จะได้พบกับปกเต็มๆ น้อนด้วยยยย น้อนคมเราหล่อน้า > / / / <

____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____

Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)

ลิงก์/> https://bit.ly/3xmyEIw

~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ สมทบทุนค่าขนมและค่าคอมมิชชั่นค่า~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Betaverse> ตอนที่ 14 : 100% [14/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 14-07-2021 17:52:35
ตอนที่ 14 : คมสันต์กับค่ำคืนอันเร่าร้อน [100%]

การยื่นซองขาวให้ตัวเองนั้นไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากถ้าลาออกจากการเป็นตัวเองแล้วก็จะไม่มีใครมาทำหน้าที่เป็นตัวเอง คมสันต์ถอนหายใจเฮือกยาว กะว่าถอนรอบเดียวแล้วสบายใจเลยในทันที ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะ ไม่สบายใจยังไงมันก็อยู่อย่างนั้นนั่นแหละ แต่จะมาให้ใส่ใจใช้เวลาครุ่นคิดกับมันงานก็ไม่เสร็จพอดี

อ่าห์....หัวหมุนกับงานแล้วตึ้บดีจัง สมงสมองแทบจะไม่ทำงานแล้วเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะคิดอะไรออก คมสันต์เก็บของเตรียมไปส่งอลันที่บ้านตอนหกโมงเย็น อลันได้ส่งข้อความมาหาเขาแล้วล่ะว่าจะไปรอที่ลานจอดรถหลังเลิกงาน

เหนื่อยกับการใช้สมองมามากพอ ได้เวลาเหนื่อยกับการใช้ร่างกายกันบ้าง คมสันต์รู้ชะตากรรมของตัวเองดี ไปห้องอลันทีไรไม่เคยจบง่ายๆ สักรอบ หรือควรบอกว่ารอบเดียวของอลันมันไม่มีอยู่จริง คนคนนั้นนะ...เครื่องติดแล้วเอาไม่ลงเลยล่ะ ยกเว้นตอนคมสันต์เอาลงมากระ...โปรดเติมคำในช่องว่าง

ลานจอดรถของบริษัทมีทั้งหมดสี่ชั้น แต่ละชั้นมีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณเอาไว้ชัดเจน อย่างชั้นหนึ่งจะเอาไว้จอดพวกรถมอเตอร์ไซก์ของพนักงาน จะมีโซนเล็กๆ อีกโซนหนึ่งในชั้นหนึ่งคือโซนของรถมอเตอร์ไซก์บริษัท เอาไว้ให้แมสเซ็นเจอร์ใช้ ชั้นสองกับชั้นสามเอาไว้สำหรับรถเก๋งของพนักงาน ชั้นสุดท้ายเป็นรถเก๋งของบริษัทพวกรถประจำตำแหน่งต่างๆ แล้วก็รถของบอร์ดบริหาร เดาซิ...อลันรอที่ชั้นไหนเอ่ยย

ชั้นสี่ที่เป็นชั้นจอดรถของบริษัทและรถผู้บริหารนั้นจะเงียบกว่าชั้นล่างๆ รถก็มีไม่เยอะนักแต่มี รปภ. ดูแลเป็นพิเศษ อย่างว่านะ รถที่จอดเอาไว้ในชั้นนี้ค่อนข้างเป็นรถหรูราคาหลายล้าน หุ้นส่วนบางคนถึงขั้นเอารถหลักสิบล้านมาจอดกันเลยทีเดียว วันนี้ดูจะเป็นวันที่รถจอดน้อยเป็นพิเศษ คงไม่มีการประชุมสำคัญๆ อะไรถึงไม่มีใครอยู่เย็นขนาดนี้

คมสันต์ตรงดิ่งไปยังรถของอลันอย่างชำนานในเส้นทาง แบบว่าต้องไปส่งบ่อยล่ะนะ อลันยืนพิงประตูรถด้านที่นั่งข้างคนขับ มีควันสีเทาลอยเอื่อยอยู่รอบๆ เป็นการบอกว่าเจ้าตัวกำลังอัดมะเร็งเข้าปอด

RrrrrrRrrrr!!!

ขณะที่อีกไม่กี่ก้าวจะถึงตัวอลันแล้วนั้น เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมา บอกเลยมันดังลั่นลานจอดรถเลยล่ะ เพราะว่าลานจอดรถตอนนี้โคตรเงียบ อลันหันมาทางเขาเพราะเสียงเรียกเข้านั้น คมสันต์ไม่ได้หยุดเดินแต่หยิบมือถือขึ้นมาดูชื่อคนโทรทั้งที่ยังเดินอยู่

ครรชิต! ทำไมชื่อนี้เห็นแล้วหลอนจังเลยวะ คือรู้ว่าทางนั้นจะโทรมาด้วยเรื่องอะไรมันถึงได้หลอน คะนิ้งน่าจะฟ้องครรชิตจริงๆ อืม...แล้วแบบนี้มันควรจะรับสายไหมวะเนี่ย เดาว่าถ้ารับสายนี้ทางนั้นน่าจะต้องตะคอกเขาหรือด่าเขาแน่ๆ คะนิ้งที่มีนิสัยไม่ต่างอะไรกับครรชิตคงไม่ใช่สายพูดจาดีๆ ให้พ่อตัวเองฟังหรอก ดีไม่ดีจะใส่สีตีไข่ลงไปจนเขาดูเป็นคนเหี้ยแน่นอน

