พิมพ์หน้านี้ - #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kimjuy_o ที่ 17-08-2017 08:29:55

หัวข้อ: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 17-08-2017 08:29:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะทุกคน kimjuy_o เองค่ะ ย่องมาเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่ค่ะ  :mc4: ฝากเนื้อฝากตัวเช่นเคยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมได้ค่ะ วันนี้มาลง Intro ก่อนล่ะกันนะคะ เดี๋ยวตอนแรกจะมาหลังวันหลังนะ ไว้เจอกันค่ะ


ป.ล.หากมีคำผิดหรือขอผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยไว้ ณ ทีนี้ด้วยนะคะ  :call:


่อ่อ ฝากกดติดตามเพจด้วยนะคะ    Fan Page : kimjuy_o  (https://www.facebook.com/kimjuyke/) 


ผลงานเรื่องอื่นๆ   #อย่าบอกใคร..ว่า...ฉันรักเธอ?  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44626.0)



Holler...เรียกฉันสิที่รัก


 Intro+ตอนที่ 1..Make you holler   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3691716#msg3691716)
 ตอนที่ 2..True friend   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3693905#msg3693905)
 ตอนที่ 3..Jitter  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3695744#msg3695744)
 ตอนที่ 4..Play the game. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3697671#msg3697671)
 ตอนที่ 5..Boy&Boy. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3699959#msg3699959)
 ตอนที่ 6..Dangerous guy. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3701795#msg3701795)
 ตอนที่ 7...I’m a slave. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3704892#msg3704892)
 ตอนที่ 8...Wet the bed. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3706846#msg3706846)
 ตอนที่ 9...Your tasted. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3708767#msg3708767)
 ตอนที่ 10...Good shit. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3718760#msg3718760)
 ตอนที่ 11...Real deal  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3734725#msg3734725)
 ตอนที่ 12..Your kiss.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3738889#msg3738889)
 ตอนที่ 13..I feel it. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3742828#msg3742828)
 ตอนที่ 14..The body say.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3746582#msg3746582)
 ตอนที่ 15..Into you.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3750681#msg3750681)
 ตอนที่ 16..Special.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3754600#msg3754600)
 ตอนที่ 17..My words.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3758730#msg3758730)
 ตอนที่ 18..Stay  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3763228#msg3763228)
 ตอนที่ 19..Falling for you.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3770652#msg3770652)
 ตอนที่ 20..In my room.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3774552#msg3774552)
 ตอนที่ 21..One touch.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3778770#msg3778770)
 ตอนที่ 22..Crazy with love.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3783041#msg3783041)
 ตอนที่ 23..Crush.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3792364#msg3792364)
 ตอนที่ 24..I need it.  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3799123#msg3799123)
 ตอนที่ 25..Wonder feeling.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3802301#msg3802301)
 ตอนที่ 26..Only you can.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3805707#msg3805707)
 ตอนที่ 27..Confess.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3812182#msg3812182)
 ตอนที่ 28..Say you love me.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3814680#msg3814680)
 ตอนที่่ 29..The best night.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3817669#msg3817669)
 ตอนที่ 30..Talking body.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3820563#msg3820563)
 ตอนที่ 31..The way you love me.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3823726#msg3823726)
 ตอนที่ 32..Magic spell.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3827027#msg3827027)
 ตอนที่ 33..Close.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3831228#msg3831228)
 ตอนที่ 34..Take me.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3833350#msg3833350)
 ตอนที่ 35..Impossible.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3836591#msg3836591)
 ตอนที่ 36.. Love with electric 1.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3840045#msg3840045)
 ตอนที่ 37..Love with electric 2.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3844232#msg3844232)
 ตอนที่ 38..Coffee.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3850520#msg3850520)
 ตอนที่ 39..Run-down.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3853771#msg3853771)
 ตอนที่ 40..Hurts.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3859954#msg3859954)
 ตอนที่ 41..Can't fight.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3863089#msg3863089)
 ตอนที่ 42..We did.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3867080#msg3867080)
 ตอนที่ 43..For you.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3869877#msg3869877)
 ตอนที่ 44..Not wrong.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3872827#msg3872827)
 ตอนที่ 45..Rely on me.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3875620#msg3875620)
 ตอนที่ 46..Jealousy.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3881761#msg3881761)
 ตอนที่ 47..The life.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3884981#msg3884981)
 ตอนที่ 48..Up and down.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3887210#msg3887210)
 ตอนที่ 49..Don't stop it.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3890390#msg3890390)
 ตอนที่ 50..Between them.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3896643#msg3896643)
 ตอนที่ 51..How do you feel.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3899527#msg3899527)
 ตอนที่ 52..Just yesterday.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3909740#msg3909740)
 ตอนที่ 53..Bloom.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3912876#msg3912876)
 ตอนที่ 54..Trouble.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3919071#msg3919071)
 ตอนที่ 55..Get it off.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3929530#msg3929530)
 ตอนที่ 56..Time to fight.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3936846#msg3936846)
 ตอนที่ 57..Some Signals.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3947278#msg3947278)
 ตอนที่ 58..Part of the end.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3954992#msg3954992)
 ตอนที่ 59..The ripped.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3965810#msg3965810)
 ตอนที่ 60..No words.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3971366#msg3971366)
 ตอนที่ 61..Misunderstand.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3974661#msg3974661)
 ตอนที่ 62...Rising sun.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3980249#msg3980249)
 ตอนที่ 63...Freedom.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3983702#msg3983702)
 ตอนที่ 64...My Mistakes.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3986954#msg3986954)
 ตอนที่ 65...Bittersweet.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3990458#msg3990458)
 ตอนที่ 66...Don't leave me.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg3997632#msg3997632)
 ตอนที่ 67...What should i do.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg4000772#msg4000772)
 ตอนที่ 68...Into the new chapter.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg4004767#msg4004767)
 ตอนที่ 69...Facing you.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg4007800#msg4007800)
 ตอนที่ 70...Still falling for you.  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg4012030#msg4012030)
 ตอนที่ 71...I love you.-END-  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61520.msg4013415#msg4013415)

+++++++++++++++++++++++++



   
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 17-08-2017 08:52:28
จิ้มมมม :z13:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 17-08-2017 09:29:37
รอติดตามจ้าาา   :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 17-08-2017 09:50:29
 :hao4: ตื่นมาจะจำได้มั๊ยเนึ่ย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 17-08-2017 10:52:32
 จะดราม่ามั๊ยคะเนี่ยยยย
แล้วคัยเป็นคนหิ้วพระพายไป!!!!
คนที่พระพายล้มทับรึป่าวน้าาาาาา
อยากได้ต่อแล้วค่าาาาาาา :call:
 :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 17-08-2017 11:03:28
มาจิ้มไว้ก่อน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-08-2017 11:46:36
เปิดเรื่องใหม่แล้วฮือออออออ :hao5: :hao5:

รอตอนต่อไปค่า แค่นี้ก็สนุกแล้ว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 17-08-2017 19:02:44
 :hao6: :hao6: ชอบบบบ จ้าาา รอตอนที่ 1 น้าา อ่านอินโทรแล้วตื่นเต้นดีจังเยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 17-08-2017 19:38:52
อะ.. อ้าววว เปิดเรื่องมาพระพายก็โดนจัดหนักซะแระ :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 17-08-2017 19:39:32
ใคร? น้องพายโดนใครจิ้ม คนที่ล้มทับแน่เลย  :z13:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 17-08-2017 20:28:53
ยกป้ายไฟรอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-08-2017 07:11:50
เรื่องใหม่ๆ  :mc4: :mc4:

ปักหมุดรอ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...Intro...(17/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-08-2017 09:00:36
เย้ๆ (ปรบมือรัวๆ)
ฉลองการหลับมา ตั้งแต่ส่งน้องเอยเข้าฝั่ง
คิดว่าจะไม่แต่งเรื่องอื่นอีก
เปิดเรื่องมาก็แซ่บเลย
เรื่องนี้ก็จะรออย่างใจจดจ่อเลยเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 20-08-2017 14:10:07
Holler…เรียกฉันสิที่รัก (Intro)
   
I wanna make you holler.
ฉันอยากทำให้คุณตะโกน
And hear you scream my name.
และได้ยินคุณกรีดร้องชื่อของฉัน


        เสียงเพลงหนักๆจากที่ไหนสักแห่งกระแทกเข้ายังส่วนประสาทการรับรู้ ดังกึกก้องในหูจนรู้สึกเหมือนกำลังถูกเขย่าตัวก็ไม่ผิด เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่ชอบที่จะมาสถานที่อโคจรเช่นนี้ เพราะเสียงเพลงที่ราวกับถูกกระแทกเข้ากับสมอง อึดอัดเหมือนถูกกดให้จมน้ำทั้งที่ไม่เคยโดนกระทำมาก่อน แต่ก็สามารถอุปมาอุปไมยไปได้ ผู้คนเยอะแยะมากมายดิ้นพล่านอย่างสนุกสนาน แต่ในสายตาของเขา คนเหล่านั้นไม่ต่างจากหนอนโดนน้ำร้อนลวกก็ไม่มีผิด ทำไมเขาต้องมาตามคำชวนของพวกรุ่นพี่ในบริษัทที่บอกว่าจะมารับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานอย่างเขา ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องไม่สบายตัวอย่างนี้ แต่ก็ต้องเลยตามเลยมาเพราะพวกรุ่นพี่บอกว่ามาเลี้ยงเขาโดยเฉพาะ


        และที่มากไปกว่านั้นคือถูกบังคับให้กินเหล้า รสขมร้อนกรุ่นแม้จะมีส่วนผสมของโซดาเย็นๆกับน้ำแข็งหลายก้อน แต่สำหรับเขามันยังร้อนรุ่มเมื่อไหลผ่านลงคออยู่ดี กินไปแก้วแล้วแก้วเล่า จนรู้สึกว่าความร้อนดั่งกล่าวไหลท้นไปทั่วร่างกายจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว

“เฮ้ยๆ ไอ้พายเมาไม่รู้เรื่องแล้วโว้ย” เสียงหึ่งๆจับประโยคได้คร่าวๆ ว่าเขากำลังเมาแล้ว

“ยังไม่เมา....” ยืนยันออกไปแบบนั้น ทั้งที่เริ่มโอนเอนหัวหมุนเป็นลูกข่างแล้ว แต่ก็ยังสามารถได้ยินและโต้ตอบคำพูดเหล่านั้นได้ เพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะโห่ลั่นตอบกลับมาอย่างไม่เชื่อในคำตอบของเขา


        พระพาย หรือ พายที่ใครๆเรียกเช่นนั้นได้แต่ขบคิด ใครกันที่พูดว่าคนเมามักจะไม่รู้เรื่อง ตรรกะไหนกันที่โยนกันมาแบบนี้สู่รุ่นต่อรุ่น สำหรับเขาคนเมามีสติเสมอ เพียงแค่ความยับยั้งชั่งใจจะน้อยลงเพียงเท่านั้น อีกทั้งกล้าหาญที่จะทำอะไรลงไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นกัน แต่ไม่มีทางตีมึนไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดได้หรอก นอกจากคนผู้นั้นตั้งใจที่จะไม่รับรู้สิ่งรอบข้างก็เท่านั้นเอง

“ไปไหนวะไอ้พาย” เสียงถามของรุ่นพี่ผู้ที่อาวุโสที่สุดชื่อพี่กล้วย

 “ไปห้องน้ำ” พระพายตอบสั้นๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินคลำทางไปยังห้องน้ำ


        มันทั้งมืด ทั้งแสงไฟหลากสีสลับกันไปมา ทั้งเบลอ ทั้งเสียงดัง แม้สายตาพยายามจะจดจ่อมองป้ายไฟสีขาวที่มีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าห้องน้ำชายอยู่ตรงนั้น แต่เหมือนระยะทางจากตรงนี้จะไกลเหลือเกินในความคิดของพระพาย ขาแต่ละก้าวก็ไม่ค่อยมั่นคงจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ย่างเท้าแต่ละทีจึงโงนเงนไปทั้งตัว แต่สติก็ยังรับรู้อย่างแน่วแน่ว่าจะต้องไปเข้าห้องน้ำเพื่อปลดเบา


        ในที่สุดก็เดินไปถึงห้องน้ำ ปลดปล่อยออกมาอยู่นานตามปริมาณของเหลวที่ดื่มเข้าไป พอได้เอาออกจากร่างกายก็พลันรู้สึกดีขึ้น ดูเหมือนจะสร่างเบาๆ แต่เบามากจริงๆ เพราะยังรู้สึกมึนหัวอยู่ดี เมื่อเสร็จแล้วพระพายไม่ลืมที่จะรูดซิปก่อนที่จะเดินไปล้างมือยังอ่างล้างหน้า ดึงกระดาษแผ่นหนามาเช็ดมือ แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะ


        ขามาทุลักทุเลอย่างไร ขากลับก็ไม่ต่างกัน เพราะคงยังมืด เสียงดัง และเพิ่มเติมคือแสงสีที่วิบวับจนตาลายมากกว่าเดิม ทำให้มองหาโต๊ะได้ยากขึ้น พระพายเดินคลำทางราวกับคนตาบอด

“โอ๊ย!!” พระพายร้องออกมาเมื่อชนเข้ากับใครไม่รู้อย่างจัง แรงกระแทกทำเอากระเด็นไปยังกลุ่มคนที่นั่งล้อมวงเหล้ากันอยู่ที่โซฟาใกล้ๆกัน

“ขอโทษครับ”


            พระพายละล่ำละลักขอโทษ เมื่อเงยหน้ามองคนที่ตนเองล้มใส่ พบว่าเป็นผู้ชายซึ่งหน้าตาราวกับพระเอก ดารา นายแบบ หรืออะไรก็แล้วแต่เท่าที่พระพายพอจะนึกออก และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เขาที่หน้าตาดี แต่เป็นกันยกกลุ่ม แม้จะในผับมืดแค่ไหน แต่การเห็นกันใกล้ในระยะนี้ทำให้พอจะมองเห็นได้ชัด พระพายกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่จะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากการล้มทับใส่คนแปลกหน้า


             คนในกลุ่มทุกคนต่างพากันเงียบกริบ มีเพียงรอยยิ้มแปลกๆที่ทำเอาพระพายขนลุก ไม่รอช้ารีบดันตัวเองออกไปทั้งๆที่ยังมึนอยู่พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษอีกหลายครั้งและรีบจ้ำอ้าวคลำทางเพื่อกลับไปยังโต๊ะของตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อกลบเกลื่อนความอายที่ไปล้มใส่คนอื่นเช่นนั้น เมื่อกลับมาถึงโต๊ะ นั่งหายใจหายคอได้ไม่นานนัก ก็ถูกยัดเหยียดแก้วเหล้าใส่มือ พระพายส่ายหน้าทันทีพร้อมผลักแก้วคืนพี่ปี

“ผมพอแล้วพี่ เดี๋ยวกลับห้องไม่ไหว” พระพายบอก

“เอาน่า พรุ่งนี้ก็วันหยุด มึงจะนอนให้อืดถึงเย็นก็ได้ กินๆเข้าไป” พี่กล้วยบอกเช่นนั้น

 “พอเหอะพี่กล้วย ไม่ไหวแล้วจริงๆ” พระพายยืนยันเสียงหนักแน่น

“พาย รับไปเถอะ นานๆที นี่งานฉลองของพายนะ ไม่ดื่มก็ไม่ได้สิ” พี่ปี พี่อีกคนที่คะยั้นคะยอพระพายอีกเสียง


        ในที่สุดพระพายก็ทัดทานเสียงของพี่ๆในแผนกไม่ได้ จึงจำต้องดื่มเข้าไปอีก ดื่มไปก็มองไปรอบๆผับเรื่อยเปื่อย พบว่ามีสายตาหลายคู่มองมายังโต๊ะของเขา ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นโต๊ะที่เขาเพิ่งไปล้มใส่นั้นเอง
พระพายกระอักกระอ่วนไม่น้อยเมื่อมีสายตาจดจ้องมาเช่นนั้น แม้จะเป็นสายตาธรรมดาแต่รู้สึกแปลกๆ หรือคราวนี้ที่ดื่มไปเริ่มจะหนักขึ้นเพราะเหล้ายิ่งเข้มขึ้นจนเขารู้สึกได้ และเพียงไม่นานนักเสียงหัวเราะรอบข้างเริ่มเลือนราง แสงวิบวับของไฟดิสโก้ทำพระพายเริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะ และนั่นเป็นสิ่งที่พลาดจริงๆที่พระพายยอมดื่มต่อ เพราะหลังจากนี้ไปก็เกิดเรื่องราวอันเลวร้ายมากที่สุดในชีวิตยี่สิบห้าฝนของพระพายก็ว่าได้

...
..
.

“อื้อ...อย่าทำ..!!!” น้ำเสียงแหบแห้งเปล่งออกมา ส่ายหน้าอย่างทรมาน เปลือกตาถูกดทับจากสิ่งที่เรียกว่าผ้าปิดตา แบบนี้ยิ่งอึดอัดจนอยู่ไม่สุข

“ไม่ต้องกลัว...” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้น...ใครกัน เป็นใคร ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

“เจ็บ...อ๊ะ!!” รู้สึกสัมผัสแปลกๆตรงช่องทางด้านหลัง ร่างกายเหมือนถูกกระชากฉีก เนิ่นนานเท่าความรู้สึกที่ถูกกระทำอะไรต่อมิอะไรจากด้านหลังตรงนั้น

“ชอบไหม?” เสียงนั้นถาม ราวกับกำลังปลอบประโลม แรงขยับถาโถมเข้ามาเป็นจังหวะ

“อืม...อื้อ...” แน่นอนว่าทำเอาความรู้สึกระเจิดกระเจิงจนไม่อาจจะโกหกได้ว่า...รู้สึกดี

“ร้องออกมาอีกสิ ร้องออกมา...” เสียงนั้นเร่งเร้ามากขึ้น

“อะ...อื้อ...” พระพายกรีดร้องเสียงกระเส่าตามคำเร้าของคนที่ไม่รู้ว่าใคร

“เรียกชื่อสิ...” เสียงแห่งความต้องการเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“คุณชื่อ..อะ..อา..อะไร?” เปล่งเสียงถาม ความมึนเมาที่ว่าแน่ของแอลกอฮอล์ ก็ไม่เท่าความรู้สึกที่กำลังก่อเกิดขึ้นตอนนี้

“.......” พูดอะไร ชื่ออะไร พระพาย...ไม่ได้ยินมัน...

To Be Continued.

*Lyrics: Holler by Spice Girl. 

++++++++++++++++++++++++++++++
   
สวัสดีค่ะ  :L2: มาลงตอนที่ 1 ค่ะ ติชมกันได้นะคะ ชอบไม่ชอบก็บอกกันมาเลยค่ะ ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาด ก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยค่ะ  :-[


+++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก

ตอนที่ 1 Make  you holler.

What we do.
อะไรที่เราทำ...
I won’t tell anyone.
ฉันจะไม่บอกใคร...


        พระพายสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมาพร้อมเสียงเข็มวินาทีจากนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน อาการมึนหัวจะการดื่มเหล้าเข้าไปดูเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้ง พระพายกรอกตาไปมาอย่างตั้งใจตั้งสติพลางเอามือทาบทับลงบนพื้นที่ข้างๆ พบแค่ความอุ่นจางๆ ซึ่งบ่งบอกได้ว่ามีคนเพิ่งลุกออกไป จากนั้นก็เหลือบสายตาไปยังส่วนที่ใกล้ที่สุดคือโต๊ะที่ตั้งใกล้หัวเตียง พบว่ามีข้าวของแปลกๆอย่างเช่นผ้าปิดตา กล่องถุงยางอนามัยและหลอดเจลสีใสวางอยู่


        เมื่อเห็นของเหล่านั้นแล้วรู้สึกราวกับมีคนสาดน้ำเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนตกจากที่สูงก็ไม่ผิดนัก เมื่อคืน..พระพายรู้ตัวชัดเจน แม้จะเมาแต่ก็อย่างที่เคยพูดไว้ คนเมามีสติเสมอ เรื่องราวเมื่อคืนฉายภาพขึ้นมาในหัว แม้จะเลือนรางประติดประต่อยากแต่ความรู้สึกยังคงติดอยู่กับร่างกาย...เมื่อคืนเขาถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้สอดใส่ทางด้านหลังนับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งที่น่าเจ็บใจคือร่างกายกลับอ่อนโอนเต็มใจให้ถูกกระทำไปเสียได้ มองไปรอบๆเป็นห้องนอนที่ดูดีที่สุดเท่าที่พระพายเคยเห็นมา เป็นห้องที่สะอาดตา ตกแต่งด้วยสีโทนเทาขาว มองไปรอบๆพบเครื่องตกแต่งที่ไม่มากชิ้นเกินพอดีดูเรียบหรูบ่งบอกถึงรสนิยมเรียบง่ายแต่แพงหูฉี่ของเจ้าของห้อง


        แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามองการตกแต่งห้องของคนที่ไม่รู้ว่าใคร ในชีวิตไม่เคยคิดจะมีวันไนท์สแตนด์อย่างใครเขาสักครั้ง กับผู้หญิงยังไม่เคยคิดแล้วนี่กับผู้ชายยิ่งเกินกว่าจะคาดถึงไปเสียอีกจึงตั้งรับกับเรื่องนี้ไม่ถูก เมื่อคิดๆดูแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคืออะไร เผชิญหน้ากับคนๆนั้นหรือจะหนีกลับไปแล้วทิ้งมันไว้เป็นเบื้องหลังเสีย ซึ่งความจริงพระพายไม่พร้อมจะเจอหน้าคนๆนั้นเลยสักนิด ไม่อยากรับรู้ว่าเขาเป็นใครและเหตุใดเมื่อคืนนี้ถึงเกิดเรื่องพวกนั้นได้ ฉะนั้นทางเลือกอย่างที่สองคือสิ่งที่พระพายต้องทำ


        พอเริ่มขยับตัวความเจ็บปวดรวดร้าวเล่นไปทั้งกระดูกสันหลัง ช่องทางด้านหลังหน่วงแปลกๆจนถึงขั้นเจ็บแสบเลยทีเดียว พระพายกัดฟันดันตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอน ก้มลงมองหน้าท้องของตนที่ตอนนี้มีรอยแดงเป็นจ้ำๆบางรอยถึงกับช้ำม่วงนิดๆ...คนนั้นๆมีรสนิยมทำคู่นอนเจ็บปวดหรืออย่างไรและที่น่าตกใจคือพระพายไม่ได้ต่อต้านเรื่องเมื่อคืนเลย หรือลึกๆแล้วชอบความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็ได้


        ไม่ทันที่จะนึกอะไรไปมากกว่านั้น พระพายเพิ่งจะได้ยินเสียงน้ำไหลซู่เบาๆมาจากที่ไหนสักแห่ง แน่นอนว่าคนๆนั้นกำลังอาบน้ำอยู่ โอกาสจะหายตัวไปตอนนี้ก็ทำได้ง่าย พระพายจึงรีบหาเสื้อผ้าที่เกลื่อนกลาดอยู่ปลายเตียง สวมใส่อย่างลวกๆทั้งๆที่ร่างกายก็เจ็บปวดไม่น้อย มองหาข้าวของของตนเองที่อาจจะตกหล่นอยู่ และพบว่ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือของตัวเองวางอยู่ใกล้ๆหมอนที่เพิ่งลุกมาเมื่อครู่นี้ จึงรีบจัดการเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงทันทีจากนั้นมองหาประตูทางออก เดินย่องเบาๆแต่รวดเร็วแม้จะติดขัดตรงสะโพกไปหน่อยแต่พระพายก็ยังไหว เมื่ออกมาจากห้องนั้นได้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรีบเดินอย่างเร็วที่สุดออกจากที่นี่ ตรงไปยังลิฟต์ซึ่งเพิ่งจะรู้ว่าชั้นนี้มันคือชั้นบนสุดของตึก


        ลิฟต์เลื่อนลงมาจนถึงชั้นล่างสุด ตรงล็อบบี้นั้นมีพนักงานต้อนรับมองหน้าพระพายอย่างสนใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินออกจากที่นี่แล้วตรงไปยังด้านหน้าคอนโดหรูแห่งนี้เพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังหอพักของตนเองซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มากนัก


        ใช้เวลากว่าชั่วโมงเพราะวันหยุดรถราเยอะแยะตามประสาเมืองกรุง เมื่อกลับมาถึงห้องซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว พระพายจึงรีบไปอาบน้ำชำระร่างกายแล้วพลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น


        พระพายจำไม่ได้จริงๆว่าไปกับคนแปลกหน้าได้อย่างไร แล้วพี่ปีกับพี่กล้วยและคนอื่นๆไม่เห็นเลยหรือว่าเขาหายตัวไปไหน เหมือนช่วงเวลาของเมื่อคืนขาดหายไปเป็นช่วงๆ เหมือนไฟฟ้าตกที่ติดๆดับวับๆแวมๆไม่ต่างกับความทรงจำเมื่อคืน แต่ที่ติดตราตึงใจเหลือเกินคือฉากอย่างว่าที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถสะบัดให้หลุดออกจากสมองได้


        จำได้ตั้งแต่ถูกพานอนลงบนเตียงนอนนุ่ม หน้าตาของผู้ชายคนนั้นก็เลือนรางเหมือนความฝัน จากนั้นถูกปิดตาลงด้วยผ้าปิดตาอย่างแน่นอนเพราะตื่นเช้ามายังเห็นของชิ้นนั้นวางอยู่ ความมือมิดที่ถูกครอบงำนำพาความตื่นเต้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ แม้ทุกอย่างจะเลื่อนลอยดั่งความฝันแต่ความแข็งแกร่งที่สอดแทรกมายังส่วนหลังของร่างกายนั้นเป็นของจริง ถูกโอ้โลมครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่ถูกปิดตาแต่กลับนึกภาพจินตนาการออกมาว่าโดนกระทำตรงไหนบ้าง พระพายอาบน้ำไปพลางลูบไล้ยอดอกที่สีแดงก่ำ บ่งบอกว่าเมื่อคืนถูกโลมเลียจุดนี้มากขนาดไหน ทั้งเม้มทั้งทึ้งเสียจนแอ่นอกเข้าหา ยามที่ถูกกระแทกกระทั้นผลักไสความแข็งแกร่งเข้ามาแต่ละครั้ง มันทั้งอึดอัดทั้งสุขสมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นโลกที่ไม่เคยเอื้อมถึงด้วยตัวเองเพราะที่ผ่านมาเคยแค่กระทำชำเราด้วยฝ่ามือและนิ้วทั้งห้าเท่านั้น มันจึงยังคงความรู้สึกวาบหวามติดอยู่กับร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


        เพียงแค่นึกก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจนแกนกายทำท่าจะตั้งชัน พระพายจึงรีบอาบน้ำให้รวดเร็วขึ้นทันที เพราะถึงจะรู้สึกดีเท่าไหร่แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เพิ่งโดนกระทำไปเป็นสิ่งถูกต้อง ผู้ชายกับผู้ชายมีความสัมพันธ์เช่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่คนอย่างพระพายที่มั่นใจในความเป็นชายมาตลอดชีวิตจะพึงรับได้ ยิ่งรู้สึกดีเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกผิดกับตนเองมากขึ้นไปเท่านั้น จิตใจของพระพายตอนนี้ทั้งสับสนระคนรู้สึกผิดก็ไม่ปาน ว่าจะเสียใจที่โดนกระทำเช่นนั้นหรือไม่ แต่หากน้ำตาก็ไม่ได้ไหลสักหยด นั่นแปลว่าไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือเสียดายที่เสียประตูหลังให้คนอื่น หมดแล้วซึ่งความเป็นชายอันน่าภาคภูมิใจของตน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะการเป็นผู้ชายไม่ได้วัดที่เรื่องเหล่านั้น แต่วัดกันที่ศักดิ์ศรีและความดีมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพระพายจึงสับสนจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี


        คิดไปก็เท่านั้น ถึงเวลากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง หลังจากอาบน้ำเสร็จ พระพายก็ประแป้งเด็กที่ชอบใช้เพราะราคาถูกและหอมสดชื่น จากนั้นก็สวมเสื้อยืดกางเกงบอลเอวย้วย ก่อนที่จะควานหายาแก้อักเสบยาแก้ปวดหรือยาอะไรที่พอจะบรรเทาความเจ็บปวดที่เต้นตุบๆที่ช่องทางด้านหลัง เมื่อซัดยาเข้าไปแล้วความเหนื่อยล้าบวกกับความเจ็บปวดก็พาให้พระพายล้มตัวลงนอน เข้าสู่นิทราได้อย่างรวดเร็ว...
...
..
.


        นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้แต่เสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลุกให้พระพายลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พลางหันมองนาฬิกาบนโต๊ะบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ พระพายควานหาโทรศัพท์ที่ยังคงแผดเสียงดังลั่นขึ้นมาสไลด์หน้าจอรับสาย

“ฮัลโหล....” พระพายกรอกเสียงแหบของตนเพราะเพิ่งตื่นนอน ต้องขอบคุณยาและความอึดของตนเองที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เป็นไข้ ทั้งที่หลังจากที่โดนกระทำชำเรามาขนาดนั้นแล้วแท้ๆ

“ไอ้พาย กูเอง” เสียงที่เหมือนจะคุ้นผ่านเข้ามายังโสตประสาทหู

“กูไหน?” พระพายขยี้ตา ก่อนจะดันตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง

“เพื่อนมึงไง เก้าอะเก้า”

“อ๋อ...ไอ้เก้า มึงเองเหรอ เปลี่ยนเบอร์ใหม่รึไง กูจำได้ว่าเมมเบอร์มึงไว้แล้วนะ”

“เออๆ กูหนีคนอยู่ว่ะ ช่วงนี้ขอไปพักหอมึงก่อนได้ไหมวะ?”

“หนีใครวะ เจ้าหนี้หรืออะไร?” พระพายตาสว่างขึ้นมาทันที

“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าจะให้กูไปพักกับมึงก่อนได้ไหมวะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ขอร้องเหอะเพื่อน” เก้าพูดเสียงอ่อน ร้อยวันพันปีเก้าไม่เคยรบกวนอะไรพระพายเลย ครั้งนี้คงสาหัสจริงๆ

“เออได้ๆ มาเหอะ แล้วเวลามาก็ดูให้ดีๆล่ะว่าคนที่มึงหนีตามมารึเปล่า เดี๋ยวจะพากูซวยไปด้วย” 

“รู้หรอกน่า เดี๋ยวเจอกัน” เก้าว่าแล้วตัดสายทิ้งไป


        เก้า เป็นเพื่อนที่สนิทมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่มีช่วงหนึ่งเก้าไม่ค่อยติดต่อมา เพราะรายนั้นบอกว่างานยุ่ง จนไม่คิดว่าวันนี้เก้าจะมาขอความช่วยเหลือเขาอย่างนี้ เอาเถอะถึงเก้าจะอารมณ์ร้อนไปบ้างแต่ก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ครั้งนี้คงจะมีเรื่องมาจริงๆถึงได้ขอความช่วยเหลือกะทันหันแบบนี้


        พอตื่นเต็มตาท้องก็เริ่มหิว เพราะวันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากยาและน้ำเปล่า พระพายบิดตัวช้าๆยังคงรู้สึกเจ็บแต่ไม่มากเท่ากับตอนตื่นนอนเมื่อเช้า ช่องทางด้านหลังยังคงติดขัดอยู่เล็กน้อย คิดว่าต้องลงไปซื้อยาข้างล่างห้องพักซึ่งมีร้านขายยาเสียแล้ว


        พระพายเดินช้าๆลงมาจากชั้นบน โชคดีที่ห้องอยู่แค่ชั้นสอง ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันไดเยอะ พอลงมาถึงก็ไม่รอช้ารีบเดินไปร้านอาหารตามสั่ง สั่งข้าวผัดสองกล่องกับแกงจืดเต้าหู้หมูสับเผื่อเก้าด้วย ถ้าเจ้าตัวไม่กินก็คงจะแช่ตู้เย็นแล้วค่อยอุ่นกินพรุ่งนี้แทน


        พอสั่งป้าเจ้าของร้านเสร็จ ก็เดินไปอีกสองล็อคก็ถึงร้านขายยาแล้ว ยืนชั่งใจอยู่นานว่าจะบอกอาการกับเภสัชกรอย่างไรดี จะบอกว่าถูกข่มขืนคงได้แตกตื่น หรือจะบอกว่ามีอะไรกับแฟนก็อายที่จะบอกเพราะมันไม่ใช่เรื่องจะบอกว่าถูกเสียบมา พระพายลังเลใจอยู่นานกว่าจะนึกเหตุผลดีๆออกคือเข้าท้องผูกและเบ่งจนเลือดออก


        เภสัชกรจัดยาให้พระพายอย่างคล่องแคล่ว บอกวิธีการทายาและเขียนระบุเวลาทานยาแบบเม็ดให้เสร็จสรรพ พระพายจ่ายเงินพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินออกมาไปยังร้านอาหารตามสั่ง ยืนรออาหารที่สั่งไปเพียงไม่นานนักก็ได้ครบตามที่สั่งไว้ เมื่อได้ข้าวแล้วพระพายจึงเดินกลับห้อง เดินไปได้ไม่กี่ก้าว กลับมีเสียงเรียกขึ้นมาจากด้านหลัง

“ไอ้พาย” เสียงเรียกนั้นทำให้พระพายหันหลังกลับไป

“มาแล้วเหรอมึง” เก้านั่นเอง

“มึงซื้อข้าวเผื่อกูรึเปล่า?” เก้าถาม ก่อนที่จะดึงถุงข้าวไปถือเอง ทั้งที่ตนเองก็สะพายกระเป๋าข้างใบใหญ่มา

“ซื้อสิวะ ว่าแต่นี่มึงขนมาหมดบ้านแล้วรึไง?” พระพายหันไปถามพลางมองกระเป๋าใบนั้น

“ก็น่าจะอยู่หลายวันหน่อย ไม่แน่ก็เป็นเดือน เดี๋ยวช่วยออกค่าน้ำค่าไฟค่าเช่าห้อง ไม่ต้องห่วง” เก้าว่าพลางยิ้มแป้น

“นี่กูถามจริงๆเหอะ มึงหนีอะไรมา” เดินไปพระพายก็ถามไป จนตอนนี้ถึงประตูหน้าห้องแล้ว

“ไว้เล่าหลังกินข้าวเสร็จเถอะมึง เดี๋ยวจะเล่าละเอียดยิบเลย” เก้าว่า ก่อนที่จะโยนกระเป๋าเข้ามุมห้อง แล้วเดินไปยังโต๊ะกินข้าวเล็กๆ

“ห้องมึงยังสวยเหมือนเดิมว่ะ”

“ช่างยอจริงนะ นี่ปากดีเพราะมาอาศัยอยู่กับกูใช่ไหมล่ะ?” พระพายพูด พลางแกะถุงแกงจืดเทใส่ถ้วย

“จริงๆนะ ปากดีแกล้งชมห้องมึงซะที่ไหน”

             พระพายได้แต่หัวเราะร่วน อย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นหลังที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันมาเมื่อคืน มีเพื่อนให้พูดคุยให้หัวเราะทำให้ก้อนหนักๆที่ทับความรู้สึกของเขาเบาลงไปทันตา


“เออ มึงชมจริงๆเชื่อแล้ว” พระพายว่าก่อนจะนั่งลงเพื่อทานข้าว


        หอพักที่นี่เป็นห้องแอร์ ราคาถือว่าไม่แพงและไม่ถูกเสียทีเดียว ห้องทุกอย่างแบ่งเป็นสัดส่วนทั้งห้องนอน ห้องน้ำ และเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ถือว่าเหมาะสำหรับการอยู่คนเดียว เพราะทุกอย่างกะทัดรัด ที่นี่พระพายเริ่มเช่ามาตั้งแต่เรียนจบ ป้าซึ่งอยู่ทางภาคเหนือ ที่เลี้ยงพระพายมาตั้งแต่เด็กและเป็นคนส่งเสียพระพายเรียนเลือกห้องแห่งนี้ให้ แต่ท่านเพิ่งเสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว ทำให้พระพายไม่คิดจะออกจากห้องนี้ไม่ว่ายังไงก็ตามเพราะเป็นเพียงสิ่งเดียวซึ่งเป็นความหวังดีของป้าผู้มีพระคุณเลือกไว้ให้

“มึงไม่ทำงานเหรอวะ?” พระพายถาม พลางนั่งลงตรงข้ามเก้าแล้วตักข้าวผัดเข้าปาก

“ทำสิ ที่ทำงานกูไม่ไกลจากหอมึงเท่าไหร่หรอก แล้วมึงล่ะ?”

“กูเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ได้สองอาทิตย์แล้ว”

“งานเก่าไม่ดีเหรอวะ?”

“มันไกลจากหอ กูเหนื่อยจะเดินทางอีกอย่างเงินเดือนน้อยแต่ใช้งานซะอ่วมเลย” พระพายได้ทีบ่นให้เก้าฟัง

“ถ้าคับใจก็ไม่ต้องอยู่ แล้วที่ทำงานใหม่มึงโอเคไหมวะ?” เก้าถามก่อนจะซดแกงจืดเสียงดัง

“ดี เพื่อนร่วมงานดี เงินเยอะ ทุกอย่างเป็นระบบ”

“เออดีแล้ว”

“ว่าแต่มึงเหอะ หายหัวไปไหนตั้งหลายเดือน ไม่ติดต่อกูมาเลย โทรไปทีไรก็ไม่รับสายไม่ก็ปิดเครื่อง” พระพายถามบ้าง เพราะนานกว่าสามสี่เดือนแล้วที่เก้าไม่ติดต่อเขาเลย

“ก็...กูยุ่งเรื่องงานนิดหน่อย อีกอย่างมันก็เกี่ยวกับเรื่องที่กูกำลังหนีอยู่ด้วยนี่แหละ”

“เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่ามาสิ”


        อย่างที่เก้าบอกว่าจะเล่าตอนที่ทานข้าวเสร็จแล้ว เพราะตอนนี้ข้าวผัดและแกงจืดต่างเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ซากให้เห็นแล้ว พระพายลูบท้องเบาๆก่อนที่จะนั่งยืดขาเพื่อคลายความอึดอัด เช่นเดียวกับเก้าที่เรอออกมาเบาๆและจากนั้นเก้าจึงยอมเปิดปากเล่า

“เรื่องของเรื่องเลย คือกูไปผับ ดันไปเจอผู้หญิงคนนึง สวยมาก”

“นี่มึงไม่เท้าความตั้งแต่เดินเข้าผับมาเลยล่ะเก้า” พระพายพูดอย่างเซ็งๆ เก้าขึ้นชื่อเรื่องกวนโอ๊ยที่สุด

“ฟังกูก่อน นี่กูเล่าเนื้อๆแล้วนะ”

“เล่าต่อๆ” พระพายเร่งให้เก้าเล่าต่อ

“กูก็สอยผู้หญิงคนนั้นได้สำเร็จนั่นแหละ นั่งกินเหล้าไปนัวเนียไป แต่เรื่องมันเกิดหลังจากนี้นี่สิ มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้เดินมาต่อยกู บอกว่ากูไปยุ่งเด็กมัน”

“ไงล่ะ โดนเข้าไปเลยมึง กินผู้หญิงไม่ดูหน้าดูหลัง” พระพายซ้ำเติมน้อยๆ เก้าขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ขนาดอายุเบญจเพสแทนที่จะตั้งใจทำงาน ยังเที่ยวเล่นไปเรื่อยเหมือนเมื่อสมัยเรียนไม่มีผิด

“กูผิดรึไง สาวมาอ่อยกูเอง วินๆกันทั้งคู่ ใครจะรู้ว่ามีผัวล่ะ กูไม่ยอมหรอกกูก็ต่อยกลับ”

“ให้กูเดา....จากนี้มึงโดนรุมสินะ” พระพายทายแม่นเหลือเกิน เพราะเก้าพยักหน้ารับอย่างแกนๆ

“จะเหลือเหรอมึง แม่งโดนรุมตีนสิ หน้าตาพวกมันก็ดีนะมึง แต่ทำไมถึงต้องมาตีกับกูเพราะเรื่องผู้หญิงก็ไม่รู้ ไปหาใหม่ยังจะง่ายกว่า”

“แล้วทำไมมึงต้องหนี?”

“พวกมันกัดไม่ปล่อย กูไปผับตอนไหนก็เจอกูหาเรื่องกูไม่จบ ที่สำคัญ...มันสืบเบอร์โทรกูด้วย แถมจ้างให้คนมากระทืบกูอีกต่างหาก” เก้าเริ่มนิ่วหน้า

“น่ากลัวจะมีอิทธิพล มึงไปแย่งเด็กผิดคนแล้วไอ้เก้า” พระพายเริ่มเครียดไปด้วย เรื่องของเขาที่เจอมาเมื่อคืนน่ากลัวจะเทียบไม่ติดกับของเก้าเลยทีเดียว

“กูหนีมาสองสามเดือนแล้ว แต่โชคยังดีที่มันเริ่มซาๆ จากที่ตามกูอาทิตย์ละสามสี่หน นี่ก็เหลืออาทิตย์ละครั้งแล้ว” 

“แล้วมึงจะหนีทำไมวะ?” พระพายไม่เข้าใจ ในเมื่อลดจำนวนการตามหาลงแล้ว ทำไมถึงยังต้องหนี

“ก็คราวนี้มันมาเองเลยนะสิมึง คนที่ต่อยกับกูวันนั้นน่ะ นี่ล่าสุดเลยเมื่อสามวันที่แล้วบุกมาหากูถึงห้องกูเลย ถ้าอย่างนั้นกูไม่หนีหรอก” เก้าว่าพลางทำหน้าขยาด

“มันทำไมกัดมึงไม่ปล่อยแบบนั้นวะ” พระพายถาม ไร้เหตุผลสิ้นดีกับเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น อีกอย่างก็แลกหมัดกันไปแล้วน่าจะจบ

“กูก็ถามมันนะ แต่มันบอกกูว่ากูกล้ายุ่งของๆมันแถมยังกล้าต่อยมันกลับ มันเลยไม่ยอมจะเอาคืนกูให้ได้เลย”

“มึงได้ขอโทษมันไปบ้างรึยัง ตอนเกิดเรื่องน่ะ?” พระพายถาม เก้าเงียบไป

“ไม่อะ กูไม่ได้ผิดซะหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นมึงก็สมควรแล้วล่ะ นี่จะเอายังไง หลบไปตลอดก็ไม่ได้หรอกนะ” ไม่เห็นด้วยเลยที่เก้าจะต้องหนีไปตลอด ทั้งที่เรื่องก็ไม่ได้คอขาดบาดตายขนาดนั้น

“เดี๋ยวกูคงต้องไปเคลียร์กับมันสักวันนึงนั่นแหละ แต่ตอนนี้ขอมาอยู่กับมึงก่อนก็แล้วกัน” เก้าพูดแบบสบายๆ พระพายได้แต่ถอนหายใจออกมา

“มาอยู่กูไม่ว่าหรอก แต่ถ้าสร้างเรื่องให้กูด้วยมึงจะโดนกูจัดการ”

“ครับๆคุณพระพาย ไปๆเดี๋ยวกูล้างจานเอง” เก้าว่า ก่อนที่จะหยิบถ้วยชามช้อนไปล้างที่ให้ พระพายจึงมีหน้าที่เก็บขยะไปทิ้ง


        จู่ๆมีเสียงข้อความเข้าในไลน์ พระพายจึงรีบทิ้งขยะแล้วเดินไปเปิดโทรศัพท์มือถือของตนเอง มันขึ้นว่ามีคนส่งรูปมาให้ ซึ่งเป็นรายชื่อเพื่อนที่พระพายไม่คุ้นเลยสักนิด มันมีอยู่สองภาพด้วยกัน แต่ที่แน่ๆพระพายใจแกว่งทันทีที่เห็นภาพ ไม่รอช้ารีบเปิดรูปใหญ่ขึ้นมาดู รอโหลดเพียงสักครู่ก็เห็นภาพเต็มสองตา เป็นภาพที่ตัวเองกำลังนอนเปลือยท่อนบนและมีผู้ชายคนหนึ่งซุกไซร้ที่ซอกคอ และแน่นอนว่าคนถ่ายป้องกันตัวเองน่าดูเพราะไม่แม้แต่จะเห็นใบหน้า นอกจากร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสีขาวผ่องแต่ไม่หนาเท่าที่ควร แต่กับของพระพายใบหน้าของเขาเอียงเข้ากล้องเต็มๆ ส่วนรูปที่สองคือรูปที่เขาถูกผ้าปิดตาอ้าปากเล็กน้อย ดูก็รู้ว่ากำลังมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น พระพายชาวูบหัวใจหล่นไปอยู่ตรงปลายเท้าก็ไม่ผิด เพียงครู่เดียวก็มีข้อความขึ้นมาต่อจากภาพสองภาพนั้น

จะไม่บอกใคร ถึงเรื่องของเราเมื่อคืนนี้
แต่จะบอกว่ามีคลิปของเราเก็บไว้ด้วยนะ
อยากเจอกันรึเปล่า?
ให้เวลาถึงวันจันทร์
มาที่ผับที่ไปเมื่อคืนสิ
ไว้เจอกัน..


        พระพายจะต้องทำอย่างไร เกิดเรื่องบ้าแบบนี้ได้ยังไง ลืมฉุกคิดไปว่าอาจจะมีเรื่องที่เรียกว่าการแบล็คเมล์อยู่ ที่สำคัญคนๆนี้ต้องการอะไร พระพายมองชื่อในไลน์ของชายคนนั้น มันเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า PHT... ชายคนนี้คือใครกัน...

+++++++++++++++++++++
*Lyrics: Holler by Spice Girl.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 20-08-2017 14:41:22
กรีดร้อง...รอตอนต่อไปอยู่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 20-08-2017 14:59:06
 :call:  :call:  :call: รีบมาด่วน...รีบมาด่วนค่ะ... รอแบบค้างคา....  o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 20-08-2017 15:11:43
พระเอกดูแบดน่าดู มาติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-08-2017 15:55:10
 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 20-08-2017 15:59:32
จะว่าผชที่แอ้มพระพายไป
ถ้าไม่ใช่คนที่ไปตีเก้า ก็เป็นคนที่ว้อนพระพายมากอะค่ะ
พระเอกเรื่องนี้เป็นแบดกายใช่มั้ยคะ ฮือ ซาดิสต์ ด้วย เอาใจช่วยพระพายนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: __jitlada ที่ 20-08-2017 23:13:29
อยากอ่านต่อแล้ว :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 21-08-2017 01:10:58
แบดกายเหรอ
น่าสนุก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 21-08-2017 16:09:24
ฮืออออ. PHT ใจร้ายยยยย น้องพายอย่าไปกลัว ลุยๆไปเลยค่ะ ไปเจอแล้วให้เค้ารับผิดชอบส่งเสียงเลี้ยงดูซะ!!!! :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 1...(20/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 21-08-2017 16:47:26
ติมตามมมมม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 24-08-2017 11:57:10
ตอนที่ 2 มาแล้วค่ะ อาจจะอัพช้าบ้างนะคะ เพราะเรื่องนี้ปั่นเก็บไว้ไม่เยอะเท่าไหร่ ปั่นวันละนิดละหน่อยตามประสาคนขีเกียจค่ะ ฮ่าๆ ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ   ชอบไม่ชอบยังไงติชมได้ค่ะ รับฟังความเห็นทุกคนค่ะ :call:

+++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 2 True friend.


You’re a true friend
เธอคือเพื่อนแท้
You’re here till the end
เธออยู่ที่นี่จนถึงตอนสุดท้าย
Till it’s alright again
จนทุกอย่างมันกลับมาดีอีกครั้ง


        หลังจากวันนั้นที่ได้รับข้อความทางไลน์จากผู้ชายปริศนาที่ดันมีความสัมพันธ์ข้ามคืนอย่างไม่ตั้งใจ นี่ก็ผ่านมาถึงวันจันทร์แล้ว วันที่กลับมาทำงานตามปกติ และเป็นวันที่ฝั่งนั้นนัดเจอด้วย พระพายทำงานไปทั้งที่ยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรหากต้องไปเจอผู้ชายคนนั้น จะไปเองคนเดียวหรือชวนเก้าไปเป็นเพื่อนดี แล้วจะตอบคำถามเก้าอย่างไรหากเก้าถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
ตั้งแต่วันนั้นมา พระพายก็เอาแต่มองชื่อในไลน์ที่ส่งรูปนั้นมา มันเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า...PHT รูปโปรไฟล์สีดำสนิท เข้าไปดูไทม์ไลน์ก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่สามารถรู้ได้เลยผู้ชายที่ได้มีอะไรกันในคืนนั้นคือใคร หน้าตาแบบไหน พระพายจนแต้มกับการพยายามหาข้อมูลเหลือเกิน

        พอมานั่งคิดๆแล้ว เพราะความเลินเล่อของตัวเองหลายอย่างแท้ๆ เช่นการติดนิสัยไม่ตั้งรหัสผ่านโทรศัพท์มือถือ เพราะคิดว่าของชิ้นนี้อยู่ติดตัวเสมออีกทั้งอยู่คนเดียวไม่มีใครจะมายุ่งของส่วนตัวชิ้นนี้ได้ ทำให้อีกฝ่ายสามารถแอดไลน์มาได้ จึงเกิดช่องทางการติดต่อนั้นมาโดยไม่ตั้งใจ หากติดต่อกันไม่ได้อีกฝ่ายคงจะแบล็คเมล์ไม่ได้ พระพายได้แต่คิดเช่นนั้น

             ชีวิตของพระพายไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ พลาดมีอะไรกับเพศเดียวกันยังไม่โชคร้ายเท่ากับโดนแบล็คเมล์ ผู้ชายคนนั้นต้องการอะไร หรือว่าต้องการเงิน ซึ่งแน่นอนว่าพระพายไม่ได้ร่ำรวยไม่ใช่เศรษฐีที่ไหน เป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดาพอมีเงินเก็บก้อนเล็กๆเท่านั้น ฉะนั้นหากทางฝั่งนั้นต้องการเงินพระพายไม่มีให้แน่ๆ

        ยิ่งคิดยิ่งเครียด แค่รูปที่ส่งมาก็ทำพระพายประสาทกินจะแย่แล้ว ยิ่งทางนั้นบอกว่ามีคลิปด้วยแล้วยิ่งอยากจะบ้าตาย หลักฐานครบมือแบบนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาที่ต้องการแค่เงินแน่ๆ พระพายจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาใครได้ ใครบ้างที่พอจะรับฟังเรื่องนี้ โดยที่ไม่ซ้ำเติมหรือมองอย่างรังเกียจที่โดนผู้ชายแปลกหน้ากระทำชำเรามา ใครพอจะช่วยแบกรับปัญหาอันนี้หนักอกนี้ได้

“พาย....ไอ้พาย...คุณพระพาย!!” เสียงเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพี่กล้วย ทำเอาพระพายสะดุ้ง


“โธ่พี่ เสียงดังอะไรตกใจหมด”


“กูเรียกมึงสามพายแล้ว มึงแม่งเหม่อไปถึงดาวไหนวะ?” พี่กล้วยเอานิ้วจิ้มหน้าผากพระพายแรงๆ


“โทษทีพี่ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”


“ว่าแต่มึงเถอะคืนนั้นไปกับเพื่อน เพื่อนมึงที่ไหนวะหล่อโคตรพ่อโคตรแม่” พี่กล้วยพูดขึ้น


“คืนไหนพี่?” พระพายเริ่มถามอย่างระแวง ไม่มีคืนไหนอีกแล้ว นอกจากคืนนั้น ใช่...พระพายลืมถามพี่ปีกับพี่กล้วยไปเสียสนิท ว่าคืนนั้นเขาหายไปกับคนอื่นได้อย่างไร แต่ฟังจากคำพูดของพี่กล้วยที่บอกมาเมื่อครู่นี้...กลับกับเพื่อน...อย่างนั้นหรือ


“ก็เมื่อคืนวันเสาร์ไง เพื่อนมึงเดินมาหาที่โต๊ะบอกว่าจะพามึงไปนั่งที่โต๊ะเขา”


“แล้วพี่ก็ให้ผมไปทั้งอย่างนั้นเหรอ?” พระพายขึ้นเสียงเล็กน้อยอย่างโมโห ที่พี่กล้วยเชื่อคำคนอื่นง่ายเกินไป


“อ้าว ก็กูหันไปถามมึงแล้ว มึงบอกว่าเพื่อนมึงเองแล้วมึงก็ลุกตามเขาไป กูจะห้ามก็ไม่ทัน”


              พระพายอยากจะซัดหน้าตัวเองที่เมาจนไม่รู้เรื่องขนาดนั้น สติบ้าบอที่ว่ามีก็ไม่เหลือ เพื่อนที่ไหนกัน นอกจากเก้าแล้ว เพื่อนๆสมัยมหาวิทยาลัยก็แยกย้ายไปกันหมดแล้ว ที่สำคัญ...เพื่อนของพระพายหน้าตาธรรมดาทั้งนั้น หล่อโคตรพ่อโคตรแม่อย่างที่พี่กล้วยบอกน่ะฝันไปได้เลย ไม่มีสักคน


“แล้วยังไง มึงมาโมโหกูทำไม หรือว่ามันไม่ใช่เพื่อนมึง มึงถึงมาถามกูแบบนี้?” พี่กล้วยถามกลับอย่างสงสัย


“อ่อ เปล่าๆ เพื่อนผมนั่นแหละ แต่ผมแค่สงสัยว่าถ้ามีคนมาหลอกพี่ว่าเป็นเพื่อนผม...พี่ก็เชื่อว่าจริงอย่างนั้นเหรอ?” พระพายถามกลับบ้าง


“กูว่ามันหน้าตาดี ไม่คิดอกุศลกับมึงหรอก ถึงมึงจะไม่ค่อยเหมือนผู้ชายแต่มึงก็มีจู๋เหมือนมัน จะไปกลัวอะไรวะ” พี่กล้วยว่าพลางหัวเราะ


“ไม่ค่อยเหมือนตรงไหน ผมผู้ชายเหอะพี่” พระพายทำเสียงขึ้นจมูก ถึงเขาจะไม่มีกล้ามหน้าท้อง กล้ามแขนแน่นๆเหมือนพี่ๆในบริษัทคนอื่นๆที่เข้าฟิตเนส แต่ก็ไม่ได้บอบบางอ้อนแอ้นอย่างที่คนชอบแซวเสียหน่อย พระพายแค่เป็นผู้ชายผอมแห้งคนหนึ่งเท่านั้น


“เหยาะแหยะแบบนี้ยังจะมาเรียกตัวเองว่าผู้ชาย” พี่กล้วยยังคงค่อนแคะพระพายไม่จบ


“เค้าเรียกหุ่นนายแบบโว้ยพี่กล้วย” พระพายขึ้นวะขึ้นโว้ยด้วยอารมณ์ที่ชักจะไม่ดี แต่พี่กล้วยดันเห็นเป็นเรื่องขำ


“พอแล้วกล้วย มึงก็รู้เวลาพระพายมันโกรธแล้วเหมือนแมวขู่ไม่มีผิด มึงก็ยังจะไปแกล้งมันอีก” พี่ปีรีบห้ามทัพอย่างขำๆ คนในแผนกรู้จักพระพายดีเหมือนพระพายทำงานมานานทั้งที่เพิ่งจะเข้ามาแท้ๆ ทุกคนจึงเอ็นดูเหมือนน้องเหมือนนุ่ง


“พี่ปีนี่ช่วยผมหรือช่วยพี่กล้วยกันแน่” พระพายหันมาว่าพี่ปีบ้าง


“พี่กำลังช่วยพายนะ” พี่ปีว่าทั้งที่กำลังกลั้นขำอยู่แบบนั้นแท้ๆยังจะมาบอกว่าช่วยอีก


“เออๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ มึงเหอะไอ้พาย ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็พูดกับพวกกูได้ ประสบการณ์กร้านโลกกูเยอะช่วยมึงได้สบาย” พี่กล้วยว่า


“นั่นสิ พี่เห็นวันนี้พายดูแปลกๆนะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?” พี่ปีถามบ้าง พระพายได้แต่ถอนหายใจออกมา


“ไม่หรอกพี่ แต่ถ้ามีเรื่องจริงๆผมจะบอกพวกพี่แน่นอน” พระพายโกหกเพื่อไม่อยากให้ทั้งสองกังวล


“ถ้าอย่างนั้นก็ทำงานไป เอกสารกองนี้มึงช่วยสรุปด้วยนะพาย” พี่กล้วยว่า ก่อนที่จะหันไปทำงานของตัวเองต่อ


        ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงาน พระพายจึงหันมาตั้งอกตั้งใจทำงานอีกครั้งและเรื่องที่ต้องไปพบกับผู้ชายคนนั้น ดูท่าว่าจะต้องไปคนเดียวเสียแล้ว เพราะถ้าให้ใครรู้เรื่องเข้ามันคงไม่ดีกับตัวเองเท่าไหร่ ยิ่งคิดยิ่งอยากจะหนีไปให้พ้นๆ ทำไมคนอย่างนายพระพายต้องมาเจอเรื่องที่ซวยมหาซวยได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้...
...
..
.

        ทำงานเสียเพลินจนล่วงเลยมาถึงเวลาเลิกงานแล้ว ทุกคนเริ่มแยกย้ายกลับที่พักกลับบ้านของตัวเองกันแล้ว พระพายจึงรีบเก็บของทั้งหมดลงลิ้นชักของโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็วพลางหันมองไปรอบๆซึ่งเหลือแต่พี่ปีที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ ไม่ยอมเก็บข้าวของกลับบ้านอย่างคนอื่นเขา พระพายจึงใช้โอกาสนี้ลองไปคุยกับพี่ปี จะลองปรึกษาโดยทำทีว่าเป็นเรื่องของเพื่อนไม่ใช่ของตัวเอง อย่างนี้คงไม่น่าสงสัยเท่าไหร่นักเพราะพระพายอยากหาคนคุยด้วยสำหรับเรื่องที่กำลังเครียดอยู่ อยากหาทางระบายจริงๆ


“พี่ปี ยังไม่กลับอีกเหรอ?” พระพายถาม ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆพี่ปี


“เหลืออีกนิดหน่อย พี่ว่าจะทำให้เสร็จเลยดีกว่าว่าแต่เราเถอะมีอะไรจะพูดกับพี่รึเปล่า?” พี่ปีถามราวกับอ่านใจพระพายออก


“เอ่อ พี่ปี ถ้าผมพูดอะไรไป พี่สัญญาได้ไหมว่าจะไม่บอกใคร...แม้แต่พี่กล้วยก็ด้วย ได้ไหมพี่” พระพายเกริ่นนำก่อน เรียกรอยยิ้มเล็กน้อยจากปากพี่ปีได้


“ที่นั่งเครียดทั้งวันเพราะเรื่องนี้สินะ....แน่นอน สัญญาเลยว่าจะไม่บอกใครไม่ว่าจะไอ้กล้วยหรือคนอื่น” พี่ปียื่นนิ้วก้อยมาให้ พระพายจึงเกี่ยวก้อยทำสัญญา ก่อนที่จะเอ่ยปากเล่า


“คืออย่างนี้พี่ เพื่อนผมมันมีเรื่องเครียด คือ...มันดันไปมีอะไรกับผู้ชายแล้วอีกฝ่ายถ่ายคลิปถ่ายรูปแบล็คเมล์มัน” พระพายเล่าอย่างร้อนๆหนาวๆ เพราะกลัวพี่ปีจะจับได้ว่าโกหก


“เพื่อนของพายก็เป็นผู้ชายใช่ไหม?” พี่ปีถาม พระพายพยักหน้าช้าๆ


“แล้วตอนมีอะไรกัน เต็มใจทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า หรือโดนยาโดนมอมเหล้า?” พี่ปีถาม น้ำเสียงเรียบๆนั้นทำให้รู้ว่าพี่แกเริ่มเข้าโหมดจริงจัง


“มันเมาพี่ แต่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเป็นยังไง”


“แล้วฝ่ายนั้นมาขู่แล้วใช่ไหม ถึงรู้ว่ามีรูปกับคลิป”


“ทางนั้นส่งรูปมาแล้วพี่ บอกว่าให้ไปเจอกันวันนี้ มันเลยเครียด นี่ผม...ว่าจะไปเป็นเพื่อนมันดีไหม หรือว่าให้มันไปคนเดียวดี?” พระพายหยั่งเชิงถามพี่ปีที่กำลังนั่งคิดอยู่


“ไปสิ แต่อย่าไปโดยให้อีกฝ่ายรู้ว่าเพื่อนพายพาพายไปด้วย”


“แล้ว..จะบอกเพื่อนให้ไปด้วยยังไงดีล่ะพี่” พระพายพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งตัวเมื่อรู้ว่าหลุดปากออกไปเสียได้


“เอ๊ะ...พายพูดว่าอะไรนะ?” พี่ปีถามด้วยสีหน้างงๆ


“อ๋อ เปล่าๆพี่ปี ยังไงก็ขอบคุณนะพี่” พระพายว่าก่อนที่จะลุกขึ้น


“พาย...เรื่องทุกเรื่องมีทางออกเสมอ แล้วเราก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อย่าทำอะไรให้ตัวเองเสี่ยงโดยที่ไม่มีใครรับรู้เรื่องของเรา เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม” พี่ปีพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ราวกับรู้ทันพระพายก็ไม่ผิด


“ครับๆผมจะบอกมันอย่างที่พี่บอก ขอบคุณครับพี่ปี” พระพายว่าก่อนจะโบกมือลาแล้วเตรียมตัวเดินทางกลับห้องพัก เพื่อจะไปหาเก้า ซึ่งตอนนี้น่าจะกลับไปถึงห้องแล้ว...

...
..
.

        เมื่อหาถึงห้อง พบว่าเก้ายังมาไม่ถึง พระพายพยายามโทรหาเก้าแต่ไม่รับสาย ไม่รู้ว่ากำลังหนีโจทย์เดิมหรือย่างไร เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงเลิกโทรแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้ว


“รับสิวะเก้า” พระพายพยายามโทรหาเก้าอีกครั้งหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ


“โอ๊ย รับสักที มึงทำอะไรของมึงถึงไม่รับสายกูวะเก้า?” พระพายรัวคำถามทันทีที่เก้ารับสาย


“ใจเย็นๆมึง กูใกล้จะถึงห้องมึงแล้วเนี่ยะ” เก้าว่า


“เออๆรีบมาเข้า กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”  พระพายบอก


“ไม่เกินยี่สิบนาที รอกูเลย” เก้าบอก ก่อนที่จะวางสายไป


        ไม่ถึงยี่สิบนาทีอย่างที่เก้าบอกไว้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นรัวๆ พระพายลุกไปยังประตูพร้อมมองตรงช่องตาแมว พบว่าเป็นเก้าจริงๆจึงรีบเปิดประตู

“เร่งกูยิกๆ มีเรื่องอะไรไอ้พาย ถ้าเรื่องไร้สาระกูจะถีบมึงเดี๋ยวนี้เลย” เก้าบ่นอุบก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาตัวเล็กๆ พร้อมปลดกระดุมเสื้อทำงานออก


“เอาน้ำก่อนไหม เดี๋ยวกูเอามาให้” พระพายบริการเต็มที่เพราะกลัวเก้าจะเหนื่อย


“แหมๆ ปรนนิบัติพัดวีกูขนาดนี้ มีอะไรให้กูช่วยรึเปล่า?” เก้าทำท่าจะรู้ทันพลางรับแก้วน้ำเย็นจากพระพาย


“คือ...คือ ก่อนจะเล่ามึงต้องสัญญากับกูก่อน ว่าจะยังเป็นเพื่อนกูห้ามเกลียดหรือทิ้งกูเด็ดขาด มึงสัญญามาก่อนเก้า” พระพายปรับสีหน้าจากยิ้มๆกลายเป็นจริงจัง


“เดี๋ยวๆ นี่มึงจะจริงจังไปไหมวะไอ้พาย” เก้าหัวเราะ แต่พระพายนิ่งเงียบ นั่นทำให้เก้าหยุดหัวเราะทันที


“มึงเพื่อนกูนะพาย ไม่มีอะไรมาทำลายมิตรภาพกูกับมึงได้หรอก” เก้าว่า


“สัญญามาก่อนเก้า” พระพายยังยังคงอยากได้ยินจากปากของเก้า


“เออๆ สัญญาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกูก็จะเป็นเพื่อนมึงตลอดไป” เก้าพูดก่อนจะผลักหัวพระพายเบาๆ ทำให้พระพายใจชื้นขึ้นมาบ้าง


“คือเรื่องของเรื่อง....”


   พระพายเล่าเรื่องทั้งหมดให้เก้าฟังด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เล่าตั้งแต่เริ่มเมาจนไปถึงไม่มีสติและเล่าถึงโดนกระทำ พร้อมกับตอนตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่บนเตียงในห้องของคนแปลกหน้าแล้ว เก้าค่อยๆเบิกตากว้างขึ้นราวกับตกใจ ก่อนที่จะกลับมาปกติเมื่อพระพายเล่าเรื่องถึงว่าโดนฝ่ายนั้นแบล็คเมล์ด้วยรูปพร้อมคลิปที่ทางนั้นอ้างว่ามี


“กูเชื่อมึงเลยจริงๆไอ้พาย เรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วยังมีแก่ใจจะมาปิดกูอีก” เก้าพูดพลางส่ายหน้า คิดไม่ถึงเลยว่าพระพายจะปิดเรื่องพวกนี้กับตนได้


“กู..กูกลัวมึงรับไม่ได้ กูกลัวมึงจะเกลียดกูที่โดนผู้ชายที่ไหนไม่รู้เสียบมาแบบนั้น” พระพายก้มหน้าพลางบีบมืออย่างกังวล


“ถ้ามึงคิดว่ากูใจแคบขนาดนั้น แล้วมึงยังกล้าเรียกกูว่าเพื่อนเหรอวะพระพาย มึงโดนเรื่องแบบนี้มาแล้วจะมีเพื่อนที่ไหนสมน้ำหน้ามึงได้”


“กู...กูไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ มึงไม่รู้หรอกตอนกูตื่นขึ้นมาในห้องนั้นกูกลัวขนาดไหน แต่กูแค่พยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่น่ากลัวขนาดนั้นจนวันที่มีรูปส่งมานี่แหละ” พระพายบอก สีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาทันทีที่นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าวันนั้น


“มึงเอารูปมาให้กูดูหน่อย กูจะพอพิจารณาได้ว่าดูออกรึเปล่าว่าเป็นมึงจริงๆ” เก้าบอกพลางแบบมือขอโทรศัพท์ พระพายจึงเปิดให้ดูก่อนจะยื่นให้เก้า


“อืม....ดูออกจริงๆด้วยว่าเป็นมึง อย่างนี้สิถึงจะอันตรายของจริงแล้วมันบอกมึงไหมว่าต้องการอะไร?” เก้าถาม ก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้


“มันไม่บอก แต่บอกแค่ว่าวันนี้ให้ไปผับเดิมที่ไปคืนนั้น” พระพายบอก


“เรื่องนี้มึงบอกใครบ้าง?”


“กูคุยกับพี่ปีพี่ที่ทำงาน แต่หลอกเขาไปว่าเป็นเรื่องเพื่อน อีกอย่างไม่ได้เล่าละเอียดแบบที่เล่าให้มึงฟังหรอก”


“เออดี อย่าให้รู้กันเยอะ แล้วตอนปรึกษาพี่ปีนั่นว่ายังไงบ้าง?”


“บอกให้พาเพื่อนไป แต่อย่าให้อีกฝ่ายรู้ว่าพาเพื่อนไป”


“อืม...ก็จริง ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่ามึงพาใครไปก็จะเป็นอีกเรื่อง เอาอย่างนี้ เดี๋ยวกูจะเข้าไปก่อน ไปหาที่นั่ง มึงค่อยตามหลังเข้าไปแล้วไลน์ถามมันด้วยว่ามันนั่งตรงไหน กูจะได้มองหาถูก” เก้าเสนอแผนอย่างรวดเร็ว


“เก้า...ขอบคุณนะที่ไม่ทิ้งกูไปจริงๆ” พระพายมองหน้าเก้าซึ่งกำลังยิ้มอย่างเท่ๆ


“มึงนี่นะ เห็นกูเป็นเพื่อนเลวไปได้ ต่อให้มึงโดนผู้ชายรุมโทรมมาสิบคนมึงก็ยังเป็นเพื่อนกู นี่แค่คนเดียวมันจะอะไรนักหนาวะ”


“ถ้ากูโดนสิบคน กูคงตายเป็นผีไม่มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วละนะ” พระพายพูด ทำเอาเก้าหัวเราะออกมา


“กูถามหน่อย มันเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอวะโดนแทงเข้าทางหลังน่ะ?” เก้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น


“มึงจะเอาคำตอบจากกูจริงๆเหรอ?” พระพายถามกลับ มันน่าอายไม่น้อยที่จะต้องมาพูดเรื่องพรรค์นี้กับเก้า


“เออ กูอยากรู้นี่หว่า”


“ก็...เจ็บสิ ตื่นมานี่ระบมไปทั้งตัว”


“แล้วมึงจำความรู้สึกตอนโดนทำได้ไหมวะ?” เก้ายังคงถามต่อ


“โอ๊ย กูไม่ตอบมึงแล้ว พอๆ” พระพายตัดสินใจลุกขึ้น โบกไม้โบกมือเป็นการบอกปัดที่จะเล่าต่อให้ฟัง


“มึงก็ ให้กูฟังเป็นวิทยาทานหน่อยก็ไม่ได้” เก้าพูดพลางหัวเราะ


“มึงยังจะขำอีก นี่กูเครียดจนจะบ้าอยู่แล้ว”


“มึงก็อย่าเครียดไปก่อนสิ ปัญหาทุกเรื่องมีไว้เพื่อแก้ ทางออกมันมีเสมอนั่นแหละ มึงอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปก่อน ไปถึงหน้างานแล้วค่อยว่ากัน” เก้าพูดไม่ต่างจากที่พี่ปีพูดไว้


“อืม...”


“เตรียมตัวเถอะ เราต้องไปที่นั่นกันแล้ว” เก้าว่า ทั้งสองคนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับเที่ยว เพื่อไปผับที่เกิดเหตุ


...
..
.
   

             พระพายและเก้าหาอะไรรองท้องก่อนที่จะเข้ามายังผับที่ว่า ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่า ผู้คนเริ่มมากันบ้างแล้ว และตามที่ตกลงกันไว้ว่าเก้าจะเป็นคนเข้าไปก่อน ซึ่งนั่นทำให้พระพายต้องแอบๆอยู่แถวนั้นเพื่อรอเวลากว่าสิบนาทีถึงจะเข้าไปยังข้างในได้

        ผ่านไปนานพอควรในความคิดของพระพาย ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะต้องเข้าไป และแน่นอนว่าพระพายไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จึงจำใจส่งข้อความทางไลน์ไปบอกว่าตอนนี้กำลังเข้าไปในผับแล้วให้บอกพิกัดของโต๊ะมา เพียงไม่นานนักก็มีข้อความตอบกลับมาบอก...พระพายสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ เตรียมตัวเตรียมใจจะไปเจอหน้าผู้ชายคนนั้น ชายคนที่ส่งรูปมาแบล็คเมล์...

+++++++++++++++++++++

Lyrics : True friend By Miley Cyrus    



หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 24-08-2017 14:00:03
แวร์อิสเดอะเน็กซ์แชปเตอร์อ่ะหยู ขอสองตอนมะได้หรา...ฮือออ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 24-08-2017 15:06:02
ผู้ชายคนนั้นเป็นใครนะ? ต้องการอะไรจากน้องพาย ติดตามๆๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-08-2017 15:26:33
จะเจอกันแบบไม่เมาแล้ว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 24-08-2017 15:57:07
ค้างหนักกว่าเดิม  :ling1: :ling1: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: __jitlada ที่ 24-08-2017 20:28:36
ค้างงงงง :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 24-08-2017 20:31:05
สั้นจังที่รักกกก ตอนที่ 3 มาไวๆ น้าาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 24-08-2017 21:22:41
หล่อโคตรๆ เลยเหรอ
ถ้าหล่อ แล้วทำไมทำแบบนี้กับพายล่ะ
อ้ะๆ หรือติดใจ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 24-08-2017 21:26:08
เรื่องนี้น่าจะมีเงี่ยนงำ เหยย ผิดด โทษๆ 5555 เงื่อนงำสิ  o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 2...(24/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 25-08-2017 01:16:00
ใจร้ายมาก ค้างอย่างแรงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 28-08-2017 14:24:01
ตอนที่ 3 มาแล้วค่ะ  :katai5: คลานช้าๆเข้ามาอัพ ฮ่าๆ เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือขอผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ ติชมได้ค่ะ จะรับฟังความเห็นทุกคนนะคะ  :bye2:
++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 3 Jitter.


Deep inside it was a rush
ลึกเข้าไปข้างในใจฉัน มันร้อนรน
What a rush
ร้อนรนอะไรอย่างนี้


        พิกัดโต๊ะที่ทางนั้นบอกกับพระพายทางไลน์มาคือชั้นสองของผับแห่งนี้และอยู่โต๊ะสุดท้ายมุมสุด พระพายรีบพิมพ์ไลน์บอกเก้าทันทีว่าต้องขึ้นไปชั้นสอง เพียงครู่เดียวพระพายรีบเดินขึ้นไปชั้นสองพลางมองหาโต๊ะนั้น

        ชั้นสองนี้ไม่มีใครเต้นดิ้นพล่านเหมือนชั้นล่าง ทุกโต๊ะมีคนนั่งเต็ม ทุกคนต่างจมอยู่กับความเป็นส่วนตัว บางโต๊ะก็นัวเนียสาวจนเหมือนจะได้เสียกันอยู่รอมร่อ แต่ภาพเหล่านั้นไม่ทำให้พระพายใจเต้นแรงเท่ากับความกลัวที่จะต้องเผชิญหน้าผู้ชายคนนั้น จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้เจอหน้ากัน จะพูดว่าอย่างไรดีหากได้เห็นหน้า ตอนนี้พระพายใจเต้นรัวอย่างหวาดกลัวและระทึกใจ

        ในที่สุดก็เดินมาใกล้ถึงโต๊ะที่ว่า แต่เมื่อมองไปเห็นพระพายกลับแปลกใจจนต้องหยุดชะงักฝีเท้าทันทีเพราะโต๊ะนั้นมีคนนั่งกันหลายคนแล้วใครคือคนที่นัดพระพายออกมา พระพายหันหลังทันทีก่อนที่จะมีใครหันมาเห็น รีบเปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา พลางพิมพ์ข้อความส่งไปยังผู้ชายคนนั้นว่าคนๆนั้นคือใครสวมเสื้อสีอะไรเพื่อความแน่ใจแต่ไม่ได้รับคำตอบหรือการบ่งบอกว่าได้อ่านข้อความแล้ว พระพายเริ่มร้อนใจเพราะการที่จะเดินเข้าไปยังโต๊ะนั้นทั้งที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครพาลเสียเรื่องเอาได้

“มานั่งนี่สิ”

              เสียงกระซิบแว่วที่หู พระพายหันดูอย่างรวดเร็วไปยังข้างหลังพบชายคนหนึ่งรูปร่างสูง มองจากไฟสีสลัวตรงนี้ก็พอจะรู้ว่าเป็นลูกครึ่งฝรั่งชาติไหนสักแห่งเพราะเค้าโครงหน้าและความสูงนั้นดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนไทย...หรือจะเป็นคนๆนี้ที่มีอะไรกับพระพายเมื่อคืนนั้น

“เร็วๆเข้า มีคนรออยู่” ชายคนนั้นพูดอีกครั้งก่อนที่จะดึงมือพระพายไปยังโต๊ะ...โต๊ะที่ถูกนัดหมายโต๊ะสุดท้ายที่อยู่มุมสุดของร้าน

        พระพายได้แต่งงๆกับการถูกลากมาแล้วจับให้นั่งลง ชั้นบนนี้ไม่ได้มืดเหมือนข้างล่าง พอจะเห็นหน้าของทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ โต๊ะนี้นั่งกันอยู่สี่คน ทุกคนหน้าตาดีราวกับถูกคัดสรรให้มาเป็นเพื่อนกันเพราะหน้าตาหรือการคบหาของคนกลุ่มนี้จะต้องคัดหน้าตาถึงจะเข้ากลุ่มได้ สายตาของทุกคนมองมาที่พระพายพร้อมยิ้มกริ่ม พระพายเริ่มหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก ใครคือคนๆนั้นคนที่นัดพระพายมาคือใครกันแน่ ใครสักคนที่อยู่ในกลุ่มนี้แล้วคือใครกัน?

“ดูท่าจะกลัวจนตัวสั่นเลยนะ” คนที่พาพระพายมาพูดขึ้น พระพายหันไปมองด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ

“ไค มึงอย่าแกล้งเขาสิวะ” อีกคนหนึ่งพูดขึ้น

“นานๆทีมีอะไรแบบนี้มาให้แหย่หน่อย เห็นใจกูเถอะ” หนุ่มลูกครึ่งโอดครวญ

“ไอ้ฝรั่งโรคจิต” เพื่อนอีกคนพูดพลางหัวเราะ


         พระพายบีบมือของตัวเองแน่น ก้มหน้าพลางฟังบทสนทนาคนที่ชื่อไคพูดกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง พระพายไม่อยากที่จะทนก้มหน้าต่อไปเพราะใจนั้นอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนนัดออกมา

“เอ่อ...” พระพายทำท่าจะพูดขึ้นมาแต่มีคนขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ว่าแต่ชื่ออะไร?” เสียงของใครสักคนพูดขึ้นมา

“พระพาย”

“ชื่อน่ารัก หน้าตาก็น่ากิน” ไคพูดพลางเลียริมฝีปากท่าทางหื่นกระหายนั้นทำเอาพระพายขนลุก

“หยุดได้แล้วไค”


             เสียงเย็นยะเยือกนั้นพูดมาจากข้างหลังทำเอาพระพายสะดุ้งตัวเมื่อเห็นหน้า สีหน้าเย่อหยิ่งเจ้ายศเจ้าอย่าง ใบหน้านั้นรังสรรค์มาราวกับรูปปั้นหิน งดงาม หล่อเหลา แต่เยือกเย็นเหลือเกิน สายตาคมกริบจ้องมองต่ำมองมาที่พระพายที่ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ร่างสูงชะลูดนั้นดันไคที่นั่งข้างพระพายออกก่อนที่จะนั่งลงแทนที่ พระพายฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่ามีอะไรบางอย่างบ่งบอกว่าชายคนนี้คือคนๆนั้น คนที่มีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับตน สังหรณ์ของพระพายบอกกับตัวเองเช่นนั้น

“พิธาน มึงมาช้ามาก มากจนกูจะแทะพระพายแล้ว” ไคว่า

“เงียบน่า” พิธานพูดขึ้น พลางจ้องมองหน้าของพระพาย

“สวัสดี ฉันชื่อพิธาน” พิธานจ้องหน้าของพระพายไม่วางตา สายตานั้นราวกับสะกดพระพายไม่ให้เสตาไปมองอย่างอื่นได้ รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นในอกเหมือนสายตานั้นกำลังแผดเผาร่างก็ไม่มีผิด

“คุณคือ...” พระพายอ้ำอึ้ง หวั่นว่าความคิดที่แล่นอยู่ในหัวจะเป็นความจริง หากคนตรงหน้าเป็นคนๆเดียวกับที่คิดไว้...คงจะน่ากลัวมากเลยทีเดียว

“อะไรกัน จำไม่ได้เหรอ อย่างนี้ต้องรื้อฟื้นกันหน่อยดีไหม?”


             รอยยิ้มที่มุมปากยืนยันความจริงที่พระพายกลัว ความเย็นเฉียบไหลลงขา รู้สึกปากคอแห้งผาก ทำไมถึงรู้สึกหวาดกลัวกับใบหน้านิ่งๆของคนตรงหน้า น้ำเสียงเนิบๆราวกับคนสุภาพ แต่หากสายตานั้นเฉียบคมราวกับจะเข่นฆ่ากันให้ได้ พิธาน....แค่พบหน้ากันครั้งแรก พระพายก็บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้...น่ากลัวเหลือเกิน

“ผมว่า...เราคุยกันตรงนี้ไม่ได้หรอก” พระพายอ้าปากพูดรัวเร็ว เพราะไม่ทราบแน่ชัดว่าคนอื่นๆที่นั่งอยู่ตรงนี้จะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือไม่ อีกทั้งเรื่องใจดีสู้เสือเป็นของถนัดของพระพายอยู่แล้ว

“อยากอยู่กันสองคนมากกว่าสินะ ก็เอาสิ” พิธานพูดก่อนที่จะดึงมือพระพายให้ลุกขึ้น

“เฮ้ยๆ จะรีบไปไหนวะพิธาน?” เพื่อนอีกคนถามขึ้น

“อย่ายุ่ง” พิธานพูดเท่านั้น ก่อนที่จะดึงพระพายให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินลงบันไดไปยังชั้นล่าง พระพายมองหาเก้าที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่และมองเห็นทางนี้แล้ว เก้าทำท่าจะลุกขึ้น

“อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าพาคนอื่นมาด้วย” พิธานพูดเสียงเนิบๆพระพายตัวแข็งทื่อพร้อมทำท่าจะฝืนการลากจูงของคนตรงหน้าทันที

“รู้ได้ยังไง?” พระพายถามเสียงสั่น

“หึ...” เสียงขึ้นจมูกพลางมองไปยังชั้นสองพบว่าไค เพื่อนของพิธานเดินลงมาจากชั้นสองแล้วเช่นกัน

“มาให้กระทืบถึงที่เลยนะ” ไคพูดขึ้น พระพายหันไปมองที่เก้าที่ตอนนี้ยืนเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“เพื่อนฉันกับเพื่อนนายมีเรื่องกันนิดหน่อย คงต้องปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง...โลกกลมจริงๆนะว่าไหม?”

“อย่าบอกนะว่า...” พระพายชักกลัวตัวเองที่คิดอะไรถูกไปเสียหมด ดูท่าคนที่เก้าหนีมาหลายเดือนจะเป็นไค หนุ่มลูกครึ่งเพื่อนของพิธาน


         ทีแรกพระพายคิดว่าเก้าต้องวิ่งหนีไคที่กำลังเดินดุ่มเข้าไปหาแน่ๆ แต่ครั้งนี้พระพายคิดผิด เก้าถลกแขนเสื้อพร้อมวางมวยกับไคที่สูงกว่าพอสมควร เห็นได้ชัดว่าเป็นมวยผิดคู่ ดูก็รู้ว่าไคได้เปรียบเก้ามากกว่าเห็นๆ ครั้งที่แล้วที่เก้าต่อยไคได้คงเพราะโชคช่วยจริงๆ

“ไอ้เก้า อย่านะ!!!” พระพายร้องขึ้นมา ไม่อยากให้เก้าเจ็บตัวเลยจริงๆ


             เก้าก้าวขาไปหาไคพอๆกับที่ไคเดินเข้าไปหาเก้าเช่นเดียวกัน เพียงเท่านั้นที่พระพายเห็น เพราะถูกคนที่ลากมาอย่างพิธานพาออกไปยังนอกร้านเสียก่อน ตอนนี้พระพายไม่อาจจะทราบชะตากรรมของเก้าได้และรวมถึงชะตากรรมจากนี้ไปของตัวเองด้วยเช่นกัน

“จะไปไหน?” พระพายร้องถามขึ้น

“อยากมาคุยไม่ใช่เหรอ?”


             พิธานพูดพลางลากพระพายขึ้นรถสปอร์ตคันสีดำของตัวเอง พระพายทำท่าจะวิ่งหนี เพราะรู้สึกไม่ไว้ใจคนตรงหน้า แต่ใจหนึ่งรู้ดีว่าเหตุผลของการที่มาที่นี่เพื่อมาคุยเรื่องรูปและคลิปในคืนนั้นนั่นเองจึงยอมเลยตามเลยนั่งอยู่บนรถจนได้

         รถหรูขับออกมาจากผับแห่งนั้น พระพายได้นั่งนิ่งๆอย่างใคร่ครวญ เพราะตอนนี้เก้าก็เจอศึกหนัก เรื่องจะมาช่วยนี่คงเป็นไปไม่ได้งานนี้คงต้องหวังพึ่งแต่ตัวเองเท่านั้น

         บรรยากาศในรถมีแต่ความเงียบ พระพายลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่กลังขับรถอยู่ ใบหน้านิ่งเรียบราวกับรูปปั้น ยังยืนยันคำเดิมว่าหน้าตาของคนๆนี้ราวกับรูปสลักหินอ่อนกรีกโบราณจริงๆ ดูสวยงามแต่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง คำพูดคำจาจะดูขี้เล่นแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะคุยเล่นด้วยได้ แม้จะเห็นหน้ากันไม่กี่นาทีก็พอจะรู้ว่ารับมือกับคนประเภทนี้ยาก


         รถคันนี้แล่นมาถึงคอนโดหรู พระพายจำได้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน มันคือที่ๆเดียวกันที่พระพายเดินออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนคือห้องของเจ้าตัวนั่นเอง เครื่องยนต์ดับสนิทตรงที่ลานจอดรถ พระพายกลืนน้ำลายลงคอ ต้องยอมรับว่ากลัวไม่น้อยแต่ก็ยังยากคุยกันให้จบๆไป
“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ” พิธานว่า ก่อนที่จะลากพระพายให้ลงมาจากรถ และขึ้นไปยังลิฟต์ กดปุ่มชั้นบนสุด ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดพระพายถูกดันให้แนบกับผนังของลิฟต์อย่างรวดเร็ว


             พระพายตกใจกับการจู่โจมที่ไม่ทันจะตั้งตัวเช่นนี้ มือทั้งสองข้างของพิธานยันกับฝาผนังลิฟต์ราวกับจะกั้นพระพายไม่ให้หนี พละกำลังขนาดนี้มีหรือที่จะตอบโต้ได้ พระพายจึงทำได้แค่ก้มหน้าลงเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนตรงหน้า

“ห่างกันไม่กี่วัน...คิดถึงกันบ้างรึเปล่า?” น้ำเสียงต่ำๆกดลงที่ซอกหูของพระพาย ฉับพลันขนลุกซู่ไปทั้งร่าง

“ปล่อย...ปล่อยนะ”

“อะไรกัน ท่าทางแบบนี้...” เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น ก่อนที่ลิฟต์จะชะงักไปเพียงนิดและเปิดออก เป็นการบอกว่ามาถึงชั้นบนสุดแล้ว


        พิธานลากพระพายไปยังห้อง ซึ่งคอนโดชั้นนี้มีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น ห้องทางฝั่งซ้ายมือไม่ทราบว่าเป็นของใคร แต่ฝั่งขวามือนั้นเป็นของพิธานซึ่งตอนนี้กำลังใช้การ์ดเปิดประตูอยู่ เมื่อครั้งที่แล้วพระพายไม่ทันได้สังเกตว่าชั้นนี้มีกี่ห้อง

        เปิดประตูเข้าไป พบไฟในห้องสว่างวาบทันที ห้องชุดที่ดูเรียบหรูกว้างขวาง ทุกอย่างดูเป็นสัดส่วน จัดสรรได้อย่างลงตัวแต่ตอนนี้ไม่ใช่การมาดูสิ่งของเหล่านี้ พระพายมีเรื่องต้องคุยกับเจ้าของห้อง

“เอ่อ...คุณ...คุณพิธาน” พระพายตัดสินใจเรียกชื่อ

“เรียกพิธานเฉยๆก็ได้ แบบนั้นฟังแล้วห่างเหิน”

“ที่นัดมา จะคุยเรื่องนั้นใช่ไหม?” พระพายกัดฟันถามออกไป พิธานดันให้พระพายนั่งลงตรงโซฟา ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆด้วยระยะห่างเพียงน้อยนิด พระพายพยายามขยับตัวออกให้ห่างที่สุดแต่ดูเหมือนจะยากเกินไปเพราะที่วางแขนกั้นอยู่นั่นเอง

“ใจร้อนจังนะ...แบบนี้สิที่ชอบ” พิธานพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่คนมีเงินนิยมใช้อยู่ในตอนนี้ขึ้นมา เลื่อนหน้าจอไปมาก่อนที่จะเปิดคลิปอะไรสักอย่างขึ้นมา

“มุมสวยไหม?”


             พิธานถามเช่นนั้น พระพายมองภาพเคลื่อนไหวในจอราวกับถูกค้อนทุบหัว มันเป็นภาพของตัวพระพายเองที่กำลังอยู่ใต้ร่างของคนที่นั่งอยู่ข้างๆที่กำลังยกยิ้มมุมปากอยู่ สีหน้า ท่าทาง ส่งเสียงร้องผะแผ่ว ดูก็รู้ว่าไม่ได้ขัดขืนแต่พระพายมั่นใจว่าหากมีสติมากกว่านี้ มันจะไม่ใช่การสมยอมอย่างแน่นอน จากนั้นไม่นานนักในคลิปพระพายก็ถูกผ้าปิดตาและทำอะไรต่อมิอะไรกันอีกมากมาย เสียงร้องครางดังขึ้นมาเป็นระยะๆ พระพายเบือนหน้าหนี ดูเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นว่าพิธานนั้นมีคลิปอยู่ในมือจริงๆ

“ต้องการอะไร ถ้าเรื่องเงิน...ไม่มีให้หรอกนะ” พระพายถามพลางออกตัวอย่างชัดเจนถึงสถานะการเงินของตัวเอง

“เรื่องเงินฉันไม่ต้องการ...แต่อยากได้อย่างอื่นที่มากกว่านั้น”

“อยากได้อะไร?” พระพายใช้หางตามองพิธานเพราะไม่กล้าสบตาตรงๆ

“อยากได้ตัวนายไง...”
...
..
.

        ด้านเก้าที่ตอนนี้กำลังเดินดุ่มๆเข้าไปพร้อมประจันหน้ากับไค ง้างหมัดทำท่าจะซัดเข้ากับใบหน้าของไคให้ได้ ในใจพลางคิดไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าผู้ชายที่ได้เสียกับพระพายเพื่อนของตัวเองคือเพื่อนของอริที่ตามรังควาญตนมาตลอดหลายเดือน

“ใจเย็นๆสิ มาถึงจะซัดกันเลยรึไง?” ไคหัวเราะแผ่วๆ จับข้อมือของเก้าไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่จะมันจะซัดเข้ากับใบหน้าของตน

“มึงบอกกูมา ว่าเพื่อนมึงพาเพื่อนกูไปไหน?” เก้ากดเสียงต่ำถามออกไป

“เขาสองคนมีเรื่องต้องคุยกับ เหมือนเราสองคนไง” ไคยังคงยิ้มกริ่ม

“มึงจะเอาไงก็ว่ามา คราวนี้กูไม่ถอยแล้วก็ได้”

“จะเอาไงดี...นั่นสิ เอาไงดี” ไคทำท่าคิดหนัก ซึ่งนั่นไปกระตุ้นต่อมโมโหของเก้าให้เพิ่มขึ้นไปอีก

“มึงอย่าลีลา จะเอาไงก็ว่ามา อยากได้คำขอโทษจากกูใช่ไหม ได้...กูขอโทษ ขอโทษที่ไปยุ่งผู้หญิงของมึง พอใจรึยัง?”

“มาขอโทษเอาป่านนี้ ขี้โกงจังนะ”

“ขี้โกงอะไร ก็กูขอโทษมึงแล้วไง มึงจะเอาอะไรอีกหรืออยากชกกู เอาสิ ชกมาเลย แต่มึงต้องบอกมาว่าเพื่อนมึงพาเพื่อนกูไปไหน” เก้ายื่นหน้าเข้าไปหาไค

“แบบนี้ก็หมดสนุกสิ อีกอย่างเรื่องของพิธานเข้าไปยุ่งไม่ได้ โทษที คงบอกให้ไม่ได้” ไคว่าก่อนที่จะขยับหน้าเข้าไปเก้าให้ใกล้กว่าเดิม

“ถ้ามึงขยับเข้ามาอีกกูจะซัดหน้ามึงจริงๆนะ” เก้าว่าแต่เหมือนไคจะไม่ฟัง นั่นทำให้เก้าเลือกที่จะปล่อยมัดตรงเข้าไป

“โอ๊ย!!” เสียงเก้าร้องขึ้น เมื่อไคจับหมัดนั้นไว้ทันพร้อมพร้อมกับบิดแขนของเก้าไพล่หลังได้อย่างจับจังหวะถูกต้อง

“ไม่ยอมให้ต่อยอีกครั้งหรอกนะ” ไคพูดเสียงเย็นก่อนที่จะบีบแขนของเก้าให้แน่นขึ้นไปอีก

“ปล่อยสิวะ” เก้าที่ทั้งเจ็บทั้งโกรธที่ไม่สามารถสู้คนตรงหน้าได้ หากผ่านตรงนี้ไปไม่ได้ความหวังที่จะไปช่วยพระพายยิ่งไม่มีทาง

“อยากช่วยเพื่อนจริงๆเหรอ?” ไคถาม พลางดึงเก้าให้เข้ามาใกล้ๆตนกว่าเดิม

“ก็เออสิวะ” เก้าพูดพลางพยายามจะสะบัดตัวให้ออกห่างจากไคให้ได้มากที่สุด

“ถ้าอย่างนั้นมาแข่งกินเหล้ากันหน่อยเป็นไง” ไคยื่นขอเสนอให้

“มันใช่เวลาแข่งกันที่ไหนวะ?” เก้าร้องขึ้นมาเพราะเร่งรีบอยากไปช่วยพระพายแล้ว

“มีวิธีนี้เท่านั้นที่จะได้ช่วยเพื่อน..ว่าไงล่ะ สนรึเปล่า?” ไคถามอย่างใจเย็นอีกครั้ง

“แล้วถ้ากูชนะล่ะจะได้อะไร?”เก้ากระหยิ่มยิ้มย่องในใจขึ้นมาทันที เรื่องของมึนเมาเป็นเรื่องถนัดของเก้า คอทองแดงคือฉายาของเก้าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ถือว่าไคพลาดแท้ๆที่คิดจะมาแข่งเรื่องนี้กับเก้า

“ถ้านายชนะ ฉันจะยอมบอกที่อยู่ของเพื่อนฉันให้แล้วก็แถมเรื่องที่จะไม่ตามรังควาญนายอีก แต่บอกก่อน...ถ้านายแพ้ นายจะต้องอยู่ใต้คำสั่งฉันจนกว่าฉันจะพอใจ”

 “ตกลง แล้วอย่าคืนคำล่ะ”

“ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว” ไคพูด ก่อนที่จะปล่อยให้เก้าเป็นอิสระ ศึกระหว่างไคและเก้าได้เริ่มขึ้นแล้ว...
 
+++++++++++++++++++++
*Lyric : Crush By David Archuleta.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 28-08-2017 14:55:23
คุณพระ อิชั้นมีความกระหายหิวตอนต่อไปสูงมากค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: angelarty ที่ 28-08-2017 15:37:04
พระพายโดนอีกแล้ววว กรี๊ดๆๆ><
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 28-08-2017 17:22:56
ทีแรกเข้ามาอ่านรู้สึกว่าน่าติดตาม

พอมารู้ว่าเป็นผู้แต่ง   #อย่าบอกใคร..ว่า...ฉันรักเธอ?

ยิ่งตามต่อเลยค่ะ


รอลุ้นทั้งเรืองเก้าและพระพายเลย พระพายอย่าไปยอมน่ะลูกก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 28-08-2017 18:09:13
ทำไมมันกร๊าววววววใจขนาดเน้ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-08-2017 19:01:53
พระพายจะโดนกินอีกแล้ว  :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 28-08-2017 19:56:52
 :hao7: :hao7: ตอนหน้าขอแบบละเอียดๆ แบบซุปเปอร์ฟูลเอชดีเลยนะคะ อร๊ายยยยยย อ่านแล้วรู้สึกเซ็กซี่ทุกตอนเลยอ่ะค่ะ 555555555555555555 ชอบบบบบบบ คู่เก้าไคนี้ติดตามมมมม  :hao6:   แต่ตอนนี้อยากตามติดข้างเตียงของพิธานมากกว่าค่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 28-08-2017 21:05:21
คุณพิธานอยากได้พระพาย

 :กอด1: :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 28-08-2017 21:17:25
*เกาะประตูห้องพิธาน*  :m22:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 28-08-2017 23:09:03
จัดว่าเด็ด
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 29-08-2017 06:24:59
 :ling1: โอ้ยยยย...  :hao7: ลุ้นทั้งสองคู่เลยยยย... ดูแล้วท่าจะแซบ....  :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 29-08-2017 15:04:52
ชอบทั้งคู่หลักและรองเลยยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 3...(28/08/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 29-08-2017 16:47:02
เกาะติดชิดหน้าจอจ้าาาา  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 01-09-2017 09:57:12
 :katai5: :katai5: :katai5: กระดึ๊บๆ เข้ามาอัพต่อ เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะคะ อ่านกันให้สนุกนะคะ  :bye2:

+++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 4 Play the game.


Everything you want you will find in me.
ทุกสิ่งที่คุณต้องการ คุณจะพบในตัวฉัน
If you play my game.
ถ้าหากคุณเล่นเกมของฉัน


        แก้วแล้วแก้วเล่าที่ถูกกระดกดื่มกลืนเข้าไป ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้วที่ไคและเก้ายังคงนั่งแข่งหน้าต่อหน้าเพื่อนๆของไคซึ่งต่างก็พากันส่งเสียงเชียร์อย่างเมามันเพราะไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว

“มึงยอมแพ้ไปเถอะ” เก้าหันไปพูดกับไคที่ตอนนี้ยังคงยิ้มอย่างเหนือกว่า

“อะไรกัน ไม่ไหวแล้วเหรอ?” ไคถาม ซึ่งตอนนี้เพื่อนอีกคนกำลังชงเหล้าให้อย่างว่องไว

“เสียหน้าต่อหน้าเพื่อนนี่จะน่าอายมากนะกูบอกเลย” เก้าว่าก่อนที่จะกระดกแก้วเข้าปากไปจนหมดหยดสุดท้ายจากนั้นก็ยื่นแก้วให้เพื่อนของไคชงเพิ่ม

“ใครแพ้เดี๋ยวก็รู้” ไคพูดก่อนที่จะกระดกแก้วต่อโดยไม่มีทีท่าว่าจะเมาเลยสักนิด


        ผ่านไปได้เพียงไม่นาน ขวดเหล้าเปล่าๆเริ่มเกลื่อนกลาดบนโต๊ะ ทั้งสองดื่มเข้าไปจนนับจำนวนไม่หวาดไม่ไหวแล้วและยังมองไม่เห็นว่าใครจะแพ้ใครจะชนะในการแข่งครั้งนี้เสียด้วยซ้ำไป

“เมื่อไหร่มึงจะล้มวะ?” เก้าถามอย่างหน่ายๆเพราะตั้งแต่เริ่มออกเที่ยว ยังไม่เคยเจอใครที่คอแข็งสูสีตัวเองเลยสักคน เพิ่งจะเห็นคนตรงหน้านี่เป็นครั้งแรกที่ดื่มเหล้าเหมือนน้ำเปล่าไม่มีท่าทีจะอ่อนลงเลยสักนิด

“กินจนร้านปิดก็คงไม่รู้ผล...เปลี่ยนกติกาหน่อยดีไหม?” เพื่อนของไคพูดขึ้น

“จะเปลี่ยนยังไง?” เก้าถามพลางกระดกแก้วล่าสุดที่เพิ่งชงเข้าปากจนหมด

“เปลี่ยนเหล้าสิ เตกีล่าหน่อยเป็นไง ใครล้มก่อนก็แพ้”

“เอาอย่างนั้นเลย?” ไคถามพลางยิ้มมุมปาก

“ก็เอาสิ ยังไงก็ไม่หวั่นหรอก”


             ตอนนี้ซากขวดเปล่าถูกเด็กเสิร์ฟเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว และถูกแทนที่ด้วยขวดเตกีล่าฝาเป็นรูปหมวกสีแดง ที่บรรจุของเหลวขาวใสราวกับน้ำเปล่าไว้พร้อมเครื่องเคียงอย่างเกลือและมะนาวผ่าซีกเล็กๆมาพร้อมกันด้วยแน่นอนว่าความแรงของเหล้าชนิดนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

        เก้าที่มั่นใจในความคอแข็งของตัวเองก็เริ่มคิดผิด เพียงแค่ช็อตเล็กๆที่ใส่เข้าปาก ความร้อนบาดไปทั้งลำคอ ร้อนวูบลงไปถึงช่องท้อง คติที่ว่าหากกินเหล้าหลายตัวปนกันแล้วจะเมาแน่นอนท่าจะเป็นเรื่องจริงเพราะตอนนี้เก้าเริ่มมึนหัวหลังจากที่แข่งกระดกเตกีล่ากับไคเพียงไม่กี่ช็อตเท่านั้น

“อะไร...ไม่กี่ช็อตก็หน้าแดงแล้ว” ไคเริ่มเยาะเย้ยทันทีที่เห็นเก้าเริ่มคอตกคอพับ

“หุบปาก...” เก้าตะคอกทันที ก่อนที่จะกระดกเข้าไปอีกช็อตและพบว่าทุกอย่างเลือนหายไปกับตา ดับวูบราวกับถูกปิดสวิทช์เก้าคิดผิดแล้วจริงๆที่ยอมท้าแข่งในครั้งนี้...
...
..
.
“อยากได้ตัวนายไง...”


        สิ้นคำพูดนั้น พระพายได้แต่นั่งนิ่งเงียบงัน คนๆนี้ต้องการอะไร ทำไมถึงพูดประโยคนั้นออกมาได้ พระพายนิ่งไปคิดในใจอย่างรับรู้ความหายในคำพูดนั้น คำพูดที่ว่าต้องการตัวของพิธานนั้นหมายความว่าอะไร คงไม่พ้นต้องเป็นเครื่องบำบัดความใคร่อย่างแน่นอนและนั่นทำเอาพระพายตลกไม่ออก

“ไม่ตลก...มุกนี้ไม่ขำ” พระพายพูดออกมาเสียงเบา พิธานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะเสียงแผ่วๆออก

“นี่คิดอะไรอยู่ เวลานี้ใครจะมาเล่นมุก...เอาจริงต่างหาก” พิธานว่าก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปหาพระพายใกล้เข้าไปกว่าเดิม
“ไม่...ผมมาเพื่อจบเรื่องพวกนี้” พระพายกร้าวเสียงขึ้น

“ใจร้ายจัง ไม่คิดจะสานต่อกันจริงๆเหรอ?” พิธานยังคงคุมเกม ยิ่งทำให้พระพายรู้สึกถูกต้อนจนมุมเข้าไปกว่าเดิม

“ตอนนี้สถานะของนายไม่มีสิทธิ์มาต่อรองนะ รู้ตัวด้วย” พิธานเสียงเย็นชามาก มากเสียจนพระพายรู้สึกขนลุก

“แต่ผม...ไม่ต้องการแบบนั้น ปล่อยผมไปเถอะ” พระพายที่เริ่มรู้แล้วว่าไม้แข็งใช้กับคนๆนี้ไม่ได้ จึงเริ่มใช้ไม้อ่อนเข้าสู้บ้าง

“อะไรกัน ถึงกับอ้อนวอนกันเลยเหรอ?” พิธานว่าพลางหัวเราะแผ่วๆ ทั้งที่สีหน้ากำลังตึงเข้าไปทุกขณะ

“ผมไม่มีอะไรที่คุณต้องการหรอก ปล่อยผมไปดีกว่า สัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร” พระพายแทบจะพนมมือขอร้องแล้วตอนนี้ อับจนหนทางที่จะให้พิธานยอมปล่อยตนไป ดูเหมือนพิธานเริ่มหมดความอดทนกับพระพายแล้ว

“พูดมาตกลงหรือไม่ตกลง ถ้าตกลงคลิปจะไม่หลุด แต่ถ้าไม่...ฉันจะทำให้นายไม่มีหน้ายืนอยู่ในสังคมได้เลยจะบอกให้” พิธานไม่ได้ใช้น้ำเสียงข่มขู่เลยสักนิด แค่เสียงเย็นยะเยือกบวกกับสีหน้านิ่งๆที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้พูดเล่น ทำเอาพระพายน้ำตาแทบซึม


        ความเงียบโรยตัวท่ามกลางคนทั้งสอง พิธานที่รอคำตอบจากพระพายด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกกับพระพายที่ต้องตอบคำถามที่ยากที่สุดในชีวิต จะต้องทำอย่างไรจะเลือกศักดิ์ศรีที่มีอยู่น้อยนิดหรือจะเลือกให้ตัวเองถูกกดขี่ข่มเหงจากคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน พระพายกำหมัดแน่น น้ำตาเอ่อซึมอย่างแค้นใจ ชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้กับคนๆนี้ ชาตินี้ถึงต้องโดนจองเวรจองกรรมกันถึงขนาดนี้ แม้จะโมโหโกรธาขนาดไหนแต่พระพายก็ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาต่อหน้าคนๆนี้เป็นอันขาด รีบปาดน้ำตาที่ทำท่าจะซึมออกมาให้หมดไปเพื่อเผชิญหน้ากับชายที่มีดีแค่หน้าตาแต่จิตใจโสมมเหลือเกิน

“เราไม่เคยรู้จักกัน...ทำไมถึงต้องมาทำกับผมขนาดนี้ด้วย?” พระพายเค้นถามเสียงแผ่วเบารอดไรฟัน

“รู้อะไรไหม...ชีวิตคนเราก็เหมือนเกม ต้องลงมือเล่นถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ ตอนนี้ฉันกำลังยื่นเกมให้นายเล่น ไม่สิ...ต้องเรียกว่าบังคับดีกว่า” พิธานว่า พลางจับคางของพระพายให้หันมามองหน้าตน

“นายต้องเล่น เพราะถ้านายไม่เล่น นายก็จะแพ้ คนแพ้ไม่มีที่ยืนหรอกรู้ไว้ด้วย” พิธานพูดต่อ พลางจ้องเข้าไปในตาดวงตาที่ติดจะแดงนิดๆของพระพายอย่างผู้ที่เหนือกว่า

“ก็ได้...ผมจะยอมเล่นก็ได้ แต่ผมขอเวลาที่จำกัด คงไม่มีเกมไหนที่ต้องเล่นไปตลอดหรอก จริงไหม?” พระพายรู้ซึ้งทันทีว่าถ้าไม่ยอมตกลงจะต้องมีสิ่งเลวร้ายตามมา การตอบตกลงที่จะเอาตัวเองเข้าไปพัวพันเรื่องบ้าๆพวกนี้จึงเกิดขึ้น

“ต่อรองเก่งจังนะ เอาเท่าไหร่ดี สามเดือนเป็นไง?” พิธานเสนอ พระพายถอนหายใจออกมา

“เดือนเดียวเท่านั้นพอ” พระพายบอก

“มันน้อยไป ขอสองก็แล้วกัน ตกลงตามนี้” พิธานไม่เปิดโอกาสให้พระพายได้พูดอะไรต่อ เพราะเจ้าตัวจัดการปิดปากของพระพายเสียเสร็จสรรพ


        พระพายนั้นไม่อาจจะจำรสจูบของพิธานในคืนนั้นได้ ถึงพระพายจะไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อน แต่ใช่จะไม่เคยจูบใครมาก่อน ตอนมหาวิทยาลัยนั้นพระพายก็มีเรื่องกุ๊กกิ๊กตามวัยเหมือนคนทั่วไป เรื่องจูบอย่างน้อยๆก็สองสามครั้งแต่ครั้งนี้เป็นอะไรที่น่าตกใจ เพราะปกติแล้วพระพายจะเป็นฝ่ายนำผู้หญิงพวกนั้นเสียมากกว่าแต่สำหรับครั้งนี้พระพายกลายเป็นฝ่ายตาม


        จูบนั้นราวกับจะฉกชิงทุกอย่างออกมาจากร่างกาย เป็นจูบที่พระพายไม่อยากโกหกตัวเองเลยว่ามันดีมากจริงๆ ริมฝีปากของพิธานนั้นบางเฉียบแต่กลับรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มที่ไม่คิดว่าผู้ชายจะมี กอปรกับความรู้สึกหยุ่นของปลายลิ้นที่สอดลึกเข้ามายังภายในปาก ทำเอาพระพายเตลิดไปไม่น้อย ทั้งที่เกลียดการกระทำของคนตรงหน้าแต่กลับมีอะไรบางอย่างจุดประกายขึ้นมาในอกซึ่งพระพายไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันคืออะไร


        เสียงจูบจวบจาบดังเข้ามายังโสตประสาทการได้ยิน ทำพระพายรู้สึกอายขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งๆที่ไม่สมควรจะอายกับคนๆนี้ คนที่เผลอมีอะไรไปด้วยแล้วแต่พระพายกลับใจเต้นแปลกไปเสียได้ ไม่รอช้าพระพายรีบยกมืออันสั่นเทาเพราะเริ่มไร้เรี่ยวแรงผลักคนที่กำลังปล้นจูบจากตน ผลักให้ออกห่างพร้อมเบือนหน้าหนี

“พอ..แล้ว” พระพายพูดตะกุกตะกักออกมา เพียงแค่จูบทำเอาไปเสียไกลจนแทบจะรั้งตัวเองไม่อยู่ ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับรสจูบของคนที่ได้ชื่อว่าผู้ที่กำลังข่มขู่ตนอยู่

“พออะไรกัน นี่แค่เพิ่งเริ่มต้น”

“แต่..แต่วันนี้ไม่พร้อม” พระพายพูดออกไป พลางคิดต่อว่าจะหาข้องอ้างอะไรดี

“ยังตกใจอยู่สินะ ก็ได้ ฉันให้โอกาสนายได้ทำใจก่อนสักวันสองวัน เดี๋ยวฉันจะติดต่อไป และเมื่อนั้นถ้านายไม่มาหรือคิดเล่นอะไรตุกติก รู้ใช่ไหมว่าต้องเจอกับอะไร” พิธานว่า พระพายพยักหน้าอย่างจำยอม

“กลับเองนะ ไม่ไปส่ง” พิธานบอก ก่อนที่จะลุกขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองโดยที่ไม่หันกลับมามองพระพายแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แสดงท่าทีว่าต้องการอะไรจากพระพายอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับหันหลังกลับไปอย่างไม่สนใจอะไรเลย

“คนอะไรวะ แบบนี้ก็มีด้วย” พระพายยังคงงงๆและอึ้งกับท่าทีของพิธาน ดูอย่างไรก็เป็นคนแปลกๆ หรือจะเป็นโรคไบโพล่าร์ ที่ว่ากันว่าจะเป็นคนอารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย พระพายได้แต่ต่อว่าพิธานอยู่ในใจเพราะต่อหน้าไม่กล้าจะพูดจริงๆ หากทำเช่นนั้นน่ากลัวจะถูกซัดหน้าเอาได้


        พระพายเดินออกมาจากห้องของพิธานลงไปยังชั้นล่าง เรียกหาแท็กซี่ที่วิ่งผ่านอยู่ตลอดทั้งคืนเพื่อกลับไปยังห้องพักของตัวเอง พลางนึกไปถึงเก้าว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรแล้ว คิดได้อย่างนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรหาเก้าทันที

        โทรไปนานหลายนาทีแต่เก้าก็ไม่รับสายเสียทีจนพระพายเลิกโทร แม้จะร้อนใจบ้างที่เก้าหายไป แต่ใจหนึ่งก็รู้ดีว่าเก้าเอาตัวเองรอดได้อย่างสบายๆอยู่แล้ว พระพายจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงพลางเอนหลังพิงเบาะรถพลางมองข้างทาง

        รถแท็กซี่แล่นไปได้อย่างรวดเร็วเพราะดึกแล้วรถราจึงมีน้อย แสงไฟข้างทางสีนวลเหลือง เห็นแล้วรู้สึกสบายตาแต่ผิดกับข้างในใจที่ไม่สบายเลยสักนิด พรุ่งนี้และวันต่อไปจะเป็นอย่างไร เวลาสองเดือนที่ตกปากรับคำผู้ชายคนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พระพายถอนหายใจออกมาไม่มีน้ำตาสักหยดเพราะรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะเสียน้ำตาให้ จะอย่างไรก็ต้องเข้มแข็งเพื่อยืนหยัดและก้าวต่อไป มองโลกให้สวยงามเข้าไว้ แม้ว่าเรื่องในวันนี้จะเลวร้ายก็ตาม พระพายได้แต่คิดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะหลับตาลง เพื่อให้ความฟุ้งซ่านเบาบางจางไป...
...
..
.

        ล่วงเลยเข้าวันใหม่ เก้าลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งในสภาพที่งัวเงียและปวดหัวหนัก ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเมาค้างถึงขนาดนี้ เมามาจนเปลือกตาหนักห่วงแทบลืมไม่ขึ้น อีกทั้งวันนี้เป็นวันอังคาร วันทำงานปกติที่ไม่ใช่วันหยุดและสภาพนี้คงจะไปไหนไม่ได้จริงๆ

“ไอ้พาย...”


             เก้าพึมพำออกมา พอตั้งสติได้ก็โฟกัสมองรอบข้างพบว่าเป็นห้องนอนของตัวเองไม่ใช่ห้องของพระพายแต่อย่างใด เก้าลุกขึ้นมาอย่างโงนเงน ศีรษะแทบจะปักลงบนหมอนอีกครั้ง เลวร้ายเหลือเกินกับอาการเมาค้างเช่นนี้ รอบๆตัวมีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่บ่งบอกว่ากำลังทำงานอยู่ สิ่งแรกที่นึกถึงคือพระพาย เก้าควานหาโทรศัพท์พบว่ามีสายไม่ได้รับจะพระพายอยู่หลายสาย แบตเตอรี่ก็ใกล้หมดเต็มที เก้าจึงรีบชาร์จแบตเตอรี่และต่อสายโทรหาที่ทำงานเพื่อลางาน โดยบอกข้ออ้างคลาสสิคอย่างไม่สบายท้องเสีย จากนั้นก็รีบโทรหาพระพายพร้อมกับเอนตัวลงนอนพลางหลับตา

“ฮัลโหลไอ้พาย” เก้ากรอกเสียงอันแหบแห้งของตัวเองลงไปทั้งๆที่ยังคงหลับตาอยู่

“เก้า มึงอยู่ไหน เมื่อคืนโทรไปตั้งหลายสาย” พระพายพูดเสียงเบาๆ คาดว่าตอนนี้น่าจะอยู่ที่ทำงาน เก้าจึงดึงโทรศัพท์ออกจากหู ลืมตาดูเวลาบนหน้าจอพบว่าสิบเอ็ดโมงแล้ว

“อยู่ห้องกูเอง” เก้าบอก และพลางนึกคิด...ภาพล่าสุดคืออยู่ที่ผับและกำลังแข่งดื่มเหล้ากับเจ้าลูกครึ่งตัวสูงนั่นแล้วจู่ๆทำไมถึงตื่นมาแล้วมาอยู่ในห้องของตัวเองได้นั่นคือสิ่งที่เก้ากำลังสงสัย

“มึงเมาหรอ?” พระพายถาม

“เออ ว่าแต่เมื่อคืนมึงไปไหน ไอ้นั่นมันทำอะไรมึงรึเปล่า?” เก้าถาม นี่คือสิ่งที่เก้ากำลังเป็นห่วง

“เรื่องนั้นค่อยพูดกัน ทำงานก่อน” พระพายพูด ก่อนที่จะรีบวางสายไป เก้าจึงใช้โอกาสนี้ในการหลับเอาแรงต่อเพราะไม่พร้อมจะทำอะไรจริงๆในตอนนี้...

...
..
.


        หลับไปนานแสนนานในความรู้สึกของเก้า พอลืมตาขึ้นมารอบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิม ปวดหัวนิดหน่อย อาการหนักๆค่อยลดลงแล้ว แต่เพียงรู้สึกคอแห้งเพียงเท่านั้น เก้าจึงลุกขึ้นขยี้ตาเบาๆ พลางเดินไปยังตู้เย็นอย่างคนชินทางทั้งที่ยังงัวเงีย หยิบขวดน้ำดื่มเย็นๆยกขึ้นดื่มดับกระหาย ก่อนที่จะกลับมายังเตียงนอน พบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว เก้าจึงถอดเสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่ในเมื่อคืนออก แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเพื่อออกไปหาพระพายที่ป่านนี้น่าจะอยู่ที่ห้องแล้ว

        เก้าจัดการตัวเองเรียบร้อยและเดินทางมายังห้องของพระพาย เคาะสองสามทีพระพายก็เปิดประตูต้อนรับแล้วซึ่งตอนนี้ยังคงสวมชุดทำงานคาดว่าน่าจะเพิ่งกลับมา

“เป็นไงบ้างมึง เมื่อคืนเป็นห่วงแทบแย่” พระพายเอ่ยประโยคแรกทันทีที่เห็นหน้าเก้า

“กูสิต้องเป็นห่วงมึง มันทำอะไรมึงบ้างรึเปล่า?” เก้าถามกลับ

“กูเหรอ...ไม่เป็นอะไรหรอก มันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” พระพายตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“มึงอย่าปิดกูนะพาย บอกกูมาตรงๆ” เก้าถามเสียงจริงจัง เมื่อเก้าเริ่มเป็นแบบนี้พระพายรู้ดีว่าคงต้องบอกความจริงไป

“คือ...มัน...จะแบล็คเมล์กู ถ้ากูไม่ตอบตกลงข้อเสนอ” พระพายบอก

“ข้อเสนออะไร อย่าบอกนะว่ามันจะเอามึงจนกว่าจะพอใจ” เก้ากลัวสิ่งที่ตัวเองคิดจะเป็นจริงเหลือเกิน และเป็นไปตามคาด...พระพายพยักหน้าเป็นคำตอบด้วยสีหน้าที่สุดแสนจะมืดมน

“เลวเอ้ย กูว่าแล้วว่าต้องมาไม้นี้”

“ช่างเถอะ ยังไงกูก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ให้ๆมันไปจนกว่ามันจะพอใจนั่นแหละ ไม่นานหรอก สองเดือนเอง” พระพายว่า ตอนนี้อยู่ในสภาวะยอมรับ ทำใจและจำยอมกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“มึงจะไหวเหรอวะ ให้ใครที่ไหนไม่รู้มาทำแบบนั้นกับมึง” เก้าถามอย่างเป็นห่วง

“สบายมาก กูพระพายซะอย่าง” พระพายพยายามยิ้มออกมา เก้าที่เห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปกอดพระพายทันที


        พระพายนิ่งเงียบไป น้ำตาที่คาดว่าน่าจะไหลแต่กลับไม่ไหลออกมา พระพายไม่ใช่คนร้องไห้พร่ำเพรื่อ เข็มแข็งและร่าเริงอยู่เสมอไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ขนาดตอนที่สูญเสียป้าผู้เป็นที่รักไป เวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆพระพายจะยิ้มเสมอแต่พอหลับหลังกลับไปนั่งร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่งตอนนั้นเก้าก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย รู้ดีว่าพระพายพยายามทำตัวไม่ให้คนอื่นเป็นห่วงและไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าใครทั้งนั้น

“ถ้ามึงอยากร้อง ก็ร้องออกมา ยังไงกูก็จะอยู่ข้างมึง” เก้าตบหลังพระพายราวกับจะปลอบ พระพายยิ้มอ่อนๆพลางหลับตา ซบลงบนไหล่ของเก้าที่สูงกว่าตนเพียงนิดหน่อย

“ขอบใจ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป แค่นี้กูสบายมาก...จริงๆนะ” พระพายว่า กอดตอบเก้าที่ดูจะเป็นห่วงพระพายมาก

“เออ อย่าทำเป็นแกร่งมาก เดี๋ยวจะอกแตกตาย” เก้าบอกก่อนจะผละออกมา

“เออน่า ว่าแต่มึงเหอะ เมื่อคืนคนที่ชื่อไคนั่นทำอะไรมึงบ้างเขาต่อยมึงรึเปล่า?” พระพายถาม

“ไม่หรอกมึง แข่งกินเหล้ากันว่ะแต่เมื่อคืนกูจำอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายเหมือนวูบไป ไม่รู้ใครแพ้ใครชนะ” ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนั้นตนดื่มเหล้ากับไค หนุ่มลูกครึ่งที่มีเรื่องและหนีมาตลอดหลายเดือนอีกทั้งยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลย

“แข่งไปทำไม?” พระพายถามอย่างสงสัย

“ก็ถ้ากูชนะ มันจะไม่ยุ่งกู แล้วจะบอกที่อยู่ของไอ้คนที่ลากมึงไปไง แต่มันคอแข็งสุดๆ กูนี่ล้มมันยากมาก เลยล่อซะยาว”

“มึงนี่ระดับตัวพ่อแล้วนะ ยังมีคนเหมือนมึงอีกเหรอ?” พระพายตกใจสุดๆที่ยังมีคนคอแข็งสู้เก้าได้

“เออ กูเองยังตกใจเลย แต่นี่มันหายเงียบไป แล้วเมื่อคืนกูก็ไม่รู้ว่ากลับมาห้องได้ยังไง” เก้ายังคงงงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เชื่อมั่นว่าตนต้องชนะแน่ๆ

“มึงนี่นะ สิ้นคิดจริงๆ ไปทำแบบนั้นมึงคิดว่าจะช่วยกูได้รึไง สุดท้ายมึงก็เมาไปช่วยกูไม่ได้อยู่ดี” พระพายส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจในตัวเก้า คนอะไรคิดจะช่วยเพื่อนแท้ๆแต่ใช้วิธีที่สิ้นคิดสุดๆ

“เอาน่า เลือดมันขึ้นหน้านี่หว่า แต่กูขอโทษมึงนะที่ไปช่วยมึงไม่ทัน” รู้สึกผิดไม่น้อยที่เรื่องราวกลับบานปลาย

“ช่างมันเถอะ ชะตากรรมกูเอง ใครจะมาช่วยได้ แล้วนี่มึงจะมาอยู่กับกูต่อไหม?”

“กูว่ากูกลับไปอยู่ห้องกูดีกว่า เพราะมันคงไม่มายุ่งกูแล้วล่ะ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ยังไงก็ติดต่อมาด้วยล่ะ อย่าหายไปเฉยๆอีก กูเป็นห่วง” พระพายบอก เก้าจึงเริ่มเก็บข้าวของ ก่อนที่จะบอกลาพระพายแล้วกลับไปยังห้องของตัวเอง


        เก้าสะพายกระเป๋าของตัวเองนั่งรถแท็กซี่กลับมายังห้อง พบว่ามีใครคนหนึ่งยืนพิงหน้าประตูห้อง เก้าจดๆจ้องๆ ก่อนที่จะเบิกตาโตขึ้นอย่างตกใจ

“เฮ้ย!! มึง” เก้าร้องออกมาก ชายคนนั้นจึงหันมายังทิศทางเสียงที่เก้าเปล่งออกมา

“มาแล้วเหรอ รออยู่ตั้งนาน”

              ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นมา พลางส่งยิ้มมุมปากให้ ไม่ใช่ใครที่ไหน ชายผู้มีรูปร่างสูง หน้าตากระเดียดไปทางฝรั่งเช่นนี้คือไค คนที่แข่งดื่มเหล้าด้วยเมื่อคืนอีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งเพื่อนของคนที่ทำเรื่องร้ายกาจกับพระพายเพื่อนของตนนั่นเอง...

++++++++++++++++++++++++++++
*Lyrics: Holler by Spice Girl.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 01-09-2017 10:21:40
สงสารพระพาย  คุณพิธานจะมาไม้ไหน หรือคูณพธานแอบรักพระพายมาตั้งนานแล้วไรงี้ เลยรวบหัวรวบหางพระพายซะ อร๊ายยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-09-2017 15:38:22
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 01-09-2017 18:01:44
พระเอกเหมือนจะน่ากลัว แต่ก็น่ากลัวไม่สุด ครึ่งๆกลางๆ เหมือนสองบุคลิคเหมือนที่พระพายบอก555 เหมือนจะลึกลับ เหมือนจะใจร้าย แต่ความรู้สึกมันยังไงไม่รู้ แปลกจริงๆพระเอกเรา  :mew5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 01-09-2017 19:40:52
เรื่องน่าติดตามมากค่ะ  ปูเสื่อรอตอนต่อไปเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 01-09-2017 20:30:52
ทำไมคุณพิธานแลดูร้ายล่ะ สงสารพระพาย :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 01-09-2017 20:49:14
เหมือนจะคืบหน้า แค่เหมือนนะ
ยังคงต้องรอลุ้นต่อว่าคุณชายทั้งสอง
จะทำไง
ว่าแต่สองเดือนนี่ พอเหรอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-09-2017 21:29:24
พิธานใจร้ายยยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: angelarty ที่ 01-09-2017 23:53:21
พอครบสองเดือนปุ๊บพิธานหลงพระพายหนักแน่นอนอิอิ^^
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 02-09-2017 09:44:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 4...(1/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-09-2017 02:28:00
หนุกหนาน ๆ รอตอนต่อไป  o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 5...(5/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 05-09-2017 18:16:31
ขออภัยที่มาช้านะคะ  :call: มีธุระนิดหน่อยเลยมาช้ากว่าที่คิดไว้ ตอนนี้เป็นคู่ของ ไคและเก้า ค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ เช่นเคยค่ะหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ ติชมได้นะคะ ยินดีรับฟังทุกความเห็นค่ะ  :-[

++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 5 Boy & Boy.

The girls wanna play with boys
สาวๆก็อยากเล่นกับผู้ชายนั่นแหละ
And the boys wanna play with girls
และส่วนใหญ่ผู้ชายก็อยากจะเล่นกับสาวๆ
And the girls wanna play with girls
แต่มีสาวๆที่อยากเล่นกับสาวๆนะ
Boys wanna play with boys
ผู้ชายที่อยากจะเล่นกับผู้ชายด้วยกันก็มี


“มาแล้วเหรอ รออยู่ตั้งนาน”

             ไคพูดพลางยิ้มมุมปากให้เก้าที่ตอนนี้ยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมคนๆนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไคนั้นยังยืนกอดอกอย่างมีมาดซึ่งในสายตาของเก้า การจ้องมองเช่นนั้นเหมือนชวนหาเรื่องเป็นที่สุด

“มึงมาทำไม?”

“อ้าว ก็มาทวงสัญญาจากคนแพ้เมื่อคืนไง”

“แพ้อะไร เอาอะไรมาพูด” เก้าเถียงทันที ถึงจะน็อควูบไปแต่ก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายก็ร่อแร่เต็มทนเหมือนกัน

“มีหลักฐานนะ จะดูไหมล่ะ” ไคว่าก่อนจะควักโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง สไลด์หน้าจอราวกับกำลังหาอะไรสักอย่างก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเก้าพร้อมกับยื่นให้ดู

“นี่ไง ภาพยืนยันว่าเมื่อคืนนายน็อคก่อนฉัน”

              เป็นภาพของเก้าที่หมดสติฟุบหน้าลงกับโต๊ะ โดยที่มีไคที่ดูเหมือนจะเมาพอควรนั่งอยู่ข้างๆพลางชี้ไปยังเก้าราวกับจะบ่งบอกว่านั่นคือผู้แพ้และมีอีกหลายภาพที่เพื่อนๆของไคช่วยกันถ่าย เก้ากัดฟันกรอด หลักฐานคาตาขนาดนี้คงจะเฉไฉไม่ได้แล้วว่าใครแพ้ใครชนะ

“นิสัยเลวเหมือนเพื่อนมึงเลย” ผู้คนสมัยนี้มีสื่อมีเทคโนโลยีมักใช้ในทางที่ผิดกันทั้งนั้น รวมถึงเพื่อนของไคคนนั้นที่อัดคลิปเพื่อทำเรื่องเลวทรามกับพระพายด้วยเช่นกัน

“พิธานมันเลวยังไงล่ะ?” ไคถาม ราวกับไม่รู้เรื่องราวของเพื่อนที่ทำเรื่องไม่ดีลงไป

“ช่างเถอะ ว่ามา กูแพ้ จะให้กูทำอะไร?” เก้าถามอย่างไม่ยี่หระ ตนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ผู้ชายเหมือนกันไม่มีอะไรน่ากลัวทั้งนั้น

“แปลว่ายังจำได้สินะ ว่าจะทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่าง” ไคถามทวนซ้ำ ถึงข้อตกลงของผู้แพ้   

“เออ อย่ายึกยือ พูดมาเร็วๆ”

“เอาไงดี ตอนนี้ยังคิดไม่ออก”

“อย่าชักช้าสิวะ กูแพ้กูก็พร้อมจะทำตาม ถ้ามึงลีลากูไม่สนแล้วนะ” เก้าบอกอย่างหัวเสีย

“มาเป็นเพื่อนกันไหม?”

“อะไรนะ เป็นเพื่อนกับมึงเหรอ?” เก้าถามกลับอย่างไม่เชื่อที่ได้ยินคำพูดนั้นของไค

“ใช่ มาเป็นเพื่อนกัน” ไคย้ำคำเดิมพลางยิ้มบางๆ

“กูไม่เอากับมึงหรอก”

“โอเค ขอเป็นเพื่อนดีๆไม่เอา ถ้าอย่างนั้นก็มาเป็นเมียไหมล่ะ?” ไคพูด พลางเดินเข้าไปหาเก้า

“มึงตลกแล้ว พูดอะไรหัดดูหนังหน้ากูบ้าง กูแมนขนาดนี้ จะให้เป็นเมียมึง ฝันไปเถอะ” เก้าโพล่งขึ้นมาอย่างโมโห ดูท่าไคจะมีความเป็นฝรั่งมากเกินไปถึงเล่นอะไรไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้

“ก็ไม่ได้จะให้ตลกเสียหน่อย ตอนแรกคิดว่าจะให้มาเป็นเพื่อนเฉยๆแต่ดันบอกว่าไม่ซะนี่ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอย่างอื่นก็แล้วกัน รู้สึกอยากลองกับผู้ชายพอดี” ไคบอก รอยยิ้มมุมปากนั้นดูกวนไม่น้อย

“โอเค กูจะเป็นเพื่อนมึง แค่นี้พอใจไหม?” ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตกลงเป็นเพื่อนกันดีกว่าเป็นศัตรูตั้งเยอะจะได้อยู่อย่างสงบเสียที อีกทั้งได้รู้ความเคลื่อนไหวของพิธานเผื่อจะช่วยอะไรพระพายได้บ้าง เก้าจึงยอมรับการเป็นเพื่อนที่ไคยื่นให้

“พอแบบนี้แล้วเปลี่ยนใจง่ายจัง” ไคว่าอย่างอารมณ์ดี

“จะอะไรหนักหนาวะ เพื่อนก็เป็นให้แล้ว”

“ดี บอกก่อนนะ เพื่อนในความหมายของฉันคือทุกอย่าง ชวนไปไหนก็ต้องไป ให้ทำอะไรก็ต้องทำ เข้าใจที่พูดนะ” ไคย้ำถึงกฎของการเป็นเพื่อนในความหมายของตน

“เออ เพื่อนก็เพื่อน พูดจบก็กลับไปได้แล้ว”

“ไปฉลองการเป็นเพื่อนกันดีกว่า”

“กูเหนื่อย กูจะนอน ไว้วันหลังเหอะ” เก้าบอกปัดอย่างหงุดหงิด

“จำที่พูดไม่ได้เหรอ ว่าชวนไปไหนก็ต้องไป” ไคทวนคำพูดที่เพิ่งพูดไป

“มึงนี่นะ เฮ้อ..ไปก็ไป กูไปเก็บของก่อน ค่ำๆค่อยไป” เก้าว่า ก่อนที่จะผลักไคให้พ้นทาง แล้วเดินไปไขกุญแจห้องพักของตัวเอง

“ดูแบบนี้นายก็ตัวหนักเหมือนกันนะ” จู่ๆไคก็พูดขึ้นมา

“พูดอะไรของมึง?”

“สงสัยเมื่อคืนจะไม่รู้เรื่อง คิดว่าตัวเองเดินกลับมาห้องได้ในสภาพแบบนั้นรึไง”

“อย่าบอกนะเมื่อคืน...มึงมาส่งกูเหรอ?” เก้าถาม พลางหันไปมองหน้าไคที่ยืนยิ้มเยาะ

“ก็เป็นคนเดียวที่รู้ว่านายอยู่ไหนก็เลยต้องมาส่ง ช่วยไม่ได้นี่”


             เก้านิ่งเงียบไปไม่พูดขอบคุณหรืออะไรทั้งนั้น ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องและโยนกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนเตียงนอน รื้อเสื้อผ้าข้าวของออกมาเต็มที่นอนโดยที่มีไคเดินตามเข้ามาแล้วยืนดูอยู่เงียบๆ

         ระหว่างที่เก้ากำลังเก็บของนั้น พลางขบคิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าการตกปากรับคำกับคนที่จะเรียกว่าแปลกหน้าก็ไม่ใช่ รู้จักก็ไม่เชิงนั้นเป็นเรื่องถูกต้องหรือเปล่า ผู้ชายคนนี้ดูแล้วท่าทางจะเอาแต่ใจไม่น้อย ยิ่งคิดยิ่งอยากย้อนกลับไปเมื่อคืนนี้ จะไม่คิดเรื่องการแข่งขันอะไรแบบนั้นเลย พลาดท่าไปเสียได้แต่หากย้อนกลับไปก็แก้ไขไม่ได้แล้ว คงต้องยอมรับความจริง และเมื่อได้เป็นเพื่อนกับไคแล้ว แน่นอนว่าจะได้เข้ากลุ่มของไคแน่นอน เรื่องมันสำคัญก็ตรงนี้ ตรงที่จะได้เจอพิธาน ผู้ชายที่พยายามทำเรื่องเลวๆกับพระพายเพื่อนของตน

“มึงเข้ามาทำไม ออกไปสิวะ กูจะนอน” เก้าที่เก็บของเสร็จหันไปแหวไคที่ยังคงนั่งเอื่อยเฉื่อยทำตัวสบายเสมือนเป็นเจ้าของห้อง
 
“นั่งห้องเพื่อนนี่ผิดตรงไหน?” ไคถามด้วยสีหน้าเฉยเมย ยิ่งเห็นเก้ายิ่งไม่สบอารมณ์และบอกกับตัวเองว่าคิดผิดจริงๆที่ยอมเป็นเพื่อนกับคนๆนี้

“ก็กูบอกแล้วไงว่าไป แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ค่ำๆถึงจะไปกับมึงได้” เก้าขึ้นเสียงใส่ เริ่มหงุดหงิดทั้งตัวไคที่เข้ามาวุ่นวายและหงุดหงิดตัวเองที่เผลอไปตกปากรับคำเรื่องที่จะเป็นเพื่อนกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งเล่นอยู่ในห้องด้วยกันแล้วค่อยออกไปพร้อมกันก็แล้วกัน” ไคว่า ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบนิตยสารเกี่ยวกับรถที่วางไว้มานั่งอ่าน

“ว่าแต่จะไปไหนวะ?” เก้าถามไค หลังจากที่เก็บของเสร็จ

“ไปที่บาร์ เหมือนเมื่อคืน”

“นี่พวกมึงไม่มีงานทำกันรึไง ถึงได้เที่ยวกันทุกคืนแบบนี้?” เก้าอดสงสัยไม่ได้

“มีสิ รับผิดชอบเยอะด้วย เลยต้องการทางแก้เครียดไง”

“มึงกับคนที่ชื่อพิธานนี่สนิทกันมากไหม?” จู่ๆเก้าก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา

“พิธานเหรอ อยากรู้ไปทำไม?” ไคถามกลับอย่างสงสัย

“ก็....ก็แค่อยากรู้” เก้าอ้ำอึ้งก่อนตอบ

“สนิทสิ ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม” 

“นี่กูแปลกใจตัวเองมากนะ ที่มายืนคุยกับมึงอย่างนี้ทั้งที่ตอนแรกมึงกับกูเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย” เก้าถามพลางจ้องหน้าไคที่ยังคงนั่งยิ้มอารมณ์ดี

“จู่ๆคิดอะไรขึ้นมาล่ะถึงพูดแบบนั้น?” ไควางนิตยสารในมือลง พลางมองเก้ากลับ

“กูถามมึงจริงๆนะ เมื่อไม่ถึงเดือนก่อนมึงยังตามจองล้างจองผลาญกูอยู่เลย มาตอนนี้ทำไมมึงถึงมาอยากเป็นเพื่อนกับกูได้ล่ะ?” เก้าถามออกไปอย่างสงสัย

“ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้ มันคนละเรื่องกัน” ไคว่าพร้อมยิ้มกว้าง

“มึงบ้าไปแล้วรึไงมันเรื่องเดียวกันชัดๆ กูถามหน่อย ตอนนั้นมึงโคตรจะเกลียดขี้หน้ากูขนาดนั้น แล้วตอนนี้มึงกลับมาขอเป็นเพื่อนกู มึงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?” เก้ายังคงซักไซ้ไล่เรียงถามอย่างไม่ยอม

“อ่า...รู้ทันจนได้สินะ” ไคถอนหายใจแต่ครั้งนี้รอยยิ้มอารมณ์ดีนั้นหายไปแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูจะกลวงๆอย่างประดิษฐ์ขึ้นมา

“มึงพูดมาตรงๆเลยดีกว่า ว่ามึงต้องการอะไร?” เก้าวางของทุกอย่างในมือลง แล้วหันมายืนประจันหน้ากับไค

 “ก็ไม่อะไรมาก เรื่องตอนนั้นไม่ค่อยสนใจแล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้นก็แค่ของเล่น ที่ไปหาเรื่องนั่นก็เพราะฆ่าเวลา”

“มึงจะบอกว่ามึงว่างมากจนต้องมาหาเรื่องกูเพื่อความบันเทิงของมึงอย่างนั้นเหรอ?” โมโหไม่น้อยเมื่อได้ยินจากปากของคนที่เก้ามั่นใจว่าชาตินี้ก็คงทำดีด้วยไม่ได้

“ใครบอกว่าว่าง ที่ทำไปก็เพราะรอเวลาที่เหมาะที่ควรต่างหาก” ไคยังคงพูดจากำกวม

“กูบอกให้มึงพูดตรงๆไง มึงจะอ้อมโลกหาพระแสงอะไรวะ?” เก้าติดจะรำคาญกับการวางมาดของไคเหลือเกิน

“จะให้พูดตรงๆก็ได้...เพราะนายเป็นเพื่อนกับพระพาย ฉันเลยต้องจับตานายไม่ให้นายเข้าไปยุ่งเรื่องของพิธานกับพระพาย รู้ใช่ไหม ว่าตอนนี้พิธานกำลังสนใจพระพาย” ไคพูดขึ้นมา ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย

“สนใจ...มึงใช้คำว่าสนใจเหรอ ทำแบบนั้นกับคนที่ตัวเองสนใจนี่ชั่วมากว่ะ” เก้าขึ้นเสียง

“พิธานเขามีวิธีในแบบของเขา ฉันเองก็เข้าไปยุ่งไม่ได้”

“วิธีเลวๆแบบนั้น มึงนี่เป็นเพื่อนกันประสาอะไรวะ?” เก้าเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม

“วิธีแบบนั้น...แปลว่าพระพายบอกแล้วสินะ”

“มึงก็รู้ดีใช่ไหม ว่าเพื่อนมึงทำเลวอะไรไว้กับเพื่อนกู” เก้าเลี่ยงจะพูดตรงๆถึงเรื่องนี้

“ปกติพิธานไม่เคยทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ นี่คงจะสนใจพระพายมากจริงๆเลยลงมือได้ถึงขนาดนั้น” ไคพูดไหลเรื่อย ราวกับพูดเรื่องท้องฟ้าอากาศ

“มึงว่าไงนะ มึงพูดแบบนี้แปลว่ามึงรู้เห็นเป็นใจกันหมดเลยใช่ไหม?” เก้าเริ่มจะอดรนทนไม่ไหวแล้ว น้ำเสียงเริ่มเข้มข้นตามอารมณ์โมโหเมื่อได้ยินความจริงของเรื่องราวทั้งหมด

“ก็นะ พิธานไม่ได้บอกอะไรมากหรอก ที่รู้ก็เพราะเห็นเลยเลยรู้ อีกอย่างพิธานดูจะถูกใจพระพายมาก ไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะช่วยใครล่ะ จริงไหม?” ไคยกยิ้มมุมปาก

“มึงก็เลวเหมือนเพื่อนมึงนั่นแหละ แม่งเลวกันทั้งกลุ่ม” เก้าตะโกนใส่หน้าไคอย่างหมดความอดทน อีกทั้งพุ่งตัวเข้าไปหมายจะชกหน้าไค

“เอะอะก็ต่อย คิดว่าจะสู้ฉันได้อย่างนั้นเหรอ?” ไคว่า ก่อนที่จะจับหมัดของเก้าไว้ได้ทัน จากนั้นดึงเก้าเข้ามาหาตัวด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล

“มึงทำเหี้ยอะไรวะ มึงปล่อยกู!!!” เก้าร้องออกมา เมื่อถูกร่างสูงใหญ่เบียดเสียดอยู่เช่นนี้

“ก็จัดการกับคนที่อ่อนแอแต่คิดที่จะสู้ไง” ไคว่าก่อนที่จะก้มหน้าลงกัดใบหูของเก้า แรงกัดนั้นไม่เบาและไม่หนักแต่นั้นทำเอาเก้าร้องออกมาเพราะความเจ็บไม่น้อย

“โอ๊ย!!! มึงกัดกูทำไม ไอ้โรคจิต เหี้ย....” เก้าร้องโวยวาย

“ขืนยังโวยวายแล้วโดนกัดปากไม่รู้ด้วยนะ” ไคกระซิบที่หูของเก้าก่อนที่จะปล่อยเก้าให้เป็นอิสระ เก้าสะบัดตัวอย่างแรง พลางคิดในใจว่าครั้งนั้นที่ได้ต่อยหน้าไคนั้นตนทำไปได้อย่างไร เพราะหากมาเทียบเอาตอนนี้แล้ว เก้าสู้ไคแทบจะไม่ได้เลย

“พวกมึงมันเลว คอยดูกูจะช่วยพระพายออกจากเรื่องบ้าๆที่เพื่อนมึงเป็นคนทำ” เก้าประกาศกร้าวด้วยสีหน้าแดงก่ำเพราะความโมโห

“คิดว่าทำได้ก็ลองดู แบบนั้นคงต้องเจอกันหน่อยแล้ว” ไคว่าพลางยิ้มเยาะ

“แล้วมึงคิดเหรอว่าจะมาห้ามคนอย่างกูได้ มึงคิดผิดแล้วล่ะไอ้ลูกครึ่งหน้าโง่” เก้าว่า ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูอ้าซ่า พร้อมชี้นิ้วไปทางประตูเพื่อไล่ไคให้ออกไปจากห้อง

“มึงออกไปซะ มึงกับกูหมดธุระกันแล้ว” เก้าว่าและไคก็ยอมออกจากห้องแต่โดยดี

“แล้วก็ คืนนี้กูไม่ไป ไม่มีอารมณ์” เก้าตะโกนใส่ไคอีกรอบ

“นัดไม่เป็นนัด แบบนี้จะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง” ไคยืนอยู่หน้าประตูถามเก้าที่ทำท่าจะปิดประตูใส่

“ตายอีกกี่สิบชาติมึงกับกูก็ไม่มีวันจะเป็นเพื่อนกัน จำใส่หัวมึงไว้เถอะ”

“เอาไว้เจอกันรอบหน้าก็ได้ ตอนที่พิธานนัดพระพายไปเที่ยวดีกว่า” ไคบอกอย่างอารมณ์ดี เก้ามองหน้าไคที่กำลังยิ้ม มันช่างกวนประสาทจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า รอยยิ้มเยาะที่รู้สึกหมั่นไส้จนอยากจะกระโดดเตะให้รู้แล้วรู้รอดไป

“มึงกับไอ้พิธานเพื่อนมึงเตรียมเจอกูได้เลย”

“ไว้เจอกัน เร็วๆนี้แหละ” ไคพูดแล้วเดินออกไปก่อนที่จะชะงักและหันหน้ามามองเก้าอีกครั้ง

“ไปนะ” ไคพูดเท่านั้นก่อนที่จะยักคิ้วพร้อมยิ้มบางๆ ซึ่งชวนน่าโมโหที่สุดในความคิดเก้า

“เออ..ไปตายที่ไหนก็ไป!!!” เก้าตะโกนเสียงดังก่อนที่จะปิดประตูอย่างรุนแรงจนเสียงดังสนั่นลั่นไปทั้งชั้น


        เมื่อปิดประตูลง เก้ารีบเดินไปที่ห้องน้ำ ยืนอยู่หน้ากระจกพลางมองหูที่แดงก่ำพลางรู้สึกโมโห ใบหูแดงเถือกอีกทั้งรู้สึกเจ็บจี๊ดรอยกัดยังติดอยู่ไม่ยอมหายไปง่ายๆ

“ไอ้เหี้ย เป็นหมาบ้ารึไง” เก้าบ่นพลางลูบหูอย่างเบามือ

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ได้เจอกับกูแน่” เก้ากัดฟันกรอดอย่างอาฆาต รีบอาบน้ำด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะรีบโทรหาพระพายหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ

“ไอ้พาย กูเอง จะบอกมึงว่าวันไหนที่ไอ้พิธานนั่นนัดมึง โทรมาบอกกูด้วย....เออน่า ไม่ต้องห่วง กูจะช่วยมึงเอง แค่นี่แหละ” เก้าพูดกับพระพายเพียงสั้นๆ ก่อนจะวางสายไป...

+++++++++++++++++++++++++++
   
*Lyrics : Boys & Girls By Will.i.am - ft. Pia Mia

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 5...(5/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 05-09-2017 23:44:43
คู่นี้ก็แรงกันทั้งคู่ แล้วพิธานนี่ยังไงชอบพระพายมากถึงต้องทำแบบนี้หรือเห้นเป็นของเล่น
รอลุ้นนะคะๆ ขอบคุณมากค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 5...(5/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-09-2017 00:02:21
 :sad2: ฉงฉานหลานพระพาย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 5...(5/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-09-2017 06:19:54
พระเอก?เลวไปไหม
ส่วนเจ้ากรรมนายเวรของเก้า ดูจะเบากว่าของพระพายนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 5...(5/09/17) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-09-2017 15:52:27
แล้วเขาจะรักกันยังไง  :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 09-09-2017 13:55:50
ตอนที่ 6 มาแล้วค่ะ  :katai5: มาแบบช้าๆ ขออภัยนะคะ
เรื่องนี้อาจจะแตกต่างจากกวินและเอยอยู่มากเลยค่ะและเป็นครั้งแรกที่แต่งแนวนี้ รับพิจารณาด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ถ้ามีคำผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ขออภัยด้วยนะคะ  :bye2:
+++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 6 Dangerous guy.

A guy like you
ผู้ชายอย่างคุณ
Should wear a warning
ควรมีป้ายเตือน
It’s dangerous
มันอันตรายสุดๆ




        ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่พระพายได้ตกลงทำสัญญากับพิธาน จนถึงตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยทั้งสิ้น ไม่มีข้อความทางไลน์แต่อย่างใด พระพายรู้สึกเบาใจไปไม่น้อยที่พิธานดูเหมือนไม่ได้ยึดติดกับเรื่องนี้เท่าไหร่และอีกอย่างคนหน้าตาระดับพิธานคงไม่ขาดคู่นอนอยู่แล้ว การทำสัญญาในครั้งนี้คงเป็นเพียงความนึกสนุกของอีกฝ่ายมากกว่า เมื่อคิดได้อย่างนั้นพระพายก็ยิ้มออกมา รอแค่นับเวลาให้ผ่านพ้นสองเดือนเพียงเท่านั้นทุกอย่างก็จะจบลง คิดว่าอิสระอยู่ใกล้เอื้อมไม่นานเกินรอ

“วันนี้วันเสาร์ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” พี่กล้วยพูดขึ้นมาเสียงดัง ในขณะที่นาฬิกากำลังเดินเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเวลา
ทำงาน ทุกคนที่คร่ำเคร่งเรื่องงานจึงเริ่มจะผ่อนคลายกับคืนวันเสาร์และวันอาทิตย์อีกวันที่จะได้หยุดพักผ่อนกันเสียที

“ไม่ไปผับแล้วนะ เปลืองตัง” พี่ปีรีบพูดขึ้นมาทันที พี่กล้วยไม่รอช้าขยำเอกสารที่ไม่ใช้แล้วขว้างใส่หลังพี่ปีทันที

“มึงรวยกว่าใครเพื่อนเลยไอ้ปี ไม่ต้องมาบ่น” พี่กล้วยว่า ทุกคนในแผนกหัวเราะกันทันทีที่เห็นพี่กล้วยว่าพี่ปี

“อย่ามาพูด กูนี่ยาจกกว่ามึงนะ” พี่ปีพูด พร้อมกับขว้างก้อนกระดาษกลับไปใส่หัวพี่กล้วยอย่างพอเหมาะพอเจาะ

“กูพูดรึยังว่าไปผับ ไปหาอะไรกินไม่ได้ไปผับเสียหน่อย” พี่กล้วยพูด

“แล้วจะไปไหน?” พี่ปีถามกลับ

“ไปบ้านกู ไปกินของปิ้งย่างกัน” พี่กล้วยว่า คนในแผนกที่นอกจากพี่กล้วยและพี่ปี ที่มีกันอยู่สี่คนรวมไปถึงพระพายด้วยถึงกับหูผึ่งทันทีที่พี่กล้วยพูดจบ

“ไปด้วย” ทุกคนพร้อมใจกันพูดอย่างพร้อมเพรียง ในแผนกนั้นเป็นพวกเฮไหนเฮไหน ตามแบบฉบับหนุ่มโสด พี่กล้วยให้สมญานามแผนกของเราว่า “หนุ่มโสดโลกยังเมิน”

“เออ ก็ชวนทุกคนนั่นแหละ กูให้พี่ดาเตรียมของไว้แล้ว” พี่กล้วยว่า

“พี่ดา สาวพม่าหัวใจเกาหลีที่พี่พูดถึงใช่ไหม?” พระพายถาม

            พี่กล้วยเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่ที่พระพายเข้ามาทำงานสองสามวันแรก ว่าที่บ้านมีแม่บ้านสาวชาวพม่า ที่ชอบนักร้องเกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ ร้องเพลงเกาหลีได้ เต้นตามได้ทุกท่า แถมแต่งตัวถอดแบบจากสาวเกาหลีอีกด้วย พูดเสียบ่อยจนพระพายชักอยากเห็นหน้า

“ใช่ๆ เดี๋ยวมึงเจอพี่ดาแล้วจะร้องกรี๊ด พร้อมพูดว่านูน่า ซารังแฮโยเลยกูจะบอกให้” พี่กล้วยพูดพลางหัวเราะร่วน ทุกคนในแผนกก็พากันหัวเราะตาม

“มีเหล้าอีกล่ะสิท่า” พี่ปีผู้รู้ทันพี่กล้วยทุกอย่างเอ่ยปากถาม พี่กล้วยฉีกยิ้มเห็นฟันแทบครบสามสิบสองซี่

“สุราคู่กับชายชาติไทยโว้ยไอ้ปี” พี่กล้วยว่า ทุกคนร้องเฮโดยไม่สนใจพี่ปีเลยสักนิด

“ตลอดปีตลอดศกแหละคนอย่างมึง” พี่ปีพูดพลางส่ายหน้า และเมื่อเข็มนาฬิกาแตะตรงห้าโมงเย็น ทุกคนก็พร้อมเพรียงวางงานไว้บนโต๊ะทันที หัวหน้าแผนกได้แต่ส่ายหน้าพร้อมหัวเราะในความตรงต่อเวลาเลิกงานของพนักงานแผนกตัวเอง

“หัวหน้าไม่ไปกับพวกผมเหรอครับ?” พี่กล้วยเอ่ยชวน

“ผมไม่โสดเหมือนพวกคุณนะ ต้องกลับไปเลี้ยงลูก กลับบ้านกันดีๆนะ กล้วยอย่ามอมเหล้าน้อง” หัวหน้าแผนกบอกก่อนจะเอ่ยปากเตือน

“ระดับผมไม่แกล้งน้องหรอกครับ” พี่กล้วยบอกก่อนที่จะยกมือไหว้ลาหัวหน้าแผนก เหล่ารุ่นน้องก็ทำตามอย่างพร้อมเพรียง


        ทุกคนเลือกจะกลับบ้านไปอาบน้ำเพื่อเก็บข้าวของที่บ้านของตัวเองกันเพราะพี่กล้วยอยากให้ทุกคนค้างที่บ้าน อีกอย่างถ้าหากดื่มเหล้ากันแล้วคงกลับบ้านกันไม่ไหวแน่นอน พระพายเดินผิวปากอารมณ์ดีขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับไปยังห้องพัก เตรียมตัวจะไปกินปิ้งย่างบ้านพี่กล้วยอย่างสบายอารมณ์

        ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้มาด้วยจากนั้นก็เดินลงมายังชั้นล่างของห้องพัก โบกแท็กซี่ไปยังบ้านพี่กล้วยซึ่งเจ้าตัวบอกชื่อซอย ถนนและทางไปให้มาเสร็จสรรพ พี่กล้วยให้นั่งแท็กซี่เพราะไม่ได้แพงมากจนเกินไป อีกทั้งสะดวกกว่านั่งรถเมล์ไปหลายสายหลายต่อ มาถึงบ้านพี่กล้วยก็เกือบค่ำ พระพายกดออดแค่สองครั้ง พี่กล้วยก็วิ่งออกมาเปิดให้อย่างรวดเร็ว

“เร็วๆไอ้พาย รอมึงคนเดียวเลย” พี่กล้วยว่า พระพายรีบเดินเข้าไป เห็นร้องเท้าหลายคู่วางอยู่เต็มประตูหน้าบ้าน


        นี่เป็นครั้งแรกพระพายมาบ้านของพี่กล้วย บ้านในหมู่บ้านจัดสรรที่ราคาน่าจะแพงเอาการ อีกทั้งพื้นที่ใช้สอยก็เยอะแยะ เคยได้ยินรุ่นพี่อีกคนในแผนกบอกว่าพี่กล้วยเป็นคนมีฐานะดี แต่เจ้าตัวเป็นคนติดดินและชอบทำอะไรตามใจตัวเอง มองเผินๆเหมือนคนไม่น่าจะมีเงินเสียด้วยซ้ำไป

        พี่กล้วยจับกระเป๋าเป้ของพระพายโยนลงตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะนำทางไปยังสวนหลังบ้าน ซึ่งตอนนี้พี่ๆในแผนกนั่งกันอยู่ครบ ปูเสื่อตั้งวงเหล้าพร้อมเตาปิ้งย่างวางอยู่ไม่ไกลมากนัก เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลังกำลังย่างหมูสามชั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ไอ้พาย นี่พี่ดา แม่บ้านบ้านกูเอง” พี่กล้วยแนะนำ พระพายรีบยกมือไหว้ แม่บ้านสาวของพี่กล้วยนั้นหน้าตาน่ารักแต่การแต่งตัวนี่แทบจะแหวกแนวเหมือนนักร้องไอดอลเกาหลีหลุดออกมาจากเวที นั่นทำให้พระพายยิ้มกว้าง

“เป็นไงพี่ดาของกู” พี่กล้วยถามพระพายที่ตอนนั่งลงข้างพี่ปี

“นึกว่าซีแอลมาเองเลยพี่” พระพายว่าพลางหัวเราะเบาๆ

“วันนี้พี่แกจัดเต็มเลยเพราะกูบอกน้องๆกูมา” พี่กล้วยพูดไปหัวเราะไป

“ไอ้กล้วย กูไปช่วยพี่ดาย่างหมูนะ” พี่ปีว่าก่อนที่จะลุกไปหน้าเตา พี่กล้วยพยักหน้ารับ

“ชนๆ ไม่เมาไม่หยุดโว้ย” พี่กล้วยพูด ทุกคนพร้อมใจกันชนแก้ว พูดคุยกันสนุกสนานพร้อมกับเปิดเพลงจังหวะมันๆไปด้วย


        เวลาผ่านไปพอสมควร ทุกคนยังคงสนุกสนานกับรสอร่อยของสารพัดอาหารย่างที่พี่ดาขยันปิ้งย่างอย่างไม่ยอมหยุดโดยมีพี่ปีช่วยบ้างเล็กน้อย แม้จะยังไม่เมาหัวทิ่มแต่ก็ห่างไกลจากคำว่ามีสติ แต่ละคนเริ่มมึนกันได้ที่ พี่กล้วยลุกขึ้นเต้นโดยพี่ในแผนกอีกคนแหกปากร้องเพลง เป็นภาพที่ทุเรศสายตาแต่เรียกเสียงฮาจากทุกคนเป็นอย่างดี

        พระพายนั่งโยกไปตามจังหวังเพลง มือนั้นตบเป็นจังหวะเพื่อเชียร์พี่กล้วยที่ตอนนี้เต้นท่ารูดเสากลางอากาศ ทันใดนั้นมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พระพายสะดุ้งเบาๆก่อนที่จะล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นโทรเข้ามา พระพายรู้สึกใจแกว่งนิดๆเพราะแอบคิดว่าอาจจะเป็นพิธานที่โทรมาเข้ามา เชื่อว่าอีกฝ่ายคงจะรู้เบอร์โทรแน่นอน

“สวัสดีครับ” พระพายรับสายพร้อมพูด เสียงรอบข้างยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

“อยู่ไหน?” คำถามสั้นๆ พระพายเงียบไปก่อนตอบกลับ

“นั่นใครครับ?”

“รู้อยู่แล้วยังจะถาม” คำตอบนั้นเป็นที่แน่นอนว่าคนที่โทรมาคือพิธาน พระพายถอนหายใจเบาๆ ที่พิธานรู้ทันแม้กระทั่งความคิดภายในใจ

“มีอะไร?”

“มาที่คอนโด”

“ตอนนี้ไม่ว่าง”

“ลืมสถานะของตัวเองไปแล้วรึไง?”

“ตอนนี้ไม่สะดวกจริงๆ” พระพายยืนกรานจะไม่ไปเพราะสัญญากับพี่กล้วยแล้วว่าจะนอนค้างที่นี่

“ได้...ถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวเป็นคนดังได้เลย” พิธานพูด พระพายเบิกตากว้างเมื่อได้ยินพิธานพูดเช่นนั้น

“ก็ได้ ไปก็ได้ ขอเวลาเดี๋ยวเดียว” พระพายตัดสายทิ้ง ก่อนที่จะหันไปมองพี่กล้วยที่กำลังเต้นแร้งเต้นกาอยู่ เห็นอย่างนี้คงจะพูดด้วยยากเพราะพี่กล้วยกำลังสนุกได้ที่ พระพายจึงเลือกที่จะเดินไปหาพี่ปีที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา

“พี่ปี” พระพายเรียก

“ว่าไงพาย” พี่ปีถาม มือนั้นก็ง่วนอยู่กับการพลิกเนื้อบนเตา

“ผมมีธุระด่วน” พระพายว่า

“อย่างนั้นเหรอ แล้วจะไปไหวไหม?” พี่ปีถามอย่างเข้าใจ

“พอไหวครับ ฝากบอกพี่กล้วยได้ไหม ผมไม่กล้าบอก กลัวพี่แกไม่ให้ไป” พระพายว่า

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไปเถอะ” พี่ปีว่า พระพายยกมือไหว้ขอบคุณ และรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาแล้วออกไปจากบ้านพี่กล้วย ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ถนนยังคงวุ่นวายไปด้วยรถราเพราะวันนี้เป็นวันหยุด


        ใช้เวลาเยอะไปพอสมควรกว่าจะถึงคอนโดหรูของพิธาน พระพายกระหืดกระหอบวิ่งไปยังลิฟต์เพราะพิธานส่งข้อความมาทางไลน์เมื่อตอนอยู่บนแท็กซี่ตอนใกล้จะถึงว่าถ้าอีกสิบนาทียังไม่ถึงห้องจะได้เจอดีแน่

        พระพายกดออดหน้าห้องของพิธานพลางหอบหายใจเพราะเหนื่อยจากการวิ่งมา อีกทั้งดื่มเหล้าเข้าไปด้วยทำให้รู้สึกหมดแรงง่ายกว่าปกติและมึนๆพอสมควร เพียงไม่นานนักประตูก็เปิดออกแต่ไร้ซึ่งวี่แววของคนเปิด พระพายรีบเดินเข้าไป ภายในห้องนั้นดูไฟสลัวๆราวกับหรี่ไฟไม่ให้สว่างเกินไป

“เอ่อ...มาแล้ว” พระพายพูดออกไป แต่ไร้เสียงตอบรับใดๆจากเจ้าของห้อง

“นี่....อยู่รึเปล่า?” พระพายถามออกไปอีกครั้ง พลางเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

“โชคยังเข้าข้างนะที่มาทันเวลา” เสียงพิธานดังขึ้นจากห้องนอน เจ้าของเสียงเดินมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวผืนเดียว ดูเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะมือนั้นกำลังเช็ดผมที่เปียกหมาดๆอยู่


        พระพายมองพิธานตรงหน้า ชายร่างสูงผิวขาวสว่างกับกล้ามเนื้อตึงแน่นสวยงาม ใบหน้าหมดจดนิ่งเฉยเชิดขึ้น สายตามองต่ำลงมายังตัวพระพายราวกับมองของไร้ค่าชิ้นหนึ่ง พระพายเบือนหน้าอย่างรู้สึกอึดอัด อึดอัดทั้งสายตาที่ส่งมาและหุ่นกึ่งเปลือยเปล่าของพิธาน

“ที่ไม่ว่างเพราะไปกินเหล้ามาอย่างนั้นเหรอ?” พิธานถาม คิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจในเหตุผลที่พระพายบอกว่าไม่ว่างอย่างการไปดื่มเหล้า

“ก็นิดหน่อย” พระพายตอบสั้นๆ รู้สึกเหมือนไร้ทางสู้ชอบกลเมื่ออยู่ต่อหน้าพิธาน ไม่ชอบเลยกับสถานการณ์เช่นนี้

“ไปอาบน้ำ เหม็นควันชะมัด” พิธานถูจมูกบ่งบอกถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากตัวของพระพาย

“ไม่...” พระพายพูดไม่ทันขาดคำ พิธานกลับโยนผ้าที่ใช้เช็ดผมใส่หน้าพระพาย

“ถ้าพูดแล้วไม่ฟัง รู้ใช่ไหมว่าจะเจอกับอะไร” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆราวกับไร้อารมณ์ แต่พระพายกลับรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนไม่ใช่แค่คำขู่ธรรมดาทั่วไป


        พิธานเดินกลับเข้าไปยังห้องนอนโดยไม่เหลียวมองพระพายอีก พระพายจึงรีบเดินเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆกับห้องนอน ห้องน้ำที่กว้างขวางดูครบครัน ตกแต่งด้วยสไตล์เท่ๆเหมือนเจ้าของห้อง พระพายอาบน้ำไปพลางขบคิดไป ไม่รู้ว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จจะเจออะไรบ้าง

        พระพายนั้นรู้ดีว่าเหตุผลที่ตนมายืนอยู่ตรงนี้ ที่นี่ ในเวลานี้คือการทำตามสัญญาที่ตกลงไว้ สัญญาที่จะเป็นคู่นอนตามระยะเวลากำหนด แม้จะเคยมีอะไรกันมาแล้วแต่มันต่างกับครั้งที่แล้วสิ้นเชิงเพราะครั้งที่แล้วพระพายเมาแบบหมดท่า เหมาจนประคับประคองตัวเองไม่ได้แต่ครั้งนี้มีสติครบถ้วนไม่ได้เมาหัวทิ่มบ่อเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว จะมีก็แค่มึนหัวนิดหน่อยก็เท่านั้น เท่ากับว่าการมีอะไรกันในครั้งนี้และครั้งต่อๆไป พระพายจะทำมันโดยมีสติครบถ้วน นั่นหมายความว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำมันลงไปโดยที่รู้ผิดชอบชั่วดีทุกอย่าง

        ตอนนั้นจำอะไรได้พอสมควร แต่ก็ลืมความรู้สึกไปแล้วว่าเป็นเช่นไร เห็นร่องรอยและความเจ็บปวดในตรงนั้นที่กว่าจะรักษาหายก็ใช้เวลาหลายวัน ความแข็งขืนที่สอดใส่เข้ามาพระพายก็เริ่มลืมเลือนมันแล้วและไม่อยากจดจำแม้กระทั่งความรู้สึกสุขสมที่ไม่อาจแน่ใจว่าจะมาจากตัวพิธานหรือเพราะความเมากันแน่ พระพายไม่มั่นใจอะไรสักอย่างในตอนนั้น แต่ตอนนี้ความเป็นจริงกำลังกลับมาอีกครั้ง กลับมาตอกย้ำให้พระพายต้องจดจำมันไปอีกนานเท่านานว่าตนต้องกลายเป็นเบี้ยล่างให้กับพิธาน ชายที่จิตใจยากแท้หยั่งถึงคนนั้น 

        พระพายจำได้ดีในวันนั้นวันที่พิธานบอกว่านี่คือเกม เป็นเกมที่พิธานเป็นคนสร้างขึ้นด้วยเงื่อนไขที่ดูจะต่ำทรามไปเสียหน่อย นั่นบ่งบอกได้ว่าคนๆนี้ต้องการทุกอย่างได้โดยไม่สนวิธีการหรือความถูกต้อง เป็นคนอันตรายที่หากพบเจอแล้วต้องหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ตอนนี้พระพายไม่สามารถหนีได้แล้ว ต้องกลายเป็นเบี้ยหมากในเกมที่พิธานสร้างขึ้น ต้องเดินเกมต่อไปจนกว่าจะหมดเวลา รู้ดีว่าอย่างไรก็ต้องแพ้แต่พระพายจะยืนหยัดให้ตนเองเจ็บช้ำให้น้อยที่สุดและให้คนที่ชนะแน่นอนอย่างพิธานยับเยินให้มากที่สุดเช่นกัน หมายมั่นปั้นมือไว้เช่นนั้นและพระพายจะต้องทำให้ได้

        การอาบน้ำของพระพายใช้เวลานานมาก ราวกับจะประวิงเวลาให้นานอีกหน่อยก่อนที่จะต้องพบเจอสิ่งที่ยากจะทำใจ เมื่อคิดว่าพร้อมเผชิญหน้าแล้วพระพายจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ ไม่รู้เพราะความโชคร้ายที่มีมาแต่ใดของพระพายที่หยิบชุดนอนตัวโปรดที่ใส่มาตลอดเพราะคิดจะมานอนกับพวกพี่ๆในแผนกจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องความดูดี ชุดนอนที่ใส่ตอนนี้คือเสื้อกล้ามห่านคู่สีขาวย้วยและขาดเป็นรูๆกับกางเกงขาสั้นลายกราฟฟิคยอดฮิตของเจเจที่สีดูตุ่นๆเพราะใส่มานานหลายปีตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มองภาพรวมของตัวเองแล้วอยากจะร้องไห้ มายืนได้ผิดที่ผิดทางขัดแย้งกับห้องหรูที่มายืนอยู่จริงๆ

        หลังจากยืนไว้อาลัยให้ชุดนอนของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระพายจึงเดินเข้าสู่ลานประหารอย่างห้องนอนที่ตอนนี้เปิดประตูรออยู่ เครื่องปรับอากาศที่ห้องนั่งเล่นว่าเย็นแล้วแต่ในห้องนอนกลับเย็นกว่าหลายเท่านัก เสื้อยืดห่านคู่คงจะเอาไม่อยู่แน่ๆ เมื่อเข้าไปก็พบว่าเห็นพิธานนั่งพิงหัวเตียงมองมาทางพระพายที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

“อาบน้ำหรือขัดห้องน้ำ?” พิธานถามพร้อมจ้องหน้าพระพาย

“ก็เหม็นไม่ใช่รึไง เลยต้องอาบเยอะหน่อย” พระพายแก้ตัวไปเช่นนั้น

“มานี่” พิธานสั่ง พระพายรู้สึกก้าวขาไม่ค่อยจะออก แม้จะไม่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆแต่รู้สึกสายตาของพิธานนั้นดูร้อนแรงชอบกล

“เร็ว!!” พิธานสั่งอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังขึ้นกว่าครั้งแรก พระพายรีบก้ามขาออกอีกทั้งยังสะดุดอากาศเพราะความลนลาน


        พระพายเดินไปถึงเตียง มองพิธานที่เปลือยท่อนบนสวมแค่กางเกงขายาวเท่านั้น พระพายค่อนแคะในใจคนอะไรไม่ใส่เสื้อแต่ทำไมไม่หนาวตัวสั่นทั้งที่หนาวขนาดนี้ พิธานยังคงจ้องมองพระพายอยู่เช่นนั้นก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งหลังตรง พระพายจึงขยับตัวนั่งลงบนเตียงทันที

“จะ..จะให้ทำอะไร?” พระพายถามเสียงเบา ตานั้นเสมองไปทางอื่น ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกตอนนี้ว่าอย่างไรดี กลัว ตื่นเต้นหรือระทึกใจกันแน่ ทุกอย่างตีรวนในหัวสมองของพระพาย มือนั้นสั่นน้อยๆและกำลังพยายามทำใจให้สงบที่สุด มาถึงขั้นนี้แล้วไม่มีทางให้หนีแล้วยังไงก็ต้องทำตามสิ่งที่พิธานต้องการ


        พิธานไม่พูดอะไรแต่กลับลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ดึงกล่องพลาสติกสีขาวออกมาซึ่งไม่รู้ว่าข้างในนั่นมันคืออะไร กล่องเท่ากับกระดาษลังบรรจุพวกเบียร์ซึ่งถือว่าใหญ่พอสมควร พิธานยังคงนิ่งเงียบก่อนที่จะนำกล่องมาวางข้างล่างตรงปลายเตียงแล้วเปิดฝาออก พระพายที่อยากรู้อยากเห็นจึงชะโงกหน้าไปมอง

“นั่นมัน...”


         พระพายเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งของในกล่องนั้น พิธานยกยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายวิบวับดูอันตรายพร้อมกับหยิบของในกล่องขึ้นมาถือไว้ในมือ พระพายกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ดูท่าว่าเกมนี้จะโหดหินเกินกว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆเสียแล้ว

++++++++++++++++++++++++++
*Lyrics : Toxic By Britney Spears.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 09-09-2017 14:14:20
โคตะระค้างเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 09-09-2017 14:19:42
เฮือกกกก ของนั่นมัน ใช่เซ็กทอยมั๊ยอ่ะ อือๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 09-09-2017 15:25:24
ค้างอีกแล้ววววววว :ling1: :ling1: :ling3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 09-09-2017 15:46:08
ทำไมคนเขียนต้องตัดค้างทุกตอนอะ5555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-09-2017 17:55:54
คนแต่งตัดฉับอีกแล้ว :katai1:
จะว่าไป ในกล่องนั่นมันเป็นของเล่น(?)ของพิธานป่ะ เอออ นี่ก็คิดได้ 5555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-09-2017 19:37:33
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: __jitlada ที่ 09-09-2017 19:55:07
ค้างอีกแล้ว :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-09-2017 21:47:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 09-09-2017 22:10:19
งื้อออออออ ค้างมากค่าาา
พิธานอย่าโหดร้ายกับพระพายมากน้าาา สงสาร
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 09-09-2017 22:15:31
ค้างงงงงง งง ง  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-09-2017 22:17:55
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-09-2017 23:42:13
ตัดฉับได้ทรมานหัวใจ T^T
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: angelarty ที่ 10-09-2017 13:23:19
เค้าจะเล่นอะไรกับของในกล่องบ้างน้าาอิอิ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-09-2017 14:00:49
มาเป็นลังเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 6...(9/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-09-2017 01:20:45
มาเป็นลังเลย หนูพายจะไหวมั้ยเนี่ย :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 15-09-2017 15:42:34
 :katai5: :katai5: :katai5: กระดึ๊บๆเข้ามาอัพ แหะๆ ขอโทษที่ช้ากว่าปกตินะคะ ติดธุระเจ้านายมาเยี่ยมเยียน เลยยุ่งพอสมควรค่ะ มาถึงตอนที่ 7 แล้ว มีคนเข้ามาถามว่าข้างในกล่องมีอะไร ไปอ่านกันเลยค่ะ จะได้รู้พร้อมๆกัน อิอิ เช่นเคยค่ะ ถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยตรงนี้นะคะ ติชมได้ รับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ คนอ่านทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ คิดถึงค่ะ  :mew1:

+++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 7 I’m a slave.

I’m a slave for you.
ฉันเป็นทาสของเธอ
I cannot hold it.
ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว
 I cannot control it.
ฉันควบคุมมันไม่ได้แล้ว


   
“นั่นมัน”


        พระพายตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นของในมือของพิธาน พาลนึกไปถึงเช้าวันนั้นที่ตื่นมาแล้วเห็นข้าวของรอบตัว...ผ้าปิดตา สิ่งนั้นพระพายจำได้แม่นว่ามันวางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียง

        ของที่พิธานบรรจงหยิบออกมาจากกล่องทีละชิ้นๆนั้นยิ่งทำให้พระพายเริ่มกลัว มีทั้งผ้าปิดตาสีดำ กุญแจมือบุขนเฟอร์สีดำที่โซ่ระหว่างตัวล็อคข้อมือยาวพอสมควร เข็มขัดหนังสีดำวาวเส้นยาวหลายเส้นและสุดท้ายที่พระพายมองมันอย่างไม่เข้าใจคืออะไร

“อยากรู้ล่ะสิว่าอะไร?”


             พิธานพูดขึ้นมาราวกับอ่านใจออก พระพายนิ่งเงียบมองสิ่งที่พิธานกำลังถือและลูบมันไปมาอย่างเบามือ เป็นด้ามพลาสติกเรียวสีดำยาวตรงปลายเหมือนแผ่นหนังสี่เหลี่ยมมีผ้าลูกไม้สีแดงเย็บทับ ส่วนปลายอีกด้านเป็นขนนกสีดำดูนุ่มนวล นี่เป็นครั้งแรกที่พระพายเห็นของแปลกตาเช่นนี้

“เขาเรียกไรดิ้งครอปมันดัดแปลงมาจากไม้ที่เขาใช้ฝึกม้า ด้านนี้เอาไว้ฟาดม้าที่พยศ” พิธานคลายข้อข้องใจของพระพายพลางลูบแผ่นหนังเล็กๆแล้วเลื่อนมือไปยังขนนกสีดำ ก่อนจะตวัดไปมาจนได้ยินเสียงฟาดแหวกอากาศราวกับหวดไม้เรียว

“แล้วไอ้ที่เป็นขนๆนั่นเอาไว้จั๊กจี้ม้าเหรอ?” พระพายโพล่งถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ ถึงจะไม่เคยเห็นม้าตัวเป็นๆหรืออะไรที่เกี่ยวกับการฝึกม้าแต่ของพรรค์นี้จะเอาไปฝึกม้าได้อย่างไร พิธานยิ้มมุมปากก่อนตอบ

 “เดี๋ยวนายจะรู้เอง”


        ของที่พิธานหยิบมานั้นทำเอาพระพายกลืนน้ำลายเฮือก ดูก็รู้ว่ามันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสัญญาที่ได้ทำการตกลงกันเอาไว้ ร่องรอยบนร่างกายในตอนนั้นที่บ่งบอกว่าผ่านความรุนแรงมาพอสมควร ข้าวของพวกนี้คงไม่พ้นเป็นเครื่องมือในการทำเรื่องอย่างว่าแน่นอน

“นี่...เป็นพวกโรคจิตเหรอ?” พระพายที่นั่งอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัวถอยทีละน้อย สีหน้าหวาดหวั่นพอสมควรกับสิ่งของในมือของพิธาน มาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่

“คิดว่าไงล่ะ?” พิธานถามกลับโดยที่ไม่ยอมบอกคำตอบดูแล้วคลุมเครือเสียเหลือเกิน

“ไม่เอา ไม่ทำแล้ว” พระพายบอกเช่นนั้นและทำท่าจะลุกขึ้นแต่พิธานกลับเดินมาดักไว้เสียก่อน

“ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก เชื่อเถอะนายจะติดใจ” พระพายมองพิธานอย่างไม่อยากจะเชื่อในคำพูดนั้น

“ถอดเสื้อผ้าเน่าๆของนายออกไปได้แล้ว” พิธานว่าแต่พระพายยังคงนิ่งไม่ไหวติง

“อยากจะฉีกทิ้งอยู่เหมือนกันแต่ฉันไม่ชอบความรุนแรงแบบนั้น” พิธานยังคงพูดต่อ พระพายจึงยอมกลั้นใจถอดมันออกแต่โดยดี


        ถอดทุกอย่างวางกองไว้ตรงข้างเตียง พระพายชันเข่าขึ้นเพื่อปิดส่วนกลางของร่างกาย รู้สึกอายไม่น้อยที่จะต้องมาเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ พิธานมองภาพนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตานั้นดูซุกซนและเร่าร้อนอย่างบอกไม่ถูก

“นอนลงไป” พิธานสั่ง พระพายลังเลเพราะเอาจริงๆหุ่นของพระพายไม่มีอะไรน่ากระตุ้นอารมณ์ทางเพศใดๆเลยทั้งสิ้นไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่มั่นใจเอาเสียเลยที่จะให้คนหุ่นดีที่มีกล้ามท้องได้รูปสวยอย่างพิธานเห็นได้

“นายนี่ดื้อเหมือนกันนะ” สิ้นคำพูดพิธานจัดการดึงขาของพระพายให้ยืดออก

“ไม่เอา!!” พระพายร้องลั่น พิธานหยิบกุญแจมือมาคล้องข้อมือและล็อคทันทีก่อนจะใช้เชือกขึงโซ่ของกุญแจมือไปมัดกับขายึดโคมไฟที่ติดอยู่บนฝาผนังหัวเตียง

“ปล่อย!!” พระพายพยายามดิ้นสู้แต่กลับสูญเปล่า มือนั้นถูกตรึงอยู่เหนือศีรษะ อิสระในการดิ้นหนีเป็นศูนย์ทันที

“อยากโดนล็อคขาด้วยไหม เร้าใจกว่านี้อีกนะ” พระพายส่ายหน้าทันที

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเชื่อฟัง เข้าใจไหม?”


        พิธานพูดเช่นนั้นก่อนที่จะหยิบผ้าปิดตาสีดำมาปิดตาพระพาย ความมืดมิดปิดกั้นการมองเห็น ทุกอย่างดำสนิทยิ่งทำให้น่าตื่นกลัว เสียงขยับเล็กๆน้อยๆรอบตัวล้วนทำให้พระพายสะดุ้งตัวเพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

        ยิ่งจำกัดการมองเห็นยิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาเป็นทวีคูณ ในหัวนึกภาพอุปกรณ์ต่างๆที่พิธานหยิบขึ้นมาจากกล่องพลาสติกสีขาว มันมีหลายชิ้นและหลายอย่างไม่รู้ว่าแต่ละชิ้นใช้งานอย่างไร เข็มขัดหนังเส้นยาวนั้นใช้ทำอะไร ไม้สีดำที่พิธานบอกใช้ฝึกม้านั้นใช้งานแบบไหนกันแน่ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกกลัว หูนั้นก็คอยฟังว่าพิธานจะทำอะไรต่อไป

“ลุ้นใช่ไหมว่าจะโดนอะไรบ้าง?” พระพายได้ยินเสียงพิธานถามใกล้ๆ ความหนาวเย็นที่เกิดจากเครื่องปรับอากาศนั้นทำเอาพระพายสั่นเทาไม่น้อย


        รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนเตียงนั่นแปลว่าพิธานกำลังขึ้นมาบนเตียงแล้ว มือนั้นจับพลิกพระพายให้นอนเหยียดเต็มตัว พิธานลูบไล้ใบหน้าของพระพายอย่างเบามือก่อนที่จะก้มลงจูบริมฝีปาก จูบเนิบนาบเหมือนจะให้พระพายเป็นฝ่ายจำนนยอมเปิดปากโดยไม่บังคับ พระพายที่ถูกรุกจูบช้าๆอยู่หลายนาทีจนเริ่มใจสั่น เผลอเปิดปากโดยไม่ทันคาดคิดจึงเป็นโอกาสให้พิธานใช้ลิ้นเข้าไปกวาดชิมภายในปากได้อย่างง่ายดาย


        จากจูบแสนอ่อนโยนเริ่มกลายเป็นจูบที่เร่าร้อนขึ้น พิธานกวาดต้อนเอาความหวานจากปากของพระพายอย่างไม่รู้จักพอ เสียงหายใจกระชั้นชิดบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้น ปลายจมูกถูไถแนบแน่นจนไม่มีช่องวาง พระพายแทบหมดลมหายใจแต่ปากนั้นยังยอมที่จะถูกรุกล้ำเพียงเพราะรู้สึกแปลกๆกับหัวใจที่เต้นรัว


        กว่าพิธานจะผละออกพระพายก็หอบหายใจตัวโยน ไม่อาจมองเห็นว่าพิธานจะทำอะไรต่อจากนี้ สิ่งที่จะรับรู้ได้ก็เพียงแค่สัมผัส เสียงที่ดังรอบข้างและกลิ่นกายที่คล้ายๆเจือน้ำหอมของพิธาน สิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่พระพายจะรับรู้ได้


        หลังจากจูบจนปากของพระพายเริ่มเจ็บ พิธานก็ก้มลงแลบเลียลำคอของพระพายช้าๆ ปลายลิ้นอุ่นผิดกับนิ้วมือเย็นที่กำลังลูบไล้บนร่างกาย พระพายขนลุกชันรีบย่นคอเพื่อหลีกหนีการรุกรานเพราะส่วนคอนั่นเป็นจุดหนึ่งที่อ่อนไหวสำหรับพระพาย ความนุ่มหยุ่นลากไล้จากลำคอลงไปยังหน้าอก ปลายจมูกของพิธานเสียดสีกับผิวกายของพระพายจนรู้สึกหายใจไม่ทัน ลิ้นนั้นบรรจงไล่เลียไปช้าๆอีกทั้งจูบแผ่วเบาสลับกันไป นิ้วมือแตะกับยอดอกสีชมพูจางๆ บีบเค้นดึงขึ้นด้วยอย่างมันมือก่อนที่จะก้มลงดูดเม้มด้วยริมฝีปาก


        พระพายสะดุ้งตัวเมื่อความชื้นแฉะเล่นงานตรงยอดอก ความวาบหวามแล่นไปมาทั่วร่างกาย เสียวปลาบเมื่อลิ้นนั้นฉกรัวเร็วจนเผลอแอ่นอกรับ พระพายไม่อาจจะห้ามตัวเองได้เมื่อพิธานหยอกล้อกับร่างกายตนเช่นนี้ พิธานดูจะสนุกไม่น้อยกับหน้าอกของพระพาย ทั้งจับทั้งดูดขบสลับไปมาสองข้างอยู่นาน จนปลุกเร้าส่วนกลางลำตัวของพระพายให้ลุกขึ้น

“รู้สึกแล้วเหรอ?” เสียงพิธานกระซิบแผ่วเบาพลางเลียใบหูจนพระพายเบี่ยงหนี ระแวงพอตัวที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนของร่างกายที่จะโดนพิธานจับต้องต่อจากนี้


        เพราะการปิดตานั้นราวกับทำให้พระพายเป็นคนตาบอด ประสาทการมองเห็นถูกปิดจึงเหลือเพียงสัมผัสและเสียงเท่านั้นที่จะรับรู้ได้ ทุกครั้งที่พิธานขยับตัว พระพายจะใจเต้นแรงเสมอว่าพิธานจะทำอะไรต่อไป ฝ่ามือที่ลากผ่านบนร่างหายนั้นมีน้ำหนักและจังหวะราวกับรู้ว่าส่วนไหนต้องลงแรงจับเท่าไหร่ ความรู้สึกทุกอย่างชัดเจนมากขึ้นเพราะเอาแต่จดจ่อกับการถูกสัมผัสโดยไม่อาจจะมองเห็นแต่สามารถนึกภาพในหัวได้อย่างลื่นไหล


        ร่างกายบิดเร้าน้อยๆเมื่อความวาบหวามเริ่มเล่นงาน ไม่ต้องมองเห็นก็รู้สึกได้ทันทีว่าส่วนกลางของร่างกายเริ่มแข็งขึ้นและคงชูชันพร้อมสู้รบแล้ว พระพายพยายามหนีบขาตัวเองทันทีที่รู้สึกได้ถึงจุดนั้นแต่พิธานดูเหมือนจะรู้ทันใช้มือจับหัวเข่าของพระพายให้แยกออกอย่างไม่ยอมเช่นกัน

“จะหนีบทำไม?”


             พระพายยังคงพยายามสะบัดขาอย่างไม่ยอมแพ้ และนั่นดูเหมือนพิธานจะจำนนยอมปล่อยมือออกจากขาของพระพายและถอยลงไปยืนยังปลายเตียง พระพายรับรู้ได้ว่าพิธานไม่ได้อยู่บนเตียงแล้วเพราะเสียงขยับตัวอยู่ห่างออกไป เสียงถอนหายใจโล่งอกถูกปล่อยออกมาเบาๆจากพระพายที่รู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นแม้ว่าส่วนกลางลำตัวยังคงชูชันราวกับต้องการถูกสัมผัสก็ตาม


              เสียงเงียบไปอีกครั้ง พระพายเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวที่สงบเกินไปหรือพิธานจะยอมแพ้และหยุดที่จะทำอะไรต่อแล้ว เมื่อคิดได้อย่างนั้นพระพายเริ่มดีใจขึ้นมา...แต่แล้วก็ผิดคาด

“จะทำอะไร!!!”


              พระพายที่ดีใจได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีกลับร้องเสียงหลง ข้อเท้าถูกดึงด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลอีกทั้งความรู้สึกเหมือนถูกมัดด้วยอะไรสักอย่างติดแน่นตรงข้อเท้า พระพายไม่อาจรู้ได้เลยว่าพิธานนั้นกำลังมัดข้อเท้าด้วยเฟอร์ขนนุ่มที่ติดกับสายหนังแล้วผูกโยงเข้ากับขาเตียง พิธานทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วจนพระพายไม่อาจจะต่อต้านได้ทัน

“คราวนี้คงจะหุบขาไม่ได้แล้วนะ” น้ำเสียงนั้นดูสนุกไม่น้อย

“โอ๊ย ไอ้โรคจิต!!” พระพายตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด ในเมื่อสู้ไม่ได้ก็มีแต่ปากนี่แหละที่จะด่าออกไปได้ตอนนี้ช่วงขาถูกขึงอ้ากว้างไม่สามารถจะขยับหรือทำอะไรได้เลย
 
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย นี่เป็นโรคจิตจริงๆใช่ไหม?”

“ไม่ได้เรียกว่าโรคจิต เขาเรียกว่ารสนิยม” พิธานแก้ไขให้ถูกต้อง พระพายได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในใจ การต่อกรกับพิธานนั้นดูท่าจะยากจริงๆ


       หมดหนทางจะดิ้นหนีต่อไปแล้ว พิธานถอดกางเกงขายาวออกเผยภาพเปล่าเปลือยที่พระพายไม่ได้เห็นเพราะถูกปิดตาอยู่  ส่วนกลางของพิธานผงาดขึ้นทันทีที่ถอดกางเกงออก อีกทั้งภาพของร่างผอมขาวที่ถูกมัดใส่กุญแจมือขึงตรึงอยู่บนเตียงนั้นเร้าอารมณ์จนไม่อยากจะชักช้าไปกว่านี้แล้ว

“มาสนุกกันหน่อย” พิธานพูดเช่นนั้นก่อนที่จะหยิบอุปกรณ์แปลกตาหลายชิ้นมาวางใกล้ๆมือเพื่อง่ายต่อการหยิบจับ พระพายได้แต่ระแวงซ้ายขวา ตัวสั่นเบาๆเพราะรู้สึกกลัวว่าจะโดนอะไรต่อจากนี้


        พิธานคร่อมตัวของพระพายไว้ก่อนที่จะก้มลงจูบริมฝีปากนั้นอีกครั้ง ลิ้นร้อนแลบเลียอย่างแผ่วจนพระพายเริ่มกลับมารู้สึกหวิวในอกอีกครั้งหลังจากที่สู้รบตบมือกับพิธานไป มือนั้นลูบไล้ร่างที่นอนอยู่ภายใต้อย่างเบามือ หยอกล้อราวกับจะปลุกอารมณ์อีกครั้งและก็ทำมันสำเร็จ พระพายเริ่มบิดเร้าน้อยๆเมื่อพิธานจงใช้ส่วนแข็งของตนเองเสียดสีกับส่วนนั้นของพระพายทั้งมือทั้งปากต่างทำงานไม่ลดละ


        แต่แล้วพิธานก็หยุดทุกอย่างลง ทำเอาพระพายที่สติกระเจิงกลับชะงัก อยากจะปลดปล่อยส่วนที่ค้างคาเหลือเกินแต่กลับทำไม่ได้เพราะถูกจำกัดอิสระเสียขนาดนี้

 “อึก....”


             พระพายกลืนน้ำลายลงคอ อยากระบายความรู้สึกที่แน่นอยู่ตรงส่วนกลางให้ออกมาสู่ภายนอกเสียที พิธานยิ้มเหยาะอย่างรู้สึกถูกใจเมื่อเห็นร่างบนเตียงเริ่มมีความต้องการสวนทางกับจิตใจที่ต่อต้านมากยิ่งขึ้น

“จะเอาอะไร บอกมาสิ” ทั้งที่ตัวเองก็กำลังต้องการจนจะคลั่งแต่ก็ยังมีอารมณ์แกล้งคนตรงหน้าอยู่ดี

“ช่วยที..” พระพายพูดเสียงเบาแต่ก็ได้ยินชัดเจนในท่ามกลางความเงียบเช่นนี้

“ให้ช่วยอะไร?” พิธานถามพลางใช้จมูกถูแถวซอกคอจนพระพายใจสั่นหวิว

“จับ..ตรงนั้น” พระพายบิดตัวอย่างทรมาน ยิ่งถูกจำกัดการเคลื่อนไหวยิ่งรู้สึกต้องการมากขึ้นกว่าเดิม


        พิธานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงลงมือช่วยตามคำขอร้อง มือที่ว่างจึงจัดการรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของพระพายเป็นจังหวะก่อนที่จะรวบทั้งของตนและของพระพายไว้ในอุ้งมือขยับพร้อมกัน ทำเช่นนั้นพระพายยิ่งรู้สึกเสียวปลาบยิ่งกว่าปกติ


        เสียงครางที่พระพายกลั้นเปล่งอยู่ในลำคอเพราะอายเกินกว่าจะส่งเสียงดังๆออกมา ไม่อยากรู้สึกเสียหน้าไปกว่านี้จึงได้แต่ฮึมฮัมอยู่ในลำคอ พิธานที่ได้ยินนั้นรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่ยอมปล่อยให้พระพายทำตามใจไปก่อนเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล


        ขยับมือได้ไม่นานนักในที่สุดพระพายก็ปลดปล่อยออกมา ของเหลวสีขุ่นไหลเลอะมือของพิธาน พระพายหายใจหอบราวกับวิ่งแข่งมาก็ไม่ผิด พิธานจัดการเช็ดมือที่เลอะออกด้วยด้วยความรวดเร็ว พระพายยังคงหายใจเข้าออกอย่างหนักราวกับคนหายใจไม่ออก จากนั้นพิธานก็หันไปหยิบเจลสีใสออกมาและถุงยางอนามัยชิ้นเล็กที่ใช้สำหรับสวมนิ้วโดยเฉพาะ


        จัดการฉีกซองและสวมลงบนนิ้วชี้และนิ้วกลางอีกและหันไปคลายผ้าปิดตาให้พระพายเพื่อให้มองเห็นถึงสิ่งที่กำลังจะทำต่อจากนี้ พระพายหรี่ตาทันทีที่ผ้าปิดตาถูกเปิดและภาพแรกที่เห็นคือภาพที่พิธานกำลังบีบเจลลงบนช่องทางด้านหลังของตัวพระพายเอง

“พอได้แล้ว” พระพายร้องขึ้นแต่ขยับตัวหนีไม่ได้ จึงทำได้แต่พูดเท่านั้น

“จะให้ดูว่าฉันป้องกันทุกอย่างเป็นอย่างดี นายจะได้หายห่วง”

“ถ้าจะให้ดูเรื่องแค่นี้ก็ไม่ต้องเปิดผ้าปิดตาหรอก” พระพายพูดจาประชดและดันเข้าทางพิธานพอดี

“พูดเองนะ ถ้าอย่างนั้นก็ปิดต่อล่ะกัน” พูดจบก็จัดการปิดตาพระพายต่อโดยที่ไม่ฟังคำคัดค้านใดๆทั้งสิ้น

“เลวเอ้ย” พระพายสบถออกมา พิธานได้แต่หัวเราะเบาๆ

“ด่าไปเถอะ เดี๋ยวจะติดใจ” พิธานยิ้มอย่างเหนือกว่า เชื่อว่าอีกไม่กี่อึดใจพระพายก็จะร้องขออย่างไม่สนอะไรทั้งสิ้นแน่นอน..