“อีกนานไหม...” คมสันต์ไม่รู้ว่าตัวเองหยุดเท้าเมื่อไหร่ จะมารู้ตัวว่าไม่ได้เดินต่อก็ตอนอลันถามเนี่ยแหละ

“ขอโทษๆ รีบแล้วครับ” เอาวะ ปิดเสียงแล้วยัดมันใส่เข้าไปในกระเป๋าตามเดิมก็แล้วกัน

ต้องบอกว่าคมสันต์คนธรรมดาคนนี้ยุ่งในระดับที่ไม่ธรรมดา เอาไว้เสร็จจากเรื่องของอลันแล้วค่อยไปปวดหัวกับครรชิตต่อก็น่าจะได้ ดีไม่ดีการที่เขาไม่รับสาย อาจจะทำให้ฝ่ายนั้นอารมณ์เย็นขึ้นมาได้ เพราะเอาจริงๆ ต่อให้ไม่ต้องเป็นผู้หยั่งรู้ทำนายอนาคตได้เขาก็รู้ว่าครรชิตหัวร้อนอยู่ ด้วยทั้งเขาและอลันไม่ได้เป็นแบบที่ต้องการ

“เย็นนี้กินข้าวกับอะไรดีครับ” ขึ้นรถ วางของ ประจำตำแหน่งคนขับรถชั่วคราวแล้วก็สวมบทบาทเป็นพ่อบ้านไปด้วย

“กินคน” ตลก คนกินไม่ได้ กินแล้วก็ไม่อิ่ม มีแต่กินแล้วเหนื่อยกินแล้วหิว เรียกว่าการกินคนนั้นยิ่งกินยิ่งหิวเลยก็ว่าได้

“เอาดีๆ สิครับ”

“ก็เอาดีทุกรอบนะ” ไอ้คุณตะลันนนนนน มุกบ้าอะไรของคุณเนี่ย โอ๊ยยยยปวดหัว

“ผมก็เพิ่งรู้นะว่าคุณเป็นพวกตลกหน้าตายน่ะ ผมต้องขำไหมอะ...ฮะๆ”

“อยากตายเหรอ” เอ้า อย่าดุสิ...เล่นมุกเองไม่ใช่หรือไงเล่า คนอะไรก็ไม่รู้เอาใจยากจริงๆ

“ไม่เอา ผมยังอยากกินข้าวอยู่เลย ทำงานมาหิวมากเลยนะครับ” คมสันต์ค่อยๆ พารถออกจากลานจอดรถช้าๆ เพราะถ้าเอาออกเร็วๆ อาจจะโดนโบกหัวทิ่มพวงมาลัยได้

“ไปถึงละค่อยสั่งมากิน” อลันเอนหลังพร้อมปรับเบาะให้ตัวเองนอนได้สบาย คมสันต์นี้เผลอส่ายหน้ากับการนอนตลอดที่ขึ้นรถของอลันเลยจริงๆ

“คร้าบ” อยากนอนก็นอนไป คมสันต์ขับรถเองคนเดียวก็ได้ ไม่เหงาหรอก ไม่เหงาเล้ยยย จริ๊งงงง

คมสันต์เปิดเพลงในรถเบาๆ เป็นเพลงที่มีแต่เปียโนบรรเลงดนตรีนั่นแหละ แล้วเพลงแรกที่เล่นก็ดันเป็นเพลงที่เขาชอบเสียด้วย คมสันต์ฮัมโน้ตตามเพลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดจบเพลง เขาลุ้นอยู่นะว่าเพลงต่อไปมันจะเป็นเพลงอะไรแล้วเขาจะรู้จักไหม ทว่าเพลงที่เล่นกลับเป็นเพลงเมื่อกี้ เอ่อ...เล่นวนเพลงเดิมไว้งั้นเหรอเนี่ย

หันไปว่าจะถามอลันเรื่องเพลงที่เล่นซ้ำอยู่เพลงเดียว แต่เจ้าของรถนั้นได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วเรียบร้อย ในสายตาคมสันต์นะ การที่อลันหลับในรถแบบนี้มันหมายถึงได้สองอย่าง ไม่เมารถก็เพราะนอนไม่พอ แล้วถ้าให้เดาถึงเหตุผลจริงๆ คมสันต์ก็ฟันธงว่าเป็นข้อหลังแน่ๆ อลันไม่น่าจะนอนพอ

จริงสิ หรือว่าเหตุผลที่แท้จริงของการที่อลันให้เขาไปส่งอีกข้อมันคือการที่อลันจะได้หลับบนรถ แน่เลย ไม่งั้นไม่ให้เขาไปส่งแบบนี้บ่อยๆ หรอก แต่ว่าอลันก็น่าจะมีเงินจ้างคนขับรถดิ ใช่มะ เงินเดือนไม่ใช่น้อยๆ จ้างคนขับรถสักคนกระเป๋าอลันไม่ฉีกหรอก อ๋อลืมไป...การได้งีบระหว่างที่เขาขับรถให้มันเป็นผลพลอยได้ของอลันมากกว่า ไม่งั้นเขาไม่ต้องกลับบ้านทีตีหนึ่งตีสองทุกทีที่ไปส่งอลันหรอก

ทันทีที่รถถูกดับเครื่องอลันก็ลืมตาพรึ่บ ขึ้นมาราวกับว่าตลอดระยะทางที่รถติดเป็นชั่วโมงๆ นั้นอลันก็แค่พักสายตา แล้วสิ่งแรกที่อลันมองก็คือคมสันต์ที่นั่งยิ้มหวานเป็นคนบ้าข้างๆ แหม ก็แค่ยิ้มต้อนรับ ไม่ได้เป็นบ้าหรอกนะ

บอกเลยว่า...ถ้าแค่ยิ้มธรรมดาดูเหมือนคนบ้าได้ คมสันต์จะแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนซี้ของเขา เจ้านั้นเนี่ยเรียกว่าคิดบวกจนกลายเป็นการจำลองการเป็นคนบ้าไปแล้ว

พอขึ้นมาถึงที่ห้องอลันก็ให้คมสันต์ไปโทรสั่งอาหาร ส่วนตัวเองก็ไปเอนกายบนโซฟาตัวยาว ทิ้งให้คมสันต์สั่งอาหารเองคนเดียว พอคมสันต์ถามว่าจะกินอะไรก็ตอบว่าอะไรก็ได้ซึ่งมันไม่อะไรก็ได้ไง คมสันต์หรี่ตามองอลันทันที

ปากบอกกินอะไรก็ได้แต่ไม่กินเผ็ด ไม่กินรสจัด ไม่กินเนื้อแดง เนื้อไก่มีหนังก็ไม่ชอบ สรุปอลันชอบกินแค่เมนูปลาที่มีรสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ด

อะๆ กำลังงงละสิว่าคมสันต์รู้ได้ยังไง หึหึ นี่ใครครับ...ดูด้วยว่านี่คือคมสันต์ผู้สวมวิญญาณหัวหน้าแม่บ้านเอาไว้เลยนะ ทุกครั้งที่หาอะไรไปให้อลันกิน คมสันต์สังเกตหมด อย่างข้าวขาหมูเงี้ย อลันก็จะเขี่ยๆ ดูเนื้อหมู ใส่ปากคำเล็กๆ เหมือนชิมก่อน และพอมันไม่ถูกใจก็จะฝืนกินแต่กินช้าคูณสองคูณสาม ซึ่งเขาก็เคยถามแหละว่าทำไมชอบกินปลา คำตอบคือเคี้ยวง่าย

เป็นเหตุผลที่ชนะเลิศไปเลย สงสัยทำงานหนักเลยขี้เกียจเคี้ยวเป็นพิเศษ แบบว่า...เคี้ยวเยอะมันเสียเวลามันเปลืองพลังงาน ยิ่งไม่ค่อยกินข้าวด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ต้องเซฟพลังงานจากมื้อก่อนอันน้อยนิดเอาไว้เพื่อให้ทำงานต่อได้เรื่อยๆ

ก็...การกินข้าวที่แสนจะโรแมนติกนั้นมันโรแมนติกไม่จริง แล้วก็ไม่มีอะไรที่ดูเป็นสาระสำคัญ แค่กินๆ กันไป กินๆ กันมา คมสันต์หมดก่อนตามด้วยอลันที่กินหมดหลังคมสันต์ประมาณเกือบยี่สิบนาทีได้ กินช้าจนอยากจะป้อนเลยล่ะ

สาระสำคัญของค่ำคืนนี้มันอยู่หลังจากกินข้าว...

อยากรู้ละสิว่าอะไรคือสาระสำคัญ อยากจะบอกว่าให้เดาดูแต่ก็กลัวจะโดนด่าว่าเล่นตัวมากเกินไป เอาจริงๆ  คมสันต์ไม่ได้เล่นตัวเลยนะ มีแต่อลันน่ะที่เล่น...เล่นตัวคมสันต์ไงล่ะ

“อยากอาบน้ำไหม” อลันเดินนำเข้าไปที่ห้องนอน เป็นห้องที่ใหญ่และโล่งมาก คมสันต์เคยเข้ามาแล้ววันที่กินเหล้าสูตรพิเศษนั่น

“คุณอลันอาบก่อนไหม เดี๋ยวผมอาบทีหลังก็ได้นะ”

“ไม่อะ เดี๋ยวก็เหนียวตัวอยู่ดี” เจ้าตัวถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองทิ้งขณะตรงไปยังเตียงนอนหลังโต มันใหญ่มาก ดูยังไงก็สั่งทำ แล้วนอกจากใหญ่ก็นุ่มด้วย นุ่มๆ ดึ๋งๆ ดั๋งๆ เลยล่า

“ก็เผื่อจะสดชื่นไงครับ” คมสันต์ยืนมองอลันนั่งลงแถวหัวเตียง ตรงนั้นจะมีโต๊ะเล็กที่เอ่อ...เพิ่งเห็นว่ามีเหล้าอยู่

อลันหยิบเหล้าตรงนั้นมาเปิดฝาจุกออก แล้วก็เทเจ้าของเหลวสีอำพันลงในแก้วคลิสตัลทรงสวย สายตาเย็นชาใต้แว่นทอดมองมายังเขาที่ยืนมองเอ๋อๆ อยู่ไม่ห่างจากเตียงนัก

“นี่ก็สดชื่น” ครับ...สดชื่นสุดๆ ไปเลยล่ะอันนั้นน่ะ

“ผมเชื่อครับ”