++++++++++++++++++++++
Lyrics : I’m slave 4 U By Britney Spears.

(http://i66.tinypic.com/10miw4j.jpg)  นี่เป็นหน้าตาของ ไรดิ้งครอป (Riding crop) นะคะ เผื่อจะนึกกันไม่ออก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 15-09-2017 15:50:19
 :pighaun: :pighaun:  พิธานคือหาเพื่อนเล่นรักเหรอจ๊ะ หืมมมม อุปกรณ์ครบครัน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 15-09-2017 16:58:46
รสนิยมดีจริงเนาะคุณพิธาน  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 15-09-2017 19:06:20
โอ้ยยย คุณพิธานนน รู้สึกมันหืดหาดมากเลยค่ะ :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2017 19:40:05
SM
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 15-09-2017 20:42:03
คุณกิมมมมมมมมมมมทำไมใจร้ายกับเราขนาดนี้คะ!!!!!! :katai1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2017 22:46:41
 :m10: :pighaun: ห่างกันซักพักนะ คนแก่เบาหวานกำเริบ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-09-2017 23:09:14
 :jul1: :jul1:
งือออออ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 7...(15/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 16-09-2017 01:18:04
 :hao7: :hao7: :hao7: ตัดฉับเลย
พระพายของพี่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 19-09-2017 10:00:44
มาแล้วค่า ตอนที่ 8 ค้างจากตอนที่แล้วใช่ไหม มาอ่านต่อค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขียน NC แนวนี้ ติชมได้นะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือคำผิดใดๆก็ขออภัยไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะคะ ไปดูชะตากรรมของพระพายผู้น่าสงสาร(?) กันค่ะ คนอ่านทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ คิดถึงทุกคนค่ะ  :mew1:


++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 8 Wet the bed.


I start to lick on your body
ผมเริ่มเลียบนตัวคุณ
You go to trembling
แล้วคุณก็สั่นเทา
Flip it around girl, let me get it from the side
พลิกตัวหน่อยสิ ให้ผมทำมันจากด้านข้างเถอะ
And can I visit all those spots you like
แล้วผมจะเยือนทุกๆจุดที่คุณชอบให้
Your neck, your back, your sexy lips, booty and thighs
ซอกคอ แผ่นหลัง ริมฝีปากที่เย้ายวน บั้นท้ายและต้นขา
   

        นิ้วยาวที่ถูกสวมด้วยถุงยางอนามัยแบบพิเศษบ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมที่จะจัดการตรงช่องทางนั้นแล้ว มือข้างที่ว่างของพิธานจัดการปลดเชือกที่ตรึงข้อเท้าข้างขวาของพระพายออกเพื่อให้พระพายชันเข่าขึ้นจะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทันทีถูกปลดออกพระพายถอนหายใจอย่างโล่งอกถึงแม้จะข้างเดียวแต่ก็รู้สึกดีมากกว่าถูกจำกัดขาทั้งสองข้าง พิธานชโลมเจลลงตรงส่วนกลางร่างกายของพระพาย ความเย็นของเจลทำเอาสะดุ้งตัวทั้งเหนอะหนะ ไม่ชอบเลยกับความรู้สึกวูบวาบเช่นนี้
 
        พระพายชันเข่าอย่างรู้สึกเกร็งเมื่อมือของพิธานลูบไล้ไปทั้งร่างกายอีกครั้ง ในขณะที่อีกมือก็เริ่มนวดเฟ้นสะโพกราวกับต้องการให้ผ่อนคลาย

 “ไม่ต้องกลัวหรอก”

              พิธานก้มลงดูดดึงยอดอีกอีกครั้ง ปลายลิ้นค่อยๆแลบเลียแผ่วเบาสลับระรัวลิ้น แม้เพิ่งจะปลดปล่อยไปแท้ๆแต่พระพายกับใจสั่นหวิวอีกครั้ง เล่นกับยอดอกได้ไม่นานนัก พิธานก็ผละหน้าออกแล้วเลื่อนตัวต่ำลงไปยังขาข้างที่เพิ่งปลดเชือกออกลูบไล้ตรงข้อเท้าเบาๆลากมือผ่านช้าๆก่อนที่จะเริ่มลากลิ้นนุ่มตรงข้อเท้าเรื่อยขึ้นมาจนถึงโคนขาด้านใน เน้นย้ำด้วยจูบหนักๆสลับกันจนพระพายได้แต่ส่ายตัวไปมาอย่างรู้สึกวูบวาบในอก รู้สึกดีเกินไปแล้ว รู้สึกต้องการอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับพิธานจะรู้จุดต่างๆของร่างกายว่าส่วนใดสัมผัสแล้วจะได้สิ่งตอบรับคือความกระสัน ผู้ชายคนนี้ประสบการณ์มากเกินกว่าจะคาดคิด


       โดนลูบโดนจูบโลมเลียจนหัวเริ่มพร่า บางครั้งรู้สึกถึงแรงดูดขบกัดเบาๆ ทั้งที่รู้สึกเจ็บและแสบผิวแต่กลับรู้สึกสั่นไหวไปทั้งร่างกาย เหมือนมีประกายอะไรสักอย่างจุดติดขึ้น ความเร่าร้อน ความปรารถนาอันยากจะห้ามใจเริ่มเด่นชัด มันเป็นความรุนแรงที่อ่อนโยนจนหาคำมาอธิบายไม่ถูกมันสับสนไปหมดในตอนนี้


        หลังจากที่พิธานปั่นสติของพระพายจนหลอมละลายแล้ว จึงเริ่มหันเหความสนใจไปยังส่วนอ่อนไหวที่เริ่มตื่นขึ้น ปลุกปั่นมันจนในที่สุดก็แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง อาจะเป็นเพราะเจลที่พิธานชโลมตอนแรกมีส่วนให้พระพายรู้สึกเร็วกว่าเดิมและรุนแรงกว่าเดิมทั้งที่เพิ่งปล่อยออกไปหมาดๆ มันเริ่มสู้มือของคนข้างบนอย่างต้องการให้สัมผัสมากกว่านี้จนพระพายต้องอ่อนโอนยอมให้พิธานจับมันโดยไม่เกร็งอีกต่อไปแล้ว

“อะไรกัน รู้สึกไวชะมัด”


        พิธานละมือออกจากส่วนนั้นก่อนที่จะลากมือลงมายังถุงบอลทั้งสอง บีบคลึงอย่างเบามือราวกับลูบไล้ลูกแมวตัวน้อย พระพายสะดุ้งเฮือกอย่างเสียวซ่านเพราะตรงจุดนั้นไม่เคยถูกสัมผัสมาก่อน พิธานเล่นกับมันต่อไปเพียงครู่ก่อนที่จะเลื่อนมือลงมากดยังใต้ถุงนั้นแผ่วเบา ว่ากันว่าจุดกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายอยู่จุดนั้นดูท่าจะเป็นความจริง ยามที่พิธานกดมันลงไปพระพายสะดุ้งตัวหลุดเสียงครางออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

“ชอบตรงนี้สินะ”


             พิธานไล้นิ้วมือไปเรื่อยจนไปถึงช่องทางที่ดูคับแน่นจนเกินกว่าจะมีอะไรเข้าไปได้ เจลถูกเทเพิ่มลงไปอีกครั้งก่อนที่ค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปทีละนิด ค่อยๆสร้างความคุ้นเคยและท่าทีที่แผ่วเบาอ่อนโยนจนพระพายใจเต้นแรง ทั้งรู้สึกแปลกกับสัมผัสเช่นนั้นเพราะที่ผ่านมาคิดมาเสมอว่าพิธานจะต้องเป็นคนรุนแรงดูจากรอยช้ำตามเนื้อตัว หรือที่ผ่านมาพระพายจะเข้าใจผิดไปเอง


        ทั้งที่ถูกปิดตาทำให้มองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกว่านิ้วนั้นกำลังหมุนในรูปแบบใด พิธานใช้นิ้วชี้ค่อยๆควานช้าซ้ำๆดึงเข้าดึงออกก่อนที่จะสอดนิ้วกลางเข้าไปอีกนิ้ว เพราะถุงยางอนามัยสำหรับนิ้วที่สวมอยู่และเจลที่ป้ายเอาไว้เบื้องต้นทำให้ทุกอย่างดูง่ายดายและไหลลื่นจนพระพายผวากายตามนิ้วที่เข้าออกอยู่ในขณะนี้

“อื้อ....” พระพายเริ่มส่งเสียง เมื่อนิ้วนั้นดึงเข้าออกถี่เร็วขึ้นแต่แล้วพิธานก็หยุดทุกอย่างลง ดึงนิ้วออกมาในตอนนี้ที่พระพายกำลังมีอารมณ์ร่วมถึงขีดสุดแล้ว

“รู้สึกดีรึเปล่า?”



       คำถามนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบเพราะความทรมานที่พระพายกำลังเผชิญนั้นไม่สามารถจะอ้าปากตอบคำถามใดๆได้ ส่วนกลางของร่างกายชูชันมีน้ำใสเคลือบวาวเป็นเลื่อมตรงปลายบ่งบอกได้ว่าต้องการปลดปล่อยอย่างเต็มที่แล้วแต่กระนั้นพิธานก็ยังคงปล่อยไว้อย่างไม่ยินดียินร้ายกับความปรารถนาที่คนข้างหน้ากำลังต้องการ

“นี่...ขอร้องเถอะ ช่วยที” สุดที่จะทนจึงต้องขอร้องออกไป แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆเป็นคำตอบ

“จะเสร็จอีกรอบมันยังเร็วไป”



        พิธานจัดการปลดเชือกที่ขาอีกข้างออก เท่ากับตอนนี้ช่วงล่างของร่างกายได้รับอิสระแล้วแต่พระพายไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด ยังคงตาพร่าเพราะความต้องการที่กำลังอัดอั้น พิธานพลิกตัวคนตรงหน้าให้คว่ำทั้งที่ข้อมือยังถูกตรึงอยู่ โซ่ที่ติดกับกุญแจมือหมุนตามตัวของพระพายทันทีอย่างอิสระนั้นแปลว่าตอนนี้พระพายสามารถขยับมือได้แล้ว


             พระพายคิดในใจขึ้นมาว่าอยากจะปลดเอาผ้าปิดตาออก แต่ใจหนึ่งกลับคิดว่ามันดีกว่าหากจะถูกปิดตาไว้เช่นนี้เพราะหากเห็นภาพทั้งหมด สติคงจะกระเจิดกระเจิงกว่านี้


             ตอนนี้พระพายถูกยกตัวให้ทำท่าคลานเข่าบนเตียง มือที่ถูกล็อคนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด พิธานมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มมุมปากเป็นภาพที่ดูดีมากกว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก อุปกรณ์ที่พิธานหยิบขึ้นมาใช้ชิ้นแรกคือไรดิ้งครอป เลือกด้านที่เป็นขนนกลากกลางแผ่นหลังของพระพาย


        พระพายตัวสั่นน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงสิ่งบางเบาไล้บนผิวหนัง รู้ได้ทันทีว่ามันคือขนนก แม้รู้สึกจั๊กจี้ก็จริงแต่มันก็ปนความรู้สึกสยิวแปลกๆ ขนนกนั้นลากผ่านไปทั่วจนมาถึงสะโพก หมุนวนไปเช่นนั้นก่อนที่จะลากผ่านช่องทางที่ถูกสอดนิ้วเข้าไปก่อนหน้านี้ พระพายขยับตัวทันทีที่ถูกขนนกแตะตรงบริเวณนั้นเพราะรู้สึกแปลกขึ้นมาแต่พิธานกลับใช้อีกมือยึดขาไว้ไม่ให้ขยับได้มากกว่านี้ เท่านั้นไม่พอพิธานยังใช้ขนนกเกลี่ยตรงถุงบอลทั้งสองทำเอาพระพายร้องครางออกมา

“อ๊า...”


        เสียงนั้นฟังแล้วรื่นหูสำหรับพิธานเป็นที่สุด เสียงที่บ่งบอกถึงความเสียวซ่านจนต้องเปล่งเสียงออกมา ยิ่งใช้ขนนกเกลี่ยบนผิวเท่าไหร่พระพายยิ่งร้องเสียงหลงเท่านั้น เมื่อทำให้คนที่กำลังคลานเข่าจำนนต่ออารมณ์ปรารถนาแล้ว พิธานจึงเปลี่ยนด้านจากที่เป็นขนนกมาเป็นแผ่นหนังอีกด้าน แผ่นหนังบางๆที่มีผ้าลูกไม้บุทับ ไม้ด้ามสีดำถูกจับให้ถนัดมือก่อนที่จะฟาดเบาๆลงบนแผ่นหลังของพระพาย

“โอ๊ย!!”   

        พระพายร้องออกมารู้สึกปวดแสบผิวหนังตรงที่ถูกฟาด แม้ไม่เห็นก็เดาได้ว่าคงแดงก่ำเผลอๆมีเลือดซึมก็ไม่แน่ รอยนั้นเจ็บลึกเข้าไปยังผิวหนังทั้งๆที่ยังมีความต้องการ แต่แปลกที่กลับไม่ได้ขัดจังหวะอารมณ์แต่ยิ่งรู้สึกทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีก รู้สึกเร่าร้อนกว่าเดิม รู้สึกว่าความต้องการพุ่งสูงขึ้นไปอีกเท่าตัว

“เป็นยังไง รู้สึกยังไงบ้าง”


        พระพายส่ายตัวเบาๆหลังจากที่โดนฟาดไปครั้งแรก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเหมือนค้นพบอะไรบางอย่างในร่างกาย ความทรมานที่ถูกจำกัดการขยับ ผ้าปิดตาที่ปิดไม่ให้เห็นสิ่งรอบข้าง ความหฤหรรษ์ที่โดนเครื่องมือแปลกๆตีลงบนผิวหนัง สิ่งเหล่านี้เหมือนจะเปิดโลกอันคับแคบให้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ทรมานแต่สุขสม เจ็บปวดแต่กลับเร่าร้อน กระหายที่อยากจะถูกกระทำอีกครั้ง


        พิธานเว้นจังหวะให้พระพายดื่มด่ำกับมันชั่วครู่ ก่อนที่ถอดถุงยางอนามัยที่นิ้วออกและหันมาสวมถุงยางอนามัยให้กับสิ่งที่แข็งขืนตรงกลางของตัวเองแทน จากนั้นก็รูดรั้งในส่วนที่เปียกลื่นของพระพายจนเจ้าตัวต้องร้องออกมา

“อ๊ะ!!”

              เสียงร้องตกใจที่ถูกจับทั้งๆที่ปล่อยทิ้งไว้มานานอีกทั้งโดนไรดิ้งครอปฟาดลงบนสะโพกอีกครั้ง เสียงฟาดเบาๆแต่ความเจ็บปวดสะเทือนไปทั้งร่างกาย พระพายสะดุ้งโหยงขยับรับกับน้ำหนักมือที่พิธานกำลังจับอยู่ โดนฟาดที่หลังว่าเจ็บแล้วแต่คราวนี้โดนตรงเนื้อเน้นๆอย่างที่สะโพก ทำให้รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าเดิม


               ผู้ถูกกระทำถึงกับกัดริมฝีปากล่างแน่น ตัวสั่นเบาๆทำท่าเหมือนใกล้จะถึงจุดสูงสุด ความต้องการถึงขีดสุดแล้ว แน่นอนว่าพิธานเองก็เช่นกันจึงวางของเล่นในมือลงบนเตียงก่อนที่จะแหวกสะโพกนั้นให้เด่นชัดขึ้น ใช้ส่วนกลางของร่างการถูกไถราวกับจะหยั่งเชิงพร้อมกับเทเจลลงไปเพิ่มและการสอดใส่ก็มาถึง


              ความใหญ่โตถูกยัดเหยียดเข้ามา มันทั้งจุกทั้งแน่นจนหายใจแทบไม่ออก พระพายโกยลมหายใจเข้าออกเพราะความอึดอัด ส่วนนั้นของพิธานร้อนผ่าวจนรู้สึกแปลกๆ พิธานดันเข้าไปจนสุดและแอบแกล้งคนข้างล่างด้วยการกระตูกส่วนนั้นจนพระพายสะดุ้งโหยง


             เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้ว พิธานก็ค่อยๆขยับตัวเข้าออกช้าๆ การเสียดสีนั้นสร้างความเสียวซ่านให้พระพายเป็นอย่างมากแต่มันกลับช้า ช้าจนรู้สึกไม่ทันใจและไม่ได้ต้องการเช่นนี้ พระพายจึงขยับสะโพกดันเข้าหาลำตัวของพิธาน พิธานได้แต่ยิ้มกริ่มสูดพลางปาก นี่เป็นสิ่งที่ต้องการให้พระพายเป็น อยากให้พระพายต้องการจนอดรนทนไม่ไหวและต้องกระทำด้วยตัวเองในที่สุด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพิธานจึงหยุดขยับส่วนนั้นทันที แช่นิ่งอย่างนั้นอย่างกลั่นแกล้งพระพาย

“ไม่ไหวแล้วเหรอ”


         พิธานยังคงนิ่งเฉย ค้างส่วนนั้นไว้โดยไม่ยอมขยับ ความใหญ่โตของพิธานนั้นทำเอาพระพายรู้สึกอึดอัดและอยากจะปลดปล่อยจนร่างกายสั่นเทิ้มไปหมดแล้วจึงได้แต่กัดฟัน

“นี่ ขยับซะที” พระพายร้องออกมาอย่างเหลืออด

“อยากได้แบบไหนก็บอกสิ”


        เพียงเท่านั้นพิธานก็ยอมขยับเอวทันที ขยับเข้าออกช้าๆโดยที่ไม่ลืมที่จะรูดส่วนนั้นของพระพายด้วย พระพายได้แต่ร้องครางอย่างไม่อยากจะอดกลั้นใดๆแล้ว ความอายหรือศักดิ์ศรีถูกโยนทิ้งทันทีที่ความเสียวซ่านเข้าแทรก พิธานเร่งจังหวะเร็วบ้างช้าบ้างเพื่อให้พระพายดื่มด่ำกับความเสียวซ่านที่กำลังเผชิญอยู่

“ อื้อ...อ๊ะ”


         เสียงเนื้อกระทบดังลั่นพอๆกับที่เสียงของพระพายเองก็เริ่มดังขึ้นเช่นกัน ยิ่งพิธานหมุนควงเข้าไปลึกๆพระพายยิ่งร้องลั่น เด้งเอวดันสะโพกสวนให้ตอบรับแรงกระแทกมากขึ้น หมดแล้วทิฐิที่มีมาแต่แรก ตอนนี้ราวกับคนต้องการความสุขสมจากความใคร่ที่รุนแรงเช่นนี้

“อื้อ...อึก”

“เรียกชื่อสิ” แต่กลับไม่มีเสียงเรียกชื่อออกจากปากของพระพาย

“เร็วเข้า เรียกชื่อฉัน” พิธานสั่งอีกครั้งคราวนี้ถูกไรดิ้งครอปฟาดลงบนแผ่นหลังอีก เสียงฟาดนั้นทำเอาพระพายสะท้านไปทั้งตัว

“อ๊ะ..พิ...พิธาน อือ...”


         ในที่สุดพระพรายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อธารอารมณ์ ยอมเรียกชื่อของพิธานออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่า เจ้าของชื่อได้แต่ยิ้มกริ่ม ชอบใจเสียจริงกับชื่อที่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น


        อารมณ์ไต่ขึ้นสูงเตียงที่แข็งแรงเริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอาด บ่งบอกถึงความรุนแรงในการกระแทกกระทั้นของพิธานจนในที่สุดพระพายก็หมดความอดกลั้นยามเมื่อพิธานกระแทกเข้าไปลึกจนพระพายสูดปากราวกับกินของเผ็ด

“อ๊ะ..ไม่ไหวแล้ว อ๊า”


        เมื่อพิธานเห็นอย่างนั้นจึงรีบเร่งเครื่องให้เร็วถี่ยิ่งขึ้น พระพายตัวโคลงไปตามแรงโยก ข้อศอกค้ำบนเตียงรับแรงขยับจนรู้สึกปวด แต่ในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับที่พิธานเองก็ปลดปล่อยออกมาพอสมควรเช่นกัน รู้สึกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ปลดปล่อยออกมาได้เยอะขนาดนี้ รู้สึกพึงพอใจไม่น้อยกับคนตรงหน้า อิ่มเอมจนอยากจะทำต่ออีกหลายๆรอบ


        พระพายที่อัดอั้นอยู่หลายครั้ง หลังจากได้ปลดปล่อยรู้สึกสมองเบลอจนพร่าขาวในหัว น้ำตาไหลรื้นเพราะรู้สึกสุขสมเหมือนร่างกายได้ระเบิดออก รู้สึกถึงจุดสุดยอดที่รุนแรงจนน้ำตาคลอ แม้จะเมื่อยล้าแต่อิ่มเอมจนเรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้


        พิธานถอดถุงยางอนามัยที่มีของเหลวสีขุ่นที่ปล่อยออกมาเสียมากออก ก่อนที่จะเดินไปทิ้งลงในถังขยะและจากนั้นก็หยิบอีกสองชิ้นใหม่ติดมือมาด้วย พระพายไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้นแต่รู้สึกตัวอีกทีพิธานก็สอดใส่เข้ามาอีกรอบแล้ว

“อ๊ะ!!”


        ไม่มีการหยุดพักใดๆทั้งสิ้น พิธานจัดการบรรเลงต่อเนื่องอีกสองรอบ พระพายได้แต่ส่งเสียงร้องจนคอแหบคอแห้งแต่พิธานก็ยังไม่หยุด เสียงถูกฟาดเบาๆดังขึ้นเป็นครั้งคราวสลับกับเสียงของพระพายที่ร้องออกมา พระพายถูกจับเปลี่ยนท่าให้นอนหงายจากนั้นก็โดนกระทำต่อ ยิ่งทำพิธานยิ่งรู้สึกติดใจ ไม่อยากจะหยุดแม้แต่วินาทีเดียวยังอยากมึนเมากับกามรสในครั้งนี้ต่อเนื่องไปอีกนาน ยังไม่อยากให้อะไรมาขัดจังหวะในตอนนี้แม้แต่เข็มนาฬิกาหรืออะไรทั้งสิ้นค่ำคืนนี้นั้นยังอีกยาวไกลสำหรับทั้งสองคน...

+++++++++++++++++++++

*Lyrics: Wet the bed By Chris Brown.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 19-09-2017 10:53:55
คุณพิธานถนอมพระพายหน่อยอย่าเพิ่งหักโหม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-09-2017 11:29:28
จะทำงานไหวไหม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 19-09-2017 11:36:25
นางคือมิสเตอร์เกรย์ภาคพิธานล่ะ
สั่งสอนเหยื่อให้ติดในรสสัมผัสสายSM จนไปไหนไม่รอด
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-09-2017 13:40:44
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-09-2017 13:52:39
ไม่เึยอ่านแนว smที่เซ็กซี่ขนาดนี้มาก่อน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 19-09-2017 20:12:33
เดี๋ยวต่อไปพระพายจะติดใจแนวนี้ :m25:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-09-2017 21:30:01
 :oo1: :oo1: :oo1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 19-09-2017 22:17:52
โอ้วววว สายเอสเอ็ม แซ่บ!!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 8...(19/09/17) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: qiuqiu ที่ 21-09-2017 17:48:29
เป็นSMที่ดีงามมากกกกกเอิ๊ก เอิ๊ก  o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 9...(23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 23-09-2017 14:49:01
 :katai2-1: มาแล้วค่ะ มาตอนต่อนที่ 9 และขอแจ้งนิดหน่อยค่ะ ว่าจะขอพักสักอาทิตย์สองอาทิคย์นะคะ เพราะเนื้อหาที่มี่กำลังจะหมดแล้วค่ะ ขอเวลาปั่นหน่อยนะคะ ยอมรับเลยเรื่องนี้เปลืองพลังงานชีวิตมาก ฮ่าๆ ไม่ชิลเหมือนเรื่องอย่าบอกใครเท่าไหร่นัก ดังนั้นของเวลาสักหน่อยนะคะ ขออภัยด้วยค่ะ และก็เช่นเคย หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดตรงไหน ก็ขออภัยตรงนี้เลยนะคะ คิดถึงคนอ่านทุกคนค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:

++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก

ตอนที่ 9 Your tasted.


I didn’t know that I was starving till I tasted you
ฉันไม่รู้เลยว่าฉันนั้นหิวโหยแค่ไหน จนฉันได้ลิ้มรสชาติของคุณ
Don’t need no butterflies when you give me the whole damn zoo
ไม่ต้องการผีเสื้อในท้องหรอก ในเมื่อที่คุณทำฉันมันปั่นป่วนมากกว่านั้นอีก
By the way, right away, you do things to my body
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ คุณทำบางสิ่งกับร่างกายของฉัน
I didn’t know that I was starving till I tasted you
ฉันไม่รู้เลยว่าฉันนั้นหิวโหยแค่ไหน จนกระทั่งได้ลิ้มรสชาติของคุณ



“เป็นยังไงบ้าง?”


        เข็มสั้นของนาฬิกาเดินมาถึงเลขสาม บ่งบอกว่าล่วงเข้าเวลาของวันใหม่แล้ว นั่นเป็นคำถามแรกหลังจากที่พิธานจัดการทำความสะอาดส่วนนั้นของตัวเอง พระพายได้แต่เงียบกริบเพราะไม่รู้จะตอบคำถามของพิธานได้อย่างไรแม้แต่ตัวเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ ว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ แน่นอนว่ามันสุขสมมันหฤหรรษ์ก็จริง แต่หากในเรื่องของความรู้สึกพระพายกลับรู้สึกหวาดกลัวตัวเอง ในมุมลึกๆความเจ็บปวดที่ได้รับมันสุขสมจนแทบจะสำลัก มันหยั่งรากลึกลงไปในร่างกายจนไม่สามารถจะลืมมันได้อีกต่อไป ว่ากันว่าหากได้ลิ้มรสอาหารของพระเจ้าแล้วจะยิ่งกระหายจนอยากจะลิ้มลองอีก คำพูดนี้ดูท่าจะเป็นจริงเสียแล้วสำหรับพระพาย เป็นกามารสที่เอ่อล้นไปทั้งกาย นึกทีไรยังตัวสั่นไม่หาย อาการสั่นที่เหมือนกระหาย กระหายอยากลิ้มรสนั้นอีกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งนั้นพยายามหักห้ามความต้องการอันรุนแรงนี้อยู่ มันสับสนเหลือเกินเมื่อความต้องการของร่างกายกับจิตใจขัดแย้งกัน


        พระพายนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นโดยไม่ตอบคำถาม ตอนนี้กำลังตระหนักและครุ่นคิดอย่างหนักที่จะยอมรับความต้องการที่ดูจะผิดแปลกของตัวเองได้ พิธานราวกับรับรู้ความสับสนของพระพายที่กำลังเกิดขึ้น

“กำลังคิดอยู่เหรอว่าต่อไปจะทำยังไง?”

“อะไร?” พระพายขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจพลางลูบรอบข้อมือเบาๆรู้สึกถึงกุญแจมือที่เหมือนยังคงอยู่ ทั้งที่พันธนาการทั้งหมดนั้นถูกปลดออกไปทันทีที่ทำเรื่องพวกนั้นเสร็จแล้ว

“ก็ต่อไปจะทำยังไง ติดใจไปเสียแล้ว ทำแบบปกติคงไม่รู้สึกอะไรแน่เลย แบบนั้นรึเปล่า?”


        พระพายเบิกตากว้างอย่างตกใจที่พิธานรู้ว่าเขาคิดอะไรในใจตอนนี้ พระพายเบือนหน้าทั้งที่ยังนอนอยู่อย่างนั้น ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียทั้งรู้สึกสับสน

“ไม่ต้องคิดอะไรหรอก ถ้าชอบก็ทำไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ คิดแค่นั้นก็พอ” คำพูดนั้นเหมือนกำลังจะปลอบใจพระพายกลายๆ

“ไม่ต้องมาสนใจหรอก ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปอาบนอนได้แล้ว” ในคำพูดนั้นดูมีความห่วงใยแปลกๆอย่างที่พระพายสัมผัสได้

“เอ่อ..อาบก่อนเถอะ”

“พร้อมกันนี่แหละ..ไป”  พระพายลังเลไม่น้อย การอาบน้ำพร้อมกับคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยดูจะผิดวิสัยไปเสียหน่อย ไม่อยากที่จะอาบพร้อมคนอย่างพิธานจริงๆ

“ไม่ดีกว่า” พระพายตัดสินใจไม่ไปอาบพร้อมกัน พิธานก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อไปชำระร่างกายจากคราบเหงื่อไคลโดยไม่ได้รอพระพายแต่อย่างใด สุดท้ายพิธานก็อาบน้ำเสร็จโดยที่พระพายได้แต่นอนรออยู่บนเตียง


        พิธานเดินออกมาพร้อมกับสวมกางเกงผ้าเนื้อนุ่มขายาวเรียบร้อย คงแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ในห้องน้ำแล้ว พระพายเมื่อเห็นอย่างนั้นจึงต้องลุกไปอาบน้ำบ้างแต่เหมือนกำลังขาจะอ่อนเปลี้ย ร่างทั้งร่างทรุดฮวบลงบนพื้นทันทีที่ยืนขึ้น พิธานเดินเข้ามาพร้อมกดสายตามองต่ำ สายตานิ่งเฉยไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายที่เห็นภาพนั้น

“หมดแรงรึไง?” ถามโดยไม่คิดจะยื่นมือมาช่วยหรือใดๆทั้งสิ้น เป็นคนแล้งน้ำใจอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องมาพูด” พระพายบ่นเบาๆกับตัวเองก่อนที่จะใช้มือดันพื้นเพื่องัดตัวเองที่นั่งกองอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นเองให้ได้ พิธานยืนกอดอกมองพระพายที่ตัวสั่นไปทั้งตัวเพราะขาไม่ยอมรับน้ำหนักของร่างกาย

“มานี่” พิธานยื่นมือไปตรงหน้าของพระพาย พระพายเมินหน้าหนีทันทีอย่างไม่อยากรับความช่วยเหลือ

“นี่มึนดึกแล้ว จะลุกหรือไม่ลุก?” พระพายยังคงเมินเฉย

“ถ้าไม่ลุกจะทำต่อตรงพื้นนี่อีกยกล่ะกัน” เพียงเท่านั้นพระพายจึงยอมจับมือของพิธานอย่างยอมแพ้ คนอะไรชอบขู่ชอบบังคับ แม้จะหน้าตาจะดูดีขนาดไหนแต่ก็แสดงสีหน้าเฉยชา ดูแล้วไม่น่ามีใครมาหลงเสน่ห์ได้


        พิธานออกแรงเล็กน้อยดึงพระพายขึ้นมาจากพื้นห้องก่อนที่จะคว้าเอวพระพายที่เซตัวเข้าไปหา ตอนนี้กลายเป็นพิธานกำลังกอดพระพายเอาไว้ สายตาของทั้งสองสบมองกันเพียงครู่ ก่อนที่สายตาของพระพายจะเสมองไปทางอื่น โดยที่มือของพิธานแตะตรงเอวพลางลงน้ำหนักมือเบาๆ ลูบไล้ไปมาจนมาถึงตรงนี้พระพายถึงเพิ่งจะนึกได้ว่าตอนนี้กำลังเปลือย

“หยุดนะ” ร้องออกมาพลางดันตัวเองออกทันที

“จะอะไรหนักหนา” พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะปล่อยมือออกจากเอวแล้วจูงมือพระพายไปยังห้อง

“คงไม่ต้องอาบให้หรอกนะ”

“ไม่ต้อง” พระพรายกระแทกเสียงใส่ก่อนที่จะเกาะประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าโดยเกาะฝาผนังเพื่อพยุงตัวไปยังใต้ฝักบัว


        อาบน้ำเพียงครู่เดียวเท่านั้นเพราะตอนนี้ง่วงนอนและเหนื่อยล้าจนเกินว่าจะมาสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว พระพายค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัว มองเห็นชุดนอนสุดเก่าของตัวเองวางอยู่บนเตียงแล้ว เพราะจำได้ว่ามันถูกกองอยู่ตรงข้างเตียงแล้วทำไมตอนนี้มันถึงมาวางอยู่ตรงนี้ได้

“เร็วๆเข้า จะปิดไฟแล้ว” พิธานถือรีโมทสีขาวอันเล็กเป็นการบ่งบอกว่าจะปิดไฟจริงๆ พระพายรีบสวมเสื้อกางเกงโดยเร็วก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงราวกับกำลังฝึกทหารไม่ผิด


        พิธานปิดไฟทันทีที่พระพายล้มตัวลงนอน แต่ก็ยังมีไฟสีเหลืองนวลอ่อนๆจากโคมไฟหัวเตียงอยู่ดี พระพายกรอกตาขึ้นลงอย่างไม่พอใจมากนักที่พิธานออกคำสั่งและตัวเองก็ทะลึ่งทำตามแต่โดยดี


        พระพายนอนหันหลังให้พิธาน ไม่อยากมองหน้าให้ตัวเองหงุดหงิดก่อนนอนเปล่าๆ เสียงในห้องเงียบสงบจะมีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเบาๆที่แสดงถึงการทำงานของมัน พระพายที่ทำท่าจะหลับแต่กลับสะดุ้งตัวขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงเสื้อนอนตัวย้วยของตนถูกเลิกขึ้น กำลังชั่งใจว่าจะหันไปว่าหรือจะนอนนิ่งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวดี สุดท้ายพระพายเลือกที่จะนอนนิ่งเฉยเพราะอยากรู้ว่าพิธานคิดจะทำอะไร


        นิ้วมือแตะลงบนแผ่นหลังตรงที่ถูกฟาดด้วยไรดิ้งครอป ความเจ็บแสบในส่วนนั้นยังคงมีอยู่ พระพายเองไม่อาจจะมองเห็นได้ว่ามันแดงก่ำถึงขนาดนั้น แต่รู้สึกคันนิดหน่อยเมื่อนิ้วมือของพิธานลากผ่าน ไม่อาจรู้ได้ว่าพิธานแตะมันเพื่ออะไรแต่รู้สึกอีกทีก็ต่อเมื่อเหมือนมีความนุ่มหยุ่นคล้ายริมฝีกปากแตะตรงนั้น...พิธานกำลังจูบรอยแผลพวกนั้นอย่างแผ่วเบาซึ่งผิดวิสัยจากสิ่งที่เจ้าตัวแสดงออกเป็นอย่างมาก


        พระพายใจเต้นแรงรู้สึกหน้าเห่อร้อน ความอ่อนโยนนั้นเฉียดฉิวแตะลงบนรอยแผลหลายๆจุดราวกับกำลังปลอบโยนให้หายจากความเจ็บ พระพายแทบจะกลั้นหายใจตอนที่ลมหายใจของพิธานรดลงบนแผ่นหลัง เพียงไม่นานนักพิธานก็หยุดการกระทำทั้งหมดลงพร้อมกับดึงเสื้อของพระพายลงจากนั้นค่อยดึงผ้าห่มมาห่มให้อย่างเบามือและไฟสีนวลก็ถูกปิดลง


        เสียงขยับตัวหายไปแล้ว เป็นไปได้ว่าพิธานคงหลับไปแล้วแต่พระพายกลับเบิกตากว้าง ไม่สามารถนอนหลับต่อไป รู้สึกตกใจกับการถูกสัมผัสเมื่อครู่ คนๆนี้ดูจะมีหลายมิติ ทั้งความเย็นชา ทั้งความนิ่งเฉย ความขี้เล่น ความรุนแรงและความอ่อนโยนที่แสดงออกมาทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ดูสะเปะสะปะไม่น่าจะถูกรวมอยู่ในคนๆเดียวกันได้แต่มันก็ดันเป็นไปแล้ว ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ และที่ไม่เข้าใจยิ่งกว่าทำไมพระพายถึงเอาแต่คิดเรื่องของพิธาน ผู้ชายสุดเลวร้ายคนนี้จนกระทั่งหลับไปโดยไม่รู้ตัว...
...
..
.


        เวลาเกือบเที่ยงของวันอาทิตย์ นาฬิกาบนฝาผนังบอกเช่นนั้นแต่ทั้งสองคนยังคงหลับอยู่บนเตียงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แต่แล้วก็มีเสียงกดออดดังอยู่หน้าประตูห้องของพิธานเรียกให้พระพายต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกดออดรัวๆที่ดังอยู่


        ลืมตาขึ้นมาพบว่าใบหน้าของตัวเองแนบอยู่กับแผ่นหลังแน่นๆอีกทั้งแขนก็ยังโอบตัวของพิธานอยู่ด้วย พระพายตกใจรีบเด้งตัวขึ้นนั่งทันทีทั้งที่กำลังงัวเงียสุดขีด เพราะเพลียจัดหรืออย่างไรที่ทำให้พระพายถึงกอดแผ่นหลังของพิธานนอนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจรู้ได้ เสียงออดยังคงดังอยู่อย่างนั้นจนพระพายเลือกที่จะเขย่าตัวพิธานที่ยังคงหลับอยู่

“ตื่น..คุณ” ปลุกอยู่หลายครั้งแต่พิธานก็ไม่ยอมขยับเสียที

“ไปเปิดเองสิ” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงแหบห้าว สงสัยเพราะยังไม่ตื่นนอนเส้นเสียงจึงเป็นเช่นนั้น

“แต่...”


        พระพายทำท่าจะแย้งแต่พิธานก็ยังหลับต่อไปอยู่ดี สุดท้ายจึงเลือกเดินสะโหลสะเหลไปยังประตูหน้าห้องที่เสียงออดยังคงรัวๆอย่างไม่ยอมเกรงใจใครหน้าไหนเลยทีเดียว

“เปิดแล้วครับ” เสียงยืดยานของพระพายบอกพร้อมเปิดประตูโดยที่ไม่ได้ดูก่อนว่าเป็นใคร

“พระพาย ชุดนอนนายนี่น่ารักนะ”


        เปิดประตูมาก็ต้องตกใจเพราะคนที่มากดออดเรียกคือไค ซึ่งเป็นเพื่อนของพิธานนั่นเอง ไคดูส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจส่งให้อย่างไม่นึกสงสัยในการที่มาเห็นพระพายอยู่ที่นี่ และพระพายเพิ่งสังเกตเห็นว่าไคสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงนอน สภาพเหมือนเพิ่งตื่นไม่มีผิด

“เอ่อ..มาหาพิธานใช่ไหม?”

“ขอเข้าไปนะ”


        ไคยิ้มพร้อมกับเดินเกาหัวพลางหาว เดินไปยังห้องนอนของพิธานอย่างรู้จักทุกส่วนของห้องนี้ดี พระพายรีบปิดประตูแล้วเดินตามเข้าไปเห็นไคกำลังเขย่าตัวพิธานอยู่

“ตื่นๆ เฮ้ย ตื่นได้แล้ว”

“ไค กลับห้องมึงไปเลย” พิธานพูดอย่างอารมณ์เสียที่โดนขัดจังหวะการนอน จำต้องลุกขึ้นมาอย่างยอมแพ้

“วันนี้มีนัด ลืมไปแล้วเหรอ?” ไคพูดย้ำความทรงจำ พิธานนั่งนิ่งๆพยายามปรับสมองให้รับกับคำบอกของไค

“เออ จริงด้วย”

“นี่ถ้าไม่มาปลุก มึงคงหลับถึงเย็นสิท่า” ไคบ่าพลางนั่งลงบนเตียงนอน พระพายยืนมองอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี

“กูตื่นแล้ว มึงก็กลับไปได้แล้ว” พิธานพูดแล้วกวักมือเรียกระพายไปเดินเข้าไปหา

“เออ บ่ายสองนะ อย่าลืมล่ะ” ไคบอกก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปตบไหล่พระพายที่ยังคงยืนนิ่งอยู่

“รีบไปหาพิธานเร็วๆ เดี๋ยวมันโมโห” ไคพูดเพียงเท่านั้นแล้วเดินออกจากห้องไป


        พระพายจึงจำต้องเดินเข้าไปหาพิธานที่นั่งอยู่ ไปยืนอยู่ตรงหน้าคนเรียกพลางจ้องมองราวกับจะถามว่าต้องการอะไรถึงเรียกให้มายืนอยู่ตรงนี้

“ไปอาบน้ำ” พิธานออกคำสั่ง

“เข้าใจแล้ว”


             พระพายตอบตกลงแต่โดยดี เมื่อเข้าไปในห้องน้ำสิ่งแรกที่ทำคือรีบดูแผลที่แผ่นหลังในกระจกบานโต แผลพวกนั้นไม่ได้เยอะแยะมากเท่าที่ควรและแต่ละรอยก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนในความคิด แต่ความเจ็บปวดถึงถูกฟาดนั้นมันดูจะเจ็บปวดไม่เท่ากับรอยแผลที่ตีตราอยู่บนร่างกาย ยิ่งเห็นรอยแผลเหล่านี้ยิ่งทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ความเร่าร้อนเหล่านั้นผุดขึ้นมาอย่างชัดเจนจนต้องสะบัดศีรษะเพื่อละภาพนั้นทิ้งไป


             อาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาค้นเสื้อผ้าในกระเป๋าเป้ที่หิ้วมาเมื่อคืน พระพายจัดการสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เห็นพิธานนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่

“มานี่” พิธานที่เห็นพระพายอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมาจากห้องน้ำก็เรียกให้ไปหาทันที

“อะไร?”

“หันหลังมา” พิธานสั่ง พระพายเก้ๆกังๆก่อนที่จะหันหลังตามที่พิธานบอก พอหันหลังให้พิธานก็จับเสื้อเลิกขึ้นแล้วถอกออกอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวๆ จะทำอะไร?” พระพายร้องอย่าตกอกตกใจที่จู่ๆพิธานถอดเสื้อเขาออก

“จะดูแผล”


        พิธานไล่มองดูรอยแตกบนแผ่นหลังและดึงกางเกงและชั้นในของพระพายออกเพื่อดูแผลตรงเนื้อสะโพกเช่นกัน จากนั้นพิธานก็เอื้อมไปเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบยาหลอดเล็กขึ้นมาแล้วเริ่มป้ายยาลงบนแผลเหล่านั้นอย่างเบามือ

“ทำไม?” พระพายถามในขณะที่พิธานกำลังทายาบางๆลนบนแผล

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น” นั่นเป็นคำตอบของพิธาน แน่นอนว่าพระพายไม่ถามต่อใดๆอีก พระพายได้แต่ยืนนิ่งให้พิธานทายาอยู่อย่างนั้นจนเสร็จ

“เอายานี่ไปด้วย ทาทุกวันหลังอาบน้ำ”


        พิธานพูดจบก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้พระพายที่นั่งลงบนเตียงกุมหน้าอกตัวเองเพราะหัวใจเต้นถี่แรงจนเริ่มตกใจตัวเอง เพราะอะไร...ในการสัมผัสนั้นถึงรู้สึกถึงความห่วงใยหรืออะไรสักอย่าง รู้สึกถึงความใส่ใจและเป็นห่วงทั้งๆที่สีหน้าและท่าทางของเจ้าตัวดูขัดแย้งเสียเหลือเกิน


        พระพายนั่งอยู่อย่างนั้นจนถึงครึ่งชั่วโมง พิธานก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี เจ้าตัวอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วและเดินไปห้องข้างๆซึ่งน่าจะเป็นห้องแต่งตัว


        ผ่านไปนานพอสมควรก็เห็นพิธานเดินออกมาพร้อมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็คสีดำเข้ารูปขา ทรงผมทรงเซ็ตให้เปิดขึ้นเห็นใบหน้าชัดเจน พระพายอึ้งไปพอสมควรที่เห็นพิธานแต่งตัวทางการ หากมองข้ามนิสัยที่แย่ถึงขั้นแย่มากแล้ว พิธานจัดว่าดูดีมากจนเทียบขั้นพระเอกดาวรุ่งในวงการได้เลยทีเดียว


        รูปร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อปานกลางไม่ได้มีมากจนกำยำหรือผอมบางหุ้มกระดูก ผิวขาวสว่าง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ดูเฉิดฉายแม้ใบหน้านั้นนิ่งเฉยจนดูเหมือนหยิ่งยโส ราศีเปล่งประกายจนพระพายต้องกระพริบตาถี่ๆ

“กลับเองนะ พอดีฉันรีบ” พิธานบอกพลางมองนาฬิกาที่ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงนิดๆแล้ว

“อืม”


        พระพายหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากห้องทันที โดยที่มีพิธานเดินตามมาแล้วเดินไปกดออดห้องตรงกันข้าม พระพายหันกลับไปมองด้วยความสนใจและพบว่าคนที่เดินออกมาคือไคนั่นเอง สรุปห้องฝั่งตรงข้ามนี้ก็เป็นห้องของไค ห้องตรงข้ามที่พระพายสงสัยว่าเป็นของใคร สองคนนี้คงจะมีฐานะดีพอๆกัน สมกับที่เป็นเพื่อนกันจริงๆ

“ไปกันเถอะ” ไคเองก็แต่งตัวทางการเช่นกัน ไคนั้นอาจจะเพราะเป็นลูกครึ่งเลยดูตัวหนากว่าพิธานนิดหน่อย แต่ความสูงใกล้เคียงกันมาก ไคยิ้มให้พระพายก่อนที่จะเดินมาโอบไหล่พระพายเดินอย่างสบายอารมณ์

“ให้ไปส่งไหมพระพาย” ไคถาม ยังคงยิ้มกว้างอยู่เช่นนั้น

“ขอบคุณครับ แต่อย่าดีกว่า”

“ไม่มีเวลามากขนาดนั้น” พิธานพูด


             พระพายที่เหลือบไปมองพิธานที่เดินมาใกล้ๆ สายตาของพิธานนั้นจ้องมองแขนของไคที่โอบไหล่พระพายอยู่ สายตานั้นดูแข็งกร้าวแต่แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น นั่นทำให้พระพายคิดว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นแบบนั้น


            ทั้งสามคนลงลิฟต์มาพร้อมกันพระพายทำท่าจะเดินแยกออกมาเพื่อไปนั่งแท็กซี่กลับห้อง แต่กลับถูกพิธานดึงไว้เสียก่อน

“อะไร?” พระพายถามทันทีที่ถูกดึงแขนไว้

“รอบหน้า อย่ามาสายอีกล่ะ” พิธานพูดพลางก้มลงสบสายตาของพระพาย สายตานั้นราวกับดึงดูดให้พระพายทำตัวไม่ถูก

“รู้แล้ว” พระพายว่าก่อนที่จะรีบดึงแขนออกแล้วรับเดินออกไปจากตรงนั้น


        พิธานหยิบแว่นกันแดดขึ้นสวมก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถ พระพายมายืนรอแท็กซี่ด้วยใจที่เต้นแรง แค่สบตากับพิธานก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มแปลกๆไป ทำไมถึงต้องตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้ด้วย...

++++++++++++++++++++++

*Lyrics: Starving By Hailee Steinfeld, Grey ft. Zedd

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 23-09-2017 15:14:39
รออยู่นะคะ :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 23-09-2017 15:48:00
อีกตั้งสองอาทิตย์แน่ะ เสียยยยยยยยยใจ :ling3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-09-2017 15:54:48
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 23-09-2017 16:13:09
อาเครครับ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-09-2017 17:15:29
พิธานนี่ทำตัวโหดๆ แต่ก็แอบห่วงพายนะเนี่ย ตอนที่เข้านอนแล้วเปิดหลังจูบซับรอยแผลมันช่างละมุนแท้ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 23-09-2017 18:56:29
ฮื่อออ เสพติดความอ่อนโยนของพิธานจังเลยค่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-09-2017 19:05:36
รอวันเขารักกัน  :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 23-09-2017 19:41:35
อร๊ายยยย
ทรมานหัวใจ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-09-2017 20:16:18
 :m25: โอ๊ย...เรื่องมันเลือดสาดมาก แต่ทำไมมันดูมัวๆ... เมื่อไหร่จะหวานนนกันเนี้ย...  :katai1: anyway ชอบค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2017 21:19:31
ในความโหด มีความหวานซอนอยู่  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: angelarty ที่ 23-09-2017 21:24:22
พระพายติดใจแน่เบยอิอิ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-09-2017 02:26:40
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...9 (23/09/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 24-09-2017 12:09:14
พิธานร้ายแต่พระพายกำลังจะรัก :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 12-10-2017 10:46:31
สวัสดีค่ะ หายไปหลายวันเลย คิดถึงกันบ้างไหมคะ   :mew2: วันนี้มาลงตอนที่ 10 ค่ะ และเช่นเคยหลังจากตอนนี้ต้องพักนิยายจนกว่าจะเสร็จพระราชพิธีถวายพระเพลิงค่ะ อยากงดสิ่งบันเทิงจนกว่าบ้านเมืองเราจะผ่านช่วงที่โศกเศร้านี่ไปก่อนค่ะ อีกอย่างเรามีเดินทางไกลด้วยค่ะ เลยขอพักสักหน่อย เดี๋ยวจะกลับมานะคะ ไว้เจอกันค่ะ คิดถึงทุกคนนะคะ ขอฝากพิธานกับพระพายด้วยค่ะ อ่อ และหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ  :-[

++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 10 Good shit. 


He giving me that good shit
เขามอบของดีนั้นให้กับฉัน
That make me not quit, that good shit
นั่นทำให้ฉันตัดใจไม่ลงกับของดีๆเหล่านั้น


        เช้าวันจันทร์วันทำงานปกติของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย วันนี้พระพายมาทำงานด้วยความรู้สึกเอื่อยเฉื่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างถ่วงในความคิดตั้งแต่วันอาทิตย์วันที่ออกมาจากคอนโดของพิธานแล้ว เหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างติดขัดในใจ อธิบายตัวเองในตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ


        เสียงโทรศัพท์มือถือร้องขึ้นเรียกให้พระพายดึงความคิดกลับมาสู่ความเป็นจริงตอนนี้ คนที่โทรมาไม่ใช่ใครแต่เป็นเก้านั่นเอง พระพายกดรับสายในขณะที่กำลังสแกนบัตรทำงานแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง

“ว่าไง”

“พาย มึงเป็นไงบ้าง หายเงียบไม่โทรหากูเลย” มาถึงก็ตัดพ้อทันที

“กูยุ่งๆว่ะ”

“ไอ้พิธานนั่นนัดมึงบ้างรึยัง” พระพายเงียบไปก่อนที่จะมองซ้ายขวา พบว่ารุ่นพี่ในแผนกยังไม่มากัน

“มันนัดแล้ว”

“จริงเหรอ แล้วทำไมไม่โทรบอกกูวะ”

“มันกะทันหัน บอกมึงไม่ทัน”

“นอนกับมันแล้วใช่ไหม” คำถามนั้นทำเอาพระพายสะอึกเล็กน้อย

“อืม”

“เอาเถอะ แก้ไขอะไรไม่ได้ เดี๋ยวเลิกงานกูไปหา ไปกินข้าวกัน”

“ได้ๆ เดี๋ยวจะโทรไป”


        เป็นการจบสนทนาที่บ่งบอกว่าค่อยไปคุยกันหลังเลิกงาน พระพายถอนหายใจออกมาเพราะยังคงรู้สึกอึดอัดเหมือนเดิม คาดว่าการที่จะได้เจอเก้าเย็นนี้ ได้พูดคุยกับคนที่รู้เรื่องนี้มากที่สุดก็คงจะดีขึ้นกว่านี้

“พระพายสุดหล่อของพี่ ขี้ไม่ออกเหรอจ๊ะ หน้าถึงตูมขนาดนี้” เสียงทักทายของพี่กล้วยดังขึ้นมาพร้อมๆกับพี่ปีที่เดินตามมาอีกทั้งหัวเราะในคำทักทายนั้น

“กำลังปวดพอดีเลย ไปขี้เป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” พระพายว่าพร้อมทำท่าจะดึงมือพี่กล้วยไปด้วย

“เดี๋ยวโดนโบก นี่กูยังไม่จัดการเรื่องคืนนั้นเลยนะ หันมาอีกทีหายหัวไปเฉย ไม่บอกกูสักคำ” พี่กล้วยบ่นพลางวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะ

“โธ่พี่ มีธุระด่วนจริงๆ ผมเลยฝากพี่ปีบอกพี่ไง” พระพายว่าพร้อมกับนวดไหล่เอาใจพี่กล้วยพัลวัน

“ไม่ต้องมาเอาใจกูเลย” พี่กล้วยทำท่าสะบัดเกินจริงจนพี่ปีต้องหัวเราะในท่าทางสะดีดสะดิ้งนั้น

“ป๋ากล้วยรูปหล่อพ่อรวยกล้วยก็ใหญ่ อย่างอนน้องพายสิ” พระพายงัดลูกอ้อนมาต่อสู้ทันที

“เออ กูกล้วยใหญ่ ยอมก็ได้” พี่กล้วยลูบคางเก็กท่าหล่อยอมรับคำยอของพระพาย จนพี่ปีที่นั่งอยู่อดพูดขึ้นมาไม่ได้

“ใหญ่เท่ากล้วยเล็บมือนางน่ะเหรอ” พี่ปีว่า พี่กล้วยรีบโยนกระเป๋าสะพายใส่พี่ปีทันที

“ไอ้ปากปีจอ เดี๋ยวมึงโดน”


        พระพายได้แต่หัวเราะออกมากับสงครามย่อยๆระหว่างพี่ปีแล้วพี่กล้วย ตอนนี้ทุกคนในแผนกมากันครบแล้ว ถึงเวลาการทำงานในวันแรกของสัปดาห์แล้ว หัวหน้าแผนกเดินมาสั่งงานทันทีที่มาถึง ทุกคนต่างจมงานกับงานของตัวเองจนไม่มีเวลาได้คุยเล่นกันเหมือนตอนเพิ่งมาถึง

...
..
.


        ในที่สุดเวลาการทำงานของวันนี้ก็สิ้นสุดลง ทุกคนต่างรีบล่ำลาและแยกย้ายไปทำธุระของใครของมัน พระพายเดินออกมาจากบริษัทและรีบโทรหาเก้าทันที โทรไปสองสามสายเก้าถึงจะรับสาย

“ทำไมรับช้าจังวะ” พระพายบ่นถามทันที

“โทษทีๆ งานเสร็จช้า แล้วนี่มึงอยู่ไหน?”

“อยู่หน้าบริษัท จะไปเจอกันที่ไหนดี”

“ไปร้านแถมหาลัยไหมมึง คิดถึงฝีมือป้าแต๋ว”

“เอาสิๆ ไม่ได้ไปกินนานแล้ว”


        สรุปนัดแนะที่นัดกันแล้ว พระพายจึงนั่งรถเมล์ไปเพราะราคาประหยัดกว่านั่งรถแท็กซี่ ใช้เวลาพอสมควรเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงรถติดกว่าจะถึงร้านที่นัดกับเก้าไว้ก็ใช้เวลาพอสมควร


        ร้านอาหารของป้าแต๋วเป็นร้านอาหารกึ่งสวน ซึ่งเป็นร้านที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกลจากนี่ชื่นชอบเป็นที่สุดเพราะราคาไม่แรงจนเกินไป รสชาติอร่อยและบรรยากาศดี ร้านนี้จึงเป็นร้านยอดฮิตเวลามีเลี้ยงสายของเหล่านักศึกษา


        เมื่อเดินมาถึงก็เห็นเก้ายืนรออยู่หน้าร้านแล้ว แม้วันนี้เป็นวันธรรมดาแต่ลูกค้าก็ยังคงแน่นร้าน เก้าโบกมือให้พระพายที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหา

“มาช้าเหมือนกันนะมึง”

“เออสิ รถติด เข้าไปกันเถอะ”


        โชคยังดีที่ในร้านอาหารยังพอมีโต๊ะว่างอยู่บ้าง แม้โต๊ะนั่นจะใหญ่ไปสำหรับสองคนแต่พนักงานเสิร์ฟก็อนุญาตให้ทั้งสองนั่งตรงโต๊ะตัวนี้ได้ พระพายและเก้านั่งลงสั่งอาหารโปรดกันทันที

“เป็นไงบ้างมึง เล่ามาสิ” หลังจากสั่งอาหารเสร็จ เก้ารีบถามพระพายทันที

“มึง กูมีเรื่องจะปรึกษา” พระพายเกริ่นหัวเรื่องขึ้นมา

“ว่ามา”

“คือ..กูไม่ค่อยมั่นใจตัวเองว่ะ ว่ากูเป็นพวกรสนิยมแบบไหน” คำพูดนั้นทำเอาเก้านิ่งไปชั่วขณะ

“มึง...ติดใจในผู้ชายแล้วเหรอวะ”

“ไม่รู้สิมึง มันมากกว่านั้น...คือ..พิธาน..เจ้านั่น มันมีรสนิยมแบบไม่เหมือนคนอื่น” พระพายกำลังพยายามหาคำพูดที่ดูจะดีที่สุดโดยที่ไม่ทำให้เก้าตกใจไปมากกว่านี้

“มันใช้โซ่แส้กุญแจมือรึยังไง?” เก้าถามพลางกลั้วหัวเราะ พระพายนิ่งไปช่วงครู่ เก้าถึงกับชะงักหยุดหัวเราะทันที

“มันทำแบบนั้นจริงๆเหรอวะ” เก้าถามอย่างตกใจ พระพายพยักหน้าแกนๆ เก้าพิงหลังเก้าพนักเก้าอี้ราวกับหมดแรงเอาดื้อๆ

“บอกกูสิว่ามันไม่ใช่ความจริง” เก้าทำท่าจะไม่เชื่อ

“มัน..เป็นแบบนั้นจริงๆว่ะ” พระพายยืนยันความคิดให้

“แล้วมึงสับสนเรื่องอะไร สับสนที่ว่านอนกับผู้ชายหรือเพราะ..เอ่อ..ไอ้ของพวกนั้นวะ?”

“ก็...ทั้งสองอย่างเลย” พระพายพูดเสียงเบาๆ

“ตายล่ะเพื่อนกู มึงเข้าไปสู่แดนสนธยาแล้ว” เก้านวดขมับอย่างเครียดแทนพระพาย

“มึง กูควรทำไงดี กูสับสนไปหมดแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งนอนกับมันไม่กี่ครั้งเอง”  พระพายจนแต้มจนต้องระบายกับเก้า

“กูขอนึกหน่อยนะ” เก้าว่าพร้อมๆกับที่อาหารที่สั่งมาวางบนโต๊ะพอดี

“ข้าวมาแล้ว กินกันก่อน เดี๋ยวระหว่างนี้กูขอนึกหน่อย”


        ทั้งสองทานข้าวกันพูดคุยกันถึงเรื่องอื่นแทนที่จะเป็นเรื่องก่อนหน้านั้น ใช้เวลาไม่นานนักอาหารตรงหน้าก็พร่องลงจนเกือบจะหมดแล้ว

“อร่อยเหมือนเดิมเลย” พระพายพูดขึ้นมาพลางยกแก้วดื่มน้ำปิดท้ายหลังจากอิ่มแปล้ เก้านั่นนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างรู้สึกอิ่มจนจุก ตอนนี้ต้องนั่งรอให้ย่อยกว่านี้ถึงจะลุกเดินได้

“เอาล่ะ กูคิดออกแล้ว” เก้าพูดขึ้นมา

“อะไร?”

“มึงยังไม่เคยนอนกับผู้หญิงใช่ไหม มึงก็แค่ลองสักครั้ง มึงก็จะหาข้อเปรียบเทียบได้แล้ว” ความคิดของเก้าทำเอาพระพายส่ายหน้าเลยทีเดียว

“มึงนี่คิดได้นะ”

“ก็ใช่ไง วิธีนี่ดีที่สุดแล้ว ไม่แน่ พอมึงนอนกับผู้หญิงมึงอาจจะติดใจมากกว่ากับไอ้นั่นก็ได้นะ”


        ลองมาคิดๆดูก็จริงอย่างที่เก้าบอก ในชีวิตยังไม่เคยลองขึ้นครูหรือมีอะไรกับผู้หญิงเลยสักครั้งแล้วจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบว่าผู้หญิงหรือผู้ชายดีกว่ากัน พูดกันตามตรงคงไม่มีใครเชื่อว่าอายุป่านนี้แล้วพระพายยังไม่เคยทำเรื่องอย่างว่าเหมือนใครเขา ไม่ใช่ไม่มีอารมณ์หรืออย่างไรแต่พระพายคิดว่าการมีอะไรกับผู้หญิงสักคนมันต้องมาจากความรักเป็นพื้นฐาน และมันจะผูกมัดกับคนๆนั้นไปอีกนานแสนนาน นั่นทำให้พระพายรู้สึกว่ามันลึกซึ้งเกินไป สุดท้ายจึงเลือกช่วยตัวเองมากกว่าจะไปนอนกับใครหรือซื้อกินอย่างที่เพื่อนร่วมรุ่นชอบทำ

“เอาตามนั้นก็ได้ จะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”

“คืนนี้เลย เพราะถ้าขืนรอช้ากว่านี้มึงอาจจะกลับตัวไม่ทัน”


        นั่นคือสิ่งที่เก้าบอกและเพียงไม่กี่อึดใจทั้งสองก็มายืนตระหง่านอยู่หน้าสถานบันเทิงที่เรียกว่าอาบอบนวด ที่มีทั้งผู้หญิงในตู้และสาวไซด์ไลน์ สถานที่ดูหรูหราจนรู้สึกเป็นห่วงเงินในกระเป๋าไม่น้อยแต่เพื่อต้องการพิสูจน์งานนี้จะกี่บาทก็ต้องยอม

“สวัสดีครับ มาครั้งแรกใช่ไหมครับคุณลูกค้า” เสียงทักทายจากพนักงานต้อนรับ


        ทางนั้นพยายามพูดให้พระพายและเก้าสมัครสมาชิกรายปีแต่ทั้งสองก็ปฏิเสธไปและในที่สุดก็ตกลงที่จะเลือกสาวไซด์ไลน์เพื่อไม่อยากเสียเวลาเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องทำงานแต่เช้า


            เมื่อเข้าไปอีกห้องหนึ่งมีผู้หญิงสวยๆหน้าอกโตๆแต่งตัวรัดรูปจนเห็นแล้วหายใจไม่ออกแทนนั่งรอกันอยู่หลายคน พระพายนั้นไม่รู้จะเลือกแบบไหนดีสุดท้ายชี้ไปที่ผู้หญิงตัวเล็กหน้าอกพอใช้ได้มาหนึ่งคน ส่วนเก้านั้นเลือกอยู่นานกว่าจะได้มา

“เอาล่ะ โชคดีนะมึง...น้อง ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะ” เก้าพูดแค่นั้นก่อนที่จะเดินตามผู้หญิงที่ตัวเองเลือกไปยังห้องข้างๆ

             เมื่อเข้าไปในห้องซึ่งเป็นห้องมีเตียงนอนขนาดสำหรับสองคน ภายในห้องเปิดไฟสีส้มนวลๆชวนให้เคลิบเคลิ้ม ผู้หญิงคนนั้นเธอยิ้มหวานให้

“มาครั้งแรกใช่ไหม?” เธอชวนคุย พระพายพยักหน้ารับ ยอมรับว่าตื่นเต้นพอสมควรที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเริ่มถอดเสื้อผ้าเหลือแต่ชุดชั้นในแล้ว


        หุ่นของเธอจัดว่าดูดี ผิวขาวสวยทุกอย่างดูสมส่วนคุ้มในราคาที่พระพายจ่ายไปถึงสองพันห้า เธอเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าให้พระพายตอนนี้พระพายจึงเปลือยกายต่อหน้าเธอ รู้สึกอายไม่น้อยที่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าคนแปลกหน้าเช่นนี้


        พระพายนอนลงบนเตียง เธอเริ่มเล้าโลมพระพายทีละเล็กทีละน้อย กฎเหล็กของเธอคือต้องสวมถุงยางอนามัย ไม่ใช้ปากให้และห้ามจูบเธอเด็ดขาดซึ่งพระพายก็ยอมรับมันและพูดกันตามตรงพระพายไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี

“พี่ยังไม่เคยมีอะไรกับกับใครใช่ไหม?” เธอถามเมื่อพระพายเกร็งตัวอย่างเห็นได้ชัด

“อืม ครั้งแรกน่ะ” ถ้าไม่นับกับผู้ชายล่ะก็นะ

“เดี๋ยวหนูจะสอนพี่เอง” เธอจูบคอของพระพาย พระพายหลับตาลงพยายามซึมซับความรู้สึกแปลกใหม่นี้แต่ในหัวกลับมีแต่ภาพของพิธานที่กำลังลูบไล้ร่างกายแทนเสียได้


        พระพายสะดุ้งตัวลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนนี้เธอกำลังจับส่วนนั้นของพระพาย ฝ่ามือเธอนุ่มนิ่มก็จริงแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเสียววูบวาบเหมือนตอนที่พิธานจับมัน


        ยิ่งทำยิ่งรู้สึกแปลกๆเหมือนยังไม่พอ เหมือนยังไม่ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เร้าใจไม่กระหายไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งหลับตาลงเท่าไหร่ภาพของพิธานยิ่งแจ่มชัดขึ้น อารมณ์ร่วมกับหญิงสาวคนนี้ไม่แสดงออกมาให้เห็นเลยสักนิด

“พี่ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า มันไม่ขึ้นเลย” เธอเอ่ยถามพระพาย ที่กำลังมองส่วนกลางของตัวเองที่จะห่อเหี่ยวชอบกล

“ขอโทษที พี่คงทำไม่ได้แล้วล่ะ” พระพายเอ่ยอย่างขอโทษ

“ไม่เป็นไรพี่ ก็ดีหนูจะได้ไม่เหนื่อย แต่พี่โอเครึเปล่าไม่เสียดายเงินเหรอ”

“ก็อย่างที่เห็น ช่างเถอะ” พระพายรีบไปหยิบเสื้อผ้าสวมใส่ทันที

“พี่..ถามหน่อย พี่ไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหม?” พระพายสะดุ้งตัวเบาๆเมื่อโดนถามคำถามนั้น

“มะ..ไม่ๆ พี่แค่เหนื่อยๆ” พระพายแกตัวทันที

“ถ้าพี่เป็นก็ไม่แปลกหรอก ท่าทางพี่ให้อยู่ ถ้าอย่างนั้นหนูจะแอบออกไปก่อนนะ พี่จะอยู่ในห้องนี้ก่อนสักพักก็ได้”


        เธอบอกก่อนที่จะเดินออกไปทิ้งให้พระพายจดจ่ออยู่กับความรู้สึกที่ไม่รู้จะพูดอย่างไร ต้องยอมรับแล้วว่าพระพายไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้ สาเหตุไม่ใช่ใครเลยแน่นอนว่าคือพิธาน กามารสที่พิธานมอบให้นั้นมันไม่สามารถหาอะไรมาเปรียบเทียบได้ ยามถูกพันธนาการ ถูกรัดข้อมือข้อเท้า รู้สึกตื่นเต้นมากจนร่างกายแปลกๆ ยามถูกรูดรั้ง พรมจูบตามร่างกาย ข้อเท้า โคนขา หรือตามซอกคอ มันรู้สึกวูบวาบอย่างไม่อยากจะเชื่อและยิ่งถูกปิดตาอีกทั้งเวลาที่ถูกฟาดด้วยอุปกรณ์ที่ชื่อเจ้าไรดิ้งครอปนั่นมันรู้สึกเจ็บปวดแต่ความต้องการมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกจดจำ แม้จะเพิ่งโดนกระทำแบบนั้นมาแต่ต้องยอมรับว่าติดอกติดใจจนไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้


        พระพายต้องจำยอมรับเรื่องทั้งหมดโดยไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีก ว่าสิ่งที่พิธานมอบให้นั้นมันหฤหรรษ์จริงและตกหลุมพรางกามารมณ์นั้นอย่างยากที่อาจจะห้ามใจหรือคิดตัดใจได้อีกแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่พระพายตระหนักดีคือการที่พิธานไม่ใช่คนดีและต้องมีวันที่เรื่องเหล่านี้ต้องยุติลง หากเมื่อวันนั้นมาถึงพระพายคงจะหาทางทำให้ตัวเองหลุดออกจากวังวนเรื่องพวกนี้ได้


        คิดได้อย่างนั้นพระพายจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อปลดเบาและพบว่าแกนกายของตนเองนั้นเริ่มแข็งตัวขึ้น เพียงแค่คิดเรื่องคืนนั้นก็เป็นถึงขนาดนี้เลยหรือ ได้แต่ส่ายหน้าระอาในความคิดอันทะลึ่งเหล่านั้น พระพายรีบจัดการทันทีเพื่อไม่ให้ออกไปแล้วชี้โด่ใส่หน้าคนอื่นเขา


        เร่งจังหวะมือของตัวเองพลางนึกถึงเรื่องคืนนั้น ยิ่งมีความต้องการสูงขึ้นจนในที่สุดใช้เวลาเพียงไม่นานพระพายก็ทำมันสำเร็จ เสียงหายใจหอบเข้าออกดังก้องในห้องน้ำ

“นี่เราทำอะไรอยู่เนี่ย”


        พระพายบ่นตัวเองก่อนที่จะรีบล้างทำความสะอาด ตลกตัวเองไม่น้อยที่เสียเงินหลายพันเพื่อมาช่วยตัวเองแทนที่จะได้นอนกับสาวไซด์ไลน์คนสวยเมื่อครู่นี้ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิตของพระพายก็ว่าได้


        พระพายออกมานั่งรอที่ล็อบบี้ รอเก้าที่ยังไม่ออกมาพนักงานต้อนรับเข้ามาถามไถ่ว่าเหตุใดถึงออกมาเร็วขนาดนี้ พนักงานบริการไม่ดีหรืออย่างไรกว่าพระพายจะพูดให้เข้าใจก็ใช้เวลาพอสมควร

“เป็นไงพาย เบาตัวไหมมึง?” เก้าที่เดินออกมาพอดีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าสบายตัวอย่างเห็นได้ชัด

“กลับกันเถอะมึง” พระพายพูดเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกจากสถานที่แห่งนั้น เมื่อออกมาไกลพอสมควรแล้วพระพายจึงเอ่ยขึ้น

“เก้า...คือกูทำไม่ได้ว่ะ”

“อะไรนะ นี่มึงไม่ได้ทำเหรอ” เก้าร้องออกมาอย่างตกใจ

“ก็เออนะสิ กู...กูทำไม่ลงว่ะ ภาพคืนนั้นมันติดตากูเกินไป” พระพายสารภาพตรงๆกับเก้าที่กำลังถอนหายใจ

“มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ตอนที่น้องเขาจะทำให้มึงน่ะ”

“มันก็ตื่นเต้นนิดๆนะ แต่พอน้องเขาจับตัวกู...กูไม่รู้สึกอะไรเลย”

“พระพาย...มึงรู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”

“รู้...รู้สิ กูถอยกลับไปที่เดิมไม่ได้แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นมึงก็ต้องสัญญากับกู ต่อจากนี้ต้องเล่าให้กูฟังตลอด กูไม่อยากให้มึงถลำลึกลงไปกว่านี้ เป็นไปได้มึงต้องอย่าให้มันเลยเถิดไปกว่านี้”

“มีอะไรกูจะมาบอกมึงแน่นอน”

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็กลับเถอะ แยกกันตรงนี้เลย อ่อ ครั้งหน้าถ้ามันนัดมึงอีก บอกกูนะ อย่าลืม”

“ได้ๆ ครั้งนี้จะบอก” พระพายว่าก่อนที่จะขึ้นแท็กซี่ที่เก้าเรียกให้


        พระพายขึ้นรถแท็กซี่แล้วเอนตัวพิงเบาะ ความรู้สึกที่อัดอั้นเมื่อเช้าค่อยๆจางหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงความจริงที่พระพายต้องยอมรับว่าจากนี้ไปพระพายต้องยับยั้งตัวเองอย่าให้เข้าไปสู่ดินแดนลึกลับที่พิธานมอบให้ไปมากกว่านี้แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นคนที่จะลำบากก็คือตัวพระพายเอง...

++++++++++++++++
Lyrics:Everyday By Ariana Grande ft. Future


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 13love32108 ที่ 12-10-2017 11:50:34
นี่ถือว่าพิธานทำสำเร็จนะเนี่ย ต้องรอดูกันต่อไปว่าพระพายจะติดใจเซ็กส์พิธานมากขนาดไหน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 12-10-2017 11:54:58
พี่ธานค่ะ รับผิดชอบพระพายไปตลอดชีวิตเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 12-10-2017 20:18:23
เรื่องไปทดสอบกับผู้หญิงอย่าให้พิธานรู้เป็นอันขาดเลยนะ
ไม่อย่างนั้นเจอพระพายโดนจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบแน่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-10-2017 21:53:43
เอาใจช่วยนะ เข้าใจว่าอยู่ในช่วงสับสนทางเพศ  :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 13-10-2017 01:22:49
กลับหลังไม่ทัน ก็เดินหน้าเลยพระพายน้อย
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-10-2017 03:05:17
ถ้าคนๆนั้นรู้จะเป็นอย่างไรนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 30-10-2017 15:23:58
 :เฮ้อ: จะเดินหน้าก็ติดตรงเวลา จะถอยหลังก็รับรองว่าลงแดงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 31-10-2017 03:28:27
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...10 (12/10/17) P.4 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-11-2017 21:04:06
น้องพายกลับตัวไม่ทันแล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 11-11-2017 09:49:15
กลับมาแล้วค่า กราบสวัสดีนะคะ  :-[ หายไปนานร่วมเดือน เพราะวันหยุดยาวและรวมถึงเรื่องบ้านเมืองหลายๆอย่าง ตอนนี้กลับมาแล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ยังจำกันได้ใช่ไหมคะ อย่าเพิ่งลืมกันนะ อิอิ เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ทีนี้ค่ะ ไปอ่านกันเลย คราวนี้ไม่ไปไหนแล้วน๊า (ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นนะคะ แฮ่) รักทุกคนค่ะ  :กอด1:

+++++++++++++++++++

Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 11 Real deal.


You can’t deny the energy
คุณปฏิเสธพลังนี้ไม่ได้หรอกนะ
That  we got goin’on
ที่เรามีร่วมกัน
I know you feel the chemistry
ฉันรู้สึกถึงเคมีที่เข้ากันได้
This shit feels so strong
มันช่างรุนแรงเสียเหลือเกิน


        วันนี้เป็นวันเสาร์ เก้าซึ่งทำงานมาทั้งสัปดาห์นั้นเริ่มจะเหนื่อยล้าพอสมควร วันนี้จึงเป็นวันดีที่จะได้ผ่อนคลายลงบ้างเพราะงานที่ทำมาทั้งสัปดาห์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว วันนี้จึงตั้งใจชวนพระพายไปนั่งร้านดนตรีแสดงสดสักแห่งเพื่อนั่งดื่มคุยกันตามประสาเพื่อน

        ตั้งแต่วันนั้นวันที่เก้าพาพระพายไปอาบอบนวด เก้านั้นกังวลไม่น้อยเมื่อได้ยินจากปากของพระพายว่าไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้ เหตุที่กังวลไม่ใช่เพราะรสนิยมที่เพื่อนชอบผู้ชายมากกว่าหรืออย่างไร แต่กังวลในเรื่องที่พิธานนั้นสามารถดึงเอาพระพายเข้าไปในโลกที่ไม่รู้จักมาก่อนและไม่สามารถออกมาได้อีกทั้งที่เพิ่งจะมีอะไรกันไม่กี่ครั้ง แต่พระพายกลับดึงตัวเองออกมาไม่ได้ นั่นแปลว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวในความคิดของเก้า

             หากเก้ามองไม่ผิด พิธานตั้งใจทำให้พระพายถอนตัวไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะเวลาสองเดือนนั้นสั้นนิดเดียวเท่านั้น แต่เวลาสองเดือนนั้นหากพิธานสามารถทำให้พระพายยอมจำนนไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม สุดท้ายสัญญาที่ตกลงว่าจะทำกันสองเดือนก็จะกลายเป็นโมฆะ พระพายต้องทำเรื่องแบบนั้นกับพิธานตลอดไปอย่างแน่นอน

        สาเหตุอะไรพิธานถึงต้องลงมือทำขนาดนี้ ชอบอะไรในตัวพระพายถึงกับทำเรื่องพวกนี้ได้ ติดใจอะไรถึงขั้นต้องคิดวางแผนทำให้พระพายที่เพิ่งจะได้เจอกันไม่นานกลับติดหลุมพรางขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ เรื่องนี้ดูท่าจะต้องสืบหาเสียหน่อยแล้ว

        ทางเดียวที่จะรู้ได้คือไค เจ้าลูกครึ่งเฮงซวยในความคิดของเก้าเพราะเป็นคนรู้จักเพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อนพิธานและน่าจะเข้าถึงได้ง่ายที่สุดด้วย ตอนนี้เก้ากำลังคิดจะเข้าหาไคอย่างไรโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ว่ากำลังจะสืบเรื่องของพิธาน เก้าได้แต่ขบคิดไปเรื่อยจนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน

        เก้ารีบโทรหาพระพายทันที มั่นใจว่าตอนนี้พระพายกำลังจะเลิกงานแน่นอน แต่โทรไปหลายต่อหลายสายพระพายก็ไม่รับเสียที เก้าจึงส่งข้อความไปทางไลน์อีกทางเผื่อพระพายไม่สะดวกรับ

        ระหว่างที่กำลังส่งข้อความกลับมีสายหนึ่งโทรเข้ามา เป็นเบอร์ที่เก้าไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่นัก จึงเลือกที่จะรับสายว่าเป็นใครที่โทรมา

“สวัสดีครับ”

“พูดสุภาพจังนะ”

“มึง ไอ้ลูกครึ่งส้นตีน” ไคนั่นเองที่เป็นคนโทรมา เก้าแอบยิ้มในใจ ได้จังหวะที่จะสืบเรื่องของพิธานแล้ว

“จะบอกว่าคืนนี้มีนัดที่บาร์เดิม...พระพายก็มาด้วยนะ”

“มึงโทรมาชวนกูรึไง?”

“ใช่ ตั้งใจจะชวน ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ลืมไปแล้วเหรอ”

“เอาสิ กูก็ว่างอยู่พอดี”

“คราวนี้ทำไมยอมไปง่ายจัง” เก้าเงียบไปเพียงครู่ก่อนตอบอย่างลื่นไหล

“ก็กูว่าง อีกอย่างตั้งใจจะไปเที่ยวอยู่พอดี”

“ดี ที่เดิม สามทุ่มนะ ไว้เจอกัน”


        ไควางสายไปแล้วพร้อมๆกับที่พระพายส่งข้อความกลับมาพอดี เก้าจึงตัดสินใจโทรหาพระพายอีกครั้งคราวนี้พระพายรับสายอย่างรวดเร็ว

“มึงทำอะไรอยู่พาย ไม่ยอมรับสายกู”

“งานเพิ่งเสร็จมึง เออ จะบอกว่า มันนัดมาแล้วนะ คืนนี้ให้ไปที่บาร์เดิม”

“กูรู้แล้ว ไอ้ไคมันโทรมาชวนกูแล้ว”

“เฮ้ย ไคน่ะเหรอชวน ไปดีกันตอนไหน?” พระพายถามอย่างตกใจ

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ คืนนี้กูไปด้วย เดี๋ยวเจอกันนะ”

“อืม ไว้เจอกัน”


        นัดแนะกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เก้าจึงเดินทางกลับที่พักพร้อมคิดหาทางว่าจะทำอย่างไรถึงจะสืบเรื่องของพิธานจากไคได้ เมื่อมาถึงห้องก็อาบน้ำแต่งตัวหาอะไรทานรองท้องจนเวลาผ่านไปใกล้ถึงเวลานัดแล้ว

        เก้าส่งข้อความหาพระพายว่าอย่าเพิ่งเข้าไปก่อน ให้รอตนอยู่หน้าบาร์ที่นัดไว้ พระพายส่งข้อความตอบตกลง เก้าจึงรีบนั่งแท็กซี่ไปยังบาร์ที่นัดหมายอย่างรวดเร็ว

        เมื่อมาถึงเห็นพระพายยืนอยู่หน้าบาร์ดังกล่าว กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ เก้าจึงรีบเดินเข้าไปหาพระพายทันที

“มึง กูมาแล้ว”

“ช้ามากเลยมึง เจ้านั่นส่งข้อความตามกูยิกๆแล้วเนี่ยะ ชอบขู่กูอยู่เรื่อยเลย” พระพายบ่นกระปอดกระแปดให้เก้าฟัง

“รถติดนี่หว่า เออ กูมีเรื่องจะบอกมึงหน่อย”

“เรื่องอะไร?”

        เก้ามองซ้ายขวาก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่างให้พระพายฟังอยู่ครู่หนึ่ง พระพายเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เก้าบอก
“มึงคิดจะทำอะไร?” พระพายถาม

“เอาน่า ทำตามที่กูบอกก็พอ”

“ก็ได้”

        พระพายเป็นอันตกลงรับปากทำตามสิ่งที่เก้าบอก ทั้งสองมองหน้าและพยักหน้าให้กันก่อนที่จะเดินเข้าไปยังบาร์หรูแห่งนี้ซึ่งโต๊ะที่คนเหล่านั้นนั่งอยู่คือชั้นสองโต๊ะสุดท้ายเหมือนอย่างเคย

        พระพายและเก้าเดินขึ้นไปชั้นสอง สายตาของโต๊ะสุดท้ายทั้งโต๊ะหันมามองกันอย่างพร้อมเพรียง แม้ทุกคนในกลุ่มนี้จัดว่าหน้าตาดีแต่พิธานและไคกลับดูโดดเด่นท่ามกลางคนทั้งหมด เก้าเหลือบสายตามองพระพายที่ถูกพิธานจ้องหัวจรดเท้า ก็ออกอาการประหม่าทันทีที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาอย่างนั้น เก้าจูงมือพระพายเดินเข้าไปยังโต๊ะโดยไม่สนใจสายตาเหล่านั้น

“หวัดดี” เก้าทักทายพร้อมรอยยิ้ม พระพายบีบมือเก้าเบาๆ แน่นอนว่าพิธานจ้องมองมือที่กุมอยู่พร้อมกับตวัดสายตามองเก้าด้วยสายตาเย็นชา

“มาแล้วเหรอ ครั้งนี้จะแข่งกินเหล้ากันอีกไหม” คนในกลุ่มคนหนึ่งถามพร้อมกลั้วหัวเราะ

“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวกลับกับพายมันไม่ไหว” เก้าพูดโดยที่มือยังคงไม่ปล่อยทั้งๆที่นั่งลงแล้ว

“แล้วใครบอกให้กลับด้วยกัน?” พิธานพูดขึ้นมา ทุกคนเงียบกริบพอๆกับที่พระพายรีบเสหน้ามองไปทางอื่น ไม่อยากหันไปมองสายตาที่ดูเหมือนจะทิ่มแทงของพิธาน

“อ้าว มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ เนอะพาย” เก้าหันไปถามพระพายที่พยักหน้ารับ

        ไคนั้นได้แต่ยิ้มพร้อมมองเก้าที่ดูจะเอาอกเอาใจพระพายอยู่ตลอดเวลา ชงเหล้าให้ ดูแลจนแทบจะยกแก้วเหล้าป้อนให้พระพายแล้วและแน่นอนว่าพิธานก็เห็นภาพนั้นเช่นกัน

“นี่ มาเล่นเกมกันหน่อยไหม?” หนึ่งในเพื่อนๆพูดขึ้น

“เกมอะไร?”

“เกมหมุนขวด”

        เกมหมุนขวดนั้นพระพายเคยเล่นมาก่อน เกมง่ายๆหมุนขวดบนโต๊ะเมื่อขวดชี้ที่ใครคนนั้นต้องตอบคำถามแต่สำหรับเพื่อนๆของพิธานกลับมีกติกาที่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยคือขวดชี้ไปที่ใครคนนั้นต้องดื่มอีกทั้งต้องเลือกชนแก้วดื่มกับใครคนหนึ่งก็ได้ในวงและคนที่โดนชนแก้วจะถูกตั้งคำถามหนึ่งคำถามและต้องตอบความจริงเท่านั้น นี่คือกติกาของคนกลุ่มนี้

“เอาสิ ยังไงก็ได้” เก้ายักไหล่สบายๆส่วนพระพายนั้นรู้สึกร้อนๆหนาวๆเมื่อสายตาของพิธานจ้องมองมาเป็นระยะๆ

        พนักงานเสิร์ฟมาเก็บของบนโต๊ะทั้งหมดเพื่อจะมีพื้นที่ในการเล่มเกมของลูกค้ากระเป๋าหนักโต๊ะนี้ ไคนั่งมองเพื่อนอีกคนที่เริ่มหมุนขวดเพื่อหาผู้โชคดีคนแรกในการเริ่มเกม

        ส่วนใหญ่ปากขวดจะชี้ไปยังเพื่อนๆของพิธานและไคเสียมากกว่า พระพายและเก้านั่งมองคนพวกนั้นเล่มเกมกัน คำถามที่ถามกันก็มีแต่พวกที่สนิทกันเท่านั้นรู้จึงดูสนุกสนาน สำหรับพระพายและเก้านั้นได้แต่นั่งดูอย่างเงียบๆ
        และแล้วก็ถึงคราวของเก้า เมื่อปากขวดมาหยุดที่เก้า ไม่รอช้าเก้าก็ยกแก้วขึ้นมาขอชนกับพระพายที่กำลังทำห
น้างงๆ

“ชนสิ เร็วๆ” เก้าเร่งให้พระพายหยิบแก้วขึ้นมา ชนแก้วกับเก้าเบาๆก่อนที่จะยกดื่มจนหมดแก้ว

“ถามเลยๆ” เสียงคนในกลุ่มร้องเชียร์

“ถามว่า...ทำไมมึงถึงน่ารักขนาดนี้พาย” คำถามของเก้าจบทุกคนต่างพากันมองหน้าและยิ้มแปลกๆให้กัน ไคนั้นนั่งลุ้นรอคำตอบของพระพายที่ตอนนี้กำลังอึ้งๆและพยายามหาคำตอบอยู่

“เอ่อ...ก็ มันเป็นของมันเอง” พระพายตอบเสียงผิวปากดังขึ้นพร้อมกับร้องโห่กันเบาๆ พิธานนั่นยกแก้วดื่มขึ้นเงียบๆโดยที่สายตาจ้องมองพระพายอยู่ตลอด

“เอาล่ะๆ หมุนต่อเลย”

        ขวดเปล่าหมุนต่อไปครั้งนี้ไปหยุดที่ไค ไคยิ้มกว้างราวกับรอคอยเวลานี้อยู่ ไครีบยกแก้วขอชนกับเก้าทันที เก้ากรอกตาอย่างรำคาญแต่ก็ต้องชนแก้วตามกติกา

“ขอถาม ผู้ชายที่ขึ้นไปหาที่ห้องคนล่าสุดคือใคร” คำถามนั้นทำเอาเก้าเงียบกริบ แน่นอนว่าคำถามดูกำกวมไม่น้อยและเก้าก็จำต้องตอบออกมา

“ก็มึงไง” เก้าตอบ

“เฮ้ย ขึ้นไปทำอะไรที่ห้องเขาวะ?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นมา

“เป็นความลับ” ไคพูดเท่านั้น เก้าตวัดสายตามองไคด้วยความไม่ชอบใจนัก

“ต่อๆ”

        เกมนี้ยังคงดำเนินต่อไปส่วนใหญ่จะหมุนชี้ไปที่เพื่อนๆของพิธานและไคเหมือนเคย และนี่จะเป็นตาสุดท้ายของเกมนี้ซึ่งกติกาถูกเปลี่ยนนิดหน่อย คือคนที่ถูกชนแก้วต้องยอมให้คนที่ขอชนแก้วทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ซึ่งเกมสุดท้ายนี่ทุกคนลุ้นกันตัวโก่งว่าขวดจะชี้ไปที่ใคร ขวดถูกหมุนโดยไค แรงเหวี่ยงที่รวดเร็วค่อยๆหมุนลงช้าๆจนในที่สุดขวดก็หยุดลงและชี้ไปที่...

“พิธานโว้ย” เพื่อนๆพากันตบมืออย่างถูกใจ คนสุดท้ายที่จะปิดเกมนี้คือพิธานที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นขวดนั้นชี้มายังตน

“เลือกเลยจะชนกับใคร” ไคเป็นคนถาม พิธานยกแก้วขึ้นมาใช้สายตามองไปยังพระพายที่นั่งหวาดหวั่นว่าคนที่จะถูกเลือกต้องเป็นตัวเองแน่นอน

“พระพาย”

        และก็เป็นอย่างที่พระพายคิดไว้ พิธานเลือกที่จะชนแก้วด้วย มือนั้นยกแก้วขึ้นมาช้าๆรู้สึกถึงแรงสั่นเล็กๆจากมือของตัวเอง พระพายยกแก้วชนกับแก้วของพิธานที่ยื่นรออยู่แล้ว เสียงกริ๊กจากการชนแก้วเบาๆจากนั้นก็ยกดื่มพร้อมกันทั้งสองคน

“พิธาน อยากจะทำอะไรพระพายวะ” เพื่อนในกลุ่มพูดขึ้น พิธานใช้นิ้วชี้กวักเรียกให้พระพายลุกขึ้น ไคขยับอย่างรู้หน้าที่ให้เหลือพื้นที่ว่างที่จะให้พระพายมานั่ง พระพายหันไปมองหน้าเก้าราวกับจะขอความช่วยเหลือ เก้าได้แต่พยักหน้าให้อย่างจำยอม

        พระพายนั่งลงข้างๆพิธาน สายตานั้นยังคงมองพื้นเพราะไม่อยากสบตาพิธานเสียเท่าไหร่ พิธานหันไปมองเก้าก่อนที่จะยกยิ้มบางๆ

“จูบฉันสิ” เสียงกระซิบเบาๆที่พระพายได้ยินจากพิธาน

“ไม่!!” พระพายปฏิเสธเสียงแข็ง จะให้ทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร ไหนจะเพื่อนๆของพิธานและต่อหน้าเก้าอีก ให้ตายก็ไม่ยอมทำ

“จะทำหรือไม่ทำ?”

        ทุกคนนั่งเงี่ยหูฟังบทสนทนานั้นเบาๆ อยากรู้อยากเห็นว่าพิธานจะใช้ให้พระพายทำอะไร พระพายมองซ้ายขวาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี รู้ว่าพิธานถือไพ่เหนือกว่าและตนต้องทำตามคำสั่งนั้นอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะให้จูบ จูบต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอายเกินกว่าจะทำได้

“พระพาย”

        พิธานเรียกชื่อนั้นสั้นๆ รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจเท่าไหร่นักและลางสังหรณ์ว่าถ้าหากไม่ทำตามจะต้องมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น พระพายจึงกลั้นหายใจยื่นหน้าเข้าไปจูบปากของพิธานอย่างรวดเร็ว เก้าเบิกตากว้าง แม้จะรู้อยู่แล้วถึงความสัมพันธ์ที่มีข้อแม้ของพิธานและพระพาย แต่พอมาเห็นเช่นนี้ต่อหน้าก็อดจะตกใจไม่ได้

        เสียงเพื่อนๆในกลุ่มโห่ร้องกันเสียงดัง ต่างพากันถูกอกถูกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าของพระพายที่ดูจะลำบากใจที่ต้องยอมทำตามคำสั่งของพิธาน อีกทั้งฉากหวานแหววแบบนี้ไม่ได้เห็นง่ายๆเพราะพิธานไม่ค่อยจะทำเช่นนี้ต่อหน้าเพื่อนๆมาก่อน

“พิธานแม่งร้าย แกล้งพระพายจนทำตัวไม่ถูกเลย” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นพลางมองไปที่พิธานที่กำลังโอบแขนรอบเอวของพระพายไม่ให้กลับไปนั่งกับเก้า

“โอ๊ย อึดอัด” ไคบ่นออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นไปนั่งข้างๆเก้าแทน

“มานั่งนี่ทำไมวะ?” เก้าพูดขึ้นอย่างไม่ชอบนักที่ไคมานั่งข้างๆ

“ก็ตรงนั้นมันอึดอัด ตรงนี้ที่ตั้งกว้าง อย่างกไปหน่อยเลยน่า”

        เก้าจึงเลยตามเลยให้ไคมานั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทุกคนต่างพากันดื่มอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่ได้เอะใจกับบรรยากาศอึมครึมที่ออกมาจากไคและเก้า และบรรยากาศแปลกๆจะพิธานและพระพาย

        พิธานนั้นนั่งจิบเหล้าไปเรื่อยๆมือนั้นก็ลูบเอวของพระพายไปด้วยอย่างเบามือ พระพายวางตัวไม่ถูกไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงได้แต่กระดกเหล้าเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อนอาการแปลกๆที่กำลังเกิดขึ้น รู้สึกเหมือนอีหนูที่โดนเสี่ยกระเป๋าหนักนั่งแทะโลมก็ไม่มีผิด

“เป็นอะไรไป นั่งตัวแข็งเชียว” พิธานกระซิบถามพระพาย

“มือ...มันแปลกๆ”

“รู้สึกสยิวเหรอ?”

“ปะ..เปล่า แค่ไม่ชอบ”

“เดี๋ยวก็จะชอบเอง” พิธานว่า

“นี่..ถามจริงๆ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?” พระพายอดกลั้นแล้วที่จะไม่ถามอะไรกับพิธานอีก แต่ก็อดไม่ได้ที่มานั่งให้พิธานนั่งแตะนั้นนิดแตะนี่หน่อยอยู่โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้

“ทำแบบไหนล่ะ คืนนั้นหรือตอนนี้?” พิธานถามกลับ

“หมายถึงตอนนี้” พระพายกัดฟันถาม

“ก็แค่อยากทำ ผิดด้วยรึไง”

“ผิดสิ คนเยอะขนาดนี้” พระพายขึ้นเสียงเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้นคนน้อยๆก็ทำได้ใช่ไหม?” พิธานถาม พระพายอึกอัก

“รู้อะไรไหม นายกับฉันเราเข้ากันได้ดีนะ” พิธานพูดขึ้นมา พระพายหันไปมองคนข้างๆอย่างไม่เข้าใจ

“ตรงไหนไม่ทราบ?” พระพายถามอย่างไม่เห็นด้วย

“เคมีเราเข้ากันดีออก ไม่รู้สึกอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่เลยสักนิด” พระพายส่ายหน้าทันที

“เรื่องอื่นคงต้องใช้เวลา แต่เรื่องอย่างว่า...เราเข้ากันได้ดีสุดๆเลย” พิธานก้มลงกระซิบข้างๆหู พระพายรู้สึกร้อนวูบที่หน้าทันที

“จะบ้ารึไง ใครจะไปเข้ากันกับคนอย่าง..คุณ” พระพายไม่ยอมรับ

“จะลองดูอีกรอบไหมล่ะ คราวนี้ถ้านายร้องเสียงดังกว่าครั้งที่แล้ว แปลว่าที่ฉันพูดคือเรื่องจริง”

“ไม่ ไม่ลอง” พระพายพยายามขืนตัวออกจากการกอดรัดของพิธาน

“พวกมึง กูกลับก่อนนะ” จู่ๆพิธานก็พูดขึ้นมาเสียงดังเพื่อให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ

“รีบกลับเชียวนะมึง” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา พิธานไม่พูดอะไรได้แต่ยกยิ้มเล็กน้อย

“เออๆ ไปเถอะ ไว้เจอกันอีกนะพระพาย”

             เพื่อนคนที่กำลังนั่งกินกับแกล้มพูดขึ้นบ้าง พระพายพยักหน้า รู้สึกอายไม่น้อยที่ต้องเป็นแบบนี้ อาการที่พิธานแสดงต่อหน้าเพื่อนๆนั้นทำให้ทุกคนรู้พระพายอยู่ในสถานะอะไร ยิ่งคิดยิ่งอยากดำดินหายไปจากตรงนี้แล้วไปโผล่ที่ประเทศอื่นแทน

“เดี๋ยวๆใครให้กลับ พระพายต้องกลับกับกู” เก้าพูดขึ้นมา ทำเอาคนอื่นๆถึงกับชะงัก

“เข้าใจผิดแล้ว พระพายต้องกลับกับฉัน...จริงไหมพระพาย?” พิธานเลื่อนมือมาโอบไหล่ของพระพาย ที่กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จ้องมองเก้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“คือ...” พระพายอ้ำอึ้ง

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพระพายจะกลับกับมึงก็ได้” จู่ๆเก้าก็ยอมแต่โดยดี พระพายเบิกตากว้างมองเก้าที่นั่งยิ้มให้

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกัน” พิธานว่าก่อนที่จะลุกขึ้นและดึงพระพายให้ลุกขึ้นตาม เก้าเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน

“เดี๋ยวไปส่ง” เก้าว่าอย่างนั้น ไคจึงลุกตามไปด้วย

        ทั้งสี่คนเดินออกมาจากบาร์ โดยที่พิธานเดินนำพระพาย เก้าและไคเดินตามหลังไป เมื่อทั้งสี่คนเดินมาถึงรถของพิธานเก้าก็รีบดึงพระพายมากอดทันที

“ไว้เจอกันนะมึง” เก้าว่าอย่างนั้น เพียงเท่านั้นไม่พอเก้ายังหอมแก้มพระพายฟอดใหญ่ต่อหน้าพิธานและไค พิธานนั้นดูจะอึ้งไม่น้อยส่วนไคนั้นผิวปากเบาๆ

        แต่เก้าไม่หยุดเพียงแค่นั้น ริมฝีปากของเก้าแตะลงบนริมฝีปากของพระพายเบาๆและรวดเร็ว พิธานยืนนิ่งมองภาพนั้นสายตาดูจะแข็งกร้าวขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะกลับเป็นปกติ ไคยิ้มกริ่มทันทีที่เห็นเก้าทำเช่นนั้นกับพระพาย เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเพียงนิดราวกับสนุกกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้า ด้านพระพายนั้นขนลุกไม่น้อยเมื่อรู้สึกถึงความนุ่มนิดๆจากปากของเก้าที่แตะลงมา

“ไว้เจอกันนะมึง ฝากด้วยนะพิธาน” เก้าว่าก่อนที่จะโบกมือให้ พิธานไม่พูดอะไรทั้งนั้น ขึ้นรถไปโดยที่พระพายพยักหน้าแล้วขึ้นรถตามพิธานไป

        เสียงปิดประตูฝั่งของพิธานดังลั่น รถถูกขับออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งไคและเก้ายืนมองอยู่ข้างหลัง เก้านั้นยิ้มสะใจเมื่อเห็นเช่นนั้น ดูท่าที่ทำๆไปจะกระตุ้มต่อมโมโหพิธานไม่มากก็น้อย ต้องรอดูผลลัพธ์จากนี้จากปากของพระพายว่าจะเป็นยังต่อไป..
    
*Lyrics : Real deal By Jessie J
   
+++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 10:13:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 11-11-2017 10:17:05
คิดถึงงงงงงงง ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: หิมะขาว ที่ 11-11-2017 15:31:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2017 15:40:31
โดนหนักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 11-11-2017 16:24:20
เก้าเล่นแบบนี้
ขอถาม พระพายจะตื่นในสภาพไหน
 :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-11-2017 19:07:40
เก้า เล่นอะไรระวังจะเข้าตัวเองนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-11-2017 19:09:21
เย้ๆๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 11-11-2017 21:52:34
เป็นนิยายที่อ่านแล้ว อยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆเลย
น่าดึงดูดมากๆค่ะ 
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 12-11-2017 01:35:58
ฮือออออออ พึ่งจะเห็ยว่ามีเรื่องใหม่
ติดตามๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 12-11-2017 19:05:29
เก้านี่ทำให้เพื่อนเดือดร้อนล่ะ 5555
โอ้ยย สงสารพระพายจัง เดี๋ยวได้โดนพิธานจัดหนักอีกรอบแน่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 12-11-2017 23:59:38
สงสารพระพาย จะเจออะไรแบบไหนอีกเนี้ย
หวังว่าจะไม่บอบช้ำเกินไปนัก

ปล.ชอบบรรยากาศเก้ากับไคมากเลยค่ะ อารมณ์มุ้งมิ้ง(สำหรับเรา)มากกก
แอบลุ้นตั้งแต่ตอนดวลเหล้ากันแล้วว่าเก้าตื่นมาจะเป็นยังไง
สรุปแล้วแค่แฮงค์เท่านั้น และพฤติกรรมไคที่ขอเป็นเพื่อนนี่ก็น่ารักซะไม่มี
ถึงจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วไคเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ก็หลงสองคนนี้ไปแล้วล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 13-11-2017 08:05:43
พระพายจะถึงตายมั้ยเนี่ยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...11 (11/11/17) P.5 กลับมาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-11-2017 21:30:15
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 18-11-2017 09:31:52
มาต่อแล้วค่ะ  :o8: อ่านคอมเม้นท์ตอนที่แล้วนี่ตกใจ ทุกคนกลัวพระพายจะเจ็บตัวมาก ฮ่าๆ อย่าเพิ่งคิดว่าพิธานใจร้ายเลยค่ะ ขอพื้นที่ให้พิธานหน่อย ฮ่าๆ พิธานออกจะน่ารักนะคะ ว่าไหม? ฮ่าๆ ขอบคุณที่ชื่นชอบไคและเก้ามากนะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะคะ เช่นเคยค่ะ ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไร ก็ขออภัยไว้ตรงนี้ก่อนเลยค่ะ มีอะไรก็บอกได้เลยนะคะ พร้อมแก้ไขและรับฟังค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  :mew1:


+++++++++++++++++++++

Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 12 Your kiss.


Do you mind if I steal a kiss?
จะเป็นอะไรไหม ถ้าหากฉันจะขโมยจูบของคุณ?
A little souvenir, can I steal it from you?
เป็นของฝากเล็กน้อย ขอขโมยมันจากคุณได้ไหม?
To memorize the way you shock me
เอาไว้เป็นความทรงจำว่าคุณทำฉันประหลาดใจแค่ไหน
The way you move it here
.กับท่าทางของคุณที่ขยับตรงนี้
Just  wanna feel it from you
แค่อยากจะรู้สึกถึงมันจากคุณ

“สนุกมากไหม?”

        จู่ๆไคก็ถามขึ้นมาหลังจากที่รถของพิธานขับออกไปแล้ว เก้าหันหลังกลับไปมองไคที่ยืนกอดอกอยู่ คำถามนั้นทำให้เก้ากำลังครุ่นคิดว่าไคคงจะรู้ทันแน่นอน

“เรื่องอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เก้าว่า พลางเดินเข้าไปยังบาร์แต่ไคกลับดึงแขนไว้

“อย่าทำเป็นไก๋ รู้นะว่ากำลังจะทำอะไร?”

“มึงเป็นอ่านใจคนได้รึไง ถึงรู้ว่ากูคิดจะทำอะไร”

“ทำแบบนี้คนที่แย่คือพระพายนะ” ไคว่า

“แย่ตรงไหน?”

“ก็แย่ตรงที่พิธานจะโกรธ แล้วจะไปลงที่พระพายยังไงล่ะ” เก้าที่ได้ยินจึงชะงักไปครู่ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยว่าพิธานอาจจะไประบายอารมณ์ใส่พระพายแล้วคนที่จะเจ็บตัวคือพระพายแน่นอน

“พิธานมันจะโกรธทำไม? มันสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันเสียหน่อย” เก้าแอบขอโทษพระพายอยู่ในใจ แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องรู้เรื่องของพิธานให้ได้มากที่สุด

“ก็ใช่ แต่พิธานเป็นคนหวงของมาก ไม่ชอบให้ใครไปแตะต้องของๆตัวเอง”

“หวงอะไร สองคนนั้นไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะหึงจะหวงกันได้ มึงเป็นเพื่อนของมันมึงก็น่าจะรู้นี่”

“ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่นายไม่รู้จักพิธาน นายไม่รู้หรอกว่าพิธานเป็นคนยังไง”

“ก็บอกกูมาสิว่ามันเป็นคนยังไง แล้วที่มันทำมันคิดอะไรของมันอยู่” เก้าขึ้นเสียงถามไค

“อยากรู้ใช่ไหม...ไปกับฉันไหมล่ะ แล้วจะบอกทุกเรื่องที่อยากรู้เลย”

“จะไปไหน ไม่ไปหรอก ถ้ามึงอยากบอกก็บอกมาตรงนี้เลย” เก้าดึงแขนออกเพื่อไม่ให้ไคจับไปนานกว่านี้

“ถ้าไม่ไปก็ไม่รู้นะ เลือกเอา” ไคว่า รอยยิ้มอย่างเหนือกว่านั้นสร้างความรำคาญใจให้แก่เก้าไม่น้อย

“มึงจะทำเรื่องให้มันยากทำไม บอกๆมาตรงนี้ก็จบ”

“พูดตรงนี้ไม่ได้ ยิ่งข้างในยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย”


        เก้าชั่งใจใช้ความคิดว่าจะทำอย่างไรดี สิ่งแรกคือไม่ไว้ใจไคอยู่แล้วเนื่องด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใสแต่เหมือนเคลือบแฝงไปด้วยอะไรสักอย่าง แต่ความอยากรู้เรื่องที่กำลังสงสัยก็มีอยู่มากเช่นกัน แต่ทางเลือกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น ยิ่งคิดยิ่งไม่รู้จะต้องทำอย่างไรดี เก้านิ่งเงียบไปอยู่นานโดยที่ไคยืนรออย่างใจเย็น

“ก็ได้ กูไปกับมึงก็ได้ แต่ถ้ามึงไม่บอกเรื่องจริงกับกูทั้งหมด กูเอาเรื่องมึงแน่” เก้าชี้หน้าไค

“คำไหนคำนั้น บอกก็คือบอก ไม่โกหกหรอก”

        ไคและเก้าเดินไปยังรถยนต์ของไคที่จอดอยู่ใกล้ๆ แน่นอนว่ารถแพงหูฉี่ขนาดนี้ทำเอาเก้าแอบตื่นเต้นตามประสาผู้ชายที่ชอบดูรถยนต์สวยๆราคาแรงๆแม้ว่าจะไม่มีปัญญาซื้อหรือเฉียดก้นเข้าไปนั่งบนเบาะก็ตาม

        รถขับออกไปช้าๆแม้จะดึกแล้วแต่ค่ำคืนในวันหยุดก็ยังคงคึกคักอยู่เช่นเดิม ระหว่างรอบนรถเก้าก็กดโทรศัพท์มือถืออ่านข่าวสารไปเรื่อยๆ ไม่อยากชวนคุยหรือมองหน้าไคที่ตอนนี้กำลังเอื้อมมือไปเปิดเพลงอยู่

“ชอบเพลงนี้ไหม?” ไคถามขึ้นทันทีที่เพลงสากลดังขึ้น

“เพลงอะไรวะ กูฟังไม่รู้เรื่อง”

“ฟังทำนองสิ”


        เก้าเลื่อนสายตาไปมองหน้าไคที่ตอนนี้กำลังเคาะนิ้วตามจังหวะเพลงพลางฮัมในคอเบาๆอย่างอารมณ์ดี เก้าเบะปากนิดๆหมั่นไส้ในท่าทางของไค

 “Oh na na ,just be careful na na .Love ain’t simple,na na .Promise me no promises.” ไคร้องตามเพลงที่กำลังเปิดอยู่ เก้ามองอย่างรำคาญ

“กูรู้ว่ามึงเป็นลูกครึ่ง ไม่ต้องกระแดะมาร้องให้กูฟังหรอก กูฟังไม่ออก”

“เพลงเพราะออก เปิดใจฟังหน่อยสิ” 

“แต่กูไม่ชอบแนวนี้”

“แล้วชอบแบบไหน?” ไคถาม

“กูชอบเพลงไทย ชอบอะไรที่มันไทยๆ”

“ไม่คิดจะลองอะไรที่มันไม่ไทยหน่อยเหรอ?”

“ไม่มีทางซะหรอก”

“อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ จริงไหม?”


        เก้าหยุดที่จะต่อปากต่อคำกับไค ก้มหน้าอ่านข่าวในโทรศัพท์มือถือต่อไปโดยที่ไคนั้นเหลือบมองเก้าเป็นระยะๆ โดยที่เก้าไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าตอนนี้ไคขับพามาที่ไหน รู้สึกตัวอีกทีรถก็จอดหยุดนิ่งแล้ว ไคดับเครื่องยนต์ลงพร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยออก

“ลงมาได้แล้ว”

        เก้าเดินลงมาจากรถ พบว่าเป็นลานจอดรถที่ไหนสักแห่ง ไคเดินก้าวยาวๆนำไปโดยไม่พูดอะไรกับเก้าที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างสงสัยแต่ก็เลือกที่จะเดินตามไปโดยไม่ถามอะไรออกไปสักคำ

        ไคเดินผ่านพนักงานต้อนรับที่ยืนยิ้มแย้มอยู่จากนั้นก็เดินเข้าไปในลิฟต์กดหมายเลขชั้นบนสุด เห็นได้ชัดว่าที่นี่ต้องเป็นห้องชุดหรือคอนโดอะไรสักอย่าง เก้ารู้โดยที่ไม่ต้องถามว่าไคนั้นได้พามาที่ห้องของตัวเองแน่นอน

“พากูมาห้องมึงทำไม?” เก้าถาม

“ก็สะดวกสุดแล้ว”

“สะดวกมึงสิ แต่ไม่สะดวกกู”

“เอาน่า ไหนๆก็มาถึงแล้ว จะบ่นก็ไปไร้ประโยชน์ล่ะนะ”

             ไคยิ้มพลางผิวปากฮัมเพลง เก้าส่ายหน้าอย่างรำคาญ คิดๆดูแล้วก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากกว่าความจำเป็น เพราะยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งสนิทมากกว่าเดิม เหมือนจะยิ่งซึมซับอะไรบางอย่างจากตัวของไคมากยิ่งขึ้นไปอีก

        ในที่สุดลิฟต์ก็มาหยุดตรงชั้นสูงสุด ซึ่งสังเกตได้ว่าชั้นนี้ทั้งชั้นมีแค่สองห้องเท่านั้นคือฝั่งซ้ายและขวา แปลว่าห้องๆหนึ่งกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งชั้น ซึ่งไม่ธรรมดาเลยหากจะครอบครองห้องที่มีพื้นที่กว้างขวางโดยที่ไม่มีเงินหนาพอ

        ไคใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป ไฟในห้องก็สว่างทันที เก้ามองห้องทั้งห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีสบายตาอย่างฟ้าขาว ให้ความรู้สึกผิดแปลกกับบุคลิกของไคเป็นอย่างมาก แต่เก้าก็ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่านั้นแล้วเพราะส่วนตัวไม่ได้เป็นคนชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งบ้าน มันดูหยุมหยิมและรายละเอียดเยอะเกินไป

“จะดื่มอะไรไหม เบียร์ก็มีนะ” ไคถามพลางเดินไปข้างในซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นครัว

“ก็เอาสิ” ของฟรีมีหรือคนอย่างเก้าจะไม่ชอบ

        ไคเดินออกมาพร้อมเบียร์กระป๋องสองกระป๋องสำหรับของตัวเองและเก้าคนละกระป๋อง เก้ารับมาเปิดฝาออกทันที ก่อนจะกระดกดื่มลงคออย่างรู้สึกสดชื่นในรสขมที่เจือหวานละมุนเบาๆตรงปลายลิ้น

“ว่ามา” เก้าเอ่ยขึ้นหลังจากดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่

“อยากรู้เรื่องอะไรล่ะ?” ไคถามพลางเดินไปยังระเบียงห้อง แสงไฟยามค่ำคืนเป็นจุดเล็กๆประปรายจนสว่างไปทั่ว เป็นวิวยามค่ำคืนในเมืองที่แสนวุ่นวายแห่งนี้ เก้าเดินตามออกไปพร้อมๆกับที่มีลมพัดมาพอดี ความเย็นของสายลมนั้นทำเอาสดชื่นพอๆกับเบียร์ที่กำลังดื่มอยู่ไม่มีผิด

“ทำไมเพื่อนมึงถึงทำเรื่องแบบนั้นกับพาย” คำถามแรกที่เก้าตั้งใจจะหว่านไปแบบกว้างๆ

“ทำแบบไหนล่ะ?” ไคถามกลับ

“มึงรู้เรื่องไม่ใช่รึไง อย่าทำเป็นไม่รู้เหอะ”

“เรื่องที่ทำให้พระพายยอมน่ะเหรอ ไม่รู้เยอะขนาดนั้นหรอก แต่รู้ว่าเป็นวิธีที่ไม่ดีเท่าไหร่”

“ไม่ใช่ไม่ดีเท่าไหร่ เรียกว่าเลวระยำเลยดีกว่า” นึกถึงเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้ที่เก้าจะของขึ้น

“ก็รู้ แต่ปกติพิธานไม่เคยบังคับใครให้ทำเรื่องนั้นมาก่อน ก็แปลกใจเหมือนกันที่ยอมทำเรื่องแบบนั้นได้” ไคว่า พลางดื่มเบียร์ไปด้วย

“มีเหตุผลนอกเหนือจากนี้เหรอ?” เก้าเริ่มตะล่อมถาม

“พิธานแค่บอกว่าถูกใจ ไม่อยากปล่อยไป” น้ำเสียงเรียบๆบวกกับท่าทีเฉยๆของไค ทำเอาเก้าแปลความหมายไม่ถูกว่าตอนนี้กำลังคิดอะไร

“ดูไม่น่าเชื่อว่ะ คนเราแค่ถูกใจจะทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ถ้าคนอื่นไม่รู้แต่ถ้าพิธานก็ไม่แน่ เพราะเป็นคนยึดติดมาก มากจนบอกไม่ถูกเลย” สายตาของไคนั้นดูเหมือนไม่ได้ตำหนิพิธานแต่อย่างใด ราวกับกำลังพูดถึงน้องชายที่ตัวเองปลาบปลื้มก็ไม่ผิด

“มึงดูจะชื่นชมเพื่อนมึงนะ มึงไม่คิดจะห้ามมันหน่อยเหรอ สิ่งที่มันทำไม่ใช่เรื่องถูกต้อง”
 
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?” ไคถามเก้า

“ก็ไม่รู้ แค่คิดไปเองมั้ง” เก้าว่า

“ถึงพิธานจะดูนิ่งๆและเฉยชา แต่จริงๆไม่ใช่เป็นอย่างที่แสดงออกหรอกนะ”

“จะบอกว่ามันเป็นสุภาพบุรุษผู้นุ่มนวลชวนฝันรึไง?” เก้าหัวเราะออกมา ฟังจากที่พระพายเล่าถึงรสนิยมของพิธานแล้ว ไม่น่าจะมีเศษเสี้ยวแห่งความละมุนเลยสักนิด

“ถ้าบอกแบบนั้นจะเชื่อไหมล่ะ?” ไคหันมามองหน้าเก้าเหมือนรอคำตอบ

“กูไม่เชื่อหรอก”

“นี่จะมาถามใช่ไหมว่าพิธานรู้สึกยังไงกับพระพาย?” ในที่สุดไคก็พูดออกมาจนได้

“พูดอะไรของมึง กูไม่ได้จะถามเรื่องนั้น แค่สงสัยว่าทำไมเพื่อนมึงถึงสนใจเพื่อนกูก็เท่านั้นแหละ”

“ใช่เหรอ ดูจากที่พยายามปั่นหัวพิธานคงน่าจะจริงอยู่หรอก” ไคยิ้มออกมา ช่างเป็นยิ้มของคนที่รู้ทันจริงๆ

“มีใครเคยบอกมึงไหม ว่ารอยยิ้มมึงกวนตีนจนน่าโดนต่อย” เก้ารีบชวนหาเรื่องเพื่อเปลี่ยนบทสนทนาทันที

“ไม่มีนะ มีแต่คนบอกว่าน่ารัก”  พูดไปก็ยิ้มไปยิ่งทำให้เก้ารำคาญหนักกว่าเดิม

“น่ารักกับผีน่ะสิ ดูหนังหน้าตัวเองด้วยว่าน่ารักตรงไหน”

“นายก็เหมือนกัน ทำไมไม่ยิ้ม เห็นชอบทำหน้าหงุดหงิดประจำ”

“ก็เวลาเห็นหน้ามึงแล้วมันหงุดหงิด” เก้ายิ้มแบบกวนประสาทใส่ไค

“เอาล่ะ หมดเรื่องจะถามแล้ว ต่อไปก็ตาฉันถามบ้าง” ไคว่า

“มึงจะถามอะไร?”

“มีแฟนรึยัง?” จู่ๆไคก็ถามออกมา เก้าหันมองหน้าขวับทันที

“ถามใคร ถามกูเหรอ?”

“ก็อยู่กันสองคน ถามคนอื่นได้รึไง” ไคพูด

“แฟนกูเยอะแยะไป นอนกับใครคนนั้นก็แฟน” เก้ายักไหล่ตอบคำถามนั้น

“ชอบแต่ผู้หญิงเหรอ?” คำถามที่ทำเอาเก้าชะงัก

“ก็เออนะสิ กูไม่ชอบผู้ชายหรอกนะ เสียดายของ”

“ใครบอก ยังไงก็ได้ใช้งานเหมือนกันนะ” ไคยิ้มมุมปาก

“กูไม่อยาก ไม่ชอบ เข้าใจไหม” เก้ากระแทกเสียงใส่

“แล้วตอนจูบกับพระพายล่ะ เห็นยังทำได้เลย”

“จูบกับเพื่อน ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย” เก้าว่า

“แล้วถ้าจูบกับคนที่ไม่ใช่เพื่อนล่ะ?” ไคถามขึ้นมา

“ตลก จ้างให้กูก็ไม่ทำหรอก” เก้าว่าพลางทำท่าขนลุก


        ไคเงียบไปก่อนที่จะวางกระป๋องเบียร์ลงบนพื้นข้างๆเท้า เก้าที่ไม่ได้สนใจอะไรกลับมองท้องฟ้าอันมืดมิดข้างหน้าพร้อมสายลมที่พัดเอื่อยๆปะทะใบหน้า รู้สึกตัวอีกทีใบหน้าของไคก็เข้ามาอยู่ใกล้แล้ว ใกล้จนริมฝีปากชนกัน ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆออกมาจากตัว
 
        ความนุ่มหยุ่นนั้นทาบทับลงมา ลมหายใจอุ่นๆรดตรงปลายจมูก เก้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ เผลอปล่อยกระป๋องเบียร์ตกลงพื้น เบียร์หกกระจายตรงใกล้เท้าแต่กระนั้นเก้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น พยายามผลักลูกครึ่งร่างสูงกว่าตนให้ออกไปให้ห่างที่สุดแต่พละกำลังคนตรงหน้าดูจะเหนือกว่ามาก

        ไคพยายามแลบเลียริมฝีปากของเก้า มือนั้นยึดแขนของเก้าไว้ไม่ให้เก้าขัดขืนหรือผลักตนออกให้ห่าง ไคใช้แรงเยอะเลยทีเดียวว่าจะทำให้เก้าหมดทางสู้ได้

“อื้อ....อื้อ”


             เก้าเริ่มอู้อี้อย่างไม่ยอมแพ้ เท้านั้นพยายามจะกระทืบเท้าของไคให้ได้ แต่ดูเหมือนไคจะรู้ทัน หลบเท้าได้อย่างรวดเร็วจนเก้านึกโมโหที่ไครู้ทันเสียทุกเรื่อง เก้าดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้ไคหยุดแต่เหมือนยิ่งดิ้นยิ่งทำให้ไคสนุกมากขึ้น โดยที่เก้าไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งปฏิเสธยิ่งไม่อยากทำ ยิ่งทำให้ไคนั้นอยากจูบให้หนักกว่าเดิมเสียอีก

   สู้รบกันอยู่หลายนาทีจนในที่สุดไคก็ยอมปล่อย เก้าหอบหายใจหน้าแดงก่ำเพราะความเหนื่อยและความโมโหผสมรวมกันหมด เมื่อไคปล่อยมืออกเก้าก็ไม่รอช้ารีบง้างหมัดเพื่อจะซัดหน้าไคทันที

“เดี๋ยวๆ นี่ยังเหนื่อยไม่พอรึไง” ไคว่าพลางจับหมัดนั้นไว้พอดิบพอดี

“มึงแม่ง ไอ้เลว จูบกูทำไมวะ” เก้าตะโกนถามอย่างโมโห

“แค่จูบนิดหน่อยเอง จะอะไรหนักหนา นี่ถ้าได้นอนด้วยกันไม่เอามีดแทงกันตายเลยรึไง” ไคว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี โดยที่ไม่ได้สนใจสักนิดว่าเก้าจะอารมณ์ดีหรือไม่ดีอย่างไร

“แล้วมึงมาจูบกูทำไม เหี้ยเอ้ย”

“ก็เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆ สำหรับการตอบคำถามของเรื่องพิธานไง”

“คนอย่างมึง ทำอะไรก็หวังผลตอบแทน ไอ้คนเลว”

“นิดๆหน่อยๆเอง ไม่ได้เสียหายตรงไหนนี่ จริงไหม?” ไคว่า

“จูบกูแล้วได้อะไร กูไม่มีนมไม่ใช้ผู้หญิงโว้ย” เก้าโวยวายอย่างเหลืออดในคำพูดของไค

“ก็แค่อยากจูบ อยากเห็นเวลาดิ้นพล่านๆ ดูสนุกไม่น้อย” ไคพูดด้วยรอยยิ้มกว้างจนเก้าเลือดขึ้นหน้า

“มึงก็โรคจิตเหมือนเพื่อนมึงนั่นแหละ สันดานเหมือนกัน” เก้าว่า นึกถึงพระพายที่โดนบังคับทำเรื่องแบบนั้น

“ไม่เหมือนหรอก เพราะถ้าเหมือนคงจะไม่โดนแค่จูบแน่” ไคพูดอีกทั้งยิ่งรัดตัวของเก้าให้แน่นขึ้นไปอีก

“ปล่อยเลยมึง ปล่อยกู” เก้าร้องพลางดิ้นเพราะตอนนี้ถูกไครวบตัวอยู่ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กเหลือเกินเมื่อเทียบกับรูปร่างของไคไม่มีทีท่าจะสู้คนๆนี้ได้เลย

“ปล่อยแน่ แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่ต่อย” ไคบอก

“ไม่!!”

“ถ้าต่อยอีก คราวนี้มากกว่าจูบอีกนะ”
 
“ปล่อยกู!!” เก้าไม่ยอมยังคงดิ้นอยู่อย่างนั้น

“รู้ใช่ไหมว่าเป็นคนพูดจริงทำจริง” เสียงเบาๆที่กระซิบที่หูของเก้า ดูจริงจังและเป็นความจริงอย่างรู้สึกได้ เก้าจึงค่อยๆหยุดการดิ้นรนเพียงเท่านั้น

“ก็ได้ กูจะไม่ต่อยมึง” เก้าพูด ไคจึงยอมปล่อยทันที

“แต่ไม่สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายมึง” เก้าพูดเท่านั้นก่อนที่จะเตะหน้าแข้งของไคอย่างเต็มแรง

“โอ๊ย!!” ไคร้องออกมา เก้ารีบวิ่งออกมาทันที

“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้มึงมาจูบกูล่ะ”

 
        เก้าวิ่งออกมาจากห้องของไคอย่างรวดเร็วพลางใช้หลังมือถูปากของตัวเองไปด้วย แต่ยิ่งถูเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันจะติดแน่นยิ่งกว่าเดิม และที่น่าแปลกใจ...ก็ไม่ได้รู้สึกขนลุกอะไรขนาดนั้น ตอนจูบพระพายยังรู้สึกขนลุกเล็กน้อย แต่ที่ไคทำเมื่อครู่นี้ไม่ได้รู้สึกอย่างที่จูบกับพระพาย

“เจอรอบหน้า จะต่อยให้หน้าหงายเลยคอยดู”


             เก้าพูดพลางเดินออกมาจากตึก เงยหน้ามองไปยังชั้นบนสุดที่สูงลิ่ว แล้วเดินไปโบกแท็กซี่กลับที่พัก โดยที่ยังคิดถึงเรื่องที่โดนบังคับจูบจากไค ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกโมโห เสียจูบให้ผู้ชายแถมยังเป็นคนที่เกลียดขี้หน้าอีก ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
ด้านไคนั้นยังคงลูบหน้าแข้งที่เพิ่งโดนเตะไปหมาดๆทั้งที่เจ็บตรงที่ถูกเตะ แต่ไคกลับยิ้มออกมา การปราบม้าพยศคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับไคอยู่ดี ทั้งที่เจ็บแต่ก็รู้สึกสนุก เก้าเป็นคนที่ยิ่งแกล้งยิ่งมีสีสัน หน้าตาตอนโมโห ยามที่ด่าเสียงดังโวยวาย น่าจะปราบให้อยู่หมัด หากทำให้เสือที่ดุร้ายเช่นนั้นตกอยู่ใต้อาณัติกลายเป็นแมวเชื่องๆได้ ก็คงน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว...


*Lyrics : Feels By Calvin Harris ft. Pharrell Williams, Katy Perry, Big Sean




   
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-11-2017 11:23:08
ก้าวจะหนีไคได้นานแค่ไหนนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-11-2017 11:34:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-11-2017 14:55:43
โอ้ย อุณภูมิเรื่องนี้ช่างร้อนฉ่าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-11-2017 17:32:42
ระวังจะโดนปราบซะเองนะพ่อเสือ.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 18-11-2017 17:56:58
ไค กับ เก้า กลายเป็นมวยถูกคู่ไปซะแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-11-2017 18:02:05
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 19-11-2017 20:59:37
คนละอารมณ์กับกวินเลย5555
แต่เดาๆว่าถ้าได้รักกันแล้ว ต้องพอๆกันแน่เลย อิอิ
ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-11-2017 23:49:52
แอบเชียร์คู่นี้อยู่เบาๆ :m13:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fayful ที่ 23-11-2017 03:06:57
รออยู่นะคะ รีบมาต่อเร็วๆนะ :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...12 (18/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 23-11-2017 11:30:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 25-11-2017 11:15:55
มาต่อตอนที่ 13 แล้วค่า  :-[ พิธานมาแล้วนะคะ หลังจากเปิดโอกาสให้คู่ไคเก้าทำคะแนนไปก่อน ตอนนี้พระพายจะโดนอะไรบ้างนะ? ลองไปดูกันค่ะ มีคนอ่านเม้นท์ว่าพิธานคนละอารมณ์กับกวินเลย กวินเค้าเป็นคนดีค่ะ ฮ่าๆ แล้วพิธานไม่ดีเหรอ เอ๊ะ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าไปอ่านกันนะคะ ถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยไว้ตรงนี้เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ฝากพิธานกับพระพายด้วยค่ะ ไว้เจอกันนะคะทุกคน รัก  :bye2:
+++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 13 I feel it.

Tell me what you really like
บอกผมสิว่าจริงๆคุณชอบแบบไหน
Baby I can take my time
ที่รัก เราค่อยใช้เวลาก็ได้
We don’t ever have to fight
เราอย่าทะเลาะกันเลย
Just take it step-by-step
แค่ค่อยเป็นค่อยไป
I can see it in your eyes
ผมเห็นนะในดวงตาของคุณ
Cause they never tell me lies
เพราะดวงตาไม่เคยโกหกผมได้เลย
I can feel that body shake
ผมรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทา
And the heat between your legs
และความร้อนรุ่มตรงระหว่างขาของคุณ

   
        พิธานขับรถออกด้วยความเร็ว เหยียบคันเร่งเสียแทบจะมิดจนพระพายที่นั่งข้างๆได้แต่นั่งเงียบๆ รู้สึกได้ถึงความโกรธที่กำลังแผ่ออกมาจากตัวพิธาน แม้ใบหน้านั้นจะยังคงนิ่งไม่ไหวติงแต่สายตานั้นดูเกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงลานจดรถของคอนโดเดิมที่พระพายมาเมื่อครั้งก่อน

        พิธานเดินลงมาจากรถด้วยความเงียบ มองตรงไปยังข้างหน้าโดยไม่หันมามองเลยว่าพระพายจะเดินตามทันหรือไม่ ช่วงขานั้นก้าวยาวเสียจนพระพายต้องเร่งเท้าให้เดินทันพิธาน เมื่อขึ้นลิฟต์ได้แล้วพระพายก็หายใจเข้าออกเร็วๆเพราะแอบเหนื่อย พิธานยังคงเงียบกริบ ไม่ยอมพูดหรือเข้าใกล้พระพายเลยแม้แต่น้อย

        จนในที่สุดก็มาถึงห้องได้เสียทีโดยที่เปลืองพลังงานไม่ใช่น้อย พิธานยังคงเดินเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ สแกนคีย์การ์ดเข้าห้องโดยไม่เหลียวไปมองพระพายที่เดินตามหลังมาเลย พระพายนั้นรู้สึกอึดอัดไม่น้อย

“เอ่อ...” พยายามจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความอึดอัดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

“มีอะไร?” คำพูดสั้นๆแต่น้ำเสียงฟังแล้วดูเหวี่ยงไม่น้อย

“คือว่า...คือ” พระพายหาประโยคแก้ขัดไม่ได้ในทันที

“จะพูดเรื่องเพื่อนที่ชื่อเก้าเหรอ?”

“ก็..ไม่”

“สรุปไม่ใช่เพื่อนกันจริงๆใช่ไหม?” จู่ๆพิธานก็เอ่ยถามขึ้นมา

“ว่ายังไงนะ?”

“ไม่เข้าใจที่ถามไปรึไง มันไม่ใช่เพื่อนใช่ไหม?” เสียงของพิธานเริ่มดังขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

“เป็นเพื่อนกันจริงๆ” พระพายพยายามอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

 “ใครจะไปรู้ เห็นจูบเห็นทำกันเสียขนาดนั้น”

“ก็แค่..สนิทกันมากก็เท่านั้น”


            พระพายพยายามหาข้อแก้ต่าง พลางนึกไปถึงตอนที่เก้าบอกแผน ว่าให้อยู่เฉยๆ ทำตัวไหลตามน้ำ ทำอะไรก็ไม่ต้องหือไม่ต้องอือ นั่นคือสิ่งที่เก้าบอกไว้ก่อนเข้าไปในผับ

“แต่ฉันกับไคไม่เคยทำแบบนั้น” เสียงของพิธานยังคงแข็งเหมือนเดิม

“แล้วถ้าผมทำแบบนั้นกับเก้าแล้วจะทำไม ในเมื่อคุณกับผมเราไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าคู่นอน” พระพายย้ำถึงสถานะที่ตอนนี้กำลังเป็นอยู่ของทั้งสองคน

“ใช่ เราเป็นแค่คู่นอนกัน แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ระหว่างที่กำลังนอนกับฉันก็อย่าคิดจะไปนอนอ้าขาให้ใครทำล่ะ”

“ผมไม่ได้เป็นคนสำส่อนขนาดนั้นหรอก” พระพายพูดออกมา ไม่พอใจไม่น้อยที่พิธานพูดจาออกมาเช่นนั้น

“ใครจะไปรู้ ระหว่างนี้นายอาจะไปนอนกับคนอื่นมาก็ได้” สายตามองต่ำนั้นราวกับดูถูกดูแคลนพระพายก็ไม่ผิดนัก

“ถ้าจะมาดูถูกกันขนาดนี้ก็ไม่ต้องทำมันหรอกคืนนี้ ปล่อยผมไปนอนกับคนอื่นอย่างที่คุณว่าเถอะ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อมันจะสนุกกว่านอนกับคุณ”


         พระพายทำท่าจะเดินออกจากห้อง รู้สึกโมโหจนควันออกหู พิธานไม่มีทางรู้ได้เลยว่านอกจากพิธานแล้วพระพายไม่สามารถจะนอนหรือทำเรื่องอย่างว่ากับใครได้อีก ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตามก็ไม่สามารถที่จะเติมเต็มความต้องการความปรารถนาอันเร่าร้อนนั้นได้นอกจากพิธาน แต่คำพูดและสายตาที่แสนจะดูถูกนั้นทำเอาพระพายเจ็บใจไม่น้อย เจ้าตัวไม่รู้อะไรในตัวของพระพายเลย

“หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด” พิธานตะเบ็งเสียงออกคำสั่ง

“แล้วจะทำไม ในเมื่อคิดว่าผมสำส่อนนี่ นี่ไง กำลังจะไปทำอย่างที่คุณว่าอยู่นี่ไง” พระพายเองก็ขึ้นเสียงไม่เบาไปกว่าพิธานเลย


        พิธานเหมือนจะคิดได้หลังจากที่พระพายพูดเช่นนั้นออกมา ทั้งสองคนเงียบไปอยู่ครู่ใหญ่ เป็นความเงียบที่ราวกับกำลังใช้ความคิด พระพายเมินหน้าไปยังประตูห้องและกำลังถามตัวเองว่าเหตุใดถึงหัวเสียกับคำพูดของพิธานขนาดนี้ ทำไมถึงต้องโกรธเมื่อพิธานใช้คำพูดเหมือนจะกล่าวหาว่าเขานั้นไปทำเรื่องเช่นนั้นกับคนอื่นมาก็ไม่มีผิด

“อย่าไป...” พิธานเอ่ยขึ้นมาเบาๆหลังจากที่เงียบไปหลายนาที

“พูดว่าอะไรนะ?” พระพายหันไปถามพิธานที่ยืนหน้านิ่ง

“บอกว่าอย่าไป ฉันไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้น” พิธานเอ่ยขึ้นมาพลางจ้องหน้าของพระพายที่กำลังจ้องกลับเช่นกัน

“ทำไมถึงห้าม?”

“ฉันไม่รู้ แต่ตอนนี้นายต้องห้ามเดินออกไปจากตรงนี้”


        พิธานเดินเข้าไปหาพระพายก่อนที่จะดึงมือพระพายให้เดินตามมา พระพายที่ยังรู้สึกโมโหอยู่แต่ก็ยอมเดินตามพิธานไปแต่โดยดี พิธานพาเดินไปยังห้องนอนและให้พระพายนั่งลงบนเตียง

“โกรธเหรอ?” พิธานนั่งลงข้างๆพลางถาม

“ผมมีสิทธิ์โกรธด้วยรึไง” พระพายหันหน้ามองไปทางอื่นที่ไม่ใช่พิธาน

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่านายแบบนั้น” เสียงนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พระพายยังคงเงียบอยู่เช่นนั้นไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“ฉันต้องทำยังไงเราถึงกลับมาเป็นปกติ” พิธานเอ่ยถาม พระพายคิดอยู่ในใจว่าการเอ่ยคำขอโทษนั้นมันยากเกินไปหรือพิธานกำลังหาคำพูดแบบไหนในการพูดขอโทษอย่างไม่อย่างเสียศักดิ์ศรี

“ขอโทษ”


        จู่ๆคำสั้นๆนั้นก็ออกมาจากปากของพิธาน ทำเอาพระพายตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าคนอย่างพิธานที่ในที่สุดจะยอมพูดคำนี้ออกมา พระพายเม้มปากอย่างชั่งใจก่อนที่จะหันไปมองพิธานที่ตอนนี้กำลังจ้องมองรออยู่แล้ว

“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว ฉันยอมพูดออกมาแล้วนี่ไง” พิธานเหมือนจะรู้ว่าจริงๆแล้วพระพายกำลังรอคำขอโทษอยู่

“ครั้งต่อไปถ้าขืนพูดแบบนี้อีกผมได้ชกหน้าคุณแน่” พระพายว่า

“โหดขนาดนั้นเลย?” พิธานเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ

“จะลองไหมล่ะ?”


        พระพายยกมือขึ้นพร้อมกำหมัดและเหวี่ยงโดยใช้แรงเยอะพอควร พิธานรีบคว้าแขนไว้ในทันทีพร้อมกับดึงพระพายเข้ามาหาตัวเอง ฉกจูบโดยไม่ทันให้พระพายได้ตั้งตัวหรือปฏิเสธได้ พระพายเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าพิธานจะจูบลงมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่พระพายตกใจ จากนั้นก็กลับหลับตาลงยอมรับจูบของพิธานอย่างยินยอม

        เหตุการณ์เมื่อครู่นี้บ่งชี้เห็นชัดถึงความรู้สึกที่มีมากขึ้น มันมากกว่าความสัมพันธ์ที่เป็นแค่เพียงคู่นอน มันให้ความรู้สึกที่มากกว่านั้น พระพายรู้สึกเสียใจกับคำพูดที่รุนแรงของพิธาน รู้สึกได้ว่าเสียใจจนถึงขั้นโมโหที่พิธานพูดจาเช่นนั้น แต่เมื่อพิธานขอโทษความโกรธทั้งหมดกลับหายไปอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้พระพายรู้สึกได้ว่าความรู้สึกนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนไปทีละน้อยในทุกๆครั้งที่พบกับพิธาน เปลี่ยนไปจนเริ่มกลัวใจตัวเอง กลัวจะถลำลึกไปมากกว่านี้

        จูบที่เริ่มลึกซึ้งมากขึ้น จูบที่ทำลายกำแพงความโมโหทำให้พระพายเริ่มโอนอ่อน พิธานค่อยๆดันพระพายลงบนเตียงนอนเริ่มถอดเสื้อผ้าของพระพายทีละชิ้นๆจนในที่สุดพระพายก็เปลือยเปล่า พิธานผละออกมายืนอยู่ตรงปลายเตียงก่อนจะกวาดสายตามองร่างทั้งร่างของพระพายที่ตอนนี้กำลังเปลือยกาย รอยยิ้มกริ่มแสดงถึงความพอใจ

“วันนี้อยากเล่นอะไรดีล่ะ?” พิธานเอ่ยถาม พระพายได้แต่หน้าแดงก่ำเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี

“ถ้าไม่ตอบก็ตามใจฉันแล้วกัน”


        พิธานเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของตนเอง หยิบกล่องสีขาวกล่องเดิมที่เคยใช้ครั้งที่แล้ว ซึ่งพระพายอยากตั้งชื่อให้กล่องนั้นว่ากล่องหรรษาของนายพิธานเหลือเกิน ตอนนี้ได้แต่ลุ้นอยู่ในใจว่าวันนี้จะโดนชิ้นไหน และแอบตื่นเต้นไม่น้อยว่าจะรู้สึกแตกต่างจากไรดิ้งครอปอันที่แล้วมากน้อยเพียงใด

        ของหน้าตาเดิมๆอย่างถุงยางอนามัยสำหรับนิ้วและถุงยางอนามัยแบบปกติ กุญแจมือและโซ่เชือกหนังแบบต่างๆแต่ชิ้นสุดท้ายที่พิธานหยิบขึ้นมาคืออุปกรณ์ชิ้นหนึ่งซึ่งลักษณะเหมือนไม้ตีปิงปองที่เล็กกว่าที่เห็นในเวลาปกติ เป็นไม้สีดำสนิทขนาดพอดีมือของพิธาน

“จะอาบน้ำก่อนไหม?” พิธานถามพระพายที่นอนอยู่

“ยังไงก็ได้” พระพายว่า

“ไว้อาบตอนเสร็จก็แล้วกัน”


        พิธานยิ้มออกมานิดๆก่อนที่จะใช้กุญแจมือล็อคมือของพระพายไว้แต่คราวนี้ไม่ได้มีการมัดขึงแต่อย่างใด อาจจะเพราะพระพายดูยินยอมพร้อมใจไม่เหมือนครั้งก่อนครั้งนี้การพันธนาการจึงไม่ได้เยอะแยะเกินกว่าที่พระพายจะรับไม่ได้ แต่วันนี้มีของเล่นชิ้นแปลกตาชิ้นเล็กอันหนึ่งที่พิธานหยิบขึ้นมาด้วยโดยที่พระพายไม่ทันเห็นว่าหยิบมาตอนไหน

“รู้ไหมนี่อะไร?” พิธานยื่นให้พระพายดูแน่นอนว่าพระพายส่ายหน้าแทบจะในทันที ของชิ้นนั้นมีลักษณะเห็นเป็นห่วงซิลิโคนดูนุ่มนิ่ม

“เขาเรียกว่าห่วงรัดโคน มันจะทำให้สนุกได้นานขึ้นไง”


             พูดจบพิธานก็จัดการเทเจลลงตรงส่วนนั้นจนชุ่ม แล้วสวมห่วงรัดโคนกับถุงบอลที่อ่อนตัวเข้าไปข้างหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยๆสวมอีกข้างและดึงแกนกลางของพระพายที่ยังคงนอนนิ่งลอดระหว่างห่วงเข้าไป รูดห่วงนั้นให้อยู่ตรงโคนของพระพายแบบพอเหมาะพอเจาะ แน่นอนว่าความรู้สึกที่โดนกระทำนั้นทำพระพายรู้สึกแปลกๆ

“อึดอัดรึเปล่า?” พิธานถามด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ต้องการคำตอบเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องอึดอัดแน่นอนทั้งที่ตอนนี้ส่วนนั้นยังคงปวกเปียกอยู่ก็ตามแต่ก็ให้ความรู้สึกไม่สบายอยู่ดี

“ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่ก็บอก” พิธานพูดต่อ

“จะเอาออกให้เหรอ?” พระพายถาม รู้สึกว่าพิธานใจดีกว่าที่คิด

“ไม่ จะยิ่งทำให้มันแน่นขึ้นไปอีกต่างหาก”


             แม้พิธานไม่ได้พูดแต่ก็รู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆว่าบทลงโทษกำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน สัญชาตญาณของพระพายบอกกับตัวเองเช่นนั้น พระพายเม้มปากอย่างนึกโมโหที่พิธานพูดขอโทษนั้นราวกับแกล้งหลอกให้ตายใจในตอนแรกและมาเชือดกันทีหลังเช่นนี้ ช่างร้ายกาจได้คงเส้นคงวาจริงๆ

        อีกอย่างที่กำลังนึกหวั่นใจคือคืนนี้พิธานไม่ได้ใช้ผ้าปิดตาซึ่งนั่นกำลังสร้างความกังวลใจไม่น้อย เพราะหากปิดตาเมื่อไหร่พระพายจะไม่ต้องเห็นการเคลื่อนไหวหรือใบหน้าของพิธาน แล้วถ้าหากไม่ปิดตา...จะเป็นเช่นไร

        พิธานเริ่มถอดเสื้อผ้าออก ร่างกายกล้ามเนื้อที่แม้ได้เห็นมาแล้วก็จริงแต่ไม่เคยชินสักครั้ง พระพายเบือนหน้าหนีเพราะยิ่งมองยิ่งรู้สึกอาย แต่หากหางตาก็ยังไม่วายไม่เป็นดั่งใจแอบเหลือบมองไปยังส่วนกลางร่างกายของพิธานที่ไม่ได้แข็งขืนเท่าไหร่นักแต่ก็ยังรู้สึกว่าใหญ่โตกว่าตนมากอยู่ดี

        พระพายร่นถอยเล็กน้อยเมื่อพิธานก้มตัวลงมา ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน ลิ้นทั้งสองกระหวัดกันอย่างไม่ยอมแพ้ ยิ่งพิธานกวาดลิ้นลึกเข้าไปเท่าไหร่ พระพายเองก็ตอบสนองกลับทันที จูบที่ส่งเสียงเบาๆ บ่งบอกถึงความต้องการที่กำลังค่อยๆเกิดขึ้น น้ำลายใสๆไหลลงมุมปากของพระพายเพราะจูบที่ดุเดือด

        มือของพิธานลูบไล้สีข้างของพระพายไปมาอย่างช้าๆ พระพายเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกแปลกๆเมื่อถูกลูบไล้เช่นนั้น สายตาของพิธานที่จ้องมองพระพายนั้นราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวเพราะเหตุนี้ทำให้พระพายจึงเอ่ยขอร้องพิธาน

“เอ่อ...ขอผ้าปิดตาได้ไหม?”

“ทำไมล่ะ?” พิธานถาม ปากนั้นยังคงพรมจูบที่ซอกคอ

“คือ...” พระพายไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาบอกดี ว่าความจริงแล้วไม่กล้าสบสายตาคนตรงหน้า อยากปิดตาไม่มองให้เห็นถึงสายตานั้นเสียดีกว่า

“อายเหรอ?” พิธานถาม คราวนี้จ้องมองเข้าไปในตาของพระพายที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาทีละน้อย

“ปะ...เปล่าเสียหน่อย” พระพายเมินหน้าหนีทันที แต่พิธานยังคงไม่ยอม จับคางของพระพายให้หันมามองหน้าตนตรงๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองมองตากันตรงๆสิ”


        พิธานจ้องมองเข้าไปในดวงตาของพระพาย โดยที่พระพายเองก็ไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้เช่นกัน เงาที่สะท้อนในดวงตาของพิธานนั้นเป็นใบหน้าของตนเองอย่างชัดเจนนั้นยิ่งทำให้พระพายยิ่งรู้สึกแปลกๆ สายตาที่พิธานส่งมานั้นดูล้ำลึกราวกับจะบอกอะไรสักอย่างแต่มันก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก พิธานก้มลงจูบริมฝีปากของพระพายอีกครั้งอย่างไม่รู้จักพอ

        ผ่านไปหลายนาทีกว่าพิธานจะหยุดจูบริมฝีปากของพระพายของเริ่มบวมเจ่อ พิธานจึงยอมผละออกและเริ่มไล้ใบหน้าลงมายังแผ่นอก มองเห็นยอดอกโดดเด่นอยู่ในสายตา พิธานก้มลงจูบก่อนที่จะดูดดึงด้วยริมฝีปาก โลมเลียด้วยลิ้นฉกระรัวจนพระพายต้องแอ่นอก เสียวซ่านจนต้องยอมรับว่าปลุกเร้าอารมณ์ให้โหมกระหน่ำขึ้นมากกว่าเดิม

        พิธานหยอกล้อที่หน้าอกอยู่ไม่นานนักจากนั้นก็เลื่อนใบหน้าลงยังหน้าท้อง จูบหนักๆพลางดูดเม้มจนเป็นรอยแดงก่ำตรงบริเวณนั้น จากนั้นพิธานก็มาถึงจุดกลางร่างกายของพระพายที่ตอนนี้เริ่มชูชันขึ้นมาแล้วและห่วงรัดก็เริ่มตึงขึ้นทีละเล็กละน้อย

“รู้สึกไวเหมือนเดิมนะ”


        พิธานพูดเสียงเบาๆแต่มีหรือที่พระพายจะไม่ได้ยิน รู้สึกหน้าเห่อร้อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น จะโทษพิธานก็ไม่ถูกที่ทำให้ตนนั้นกลายเป็นคนมักมาก แต่พระพายก็โทษตัวเองด้วยเช่นกันที่ไม่อาจจะหักห้ามความต้องการภายในกายที่พร้อมจะแสดงออกมาตลอดเวลาที่ถูกเล้าโลม

        จมูกของพิธานแตะเข้าตรงส่วนนั้นของพระพาย ลมหายใจที่เป่ารดทำเอารู้สึกสั่นไปทั้งกาย แต่พิธานก็หยุดทุกอย่างลงและเงยหน้าขึ้นมามองพระพายที่ตอนนี้เริ่มหายใจกระชั้นชิดมากขึ้น

“อยากลองทำดูไหม?” พิธานถามพลางยืนขึ้น

“ทำ...ทำอะไร?” พระพายถามกลับ

“ลองใช้ปากให้ฉันดูสิ”

“ทำยังไง ทำไม่เป็นหรอก” พระพายส่ายหน้าทันที

“คนเรามีครั้งแรกเสมอ ลองดูสิ” พิธานพูดเช่นนั้น ก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วดึงพระพายให้ลุกขึ้นมา

“คิดว่ากำลังเลียไอศกรีมแท่งดู” พิธานบอก พระพายกลืนน้ำลายลงคอ พอเห็นขนาดที่ใหญ่โตเช่นนั้นก็เกรงว่าคงจะเข้าไปในปากไม่หมดอย่างแน่นอน

“มัน...มันใหญ่เกินไป” พระพายเงยหน้าบอกพิธานที่หัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินพระพายพูดเช่นนั้น

“นายนี่น่ารักนะ” พิธานว่าอย่างนั้น ก่อนที่จะดึงพระพายที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงขยับเข้ามาใกล้ๆ

“เอาเข้าไปทำเท่าจะเข้าได้ นอกนั้นก็ใช้มือ” พิธานสอนโดยที่พระพายก็ยังมองไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร

“ลองดูก่อน” พิธานยังคงพูดเช่นนั้น น้ำเสียงที่ฟังดูสบายๆง่ายๆไม่ได้กดดันทำให้พระพายยังพอใจกล้าที่จะลองทำดู


        พระพายค่อยๆใช้มือจับ มือที่ถูกล็อคนั้นไม่ได้สร้างความลำบากในการขยับเลยแม้แต่น้อยแต่ เมื่อจับมันขึ้นมาได้พระพายใช้ปากเริ่มเข้าครอบครองส่วนนั้นทันที และไม่ผิดจากที่คิดไว้ มันเข้าไปได้ไม่เยอะนัก แค่เกือบๆกึ่งกลางความยาวเท่านั้น ความร้อนผ่าวคับคั่งอยู่ในโพรงปาก กลิ่นเฉพาะตัวของเพศชายนั้นคละคลุ้งจนพระพายรู้สึกแปลกๆ มันเป็นฟีโรโมนที่ดูรุนแรงจนรู้สึกสำลัก เหมือนตัวเองเป็นสัตว์เพศเมียที่ถูกดึงดูดจากกลิ่นนั้นก็ไม่ผิดนัก

        พระพายพยายามลองคิดว่าต้องทำอย่างไรต่อไป มือนั้นก็เริ่มขยับในส่วนที่ไม่ได้อยู่ภายในปากขยับศีรษะขึ้นลงช้าๆ ส่วนหัวที่ดูจะขยายมากขึ้นกว่าเดิมจนเริ่มคับแน่นในปาก แต่พระพายก็ยังพยายามแต่ในที่สุดก็ยอมแพ้ ผละออกมาเพราะรู้สึกอึดอัดและเริ่มหายใจไม่ออก

“ไม่ไหวแล้วเหรอ?” พิธานถาม พระพายพยักหน้าเป็นคำตอบ

“ถ้าทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกก็ถือว่าเก่งเกินไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองทำให้นายดูเป็นตัวอย่างก่อนละกัน”

“จะทำอะไร?”พระพายถามเมื่อพิธานผลักให้พระพายนอนหงายลงไป พระพายรีบดันตัวเองถอยขึ้นไปยังหัวเตียงทันที

“ก็ทำให้ดูไงว่าจะต้องทำยังไง ดูแล้วจำความรู้สึกด้วยล่ะ จะได้ทำถูกต้อง”


        พิธานพูดก่อนที่จะก้มลงไปยังส่วนนั้นของพระพาย สายตาที่พิธานเงยมองขึ้นมานั้นช่างดูเร่าร้อนจนพระพายต้องเม้มปากเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา

“ฉันจะสอนให้นายจำแล้วทำจนชำนาญเลยล่ะ” พิธานว่าก่อนที่จะก้มลงไปยังส่วนนั้น พระพายหลับตาปี๋สูดลมหายใจเข้ารอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป...


*Lyrics : I feel it coming By The Weeknd ft.Daft Punk
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-11-2017 12:03:54
โอะโอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-11-2017 12:14:43
หวายยย มันร้ายนะคะหัวหน้า

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 25-11-2017 16:19:33
นี่มันลูกแกะกับหมาป่าชัดๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 25-11-2017 17:59:52
 :oo1: ค่อยๆ สอนอย่างใจเย็น ...อ่าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-11-2017 18:51:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-11-2017 20:12:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 25-11-2017 23:54:53
สอนกันยาวๆไปเลยค่ะคุณขาาา :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-11-2017 02:21:34
ตาย ๆ ๆ ยาอมใต้ลิ้นของคนแก่อยู่ไหน ขอหาก่อน รอบหน้าเจอกัน  o8 o8
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ ...13 (25/11/17) P.5 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-11-2017 11:42:03
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 02-12-2017 11:15:29
สวัสดีค่ะ ถึงเวลามาอัพตอนต่อไป  :katai5: ตอนที่แล้วค้างกันใช่ไหมคะ ตอนนี้ก็มาอ่านต่อเนอะ พิธานจะรุนแรงกับพระพายไหม หรือว่าเหมาะแล้วที่จะต้องโดน ฮ่าๆ บอกตรงๆค่ะพอแต่งมาถึงฉากนี้ทีไรหวั่นใจทุกที ฮ่าๆ ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมได้นะคะ บอกกันหน่อยจะได้รู้ว่าโอเคกับฉากนี้รึเปล่า และเช่นเคย ผิดพลาดตรงไหนอะไรยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ เอาล่ะค่ะ ไปอ่านโลดดด อ่อ อย่าลืมเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ  รัก :mew1:



++++++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 14 The body say


You can touch me with slow hands
คุณสามารถสัมผัสฉันด้วยมือช้าๆได้นะ
Speed it up, baby, make me sweat
แล้วเร่งขึ้นอีก ที่รัก ทำให้ฉันเหงื่อไหลสิ
Dreamland, take me there cause I want your sex
พาฉันไปดินแดนแห่งความฝันที เพราะฉันต้องการเซ็กส์จากคุณ
If my body had a say, I wouldn’t turn away
หากร่างกายของฉันพูดได้ จะคงไม่ไปไหน
Touch, make love, taste you
สัมผัสสิ รักกัน ลิ้มรสคุณ
If my body told the truth, baby I would do
หากร่างกายของฉันพูดความจริงได้ ที่รัก โปรดทำเถอะ
Just what I want to
แค่อะไรที่ฉันต้องการ
   


        พระพายที่นอนหงายนั้นเริ่มซึมซับความรู้สึกที่พิธานกำลังจะมอบให้ โพรงปากที่เข้าครอบครองนั้นช่างอุ่นและให้ความรู้สึกนุ่มหยุ่นแปลกๆยามเมื่อพิธานขยับขึ้นลงนั้นมันช่างรู้สึกกระสันจนพระพายอยากขยับตัวตามไปด้วย และที่พระพายรู้สึกได้ชัดเจนคือริมฝีปากของพิธานครอบครองลำกลางตัวของพระพายไว้ได้เกือบหมด รู้สึกอายขึ้นมาทันทีเพราะขนาดที่ไม่ได้ใหญ่โตจนสามารถเข้าไปในปากได้หมดได้ช่างแตกต่างกับของพิธานอย่างสิ้นเชิง

        การขยับนั้นทำเอาพระพายสติเริ่มเลือนหาย ลิ้นนั้นแลบเลียส่วนปลายตรงรูเล็กๆที่ทำให้พระพายถึงกับเด้งเอวขึ้นเพราะความเสียวซ่าน พิธานนั้นช่ำชองและรู้ทุกจุดเป็นอย่างดี จากนั้นพิธานละริมฝีปากออกและโลมเลียตรงถุงบอลทั้งสอง ปลายลิ้นแหลมลากผ่านช้าๆพระพายตัวสั่นเทิ้มไปทั้งกาย รู้สึกถึงความกระสันมากกว่าโดนมือสัมผัสครั้งที่แล้วเสียอีกหรือเป็นเพราะห่วงรัดโคนก็ไม่ทราบที่ทำให้รู้สึกยิ่งกว่าเดิม

        พิธานทำอย่างช้าๆให้พระพายได้ซึมซับและเรียนรู้อย่างง่าย เพียงไม่นานนักพิธานก็ผละออกโดยที่พระพายได้แต่อารมณ์ค้างอยู่อย่างนั้น

“ถึงตานายแล้ว” พิธานว่าแล้วลุกขึ้นยืน พระพายอยากจะจัดการตัวเองต่อแต่การที่ปล่อยให้ตนเองค้างคาเช่นนี้ก็รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน เป็นการทรมานตัวเองที่รู้สึกสุขสมพอสมควรเลยทีเดียว


        พระพายนั่งลงตรงปลายเตียงพลางนึกถึงสิ่งที่พิธานเพิ่งจะทำให้ ความรู้สึกจังหวะลิ้นและการขยับริมฝีปาก พระพายค่อยๆเข้าครอบครองส่วนนั้นของพิธานและไม่ได้แตกต่างจากครั้งแรกมากนัก คือขนาดยังคงเท่าเดิมไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด แต่ครั้งนี้พระพายกลับรู้จังหวะที่จะขยับมากขึ้น

        กลิ่นความเป็นชายยังคงรุนแรงไม่ต่างจากครั้งแรก พระพายพยายามไม่ให้โดนฟัน ห่อปากให้เล็กที่สุดเท่าที่ทำได้กดหน้าเข้าออกช้าๆ มือนั้นก็จับรูดส่วนโคน ลิ้นก็ขยับหมุนวนไปด้วย จากนั้นก็ผละออกและแลบเลียตรงถุงบอลของพิธานที่กำลังตึงแน่นอยู่ พระพายลากลิ้นตรงเส้นกึ่งกลางระหว่างถุงกลมๆสองใบ ลิ้นเล็กๆของพระพายนั้นสร้างความพอใจให้พิธานไม่น้อยถึงกับส่งเสียงในลำคอเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นพระพายก็รู้สึกว่าทำได้ถูกต้องและสร้างความพอใจให้พิธานได้

        ยิ่งได้ยินเสียงของพิธานครางในลำคอมากขึ้นเท่าไหร่ พระพายยิ่งได้ใจขยับปากเข้าออกด้วยความเร็วยิ่งขึ้น สลับกับใช้มือหมุนรอบเข้าไปด้วย พิธานลูบผมของพระพายอย่างนุ่มนวลและมีบ้างที่กดศีรษะของพระพายให้เข้าไปให้ลึกกว่าเดิม

        ยิ่งทำมากไปเท่าไหร่พระพายยิ่งรู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งมากขึ้นเท่านั้นและพาลนึกไปถึงตอนที่พิธานใช้ปากให้ ยิ่งทำให้แกนกลางของร่างกายเริ่มแข็งขึ้นที่ละนิดแอบคิดอยากจะใช้มือทำให้ตัวเองแต่ตอนนี้ไม่มีมือที่ว่างจะไปจัดการส่วนนั้นของตัวเองได้

“เยี่ยมมาก” พิธานเอ่ยชมก่อนที่จะพระพายหยุดทำ และผละออกเพราะรู้สึกเมื่อยปากและกรามพอสมควรแต่ก็แอบอมยิ้มที่ได้ยินพิธานเอ่ยชมเช่นนั้น


        พิธานเอื้อมมือไปหยิบสายหนังซึ่งเป็นเข็มขัดสองเส้น จากนั้นพระพายถูกดันตัวให้นอนลง พิธานดันเข่าของพระพายให้ชิดกับหน้าอกและใช้เข็มขัดหนังนั้นรัดโคนขาและหน้าแข้งของพระพายทั้งสองข้าง ทำให้พระพายหุบขาลงไม่ได้ต้องอ้าขาชันเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาและดูเหมือนจะเปิดให้ช่องทางด้านหลังอ้าซ่ากว่าเดิมด้วย นี่คือคงเป็นคุณสมบัติของเข็มขัดหนังสองเส้นนี้อย่างแน่นอน

“เดี๋ยวๆ แบบนี้มันขยับลำบากนะ” พระพายร้องบอกพลางพยามขยับขาแต่ก็ไม่สามารถขยับได้

“รู้ไหมทำไมวันนี้ถึงมัดท่านี้?” พิธานถามกลับ

“ยังโกรธเรื่องของเก้าอยู่รึไง?” พระพายคิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะทะเลาะกันก่อนหน้านี้

“ไม่ใช่เรื่องนั้นแต่เรื่องที่แอบไปเที่ยวอาบอบนวด เรื่องนี้สิที่ต้องพูดถึง”


        พระพายตาโตขึ้นอย่างตกใจ ไม่คิดว่าพิธานจะรู้เรื่องนี้และรู้ได้อย่างไรกันว่าเขาแอบไปสถานที่อย่างนั้น พระพายพยายามจะอ้าปากอธิบายแต่พิธานกลับรัดเข็มขัดให้แน่นขึ้นไปอีก

“ความผิดสองกระทงเลยนะ จะต้องลงโทษยังไงให้จำว่าอย่าทำแบบนั้นอีก”


        พิธานพลางใช้สายตากวาดมองไปทั้งร่าง ก่อนที่จะใช้นิ้วแตะตรงส่วนปลายของพระพายอย่างกลั่นแกล้งจนพระพายสะดุ้งโหยง เพราะตอนนี้ห่วงรัดเริ่มตึงแน่นมากว่าขึ้นเมื่อครู่แล้ว

        หลังจากแกล้งพระพายจนพอใจแล้วพิธานเริ่มสวมถุงยางอนามัยที่นิ้วและส่วนนั้นของตนเอง การสอดใส่นิ้วของพิธานในครั้งนี้รู้สึกว่าจะรุนแรงกว่าครั้งที่แล้ว นิ้วมือหมุนควานเข้าออกรวดเร็วจนพระพายต้องผวากายตามจังหวะการเข้าออก เจลใสที่พิธานใช้นั้นอุ่นจนรู้สึกวูบโหวงในช่องท้อง บวกกับขาที่อ้ากว้างอยู่อย่างนั้นยิ่งทำให้ทุกอย่างดูง่ายดายมากยิ่งขึ้น

        พิธานก้มมองช่องทางที่เบิกไว้ดูกว้างมากขึ้นและดูท่าจะรับสิ่งอื่นที่ใหญ่กว่านิ้วได้แล้ว สายตากรุ้มกริ่มยามที่สบตาพระพายทำเอาหัวใจเต้นถี่ ชักอยากได้ผ้าปิดตามาปิดเสียแล้วยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจจะเต้นออกมานอกอก พิธานจัดการสวมถุงยางอนามัยให้ตนเองเพื่อความพร้อม ความใหญ่โตนั้นชูชันราวกับกำลังดีใจที่จะได้เข้าไปในช่องทางของพระพายเสียที

“จะเข้าไปละนะ”

        พระพายแอบด่าพิธานในใจว่าไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ ยิ่งได้ยินเสียงยิ่งเห็นภาพก็ยิ่งอาย ยามที่ร่างกายส่วนแข็งแกร่งของพิธานสอดใส่เข้ามา เป็นภาพที่ดูชวนลามกจนไม่อาจจะทนดูต่อไปได้แล้ว ทั้งสีหน้าทั้งท่าทางร่างกายที่ค่อยๆขยับเข้ามา ความรู้สึกอึดอัดเหมือนมีของแข็งและแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ทำให้พระพายรู้สึกอับอายทั้งสิ้น

        การขยับของพิธานนั้นไม่ได้เนิบนาบไม่ได้กลั่นแกล้งพระพายเหมือนทุกๆครั้ง รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ยังคงโมโหแบบกรุ่นๆ บทลงโทษที่พระพายคิดอยู่แล้วว่าจะต้องมีและในที่สุดก็มาถึง แรงกระแทกนั้นรุนแรงจนพระพายสะดุ้งตัวไปหลายครั้ง

“อึก...” พระพายร้องออกมา รู้สึกจุกไม่เบาเมื่อพิธานใส่แรงมาแต่ละที

"เจ็บเหรอ?” พิธานถาม ทั้งๆที่ยังคงขยับเข้าออกอยู่อย่างนั้น

“อืม..อะ” เสียงร้องที่เหมือนจะอึดอัดไม่ได้สุขสมเหมือนครั้งที่แล้ว

“ทำผิดก็ต้องลงโทษกันหน่อยจะได้จำ”


        เสียงนั้นราวกับจะกระซิบแต่รู้สึกได้ยินอย่างชัดเจนในความคิดของพระพาย มันชัดเจนถึงความรู้สึกที่ไม่พอใจของพิธาน แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นคนยอมขอโทษและอยากให้เรื่องนี้จบแต่ลึกๆยังคงไม่พอใจอยู่ดี จึงใช้วิธีนี้มาลงโทษพระพายอย่างเช่นตอนนี้

        พระพายเริ่มจะไม่ไหวรู้สึกชาที่ต้นขามากขึ้นเพราะเข็มขัดที่มัดต้นขาดันขาให้ค้างอยู่ท่านี้ตลอด มันเป็นความอึดอัดแปลกๆจะว่าทรมานก็ไม่ใช่ จะว่าสุขสมก็ไม่เชิงหรือเพราะคนที่ข้างบนตอนนี้กำลังอารมณ์ขุ่นมัวจึงไมได้รู้สึกดีอย่างเช่นทุกครั้ง

“ขอ...ขอโทษ” จู่ๆพระพายก็พูดขึ้นมา พิธานเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“ขอโทษ..เรื่องอะไร?”

“ก็ทุก อะ เรื่อง” พระพายว่า

“จะขอโทษทำไม?”

“ไม่รู้เหมือนกัน..แค่อยากพูด”

“แล้วยังไงต่อ?”

“จะ..จะไม่ทำแบบนั้นอีก..แล้ว” พิธานที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับชะงัก สีหน้าที่ดูนิ่งๆเริ่มจะมีรอยยิ้มที่มุมปากเกิดขึ้น

“กำลังง้อฉันเหรอ?” พิธานถาม

“ไม่รู้สิ” พระพายเบือนหน้าไม่อยากสบสายตาของพิธานที่ดูแวววาวอย่างคนกำลังสนุก ไม่อยากให้พิธานอ่านสายตาตอนนี้ได้ว่าตนกำลังรู้สึกอย่างไร

“ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยรู้สึกดีหน่อย”


        พิธานว่าเช่นนั้นก่อนที่จะถอนตัวเองออกมาแล้วนั่งลงข้างๆพระพายที่กำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นพิธานก็จัดการยกพระพายให้ขึ้นมานั่งบนขาของพิธานที่ตอนนี้ดันหลังของตัวเองให้พิงหัวเตียง

“อยากไถ่โทษไหม?” พิธานถาม พระพายขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ไถ่โทษอะไร?”

“ก็เรื่องที่ทำให้ฉันหงุดหงิดไง ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยไปแล้ว แต่พอนึกๆแล้วก็โมโหขึ้นมา มันไม่ยอมหายเลยต้องไปลงที่นายแบบนั้นไง”

“แล้วจะให้ทำอะไร?”

“ขึ้นข้างบนแล้วลองทำด้วยตัวเองดู”


        พระพายนั่งอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจ จะให้เป็นคนทำเองอยู่ข้างบน นี่คงเป็นเรื่องที่บ้าที่สุดที่พระพายเคยได้ยิน จะขึ้นไปนั่งทำได้อย่างไร ไม่เคยรู้ว่าต้องทำอย่างไรแล้วไหนจะโดนมัดขาอยู่อย่างนี้แค่นึกก็รู้สึกว่ามันยากลำบากเกินกว่าจะทำได้แล้ว
 
“คิดว่าคงไม่ไหว” พระพายส่ายหน้าทันที

“ลองก่อนสิ ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก”

“แต่..ยังไงก็นึกภาพไม่ออก”

“ลองดู อาจจะชอบก็ได้ใครจะไปรู้” พิธานบอก


        พระพายได้แต่เม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้จะปฏิเสธพิธานอย่างไรดี แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าจะอย่างไรก็ต้องทำอย่างที่พิธานต้องการอยู่ดี พระพายที่นั่งคุกเข่าทับขาของพิธานค่อยๆดันตัวเองขึ้นมาอย่างทุลักทุเล แต่พิธานก็ไม่ได้มองอย่างนิ่งดูดาย ช่วยพระพายให้ขึ้นมาพร้อมยังจับส่วนแข็งขืนของตนเองจ่อที่ช่องทางของพระพายอีกด้วย

        พระพายยกสะโพกขึ้นโดยกดเข่าทั้งสองข้างแนบข้างลำตัวของพิธาน กดสะโพกลงรับแท่งอุ่นนั้นเข้ามาไว้ในสะโพก พระพายก้มลงมองช่องทางของตนเองกลืนกินเข้าไปช้าๆ รู้สึกร้อนวาบเมื่อส่วนนั้นค่อยๆเข้ามาภายในร่างกาย ใบหน้าแดงซ่านเพราะไม่เคยเห็นใกล้ๆและชัดเจนถึงขนาดนี้มาก่อน มองเห็นถึงเส้นเอ็นที่โปนขึ้นมาตรงส่วนนั้นของพิธาน ช่องทางจีบเนื้อที่แหวกออกดูดกลืนส่วนนั้นเข้าไป

        ในที่สุดพระพายก็รับส่วนนั้นเข้าไปจนหมด แช่นิ่งมันไว้อย่างนั้นเพราะยังไม่เคยชิน รู้สึกถึงส่วนนั้นของพิธานที่เข้ามาลึกกว่าครั้งไหนๆ ความคับแน่นที่ทำเอาพระพายโกยลมหายใจเข้าออกลึกๆยาวๆ

“อย่าแช่นานสิ” พิธานว่า ในมือนั้นถือแผ่นไม้สีดำที่หยิบออกมาจากกล่องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ


        พระพายพยายามขยับสะโพกขึ้นลงแต่มันก็ยากเหลือเกินเพราะขาที่ถูกมัดอยู่อย่างนี้ พระพายกำลังครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรดี พิธานเองก็จ้องมองพระพายเช่นกันว่าพระพายจะทำอย่างไรต่อไป สายตานั้นวิบวับอย่างคนขี้เล่นที่เห็นเรื่องสนุกกำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า พระพายพยายามขยับท่าทางแต่ก็ไร้ผลอยู่ดี จนในที่สุดพิธานก็เอยขึ้นมา

“ลองเขย่งเท้าดูสิ”


        คำแนะนำสั้นๆของพิธานนั้นทำให้พระพายนิ่งไป พลางนึกว่าเขย่งเท้านั้นต้องทำท่าทางอย่างไร  พระพายก้มมองเข่าตัวเองที่กำลังคุกเข่าจึงพอจะเข้าใจแล้วว่าต้องทำอย่างไร พระพายใช้มือยกเข่าของตนเองขึ้นมาให้เป็นท่านั่งยอง ก่อนที่เขย่งเท้าทิ้งน้ำหนักลงที่ปลายเท้า ยกสะโพกขึ้นก่อนที่จะค่อยๆกดลง พบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

“เก่งมาก” คำชมของพิธานทำเอาพระพายรู้สึกอาย เหมือนเด็กน้อยที่ทำดีแล้วได้รับคำชมก็ไม่ผิดนัก


        ขยับตัวขึ้นลงเป็นจังหวะ รู้สึกเสียวซ่านไม่น้อยที่เป็นคนคุมเองทุกอย่าง อีกทั้งได้เห็นสีหน้าของพิธานที่กำลังพออกพอใจหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้มยิ่งทำให้พระพายขยับเร็วขึ้นเพราะอยากเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพิธาน


        ซึ่งมันก็ได้ผล ยามที่พระพายขยับแรงขึ้นและเร็วขึ้น พิธานถึงกับส่งเสียงอื้ออึงในลำคอพลางเด้งเอวสวนขึ้นมาแต่พระพายกลับลืมคิดไปเรื่องหนึ่ง เมื่อพิธานสวนกลับขึ้นมายิ่งกระแทกเข้าไปลึกกว่าเดิมและทำเอาพระพายเสียวซ่านขึ้นกว่าเดิม ยิ่งขยับขึ้นลงมากเท่าไหร่พระพายยิ่งรู้สึกเมามันจนวาบหวิวไปทั้งตัว

“อ๊ะ...” พระพายแหงนหน้าขึ้นพลางส่งเสียงครางออกมา มือนั้นกดหน้าท้องที่เป็นลอนของพิธานเป็นจุดยึดเหนี่ยวไม่ให้ร่างกายเซ


        พระพายไม่ได้มองเลยว่าตอนนี้พิธานกำลังรู้สึกอย่างไรเพราะยิ่งขยับมากเท่าไหร่ตนเองก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นไปเท่านั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้พิธานเริ่มใช้แผ่นไม้ลูบไล้สะโพกของเขาแล้วก่อนที่จะง้างมือตีลงบนสะโพกนั้นเบาๆ

“เพี๊ยะ!!”

“อ๊ะ!!”

         พระพายร้องออกมาอย่างตกใจและรู้สึกเจ็บแบบแน่นๆเหมือนโดนแผ่นไม้ฟาดลงบนสะโพก ความเจ็บแตกต่างจากไรดิ้งครอปที่ให้ความรู้สึกเจ็บแสบ แต่อุปกรณ์ชิ้นนี้รู้สึกถึงความเจ็บแบบกว้างกว่าและเต็มสะโพกมากกว่าเป็นจุดเล็กๆแบบไรดิ้งครอป

“นิสัยไม่ดี ต้องโดนตี” พิธานว่า


        พิธานทิ้งช่วงไม่กี่วินาทีก่อนที่จะตีแผ่นไม้นั้นลงไปอีกครั้ง คราวนี้แรงขึ้นและง้างมันสูงขึ้นความเจ็บจึงมากขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้ พระพายกลืนน้ำลายลงคอ สูดปากเพราะความเสียวซ่านที่มากขึ้นตามความแรงที่พิธานตี ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วสะโพก รู้สึกดีเหลือเกินยิ่งทำให้อยากขยับตัวแรงขึ้นและเร็วขึ้นเพื่อให้พิธานรู้สึกถึงความเสียวซ่านที่ตอนนี้พระพายกำลังเผชิญอยู่


        หัวเข่านั้นเหน็บชา ข้อเท้าก็เมื่อยเกินกว่าจะรู้สึกอะไรได้แล้วแต่ความต้องการกลับพุ่งสูงขึ้นจนลืมเรื่องนั้นไป ลืมว่าชาจนไร้ความรู้สึกและท่าทางที่กำลังนั่งยองๆขย่มตัวของพิธานอยู่ในขณะนี้ พิธานกัดริมฝีปากพลางมองพระพายที่กำลังร่อนกายอยู่ เป็นภาพที่สวยงามจนบอกไม่ถูก ยิ่งนอนกันมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกว่ารู้ใจและความต้องการของกันและกันมากขึ้น


        และแล้วพระพายก็เริ่มจะไม่ไหวเพราะแข้งขาสั่นพับเนื่องจากความเสียวซ่านที่มีมากเกินไป มากจนอยากจะขึ้นสู่จุดสุดยอดแล้ว พิธานเห็นเช่นนั้นจึงยกตัวพระพายออกแล้วให้นอนหงายลง ฉีกขาของพระพายให้กว้างขึ้นกว่าเดิมจากนั้นก็สอดใส่ด้วยความรวดเร็ว ไม่ใช่แค่พระพายที่รู้สึกคนเดียวแต่พิธานเองก็กำลังจะไม่ไหวเช่นเดียวกัน


        พิธานสอดกายเข้าออกช้าบ้างเร็วบ้างตามแต่ความอยากแกล้งพระพายที่เริ่มส่งเสียงครวญครางอออกมาพลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร มือที่ใส่กุญแจมือนั้นจำกัดอิสระพระพายไม่รู้จะทำอย่างไรจึงดันตัวขึ้นแล้วยกแขนคล้องคอของพิธานให้โน้มลงมาและจัดการจูบอย่างดูดดื่มเพื่อต้องการระบายอารมณ์ที่กำลังสูงสุดโต่ง

        จูบที่พระพายเป็นคนเริ่มนั้นทำเอาพิธานสมาธิกระเจิดกระเจิงแต่ก็จูบตอบกลับไปเช่นเดียวกัน ริมฝีปากที่โต้ตอบกันอย่าดุเดือดไม่แพ้ช่วงล่างของร่างกายที่ขยับเข้าออกและหมุนคว้านอย่างเผ็ดร้อน กระแทกเข้าจุดกระสันของพระพายครั้งแล้วครั้งเล่า

“อ๊ะ...จะออก..อะ แล้ว”


        พิธานเองก็ขยับถี่ขึ้นๆ แต่พระพายกลับยิ่งรู้สึกว่าร่างกายจะระเบิด เพราะห่วงรัดโคนเริ่มรัดแน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อส่วนนั้นของพระพายทำท่าจะปล่อย พิธานยิ้มกริ่มเมื่อเห็นท่าทีทรมานของพระพาย ความอัดแน่นไหลรวมมาจุกกันจนพระพายแทบจะกรีดร้อง

“อื้อ..ไม่..ไหว อ๊า”


             พระพายร้องออกมาอย่างสุดจะทน ยิ่งเห็นเช่นนั้นพิธานยิ่งอยากทำให้พระพายทนไม่ไหวมากยิ่งขึ้นยิ่งขยับกายเข้าออกให้เร็วขึ้นจนเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นเรื่อย อีกทั้งยื่นมือไปแตะส่วนปลายที่สั่นระริก ยิ่งทำให้พระพายทุรนทุรายมากยิ่งกว่าเดิม

“ขอร้อง...อ๊า ช่วยที” พระพายเอ่ยปากขอร้องจนเสียงสั่น

“เรียกชื่อสิ..เพราะๆด้วย” พิธานแกล้งหนักกว่าเดิม และตอนนี้พระพายไม่อาจจะมีความเขินอายใดๆแล้ว

“พิ....ธาน...อะ ครับ ช่วยที”

“จะให้ช่วยใคร?” พิธานยังคงแกล้งต่อไปทั้งๆที่ตนเองก็เริ่มจะกลั้นไม่ไหวแล้ว

“ชะ..ช่วย พาย...หน่อย”


        ได้ยินเช่นนั้นก็พิธานก็เลือกจะช่วยตามคำขอร้อง ขยับกายเข้าออกรวดเร็วและรุนแรงจนพระพายตัวคลอนด้วยความแรง ความรัดแน่นตรงที่ถูกห่วงรัดไว้ไม่สามารถกลั้นความต้องการที่พากันทะลักออกมา แม้จะถูกรัดตรงส่วนนั้นแต่ก็ยังพากันไกลปริ่มออกมามากมาย พอๆกับความรู้สึกพุ่งสูงสุดที่มากมายเช่นกัน

              ในที่สุดพระพายก็ถึงจุดสุดยอดโดยที่พิธานทำแค่เพียงข้างหลังเท่านั้น เสียวซ่านและสุขสมจนตาพร่าน้ำตาไหลซึมหางตา หัวสมองเบลอขาวจนตั้งสติแทบไม่ทัน พิธานพรูลมหายใจออกอย่างรู้สึกพอใจเช่นกัน ยิ่งทำกับพระพายเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าโหยหาและมีความต้องการมากกว่าเดิม

        พิธานถอนกายออกจากนั้นก็ถอดถุงยางออกและนำไปทิ้งในทั้งขยะ สภาพของพระพายตอนนี้กำลังหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เหงื่อพราวไปทั้งใบหน้าและร่างกายยิ่งกระตุ้นให้พิธานรู้สึกอย่าทำมากขึ้นไปอีก

        เมื่อจัดการตัวเองเสร็จ พิธานจึงปลดเข็มขัดหนังที่มัดต้นขาทั้งสองออก พระพายอ้าขากว้างนอนเหยียดอยู่อย่างนั้นโดยลืมความอายที่พิธานยืนมองอยู่ ส่วนกลางของพระพายค่อยๆลดขนาดลง พิธานจึงยอดถอดห่วงรัดอออกให้ ยอมรับว่าห่วงรัดนั้นทำให้พระพายถึงจุดสุดยอดรุนแรงพอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งความเหน็บชาจากการถูกมัดเริ่มกระจายทั่วขา สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับพระพายนิ่งนัก รู้สึกดีไปอีกแบบ รู้สึกซ่าๆและแอบวาบหวิวเบาๆ จนเริ่มมีความต้องการขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย

“อีกรอบไหม?” พิธานที่ยืนมองอยู่เอยถาม เมื่อเห็นพระพายเริ่มแตะต้องส่วนกลางของตัวเองอย่างลืมตัว

“ไม่...” พระพายตอบอย่างคนปากแข็ง แต่ใจจริงกลับรูสึกอยากทำอีกรอบ พิธานไม่ได้ฟังคำพูดนั้นแต่อย่างใด กลับคร่อมกายของพระพายไว้ก่อนที่จะก้มลงจูบอีกแล้ว

“อย่าหวังจะได้นอนเลย โทษฐานทำฉันโมโห”


        และนั่นทำให้พระพายหลับตาลงและเริ่มบรรเลงอีกรอบ คราวนี้พิธานจึงหยิบไรดิ้งครอ-ปออกมา พระพายแอบยิ้มในใจ ว่าคืนนี้ได้ลองของใหม่อีกทั้งยังได้ลองชิ้นเก่าที่รู้สึกติดอกติดใจตั้งแต่ครั้งที่แล้ว คืนนี้พระพายคงจะสุขสมและร่ำร้องเสียงแห้งจนกว่าพิธานจะหายโกรธเลยทีเดียว..


*Lyrics : Body say By Demi Lovato.
   

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-12-2017 12:09:39
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 02-12-2017 12:17:06
โอ๊ยยยยยยยยยยพายยยยยยยยเป็นมาโซจริงแท้แน่นอน55555. พิธานนี่มีแค่ความรู้สึกหวงใช่มั้ย รักบ้างรึยัง. พระพายนี่ชอบแค่เซ็กส์รเปล่า.  :katai1:   สนุกมากค่า คุณกิมไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-12-2017 12:36:23
กลัวพายโดนทิ้งไว้กลางทางอ่ะ ไม่เอาน้าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-12-2017 12:48:51
พระพายเจอทางสายใหม่แล้ว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-12-2017 19:53:54
 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 02-12-2017 20:23:02
อ่านไปเสียวหัวใจไป สุดยอดค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-12-2017 01:12:17
มันจะเกิดเป็นความรักบ้างหรือยังน้าา :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2017 01:26:58
ยาอมใต้ลิ้นไม่ได้ผลแฮะ รอบนี้ ของเป็นเลือด 2 ถุงแล้วกัน  :m30:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 03-12-2017 05:10:24
ขุ่นพระ ติดใจสำนวนการเขียนของคุณกิมจากกวินเอย
พอมาตามอ่านเรื่องนี้แล้วแบบ อมกก แซ่บมากก คนละฟีลกับกวินเอยเลยค่ะ

ดีงามพระรามแปด ก๊าวหัวใจยิ่งนัก เป็น NC ที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป  :heaven

เหมือนพิธานจะหลงพระพายหนักมากก ในขณะที่พระพายนี่เรายังเดาใจไม่ออก ว่าเริ่มชอบเค้า หรือชอบเซ็กส์ของเค้าเฉย ๆ กันแน่  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-12-2017 07:00:42
 :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 04-12-2017 03:35:24
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 04-12-2017 09:34:54
ถ้าไม่รักก็คงไม่หวง
คิดแบบนี้ได้ไหมนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 04-12-2017 10:20:20
คุณกิมไม่ทําให้ผิดหวังเลยค่ะ. เรื่องนี้ร้อนแรงผิดกับรักใสๆของกวินกับน้องเอยเลย. เป็นกําลังใจให้นะคะรออ่านทุกสัปดาห์ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 04-12-2017 15:24:22
ลุ้นกว่าพระพายก็คือคนอ่านว่าครั้งนี้จะโดนอะไร ตอนโดนฟาด แซ่บมากเว้ออออ
 เป็น sm ที่อ่านละดูซอฟท์ไม่รุนแรง ชอบมากกค่าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 14 (2/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-12-2017 20:42:04
พระพายถูกแบล็คเมล์แน่เหรอหนู คือแบบหนูยิ่งกว่าเต็มใจนะลูก เพราะพิธานหล่อและแซ่บสินะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 09-12-2017 13:17:55
มาต่อแล้วค่า  :katai5:มาช้ามากมาย ทั้งที่คิดจะอัพตอนเช้า แต่งานเข้าเยอะแยะ เลยมาเอาบ่ายแล้ว ขออภัยนะคะ  :call: ตอนที่แล้วเสียงตอบรับดีจังเลยค่ะ ขอบคุณที่ชอบกันนะคะ มาตอนนี้...อ่านชื่อตอนคงจะเก็ทกันเนอะ ว่าพระพายคิดยังไง ลองไปอ่านกันเลยค่ะ และเหมือนทุกๆครั้ง คือหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ เชิญอ่านเลยค่ะ อ่อ...ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ รัก... :-[


++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 15 Into you.


I’m so into you, I can barely breathe
ฉันหลงใหลคุณเหลือเกิน จนหายใจแทบไม่ออก
And all I wanna do is to fall in deep
และสิ่งที่ฉันต้องการคือตกหลุมรักคุณให้ลึกลงไปจนสุด
But close ain’t close enough ’til we cross the line
แต่แค่ใกล้กันมันก็ยังไม่พอ จนกว่าเราจะก้าวข้ามเส้นนั้นได้
So name a game to play, and I’ll role the dice
ตั้งชื่อเกมที่คุณอยากเล่นสิ แล้วฉันจะเป็นคนทอยลูกเต๋าเอง




        กว่าจะได้หลับเมื่อคืนนั้นก็ปาไปเกือบรุ่งสาง พระพายแทบจะไม่มีแรงลุกอาบน้ำ พิธานนั้นดูคึกจัดจนทำไปหลายต่อหลายครั้งและพระพายเลือกที่จะไม่นับ ลืมตาตื่นขึ้นมามองนาฬิกาพบว่าตอนนี้บ่ายโมงแล้ว ร่างกายเหมือนถูกใครทับมาก็ไม่ผิดเพราะแทบจะกระดิกตัวไม่ได้เลย พระพายนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น เหนื่อยและเพลียแม้จะนอนเยอะแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่พออยู่ดี แต่เพราะร่างกายที่อึดของพระพายนั้นทำให้รอดพ้นความเหนื่อยล้าที่ถ้าหากคนอื่นเจอคงหลับไม่ตื่นเป็นวันๆแน่

             สายตาเหลือบไปมองพิธานที่ยังคงหลับอุตุอยู่อย่างนั้น ใบหน้ายามหลับนั้นดูสงบ ไม่ร้ายและไม่เย็นชาเหมือนที่เจ้าตัวชอบแสดงออก พระพายมองใบหน้านั้นก่อนที่จะคิดพิเรนทร์ใช้นิ้วแตะตรงเปลือกตาของพิธาน แต่พิธานก็ยังคงหลับต่ออย่างไม่รู้สึกอะไรใดๆทั้งสิ้น คราวนี้พระพายจึงเล่นอีก ใช้นิ้วแตะตรงปลายจมูกสะกิดเบาๆตรงรูจมูกแต่พิธานก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น

        พระพายเริ่มเห็นว่าไม่สนุกแล้วจึงพลิกตัวหันหลังและจะดันตัวลุกขึ้นไปยังห้องน้ำ แต่แล้วพระพายก็ร้องเสียงหลงเมื่อพิธานคว้าเอวพระพายไว้แล้วเหวี่ยงพระพายมานอนทับตัวเองแทน

“เล่นอะไรแต่เช้า” พิธานถามด้วยน้ำเสียงแหบๆ

“นี่ไม่เช้าแล้ว บ่ายโมงแล้ว” พระพายบอก

“อ้าวเหรอ”

“ปล่อยสิ” พระพายว่าเมื่อพิธานยังคงกอดรัดพระพายอยู่อย่างนั้น

“สักรอบไหมล้างหน้าไก่ไง” พิธานพูดพลางหัวเราะเบาๆอย่างถูกใจในคำพูดของตัวเอง

“ล้างหน้าไก่มันตอนเช้า นี่มันบ่าย มุกฝืดชะมัด” พระพายว่า

“ตื่นเวลาไหนตอนนั้นก็คือตอนเช้า”

“ปล่อย จะเข้าห้องน้ำ” พระพายพยายามเบี่ยงตัวให้พิธานปล่อย

“ไม่” พิธานก็ไม่ยอม

“ถ้าอย่างนั้นจะฉี่ตรงนี้ละนะ” พระพายว่า

“ไปเถอะ” ในที่สุดพระพายก็ชนะ


        พระพายลุกออกจากเตียงโดยมีผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ใกล้ๆมาใช้ เมื่อถึงห้องน้ำพระพายที่ก็มองหน้าตัวเองในกระจกที่แดงก่ำ รู้ตัวในทันทีว่ากำลังเขินอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ การแสดงออกที่เหมือนคนรักเล่นกันในยามเช้า ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอาย ทำตัวเหมือนสาวน้อยแรกแย้มก็ไม่มีผิด

        คิดไปก็ยิ่งรู้สึกว้าวุ่น พระพายจึงรีบอาบน้ำทันที แปรงสีฟันอันใหม่ที่ใช้ครั้งที่แล้วยังวางอยู่ที่เดิม พระพายจัดการอาบน้ำแปรงฟันทำธุระทุกอย่างเสร็จสรรพ จากนั้นก็ออกจากห้องน้ำ เห็นพิธานกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรมากนักเพราะเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งนาทีพิธานก็วางสาย

“หิวไหม?” พิธานถาม

“ก็หิว” พระพายรู้สึกหิวมากจนตอนนี้เหมือนคนท้องไส้หายไปหมดแล้ว

“โทรสั่งอาหารแล้ว รอหน่อย เดี๋ยวก็มา” พิธานว่าก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ คำพูดเมื่อครู่นั้นเหมือนกำลังใส่ใจกันก็ไม่มีผิด

        พิธานเป็นคนเข้าห้องน้ำนานกว่าพระพาย ระหว่างนี้พระพายจึงนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นไปเรื่อยๆ ดูการ์ตูนเด็กในช่องเคเบิ้ลทีวีฆ่าเวลารอพิธานออกมาจากห้องน้ำและรออาหารที่กำลังจะมา

        เสียงกดกริ่งหน้าห้องดังขึ้น คืออาหารที่สั่งไว้ถูกนำมาส่งให้ พระพายเปิดประตูให้พนักงานนำอาหารที่มีหลายจานเข้าไปวางให้ที่โต๊ะในห้องครัวก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณ พร้อมๆกับที่พิธานออกมาจากห้องน้ำพอดี

“รอหน่อย เดี๋ยวกินพร้อมกัน”

        พระพายเลยนั่งรอพิธานอยู่เพียงครู่หนึ่งก่อนที่พิธานจะเดินออกมาพร้อมสวมชุดลำลองสบายๆ อาการที่พิธานสั่งเป็นพวกกับข้าวต่างๆพร้อมข้าวสวยสองจาน ทั้งสองนั่งทานกันอย่างเงียบๆเพราะต่างคนก็ต่างหิวไม่แพ้กัน

        ใช้เวลาไม่นานมากนัก อาหารตรงหน้าก็หมดเกลี้ยงพระพายลุกขึ้นไปหยิบน้ำดื่มสองขวดมาให้ตัวเองและเผื่อพิธานด้วย พิธานรับน้ำดื่มไป

“วันนี้จะไปไหนไหม?” พิธานถามขึ้น พระพายนึกสิ่งที่ตัวเองจะทำวันนี้ว่ามีหรือไม่

“ก็ไม่นะ ทำไมเหรอ?” 