“ผมว่าคุณเองก็อาบทีเดียวเถอะ ผมขี้เกียจรอ” อลันยกเหล้าดื่มจนหมด เทใหม่แล้วก็เอามาวนๆ รอดูคมสันต์

“มันจะดีเหรอครับ ผมทำงานมาทั้งวัน”

“มาเถอะ...” อลันใช้สายตาสั่ง แล้วคมสันต์คนนี้ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาอลันที่นั่งอยู่บนเตียง

“คุณนี่มันจริงๆ เลยนะครับ แค่รอผมอาบน้ำเอง ผมไม่ได้อาบน้ำนานเสียหน่อย” คมสันต์บ่นงุบงิบมุ้งมิ้งๆ ถามว่าอลันสนใจไหม? ก็ไม่

คมสันต์เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอลัน ในขณะที่อลันนั้นดื่มเหล้าไปอีกอึกใหญ่แล้วเอ่ยคำสั่งเสียงเปลี่ยนโหมดไฟในห้องให้เป็นสีแดง จังหวะแบบนี้มีแต่เสียตัวกับเสียตัว ไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้ว

เมื่ออลันจัดการเปลี่ยนสีไฟในห้องแล้ว อลันก็โอบรอบเอวสอบของคมสันต์ ออกแรงรั้งเบาๆ ให้ขยับเข้ามาใกล้ แม้จะทำกับอลันบ่อยๆ แต่คมสันต์ยอมรับเลยว่ามันตื่นเต้นทุกครั้งที่เริ่มทำเรื่องแบบนี้

อลันในโหมดนี้จะไม่ได้เย็นชาเหมือนอลันตอนทำงาน กลับกัน อลันเร่าร้อนและยั่วยวนเชิญชวนเขาสุดๆ คมสันต์กลืนน้ำหลายเหนียวๆ ลงคอ นิ้วเรียวสวยของอลันนั้นกำลังลูบไล้ตั้งแต่แผงอกของเขาไปจนถึงช่วงหน้าท้อง ชายเสื้อเชิ้ตถูกดึงออกมาจากกางเกงสแล็กตามมาด้วยกระดุมจากเม็ดล่างสุด ค่อยๆ หลุดออกไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ

มันเป็นภาพที่เร้าอารมณ์ไม่ต่างอะไรกับการโดนอีกฝ่ายสัมผัส แค่ดูอลันปลดกระดุมให้ เจ้าคมน้อยในกางเกงมันก็ตื่นขึ้น คมสันต์รู้ดีว่าเขาค่อนข้างไวกับอลัน ก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดหรอก รู้แค่เวลาอลันสัมผัสเขาด้วยความรู้สึกหื่นกระหาย เขาเองก็จะรับรู้มันได้และหื่นกระหายไปตามอลัน

แอร์ฉ่ำตกกระทบบนผิวขาวกระจ่างเมื่อสาบเสื้อถูกแหวกออก อลันรวบชายเสื้อทั้งสองไว้ข้างหลังด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือลูบไล้ผิวกายคมสันต์ สัมผัสมันเบาๆ ค่อยๆ ไล้ราวกับเอาขนนกมาลากผ่านผิว แต่เมื่อเจ้ามือนั้นสัมผัสลงไปยังหน้าท้องน้อย อลันก็วกมือกลับมาที่ยอดอก คราวนี้ไม่ใช่แค่ลูบแต่มันกำลังเค้นคลึงเล่นกับส่วนอ่อนไหวเล็กๆ นั้น

“ฮึ้ก...” ทั้งที่อลันยังไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการเล่นยอดอก แต่คมสันต์ดันรู้สึกซาบซ่านไปไกลแล้ว อาจจะด้วยเมื่อวานเขาไม่เสร็จอารม์เลยยังคั่งค้างอยู่ในตัวเขาก็ได้

“ดื่มมันสักหน่อยสิ” อลันเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ลำตัว ปากสีสวยขยับเอ่ยเชิญชวนให้ลิ้มรสชาติของเหล้ารำราคาแพง

คมสันต์เอื้อมไปหยิบเหล้าที่ถูกเทใส่แก้วไว้ขึ้นมาดื่ม กลิ่นหอมอ่อนๆ มาก่อนรสชาติที่นุ่มละมุน ทว่าความนุ่มละมุนนั้นมันเหมือนตัวหลอกล่อ เพราะเมื่อเหล้าไหลผ่านลงคอ ความร้อนผ่าวก็แผดเผาข้างใน เลือดลมสูบฉีดขึ้นทันที ด้วยถูกกระตุ้นจากอลันและเหล้าที่ดื่มจนหมดแก้ว

“มัน...อ่าห์...อะอร่อยดีครับ”

“งั้นก็กินอีก”

“คุณจะมอม..อึ้ก...อ๊ะผมเหรอครับ”

“เปล่าหนิ”

“ซี้ดดดดด” ความเสียวแล่นวาบขึ้นมาจากยอดอก ตอนแรกมันก็แค่นิ้วที่เกลี่ยเล่น ตอนนี้ดันเป็นล้ินซนๆ ของอลันที่แตะต้องความอ่อนไหวของคมสันต์อยู่

คมสันต์ก้มหน้ามองสิ่งที่อลันทำ แล้วก็เจอกับสายตาเย็นชามองตอบเช่นกัน มีความร้อนวูบวาบแล่นพล่านขึ้นมาที่ใบหน้า คมสันต์ไม่แน่ใจหรอกว่ามันเป็นเพราะโดนจ้องหรือเพราะเหล้า แต่ที่แน่ๆ ลิ้นสีสดของอลันที่แลบเลียเขาอยู่นั้นมันน่าหลงใหลจริงๆ

เขาเผลอตัวเอานิ้วไปสัมผัสกับลิ้นอลันที่กำลังหยอกเย้ายอดอกเขาอยู่ อลันจึงย้ายสัมผัสนุ่มยุ่นนั้นมาที่ปลายนิ้วของคมสันต์ ค่อยๆ เลียมันทีละนิด จากปลายนิ้วก็เริ่มขยับไปยังข้อที่สองของนิ้ว ริมฝีปากประกบลงแล้วฟันคมก็ครูดเบาๆ มาที่ปลายนิ้วอีกครั้ง...

นี่แค่ปลายนิ้ว...นี่แค่ปลายนิ้วววว

คมสันต์ดึงมืออลันที่จับชายเสื้อเขาออก แล้วเขาก็ปลดเจ้าเสื้อนั้นทิ้งลงไปยังปลายเท้า ร่างกายท่อนบนทั้งคู่ต่างเปลือยเปล่าท่ามกลางแสงสีแดงในห้องนอน คมสันต์สอดใส่นิ้วเข้าไปในปากอลันเพิ่มขึ้น เปลี่ยนจากการรอให้อลันโลมเลียเป็นเล่นกับลิ้นซนๆ นั้นแทน มันนุ่มมาก ทั้งนุ่มทั้งร้อนรุ่มไปหมด

อลันปล่อยให้คมสันต์เล่นกับลิ้นตัวเองขณะที่มือทั้งสองนั้นเคลื่อนไปยังเข็มขัด ปลดมันพร้อมๆ กับกางเกงที่คมสันต์สวมใส่ เพียงแต่อลันไม่ได้ถอดชั้นในของคมสันต์ออก ทั้งที่คมสันต์อยากจะให้ถอดมัน...อยากให้...อลันเล่นกับมัน

ส่วนนั้นของคมสันต์ตื่นเต็มตามานานแล้ว ตั้งแต่อลันเล่นกับหัวนมของเขาแล้วล่ะ พอตอนนี้อลันจ้องมองไปที่ส่วนนูนใต้ชั้นใน เจ้าของข้างในนั้นมันก็กระตุกราวกับร้องเรียกการสัมผัสที่วาบหวาม คมสันต์ใช้นิ้วตัวเองนำทางปากของอลันไปยังส่วนนั้นทั้งที่ยังคงสบตากันและกันอยู่

แต่...อลันไม่ยอมหรอก

อลันถอนริมฝีปากออก หันหน้าหนีไปทางเหล้าที่อยู่ตรงหัวเตียง รินมันใส่แก้วช้าๆ ค่อยๆ บรรจงเททีละนิดทั้งที่สามารถเททีเดียวให้ถึงปริมาณที่ตัวเองต้องการได้ภายในวินาทีเดียว

“คุณแกล้งผม...” เสียงคมสันต์แหบพล่าเพราะมันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่คุกกรุ่น

“คุณคิดไปเอง” อลันจิบเหล้า เป็นการจิบที่ละเลียดดื่มด่ำกับรสชาติ ไม่ว่าจะเหล้าในปาก หรือผู้ชายเกือบเปลือยตรงหน้าต่างก็ให้รสชาติที่ดีไม่น้อยเลยจริงๆ

“ถ้าจะดื่มช้าขนาดนั้นผมป้อนไหมครับ” คมสันต์รู้ไม่ใช่ไม่รู้ว่านี่เป็นการเล่นกับอารมณ์ของเขา แต่จะให้เขาไหลไปตามอลันตลอดเขาคลั่งตายกันพอดี

“เอาสิ” อลันส่งแก้วเหล้าให้คมสันต์ ภาพในหัวคือคมสันต์ค่อยๆ จรดขอบแก้วเข้าที่ริมฝีปาก

ทว่ามันไม่ใช่! คมสันต์กระดกเหล้าในแก้วนั้นจนหมดในคราวเดียว อมมันเอาไว้ในปากก่อนจะประคองใบหน้าอันเหย่อหยิ่งของอลันให้เงยขึ้นรับริมฝีปากของเขา อลันตกใจนิดหน่อยในความใจกล้านี้ แต่ก็ยินดีเปิดปากรับเหล้าดีกรีแรงที่ค่อยๆ ไหลเข้ามา

คมสันต์ค่อยๆ ป้อนเหล้าอย่างระมัดระวังไม่ให้มันหก แต่การส่งผ่านเหล้าจากปากสู่ปากนั้นมันไม่ง่าย เหล้าจำนวนหนึ่งไหลซึมตามมุมปากไปยังลำคอของอลัน คมสันต์กะจะค่อยๆ ป้อนให้ระวังมากขึ้นอีกแต่อลันก็ดันสอดลิ้นเข้ามาในปากเขา ทำให้เหล้าเหล่านั้นไหลไปเปรอะเปื้อนเนื้อตัวของอลันเข้าจนได้