“จะชวนไปเที่ยวสักหน่อย” พิธานว่า

“ไปเที่ยวเหรอ” พระพายเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้ยินว่าพิธานจะพาไปเที่ยว

“ก็แค่เดินห้างเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ”

“ก็ได้อยู่หรอก ว่าแต่มีของที่จะซื้อเหรอ?” พระพายถาม

“ก็...ไม่มี”

“คิดว่ามีของที่จะซื้อเสียอีก” พระพายว่า

“แค่..อยากพาไปดูหนัง”


        พระพายเลิกคิ้วพลางจ้องมองพิธานที่ตอนนี้หันหน้าไปทางอื่นราวกับจะหลบหน้า คำชวนไปเที่ยวของพิธานเหมือนกำลังชวนไปเดทไม่มีผิด ยิ่งเห็นท่าทาของพิธานที่ดูเหมือนจะไม่เป็นตัวของตัวเองยิ่งเป็นการยืนยันความคิดให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
 
“ก็ได้นะ” พระพายตอบรับคำชวนก่อนที่จะเก็บจานทั้งหมดลงบนถาดที่ที่พนักงานเอามาส่งเมื่อครู่นี้

“โอเค ถ้าอย่างนั้นขอเวลาไปแต่งตัวหน่อย แล้วนายจะใส่ชุดนี้ไปเหรอ?” พิธานมองชุดที่พระพายสวมซึ่งเป็นชุดของเมื่อคืน

“ก็ใช่ไง”

“เปลี่ยนเสื้อหน่อยก็ดีนะ” พิธานว่าแล้วเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวจากนั้นก็เดินออกมาพร้อมเสื้อยืดตัวหนึ่งซึ่งมองจากขนาดแล้วน่าใช่ของพิธาน

“ใส่ตัวนี้ก็แล้วกัน” พิธานยื่นเสื้อตัวนั้นให้

“มีไซส์แบบนี้ด้วยเหรอ?” พระพายถามอย่างแปลกใจ

“ซื้อมาผิด” พิธานบอกแค่นั้น พระพายยักไหล่อย่างเข้าใจจากนั้นก็รับมาแล้วเปลี่ยนตรงนั้นเลย

“เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุด นั่งรอก่อน”


        พิธานไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใช้เวลาไม่นานนักพิธานก็เดินออกมาพร้อมการแต่งตัวสบายๆแต่เท่จนต้องเหลียวหลัง พระพายมองตัวเองที่ดูจะหม่นหมองไร้ซึ่งราศีเลยทีเดียวหากไปเทียบกับพิธาน

“ไปกันเถอะ”

        ทั้งสองคนออกจากคอนโด พิธานมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองเพื่อไปดูหนังตามที่เจ้าตัวบอก พิธานขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี โดยที่พระพายได้แต่มองเป็นระยะๆรู้สึกว่าวันนี้พิธานดูร่าเริงกว่าวันไหนๆ ผิดวิสัยนิ่งเฉยเย็นชาเป็นที่สุด

“ไปโดนตัวไหนมา?” พระพายถาม

“หมายถึงอะไร?” พิธานหันมาถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ดูอารมณ์ดีเกินเหตุ เลยต้องถามว่าไปโดนตัวไหนมา” พระพายว่า

“ก็โดนตัวเมื่อคืนไง” พิธานว่าพระพายรีบหันหน้าไปมองข้างทางทันที คำพูดเช่นนั้นฟังก็รู้ว่าพูดถึงการมีอะไรกันเมื่อคืนนี้

“ถึงกับอายเลยรึไง” พิธานถาม

“เปล่าซะหน่อย” พระพายปฏิเสธทันควัน

“ปากแข็ง” พิธานว่า พระพายรู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ


        ใช้เวลาไปพอสมควรกว่าจะมาถึง พิธานจอดรถในส่วนที่จอดรถพิเศษสำหรับซุปเปอร์คาร์เท่านั้น จากนั้นทั้งสองคนก็กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่มีโรงหนังตั้งอยู่

        วันนี้เป็นวันหยุด ผู้คนจึงเยอะแยะมากมายซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พิธานเดินไปซื้อตั๋ว สายตาของคนแถวนั้นพากันจ้องมองร่างสูงที่เดินแหวกผู้คน ดูโดดเด่นและชวนมองเพราะหน้าตาที่หล่อเหลา พระพายยิ่งรู้สึกว่าถ้าหากเดินด้วยกันจะยิ่งโดนเปรียบเทียบแน่นอน

        พิธานเดินกลับมาพร้อมตั๋ว วันนี้พิธานดูกระตือรือร้นจนรู้สึกว่ามากกว่าปกติ แม้ใบหน้าจะไม่ได้ยิ้มแย้มแต่แววตานั้นดูเป็นประกาย เพราะพิธานที่พระพายรู้จักนั้นไม่ได้เป็นคนแบบนี้ พิธานที่เห็นก่อนหน้านี่เป็นคนเย็นชากับทุกสิ่งทุกอย่างรวมไปถึงคนรอบข้าง ไม่ได้เป็นคนมีความสุขได้ง่ายๆกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ นั่นคือพิธานที่พระพายรู้จักและรู้สึกจากการเจอหน้ากันเมื่อก่อนหน้านี้

“เป็นอะไรไป?” พิธานถามพระพายที่ตอนนี้นิ่งค้างราวกับกำลังเหม่อลอยถึงเรื่องอะไรสักอย่าง

“อ่อ...เปล่า”

“เห็นเหม่อ คิดว่ากำลังนึกถึงคนอื่น”

“แล้วถ้านึกถึงคนอื่นไม่ได้รึยังไง?”

“ไม่ได้ ตอนนี้นายอยู่กับฉันต้องคิดแค่เรื่องฉัน”


        พระพายอมยิ้ม ยังไงพิธานก็ยังคงเป็นพิธานที่ชอบออกคำสั่งและเอาแต่ใจเหมือนเดิม แต่ในคำพูดนั้นทำให้พระพายรู้สึกอะไรบางอย่าง เป็นคำพูดที่ดูจะต้องการให้พระพายคิดถึงแต่พิธาน เป็นคำพูดผูกขาดยังไงชอบกล

        ทั้งสองคนไม่ได้ซื้อข้าวโพดคั่วหรือน้ำอัดลมอย่างคนอื่นเขา เพราะเพิ่งจะทานข้าวมาอิ่มๆคงไม่อยากจะหาอะไรใส่เข้าไปในท้องให้เต็มไปมากกว่านี้แล้ว

        พิธานเลือกภาพยนตร์แอคชั่นฟอร์มยักษ์แห่งปีซึ่งคนเนืองแน่นรอซื้อตั๋วกันเยอะมากดูจากคนที่นั่งรอด้วยกัน พิธานเลือกเวลาที่ใกล้ที่สุดซึ่งเป็นเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง

“ไปเดินเล่นฆ่าเวลาไหม?” พิธานถาม

“ก็ได้”


        ทั้งสองคนจึงเดินไปดูข้าวของเรื่อยๆ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้โดยไม่มีจุดหมายว่าจะซื้ออะไร แต่แล้วพิธานก็มาหยุดที่ร้านยี่ห้อดังร้านหนึ่งซึ่งราคาแพงหูดับตับไหม้ เป็นเสื้อยืดสีขาวมีลายกราฟฟิกเป็นชื่อยี่ห้อของร้าน แต่เมื่อพระพายพลิกดูป้ายราคานั้นทำเอาพระพายสะดุ้งตัว

“แค่เสื้อยืดตัวตั้งสองพัน” พระพายบ่นเบาๆ

“เนื้อผ้าดี ใส่ได้นาน ราคานี้ก็ไม่แปลก” พิธานแย้ง

“ยังไงก็แพงอยู่ดี”

“ขี้บ่น” พิธานว่าก่อนที่จะหยิบเสื้อแบบนั้นมาสองตัวสองขนาด พิธานจ่ายเงินเรียบร้อยและยื่นหนึ่งถุงให้พระพาย

“จะให้ช่วยถือเหรอ?”

“เปล่า ซื้อให้” พิธานว่า

“เอาไปคืนเลย ไม่เอา” พระพายส่ายหน้า

“เอาไป นี่คือคำสั่ง” พิธานบังคับ

“แต่ไม่อยากได้”

“ก็ซื้อมาแล้ว ยังไงก็ต้องรับ”


        พระพายจะเอาอะไรไปเถียงกับพิธานผู้ซึ่งถือตัวเองเป็นใหญ่ สุดท้ายพระพายก็ต้องรับมันไปอย่างไม่สามารถจะปฏิเสธใดๆได้อีก รับถุงนั้นมาถือไว้โดยที่พิธานมองมันอย่างพออกพอใจ

“ไปกันเถอะ หนังใกล้จะฉายแล้ว”

        ทั้งสองคนเดินกลับไปยังโรงที่ฉายภาพยนตร์อีกครั้ง แต่คราวพิธานพาเดินขึ้นบันไดเลื่อนและพาไปยังเลานจ์ ยื่นตั๋วให้พนักงานฉีกตั๋ว ซึ่งที่นี่สถานที่รองรับกว้างขวางและดูเงียบ พระพายแอบมองราคาบนตั๋วตอนพิธานยื่นให้พนักงาน ซึ่งราคาสูงไม่ใช่เล่น

             ที่นี่มีบริการเครื่องดื่มฟรีหนึ่งแก้วแต่พิธานเลือกที่จะไม่รับและเดินเข้าไปยังโรงฉายแทน นี้เป็นที่นั่งแบบโซฟาทุกตัวและสามารถปรับนอนลงได้ราวกับกำลังนอนดูหนังที่อยู่บ้านไม่มีผิด มีทั้งหมอน ผ้าห่มให้ครบ อีกทั้งแบ่งความเป็นส่วนตัวโดยมีที่กั้นทุกคู่ที่นั่ง ทั้งสองนั่งดูโฆษณาของหนังไปหลายเรื่องและลุกขึ้นยืนทำความเคารพในเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ภาพยนตร์กำลังจะฉายแล้ว

        เริ่มหรี่ไฟลงจนมืด มีเพียงแสงสว่างจากจอภาพยนตร์เท่านั้น พิธานปรับเบาะต่ำจนเกือบราบและปรับให้พระพายด้วยเช่นกัน

        สมกับเป็นภาพยนตร์ที่ทุกคนรอคอย ฉากแอคชั่นบู๊กันสนุกสนาน ฉากสวยงามตระการตา พระพายตั้งอกตั้งใจดูอย่างที่สุดเพราะรู้สึกสนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องที่กำลังโลดแล่นอยู่บนจอ

        เข้าฉากกำลังต่อมุกตลกระหว่างพระเอกและเพื่อนๆ จู่ๆมือของพิธานก็เอื้อมมาจับมือของพระพาย แม้จะมีพนักเก้าอี้สั้นแต่ก็ไม่ได้ขวางทางเท่าไหร่นัก พระพายหันไปมองพิธานที่ทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับพระพายแล้วนั่นหัวใจเต้นถี่แรงจนรู้สึกได้ รู้สึกถึงความตื่นเต้นและหวิวๆในใจ เหมือนมีอะไรฟูพองในใจก็ไม่ผิดนัก

        มือนั้นกระชับขึ้นมากเรื่อยๆพร้อมกับศีรษะของพิธานที่เริ่มเอนมาใกล้มากขึ้น ระยะศีรษะของพระพายนั้นอยู่ต่ำกว่าพิธาน กลายเป็นว่าตอนนี้พิธานซบเข้ากลุ่มผมของพระพายและกลายเป็นพระพายกำลังซบไหล่พิธานอยู่

        ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงสว่างเป็นช่วงๆจากจอฉายภาพยนตร์ พระพายไม่อาจจะมองเห็นถึงสีหน้าของพิธานได้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไร แต่หากพิธานเห็นสีหน้าของพระพายตอนนี้คงจะเกิดความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอมยิ้มและใบหน้าแดงก่ำได้ขนาดนี้ เหมือนผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรักกับแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันหมาดๆ ดูหวานละมุนและลึกซึ้งเกินกว่าจะคาดคิดได้

        พระพายเริ่มจะเข้าใจตัวเองแล้วว่าตอนนี้รู้สึกเช่นไร คำว่าตกหลุมรักคำนี้คงจะไม่ผิดนัก ไม่อาจจะหลอกตัวองได้ต่อไปว่าตอนนี้พระพายกำลังหลงใหลพิธานเข้าอย่างจัง เกมที่คิดจะเล่นตั้งแต่แรกดูท่าจะเป็นผู้แพ้อย่างเต็มตัว สิ่งที่เคยบอกกับตนเองว่าจะไม่ถลำลึกลงไปดูท่าจะยากเสียแล้ว พระพายตกลงไปในหลุมของพิธานจนทำท่าจะขึ้นมาไม่ได้แล้ว

        ยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งอยากเข้าไปใกล้มากขึ้นเท่านั้นและพิธานเองก็เหมือนจะไม่วิ่งหนีมีแต่จะเข้ามาใกล้และใกล้ขึ้นจะพระพายอยากจะลองเข้าไปดูสักครั้ง อยากจะรู้ว่าพิธานจะทำอย่างไรหากพระพายอยากจะทำให้เกมนี้มันผิดเพี้ยนไป จะเป็นอย่างไรหากเกมนี้ไม่สิ้นสุดอย่างที่คิดไว้ตอนแรก พระพายจะเดินหน้าต่อหรือจะหยุดแค่เพียงเท่านี้ดี พระพายเอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรดีหากความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว

        คิดจนลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้กำลังดูภาพยนตร์ที่ดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว พิธานเป็นคนผละอออกมาและลุกขึ้นพร้อมๆกับแสงสว่างที่เริ่มมีขึ้นมา เครดิตภาพยนตร์ฉายขึ้นเป็นตัวหนังสือสีขาว พระพายได้แต่งุนงงกว่ามันจบไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“หลับไปเหรอ?” พิธานเอ่ยถามเมื่อเห็นพระพายดูตื่นกับแสงไฟที่สว่างขึ้น

“เกือบน่ะ” พระพายตอบไปเช่นนั้น

“หิวไหม?” พิธานถาม พลางมองนาฬิกาข้อมือซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว

“อยากกินขนม”

“อืม”

        ทั้งสองคนไปยังร้านขายไอศกรีทที่มีสาขาหลายต่อหลายสาขาในห้างสรรพสินค้าทั่วไป พิธานเป็นคนสั่งโดยถามถึงรสไอศกรีมที่พระพายอยากทานเป็น นั่งเรื่อยเปื่อยได้ไม่นานไอศกรีมก็มาถึง ทั้งสองนั่งทานกันเงียบๆไม่ค่อยพูดจากันเท่าไหร่นะ

        ใช้เวลาไม่นานพระพายก็อิ่มเหลือเพียงรสรัมเรซิ่นที่อยากลองสั่งมาทานแต่ก็ไม่ถูกปากเท่าไหร่ ด้านพิธานยังคงนั่งทานไปเรื่อยๆจนหมดเกลี้ยง

“ทำไมกินไม่หมด” พิธานถาม

“ก็อิ่มแล้ว”

“ไม่ชอบรสนี้เหรอ?”

“ก็ใช่ มันไม่ค่อยอร่อย ชอบวานิลลามากกว่า” พระพายตอบ

“วานิลลาสินะ...จะได้จำไว้ว่าชอบแบบไหน” พิธานว่า อีกแล้วกับคำพูดที่ดูเอาใจใส่เช่นนี้ ถามถึงความชอบและไม่ชอบ ยิ่งทำให้รู้สึกชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าความคิดและความรู้สึกที่มีต่อพิธานมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

“อยากไปไหนต่อไหม” พิธานถามหลังจากทีเดินไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์

“ไม่ดีกว่า ป่านนี้แล้วคงต้องกลับห้อง” พระพายว่า

“ให้ไปส่งไหม?” พิธานถาม

“ไม่ต้องก็ได้ แยกกันตรงนี้เลย”

“จะให้ไปส่งก็ได้นะ” พิธานถามอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร” พระพายยืนยัน ทำให้ทั้งสองแยกกันตรงหน้าร้านไอศกรีม

“ไปนะ เดี๋ยวจะโทรหา รับสายด้วย” พิธานว่า

“อะ..อืม” พระพายพยักหน้า


        ก่อนกลับพิธานจ้องมองพระพายชั่วครู่ก่อนที่จะยกมือขึ้นและขยี้ผมพระพายเบาๆและเดินหันหลังกลับไป ทิ้งให้พระพายยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ท่าทางเมื่อครู่นั้นทำให้พระพายหัวใจพองโตได้ในทันที จะทำอย่างไรต่อไปกับความรู้สึกนี้พระพายจะจัดการมันได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายเป็นพิธาน ซึ่งเดาอะไรได้ยากมาก แต่หากพระพายจะคิดเข้าข้างตัวเองจะได้ไหมว่าพิธานเองก็รู้สึกอะไรขึ้นมานิดหน่อยมากกว่าแค่ความสัมพันธ์ฉันท์คู่นอน

        ระหว่างทางกลับห้อง พระพายมีหลากหลายความคิดและรวมไปถึงต้องบอกเก้า หากบอกเก้า เก้าคงจะเครียดแน่ๆเมื่อรู้ว่าพระพายนั้นคิดอะไรมากกว่าที่สมควรจะคิด แต่พระพายก็คิดจะบอกเก้าอยู่ดีเพราะเก้าเป็นเพียงคนเดียวที่คุยเรื่องพวกนี้ได้และมั่นใจว่าเก้าจะต้องปวดหัวกับเรื่องพวกนี้แน่ แค่คิดก็อดสงสารเก้าขึ้นมาไม่ได้ พระพายช่างเป็นเพื่อนนิสัยแย่ที่สร้างแต่ปัญหาและเรื่องปวดหัวให้เพื่อนอย่างเก้าจริงๆ... 


Lyrics : Into you By Ariana Grande.
      
++++++++++++++++++++++++++++    

 
 
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 09-12-2017 13:37:43
คุณพิธานเขาใส่ใจพระพายมาก แอบอยากรู้ว่าคุณพิธานต้องรู้จักกับพระพายก่อนหน้านี้หรือเปล่า  อาจจะเป็นฝ่านพิธานที่รู้จักกับพระพายอะไรอย่างนี้ เพราะดูคุณพิธานจะหลงไหลได้ปลื้มพระพายมาก

 ชอบคุณพิธานตอนนี้มาก เพราะเฮียแกเล่นแทชแท็กใจพระพายแบบรัวๆเลยค้า ตั้งเเต่หยอกล้อบนเตียงยันขยี้ผมเบาๆส่งท้ายก่อนเเยกกลับบ้าน แหมมม เฮียยย อาการชัดเวอร์ พระพายน่ารักใช่มั๊ยล่ะ อิอิ

  พระพายเองก็หวั่นไหวกับการกระทำที่โคตรจะใส่ใจของเฮีย ถ้าจะหลงรัก มันก็ไม่เเปลกหรอกพระพาย เพราะเฮียแกเซอร์วิชดีขนาดนี้
  ชอบบบบอ่ะ   :ling1: :ling1: :ling1:
   
   

 
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-12-2017 14:31:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-12-2017 14:56:58
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-12-2017 15:30:45
ไม่ใช่แค่พระพายที่หวั่นไหว คนอ่านเองก็แอบหวั่นไหวค่ะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 09-12-2017 20:00:35
ฮื่อออ แพ้มุมมอ่อนโยนของคุณพิธาน :m1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-12-2017 20:43:16
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 09-12-2017 21:11:01
คุณพิธานนนนน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-12-2017 00:17:43
คุณพิธาน รอบนี้รับทานอะไรมาคะ ถึงได้ละมุนถึงอกถึงใจคนแก่นักหนา รอบหน้าขออีกนะ ชอบ ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-12-2017 00:32:36
ถ้าครบสองเดือนตามกำหนด ใครกันแน่ที่จะงอแง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 10-12-2017 01:58:31
ไม่ค่อยอยากกินมาม่าเลยค่า อยางเพิ่งป้อนมาม่านะคะ :really2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 13-12-2017 14:54:34
เดาทางคุณพิธานไม่ออกเลยว่าจะยังไงต่อไป บทคุณเค้าจะตามใจก็ตามใจ
บทจะเอาแต่ใจก็เล่นซะไปไม่เป็น บทจะปล่อยกลับบ้านง่าย ๆ ก็ปล่อยเลย 55555555
แต่ชอบนะคะ มีหลายมิติดี

ชัดแล้วว่าพระพายรักคุณพิธานเข้าให้แล้ว แต่แอบระแวงกลัวคุณพิธานจะเทน้องจัง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 13-12-2017 18:50:33
 ตอนนี้หวานมาก...รอตอนต่อไปค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 15 (9/12/17) P.6 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 13-12-2017 21:53:23
 :hao5: แอบเชียร์เล็กๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 16-12-2017 10:15:28
มาแล้วค่ะ มาต่อตอนที่16  :katai5: มาอย่างคนป่วย เมื่อวานโดนเข็มจิ้มตูดมาค่ะ ฮ่าๆ คุณหมอบอกช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาดค่ะ คนอ่านทุกท่านโปรดรักษาสุขภาพด้วยนะคะ อย่าป่วยข้ามปีกัน เดี๋ยวฤกษ์ไม่งามยามไม่ดีค่ะ อิอิ ตอนต่อไปไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคู่ของไคและเก้า ทั้งสองจะคืบหน้าไหม จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง โปรดติดตามค่ะ และเช่นเคย ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ ติชมได้ รับฟังเสมอ และสุดท้าย ขอกำลังใจให้หน่อยนะคะ รัก ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:


++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 16 Special


I know that you are something special
ผมรู้ว่าคุณนั้นมีบางอย่างที่พิเศษ
To you I'd be always faithful
สำหรับคุณแล้ว ผมมีศรัทธาเสมอ
I want to be what you always needed
ผมอยากเป็นในสิ่งที่คุณต้องการเสมอ
Then I hope you'll see the heart in me
ผมจึงหวังว่าคุณจะเห็นถึงจิตใจของผมบ้าง



        วันนี้เป็นวันหยุดของเก้า เพราะเป็นครบรอบก่อตั้งของบริษัทจึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้หยุดทำงานซึ่งเป็นเช่นนี้ทุกๆปีในบริษัทของเก้า วันนี้เก้าจึงตื่นแต่เช้าและตั้งใจจะไปเที่ยวเล่นสักวันถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว

        เก้ามีแผนที่จะไปเดินเล่นในสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ห้องพักมากที่สุดและจะไปหาอาหารทะเลทานในร้านอาหารในตอนกลางคืน ตั้งใจจะชวนพระพายไปด้วย อยากเป็นเจ้ามือเลี้ยงพระพายสักหน่อยเพราะเดือนนี้เก้ามีเงินเหลือเฟือเลยทีเดียว

        จัดการส่งข้อความหาพระพาย ซึ่งแน่นอนว่าพระพายตอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เก้าจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะออกหากห้อง เพื่อนั่งรถเมล์ไปยังสวนสาธารณะที่ใกล้ที่สุด ไปนั่งกินลมชมนกชมไม้ เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ให้ปอดที่สูดแต่ควันรถเสียหน่อย

        มาถึงสวนสาธารณะก็พบว่ามีคนสูงอายุและมากันแบบครอบครัวมาพากันนั่งเล่นและออกกำลังกายกันแบบเบาๆ เป็นภาพที่เก้าชอบมากทุกครั้งที่ได้เห็น เพราะตนเป็นเด็กต่างจังหวัด จากครอบครัวมาเรียนและอยู่ทำงานในเมืองหลวงของประเทศ นานๆครั้งมีวันหยุดยาวถึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง

        เก้านั่งมองภาพเหล่านั้นพร้อมรอยยิ้ม นานๆทีจะมีมุมแบบนี้บ้าง อย่างที่พระพายเคยพูดไว้ เก้าเป็นคนที่ชอบดื่มเที่ยวมากกว่าจะมานั่งทำอะไรเช่นนี้ แต่เก้าเองก็มีมุมที่อยากสงบและรักความเรียบง่ายทุกครั้งเวลาที่ว่างและอยากอยู่คนเดียวอย่างเช่นเวลานี้

        เก้าไม่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา อยากตัดขาดจากโลกเทคโนโลยี นั่งหายใจเข้าออกลึกๆให้เต็มปอด สูดอากาศเขียวขจีและลมอ่อนๆเช่นนี้ไปเรื่อยๆ นั่งหลับตาลงซึมซับความสุขเล็กๆน้อยๆนี่โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนมาอยู่ตรงหน้า

“ที่บ้านนอนไม่ได้เหรอ ถึงต้องมานอนที่นี่”


        น้ำเสียงที่คุ้นหูทำเอาเก้าต้องลืมตาขึ้นมา พบใบหน้าของคนที่ขโมยจูบในครั้งล่าสุดที่เจอกัน เป็นเหตุการณ์ที่เดือดดาลที่สุดเวลาที่เก้านึกถึงมันขึ้นมา เก้าลุกขึ้นยืนพลางจ้องมองไคที่สวมชุดกีฬาราวกับกำลังมาวิ่งออกกำลังกายก็ไม่ผิด

        เก้าไม่พูดไม่จาและเดินออกจากตรงนั้นทันที โดยไม่สนใจว่าไคจะต้องการพูดด้วยหรืออะไรทั้งนั้น ต้องการออกไปจากตรงนี้ไม่อยากเห็นไคให้หงุดหงิดในวันหยุดที่เก้าคาดหวังอย่างวันนี้

“เดี๋ยวก่อน” ไครีบเดินตามเก้าไปทันที เก้าเองก็ไม่คิดจะเหลียวหลังไปมองเลยสักนิด

“นี่ อย่าเย็นชากันนักสิ” ไคเดินตามอย่างไม่ลดละ เก้าเองก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุดเดินแต่อย่างใด

“แค่ถูกฉันจูบเอง ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ไคพูดเสียงดังจนคนรอบข้างที่ได้ยินประโยคดังกล่าวหันมองมายังทั้งสองคน

“พูดอะไรออกมาวะ” เก้าที่ได้ยินเช่นนั้นรีบหยุดเดินและหันหลังกลับมามองไคทันที

“ยอมหันมาแล้วเหรอ?”

“ก็มึงพูดบ้าอะไรของมึงออกมา นี่คนเขามองกูเป็นของแปลกไปหมดแล้ว” เก้ามองซ้ายขวา ผู้คนบริเวณมองมาอย่างสงสัย

“ก็มันเรื่องจริง ไม่ได้โกหกเสียหน่อย”
 
“แต่มันใช่เรื่องที่มึงจะมาพูดต่อหน้าสาธารณะอย่างนี้รึไง”

“ก็ไม่ยอมหันมาคุยกันดีๆนี่”


        เก้าหยุดพูดและจ้องหน้าไคที่ยืนอยู่ข้างหน้า ไม่รู้ชาติที่แล้วได้ทำกรรมกับคนๆนี้ไว้หนักขนาดไหน ชาตินี้ถึงโดนจองเวรจองกรรไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้ เก้าถอนหายใจออกมา ไคนั้นยังคงมองหน้าเก้าอย่างไม่เข้าใจในท่าที่นั้น

“ถอนหายใจทำไม?”

“กูกำลังคิด ว่ากูไปทำอะไรให้มึงเมื่อชาติที่แล้ว ชาตินี้มึงถึงมาตามจองล้างจองผลาญกูขนาดนี้”

“นี่คิดไปถึงเรื่องชาติที่แล้วเลยเหรอ” ไคว่าพร้อมหัวเราะออกมา แต่ใบหน้าของเก้ายังคงเบื่อหน่ายเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยน

“ไค ชื่อจริงนามสกุลจริงมึงคืออะไร?”

“ชื่อ ไค เมอร์เรย์ ถามทำไม?”

“ไค เมอร์เรย์ สินะ เดี๋ยวกูจะไปทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้มึงทุกวันพระเลย” เก้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“กรวดน้ำ...ไม่ใช่ผีที่จะมาทำบุญให้หรอก บ้ารึไง” ไคหน้าตาตื่นทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นออกจากปากของเก้า

“ถึงมึงไม่ตายก็ทำได้ เดี๋ยวจะคว่ำขันให้เลย จะได้ไปให้พ้นๆจากชีวิตกูซะที”

“คว่ำให้ตายยังไงก็ยังต้องเจอกันอยู่ดี” ไคพูดพลางยิ้มเยาะ


        เก้าเลือกที่จะไม่พูดอะไรแต่กลับเดินหนีไปจากตรงนี้อีกรอบ ไคยังคงเดินตามต่อไปอย่างไม่ลดละ จนเก้าที่เดินนำอยู่นั้นเริ่มจะหมดความอดทนและคงต้องพูดกันอย่างจริงจังให้รู้เรื่องในวันนี้และเวลานี้แล้ว

“มึงเป็นอะไรมากไหมไค กูถามมึงจริงๆมึงคิดอะไรอยู่ถึงมาวุ่นวายกับกูขนาดนี้” เก้าถามจริงจังจนไคเองก็พอจะเข้าใจบรรยากาศรอบตัวของเก้าในตอนนี้

“ทำไมถามอะไรแบบนั้นขึ้นมา?”

“จุดประสงค์มึงก็แค่กันกูออกจากพระพายเพื่อเพื่อนมึงเท่านั้นเอง กูรู้อยู่แล้ว แต่แค่อยากถามมึงให้ชัดๆอีกรอบ” เก้าว่า

“แล้วถ้าไม่ใช่อย่างที่คิดล่ะ?”

“จะบอกว่ามึงพิศวาสกูก็ไม่น่าใช่หรอกจริงไหม?” เก้าเอ่ยถามอย่างรู้สึกตลก แม้ครั้งที่แล้วจะถูกไคจูบ แต่คิดแค่ว่าเป็นเรื่องแกล้งสนุกของอีกฝ่ายมากกว่า

“ถ้าจะบอกอยากอยู่ใกล้ๆจะเชื่อไหม” ไคบอก ใบหน้านิ่งนั้นทำเอาเก้าชะงัก

“มึงจะบอกว่าชอบกูอย่างนั้นเหรอ?”

“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ”


        เก้าจ้องมองใบหน้าของคนที่สูงกว่า ในแววตาของไคนั้นมีประกายบางอย่างที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวดูจะจริงจังในคำพูด ทั้งสองยืนจ้องกันอยู่เช่นนั้นโดยไม่สนสายตาคนรอบข้าง

“ไค...แต่กูเกลียดมึง” เก้าบอกความรู้สึกที่อยู่ในใจอย่างไม่ปิดบังและไม่สนว่าไคจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยิน

“เกลียดมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ไคถาม

“ใช่ กูเกลียดมึงและต่อให้กูเป็นเกย์ กูก็จะไม่ชอบมึง”

“ให้โอกาสสักนิดไม่ได้เหรอ?”

“กูไม่คิดจะให้โอกาสอะไรมึงทั้งนั้น เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย” เก้ายืนยันคำพูดของตัวเองอีกครั้ง

“เพราะอะไร กลัวใจตัวเองรึไง” ไคถาม เก้านิ่งเงียบไปก่อนตอบ

“อะไรทำให้มึงคิดว่ากูจะกลัวใจตัวเอง”

“เพราะฉันเชื่อว่านายจะใจอ่อนถ้าถูกฉันรุกมากๆเข้า”

“มึงนี่ดีจัง มีความมั่นใจในตัวเองแบบสูงมาก” เก้าพูดประชด

“ฉันเชื่อว่านายจะต้องหวั่นไหวกับฉันถ้าวันนั้นมาถึง อยากจะลองดูไหมล่ะ”

“เรื่องอะไรกูจะเอาตัวเองไปเล่นเรื่องบ้าๆกับมึงล่ะไค”

“ถ้านายเปิดใจ นายจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกยังไง นายจะได้รู้สึกถึงจิตใจของฉันบ้าง”

“มาขอความเห็นใจจากกูรึไง”

“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ”


        ทั้งสองเงียบไปอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เก้ารู้สึกว่าชีวิตคนเราก็มีสิ่งที่เกินกว่าจะคาดคิดได้ อย่างเช่นการถูกคนที่เคยทะเลาะกันมาตามรังควานด้วยใบหน้าขอความเห็นใจอยู่เช่นนี้ แถมเป็นผู้ชายร่างกายสูงชะลูด ซึ่งไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าจะมีวันนี้มาถึง เก้ารู้สึกว่าการปฏิเสธครั้งนี้เหตุใดถึงยากเย็นเหลือเกิน เพราะสีหน้าที่ร้องขอ เพราะเครื่องหน้าหล่อเหลากระเดียดไปทางตะวันตก หรือเพราะลูกตื๊อที่เข้มข้นเสียจนหาช่องว่างในการปฏิเสธไม่เจอ

“เงียบไปทำไม?” ไคถามขึ้นมา

“กูกำลังคิด...ว่าจะทำยังไงให้มึงออกไปจากชีวิตกู”

“แล้วทำไมไม่ลองเปลี่ยนความคิดว่าจะทำยังไงให้เราสองคนลองใช้ชีวิตด้วยกันล่ะ”

“มึงน้ำเน่าไปแล้ว ใช้ชีวิตบ้าบออะไรของมึง” เก้าด่าเสียงหลงทันควัน

“พูดกันตรงๆเลย ฉันไม่เคยมาขอใครเพื่ออะไรแบบนี้มาก่อน นายเป็นคนแรกที่ฉันยอมทำขนาดนี้”

“นี่กูต้องดีใจเหรอที่เป็นคนแรกของมึง?” เก้าชี้ตัวเองพลางถาม

“ไม่ได้ให้ดีใจ แค่บอกเฉยๆ”

“สรุปแล้วคือมึงยืนยันว่าจะทำแบบนี้ต่อไปแล้วให้กูยอมรับมึงเหรอ?”

“ไม่ต้องยอมรับตอนนี้ก็ได้ แต่ขอแค่ให้โอกาสขออยู่ข้างๆจนกว่าวันนั้นมาถึงก็แล้วกัน”

“นี่ไม่เปิดทางเลือกให้กูสินะ”

“ก็...ตามนั้น”


        เก้าถอนหายใจออกมา ท่าทางไคจะไม่ยอมเลิกราวีง่ายๆ เจ้าตัวเองก็ไม่ได้มีสีหน้าล้อเล่นหรืออะไรเลยทั้งสิ้น ติดจะจริงจังจนรู้สึกว่าหากด่าหรือต่อว่าใดๆก็จะไม่มีการสะเทือนถึงอย่างแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นกูขอเหตุผลสักหน่อย เพราะอะไรถึงชอบกู?” ไคที่ได้ยินคำถามก็เงียบไป ก่อนที่จะเอ่ยตอบ

“เรื่องนั้นยังไม่แน่ชัด เลยอยากจะใช้เวลาคุยให้มากกว่านี้”

“มึงเองยังไม่ชัดเจนเลยไค แล้วมึงจะมาชอบกูที่เพิ่งเจอได้ไม่นานนี่น่ะเหรอ?”

“แค่อธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าอยู่กับนายแล้วรู้สึกดี มันมีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่น”

“พิเศษยังไง?” เก้ายังคงถามไล่เรียงไม่จบง่ายๆ

“ตอนนี้บอกได้เท่านี้จริงๆ เลยมาขอโอกาสตรงๆกันแบบนี้ไง”

“สรุปที่แอบตามกูมาถึงนี่เพื่อมาคุยเรื่องนี้เหรอ?”

“ใช่ คิดว่าจะบังเอิญเจอกันเหมือนในละครหลังข่าวเหรอ มันไม่มีหรอกความบังเอิญน่ะ” ไคบอกพลางแสดงสีหน้าให้เก้ารู้ว่าเก้าคิดอะไรตลกๆอย่างความเชื่อที่ว่าเรื่องความบังเอิญนั้นมีอยู่จริง

“ไม่แปลกใจเลยที่มึงกับไอ้พิธานคบกันได้ เรื่องชั่วๆนี่ถนัดกันจริงๆ” เก้าส่ายหน้าในความรอบรู้และเรื่องสืบเสาะของไค

“แล้วคำตอบล่ะ ตกลงจะยอมไม่ยอม?” ไคถามเข้าสู่ประเด็นที่คุยกันตั้งแต่แรก

“แล้วมึงจะให้กูตอบว่ายังไงล่ะ ในเมื่อบอกไม่มึงก็ไม่ยอม ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป แล้วกูยังมีทางเลือกอื่นอีกรึไง?” เก้าถามพลางมองหน้าไค

“ก็อยากฟังชัดๆ บอกมาสิ”

“ได้....กูตัดสินใจแล้ว ถ้ามึงอยากจีบกูก็ทำไป แต่อย่าก้าวก่ายชีวิตกูก็พอ” ในที่สุดเก้าก็ยอมให้ไคทำตามใจ

“จะไม่ไล่อีกนะ” ไคถามพร้อมรอคำตอบ

“ถ้ามึงไม่วุ่นวายเกินไปกูก็จะไม่ไล่ พอใจรึยัง”

“อืม” ไคตอบรับเบาๆ รอยยิ้มค่อยๆกว้างขึ้นจนเก้าเองอดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง รอยยิ้มที่ดูจะดีใจและไม่เคยเห็นแบบชัดมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็น

“แต่บอกอะไรให้นะ มึงไม่มีทางจีบกูติดหรอก เพราะยังไงกูก็เกลียดมึง มึงก็ทำได้แค่เท่านี้แหละ” เก้ายิ้มเหยาะ

“แล้วเราจะได้รู้กัน” ไคว่าพลางยิ้มกว้างแสดงถึงความดีใจที่ออกนอกหน้าจนเก้าเริ่มหมั่นไส้

“มึงจะดีใจอะไรนักหนา” เก้าพูดเบาๆก่อนที่จะเดินออกไป

“อย่างนายจะไปรู้อะไร” ไคว่า

“อะไร?” เก้าหันไปถามทั้งๆที่ยังเดินอยู่

“มันน่าดีใจขนาดไหนนายไม่รู้หรอก”

“เออ รู้แต่มึงคนเดียวไปเถอะ”


        เก้าเดินไปโดยที่ไคยังคงเดินตามต่อไป เก้าเดินออกาจากสวนสาธารณะ มาถึงร้านข้าวมันไก่ที่อยู่ใกล้ๆ จึงเลือกที่จะทานอาหารเช้าที่นี่แน่นอนว่าไคเองก็มาลงตรงข้ามเก้าโดยไม่ถามอะไรสักคำ

“เดี๋ยวเลี้ยง” ไคว่า เก้าจึงไม่พูดอะไรแล้วหันไปสั่งข้าวมันไก่แทน


        นั่งทานอย่างเงียบๆเพราะเก้าไม่อยากชวนไคคุยอะไรไปมากกว่าที่คุยกันมาก่อนหน้านี้ ไคเองก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่เมื่อครู่เพิ่งมาขอจีบเก้าอยู่หยกๆ

        เก้าเหลือบมองไคที่ตอนนี้กำลังเขี่ยหนังไก่ออก และเลือกที่จะกินแต่เนื้อไก่แทน และราดแต่ซีอิ๊วดำเท่านั้นเห็นแล้วเก้าก็ขัดใจไม่เบา

“มันจะไปมีรสชาติอะไรล่ะ ถ้ากินแค่นั้นน่ะ” เก้าพูดขึ้น

“ไม่ชอบกินเผ็ด” ไคบอกเท่านั้น

“กินอย่างกับข้าวเด็กอนุบาล” เก้าบ่น

“แบบนี้ก็อร่อยดี”

“แล้วก็ทีหลังเวลาสั่งบอกเขาได้ว่าไม่เอาหนัง ไม่ใช่มาเขี่ยทิ้งแบบนี้เสียดายของ” เก้าบ่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ครับๆ” ไคพูดเท่านั้นก่อนที่จะนั่งทานต่อไป

“ว่าแต่วันนี้หยุดงานเหรอ?” ไคถามขึ้น ในขณะที่เก้ากำลังซดน้ำซุปอยู่

“อืม” เก้าตอบ

“แล้วนี่จะไปไหนต่อ” ไคถามอีก

“กลับห้องไปนอนต่อ”

“ไปดูหนังกันไหม?” ไคถามขึ้นอีกครั้ง

“ไม่” เก้าส่ายหน้า

“อยากไปไหน?”

“ไม่อยากไปไหน”

“ก็ได้” ไคว่าอย่างไม่เซ้าซี้ เก้ารู้สึกว่าไคเข้าใจอะไรมากขึ้นเยอะหลังจากการที่ตกลงกัน

“คืนนี้กูนัดพายไปกินข้าว” จู่ๆเก้าก็พูดขึ้นมา

“ไปกันแค่สองคนเหรอ?”

“ใช่ หรือมึงอยากไปด้วย”

“รอนายชวน” ไคว่า

“เสียใจ กูไม่ชวน”

“บอกอะไรให้อย่างหนึ่งเอาไหม...” ไคพูดขึ้น

“อะไรของมึง?” เก้าที่ทานข้าวมันไก่เสร็จแล้วมองหน้าไคที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“พิธานไม่เคยไม่รู้ว่าพระพายไปที่ไหนบ้าง”

“มันจะรู้ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก” เก้าพูดอย่างไม่เชื่อ แต่พอมานึกๆดูแล้วขนาดไคยังรู้เลยว่าตัวเขาจะมาที่นี่ จะไม่แปลกถ้าหากพิธานสามารถรู้ได้เช่นกันว่าพระพายไปที่ไหนบ้าง

“มันคือความจริง และถ้าพิธานรู้ว่าคืนนี้นายนัดกับพระพายมาสองต่อสอง พระพายจะงานเข้าแน่ๆ”

“กูเป็นเพื่อนพระพายนะ เจอมันก่อนเพื่อนมึงเสียอีก” เก้าเริ่มโมโหในความงี่เง่าของพิธาน

“พิธานไม่ชอบหน้านายตั้งแต่คืนนั้นแล้วล่ะ” ไคเฉลย เก้าเลยนึกไปถึงคืนนั้นที่จูบพระพายต่อหน้าพิธานและไค

“มันเป็นใครมีสิทธิ์อะไรไม่ชอบขี้หน้ากู นั่นก็เพื่อนกู ไม่ใช่เพื่อนมันเสียหน่อย”

“แต่ฉันไม่อยากให้พิธานไม่ชอบนาย”

“ทำไม?”

“ก็เพราะฉันชอบนาย” ไคพูดขึ้น เก้าถึงกับชะงัก คำๆนี้ถ้าจะถูกพูดตรงๆต่อหน้าก็ไปไม่ถูกเช่นกัน เก้าเริ่มรู้สึกเหมือนหน้าจะร้อนๆเพราะสายตาที่ของไคที่มองตรงมา

“มึงนี่พูดไม่รู้เรื่องเลยไค แยกๆบ้านใครบ้านมัน กูไม่คุยกับมึงแล้ววันนี้”


        เก้ารีบเปลี่ยนเรื่องทันที ลุกไปจ่ายเงินค่าข้าวมันไก่ในส่วนของตัวเองจากนั้นก็เดินออกจากร้านโดยที่ไม่สนเลยว่าไคจะตามมาทันหรือไม่ เพียงครู่เดียวไคก็วิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว

“ให้ไปส่งไหม?” ไคถาม

“ไม่ กูกลับเอง”

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันนะ”

“เออ” เก้าทำท่าจะเดินไปอีกทางแต่ไคกลับเดินมาดักหน้าเสียก่อน

“อะไรอีก?” เก้าถาม ไคนิ่งเงียบจ้องหน้าเก้าก่อนที่จะเหลือบมองไปข้างหลังทำให้เก้าหันมองตามไปด้วย และเพียงแค่เสี้ยววินาทีไคกลับก้มลงจูบแก้มเก้าอย่างรวดเร็ว

“อะไรของมึงเนี่ยะไอ้ไค!!” เก้าร้องเสียงดังทันทีที่รู้สึกสัมผัสตรงแก้ม รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะไปนิด แต่คงเพราะความตกใจที่ไคจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวมากกว่า

“จูบลาไง” ไคว่าพลางยิ้มกว้าง

“กวนตีนมากแล้วมึง” เก้าทำท่ายกขาจะเตะไคทันที แต่ไคกลับถอยหลบทัน

“ไปนะ นพคุณ” ไคว่าพลางโบกมือลา


             เก้าหัวฟัดหัวเหวี่ยงสุดๆที่ไคทำเรื่องบ้าๆตรงริมถนนอีกทั้งยังเรียกชื่อจริงที่ไม่รู้เจ้าตัวไปสืบมาจากไหน แต่คงไม่มีอะไรแปลกใจไปกว่านี้แล้วเพราะแม้แต่เบอร์โทรและที่อยู่ก็ยังสืบมาได้ นับประสาอะไรกับชื่อจริงนามสกุล

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” เก้าตะโกนใส่ไคที่เดินไปแล้ว

“อย่าลืมมาเอาด้วยล่ะ” ไคพูดพร้อมหัวเราะและเดินจากไป

“ชาติหมาจริงๆ”


             เก้าที่โมโหจนไม่รู้จะต้องทำอย่างไรแล้ว สุดท้ายก็เลือกที่จะนั่งรถเมล์กลับห้องพักเพื่อไปอาบน้ำนอนต่อ และเตรียมตัวไปหาพระพายตามที่นัดเอาไว้ นั่งรถไปคิดไปถึงเรื่องบ้าๆที่ไคทำไว้ก่อนจาก รู้สึกประสาทจะเสียมากขึ้นกับการถึงเนื้อถึงตัวของไคที่เริ่มจะมากขึ้นตามลำดับ ครั้งต่อไปหากเจอกันทำเก้าหวั่นไม่น้อยว่าจะโดนไคทำอะไรอีก เพียงแค่คิดเก้าก็เริ่มปวดหัวเสียแล้ว...


*Lyrics: Beautiful Soul By Jesse McCartney.
 

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2017 11:24:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 16-12-2017 11:51:43
จิรอดูว่าเก้าจะใจเเข็งได้นานเเค่ไหน โดนไครุกหนักๆเข้าก็ต้องอ่อนบ้างแหละหน่า

สู้ๆค่ะอิพี่ไค

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-12-2017 12:03:26
ถ้าจะขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเป็นแฟนให้รู้แล้วรู้รอด
ไคยังชัดเจนกว่าเลย
พิธานขี้เก๊ก!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-12-2017 17:35:40
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 16-12-2017 18:57:36
แหมม เก้าก็ ทำมาเขินกลบเกลื่อน :m13:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-12-2017 23:55:07
คู่นี้ละมุนจังเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-12-2017 08:00:41
คู่นี้น่ารัก

 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-12-2017 09:51:18
พวกนักล่านี่ตามประกบเหยื่อไม่ปล่อยเลย เก้ายอมรับชะตากรรมเสียดี ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 18-12-2017 03:30:11
หืมม ไม่คิดว่าไคจะพูดความรู้สึกออกมาชัดเจนขนาดนี้ 55555
เราเป็นเก้าเราก็งงนะ ว่าไอ้หมอนี่มันมาไม้ไหนกันแน่
ได้ข่าวว่าความสัมพันธุ์เริ่มต้นจากต่อยตีกันแท้ ๆ  :laugh:

แต่ก็เชียร์ไคให้รุกเก้าไปเล้ย ฮีเป็นคนความรู้สึกเร็วดีเนอะ ชอบก็คือชอบตามสไตล์ฝรั่ง
เหตุผลไว้หาเอาข้างหน้า รู้แค่ว่าตอนนี้รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ก็พอ -/////-
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 16 (16/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-12-2017 06:32:53
คู่นี้ก็น่ารักๆ พอไคมาจีบเก้าก็น่ารักเฉยเลย 555 ท่าทางจะใจแข็งไม่นานแบบนี้
พิธานคงจ้างนักสืบแน่ๆ ถึงรู้ว่าพระพายไปอาบอบนวด ก็เพราะใครล่ะ ฮึ
คืนนี้มีตามมาหึงโหดแน่นอน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 23-12-2017 13:00:12
ตอนที่ 17 มาแล้วค่ะ  :katai5: อาทิตย์ทีี่ผ่านมาจิตตกและย่ำแย่มาก เพราะข่าวของจงฮยอนที่จากไปแบบไม่มีวันกลับ ทำเอาเราเขียนนิยายไม่ออกเลยค่ะ เสียใจและรู้สึกแย่มาก ทีนี้ก็เลยรู้สึกห่วงคนที่เป็นโรคซึมเศร้าขึ้นมา โปรดสังเกตคนรอบข้างที่เรารักนะคะ ไม่ว่าจะเพื่อน จะแฟน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน เขาอาจจะไม่แสดงออกให้เราเห็นว่าข้างในเขาดิ่งลึกขนาดไหน ให้กำลังใจและให้เขาพบหมอเพื่อรักษานะคะ โรคนี้คร่าชีวิตคนมากกว่าที่พวกเราคาดถึง ฝากไว้ด้วยนะคะ

ทีนี้ก็มาถึงนิยายตอนนี้ ติดตามกันต่อเลยค่ะว่าจะเป็นอย่างไร หลายคนคงชอบไคเนอะ เพราะดูตรงๆและไม่ปากแข็งเท่าอีกคน ฮ่าๆ ไปอ่านกันเลยค่ะ และเช่นเคย หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยค่ะ ชื่นชอบหรือไม่ยังไงบอกได้นะคะ ให้กำลังใจกันด้วยค่ะ และขอขอบคุณคนอ่านทุกท่า่นที่ติดตามกันด้วยนะคะ อ่านคอมเม้นท์แล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ไว้เจอกันนะคะ  :กอด1:



+++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 17  My words.


When I try to explain it I be sounding insane
ยามที่ฉันพยายามอธิบายออกไป มันฟังดูบ้าสุดๆ
The words don’t ever come out right
คำพูดที่ออกมาไม่ถูกเอาเสียเลย
I get all tongue tied (and twisted)
ลิ้นของฉันพันมั่วกันไปหมด
I can’t explain what I’m (feeling)
ฉันอธิบายความรู้สึกของฉันไม่ได้เลย


        เวลาหลังเลิกงานมาตรฐานของชาวออฟฟิศ พระพายบิดขี้เกียจตอกบัตรออกเพื่อกลับไปอาบน้ำเก็บของและไปตามนัดของเก้า ที่คืนนี้นึกครึ้มชวนไปทานข้าวทั้งๆที่ไม่ใช่คืนวันเสาร์เหมือนอย่างทุกครั้ง เจ้าตัวบอกว่าอยากเลี้ยงอาหารทะเล แน่นอนว่าราคาแพงและมีหรือที่พระพายจะปฏิเสธน้ำใจในครั้งนี้ อีกอย่างช่วงนี้งานของพระพายไม่ได้ยุ่งวุ่นวายเพราะทยอยจัดการงานค้างจนเหลือแค่งานปัจจุบันที่ไม่ได้เร่งรีบอะไรเท่าไหร่ เรียกได้ว่าช่วงนี้พี่ๆในแผนกต่างชมเปราะว่าพระพายขยันตัวเป็นเกลียวเลยทีเดียว

        สาเหตุที่พระพายขยันและทำงานงกๆนั้นมีแค่เหตุผลเดียวคือต้องการพาความคิดของตัวเองให้ห่างจาการนึกถึงพิธาน หลังจากที่ดูหนังด้วยกันวันนั้น พระพายเอาแต่นึกถึงพิธานจนเริ่มหวั่นใจว่าเพราอะไรถึงหมกมุ่นได้เช่นนี้ นึกถึงแต่ใบหน้าของพิธานยามหลับสีหน้าเวลาที่พิธานเอ่ยปากชื่นชมยามที่เขาทำเรื่องที่น่าพออกพอใจเวลาอยู่บนเตียงด้วยกัน นึกถึงความร้อนจากฝ่ามือยามถูกสัมผัส เรียกได้ว่าแทบจะทุกอิริยาบถของพิธานที่พระพายเอาแต่นึกถึง นั่นทำให้พระพายต้องหาสิ่งอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจเพราะถ้าหากเอาคิดเรื่องของพิธานจะยิ่งนับวันรอเวลาให้พิธานโทรมาหามายิ่งขึ้น

        หลังจากที่ดูหนังกัน พิธานโทรมาแค่ครั้งเดียวและคุยกันเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น พิธานถามราวกับกำลังสอบถามว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน พระพายก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขานั้นไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังอยู่แล้ว ยิ่งหลังจากโดนลงโทษไปขนาดนั้นแล้ว ยิ่งไม่อยากจะโกหกอะไร เพียงแค่รู้สึกแปลกนิดๆเมื่อพิธานโทรมาถามเช่นนั้น

        ตอนนี้พระพายกลับมาถึงห้องแล้ว รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและส่งข้อความหาเก้าเพื่อนัดเวลาที่แน่นอนอีกครั้ง สถานที่นัดคือร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา พระพายแทบจะกรีดร้องในความใจป้ำของเก้าที่พาไปเลี้ยงถึงร้านริมแม่น้ำที่ได้ชื่อว่าราคาแพง ไม่เสียแรงที่งัดชุดที่ดูดีสุดเพื่อไปนั่งทานอาหารทะเลที่แพงหูฉี่ ใช้เวลาพอสมควรกว่าพระพายจะพาตัวเองไปถึงสถานที่นัดซึ่งเห็นเก้ารออยู่ก่อนแล้ว จึงเร่งฝีเท้าเข้าไปหาเก้าทันที

“คุณเก้าครับ นึกครึ้มอะไรถึงพาผมมาเลี้ยงที่ร้านแบบนี้ครับ” พระพายพูดจาหวานหูและสุภาพจนเก้าหัวเราะออกมา

“ไอ้พาย ปะเหลาะแดกนะมึง เรียกเสียกูเป็นคุณเป็นท่านเชียว”

“แน่นอนสิ บุญปากทั้งที” พระพายหัวเราะชอบใจ

“ไปๆกูจองโต๊ะไว้แล้ว”


        ทั้งสองเดินเข้าไปยังร้านอาหาร ซึ่งบรรยากาศพลบค่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นดูดีไม่เบา ทั้งสองเลือกโต๊ะริมสุดซึ่งเป็นโต๊ะใหญ่ที่นั่งได้ถึงห้าคน ซึ่งเป็นโต๊ะที่ทางร้านจองไว้ให้ นั่งลงพร้อมสั่งอาหารมาหลายอย่าง ของโปรดที่ต่างคนต่างชอบ จากนั้นระหว่างรออาหารก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องที่ทั้งสองอย่างจะคุยกับอีกฝ่าย

“พาย มีเรื่องคืบหน้าอะไรบ้างไหม?” เก้าจุดประเด็นขึ้นมาก่อน พระพายเงียบพลางมองหน้าเก้า รู้กันดีว่าตอนนี้คำถามนั้นกำลังพูดถึงใครและเรื่องอะไร

“ก็...มีนะ”

“แต่ก่อนจะคุยถึงเรื่องนั้น กูถามมึงก่อน คืนนั้นมันไม่พอใจอะไรบ้างรึเปล่า?” เก้าถาม เพราะคืนนั้นเขาทำเรื่องไว้ แน่นอนว่าพิธานต้องไม่พอใจเป็นธรรมดาอย่างที่ไคเคยบอกไว้

“โกรธมากเลย ทะเลาะกันกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง” พระพายเริ่มเล่า

“ทะเลาะเหรอ มันหึงมึงรึไง?”

“ไม่รู้สิ...แต่โกรธมากและคิดว่ากูไปนอนกับคนอื่นหลับหลังมันด้วย”

“เอาอะไรคิดวะ มันจะรู้ไหมว่านอกจากมันแล้วมึงนอนกับคนอื่นไม่ได้แล้วน่ะ”

“มันเหรอจะรู้ กูนี่ควันออกหู” พระพายบ่น

“แล้วตอน...เอ่อ...มึงนั่นกัน มันทำมึงแรงๆไหม?” เก้าถามลึกขึ้นไปเรื่อยๆ พระพายหน้าแดงขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะเริ่มพูดต่อ

“จะเหลือเหรอ แถมรู้ไปถึงเรื่องไปอาบอบนวดด้วย” พระพายบอก

“ตายห่าแล้ว อะไรจะรอบรู้ขนาดนั้น นี่มันจ้างใครตามมึงรึเปล่า?” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าพิธานเริ่มจะน่ากลัวเอาเรื่องเหมือกัน

“เรื่องนั้นไม่รู้ แต่กูโดนมันก็ลงโทษตามระเบียบนั่นแหละ....แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ” พระพายบอกปัดเมื่อนึกถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมา

“โทษนั่นคงโดนใจมึงสินะ” เก้าว่าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่าทำเอาพระพายไปไม่เป็นเลยทีเดียว

“เปลี่ยนเรื่องๆ...ว่าแต่มึงเถอะ คิดยังไงถึงมาจูบกูต่อหน้าเจ้านั่นและก็ไควะ กูนี่อยากจะบ้า” พระพายพูดพร้อมทำท่าจะกินหัวเก้าให้ได้เพราะความอับอาย

“ก็กูอยากรู้ ว่าไอ้พิธานมันจะรู้สึกยังไงถ้ามีผู้ชายคนอื่นนอกจากมันทำเรื่องแบบนั้นกับมึง”

“แล้วมึงได้คำตอบไหมล่ะ?”

“อันนี้มึงต้องถามตัวเองนะ เพราะกูว่าคนที่ได้คำตอบน่าจะเป็นมึงมากกว่า”


        พระพายเงียบไปเมื่อได้ยินเก้าพูดเช่นนั้นออกมา ถูกของเก้าที่คนที่น่าจะรู้สึกมากที่สุดคือตัวของพระพายเอง ท่าทางและคำพูดของพิธานที่แสดงออกมาหลังจากที่เก้าทำเรื่องพวกนั้น แน่นอนว่าหากพระพายเป็นหญิงสาวเพ้อฝันก็ต้องคิดไปไกลว่าพิธานนั้นคงมีใจหรือคิดอะไรมากกว่าคนทั่วไปแน่นอน แต่กลับกันนี่คือพระพายเป็นผู้ชายที่ไม่สามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่าคนอย่างพิธานนั้นจะมีใจหรือคิดอะไรเกินกว่าคู่นอนได้

“สรุปเป็นไง คำตอบล่ะ?” เก้าถามย้ำ

“กู...ไม่รู้ ไม่อยากคิดอะไรแบบนั้น” พระพายตอบ

“ถ้าอย่างนั้นกูถามใหม่ มึงรู้สึกยังไงพายหลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น?” พระพายที่ได้ยินคำถามนิ่งเงียบไปอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าออกราวกับต้องการกำลังใจกับสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป

“กูว่า...กูเริ่มชอบมันแล้วว่ะ”


        พระพายพูดจบแล้ว เก้าเองก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน เพราะเป็นเพื่อนกันมานานเลยรู้ว่าพระพายไม่ใช่คนที่จิตใจโอนอ่อนง่ายๆเหมือนคนอื่น เป็นคนคิดเสมอก่อนที่จะพูดอะไรออกมาและมั่นใจว่านี่คือคำพูดที่พระพายคิดและไตร่ตรองออกมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

“มึงรู้ใช่ไหม ว่าพิธานอาจะไม่คิดแบบมึง” เก้าเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่

“รู้...กูรู้ว่ามันไม่ชอบกูหรอก แต่บางครั้งก็รู้สึกว่ามันอาจจะคิดกับกูมากกว่าแค่คู่นอน” พระพายจ้องมองจานเปล่าด้วยแววตาที่แทบจะว่างเปล่าเช่นกัน

“เพราะอะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น?”

“มัน...อ่อนโยนขึ้นเยอะกว่าตอนแรก มันดีกับกูมากขึ้น เอาใจใส่ ไม่รู้สิ มันดูมีความรู้สึกมากกว่าแรกๆที่เจอกัน” พระพายพยายามหาคำอธิบายซึ่งยากที่จะให้เก้าเข้าใจได้

“แต่พื้นฐานของพวกมึงสองคนคือเรื่องอย่างว่า ความรักมันจะเกิดขึ้นได้จากเรื่องพวกนี้จริงๆเหรอวะ?” เก้าเองก็หาเหตุผลให้พระพายเพราะรู้ดีว่าเพื่อนกำลังเศร้า ดูได้จากแววตาที่เหมือนจะชั่งใจยามที่พูดถึงความรู้สึกของพิธานในมุมมองที่ตนคิด

“กูไม่รู้ว่ามันคิดยังไง แต่กูคิดไปแล้ว กู...รู้สึกมากกว่ามันไปแล้ว เรื่องนี้แหละที่กูมั่นใจ” พระพายเงยหน้ามองเก้าที่จ้องมองอยู่แล้ว

“พระพาย กูจะช่วยมึงได้ยังไง กูกลัวมึงจะเสียตัวไม่พอแล้วจะเสียใจตามไปด้วยนี่สิ” เก้าถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก

“กูแพ้มันทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะกำลังหรือใจกูเองก็ตาม”

“นี่ก็ใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว ทนอีกเดือนเดียวนะมึง เดี๋ยวมึงก็จะเลิกยุ่งกับมันแล้ว ถ้าตอนนั้นมึงยังตัดใจไม่ได้ กูจะกินเหล้าเป็นเพื่อนมึงสามวันสามคืนเลย”

“มึงสัญญาแล้วนะเก้า เตรียมเหล้าอาบกูได้เลย...อกหักครั้งแรกของกูคงเจ็บน่าดูเลย”

“เอาน่า กูเพื่อนมึงนะไม่ทิ้งมึงหรอก” เก้าว่าพลางลุกขึ้นตบไหล่พระพายที่นั่งตรงข้าม ก่อนที่จะนั่งลงต่อ

“เออ กูถามหน่อย มึงไปดีกับไคตอนไหน?” จู่ๆพระพายก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา เก้านิ่งไปนิดเมื่อหัวข้อสนทนามาตกอยู่ที่ตัวเอง

“เจรจาสงบศึกแล้ว” เก้าเลือกที่จะปิดพระพายว่าจริงๆแล้วตอนนี้ไคกำลังตามจีบอยู่ และไม่คิดจะบอกพระพายเด็ดขาดถึงเรื่องระหว่างเขากับไค

“ไม่ทะเลาะกันก็ดีแล้ว กูว่าไคเป็นคนน่ารักดี” พระพายว่า

“มึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวแล้วพาย” เก้าทำหน้าหยีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“มึงนั่นแหละอคติ คนเราไม่ได้เหมือนอย่างที่เห็นทุกคนหรอก”

“อย่างเช่นไอ้พิธานนั่นเหรอ” เก้าพูดพร้อมยักคิ้วเพื่อให้พระพายทำตัวไม่ถูก

“มึงอย่าพูดสิวะ” พระพายได้แต่หน้าเจื่อนๆเพราะไม่รู้จะกลบเกลื่อนอย่างไรดี


        อาหารมาแล้ว ทั้งสองเริ่มลงมือทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ทานกันไปได้ไม่นานเท่าไหร่นักกลับมีแขกผู้มาเยือนโดยที่ไม่ได้นัดหมายมาก่อน เก้าเงยหน้ามองผู้ชายสองคนที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังพระพาย ตาของเก้าดูจะโตขึ้นเพราะตกใจหรือไม่คาดคิดอะไรสักอย่าง พระพายขมวดคิ้วสงสัยในท่าทางนั้นก่อนที่จะหันหลังไปดูพบว่าเป็น...

“คุณไค....คุณพิธาน”


        พระพายเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นทั้งสองเดินมาพร้อมกันและมายืนอยู่ในร้านอาหารริมแม่น้ำเช่นนี้ พระพายมองหน้าเก้าที่กำลังคิดว่าการที่เห็นไคไม่น่าตกใจเท่ากับเห็นพิธานมาด้วย

“รีบกินกันจัง” ไคว่าก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างๆเก้า เก้าปรายตามองไคอย่างไม่สบอารมณ์

“กูไม่ได้ชวน มึงมาทำไม?” เก้าถามขึ้น

“อ้าว..คิดว่าชวน ก็เห็นบอกเองนี่” ไคว่า

“แล้วมึงเอามันมาทำไม?” เก้าหันไปมองพิธานที่ตอนนี้นั่งลงข้างๆพระพาย ด้านพระพายนั้นเริ่มอึกอักนั่งไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไหร่เพราะพิธานใช้สายตาจ้องมองเขม็งอยู่

“พิธานอยากตามมานี่ จะห้ามได้ยังไง” ไคบอกเหตุผลที่ไร้น้ำหนักจนเก้าได้แต่กรอกตาในคำพูดนั้น

“มาก็ไปนั่งโต๊ะอื่นสิ โต๊ะนี่กูจองไว้สำหรับเราสองคน ไม่ใช่พวกมึง” เก้าบอก

“แต่ตอนนี้โต๊ะเต็มหมดแล้วและตรงนี้ก็ว่าง มีน้ำใจแบ่งให้กันหน่อยไม่ได้เหรอ?” ไคพูด กลายเป็นว่าตอนนี้โต๊ะทั้งโต๊ะมีแค่ไคและเก้าที่นั่งเถียงกันอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่พิธานและพระพายกลับนั่งเงียบเชียบ

“มึงเงียบไปเลย จะนั่งตรงไหนก็เรื่องของมึง กูจะกินข้าว” เก้าตัดบทเช่นนั้นก่อนที่จะหันไปมองพระพายที่เริ่มเขี่ยข้าวในจานไปมา

“กินเร็วๆพาย กำลังร้อนๆเลย” เก้าบอก พระพายจึงเริ่มตักอาหารเข้าปาก ด้านพิธานเองก็นั่งมองพระพายทานข้าวเช่นกัน

“สั่งอาหารเพิ่มดีกว่า” ไคว่าอย่างนั้นก่อนที่เรียกพนักงานมาสั่งอาหารที่เยอะเสียจนเก้าต้องขัดขึ้นมา

“มึงซื้อมาถมที่รึไง?”

“ก็อยู่กันหลายคน อีกอย่างพิธานกินจุ” ไคว่า พิธานยกน้ำขึ้นดื่มซึ่งเป็นแก้วของพระพาย

 
        เมื่อมาเจอกันแบบนี้พระพายเองก็วางตัวไม่ถูกและยิ่งหลังจากที่สารภาพกับเก้าว่าเขานั้นชอบพิธานยิ่งยากที่จะมองหน้ากันตรงๆ พิธานที่นั่งเงียบๆนั้นได้แต่มองพระพายไม่วางตา ด้านไคกับเก้ายังคงนั่งเถียงนั่งว่ากันอยู่อย่างนั้นจนไม่สนใจทั้งสองคนเลยว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรกันอยู่

“พิธาน ไม่ทักทายพระพายหน่อยเหรอ?” ไคถามพลางมองพิธานและพระพายสลับกัน

“จะให้ทักอะไร เอาแต่ก้มหน้ากิน” พิธานว่าพลางเหลือบมองพระพายที่ตอนนี่รีบวางช้อนลงทันที

“พาย กินต่อไม่ต้องสนใจคนอื่น” เก้าพูดโดยยักคิ้วข้างเดียวใส่พิธานที่มองชวนหาเรื่อง

 “กินๆ อย่าทะเลาะกัน”


        ไคห้ามทัพและยื่นจานเปล่าให้พิธานซึ่งยอมรับแต่โดยดี ทั้งสี่คนนั่งทานอาหาร โดยที่ไคคอยตักนั่นตักนี่ใส่จานเก้าเสียพูน เก้าก็บ่นเป็นระยะๆพระพายได้แต่มองทั้งสองคนที่ดูสนิทสนมกันจนรู้สึกแปลกๆ

“จะไปไหนต่อ?” พิธานเอ่ยถามพระพายที่ตอนนี้กำลังตักกุ้งเข้าปาก

“ก็....ไม่”

“หรือคิดว่าจะไปอาบอบนวดกันต่อ” สิ้นคำของพิธานพระพายถึงกับสะดุ้ง พอๆกับเก้าเองก็สะดุ้งไม่ต่างกัน
 
“อยากไปอีกไหมล่ะ?” ไคถามขึ้น สายตาของพิธานกับไคสบมองอย่างคนรู้กัน

“เอ่อ...ไม่ดีกว่า” พระพายเลือกจะตอบขึ้นมา

“ทำไมล่ะ ตอนนั้นไม่สนุกเหรอ?” พิธานถาม เก้ารู้สึกว่าสายตาของพิธานกำลังสนุกและมีประกายยามที่คุยกับพระพายซึ่งแตกต่างกับตอนที่พิธานคุยกับเพื่อนๆหรือคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง

“สนุกมาก น้องๆน่ารักบริการก็ดี” เก้าเป็นคนพูดขึ้นมาเอง ไคที่นั่งข้างๆออกแรงตัดปลาหมึกเสียแรงจนได้ยินเสียงกระทบจาน ราวกับเคืองนิดๆที่ได้ยินเก้าพูดเช่นนั้นออกมา

“ไปอีกไหม คราวนี้พวกเราจะไปด้วย” ไคว่าด้วยรอยยิ้ม แต่แปลกที่เก้ากลับเห็นว่าสายตานั้นไม่ยิ้มตามไปด้วย

“ไม่ไป วันนี้กูจะอยู่กับพาย” เก้าบอก พิธานเงียบไปอีกครั้ง

“พระพาย...บอกสิ อยากอยู่กับใคร?” พิธานเอ่ยขึ้นมา แน่นอนว่าน้ำเสียงนั้นฟังแล้วเจ้าตัวคงไม่สบอารมณ์อย่างแน่นอน

“เอ่อ.....” พระพายเองก็เลือกไม่ถูก เก้าที่เป็นเพื่อนนั่งเหล่มองรอคำตอบ พอๆกับพิธานที่นั่งจ้องรอคำตอบอยู่เช่นกัน

“อยากอยู่คนเดียว” พระพายเลือกจะตอบแบบนี้ออกมา

“ให้โอกาสอีกครั้ง...คราวนี้ตอบดีๆล่ะ” พิธานว่าโดยที่ไคและเก้าไม่อาจจะเห็นได้เลยว่าตอนนี้พิธานใช้เท้าเขี่ยเท้าของพระพายอยู่ราวกับจะให้คิดดีๆก่อนตอบ


        ใจของพระพายนั้นเลือกพิธานไปเกินกว่าครึ่งแล้ว แต่อีกใจที่เหลือก็อยากจะลองใจพิธานถ้าหากพระพายไม่เลือกพิธานแล้วสิ่งที่ตามมาคืออะไร พิธานจะแสดงความรู้สึกแบบไหนออกมา คิดๆแล้วก็อยากจะลองเล่นกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน

“เก้า” พระพายเอ่ยเลือกเก้าซึ่งยิ้มกริ่มอย่างคนมีชัย ในขณะที่พิธานนั้นขบกรามเสียแน่น

“ลืมข้อตกลงของเราไปแล้วรึไง” พิธานถามด้วยน้ำเสียงที่พระพายต้องสะดุ้งตัวเบาๆ

“ก็...ตอนนี้อยู่กับเก้าก่อนไง เดี๋ยวก็ค่อยไปอยู่กับคุณ” เห็นท่าจะไม่ดีพระพายจึงรีบทำตัวเป็นปลาไหลทันที

“ตอบไม่ตรงคำถาม” พิธานว่า

“นี่พิธาน พระพายก็ตอบถูกของเขานะ ไม่ได้ถามนี่ว่าอยากอยู่กับใครตอนไหน เนอะเก้า” ไคหาพวกทันทีเพราะห่วงสวัสดิภาพของพระพาย

“ก็...เออ ตอนนี้พายมันอยากอยู่กับกูก่อน ส่วนมึงค่อยทีหลังก็ได้” เก้าพูด

“ถ้าอย่างนั้นรีบๆกินแล้วรีบๆไป” พิธานพูดก่อนที่จะเริ่มลงมือทาน


        ทั้งสี่คนนั่งทานอาหารต่อโดยไม่พูดอะไรอีก จนในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่ออาหารที่เยอะเกินกว่าจะทานหมด นั่นทำให้เก้าหันไปเหวี่ยงไคทันที

“ไหนบอกเพื่อนมึงกินจุ แล้วนี่อะไร เหลือบานเลย”
 
“ก็วันนี้พิธานคงไม่อยากกินเท่าไหร่” ไคตอบหน้าตาเฉย

“คิดบิลแยกเลยนะมึง อย่าล้ำมาโต๊ะกู” เก้าว่า

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเลี้ยงเอง” ไคพูดพลางเรียกพนักงานให้เก็บเงิน

“ไม่ต้อง กูตั้งใจจะมาเลี้ยงพาย มึงไม่ต้องยุ่งเลย” เก้าไม่ยอม

“ก็บอกจะเลี้ยงไง อย่าบ่นน่า” ไคเองก็ไม่ยอมแพ้ สรุปไคก็ได้จ่ายสมใจ

“จ่ายไปเลย คราวหน้าถ้ามึงตามมากินกับกูอีก กูจะถล่มให้จมเลย” เก้าพูด ไคพยักหน้าตอบรับคำพูดของเก้า

“เก้า..อาหารเหลือเยอะเลย ให้เขาห่อกลับบ้านดีกว่ามึง” พระพายพูดขึ้นมาอย่างเสียดาย

“เอาสิ แบ่งๆกันไปไว้อุ่นกิน ประหยัดดี” เก้าเองก็เห็นสม

“อยากกินเดี๋ยวซื้อใหม่ให้ ไม่ต้องห่อกลับหรอก” พิธานเอ่ยขึ้นมา พระพายมองพิธานก่อนจะมองเก้า

“พวกกูมันคนหาเช้ากินค่ำ ไม่รวยเหมือนพวกมึงหรอกนะ” เก้าว่าและบอกพนักงานให้ช่วยห่ออาหารที่เหลือกลับบ้านและแบ่งกันคนละครึ่งกับพระพาย

“เสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ” พิธานว่าและดึงมือลากพระพายออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้พระพายล่ำลาเก้าเลยสักนิด

“เพื่อนมึงนี่บ้าว่ะ” เก้าพูดขึ้นมาหลังจากที่เห็นพิธานและพระพายเดินลิ่วๆออกไป

“คนหวงของก็แบบนี้แหละ” ไคว่า

“เออ ขอบใจที่เลี้ยง กูกลับแล้ว” เก้าพูดและลุกขึ้นเดินออกไป

“ให้ไปส่งไหม?” ไคถาม

“ไม่ต้องมาโชว์ความแมนเลย กูกลับของกูเองได้”

“นี่ตามจีบอยู่นะ ต้องทำคะแนนสิ” ไคพูด

“จีบให้ตายมึงก็ไม่ได้คะแนนแถมติดลบกูบอกไว้เลย” เก้าเดินออกไปจากร้านไคก็ยังไม่ลดละเดินตามไปอยู่ดี

“น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนเลย” ไคพูดขึ้นมาทำเก้าเดินสะดุดอากาศ

“มึงนี่มันกวนตีนกูจัง” เก้าโวยวายก่อนที่จะไปเรียกแท็กซี่

“เดี๋ยวส่งไลน์ไปแล้วตอบด้วยนะ” ไคบอกตอนนี้รถแท็กซี่มาจอดแล้วและเก้ากำลังขึ้นรถ

“กูไม่อ่านเพราะไม่มีไลน์มึง” เก้าบอก

“นี่ไงแอดไปแล้ว” ไคว่าและโทรศัพท์มือถือของเก้าก็ดังขึ้น เก้าหยิบมันขึ้นมาดูและทำท่าจะกดลบแต่ไคมือไวกว่ารีบแย่งโทรศัพท์มือถือและกดรับเพื่อนเป็นที่เรียบร้อย

“ไอ้ไค เอาคืนมาเลย” เก้าร้องขึ้น คนขับแท็กซี่ก็มองทั้งสองคนที่ยังเถียงกันอยู่

“จะไปไหมครับ?” คนขับแท็กซี่ถามขึ้น

“ไปครับๆ” เก้าจึงนั่งลงและปิดประตูรถ ไคโบกมือให้และส่งจูบแน่นอนว่าเก้าเล่นมุกกลับด้วยการคว้าจูบทางอากาศและบีบก่อนจะทำท่าขว้างกลับ ไคได้แต่หัวเราะและแท็กซี่ก็ขับออกไป

   ไคยืนยิ้มอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะเดินกลับไปยังรถที่จอดไว้ ด้านเก้าที่นั่งฟังเพลงอยู่บนแท็กซี่ก็เปิดเลื่อนไปดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมา พบว่าไคส่งข้อความมาว่า

“คราวหน้าจะไปจูบที่ปากไม่ให้มีโอกาสขว้างทิ้งหรอกนะ”


        เมื่ออ่านจบเก้าก็รู้สึกแปลกขึ้นมาทันทีเพราะนึกไปถึงคืนนั้นที่คอนโดของไค พอนึกและเผลอเอามือแตะปาก ความรู้สึกตอนนั้นยังชัดเจนเพียงเท่านั้นที่เก้าเผลอตัวนึกไป เมื่อดึงสติได้ก็รีบพิมพ์ด่ากลับไปทันทีว่า..

“เหี้ย!!...”


        เก้าเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าพลางหันมองข้างทางและพบเงาสะท้อนในกระจกว่าตัวเองกำลังนั่งยิ้มอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบหุบยิ้มลงทันทีและเปลี่ยนความคิดที่ตอนนี้กำลังนึกถึงหน้าของไคยามที่กำลังหัวเราะเพราะอ่านข้อความที่เขาพิมพ์ด่าไป...


Lyrics : Baby I By Ariana Grande.
 
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-12-2017 13:56:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-12-2017 15:34:11
โอ้ย จะโดนลงโทษอะไรไหมนะ555

ปล.เศร้ามากเหมือนกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงกับเลิกตามโซเชี่ยลไปพักนึง แต่ชีวิตต้องเดินต่อไปเนอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 23-12-2017 15:57:01
พิธานนนน พระพายบอกว่าจะไปกับเก้าไง นายมาลากได้ไงงงงง

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 23-12-2017 16:02:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noi ที่ 23-12-2017 16:27:27
ตอบตรงจากใจ เกลียดนิสัยพิธาน ครบสองเดือนเมื่อไรอย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย
จะรักจะชอบบอกกันไปเลย อย่าทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นสิ่งของ เป็นของตาย จะเรียกหาเมื่อตัวเองต้องการไม่เห็นใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ต้องให้เจ็บเองบ้าง
ส่วนพระพายต้องใจแข็งให้ได้อย่าใจอ่อน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-12-2017 17:45:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-12-2017 19:27:31
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 23-12-2017 23:04:47
ทำไมช่วงนี้ไคเรตติ้งมาแรงกว่าพิธาน 5555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 24-12-2017 01:50:10
ไคเป็นผู้ชายน่ารักนะเก้า..เก็บไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-12-2017 01:58:52
เซ็งกับพฤติกรรมนายพิธาน แต่ทำไมนายไคดูดีกว่าเก่าเยอะเลยแฮะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 28-12-2017 06:09:13
กลายเป็นว่าไคน่ารักกก ทำคะแนนนำเพื่อนไปไกลแล้ว 555555
แต่เราก็ชอบที่พิธานยังซึนเดเระอยู่นะคะ สนุกดี หึงเค้า แต่พูดมากไม่ได้ เดี๋ยวเสียฟอร์มใช่มั้ยล่ะ  :hao3:

แต่ก็แอบสงสารพระพายตรงที่ตามพิธานไม่เคยทันเล้ย
อยากเห็นพายฮึดสู้ไปเลยย คิดเข้าข้างตัวเองนิดนึงบ้างก็ได้ลู๊กกกกก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 28-12-2017 10:24:18
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 28-12-2017 14:53:56
สอบถามค่ะ เรื่องนี้จะสลับคู่หลักคู่รองทีละตอนรึเปล่าคะ?  เราไม่สามารถอ่านแบบนี้ได้เลยค่ะ เรียกว่าฝังใจกับนิยายเรื่องนึงก็ว่าได้ คือคนเจียนเขียนคู่หลักอยู่ดีๆไปจนกลางเรื่องแล้วดันมีคู่รองโผล่มาซึ่งแบบว่าแย่งซีนมากกกกกกและค่อนข้างเห็นได้ชัดว่านักเขียนลำเอียงพูดถึงแต่คู่รองตลอด ซ่งเราก็งงว่าทำไมถึงไม่เปิดเรื่องแยกไปเลย. นับแต่นั้นมาเราอ่านนนิยายประเภทที่แบบมีคู่หลักมากกว่า1คู่ไม่ได้เลยค่ะ :hao5: ฝังใจไปเลย คือแบบเรารักตัวละครในแต่ละเรื่องค่ะ เพราะที่ตัดสินใจอ่านก็เพราะเราชอบเนื้อเรื่องและอินตามตัวละครนั้นๆ พอมีอีกคู่ย่อมรสชาติแตกต่างกันอยู่แล้วดังนั้นมันเลยทำให้ความอินลดน้อยลงปรับอารมณ์ไม่ทันถ้ามาแบบนานๆทีถือเป็นสีสันเราโอเค

ดังนั้นเราเลยอยากรู้ค่ะว่าคุณกิมจะเขียนแบบสลับตอนกันตลอดไปรึเปล่าคะ?   เราจะได้ทำใจค่ะ

ป.ล.แต่ไม่ว่ายังไงเราเคารพการตัดสินใจของคุณกิมนะคะ เพียงแต่เราอ่านลักษณะสลับคู่ทีละตอนไม่ได้จริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 30-12-2017 16:31:04
สอบถามค่ะ เรื่องนี้จะสลับคู่หลักคู่รองทีละตอนรึเปล่าคะ?  เราไม่สามารถอ่านแบบนี้ได้เลยค่ะ เรียกว่าฝังใจกับนิยายเรื่องนึงก็ว่าได้ คือคนเจียนเขียนคู่หลักอยู่ดีๆไปจนกลางเรื่องแล้วดันมีคู่รองโผล่มาซึ่งแบบว่าแย่งซีนมากกกกกกและค่อนข้างเห็นได้ชัดว่านักเขียนลำเอียงพูดถึงแต่คู่รองตลอด ซ่งเราก็งงว่าทำไมถึงไม่เปิดเรื่องแยกไปเลย. นับแต่นั้นมาเราอ่านนนิยายประเภทที่แบบมีคู่หลักมากกว่า1คู่ไม่ได้เลยค่ะ :hao5: ฝังใจไปเลย คือแบบเรารักตัวละครในแต่ละเรื่องค่ะ เพราะที่ตัดสินใจอ่านก็เพราะเราชอบเนื้อเรื่องและอินตามตัวละครนั้นๆ พอมีอีกคู่ย่อมรสชาติแตกต่างกันอยู่แล้วดังนั้นมันเลยทำให้ความอินลดน้อยลงปรับอารมณ์ไม่ทันถ้ามาแบบนานๆทีถือเป็นสีสันเราโอเค

ดังนั้นเราเลยอยากรู้ค่ะว่าคุณกิมจะเขียนแบบสลับตอนกันตลอดไปรึเปล่าคะ?   เราจะได้ทำใจค่ะ

ป.ล.แต่ไม่ว่ายังไงเราเคารพการตัดสินใจของคุณกิมนะคะ เพียงแต่เราอ่านลักษณะสลับคู่ทีละตอนไม่ได้จริงๆค่ะ

ตอบคำถามค่า  o18

สวัสดีค่ะ คุณ ammchun เราจำได้ว่าคุณอ่านตั้งแต่กวินกับเอยแล้ว ดีใจที่ิติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ ก่อนอื่นเลยนิยายเรื่องนี้ตามชื่อเรื่องหลักๆคือเราหมายถึงพิธานและพระพายค่ะ คู่ของไคกับเก้าเป็นคู่รอง ยังไงคู่หลักก็จะได้พื้นที่ของนิยายมากว่าใครเพื่อนค่ะ ฮ่าๆ จริงๆเราอยากแต่งคู่เดียวเหมือนตอนที่แต่งกวินเอยนะคะ แต่มีคนบ่นเยอะว่าค้างคู่รอง และคู่นั้นก็ยังถูกถามมาจนถึงวันนี้โดดยตลอด ฮ่าๆ

จนมาถึงเรื่องนี้เลยอยากลองทำอะไรแปลกๆดูบ้าง อยากเห็นสีสันเล็กๆน้อยๆขัดกับความซึนของพิธานบ้าง คู่ไคเก้าเลยกำเนิด ยังไงคู่นี้ก็มีบทบาทเข้ามาบ้างค่ะ เพราะเราปูเรื่องมาตั้งแต่ต้นให้พวกเขาเกี่ยวข้องกัน แต่ยังไงก็ยังยืนยันว่าคู่หลักคือพิธานและพระพายค่ะ อาจจะมีบ้างที่คู่นี้ได้พื้นที่ติดกันสองตอนบ้าง แต่จะไม่สลับต่อเนื่องแน่นอนค่ะ ถ้าลองอ่านๆเฉลี่ยๆแล้วเราว่าคู่หลักออกเยอะกว่านะคะ ขออภัยจริงๆที่คุณ ammchun อาจจะไม่โอเคและขอบคุณที่เคารพในการตัดสินใจของเรานะคะ ยังอยากให้ติดตามต่อไปค่ะ ไม่อยากเสียคนอ่านที่ติดตามกันมาโดยตลอดเลยค่ะ หวังว่าคุณ ammchun จะยังติดตามนะคะ ขอบคุณที่ติชมนะคะและจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆค่ะ ขอให้รักษาสุขภาพและสวัสดีปีใหม่ค่ะ :bye2:

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 17 (23/12/17) P.7 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 31-12-2017 08:59:03
ขอบคุณคุณกิมมากค่ะ ใจชื้นขึ้นมาเลยค่ะ จะติดตามต่อไปนะคะ Happy Newyear. 2018 ค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 31-12-2017 12:25:25
สวัสดีค่า :impress2: วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี 2017 แล้ว ถือโอกาสนี้อวยพรวันปีใหม่เลยนะคะ ขอให้คนอ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ เจอสิ่งๆคนดีๆและเรื่องราวดีๆเข้ามาตลอดปีนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mc4:

ต่อไปก็มาถึงตอนที่ 18 กันแล้ว หลายคนอาจจะเคืองถึงขั้นรำคาญและโมโหพิธาน  :m16: ให้โอกาสเขาหน่อยค่ะ ฮ่าๆ ให้เวลาเขาสักนิด อย่าเพิ่งตัดรอนพิธานกันเลยค่ะ เชื่อว่าหลังจากอ่านตอนนี้ไปน่าจะรู้สึกดีๆกับพิธานไม่มากก็น้อยเนอะ อิอิ

อ่อ และมีข่าวจะแจ้งให้ทราบนะคะ อาทิตย์หน้างดนิยายนะคะ ขอพักผ่อนและปั่นเรื่องเพิ่มเติมเพราะสองอาทิตย์ที่ผ่านมาแอบอู้ถึงขั้นสันหลังยาว ปั่นตอนต่อไปได้น้อยมากกก ดังนั้นขอเวลาหน่อยนะคะ เจอกันอาทิตย์นู้นเลยค่ะ ขออภัยจริงๆนะคะ และเช่นเคยหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ สุดท้าย ท้ายสุด ขอกำลังใจให้กันนะคะ รักค่ะ ไว้เจอกันนะคะ  :bye2: :mew1:

++++++++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 18  Stay.


All you have to do is stay a minute
ทั้งหมดที่ต้องทำแค่อยู่ต่ออีกนาที
Just take your time
ใช้เวลาสักนิด
The clock is ticking, so stay
นาฬิกากำลังเดิน อยู่กับฉันเถอะ
All you have to do is wait a second
ทั้งหมดที่ต้องทำแค่อยู่ต่ออีกสักนิด
Your hands on mine
มือเธอกุมมือของฉัน
The clock is ticking, so stay
นาฬิกากำลังเดิน อยู่กับฉันนะ



        พระพายถูกลากมายังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก จากที่สัมผัสอารมณ์ในตอนนี้ของพิธานนั้นไม่ได้โกรธอะไรมากนักแต่เพียงแค่ไม่สบอารมณ์ที่โดนเก้าแหย่เสียมากกว่า เมื่อขึ้นรถมาพิธานก็รีบขับออกไปจากตรงนี้ทันที

        ขับไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าจะไปหยุดอยู่ที่ไหน เพราะเส้นทางนั้นไม่ได้คุ้นตาเหมือนย่านของคอนโดพิธานเสียเท่าไหร่ นั่นทำให้พระพายต้องเอ่ยปากถามขึ้นมา

“จะไปที่ไหน?”

“อยากไปไหนล่ะ?” พิธานถามกลับ

“ไม่รู้เหมือนกัน” นั่นคือคำตอบ

“ไปนั่งรถเล่นกันหน่อยเป็นไง?”

“ก็ได้”


        พิธานต้องการอย่างนั้นพระพายก็ได้แต่ทำตาม พิธานขับรถออกมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาหยุดตรงถนนเส้นหนึ่งซึ่งใกล้กับสนามบิน เท่าที่พระพายเห็นน่าจะเป็นจุดชมเครื่องบินขึ้นลงซึ่งเคยได้ยินผ่านๆ ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้และบรรยากาศดีขนาดนี้

        แสงไฟสีเหลืองนวลส่องแสงสว่าง และความกว้างของรันเวย์สนามบินที่ดูยาวไกลเมื่อได้ทอดมอง พิธานจอดรถและกดปุ่มเปิดหลังคารถออกกลายเป็นรถเปิดประทุนในทันที ลมเย็นๆพัดเอื่อยๆไม่ได้แรงมากนักแต่ก็พอรู้สึกถึงความเย็นนั้นได้
 
        พระพายเองก็ไม่อาจจะเข้าใจว่าพิธานพามาที่นี่ทำไม เพราะโดยปกติแล้วพิธานจะต้องพาไปที่ห้องเพื่อทำเรื่องอย่างว่าเสียมากกว่า แต่ครั้งนี้กลับแปลกไปไม่ได้พาไปยังคอนโดแต่กลับพามานั่งรถเล่นอยู่อย่างนี้

        ทั้งสองนั่งเงียบๆมองดูเครื่องบินที่กำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์จากนั้นก็เหินขึ้นฟ้าอย่างสวยงาม พิธานจดจ้องภาพนั้นอย่างเงียบๆโดยที่พระพายไม่อาจจะรู้ได้ว่าตอนนี้พิธานกำลังคิดอะไรอยู่ ใบหน้านิ่งๆราวกับกำลังขบคิดเรื่องอะไรสักอย่าง

“นายยังไม่มีแฟนใช่ไหม?” จู่ๆพิธานถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“คิดอะไรถึงถามแบบนี้” พระพายถามกลับ

“แค่อยากรู้”

“ไม่มีหรอก” พระพายตอบไปเช่นนั้น

“แล้วตอนนี้กำลังชอบใครอยู่รึเปล่า?”


        คำถามที่พิธานถามนั้นทำเอาพระพายเงียบกริบ จะให้บอกไปได้อย่างไรว่าตอนนี้กำลังแอบชอบคนที่ถามคำถามนี้อยู่ เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่บอกไปเด็ดขาด ความเงียบที่พระพายกำลังเป็นอยู่นั้นทำให้พิธานที่มองไปยังรันเวย์หันกลับมามองพระพายทันที

“เงียบไปแบบนี้แปลว่ามีสินะ” สายตาของพิธานดูนิ่งจนพระพายเผลอจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น

“ใช่รึเปล่า?” พิธานถามย้ำ ทำให้พระพายรีบหันหน้าหนีทันที

“ก็....มี” พระพายตอบเบาๆ พิธานที่ได้ยินคำตอบจึงดึงพระพายให้กลับมามองตน

“ไม่ใช่เก้าเพื่อนนายใช่ไหม?” พิธานถาม

“จะบ้ารึไง นั่นเพื่อน ไม่ได้คิดแบบนั้นกันสักหน่อย” พระพายส่ายหน้าพรืด

“แล้วเป็นใคร...เผื่อฉันอาจจะรู้จัก?” พิธานถามอีก พระพายนิ่งเงียบไปอีกครั้งก่อนตอบ

“ไม่หรอก คุณไม่รู้จัก” พระพายตอบได้เท่านี้

“เป็นผู้ชายแบบไหนกันที่นายชอบ” พิธานเอ่ยขึ้นราวกับถามตัวเอง

“เดี๋ยวนะ ทำไมคิดว่าต้องเป็นผู้ชายล่ะ?” พระพายถามพิธานอย่างเอาเรื่อง

“นายคิดว่าอย่างนายจะชอบผู้หญิงเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“ผมชอบผู้หญิง คุณคิดผิดแล้ว” พระพายเถียงกลับ พิธานมองทะลุปรุโปร่งเกินไปแล้ว

“หลอกตัวเองก็ได้เหรอ นายน่ะไม่มีทางไปชอบผู้หญิงได้แล้วล่ะ”

“มะ..ไม่ได้หลอก ผมชอบผู้หญิงจริงๆ” พระพายว่า

“ถ้าฉันทำอะไรนายตอนนี้ แล้วนายเคลิ้มตามแปลว่าที่นายบอกว่าชอบผู้หญิงคือเรื่องโกหก”


        พูดจบพิธานดึงพระพายให้เข้าไปใกล้ๆ แน่นอนว่าพระพายพยายามดิ้นไม่ยินยอมให้ทำอะไรได้ง่ายๆขนาดนั้น แต่เมื่อสบสายตาที่จ้องมองมาพระพายกลับหยุดนิ่งทุกอย่างราวกับถูกสั่งให้หยุดต่อต้านด้วยสายตา พิธานค่อยๆโน้มตัวลงจูบริมฝีปากของพระพาย แค่เพียงเบาๆก่อนที่จะเลื่อนลงมายังลำคอพรมจูบอย่างแผ่วเบา นั่นทำเอาพระพายใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะมันช่างนุ่มนวลราวกับการแสดงความรักของคนที่เป็นคนรักกันก็ไม่ผิด นิ้วมือของพิธานลูบไล้ฝ่ามือของพระพาย ลงน้ำหนักบีบช้าๆ ลมหายใจอุ่นๆนั้นรดลงที่ซอกคอ พระพายได้แต่แหงนหน้าขึ้นเพื่อให้พิธานทำได้ถนัด แน่นอนว่าหากใครมาเห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าท่าทีของพระพายนั้นเคลิบเคลิ้มและยินยอมรับต่อการกระทำของพิธาน

“เคลิ้มล่ะสิ” พิธานกระซิบเบาๆ พระพายได้สติทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

“นิดเดียวหรอก” พระพายพูดแก้เก้อ โดยที่ได้ยินพิธานหัวเราะเบาๆ

“ยอมรับได้รึยังว่าไม่มีทางที่นายจะไปชอบผู้หญิงได้แล้ว”

“เรื่องแค่นี้มันตัดสินกันไม่ได้หรอก” พระพายยังคงไม่ยอมแพ้

“ต้องให้ฉันทำกับนายตรงนี้เลยไหม นายถึงจะยอมรับ”

“มะ..ไม่ทำ” พระพายร้องห้ามทันที พิธานยิ่งขยับเข้าไปใกล้ๆมากขึ้น

“ไงคนเก่ง ทำไมยอมเสียล่ะ” พิธานแกล้งถามพลางส่งสายตาวิบวับให้

“นี่มันบนรถนะ” พระพายพูดพลางหันซ้ายหันขวา

“จำเป็นต้องสนด้วยรึไง” ท่าทีเช่นนั้นทำเอาพระพายหวั่นใจ ต่อให้เป็นคนชอบเรื่องแบบนั้นแต่ก็ต้องดูสถานที่และกาลเทศะด้วย

“อยากไปห้องฉันก็ไม่บอก”

“นี่...เลิกล้อเล่นแบบนี้ได้แล้ว” พระพายร้องขึ้นมาอย่างเหลืออด ทำให้พิธานวางมือทันที

“แกล้งหน่อยก็ไม่ได้” พิธานว่าเช่นนั้นก่อนที่จะเอนตัวพิงเบาะที่นั่ง

“คืนนั้นที่ไปอาบอบนวด....ได้ทำอะไรไปบ้าง?” พิธานถาม

“มาถามอะไรป่านนี้?” พระพายถามกลับ ว่าทำไมถึงมาถามทั้งที่เรื่องมันผ่านมาหลายวันแล้ว

“ก็เพิ่งนึกขึ้นได้” พิธานว่า พระพายเหล่มองคนถามที่รอฟังคำตอบอยู่

“คิดว่าทำอะไรบ้างล่ะ อยู่กับผู้หญิงสองต่อสองน่ะ?” พระพายย้อน

“ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทำ แต่ถ้าเป็นนายฉันคิดว่าไม่”

“ผมก็เป็นผู้ชายนะ อย่าลืมสิ” เหมือนถูกพิธานปรามาสอย่างบอกไม่ถูก

“แต่ผู้ชายที่ฉันสอนให้เสพติดรสชาติแบบนั้นไปแล้ว ไม่มีทางจะถอยกลับไปได้หรอก” พิธานว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปหาพระพาย เป็นสีหน้าที่มั่นใจและนั่นทำพระพายร้อนรนพอควร

“คิดเองเออเอง ใครจะไปติดใจกันล่ะ” ยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งเข้าตัวเองไปเรื่อยๆ

“ปากแข็งเหรอ แต่ตอนจูบทำไมมันนิ่มล่ะ?” พิธานว่าก่อนที่จะก้มลงจูบพระพาย


        คราวนี้ไม่ใช่แค่แตะริมฝีปากแบบธรรมดาแต่เป็นจูบที่ชวนทำเอาพระพายหวิวในอก ลิ้นของพิธานค่อยๆรุกคืบเข้ามาในปาก พระพายหลับตาลงทำตามเสียงหัวใจที่ต้องการการสัมผัสจากคนตรงหน้า อยากให้แนบชิดอยากรับรู้ถึงลมหายใจที่กำลังรดรินอยู่ในขณะนี้

        จูบกันเพียงได้ครู่หนึ่งพิธานก็ปรับเบาะของพระพายให้เอนลงพร้อมกับจูบที่รุนแรงขึ้น พระพายรู้ดีว่าตอนนี้เวลานี้มันไม่เหมาะสมที่จะทำเรื่องเหล่านี้ แต่ความรู้สึกกลับไหลไปไกลจนยากที่จะห้ามแล้ว ตอนนี้ต้องการแค่ให้พิธานทำอะไรมากกว่านี้เพียงเท่านั้น

        พิธานที่รุกจูบหนักกลับเลือกที่จะหยุดลง นั่นเอาพระพายลืมตาขึ้นอย่างงุนงงที่จู่ๆอีกฝ่ายหยุดอย่างกะทันหัน พิธานปรับเบาะให้ตั้งตรงขึ้นก่อนที่จะสบตามองพระพายที่นั่งตัวตรงอย่างรู้สึกเก้อกระดาก

“อยากทำต่ออยู่หรอก แต่พรุ่งนี้นายต้องทำงาน เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”


        พิธานว่าเช่นนั้นทำเอาพระพายยิ้มในใจเมื่อได้ยิน อย่างน้อยเจ้าตัวก็รู้ว่าสิ่งไหนควรและไม่ควร เกือบคิดไปแล้วว่าพิธานจะเป็นคนที่ยับยั้งชั่งใจไม่ได้แต่พระพายกลับคิดผิดเสียได้ มีแต่ตัวพระพายเองที่ทำท่าจะห้ามตัวเองไม่อยู่ เมื่อโดนพิธานรุกไล้มากขึ้นเรื่อยๆ

        พระพายเองก็เลือกที่พิงเบาะที่นั่งของตนเองเช่นกัน มองไปยังข้างฝั่งรันเวย์ที่ตอนนี้มีเครื่องบินทำท่าจะขึ้นบินอีกลำ แต่พิธานนั้นไม่ได้มองไปที่เครื่องบินเลย แต่กลับมองมาที่พระพายแทน

“นายเคยคิดจะตกหลุมรักฉันรึเปล่า?”

        พระพายละสายตาหันมามองพิธานที่นั่งอยู่ คำถามที่ไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่ถึงถามออกมาได้ คำถามนั้นจะลองใจหรือต้องการคำตอบจริงๆหรือไม่ ทำให้พระพายเงียบอย่างใช้ความคิดหนัก

“ตอบยากเหรอ?” พิธานถามอีก

“ไม่ยากหรอก แค่ไม่เข้าใจว่าจะถามทำไม?” พระพายว่า

“ก็แค่อยากรู้”

“ถ้าบอกว่าไม่ล่ะ?” พระพายถาม พลางจ้องมองดวงตาคู่นั้นที่สบมองมา

“ไม่เคยคิดหรือไม่มีทางจะคิด?”

“......”


        พระพายเงียบไป พิธานเองก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนที่จะหันไปมองเครื่องบินที่กำลังเหินขึ้นฟ้าขึ้นไปอย่างสวยงาม มือของพิธานเลื่อนมากุมมือของพระพายไว้ ความอุ่นจางๆจากฝ่ามือนั้นสื่อถึงอะไรพระพายก็ไม่อาจจะรู้สึกได้ รู้แค่ว่าอยากหยุดเวลาตรงนี้ไว้นานๆ อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกสักหน่อย อยากให้นาฬิกาหยุดเดินสักนิด ขอให้ได้นั่งกันอยู่อย่างนี้เพื่อซึมซับเอาบรรยากาศที่พระพายเองก็ไม่อาจจะอธิบายว่ามันคืออะไร แต่สิ่งเดียวที่รับรู้ได้จากเสียงหัวใจของตนเองคือรู้สึกดีจนอยากจะหยุดเวลาไว้

        นิ้วของพิธานเกลี่ยไปมาหลังมือของพระพายเบาๆ ทั้งสองไม่ได้มองหน้าสบตากัน ต่างคนต่างมองไปยังทิศทางอื่น ต่างคนต่างจมดิ่งกับความรู้สึกของตนเองโดยที่ไม่อาจจะพูดออกไปได้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนคิดอย่างไร

        เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ รู้แค่เพียงว่าอากาศเริ่มหนาวขึ้นกว่าตอนที่มาถึง พิธานมองนาฬิกาบนหน้าปัดรถ พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว

“พรุ่งนี้นายต้องไปทำงานใช่ไหม?” พิธานถามขึ้น

“ใช่”

“ถ้าอย่างนั้นกลับเถอะ”


        พิธานปล่อยมือที่จากพระพายก่อนที่จะปิดหลังคารถและขับออกไปจากตรงนี้ รถราน้อยลงพอสมควรทำให้พิธานขับรถได้เร็วขึ้น พิธานขับรถมาถึงที่พักของพระพายโดยที่พระพายได้แต่งงว่าพิธานรู้ได้อย่างไรว่าเขาพักอยู่ที่นี่

“รู้ได้ไง?” พระพายถามขึ้นทันทีที่รถจอดลง ซึ่งเป็นหน้าห้องพักของพระพายพอดิบพอดี

“คิดว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่รู้จะดีกว่า” พิธานว่า

“นี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม?” พระพายหันไปถามพิธานอย่างตั้งใจ

“เรื่อง?”

“คุณรู้ทุกเรื่องได้ยังไง ผมไปไหนกับใครแล้วเรื่องที่พักผมอีก” พระพายถาม

“ทำไมต้องอยากรู้ด้วย”

“ก็ถ้าคนส่งคนมาตามผม นั่นมันก็เกินไปและไม่น่าจะใช่”

“นั่นมันวิธีของไค ฉันไม่ชอบพึ่งคนอื่นแบบนั้น” พิธานว่า

“แล้ววิธีไหนล่ะ?”

“ต้องบอกด้วยเหรอ?” พิธานเลิกคิ้วถาม

“ต้องสิ นี่คุณกำลังคุกคามผมอยู่นะ” พระพายแหวใส่ทันที

“จนป่านนี้แล้วเกินกว่าคำว่าคุกคามแล้วล่ะ” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ นั่นแปลว่าไม่ยอมบอกแน่นอนว่าใช้วิธีไหนในการติดตามพระพาย

“จะไม่ยอมบอกจริงๆสินะ” พระพายถอนหายใจอย่างจำยอม

“ไม่บอก เพราะเดี๋ยวนายจะรู้ตัว”

“เอาที่คุณสบายใจเถอะ ถ้าอย่างนั้นผมไปแล้ว”

“เดี๋ยว....”


        พิธานดึงพระพายที่ทำท่าจะลงจากรถไว้ก่อน ก่อนที่จะดึงพระพายเข้ามาจูบอีกครั้ง พระพายเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมวันนี้พิธานถึงชอบจูบเขาบ่อยเหลือเกิน จูบหลายต่อหลายครั้งจนเริ่มคิดว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แน่นอนว่าพระพายไม่อาจจะได้รับคำตอบนั้นกลับมา พิธานจูบพระพายอยู่นาน จนตัวพระพายต้องบีบต้นแขนเชิงบอกให้หยุด

“ขอเข้าไปในห้องได้ไหม?” พิธานผละออกมาพลางเอ่ยถาม สายตาเป็นประกายเช่นนั้นทำให้พระพายรู้ดีว่าตอนนี้พิธานเองก็ต้องการเหมือนกัน

“แต่นี่ดึกแล้วนะ อีกอย่างพรุ่งนี้ผมต้องทำงาน” พระพายอ้อมแอ้มตอบ ใจหนึ่งก็อยากทำเพราะรู้สึกค้างตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ใจหนึ่งก็กลัวร่างกายจะไม่ไหวเพราะรู้ความต้องการที่มากมายของพิธานดีว่าจะไม่จบง่ายๆ

“แค่นิดเดียว เชื่อสิ” พิธานว่าพลางบีบมือพระพายเบาๆ พระพายเริ่มทำท่าจะใจอ่อน รู้สึกเกลียดตัวเองที่พ่ายแพ้ต้องคำพูด
ร้องขอของพิธานเหลือเกิน

“ถ้าคุณโกหก ครั้งต่อไปผมจะไม่ไปหาคุณ” พระพายรู้ดีว่าการต่อรองนั้นไม่อาจจะได้ผลกับพิธานผู้ซึ่งเอาตัวเองเป็นใหญ่อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ไม่อยากจะยินยอมอย่างง่ายดายต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันเสียหน่อย

“จะจบให้เร็วที่สุด” พิธานบอกเช่นนั้น พระพายมองหน้าพิธานอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า


        พิธานเลื่อนรถมาจอดตรงบริเวณที่จอดรถก่อนที่จะเดินตามพระพายที่หิ้วอาหารเหลือจากร้านอาหารมาไปยังห้องพัก นี่เป็นครั้งแรกที่พิธานมาที่นี่และนี่เป็นครั้งแรกที่พระพายพาคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนมา แน่นอนว่าลุงที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบเอ่ยถามทันที

“พาเพื่อนมาเหรอ?”

“อ่อ ครับ” พระพายตอบไปเช่นนั้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปยังห้องพัก


        ห้องพักของพระพายอยู่แค่ชั้นสอง พิธานเดินตามพร้อมมองรอบๆอย่างสนใจจนมาหยุดอยู่ที่ห้องสุดท้าย พระพายไขกุญแจเข้าไปเปิดไฟอย่างคนคุ้นทางแม้ว่าห้องจะมืดก็ตาม เมื่อไฟสว่างก็มองรอบๆห้องเห็น เป็นห้องที่น่าอยู่และดูพอดิบพอดีเข้ากับเจ้าของห้อง พิธานปรายตามองพิธานที่กำลังถอดรองเท้าและเดินไปยังเตียงนอน

“ห้องน่ารักดี” พิธานพูดพลางมองรอบๆห้องอีกครั้ง

“เทียบกับห้องคุณไม่ได้หรอก” พระพายนำอาหารทั้งหมดเข้าตู้เย็นและเทน้ำลงแก้วยื่นให้พิธาน พิธานรับมาก่อนที่จะดื่มเข้าไปจนหมด


        พระพายเดินไปเก็บแก้วและเมื่อหันกลับมาพบว่าพิธานกำลังตบที่ที่นั่งข้างๆราวกับจะให้พระพายนั่งลง พระพายเดินไปนั่งตามความต้องการนั้น

        เมื่อนั่งลงแล้วพิธานก็เริ่มจูบอย่างไม่รีรอ เพราะเชื่อว่าพิธานเองก็รู้สึกถึงความค้างคาจากเมื่อครู่นี้ พระพายจึงยอมรับจูบแต่โดยดีเพราะเวลาที่ตอนนี้เริ่มเดินไปข้างหน้าแล้ว พิธานเอนตัวลงบนเตียงและดึงให้พระพายนอนทับ

“ใช้ปากก็พอ” พิธานบอกเช่นนั้นก่อนที่จะจูบกันอีกครั้ง เสียงดูดดึงริมฝีปากดังขึ้นเบาก่อนที่พิธานจะผละออก

“หันหน้าไปที่ปลายเท้าฉันและหันหลังมา” พิธานสั่ง

“จะทำอะไร?” พระพายขมวดคิ้ว

“ก็ช่วยกันทำไง ถอดกางเกงด้วย” พิธานว่าเช่นนั้นพระพายจึงต้องลุกขึ้นแล้วทำตามที่พิธานสั่ง


        พระพายกลับด้านหันมาไปทางเท้าของพิธาน ซึ่งใบหน้าของพระพายตอนนี้หยุดอยู่ตรงระหว่างขาของพิธานพอดี เมื่อเห็นถึงขั้นนี้ก็รู้ว่าสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คืออะไร

“รู้ใช่ไหมว่าต้องจัดการยังไง?”

 
        ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร พระพายจึงปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของพิธานและงัดเอาส่วนนั้นออกมา ความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากครั้งที่แล้วมากนักคือขนาดที่เห็นกี่ครั้งก็ยังไม่ชินกับกลิ่นความเป็นชายที่ทำเอารู้สึกใจแกว่ง ด้านพิธานนั้นเริ่มใช้ปากครอบครองส่วนนั้นของพระพายแล้ว ความรู้สึกอุ่นวาบตรงส่วนนั้นทันที พระพายจึงรีบก้มลงกระทำไม่ต่างจากที่พิธานทำให้ตน

        ท่วงท่าที่ทั้งสองกำลังทำอยู่ หากใครมาเห็นเข้าคงจะรู้สึกวางตัวไม่ถูกเพราะช่างดูเร่าร้อนและลามกจนเกินกว่าจะทนมองได้นานนัก ศีรษะของพิธานที่ยกขึ้นตรงระหว่างขาของพระพายที่คุกเข่าคร่อมอยู่บนหน้าพร้อมๆกับที่หันศีรษะไปทางระหว่างขาของพิธานและใช้ริมฝีปากดุนดันอย่างเป็นจังหวะ มีบางครั้งที่ละออกแล้วแลบเลียถุงบอลนั้นด้วยปลายลิ้น ทั้งๆที่พระพายเคยทำแค่ครั้งเดียวแต่กลับจดจำและทำได้คล่องพอสมควร ทำเอาพิธานเริ่มใจสั่นเพราะพระพายที่เริ่มจะเก่งขึ้น

        แต่ไม่ใช่แค่พระพายที่พิธานใจสั่นเท่านั้น พิธานเองก็ควบคุมทุกอย่างด้วยปลายลิ้นจนพระพายได้แต่ส่ายสะโพกไปมาเพราะความเสียวซ่าน ทั้งสองราวกลับต่างคนต่างรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้อีกฝ่ายอดรนทนไม่ไหวและต้องปลดปล่อยออก แม้จะนอนกันไม่กี่ครั้งแต่กลับรู้จุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายได้อย่างดีเยี่ยม

“อื้อ....”


             พระพายร้องขึ้นเมื่อพิธานเร่งจังหวะเร็วขึ้น พระพายจึงเอาความเสียวซ่านทั้งหมดไปลงกับส่วนกลางของพิธานที่คับแน่นเต็มปาก พระพายผงกหัวขึ้นลงอย่างรวดเร็วใช้มืออีกข้างค้ำไว้ข้างขาพิธานส่วนอีกข้างก็รูดรั้งส่วนโคนเพราะลำพังแค่ปากนั้นไม่สามารถครอบครองของพิธานได้หมด

        ผ่านไปไม่นานมากนักพิธานก็ให้พระพายลุกขึ้นและตัวพิธานเองก็ลุกขึ้นเช่นกันและเลือกที่จะหันหน้าเข้าหากันพิธานยกขาให้พระพายชันเข่าและอ้าขากว้างๆ ก่อนที่จะใช้มือจับส่วนนั้นของพระพายและเร่งจังหวะมือให้เร็วขึ้น พระพายเองก็รู้งานว่าต้องทำเช่นกัน สายตาของพระพายเงยสบมองพิธาน สายตานั้นสบมองกันก่อนที่จะมีแรงดึงดูดให้ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มพร้อมกับมือที่ขยับอยู่ตลอดจากนั้นพิธานก็รวบแกนกลางของทั้งตนและพระพายมารูดรั้งพร้อมกัน การเสียดสีกับอีกฝ่ายนั้นรู้สึกจะวาบหวิวกว่าใช้มือให้กันเสียอีก

        จวนเจียนมาถึงใกล้แตะสุดของความต้องการ พระพายปลดปล่อยออกมาใส่มือพิธานพอๆกับที่พิธานเองก็ปลดปล่อยออกมาเยอะเช่นกัน พระพายกระตุกกายเล็กๆ สายตาหวานเชื่อมทอดมองพิธานอย่างไม่ตั้งใจ

“อย่ายั่วกันสิ เดี๋ยวก็ไม่ได้จบแค่นี้หรอก”


        พิธานว่าพลางใช้จมูกถูตรงหน้าผากของพระพายก่อนที่จะจูบเบาๆ ทั้งๆที่ทำเรื่องลามกไปเสร็จหมาดๆแต่พระพายกลับรู้สึกร้อนรุ่มเมื่อถูกพิธานจูบหน้าผาก ใจสั่นหวิววูบไหวไปทั้งกาย
   
        ทั้งสองเอื้อมกระดาษชำระมาเช็ดทำความสะอาด ก่อนที่จะจัดการใส่เสื้อผ้าให้เข้าที่ พระพายมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว ถึงเวลาที่พิธานต้องกลับไปยังคอนโดของตัวเอง

“ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไม่ไหวหรอก” พิธานที่เดินออกมาถึงหน้าประตูหันกลับไปมองพระพายที่เดินตามไป

“ไม่ให้ไปส่งข้างล่างเหรอ?”

“ไม่ต้องหรอก ปิดประตูได้แล้ว”

“ก็ได้” พระพายว่าก่อนที่ปิดประตูแต่ไม่วายก็ยังจะแง้มประตูมองพิธานที่เดินออกไปแล้ว แต่พิธานกลับหันหลังกลับมาดูเช่นกัน

“เดี๋ยวถึงแล้วจะไลน์บอก” พิธานบอก นั่นทำให้พระพายอมยิ้มออกมา

“ขับรถดีๆนะ” พระพายพูดเท่านั้นก่อนที่จะรีบปิดประตูและวิ่งเข้าไปอาบน้ำ


        อาบน้ำไปคิดถึงคำพูดของพิธานไป ไม่อยากคิดไปเองเลยจริงๆว่าตอนนี้ความรู้สึกมันเริ่มลึกซึ้งขึ้น ท่าทีของพิธาน คำพูดต่างๆที่ยิ่งฟังก็ยิ่งคิดไปไกล จะผิดมากไหมหากพระพายจะคิดเข้าข้างตัวเองเช่นนี้

        อายน้ำด้วยความรวดเร็วและรีบมานอนรอบนเตียง จดจ่อกับโทรศัพท์มือถือเพื่อรอข้อความที่พิธานจะส่งมา พระพายจ้องอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น

“ถึงแล้ว ไปนอนได้แล้ว” นั่นคือข้อความของพิธานที่ราวกับรู้ว่าพระพายยังไม่ยอมนอน

“อืม” พระพายตอบไปสั้นๆก่อนจะลุกไปปิดไฟ เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอน นอนอมยิ้มอยู่อย่างนั้นจนหลับไป...
   

   
Lyrics: Stay by Zedd, Alessia Cara

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: angelarty ที่ 31-12-2017 12:48:32
สวัสดีปีใหม่ 2018 นะค้าบบบ พักผ่อนเยอะๆน้าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 31-12-2017 13:25:42
พิธานนนนนนนดูอ่อนโยนจังตอนนี้ :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 31-12-2017 13:35:54
สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 31-12-2017 13:38:34
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-12-2017 14:12:21
 :impress2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 31-12-2017 16:56:32
อบอุ่นหัวใจ o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-12-2017 20:55:52
หวังว่าปีหน้า สองคนนี้จะบอกรักกันเสียที

สวัสดีปีใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-12-2017 21:59:21
ขอให้เฮง ๆ สมหวังกับสิ่งที่ต้องการนะจ๊ะ  :3123:

ปีหน้าหวังว่าพิธานจะละมุนกับพายให้มาก ๆ นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-12-2017 22:08:31
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-01-2018 01:18:15
HNY 2018 จ้าา :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 01-01-2018 12:24:10
พิธานเวอร์ชั่นละมุนทำเอาใจสั่น

สวัสดีปีใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 01-01-2018 19:26:23
กรี๊ดดดดดด คุณพิธานโซฮอตอีกแล้ววว :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 02-01-2018 00:00:26
 มาในโหมดอบอุ่นหัวใจจจจ
HNY 2018 ค่าา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-01-2018 07:52:28
 :katai2-1: :katai2-1: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 02-01-2018 12:17:05
อยากถามคุณพิธานว่า พูดว่ารักนี่ยากมากเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-01-2018 18:11:56
มาเริ่มตามเรื่องนี้ในปี 2018 ละก็อัพถึงตอนที่18
อ่านละมันให้ความรู้สึกว่าโคตรเซ็กซี่เลยอ่ะ ถึงมันจะมีฉากอย่างว่าเยอะ บรรยายเยอะ แต่มันเซ็กซี่อ่ะ มันไม่ได้ให้ฟีลลามกคิดแต่จะเย-กันอย่างเดียว นึกออกป่ะ ชอบมากกกก ก.ไก่ล้านตัว  :laugh:
ชอบพระพายอ่ะ เหมือนติดจะตามใจพิธานพอสมควรเลย ซึ่งเรามองว่าน่ารัก น่าหลงจริงๆ  o18
มาต่อไวๆนะคะ เห็นการมาอัพแบบนานๆๆๆๆมาทีละหวั่นใจ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 09-01-2018 20:12:37
ชอบเก้าาาาา ด่าสะใจมากอะ 55555 พิธานน่าจะมีปูมหลังฝังใจกับพระพายใช่ไหมคะ อยากอ่านพาร์ทของพิธาน หวังว่าคงจะน่ารักชุ่มฉ่ำหัวใจเหมือนคุณกวินนนน~~~~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 18 (31/12/17) P.8 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: รินรา ที่ 10-01-2018 07:40:12
พึ่งเข้ามาอ่านติดเลย มาต่อเร็วๆนะ รออยู่น้าาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 13-01-2018 13:29:10
มาแล้วค่า   :mc4: :mc4: :mc4: คิดถึงจังเลยค่ะ  :mew3: ห่างหายไปพักผ่อนและปั่นเพิ่ม ซึ่ง....ได้ไม่เยอะเท่าที่ควร ฮ่าๆ เพราะความขี้เกียจและติดซีรีย์ฝรั่งงอมแงม ขอโทษนะคะ จะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ ยังจำเนื้อหากันได้ใช่ไหมมา  Heart attack กับพิธานคนเดิมกันต่อค่ะ ฮ่าๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก บรรยายอาจจะเยอะนิดนึง เพราะเป็นความในใจของคนขี้สับสนอย่างหนูพระพายเขา รับฟังเขาเวิ่นเว้อหน่อยนะคะ เช่นเคยค่ะ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ไว้เจอกันค่ะ สุดท้าย...ขอกำลังใจกันเหมือนเดิมนะคะ รัก ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:


++++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 19 Falling for you.


I don't know, but I think I may be falling for you
ฉันก็ไม่รู้นะ แต่ฉันคิดว่าตกหลุมรักคุณเข้าแล้ว
Droppin' so quickly, maybe I should keep this to myself
ตกลงไปเร็วมาก บางทีฉันควรเก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัวเอง
Wait until I know you better
รอจนกว่าฉันจะรู้จักคุณมากกว่านี้
I am tryin' not to tell you, but I want to
ฉันพยายามห้ามใจไม่บอกคุณ แต่ฉันก็อยากทำนะ
I'm scared of what you'll say
ฉันกลัวว่าคุณจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
So I'm hidin' what I'm feeling'
ฉันเลยเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ไว้
But I'm tired of holdin' this inside my head
แต่ฉันก็เหนื่อยที่ต้องหยุดความคิดนี้ในหัวเหลือเกิน



        ตั้งแต่วันนั้นวันที่พระพายได้เจอกับพิธานที่ห้อง พิธานก็หายเงียบไป ไม่โทรมาหรือส่งข้อความใดๆมาทั้งสิ้น แม้จะเหมือนไม่ได้รอแต่ใจลึกๆนั้นร้อนรนพอสมควร เพราะพิธานหายเงียบไปราวกับไม่มีตัวตนเลยสักนิด และพระพายเองก็ไม่อาจที่จะโทรตามหรือส่งข้อความไปหาก่อนได้ เพราะในสถานะของคู่นอนและมีเรื่องคลิปเป็นเรื่องพันธะนั้น ดูแล้วไม่สมควรที่จะวิ่งตามเพราะจริงๆแล้วเป็นคนเสียหายที่ต้องยอมรับชะตากรรมไม่ใช่ยินดีที่จะได้เจอกันในครั้งต่อๆไป

        แต่พระพายรู้ดีว่าใจเกินกว่าครึ่งนั้นลอยไปหาพิธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่อาจจะห้ามใจไว้ได้อีกแล้วและนั่นยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันว้าวุ่นจนไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไรดี จะเก็บอาการนี้ได้นานเท่าไหร่และจะทำอย่างไรไม่ให้พิธานรู้สึกได้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของพระพายนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว จากที่จำยอมกลายเป็นยินยอมไปเสียแล้ว

        วันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งปกติจะต้องนัดเจอกับเก้าแต่วันนี้เก้าบอกไม่ว่างเพราะมีนัดแล้วและพระพายก็ไม่ได้เซ้าซี้หรือสอบถามว่ามีนัดกับใคร แต่แอบคิดไปว่าเก้าคงจะเริ่มคบหาสาวๆที่ไหนสักคนแน่นอน รอให้เจอเก้าครั้งหน้าแล้วค่อยถามเรื่องนี้สักหน่อย อย่างน้อยก็อยากเป็นเพื่อนที่ดีที่รับฟังเก้าบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เป็นฝ่ายไประบายให้เก้าฟังตลอดอยู่ฝ่ายเดียว

        ตอนนี้พระพายกำลังเลิกงาน ทุกคนในแผนกต่างรีบกลับบ้านเพราะต่างคนต่างมีธุระกันทั้งนั้น พระพายที่รู้สึกว่าวันนี้ว่างเกินไปแล้วและกำลังคิดว่าวันนี้จะทำอะไรดี นั่งคิดไปเรื่อยๆระหว่างที่กำลังนั่งรถเมล์กลับที่พัก

        คิดอยู่นานจนมาถึงที่พักแล้วแต่พระพายก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี อยากออกไปเที่ยวแต่ก็ไม่มีเพื่อน เพราะถ้าเอาแต่อยู่ในห้องคนเดียวจะคิดฟุ้งซ่านไปถึงพิธานที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำอะไรที่ไหนอย่างไร

        เดินเข้าไปในห้องก็รีบถอดเสื้อผ้าและเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามแทน มองไปรอบๆห้องเลยมีความคิดที่จะจัดห้องสักหน่อย เมื่อคิดได้อย่างนั้นพระพายก็เริ่มลงมือจัดห้องเก็บข้าวของและทำความสะอาดทันที รวมทั้งหุงข้าวไว้และคิดว่าจะทำไข่เจียวง่ายๆทานกับปลากระป๋อง

        ผ่านไปสองชั่วโมงโดยที่พระพายเองก็ไม่ทันคิดว่าจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ท้องฟ้าครึ้มๆราวกับฝนจะตกหลงฤดู พระพายที่รู้สึกเหนอะหนะตัวจากการจัดห้องจึงเข้าไปอาบน้ำ พยายามบอกกับตัวเองว่าอย่าไปจดจ่อกับพิธานมากนัก

        ออกมาจากห้องน้ำก็แต่งตัวเปลี่ยนชุดนอนชุดประจำ มองหาสิ่งที่จะทำต่อไปหลังจากนี้ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ดึกเพิ่งจะสามทุ่มเท่านั้นและยังไม่รู้สึกหิวเท่าที่ควร พระพายจึงเลือกที่จะเปิดช่องหนังทางเคเบิ้ลทีวีและนอนดูอย่างตั้งอกตั้งใจราวกับต้องการให้ตัวเองลืมนึกเรื่องของพิธานไปให้ได้

        หนังกำลังสนุกและพระพายเองก็เริ่มจะสนุกตาม ตอนนี้ข้างนอกฝนเริ่มตกแล้วและตกหนักพอสมควร พระพายหันไปมองนอกระเบียงเห็นสายฝนโปรยปรายอย่างหนักหน่วงและเลือกที่จะหันมามองหน้าจอทีวีต่อ แต่แล้วมีเสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้น ครั้งแรกพระพายคิดว่าหูฝาดเพราะเสียงฝนตกนั้นกลบเสียงจนเกือบจะไม่ได้ยิน

        เสียงเคาะดังขึ้นและแรงขึ้นกว่าครั้งแรกนั่นทำให้พระพายลุกขึ้นจากหน้าจอทีวีเดินไปยังประตู เพ็งมองไปยังช่องตาแมวว่าใครกันที่มาเคาะและคิดไปว่าน่าจะเป็นเก้าที่มา

        แต่แล้วก็ผิดคาดคนที่เคาะประตูตอนนี้คือพิธาน ที่ยืนหน้านิ่งจนเกือบจะหน้าบึ้ง ยืนรออยู่หน้าประตู พระพายหันหลังกลับ รู้สึกตกใจไม่น้อยที่พิธานมาหาถึงห้อง กำลังคิดว่าจะเปิดให้เข้ามาหรือทำเป็นไม่รู้ว่ามาหาดี พระพายกำลังคิดพร้อมๆกับที่เสียงเคาะประตูเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

        ในที่สุดพระพายก็แพ้ใจตัวเอง เลือกจะเปิดประตูให้พิธานที่ยืนรออยู่ เมื่อเปิดประตูออกไปสิ่งแรกที่เห็นคือพิธานที่เปียกเพราะวิ่งตากฝนมา ยืนมองพระพายที่เพิ่งเปิดประตู

“ช้า” พิธานพูดสั้นๆก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปในห้อง โดยไม่ถามไถ่ว่าพระพายยอมให้เข้าไปหรือไม่

“มีผ้าเช็ดตัวไหม?” พิธานเอ่ยถาม พระพายที่ยังคงเงียบแต่ก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้

“มาตกอะไรเอาตอนนี้ แล้วนี่มีเสื้อให้เปลี่ยนไหม?” พิธานบ่นเรื่อยพลางถอดเสื้อผ้าออก

“เดี๋ยวๆ ผมไม่มีเสื้อผ้าขนาดคุณหรอก” พระพายว่า

“ไม่มีสักตัวเลยรึไง” พิธานถาม

“คิดว่าไม่น่าจะมี แต่เดี๋ยวจะลองหาให้”


        พระพายเดินไปตู้เสื้อผ้าลองค้นหาเสื้อที่น่าจะตัวใหญ่สักหน่อยเพราะช่วงลำตัวและไหล่ของพิธานนั้นกว้างกว่าเขามาก หาไปหามาเจอเสื้อฟุตบอลตัวหนึ่งซึ่งเคยได้รางวัลจากหยิบฉลากเมื่อตอนทำงานที่เก่าและมันเป็นขนาดที่ทางบริษัทซื้อมาแบบเผื่อขนาดและแน่นอนว่ามันใหญ่กว่าตัวพระพายแน่นอน

“พอจะใส่ได้ไหม?” พระพายยื่นเสื้อให้พิธาน

“ก็พอได้” พิธานผึ่งเสื้อดู

“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย” พระพายบอกเช่นนั้น พิธานจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำอย่างที่พระพายบอก


        ไม่รู้ว่าพิธานกำลังคิดอะไรถึงมาที่นี่และมาแบบไม่บอกกล่าว ถ้าคิดได้ตอนนี้จุดประสงค์อย่างเดียวของพิธานคงจะเป็นเรื่องอย่างว่า แต่หากเวลาทำเรื่องเช่นนั้นจะต้องมีของเล่นเข้ามาประกอบด้วยซึ่งแน่นอนว่าพระพายไม่มีของเหล่านั้น

              พระพายนำเสื้อและกางเกงของพิธานไปผึ่งยังริมระเบียง พลางคิดฟุ้งซ่านไปไกลโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้พิธานกำลังยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ในสภาพชุดเสื้อฟุตบอลและกางเกงชั้นในขาสั้นที่คาดว่าไม่เปียกเลยได้ใส่ต่อ

“คิดอะไรอยู่?” พิธานเอ่ยถามวาดแขนโอบรอบตัวพระพาย

“ปะ..เปล่า” พระพายปฏิเสธเสียงกระท่อนกระแท่น

“ว่าแต่ทำไมอาบเร็วจัง” พระพายหันไปถาม

“เหนื่อย” พิธานพูดก่อนที่จะซบลงบนไหล่ของพระพาย

“เพิ่งกลับมาจากทำงานเหรอ?” พระพายว่าเพราะเสื้อผ้าที่กำลังผึ่งตากนั้นเป็นเสื้อผ้าทำงานมากกว่าจะเป็นเสื้อผ้าลำลอง

“อืม...” เสียงตอบในลำคอทั้งที่ยังคงซุกหน้าอยู่อย่างนั้น

“กินอะไรมารึยัง?” พระพายถาม รู้สึกเหมือนพิธานกลังอ้อนอยู่ก็ไม่ผิด

“ยังเลย”

“กินไข่เจียวได้ไหม?”

“ได้ทั้งนั้น” พิธานตอบ

“เดี๋ยวผมไปทำให้”


        พระพายเดินออกจากการกอดของพิธานไปยังห้องครัวเล็กๆของตนซึ่งโชคยังดีที่มีข้าวหุงไว้และมีของที่คิดจะทำทานคือไข่เจียวและปลากระป๋อง อาหารง่ายๆแบบเด็กซึ่งมีเพียงเท่านี้ที่พระพายพอจะทำเป็นและรสชาติไม่ได้แย่จนทานไม่ได้

             กลิ่นหอมของไข่เจียวลอยออกมาน้อยๆ โดยที่พิธานนั่งรออยู่บนเตียงเพราะดูท่าจะเหนื่อยอย่างที่เจ้าตัวบอกจริงๆ เพราะหน้าตาดูอิดโรยพอสมควรและนั่งๆก็เหมือนจะฟุบหลับไปให้ได้ พระพายจึงเร่งมือทำและตักอาหารใส่จานจนเสร็จเรียบร้อย

“คุณ...” พระพายเดินมาเรียกพิธานเงยหน้ามองและลุกขึ้นเดินตามพระพายไปยังโต๊ะทานอาหาร


        ทั้งสองนั่งลงทานอาหารด้วยกัน พิธานทานด้วยความรวดเร็วคงเพราะจะหิวด้วย พระพายได้แต่มองอยู่เงียบๆพิธานที่รู้สึกตัวได้ว่าพระพายกำลังจ้องมองอยู่จึงเอ่ยถามขึ้น

“ทำไมไม่กินล่ะ?”

“ก็ ไม่ค่อยหิว”

“ก็ต้องกิน” พิธานบอก พระพายเลยจำยอมทานเข้าไปเรื่อยๆ


        ไม่นานนักพิธานก็อิ่ม โดยที่ในจานของพระพายยังมีข้าวเหลืออยู่ พระพายเลือกจะหยุดทานและเริ่มเก็บจานไปล้าง พิธานดื่มน้ำก่อนที่จะเดินกลับไปนอนบนเตียงนอน คงจะง่วงและเหนื่อยจนไม่สามารถจะนั่งรอให้ข้าวย่อยได้แล้ว

“นั่งสักพักก่อนไหม เดี๋ยวก็จุกหรอก” พระพายพูดหลังจากล้างจานเสร็จ

“ไม่ไหว อยากนอนแล้ว” พิธานว่า

“แล้วทำไมไม่กลับห้องไปนอนล่ะ” พระพายถาม นั่นเป็นสิ่งที่สงสัยที่สุดตั้งแต่เห็นพิธานเดินเข้ามาในห้อง

“ก็แค่....อยากเจอ”


        พิธานยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางจ้องมองพระพายที่เริ่มจะวางตัวไม่ถูก ทั้งๆที่หายไปโดนไม่บอกกล่าวมาหลายวัน จู่ๆก็โผล่มาพร้อมคำพูดที่ทำเอาพระพายใจสั่น ยิ่งคิดเข้าข้างตัวเองจนไม่รู้จะถอยกลับได้อย่างไรแล้ว พระพายหันหน้าไปมองทางอื่นทำทีว่ามองนั่นมองนี่ในห้อง

“ง่วงไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะ” พระพายว่า

“มานอนด้วยกันสิ” พิธานตบที่นอนข้างๆ

“จะดูหนัง” พระพายนั่งลงตรงปลายเตียงพร้อมมองจอทีวีที่กำลังฉายหนังอยู่ ทั้งที่ใจสั่นเพราะพิธานอยู่ใกล้ๆ

“ค่อยดูวันหลัง” แน่นอนว่าเพียงแค่คำนั้นของพิธาน พระพายก็ทำตามอย่างไม่ลังเล จัดการกดรีโมทปิดทีวีและลุกไปปิดไฟทันที


        อย่างน้อยการปิดไฟก็ทำให้พิธานไม่เห็นใบหน้าของพระพายตอนนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขเพียงเพราะได้เห็นพิธานในห้องของตัวเองเช่นนี้ พระพายนอนลงข้างๆและแน่นอนว่าทิ้งระยะห่างจนพิธานต้องขยับตัวเข้าไปใกล้ๆก่อนจะกอดเอวของพระพายไว้

“ไม่อึดอัดรึไง?” พระพายถามทั้งที่ยังหันหลังให้พิธาน

“อึดอัดเหรอ?” พิธานไม่ตอบแต่ถามกลับแทน

“ก็...ไม่เท่าไหร่” พระพายอ้อมแอ้มตอบ

“นอนเถอะ” พิธานพูดเท่านั้น พลางขยับตัวเข้าหาและกอดพระพายแน่นขึ้น ซุกใบหน้าลงบนกลุ่มผมนั้น แน่นอนว่าพระพายรู้สึกตื่นเต้นจนเกือบจะหายใจไม่ทัน

“เป็นอะไร ไม่ชินเหรอ?” พิธานเอ่ยถามเสียงเบาพลางสูดลมหายใจราวกับกำลังดมกลิ่นผมของพระพาย

“ใครจะไปชิน”

“ปกติเวลาอยู่บนเตียงเราจะทำเรื่องนั้นกันตลอดเลยนี่” พิธานว่ายิ่งพูดยิ่งกระชับอ้อมแขนมากขึ้นไปอีก

“ก็รู้นี่” พระพายพูดย้อนกลับไป

“อยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” พิธานว่า

“ไม่เห็นจะดีเลย” ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนคนปากแข็งเข้าไปทุกที

“ไม่ชอบเหรอ?” พิธานว่า จมูกนั้นเริ่มซุกไซ้แถวๆใบหูจนพระพายเริ่มย่นคอเพราะรู้สึกหวิวๆ

“ไม่รู้สิ” พระพายตอบเบาๆเสียงค่อยๆหายไปเพราะพิธานที่เอาแต่ใช้จมูกวนแถวลำคออยู่ตอนนี้

“ปากแข็งอีกแล้ว” พิธานพูดแค่นั้น ก่อนที่จะจูบแก้มของพระพายและเลือกที่จะหลับตาลงเพราะยอมแพ้ต่อความง่วงที่กำลังเผชิญอยู่


        พิธานหลับไปแล้วและทิ้งให้พระพายอยู่กับความตื่นเต้นที่กำลังเกาะกินอยู่ ท่าทีของพิธานวันนี้ดูจะแตกต่างกว่าวันอื่นๆอีกแล้ว ช่างเป็นผู้ชายหลากหลายความรู้สึกเหลือเกิน และแน่นอนว่าวันนี้ท่าทีของพิธานนั้นทำเอาพระพายหวั่นไหวจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


             นี่เป็นครั้งแรกของการนอนด้วยกันโดยที่ไม่มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นครั้งแรกที่นอนกอดกันเช่นนี้ พระพายยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยในการ์ตูนตาหวานไม่มีผิด เมื่อคนที่แอบชอบกำลังนอนกอดอยู่อย่างนี้ อยู่ในอ้อมแขนที่โอบรัดกายไว้ ลมหายใจรดใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกว่าจะนอนไม่หลับก็คราวนี้และที่น่าแปลกใจ...พระพายคิดเสมอว่าทั้งตัวเขาและพิธานเชื่อมโยงกันด้วยเรื่องบนเตียงที่มาพร้อมกับท่วงท่าและของเล่นแสนพิสดาร แต่ตอนนี้กลับไม่มีเรื่องพวกนั้นอยู่ในหัว ไม่มีเรื่องเร่าร้อนบนเตียง แต่กลับมีแค่อารมณ์พองฟูในใจเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงของความรัก

             พระพายนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นและแอบแตะมือของพิธานที่โอบอยู่ที่เอว ยิ่งอยู่ใกล้เท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าจริงๆแล้วตอนนี้เขาคิดอะไร แต่ติดตรงที่การเจอกันในครั้งแรกนั้นมันผิดแปลกเกิดไป เป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าจะกลายเป็นความรักได้ จะทำอย่างไรดี การรักข้างเดียวอยู่อย่างนี้มันทรมานแตกต่างจากการถูกมัดมือมัดขาตอนทำเรื่องอย่างว่าแบบสิ้นเชิงที่รู้สึกว่าทรมานแต่สุขสม ผิดกับรักข้างเดียวเช่นนี้จริงๆ

             แล้วถ้าบอกออกไป พิธานจะตอบกลับมาอย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่พระพายกลัวที่สุด เพราะหากพิธานไม่ได้คิดอะไรเกินกว่านั้น คนที่จะแบกรับความเสียใจทั้งหมดก็ต้องเป็นพระพายคนเดียว แต่ความรู้สึกที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆนั้นก็ทำเอาพระพายยับยั้งชั่งใจไม่ได้ว่าจะบอกออกไปดีหรือไม่ ไม่ว่าจะทางไหนก็ยากเกินไปสำหรับพระพายอยู่ดี

             นานแค่ไหนกันที่ไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้ การตกหลุมรักคนๆหนึ่งคนนั้นมันนานเหลือเกินแล้วสำหรับพระพาย มันเคยมีเมื่อสมัยมัธยมต้นเท่านั้น แทบจะจำความรู้สึกไม่ได้ในตอนนั้น แต่ตอนนี้กลับกำลังเผชิญมันอีกครั้งอีกทั้งตกหลุมรักผู้ชายที่ใช้คลิปข่มขู่เพื่อทำเรื่องอย่างว่าอีก ช่างเป็นตลกร้ายสำหรับคนอย่างพระพายจริงๆ ที่ดันมาหลงรักคนที่ทำเรื่องพวกนั้นได้ลงและถ้าหากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นละครหลังข่าว คงเป็นละครที่คนดูต้องก่นด่าแน่นอนเพราะดันไปหลงรักคนอย่างพิธานได้

             ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่พระพายเอาแต่คิดอยู่เช่นนั้นจนเผลอหลับไป ทันใดนั้นพิธานก็ลืมตาขึ้นมาผงกหัวมองพระพายที่หลับไปแล้ว รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปกอดพระพายให้แน่นขึ้นและหลับต่อไป...


Lyrics : Falling for you  by Colbie Caillat
 


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-01-2018 14:09:19
กรี๊ด ได้ใจสินะ พิธาน :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2018 14:15:04
 :hao7: พิธานรู้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 13-01-2018 17:44:16
พิธานนางมีญาณหรอ จะจับอารมณ์ความคิดความรู้สึกเก่งไปแล้ววววววว
ดีใจมากนะคะที่มาอัพแล้ว รอตอนต่อไปนะคะะะ :impress2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-01-2018 18:52:28
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 13-01-2018 19:21:57
 :pig4:0
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 13-01-2018 20:30:43
 o13  ตกหลุมทั้งตัว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 13-01-2018 21:41:51
 :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 13-01-2018 22:13:29
คุณพิธานร้ายยยย รู้แน่ๆว่าตอนนี้พระพายคิดยังไงกับตัวเอง :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-01-2018 00:30:12
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-01-2018 00:47:01
พิธานมุมนี้ อ่านแล้วหลงรักเลย ดีกว่าหื่น ๆ อย่างที่ผ่านมา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 16-01-2018 14:48:10
ชอบพิธานเวลาละมุน ๆ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวซุกงี้ โอ้ย เขิน ๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 16-01-2018 21:28:33
วางยาน้อง ให้น้องเคยชินกับการมีตัวเอง ให้ขาดตัวเองไม่ได้สินะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 16-01-2018 22:59:58
มารอดูว่าใครจะบอกความรู้สึกของตัวเองก่อนน
พระพายคือน่ารักมากกก อารมณ์ตอนนี้คือแบ่บ
คิดถึงเค้าแต่ไม่รู้ว่าเค้าคิดถึงเรารึเปล่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 17-01-2018 18:31:48
ตามจ้าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 19 (13/01/18) P.8 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-01-2018 01:03:02
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 20-01-2018 10:38:52
สวัสดีค่า  :impress2: มาต่อตอนที่ 20 แล้วนะคะ ไม่รู้จะพูดอะไร ฮ่าๆ เอาเป็นว่าไปอ่านล่ะกันเนอะ ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ณ ตรงนี้เลยค่ะ อ่านแล้วให้กำลังใจกันด้วยนะคะ รักทุกคน รักษาสุขภาพด้วยค่ะ  :mew1:

++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 20 In my room.


Stuck in a limbo
งุนงงไปหมดแล้ว
Half hypnotized
ราวกับกึ่งโดนสะกดจิต
Each time I let you stay the night, stay the night
ทุกครั้งที่ผมยอมให้คุณมานอนด้วยในสักคืน
Up in the morning
เช้าขึ้นมา
Tangled in sheets
ก็นัวเนียกันในผ้าห่ม
We play the moment on repeat
และเราทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


        ยามสายของวันอาทิตย์มาเยือน ในขณะที่คนทั้งสองกำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นหรือลืมตาแต่อย่างใด ยังคงหลับใหลอย่างไม่อยากตื่นขึ้นมา แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือร้องขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่ของใครแต่เป็นของพระพายนั่นเอง

        พระพายลุกขึ้นอย่างงัวเงียคลำหาโทรศัพท์มือถือทั้งที่ตายังปิด คว้ามันมาพลางหรี่ตาข้างเดียวมองว่าเป็นใครกันที่โทรมา พบว่าเป็นเก้านั่นเอง

“ฮัลโหล...” เสียงแหบๆงัวเงียของพระพายพูดขึ้น

“นี่มึงยังไม่ตื่นเหรอพาย”

“เพิ่งจะเช้าเองนะ” พระพายว่า

“เช้าบ้านมึงสิพาย นี่สิบโมงแล้ว” พระพายที่ได้ยินว่าสิบโมงจึงเริ่มลืมตาขึ้นมา

“อ้าวเหรอ แต่นี่วันหยุดนะมึง” พระพายว่า

“ก็เลยจะชวนมึงเที่ยวนี่แหละ”

“ไปไหน?” พระพายถาม ตอนนี้มีความรู้สึกขยุกขยิกอยู่ข้างๆ ลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อคืนพิธานมานอนด้วย ดูเหมือนพิธานจะเริ่มรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงพระพายคุยกับเก้า

“กูจะถามอยู่นี่ไง ว่าจะไปไหนดี”

“เดี๋ยวกูค่อยโทรกลับไปนะ ขอเข้าห้องน้ำก่อน” พระพายบอก

“เออ อย่าช้านะมึง” เก้าบอกเท่านั้นก่อนจะวางไป


        พระพายหันไปมองพิธานที่นอนหันหลังให้ สงสัยยังคงไม่อยากตื่นตอนนี้จึงลุกขึ้นไปห้องน้ำทำธุระนิดหน่อยจากนั้นก็เดินกลับมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนอย่างคนง่วงที่อยากสิงเตียงต่อแต่ก็คงไม่ได้เพราะมีนัดจะไปกับเก้า

        พิธานลืมตามองพระพายที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ มือนั้นเอื้อมไปดึงโทรศัพท์มือถือของพระพายที่กำลังตกใจที่จู่ๆพิธานก็ดึงมันออกไป

“เดี๋ยว” พระพายร้องออกมา พิธานสอดโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอนตัวเองก่อนที่จะดึงพระพายเข้ามากอดไว้

“จะทำอะไรเนี่ยะ” พระพายร้องถามเมื่อพิธานซุกใบหน้าลงหน้าอกของพระพาย

“จะไปไหน?” พิธานถามทั้งที่ยังกอดพระพายไว้อยู่

“ไปเที่ยว” พระพายตอบเช่นนั้น

“กับเก้าอีกแล้วเหรอ?”

“ก็มีเพื่อนอยู่เท่านี้” พระพายตอบ

“โทรกลับบอกว่าไม่ไป” พิธานว่า

“อะไรของคุณ ผมนัดกับเก้าแล้วนะ”

“บอกไปว่าไม่ว่างแล้ว”

“ผมว่างเหอะ” พระพายไม่ยอม

“ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว เพราะนายต้องอยู่กับฉัน”

“นี่..เอาแต่ใจตัวเองไปแล้ว” พระพายร้องขึ้นพลางดันพิธานออก

“รู้อยู่แล้วยังจะพูดอีก” พิธานพูด

“ตื่นแล้วลุกได้แล้ว” พระพายว่า

“อยากนอน” พิธานว่าและแน่นอนว่าไม่ยอมปล่อยพระพายให้ลุกขึ้นเช่นกัน

“จะนอนอยู่อย่างนี้ทั้งวันไม่ได้นะ”

“ทำได้สิ” พิธานพูด ก่อนที่จะดันตัวเองให้อยู่ในระดับเดียวกับพระพายก่อนที่จะสบมองตานั้น จากที่พระพายพูดมากกลายเป็นเงียบโดยทันควัน

“ไม่พูดต่อล่ะ?” พิธานถาม

“ไม่” พระพายว่า


        พิธานจ้องมองเข้าไป ลึกลงไปนัยน์ตาของพระพายก่อนที่จะประกบริมฝีปากลงอย่างนุ่มนวล แน่นอนว่าพระพายที่ตกใจกับการจู่โจมที่แสนจะอ่อนโยนนั้นก็เริ่มหลับตาลงรับจูบนั้นอย่างยินยอม เป็นจูบที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว

        พิธานไม่ได้รุกล้ำเข้าไปมากกว่านี้ เพียงแค่ดูดดึงกลีบปากเบาๆราวกับหยอกล้อ เป็นการตื่นรับวันใหม่ที่ทำใจหวิวไปทั้งอก อาจจะเพราะเป็นความรู้สึกของพระพายที่เริ่มมีมากขึ้นทำให้ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นความสุขแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

        จูบนั้นดำเนินไปเรื่อยๆราวกับไม่อยากจะหยุดอยู่แค่นั้น มือของพิธานลูบไล้แผ่นหลังของพระพายเบาๆก่อนที่จะดันพระพายเข้าหาตนให้มากกว่าเดิม เป็นจูบที่ลึกซึ้งเต็มไปด้วยบรรยากาศอะไรสักอย่างโดยที่พระพายไม่อาจจะอธิบายได้ มันดูฟุ้งๆเหมือนในวิดีโอเพลงรักที่พระพายเคยเห็นในทีวี

        แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของพระพายดังขึ้นมาอีก พิธานจึงยอมหยุดและมองพระพายตาขวางคงหงุดหงิดที่มีคนโทรมาขัดจังหวะ พระพายที่เคลิ้มถึงกับชะงักและรีบล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ใต้หมอนมารับทันที

“ไหนบอกจะโทรกลับไง ทำไมนานจังวะ” เก้านั่นเองเป็นคนที่โทรมา

“เอ่อ..จะบอกว่า กูไม่ว่างแล้วว่ะ” พระพายพูด โดยที่มีสายตาของพิธานกำลังกดดันอยู่

“อ้าว ทำไมวะ?” เก้าร้องถาม

“คือ...มีนัดแล้ว” พระพายตอบ

“เดี๋ยวนะ ไอ้พิธานนัดมึงเหรอ?”

“คือว่า...” พระพายไม่รู้จะสรรหาเหตุผลใดมาบอกเก้าดี

“อ้ำอึ้งอย่างนี้แปลว่ากูทายถูกสินะ”

“อืม” พระพายได้แต่ตอบสั้นๆ โดยที่พิธานจ้องมองราวกับอยากรู้ว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกัน

 “เอาเถอะๆ ระหว่างมีโอกาสมึงก็คว้าสิ่งที่อยากได้ไปก่อนล่ะกัน” เก้าพูดอย่างเข้าใจ

“ขอโทษนะมึง”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนแค่นั้นเอง” เก้าหัวเราะร่วน ฟังแล้วเหมือนโดนว่ากระแทกไม่มีผิด

“เดี๋ยวกูไถ่โทษรอบหน้านะ” พระพายบอก

“เออๆ ไว้คุยกัน”


        เก้าวางสายไปแล้ว และนั่นทำให้พิธานแสดงสีหน้าที่ดูจะพอใจมากที่พระพายพูดเช่นนั้นกับเก้าไป ดูเหมือนพิธานยังผูกใจเจ็บกับเก้ามาตั้งแต่วันนั้น พระพายเองก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้สองคนนี่พูดคุยกันดีๆได้ คงต้องลองสักวันถ้าหากมีวันนั้นจริงๆ

“นี่ผมต้องบอกปัดเพื่อนเพื่อคุณหรือเนี่ย” พระพายบ่นออก

“ถ้าไม่ทำสิจะเจอดี” พิธานว่า

“แล้วให้ผมบอกเก้าไปแบบนั้น เพื่อให้ผมมานอนอยู่กับคุณแบบนี้เหรอ?”

“เดี๋ยวจะพาไปข้างนอก” พิธานว่า

“ไปไหน?”

“ไม่บอก”

“ถ้าไม่บอกผมก็ไม่ไป” พระพายพูด

“มีสิทธิ์ต่อต้านรึไง” พิธานว่า พลางขึ้นคร่อมพระพายสบสายตามองคนที่อยู่ใต้ร่างด้วยแววตาบางอย่าง

“นี่..พอได้แล้ว”


             พระพายพูดพลางเบือนหน้าหนี เวลาพิธานมองด้วยสายตาเช่นนี้จะรู้สึกอายขึ้นมาดื้อๆทุกครั้งไป ทั้งๆที่เห็นอะไรต่อมิอะไรกันมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่ชอบสายตาที่เหมือนจะมองทะลุเช่นนี้ทุกครั้งไป

“หลบหน้าทำไม?” พิธานโน้มหน้าลงกระซิบถามพระพาย

“ปะ..เปล่าสักหน่อย”

“รู้ตัวไหม...เวลานายปากแข็งนี่น่ารักกว่าเดิมนะ” พิธานพูด นั่นทำให้พระพายถึงกับหันหน้ามามองพิธาน

“น่ารักอะไร ผมเป็นผู้ชาย” พระพายเถียง ทั้งที่ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนและมันคงต้องแดงก่ำอย่างแน่นอน

“นี่ไง หน้าแดงไปหมดแล้ว” พิธานพูด

“ผมจะไปอาบน้ำ” พระพายว่าและพยายามดันพิธานออก

“ไม่แกล้งแล้ว ไปอาบเถอะ เดี๋ยวฉันลงไปเอาเสื้อผ้าที่รถก่อน” พิธานหยุดแกล้งและลุกขึ้นทันที

“คุณพาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเหรอ?” พระพายถาม ทั้งที่เมื่อคืนยังขอเสื้อฟุตบอลจากเขาอยู่เลย

“มานอนค้างบ้านนายแล้วจะมาตัวเปล่าได้ไง” พิธานพูดก่อนที่จะเดินไปหยิบกางเกงที่พระพายตากไว้เมื่อคืนแล้วนำมาสวมใส่ด้วยความรวดเร็ว

“นี่แปลว่า...ตั้งใจ...” พระพายพูดไม่ทันจบพิธานก็หันกลับมา

“คิดว่ามาแบบไม่ตั้งใจรึไง นายนี่คิดอะไรตลกนะ” พิธานว่าก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้พระพายใช้ความคิดอยู่เดียวอย่างหนักหน่วง


        เพราะคิดว่าเมื่อคืนที่พิธานมานั้นไม่ใช่เป็นความตั้งใจ คงแค่แวะมาเพราะไม่รู้จะไปที่ไหน แต่พอได้ยินเช่นนั้นจากปากพิธาน หัวใจก็ลิงโลดอย่างเบิกบาน นึกภาพตัวเองกระโดดโลดเต้นไว้ในหัวเพียงเพราะรู้ว่าพิธานตั้งใจจะมาค้างที่นี่ รอยยิ้มนิดๆประกายขึ้นก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว

        พระพายเข้าห้องน้ำอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว เมื่อออกมาพบว่าพิธานกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ คงกำลังนั่งรอเข้าห้องน้ำอย่างแน่นอน

“จะอาบเลยไหม?”


           พระพายที่เดินออกมาพร้อมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเอ่ยถาม พิธานหยุดทุกอย่างและเดินเข้าห้องน้ำต่อ พระพายจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนให้ พอหันมาอีกทีพิธานกลับยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

“นี่ผ้าเช็ดตัว” พระพายว่า พิธานรับมันก่อนที่จะก้มลงมองช่วงเอวของพระพายที่มีผ้าเช็ดตัวมัดรอบเอวอยู่ก่อนที่จะใช้มือกระตุกดึงมันเบาๆราวกับจะหวังให้มันหลุด

“นี่ ทำอะไร” พระพายร้องพลางจับผ้าเช็ดตัวไว้แน่น

“จะอายอะไร เห็นมาตั้งเยอะแล้ว”

“ไปอาบน้ำเลย” พระพายรีบเบี่ยงตัวออก ดูท่าจะไม่ปลอดภัยหากขืนพิธานยังจ้องจะดึงผ้าเช็ดตัวอยู่อย่างนี้


        เสียงหัวเราะแผ่วๆดังขึ้นก่อนที่จะหายไปในห้องน้ำ พระพายจึงใช้เวลานี้ในการแต่งตัวให้เสร็จและทำเวลาอย่างรวดเร็วเพราะหากชักช้าคงเจอพิธานแกล้งอีกแน่

        พิธานออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เตรียมมา ยิ่งเห็นเสื้อผ้าพวกนั้นยิ่งทำให้พระพายนึกไปถึงเรื่องที่พิธานมาเมื่อคืน ยังคงแอบอมยิ้มอย่างคนที่กำลังมีความสุขแม้จะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม

“เสื้อผ้าพวกนี้เดี๋ยวผมจะซักแล้วส่งกลับให้” พระพายว่าเมื่อเห็นเสื้อผ้าชุดเก่าของพิธานเมื่อคืน

“เก็บไว้นี่แหละ วันหลังจะได้ไว้เปลี่ยน” พิธานบอกเช่นนั้น พระพายนิ่งไป...แปลว่าพิธานจะมาที่นี่ จะมาที่ห้องเขาอีก เพียงแค่คิดพระพายก็แทบจะตัวลอยล่องออกไปนอกห้องแล้ว

“เป็นอะไร ไปกันได้แล้ว” พิธานเรียกพระพายที่ยืนนิ่งราวกับสติหลุดหาย

“อ่อ ไปสิ”


        ทั้งสองเดินออกมาจากห้อง สภาพอากาศวันนี้ดูครึ้มอาจจะเพราะเมื่อคืนฝนตกเลยส่งผลต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วพิธานขับรถพาพระพายออกจากคอนโดและมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่อาจทราบได้และพระพายเองก็ไม่ได้ถาม ได้แต่นั่งฟังเพลงที่พิธานเปิดอย่างเพลินๆ

        นั่งไปเรื่อยๆจนตอนนี้มาหยุดรถอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารคล้ายกับเรือนกระจก พร้อมต้นไม้สีเขียวประปรายดูสบายตาอย่างบอกไม่ถูก พระพายเดินลงมาพร้อมกับพิธานที่เดินลงมาจากรถและเดินตรงเข้าไปยังร้านอาหารแห่งนั้น
 
        พระพายมองไปรอบๆรู้สึกเป็นร้านอาหารที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยบรรยากาศสบายๆ พิธานเดินนำเข้าไปในร้าน สิ่งแรกที่เห็นคือลูกค้านั่งกันพอสมควร มีพนักงานเดินไปเดินมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และมีหนึ่งคนที่เข้ามาทักทายทั้งสองคน

“คุณพิธาน สวัสดีครับ” พนักงานคนนั้นยกมือไหว้พิธานอย่างนอบน้อม พระพายที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่ทำตัวนิ่งๆไว้ ที่นี่คงเป็นร้านประจำของพิธาน พนักงานจึงจำชื่อและออกมาต้อนรับถึงตรงนี้


        พิธานพยักหน้ารับอย่างมีมาด ซึ่งเหมือนครั้งแรกที่พระพายเจอพิธานก็ไม่ผิดนัก ดูเย็นชานิ่งเฉยและดูวางตัว ทั้งสองคนเดินเข้าไปยังโต๊ะที่มีสัดส่วนคล้ายห้องดูเป็นส่วนตัว การตกแต่งของที่นี่นั้นทำเอาพระพายมองไม่หยุดไม่หย่อนเพราะมันสวยและดูลงตัวอย่างที่สุด ทั้งสองคนนั่งลงพร้อมกับมีเมนูมาวางไว้ให้

        พิธานนั้นไม่ได้สนเมนูแต่อย่างใด แต่กลับมองไปซ้ายขวาราวกับกำลังมองหาใครอยู่ พระพายที่เห็นท่านั้นก็อดจะสงสัยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป ใบหน้านั้นก้มลงอ่านเมนูตรงหน้า รูปภาพอาหารนั้นน่ากินเหลือเกินแต่เพราะความเคลือบแคลงที่เกิดขึ้นในใจที่เห็นพิธานเหมือนกำลังรอคอยใครอยู่...หรือจะไม่ได้นัดเขามาแค่คนเดียว

“สั่งอาหารไปก่อน เดี๋ยวมา” พิธานพูดแค่นั้น ก่อนที่จะเดินออกไป

        พระพายที่ไม่ได้ทันได้พยักหน้าหรืออะไรพิธานก็ลุกขึ้นไปแล้ว ทิ้งให้พระพายนั่งอยู่คนเดียว แน่นอนว่าท่าทีของพิธานนั้นทำเอาพระพายอยากรู้ว่าพิธานเป็นอะไร แต่ก็อาจจะไม่มีอะไรมากอย่างที่พระพายคิดก็ได้

        และเพียงไม่นานนัก พิธานก็กลับมา พร้อมกับพนักงานเข้ามารับรายการอาหาร พิธานสั่งอาหารโดยที่ไม่ต้องดูเมนู นั่นยิ่งทำให้พระพายมั่นใจได้ว่าร้านนี้คงเป็นร้านประจำของพิธานแน่นอน

“ทำไมสั่งน้อย?” พิธานหันมาถามพระพายที่สั่งอาหารไปอย่างสองอย่างทำนั้น

“คุณสั่งไปเยอะแล้ว” พระพายพูด พิธานก็พยักหน้าส่งๆทั้งที่สายตายังคงมองไปทั่วราวกับมองหาใครสักคน

“คุณนัดใครไว้รึเปล่า?” ในที่สุดพระพายก็เอ่ยถามจนได้

“ใช่” พิธานบอกเท่านั้น และแน่นอนว่าพระพายไม่กล้าจะถามว่านัดใครมา


        กระทั่งอาหารมาก็แล้ว คนที่พิธานนัดก็ยังไม่มา พิธานจึงนั่งทานอาหารโดยไม่ได้สนใจจะรอเหมือนอย่างตอนแรก พระพายเองก็รู้สึกหิวไม่น้อยจึงตั้งหน้าตั้งตาทานโดยไม่คิดจะสนอีกแล้วว่าพิธานนัดใครไว้

“อาหารทางร้านอร่อยไหมคะ?” เสียงหวานๆดังขึ้น พระพายเงยหน้ามองคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่เดินเข้ามาทักทาย


        เธอเป็นสาวสวย สวยชนิดเรียกได้ว่าน่าจะเป็นดาราของช่องไหนสักช่องหนึ่ง รูปร่างสูงกว่าผู้หญิงทั่วไป ใบหน้าหวานพร้อมมีลักยิ้มบุ๋มตรงแก้ม ผิวขาวสะพรั่งจนพระพายเองยังรู้สึกประหม่าในความสวยนั้น

“มาแล้วเหรอ รอยู่ตั้งนาน” พิธานพูดขึ้น เธอนั่งข้างๆพิธานพร้อมกับคล้องแขนแล้วซบลงบนต้นแขนของพิธานอย่างออดอ้อน พระพายใจแกว่งทันทีที่เห็นเช่นนั้น ผู้หญิงคนนี้เธอเป็นอะไรกับพิธานกัน

“รอนิดรอหน่อยจะเป็นไรไป” เธอพูดพลางยิ้มหวาน

“แล้วทำไมมาช้า?” พิธานถามพลางเหล่มมองเธอคนนั้น โดยที่ไม่สนใจพระพายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลย

“ก็จัดการงานนิดหน่อย” เธอตอบ และจากนั้นก็เบนสายตามามองพระพายที่กำลังทานข้าวอย่างเงียบๆ

“นี่ใครเหรอ?” เธอถามพร้อมรอยยิ้ม

“พระพาย...” พิธานพูดแค่นั้น สายตาของเธอจดจ้องมองพระพายอย่างสนอกสนใจ

“สะ..สวัสดีครับ” พระพายเอยทักพร้อมยิ้มน้อยๆ

“เพลงขวัญค่ะ” เธอบอกเช่นนั้น ก่อนที่จะเรียกพนักงานมา

“ไปเอาน้ำดื่มมาให้ฉันที” เธอสั่งพนักงาน พนักงานพยักหน้ารับและเดินออกไป

“อาหารอร่อยไหม?” เพลงขวัญถามพระพาย

“อร่อยครับ” พระพายตอบ พิธานนั้นไม่ได้สนใจอะไรยังคงนั่งทานต่อไป

“เมนูนี้ทำขึ้นเพราะเป็นของโปรดของพิธาน” เพลงขวัญบอก

“ครับ” พระพายพูดเท่านั้น จากนั้นเพลงขวัญก็หันไปพูดกับพิธานถึงเรื่องราวที่พระพายไม่อาจจะเข้าใจได้ เป็นเรื่องราวที่ทั้งสองคนรู้กันเท่านั้น


             พระพายยิ่งรู้สึกว่ายิ่งทานไปยิ่งฝืนกลืนได้ลำบาก ท่าทางของทั้งสองดูสนิทสนมกันจนพระพายรู้สึกว่าตัวเองมานั่งอยู่ผิดที่ผิดทางเสียจริง มันช่างบาดตาบาดใจจนอยากจะลุกขึ้นและออกไปจากตรงนี้เสีย เพลงขวัญคนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร เป็นคนรักหรือหนึ่งในคู่ขาอย่างเช่นที่พระพายกำลังเป็น และพาลคิดไปถึงเรื่องที่พิธานเคยทำทั้งหลายทั้งแหล่บนเตียง ผู้หญิงคนนี้ได้รับสิ่งนั้นเหมือนกันหรือไม่หรือแตกต่างเพราะเป็นคนพิเศษเลยได้รับการทนุถนอมมากกว่า ยิ่งคิดยิ่งไปไกลและยิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้นเรื่อยๆ

“นี่พิธาน ไม่คิดจะพูดกับพระพายหน่อยเหรอ?” เพลงขวัญที่เหมือนจะนึกขึ้นได้ถึงตัวตนของพระพายที่นั่งโด่อยู่

“จะให้พูดอะไร ก็พูดกันเยอะอยู่แล้ว” พิธานบอก

“พิธานน่ะเหรอพูดเยอะ เป็นไปได้ยังไง?” เพลงขวัญพูดราวกับไม่อยากจะเชื่อ

“ไม่เชื่อก็ถาม” พิธานพยักเพยิดหน้ามาทางพระพาย

“ก็ประมาณนั้นครับ” ไม่มั่นใจว่าที่ผ่านมานั้นพิธานพูดเยอะอย่างที่เจ้าตัวยืนยันหรือไม่แต่สำหรับพระพาย พิธานเหมือนจะค่อยๆเปิดกว้างขึ้นกว่าตอนแรกมาก

“บอกมาตรงๆได้ไหม...ทั้งสองคนเป็นอะไรกัน?”


        คำถามของเพลงขวัญที่จู่ๆก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูนิ่งจนรู้สึกว่าน่ากลัว ทำเอาพระพายรู้สึกกลัว เหมือนกำลังถูกคุกคามอย่างบอกไม่ถูก พิธานเงยหน้ามองพระพายที่เหมือนจะรอคำตอบทั้งที่จริงๆคนที่จะต้องตอบคำถามนี้ด้วยกันคือตัวของพิธานด้วย
“เอ่อคือ...” พระพายอ้ำอึ้งและคิดหนักว่าจะตอบอย่างไรดี

“ตอบยากเหรอ...แค่อยากจะรู้ เพราะตอนนี้พิธานเขามีคนของเขาอยู่แล้วตรงนี้ ไม่อยากให้คนอื่นมาแทรกกลาง”


        คำพูดนั้นเป็นดั่งเศษแก้วที่แตกและกระเด็นเข้ามาในอก ฟังแล้วทิ่มแทงอย่างไรชอบกล ทั้งที่พยายามคิดเสมอว่าพิธานอาจจะมีคนอื่นอยู่แล้วแต่พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บ คำพูดเช่นนั้นแปลว่าเพลงขวัญรู้ดีว่าพิธานมีรสนิยมอย่างไรและตัวจริงก็คือตัวจริงอยู่วันยังค่ำ เรื่องนั้นคือเรื่องที่พระพายต้องยอมรับความจริง...ว่าพิธานมีคนของตัวเองอยู่แล้ว...

*Lyrics : Toothbrush By DNCE
      
++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 20-01-2018 11:35:00
 o22
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-01-2018 11:42:28
 :really2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-01-2018 12:05:56
เกลียดอะไรแบบนี้ ...ถ้าล้อเล่นก็แรงเกินไปนะ =_=*
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 20-01-2018 14:09:32
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 20-01-2018 14:17:23
หืมมมมมม... มาปล่อยให้ค้างแบบนี้ไม่ได้น้าาาาาาา...  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-01-2018 15:05:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-01-2018 15:07:48
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 20-01-2018 15:11:01
 :a5:  :a5: :a5: :a5: :a5:   :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: JanLec ที่ 20-01-2018 17:14:53
เกียดนังพิธานค่ะ ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร นายเอกเราเจ็บมาเยอะตัวเองสบายอยู่คนเดียวดูไม่เดือดร้อนใจไรเร้ย :m16:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 20-01-2018 18:27:49
พิธานจะเล่นไม้นี้กับพระพายหรอ :m16:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-01-2018 20:59:59
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 20-01-2018 22:31:49
พิธานนน เธอมันร้ายยยย ควรจะโดนพระพายเอาคืนบ้าง
มาทำให้จิตใจอ่อนไหว จากไปให้คิดถึงแล้วกลับมา แหมมมมม
มันน่าโมโหหห ล้อเล่นก็โมโห อินมากไหมตอบเลยว่ามากค่าาาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-01-2018 23:05:10
หมดกันวันหยุดที่แสนสุข
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 20-01-2018 23:42:41
อ้าวๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-01-2018 23:59:19
อธิบายมาพิธาน พูดดดดดด  :m16:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-01-2018 08:15:43
พะพายทิ้งพี่มันไปเลยยยยย :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 21-01-2018 09:33:40
อ้าว มีตบอะพิธาน อย่าแกล้งน้อง!!! :z6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 21-01-2018 09:52:47
เดาว่าเป็นน้องสาวพิธานเพราะชื่อคล้องจอง และดูคุณพิธานจะรักพระพายมาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 21-01-2018 10:07:42
ไม่ต้องห่วงหรอกครับ

1.ของเล่นอายุเดือนครึ่งน่ะ หมดเวลาก็เลิกเล่นแล้ว
2.ความสัมพันธ์แบบเจ้าหนี้ลูกหนี้ เคลียร์หนี้จบก็จบกัน
 
แล้วขอตัวเดินออกมาเลยค่ะ ให้อารมณ์แบบพี่แอนทองอะไรงี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-01-2018 14:37:44
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 21-01-2018 18:29:55
มันคือแผนของพิธานแน่นอน  :katai1: 
[/move] [/move]
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 21-01-2018 21:27:51
พิธานขี้แกล้ง!!!!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 22-01-2018 22:00:50
อ้าวเฮ้ยยยยยยยยย ยังไงอะ ช๊อคพร้อมน้อง :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 20 (20/01/18) P.9 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 23-01-2018 13:48:47
 :เฮ้อ: ทำไมพิธานชอบเล่นกับความรู้สึกจัง น้องพระพายเล่นด้วยกับพี่เขาหน่อยซี้...ท่าจะสนุก  :z6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 27-01-2018 10:21:31
สวัสดีค่า มาต่อแล้วนะคะ เพราะตอนที่แล้วเราทำเรื่องไว้ รู้สึกเสียวสันหลังแทนพิธานชอบกล ฮ่าๆ มาอ่านต่อกันเนอะ อย่าเพิ่งโกรธกัน เพราะที่จริงมันไม่มีอะไรเลยยยย ไปอ่านกันต่อดีกว่าเนอะ และเช่นเคยค่ะ ถ้ามีคำผิดหรือของผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ตรงนี้เลยนะคะ และเหมือนเดิม...ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ รัก  :mew1: :bye2:

++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 21 One touch.


My heart stops
หัวใจของฉันหยุดเต้น
When you look at me
เวลาที่เธอมองมาที่ฉัน
Just one touch
แค่เพียงสัมผัสเดียว
Now baby I believe
ที่รัก ฉันเชื่อเลย
This is real
ว่านี่คือความจริง
So take a chance and
มาใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่ากัน
Don’t ever look back,
ไม่ต้องมองย้อนกลับไป
Don’t ever look back
ไม่ต้องมองกลับไปอีก


             พระพายนั่งเงียบ คำพูดของเพลงขวัญยังวนอยู่ในหัว ขณะนี้พิธานเองก็นั่งเงียบไปเช่นกัน เพลงขวัญจ้องมองพระพายราวกับจะกดดันให้ตอบคำถามที่ถามไปก่อนหน้านั้น พระพายจะตอบว่าอย่างไรในเมื่อสถานะตอนนี้เป็นเพียงเรื่องถูกข่มขู่ที่กลับกลายเป็นสมยอม ทุกอย่างดูเละเทะไปเสียหมด แล้วจะเอาอะไรมามาตอบเพลงขวัญได้ อีกอย่าง...ถึงจะตอบไปก็เท่านั้น เพราะอย่างไรเสียพิธานก็มีเพลงขวัญอยู่ทั้งคนแล้ว พระพายเป็นแค่คนคนหนึ่งที่ถูกเลือกเพียงในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อคิดถึงจุดนี้พระพายรู้สึกจุกในอกไม่ใช่น้อย

“คือผมเป็นแค่....” พระพายอ้ำอึ้ง ก้มหน้าลงมองจานข้าวของตัวเอง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพบว่าตอนนี้เพลงขวัญกำลังกลั้นยิ้มอยู่

“เลิกแกล้งได้แล้วน่า...พี่” พิธานพูดออกมา ทำเอาพระพายงงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“นิดหน่อยเอง” เพลงขวัญว่า

“ดะ...เดี๋ยว..นี่มันอะไรกัน” พระพายถามออกมาพลางจ้องหน้าทั้งสองคนสลับไปมา

“ดูทำหน้าเข้าสิ ตลกชะมัด” เพลงขวัญพูดพลางหัวเราะ

“พอได้แล้ว...นี่ เพลงขวัญ พี่สาวฉันเอง” พิธานแนะนำ พระพายจ้องหน้าเพลงขวัญอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ขอโทษนะพระพาย แกล้งแรงไปหน่อย แต่ก็น่าแกล้งดีนี่น่า” พิธานเริ่มหน้าบึ้งเมื่อได้ยินพี่สาวของตัวเองพูดเช่นนั้น

“พี่สาว จริงๆเหรอ?” พระพายถามแบบไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ คลานตามกันมาเลยล่ะ” เพลงขวัญว่า

“.....”


        พระพายเงียบไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ระหว่างที่เงียบก็กำลังใช้ความคิดว่าเกิดอะไรขึ้นภายในไม่กี่นาที ที่จู่ๆผู้หญิงคนหนึ่งแสดงท่าทางประหนึ่งเป็นคนรักของพิธาน และกลับกลายมาบอกว่าเป็นพี่สาวเสียได้

“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ ฉันชอบเล่นมุกแฟนกับน้องชายตลอดแหละ” เพลงขวัญว่า

“ตลอดเลยเหรอครับ?” พระพายถามทั้งที่ยังเสียอาการต่อหน้าทั้งสองพี่น้องอยู่ ยอมรับว่าโกรธเหมือนกันที่โดนแกล้งแบบนี้ แต่คงคิดเสียว่าเป็นการทักทายที่ออกจะไม่น่ารักสักหน่อยก็ตาม

“ก็หน้าตาเราไม่ค่อยเหมือนกัน เลยเล่นมุกนี้ได้ เวลาจะหลอกพวกผู้ชายที่มาตามจีบไง” เพลงขวัญเล่า


        นี่คงเป็นทักษะของสองพี่น้องที่ดูจะน่ากลัวไม่ต่างกัน ถึงหน้าตาจะแตกต่างกันแต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือนิสัยแปลกๆที่ทั้งสองคล้ายคลึงกัน คือการแกล้งและปั่นหัวคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย และพระพายก็ต้องตกเป็นเหยื่อโดนทั้งพี่ทั้งน้องแกล้งอย่างต้องยอมรับชะตากรรม

“แต่คำถามยังไม่ตอบเลยนะ เป็นอะไรกับพิธานกันล่ะ?” เพลงขวัญถามขึ้นมา

“เป็นเพื่อนครับ” พระพายไม่ลังเลที่จะตอบในครั้งนี้

“แค่เพื่อนจริงๆเหรอ?” เพลงขวัญยังคงทู่ซี้ถาม

“ครับ” พระพายยืนยันเช่นนั้น พิธานเหลือบตามองพระพายด้วยสายตาแข็งๆดูไม่ชอบใจนัก

 “ทำไมไม่บอกความจริงไปล่ะ” พิธานเอ่ยขึ้นมา

“ถ้าถึงขั้นพามาที่นี่ คงไม่ใช่แค่เพื่อนหรอกมั้ง” เพลงขวัญว่า

“ความจริงอะไร ไม่มีทั้งนั้นแหละ” พระพายปฏิเสธทันที จะให้พี่สาวของพิธานมารับรู้เรื่องแบบนั้นได้อย่างไร เพลงขวัญหัวเราะในท่าทีของพระพาย รู้สึกตลกและน่าแกล้งในสายตาเธอเป็นที่สุด

“เวลาโดนพิธานตีก้นแล้วรู้สึกยังไงล่ะ?” เพลงขวัญถามขึ้นอีก พระพายหลุดสีหน้าออกมาทันที ใบหน้าแดงก่ำดวงตาตื่นขึ้นอย่างไม่สามารถเก็บอาการได้

“นึกภาพอยู่ใช่ไหม?” เพลงขวัญชี้หน้าอย่างล้อเลียน พระพายถึงก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าที่อยากจะปิดไว้ให้มิด

“น่ารักเนอะพิธาน ไปเจอที่ไหนมาเนี่ยะ อย่าบอกนะว่าในผับ” เพลงขวัญหันไปถามพิธานที่กำลังทานข้าว

“ก็ประมาณนั้น” พิธานตอบ

“ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะพระพาย” เพลงขวัญยังคงล้อพระพายอยู่อย่างนั้น

“เลิกแกล้งได้แล้ว” พิธานเอ่ยปาก

“ทำไมล่ะ น่าแกล้งออก” เพลงขวัญว่า

“ก็ดูสภาพสิ จะสิงจานอยู่แล้ว” พิธานว่าพลางมองพระพายที่กำลังก้มหน้าและไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาให้เพลงขวัญล้ออีก

“หน่าๆ นิดหน่อยเอง เอาล่ะ เดี๋ยวมานะ ไปดูลูกค้าประจำสักหน่อย” เพลงขวัญว่าก่อนจะลุกออกจากโต๊ะและเดินไปยังโต๊ะที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

 
        เมื่อเพลงขวัญไปพระพายจึงยอมเงยหน้าขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือสายตาของพิธานที่มองมา ดูเหมือนกำลังตลกในท่าทางของพระพายที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ พระพายมองค้อนกลับใส่พิธานอย่างลืมตัว เพราะรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้พิธานเองก็สนุกที่เห็นพี่สาวของตัวเองต้อนเขาจนมุมเช่นนั้น

“สนุกรึไง” พระพายถาม

“ก็ไม่ค่อยชอบหรอก” พิธานว่า

“หมายความว่าไง”

“ไม่ชอบให้นายทำท่าแบบนั้นกับคนอื่น ต้องต่อหน้าฉันคนเดียวเท่านั้น” พิธานว่า

“ท่าแบบไหน?” พระพายถาม

“ก็หน้าแดงๆทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ไง”

“โอ๊ย ช่างเถอะ” พระพายรู้ว่าจะอย่างไรก็แก้ตัวไปก็เท่านั้น มีแต่จะต้องยอมรับเท่านั้น

“พี่สาวฉันก็แบบนั้นแหละ ชอบปั่นหัวคน” พิธานว่า

“พูดอย่างกับตัวเองไม่ทำ” พระพายพึมพำสัพยอกแต่มีหรือที่พิธานจะไม่ได้ยิน

“ฉันไม่ได้ทำกับทุกคนเสียหน่อย”

“จะบอกว่าเลือกทำเหรอ” พระพายถาม

“จะทำกับคนที่สนใจเท่านั้น” คำตอบนั้นทำเอาพระพายเงียบ จะคิดเข้าข้างตัวเองมากไปไหมว่าพิธานนั้นสนใจเขาอย่างที่พูดออกมาจริงๆ

“รีบๆทานเถอะ เย็นหมดแล้ว” พระพายเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะเริ่มจะทำท่าไม่ดีต่อหัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ในอกแล้ว

“เปลี่ยนเรื่องตลอดนะ” พิธานว่าก่อนที่จะทานอาหารต่อไป


        ทั้งสองทานอาหารจนหมดแล้ว และจู่ๆก็มีของหวานที่ถูกนำมาเสิร์ฟโดยที่ไม่ได้สั่ง พร้อมๆกับเพลงขวัญที่เดินมาและนั่งลงข้างๆพระพาย

“นี่เมนูใหม่ อยากให้ลอง” เพลงขวัญว่าพร้อมดันจานให้ พระพายที่เห็นหน้าเพลงขวัญก็หวั่นใจว่าจะโดนแกล้งอีกหรือไม่

“อย่าทำท่ากลัวแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็อยากจะแกล้งขึ้นมาอีกหรอก” เพลงขวัญว่า

“ขอโทษครับ” พระพายพูดได้เพียงเท่านั้น

“ลองชิมแล้ววิจารณ์ด้วยว่าเป็นยังไง” เพลงขวัญคะยั้นคะยอให้พระพายชิมให้ได้ พระพายจึงตักมันขึ้นมานิดหน่อยจากนั้นก็เริ่มชิมขนมตรงหน้า

“หวานกำลังดีครับ หอมเนยด้วย” พระพายบอก พิธานมองขนมตรงหน้า พระพายคิดว่าพิธานคงอยากชิมบ้างจึงตักขึ้นมาพร้อมยื่นช้อนให้เพื่อจะได้ชิม

“จะลองไหม?” พระพายถาม พิธานมองนิ่งๆก่อนที่จะอ้าปาก เป็นสัญญาณว่าพระพายต้องป้อน แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ต้องทำอะไรแบบนี้และยิ่งต่อหน้าพี่สาวสุดขี้แกล้งของพิธานแล้วยิ่งไปกันใหญ่

“เร็วๆสิ” พิธานเร่ง พระพายจึงจำต้องป้อนขนมพิธานอย่างช่วยไม่ได้

“บาดตาบาดใจคนไร้แฟนอย่างฉันเหลือเกิน” เพลงขวัญว่าพลางยิ้มแยะๆ แน่นอนว่าพระพายแทบจะมุดไปอยู่ใต้โต๊ะเลยทีเดียว

“ก็รีบหาซะสิ” พิธานว่าทั้งๆที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ในปาก

“ทำไมต้องรีบ นั่งสวยๆอย่างนี้ไปดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าบ่น” พิธานพูด

“ว่าแต่ปกติไม่ชอบของหวานนี่ ทำไมยอมกินล่ะ?” เพลงขวัญถาม พระพายหันไปมองพิธานอย่างจะถามว่าจริงอย่างที่เพลงขวัญบอกหรือไม่

“พูดมากน่า” พิธานพูดปัดทันที

“อ๋อ อยากให้พระพายป้อนนี่เอง ร้ายจริงนะ” เพลงขวัญเหล่มองพิธาน แน่นอนว่าการเฉยเมยนั้นคือสิ่งที่แสดงให้เพลงขวัญเห็น แต่ดูเหมือนเพลงขวัญจะรู้ทันน้องชายดี

“หน้านิ่งไปเถอะ ข้างในไม่น่าจะนิ่งนะ” เพลงขวัญว่า

“จะกลับแล้ว” พิธานบอกเช่นนั้นพลางลุกขึ้นและดึงให้พระพายลุกตาม

“เดี๋ยวๆ ยังไม่ได้จ่ายเงิน” พระพายร้องขึ้น

“จ่ายทำไม มานี่เพื่อกินฟรี” พิธานพูดก่อนที่จะจับมือพระพายให้ออกเดิน

“พอถูกจับได้ก็รีบชิ่งเชียวนะ” เพลงขวัญว่าก่อนที่จะลุกตามไปด้วย


        ทั้งสามคนเดินออกมาจากร้านอาหาร โดยที่พิธานกำลังจูงมือพระพายออกมาและมีเพลงขวัญตามมาอีกที พิธานกดรีโมทปลดล็อครถ พระพายใช้จังหวะนี้ดึงมือออกและรีบยกมือไหว้เพลงขวัญทันที

“ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ”

“รอบหน้ามาอีกนะ” เพลงขวัญว่า

“ครับ” พระพายตกลง

“น้องชาย...อย่าหลุดเขินล่ะ” เพลงขวัญทิ้งท้ายให้พิธานที่ตอนนี้หน้าตึงจนถึงขั้นไม่พอใจเลยทีเดียว

“เงียบไปเลย” พิธานว่า จากนั้นก็ขึ้นรถโดยไม่กล่าวอำลาพี่สาวของตัวเองแต่อย่างใดและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เพลงขวัญยืนหัวเราะในอาการหงุดหงิดกลบเกลื่อนของน้องชายตัวเอง


        พระพายนั่งมองคนขับอย่างพิธานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย หรือเพราะเพลงขวัญที่เป็นพี่สาวจะรู้ดีถึงนิสัยของพิธานว่าที่หน้านิ่งและวางมาดนั้นเป็นเพียงสิ่งบังหน้าแต่พระพายไม่เก่งกาจขนาดจะรู้ได้เท่าคนในครอบครัวแน่นอนว่าตอนนี้พิธานคิดอะไรอยู่ จะรู้ได้แค่บางครั้งจากแววตาเวลาที่พิธานแสดงออกมาและไม่บ่อยมากนัก

        และตอนนี้ช่างเป็นอาการที่เดายากจริงๆ มันดูหลากหลายเกินไป แววตาที่ดูจะประกายแปลกๆหน้าที่ตึงขึงเหมือนจะโกรธแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่พระพายมองไม่ออกและบอกไม่ถูกว่าพิธานกำลังคิดอะไร

“จะไปไหน?” พระพายถามพลางมองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว

“ไปอยู่ห้องนายก็แล้วกัน” พิธานว่า

“ห้องผมไม่น่าอยู่สักหน่อย”

“ใครบอก?” พิธานถาม

“ก็เจ้าของห้องนี่ไง” พระพายยืนยัน

“สำหรับฉันมันน่าอยู่”

“ตรงไหน ขอเหตุผล?”


             พระพายถามอย่างต้องการรู้จริงๆว่าห้องเล็กๆของเขาน่าอยู่มากกว่าตรงไหนเมื่อเทียบกับห้องที่ใหญ่กินพื้นที่ครึ่งชั้นของพิธาน พิธานเงียบไปก่อนที่จะตอบโดยที่ไม่ละสายตามามองพระพายเลย

“เพราะห้องของนาย...มีแต่กลิ่นของนาย” คำตอบที่ทำเอาพระพายเงียบกริบ กว่าจะประมวลผลได้และเริ่มรู้สึกว่ามันน่าเขินอายที่โดนพูดแบบนี้

“พูดอะไรน่ะ”


             พระพายว่าพลางหันหน้าไปมองข้างทาง จะไม่ให้พิธานเห็นว่าตอนนี้พระพายรู้สึกอายจนอยากจะลงจากรถตอนนี้ ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าพิธานสื่อถึงอะไรแต่เพราะเหตุใดถึงรู้สึกไปได้ว่ามันเป็นคำพูดที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำอย่างบอกไม่ถูก
พิธานไม่ได้พูดอะไรอีกและตั้งใจขับรถไปห้องของพระพายซึ่งตอนนี้ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง แสงแดดเริ่มอ่อนแรงลงทำท่าจะเข้าสู่เวลายามเย็นแล้ว พระพายเดินลงจากรถก่อนและเดินนำไปยังห้องของตนเองซึ่งพิธานก็เดินตามไปไม่ห่างนัก

            เมื่อมาถึงห้องพระพายก็เดินเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่ได้หันไปมองพิธานว่าจะทำอะไร ราวกับพระพายอยากหลบหน้าพิธานแม้จะเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม เพราะประโยคเมื่อครู่นี้นั้นยังคงวนเวียนในหัว จะคิดได้ไหมว่าพิธานนั้นเริ่มมีใจให้กันแล้วหรือรู้สึกมากกว่าที่ผ่านๆมา

        พระพายใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะออกมาและพบว่าพิธานกำลังนั่งบนโซฟาดูทีวีอยู่อย่างท่าทีสบายๆ พระพายนั่งลงข้างๆและทิ้งระยะห่างพอสมควร พิธานหันไปมองพระพายที่นั่งดูทีวีโดยไม่ยอมหันไปทางไหนเลย

“มาใกล้ๆหน่อย” พิธานว่า แต่พระพายยังคงนิ่งเฉย

“มาใกล้ๆ” พิธานย้ำคำเดิม แน่นอนว่าน้ำเสียงที่เริ่มเข้มขึ้นทำให้พระพายขยับตัวเข้าไปทันที

“ทำไมต้องให้พูดย้ำ?” พิธานถามก่อนที่จะเอนตัวลงและวางศีรษะลงบนตักของพระพาย พระพายสะดุ้งเมื่อพิธานนอนหนุนตักอยู่เช่นนี้

“ก็....” พระพายไม่รู้จะหาคำไหนมาแย้งดี

“ต่อไปถ้าพูดย้ำจะโดนลงโทษหนักขึ้นนะ” พิธานว่า

“มะ...ไม่เอา” พระพายร้องขึ้นทันที

“ไม่เอาแน่เหรอ...อาจจะชอบกว่าที่ผ่านมาก็ได้”

“หยุดพูดไปเลย” พระพายเบือนหน้าหนี ไม่คิดจะก้มมองคนที่นอนหนุนตักตอนนี้ว่ากำลังแสดงสีหน้าอย่างไรอยู่

“ขาก็นุ่มดีเหมือนกันนะ” พิธานว่าพลางขยี้และกดน้ำหนักลงบนต้นขาของพระพาย

“นี่ เจ็บนะ” พระพานก้มหน้าลงไปว่าพิธานที่ตอนนี้กำลังจ้องมองรออยู่อย่างรู้จังหวะว่าพระพายต้องมองลงมา

“ทำไมวันนี้หลบตาเรื่อยเลย” พิธานถามด้วยสีหน้านิ่งๆ สะกดให้พระพายไม่อาจจะละสายตาไปทางใดได้

“แค่รู้สึกแปลกๆ” พระพายยอมบอกความรู้สึกที่เป็นแค่ส่วนน้อยนิดในเรื่องที่ปิดบังอยู่

“ทำไม จู่ๆก็อายเหรอ?”

“มะ..ไม่ใช่ บอกไม่ถูก” พระพายพูดเช่นนั้น

“นั่นสินะ” พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแล้วดึงพระพายเข้ามาใกล้ๆ

“จะทำอะไร?” พระพายถาม พิธานไม่พูดอะไรแต่กลับโน้มใบหน้าไปใกล้ๆ ใช้สายตาสบมองเข้าไปในดวงตาของพระพาย

“พอจะบอกได้ไหม ว่าใครกันที่นายแอบชอบ” พิธานถามขึ้น พระพายพาลนึกไปถึงคืนนั้น คืนที่พิธานถามว่ามีใครอยู่ในใจหรือเปล่า

“บอกไม่ได้” พระพายพูดเช่นนั้นพลางเบนสายตาไปมองทางอื่น

“อย่าหลบตา บอกมา”

“บอกไม่ได้จริงๆ” พระพายว่า

“ถึงนายจะชอบใคร ฉันก็จะไม่สน เพราะนายต้องอยู่ตรงนี้ ตรงข้างๆฉัน” พิธานว่าก่อนที่จะก้มลงจูบพระพาย


        สัมผัสที่เต็มไปด้วยการครอบครอง สัมผัสนั้นราวกับจะบอกถึงความคิดในใจว่าแม้พระพายจะชอบใคร พิธานก็จะไม่สนใจใยดีและต้องการแสดงความเป็นเจ้าของในตอนนี้ นาทีนี้และเดี๋ยวนี้ พระพายหลับตาลง รู้สึกถึงความวาบหวิวระคนหน่วงในอก พิธานไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าคนที่ได้ครอบครองหัวใจของพระพายคือเจ้าตัวเอง คือคนที่ตั้งคำถามนี้นี่เอง

        รสจูบที่ปลุกปั่นทุกอย่างให้ลุกโชน ทั้งความรู้สึกในจิตใจและความต้องการภายในร่างกาย พิธานป้อนจูบอย่างไม่ลดละ จนพระพายเริ่มอ่อนแรงและโอนอ่อนตามพิธานในที่สุด แต่แล้วพิธานก็หยุดทุกอย่างลงจนพระพายสะดุ้งตัวอย่างคนสติหายแล้วเพิ่งได้สติกลับคืน

“จะไม่มีใครทำให้นายละลายได้เท่าฉันอีกแล้ว ไม่มีใครทำได้” พิธานว่าก่อนที่จะนอนลงหนุนตักพระพายต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน


        พระพายใช้หลังมือถูริมฝีปากโดยที่หน้ายังคงแดงก่ำอยู่ อย่างที่พิธานพูดไว้ จูบของพิธานปล้นเอาความรู้สึกและความต่อต้านจากภายในใจออกไปหมด จนไม่อาจจะมีแรงต้านทานใดๆได้และต้องยอมจำนนในที่สุด

        พิธานนอนอยู่อย่างนั้นเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกหลังจากที่พูดเรื่องนั้นไป จนในที่สุดโทรศัพท์มือถือของพิธานดังขึ้น

“ว่าไง” พิธานรับสายแล้วพูด จากนั้นก็ฟังเงียบๆก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง

“ได้ๆ เดี๋ยวเจอกัน” พูดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะวางสายไป

“ฉันมีธุระด่วน” พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ทำให้พระพายลุกขึ้นตามไปด้วย

“ไปเลยใช่ไหม?” พระพายว่า ในใจรู้สึกเสียดายไม่น้อย ทั้งๆที่อยากให้อยู่ต่ออีกสักนิดแท้ๆ

“ใช่ ต้องไปตอนนี้เลย เดี๋ยวจะโทรหา”


        พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะดึงพระพายเข้ามาใกล้ๆและจูบอีกครั้ง จูบครั้งนี้แตกต่างจากจูบก่อนหน้านี้มากนัก เป็นจูบที่อ้อยอิ่งราวกับจะลากเวลาให้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้ พระพายบีบแขนของพิธานแน่น รู้สึกได้ถึงการจูบที่เชื่องช้านี้ กว่าจะผละออกก็ทำเอาพระพายแทบหยุดหายใจเพราะความรู้สึกที่เริ่มชัดเจนในอกว่าหลงรักพิธานจนไม่มีโอกาสถอยกลับไปได้แล้ว ซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ให้เยอะที่สุด ให้คุ้มค่ากับความรู้สึกของตนเองมากที่สุด เพราะวันหนึ่งมันอาจจะหลุดหายไปจนไม่อาจจะดึงย้อนกลับมาได้อีกแล้ว

“ไปนะ” พิธานบอกเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกไป

“เอ่อ...ถ้าถึงแล้ว..บอกหน่อยได้ไหม?” พระพายรวบรวมความกล้าพูดออกไป ทั้งที่แอบคิดว่าพิธานอาจจะไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้

“ได้สิ เดี๋ยวถึงแล้วจะบอก” พิธานว่าจากนั้นก็เดินออกไปจากห้อง


        พระพายมองประตูที่ปิดลง ลมหายใจสูดเข้าออกยาวๆเพื่อจะเรียกสติและความรู้สึกที่กระเจิดกระเจิงให้กลับเข้าที่เข้าทาง จากนั้นก็กดโทรศัพท์ส่งข้อความหาเก้า ถามว่าเก้าว่างหรือไม่และอยากให้เก้ามาหาที่ห้อง แน่นอนว่าเก้าว่างมาหาจากนั้นพระพายก็นั่งลงดูทีวีอย่างเลื่อนลอยเพื่อรอเก้ามา ต้องหาทางระบายพูดให้เก้าฟังกับความรู้สึกที่เริ่มมากขึ้นทุกที อยากหาคนมารับฟังความรู้สึกที่มากจนเริ่มจะควบคุมไม่ได้แล้ว...

Lyrics: Teenage Dream by Katy Perry

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-01-2018 11:08:41
ที่แท้ก็พี่สาว ถึงหน้าตาจะไม่เหมือนกัน แต่นิสัยนี่ไม่ทิ้งกันไปไหน ขี้แกล้งทั้งพี่ทั้งน้องเลย :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-01-2018 11:36:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-01-2018 14:48:05
ใจหายหม้ดดดด :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 27-01-2018 15:00:04
 :L1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 27-01-2018 15:01:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-01-2018 15:44:10
รอเวลาคนปากหนักเปิดเผยความรู้สึก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 27-01-2018 17:08:10
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-01-2018 18:57:20
เหมือนพี่สาวจะเดาออกว่าพิธานรู้สึกแบบไหนกับพระพาย :z1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 27-01-2018 23:44:01
ต่างคนต่างก็ชอบแล้วทำไมถึงไม่เปิดใจคุยกัน

จะได้เอาเวลาไปสวีทหวานกันสักมี
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-01-2018 01:36:40
ครั้งนี้อภัยให้นะพิธาน หวังว่าคงจะไม่มีครั้งหน้านะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 28-01-2018 18:54:40
อร้ายยย เค้าชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-01-2018 19:45:40
 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 28-01-2018 21:35:53
รักกันก็พูดออกมาเลย จะได้ไม่ต้องต่างคนต่างคิดมาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-01-2018 00:46:18
ปากแข็งจัง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 29-01-2018 13:45:30
ทำไมพิธานไม่บอกพายไปเลยล่ะว่าชอบ =3=
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 31-01-2018 22:08:46
รอวันที่เค้าจะพูดความรุ้สึกของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 31-01-2018 23:41:18
รอ  :mew1: รอ นะคะ o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 01-02-2018 09:16:07
พิธานงานอะไรยุ่งเบอร์นั้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 01-02-2018 13:07:23
อยากเห็นดราม่าจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 02-02-2018 04:21:22
เขินนนพิธานน แหม่ พ่อหนุ่มซึนเดเระ
อยากรู้จังว่าทำไมถึงต้องเป็นพระพาย พิธานคงปิ๊งมาก่อนหน้านั้นแล้วหรือเปล่าหว่า

ปล.ตรงที่พี่สาวทักว่า เจอที่ผับอีกหรือเปล่า นี่แสดงว่าพิธานก็ทำบ่อยใช่มั้ย ยังไง   :ruready
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 21 (27/01/18) P.10 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 03-02-2018 17:55:28
ต่างคนต่างปากแข็ง  :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (3/02/18) P.10 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 03-02-2018 18:46:30
สวัสดีค่ะ ขออภัยที่มาช้ากว่าเวลาปกตินะคะ ทุกครั้งจะอัพตอนเช้าประมาณสิบโมง แต่วันนี้มาอัพค่ำเลย เพราะยุ่งจริงๆค่ะ งานเข้าทั้งวันเลย ขอโทษจริงๆนะคะ และก็มีเรื่องแจ้งค่ะ อาทิตย์หน้างดนะคะ เพราะต้องปั่นเพิ่มบวกกับช่วงนี้งานยุ่งค่ะ เลยปั่นได้ช้ามาก ขออภัยอีกครั้งนะคะ ขอให้คนอ่านทุกท่านอ่านให้สนุกนะคะ  ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยไว้ตรงนี้เลยค่ะ อ่อ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ รักนะคะ ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:



Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 22 Crazy with love.


Do you ever think when your all alone
เคยคิดบ้างไหมเวลาเธออยู่คนเดียว
All that we can be, where this thing can go?
ว่าเราสองคนจะเป็นอะไรกันได้บ้างและเรื่องมันจะจบลงตรงไหน
Am I crazy or falling in love
ฉันเป็นบ้าไปหรือแค่ตกหลุมรักเธอนะ
Is it really just another crush
นี่ฉันหลงเธอเข้าแล้วจริงๆ



        เก้าที่นั่งแท็กซี่มาเพื่อความรวดเร็วตรงมายังห้องของพระพาย รู้ดีว่าหากพระพายคงต้องมีเรื่องอัดอั้นในใจอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ทั้งวันและอาจจะเมื่อคืนเสียด้วยซ้ำที่พระพายอยู่กับพิธานตลอด ตอนนี้พิธานคงกลับไปแล้วและคงมีเรื่องอะไรคืบหน้าแน่นอน ไม่รอช้าเก้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปถึงไหนแล้ว

        พระพายนั่งอยู่ในห้องโดยที่มีเก้าเดินมาถึงหน้าห้องและเคาะประตูทันที พระพายลุกขึ้นไปเปิดให้เพราะรู้อยู่แน่นอนว่าเป็นเก้าที่มาหา

“ไงเพื่อนรัก” เก้าทักทายก่อนที่จะถอดรองเท้าและเดินเข้ามา

“มึงกินอะไรมารึยัง?” พระพายถาม

“เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่มึงเถอะ มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” เก้าถามอย่างคนรู้ดี

“มึงก็รู้ดีตลอด”

“พิธานมันทำไมอีกคราวนี้”

“มึง กูไม่ไหวแล้ว กูจะบ้า กู...กูเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว” พระพายเริ่มต้นประโยคที่ดูจะสติแตกพอสมควร

“เดี๋ยวๆ จู่ๆก็คลั่งขึ้นมา อะไรของมึงเนี่ยะ” เก้าพูดพลางหัวเราะ

“เริ่มเยอะไปแล้ว กูเริ่มจะวางตัวไม่ถูกแล้ว มันชอบทำให้กูเขินเป็นผู้หญิงเลย กูต้องทำไง กูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย”

“มันทำอะไรมึง?”

“มันใช้คำพูดแปลกๆ กูฟังแล้วทำตัวไม่ถูก แถมวันนี้มันพากูไปหาพี่สาวมันด้วย” พระพายว่า

“จริงเหรอ มันมีพี่สาวเหรอ?”

“เออ สวยด้วย หน้าตาไม่เหมือนกันแต่นิสัยดันเหมือนกัน แกล้งกูซะ”

“แกล้งอะไร?” เก้าถาม

“หลอกว่าตัวเองเป็นแฟนน้องชาย กูนี่แทบจะวิ่งหนีออกจากร้าน พอทีหลังมาเฉลย เล่นกับความรู้สึกกูมาก”

“เวรกรรมอะไรของมึงวะพาย โดนทั้งพี่ทั้งน้อง” เก้าส่ายหน้าในความดวงตกของพระพาย

“ใช่ แต่มีประโยคหนึ่งที่กูสะกิดใจ” พระพายพูดพลางนึกขึ้น

“ไหนเล่ามาสิ”

“ก็...กูป้อนขนมมัน แล้วพี่มันพูดว่าอิจฉาบาดตาคนไม่มีแฟน มันก็พูดรีบหาซะสิ” พระพายว่า รู้สึกหน้าร้อนๆขึ้น ไม่อยากคิดไปเองว่าคำพูดนั้นพิธานสื่อว่าเขาเป็นแฟน

“มันพูดแบบนั้นเหรอวะ” เก้าถาม

“ใช่ มึง....กูไม่อยากคิดไปเอง มันพูดแบบนั้นมันแปลว่าอะไรวะ”

“ถ้าฟังแบบไม่คิดเยอะเลย มันก็คงจะบอกพี่มันกลายๆว่ามึงเป็นแฟน” เก้าพูดพลางคิด

“กูก็คิดแบบนั้น แต่กูก็กลัวว่าจะเข้าข้างตัวเองนี่สิ” พระพายว่าอย่างสับสน

“เท่าที่มึงเล่ามา กูว่า ไอ้พิธานก็น่าจะรู้สึกอะไรกับมึงมากกว่าคู่นอนนะ” เก้าพูด

“กูบอกไม่ถูก” พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นยิ่งสับสนไปกันใหญ่

“ทำไงดีวะ กูก็อยากรู้ว่ามันคิดอะไรกับมึงกันแน่”

“นี่กูจะเป็นบ้าแล้ว ไม่รู้ทำไมหมู่นี้ทำกูอายตลอดเวลาเลย”

“เพื่อนกู...กลายร่างเป็นสาวเต็มตัว” เก้าว่าพลางหัวเราะ

“มึงก็พูดไปเถอะ ถ้าโดนเองวันไหนแล้วจะรู้สึก”

“คนอย่างกูเหรอ ไม่มีวันเถอะ”

“ใครจะไปรู้ จู่ๆมาวันหนึ่งมึงอาจจะตกสภาพเดียวกับกูก็ได้” พระพายว่า

“ดูปากกูเลย ไม่มีทาง” เก้ายืนยันเสียงหนักแน่น

“กูจะคอยดูวันนั้นก็แล้วกัน”


        พระพายพูดพลางมองเก้าที่ยักไหล่ราวกับว่าเรื่องที่พระพายพูดนั้นจะไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้ พระพายถอนหายใจก่อนที่จะหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ส่งเสียงร้องขึ้นมา พบว่ามีคนโทรเข้าและไม่ใช่ใครอื่น..เป็นพิธานนั่นเอง

“มึง..มันโทรมาว่ะ” พระพายว่าพลางจ้องเก้า

“ก็รับสิวะ”


        พระพายรีบรับสายทันทีที่เก้าบอก สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงโหวกเหวกโวยวายของกลุ่มผู้ชายที่เล็ดลอดเข้ามาในสาย ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนๆของพิธานนั่นเอง

“เอ่อ..ว่ายังไง?” นั่นคือคำทักทายแรกของพระพาย

“นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าถึงแล้วให้บอก” พิธานว่า

“ที่จริงไม่ต้องโทรมาก็ได้ ส่งข้อความมาก็พอ”

“โทรดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นจะวางเลยไหม?” พระพายถาม โดยที่ได้แต่เขม่นเก้าที่ทำสีหน้าล้อเลียนเขาอยู่ในขณะนี้

“ทำไมรีบวาง?” พิธานถาม

“ก็..คุณอยู่กับเพื่อนๆไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ วันเกิดเพื่อนน่ะ ดันลืมไปซะได้”

“เพื่อนๆเลยโทรมาตามสินะ” พระพายพูด รู้สึกอายยังไงชอบกลที่มายืนคุยโทรศัพท์กับพิธานที่เพิ่งห่างกันไปไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งคุยต่อหน้าเพื่อนอย่างนี้อีก

“ใช่” จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาในโทรศัพท์

“คุยกับพระพายเหรอวะ?”

“โอ๊ย ไอ้คนติดแฟน”

“ทำไมไม่พามาวะ”

“วันเกิดเพื่อนโว้ย ไม่ใช่มานั่งคุยกับเมีย”


            และอีกสารพัดที่ดังเข้ามา ยิ่งทำให้พระพายรู้สึกอายเข้าไปใหญ่ ยิ่งคำว่า “แฟน” หรือ “เมีย” นั่นยิ่งแล้วไปใหญ่ ยิ่งทำให้พระพายหน้าแดงก่ำเข้าไปเรื่อยๆ

“ไว้คุยกันก็ได้นะ ไปอยู่กับเพื่อนเถอะ” พระพายพูดอย่างเกรงใจ

“ไว้คุยกัน นอนได้แล้ว” พิธานบอก

“อืม เดี๋ยวก็นอนแล้วล่ะ”

“ฝันดีนะ” พิธานพูดซึ่งเสียงเบากว่าปกติมากและได้ยินเสียงเพื่อนๆโห่ร้องกันระนาว

“อืม” พระพายว่าก่อนที่จะวางสาย


        หลังจากวางสาย พระพายได้แต่อมยิ้มจนแก้มจะแตก ทำไมยิ่งนานวันเข้ายิ่งรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นเด็กสาวที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักเหลือเกิน หรือเพราะคำพูดและท่าทีของพิธานหรือเพราะความรู้สึกที่มากขึ้นทุกวันๆของตนเองกันแน่

“มึงจิกชายเสื้อจะขาดแล้วพาย” เก้าพูดขึ้น ทำให้พระพายชะงักทันที ลืมไปเสียสนิทว่าเก้าอยู่ด้วย

“โทษทีๆ” พระพายว่าก่อนที่จะวางโทรศัพท์มือถือลงข้างๆก่อนจะนั่งลง

“มึงไม่ลองถามมันไปตรงๆเลยล่ะพาย นี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้ว อีกไม่นานเรื่องมันจะจบแล้วนะ”

“นั่นสิ นี่ใกล้จะครบกำหนดแล้วด้วย” พระพายเพิ่งนึกขึ้นได้

“กูไม่กล้าถามหรอก กูกลัวคำตอบ” พระพายพูดพลางหน้านิ่งไป ความรู้สึกสีชมพูอมม่วงเมื่อครู่นี้ค่อยๆละลายหายไป

“เวลาเจอกัน มันไม่ถามมึงบ้างเลยเหรอ เรื่องพวกความรู้สึกหรืออะไรน่ะ?” เก้าถาม

“มีนะมึง ชอบถามว่ากูชอบใคร เคยถามด้วยว่ากูเคยคิดจะรักมันไหม” พระพายตอบพลางนึกถึงเรื่องที่พิธานเคยถามมากกว่าหนึ่งครั้ง

“กูว่ามันคิดนะ แต่คิดอะไรนั่นอีกเรื่อง”

“ไม่รู้สิมึง กูก็ดูไม่ออกแต่รู้สึกถึงเวลามันมอง สายตาเปลี่ยนไป คำพูด หรือเวลาจับตัวกู มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนตอนแรกๆ” พระพายว่า

“เอาอย่างนี้นะมึงเจอกันรอบหน้า ถามตรงๆไปเลย” เก้าแนะนำ

“จะให้กูถามว่ายังไง?” พระพายถามกลับด้วยสีหน้าที่ดูจะหนักใจ

“ถามว่าคิดกันยังไง รู้สึกยังไง”

“จะบ้ารึไง ยากจะตายชัก ใครจะกล้าถาม” พระพายส่ายหน้าทันที

“ถ้ามึงไม่ถามตอนนี้จะถามชาติหน้ารึไง” เก้าว่า

“มันง่ายเสียที่ไหน นั่นพิธานนะ ไม่ใช่คนปกติที่จะถามตรงๆแบบนั้นได้” พระพายว่าอย่างไม่เห็นด้วย

“มึงต้องถามแล้วพาย ถ้ารอถามตอนครบเวลาตามที่ตกลง มันอาจจะเป็นอีกเรื่องก็ได้นะ”

“โอ๊ยมึง กูทำไม่ได้” พระพายขยี้ผมอย่างหาทางออกไม่ได้

“มึงทำได้ ถ้ามึงคิดจะทำเสียอย่าง ไม่รู้แหละ รอบหน้ากูเจอมึงต้องมีคำตอบของไอ้พิธานให้กูแล้ว” เก้ามัดมือชกโดยไม่เปิดโอกาสให้พระพายปฏิเสธได้

“มึง กูคงทำไม่ได้” พระพายว่าพลางมองหน้าเก้าด้วยสายตาอ้อนวอนว่าไม่อยากทำในสิ่งที่เก้าบอก

“แล้วมึงจะขอบคุณกู ที่กูให้มึงถามมันแบบนั้น” เก้าบอกเท่านั้นก่อนจะตบไหล่พระพาย

“คืนนี้กูนอนนี่ก็แล้วกัน ขี้เกียจกลับห้องแล้ว”

“เอาเสื้อผ้ามาไหม?” พระพายถาม

“เอามาๆ” เก้าว่าก่อนจะชี้ไปยังกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ไม่ไกล

“ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ” พระพายบอก

“ไม่เอา มึงไปอาบก่อน” เก้าว่า

“เออๆ ก็ได้” กลับกลายเป็นพระพายที่ต้องไปอาบน้ำก่อนทั้งๆที่เป็นคนสั่งให้เก้าไปก่อนแท้ๆ


        พระพายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมปิดประตูลง เก้าที่ครุ่นคิดขึ้นได้ว่าเรื่องนี้เขาอาจจะช่วยได้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือส่งข้อความหาไคทันที ทักทายไปคำแรกว่าทำอะไรอยู่ และเพียงไม่ถึงสิบวินาทีไคก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่ากำลังอยู่ในปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อน เก้าจึงถามว่าสะดวกคุยไหม เพียงเท่านั้นไคก็โทรเข้ามาทันที

“คิดถึงเหรอ?” คำแรกที่ไคส่งผ่านสายมา เสียงที่ดังรอบๆข้างไคบ่งบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังอยู่ในงานเลี้ยงหรืออะไรสักอย่าง

“คิดถึงพ่อมึงมากกว่า” เก้ากรอกตาอย่างหน่ายใจก่อนพูด

“อ้าว คิดถึงพ่อแฟนก่อนแฟนได้ไง?”

“เลิกเล่นได้แล้วไอ้ไค” เพียงแค่ไม่กี่คำของไคที่ได้ยิน เก้าก็เริ่มหัวเสียแล้ว

“มีอะไรรึเปล่า” ไคเริ่มถามอย่างไม่เป็นเล่น

“กูมีเรื่องจะถามมึง เรื่องไอ้พิธานเพื่อนมึง” ไคที่ได้ยินอย่างนั้นจึงรีบหลบออกจากกลุ่มเพื่อนๆทันทีและเดินออกไปข้างนอกแทน

“พิธาน...มีอะไรเหรอ?” ไคถาม

“มันมีแฟนอยู่รึเปล่า?”

“เอ๊ะ...ไม่นะ” ไคตอบ

“ไม่ได้โกหกหรือปิดบังใช่ไหม?” เก้ายังคงไล่ถาม

“ไม่โกหกหรอก พิธานไม่มีใครทั้งนั้น” ไคเองก็ยืนยันในความจริงนั้น

“แล้ว...มันไปนอนกับคนอื่นนอกเหนือจากเพื่อนกูรึเปล่า?” เก้าค่อยๆถามลึกขึ้นเรื่อยๆ

“ทำไมถึงอยากรู้?” ไคถามกลับบ้าง

“มึงเป็นเพื่อนมัน กูเชื่อว่ามึงรู้ทุกเรื่อง”

“แล้วถ้าตอบคำถามจะได้อะไรตอบแทนล่ะ?” เก้าเงียบหลังจากประโยคนั้นของไค

“มึงจะเอาอะไร?” ในใจนั้นคิดว่าไคคงไม่ขออะไรไปมากกว่าการทำคะแนนในการจีบ

“ไปเดทกัน” ไคบอก

“เดทที่แปลว่าไปกินข้าวดูหนังน่ะเหรอ” เก้าถาม

“ใช่ แต่ตกลงกันก่อนถึงจะตอบคำถาม” ไคไม่ยอมเสียโอกาสนี้เด็ดขาด

“ถ้าอย่างนั้นทุกคำถามของกูต้องได้คำตอบครบแล้วเป็นความจริง กูถึงจะตกลง” เก้าเองก็ใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ไม่ต่างกัน

“สัญญาว่าจะตอบแต่ความจริงและทุกคำถาม” ไคพูด

“ได้ ตอนนี้พิธานมันมีใครนอกเหนือจากเพื่อนกูรึเปล่า?”

“เท่าที่เห็นก็ไม่มี ตอนนี้พิธานมีแต่พระพายคนเดียว” ไคตอบ

“แล้วมึงคิดว่าพิธานมันคิดอะไรกับพายนอกเหนือจากที่ตกลงกันรึเปล่า?”

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?” ไคถามกลับ

“มึงมีหน้าที่ตอบนะไค” เก้าแหวขึ้น

“แต่มันยากนะ ใช่ว่าจะรู้ความรู้สึกของเพื่อนทุกอย่างนี่”

“แต่ทำไมกูรู้ว่าเพื่อนกูรู้สึกอะไรยังไงกับใครล่ะ?”

“นั่นเพราะพระพายเปิดใจกับนายไง แต่ของฉันพิธานไม่ใช่คนแบบนั้น ทุกอย่างต้องคอยมองแบบตั้งใจหรือเวลาเจ้าตัวเผลอถึงจะรับรู้ได้” ไคบอก

“กูต้องการคำตอบ” เก้ายืนยันพลางมองไปยังประตูห้องน้ำเพราะกลัวพระพายจะเปิดออกมาแล้วได้ยิน

“พระพาย...หลงรักพิธานใช่ไหม?” ไคพูดขึ้นมา เก้าเงียบไปก่อนจะพูดต่อ

“จะเหลือเหรอ เพื่อนกูตกหลุมไปเต็มเปาเลย” เก้าเลือกที่จะพูดกับไคตรงๆ

“เอาจริงๆ เท่าที่เห็นพิธานก็น่าจะรู้สึกอะไรอยู่บ้างนะ เพราะเมื่อกี้ตอนคุยกับพระพาย พิธานดูมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก” ไคพูดพลางนึกถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ที่พิธานโทรหาพระพาย

“กูไม่อยากให้เพื่อนกูเสียใจ แค่เรื่องที่มันต้องเจอก็หนักเกินพอแล้ว”

“จะต้องทำยังไงล่ะ เรื่องความรักเราบังคับใครไม่ได้หรอกนะ”

“กูรู้ไค นี่ก็กำลังคิดไง” เก้าว่า

“อยากเป็นพ่อสื่อให้เพื่อนเหรอ?” ไคถามพลางกลั้วหัวเราะ

“กูไม่ได้อยากเป็นพ่อสื่อ แต่กูอยากให้เพื่อนสมหวังและมึงต้องช่วยกู” เก้าว่า

“จะให้ช่วยยังไง พิธานไม่ใช่คนทั่วไปที่จะตามเกมไม่ทันหรอกนะ” ไคพูดเชิงเตือน

“จะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อเพื่อนกูชอบเพื่อนมึงไปแล้วและเพื่อนมึงเองก็เหมือนจะรู้สึกอะไรกับเพื่อนกูเหมือนกัน”

“พูดแบบนี้คือต้องช่วยสินะ” ไคว่าอย่างเข้าใจในคำพูดของเก้าที่เริ่มพูดมาตั้งแต่ต้น

“ใช่ มึงต้องช่วยกู” เก้าบอก

“ถ้าอย่างนั้นต้องมากกว่าการไปเดทแล้วละนะ”

“อะไรของมึง นี่ก็เป็นหนึ่งในคำถามที่มึงต้องตอบ กูถามว่าช่วยกูไหมและมึงก็ตอบว่าช่วย” เก้าเริ่มหัวหมอ

“ไม่ต้องมาเล่นตุกติกเลย นี่มันมากกว่าคำถามแต่กลายเป็นการร่วมมือแล้วนะ” ไคดักทาง เก้าเดาะลิ้นที่ไคดันรู้ทันเสียได้

“เออๆ มึงจะเอาอะไรว่ามา แต่ถ้าเกินกำลังกูไม่เอานะ” เก้าว่า

“ไปเที่ยวแบบค้างคืนเป็นไง?” ไคเสนอมา

“ไปค้างคืนกับมึงน่ะเหรอ มึงคิดจะทำอะไรกูสินะ” เก้ากัดฟันพูดอย่างคนของขึ้น

“ไม่ทำหรอก ถ้าไม่สมยอม สรุปจะตกลงไหมล่ะ แค่คืนเดียวเอง อีกอย่างจะได้ชวนพิธานกับพระพายไปด้วยไง จะได้เริ่มแผนไปเลย” ไคเสนอข้อคิดเห็นที่น่าสนใจทีเดียว แต่เก้าก็หวั่นใจว่าไคคิดจะทำอะไรนอกเหนือกว่านี้หรือไม่

“ถ้ามึงเล่นอะไรแผลงๆกับกูล่ะมึงได้เจอตีนกูแน่” เก้ารีบขู่แต่เนิ่นๆ

“บอกแล้วว่าไม่ทำหรอก แต่ถ้านายให้ทำก็อีกเรื่อง” ไคว่า

“ไม่มาทางซะหรอก เออๆ กูตกลงก็ได้” ในที่สุดเก้าก็ต้องตกลง

“ดี เดี๋ยวจะนัดอีกที เพราะอาทิตย์ที่จะถึงนี่ก็วันหยุดนี่ใช่ไหม”

“ใช่ ได้หยุดยาวสองวัน” เก้าพูดพร้อมนึกถึงตารางวันหยุดที่จำได้แม่นตามประสามนุษย์ออฟฟิศ

“เดี๋ยวจะโทรไปล่ะกัน เตรียมตัวไว้ด้วย”

“เออ” เก้าทำท่าจะวางแต่ไคก็รีบส่งเสียงร้องขึ้น

“เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งวาง”

“อะไรของมึงอีก นี่พระพายมันอาบน้ำเสร็จแล้วนะ” เก้าพูดเสียงเบาเพราะตอนนี้เสียงฝักบัวหยุดไปแล้ว

“บอกฝันดีก่อนเร็ว” ไคว่า

“ฝันดีบ้านน้ามึงสิ มึงไปกินเหล้าไม่ได้เข้านอนนี่” เก้าว่า ตอนนี้พระพายเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว พลางหรี่ตามองเก้าที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่

“ถ้าอย่างนั้นไม่ยอมวางนะ” ไคว่า เก้าเริ่มหงุดหงิดและพระพายก็เริ่มจ้องมองอย่างอยากรู้ว่าเพื่อนคุยกับใคร

“ฝันดี” เก้าว่า

“ขอเพราะๆ” ไคยังคงไม่ยอม เก้าเองก็เริ่มใจคอไม่ดีเพราะพระพายเดินมานั่งข้างแล้ว จึงยอมทำตามเพื่อให้เสร็จๆไป

“ฝันดีครับ” เก้าพูดเสียงเบา พระพายที่ยังคงนุ่งผ้าเช็ดตัวและนั่งอยู่ข้างๆถึงกับแอบยิ้ม

“ดีใจจัง ยอมวางแล้วก็ได้” ไคพูด เก้ารีบตัดสายทิ้งทันที เพราะรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องมาพูดจาหวานๆเช่นนี้

“เอ๊ะๆ ฝันดีครับ นี่บอกใคร?” พระพายถามทันทีที่วางสาย

“เพื่อน” เก้าว่าพลางทำทีเปิดทีวีดู

“ใช่เหรอ กูไม่เคยได้ยินมึงพูดกับเพื่อนคนไหนแบบนี่นะ” พระพายยังคงถามด้วยใบหน้าทะเล้น

“โอ๊ย มึงนี่เซ้าซี้จัง” เก้ารีบกลบเกลื่อน

“ทีของกูยังบอกมึงได้เลย แต่ทำไมมึงไม่ยอมบอกกูล่ะ” พระพายว่า

“ก็...ก็มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” เก้าพูด

“แต่ท่าทางมึงไม่ใช่เลยนะเก้า ไอ้ท่าทางลุกลี้ลุกลนของมึงนี่มันแปลกๆ” พระพายยังคงจับสังเกต

“กูดูแปลกๆเหรอ?” เก้าถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตนแสดงท่าทางเช่นนั้นออกไป

“ใช่ มึงไม่รู้ตัวหรอก แต่กูรู้สึกมาพักหนึ่งแล้ว มึงดูเปลี่ยนไป เหมือนเห็นมึงในมุมที่กูไม่เคยเห็นมาก่อน” พระพายอธิบายสิ่งที่รู้เห็นในตัวเก้า

“กูก็เป็นแบบนี้มาตลอดแหละ” เก้าไม่เชื่อในคำพูดของพระพาย

“จริงๆนะ ถึงเมื่อก่อนมึงจะกุ๊กกิ๊กกับหญิงไปเรื่อย แต่มึงไม่เคยทำท่าแบบนี้มาก่อน กูรู้สึกว่ามึงเปลี่ยนไป...คนนี้จริงจังเหรอ?” พระพายถาม

“มะ...ไม่หรอก เขา...เขาบุกหากูก่อน” เก้าอ้อมแอ้มตอบ

“เขารุกมึงเหรอ ว้าว ดูร้อนแรงจัง” พระพายพูดพลางยิ้ม

“แต่ไม่หรอกกูไม่ชอบ” เก้าตอบพลางเบือนหน้าไปมองทางอื่น

“ก็ไม่แน่ โดนรุกหนักๆเข้าอาจจะใจอ่อนก็ได้นะ”

“กูคิดว่าไม่” เก้ายืนยันเสียงแข็ง

“เอาเป็นว่า ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็บอกกูนะ” พระพายสำทับอย่างไม่เซ้าซี้เพื่อนไปมากกว่านี้

“ถ้ามีเมื่อไหร่กูบอกเองแหละ” เก้าบอกพลางมองหน้าพระพาย

“เอาเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกกูล่ะกัน อยากรู้สาวไหนมาตกหลุมรักเพื่อนกูนะ” คำพูดของพระพายทำให้เก้าชะงัก...จะบอกได้อย่างไรว่าใครคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิง

“มึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นทำงานแต่เช้าอีก” พระพายว่า

“เออ รู้แล้ว..นี่มึง วันหยุดสองวันติดที่จะถึงไปเที่ยวกันไหม?” เก้าเริ่มชวน

“เอาสิ ไปไหนดี” พระพายตอบตกลง

“เดี๋ยวกูบอกอีกที แต่กูจองตัวมึงแล้วนะ ห้ามเบี้ยวกูอีกล่ะ” เก้าชี้หน้าเป็นการเตือน

“แน่นอนๆคราวนี้ไม่เบี้ยว” พระพายชูสามนิ้วเป็นการรักษาสัญญา

“ดี กูไปอาบน้ำก่อนล่ะกัน”


         เก้าใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก จากนั้นทั้งสองก็มานอนบนเตียงคุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่จะค่อยๆหลับกันไปเพื่อพักผ่อนเอาแรงพร้อมจะทำงานในวันรุ่งขึ้นต่อไป... 

Lyrics : Crush By David Archuleta
 


 



หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-02-2018 19:35:25
รอวันเขาไปเที่ยวกัน  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-02-2018 20:47:35
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-02-2018 20:56:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-02-2018 21:36:38
จะสำเร็จมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 03-02-2018 21:46:52
ผลจะออกมาเป็นยังไงนะะะ :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 03-02-2018 22:05:35
มารอตั้งแต่ 10 โมงเช้าเลยค่ะ. เหมือนมีนัดกันทุกวันเสาร์ ชอบเรื่องนี้มากๆ เป็นกําลังใจให้นะคะ. รออ่านจนจบเลยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-02-2018 22:16:19
ว่าแต่พายว่าไม่กล้า เก้าเองก็ปิดพายเรื่องไคเหมือนกันนี่  o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 03-02-2018 23:18:53
รอตอนหน้าาาาาา รอไคเก้าาาาา o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mholic ที่ 03-02-2018 23:50:40
ฉันไปอยู่ไหนมา เพิ่งตามอ่านทัน สนุกมากค่ะ

แต่ให้เดาใจพิธานก็ยากอยู่เธอวว  สู้ๆนะพระพาย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-02-2018 00:39:20
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 04-02-2018 13:56:26
 :katai2-1: :katai2-1:

ไม่เป็นไรจ้า รักและรอเหมือนเดิม ชรุ้บบ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-02-2018 15:30:25
ขอให้สำเร็จเถอะ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-02-2018 04:37:44
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 05-02-2018 07:46:05
หวังว่าจะไม่หักมุม 5555

ไว้ใจพิธานได้ไหมมมมม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 05-02-2018 09:01:22
พระพายยยยยยยตกหลุมรักเข้าเต็มเปาเลยนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-02-2018 18:58:45
ไคเก้านี่ก็ไม่เบานะ :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 22 (03/02/18) P.10 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 08-02-2018 22:18:03
มาให้กำลังใจ

รอๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#. (17/02/18) P.11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 17-02-2018 10:01:11
มีข่าวจะแจ้งให้ทราบนะคะ ขอเลื่อนลงนิยายเป็นวันจันทร์นะคะ พอดีหลับบ้านมาต่างจังหวัดคิดว่าหยิบไดรฟ์มาแล้วแต่ลืม และก็มีผ่าตัดที่หัวไหล่ด้วย ทุกอย่างกะทันหันค่ะ เลยขอเลื่อนเป็นวันจันทร์นะคะ ขออภัยด้วยจริงๆค่ะไว่เจอกันนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-02-2018 10:32:06
ไม่เป็นไรค่ะ จะรอนะคะ สู้ๆๆๆๆๆ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 17-02-2018 14:40:34
ไม่เป็นไรค่ะ. รอได้ ขอให้การผ่าตัดราบรื่นนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-02-2018 15:01:19
หายไวไวนะค้าาา♡♡♡
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 17-02-2018 17:18:05
รอได้จ้าา หายไวๆนะจ้ะะะะะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-02-2018 19:05:33
ไม่เป็นไรคะ รอได้

หายไวๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-02-2018 21:48:10
ไม่ต้องหักโหมนะคะ รักษาสุขภาพด้วย. ขอให้กายไวๆนะคะ :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 17-02-2018 23:42:23
หายไวๆน้าคนเขียน สู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 18-02-2018 04:13:48
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก.. (17/02/18) P. 11 มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-02-2018 04:22:05
ได้จ้า เอาตามที่สะดวกก็แล้วกัน รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 19-02-2018 11:15:16
มาแล้วค่า   :katai5: คลานเข้ามาช้าๆ พร้อมกับคำขอโทษที่มาสายนะคะ เพราะคิดว่าตัวเองหยิบไดรฟ์มาแล้ว แต่ที่ไหนได้ยังอยู่ที่เดิม ฮ่าๆ และอีกอย่างมีการผ่าตัดกะทันหันค่ะ ที่หัวไหล่พบก้อนเนื้อแปลกๆ ตอนนี้ใช้ชีวิตลำบากเพราะโดนน้ำไม่ได้ ฮ่าๆ และเดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะไปฟังผลก้อนเนื้อค่ะ ว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า ภาวนาอย่าให้เป็นอะไรเลยค่ะ  :ling3: ตอนนี้เลยอัพปกติแล้ว ส่วนตอนหน้า อาจจะมาช้าหรือยังไงจะแจ้งบอกอีกทีนะคะ แต่รับประกันค่ะว่าไม่หายไปแน่นอน จะต้องแต่งและลงจนจบ สัญญาเลยค่ะ มีฉุกละหุกบ้าง อันนี้ต้องอภัยค่ะ เช่นเคยนะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยตรงนี้นะคะ อ่านให้สนุกน๊า ให้กำลังใจกันด้วยค่ะ รัก ไว้เจอกันนะคะ  :bye2:  :mew1:


Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 23 Crush.


I feel a little rush
ฉันรู้สึกร้อนรนนิดหน่อย
I think I’ve got a little crush on you
ฉันคิดว่าฉันตกหลุมรักคุณหน่อยนึงแล้วล่ะ
I hope it’s not too much
ฉันหวังว่ามันจะไม่มากไปหรอกนะ
But babe when I’m with you, I hear it
แต่ที่รัก เวลาฉันอยู่กับคุณ ฉันได้ยินเสียงมันนะ
My heart singing
เสียงหัวใจของฉันมันร้องว่า
La, la, la, la, la, la, la, la-la
ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา-ลา



        วันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันทำงานอีกวันก่อนถึงวันสุดท้ายคือวันเสาร์ เพราะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ในวันจันทร์ ทำให้พนักงานหลายๆคนได้วันหยุดสองวันติดซึ่งหาได้ยากหากไม่ใช่วันหยุดปีใหม่หรือวันสงกรานต์

        เก้ามาทำงานอย่างขี้เกียจ โดยเช้าระหว่างที่กำลังเดินทางมาทำงานนั้น ไคได้ส่งข้อความมาทวงสัญญาเรื่องเดทของทั้งสองคน เก้าก็ต้องยอมรับในข้อเสนอนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นทำให้เย็นนี้หลังเลิกงาน เก้าจะไปเจอไคที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมื่อ เพื่อทำการเดทตามสัญญาให้มันจบๆไป

        วันนี้เก้าทำอย่างหัวฟูยุ่งวุ่นวายเพราะมีงานเข้าตลอดเกือบทั้งวัน กว่าจะจัดการงานเสร็จก็ล่วงเลยเวลาเลิกงานไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะหกโมง มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เก้าที่กำลังจัดการงานชิ้นสุดท้ายที่ใกล้จะเสร็จจึงรีบรับสายโดยไม่ทันมองว่าใครเป็นคนโทรมา

“สวัสดีครับ” เก้ากรอกเสียง หูนั้นหนีบโทรศัพท์มือถือเอาไว้ โดยที่มือทั้งสองข้างก็ง่วนกับการพิมพ์งาน

“นายอยู่ไหน?” เสียงนั้นเอ่ยถาม เพียงแค่ได้ยินเสียงเก้าก็รู้ได้ว่าใครเป็นคนโทรมา

“โทษทีว่ะ วันนี้งานเข้าทั้งวันเลย กูอาจจะไปสายหน่อย” เก้าพูด เสียงนิ้วมือกระทบแป้นพิมพ์ดังอยู่ต่อเนื่อง

“ถ้าอย่างนั้นคงเดทกันไม่ได้แล้วล่ะ” ไคว่า

“เออๆ แล้วแต่มึงเลย”

“แต่เราต้องมาเจอกันนะ เพราะจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน จำที่บอกได้ใช่ไหม?”

“เออ จริงด้วย ช่วงนี้งานยุ่งจนกูลืมไปเลยว่ามึงนัดไปเที่ยว ยุ่งยากจริง” เก้าบ่นกระปอดกระแปด

“จะช่วยพระพายไม่ใช่รึไง ลืมไปแล้วเหรอ?” ไคย้ำความทรงจำให้

“เอาน่า รู้แล้วๆ สรุปวันนี้ไม่เดท แต่ไปคุยเรื่องสองคนนั้นแทนใช่ไหม” เก้าถามกลับ

“ใช่ เสร็จงานก็มาเจอกันที่ห้างเดิมที่นัดกันนั่นแหละ”

“เออๆ เดี๋ยวไป” เก้าวางสายจากนั้นก็รีบปั่นงานที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จให้เร็วที่สุด


        ใช้เวลาไม่นานนักเก้าก็ทำงานเสร็จ ตอนนี้ทุกคนในแผนกเริ่มจะลุกกลับบ้านกันแล้ว เก้าก็เป็นอีกคนที่ส่งงานเสร็จแล้วและต้องเดินทางไปยังจุดนัดหมายที่ตอนนี้ไคกำลังรออยู่

        ช่วงเวลาเย็นนั้นเป็นช่วงรถติดชนิดเห็นแล้วได้แต่ถอนหายใจ เก้าเลยเลือกจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์เพื่อความรวดเร็วและราคาถูกกว่าแท็กซี่อยู่มาก คนขับพาลัดเลาะจนในที่สุดก็ถึงปลายทาง

        เก้ารีบส่งข้อความถามว่าตอนนี้ไคอยู่ไหน ไคตอบกลับมาว่าอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เก้าจึงรีบขึ้นบันไดเลื่อนไปยังร้านอาหารที่ว่านั้นทันที เป็นร้านขายอาหารไทยประยุกต์ชื่อดัง

“โทษที” คำแรกที่เก้าเอ่ยเมื่อนั่งลงตรงข้ามกับไคที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่

“งานยุ่งเหรอ?” ไคถามอย่างเป็นห่วง

“เออสิ สงสัยจะใกล้วันหยุด ยัดงานกูอย่างเยอะแล้วไหนจะแก้ปัญหารายวัน” เก้าถือโอกาสตอบและระบายไปด้วย

“เอาน่า มันก็เรื่องปกติของคนทำงาน มันก็ต้องมีปัญหาให้แก้” ไครับฟังและพูดให้เก้ายอมรับและเข้าใจ

“เออๆ กูรู้หรอก แต่ก็เบื่อไง” เก้าว่า

“หิวแล้วใช่ไหม?” ไคถามอีก

“เดี๋ยวนะ นี่มากินข้าวก็เท่ากับเดทนะสิวะ” เก้าร้องขึ้น

“เดทมันต้องมากกว่านี้สิ อันนี้เรียกมาคุยกันเฉยๆ”

“กูรู้สึกเสียเปรียบชอบกล” เก้าหรี่ตามองไค

“เอาน่า คิดมากไปได้ สั่งอาหารไว้ให้แล้ว ไม่รู้ว่าชอบอะไรบ้างเลยสั่งมั่วๆไป”

“กูกินได้ทั้งนั้นแหละ ว่าแต่จะเริ่มเรื่องเลยไหม?” เก้าเปิดประเด็นก่อน

“วันหยุดมะรืน ถูกต้องไหม?”

“ใช่ วันอาทิตย์กับวันจันทร์ ตกลงจะไปไหน มีเวลาแค่สองวันเอง”

“ไปเขาใหญ่” ไคตอบ

“ก็ได้อยู่ ไม่ไกลด้วยแล้วจะไปกันยังไง”

“ก็ขับรถไปกันเองสิ ไปด้วยกันสี่คนเลย ขับรถไปตั้งแต่คืนวันเสาร์พรุ่งนี้เลย”

“มึงชวนพิธานแล้วเหรอ?” เก้าถาม ตอนนี้อาหารที่สั่งไว้เริ่มทยอยมาแล้ว

“ชวนแล้ว ตกลงแล้วว่ามา” ไคตอบ

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” เก้าถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ยากตรงไหน ก็บอกไปตรงๆว่าอยากเที่ยวแล้วก็ชวนนายไป แล้วนายก็ชวนพระพาย”

“เพื่อนมึงไม่สงสัยรึไงว่าทำไมมึงถึงชวนกู?”

“ก็ถามนะ ว่าสนิทกันตอนไหน ก็บอกไปว่ากำลังจีบ” ไคคนตรงที่ทำเอาเก้าสะดุ้งโหยงในคำพูดนั้น แทบอยากจะวิ่งออกจากร้านเพราะพนักงานที่เดินผ่านไปนั้นได้ยินเข้าเต็มๆ

“มึงมันบ้า” เก้าไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแล้ว

“พิธานอวยพรด้วยนะ ว่าขอให้จีบติด” ไคยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงคำพูดของพิธาน

“มึงแม่งบ้ากันทั้งสองคน” เก้าได้แต่ส่ายหน้าก่อนที่จะทานอาหารเพราะความหิวโหยที่กำลังกู่ร้องอยู่ในกะเพราะอาหาร


        เก้าทานอาหารทุกอย่างด้วยความเอร็ดอร่อย ทั้งหิวบวกทั้งรสชาติอาหารที่ถูกปาก เก้าจึงทานอย่างตั้งอกตั้งใจโดยที่ไม่สนสายตาของไคที่นั่งอมยิ้มและมองโดยที่ไม่แตะอาหารเลยสักนิด เก้าที่ทานไปเรื่อยๆจึงเริ่มสังเกตถึงสายตาที่มองมา

“มึงไม่กินรึไง?” เก้าถามขึ้น

“ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ กินไปเถอะ” ไคว่าพลางดันจานอาหารให้เก้า

“ถ้าไม่หิวก็เลิกดูกูกินได้แล้ว” เก้าว่า

“ทำไมล่ะ ดูไม่ได้เหรอ?” ไคถามพลางยิ้ม

“จะเริ่มกินไม่ลงเพราะมึงเอาแต่จ้องนี่แหละ” เก้าบ่นทั้งที่ยังแทะปีกไก่ทอดอยู่

“ก็น่าดูนี่นา” ไคว่า แม้จะอาหารเต็มปากแต่เก้าก็รู้สึกจุกขึ้นมาดื้อๆเมื่อได้ยินคำพูดของไค

“เรื่องของมึงล่ะกัน”


        เก้าตัดบทก่อนที่จะทานอาหารต่อไปจนเกือบจะหมดทุกจาน โดยที่ไคแตะไปได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น เก้านั่งลูบท้องบ่งบอกว่าอิ่มจนท้องตึงไปเสียแล้ว ไคมองเก้าด้วยสายตาหลากหลายจาเก้าต้องถามขึ้นมาอีกครั้ง

“จะจ้องอะไรนักหนา” เก้าว่าพลางเบือนหน้าไปอีกทางเพราะสายตาของไคทำเอารู้สึกแปลกๆ

“กำลังคิดว่าตอนไปเที่ยวจะเป็นยังไง” ไคว่า

“กูว่าคงวุ่นวายจนน่าปวดหัว” เก้าตอบ

“ไม่หรอก มันต้องสนุกแน่ๆ” ไคแย้งอย่างไม่เห็นด้วย

“นี่กูยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงกับสองคนนั่น” เก้าพูดพลางคิดหนัก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้พระพายบอกความรู้สึกรวมถึงพิธานที่ยากเย็นยิ่งกว่าเพราะไม่รู้ว่าคิดอะไรกันแน่

“ก็แค่หาโอกาสให้พวกเขาอยู่กันสองคน” ไคเสนอ

“แล้วมันจะได้ผลเหรอ กูหมายถึงเพื่อนกูจะกล้าบอกรึเปล่า ในขณะที่เพื่อนมึงอาจจะไม่คิดเหมือนกันก็ได้” เก้าว่าอย่างเป็นห่วงพระพาย

“อันนั้นต้องสุดแล้วแต่ทั้งสองคน มันเป็นเรื่องของพวกเขา และช่วยสร้างสถานการณ์ก็พอ” ไคว่า

“แล้วจะสร้างยังไง?” เก้าถาม

“ขอเวลาคิดสักคืน เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนพักเที่ยงจะโทรไปบอก” ไคว่า

“ขอให้ช่วยไอ้พายได้กูก็ดีใจแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะ” ไคบอก ก่อนที่จะเรียกพนักงานให้คิดเงิน


        เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนจึงเดินออกมาจากร้าน เก้านั้นตั้งใจจะกลับเลย แต่ไคไม่ยอมขอเดินเล่นสักพักแล้วค่อยกลับ

“แต่กูง่วงแล้ว” เก้าบอก

“เดินย่อยก่อนสิ เดี๋ยวค่อยกลับ” ไคว่า

“ตามใจมึงล่ะกัน เห็นว่าเลี้ยงข้าวกูหรอกนะ”

“ให้เลี้ยงตลอดชีวิตก็ยังไหว” ไคบอก เก้าชะงักทันที

“มุกจีบของมึงเหรอ?” เก้าถาม

“ไม่ได้จีบ แต่พูดจริง” ไคยิ้มเก้าส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ


        ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆจนไปเจอร้านเสื้อผ้ายี่ห้อดังของวัยรุ่นซึ่งราคาก็ถือว่าสูงพอสมควร ไม่รอช้าไครีบลากเก้าเข้าไปทันทีโดนที่ไม่ได้ไถ่ถามเก้าเลยสักนิด

“เดี๋ยวๆ” เก้าร้องขึ้นมาทั้งๆที่ถูกลากเข้าไปในร้าน

“สวัสดีค่ะ สนใจตัวไหนคะ?” พนักงานหญิงเข้ามาถามไคที่จับเสื้อยืดตัวหนึ่งขึ้นมา เป็นเสื้อยืดลายลิงยิ้มกว้างพร้อมลายกราฟฟิกสีสันสดใส

“ตัวนี้มี่กี่ตัวครับ?” ไคถาม

“ตอนนี้เหลือสองตัวสองขนาดค่ะ ลูกค้าทั้งสองคนน่าจะใส่ได้พอดีค่ะ” พนักงานเดินไปหยิบเสื้อลายเดียวกันที่มีอีกหนึ่งตัว

“ไม่เอา!!” เก้าร้องออกมาทันทีที่ไคยืนเสื้อตัวที่ที่ขนาดเล็กกว่าของตนหนึ่งเบอร์ทาบลงบนตัวเก้า

“เอาเถอะ” ไคบอกพร้อมส่งสายตาขอร้อง

“กูไม่อยากได้” เก้ายังยืนยันเช่นเดิม

“แต่อยากซื้อให้ จะได้ใส่ด้วยกัน” ไคว่า

“ให้ใส่คู่กับมึงน่ะเหรอ ตลกแล้ว” เก้าว่า แต่ไคไม่สนใจ

“เอาสองตัวนี้ครับ” ไคบอกพลางยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน

“มึงฟังที่กูพูดบ้างสิไค” เก้าว่า

“ก็ฟังนะ แต่อยากให้ จะได้ใส่ด้วยกัน” ไคบอก

“มึงกับกูใช่แฟนกันที่ไหนที่จะมาใส่เสื้อคู่กันน่ะ” เก้าแย้ง

“ก็ใส่ในฐานะเพื่อนก็ได้” ไคพูด

“แปลว่ามึงไม่ได้อยากจีบกูแล้วใช่ไหม?” เก้าพูดออกมาอย่างลืมตัว

“เดี๋ยวนะ พูดอะไร?” ไคถามในขณะที่รับบัตรกลับพร้อมของและเซ็นลายเซ็นลงบนบิล

“เปล่าสักหน่อย” เก้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคำพูดที่หลุดออกไปมันชวนน่าเข้าใจผิดไม่น้อย ราวกับจะถามว่าไคไม่อยากจีบตนต่อแล้วหรือ


        ทั้งสองคนออกมาจากร้านพร้อมเสื้อที่อยู่ในถุง เก้าเริ่มทำหน้าเบื่อๆทั้งๆที่ไคยังคงยิ้ม นั่นทำให้เก้ายิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก

“ยิ้มอะไรของมึง?” เก้าถาม ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ลนลิฟต์เพื่อที่จะลงไปยังลานจอดรถชั้นล่างสุด

“ที่พูดมา ได้ยินนะ” ไคว่า

“พูดอะไร เรื่องอะไร?” เก้าทำไขสือ

“ไม่ต้องห่วง จีบต่อนั่นแหละ แต่ไม่อยากให้คิดอะไรเยอะอย่างเช่นเป็นแฟนกันถึงต้องใส่เสื้อคู่ได้ เพื่อนกันก็ใส่ได้” ไคว่า


             ตอนนี้ลิฟต์เลื่อนลงมายังที่หมาย ไคและเก้าจึงเดินออกมาและตรงไปยังรถของไคที่จอดอยู่ เก้าที่ได้ยินคำพูดนั้นของไคก็เงียบไป รู้สึกอายไม่น้อยที่ไคจับความรู้สึกที่หลุดออกไปได้ ช่างน่าอายจริงๆ

“กูมาส่งมึงแค่นี่แหละ กูจะกลับแล้ว” เก้าว่า

“เดี๋ยวไปส่ง” ไคบอก

“ไม่ต้อง กูกลับเองได้”

“เถอะน่า ขึ้นรถเถอะ ไม่ใช่ไม่รู้สักหน่อยว่านายอยู่ไหน ไม่ต้องเปลืองค่ารถอีกด้วย ไม่สนใจเหรอ?” ไคหาเหตุผลสารพัดหว่านล้อมให้เก้าขึ้นรถ

“เออๆ ไม่ต้องพล่ามแล้ว กูขึ้นรถก็ได้” เก้ายอมในที่สุด


        เก้าขึ้นรถคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ไคจึงออกรถขับไปยังทางกลับห้องของเก้า ซึ่งรถติดพอสมควรทำให้การเดินทางล่าช้า เก้าที่ไม่รู้จะทำอะไรดีระหว่างรอรถเคลื่อนตัว จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พลางเลื่อนดูข่าวต่างๆในแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างเฟซบุ๊ค เมื่อเข้าไปดูหน้าของพระพาย ซึ่งเพิ่งแชร์วิดีโอเพลงเนื้อหาทำนองคนแอบรักพร้อมประโยคในเพลงที่บอก ‘ฉันจะพูดคุยยังไง ที่จะไม่ทำให้ใจของเธอนั้นพบว่าฉันแอบรักอยู่’ ซึ่งเก้าถึงกับหัวเราะออกมา

“มีอะไร?” ไคถามขึ้นอย่างสงสัย

“ก็ไอ้พายมันลงเพลงคนแอบรัก ตลกชะมัด” เก้าว่า

“เข้าใจพระพายนะ การแอบรักมันเหมือนจะสุขแต่ก็หน่วงเหมือนกัน” ไคพูด

“คนอย่างมึงเคยแอบรักใครด้วยเหรอ?” เก้าถามอย่างสงสัย

“เคยสิ ตอนนี้ก็เป็นอยู่” ไคบอก

“แล้วมึงจะมาจีบกูทำไม ในเมื่อมึงแอบรักคนอื่นอยู่” เก้าว่า รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เข้าใจผิดแล้ว” ไคว่า ตอนนี้เริ่มขับมาใกล้จะถึงแถวห้องพักของเก้าแล้ว

“เข้าใจผิดยังไง?” เก้าถาม แม้จะหงุดหงิดแต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดี

“ก็แอบรักนายนั่นแหละ” ไคบอก ทันทีที่จบประโยคนั้น เก้ารู้สึกว่าความร้อนเริ่มกระจายตรงแถวๆหน้า ทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศในรถนั้นเย็นพอสมควรแต่ทำไมถึงหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาได้

“พะ..พูดบ้าอะไร” เก้าโพล่งพูดออกมา เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากไค

“อ้อ...ลืมไป ไม่ได้เรียกว่าแอบรัก เพราะบอกไปแล้ว” ไคว่า ยิ่งพูดเช่นนั้นเก้ายิ่งเริ่มทำตัวไม่ถูก

“เงียบไปเลยไอ้ลูกฝรั่งกวนตีน” เก้าด่าไคทันที

“เขินแล้วด่าเหรอ แปลกใหม่ดีนะ” ไคว่าอย่างอารมณ์ดี

“ไอ้ไค ไอ้ชั่ว” เก้าว่า ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลานมากขึ้น

“นายนี่น่ารักเป็นบ้า” ไคยิ้มกว้างพลางหันมามองเก้าด้วยหางตาเพราะกำลังขับรถจึงต้องจำเป็นมองทาง

“พอได้แล้วโว้ย!!!” เก้าได้แต่ร้องออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ไคถึงกับหัวเราะ


        ในที่สุดก็มาถึงหน้าที่พักของเก้าเสียที กว่าจะมาถึงก็เสียพลังงานในการด่าไคไปเสียเยอะ เพราะไคเอาแต่หัวเราะทั้งๆที่เก้าทำตัวไม่ถูกจึงต้องด่ากลบเกลื่อนแทน บทจะรุกหนักก็รุกจนไม่ทันหายใจหายคอ ทำเอาไปไม่ถูกเลยทีเดียว

“ถึงแล้ว” ไคบอกพลางจอดรถ

“กูไม่ให้ขึ้นไปห้องกูหรอกนะ” เก้ารีบดักทางทันที

“เบื่อคนรู้ทัน” ไคว่า

“มึงมันหัวหมอไง”

“ไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย” ไคแย้งกลับ

“ไม่รู้แหละ ขอบใจก็แล้วกันที่เลี้ยงข้าวและก็มาส่ง” เก้าว่าก่อนที่จะปลดที่คาดนิภัยแต่ไคห้ามกลับจับมือห้ามไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวสิ ถ้าไม่ให้ขึ้นห้องก็นั่งคุยกันสักนิดก็ยังดี” ไคบอก

“วันนี้กูกับมึงคุยกันมาเยอะแล้ว”

“ไม่หรอก นิดเดียวเองมันไม่พอ” ไคว่า สายตาที่จ้องมานั้นเริ่มจริงจังและมองตรงจนเก้าเริ่มไม่แน่ใจว่าไคกำลังอยู่ในโหมดไหน

“อะไรของมึง บอกว่าเยอะแล้วไง” เก้าว่า แต่เสียงนั้นไม่ได้ดังเหมือนอย่างที่เคยพูดแบบปกติ เพราะรู้สึกถึงความจริงจังไม่ได้เป็นเล่นของไคในตอนนี้

“อยู่ด้วยกันก่อนได้ไหม?” ไคพูดพลางสบสายตาของเก้าที่นิ่งไปทันควันเพียงเพราะไคจ้องมองเข้ามา

“ได้ไหม?” ไคพูดเสียงเบา ขอร้องอย่างจริงจัง

“ก็...ก็ได้” เก้าตกลง รู้สึกหมู่นี้จะยอมไคมากเกินไปแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้เลยแท้ๆ


        ไคยิ้มออกมานิดๆก่อนที่จะหันไปเปิดเพลง เสียงเพลงไทยสากลที่ดังขึ้นเบาๆ เป็นเพลงที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ อีกทั้งมันช่างเข้ากับบรรยากาศตอนนี้ บรรยากาศแปลกๆที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เก้านั่งนิ่งพลางมองไปข้างหน้า บางครั้งก็เหลือบมามองเก้าที่นั่งฮัมเพลงเบาๆ

“มึงฟังเพลงไทยด้วยเหรอ?” เก้าถาม

“ฟังสิ เพลงชาติไหนก็ตามถ้าเพราะก็จะฟัง” ไคตอบ

“แล้ว..ที่ให้อยู่นี่เพื่ออะไร? ให้กูมานั่งมึงดูมึงฟังเพลงเหรอ?” เก้าถาม

“อยากให้นั่งข้างๆ นั่งอยู่แบบนี้แหละ”

“มึงนี่บ้า” เก้าว่าเท่านั้นก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูแต่ไคกลับใช้มือดันลงจากนั้นก็โน้มตัวไปหาเก้าใกล้ๆ ใกล้จนเก้าต้องเบิกตาอย่างตกใจ

“มึงจะทำอะไร?” เก้าถาม พยายามทำท่าว่าไม่ได้กลัวไคที่บุกประชิดตัวขนาดนี้

“ขอจูบได้ไหม?” ไคถาม สายตายนั้นมองไปยังริมฝีปากของเก้า

“อะไรของมึง ไม่ให้” เก้าปฏิเสธทันที

“ได้ไหม?” ไคยังคงขอ


              สายตานั้นหันมาสบตาเก้าในระยะใกล้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เก้ากลับนิ่งไป นิ่งเพราะสายตาที่สะกดมอง นิ่งเพราะท่าทีของไคที่เหมือนจะบังคับแต่ปากกลับขอร้องให้ยอม มันช่างดูสับสนจนเก้าถึงกับนิ่ง

“ได้ใช่ไหม?” ไคถามอีกครั้ง เก้ายังคงเงียบ แต่สายตานั้นจ้องมองไคกลับ ไคถือว่านั่นคือคำอนุญาตแล้ว


        ไคขยับตัวเข้าไปอีกนิดก่อนที่จะแตะริมฝีปากเก้าด้วยริมฝีปากของตัวเอง แตะอย่างแผ่วเบาจนเก้าเริ่มใจคอไม่ได้ รู้สึกอ่อนยวบยาบไปทั้งตัว ทั้งที่เคยผ่านเรื่องอย่างว่าและจูบผู้หญิงมาอย่างโชกโชนแล้วแต่กลับพ่ายแพ้ต่อความอ่อนโยนที่กำลังเผชิญ ความนุ่มนวลที่ไคกำลังทำอยู่นี่ช่างเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย รู้แค่เพียงว่า...ใจอ่อนไปเสียแล้ว เผลอให้ไคเข้ามาในหัวใจเสียแล้ว เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆตอนนี้ราวกับดังชัดเจนอยู่ในอกของเก้าก็ไม่มีผิดนัก


        ไคจูบเบาๆก่อนที่จะผละออก เก้ารู้สึกแน่ชัดว่าตอนนี้ตัวเองก็หน้าแดงเพราะความร้อนกระจายไปทั้งใบหน้า รอยยิ้มเล็กๆของไคที่ปรากฏขึ้นหมายถึงความพึงพอใจของเจ้าตัวในขณะนี้

“เสื้อตัวนี้..อยากให้ใส่ตอนไปเที่ยวกันได้ไหม?” ไคว่าพลางหยิบถึงเสื้อยืดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้

“ไม่รับปาก” เก้าว่าเท่านั้นก่อนที่จะรีบปลดที่คาดนิรภัยและทำท่าจะรีบออกจากรถ

“ฝันดีนะ พรุ่งนี้ตอนเลิกงานเดี๋ยวจะมารับ อย่าลืมเก็บกระเป๋าด้วย” ไคว่า

“รู้น่า” เก้าพูดแค่นั้นก่อนที่จะออกจากรถและรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าห้องด้วยความรวดเร็ว ไคได้แต่ยิ้มก่อนที่จะขับรถออกไป

             เก้ารีบเดินเข้าห้องก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำทันที จากนั้นก็ออกมาเก็บของที่จะพาไปเที่ยวใส่กระเป๋าเป้ สายตาเหลือบไปมองถุงเสื้อยืดที่ไคซื้อให้ ลังเลสองจิตสองใจว่าจะทำตามที่ไคขอหรือไม่

“กูไม่ใส่กับมึงหรอก” เก้าว่าเท่านั้นก่อนที่จะละสายตาจากถุงใบนั้นและเก็บของยัดใส่กระเป๋าเป้ต่อไป


             เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เก้าก็สวมกางเกงนอนเพื่อจะรีบหลับ เพราะพรุ่งนี้ต้องทำงานอีกทั้งเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อไปเที่ยว แต่จนแล้วจนรอดก็นอนไม่หลับเสียที เพราะจิตใจที่ว้าวุ่นจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ถามตัวเองว่าทำไมถึงยอม การที่ยอมให้ไคจูบแต่โดยดีและไม่ขัดขืนนั้นบ่งบอกอะไรได้มาก บอกถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไป หรือกำลังใจอ่อน หรือเริ่มจะตกหลุมที่ไคขุดเข้าให้แล้ว...สุดท้ายหินก็กร่อนเพราะน้ำที่หยดใส่ทุกวันอย่างนั้นหรือ

“เก้า..มึงนะมึง” เก้าด่าตัวเองและพยายามหาวิธีให้ตัวเองนอนหลับให้ได้ในค่ำคืนนี้...



Lyrics: Crush by Yuna ft. Usher

   
   
   
 
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 19-02-2018 12:16:28
 :haun4: :haun4: เก้าาาาาาา  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-02-2018 13:53:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-02-2018 14:28:23
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-02-2018 14:37:53
ฮืออ คู่นี้ก็ฟินไม่แพ้กัน :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 19-02-2018 14:56:17
เก้าหวั่นไหวแล้วหรอจ๊ะ :mew3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 19-02-2018 15:19:53
มันอึดอัด....
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-02-2018 17:03:54
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 19-02-2018 17:32:04
อยากเห็นเก้าอ่อนโยนนนนนน o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-02-2018 19:44:06
คู่นี้นี่อีกไม่นานแน่นอนนนน  :hao7:  มาเกาะด้วยคนค่าา สนุกมากกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-02-2018 22:15:02
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 19-02-2018 22:56:42
สารภาพว่าเข้ามาอ่านเพราะชื่อคนเขียนเลย อ่านรวดเดียวเลยจ้า 55 เป็นกำลังใจให้นะคะ รอติดตามความคืบหน้าทั้ง2คู่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-02-2018 01:48:25
หนูเก้าเขินนนนนนนน  :m3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 20-02-2018 07:00:14
อันที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าตกไปนานแล้วหรือจ้ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 20-02-2018 14:29:40
อยาดอ่านตอนต่อไปแล้ววววววว :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 20-02-2018 19:17:41
อ่านแล้วเขินทุกตอนเลย งื้อออ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 20-02-2018 21:19:23
สนุกดีค่า
เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-02-2018 22:09:02
สงสารพระพาย ตอนที่ 15  เหมือนมีความสุข ก่อนเจอเศร้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: anothermn ที่ 21-02-2018 05:32:37
รู้สึกอยากมีพิธานเป็นของตัวเอง  :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 23 (19/02/18) P. 11 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 23-02-2018 05:49:12
ถึงเวลาที่เก้าต้องยอมรับแล้วล่ะ :m18: :m3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 03-03-2018 09:42:28
สวัสดีค่ะ ขออภัยนะคะที่มาต่อล่าช้าจนเกินไป พอดียกโน้ตบุคไปซ่อมนิดหน่อยค่ะ มาต่อกันแล้วเนอะ อ่านให้สนุกนะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยให้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สุดท้ายท้ายสุด อย่าลืมให้กำลังใจกันด้วยนะคะ รัก  :mew1:

++++++++++++++++++++++++++++++++++

Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 24 I need it


I need this space.
ฉันต้องการพื้นที่นี้
Just like you need air.
เหมือนที่เธอเองก็ต้องการหายใจ
I need this time.
ฉันต้องการช่วงเวลานี้
Time to clear up my mind.
ช่วงเวลาที่ต้องการลบล้างความคิดของฉัน


        วันนี้เป็นวันที่เก้านัดเที่ยวต่างจังหวัด พระพายเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสะพายเป็นที่เรียบร้อย โดยเก้านัดให้ไปเจอที่ป้ายรถเมล์แถวๆจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดกลางระหว่างทางที่ทำงานของพระพายและของเก้าเช่นกัน

        พระพายเองก็ลืมถามเสียสนิทว่าใครไปบ้าง เผื่อเก้าจะชวนเพื่อนที่ทำงานหรือคนอื่นๆสมัยเรียน แต่ดูจากสภาพน่าจะไปกันแค่สองคน ซึ่งนั่นมันก็ดีสำหรับพระพายเหมือนกันที่จะหลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองออกไปยังเขาใหญ่ ไปพักผ่อนหย่อนใจต่างจังหวัดบ้าง เผื่อสมองจะได้ปลอดโปร่งเลิกคิดถึงพิธานที่หายเงียบไปอีกครั้งหลังจากวันนั้น แม้จะเพียงไม่กี่วันแต่พระพายกลับรู้สึกกระวนกระวายพอตัว นั่นยิ่งแสดงให้เห็นว่าพิธานมีอิทธิพลต่อหัวใจมากมายขนาดไหน ต้องหาหนทางในการหยุดความรู้สึกนี้ให้ได้สักทีแล้ว

         พระพายทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจและต้องการให้เสร็จเร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้มีงานค้างในช่วงวันหยุดในวันพรุ่งนี้จะได้เที่ยวอย่างสบายใจไม่ต้องมีอะไรมากังวล

“พาย วันหยุดไปบ้านพี่ไหม ไปกินปิ้งย่างกันอีก” พี่กล้วยถามขึ้น ตอนนี้ทั้งแผนกกำลังนั่งทานอาหารเที่ยงพร้อมกัน

“ผมมีนัดแล้วพี่” พระพายบอก

“อะไรวะ นัดกับสาวที่ไหนแน่เลยมึงน่ะ” พี่กล้วยว่า

“สาวที่ไหน ไม่มีหรอก นี่ก็ไปกับเพื่อน”

“เออๆ เดี๋ยวค่อยไปรอบหน้าก็ได้” พี่กล้วยว่า

“แต่จริงอย่างที่กล้วยมันพูดนะ เดี๋ยวนี่ดูเหม่อๆที่แท้ก็มีสาวอยู่นี่เอง” พี่ปีเอ่ยขึ้นมาอย่างเห็นด้วยกับความคิดพี่กล้วย

“ผมก็คิดนั่นนี่ไปเรื่อยแหละพี่ปี” พระพายตอบแบบปัดๆ

“จะจริงเหรอ?” พี่กล้วยว่าเสียงสูง

“พวกพี่นี่ชอบจับผิดผมจัง” พระพายเริ่มถูกต้องจนลน

“แล้วไอ้ที่โพสต์ลงเมื่อวันก่อนล่ะ เพลงของคนแอบรักแบบนั้น คิดว่ากูไม่รู้รึไง” พี่กล้วยบอก

“ก็เพลงมันเพราะ ก็แค่นั้นเอง” พระพายเริ่มทำท่าจะอิ่ม เลยยกแก้วดื่มน้ำทันที

“มีความลับกับพี่ๆเหรอ จับได้เมื่อไหร่พ่อจะล้อให้อายจนแทรกแผ่นดินหนีเลย” พี่กล้วยหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“มึงก็แกล้งแต่พาย” พี่ปีว่า

“มันน่าแกล้งจะตายชัก” พี่ปีหัวเราะอีกครั้ง

“พี่มันโรคจิต” พระพายว่าก่อนที่จะลุกออกอย่างรวดเร็วเพราะไม่อย่างนั้นโดนพี่กล้วยตบกะโหลกแน่นอน


        กลับมาทำงานอีกครั้งในเวลาบ่ายโมง แม้สายตาจะเหลือบมองไปยังโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งคราวเพราะแอบรอคอยใครคนนั้นที่อย่างน้อยน่าจะมีข้อความเข้ามาบ้าง แต่เปล่าเลยมีแต่ความเงียบสนิทเท่านั้น พระพายถอนหายใจออกมาก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป

        กว่าจะมาถึงเวลาเลิกงานก็รู้สึกว่ายาวนานไม่น้อย ตอนนี้พระพายตอกบัตรออกจากที่ทำงานและนั่งวินมอเตอร์ไซค์ตรงไปยังที่พักของตนเอง โชคดีที่เมื่อคืนนั้นเก็บกระเป๋าไว้แล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คืออาบน้ำด้วยความไวแสง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบายๆจากนั้นก็สะพายกระเป๋าเป้ที่หลังและเรียกวินมอเตอร์ไซค์อีกรอบเพื่อไปยังป้ายรถเมล์ที่เก้านัดเจอ

        ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็มายืนรอยังจุดนัดซึ่งตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว สิ่งแรกที่นึกถึงคือพิธานอีกแล้ว เจ้าตัวหายไปไม่คิดติดต่อมาเลย ทำให้พระพายไม่มีโอกาสที่จะบอกว่าวันหยุดนี้จะไปเที่ยวกับเก้า แต่เจ้าตัวคงไม่สนใจเพราะถ้าหากสนใจจริงก็คงติดต่อมาแล้ว อารมณ์น้อยใจปะทุขึ้นมาชั่วครู่แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นจะหาโอกาสไหนบอกความรู้สึกที่แท้จริงอย่างที่เก้าต้องการให้บอก เจอหน้าก็ไม่ได้เจอ ข้อความสักคำก็ไม่มี สุดท้ายก็กลายเป็นมานั่งรออย่างไม่มีจุดหมายปลายทางอยู่เช่นนี้

        รออยู่ได้สักพักก็มีรถคนหนึ่งมาเทียบจอด เป็นรถครอบครัวคันสีขาวดูสะอาดตา พระพายไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักเพราะตอนนี้กำลังรอเก้าที่ยังไม่มาเสียที แต่แล้วกระจกของรถคันนั้นก็เลื่อนลงพบเป็นเก้านั่งอยู่ในรถแล้ว

“เฮ้ย ไอ้เก้า” พระพายร้องขึ้น

“ขึ้นรถๆ” เก้าบอกเท่านั้น พระพายจึงเปิดประตูรถอย่างงงๆ

        ขึ้นรถไปสิ่งแรกที่เห็นคือเก้านั่งอยู่เบาะหลังคนขับและไคเป็นคนขับ แค่เห็นไคก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที อย่างไคหรือที่จะมาเที่ยวด้วยกันกับเก้า ทั้งสองคนที่เจอหน้ากันทีไรมีแต่เรื่องกันตลอด

“สวัสดีครับคุณไค” พระพายทักทายจากนั้นก็ปิดประตูทันที

“รัดเข็มขัดด้วยนะพระพาย” ไคบอกด้วยรอยยิ้ม

             แต่ใครอีกคนที่นั่งข้างคนขับนั้นพระพายมองไม่เห็นถนัดนัก แต่เมื่อนั่งลงบนเบาะและขยับท่าทางให้ดีๆพอเงยหน้าเอี้ยวตัวขึ้นไปกลับเป็นคนที่พระพายคาดไม่ถึงว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้

“คุณ..” พระพายพูดได้เพียงเท่านั้น พิธานหันหลับมามองพระพายที่อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อที่เห็นพิธานนั่งอยู่ตรงนี้

“ทักทายแต่ไคได้ไง” เสียงนั้นออกจะหงุดหงิดนิดๆ

“ก็....ก็ไม่เห็น”

             ณ เวลานี้มีแต่ความแปลกใจและคำถามเต็มไปหมดแต่ก็ไม่อาจจะพูดหรือถามอะไรออกไปได้ในตอนนี้ พระพายหันหน้าไปมองเก้าที่ข้างๆ ซึ่งรายนั้นก็หันหน้าหนีนิดๆราวกับจะหลบเลี่ยงก็ไม่ผิดนัก พระพายใช้สายตาคาดโทษเก้า ก่อนที่จะต้องหันมองไปยังทางข้างหน้าที่ตอนนี้กำลังมุ่งออกไปยังเส้นทางนอกเมืองแล้ว

“นี่เราไปเขาใหญ่กันใช่ไหม?” พระพายย้ำถึงจุดหมายที่เก้าบอกว่าจะไป

“ใช่ ไปเขาใหญ่กัน” เก้าตอบแทน

“ก็คิดว่าจะเปลี่ยนใจ”


             พระพายว่าอย่างนั้นก่อนที่จะเอนหลังแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พิมพ์ข้อความหาเก้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เก้าสะดุ้งก่อนที่จะหยิบมาเปิดอ่านพลางมองหน้าพระพาย สิ่งที่พระพายถามคือ ทำไมไม่บอกว่าพิธานมาด้วยและเก้าก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน พระพายจึงเก็บโทรศัพท์มือถือลง โดยที่ได้แต่จ้องมองเบาะของคนที่นั่งข้างหน้า แม้เจอกันมาก็หลายครั้งนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ออกไปต่างจังหวัดด้วยกัน เหมือนจะรู้จักกันดีแต่อีกนัยหนึ่งก็ไม่ใช่ ในระยะเวลาเดือนนิดๆนั้นเหมือนจะยาวนานแต่แท้จริงแล้วกลับสั้นเสียจนคิดว่าเวลามันผ่านไปเร็วเช่นนี้เลยหรือ

            ไคขับรถไปชวนทุกคนคุยเป็นระยะๆ และเปิดเพลงสนุกสนานให้ครื้นเครงในรถ แต่ดูเหมือนพิธานจะเฉยเมยรวมถึงพระพายที่นั่งเงียบๆ กลายเป็นว่าบนรถนั้นมีแต่ไคและเก้าที่คุยกัน จะมีแค่บางครั้งที่พิธานรับโทรศัพท์ซึ่งน่าจะเป็นทางโรงแรมที่โทรมาสอบถามเป็นระยะๆว่าถึงไหนแล้วและขับผิดเส้นทางหรือไม่ เท่านั้นที่พิธานจะพูดในระหว่างที่อยู่บนรถ นอกนั้นพิธานไม่พูดคุยอะไรเลย

             ใช้เวลาขับรถมายังเขาใหญ่ถึงจุดหมายปลายทางก็ติดพลบค่ำพอดี ไคขับรถมายังโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนที่สูงติดแนวภูเขา ทั้งหมดพากันลงจากรถและเดินขึ้นบันไดขึ้นไปยังล็อบบี้ของโรงแรมที่ตั้งอยู่บนที่สูงซึ่งน่าจะไม่ต่างจากห้องพักเช่นกัน
พิธานกับไคเป็นคนไปเช็คอิน โดยที่พระพายและเก้านั้นนั่งรออยู่ที่โซฟา พลางดื่มน้ำสมุนไพรเย็นๆสดชื่นที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ระหว่างนั่งรอพระพายจึงใช้โอกาสนี้รีบถามเก้าถึงเรื่องที่ชวนทั้งไคทั้งพิธานมาเที่ยวในครั้งนี้

“เก้า มึงตอบกูมา ทำไมเราถึงมาเที่ยวกับสองคนนี้ได้” พระพายเริ่มคำถามด้วยน้ำเสียงเบาที่สุดเพราะเกรงว่าพิธานและไคจะได้ยินเอา

“ก็ไปเจอกับไอ้ไคมา มันชวนเที่ยวก็เท่านั้นแหละ” เก้าว่า

“แค่นั้นจริงๆเหรอวะ แล้ว เอ่อ พิธานมาได้ไง”

“ก็ไคเป็นคนชวน กูเองก็เพิ่งมารู้เอาวันนี้นี่แหละ” เก้าโกหกคำโต

“มึงก็น่าจะรู้นะ ว่าสองคนนั่นเป็นเพื่อนกัน ยังไงก็ต้องมาด้วยกันอยู่แล้ว” พระพายว่า

“ช่างมันเถอะมึง เรามาเที่ยว เรามาพักผ่อน คิดเท่านั้นก็พอ”

“นั่นสินะ” พระพายนิ่งไป

“ส่วนเรื่องที่กูบอกมึงก่อนหน้านี้ที่จะให้มึงบอกความรู้สึกน่ะ มึงไม่ต้องคิดเยอะ ทุกอย่างแล้วแต่มึง แต่กูแค่จะบอกมึงเพียงอย่างเดียว”

“อะไร?” พระพายเลิกคิ้วสงสัย

“มึงเวลาไม่มากแล้ว โอกาสก็เช่นกัน อะไรทำได้ก็รีบทำ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง” เก้าว่า พระพายเงียบไปพลางคิด


        ถูกของเก้า คนเราใช่ว่าจะมีโอกาสให้คว้าได้เสมอไป และถ้าโอกาสนั้นมาถึงเราก็ต้องรีบคว้า ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ช่างมันแต่อย่างน้อยก็ได้ทำไปแล้ว ได้ใช้โอกาสที่คว้ามาได้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“แล้วถ้าโอกาสนั้นจะทำกูเสียใจล่ะ?” พระพายถามเก้าหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง

“กูบอกแล้วไง ว่าจะกินเหล้าเป็นเพื่อนมึงสามวันสามคืนเลย” เก้าว่าพลางตบไหล่พระพายในขณะที่พิธานและไคเดินมาหาทั้งสองพอดี

“ไปเก็บกระเป๋าก่อนแล้วนั่งรอในห้อง เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกัน สั่งอาหารไว้แล้ว นานหน่อย” ไคเป็นคนบอก พิธานนั้นหน้าตายังคงนิ่งเฉย

“เออไปๆ”


        ทั้งสี่คนเดินตามพนักงานไปยังห้องพัก ซึ่งห้องนี้เป็นห้องพูลวิลล่า แน่นอนว่าพระพายเดินตัวติดกับเก้าและเมื่อพนักงานแนะนำห้องหมายเลขสี่ เก้าก็เดินนำเข้าไป พระพายเองก็เดินตามเข้าไปทันทีแต่แล้วกลับมีมือหนึ่งดึงพระพายจากข้างหลัง

“อะไร!!” พระพายร้องขึ้น เก้าหันหลังไปมอง พบว่าพิธานเป็นคนดึงพระพายเอาไว้นั่นเอง

“เดี๋ยวๆ พายมันนอนกับกู” เก้าร้องขึ้น แต่พิธานไม่ได้สนใจเสียงนั่นเลยสักนิด กลับลากพระพายไปอย่างง่ายดายและเดินตามพนักงานไปอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ห่างกันพอสมควร โดยที่พระพายไม่อาจจะพูดห้ามหรืออะไรได้เลย

“ไอ้พิธาน” เก้าร้องขึ้น ไครีบใช้จังหวะนี้ดันเก้าเข้าห้องและปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว

“ทำอะไรของมึงวะไค กูจะนอนกับพาย” เก้าร้องโวยวายอย่างไม่ยอม

“ลืมแผนเราไปแล้วรึไง” ไคว่าขึ้น

“กูรู้เรื่องแผน แต่ทำไมกูต้องนอนห้องเดียวกับมึงวะ?” เก้าไม่ยอมอย่างเด็ดขาด

“คิดว่าพิธานจะยอมให้นายนอนกับพระพายรึไง” ไคพูด

“สองคนนั่นนอนกันกูก็เข้าใจอยู่หรอก แต่จะให้กูมานอนกับมึงนี่กูไม่เอา เปิดอีกห้องให้กูเลย”

“ตอนนี้ห้องเต็มหมดแล้ว กว่าจะจองห้องที่นี่ได้ยากมากรู้ไหม” ไคว่า

“โอ๊ย!! ทำไมกูต้องซวยขนาดนี้ด้วย” เก้าร้องขึ้น

“นอนห้องเดียวกันไม่ได้ซวยขนาดนั้นหรอก” ไคพูด


        เก้ายืนนิ่งๆและพยายามปรับอารมณ์ที่โวยวายก่อนหน้านี้ให้คงที่ คงต้องยอมรับชะตากรรม สายตาหันไปเห็นเตียงนอนซึ่งเป็นเตียงใหญ่ ห้องดูสวยงามโทนสีขาวและบรรยากาศหวานๆเหมาะกับพวกคู่รักหรือมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เป็นที่สุด  ยิ่งเห็นยิ่งอยากจะบ้าตาย คืนนี้ต้องนอนร่วมเตียงกับไคจริงๆหรือ

“ไค กูขอนอนที่โซฟาข้างเตียงล่ะกัน” เก้าว่า ซึ่งตรงผนังห่างจากเตียงนอนไปเป็นโซฟาติดผนังซึ่งไม่ได้กว้างมากมายเท่าไหร่นัก

“นอนด้วยกันนี่แหละ” ไคว่า

“ไม่เอา” เก้ายังยืนยันเสียงแข็ง

“กลัวอะไร?” ไคถามขึ้นพลางวางกระเป๋าในตู้เสื้อผ้าและนั่งลงบนโซฟานั้น

“กูไม่ได้กลัว” ไคเสียงแข็งเมื่อถูกสบประมาท

“ถ้าไม่กลัวก็นอนด้วยกัน” ไคว่า

“แต่กู....” เก้าทำท่าจะแย้ง

“กลัวจริงๆสินะ” ไคแอบยิ้มนิดๆ เก้ายิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่

“เออ นอนก็นอน คนอย่างกูกลัวเสียที่ไหน” เก้าว่าก่อนที่จะโยนกระเป๋าลงใกล้ๆกับของไค

“ถ้าอย่างนั้นก็มาฟังแผนวันพรุ่งนี้” ไคว่า เก้าทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาซึ่งทิ้งระยะห่างจากไคเยอะพอสมควร

“ถ้าตื่นเช้ากูไม่เอาหรอกนะ กูมาเพื่อพักผ่อน” เก้ารีบดักก่อน

“เราจะไปไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ๆนี่แหละ ไปหลังกินข้าวเที่ยง ไปเดินเล่นแล้วก็ซื้อไวน์กลับมาดื่มกันตอนมื้อเย็นเพราะจะกินบาร์บีคิวกัน จองไว้กับทางโรงแรมแล้ว” ไคบอกแผนการเที่ยวที่สั้นมาก

“แค่นี่เองเหรอ?”

“ใช่ พิธานไม่ชอบอากาศร้อนและคนเยอะๆเลยไม่ชอบเที่ยวเท่าไหร่ อีกอย่างเที่ยวหลายที่เหนื่อยเปล่าๆ” ไคว่า

“เออ พ่อคุณพิธาน พ่อคุณชาย” เก้าประชดไปหนึ่งดอก

“จะออกไปดูข้างนอกไหม?” ไคตัดบทชวนเก้าออกไปดูนอกห้อง ซึ่งมีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย

“แตะไม่ได้เลยนะเพื่อนมึงเนี่ยะ” เก้าว่า

“ไม่พอใจเหรอ ที่เห็นเพื่อนดีกว่า” ไคถาม

“ไม่พอใจอะไร มึงก็ต้องเห็นเพื่อนมึงดีกว่าอยู่แล้ว”

“ก็เดี๋ยวพอเป็นแฟนกันแล้วกลัวจะน้อยใจ” ไคบอกพลางยิ้ม

“แฟนอะไรของมึง อย่ามาพูดมั่ว” เก้าว่าก่อนที่จะรีบลุกขึ้นออกไปดูนอกห้อง ท่าทางกลบเกลื่อนของเก้านั้นทำเอาไคหัวเราะเบาๆออกมา ก่อนที่จะเดินตามเก้าออกไป


        นั่งเถียงนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยกันอยู่นานพอสมควรก่อนที่จะมีโทรศัพท์จากทางร้านอาหารของโรงแรมโทรมาแจ้งว่าอาหารพร้อมเสิร์ฟแล้ว ไคจึงโทรหาพิธานเพื่อให้ออกไปทานมื้อค่ำด้วยกัน นานกว่าพิธานจะรับสาย

“ว่าไง” พิธานกรอกเสียง ฟังแล้วเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่าง

“ไปกินข้าว” ไคบอกเท่านั้น

“อืม”


        พิธานวางสายไปแล้ว ไคกับเก้าจึงออกมารอหน้าห้องเพื่อรอพิธานกับพระพายมา เพียงไม่นานนักทั้งสองคนก็เดินออกมา พระพายเดินก้มหน้าลง พิธานนั้นยังคงนิ่งเฉยแต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือตัวของพิธานดูอารมณ์แปลกๆจนไคต้องเอ่ยถาม

“หงุดหงิดอะไรรึเปล่า?” ไคถาม ในขณะที่ทั้งสี่คนเดินไปยังห้องอาหารของโรงแรม

“เปล่า” พิธานปฏิเสธ

“แล้วเป็นอะไร” ไคถาม ตอนนี้พระพายและเก้าเดินนำหน้าไปลิ่วๆราวกับอยากจะทิ้งระยะห่างเพื่อคุยกัน

“โดนขัดจังหวะ” พิธานตอบ

“โทษที ไว้ต่อหลังกินข้าวล่ะกันนะ” ไคว่า

“โทรมาเหมือนรู้จังหวะ” พิธานเหล่มองไค ที่หัวเราะเมื่อได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้น

“บังเอิญหรอก” ไคว่าพลางยิ้มกริ่ม ด้านพระพายกับเก้าที่เดินนำไปนั้นก็แอบคุยกันด้วยเสียงเบาๆเพราะกลัวสองคนที่อยู่ห่างๆข้างหลังจะได้ยิน

“มึงจะเดินก้มหน้าทำไม?” เก้าถาม

“ก็...ก็” พระพายพูดจาอ้ำอึ้ง

“อย่าบอกนะว่ากำลงจะ...” เก้าพูดอย่างรู้ได้ในทันที

“เกือบไป” พระพายบอก

“ไอ้พิธานนี่จะรีบอะไรนักหนา” เก้าว่า

“เอาเถอะ หิวแล้ว” พระพายอยากจะจบบทสนทนาเพราะกลัวพิธานจะได้ยินเข้า


        พระพายและเก้านั่งลงก่อนที่พิธานและไคจะมานั่งสมทบ อาหารวางอยู่บนโต๊ะตามที่พนักงานได้เตรียมเอาไว้ให้ ทั้งสี่คนเริ่มลงมือทานอาหารกัน อาหารรสชาติพอใช้ บางเมนูก็อร่อยแต่บางเมนูรสชาติธรรมดา แต่เพราะความหิวนั้นทำให้ทั้งสี่คนทานอาหารตรงหน้าหมดเกลี้ยง มีพูดคุยกันบ้างเล็กน้อยระหว่างที่ทานแต่เพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น และสิ่งที่พระพายสังเกตได้คือไคนั้นดูใส่ใจเก้าอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่พิธานที่เป็นเพื่อนแท้ๆยังไม่ได้รับการดูแลเช่นเก้าเลยสักนิด ส่วนเก้านั้นปากบอกไม่ๆ แต่ก็ทานอาหารที่ไคตักให้จนหมด

“อิ่ม..”


             เก้าพูดออกมาพลางลูบท้องเพราะความตึงแน่นและตอนนี้กำลังดูพระพายที่นั่งทานเค้กชิ้นเล็กๆที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ พระพายนั่งทานอย่างอร่อยจนเก้าต้องเอ่ยขึ้นมา

“เรื่องของหวานนี่ไม่พลาดเลยนะมึง” เก้าว่า

“อร่อย อยากลองไหม?” พระพายถาม

“หวานมากไหมวะ?” เก้าถามกลับ

“กำลังดีนะ”

“ตักมาคำนึง” เก้าว่า พระพายจึงตักเค้กแล้วป้อนให้เก้าด้วยความรวดเร็ว ภาพนั้นทำเอาพิธานหน้าตึงส่วนไคนั้นแอบยิ้มมุมปากนิด

“เออ อร่อยดีว่ะ” เก้าว่า

“บอกแล้วว่าอร่อย” พระพายว่าก่อนที่จะทานต่อไปจนถึงคำสุดท้ายโดยที่ไม่รู้ว่ามีครีมสีขาวเลอะตรงริมฝีปาก

“ไอ้พาย ปากมึง...”


       เก้าพูดยังไม่ทันจบ มือของพิธานกลับเอื้อมไปป้ายครีมนั้นออกก่อนที่จะเอามาเลียอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้านิ่งๆอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ พระพายที่ตั้งสติไม่ทันถึงกับหน้าเหรอหราก่อนที่จะค่อยๆประมวลผลแล้วใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นทีละนิด จนเก้าที่เห็นภาพนั้นเองก็อ้าปากหวอเพราะมันช่างดูเป็นละครเกาหลีที่สาวๆในออฟฟิศติดกันงอมแงมเลยทีเดียว

“อิ่มแล้วก็กลับกันเถอะ” ไคเป็นคนพูดแหวกอากาศขึ้นมา จากนั้นก็เรียกพนักงานให้เก็บเงิน เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วก็พร้อมใจกันออกจากห้องอาหารทันที


        เก้าเดินเหม่อๆตามไคไปยังห้องเพราะยังติดตาตรึงใจกับฉากหวานๆเมื่อครู่นี้ ส่วนพระพายได้แต่รีบเดินกลับไปยังห้องเพราะอายทั้งไคและเก้าที่เห็นภาพเมื่อครู่นี้ แต่คนทำอย่างพิธานกลับไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

“พรุ่งนี้จะตื่นกี่โมงก็ได้แต่ห้ามเกินเที่ยงนะ อ่อ รวมกินข้าวเที่ยงด้วย” ไคบอกพิธานในขณะที่ไคและเก้าถึงห้องแล้ว”

“ได้ เจอกัน” พิธานบอกเท่านั้นก่อนที่จะเดินไปยังห้องโดยที่มีพระพายเดินตามติดๆ

“ไอ้พาย เจอกันพรุ่งนี้นะ” เก้าพูดได้เพียงเท่านั้น

“เออ” พระพายตอบสั้นๆ


             จากนั้นก็แยกกลับไปห้องพักของตัวเองเพราะความรู้สึกอายๆที่ทั้งพระพายและเก้ากำลังรู้สึกอยู่และความคิดอีกหนึ่งที่เก้ากำลังคิดหนัก..การค้างคืนครั้งแรกของเขาและไคจะเป็นเช่นไร แค่คิดก็เริ่มจะหวั่นๆแล้ว...


Lyrics: I need this by Jessie J.

   
   


   
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-03-2018 09:59:06
คิดว่าพายจะได้ตื่นก่อนเที่ยงม่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 03-03-2018 10:06:22
ทำไมอ่ะะะะ  พิธานเป็นอะไรหรือเปล่า ป่วย?
 เก้าไปรู้อะไรมาาาาา แอบกระซิบเราเดี๋ยวนี้ :katai1:
คุณพิธานนี่แบบ..ความลับและลึกลับจริง  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-03-2018 10:33:21
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 03-03-2018 11:21:12
มาบ่อยๆน้าาาาา รออ่านตลอดเลยยยยยย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-03-2018 14:05:11
คิดว่าจะได้ตื่นไหม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-03-2018 16:03:42
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-03-2018 19:52:33
คิดว่าคืนนี้ไม่รอด :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-03-2018 20:12:30
 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 03-03-2018 20:47:30
จะรอดไม่น้าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-03-2018 22:09:13
ยกเลิกไปเถอะโปรแกรมเที่ยวอ่ะ พรุ่งนี้ตื่นกันไม่ทันทั้ง 2 ห้องแหละ  :z2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-03-2018 23:14:17
ไม่ต้องเที่ยวแล้วค่ะ ในห้องก็เที่ยวได้  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 04-03-2018 07:48:45
คิดถึงนะเนี่ย

พูดความในใจกันแล้วก็ฉลองต่อเลย  =,,=
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 04-03-2018 23:05:57
พรุ่งนี้ไม่ได้ไปเที่ยวทั้ง4คนแน่ๆ55555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Jumperjean ที่ 05-03-2018 02:22:49
มาต่อไวๆ นะคะ อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 05-03-2018 03:27:33
พระพรายจะตื่นไหวมั้ย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-03-2018 12:18:20
น่าลุ้นมากทั้งสองคู่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Summer_Melon ที่ 05-03-2018 14:23:34
 :mew1:อ่าน 24 ตอนรวด ฟินมากเลยค่า จะรอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-03-2018 16:01:00
ตื่นก่อนเที่ยง นะ คุณพิธานน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 24 (3/03/18) P. 12 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-03-2018 16:55:59
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 10-03-2018 20:07:52
สวัสดีค่ะ  :mc4: มาต่อตอนไปแล้วนะคะ อ่านคอมเม้นท์ตอนที่แล้ว....ทุกคนคาดหวังอะไรกันคะเนี่ยะ นิยายเรื่องนี้เป็นรักใสๆนะคะไม่ได้หื่นมากมายอะไรเลย  :laugh: (คนอ่านคงอยากปารองเท้าใส่ก็งานนี้แหละค่ะ ฮ่า) เอาล่ะค่ะ ไปอ่านกันต่อเนอะ ให้หนุ่มๆพักหายใจหายคอกันสักหน่อย (รวมถึงคนแต่งด้วยค่ะ ฮ่า) ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยล่วงหน้านะคะ อ่านแล้วก็ฝากขอกำลังใจกันเช่นเคยนะคะและขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดค่ะ รัก ไว้เจอกันตอนไปต่อนะคะ  :bye2:



++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 25 Wonder feeling.


Little things that you do
สิ่งเล็กน้อยที่เธอทำ
That we share, me and you, are air i breathe
ที่เราแบ่งปันฉันและเธอ คืออากาศที่ฉันหายใจ
You supply me with such wonder stuff
เธอเติมเต็มฉันอย่างน่าอัศจรรย์
Just one touch is all I need
แค่สัมผัสเพียงครั้ง คือสิ่งที่ฉันปรารถนา



        หลังจากที่ไคและเก้าเดินเข้าห้อง สิ่งแรกที่เก้าทำคือการนอนลงบนเตียงที่แม่บ้านจัดการเตรียมพร้อมให้นอนลงบนเตียงได้ เก้าง่วงนอนถึงขีดสุดเพราะเมื่อหนังท้องตึงหน้าตาก็หย่อน ไคมองเก้าที่นอนเอนลงบนเตียงก่อนจะเอ่ยขึ้น

“นั่งสักพักสิ เดี๋ยวค่อยไปอาบน้ำ”

“ไม่อาบ ขี้เกียจ” เก้าตอบเช่นนั้น

“ก็แล้วแต่ละกัน” ไคไม่ว่าอะไรต่อ


        เก้ายิ้มแหยะๆ เพราะคิดว่าไคจะไม่ชอบพวกไม่อาบน้ำและจะได้ไล่ให้เขาไปนอนที่โซฟาแทน แต่ผิดคาด ไคกลับไม่ว่าอะไรเสียได้ เก้ารู้สึกอารมณ์เสียนิดหน่อยเพราะผิดจากที่คิดไว้ ใจจริงไม่อยากนอนร่วมเตียงเดียวกันเลยสักนิด แต่หากคำพูดของไคนั้นฟังแล้วรู้สึกถูกท้าทายเก้าจึงยอมไม่ได้

        ไคเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าของตัวเองพร้อมดึงกางเกงนอนขายาวออกมา จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าตรงนั้น เก้าที่นอนอยู่หันไปเห็นเข้าถึงกับลุกขึ้นพรวดพราดพร้อมด่าไคเสียงดัง

“มึงจะมาแก้ผ้าตรงนี้ทำไม ไปในห้องน้ำนู่น” เก้าโวยวายขึ้นมา

“จะอายทำไม ผู้ชายเหมือนกัน” ไคว่าพลางยิ้มและโยนเสื้อลงไปในตู้เสื้อผ้า เผยกล้ามเนื้อที่สวยงาม ไม่ได้เป็นลอนชัดเจนน่าขนลุกแต่ทุกอย่างดูพอเหมาะพอดีจนเก้าเบ้หน้า

“กูไม่ได้ได้อาย” ไคปฏิเสธทันที

“ไม่อายแล้วจะโวยวายทำไม?”

“กะ..ก็เหมือนมึงจะมาอวดหุ่นว่าดีกว่ากูไง”

“ไม่ได้อวดซะหน่อย จะไปอาบน้ำ”

“มึงก็ไปถอดในห้องน้ำสิ” เก้าชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำ

“อยากถอดตรงนี้” ไคว่า รอยยิ้มนั้นดูกรุ้มกริ่มจนเก้ารู้สึกแปลกๆ

“มึงยิ้มอะไรของมึง?” เก้าถามอย่างหาเรื่อง

“ก็ยิ้ม...ไม่ได้เหรอ?” ไคถามกลับ

“ก็ยิ้มมึงมันแปลกๆ”

“คิดมากน่า” ไคบอก ก่อนที่จะถอดกางเกงออก คราวนี้เก้าจึงร้องขึ้นมาอีกครั้ง

“ไอ้ไค มึงหยุดเลย!!”

“สรุปอายจริงๆสินะ” ไคว่าพลางหัวเราะเบาๆ แต่ก็ถอดกางเกงออกเหลือเพียงกางเกงชั้นในขาสั้นสีขาว เก้ารีบหันหน้าหนีทันทีที่รู้สึกว่าบางอย่างเหมือนจะดึงดูดสายตาเข้า

“ไปเลยมึงไป เข้าไปในห้องน้ำ”

“ครับๆ”


        ไคหยุดการแกล้งเก้าเพียงเท่านั้นและเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกางเกงสำหรับนอน เก้าถอนหายใจอย่างโล่งใจที่ไคยอมไปในห้องน้ำ หากไม่ห้ามอย่างจริงจังเชื่อว่าเจ้าตัวคงแก้ผ้าเปลือยล่อนจ้อนตรงนี้อย่างแน่นอน

        ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน รู้แค่ว่าเก้านั้นเผลอหลับไปเรียบร้อยแล้ว ไคเดินออกมาพร้อมกับสวมกางเกงพร้อมนอน ไคมองเก้าที่หลับอย่างเงียบเชียบ วันนี้เจ้าตัวคงเหนื่อยไม่น้อยเพราะต้องทำงานตอนกลางวันและนั่งรถมาถึงที่นี่อีก ไคเดินไปปิดไฟจนเหลือแค่เพียงไฟที่หัวเตียงเท่านั้น ก่อนที่จะจัดท่าทางให้เก้านอนให้สบายที่สุด จากนั้นถึงจะล้มตัวลงนอน เพราะรู้สึกเหนื่อยไม่ต่างกัน

             ไคจ้องมองใบหน้าของเก้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งที่เจ้าตัวรู้สึกหวั่นๆกับการนอนร่วมเตียงกับเขา แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับหลับหน้าตาเฉยโดยไม่กลัวเลยว่าจะโดนเขาทำอะไรบ้าง จะให้เรียกว่าไว้ใจหรือเพราะลืมว่าต้องกลัวเขากันแน่

   มองอยู่เช่นนั้น มองจนรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ทำตามความต้องการเล็กๆในใจเท่านั้น ไคจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ๆก่อนที่จะจูบลงบนริมฝีปากของเก้าเบาๆ เพียงแผ่วเบาแต่ความรู้สึกกลับมากมาย ย้ำถึงความรู้สึกว่าที่เขามีให้เก้านั้นมากเกินกว่าธรรมดาแล้ว

“ฝันดีนะ นพคุณ” ไคกระซิบเบาๆข้างหูก่อนที่จะพลิกตัวไปปิดไฟและนอนหันหลังให้เก้า เพราะถ้าหากให้จ้องหน้าเช่นนั้นทั้งคืนก็หวั่นใจว่าตัวเองจะทำอะไรมากไปกว่าจูบเบาๆอย่างเมื่อครู่นี้


        เมื่อไฟในห้องดับสนิท ลมหายใจเป็นจังหวะของไคบ่งบอกว่าหลับไปแล้ว เก้ากลับลืมตาโพล่งขึ้นมาในความมืด การถูกจูบอย่างแผ่วเบาเมื่อครู่นั้นยังชัดเจนและติดแน่นอยู่ราวกับยังถูกจูบอยู่ไม่มีผิด โกรธตัวเองเหมือนกันที่ไม่ยอมต่อต้าน ยอมแกล้งหลับให้ถูกจูบได้โดยง่ายดายและเก้ารู้ดีว่าไครู้ว่าเขาไม่ได้หลับไม่เช่นนั้นคงไม่กระซิบข้างหูอย่างแน่นอน

“ไอ้ลูกครึ่งเจ้าเล่ห์”

             เก้าคิดในใจ อยากจะหันไปยันไคด้วยเท้าให้ตกเตียงไปเสียแต่พอคิดอีกแง่...เขาเองก็นอนนิ่งให้ไคจูบเหมือนกัน จะโทษไคไม่ได้เสียทีเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เก้านอนคิดอยู่เช่นนั้นจนเผลอหลับไปในที่สุด...

..
.

        พิธานและพระพายเดินเข้าห้องด้วยความเงียบ อีกห้องที่พิธานเปิดนั้นเป็นห้องพูลวิลล่าเช่นกัน ความเงียบนั้นเข้ามาสู่ทั้งสองคนขึ้นเรื่อยๆ เพราะพระพายไม่รู้จะชวนพิธานคุยอย่างไรดี และไม่รู้ว่าตอนนี้พิธานกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะก่อนหน้าจะไปทานข้าวนั้น พิธานเองก็กำลังกอดเขาและกำลังจะทำเรื่องอย่างว่าอยู่แท้ๆ ตอนนี้สิ่งที่พระพายรู้สึกได้คือพิธานยังคงโมโหที่ถูกขัดจังหวะก่อนหน้านี้ ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่ยอมปล่อยวางง่ายๆเลยจริงๆ

“เอ่อ..จะอาบน้ำเลยไหม?” ในที่สุดพระพายก็ต้องหาบทสนทนามาเริ่มต้นเปิดปากพิธานก่อน

“อาบด้วยกัน” พิธานตอบมาอย่างนั้น

“แค่อาบน้ำใช่ไหม?”พระพายหยั่งเชิงถาม

“แล้วคิดว่าไงล่ะ?” พิธานถามกลับรอยยิ้มมุมปากที่ปรากฏขึ้นนั้นยิ่งทำให้ใบหน้าดูเจ้าเล่ห์ขึ้นเป็นเท่าตัว

“ถ้าอย่างนั้นแยกกันอาบเถอะ” พระพายว่า

“ไปอาบด้วยกัน” พิธานไม่สนใจว่าพระพายจะว่าอย่างไรและนั่นทำให้พระพายต้องไปอาบน้ำด้วยกัน


        ห้องน้ำของที่นี่จะแยกเป็นสัดส่วน ส่วนของอ่างอาบน้ำจะอยู่คนละห้องกับส่วนที่เป็นฝักบัว พิธานเดินไปเปิดน้ำลงอ่างและเทผงสบู่ตีฟองที่โรงแรมจัดวางไว้แล้ว พระพายที่ยังคงสวมเสื้อผ้าอยู่ลังเลว่าจะลงอ่างเดียวกับพิธานดีหรือไม่
“ทำอะไรอยู่ ถอดเสื้อผ้าออก” พิธานพูดอีกครั้ง พระพายได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม

        รู้ดีว่าเห็นกันมาหลายครั้งแล้ว แต่อย่างไรก็ทำใจยากที่ต้องมาให้พิธานเห็นร่างกายที่ดูจะจืดชืดไม่น่ามองเช่นนี้ ยิ่งได้เห็นร่างกายของพิธานที่ดูสมส่วน กล้ามเนื้อ กล้ามแขน กล้ามท้อง ยิ่งเห็นแล้วยิ่งอยากจะร้องไห้ ในฐานะลูกผู้ชายเองก็อยากจะมีหุ่นเช่นนั้นเหมือนกัน จะต้องทำอย่างไรถึงจะได้แบบพิธานบ้าง ต้องใช้เวลามากมายขนาดไหนกัน

“ลงมาสิ” พิธานที่เปิดน้ำจนพอดีในอ่างแล้ว ฟองสบู่เต็มอ่างสีขาวโพลนจนมองไม่เห็นน้ำที่อยู่ข้างล่าง


        พิธานก้าวเท้าลงไปนั่งในอ่างเรียบร้อยแล้ว ถึงตาพระพายลงไปบ้าง พระพายนั่งลงตรงข้ามกับพิธาน ขนาดของอ่างนั้นไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ก็พอดีสำหรับคนสองคน น้ำในอ่างกระฉอกล้นออกมาเล็กน้อย ฟองนุ่มๆนั้นให้ความรู้สึกแปลกๆ นุ่มๆหยุ่นๆพร้อมกับกลิ่นหอมที่กำจายไปทั่วห้อง สายตาของพิธานจ้องมองมายังพระพายที่กำลังมองฟองในอ่างอย่างเพลินตา รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกันที่ได้อาบน้ำท่ามกลางฟองสบู่ฟูๆเหล่านี้

“ชอบเหรอ?” พิธานถาม

“ชอบอะไร?”

“ก็ฟองสบู่แบบนี้ไง”

“ก็...หน่อยนึง”

“หันหลังมา” พิธานบอก

“เอ่อ...จะทำอะไร?” พระพายสงสัย

“หันมา” พิธานสั่งย้ำ พระพายจึงขยับตัวหันหลังให้พิธานตามที่สั่ง


        เมื่อหันหลังให้แล้วพิธานก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆพระพายพลางดึงให้พระพายนั่งตรงกลางระหว่างขา ก่อนที่จะใช้มือกวักฟองสบู่นุ่มๆมาถูหลังพระพายอย่างเบามือ สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นทำเอานึกถึงคืนแรกที่มีอะไรกันหลังจากทำการตกลงกันในคืนนั้น ความอบอุ่นจากปลายนิ้วมือที่แตะตรงแผลหลังจากโดนฟาด ความรู้สึกแปลกๆเมื่อถูกสัมผัสเช่นนี้ ราวกับกำลังถูกปลอบประโลม ถูกทะนุถนอมอย่างมากมายจากผู้ที่กำลังสัมผัส แต่นั่นก็เหมือนกับคิดไปเอง เพราะไม่รู้ว่าพิธานคิดอย่างไรในขณะที่กำลังสัมผัสอยู่เช่นนี้

“สบายไหม?” พิธานถาม พระพายหันไปเพียงเสี้ยวของใบหน้าและพยักหน้าขึ้นลงเป็นคำตอบ


        พระพายไม่อาจจะเห็นได้ว่าตอนนี้สีหน้าของพิธานเป็นเช่นไร ตอนนี้รู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ ยิ่งถูกลูบไล้แผ่นหลังอย่างช้าๆและมือนั้นเริ่มไล่ต่ำลงไปยังสะโพกนิดๆแต่ไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้นจนพระพายแอบแปลกใจ เพราะเผลอคิดว่าพิธานต้องทำต่อจากสิ่งที่ค้างคาตอนก่อนไปทานข้าวแน่ๆแต่พิธานกลับไม่ทำเสียอย่างนั้น ยังคงลูบไล้ไปเรื่อยๆและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนพระพายเริ่มใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

“เป็นอะไร?” พิธานถาม เมื่อพระพายห่อไหล่เพราะรู้สึกสยิวนิดๆ

“ปะ..เปล่า” พระพายปฏิเสธไป

“แน่เหรอ?” พิธานถามย้ำก่อนที่จะขยับเข้าไปจนแผ่นอกติดกับแผ่นหลังของพระพาย จากนั้นก็โอบกอดจากด้านหลัง

“เดี๋ยว...” พระพายร้องขึ้นเบาๆ เมื่อมือของพิธานโอบรัดอย่างแนบชิดจนแม้แต่อากาศยังลอดผ่านไม่ได้

“อยู่นิ่งๆ” พิธานบอกเช่นนั้นก่อนที่โน้มใบหน้าลงใช้คางแตะไหล่ของพระพาย

“มีอะไรรึเปล่า?” พระพายถามอย่างสงสัย พิธานไม่พูดอะไรแต่ริมฝีปากนั้นงับใบหูของพระพายเบาๆ พระพายย่นคออย่างรู้สึกหวิวๆ

“อื้อ” พระพายเผลอหลุดเสียงออกมา

“รู้สึกขึ้นมาเหรอ?” พิธานถาม

“เปล่าสักหน่อย” พระพายตอบออกไปเช่นนั้น

“จะจริงเหรอ?” พิธานถามอีก

“จริงๆ” พระพายยืนยันอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“หันหน้ามา”

 
             พิธานว่าพร้อมจับพระพายหมุนตัวให้หันหน้าไปหาตน พระพายหน้าตาเหรอหราถูกจับหมุนราวกับตุ๊กตา แต่เมื่อหันหน้าเข้าหากันก็พบว่าคิดผิดจริงๆที่ยอมให้พิธานหมุนตัวเข้าหากันเช่นนี้ เพราะอยู่ใกล้กันจนขาของพระพายคร่อมขาของพิธานไว้ ใกล้จนรู้สึกถึงแรงดึงดูดให้เข้าหา


             สายตาของพิธานสบมองเข้ามาในดวงตาของพระพาย สายตาซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ถ่ายทอดมา จนพระพายรู้สึกได้ว่าพิธานเหมือนต้องการจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง

“นายชอบตอนนี้ไหม?” พิธานเอ่ยถามขึ้น

“ตอนนี้..มันยังไง?” พระพายถามกลับอย่างไม่เข้าใจในคำถามมากนัก

“ตอนที่ฉันอยู่กับนายตอนนี้ เวลานี้”

“คือ...เอ่อ..”


             พระพายอ้ำอึ้ง ใจหนึ่งก็อยากตอบไปตรงๆว่าช่วงเวลา ณ ตอนนี้นั้นมันมีความสุขอย่างประหลาดแต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นใจว่าหากพูดออกไปเรื่องราวมันอาจจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่คาดหวังไว้

“ไม่รู้เหมือนกัน..มันบอกไม่ถูก” พระพายตอบออกไปเช่นนั้น

“ลืมไป..ว่านายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” พิธานว่า

“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?” พระพายเริ่มรู้สึกถึงสายตาที่หม่นลงของพิธาน เป็นครั้งแรกที่เห็นมันตั้งแต่รู้จักและเจอกันมา พิธานเงียบไปเพียงครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ไม่มีอะไรหรอก” พิธานกลับเข้าสู่โหมดเดิมก่อนที่จะถอยใช้มือกวักฟองสบู่ลูบไหล่ให้พระพาย

“แต่..” พระพายที่รู้สึกค้างคาใจ ราวกับพิธานกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง

“รีบๆล้างตัว จะได้นอน” พิธานพูดเท่านั้น มือนั้นยังคงลูบไล้เนื้อตัวของพระพายไปเรื่อยๆ

“เอ่อ...ให้ผมถูหลังให้คุณบ้างได้ไหม?” พระพายเอ่ยปากขอ รู้สึกอายพอสมควรที่กล้าขอพิธานก่อนเช่นนี้

“ได้สิ” พิธานตอบรับอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะหันหลังให้พระพาย


        แผ่นหลังที่กว้าง ไร้ซึ่งรอยดำตำหนิใดๆทั้งสิ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมันใกล้ขนาดนี้ พระพายรู้สึกมือสั่นนิดๆก่อนที่จะใช้มือตักฟองสบู่ที่เริ่มจางลงแล้วถูหลังของพิธาน ใช้ทั้งสองมือลูบไล้อย่างช้าๆอย่างที่พิธานทำเมื่อครู่นี้ รู้สึกได้ถึงร่างกายของพิธานภายใต้ฝ่ามือที่ลากผ่านกำลังตอบรับสัมผัสของเขา จากนั้นพระพายก็เริ่มนวดตรงต้นคอให้พิธานเบาๆ ถึงไม่ได้นวดเก่งจนมากฝีมือแต่พระพายเคยนวดให้ป้าสมัยยังเป็นเด็กและป้าชอบพูดเสมอว่าน้ำหนักมือของพระพายนั้นรู้สึกสบาย พระพายจึงมั่นใจพอตัวว่าจะทำให้พิธานรู้สึกได้ไม่มากก็น้อย

“นวดได้ด้วยเหรอ?” พิธานถามอย่างแปลกใจ

“ก็นิดหน่อย”

“อื้ม..” พิธานส่งเสียงในลำคออย่างรู้สึกผ่อนคลาย พระพายอมยิ้มนิดๆเพราะเห็นได้ชัดว่าพิธานพอใจ แค่เพียงเล็กๆน้อยๆเพียงเท่านี้ก็รู้สึกดีมากพอแล้ว

“ขอบใจ”


             พิธานว่าก่อนที่จะจับมือของพระพายไว้ทั้งสองมือและดึงให้พระพายกอดตนจากด้านหลัง พระพายเบิกตากว้างเล็กน้อย ตกใจที่พิธานดึงมือไปให้กอดเช่นนี้ หัวใจเต้นตึกตักจนกลัวว่าจะสะเทือนไปถึงแผ่นหลังของพิธานเข้า กลัวจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้


             ความอุ่นของน้ำยังเทียบไม่ได้กับความอบอุ่นจากผิวหนังของพิธานที่ส่งผ่านมา พิธานจับมือของพระพายไว้แนบอกอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนที่จะปล่อยออกและหันหน้ามาหาพระพาย โน้มตัวลงจูบพระพายอย่างแผ่วเบา ดูดดึงริมฝีปากอย่างเชื่องช้า พระพายได้แต่หลับตาพริ้ม ตอบรับความรู้สึกนั้นอย่างยินยอมและพร้อมใจ จูบอยู่พักใหญ่จากนั้นพิธานจึงผละออกมา

“อยากทำต่อจากที่ค้างอยู่หรอก แต่เดี๋ยวนายจะไปเที่ยวไม่ไหวเอา” พิธานว่าจากนั้นก็ดึงพระพายให้ลุกขึ้นแล้วพาไปล้างตัวที่ห้องฝักบัว


        ยอมรับว่ารู้สึกวาบหวิวกับจูบเมื่อครู่นี้ แต่เพราะความรู้สึกหวานๆเมื่อครู่นี้ก็ทำให้พระพายกลับไม่อยากทำเรื่องพวกนั้นในคืนนี้ อยากซึมซับความทรงจำสั้นๆในอ่างน้ำเมื่อครู่นี้เสียมากกว่า ว่าใจเต้นรัวขนาดไหนและได้ใกล้ชิดเพียงใดโดยที่ไม่ต้องทำเรื่องอย่างว่ากัน

        เมื่อล้างตัวเสร็จ ทั้งสองคนก็ออกมาเช็ดตัวจนแห้งและสวมชุดนอนเพื่อเข้านอนทันที อย่างน้อยก็มาพักผ่อนให้สมกับการมาเที่ยวสักหน่อย พิธานเอนตัวลงนอนในขณะที่พระพายก็เดินไปปิดไฟและเดินมาถึงเตียง

“ขยับมาหน่อย” พิธานบอก พระพายจึงขยับตัวเข้าไปและพบว่าพิธานดึงเข้าไปกอด

“อึดอัดไหม?” พิธานถาม

“ไม่..” พระพายตอบเสียงเบา


        พิธานไม่พูดอะไรอีกจากนั้นความเงียบก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ภายในความมืดสลัวๆนั้นพระพายได้แต่ยิ้มออกมา เพราะรู้สึกว่าวันนี้พิธานดูจะเอาใจและไม่ค่อยเย็นชาสักเท่าไหร่ พระพายนอนหลับไปทั้งรอยยิ้มเช่นนั้น โดยที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพิธานเองกำลังอมยิ้มน้อยๆอยู่เช่นกันจนกระทั่งหลับไป..


Lyrics: Amaze me by Union J.   
   


   


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-03-2018 20:49:37
 :impress2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-03-2018 21:39:25
อย่ามัวแต่อมพะนำ รู้สึกยังไงก็พูดออกไป ใจตรงกันตั้งนานแล้วเหอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-03-2018 21:42:23
อื้อหือ ตอนนี้แอบละมุน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 10-03-2018 21:54:38
อุ้ยยย ตอนนี้น่ารักกุ๊กกิ๊กปนหน่วงๆอ่ะ ชอบกันก็บอกกันไปเลยค่าาาาาา เดี๋ยวครบ2เดือนก่อนนาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-03-2018 22:18:04
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 10-03-2018 22:26:35
พูดน้อยกันทั้งคู่เมื่อไรจะได้มุ้งมิ้งกันน้าา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 11-03-2018 00:42:33
แงงงงงงงงงง อบอุ่นละมุนละไม  :mew2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 11-03-2018 00:43:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-03-2018 00:56:13
อ่อนโยนต่อคนของตัวเองมากๆเลยนะ พิธาน-ไค  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 11-03-2018 08:31:06
นี่พิธานคิดว่าพระพายมีคนที่ชอบแล้วเหรอเนี่ย
พระพายถามไปเลยลูก
จะได้แฮปปี้ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-03-2018 12:42:03
คืนนี้คุณพิธารจะอดใจไหวได้จริงหรอ :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-03-2018 13:43:54
ใจตรงกันแต่ไม่มีใครพูดออกมา  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 11-03-2018 19:22:09
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 11-03-2018 20:25:40
ใครจะบอกรักใครก่อนหว่าาา  :serius2: //ลุ้นว่าเค้าจะบอกรักกันเมื่อไหร่แล้วก็ลุ้นว่าเค้าจะแซ่บกันเมื่อไหร่อีก อุ่ย  :z1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 25 (10/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-03-2018 09:18:10
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 18-03-2018 15:18:11
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยขอโทษที่มาช้าค่ะ จริงๆต้องอัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่งานยุ่งจริงๆค่ะ และจะยุ่งไปอย่างนี้ทั้งเดือนเลย เหนื่อยมาก  :เฮ้อ: วันนี้เลยแว่บมาลงให้ก่อนที่จะช้าไปกว่านี้ค่ะ อ่านกันให้สนุกนะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือคำผิดใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยค่ะ สุดท้าย ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันตลอดมา หวังว่าจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆนะคะ อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ ไว้เจอกันค่ะ รัก  :กอด1:


+++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 26 Only you can.


No one else can feel it for you
ไม่มีใครรู้ถึงความรู้สึกของคุณได้
Only you can let it in
มีแค่คุณเท่านั้น
No one else, no one else
ไม่มีใคร ไม่มีใครทั้งนั้น
Can speak the words on your lips
ที่สามารถจะพูดแทนคุณได้
Drench yourself in words unspoken
ให้ตัวคุณชุ่มฉ่ำไปด้วยคำพูดที่เอ่ยไม่ได้
Live your life with arms wide open
ใช้ชีวิตด้วยอ้อมแขนที่เปิดกว้าง
Today is where your book begins
วันนี้หนังสือของคุณจะเริ่มต้น
The rest is still unwritten
ที่เหลือก็ปล่อยมันให้ว่างเอาไว้



        อากาศยามเช้านั้นดีเสียจนพระพายต้องตื่นก่อนเวลานัดของไคที่บอกไว้เมื่อคืนนี้ แสงแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามานั้นบ่งบอกว่าน่าจะยังไม่ใช่ช่วงสาย พระพายบิดตัวช้าๆและพบว่ามีแขนของพิธานพาดอยู่ตรงช่วงเอว ใบหน้าเกิดรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเพราะยังจำช่วงเวลาเมื่อคืนได้ ว่ามันช่างซาบซ่านในอกเหลือเกินกับการกระทำต่างๆเหล่านั้น

        แต่เวลาเช่นนี้น่าจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่พบได้ยากหากเมื่ออยู่ในเมือง พระพายจึงค่อยๆแกะมือของพิธานออก ก่อนที่จะลุกจากเตียงช้าๆเดินไปยังริมกระจกบานใหญ่ที่ทีมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ข้างหน้า บรรยากาศและทิวทัศน์เวลานี้ช่างสวยงามเกินกว่าจะบันทึกภาพด้วยอุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆไว้หากแต่จดจำด้วยความรู้สึกและสายตาจะมีคุณค่าเสียมากกว่า

             สูดลมหายใจพร้อมมองวิวอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเดินไปยังชิงช้าสนามที่อยู่ใกล้ๆสระว่ายน้ำ นั่งลงพลางใช้เท้าดันพื้นให้ชิงช้าไกวไปมา อารมณ์เหมือนเด็กน้อยย้อนวัยที่ได้เล่นสนุกเพียงเท่านี้ก็รู้สึกมีความสุขแล้ว

             นั่งไปเรื่อยพลางนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ เรื่องราวก่อนนอนและตอนอาบน้ำ พระพายยิ่งรู้สึกชัดเจนได้มากขึ้นว่าพิธานนั้นเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน การกระทำที่แสนจะอ่อนโยนนั้นอีกทั้งคำพูดที่เหมือนจะโอนอ่อนลงเมื่ออยู่ด้วยกัน ยิ่งทำให้พระพายนึกอยากจะบอกความรู้สึกออกไป อย่างที่เก้าเคยบอกไว้ว่าเวลามีไม่มากแล้ว เพราะหากเวลาสองเดือนสิ้นสุดลงแล้ว การเจอกันคงจะอยากขึ้นอีกทั้งไม่อาจจะกล้าหาญพอมาเจอกันเพราะไร้ซึ่งพันธะใดๆแล้ว

              การเที่ยวในครั้งนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะลองบอกความจริงออกไป ถึงคำตอบที่ได้กลับมาอาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง สิ่งต่างๆที่พระพายคิดนั้นอาจจะทึกทักไปเองคนเดียวก็ได้แต่อย่างน้อยก็ได้บอกออกไป หากจะเสียใจแต่ก็ไม่ได้เสียโอกาสที่เข้ามาและปล่อยมันออกไปอย่างเสียเปล่า

              เมื่อคิดได้อย่างนั้นพระพายจึงหมายมั่นจะบอกพิธานให้ได้ในวันนี้ แต่คงไม่ใช่เช้านี้อย่างแน่นอนเพราะยังทำใจให้กล้าหาญไม่ได้ แต่เชื่อว่าจะต้องมีเวลาสักช่วงที่สัญชาติญาณจะบอกเองว่าเวลานี่คือเวลาที่เหมาะสม

         พระพายยิ้มออกมา ตอนนี้ได้แต่มองทุกอย่างให้สวยงามเข้าไว้ หากจะไม่เป็นดั่งหวังก็ต้องยอมรับความเสียใจนั้นไว้ อย่างน้อยก็มีเก้าอยู่อีกคน เก้าสัญญาแล้วว่าจะอยู่ปลอบใจ การมีเพื่อนมันดีอย่างนี้นี่เอง

        นั่งเล่นอยู่อย่างนั้นจนแดดเริ่มแรงขึ้นแล้ว พระพายจึงเดินกลับเข้าไปในห้องพบว่าพิธานยังคงหลับอยู่ เวลานี้เป็นเวลาเก้าโมงเช้านิดๆ พระพายกำลังคิดว่าจะปลุกพิธานดีหรือไม่แต่เวลานัดไม่เกินเที่ยงเลยให้เวลาพิธานนอนต่ออีกสักหน่อยก็คงดี

        เมื่อเข้ามาในห้องก็ไม่อยากนอนต่อ เพราะอาจจะขยับจนพิธานตื่นได้ จึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือส่งข้อความหาเก้าและแน่นอนว่าเก้าเองก็ตื่นแล้ว พระพายบอกเก้าว่าอยากคุยด้วยอะไรสักหน่อยในระหว่างที่พิธานกำลังหลับ เก้าที่นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงก็รีบลุกขึ้นทันที

“จะไปไหน?” ไคที่นอนอยู่เอ่ยถามทั้งที่หลับตาอยู่อย่างนั้น

“จะไปหาพาย มึงนอนต่อเถอะ”

“เดี๋ยวก่อน...” ไคลืมตาขึ้นมาทันที

“อะไรของมึง?”

“มาคุยกันหน่อยเรื่องที่จะทำต่อไปนี้” ไคบอก

“ว่ามาๆ” เก้ารู้ดีว่านี่คงเป็นเรื่องของพระพายเพื่อนเขาและพิธานเพื่อนของไค

“คืนนี้เราจะทำบาร์บีคิวปาร์ตี้กัน” ไคบอก

“เรื่องนั้นมึงบอกแล้ว” เก้าแคะหูอย่างเบื่อหน่ายที่ต้องมาฟังไคพูดซ้ำๆ

“ใช่บอกแล้ว แต่แค่จะย้ำ...คืนนี้ต้องทำให้สองคนนั้นพูดถึงความรู้สึกให้ได้”

“กูก็พยายามบอกพายมันแล้ว แต่จะให้พูดยังไงอีกล่ะ พายมันก็อายเป็นนะ”

“พิธานเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนโน้มน้าวได้ง่าย” ไคบอกอย่างคิดหนัก

“บางทีกูก็สงสารเพื่อนกูนะที่ต้องไปตกหลุมรักคนอย่างเพื่อนมึง” เก้าส่ายหน้าอย่างระอา

“ขอโทษที่เป็นแบบนี้ แต่พระพายเป็นงฝ่ายพูดก่อนจะง่ายกว่ามาก”

“ถ้ามันสำเร็จกูก็ดีใจ แต่ถ้าเพื่อนมึงปฏิเสธแล้วให้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น กูจะจัดการเพื่อนมึงทันที” เก้าขู่ไคทันที

“เอาเถอะ ให้มันเกิดขึ้นแล้วค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้นายต้องบอก ทำให้พระพายกล้าจะพูดมันออกมา” ไคย้ำอีกครั้ง

“เออ กูจะพยายามล่ะกัน แต่จะว่าไปไม่ยุติธรรมสักนิดที่ให้เพื่อนกูเป็นฝ่ายพูดก่อน” เก้าพูดตามที่คิด

“เรื่องอย่างนี้ใครจะบอกก่อนบอกหลังมันไม่เกี่ยวหรอก เพราะมันคือความรู้สึก” ไคพูดอย่างใช้เหตุใช้ผล

“แต่ถ้าเป็นกู กูจะไม่บอกถ้าอีกฝ่ายไม่บอกกูก่อน”

“เป็นหนุ่มซึนเหรอ?” ไคถามพลางหัวเราะ

“ซึนบ้าซึนบออะไร กูไปแล้ว” เก้าว่าก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาพระพายที่รออยู่ที่ห้องอาหาร


        พระพายรอเก้าด้วยการตักอาหารเช้าที่เป็นแบบบุฟเฟ่ห์ไปพลางๆ เมนูอาหารไม่ได้มากมายอย่างที่คิดแต่ก็ดูน่าทานอยู่เหมือนกัน พระพายตักมาสองอย่างเมื่อนั่งลงก็เห็นเก้าเดินมาหาพอดี

“กินเลยไหม?” พระพายถาม

“เออ กินเลยดีกว่า ขี้เกียจกินกับไอ้สองคนนั่น” เก้าว่าและรีบเดินไปตักอาหารในส่วนของตัวเองบ้าง เก้าตักมาเยอะกว่าพระพายมาก ก่อนที่จะลงมือทานและเริ่มพูดคุยกัน

“เมื่อคืนเป็นไงบ้าง?” เก้าเอ่ยถามขึ้นมา พระพายรู้ดีว่าเก้ากำลังจะถามเรื่องอะไร

“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก แต่ว่า..” พระพายเงียบไป

“แต่ว่าอะไร?”

“ก็มีเหตุให้ตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องที่อยากบอก” พระพายบอกกำกวม แต่เก้าเข้าใจในทันที

“มึงจะสารภาพรักใช่ไหม?” เก้าถามเพื่อยืนยันความคิดตัวเอง

“ใช่ อยากจะพูด..คิดว่าจะพูดให้ได้ในวันนี้ เพราะถ้าหลังจากวันนี้อาจจะไม่มีโอกาสดีๆแล้วก็ได้” พระพายบอก

“ว่าแต่เหตุผลอะไรวะ?” เก้าถาม

“รู้สึกเหมือน..เขาเปลี่ยนไป คิดว่าถ้าบอกไปน่าจะได้”

“เอาเถอะ เหตุผลอะไรก็แล้วแต่ กูขอให้มึงโชคดีนะ” เก้าว่า

“แต่ถ้ากูบอกเขาไปแล้ว มึงเองก็ต้องบอกกูเหมือนกันว่ามึงกำลังคุยอยู่กับใคร” จู่ๆหวยก็มาออกที่เก้าที่กำลังแทะขนมปังปิ้งอยู่

“เดี๋ยวๆ เกี่ยวอะไรกับกู?” เก้าถามอย่างสงสัย

“ก็เพราะกูอยากให้มึงบอกกูบ้าง ทีกูยังกล้าหาญที่จะพูดเลยทั้งๆที่มันยากขนาดไหนมึงก็รู้ กูเลยอยากให้มึงกล้าที่จะบอกกูเหมือนกัน” เหตุผลที่ฟังดูเหมือนจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลในความคิดเก้า

“เอาเป็นว่า ถ้ามึงกล้าบอก กูเองก็จะบอกมึงเหมือนกัน” ถึงฟังแล้วมันไม่เข้าท่าแต่เก้าก็ยอมในสิ่งที่พระพายขอ

“ตกลงนะ”

“เออ รีบกินเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปอาบน้ำ”


        ทั้งสองนั่งทานกันไปคุยกันไปถึงหลายๆเรื่องจนในที่สุดก็ทานจนหมดเกลี้ยง พระพายเป็นคนไปเก็บจานเองและพบว่าพิธานและไคเดินมาพอดี

“อิ่มกันแล้วเหรอ?” ไคเอ่ยถาม พิธานมองตามพระพายที่เดินไปเก็บจานตามที่ที่โรงแรมจัดไว้ให้

“เออ จะไปรอเวลาอาบน้ำ” เก้าตอบพลางแบมือของกุญแจห้อง ไคก็ยื่นให้ ด้านพระพายเดินกลับมายังโต๊ะหลังจากเก็บจานเสร็จ

“จะไม่นั่งเป็นเพื่อนกันหน่อยเหรอ?” ไคถามเก้าอีก

“เพื่อนมึงก็มี” เก้าว่า พิธานหน้านิ่งดูทั้งสองคนคุยกัน

“เอ่อ ขอกุญแจหน่อย จะไปอาบน้ำ” พระพายเอ่ยขอพิธาน

“ไปพร้อมกัน” พิธานบอกเช่นนั้น

“ให้พระพายไปเถอะ จะได้รีบอาบน้ำไม่ต้องมารอกันอยู่” ไคบอก พิธานชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นให้

“ไปนะ” เก้าว่าเท่านั้นก่อนที่จะเดินไปกับพระพายไปยังห้องนอนของตัวเอง

“มึงก็รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะได้ไปเดินดูอะไรแถวๆโรงแรมก่อนถึงเวลานัด” เก้าบอก

“เออ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะโทรหา”


        พระพายกลับไปยังห้องของตัวเอง จัดการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือจากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำในห้องฝักบัว กว่าสิบห้านาทีกว่าพระพายจะออกมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวและแต่งตัวเสร็จ ด้วยเสื้อลายฮาวายยอดฮิตในขณะนี้กับกางเกงยีนส์ยาวเท่าเข่า จากนั้นก็เดินไปจากห้องพบว่าพิธานกำลังเดินมาที่ห้องพอดี

“จะไปไหน?” พิธานเอยถามพลางมองพระพายหัวจรดเท้า คาดว่าคงแปลกตากับเสื้อผ้าที่พระพายแต่งในตอนนี้

“จะไปเดินดูรอบๆโรงแรม เดี๋ยวก็มา”

“อืม” พิธานพูดเท่านั้นก่อนจะแบมือขอกุญแจจากพระพาย


        พระพายเดินออกมาได้เพียงนิดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรบอกเก้าว่าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วและตอนนี้โทรศัพท์มือถือก็กำลังชาร์จแบตเตอรี่อยู่ พระพายจึงเดินกลับไปยังห้องและเคาะประตูสองสามครั้ง เพียงไม่นานนักพิธานก็มาเปิดให้

“ลืมอะไร?” ถามอย่างกับรู้ทัน

“ลืมโทรบอกเก้า” พระพายว่า จากนั้นก็เดินไปยังเตียงพลางนั่งลงและโทรหาเก้าทันที

“เออมึง กูพร้อมแล้ว” พระพายบอกจากนั้นก็ฟังเก้าพูดสองสามคำก่อนจะตอบกลับไป

“ได้ๆ”

 
            พิธานยืนมองพระพายที่กำลังดึงสายชาร์จและเอาโทรศัพท์มือถือใส่ลงกระเป๋ากางเกง จากนั้นทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่ไม่รู้ว่าพิธานคิดอะไรอยู่กลับเอื้อมมือไปรั้งแขนของพระพายไว้ พระพายชะงักทันทีที่ถูกรั้งไว้เช่นนี้

“มีอะไรรึเปล่า?” พระพายเอ่ยถามพลางมองมือของพิธานที่เกาะกุมแขนอยู่

“เปล่า...” พิธานพูดได้เท่านั้นก่อนที่จะปล่อยแขนพระพายทันที

“ไม่มีอะไรแน่เหรอ?” พระพายถามย้ำอีกครั้ง

“แค่จะบอกว่าอย่าช้า เดี๋ยวไม่ทันนัด” พิธานพูดเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

“ไม่นานหรอก” พระพายพูดไล่หลังพิธานไป ก่อนที่จะเดินออกจากห้องเพื่อไปหาเก้าที่รออยู่ที่ลอบบี้


        รอบๆโรงแรมมีแต่ทุ่งหญ้าและภูเขาเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากมาย ระหว่างทางที่เดินดูนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย พระพายก็เริ่มพูดถึงเรื่องที่พูดกันตอนที่ทานมื้อเช้า

“เก้า...พอคิดๆดูแล้วกูก็เริ่มกลัวว่ะ” พระพายพูดขึ้น

“กลัวอะไร?”

“ก็...ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีนี่สิ” พระพายเริ่มคิดหนัก ลืมนึกถึงประโยคเกริ่นเริ่มต้นที่จะเอ่ยความในใจไปเสียได้

“ก็บอกตามความที่มึงรู้สึกสิ” เก้าแสดงความคิดเห็น

“แต่จะเรียบเรียงยังไงวะ มัน..เยอะแยะเหมือนกัน” พระพายว่าพลางก้มหน้าอย่างรู้อายขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เข้า

“เขินเป็นสาวน้อยเลยมึง” เก้าว่าพลางหัวเราะ

“เออ ชอบว่ากูสาวน้อยตลอดเลยมึง” พระพายเหลือบค้อนอย่างไม่ชอบใจ

“มีงอนด้วย เอาน่าเพื่อนรัก ถ้ามึงสมหวังเดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงซูชิร้านดังเลย” เก้าว่า

“เอาของกินมาล่อกูตลอด” พระพายบ่น

“กูนี่เป็นเพื่อนที่ดีขนาดไหนมึงลองนึกดูสิ ถ้ามึงอกหักกูก็พร้อมกินเหล้าเป็นเพื่อน ถ้ามึงสมหวังกูก็พร้อมจะพาไปเลี้ยงอาหารดีๆ เพื่อนสุดประเสริฐแบบกูนี่หาไม่ได้ง่ายๆนะ” พูดยกยอตัวเองจนพระพายต้องหัวเราะออกมาบ้าง

“ครับๆ ยกหางตัวเองซะ”

“กูไม่ใช่หมา” เก้าว่าพลางจะเตะพระพายที่รู้ตัวดีว่าต้องโดนจึงกระโดดหนีได้ทัน


        ทั้งสองเล่นกันอยู่ได้ไม่นานกลับมีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเก้าดังขึ้นมาเสียก่อน พบว่าเป็นไคที่โทรเข้ามา คงจะโทรตามให้กลับไปยังลอบบี้

“ไคมันโทรมาว่ะ ไปเหอะ” เก้าไม่ได้รับสายแต่รู้ดีว่าไคต้องโทรมาตามแน่นอน พระพายและเก้าเดินกลับไปยังลอบบี้ซึ่งพิธานและไคก็นั่งรอกันอยู่แล้ว

“จะไปกันเลยเหรอ?” เก้าถาม

“ใช่ ไปกันตอนนี้เลย” ไคตอบ ทั้งสี่คนจึงพากันเดินลงไปยังที่จอดรถและเดินทางไปยังไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ๆตามที่ไคได้บอกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว


        ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงไร่องุ่น ซึ่งเป็นไร่องุ่นที่เปิดได้ไม่นานเท่าไหร่นัก แต่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ดีและมีคนแนะนำกันมา ไคเองที่หาข้อมูลด้วยตัวเองและพบว่าน่าสนใจจึงเลือกจะมาที่นี่อีกทั้งอยากซื้อไวน์ไปชิมด้วยเช่นกัน

        เมื่อมาถึงก็เดินเข้าไปยังสถานที่รองรับ ซึ่งเจ้าของที่เป็นสามีภรรยานั้นให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และสิ่งแรกที่พาไปดูคือบริเวณไร่องุ่น แนะนำอะไรเล็กๆน้อยๆจากนั้นก็ปล่อยให้ทั้งสี่คนเดินดูตามอัธยาศัย

        โชคยังดีที่อากาศไม่ได้ร้อนจนเกินไปนัก ทั้งสี่คนเดินดูองุ่นและทางไร่อนุญาตให้ชิมได้ในต้นที่สามารถเด็ดทานได้ พระพายเดินมองด้วยตาลุกวาว เพิ่งเคยเห็นต้นองุ่นเป็นครั้งแรกและยิ่งได้เห็นลูกองุ่นตึงๆสีเข้มๆยิ่งรู้สึกน่าสนใจ พระพายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปใกล้ๆพวงองุ่นและบรรยากาศไกลๆทั้งหมดทั้งมวลเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยที่การกระทำทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของพิธานที่ดึงโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปพระพายไว้เช่นกัน

“ทำอะไร?” พระพายร้องถามขึ้นเพราะรู้สึกได้ว่าพิธานกำลังถ่ายรูปมาทางนี้

“ก็ถ่ายรูป” พิธานตอบตรงๆ

“ถ่ายรูปอะไรล่ะ?”

“ก็ถ่ายนายไง” ตอบตรงๆอีกครั้งจนพระพายทำหน้าตาเหรอหราอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

“แต่ว่า..ผมไม่ได้ เอ่อ น่าถ่ายเลยนะ” พระพายตอบ

“มานี่” พิธานดึงพระพายเข้ามาใกล้ๆจนใบหน้าแนบชิดติดกันก่อนที่พิธานจะเปิดกล้องหน้าและถ่ายรูปนั้นไว้

“เดี๋ยวสิ มันดูตลก ลบเถอะ” พระพายร้องขึ้นเพราะสีหน้าเมื่อครู่นี้ยังดูงงๆและตกใจที่ถูกถ่ายรูปคู่กัน

“ไม่ลบ” พิธานบอก

“ถ้าอย่างนั้น...ขออีกรูปได้ไหม จะได้ตั้งใจยิ้ม” พระพายบอกพลางมองไปยังพิธานที่ดูเหมือนจะยอม


        ครั้งนี้ตั้งตัวและตั้งใจทัน พระพายฉีกยิ้มกว้างเสียจนตาปิด พิธานที่เห็นใบหน้าของพระพายที่ดูมีความสุขจนเผลอยิ้มตามออกมาแต่ก็ไม่ได้เท่าคนข้างๆ ใบหน้าชิดติดกันเหมือนครั้งแรกจากนั้นก็กดปุ่มชัตเตอร์บันทึกภาพลงโทรศัพท์มือถือเป็นที่เรียบร้อย

        ทั้งสองคนที่ใกล้กัน ใกล้จนเผลอสบตากัน ริมฝีปากทำท่าจะดึงดูดเข้าหาราวกับมีแม่เหล็กไม่มีผิด ลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ตามลำพังและสถานที่ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ลับตาคน แต่เพราะมีเสียงคนเหยียบหญ้าแห้งดังขึ้นทำให้พระพายสะดุ้งตัวและนึกได้ทันทีว่าตอนนี้กำลังจะทำเรื่องที่ไม่สมควรทำ พิธานเสหน้าหลบอย่างรู้ตัวเช่นกันว่าเผลอตัวจะจูบพระพายไปแล้ว

        คนที่ทำเสียงดังนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นเก้าที่เดินอยู่ใกล้ๆ และเห็นพอดิบพอดีว่าทั้งสองกำลังจะทำอะไรกัน เก้าอยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆที่เดินได้ผิดจังหวะและเวลาเหลือเกิน ไคนั้นได้แต่ส่ายหน้าและหัวเราะเบาๆเพราะรู้สึกว่าเก้าช่างเกิดเป็นมารคอหอยได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ

“ไปดูโรงทำไวน์กัน” ไคบอกเท่านั้นทั้งหมดจึงต้องเดินกันไปเงียบๆยังโรงทำไวน์ที่อยู่ห่างออกไปจากไร่องุ่น

        หลังจากดูการทำไวน์แล้ว ก็พากันไปดูสัตว์ต่างๆที่ทางไร่เลี้ยงเอาไว้ ป้อนหญ้าอาหาร มีทั้งแกะ แพะ และอีกสองสามชนิด พระพายดูสนุกและตื่นเต้นกับทุกๆอย่างๆ ป้อนหญ้าและมีแอบแกล้งเอาหญ้าให้เก้ากินบ้าง แน่นอนว่าเก้าโวยวายจนไคได้แต่หัวเราะ วันนี้ทั้งวันไคเอาแต่หัวเราะเพราะไม่ค่อยได้เห็นเก้าในมุมแบบนี้มาก่อน

        พิธานนั้นได้แต่มองเงียบๆแต่สิ่งหนึ่งที่พิธานทำคือการถ่ายรูปพระพายในท่าทางนั้นๆและบันทึกวิดีโอสั้นๆหลายคลิปโดยที่พระพายไม่ได้รู้ตัวเลยว่าพิธานกำลังทำอะไร

“แบตใกล้หมดรึยัง?” ไคถามพลางเหล่มองเพื่อนที่แม้จะทำหน้านิ่งๆแต่ข้างในคงไม่ใช่

“ยัง” พิธานตอบสั้นๆก่อนที่จะเก็บโทรศัพท์มือถือทันที

“พิธาน....ตอนนี้รู้สึกยังไงกับพระพาย?” จู่ๆไคก็เอ่ยถามขึ้นมา

“ทำไมถึงถาม?” พิธานถามกลับ

“แค่อยากรู้ ว่าตอนนี้คิดยังไงกับพระพาย เพราะสายตาที่นายมองเขามันค่อยๆเปลี่ยนไป” ไคบอกอย่างที่เห็นและคิด

“ฉัน...ไม่แน่ใจ” พิธานนั้นไม่ค่อยจะเอ่ยถึงความรู้สึกต่างๆของตนเองเท่าไหร่นักแต่รู้ดีว่าเพื่อนนั้นรู้จักตัวตนของเขาดี

“ทำไมไม่แน่ใจ เคยถามพระพายบ้างรึยัง?” ไคถามต่อ

“ทำเรื่องไม่ดีไปขนาดนั้น อีกอย่าง..เขามีคนที่ชอบแล้ว” พิธานพูดก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้น ไคได้แต่ถอนหายใจ

“เป็นคนคิดมากไม่เปลี่ยนจริงๆ” ไคพูดเท่านั้นก่อนที่จะเดินไปทางพระพายและไคที่น่าเก็กท่าถ่ายรูปกันอย่างสนุก

             ถ่ายรูปกันเยอะแยะจนเวลาก็เลื่อนมาถึงบ่ายแก่ๆ ทั้งหมดจึงไปยังร้านขายผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำจากองุ่น มีทั้งองุ่นสด น้ำองุ่น ไวน์และอีกหลายอย่าง รอบนี้พิธานเป็นคนจ่าย แม้พระพายไม่อยากยอมแต่ก็ต้องยอมเพราะโดนบังคับด้วยสายตา

        สรุปสิ่งที่ได้มาคือไวน์องุ่นยกโหลซึ่งราคาก็สูงไม่ใช่เล่น รวมทั้งน้ำองุ่น แยมองุ่น และองุ่นสดอีกด้วย ซื้อกันเยอะแยะจนเก้าเองยังบ่น

“นี่จะเหมาหมดร้านเลยรึไงวะ” เก้าว่าพลางช่วยขนของพะรุงพะรังไปยังรถจนเต็มก่อนที่จะเดินทางกลับโรงแรมเพราะตอนนี้ทางโรงแรมโทรมาบอกว่าได้เตรียมชุดบาร์บีคิวไว้แล้ว...


Lyrics: Unwritten by Natasha Bedingfield.
      
   

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-03-2018 15:40:57
รออยู่หนา สารภาพเลยๆ  :m4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-03-2018 16:08:44
 :serius2: :serius2: :serius2: เอาอีกๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 18-03-2018 16:48:30
งือออ ลุ้น อยากให้สารภาพไวๆ แล้วต่อด้วยฮันนีมูนเล้ยยย :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-03-2018 17:23:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-03-2018 18:29:39
เสื้อฮาวายก็มา 5555555 อินเทรนนะเรา  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 18-03-2018 18:43:09
แงงงงงงง อบากกินบาร์บีคิวด้วยแล้ววววว :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-03-2018 21:07:17
สารภาพเถอะ

คนแอบรักก็คุณพิธานนั่นแล

สาธุ ขอให้ใจตรงกันนนน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 18-03-2018 21:39:08
ลุ้นยิ่งกว่าตอนหวยออกซะอีก :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-03-2018 22:01:49
โอ้ยยย รอลุ้นใจจะขาด
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 18-03-2018 22:48:44
ลุ้นกับพะพายยยยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-03-2018 23:26:47
ชอบก็บอกมาเลยคุณพิธาน จะได้ใจตรงกันค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-03-2018 23:45:31
พิธานจะหน้าเหวอแค่ไหนนะตอนที่รู้ว่าคนที่พระพายชอบคือตัวเอง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-03-2018 18:22:58
ออีกนานมั๊ยถึงจะได้สารภาพ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-03-2018 23:21:36
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 22-03-2018 00:15:15
ลุ้นสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 26 (18/03/18) P. 13 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-03-2018 01:28:21
สารภาพเถอะนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 01-04-2018 20:23:10
       สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นกราบขออภัยด้วยนะคะ  :call: มาช้ามากและหายไปหนึ่งสัปดาห์โดยไม่บอกกล่าว อย่างที่บอกไปเมื่อตอนที่แล้วว่าเดือนมีนาคมเรายุ่งมาจริงๆค่ะ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาปกติเหมือนเดิมแล้วนะคะ จะมาอัพต่อเนื่องเช่นเคยนอกจากมีอะไรกะทันหันก็จะแจ้งล่วงหน้านะคะ ขออภัยอีกครั้งค่ะ  :mew2:

        มาอ่านกันต่อดีกว่านะคะ ถ้าหลงลืมไปแล้วก็วนกลับไปอ่านตอนที่แล้วก็ได้นะคะ หากตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยไว้ด้วยค่ะ มีอะไรอยากบอกติชมก็บอกมาได้นะคะ ยินดีรับฟังค่ะ สุดท้ายขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ มีหายไปบ้างน้อยลงไปบ้างแต่ก็ขอบคุณที่ยังติดตามและยังให้กำลังใจกันมานะคะ รักคนอ่านค่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ  :กอด1:

+++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 27 Confess.


Oh, baby
ที่รัก
I can’t fight this feeling anymore
ฉันไม่อาจทัดทานความรู้สึกนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
Drives me crazy when I try to
มันทำให้ฉันคลั่งยามที่ฉันต้องฝืนมัน
So call my name and take my hand
เรียกชื่อฉันที และกุมมือของฉันไว้
Can you make my wish, baby, your command?
ทำให้ปรารถนาของฉันเป็นจริงได้ไหมที่รัก


             ขับรถมาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาเย็นพอดี ทั้งสี่คนช่วยกันขนข้าวของขึ้นไปยังโรงแรม โชคดีที่มีคนทางโรงแรมมาช่วยขนขึ้นไปยังห้องและบาร์บีคิวที่จัดเตรียมไว้นั้นตั้งตรงริมสระว่ายน้ำที่ห้องพักของไคและเก้า ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวรวมถึงบรรยากาศยามเย็นที่ดูแล้วช่างเข้ากันได้ดีกับการจะมีปาร์ตี้เล็กๆนี้

“น่ากินว่ะ”

             เก้าวางของลงและเดินไปดูชุดบาร์บีคิวที่ทางโรงแรมจัดเตรียมตามที่ไคสั่งจองไว้ ซึ่งจำนวนนั้นได้สั่งไว้เยอะเพราะไคสั่งเผื่อกลัวไม่พอ อีกทั้งทางโรงแรมอำนวยความสะดวกด้วยการหาถังแช่ไวน์มาให้อีกด้วย ไคจึงจัดการแช่ไวน์ทั้งหมดและเตรียมเครื่องดื่มนิดหน่อย ส่วนพระพายนั้นเริ่มย่างบาร์บีคิวลงบนเตา เก้าก็ได้แต่เดินวนไปมาดูทั้งพระพายทั้งไค

“เก้า มาช่วยกันหน่อย” ไคเรียกขึ้น เพราะหันไปเห็นว่าพิธานนั้นเหมือนอยากจะเข้าไปหาพระพาย

“ทำคนเดียวไม่ได้รึไงวะ” เก้าบ่นแต่ก็เดินไปช่วยหยิบจับตามที่ไคขอ

“นายต้องมาอยู่กับฉัน ปล่อยสองคนนั้นไว้” ไคกระซิบบอก

“มึงนี่แผนเยอะจริง” เก้าว่าแต่ก็เหลือบมองไปยังพิธานที่เดินเข้าไปพระพาย

“ทำเป็นเหรอ?” พิธานเอ่ยถามขึ้นพลางมองพระพายที่ขะมักขเม้นจัดผักสลัดถ้วยใหญ่ใส่จานแบ่งให้ทุกคนและดูบาร์บีคิวบนเตาไปด้วย

“ทำเป็นสิ เวลาไปกินปิ้งย่างบ้านพี่กล้วยก็ช่วยเขาทำ” พระพายว่า

“พี่กล้วยไหน?” พิธานถามขึ้น ใบหน้านั้นเริ่มนิ่งลงทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ดูจะปกติแท้ๆ

“พี่ที่ทำงาน” พระพายตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก

“ใช่คนที่แอบชอบเหรอ?” พิธานถาม น้ำเสียงนั้นดูเบาลง

“พี่กล้วยน่ะเหรอ ชอบไม่ลงหรอก ปากก็เสีย ชอบแกล้งที่หนึ่ง” พระพายว่าร้ายเสียเยอะจนพี่กล้วยที่นอนอยู่ที่บ้านถึงกับจามออกมาสองครั้งเลยทีเดียว

“จะจริงเหรอ?” พิธานยังคงถามย้ำ

“จริงๆ” พระพายยืนยันเช่นเดิม ก่อนที่จะหันไปกลับด้านบาร์บีคิว

“ให้ช่วยไหม?” พิธานถาม ซึ่งคำถามนั้นน่าแปลกใจจนพระพายต้องหันมามองพิธานตรงๆ

“ทำได้เหรอ?” ไม่ได้สบประมาทแต่อย่างใดแต่คิดไปว่าพิธานจะทำเรื่องพวกนี้ได้จริงๆหรือ

“ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้” พิธานบอก ก่อนที่จะจัดผัดสลัดใส่จานและแน่นอนว่าจัดสวยกว่าที่พระพายทำเป็นไหนๆ

“เก่งจัง” พระพายชมออกมาอย่างตั้งใจและหวังอยากเห็นว่าท่าทีตอบกลับของพิธานว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ได้เห็นคือรอยยิ้มที่มุมปากอย่างที่เจ้าตอบชอบทำเวลาที่รู้สึกพึงพอใจ

             พิธานและพระพายช่วยกันเรื่องอาหาร ด้านไคและเก้าก็ช่วยกันแช่ไวน์จนกระทั่งทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพ ทั้งสี่คนจึงนั่งลงตรงเก้าอี้นอนที่ตั้งอยู่ริมสระน้ำส่วนตัวของห้องพัก

              ตอนนี้เป็นเวลาเย็นใกล้พลบค่ำ แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าประกายเป็นสีส้มอมม่วงหม่นๆ ช่างสวยงามจนอยากจะมองดูจนกว่าจะมืดมิด เก้าที่ไม่ได้สนใจบรรยากาศใดๆทั้งสิ้น กลับตั้งหน้าตั้งตาทานบาร์บีคิวอย่างเอร็ดอร่อยและดื่มไวน์ไปพร้อมๆกัน รสชาติไวน์ขององุ่นเข้ากันได้ดีกับเนื้อหมูบาร์บีคิวที่ทางโรงจัดไว้ให้

“อร่อยเกิน” เก้าพูดพลางทานไปด้วย

“อร่อยก็กินเยอะๆ” ไคบอก

“ไม่ต้องบอกกูหรอก กูกินเยอะอยู่แล้ว” เก้าว่า

“ก็เพราะรู้ไงเลยสั่งมาเยอะขนาดนี้” ไคหัวเราะร่วนก่อนที่จะหันไปดูพระพายนั่งมองไวน์ในแก้วโดยที่พิธานนั่งมองอยู่

“เวลาจะจิบไวน์ก็แกว่งแก้วก่อนแล้วดม” พิธานเอ่ยขึ้นมาและทำให้พระพายดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งเหมือนที่ทางไร่สอนให้ชิมรสชาติของไวน์ที่แท้จริงตอนบ่าย แต่เขาไม่ได้ดูจนจบเพราะมัวหันไปดูคนงานขนองุ่นสดเข้ามาเสียก่อน

“แล้วทำยังไงต่อ?” พระพายเอ่ยถาม

“จากนั้นก็จิบ นิดเดียวพอแล้วอมไว้” พิธานว่า พระพายเริ่มลองทำตาม

“ยุ่งยากจัง กินเข้าไปเฉยๆไม่ได้เหรอ?” พระพายว่าพลางดื่มเข้าไปหลังจากที่ทำตามที่พิธานบอกแต่ก็ไม่สะใจเท่าดื่มเข้าไปแบบอึกใหญ่

“มันก็ได้ แต่เวลาออกงานแล้วใครเห็นว่าดื่มเป็นมันจะดีกว่า”

“ไม่ได้ออกงานที่ไหนสักหน่อย” พระพายส่ายหน้าพลางพูด

“มันต้องมีวันที่นายได้ออกงาน” พิธานว่าเท่านั้น หลังจากนั้นก็หันไปจิบไวน์ต่อไป พระพายไม่ได้ใส่ใจนักจึงเลือกที่จะดื่มแบบพรวดๆเหมือนดื่มเครื่องดื่มมึนเมาปกติทั่วไป


        ตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว แสงไฟสีส้มนวลตาเปิดรายรอบสระน้ำ แมลงและยุงเริ่มจะมาบ้างตามประสาป่าเขา ทางโรงแรมจึงนำยากันยุงเป็นขดมาจุดไว้ให้เพื่อช่วยป้องกันอยู่แม้จะไม่ได้มากมายก็ตาม ตอนนี้บาร์บีคิวเริ่มพร่องจนทำท่าจะหมดโดยฝีมือการทานอันดุเดือดของเก้าที่ตั้งหน้าตั้งตาทานจนตอนนี้ต้องหยุดลงและนั่งดื่มไวน์ได้แค่อย่างเดียวแล้ว

        ทั้งสี่คนนั่งดื่มไวน์กันหลังจากที่อิ่มจากบาร์บีคิว ทางโรงแรมให้พนักงานมาเก็บเตารวมถึงจานชามทั้งหมดไปเรียบร้อยจนตอนนี้เหลือแค่ถังไวน์ที่ยังมีไวน์แช่อยู่หลายขวด ไคชวนพิธานคุยบ้างเล็กน้อยในขณะที่พระพายกับเก้าก็นั่งคุยกันสองคน ไวน์รสชาติขมอมหวานนี้เหมือนจะไม่มีมีฤทธิ์แรง แต่เมื่อดื่มติดๆไปหลายแก้วก็เริ่มจะมึนๆจนพระพายเริ่มเอ่ยปาก

“คิดว่าจะไม่เมา นี่กูทำท่าจะเมาแล้วนะ” พระพายบอกเก้า ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ไคที่ได้ยินก็หัวเราะออกมา

“ใครบอกว่าไวน์ไม่เมาล่ะพระพาย” ไคถาม พิธานเหล่มองพระพายที่ยังคงดื่มต่อทั้งๆที่บอกว่าเริ่มจะเมาแล้วแท้ๆ

“ก็คิดแบบนั้นมาตลอดนะคุณไค” พระพายว่าพลางยิ้มกว้าง

“ขึ้นชื่อว่าแอลกอฮอล์ก็เมาหมดแหละ” เก้าบอกบ้าง ตอนนี้เจ้าตัวไม่ได้เมาแต่จะเรียกว่าเหมือนเดิมปกติก็ไม่ได้เต็มปากเพราะดื่มไปคนเดียวสามขวดติดแล้ว

“คืนนี้ต้องหมดโหล ไม่หมดไม่ให้นอน” ไคว่า

“อ้าว มึงท้าเหรอไอ้ไค” เก้าร้องขึ้นทันที

“ไม่ได้ท้า แค่บอก ไม่แข่งหรอกเดี๋ยวนายแพ้อีก” ไคว่า

“พูดอย่างนี้ก็สวยสิมึง มาเลยๆ” เก้าไม่ยอมเข้าไปอีกเมื่อไคพูดถึงเรื่องที่เก้าแพ้เมื่อคราวก่อน

“ถ้าแข่งอีกคราวนี้ข้อตกลงคืออะไรรู้ใช่ไหม?” ไคถามขึ้น สายตาที่มองไปยังเก้านั้นดูเจ้าเล่ห์จนพระพายเห็นและรู้สึกได้ทันที

“อะไรเหรอ?” พระพายถามอย่างอยากรู้ ยิ่งเริ่มกรึ่มๆได้ที่ยิ่งปากไวขึ้นเท่าตัว

“อยากรู้เหรอ?” ไคหันไปถามพระพาย เก้าเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบออกตัว พิธานที่นั่งดูอยู่เงียบๆรู้สึกบันเทิงไม่น้อยที่เห็นเก้าลุกลี้ลุกลน

“มันจะให้กูเป็นเบ๊มันนะสิ ไม่มีอะไรหรอก” เก้ารีบตัดความสงสัยของพระพายออกในทันที แม้จะยังดูน่าสงสัยแต่ก็เลิกที่จะถามต่อ


        นั่งดื่มกันต่อจนในที่สุดพระพายก็ยกธงขาวคนแรก เพราะรู้สึกว่าดื่มต่อไม่ไหวแล้วอาจจะเพราะไม่เคยดื่มไวน์เป็นจริงเป็นจังอีกทั้งมีความคิดที่ว่าไวน์ไม่น่าจะเมาได้หนัก แต่ได้พบกับตัวเองแล้วว่าช่างเป็นความคิดที่ผิดจริงๆ

“ไม่ไหวแล้วว่ะ” พระพายพูดขึ้น

“ไม่ไหวอะไร อีกขวดแล้วค่อยไป” เก้าที่คอทองแดงอยู่ก็คะยั้นคะยอให้พระพายดื่มต่อ

“ไม่เอาแล้ว พรุ่งนี้เดินทางอีก เดี๋ยวไปอ้วกแตกในรถพอดี” พระพายว่า

             เก้าทำท่าจะแย้งแต่กลับหันไปเห็นไคที่ส่ายหน้านิดๆเชิงจะบอกว่าให้พระพายไป เก้าจึงนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเวลาช่วงสุดท้ายของการเที่ยวในครั้งนี้แล้ว อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่พระพายจะได้บอกความในใจ

“เออๆ กลับเหอะ กูจะกินต่อล่ะกัน” เก้าว่า

“ไปนะ..เอ่อ ขอกุญแจหน่อย” พระพายหันไปขอกุญแจกับพิธานที่ยังคงนั่งดื่มอยู่ พิธานยื่นให้อย่างง่ายดาย


             พระพายเดินไปกลับไปยังห้องพลางขบคิด ทั้งที่ตั้งใจจะพูดกับพิธานถึงเรื่องนั้นแท้ๆแต่สภาพตอนนี้ไม่น่าดูเลยสักนิด กลิ่นไวน์หึ่งแถมเริ่มเมานิดหน่อย หมดกันความตั้งใจที่จะบอก อีกทั้งหาโอกาสก็ยากและดูเหมือนว่าพิธานจะสนุกกับการดื่มไวน์มากกว่าที่จะอยากกลับห้อง โอกาสหมดแล้ว..ตอนนี้พระพายได้แต่ทำใจและคงต้องหาโอกาสในรอบอื่นซึ่งไม่ได้จะมีง่ายๆ

              เมื่อเดินมาถึงห้อง พระพายเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับเดินเซหน่อยๆไปยังเตียงจากนั้นทิ้งตัวลงนอน ขยี้หน้าขยี้ตาอย่างพยายามจะให้รู้สึกดีขึ้น อยากอาบน้ำอยากทำให้ตัวเย็นกว่านี้ แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าห้องนี้มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ซึ่งตั้งแต่มาก็ยังไม่ได้ลงเลยสักครั้ง

              ไวเท่าความคิดพระพายรีบถอดเสื้อ กางเกงและชั้นในออก เหลือเพียงร่างเปลือยเท่านั้นจากนั้นก็รื้อหากางเกงขาสั้นที่พาติดมาสวมมันทั้งที่เซอยู่น้อยๆ ลงสระน้ำตอนกลางคืนดูจะแปลกไปสักหน่อยแต่คิดว่าคงไม่เป็นไรเพราะไม่มีใครมาเห็น อีกทั้งพิธานคงจะยังไม่กลับมา

               พระพายเดินไปเลื่อนบานประตูกระจก เดินออกไปจากห้องไปยังสระว่ายน้ำที่ไม่ได้ใหญ่เท่าสระหลักของโรงแรมแต่ก็สามารถกางแขนกางขาว่ายน้ำได้และมีพื้นที่ว่ายน้ำได้สบายๆ พระพายนั่งลงก่อนที่จะค่อยๆเดินลงไปในสระที่มีความสูงเลยเอวไปเกือบถึงหน้าอก ซึ่งไม่ลึกเลยสักนิด

               เมื่อลงในสระน้ำ น้ำในสระไม่ได้เย็นอย่างที่คิดกลับอุ่นนิดๆเสียด้วยซ้ำ พระพายเริ่มว่ายน้ำด้วยท่าฟรีสไตล์และท่าตะกุยน้ำ รู้สึกตลกตัวเองที่กำลังว่ายน้ำท่าทางเด็กน้อยเพิ่งหัดว่ายน้ำ ดำผุดดำโผล่อยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกเหนื่อย ความเมาจากไวน์เมื่อครู่นี้เริ่มดีขึ้นเหลือแค่รู้สึกมึนหน่อยๆ แม้จะมึนอยู่บ้างแต่การเล่นสระน้ำด้วยความมึนก็รู้สึกสนุกไปอีกแบบ แน่นอนว่าในยามปกติคงไม่มีโอกาสทำอย่างนี้ได้แน่

             เล่นไปอยู่อย่างนั้นจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่ามีคนมายืนมองอยู่และไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพิธานนั่นเองเพราะห้องนี้มีแต่พิธานเท่านั้นที่เข้ามาได้ พระพายชะงักจากที่กำลังว่ายน้ำอยู่ก็หยุดโดยทันที

“เคาะอยู่ตั้งนานไม่ยอมเปิด” พิธานพูดขึ้น

“โทษทีลืมไปเลย แล้วเข้ามาได้ยังไง?” พระพายถาม

“ให้พนักงานมาเปิดให้ เขากำลังจะเลิกงานพอดี” พิธานตอบก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆสระน้ำ

“เหรอ?”

“ใช่ แล้วนายหายเมาแล้วรึไง ถึงมาเล่นน้ำ?”

“เหลือมึนนิดหน่อย” พระพายตอบ

“แล้วเล่นคนเดียวสนุกเหรอ?” พิธานถาม

“ก็...สนุกนะ” พระพายตอบพลางมองพิธานที่จู่ๆก็ถอดเสื้อถอดกางเกงออก เหลือแต่เพียงชั้นในขาสั้นสีดำเท่านั้น


        พิธานเดินลงไปในสระน้ำ พระพายที่ยืนนิ่งเพราะไม่คิดว่าพิธานจะลงมาเล่นน้ำด้วย พิธานค่อยๆเดินไปใกล้ๆพระพายที่ตอนนี้เริ่มถอยจนหลังไปชนเอาขอบสระ

“ทำไมกลับมาไวจัง” พระพายถาม การที่ใกล้กันในสภาพกึ่งเปลือยเช่นนี้ก็รู้ใจคอไม่ดีเหมือนกัน

“เพื่อนนายเริ่มเมาและเริ่มทะเลาะกับเพื่อนฉัน” พิธานตอบ

“ว่าไงนะ แล้วนี่นอนด้วยกันไม่ยิ่งกว่าเดิมเหรอ?” พระพายชักเป็นห่วงทั้งสองคนแล้ว

“ปล่อยให้เป็นเรื่องของสองคนนั้นเถอะ”


        พิธานว่าก่อนที่จะมองพระพายด้วยสายตาที่ซุกซน จากนั้นใช้มือกวักน้ำใส่หน้าพระพายด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าพระพายไม่ทันตั้งตัวน้ำจึงเข้าหน้าเข้าปากจนสำลักน้ำไอโขลกๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเห็นพิธานยิ้มออกมา แม้จะไม่ได้ยิ้มกว้างอย่างคนปกติ แต่มันช่างเป็นยิ้มที่ดูเจิดจ้าจนพระพายยืนมองอย่างตะลึง พิธานที่เหมือนจะรู้ตัวรีบทำหน้าเคร่งขรึมดังเดิมทันที

“ตกใจอะไร?” พิธานถาม

“ปะ..เปล่า”


             พระพายตอบก่อนที่จะกวักน้ำใส่พิธานเพื่อเอาคืนบ้าง กลายเป็นว่าทั้งสองทำสงครามในสระว่ายน้ำเพื่อเอาชนะกันทันทีและแน่นอนว่าพระพายไม่มีทางที่จะชนะพิธานได้ เพราะพิธานจับล็อคคอของพระพายเพื่อให้พระพายยอมจำนน นี่เป็นครั้งแรกที่พระพายรู้สึกว่าพิธานดูสนุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เหนื่อย”


        พิธานบ่นหลังจากที่ปล่อยตัวพระพายไปเพราะเจ้าตัวร้องขอเสียงหลง พิธานจึงยอมหยุดและตอนนี้ก็ดันตัวเองขึ้นไปนั่งบนขอบสระเพื่อพักเหนื่อย แต่พระพายยังคงยืนอยู่ในสระน้ำ ตอนนี้ทุกอย่างรอบข้างเงียบสงบนอกจากเสียงน้ำจากการเคลื่อนไหวของพระพาย

        จู่ๆก็รู้สึกถึงโอกาสที่เข้ามา ช่วงจังหวะที่เหมือนจะรู้ได้ว่าน่าจะเป็นช่วงที่คุยถึงเรื่องนั้นได้ พระพายหันไปมองพิธานที่มองไปยังข้างหน้าราวกับกำลังปล่อยใจออกไปไกลๆ พระพายลูบไหล่ตัวเองอย่างใช้ความคิด รู้สึกลังเลไม่น้อยว่าสมควรจะพูดออกไปดีหรือไม่

        พยายามรวบรวมความตั้งใจทั้งหมดให้กลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็ดันตัวเองขึ้นไปนั่งบนขอบสระข้างๆพิธาน พิธานหันมามองอย่างแปลกใจ

“เป็นอะไร?” พิธานถาม

“เปล่านี่” พระพายส่ายหน้า

“ท่าทางหลุกหลิกแปลกๆ” พิธานยังคงสงสัย

“ไม่มีอะไรจริงๆ แค่คิดว่า..ที่นี่เงียบดี” พระพายเฉไฉไปเรื่อย พิธานไม่พูดอะไรต่อ

“เรา..มาเล่นสิบคำถามกันดีไหม?” พระพายเอ่ยขึ้น

“เล่นยังไง?”

“ก็ผมถามคุณสิบคำถาม คุณแค่ตอบคำเดียวใช่หรือไม่หรืออะไรก็ได้แค่คำเดียว เท่านั้นก็พอ”

“แบบนั้นมันจะสนุกเหรอ?” พิธานถามพลางเหล่มองพระพายอย่างรอคำตอบ เพราะเจ้าตัวดูเหมือนจะไม่มั่นใจว่าจะสนุกหรือไม่

“คิดว่านะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลย” พิธานบอก

“วันนี้ร้อนรึเปล่า”

“ร้อน”

“รำคาญเก้าไหม?”

“มาก”

“ไวน์อร่อยไหม?”

“อร่อย”

“เมารึเปล่า?”

“ไม่”


        พระพายถามคำถามที่พิธานเริ่มขมวดคิ้วเพราะมันเป็นคำถามที่ออกจะไม่มีสาระเท่าไหร่นักและเมื่อถึงคำถามต่อไปพระพายก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนถามต่อ

“มีแฟนรึยัง?” พระพายถาม พิธานเลิกตามองราวกับอึ้งนิดหน่อยที่จู่ๆก็มีเปลี่ยนหัวข้อคำถามอย่างกะทันหัน

“ยัง”

“ถ้าอย่างนั้นคุณชอบคนแบบไหน?”

“อย่างนี้คงตอบคำเดียวไม่ได้หรอก” พิธานว่า

“ตั้งแต่ข้อนี้ไปไม่จำกัดคำ พูดยาวๆได้” พระพายว่า

“ชอบคนที่...” พิธานพูดแล้วหยุดไปก่อนที่จะจ้องมองพระพาย มองนิ่งๆจนพระพายเริ่มทำตัวไม่ถูก

“เอ่อ..ชอบแบบไหนล่ะ?” พระพายย้ำคำถาม

“ก็....คนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง” พระพายยิ้มนิดๆเมื่อได้คำตอบนั้น อย่างน้อยคำตอบนี่ก็ไม่ได้เจาะจงอะไรมากและนี่เป็นครั้งแรกที่พิธานเปิดปากถึงเรื่องราวส่วนตัว

“แล้ว...มีคนที่ชอบอยู่รึเปล่า?” ในใจเริ่มเต้นรัวอย่างคนลุ้นในคำตอบ นี่เป็นคำตอบที่พระพายอยากรู้ที่สุดแล้ว

“มี”


            พิธานตอบสั้นๆ พลางมองปฏิกิริยาของพระพายถึงดูเหมือนจะหน้าหมองลงทันตาทั้งที่เมื่อครู่ยังเหมือนเบิกบานอยู่แท้ๆ พระพายรู้สึกห่อเหี่ยวทันทีราวกับคนที่วิ่งแบกเอาความหวังมาแล้วสะดุดล้มไม่เป็นท่าจนความหวังหล่นกองลงตรงพื้นก็ไม่ผิดนัก

        พระพายรู้ดีว่าการบอกชอบครั้งนี้คงจะคว้าน้ำเหลว เพราะยิ่งพิธานมีคนที่ชอบอยู่แล้วคงไม่มีทางมองใครอื่นอีกแล้ว จะเหลือเพียงสัญญาคู่นอนที่ทำไปเพียงเพราะความสนุกและสนองความต้องการเท่านั้น แต่อีกใจหนึ่งก็ฮึดขึ้นมาว่าอย่างน้อยก็ได้บอก ถึงจะไม่สมหวังแต่ก็ทำให้ตัวเองหายอึดอัดกับการแอบรักอยู่อย่างนี้ก็ยังดี

“แล้ว...ถ้ามีใครสารภาพรักคุณ คุณจะทำยังไง?” พระพายถาม ใบหน้านั้นเสมองไปทางอื่นเพราะใจนั้นกลัวคำตอบเหลือเกิน

“ก็ต้องดูว่าเป็นใคร ถ้าคนๆนั้นคือคนที่ชอบ คำตอบก็ง่ายมาก”

“แล้วถ้า...เขาไม่ใช่คนที่คุณชอบล่ะ” พระพายถามเสียงเบาลง

“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ชอบเขา” พิธานตอบกึ่งถาม

“ผมถามคุณอยู่นะ คุณต้องตอบคำถามผมสิ” พระพายแย้ง ทั้งที่ใบหน้านั้นเริ่มจะเศร้าลง

“ก็ต้องให้เขาพูดมาก่อน” พิธานตอบเช่นนั้น


        พระพายกำลังนั่งทบทวนคำตอบของพิธาน คงหมายถึงอย่างน้อยก็ลองบอกออกไปก่อน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน พระพายรวมรวมแรงใจที่เหลืออันน้อยนิดขึ้นมาอีกครั้ง หายใจเข้าแรงๆและหายใจออกช้าๆจากนั้นก็กระโดดลงสระน้ำแล้วหันไปประจันหน้ากับพิธานที่เลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าทำไมพระพายถึงลงไปในน้ำ

“แล้วไหนคำถามสุดท้ายล่ะ?”


             พิธานถามพลางสบตาของพระพายที่ยืนอยู่ในน้ำ พระพายเดินถอยห่างจากพิธานเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น เป็นคำถามสุดท้ายที่พระพายจะถาม คำถามที่จะตัดสินความรู้สึกทั้งหมดว่าจะลงเอยอย่างไร เมื่อพร้อมที่จะฟังคำตอบแล้วพระพายจึงเอ่ยถามขึ้น

“แล้วจะได้ไหม...ถ้าผมจะบอกว่าผมกำลังชอบคุณอยู่”   




Lyrics: I wanna be with you by Mandy moore   

 

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 01-04-2018 20:50:32
กี้สสสสสสสสสนุ้งพายมาแล้วววว :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 01-04-2018 20:52:43
แงงง ค้าง! บอกชอบแล้วรีบตอบตกลงคบกันเลย :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 01-04-2018 21:04:26
น้องพายยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-04-2018 21:09:55
ฟินมาก :z3: :z3: :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-04-2018 21:48:45
 :katai1: :katai1: :katai1: ว่าแล้วมันต้องจบด้วยประโยคนี้ยังไม่สะใจเลยมาต่อเลยได้ไหม  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 01-04-2018 21:54:58
กำลังลุ้นไปกับพาย จบตอนพอดี รอลุ้นต่อตอนหน้า
 :pig4:   :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-04-2018 22:06:24
 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 01-04-2018 22:57:15
กรี้ดดดดด ใจร้ายมากๆๆๆๆๆๆๆ ตัดจบฉึ่บ!!!!  :katai1:
พระพายบอกแล้วๆๆๆๆๆๆ พิธานว่าไงคะๆๆๆๆๆ o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 01-04-2018 23:36:40
โอ้ยยยยย ลุ้น!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 01-04-2018 23:46:01
พระพายยยยยยยยย o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 01-04-2018 23:49:05
บอกซักที หลังจากนี้จัดเลยพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-04-2018 01:41:57
น้องบอกแล้ว แแล้วก็ตัดชึ๊บ โอยยยย มันค้าง
 :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-04-2018 01:52:29
 :a5: o22  อย่าบอกนะว่า คำมันเกินลงต่อไม่ได้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: KawinCa ที่ 02-04-2018 04:31:30
กี้สสสสส บอกไปแล้วนะระพาย
พิธานตอบตกลงเลยค่ะ ฮืออออ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 02-04-2018 04:32:58
คำตอบมันง่ายนิดเดียวววว น้องบอกก่อนแบบนี้เข้าทางพิธานเลยค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 02-04-2018 13:29:52
ตอบตกลงเลยค่ะ~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-04-2018 17:48:55
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-04-2018 19:49:30
ไม่คิดว่าพระพายจะบอกก่อนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-04-2018 20:44:33
กลับมาตอบคำถามก๊อนนนน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 02-04-2018 22:03:55
ตอบก๊อนนนนนนน ค้างสุด ลุ้นจนเหนื่อยแล้วจ้าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-04-2018 23:16:02
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-04-2018 15:16:13
ไม่บอกก็รู้ว่าใจสองคนนี้ตรงกันอยู่แล้วว :impress2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-04-2018 20:37:58
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 27 (01/04/18) P. 14 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 04-04-2018 11:27:41
ลุ้นนนมากกกก :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 07-04-2018 09:49:10
สวัสดีค่า  :katai2-1: มาต่อตอนต่อไปแล้วนะคะ คงค้างกันใช่ไหม มาอ่านต่อกันเลยเนอะ  o18 ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ อา....ไม่รู้จะคุยอะไรต่อแล้ว เอาเป็นว่าฝากติดตามกันต่อไปนะคะ ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าคำว่าขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันนะคะ อยากให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆเลยค่ะ สุดท้ายท้ายสุด คนอ่านโปรดรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ รัก  :กอด1: ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :pig4:


++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 28 Say you love me.


Say it again
พูดมันอีกครั้ง
I wanna know that you mean it, this time
ฉันอยากรู้ว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆในตอนนี้
Say it again
พูดมันอีกสิ
I know that I should believe it,but I
ฉันรู้ดีว่าควรจะเชื่อมัน แต่ฉันเอง
Never thought someone would love me like you, say you do
ก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะมีใครรักฉันอย่างเช่นคำพูดและการกระทำของคุณ
Say it again, and I'll say it back to you
เช่นนั้นพูดมันอีกครั้งและฉันจะตอบกลับไปว่ารักคุณเช่นกัน


“แล้วจะได้ไหม...ถ้าผมจะบอกว่าผมกำลังชอบคุณอยู่”   


             พระพายถามคำถามออกไปแล้วและรีบก้มหน้าปิดตาแน่นรอคำตอบนั้นอยู่อย่างใจจดในจ่อ ในใจนั้นนึกภาพไปถึงเก้าที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนปลอบใจเพราะมั่นใจว่าต้องอกหักแน่

“พระพาย...นาย...” พิธานนิ่งไปอย่างตกตะลึงในคำถามสุดท้ายของพระพาย คำถามนั้นทำเอาพิธานชะงักจนเกือบจะลืมหายใจ

“นาย...ชอบฉัน” พิธานทวนคำถามนั้นด้วยดวงตาที่ตื่นอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเช่นนี้

“ผมชอบคุณ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่และไม่รู้ยังไง แต่รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปแล้ว” พระพายพูดเสียรัวเร็วทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

“แล้วที่บอก...ว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ?” พิธานถามสิ่งที่เฝ้าคิดมาตลอดคือการที่พระพายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว

“คนนั้น..ก็คุณนั่นแหละ”


        ทันที่พระพายเฉลย พิธานอ้าปากค้าง ใบหูแดงก่ำแน่นอนว่าพิธานตกใจและไม่คาดคิดว่าก่อนว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าเพราะคำสารภาพนั้นทำเอาพิธานหลุดอายออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เอ่อ..”พระพายทำท่าจะพูดพลางเงยหน้าขึ้นมาแต่พิธานกลับร้องขึ้น

“อย่าเงยหน้าขึ้นมา” พิธานบอก

“ทำไม?”

“บอกว่าอย่าเงยหน้าขึ้นมา!!” พิธานร้องบอกเสียงดัง พระพายที่ยิ่งหวั่นใจอยู่แล้วก็ยิ่งหวั่นเข้าไปอีก

“ขอโทษ รู้ว่าคุณไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ขอร้อง...อย่าเกลียดกันเลย” พระพายว่า


             รู้สึกแน่นในอกจนเหมือนจะหายใจไม่ออก แค่นี้ก็รู้แน่ชัดแล้วว่าพิธานไม่ได้คิดแบบเดียวกันและคงจะเกลียดกันไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองเลยเสียด้วยซ้ำฟังจากคำพูดเมื่อครู่นี้

“ไม่ได้เกลียด” เสียงนั้นดูสั่นไปนิดๆในความรู้สึกของพระพาย

“แล้ว..ทำไมถึงไม่ยอมให้เงยหน้าล่ะ” พระพายถาม รู้สึกอยากจะหายตัวไปเสียตั้งแต่ตรงนี้

“ไม่อยาก...ให้นายเห็นฉันในตอนนี้” พิธานบอกเสียงเบาผิดกับเมื่อครู่นี้มาก พระพายเงียบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น..พิธานกำลังหมายถึงอะไรกันแน่

“ไม่ได้โกหกใช่ไหม?” พิธานถาม เสียงยังคงเบาจนพระพายต้องเงี่ยหูฟัง

“ว่าอะไรนะ?”

“ถามว่าไม่ได้โกหกใช่ไหม?”

“มะ..ไม่ได้โกหก มันคือความจริง” พระพายตอบเสียงดังฟังชัด

“บอกอีกครั้งได้ไหม?” พิธานพูด

“หืม?” พระพายกำลังสับสนว่าต้องการให้จะให้พูดอะไร

“พูดอีกทีว่าคิดยังไงกับฉัน”

“ผม...ชอบคุณ”

“พูดอีก...”

“ชอบ....คุณ”

“อีกครั้ง”


        พิธานที่พูดอยู่อย่างนั้นและก้าวลงสระน้ำพลางเดินไปหาพระพายที่ยืนก้มหน้าอยู่ พระพายนั้นรู้แล้วว่าตอนนี้พิธานกำลังเดินเข้ามาหา เพราะเสียงน้ำเคลื่อนไหวและปลายเท้าของพิธานที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้า

“เอ่อ...” พระพายเริ่มรู้สึกอายขึ้นมาดื้อๆเพราะตอนนี้พิธานมายืนอยู่ตรงหน้า ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของพิธานที่อยู่ใกล้ๆแถวปลายผม

“พูดสิ” พิธานกระซิบเบาๆข้างหู

“ผมชอบคุณ”


        คราวนี้พระพายเสียงดังชัดเจน อายจนชนิดจิกบิดกางเกงขาสั้นเสียแน่น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพบว่าพิธานนั้นหูแดงก่ำอีกทั้งใบหน้านั้นมีริ้วแดงๆอยู่

“เงยหน้าขึ้นมาทำไม?” พิธานถามพลางสบสายตามองพระพายที่ยังคงจดจ้องใบหน้าของพิธานอยู่อย่างนั้น

“คุณ...อายเหรอ?” พระพายไม่อยากจะเชื่อสายตาสักนิดที่เห็นพิธานผู้เย็นชาและวางมาดตลอดจะอายเพียงเพราะเขาบอกว่าชอบ

“ก็เพราะแบบนี้ไงเลยไม่อยากให้นายเงยหน้าขึ้นมา” พิธานบอกก่อนที่จะดึงพระพายเข้ามาอีกจนใกล้เสียตัวชิดติดกัน

“ ชอบฉันจริงๆใช่ไหม?” พระพายพยักหน้าเป็นคำตอบ

“ทั้งๆที่ตอนเจอกันครั้งแรกมันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่น่ะเหรอ?” พิธานถาม พระพายรู้ดีว่าพิธานคงหมายถึงตอนที่ถูกถ่ายคลิปแบล็คเมล์แน่นอน

“ตอนนั้นผมยอมรับนะ ผมออกจะเกลียดคุณด้วยซ้ำ คุณตอนนั้นชั่วร้ายสุดๆไปเลย”


             พระพายยอมรับอย่างตรงไปตรงมา พิธานในตอนนั้นดูร้าย เย็นชาและไม่น่าคบหาเลยสักนิด อีกทั้งทำเรื่องไม่น่าอภัยอย่างการขู่บังคับให้ทำเรื่องที่น่าอายขนาดนั้นอีกด้วย หากใครโดนด้วยตัวเองคงไม่มีใครทำใจยอมรับเรื่องเช่นนั้นได้แน่นอน
“ก็รู้อยู่หรอก” พิธานยอมรับ

“คุณตอนนั้นไม่น่ารักสักนิด ชอบทำให้ผมอายและกลายเป็นคนชอบเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว” พระพายเริ่มปลดปล่อยคำพูดออกมาเรื่อยๆ

“ใครจะไปคิดว่าผมจะเผลอชอบคนที่ทำแบบนั้นกับตัวเองได้” พระพายพยายามพูดถึงสิ่งที่ตัวเองเฝ้าคิดมาตลอด

“แต่ไม่รู้ทำไมพอรู้ตัวอีกที ผมกลับเริ่มคิดแต่เรื่องของคุณ” พิธานพยักหน้านิดๆอย่างรับฟัง พระพายนั้นดูจะลนลานมากขึ้นเมื่อเริ่มพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง

“พอคิดก็เริ่มเห็นว่าคุณ..ดูเปลี่ยนไป ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าคุณใจดีขึ้น มันมีอะไรหลายๆอย่างที่คุณทำ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าคุณคิดยังไง แต่ผมกลับคิดไปแล้ว”

“ไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไรอยู่ หลายครั้งผมก็เข้าข้างตัวเองว่าคุณก็น่าจะชอบผมบ้าง” แววตาดูสับสนจนพิธานยิ่งสนใจในท่าที่ของคนที่กำลังพูดเพราะไม่เคยเห็นมันมาก่อน

“แต่ถ้าคุณไม่คิดแบบนั้นผมก็ขอโทษด้วยแต่สัญญาระหว่างเรา ผมจะทำมันต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ ระหว่างนี้ก็ช่วยๆลืมไป” พระพายพรั่งพรูคำพูดออกมา แต่คำพูดเหล่านี้นั้นก็ไม่ถึงครึ่งที่รู้สึกมาโดยตลอด พิธานมองพระพายอย่างพิจารณา

“ต่อไปถึงตาฉันตอบคำถามแล้ว” พิธานว่า พระพายกลั้นหายใจเตรียมพร้อมรับฟังสิ่งที่จะตัดสินว่าเรื่องราวมันจะเป็นเช่นไรต่อไป

“ขอโทษ”


        พิธานพูดคำนั้นออกมา  พระพายรู้สึกเหมือนความหวังดับวูบลงทันที แน่ชัดแล้วว่าพิธานไม่ได้คิดอย่างเดียวกัน จบแล้วกับความรู้สึกข้างเดียว ตอนนี้ร่างกายหนักหน่วงเหมือนอะไรสักอย่างแตกสลายจากภายใน

“ก็คิดอยู่แล้วล่ะว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ขอบคุณที่รับฟัง”


              พระพายว่าก่อนที่จะรวบรวมความรู้สึกที่หน่วงไปทั้งกายและใจ เดินหันหลังให้พิธานเพื่อจะออกไปจากที่นี่ตรงนี้ แม้จะบอกว่าตัวว่าไม่ได้คาดหวัง แต่แท้จริงแล้วพระพายก็คาดหวังมันอยู่ดี คาดหวังว่าอย่างน้อยพิธานจะให้โอกาสให้อยู่ข้างๆหรือแค่ให้เวลาศึกษากันสักหน่อย แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่อย่างคิด ความผิดหวังนั้นจึงเกาะกินใจทันทีที่ความหวังพังทลาย


              แผ่นหลังที่ดูจะห่อเหี่ยวนั้นหันหลังเดินออกไป พิธานส่ายหน้านิดๆก่อนที่จะก้าวขาไปและดึงพระพายมากอดไว้ พระพายเบิกตาโตขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าตอนนี้กำลังถูกพิธานกอด ความอุ่นวาบเกิดขึ้นในใจราวกับกำลังจะมีความหวังอีกครั้ง

“ฟังให้จบก่อนสิ” พิธานว่า พระพายจึงยืนนิ่งเพื่อรอฟังอย่างที่พิธานบอก

“ขอโทษ...ที่ทำเรื่องแบบนั้นตอนเจอกันครั้งแรก”


        นี่คือสิ่งที่พิธานบอก คำขอโทษที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของพิธาน เป็นคำขอโทษถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว พระพายไม่คิดเลยว่าพิธานจะคิดถึงเรื่องพวกนี้ ทั้งๆที่ในตอนนั้นพิธานทำทุกอย่างด้วยสีหน้าและคำพูดที่ร้ายกาจขนาดนั้นแท้ๆ

“ฉันรู้ดีว่ามันช้าไปที่มาขอโทษเอาตอนนี้ แต่ตอนนั้นฉันทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของนายเลยสักนิด” แม้จะฟังแล้วดูแปร่งๆแต่พระพายก็ยังยืนฟังต่อไป

“ที่ผ่านมาฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ต้องการและไม่เคยนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลยสักนิด...แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกลับรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับนาย”

“และยิ่งไปกว่านั้น...ฉันกลับเริ่มชอบนายโดยที่ไม่รู้ตัว”


        คำว่าชอบเป็นคำที่ทำเอาพระพายอ้าปากค้าง ตาโตขึ้นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่..แปลว่า..พิธานก็คิดเหมือนกันอย่างนั้นหรือ นี่คือสิ่งที่พิธานกำลังบอกจริงๆหรือ

“คุณ...ชอบผม?” พระพายดึงมือพิธานออกก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เพิ่งบอกถึงความรู้สึกที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากนั้นจริงๆ

“ใช่” พิธานยืนยันอย่างหนักแน่นจนพระพายกัดปากตัวเองอย่างอดกลั้นความรู้สึกที่กำลังพองโตในใจ

“แล้ว..แล้วทำไมไม่บอกล่ะ?” พระพายถามด้วยความรวดเร็ว

“ฉันไม่กล้าบอกเพราะกลัวนายไม่ได้คิดแบบนั้นกับฉันและยิ่งนายบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วฉันเลยไม่รู้จะทำยังไงดี”

“ปกติคุณชอบบังคับนี่ ทำไมครั้งนี้ไม่คิดจะบังคับผมล่ะ?” พระพายถาม

“เพราะไม่อยากบังคับนายแล้ว ไม่อยากทำร้ายจิตใจนายอีกแล้ว”


             พิธานว่าพลางจ้องมองพระพายก่อนที่จะดึงให้พระพายเข้ามาใกล้ๆ มือนั้นโอบหลังของพระพายให้เข้ามาแนบชิดอีกครั้งก่อนที่จะก้มลงจูบขมับของพระพาย กดจูบลงไปราวกับจะย้ำถึงความรู้สึกที่กำลังบอกอยู่ในตอนนี้

“เป็นแฟนกับฉันไหม?” พิธานเอ่ยขอ


              พระพายใจเต้นรัวเร็วเมื่อถูกจูบเช่นนั้น อีกทั้งคำขอเป็นแฟนที่ได้ยินชัดเต็มสองหู พิธานผละออกมาพร้อมจ้องมองเข้าไปในสายตาของพระพายที่สุกวาวเพราะรู้สึกดีใจจนดวงตาเริ่มพร่า


              รู้สึกว่าบรรยากาศหวานๆฟุ้งไปรอบกาย เหมือนเคยเห็นในการ์ตูนรักหวานโรแมนติกที่เพื่อนผู้หญิงในมหาวิทยาลัยอ่านกัน เวลาพวกนั้นอ่านหรือดูอะไรทำนองนี้ชอบทำตัวบิดม้วนอย่างเขินอาย ซึ่งพระพายไม่ค่อยเข้าใจนักว่าจะอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้รู้ซึ้งด้วยตัวเองแล้ว...ช่างน่าเขินอายจนอยากกลิ้งตัวม้วนหน้าเลยทีเดียว

“ว่ายังไง?” พิธานถามย้ำ พระพายที่คิดไปไกลจึงดึงตัวเองกลับมาเพราะต้องตอบคำถามที่ทำเอาใจเต้นแรงจนเหมือนเจ้าจะเข้า

“ครับ” พระพายตอบเช่นนั้น พิธานยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่พระพายถึงกับต้องยิ้มตาม เป็นรอยยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่พระพายเคยเห็นมาตั้งแต่อยู่กับพิธาน


        พิธานค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าไปหาพระพายทั้งที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะจูบลงบนริมฝีปากของพระพาย คนถูกจูบหลับตาพร้อมแหงนหน้ารับจูบนั้นอย่างยินยอมและพร้อมใจ ความรู้สึกในจิตใจช่างพองโตเสียจนกลัวว่าระเบิดออกมา ไม่คาดคิดเลยสักนิดว่าจะใจตรงกันทั้งๆที่การเจอกันครั้งแรกนั้นไม่น่าประทับใจอีกทั้งมีแต่ความร้ายของพิธานล้วนๆ

        จูบอยู่เนิ่นนานจนพระพายต้องบีบแขนของพิธานเพื่อบอกให้หยุดได้แล้ว พิธานจึงยอมหยุดแต่โดยดี นี่เป็นความแปลกใหม่ที่พิธานนั้นยอมฟังที่พระพายบอกอย่างชัดเจน

“แล้วสัญญาสองเดือนล่ะ?” พระพายถามพร้อมอมยิ้ม

“ร่างสัญญาต่อไหมล่ะ แต่คราวนี้ไม่มีสิ้นสุด” พิธานว่า พระพายถึงกับหัวเราะออกมา

“ต้องร่างยังไงล่ะ?”