ร่างของคมสันต์ถูกอลันเหนี่ยวรั้งให้นั่งคุกเข่าลงที่ข้างเตียง ทั้งที่เรียวลิ้นทั้งสองยังคงพัวพันดื่มด่ำกับรสชาติเหล้าในโพรงปากของกันและกันไม่แยกห่าง เป็นคมสันต์เองที่ถอนริมฝีปากออกก่อน เขาจับจ้องไปที่เหงาสะท้อนล้อแสงสีจากเหล้าที่เคลือบอยู่บนผิวกายของอลัน คมสันต์ไม่รอช้า ขยับใบหน้าเข้าหาเหล้าเหล่านั้นบนตัวของอลัน

“อ่าห์...” ทันทีที่ลิ้นเลียไปบนลำคอ คนที่แสนเย็นชาก็พ่นลมหายใจอันเต็มไปด้วยอารมณ์ออกมา

คมสันต์ดูดกลืนเหล้าจากผิวอลัน ทั้งกลิ่นเหล้าและกลิ่นกายเฉพาะของอลันนั้นผสมรวมกันจนกลายเป็นรสชาติใหม่ที่น่าหลงใหล คมสันต์เลียมันตั้งแต่ลำคอ ไล่ระดับลงไปเรื่อยๆ เหมือนเขากำลังหิวกระหายในเหล้าก็ไม่ปาน แม้ว่าที่จริงแล้วเขากำลังหิวกระหายในอลันมากกว่า

คมสันต์ไล่เลียจนไปถึงท้องน้อย เขาหยุดสัมผัสกายอลันด้วยลิ้นแล้วเปลี่ยนไปปลดเข็มขัดกับกางเกงของอลันแทน คมสันต์ไม่สนว่าอลันจะแกล้งเขาไว้อย่างไร เวลานี้เขาสนส่วนที่นูนดุนดันกางเกงชั้นในของอลันมากกว่า

นิ้วมือติดหยาบแตะลงที่ส่วนนั้นผ่านเนื้อผ้า  ไล้มันตั้งส่วนปลายไปถึงโคน คมสันต์เงยหน้ามองอลัน สีหน้าที่มีอารมณ์ของอีกฝ่ายนั้นเป็นสิ่งที่คมสันต์ชื่นชอบ ริมฝีปากอลันเผยอออกหอบหายใจ พร้อมๆ กับที่มือกดหัวของคมสันต์ให้เข้าใกล้ส่วนนั้นที่ยังคงมีเนื้อผ้ากั้นกลางอยู่ คมสันต์แตะต้องมันอย่างว่าง่าย เพราะรู้ดีว่าอลันต้องการให้เขายุ่มย่ามกับมัน

ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ความต้องการที่มีมากหรือเหล้า ที่ทำให้บางส่วนของชั้นในมันเปียกชื้น คมสันต์ใช้ฟันขบส่วนอ่อนไหวเบาๆ ร่างกายของอลันกระตุกเกร็งเช่นเดียวกับแก่นกายใต้กางเกงที่กระตุกเร่าๆ เรียกร้องให้กระทำมากขึ้นไปอีก

คมสันต์ละเมียดละไมในการสัมผัส ค่อยๆ พรมจูบไปตามความยาวของมันแล้วขบกัดเบาๆ เป็นการกระตุ้นอารมณ์ให้พุ่งพล่าน สุดท้ายเมื่ออลันไม่ไหว อลันก็เป็นฝ่ายถลกชั้นในลงแล้วให้คมสันต์ได้สัมผัสกับมันแบบไม่มีอะไรกั้นกลางอีก

ส่วนปลายฉ่ำวาวไปด้วยน้ำแห่งความต้องการ คมสันต์รู้แล้วว่าที่เขาเห็นนั้นมันไม่ใช่เหล้าที่ไหลลงมาเปื้อน แต่เป็นอลันเองก็กระหายมากจนถึงขั้นหลั่งน้ำพรีคัมเช่นกัน เขาเลียมันอย่างไม่รังเกียจ ลิ้มรสชาติของอลันด้วยการค่อยๆ บรรจงเลียช้าๆ แล้วก็นำมันเข้าสู่โพรงปากที่ร้อนระอุของตนเอง

“อื้อ...ซี้ด...ดี...” เสียงอันแหบพล่าของอลันเป็นเหมือนสัญญาณที่บอกกับคมสันต์ว่าเขาทำให้อลันพึงพอใจได้ขนาดไหน แล้วมันก็กระตุ้นให้คมสันต์อยากกระทำให้อลันรู้สึกมากยิ่งกว่านี้

จากที่ค่อยๆ โลมเลียก็แปรเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่หนักหน่วงและถี่รัว เส้นผมของเขาถูกมือทั้งสองของอลันจิกทึ้ง พร้อมๆ กับสะโพกที่เคลื่อนไหวขึ้นลงสวนทางกับการขยับของคมสันต์ เมื่อคมสันต์ก้มหน้าลงไปอลันก็จะกระแทกสวนขึ้นมา เสียงหายใจถี่ๆ กับร่างกายที่เกร็งกระตุกคือการบอกกับคมสันต์ว่าอลันใกล้จะถึงจุดหมายเต็มที

“ซี้ด...อึ้กอ่าห์!” อลันกดหัวคมสันต์กับส่วนนั้นเอาไว้แน่นจนแนบชิด น้ำรสชาติเฝื่อนพุ่งเข้าสู่ลำคอของคมสันต์จนเกือบจะสำลักมัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลืนกินสิ่งที่อลันปลดปล่อยออกมาจนหมดทุกหยาดหยด