“ทำเหมือนที่เจอกันครั้งแรกไง” พิธานว่า สายตากรุ้มกริ่มจนพระพายถึงกับเริ่มหวั่น

“ขออยู่ในโหมดนี้ก่อนได้ไหม?” พระพายขอ

“โหมดนี้มันยังไง?”

“โหมดแบบใสๆไม่มีเรื่องแบบนั้นน่ะ” พระพายว่า พิธานหัวเราะหึทันที

“ฉันเคยทำเรื่องใสๆกับนายเหรอ?”

“เคยสิ คุณแค่ไม่รู้ตัวหรอก”

“ฉันไม่เคยทำหรอกและทำไม่เป็นด้วย”


              พิธานบอกเช่นนั้นก่อนที่จะสบตาของพระพาย สายตาหวานเชื่อมที่พิธานส่งมานั้นทำเอาใจเต้นระส่ำ ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะได้เห็นพิธานด้วยสายตาเช่นนี้ อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆว่าอายมากจนจะบ้าแล้ว อายจนเกินกว่าผู้หญิงคนไหนเป็นเสียด้วยซ้ำไป

“ไหนบอกว่าทำไม่เป็น แล้วนี่อะไร” พระพายบ่นอุบด้วยเสียงเบาๆ

        พิธานไม่ว่าอะไร ก่อนที่จะจับมือของพระพายขึ้นมาพร้อมกับจูบลงบนหลังมือ พระพายมองภาพนั้นอย่างรู้สึกใจแกว่ง เป็นจูบที่เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่จูบธรรมดา

“ฉันทำตามความรู้สึกที่มีให้นายต่างหาก”

“กลับไปหน้านิ่งเหมือนเดิมก็ได้นะ” พระพายว่า เพราะพิธานที่กำลังยืนตาหวานเยิ้มนี่ทำเอาไม่คุ้นชินเสียเลย

“ฉันก็เป็นฉัน จะมุมไหนก็ยังเป็นพิธานของนายอยู่ดี” พิธานว่าก่อนที่จะดึงพระพายมากอดไว้ พระพายกอดตอบพร้อมโยกตัวพิธานเบาๆอย่างรู้สึกดีใจเสียมากมาย

“ไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นยังไง แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด” พระพายบอกเช่นนั้น พิธานจึงผละออกมาพร้อมมองหน้าของพระพายที่กำลังยิ้มอยู่

“ฉัน..ไม่ใช่คนดีอะไรซึ่งนายก็รู้” พิธานบอก

“ก็พอจะรู้อยู่หรอก” พระพายพยักหน้าอย่างรู้ดีถึงข้อนั้น

“ฉันเป็นคนยึดติดและขี้หวง นายอาจจะรำคาญขึ้นมาในวันใดวันหนึ่งก็ได้” พิธานเอาแต่พูดถึงข้อเสียของตัวเอง

“ผมเองก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่รู้ว่าคนที่เขาเป็นแฟนต้องทำยังไงกันบ้าง เลยอยากให้คุณบอกผมว่าต้องการแบบไหนยังไง ผมพร้อมจะทำได้ทุกเมื่อ”

“ไม่ต้องหรอก แค่เป็นนายในแบบนี้ก็พอแล้ว” พิธานว่าพลางลูบหัวไหล่ของพระพายเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้นมีเรื่องหนึ่งที่อยากขอร้อง ถ้าวันหนึ่งคุณไม่อยากคบกับผมต่อไปแล้ว ขอให้บอกกันตรงๆ” พระพายขอคำสัญญาจากพิธาน สายตานั้นดูจริงจังมาก

“ถ้าวันนั้นมาถึงฉันจะบอก แต่ฉันบอกนายได้ว่าฉันไม่เคยคบซ้อนหรือนอกใจใคร เรื่องนี้ขอให้นายเชื่อใจฉันได้” พิธานพูดราวกับจะให้คำสัญญาถึงการจะคบกันในต่อจากนี้ไป

“จะจริงเหรอ?” พระพายถามพลางเหล่ตามองพิธานอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ไม่เชื่อก็ถามไค แต่บอกไว้เลยถ้านายนอกใจฉันศพไม่สวยแน่” พิธานพูด


             แววตาที่ดูวับวาวนั้นกำลังบอกว่านี่คือความจริงและจะทำอย่างแน่นอนหากมีการนอกใจเกิดขึ้น พระพายกลืนนั้นลายลงคออย่างหวั่นใจ

“ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม?” พระพายถาม

“สายไปแล้ว พระพาย”


        ถูกเรียกชื่อเช่นนั้นก่อนที่จะที่โดนฉกจูบอีกครั้ง คราวนี้พิธานอุ้มพระพายขึ้นมาจากน้ำและบดจูบด้วยความรวดเร็ว พระพายผวารีบโอบรอบคอของพิธานในทันที จูบไปเรื่อยอย่างเร่าร้อนและพาเดินไปยังขอบสระก่อนที่จะดันให้พระพายนั่งลงและผละออกมา

“จากนี้จะฉลองการเป็นแฟนกันละนะ” พิธานว่า

“เดี๋ยวสิ ขอโหมดหวานอีกนิดก็ยังดี” พระพายร้องขึ้นพลางดันพิธานที่จะเข้าหาอีกครั้ง

“ก็นี่ยังอยู่ในโหมดหวานไง?” พิธานว่าพลางยิ้มกริ่ม

“นี่มันโหมดหื่นชัดๆ” พระพายเถียงทันที

“หวานสิ รับประกันเลย” พิธานว่าก่อนที่จะดันตัวเองขึ้นจากสระแล้วลากพระพายให้ลุกขึ้น

“หยุดก่อน!!!” พระพายไม่เชื่ออย่างแน่นอน เพราะแววตาเจ้าเล่ห์นั้นบ่งบอกได้ดีว่าเรื่องต่อจากนี้คือเรื่องหื่นๆแน่นอน

“ทำไมล่ะ จะไม่เข้าห้องเหรอ?” พิธานถาม

“คือมันเปียก...” พระพายว่าพลางก้มมองลงกางเกงขาสั้นของตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นตรงนี้เลยก็แล้วกัน..”

“หา!! นี่มันข้างนอกนะ” พระพายร้องเสียงหลงทันที

“ก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน คงน่าตื่นเต้นว่าไหม?” พิธานดูจะสนใจมันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะแววตาดูเหมือนตอนดึงของเล่นออกมาจากกล่องหรรษานั้นไม่มีผิด

“แต่..อาจจะมีใครมาเห็นนะ”

“นี่มันพื้นที่ส่วนตัว ใครจะมาเห็นล่ะ” พิธานหาเหตุผลให้พระพายไม่คิดมาก

“มันจะดีจริงๆเหรอ?” ไม่วายพระพายยังคงหวั่นใจอยู่

“ดีสิ เดี๋ยวนายจะชอบจนร้องเสียงอ่อนอยู่ดีนั่นแหละ” การฉลองเป็นแฟนของทั้งสองคนเริ่มตรงที่สระน้ำในทันที...



Lyrics: Say it again by Frances
 

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 07-04-2018 09:59:29
ฉลองการเป็นแฟน ที่ริมสระเลย ร้อนแรงมากกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 07-04-2018 10:12:07
กรี๊ด เค้าเป็นแฟนกันแล้ว :mc4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 07-04-2018 10:24:47
ขอฉากข้างสระว่ายน้ำค๊ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-04-2018 10:29:35
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 07-04-2018 11:52:14
ขอฉากข้างสระแบบละเอียดค่ะ :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 07-04-2018 13:18:43
ฮืออออ ขอฉากฉลองด้วยค่ะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-04-2018 13:34:21
มีมุมมีรูตรงไหนให้แอบดูได้บ้างคะ อยากเป็นสักขีพยานขอวทั้งคู่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-04-2018 14:17:03
เราอยากอยู่ร่วมการฉลองเป็นแฟนของทั้งสองคน  :hao6: :hao6: :hao6: ขอติดขอบสระเลยนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-04-2018 14:30:45
ไปเกาะขอบสระดูความหวาน :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 07-04-2018 14:46:54
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว กรี๊ดๆๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 07-04-2018 18:48:51
แงงงงงงงงงไม่นกแล้ว เป็นแฟนกันแล้วฮืออออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 07-04-2018 18:49:28
หูยยย โหมดหวานก็หวานซ๊าาาา
แต่ชอบสุดก็โหมดหื่นนี่แหละโฮะๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-04-2018 20:12:35
แหม่...หวานได้ทุกที่ทุกเวลา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 07-04-2018 22:34:08
กว่าจะบอกว่าใจตรงกันได้ ลุ้นตัวโก่ง พอบอกไปแล้ว ก็ต้องเกาะขอบสระรอฉากริมสระอี้กกก  :serius2: แงงง มาต่อไวๆนะคะ คุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-04-2018 00:12:10
ขอตามไปเก็บภาพบรรยากาศที่ว่าหวานหน่อยนะ  :m24:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 08-04-2018 01:03:22
บ๊ะ :oo1: :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 08-04-2018 15:01:41
หวานกว่านี้ไม่ไหวแล้วค่าาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-04-2018 18:01:06
เอ๊าาาาา คำตอบล่ะ ๆๆๆ กลับมาก๊อนนน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: KawinCa ที่ 08-04-2018 19:53:30
อู๊ยยยยยยยยยยยย โหมดหวานนี่หวานจนรังมดแดงแตกเลยข่ะ 55555
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว เย้ๆๆๆ จุดพลุฉลอง ความใจตรงกันนี้
หลังจากนี้จะไม่มีดราม่าอะไรใช่มั้ยคะ พนมมือกราบไรท์55555
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 08-04-2018 23:12:34
งื้ออออ เรากลับมาอีกที เค้าก็เป็นแควนกันแล้ว(พิมพ์ผิดด้วยความอิจฉา><)
เป็นฉากสารภาพรักที่น่ารักมาก ก.ไก่ล้านตัว
คนนิ่งๆแบบพิธาน พอบทจะหวานก็ทำเอาพายไปไม่เป็นเลย และคาดว่าน่าจะอ่อนระทวยอยู่ริมสระอีกเป็นนาน

พอห้องนี้สมหวัง ก็เริ่มอยากรู้สถานการณ์ดวลไวน์ห้องใกล้ๆกันแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง>////<
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 10-04-2018 12:09:12
เขินนน เขาเป็นแฟนกันแล้ววว :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 12-04-2018 14:12:48
ง่อว หวานจะไปหื่นล่ะ   :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 12-04-2018 18:36:35
ฟินนน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 28 (07/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 14-04-2018 02:44:05
ในที่สุดก็คบกันแล้วว ฮือออลุ้นมานานมาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 14-04-2018 13:13:08
สวัสดีค่ะ มาลงตอนต่อไปให้แล้วค่ะ หลายคนคงว้าวกับพิธานโหมดนั้นในตอนที่แล้วเนอะ แต่ยังไงพิธานก็คือพิธานเหมือนเดิม  :laugh: พระพายของเราคงจะไหวเนอะรอบนี้  o18 เอาล่ะค่ะ ไปอ่านกันเลยเนอะ เช่นเคยค่ะ ถ้าคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ และสวัสดีปีใหม่วันสงกรานต์ไทยค่ะ เล่นน้ำให้สนุกและปลอดภัย ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ รัก  :กอด1: ไว้เจอกันค่ะ

++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 29 The best night.


Baby, tonight’s the night I let you know
ที่รัก คืนนี้ฉันจะทำให้เธอได้รู้
Baby, tonight’s the night we lose control
ที่รัก คืนนี้เราจะควบคุมตัวเองไม่ได้
Baby, tonight you need that, tonight believe that
ที่รัก เธอมีความปรารถนาในคืนนี้ เชื่อสิ
Tonight I’ll be the best you ever had
คืนนี้จะเป็นคืนที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา
I don’t wanna brag, but I’ll be
ฉันจะไม่อวดหรอก แต่ฉันจะเป็นอย่างนั้น
The best you ever had
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเธอ


        บรรยากาศรอบข้างเงียบเชียบแต่ผิดกับเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามเสียงดังของพระพายที่กำลังถูกพิธานป้อนจูบอยู่ ตอนนี้พระพายนั่งลงที่ขอบสระโดยพิธานลงไปยืนในสระน้ำอีกครั้ง รู้ดีว่าที่ตื่นเต้นมากมายขนาดนี้คือสองสิ่งด้วยกันคือหนึ่ง นี่เป็นการทำเรื่องอย่างว่าครั้งแรกที่ไม่ใช่ในห้องนอนแต่เป็นนอกสถานที่ ซึ่งมันน่ากลัวและน่าลองในขณะเดียวกัน สองคือสถานะตอนนี้ ที่ไม่ใช่แค่คู่นอนอีกแล้วแต่เป็นแฟนกัน แน่นอนว่าความรู้สึกมันอัดแน่นและตื่นเต้นเพราะความรู้สึกที่ตรงกันของทั้งสองคน อีกทั้งพิธานที่ดูจะน่ารักขึ้นทันตาในความรู้สึกของพระพาย

        เสียงจูบนั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับที่ทั้งสองคนต่างจูบตอบกันอย่างไม่ละลด พระพายโอบรอบคอของพิธานก่อนที่จะกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆเพราะความรู้สึกเริ่มพลุ่งพล่าน มือของพิธานนั้นถอดกางเกงขาสั้นของพระพายออกโดยที่พระพายก็ให้ความร่วมมือด้วยการขยับสะโพกให้ง่ายต่อการถอดมากยิ่งขึ้น ตอนนี้พระพายจึงเปลือยเปล่า แต่พิธานยังคงมีชั้นในสีดำติดอยู่ ทันทีที่ถอดกางเกงออกได้พิธานก็อุ้มพระพายลงมายืนอยู่ในสระน้ำด้วยกัน

        อาจจะเพราะน้ำในสระที่ออกจะอุ่นๆทำให้พระพายรู้สึกว่าไม่ได้ขัดหรือค้างต่ออารมณ์ที่กำลังขึ้นสูง พิธานผละออกมาจากริมฝีปากของพระพาย ก่อนที่จะแลบเลียลำคอและแผ่นอกของพระพายอย่างรวดเร็วโดยที่พึมพำอะไรสักอย่างจนพระพายต้องเงี่ยหูฟัง

“ถ้าทำในสระมันไม่ค่อยสะอาด ถุงยางก็อยู่ในห้องด้วย”

            พิธานพูดเช่นนั้นแน่นอนว่าพระพายที่ได้ยินก็ทำท่าจะชะงัก จะให้ทำโดยไม่มีถุงยางอนามัยก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยอีกทั้งถุงยางอนามัยมันอาจจะขาดได้หากทำกันในน้ำ พิธานนั้นยังคงห่วงความปลอดภัยและก็ดูจะเป็นห่วงใยตัวของพระพายด้วยเช่นกัน

“ไปทำที่ห้องดีกว่าไหม” พระพายบอกอย่างอายๆ

“เสียดายทั้งที่นายตื่นเต้นขนาดนี้” พิธานว่าพลางใช้มือลูบแกนกายของพระพายที่ชูชันอย่างต้องการปลดปล่อย การเปลือยในสระน้ำเช่นนี้ให้ความรู้ต่างกว่าในอ่างอาบน้ำมาก

“เอาที่ปลอดภัยดีกว่า” พระพายว่า

“ถ้าอย่างนั้นขออีกนิด” พิธานบอกก่อนที่จะใช้มือรูดรั้งส่วนนั้นของพระพายอย่างรวดเร็วพร้อมกับจูบพระพายไปด้วย เพื่อให้พระพายคลายจากความต้องการสักเล็กน้อยก็ยังดี


        เสียงขยับนั้นแม้จะเบาแต่ก็ดังไม่น้อยเมื่ออยู่ท่ามกลางความเงียบ พระพายร้องอู้อี้เพราะถูกพิธานจูบปิดปาก รู้สึกดีจนรู้สึกอยากจะให้ถึงจุดนั้นเร็วๆ เพราะบรรยากาศมืดๆ ไฟสีเหลืองนวลที่เปิดใกล้สระน้ำ พิธานที่ยืนอยู่ในน้ำกำลังทำเรื่องอย่างว่าให้ ทั้งการถูกรูดรั้งส่วนนั้นในน้ำอย่างนี้ ทุกๆอย่างที่อยู่รายล้อมเป็นตัวกระตุ้นชั้นยอด การทำนอกสถานที่มันชวนตื่นเต้นเร้าใจแบบนี้นี่เอง พิธานยกขาพระพายข้างหนึ่งขึ้นเกี่ยวเอวของพิธานไว้และดันตัวเข้าหาพร้อมให้ส่วนกลางของร่างกายถูไถส่วนนั้นของพระพายพร้อมรูดไปพร้อมกัน

“อื้อ...”

             พระพายรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะออกมาอยู่นอกอก พลางขยับเอวเข้าหาพิธานอย่างต้องการเช่นกัน ไม่นานนักพระพายก็ปลดปล่อยออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวและของเหลวนั้นก็ปะปนไปกับน้ำในสระแล้ว และพระพายไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าพิธานเองได้ปล่อยมันออกมาหรือไม่

“เป็นยังไง รู้สึกดีไหมได้ทำเรื่องแบบนี้นอกห้อง?” พิธานถามพลางยิ้มกริ่ม พระพายหน้าแดงใส่พิธานเป็นคำตอบ

“ไปต่อที่ห้องดีกว่า” พิธานว่า


             ทั้งสองคนกลับมาเข้าในห้องในสภาพที่เปียก พระพายนั้นเปลือยเข้าห้องมาโดยที่พิธานที่มีแค่ชั้นในตัวเปียก ทั้งคู่เดินไปยังห้องฝักบัว พิธานจัดการถอดชั้นในของตัวเองออก

        ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า พิธานเปิดฝักบัวเพื่อล้างตัวของพระพายและของตัวเองพอเป็นพิธี พระพายไม่กล้ามองตรงๆเลยว่าส่วนนั้นของพิธานจะเป็นอย่างไร แต่แค่หางตาก็เห็นแล้วว่าส่วนนั้นดูจะแข็งตึงไม่น้อย

             เมื่อล้างตัวเสร็จพิธานจึงดึงผ้าเช็ดตัวยื่นให้พระซับน้ำเช็ดตัวให้แห้งจากนั้นก็หันมาเช็ดตัวเองพร้อมพันเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ

“ออกมาได้แล้ว” พิธานว่า พระพายจึงเดินออกมาพร้อมพันผ้าเช็ดตัวเช่นเดียวกับพิธาน


        ที่ทำกันข้างนอกที่ริมสระน้ำนั้นยังใจเต้นแรงไม่หายและเมื่อเข้าถึงห้องก็ต้องทำกันต่ออย่างแน่นอน แม้จะเคยมีอะไรด้วยกันมาก็หลายครั้ง แต่ครั้งนี้กับใจเต้นรัวแปลกๆ ราวกับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งๆที่เลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ท่าทางพร้อมอุปกรณ์ของเล่นก็ทำกันมาเยอะแล้ว แต่ครั้งนี้พระพายกับรู้สึกต่างออกไป กำลังถามใจตัวเองว่าเพราะอะไรถึงตื่นเต้นกว่าครั้งไหนๆหรือเพราะสถานะตอนนี้ไม่ใช่แค่คู่นอนอีกต่อไปแล้วแต่กลายเป็นแฟนกันเลย เลยพาลตื่นเต้นไปหมดเช่นนี้

“เป็นอะไร?”

             พิธานถามพระพายที่ตอนนี้กำลังนั่งลงบนเตียงนอนนุ่มโดยที่พิธานเองก็นั่งลงข้างๆ พิธานคงจะสังเกตได้ว่าท่าทางของพระพายแปลกๆไป

“ตื่นเต้นเหรอ?”

“มะ..ไม่ใช่” พระพายตอบตะกุกตะกัก

“จะจริงเหรอ ขอลองพิสูจน์หน่อย”


        พูดจบพระพายถูกดันให้นอนลงพร้อมดึงผ้าเช็ดตัวให้คลายออก แน่นอนว่าพระพายหน้าตาแดงก่ำพลางยึดผ้าเช็ดตัวเอาไว้อย่างเหนียวแน่นจนพิธานหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไหนว่าไม่ตื่นเต้น หน้าแดงจนถึงคอขนาดนี้” พิธานว่า

“อย่าเพิ่งทำนะ” พระพายร้องขึ้น

“ขอเหตุผลก่อน ทำไมถึงต้องขอเวลา?”

“ก็คนมัน....ทำตัวไม่ถูก” ในที่สุดพระพายก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้กำลังตื่นเต้นอย่างที่พิธานว่าจริงๆ

“ฉันอยากให้นายเป็นตัวของตัวเอง ถ้านายไม่อยากจะทำตอนนี้ ค่อยทำกันวันหลังก็ได้” พิธานว่าพลางดีดหน้าผากพระพายเบาๆ

“ได้เหรอ แต่ว่าคุณก็...” พระพายรู้ดีว่าตอนนี้พิธานเองก็ต้องการปลดปล่อยเพราะเห็นได้จากในห้องน้ำเมื่อครู่นี้

“ไปแต่งตัว นอนกันเถอะ”


        พิธานลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้า พระพายที่นอนลงบนเตียงก็รีบลุกขึ้นอย่างงงๆ ที่พิธานไม่บังคับอีกทั้งใช้คำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกดีจนบอกไม่ถูก พระพายมองดูพิธานกำลังสวมกางเกงและสวมเสื้อ ตัวเองจึงเดินไปใส่เสื้อยืดกับกางเกงบ้าง


        ในใจนั้นกำลังคิดอย่างแรงกล้าว่าคืนนี้จะไม่ทำกันต่อจริงๆหรือ พระพายมองพิธานที่เดินไปปิดไฟแล้วเปิดไฟแค่ที่หัวเตียงเท่านั้นจากนั้นก็ล้มตัวลงนอน พระพายจึงนอนลงบ้าง

“เป็นแฟนกันแล้วนะ”


             พิธานพูดอย่างนั้นเบาๆ ก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้ๆและจูบแก้มนั้นเบาๆ จากนั้นก็ดึงพระพายมากอดไว้ พระพายที่ถูกกระทำด้วยความอ่อนโยนนั้นแทบจะอยากเป็นบ้า ใจเจ้ากรรมเต้นรัวเสียจนเริ่มจะคิดว่าตัวเองอาการหนักขึ้นไปทุกทีแล้ว


             เหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกลึกๆที่ตอนนี้กำลังค่อยๆเกิดขึ้น ร่างกายที่คุ้นชินนั้นอยากรับสัมผัสอันเคยชินที่ถูกกระทำมาโดยตลอด ยิ่งถูกพิธานกอดไว้ ด้วยมือที่ลูบไล้แผ่นหลังและวนแถวสะโพก ส่วนนั้นของพิธานที่ยังคงไม่ยอมอ่อนลงและเหมือนจะเสียดสีโดนขาของพระพายราวกับกำลังลองเชิงและปลุกปั่นความปรารถนาที่เคยผ่านมา แน่นอนว่าพระพายเริ่มนึกถึงความวาบหวามที่พิธานเคยมอบให้มาโดยตลอด

        ร่างกายต้องการ จิตใจก็ต้องการ ยิ่งความรู้สึกตรงกันและตกลงปลงใจที่จะคบหากันแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะทำเรื่องเหล่านั้นเต็มทีแต่พระพายเองก็หวั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะในคืนนี้ไม่มีอุปกรณ์หรือของเล่นส่วนตัวของพิธานเลยแล้วความปรารถนาอันหยั่งรากลึกนั้นจะถูกเติมเต็มได้หรือไม่ มันต่างกับตอนที่อยู่ที่สระน้ำเพราะที่นั่นมันน่าตื่นเต้นจนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป

“ผม...ไม่ได้ตื่นเต้นซะทีเดียวหรอกนะ” จู่ๆพระพายก็พูดขึ้นมา

“หืม?”

“แต่ผมแค่...กลัวว่าตัวเองจะมีความต้องการมากเกินไป เพราะคืนนี้เราไม่มีของพวกนั้นของคุณ” พระพายยอมพูดความรู้สึกจริงๆในใจ ทำเอาพิธานยิ้มออกมา พระพายมองพิธานที่ยิ้มอย่างไม่เข้าใจ

“คุณ..ยิ้มอะไร?”

“กังวลเรื่องนี้หรอกเหรอ?”

“ก็...ใช่”

“เราเคยทำแบบไม่มีของพวกนั้นนี่?” พิธานถามนึกไปถึงครั้งก่อนที่อยู่ในห้องของพระพาย ที่ใช้มือช่วยกันเท่านั้น

“แต่ครั้งนั้น...มันไม่ได้เลยเถิดไปไกลนี่หน่า” พระพายว่า

“บางครั้งไม่จำเป็นต้องมีของพวกนั้นก็ได้...คืนนี้ฉันจะทำให้นายจะรู้สึกดีกว่าคืนที่ผ่านๆมา” พิธานบอก

“จะจริงเหรอ?” ไม่ใช่ไม่มั่นใจในตัวพิธาน แต่กลับไม่ได้มั่นในตัวเองต่างหากว่าจะทำได้ไหม ความรู้สึกจะดีเท่าใช้ของพวกนั้นหรือไม่ กลายเป็นคนมักมากไปเสียได้

“สัญญาว่าคืนนี้จะยอดเยี่ยมจนนายต้องจดจำมันไปตลอด ฉันจะทำให้นายเรียกแต่ชื่อของฉันทั้งคืน”

        พิธานว่าจากนั้นก็ปล่อยพระพายแล้วลุกไปหยิบถุงยางอนามัยมาหนึ่งกล่องพร้อมเจลล่อลื่นหลอดเล็ก เป็นของติดตัวของพิธานซึ่งไม่แปลกใจเท่าที่จะพกมามันด้วย คงเป็นของติดตัวเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง

        พระพายนอนอยู่อย่างนั้นมองพิธานที่กำลังถอดเสื้อและถอดกางเกงนอนออก หุ่นอันสมบูรณ์แบบที่เห็นแล้วต้องอิจฉาทุกครั้งไปก็ปรากฏขึ้น ส่วนกลางของร่างกายนั้นเริ่มแข็งตัวขึ้นกว่าเดิม แปลว่าพิธานเองก็รู้สึกไม่ต่างกับเขาเท่าไหร่นัก

        ร่างกายของทั้งสองมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน ริมฝีปากประกบกันก่อนที่จะดึงดูดริมฝีปากอย่างเชื่องช้า ค่อยๆแทะโลมไปเรื่อยๆจนจูบเริ่มร้อนแรง ลิ้นของทั้งสองเกี่ยวกันพันจนเสียงหายใจเริ่มถี่ขึ้น ปลายจมูกปัดชนกันไปมาจนแนบชิด หายใจรดรินใส่กันจนรู้สึกร้อนผ่าว

        มือของพิธานลูบไล้พระพายผ่านเสื้อผ้า ก่อนที่จะถอดมันออกอย่างรวดเร็วจนพระพายไม่ทันรู้สึกตัวเพราะมัวแต่เคลิบเคลิ้มกับจูบที่พิธานป้อนให้ รู้สึกตัวอีกทีตอนนี้ก็เปลือยเปล่าแล้ว

        เครื่องปรับอากาศที่ว่าหนาวแต่ทั้งสองกลับไม่ได้รู้สึกถึงมัน ความอุ่นจากเนื้อผิวเสียดสีกัน มีแต่ความร้อนผ่าวระอุออกมาจากร่างกาย


             พิธานผละออกมาจากการจูบที่ยาวนาน พระพายหายใจถี่เมื่อริมฝีปากของพิธานเลื่อนต่ำลงมายังซอกคอ พรมจูบอย่างแผ่วเบาพลางแลบเลียมันอย่างช้าๆไล่เลื่อนลงมายังแผ่นอกของพระพาย นิ้วนั้นบีบยอดอกก่อนที่จะดึงมันเบาๆ อีกข้างก็ถูกโลมเลียด้วยปลายลิ้นระรัวจนพระพายต้องแอ่นอกรับอย่างรู้สึกดี แรงดึงเบาๆนั้นค่อยแรงขึ้นและแรงขึ้นจนพระพายหายใจแรงๆเพราะรู้สึกเจ็บพอควร แต่มันก็กระสันจนต้องแอ่นอกเข้าหาไปอีก

             ทั้งนิ้วมือที่ดึงทึ้งกับลิ้นที่เลียรัวและขบเม้น ขบกัดเบาๆจนเป็นรอยแดงจนเกือบช้ำ แต่พระพายไม่ได้สนใจในสิ่งเหล่านั้น แค่พิธานเล่นกับมันก็ทำเอาพระพายเริ่มปั่นป่วน โดนเล่นอยู่ตรงอกได้สักพักจากนั้นพิธานก็เลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อยๆ ลิ้นลากผ่านหน้าท้องแบนของพระพาย แล้วแลบเลียตรงสะดือจนพระพายถึงกับแขม่วท้อง จากนั้นก็เลื่อนลงมายังแกนกลางของร่างกาย ซึ่งพระพายรู้ดีว่าพิธานกำลังจะทำอะไร


             ลิ้นนั้นเลียตรงส่วนโคนอย่างช้าๆก่อนที่จะลากขึ้นมายังส่วนปลายที่บวมเปล่งเพราะเริ่มอยากจะปลดปล่อยเป็นครั้งที่สอง ความต้องการพลุ่งพล่านไปทั้งร่างกายราวกับไม่เคยถูกปล่อยออกมาทั้งๆที่ไม่กี่นาทีที่แล้วพิธานใช้มือทำมันจนเสร็จไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ก็ไม่รู้จักพอเสียที ช่างเป็นร่างกายที่ละโมบโลภมากเสียจริง


             พิธานดูดดุนส่วนหัวได้ไม่นานนัก พระพายที่ถึงกับต้องเด้งเอวเข้าหาพิธานอย่างไม่สามารถจะอดทนได้อีกต่อไป ร่างกายเริ่มกระตุกพร้อมเสียงหลุดครางออกมาเล็กๆเพราะรู้สึกดีจนเกินไปจึงปล่อยมันออกมาเป็นครั้งที่สอง พิธานยิ้มกริ่มในความเปราะบางของพระพายที่คงจะตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้และเผลอปล่อยออกมาจนได้

“คึกจัดเลยนะ ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย” พิธานว่า

“อย่าพูดสิ” พระพายอายมากแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นความจริง พิธานใช้กระดาษชำระเช็ดมันออกเพราะไม่อยากให้พระพายไม่สบายตัว ก่อนที่จะเดินมาแล้วนอนลงข้างๆ

“อยากทำให้บ้างรึเปล่า?” พิธานถามพลางลูบแกนกายของตัวเองช้าๆ พระพยักหน้ารับทันที ตอนนี้อยากสัมผัสและรู้สึกถึงกลิ่นกายของพิธานที่เคยรับรู้ได้ตอนนั้นเพราะมันวาบหวิวไม่น้อยเลยทีเดียว


        พระพายนั่งคร่อมขาของพิธานก่อนที่โน้มใบหน้าลงไปยังส่วนกลางลำตัวของพิธาน กลิ่นความเป็นชายยังคงรุนแรงเฉกเช่นเคย พระพายมองมันอย่างทึ่งในขนาดก่อนที่จะฝังใบหน้าลงบนลูกบอลสองลูกที่กลมตึงนั่น ใช้ปลายลิ้นลากผ่านเส้นตรงกลางช้าๆจากนั้นค่อยๆเลียมันทั้งสองอย่างรักใคร่ พระพายใช้ปากครอบครองมันทีละข้าง ดูดมันเบาๆจนแอบได้ยินเสียงพิธานฮึดฮัดในลำคอคงเพราะรู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน

        เมื่อโลมเลียถุงบอลจนรู้สึกว่าตัวเองพอใจกับมันแล้ว พระพายจึงหันมาตรงส่วนแข็งขืนที่ตอนนี้ดูแกร่งเสียจนแตะแล้วสู้มือ พระพายลอบยิ้มมองพิธานที่ส่งสายตามาให้ รู้สึกว่าเร่าร้อนจนต้องทำอะไรสักอย่าง ปลายลิ้นของพระพายลากตามความยาวของมันตั้งแต่ส่วนโคนจนไม่ถึงปลาย เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่พิธานสอนนั้นยังจดจำได้ดี พระพายทำมันได้ดีเพราะรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกดีตรงไหนของผู้ชายอย่างพิธานก็ไม่ต่างกัน นั่นจึงทำให้พระพายทำได้และดูเหมือนจะเก่งว่าครั้งก่อนอีกด้วย เพราะพิธานที่เป็นคนสอนดูจะพึงพอใจจนต้องหายใจแรงๆรับแรงดูดดุนของพระพายที่กำลังทำอยู่ตอนนี้

        พระพายทำมันอย่างเชื่องช้า บางครั้งก็เร่งเร็วสลับไปมันจนในที่สุดพิธานต้องขอให้หยุดก่อน พิธานจับแก้มของพระพายเชิงบอกให้หยุด

“พอก่อน” พิธานบอก นี่เป็นการยืดระยะเวลาการหลั่งที่พิธานสามารถทำได้แต่พระพายกลับทำไม่ได้ พิธานควบคุมทุกอย่างได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งความรู้สึกในเรื่องแบบนี้


        เป็นเช่นนั้นแล้วพระพายจึงหยุดลง พิธานสลับให้พระพายนอนลงไปบนเตียงอีกครั้งก่อนที่จะดันขาของพระพายให้อ้ากว้าง พระพายชันเข่าพร้อมกับอ้าขาทันที พิธานมองส่วนปลายของพะพายที่เริ่มมันวาวเพราะมีของเหลวเคลือบไว้ แปลว่าการใช้ลิ้นให้กับเขาเมื่อครู่นี้ทำให้พระพายมีอารมณ์ร่วมด้วย

“ทำไมน่ารักขนาดนี้?” พิธานพึมพำเบาๆ แต่พระพายกลับได้ยินอย่างชัดเจน

“น่ารักอะไร?” พระพายถามเสียงสั่น เพราะความรู้สึกเริ่มพุ่งขึ้นมาอีกแล้ว

“ก็น่ารัก...ตรงนี้ไง” พิธานว่าพลางเขี่ยส่วนหัวของพระพายจนต้องกระตุกตามแรงเขี่ยที่แม้จะเบาแต่กลับรู้สึกได้มากมาย

“ไม่ได้เอาถุงยางนิ้วมา ไม่เป็นไรใช่ไหม?” พิธานถาม

“ไม่เป็นไรหรอก” พระพายว่า


        เมื่อได้ยินอย่างนั้น พิธานก็บีบเจลหล่อลื่นใส่มือชโลมตรงช่องทางของพระพายที่ยังคงปิดสนิท พิธานค่อยๆใช้นิ้วแหวกเข้าไปอย่างช้าๆด้วยนิ้วกลางพร้อมเคลื่อนไหวเข้าออกเรื่อย พระพายเริ่มอยู่ไม่สุขเพราะอึดอัดแถวช่องท้อง จากนั้นพิธานก็สอดนิ้วนางเพิ่มไปอีกหนึ่งนิ้ว หมุนควานเข้าออกอย่างนั้นจนได้ยินเสียงขยับนิ้ว อีกมือนั้นก็รูดรั้งแกนกายของพระพายไปด้วย

“อื้อ...” พระพายร้องออกมาทันทีที่ถูกทำพร้อมๆกัน


        พิธานทำทั้งสองอย่างอย่างเป็นจังหวะ สองนิ้วเข้าออกสอดรับพร้อมกับการรูดรั้ง จนพระพายเริ่มทำท่าจะไม่ไหว พิธานจึงหยุดและดึงนิ้วออกทันที

“อ๊ะ..เดี๋ยว” พระพายร้องขอทันที

“จะไม่เอาของฉันเหรอ?” พิธานแหย่ถาม ในขณะที่กำลังเช็ดมือและสวมถุงยางอนามัยให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว

“เอาสิ...” พระพายตอบเสียงสั่น

“เตรียมตัวไว้เลย คืนนี้นายจะร้องจนเสียงแหบแน่...ที่รัก” บทรักสำหรับการฉลองเป็นแฟนกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่กี่อึดใจนี้แล้ว...


 

Lyrics: Tonight (Best You Ever Had) by John Legend ft. Ludacris.



   


 
   

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 14-04-2018 13:25:13
โอ้ยยย ขอเลือดด่วน :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-04-2018 14:03:43
 :pighaun :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 14-04-2018 15:21:05
ขอแบบร้อนแรง :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-04-2018 15:37:08
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 14-04-2018 15:47:36
 :haun4: :haun4:
อูยยยยยยยยยยยย
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-04-2018 16:47:53
กระดาษทิชชูพร้อมมมม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 14-04-2018 16:51:38
กรี๊ดดด :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-04-2018 17:00:05
พิธานต้องหมั่นเขี้ยวพระพายมากแน่ๆ เพราะชั้นยังหมั่นเขี้ยวเลยอ๊าาาาา :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-04-2018 19:20:55
สุขีสุดๆ  :heaven
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 14-04-2018 19:33:00
 :m25: เร่าร้อนเกินไปแล้ว รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 14-04-2018 21:02:26
So hot!!!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: KawinCa ที่ 14-04-2018 21:03:29
ร้อนแรงเสมอต้นเสมอปลายยยยย
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 14-04-2018 22:12:50
 โอ้ยยยยย คืนนี้อะไรยังไงงงงงงงพิธ๊าน :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 14-04-2018 23:23:13
OMG ร้อนแรงกว่าแดดช่วงสงกรานต์อีกค่ะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-04-2018 23:32:50
 :z1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 15-04-2018 09:22:57
จัดหนักกันขนาดนี้เลยหรอออออ :m25:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 15-04-2018 11:32:45
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 29 (14/04/18) P. 15 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 17-04-2018 07:24:24
ขอชมพิธานอย่างนึงค่ะว่าอนามัยดีมากๆ
น้อยคนที่จะใช้ถุงยางทุกครั้งที่มี พสพ. (ปรบมือรัวๆ)
แต่...ฉลองเป็นแฟนกันนี่ท่าทางจะร้อนแรงไม่เบาเลยนะ ><
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 21-04-2018 10:59:29
สวัสดีค่ะ โอ๊ยๆ ตอนที่แล้วเห็นอีโมเลือดพุ่งเยอะเลย  :hao6: มาอ่านกันต่อดีกว่าเนอะ ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะค่ะ แค่อ่านจบแล้วมาพูดคุยกันและให้กำลังใจก็ดีค่ะ ถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ  :กอด1:


Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 30  Talking body.


Now if we’re talking body
ในตอนนี้หากเราใช้ร่างกายคุยกัน
You got a perfect one so put it on me
เธอคือที่สุดแล้วสำหรับฉัน ใส่มันเข้ามาสิ
Swear it won’t take you long
สาบานได้เลยว่าไม่นานหรอก
If you love me right, we fuck for life
ถ้าหากเธอรักฉันจริง เราจะทำอย่างว่ากันไปทั้งชีวิต
On and on and on
นานเท่านานเลย
Love, give me love
ความรัก ให้ฉันมาเถอะ
Anything you want I’ll give it up
อะไรที่เธอต้องการ ฉันจะมอบให้เธอหมด
Lips, lips I kiss
ริมฝีปากที่ฉันจูบ
Bite me while I taste you’re finger tips
กัดฉันสิ ตอนที่ฉันได้ลิ้มรสปลายนิ้วของเธอ


        พิธานแยกขาของพระพายให้อ้ากว้างก่อนที่จะแทรกกายเข้าไปตรงระหว่างขา ใช้ส่วนนั้นของร่างกายตนเองถูไถตรงช่องทางที่เริ่มร้อนผ่าวเพราะต้องการให้สอดใส่เข้าไปเร็วๆ พระพายใจเต้นแรงเมื่อรู้สึกถึงส่วนหัวที่เริ่มถูไถขึ้นลงปัดไปมาราวกับจะแกล้ง ผวาตัวตามเมื่อยามที่พิธานปัดไปมาเช่นนั้น พิธานก็ยังคงเป็นพิธานที่ชอบแกล้งพระพายให้ขาดใจเล่นๆอย่างเช่นเคย

        ในที่สุดพิธานก็เริ่มสอดใส่เข้าไปเสียที หลังจากที่แกล้งพระพายอยู่นานสองนาน ความแข็งแกร่งสอดแทรกเข้าไปทีละนิดๆอย่างเชื่องช้า ปรับความยืดหยุ่นให้พระพายได้คุ้นชินก่อนที่จะขยับเข้าไปลึกๆจนในที่สุดก็สุดโคน

“อา....” พระพายร้องออกมาเบาๆเมื่อในที่สุดพิธานก็เข้ามาจนหมดแล้ว

        ความคับแน่นที่ร้อนผ่าวเต้นตุบๆอยู่ในช่องท้อง พิธานแช่อยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มขยับกายอย่างช้าๆ ดึงเข้าดึงออกอย่างเป็นจังหวะเนิบๆจนพระพายรู้สึกเกร็งไปทั้งตัวเพราะความเสียวซ่านที่เริ่มจะมีขึ้นมาทีละเล็กละน้อย

        พิธานขยับกายเข้าออกตามจังหวะจากนั้นเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั้งห้อง ต้องขอบคุณห้องที่เก็บเสียงของโรงแรมแห่งนี้ ไม่เช่นนั้นต้องมีคนได้ยินเสียงอันลามกที่ดังไปทั้งห้องอย่างแน่นอน

        การกระแทกกระทั้นที่เริ่มรุนแรงขึ้น พิธานบดขยี้หนักๆอีกทั้งทิ้งแรงกดแรงๆจนพระพายอ้าปากโกยลมหายใจเข้าทางปากอย่างรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่างกาย พระพายอ้าขากว้างขึ้นกว่าเดิมเพื่อรับแรงของพิธานที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนแรลงแต่อย่างใด ใบหน้าของพิธานนั้นซุกไซร้ลงบนแผ่นอกของพระพาย ก่อนที่จะขบกัดยอดอกที่แข็งชันและดึงทึ้งมันจนสุด พระพายเสือกกายขึ้นตามแรงดึงนั้น เจ็บปวดแต่ปั่นป่วนไปทั้งอก หน้าท้องของพิธานเสียดสีกับส่วนนั้นของพระพายเป็นการกระตุ้นทั้งสองทางจนพระพายเริ่มสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

        พิธานกำลังขยับตัวอยู่นั้น จู่ๆก็หยุดลงทั้งที่ยังแช่ค้างไว้อย่างนั้น พระพายที่หลับตาพริ้มจึงลืมตาอย่างงุนงงว่าพิธานหยุดเพราะอะไร พิธานโอบแผ่นหลังของพระพายขึ้นมาและจัดท่าทางให้พระพายนั่งลงบนตักของตัวเอง ขาของพิธานยืดออกไปโดยที่มีพระพายคร่อมตัว

“อ๊ะ!!”

        พระพายร้องออกมาเพราะถูกจัดท่าเช่นนี้ทั้งที่ยังคงค้างส่วนนั้นอยู่ และมันยิ่งลึกเข้าไปกว่าเดิมเพราะน้ำหนักของพระพายกดลงจนสุด พระพายเกร็งกอดพิธานไว้แน่น พลางจิกแผ่นหลังพิธานอย่างต้องการระบายอารมณ์

“ขยับสิ” พิธานบอก พระพายจึงเริ่มขยับเพื่อสานต่อสิ่งที่ค้างคาอยู่เมื่อครู่นี้

        ขยับขึ้นลงตามสัญชาตญาณที่เรียกร้องอยู่ภายในร่างกาย สะโพกนั้นกดขึ้นลงเป็นจังหวะพลางเด้งกายให้ส่วนหน้าที่แข็งขืนนั้นเสียดสีกับหน้าท้องแกร่งของพิธาน มันวาบหวามจนขนลุกซู่ในทั้งกาย ยิ่งขยับขึ้นลงมาเท่าไหร่ความปรารถนาอันลึกซึ้งยิ่งพากันออกมาจากจิตใจที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนเท่านั้น พิธานมีดันเอวขึ้นรับกับแรงกระแทกของพระพายเป็นครั้งคราวอย่างนึกแกล้ง เพราะหากพิธานทำเช่นนั้นเมื่อไหร่ พระพายจะสั่นเทิ้มทันทีเพราะมันลึกสุดจนเกินว่าจะคาดคิด

        พระพายขยับตัวเริ่มเร็วขึ้นราวกับกำลังเต้นเร่าบนร่างกายของพิธาน พลางสูดปากอย่างเสียวซ่านเพราะทุกอย่างควบคุมได้ด้วยตัวเอง ใบหน้าแหงนรับกับจูบของพิธานที่พรายพรมบนลำคออีกทั้งแรงกัดตรงหัวไหล่ที่ทำเอาพระพายร้องออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่

“อื้อ....อา...”

        แรงกัดนั้นไม่ได้มากนักแต่ก็เกินกว่าคำว่ากัดแบบหยอกล้อ พิธานรู้ดีว่าพระพายกำลังต้องการอะไรและเวลาไหนถึงจะใส่ความเจ็บปวดให้ร่างกายพระพายได้ลิ้มรสความทรมาน ความเจ็บปวดที่ร้อนแรงและซาบซ่านไปทั้งกาย ร่างกายของพระพายนั้นพิธานรู้ดีที่ซอกทุกมุม รู้แม้กระทั่งเสียงที่ร้องออกมานั้นไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดแต่เพราะอดกลั้นไม่ไหวในความวาบหวามที่ร่างกายได้รับมัน

        พิธานใช้มือนั้นบีบเนื้อสะโพกของพระพายเน้นๆแรงๆจนแดงเถือก อีกทั้งยังฟาดสะโพกด้วยฝ่ามืออีกด้วย แรงตีนั้นดังสั่นจนพระพายสูดปากหลับตาพริ้ม หายใจแรงถี่เพราะแรงตีที่ทำเอาวูบไหวไปทั้งกาย เสียงผิวเนื้อที่ถูกฟาดนั้นช่างฟังแล้วไพเราะจนร่างกายเริ่มจะไม่ไหว พระพายอ่อนระทวยแต่ความต้องการปลดปล่อยเริ่มทวีคูณขึ้น

“จะไม่..ไหว..อ๊า”

             พระพายร้องเสียงกระท่อนกระแท่น พิธานรู้ดีว่าพระพายเริ่มจะถึงขีดสุดแล้ว การที่ถูกพระพายขึ้นขย่มกายเช่นนี้ก็ทำให้พิธานเองก็เริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน พิธานยกตัวขึ้นและยกพระพายให้นอนลงบนเตียง จากนั้นก็ยกขาของพระพายให้ชิดกันและยกสูงขึ้นชี้ฟ้า ท่านี้ทำให้พระพายบีบรัดส่วนนั้นของพิธานมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งความคับแน่นนั้นทำเอาพระพายเบิกตาขึ้นเพราะมันช่างเสียวซ่านจนต้องจิกผ้าปูแน่น

“พิ..ธาน...อ๊า” พระพายร้องเรียกชื่อพิธานออกมาเมื่อเจ้าของชื่อนั้นกำลังโยกตัวเข้าออกพร้อมดันขาของพระพายให้สูงขึ้นไปอีกจนสะโพกเริ่มลอยขึ้นจากเตียง

“ชอบไหม ดีรึเปล่า?” พิธานถามพลางหมุนควานเข้าไปอีกแรงๆ

“ชอบ..อื้อ...ดี” พระพายตอบพร้อมร้องครางออกมาพลางตัวโยนพร้อมแรงกระแทก


        เสียงชื้นแฉะจากการที่ของเหลวที่กระทบกระทั่งกับเนื้อหนั่น ในที่สุดพิธานก็เร่งความเร็วจนเหงื่อไหล่ตรงขมับ เพียงไม่นานนักพระพายก็กระตุกไปทั้งกาย ขนลุกชูชันเพราะการปลดปล่อยที่รุนแรงและเหมือนจะอัดอั้นจนพากันทะลักออกมามาเลอะหน้าขาที่ยกสูงของตนเองในขณะนี้ พิธานดึงแกนกายของตนเองออก ของเหลวสีขาวขุ่นถูกปล่อยในถุงยางอนามัยซึ่งทำหน้าที่ของมันได้ดีจนวินาทีสุดท้าย ส่วนนั้นของพระพายอ่อนตัวลงเพราะการปลดปล่อยที่หลายครั้งจนเริ่มอ่อนแรงแต่ผิดกับพิธานที่ยังรู้สึกคักจัด เพราะส่วนนั้นที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยก็เริ่มทำท่าจะสู้รบขึ้นมาอีกครั้ง

“อีกทีไหวไหม?” พิธานถามพลางจัดท่าทางให้พระพายนอนเหยียดแล้วโน้มตัวลงจูบพระพายเบาๆที่ริมฝีปากอย่างหยอกล้ออยู่หลายครั้ง

        การกระทำแสนอ่อนหวานหลังจากที่ร่วมรักกันมาอย่างร้อนแรงนั้นทำเอาพระพายอายจนแดงไปทั้งหน้า พระพายมองพิธานที่ส่งสายตาหวานให้พร้อมกับจูบไล่ลงลำคอราวกับจะอ้อนขอทำต่อจนพระพายเริ่มอยากจะทำต่ออีกครั้งแม้ว่าจะเหนื่อยแล้วก็ตาม

“แต่ผมไม่มีแรงแล้วนะ” พระพายบอกทั้งๆที่อมยิ้มอยู่อย่างนั้น

“นอนนิ่งๆก็พอ” พิธานบอกเท่านั้น

“แบบนั้นก็ได้เหรอ?”


             พระพายเริ่มหายใจกระชั้นชิดมากขึ้นเมื่อพิธานลูบไล้แถวเอวพร้อมบีบมันช้าๆเป็นจังหวะ พิธานนั้นเก่งเสมอเรื่องกระตุ้นความรู้สึกของพระพายให้ติดไฟขึ้นมาได้ง่ายดายทั้งๆที่ร่างกายนั้นปวกเปียกเต็มที

“ได้สิ”

        พูดจบพิธานก็เริ่มเล้าโลมพระพายอีกครั้ง พรมจูบไปตามร่างกายก่อนที่จะพลิกพระพายให้นอนคว่ำลง แน่นอนว่าพระพายโอนอ่อนให้พิธานจับพลิกไปมาได้อย่างง่ายดาย เพราะเริ่มจะเครื่องติดตามพิธานแล้วเหมือนกัน ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้วแต่พอถูกต้อนทีไรก็กลายเป็นคนพร้อมจะทำเรื่องอย่างว่าอย่างไม่มีความอิดออด จะเรียกว่าเป็นคนเช่นไรดี เครื่องติดง่ายหรืออย่างไร

        หลังจากสวมถุงยางอนามัยเตรียมพร้อมแล้ว พิธานก็สอดใส่เข้าไปในช่องทางนั้นอีกครั้ง พิธานขยับตัวเข้าหาและออกช้าๆอย่างเร้าอารมณ์ เหงื่อไหลไปทั้งกายแต่กระนั้นพิธานก็ยังไม่หยุด ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายอย่างได้พลิ้วไหวจนพระพายพายได้แต่โยกคลอนตาม ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ร่างกายที่ได้รับความสุขสมนั้น ความรู้สึกในใจก็อิ่มเอมไม่แพ้กัน

             ตอนนี้ทุกอย่างดูฟุ้งไปหมด ดวงตาปรือปรอยเพราะรู้สึกดี สุขสมจนร่างกายแทบจะลอยล่องไปบนฟากฟ้าที่พร่างพรายไปด้วยดวงดาวดารดาษ ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามเพราะไม่อาจจะละความสนใจนั้นไปจากตัวของพิธานได้ ความคิดที่นึกได้อย่างเดียวในตอนนี้คืออยากให้พิธานใส่มันเข้ามา ใส่เข้ามาอีก ใส่ให้รุนแรงและโยกตัวให้รับรู้เข้าไปลึกจนสุดใจว่าร่างกายที่อยู่ภายใต้อาณัตินี้คือมีเจ้าของแล้วและอยากจะเป็นเช่นนี้ไปตราบนานเท่านาน

        แม้ตอนนี้ทั้งสองไม่ได้มีประโยคการพูดคุยใดๆทั้งสิ้น แต่ร่างกายกับเข้ากันได้ดีอย่างรู้ใจซึ่งกันและกัน ริมฝีปากที่ประกบจูบ รอยกัดเป็นรอยแนวฟันอย่างชัดเจนจากการสัมผัสมัน รู้สึกถึงความปรารถนาที่หยั่งรากลึกราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ร่างกายส่วนนั้นที่เชื่อมต่อกันกำลังขยับเข้าออกเป็นจังหวะ รับรู้ได้ถึงความเร่าร้อนที่กำลังปะทุออกมา เป็นการสื่อสารของกันและกันด้วยร่างกายที่เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

             แม้แรกๆนั้นจะหวั่นใจเพราะคุ้นเคยกับของเล่นชิ้นโปรดที่พิธานสั่งสมมาให้จนติดใจ เลยกลัวใจว่าจะไม่สามารถทำเรื่องพวกนี้โดยปราศจากของเหล่านั้นได้ แต่สุดท้ายพระพายคิดผิด...พิธานกกลับทำมันได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งของเหล่านั้น พิธานทำให้ร่างกายของพระพายเตลิดไปยิ่งกว่าใช้ของเหล่นพวกนั้นเสียอีก ทำมันได้ดีเสียใจเต้นแรงแทบกระโดนออกมานอกอกเลยทีเดียว 

            และสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ยามที่พิธานกำลังใช้ท่วงท่าที่รู้สึกว่ามันวิเศษอยู่ในขณะนี้คือ...พระพายไม่ได้ต้องการเพียงเรื่องอย่างว่ากับใครก็ได้ มีเพียงแต่พิธานเท่านั้นที่ร่างกายและจิตใจเรียกหาและต้องการ เชื่อว่าหากจะต้องไปทำกับใครทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็จะไม่มีใครที่สามารถเติมเต็มความต้องการที่ยากจะหยั่งถึง ความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุดและความความเสียวซ่านที่พิธานเท่านั้นจะมอบให้ได้ ร่างกายมันร่ำร้องตะโกนบอกว่าพิธานคือที่สุดแล้ว สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตนี้แล้ว

“อึก....อ๊า..ดี” พระพายครางออกมาเบาๆ เมื่อพิธานขยับตัวแรงขึ้นพร้อมโน้มตัวลงมาแลบเลียใบหูของพระพาย ขบกัดตรงติ่งหูและดูดดุนมันไปด้วย


        พิธานขยับรุนแรงขึ้นและแรงขึ้นจนในที่สุดพระพายก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งแต่ แต่ของเหลวนั้นเริ่มจะใสและน้อยลง พิธานถึงกับยิ้มกริ่มเพราะนี่คงถึงขีดสุดของพระพายแล้ว พิธานจึงเร่งเครื่องตามไปติดๆและปลดปล่อยมันออกมาอีกครั้งซึ่งไล่เลี่ยกับพระพายที่ตอนนี้นอนหมดเรี่ยวแรง

“ปล่อยจนตัวแห้งหมดแล้ว” พิธานว่าก่อนที่จะจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของพระพายที่หลับตาพริ้มอย่างหมดแรงแล้วจริงๆ หมดแรงจนตัวแห้งเหือดเลยทีเดียว

“เหนื่อยจัง” พระพายบ่นเบาๆพลางหลับตาอยู่อย่างนั้น รู้สึกไม่อยากขยับตัวอยากหลับทั้งอย่างนี้ แต่ความเหนอะหนะนั้นก็ทำเอาไม่สบายตัวเหมือนกัน

“นอนเถอะ” พิธานพูดแค่นั้นก่อนที่จะจัดการเก็บข้าวของ เศษกระดาษชำระที่หล่นอยู่บนเตียงและรอบๆเตียงไปเก็บทิ้ง จากนั้นก็เดินไปยังห้องน้ำหยิบผ้าเช็ดผมผืนเล็กไปชุบน้ำแล้วมาเช็ดตัวให้พระพาย


        แม้จะเหนื่อยและง่วงขนาดไหน แต่พระพายก็รู้สึกตัวว่าตอนนี้พิธานกำลังเช็ดตัวให้ รวมถึงทำความสะอาดตรงส่วนนั้นจนรู้สึกว่าสะอาดขึ้นพอควร อย่างน้อยก็สบายตัวกว่าก่อนนี้มาก พิธานที่ค่อยๆเช็ดอย่างเบามือจนเหมือนกำลังถูกทะนุถนอมไม่มีผิด พระพายยิ้มออกมานิดๆทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น

“ยิ้มอะไร นอนได้แล้ว เหนื่อยไม่ใช่เหรอ?” พิธานว่าหลังจากที่เห็นรอยยิ้มประกายบนใบหน้าของพระพาย

“ขอบคุณนะ” พระพายพูดเบาๆก่อนที่จะหลับไป พิธานไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มออกมา


        เมื่อจัดการเช็ดตัวพร้อมสวมเสื้อพระพายแล้ว พิธานก็เดินไปอาบน้ำล้างตัวจากนั้นก็กลับมายังเตียงนอนสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยและล้มตัวลงนอนข้างพระพายที่หลับสนิท หลับชนิดลึกจนริมฝีปากอ้าเผยอขึ้นมาน้อยๆ พิธานเห็นอย่างนั้นจึงก้มลงไปดูดริมฝีปากล่างของพระพายเบาๆก่อนที่จะนอนลงและหลับทันที คืนนี้รู้สึกว่าช่างเป็นคืนที่วิเศษสุดเท่าที่เคยมีมา...
...
..
.
        ด้านไคและเก้านั้นแม้จะดึกดื่นขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังหลับไม่ลงเพราะรู้สึกเหนื่อยและเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด สาเหตุที่ทำให้ทั้งสองนอนหมดแรงอยู่บนเตียงอยู่เช่นนี้คงต้องย้อนกลับไปตอนที่พิธานขอตัวกลับห้อง

        หลังจากที่พิธานกลับห้องแล้ว คงเหลือแต่ไคและเก้าที่นั่งดื่มไวน์กันต่อ ทั้งสองหาเรื่องทะเลาะกันเป็นฉากบังหน้าให้พิธานรำคาญและต้องกลับห้องไปในที่สุด เป็นแผนที่คิดได้อย่างกะทันหันโดยหนุ่มลูกครึ่งเพื่อนสนิทของพิธานนั่นเอง

“มึงนี่แผนเยอะแผนแยะจริงๆเลย” เก้าว่าพลางยกแก้มดื่ม

“พิธานก็อยากไปนั่นแหละ แต่ไม่รู้จะลุกไปแบบเนียนๆได้ยังไง เลยต้องช่วย” ไคว่า

“นี่กลายเป็นมึงกับกูเป็นคู่หูชวนตีไปในสายตาไอ้พิธานเพื่อนมึงแล้ว” เก้าทำหน้าหน่ายๆเมื่อนึกถึงหน้าของพิธานที่ดูระอาใจที่เห็นเขาสองคนทะเลาะกัน

“เอาน่า พิธานรู้นั่นแหละว่าเราไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ” ไคบอก

“เพื่อนมึงแสนรู้ขนาดนั้น?” เก้าเลิกคิ้วถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ใช่ แสนรู้ทุกเรื่องแหละ แต่ทำเป็นไม่รู้แค่นั้นเอง”


         ไวน์ที่เหลืออยู่ขวดสองขวดก่อนหน้านี้ก็หมดเกลี้ยงแล้ว ทั้งสองคนจึงเก็บข้าวของให้เรียบร้อยและเดินเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่ไคทำคือการอาบน้ำ แน่นอนว่าเก้าล้มตัวนอนทั้งอย่างนั้นโดยไม่คิดจะอาบน้ำ

        ใช้เวลาไม่นานนัก ไคก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมสวมเสื้อผ้าเตรียมนอน ในขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นเก้านอนแผ่หลาก็นึกอยากแกล้ง จึงเดินไปดึงเท้าของเก้าและลากเก้าลงจากเตียงครึ่งตัว กลายเป็นท่อนล่างของเก้าห้อยอยู่ตรงปลายเตียง

“เหี้ยไค มึงเล่นอะไรของมึง!!!” เก้าร้องโวยวายทั้งๆที่เพิ่งผล็อยหลับไปไม่กี่นาทีแท้ๆ

“ก็อยากแกล้ง” ไคว่าพลางหัวเราะ

“ได้ มึงอยากเจอดีใช่ไหม?”


        เก้าลุกขึ้นพลางไล่เตะไคไปทั่วห้อง ไคไม่ยอมให้ทำได้ง่ายๆวิ่งรอบห้องไปทั่วโดยที่เก้าได้แต่หัวเสียเอาหมอนไล่ขว้างไคไปด้วย

“มึงมาให้กูฟาดซะดีๆ” เก้าว่าพลางรับหมอนที่ไคขว้างกลับ

“ไม่ยอมหรอก” ไคว่าก่อนที่จะพุ่งเข้าไปกอดเก้าที่ไม่ให้ทันตั้งตัวและลากไปโยนบนเตียงทันที

“มึงจะทำอะไร!!” เก้าร้องขึ้นเมื่อไคแกล้งหนักกว่าเดิม โดยการกดลงบนเตียงด้วยเรี่ยวแรงที่เยอะกว่ามาก ขึงแขนทั้งสองไว้และกดหัวเข่าลงบนเข่าของเก้าด้วยเช่นกัน

“ไอ้ไค มึงหยุดนะ” เก้าเริ่มหวั่นๆเมื่อไคโน้มใบหน้าลงมาจนใกล้

“กลัวเหรอ?” ไคถามพลางมองเข้าไปในดวงตาของเก้า

“ไม่ขำนะมึง ปล่อยกู” เก้าว่า เสียงนั้นทำท่าจะเบาลงเพราะใบหน้าของไคใกล้เข้ามาทุกที

“ถามว่ากลัวไหม?” ไคถาม

“กูไม่กลัว..แต่ไม่ชอบ...แบบนี้” เก้าว่าพลางเสหน้าหลบไคที่ตอนนี้แตะจมูกลงบนแก้มของเก้า

“แล้วชอบแบบไหน?” ไคถามอีก เก้ากัดปากแน่น รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงแปลกๆเข้าให้แล้ว

“ไม่รู้...แต่ไม่ใช่แบบนี้” เก้าตอบ

“คราวหน้าก็บอกด้วยล่ะ ว่าชอบแบบไหน จะได้จัดให้”

              ไคว่าก่อนที่จะเอียงหน้าแล้วจูบริมฝีปากเก้าเสียงดังจ๊วบ เก้าเบิกตากว้างอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีและที่งงไปว่านั้นคือตัวเองทำไมถึงปล่อยให้ไคจูบได้ง่ายดายขนาดนี้ เมื่อโดนจูบแล้วไคก็ปล่อยเก้าให้เป็นอิสระ

        เก้าที่ถูกปล่อยนั้นรู้สึกร้อนผ่าวแถวๆใบหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยที่ไคจูบ แต่ครั้งนี้รู้สึกใจสั่นกว่าครั้งก่อนๆ เพราะไคที่ประชิดตัวและทำเหมือนจะปลุกปล้ำหรือเพราะสายตาที่ดูแพรวพราวระยิบระยับนั่นจึงทำให้แปลกไปขนาดนี้ หรือสุดท้ายเพราะใจของเก้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนไปกันแน่

        คิดไปคิดมารู้สึกเสียหน้าเป็นบ้า ไม่รอช้าเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เก้าก็คว้าหมอนทุบไคอย่างเร็วและรุนแรง มือไม้ตีไปยังตัวไคที่หัวเราะเพราะเห็นเป็นเรื่องตลก

        พักใหญ่กว่าเก้าจะสงบลงและยอมหยุดได้เพราะหมดแรงแล้ว จึงต้องนอนแผ่นหราอยู่บนเตียงโดยที่มีไคนอนอยู่ข้างๆ เนื้อตัวของไคแดงเป็นจ้ำๆจากรอยตี ส่วนของเก้านั้นมีรอยนิ้วมือของไคที่บีบตามแขนเพื่อให้หยุดตี เรียกได้ว่ากว่าจะได้หลับได้นอนก็เจ็บเนื้อเจ็บตัวกันพอควร

“นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว” ไคว่า

“เออ กูจะนอนแล้ว ฝันดี” เก้าใจดีนิดหน่อยที่บอกฝันดีไคที่กำลังปิดไปในห้องนอน

“ครับๆ ฝันดีเหมือกัน” ไคว่าก่อนที่จะนอนลงและโฉบไปจูบแก้มของเก้าแล้วเด้งตัวออกมาทันที

“เอาที่มึงสบายใจเถอะ” เก้าบอกเท่านั้นเพราะไม่มีแรงจะสู้รบแล้ว จากนั้นต่างคงก็ต่างหันหลังนอนหลับไปในที่สุด...


Lyrics : Talking body by Tove Lo
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-04-2018 12:51:00
จิ้มตูด  ^^^ โซแดมฮอตเวอร์ :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-04-2018 13:24:21
ถือว่างานนี้พิธานจัดเต็ม สงสารพระพายเลย แต่ก็ฟินเนอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-04-2018 13:50:38
พิธานทำน้องแห้งหมดแล้ว ร้อนแรงแต่อ่อนโยน  :pighaun:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-04-2018 13:51:55
 :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-04-2018 19:25:19
โอ้โหเปิดมาถึงก็จับอ้าขาเลยเลือดกำเดาแทบพุ่ง  :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-04-2018 19:52:45
โอ้แม่เจ้า  :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 21-04-2018 20:16:16
ต่อจากนี้พิธานคงจะหลงพระพายน่าดู ส่วนไคเก้านี่เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารัก แมนๆจีบกัน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 21-04-2018 20:32:13
เป็นการต่อเรื่องที่พีคในพีค!!!! :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-04-2018 20:50:05
ขอตายอย่างสงบแล้วกันตอนนี้  :heaven
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 21-04-2018 21:17:08
อู้ววววว รักสุขภาพกันน่าดู
ขยันออกกำลังกายก่อนนอนกันทั้งสองคู่เลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 21-04-2018 23:05:17
คู่หลักแฮปปี้ไปแล้ว รอลุ้นคู่รองต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 22-04-2018 00:22:24
พิธ๊านนนนน นายทำอะไรลงไป
แล้วพรุ่งนี้พระพายจะกลับไหวไหมเนี่ย
ทำไมไม่ไปต่อที่ห้องพร้อมอุปกรณ์ล่ะฮึ >///<

เก้าเสียจูบอีกแล้วววว ผิดผีนะแบบนี้ ต้องมาสู่ขอเท่านั้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-04-2018 15:54:29
 :pighaun: :pighaun:ร้อนแรงมากกกกกกกกกกก เป็นแฟนกันแล้วมันดีอย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 30 (21/04/18) P. 16 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 22-04-2018 21:27:42
เป็นแฟนแล้วร้อนแรงเวอร์ :oo1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 28-04-2018 10:44:01
สวัสดีค่ะ  :impress2: มาลงตอนต่อไปแล้วนะคะ ไปอ่านกันเลยค่ะ ถ้ามีคำผิดหรืออะไรผิดพลาดก็ขออภัยไว้ตรงนี้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ไว้เจอกันนะคะ  :กอด1:


+++++++++++++++++++++++++++++++

Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 31 The way you love me.


So don’t you worry, baby you got me
เธออย่าห่วงไปเลยที่รัก เธอมีฉันอยู่
I got a bad boy, must admit it
ฉันได้หนุ่มที่ร้ายกาจมา ก็ต้องยอมรับล่ะนะ
You got my heart, don’t know how you did it
เธอได้หัวใจฉันไปแล้ว ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร
And I don’t care this is it babe
และฉันก็ไม่สนมันหรอก นี่แหละรัก
I don’t want another way to feel you next to me
ฉันไม่สนหนทางอื่น เพื่อจะรู้สึกถึงเธอที่อยู่ข้างกายฉัน
I love the way you make me feel
ฉันรักวิธีของเธอที่ทำให้ฉันรู้สึกได้
I love the way
ฉันรักวิธีนี้
Baby I love the way you make me feel
ที่รัก ฉันรักวิธีของเธอที่ทำให้ฉันรู้สึกได้
I love the way, the way you love
ฉันรักวิธีนี้ วิธีที่เธอรักฉัน


        ยามเช้าที่เขาใหญ่นั้นบรรยากาศช่างสวยงาม แสงแดดอ่อนรำไรฉายสาดส่องไปทั่วพื้นหญ้ารอบๆโรงแรมแห่งนี้ ลูกค้าที่มาเข้าพักหลายคนก็ตื่นมาชื่นชมบรรยากาศยามเช้ากันหลายคนแต่ก็คงไม่ใช่ลูกค้าสี่หนุ่มที่จองห้องพักพูลวิลล่าอย่างแน่นอน

        ไคและเก้ายังคงหลับอุตุ ทั้งที่วันนี้จะต้องเดินทางกลับที่พักและเวลาที่จะต้องคืนห้องคือเวลาเที่ยงแต่ทั้งคู่ก็ยังคงนอนหลับอย่างไม่อยากตื่น เพราะเมื่อคืนดื่มไปก็เยอะ อีกทั้งออกแรงทุบตีกันก่อนนอนเข้าไปอีก จนตอนนี้ก็ยังคงหลับทั้งที่หลายๆคนตื่นมารับแสงแดดตอนเช้าแทบจะทั้งสิ้น

        และอีกห้องคือห้องของคู่รักหมาดๆก็เช่นกัน ยังคงนอนหลับอย่างสนิท ร่างสองร่างนอนกอดกันภายใต้ผ้าห่มพร้อมดวงตาที่หลับสนิท ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอ ทั้งคู่นอนหลับอยู่อย่างนั้นนานไปอีกเป็นชั่วโมงและในที่สุดคนแรกที่ขยับคือ...พระพาย

        พระพายลืมตาขึ้นมาช้าๆพลางมองไปรอบๆและหันไปมองคนที่นอนข้างๆ รอยยิ้มประกายบนใบหน้าทันทีทั้งที่ดวงตายังสะลึมสะลือ ความอบอุ่นที่พาดผ่านมาที่รอบเอวนั้นทำให้พระพายรู้ดีว่าตอนนี้พิธานกำลังนอนกอดเขาอยู่

        เมื่อคืนช่างเป็นคืนที่ยอดเยี่ยมอย่างที่พิธานบอกไว้จริงๆ มันช่างเร่าร้อนและอิ่มเอมไปทั้งกายและใจ แม้ว่าจะเหนื่อยล้าและเมื่อยขาไปบ้างก็ตาม แต่จิตใจนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

        ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าตอนนี้ตัวเขาและพิธานได้ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะได้ผู้ชายที่แสนจะร้ายกาจในครั้งแรกที่เจอกันมาเป็นแฟนอยู่ข้างกายในตอนนี้ เรื่องราวที่ผ่านมาแม้จะเป็นระยะสั้นๆแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากมายนัก ต่อจากนี้ไปเรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็คงต้องเป็นเรื่องของอนาคต พระพายอยากจะทำทุกๆวันต่อจากนี้ไปให้เป็นวันที่มีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

        พระพายยิ้มออกมากับความคิดของตัวเองก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเวลา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าเกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ถึงเวลาต้องอาบน้ำแต่งตัว เดินทางกลับไปสู่ชีวิตปกติเช่นเดิม พระพายขยับตัวนิดๆอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้พิธานรู้สึกตัว อย่างน้อยก็อยากให้เจ้าตัวนอนต่ออีกสักหน่อยเพราะยังพอมีเวลา

        เมื่อเอาตัวเองออกมาจากเตียงนอนและการกอดก่ายของพิธานได้แล้วนั้น พระพายก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ รู้สึกตึงตรงต้นขา สันหลังและสะโพก การเดินจึงดูขัดตาไปบ้าง เมื่อมาถึงห้องน้ำก็รีบอาบน้ำทันทีเพราะจะได้ไปรีบเก็บของให้ตัวเองและคิดจะเก็บของให้พิธานด้วย

        ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็อาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวจนแห้งและใส่เสื้อผ้าทันที ตอนนี้พิธานยังคงหลับอยู่ พระพายจึงเก็บของของตัวเองทั้งหมดจากนั้นก็ดึงเสื้อผ้าของพิธานที่เหลืออีกหนึ่งชุดในกระเป๋าคงเป็นชุดที่เจ้าตัวเตรียมไว้สำหรับวันนี้

        พระพายแขวนชุดนั้นไว้จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าชุดอื่นของพิธานเข้ากระเป๋าไป เหลือเพียงของใช้เล็กน้อยที่พิธานจะใช้ จัดการทุกอย่างเสร็จก็ดูเวลาอีกครั้งพบว่าเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงนิดๆแล้ว คงถึงเวลาที่จะต้องปลุกพิธาน

“คุณ...ตื่น” พระพายนั่งลงบนเตียงก่อนที่จะเขย่าแขนพิธานเบาๆ แต่พิธานยังคงไม่ขยับตัวอยู่ดี

“ตื่นสิ” พระพายยังคงปลุกต่อไป แต่พิธานไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่อย่างใด

“ถ้าไม่ตื่นผมไปละนะ” พระพายว่าพร้อมทำท่าจะลุกออกจากเตียง แต่พิธานก็ไม่ยอมตื่นอยู่ดี

“เอาไงดี?” พระพายนั่งคิด จากนั้นก็คิดได้ว่าจะปลุกพิธานพร้อมกับได้แกล้งไปด้วย เป็นวิธีที่พิธานคงคาดไม่ถึง

“ตื่นเถอะครับ...” พระพายกระซิบเบาๆที่หูก่อนที่จะเอื้อมมือไปบีบตรงกลางลำตัวของพิธานผ่านผ้าห่ม แน่นอนว่าพิธานสะดุ้งตัวทันที

“แกล้งกันรึไง?” พิธานถามเสียงแหบพร่าตามประสาคนเพิ่งตื่น แต่มือนั้นจับมือของพระพายไว้ได้ทันท่วงที

“ก็ปลุกตั้งนานไม่ยอมตื่น” พระพายบอก

“ต่อไปเวลาจะปลุกต้องทำอย่างนี้” พิธานจูบริมฝีปากพระพายเบาๆอย่างนุ่มนวลก่อนที่จะผละออก 

“เรียกว่ามอร์นิ่งคิส” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“แต่เช้าเลย” พระพายอมยิ้มก่อนที่จะรีบลุกขึ้น

“ไปอาบน้ำเถอะครับ ใกล้ถึงเวลาออกจากโรงแรมแล้ว”

“อืม รอในห้องนี่แหละ เดี๋ยวออกไปพร้อมกัน” พิธานบอก ก่อนที่จะลุกไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ


        เจอพิธานในโหมดคนรักก็ทำเอาพระพายใจหวิวๆไม่หยอก เพราะอะไรถึงคิดว่าพิธานดูน่ารักขึ้น หรือเพราะกำลังอยู่ในห้วงความรักอย่างหัวปักหัวปำกันถึงได้คิดเช่นนั้น พิธานอาบน้ำเสร็จก็แปลกใจไม่น้อยที่ข้าวของนั้นถูกเก็บใส่กระเป๋าจนเกือบจะหมดแล้ว

“นายเก็บของเหรอ?” พิธานถาม

“คุณไม่ชอบเหรอ ผมจุ้นจ้านไปใช่ไหม?” พระพายถามกลับอย่างรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะลืมไปว่าบางครั้งพิธานอาจจะไม่ชอบให้ละลาบละล้วงถึงความเป็นส่วนตัวมากนัก

“ไม่หรอก...แค่คิดว่าเหมือน....” พิธานเงียบไป พระพายหันมองอย่างสงสัย

“เหมือนอะไรครับ?”

“เหมือนมีเมีย”

             พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะหันหลังให้พระพายและรีบสวมเสื้อผ้าทันที พระพายหน้าแดงขึ้นมา พอจะเข้าใจสักหน่อยว่าพิธานกำลังรู้สึกอาย เพราะดูจากท่าทางกลบเกลื่อนหันหลังให้แบบนี้ จากนี้ไปคงจะได้รู้จักพิธานในหลายๆมุมมากขึ้นกว่าเดิม

        ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงสิบเอ็ดโมงเกือบจะเที่ยงแล้ว พิธานและพระพายก็พากันออกจากห้องนอนและมาคืนกุญแจที่ล็อบบี้แล้ว คงเหลือแต่ไคและเก้าที่ยังไม่ออกมา

“เอ๊ะ...ทำไมเก้ายังไม่มา” พระพายสงสัยจึงโทรหาเก้าทันที เพียงครู่เดียวเก้าก็รับสาย

“จะเสร็จแล้วมึง รอก่อน กูตื่นสาย” เก้าพูดด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะวางสายโดยไม่ทันให้พระพายได้พูดอะไรสักคำ พิธานมองพระพายที่ไม่ทันได้พูดตอบก็โดนตัดสายทิ้งใส่

“ตื่นสายครับ ตอนนี้กำลังรีบกันน่าดู” พระพายบอก

“มานั่งรอเถอะ”


        พิธานดึงให้พระพายมานั่งตรงโซฟาที่มองไปยังวิวรอบข้างของโรงแรมได้ พระพายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปภาพข้างหน้าที่ดูสวยงามแม้ว่าแดดแรงแล้วก็ตาม พิธานมองพระพายที่สนุกกับการถ่ายรูปก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาบ้างและดึงพระพายให้เขยิบมานั่งชิดกัน

“ทำอะไรครับ?” พระพายถาม พิธานเปิดกล้องหน้าและถ่ายรูปคู่ของทั้งสองทันที

“ถ่ายรูปไง”


        พระพายยิ้มกว้างออกมาโดยที่มีพิธานยิ้มออกมานิดๆและอีกรูปพิธานใช้จังหวะที่พระพายเผลอ จูบแก้มพระพายและกดถ่ายรูปด้วยความรวดเร็ว คนโดนจูบหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าพิธานจะจูบแก้มที่นี่ในที่ที่ผู้คนเยอะแยะเช่นนี้

“คุณพิธาน!” พระพายร้องออกมาพลางหันมองรอบข้าง ซึ่งพนักงานที่เดินอยู่แถวนั้นต่างพากันหลบหน้าทันที

“กลัวอะไร?” พิธานถามอย่างอารมณ์ดี

“คนเยอะ” พระพายว่า

“นายไม่ต้องสนใจคนอื่น สนแค่ฉันก็พอ” พิธานว่าอย่างนั้นก่อนที่เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง


        ได้ยินอย่างนั้นก็ทำเอาพระพายไปไม่ถูก ถึงการแสดงออกของพิธานจะดูขวางโลกและไร้ซึ่งความสนใจในสิ่งรอบข้าง แต่เมื่อมองดีๆจะรู้ว่านั้นคือวิธีแสดงความรักในแบบของพิธาน เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและรู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน

        นั่งเล่นกันอยู่เพียงครู่จากนั้นก็เห็นไคและเก้าเดินเร็วๆไปคืนกุญแจ พระพายที่หันไปเห็นจึงโบกไม้โบกมือเรียกเก้าที่ยืนรอพนักงานเช็คห้องอยู่ เพียงไม่นานนักทั้งสองคนก็เดินมาหาพิธานและพระพายที่นั่งรออยู่

“ตื่นสายเหรอ?” พระพายถามทันทีที่เก้านั่งลง

“เออสิ หลับลืมเลยมึง” เก้าว่า พลางนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบเพราะตื่นมาก็ทำทุกอย่างอย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันเวลา

“คุณไคก็ตื่นสายเหรอครับ?” พระพายหันไปถามไคบ้าง

“ใช่ เอาจริงๆเก้าเป็นคนปลุกผมซะด้วยซ้ำ” ไคบอก

“ช่างเถอะ ว่าแต่เราจะกลับกันเลยดีไหม หรือจะทานข้าวกันก่อน” พระพายถาม

“กลับเลยก็ได้ ค่อยแวะหาอะไรกินข้างทางก็แล้วกัน” เก้าว่า

“ถ้าอย่างนั้นก่อนกลับเรามาถ่ายรูปรวมกันดีไหม ตรงนี้มุมสวยพอดี” พระพายเป็นคนเสนอ

“ไม่เอา ไม่อยากถ่ายร่วมกับมัน” เก้าชี้ไปที่ไคทันที

“เอาน่า เราไม่ได้มาเที่ยวกันบ่อยๆนะ” พระพายว่า


        ไคไม่สนว่าเก้าจะบอกว่าไม่อยากถ่าย กลับเดินไปหาพนักงานที่เดินอยู่ ไหว้วานขอให้ถ่ายรูปให้ แน่นอนว่าพนักงานยินดีที่จะถ่ายรูปให้ พระพายยืนชิดกับเก้าและพิธานยืนข้างพระพายและโอบเอวพระพายไว้ เก้าเหล่มองก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าโดนไคโอบไหล่อยู่ จึงหันไปว่าไคทันที

“โอบไหล่กูทำไม เอาออกเลย” เก้าขู่

“มองกล้องๆ หน้าเหวอไม่รู้ด้วยนะ” ไคยิ้มให้กล้อง เก้าเลยต้องหันไปมองกล้องพร้อมยิ้มออกมานิดๆ ต่างกับพระพายที่ยิ้มกว้างอย่างรู้สึกดีใจที่ได้ถ่ายรูปร่วมกัน

             หลังจากขอบคุณพนักงานที่ถ่ายรูปให้แล้ว ทั้งสี่คนก็พากันเดินลงไปยังลานจอดรถเพื่อขับรถกลับ คราวนี้พิธานขอเป็นคนขับสลับกับไคบ้าง ซึ่งไคก็ยินดีที่จะให้พิธานขับ

        พิธานประจำที่นั่งฝั่งคนขับโดยที่มีพระพายนั่งหน้าเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ตามความต้องการของพิธาน ไคและเก้าจึงนั่งหลังตามระเบียบ แน่นอนว่าเก้ายังง่วงอยู่จึงอาศัยการนั่งข้างหลังนี้หลับโดยไม่สนใจจะมองวิวข้างทางเลยสักนิด
 
        ขับรถไปได้เรื่อยๆจนในที่สุดพิธานก็แวะที่ร้านอาหารชื่อดังของพื้นที่แถวนั้นตามที่ไคบอก เก้าตื่นขึ้นมาก็พร้อมจะหาอะไรใส่ท้องทันที ร้านนี้ผู้คนเยอะแยะเพราะเป็นช่วงวันหยุด อีกทั้งเป็นเวลาอาหารเที่ยงพอดี

         ทั้งสี่คนนั่งลงตรงโต๊ะว่าง โชคดีที่มีคนลุกไปพอดี จัดการสั่งอาหารมาหลายอย่างเพราะอยากลองเมนูเด็ดที่เป็นเมนูแนะนำ ระหว่างที่นั่งรอพระพายก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งเล่นจากนั้นก็หันไปคุยกับไค

“คุณไค ผมขอรูปที่ถ่ายรวมกันเมื่อครู่นี้ได้ไหม?” พระพายถาม

“ได้สิ เอาไอดีไลน์มา เดี๋ยวผมจะแอดเป็นเพื่อน” ไคบอก พระพายทำท่าจะบอกแต่พิธานกลับเอามือปิดปากพระพายไว้

“อื้อๆๆ” พระพายร้องอู้อี้พลางส่งสายตาถามว่าทำไมถึงเอามือปิดปาก

“ส่งมาที่ฉัน เดี๋ยวฉันส่งให้เขาเอง” พิธานบอกแบบนั้น ไคที่ได้ยินก็ยิ้มกริ่ม

“แอดเป็นเพื่อนกันก็ไม่เสียหายนี่ เวลานายไม่สะดวกฉันจะได้ตอบพระพายเรื่องนายได้ไง” ไคบอก

             พิธานคิดอยู่ครูหนึ่งจากนั้นก็ยอมปล่อยมือที่ปิดปากพระพายในที่สุด พระพายโล่งอกทันทีที่พิธานยอมปล่อยมือ เก้าหรี่ตาของพิธานที่เหมือนจะแสดงท่าทีว่าห่วงพระพายออกมาได้ชัดเจน แปลว่าตอนนี้ต้องมีความคืบหน้าอย่างแน่นอน

        ไคที่ได้รับอนุญาตให้เพิ่มเป็นเพื่อนกับพระพายในแอพพลิเคชั่นไลน์ได้ จึงส่งรูปที่ถ่ายรวมให้เมื่อครู่นี้ รวมถึงทั้งรูปที่ไคแอบถ่ายทั้งสองคนตอนที่อยู่ไร่องุ่นด้วย พระพายยิ้มทันทีที่เห็นรูปนั้นก่อนจะกดบันทึกทั้งหมดไว้และเลือกที่จะลงรูปรวมสี่คนที่ถ่ายที่โรงแรมลงบนเฟสบุ๊คและแท็กเก้าด้วย แต่ของพิธานและไคนั้นพระพายไม่มีจึงทำได้เท่านี้ เมื่อเอาลงแล้วจึงมีการแจ้งเตือนไปยังเก้า ซึ่งรายนั้นเมื่อเปิดมาดูก็ร้องโวยวาย

“มึงจะแท็กกูทำไมพาย เดี๋ยวคนถามกูอีกว่ามากับใคร” เก้าว่า

“ก็บอกว่าเพื่อนไปสิ จะอะไรนักหนาวะ?” พระพายพูด

“นั่นสิ หรือว่าไม่ใช่เพื่อน?” ไคถามบ้าง เก้าหันไปแยกเขี้ยวใส่ทำท่าจะว่าอะไรสักอย่าง แต่โชคดีที่อาหารมาเสียก่อน จึงจำต้องสงบศึกเพื่อปากท้องก่อน


         นั่งทานพลางพระพายก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือไปพลาง หัวเราะเมื่ออ่านข้อความที่พี่กล้วยมาเขียนไว้ว่า “นั่นเพื่อนมึงคนนั้นนี่ หล่อขึ้นรึเปล่าวะหรือหน้าตามึงแย่กว่าเดิมเพื่อนมึงเลยหล่อขึ้น” พระพายนั่งหัวเราะก่อนจะเขียนตอบกลับพี่กล้วยไป พิธานมองก่อนที่จะกระแอมกระไอขึ้น

“กินข้าวก่อน อย่ามัวเล่น” พิธานบอก พระพายจึงรีบหยุดและทานอาหารต่อทันที


        ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสี่คนก็ทานอาหารเสร็จ จากนั้นก็รีบจ่ายเงินและขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับกันต่อ หากช้ากว่านี้รถอาจจะติดได้ ก่อนขึ้นรถพระพายก็ซื้อขนมของดีประจำจังหวัดติดไม้ติดมือมาบ้างเพื่อจะเอาไปฝากพี่ๆที่ทำงานและส่วนหนึ่งเอาไว้ทานเล่นเอง เก้าที่นั่งลงข้างไคก็เปิดเพลงในโทรศัพท์มือถือเสียบหูฟังสร้างโลกส่วนตัวทันที เพราะไม่อยากให้ไคชวนคุยต่อหน้าเพื่อนของตัวเอง ไคเองก็ทำตามไม่ต่างจากเก้าตอนนี้ทั้งสองคนจึงนั่งฟังเพลงเงียบๆ เพลงที่เปิดในหูฟังนั้นก็เบาจนได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนรถ พลางสังเกตสองคนที่ขับรถและนั่งหน้าหวังว่าจะมีอะไรคืบหน้าไปบ้างหลังจากที่พามาเที่ยวในครั้งนี้เพื่อคาดหวังว่าจะมีอะไรพัฒนาขึ้นมาบ้าง


        และสิ่งที่คาดหวังก็เกิดขึ้น ระหว่างทางที่ขับรถนั้นไคและเก้านั่งเงียบๆทำเหมือนไม่สนใจอะไรและมองไปยังข้างทางนั้น ก็ได้เหลือบเห็นพระพายกำลังนั่งทานขนมที่ซื้อมาอยู่ ด้านพิธานเหล่มองก่อนจะละมือจากพวงมาลัยรถและสะกิดพระพาย

“ป้อนหน่อย” เสียงนั้นฟังดูอ่อนลงจากเมื่อก่อนที่ได้ยิน เมื่อก่อนนั้นจะพูดราวกับออกคำสั่ง แต่สิ่งที่ได้ยินคือคำขอที่ฟังดูนุ่มนวล ส่วนความนิ่งบนใบหน้านั้น....ก็ยังคงเหมือนเดิม

“อ้าปาก” พระพายว่าก่อนที่จะป้อนขนมให้พิธานตามคำขอและสิ่งที่พิธานทำต่อจากนี้ทำเอาเก้าหน้าแดงขึ้นมาทันที


        พิธานกัดนิ้วของพระพายก่อนที่จะใช้ลิ้นเลียนิ้วนั้นเบาๆ พระพายอมยิ้มก่อนที่จะรีบดึงมือออกมาทันที และเก้าก็ได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนคือสายตาแพรวพราววิบวับที่ส่งให้พระพาย คนที่หน้านิ่งมาโดยตลอดก็มีมุมนี้อย่างคนอื่นเขา ช่างน่าตกใจจริงๆ ดูเหมือนคนที่ได้เห็นตลอดคงเป็นพระพายคนเดียวเท่านั้น

“กินขนมสิ ไม่ใช่นิ้วผม” พระพายพูดเสียงเบาๆ

“นิ้วนายอร่อยกว่าขนมอีก” พิธานพูด แม้จะใช้น้ำเสียงปกติแต่ฟังแล้วรู้สึกจักกะจี้พิกล ไคที่ได้ยินก็อมยิ้มนิดๆ แปลว่าแผนการที่ทำลงไปไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน


        นั่งดูฉากกุ๊กกิ๊กไปตลอดทางอีกหลายฉากอย่างเช่น พิธานเอื้อมมือไปลูบผมพระพาย พระพายป้อนน้ำให้พิธาน มีบ้างครั้งก็จับมือกันในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะทำอะไรพระพายก็จะหันไปมองข้างหลัง ไคและเก้าจึงทำทีว่าหลับเลยทำให้พระพายไม่เอะใจว่าจริงๆแล้วทั้งสองคนเห็นหมดทุกอย่าง

        ในที่สุดพิธานก็ขับรถมาถึงกรุงเทพฯเสียที ตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าสู่เวลาเย็นแล้ว พิธานจึงขับรถตรงไปยังคอนโดฯของตนเองและไค เก้าที่เห็นอย่างนั้นก็ทำท่าตื่นๆทันทีที่รถมาจอดลงที่ลานจอดรถของคอนโดฯแห่งนี้

“มาคอนโดไอ้ไคเหรอ?” เก้าถาม

“มึงรู้เหรอว่าคุณไคเขาอยู่นี่?” พระพายถามอย่างสงสัย เพราะเก้าไม่เคยบอกมาก่อนมาเคยมาที่นี่แล้ว

“เอ่อ...กูเคยมานั่งกินเหล้ากับมันน่ะ” เก้าเกือบจะขุดหลุมฝังตัวเองแล้วแท้ๆ ดีที่เฉไฉได้ทัน

“ไม่ยักจะเคยบอกกู” พระพายยังไม่คลายความสงสัย

“ลงจากรถได้แล้ว” ไคบอกเท่านั้น ตอนนี้พิธานลงจากรถโดยไม่รอใครและเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองและของพระพายที่อยู่หลังรถ


        ทั้งสี่คนเดินขึ้นลิฟต์กดหมายเลขไปยังชั้นบนสุด ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงที่หมาย พิธานที่สะพายกระเป๋าทั้งของตัวเองและของพระพายเดินนำลิ่วไปยังห้องของตนเองซึ่งเก้าที่เห็นจึงร้องถาม

“เดี๋ยวๆ นี่พวกมึงอยู่คอนโดเดียวกันเหรอ?” เก้าถาม

“ฉันไม่เคยบอกนายเหรอ?” ไคที่เดินไปยังห้องของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องของพิธาน

“เออสิ มึงไม่เคยบอกกู แล้วมึงล่ะพาย?” เก้าว่าก่อนที่จะหันไปถามพระพาย

“กูรู้ แต่ไม่ได้บอกมึง” พระพายยิ้มแห้ง

“ให้ได้อย่างนี้สิพวกมึง ว่าแต่จะพามานี่ทำไม?” เก้าก็ถาม

“มานั่งพักก่อน เดี๋ยวไปส่ง” ไคบอก

“พาย กูไปกับมึงด้วย” แน่นอนว่าเก้าเลือกที่จะไม่ไปห้องไคแน่นอน

 “ไม่ให้เข้า” พิธานบอกอย่างนั้น

“ถ้าอย่างนั้นพายมาอยู่กับกู มึงก็ไปห้องมึงคนเดียวสิ” เก้าโวยทันที

“ไม่ พระพายต้องอยู่กับฉัน” พิธานยังคงยืนยันคำเดิม

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับเลยไม่ต้องพักมันแล้ว กูจะกลับบ้าน ไปๆไอ้พายกลับกัน” เก้าบอกพลางจะดึงมือพระพายไปด้วย พระพายที่ได้แต่เดินไปตามแรงดึงของเก้าแต่พิธานกลับดึงมือพระพายไว้ทัน

“แฟนของฉันต้องอยู่นี่ ส่วนนายจะไปที่ไหนก็เรื่องของนาย”


        คำว่าแฟนที่ออกจากปากของพิธานทำเอาเก้าอ้าปากค้าง ไคผิวปากทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ถือเป็นความสำเร็จที่งดงามที่ทั้งสองคนได้ลงเอยกันเสียที

“เดี๋ยวนะๆ” เก้าทำท่าจะร้องถามแต่พิธานไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น กลับดึงพระพายเข้าห้องทันที

“เดี๋ยวสักพักจะไปหานะไค” พิธานบอกเท่านั้นก่อนจะปิดประตูลง

“ได้...ส่วนนายไปอยู่ที่ห้องฉันก่อน” ไคว่า เก้าจึงจำต้องเดินตามไคเข้าห้องไปโดยปริยาย...



Lyrics: The way by Ariana Grande   ft. Mac Miller.

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-04-2018 11:07:31
พิธานชัดเจนมาก  :katai2-1:
แต่ขำปฏิกิริยาน้องเก้าอ่ะ ตั้งสติก่อนลูก แผนน้องยิ่งกว่าสำเร็จอีก เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ต้องฉลองค่าา  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 28-04-2018 11:45:37
พิธานน่ารักมาก มานิ่งๆ แต่มีมุมกุ๊กกิ๊กให้เห็นตลอด พระพายหนูเอาใจพี่เค้าเยอะๆนะลูกกก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 28-04-2018 14:02:56
 ฮืออออออ หวานมาก ดีมากกกกกกก ตลกไคอ่ะ55555555555 :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2018 15:21:01
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 28-04-2018 16:33:23
ไม่ต้องอึ้งเก้า
ก็แผนสำเร็จำไง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-04-2018 00:00:48
พิธานเค้าก็น่ารักนะคะ อิอิ o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 29-04-2018 00:56:06
คนนี้พี่หวง จริงๆ555555555555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-04-2018 01:19:01
พิธานชัดเจนแล้วนะ ไคล่ะว่าไง  :katai3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-04-2018 02:58:48
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-04-2018 09:46:19
 :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 29-04-2018 11:21:08
ชัดเจนสุดๆเลยจ้าาา o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-04-2018 14:13:36
มีที่ไหนพอจะให้เก้ายืนได้บ้าง สงสารเขาจัง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-04-2018 14:16:07
ขอบคุณ :)  :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bluedock ที่ 29-04-2018 14:28:08
 :pighaun: nc so hot
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 29-04-2018 15:06:03
อุ๊ยเขิลลลลลลลลลล
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: KawinCa ที่ 01-05-2018 22:38:50
พิธานโหมดขี้อ้อนและขี้หวง คริคริ
แฮปปี้ตลอดไปอย่าได้มีมาม่าใดมาแผ้วพาน
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 31 (28/04/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-05-2018 07:11:45
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 05-05-2018 11:02:29
สวัสดีค่ะ ตอนที่ 32 มาแล้วนะคะ คู่หลักลงเอยแล้ว คงลุ้นว่าอีกคู่จะเป็นยังไงต่อใช่ไหมคะ จะมีความคืบหน้าหรือไม่ก๋็เข้าไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ รักค่ะ ไว้เจอกัน  :bye2:

++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 32 Magic spell.

One of these days maybe your magic won’t affect me
ไม่แน่สักวันหนึ่งเวทมนต์ของเธอจะไม่ได้ผลกับฉัน
And your kiss won’t make me weak
และจูบของเธอจะไม่ทำให้ฉันอ่อนระทวยอีก
But no one in this world knows me the way you know me
แต่จะไม่มีใครบนโลกนี้ที่รู้จักฉันในแบบที่เธอรู้จักหรอก
So you’ll probably always have a spell on me…
นี่เธอร่ายคาถาใส่ฉันมาตลอดใช่ไหม

        เก้าเดินเข้าห้องตามไคมาด้วยความมึนงง คำว่าแฟนยังคงล่อยล่องอยู่ในหัวเต็มไปหมด ไม่คิดจริงๆว่าพิธานจะออกตัวแรงถึงขนาดนี้ และพระพายก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เขาฟังเลยสักนิด

“ตกใจอะไร ไม่ดีใจเหรอที่แผนสำเร็จ” ไคถามขึ้นหลังจากวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ

“กูช็อคว่ะ ไม่คิดว่าเพื่อนมึงจะพูดออกมาเต็มปากเต็มคำขนาดนั้น”

“ก็ดีสิ นั่นแปลว่าพิธานจริงจังกับพระพายนะ”

“ก็รู้ แต่ก็ยังเหนือความคาดหมายสำหรับกูอยู่ดี” เก้ายังคงนั่นมึนๆอยู่

“เดี๋ยวรอพระพายมาก็ค่อยถามสิ” ไคว่าพลางเดินไปหยิบขวดน้ำมาสองขวดจากตู้เย็น ยื่นให้เก้าขวดหนึ่งซึ่งเก้าก็รับมันมา

“แผนเราสำเร็จว่ะ ต่อจากนี้ไปสองคนนั่นก็ไม่ต้องเจอกันเพราะเรื่องพวกนั้นแล้ว” เก้าที่เริ่มหายงงก็คิดได้มากขึ้น

“ใช่ แผนเราสำเร็จ ต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องของพวกเขาแล้ว”

“มึงคิดว่าสองคนนั้นจะไปกันรอดไหมวะ?” เก้ารู้สึกเป็นห่วงพระพายเหมือนกัน เพราะเป็นครั้งของพระพายที่คบหาใครสักคนเป็นแฟน

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถึงดูพิธานเป็นแบบนั้นแต่ก็เป็นคนจริงจังมากนะ” ไคว่าหลังจากดื่มน้ำจนหมดขวดแล้ว

“ก็เพื่อนมึงน่ากลัวจะตายชัก จะไม่ให้ห่วงพายมันได้ไงวะ”

“เอาน่า นี่ก็จะเย็นแล้ว นั่งพักสักหน่อยเดี๋ยวไปส่ง” ไคบอกจากนั้นก็เดินไปหยิบรีโมทมาเปิดทีวี


        เก้านั่งลงตรงโซฟาหน้าทีวี ซึ่งไคก็นั่งลงข้างๆเช่นกัน เก้าดื่มน้ำไปพลางดูทีวีไปด้วย เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาอีกครั้งเพราะนี่ก็เริ่มจะเย็นแล้ว

“มึง กูหิวว่ะ” เก้าบอก

“รอหน่อยได้ไหม เดี๋ยวจะได้กินพร้อมกัน”

“เออๆ รอก็ได้” เก้าว่า


        นั่งดูทีวีไปจู่ๆก็เกิดคำถามขึ้นมา เรื่องราวส่วนตัวของพิธานและไคนั้นทั้งตัวเขาและพระพายไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ทำงานอะไร ที่ไหนอย่างไร แทบจะไม่รู้จักกันดีเสียด้วยซ้ำไป เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องถามเจ้าตัวแล้ว อย่างน้อยก็พอจะได้รู้อะไรมากขึ้น

“กูถามอะไรหน่อย” เก้าจั่วหัวขึ้นมา ในขณะที่ไคนั้นก็กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่

“ถามเรื่องอะไร?” ไคหยุดทุกอย่างแล้วหันมองหน้าคนที่กำลังตั้งคำถามอยู่

“มึงกับพิธานทำงานอะไร?”

“จริงด้วย ไม่เคยคุยกันถึงเรื่องนี้เลย”

“ก็นั่นแหละ กูเลยมาถามอยู่นี่ไง”

“พวกเรารับช่วงต่อธุรกิจของที่บ้าน” ไคตอบ

“ธุรกิจอะไร?”

“ของฉันเป็นธุรกิจส่งออกพวกเครื่องหนัง ส่วนของพิธานเป็นธุรกิจโรงแรม” ไคตอบ

“พวกมึงนี่คัดเพื่อนเข้ากลุ่มจากหน้าตาและฐานะการเงินรึไง?” เก้าอดไม่ได้ที่จะสงสัย ยังจำพวกเพื่อนๆของไคและพิธานได้ จัดว่าหน้าตาดียกกลุ่มเลยทีเดียว

“ไม่หรอก มันเป็นเรื่องบังเอิญ อีกอย่างมันเป็นสังคมที่เราเรียนเราอยู่เลยมาเป็นเพื่อนกัน”

“แปลว่าพวกมึงก็ว่างงานลอยชายได้เพราะเป็นงานของที่บ้านว่างั้น?”

“ไม่จริงเลย เหนื่อยกว่าพนักงานปกติเสียอีก” ไคบอก

“ตรงไหน กูเห็นพวกมึงเที่ยวกันตลอด” เก้าไม่เชื่อ

“จริงสิ เวลาทำงานก็หนัก แต่พอได้พักก็เลยเต็มที่”

“ชีวิตพวกมึงนี่ดีเนอะ เกิดมาก็มาต้นทุนชีวิตกันเลย” เก้าว่า

“อย่าคิดอย่างนั้นสิ คนเราความรับผิดชอบมากน้อยก็ตามต้นทุนชีวิตนั่นแหละ อีกอย่างพ่อแม่ก็คาดหวังเยอะตามไปด้วย” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังไคพูดถึงเรื่องราวเช่นนี้

“ลำบากกันขนาดนั้นเลย?”

“อืม เหนื่อยเหมือนกัน พวกเราเลยพยายามหาความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการ” ไคตอบพร้อมกับมองหน้าเก้า

“ถ้ากูไม่เพ้อเจ้อจนเกินไป ตอนนี้พิธานเพื่อนมึงคงจะมีความสุข”

“ใช่ พิธานดูมีความสุขมาก”

“แล้วมึงล่ะ มึงยังหาความสุขไม่เจอเหรอ?” เก้าถามขึ้น เพราะสีหน้าของไคนั้นราวกับยังตามหาสิ่งที่เรียกว่าความสุขไม่เจอ

“จริงๆก็เจอแล้วนะ” ไคตอบ

“เจอก็ดีแล้วนี่” เก้ายักไหล่พลางพูด

“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าความสุขของฉันที่เจอคืออะไร?” ไคว่าพลางขยับตัวเข้ามาใกล้เก้าทีละนิด

“จำเป็นต้องถามด้วยเหรอ?” เก้าพูด พลางขยับตัวอออกห่าง รู้สึกถึงอะไรสักอย่างเมื่อไคขยับเข้ามา

“ถามสิ จะได้ตอบ”

“เออๆ ถามก็ถาม แล้วความสุขมึงคืออะไรล่ะ?” เก้าเบ้หน้าอย่างรำคาญใจแต่ก็ถามตามที่ไคอยากให้ถาม

“ก็นายไง”


        เป็นคำตอบที่เหมือนจะตรงกับที่เก้าคิดว่าเขาคือความสุขของไคตามประสาคนตามหยอดตามจีบ แต่ใจหนึ่งก็อดจะคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องคิดคำตอบออกมาเช่นนั้น แปลว่ายอมรับและรู้ตัวดีใช่หรือไม่ว่าไคกำลังรุกจีบแบบเต็มตัว อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ที่คิดถูกเกินไปแล้ว

“กูน่าจะซื้อหวยนะ ถ้าจะทายแม่นขนาดนี้” เก้าว่า ไม่ได้รู้สึกเขินกับคำพูดของไคเลยสักนิด

“ไม่หน้าแดงเลยเหรอ?” ไคถามพลางจ้องหน้าเก้า

“กูไม่ใช่สาวน้อยตาหวานนะมึง ที่จะได้เขินกับคำเสี่ยวๆของมึงน่ะ”

“แต่เห็นพระพายหน้าแดงบ่อยจะตายไปเวลาอยู่กับพิธาน”

“คนละคนกันสิวะ นั่นเพื่อนกู นี่กู” เก้าแย้งทันที

“ต้องทำยังไงให้นายเขินได้ล่ะนี่” ไคว่าพลางใช้ความคิด

“มึงทำอะไรก็ไม่สะเทือนกูหรอก” เก้าพูดอย่างมั่นใจ

“จะจริงเหรอ?” ไคว่าพลางขยับตัวเข้ามา

“กะ...ก็จริงนะสิ” เก้าพูดเสียงดังขึ้น เมื่อรู้สึกถึงไคที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็มาลองกัน”


        เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่พูดจบ ไคก็พุ่งเข้าหาเก้าแล้วจับข้อมือเก้าไว้ รู้สึกถึงแรงบีบที่ไม่ได้แรงมากนักแต่ก็ขยับบิดหรือกระชากออกไม่ได้ เก้าดิ้นพล่านทันทีที่ถูกไคจับตัวไว้

“ปล่อยกูนะไอ้ไค มึงเล่นอะไรของมึงเนี่ยะ” เก้าร้องเสียงดัง

“ก็จะทำให้หน้าแดงไง”


        ไคว่าก่อนที่จะดันเก้าให้นอนลงบนโซฟา ใช้หัวเข่ากดขาของเก้าไว้ไม่ให้ได้มีโอกาสขยับหนีหรือให้ออกแรงถีบได้ เป็นเมื่อเหมือนคืนอีกแล้ว การใช้กำลังเช่นนี้ เก้าฮึดฮัดพยายามขยับตัวให้หลุดพ้นจากการแกล้งของไคให้ได้

“มึงเป็นบ้าหรือว่าโรคจิตวะ” เก้าว่าอย่างโมโห

“คนเราก็มีสิ่งที่ชอบทำต่างกัน จริงไหม?”

“พูดอะไรของมึง?” เก้าถามอย่างไม่เข้าใจ

“รู้ใช่ไหมว่าพิธานมีรสนิยมแบบไหน?” ไคถาม

“ก็พอรู้” จากที่พระพายเล่าแม้จะไม่ละเอียดแบบทุกฉาก แต่ก็พอรู้ว่าพิธานนั้นจัดอยู่ในประเภทไหน

“ฉันไม่ใช่แนวพิธานที่มักจะใช้อุปกรณ์ แต่ชอบแนวนี้ต้องใช้กำลัง นี่แหละที่ฉันเป็น” ไคว่า


        ไคออกแรงกดอีกครั้ง คราวนี้เก้าดิ้นได้ยากกว่าเดิม ไคโน้มใบหน้าลงแล้วจูบริมฝีปากของเก้าอย่างรวดเร็ว เก้าหลับตาแน่นเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าของไคที่อยู่ใกล้จนเกินไป จากการที่พยายามดิ้นนั้นก็เริ่มหยุดลงเพราะหวังว่าหากไม่ต่อต้านไคคงจะยอมปล่อย

“ไม่ดิ้นแล้วเหรอ?” ไคละใบหน้าขึ้นมาถามเก้าที่หลับตาแน่น

“มึงชอบให้กูขัดขืนใช่ไหม ถ้ากูไม่ดิ้น มึงก็จะไม่ชอบ” เก้าเลือกที่จะพูดออกไปตรงๆ

“คิดผิดแล้วล่ะ ถึงนายจะดิ้นหรือไม่ดิ้น ฉันก็จะทำอยู่ดี”


        พูดจบไคก็จูบริมฝีปากของเก้าอีกครั้ง เก้าเม้มปากอย่างสุดชีวิตเพราะหวั่นใจว่าจะสอดลิ้นเข้าไป เมื่อรับรู้ได้ว่าเก้าไม่ยอม ไคจึงยึดข้อมือของเก้าทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะข้างด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือที่ว่างก็สอดมือเข้าไปในเสื้อ ลูบตรงหน้าท้องของเก้าเบาๆจากนั้นก็จูบอีกครั้ง ฝ่ามือที่ลูบไล้นั้นเลื่อนไปโดนแถวหน้าอกของเก้า อารามตกใจเพราะไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนั้นมาก่อนทำให้เก้าร้องออกมา ริมฝีปากที่เปิดขึ้นจึงทำให้ไคใช้โอกาสนี้สอดลิ้นเข้าไป

        เก้าเบิกตากว้าง พยายามดิ้นพล่านแต่ก็ไม่ทำให้ไคหยุดแต่อย่างใด รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ไคอย่างที่เคยเห็นตอนปกติ ดูดุดัน น่ากลัวและไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิด ผิดกับไคที่ชอบยิ้มแย้มและหัวเราะอย่างที่ผ่านๆมา

“อื้อๆ” เก้าพยายามร้องประท้วง น้ำตาซึมตรงหางตาเพราะความโมโหที่ไม่สามารถสู้แรงไคได้ เมื่อไคเห็นเช่นนั้นจึงยอมหยุดและปล่อยเก้าให้เป็นอิสระทันที

“มึงแกล้งกูทำไมวะ” เก้ารีบลุกขึ้นนั่งทันทีพลางขยี้หน้าขยี้ตาเพราะดันโมโหจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ไคบอก

“ไม่ตั้งใจอะไรของมึง มึงตั้งใจชัดๆ”

“ขอโทษจริงๆ” ไคว่าก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้แล้วลูบผมเก้าเบาๆ

“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังกูเลย” เก้าเบี่ยงตัวหนี

“อย่างอนกันสิ” ไคพูด ตอนนี้เจ้าตัวเริ่มยิ้มออกมาเหมือนอย่างเคย

“มึงเป็นโรคจิตเหมือนเพื่อนมึง” เก้าขึงตาใส่ไค ไคเงียบไปเพียงครู่ก่อนพูด

“พิธานไม่ใช่โรคจิต แต่เป็นรสนิยม” ไคแก้ไขคำพูดนั้น

“ถ้าพิธานมันมีรสนิยมแบบนั้น แล้วมึงก็มีรสนิยมชอบบังคับเหรอวะ?” เก้าถามอย่างรู้สึกหวั่นๆเมื่อนึกถึงตอนที่ไคใช้กำลังเมื่อครู่นี้

“ก็แค่แกล้งหรอก อยากให้นายเห็นว่าถ้าฉันจะทำอะไรนายจริงๆฉันก็ทำได้ จำที่เคยบอกได้ไหมว่าถ้านายไม่สมยอม ฉันก็จะไม่ทำ” ไคพูด เก้าเองก็จำได้ลางๆว่าไคเองก็เคยพูดเช่นนั้นมาก่อน

“เออ แล้ววันนี้ทำทำไมวะ?”

“ก็นายพยศ น่าปราบ ยิ่งนายสู้ก็ยิ่งขึ้น” ไคว่าพลางยิ้มกว้าง

“โรคจิตขนานแท้เลยมึง”

“ถ้าไม่อยากให้บังคับก็ยอมกันซะสิ” ไคบอก

“ทำไมต้องยอมมึงล่ะ?” เก้าเถียงทันควัน

“ชอบขนาดนี้แล้ว ไม่ใจอ่อนกันบ้างเลยเหรอ?” ไคว่าก่อนที่จะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆเก้า

“กูไม่ใจอ่อนหรอก” เก้าพูดเสียงเบาขึ้นเมื่อใบหน้าของไคขยับเข้ามาใกล้ๆ

“ถ้าไม่อยากให้ใช้กำลังก็ยอมให้จูบแบบดีๆสิ”

“ทำไมต้องยอมด้วยวะ?” เก้าถอยออกมาทีละนิด

“ขอเถอะ ขอให้ฉันจูบนายแบบดีๆได้ไหม ถ้านายไม่ชอบจะผลักฉันก็ได้” ไคว่า

“เรื่องอะไรต้องยอม?”

“แปลว่ากลัวจะชอบมันสินะ” ไคยักคิ้วข้างเดียวเชิงท้า แน่นอนว่าเก้าไม่ยอมอย่างแน่นอน

“หยามกูอีกแล้ว เอาสิ เก่งจริงก็ทำเลย”


        เมื่อเก้าพูดเช่นนั้นไคก็ทำตามอย่างที่ขอจริงๆ ริมฝีปากประกบลงอย่างแผ่วเบา ก่อนที่แลบเลียมันอย่างช้าๆ ขยับปลายลิ้นให้เก้าเผยอริมฝีปาก แน่นอนว่าเก้าก็ยอมให้ทำเพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าตัวจะทำอย่างไรต่อไป

        ลิ้นนั้นกวาดควานทั่วโพรงปาก ดูดดุนมันอย่างช้าๆ ต้องยอมรับว่าไคนั้นถือว่าช่ำชองจนน่ากลัวเพราะการจูบนี้ทำเอาเก้าเริ่มหวิวในอก เผลอจูบตอบกลับไปตามประสาคนกำลังเคลิ้ม จากที่ไคบุกจูบอยู่ฝ่ายเดียว กลับกลายเป็นว่าเก้าก็จูบสู้ไปด้วย

        ความคิดจะผลักออกเริ่มเลื่อนหาย ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งสองประกบติดกันพร้อมเสียงจูบดังขึ้นมาเป็นระยะ การจูบของไคนั้นนุ่มนวลและรุกอย่างเป็นจังหวะ ผิดกับจูบที่ใช้กำลังจากเมื่อครู่นี้มาก ทำเอาเก้าเผลอใจไปไกลพอควร แต่เมื่อฝ่ามือของไคลูบไล้ตรงแผ่นหลังแล้วเลื่อนมาบีบที่สะโพก เก้าจึงได้สติและดันไคออกทันที

        ใบหน้าแดงก่ำนั้นเผยให้ไคได้เห็นว่าเก้าหวั่นไหวไปกับจูบของเขาเสียแล้ว ริมฝีปากวาวฉ่ำเพราะการถูกจูบที่ติดกันหลายนาที ความเห่อร้อนกระจายไปทั่วตัว เก้าจึงรีบหันหน้าหนีไคที่ส่งสายตาหวานๆจนใจเต้นตึกตักขึ้นมา

“เป็นยังไง ชอบไหม?” ไคถามขึ้น

“ก็..งั้นๆ” เก้าว่าพลางหันหน้าไปทางอื่น

“หน้าแดงเชียวนะ” ไคว่าก่อนที่จะนั่งพิงโซฟาและวาดแขนไปยังด้านหลังของเก้า

“กู..กูร้อน” เก้าว่าพลางกระพือเสื้อบ่งบอกว่าอากาศร้อนจริงๆ

“ชอบเวลานายปากแข็งแบบนี้แหละ” ไคว่า

“ไม่ได้ปากแข็ง” เก้าพูดเสียงดัง

“ชอบนายนะ ฉันจะรอวันที่นายใจอ่อนกว่านี้” ไคว่าก่อนที่จะจูบแก้มเก้าอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้มีเสียงออดดังขึ้น น่าจะเป็นพิธานและพระพายที่เป็นคนมากด


        เก้านั้นเริ่มหวั่นใจแล้วตอนนี้ว่าเพราะอะไรถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ ทุกครั้งที่โดนไคแหย่จะเลือดขึ้นหน้าและทำเรื่องบ้าๆลงไปตลอด แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นทุกๆครั้งก็จะยิ่งทำตัวไม่ถูก ร้อนรนและหวั่นไหว หรือว่าสำนวนที่พูดว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนจะเป็นเรื่องจริง

        ไม่เคยหวั่นไหวกับใครขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขนาดนี้มาก่อน ยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ทำไมกับไคถึงพิเศษกว่าคนอื่น ยามโดนมองหรือทำเรื่องบ้าๆเหล่านั้นแล้วเหมือนจะรู้สึกอ่อนแรงแบบแปลกๆและครั้งนี้ยิ่งกว่าครั้งไหนๆคือการจูบตอบ ไม่อยากโกหกตัวเองเลยจริงๆว่าเมื่อจูบครู่นี้ทำเอาจิตใจกระเจิดกระเจิงและอ่อนระทวยจริงๆ

        ไคใช้วิธีอะไรถึงทำให้เก้าไม่เป็นตัวของตัวเองขนาดนี้ แน่นอนว่าเก้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน และคงจะไม่ยอมให้ใครมาเห็นสภาพนี้ได้ เพียงแค่ไคคนเดียวก็เกินพอแล้วกับสภาพเช่นนี้ จูบที่ปล้นเอาความรู้สึกและเรี่ยวแรงราวกับเป็นเวทมนต์ เก้านั่งคิดอยู่อย่างนั้นจนพระพายเดินมาหาเก้าที่นั่งนิ่งจนผิดสังเกต

“เก้า มึงเป็นไร?” พระพายถามขึ้นเมื่อเห็นเก้านั่งเหม่อๆ

“อ้าว มึง มาแล้วเหรอ?” เก้าหลุดออกจากความคิดของตัวเองทันที

“เออ มาแล้ว และตอนนี้สองคนนั่นก็ลงไปข้างล่างบอกว่าจะไปซื้อของมากินกัน” พระพายบอก

“ที่จริงโทรไปสั่งก็ได้นี่หว่า?” เก้าถามอย่างสงสัย

“คุณไคคงอยากให้มึงคุยกับกูนั่นแหละ” พระพายว่าพลางยิ้ม

“เออ ใช่สิ พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สรุปพวกมึงเป็นแฟนกันแล้ว?” เก้าถามถึงเรื่องนี้ทันที พระพายยิ้มออกมาอย่างอายๆ จนเก้าถึงกับส่ายหน้า

“ทำตัวเป็นสายน้อยอีกแล้ว สรุปใช่ไหมวะ?”

“อืม เขาขอกูเป็นแฟน แล้วก็ตกลงไปแล้ว” พระพายตอบ

“โอ๊ย สำเร็จแล้วโว้ย มึงได้มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วสิเนี่ยะ” เก้าว่าพลางหัวเราะออกมา

“เมื่อกี้มึงตกใจใช่ไหม ตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมาน่ะ”

“เออสิ ไม่คิดว่ามันจะพูดเต็มปากเต็มคำขนาดนั้น กูเลยตกใจ” เก้าว่า

“ก็ตามนั้นแหละ”

“ดีแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว” เก้าว่า

“ถ้าไม่ได้มึงทำให้กูฮึดจะบอก ก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก”

“ก็เพื่อนนางเอกดีเด่นสินะ” เก้าหัวเราะออกมา

“มึงแม่ง....เออ เรื่องกูจบแล้ว คราวนี้เรื่องมึง ไหนว่าจะเล่าให้กูฟังไง” พระพายยังไม่ลืมสัญญานั้น เก้าอึกอักขึ้นมาทันที

“มึงอย่านะ บอกกับกูว่าจะบอก อย่ามาเฉไฉนะ” พระพายสำทับขึ้นมาอีกรอบ

“เออๆ บอกก็ได้... อย่าตกใจล่ะ....คนที่มาจีบกูอยู่...คือเพื่อนของแฟนมึงนั่นแหละ” เก้าพูดจบพระพายนั่งประมวลผลทันที

“เพื่อนแฟนกู....เพื่อนคุณพิธาน..มีหลายคนนะมึง คนไหนวะ?” พระพายนั่งขบคิด

“เดี๋ยวนะ...คุณไคเหรอ?” พระพายร้องขึ้นมา เก้าเม้นปากพลางพยักหน้าเป็นคำตอบ

“คุณไค..จีบมึงเหรอ?” พระพายถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ก็เออ มึงจะตกใจอะไรหนักหนา” เก้าว่า

“เมื่อไหร่กัน ยังไง ทำไม แล้วมึง..ใจอ่อนรึยัง?” พระพายรัวคำถามเป็นชุด

“โอ๊ย กูไม่รู้หรอก” เก้าตัดบทดื้อๆ

“เดี๋ยวสิมึง แล้วตอนนี้สรุปยังไงกันแน่?”

“มันก็ยังจีบกูอยู่ ก็เท่านั้นแหละ” เก้าบอก

“ทำไมกูโง่ขนาดนี้วะ ดูไม่ออกเลยว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้” พระพายขยี้ผมอย่างสับสน

“ไม่ใช่หรอก แค่มึงมองแต่แฟนหนุ่มสุดหล่อของมึงไง เลยไม่ได้สนใจอะไรเลย” เก้าว่า

“แล้วมึงทำไง หวั่นไหวรึยัง?” พระพายถาม

“มะ..ไม่” เก้าตอบอย่างไม่เต็มปากเต็มคำนัก แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรมากกว่านี้ พิธานและไคก็กลับเข้ามากันเสียก่อน

“ไปซื้อของกินจากเซเว่นมา มันเร็วกว่า กินได้ใช่ไหม?” ไคเป็นคนถาม มือนั้นหิ้วถุงมาพะรุงพะรัง

“เออ..กูกินหมดแหละ”


        การสนทนาระหว่างพระพายและเก้าจึงยุติลง ทั้งสี่คนไปนั่งกันที่โต๊ะทานอาหาร พร้อมนั่งทานข้าวกล่องและอาหารต่างๆที่พิธานและไคซื้อมา พระพายนั่งทานไปพลางมองไคและเก้าสลับไปมาจนพิธานต้องหันไปถาม

“เป็นอะไร?”

“ปะ..เปล่า” พระพายตอบก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างรวดเร็ว


        ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสี่คนก็ทานอาหารกันเสร็จ จากนั้นไคจึงเตรียมตัวที่จะไปส่งพระพายและเก้าไปยังห้องพักเพราะตอนนี้เวลาเริ่มเย็นมากแล้ว...


   
Lyrics: Hate that I love you by Rihanna ft.Ne-Yo.




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 05-05-2018 12:40:25
 :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 05-05-2018 14:50:57
เก้าโดนเขาจับไต๋ได้หมดทุกอย่างเลย ท่าทางจะแพ้แบบจริงจังแล้วล่ะ
เตรียมใจเอาไว้เลยดีกว่านะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 14:58:09
ชอบไค ก็รับรักไปเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-05-2018 16:14:48
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 05-05-2018 21:37:54
เก้าไม่น่าจะรอด 555555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-05-2018 23:51:44
ไครุกหนักๆ เอาให้ปากอ่อนไปเลย :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-05-2018 23:54:20
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-05-2018 08:05:08
ระวังนะเก้าไคมันเจ้าเล่ห์
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-05-2018 15:14:39
ยังไงเก้าก็ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Myminminjung ที่ 10-05-2018 09:10:19
 :m25: เก้าจะใจอ่อนมะไรน่า ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 32 (5/05/18) P. 17 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 12-05-2018 12:37:42
เป็นแฟนกันแล้ว
พระพายน่ารัก ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง
ลุ้นๆ คู่เก้ากับไค
ส่งกำลังใจให้คนเขียนด้วยจ้าาา
 :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 14-05-2018 17:10:34
สวัสดีค่ะ มาลงช้าไปสองวัน ขออภัยด้วยนะคะ  :hao5: มาลงตอนต่อไปแล้ว ถ้ามีคำผิดหรือผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
++++++++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 33 Close.


Cause if I want you, and I want you, babe
เพราะหากฉันต้องการเธอ และฉันต้องการเธอจริงๆที่รัก
Ain’t going backwards, won’t ask for space
จะไม่มีทางถอย จะไม่มีที่ว่างระหว่างเรา
Cause space is just a word made up by someone who’s afraid to get too…
เพราะที่ว่างนั้น เป็นแค่คำที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยคนที่หวาดกลัวที่จะ…
Close, ooh
ใกล้กัน
Oh, so close, ooh
ใกล้ชิดเหลือเกิน
I want you close, ooh
ฉันต้องการเธอมาแนบชิด
Oh, I want you close, and close ain’t close enough, no
ฉันต้องการเธอมาแนบชิดฉัน และมันก็ยังไม่ใกล้กันพอเสียที



        หลังจากวันหยุดวันนั้น พระพายก็กลับเข้าสู่วงจรการทำงานเฉกเช่นเคย หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและลงเอยด้วยการมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที พระพายก็ต้องมานั่งทำงานอย่างขะมักเขม้นเพราะงานจ่อรอให้จัดการเสียมากมายหลังจากที่ได้หยุดพักผ่อนไป นี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้วหลังจากวันหยุด วันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันงานปกติ

        หลังจากที่คบกับพิธานเป็นแฟน พิธานมักจะโทรมาหาพระพายเสมอ เช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน เรียกได้ว่า ทุกเวลาว่างของพระพายคือการคุยโทรศัพท์กับพิธาน แม้จะคุยกันแต่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลยเพราะพิธานบอกว่างานยุ่ง ปลีกตัวยากมาก เวลาโทรคุยกันก็ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น พระพายเข้าใจดีว่าโตๆกันแล้วจะมาทำตัวเอ้อระเหยไม่รับผิดชอบงานก็ไม่ถูก ถึงจะได้คุยกันสั้นๆสองสามครั้งต่อวัน แต่ก็รู้สึกดีว่าอย่างน้อยพิธานก็ยังเป็นห่วงและโทรมาหาเสมอทุกครั้งที่มีเวลาที่คุยได้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“จะบ้าตาย...” เสียงคนในแผนกโอดครวญมือนั้นก็ยังคงรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง พระพายจึงดึงความคิดกลับมาสู่การทำงานอีกครั้ง

“เอาเวลาบ่นไปทำงานโว้ย” พี่กล้วยที่ตะโกนสวนทันทีที่ได้ยินน้องๆในเผนกบ่น

“บ่นบ้างเหอะพี่”

“มึงดูไอ้พายสิ มันน้องเล็กยังไม่บ่นเลย” พี่กล้วยว่า

“มันดูเริงร่าจนน่าตกใจ ขนาดงานจะท่วมกองหัวมันยังนั่งยิ้มอยู่เลย” เสียงรุ่นพี่ร่วมแผนกอีกคนพูดขึ้น

“เขาเรียกเอ็นจอยกับการทำงานครับ” พระพายว่า

“ไม่จริงๆ กูไม่เคยเห็นมึงนั่งยิ้มแบบนี้ แปลว่าวันหยุดต้องมีอะไรเจ๋งๆเกิดขึ้นแน่นอน แถมมีคนโทรมาทุกเวลาหลังอาหารแบบนี้อีก บอกกูมาพระพายน้องรัก” พี่กล้วยถามทันทีที่มีคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา

“ก็ไปเที่ยว ก็แค่สนุกเอง” พระพายว่า แต่รอยยิ้มนั้นกว้างเสียจนน่ามั่นไส้

“ครับๆ หน้าบานเป็นกระด้งแบบนี้ มากกว่าสนุกล่ะกูว่า” พี่กล้วยเบ้ปากล้อพระพาย

“พระพายเหมือนคนมีความรักเลย” พี่ปีที่นั่งฟังเงียบๆก็พูดแทรกขึ้นมา พระพายสะดุ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น พี่ปีเป็นคนที่เฉียบขาด
มากในเรื่องอ่านความรู้สึกของคน นี่คือสิ่งที่พระพายคิดมาเสมอตั้งแต่รู้จักกันมา

“ว่าไปพี่ปี” พระพายปฏิเสธกลบเกลื่อน

“จริงเหรอ เห็นมีออร่าสีชมพูตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวแล้วนะ” พี่ปีว่าพลางยิ้ม สายตาที่ส่งมาดูเหมือนคนรู้ทัน

“ก็นิดนึงครับ” พระพายเลือกที่จะยอมรับกลายๆ

“อะไรวะ พอกูถามแล้วไม่บอก ทีไอ้ปีพูดนี่บอกเร็วเชียวนะ” พี่กล้วยโวย

“ก็พี่ปีถามดีๆนี่หน่า”

“สรุปมึงมีแฟนแล้ว?” พี่กล้วยถามย้ำอีกรอบ

“ก็ครับ..มีแล้ว” พระพายบอก

“อะไรนะ เมื่อไหร่วะ เก็บเงียบเชียวนะมึง” พี่กล้วยร้องเสียงดังเมื่อพระพายยอมรับว่ามีแฟนแล้ว

“ก็...ช่วงไปเที่ยวนั่นแหละ”

“เหรอวะ....ไหนเอารูปมาดูหน่อย..แต่เดี๋ยวนะ มึงไปเที่ยวกับเพื่อนมึงนี่หว่า ตัวผู้ทั้งนั้นไม่เห็นมีสาวๆสักคน” พี่กล้วยนึกสงสัยขึ้นมา

“ไม่พูดกับพวกพี่แล้ว จะทำงานต่อ” พระพายตัดบทไปดื้อๆก่อนที่จะทำงานต่อ

“เดี๋ยวสิได้พาย ตอบกูก่อน!!”


        พระพายไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของพี่กล้วยที่ดังอยู่ต่อเนื่อง พระพายเลือกจะทำงานต่อเพื่อจะได้เสร็จเร็วๆให้หมดในวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้จะได้ทำงานใหม่และจะได้หยุดพักผ่อนในวันอาทิตย์ได้อย่างสบายใจ

        นั่งทำงานไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยมาถึงสี่โมงกว่า ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว โชคดีที่งานคืบหน้าไปเยอะเหลืองานอีกไม่มากเท่าไหร่แล้ว จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมา มีคนโทรเข้ามาซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นพิธานนั่นเอง พระพายตัดสายทิ้งเพราะยังอยู่ในเวลางานแม้จะใกล้เลิกงานแล้วก็ตาม จึงเลือกที่จะส่งข้อความบอกว่าจะโทรกลับ ซึ่งพิธานตอบกลับว่าได้ พระพายจึงรีบทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน

“กลับบ้านๆ” พี่กล้วยว่าพลางปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนใครเพื่อน

“ตอกบัตรเข้างานคลานเป็นเต่า พอตอกบัตรออกนี่วิ่งเป็นเสือเชียวนะ” พี่ปีแขวะพี่กล้วยที่กำลังเก็บของลงลิ้นชัก

“ใครบอกมึงปี ตอนตอกบัตรกูเร็วกว่าเสืออีก ไม่อย่างนั้นก็โดนหักเงินเดือนสิวะ” พี่กล้วยว่า พี่กล้วยหัวเราะ

“แล้วมึงล่ะพาย รีบกลับไปหาที่รักของมึงไหม?” พี่กล้วยถาม

“เหลืองานค้างอีกนิดหน่อยพี่ ว่าจะทำวันนี้ให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้ทำงานใหม่ที่เพิ่งได้รับมา” พระพายว่า

“เออๆ ทำไปเถอะ กูไปละนะ” พี่กล้วยและคนที่เหลือพากันลุกกลับบ้าน คงเหลือแต่พระพายและพี่ปีที่เลือกจะทำงานต่อ

“พาย จะกลับกี่โมง?” พี่กล้วยถามขึ้น

“น่าจะอีกชั่วโมงครับพี่กล้วย” พระพายบอกตานั้นก็จ้องมองงานในจอคอมพิวเตอร์

“ถ้าอย่างนั้นออกจากออฟฟิศพร้อมกันนะ นั่งคนเดียวมันน่ากลัว” พี่ปีบอก

“พี่ปีกลัวผีเหรอ?”

“ใช่สิ ผีในออฟฟิศในตึกมันก็ต้องมีบ้างแหละ”

“ได้ครับ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วผมจะบอกนะ”

“ตามนั้น”


        พระพายนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันมีสายเรียกเข้ามาอีกครั้ง พระพายมองชื่อคนโทรเข้ามาซึ่งเป็นคนเดิมกับที่โทรมาเมื่อครู่นี้ พิธานนั่นเอง ตอนนี้พระพายอยู่นอกเวลางานแล้วจึงรับสายได้

“ฮัลโหล”

“นี่มันเวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ?” พิธานพูดเป็นสิ่งแรก

“ผมทำงานล่วงเวลานิดหน่อย มีงานค้าง”

“จะกลับกี่โมง?”

“น่าจะอีกสักชั่วโมง”

“ออกมาแล้วโทรบอกด้วย” พิธานบอกเท่านั้นก่อนจะตัดสายไป

“เดี๋ยว..ฮัลโหล” พระพายพยายามเรียกแต่พิธานก็ตัดสายไปแล้ว

“รวดเร็วจริงแหะ”


        พระพายจึงรีบทำงานต่อ การที่พิธานบอกเช่นนั้นแปลว่าเจ้าตัวกำลังรอคงเพราะอยากคุยแน่นอน พระพายจึงรีบทำงานอย่างน้อยก็ให้เสร็จไวกว่าที่กำหนดไว้ จะได้โทรหาพิธานได้เร็วขึ้น

        นั่งทำงานไปจนเสร็จหมดในส่วนที่ตัวเองกำหนดไว้แล้ว พระพายวางมือลงและลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเพราะนั่งนานจนเกินไป จากนั้นก็ปิดคอมพิวเตอร์และเก็บของทั้งหมด

“เสร็จแล้วเหรอพาย” พี่ปีถามขึ้น

“ครับ เสร็จแล้ว กลับเลยไหมพี่”

“รอพี่ห้านาที ใกล้เสร็จแล้ว”

“ได้ครับ” พระพายนั่งรอพี่ปีพลางหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพิธานที่ป่านนี้คงกำลังรออยู่ เพียงแค่ครู่เดียวพิธานก็รับสาย

“เสร็จแล้วเหรอ?” พิธานถาม

“ครับ อีกห้านาทีจะออกจากออฟฟิศแล้ว ว่าแต่คุณมีอะไรด่วนรึเปล่า?”

“เปล่า ถ้าออกจากออฟฟิศก็โทรบอกด้วย”

“ทำไมล่ะ จะนัดผมไปไหนรึเปล่า?”

“ไม่หรอก โทรมาก็พอแล้ว” พิธานบอกเท่านั้น

“ได้ เดี๋ยวผมโทรบอก” ห้านาทีอย่างที่พี่ปีบอกไว้ ตอนนี้ทั้งสองคนลงลิฟต์และเดินออกมาจากออฟฟิศแล้ว

“พาย กลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม?” พี่ปีถามในขณะที่เดินออกมาอยู่หน้าออฟฟิศแล้ว

“รบกวนพี่ปีรึเปล่าครับ?” พระพายถามอย่างเกรงใจ

“ไม่หรอก ไปๆ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พระพายขึ้นไปนั่งบนรถ ในขณะเดียวกันก็โทรหาพิธานไปด้วย พิธานรับสายอย่างรวดเร็วเช่นเคย

“ลงมาจากรถคันนั้นเลย” พิธานพูดคำแรกด้วยน้ำเสียงเข้มจนพระพายตกใจ

“เดี๋ยวนะ คุณพูดว่าอะไร?” พระพายถามอย่างงๆ

“ลงจากรถคันนั้น ฉันจอดรอนายอยู่”

“ผมไม่เห็นคุณเลย” พระพายเปิดกระจกและมองเห็นแค่รถยนต์คันหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ด้านพี่ปีที่เพิ่งติดเครื่องยนต์ก็สงสัยว่าพระพายเป็นอะไร

“ทำไมเหรอพาย?” พี่ปีถามขึ้นมาทันที

“เอ่อ มีคนมารับผมแล้วครับ ขอโทษนะครับพี่ปี”

“ไม่เป็นไร กลับดีๆนะ” พี่ปีพูดพลางยิ้มให้

“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ”


        พูดจบพระพายก็รีบลงจากรถและเดินไปยังรถคันสีดำมันปลาบที่จอดอยู่ เป็นรถยุโรปที่ไม่คุ้นตา พระพายเปิดประตูและพบว่าพิธานนั่งอยู่ในรถ ด้วยใบหน้านิ่งๆของเจ้าตัวที่เห็นจนชินตา

“วางสายสิ” พิธานบอก พระพายมองโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้วางสาย

“โทษที” พระพายบอกเท่านั้น

“ถ้านายโทรหาฉันช้ากว่านี้ นายคงไปกับผู้ชายคนนั้นแล้ว” พิธานว่า มือนั้นเริ่มหมุนพวงมาลัยขับรถออกจากลานจอดรถทันที

“เขาเป็นพี่ที่ทำงาน”

“ไม่ได้ชอบนายใช่ไหม?” พิธานถาม สายตานั้นมองตรงไปยังทางข้างหน้า

“ไม่มีหรอก เรื่องแบบนั้นน่ะ”

“ถ้านายยืนยัน ฉันก็จะเชื่อ”

“ว่าแต่ทำไมวันนี้มารับผมได้ล่ะ”

“คิดถึง...อยากเจอ” พิธานพูดเท่านั้น พระพายที่ได้ยินถึงกับอมยิ้มจนแก้มพองลม

“พรุ่งนี้ผมต้องทำงานอีกวันนี่สิ ที่จริงน่าจะมาเจอกันวันพรุ่งนี้ดีกว่า” พระพายว่า

“ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ก็เจออีก”

“ว่าแต่จะไปไหน?” พระพายถาม

“ไปกินข้าวกัน และก็ไปค้างคอนโดฉัน”

“เดี๋ยวสิ ผมไม่มีเสื้อผ้านะ ของใช้ก็ไม่มี” พระพายร้องเสียงหลงทันทีเพราะไม่มีความพร้อมใดๆสักอย่าง

“ไปซื้อสิ จะยากอะไร”

“แต่ว่า”

“หรือนายไม่อยากค้างคอนโดฉัน?” พิธานถาม สายตาเหล่มองพระพาย

“ไม่ใช่อย่างนั้น..แค่คิดว่ามันสิ้นเปลือง”

“เรื่องแค่นั้นเอง ไม่เห็นจะสิ้นเปลืองตรงไหน”

“ตามใจคุณเลยล่ะกัน”

             พระพายพูดเท่านั้น ก่อนที่จะเอนหลังพิงเบาะเพราะวันนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับการทำงานที่เร่งรีบเพื่อจะทำให้เสร็จตามกำหนดของตัวเอง มันคงตึงมือจนเกินไปจนรู้สึกล้า

“ง่วงก็นอนไปก่อน เดี๋ยวถึงแล้วจะบอก” พิธานบอก

“ปลุกผมนะ” พระพายพูดและเพียงไม่กี่นาทีพระพายก็หลับลงอย่างรวดเร็ว


        ไม่อาจจะทราบได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่รู้อีกทีพิธานก็เอาหน้ามาใกล้ๆและจูบลงตรงริมฝีปากเบาๆ นั่นทำเอาพระพายตื่นขึ้นทันที

“ถึงแล้วเหรอ?” พระพายถาม รู้สึกว่าหลับไม่ได้ไม่นานเท่าไหร่ในความรู้สึก

“ถึงแล้ว ไหวรึเปล่า?” พิธานถามพลางมองใบหน้าเหนื่อยๆของพระพาย

“ไหวสิ หิวจนจะกินช้างได้แล้ว”

“ไปกันเถอะ”


        ทั้งสงคนเดินเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนเยอะแยะ เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์จึงมีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยกันพอสมควร ทั้งคนเดินไปยังร้านอาหารไทยที่อยู่ในบริเวณห้างสรรพสินค้า พระพายสั่งอาหารไปหลายอย่างโดยที่พิธานนั้นไม่สั่งอะไรเลย

“คุณไม่หิวเหรอ?” พระพายถาม

“หิว แต่ให้นายสั่ง อยากกินอะไรก็ตามใจเลย”


        เมื่อสั่งอาหารเสร็จก็ถึงเวลานั่งรออาหาร ลูกค้าในร้านมีกันหลายโต๊ะแต่ส่วนใหญ่ได้อาหารกันแล้ว จึงคิดว่าอาหารที่จะมาคงไม่ต้องรอนานจนเกินไป ระหว่างนั่งรอพระพายจึงส่งข้อความคุยกับเก้า ซึ่งตอนนี้รายนั้นกำลังนอนเล่นอยู่ที่ห้อง และพรุ่งนี้อยากจะนัดพระพายไปนั่งดื่มกันที่ไหนสักแห่ง แต่ดูเหมือนต้องบอกกล่าวกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อน เพราะไม่รู้ว่าพิธานจะยอมให้เขาไปกับเก้าหรือไม่

“เอ่อ พรุ่งนี้...เก้าชวนผมไปนั่งดื่ม” พระพายเกริ่นขึ้นมาพลางมองสีหน้าของพิธาน

“แล้ว?”

“ผมไปกับเก้าได้ไหม” พระพายขอตรงๆ

“แค่เก้าเหรอ?”

“ใช่ แค่เก้าไปกันสองคน”

“ถ้าอย่างนั้นฉันกับไคจะไปด้วย”

“ก็น่าจะได้นะ” พระพายคิดว่าคงไม่มีปัญหาที่จะพาพิธานไปด้วยแต่ไคนี่อีกเรื่อง

             เมื่อนึกถึงไค ก็นึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทันที แน่นอนว่าอยากรู้มากกว่าที่เก้าเล่า จึงเลือกที่จะถามพิธานถึงเรื่องนี้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ไม่รอช้าที่จะถามทันที

“เอ่อ คุณ...รู้เรื่องที่คุณไค เอ่อ...” พระพายพยายามจะถามเรื่องของไคและเก้าแต่เริ่มเรื่องไม่ถูก

 “จะถามถึงเรื่องไคจีบเพื่อนนายใช่ไหม?” พิธานถามอย่างรู้ดีว่าพระพายต้องการจะถามอะไร

“คุณอ่านความคิดผมออกรึไง”

“ฉันรู้จักนายดีกว่าตัวนายอีก” พิธานว่า

“ก็เรื่องนั้นแหละ สรุปมันเป็นยังไง?”

“ก็ไม่มีอะไรมาก เพื่อนฉันชอบเพื่อนนายก็เท่านั้น”

“แค่นั้นเองเหรอ เมื่อไหร่ยังไง ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ?”

“มันเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของเรา ฉันเลยไม่อยากยุ่ง มันน่ารำคาญเปล่าๆ”

“ที่จริงคุณน่าจะบอกผมสักคำ” พระพายหน้างอลงเพราะพิธานไม่ยอมบอกเขาสักคำ ปล่อยมาให้มารู้เรื่องนี้คนสุดท้ายแล้ว

“เอาเถอะ ช่างเรื่องของคนอื่น มาพูดเรื่องเราดีกว่า”

“เรื่องเรา..เรื่องอะไรเหรอ?” พระพายถามอย่างสงสัย

“ฉันอยากให้นายย้ายมาอยู่กับฉัน” พิธานบอกเช่นนั้น พระพายได้แต่กระพริบตาปริบๆ

“ให้ผม..ย้ายไปอยู่กับคุณเหรอ?” ถามซ้ำอีกครั้ง

“ใช่ ย้ายมาให้เร็วที่สุด” พิธานยืนยันชัดเจน

“เดี๋ยวนะ ผมว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนะ”

“นายไม่อยากอยู่กับฉันเหรอ?” พิธานถาม

“ไม่ใช่อย่างนั้น..แต่...แต่ผมกลัวคุณรำคาญ ผมอาจจะไม่ใช่ใช่รูมเมทที่ดีนักหรอกนะ”

“นายเป็นรูมเมทที่ไหน นายเป็นแฟนฉัน” พิธานแก้ไขคำพูด เพื่อได้ยินคำว่าแฟน พระพายเริ่มจะใจหวิวๆ

“ไม่อยากบังคับ แต่ฉันอยากให้นายมาอยู่กับฉันจริงๆ” พิธานว่า เสียงนั้นดูอ่อนลงบ่งบอกว่าเป็นคำขอร้องมากกว่าการบังคับ

“ทำไมคุณถึงอยากให้ผมไปอยู่กับคุณล่ะ?” พระพายถามความต้องการที่ชัดเจนของพิธาน

“ฉันต้องการนาย อยากอยู่ใกล้นาย เท่านี้ตอนนี้มันไม่ใกล้พอสำหรับฉัน อยากใกล้กันมากกว่านี้จนไม่มีช่องว่างระหว่างเรา”


        เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็เข้าใจทันทีว่าพิธานกำลังต้องการสิ่งใด พิธานเคยบอกว่าตัวเองเป็นคนยึดติด นั่นคงทำให้พิธานต้องการให้ไปอยู่ด้วยกันเพราะไม่อยากให้ห่างสายตา เป็นอารมณ์ของผู้ชายที่ขี้หวงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

“ผมขอเวลาคิดหนึ่งวัน พรุ่งนี้ผมจะบอก” พระพายบอกไปเช่นนั้น

“ต้องคิดด้วยเหรอ?” พิธานเลิกคิ้วถามอย่างไม่ชอบใจนัก

“ต้องคิดสิ ขนเสื้อผ้าย้ายที่อยู่แบบนั้น ถ้าผมโดนเขี่ยทิ้งขึ้นมาเท่ากับไร้ที่ซุกหัวนอนเลยนะ” พระพายว่า

“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะเขี่ยนายทิ้ง?” พิธานถามด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก

“ผม...ไม่รู้อนาคตนะว่าจะเป็นยังไง”

“นายคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นเหรอ ขอให้นายไปอยู่ด้วยจากนั้นก็เฉดหัวนายทิ้งเหรอ?” พระพายรู้แล้วว่าตอนนี้พิธานเริ่มไม่ชอบใจแล้ว

“ขอโทษ...แต่ผมก็มีสิทธิ์คิดนี่” พระพายว่า

“จริงของนาย เอากลับไปคิดล่ะกัน พรุ่งนี้มาตอบฉัน แต่ฉันอยากบอกนาย..ฉันต้องการนายจริงๆ” สายตาที่ส่งมานั้นยืนยันว่าคิดเช่นนั้นจริงๆ

“พรุ่งนี้ผมจะบอกนะ”


        หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว อาหารก็มาพอดี ทั้งสองคนนั่งทานกันไปคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัดใดๆ แม้พิธานจะเป็นเสือยิ้มยาก แต่ดูมีความสุขเวลาที่พระพายตักอาหารให้ ดวงตาจะเป็นประกายเสมอเวลาที่ถูกเอาใจ เจ้าตัวคงรู้สึกดีไม่มากก็น้อย

        นานเป็นชั่วโมงกว่าจะทานอาหารเสร็จและจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็เดินดูนั่นนี่ไปในห้างสรรพสินค้าอยู่สักพักก่อนที่จะกลับไปยังรถที่จอดอยู่

“คืนนี้นายก็กลับห้องนายล่ะกัน ไปคิดมาว่าพรุ่งนี้จะตอบฉันยังไง” พิธานบอก ตอนนี้กำลังขับรถกลับมายังเส้นทางกลับห้องของพระพาย

“ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไปนอนห้องคุณ ผมไม่ได้นอนกันพอดี” พระพายว่าพลางหาววอด

“ทำไมไม่ได้นอนล่ะ?” พิธานถาม รอยยิ้มมุมปากดูทะเล้นชอบกลในสายตาของพระพาย

“ก็...ก็...” พระพายอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที

“ก็อะไรล่ะ?” พิธานถามอีก

“ก็...เราต้อง..ทำเรื่องแบบนั้นไง” พระพายว่าพลางเสหน้าไปยังข้างทาง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ต้องมาอายอะไรกับเรื่องแค่นี้

“จะอายทำไม เราทำกันจนไม่น่าจะต้องมาอายแล้ว” พิธานว่าและได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของพิธานอีกด้วย

“คุณนี่จริงๆเลย”

“อ่อ เพื่อนฉันส่งของเล่นมาให้ล่ะ พรุ่งนี้มาลองกันไหม?” พิธานพูดขึ้น

“จะบอกผมทำไมเนี่ยะ!!” พระพายร้องเสียงหลงเพราะเหมือนโดนพิธานกำลังแกล้งอยู่

“ก็ต้องบอกสิ ก็ใช้มันกับแฟน และนายเป็นอะไรสำหรับฉันล่ะ ลืมไปแล้วเหรอ?”

“ผมเป็นแฟนคุณ” พระพายย้ำเสียงเบา รู้สึกหน้าเห่อร้อน ไม่ชินเสียทีกับคำว่าแฟน จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าชินก็ไม่อาจรู้ได้

“ดีที่จำได้”


        พิธานขับรถมาถึงหน้าที่พักของพระพาย และดูเหมือนว่าพิธานต้องกลับไปทำงานหรืออะไรสักอย่างเพราะดูเหมือนจะโดนโทรตามระหว่างทางที่ขับรถอยู่

“ฉันต้องไปแล้ว มีงานเข้า พรุ่งนี้ฉันว่าง ฉันจะไปมารับเหมือนวันนี้” พิธานบอก

“ขอบคุณครับ..พรุ่งนี้ผมจะรอ”

“จูบลากันหน่อยสิ” พิธานพูดในขณะที่พระพายปลดที่คาดนิรภัยออก

“ต้องทำเหรอ?” พระพายถาม

“ใช่สิ ชดเชยที่คืนนี้นายไม่ได้ไปนอนกับฉัน”


        เมื่อได้ยินอย่างนั้น พระพายก็ยื่นหน้าเข้าไปหาพิธานก่อนที่จะจูบลงบนริมฝีปากนั้นแผ่วเบาและผละออก แต่พิธานกลับรั้งไว้และจูบกลับด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าพระพายก็จูบตอบเช่นกัน คิดถึงเหลือเกินเพราะไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกัน แค่คุยโทรศัพท์มันไม่พอจริงๆ ตอนนี้ชักจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าพิธานรู้สึกอย่างไรถึงอยากให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน

“รีบอาบน้ำนอนล่ะ” พิธานผละจูบออกก่อนที่จะขยี้ผมพระพายเบาๆ

“ขับรถกลับดีๆนะครับ”

“ถึงแล้วจะบอก”


        พระพายลงจากรถและโบกมือให้พิธานที่ขับรถออกไปแล้ว หลังจากจูบเมื่อครู่นี้และความรู้สึกโหยหาเพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน พอจะทำให้พระพายตัดสินใจได้แล้วว่าจะให้คำตอบพิธานในวันพรุ่งนี้ว่าอย่างไร....



Lyrics: Close by Nick Jonas ft. Tove Lo

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2018 17:40:16
หวานๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 14-05-2018 18:32:05
คนซึนเค้าขอแฟนมาอยู่ด้วยแบบนี้นี่เอง
พระพายน่ารักอ่าาาาาา
ขโมยกลับบ้านวันหนึ่งได้ปะ 555555
 :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 14-05-2018 18:32:43
หูยยยยย
ของเล่น. เป็นอะไรน้าาาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-05-2018 18:59:17
ย้ายเลยๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-05-2018 19:00:34
รอตอนของเล่นใหม่  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-05-2018 19:09:16
น่ารักกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-05-2018 19:58:51
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 14-05-2018 21:07:56
รออออของเล่นใหม่อยู่นะ :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-05-2018 22:33:03
ช่วงเป็นแฟนใหม่ ๆ กะลังหวานก็อยากอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา
เรื่องอนาคตยังมาไม่ถึงก็ช่างมันไปก่อนเถอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-05-2018 22:39:03
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 15-05-2018 07:08:07
สวีทมากกกกก เขินนนน :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-05-2018 09:42:25
หวานกันตลอด  :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 15-05-2018 17:24:25
สวีทกันจริงๆเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 33 (14/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 15-05-2018 21:31:12
เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นแฟนกันก็อยากอยู่ด้วยกัน เชื่อดิ นี่ไม่ได้คิดอะไรเลยยยย :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 19-05-2018 11:00:47
สวัสดีค่ะ  :mew3: วันนี้มาลงวันเสาร์ตามปกตินะคะ เพิ่งสังเกตว่าหลังๆคอมเม้นต์เริ่มน้อยลง มีอะไรยังไงก็บอกได้นะคะ ถ้าไม่ชอบไม่โอเคตรงไหนบอกได้ค่ะ ยินดีจะปรับปรุงและแก้ไขให้นะคะ แต่ก็ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ให้กำลังใจเสมอๆ ต่อให้กำลังใจน้อยลงแต่ก็ยังมีอยู่ละเนอะ   :กอด1:  รักทุกคนค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ  :mew1:

++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 34 Take me.

See, I like you a lot
เห็นรึเปล่า ว่าผมชอบคุณมากมายแค่ไหน

You make me buzz like an astronaut
คุณทำผมล่องลอยราวกับนักบินอวกาศ

These feels I can't shake off
ความรู้สึกนี้ไม่อาจจะสลัดให้หลุดออกไปได้

I’m in your orbit and I will never drop
ผมอยู่ในการโคจรของคุณแล้ว และจะไม่ปล่อยทิ้งไป

I'm so ready you take me as I am
ผมพร้อมแล้วที่จะให้คุณรับผมไปในแบบที่ผมเป็น

You’re worth every penny, yeah I'll pay all I can
คุณนั้นมีค่าไม่ว่าจะเท่าไหร่ ผมก็จะจ่ายทั้งหมดเท่าที่ผมมีเลย



        วันนี้เป็นวันเสาร์ วันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์นี้แล้ว พระพายเริ่มงานอย่างสบายๆเพราะเมื่อวานได้สะสางงานเก่าจนตอนนี้เริ่มงานชิ้นใหม่ เรียกได้ว่าไม่ได้เป็นดินพอกหางหมูให้หนักใจ ผิดกับคนอื่นๆในแผนกที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก่ากันอยู่ โดยเฉพาะพี่กล้วยที่ตอนนี้เริ่มนั่งปั่นงานจนหัวฟูและสงบปากสงบคำเพราะต้องตั้งใจทำงาน

        หลังเลิกงานพระพายได้ตกลงกับเก้าแล้วว่าจะไปนั่งดื่มกัน และบอกเก้าว่าพิธานและไคไปด้วย แม้อ่านแค่ตัวอักษรก็รู้ได้ว่าเก้าหงุดหงิดที่ให้ไคไปด้วย แต่เจ้าตัวก็ตกลงแต่โดยดี ดังนั้นวันนี้พิธานก็จะมารับอย่างที่บอกไว้ และเมื่อเช้าก็ส่งข้อความมาย้ำอีกทีว่าให้พระพายรออย่าขึ้นรถคนอื่นอีก

        การทำงานสบายๆผ่านไปเรื่อยๆจนในที่สุดเวลาก็เลยผ่านมาถึงเวลาเลิกงาน พระพายเป็นคนแรกที่ลุกขึ้น โดยที่คนอื่นๆยังคงทำงานกันอยู่

“อะไรวะพาย จะกลับตรงเวลาเลยเหรอ?” เสียงพี่กล้วยเอ่ยถาม

“อ่อ ครับ แล้วพี่จะกลับตอนไหน?”

“น่าจะช้าหน่อยว่ะ แล้วปี มึงล่ะ?” พี่กล้วยหันไปถามพี่ปี

“สักพักก็จะกลับแล้ว” พี่ปีตอบ

“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ”


        พระพายลาพี่ๆในแผนก เดินออกมาจากออฟฟิศที่ตอนนี้มีพนักงานคนอื่นๆพากันออกจากออฟฟิศเพราะเป็นเวลาเลิกงาน พระพายโทรศัพท์หาพิธานเพื่อจะบอกว่าตอนนี้ออกมายืนรอแล้ว

        ไม่นานนักรถคันเดิมเหมือนเมื่อวานก็มาจอดเทียบอยู่ พระพายจึงรีบวิ่งไปโดยที่พิธานเดินออกมาจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูให้

“ผมเปิดเองก็ได้” พระพายว่า พิธานไม่พูดอะไรและเดินไปเปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วนั่งลงแทน

“จะไปไหนก่อน?” พิธานเป็นคนถามขึ้น

“ผมว่าจะไปอาบน้ำก่อน เก้านัดประมาณสามทุ่ม”

“ไปห้องนายสินะ” พระพายพยักหน้ายืนยันคำตอบ


        พิธานจึงขับรถตรงไปยังห้องของพระพาย ซึ่งใช้เวลาไม่มากนักเพราะไม่ได้ไกลจากที่ทำงาน พิธานจอดรถที่ลานจอดรถจากนั้นก็เดินตามพระพายไปยังห้องพัก ซึ่งลุงที่เป็นผู้รักษาความปลอดภัยก็ทักทายพระพาย

“พาเพื่อนมาเหรอ?”

“ครับลุง”

“แล้วคนนั้นล่ะที่มาบ่อยๆหลังๆนี้ไม่ค่อยเห็นเลย” ลุงว่าพลางยิ้ม

“ทำงานครับ” พระพายตอบและยิ้มให้ ผิดกับพิธานที่หน้านิ่งกว่าเดิม ทั้งสองคนเดินขึ้นห้องไปชั้นสอง ทันทีที่พระพายเปิดประตูห้อง คำแรกที่พิธานเอ่ยถามขึ้นคือ....

“เพื่อนคนไหน?” พิธานถาม พระพายหัวเราะทันทีที่ได้ยิน

“ก็เก้านั้นแหละ จะใครมีอีก”

             พิธานเงียบไปไม่พูดอะไร พระพายได้แต่คิดในใจหากวันไหนมีคนแปลกขึ้นห้องมาด้วยคุณลุงที่เฝ้าอยู่ข้างล่างคงได้ทักขึ้นต่อหน้าพิธานแน่ๆ แค่คิดก็รู้สึกหนักใจที่คุณลุงทักแบบนั้น เพราะในอนาคตอาจจะทำพระพายงานเข้าได้

             พระพายวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะถอดถุงเท้าและปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อจะอาบน้ำ จู่ๆพิธานเดินมาสวมกอดจากด้านหลัง พระพายจึงชะงัก

“ผมตัวเหม็นนะ” พระพายบอก

“เหม็นตรงไหน?” พูดไม่พอ จมูกก็ดมฟุดฟิดแถวๆลำคอ พระพายย่นคอ

“สรุปได้คำตอบรึยัง?” พิธานถามพลางกอดแน่นขึ้น

“ผมควรตอบยังไงดี?” พระพายยิ้มนิดๆรอว่าพิธานจะพูดว่าอะไร

“ถ้านายไม่อยากไปฉันก็ไม่บังคับ” พิธานพูดเช่นนั้นก่อนที่จะจูบลงบนลำคอเบาๆ

“ไม่บังคับจริงเหรอ?”

“อืม ถ้านายไม่ชอบฉันก็ไม่เซ้าซี้”

“แต่ผมอยากไปอยู่กับคุณนะ แต่ในเมื่อคุณพูดอย่างนั้น ผมก็ไม่ไปล่ะกัน” พระพายอมยิ้มก่อนที่จะดึงให้พิธานปล่อย

“แกล้งฉันเหรอ?”


             พิธานดึงพระพายให้กลับมาก่อนที่จะจับเหวี่ยงลงบนเตียงนอน โดยที่พระพายได้แต่หัวเราะ พิธานโอบกอดพระพายจากด้านหลังทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่ให้คนในอ้อมกอดดิ้นหนีแต่อย่างใด

“คุณนั่นแหละแกล้งผม” ตอนนี้ใบหน้าของพิธานซุกไซ้แถวซอกคอของพระพาย

“ไปอยู่กับฉันนะ” พิธานพูดก่อนที่จะพลิกตัวของพระพายให้หันหน้าเข้าหากัน หยุดนิ่งและจ้องมองดวงตาของพระพายที่นิ่งลงเช่นกัน

“ผมต้องช่วยออกค่าห้องไหม?” พระพายถาม

“ออกทำไม ฉันซื้อห้องนั้นไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นมีอะไรที่ผมต้องช่วยออกไหม ค่าน้ำ ค่าไฟ?”

“ไม่ต้องออกอะไรทั้งนั้น แค่มาอยู่กับฉัน นอนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกันก็พอแล้ว” พระพายที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที รู้สึกอุ่นจางๆในใจเมื่อพิธานพูดออกมาเช่นนั้น

“ไม่รู้คุณรู้รึเปล่านะ แต่ผมทำกับข้าวไม่เก่ง ผมทำได้แต่ของง่ายๆ ถ้าคาดหวังว่าจะทำอาหารเป็นเรื่องเป็นราวผมทำไม่ได้”

“ฉันไม่ได้ให้นายเป็นแม่บ้านสักหน่อย เรื่องอาหารฉันจะทำเอง” พิธานบอก

“คุณทำเป็นเหรอ?”

“ได้ชิมแล้วจะรู้”

“ถ้าอย่างนั้น.....ไปอยู่ด้วยก็ได้” พระพายตอบตกลง แม้จริงๆคิดจะตกลงตั้งแต่แรกหลังจากที่คิดทบทวนเมื่อวาน แต่ก็ไม่วายอยากแกล้งพิธานเล่นๆไปอย่างนั้นเอง

“มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว” พิธานยิ้มมุมปาก

 “ผมปฏิเสธคุณได้ที่ไหนล่ะ เคยทำได้ด้วยเหรอ?” พระพายว่า

“นายทำไม่ได้หรอก ในเมื่อนายชอบฉันมากขนาดนี้”

“ทำเป็นรู้ขึ้นมาเชียวนะ ก็ใช่สิ ผมเป็นโลกใบน้อยๆที่โคจรรอบพระอาทิตย์อย่างคุณไง จะหลุดออกจากวงโคจรคงยากทีเดียว”

“ใช่ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้นายหลุดออกไปจากฉันหรอก”

“มั่นใจจัง ถ้าผมหลุดออกมาล่ะทำไง?” พระพายเลิกคิ้วถามเชิงแหย่

“ไม่ว่าต้องทำยังไง ด้วยวิธีไหน ฉันจะทุ่มทุกอย่างหมดทั้งตัวฉันก็จะทำ เพื่อให้นายไม่ไปจากฉัน”

“เวลาคุณพูดแบบนี้รู้สึกขนลุกเบาๆเหมือนกันนะ นี่ผมกำลังกลัวใช่ไหม?” พระพายว่าพลางลูบแขนเบาๆ
 
“คิดไปเอง” พิธานว่าก่อนที่จะเลื่อนมือลงไปบีบสะโพกพระพาย

“อย่าจับสิ” พระพายร้องพลางหัวเราะออก

“จะเก็บของเมื่อไหร่?” พิธานถาม

“พรุ่งนี้ก็ได้ แต่ห้องนี้ผมขอเก็บไว้นะ ไม่อยากคืน”

“ทำไม?”

“ก็....ป้าผมเป็นคนเลือกห้องนี้ให้ ผูกพันกับมันจนไม่อยากคืน” นี่คือเหตุผลของพระพาย

“แล้วป้านายอยู่ไหน?” พระพายเงียบไปก่อน

“ท่านเสียแล้ว ผม...ไม่มีญาติเหลือแล้วล่ะ”

“นายมีฉัน อย่าลืมสิ”

“ผมรู้...ตอนนี้ผมมีคุณ มีเก้าและก็คุณไคไง ไหนจะพี่ๆที่ออฟฟิศอีก” พระพายว่าพลางยิ้ม พิธานลูบแก้มของพระพายเบาๆ

“มีเรื่องอะไรอีกไหมที่ฉันยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวนาย?”

“อืม....ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอีกนะ แต่ถ้านึกได้เมื่อไหร่ผมจะบอกคุณล่ะกัน” พระพายว่า

“มีอะไรก็บอก ถึงฉันจะรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ แต่ก็อยากให้นายบอกฉันออกจากปากของนายมากกว่า”

“รับทราบ” พระพายว่าพลางยิ้ม

“ไปอาบน้ำเถอะ เรื่องของก็เอาไปเฉพาะที่นายจำเป็นใช้ ขาดเหลือก็ค่อยไปซื้อ” พิธานว่า

“จะให้ไปวันนี้เลยเหรอ?”

“ใช่ ดูจากข้าวของนายก็ไม่ได้เยอะ บางส่วนก็เก็บไว้ที่นี่เหมือนเดิม”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอเก็บของก่อนอาบน้ำดีกว่า”


        พูดจบพระพายก็รีบลุกไปรื้อกระเป๋าเก็บของใช้ส่วนตัวและของใช้ที่จำเป็น เอกสารส่วนตัวสำคัญๆทั้งหลาย เก็บใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ซื้อเมื่อปีกลายมาใส่ของทั้งหมดลง ใช้เวลากว่าเกือบสองชั่วโมงโดยที่พิธานก็ช่วยจัดของให้ด้วย ในมุมมองจากตรงนี้ที่พิธานกำลังจัดเรียงของลงในกระเป๋า พระพายสัมผัสได้ว่าพิธานเป็นคนละเอียดอ่อนคนหนึ่ง และดูจะเป็นระเบียบเรียบร้อยมากเลยทีเดียว ทำทุกอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งไม่เคยเห็นพิธานให้มุมนี้มาก่อน รู้สึกได้ว่าพิธานนั้นดูน่าพึ่งพามากเลยทีเดียว

“กว่าจะเสร็จ...” พระพายปาดเหงื่อทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศก็กำลังทำงานอยู่

“รีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะไม่ทันนัดของเพื่อนนาย”

“คุณล่ะ จะไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ?”

“เดี๋ยวค่อยไปอาบที่ห้องทีเดียว”


        เมื่อได้ยินอย่างนั้นพระพายก็รีบวิ่งไปอาบน้ำ เพราะตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว จึงรีบเร่งอาบน้ำแต่งตัวกลัวจะไม่ทันเวลานัด เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตรวจเช็คของอีกรอบว่าหยิบของที่จำเป็นไปครบหรือไม่และดูรอบๆห้องถึงความเรียบร้อย จากนั้นพิธานก็ลากกระเป๋าเดินทางออกมาและพระพายก็จัดการล็อคห้องเรียบร้อย

             พิธานเก็บกระเป๋าตรงท้ายรถ และขับรถออกอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังร้านที่เก้านัด เป็นร้านนั่งดื่มและทานอาหารได้ เปิดเพลงสบายๆและมีวงดนตรีแสดงด้วยซึ่งเก้าบอกมาเช่นนั้น

“เพื่อนคุณคนอื่นๆล่ะ?” พระพายถามขึ้น เมื่อนึกถึงกลุ่มเพื่อนของพิธาน

“ช่วงนี้ยุ่งกันทั้งนั้น เลยไม่ค่อยได้เจอ”

“แล้ว...เพื่อนๆคุณรู้เรื่องผมรึยัง?”

“ไม่ต้องบอกพวกนั้นก็รู้” พิธานว่า

“รู้โดยไม่ต้องบอกก็ได้เหรอ?” พระพายถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“จำตอนที่เราคุยโทรศัพท์กันได้ไหม?”

“ตอนไหนนะ...อ่อ ตอนที่พวกนั้นพูดใส่โทรศัพท์ว่า...เมีย ใช่ไหม?” เมื่อนึกคำนั้นขึ้นมาก็อดตลกไม่ได้

“ใช่ ถ้าพวกนั้นไม่รู้ก็แปลกแล้ว”
 
“แต่คนที่คุณสนิทที่สุดคือคุณไคใช่ไหม?”

“ใช่”

“ผมเองก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวคุณเท่าไหร่เลย” พระพายว่า

“เดี๋ยวก็จะรู้มากขึ้น เชื่อสิ”


        พิธานขับรถมาถึงร้านที่นัดหมาย โดนที่ช้ากว่าเวลานัดไปสิบนาทีเพราะรถติดพอสมควรเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด เมื่อเดินเข้าไปในร้านพบว่าไคและเก้านั่งรออยู่แล้ว

“มาแล้วเหรอ คู่ข้าวใหม่ปลามัน” เก้าร้องทักทันทีที่เห็นหน้า พิธานมองหน้าเก้าด้วยใบหน้านิ่งๆ ไคได้แต่ส่ายหน้า

“ไปทักอะไรแบบนั้น พระพายอายนะ” ไคพูด

“มันต้องเลิกอายได้แล้ว” มองไปมองมาเหมือนไคเป็นเพื่อนของพระพายมากกว่าเพราะดูจะปกป้องพระพายซึ่งต่างกับเก้า

“สั่งอะไรกันรึยัง?” พิธานเอ่ยถามพลางนั่งลง พระพายเองก็นั่งลงข้างๆเก้า

“สั่งไปแล้ว คิดว่าคงต้องหิวกัน” ไคว่าพลางยิ้ม

“ขอบคุณครับคุณไค” พระพายบอก

“เป็นไงบ้างพระพาย สบายดีใช่ไหม?” ไคถาม

“ครับ สบายดีแต่งานยุ่งมาก”

“เออ หลังไปเที่ยวงานเยอะมาก นี่กูยังทำไม่เสร็จเลย” เก้าพูดขึ้นมา

“ดีนะที่กูทำเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังทำงานตัวใหม่” พระพายเล่าถึงงานของตัวเอง

“แล้วพวกมึงล่ะ ชีวิตวุ่นวายเหมือนพวกกูรึเปล่า?” เก้าหันไปถามไค

“ก็ยุ่งตลอดแหละ แต่ก็ต้องหาเวลาพักบ้าง” ไคบอก

“จริงๆวันนี้กูตั้งใจจะมากับพายสองคนนะ พวกมึงมันตัวแถม” เก้าว่าพลางเหล่มองไปยังพิธาน

“เอาน่า เดี๋ยวค่อยรอบหน้าก็ได้” พระพายว่า

“รอบหน้าฉันก็จะมาด้วย” พิธานบอก

“อะไร มึงจะทำตัวติดกันเป็นเงาเลยรึไง?” เก้าหันไปถามพระพาย

“ใช่” พิธานยอมรับ

“มึงไม่ย้ายไปอยู่ด้วยกันเลยล่ะ จะได้ตัวติดกันสมใจ”

“เอ่อ..พูดถึงเรื่องนี้ เก้า..วันนี้กูจะย้ายไปอยู่กับเขาละนะ” พระพายบอกพลางยิ้มแห้งๆ เก้าตาโตเป็นไข่ห่านทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น พิธานยิ้มอย่างมีชัย

“จริงเหรอ ดีจัง จะได้อยู่ใกล้ๆกัน” ไคดีอกดีใจ

“นี่มึงเอาจริงเหรอพาย?” เก้าถาม

“ก็นะ คิดดีแล้ว” พระพายยืนยันเช่นนั้น

“เอาเถอะ ถ้ามึงตัดสินใจแล้ว กูก็ตามนั้น” 

“นายมีสิทธิ์ไปห้ามพระพายด้วยรึไง?” ไคถามพลางหัวเราะ

“อ้าวมึง พูดจากวนตีน” เก้าหันไปว่าไค

“นี่ มึงก็เพลาๆหน่อย เขาจีบมึงนะ อย่าวางก้ามมากนักสิ” พระพายว่า

 “นั่นสินะ พระพายเองยังเข้าใจอะไรๆมากกว่านายอีก” ไคเห็นด้วยกับพระพายอย่างที่สุด

“แล้วไง มันจีบกู กูต้องอ่อนหวานกับมันรึไง?” เก้าเถียงขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่มีพวก

“ก็ไม่ต้องอ่อนหวานหรอก แต่พูดจาดีๆก็ได้ นี่มึงจะกัดเขาทุกเวลา”

“กูก็เป็นของกูแบบนี้” เก้าว่า

“เออๆ มึงเป็นแบบนี้แหละกูรู้” พระพายว่า จากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี

“กินข้าว” พิธานพูดแค่นั้นคือระฆังพักยกให้ทุกคนหยุดเถียงกัน


        ทั้งสี่คนทานอาหารกันไป พลางพูดคุยกันบ้าง พระพายกับเก้าก็คุยกันถึงเพลงและเรื่องข่าวสารที่คนกำลังพูดถึงในตอนนี้ การทานอาหารกันครั้งนี้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเพราะวงดนตรีที่กำลังเล่นดนตรีและร้องเพลงนั้น สร้างบรรยากาศที่ดีในการทานอาหารครั้งนี้

“กูชอบเพลงนี้” เก้าว่าขึ้น

“กูจำได้ เมื่อก่อนมึงชอบให้โก๋มันดีดกีต้าร์เพลงนี้” พระพายพูดถึงเรื่องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

“ก็กูดีดไม่เป็นนี่ ไอโก๋มันดีดเก่งที่สุดแล้ว” เก้าว่า

“นายเล่นกีต้าร์ไม่เป็นเหรอ?” ไคถาม

“เออ”

“ฉันเล่นเป็นนะ” ไคบอก

“แล้วไง ใครถามมึง” เก้าสวนทันที

“คุณไคเขาบอกมึงเฉยๆ” พระพายพูดขึ้น

“มึงก็เข้าข้างมัน กูเพื่อนมึงนะ” เก้าว่าขึ้น

“เพื่อนกูทั้งสองคนนั่นแหละ” พระพายว่าพลางตักอาหารให้พิธาน

“เออ ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่เข้าข้างคนอื่นมากกว่ากูหรอกนะ” เก้าค้อนพระพาย

“เก้าเพื่อนรัก อย่ามองเพื่อนอย่างนั้น กินข้าวเถอะ” พระพายว่า ไคถึงกับแอบหัวเราะในสรรพนามที่เรียกเก้าของพระพาย


        ทานอาหารเสร็จถึงเวลาดื่ม ไคสั่งเปิดเครื่องแอลกอฮอล์ขนาดหนึ่งลิตรซึ่งเป็นแบรนด์ที่ชายหนุ่มทั่วไปนิยมดื่ม เก้านั่งดื่มอย่างหน้าชื่นตาบานเพราะได้ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาที่แสนจะชื่นชอบ

“ไปเข้าห้องน้ำนะ” ไคบอกก่อนที่จะลุกขึ้น ในขณะเก้าก็ลุกไปคุยโทรศัพท์บอกว่าเพื่อนที่ทำงานโทรมา

         ตอนนี้จึงเหลือแค่พิธานกับพระพาย เมื่อเป็นอย่างนั้นพิธานก็ลุกไปนั่งข้างพระพายแทน พระพายยิ้มออกมาเมื่อเห็นพิธานลุกมานั่งข้างตน

“เดี๋ยวเก้าบ่นจมแน่นอน”

“ไม่สน” พิธานพูดเท่านั้น

“ดื่มแบบนี้ขับรถกลับไหวเหรอ?” พระพายถาม

“ดื่มไม่เยอะหรอก เดี๋ยวคืนนี้จะไม่ไหวเอา” พิธานบอก

“ไม่ไหวอะไร?”

“ก็ลองของเล่นไม่ไหวไง” พิธานบอก พระพายถึงกับเม้มริมฝีปากเพราะไม่รู้จะหาคำไหนมาว่าพิธานดี

“ถ้าอย่างนั้นผมจะดื่มให้เมาเละเลย จะได้ทำไม่ไหว” พระพายว่าพลางยิ้มกริ่ม

“นายไม่รู้ตัวหรอก เวลานายเมานายจะเร่าร้อนกว่าเดิมอีก” พิธานว่า พระพายตาโตขึ้นทันที

“จริงเหรอ?” พระพายไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

“ไม่อยากนั้นฉันคงไม่ติดใจตั้งแต่คืนแรกหรอก” พิธานว่าพลางยิ้มอย่างเหนือกว่า

“คุณไม่เคยบอกผมเลย ให้ตายเถอะ” พระพายหน้ามุ่ยลง

“จะแบบไหนฉันก็ชอบ ขอให้เป็นนายก็พอ” จบท้ายประโยคด้วยคำพูดที่กระแทกใจจนพระพายแอบหน้าแดงนิดๆ


        ไคกลับมาจากห้องน้ำก็นั่งลงและยิ้มให้พิธานที่ย้ายฝั่งไปนั่งกับพระพายแล้ว ส่วนเก้าที่กลับมาจากคุยโทรศัพท์ก็หน้าบึ้งทันทีที่เห็นพิธานนั่งที่นั่งของตนแล้ว

“ไวเหลือเกินนะมึง” เก้าว่าพลางนั่งลงข้างๆไคอย่างจำยอม

“เขาเป็นแฟนกันก็ต้องนั่งด้วยกันสิ” ไคว่า

“กูไม่เถียงกับมึงแล้ว” เก้าพูดเท่านั้นก่อนที่จะดื่มต่อไป


        ยิ่งดึกเพลงยิ่งสนุกสนานมากขึ้น มีคนลุกไปเต้นหน้าเวทีที่ยกไม่สูงมากนักของทางร้าน พระพายโยกตัวตามจังหวะอย่างสนุกสานและตอนนี้ก็เริ่มเมาบ้างแล้ว ส่วนเก้าเองก็มึนๆเพราะดื่มเข้าไปขวดที่สามแล้ว ด้านพิธานนั้นยังดูสบายๆไม่ต่างจากไคเพราะทั้งสองคนดื่มน้อยๆเรื่อยๆอีกทั้งคงห่วงเรื่องการขับรถด้วย

“เก้ามึงมายังไง?” พระพายถามเสียงเริ่มยาน

“นั่งแท็กซี่มา” เก้าตอบ

“มึงเมาแล้วเหรอ? ปกติมึงคอทองแดงนะ” พระพายว่า

“ไม่เมาแต่ไม่เหมือนเดิมโว้ย” เก้าว่าพลางหัวเราะ พระพายก็หัวเราะตาม


        จนในที่สุดเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตีหนึ่งกว่าๆ เพลงยิ่งคึกคักกว่าเดิม ร้านนี้เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ ซึ่งปิดในเวลาตีสอง พระพายเริ่มเข้าสู่อาการเมาแต่ไม่ได้หนักมาก ส่วนเก้ายังทรงๆไม่ต่างจากพิธานและไคที่ยังคงเหมือนเดิม

“กลับกันเลยดีกว่าไหม?” ไคหันไปถามพิธาน

“อืม” พิธานก็เห็นด้วย จึงเรียกพนักงานคิดเงิน ซึ่งพิธานเป็นคนจ่ายเสร็จสรรพ

“คุณไค....ไปส่งเก้าได้ไหม?” พระพายเอ่ยปากขึ้น

“ไม่ต้อง กูกลับเอง” เก้าว่าพลางลุกขึ้นแต่แอบเซเล็กน้อย

“เดี๋ยวฉันไปส่ง” ไคว่า

“แล้วทำไมไม่ค้างห้องไคล่ะ?” จู่ๆพิธานก็พูดขึ้นมา ทุกคนต่างยืนเงียบกริบทันที

“เป็น..ความคิดที่ดีนะ” พระพายว่าพลางยิ้มกว้างอย่างคนเมาที่มีสติ

“ไม่เอา กูจะกลับห้องกู” เก้าโวยขึ้นมาทันที

“เอาน่า ไปตกลงกันบนรถเถอะ...ไปกันดีกว่าคุณพิธาน” พระพายว่าพลางเกาะไหล่พิธานแล้วผลักให้เดินนำไป


        ทั้งสี่คนเดินไปลานจอดรถ พระพายโบกมือให้เก้าก่อนที่จะขึ้นรถไปโดยที่พิธานก็ช่วยจัดแจงท่านั่งให้เรียบร้อย ด้านเก้าก็ขึ้นรถไปไปพลางบ่นไป

“ต้องไปส่งกูที่ห้องนะมึง” เก้าว่า ไคไม่พูดอะไรก่อนที่จะขึ้นรถไป


        ทันทีที่เก้าขึ้นรถก็หลับตาลงทันทีเพราะเริ่มง่วง อีกทั้งทั้งสัปดาห์ที่ผ่านทำงานมาหนักจึงเหนื่อยสะสม ไคที่หันไปมองคนข้างๆที่หลับแล้วจึงขับรถออกไป โดยที่เส้นทางไม่ใช่ทางกลับห้องของเก้า แต่เป็นเส้นทางกลับคอนโดของตัวเองแทน...



Lyrics: Me &You by HONNE
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 19-05-2018 11:54:35
รอตอนต่อไปเลย  :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-05-2018 12:01:15
 o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-05-2018 12:14:39
ฮิๆ ไปทำอะไรกันนะ :katai5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-05-2018 13:08:54
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 19-05-2018 14:35:14
รอตอนต่อไปเลยจ้าาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 19-05-2018 16:25:48
ไคจะทำยังไงกับเก้าดีน้าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 19-05-2018 16:52:39
เก้าโดนพาไปซะแล้ว หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะอยากให้มีตอนเก้ามีสติมากกว่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-05-2018 18:54:36
ย้ายห้องเถอะเก้า   :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-05-2018 19:27:42
รอของเล่นๆๆ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 19-05-2018 20:41:51
เสร็จไคแน่เก้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 19-05-2018 20:54:15
อยากอ่านพาร์ทของพิธานนน รอคอยด้วยความหวัง :impress2: :impress2: พี่เงียบเราต้องพาระทวยแน่นวลล เรามั่นใจ o18 o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 19-05-2018 21:16:54
จะเกิดอะไรขึ้นมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-05-2018 08:42:47
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 20-05-2018 13:40:18
คู่น้องพายหวานจังเลย. มารอทุกวันเสาร์ค่ะอ่านตลอดอาจจะลืมเม้นบ้างแต่ติดตามตลอดนะคะ เป็นกําลังใจให้นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 20-05-2018 17:10:02
เก้าต้องพูดจาเพราะๆได้แล้วนะ มามึงกูไรงี้ไม่งาม ดีไม่ดีอาจถูกทำโทษเอาได้ด้วย><
ตอนหน้ามันจะมีอะไรไหมนะ จบแบบคนอ่านอยากรู้ต่อเลยอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 34 (19/05/18) P. 18 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-05-2018 09:12:52
จะไปไหนกันนนนนนนนนน :hao7:
พระพายชงให้เพื่อนมีแฟนมากอ่ะ 555 ดูดิเก้าจะใจอ่อนบ้างไหมน้าา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 26-05-2018 11:05:48
สวัสดีค่ะ ตอนที่ 35 มาแล้วค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยนะคะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ไว้เจอกันใหม่ต่อนหน้าค่ะ  :bye2:



++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 35 Impossible.


Cause I can’t make you love me if you don’t
เพราะฉันทำไม่สามารถทำให้เธอรักฉันได้ หากเธอไม่รักฉัน
You can’t make your heart feel something it that won’t
เธอไม่สามารถทำให้หัวใจของเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงมัน
Here in the dark, these final hours
ในความมืดมิดแห่งนี้ ในช่วงโมงสุดท้าย
I will lay down my heart I will feel the power
ฉันจะวางหัวใจของฉันลง ฉันจะรู้สึกถึงพลัง
But you won’t, no you won’t
แต่เธอไม่รู้เลย เธอไม่รู้หรอก
Cause I can’t make you love me when you don’t.
เพราะฉันไม่สามารถทำให้เธอรักฉันได้ ในเมื่อถึงไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น



        ไคขับรถมาถึงคอนโดซึ่งไล่เลี่ยกับพิธานที่มาถึงก่อน พิธานโอบเอวพาพระพายเดินไปโดยที่อีกมือก็ลากกระเป๋าเดินทางไปด้วย ไคจอดรถดับเครื่องยนต์ก่อนที่จะสะกิดเก้าให้ตื่น เก้าดูจะงัวเงียไม่น้อยแต่ก็ยอมลุกขึ้นมา

“ถึงห้องกูแล้วเหรอ?” เก้าถามพลางมองไปรอบๆซึ่งไม่น่าจะใช่แถวห้องพักตัวเอง

“นี่มึงพากูมาห้องมึงทำไมวะ?” เก้าถามอย่างหงุดหงิด

“ขับไปไม่ไหวแล้ว มาค้างที่นี่ล่ะกัน พรุ่งนี้จะได้ไปเจอพระพายด้วย” ไคบอก

“มึงนี่จริงๆเลย ถ้าอย่างนั้นกูนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้” เก้าเปิดประตูลงจากรถ เดินเป๋นิดๆเพื่อจะไปเรียกแท็กซี่หน้าคอนโด

“นายจะดื้ออะไรขนาดนี้ กลัวฉันจะทำอะไรนายรึไง?”

“ก็เออสิวะ” เก้ายอมรับตรงๆ

“ไม่ทำหรอก ไม่ต้องห่วง นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปห้องฉันเถอะ”


             ไคว่าก่อนที่จะลากเก้าให้เข้าไปข้างใน เก้าถูกลากไปโดยที่ปากยังคงโวยวายไปเรื่อยแต่เพราะความง่วงที่กำลังเผชิญอยู่จึงต้องเลือกที่จะมาค้างห้องของไคอย่างจำยอม

“อย่าเสียงดังสิ” ไคลากเก้าเข้ามาในลิฟต์

“กูรำคาญมึงจริงๆ” เก้าว่า ไคส่ายหน้านิดๆ เมื่อลิฟต์มาหยุดถึงชั้นบนสุด ไคก็ดันให้เก้าเดินออกไปก่อน


        เมื่อเข้ามาถึงในห้อง สิ่งแรกที่เก้าทำคือพาตัวเองไปเหวี่ยงลงบนโซฟาเพราะความง่วงจัดและไม่คิดที่จะอยากนอนเตียงเดียวกับไคด้วย เลยเลือกที่จะนอนตรงนี้แทน

“ไปนอนที่เตียง” ไคบอก ตอนนี้กำลังยืนดื่มน้ำอยู่

“กูจะนอนตรงนี้ เก้ายืนยัน

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะนอนตรงนี้เหมือนกัน”

“มึงเป็นบ้าอะไรของมึง?” เก้าถามอย่างหงุดหงิด

“ก็อยากให้ไปนอนที่เตียงดีๆ”

“โอ๊ย น่ารำคาญ” เก้าว่าแต่ก็ยอมลุกไปแต่โดยดีและเดินไปยังห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของไค

“ห้องนี้ใช่ไหม? กูจะนอนตามความต้องการของมึงก็ได้ แต่ถ้ามึงทำอะไรกูแม้แต่นิดเดียวกูเอามึงตายแน่” เก้าขู่ก่อนที่จะเข้าไปนอน

“เอาน่า ไม่ทำหรอก เชื่อใจกันหน่อย” ไคยิ้มพร้อมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นกูนอนก่อนล่ะกัน” เก้าว่าและเดินไปในห้องนอนพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนทันที

“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” ไคบอกเท่านั้นและเดินออกไปจากห้อง


        ไฟในห้องยังคงเปิดสว่าง ตอนแรกเก้าว่าจะนอนหลับอย่างที่บอกไว้ แต่พอทำไปทำมาก็ไม่รู้สึกว่าไม่อยากนอนต่อ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข่าวนั่นนี่ไปเรื่อยๆ

        นอนเล่นอยู่อย่างนั้นจนเริ่มเบื่อ เก้าจึงลุกขึ้นมองรอบๆห้องว่าพอจะมีอะไรให้ดูรึเปล่า ภายในห้องของไคนั้นไม่ค่อยมีข้าวของอะไรมากนัก ห้องนี้ที่เด่นๆคือเตียงนอนกว้าง และของประดับห้องที่มีแต่น้อยนิด ส่วนตู้เสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัวเก้ากลับไม่เห็นมัน คงจะมีห้องแต่งตัวแยกออกไปเพราะห้องนี้กินพื้นที่เยอะ ไม่แปลกที่จะมีห้องแต่งตัวแยกออกไป

             แต่มุมหนึ่งที่น่าสนใจคือชั้นวางหนังสือ ที่รู้สึกได้ว่าต้องเป็นมุมที่เจ้าตัวชอบ ดูได้จากการกระจัดกระจายและถูกใช้งานบ่อย เก้าจึงเดินเข้าไปดู เห็นหนังสือภาษาอังกฤษเยอะแยะ บางเรื่องของคุ้นตาเป็นหนังสือนิยายชื่อดังที่นำมาทำเป็นภาพยนตร์ก็มี แต่มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือสิ่งของชิ้นหนึ่งซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังสือ เป็นรูปโพราลอยด์ที่แทรกอยู่ระหว่างหนังสือสองเล่ม

             ซึ่งคนในรูปคือไคที่กำลังยิ้มกว้างและกอดคอกับใครอีกคนเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักและเหมือนจะเป็นชาวเอเชียเพราะดูจากสีผมสีดำและใบหน้า ซึ่งต่างจากไคที่เป็นลูกครึ่งตะวันตก แก้มของไคแนบชิดกับแก้มของผู้ชายร่างเล็กคนนั้น ดูรูปก็พอจะรู้ว่าทั้งคู่สนิทกันจากความใกล้ชิดและรอยยิ้มกว้างที่ดูมีความสุข ด้านล่างของรูปมีข้อความที่เขียนด้วยมือว่า My love is you.Mike!

“รักของฉันคือเธอ...ไมค์เหรอ?”


             เก้าแปลข้อความนั้นออกมา ใครคือไมค์ในรูปและความหมายในรูปนั้นมันชัดเจนเหลือเกิน คนๆนี้ต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับไคกันแน่ ต่อให้เด็กอนุบาลมาดูก็รู้ว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรที่มากกว่าเพื่อนแน่ๆแทบจะฟันธงได้เลยว่าต้องเป็นคนที่ไคชอบหรือไม่แน่ก็อาจจะเป็นแฟนกัน อีกทั้งข้อความนั้นก็บอกได้ชัดเจนถึงความรัก เก้าคิดว่าเขาไม่น่าจะแปลมันผิด

“ไหนบอกว่าชอบกูวะ แล้วนี่อะไร?” เก้าคืนรูปนั้นเข้าที่เดิม รู้สึกไม่สบอารมณ์สุดๆที่เห็นรูปนั้นเข้า

        ทั้งๆที่ไคบอกว่าชอบเขาและทำคะแนนในการจีบแบบทุกระยะแต่แท้จริงแล้วเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ บอกว่าชอบแต่กลับมีคนอื่นอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ พอคิดแล้วมันก็เริ่มโมโห เหมือนถูกแกล้งปั่นหัวปั่นความรู้สึก

        เก้ากำมัดแน่น รู้สึกควันออกหูและรู้สึกเจ็บใจลึกๆเหมือนถูกไคแกล้ง ทั้งเรื่องคำพูดของไคที่ทำให้ใจหวั่นไหว ริมฝีปากที่ชอบจูบแบบไม่ให้ทันตั้งตัวหรือบางครั้งก็ขอกันดีๆสิ่งเหล่านั้นเกือบจะโอนเอนไปแล้ว หรือเรียกได้ว่าเกือบครึ่งแล้วที่ใจอ่อนไปทางไค เป็นเรื่องที่เก้ารู้สึกพ่ายแพ้เป็นอย่างมาก และคิดไว้ว่าหากไคทำให้เขาเชื่อว่าชอบได้มากกว่านี้เขาก็จะลองเปิดใจให้ไคแต่สุดท้ายเก้าก็คิดผิด

        เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับว่าเก้าเริ่มรู้สึกดีๆกับไคไปแล้ว และรู้สึกว่าการมีตัวตนของไค การที่เจ้าตัวส่งข้อความหรือโทรหาบ่อยๆกลายเป็นความเคยชินของชีวิตในช่วงเวลานี้ไปแล้ว แม้จะพยายามเก็บงำด้วยการว่าไคแรงๆเสมอ แต่เพราะกลัวว่าหากไครู้จะเสียหน้าไปมากกว่าที่เป็นอยู่

        จริงๆแล้วเก้ากำลังจะคุยถึงเรื่องนี้กับพระพายพอดี เพราะมีแค่เพื่อนรักคนนี้คนเดียวที่จะต้องเข้าใจเขา แต่เมื่อเห็นแบบนี้แล้วคงจะต้องถอยให้ห่าง จากนี้ต่อไปจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับไคอีกและจะไม่ยอมใจอ่อนใดๆอีกต่อไป พอกันทีกับคนเช่นนี้ เก้าได้แต่หมายมั่นกับตัวเองเช่นนั้น

“ทำอะไรอยู่ ไหนว่าง่วง?” ไคเดินเข้ามาพร้อมชุดนอน คงแต่ตัวมาเรียบร้อยแล้ว เก้าเงียบไปไม่พูดอะไรก่อนที่จะเดินไปนอนลงบนเตียง

 
        ไคมองเก้าที่นอนอยู่บนเตียง รู้สึกถึงความผิดปกตินิดๆเพราะทุกครั้งเวลาคุยด้วยกันเก้าจะต้องตอบโต้เสมอ เถียงและขึ้นเสียงใส่ตลอดแต่ครั้งนี้กลับเงียบไม่โต้ตอบเลยสักคำ ไคเดินไปปิดไฟและเดินไปยังเตียงนอน แม้จะปิดไฟแล้วแต่แสงก็ยังพอมีให้เห็นนิดๆจากแสงไฟข้างนอกที่ลอดผ่านม่านเข้ามา

“เมาเหรอ?” ไคนอนลงแล้วถามขึ้น แต่เก้าก็ยังคงเงียบ

“เป็นอะไรรึเปล่า?” ไคยังคงถามต่อ เก้ากลับเงียบงันไม่พูดอะไรออกมา

“มีอะไรก็บอกสิ ไม่พอใจกันตรงไหน?”


             เก้าอยากจะพูดแทบขาดใจว่าไม่พอใจมากที่เห็นรูปนั้นเข้า อยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอดว่าไมค์คนนั้นคือใคร ทำท่าจะหันไปถามแต่ก็ยั้งตัวเองทันได้ทั้งที่ตั้งใจจะออกห่างแล้วแท้ๆแต่ก็ดันเผลอลืมตัวจะหันไปถามเสียได้

“เปล่า” เก้าตอบสั้นๆเป็นการตัดบทเพื่อไม่อยากให้ไคถามต่อ

“บอกมาเถอะ” ไคก็ยังคงถาม เพราะรู้สึกได้จริงๆว่าเก้าแปลกๆ

“ไค...มึงชอบกูจริงๆเหรอ?” ไคเงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบ

“เคยบอกไปแล้วนี่ว่าชอบ”

“มึงจำได้ใช่ไหมว่ากูเคยบอกมึง ต่อให้กูเป็นเกย์ ก็จะไม่ชอบมึง” คำพูดนั้นทำเอาไคลุกขึ้นนั่งทันที

“ต้องการจะพูดอะไรเก้า?” เก้าที่นอนอยู่จึงลุกขึ้นมานั่งและหันไปมองหน้าไคที่ไม่ชัดเจนเพราะแสงสว่างไม่ได้มีมากพอ

“กูแค่จะบอก...ล้มเลิกความคิดมึงเถอะ กู...จะไม่มีวันชอบมึง” น้ำเสียงที่จริงจัง เรียบนิ่ง บ่งบอกถึงความจริงไม่ได้เป็นเล่นเหมือนทุกๆครั้ง

“นาย..จะบอกว่าให้ฉันเลิกชอบนาย..อย่างนั้นเหรอ?” เสียงของไคเบาลงเหมือนจะรับในคำพูดนั้นไม่ได้

“หมดเวลาเล่นของมึงแล้วไค นี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่กูจะมาอยู่ที่นี่ตรงนี้กับมึง ต่อจากนี้ไปออกจากชีวิตกูซะ” สายตาที่จ้องมองไปยังไคแม้จะไม่เห็นแววตาแต่รู้สึกถึงความเฉยชาที่ส่งมา

“เพราะอะไร..จู่ๆทำไมถึงมาพูดแบบนี้ ทั้งๆที่นายไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น”


             ไคลุกไปเปิดไฟเพื่อต้องการเห็นหน้าเก้าให้ชัดๆ เก้ารีบหน้าหน้าหนีไคที่เดินตรงมาแล้วจับแขนของเก้าให้หันหน้ามาทางตน เก้าเสหน้าหลบอย่างไม่อยากจะเห็นหน้าไค รู้ดีว่าหากเห็นหน้าไคก็จะพลั้งปากถามออกมาแน่นอน

“มองหน้าแล้วพูดออกมา นี่เป็นความต้องการของนายจริงๆเหรอ?” ไคถาม ตอนนี้แม้แต่หางตาของเก้าก็ไม่อาจจะมองไคได้

“ใช่ กูไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมึงแล้ว”

“ทำไมล่ะ?”

“มึงไม่ได้ชอบกูจริงๆหรอกไค มึงแค่ไม่มีอะไรทำและคิดไปเอง”

“นายอ่านใจฉันได้เหรอ ถึงมารู้ว่าฉันไม่ได้ชอบนายจริงๆ”

“เรื่องนั้นกูอาจจะคิดไปเอง แต่สิ่งหนึ่งที่กูจะบอกมึงได้คือ....”


        คราวนี้เก้าหันหน้าไปมองไคชัดๆ มองเข้าไปในแววตาที่ดูเศร้าของไค หายใจเข้าออกลึกๆช้าๆก่อนที่จะตัดสินใจพูดมันออกมา

“กู..ไม่ได้ชอบมึง....ไม่วันและไม่มีทาง”


            เสียงดังฟังชัดจนกระทบเข้าไปในโสตประสาทของไค ใบหน้าที่นิ่งและสายตาที่จริงจังนั้นทำเอาไคฝืนยิ้มออกมาก่อนที่จะหัวเราะเราะเบาๆ

“นายกำลังจะผลักไสฉันใช่ไหม คิดเหรอว่าฉันจะยอมแพ้” ไคพยายามทำตัวเหมือนทุกครั้งที่เคยผ่านมา

“มันไม่ใช่แค่เรื่องมึงยอมแพ้หรือไม่ยอมแพ้ แต่กูบอกให้มึงออกจากไปชีวิตกู กูขอเถอะไค ถือว่าขอร้อง...ไปซะเถอะ”


            สิ้นสุดคำพูดนั้น ความตึงเครียดของไคนั้นส่งมาถึงเก้าจนรู้สึกได้ ไคเริ่มยิ้มไม่ออก ใบหน้าหมองลงถนัดตา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นไคในมุมนี้ มุมที่ดูอ่อนแรงและหมดกำลังขนาดนี้

             ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนั้นเก้าจะโวยวาย ด่าว่าเสียงดังซึ่งเป็นการกลบเกลื่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปรู้สึกได้ว่าเก้าอยากให้เขาออกไปจากชีวิตจริงๆ ไม่ต้องการให้เจอหน้ากันอีกจริงๆ

“นาย...ไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลยเหรอ?” ไคถามออกมาพลางจ้องมองเก้า ที่หลบตาด้วยความรวดเร็ว

“ใช่...กูไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”

“ทั้งหมดเลยเหรอ ทุกๆอย่างที่ผ่านมาเลยเหรอ?” เก้ากลืนความรู้สึกลึกๆของตัวเองลงก่อนตอบ

“ใช่...ทุกอย่าง..กูไม่เคยรู้สึกอะไรเลย”


         ไคเงียบไปพักใหญ่ เงียบจนเก้าเริ่มรู้สึกอึดอัด ใจหนึ่งอยากจะหันไปมองหน้าไคให้ชัดเจน แต่อีกใจหนึ่งรู้ดีว่าหากหันไปตัวเองจะรู้สึกยังไง รู้สึกปวดหนึบไม่น้อยเลยที่ต้องพูดแบบนั้นออกไป ไคคงจะเจ็บปวดแต่คนที่เจ็บปวดไม่แพ้กันคือตัวของเขาเอง

“ฉันคิดไปเองหมดเลยเหรอ คิดว่านายน่าจะมีใจให้ฉัน” ไคว่า เก้าเงียบไม่พูดอะไรออกมา

“ฉันไม่สามารถทำให้นายรู้สึกได้เลยเหรอว่าฉันชอบนายจริงๆ มันส่งไปไม่ถึงใช่ไหม?” เก้าก็ยังคงเงียบอยู่ดี

“เงียบแบบนี้คือคำตอบสินะ” ไคถอนหายใจออกมา

“เอาล่ะ..ฉันจะไม่ฝืนใจนายอีก หากนายไม่ได้คิดแบบนั้นฉันจะไปจากนายอย่างที่นายขอ” ไคว่า


        แม้เก้าจะเป็นคนที่พูดออกไปแบบนั้นแท้ๆ แต่ก็รู้สึกขัดใจที่ไคยอมแพ้ง่ายเกินไปแล้ว ทั้งที่ปกติเจ้าตัวจะดื้อเพ่งยังไงก็จะจีบให้ได้ไม่ว่าจะด่าว่าหรือใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขนาดไหนก็ตาม แต่ครั้งเจ้าตัวกลับเชื่อฟังทำที่บอกและยอมแพ้ไปแบบง่ายๆ

        นั่นแปลว่าจริงๆแล้วไคอาจจะไม่ได้ชอบเขาจริงจังตั้งแต่แรก หรือเพราะจีบจนเริ่มท้อและคงไม่อยากจะคบเป็นแฟนเหมือนที่พิธานและพระพายเป็น จึงยอมหยุดทุกอย่างลงแบบนี้ ยอมถอยห่างอย่างที่ขอกันจริงๆ

        แต่คิดไปคิดมาคงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอก คงเพราะเจ้าตัวมีคนของเขาอยู่แล้ว คนๆนั้นในรูปภาพ คนที่บอกว่าคือความรัก มันไม่ใช่เก้ามาตั้งแต่ต้น ทุกอย่างมันสมควรจบตั้งแต่ตรงนี้แล้ว

“แต่คืนนี้ คืนสุดท้าย อยู่ตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้ฉันจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม เหมือนฉันไม่เคยบอกชอบหรือจีบนาย” เก้าหันหน้าไปทางอื่นไม่อยากมองไคตอนนี้จริงๆ

        เพราะเมื่อคำนั้นออกจากปากไคเหมือนวกกลับมาทำร้ายใจตัวเองเหมือนกัน รู้สึกหน่วง รู้สึกเหมือนกำลังจะอกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้คบกัน เก้าจำความรู้สึกนี้ได้เพราะครั้งหนึ่งเคยโดนแฟนคนแรกบอกเลิก มันเจ็บและทรมานที่สุด

“ฉันไม่รับปากนายหรอกนะว่าฉันจะเลิกชอบนายได้ไหม แต่ฉันจะไม่ไปยุ่งกับนายตามที่นายขอ”

“ที่ผ่านมาฉันดีใจนะที่เราได้เจอกันและเรื่องอื่นๆที่ผ่านมาด้วย...นอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะไปส่ง..”

             ไคลุกไปปิดไฟและกลับมานอนลงโดยที่เก้าก็ล้มตัวลงนอนเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้ เก้ากัดริมฝีปากแน่นเพราะรู้สึกไม่ดีจนอยากจะหายไปตรงนี้ รู้ดีที่เจ็บปวดขนาดนี้เพราะอะไร เพราะตอนนี้เริ่มมีใจให้ไคแล้วอย่างแน่นอน เก้าพยายามข่มตาหลับแต่ก็ทำไม่ได้ ลืมตาอยู่อย่างนั้นทั้งคืน โดยที่ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าไคเองก็ไม่ได้หลับลงแต่อย่างใด

        ทั้งๆที่ใกล้กันขนาดนี้ แต่รู้สึกได้ถึงความห่างไกลออกไปเรื่อยๆ หมดจากวันนี้ไปทุกอย่างจะกลับมาสู่สภาวะเดิม จะไม่มีใครมาตามจีบวอแวให้กวนใจ จะต้องกลับไปเป็นเก้าที่ฉอเลาะผู้หญิงอย่างมีความสุข จะตัดความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้ไค นับจากวันนี้....เก้าจะกลับไปเป็นคนเดิม




Lyrics: I can’t make you love me.by Tank
   

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-05-2018 12:14:28
ม่ายน้าาาาา
หันมาคุยกันก่อนสิ  :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 26-05-2018 14:14:15
คิดเอเออเองอีกละ มันอาจตะเป็นรักเก่าจบไปแล้วก้อได้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-05-2018 16:09:13
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 26-05-2018 18:27:05
ก็ลองดู
ห่างกันอาจจะมองเห็นอีกฝ่ายชัดขึ้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 26-05-2018 19:30:25
เออดี ประสาท น่าเขกกะโหลก 555555 อยู่ดีไม่ว่าเคหาเรื่องเสียใจให้ตัวเองเฉย มันน่าตีนัก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-05-2018 19:37:14
กินมาม่าอีกแล้วหรอ  o22
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-05-2018 20:06:14
ไม่รู้จะสงสารใครดี
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 26-05-2018 21:33:35
ทำไมเก้าไม่ถามไค คิดเองเออเองแบบนี้มันไม่ถูกเลยนะ สงสารไคเลยอ่ะ จะร้อง :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 26-05-2018 23:02:23
ไม่นะ...คุยกันให้รู้เรื่องก่อน พึ่งจะหวานคู่นั้น มาหน่วงคู่นี้แทน
ปล.รักษาสุขภาพนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 27-05-2018 01:40:44
 คิดเองเก่ง​  :angry2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 27-05-2018 08:17:34
แต่แล้ว ฝันนั้นก็สลายไปในพริบตา :katai1:

จริงๆแล้วสองคนนี่ควรจะจุ๋งจิ๋งหนุงหนิง นอนจับมือข้ามหมอนข้างยันเช้าอะไรแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้
น้องเก้าของเค้าเริ่มเปิดใจแล้วแท้ๆ  คราวนี้จะปรับความเข้าใจกันยังไง
ยิ่งปากหนักๆอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-05-2018 10:36:52
เก้าเอ๊ย เดี๋ยวก็น้ำตาเช็ดหัวเข่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-05-2018 13:31:25
เก้าน่ารำคาญ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-05-2018 22:59:00
อ่านไปๆลุ้นกับพระพายมาก แต่sm ของพิธานก็หวาน แถมร้อนแรงมากเว่อร์ ชอบอ่ะ
เรื่องเก้าไปพูดแล้วกัน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-05-2018 08:24:38
สนุกดี ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 36 (02/06/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 02-06-2018 12:05:09
สวัสดีค่ะ  :mc4: วันนี้มาช้าไปนิด พอดีมีงานนิดหน่อยค่ะ ตอนต่อไปมาแล้ว หลังจากบ่นเก้าไปเยอะ คราวนี้มาดูอีกห้องกันบ้างว่าเขาทำอะไรกันอยู่  :-[ ไปอ่านกันเลยค่ะ ถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ตรงนี้ค่ะ ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณที่ติดตาม ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1:


++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 36 Love with electric 1


Oh, I love the feeling you bring to me, oh, you turn me on
ฉันรักความรู้สึกที่เธอมอบให้ฉัน เธอทำฉันมีอารมณ์
It’s exactly what I’ve been yearning for, give it to me strong
ที่จริงมันเป็นสิ่งที่ฉันโหยหา ทำมันกับฉันแรงๆสิ
And meet me in my boudoir, make my body say ah,ah,ah
และมาเจอฉันที่ห้องของฉัน ทำให้ฉันร้อง อาห์....
I like it, like it
ฉันชอบมัน ชอบมันที่สุด


        พิธานและพระพายมาถึงห้อง พระพายนั้นเรียกได้ว่าเข้าขั้นเมา มีสติครบพูดจารู้เรื่องปกติแต่การทรงตัวออกจะไม่ดีเท่าที่ควร พิธานจึงต้องจับเอาไว้ตลอดเวลา

“โอ๊ย ทำไมถึงเมาขนาดนี้เนี่ยะ”


             พระพายบ่นออกมาพลางทิ้งตัวลงบนโซฟา พิธานใช้โอกาสนี้เอากระเป๋าเดินทางของพระพายไปเก็บ และดึงของใช้ส่วนตัวของพระพายบางส่วนออกมาวางไว้ให้เจ้าตัวใช้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาจัดให้เข้าที่เข้าทาง

“นี่คุณจัดห้องใหม่รึเปล่า?” พระพายถามขึ้น เพราะรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปจากครั้งก่อนที่มา

“ใช่ เพราะมีบางคนมาอยู่ด้วย”

“บางคน...ผมเอง” พระพายชี้ตัวเองและหัวเราะ

“จะอาบน้ำไหม?” พิธานเดินมาถามพระพายที่นอนพิงโซฟาอยู่

“อาบสิ” พระพายบอกเท่านั้นก่อนที่จะพยายามดันตัวองให้ลุกขึ้นได้

“จะอาบด้วยกันเหรอ?” พระพายถามพิธานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พิธานได้เห็น คงเพราะเมาจึงทำมันโดยไมรู้ตัว

“เอาสิ” พิธานเห็นด้วยก่อนจะดึงพระพายที่เดินเซไปยังห้องน้ำ


        พิธานถอดเสื้อผ้าให้พระพายและถอดของตัวเองด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดฝักบัวอาบน้ำไปพร้อมๆกัน อาบไปก็แกล้งพระพายเล่นๆด้วยกันจับนั่นจับนี่ พระพายได้แต่ปัดป่ายไปมาอย่างไม่เต็มแรงนัก

        พระพายได้แต่ยืนนิ่งๆเพราะพิธานเป็นคนจัดการให้หมดทุกอย่าง ตั้งแต่สระผม ถูสบู่ให้ไปจนถึงการล้างตัว แค่ยืนเฉยๆก็สะอาดได้โดยไม่ต้องทำอะไร เมื่อได้อาบน้ำสระผมก็รู้สึกสบายตัวขึ้นและเริ่มสร่างขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย จนเริ่มเข้าที่เข้าทางแม้จะยังมึนๆแต่ก็ดีกว่าตอนก่อนหน้านี้มาก

“คุณจะเอาใจผมเกินไปแล้ว” พระพายว่าในขณะที่พิธานกำลังเช็ดผมให้หลังจากอาบน้ำเสร็จ

“แค่อยากทำ” พิธานพูดเท่านั้น ก่อนที่จะดึงพระพายไปยังห้องนอน เป่าผมให้พระพายจนแห้ง

“มาๆ ผมทำให้บ้าง” พระพายอยากจะหันไปช่วยพิธานบ้าง

“นายเมาอยู่”

“ดีขึ้นแล้วล่ะ”


        พระพายแย่งไดร์เป่าผมจากพิธาน จากนั้นก็เป่าผมให้พิธานบ้าง พิธานอมยิ้มนิดๆเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วของพระพายที่จับเส้นผมอยู่ตอนนี้

“ผมคุณแห้งเร็วจัง”

“ง่วงรึยัง?” พิธานถาม


             ตอนนี้ทั้งสองคนสวมชุดนอน ซึ่งชุดของพระพายก็เป็นชุดนอนของพิธานเช่นกัน เพราะข้าวของของตัวเองยังคงอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ไม่รู้ว่าพระพายอยากจะสวมชุดไหนจึงตัดปัญหาเอาของตัวเองมาให้สวมแทน พิธานอดไม่ได้ที่จะมองพระพายในตอนนี้ ชุดของเขามันตัวโตเกินไปสำหรับพระพาย จึงดูหลวมๆหมิ่นเหม่ชอบกล

“นี่ก็ตีสามละนะ” พระพายว่าพลางมองนาฬิกาฝาผนังในห้องของพิธาน

“นอนเถอะ” พิธานบอกเท่านั้นและเดินไปปิดไฟ พระพายจึงนอนลงบ้าง


        ทั้งสองนอนนิ่งด้วยความเงียบ พระพายจำได้ว่าพิธานบอกว่ามีของเล่นที่เพื่อนส่งมาให้ ใจนั้นอยากจะรู้ว่ามันคือของเล่นแบบไหน อยากจะทักท้วงพิธานแต่หากพูดออกไปมันคงดูแปลกๆ ราวกับจะเชิญชวนให้พิธานมามีอะไรกันก็ไม่ผิดนัก

        พิธานขยับตัวเข้ามาใกล้ๆพระพายจากนั้นก็กอดร่างมาแนบอก สูดกลิ่นแถวไรผมเบาๆ ความอบอุ่นกระจายไปทั่วจนรู้สึกหวิวในอก ชักเริ่มจะอยากทำอะไรสักอย่างในตอนนี้แล้ว เพราะตั้งแต่หลังจากที่คืนนั้นที่เขาใหญ่ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันและยังไม่มีอะไรกันเลยมากกว่าจูบในเมื่อวานเท่านั้น

        ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกร้อนๆ คิดถึงสัมผัสของพิธาน คิดถึงผิวกายที่เสียดสี ทั้งๆที่แนบชิดกันขนาดนี้แต่ก็ไม่กล้าบอกออกไปว่าอยากทำอะไรด้วยกัน จะให้ทำแบบไหนยังไงก็ได้ ของเล่นชนิดไหนพระพายก็รับได้หมด แค่อยากจะทำแบบนั้นกับพิธานในตอนนี้ รู้สึกถึงร่างกายที่ละโมบของตัวเองขึ้นมามากกว่าเก่า

        นึกไปก็ครั่นเนื้อครั่นตัวไป พิธานยิ่งขยับเข้ามาใกล้ขึ้นไปอีกยิ่งรู้สึกกันเข้าไปใหญ่ ริมฝีปากนั้นคลอเคลียแถวใบหูจนในที่สุดพระพายก็เริ่มที่จะไม่ไหว

“รู้สึกแล้วเหรอ?” พิธานกระซิบที่หู พระพายรู้ได้ทันทีว่าพิธานเองก็ต้องการเหมือนกัน

“นี่แผนคุณเหรอ?” พระพายยิ้มออกมานิดๆ

“ฉันรู้ว่านายก็คิดเรื่องนั้นอยู่” พิธานว่า

“คุณก็คิดใช่ไหมล่ะ?”

“แน่นอน คิดตั้งแต่ตอนอาบน้ำแล้ว” พิธานยอมรับ

“นี่เราจะรู้ใจกันเกินไปแล้วนะ” ในที่สุดพระพายก็หัวเราะออกมา

“เราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม”


        พิธานผละออกจากพระพายแล้วเดินไปเปิดไฟ จากนั้นก็ไปยังตู้เสื้อผ้าเจ้าเดิม ซึ่งพระพายเพิ่งสังเกตว่ามันเป็นตู้ใส่ของธรรมดาแทน ลืมไปว่าพิธานจัดห้องใหม่แล้วทุกอย่างเลยถูกย้ายที่ ตอนนี้ตู้นั้นเป็นตู้ใส่ของธรรมดาไม่ใช่ตู้เสื้อผ้าแล้ว

        กล่องที่ดึงออกมาไม่ใช่กล่องสีขาวกล่องเดิมที่เคยเห็น กลับเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลซึ่งขนาดก็เท่าๆกันกับกล่องสีขาวก่อนหน้านี้ พระพายนั่งมองพิธานที่ยกกล่องนั้นมาวางตรงปลายเตียง มองลุ้นว่าพิธานจะหยิบอะไรออกมาจากล่องนั้น

“มาดูใกล้ๆสิ” พิธานบอก พระพายจึงขยับเข้าไปดูกล่องนั้น


        มันมีกล่องอยู่อีกชั้น เมื่อแกะกล่องออกมาก็พบว่าเป็นกล่องสีดำมีรูปนิ้วชี้ที่เครื่องมืออะไรสักอย่างลักษณะคล้ายฝักบัวใสๆหัวเล็กๆ

“Electro erotic neon wand….มันคืออะไร?” พระพายถามพิธานทันทีเพราะชื่อของอุปกรณ์ตัวนี้อ่านแล้วเข้าใจยาก

“มันเป็นเครื่องสร้างกระแสไฟฟ้าความแรงต่ำจากแสงนีออน” พิธานอธิบายให้ฟังอย่างง่ายๆถึงอุปกรณ์ชิ้นนี้

“เพื่ออะไร?”


             พระพายไม่เข้าใจอยู่ดีพลางมองพิธานที่แกะมันออกมาทีละชิ้น ซึ่งมีเครื่องสีดำเป็นแท่งเรียวยาวขนาดพอดีมือและมีหัวแบบแก้วใสให้เปลี่ยนถึงสี่หัวในรูปแบบต่างๆหลายแบบ อีกทั้งยังมีปลั๊กพ่วงมาด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจว่ามันออกแบบมาเพื่ออะไร

“เดี๋ยวก็รู้”


             พิธานบอกเช่นนั้น ก่อนที่จะจัดการประกอบหัวแก้วที่เป็นลักษณะคล้ายหัวฝักบัว ดูจากการจัดการเครื่องนี้แล้ว พิธานคงน่าจะรู้จักวิธีการใช้พอสมควร

“เพื่อนคุณส่งมาใช่ไหม?”

“ใช่ เพิ่งส่งมาเมื่อวาน”

“คุณรู้วิธีใช้ใช่ไหม?”

“เมื่อวานฉันศึกษามัน แล้วก็ลองด้วยตัวเองแล้ว ไม่อันตรายหรอกไม่ต้องห่วง” พิธานเข้าใจว่าพระพายคงจะรู้สึกกลัวเพราะรูปร่างมันดูแปลกตา

“เอาล่ะ เสร็จแล้ว”


        พิธานว่าก่อนที่จะวางกล่องนั้นลงข้างเตียง จากนั้นลุกไปเสียบปลั๊กพ่วงและลากมันมาใกล้เตียง นำเครื่องสีดำมาเสียบปลั๊กกับปลั๊กพ่วง หยิบหัวเปลี่ยนกับแผ่นเหล็กสี่เหลี่ยมที่เหมือนจะมีสายยาวออกมาเพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องสีดำนั้นได้ และเครื่องมือหน้าตาแปลกๆคล้ายแส้ซึ่งทำมาจากสแตนเลสหรือเหล็กอะไรสักอย่าง อีกทั้งมียางยืดที่ใช้ออกกำลังกายด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าจะเล่นกับมันได้อย่างไร

“ถอดชุดนอน” พิธานหันไปบอกพระพายซึ่งก็ทำตามทันที แอบรู้สึกตื่นเต้นนิดๆว่าเครื่องมือชิ้นนี้จะทำให้เกิดมีความรู้สึกอะไรบ้าง พิธานมองไปทั่วตัวของพระพายจนคนถูกมองต้องเอ่ยถาม

“มะ..มองอะไร?”

“นานไม่ได้ใส่เครื่องประดับใช่ไหม?” พิธานถาม

“ไม่มี ทำไมเหรอ?”

“ต้องถอดออกก่อนเล่นเจ้าเครื่องนี้” พิธานตอบ พระพายจึงพยักหน้ารับ

“พร้อมแล้วเหรอ?” พิธานถามพลางมองจุดกลางของพระพายที่ตอนนี้เริ่มจะแข็งตัวขึ้นมาแล้ว

“ก็...ก็ผมคิดเรื่อง....” พระพายพยายามจะอธิบาย

“คิดเรื่องที่ทำกับฉันใช่ไหม?” พิธานถามก่อนที่จะถอดชุดนอนออกเช่นกัน

“ทั้งเรื่องนั้นแล้วก็...” พระพายไม่ทันพูดจบแต่พิธานกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ฉันคิดถึงนายมากเลยล่ะ” พิธานส่งยิ้มบางๆให้พระพายที่อมยิ้มจนแก้มพอง แน่นอนว่าพระพายเองก็คิดถึงพิธานไม่ต่างกัน


        ตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่ากันแล้ว พระพายเอนตัวลงนอนในขณะที่พิธานก็โน้มตัวลงจูบริมฝีปากของพระพาย ไม่ต้องเล้าโลมให้มากความเพราะตอนนี้พระพายทำท่าจะเครื่องติดตั้งแต่ไม่ทันจะเริ่ม

        ริมฝีปากประกบจูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูดดุนกลีบปากพลางแลบเลียจนปากมันวาว ลิ้นแลกลิ้นอย่างไม่มีใครยอมใคร มาถึงตอนนี้แล้วพระพายไม่ได้มีความเหนียมอายใดๆทั้งสิ้น อยากที่จะแนบชิดกับพิธานให้มากกว่านี้

        จูบกันจนพระพายเริ่มมวนในท้องเพราะรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา แค่จูบของพิธานทำเอาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว หากจะไปถึงขั้นที่มากกว่านี้คงไม่พ้นไปถึงฝั่งก่อนพิธานแน่นอน

“มาลองเจ้านี่กัน”


              พิธานว่าจากนั้นก็เปิดปุ่มที่อยู่ตรงล่างสุดของเครื่องสีดำ มันมีเสียงสั่นขึ้นมาเหมือนเสียงเครื่องโกนนวดไฟฟ้าแต่เจ้าเครื่องนี้เสียงดังกว่าหน่อย หัวเปลี่ยนที่พิธานใช้เป็นหัวคล้ายๆฝักบัวหัวเล็กๆ จากนั้นพิธานก็เริ่มนำมันมาจ่อตรงผิวแถวหน้าอกของพระพาย

              เสียงสั่นๆนั้นๆไม่น่าตกใจทำกับความรู้สึกของมัน แสงนีออนสีม่วงออกมาจากหัวแก้วสีใสอันนั้น มันแปลบปลาบเมื่อแสงนั้นจ่อตรงผิว นี่คงเป็นกระแสไฟฟ้าที่ออกมาเป็นลำแสง วินาทีแรกที่โดนพระพายแอบสะดุ้ง ความอุ่นเกือบร้อนและจี้จุดจนรู้สึกสยิวไม่น้อย พิธานลากผ่านมันไปทั่วทางตัวของพระพาย ลำคอ หน้าอก ช่วงท้องที่อ่อนไหว จนพระพายต้องร้องออกมา พลางบิดตัวนิดๆ

“อ๊ะ!!”


        เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตซึ่งไม่ได้แรงจนเรียกว่าเจ็บมากมาย แต่ทางกลับกันสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ที่เหมือนถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟไปทั้งร่างกาย รู้สึกสยิวนิดๆเจ็บพอควรเมื่อถูกลากผ่านไปยังจุดบอบบางเช่นแถวรอบสะดือและโคนขาด้านใน บางครั้งก็แตะๆเฉียดแถวส่วนกลางที่ชูชันเพราะโดนกระแสไฟฟ้าลากผ่านไปทั้งตัว จากนั้นก็วกกลับมาแถวยอดอกของพระพาย จ่อมันใกล้ๆจนพระพายถึงกับเด้งตัว อีกทั้งยังปัดเกลี่ยไปมาอย่างกลั่นแกล้งให้พระพายนิ่งเฉยไม่ได้

“คุณพิธาน...มัน จะ..เจ็บ”


        แม้จะบอกว่าเจ็บแต่พระพายกลับกัดริมฝีปากอย่างเสียวซ่าน พิธานยิ้มกริ่มรู้ดีว่าบางครั้งพระพายก็ปากแข็งในบางเวลาอย่างเช่นตอนนี้ ยิ่งบอกว่าเจ็บพิธานยิ่งแกล้งหนักกว่าเดิม ยิ่งจ่อเข้าไปและถูไปมาจนพระพายดิ้นพล่าน

“ชอบไหม?” ไม่ถามว่าเจ็บหรือเปล่าแต่กลับถามว่าชอบหรือไม่ซึ่งแน่นอนว่าพระพายพยักหน้ารัว


        ยอดอกแข็งชูชันขึ้นมาเพราะถูกกระตุ้นมากเกินไปจนเมื่อเป็นที่พอใจสำหรับพิธานแล้วจึงอยากเปลี่ยนท่าทางให้พระพายลองทำท่าอีกแบบหนึ่ง

“นอนคว่ำและยกตัวขึ้นมา”


        พิธานสั่งเช่นนั้น พระพายก็ทำตามตอนนี้ทำท่าคลานเข่าหันสะโพกไปหาพิธาน เมื่อได้ท่าตามที่ต้องการแล้วพิธานก็หันไปเปลี่ยนหัวอีกครั้ง คราวนี้เป็นรูปหวี ซึ่งเมื่อพิธานน้ำมาจ่อให้ผิวมันให้ความรู้สึกแตกต่าง มันมีกระแสไฟออกมาแบบกระจายตามซี่หวีความรู้สึกแปลบปลาบจึงเป็นวงกว้าง พิธานเลื่อนมันผ่านแถวสะโพก ซอกขาจนไปถึงข้อเท้าซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวของร่างกายจนพระพายอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา

“อ๊า...มัน...อ๊ะ”


            พยายามจะบอกถึงความรู้สึกที่เหมือนไฟฟ้าจี้ไปตรงส่วนที่อ่อนไหว ราวกลับปลุกปั่นจนเริ่มสั่นไปทั้งตัว พิธานเลื่อนไปช้าๆแอบเฉี่ยวใกล้ๆจุดกึ่งกลางของของพระพายจนในที่สุดก็มาจ่อแถวส่วนปลายของพระพาย แน่นอนว่าพระพายสะดุ้งแรงทันที

“อ๊า เดี๋ยว!!”


            พระพายร้องออกมาเพราะไม่ทันตั้งตัว สะดุ้งตัวสุดแรงเพราะจุดนั้นมันอ่อนไหว ปวดแปลบจนต้องร้องออกมา ความเจ็บของเครื่องมือชิ้นนี้แตกต่างกับความเจ็บแบบของเล่นชิ้นก่อนๆของพิธานมากนัก เจ้าเครื่องไฟฟ้านีออนชิ้นนี้สร้างความเจ็บไม่แสบแต่เจ็บแบบจี๊ดตามร่างกายเพราะกระแสไฟฟ้าที่จี้ผ่านเนื้อผิว ไม่มีร่องรอยหลงเหลือไว้อีกด้วย

“ไม่ไหวแล้วเหรอ?”


            พิธานถามขึ้นในขณะที่มือนั้นยังคงลากผ่านเครื่องไฟฟ้าไปเรื่อย พระพายพยักหน้ารับเพราะตอนนี้ส่วนกลางของร่างกายเริ่มมีของเหลวซึมออกมาเคลือบจนมันวาวแล้ว บ่งบอกว่าเครื่องมือชิ้นนี้ได้ผลกับพระพายไม่ต่างจากชิ้นก่อนๆ ชอบความเจ็บปวดที่ไม่มากจนเกินไป พอกระตุ้นให้กระสันจนต้องรู้สึกถึงขนาดนี้

             เมื่อเห็นพระพายไม่ไหวแล้ว พิธานจึงปิดเครื่องไฟฟ้าวางมันลงข้างเตียงจากนั้นก็บดจูบพระพายอีกรอบ เพราะตั้งแต่เล่นมาพิธานไม่ค่อยได้สัมผัสพระพายด้วยมือเท่าไหร่นัก ตอนนี้จึงอยากจับเนื้อตัวของพระพายบ้าง

            ปากยังคงจูบ มือนั้นก็ลูบไล้ส่วนกลางของพระพาย จับรูดรั้งได้ให้พระพายได้ปลดปล่อยก่อนเพราะดูจากสีหน้าคงอึดอัดและรอให้พิธานเป็นคนจัดการให้ พิธานรูดรั้งเบาๆจากนั้นก็เริ่มเร็วขึ้น พระพายที่ถูกจูบจึงกอดพิธานแน่นขึ้นก่อนที่จะผละออกมาเพราะอยากจะบอกกับพิธานว่า..

“อีกนิด อื้อ...”


        ความต้องการตอนนี้คืออยากให้พิธานทำมันเร็วๆและแรงกว่านี้ แม้ไม่ต้องบอกพิธานก็รู้เมื่อได้ยินคำร้องขอ พิธานก็จัดการให้ตามคำขอ เพียงแค่สองสามครั้งที่พิธานขยับมือ พระพายก็ปลดปล่อยออกมาในที่สุด ของเหลวสีขุ่นออกมาเยอะพอสมควรเพราะไม่ได้ปลดปล่อยมาร่วมสัปดาห์แล้ว พระพายหอบหายใจเพราะแรงอารมณ์ที่เพิ่งปลอดปล่อยออกไป แต่มันยังไม่ใช่ที่สุดและพระพายก็รู้ดีว่ายังมีสิ่งที่รออีกอยู่ข้างหน้าซึ่งมันจะมากกว่าแค่มือของพิธานแน่นอน

        พิธานดึงกระดาษชำระมาเช็ดมือและส่วนนั้นของพระพายซึ่งยังอ่อนตัวลงแค่เล็กน้อยเท่านั้น พิธานยิ้มมุมปากเพราะรู้ดีว่าความต้องการของพระพายยังคงมีอยู่ จากนั้นพิธานก็เดินไปหยิบเจลหลอด ถุงยางอนามัยทั้งแบบนิ้วและแบบปกติมา

        วางของเหล่านั้นใกล้ๆมือบนเตียงจากนั้นก็หยิบแผ่นเหล็กสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กอันนั้นขึ้นมาซึ่งมีสายไฟยาวออกมาประมาณช่วงแขนและเสียบเข้ากับเครื่องไฟฟ้าที่ปิดอยู่ ส่วนยางยืดออกกำลังกายพิธานก็สวมมันแล้วรัดเข้ากับแผ่นเหล็กให้ติดกับตัวไม่หลุดไปไหน

“คุณทำอะไรน่ะ?” พระพายถามพลางมองแผ่นเหล็กที่ถูกติดแนบกับเอวของพิธานไว้จากนั้นพิธาน สายไปที่เชื่อมต่อกับเครื่องไฟฟ้าที่ยังไม่ได้เปิด

“ชิ้นนี้ฉันยังไม่ได้ลองเพราะต้องลองกับอีกคน รู้สึกยังไงก็บอก”


        พระพายเริ่มใจเต้นแรง ตื่นเต้นว่าไม่รู้จะเจออะไรต่อจากนี้เพราะแม้แต่พิธานยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร มันคงน่าระทึกใจไม่น้อย พิธานแลบเลียริมฝีปากตัวเองก่อนที่จะโน้มตัวลงเข้าไปหาพระพายที่รออย่างใจจดใจจ่อว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะเร่าร้อนและเจ็บปวดขนาดไหน ต่อจากนี้ไปจะได้รู้เสียที...


Lyrics: S&M by Rihanna 
 
** รูปของอุปกรณ์ชิ้นนี้นะคะ เผื่อใครจะนึกกันไม่ออก

(https://www.img.in.th/images/c0bd0ec60e5d14b5491222c2b7a8f3b6.jpg)






หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2018 13:33:10
 :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 02-06-2018 14:18:23
 :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-06-2018 20:51:48
555เราก็อ่านไปพยายามนึกภาพของเล่นไป จนสุดท้ายได้มาเห็นรูปนั่นแหละ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 35 (26/05/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 03-06-2018 09:05:31
บรรยากาศช่างแตกต่างจากอีกห้องเสียเหลือเกิน
ช่างสรรหาของเล่นมาใช้นะพิธาน
ตอนนี้รู้สึกอย่างแท้จริงอ่ะว่าสองคนนี้ต้องคู่กัน
ถ้ารสนิยมไม่เหมือนกันมันก็ไปไม่รอด แต่นี่เข้ากันได้ดีสุดๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 36 (02/06/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 06-06-2018 11:10:40
เพิ่งเห็นว่าตัวเองไม่ได้แก้ไขวันอัพ ขอโทษค่า  :o12:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 36 (02/06/18) P.19 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 06-06-2018 13:29:57
คู่นี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆ อยากรู้จังว่าตอนเจอกันครั้งแรกพิธานรู้ได้ยังไงว่าพะพายจะมีรสนิยมแบบนี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!!มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 10-06-2018 10:41:23
สวัสดีค่ะ มาต่อให้แล้วนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงก็บอกด้วยนะ อ่อ มีเรื่องจะแจ้งว่าอาทิตย์หน้างดนะคะ เพราะตอนนี้มีงานต้องสะสาง ยุ่งและเครียดมากจนเป็นไมเกรนมาหลายวันแล้ว เลยขอพักผ่อนหน่อยค่ะ และเช่นเคย หากตอนนี้มีข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ ไว้เจอกันนะคะ ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วย รัก ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:


+++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 37 Love with electric 2.


All in baby,
เต็มที่เลยที่รัก
Don’t hold nothing back.
ไม่ต้องอดกลั้นเอาไว้หรอก
Wanna take control,
อยากควบคุมฉันสินะ
Nothing wrong with that.
ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย
Say you liking how I feel,
บอกสิว่าเธอกำลังชอบที่ฉันรู้สึกยังไง
Ain’t gotta tell me that.
ไม่ต้องบอกฉันเลย
Just put your skin baby on my skin.
แค่เอาผิวของมาอยู่บนผิวของฉันก็พอ



        พิธานโน้มตัวลงพลางใช้นิ้วมือเกลี่ยตรงแก้มของพระพาย รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าผ่านนิ้วมือของพิธาน ให้ความรู้สึกมากกว่าโดนเครื่องมือเสียอีก เพราะปลายนิ้วของพิธานออกจะอุ่นกว่าและให้ความรู้สึกถึงเนื้อหนัง ได้ทั้งสองทางทั้งผิวสัมผัสและกระแสไฟฟ้า เรียกได้ว่ากระตุ้นความรู้สึกได้มากกว่าเดิมเสียอีก

        ไม่ใช่แค่ปลายนิ้ว แต่ทั่วทั้งตัวของพิธานเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ปลายลิ้นที่จูบตรงริมฝีปาก หยอกล้อกับปลายลิ้นของพระพายก็มีกระแสไฟฟ้าเมื่อจูบจนพระพายเริ่มอ่อนไหวแล้ว พิธานก็ละออกมาโลมเลียแถวลำคอ ทำเอาพระพายสะดุ้งตัวทุกครั้งเมื่อปลายลิ้นลากผ่านแนวลำคอ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นจุดอ่อนไหวของร่างกาย

“อ๊ะ”

“เป็นไงบ้าง?” พิธานถามเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าพระพายจะรู้สึกอย่างไร

“ตัวคุณ...เหมือนมีไฟฟ้า” พระพายบอกเช่นนั้นพลางแหงนหน้ารับจูบของพิธานที่ลำคอ

“อย่างนั้นเองเหรอ?” พิธานพอจะเข้าใจกลไกการทำงานของมันแล้ว


        เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วพิธานจึงใช้มือแตะยอดอกของพระพาย บี้มันแรงๆและดึงทึ้งขึ้นจนพระพายเด้งตัวขึ้น แรงดึงที่เจ็บขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งกระแสไฟฟ้าที่แล่นผ่าน ทวีคูณความเจ็บปวดซาบซ่านเข้าไปอีก

“โอ๊ย!!”

             พระพายร้องขึ้นมาเมื่อพิธานลากมือไปแถวโคนขาด้านใน เพราะการแตะเบาๆนั้นทำให้กระแสไฟฟ้าแตะผ่านเนื้อมากกว่าเดิม ลูบไล้จนพระพายเริ่มจะเพลิดเพลินกับฝ่ามือของพิธานแล้ว ถึงเวลาที่จะเพิ่มของเล่นอีกชิ้นเข้ามา เป็นแส้ที่ทำมาจากสแตนเลสทั้งอัน ทั้งด้ามจับแล้วสายแส้ซึ่งถักเป็นโซ่จำนวนหลายเส้น

             พิธานจับมันขึ้นมาจากนั้นก็ใช้มันลากไปตามผิวของพระพาย แน่นอนว่าสแตนเลสนำพาไฟฟ้าได้มากกว่ามือ พระพายดิ้นเร่าเมื่อโดนสายแส้แตะแถวหน้าท้อง มันรุนแรงมากกว่าฝ่ามือของพิธานเสียอีก
 
        แส้ถูกลากไปทั้งตัว พระพายดิ้นพล่านจนต้องร้องออกมาเสียงดัง มันทรมานกับเหมือนถูกไฟฟ้าจี้ตามร่างกายแต่กลับสุขสมเพราะความเจ็บปวดที่จี๊ดขึ้นมาเป็นระยะ

“พลิกตัวหน่อย” พิธานบอกเช่นนั้น พระพายจึงทำตามด้วยการนอนคว่ำลง


   พิธานยกสะโพกของพระพายให้โก่งขึ้น ก่อนที่จะก้มลงจูบสะโพกนั้น พรมจูบจนพระพายต้องกำผ้าปูเตียงเพราะสยิวกับจูบที่มีกระแสไฟฟ้าออกมาจากปากของพิธาน เมื่อทำให้พระพายเคลิ้มเพราะจูบนั้นแล้วพิธานจึงใช้แส้นั้นฟาดลงเนื้อสะโพกของพระพาย

“อ๊ะ!!”

        เสียงกระทบยามถูกฟาดไม่ได้มีเสียงมากมายนักเหมือนของเล่นชิ้นอื่นๆ อาจจะเพราะเป็นแส้ที่มีสายเป็นโซ่จึงไม่ค่อยได้ยินเสียง แต่ความเจ็บกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน เพราะน้ำหนักของแส้นั้นเยอะ เหมือนถูกตีให้เจ็บพร้อมแรงกดบวกกับกระแสไฟฟ้าทำเอาพระพายร้องออกมาเสียงสั่น

“โอ้ว!!”

        ยิ่งร้องเท่าไหร่พิธานยิ่งตีแรงขึ้นเท่านั้น ลงแรงฟาดลงบนเนื้อสะโพกแรงขึ้นและแรงขึ้นจนผิวแตกเป็นลายโซ่เลยทีเดียว ทั้งเจ็บทั้งแสบแต่สยิวปนเสียวซ่าน ร่างสั่นเทิ้มและส่ายสะโพกรับกับความเจ็บนั้นที่ประเดประดังเข้ามาอย่างไม่มีหยุดหย่อน

        พิธานกัดริมฝีปากตัวเองอย่างห้ามใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของพระพายดังมาเป็นระลอกๆ ท่าทางที่ส่ายไปมานั้นเชิญชวนจนเริ่มจะอดใจไม่ไหวแล้ว พิธานจึงวางแส้ลงแล้วพลิกพระพายให้นอนหงาย จากนั้นก็ก้มลงแลบเลียส่วนกลางของพระพายที่ชูชันเพราะแรงอารมณ์ที่ทวีมากขึ้น

        ริมฝีปากที่มีกระแสไฟฟ้าแตะเข้ากับส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของร่างกาย เป็นผลให้พระพายเด้งตัวขึ้นทันควันเพราะซาบซ่านทั้งส่วนล่าง สะโพกที่โดนฟาดมาหมาดๆยังคงเจ็บอยู่และยังถูกรุกเร้าด้านหน้าที่มีไฟฟ้าแปลบปลาบ เรียกได้ว่าเจ็บปวดแต่สุขสมจนอ้าปากค้างเพราะร้องแทบไม่ออกแล้ว

        พิธานแลบเลียส่วนหัวจากนั้นก็กดหน้าขึ้นลงเป็นจังหวะ ริมฝีปากที่ครอบครองส่วนนั้นบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆจนพระพายต้องบีบไหล่ของพิธาน

“อ๊า..ไม่ไหว..” พิธานรู้ดีว่าพระพายต้องการอะไรในตอนนี้แค่ริมฝีปากนั้นไม่อาจจะเติมเต็มให้เพียงพอได้

        พิธานจึงต้องหยุดลงแล้วหันไปสวมถุงยางอนามัยสำหรับนิ้วพร้อมกับเทเจลลงไปตรงช่องทางนั้น พระพายสะดุ้งตัวนิดๆเมื่อสัมผัสได้ถึงของเหลว การที่สวมถุงยางอนามัยนิ้วทำให้นิ้วของพิธานไม่มีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน จัดการสอดนิ้วเข้าไปทีละนิ้วจนเป็นสามนิ้ว ดึงเข้าดึงออกเพื่อให้พระพายพร้อมรับของเขาให้ได้โดยที่ไม่ต้องเสียเลือด ถึงแม้พิธานจะมอบความรุนแรงต่างนานาให้พระพายแต่ความเจ็บปวดตรงจุดนี้นั้นอาจมีผลกระทบต่อครั้งต่อๆไปในภายภาคหน้า หากฉีกขาดหรือมีเลือดย่อมไม่ส่งผลดี ส่วนนี้พิธานจึงพิถีพิถันพอสมควร

        เมื่อรู้สึกได้ว่าพระพายพร้อมแล้ว พิธานจึงดึงนิ้วออกแน่นอนว่าพระพายผวาตามทันที พิธานใช้แกนกายของตัวเองถูไปไปมาตรงสะโพก ขณะนี้ร่างกายของพิธานยังคงมีกระแสไฟฟ้าอยู่ ส่วนกลางนั้นก็เช่นนั้น ยามที่ใช้ส่วนนั้นถูไถไปมา พระพายถึงผวากับร้องครางทันที ความร้อนผ่าวจากส่วนนั้นหยอกกล้อตรงสะโพกที่ปรารถนาให้สอดใส่มาเสียที ด้วยความต้องการพระพายจึงดันตัวเองเข้าหาทันที

“ใจเย็น....” พิธานว่า

             แน่นอนว่าการกลั่นแกล้งให้พระพายต้องการถึงขีดสุดเป็นนั้นเป็นสิ่งที่พิธานชื่นชอบ ทั้งแกล้งพระพายและทรมานตัวเองไปด้วยเช่นกัน เพราะส่วนนั้นปวดหนึบไปหมดแล้ว พิธานถูมันปัดขั้นปัดลงตรงช่องทางของพระพาย จนพระพายได้แต่ส่ายสะโพกรับเป็นจังหวะ

“อย่าแกล้ง...สิ อ๊ะ” พระพายร้องขึ้น

“จะให้ทำอะไร ไหนบอกซิ” พิธานถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ใส่...เข้ามา....ที” พระพายบอกเช่นนั้น

“ไหนพูดเพราะหน่อยๆ” ยังคงแกล้งพระพายต่อไปเรื่อยๆ

“คุณ..พิธาน อื้อ...ขอผมเถอะ” พระพายหลับตาร้องขอ

“ไม่เรียกชื่อ เรียกอย่างอื่น” พระพายกัดริมฝีปากแน่น คิดในใจว่าจะต้องเรียกกว่าอะไรที่ทำให้พิธานยอม

“ที่...ที่รัก ช่วยพายที” พิธานยิ้มออกมาทันที

“ครับที่รัก”


        เมื่อได้ยินคำที่พึงพอใจแล้ว พิธานจึงเอื้อมมือไปปิดเครื่องไฟฟ้าและดึงแผ่นเหล็กนั้นออก จากนั้นก็สวมถุงยางอนามัยให้ตนเอง พร้อมที่จะทำตามคำของขอพระพายแล้ว

        มือนั้นประคองแกนกายของตนเอง ชโลมเจลอีกครั้งเพื่อความลื่นไหล ก่อนที่จะค่อยๆกดเข้าไปที่ละนิด สอดใส่อย่างเชื่องช้าเพื่อให้พระพายปรับตัวได้ พระพายแหงนหน้ารับสิ่งที่รอคอยมานานเข้ามาในร่างกาย ความรู้สึกลิงโลดและดีใจที่ในที่สุดพิธานก็ใส่มันเข้ามาเสียที

“อื้อ....”

        พระพายร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงความอึดอัดที่ส่วนนั้นแทรกเข้ามา พิธานดันเข้าไปจนสุดพลางหายใจแรงเพราะความคับแน่นนั้นทำตัวเองใจเต้นแรง พระพายคงต้องการมากถึงมากที่สุดแล้วในตอนนี้

        แช่นิ่งค้างไว้อยู่ครู่หนึ่งเพื่อรอให้พระพายผ่อนคลายแต่กลับกลายเป็นพระพายเองที่ไม่อยากรอและทนไม่ไหวแล้ว พระพายขยับตัวก่อนพิธานเสียอีก

“ใจเย็น”

             พิธานพูดเช่นนั้นก่อนที่จะแยกขาพระพายออกให้กว้างและขยับตัวออกมาและขยับเข้าไปช้าๆ ดันมันเข้าๆออกๆเป็นจังหวะเนิบนาบ โดยที่พระพายหายใจเข้าออกแรงขึ้นเพราะทุกจังหวะของพิธานถึงจะเนิบช้าแต่รุนแรงและเน้นกระแทกเข้าไปจนรู้สึกว่ามันลึกจนโดนเข้าจุดไหนสักแห่งในร่างกาย ยิ่งกระตุ้นให้มีอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิม

“อ๊ะ”

        เสียงร้องที่ดูเหมือนกลั้นเอาไว้เพราะตอนนี้พิธานเริ่มใส่แรงและความเร็วเพิ่มขึ้น มือนั้นบีบเฟ้นสะโพกของพระพายตรงจุดที่โดนแส้ฟาดไว้ ความเจ็บเพิ่มขึ้นพร้อมๆกับอารมณ์วาบหวิวที่เริ่มเสียวซ่านมากขึ้นกว่าเดิม

“ร้องดังๆสิ”

        พิธานบอกพระพาย จากนั้นก็ก้มลงไปจูบริมฝีปากของพระพายและกัดปลายคางเบาๆให้พระพายร้องออกมา แน่นอนว่าถูกรุกรานทุกจุดของร่างกาย พระพายจึงร้องออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว

“อื้อ คุณ พิธาน....”

             พระพายร้องเรียกชื่อของพิธานออกมา มือนั้นกำแน่นเพราะเสียวซ่านจนอยากหาที่ระบาย พิธานจึงเอื้อมมือไปประสานมือของพระพายไว้ พระพายจึงบีบมือของพิธานส่วนอีกมือหนึ่งก็ลูบไล้แกนกายของพระพายไปด้วย

             แรงขยับรุนแรงขึ้นถี่ขึ้นพระพายตัวคลอนโยกตัวไปตามแรงของพิธาน เหงื่อของพิธานไหลซึมออกมาตรงไรผม เพราะแรงขยับที่เร็วและรุนแรงเป็นเวลาติดต่อกันมาพักใหญ่แล้ว

“อ๊า..จะออก..แล้ว..อ๊ะ อื้อ..”


        ในที่สุดพระพายก็ไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถจะฝืนทนต่อแรงกระแทกที่รัวเร็วของพิธาน ส่วนนั้นของพระพายปลดปล่อยของเหลวออกมา ร่างกายสั่นเทิ้มและบีบมือของพิธานแน่นจนเกร็งไปหมด พิธานรีบขยับอย่างเร็วรี่แค่ไม่กี่ครั้งก็ถึงจุดนั้นตามพระพายไปติดๆ

        เสียงหอบหายใจของพระพายดังขึ้น ด้านพิธานหายใจแรงขึ้นแต่ก็ไม่ได้มากนัก จากนั้นก็รีบถอดถุงยางอนามัยออกมาและมัดมันด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวของเหลวที่อยู่ในนั้นจะออกมา พิธานโยนมันลงถังขยะที่อยู่ใกล้ๆและเก็บเครื่องมือของเล่นทั้งหมดลงในกล่องข้างเตียงพอเป็นพิธี เพราะตอนนี้พิธานยังอยากทำต่อ ดูได้จากส่วนกลางของร่างกายที่อ่อนตัวลงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

“เป็นไงบ้าง...เจ้าเครื่องไฟฟ้านั่น ชอบรึเปล่า?” พิธานถามพลางนั่งลงและลูบเอวพระพายอย่างเบามือ

“ก็...ดีนะ” พระพายตอบอย่างอายๆ จะให้บอกว่าดีอย่างไรก็อธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่าทำความรู้สึกกระเจิดกระเจิงได้เยอะเลยทีเดียว

“ถ้าทำอีกรอบจะไหวรึเปล่า?” พิธานถาม ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่แล้วแต่ยังรู้สึกไม่อิ่มเอมกับสิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้เลย

“พรุ่งนี้...วันหยุด” พระพายพูดพลางเหล่มองไปทางอื่น เท่านี้ก็รู้แล้วว่าคำตอบคืออะไร

“อยากได้ชิ้นไหนล่ะ?”

“อะไรก็ได้ แล้วแต่คุณเลย” พิธานนิ่งไปอย่างใช้ความคิด

“รอบนี้ไม่อยากใช้...ฉันอยากได้แค่นาย” พิธานว่าก่อนที่จะโน้มตัวลงไปจูบพระพายอีกครั้ง


        จูบครั้งนี้ทำเครื่องติดได้ง่ายๆเหมือนเดิม พิธานบอกว่ารอบนี้ไม่อยากได้ของเล่น พระพายจึงเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรให้พิธานรู้สึกว่าตัวเขาเองก็มีความสามารถพอที่จะทำเรื่องอย่างนั้นโดยไม่ต้องมีของเล่นของพิธานมากระตุ้นความรู้สึก เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วจึงผละออกมาจากการจูบกับพิธาน

“ผม..ขออยู่ข้างบนได้ไหม?” พระพายถาม แม้จะอายแต่ก็อยากตอบแทนพิธานบ้าง

“ไหวเหรอ?” พิธานถาม เพราะรอบแรกพระพายก็ปล่อยไปถึงสองครั้ง อีกอย่างเครื่องไฟฟ้าที่เล่นกันก่อนหน้านี้น่าจะทำพระพายเมื่อยล้าและชาๆไปบ้าง

“จะลองดูไหมล่ะ?” พระพายไม่ยอมให้พิธานสบประมาทอย่างแน่นอน

“เอาสิ”


        พระพายจึงสลับขึ้นมานั่งข้างบนนั่งคร่อมพิธานเอาไว้ จากนั้นก็ก้มลงจูบพิธาน เสียงน้ำลายเสียงจูบดังปนเปกันไปหมด พระพายเป็นคนเริ่มทุกอย่างก่อนจากนั้นก็ผละออกมาและเริ่มจูบลงบนหน้าอกของพิธาน ทำตามอย่างที่พิธานทำทุกอย่างจากนั้นก็เลื่อนใบหน้าลงมายังจุดกึ่งกลางของร่างกาย

        ส่วนแข็งขืนนั้นตั้งตระหง่านขึ้น พระพายจูบตรงส่วนปลายอย่างช้าๆจูบด้วยริมฝีปากก่อนที่จะใช้ลิ้นแลบเลียมันเฉพาะแค่ตรงส่วนหัว ลิ้นหมุนควานตรงส่วนเปลือกหุ้มแล้วแหย่ลิ้นเข้าไปอีกที พิธานหลับตาลงฮึมฮัมในลำคอ จุดที่พระพายละเลงลิ้นอยู่นั้นมันเป็นจุดที่ทำเอาอารมณ์สูงขึ้น

        จากนั้นพระพายก็หยุดลงแล้วลากลิ้นลงมาตั้งแต่ส่วนหัวจนลงมาถึงโคน แล้วมาถึงจุดที่พระพายชอบมาที่สุด คือถุงบอลทั้งสองที่ตึงแน่นอยู่ในตอนนี้ พระพายใช้จมูกเกลี่ยพลางสูดดมกลิ่นเฉพาะกายของพิธาน มันช่างทำเอามือสั่นใจหวิวเมื่อได้สูดกลิ่นนั้น

        พระพายดูดถุงบอลทั้งสองนั้นทีละข้าง อมมันเข้าไปแล้วใช้ลิ้นดุนดันสลับกันสองข้าง รู้สึกได้ว่าพิธานกำลังเกร็งตัวนิดๆ เจ้าตัวคงชอบมากทีเดียว พระพายรู้ดีว่าพิธานชอบตรงไหนจึงเริ่มจู่โจมตรงนั้นทันที

“ดี...เยี่ยม”

        เสียงเอ่ยชมของพิธานดังขึ้นเบาๆ พระพายหน้าแดงขึ้นมานิดๆแต่เหนือกว่านั้นคือความลิงโลดในใจว่าพิธานกำลังชมเขาว่าทำได้ดี รู้สึกภูมิใจไม่หยอกเลยทีเดียว

        ลิ้นและปากยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ละออกมาแล้วนำแกนกายของพิธานเข้าไปในปาก แน่นอนว่าไม่ทั้งหมด พระพายทำเท่าที่จะทำได้ กดหน้าขึ้นลงเป็นจังหวะไม่ให้ฟันกระทบแต่ห่อปากให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ พิธานเริ่มขยับตัวนิดๆดันมันเข้าปากพระพายเบาๆ ชัดเจนว่าตอนนี้พิธานเริ่มมีอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิม

        พระพายจึงหยุดลง พิธานหันไปหยิบถุงยางอนามัยออกมาแล้วสวมมันด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เทเจลลงบนส่วนกลางของตัวเองที่แข็งตัวสุดๆแล้ว พระพายหายใจเข้าออกแรงๆเมื่อนึกภาพช่องทางของตัวเองดูดกลืนส่วนนั้นของพิธาน กระสันจนตัวเริ่มสั่นเทิ้มเพียงแค่นึกภาพ

        เมื่อทุกอย่างพร้อม พระพายก็ขึ้นคร่อมและยกตัวกดทับลงไปทีละนิด มือหนึ่งประคองส่วนนั้นของพิธานแล้วนำมันเข้าไปให้ตรงช่องทาง อีกมือหนึ่งก็ค้ำยันตรงหน้าท้องของพิธานเพื่อทรงตัว ความแข็งขืนนั้นค่อยๆเข้าไปทีละนิดจนสุด พระพายแหงนหน้าหลับตารับความรู้สึกเมื่อส่วนนั้นเข้ามาจนหมด รู้สึกจุกไม่น้อยในท่านี้แต่ก็รู้สึกดีเพราะมันช่างแน่นและซาบซ่าน

        พระพายขยับในครั้งแรกไม่ค่อยลงจังหวะเพราไม่ค่อยถนัด จากนั้นไม่กี่นาทีก็เริ่มจับจังหวะได้ พระพายขย่มขึ้นลงช้าๆ เด้งไปข้างหน้าและเอนตัวไปข้างหลังเป็นจังหวะที่เริ่มถี่ขึ้น จากนั้นก็เอนหลังไปจับหน้าแข้งของพิธานไว้แล้วขย่มขึ้นลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“อ๊า....อื้อ...” พระพายร่อนเอวจนโดนเข้าจุดเสียวของตัวเอง จึงร้องครางออกมาอีกครั้ง

“อ๊ะ เสียว...”

             พระพายร้องอกมาพลางกัดริมฝีปาก ช่างเป็นภาพที่เย้ายวนจนพิธานเผลอดันตัวขึ้นมาแล้วใช้มือฟาดไปที่สะโพกพระพายไปแรงๆสองสามทีโดนเข้ากับรอยแตกที่โดนแส้ฟาดยิ่งโหมกระพืออารมณ์เข้าไปอีก

“อะไรกัน..จะไม่ไหวแล้วเหรอ?” พิธานถามเสียงพร่า มองพระพายที่ตอนนี้อารมณ์กระเจิดกระเจิงเพราะการควบคุมของตัวเอง


        ทั้งที่พระพายอยากจะควบคุมพิธานแท้ๆ แต่พออยู่ในท่านี้และตัวเองเป็นฝ่ายควบ กลับกลายเป็นตัวเองที่ดันเพลิดเพลินพรึงพรืดไปกับมันเสียได้ เสียวซ่านจนลืมไปเสียสนิทว่าต้องทำให้พิธานรู้สึกดีไม่ใช่ตัวเองเสียหน่อย

        ในที่สุดพิธานก็ต้องดึงให้พระพายกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมติดกันอยู่ เพราะพิธานเริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะใครอื่นแต่เป็นเพราะตัวของพระพายนั่นเองที่เร้าใจเร้าอารมณ์จนเริ่มจะทนไม่ไหว พิธานขยับกายเข้าออกด้วยความรวดเร็ว หมุนควานเป็นวงจนพระพายสูดปากครวญครางออกมาไม่เป็นภาษา พิธานจึงใช้จังหวะนี้โน้มตัวลงแล้วดึงพระพายขึ้นมานั่งบนหน้าตัก

        จูบพรมไปทั้งใบหน้าและริมฝีปาก ไล่แลบเลียลำคอพลางดูดดุนผิวเนื้อนั้นจนเป็นรอยแดงนิดๆเพราะเริ่มจะหน้ามืดกับความเร่าร้อนของพระพายแล้ว

“ดี...อ๊า แรงๆ” พระพายพึมพำและขยับตัวขึ้นลงจนเต้นเร่าบนร่างกายของพิธาน


        พิธานจึงดันประคองแผ่นหลังของพระพายให้นอนลงบนเตียงแล้วจัดการใส่แรงเข้าไปอย่างรุนแรงแรงและถี่เร็ว เสียงเตียงดังครืดคราดเพราะแรงขยับของพิธานจนในที่สุดพระพายก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งโดยที่ไม่ต้องแตะส่วนหน้าของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ดวงตาพร่าเลือนสมองขาวโพลนเพราะเสร็จสมจนลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ ของเหลวพุ่งออกมาจากส่วนนั้น ร่างกายกระตุก ขนลุกชันไปทั้งกาย

“อ๊า!!!”


        พิธานขยับแค่ครั้งสองครั้งก็พุ่งถึงจุดเดียวกันกลับพระพาย พระพายหมดเรี่ยวหมดแรงเลยทีเดียว หายใจแรงถี่เพราะถึงจุดสุดยอดอย่างรุนแรงถึงสองครั้งในค่ำคืนเดียว พิธานดึงส่วนนั้นออกมาซึ่งของเหลวจากการหลั่งออกน้อยกว่าครั้งที่แล้ว

        ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีห้า ซึ่งจะเข้าสู่เวลาย่ำรุ่งแล้ว พระพายหมดเรี่ยวแรงจึงเป็นหน้าที่ของพิธานที่ใช้กระดาษเปียกเช็ดทำความสะอาดให้ จากนั้นก็จัดแจงให้พระพายนอนด้วยท่าที่สบาย ส่วนตัวเองนั้นไปล้างตัวพอเป็นพิธี เช็ดเนื้อตัวจนแห้งและเดินมาที่ห้องนอน

        พิธานเอื้อมมือไปหยิบยาสำหรับแผลฟกช้ำและรอยแตก เพราะตอนนี้แผลของพระพายที่ถูกฟาดเริ่มห้อเลือดนิดๆและแตกบวมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พิธานจึงทาแผลทั้งหมดให้ เกลี่ยนิ้วเบาๆและป้ายยาลงที่ผิวจนเสร็จ อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็จะดีขึ้นหากได้ทามันตอนนี้

        เครื่องปรับอากาศตั้งค่าให้เย็นขึ้น พิธานเช็ดมือเรียบร้อย ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนและดึงพระพายมากอดไว้ พระพายกอดกลับอย่างงัวเงียเพราะเริ่มง่วงนอน สติเหมือนจะเลือนรางแต่ก็ขยับใบหน้าไปจูบปากพิธานเบาๆ

“ฝันดีครับ” พระพายบอกเช่นนั้นและหลับลงไปทันทีอย่างเหน็ดเหนื่อย


        พิธานยิ้มออกมาจากนั้นก็จูบหน้าผากพระพาย กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น หลับตาลงทั้งที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น รู้สึกมีความสุขจนไม่รู้จะบอกกล่าวออกมาเป็นคำพูดอย่างไรให้เพียงพอกับความรู้สึกในตอนนี้...


 Lyrics: Skin by Rihanna.

   


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 10-06-2018 11:15:03
ชอบบบบ เอาอีก :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-06-2018 11:36:49
ว้าว รักแบบมาโซ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-06-2018 12:06:11
ร้อนแรงตลอดเลยคู่นี้  :m25:

ปล. รักษาสุขภาพนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-06-2018 12:06:55
SM จริงๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-06-2018 13:59:56
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-06-2018 15:45:50
2 ตอนรวด  :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 10-06-2018 16:18:14
 :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-06-2018 20:48:46
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-06-2018 21:11:16
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-06-2018 21:27:46
ร้อนแรงมากอ่ะคู่นี้ เลือดจะหมดตัว :haun4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 11-06-2018 06:59:18
สุดจริงๆคู่นี้  :pighaun:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 11-06-2018 07:02:37
ว้าวววว ทั้งๆ ที่SM แต่ทำไมละมุนจัง
เพราะเป็นแฟนกันแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 15-06-2018 15:00:16
เพิ่งมีเวลามาอ่าน2ตอนติด หืดหาดมากค่ะ :haun4:
ดับอารมณ์ไคเก้าเลย 555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 16-06-2018 01:03:57
โหดร้ายมากค่ะ.....โหดร้ายกับจิตใจของคนอ่านคนนี้นัก
พิธานจะถนอมพระพายเกินไปแล้วนะ ดูแลกันทั้งบีฟอร์อาฟเตอร์เลยทีเดียว
(ถ้าบอกว่าเหม็นความรักจะเป็นอะไรไหมเนี่ย ><)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 37 (10/06/18) P.19 New!! มีเรื่องแจ้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 17-06-2018 13:09:31
พระพายลู้กกกกกก :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 23-06-2018 12:01:25
กลับมาแล้วค่า  :mc4: กลับมาต่อแล้วค่ะ ตอนที่แล้วเสียเลือดไปเยอะเลยสินะคะ เอฟเฟคคู่นี้แรงจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไปอ่านต่อกันเนอะ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ มีอะไรยังไงก็บอกได้ค่ะ ยินดีรับฟัง ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ รักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ  :mew1:


++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 38 Coffee.


Coffee in the morning
กาแฟในยามเช้า
I don’t wanna wake you
ฉันไม่อยากปลุกเธอเลย
I just wanna watch you sleep
ฉันแค่อยากมองดูเธอตอนหลับ
It’s the smell of your hair
สูดกลิ่นผมของเธอ
And it’s the way that we feel
และนี่คือความรู้สึกที่เรามี
I’ve never felt comfortable like this
ฉันไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อนเลย


        เวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ทั้งพิธานและพระพายยังคงนอนกอดก่ายกันอยู่อย่างนั้น ขณะนี้บรรยากาศข้างนอกออกจะอึมครึม มีแดดแต่แรงไม่สุดเหมือนฝนจะตกแต่ก็ไม่ รู้แค่ว่าอากาศอบอ้าวพอสมควร

        พระพายพลิกตัวออกจาการกอดของพิธาน นอนตะแคงพลางกอดผ้าห่มอย่างสบายใจ ทำให้พิธานรู้สึกตัวเมื่ออ้อมแขนตัวเองว่างเปล่า ลืมตาขึ้นมาเห็นพระพายนอนหันหลังให้ พิธานจึงเอื้อมมือไปลูบผมของพระพาย

        แม้จะรู้สึกถึงสัมผัสบนศีรษะแต่พระพายที่ยังคงยากหลับจึงพลิกตัวกลับอีกครั้ง พิธานเห็นหน้าของพระพายที่กำลังหลับอยู่ ดวงตาหลับพริ้ม ปากเผยอเล็กน้อย คงกำลังอยู่ในห้วงของคนไม่อยากตื่น พิธานยิ้มออกมาพลางลูบแก้มของพระพายเบาๆ ด้วยท่าทีที่กำลังหลับสบายขนาดนี้จึงไม่อยากปลุก

        นอนมองพระพายด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาในจิตใจ เป็นภาพที่รู้สึกว่าหากจะให้นอนมองไปทั้งวันก็ยังได้ ตอนนี้เจ้าตัวยิ้มมุมปากออกมาทั้งๆที่ยังคงหลับอยู่ คงกำลังฝันดีอยู่แน่นอน รู้สึกสบายใจที่ตื่นมาแล้วได้เห็นอะไรเช่นนี้และหากได้เห็นมันทุกวันคงจะดีกับชีวิตไม่น้อย

        พระพายยังคงหลับต่อไปโดยไม่อาจจะรู้ตัวได้ว่าตอนนี้พิธานกำลังนอนมองเจ้าตัวอยู่ พลางคิดอะไรหลายๆเรื่อง ถึงเรื่องต่อไปในวันข้างหน้าและเรื่องที่จะทำต่อจากนี้ไป

        เวลาผ่านไปนานพอสมควร พิธานละสายตาไปมองนาฬิกาฝาผนัง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่า ถึงเวลาต้องตื่นแล้ว เพราะของของพระพายยังไม่ได้จัดให้เข้าที่ พิธานจึงจำต้องลุกขึ้นและเดินไปเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มเก็บของทั้งหมดของพระพายให้เข้าที่

        กระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกเปิดออก พบของทั้งหมดที่ตัวเองเป็นคนจัดกับมือ สิ่งแรกที่พิธานหยิบออกมาคือเอกสารสำคัญต่างๆ พิธานนำไปเก็บในลิ้นชักที่มุมโต๊ะทำงาน จากนั้นก็เป็นเสื้อผ้า ชุดทำงาน ชุดลำลองที่มีไม่กี่ชุด ชั้นในที่พิธานยิ้มมุมปากเมื่อเห็นมัน จับผึ่งขึ้นดูพลางพิจารณาไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็นำทั้งหมดไปเก็บในตู้เสื้อผ้าของตัวเอง ยืนมองเสื้อผ้าของตัวเองและเสื้อผ้าของพระพายอยู่ร่วมตู้กันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรแต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือความรู้สึกอุ่นขึ้นมาในใจ

        ข้าวของส่วนตัวจำพวกของใช้ในห้องน้ำหรือเครื่องสำอาง แปลกตรงที่พระพายมีของเหล่านี้ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น คือแปรงสีฟัน ครีมกันแดดและโฟมล้างหน้าเท่านั้น ทั้งที่ผิวหน้าผิวกายนั้นดูสุขภาพดีราวกับถูกดูแลรักษามาเป็นอย่างดี แต่กลับไม่มีของพวกนั้นเลยสักนิด เป็นสิ่งที่พิธานแปลกใจพอสมควร พิธานนำโฟมล้างหน้าไปวางไว้ในห้องน้ำ และแปรงสีฟันซึ่งใส่แขวนมันกับที่แขวนที่อยู่ติดกันกับแปรงสีฟันของตัวเอง เห็นแปรงสีฟันคู่กันเช่นนั้นทำเอาพิธานยิ้มออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ไหว แต่เมื่อรู้ตัวก็รีบหุบยิ้มลงทันที

        เดินออกมาจากห้องน้ำก็มาที่กระเป๋าเดินทาง ของชิ้นสุดท้ายคือรองเท้าซึ่งมีรองเท้าสำหรับทำงานและรองเท้าแตะเท่านั้น ส่วนรองเท้าผ้าใบที่สวมเมื่อคืนถอดอยู่แถวๆประตู พิธานจึงนำรองเท้าทั้งหมดไปเก็บที่ตู้เก็บร้องเท้า เรียกได้ว่าจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพโดยที่พระพายไม่ต้องทำอะไรเลย

        จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นไคที่โทรเข้ามา ทั้งที่ปกติไคจะมาหาที่ห้องมากกว่าจะโทรมา เจ้าตัวคงมีเรื่องอยากจะคุย พิธานรับสายฟังสิ่งที่ไคพูดอย่างเงียบๆและพูดตอบกลับไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยที่ไม่อาจจะรู้ได้ว่าทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกัน

        ผ่านไปสักพักไคก็วางสาย นาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาใกล้บ่ายโมงแล้ว อาหารมื้อแรกของพิธานที่โปรดปรานและเสพติดคือกาแฟรสขมหอมๆ พิธานจึงเดินเข้าไปในห้องครัวชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟ

        เสียงตะกุกตะกักในครัวเรียกให้พระพายตื่น ลืมตาขึ้นมาพลางหันมองไปยังข้างๆพบแต่ความว่างเปล่า แต่เพราะเสียงอะไรสักอย่างที่แว่วมาทำให้พระพายรู้ได้ทันทีว่าพิธานน่าจะอยู่ตรงนั้น

“โอ๊ย” พระพายร้องออกมาเบาๆพลางกุมสะโพกของตัวเอง รอยถูกฟาดน่าจะบวมขึ้นเพราะรู้สึกเจ็บหน่อยๆยามที่กระทบอะไรก็แล้วแต่


        พระพายลุกขึ้นมาแล้วเดินไปดูที่มาของเสียง ปากก็หาววอดๆผมฟูกระเซิงกระเซิงแต่ก็ไม่ได้สนอะไรในตัวเองทั้งนั้น เดินไปยังห้องครัวซึ่งพิธานกำลังยืนมองเครื่องชงกาแฟที่กำลังทำงาน ยืนนิ่งๆราวกับจ้องมองการทำงานของเครื่องนั้นและปล่อยให้ความคิดไหลผ่านไปเรื่อยๆ

“หอมจัง” พระพายเอ่ยขึ้น พิธานจึงหันไปมองที่มาของเสียงทันที

“ตื่นแล้วเหรอ?” พิธานถาม พระพายเดินมายืนข้างๆก่อนที่จะมองเครื่องทำกาแฟแบบที่พิธานมอง

“เผื่อผมด้วยได้ไหม?”

“ชอบแบบไหน?”

“หวานๆ” พระพายว่าพลางยิ้ม

“ไปแปรงฟันล้างหน้า เดี๋ยวจะทำให้” พิธานว่าพลางโยกศีรษะพระพายเบาๆ

“รับทราบ” พระพายจึงเดินไปยังห้องน้ำ


        เมื่อเข้ามาในห้องน้ำก็มองเห็นโฟมล้างหน้าของตัวเองและแปรงสีฟันอยู่ในห้องน้ำอยู่แล้ว พระพายแปลกใจไปนิดแต่ก็ล้างหน้าแปรงฟัน จัดการทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยจนเสร็จแล้วเดินออกมาเช็ดหน้าเช็ดตา ในขณะที่พิธานวางกาแฟรอไว้บนโต๊ะแล้ว

“แปรงสีฟันกับโฟมล้างหน้าของผม..คุณเอาไปวางไว้เหรอ?” พระพายถามพลางนั่งลงเบาๆเพราะกลัวจะโดนแผลที่สะโพก

“ฉันจัดของให้นายหมดแล้ว” พิธานเท่านั้น

“จริงเหรอ..นี่ผมมาเพิ่มงานเพิ่มภาระให้คุณรึเปล่า?” อดไม่ได้ที่จะคิด ในเมื่อพิธานจัดการให้เขาทุกอย่างตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ด้วยกัน

“ภาระอะไร คิดมาก กินได้แล้ว” พิธานดันจานให้พระพายที่มองจานด้วยดวงตาเป็นประกาย

“หอม” พระพายว่าพลางยกแก้วกาแฟที่พิธานเติมน้ำตาลและนมให้แล้ว จิบมันนิดๆอย่างดื่มด่ำกับรสชาติหวานหอมที่ตนชอบ


         ทั้งสองดั่งดื่มกาแฟกันเงียบๆ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นรอบๆตัว แม้จะมีแต่ความเงียบแต่บรรยากาศรอบตัวกลับรู้สึกผ่อนคลายไม่มีความอึดอัดแต่อย่างใด พระพายที่ดื่มกาแฟด้วยท่าทีผ่อนคลาย พิธานที่มองพระพายไปด้วยสายตาเป็นประกาย การตื่นมาแล้วเจอใครสักคนนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน ทักทายกันยามเช้า เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานแล้ว

“นี่..รู้ไหมผมทำกับข้าวเป็นนะ” จู่ๆพระพายก็ชวนคุย

“อะไรล่ะ?

“มาม่าผัดปลากระป๋องล่ะ เมนูนี้ผมทำอร่อยที่สุดเลยจะบอกให้” พระพายยืดอกอย่างภูมิใจ

“ยังมีไข่เจียวอีกอย่างด้วย” พิธานว่า นึกถึงครั้งนั้นที่ไปค้างห้องพระพาย ได้ทานไข่เจียวที่พระพายทำให้

“ไข่เจียวน่ะธรรมดา แต่เมนูนี้อร่อยว่าเยอะ” พระพายมั่นอกมั่นใจในเมนูนี้มาก เพราะเป็นเมนูที่ทำมันออกมาได้อร่อยมากกว่าอาหารง่ายๆอย่างไข่เจียว แม้แต่เก้าเองยังเคยชมเสียด้วยซ้ำไป

“ได้ ฉันจะรอชิม” พิธานว่า ก่อนที่ลุกขึ้นเก็บแก้วแต่พระพายดึงมือไว้เสียก่อน

“ผมล้างเอง” พระพายว่าและแย่งแก้วจากมือพิธานไปล้างเอง


        พระพายยืนล้างไปพลางฮัมเพลงไปด้วย พิธานมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปกอดพระพายจากด้านหลัง คนถูกกอดสะดุ้งตัวเพราะไม่ทันตั้งตัว

“มีอะไรเหรอ?” พระพายถาม

“เจ็บแผลไหม?” พิธานถาม

“ก็..เจ็บนิดนึง เมื่อเช้าเผลอนั่งทับเลยรู้ว่ายังเจ็บ” พระพาย เมื่อนึกถึงแผลก็นึกถึงความเร่าร้อนเมื่อคืนที่ทำกันจนเกือบเช้าเลยทีเดียว ก็อดไม่ได้ที่จะอายขึ้นมานิดๆ

“เดี๋ยวอาบน้ำแล้วฉันจะทาแผลให้อีกที” พิธานบอก

“วันนี้ก็เป็นวันหยุดคุณเหรอ?” พระพายพยักหน้ารับ จากนั้นก็ถามพิธานพลางคว่ำแก้วแล้วหันมาเช็ดมือให้แห้ง

“วันหยุดฉันไม่ตายตัว วันไหนว่างก็ได้หยุด” พิธานตอบและถอยออกมาให้พระพายเดินออกจากอ่างล้างจาน

“ว่าแต่คุณทำงานอะไร ผมนี่บื้อจังไม่เคยถามคุณเลย” พระพายนึกได้ถึงความบ้าบอของตัวเองที่ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวของพิธานเลย

“ฉันทำงานของที่บ้าน เป็นธุรกิจของครอบครัว” พระพายนั่งลงช้าๆบนโซฟา พิธานก็นั่งลงข้างๆจากนั้นก็เปิดทีวีดู

“ว้าว ฟังดูดี ทำอะไรเหรอ?” พระพายชวนคุย

“เกี่ยวกับโรงแรม” พิธานตอบ

“บอกชื่อมาได้ไหม เผื่อผมรู้จัก”

“อย่าเลย โรงแรมฉันไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอก”

“ไม่จริงหรอก อย่างระดับคุณเลยนะ” พระพายว่า

“ระดับฉันมันยังไง?” พิธานขมวดคิ้วสงสัยในคำพูดของพระพาย

“ระดับคุณพิธาน ผู้หล่อระเบิด เท่เกินใครและรวยสุดๆขนาดนี้ไง” พูดไปหัวเราะจนไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด

“นายนี่พูดไปเรื่อย” พิธานขยี้ผมพระพาย

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ทำงานไม่เป็นเวลาสินะ”

“ก็แบบนั้นแหละ แต่วันนี้ฉันว่าง”

“คุณอยากไปไหนไหม?” พระพายถาม

“อยากไปซื้อของหน่อย” พิธานคิดอยากจะไปซื้อของเข้าตู้เย็นและของใช้บางส่วนสำหรับพระพาย

“ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำกันก่อนละกัน”

“นายไปอาบก่อน เดี๋ยวฉันจะไปหายาหลอดใหม่”


        พระพายจึงรีบไปอาบน้ำ ด้านพิธานก็เดินไปหายาทาหลอดใหม่ เพราะเมื่อคืนทายาให้พระพายไปเยอะจึงต้องหาหลอดใหม่เพราะยาใกล้หมดหลอดแล้ว
 
        ผ่านไปไม่นานนักพระพายก็อาบน้ำเสร็จ แต่ยังไม่ได้แต่งตัวเพราะพิธานบอกจะทายาให้จึงนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวออกมา พิธานตบที่นอนเป็นการบอกให้พระพายไปตรงนั้น

“นอนคว่ำ” พิธานบอกเช่นนั้นก่อนที่จะดึงผ้าเช็ดตัวออก พระพายจึงเปลือยและนอนคว่ำอยู่บนเตียง


        พิธานเห็นแผลที่บวมกว่าเมื่อวานและช้ำเลือดอย่างเห็นได้ชัด คงต้องหมั่นทายาให้บ่อยกว่านี้จนกว่าแผลจะดีขึ้น พิธานใช้มือลูบแผลเบาๆจากนั้นก็ก้มลงจูบแผลนั้น พระพายสะดุ้งตัวเพราะลมหายใจของพิธานรดลงบนเนื้อผิว

“ทำอะไรน่ะ?” พระพายเอ่ยถาม

“เจ็บมากรึเปล่า?” พิธานถามก่อนที่จะละใบหน้าออกมา

“นิดหน่อย สบายมาก”

“ครั้งหน้าคงต้องทำให้เจ็บกว่านี้สินะ” พิธานยิ้มมุมปาก

“เวลาแบบนี้คุณต้องพูดว่าครั้งหน้าจะเบามือกว่านี้สิ” พระพายแก้ไขคำพูดนั้น

“นายน่ะไม่ชอบเบาๆหรอก ทำไปก็เท่านั้น” พิธานว่าพลางทายาให้พระพายไปด้วย

“อย่าพูดสิ” พระพายมุดหน้าลงเตียง ทุกครั้งที่พิธานพูดแหย่เรื่องนี้ขึ้นมาทีไร พระพายจะไปไม่เป็นเลยทีเดียว

“เอาล่ะ เสร็จแล้ว รอฉันหน่อย เดี๋ยวจะออกไปซื้อของกัน” พิธานหัวเราะออกเบาๆเพราะรู้ดีว่าตอนนี้พระพายกำลังอายหากเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในเวลาปกติเช่นนี้


        พิธานเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ พระพายจึงใช้โอกาสนี้แต่งตัวให้เรียบร้อย ใช้เวลาเพียงครู่เดียวพระพายก็แต่งตัวเสร็จ จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้โทรหาเก้า ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง พระพายจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาแล้วรีบโทรหาเก้าทันที เพียงไม่นานนักเก้าก็รับสาย

“มึง เป็นไงบ้าง?” พระพายกรอกเสียงลงไปทันทีที่เก้ารับสาย

“อ่อ นอนเพิ่งตื่นนี่แหละ มึงล่ะเป็นไง ย้ายเข้าห้องแฟนคืนแรก”

“ก็ดี ปกติดี อ่อ แล้วเมื่อคืนคุณไคไปส่งมึงที่ห้องรึเปล่า?”

“อ่อ กูกลับมาเมื่อเช้า เมื่อคืนนอนห้องมันนั่นแหละ”

“จริงเหรอ แล้ว...ทำไมมึงกลับไวจังวะ?”

“ไม่อยากอยู่ต่อ เลยรีบกลับ”

“เสียงมึงแปลกๆ เมื่อคืนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”

“มึงก็เพ้อเจ้อ เสียงกูเพิ่งตื่นนอนก็ต้องแบบนี้แหละ” เสียงหัวเราะตบท้ายประโยค

“กูคงคิดมากไป เออ เดี๋ยวกูโทรหานะ มีคนมากดออด” พระพายบอกเช่นนั้น

“เออๆ”


        หลังจากวางสายพระพายก็รีบลุกไปยังและดูทางช่องตาแมวว่าใครมากดออด ปรากฏเป็นไคที่อยู่ตรงข้ามห้องนั่นเอง พระพายจึงรีบเปิดทันที

“คุณไค” พระพายทักทายไคด้วยรอยยิ้ม แต่ไคกลับยิ้มออกมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น

“ตื่นกันแล้วเหรอ?”

“ครับ ตื่นแล้ว คุณไคจะเข้ามาข้างในไหม?” พระพายเอ่ยชวน

“ไม่ดีกว่า แค่มาทักทาย” ไคบอก


            สีหน้าดูไม่สดชื่นเลยสักนิดผิดกับไคที่พระพายเห็นมาโดยตลอด ไคที่คุ้นตาคือคนที่ชอบยิ้มแย้มและดูขี้เล่น แม้ในบางครั้งแววตาเหมือนจะไม่ยิ้มเลยก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เจอไคจะดูสดใสกว่านี้

“คุณไค...เป็นอะไรรึเปล่า?” พระพายเอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

“หืม...หมายถึงอะไร?” ยิ้มออกมาอย่างไม่ค่อมเต็มที่นัก

“คุณไคดูไม่ร่าเริงเลย เป็นอะไรรึเปล่า?”

“ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ?” ไคถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ก็...พอดูอออกครับ”

“ก็แค่....ผิดหวังนิดหน่อยก็เท่านั้น แต่ขอบคุณนะพระพาย พระพายเป็นคนใจดีเสมอเลยนะ” ไคว่า

“ถ้ามีอะไรก็บอกนะครับ ผมยินดีช่วย”

“แน่นอน ขอบคุณนะ” ไคพูดก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องไป


        พระพายปิดประตูพลางขบคิดว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ไคเครียดเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว หรือเก้าจะมีเอี่ยวด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวคงต้องถามพิธานสักหน่อย เผื่อรายนั้นจะรู้อะไรบ้าง

“ทำอะไรอยู่?” พิธานที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จมองหาพระพายว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มายืนอยู่หน้าประตูนี่เอง

“อ๋อ คุณไคมาครับ เลยคุยกันนิดหน่อย”

“กลับห้องไปแล้วเหรอ?”

“อืม คุณไคดูแปลกๆ ดูเหมือนจะมีเรื่องเครียด หน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้มเลย”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” พิธานถาม ขณะที่กำลังเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติผมเห็นคุณไคยิ้มตลอด คุณพอรู้อะไรบ้างไหม?” พิธานเงียบไปนิดก่อนตอบ

“ที่เห็นยิ้มๆน่ะไม่ใช่หรอก เจ้านั่นแค่ทำไปแบบนั้นแหละ” พิธานบอก พระพายทำหน้างงทันที

“หมายความว่าไง?”

“จำตอนแรกที่เจอไคได้ไหมล่ะ ถ้านึกออกก็จะรู้” พิธานพูดไว้ให้คิด


        ทั้งสองคนเดินออกจากห้องลงลิฟต์ไปยังชั้นล่าง ในขณะนั้นพระพายก็เอาแต่นึกถึงไคในครั้งแรกที่เจอ นึกอยู่นานกว่าจะนึกได้ว่าแค่ที่เจอในครั้งแรกนั้นเป็นอย่างไร ท่าทางคุกคาม สายตาดูหื่นกระหาย ท่าทางเหมือนซุกซ่อนอะไรไว้ในความขี้เล่นอีกทั้งเพื่อนๆในกลุ่มตอนนั้นเรียกไคว่าฝรั่งโรคจิต

“ฝรั่งโรคจิตเหรอ?” พระพายเอ่ยขึ้นมา ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนรถที่เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ

“พูดอะไร?” พิธานถามขึ้นมา

“ก็เพื่อนๆคุณในตอนนั้นเรียกคุณไคว่าฝรั่งโรคจิต” พระพายจำได้อย่างเด่นชัดในประโยคนี้ แต่กว่าจะนึกได้ก็นานเอาการ

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง เอาเป็นว่ามีอะไรอีกเยอะในตัวของเจ้านั่น รู้เท่านั้นก็พอ” พิธานบอกเท่านั้น

“ดูลึกลับจัง แต่ยังไงคุณไคก็ยังดูใจดีสำหรับผม”

“เพราะนายเป็นแฟนฉันต่างหาก เจ้านั่นเลยใจดีด้วย” พิธานบอก

“อืม..ช่างเถอะ ไปซื้อของกันดีกว่า” พระพายบอก


        พิธานใช้เวลาไม่นานนักเพราะเป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ที่สุด ทั้งสองคนช่วยกันเลือกซื้อของ อาหารแห้ง รวมไปถึงของใช้ต่างๆ พระพายดูเพลิดเพลินกับการเลือกนั่นนี่จนพิธานได้แต่มองท่าทางสนุกสนานนั้นจนเพลินตา กว่าชั่วโมงที่ทั้งสองใช้เวลาซื้อของกันจนเสร็จ จากนั้นก็ฝากของไว้และไปเดินเล่นกันต่อ เป็นการเดทแบบง่ายๆที่พระพายรู้สึกว่ามันดีจริงๆที่ได้มาอยู่กับพิธานเช่นนี้ พิธานเองก็ดูมีความสุขไม่ต่างกันเห็นได้จากดวงตาเป็นประกายที่เจ้าตัวแสดงออกมา เท่านี้พระพายก็รู้สึกได้ว่าตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่มาอยู่ด้วยกัน... 


Lyrics: Coffee by Miguel.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-06-2018 14:55:19
กำลังหวานชื่น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-06-2018 17:27:18
เฮ่อทำไมเก้าไม่ถามไคไปตรงๆนะเราปวดหัวแทน  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-06-2018 17:40:56
ไค เป็นฝรั่งโรคจิต  :a5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-06-2018 19:17:28
หวานๆ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 23-06-2018 20:05:15
ตกลงไคเป็นแบบไหนแน่? :katai1:
เก้าหึงสินะ หึๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 23-06-2018 22:36:24
ห้องนี้โลกเป็นสีชมพู ส่วนห้องตรงข้ามก็ทะมึนมาเลย
เมื่อไหร่จะเข้าใจ เมื่อไหร่จะรักกัน
นี่ลุ้นคู่ไคเก้าแบบจริงจัง
ถึงจะโผล่มาปิดตอนนิดหน่อยก็พกพาความหน่วงในอารมณ์มาให้ด้วย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-06-2018 22:38:57
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-06-2018 09:24:16
กลับมาแล้ว~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-06-2018 10:17:38
บรรยากาศละมุนละไมมาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 24-06-2018 10:32:18
 :o8: บรรยากาศละมุนดีเนอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 38 (23/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 24-06-2018 12:29:47
หวานซะอีกคู่ยิ่งดูมืดมนไปใหญ่เลย
สู้ๆ นะไคเก้าหนีไปได้ไม่ไกลหรอก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 30-06-2018 10:41:14
สวัสดีค่ะ มาลงตอนที่ 39 แล้วนะคะ ไม่รู้จะพูดอะไร ไปอ่านกันดีกว่าค่ะ ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ ติชมได้ ยินดีรับฟังค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจไว้เจอกันใหม่ค่ะ  :bye2:

+++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 39 Run-down.


Catch myself
พาตัวเองขึ้นมา
From despair
จากความสิ้นหวัง
I could drown
ฉันอาจจะดำดิ่งแน่ๆ
If I stay here
หากฉันยังอยู่ตรงนี้
Keeping busy everyday
ทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ทุกวัน
I know I will be OK
ฉันรู้ว่าจะต้องดีขึ้นมาแน่นอน
But I was
แต่ฉันก็ยัง
So confused,
สับสนอยู่ดี
My heart’s bruised
หัวใจของฉันเจ็บช้ำ
Was I ever loved by you?
เธอเคยรักฉันบ้างไหม?



        ผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ตั้งแต่พระพายมาอยู่กับพิธาน ต่างคนต่างทำงานและเมื่อเลิกงานก็จะมากลับห้องมาอยู่ด้วยกันเสมอ หากวันไหนพิธานกลับมาเร็วก็จะทำอาหารทานกัน แต่หากวันไหนพระพายกลับมาก่อน พระพายก็จะทำอาหารง่ายๆไว้ให้ อีกทั้งหลังๆมานี้พิธานจะนำงานมาทำที่ห้องเสมอ ดูเหมือนเจ้าตัวอยากใช้เวลาอยู่ร่วมกับพระพายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

        วันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากดื่มกันวันนั้น เก้าก็ติดต่อมาตลอด โทรมาบ้างส่งข้อความคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้นัดเจอกันเลยเพราะเก้าบอกว่างานยุ่ง แต่ความรู้สึกของพระพายเหมือนเก้าจะอ้างเสียมากกว่า เพราะเห็นเก้าโผล่ไปในเฟสบุคของเพื่อนร่วมงานแทบจะทุกวัน ทานข้าว ไปเที่ยวกัน ตลอดทั้งสองสัปดาห์มานี้

“มึงบอกกูว่าไม่ว่าง แต่มึงเที่ยวตลอดเลยนะเก้า” พระพายส่งข้อความไป ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนรถโดยที่พิธานพาไปส่งที่ทำงาน

“กูยุ่งจริงๆ”

“ไม่รู้แหละ วันนี้มึงต้องมาเจอ ถ้าไม่มา กูจะโกรธมึงมากเลย” พระพายส่งตอบกลับไป

“อย่าโกรธกูสิ”

“ถ้ามึงไม่มากูโกรธแน่”

“ก็ได้ เดี๋ยวกูจะบอกมึงอีกที” เก้าตอบมาเช่นนั้น พระพายจึงเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าไป

“คุยกับใคร?” พิธานถามขึ้นในขณะที่ขับรถอยู่

“คุยกับเก้า หลังๆมานี้ไม่ยอมมาเจอผมเลย แต่ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงานตลอด”

“งอนเพื่อนเหรอ?”

“ก็ใช่สิ เหมือนหลบหน้ายังไงไม่รู้ บอกให้มาหาก็ไม่ยอมมา พอจะไปหาก็ไม่ยอมให้ไป” พูดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

“อย่าคิดเยอะ เดี๋ยวก็มานั่นแหละ” พิธานลูบไหล่พระพายจากนั้นก็ขับรถต่อ

“ถ้ามันไม่มาผมจะไปลากมันมาด้วยตัวเองเลย” พระพายหมายหมั้นปั้นมือไว้อย่างนั้น


        พิธานขับรถมาถึงที่ทำงานของพระพาย ซึ่งมาเร็วกว่าปกติมากเพราะวันนี้พิธานออกมาเช้ากว่าปกติ มีงานต้องเข้าไปจัดการแต่เช้า

“เย็นนี้เดี๋ยวจะส่งข้อความไป ไม่มั่นใจว่าจะได้มารับรึเปล่า” พิธานบอกเช่นนั้น

“ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้สบายมาก คุณทำงานไปเถอะ” พระพายว่าพลางยิ้มให้

“เดี๋ยวจะบอกอีกที” พระพายเดินลงจากรถพลางโบกมือให้ พิธานยิ้มออกมานิดๆจากนั้นก็ขับรถออกไป


        พระพายตอกบัตรและเดินเข้าไปยังแผนก พบว่าไม่มีใครมากันสักคน คงเพราะเช้าเกินไป พระพายจึงใช้เวลานี้เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานทันที เพราะยิ่งเงียบเท่าไหร่ยิ่งดีกับการทำงานมากขึ้น

        และเพียงไม่นานนักคนในแผนกต่างเริ่มเข้ามาทำงาน ความวุ่นวายจึงเริ่มบังเกิดดังเช่นที่ผ่านมา พี่กล้วยเดินมากับพี่ปีพลางพูดคุยเรื่องเกมออนไลน์กันอย่างออกรส

“เฮ้ย มึงมาคนแรกเหรอพาย?” พี่กล้วยถามพลางนั่งลง

“ก็กลัวรถติดเลยออกมาเร็วหน่อยครับ” พระพายนั่งทำงานต่อ

“มึงหวังตำแหน่งพนักงานดีเด่นใช่ไหม?” พี่กล้วยเริ่มต้นวันทำงานวันสุดท้ายด้วยการแกล้งแหย่พระพายเช่นเดิม

“ถ้าพี่ไม่ได้ว่าผมสักวันนี่พี่นอนไม่หลับใช่ไหม?”

“เออสิวะ การได้แกล้งหยอกมึงนี่สนุกสุดยอดแล้ว” พี่กล้วยหัวเราะถูกอกถูกใจคนในแผนกคนอื่นๆเช่นกัน

“มึงเป็นคนโรคจิตคนหนึ่งนะกล้วย” พี่ปีว่า

“อ้าวมึง ว่ากูโรคจิตแต่เช้าเลย”

“เอาน่า ทำงานเถอะ เดี๋ยวก็โดนด่ายกแผนกหรอกพี่” พระพายเป็นคนตัดบท ทุกคนจึงเริ่มทำงานกันอีกครั้ง


        ในเวลาพักเที่ยง เก้าส่งข้อความถามว่าจะเจอที่ไหน พระพายที่ลังเลก็ตัดสินใจได้ เพราะพิธานส่งข้อความมาว่าเย็นนี้จะไม่มารับเพราะติดงาน พระพายจึงใช้โอกาสนี้ขอพิธานไปเจอเก้า ซึ่งพิธานก็ยอมตกลงแต่โดยดีแต่ต้องไปเจอกันที่คอนโดเท่านั้นที่อื่นไม่ให้ไป

“จำเป็นต้องไปที่นั่นเหรอวะ?” เก้าถาม

“คุณพิธานไม่อยู่หรอก บอกว่ากลับช้าหน่อย ไม่มีปัญหา”

“แต่กูไม่อยากไปที่นั่น”

“ทำไมวะ?”

“ไม่อยากไปคือไม่อยากไป”

“ถ้าอย่างนั้นกูถามคุณพิธานแปบ”

“ไอ้คนติดแฟน!!”


        เก้าส่งข้อความว่าพระพายด้วยความรวดเร็ว พระพายก็ยอมรับว่าเขาออกจะเชื่อฟังพิธาน เพราะไม่อยากขัดใจแต่หากลองขอดีๆพิธานก็น่าจะยอม คิดได้แบบนั้นก็ส่งข้อความหาพิธานอีกครั้ง

“เก้าไม่สะดวกมาที่คอนโด ผมขอไปเจอข้างนอกได้ไหม?” พิธานอ่านแล้วแต่เงียบไป

“ได้ แต่ห้ามกลับดึก” พิธานยอมในที่สุด พระพายจึงส่งสติ๊กเกอร์ขอบคุณและส่งจูบไปให้ พิธานอ่านแต่ไม่ตอบอะไรกลับมา

“สงสัยจะอาย” พระพายพูดเท่านั้น จากนั้นก็ส่งข้อความหาเก้าอีกครั้ง

“จะไปเจอที่ไหน ว่ามา”

“ร้านป้าแต๋วล่ะกันมึง” เก้าตอบมาเช่นนั้น

“เออ เลิกงานแล้วจะไปเลย รีบๆนะมึง”

“ครับน้องพระพาย”


        เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเลิกงาน พระพายก็รีบเก็บของและออกจากออฟฟิศด้วยความรวดเร็ว นั่งแท็กซี่ไปที่ร้านอาหารเจ้าประจำสมัยมหาวิทยาลัย ระหว่างทางพระพายก็นั่งฟังเพลงในโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงร้านอาหารที่นัดหมาย พระพายเห็นเก้ายืนรออยู่แล้ว

“ทำไมมาเร็วจัง” พระพายแปลกใจที่เก้ามาก่อน

“ก็เลิกงานเร็ว”

“เข้าไปข้างในเถอะ


        ร้านอาหารยามเย็นเช่นนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย พระพายและเก้าเลือกที่จะนั่งบริเวณสวนเฉกเช่นเคย เมื่อนั่งลงก็รีบสั่งอาหารทันทีเพราะหากช้ากว่านี้จะต้องรอคิวอีกนาน

“เป็นไงบ้างมึง ไหนบอกว่ามาซิทำไมถึงไม่ค่อยมาหากู” พระพายเริ่มเปิดประเด็นก่อนทันที

“ก็..กูยุ่งๆ” เก้าตอบแบบขอไปที

“ยุ่งอะไร กูเห็นนู่น ไปกับเพื่อนที่ทำงานตลอด เที่ยวแทบจะทุกคืน แล้วนี่สารรูปอะไรของมึง มึงเที่ยวเยอะไปใช่ไหม?” พระพายบ่นยาวเป็นหางว่าว ยิ่งเห็นหน้าตาโทรมๆของเก้ายิ่งบ่นเข้าไปอีก

“มึงขี้บ่นกว่าเดิมอีกพาย” เก้าว่าพลางเทน้ำดื่มให้พระพายและตัวเอง

“ก็เพราะเป็นห่วงนะสิ ถึงบ่นแบบนี้” พระพายดื่มน้ำอึกใหญ่เพราะพูดจนเหนื่อย

“เอาเถอะ ยังไงก็ขอบใจ”

“เก้า มีอะไรก็พูดสิวะ เป็นอะไรทำไมไม่บอก” พระพายมองหน้าเก้าที่นิ่งเงียบไป

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นวะพาย?”

“เหมือนมึงมีอะไรปิดบังเลย และเหมือนจะหลบหน้าไม่อยากมาเจอด้วย”

“เดี๋ยวนี้มึงจับความรู้สึกคนเก่งขึ้นนะ” เก้าเอ่ยชม

“อาจจะใช่ เพราะคุณพิธานเป็นคนเงียบๆ เลยต้องอาศัยดูเอา ทำไปทำมาก็เลยเริ่มดูคนอื่นออกไปด้วย”

“คงปิดมึงไม่ได้สินะ” เก้าว่าก่อนที่จะถอนหายใจและพิงเก้าอี้อย่างคนเหน็ดเหนื่อย

“มีอะไรพูดมา”

“กู....คงจะชอบไอ้ไคเข้าแล้วล่ะ” คำพูดนั้นทำเอาพระพายนิ่งไปครู่ใหญ่เลยทีเดียว

“มึง...บอก...ชอบคุณไคเหรอ?” เก้าทวนประโยคอีกรอบ

“เออ” เก้ายอมรับตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม

“แล้วไม่บอกเขาไปล่ะ ทีของกูมึงยังอยากให้กูไปบอกคุณพิธานเลย” พระพายยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าเก้านั้นคิดอย่างไรกับไค

“แต่ไม่เหมือนกับของมึงหรอก...” เก้าพูดพลางมองแก้วน้ำที่ตอนนี้น้ำแข็งเริ่มละลาย

“หมายความว่าไง?”

“มันไม่ได้จริงจังเหมือนไอ้พิธาน”

“กูไม่เข้าใจ มันไม่เหมือนยังไง” ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“มัน...เหมือนจะมีคนอื่นอยู่แล้ว เรื่องของกูเหมือนเป็นแค่เรื่องสนุก ปั่นหัวกูก็เท่านั้น”

“มึงรู้ได้ไง มึงเห็นเหรอ?” พระพายออกจะแปลกใจว่าเก้ารู้ได้อย่างไรว่าไคมีแฟนแล้ว

“กูเห็นรูปในห้องคืนนั้น คืนที่มึงย้ายเข้าห้องแฟนมึงคืนแรก” พระพายนึกออกทันทีว่าคืนไหน และจำใบหน้าของไคในเช้าวันถัดมาได้เป็นอย่างดี

“รูปอะไร?”

“รูปถ่ายมันคู่กับใครไม่รู้ เขียนว่ารักฉันคือเธอ” พลางนึกไปถึงคนในรูปที่ชื่อไมค์

“มึงเห็นรูปนั้นเข้า มึงเลยพูดอะไรไม่ดีกับคุณไคไปใช่ไหม?” พระพายถามขึ้นมา เก้าเงียบไปก่อนพูด

“ก็...กูแค่บอกว่าออกไปจากชีวิตกู บอกให้มันเลิกยุ่งกับกู...ก็เท่านั้น” เมื่อพูดถึงประโยคนี้ขึ้นมา เก้าก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นมากกว่าเดิม


        ตั้งแต่วันนั้นที่ผ่านมา เก้าพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม ใช้ชีวิตปกติเหมือนตอนที่ไคยังไม่เข้ามา แต่ทุกๆวันเหมือนหลอกตัวเอง ภาพของไคในวันนั้นยังไม่หายใจจากความคิดเสียที เพราะเป็นเช่นนั้นเก้าจึงออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงาน ดื่มและจีบหญิงเหมือนเมื่อก่อน แต่เมื่อยิ่งทำยิ่งรู้สึกว่างเปล่า เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าตัวเองเผลอใจไปให้ไคมากขนาดไหนแล้ว มากจนต้องมานั่งคิดและเจ็บปวดใจอยู่อย่างนี้

        สับสนไปหมด สับสนกับความรู้สึกและสับสนกับความคิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จนวันนี้เลือกที่จะยอมคุยกับพระพายว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร ฟอร์มและมาดที่รักษามาตลอดก็พลังทลายลง เพียงเพราะไม่อาจจะโกหกตัวเองว่าคิดอย่างไรกับไค แต่มันก็จบลงแล้ว ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อีกต่อไป สิ่งเดียวตอนนี้คือทำใจและก้าวไปข้างหน้าให้ได้ เก้าคิดได้อย่างเดียวว่าตอนนี้ก็แค่ชอบ เดี๋ยวไม่นานก็จะลืมมันได้ นี่คือสิ่งที่เก้าคิดและพยายามจะเป็นอยู่ในตอนนี้

        พระพายมองมองเก้าที่เงียบไป นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเก้าเป็นแบบนี้ ครั้งนั้นที่เห็นคือแฟนคนแรกตอนที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งมาบอกเลิกตอนเรียนปีที่สาม กว่าเก้าจะสามารถดึงตัวเองออกจากความเศร้าได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน และตั้งแต่วันนั้นเก้าก็ไม่คบใครเป็นแฟนอีกเลย จีบไปเรื่อย เล่นไปเรื่อย ไม่มีเป็นตัวเป็นตนเลยสักครั้ง เพราะเก้ารู้ดีว่าหากชอบใครจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดจะต้องตามมาในไม่ช้าก็เร็ว

“คำนั้นมันเจ็บปวดมากนะ” พระพายพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน

“รู้ กูรู้ แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้คนที่จะลำบากคือกู” เก้าพูดด้วยท่าทีนิ่งๆแต่แววตานั้นดูปวดร้าวไม่เบา

“ถ้าเป็นแค่รูป มึงก็น่าจะถามเขาตรงๆนะ”

“แค่นั้นก็ชัดเจนแล้วมึง ถ้าเป็นมึงเห็นล่ะจะทำไง?”

“เป็นกู กูจะถามนะ ถามตรงๆเลย” พระพายว่า เก้าเงียบไปอีกครั้ง

“กูรู้ ที่มึงทำแบบนี้เพราะกลัวจะต้องคบกับคุณไค มึงกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยใช่ไหม?” เก้ายิ่งเงียบไปกว่าเดิม

“มึงเอาเรื่องนี้มาอ้าง เพื่อจะให้คุณไคออกไปจากชีวิตมึง มึงทำแบบนั้นคนที่เจ็บไม่ใช่แค่คุณไค แต่เป็นมึงด้วย” พระพายร่ายยาวทันที

“ใช่ กูไม่อยากจะมีความรักอีกแล้ว กูไม่พร้อมที่จะเป็นแบบนั้น กลัวจะอ่อนแออีก อีกอย่าง..รูปนั้นมันก็มีส่วน ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของกูหรอก”

“ทำไมไม่ถามตรงๆไปเลยวะ” พระพายออกจะหงุดหงิดไม่น้อย

“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวกูก็ดีขึ้น” เก้าถอนหายใจออกมาพลางยิ้มนิดๆ

“หนีใจตัวเองมันยากนะเก้า” พระพายเริ่มจริงจังขึ้น

“ไม่ยากหรอก ถ้าจะทำก็ทำได้” เก้ายืนยันอย่างนั้น

“มึงนี่มัน...โอ๊ย!!” พระพายไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับเก้าได้แล้ว

“กินข้าวดีกว่า” เก้าว่า ซึ่งตอนนี้อาหารมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว


        ทั้งสองคนทานอาหารกันไปเงียบๆ มีพูดคุยกันบ้างเล็กน้อยเพราะต่างคนต่างจมกับความคิดของตัวเอง พระพายซึ่งคิดอยากจะช่วยเพื่อนแต่ก็กลัวจะก้าวก่ายจนเกินไป ส่วนเก้านั้นคิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรดีที่ทำให้ตัวเองไม่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

        มากกว่านั่งทานข้าวคือเก้าสั่งเบียร์มาดื่มด้วย พระพายเองก็อยากดื่มจึงพากันนั่งดื่มไปเรื่อยๆ เมื่อได้ดื่มเบียร์ก็เริ่มจะคุยกันมากขึ้น จากเวลาเย็นจนตอนนี้เริ่มค่ำแล้ว ทั้งสองดื่มเบียร์กันไปคนละสองสามขวดใหญ่

        จู่ๆก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น พระพายยังคงดื่มไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเสียงโทรศัพท์ของใคร เก้าจึงเรียกพระพายขึ้นมา

“พาย มือถือมึงดัง” เก้าบอก พระพายที่เริ่มกรึ่มๆจึงหยิบมันขึ้นมาดูพบว่าเป็นพิธานโทรมา

“คุณพิธาน” พระพายเอ่ยชื่อและรีบรับสายทันที

“ฮัลโหล”

“อ๋อ อยู่กับเก้า..เดี๋ยวก็กลับ”

“ไม่ต้องมารับ ไว้เจอกันที่ห้อง”


        จากนั้นพระพายก็วางสาย เก้ามองพระพายที่อมยิ้มออกมา ดูเหมือนตอนนี้เพื่อนของเขาจะมีความสุขสุดๆ ดูได้จากสีหน้า แววตาและคำพูดที่พูดกับพิธานเมื่อครู่นี้

“กลับเถอะมึง นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว” เก้าว่าพลางดูนาฬิกาข้อมือ

“นี่เรานั่งกันนานขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” พระพายไม่อยากจะเชื่อว่านั่งกันนานจนถึงสามทุ่ม

“เออ กลับเถอะ”


        เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระพายก็ขึ้นแท็กซี่ไปก่อน จากนั้นเก้าก็ขึ้นแท็กซี่อีกคันกลับห้องพัก พระพายที่ดื่มเบียร์ไปก็มีกลิ่นติดตัวมาพอสมควรแต่โชคดีที่ไม่ได้เมาแค่มึนนิดหน่อยเท่านั้น

        กว่าจะถึงคอนโดก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า พระพายเดินขึ้นลิฟต์ไปพร้อมความรู้สึกอยากอาบน้ำมากถึงมากที่สุด เมื่อมาถึงห้องพระพายก็ไขประตูห้องพลางหันไปมองห้องของไคที่อยู่ตรงข้าม ดูท่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคลี่คลายเรื่องพวกนี้แล้ว

        เข้ามาในห้องก็พบว่าไปเปิดสว่างอยู่แล้ว ดูท่าพิธานจะมาถึงก่อนและก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ตอนนี้พิธานนั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าทีวี พระพายยิ้มแห้งก่อนที่จะเดินไปใกล้ๆและพบว่าพิธานอาบน้ำเปลี่ยนชุดทำงานมาเป็นชุดลำลองแล้ว

“คุณกลับมาก่อนผมอีกเหรอ?” พระพายถาม

“ใช่ ถึงก่อนนายหนึ่งชั่วโมง” พิธานตอบ

“โกรธผมรึเปล่าที่กลับมาช้า”

“ไม่หรอก นายกินข้าวมาแล้วใช่ไหม?”

“กินแล้วและก็ดื่มเบียร์นิดหน่อย” พระพายยิ้มกว้าง

“รู้ ได้กลิ่นมาตั้งแต่เปิดประตูแล้ว”

“ไม่ได้โกรธผมจริงๆใช่ไหม?” พระพายถามอีกครั้ง

“ไม่..ฉันแค่กำลังทดสอบตัวเองว่าถ้านายกลับช้ากว่านี้ฉันจะทนได้นานสักเท่าไหร่” และนั่นคือคำตอบที่แท้จริง

“กำลังอดทนสินะ” พระพายเข้าใจแล้วว่าตอนนี้พิธานกำลังรอเขาอย่างอดทนแทนที่จะโกรธหรือไปตามด้วยตัวเอง

“ขอบคุณนะ” พระพายแล้วเข้าไปจูบแก้มพิธาน

“ไปอาบน้ำเลย” พระพายหัวเราะออกมาและเดินไปอาบน้ำตามที่พิธานบอก


        ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็เดินมาหาพิธานด้วยชุดนอนของตัวเอง พิธานนั่งดูสารคดีเกี่ยวกับงูอนาคอนด้าที่ลุ่มน้ำอเมซอนอย่างตั้งใจ ภาพที่กำลังฉายนั้นคือภาพงูตัวยักษ์กำลังงาบจระเข้ตัวขนาดกลาง

“น่ากลัว” พระพายพูดพลางนั่งลงข้างๆพิธาน

“มันเป็นธรรมชาติของสัตว์ป่า” พิธานว่าอย่างนั้น

“คุณพิธาน...วันนี้ผมไปกับเก้า” จู่ๆพระพายก็พูดขึ้น

“ฉันรู้”

“นั่นแหละ ผมเลยมีเรื่องจะถาม” พิธานจึงละสายตามามองพระพาย

“เรื่องอะไร?”

“คุณไค...มีแฟนหรือคบกับใครอยู่รึเปล่า?” พิธานส่ายหน้าแทบจะทันที

“ไม่มีเลยเหรอ?” ถามอีกครั้ง

“ไม่มี..ว่าแต่ถามทำไม?” พิธานขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ก็....เก้าบอกคุณไคมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“เหรอ....ไม่เคยรู้มาก่อนเลย” พิธานนั่งคิด

“แต่เก้าเห็น...” พระพายทำท่าจะพูดแต่ก็ชะงักเสียก่อน

“เห็นอะไร?” พิธานถาม

“เอ่อ...เห็น อะไรสักอย่างในห้อง...”


            ใจก็อยากบอกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าไม่อยากให้พิธานรู้อะไรเยอะไปกว่านี้เพราะเรื่องบางเรื่องเชื่อว่าเก้าคงไม่อยากให้คนอื่นรู้นอกจากเขา พิธานเงียบไปพลางมองพระพายที่นิ่งเพราะใช้ความคิดก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ผมจะทำยังไงดี ผมสงสารคุณไค และตอนนี้เก้าก็น่าเป็นห่วง”

“ยังไง?”

“เก้าน่าจะ....ชอบคุณไค” พระพายก็ไม่อยากปูดความลับเพื่อนให้กับแฟนฟัง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้

“แล้วมันมีปัญหาตรงไหน?”

“มีสิ ก็ตรงที่เก้าคิดว่าคุณไคมีที่ชอบอยู่แล้ว เก้าเลยขอให้คุณไคเลิกยุ่งด้วย” พิธานเงียบไป

“ปล่อยให้ไคจัดการเองเถอะ”

“แต่คุณต้องบอกคุณไคถึงเรื่องนี้สิ ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าใจผิดกัน” พระพายเริ่มใส่อารมณ์เข้าไปเพราะอยากให้พิธานช่วย แต่พิธานกลับเฉยเมยเสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องเครียดหรอก ไคไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ เดี๋ยวมันก็จัดการเอง รอดูก็พอ”

“คุณนี่ไม่คิดจะช่วยเพื่อนเลยเหรอ?” พระพายไม่เข้าใจในท่าทีที่เฉยชาของพิธานเลยทั้งที่เป็นเรื่องของไคเพื่อนสนิทของตัวเองแท้ๆ

“อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นเดือดเป็นร้อนสิ” พิธานว่าพลางลูบผมพระพายให้ใจเย็นลง

“ก็ผมอยากช่วยทั้งสองคน” พระพายทำหน้าตูม

“เชื่อฉันสิ รอไคกลับมาก่อน เดี๋ยวเจ้านั่นก็จะมาจัดการเองนั่นแหละ ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งเดี๋ยวเรื่องมันจะพลิก”

“อย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ รอดูเถอะ” พิธานบอกเท่านั้นก่อนที่จะล้มตัวลงนอนหนุนตักพระพายและดูทีวีต่อไป


        พระพายเริ่มใจเย็นลงและเริ่มคิดอย่างที่พิธานพูด ไคน่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆและคงต้องจัดการอะไรสักอย่างได้แน่ เท่านี้ก็แค่รอดูว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร หวังแค่ว่าให้เก้ามีความสุขเท่านั้นก็พอแล้ว...



Lyrics: Out of reach by Gabrielle.
   
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 30-06-2018 12:14:15
ไม่ต้องห่วงพระพายเป็นเพื่อนพิธานได้ไม่น่าจะธรรมดา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 30-06-2018 12:35:45
ไคคงไม่น่าเป็นห่วงแล้วมั้งอย่างงี้ เพื่อนกันคงร้ายเหมือนกัน 555 รอลุ้นให้เก้าโดนจัดการดีกว่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 30-06-2018 12:52:18
พระพายหัวร้อนอะ 555555555555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 30-06-2018 15:17:32
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-06-2018 19:14:48
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-06-2018 19:43:48
เก้าคิดมากไปปะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-06-2018 22:18:31
คิดเหมือนพายเลย เรื่องเพื่อนเหมือนเรื่องของเรา 55555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 01-07-2018 12:44:47
อาจจะเป็นน้องไค ชื่อคล้ายๆกันอะไรแบบนี้
ส่วนคุณไคคะ น้องเก้าเขารออยู่นะ
ถึงที่ผ่านมาน้องเขาจะเยอะไปหน่อย แต่คุณก็มาตามน้องเขาเถอะค่ะ
อิชั้นสงสารน้องงงงง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-07-2018 21:27:10
ตามหน่วงเรื่องของเก้าต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 01-07-2018 23:22:13
ไคน่าจะมีแผนอะไรแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-07-2018 08:32:00
รอความจริงจากไค
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-07-2018 20:00:47
เอาใจช่วยไคกับเก้า เข้าใจกันเร็วๆนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-07-2018 11:58:52
คิดว่าคนอย่างไคต้องมีแผน o8
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 39 (30/06/18) P.20 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 08-07-2018 23:14:58
 :กอด1:
คิดถึงจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 14-07-2018 12:30:40
สวัสดีค่า ขออภัยที่ไม่ได้มาอัพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  :hao5: วันนี้กลับมาแล้วนะคะ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี เอาเป็นว่าไปอ่านกันเถอะค่ะ ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :bye2:
++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 40 Hurts.


I’m never gonna let you close to me
ฉันจะไม่ให้เธอเข้ามาใกล้ฉันอีก
Even though you mean the most to me
แม้ว่าเธอคือสิ่งที่สำคัญสำหรับฉันก็ตาม
‘Cause every time I open up, it hurts
เพราะว่าทุกครั้งเวลาที่ฉันเปิดใจ มันมักจะเจ็บปวด
So I’m never gonna get too close to you
ฉันจะไม่ใกล้ชิดเธอไปมากกว่านี้
Even when I mean the most to you
แม้ตอนที่ฉันมีความสำคัญกับเธอที่สุดก็ตาม
In case you go and leave me in the dirt
เผื่อเธอจะจากฉันไป แล้วทิ้งฉันไว้กับสิ่งที่ไม่น่าจดจำ

   
            ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น พระพายก็ไม่เห็นวี่แววว่ามันจะมีอะไรดีขึ้น เก้ายังคงเที่ยวเตร่เหมือนเดิมและไม่เห็นหน้าไคอีกเลย ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปที่ไหนอย่างไร ถามพิธานรายนั้นก็ยิ่งไม่ตอบ ส่ายหน้าไม่ก็นิ่งเฉยเป็นการปฏิเสธ พระพายจนปัญญาจนไม่รู้จะต้องทำอย่างไรดี

“คุณพิธาน...จะไม่บอกจริงๆเหรอว่าคุณไคอยู่ที่ไหน?” พระพายถามอีกครั้ง ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งทานขนมหน้าทีวีกันในคืนวันศุกร์เช่นนี้

“เดี๋ยวก็มานั่นแหละ” พิธานตอบ พระพายได้แต่ถอนหายใจ จู่ๆก็มีเสียงกดออดดังขึ้นมา พระพายหันไปมองหน้าพิธานซึ่งเป็นคนลุกไปดูว่าใครมาหาในเวลานี้

“มาแล้วเหรอ” เสียงพิธานพูดเช่นนั้นและเดินกลับมายังโซฟา พ่วงด้วยผู้มาเยือนคือไคนั่นเอง พระพายที่เห็นก็ทักทายทันทีด้วยความรวดเร็ว

“คุณไค หายไปไหนมา?” ไคยิ้มให้ก่อนตอบ

“เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไปติดต่อเรื่องงาน” ไคว่าและนั่งลง

“ไปเอานานเลย” พระพายว่า

“ทางนี้เป็นไงบ้าง?” ไคถามขึ้นมือนั้นก็รับขนมจากพิธานมา

“ก็เรื่อยๆครับ แต่ว่า...” พระพายอยากจะเอ่ยเรื่องของเก้าขึ้นมาแต่ใจหนึ่งก็กลัวจะวุ่นวายจนเกินเหตุไป เพราะเป็นเรื่องของทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องของเขาเลย

“แต่ว่าอะไรเหรอพระพาย?” ไคถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอก” พิธานเป็นคนพูดตัดบท

“ดีจังนะ นายได้อยู่กับพระพายแล้ว” ไคว่าและทานขนมไปเรื่อย

“คุณไค...ติดต่อเก้าบ้างไหม?” ในที่สุดพระพายก็ทนไม่ไหวถามเรื่องเก้าออกมาจนได้ ไคเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ไม่เลย” เมื่อได้ยินเช่นนั้นพระพายเองไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อไปดี

“ไปพักก่อนเถอะ พรุ่งนี้ไปหาอะไรกินกัน” อีกครั้งที่พิธานเป็นคนจบบทสนทนาให้ พระพายถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สองของวันนี้

“กี่โมงก็บอกมา ไปนะพระพาย” ไคว่าและเดินออกจากห้องไป

“โอ๊ย....ทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้นะ” พระพายขยี้ผมตัวเองเพราะรู้สึกถึงความงี่เง่าของตัวเองได้อย่างชัดเจน

“แบบไหนล่ะ?” พิธานถามพลางเคี้ยวขนม

“ก็เงอะงะ งี่เง่าแบบนี้ไง” พระพายหันไปตอบพิธาน

“คิดมาก”

“ไม่ได้คิดมากนะ แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ” พระพายว่า

“พรุ่งนี้จะไปกินข้าวกัน ได้ยินแล้วใช่ไหม?” พิธานถามขึ้น

“ได้ยิน ทำไมเหรอ?” พิธานป้อนขนมให้พระพาย ซึ่งก็อ้าปากรับขนมที่ยื่นมาให้

“รู้ใช่ไหม จะต้องทำยังไง” พิธานว่าพลางใช้นิ้วจิ้มริมฝีปากของพระพายเบาๆ

“ทำอะไรยังไง?” พระพายเงียบไปก่อนจะร้องอ๋อขึ้นมา

“โทรนัดเก้า” พระพายยิ้มกว้างออกมาทันที

“ก็ไม่ได้งี่เง่าแล้วนี่ จริงไหม?” พิธานเหมือนจะเอ่ยชมกลายๆ

“นี่คุณคิดจะช่วยสองคนนั้นใช่ไหม?” พระพายหันไปถามพิธาน

“ไม่สักหน่อย” แม้จะพูดเช่นนั้นแต่รู้ดีว่านี่คือการช่วยแบบอ้อมๆของพิธาน

“จริงเหรอ?” พระพายแหย่ถาม

“ก็จริงสิ” พิธานตอบกลับ


        พระพายได้แต่ยิ้มๆในความปากแข็งของพิธาน ทั้งสองนั่งดูทีวีพลางทานขนมไปและพระพายก็จัดการส่งข้อความหาเก้าเพื่อนัดทานข้าววันพรุ่งนี้ ทีแรกเก้าบ่ายเบี่ยงที่จะไม่ไป อีกทั้งเอาแต่ถามว่าใครจะไปบ้าง คงกลัวที่จะต้องเจอไคอย่างแน่นอน แต่พระพายก็ขอร้องจนในที่สุดก็ยอมแต่โดยดีและแน่นอนว่าพระพายไม่ได้บอกแต่อย่างใดว่าพรุ่งนี้นั้นมีไคไปด้วย เพราะหากหลุดพูดออกไปเก้าต้องไม่มาอย่างแน่นอน

..
.

        วันเสาร์วันสุดท้ายของการทำงาน พระพายที่รีบเร่งจัดการงานให้เสร็จอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมไปทานข้าวกับพิธาน ไคและเก้า ซึ่งแน่นอนว่าร้านนั้นเป็นร้านอาหารกึ่งผับเพราะอย่างน้อยก็ต้องได้ดื่มกันบ้างตามประสาผู้ชาย

        พระพายทำงานและทานอาหารเที่ยงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับไปทำงานต่อ เพราะงานชิ้นนี้จะต้องเสร็จก่อนเลิกงานตามคำสั่ง พระพายจึงตั้งใจทำงานและไม่คุยเล่นกับพี่ๆในแผนกเลย

        เวลาล่วงเลยมาถึงห้าโมงแล้ว อีกนิดเท่านั้นพระพายก็ใกล้จะเสร็จงานแล้ว จู่ๆมีเสียงสั่นครืดๆจากโทรศัพท์มือถือ เป็นพิธานที่โทรเข้ามา พระพายไม่ได้กดรับใดๆเพราะยังต้องทำงานต่อ

        ครึ่งชั่วโมงให้หลัง พระพายก็ทำงานเสร็จตามกำหนด พรูลมหายใจออกมาแรงๆเพราะเสร็จเสียทีแม้จะเกินเวลาไปนิดหน่อยก็ตาม จากนั้นก็รีบไปส่งให้หัวหน้าแผนกที่นั่งรองานด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด พระพายได้แต่ยกมือไหว้ปะลกๆจากนั้นก็ตอกบัตรออกจากออฟฟิศทันที

        สิ่งแรกที่เห็นคือพิธานที่ยืนรออยู่ เวลานี้มีผู้คนเยอะแยะมากมายเพราะเป็นเวลาเลิกงานแต่กระนั้นความโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนก็ยังไม่หายไปไหน สาวๆที่เดินผ่านมาต่างพากันสะกิดเพื่อนให้เหล่ดู แต่เจ้าตัวนั้นกลับหน้านิ่งจนถึงขึ้นหน้าบึ้งเลยทีเดียว เมื่อเห็นเช่นนี้จึงพึงตระหนักได้ว่าเขามีแฟนที่ดูโดดเด่นทั้งหน้าตาทั้งบุคลิก เรื่องนี้ทำพระพายเกือบลืมไปเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมามองแต่ความเป็นตัวเองของพิธานเท่านั้น ลืมนึกไปถึงว่าหากเจอกันท่ามกลางผู้คนมากมายจะเป็นเช่นไร

“มารอตั้งแต่เมื่อไหร่?” พระพายเดินเข้าไปหาพิธานที่ยืนรออยู่ รอยยิ้มกว้างของพระพายนั้นทำเอาพิธานที่หน้าบึ้งค่อยๆกลับมาสู่ใบหน้าปกติ

“รอตั้งแต่โทรไปหาแล้ว”

“ขอโทษนะ ผมทำงาน ต้องเร่งให้เสร็จ”

“ไม่เป็นไร กลับห้องกันเถอะ” พิธานว่า คำว่ากลับห้องกันทำเอาพระพายยิ้มออกมาอีกครั้ง การอยู่ร่วมกับใครสักคนเช่นนี้มันก็ดีไม่น้อยเหมือนกัน


        พิธานขับรถมาถึงห้อง ระหว่างทางพระพายก็ส่งข้อความหาเก้า นัดสถานที่กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พิธานที่กลับมาถึงก็นั่งทำงานต่อทันทีเพราะเวลาที่นัดไว้อีกประมาณสองชั่วโมงกว่า

“งานเยอะเหรอ?” พระพายถามพลางมองพิธานที่นั่งทำงานเงียบๆ

“เป็นประจำ” พิธานว่า

“เหนื่อยไหม มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”

“มีสิ”

“ให้ทำอะไรเหรอ?”

“ทำให้หายเหนื่อยหน่อย” พิธานว่าพลางเอื้อมมือไปลูบสะโพกพระพาย

“มันจะเหนื่อยกว่าเดิมรึเปล่า?” พระพายรู้ดีว่าพิธานกำลังคิดเรื่องอะไร

“ไม่เลย ทำแล้วจะสบายตัว”

“คุณนี่จริงๆเลย ทำงานๆ” พระพายรีบเด้งตัวออกมาพลางหัวเราะ พิธานยิ้มนิดๆก่อนที่จะทำงานต่อ


        จนในที่สุดก็ใกล้ถึงเวลานัด พระพายจึงไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน จากนั้นก็ไปบอกพิธานให้อาบน้ำได้แล้ว ซึ่งพิธานก็วางมือจากงานและเดินไปอาบน้ำทันที ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสองก็แต่งตัวเสร็จ พิธานเดินออกไปหน้าประตูและกดออดเรียกไคที่อยู่ในห้อง พระพายยืนมองอยู่หน้าประตูเช่นกัน

“โทษที จะไปช้าหน่อย ไปก่อนเลย” ไคออกมาบอกเช่นนั้น

“อีกนานรึเปล่า?” พิธานถาม

“ไม่น่าจะเกินชั่วโมง เดี๋ยวเจอกัน” ไคบอกและปิดประตูทันที

“เราไปกันก่อนเถอะ” พิธานว่าอย่างนั้น


        พิธานขับรถออกมาจากคอนโด ซึ่งเก้านั้นส่งข้อความมาบอกว่าใกล้ถึงร้านที่นัดกันแล้ว พระพายจึงบอกว่าใกล้ถึงแล้วเหมือนกัน ใช้เวลาไปพอสมควรกว่าทั้งสองคนจะถึง ซึ่งเก้ายืนรออยู่แล้ว

“ทำไมไม่เข้าไปก่อนวะ” พระพายถามหลังลงจากรถ

“กูไม่เคยมาที่นี่ รอเข้าพร้อมมึงนั่นแหละดีแล้วจะได้ไม่เก้อ” เก้าว่า

“เข้าไปกันเถอะ” พระพายว่าและเดินพร้อมกันกับเก้า ด้านพิธานก็เดินตามหลังไป


        ร้านแห่งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากร้านเดิมที่ไปมามากมายนัก วันนี้คนเยอะเพราะเป็นคืนวันเสาร์ ผู้คนจึงพากันมาสังสรรค์กัน ทั้งสามคนเดินไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่พอดี

        เก้าในวันนี้ก็ยังคงดูไม่ต่างจากเก้าที่เห็นเมื่อครั้งล่าสุด ยังคงดูเหนื่อยๆและดูไม่สดใสเช่นเคย แม้เจ้าตัวจะพูดเยอะและพูดเล่นเหมือนทุกๆครั้งแต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เหมือนกลบเกลื่อนทุกอย่างด้วยการกระทำที่เป็นปกติเหมือนเดิม

“เก้า...งานเยอะเหรอ?” พระพายถามขึ้น หลังจากที่พิธานรัวสั่งอาหารไปชุดใหญ่กับพนักงาน

“เยอะสิ ถามทำไมวะ?”

“มึงดูเหนื่อยๆ”

“ก็เหนื่อยตลอดแหละ” เก้าตอบแบบเลี่ยงๆ อีกทั้งพิธานก็นั่งอยู่ด้วยจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก

“ยังไงก็อย่าหักโหมนะมึง” พระพายพูดได้เพียงเท่านั้น


        ตอนนี้อาหารยังไม่มาเพราะลูกค้าเยอะและโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ นั่นแปลว่าอาหารอาจจะมาช้าไปสักหน่อย ตอนนี้พระพายจึงนั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆบางครั้งก็หันไปคุยกับเก้า ซึ่งนั่งดื่มตั้งแต่อาหารยังไม่มาเลยทีเดียว

“เผื่อท้องกินข้าวด้วยสิ” พระพายว่าขึ้น เมื่อเห็นเก้าดื่มเอาๆ

“คอแห้ง” เก้าบอกเช่นนั้น

“น้ำเปล่าก็มี” พระพายมองอย่างรู้ทัน

“มันไม่สดชื่น” เก้ายิ้มทะเล้นแต่สายตานั้นไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับรอยยิ้ม

“เออๆ เอาที่สบายใจ” พระพายแค่นั้น


        พิธานนั่งกดโทรศัพท์อยู่เงียบๆ พระพายแอบชะโงกดูว่าคุยกับใครซึ่งไม่ใช่ใครแต่เป็นอีกคนที่นัดไว้และกำลังเดินทางมาแล้วในตอนนี้

              พระพายที่นั่งใจเต้นอย่างระทึก ลุ้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ถ้าเก้าเห็นหน้าไคจะทำอย่างไรและทั้งสองจะคุยกันได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่พระพายนึกอยู่ในตอนนี้ ผิดกับพิธานที่ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น นั่งนิ่งเฉยเมยอย่างเฉกเช่นเคย

        เพียงไม่นานนักอาหารก็เริ่มทยอยวางลงบนโต๊ะ พระพายที่หิวจัดก็เริ่มลงมือทานอาหารทันที ด้านเก้าทานอาหารเพียงนิดหน่อยเท่านั้นและในที่สุดคนสุดท้ายที่จะตามมาสมทบก็มาถึง

“มาแล้วเหรอ?” พิธานเอ่ยขึ้น เก้ารีบหันไปมองว่าใครมาและแน่นอนว่าเป็นไคที่เดินมาพร้อมส่งยิ้มบางๆให้ เก้าผุดลุกขึ้นทันที เมื่อเห็นไคก็รู้ดีว่าพระพายต้องมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้แน่

“พาย กูกลับละนะ” เก้าบอกเช่นนั้นแต่พระพายรีบดึงไว้ด้วยความรวดเร็ว

“อยู่ก่อนมึง อย่าเพิ่งกลับ”

“กูจะกลับ” เก้าพยายามดึงมือของพระพายออกไปให้พ้น

“นี่....อย่าทำกับพระพายแบบนั้น” พิธานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนักที่เห็นเก้าพยายามปัดมือพระพาย

“ก็ปล่อยกูสิ” เก้าร้องขึ้น

“อยู่ก่อนเถอะมึง กูขอ” พระพายยังคงขอร้อง

“แต่...”

“อย่าทำให้พระพายลำบากใจสิ” ไคเอ่ยขึ้นเช่นนั้น เก้าจึงนิ่งลงทันที


        ความเงียบท่ามกลางเสียงเพลงโดยรอบที่กำลังเกิดขึ้น เก้ายืนนิ่งและหลบสายตามองทางอื่นอย่างไม่อยากจะมองไคนัก ไคเองก็ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาเลย ความอึดอัดนี้ที่กำลังกระจายไปทั่วทำเอาพระพายเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“นั่งลงเถอะมึง” พระพายเอ่ยทำลายความเงียบ เก้าจึงยอมนั่งลงในที่สุด พระพายรีบย้ายฝั่งไปนั่งข้างเก้า โดยที่ให้ไคไปนั่งข้างพิธานแทน

        เมื่อนั่งลงแล้วเก้าก็เอาแต่ดื่มอย่างเดียวไม่แตะอาหารเลยสักนิด ดื่มชนิดที่ว่าไม่ยอมวางแก้วจนพระพายต้องคอยเติมคอยชงแทนพนักงานเพราะวิ่งมาทำให้ไม่ทัน ไคเหลือบมองเก้าเพียงนิดจากนั้นก็หันไปคุยกับพิธานเป็นระยะๆ

“พอได้แล้ว” พระพายพูดขึ้น

“บ่นอะไรน้องพาย ชงให้พี่ไวๆเลย” อีกครั้งที่เก้ากลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มและครั้งนี้เห็นได้ชัดเจนว่าทำได้ไม่ดีพอ สำหรับพระพายเห็นได้ชัดเจนว่าเก้ากำลังฝืนตัวเองอยู่


        นั่งไปได้สักพัก เก้าก็ลุกขอไปเข้าห้องน้ำ เดินไปด้วยความรวดเร็วโดยที่พระพายไม่อาจจะพูดอะไรได้ทัน เมื่อเข้าไปถึงห้องน้ำที่ว่างเปล่าไม่มีคนใช้เลยสักคน ซึ่งในห้องน้ำมีทั้งโถยืนและห้องน้ำที่แย่งเป็นห้องเล็กๆ เก้าเดินเข้าไปในห้องแรก นั่งลงบนชักโครกและปิดประตูทันที

        ไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าจะมาเห็นไคในตอนนี้ หลังจากที่ไม่ได้เห็นกันมาสักพักใหญ่ รู้ตัวดีว่าในตอนนี้ยากลำบากขนาดไหนแม้แต่จะมองหน้ายังไม่ได้ ความปวดหนึบเกิดขึ้นทันที หัวใจเต้นผิดจังหวะจนรู้สึกว่าตัวเองอาจจะออกอาการให้คนอื่นเห็นอย่างแน่นอน

        ไม่อยากจะกลับไปนั่งตรงนั้นแล้ว อยากจะหายตัวไปในตอนนี้ในทันที ครั้นจะให้นั่งหลบในนี้ไปตลอดก็ไม่ได้ เก้าจึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องน้ำ คิดจะแอบหนีกลับโดยไม่บอกเพื่อน แต่เมื่อเปิดประตูไปก็พบคนที่ไม่อยากพบมากที่สุดในตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำของตน

“มึง....” เก้าเอ่ยขึ้นมา ไคจ้องมองเก้าด้วยสายตานิ่งๆ

“สบายดีไหม?” ไคถามขึ้น น้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานานนั้นทำเอาเก้าใจแกว่ง

“อืม”

“จริงเหรอ ดูเหมือนไม่สบายมากกว่า”  ไคมองอย่างพินิจพิจารณาใบหน้าของเก้า

“กูจะออกไปข้างนอก” เก้าพูดแต่ไคกลับใช้มือกั้นไว้ไม่ให้เก้าเดินออกไปได้

“ที่จริงเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”

“แต่กูไม่มี”

“มีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันใช่ไหม?”

“ไม่มี”

“ถ้าไม่มีก็คุยกันก่อน”

“กูไม่อยากคุย ไม่อยากอยู่ใกล้มึง และมึงบอกแล้วนี่ว่าจะไม่มายุ่งกูอีก แล้วนี่มายุ่งกับกูทำไม?” เก้าซัดยาวทันที

“นั่นก็เพราะฉันคิดว่านายต้องการแบบนั้นจริงๆ”

“กูต้องการอย่างนั้นแหละ มึงคิดว่ากูโกหกรึไง?” เก้าขึ้นเสียงทีละนิด

“ใช่ นายโกหก”

“กูพูดความจริงไค”

“นายโกหก นายมีเรื่องปิดบังฉันและฉันทิ้งระยะห่างให้นายหลายอาทิตย์แล้ว วันนี้เราคงต้องพูดกันซะที” ความจริงจังของไคนั้นทำเอาเก้าเริ่มหัวเสียเพราะความพยายามที่ทำมาตลอดกำลังเริ่มจะพังทีละนิดแล้ว

“ไค..กูไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น กูแค่ไม่ได้ชอบมึง”

            เก้าพูดออกไปอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าเป็นคำโกหกแต่ก็ต้องพูดมันออกไป แม้จะตรงข้ามกับความรู้สึกในใจแต่เก้าก็จะพูดมันออกไป จะไม่ยอมเปิดใจรับมันอีกแล้วเพราะมันจะเจ็บปวดหากลองได้รักใครอีกครั้ง ไม่อยากจะมีความทรงจำแย่ๆอีกหากได้ลองรักแล้วต้องเจอกับความผิดหวังแน่นอน เก้าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีกแม้จะรู้สึกดีแค่ไหนก็ตาม

“พูดแล้วมองฉันตรงๆ” ไคว่าพลางเข้าไปใกล้เก้ากว่าเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแต่อย่างใด จะอย่างไรวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

“มึงห้ามเข้ามาใกล้กูมากกว่านี้นะ” เก้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังมากยิ่งขึ้น

“ถ้าไม่ใกล้ นายก็จะหนี”

“ขอร้องเถอะไค อย่ายุ่งกับกูเลย”


        น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงและขณะเดียวกันมีคนเดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี ไคจึงใช้จังหวะนี้ดึงเก้าเข้าไปยังห้องน้ำที่เก้าเพิ่งเดินออกมาและจัดการล็อคประตูเรียบร้อย

“เดี๋ยว!!” เก้าร้องขึ้นมาและก็พลันนึกขึ้นได้ว่าหากเสียงดังคนอื่นที่เข้ามาในห้องน้ำอาจจะสงสัยได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


        ไคยกมือทั้งสองข้างดันประตูไว้ เพื่อกั้นไม่ให้เก้าหลบหนีไปได้ เก้าเสหน้าหลบทันที ใบหน้านั้นใกล้กันจนระยะห่างมีเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

“จะคุยที่นี่หรือไปคุยที่อื่น?” ไคถาม เก้าเงียบไม่ยอมตอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็คุยกันที่นี่แหละ” เก้าหันมองไคทันที

“ไม่เอา..ไม่คุย”

“เก้า...ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง จะคุยที่นี่หรือคุยที่อื่น”

            สายตาดุดันนั้นส่งมายังเก้า รู้สึกได้ว่าไคไม่ได้เป็นเล่นเหมือนทุกครั้ง เหมือนกำลังคุยกับไคที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ดูน่ากลัวจนเริ่มคิดว่าหากดื้อเพ่งต่อไปไคจะต้องน่ากลัวมากกว่านี้แน่นอน

“ไม่...ไม่เอาที่นี่” เก้าตอบพลางหลบสายตา

“ตามนั้น” ไคว่าและเปิดประตูออกจูงมือเก้าออกมาด้วย

        ลูกค้าคนอื่นที่ใช้โถยืนอยู่ถึงกับตกใจที่เห็นที่เห็นทั้งสองคนออกมาจากห้องน้ำนั้นพร้อมกันและเดินจูงมือกันออกไปอีกด้วย ไคดึงเก้าไปยังโต๊ะที่พิธานและพระพายนั่งอยู่ก่อนจะพูดขึ้น

“กลับก่อนนะ มีเรื่องต้องจัดการ” ไคพูดเท่านั้น พิธานพยักหน้ารับ พระพายได้แต่หน้าตาเหรอหราที่เห็นเก้าถูกไคลากออกไปแล้ว โดยที่เก้าได้แต่มองไปทางอื่นไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น

“คุณพิธาน...เกิดอะไรขึ้น?” พระพายถามอย่างงงๆ

“คงไปคุยกัน ปล่อยไปเถอะ กินข้าวดีกว่า” พิธานพูดเท่านั้น พระพายได้แต่พยักหน้าและภาวนาขอให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันด้วยดี..    


Lyrics: Too good at goodbyes by Sam Smith   
   
 


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 14-07-2018 12:55:28
ไคสู้ๆ จ้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 14-07-2018 13:05:58
คุยกันให้รู้เรื่องเถอะนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-07-2018 13:15:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-07-2018 13:18:33
คุยกันให้เคลียร์ๆไป อึดอัดเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 14-07-2018 13:40:15
คุยกันให้เข้าใจนะจ๊ะ หรือถ้าจะดีก็นั่งคุยกันบนเตียงเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-07-2018 13:43:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-07-2018 14:05:46
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-07-2018 14:34:01
เคลียร์กันดี ๆ ข้องใจตรงไหนก็ซักให้ละเอียด
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-07-2018 15:33:33
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-07-2018 16:05:18
เปิดอกคุยกันให้เคลียร์ไปเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-07-2018 16:54:15
ง่าาาาา อยากให้2คนนี้เข้าใจกันเร็วๆ มาต่อเร็วๆนะค๊าาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-07-2018 23:39:45
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 40 (14/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-07-2018 00:04:29
เคลียร์ให้จบทุกปัญหาค้างคาใจนะสองคน
มันอึมครึม อึดอัด หมองหม่นมานานแล้ว
โลกจะได้สว่างไสว สดใส เต็มไปด้วยสีชมพูแบบห้องตรงข้ามเขาบ้าง
เอาใจช่วยไคให้จบเคสนี้ได้แบบดีๆค่ะ

อัพตั้งแต่เมื่อไหร่อิฉันไม่รู้เรื่องเลย TT
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 21-07-2018 10:42:08
สวัสดีค่า  :mc4: ตอนที่ 41 มาแล้วนะคะ มาอ่านกันต่อค่ะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและคอมเม้นท์ เจอกันตอนต่อไปค่ะ  :bye2:

+++++++++++++++++++++++++++

Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 41 Can’t fight.


You can try to resist
เธอจะพยายามต้านทาน
Try to hide from my kiss
หลบซ่อนจากจูบของฉันก็ได้
But you know
แต่เธอรู้หรือไม่ว่า
Don’t you know that you can’t fight the moonlight
เธอไม่สามารถต่อต้านแสงจันทร์ได้หรอก
Deep in the dark
ลึกลงไปในความมืดมิด
You’ll surrender your heart
ใจเธอจะต้องพ่ายแพ้
But you know
แต่เธอรู้หรือไม่ว่า
But you know that you can’t fight the moonlight
เธอไม่สามารถต่อต้านแสงจันทร์ได้หรอก
No, you can’t fight it
เธอต่อสู้กับมันไม่ได้
It’s gonna get to your heart
มันจะคืบคลานเข้าไปในจิตใจเธอ
   

        เก้าขึ้นรถของไคโดยไม่อาจจะต่อรองได้ ไคขับรถออกไปด้วยความรวดเร็วโดยที่ทั้งสองยังคงมีแต่ความเงียบเชียบ เก้ามองไปยังข้างทางด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ไคเองก็ไม่พูดอะไรออกมาสิ่งที่ทำตอนนี้คือตั้งใจขับรถและมองไปยังทางข้างหน้าเท่านั้น

        ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะถึงคอนโด เก้ารู้อยู่แล้วว่าไคต้องพามาที่นี่อย่างแน่นอน รถยนต์จอดสนิท ไคเปิดประตูออกและเดินมาฝั่งของเก้าที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงจากรถ

“ลงมา”

             ไคพูดเท่านั้นและเปิดประตูให้เก้าลงมา ซึ่งเก้าก็ยอมลงเพราะจะอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว จะอิดออดก็คงสายไปแล้ว เก้าจึงยอมลงจากรถและเดินตามไคไป

        ระหว่างที่เดินไปจนกระทั่งอยู่ในลิฟต์ เก้าเอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไร จะเงียบไปไม่พูดหรือพูดให้มันรู้แล้วรู้รอด เพราะหากไม่พูดเก้าก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการคือการตัดขาดจากไค แต่หากพูดออกไปเท่ากับว่าต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเองที่เอาแต่หนีมาโดยตลอด

        เมื่อมาถึงห้อง ไคก็เปิดประตูและให้เก้าเข้าไปก่อน เก้าถอนหายใจแรงๆออกมาเมื่อต้องกลับมายังห้องนี้อีกครั้ง หลังจากที่คิดเอาไว้ว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว เมื่อเก้าเข้าไปในห้องแล้วไคถึงจะเดินตามเข้าไปและปิดประตูลง

        เก้ายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้จะไปนั่งหรืออยู่ตรงจุดไหนของห้อง ไคจึงต้องลากเก้าไปยังโซฟาในห้องและกดบ่าของเก้าให้นั่งลง เก้าสะบัดทันทีที่ไคเริ่มแตะตัวเขา

“รังเกียจกันขนาดนั้นเลย?” ไคถาม เก้าไม่พูดไม่จามีเพียงแต่สีหน้านิ่งๆเป็นคำตอบ

“มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้?” ไคถามขึ้นทันทีอย่างไม่ต้องรอเปิดประเด็น

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

“ไม่จริง จู่ๆหลังจากคืนนั้นนายก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบทันทีเลยด้วย”

“กูไม่รู้ว่ามึงพูดเรื่องอะไร แต่กูไม่มีอะไรจะพูดกับมึง” เก้ายังคงยืนกรานอยู่อย่างนั้น

“ฉันรู้นะ..ว่านายคิดว่าฉันไม่ได้ชอบนายจริงๆ” ไคพูดขึ้นมา เก้าชะงักก่อนที่จะทำตัวปกติอีกครั้ง

“มันก็ใช่นี่ มึงไม่ได้ชอบกูหรอก”

“แล้วนายเอาอะไรมาตัดสินล่ะ ว่าฉันไม่ได้ชอบนายจริงๆ” สำหรับไคจะอย่างไรวันนี้ก็ต้องพูดให้รู้เรื่อง


        หลังจากคืนนั้นที่เก้าไปนอนค้าง ไคก็ไม่ได้เจอหน้าเก้าอีกเลย ไม่คิดจะติดต่อหรือไปให้เห็นหน้าเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะยอมแพ้หรือตัดใจแต่อย่างใดแต่ไคกลับเลือกที่จะทิ้งระยะห่างและเวลาให้เก้าได้อยู่กับตัวเอง การถอยออกมาจะทำให้เห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งตัวของเก้าและของเขาเอง ที่ผ่านมาเขาเชื่อเสมอว่าเก้าหวั่นไหวและเริ่มที่จะเปิดใจให้เขาทีละนิดๆ เชื่อว่าสายตาและท่าทีของเก้าไม่ใช่เรื่องโกหกและยิ่งเป็นคนตรงๆพูดจาโผงผางก็ยิ่งแสดงได้ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกได้ดีถึงขนาดนั้น

        แต่สิ่งที่ขัดใจไคคือเพราะเหตุใดเก้าถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมเก้าถึงเลือกที่จะโกหกความรู้สึกตัวเองและตัดมันอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ จะให้ไปถามพระพายก็ใช่ที เพราะไม่อยากให้คนอื่นวุ่นวายไปกับเรื่องนี้ด้วย

        เก้าเงียบไปเพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปโต้เถียงไค จริงอยู่ที่เหมือนคิดเองเออเองและสมควรถามมากกว่าจะผูกเรื่องด้วยตัวเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเก้าไม่อยากจะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับใครอีกแล้ว จึงทำให้ต้องตัดไคออกไปเช่นนี้

“ถ้าพูดแค่เรื่องนี้กูก็จะกลับแล้ว” เก้าทำท่าจะลุกขึ้น

“ทำไมนายถึงสงสัยว่าฉันไม่ชอบนาย ทั้งๆที่ฉันไม่มีใครเลย” ไคพูดออกพลางรั้งแขนของเก้าไว้

“มึงมี!!” ในที่สุดเก้าก็ตะโกนออกมาใส่หน้าของไคจนได้ ความอดทนอดกลั้นพังลงทันที

“เอาอะไรมาพูด?” ไคขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจที่ได้ยินเช่นนั้น

“มึงมีคนของมึงอยู่แล้ว มึงจะมายุ่งกับกูทำไม?” เสียงของเก้าดังขึ้นกว่าเดิม

“มีเมื่อไหร่ นายเห็นตอนไหน?”

“หลักฐานโทนโท่ขนาดนั้น มึงยังจะบอกว่าไม่อีก” เสียงของเก้าไม่มีทีท่าว่าจะลดลงด้วย

“หลักฐานอะไร นายเห็นอะไร?” ไคถามยังไม่เข้าใจ

“เขาชื่อไมค์” เก้าพูดพลางมองหน้าไค มองปฏิกิริยาว่าไคจะเป็นอย่างไร

“ไมค์...ไมค์เหรอ?” ไคหน้านิ่วพลางนึก

“อ๋อ..ไมค์น่ะเหรอ นายรู้จักไมค์ได้ยังไง?” ไคถามอย่างสงสัยทันที

“กูไม่รู้จัก รู้แค่ว่าเขาเป็นคนสำคัญของมึง” เก้าว่าพลางเสมองไปทางพื้น ไคชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้

“อืม...รูปไมค์น่าจะอยู่แถวชั้นวางหนังสือนะ” ไคว่าและเดินไปหาค้นรูปที่น่าจะอยู่ตรงนั้น และเมื่อเจอไคก็หยิบมันมา


        ไคดูรูปนั้นพลางยิ้มออกมาแล้วยื่นให้เก้าดู แน่นอนว่าเก้าไม่ยอมดูพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น ไคหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น

“อย่าบอกนะว่านายคิดว่าไมค์คือแฟนของฉัน?” เก้าเงียบแต่ในใจนั้นรู้สึกโมโหที่ไคหัวเราะออกมา ทั้งๆที่เขานั้นรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องมานั่งคุยกันในตอนนี้

“นี่นายคิดเองเออเองหมดเลยเหรอ?” ไคหัวเราะอีกครั้งนั่นทำให้เก้าโมโหยิ่งกว่าเก่า

“กูผิดรึไงที่คิดแบบนั้น มึงเขียนข้อความอย่างนี้ ดูก็รู้ว่าใช่” เก้าพูดเสียงดังใส่ไค

“แต่นายต้องถามฉันก่อน ไม่ใช่ไปขี้ตู่เอาเองว่าเรื่องมันเป็นแบบไหน” ไคว่ากลับทันที คราวนี้หยุดหัวเราะและกลับมาจริงจังอีกครั้ง

“ทำไมต้องถาม ดูแค่นี้ก็รู้แล้ว”

“ต้องถาม เพราะที่นายคิดน่ะมันผิด” เก้าชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ไมค์ เป็นเด็กกำพร้า ที่แม่ฉันอุปการะต่างหาก” ไคบอก

“มึงจะบอกว่า...” เก้าหันไปมองไคที่กำลังจะอธิบายต่อ

“ใช่ ถ้าว่ากันตามความจริง ไมค์เป็นน้องชายของฉันตามกฎหมาย”

“แต่ความจริงมึงหลงรักน้องมึงเองใช่ไหม?” ยิ่งพูดก็รู้สึกยิ่งเจ็บดิ่งลงไปมากขึ้น

“ไปกันใหญ่ ฉันแค่เป็นพวกบราค่อนน่ะ” ไคว่า

“อะไรคือบราค่อนวะ?” เก้างงทันทีที่ได้ยิน

“ไม่เคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นรึไง พวกเห่อน้องน่ะ” ไคจึงต้องอธิบายแม้ว่ามันจะน่าอายก็ตามที เขาไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นพวกเห่อและหวงน้องชาย

“มึงอาการหนักขนาดนั้นเลยรึไง?” เก้ามองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าไคเป็นคนแบบนั้น

“ก็เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยหวงเป็นธรรมดา” ไคว่า

“มึงแน่ใจเหรอว่าแค่หวง มึงอาจจะตกหลุมรักน้องโดยไม่รู้ตัวก็ได้” ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันไม่แปลกที่จะคิดเช่นนั้นได้

“ไม่เอาหรอก ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง” ไคบอกพลางส่ายหน้ารัวๆ

“เอาเถอะ มึงจะยังไงก็เรื่องของมึง ถ้าคุยจบแล้วกูไปล่ะ” เก้าลุกขึ้น แต่ไคกลับรั้งไว้ทัน

“อย่าหนีสิ ฉันอธิบายเรื่องที่นายเข้าใจผิดไปหมดแล้วนะ”

“แล้วยังไง มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก” เก้าว่า

“มีสิ ที่นายคิดมากเรื่องนี้เพราะนายหึง”

“อะไรนะ! ใครหึงมึง มึงเพ้อไปกันใหญ่แล้ว” เก้าหันไปว่าทันที

“ถ้านายไม่หึง นายจะทำแบบที่ผ่านมาทำไมล่ะ?”

“เพราะ...เพราะกูไม่อยากยุ่งกับมึงก็เท่านั้น” เก้าพูดพลางดึงแขนของตัวเองจากการกอบกุมของไค

“บางครั้งเวลานายปากแข็งก็น่ารักนะ แต่บางทีมันก็กวนโอ๊ยฉันเหมือนกัน” ไคว่าด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดมากขึ้นและดึงเก้าเข้ามากอดไว้อย่างรวดเร็วและรุนแรง

“ไอ้ไค มึงจะทำอะไร ปล่อย!” เก้าร้องขึ้นพลางดันไคให้ปล่อย แต่ก็เท่านั้นไคยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม

“นิ่งๆสิ” ไคว่า

“ปล่อย” เก้ายังคงดึงดันไม่ยอมให้ไคกอดแต่โดยดี

“บอกให้นิ่ง”

            ไคบอกด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่มันเต็มไปด้วยความดุดันและน้ำเสียงที่คิดว่าหากไม่ทำตามจะต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ เก้านิ่งทันทีที่ได้ยินคำนั้น ไคตอนนี้เหมือนไคในตอนนั้นที่มาตามราวีเขาในช่วงแรกๆ

“มึง..เป็นคนยังไงกันแน่?” เก้าถามพลางสบตามองไคตรงๆ ยิ่งเห็นดวงตาเป็นประกายที่เยือกเย็นทั้งๆที่เหมือนจะยิ้มอยู่กลายๆ

“ก็เป็นคนธรรมดา”

“แบบไหนคือตัวจริงของมึงกันแน่?” 

“ฉัน...พยายามที่จะใจดีและสนุกสนานกับนาย จนบางครั้งก็ลืมไปว่าความเป็นจริงคืออะไร” เก้านิ่งพลางฟังสิ่งที่ไคกำลังพูด

“ที่ผ่านมา....ไม่ใช่ตัวตนมึงเหรอ?”

“มันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง มีอีกหลายอย่างที่นายจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับฉัน” เก้าว่าพลางใช้นิ้วแตะแก้มของเก้าเบาๆ

“แต่เรื่องที่จริงที่สุดในตอนนี้คือฉันชอบนาย...ชอบนายจริงๆนะ”

“แต่กู...กูไม่ได้ชอบมึง” เก้าบอก

“ให้โอกาสพูดใหม่อีกรอบ” ไคว่า แม้น้ำเสียงจะไม่ได้กดดันแต่สีหน้านั้นผิดกับน้ำเสียงลิบลับ

 “เก้า....กลัวอะไร?” ไคถามขึ้นอีกครั้ง เก้าเม้มริมฝีปากทันที ไคที่มาในโหมดนี้ทำเอารับมือยากยิ่งกว่าเดิม

 “ไม่...ไม่ได้กลัว” เก้าบอกอย่างนั้น

“ทำไมถึงไม่อยากให้ฉันชอบนาย ทำไมถึงต้องโกหกตัวเอง” ไคถาม

“กูไม่ได้โกหก”

“บอกความจริงฉันมา...นายกลัวอะไร?” ไคถามอีกครั้ง

“มะ..ไม่รู้” เก้าเริ่มตะกุกตะกัก

“พูดสิ”

“กูไม่อยากชอบใครอีกแล้ว” ในที่สุดเก้าก็บอกความจริง เพราะถึงจะหนีอย่างไรไคก็คงตามตัวได้อยู่ดี เพราะครั้งแรกที่เจอกันไคยังตามติดเขาได้ขนาดนั้นแม้ว่าจะหนียังไงก็ตาม

“กลัวความเจ็บปวดเหรอ?” เก้าพยักหน้าเป็นคำตอบ

“คนเก่าทำไว้เจ็บขนาดนั้นเลยรึไง?”

“เจ็บสุดๆเลยล่ะ” เป็นความเจ็บปวดที่ขยาดหากจะต้องโดนอีกครั้ง

“นานไหมกว่าจะทำใจได้?” ไคถามอย่างเข้าใจในสิ่งที่เก้าผ่านมา

“นานพอดูเลย” เก้าตอบ

“กูเลยไม่อยากจริงจังกับใครอีกแล้ว”

“นายคิดแบบนั้นมันผิดนะ”

“ผิดยังไงวะ?” แม้จะถามแต่เก้าก็ยังไม่มองหน้าไคอยู่ดี

“นายจะเอารักครั้งเก่ามาตัดสินคนอื่นไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน”

“จะคนเก่าคนใหม่สุดท้ายก็ลงเอยเหมือนเดิม รักนิรันดร์มันไม่มีอยู่จริงหรอก” เก้าเชื่อเสมอว่า คำว่าตลอดไปมันใช้ไม่ได้กับความรักของชู้สาว รักที่เก้าเชื่อคือรักของพ่อแม่ลูกต่างหาก

“โลกแคบไปแล้วนายน่ะ” ไคว่า

“กูไม่ได้โลกแคบ แต่เพราะกูอยู่ในโลกความเป็นจริงต่างหาก ถ้าไม่รักก็ไม่ทุกข์ แล้วทำไมกูต้องเอาตัวเองไปทุกข์ด้วยล่ะ”

“ถึงคิดอย่างนั้นแต่นายก็ยังชอบฉัน....ฉันคิดถูกใช่ไหม?” ไคถาม เก้ากลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า รู้สึกใจเต้นรัวเป็นกลอง

“ตอบฉันมา ว่าใช่ใช่ไหม?” เก้าเม้มปาก จะให้พูดออกไปก็ยิ่งเสียหน้าเข้าไปอีก

“เก้า...” ไคถามอีกครั้ง รังสีกดดันแผ่ออกมาเยอะจนทำตัวไม่ถูก

“ก็เออ แล้วไง กูชอบมึง!!” เก้าตะโกนออกมา ในที่สุดการต่อต้านภายในจิตใจก็จบลง เก้าบอกความจริงออกไปแล้ว เมื่อพูดจบก็รู้สึกอายขึ้นมาดื้อๆที่บอกออกมาโต้งๆแบบนี้

“เห็นไหม เราความรู้สึกตรงกัน”

“แต่มึงเป็นผู้ชายนะไค กับตัวกูที่ชอบแต่ผู้หญิงมาตลอด แค่นี้กูก็เป็นบ้ามากพอแล้ว” ความสับสนที่เกิดขึ้นทำเอาลังเลใจไม่น้อย

“มันไม่เกี่ยวกับหญิงหรือชายหรอก มันเกี่ยวกับความรู้สึกต่างหาก”

“แม้กูจะทำใจเรื่องนั้นได้แล้ว แต่กูยังไม่อยากคบใคร กูยังไม่พร้อม” เก้าบอก

“เราก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆก็ได้ จนกว่านายจะพร้อม”

“ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น่ะเหรอ?”

“คิดว่าฉันรอไม่ได้รึไง?” ไคเลิกคิ้วถาม

“คนอย่างมึงรอกูไม่ไหวหรอก”

“เงยหน้ามาแล้วพูด...ชอบฉันจริงๆใช่ไหม?” ไคถามพลางปล่อยมือจากแขนมาจับหน้าของเก้าแล้วให้เงยหน้ามามองตน


        เก้าจึงต้องเงยหน้าขึ้นมามองไค สบตาของคนตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมาและไม่หลบหนีอีก ใบหน้าคมคายแบบชาวตะวันตก ดวงตาที่สุกวาวเป็นประกายต่างจากตอนแรกที่เยือกเย็นนั้นจ้องมองมาที่เก้าตรงๆ แม้จะเคยจูบกันแต่เก้าไม่เคยได้มีโอกาสเห็นใบหน้าของไคชัดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ชัดจนเต็มสองตาขนาดนี้

“บอกสิเก้า...” เก้ากระพริบตาเพื่อโฟกัสมองใบหน้าของไคก่อนที่จะพยักหน้ารับ

“เออ..ชอบ” เก้ายอมรับออกมาในที่สุด

“เท่านั้นก็พอแล้ว ฉันจะรอจนกว่านายจะพร้อมคบกัน” ไคว่าก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงและจูบริมฝีปากตรงหน้า


        นี่เป็นอีกครั้งที่เก้ายอมให้จูบโดยไม่ขัดขืนหรือดีดดิ้น เก้าหลับตาลงรับความรู้สึกอ่อนนุ่มที่แตะลงตรงริมฝีปาก ไม่มีการรุกล้ำเข้ามาแต่อย่างใดมีแต่เพียงแค่สัมผัสเบาๆซึ่งไม่อยากจะยอมรับเลยว่าทำเอาใจเบาหวิวเลยทีเดียว

“มึงขี้โกง” เก้าว่าหลังจากที่ไคละริมฝีปากออกมาแล้ว

“ตรงไหน?”

“ถามกูสักคำรึยังว่าให้จูบรึเปล่า?”

“ก็ทำหน้าเหมือนอยากให้จูบ ก็เลยทำ” ไคว่าและยิ้มออกมา
 
“เพราะมึงเป็นคนอย่างนี้ไง จะให้กูเชื่อเหรอว่าจะรอกูได้” เก้าถอนหายใจออกมา

“ได้ไม่ได้ก็มาลองดูล่ะกัน อีกอย่าง...นายยังไม่เห็นฉันครบทุกมุมเลย” ไคว่า

“ใช่ คนอย่างมึงมันร้าย ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้เลย”

“ร้ายแล้วชอบไหม?” เก้าหันหน้าไปทางอื่นทันที

“บอกสิ” ไคคะยั้นคะยอ

“ใครเขาพูดกันบ่อยๆวะ” เก้าว่าก่อนที่จะผลักไคออก

“ต่อไปมีอะไรก็ถาม อย่าเก็บเอาไปคิดคนเดียว”

“กูก็เป็นคนแบบนี้แหละ”

“บางครั้งก็ต้องปรับเปลี่ยนนะ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อนายเอง คิดไปเองมันเจ็บปวดเปล่าๆ” ไคว่า

“เออๆ มีอะไรจะถามก็แล้วกัน”

“เฮ้อ...กว่าจะเคลียร์ได้ รู้ไหมฉันอดทนขนาดไหนที่ไม่ได้เจอหน้านายน่ะ”

“แล้วมึงไปไหนมา?”

“ไปทำงานที่ต่างประเทศมา เพิ่งได้กลับมานี่แหละ” ไคว่า

“กูก็คิดว่ามึง..” เก้าทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดตัวเองไว้ก่อน

“คิดว่าอะไร?” ไคถามอย่างสงสัย

“คิดว่าคนอย่างมึงทำไมยอมแพ้ง่ายจัง”

“ปากแข็งแต่ก็คิดถึงฉันตลอดเลยไม่ใช่เหรอ?” ไคเหล่มองอย่างคนรู้ทัน

“อะ..อะไร ใครบอกมึงล่ะ” เก้าตะกุกตะกักทันที

“ไม่ใช่ไม่รู้นะ ว่าหลังจากวันนั้นที่แยกกันนายไปทำอะไรมาบ้าง” ไคว่า

“มึงรู้ได้ไง?” เก้าตาโตขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าไครู้ความเคลื่อนไหวของเขาตลอด

“ไม่บอกดีกว่าว่ารู้ได้ยังไง” ไคยิ้มจากนั้นก็เดินหันหลังไปนั่งที่โซฟา

“มึงบอกมาสิไค มึงบอกมาเร็ว” เก้าเดินตามไปเขย่าตัวไคทันที

“อย่ารู้เลย” ไคยังคงไม่ตอบอยู่ดี

“บอกกูมานะ!” เก้าร้องออกมาพลางนึกใครกันที่คอยรายงาน

“ไม่บอกหรอก เดี๋ยวนายไหวตัวทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น

“ไค...กูเกลียดมึง!!!” เก้าร้องออกมาอย่างเหลืออด

“ได้ไง เพิ่งบอกว่าชอบอยู่หยกๆ ไหงมาเกลียดแล้วล่ะ” ไคพูดพลางหัวเราะออกมา

“มึงมันชั่ว” เก้าชกไหล่ไคไปหนึ่งที

“ในที่สุดก็กลับมาต่อปากต่อคำได้ซะที” ไคว่า เก้ารีบหยุดพูดทันที หลุดเถียงและพูดจาเหมือนทุกๆครั้งที่เจอกัน ไคจึงกอดเก้าแนบอกให้แน่นกว่าเดิมเข้าไปอีก

“กูอึดอัด”

“อึดอัดเรื่องอะไร?”

“อึดอัดที่มึงกอดกูนี่แหละ ปล่อย!” เก้าร้องออกมา  ไคหัวเราะออกมาจากนั้นจึงยอมคลายกอด เก้ารีบเหยียบเท้าไคทันทีอย่างไม่ลังเล แต่ไคผู้รู้ทันเสมอก็หลบได้อย่างว่องไว

“เดี๋ยวโดนทำร้ายร่างกายกลับแล้วจะหนาว” ไคว่า

“มึงจะทำอะไรกูได้” เก้าท้าทายในทันที

“ก็ทำอย่างนี้ไง”


        ไคจับตัวเก้าไว้ด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะจูบหนักๆบนริมฝีปากนั้นทันที เก้าถึงกับค้างชะงักเพราะไม่ทันตั้งตัว เก้าตวัดสายตามองไคที่ยิ้มมุมปากอยู่ในขณะนี้

“มึงกำลังคิดไม่ซื่อใช่ไหม?” เก้ารู้สึกถึงความกรุ้มกริ่มของไค

“จะไม่ทำมากกว่านี้หรอก จะรอจนกว่านายจะพร้อม”

“เออ...พร้อมแล้วจะบอก” เก้าหลบตาไค รู้สึกร้อนๆแถวหน้า กลายเป็นคนความรู้สึกช้าไปเลยทันที

“หน้าแดงแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”


        ไคหัวเราะออกมา เก้าไม่พูดอะไรแต่ก็เม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มเอาไว้ แม้ใจจริงจะพร้อมไปกว่าครึ่งแต่ก็ไม่อยากจะบอกในตอนนี้ เพราะอยากเห็นไคในมุมอื่นๆก่อนที่จะตัดสินใจลงไป แต่ที่แน่ๆสิ่งหนึ่งที่เก้าได้แต่ยอมรับคือ เขาตกหลุมรักผู้ชายที่สุดแสนจะร้ายกาจเข้าให้แล้ว ผู้ชายที่บทจะดีก็ดี บทจะร้ายก็น่ากลัว ชะตากรรมที่ต้องเจอต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจจะคิดและคาดเดาได้ คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้...


Lyrics: Can’t fight the moon light by Leann Rimes



   

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-07-2018 11:24:51
เก้าตกหลุมเรียบร้อย ปีนขึ้นไม่ได้แน่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 21-07-2018 11:32:42
ดีกันแล้ววววว  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 21-07-2018 11:38:45
เย่ๆ เคลียร์กันได้แล้ว  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2018 14:59:59
คดีผลิก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-07-2018 15:34:58
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-07-2018 15:57:13
เขาดีกันแล้วววววววว
ถึงเก้าจะยังไม่ยอมตกลงคบด้วยแต่ก็แค่คำพูดล่ะนะ
เท่านี้ก็เดินหน้าจัดเต็มไปเลยค่ะคุณไค
ให้มันรู้กันไปว่าจะใจแข็งได้นานสักเท่าไหร่ ><
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 21-07-2018 16:35:40
เคลียร์กันแล้วก็โอเค
แต่แบบนี้ก็เท่ากับว่าคบกันแล้วนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 21-07-2018 16:36:33
ดีกันแล้วจ้าาาาาาาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-07-2018 17:17:01
อยากรู้จักอีกมุมนึงของไคจัง จะเป็นคนแบบเดียวกับพิธานหรือเปล่าน้า :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-07-2018 17:46:23
เสร็จไค  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-07-2018 20:12:47
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: เฮ่อก็บอกแล้วว่าให้ถามตั้งแต่ทีแรกเห็นไหมละรู้ความจริงก็มีความสุขเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-07-2018 11:08:05
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 24-07-2018 08:46:41
เย้ๆเขาเข้าใจกันแล้ววว :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 41 (21/07/18) P.21 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-07-2018 22:30:09
รักกันมันดีกว่าทะเลาะกันเยอะเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 29-07-2018 08:50:06
สวัสดีค่ะ ขออภัยที่มาช้านะคะ เมื่อวานติดงานค่ะ วันหยุดของคนอื่นแต่คือวันทำงานของเราค่ะ  :hao5: วันนี้เลยรีบมาแต่เช้าเลย ช่วงนี้มีหยุดยาวคงไปเที่ยวและก็พักผ่อนกันสินะคะ ยังไงก็ขอให้ Enjoy กับวันหยุดและเดินทางปลอดภัยกันด้วยนะคะ เช่นเคยค่ะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยก่อนเลยค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :bye2:

+++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 42 We did.


Looks like we made it
ดูเหมือนว่าเราทำมันได้นะ
Look how far we've come, my baby
ดูสิว่าเรามากันไกลแค่ไหนแล้ว ที่รักของฉัน
We might took the long way
เราอาจจะใช้เวลาที่ยาวนาน
We knew we'd get there someday
แต่เราก็รู้ดีว่าจะถึงที่นั่นในสักวัน


        ชีวิตผ่านไปเรื่อยๆเป็นเวลาหลายเดือนแล้วหลังจากวันนั้น ไคและเก้าก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ คือการเป็นคู่กัดที่มีออร่าสีชมพูนิดๆจากการสังเกตของพระพาย แม้จะเคยถามเก้าถึงสถานะแต่เก้าก็บอกยังไม่ใช่แฟนอย่างที่คิด ถึงจะไม่คืบหน้าไปมากกว่านี้แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าสองคนนั้นจะต้องลงเอยกันในไม่ช้าอย่างแน่นอน

        พระพายใช้ชีวิตทุกวันอย่างปกติ มีความสุขเรื่อยๆในทุกๆวัน การอยู่ร่วมกับพิธานเริ่มเข้าที่เข้าทางจนตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแล้ว พิธานที่ทำงานยุ่งแต่ก็ไม่เคยปล่อยให้พระพายห่างกายไกลกว่าที่จะควรเป็น ยังคงตัวติดกันเสมอแม้จะอยู่ด้วยกันทุกวันก็ตามที

        สิ่งหนึ่งที่พระพายสังเกตตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันคือพิธานดูแลเขามาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกินหรือเรื่องต่างๆ พิธานเป็นคนละเอียดอ่อนกว่าภาพลักษณ์ที่แสดงออกมามาก ทำหน้าที่คนรักได้อย่างสมบูรณ์แบบจนบางครั้งพระพายก็รู้สึกว่าตัวเองดูด้อยไปเลยทีเดียว

        วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันหยุดที่เรียบง่ายของพระพายตั้งแต่ตื่นมาก็นั่งเล่นนอนเล่นจนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเอางานกลับมาทำด้วย ตอนนี้จึงนั่งทำงานอยู่ในขณะที่พิธานเองก็นั่งอ่านเอกสารอยู่เช่นกัน

“คุณพิธาน วันนี้จะออกไปข้างนอกรึเปล่า?”

“วันนี้ว่าจะไปหาพี่เพลง” พิธานบอกเช่นนั้น

“ให้ผมไปด้วยรึเปล่า?”

“จะไม่ไปเหรอ?” พิธานถามกลับ

“ไปสิ”

“งานใกล้เสร็จรึยังล่ะ?”

“อีกนิดเดียว”

“เดี๋ยวก็เที่ยงพอดี จะได้ไปทานข้าวกันที่นั่นเลย”


        เมื่อได้ยินอย่างนั้นพระพายจึงรีบทำงานต่อ โดยที่พิธานก็ทำงานของตัวเองไป จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่พิธานจะไปร้านอาหารของเพลงขวัญ ทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินทางไปยังร้านอาหารของเพลงขวัญ

        ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง เพราะวันนี้เป็นวันหยุด ร้านของเพลงขวัญจึงเต็มไปด้วยผู้คนซึ่งเป็นลูกค้าที่มาทานอาหารกันเยอะแยะ อีกทั้งมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งถือกล้องเหมือนกำลังถ่ายอะไรสักอย่าง

“พิธาน...พระพาย” เพลงขวัญเรียกทันทีที่เห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาในร้าน พระพายยกมือไหว้เพลงขวัญทันที

“ทำไมดูวุ่นๆ?” พิธานถาม

“พอดีมีคนมาสัมภาษณ์เรื่องร้านอาหาร ตอนนี้เสร็จแล้ว”

“มีโต๊ะว่างรึเปล่า?”

“รอหน่อยนะ จะมาทำไมไม่บอกกันก่อน” เพลงขวัญบ่นนิดหน่อย

“ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้” พิธานว่า

“ไปนั่งรอที่ห้องข้างในก่อน เดี๋ยวจะจองโต๊ะไว้ให้”

“ยังยุ่งอยู่รึเปล่า?” พิธานถาม

“ใกล้เสร็จแล้ว ขอไปส่งทีมงานก่อน เดี๋ยวจะเข้าไปหา” เพลงขวัญว่า พิธานและพระพายจึงเข้าไปนั่งรอซึ่งเป็นห้องเล็กๆที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของเพลงขวัญ


        พระพายมองไปรอบๆห้อง พิธานนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข่าวสารเพียงครู่หนึ่งจากนั้นก็หันมาพูดคุยกับพระพายที่นั่งอยู่ข้างๆจนเวลาผ่านไปนานพอสมควร

“หิวยัง?” พิธานถามขึ้นหลังจากที่เวลาผ่านเกือบชั่วโมงแล้ว

“รอได้” พระพายว่า พิธานที่ได้ยินดังนั้นก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆก่อนที่จะโอบไหล่พระพายไว้

“ไม่นานหรอก”

“คุณหิวแล้วใช่ไหม?” พระพายถามพลางยิ้ม

“รู้ดี” พิธานว่าก่อนที่จะก้มเอาหน้าผากไปแตะหน้าผากพระพาย

“อะไรกัน นั่งสวีทไม่อายมดแมลงกันเลยนะ” เพลงขวัญที่เปิดประตูเข้ามาเห็นเข้าพอดีได้ทีแซวอย่างรวดเร็ว

“โต๊ะว่างรึยัง?”

“ว่างแล้วค่ะน้องชาย เชิญค่ะ”


        ทั้งสามคนเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งป้ายเล็กๆบนโต๊ะว่าจองแล้ว ตอนนี้ภายในร้านไม่ได้วุ่นวายเหมือนตอนแรกที่มา แต่ลูกค้าก็ยังคงเข้ามาต่อเนื่อง เพลงขวัญปล่อยให้พนักงานจัดการตามหน้าที่ ส่วนตัวเองนั้นเลือกที่จะมานั่งคุยกับพิธานและพระพายแทน

“พระพาย เป็นไงบ้าง สบายดีรึเปล่า?” เพลงขวัญทักทายด้วยรอยยิ้ม

“สบายดีครับ คุณเพลงขวัญเป็นไงบ้าง?”

“เรียกพี่เพลงก็พอ...ไหนๆก็แฟนน้องชายนี่หน่า จะเรียกให้ห่างเหินทำไม?” เพลงขวัญยิ้มร่า พระพายได้แต่ยิ้มอย่างอายๆ

“รู้ได้ไง ยังไม่ได้บอกเลย” พิธานว่า

“แกคิดว่าพี่เป็นใคร นี่พี่สาวแกนะอย่าลืมสิ”

“แล้วนี่ใครรู้บ้าง?” พิธานถาม

“ก็....ยังมีอีก” เพลงขวัญมองพิธานด้วยสายตาพิจารณา

“ใคร?”


        เพลงขวัญไม่ทันจะได้พูดอะไร กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูร้านเข้ามา เธอเป็นสาววัยกลางคนที่แต่งตัวได้เปรี้ยวเฉี่ยวบวกกับการแต่งหน้าจัดเต็ม ทรงผมตัดสั้นซอยยกสูงยิ่งเพิ่มความเปรี้ยวเข็ดฟันเข้าไปอีก พิธานที่หันไปเห็นผู้มาเยือนถึงกับถอนหายใจออกมาแรงมากจนพระพายถึงกับต้องจ้องมองเพราะไม่เคยเห็นพิธานแสดงท่าทีหน่ายใจได้ขนาดนี้

“เด็กๆ” เสียงเธอสดใสกระชากวัยสุดๆ เพลงขวัญยิ้มค้างก่อนที่จะหันมาพูดกับพิธาน

“คนนี้แหละที่รู้” เธอนั่งลงข้างๆเพลงขวัญ ยกขานั่งไขว่ห้างอย่างมีจริตก่อนที่จะส่งยิ้มให้ทุกคนในโต๊ะ

“เป็นอะไรกันเด็กๆ ตกใจในความสวยของแม่เหรอจ๊ะ?” พระพายถึงกับอ้าปากค้าง

“มะ...แม่” พระพายหลุดพูดออกมาอย่างตกใจ เธอเรียกตัวเองว่าแม่นั่นแปลว่า...

“คุณแม่ ทำไมมาไวจังคะ?” เพลงขวัญถาม พิธานจ้องพี่สาวตัวเองตาเขม็ง

“ก็คุณแม่โทรมาพอดี เลยบอกว่าพิธานก็อยู่นี่” เพลงขวัญยิ้มแห้งๆพลางแก้ตัว พิธานส่ายหน้าที่พี่สาวดันบอกแม่ให้รู้ว่าเขาก็อยู่นี่
 
“แม่อยู่ใกล้ๆแถวนี้พอดี อีกอย่างไม่ได้เจอพ่อลูกชายตัวดีนานแล้ว สบายดีใช่ไหมพ่อลูกชาย” เธอยิ้มพลางเหล่มอง พิธานกลับมามาดนิ่งเหมือนเดิม

“สบายดีครับ”

“คุณแม่ทานอะไรมารึยังคะ ทานกับพวกเราไหม?” เพลงขวัญถามขึ้น

“แน่นอนสิจ๊ะเพลง มาร้านลูกทั้งทีแม่ก็ต้องมาทานข้าวอยู่แล้ว”

             เพลงขวัญจึงเรียกพนักงานมาสั่งอาหารหลายอย่างมาก การทานอาหารร่วมกันระหว่างแม่และพิธานนั้นไม่ได้มีบ่อยนัก จึงใช้โอกาสนี้สั่งอาหารด้วยความรวดเร็ว

“ว่าแต่...นี่ใครเอ่ย?” เธอถามขึ้นพลางยิ้มให้พระพายที่ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี

“เอ่อ....ผม..” พระพายรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นหน้าแม่ของพิธาน

“เขาเป็นใครจ๊ะพิธาน?” เธอหันไปถามพิธานที่หน้าตาบึ้งตึงขึ้น

“รู้อยู่แล้วนี่ครับ ยังจะถาม” พิธานว่า

“แต่แม่อยากฟังจากปากพิธานนี่” เธอยืนยันเช่นนั้น

“นี่แฟนผมครับ คุณแม่พัชชา” พิธานเรียกเสียเต็มยศ พระพายจึงได้รู้ว่าแม่ของพิธานชื่อพัชชา

“ชื่นใจจังเวลาเรียกแม่แบบนี้” พัชชายิ้มกว้างก่อนจะหันมามองพระพาย

“ชื่ออะไรจ๊ะ?” พระพายรู้สึกประหม่า เป็นการเจอหน้าของแม่แฟนที่กะทันหันอีกทั้งตัวเองก็เป็นผู้ชายทั้งแท่งไม่ใช่หญิงสาวแต่งอย่างใด ทำเอาใจร่วงหล่นไปอยู่ตรงเท้า

“สวัสดีครับ ผม...พระพาย..ครับ” พระพายยกมือไหว้อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พระพาย ชื่อจริง นามสกุลอะไรจ๊ะ?” พัชชาถาม เพลงขวัญมองพระพายที่เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมาตรงไรผม

“ชื่อพระพาย วีรสกุลครับ”

“อยู่คนเดียวหรืออยู่กับพ่อแม่เอ่ย?” พัชชาถามด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ...อยู่คนเดียวครับ”

“แล้วพ่อแม่ล่ะ อยู่ที่ไหน?” การซักถามยังดำเนินไปเรื่อยจนพิธานเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้น

“พ่อแม่...เสียหมดแล้วครับ” พระพายตอบเสียงเบาขึ้น

“เอ๊ะ...อย่างนั้นเหรอ? แล้วนี่มีญาติหรืออะไรทำนองนั้นไหม?” พัชชาถามต่อไปโดยไม่สนใจท่าทีของลูกชายตัวเองที่เริ่มไม่ชอบใจ

“มีป้าเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เลี้ยงผมมา...แต่เสียไปแล้วครับ” พระพายตอบ พัชชาเลิกตาขึ้นเล็กน้อย

“คงลำบากมากสินะ...แล้วนี่ทำงานอะไร?” พัชชาถาม แต่พิธานกลับแตะมือของพระพายไม่ให้พูดตอบ

“คุณแม่คะ ถามเยอะเกินไปแล้ว” เพลงขวัญรีบห้ามทันทีเพราะยิ่งเห็นสีหน้าของพิธานที่น่ากลัวขึ้นทุกทีๆ

“จะหวงแฟนกับแม่ไม่ได้นะพิธาน แม่ก็ต้องถามความเป็นมาเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” พัชชาว่าเช่นนั้น

“แล้วคุณแม่จะถามเยอะแยะทำไม เขาอึดอัด” พิธานพูด แม้จะสีหน้าบึ้งตึงแต่ก็ยังคงความสุภาพในคำพูดนั้น

“พิธานรู้ใช่ไหม ว่าคุณพ่อไม่ปลื้มเรื่องแบบนี้ แม่เลยต้องมาเช็คด้วยตัวเองก่อนไงล่ะ”

“ผมไม่สนคุณพ่อ” พิธานพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย บ่งบอกว่าที่พูดนั้นคือความจริง

“ลูกยังโกรธคุณพ่ออยู่เหรอ เรื่องมันก็นานมาแล้วนะ” พัชชาถาม สีหน้าดูอ่อนลง คงมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นระหว่างพิธานและพ่อ พิธานเงียบไม่ยอมปริปากพูดใดๆออกมา

“เอาเถอะ แม่แค่อยากเห็นหน้าแฟนของพิธานเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะกดดันอะไรหรอก”

“ครับ” พิธานพูดเท่านั้น

“ว่าแต่เป็นยังไงกันบ้าง ไม่ติดต่อแม่กันมาบ้างเลย”

“เพลงยุ่งมากเลยค่ะคุณแม่” เพลงขวัญว่า

“พิธานล่ะ?” พัชชาถามลูกชายคนเล็กบ้าง

“ยุ่งเหมือนกันครับ”

“นั่นสิ เพราะทุกครั้งที่คุณพ่อไปโรงแรม คุณพ่อไปกี่ครั้งๆก็ไม่เจอสักที” พัชชาเหล่มองทางทีของพิธานที่นิ่งไป

“งานเยอะครับคุณแม่”

“แล้วทำไมจะคุยอะไรก็ต้องผ่านเลขาตลอดเลยล่ะ?” พัชชาถามราวกับจะจับผิดกลายๆ

“ผมสะดวกแบบนี้ครับ” พิธานพูดเพียงเท่านั้น พัชชาส่ายหน้าในความดื้อของพิธาน

“พระพาย...อยู่ด้วยกันพิธานเอาแต่ใจมากเกินไปรึเปล่า?” พัชชาหันไปถามพระพายที่ได้แต่นั่งฟังเรื่องในครอบครัวที่ชวนงงของพิธาน

“ก็มีบ้างครับ” พระพายตอบ พัชชาพยักหน้าพลางคิดอะไรบางอย่าง

 “อาหารมาแล้วค่ะ” เพลงขวัญบอกเมื่อพนักงานกำลังนำอาหารมายืนรอเสิร์ฟให้


        ทั้งสี่คนจึงทานอาหารร่วมกันอย่างที่เพลงขวัญตั้งใจอยากให้เป็น พิธานนั้นไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้นนอกจากพระพายที่พยายามนั่งตัวลีบๆแบนๆเพราะแอบหวั่นสายตาของพัชชา แม่ของพิธานที่มองมาเป็นระยะๆ

        เพลงขวัญสั่งอาหารที่เป็นของโปรดทั้งแม่และน้องชาย หวังจะให้การทานอาหารร่วมกันในวันนี้ทำให้ทั้งสองผ่อนคลายลงบ้าง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือพระพายที่ต้องมานั่งตกเป็นเป้าสายตาของพัชชา พิธานนั้นตักอาหารให้พระพายเป็นระยะๆ การเอาใจใส่นั้นอยู่ในสายตาของพัชชาโดยตลอด

        พระพายนั่งทานอาหารเงียบๆ โดยที่ทานอาหารที่พิธานตักมาให้ตลอด และอาหารจานสุดท้ายที่เอามาเสิร์ฟเป็นเมนูใหม่ที่เพลงขวัญเพิ่งเพิ่มเติมเข้าไปในเมนู เพลงขวัญอยากให้ทุกคนร่วมวิจารณ์อาหารจานนี้

        พิธานมองจานนั้นอย่างลังเลเล็กน้อย พระพายจึงตักมันขึ้นมาใส่ในจานของตัวเอง ก่อนที่จะเขี่ยต้นหอมออกและตักส่วนที่ไม่เหลือต้นหอมแล้วให้พิธาน

“กินสิ ไม่มีต้นหอมแล้ว” พระพายว่า พิธานจึงตักมันเข้าปาก พัชชามองพิธานที่กำลังทานอาหารที่พระพายตักให้

“ที่จริงจะให้ช่วยชิมว่าอร่อยรึเปล่า แต่ลืมไปเลย ว่าพิธานไม่ชอบต้นหอม” เพลงขวัญที่เพิ่งนึกขึ้นได้ก็เมื่อเห็นพระพายเขี่ยต้นหอมให้พิธาน

“ไม่เป็นไรครับ อร่อยกำลังดี รสมันพอดีๆเหมาะกับทานพร้อมข้าว” พระพายช่วยติชมเท่าที่ตัวเองจะอธิบายได้

“อย่างนั้นเหรอพระพาย ขอบใจนะ แล้วคุณแม่ละคะ ชอบไหม?”