คมสันต์ปล่อยให้อลันนอนพักหายใจอยู่บนเตียง ส่วนตนก็หันไปเทเหล้าเพื่อดื่มล้างปาก จากนั้นถึงได้เทไว้ให้อลัน คิดว่าเดี๋ยวอลันก็ต้องลุกขึ้นมาดื่มมันเป็นการแก้กระหายแน่นอน

“อ๊ะ!?” อลันดึงตัวคมสันต์ที่ยืนเทเหล้าให้ล้มลงบนเตียง

“รีบล้างปากจัง” ร่างเปลือยนั้นขึ้นค่อมคมสันต์พลางจ้องเข้ามาในดวงตา ตอนนี้ในแววตาสีนิลไม่มีความเป็นมิตรหรือความน่ารักแบบที่ปกติมักมี แต่มันกลับอัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ฉายชัด

“ผมก็แค่...คอแห้ง”

“ของผมมันทำให้คุณหายคอแห้งไม่ได้งั้นเหรอ” อลันยืดตัวตรง ส่วนนั้นเด่นตระหง่านและชี้หน้าคมสันต์

“น้ำของคุณมันแก้คอแห้งได้ที่ไหนล่ะครับ”

“นั่นสิ” อลันยกเหล้าที่คมสันต์เทให้มาดื่มจนหมดในรวดเดียวแล้วหันไปเทใหม่

คมสันต์คิดว่าอลันจะดื่มแก้วนั้นต่อ แต่มันไม่ใช่เมื่ออลันกลับเทเหล้าลงบนร่างกายของเขาแทน เขารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ และเพราะรู้ถึงยิ่งกระหายให้ถูกสัมผัส เขาต้องการมากๆ ต้องการอลันที่สุดในตอนนี้

อลันโน้มกายเข้ามามอบจูบให้กับเขา พร้อมกันกับชั้นในที่ถูกถอดออก มันกระตุกรับความเย็นก่อนจะกลายเป็นกระตุกเพราะโดนอลันกอบกุมเอาไว้ มืออลันนุ่มกว่ามือของเขามาก และความนุ่มที่โอบรอบอยู่ก็มอบความรู้สึกซาบซ่านให้กับเขา ยิ่งมันขยับชักนำขึ้นลง เขาก็ยิ่งไม่มีสติที่จะตอบสนองต่อลิ้นแสนซนในโพรงปาก

อลันเคลื่อนใบหน้าออก ทั้งสองมองสบตากันผ่านแสงสีแดงฉานในห้อง แว่นของอลันมันสะท้อนเงาที่เห็นเรือนรางว่าเป็นเขาเอง แต่เขากลับจ้องผ่านแว่นเพื่อเก็บเกี่ยวแววตาเร่าร้อนของอลัน รอยยิ้มบางๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าอลันก่อนที่ใบหน้านั้นจะเคลื่อนหายไปจากสายตาคมสันต์ ตามติดด้วยสัมผัสวาบหวามที่ลำคอ

อลันกำลังทำแบบเดียวกับที่คมสันต์ทำให้เพียงแค่...ทำให้เนิ่นนานยิ่งกว่า

คมสันต์ถูกทำให้เป็นอาหารที่อลันมักจะค่อยๆ ละเลียดกินทีละนิด ทีละน้อย ทั้งที่ส่วนนั้นมันเรียกร้องให้อลันทำอะไรกับมันแต่อลันก็เมินเฉย ราวกับว่าเหล้าบนเนื้อตัวของคมสันต์มันอร่อยเป็นนักหนา ถึงได้จิบมันทีละนิด

ถึงจะขัดใจกับการเล่นสนุกของอลัน แต่คมสันต์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมอบความสุขให้กับร่างกายเขาเหมือนกัน อาจจะอึดอัดไปบ้าง ขัดใจไปหน่อย แต่ในเมื่ออลันต้องการแบบนั้นเขาก็จะยอมให้มันเป็นแบบนั้น

หัวใจของคมสันต์เต้นแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออลันจ้องสบตาพลางเคลื่อนริมฝีปากไปที่ความอ่อนไหวกลางลำตัว มันเหมือนลุ้นว่าเจ้าปากสีสวยนั้นจะสัมผัสตัวตนของเขาตอนไหน อยากให้สัมผัสแล้ว...อยากให้แตะต้องมันด้วยลิ้นแล้ว...

RrrrrRrrrrrr!!!!

แต่ความหวังที่อยากได้รับสัมผัสวาบหวามนั้นเป็นอันต้องชะงักลง ทั้งคมสันต์และอลันต่างสะดุ้งกับเสียงเรียกเข้า คมสันต์รู้ว่ามันเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขา เขาขยับตัวเพื่อจะขออลันรับสาย แต่! อลันดันพลักเขานอนลงด้วยอาการหงุดหงิด แล้วโน้มตัวไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของคมสันต์ขึ้นมากดรับแทนทั้งที่นั่งทับส่วนนั้นของคมสันต์เอาไว้

“สวัสดีครับ” อลันกดรับสาย เป็นการกดรับสายที่ไม่นิ่ง ถึงหงุดหงิดแต่สะโพกก็ขยับบดบี้ส่วนนั้นของคมสันต์เล่น