“อร่อยดี ถือว่าผ่าน” พัชชาว่าเช่นนั้น

“เดี๋ยวมีของหวานอีกนิดหน่อยนะคะ พิธานถ้าหวานเกินก็ไม่ต้องกินนะ” เพลงขวัญว่า เรื่องนี้เท่านั้นที่จำได้ขึ้นใจว่าพิธานไม่ชอบ


        หลังจากทานอาหารจนอิ่มแล้ว พนักงานจัดการเก็บจานเสร็จสรรพและนำของหวานมาให้ตามที่เพลงขวัญสั่งไว้ ขนมหวานแบบไทยๆถูกนำมาวางตรงหน้าทุกคน

        พระพายตาลุกวาวเพราะมันดูน่าทานจนรู้สึกว่าจะปล่อยให้ช้าไปกว่านี้ไม่ได้ พระพายจัดการตักมันเข้าปากพร้อมรอยยิ้มนิดๆอย่างรู้สึกถูกใจในรสชาติ แน่นอนว่าพิธานผู้ซึ่งไม่ชื่นชอบของหวานใดๆนั้นก็ดันถ้วยให้พระพายทันที

“ไม่ต้องรีบ ยังมีอีก”

             พิธานบอกเท่านั้น เป็นอีกครั้งที่พัชชานั่งมองลูกชายของตัวเอง ที่ดูละมุนละไมอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น เพลงขวัญเหล่มองพัชชา รู้ดีว่าพิธานในมุมนี้นั้นยากที่จะเห็น คงมีเพียงพระพายคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้พิธานเป็นเช่นนี้ได้

“เดี๋ยวมานะคะ”

             เพลงขวัญที่จู่ๆก็ขอตัวเพราะดูเหมือนลูกค้ากำลังต้องการสอบถามอะไรสักอย่างจากพนักงานที่ไม่สะดวกจะช่วยเหลือ พัชชาหันมองเพลงขวัญที่ลุกออกไปแล้วก่อนที่จะหันไปพูดกับพิธาน

“พิธาน...แม่ไหว้วานอะไรหน่อยได้ไหม?” พัชชาถามขึ้น

“ช่วยไปหยิบถุงสีขาวในรถให้แม่หน่อยได้ไหม?” พิธานพยักหน้ารับนิดๆจากนั้นก็รับกุญแจรถของพัชชามา ในขณะเดียวกันก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมาซึ่งเป็นของพิธาน

“เลขาโทรมา เดี๋ยวฉันมานะ...คุณแม่ ขอเวลาสักครู่ครับ”

             พิธานใช้โอกาสนี้คุยโทรศัพท์แล้วเดินออกจากร้านไปยังลานจอดรถเพื่อจะไปเอาของให้พัชชาพร้อมๆกัน ตอนนี้จึงเหลือเพียงพระพายและพัชชาเท่านั้น เมื่อรู้สึกตัวได้ว่าขณะนี้เหลือเพียงเขาและพัชชาเท่านั้น พระพายจึงเริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง

“พระพาย” พัชชาเอ่ยเรียกในขณะที่พระพายรีบวางช้อนขนมลงทันที

“ครับ” พระพายขานรับด้วยความรวดเร็วแม้จะหวั่นๆแต่ก็ต้องนอบน้อมต้องผู้ใหญ่

“ไปเจอกันได้ยังไงเหรอ?” พัชชาถาม พระพายรีบประมวลผลทันทีและยากที่จะตอบถึงการเจอกันครั้งแรกเหลือเกิน

“ไปเที่ยวครับ เลยเจอกัน” พระพายตอบเพียงเสี้ยวของความจริง

“แค่ครั้งแรกพิธานก็ชอบเราเลยเหรอ?” พัชชาถามอีกครั้ง สายตานั้นมองพระพายอย่างถี่ถ้วน

“คือ..มันมีเหตุนิดหน่อยทำให้เราต้องเจอกันบ่อยขึ้นครับ จากนั้นเราเลยได้คุยกันมากขึ้น”

“เวลาอยู่ด้วยกัน พิธานเป็นยังไงบ้าง?” พระพายที่ได้ยินก็เงียบไปอึดใจก่อนตอบ

“ก็..ปกติดีครับ นิ่งๆแล้วก็เงียบๆไปบ้างแบบนี้ล่ะครับ”

“แล้วยิ่งเงียบๆแบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องเหรอ?” พัชชาไม่ค่อยเชื่อนักว่าพิธานจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ เพราะที่ผ่านมาพิธานปิดกั้นตัวเองและไม่เปิดรับใครเข้าไปในชีวิตได้ง่ายๆ


        พระพายเงียบไปอีกครั้ง ในขณะที่เพลงขวัญเดินเข้ามานั่งลงพอดีและรู้สึกได้ว่าตอนนี้บรรยากาศการสนทนานั้นดูแปลกๆ

“คุณแม่...คุยอะไรกันอยู่คะ?” เพลงขวัญถาม

“แม่กำลังถามพระพายว่าอยู่กับพิธานแล้วเป็นยังไงบ้าง บอกหน่อยสิจ๊ะพระพาย”

             พัชชาถาม เพลงขวัญหันมองพระพาย แม้จะเอ็นดูพระพายที่ต้องมาโดนซักถามแต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าพิธานเป็นอย่างไรบ้างยามที่อยู่กับแฟน พระพายก้มหน้าลงก่อนที่จะพูดถึงความรู้สึกที่ได้สัมผัสทุกครั้งที่อยู่กับพิธานว่าเป็นอย่างไร

“ถึงจะเงียบและนิ่งแต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งครับ หากเขาต้องการอะไรก็จะพูดตรงๆ แต่หากตอนไหนนิ่งเขาก็จะใช้สายตามองมา แววตาของเขาจะบอกผมได้เสมอว่าเขาต้องการอะไร ผมอ่านท่าทีของเขาได้มากกว่าเวลาเขาพูดเสียอีกครับ”

             พระพายตอบแบบอายๆ เพลงขวัญมองพระพายพลางอมยิ้ม ถึงแม้พระพายจะดูแตกต่างและไม่น่าจะเข้ากันได้กับพิธาน แต่กลับมีความรู้สึกที่เชื่อมโยงและรู้ใจกันซึ่งกันและกันได้ คนเป็นพี่สาวที่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจไม่น้อยที่น้องชายได้เจอคนรักที่เข้าใจได้ถึงขนาดนี้

“เรานี่น่าสนใจจังนะ”

             พัชชาพูดเท่านั้นพลางยิ้มกราย มีไม่กี่คนที่จะเข้าใจพิธานได้อย่างถ่องแท้นอกจากคนที่ตัวเองไว้ใจและให้ความสนิทใจเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะได้มันไป แม้กระทั่งคนเป็นแม่ที่เลี้ยงดูมายังยากที่จะเข้าถึงแต่พระพายกลับเข้าถึงได้ง่ายดายจนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

“ยังไงก็ฝากพิธานด้วยนะจ๊ะ ถึงดูนิ่งๆเท่ๆแบบนั้นแต่พอโมโหเลือดขึ้นหน้าก็จะงุ่มง่ามน่ากลัว อาจจะลำบากใจไปบ้าง แต่เชื่อเถอะพิธานเขาต้องการให้พระพายอยู่ข้างๆเขา” พัชชาว่า

“เอาจริงๆ...คุณพิธานดูแลผมเสียมากกว่าด้วยซ้ำ จนบางครั้งผมก็ละอายใจนิดๆที่ไม่ดูแลเขาเท่าที่เขาดูแลผมได้” พระพายยิ้มเก้อๆ

“อย่างนั้นเหรอ? อย่างเช่นอะไรล่ะ?” เพลงขวัญถามบ้าง

“ก็..ถ้าเขาว่างเขาจะทำกับข้าวให้ผมกิน ตอนเช้าก่อนไปทำงานถ้ามีเวลาสักหน่อยเขาจะชงกาแฟไว้ให้ แล้วก็...จริงๆมันมีอีกเยอะครับ” พระพายนั่งนึกไปพูดไปแต่เมื่อเห็นสีหน้าของเพลงขวัญและพัชชาที่ออกจะสนอกสนใจถึงเรื่องที่เล่า พระพายจึงรีบหยุดพูดทันที

“น่ารักเหลือเกินน้องชายฉัน” เพลงขวัญหัวเราะนิดๆพัชชาก็เป็นไปกับเพลงขวัญด้วย

“พระพาย..ยังไงก็ฝากพิธานด้วย และก็..ถ้าเป็นไปได้ ลากเขากลับบ้านไปหาคุณพ่อให้ได้ล่ะ” พัชชาว่า

“เอ่อ...ผมไม่มั่นใจครับว่าจะทำได้ไหม แต่ผมจะลองดูครับ” พระพายไม่กล้าจะรับปากเสียทีเดียว

“ลองดูนะ แล้วก็บอกเบอร์โทรศัพท์มา มีอะไรจะได้ติดต่อไป” พัชชาว่า พระพายจึงบอกเบอร์ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ไม่ต้องกลัวหรอกพระพาย คุณแม่ดูเปรี้ยวๆอย่างนี้แต่ใจดีนะ” เพลงขวัญสำทับเพราะเห็นท่าทีของพระพายดูขลาดๆกลัวๆ

“แม่พอเข้าใจแล้วล่ะเพลง ว่าทำไมพิธานถึงชอบพระพาย...ก็ดูน่ารังแกขนาดนี้” พัชชาว่าเพลงขวัญหัวเราะอย่างถูกใจ พระพาย
ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม คนในบ้านนี้ไม่ได้แตกต่างกันเลยจริงๆ

        พิธานที่คุยงานเสร็จก็เดินกลับพร้อมกับถุงของพัชชาที่หยิบมาให้ เข้ามาก็พบว่าทั้งแม่และพี่สาวนั่งหัวเราะโดยที่พระพายกลับแห้งเหี่ยวดูตรงกันข้ามได้อย่างชัดเจน

“แกล้งพระพายเหรอ?” พิธานถามพลางมองเพลงขวัญ

“ไม่ๆ แค่คุยกันนิดหน่อยเอง” พระพายรีบแก้ไขความเข้าใจผิดทันที พัชชารับถุงนั้นมาและยื่นให้พระพาย

“ให้จ๊ะ รับไป” พัชชาว่า พระพายหันไปมองพิธานซึ่งพยักหน้านิดๆว่าให้รับได้

“ขอบคุณครับ” พระพายยกมือไหว้ขอบคุณ


        ทั้งหมดออกกันมายืนอยู่หน้าร้าน เพลงขวัญหอมแก้มพัชชาเป็นการบอกลา โดยที่พิธานได้แต่ยกมือไหว้ พัชชาไม่รับไหว้แต่กลับเดินเข้าไปกอดพิธานที่ยืนนิ่งเป็นต้นไม้แทน

“เอาล่ะ แม่จะกลับแล้ว ไว้เจอกันนะจ๊ะเด็กๆ” พัชชาว่า พระพายยกมือไหว้อีกครั้ง

“จะกลับเลยไหมทั้งสองคน?” เพลงขวัญถาม เมื่อพัชชาขับรถออกไปแล้ว

“คงต้องกลับเลย” พิธานบอกแบบนั้น

“กลับกันดีๆนะ” เพลงขวัญว่าก่อนที่จะกอดน้องชายแน่นๆและกอดพระพายด้วยอีกคน

“ไปนะครับ” พระพายยกมือไหว้และขึ้นรถไปกับพิธาน

“คุณแม่คุณนี่เปรี้ยวจี๊ดเลย” พระพายว่าเมื่อรถขับออกมาจากร้านอาหารแล้ว

“อึดอัดรึเปล่า ถ้าไม่ชอบก็บอก” พิธานว่า

“ไม่นะ แต่ผมไม่คิดเลยนะว่าจะมีวันที่ผมได้มาเจอแม่คุณ” พระพายพูดขึ้นมา

“ทำไม?”

“ก็..การเจอแม่แฟน..มันดูลึกซึ้งขึ้น” พระพายว่าพลางรู้สึกจั๊กกะจี้ในคำพูดของตัวเอง

“ยังไงล่ะ?”

“คือ..เราคบกันมาถึงขั้นที่ผู้ใหญ่ต้องมารับรู้แล้ว...เรามาไกลมากเลย” พระพายว่า

“นายคิดว่าเราจะไปไม่ได้ไกลเหรอ?” พิธานขมวดคิ้วหน้ายุ่งทันที

“ไม่ใช่...แค่ไม่คิดว่าจะมาไกลถึงขนาดนี้ มันมากขึ้นกว่าที่คิดไว้” รีบแก้ไขทันทีก่อนที่พิธานจะเข้าใจผิด

“เราจะไปไกลกว่าที่นายคิดอีกเยอะ”

“เรา....จะทำได้ใช่ไหม?” พระพายหันไปมองพิธานด้วยสายตาที่อยากจะฟังคำตอบชัดๆ

“เชื่อใจฉันสิ”


             พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะละมือจากพวงมาลัยรถมาขยี้ผมพระพาย ได้ยินแบบนี้พระพายก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ในเวลานี้การจะเชื่อใจใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่หากเป็นพิธาน...พระพายก็อยากจะลองดู...



Lyrics: You’re still the one by Shania Twain.

 
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 13love32108 ที่ 29-07-2018 10:50:46
 :-[ หูยยยยยย เจอคุณแม่แล้วววววว พระพายสู้ๆน้าาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 29-07-2018 11:33:39
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 29-07-2018 12:02:33
โอ้วช็อคตาตั้งไปสิ
น่าสงสารพระพายน่ารังแกกก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 29-07-2018 13:03:36
เหลือแค่คุณพ่อสินะพระพาย แต่มีทั้งพี่ทั้งแม่อยู่ด้วยแบบนี้น่าจะหายห่วง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2018 13:30:34
 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 29-07-2018 13:59:57
พิธานคือดี
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-07-2018 14:56:25
คุณแม่ก็ขี้แกล้งใช่ย่อยนะเนี่ย
เหลือคุณพ่ออีกคน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-07-2018 15:18:21
เอาพ่อมาเลย ไม่กลัวแล้วเนอะพระพาย  :katai3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-07-2018 15:55:04
น้ำตาจะไหลกับคำว่า เรามาไกลอะ แบบ ความรักของชชสมัยนี้มันก็สั้นจริงๆ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-07-2018 21:22:50
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-07-2018 00:46:22
สู้ๆน้า~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-07-2018 08:41:03
เชื่อว่าพิธานจะพาพระพายไปให้สุดทาง พี่แกนิ่งและเด็ดเดี่ยวขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 31-07-2018 12:13:51
ดีใจจังผ่านด่านคุณแม่แล้ว แต่คุณพ่อนี่สิแอบคิดหนักเลย :mew5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 42 (29/07/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 01-08-2018 14:09:47
โอเค เราขอเชื่อใจพิธานก็ได้ ต้องพาพระพายผ่านอุปสรรคและอยู่ด้วยกันไปแก่เฒ่าเลยนะ ผ่านด่านครอบครัวไปให้ได้ อย่างน้อยคุณแม่และพี่สาวผ่านแล้ว เย้~ทีนี้ก็ด่านคุณพ่อ อันนี้พระพายต้องช่วยด้วยกัน พระพายน่ารักและดีอย่างนี้ผ่านๆ เอาใจช่วย //อ่านรวดเดียว 42 ตอน อหหหหหห สนุกมากค่ะ เป็นนิยายที่อ่านเรื่อยๆแต่วางไม่ลงวางลงไม่ได้เลย ไม่พักไปอ่านเรื่องอื่นแทรกด้วย ขนาดหลายตอนก็ไม่ทำให้เราเทกลางทาง 5555 แสดงว่ามันน่าติดตามมากไง ไม่น่าเบื่อ บทตัวละครไม่งี่เง่า สมเหตุสมผล ไม่เวิ่นเว้อเยอะเกินไป ในแต่ละช่วง แบล็คเมล์ ยินยอม สับสน ปากแข็ง จนยอมรับ พระพายนิสัยน่ารัก พิธานก็เช่นกัน ชอบความปรับตัวเข้าหากัน โคตรเคมีเลยสองคนนี้ SM ความมาโซความซาดิส ชอบเล่นเซ็กซ์ทอย 55555 ชอบๆ บทคู่รองก็สนุก กว่าจะเข้าใจกันแหม่เล่นซะพระพายเครียดเลย 55555 ฉาก nc แต่ละฉาก โคตรแซ่บ บรรยายได้ซะทำเราเสียววาบๆไปด้วย 55555 อ่านแล้วอิน สนุกๆ รอๆตอนต่อไปเลยค่ะ อยากรู้สองพ่อลูกมีปัญหาไรกัน เดี๊ยะพระพายจัดการพาเข้าบ้านเอง เนาะๆ พิธานต้องยอม 5555 แต่งดีจริง ภาษาก็ดี อ่านได้ลื่นไหลมาก ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 04-08-2018 11:12:47
สวัสดีค่า  :katai2-1: ตอนที่ 43 มาแเล้วค่ะ ตอนนี้ยาวพอสมควรเลยค่ะ(ในความคิด55) และตอนนี้มีอะไรๆเยอะเช่นกัน ลองไปอ่านกันเนอะ ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และกำลังใจ อยู่กันไปนานๆนะคะ รักค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้า  :bye2:


+++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 43 For you.


When you’re lost down the river bed, I’ll be there
เมื่อเธอพลัดหลงในก้นแม่น้ำ ฉันจะอยู่ข้างๆ
When you’re lost in the darkness, I’ll be there
เมื่อเธอหลงอยู่ในความมืดมิด ฉันก็จะอยู่ข้างๆเธอ
I’ll be there when your heart is breaking
ฉันจะอยู่ข้างกายเธอ ยามที่เธอใจสลาย
You’ll never be alone, I’ll be there for you
เธอจะไม่มีวันเดียวดาย ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง
I’ll be there
ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ



        ตั้งแต่วันนั้นหลังจากเจอพัชชาแม่ของพิธาน ก็ผ่านมาหลายวันแล้วและเมื่อวันก่อนพัชชาโทรมาหาพระพายซึ่งกำลังนั่งทานอาหารมื้อเที่ยงกับพี่ๆในออฟฟิศ โทรมาแค่บอกว่าอยากจะให้พระพายพาพิธานไปที่บ้าน ซึ่งเรื่องนี้พระพายไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำได้ อีกทั้งไม่เคยถามพิธานถึงเรื่องพ่อของเขาเลย พระพายได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้ารับปากเพราะหากทำไม่ได้แม่ของพิธานคงจะผิดหวังน่าดู

“กลับมาแล้วเหรอ?”

             พระพายเห็นพิธานเดินเข้ามาในห้อง วันนี้พิธานมีนัดทานข้าวเย็นกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับงาน ทำให้พิธานกลับมาช้า ซึ่งเจ้าตัวหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียวแต่ต้องไปเพราะเป็นงาน

“กินข้าวรึยัง?” พิธานถามพลางถอดเสื้อสูทออก

“ผมกินก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว” พระพายว่า

“เหนื่อย” พิธานว่าพลางนั่งลง ช่วงนี้งานของพิธานเยอะขึ้น สังเกตจากการกลับห้องที่ช้าขึ้น

“ให้นวดให้ไหม?” พระพายถามแต่มือนั้นก็กดลงบนไหล่ของพิธานแล้ว

“ทำได้เหรอ?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” พระพายกดๆนวดๆเท่าที่จะทำได้ แม้จะไม่ใช่มืออาชีพแต่พิธานก็รู้สึกดีขึ้นมากเลยทีเดียว

“ใช้ได้” พิธานเอ่ยชม

“อาทิตย์นี้คุณจะมีวันหยุดรึเปล่า?” พระพายถาม

“ทำไมเหรอ?”

“ก็...อยากรู้เฉยๆ” พระพายกำลังเริ่มที่จะหาวิธีที่ทำให้พิธานไปที่บ้าน

“แน่เหรอ?” พิธานที่รู้ทันเป็นอะไรที่พระพายรับมือได้ยากมาก

“แน่สิ แต่..ผมมีเรื่องอยากถาม ถามได้ไหม?” พระพายว่า

“เปลี่ยนเรื่องเร็ว” พิธานเหล่มองพระพายที่หยุดนวดและนั่งลงข้างๆ

“คุณ..เหมือนไม่สนิทกับแม่เลย” พิธานเงียบ

“เพราะคุณแม่ร่าเริงเกินเหตุ เลยรู้สึกแปลกๆเวลาจะเข้าหา”

“แต่ผมว่ายังไงก็ดีว่าดุๆหรือเข้มงวดนะ”

“นายชอบแม่ที่ร่าเริงเหรอ?”

“แม่ในฝันผมเลยล่ะ” พระพายว่าพลางยิ้มกว้าง

“แต่ตอนแรกเหมือนจะกลัวนี่”

“อ่า มันก็จริง ก็ท่านเล่นทำเหมือนตำรวจสอบสวนคนร้ายเลย”

             พระพายเพิ่งจะได้รู้ความจริงหลังจากวันนั้น ว่าจริงๆแล้วนี่คือการแกล้งคนในแบบฉบับของพัชชา พระพายอยากจะกรีดร้องให้ความขี้แกล้งของคนบ้านนี้จริงๆ

“อารมณ์คนเป็นแม่นี่มันดีจริงๆนะ” พระพายว่าพลางยิ้มออกมา พิธานมองใบหน้ายิ้มๆของพระพาย

“แม่นาย..เสียตอนไหน?” จู่ๆก็อยากรู้ถึงความรู้สึกของพระพายเกี่ยวกับครอบครัว

“ตั้งแต่ผมจำความไม่ได้ พอจำได้ก็มีแต่ป้าเท่านั้น แต่ความรู้สึกก็คล้ายๆแม่นะ..เอ๊ะ ใช่รึเปล่า หรือไม่ใช่?” พระพายนึกไปสงสัยไป

“ตลกแล้ว” พิธานว่าพลางยิ้ม

“แล้ว...คุณไม่เจอพ่อเลยเหรอ?” พระพายอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น พิธานเงียบไปก่อนจะตอบ

“ไม่อยากเจอ” พิธานพูดเท่านั้น

“ผมรู้ว่ามันดูละลาบละล้วง แต่ทำไมคุณถึงไม่ชอบพ่อคุณล่ะ?” พระพายถาม พิธานเงียบไป คราวนี้นานกว่าเดิม

“คุณพ่อ...พ่อที่ไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง” พิธานว่าเช่นนั้น

“แค่นั้นเองเหรอ?”

“ทำไมถึงอยากรู้?” พิธานหันมาถามพระพายบ้าง

“ผม...แค่อยากรู้เรื่องแฟนตัวเองมากขึ้นก็เท่านั้นเอง” พระพายยิ้มออกมา พิธานยิ้มออกมานิดๆ

“ถ้าเป็นนาย..คงจะไม่ชอบคุณพ่อของฉันเหมือนกัน”

“ทำไมล่ะ?”

“เพราะนายจะนึกถึงคนอื่นเสมอ” พิธานว่าก่อนที่จะล้มตัวลงหนุนตักของพระพาย

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ถ้าผมอยากไปบ้านคุณ...คุณจะอยากให้ผมไปไหม?” พิธานที่นอนอยู่มองพระพายที่ก้มหน้าลงมาสบตาของตน

“ทำไมถึงอยากไป” พิธานถาม

“ผม....อยากไปดูที่ๆคุณโตมา อยากรู้มันเป็นยังไง บรรยากาศแบบไหน ทำไมคุณโตมาแล้วเป็นแบบนี้”

“เป็นแบบไหน?” ฟังแล้วแปร่งๆชอบกล

“ก็เป็นผู้ชายน่ากลัวและชอบทำคนอื่นเจ็บตัวเวลามีอะไรกันไง” พระพายหัวเราะ

“ไม่ตลก” พิธานว่า

“อยากเห็นจริงๆนะ ว่าบ้านหลังนั้นเลี้ยงคุณให้มาเป็นพิธานอย่างวันนี้ได้ยังไง” 

“แต่..ฉันไม่อยากไป” พิธานให้คำตอบเช่นนั้น

“จะไม่คิดหน่อยเหรอ ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ ไม่ได้ไปค้างสักหน่อย อย่างน้อยก็ไปหาคุณพัชชาแม่ของคุณไง ไปให้ท่านชื่นใจหน่อยจะเป็นไรไป”

“แม่ฉันขอให้ทำใช่ไหม?” พิธานรู้ทันจนพระพายได้แต่ยิ้มค้าง

“ผมปิดคุณไม่ได้จริงๆสินะ” พระพายหุบยิ้มและพรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกดีที่ไม่ต้องปกปิดเรื่องนี้

“แต่ก็พยามยามนี่”

“แต่ผมก็อยากไปเห็นจริงๆนะ ว่าบ้านคุณเป็นไงยังไง”

“ขอเหตุผล”

“เพราะผมไม่มีที่แบบนั้นให้คุณดู ผมไม่มีภูมิหลังอะไรเลย ญาติผู้ใหญ่ที่ไหนก็ไม่มีสักคน แต่ถ้าป้าผมยังอยู่ ผมจะพาคุณไปหาป้าเลยนะ โชว์ตัวเลยว่านี่แฟนผม”


             พระพายยิ้มออกมาพลางนึกถึงป้าที่รักมากที่สุดในชีวิต ถ้าป้าอยู่คงได้เห็นว่าพิธานทำให้เขามีความสุขรองจากการที่ป้าได้เลี้ยงดูเขามาเลยทีเดียว อยากจะให้ป้าเห็นว่าเขาดีใจและภูมิใจที่จะบอกว่าเขาเป็นแฟนพิธาน พิธานมองใบหน้ายิ้มของพระพายที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคิดอย่างนั้นจริงๆ พิธานนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะซุกหน้าเข้าหน้าท้องของพระพายพลางกดหน้าเข้าไปแน่นๆ

“ฉันจะลองหาวันหยุดดู เราจะไปด้วยกัน” เสียงนั้นอู้อี้และเบาจนพระพายต้องก้มลงไปฟัง

“จะไปเหรอ? ไม่ได้ฝืนใจใช่ไหม?” พระพายถาม พิธานถอนใบหน้าออกมาก่อนที่จะพระพายที่ก้มหน้าลงไป

“ฉันจะให้คุณพ่อเห็นว่านายน่ารักขนาดไหน” พิธานว่า พระพายอมยิ้มจนแก้มพอง

“น่ารักอะไรกัน บ้า” พระพายแทบจะบิดเป็นเลขแปด พิธานยิ้มออกมา พระพายนั้นหลากหลายมุม ยิ่งเห็นก็ยิ่งชอบ   

“แต่ถ้าคุณไม่อยากไป หรือยังไงก็บอกผมได้นะ” พระพายว่าพลางลูบแก้มของพิธาน

“ช่วยได้เหรอ?” พิธานเหล่มองอย่างไม่ค่อยเชื่อ

“นี่ผมพระพายนะ พระพายแฟนที่แสนจะมาดเท่ของคุณพิธานเลยนะ” พระพายตบอกตัวเองอย่างมั่นใจ

“เท่มาก” พิธานหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...

..
.
        ตั้งแต่พิธานบอกในวันนั้นว่าจะหาวันหยุดเพื่อกลับบ้าน จนถึงวันนี้ผ่านมากว่าสองสัปดาห์แล้ว พิธานก็ยังหาวันหยุดไม่ได้สักที ทีแรกพระพายคิดว่าพิธานกำลังเลี่ยงวันหยุดเพื่อที่จะไม่ไปบ้าน แต่เมื่อเห็นพิธานนั่งทำงานแม้กระทั่งตอนอยู่ในห้องก็พอจะเข้าใจว่างานคงยุ่งมากจริงๆ

“ช่วงนี้คุณยุ่งจัง” พระพายเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพิธานนั่งทำงานอยู่เงียบๆ

“พอดีมีกฎหมายเรื่องข้อบังคับต่างๆของโรงแรมเข้ามาเพิ่มเติม เลยต้องมาจัดการเรื่องที่ไม่ถูกต้องให้เข้าที่เข้าทาง” พิธานเล่าคร่าวๆเรื่องการทำงานในตอนนี้

“คุณทำคนเดียวเหรอ?”

“ใช่ เป็นหน้าที่ฉัน”

“พักผ่อนบ้างนะ” พระพายพูดได้เท่านั้นก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องไปเพราะตอนนี้เป็นเวลากว่าห้าทุ่มแล้ว ถึงเวลาที่พระพายต้องเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า


        พระพายตื่นเข้ามาในตอนเช้าพบว่าพิธานกำลังนอนกอดเขาอยู่ พระพายยิ้มออกมาก่อนที่จะดึงมือพิธานออก
“อย่าเพิ่งสิ” เสียงแหบๆของพิธานเอ่ยห้าม

“แต่ผมต้องไปทำงาน”

“วันนี้ฉันหยุด”

“เดี๋ยวนะ ไม่เห็นบอกผมก่อนเลย” พระพายตกใจที่จู่ๆพิธานมีวันหยุดโดยไม่บอกกล่าว

“นายลายงานได้รึเปล่า?” พระพายลังเล วันนี้เป็นวันทำงานสุดท้ายของสัปดาห์นี้แล้ว จริงๆพระพายไม่ค่อยได้ลางานเท่าไหร่นัก อีกอย่างงานเก่าก็สะสางไปหมดแล้ว

“เดี๋ยวผมจะลองโทรขอหัวหน้าล่ะกัน”


        พระพายโทรหาหัวหน้าแผนกบอกว่าไม่สบายกะทันหัน แม้หัวหน้าจะให้ลาแต่ก็บ่นนิดบ่นหน่อยว่าพระพายป่วยการเมืองหรือเปล่า พระพายได้ขอโทษขอโพย จากนั้นก็วางสายหันมองพิธานที่ยังคนนอนกอดหน้าตักเขาอยู่

“เท่ากับว่าผมได้วันหยุดสองวันเลยนะ” พระพายว่า แม้จะรู้สึกผิดที่โกหกหัวหน้าไปแต่ก็ลิงโลดนิดๆที่ได้หยุดงานถึงสองวัน

“นอนต่อ เดี๋ยวค่อยว่ากัน” พิธานบอก พระพายจึงล้มตัวลงนอนต่อ เรื่องหลับต่อทั้งที่ตื่นแล้วนั้นไม่ยากเกินความสามารถของพระพายเลย


        ทั้งสองนอนต่อ แต่พระพายที่หลับอยู่ดีๆกลับตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกๆแถวหน้าท้องและก็พบว่าใบหน้าของพิธานกำลังซุกอยู่แถวหน้าท้อง เสื้อนอนถูกเลิกขึ้น ริมฝีปากนั้นพรมจูบจนพระพายที่เพิ่งตื่นเกือบจะตั้งสติไม่ทัน

“เดี๋ยวสิ” พระพายร้องขึ้นมาพลางลูบผมของพิธานเบาๆ

“ไม่ได้ทำหลายวันแล้ว” พิธานพูดเช่นนั้น หลายวันมานี้พิธานยุ่งเรื่องงานมากจึงไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นเลย

“เดี๋ยวผมทำให้” พระพายที่ตื่นเต็มตาแล้วก็อยากที่จะทำให้พิธาน อย่างน้อยก็เป็นหน้าที่ของแฟนที่ควรจะทำให้แฟนของตัวเองมีความสุข


        พระพายดันตัวขึ้นก่อนที่จะสลับให้พิธานนอนลงแทน พระพายร่นกางเกงของพิธานลงอย่างรวดเร็ว พบว่าส่วนนั้นของพิธานพร้อมรบอย่างเต็มที่แล้ว

“ทะลึ่ง” พระพายว่าพลางยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากครอบครองส่วนนั้นของพิธานไว้


        ใช้ริมฝีปากเม้มและห่อมันให้แน่น ก่อนที่จะกดใบหน้าขึ้นลงถึงแม้จะไม่สุดความยาวแต่ตรงส่วนปลายนั้นพระพายมั่นใจว่าพิธานต้องชอบ ดูดดันพลางแลบเลียมีบางครั้งที่และดูดเสียงดังจ๊วบจนพิธานเผลอสะดุ้งเพราะรู้สึกดีเกินไป นานวันเข้าพระพายยิ่งช่ำชองจนพิธานเริ่มกลัวใจ

“พอแล้ว...” พระพายเงยหน้ามองว่าราวกับจะถามว่าเพราะอะไรถึงให้หยุด แต่เมื่อพิธานดันตัวขึ้นมาพลางเอื้อมมือไปยังลิ้นชักข้างโต๊ะ พระพายก็เข้าใจทันทีว่าพิธานต้องการอะไร


        พระพายละใบหน้าออกมาพลางถอดกางเกงและเสื้อออก แกนกลางลำตัวของพระพายเองก็รู้สึกร่วมกับการกระทำเมื่อครู่จนเริ่มแข็งขึ้นมาแล้ว เจลหล่อลื่นและถุงยางอนามัยถูกหยิบออกมา พิธานที่เปลือยแค่ท่อนล่างแต่ท่อนบนสวมเสื้อยืดสำหรับนอนนั้นดูเร้าใจพระพายอย่างบอกไม่ถูก บวกกับทรงผมยุ่งๆที่ไม่ได้เซ็ทจนตกลงมาปรกใบหน้า ยิ่งทำให้พระพายตื่นตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

        พิธานสวมถุงยางอนามัยด้วยความรวดเร็วแต่ระมัดระวังไม่ให้ฉีกขาดหรือเกิดรอยใดๆพระพายนอนลงก่อนที่จะยกข้าให้อ้ากว้าง พิธานที่เห็นเช่นนั้นก็แลบเลียริมฝีปากอย่างต้องการขึ้นมา

“ยั่วกันเกินไปแล้ว” พิธานว่าพลางเทเจลหล่อลื่นลงบนช่องทางนั้นของพระพาย สอดใส่นิ้วเข้าไปสองนิ้วแล้วควานหมุนเข้าออก เพื่อให้พระพายปรับตัวพร้อมรับสิ่งอื่นเข้าไป ตอนนี้ความต้องการนั้นปลุกปั่นจนทำทุกอย่างรวดเร็วโดยไม่อยากรอนานไปกว่านี้แล้ว

“เข้ามาเลย” พระพายร้องบอกเบาๆ อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป พิธานจึงให้ส่วนปลายที่สวมถุงยางอนามัยแล้วถูไถขึ้นลงเพื่อให้พระพายปรับตัวให้เร็วที่สุดก่อนที่จะสอดใส่เข้าไป


        ยามที่ต้องทำเวลาเช่นนี้อุปกรณ์ของเล่นจึงไม่สามารถถูกนำมาใช้ได้ แต่ความรุนแรงนั้นไม่ได้จางหายไปไหน แม้ช่องทางจะคับแคบไปหน่อยเพราะไม่ได้เตรียมการนานพอ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ สำหรับพระพายความเจ็บแค่นี้ถือว่าสบายมาก พิธานดันเข้าไปทีละนิดจนสุด แช่นิ่งเพียงครู่จากนั้นก็เริ่มขยับเข้าออกอย่างช้าๆก่อนที่จะถาโถมโหมแรงเข้าไป ทำเอาพระพายร้องครวญครางออกมาอย่างไม่ขาดปากได้ไม่ต่างจากตอนเล่นของเล่นเลย

“อื้อ” พระพายร้องออกเมื่อพิธานขบเม้มยอดอกพร้อมๆกับที่ขยับกายเข้าออกด้วยจังหวะที่ถี่ขึ้น


        แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เรียกให้พระพายที่กำลังมัวมันกับความรู้สึกเสียวซ่านกลับชะงัก แต่พิธานไม่สนใจยังคงขยับเอวเข้าออกอยู่อย่างนั้น

“คุณพิธาน...” พระพายพยามจะบอกแต่กลับโดนพิธานจูบปิดปากไม่ให้พูด


        สุดท้ายเลยตามเลยไม่ได้สนใจเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือที่ดังต่อเนื่อง พิธานขยับถี่ขึ้นรัวเร็วขึ้น มือนั้นบีบสะโพกของพระพายและฟาดลงอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างเป็นจังหวะเข้ากันหมดจนในที่สุดพระพายก็ไม่ไหว

        แต่พิธานที่อยากยืดเวลาออกอีกนิด จึงจับพระพายพลิกตัวให้คลานเข่า จากนั้นก็ขยับใส่ไม่ยั้งจนพระพายตัวโยนโยกตามจังหวะไปด้วย รู้สึกพร่ามัวเพราะการเสียดสีตรงจุดนั้นค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นและครั้งนี้พระพายไม่อาจจะต้านความรู้สึกได้อีกต่อไป 

“จะออก..อ๊า” พระพายร้องออกมา


            ดวงตาพร่ามัว สุขสมจนต้องจิกผ้าปูเสียแน่น พิธานที่เห็นแบบนั้นจึงเร่งทุกอย่างให้เร็วขึ้นและในที่สุดทั้งสองคนก็ถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน พิธานหายใจแรงๆก่อนที่จะดึงมันออกมาจากช่องทางของพระพายช้าๆ

“ใครโทรมาตอนนี้” พิธานที่กำลังผูกถุงยางอนามัยและทิ้งลงถังขยะเอ่ยบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะการที่ถูกขัดจังหวะเช่นนี้ทำให้พระพายเขวจนเกือบไม่มีสมาธิ

“อย่าบ่นเลย” พระพายนอนคว่ำทั้งอย่างนั้นพลางปนหอบเบาๆ พิธานจึงโน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากพระพาย

“ไม่บ่นแล้ว” พิธานว่าจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา

“คุณแม่” พิธานว่าอย่างนั้น จากนั้นก็จัดการโทรกลับแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยที่พระพายนอนหมดแรงอยู่บนเตียง แม้จะทำกันไม่นานแต่ก็ใช่ว่าจะใช้พลังงานน้อยเสียเมื่อไหร่   

“ครับ ไว้เจอกัน” พิธานเดินออกมาจากห้องน้ำและวางสายไป

“แม่คุณว่าไงบ้าง?”

“จริงๆก่อนนายตื่นฉันโทรหาคุณแม่แล้ว โทรไปบอกว่าก่อนตอนเย็นจะเข้าไป คุณแม่เลยโทรกลับมากำชับอีกทีว่าห้ามช้า” พิธานว่าพลางนั่งลงบนเตียง

“เร็วจัง” พระพายตกใจทันที

“ก็พรุ่งนี้ฉันไม่แน่ใจว่ายุ่งรึเปล่า มีวันนี้ที่ว่างแน่นอน” พิธานบอก

“ไปเยี่ยมเฉยๆใช่ไหม?”

“เปล่า บอกให้ทานข้าวเย็นด้วยกัน” พิธานพูดเท่านั้น แววตาของพิธานดูเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“คุณพิธาน ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปได้นะ ผมยังไงก็ได้” พระพายพูดพลางลูบแผ่นหลังของพิธาน

“ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องไป” พิธานว่า

“ผมต้องแต่งตัวแบบไหน ต้องชุดสุภาพแบบชุดทำงานรึเปล่า?” พระพายถาม อย่างน้อยก็อยากให้พ่อของพิธานประทับใจสักเล็กน้อยก็ยังดี

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แล้วแต่นายเลย” พิธานว่า

“เครียดแหะ เลือกไม่ถูก” พระพายยังคงนั่งคิดไม่ตกอยู่ดีว่าจะเลือกชุดไหนไปดี

“หิวรึยัง?” พิธานถาม ทำให้พระพายหยุดคิดเรื่องเสื้อผ้าทันที

“นี่จะเที่ยงแล้วเหรอ?” พระพายหันไปมองนาฬิกา

“ใช่ และเราต้องไปที่นั่นก่อนเย็นด้วย” พิธานบอก

“เอาไว้ไปทานที่บ้านคุณเลยดีกว่า ว่าแต่จะต้องออกไปกี่โมง?”

“ไปอาบน้ำกัน เดี๋ยวจะได้ออกไปเลย”

“ถ้าอย่างนั้นแวะซื้ออะไรเข้าไปหน่อยไหม พวกผลไม้อะไรแบบนี้” พิธานส่ายหน้า

“เสียเวลา”

“สักนิดก็ยังดี แม่คุณคงจะดีใจถ้าเห็นคุณนึกถึงท่าน อีกอย่างครั้งที่แล้วแม่คุณก็ซื้อของมาฝากผม จะน่าเกลียดไหมถ้าไม่ตอบแทน”

“ตามใจ” พิธานพูดเท่านั้น


        หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระพายที่แต่งชุดสุภาพมาก กางเกงทำงานและเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพับแขนขึ้นเพื่อไม่ให้ทางการมากเกินไป จัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางไม่ให้ปรกหน้า เป็นภาพที่พิธานเห็นแล้วถึงกับยิ้มออกมานิดๆ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว ทั้งสองคนจึงเลือกที่จะออกจากห้องเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งคาดว่ารถต้องติดอย่างแน่นอน

        ก่อนจะไปยังบ้านของพิธานนั้นพระพายก็ขอแวะห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด เพื่อซื้อผลไม้จัดตะกร้าให้สวยงาม พิธานจะควักเงินจ่ายแต่พระพายไม่ยอม

“ผมจ่ายเอง”

“มีเงินเยอะเหรอ?” พิธานเหล่มอง

“ไม่เยอะหรอก แต่ถ้าผมไม่จ่ายเองมันก็ไร้ประโยชน์สิ” พระพายยืนยันเช่นนั้น พิธานจึงต้องยอมแต่โดยดี


        กว่าจะออกมาจากห้างได้ก็นานพอสมควร ตอนนี้พิธานขับรถมาเรื่อยๆเพราะรถติดบ้างในบางพื้นที่ พิธานขับรถมายังเส้นทางที่พระพายไม่รู้จักมาก่อน เข้ามาถึงหมู่บ้านแบบบ้านจัดสรรซึ่งมีการตรวจคนเข้าออกอย่างเข้มงวด บ้านทุกหลังนั้นใหญ่โต สวยงามและมีพื้นที่เยอะแยะจนพระพายได้แต่มองอย่างตื่นตาตื่นใจ บ้านที่เหมือนในละครหลังข่าวของพวกพระเอกที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจริงๆ พิธานขับมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีรั้วใหญ่กั้นพร้อมมีคนดูแลอยู่ด้านหน้าด้วย พิธานหยุดรถและลดกระจกลง

“มาหาใครครับ?” ผู้ดูแลซึ่งหน้าเป็นคนเฝ้าเวรยามเอ่ยถาม

“บอกว่าพิธานมา” พิธานบอกสั้นๆ

“อ๋อ คุณพิธาน ลูกชายคนเล็กของคุณท่าน ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ผมเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเลยไม่เคยเห็นหน้า”

“ไม่เป็นไร” พิธานพูดเท่านั้น

“รอสักครู่ครับ ผมขอแจ้งคนในบ้านก่อน” ผ่านไปเพียงชั่วครู่ประตูรั้วก็เปิดขึ้น


        พิธานขับรถเข้าไปจอดยังที่ว่าง รถยนต์ดับสนิทพร้อมๆกับที่พระพายเพิ่งตระหนักได้ว่านี่คือการมาบ้านของพิธาน พ่อที่ซึ่งพิธานไม่ชอบหน้าและความไม่สนิทที่พิธานหลีกเลี่ยง เมื่อมาถึงตรงนี้จึงคิดขึ้นมาได้จริงๆว่าถูกต้องแล้วหรือที่จะมาที่นี่

“เป็นอะไรไป?” พิธานถามขึ้น เมื่อเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพระพายเริ่มมีท่าทีแปลกๆ

“ผมเพิ่งคิดได้...ว่าพ่อคุณอาจจะไม่ชอบที่เป็นอย่างนี้”


             พระพายยังจำคำพูดของพัชชาได้ว่าพ่อของพิธานไม่ปลื้มเรื่องพวกนี้ แล้วเรื่องพวกนี้คือการที่ลูกมีแฟนเป็นผู้ชายรึเปล่า แล้วมันจะดีหรือที่จู่ๆมาหาแล้วบอกว่าเขาคือแฟนหนุ่มของพิธาน ยิ่งพิธานไม่ลงรอยกับพ่อของตัวเองด้วยแล้วยิ่งแย่กันไปใหญ่

“เพิ่งคิดได้ตอนมาถึงนี่แล้วเหรอ?” พิธานหลุดขำออกนิดหน่อย บางครั้งพระพายก็ความรู้สึกช้าไปพอสมควร

“ผมลืมไปเลย ว่าคนเป็นพ่ออาจจะไม่ชอบที่ลูกชายตัวเองไม่ชอบผู้หญิง” พระพายหันมองพิธานที่จ้องมองเขาอยู่

“แล้วยังไง จะกลับตอนนี้ก็ได้นะ”

“มาถึงนี่แล้ว อีกอย่างแม่คุณก็คงรออยู่” พระพายลังเลไปบ้างแต่เมื่อนึกถึงพัชชาที่น่าจะดีใจที่ได้เห็นพิธานมาบ้านหลังนี้ ก็ทำให้ความลังเลเริ่มหายไป

“ฉันไม่ปล่อยให้คุณพ่อทำอะไรนายได้หรอก” พิธานว่าเช่นนั้นก่อนที่จะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้พระพายและใช้หน้าผากชนกับหน้าผากของพระพายเบาๆ

“มันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” พระพายถามพลางสบสายตาของพิธานที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตร

“มีฉันอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” พระพายยิ้มออกมาก่อนที่จะจูบริมฝีปากของพิธานเบาๆ

“สัญญาแล้วนะ” พิธานยิ้มออกมานิดๆเมื่อเห็นพระพายเป็นฝ่ายจูบเขาก่อนบ้าง

“อืม” พิธานพยักหน้า พระพายจึงกลับมานั่งหลังตรงพลางเรียกขวัญกำลังใจที่จะเข้าไปในบ้านของพิธาน

“เอาล่ะพร้อมแล้ว” พระพายว่า ทั้งสองคนจึงลงจากรถพร้อมกับพระพายที่หิ้วตะกร้าผลไม้มาด้วยและเดินเข้าไปยังในบ้าน


         ระหว่างที่เดินเข้าไปก็หันไปสบตาพิธานที่มองพระพายอยู่เช่นกัน พิธานจับมือของพระพายบีบมันแน่นๆเพื่อบ่งบอกว่าเขาอยู่ข้างๆ พระพายได้แต่ลุ้นในใจว่าเมื่อเจอหน้าพ่อของพิธานนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อีกไมกี่อึดใจก็จะรู้แล้ว..



Lyrics: I’ll be there by Jess Glynne.

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 13love32108 ที่ 04-08-2018 13:32:11
 :กอด1: :กอด1: กอดๆให้กำลังใจพระพายน้าาา มีพิธานอยู่ยังไงก็ไม่น่าเป็นห่วงหรอก ว่าแต่คุณพ่อจะเป็นคนแบบไหนกันนะ อยากรู้แล้ว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-08-2018 14:40:33
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-08-2018 14:41:46
เห็นด้วยกับพิธานค่ะไม่ได้ทำนานแล้ว ต้องมีบ้างน้าคร๊าาาาา 55555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-08-2018 15:26:53
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-08-2018 19:01:59
ไปโลดเลย ไปฝากเนื้อฝากตัวกับพ่อผัว  o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-08-2018 20:13:53
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-08-2018 20:20:12
พิธานดูอบอุ่นขึ้นตลอด ชอบจัง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-08-2018 20:27:54
พระพายน่ารัก คุณพ่อช่วยเอ็นดูสักนิดนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 04-08-2018 21:26:06
พิธานอบอุ่น ดูแลพะพายดีมากๆเลย คุณพ่อเอ็นดูน้องพะพายด้วยนะคะ เผื่อลูกชายจะยอมมาเจอหน้าบ่อยๆ
ปล.รักษาสุขภาพนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 04-08-2018 22:10:05
มีหลักที่มั่นคงแบบพิธาน พระพายไม่ต้องกลัว
สู้ๆ น้องพาย ความน่ารักชนะทุกอย่าง!!!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-08-2018 22:15:49
น่ารักขนาดนี้ เอาใจใส่ขนาดนี้ ถ้าพ่อจะไม่ยอมก็เกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-08-2018 23:37:20
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 07-08-2018 16:18:51
สู้ๆนะพระพาย คิดว่าคุณพ่อต้องเข้าใจบ้างแหละ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 43 (04/08/18) P.22 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 08-08-2018 15:54:09
 :z3: ค้างงงงงงงงงงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 11-08-2018 10:43:12
สวัสดีค่า  :mc4: ตอนที่ 44 มาแล้วค่ะ มาดูกันว่าคุณพ่อของพิธานเป็นยังไงบ้าง มาอ่านกันเลยค่ะ ถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ ไว้เจอกันใหม่ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ  :bye2:


+++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 44 Not wrong.


Sometimes the system goes on the blink
บางครั้งมันก็ต้องมีความผิดพลาด
And the whole thing turns out wrong
และทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดไว้
You might not make it back and you know
เธออาจจะย้อนเวลากลับไปไม่ได้ และเธอรู้ว่า
That you could be well oh that strong
เธอจะเข้มแข็งขึ้นได้
And I’m not wrong
และฉันไม่ได้คิดผิดหรอก


        ทั้งสองคนเดินเข้าไปในบ้าน ความประหม่าสำหรับพระพายนั้นแน่นอนว่ามีมากจนถึงขั้นรู้สึกเกร็ง ในบ้านหลังนี้ตกแต่งอย่างสวยงามโอ่อ่าแต่ไม่ได้เป็นเหมือนในละครทีวีที่พระพายดู ไม่ได้ตกแต่งสีทองตระการตาแบบลายหลุยส์ที่ดูเกินความเป็นจริง แต่เป็นการตกแต่งที่เป็นแบบร่วมสมัยและดูสะอาดสะอ้าน เมื่อเดินเข้าไปในบ้านเห็นแม่บ้านมีอายุคนหนึ่งและเด็กรับใช้กำลังเช็ดนั่นปัดนี่และสอดส่องความเรียบร้อยอยู่

“คุณพิธาน!!” แม่บ้านเอ่ยทักและรีบเดินเข้ามาหาพิธานทันทีอย่างดีใจที่ได้เห็น

“สบายดีไหมคะ ซูบลงรึเปล่าคะนี่?” เธอมองพิธานไปทั้งตัวราวกับรู้สึกเป็นห่วง

“สบายดี” พิธานบอกเช่นนั้น ใบหน้าไม่ได้บ่งบอกว่ายินดีที่ได้เจอกันกับคนในบ้านเสียเท่าไหร่

“เชิญนั่งก่อนค่ะ” เธอผายมือให้ไปที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งเด็กรับใช้อีกคนก็รีบออกจากไปตรงนั้นทันที

“คุณแม่ล่ะ?” พิธานเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เด็กรับใช้อีกคนนำน้ำดื่มมาต้อนรับทั้งสองคน

“คุณพัชชาท่านอยู่ในห้องค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปบอกท่านว่าคุณพิธานมาแล้วค่ะ”

“อืม” พิธานพูดเท่านั้น พระพายวางตะกร้าผลไม้ลงบนโต๊ะและพลางมองไปรอบๆ

“บ้านคุณนี่สวยเนอะ”

“ก็เฉยๆ” พิธานว่าเช่นนั้น

“ปกติพ่อคุณอยู่บ้านตลอดเลยเหรอ หรือว่าไปทำงานด้วย”

“ส่วนมากจะอยู่บ้าน สั่งงานผ่านเลขาไป เพราะฉันอยู่ที่ทำงานอยู่แล้ว”

“นี่คุณ...ไม่ได้เจอหน้าพ่อมานานขนาดไหนแล้ว?” พิธานเงียบพลางนึก

“จำไม่ได้แล้วล่ะ”

“เรื่องระหว่างคุณกับพ่อ..มันคงไม่ดีสุดๆเลยใช่ไหม?”

“เดี๋ยวกลับไปจะเล่าให้ฟัง เพราะถ้าเล่าตอนนี้...นายคงจะนึกภาพไม่ออก”

        พิธานและพระพายนั่งลงบนโซฟาที่นุ่มนิ่มเพื่อรอการมาของพัชชาและไม่นานนักพัชชาก็มาถึง แม้จะอยู่แค่ในบ้านแต่การแต่งตัวของเธอไม่ต่างจากการออกไปเที่ยวนอกบ้านเหมือนคราวที่แล้วเลย

“มาแล้วเหรอเด็กๆ” ทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนที่จะนั่งลงตรงโซฟาอีกตัว

“สวัสดีครับ” พระพายยกมือไหว้

“พระพาย สบายดีใช่ไหมจ๊ะ?” พัชชาว่าพลางรับไหว้

“สบายดีครับ”

“แล้วนี่ทานอะไรกันมารึยัง?” พัชชาถาม

“ยังครับ” พิธานเป็นคนตอบ

“ถ้าอย่างนั้นเอาของว่างมารองท้องก่อนดีกว่า” พัชชาหันไปสั่งเด็กรับใช้ให้นำของว่างมาให้ทั้งสองคนเพราะกว่าจะถึงเวลาทานมื้อเย็นก็คงอีกนาน


        พิธานนั่งทานของว่างแบบเงียบๆ ด้านพระพายนั้นพูดคุยกับพัชชาเป็นครั้งคราว ระหว่างนั้นเองก็มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามายังวงสนทนา พิธานชะงักทันทีที่เห็นใครคนนั้นเข้ามา พระพายเงยหน้ามองผู้มาใหม่อย่างรู้สึกประหม่า

        ชายร่างสูงดูภูมิฐานยืนอยู่เด่นเป็นสง่า ริ้วรอยนิดๆนั้นบ่งบอกถึงอายุที่ไม่น้อยแต่กระนั้นก็ยังเห็นได้ชัดถึงความหน้าตาดีของคนๆนี้ ตอนหนุ่มๆคงจะหล่อไม่น้อยเลยทีเดียว บวกกับใบหน้าสุขุมแต่สายตานั้นดูเหยียดกลายๆ ทำให้นึกย้อนถึงภาพที่เจอพิธานครั้งแรก ใบหน้าเช่นนี้ ความรู้สึกเช่นนี้..พ่อกับลูกถอดแบบออกมาเลยทีเดียว

“มาแล้วเหรอคะ”

             พัชชายิ้มกว้างพลางตบโซฟาที่ว่างข้างๆ บ่งบอกให้ไปนั่งด้วยกันโดยไม่ได้สนใจสีหน้านั้นเลยแต่ชายคนนี้ก็ทำตามอย่างไม่ลังเล พิธานปรายตามองพื้นราวกับไม่อยากมองคนที่อยู่ตรงหน้า

“พระพาย..นี่คุณพ่อ คุณธนิตคะนี่พระพายค่ะ” พัชชาแนะนำอย่างเป็นทางการ พระพายยกมือไหว้ทันที

“สวัสดีครับ” การยกมือไหว้ของพระพายนั้นทำให้ธนิตหันมาจ้องพระพายทันที เพียงแค่เห็นสายตาที่มองเหมือนจะบาดลึกก็
ทำเอาพระพายหวาดหวั่นไม่น้อยเลยทีเดียว

“พิธาน....” พัชชาเอ่ยเรียกพิธานที่นั่งเงียบจนเหมือนไม่ได้อยู่ตรงนี้

“สวัสดีครับ” พิธานยกมือไหว้พอเป็นพิธี

“สบายดีเหรอ?” ธนิตเอ่ยถาม น้ำเสียงที่ดูมีอำนาจนั้นดูจะเข้ากับหน้าตาเย่อหยิ่งได้พอดิบพอดี

“สบายดีครับ” พิธานตอบ

“นี่เอาผลไม้มาฝากเหรอ?” พัชชาหันมามองตะกร้าผลไม้ที่วางอยู่ตั้งแต่แรก พระพายเข้าใจในทันทีว่าพัชชารอจังหวะพูดถึงเรื่องของฝากอย่างตั้งใจ

“ครับ” พระพายว่าพลางดันตะกร้าผลไม้ให้พัชชา

“น่ากินนะเนี่ย พระพายซื้อมาเหรอ?” พัชชาถาม

“ครับ” พัชชายิ้มก่อนที่จะเรียกให้เด็กรับใช้มารับผลไม้ไปเพื่อที่จะนำมันขึ้นโต๊ะเป็นผลไม้ล้างปากหลังมื้อเย็น

“เดี๋ยวอีกพักใหญ่ถึงจะจัดโต๊ะอาหาร พิธานพาพระพายไปที่ห้องฆ่าเวลาก่อน เดี๋ยวแม่ให้เด็กไปเรียก”


        พัชชาที่จัดการเองทุกอย่างเสร็จสรรพ สมแล้วที่เป็นแม่เพราะเหมือนจะมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง คงตั้งใจให้พิธานเลี่ยงการปะทะอาจจะเพราะรู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่างของสองพ่อลูกและอาจจะช่วยตัวพระพายเองไม่ให้อึดอัดกับบรรยากาศนี้

“ครับ” พิธานว่าก่อนที่จะลุกขึ้น

“เดี๋ยวมานะครับ” พระพายบอกกล่าวผู้ใหญ่ทั้งสอง จากนั้นก็เดินตามพิธานขึ้นไปยังชั้นสอง


        พิธานพามายังห้องที่อยู่มุมสุด เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่าเป็นห้องนอนซึ่งดูจากการตกแต่งด้วยโปสเตอร์ภาพยนตร์ชื่อดัง รูปรถยุโรปต่างๆที่ใส่กรอบรูปเป็นอย่างดี ก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าห้องนี้เป็นห้องของใคร

“ห้องคุณเหรอ?” พระพายถามพลางมองไปรอบๆ

“ใช่” พิธานตอบก่อนที่จะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง

“นี่ขนาดคุณไม่ได้มานาน ยังสะอาดขนาดนี้เลย คงจะมีคนทำความสะอาดตลอดสินะ”

“คำสั่งคุณแม่น่ะ”

“แปลว่า...ท่านคงรอให้คุณกลับมา” พระพายว่า พิธานไม่พูดอะไรถึงเรื่องนี้แต่กลับเปลี่ยนเรื่องแทน

“เห็นรึยังล่ะ พ่อของฉัน” พิธานถาม

“นี่...ถ้าผมพูดอะไรออกไป สัญญานะว่าจะไม่โกรธ” พระพายจั่วถามก่อน พิธานมองพระพาย

“ฉันพอจะรู้ว่านายจะพูดอะไร” พิธานว่า

“ก็บอกมาก่อนว่าจะไม่โกรธ”

“ได้” พิธานพยักหน้า

“คุณ...เหมือนพ่อคุณมากเลย” พระพายว่า พิธานเงยหน้าพลางถอนหายใจ

“ทายไม่ผิดจริงๆ” พิธานว่า

“แปลว่ามีคนบอกคุณแบบนี้บ่อยใช่ไหม?”

“ตั้งแต่จำความได้ก็ได้ยินมาตลอด”

“ไม่ชอบที่โดนเปรียบแบบนี้ใช่ไหม?”

“ฉันไม่อยากเหมือนคุณพ่อ...คนแบบนั้นไม่อยากเหมือนเลยสักนิด”

“เท่าที่ดู....ท่านก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนี่” พระพายพูดพลางนึกใบหน้าของธนิต

“แล้วตอนนายเจอฉันครั้งแรก นายคิดยังไงล่ะ?” พิธานถาม

“ผมเกลียดคุณ” พระพายตอบทันทีพร้อมหัวเราะ

“แล้วทำไมกับคุณพ่อนายถึงคิดแบบนั้น?” พิธานขมวดคิ้วอย่างเริ่มไม่พอใจนิดๆ

“นั่นเพราะเป็นภาพจำแรกที่คุณแสดงออกมา แต่ลึกๆแล้วคุณไม่ได้เป็นอย่างตอนแรกที่เจอกัน ผมเลยคิดว่าพ่อคุณอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้” พระพายให้เหตุผลเช่นนั้น

“นายนี่มัน...” พิธานเงียบไปก่อนที่จะดึงให้พระพายนอนลงแล้วกอดพระพายแน่นๆ

“เพราะนายเป็นคนแบบนี้ ฉันถึงเลือกนาย” พิธานว่า พระพายยิ้มออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“อย่ามัวนอนเล่นดีกว่า ผมอยากดูว่าห้องคุณมีของอะไรบ้าง” พระพายว่าและก็ลุกขึ้นเพื่อมองหาของสนุกๆฆ่าเวลาก่อนที่จะไปทานมื้อเย็นกับพ่อและแม่ของพิธาน


        พบข้าวของต่างๆนานาที่ไม่คิดว่าคนอย่างพิธานจะมีมัน เช่นหนังสือการ์ตูนต่างๆ โมเดลรถยนต์ต่างๆและภาพยนตร์เก่าๆอีกมากมาย พระพายนั่งดูพวกมันโดยที่พิธานมีหน้าที่รื้อให้ดู รู้สึกได้รู้จักพิธานมากขึ้นด้วยข้าวของสะสมเหล่านี้ อีกทั้งการดูแลเก็บรักษาของพิธานนั้นเยี่ยมยอดมากบ่งบอกถึงนิสัยเรียบร้อยละเอียดอ่อนของพิธานได้เป็นอย่างดี

“นี่ ผมถามหน่อย จากเมื่อก่อนสะสมของพวกนี้แล้วทำไมจู่ๆถึงกลายมาสะสมของเล่นพวกนั้นได้ล่ะ?” พระพายถามอย่างสงสัย อะไรทำให้พิธานเปลี่ยนความคิดจากการสะสมของเล่นธรรมดาจนกลายมาเป็นของเล่นพิสดารพวกนั้นได้

“เพราะดูหนัง” พิธานตอบสั้นๆ

“คุณไปดูหนังเรื่องอะไรเข้า?” พระพายถามพลางทำตาโต

“มีอยู่ในนี้...” พิธานว่าพลางชี้ไปยังกล่องเก็บภาพยนตร์ที่วางอยู่ตรงหน้าพระพาย

“เรื่องไหน?” พระพายถามทันทีพลางเริ่มค้นหา

“ฉันไม่บอกนายหรอกว่าเรื่องไหน” พิธานว่าพลางมองพระพายที่หน้านิ่วคิ้วขมวดและพลางควานหาว่าภาพยนตร์เรื่องไหนกันที่เปิดโลกทัศน์ให้พิธานชอบของแบบนั้นได้

“ทำไมล่ะ?”

“อยากเก็บไว้เป็นความลับ” พิธานว่า

“ขี้ตืด” พระพายว่าพลางส่ายหน้า


        สรุปพิธานหยิบภาพยนตร์เรื่องอื่นเปิดให้พระพายดูแทน เพื่อรอเวลามื้อเย็นตามที่พัชชาบอกไว้ ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงก็จบลงพอดีพร้อมๆกับที่มีคนมาเคาะประตูห้อง

“คุณพิธาน เชิญด้านล่างค่ะ” คำเรียกของเด็กรับใช้บอกเช่นนั้น พิธานจึงเก็บของทั้งหมดเข้าที่

“ลงไปกันเถอะ” พิธานว่า พระพายพยักหน้ารับและคิดอยู่ในใจว่าธนิตจะเป็นกันเองมากกว่านี้หรือไม่ ทั้งสองคนเดินลงมาจากชั้นบน เห็นธนิตนั่งคุยอยู่กับพัชชา เมื่อพัชชาเห็นพิธานและพระพายเดินลงมาก็ยิ้มให้

“มาแล้วเหรอเด็กๆ มานั่งรอก่อน อีกนิดเดียวก็จะตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว” พัชชาว่า ทั้งสองคนจึงนั่งลงตามที่พัชชาบอก

“หิวรึยัง?” พัชชาหันมาถามพระพาย

“ไม่เท่าไหร่ครับ” พระพายตอบด้วยรอยยิ้ม


        และไม่นานอย่างที่พัชชาว่า ตอนนี้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเสร็จแล้ว ทั้งหมดจึงเดินไปยังโต๊ะทานอาหาร ซึ่งมีอาหารมากมายหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะ สีสันน่าทานจนพระพายรู้สึกดีขึ้นที่อย่างน้อยก็ดึงความเครียดจากธนิตมามองอาหารเหล่านี้

“เสียดายเพลงขวัญติดงาน ไม่อย่างนั้นคงพร้อมหน้าพร้อมตา” พัชชาว่าพลางตักอาหารให้พิธาน

“ข้ออ้างรึเปล่า?” ธนิตถามขึ้น

“ยุ่งจริงค่ะคุณ ช่วงนี้ร้านนั้นดังมาก งานเลยเยอะขึ้น” พัชชาตอบ บรรยากาศบนโต๊ะนั้นมีพูดคุยเล็กน้อยจากพัชชาและธนิต ด้านพิธานกับพระพายได้แต่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันเสียมากกว่า

“อาหารอร่อยไหมพระพาย?” พัชชาถาม

“อร่อยมากครับ” ตอบและยิ้มยืนยัน

“ถ้าอย่างนั้นก็ทานเยอะๆนะ” พัชชาว่า


        ใช้เวลาไม่นานนักก็ทานอาหารเสร็จ เด็กรับใช้มายกอาหารทั้งหมดออกจากโต๊ะและนำผลไม้ที่ปอกเปลือกและหั่นเรียบร้อยแล้ว จัดจานวางให้ทุกคน

“พระพาย ช่วงนี้งานยุ่งไหม?” พัชชาถาม ในขณะที่พระพายกำลังจิ้มแอปเปิลอยู่พอดี

“เรื่อยๆครับ” พระพายตอบ ธนิตที่หันมามองหน้าพระพายพูดคุยกับพัชชาก็เอ่ยขึ้นมาบ้าง

“เป็นเพื่อนกันเหรอ?” ธนิตถาม ความกดดันนี้ทำเอาพระพายเริ่มอยู่ไม่สุข เหมือนครั้งแรกตอนที่เจอพิธาน ความรู้สึกกดดันเหล่านี้แทบจะไม่ต่างกันเลยจริงๆ

“แฟนครับ” พิธานตอบและครั้งนี้ก็เลือกที่จะสบสายตาของผู้เป็นพ่ออย่างไม่ยอมหลบใดๆอีก

“แฟน....ผู้ชายน่ะเหรอ?” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ถามขึ้น

“ครับ ผู้ชาย” พิธานตอบชัดถ้อยชัดคำ

“แกยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้อีกเหรอ?”

             ธนิตตวัดสายตามองพิธาน ถ้าหากเป็นคนอื่นคงตัวสั่นเพราะความกลัวเป็นแน่ แต่พิธานกลับเฉยเมยและทนรับแรงกดดันของผู้เป็นพ่อได้จนพระพายอดทึ่งไม่ได้ ความเยือกเย็นของพิธานสูสีกับธนิตเลยทีเดียว

“แบบนี้ แบบไหนครับ?” นิ่งเฉยรับแรงกดดันไม่พอ พิธานมีสวนกลับไปด้วยอย่างกล้าหาญ

“แปลกแยก ผิดแผกกว่าชาวบ้าน” ธนิตว่า พลางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะดึงให้ตัวเองเหนือกว่าพิธานมากขึ้น

“คุณพ่อคงอยู่แต่กับตัวเอง เลยมองไม่เห็นชาวบ้านคนอื่นสินะครับ” พิธานว่า ธนิตขบกรามแน่น รู้สึกเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาตรงขมับ พัชชาที่นั่งฟังเริ่มจะไม่ไหวจึงแตะหลังมือของธนิตเบาๆ

“คุณคะ อย่าโมโหสิ” พัชชาว่า ความร่าเริงของพัชชาที่มีเมื่อก่อนหน้านี้เริ่มจะจางๆลง เพราะอาจจะรู้สึกได้ว่าสามีกำลังไม่พอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

“ยิ่งโตยิ่งปีกกล้าขาแข็ง” ธนิตพูดขึ้นพลางทำให้ตัวเองสงบลง

“ขอบคุณที่ชมครับ” พิธานว่า สายตาของธนิตตวัดมองพิธาน ช่างเป็นสายตาที่น่ากลัวจริงๆ

“หยุดได้แล้วคุณธนิต เด็กๆกลัวแล้ว” พัชชาว่า

“นี่คือสภาพของคนกลัวเหรอ?” ธนิตว่าและหันมามองพัชชา จากนั้นก็หันไปมองพิธาน

“นี่ถ้าไม่กลัวจะขนาดไหน?” ธนิตว่าต่อ พิธานไม่พูดอะไรอีก

“เธอ....ชื่อพระพายสินะ” ธนิตหันมาถามพระพายบ้าง พระพายสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนตอบ

“ครับ”

“คิดอะไรถึงมาชอบลูกฉันล่ะ?” ธนิตถามขึ้น พระพายเริ่มเลิ่กลักเพราะไม่รู้ว่าคำตอบแบบไหนที่ธนิตต้องการกันแน่

“เอ่อ...” พระพายไม่รู้จะพูดออกไปว่าอย่างไรดี

“น่าจะเงิน” ธนิตกลับถามเองตอบเองเสียได้ สายตาที่แสนจะดูถูกพาดผ่านมองมายังพระพาย มันช่างเจ็บปวดกว่าการด่าแรงๆเสียอีก รู้สึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองหน้าชาและหน้าเสียขนาดไหน

“คุณคะ!” พัชชาร้องขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าสามีใช้คำพูดที่ไม่ถูกต้องกับพระพาย

“คุณแม่ครับ พวกเราจะกลับแล้ว” พิธานบอกเช่นนั้นพลางลุกขึ้นและดึงให้พระพายที่รู้สึกชาไปทั้งตัวลุกตาม

“รับความจริงไม่ได้อย่างเคย หนีสิ เรื่องถนัดของแกนี่” ธนิตว่า พระพายรู้สึกได้ถึงแรงบีบจากมือพิธาน คงจะกำลังอดทนอยู่

“ที่หนีไม่ใช่เพราะยอม แต่ผมไม่อยากบากหน้าไปสู้กับคนเห็นแก่ตัวต่างหาก” พิธานเริ่มโต้ตอบกลับ

“พิธาน!!” ธนิตขึ้นเสียงมากกว่าเดิม ตอนนี้สถานการณ์เริ่มแย่ลงจนพระพายเริ่มกลัวมากขึ้น

“พิธาน พาพระพายขึ้นไปข้างบนก่อน” พัชชาว่า

“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!” ธนิตพูดเสียงดังทุกคนชะงักทันที

“พิธาน...แกอย่าหวังว่าจะได้ทุกสิ่งที่แกต้องการ ฉันไม่ยอมรับเด็กคนนี้ ฉันไม่ยอมรับความรักของพวกแก” ธนิตประกาศเสียงกร้าว

“ผมไม่ต้องการการยอมรับจากคุณพ่อ เข้าใจใหม่เสียด้วย” พิธานว่า

“พิธาน!” ธนิตยิ่งโมโหเลือดขึ้นหน้าเข้าไปอีก

“คุณแม่ ผมจะกลับแล้ว” พิธานว่าแค่นั่นและเดินออกมาพร้อมจูงมือพระพายมาด้วย


             พระพายเหลือบมองพิธาน เห็นได้แค่เพียงเสี้ยวหนึ่งของใบหน้าเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าตอนนี้พิธานคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อพระพายหันไปข้างหลังพบว่าพัชชาเดินตามออกมาเพราะความเป็นห่วง พระพายได้แต่โค้งตัวลงอย่างขอโทษที่ออกมากะทันหันเช่นนี้ พัชชาพยักหน้าราวกับเข้าใจในสิ่งที่พระพายและพยักเพยิดไปทางพิธานด้วย พระพายเข้าใจไปว่าคงจะให้ฝากดูแลพิธานด้วย

              พิธานขึ้นรถและปิดประตูเสียงดังจนน่ากลัวประตูจะแหลกคามือ พระพายนั่งอย่างเงียบๆไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา พิธานตอนนี้น่ากลัวมาก มากกว่าตอนที่ทะเลาะกันครั้งนั้นเสียอีก รถเคลื่อนตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่อย่างรวดเร็ว พิธานเหยียบคันเร่งให้รถไปข้างหน้าให้เร็วขึ้นจนพระพายเริ่มรู้สึกไม่ดี

“คุณพิธาน...ใจเย็นๆ” พระพายว่าพลางลูบไหล่พิธานอย่างน้อยก็อาจจะช่วยให้พิธานใจเย็นลงกว่านี้

“คุณพิธาน...มันอันตราย” พระพายเตือนอีกครั้ง นั่นทำให้พิธานสงบลง ค่อยๆถอนคันเร่งจนตอนนี้ขับมาอยู่ที่ความเร็วปกติ

“ผมอยู่ตรงนี้นะ” พระพายบอกเช่นนั้น พิธานหันมามองพระพายที่มีรอยยิ้มบางๆให้ ไม่รู้ว่าทำไมพระพายถึงพูดเช่นนั้นออกไป แต่แค่อยากบอกพิธานอย่างนั้นจริงๆว่าเขาไม่ได้ไปไหน เขายังอยู่ตรงนี้

“ขอโทษที่ต้องให้มาเจออะไรแบบนี้” พิธานว่าพลางละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยรถมาจับมือพระพายไว้

“ช่างมันเถอะ บางทีสิ่งที่เราคิดไว้มันอาจจะมาเป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป” พระพายยิ้มให้

“ขอบคุณ” พิธานยิ้มออกมานิด รู้สึกว่าพระพายเข้มแข็งกว่าที่คิดไว้มาก

“ขับรถเถอะ” พระพายบอก พิธานจึงดึงมือกลับมาจับพวงมาลัยรถต่อ


        สรุปการเจอหน้ากันครั้งแรกกับธนิต พ่อของพิธาน จบอย่างไม่งดงามถึงขั้นเรียกได้ว่าเลวร้ายสุดๆเลยทีเดียว พิธานเองก็คงจะอดทนถึงที่สุดแล้วจนในที่สุดก็อดไม่ได้ อีกทั้งไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีเรื่องอะไรกันถึงไม่ลงรอยกันเช่นนี้ กลับไปคงต้องถามและพูดคุยกับพิธานให้รู้เรื่องมากกว่านี้


Lyrics: Bad day by Daniel Powter.


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-08-2018 10:58:51
นี่ตัวอย่างของพ่อที่หัวโบราณและยึดแต่ตัวเองใหญ่ใช่มั้ย เฮ้อออออออ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-08-2018 11:33:38
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 11-08-2018 11:54:13
การแสดงออก ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
คุณพ่ออาจจะรักจะห่วงในแบบของเขา
เข้มแข็งให้มากๆ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-08-2018 12:32:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-08-2018 17:05:37
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-08-2018 23:27:53
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 11-08-2018 23:44:22
กดดันไปอีกบ้านนี้
ถ้าคุณพ่อจะเปิดใจสักหน่อย ลูกๆคงกลับบ้านกันทุกสัปดาห์
สะใภ้คนนี้นิสัยน่ารักนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-08-2018 03:33:17
อะไรที่เป็นสาเหตุในพ่อลูกคู่นี้ผิดใจอันนะ  :m28:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-08-2018 07:06:46
พ่อกับแม่ต่างกันคนละเรื่อง
แม่ควรจะปราบพ่อหัวดื้อ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-08-2018 11:36:10
ซักวันคุณพ่อก็คงจะยอมรับได้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 44 (11/08/18) P.23 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 17-08-2018 00:38:50
เดี๋ยวคุณพ่อก็จะชอบพระพายเองงงงง :katai5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 18-08-2018 13:14:02
สวัสดีค่ะ จะบอกว่าเมื่อกี้อัพแล้วแต่ไม่ขึ้น ดูเหมือนเล้าจะมีปัญหานิดหน่อย เลยต้องมาอัพใหม่  :katai1:เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ และก็มีเรื่องแจ้งนิดนึง สัปดาห์หน้างดนิยายนะคะ มีธุระนิดหน่อย ขออภัยด้วยนะคะ :o8: ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ที่นี่เลยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ให้กันมาตลอด ขอบคุณที่ยังให้ความสนใจนิยายเรื่องนี้ มีอะไรก็บอกกันได้นะคะ ติชมได้ยินดีรับฟังค่ะ ขอให้คนอ่านทุกท่านโชคดี ไว้เจอกันใหม่ค่ะ  :mew1:

+++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 45 Rely on me.


You can rely on me
คุณสามารถเชื่อใจผมได้
Yes you can
ใช่ คุณเชื่อได้
You can rely on me
คุณนั้นสามารถเชื่อในตัวผมได้นะ
To understand you
ให้คุณได้เข้าใจ
You can rely on me
ว่าคุณสามารถเชื่อใจผมได้
For anything
สำหรับทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
You can rely
คุณนั้นเชื่อใจผมได้


        พระพายลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่รู้ตอนนี้กี่โมงกี่ยามรู้แค่ว่ามันเป็นวันใหม่แล้ว นี่คือการตื่นขึ้นมาแบบงงๆในอีกหนึ่งวัน พระพายหันไปมองข้างๆพบว่าพิธานยังคงหลับอยู่ จึงใช้โอกาสนี้เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและหันไปดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาสิบโมงแล้ว

        หากนึกย้อนไปเมื่อคืนคือหลังกลับมาจากบ้านของพิธานแล้ว กลับมาถึงก็เกือบค่ำพิธานไม่ได้พูดอะไรอีกเลยแค่หยิบเบียร์และเครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลายมานั่งดื่มอย่างเงียบๆ พระพายที่ตั้งใจจะถามแท้ๆว่าพิธานมีเรื่องอะไรกับธนิตผู้เป็นพ่อ แต่ดันนั่งดื่มไปกับพิธานด้วย จำได้ว่าเครื่องดื่มแรงๆที่ไม่ได้ผสมอะไรเลยถูกกระดกเขาปากแบบเพลินๆ อาจจะเพราะรู้สึกโล่งที่ผ่านเรื่องกดดันสุดขีดอย่างการไปพบคนที่บ้านของพิธาน และคิดไปถึงวันข้างหน้าเพราะการคบหาของเขาและพิธานนั้นไม่ได้รับการยอมรับจากธนิต พระพายจึงดื่มให้ตัวเองลืมเรื่องนี้ไปสักชั่วครู่เสียมากมายและสุดท้ายคงเมาจนภาพตัดหรือหลับไปอย่างแน่นอน เพราะตื่นขึ้นมาอีกทีก็คือตอนนี้เวลานี้แล้ว

        รู้สึกปวดหัวแต่ก็ไม่ได้แย่มาก เมื่อก้มมองตัวเองก็พบว่าอยู่ในสภาพชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงไม่พ้นพิธานเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกตามเคย ตอนนี้เจ้าตัวยังคงหลับสนิทไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องไปทำงานหรือเปล่าแต่ก็ไม่อยากที่จะปลุก เพราะใบหน้าที่กำลังหลับสบายไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังฝันถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่

        พระพายนั่งนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อวาน น้ำเสียง คำพูดของธนิตยังคงติดอยู่ในหัว คำที่บอกว่าจะไม่ยอมรับเขา คำที่บอกว่าไม่ได้ยินดีที่จะเห็นเขาและพิธานรักกัน มันช่างเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคืนการดื่มนั้นทำให้ลืมได้ก็จริง แต่เมื่อกลับมาสู่ความเป็นจริงก็ยังพบว่าความคิดเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหนเลย พระพายที่หนักใจขนาดนี้แล้วพิธานไม่ยิ่งหนักใจกว่าเขาอีกหรือ เมื่อคิดได้ก็หันไปมองพิธานที่นอนหลับอยู่ พระพายแตะใบหน้าของพิธานเบาๆ คิดได้แค่สิ่งเดียวคือจะต้องอยู่ข้างๆพิธาน เป็นกำลังใจให้กันและกัน และทำให้พิธานเห็นว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ถึงแม้ธนิตจะไม่ยอมรับก็ตาม

        เมื่อคิดได้อย่างนั้นพระพายก็ลุกขึ้นมา วันนี้เป็นวันหยุดอย่างแท้จริงไม่นับวันลาป่วยการเมืองในเมื่อวาน ระหว่างนี้พระพายมองไปรอบๆห้องเพื่อหาอะไรทำเป็นการแบ่งเบาช่วยเหลือพิธานและนึกได้ว่าวันนี้จะมีคนจากร้านซักรีดมารับเสื้อผ้าไปซัก พระพายจึงจัดการแยกเสื้อผ้าของพิธานและของตัวเองใส่ถุงซักผ้า นำลงไปยังเคาน์เตอร์ต้อนรับด้านล่างเพื่อให้ร้านซักรีดมารับไป

        เมื่อกลับมาถึงห้องก็จัดการโทรสั่งอาหารด้วยไลน์แมน เป็นเมนูโปรดต่างๆของพิธานเพื่ออย่างน้อยหากตื่นมาได้เจออาหารที่ตัวเองชอบจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

        เมื่อคืนพระพายรู้ดีว่าพิธานอยู่ในอารมณ์ไหน โกรธ โมโห และเหมือนจะผิดหวังที่ได้ยินคำๆนั้นจากธนิต ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งสองถึงบาดหมางกันขนาดนี้ เพราะตัวของพิธานเองหรือเพราะตัวของธนิตกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่พระพายรู้สึกคือเพราะทั้งสองเหมือนกันมากจนเกินไป เหมือนจนต่างคนต่างไม่ยอมและมีทิฐิสูงไม่อ่อนข้อให้ คงเป็นอีกจุดที่ทำให้ไม่ลงรอยกันเท่าไหร่นัก

        พระพายนั่งรออาหารที่สั่งพลางดูทีวีไปด้วย เปิดเสียงเบาๆเพราะไม่อยากรบกวนพิธานที่หลับอยู่ในห้องนอน ระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเพื่อโทรหาเก้า

“เก้า...ตื่นยังวะ?” ปลายสายอย่างเก้ารับแล้วแต่กลับไม่มีเสียงพูด

“เออๆ เพิ่งตื่นนี่แหละ” เก้าบอกเสียงงัวเงียขั้นสุด

“กูกวนมึงรึเปล่าวะ?” พระพายถาม เก้าหัวเราะออกมา

“มึงนี่นะ โทรมาและถามว่ากวนไหม คิดก่อนโทรสิวะ”

“เออๆ ก็กูมีเรื่องนิดหน่อย..เอาจริงๆก็ไม่หน่อยล่ะนะ” พระพายว่า

“เรื่องไรวะ?” เก้าเริ่มตื่นเต็มตาและพร้อมรับฟังเรื่องของพระพายที่กำลังจะเล่า

“คือ...กูไปบ้านคุณพิธานมาว่ะ”

“เดี๋ยวๆ วันก่อนมึงบอกเจอแม่ นี่ไปบ้านแล้วเหรอ?” เก้าจำได้ว่าพระพายส่งข้อความมาบอกว่าเจอแม่ของพิธาน

“เออ ไปแล้วและก็ไปเจอพ่อคุณพิธานด้วย”

“แล้วเป็นไงบ้างวะ?” เก้าเองก็ลุ้นคำตอบของพระพาย

“จบที่พ่อลูกทะเลาะกัน”

“เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ใช่ คุณพิธานจริงๆก็ไม่ถูกกับพ่อเขาซะเท่าไหร่ แต่กูไม่คิดว่าจะขนาดนี้”

“แล้วมึงโดนอะไรบ้างไหมวะ?”

“โดนสิ...หาว่าคบกันเพราะเงินและก็....ไม่ยอมรับเรื่องนี้” พระพายว่า พูดแล้วรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที

“อ้าว พูดแบบนี้ได้ไงวะ” เก้าอารมณ์ขึ้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“ก็นั่นแหละ กูก็ไม่รู้ว่าทำไมสองคนนั่นถึงเป็นแบบนั้น แต่กูไม่กล้าไปเจออีกแล้วล่ะ” พระพายว่า

“มึงต้องเจออีก เชื่อกูสิ”

“กูต้องทำไงดีวะเก้า” พระพายถามความเห็นเพื่อนสนิท

“เอาจริงๆมึงต้องถามแฟนมึงนะ ว่ามันจะทำยังไงต่อไปในเมื่อพ่อมันไม่ยอมรับการคบกันของพวกมึง”

“เมื่อคืนว่าจะถาม แต่ดูเขาเครียดๆเลยได้แต่นั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนแทน” พระพายว่า

“มึงก็ถามให้รู้เรื่องไปเลย จะได้รู้ว่าต้องรับมือยังไงต่อไป”

“วันนี้ว่าจะถาม ถ้าไม่ถามก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ”

“เอาเถอะมึง อย่าคิดมาก กูว่ายังไงไอ้พิธานมันก็ต้องจัดการได้ คนแบบมันไม่ยอมปล่อยมือจากมึงง่ายๆหรอก”

“ก็หวังไว้อย่างนั้นแหละ แล้วมึงวันนี้จะไปไหนไหม?”

“กูเหรอ ว่าจะไปหามึงนั่นแหละ อีกอย่างไอ้ไคอยากให้ไปหาที่ห้อง เลยไปหามึงซะด้วยเลย” เก้าว่า

“อ้าว ทำไมไม่บอกก่อนวะ กูจะได้ไม่ต้องเล่าทางนี้” พระพายบ่น

“มึงไม่ได้เล่าหมดหรอกกูรู้ เดี๋ยวค่อยเข้าไปคุยต่อ”

“ว่าแต่...นี่ยังไม่ตกลงกันเลยเหรอว่าเป็นอะไรกันกับคุณไค?” พระพายถามอย่างสงสัย

“เอาน่า ปล่อยให้มันเป็นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวกูไปล่ะกัน อีกสักสองสามชั่วโมง”

“ได้ เดี๋ยวเจอกัน” พระพายจึงวางสาย และอาหารที่สั่งไว้ก็มาพอดิบพอดี


        พระพายรับอาหารทั้งหมดมาวางไว้บนโต๊ะ จัดใส่จานให้เรียบร้อยและคิดว่าจะอุ่นอีกทีหากพิธานตื่นสายกว่านี้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อดูว่าพิธานตื่นแล้วหรือยัง เห็นพิธานพลิกตัวพอดีแปลว่าเจ้าตัวคงตื่นแล้วแต่ยังอยากนอนแช่อยู่อย่างนั้น

“วันนี้ทำงานรึเปล่า?” พระพายกระซิบถามพลางนั่งลงบนเตียง พิธานไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแต่กลับยิ้มนิดๆ

“ไม่ไป ขี้เกียจ” เสียงแหบๆนั้นตอบทันควัน

“เดี๋ยวก็โดนตัดเงินเดือนหรอก” พระพายว่าและจิ้มบนจมูกของพิธาน

“ใครจะกล้าตัด” ว่าพลางลืมตาขึ้นมามองพระพาย

“ลืมไปว่าระดับคุณพิธานเสียอย่าง” พระพายหัวเราะนิดๆ

“ตื่นนานแล้วเหรอ?” พิธานถาม

“พักใหญ่แล้ว สรุปวันนี้จะไม่ไปทำงานจริงๆใช่ไหม?”

“ไม่อยากไป”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องบอกเลขาคุณ ว่าวันนี้ไม่ไปทำงาน”

“นายโทรบอกได้ไหม?” พิธานว่า

“เลขาคุณนะ จะให้ผมบอกได้ยังไง” พระพายปฏิเสธทันที

“ฉันจะเข้าห้องน้ำ โทรบอกให้ที มือถืออยู่ตรงนั้น” พิธานบอก

“เดี๋ยวๆ ผมไม่รู้รหัส” พระพายร้องเสียดังในขณะที่พิธานเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว

“วันเกิดกับเดือนเกิดของนายนั่นแหละ” พิธานตอบและปิดประตูห้องน้ำไป

“โอ๊ย ตั้งรหัสแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”


             พระพายยิ้มออกมานิดๆ เขาเองยังไม่ตั้งรหัสเปิดเครื่องเลยสักนิดและโทรศัพท์มือถือของพิธานเองพระพายไม่เคยยุ่งย่ามเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เข้าสู่ความเป็นส่วนตัวที่ลึกเข้าไปอีกของพิธาน

“ว่าแต่เลขาคุณชื่ออะไร?” พระพายเดินไปหน้าประตูห้องน้ำและตะโกนถาม

“ชื่อที่มีเลขานำหน้า” พิธานตอบกลับ

“จะให้บอกยังไงล่ะ บอกว่าคุณไม่อยากไปทำงานเหรอ?” พระพายหนักใจจริงๆที่จะต้องมาทำแบบนี้

“บอกว่าฉันป่วยก็ได้” พิธานบอกเช่นนั้น

“เป็นเด็กเลี้ยงแกะรึไง” พระพายว่าพลางหัวเราะออกมา

“ฉันทำตามเด็กเลี้ยงแกะคนเมื่อวาน” พิธานว่า พระพายยิ่งหัวเราะเข้าไปอีก


        พระพายเปิดเครื่องไล่หาชื่อที่โทรเข้าออกก็พบชื่อที่พิธานบอก พิธานบันทึกชื่อไว้ว่า”เลขาปอ” พระพายมั่นใจว่าจะต้องเป็นเบอร์นี้อย่างแน่นอน

        ก่อนโทรก็ยืนทำใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจโทร ได้ยินเสียงรอสายแต่ไม่ถึงสามวิเท่านั้นปลายสายก็รับสายด้วยความรวดเร็ว

“คุณพิธาน อยู่ไหนครับ?” เสียงนั้นถามทันทีที่รับสาย ทันทีที่ได้ยินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง พระพายหลงคิดไปได้ว่า ปอ นั้นเป็นชื่อของผู้หญิง

“เอ่อ...คือ ผมไม่ใช่คุณพิธานครับ” พระพายตอบไป

“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณคือใคร?” น้ำเสียงขึงขังถามทันที

“คือคุณพิธาน ไม่สบายครับ เลยให้ผมโทรมาบอกว่าวันนี้คงไม่ไปทำงาน”

“ไม่สบายหรือครับ เป็นอะไรมากไหม ไปหาหมอรึยัง?” น้ำเสียงร้อนรนอย่างคนเป็นห่วงถามขึ้น

“ก็...ทานยาแล้วครับ แต่คงไปทำงานไม่ไหว เลยให้ผมบอกคุณครับ”

“คุณคือคนที่อยู่กับคุณพิธานใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ” พระพายตอบ

“ถ้าต้องการความช่วยเหลือใดๆก็โปรดแจ้งผมด้วยครับ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร?”

“พระพายครับ”

“ฝากดูแลคุณพิธานด้วยครับคุณพระพาย ผมต้องไปจัดการงานต่อ”
 
“ครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ติดต่อมาได้ทุกเมื่อครับ” เลขาปอบอกเช่นนั้นก่อนจะวางไป


        พระพายพรูลมหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกแย่ทีเดียวเลยที่ทำให้เลขาปอเป็นห่วงถึงขนาดนี้ แต่ผิดคาดจริงๆเพราะพระพายคิดว่าเสมอว่าเลขานุการส่วนใหญ่จะต้องเป็นผู้หญิง อีกทั้งไม่เคยถามไถ่เรื่องการทำงานของพิธานมากนัก เลยไมรู้จักเลขาคนนี้เลย

“คุณน่ะ ทำให้ผมเป็นคนนิสัยไม่ดี” พระพายบ่นทันทีที่เห็นพิธานเดินออกมาจากห้องน้ำ

“หืม?”

“ไม่ต้องมาหืมเลย ผมต้องโกหกไป ทั้งๆที่เลขาคุณเป็นห่วงแทบแย่ขนาดนั้น”

“เขาเป็นคนเล่นใหญ่แบบนั้นแหละ อย่าไปสนเลย” พิธานว่า

“ว่าแต่เขาเป็นผู้ชายเหรอ ผมหลงคิดมาตั้งนานว่าเป็นผู้หญิง” พระพายบอกในขณะที่เดินไปยังโต๊ะทานอาหารและนำอาหารทั้งหมดอุ่นในไมโครเวฟ

“ถามแบบนี้..หึงเหรอ?” พิธานถามพลางเหล่มอง

“หึงอะไร ว่าไปนั่น” พระพายแย้งทันที

“จริงเหรอ?” พิธานถามอีกครั้ง

“จริงๆ” พระพายตอบเสียงสูง พิธานอมยิ้มก่อนที่จะเดินมากอดจากด้านหลัง

“แน่ใจ?” ถามอย่างหยอกล้อ ไม่เคยเห็นพระพายมีท่าทีอย่างนี้มาก่อน

“ไม่ได้หึง” พระพายลากเสียงยาว

“ตั้งแต่คบกันมา ฉันไม่เคยเห็นนายหึงเลย” พิธานว่า

“ไม่ดีเหรอ ที่ผมเชื่อใจคุณขนาดนี้” พระพายเอี้ยวหน้าไปมองคนที่กอดเขาอยู่ข้างหลัง

“มันก็ดีหรอก แต่ผิดหวังนิดๆ”

“คุณนี่จริงๆเลย” พระพายหัวเราะนิดๆก่อนที่จะนำอาหารที่อุ่นทั้งหมดแล้วไปวางบนโต๊ะ และทั้งสองก็เริ่มทานอาหารพร้อมกัน


        ทานอาหารจนเสร็จพระพายก็เก็บล้างทั้งหมด พิธานทำท่าจะช่วยแต่ดันมีเสียงกดออดดังขึ้น พิธานจึงต้องไปเปิดประตูว่าใครมา ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังขึ้นพอจะเดาออกว่าใครมา

“แม่ศรีเรือนเหลือเกินเพื่อนกู” เสียงเก้าดังขึ้นพระพายหันไปมองทันที

“ปากเปราะทักทายเลยนะมึง” พระพายว่าพลางหัวเราะ

“ให้ช่วยไหม?” เก้าถาม

“จะเสร็จแล้ว”


        พระพายล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงหันมาชกไหล่เก้าทันทีที่โทษฐานแซวเขาเรื่องล้างจานเมื่อครู่นี้ เก้าได้แต่หัวเราะและนั่งลงที่โต๊ะทานอาหาร

“มึงกินอะไรมารึยัง?” พระพายถาม

“กินมานิดหน่อย เมื่อกี้แวะเซเว่นเอา ไอ้ไคมันว่าจะชวนพวกมึงไปกินข้าวกันตอนบ่ายๆ” เก้าว่า

“อ่อ บ่ายๆก็คงหิวกันอีกรอบ” พระพายว่าและทำท่าจะเดินไปยังห้องนั่งเล่นแต่เก้าดึงเอาไว้ก่อน

“คุยตรงนี้แหละมึง ปล่อยให้พวกมันคุยกันไป ส่วนเรามาคุยตรงนี้” เก้าว่า

“สองคนนั่นมีเรื่องคุยกันเหรอ?” พระพายถามอย่างสงสัย

“ไม่รู้เหมือนกันแต่ไอ้ไคมันบอกอยากคุยอะไรสักหน่อยกับแฟนมึง” เก้าบอก

“เรื่องอะไรนะ?” พระพายครุ่นคิด

“มึงอย่าสนใจเลย กูว่าไม่พ้นเรื่องที่บ้านมันนั่นแหละ ว่าแต่ท่าทางพ่อมันเป็นไงบ้างวะ” เก้าถามถึงเรื่องนั้นทันทีที่มีโอกาส

“น่ากลัวมาก เหมือนเห็นคุณพิธานในเวอร์ชั่นแก่เลยมึง” พระพายเล่า

“เหมือนกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”

“เออ เหมือนจนแบบพิมพ์เดียวกันเป๊ะๆ สายตา ท่าทาง คำพูด แล้วคุณพิธานงัดข้อกับพ่อด้วย กูคิดว่ากูจะตายอยู่ตรงนั้นแล้ว” นึกถึงเมื่อวานก็ยังรู้สึกไม่สู้ดีจนถึงตอนนี้

“เขาพูดอะไรอีกไหมนอกจากว่าเรื่องเงิน” เก้าถามต่อ

“เขา...บอกไม่ยอมรับกู ไม่ยอมรับความรักของเรา” มาถึงตอนนี้พระพายเริ่มนิ่ง

“แล้วมึงจะเอาไงต่อล่ะทีนี้” เก้าถาม ในเมื่อการคบกันเริ่มยากขึ้นกว่าเดิมแล้ว เพื่อนของเขาจะทำอย่างไรต่อไป พระพายเงียบไปก่อนที่จะพูดออกมา

“ตอนนี้กูได้แต่รอดูว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้ แต่เชื่อว่ากูจะผ่านได้ถ้าคุณพิธานอยู่ข้างๆกู” พระพายว่า เก้าได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมานิดๆความคิดของพระพายนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากขึ้น

“เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเสียทีนะมึง” เก้าว่า

“จริงเหรอ?” พระพายหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“เออ” เก้าว่า


        และทั้งสองก็คุยสัพเพเหระกันต่อไปอีกสักพักจนในที่สุดพิธานก็เดินเข้าตามด้วยใบหน้ายุ่งๆเพราะสงสัยว่าทั้งสองมานั่งคุยอะไรกันตรงนี้

“ทำอะไรกัน?” พิธานถาม

“นั่งคุยกันประสาเพื่อน ไม่ได้รึไงวะ?” เก้าว่า พิธานไม่ได้สนใจจะมองเก้าแต่หันมามองพระพายแทน

“นั่งคุยเฉยๆ” พระพายสำทับอีกรอบ

“ไคเรียก” พิธานหันไปบอกเก้า

“จะไล่กูก็บอกตรงๆสิ” เก้าว่าและลุกออกไปจากโต๊ะทานอาหาร ทั้งสองก็ยังคงเขม่นกันอย่างคงเส้นคงวา

“มีเรื่องอะไร?” พิธานนั่งลงข้างๆพระพายพลางเอ่ยถามขึ้นเมื่อเก้าเดินออกไปแล้ว

“ก็...เรื่องทั่วไป” พระพายตอบ

“ใช่เหรอ?” พิธานผู้ซึ่งรู้ทันทุกอย่างจนยากที่จะปกปิดอะไรได้

“ผมคุยเรื่องพ่อคุณกับเก้า” พระพายบอกความจริงในที่สุด

“นาย..กังวลเรื่องนี้อยู่?” พระพายพยักหน้าเป็นคำตอบ

“นายจะเชื่อใจฉันใช่ไหม?” พิธานถาม

“ผมเชื่อใจคุณ และก็อยากให้คุณเชื่อใจผมด้วยเหมือนกัน”

“ฉันรู้ว่านายจะอยู่ตรงนี้อย่างที่นายเคยบอกไว้” พิธานดึงมือพระพายมากุมไว้

“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเรา”


             สายตาของพิธานที่จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของพระพาย แววตาที่บ่งบอกว่าสิ่งที่พูดคือความจริงและเป็นคำสัญญา พระพายเม้มริมฝีปากก่อนที่จะกุมใบหน้าของพิธานไว้เบาๆพร้อมสบตาของพิธานที่ส่งมา

“ผม..เชื่อในตัวคุณ ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ผมจะไม่ไปไหนจนกว่าคุณจะขอให้ผมไป” พระพายว่า ดวงตาของพิธานสั่นไหวเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ไม่มีวันนั้นหรอก”


             พิธานยืนยันเช่นนั้นแล้วก้มลงจูบหน้าผากพระพายเบาๆ ก่อนที่จะดึงพระพายมากอดไว้เสียแน่น พระพายยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของพิธาน รู้สึกดีเสมอเวลาที่ได้กอดกันเช่นนี้

“เอ่อ..โทษที” เสียงไคดังขึ้น พระพายผละออกมาด้วยความรวดเร็ว พิธานหันขวับไปยังไคที่ยืนอยู่ผิดที่ผิดเวลา

“ไม่ได้จะขัดจังหวะ...แค่จะถามว่านายเอาหนังเรื่องโปรดฉันไปเก็บที่ไหน” ไคยิ้มกว้าง พิธานหน้าบูดทันควันเมื่อได้ยินอย่างนั้น พระพายหัวเราะออกมาเมื่อเห็นไคทำหน้าตาตลกเพราะรู้ตัวดีว่าทำพิธานหงุดหงิดเสียแล้ว

“ไปหาหนังให้คุณไคดีกว่า”


             พระพายว่าและรีบลุกขึ้นเดินไปยังห้องนั่งเล่น ไคหันไปยิ้มให้พิธานและรีบเดินตามพระพายไป พิธานเดินตามเป็นคนสุดท้ายจึงใช้โอกาสนี้ยกขาเตะน่องไคไปหนึ่งที ไคหัวเราะถูกอกถูกใจที่ทำพิธานหงุดหงิดจนต้องโดนเตะแบบนี้

             ทั้งสี่คนนั่งดูหนังโปรดของไคกันจนถึงเวลาบ่ายและออกไปหาอะไรทานกันข้างนอก เป็นร้านที่ไคอยากทาน จากนั้นก็ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า ซื้อของกันนิดๆหน่อยๆและเดินดูนั่นนี่ไปเรื่อย

             พิธานที่ดูจะหน้าตาบึ้งตึงไปบ้างเพราะรำคาญเก้าที่เอาแต่ดึงพระพายไปอยู่ด้วยตลอด แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของพระพายพิธานก็ได้แต่ยอมๆไป อีกทั้งอยากให้พระพายได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนบ้าง เพราะเวลาอยู่กับเพื่อนพระพายจะมีอีกมุมที่พิธานชอบ คือการแหย่เก้าเล่นตามนิสัย ซึ่งเป็นอะไรที่พิธานชอบเสมอเวลาเจ้าตัวมีมุมสนุกสนานเช่นนี้

              เพราะอยากให้พระพายยิ้ม ไม่อยากให้พระพายมีทุกข์ อยากสร้างความสุขให้คนๆนี้เสมอไป จะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้พระพายต้องเสียใจ ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นถึงพ่อบังเกิดเกล้า พิธานก็จะไม่มีวันยอมเด็ดขาด อะไรที่พิธานทำได้ก็จะทำขอให้แค่พระพายมีความสุขและอยู่ข้างๆเขาเท่านั้นก็พอ ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้จริงๆ..


Lyrics: You can rely on me by Jason Mraz.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2018 14:02:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-08-2018 14:22:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 18-08-2018 14:25:29
อย่าปล่อยมือกันนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-08-2018 19:14:48
พิธานโตแล้ว หน้าที่การงานก็มั่นคง พ่อก็ไม่ควรมาเคี่ยวเข็ญเรื่องส่วนตัวของลูก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 18-08-2018 20:46:10
ติดตามเรื่อยๆเลย
ก้าวไปข้างหน้านะทั้ง2คู่เลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-08-2018 22:31:42
น้ำตาะไหลตอนพระพายบอกว่าเชื่อพิธาน จะไปก็ต่อเมื่อพิธานบอก ฮือออออ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-08-2018 23:36:28
เขินนนนน
ทำไมพิธานกลายเป็นผู้ชายละมุน
คนเย็นชา และร้ายกาจคนนั้นหายไปไหน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-08-2018 23:59:26
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-08-2018 02:16:53
พุ่งชนพ่อพิธานไปเลย นั้นล่ะเป้าหมายใหญ่เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 19-08-2018 13:28:14
ขอให้เรื่องคุณพ่อผ่านไปด้วยดีนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-08-2018 14:20:52
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-08-2018 16:05:56
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 45 (18/08/18) P.23 New!! แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: nolnalnew ที่ 21-08-2018 11:18:40
 :katai2-1: อ่านรวดเดียวตั้งแต่เริ่มเลยค่ะ สนุกมากก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 02-09-2018 09:32:11
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยนะคะที่มาอัพช้าไปหนึ่งวัน เพราะเมื่อวาน AIS Fiber แถวนี้มีปัญหาเรื่องสายขาดสองรอบเลยค่ะ อินเตอร์เน็ตเลยอืดมากเข้ายากเข้าเย็นจึงต้องปล่อยเลยตามเลยและมาอัพเอาวันนี้ค่ะ เอาล่ะ ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ ถ้ามีข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ หายไปหนึ่งสัปดาห์ทุกคนสบายดีใช่ไหมคะ? หวังว่าจะรักษาสุขภาพกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ  :mew1:

+++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 46 Jealousy.


Don’t tell me what I wanna hear
อย่าบอกฉันถึงสิ่งที่ฉันอยากฟัง
Afraid of never knowing fear
กลัวที่จะไม่รู้จักความหวาดกลัวนี้
Experience anything you need
ประสบการณ์ทั้งหมดที่เธอต้องการ
I’ll keep fighting jealousy
ฉันจะเก็บความหึงหวงนี้ไว้
Until it’s fucking gone
จนกว่ามันจะหายไป



        สัปดาห์แห่งการทำงานก็เริ่มต้นอีกครั้ง พระพายที่ลางานไปเมื่อวันเสาร์ก็พบว่ามีงานงอกขึ้นอย่างน่าตกใจทั้งๆที่หยุดไปแค่หนึ่งวันเท่านั้น จึงต้องนั่งทำงานงกๆอยู่อย่างนี้มาทั้งสัปดาห์แล้ว โดยที่มีพี่กล้วยนั่งหัวเราะเยาะเย้ยเป็นกำลังใจในการทำงานโดยที่พระพายไม่ต้องการเลยสักนิด

        แต่เพราะงานเยอะแยะเหล่านี้ทำให้พระพายไม่มีเวลาคิดเรื่องในวันเสาร์ที่ผ่านมาเลย เรื่องของธนิตถูกวางเอาไว้นอกความคิด ตอนนี้คิดแต่เรื่องงานเท่านั้น ทำให้พระพายลืมเรื่องนั้นไปชั่วคราว ไม่คิดมากและหนักใจเท่ากับวันก่อนๆ

“พวกมึง คืนพรุ่งนี้บ้านกูมีปิ้งย่าง ต้องไปทุกคน” พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์วันสุดท้ายของการทำงาน พี่กล้วยพูดขึ้นมาหลังจากที่ทุกคนกลับมาจากทานมื้อเที่ยง ทุกคนได้แต่ส่ายหน้ากับการใช้อำนาจมืดของพี่กล้วย

“พักตับพักไตบ้างก็ดีนะ” พี่ปีว่า

“ใช่พี่ เพิ่งกินไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง” มีคนเห็นด้วยกับความคิดของพี่ปี

“มึงไม่รู้สึกแปลกๆเหรอ ว่ามันไม่ครบองค์ประชุมสักที โดยเฉพาะมึงเลยน้องพาย...มึงน่ะไม่ไปเลย มีสาวรึไงวะ” พี่กล้วยหันไปว่าพระพายที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่

“สาวที่ไหน ว่าไปนั่น” พระพายปฏิเสธทันที เขาไม่ได้มีสาวเสียหน่อย...มีแต่ชายหนุ่มต่างหาก

“ไม่รู้แหละ มึงต้องไปและต้องไปค้างด้วย” พี่กล้วยว่า

“ไม่เอาไม่ค้าง” พระพายส่ายหน้า

“ไม่ค้างก็ได้แต่มึงต้องไป ถ้าไม่ไปมึงได้เจอด้านมืดกูแน่” พี่กล้วยว่าพลางวางท่าเป็นตัวร้ายในละครทีวี เรียกเสียงหัวเราะจากคนในแผนกได้ดีเลยทีเดียว

“ไม่รับปาก เดี๋ยวพรุ่งนี้มาบอกล่ะกัน” พระพายแบ่งรับแบ่งสู้

“ทำไม ต้องไปขอเมียก่อนเหรอวะ?” พี่กล้วยว่าพลางหัวเราะถูกใจ

“เรื่องของผมน่า” พระพายพูดปัดแล้วรีบทำงานต่อ


        ก็จริงที่หลังๆมานี้พระพายไม่ได้ไปสังสรรค์นอกเวลางานกับพี่ๆในแผนกเลย เพราะเอาแต่กลับไปขลุกตัวอยู่ในห้องกับพิธานเสียมากกว่า ดูท่ากลับไปคืนนี้คงต้องบอกพิธานว่าจะต้องไปกินปิ้งย่างบ้านพี่กล้วยบ้าง ไม่รู้ว่าพิธานจะตอบตกลงหรือไม่ คิดๆไปพระพายเหมือนมีเมียอย่างที่พี่กล้วยว่าเหมือนกัน คิดได้เช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา ใช่แล้วเป็นเมียที่ดุเสียด้วย

        พระพายทำงานจนในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้าน รีบเก็บข้าวของและบอกลาพี่ๆในแผนก รีบกลับห้องเพราะพิธานเพิ่งส่งข้อความมาว่าวันนี้ไม่ยุ่งและจะกลับห้องเร็ว พระพายไม่รอช้ารีบเดินทางกลับห้องด้วยความรวดเร็ว

        พระพายลงจากรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพราะวิธีนี้เร็วที่สุดแล้ว เมื่อพระพายเดินจะเข้าไปยังคอนโด ก็เห็นพิธานยืนคุยอยู่กับใครคนหนึ่งที่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ เห็นจากมุมนี้ไม่ค่อยชัดนัก พระพายจึงเดินไปแอบตรงกระถางต้นไม้ต้นสูงที่ตั้งอยู่หน้าคอนโด คราวนี้จึงเห็นได้ชัดว่าพิธานยืนคุยอยู่กับใคร

        เป็นผู้ชายร่างเล็กแต่สูงกว่าพระพายนิดหน่อย ใบหน้านิ่งๆที่ดูแล้วรู้สึกว่าดูดี สุขุมทุกท่วงท่า พระพายมองอย่างรู้สึกหลุดเข้าไปในภวังค์ ในสายตาของพระพายผู้ชายคนนี้ช่างน่ามองแม้กระทั่งตอนพูดตอนขยับปากแบบปกติก็ตาม

“ใครกัน?”


            พระพายมองอย่างสงสัยและเพียงครู่เดียวผู้ชายคนนั้นก็ยกมือไหว้พิธาน พิธานตบไหล่นั้นเบาๆ หลังจากนั้นก็เดินขึ้นลิฟต์ไป ด้านผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมายังประตูทางเข้า พระพายรีบหันหลังหลบ ก่อนที่จะหันมองตามไปจนสุดสายตา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงต้องมาแอบหลบตรงนี้แทนที่จะเดินเข้าไปหาพิธานตรงๆแต่เมื่อเห็นทั้งสองคนคุยก็รู้สึกแค่ว่าไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะเพียงเท่านั้น..เท่านั้นจริงๆ

           พิธานขึ้นห้องแล้วไปแล้วและส่งข้อความมาหาพระพายด้วยความรวดเร็วว่าตอนนี้อยู่ในห้องแล้ว พระพายจึงเดินขึ้นลิฟต์ไปด้วยความรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย ทำไมถึงคันยุบยิบในอกเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นและเขาเป็นใครกัน

           พระพายไขกุญแจเข้าไปในห้อง ถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าพิธานเพิ่งถอดสูทออก พิธานหันมาเห็นพระพายที่เข้ามาพอดี

“มาเร็วนะ” พิธานว่าพลางเดินเข้ามากอดพระพาย

“เป็นอะไร?” พระพายถามอย่างแปลกใจที่พิธานเข้ามากอดแบบไม่ทันตั้งตัว

“เหนื่อย” พิธานตอบเท่านั้น

“จะอ้อน?” พระพายถาม

“เปล่าเสียหน่อย” พิธานพูดเช่นนั้นก็จริงแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยพระพาย

“วันนี้งานยุ่งอีกแล้วเหรอ?”

“ยุ่งอย่างนี้ทุกวัน”

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม?”

“อืม”


            พิธานจึงปล่อยแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พระพายมองแผ่นหลังกว้างที่เดินไปพร้อมกับนึกถึงภาพเมื่อครู่...ทำไมถึงยังรู้สึกสงสัยว่าคนๆนั้นเป็นใคร ถ้าหากไม่ถามก็จะรู้สึกค้างคาใจไปตลอดวันแน่ แค่คิดเรื่องของธนิตก็มากพอแล้ว

            พระพายหยุดคิดทุกอย่างลงและเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน วันนี้พระพายไม่ได้หอบงานกลับมาทำด้วยเพราะสะสางจนเหลือแค่เพียงนิดหน่อยและคิดว่าจะไปทำต่อในวันพรุ่งนี้  วันนี้จึงคิดจะนั่งดูหนังหรือหาอะไรทำแบบสบายๆแต่ช่างแย้งกับความคิดในหัวที่คิดวกวนจนตียุ่งกันไปหมด

“เป็นอะไร?” พิธานเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นพระพายที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วแต่กลับยืนนิ่งเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดอะไรสักอย่าง

“หืม? อ๋อ เปล่า” พระพายปฏิเสธทันที

“บอกมา” น้ำเสียงไม่ได้บังคับแต่อยากให้บอกตรงๆ

“ทำไมต้องรู้ทันตลอด แบบนี้ก็โกหกอะไรไม่ได้เลยสิ” พระพายส่ายหน้า

“ไม่เคยบอกรึไง ว่าหน้านายบอกหมดทุกอย่างหมดแล้ว” พิธานว่าและลากพระพายมานั่งยังโซฟาหน้าทีวี

“ไม่จริง คุณนั่นแหละที่รู้ทันเกินไป” พระพายเถียง พิธานยิ้มมุมปาก

“เพราะเป็นนาย ฉันเลยรู้” พิธานว่า พระพายยิ้มออกมาก่อนที่จะซบไหล่พิธาน ซึ่งไม่บ่อยนักที่พะพายจะเป็นเช่นนี้

“ผมอยากรู้..เรื่องคุณกับพ่อ” พระพายเอ่ยมันออกมาในที่สุด

“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะถามเรื่องนี้”

“ใช่ ผมกำลังรอจังหวะจะถามคุณอยู่ เรื่องนี้มันกวนใจผมมากจนตอนนี้ก็ยังคิดอยู่เลย”

“เครียดเหรอ?” 

“ถ้าบอกว่าไม่ก็จะกลายเป็นโกหก แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณหนักใจมากไปกว่านี้เหมือนกัน”

“ฉันเองคิดจะบอกนายเหมือนกัน”

“ตกลงคุณมีเรื่องอะไรกับพ่อคุณ ทำไมถึงไม่ลงรอยกันขนาดนี้” พระพายถามถึงสิ่งที่อยากรู้มาตั้งแต่วันนั้นแล้ว

“จะเล่าให้นายฟัง” พิธานว่า พระพายผละออกจากไหล่ของพิธานและหันไปมองพิธานที่นิ่งเงียบไปเพียงครู่ก่อนจะเปิดปากเล่า

“คุณพ่อ...ทำคุณแม่เสียใจ คุณพ่อนอกใจคุณแม่”

            พิธานบอกถึงเรื่องที่ไม่เคยบอกผู้ใดมาก่อนนอกจากเพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้หากไม่นับเพลงขวัญผู้เป็นพี่สาวที่รู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว พระพายถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ตอนนั้นฉันเพิ่งอยู่ม.ปลาย เห็นคุณพ่อกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนหนึ่งในบ้าน ตอนนั้นคุณแม่ไปเยี่ยมคุณยายเลยไม่ได้อยู่บ้าน...ฉัน...โกรธมาก”

“และผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใคร คือเลขาที่ทำงานกับคุณพ่อมาโดยตลอด ไม่มีใครเอะใจเลยสักนิด เพราะผู้หญิงคนนั้นเธอใจดีและเป็นคนดีเสมอเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ...ฉัน...เกลียดผู้หญิงแบบนั้นที่สุด” พิธานยังคงเล่าต่อไปด้วยแววตาว่างเปล่า

“ฉันไม่บอกคุณแม่ แต่ฉันเลือกที่จะพูดกับคุณพ่อตรงๆ คุณพ่อไม่ยอมรับและบอกว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง”

“นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น เห็นมันหลายครั้งและบ่อยๆ จนเริ่มเข้ามหาลัย ฉันก็ยิ่งพบว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นจนลามไปถึงผู้หญิงคนอื่นๆ ยิ่งทุกครั้งที่เห็นเลขาคนนั้นแสร้งเป็นคนดี ฉันก็ยิ่งขนลุก”

“ฉันพยายามถามตัวเอง ว่าสรุปไม่ชอบผู้หญิงจริงๆแล้วรึเปล่า สุดท้ายวิธีที่ฉันเลือกคือ พาเด็กผู้ชายรุ่นน้องที่อยู่สถาบันกวดวิชาเดียวกันที่ประกาศตัวว่าชอบเพศเดียวกันมาที่บ้าน”

“ฉันตั้งใจจะทำเรื่องแบบนั้น ทำได้ไม่ถึงครึ่งทางคุณพ่อเปิดประตูห้องนอนฉันและมาเห็นเข้าพอดี”

“เข้าไปได้ยังไง?” พระพายสงสัยทันที เพราะห้องนอนเป็นห้องส่วนตัว

“เด็กรับใช้บอกว่าฉันชวนเพื่อนมาบ้าน เป็นเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คุณพ่อเลยให้เอากุญแจมาเปิด”

“แล้วจากนั้น คุณพ่อคุณ...ทำยังไง?” พระพายถามขึ้น

“เห็นฉากเด็ดเข้าพอดี โมโหเลือดขึ้นหน้า แล้วก็ตบหน้าฉันจนเลือดกบปาก” พิธานยังคงเล่าด้วยแววตาว่างเปล่าเหมือนเดิม

“ด่าว่าสารพัด ฉันเลยด่ากลับไปถึงเรื่องนั้นบ้าง สุดท้ายคุณแม่มาได้ยินพอดี”

“คุณแม่คุณว่ายังไงบ้าง” มาถึงตรงนี้พระพายยิ่งรู้สึกเรื่องมันเริ่มจะบานปลายมากขึ้น

“คุณแม่ร้องไห้ ตกใจที่เห็นเลือด”

“ฉันไม่เคยเห็นคุณแม่ร้องไห้มาก่อน คุณแม่ที่ร่าเริงมาตลอดกลับร้องไห้..ฉันทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องช่วยคุณแม่ยังไง” จนถึงตอนนี้แววตาของพิธานเริ่มเปลี่ยนเหมือนจะมีประกายไฟปะทุขึ้นมา

“ฉันรู้แค่ว่าตอนนั้นฉันหน้ามืดไปหมด รู้ตัวอีกทีตอนฉันเข้าไปผลักคุณพ่อ คนในบ้านรีบห้ามกันวุ่น...ฉันเกือบจะทำร้ายคุณพ่อไปแล้ว” ตอนเล่าพิธานดูเหมือนจะรู้สึกผิดแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกผิดเท่าที่ควร ดูขัดแย้งมากในสายตาของพระพาย

“คุณแม่ออกจากบ้านโดยที่ชวนฉันกับพี่เพลงไปด้วย ไปอยู่บ้านคุณยายและเหมือนจะขอห่างกับคุณพ่อเพื่อทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น”

“คุณพ่อคุณทำไงต่อเหรอ?” พระพายถาม

“ไปง้อทุกวันที่บ้านคุณยายและที่ฉันเพิ่งรู้จากนั้นไม่นานคือ..คุณแม่รู้เรื่องเลขามาโดยตลอด ท่านแค่ทำเหมือนไม่รู้แต่ที่ท่านเสียใจเพราะลูกๆดันมารู้เข้า”

“สุดท้ายคนที่เห็นแก่ตัวที่สุดคือคุณพ่อ พ่อที่อยากให้คุณแม่กลับไป พ่อที่เอาแต่ได้ ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกคนในครอบครัว นี่ล่ะคนเห็นแก่ตัว”

“ถ้าดูจากตอนนี้ทั้งสองกลับมาคืนดีกันแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ หลังจากเกิดเรื่อง คุณแม่ก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่งตัวเปรี้ยว ทำตัวสวยๆ ออกเที่ยวกับเพื่อนๆ จนกลายเป็นคุณพ่อที่เอาแต่ตามติดคุณแม่และไม่ยุ่งกับเลขาอีก แม้ว่าคุณแม่จะให้อภัยแล้วแต่ฉันไม่ให้อภัยคุณพ่อที่เป็นแบบนั้นได้”

“หลังจากที่ทั้งสองคืนดีกัน คุณยายก็ซื้อคอนโดนี้ให้ฉันอยู่ จากนั้นฉันก็ไม่กลับไปบ้านหลังนั้นอีกเลย พี่เพลงก็ด้วย เพราะเราสองคนเสียใจกับสิ่งที่คุณพ่อทำลงไปในครั้งนั้น”

“และคุณไม่คุยกับคุณพ่อคุณเลยใช่ไหม?”

“ใช่ ฉันรับช่วงต่อดูแลเพราะคุณแม่ขอ แต่ฉันไม่ยุ่งกับคุณพ่ออีกเลย จะทำอะไรก็บอกผ่านคนอื่น ฉันจะไม่พูดโดยตรง”

“แปลว่าวันนั้นที่กลับบ้านไป คือครั้งแรกหลังจากที่ออกมาจากบ้านใช่ไหมที่คุณคุยกับพ่อ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”


        มาถึงตรงนี้พระพายรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นเพราะเขาขอร้องให้พิธานกลับไปบ้านหลังนั้น บ้านที่มีความทรงจำที่พิธานไม่อยากกลับไป ธนิตคนเป็นพ่อที่สร้างบาดแผลและความทรงจำไม่ดีให้กับทุกคนในบ้าน รู้สึกผิดไม่น้อยเลยทีเดียวที่ทำให้พิธานต้องกลับไปเผชิญหน้ากับธนิตแบบนั้นอีกครั้ง อีกทั้งยังลงเอยด้วยการสร้างบาดแผลเพิ่มเติมให้อีกคือการที่ธนิตไม่ยอมรับในสิ่งที่พิธานเป็น

“ผมขอโทษ” พระพายพูดขึ้นพลางบีบมือพิธาน

“ขอโทษทำไม?”

“เพราะผม..เพราะผมทำให้คุณต้องไปที่นั่นอีกทั้งๆที่คุณไม่อยากไป” ความรู้สึกผิดนี้ทำเอาหนักอึ้งในใจอยู่เหมือนกัน

 “จะขอโทษทำไม...ดีเหมือนกันที่ไป ฉันหนีมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลับไปเผชิญหน้าสักที”

“มันจะดีเหรอ ทั้งๆที่คุณเจ็บปวดกับสิ่งที่พ่อคุณทำ”

“ดีสิ แค่มีนาย..ต่อให้เจออะไรฉันก็พร้อม” พิธานว่า พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพระพาย

“คุณคิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ไหม?” พระพายถามขึ้นมา

“นายว่ายังไงล่ะ?”

“ผมว่า..มันยาก..แต่ผมจะไม่ยอมแพ้หรอก ผมจะอยู่ข้างคุณ” พระพายยืนยันหนักแน่น

“เป็นพระพายที่เข้มแข็งดี” พิธานว่า

“แน่นอนสิ พระพายเสียอย่างบอกแล้วไงว่าผมจะอยู่ข้างๆคุณเอง”

“พูดจาน่ารักเชียว อยู่ข้างๆแน่ใช่ไหม?”

“อ่า แน่นอน...แต่ข้างซ้ายข้างขวาค่อยว่ากันนะ” พระพายว่าพลางหัวเราะ พิธานบีบจมูกพระพายด้วยความหมั่นเขี้ยว

“มีเรื่องอื่นอีกรึเปล่า?” พิธานถาม พระพายรีบหรุบตาทันที

“ไม่มี” พระพายส่ายหน้าทั้งที่หลบตาอยู่เช่นนั้น

“พระพาย....” พิธานเรียกชื่อราวกับย้ำคำถาม ไม่บ่อยที่พิธานจะเรียกชื่อเขาเช่นนี้

“ผมเห็น..คุณยืนคุยกับใครก็ไม่รู้ก่อนจะขึ้นมา” พระพายว่า พิธานจ้องหน้านั้นพลางนึกคิด

 “หน้าตาดีมากเลย” พระพายยังคงจำใบหน้านั้นได้ดี

 “ทำไม หึงเหรอ?” พิธานถาม พระพายหันขวับมองพิธานทันที

“อะไร ใครหึง เปล่า” ปฏิเสธทันควันจนคนได้ยินเห็นเป็นเรื่องตลกทันที

 “ทำไมต้องปากแข็ง?” พิธานถามพลางเหล่มองราวกับจับผิด

“คุณพูดอะไร ใครหึงที่ไหนกัน แค่สงสัย” พระพายว่าขมวดคิ้วหน้ายุ่งทันที

“สงสัยยังไง?” พิธานถามพลางปรายตามองพระพายที่ทำตาหลุกหลิกเพราะกำลังหาคำอธิบาย

“ก็...ผมไม่คุ้นหน้า เพื่อนๆของคุณไม่มีคนหน้าตาแบบนั้นนี่” พระพายว่า เพื่อนๆของพิธานพระพายก็เคยเห็นหน้ามาบ้าง ถึงจะไม่ได้เจอบ่อยแต่พระพายพอจะจำหน้าทุกคนได้

“ทำไมไม่คิดว่าเป็นเพื่อนใหม่ล่ะ”

“เพื่อนใหม่คุณเหรอ เจอกันที่ไหน?” พระพายถามทันทีด้วยสีหน้ายุ่งๆ

“หึงชัดๆ” ยิ้มมุมปากของพิธานนั้นขัดลูกตาของพระพายที่สุด

“คุณพิธาน!” พระพายพูดเสียงดัง ยิ่งเห็นพิธานสนุกกับท่าทีของเขา พระพายยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก

“ก็ได้ ไม่แกล้งแล้ว นั่นเลขาต่างหาก” พิธานว่า

“หืม...อย่าบอกนะว่าคนนั้นคือเลขาปอ?” พระพายถามขึ้น

“ใช่ เลขาปอคนนั้นแหละ” พิธานยืนยันความคิดของพระพาย

“เขามีธุระแถวนี้ ฉันเลยให้เขาติดรถมา” พิธานบอก

“แต่..มาส่งคุณถึงข้างในเลย” พระพายขัดเสียงเบาๆแต่พิธานยังคงได้ยิน

“เขาลืมแจ้งเรื่องงาน เลยตามเข้ามา”

“อย่างนั้นเหรอ” พระพายพยักหน้านิดๆ ดูเลื่อนลอยไปหน่อยเพราะยังนึกถึงใบหน้าของเลขาปอ

“รู้ตัวใช่ไหม ว่ากำลังหึง” พิธานว่า

“หึงเหรอ ไม่ใช่เสียหน่อย ผมแค่...แค่” อีกครั้งที่ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบาย

“แค่อะไร?”

“ไม่ได้เรียกว่าหึง แค่อยากรู้เฉยๆ” พระพายเลือกจะตอบเช่นนั้น พิธานขยับตัวเข้าหาพระพายก่อนที่จะจูบริมฝีปากนั้นและผละออก

“ปากก็นุ่มเหมือนเดิม แล้วทำเมื่อกี้มันถึงแข็งได้ล่ะ?”

            พิธานใช้สายตาวิบวับจ้องมองพระพายที่รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อถูกมองอย่างนั้น แม้จะอยู่ด้วยกันมานานพอสมควรแล้วแต่ยากที่จะชินหากถูกพิธานใช้สายตาแบบนี้จ้องมอง ยังคงรู้สึกเหมือนถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งอยู่เสมอ

“ผมไม่ได้ปากแข็ง อย่าพูดอย่างนั้นสิ” พระพายว่าพลางเสมองไปข้างๆ

“ปากไม่แข็งแล้วอย่างอื่นล่ะ?” พิธานถาม พระพายทำตาโตขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมามองพิธาน

“อย่างอื่นจะไปรู้ได้ไง” พระพายแหวใส่

“ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอดูหน่อยว่าเป็นยังไง”

“ยังไม่ได้อาบน้ำเลย” พระพายร้องขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปอาบด้วยกันเลย”

“คุณพิธาน พรุ่งนี้ผมต้องทำงานนะ!” พระพายปรามขึ้น กลัวว่าพิธานยั้งความต้องการของตัวเองไม่ได้และไม่ใช่แค่ของพิธานแต่ของตัวพระพายเองก็เช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นคืนพรุ่งนี้ก็ได้” พิธานไม่อยากให้พระพายไปทำงานในสภาพไม่ดีเสียเท่าไหร่

“อ่า ใช่ พูดถึงคืนพรุ่งนี้....พี่ๆที่ออฟฟิศเขาชวนผมไปกินปิ้งย่าง” พระพายนึกเรื่องนี้ขึ้นได้พอดี

“พี่คนไหน?” ถึงคราวที่พิธานขมวดคิ้วใส่พระพายบ้าง

“พี่กล้วย ที่เสียงดังกว่าคนอื่นเขาไง”


        พิธานไม่เคยเห็นพี่ๆในออฟฟิศพระพายแบบชัดๆ แต่ก็พอจำได้ลางๆว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ชอบแหกปากและเป็นเสมือนผู้นำกลุ่มตอนไปเที่ยวกันและพระพายเองก็เคยไปกินปิ้งย่างกับเขาแต่โดนพิธานเรียกตัวกลับเสียก่อนในช่วงแรกๆที่เจอกัน

“คนนั้นน่ะเหรอ?”

“ก็มีคนเดียวนั่นแหละ”

“ถ้าไม่ให้ไปล่ะ?” พิธานมองพระพายที่แสดงสีหน้าลำบากใจนิดๆ

“จริงๆก็ขี้เกียจไปนะ แต่พี่เขาบ่นว่าผมไม่ไปเลย ครั้งนี้เลยไม่ยอม” พระพายบอก พิธานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ

“ไปได้ แต่..ห้ามดื่มหนัก” พิธานยอมให้ไปได้

“สัญญา จะไม่ให้เมา” พระพายยิ้มแฉ่งออกมาอย่างดีใจ

“และฉันจะไปรับเอง” พิธานเสริมอีกข้อ

“ไม่ต้องหรอก เกรงใจ” พระพายว่า

“ไปรับแฟนกลับห้อง ทำไมต้องเกรงใจ”

“ครับ...” พระพายขานรับเสียงยาว


        การที่ให้พระพายไปได้เที่ยวกับเพื่อนฝูงซึ่งนอกจากเก้าและตัวเขาเองก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยพระพายที่คิดมากในหลายวันนี้จะได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ให้โอกาสคนรักได้ปลดปล่อยบ้างก็ดี...


Lyrics: Lounge act by Nirvana.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-09-2018 10:44:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 02-09-2018 12:06:42
พอรู้เรื่องที่ทะเลาะกันแล้วก็รู้สึกเห็นใจพิธานขึ้นมาเลย
เจอแบบนั้นแล้วต้องเก็บเอาไว้คนเดียวเพราะรักแม่เนี่ยมันคงอึดอัดทรมานมากจริงๆ
แถมคุณพ่อยังทำเหมือนตัวเองไม่ผิดอะไรด้วย เชื่อเขาเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-09-2018 13:14:34
เรื่องคุณพ่อเป็นเราก็โกรธเหมือนกัน เข้าใจพิธานดีเลยล่ะ
ดีใจที่สองคนพูดคุยกันทุกเรื่อง คนอยู่ด้วยกันเนาะ ไม่อยากให้มีความลับ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-09-2018 17:12:15
เราอ่านเพลินหรือตอนมันสั้นหว่า  :z1: เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้พิธานน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-09-2018 17:15:37
เคลียร์กันทุกเรื่องแบบนี้ดีจัง
เครียดเรื่องที่บ้านก็พอแล้วเนอะ
แต่ที่จะไปรับนี่กะจะเปิดตัวเลยมั้ยคุณพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 02-09-2018 18:06:44
ทำไมรู้สึกสั้น!!หรืออ่านเพลินไป โอ๊ยยชอบ ชอบที่คุยกันทุกเรื่อเคลียร์กันตรงๆ พระพายยังน่ารักเหมือนเดิมมมมมม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 02-09-2018 19:11:24
ชอบความมีเหตุผลของทั้งคู่จัง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-09-2018 19:26:55
เบื่อผู้ชายมักมากจริงๆ ครอบครัวแตกแยกมานักต่อนักก็เพราะความมักมากของคน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-09-2018 23:33:47
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-09-2018 03:55:30
เอาได้รู้เรื่องแล้ว สงสารคุณแม่ที่สุดเลย อดทนและเจ็บมาตลอดคนเดียว แต่พอมารู้ว่าลูกก็รู้ด้วยแล้ว ใจคุณแม่คง....... :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-09-2018 09:04:43
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 03-09-2018 09:58:47
เห็นใจพิธานมากก คุณพ่อเองก็ทำตัวไม่ดีอยู่แล้ว ยังจะมาทำยัี้กับพิธานอีก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 46 (02/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-09-2018 16:14:25
เข้าใจพิธานเลยว่าทำไมถึงไม่ค่อยโอเคกับพ่อ หวังว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 10-09-2018 08:16:14
สวัสดีค่ะ มาช้าอีกแล้ว  :hao5: ขออภัยอย่างสุดซึ้งค่ะ ตอนที่แล้วมีคนอ่านบอกว่าสั้น...จริงๆมันก็เท่ากันกับตอนอื่นๆนะคะ  :o8: ฮ่าๆ เอาล่ะค่ะ ไปอ่านกันเลยดีกว่า ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ตรงนี้นะคะ ช่วงนี้มีฝนตกบางพื้นที่ ขอให้คนอ่านทุกท่านโปรดระมัดระวังในการเดินทางและรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ รัก  :man1: ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 47 The life.


It's kinda funny how life can change
มันเป็นเรื่องตลกที่ชีวิตจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้
Can flip 180 in a matter of days
สามารถเปลี่ยนผันได้ถึง 180 เรื่องราวในแต่ละวัน
Sometimes love works in mysterious ways
บางทีความรักก็ดำเนินอย่างลึกลับซับซ้อน
One day you wake up gone without a trace
วันหนึ่งอาจจะตื่นขึ้นมา หายจากไปอย่างไร้ร่องรอย



        พระพายตื่นเช้ามาทำงานตามปกติ เมื่อมาถึงก็เจอพี่กล้วยกับพี่ปีนั่งอยู่แล้ว พระพายจึงใช้โอกาสนี้บอกถึงเรื่องปาร์ตี้ปิ้งย่างในคืนนี้ที่พี่กล้วยชวนเขา

“พี่ ตกลงผมไปนะ” พระพายว่า

“ขอเมียได้แล้วเหรอ?” พี่กล้วยถามพลางหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานที่ได้แกล้งพระพายตั้งแต่เช้า

“แต่คงไม่ดึกนะพี่ วันอาทิตย์ผมมีธุระอีก” พระพายให้เหตุผลไปเช่นนั้น

“เมียให้กลับเร็วก็บอกเถอะ” พี่กล้วยก็ยังพูดจาอยู่เช่นนั้นจนพระพายเริ่มหน้ามุ่ย

“มึงแกล้งน้อง เดี๋ยวพอน้องไม่ไปแล้วมานั่งบ่นอีก รำคาญ” พี่ปีว่า

“ไอ้ปี เพื่อนชั่ว” พี่กล้วยว่าเสียงดัง

“ใช่ ถ้าไม่ไปแล้วอย่ามางอแงนะพี่กล้วย” พระพายที่ได้ทีขี่แพะไล่ พี่กล้วยทำปากขมุบขมิบ ทุกคนในแผนกที่เริ่มมาก็พอจะรู้ว่าพี่ปีสกัดการแกล้งน้องของพี่กล้วยอย่างเช่นเคย


        การทำงานในวันนี้ออกจะสบายกว่าวันอื่นๆ พระพายทำงานแบบเรื่อยๆเพราะไม่ได้มีงานคั่งค้างแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน

“เอาล่ะถึงเวลาปาร์ตี้” พี่กล้วยตะโกนขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อถึงเวลาเลิกงาน

“ไปบ้านกูภายในหนึ่งทุ่ม เข้าใจ?” พี่กล้วยหันไปสั่งทุกคน

“รับทราบ” ทุกคนตอบเอื่อยๆอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ให้มันกระฉับกระเฉงหน่อย เข้าใจไหม?” พี่กล้วยพูดอีกครั้ง

“ครับ...” เสียงฮึกเหิมเป็นที่น่าพอใจแล้วพี่กล้วยจึงปล่อยให้ทุกคนกลับบ้านได้และเตรียมตัวเดินทางไปปาร์ตี้กัน



        พระพายนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับไปยังคอนโด เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพิธานยังไม่กลับมา พระพายจึงส่งข้อความถามเพราะคิดไปเองว่าพิธานน่าจะอยู่ที่ห้องแล้ว

“ติดงาน เดี๋ยวจะไปรับ ส่งที่อยู่มาด้วย” พิธานส่งข้อความตอบกลับมาเท่านั้น พระพายรีบไปอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมตัวไปบ้านพี่กล้วย


        ตอนนี้ประมาณหกโมงกว่า พระพายเดินทางมาถึงบ้านพี่กล้วยแล้ว บ้านพี่กล้วยยังสวยและน่าอยู่เหมือนเดิมแต่เหมือนจะเงียบๆอีกทั้งไม่เห็นคนอื่นเลย คงจะยังมาไม่ถึง


        ประตูที่ไม่ได้ล็อคทำให้เข้าไปได้โดยง่าย พระพายเดินผ่านห้องนั่งเล่นและกำลังจะเข้าไปในครัวเพื่อนทักทายเจ้าบ้านแต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่พระพายเห็นทำเอาไม่กล้าขยับตัว    


             พระพายเห็นพี่ปีกับพี่กล้วยยืนจูบกัน พี่กล้วยที่ปกติเป็นคนแก่นกล้าหน้าด้านและแรงเยอะที่สุด แต่กลับไม่มีแรงแม้กระทั่งจะยกมือห้ามพี่ปีเสียด้วยซ้ำไป ดูปวกเปียกไปหมด จูบของพี่ปีที่ดูรุนแรงและรุกเร้าจนแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าพี่ปีที่แสนดีของน้องๆจะดุดันขนาดนี้ พระพายรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้นมานิดๆทั้งไม่ทันตั้งตัวและแปลกใจกับสิ่งที่เห็น....สองคนนี้มีความสัมพันธ์กันแบบนี้หรือ ผิดคาดไปพอสมควร พระพายจึงรีบเดินถอยหลังและหลบไปเพื่อไม่ให้ทั้งสองรู้ตัวว่าเขาเห็น


        เมื่อหลุดจากตรงนั้นพระพายก็กลับมายังหน้าบ้าน ยืนวนไปวนมาว่าจะเข้าไปในบ้านอย่างไรดีและสองคนนั้นจูบกันเสร็จแล้วหรือยัง ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ พี่อีกคนในแผนกก็มาถึงพอดี

“พาย ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?”

“รอพี่ไง ไปๆ” พระพายว่าก่อนที่จะเดินเข้าบ้านและตะโกนเสียงดัง

“พี่กล้วย...มาแล้ว....” พระพายตะโกนสุดเสียง หวังจะให้สองคนนั้นรู้ตัวว่ามีคนมาแล้ว พระพายและพี่อีกคนเดินเข้าไปก็เห็นแต่พี่กล้วยที่นั่งอยู่ที่โซฟา หน้าตาแดงก่ำจนพี่ที่มาด้วยกันต้องเอ่ยถาม

“พี่กล้วย กินเหล้าก่อนพวกผมได้ไง?” คงคิดว่าที่หน้าแดงเพราะดื่มเข้าไป พี่กล้วยที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะ

“เผาหัวรอพวกมึงไง” พี่กล้วยว่า พระพายยิ้มให้ทั้งที่ในใจก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์

“คนอื่นมากันรึยังพี่?” พระพายถามบ้าง

“ปีมาแล้ว มันเตรียมของอยู่” พี่กล้วยพูดแบบปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เดี๋ยวผมไปช่วยพี่ปีนะ” พระพายบอกเช่นนั้นและรีบเดินไปในครัวด้วยความรวดเร็ว เห็นพี่ปีกำลังหั่นผักอยู่เงียบๆ

“พี่ปี มาผมช่วย” พระพายว่า

“ขอบใจพาย ดูสิเจ้าของบ้านนั่งสบายอย่างกับเจ้าชายไม่ยอมมาช่วย” พี่ปีว่า

“เจ้าชายที่ไหนนิสัยเสียอย่างนั้นล่ะพี่” พระพายว่าพลางหัวเราะ มือก็ช่วยทำไปด้วย

“พาย...เมื่อกี้พายเห็นใช่ไหม?” จู่ๆพี่ปีก็พูดขึ้น พระพายที่กำลังล้างผักถึงกับชะงัก

“เอ่อ..เห็นอะไรเหรอครับ?” พระพายถามกลับเสียงเบาๆ

“ที่พี่กับกล้วยอยู่ด้วยกันเมื่อกี้นี้” พี่ปีว่าและยิ้มออกมาน้อยๆ

“ขอโทษครับพี่ปี ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” พระพายรีบปล่อยมือจากผักและยกมือไหว้ขอโทษพี่ปีทันที

“ไม่ใช่ความผิดพายหรอก เป็นความผิดพี่เอง ที่ไม่ยั้งใจตัวเอง” พี่ปีบอก

“พี่สองคน..คบกันเหรอครับ?” พระพายถามตรงๆ

“พี่คิดว่าเราคบกัน แต่สำหรับกล้วยพี่ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง” พี่ปีว่า แม้น้ำเสียงจะดูปกติแต่พระพายกลับรู้สึกได้ว่าพี่ปีกำลังเศร้า

“พี่กล้วย ไม่ชัดเจนเหรอครับ?”

“ไม่ชัดเจนสุดๆเลย แม้มันจะรู้ว่าพี่คิดยังไงแต่มันก็ทำเหมือนไม่รับรู้”

“นานรึยังครับ?” พระพายถามต่อ ไหนๆพี่ปีก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว

“ครึ่งปีได้แล้วล่ะ”

“จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดเจนกันอีกเหรอครับ?”

“อ่า....นั่นสินะ จนป่านนี้แล้ว” พี่ปีว่าทั้งที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น

“พี่ปี...ถามไปตรงๆสิครับ มัวรออะไรอยู่” พระพายพูดขึ้นอย่างขัดใจ

“ก่อนจะตอบเรื่องนี้ พี่ถามก่อน..พายไม่ตกใจเลยเหรอ?” พี่ปีถาม

“ตกใจ...ตกใจที่พวกพี่เป็นแบบนี้เหรอ..ไม่นี่ครับ” พระพายว่า

“ถ้าเป็นคนอื่นมาเห็นคงไม่เป็นแบบนี้”

“ไม่หรอกพี่ นี่สมัยไหนแล้ว พี่ๆคนอื่นเขาก็เข้าใจนั่นแหละ พี่อย่าคิดมากสิ”

“ถ้าหากกล้วยมันยอมรับพี่ล่ะนะ”

“พี่ปี ผมเอาใจช่วย อย่าปล่อยให้นานไปกว่านี้นะครับ เดี๋ยวมันจะสาย”

“นี่เป็นที่ปรึกษาให้พี่แล้วเหรอ วันนั้นยังมาปรึกษาพี่อยู่แท้ๆ” พี่ปีหัวเราะออกมา

“สลับกันบ้างก็ไม่เป็นอะไรนี่ครับ” พระพายยิ้มให้


        ทั้งสองคนช่วยกันทำต่อไป ใช้เวลานานสักหน่อยเพราะแม่บ้านชาวพม่าหัวใจเกาหลีของพี่กล้วยลาหยุด วันนี้จึงต้องลงมือเตรียมกันเองทุกอย่าง จนในที่สุดตอนนี้ก็ได้มานั่งย่างอาหารล้อมวงทานด้วยกันแล้ว

“เอ้า!! ไม่เมาไม่ให้กลับ” พี่กล้วยว่าพลางยกแก้วชนกับทุกคน ปาร์ตี้ปิ้งย่างแท้จริงแล้วคือข้ออ้าง เหตุผลที่แท้จริงคือจะดื่มกันเสียมากกว่า

        พระพายดื่มนิดๆจิบหน่อยๆส่วนใหญ่จะนั่งกินอาหารเสียมากกว่า ดื่มไปคุยกันทานไปอย่างสนุกสนาน นานแล้วเหมือนกันที่ไมได้มานั่งอยู่แบบนี้กับพี่ๆในแผนก รู้สึกให้ความผ่อนคลายไปอีกแบบ พี่ปีและพี่กล้วยก็ดูเหมือนเดิมเหมือนเพื่อนกันปกติในสายตาของคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ แต่สำรับพระพายที่พอรู้เรื่องนี้เข้าก็เหมือนจะเห็นได้ชัดถึงสายตาของพี่ปีที่มองพี่กล้วย มันดูหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก จะยังไงก็แล้วแต่พระพายได้แค่มองห่างๆ


        และเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกและเรื่องราวของพี่ปีและพี่กล้วย แม้จะเพียงสั้นๆและไม่รู้เรื่องราวลึกตื้นหนาบางแต่พระพายก็พบความจริงอย่างหนึ่ง...ชีวิตคนเราจะเจอเรื่องราวมากมายและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จากคนไม่รักมาเป็นรัก จากคนเคยรักก็เกลียดกัน จากความเป็นเพื่อนกลายมาเป็นความรักที่มากกว่านั้น หรือจากคนเป็นเพื่อนกันแต่สุดท้ายก็บาดหมาง เราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าชีวิตเราจะพลิกผันเปลี่ยนไปได้เสมอ ความรู้สึกที่เปลี่ยนได้อยู่ตลอดเช่นกัน นั่งคิดๆแล้วก็ได้แต่สรุปกับตัวเอง....ชีวิตคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คงได้แต่ตั้งรับและปรับตัวเพียงเท่านั้น 


        ผ่านไปสองชั่วโมงเห็นจะได้ที่พระพายนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยและหันไปคุยกับพี่ๆบ้าง จนตอนนี้เริ่มรู้สึกว่ามึนขึ้นมานิดๆแต่แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นเพราะพระพายจิบนิดหน่อยไม่ได้ดื่มเยอะตามที่พิธานขอไว้ จู่ๆมีโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทุกคนหันมามองพระพายเป็นตาเดียวโดยเฉพาะพี่กล้วย

“เมียโทรมาตามใช่ไหม มึงห้ามกลับก่อนนะ” พี่กล้วยขู่ทันที พระพายได้แต่ส่ายหน้าและรับโทรศัพท์เพราะก่อนจะดื่มพระพายได้ส่งที่อยู่และเชื่อมกับแผนที่บนโทรศัพท์มือถือให้พิธาน ตอนนี้พิธานคงมาถึงแล้ว

“อยู่หน้าบ้าน” พิธานบอกเช่นนั้น พี่กล้วยที่กลัวว่าพระพายจะชิ่งกลับก่อนจึงตะโกนออกมา

“คนสวย พี่ไม่ให้พระพายกลับก่อนนะจ๊ะ” พี่กล้วยตะโกนขึ้น

“พี่กล้วยไม่ให้กลับ” พระพายบอก ถึงไม่บอกพิธานก็คงได้ยินแล้ว

“เดี๋ยวจะเข้าไป” พิธานว่าและวางสายไป เพียงไม่นานนักก็มีเสียงกดออดดังขึ้น พี่กล้วยชะงักหันมามองพระพาย

“อย่าบอกนะว่าเมียมึงอยู่หน้าบ้าน?” พี่กล้วยว่า พระพายไม่พูดอะไรแต่พี่อีกคนที่เมาได้ที่กลับลุกไปแทน

“อยากเห็นหน้าเมียน้องพายว่ะ”


             พูดเสร็จก็รีบปรี่ไปหน้าบ้านทันที พระพายที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยและได้แต่ขอโทษพี่คนนั้นในใจที่ไปเปิดประตู เพราะคงจะผิดหวังน่าดูเมื่อได้เห็นหน้าเมียของน้องพายที่ทุกคนคาดหวังไว้เยอะ

             เพียงแค่ครู่เดียวพี่ที่ไปเปิดประตูก็เดินลอยๆกลับมาพร้อมสีหน้าสับสนและงุนงงตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงหน้าตานิ่งๆมองเหยียดทุกอย่างรอบกาย กับคนไม่รู้จักพิธานจะเป็นเช่นนี้เสมอ

“ไหนวะเมียน้องพาย” พี่กล้วยว่าพลางมองหาและสะดุดสายตาเข้ากับพิธาน

“มีแต่คนนี้ว่ะพี่กล้วย”

“เดี๋ยวนะน้องพาย..นี่เมียมึงเหรอ?”

“มานั่งก่อน” พระพายไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงได้แต่จัดที่จัดทางให้พิธานนั่งข้างตน ซึ่งพิธานก็นั่งแต่โดยดีไม่ได้อิดออดแต่อย่างใด

“เอ่อ....แฟนผมเอง” พระพายตัดสินใจบอกทุกคนอย่างเรียบง่ายและรอลุ้นถึงปฏิกิริยาของพี่ๆว่าจะเป็นอย่างไร


             พี่กล้วยที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับมือลื่นทำตะเกียบหล่นจากมือ พี่ปีตาโตขึ้นมานิดๆก่อนที่จะกลับเข้าสู่ปกติ ส่วนพี่ๆคนอื่นอ้าปากค้างเพราะตกใจมากกับสิ่งที่พระพายบอก

“แนะนำตัวหน่อย” พระพายเองไม่คิดว่ามาได้มาแนะนำพิธานให้พี่ๆรู้จัก ไม่คิดคาดฝันมาก่อน

“ผมพิธาน ขอบคุณที่ดูแลพระพายมาตลอดครับ” พิธานดูนอบน้อมจนพระพายยังแปลกใจ แม้สีหน้าและแววตาจะดูไร้ซึ่งความอัธยาศัยดีแต่คำพูดนั้นฟังดูดีใช้ได้เลยทีเดียว

“น้องพาย...เมียมึงทำไมตัวโตจัง” พี่กล้วยถามและรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา

“เลิกพูดเรื่องเมียได้แล้วพี่” พระพายว่าพลางส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ

“หรือพายเป็นเมียใช่ไหม?” พี่อีกคนที่นั่งอยู่ถามพลางยิ้มล้อเลียน พระพายค้อนใส่ด้วยความรวดเร็ว

“น้องพายมึงเป็นเบี้ยล่างเหรอวะ?” พี่กล้วยว่าและเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของพระพาย

“เงียบไปเลยพี่กล้วย” พระพายว่า

“แน่สิ ตัวแค่นี้จะเอาแรงที่ไหนไปกดเขาวะ” ทุกคนเริ่มหัวเราะถูกใจกับการฟาดงวงฟาดงาของพระพาย

“ชื่ออะไรนะ พิธานเหรอ?” พี่ปีหันมาถามพิธาน

“ครับ”

“ผมชื่อปีนะ” พี่ปีแนะนำตัวเองบ้าง

“ครับ”

“มากินด้วยกันไหม?” พี่ปีถามไถ่ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือหวาดหวั่นกับความนิ่งของพิธานเลย

“ตามสบายครับ ผมแค่มารับพระพายกลับ” พิธานบอกเช่นนั้น

“ทำไมรีบกลับจังวะ?” พี่กล้วยบ่นทันที

“บอกแล้วว่ากลับเร็ว พรุ่งนี้เช้ามีธุระต้องตื่นแต่เช้า” พระพายว่า

“อยู่ต่ออีกนิดได้ไหมน้องพาย อยู่ให้พี่ชื่นใจหน่อย” พี่กล้วยพูดจาหวานหยอด พิธานปรายตามองพี่กล้วยทันควัน

“เบาๆกล้วย เดี๋ยวพิธานก็เอาขวดเหล้าตีหัวเข้าให้” พี่ปีปรามความขี้แกล้งของพี่กล้วย

“มึงก็ต้องช่วยกูสิวะปี”

“ช่วยซ้ำน่ะสิ” พี่ปีว่า

“ใจร้าย โป้งมึงแล้วปี”


             พี่กล้วยกระเง้ากระหงอด ก่อนที่จะหันไปซบไหล่พี่อีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พระพายรู้สึกได้ถึงประกายไฟเล็กๆจากดวงตาของพี่ปีก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าผักบุ้งขว้างใส่พี่คนนั้นที่พี่กล้วยกำลังซบอยู่

“โอ๊ยพี่ปี ทำร้ายผมทำไม?”


        เสียงหัวเราะดังไปทั่ว พระพายที่เห็นภาพนั้นรู้ดีว่าการแสดงออกของพี่ปีคือความรู้สึกที่มากกว่าการหยอกเล่น พี่ปีคงจะแสดงออกไปมากกว่านี้ไม่ได้ เหมือนลูกบอลที่ขว้างออกไปแล้วเด้งสะท้อนกลับมา ส่งความรู้สึกไปไม่ถึงหรืออีกฝั่งไม่รับกันแน่ ก็สุดแต่จะคาดเดาได้


        ทั้งหมดนั่งอยู่อย่างนั้น โดยที่พิธานรับแก้วจากพี่ปีมาดื่มและแค่นิดหน่อย ที่น่าแปลกใจคือพี่ปีกับพิธานนั้นดูเข้ากันได้อย่างน่าตกใจ พิธานที่ไม่ชอบพูดคุยกับใครที่ไม่สนิทแต่กับพี่ปีก็มีพูดถามตอบ ถึงจะไม่มากมายแต่ก็เกินคาดสำหรับพระพาย


        บรรยากาศในวงนั้นดีขึ้นมาก เพราะทุกคนดูสนุกสนานโดยเฉพาะพี่กล้วยที่ดูจะครื้นเครงกว่าใครเพื่อน ร้องเพลงและลุกขึ้นเต้นโดยไม่ได้สนใจคนมาใหม่ว่าจะรับได้หรือไม่ พิธานมองพี่กล้วยด้วยสายตาเรียบเฉยแต่สำหรับพระพายรู้ดีว่าพิธานนั้นออกจะทึ่งในตัวของพี่กล้วยพอสมควร ทึ่งในความบ้าบอที่มากมายจนแทบล้นเพราะคนรอบตัวพิธานไม่ค่อยจะมีคนแบบนี้เท่าไหร่นัก


“ชอบไหม?” พระพายถามพลางคีบหมูที่สุกแล้วให้พิธาน

“หมายถึงหมูหรืออะไร?” พิธานถามกลับ

“ก็ทั้งหมูแล้วพวกพี่ๆ”

“ก็ดี” พิธานพูดเท่านั้น พระพายยิ้มและตักน้ำซุปพร้อมผักให้พิธานเพิ่ม


        เวลาล่วงเลยมาถึงเวลาดึกพอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว พระพายอยากจะช่วยพี่ๆเก็บกวาดแต่ก็โดนพี่ปีออกปากไล่เพราะพิธานที่มานั่งรออยู่คงอยากกลับแล้ว

“กลับกันดีๆนะ ไว้เจอกันอีกนะพิธาน” พี่ปีว่าเช่นนั้น พี่ๆคนอื่นๆถึงจะเมาก็ยังโบกไม้โบกมือให้พิธานกับพระพาย


        ทั้งสองคนขึ้นรถมา พิธานนั้นดื่มไปแค่นิดเดียวเท่านั้นคงเพราะห่วงเรื่องการขับรถ ระหว่างขับไปพระพายก็ชวนพิธานคุยไปด้วย

“จะว่าไป ผมตกใจนิดหน่อยเหมือนกันนะที่เห็นคุณคุยกับพี่ปีได้” พระพายชวนคุย

“ทำไมถึงตกใจ?” พิธานถามกลับ

“คุณไม่ใช่คนที่จะพูดกับใครก็ได้นี่” พิธานเงียบไปก่อนจะพูดขึ้น

“ก็แค่...รู้สึกว่ากลิ่นเดียวกัน” พิธานว่า

“หืม....กลิ่นเดียวกัน ยังไง?” พระพายสงสัยในคำพูดของพิธาน

“กลิ่นพวกเดียวกันยังไงล่ะ” พิธานว่าพลางหันไปมองพระพาย

“พวกเดียวกัน....อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าพี่ปีจะมีรสนิยมแบบคุณ”

“รู้สึกได้แบบนั้น” พิธานว่า

“อ่า...คนรอบข้างผมนี่น่ากลัวกันหมดเลย” พระพายว่าพลางลูบแขนราวกับรู้สึกกลัวๆ

“นายก็น่ากลัวไม่แพ้กันหรอก” พิธานยกยิ้มมุมปาก

“น่ากลัวอะไร ไม่เหอะ” พระพายไม่ยอมรับ

“น่ากลัวที่ชอบอะไรแรงๆไง” พิธานว่า พระพายหันไปค้อนวงโต

“ว่าแต่คนอื่น คุณเองก็ชอบทำคนอื่นแรงๆเหอะ”

“ชอบจริง เคยเถียงเหรอ?” พระพายหัวเราะหึ

“พอเลย” เมื่อจนมุมก็รีบจบการสนทนา

“อ่อ..มีของเล่นใหม่ด้วย” พิธานว่า

“หา! เอามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“หลายวันแล้ว มัวแต่ยุ่ง..อยากลองไหม?” ถามพลางใช้สายตากรุ้มกริ่มมอง พระพายเม้มปากพลางเมินหน้าไปมองข้างทาง

“เคยปฏิเสธด้วยรึไง” พูดในลำคอเบาๆ พิธานละมือจากพวงมาลัยมาขยี้ผมพระพาย

“รับรองว่านายต้องชอบ” พิธานพูดเท่านั้นและหันไปขับรถต่อ ดูท่าว่าคืนนี้คงจะหนักหน่วงและยาวนานแน่นอน...



Lyrics: One love by Blue.
   

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-09-2018 09:02:19
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-09-2018 09:19:33
เชียร์พี่ปีกับพี่กล้วย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 10-09-2018 10:29:27
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 10-09-2018 10:32:10
บุคลิกคุณพิธานนี่ให้ความรู้สึกเหมือนไซบีเรียน ฮัสกี้เลย ดูเยือกเย็น สง่างาม น่าเกรงขาม เป็นผู้ล่า เวลาออกล่าจะดุร้าย //มโนไปไกล เอิ้กก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-09-2018 11:08:10
ไหนว่ามีธุระเช้าไง อะไรคือสนุกแน่คืนนี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-09-2018 13:02:07
เล่นเลยๆ อยากเบิ่งเร็วๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-09-2018 15:36:23
เคยสงสัยพี่ปี แต่ไม่คิดว่าจะคู่กับพี่กล้วยนี่เอง คนเรานี่มองเผิน ๆ ไม่รู้เลย พิธานนี่จมูกไวจัง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 10-09-2018 18:46:23
พี่กล้วยเตรียมตัวไว้นะ พี่ปีเขาเป็นแบบนั้ :-[ :impress2:น5555555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-09-2018 19:29:10
กลิ่นเดียวกัน แบบว่าแรงพอกันเหรอ

กล้วยเสร็จแน่
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-09-2018 23:22:04
แล้วพรุ่งนี้จะได้ไปธุระเหรอพระพายถ้าลองของเล่นไหม่อะ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 10-09-2018 23:53:40
กลินเดียวกัน!!!!! ตายแน่พี่กล้วย
มีของเล่นไหม!!!! ยาวแน่พระพาย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 12-09-2018 20:40:23
รอของเล่นใหม่ด้วยใจที่จดจ่อเลยจ้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 47 (10/09/18) P.24 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-09-2018 22:11:20
ไทป์เดียวกันก็จะคุยกันง่ายหน่อย 55555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 15-09-2018 09:03:49
สวัสดีค่า  :-[ วันนี้มาอัพตามปกติพร้อมร่างกายที่เปื่อย เจ็บคอเพราะติดเชื่อแบคทีเรีย และคนรอบข้างเป็นกันเยอะมาก อาจจะเพราะสภาพอากาศฝนตกเช่นนี้ ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ตอนนี้ก็ต่อจากตอนที่แล้ว จั่วหัวไว้แล้วว่ามาพร้อมของเล่นใหม่  :o8: ไปอ่านกันเถอะค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงบอกนะคะและถ้าหากมีคำผิดหรือของผิดพลาดประการใดก็ขออภัยล่วงหน้านะคะ เช่นเคย..ขอบคุณทุกๆกำลังใจและคอมเมนต์ ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :กอด1:

++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 48  Up and down


Let's start it up
เรามาเริ่มกันเลย
Another shot at love
กับรักนี้อีกสักหน่อย
(Let’s start it, start it)
มาเริ่มกันเถอะ
Can't get enough
ไม่เพียงพอหรอก
(Let’s start it, start it)
มาเริ่มกันเถอะ
We can just
เราก็แค่
Work it out, up and down
ทำมัน ขึ้นและลง
Sweat it out, make up sex
ให้เหงื่อชุ่ม มาทำรักกัน
Twerk it out, up and down
โยกสะโพก ขึ้นและลง
Sweat it out, make up sex
ให้เหงื่อโชก เรามาทำรักกันเถอะ


        พิธานขับรถกลับมายังคอนโด ทั้งสองเดินขึ้นห้องไปและมีพูดคุยกันนิดหน่อย เวลานี้ตอนนี้ไม่ได้ดึกมากนักแต่กว่าจะกลับมาถึงที่นี่ได้ก็ฝ่ารถติดมาพอสมควร เมื่อเข้ามาในห้องพิธานก็ตรงไปยังห้องแต่งตัวเพื่อถอดเสื้อผ้า

“ตัวเหม็นสุดๆ” พิธานที่ถอดเสื้อผ้าหมดแล้วพลางดมฟุดฟิดตามตัวของพระพายที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ กลิ่นควันจากการปิ้งย่างติดตัวจนได้กลิ่นอย่างชัดเจน

“คุณก็เหม็น” พูดไปหัวเราะไป


             พระพายถูกลากเข้าห้องน้ำและอาบน้ำพร้อมกันกับพิธาน ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กับการสระผม เพราะกลิ่นควันจากการปิ้งย่างช่างทำร้ายเส้นผมเหลือเกิน ผ่านไปพอสมควรกว่าทั้งสองจะอาบน้ำเสร็จ

“นี่ถ้าพี่กล้วยรู้ว่าผมโกหกคงโดนกินหัวแน่ๆ ดันไปบอกว่ามีธุระวันพรุ่งนี้ ทั้งที่จริงๆไม่มี” พระพายพูดขึ้นในระหว่างที่เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาโกหกพี่กล้วยไปเพราะอยากกลับห้องเร็วๆอีกทั้งไม่อยากค้างที่นั่นด้วย

“ไม่โกหกหรอก เพราะคืนนี้จะทำนายเหนื่อยจนต้องนอนเอาแรงในวันพรุ่งนี้เลย”

“ของเล่นเป็นอะไรเหรอ?” เมื่อได้ยินพิธานพูดเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“ไม่บอก” ตอบสั้นๆเป็นอันเข้าใจ พระพายหน้ามุ่ยปากขมุบขมิบบ่นพิธานในขณะที่กำลังพันผ้าเช็ดตัว


        เดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว มานั่งเช็ดผมให้แห้งแต่หากจะให้เร็วคงต้องใช้ไดร์เป่าผม ตอนนี้พระพายจึงนั่งเป่าอยู่จนแห้ง

“มา เป่าให้” พระพายว่าและเป่าให้พิธานบ้าง จนในที่สุดผมของทั้งสองคนก็แห้งสนิท


        จากนั้นพิธานก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบถุงสีขาวจากในตู้ออกมา เป็นถุงสีขาวทึบที่ไม่สามารถมองเห็นถึงสิ่งที่อยู่ข้างในได้เลย พิธานล้วงมือและหยิบกล่องออกมาซึ่งเป็นกล่องกระดาษพัสดุทั่วไป พระพายนั่งลงบนเตียงจ้องมองอย่างสนใจใคร่รู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร พิธานเปิดกล่องได้เพียงนิดเดียวและก็หยุดลงทันที

“ไปทำความสะอาดมันหน่อย เดี๋ยวมา” พิธานว่าเช่นนั้น พระพายทำหน้างงๆแต่ก็พยักหน้ารับ


        พิธานหายไปในห้องน้ำได้ครู่หนึ่งแล้ว พระพายที่นอนรอยู่บนเตียงก็เริ่มนอนนิ่งๆและหลับตาลง จนเกือบจะรู้สึกว่าเริ่มง่วงเข้าจริงๆเสียแล้ว แต่จู่ๆก็รู้สึกว่าผ้าเช็ดตัวถูกเปิดออก พระพายลืมตาขึ้นก็พบว่าพิธานเปิดผ้าเช็ดตัวของเขาอยู่

“ไม่ให้นอนหรอก” พิธานว่า พระพายลุกขึ้นนั่งแล้วกระเถิบขึ้นไปยังหัวเตียง ผ้าเช็ดตัวที่ถูกเปิดอยู่จึงหลุดออกตัวในทันที


        กล่องหรรษา กล่องของเล่นของพิธานที่ถูกพระพายเรียกเช่นนี้มาตลอด ตอนนี้กำลังวางอยู่ข้างๆเตียง พิธานหยิบผ้าปิดตาขึ้นซึ่งนั่นทำพระพายขมวดคิ้วทันที

“ทำไมต้องใช้ผ้าปิดตาล่ะ?”


        ไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่หลังๆมานี้พิธานไม่ได้ใช่มันเลย พระพายจึงเคยชินกับการได้มองพิธานที่ทำอะไรต่อมิอะไรไปเสียแล้ว แต่จู่ๆก็กลับมาใช้อีก พระพายจึงไม่ค่อยชินกับมันเสียเท่าไหร่

“อยากให้ลุ้นว่าจะโดนอะไร” พิธานว่าและพระพายเองก็ยังไม่เห็นของเล่นชิ้นใหม่เลย


             ส่วนใหญ่พิธานจะบอกก่อนเสมอว่าของเล่นเป็นแบบไหน บางชิ้นแค่เห็นก็รู้ว่าต้องโดนทำอะไรแต่ไม่ใช่กับทุกชิ้น แต่หากเป็นของเล่นที่พระพายไม่เคยเห็นมาก่อนก็จะมีการบอกกล่าว ทั้งนี้ไม่นับช่วงแรกๆที่เจอกันเพราะตอนนั้นพิธานสนุกกับการแกล้งเขามากกว่า


             พิธานได้แต่ยกยิ้มมุมปากและไม่พูดอะไรแต่กลับใช้ผ้าปิดตากับพระพายและผูกมันแน่นพอควร จากนั้นรู้สึกได้ถึงเสียงโซ่ดังกริ๊กเบาๆ ความรู้สึกนุ่มๆตรงข้อมือเกิดขึ้น ตอนนี้กุญแจข้อมือบุขนฟูถูกล็อคที่ข้อมือทั้งสองแล้วและแขนทั้งสองกางออก พิธานยึดแขนของพระพายทั้งสองข้างเอาไว้เพื่อไม่ให้พระพายขยับตัวได้อย่างอิสระ


             พระพายกำลังลุ้นในใจว่าช่วงขาจะถูกพันธนาการด้วยหรือไม่แต่สุดท้ายพิธานก็ไม่ได้ทำมัน ช่วงล่างอิสระตามใจพระพายได้อย่างน้อยก็ไม่อึดอัดจนเกินไป หากโดนตรึงหมดทุกส่วนมันก็ลำบากเหมือนกัน


              ตอนนี้มีแต่ความเงียบ ไม่รู้ว่าพิธานกำลังทำอะไรอยู่ พระพายพยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ได้ยินไม่ชัดเจนนัก รู้แค่ว่าตอนนี้พิธานกำลังนั่งอยู่ที่ปลายเตียงและน่าจะกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่แต่ไม่ได้ยินอะไรเลย

“คุณทำอะไร?” พระพายถามขึ้นเพราะพิธานเงียบเกินไปแล้ว

“เตรียมของ” พิธานตอบสั้นๆ นั่นหมายความว่าจะอย่างไรก็ไม่บอกว่าตอนนี้กำลังเตรียมของแบบไหนกันอยู่


        จากนั้นไม่นานก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนิ่มที่แตะมายังริมฝีปาก พิธานก้มลงจูบริมฝีปากของพระพายช้าๆ ดูดดึงกลีบปากอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะค่อยๆแรงขึ้น ลิ้นของพระพายตะหวัดตอบรับลิ้นของพิธานอย่างดูดดื่ม จูบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงจูบที่กระตุ้นความรู้สึกมากขึ้นทีละนิดๆจนในที่สุดพระพายต้องเป็นฝ่ายยกขาเกี่ยวเอวของพิธานไว้ พลางเด้งมันขึ้นลงและบดเบียดส่วนกลางลำตัวของตัวเองกับส่วนนั้นของพิธานเพราะอยากได้รับการเสียดสีให้มากกว่านี้

“ใจเย็น เพิ่งเริ่มต้น” พิธานพูดเช่นนั้น


            แค่เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของพระพายก็รู้สึกชอบอกชอบใจแล้ว ทุกครั้งที่ทำเรื่องเช่นนี้ พระพายมีแต่จะเย้ายวนมากขึ้นทุกครั้ง ไม่เสียแรงที่เขามอบความเร่าร้อนนี้ให้มาโดยตลอด ร่างกายของพระพายตอบรับทุกอย่างในตัวเขาและเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร่างกายของพระพายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบและไม่ใช่แค่ร่างกาย ทั้งหัวใจและความรู้สึกพระพายก็มีแต่เขาเท่านั้น


             พิธานที่ผละออกมาค่อยๆไล่จูบลงบนหน้าอก ยอดอกสีอ่อนแข็งตัวและชูชันนี่คือสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าพระพายเริ่มมีความต้องการมากขึ้น ยิ่งแลบเลียยิ่งดูดดุนเท่าไหร่ มีแต่จะแข็งสู้เท่านั้น พิธานดูดเลียอย่างเมามัน กัดทึ้งให้พระพายเจ็บหน่อยๆ ผู้ถูกกระทำได้แต่แอ่นอกรับพลางกัดริมฝีปากอย่างรู้สึกดีที่โดนหยอกล้ออยู่ตรงจุดนั้น พิธานรู้ดีเสมอว่าต้องทำอย่างไรให้พระพายรู้สึกดี ปลายลิ้นที่แตะแต่ละจุดตรงร่างกายไม่ได้ทำไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย พระพายรู้ดีว่าพิธานรู้จักเขาทุกซอกทุกมุม รู้ดีจนไม่อาจจะต้านทานความเร่าร้อนนั้นได้


             เมื่อเล่นตรงหน้าอกของพระพายจนเป็นที่พอใจแล้ว พิธานจึงจูบลงบนหน้าท้อง ไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงจุดกึ่งกลางของร่างกายของพระพายซึ่งตื่นตัวขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแต่พิธานรู้ดีว่ามันยังไม่ถึงที่สุด


             ซอกขาอ่อนที่ได้กลิ่นสบู่หอมๆ พิธานก็ก้มลงจูบแลบเลียและฝังรอยกัดเอาไว้หลายที่ จุดนั้นอ่อนไหวจนพระพายได้แต่พยายามขยับตัวเพราะรู้สึกถูกระตุ้น ไม่ต้องเห็นก็รู้ได้ว่าสีหน้าของพิธานตอนนี้เป็นอย่างไร ดวงตาวิบวับนั้นคงเป็นประกายและเร่าร้อนจนไม่กล้ามองเลยทีเดียว


              ของเล่นใหม่ที่พิธานบอกไว้ก็ถูกหยิบขึ้นมาคือห่วงรัดชนิดซิลิโคนซึ่งมีเครื่องสั่นไร้สายติดอยู่ อีกทั้งยังมีเม็ดบีทเม็ดเล็กและใหญ่สองเม็ดห้อยเป็นสายลงมาจากห่วงรัดโคนด้วย เม็ดเล็กขนาดเท่าลูกแก้วของเล่นทั่วไปและอีกเม็ดใหญ่กว่าประมาณสองเท่า แน่นอนว่าพิธานไม่เคยใช้ของเล่นกับด้านหลังของพระพายมาก่อน นี่จะเป็นครั้งแรก แค่คิดก็รู้สึกอยากให้พระพายได้ลองแล้ว พระพายจะไม่ได้รู้เลยว่าของเล่นชิ้นนี้หน้าตาเป็นอย่างไรจนกว่าจะได้เปิดตา


             พิธานเทเจลชนิดอุ่นลงบนห่วงรัด ชะโลมให้ทั่วไปจนถึงเม็ดบีทจนชุ่ม จากนั้นค่อยๆสวมห่วงรัดลงบนส่วนนั้นของพระพายที่สะดุ้งตัวขึ้นเพราะรู้สึกถึงการสัมผัสตรงส่วนนั้น

“อะไรน่ะ?” พระพายถามขึ้น พิธานไม่ตอบอะไรแต่มือนั้นค่อยๆเลื่อนห่วงรัดจนถึงตรงกลางลำและไม่ให้รัดถึงโคนเหมือนของห่วงรัดโคนชิ้นที่แล้ว


        พิธานเช็ดมือด้วยกระดาษชำระจากนั้นก็เปิดสวิทซ์เล็กๆที่อยู่บนเครื่องสั่น เสียงครืดดังขึ้นเบาๆแรงสั่นนั้นปรับเพิ่มขึ้นได้สามจังหวะ

“อ๊ะ!!” พระพายร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออะไรสักอย่างที่พิธานใส่ตรงส่วนกลางของลำตัวสั่นขึ้น แรงสั่นที่แปลกใหม่ทำเอาพระพายทำตัวไม่ถูก

“มันคือ..อะไร?” พระพายร้องถาม เสียงเริ่มสั่นๆเพราะการสั่นนั้นทำเอาสยิวไม่น้อย

“เดี๋ยวค่อยดู” พิธานว่าเช่นนั้น


        จากนั้นก็ก้มลงแลบเลียตรงส่วนหัวของพระพาย พระพายถึงกับแขนกระตุก แรงสั่นทำเอาหวิวไปหมดแต่การแลบเลียตรงนั้นยิ่งสร้างความสยิวกว่า

“อื้อ..อย่าแกล้ง” พระพายร้องขึ้น ยิ่งบอกว่าอย่า พิธานยิ่งทำตรงกันข้าม ดูดมันตรงรูเล็กๆตรงปลายแรงๆจนพระพายอ้าปากค้าง

“อ๊ะ...” พระพายร้องขึ้นพลางเด้งเอวเพราะเริ่มจะทนไม่ไหว แม้จะเพิ่งเริ่มต้นแต่ทำเอาพระพายอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว

“คะ..คุณพิธาน...เอาออก มะ..ไม่ไหวแล้ว” พระพายร้องบอก พิธานไม่มีคำตอบแต่กดสวิทซ์อีกครั้ง การสั่นแรงกว่าครั้งแรกจนในที่สุดพระพายก็ต้องปล่อยออกมาทั้งๆที่ยังไม่โดนรูดรั้งเลยสักนิด


        ของเหลวพุ่งออกมาทีละนิดๆแต่แรงสั่นยังไม่ได้ถูกหยุดลงแต่อย่างใด ทั้งๆที่เพิ่งปลดปล่อยไปแต่เพราะแรงสั่นของเครื่องนั้นทำเอาสั่นไปทั้งตัวไม่ใช่แค่สั่นเฉพาะตรงจุดที่ถูกสวมใส่

“ปิดมันก่อน” พระพายร้องขอ

“ไม่...” พิธานว่าก่อนที่จะจูบริมฝีปากพระพายเบาๆ ปลุกปั่นจนพระพายที่เพิ่งปล่อยออกไปเริ่มทำท่าจะมีอารมณ์อีกครั้ง


        ทั้งการโลมเลียเล้าโลมที่พิธานกำลังทำ ทั้งเครื่องสั่นที่ยังทำงานไม่หยุดหย่อน พระพายจึงเริ่มแข็งขืนขึ้นมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้


        เพราะมองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่าหน้าตาของชิ้นนั้นเป็นยังไง คิดได้อย่างเดียวว่ามันถูกสวมใส่ตรงส่วนนั้น มือก็ถูกตรึงไว้จะเอาออกก็ไม่ได้ รู้สึกถึงความทรมานไม่น้อย มันไม่ใช่ความเจ็บปวดอย่างที่ผ่านมาแต่เป็นเพราะมันกระตุ้นอารมณ์แบบไม่หยุดพัก ทำให้ตั้งรับไม่ได้


        คราวนี้พิธานใช้นิ้วเปล่าๆไม่ได้สวมถุงยางสำหรับนิ้วแล้ว เทเจลลงบนช่องทางของพระพาย ของเหลวที่อุ่นนิดๆกระทบเข้ากับผิวหนัง พระพายสะดุ้งตัวเมื่อพิธานค่อยๆใช้นิ้วสอดเข้าไปในช่องทางที่ปิดแน่น ควานนิ้วเข้าออกช้าๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป ก่อนที่จะเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นจากสองเป็นสาม สร้างความเคยชินให้พระพาย


        นิ้วยาวของพิธานหมุนควานไปมาพร้อมกับดันนิ้วขึ้นแตะช่วงบนซึ่งเป็นจุดกระสันที่หากกระทบเข้าพระพายจะต้องส่ายไปทั้งตัวและแน่นอนว่าครั้งนี้พิธานตั้งใจกระตุ้นจุดนั้นมากกว่าครั้งไหนๆ ทั้งด้านหน้าที่เครื่องสั่นยังคงทำงานและด้านหลังถูกเร้าพร้อมๆกัน พระพายถึงกับอ้าปากหลุดเสียงครางออกมา

“อ๊า”


        รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว พระพายถึงกับอ้าปากค้างจนน้ำลายใสๆย้อยลงมาจากมุมปาก กระสันไปทั้งตัวทั้งที่ไม่ได้โดนตีหรือทำอะไรรุนแรง แต่ครั้งนี้พระพายถูกกระตุ้นทุกประสาทสัมผัสทั้งหน้าหลังอย่างพร้อมๆกันจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี พระพายได้แต่กำสายโซ่กุญแจข้อมือที่ถูกโยงไว้ตรงหัวเตียง วิธีนี้เท่านั้นที่จะยึดเหนี่ยวความรู้สึกที่กระเจิดกระเจิงจนกู่ไม่กลับ

“ตีหน่อย” พระพายร้องขอขึ้น ถ้าหากโดนตีสักนิดแน่นอนว่าต้องรู้สึกดีจนร่างกายอาจจะประทุได้

“ไม่ตี” พิธานตอบทันที

“ขอร้องเถอะ..ตีผมที” พระพายว่าเสียงกระเส่า

“ไม่..” พิธานบอก


        แม้พิธานจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจแต่กลับแอบยิ้ม การแกล้งโดยที่ไม่ยอมทำตามคำขอของพระพายนั้นเป็นการทรมานเล็กน้อยที่ได้ผลมากมายนัก พิธานมองภาพพระพายที่บิดกายดิ้นพล่านเช่นนี้แล้วยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก เป็นภาพที่เร้าอารมณ์ขึ้นมามากกว่าเดิมเสียอีก

        เมื่อรู้สึกว่าช่องทางด้านหลังของพระพายอ่อนนุ่มและขยายขึ้น พิธานจึงเริ่มใส่เม็ดบีทเม็ดแรกที่เล็กที่สุดก่อน สิ่งแปลกปลอมที่พระพายไม่คุ้นถูกสอดเข้าไปเพราะช่องทางนี้นอกจากนิ้วมือและส่วนนั้นของพิธานก็ไม่เคยมีอะไรเข้าไป ความรู้สึกแปลกๆนี้มันคืออะไรกัน 

“อะไร...นั่นมันอะไร?” พระพายร้องถามทันทีที่เม็ดบีทใส่เข้าแล้วหนึ่งเม็ด รู้สึกวูบวาบในช่องท้องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


        พิธานใช้นิ้วดันมันเข้าไปจนสุดสาย เม็ดบีทที่ชุ่มด้วยเจลนั้นเข้าไปได้ง่ายดาย พระพายดิ้นพรวดด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน รู้สึกขนลุกชันไปทั้งกายทั้งยังเคลือบแคลงใจว่าพิธานใส่อะไรเข้ามาในตัวเขา

         เพียงครู่หนึ่งพระพายก็เริ่มคุ้นชินแต่พิธานไม่ปล่อยให้คุ้นนานกว่านี้ เม็ดบีทเม็ดที่สองที่ใหญ่กว่าเม็ดแรกเริ่มดุนดันเข้าไปอีกเม็ด พิธานเทเจลลงเม็ดบีทนั้นเพิ่มเติม ก่อนที่จะดันมันเข้าไป พระพายเบิกตากว้างภายใต้ผ้าปิดตา รู้สึกว่าครั้งนี้มันใหญ่กว่าครั้งแรก รู้สึกได้ชัดเจนจริงๆ

“คุณพิธาน! อย่าเพิ่ง” พระพายร้องบอกเพราะพิธานเหมือนจะดันของชิ้นนั้นเข้ามาในตัวซึ่งทั้งที่ยังมีอีกชิ้นอยู่ในตัวแท้ๆ จะเข้ามาทั้งหมดขนาดนั้นไม่ได้พระพายเริ่มหวาดหวั่นทันที

“ไม่ต้องกลัว...” พิธานพูดเท่านั้นและดันมันเข้าไปจดมิดหาย พระพายสั่นไปทั้งตัวเพราะสุดท้ายสิ่งนั้นก็เข้ามาอยู่ในร่างกายแล้ว

 
        ความคับแน่นในช่องท้อง มันอึดอัดรู้สึกแปลกๆและเครื่องสั่นที่ยังคำทำงานอยู่อย่างต่อเนื่องทำเอาพระพายบิดเร่าไปทั้งกาย ส่ายสะโพกอย่างทรมานเพราะร่างกายเหมือนจะปริแตกออกมา พิธานที่วางมือจากของเล่นแล้วจึงขึ้นคร่อมพระพายก่อนที่จะจูบริมฝีปากนั้น แลบเลียและกัดกลีบปาก ขบเม้มจนพระพายยิ่งรู้สึกกระเจิดกระเจิงเข้าไปมากกว่าเดิม รู้สึกว่าโดนพิธานแกล้งแบบเต็มที่ก็วันนี้แหละ

“เป็นยังไง?” พิธานเอ่ยถามขึ้น ใบหน้านั้นไล่ลงจูบหน้าท้องและมือก็ดันสายของเม็ดบีทเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม

“อื้อ..”


             ถูกกระตุ้นทั้งร่างกายเช่นนี้ทำเอาพระพายพูดไม่ออก รู้สึกแค่ว่ามันมากมายจนร่างกายจะรับมันได้ทั้งหมดหรือไม่ ทั้งด้านหน้าที่ถูกเครื่องสั่นกระตุ้น ทั้งช่องทางหลังที่รู้สึกจุกแน่น ผิวกายที่ถูกโลมเลีย ตอนนี้พระพายรู้สึกตาลายจนไม่รู้จะจดจ่อกับอะไรได้


             พิธานที่มองภาพรวมของพระพายตอนนี้ร่างกายของพระพายคงถึงขีดสุดแล้วและถึงเวลาที่จะต้องทำตามความต้องการของพระพายแล้ว เครื่องสั่นที่ร้องครืดอยู่ถูกปิดลง พระพายถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้น ไม่ใช่ไม่ชอบแต่หากถูกเร่งเร้ามากเกินไปจะจดจำไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับของชิ้นไหนไปบ้าง

“นี่แกล้งผมมากไปแล้วนะ” พระพายพูดเสียงสั่น พิธานได้ยินก็หัวเราะออกมานิดๆ

“ก็ชอบไม่ใช่เหรอ?”

“กะ..ก็ใช่ แต่เร็วไป ตามไม่ทัน” พระพายว่า ความรู้สึกเร่าร้อนยังคงอยู่แต่เริ่มปรับตัวได้มากขึ้น และพาลให้คิดว่าต่อไปคงไม่พึงพอใจกับของเล่นชิ้นเดียวอีกแล้ว

“แต่นายก็ตามทันนี่” พิธานว่าเช่นนั้น


             จากนั้นพิธานเอื้อมตัวไปหยิบแส้หนังที่ไม่เคยใช้กับพระพายทั้งที่ซื้อมันมาพร้อมกับไรดิ้งครอปเมื่อครั้งก่อน หยิบแส้หนังขึ้นมาจับให้ถนัดมือ ก่อนที่จะลากมันลงบนท่อนขาของพระพาย ที่ตอนนี้กำลังสงสัยว่าอะไรที่กำลังลูบไล้ขาเขาอยู่เพราะการที่ถูกปิดตาอยู่เช่นนี้ทำให้ไม่อาจรู้เลยว่าตอนนี้โดนทำอะไรด้วยของชิ้นไหนหน้าตาเป็นอย่างไร เลยได้แต่เดาส่งเดชไป

“อะไร...หนังเหรอ?” พระพายถามขึ้น

“เก่ง...” พิธานพูดเท่านั้น

“หมดเวลาพักแล้ว..มาต่อกัน”


              พิธานพูดอีกและเปิดเครื่องสั่นให้ทำงานอีกครั้ง พระพายหลุดเสียงออกมาทันทีที่ตรงนั้นสั่น พิธานกระตุ้นแถวช่องทางหลังด้วยการเอานิ้วแทรกเข้าไปพร้อมกับเม็ดบีทที่ยังคั่งค้างอยู่ พระพายเริ่มร้อนวูบวาบมากกว่าเดิม

“อ๊ะ...”


             พระพายหลุดร้องออกมาเมื่อพิธานขยับสิ่งที่อยู่ข้างในตัวเขามากขึ้น พิธานที่เห็นปฏิกิริยานั้นก็ยิ้มมุมปาก มือนั้นจับเข้าที่สายของเม็ดบีทพร้อมกับทำท่าจะดึงมันออกมา..พร้อมรอดูว่าพระพายจะเป็นอย่างไรหากดึงมันออกมาตอนนี้ คงจะดูเร่าร้อนอย่างที่คิดเอาไว้ในหัวแน่นอน แค่คิดก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว...


Lyrics: Make up sex by SoMo




   
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 15-09-2018 09:45:04
เช้ามาก็เจออะไรแบบนี้เลย โอยยยยยยยยย :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-09-2018 10:02:11
อ่านแล้วร้อนขึ้นมาทันที  :m25: :m25:

ปล. คุณนักเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 15-09-2018 11:28:34
 :jul1: ร้อนแรงแต่เช้าเลย //อยากให้มีฉากแบบวันนึงพระพายหยิบของเล่นมาเล่นแล้วส่งรูปไปให้พิธานที่อยู่ต่างประเทศดู
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2018 11:57:31
 :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-09-2018 12:23:54
แค่เห็นพระพายฮ๊อท พิธานก็ฟินเหรอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-09-2018 17:17:58
0_0!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-09-2018 19:01:11
Hot!!!!
คุ้มค่ากับการรอคอย
รู้สึกว่าตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มาจะชอบอะไรแบบนี้มากขึ้นจนตกใจตัวเอง >\\\<
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 15-09-2018 19:02:02
ฮืออออออ
ค้างเต็มๆเลยค่า
น้องพระพายร้อนแรงมากลูก
คุณพิธานเล่นกับน้องเบาๆหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2018 19:14:51
อ่านต่อไม่ไหวแล้ว  :jul1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-09-2018 09:39:21
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 16-09-2018 10:22:51
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-09-2018 18:40:49
 :haun4: :haun4: :haun4: ร้องโอยกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 48 (15/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 18-09-2018 16:56:37
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 22-09-2018 09:35:53
สวัสดีค่ะ รีบมาต่อทันทีเพราะน่าจะค้างกันบ้าง เวลาเช้าแบบนี้ เหมาะกับการให้เลือดสูบฉีดนะคะ  :o8: ไปอ่านกันเถอะค่ะ ถ้าหากตอนนี้มีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยไว้ตรงนี้เลยนะคะ มีอะไรอยากบอกติชม ก็บอกกันมาได้ค่ะ ยินดีรับฟัง และขอขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันมาโดยตลอด ไว้เจออกันตอนหน้านะคะ  :bye2:
++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 49 Don't stop it.


Keep me coming, keep me going, keep me coming, keep me going
ทำฉันให้หลั่งออกมาสิ ขย่มฉันต่อเลย
Keep me humming, keep me moaning, keep me humming, keep me moaning
ให้ฉันร้องคราง ให้ฉันครวญคราง
Don’t stop loving ’til the morning, don’t stop loving ’til the morning
อย่าหยุดรักฉันจนกว่าจะเช้า
Don’t stop screaming, freaking, blowing
อย่าหยุดกรีดร้อง ทำแรงๆ เลียด้วยสิ


        พิธานขยับสายเม็ดบีทก่อนที่จะดึงพรวดมันออกมาด้วยความรวดเร็ว พระพายถึงกับกรีดร้องอออกมาเมื่อถูกทำเช่นนั้น การดึงสิ่งที่อยู่ภายในออกมาในคราวเดียวกันทำเอาร่างกายแทบจะฉีกขาด

“อ๊า!!!”


             เสียงร้องหลุดออกมาเสียงดังพอควร การถูกเสียดสีที่รุนแรงและรวดเร็วทำเอาสั่นเทิ้มไปทั้งกาย พระพายเด้งตัวขึ้นพลางกัดริมฝีปากและซึมซับกับความเจ็บปวดที่เพิ่งได้รับ...มันช่างรู้สึกดีเหลือเกิน เจ็บปวดอัดแน่นแต่สยิวไปทั้งร่าง ทำให้เอาแต่นึกคิดว่าของเล่นชิ้นนี้หน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่

             และอย่างที่พิธานคิดเอาไว้ พระพายในตอนนี้ช่างดูเย้ายวนใจอย่างไม่บอกไม่ถูก เป็นภาพที่มากกว่าจินตนาการไว้เสียอีก ดูเร่าร้อน ปลุกเร้าให้ความรู้สึกโหมกระพือมากยิ่งขึ้น


        พิธานปิดเครื่องสั่นลงและแน่นอนว่าพระพายถึงจุดหมายอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนปลายมีน้ำสีขุ่นทะลักออกมาแต่ไม่ได้มากมายนัก ไหลเลอะตรงต้นขาเกือบจะทั้งหมด พิธานใช้นิ้วเกลี่ยของเหลวนั้นพลางยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่าแกล้งพระพายมากไปจนตัวเองเริ่มไม่ไหวแล้วเช่นกัน พิธานจึงวางแส้หนังในมือลงและหมุนห่วงรัดสลับด้านให้ตัวเครื่องสั่นหมุนมาอยู่ตรงด้านล่างจากเดิมที่อยู่ด้านบนเพื่อให้เม็ดบีทไปวางบนหน้าท้องของพระพายแทน เวลาสอดใส่ของตัวเองเข้าไปจะได้ไม่เกะกะและเครื่องสั่นก็ยังสามารถทำงานได้เช่นเดิม

“ดีจัง” พระพายพูดปนหอบ ทั้งๆที่ถูกปิดตา ปิดกั้นการมองเห็นขนาดนี้แต่ร่างกายกลับเริงร่าที่ได้รสสัมผัสเช่นนี้

“ดีกว่าของฉันเหรอ?” พิธานถาม

“ไม่..ของคุณดีกว่า” เสียงเบาๆนั้นเป็นคำตอบ พูดจาแบบนั้นออกมามีหรือที่พิธานจะไม่พอใจ บทพระพายจะพูดเอาใจก็เล่นเอาใจสั่นไม่น้อยเหมือนกัน

“เปิดตาได้ไหม?” พระพายเอ่ยขอ เพราะพูดจาน่ารักเมื่อครู่นี้ทำให้พิธานทำตามคำขอ


        ผ้าเปิดตาถูกเปิดออก หลังจากที่ถูกปิดตามาพักหนึ่งจึงต้องกระพริบตาเพื่อรับแสงที่เข้ามาในการมองเห็น และทันทีที่คุ้นชินก็รีบมองไปยังส่วนกลางลำตัวของตัวเองทันที สนใจและใคร่รู้ว่าของเล่นชิ้นนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

“เจ้านี่น่ะเหรอ?” พระพายเอ่ยขึ้น พลางจ้องมองเจ้าเครื่องสั่นที่ยังติดอยู่ตรงนั้นและเม็ดบีทที่ตอนนี้วางอยู่บนหน้าท้อง

“เลิกสนใจได้แล้ว”


            พิธานโน้มตัวลงจูบริมฝีปากของพระพายที่ได้แต่หลับตาพริ้ม ตอบรับสิ่งที่พิธานปรนเปรอให้ รู้สึกได้ว่าค่ำคืนนี้ดูจะยาวนานไม่ต่างกับทุกครั้งที่ผ่านๆมา พิธานที่พิถีพิถันในแบบของตัวเอง ไม่ได้เนิบนาบจนเกินไปและไม่รวดเร็วจนอารมณ์สะดุด พระพายชอบแบบนี้ที่สุด ทุกอย่างกำลังดีไม่มากไปไม่น้อยไป พิธานทำทุกอย่างได้ดีเยี่ยมและไร้ที่ติ


            พิธานละออกจากการโลมเลียและเอื้อมมือไปปลดโซ่ให้พระพายแต่แค่เพียงข้างเดียวเท่านั้น เพราะท่วงท่าที่อยากให้พระพายทำคือท่าคลานเข่า พระพายที่ได้รับอิสระแต่แค่ครึ่งเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าพิธานอยากได้ท่าแบบไหน จึงพลิกตัวและตั้งท่าคลานอย่างรวดเร็ว พิธานได้แต่ชอบใจที่พระพายรู้ใจเขาดีเหลือเกิน


            สะโพกขาวลอยเด่นอยู่ตรงหน้า พิธานใช้มือลูบไล้นิดๆก่อนที่จะใช้มือฟาดลงไปแรงๆหนึ่งครั้ง พระพายสะดุ้งโหยงทันที รอยแดงเด่นขึ้นเป็นรอยฝ่ามือและเพียงเท่านั้นไม่พอ พิธานหยิบแส้หนังที่วางอยู่ขึ้นมาฟาดลงบนรอยนั้นซ้ำลงไปอีกที พระพายถึงกับแหงนหน้าพลางร้องสูดปาก เจ็บจนร่างสั่นมือกำผ้าปูแน่นเพราะเสียวซ่านถึงสุดขีด น้ำตาไหลออกมาโดยไม่คาดคิด


            ถูกแส้ฟาดย้ำตรงนั้นทำให้รอยแดงชัดจนเลือดซิบออกมา พิธานวางแส้ลงและแลบเลียตรงจุดแดงปื้นโดยเลี่ยงตรงจุดที่เลือดซิบ พระพายตัวสั่นเทิ้มอีกครั้ง พิธานเองเริ่มจะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกันจึงต้องสวมถุงยางอนามัยให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่เพราะความอดทนที่ถึงขีดจำกัด บวกกับส่วนนั้นของพระพายได้รับการเบิกทางแล้วพิธานจึงจัดการสอดใส่เข้าไป ซึ่งง่ายดายจนพิธานสามารถเข้าไปได้จนหมดในระยะเวลาเพียงสั้นๆ

“อืม..”