(มึงกล้าดียังไม่ทำตามที่ลูกสาวฉันบอก!) อลันตกใจดึงโทรศัพท์ออกจากหู เพราะทางนั้นดันตะโกนใส่ ขนาดคมสันต์ไม่ได้ถือสายยังได้ยินด้วย

(มึงมันก็แค่เบต้าโง่ๆ ทำมาเหิมเกริมใส่อัลฟ่าอย่างพวกฉันงั้นเหรอ คิดว่าทำแบบนั้นแล้วมันจะทำให้ความโง่และความไร้ประโยชน์ของมึงมันหายไปใช่ไหม หึ โง่ก็คือโง่ การที่มึงโกหกตอแหลใส่เพราะไม่มีปัญญาจะทำตามคำสั่งมันก็ยิ่งทำให้มึงดูโง่!!!) อลันฟังแล้วก็งง ไม่ต้องถามคมสันต์ เพราะเจ้านี้ตึ้บไปแล้ว...ไอ้นั่นก็โดนถู หูก็ได้ยินเสียงด่า

“คุณเป็นใคร” ด้วยความที่ครรชิตไม่ไม่ใช้เบอร์ตัวเองโทร เพราะตอนโทรด้วยเบอร์ตัวเองคมสันต์ไม่รับ จริงๆ นั่นทำให้ยิ่งโกรธ

(แล้วมึงอะเป็นใคร มึงไปเอาไอ้คมมันคุยกับกูเดี๋ยวนี้ นี่มันไม่กล้าจะรับสายกูขนาดว่าให้คนอื่นมารับเลยหรือไง หึ บอกมันนะ...ถ้ามันไม่มารับสายมันเจอดีแน่)

“ผมอลัน ตอนนี้คมสันต์ไม่ว่าง”

(...) ทางนั้นเมื่อได้ยินชื่อก็ชะงักค้าง

แต่ทางอลันเมื่อเห็นว่าทางนั้นไม่พูดอะไรก็คิดว่าคงวายสายไปแล้ว จึงโยนโทรศัพท์ของคมสันต์ไว้บนกองผ้าข้างเตียง จากนั้นก็หันกลับมาให้ความสนใจกับคมสันต์ที่นอนหอบอยู่ต่อ แม้ว่าคมสันต์จะดูตื่นๆ กับสายที่โทรมาแต่นั่นไม่ใช่อลัน

“ซี้ด...อ๊ะเดี๋ยว...คุณอลันอ๊ะยะอย่ากัด”

____[100%]____

วันนี้มาให้ครบตอนเลยค่า โทษฐานที่ไม่มาอัปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขอแอบกระซิบนิดๆ ว่า…ในเล่มมี Nc จัดเต็มรออยู่นะคะ

วันนี้จะขอแจ้งสองเรื่องนะคะ เรื่องแรกการอัปนิยายเรื่อง อุบัติรักเรือผี อาจจะมาๆ หายๆ สักหน่อยในช่วงนี้เนื่องจากว่าเรากำลังรีไรท์เนื้อหาอยู่ค่ะ แล้วน้องก็มีเจ้าของแล้วด้วย นอกจากเนื้อหาที่รีไรท์ก็ยังมีตอนพิเศษที่กำลังแต่งเพิ่ม ถ้าเราจัดการต้นฉบับเสร็จแล้วจะอัปเป็นเวลาเหมือนเดิมนะคะ

เรื่องที่สองคือภาพประกอบของน้อง เรื่องภาพนี้จะงดลงสักระยะเช่นกันค่ะ เนื่องจากน้องนักวาดไม่ว่างงานชุมจนหัวหมุนไปแล้ว ก็เลยให้น้องเคลียร์งานตัวเองก่อนค่อยมาเคลียร์เรื่องนี้ค่ะ ถ้าน้องนักวาดเริ่มมีเวลาแล้วจะไล่ใส่เข้าไปในตอนทีหลังนะคะ

สุดท้ายขออภัยที่ไม่ได้เข้ามาตอบคอมเมนต์เลยค่ะ พอดีโทรศัพท์บินไปแล้วกำลังหากะตังซื้อใหม่อยู่ ถ้าแล้วจะแวะเวียนมาตอบคอมเมนต์นะคะ อาจจะไม่ได้ตอบทุกคนต้องขออภัยด้วยค่า

ช่วงฝนตกบ่อยแถมโควิดก็…นะ ระบาดหนักมาก รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

____ช่วง~ Gukak ขายของค่า____

เกมเมอร์มือวางอันดับกาก #โอมกินเตอร์ (แนวมหาลัยน่ารักกรุบกริบ)
สั่งซื้อได้ที่ 
เทพช๊อป // https://bit.ly/2OUrk08 
inbox เพจ // https://bit.ly/37av9Jl 
ทดลองอ่าน // https://bit.ly/35bG6KC

Ebook #ฟ้องป๊าแน่ (แนวรับซินรับพอร์น)
ลิงก์// https://bit.ly/3xmyEIw

~ฝากอุดหนุนผลงานด้วยนะคะ ขอบคุณค่า~
หัวข้อ: Re: อุบัติรักเรือผี <Betaverse> ตอนที่ 14 : 100% [14/07/64]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-07-2021 12:03:45
 ช่วงรีดเค้นความจริงจากคมมั้ยนี่ทีนี้ แต่ว่าเราว่ายังไม่วางสายแน่เลย โป๊ะแน่นอน