            เสียงฮึมฮัมของพระพายดังขึ้น เมื่อรู้สึกได้ว่าส่วนนั้นของพิธานเข้ามาหมดแล้ว พระพายโก่งสะโพกให้สูงขึ้นพร้อมกับกดศีรษะลงบนเตียง การทำเช่นนั้นทำให้พิธานรับรู้ถึงความคับแน่นเพิ่มขึ้น พิธานที่นิ่งไปครู่หนึ่งก็ค่อยๆขยับตัวเข้าออกช้าๆ ดันเอวเข้าออกอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้พระพายได้ซึมซับมันให้มากที่สุด


             จังหวะการเข้าออกของพิธานเริ่มเร็วขึ้น การเคลื่อนไหวเริ่มรุนแรงขึ้นตามลำดับ ความอุ่นนิดๆของส่วนนั้นที่สอดลึกเข้ามาทำเอาพระพายกัดริมฝีปากอย่างพึงพอใจ พิธานบีบเฟ้นสะโพกของพระพายพร้อมฟาดแรงๆอีกครั้ง พระพายกระตุกโดยทันทีที่โดนกระทำเช่นนั้น

             พิธานที่ขยับกายอย่างต่อเนื่องได้ลากมือไปยังส่วนกลางลำตัวของพระพายพร้อมกับแตะปุ่มเปิดเครื่องสั่นขึ้นมาอีกครั้ง พระพายหลุดเสียงร้องออกมาทันทีที่ถูกกระตุ้นพร้อมกันทั้งหน้าและหลัง

“อื้อ....อ๊า”


        เครื่องสั่นกระตุ้นกลางลำตัว สั่นครืดจนพระพายเริ่มนิ่งไม่ได้แล้ว อีกทั้งส่วนหลังยังถูกพิธานเสียดสีเข้าออกรุนแรงจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง พระพายได้แต่ส่ายสะโพกรับ ปากอ้าค้างจนน้ำลายไหลลงบนเตียงเพราะห้ามความรู้สึกที่พรึงพรืดจนไม่อาจจะต้านทานใดๆได้แล้ว


             พิธานดึงแกนกายออก จับพลิกให้พระพายนอนหงาย จากนั้นก็ยกขาพระพายให้สูงขึ้นจนขาของพระพายพาดเข้ากับบ่าของพิธาน จังหวะนี้พิธานจึงสอดใส่เข้าอีกครั้งพระพายหอบหายใจแรงๆเพราะรู้สึกถึงความตื่นเต้นเอ่อล้นไปทั้งร่างกาย ใจเต้นแรงจนกลัวอกจะระเบิดออกมา คืนนี้ช่างรุนแรงสุดใจจริงๆ ไม่ว่าจะท่วงท่าหรือจะเป็นของเล่นใดๆ ทุกอย่างหล่อรวมกันจนกลายเป็นการร่วมรักที่ถึงใจเลยทีเดียว


             เพียงไม่นานนักก็ถึงจุดที่พิธานเองเริ่มจะอดรนทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน จึงใส่แรงไม่ยั้งจนร่างของพระพายสั่นโคลง พิธานแลบเลียริมฝีปากตัวเองเพราะรู้สึกดีจนร่างกายเริ่มเกร็งขึ้นมา ร่างกายของพระพายช่างเติมเต็มเขาจนท่วมท้นไปทั้งร่างกาย เสียงของพิธานเปล่งในลำคออย่างรู้สึกดีสุดขีด
 
“จะ..ออก”


              พระพายร้องออกมา พิธานจึงขยับด้วยความรวดเร็วและในที่สุดพระพายก็สั่นเทิ้ม ร่างกระตุกนิดๆจากนั้นก็ปลดปล่อยของเหลวออกมา แน่นอนว่าของเหลวนั้นเริ่มไม่ขุ่นมัวเท่าไหร่นักเพราะคืนนี้พระพายปล่อยออกมาถี่และหลายครั้งเกินไป

“หมดแรงแล้วเหรอ?” พิธานถามพลางดึงถุงยางอนามัยออกแล้วผูกมันเรียบร้อยก่อนจะโยนทิ้งลงไปในถังขยะที่อยู่ใกล้ๆและปิดการทำงานของเครื่องสั่นกลางลำตัวของพระพายลง

“ไม่ไหวแล้ว” พระพายตอบเสียงอ่อนนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“อีกนิดไม่ได้เหรอ?”

“คุณอยากแกล้งผมเยอะเองนี่” พระพายได้ที่บ่น

“รอบนี้ไม่แกล้งแล้ว” พระพายเหล่มองอย่างไม่เชื่อนัก

“จะจริงเหรอ?”

“จริงสิ”


        และพระพายก็คิดผิดที่ยอมให้พิธานอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่บอกว่าจะไม่แกล้งแล้วแท้ๆแต่พิธานก็ยังคงทำอยู่ดี เปิดเครื่องสั่นที่ยังไม่ได้ถอดออกให้ทำงานต่อ แหย่พระพายที่นอนหมดแรงแล้วแต่กลับมีปฏิกิริยาว่ามีอารมณ์ร่วมเพียงเพราะพิธานลูบไล้แกนกลางที่สั่นตามของเล่น เสียงร้องค่อยๆออกมาทีละนิดเพื่อพิธานบีบเค้นแถวสะโพกที่ถูกฟาดแล้ว

“ไหนใครบอกว่าหมดแรง” พิธานถามพลางมองไปทั้งร่างของพระพายที่นอนอยู่บนเตียงก่อนที่จะถอยร่นมายืนอยู่ตรงปลายเตียง
“อื้อ..” พระพายร้องตอบได้เท่านั้น


        แส้หนังหวดฟาดลงบนแผ่นหลังอีกครั้งรวมไปถึงแถวหน้าท้องของพระพายด้วย รอยแดงเด่นชัดขึ้นบนผิวขาวและเริ่มแตกออกเป็นแนวยาวมากขึ้น พระพายบิดกายเร่าเมื่อถูกพิธานใช้แส้อยู่หลายครั้ง


        เมื่อเห็นว่าพระพายคงจะไม่ไหวแล้ว พิธานจึงเอื้อมมือไปปลดโซ่อีกข้างออก พระพายจึงเป็นอิสระทันที เมื่อไร้ซึ่งพันธนาการแล้วพระพายจึงดันตัวเองขึ้นและโผเข้าไปหาพิธานที่ยืนอยู่ พระพายลูบไล้แกนกายของพิธานก่อนที่จะก้มหน้าลงไปครอบครองมัน โดยที่พิธานได้แต่ยืนมองพร้อมรอยยิ้ม พระพายคงอยากจะตอบแทนเขาบ้างจึงใช้ปากทำให้อยู่เช่นนี้


        ลิ้นนั้นแลบเลีย ดูดดุนและกดใบหน้าเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ส่วนนั้นของพิธานแข็งขืนจนพระพายรู้สึกได้ว่าคับแน่นจนเต็มปาก แม้จะอึดอัดไปสักหน่อยแต่ก็อยากทำให้พิธานรู้สึกดีบ้าง


        พิธานใช้มือลูบไล้เส้นผมของพระพายเบาๆ บางครั้งก็กดใบหน้าของพระพายให้เข้ามาบ้าง รู้สึกดีจนอยากกระแทกกระทั้งเข้าไปในโพรงปากนั้น แต่ก็ยับยั้งใจไว้เพราะการใช้ปากของพระพายยังไม่ชำนาญมากพอ จนเมื่อพระพายเริ่มไม่ไหวแล้ว พิธานจึงถอยออกมาแทนและหันไปสวมถุงยางอนามัยด้วยความรวดเร็ว

“คุณ..คุณพิธาน”


            พระพายชันขาแล้วอ้ากว้าง บ่งบอกว่าต้องการอะไร ส่วนนั้นสั่นระริกจนแยกไม่ออกว่าเป็นเพราะแรงสั่นของเครื่องหรือของตัวพระพายเองกันแน่ พิธานที่เห็นถึงกับยิ้มออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ พระพายออกจะยั่วเขาเกินไปแล้ว


            พิธานจัดการสอดใส่เข้าไปทันที ช่องทางอ่อนนุ่มรับเข้ากับส่วนนั้นของพิธานทันทีราวกับตั้งตารออยู่แล้ว พิธานงัดพระพายขึ้นมาให้นั่งบนตัวเขา พระพายจึงใช้จังหวะนี้ขยับด้วยตัวเอง เต้นเร่าอยู่บนร่างของพิธานอย่างลืมคำพูดของตัวเองไปแล้วที่บอกว่าไม่ไหวเมื่อก่อนหน้านี้


             โยกตัวขึ้นลงราวกับควบม้า เด้งส่วนหน้าของตัวเองเสียดสีกับหน้าท้องแกร่งของคนรักอย่างออดอ้อน พระพายตอนนี้ช่างเร่าร้อนและมักมากจะพิธานรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งอยู่กันไปยิ่งมีแต่อะไรให้ประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ


             จังหวะที่พระพายกดตัวลงมาพิธานก็เด้งสวนขึ้นไปด้วย พระพายได้แต่อ้าปากราวกับจะส่งเสียงร้องแต่ไร้ซึ่งเสียงอย่างที่คิด คงเพราะเหนื่อยจนร้องไม่ออกแต่ร่างกายยังคงต้องการจึงดูขัดแย้งกันพอสมควร


             ทั้งสองดำเนินท่วงท่านี้ไปสักพัก พิธานที่ไม่อาจจะอดกลั้นได้อีกจึงยกพระพายขึ้นแล้วดันให้นอนลงบนเตียงด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะใส่แรงเข้าไปอย่างรัวเร็ว พระพายได้แต่ยกแขนโอบคอพิธานและตั้งรับแระกระแทกที่ใส่ไม่ยั้งเข้ามาในร่างกาย
จุดภายในอ่อนไหวไวต่อสัมผัสถูกเสียดสีเน้นย้ำ จนในที่สุดพระพายก็ไม่ไหวอีกครั้ง เริ่มเกร็งไปทั้งร่างและส่งเสียงร้องออกมาอย่างแหบแห้ง

“อ๊ะ...จะ..ถึงแล้ว”


        พิธานที่ได้ยินเช่นนั้นก็โยกตัวเร็วรี่ถี่กว่าเดิมจน ตอนนี้พระพายรู้สึกแค่ว่าเสียวซ่านไปทั้งร่างกายจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ รู้สึกเหมือนมีแสงสีขาววาบเข้ามาในหัว เหมือนถูกดึงให้สูงขึ้นและโยนดิ่งลงมา หัวใจเต้นเร่าไม่ต่างจากร่างกาย ในที่สุดพระพายก็ปลดปล่อยออก


        พิธานที่ตามมาติดๆก็เด้งเอวเข้าออกและปลดปล่อยออกมาและรีบดึงถุงยางอนามัยออก ก่อนที่จะใช้มือขยับรีดเร้นของเหลวออกมาให้ละเลงลงบนหน้าท้องของพระพาย


        เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังขึ้นในห้อง เพราะถึงจุดสุดยอดแบบไล่เลี่ยกันอีกทั้งใช้แรงเยอะไปพอสมควร พิธานเองที่หายใจแรงเพราะรู้สึกซาบซ่านที่เพิ่งถึงจุดสุดยอดไปหมาดๆกับพระพายที่หมดแรงแต่ก็รู้สึกดีจนพูดไม่ออก มือนั้นก็คลำๆตรงเครื่องสั่นและกดปิดมันเพราะหากมันยังสั่นต่อพระพายคงไม่ได้นอนกันพอดี   


             พิธานจัดการถอดมันออกมาให้และพลางมองของเหลวของตัวเองที่อยู่บนร่างของพระพาย จากนั้นก็หันไปมองถุงยางอนามัยที่เพิ่งถอดทิ้งไปในถังขยะอย่างครุ่นคิดอะไรสักอย่าง พระพายที่นอนหมดแรงก็ได้สังเกตเห็นพิธานที่เหมือนจะคิดอะไรอยู่

“มีอะไร?” พระพายถามเสียงเบา

“เปล่า...” พิธานตอบเช่นนั้นแต่พระพายรู้สึกว่ามันไม่ใช่ พิธานไม่พูดอะไรอีกก่อนที่จะดึงพระพายที่หมดแรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อตัวก่อนที่จะนอน


        ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็ออกมาจากห้องน้ำ พิธานช่วยพระพายสวมเสื้อผ้าก่อนที่จะล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรงแต่ยังไม่ได้ง่วงถึงขนาดที่จะนอนตอนนี้ พระพายมองดูพิธานที่กำลังสวมกางเกงนอนและไล่ปิดไฟทั้งหมดและเหลือแค่ไฟที่หัวเตียงเท่านั้น

“คิดอะไรอยู่?” พระพายถามตรงๆเมื่อรู้สึกได้ว่าพิธานเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ พิธานที่นอนลงข้างๆก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบ

“ฉัน...เริ่มไม่อยากใช้ถุงยางกับนายแล้ว” พิธานเอ่ยขึ้น พระพายขมวดคิ้วอย่างแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แม้จะเหนื่อยอยู่แต่ก็ไม่ได้หูฟาด

“เดี๋ยวนะ...จู่ๆทำไมคิดแบบนั้น?” พิธานที่พระพายรู้จักไม่เคยที่จะไม่ใส่ถุงยางอนามัยเพื่อการป้องกัน อีกทั้งรักความสะอาดเสียขนาดนั้น เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงอดที่จะแปลกใจไม่ได้

“ไม่รู้เหมือนกัน ปกติฉันใส่ถุงตลอดและไม่เคยคิดจะไม่ใส่ด้วย”

“ทำไมถึงเปลี่ยนใจตอนนี้ล่ะ?” พระพายถามมือนั้นเอื้อมไปจับมือของพิธาน
 
“ฉันแค่....อยากสัมผัสนายแบบไม่มีอะไรมาขวาง” พิธานตอบเช่นนั้น ได้ยินแบบนี้ก็ทำเอาหัวใจพองโตไม่น้อย

“หืม....คิดแบบนั้นเหรอ?”

“อยากจะสัมผัสนายให้ลึกกว่านี้ ด้วยตัวฉันเอง ด้วยเนื้อผิวของฉันเอง อยาก...ให้ทุกส่วนของนายเป็นของฉันอย่างแท้จริงโดยไม่มีอะไรมากั้น” พิธานว่าพลางหันมาสบตาพระพาย

“ทำไมพูดอะไรแบบนั้นล่ะ” พระพายอมยิ้มจนแก้มแทบปริ ทำไมฟังแล้วเหมือนรู้สึกว่าพิธานกำลังพูดอะไรที่มันหวานๆสยิวหัวใจก็ไม่รู้

“ฉันทำได้ไหม?” พิธานถามพลางขยับหน้าเข้าไปหาพระพาย

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” พระพายยิ้มให้

“นายนี่น่ารักมากขึ้นทุกวันเลย”

“ปากหวาน” พระพายว่าพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อีกแล้วกับโหมดหวานของพิธาน

“ถ้าอย่างนั้น...ไปตรวจเลือดกัน” พิธานว่า

“ตรวจเลือดเหรอ?”

“ใช่ ตรวจเลือด ถ้าจะไม่ใส่ถุงยาง ก็ต้องแน่ใจว่าทั้งฉันและนายปลอดภัยทั้งคู่” พระพายฟังอย่างนิ่งๆและหลับตาลง

“ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจนาย แต่เพื่อความแน่ใจเท่านั้น หากเกิดอะไรขึ้นมาภายหลังจะลำบาก” พิธานบอกเหตุผลที่ชัดเจนขึ้น

“ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก แต่ผมแค่คิดว่าเราต้องตรวจกันบ่อยแค่ไหน” พระพายว่า

“เรื่องนั้นเดี๋ยวไปปรึกษาหมอก็แล้วกัน” พิธานบอก

“จะไปพรุ่งนี้เหรอ?”

“เดี๋ยวดูอีกที” พิธานว่าก่อนที่จะจูบริมฝีปากของพระพายเบาๆและจูบหน้าผากเป็นการปิดท้าย

“นอนเถอะ หมดแรงจนขยับตัวไม่ได้แล้ว” พิธานว่า

“ครับ”


             พระพายว่าก่อนที่จะหลับตาลงโดยที่พิธานกอดเอาไว้อยู่ การที่พิธานไม่ต้องการใช้ถุงยางอนามัยกับพระพายนั่นหมายความว่าตัวพิธานเริ่มมีความจริงจังและให้ความเชื่อใจในการใช้ชีวิตคู่แล้ว การตรวจเลือดครั้งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก้าวหน้าไปมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน...


Lyrics: Blow by Beyoncé


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 22-09-2018 10:31:11
อ่านนิยายมาหลายเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่พระ-นายจะพากันไปตรวจเลือด อาจจะด้วยบุคคลิกหรือนิสัยของพิธานที่รักสะอาดเป็นคนมีเหตุผล แต่ยังไงก็ขอบคุณไรท์นะคะที่เขียนประเด็นสุขภาพด้วย มันสำคัญจริง ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-09-2018 10:58:02
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2018 11:43:46
คู่รัก SM
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-09-2018 11:54:40
เชื่อใจ ไว้ใจไม่เกี่ยวกับสุขภาพเนอะ
ตรวจเอาให้แน่ใจดีกว่า
 
ไม่ใช่ไม่แน่ใจในตัวพระพายนะ อิตาพิธานเนี่ยตัวดี
จากนี้ไปมันจะมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-09-2018 18:17:54
นิยายเรื่องนี้นอกจากภาษาการเขียนที่เราชอบแล้ว
เรายังประทับใจตรงที่คนเขียนใส่ในเกี่ยวกับ safe sex
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-09-2018 18:26:12
พิธานจริงจังกับพระพายถึงขั้นอยากสดเลยอ่ะ ไปตรวจเลือดดีแล้ว สังคมชชในชีวิตจริงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ พิธานทำถูกแล้ว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-09-2018 18:26:31
 :haun4: :haun4: :haun4: ได้แต่ร้องอื้อหือ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 22-09-2018 21:13:39
ประทับใจตอนนี้มากเลย เซ็กส์ที่ดีต้องมาคู่กับความปลอดภัยเนอะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2018 02:06:01
มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ สาเหตุก็คงมาจากเรื่องนี้แหล่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 23-09-2018 13:13:59
พระพ่ยจะไปทำงานไหวไหมเนี่ย ท่าทางน่าจะพักยาวนะ มาราธอนขนาดนี้ >///<
ชอบที่พิธานป้องกันทุกครั้ง ทั้งนิ้วทั้งของตัวเอง
และขนาดจะหยุดใช้ถุงยางอนามัยก็ยังเลือกที่จะไปตรวจเลือดป้องกันไว้ก่อนเ้วย แมนมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 23-09-2018 16:46:34
……


โอ้ยยยยไม่ไหว.  บท nc25+++ เข้าขั้นรุนแรงแล้วอ่ะ

โซ่แส้กุญแจมือ ของเล่น ฟาดจนเลือดไหล

ถึงจะเป็นการยอมและไม่ซาดิสม์โหดร้าย แต่ก้อไม่ไหวละ

ขอบายนะ.


 :pighaun:  :jul1:  :pighaun:  :jul1:  :pighaun:   :jul1:


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-09-2018 19:15:09
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-09-2018 09:37:03
ร้อนแรง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 49 (22/09/18) P.25 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 30-09-2018 23:48:31
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน คู่พิธานพระพายช่างเป็นคู่ที่ดูเหมือนจะเรียบ แต่มันก็ไม่เรียบนะ เวลาเค้าเล่นกันทีนี่ อื้อหือออออออ เร่าร้อนไปอีกพร้อมพรั่งด้วยสารพัดของเล่นจากกล่องวิเศษ  :-[ คิดแล้วก็เขิลลล อยากรู้ต่อด้วยค่ะว่าไคเก้าจะเป็นยังไงกันบ้าง เมื่อไหร่เค้าจะเร่าร้อนกันซะทีนะ รอตอนต่อไปนะคะ ให้กำลังใจคนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 06-10-2018 10:56:48
       สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยขออภัยก่อนเลยนะคะ  :mew2: เพราะสัปดาห์ก่อนไม่ได้มาอัพเนื่องจากโน้ตบุ๊คมีปัญหาเลยต้องซ่อม ตอนแรกคิดว่าจะทันแต่กลับไม่ทันซะงั้น เลยมาอัพเอาสัปดาห์นี้ค่ะและจะอัพอีกในครั้งต่อไปคือสัปดาห์หน้า จากนั้นจะขอหยุดพักน่าจะสักสองสัปดาห์นะคะ เพราะจะเดินทางและเป็นช่วงวันหยุดยาวค่ะ ขอพักผ่อนหน่อยนะคะ แล้วจะกลับมาต่อค่ะ

        ตอนนี้ยาวมากสุดเท่าที่แต่งมาในเรื่องนี้เลย อาจจะเยอะไปหน่อยนะคะ ถ้าหากมีข้อผิดพลาดคำผิดหรือประการใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ติชมได้ ยินดีรับฟังค่ะ ตอนนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ   :bye2:
++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 50 Between them. 


It feels like there’s oceans
มันรู้สึกราวกับมีมหาสมุทรขวางกั้น
Between me and you once again
ระหว่างเธอและฉันอีกครั้งหนึ่ง
We hide our emotions
เราต่างซ่อนเร้นความรู้สึกไว้
Under the surface and tryin’ to pretend
ใต้ผืนน้ำและพยายามทำเหมือนไม่มีอะไร
But it feels like there’s oceans
แต่มันกลับเหมือนมีมหาสมุทรขวางกั้น
Between you and me
ระหว่างฉันและเธอ


        พระพายที่หลับไปอย่างเนิ่นนาน ตื่นอีกทีก็พบว่าเป็นเวลาสิบโมงเช้าของวันใหม่ไปแล้ว พระพายบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดจึงนอนหลับสบายเสียเต็มอิ่ม


        ตื่นมาก็พบว่าพิธานยังคงหลับอยู่ เจ้าตัวคงอยากพักผ่อนยาวๆบ้างหลังจากที่ผ่านมาเอาแต่ทำงานหนัก พิธานในช่วงหลังๆทำงานเยอะมากผิดกับช่วงแรกๆที่เจอกันแต่ก็พอเข้าใจว่าความรับผิดชอบมากขึ้นเพราะระบบงานมีการเปลี่ยนแปลงไปตามที่พิธานเคยบอกเล่า


        พระพายลุกขึ้นจากเตียงอย่างอ่อนเปลี้ย เมื่อคืนหนักหน่วงจริงๆจนร่างกายหนักอึ้งแต่พระพายก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวใดๆแค่เมื่อยล้าอย่างเช่นปกติ เมื่อเดิน


             เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจกบานโต พบว่าเนื้อตัวมีรอยแดงแตกพร้อยลายไปทั้งตัว ตรงช่วงแขนและมากสุดก็ตรงหน้าท้อง แส้หนังนั่นแผลงฤทธิ์เอาไว้เยอะใช่ย่อย บางรอยแผลแตกซิบห้อเลือดนิดๆ คงต้องรอพิธานตื่นเพื่อถามหายาทา ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้คงจะช้ำจนน่ากลัวกว่าเดิม


             พระพายอาบน้ำแปรงฟัน ใช้เวลาในห้องน้ำเรื่อยเปื่อยกว่าจะเรียบร้อยก็นานพอควร เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินเข้าไปยังห้องนอนก็พบว่าพิธานตื่นแล้วและกำลังนั่งพิงหัวเตียงพลางเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่

“ตื่นแล้วเหรอ?”


            พระพายทักทายพร้อมรอยยิ้ม พิธานจึงโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงและกวักมือเรียก พระพายทำตามคำสั่งเดินเข้าไปหาคนที่เพิ่งตื่นนอน พิธานคว้าแขนพระพายดึงให้นอนบนเตียงก่อนที่จะขึ้นคร่อมแล้วซุกหน้าลงที่ลำคอของพระพาย

“แกล้งแต่เช้าเลย” พระพายหัวเราะเสียงดังพลางใช้มือดันหน้าพิธานออก

“แผลเยอะ...” พิธานมองช่วงตัวของพระพายมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่างไว้

“ว่าจะถามยาทาว่าอยู่ตรงไหน” พระพายถาม

“เดี๋ยวไปหยิบให้” พิธานลุกออกจากการแกล้งพระพายและไปหยิบยาจากในตู้เสื้อผ้า



        หยิบหลอดยามาพร้อมทาแผลให้พระพาย เห็นภาพที่พิธานทายาให้ก็นึกไปถึงช่วงแรกๆที่มีความสัมพันธ์กัน ตอนนั้นพิธานก็ทายาให้ไม่ต่างจากตอนนี้

“วันนี้จะออกไปข้างนอก” พิธานพูดขึ้นหลังจากที่ทายาเสร็จแล้ว

“จะไปไหนเหรอ?”

 “ไปโรงพยาบาล แล้วไปร้านพี่เพลง” พิธานว่า

“ไปโรงพยาบาล...จะไปตรวจเลือดเลยเหรอ?” พระพายถาม

“ใช่ ฉันหาข้อมูลเมื่อกี้ เดี๋ยวไปกันเลย” พิธานว่า

“ถ้าอย่างนั้นรีบไปอาบน้ำ” พระพาย



        พระพายแต่งตัวระหว่างที่รอพิธานอาบน้ำ เมื่อแต่งตัวเสร็จพิธานก็อาบน้ำเสร็จพอดี พระพายจึงใช้เวลานี้นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอพิธานแต่งตัว


        อันดับแรกส่งข้อความทักทายเก้าที่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าวันนี้จะออกไปเที่ยวกับไคและอยากจะชวนพระพายไปด้วย พระพายจึงลุกขึ้นเดินไปหาพิธานที่กำลังแต่งตัวอยู่

“คุณพิธาน...เก้าจะชวนไปเที่ยว” พระพายบอกพิธานที่ตอนนี้กำลังสวมกางเกงยีนส์ขายาวอยู่

“กี่โมง?” พิธานถาม พระพายจึงรีบส่งข้อความถามต่อและเก้าก็ตอบกลับมา

“ไปเยาวราช น่าจะเย็นๆเกือบค่ำ” พระพายว่า

“ตอบตกลงไป”


        พระพายส่งข้อความหาเก้าอีกครั้งและตอบตกลงคำชวนเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่รอพิธานกำลังเลือกเสื้อ พระพายก็นั่งคิดไปถึงเรื่องการตรวจเลือด ส่วนตัวมั่นใจว่าตัวเขาเองปราศจากการสุ่มเสี่ยง เพราะไม่เคยมีเรื่องอย่างว่ากับใครมาก่อนนอกจากพิธาน ในส่วนของพิธานนั้นพระพายเชื่อใจระดับหนึ่งว่าเจ้าตัวต้องป้องกันตัวเองมาตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตรวจจะเป็นตัวบอกว่าทั้งคู่มีผลเลือดที่บวกหรือลบกันแน่ คิดๆก็ระทึกใจเหมือนกัน


        พิธานแต่งตัวเสร็จแล้วและเดินไปหยิบกุญแจรถพลางหันมามองพระพายว่าพร้อมหรือยัง พระพายรีบลุกขึ้นและเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายข้าง ใส่โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงินลงไปและสะพายด้วยความรวดเร็ว


        ทั้งสองขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว พิธานบอกว่าโรงพยาบาลที่จะไปเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ไกลจากที่นี่แต่วันหยุดเช่นนี้รถราจึงติดพอสมควร ระยะเวลาอาจจะล่าช้ากว่าที่คิด


        กว่าจะถึงก็ใช้เวลาพักใหญ่ รถของพิธานขับเข้ามายังลานจอดรถชั้นล่างก่อนที่จะจอดลงตรงพื้นที่ว่าง พระพายที่นั่งเงียบๆจนพิธานต้องสะกิด

“ลงสิ” พิธานว่า พระพายจึงลงจากรถ


        เข้าไปยังโรงพยาบาลซึ่งผู้คนไม่ได้พลุกพล่านมากมายอย่างที่คิดแต่ก็มีคนมาใช้บริการอยู่พอสมควร ทั้งสองคนเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อแจ้งความประสงค์ในการตรวจเลือด พยาบาลสอบถามเล็กน้อยถึงจุดประสงค์ในการตรวจ ซึ่งพยาบาลแนะนำให้ทั้งสองคนตรวจเป็นแอนติ-เอชไอวี ซึ่งเป็นการตรวจหาภูมิเชื้อเอชไอวี เดิมทีต้องตรวจหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงสองสัปดาห์ขึ้นไป แต่หากสอบถามเบื้องต้นถึงพฤติกรรมของทั้งสองคนถือว่าไม่ได้อยู่ในกลุ่มสุ่มเสี่ยง จึงสามารถตรวจได้ในตอนนี้และสามารถรู้ผลการตรวจได้ภายในหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น


        เมื่อรับฟังถึงข้อแนะนำต่างๆแล้ว พิธานและพระพายก็ได้เซ็นใบยินยอมรับการตรวจรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็นต่อการตรวจ จากนั้นก็มานั่งรอเพื่อเข้ารับการตรวจเลือดซึ่งไม่ได้นานนัก สมกับเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ให้ความสำคัญเรื่องเวลารวดเร็วและบริการที่ดีเยี่ยม


        พิธานเข้าไปเจาะเลือดคนแรก จากนั้นก็เป็นทีของพระพาย ใช้เวลาไม่นานในการเจาะเลือด จากนั้นทั้งสองคนก็ออกมานั่งรอผลการตรวจซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงจะทราบผล

“ตื่นเต้นเหรอ?” พิธานถามพระพายที่นั่งเขย่าขานิดๆราวกับกำลังกังวลหรืออะไรสักอย่าง

“ไม่น่ามีอะไรหรอก แต่มันก็ลุ้นเหมือนกันนะ” พระพายว่า

“กลัวฉันเป็นเหรอ?”

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”

“เพราะนายไม่เคยนอนกับใครนอกจากฉัน..ถ้าจะติดก็ต้องมาจากฉัน”

“คุณติดยากเหอะ ออกจะระวังไปซะทุกอย่างขนาดนั้น” พิธานไม่พูดอะไรได้แต่หัวเราะเบาๆ


        ระหว่างที่นั่งรอดันมีสายเข้าโทรมาจากเลขาปอ พิธานจึงต้องรับสายและไม่ได้เลี่ยงไปไหนกลับนั่งคุยอยู่ข้างๆพระพาย เป็นเรื่องด่วนที่มีเข้ามาบ่อยๆและจำต้องแจ้งให้พิธานทราบแม้ว่าวันนั้นพิธานจะไม่ทำงานก็ตาม


        พระพายไม่ได้สนใจจะฟังแต่กลับนั่งคุยกับเก้าผ่านทางข้อความ บอกเก้าว่าอยู่ที่โรงพยาบาล รายนั้นก็ตกอกตกใจว่ามาทำอะไร พระพายจึงต้องบอกว่ามาตรวจเลือดและคุยถึงเรื่องอื่นๆหลายอย่างจนในที่สุดพยาบาลก็เรียกให้ไปฟังผลตรวจ


        พิธานเป็นคนแรกที่ถูกเรียกไป การฟังผลตรวจแพทย์จะเป็นผู้แจ้งผลให้กับผู้ป่วยเท่านั้น คนอื่นจะไม่มีสิทธิ์รับรู้ถึงผลตรวจของนอกจากแพทย์ ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่พิธานก็ออกมาพร้อมใบแจ้งผลเลือด


“เป็นยังไงบ้าง?” พระพายถามทันที

“เดี๋ยวไปคุยกันในรถ” พิธานพูดเท่านั้น จากนั้นก็เป็นพระพายที่ต้องเข้าไปฟังผลตรวจจากแพทย์


        บรรยากาศในห้องนั้นมีแพทย์นั่งอยู่ท่านเดียว พระพายรู้สึกใจเต้นแรงอย่างลุ้นระทึกใจ แม้จะมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัยแต่ใจหนึ่งก็กลับคิด พระพายนั่งลงพร้อมยกมือไหว้สวัสดีคนที่นั่งตรงหน้า อายุน่าจะสามสิบปลายๆ

“คุณพระพายนะครับ”

“ครับ ผมพระพาย”

“ผลตรวจออกมาแล้วนะครับ เป็นลบ ไม่มีเชื้อเอชไอวีครับ” พระพายที่ได้ยินถึงกับยิ้มออกมาและรู้สึกโล่งอกทันที

“หมอสอบถามหน่อยนะครับ ปกติมีเพศสัมพันธ์จะสวมถุงยางอนามัยหรือเปล่าครับ?”

“ใช้ตลอดครับ” ใช่ ใช้ตลอดแต่ไม่ใช่เขาแฟนต่างหากที่ใช้

“มีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคนหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ มีแฟนแค่คนเดียวและไม่เคยนอนกับใครเลยครับ”

“และแฟนมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงหรือเปล่าครับ?”

“คิดว่าไม่นะครับ”

“ถ้าไม่มั่นใจ หมอแนะนำให้คุณกับแฟนมาตรวจปีละครั้งหรือหกเดือนครั้งนะครับ เพื่อความแน่ใจ เพราะอนาคตข้างหน้าไม่อาจทราบได้ว่าจะเจอความสุ่มเสี่ยงอะไรบ้าง เพื่อความปลอดภัย”

“ได้ครับ ผมจะมาตรวจครับ”

“นี่ใบแจ้งผลตรวจเลือดครับ”

“ขอบคุณครับ” พระพายยกมือไหว้เป็นการบอกลา


        เมื่ออกมาก็พบว่าพิธานนั่งรออยู่ ทั้งสองไม่พูดอะไรแต่พิธานก็ลุกไปจัดการค่าใช้จ่ายตรงเคาน์เตอร์ชำระเงิน เพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง การมาตรวจเลือดไม่ได้ยุ่งยากใดๆอย่างที่คิดไว้ กลับง่าย รวดเร็วและปกปิดความเป็นส่วนตัวของคนไข้ได้ดีเลยทีเดียว ทั้งสองคนลงลิฟต์ยังชั้นลานจอด ทันทีที่นั่งลงบนเบาะพระพายก็หันไปมองพิธานที่กำลังสตาร์ทรถ

“คุณ...คุณพิธาน” พระพายเรียกขึ้น พิธานจึงยื่นใบผลตรวจที่วางอยู่ให้พระพายอ่าน

“นี่ของผม” พระพายก็ยื่นให้พิธานบ้าง มือสั่นๆนิดๆตอนรับใบผลตรวจเลือดของพิธานว่า


        ไล่สายตาอ่านข้อความแค่ไม่มีบรรทัดก็พบว่าผลตรวจเป็นลบ พระพายถอนหายใจแรงออกมาอย่างโล่งอกซึ่งมากกว่าของตัวเองเสียอีก

“นายก็เวอร์ไป” พิธานหัวเราะพลางขยี้ผมพระพาย

“เรา...ปลอดภัยทั้งคู่เลย” พระพายยิ้มกว้าง

“แต่ก็ต้องมาตรวจซ้ำทุกปี” พิธานว่า

“ใช่ๆ คุณหมอก็บอกแบบนั้น”

“เอาล่ะ ไปร้านพี่เพลงกัน หิวจะแย่” พิธานว่าและรีบขับรถออกไปจากโรงพยาบาลไปยังร้านอาหารของเพลงขวัญผู้เป็นพี่สาว ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร


        กว่าจะถึงก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ร้านของเพลงขวัญยังคงมีผู้คนมากมายเช่นเคยแต่ไม่เท่ากับครั้งล่าสุดที่มา พิธานเดินนำเข้าไปในร้านพลางกวาดสายตามองหาพี่สาวและก็พบว่ากำลังนั่งทานข้าวกับคนสองคนที่มองแผ่นหลังแล้วรู้สึกคุ้นตา

“พิธาน พระพาย!” เพลงขวัญร้องเรียกขึ้น ทันใดนั้นคนที่พิธานคุ้นตาก็หันหลังมามองและพบว่าเป็นพัชชา อีกคนคือคนที่พิธานไม่อยากเจอมากที่สุด...ธนิตนั่นเอง


        พระพายที่เดินตามหลังมาถึงกับชะงัก ได้แต่คิดในใจว่าน่าจะโทรบอกเพลงขวัญล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอกันแบบนี้ พิธานหันหลังกลับทันทีแต่พัชชาที่ไวกว่ารีบลุกขึ้นมาก้าวยาวๆมารั้งแขนพิธานไว้ได้ในทันที

“พิธาน อย่าเพิ่งไปสิลูก” พัชชาว่างพลางหันมองพระพายที่ยกมือไหว้

“ผมน่าจะโทรถามพี่เพลงก่อน” พิธานพูดแค่นั้น

“ไม่อยากเจอแม่เหรอ?” พัชชาถาม

“เปล่า..ผมไม่อยากเจอคุณพ่อต่างหาก” พิธานบอกตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม

“ไหนๆก็มาแล้ว มาทานข้าวกันเถอะ พระพายก็ด้วย” พระพายแค่ยิ้มแห้งๆเป็นการตอบรับคำชวน

“แต่ว่า...” พิธานจะปฏิเสธแต่เหลือบไปเห็นเพลงขวัญที่มองมาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็พอจะเข้าใจว่าพี่สาวเองก็อึดอัดที่ต้องทานข้าวร่วมกับคนเป็นพ่อ

“ครับ” พิธานจำต้องกลืนคำว่าไม่ลงไปและเดินไปยังโต๊ะแทน


        พิธานนั่งข้างเพลงขวัญถัดจากพิธานก็เป็นพระพายที่นั่งลง พระพายยกมือไหว้ธนิตที่หน้าตาเมินเฉยแต่ก็พยักหน้ารับนิดๆด้วยเพราะเป็นผู้ใหญ่ พิธานเองก็ยกมือไหว้ธนิตเช่นกันแต่สายตานั้นว่างเปล่าราวกับไหว้ส่งๆ ธนิตมองลูกชายของตนเองด้วยสายตานิ่งเฉย บรรยากาศมันอึดอัดพอสมควรในความคิดของพระพาย


        ทั้งที่เพิ่งผ่านการตรวจเลือดที่ระทึกและเพิ่งหายใจหายคอโล่งได้ไม่ทันเท่าไหร่ แต่กลับต้องมาเจอธนิตเอาตอนนี้อีก วันนี้เป็นวันอาทิตย์สุดหรรษาหรืออย่างไรกัน ตั้งรับเตรียมใจแทบไม่ทันเลยทีเดียว


             อาหารวางตรงหน้ามากมายอยู่ก่อนแล้ว เพลงขวัญตักข้าวให้พิธานและพระพาย จากนั้นก็เริ่มการทานอาหารร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาซึ่งไม่ได้เห็นภาพเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว


“พิธาน สบายดีไหม?” พัชชาถามพลางตักปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทยให้พิธาน

“สบายดีครับ”

“พระพายล่ะ เป็นยังไงบ้าง” พัชชาหันไปถามพระพาย

“สบายดีครับ”

“คิดถึงพี่เหรอ เลยมาหาน่ะ?” เพลงขวัญหันไปถามพิธาน

“แค่อยากกินข้าวฟรี” พิธานบอกเท่านั้น

“ทำไมกลายเป็นคนงก” เพลงขวัญว่าพลางหัวเราะ

“คงเพราะเอาเงินไปเลี้ยงคนอื่นหมดน่ะสิ” ธนิตเปิดปากพูดเท่านั้นก็ทำเอาบรรยากาศแย่ขึ้นมาในทันที พิธานกำช้อนส้อมแน่นขึ้นราวกับระงับข่มโทสะเอาไว้

“คุณธนิต” พัชชาปรามขึ้น ธนิตเมินเฉยอีกครั้งและทานอาหารต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


             พระพายที่ทานไม่ลงทั้งที่ตอนตรวจเลือดหิวแทบไส้ขาด ตอนนี้นั่งเขี่ยอาหารและตักเข้าปากนิดๆพอเป็นพิธี คนข้างๆอย่างพิธานก็ไม่ต่างกัน รายนั้นที่บ่นหิวมาตลอดทางกลับทานน้อยผิดวิสัยที่สุด

“พระพาย อร่อยไหม?” เพลงขวัญถามอย่างชวนคุย

“อร่อยมากครับ” ตอบด้วยรอยยิ้มให้เพลงขวัญ

“กินเยอะๆนะ” เพลงขวัญว่า

“ผลตอบรับเป็นไงบ้าง?” ธนิตเอ่ยถามเพลงขวัญ

“หมายถึงกำไรเหรอคะ?” เพลงขวัญถามธนิตกลับ

“ใช่”

“ก็ดีค่ะ”

“ก็ดี แต่ไม่ดีที่สุด ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมถึงไม่ช่วยงานที่บ้านแทนที่จะมาทำร้านของตัวเองแบบนี้” ธนิตพูดพลางมองหน้าเพลงขวัญที่เริ่มกระอักกระอ่วน

“คือ...เพลงบอกแล้วนี่คะ ว่าจะไม่ทำงานของที่บ้าน” เพลงขวัญเลือกที่จะพูดออกมาถึงสิ่งที่เคยบอกไว้ครั้งเมื่อเรียนจบใหม่ๆ
“ก็ยังไม่สายที่จะกลับมาทำ” ธนิตว่า

“แต่ตอนนั้นคุณบอกเองนี่คะว่าแล้วแต่ลูก” พัชชาว่าพูดขึ้นมาบ้าง

“เพราะคุณชอบตามใจ ถึงเป็นแบบนี้” ธนิตหันไปว่าพัชชาบ้าง ซึ่งจากมุมของพระพายคนที่ตามใจนั้นน่าจะเป็นธนิตมากกว่าไม่ใช่หรือ ในเมื่อเป็นคนบอกเองแท้ๆว่าแล้วแต่ลูก


        ธนิตเงียบไปไม่พูดอะไรอีก มีพัชชากับเพลงขวัญที่พูดคุยกันบ้าง ด้านพิธานและพระพายก็ได้แต่เงียบเช่นกันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไป


        อาหารมื้อหลักดำเนินไปเรื่อยๆจนตอนนี้มาถึงของหวานล้างปาก เป็นไอศกรีมโฮมเมดที่เพลงขวัญเพิ่งบรรจุลงเมนู มีด้วยกันถึงห้ารสชาติแน่นอนว่าคนรักของหวานอย่างพระพายที่ทานข้าวไม่ค่อยลงเมื่อครู่ก็ต้องตาลุกวาว เมื่อฟังชื่อรสแต่ละรสมันช่างน่าลอง พระพายจึงตัดสินใจเลือกรสมะพร้าวนมสด


        ท่าทีที่ดูจะเพลิดเพลินกับไอศกรีมจนลืมไปว่าธนิตก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่เช่นกัน พระพายตักเข้าปากพร้อมยิ้มนิดๆรับรสหอมหวาน ธนิตมองพระพายด้วยสายตานิ่งๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่แต่พระพายนั้นก็ไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้กำลังถูกเพ่งเล็งอยู่
“ชอบไหม?” พิธานรู้ดีว่าธนิตกำลังมองพระพายอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจใดๆ

“อร่อยมากเลย อยากชิมไหม?” พระพายถาม พิธานพยักหน้า พระพายจึงตักและป้อนให้พิธานอย่างรวดเร็ว พิธานอ้าปากรับทันที

“อืม ก็ดี”

“อร่อยเลยล่ะ” พระพายว่า แน่นอนว่าเพลงขวัญและพัชชาเคยเห็นภาพพวกนี้มาแล้ว ผิดกับธนิตที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

“ประเจิดประเจ้อ” ธนิตพูดก่อนที่จะใช้กระดาษเช็ดปากพลางเมินหน้าหนี



        พิธานเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ ผิดกับพระพายที่นั่งนิ่งเพราะลืมไปเสียสนิทว่าธนิตนั่งอยู่ มีผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบเรื่องเช่นนี้นั่งร่วมโต๊ะด้วย คะแนนที่ไม่มียิ่งติดลบเข้าไปอีกแค่นึกก็ได้แต่ถอนหายใจในความไม่ระมัดระวังของตัวเอง

“ไปไหนคะคุณ?” พัชชาถามเมื่อธนิตจู่ๆก็ลุกขึ้น

“ไปห้องน้ำ” ธนิตพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะลุกออกไป เมื่อธนิตหายไปจากการมองเห็น เพลงขวัญก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“พิธาน พี่ขอโทษ ไม่คิดว่าจะมาวันนี้เลยไม่ได้บอกว่าคุณพ่อจะมาทานข้าวที่นี่” เพลงขวัญใช้โอกาสนี้บอกพิธาน

“นัดกันก่อนเหรอ?” พิธานถาม

“เปล่าหรอก แม่เพิ่งบอกเพลงเมื่อเช้านี่เอง ว่าคุณพ่ออยากมาทานข้าวที่ร้าน อยากเห็นร้านอาหารที่เพลงตั้งใจทำ” พัชชาว่า

“หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณพ่อน่ะเหรออยากจะมาทานข้าวที่นี่ คุณแม่บังคับคุณพ่อใช่รึเปล่า?” เพลงขวัญไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคนเป็นพ่อจะอยากมาที่นี่

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะเพลง?” พัชชาถามพลางมองหน้าลูกสาวที่แสดงสีหน้าปั้นยาก

“คนอย่างคุณพ่อน่ะเหรอจะอยากมาที่นี่ หนูว่าเป็นคนแม่ต่างหากที่พาคุณพ่อมาเพื่อจะมาคุยกับหนูและน้อง” เพลงขวัญเองแม้จะไม่ได้แสดงท่าทีอย่างที่พิธานทำ แต่ในใจเธอก็ยังคงโกรธเคืองผู้เป็นพ่อไม่เสื่อมคลาย

“พวกลูกมองคุณพ่อเป็นตัวร้ายเกินไปแล้ว ไม่คิดเหรอว่าจริงๆแล้วคุณพ่ออยากเจอพวกลูกมากขนาดไหน” พัชชาว่า พิธานที่นั่งเงียบๆได้แต่ปรายตามองไปทางอื่น ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อสักนิดว่าธนิตอยากจะเจอเขา

“พูดในสิ่งที่เห็นและรับรู้ได้ต่างหาก” พิธานว่า พระพายที่นั่งอยู่นั้นไม่คิดจะเสนอความคิดเห็นใดๆอยู่แล้ว หนึ่งนั้นเป็นคนนอก สองคือไม่ได้รู้จักธนิตมากพอที่จะตัดสินอะไรได้

“พิธาน....แม่อยากให้ลูกมองคุณพ่อให้ดีๆนะ ลูกกับคุณพ่อน่ะแทบจะเหมือนกันแม้กระทั่งความคิดเสียด้วยซ้ำ”

“ไม่เหมือน ผมไม่ใจร้ายกับคนที่ผมรักหรอก” พิธานยืนยันเสียงแข็ง

“เฮ้อ...” พัชชาได้แต่ถอนหายใจอย่างจำยอมที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของลูกๆที่มีต่อคนเป็นพ่อได้


        พระพายนั่งทานไอศกรีมของตัวเองหมดแล้วและตอนนี้ต่อด้วยไอศกรีมชาไทย เพราะละเมียดละไมกับการทานเกินไปจนทำหยดลงบนเสื้อ เสื้อตัวนี้พิธานซื้อให้เสียด้วยแน่นอนว่าราคาแพงเกินกว่าที่พระพายจะปล่อยให้เลอะได้

“เดี๋ยวมาครับ” พระพายว่าและลุกขึ้น

“ไปไหน?” พิธานถามแทบจะทันที

“ไปล้างเสื้อ” พระพายว่าเช่นนั้นก่อนที่จะรีบไปยังห้องน้ำให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าชาไทยจะฝังแน่นบนเสื้อจนซักไม่ออกหากช้าเกินไป


        เมื่อไปถึงห้องน้ำ พระพายรีบเปิดน้ำตรงอ่างล้างหน้าและใช้มือถูๆให้จางออก ในขณะนั้นได้ยินเสียงคนคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำ ซึ่งเสียงคุ้นหูทำเอาพระพายเงี่ยหูฟัง

“ดูรูปรึยัง....รูปร้านอาหารลูกสาวฉันเอง...ใช่ ที่เคยบอกไง....อาหารอร่อย...ตกแต่งสวยด้วย....ใช่ไหม สวยใช่ไหม อย่าลืมให้ลูกชายแกลงรีวิวให้ด้วยนะ เพลงคงจะดีใจถ้าได้ลงรีวิวจากคนดัง...เอาน่า เดี๋ยวให้คุณพัชชาขอส่วนลดให้..ได้ๆ ขอบใจแกมาก”


        เสียงนั้นคือเสียงของธนิต ประโยคคำพูดนั้นทำเอาพระพายชะงัก น้ำเสียงที่ดูจะชื่นชมและภูมิใจแตกต่างจากที่แสดงต่อหน้าภรรยาและลูกทั้งสองมากนัก อีกทั้งยังโทรคุยอวดกับคนอื่นอีกด้วย พระพายไม่ทันได้คิดอะไรก็ได้ยินเสียงกลอนประตูที่เปิดออก จึงรีบวิ่งออกจากห้องน้ำให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้ธนิตรู้ว่าพระพายได้ยินคำพูดเหล่านั้น


        พระพายรีบนั่งลง ท่าทีลนลานทำเอาพิธานจ้องมองแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะตอนนี้กำลังนั่งฟังพัชชาพูดคุยกับเพลงขวัญอยู่

“กลับกัน” ธนิตที่จู่ๆก็เดินมายังโต๊ะด้วยความรวดเร็วบอกกับพัชชาเช่นนั้น

“ทำไมกลับไวจังคะ นี่ไม่ได้พูดกับพิธานเลย” พัชชาว่า

“จะคุยทำไมกับเด็กที่ไม่รู้จักโต” ธนิตพูดเท่านั้น พิธานเงยหน้ามองธนิตด้วยสายตาแข็งกร้าว

“คุณคะ อย่าพูดแบบนั้นกับลูกสิ ถ้าอย่างนั้นรอหน่อย ฉันจะโทรตามคนขับรถ”


        พัชชาโทรตามคนขับรถที่รออยู่แถวๆนั้นให้มาเทียบรถหน้าร้าน ธนิตนั่งกอดอกรออย่างที่พัชชาขอไว้ สายตานั้นจ้องเขม็งไปยังพระพาย พระพายที่แทบจะอยากล่องหนหรือหายตัวไปให้ได้เพราะสายตาที่มองมานั้นดูน่ากลัวเหลือเกิน ในที่สุดคนขับรถก็มา พัชชาจึงลุกขึ้น

“ไว้เจอกันนะเด็กๆ”


             พัชชาว่าเท่านั้นก่อนที่จะลากธนิตออกไปจากร้าน พิธานและพระพายยกมือไหว้เป็นการบอกลา ด้านเพลงขวัญนั้นเลือกที่จะเดินไปส่งทั้งสองคนที่รถ จากนั้นก็กลับมาละนั่งลงข้างๆพิธานก่อนที่จะพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง

“พิธาน...เชื่อที่คุณแม่บอกไหม?” จู่ๆเพลงขวัญก็ถามขึ้น

“พี่เชื่อเหรอ?” พิธานไม่ตอบแต่กลับถามเพลงขวัญกลับ

“ไม่รู้สิ ทำไมพี่ไม่รู้สึกเลยว่าคุณพ่อจะคิดอย่างที่คุณแม่บอก” เพลงขวัญตรึกตรองคำพูดนั้น แต่ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้เลยว่ามันคือความจริงหรือเพียงเพราะพัชชาอยากให้เป็นกันแน่

“ผมไม่เชื่อ” พิธานบอกเท่านั้น

“เอาเถอะ แค่มานั่งกินข้าวที่นี่ก็เกินคาดแล้ว”

“คนแบบนั้น...ไม่มีทางจะเป็นอย่างที่คุณแม่บอกหรอก” พิธานว่า

“นั่นสินะ คุณพ่อที่ไม่รักใครเท่ากับรักตัวเอง ดูสิ ยังจะมาพูดให้ไปทำงานที่โรงแรมอีก คิดว่าจะไปเหรอ ฝันเถอะ” เพลงขวัญว่า พระพายที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกได้ว่าสองพี่น้องมีความคิดความอ่านที่เหมือนกันมากจริงๆ รักแรงเกลียดแรงและยืนหยัดในความคิดนั้นมีมากจริงๆ


        พระพายที่ได้ยินธนิตพูดเช่นนั้นและคำพูดของพัชชาที่พยายามบอกลูกๆว่าธนิตไม่ได้เป็นคนอย่างที่คิด พอคิดๆก็รู้สึกสับสนกึ่งลังเลใจ ที่พัชชาบอกอาจจะเป็นจริงก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็รู้สึกสงสารธนิตอยู่เหมือนกัน ที่ไม่สามารถที่จะเข้าหน้าหรือแม้แต่จะมีปฏิสัมพันธ์พ่อลูกอย่างเช่นคนทั่วไปได้ ไม่อาจกอบกู้ความไว้เนื้อเชื่อใจและความน่าเชื่อถือจากลูกได้อีก ช่องว่างที่ดูเหมือนจะห่างไกลมากขึ้นตั้งแต่ที่พวกเขามีเรื่องหมางกัน พิธานและเพลงขวัญต่างมีช่องว่างที่ยากจะติดกับคนเป็นพ่อ ราวกับมีแม่น้ำใหญ่กั้นขวางพวกเขาไว้


              พระพายได้แต่คิดอยู่เช่นนั้นว่าธนิตแท้จริงเป็นคนอย่างไร อาจจะเป็นพ่อที่รักลูกมากแต่กลับแสดงออกในทางตรงกันข้ามหรือจะเป็นอย่างที่แสดงให้เห็นอยู่ในตอนนี้ ช่างสับสนเหลือเกินสำหรับพระพาย


        หลังจากที่พูดคุยกันอีกเล็กน้อย พิธานก็ขอกลับห้องเพราะไคส่งข้อความมาให้ไปรวมตัวกันที่คอนโดแล้วค่อยออกไปเยาวราชด้วยกัน ทั้งสองคนจึงล่ำลาเพลงขวัญและเดินทางกลับไปยังคอนโดตามที่ไคนัดหมาย...


Lyrics: Oceans by Seafret   
   
      
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-10-2018 12:02:23
คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็รักลูกน่ะนะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 06-10-2018 12:09:10
คุณธนิตจริงๆก็เป็นพ่อที่รักลูกทั่วไปนั่นแหละ แต่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงเลือกที่จะแสดงออกแบบนั้นมากกว่า ถ้าพระพายจะเป็นกาวใจให้ครอบครัวนี้ล่ะก็อาจจะยากหน่อยเพราะนิสัยของพ่อลูกที่เหมือนกันมาก แต่ถ้าใช้ความเหมือนกันของพ่อลูกบางทีอาจจะไม่ยากก็ได้ พระพายเองก็ละลายใจพิธานสำเร็จ กับธนิตก็น่าจะทำได้เหมือนกัน แต่อาจจะใช้เวลาหน่อย ยังไงก็คอยเป็นกำลังใจให้อยู่แล้ว อ่อ ยินดีกับผลตรวจด้วยนะ ทั้งคู่เลย //เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนด้วยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-10-2018 12:33:26
คุณพ่อเป็นคนซึนหรือคะ
น่ารักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-10-2018 12:44:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-10-2018 16:28:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-10-2018 20:04:31
หรือพระพายจะเป็นกาวประสานใจให้ครอบครัวพิธานในอนาคต :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 06-10-2018 20:44:24
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-10-2018 23:01:57
คุณพ่อว้อยยยยยยยย จะแสดงเป็นตัวร้ายให้ลูกเกลียดเพื่อออออออ :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-10-2018 08:50:48
แอบกลัวหักมุมตอนผลเลือด มาหักมุมคุณพ่อแทน ที่จริงก็แอบน่ารักนะเนี่ย ที่จริงแค่ซึน5555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 50 (06/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-10-2018 07:13:43
ปัญหาครอบครัวเป็นเรื่องละเอึดยอ่อน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 13-10-2018 10:26:38
สวัสดีค่ะ มาอัพตอนที่ 51 อย่างที่บอกไว้นะคะและอย่างที่แจ้งไว้ จะขอหยุดพักสองสัปดาห์นะคะ ตอนนี้หามีอะไรผิดพลาดหรือคำผิดใดๆก็ขออภัยในด้วยนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเมนต์ที่ให้กันมาโดยตลอด รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:
++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 51 How do you feel.


How would you feel
เธอรู้สึกอย่างไร
If I told you I loved you?
ถ้าหากฉันบอกว่ารักเธอ
It’s just something that I want to do
มันแค่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการทำ
I’ll be taking my time
ฉันจะค่อยๆใช้เวลานี้ของฉัน
Spending my life
ใช้ไปกับชีวิตของฉันเอง
Falling deeper in love with you
ตกหลุมรักเธอให้ลึกลงไปอีก
Tell me that you love me too
บอกฉันทีว่าเธอรักฉันเหมือนกัน


             วันนี้เป็นวันทำงานวันแรก เช้าวันจันทร์ที่แสนน่าเบื่อ พระพายแทบจะไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงเลยเสียด้วยซ้ำเพราะเมื่อคืนเดินลาดตระเวนหาของอร่อยในเยาวราชกับพิธาน ไคและเก้าเสียยาวนาน เนื่องจากหิวค้างจากร้านของเพลงขวัญเลยตะลุยทานทุกตรอกซอกซอย รอคิวนานก็ไม่หวั่น สรุปตอนนี้เลยเมื่อยขามากกว่าตอนมีอะไรกับพิธานไปเสียอีก


             วันทำงานก็ไม่ต่างจากวันเดิมๆ ทำงานพูดคุยกับพี่ๆในแผนกแต่หากมีช่วงเวลาไหนที่พระพายว่างก็จะนั่งขบคิดเรื่องของธนิต พระพายยังคงสับสนจริงๆว่าสิ่งไหนคือความจริง ธนิตที่คุยโทรศัพท์ในห้องน้ำกับธนิตที่ชอบพูดจาถากถางต่อหน้าลูกๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ


             ทันใดนั้นเองมีสายเรียกเข้าดังขึ้น เป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของพระพายพอดีพบว่าเป็นพัชชาที่โทรเข้ามา พระพายจึงรีบรับสายทันที

“สวัสดีครับ” พระพายทักทาย

“พระพาย...พักเที่ยงอยู่รึเปล่า ว่างคุยกันหน่อยไหม?” พัชชาถาม

“ครับ พักเที่ยงอยู่ว่างคุยครับ”

“หลังเลิกงานมาเจอกันได้ไหม?”

“จะนัดเจอเหรอครับ?” พระพายถามอย่างสงสัยว่าเพราะอะไรพัชชาถึงอยากเจอเขา

“ใช่ มีเรื่องอยากจะคุยกับพระพายเป็นการส่วนตัว”

“แค่ผม...ไม่เกี่ยวกับคุณพิธานใช่ไหมครับ?” พระพายถาม

“ใช่ หากเป็นไปได้ไม่อยากให้พิธานรู้ว่าเรานัดเจอกัน” พระพายนิ่งเงียบไปเพราะกำลังคิดว่าจะหลบหลีกพิธานได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวออกจากรู้ทันไปเสียทุกเรื่อง

“เดี๋ยวผมจะให้คำตอบนะครับ”

“รบกวนหน่อยนะพระพาย” พัชชาว่าและวางสายไป


        พระพายที่กำลังคีบเส้นบะหมี่เข้าปากและอีกมือหนึ่งก็ไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือในแอปพลิเคชั่นแชท กดส่งข้อความหาพิธานด้วยนิ้วโป้งนิ้วเดียวอย่างคล่องแคล่ว

‘ยุ่งไหม?’ ถามสั้นๆพิธานก็ตอบกลับมารวดเร็ว

‘ไม่เท่าไหร่ กินข้าวอยู่เหรอ’

‘ผิด กินบะหมี่เย็นตาโฟต่างหาก’ ตามด้วยสติ๊กเกอร์หัวเราะปากกว้างๆ

‘กินอะไรรึยัง?’ พระพายถามต่อ

‘ยังเลย แต่เดี๋ยวคงต้องหาอะไรกินแล้ว’

‘วันนี้จะกลับกี่โมง’

‘ทำไม’ อย่างที่คิด พิธานที่ตามทันความคิดเสมอ หากพระพายทำอะไรผิดแปลกไปแค่นิดเดียวก็รู้ได้

‘ผมว่าจะไปซื้อของ’

‘วันนี้คงช้านิดหน่อย แต่จะไม่ให้เกินสามทุ่ม’

‘ผมไปคนเดียวก็ได้ คุณอยากได้อะไรพิเศษไหม’

‘มีกุญแจข้อมือขายไหม’ และตามมาด้วยสติ๊กเกอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาพระพายถึงกับสำลักบะหมี่ จากนั้นจึงส่งสติ๊กเกอร์คำว่าไม่ไป

‘เดี๋ยวกลับไปกินข้าวด้วยกัน อย่ากลับช้า’ พิธานทิ้งท้ายไว้เท่านั้น


        แปลว่าพระพายยังพอจะมีเวลาสักสองสามชั่วโมงก่อนพิธานกลับมาแต่ไม่มีอะไรรับประกันอีกเช่นกันว่าพิธานจะกลับเร็วหรือไม่ พระพายจึงโทรบอกพัชชาว่าจะไปหาประมาณห้าโมงครึ่ง ซึ่งสถานที่นั้นคือบ้านของพิธานเอง

“ไปที่บ้านเลยเหรอครับ”

“ใช่ เดี๋ยวจะให้คนขับรถไปรับ ทำงานแถว...ใช่ไหม?”

“ครับ เอ่อ..คุณธนิต...” พระพายถามไม่ทันจบพัชชาพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ต้องห่วง คุณธนิตไม่อยู่ ไปกับเพื่อนๆ”

“ได้ครับ ไว้เจอกันนะครับ”


        พระพายก็จำต้องยอมรับการนัดแนะนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ว่าแต่ทำไมพัชชาถึงมีเรื่องอยากจะคุยด้วยและทำไมถึงต้องไปที่บ้าน ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัยแต่พระพายก็พอจะเข้าใจว่าพัชชาคงมีเรื่องอยากจะคุยจริงๆ


        เวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน พระพายออกจากออฟฟิศเป็นเวลาห้าโมงพอดีเดินมองแถวๆออฟฟิศเพื่อหาขนมหรือของทานง่ายๆที่ดูเข้าท่าเพื่อซื้อไปฝากพัชชา สรุปจึงเลือกน้ำทับทิมและน้ำส้มสดมาอย่างละสองขวด จากนั้นก็กลับมายังออฟฟิศพบว่าคนขับรถของบ้านพิธานที่พระพายเคยเห็นก็ยืนรออยู่แล้ว

“คุณพระพาย เชิญทางนี้ครับ”


        พระพายเดินตามไปยังรถที่จอดอยู่ห่างออกไปจากออฟฟิศเล็กน้อย เมื่อขึ้นรถพระพายก็หยิบโทรศัพท์มือถือเสียบหูฟัง ฟังเพลงฆ่าเวลาทันทีเพราะตอนนี้รถติดพอสมควรอีกทั้งบ้านของพิธานอยู่ห่างจากที่นี่มาก


        ฟังเพลงเพลินๆพลางมองไปยังรอบข้าง ใช้ความคิดให้ไหลไปเรื่อยๆเพราะไม่อาจจะคาดเดาใดๆได้ว่าพัชชาอยากจะคุยเรื่องอะไรโดยที่ไม่อยากให้พิธานรับรู้ ในที่สุดพระพายก็มาถึงบ้านหลังใหญ่โตของพิธาน ครั้งที่สองที่มาที่นี่แต่ครั้งนี้คงจะไม่ลำบากใจเหมือนครั้งที่แล้ว พระพายถอดรองเท้าเดินเข้าไปในบ้าน เดินไปยังห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางพบว่าพัชชานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“พระพาย” พัชชาเอ่ยเรียกชื่อพร้อมรอยยิ้ม พระพายยกมือไหว้

“สวัสดีครับ นี่น้ำผลไม้ครับ” พระพายว่าพลางยื่นให้

“ขอบใจนะ นั่งลงสิ” พระพายนั่งเยื้องจากพัชชาเล็กน้อย เด็กรับใช้มารับน้ำผลไม้ไปเก็บ

“เมื่อวานเป็นไงบ้าง?” พัชชาเอ่ยถามพระพายถึงเรื่องการทานข้าวแบบไม่ได้นัดหมายเมื่อวาน

“ก็ไม่มีอะไรนะครับ”

“อย่างนั้นเหรอ คิดว่าพิธานจะหงุดหงิดซะอีก”

“ไม่หรอกครับ”

“ทานอะไรมารึยัง?”

“ยังครับ เดี๋ยวค่อยท่านพร้อมกับคุณพิธาน”

“เข้าเรื่องเลยนะ....พระพาย ถามหน่อย...เราน่ะรักพิธานมากไหม?” จู่ๆพัชชาก็ถามคำนี้ขึ้นมา

“เอ่อ..จู่ๆทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ?”


             จะว่าไปแล้ว พระพายไม่เคยบอกรักพิธานเลยสักครั้งและพิธานเองก็ไม่เคยบอกเขาเช่นกัน เป็นคำถามที่ต้องย้อนถามตัวเองด้วยเช่นกันว่าเขารักพิธานหรือไม่


        การอยู่ด้วยกันอย่างเช่นทุกวันนี้ก็มีความสุขดี รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้นอนข้างๆกัน พูดคุยหรือแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่พิธานใส่ใจในตัวเขา ไม่นับเรื่องบนเตียงที่ไม่ต้องพูดก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าเขาและพิธานนั้นเข้ากันได้ดีจนไม่รู้จะหาจุดไหนที่ไม่เข้ากันเลยสักนิด คำว่าชอบที่เคยบอกมันมากขึ้นจนลืมนึกไป นี่คือสิ่งที่พระพายลืมคิดไปเลย

“คนเป็นแม่น่ะดูออกนะ ว่าลูกชายตัวเองจริงจังและรู้สึกยังไง”

“ผมเองก็ไม่รู้ครับ....” พระพายบอกออกไปตรงๆ

“ถึงพิธานไม่เคยบอก แต่ฉันก็ดูออกนะ” พัชชายิ้มออกมา

“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?” พระพายเลือกที่จะถามตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อมเพราะหากช้ากว่านี้กลัวพิธานจะกลับไปที่ห้องก่อน

“ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าถ้าพระพายจริงจังกับพิธาน ก็คงจะอยากให้พิธานความสุข จริงไหม?” พระพายยังคงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องของคุณธนิต...เด็กสองคนนั่นผูกใจเจ็บมากจนเกินไป โดยเฉพาะพิธาน” ในที่สุดพัชชาก็เข้าสู่ประเด็นที่แท้จริง พระพายเงียบและตั้งใจฟังมากขึ้น

“พวกเขาปิดกั้นตัวเองมาก กำแพงสูงจนไม่รู้จะข้ามผ่านยังไง ต้องยอมรับว่าคุณธนิตเป็นคนผิดจริงๆที่ทำให้ลูกไม่เปิดใจถึงขนาดนี้”

“ความผิด..มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” พระพายอยากรู้ในมุมมองของคนกลางอย่างพัชชา

“มันร้ายแรงทางความรู้สึก มันทำลายความเชื่อใจมากที่สุดเลยล่ะ”

“คุณพัชชาคิดว่าอะไรจะเรียกความเชื่อใจกลับมาได้ล่ะครับ?” พระพายถามขึ้น

“ฉันรู้นะว่าพระพายรู้เรื่องพวกนี้..พิธานจะต้องเล่าให้ฟังแล้วแน่ๆ” พัชชาว่าพลางยิ้ม

“ผมจะไม่โกหกหรอกครับ ว่าคุณพิธานไม่ได้เล่าแต่นั่นก็เป็นมุมของคุณพิธาน ผมเองก็ได้แค่รับฟังเท่านั้น”

“ได้ฟังเรื่องราวแล้วรู้สึกยังไงบ้าง” พัชชาถามถึงความเห็นของพระพาย

“ถ้าพูดกันตรงๆ....ยากที่จะให้คุณพิธานเชื่อในตัวของคุณธนิตอีกครับ” พัชชาที่ได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“พิธานน่ะหนักข้อกว่าเพลงอีก”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว...คุณพัชชาอยากจะทำอะไรเหรอครับ?”

“อยากให้ครอบครัว กลับมาเป็นครอบครัวอีก” พัชชาว่า พระพายที่ได้ยินถึงกับชะงัก....มันช่างเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะนึกถึงได้

“รู้...ว่ามันยาก” แค่เห็นสีหน้าของพระพาย พัชชาก็รู้ได้ในทันทีว่าพระพายกำลังคิดอะไรอยู่

“อยากให้ผมช่วยเหรอครับ?” พระพายเองก็รู้เช่นกันว่าพัชชาต้องการความช่วยเหลือจากเขา

“นิสัยรู้ทันนี้มาจากตัวเองหรือเพราะอยู่กับพิธานมากไปเกินนะ” พัชชายิ้มออกมา พระพายได้แต่ยิ้มรับในคำพูดนั้น

“ถ้าอย่างนั้นจะไม่อ้อมค้อมละนะ....ช่วยทำให้ครอบครัวของเรากลับมาดีอีกครั้งได้ไหม?”


        คำขอร้องของพัชชาที่พูดออกมาตรงๆทำเอาพระพายลำบากใจ เมื่อได้ยินคำขอตรงๆแล้วก็อดจะคิดไม่ได้ ทำไมต้องมาขอยืมมือคนนอกอย่างเขาหรือเพราะเขาเป็นคนรักของพิธาน เป็นคนที่ใกล้ชิดพิธานที่สุดแล้วอย่างนั้นหรือเปล่า พระพายรู้ดีว่าพิธานนั้นแม้จะเปิดใจกับเขามากแต่หากเป็นเรื่องครอบครัวที่แสนจะละเอียดอ่อนนั้นอาจจะไม่ใช่เลย การปิดกั้นและยืนหยัดในความคิดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงกันได้ง่ายๆ

“บอกตรงๆว่ายากครับ...คุณพิธานไม่ใช่คนที่ผมจะพูดแล้วจะเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ คุณพัชชาน่าจะทราบอยู่แล้วนี่ครับ”

“รู้..แต่คนที่เปลี่ยนแปลงพิธานได้คือพระพายนะ เพราะตอนนี้พิธานเปลี่ยนไปเยอะตั้งแต่มีพระพายเข้าไปในชีวิต ฉันเลยเชื่อว่าพระพายจะเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้พิธานเปิดใจมากขึ้นในเรื่องของพ่อเขา”

“ผม...ผมคิดไม่ออกครับว่าต้องทำยังไง อีกอย่างถ้าหากคุณพิธานรู้เข้าว่าผมพยายามจะทำ มันอาจจะส่งผลไม่ดีกับผมเหมือนกัน” พิธานที่รู้ทันเสมอ ยากที่จะปิดบังอีกทั้งเรื่องเช่นนี้ใช่ว่าพิธานจะชอบใจหากเข้าไปก้าวก่ายมากจนเกินไป

“ไม่มีวิธีใดๆเลยเหรอ?” พัชชาถามอย่างคนมีความหวัง เพราะคาดหวังมากเหลือเกินว่าพระพายจะช่วยเหลือได้

“ผมขอกลับไปคิดก่อนนะครับ แต่ผมไม่อยากรับปากจริงๆ อีกอย่าง...คนที่ต้องพยายามมากกว่าใครคือคุณธนิตนะครับ ผมว่าคุณพัชชาไปคุยกับท่านดีกว่า ว่าจะอ่อนให้คุณพิธานและก็พี่เพลงได้รึเปล่า”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...คุณธนิตเป็นคนฟอร์มเยอะก็จริงแต่ลึกๆก็ใจอ่อน” พัชชาว่า

“ครับ ผมขอคิดดูก่อน”

“ว่าแต่..เรียกเพลงว่าพี่ ทำไมไม่เรียกฉันว่าแม่ล่ะ?” พัชชาถามพลางมองพระพายด้วยรอยยิ้มนิดๆ

“เอ่อ...คือผม” พระพายไปไม่เป็นเหมือนกันเมื่อโดนถามอย่างนั้น

“เรียกว่าแม่ด้วย ต่อไปห้ามลืม” พัชชาว่า

“ครับ” พระพายพูดเท่านั้น

“จะกลับเลยไหม เดี๋ยวให้คนไปส่ง” พัชชาถาม

“ครับ ผมกลับเลยดีกว่า” พระพายว่าพลางลุกขึ้น พัชชาเองก็ออกมาส่งพระพายเช่นกัน ทั้งสองคนเดินมายังหน้าประตู พระพายยกมือไหว้บอกลา พัชชายิ้มให้ก่อนที่จะรับไหว้

“ว่ายังไงก็บอกมานะพระพาย” พัชชามเอ่ยขึ้น

“ครับ ผมจะโทรมาบอก”

“พระพาย....รู้ดีว่าฉันขอมากเกินไป แต่ไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากเราแล้ว”

“ทราบครับ”

“ขอบใจนะ” พัชชาว่าก่อนที่จะลูบไหล่พระพาย เป็นท่าทีที่พัชชาชอบทำกับพิธาน


        พระพายขึ้นรถ ซึ่งตอนนี้ยังเหลือเวลาอยู่มาก การพูดคุยกับพัชชากินเวลาน้อยกว่าที่คิดเยอะ อย่างน้อยการกลับก่อนเวลาก็เป็นสิ่งที่ดีแต่สิ่งที่ไม่ดีตอนนี้คือการคิดไม่ตก พระพายจะทำอย่างไรให้พิธานเปิดใจรับธนิต ในขณะที่มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว...คำว่ารักนั้นสำคัญอย่างไรกับชีวิตคู่ พระพายถามตัวเองตลอดทางที่กลับห้องว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร


        ยอมรับว่าตอนนี้มีความสุขมากจริงๆ การได้ใช้ชีวิตร่วมกันถือเป็นสิ่งที่เกินคาดคิด แต่ที่เหนือกว่านั้นคือการอยู่ด้วยกันและมีความสุข พระพายไม่เคยนึกฝันว่าก่อนว่าการอยู่ด้วยกันทุกวันนี้จะดีขนาดนี้และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คำว่ารักมันสำคัญหรือไม่


        พระพายเองก็ต้องมานั่งถามคำถามกับตัวเองเช่นกัน ว่าทั้งสองคนตอนนี้เข้าสู่ขั้นไหนในความสัมพันธ์และพิธานรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ หากมีคำว่ารักเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องราวของทั้งสองคนจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ พระพายรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูซับซ้อน


             คำว่ารักสำหรับพระพายมันดูยิ่งใหญ่เกินไป มันมาพร้อมทั้งความรู้สึกรับผิดชอบและความลึกซึ้งที่มากกว่าปกติ อย่างไรถึงจะเรียกว่าความรัก ตอนนี้ เวลานี้ที่เป็นอยู่ใช่ความรักหรือไม่ พระพายเอาแต่คิดไม่ตกจริงๆ


              คิดไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าในที่สุดรถก็มาจอดใกล้ๆคอนโดแล้ว คนขับรถเรียกพระพายที่เงียบไปราวกับไม่รู้ตัวมาว่าถึงที่หมายแล้ว

“ขอบคุณครับ” พระพายบอกก่อนที่จะลงจากรถ


        ทันทีที่ก้าวออกจากรถคือนึกถึงเรื่องมื้อเย็น พิธานบอกว่าจะมาทานข้าวด้วยกัน จังหวะนั้นพระพายจึงรีบหันหลังกลับไปเคาะกระจกรถ คนขับรถของบ้านพิธานลดกระจกลงทันที

“เอ่อ รบกวนไปส่งผมที่ห้างทางนี้ได้ไหมครับ” พระพายว่าพลางชี้ไปข้างหน้า

“ได้ครับ”

        พระพายจึงต้องขึ้นมานั่งรถต่อเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ข้างหน้า ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็มาถึงก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณอีกครั้งและรีบเดินเข้าไปข้างในทันที


        ไปยังโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตสำหรับอาหาร ซื้อของเล็กๆน้อยๆที่พอจะทำได้ง่ายๆไม่ยุ่งยาก เพราะพระพายไม่ได้มีฝีมือทำอาหารเท่าพิธาน แต่ก็อยากทำอะไรให้พิธานบ้างอย่างน้อยการกลับมาจากทำงานและได้เห็นอาหารบนโต๊ะ เจ้าตัวคงรู้สึกดีไม่น้อย


        เลือกอาหารสดมานิดหน่อยและผักใบเขียวสองสามอย่าง พร้อมกับน้ำพริกที่ปรุงพร้อมรับประทานแล้วมาด้วย คิดว่าคงผัดผักสักนิดและน้ำพริกกับไข่เจียว อาจจะดูธรรมดาไปหน่อยแต่พิธานกลับชอบอะไรแบบนี้ซึ่งตรงกันข้ามกับความเย่อหยิ่งของเจ้าตัวเป็นที่สุด


        ซื้อทุกอย่างเสร็จแล้วก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์กลับคอนโด มาถึงห้องก็วางกระเป๋า รีบเข้าครัวทำอาหารโดยทันทีอย่างไม่รอช้า ทำไปเปิดเพลงฟังไปแต่ในใจนั้นกลับไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงเพลงเลย เอาแต่คิดวุ่นวายไปหมด ทั้งเรื่องที่พัชชาขอร้องและเรื่องความรู้สึกของตัวเอง


        จนในที่สุดอาหารก็เสร็จ ผัดผักหน้าตาธรรมดา น้ำพริกที่แกะใส่ถุงและไข่เจียวกรอบๆในจาน จัดวางบนโต๊ะก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงกีฬาขาสั้น ล้างหน้าล้างตาล้างมือและเดินมานั่งหน้าทีวี เปิดทีวีโดยไม่มีจุดมุ่งหมายว่าอยากดูอะไร พระพายตอนนี้เลื่อนลอยเพราะความคิดที่ฟุ้งซ่าน


        ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงสัญญาณแตะคีย์การ์ดดังขึ้น พิธานกลับมาแล้วพร้อมใบหน้าบึ้งตึงที่พระพายเองก็ยังสงสัย

“มาแล้วเหรอ?” พระพายถาม

“อืม เหนื่อย” พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะโยนกระเป๋าทำงานกับเสื้อนอกลงข้างๆโซฟา ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักพระพาย

“งานยุ่งเหรอ?”

“งานไม่หรอก คนสิยุ่ง” พิธานว่า

“หืม ยังไง?”

“คุณพ่อมาที่โรงแรม เอาแต่พูดมากน่ารำคาญ” พิธานว่า

“ปกติคุยกันผ่านคนอื่นไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เข้าใจว่าทำไมหมู่นี้ถึงเข้ามาวุ่นวายนัก” พิธานว่า

“ท่านคงอยากจะพูดด้วยรึเปล่า?” มองพิธานที่ลับตาอยู่

“ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมายุ่ง”

“เอาน่า นอนพักก่อน ผมทำผัดผักไว้ด้วยนะ” พระพายบอกพลางลูบผมพิธานเบาๆ

“เค็มเหมือนตอนนั้นรึเปล่า?” พิธานว่าพลางยิ้มนิดๆ

“ปรับปรุงแล้วเถอะ” พระพายแหวทันที พิธานหัวเราะออกเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“แต่จะกินได้ใช่ไหม ของง่ายๆแบบนั้น?”


             ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา พระพายไม่เคยถามเลยสักนิดว่าทำไมพิธานถึงยอมกินอาหารธรรมดาที่เขาทำให้ แม้บางครั้งรสชาติจะแย่ เค็มบ้าง หวานบ้าง ไม่ค่อยพอดีเอาเสียเลย

“อะไรที่นายทำ ฉันกินได้หมด” พิธานพูดเช่นนั้น ทำไมเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกดี คิดไม่ผิดที่ถามออกมาตรงๆเพราะคำตอบที่ได้รับตรงๆมันรู้สึกดีเหลือเกิน

“ขอบคุณนะ” พระพายบอกเช่นนั้น

“อืม...นอนสักพัก เดี๋ยวไปกินด้วยกัน” พิธานว่า


        ช่วงเวลาที่พิธานนอนหลับตาอยู่อย่างนั้น พระพายก้มมองคนที่นอนหนุนตัก ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าแต่เหมือนจะมีรอยยิ้มแม้ว่าจะหลับตาอยู่ก็ตาม พระพายลูบผมเบาๆราวกับปลอบโยนพิธาน เหมือนมีอะไรบางอย่างสะกิดใจขึ้นมาทุกครั้งที่ได้มองใบหน้าของพิธาน รู้สึกพองฟูในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันคล้ายๆกับตอนที่รู้สึกว่าชอบพิธานในช่วงแรกๆแต่แตกต่างกันตรงมันดูสงบมากกว่า ดูไม่พลุ่งพล่านอย่างเช่นตอนนั้นแต่มันกลับดูเรียบง่ายและรู้สึกอบอุ่น คับแน่นในใจแต่รู้สึกปลอดโปร่งที่เห็นใบหน้านี้อยู่ตรงนี้ในเวลานี้ แค่ได้เห็นพิธานในตอนนี้ก็รู้สึกดีจนพูดไม่ออกแล้ว


             ความรู้สึกนี้มันเริ่มเด่นชัดขึ้นเมื่อมีโอกาสได้ถามตัวเองอย่างตอนนี้ มันคือความรู้สึกที่ต้องนิยามหรือเรียกว่าอะไรดี ความรักหรืออะไร ที่ก่อเกิดขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้และหากมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตัวของพิธานนั้นเป็นเฉกเช่นเดียวกันหรือไม่ รู้สึกอย่างไรกันในยามที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พระพายทั้งถามตัวเองและอยากถามพิธานถึงความรู้สึกนี้ ว่ามันคืออะไรกันแน่...


Lyrics: How would you feel by Ed Sheeran.

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-10-2018 12:12:08
 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 13-10-2018 12:14:30
รักไงจ้ะ รักกกกก o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 13-10-2018 12:54:19
มันคือความรักจ้ะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-10-2018 13:07:56
พ่อจะง้อลูกก็ไม่เคย เลยทำไม่เป็น กลายเป็นไปยั่วให้โกรธเพิ่มซะงั้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 13-10-2018 13:10:54
 :-[ พระพายสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-10-2018 20:16:34
 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2018 22:59:52
มาแล้ว ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพระพาย จะแก้ไขอย่างไรดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-10-2018 07:03:19
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-10-2018 20:52:28
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-10-2018 23:29:04
มันคือความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ที่เรียกว่า "รัก" ไง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 51 (13/10/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-10-2018 04:28:55
คิดไม่ผิดที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้

อยากเห็นความรักที่พิธานให้พระพายไปเรื่อยๆ

รอตอนต่อ :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 10-11-2018 09:05:31
สวัสดีค่ะ  :call: กลับมาแล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนานพอควรเลย กลับมาสู่ความเป็นจริงหลังจากล่องลอยไปยังโลกเพ้อฝันเสียนาน  :hao7: ลืมกันบ้างรึยังเอ่ย ถ้าลืมแล้วย้อนอ่านรัวๆเลยค่ะ ฮ่าๆ ไม่รู้จะพูดอะไรมากแต่อยากบอกว่าคิดถึงคนอ่านทุกคนเลย สำหรับตอนนี้ถ้ามีคำผิดหรือข้อผิดพลาดยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและคอมเมนต์ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะ รัก ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :กอด1: :bye2:

++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 52 Just yesterday.


If it’s over, let it go and
ถ้าหากมันจบแล้ว ก็ปล่อยมันไป
Come tomorrow it will seem
และเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง
So yesterday, so yesterday
มันก็แค่เรื่องอดีต เรื่องเก่าๆ
I’m just a bird that’s already flown away
ฉันแค่นกตัวหนึ่งที่บินไปไกลโพ้นแล้ว



        พระพายทำงานตามปกติในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ไปหาพัชชามาก็ผ่านมาแล้วสามวัน พระพายยังคงคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องที่พัชชาขอ จะตอบตกลงหรือจะบอกปัดแต่รู้สึกได้ชัดเจนจริงๆว่าพัชชาฝากความหวังที่เขาไว้มาก ใจจริงอยากคุยกับเก้าถึงเรื่องนี้แต่ดูเหมือนช่วงนี้เจ้าตัวจะยุ่งเพราะงานที่เพิ่งได้รับมอบหมายมา แม้ว่าจะเลิกงานแล้วก็ยังเอาแต่คิดเรื่องงานนี้จนสองสามวันมานี้ไม่ได้คุยกันเลย พระพายนั่งคิดเงียบๆจนกระทั่งเห็นพี่กล้วยกับพี่ปีเดินเข้ามาในแผนก

“กูดมอร์นิ่งทุกคน” พี่กล้วยทักทายด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นเคย

“ฟังไม่ออก พูดอะไรก็ไม่รู้” พี่อีกคนสวนคำทักทายไปด้วยความรวดเร็ว

“มึงมันโง่ เรียนน้อยไง” พี่กล้วยว่า

“ใจร้าย” ทุกคนว่าพลางหัวเราะ


        วันนี้บรรยากาศในแผนกผ่อนคลายเพราะงานเบาบางลงพอสมควร พระพายที่นั่งนิ่งๆพลางเปิดดูนั่นนี่ในเว็บไซต์อย่างคนแอบอู้ พี่ปีที่เดินผ่านมาจึงหยุดและจับไหล่พระพาย

“เป็นอะไรเรา?” พี่ปีถาม

“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ” พระพายว่า

“คงไม่นิดหน่อยละมั้ง มีอะไรก็บอกได้นะ” ได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่ามุมมองความคิดของพี่ปีน่าจะมีเหตุผลดีๆที่จะช่วยเขาได้

“ตอนเที่ยงพี่ไปกินข้าวกับผมได้ไหม มีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ได้สิ พี่จะบอกปัดกล้วยให้เลย” พี่ปีว่า พระพายยิ้มขอบคุณจากนั้นพี่ปีก็กลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง


        ทำงานไปเล่นไปจนเวลาเดินมาถึงตอนเที่ยง พระพายจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกันกับที่พี่ปีเดินมาทางนี้พอดี ทั้งสองพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนที่จะเดินออกไปจากแผนก พี่กล้วยที่เดินตามมาตะโกนถามทันที

“เฮ้ย ไอ้ปีจะไปไหน?”

“ไปกินข้าวกับพาย” พี่ปีตอบเช่นนั้น

“อ้าว...แล้วกูล่ะ?”

“เรื่องของมึง ไปกินกับคนอื่นไป” พี่ปีว่า

“นี่ทิ้งกูเหรอปี มึงมันคนเลว” พี่กล้วยตัดพ้อทันที

“เอาน่า วันนี้กูจะไปกับน้องพาย” พี่ปีว่าและรีบลากพระพายออกเดิน โดยมีสายตาของพี่กล้วยที่ดูจะไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นพี่ปีไปกับพระพาย

“มันจะดีเหรอพี่ปี?” พระพายถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจที่ไปทานข้าวกันสองคนเช่นนี้

“ทิ้งช่องว่างซะบ้าง มันจะได้รู้สึกตัวหน่อยว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนกันแล้ว” พี่ปีว่า

“นี่พี่ใช้ผมเป็นตัวช่วยสินะ” พระพายยิ้มอย่างรู้ทัน

“เอาน่า นิดหน่อยเอง”


        ทั้งสองออกมายังบริษัทไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ โชคดีที่มาไวโต๊ะจึงยังไม่เต็ม ทั้งสองนั่งลงสั่งอาหารสองสามอย่างก่อนที่จะพูดคุยระหว่างที่รออาหารมา

“ช่วงนี้พี่เห็นเราเหม่อบ่อยนะ มีปัญหากับพิธานเหรอ?” พี่ปีถามพลางเทน้ำดื่มให้พระพาย

“ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกพี่ แต่เรื่องมันก็เกี่ยวกับเขานั่นแหละ”

“ยังไง?”


        พระพายเล่าเรื่องให้พี่ปีฟังแต่ไม่ได้เล่าทั้งหมด เช่นเรื่องที่ธนิตมีสัมพันธ์กับเลขาแต่พระพายเล่าแค่ว่าพิธานมีเรื่องทะเลาะกับพ่อและแม่อยากสานสัมพันธ์ครอบครัวให้กลับมาดีดั่งแต่ก่อน เรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว อีกทั้งไม่ใช่ครอบครัวของตัวเองแต่เป็นครอบครัวของแฟน ที่หากเล่าให้คนนอกฟังย่อมไม่ส่งผลดีต่อพิธานแน่นนอน พี่ปีที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดพลางนั่งคิดพิจารณาไปด้วย จากนั้นก็เอ่ยออกมา

“แม่ของพิธานอยากให้พายช่วย เพราะคิดว่าพายทำได้ใช่ไหม?”

“ใช่ เพราะท่านบอกว่าคุณพิธานเปิดใจกับผมมาก เลยคิดว่าผมจะสามารถทำเรื่องนี้ได้”

“แต่พายก็รู้ใช่ไหม ว่าถ้าพิธานมารู้เรื่องนี้มันจะเป็นยังไง”


            พี่ปีที่แม้จะเคยเห็นพิธานครั้งเดียวแต่ก็รู้ได้ทันทีในตอนนั้นว่าพิธานไม่ใช่คนที่เล่นด้วยได้ง่ายๆ เวลาโกรธหรือไม่พอใจคงจะน่ากลัวเอาเรื่องเหมือนกัน คนนิ่งๆมักจะน่ากลัวเสมอ

“ก็เพราะแบบนั้นไง ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงดี คุณพิธานผูกใจเจ็บมาก ยากทั้งการเปลี่ยนใจเขาและยากทั้งการที่ผมจะไม่โดนคุณพิธานโกรธเอา” พระพายรู้ดีว่าพิธานจะไม่ชอบใจแน่ๆ คนแบบพิธานน่ากลัวหากไม่พอใจขึ้นมา แม้กระทั่งการเป็นคนรักกันใช่ว่าจะช่วยเหลือให้รอดพ้นใดๆได้

“เอาจริงๆนี่เป็นสิ่งที่ต้องเล่นกับความรู้สึกเลยนะ หากพลาดแล้วล่ะก็ลำบากเลย” พี่ปีลูบคางอย่างใช้ความคิด

“ถ้าผมทำมันก็เหมือนผมสมรู้ร่วมคิดไปกับแม่เขา เหมือนไม่ได้เข้าข้างเขาแล้วไหนจะไม่ยอมบอกความจริงอีก หลายกระทงเลย” ยิ่งคิดยิ่งหนักใจ การทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่พิธานเกลียดมากคือมีความลับระหว่างกัน พระพายเองไม่ยากเสี่ยงที่จะผิดใจกับพิธาน

“แต่ถ้าหากสำเร็จ ครอบครัวก็มีความสุข” พี่ปีว่า

“ผมต้องทำยังไง โดนคาดหวังสูงนี่ลำบากใจชะมัด” พระพายว่าพลางถอนหายใจ

“ลองคิดเล่นๆว่าถ้าจะทำโอกาสสำเร็จจะสูงไหม?” พระพายใช้ความคิดก่อนจะตอบ

“ครึ่งๆ เพราะคุณพิธานยึดมั่นในความคิดตัวเองมากและพ่อเขาก็ฟอร์มจัดเช่นกัน”

“พาย...คิดดูนะ ว่าหากความแตกพิธานจะเป็นยังไง คนที่รู้จักพิธานดีมีแต่พระพาย”

“โดนโกรธแน่ๆ เขาไม่ชอบให้ผมโกหกหรือปิดบังเขา...ถ้าโดนทำโทษก็ยังพอไหว แต่ถ้าโกรธจนมากกว่าที่คิดไว้ก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน”

 “โดนทำโทษด้วยเหรอ?” พี่ปีเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“เอ่อ...ก็มีครับ” พระพายอ้อมแอ้มไม่ยอมบอกชัดเจน

“ถ้าเป็นพี่ พี่จะลองทำนะ แค่สักครั้งสองครั้ง แต่ถ้าเกินไปมันก็ดูก้าวก่ายและล้ำเส้นความรู้สึกของพิธานมากไป ต้องอยู่ในความพอดี”

“แปลว่าถ้าทำก็ไม่เสียหายสินะครับ”

“ใช่ แต่อย่าเยอะจนดูเหมือนบังคับเขามากไป ความรู้สึกคนเรามันละเอียดอ่อนซับซ้อน เข้าใจได้ไม่หมดหรอก ถึงจะเป็นแฟนกันใช่ว่าจะเข้าใจไปเสียหมด”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะตอบตกลงแม่เขาไป แต่ก็จะทำในจุดที่ผมทำได้เท่านั้น”

“ใช่ เท่านั้นก็พอ อย่างน้อยก็คิดว่าถ้าทุกอย่างดีขึ้นพิธานเองก็จะคืนดีกับพ่อเขาได้ไม่มากก็น้อย”

“ขอบคุณนะครับพี่ปี ได้พูดกับคนที่มีมุมมองแบบพี่นี่ดีเหมือนกันนะ”

“พายไม่เคยได้ยินเหรอ เรื่องของคนอื่นเราจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่เมื่อเป็นเรื่องของเราเองเราจะมองไม่เห็นหนทางแก้ไขเหมือนที่คนอื่นเห็น”

“เรื่องของเพื่อนถนัด เรื่องของตัวเองเอาไม่รอดใช่ไหม?” พระพายว่าพลางหัวเราะ

“ถูกต้อง” พี่ปีหัวเราะไปด้วยและอาหารที่สั่งไว้ก็มาพอดี ทั้งสองคนจึงเริ่มทานอาหารกันทันที เพราะเวลาพักเที่ยงไมได้ยาวนานเท่าไหร่นัก


        กลับมาจากมื้อเที่ยงก็ตรงเข้าสู่แผนก พบว่าพี่กล้วยนั่งหน้าบึ้งหน้าตูมเป็นดอกเห็ด พระพายเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รู้ได้ว่าพี่กล้วยคงไม่พอใจที่ถูกพี่ปีปฏิเสธการทานข้าวเที่ยงด้วย พี่กล้วยคงแสดงท่าทีออกมาอย่างไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแต่ก็ไม่อาจจะปกปิดไว้ได้ ดูจากท่าทีของพี่กล้วยคาดว่าพี่ปีคงจะสมหวังเร็วๆนี้แน่


        พระพายมานั่งทำงานต่อ ทำบ้างเล่นไปบ้างคุยกับพี่ๆคนอื่นๆในแผนกบ้าง จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานเสียที วันนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนพระพายเองยังตกใจ ทุกคนในแผนกพากันตอกบัตรออกจากที่ทำงาน พระพายเดินทอดน่องไปพร้อมกับพี่ๆคนอื่น เมื่อเดินออกไปยังประตูทางเข้าหน้าออฟฟิศก็พบว่าพิธานยืนรออยู่แล้ว

“อ้าว พิธานนี่” พี่ปีร้องเรียกขึ้น พิธานพยักหน้าเชิงทักทายให้กับพี่ปี

“มาทำไมไม่บอกก่อน” พระพายเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจที่พิธานมาโดยไม่บอกกล่าว อีกทั้งยังมายืนอยู่หน้าออฟฟิศอีกด้วย

“มารับ” พิธานว่า

“เออ เอากลับไปเร็วๆเลย เดี๋ยวไอ้พายมันลากไอ้ปีไปอยู่กันสองต่อสองอีก” พี่กล้วยว่า แล้วลากพี่ปีออกไปอย่างรวดเร็ว

“อะไร?” พิธานหน้าตึงเมื่อได้ยินเช่นนั้นและหันมาถามพระพาย ที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆที่โดนพี่กล้วยเอาคืนเพราะคงเคืองที่อดทานมื้อเที่ยงกับพี่ปี

“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”


             พระพายพูดเพียงเท่านั้น พิธานมองหน้าพระพายเพียงครู่ก่อนที่จะเดินนำไปยังจุดที่จอดรถ เมื่อขึ้นรถและปิดประตูลง พิธานก็หันมาจ้องหน้าพระพายอย่างรอคำตอบ คงจะต้องการการอธิบายโดยเร็วที่สุด

“พี่ปีมีเรื่องคุยกับผมนิดหน่อยเลยไม่ยอมไปกินข้าวกับพี่กล้วยแต่ไปกินกับผมแทน สงสัยพี่กล้วยจะโมโหเลยเอาคืนผมแบบนั้นไง” พระพายอธิบายแบบง่ายๆสั้นๆ

“นิสัยเสีย” พิธานตำหนิพี่กล้วยอย่างเข้าข้างพระพาย ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่หัวเราะ แปลว่าพิธานเชื่อในคำพูดของพระพายมากจริงๆ

“ช่างเถอะ ว่าแต่ทำไมถึงมารับผมล่ะ?”

“วันนี้มีงานเลี้ยง”

“งานเลี้ยงอะไร?”

“งานที่โรงแรม คุณแม่บอกให้ชวนนายไปงานด้วย”

“เดี๋ยวสิ ผมไม่ได้เตรียมตัวเลย ชุดล่ะ แล้วจะต้องทำอะไรบ้างเนี่ยะ?” พระพายลนทันทีที่ได้ยินพิธานพูดเช่นนั้น

“ใจเย็น งานเลี้ยงธรรมดา เลยมารับไปดูชุดไง ใส่แค่สูทหรอก” พิธานบอก

“แค่สูท...ไม่ใช่แค่สูทสิ มันตั้งสูทเลยนะ” พระพายว่าพลางถลึงตาใส่พิธาน

“งานเลี้ยงเริ่มตอนค่ำ มีเวลาอีกเยอะ” ตัดบทง่ายๆและหมายความว่าพระพายต้องไป

“ผมต้องไปจริงๆเหรอ?” แค่นึกภาพงานเลี้ยงปั้นหน้ายิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักก็ดูน่าเบื่อหน่ายแล้ว

“ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” พิธานวางพลางเอื้อมมือมาแตะแก้มพระพาย

“แล้วคุณจะแนะนำผมกับคนอื่นยังไง?” ไปยืนอยู่อย่างนั้น กับท่าที่ที่พิธานแสดงออกอย่างชัดเจนจะบอกว่าเป็นเพื่อนคนอื่นก็คงไม่เชื่อเท่าไหร่นัก

“เราเป็นอะไรกัน ก็แนะนำไปแบบนั้น”

“พูดง่ายสิ คนอื่นจะมองคุณยังไงล่ะ?” หน้าตาทางสังคมของพิธานนั้นมีมากกว่าพระพายเยอะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะพูดออกไปโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา

“ฉันไม่สนใจคนอื่น ฉันสนใจแค่นาย”


             คำพูดง่ายๆแต่ฟังแล้วกลับมีพลังทำลายล้างสูง จากที่กังวลเรื่องงานเลี้ยง การสวมสูทหรือหน้าตาทางสังคม ความคิดเหล่านั้นก็ได้อันตรธานหายไปในบัดดล คำพูดของพิธานยังคงมีอิทธิพลสำหรับพระพายเสมอ

“ถ้าอย่างนั้นจะไปเป็นเพื่อนก็ได้” พระพายว่าพลางยิ้ม พิธานขยี้ผมพระพายเบาๆก่อนที่จะหันไปขับรถต่อเพื่อไปยังร้านขายสูทร้านประจำของพิธานตามที่เจ้าตัวบอก


        ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงที่นี่ เป็นร้านสูทสำเร็จรูปที่สามารถแก้ไขสัดส่วนให้ได้ในทันทีอีกทั้งบริการสั่งตัดตามสั่งได้เช่นกัน ร้านตกแต่งสวยงาม โทนไม้สีน้ำตาลอบอุ่น กลิ่นน้ำยารีดผ้าหอมกรุ่นนิดๆบวกกับน้ำหอมอะไรสักอย่าง ดูเป็นร้านที่แปลกตาสำหรับพระพาย


        พิธานเป็นคนเลือกแบบและสีให้ รสนิยมของพิธานนั้นถือว่าดีทีเดียวอีกทั้งพระพายไม่มีความรู้ในการเลือกซื้อสูทเลยสักนิด จึงยกการตัดสินใจให้พิธานไปทั้งหมด


        มีการแก้นิดหน่อยเพราะปลายขากับปลายแขนยาวเกินไป ใช้เวลาในการแก้นิดหน่อยจากนั้นก็เรียบร้อย ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแบบเรียบง่ายและดูไม่มากจนเกินไปซึ่งเข้ากันได้ดีกับพระพายตอนที่ลองสวมใส่ในครั้งแรก ทางร้านรีดพร้อมใช้สวมไม้แขวนและถุงคลุมสูทให้เรียบร้อย ใช้เวลาที่นี่ไปราวชั่วโมงเศษ เมื่อพิธานจัดการจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็รีบออกรถกลับไปยังคอนโดเพื่ออาบน้ำแต่งตัว

“แพงเหมือนกันนะ” พระพายเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองสูทที่แขวนอยู่ข้างหลัง

“มีสักชุดก็ดี เผื่อไว้ออกงาน”

“คุณสิ้นเปลืองไปกับผมเยอะเหมือนกันนะ อย่างที่พ่อคุณพูดไว้เลย” พระพายว่า จังหวะไฟจราจรขึ้นสีแดงพิธานเบรกแรงจนพระพายตกใจ

“อย่าพูดอย่างนั้นอีก สำหรับนายไม่เคยมีคำว่าสิ้นเปลือง”

“ถามหน่อย คบกับคนอื่นเป็นพ่อบุญทุ่มแบบนี้รึเปล่า?” นี่เป็นครั้งแรกที่พระพายถามถึงเรื่องอดีตของพิธาน

“ไม่มั่นใจ แต่คนอื่นเรียกร้องจากฉันต่างจากนายที่ไม่ขออะไรเลย” พิธานตอบโดยทันที

“แปลว่ามีแฟนมาเยอะแล้วละสิ” ไหนๆก็ถามแล้ว คงต้องถามให้ถึงที่สุด

“นายคือคนที่สอง...” พิธานตอบ พระพายถึงกับหันขวับไปมองด้วยความรวดเร็ว

“โกหกน่า อย่างคุณมีแฟนเก่าแค่คนเดียวเองเหรอ?” แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างพิธานจะคบหากับคนอื่นน้อยขนาดนั้น แต่พอคิดอีกนัยหนึ่งก็เป็นไปได้เพราะเจ้าตัวเข้ากับคนอื่นได้ยากจริงๆ ปิดกั้นตัวเองขั้นสุด มนุษย์สัมพันธ์ก็ไม่ดี

“ดูฉันเป็นคนชอบโกหกเหรอ?” พูดพลางหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่สงสัยว่าระดับคุณพิธานเลยนะ ทำไมไม่ป๊อบปูล่าห์เอาซะเลย”

“ฉันไม่ได้ชอบใครง่ายๆ กับคนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะคบกัน”

“หืม ยังไง?”

“เป็นเพื่อนของเพื่อน บังเอิญเจอกัน แต่คบกันได้ไม่นานเพราะเขานอกใจฉันไปคบกับคนอื่น”

“นอกใจคุณ....ทำไม?” พระพายขมวดคิ้วอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ฉันไม่รู้ว่าทำไม ตอนนั้นคงชอบเขาไม่มากพอแต่ก็ไม่คิดจะบอกเลิกเพราะถือว่าเป็นแฟนกันแล้ว”

“คุณถึงบอกว่าไม่เคยนอกใจใครสินะ” พระพายจำไปถึงคำพูดวันนั้นของพิธาน

“ใช่ ฉันไม่ชอบการนอกใจและฉันก็ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ แต่คงไม่พอสำหรับเขา”

“แล้วเรื่องบนเตียงล่ะ?” ไหนๆพิธานก็เล่ามาเสียขนาดนี้แล้วก็คงต้องถามให้หมด

“ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ เพิ่งเริ่มของเล่นแบบนั้นเลยกะแรงไม่ถูกเท่าไหร่ เขาดูกลัวๆ คงเป็นสาเหตุที่เขาอยากมีคนอื่น เรื่องนั้นถือว่าเป็นความผิดฉัน” พิธานยอมรับผิดตรงๆถึงรสนิยมส่วนตัวที่คนทั่วไปอาจจะไม่มี

“ตอนนั้นเจ็บมากไหม?”

“จำไม่ได้เลยว่าตอนนั้นเป็นยังไง มันเป็นเรื่องเก่าที่นานมาก ฉันจำได้เท่านี้ก็สุดๆแล้ว”

“มีแฟนแค่คนเดียว แปลว่าคุณนี่ช่างเลือกมาก”

“ใช่ ฉันเรื่องมากสุดๆ นายน่าจะรู้” ได้ยินแบบนั้นพระพายถึงกับหัวเราะออกมา

“ว่าแต่ทำไมถึงเป็นผมล่ะ..ตอนนั้นเราไม่รู้จักกันเลยนะ คนแปลกหน้าดีๆนี่เอง” พระพายนึกสงสัยอยู่หลายครั้งว่าเพราะอะไรคนอย่างพิธานถึงสนใจเขาในครั้งแรกที่เจอกัน

“ปกติฉันไม่ได้นอนกับใครไปทั่ว นอกจากคนที่สามารถเข้าใจถึงรสนิยมฉันซึ่งนับจำนวนได้” พิธานเริ่มเล่า

“แต่กับนาย....ครั้งแรกที่เห็นตอนมาหกล้มใส่โต๊ะฉัน ฉันสนใจท่าทีของนาย เลยมองนายตลอดเวลาที่นายอยู่กับคนอื่นที่นั่งร่วมโต๊ะ” พระพายยังคงตั้งใจฟัง

“นายส่ายหน้าเหมือนจะไม่อยากดื่มแต่นายก็รับแก้วไปดื่มตลอด โบกมือไม่เอาๆแต่นายก็ดื่มอยู่ดี เลยรู้สึกว่านายดูเหมือนคนที่ต้องการอะไรสักอย่างแต่แค่ปิดบัง”

“มองผมไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” พระพายถึงกับตกใจที่พิธานพิจารณาเขาถึงขนาดนั้นทั้งๆที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

“ฉันเข้าหายนายก่อนอีกทั้งยังโกหกกับพวกพี่ๆของนายเพื่อเอาตัวนายไป แต่กับคนอื่นที่เข้าหาฉันก่อนหรือเข้ามาชวนฉันเอง ถือว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับฉันเลย”

“ผมต้องดีใจใช่ไหม?”

“ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของนายเลยจำไว้ด้วย” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“คุณลองเข้ามาหาผม ทั้งๆที่คุณเองก็ไม่รู้ว่าผมจะตอบโจทย์คุณได้รึเปล่าก็ไม่รู้น่ะเหรอ?”

“ความคิดของฉันไม่เคยพลาด”

“ยกนิ้วให้เลย” พระพายว่าพลางยกนิ้วโป้งให้พิธานเป็นการยืนยัน

“นายไม่รู้ตัวเลยเหรอว่านายเป็นมาโซคิสม์เต็มตัวขนาดนี้?” พิธานถามพระพายบ้าง

“ผมไม่รู้เลยว่าผมชอบอะไรแบบนั้น...คุณนั่นแหละทำผมเป็นแบบนี้” พระพายไม่ลังเลที่จะโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย

“ดีใจที่เป็นคนเปิดโลกกว้างให้กับนาย” พิธานยิ้มเจ้าเล่ห์จนพระพายรู้สึกหมั่นไส้

“นิสัยไม่ดี” พระพายตัดพ้อได้เท่านั้นจริงๆ


        บทสนทนาที่ไม่คาดคิดว่าจะมานั่งคุยกันในหัวข้อเรื่องคนรักเก่าและความรู้สึกที่มีต่อกันได้อย่างง่ายๆราวกับเรื่องดินฟ้าอากาศ พระพายชอบที่พิธานเป็นคนพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เล่าเรื่องทุกอย่างโดยไม่คิดจะปิดบัง หากเป็นคนอื่นคงจะเชื่อยากแต่หากเป็นพิธานที่พระพายใช้ชีวิตมาด้วยพอสมควรแล้วถือว่าคำพูดนั้นมีน้ำหนักเอนเอียงไปทางความจริงมากกว่าจะโกหก


        พิธานขับรถมาถึงคอนโดซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะทุ่มแล้ว พิธานบอกว่าคงจะเข้างานช้าสักหน่อยแต่ไม่ใช่ปัญหา ทั้งสองรีบอาบน้ำด้วยความรวดเร็วแต่มาเสียเวลากับการแต่งตัวและการจัดผม พระพายยืนงงว่าจะต้องทำทรงผมอย่างไรดี สุดท้ายก็เป็นพิธานอีกเช่นเคยที่จัดการจัดผมให้โดยไม่ได้มากพิธีแต่กลับดูดีเข้ากับสูทได้อย่างไม่น่าเชื่อ พระพายกลายเป็นคนที่เห็นดีเห็นงามไปเสียทุกอย่างที่ได้รับจากพิธาน


        แต่งตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็รีบออกจากคอนโดตรงไปงานเลี้ยงที่โรงแรม หากพัชชาเป็นคนออกปากชวนพระพาย นั่นหมายความว่าพัชชาก็ต้องอยู่ที่งาน พระพายจึงจะใช้โอกาสนี้ตอบตกลงในสิ่งที่พัชชาขอไว้


             เมื่อคิดก็ได้แต่ทำใจ จะขอลองสักตั้งอย่างที่พี่ปีให้คำแนะนำไว้ แต่ถ้าหากเป็นถึงความเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะก็พระพายจะหยุดทุกอย่างลงทันที ไม่อยากจะเสี่ยงกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพิธาน


             รถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมของพิธาน ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกที่พระพายจะได้ไปที่นั่น โดยที่พระพายไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าในงานเลี้ยงนั้นมีอะไรรออยู่ คงได้แต่ต้องรอลุ้นเอาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...


Lyrics: So yesterday by Hilary Duff.

 
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-11-2018 09:29:22
พาเปิดตัวแล้ว เอาให้ตะลึงไปทั้งงานเลยนะ พิธาน  :m4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-11-2018 10:20:30
ดีที่พิธานชัดเจนที่จะเปิดตัวพระพาย แต่ก็หวังว่าจะไม่ทะเลาะกับพ่อกลางงานนะพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2018 14:55:59
ถือดป็นงานเปิดตัวได้ไหม
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 10-11-2018 20:41:17
ชอบตอนนี้ ได้รู้จักพิธานขึ้นเยอะเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-11-2018 22:02:06
หวังว่าคงจะไม่มีปัญหาตามมานะพระพาย  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 10-11-2018 23:47:56
เปิดตัว ต้องเอาให้แกรนด์
พระพายชอบที่พิธานเปิดเผย
แล้วทำไมเลือกที่จะมีความลับกับพิธานล่ะ
บอกไปตรงๆ ไม่ได้เหรอว่าคิดยังไง ให้พิธานตัดสินใจ ถ้ามารู้ทีหลัง จะไม่แย่เหรอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-11-2018 07:05:59
พาไปเปิดตัวเลยเนอะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-11-2018 09:01:27
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-11-2018 16:58:53
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 52 (10/11/18) P.26 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 16-11-2018 21:18:38
มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 18-11-2018 08:57:44
สวัสดีค่ะ มาอัพตอนที่ 53 แล้วนะคะ มาช้าไปหนึ่งวัน ขออภัยค่ะ  :call: ไปอ่านกันเลยค่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก...หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ มีอะไรก็บอกได้ ติชมได้ รับฟังค่ะ เช่นเคยกับคำพูดเดิมๆซ้ำๆ ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันเสมอมานะคะ รักและอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพนะคะ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ  :mew1: :bye2:
+++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 53 Bloom.


Oh, now I’m floating so high.
ขณะนี้ ฉันกำลังล่องลอยจนสูงสุด
I blossom and die.
ฉันสุขจนเบ่งบานและเหี่ยวเฉาตายได้
Send your storm and your lightning to strike
มอบพายุและฟ้าแลบลั่นของเธอฟาดลงมา
Me between the eyes (eyes)
กับตัวฉัน ระหว่างดวงตาคู่นั้น


        พิธานและพระพายลงจากรถเดินเข้าไปโนโรงแรม นี่เป็นครั้งแรกที่พระพายมาที่นี่ ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมาที่นี่ นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นโรงแรมของบ้านพิธานที่ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของพิธานเช่นกัน


             ห้องจัดงานเลี้ยงอยู่ชั้นห้า เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ก็เห็นผู้คนเดินไปมากันมากมายมาย งานโรงแรมของพิธานนั้นจัดว่าเป็นงานเลี้ยงทั่วไป พระพายไม่ได้รู้เลยสักนิดว่างานเลี้ยงในวันนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร ลืมถามพิธานเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ได้แต่เห็นผู้คนมากมายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามดูหรูหรา อีกทั้งมีอาหารเป็นประเภทบุฟเฟ่ห์จัดวางโดยมีพนักงานยืนประจำทุกจุดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่แขกในงาน


             พระพายรู้สึกแปลกใหม่กับที่นี่เนื่องด้วยงานเลี้ยงแตกต่างจากที่คิดเอาไว้มากอีกทั้งตั้งแต่เดินเข้ามาก็มีคนมาทักทายพิธานหลายคน ครั้งแรกที่เห็นพิธานทักทายคนอื่นกลับ แม้จะมีสีหน้านิ่งๆอย่างเช่นเคยแต่ก็ยังมีการตอบโต้พูดคุยกับคนอื่นๆที่เข้ามาทักทาย ดูเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าสังคมได้อย่างไม่มีที่ติซึ่งไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพเหล่านี้จากพิธาน

“มากันแล้วเหรอ?” เสียงพัชชาเอ่ยทักขึ้นซึ่งมาพร้อมกับธนิตที่ยืนอยู่ข้างๆ พิธานยกมือไหว้ทั้งสอง พระพายก็ทำเช่นเดียวกัน

“มาช้าจัง มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?” พัชชาถามขึ้น

“นิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรมากครับ” พิธานบอก

             ด้านธนิตนั้นยังคงรักษาฟอร์มได้ดีไม่มีตก ใบหน้าเบือนมองไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะมองมาทางพิธานและพระพายมากนัก ท่าทีเช่นนั้นทำพระพายหัวเราะในใจเพราะนึกไปถึงบทสนทนาล่าสุดที่ได้ยินในห้องน้ำ

“พระพาย...พระพาย...” พัชชาเอ่ยเรียกพระพายถึงสองครั้งเพราะเอาแต่คิดอะไรไปไกลจึงเหม่อไปชั่วขณะ

“คะ..ครับ” พระพายรีบหันไปมองพัชชาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก

“เหม่อไปถึงไหน?” พิธานหันมาถามบ้าง

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” พระพายตอบเบาๆ

“ไปหาอะไรกินเถอะแล้วไปนั่งโต๊ะนั้นนะ” พัชชาว่าพลางชี้ไปยังโต๊ะด้านหน้าสุดติดกับเวทีซึ่งน่าจะเป็นโต๊ะที่จัดเตรียมไว้สำหรับแขกพิเศษ

“หิวไหม ให้ตักอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?” พระพายถามพิธาน

“ตักมาเลย อะไรก็ได้” พิธานบอกเท่านั้น ก่อนที่จะหันไปพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาทักทาย


        พระพายเดินไปด้อมๆมองๆแถวมุมอาหาร ละลานตาจนไม่รู้ว่าจะหยิบตักอะไรให้พิธานดี สุดท้ายก็เลือกคานาเป้มาสองสามชิ้นและสลัดผักกุ้งในแก้วค็อกเทลมา เดินไปยังโต๊ะที่พัชชาบอกเอาไว้ มีพิธาน พัชชา ธนิตและเพิ่งเห็นว่าเพลงขวัญก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย คงจะเพิ่งมาถึง

“อ้าวพระพาย ของกินเยอะแยะเลย” เพลงขวัญว่า

“สวัสดีครับ...สักหน่อยไหมพี่เพลง” พระพายว่า

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง” เพลงขวัญบอกก่อนที่จะหันไปคุยกับพัชชา


        พระพายวางจานตรงหน้าของพิธาน บอกตรงๆว่าอาหารน่าทานมากจริงๆแต่บรรยากาศเช่นนี้พระพายกลับรับประทานไม่ลง ผู้คนเยอะแยะมากมายและความหรูหราที่ทำเอารู้สึกอึดอัด งานแบบนี้ไม่ใช่แนวทางของตนเองเลยสักนิด ได้แต่คิดในใจว่าหลังจากจบงานจะไปหาก๋วยเตี๋ยวหรือไม่ก็ข้าวมันไก่รอบดึกใส่ท้องน่าจะดีกว่า


        ด้านพิธานนั้นมีแต่คนมาทักทายตลอดเสมอ แม้เจ้าตัวจะใบหน้านิ่งๆแต่ก็ต้องพูดคุยด้วย การทำงานของพิธานนั้นดูแล้วก็น่าเหนื่อยหน่ายมากเหมือนกัน การใส่หน้ากากพูดคุยกับผู้คนมันช่างฝืนตัวเองอยู่ไม่น้อย

“ไม่กินเหรอ?” พิธานถาม เมื่อมองอาหารในจานที่น้อยมาก

“ไม่อยากกินเลย อยากไปกินข้างนอก”

“เดี๋ยวจบงานค่อยไปกินด้วยกัน” พระพายพยักหน้าตอบรับ

“อ้าว คุณธนิต วันนี้มาพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว”


            เสียงของใครคนหนึ่งเข้ามาทักทาย โดยมีคนสนิทของธนิตซึ่งเป็นชายวัยกลางคนเป็นผู้พามา พิธานและเพลงขวัญยกมือไหว้ พระพายจึงทำตามด้วยเช่นกัน

“สบายดีไหม?” ธนิตทักทาย

“ผมสบายดี นี่คุณธนิตพาลูกๆมาครบเชียวนะ...ว่าแต่หนุ่มคนนี้เป็นใครกัน หลานชายฝั่งไหนเหรอ?” พระพายที่รู้สึกตาขวากระตุกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น

“ไม่ใช่ เขามากับพิธาน” คุณธนิตพูดเท่านั้น

“เป็นเพื่อนกันเหรอ ลูกหลานใครล่ะเนี่ย?” เป็นผู้ชายที่ช่างจ้อและถามซอกแซกอะไรขนาดนี้ พระพายขยับตัวอย่างรู้สึกอึดอัดใจ

“เป็นแฟน ไม่ใช่เพื่อนครับ”


             พิธานพูดตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ ธนิตปรายตามองพิธานด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก พัชชากับเพลงขวัญยิ้มนิดๆก่อนที่จะยกแก้วไวน์ดื่มอย่างพร้อมเพรียงทั้งสองคนแม่ลูก ผู้ถามถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

“เด็กสมัยนี้เล่นมุกแปลกกันจัง ไปนะครับคุณธนิต พอดีนัดเพื่อนอีกคนไว้” พูดจบก็หายตัวไปด้วยความรวดเร็ว พิธานหัวเราะในลำคอ

“คุณพิธาน ทำไมพูดไปแบบนั้น” พระพายโน้มใบหน้าไปกระซิบถามพิธาน

“ก็ตอบความจริง” พิธานว่า

“พูดจาอะไรให้มันมีขอบเขตบ้าง ฉันมีหน้ามีตาทางสังคม” ธนิตพูดขึ้นทันที

“หน้าตาคุณพ่อ ไม่ใช่หน้าตาผม” พิธานตอบกลับแบบเจ็บแสบ

“แกนี่มัน....” พูดไปขบกรามเขี้ยวฟันไป ธนิตคงจะโมโหพิธานพอสมควร

“อะไรครับ?” พิธานถาม

“ใครใช้ให้พามาถึงนี้ คิดจะเปิดตัวให้คนในงานรู้กันหมดเลยใช่ไหม ว่าแกมีรสนิยมแบบนี้” ธนิตพูดออกมาพลางตวัดสายตามองพิธาน

“แต่คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าพิธานชวนพระพายมาด้วยก็ไม่เป็นไรน่ะ?” พัชชาพูดออกมาเช่นนั้น

“ผมไม่เคยพูด” ธนิตปฏิเสธเสียงแข็งทีเดียวหลังจากพัชชาพูดออกมาเช่นนั้น

“อ้าว แต่คุณพูดจริงๆนะ ฉันเลยชวนพระพายมาด้วยตามที่คุณบอกไง” พัชชาว่าต่อ เพลงขวัญเหล่มองคนเป็นพ่อที่เริ่มอึกอักก่อนจะตีขรึมต่อ

“คุณคงไม่เข้าใจในคำพูดของผมละมั้งคุณพัชชา” ธนิตหันไปโทษพัชชาแทน

“นั่นสิคะ สงสัยฉันจะเข้าใจผิดจริงๆนั่นแหละ” พัชชาว่าก่อนที่จะยกไวน์จิบเล็กน้อย


        ฟังแล้วออกจะสับสน แปลว่าเจ้าตัวคงจะปากแข็งเอามากๆและรักษาฟอร์มจนน่ากลัวเลยทีเดียว แล้วอย่างนี้พระพายจะต้องทำอย่างไร แค่คิดก็รู้สึกว่ามันยากจนไม่อยากคิดจะทำแล้วหรือจะเปลี่ยนใจไม่ทำดีกว่า แต่เมื่อคิดอีกทีแล้วก็อยากจะลองช่วยสักครั้ง พระพายเริ่มสับสนจนเอาแต่นั่งคิดอยู่อย่างนั้นอยู่พักใหญ่


        หลังจากนั้นธนิตก็บอกคนสนิทว่าของดการพบปะทักทายก่อน ซึ่งแน่นอนว่าที่ธนิตทำเช่นนั้นเพราะคงไม่อยากจะให้ใครมาเห็นหรือรับรู้ถึงตัวของพิธานที่พาแฟนหนุ่มมาด้วย


        พัชชากับเพลงขวัญนั่งคุยกันอย่างออกรส ในขณะที่พิธานกับพระพายได้แต่นั่งเงียบๆ เวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเพราะมีผู้ใหญ่นั่งอยู่อีกทั้งเป็นงานเลี้ยง คงไม่ดีหากมานั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ จู่ๆคนสนิทของธนิตก็เดินเข้ามาบอกว่าคล้ายจะมีคนขอพบ

 “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่างดก่อน” ธนิตกล่าวขึ้น

“แต่กับคนนี้ท่าจะปฏิเสธยากครับท่าน” ธนิตเริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“เชิญเขาเข้ามาได้เลย โต๊ะเรายังพอมีที่ว่าง” พิธานว่า


             พิธานหันมองธนิตที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่จะต้องเจอผู้คนตอนนี้ ด้านคนสนิทของธนิตนั้นชักสีหน้าลำบากใจ เพราะคนที่จะมาทักทายนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียด้วย ธนิตจึงได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำยอม

“ครับท่าน”


        เพียงไม่นานนักก็มีชายสองคนเดินเข้ามา เป็นคนหนุ่มหนึ่งคนและอีกคนเป็นชายวัยกลางคนซึ่งน่าจะแก่กว่าธนิตเพราะดูมีริ้วรอยใบบนหน้าเยอะกว่า รอยยิ้มที่ส่งมานั้นดูเป็นมิตรซึ่งเป็นมิตรมากจนรู้สึกว่ามันเจิดจ้าจนเกินไป

“สวัสดีครับคุณธนิต” ธนิตลุกขึ้นพลางแตะไหล่อีกคนด้วยรอยยิ้มนิดๆเป็นการทักทายในแบบของตัวธนิตเอง   
   
“อ้าว อเนก!!”

“ใช่ ฉันเอง” อเนกว่า

“แกบอกว่าไม่ว่างไม่ใช่เหรอ?” ธนิตถาม

“ว่าจะให้แกแปลกไง เลยมาแบบกะทันหันแบบนี้” อเนกยิ้มให้

“นั่งก่อนๆ” ธนิตบอก

“คุณพัชชายังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” อเนกว่าในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้

“ชมกันแบบนี้ก็อายแย่สิคะ” พัชชาพูด

“ว่าแต่ นี่ลูกๆแกใช่ไหม?” อเนกหันไปมองรอบๆโต๊ะ

“นี่คุณลุงอเนก เพื่อนกลุ่มตีกอล์ฟด้วยกันและก็เป็นเจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องหนังด้วย” ธนิตแนะนำให้เด็กๆรู้จักกับเพื่อนคนนี้

“สวัสดีค่ะ” เพลงขวัญยกมือไหว้พลางเอ่ยพูด ในขณะที่พิธานและพระพายยกมือไหว้แต่ไม่พูดอะไรออกมา

“ลุงได้ยินแค่ชื่อเวลาไอ้ธนิตเล่าให้ฟัง ไม่เคยเจอตัวจริงเลย”

“คนนี้เพลงขวัญ พี่คนโตสินะ แล้วนี่คงเป็นพิธานคนเล็ก” อเนกพูดเองและหันไปมองพิธานที่นั่งเงียบๆ

“หน้าตีดีถอดพ่อมาเลยนะเรา” อเนกว่าพลางหัวเราะเบาๆ ธนิตกระตุกรอยยิ้มนิดๆก่อนที่จะทำหน้านิ่งๆตามปกติ

“ลืมแนะนำไป นี่ลูกชายลุงเอง” อเนกตบไหล่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ

“สวัสดีครับ ผมอัทธ์ครับ” แนะนำตัวพลางยกมือไหว้ทุกคนรอบโต๊ะ


        อัทธ์เป็นผู้ชายใบหน้ายิ้มแย้มซึ่งเหมือนอเนกคนเป็นพ่อ ดูสุภาพหน้าตาคมเข้มฉบับชายไทย หุ่นสูงชะลูดไล่เลี่ยกับพิธานหากใช้สายตามองแบบผ่านๆ อัทธ์ยิ้มให้ทุกคนและมาหยุดมองที่พระพาย

“แล้วคนนี้ใครเหรอครับ?” เพราะสายตาของอัทธ์หยุดมองที่พระพาย ทำให้อเนกเองก็สังเกตถึงพระพายที่นั่งอยู่เงียบๆเช่นกัน

“นี่ พระพายครับ...เป็นแฟนผมเอง”


             พิธานบอกชัดถ่อยชัดคำ ธนิตที่เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจจะห้ามพิธานที่พร้อมจะบอกแก่คนทั้งโลกว่าพระพายคือคนรักของตน จึงได้แต่นิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรออกมา สีหน้าเข้มๆเท่านั้นที่บ่งบอกว่าธนิตรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำนี้

“อย่างนั้นเหรอ...ดูเป็นเด็กน่ารักดี ว่าไหมอัทธ์” อเนกว่าพลางหันไปถามลูกชาย

“ครับ น่ารักดี” อัทธ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“คบกันนานแล้วเหรอ?” อเนกถามพิธาน

“พักใหญ่แล้วครับ” พิธานตอบ สายตานั้นเหลือบมองอัทธ์ที่ยังคงมองพระพายอยู่

“พิธานลูกแกนี่เป็นคนขึงขังจริงจังดีนะ อย่างที่แกบอกไว้เลย” อเนกชื่นชมในท่าทีของพิธาน

“จริงจังในเรื่องไม่สมควรน่ะสิ” ธนิตพูดขึ้นมาพลางตวัดสายตามอง

“เรื่องรักๆของลูกถือว่าเป็นเรื่องจริงจังนะ” อเนกว่า

“แล้วถ้าอัทธ์มีแฟนเป็นผู้ชายแกจะรับได้เหรอ?” ธนิตถามกลับ

“แน่นอนสิ รายนี้เขาอิสระในทางเลือก ชอบหมดไม่ว่าหญิงหรือชาย” อเนกว่าพลางหัวเราะร่วน ธนิตอึ้งไปพอสมควรเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“แกไม่เคยบอกฉันเลย ว่าอัทธ์ชอบอะไรแบบนั้น?”

“ก็แกไม่ได้ถาม ฉันก็ไม่เห็นว่าเรื่องมันจะสำคัญตรงไหน” อเนกว่า

“สำคัญสิ นี่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสืบสกุลเลยนะ” ธนิตแย้งทันทีที่แสนสบายราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง

“เรื่องนั้นต้องให้พวกเขาตัดสินสิ เรื่องความสุขพวกเขาต้องเลือกเอง ไม่ใช่ให้ผู้ใหญ่อย่างเราเลือกให้” อเนกพูดพลางตบไหล่ธนิตเบาๆ ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่ออกจะหัวสมัยใหม่มากเมื่อเทียบกับธนิต

“พูดเรื่องอื่นเถอะ” ธนิตชวนเปลี่ยนเรื่องทันที พระพายได้แต่หันมองพิธานที่ไม่พูดอะไรแต่มือนั้นกลับบีบมือของพระพายไว้ราวกับจะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“พระพาย..ตอนนี้ทำอะไร?” อัทธ์ถามขึ้น เมื่อผู้ใหญ่เริ่มหันไปคุยกันเองแล้ว

“อ๋อ ทำงานครับ” พระพายตอบ

“ทำงานแล้วเหรอ คิดว่าเป็นนักศึกษาซะอีก หน้าเด็กขนาดนี้”


             อัทธ์ชวนคุยอย่างเป็นกันเอง เรื่องงานยันเรื่องทั่วไป บทสนทนาพูดคุยดูสนิทสนมและกันเองมากจนพิธานเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้นทุกทีที่อัทธ์เริ่มชวนคุยไม่หยุดไม่หย่อน

“เอ่อ...คุณอัทธ์ ผมขอตัวสักครู่นะครับ”


             พระพายเอ่ยขึ้นมาเพราะการชวนพูดคุยที่ไม่มีทีท่าจะหยุดนี้จึงทำให้พระพายกำลังหาทางเลี่ยง อีกทั้งพิธานเหมือนจะปล่อยรังสีดำทะมึนออกมาจนรู้สึกได้ คงกำลังไม่พอใจที่อัทธ์เอาแต่ชวนพูดคุยอีกทั้งทำตัวสนิทสนมจนเกินไปทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก

“จะไปไหนเหรอ?” อัทธ์ถามขึ้น

“เอ่อ...” พระพายที่ไม่ได้เตรียมคำตอบไว้แต่โชคดีที่มีเสียงสวรรค์เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“พระพาย ไปช่วยแม่หยิบขนมให้คุณพ่อหน่อย” พัชชาเอ่ยขึ้นมา โดยที่ธนิตเองไม่ทันได้ยินว่าพัชชาใช้คำพูดแทนตัวเองอย่างไรกับพระพาย

“ครับคุณแม่” พระพายใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นทันที พิธานที่ได้ยินพระพายเรียกพัชชาว่าคุณแม่ถึงกับนิ่งชะงักและรังสีที่ไม่พอใจเริ่มหายลงไปอย่างทันตา

“เดี๋ยวผมมานะ” พระพายบอกพิธานและบีบไหล่นั้นเบาๆ พิธานพยักหน้ารับทันที

“พระพายนี่น่ารักนะ” อัทธ์หันไปพูดกับพิธานทันทีที่พระพายหันหลังหายไป

“ครับ” พิธานตอบรับสั้นๆ

“ไม่ต้องหึงหรอก ถึงจะน่ารักแค่ไหน...แต่ผมก็มีคนของผมแล้วนะ” อัทธ์ว่าพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“เหรอครับ”

“ใช่..อ่า..พูดถึงทีไรก็คิดถึงทุกที” ถอนหายใจออกมาประหนึ่งว่ากำลังทุกข์ใจ แต่พิธานที่ไม่ชอบพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักจึงได้แต่เงียบ

“เขางานยุ่ง ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังไม่ค่อยพักผ่อน” พูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจท่าทีที่ไม่อยากรับฟังของพิธานเลย

“ครับ” พิธานตอบรับสั้นๆเช่นเคย จังหวะนั้นก็มีโทรศัพท์มือถือสั่นครืดบ่งบอกว่ามีสายเข้า ซึ่งเป็นของอัทธ์นั่นเอง

“ขอตัวก่อนนะ” อัทธ์ว่าพร้อมลุกออกไปรับสาย พิธานรู้สึกโล่งขึ้นทันควันที่ไม่ต้องมานั่งรับฟังเรื่องราวที่ตัวเองรู้สึกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิด


        พระพายกับพัชชาเดินเลี่ยงออกมายังโต๊ะที่จัดวางอาหาร เป็นโต๊ะที่ไกลที่สุดและมีคนมาตักอาหารน้อยมาก จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่จะคุยถึงเรื่องที่เคยพูดกันเอาไว้

“เป็นไงบ้างพระพาย กลับไปคิดบ้างหรือยังที่แม่ขอไว้” พัชชารีบเอ่ยถามขึ้นมาทันที

“ผม..กลับไปคิดแล้วครับ...ผมจะช่วยครับ” พระพายตอบ พัชชาถึงกับยิ้มกว้างออกมา

“แต่....ผมจะทำเท่าที่ผมทำได้นะครับและคงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น”

“แค่นั้นก็มากพอแล้วพระพาย ขอบใจมากๆที่ยอมฟังที่แม่ขอ”

“ครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณแม่คาดหวังมากเช่นกัน ถ้าผมทำไมสำเร็จขึ้นมา” พระพายออกตัวก่อนที่จะทำตามที่พัชชาขอ

“ได้ แม่เข้าใจ ถึงจะไม่สำเร็จแต่ถ้าหากทำให้พิธานเข้าใจพ่อเขามากขึ้นเท่านั้นแม่ก็ดีใจแล้ว”

“คุณแม่...ต้องพูดกับคุณธนิตนะครับ ว่าต้องให้ความร่วมมือด้วย ถ้าท่านยังบึ้งตึงหรือฟอร์มจัดมันยิ่งยากเข้าไปใหญ่”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแม่จัดการเอง” พัชชาว่าก่อนที่จะกอดพระพาย

“ขอบใจจริงๆ” พัชชาพูดเพียงเท่านั้น พระพายกอดตอบเบาๆพลางยิ้ม รู้สึกดีใจไม่น้อยที่พัชชาไว้ใจตัวเขามากขนาดนี้

“เอาล่ะหาขนมกันดีกว่า พิธานยิ่งขี้หวงอยู่ด้วย เดี๋ยวหาว่าแม่กักตัวพระพายไว้คนเดียว” พัชชาว่า พระพายได้แต่ยิ้มและตักขนมไปอย่างละนิดอย่างละหน่อยไปให้พิธาน


        งานดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ที่ดูสนุกสนานเนื่องด้วยได้พบเจอและพูดคุยกัน ด้านพวกหนุ่มๆได้แต่นั่งเงียบๆแต่ที่เห็นจะไม่เงียบก็มีแต่อัทธ์ที่คุยเป็นคุ้งเป็นแควจนพระพายถึงกับเพลียหูเลยทีเดียว


        เมื่อถึงเวลาอันสมควร ธนิตและพิธานได้ขึ้นไปบนเวทีตามที่พิธีกรเรียนเชิญเพื่อพูดคุยและกล่าวถึงจุดประสงค์ของงาน พระพายจึงได้รู้สักทีว่างานเลี้ยงนี้คือการขอบคุณพันธมิตรและผู้เกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนโรงแรม พิธานพูดกล่าวคำขอบคุณและเกี่ยวกับโครงการในอนาคตอีกนิดหน่อย จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น


        ธนิตและพิธานลงมายังด้านล่างใกล้ๆกับโต๊ะที่นั่งอยู่ตอนนี้ มีคนเข้ามาพูดคุยต่ออีกมากมาย พระพายได้แต่นั่งมองและรู้สึกว่าสองคนพ่อลูกถือว่าเป็นคนเก่งทีเดียวเมื่อฟังจากคำพูดบนเวที พิธานตอนนี้ดูแปลกตามากจนลืมภาพตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนไปเลย


             เพียงไม่นานนัก คนสนิทของธนิตเดินมาที่โต๊ะเพื่อมาเชิญพัชชาและเพลงขวัญไปถ่ายรูป เป็นรูปร่วมครอบครัวนั่นเอง เพลงขวัญลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าพร้อมๆกับพัชชาที่สำรวจลูกสาวว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ พระพายยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นจนพิธานเดินมาเอ่ยเรียก

“มาถ่ายรูป” พิธานบอกเท่านั้น

“ผมเหรอ?” พระพายชี้ตัวเองอย่างงุนงง

“ใช่ เร็วสิพระพาย” เพลงขวัญเร่งเร้าด้านพัชชาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเพลงขวัญ

“แต่ว่าผม...” พระพายอึกอัก จะให้ไปร่วมเฟรมครอบครัวได้อย่างไร ในเมื่อเป็นคนนอกอย่างนี้

“เร็วๆ อย่าช้า”


             เสียงธนิตเอ่ยเรียกขึ้นมาบ้าง พระพายที่เห็นธนิตมองมาพร้อมคำพูดที่เร่งให้ลุกขึ้น พิธานหันมองธนิตที่ตอนนี้เบือนหน้ากลับและไม่พูดอะไรต่ออีก พระพายจึงรีบลุกขึ้นและเข้าไปในเฟรมถ่ายรูปครอบครัวไปด้วย


             ธนิตกับพัชชายืนอยู่ตรงกลางโดยมีเพลงขวัญยืนข้างพัชชา พิธานยืนข้างธนิตและถัดไปเป็นพระพายที่ไม่รู้จะยิ้มหรือจะแสดงสีหน้าอย่างไรดี แค่รู้สึกว่าตัวเองฉีกยิ้มออกไปกว้างมากจนเพลงขวัญที่เหล่มองยังต้องหัวเราะออกมากับท่าทางตลกๆของพระพาย พิธานสบสายตาพระพายพร้อมรอยยิ้มมุมปากตามแบบฉบับของเจ้าตัว สายตาที่มองมานั้นรู้สึกดีไม่ต่างกัน


             การที่ยิ้มกว้างออกไปเช่นนั้นเพียงเพราะรู้สึกดีใจมาก มากเสียจนราวกับตัวเองเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานขั้นสุด แม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆแต่สำหรับพระพายมันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่คิดไว้ว่าตัวเองจะมายืนอยู่ตรงนี้


             ต่อจากนี้สิ่งที่ต้องทำคือจะต้องทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อลูกดีขึ้นให้ได้ อีกทั้งรู้สึกถึงแรงฮึดขึ้นมาว่าอยากจะให้ธนิตรับตัวเองให้ได้อย่างเต็มใจ รับในฐานะแฟนของลูกชายและรับถึงความจริงจังของพิธานที่มีให้ตัวพระพายเช่นกัน พระพายจะลองสักตั้งอย่างที่ตั้งใจไว้...

Lyrics: Miracle by Coldplay.


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-11-2018 10:09:25
ดูๆแล้ว คุณพ่อคงไม่ได้อะไรแล้วล่ะ แค่วางฟอร์มเท่านั้นเอง สู้ๆนะพระพาย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-11-2018 12:33:02
เอาใจช่วยพระพาย ลองมาดูกันสักตั้งกับความสัมพันธ์พ่อลูกคู่นี้ ดื้อ หัวแข็งทั้งสองคนสมเป็นพ่อลูกกันจริงๆ 55555 เจองานหินแล้ว แต่ก็ทนหน่อยนะ เพื่อคนที่เรารัก //ตามอ่านตลอดนะ แต่ไม่ค่อยได้เม้นท์เลย แต่อ่านทุกครั้งที่อัพ แล้วก็ยังรอเสมอ ชอบนิยายเรื่องนี้พระนายไม่งี่เง่า อยู่เคียงข้างกัน เป็นคู่ที่เคมีกันมากๆ เป็นคู่ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเออดีแหละที่จะอยู่ไปกันจนแก่เฒ่า ความรักของสองคนนี้เขามาไกลจริง แล้วเป็นเรื่องที่อยากอ่านไปเรื่อยๆด้วย ชอบอ่ะ ชอบมาก ขอบคุณที่แต่งและมาอัพ รอตอนต่อไปเลยนะคะ ดูสิว่าพระพายจะใช้วิธีไหน สู้นะพระพาย ต้องทำได้! ฮึบ!
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-11-2018 14:47:32
หวังว่าจะสำเร็จ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-11-2018 16:33:38
คนแก่นี้ฟอร์มเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-11-2018 19:28:40
พระพายทำได้อยู่แล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-11-2018 21:04:35
พ่อต้องใจกว้างแบบเพื่อนพ่ออ่ะ :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-11-2018 22:25:06
พ่อฟอร์มเยอะกว่าลูกเพียบ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-11-2018 23:18:03
ฟอร์มจัดจริง ๆ นะคุณธนิต  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-11-2018 07:50:41
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-11-2018 08:15:49
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-12-2018 16:51:45
พระพายหายไปใหนน้า  :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 02-12-2018 21:00:28
หายไปสองทิดแล้วนะ กลับมา กลับมา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 53 (18/11/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-12-2018 09:29:19
เหมือนกันอย่างกับถ่ายสำเนา
สู้ๆ นะพระพายศึกหนักเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 03-12-2018 17:59:05
สวัสดีค่ะทุกคน  :man1: ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยคนอ่านทุกคนนะคะ  :mew2: ที่หายไปแบบไม่บอกกล่าว งานยุ่งมากจริงๆค่ะ เหนื่อยมากและเพลียมากจึงหายไปแบบไม่ได้บอกอะไรเลย ขอโทษอีกครั้งนะคะ ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะและอาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้มาเป็นครั้งคราวนะคะ เนื่องจากงานของเราเป็นงานเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวค่ะ เลยงานยุ่งเป็นพิเศษ แต่สัญญาว่าจะลงจนจบแน่นอน จะพยายามรักษาความสม่ำเสมอและตรงเวลาให้มากกว่านี้นะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามและเป็นกำลังใจให้ ตอนนี้ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยด้วยนะคะ รัก ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

+++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 54 Trouble.


Trouble is a friend
ปัญหาก็คือเพื่อนคนหนึ่ง
But trouble is a foe
แต่ปัญหาก็เป็นศัตรู
And no matter
และไม่ว่า
What I feed him
ฉันจะป้อนสิ่งไหนให้เขา
He always seems to grow
เขาก็จะเติบโตขึ้นไปอีก
He sees what I see
เขาเห็นในสิ่งที่ฉันเห็น
And he knows
และเขาก็รู้
What I know
ว่าฉันรู้อะไร
So don’t forget
อย่าลืมนะ
As you ease
ในช่วงที่ปัญหาค่อยๆหายไป
On down my road
บนเส้นทางของฉัน



        หลังจากที่พระพายกลับมาจากงานเลี้ยงก็ผ่านมาแล้วสองวัน จนมาถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ทำงานสุดท้ายของสัปดาห์และแน่นอนว่าพรุ่งนี้คือวันหยุดที่รอคอย วันหยุดที่พระพายตั้งใจจะเริ่มแผนที่ตัวเองเอาแต่นั่งคิดมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้


        ตั้งแต่กลับมาจากงานเลี้ยง พระพายก็เอาแต่ขบคิดว่าจะต้องทำอย่างไรและวิธีไหนที่จะทำให้พิธานกับธนิตมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เพิ่งจะมาคิดออกเอาตอนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วระหว่างที่พิธานกำลังขับรถมาส่งยังที่ทำงาน ว่าคงต้องหาเรื่องพาพิธานไปกินข้าวที่บ้านหรือทำอะไรสักอย่างที่นั่น ถ้าจะให้ดีก็คงต้องค้างคืนด้วย จากนั้นคงต้องดูกันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไปแต่ศึกใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่ใครอื่นแต่เป็นพิธานที่คงจะไม่ยอมไปค้างที่บ้านแน่นอน เรื่องนี้ทำให้พระพายนั่งคิดต่อไปอีกว่าจะต้องทำอย่างไรให้พิธานตกลงยอมไปค้างที่นั่น


        นั่งคิดมาจนถึงเวลาเที่ยงแต่พระพายไม่ได้รู้สึกหิวเลยสักนิดเพราะยังคงคิดไม่ตกว่าจะหาวิธีไหนดีที่จะให้พิธานไปค้างที่บ้านได้ นั่งหมุนเก้าอี้ทำงานไปอย่างคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดีจนพี่ปีและพี่กล้วยที่กลับมาจากกินมื้อเที่ยงก็เอ่ยทักขึ้น

“อะไรของมึงน้องพาย ข้าวปลาไม่กิน มานั่งหมุนเก้าอี้เล่นน้ำลายอยู่ได้” พี่กล้วยว่า

“ไม่ได้เล่นน้ำลายสักหน่อย เล่นอย่างอื่นอยู่ต่างหาก” พระพายย้อนทันที

“แล้วเล่นอะไรล่ะ กระจู๋น้อยๆเหรอจ๊ะ?” พี่กล้วยไม่มียอม

“ผิดครับ” พระพายส่ายหน้า

“ผิดตรงไหน?” พี่กล้วยถามกลับ

“ผิดที่กระจู๋ของผมไม่น้อย” พระพายหัวเราะร่วน พี่ปีที่ได้ยินถึงกับหัวเราะตาม

“พอทั้งสองคนเลย...ว่าแต่พายไม่หิวเหรอ?” พี่ปีถาม

“ไม่ครับ เดี๋ยวค่อยไปกินหลังเลิกงานดีกว่า” พระพายตอบอย่างนั้นไป

“มีเรื่องเครียดเหรอ?” พี่ปีถามในขณะที่พี่กล้วยเดินไปนั่งที่โต๊ะ

“ไม่หรอกครับ แค่กำลังคิดหาวิธีทำอะไรสักอย่างอยู่”

“อ๋อ เรื่องนั้นรึเปล่า?” พระพายพยักหน้า

“ค่อยๆคิด มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ” พี่ปีว่า

“สองคนนั่นอะไร แอบคุยอะไรกัน?” พี่กล้วยที่กลัวจะไม่มีส่วนร่วมรีบแทรกขึ้นมาทันที

“คุยว่าเบื่อหน้าพี่กล้วยจัง ทำไงดี?” พระพายว่าพลางเหล่มอง

“เบื่อกูเหรอน้องพาย เดี๋ยวกูจะไปฟ้องแฟนมึงว่ามึงคบชู้กับไอ้ปี” พี่กล้วยว่า

“เชิญเลย...ว่าแต่นี่ห่วงใยแฟนผมหรือหวงพี่ปีล่ะครับพี่กล้วย?” พระพายถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

“หึงอะไร เดี๋ยวโดนโบก” พี่กล้วยว่าพร้อมจะเอาปากกาขว้างมาทางพระพาย

“ใจเย็นๆ อย่าร้อนตัวสิพี่กล้วยใหญ่ของผม” พระพายหัวเราะถูกอกถูกใจ

“เงียบไปเลยไอ้พายจู๋เล็ก” พี่กล้วยว่าก่อนที่จะหันไปมองพี่ปีที่ยืนยิ้มอยู่

“ยิ้มอะไรของมึงไอ้ปี ไปทำงาน” พี่กล้วยหันไปลงกับพี่ปีแทน พระพายได้แต่หัวเราะแล้วหันไปทำงานที่นั่งทำค้าง หวังว่าระหว่างนี้จะคิดอะไรที่จะช่วยให้พิธานไปค้างที่บ้านได้


        ในที่สุดเวลาเลิกงานก็มาถึง พิธานส่งข้อความมาว่าจะมารับที่ทำงานเพราะวันนี้เสร็จงานเร็ว พระพายจึงยืนรอหน้าออฟฟิศและขบคิดหาวิธีต่อไป

“โทรหาคุณแม่ดีกว่า” พระพายนึกได้และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพัชชาทันที

“ว่ายังไงพระพาย” เสียงพัชชาทักทายเมื่อรับสาย

“คุณแม่...ผมว่าผมจะพาคุณพิธานไปนอนค้างที่บ้าน” พระพายรีบพูดทันทีอย่างไม่รอช้า

“เป็นความคิดที่ดีนะ แต่จะบอกยังไงให้เจ้าตัวยอมมาค้างที่นี่ได้ล่ะ ตั้งแต่ออกจากบ้านไปไม่เคยกลับมาบ้านเลยนะ” พัชชาว่า ครั้งที่แล้วที่มากับพระพายนั่นถือว่าครั้งแรกเสียด้วยซ้ำไป

“นั่นแหละครับ ผมเลยว่าจะถามคุณแม่ ให้ช่วยผมคิดหน่อยว่าจะพูดยังไงดี”

“บอกว่าแม่ป่วยเป็นไง?” พัชชาเอ่ยขึ้นมา

“ได้เหรอครับ จะไม่เป็นการแช่งใช่ไหมครับ?”

“ไม่เลย ลองบอกแบบนั้นไป เพราะทุกครั้งที่แม่ป่วยพิธานจะเป็นห่วงกว่าปกติ แต่ไม่เคยมาที่บ้านเพราะไม่อยากเจอพ่อเขานั่นแหละ”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกแบบนั้นนะครับ”

“จะมากันเมื่อไหร่?”

“น่าจะค่ำครับ ถ้าเป็นไปตามแผน บอกคุณธนิตด้วยครับ เป็นไปได้ผมว่าอย่าให้ท่านเจอกับพวกเราค่อย ค่อยเจอตอนที่พวกเราอยู่ในบ้านได้สักพักแล้วน่าจะดีกว่าครับ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ขอให้ทำสำเร็จนะ” พัชชาอวยพรให้พระพายก่อนวางสาย


        พระพายยืนร่างคำพูดอยู่ในหัวระหว่างที่รอพิธานมารับ จะสรรหาคำพูดอะไรดีที่พิธานจะไม่สงสัย จะทำอย่างไรให้พิธานไม่รู้ตัวว่านี่เป็นถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้น รู้สึกกดดันพอสมควรเพราะยากที่จะพูดออกไปโดยไม่ให้พิธานรู้ทัน กับพิธานที่พระพายอ้าปากพูดหรือแค่แสดงสีหน้าผิดปกติก็จะรับรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องอะไรในใจแน่ๆ นี่คือปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้ของพระพาย คือจะทำอย่างไรให้พิธานจับไม่ได้


        ในที่สุดพิธานก็มาถึง พระพายรีบวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่ทำคือการหันไปยิ้มกว้างๆให้พิธานที่นั่งประจำที่นั่งของคนขับ พิธานไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆนอกจากสายตาที่มองมา

“วันนี้กินกาแฟไปเยอะเหรอ?” พิธานถาม พระพายถึงกับงุนงงที่ได้ยินเช่นนั้น

“เปล่า..ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”

“ดูดีดเกินไป” พิธานว่า พระพายได้แต่คิดในใจว่าการสังเกตของพิธานนั้นดูจะเก่งเกินไปแล้ว

“ดีดเพราะดีใจที่พรุ่งนี้จะได้หยุดซะที” พระพายว่า


        พิธานไม่พูดอะไรต่อและขับรถออกไปทันที ระหว่างที่รถติดอยู่นั้นกลับมีเสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของพิธานที่วางอยู่ตรงกลางระหว่างเบาะ สายเรียกเข้าขึ้นชื่อว่าคุณแม่ พิธานสวมหูฟังบลูทูธก่อนจะกดรับสาย

“ครับคุณแม่”

“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?” พระพายเดาได้ทันทีว่าพัชชาคงโทรมาบอกว่าไม่สบายอย่างแน่นอน

“อยากให้ไปตอนนี้เหรอครับ?” พิธานถามขึ้นพลางเหล่มองพระพายที่กะพริบตาครั้งสองครั้งอย่างจะบ่งบอกว่าไม่เข้าใจว่าพูดเรื่องอะไรกัน

“เดี๋ยวผมจะโทรกลับอีกทีครับ” พิธานว่าแล้วกดยุติการโทร

“มีอะไรเหรอ?” พระพายถาม

“คุณแม่ไม่สบาย..อยากให้ไปหา” พิธานบอก

“คุณแม่ป่วยเหรอ เป็นอะไรมากรึเปล่า?” พระถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงแต่ไม่ได้เล่นใหญ่เกินเบอร์เท่าที่ควรเพราะกลัวจะโดนจับได้

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เสียงดูเพลีย”

“ถ้าอย่างนั้นไปเยี่ยมท่านหน่อยดีไหม?” พระพายว่า

“ถ้าไปตอนนี้อาจจะกลับห้องดึกหน่อย นายไหวไหม?” พิธานถาม พระพายนิ่งไปนิดหน่อยก่อนพูด

“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ค้างที่นั่นเลยล่ะ?” พระพายเสนอความเห็นขึ้นมา พิธานเงียบไป เหมือนจะกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนจะเอ่ยออกมา

“นายก็รู้ว่าฉันไม่อยากไปเจอคุณพ่อ” พิธานว่า

“อืม...เอาจริงๆพวกเราไปเยี่ยมคุณแม่นะ ส่วนคุณพ่อของคุณเราก็ห่างๆท่านก็ได้” พระพายว่า

“นายอยากให้ฉันค้างเหรอ?” มาแล้วกับคำถามเจาะใจของพิธาน

“แล้วแต่คุณนะ ยังไงผมก็ตัดสินใจไม่ได้แต่แค่เป็นห่วงคุณแม่หน่อยๆ ถ้าเราค้างท่านคงจะดีใจน่าดู” พิธานที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปอีกครั้งและไม่พูดอะไรออกมาจนกระทั่งขับรถมาถึงคอนโด


        พิธานยังคงเงียบอยู่อย่างนั้นจนถึงห้อง พระพายเองก็ไม่ได้เซ้าซี้หรือถามอะไรอีกเพราะรู้ดีว่าพิธานเองก็หนักใจและลังเลว่าจะไปค้างหรือไม่ค้างดี พระพายจึงให้โอกาสนี้กับพิธานได้ใช้เวลาในการคิดว่าจะทำอย่างไรดี


        พระพายเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองธรรมดาและนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีพลางกดรีโมทเลื่อนหาช่องหนัง พิธานเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วและนั่งลงข้างๆพระพายเช่นกัน

“คุณหิวรึยัง?” พระพายถาม

“นายหิวเหรอ?”

“เอาจริงๆวันนี้ผมได้กินแค่มื้อเช้าเอง”

“ทำอะไรถึงไม่ยอมกินข้าวตอนเที่ยง งานเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” พูดไม่พอพลางทำสีหน้าไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่พระพายไม่ยอมกินข้าว

“ก็ทำงานเพลิน” พระพายยิ้มเผล้ก่อนที่จะซบไหล่พิธานเป็นการอ้อนนิดๆที่ไม่ดูแลตัวเองเท่าที่ควร

“ดูแลตัวเองด้วยสิ” พิธานพูดเท่านั้น

“อืม...ออกไปหาอะไรกินกันไหม?” พระพายเอ่ยชวน

“ปกติชอบกินที่ห้องไม่ใช่เหรอ?” พิธานหันมองพลางถาม

“วันเสาร์ เปลี่ยนบรรยากาศหน่อย” รีบตอบด้วยความไวแสง

“อยากกินอะไร?”

“แต่เดี๋ยวสิ...จะไปเยี่ยมคุณแม่ไม่ใช่เหรอ?” พระพายผละออกจากไหล่ของพิธาน

“อย่าบอกนะว่าจะไปกินข้าวที่บ้าน?” พิธานรู้ทันอีกแล้ว

“ก็น่าสนนะ ประหยัดแถมได้ไปเยี่ยมคุณแม่ด้วย”

“เป็นคนขี้งกตั้งแต่เมื่อไหร่?” พิธานถามพลางจิ้มหน้าผากพระพาย

“ก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไง” พระพายยิ้มแฉ่ง

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นไปเยี่ยมคุณแม่กัน”

“ถามหน่อย...อยากจะลองค้างสักคืนไหม?” จู่ๆพระพายก็ถามขึ้นมา

“ทำไมถึงถามแบบนั้น?”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเองก็อยากลองนอนห้องนั้นของคุณสักคืนนะ” พระพายว่า

“ห้องนอนที่บ้านเหรอ มันน่าสนใจตรงไหน?”

“ก็...อยากอยู่ในที่ๆคุณเคยอยู่เมื่อตอนเด็กไง” พระพายว่า พูดไปก็รู้สึกแปลกๆ พิธานมองหน้าของพระพาย จ้องมองอย่างกับใช้ความคิดอะไรสักอย่างอยู่

“เหตุผลมีแค่นั้นใช่ไหม?”

“แค่นั้นแหละ ฟังแล้วดูตลกใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่ตลกหรอก แค่คิดว่ามีอะไรนอกเหนือจากนี้เสียอีก”

“จะไปมีได้ยังไง” พระพายส่ายหน้า แม้ในใจนั้นก็หวั่นไม่น้อยว่าพิธานจะจับพิรุธอะไรได้บ้าง

“เหตุผลฟังแล้วก็พอมีน้ำหนัก แต่ไม่รับปาก ค่อยว่ากัน” พิธานพูดเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นไปเยี่ยมแม่คุณเลยดีกว่า” พระพายว่า


        ทั้งสองคนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกชุด เมื่อเดินลงมาข้างล่างพระพายก็แวะเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อใกล้ๆคอนโดเพื่อซื้อรังนกขวดกับซุปไก่สกัดแบบขวดเช่นกัน เพื่อนำไปเยี่ยมไข้พัชชา แม้รู้ว่าไม่ใช่ความจริงแต่การซื้อเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพไปฝากก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร


        พิธานขับรถไปยังบ้านที่ห่างจากคอนโดมาก อีกทั้งวันเสาร์เช่นนี้รถราติดแน่นขนัดจนขยับรถได้ไม่มากนัก ระหว่างนั้นพระพายจึงเปิดเพลงฟังและเล่นโทรศัพท์มือถือฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ


        ใช้เวลานานกว่าที่คาดคิดไว้มาก ในที่สุดพิธานก็ขับรถมาถึงบ้านเสียที ท้องฟ้าโดยรอบมืดสนิทเพราะเข้าสู่ช่วงเวลาตอนค่ำแล้ว พระพายหิ้วถุงพลาสติกที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อพลางก้าวขาออกมาจากรถ ตามมาด้วยพิธานที่ตอนนี้ยืนนิ่งๆอยู่หลังจากที่ลงจากรถแล้ว

“เป็นอะไร?” พระพายถาม

“เปล่า แค่คิดว่าน่าจะบอกพี่เพลงให้มาด้วย”

“นั่นสิ ลืมบอกพี่เพลงไปเลยแต่คุณแม่น่าจะโทรบอกแล้วละนะ”

“ไปกันเถอะ” พิธานพูดและเดินนำเข้าไปในบ้าน


        บ้านหลังนี้เงียบสงัดเหมือนครั้งที่แล้วที่มา เวลาค่ำแบบนี้นอกจากป้าแม่บ้านที่เดินมารับก็ไม่เห็นใครอีกเลย คงจะถึงเวลาพักผ่อนกันแล้ว

“สวัสดีค่ะ คุณพิธานคุณพระพาย”

“คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?”

“ท่านนอนอยู่ในห้องค่ะ” ป้าแม่บ้านบอกเช่นนั้น

“แล้ว...” พิธานละไว้ รู้ได้ทันทีว่าจะถามถึงใคร

“คุณท่านธนิตยังไม่กลับมาเลยค่ะ ท่านออกไปตั้งแต่เมื่อเช้าค่ะ” ได้ยินเช่นนั้นพิธานจึงรู้สึกผ่อนคลายลงนิดหน่อย คงเตรียมตัวตั้งท่าจะปะทะกับธนิตมาตลอดทางอย่างแน่นอน

“ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปดูแลคุณแม่เอง” พิธานบอก ป้าแม่บ้านพยักหน้ารับ


        พิธานและพระพายเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เมื่อรู้ว่าธนิตไม่อยู่จึงหายใจหายคอโล่งขึ้นมาสักหน่อย พิธานเคาะห้องนอนที่อยู่อีกด้านซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับห้องของพิธาน เสียงตอบกลับของพัชชาดังขึ้นว่าให้เปิดเข้าไปได้ พิธานจึงเปิดเข้าไป


        พบพัชชานอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางอิดโรย หน้าตาออกจะซีดเซียวไปพอสมควร พระพายตกใจไม่น้อยที่พัชชาป่วยสมจริงเกินกว่าแสดงไปหลายเบอร์ พิธานนั่งลงบนเตียงข้างๆพัชชา พระพายนั้นยืนนิ่งเพราะไม่รู้จะอยู่ตรงไหนดี

“พิธาน พระพาย ไม่คิดว่าจะมา” พัชชาว่า

“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ?” พิธานเอ่ยถามพลางใช้สายตามองใบหน้าของพัชชา

“ท้องเสีย หมดแรงเลย” พัชชาว่า

“คุณแม่ทานอะไรได้บ้างครับ?” พระพายเอ่ยถาม

“แม่ทานซุปหมูน้ำใสเมื่อตอนเย็นแล้ว” พัชชาตอบ

“ผมซื้อซุปไก่สกัดกับรังนกมาให้ครับ ถ้าคุณแม่อยากกินบอกนะครับ ผมจะไปเตรียมให้”

“ขอบใจนะพระพาย เดี๋ยวแม่หิวแล้วจะบอก”

“คุณแม่เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณพ่อไม่รู้เหรอครับว่าคุณแม่ท้องเสีย?” พิธานถามด้วยความไม่ชอบใจที่ธนิตละเลยไม่สนใจแม่ของตน

“คุณพ่อออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว แม่เพิ่งเป็นเมื่อตอนบ่ายและไม่ได้บอกคุณพ่อด้วย” พัชชารีบแก้ความเข้าใจผิดเพราะกลัวพิธานจะเพิ่มความโกรธในตัวธนิตเข้าไปอีก

“ครับ” พิธานไม่พูดอะไรต่ออีก พัชชานอนนิ่งๆได้แค่ครู่เดียวจู่ๆก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณแม่ จะไปไหนครับ?” พระพายถามขึ้นพลางวางถุงหิ้วบนโต๊ะ เพื่อจะเข้าไปช่วยแต่พิธานไวกว่า รีบประคองพัชชาที่จะลุกขึ้น

“ปวดท้องอีกแล้ว แม่ขอเข้าห้องน้ำหน่อย” พัชชาว่าและรีบลุกขึ้น พิธานช่วยประคองไปถึงหน้าห้องน้ำก่อนที่จะปล่อยให้พัชชาเข้าไปด้วยตัวเอง


        พระพายหันไปมองแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆถุงหิ้วที่เพิ่งวางไว้ครู่นี้ เป็นแก้วเปล่าที่มีร่องรอยของน้ำสีส้มติดอยู่ก้นแก้ว ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับอาการท้องเสีย

“คุณพิธาน เกลือแร่ของคุณแม่หมดแล้ว”


              พระพายเอ่ยบอกพิธาน เมื่อได้ยินดังนั้นพิธานก็เริ่มค้นหาแถวโต๊ะข้างเตียงว่ามีเกลือแร่ซองเหลืออยู่บ้างหรือไม่ เพียงไม่นานนักพัชชาก็ออกมา พระพายรีบเข้าไปประคองพัชชาให้มานั่งที่เตียงทันที พัชชาเอนตัวลงอย่างหมดแรง

“คุณแม่ ไปหาหมอดีกว่าไหมครับ?” พิธานถามขึ้น

“ไม่ต้องหรอก แค่ท้องเสียเอง เดี๋ยวแม่รอกินยาอีกรอบ น่าจะดีขึ้น”

“แล้วเกลือแร่ล่ะครับ พอมีเหลืออีกไหมครับ?” พระพายถามบ้าง

“อ๋อ ชั้นล่างจ๊ะ ในครัวมีตู้เก็บพวกยาอยู่”

“เดี๋ยวฉันไปหยิบเอง นายอยู่กับคุณแม่ดีกว่า” พิธานบอก ก่อนที่จะออกจากห้องแล้วลงไปชั้นล่างเพื่อไปหยิบเกลือแร่มา ตอนนี้จึงมีแค่พระพายกับพัชชาเท่านั้น

“คุณแม่ครับ..นี่คุณแม่ป่วยจริงๆใช่ไหม?” พระพายถามทันที่พิธานออกไป

“ตอนโทรหาเรามันไม่หนักขนาดนี้ แม่เลยคิดว่าป่วยนิดหน่อยก็ไม่ได้ถือว่าโกหกแต่ที่ไหนได้...หนักเลยล่ะ” พัชชาพลางหัวเราะนิดๆ

“คุณแม่...ผมขอโทษครับ เพราะแผนพวกนี้แท้ๆกลายเป็นแช่งคุณแม่ไปเลย” พระพายรู้สึกผิดไม่น้อย จากการปั้นเรื่องโกหกจนกลายเป็นเรื่องจริงไปเสียได้

“ไม่เป็นไร นี่เพราะจะเป็นผลพวงจากที่แม่คิดจะโกหกลูกชายละมั้ง” พัชชาพูดให้เป็นเรื่องขำขันแทน

“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ” พระพายพูดก่อนที่จะยิ้มให้พัชชา


        ไม่ถึงห้านาทีพิธานก็กลับมาพร้อมเกลือแร่ชนิดซองสำหรับแก้ท้องเสียมาในมือหลายซอง พระพายจึงรีบชงให้พัชชาตามอัตราส่วนที่ระบุข้างซอง จากนั้นก็ให้พัชชาจิบไปเรื่อยๆ

“นี่กินอะไรกันมารึยัง?” เมื่อพัชชาจิบเกลือแร่ไปนิดหน่อยก็เอ่ยถามทั้งสองคน

“ยังเลยครับ” พิธานบอก

“หิวกันรึเปล่า ไปหาอะไรกินก่อนก็ได้ เดี๋ยวแม่ของีบหน่อย” พัชชาว่า

“ครับ เดี๋ยวพวกผมจะรีบมาขึ้นมา” พิธานบอก ทั้งสองจึงจำต้องลงไปข้างล่างเพื่อรีบหาอะไรกินแล้วกลับมาดูแลพัชชาต่อ


        เมื่อลงมาในครัวก็พบว่าในตู้เย็นมีกับข้าวอยู่สองสามอย่างใส่กล่องถนอมอาหารไว้ ซึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นกับข้าวเมื่อไหร่อย่างไร ในเมื่อถามใครไม่ได้พระพายจึงตกลงกับพิธานว่านำมันมาอุ่นแล้วกินกันเพราะตอนนี้พระพายหิวไม่น้อยเลยทีเดียว

“อ่า..ข้าวหมด” พระพายหันไปบอกพิธานที่ยืนค้นหาอะไรสักอย่างในตู้เย็น

“ถ้าจะหุงรอไหวรึเปล่า?” พิธานรู้ดีว่าตอนนี้พระพายหิวจนไส้กิ่วแล้ว

“ยังไงก็ต้องหุง ไหวนั่นแหละ” พระพายว่าและรีบหุงข้าวทันที ไม่ทันที่พระพายจะหุงข้าว ป้าแม่บ้านดันเดินเข้ามาเสียก่อน

“คุณทั้งสอง ทำอะไรกันคะ?” ป้าแม่บ้านตกใจที่เห็นพิธานและพระพายป้วนเปี้ยนอยู่ในครัว

“อ่า ขอโทษครับป้า พวกผมหิวข้าวเลยมาหาอะไรกิน” พระพายรีบบอกทันที

“มาค่ะ เดี๋ยวป้าทำเอง”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเอง” พระพายว่า พิธานไม่พูดอะไรแต่ยังคงรื้อค้นตู้เย็นต่อไป

“เดี๋ยวป้าตั้งโต๊ะให้ค่ะ ป้าจะหุงข้าวให้ด้วย คุณๆรอกันไหวไหมคะ?” ป้าแม่บ้านถาม

“ไหวครับ” พระพายตอบ

“ไปนั่งรอค่ะ ป้าจัดการให้” พระพายจึงวางมือและเดินไปหาพิธาน

“คุณหาอะไรอยู่?” พระพายถามอย่างสงสัยเพราะเห็นพิธานค้นตู้เย็นอยู่นานแล้ว

“หาผลไม้” พิธานว่า

“อ๋อ หลังขวดน้ำมีถุงขนมวางทับอยู่ค่ะคุณพิธาน” ป้าแม่บ้านบอก เมื่อนั้นพิธานก็หาเจอ

“เอาไปกินรองท้องก่อน” พิธานว่าพลางยื่นให้พระพายที่รีบรับมาอย่างไม่ลังแล้วเดินออกไปจากห้องครัวเพื่อรอป้าแม่บ้านตั้งโต๊ะให้


        พระพายนั่งกินผลไม้ในกล่องไปและนั่งดูทีวีไปพลาง พิธานที่กำลังเช็คอะไรสักอย่างในโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า...

“คืนนี้ว่าจะค้างที่นี่” พิธานพูดขึ้นมา พระพายถึงกับชะงักและหันมองพิธานที่พูดคำนั้นออกมา

“เดี๋ยวนะ ค้างเหรอ?” พระพายทวนคำพูดนั้นอีกครั้ง

“อืม จะอยู่ดูอาการคุณแม่หน่อยเพราะพี่เพลงบอกว่าพวกเพื่อนๆเห็นคุณพ่อในงานเลี้ยง น่าจะกลับดึก”

“อย่างนั้นเหรอ?” พระพายพูดพลางคิด...การค้างของพิธานจะสูญเปล่าแน่นอนถ้าธนิตกลับดึกจริงๆ

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” พิธานถามพระพายที่นิ่งไป

“ดะ..ได้สิ” พระพายว่า

“ตามนั้น ตกลงจะค้างที่นี่ เดี๋ยวฉันจะให้แม่บ้านเตรียมของใช้ให้” พิธานว่าแล้วลุกขึ้นเดินไปยังครัวเพื่อไปบอกป้าแม่บ้าน


        เมื่อพิธานหันหลัง พระพายรีบวางกล้องผลไม้ทันที เพื่อคิดแผนที่ไม่ทันตังตัวว่าจะต้องคิด คิดไปนั่งเขย่าขาไปพลางขบคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพราะไม่ได้คิดอะไรเผื่อไว้เลยว่าจะทำอย่างไรหากพิธานนอนค้าง

“ค่อยๆคิดพาย ค่อยๆคิด”


             พระพายพูดกับตัวเองเบาๆและยังคงคิดต่อไปแต่ตอนนี้หิวข้าวจนตาลายแล้ว คงต้องเติมอาหารเข้าท้องเสียก่อนแล้วอาจจะคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้ เมื่อตกลงกับตัวเองอย่างนั้นพระพายจึงรีบกินผลไม้ที่เหลือต่อและรอการตั้งโต๊ะของแม่บ้าน เพื่อเติมพลังก่อนใช้ความคิดถึงแผนที่ไม่รู้ว่าจะเป็นแผนอะไรดี...


Lyrics: Trouble is a friend by Lenka

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2018 18:21:25
จะเจอคุณพ่อไหมนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-12-2018 18:58:24
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-12-2018 19:07:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-12-2018 05:33:15
คิดว่าพิธานน่าจะรู้...มั้ง แค่ไม่พูด
แต่หนูพาย ถ้าคิดไม่ออกก็ปล่อยมันไหลไปเองเถอะ

รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-12-2018 11:56:42
ไม่ต้องคิดอะไรแล้วล่ะมั้งหนูพาย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-12-2018 15:13:52
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-12-2018 16:01:52
55555 กลุ้มใจแทนพระพายจริงๆ จะใช้แผนไรดีสู้กับพ่อลูกสองคนนี้ แต่ก็ดีนะมีคุณแม่ร่วมหัวจมท้ายด้วย 2หัวกว่าดีกว่า1ละวะ 5555 ค่อยๆตะล่อมเนียนๆไปนะ อีกคนก็โกหกไม่เก่ง อีกคนก็จับผิดเก่งเกินขำตรง "ดูดีดเกินไป" พระพายนี่แถจนสีข้างถลอกแล้วอ่ะ 555555555 จะรอดไหมเนี้ยภาระกิจให้พ่อลูกคืนดีกัน ความยากระดับ10เลย ยังไงก็เอาใจช่วยนะ แผนแรกจะสำเร็จไหมเนี้ยฮึ?? ลุ้นเลย 5555 สู้เว้ยพระพาย สนุกกกกกกค่ะ ชอบเรื่องนี้ อยากอ่านไปเรื่อยๆ ^^ รอตอนต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 04-12-2018 19:15:11
พายให้คุณแม่โทีหาคุณพ่อสิ..อิอิ..ช่วยวางแผน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-12-2018 21:54:52
รอๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 07-12-2018 01:06:50
พระพายน่ารัก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-12-2018 03:37:27
ยังไม่มาหรอ :mew6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 21-12-2018 05:41:07
หายไปไหนกัน :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 54 (03/12/18) P.27 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 29-12-2018 23:24:49
หายไปไหนนนนนนน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 02-01-2019 10:54:06
สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน  :mc4:  ปีใหม่แล้วเราก็ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านพบเจอแต่ความสุข ความสมหวัง ทั้งเรื่องชีวิต การเงิน การงาน สุขภาพและความรัก ขอให้ทุกท่านโชคดีมีชัยค่ะ ปีนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกปีนะคะ และต้องขอโทษจริงๆที่หายไปนาน อันที่จริงแจ้งไว้ในเพจแล้วว่าโน้ตบุ๊คเสียเลยส่งซ่อม ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะและใช่ค่ะนิยายเราก็ยังไม่จบเสียที  :laugh: แต่คิดว่าเร็วๆนี้น่าจะเป็นอย่างที่คาดไว้ค่ะ เอาเป็นว่าอ่านให้สนุกนะคะ หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ รัก ไว้เจอกันค่ะ  :mew1:

+++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 55 Get it off.

Staring at the blank page before you
มองไปยังหน้ากระดาษอันว่างเปล่าตรงหน้าของคุณ
Open up the dirty window
เปิดหน้าต่างที่แสนจะสกปรก
Let the sun illuminate the words that you could not find
ให้ดวงอาทิตย์สาดแสงไปยังคำพูดที่คุณไม่อาจค้นหาได้
Reaching for something in the distance
เอื้อมมือไปยังบางสิ่งที่ห่างออกไป
So close you can almost taste it
ให้ใกล้จนคุณสามารถลิ้มรสมัน
Release your inhibitions
ปลดปล่อยสิ่งที่ขวางกั้นคุณออกไป


        พิธานกับพระพายนั่งกินข้าวด้วยกันหลังจากที่ป้าแม่บ้านจัดโต๊ะให้เสร็จพร้อมกับข้าวและข้าวสวยที่เพิ่งหุงเสร็จ พระพายนั่งกินด้วยความหิวจัด แม้ว่าจะกินผลไม้รองท้องไปจำนวนหนึ่งแล้วแต่เมื่อลิ้นสัมผัสรสอาหาร ก็ลืมไปเลยว่าเมื่อครู่นี้ได้กินผลไม้มาก่อนแล้ว


        ทั้งสองคนนั่งกินมื้อค่ำอย่างต้องการทำเวลา เพราะต้องการจะขึ้นไปดูพัชชาที่บอกว่าของีบ ใช้เวลาไม่นานนักความอิ่มก็มาเยือนพร้อมกับอาหารที่หมดเกลี้ยง

“คุณรีบไปดูคุณแม่ก่อน เดี๋ยวผมเก็บตรงนี้เอง” พระพายบอก

“ฉันช่วยนายดีกว่า” พิธานว่าพลางเก็บจาน

“ไม่ต้อง ไปดูคุณแม่เถอะ สิบนาทีเดี๋ยวผมตามขึ้นไป”

“ก็ได้” พิธานว่าตามและรีบเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยความรวดเร็ว


        พระพายที่กำลังเก็บจานอยู่ก็ต้องหยุดทำเพราะป้าแม่บ้านที่เตรียมของใช้ให้เสร็จเรียบร้อยกลับมาจัดการเก็บโต๊ะและล้างจานให้ต่อ พระพายได้แต่ขอบคุณและเดินไปยังชั้นสองเพื่อไปดูพัชชาสมทบกับพิธาน


        เมื่อเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นคือพัชชายังคงหลับอยู่ โดยที่มีพิธานนั่งอยู่ข้างๆ พระพายเดินไปแตะไหล่พิธานที่นั่งนิ่งๆอย่างไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“มีอะไรรึเปล่า?” พระพายเอ่ยถาม

“เปล่า...คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“เดี๋ยวคุณแม่ต้องกินยาอีกรอบใช่ไหม?” พระพายว่าพลางมองนาฬิกาบนฝาผนัง

“ใช่ น่าจะอีกสักพัก”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหลังจากคุณแม่กินยา ก็ไปอาบน้ำกันดีกว่า” พระพายว่า

“ได้สิ”


        พระพายนั่งลงบนพื้นพิงเตียงข้างๆพิธานที่ตอนนั่งอยู่บนเตียง พระพายนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเช็คข่าวสารเรื่อยเปื่อย ในขณะที่พิธานนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของพระพายว่านั่งดูว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ ผ่านไปพักใหญ่ พัชชาขยับตัวลืมตาขึ้นมา เป็นการงีบอย่างที่เจ้าตัวบอกจริงๆ

“คุณแม่...ยังอยากเข้าห้องน้ำอยู่รึเปล่า?” พิธานถาม

“ไม่แล้วล่ะ ไม่ปวดเท่าไหร่แล้ว แค่มวนๆท้องนิดหน่อย” พัชชาตอบเสียงเบาๆ

“ถึงเวลากินยาแล้ว เอาอะไรรองท้องสักหน่อยไหมครับ?” พิธานถาม

“รังนกที่ผมซื้อมาพอจะกินได้ไหมครับ?” พระพายถาม พัชชาพยักหน้า พระพายจึงลงข้างล่าง เปิดตู้เย็นเปิดฝาเทรังนกลงใส่ถ้วยซุปใบเล็กและรีบเอาขึ้นไปให้พัชชาด้วยความรวดเร็ว


        พัชชากินรังนกของพระพายได้เยอะพอสมควร จากนั้นก็กินยาฆ่าเชื้อตามเวลาที่ต้องกิน จิบเกลือแร่อีกสักหน่อยก่อนที่จะเอนตัวลง

“คุณพ่อโทรมาบ้างไหม?” พัชชาถาม

“ไม่ครับ น่าจะกลับดึก” พิธานตอบ

“อ๋อ...แม่ลืมไปเลย คุณพ่อบอกว่ามีงานเลี้ยง แต่ไม่คิดว่าจะไป”

“สรุปผมค้างที่นี่นะครับ” พิธานบอก พัชชาที่ได้ยินช่นนั้นถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ

“จริงเหรอ....ดีจัง ขอบใจมากนะพิธาน” พัชชาว่าพลางบีบมือลูกชายที่บอกว่าจะนอนค้างหลังจากที่ไม่เคยค้างที่บ้านเลยตั้งแต่ออกไปอยู่นอกบ้าน

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพระพายจะอยู่เป็นเพื่อนครับ” พิธานว่า

“ได้สิ” พัชชาว่า พิธานจึงออกไปจากห้องไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่ออาบน้ำก่อนที่จะกลับมาดูแลพัชชาต่อ

“คุณแม่ ไหวไหมครับ?” พระพายถามพลางประคองพัชชาที่ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

“พระพายทำยังไงให้พิธานยอมค้างได้?” พัชชาถามทันที

“เปล่าเลยครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย คุณพิธานบอกออกมาอย่างนั้นเอง”

“จริงเหรอ พระพายไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ?” พระพายนิ่งไปนิดก่อนจะนึกได้

“อ๋อ ผมแค่ลองชวนเขาเล่นๆเท่านั้นแหละครับ”

“นั่นแหละ ชวนเล่นๆแต่พิธานน่ะไม่ได้คิดเล่นๆหรอก”

“ยังไงก็ค้างแล้ว แผนเราถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว” พระพายว่าพลางยิ้ม แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าธนิตไม่ได้อยู่บ้าน

“แต่ผมลืมไป ว่าคุณธนิตไม่อยู่บ้านนี่สิ” พระพายว่าพลางถอนหายใจ

“จริงๆคุณพ่อใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ รายนั้นบอกว่าจะกลับมาอีกสักชั่วโมงนั่นแหละ”

“จริงเหรอครับ?”

“ใช่ ตอนที่ลูกๆไปกินข้าว คุณพ่อโทรมาบอกแล้ว”

“อ่า...ผมจะทำยังดี” พระพายเริ่มคิดหนักแล้วว่าจะทำอย่างไรดี

“อันนี้แม่ก็คิดไม่ออกเลย ต้องลำบากพระพายแล้วล่ะ” พัชชาว่าพลางแตะหลังมือพระพายเบาๆ

“เดี๋ยวค่อยว่ากันครับ” พระพายว่า


        นั่งคุยกับพัชชาไปเรื่อยเปื่อย ลามจนไปถึงเปิดคลิปวิดีโอตลกๆในโทรศัพท์มือถือให้พัชชาดูเพื่อฆ่าเวลารอพิธานกลับมาจากอาบน้ำ ในที่สุดพิธานก็กลับมาพร้อมชุดนอนที่พระพายได้แต่อมยิ้ม


        เป็นเสื้อกล้ามที่ออกจะพอดีตัวไปสักหน่อยกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำ ดูแล้วน่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ในห้องก่อนย้ายออกไปจากบ้าน ไม่หดลงก็คงเพราะพิธานตัวโตขึ้นแต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

“ยิ้มอะไร?” พิธานว่าพลางเหล่มองพระพายที่ยังคงมองพิธานอยู่

“ไม่ค่อยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้ แปลกตาดี” พระพายว่า

“ไปอาบน้ำ เสื้อผ้าที่จะให้เปลี่ยนวางไว้ให้แล้ว” พิธานบอก

“ครับ...” พระพายลากเสียงยาวก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำบ้าง


        พระพายเดินไปยังห้องของพิธานที่เคยมาแค่ครั้งเดียว ห้องของพิธานยังคงเหมือนเดิมและเห็นว่ามีชุดนอนวางอยู่ ซึ่งพระพายได้แต่หลุดหัวเราะออกมาเพราะมันเป็นชุดนอนลายทางสีฟ้า ให้ความรู้สึกเป็นตัวการ์ตูนกล้วยหอมจอมซนไม่มีผิด


        ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำแล้ว พระพายถอดเสื้อผ้าแขวนไว้ก่อนที่จะเริ่มอาบน้ำ แปรงสีฟันแท่งใหม่ที่ยังไม่ได้แกะก็วางอยู่ ป้าแม่บ้านคงจัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว


        เปิดฝักบัวให้น้ำไหลผ่านร่างกาย พระพายปิดตาลงเพื่อสัมผัสกับสายน้ำพลางคิดด้วยจิตใจที่คิดว่าสงบนิ่งแล้วระดับหนึ่งว่าจะต้องทำอย่างไรดีหากเมื่อธนิตมาถึง จะหาวิธีอะไรดีที่จะให้ทั้งสองได้พูดคุยกันแบบปกติมากขึ้น


        การอาบน้ำไปใช้ความคิดไปนั้นกินเวลานานไปมาก มากจนเมื่อพระพายออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพิธานเปิดประตูเข้ามาพอดี

“อาบนานเกินไปแล้ว” พิธานเหมือนจะเข้ามาตาม

“อ่อ...เพลินไปหน่อย แล้วคุณแม่ล่ะ?”

“ตอนนี้นอนอยู่”

“ขอแต่งตัวแป๊บเดียว เดี๋ยวผมตามไป” พระพายว่า

“ไปพร้อมกัน” พิธานบอกและนั่งลงบนเตียง พระพายส่ายหน้าพลางหัวเราะก่อนที่จะรีบสวมกางเกงและเสื้อนอนลายทางจากนั้นก็เอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งไว้

“เป็นไง ดูตลกไหม?” พระพายถามพลางมองชุดนอนที่ตัวเองสวมอยู่

“ไม่” พิธานตอบสั้นๆ

“เพราะมันเคยเป็นของคุณใช่ไหมล่ะ?” พระพายถาม

“ใช่ ก่อนขึ้นม.ปลาย”

“น่ารักดี เหมือนผมเป็นบีหนึ่งเลย คิดเหมือนกันรึเปล่าบีสอง?” พระพายหัวเราะร่วน

“อ๋อ การ์ตูนกล้วยหอมสินะ...ถ้าอย่างนั้นขอปลอกกล้วยหน่อย” พิธานว่าพลางดึงพระพายลงบนเตียงแล้วดึงกางเกงนอนลงทันที

“โอ๊ย! อย่าแกล้งสิ” พระพายหัวเราะอย่างบ้าจี้เพราะพิธานทั้งดึงกางเกงทั้งล้วงเข้าไปถึงไหนต่อไหน

“พอแล้วคุณพิธาน”


             หัวเราะไปพลางห้ามไป พิธานไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้าน พระพายเองก็ชะงักและจ้องพิธานที่แสดงสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่เพราะมั่นใจว่าเสียงรถยนต์นั้นเป็นของธนิตแน่นอน


            พิธานลุกขึ้นและดึงพระพายให้ลุกตาม ด้านพระพายรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และเดินตามแรงจูงของพิธานออกไปจากห้อง แน่นอนว่านี่จะต้องเป็นการไปเจอธนิตอย่างแน่นอน


             ระหว่างที่เดินลงมาจากบันไดก็เห็นธนิตเดินเข้ามาพอดิบพอดี ธนิตที่เงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีคนอยู่ตรงบันได สายตาดูตกใจนิดๆที่เห็นทั้งสองในเวลาแบบนี้ เวลาที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ที่นี่ในเสื้อผ้าพร้อมนอนไม่ใช่เสื้อผ้าแบบปกติ ทั้งสองเดินลงมาถึงข้างหลังโดยที่ธนิตยังคงยืนอยู่ พระพายยกมือไหว้ด้วยความรวดเร็วและพิธานก็ทำเช่นกันแม่จะไหว้แบบส่งๆก็ตาม

“สวัสดีครับ”  พระพายเอ่ยทัก

“มาทำอะไรกัน?” ธนิตถาม

“มาดูแลคุณแม่” พิธานตอบทันควัน

“คุณพัชชาเป็นอะไร?” ธนิตถามพลางขมวดคิ้ว

“คุณแม่ท้องเสียครับ” แน่นอนว่าไม่มีทางได้คำตอบจากพิธานแน่นอน พระพายจึงเป็นคนตอบเอง

“อาการหนักรึเปล่า?” แม้จะพยายามทำเหมือนนิ่ง แต่น้ำเสียงดูวุ่นวายใจหน่อยๆ

“ตอนนี้พักผ่อนอยู่ครับ”

“ฉันจะขึ้นไปดูหน่อย”

“มาเอาป่านนี้แล้ว...” และนี่คือคำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากพิธาน คำทักทายที่เหมือนจะท้าทายหาเรื่องก็ไม่ผิดนัก

“แม่แกไม่บอก ฉันจะรู้ได้ยังไง?” ธนิตเองก็ไม่ยอมเช่นกัน

“ก็หัดถามซะบ้างสิ” พิธานสวนแบบไม่ลดราวาศอก พระพายส่ายหน้านิดๆกับความไม่ยอมแพ้ของทั้งสองคน

“เอ่อ....ผมว่าไปดูคุณแม่กันเถอะครับ”


             พระพายรีบกั้นฉากห้ามทันที หากไม่ขัดก็คงจะยืนเถียงกันอยู่ทั้งคืนแน่ ธนิตหันมามองพระพายด้วยสายตาดุๆก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อไปยังห้องนอนของตัวเอง

“น่ารำคาญ” พิธานสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“เอาน่า ท่านคงไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้หรอก”

“ละเลยตลอด ไม่เคยใส่ใจ” พิธานว่า

“ไปเถอะ” พระพายลากพิธานให้ขึ้นชั้นสองเพื่อไปดูพัชชาอีกครั้ง


        พิธานหน้าตาบึ้งตึงสุดขีด พระพายได้แต่มองข้ามไปเพราะทุกครั้งที่เจอกับธนิตก็จะเป็นเช่นนี้และนี่คือสิ่งที่พระพายต้องทำ คือการให้พิธานเลิกอคติหรือมีท่าทีที่ดีกว่านี้ในทุกครั้งที่เจอกับธนิตผู้เป็นพ่อ


        เมื่อเดินเข้าไปในห้อง พบว่าพัชชานอนอยู่เช่นเดิมและกำลังพูดคุยกับธนิตที่นั่งลงข้างๆ สิ่งหนึ่งที่พระพายสัมผัสได้คือความอ่อนโยนนิดๆที่เหมือนจะเจ้าตัวพยายามปกปิดทุกครั้งที่อยู่กับพัชชา แม้น้ำเสียงจะฟังแล้วกระด้างกระดากแต่แววตากลับตรงกันข้าม ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“ทำไมไม่บอก” ธนิตตำหนิพัชชานิดๆ

“คุณออกไปธุระตั้งแต่เช้า ฉันคิดว่าคุณยุ่งๆเลยไม่อยากกวน”

“ทำเป็นสาวๆไปได้ เวลาป่วยก็ต้องบอก” ธนิตว่า

“อ้าว มากันแล้วเหรอ?” พัชชาเอ่ยถามและดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นเยอะน่าจะเพราะแรงใจที่ดีใจมาก มากกว่าฤทธิ์ยาที่เพิ่งกินเข้าไปอย่างแน่นอน

“ครับ” พระพายพูดขึ้น

“คุณคะ พิธานกับพระพายจะค้างคืนล่ะ” พัชชายิ้มกว้างบอกธนิต

“จะค้างทำไม?” ธนิตตีหน้าบึ้งพลางมองมายังพิธานและพระพาย

“ก็เพราะไม่มีใครดูแลนี่” พิธานว่าพลางส่งสายตามองกลับไป

“ฉันมาแล้ว จะกลับไปก็ได้นะ” ธนิตว่า

“จะไว้ใจได้เหรอ?” พิธานพูด ธนิตขบกรามขึ้นมาทันที

“คุณคะ...อย่าโกรธสิ” พัชชาว่า

“ฉันจะดูแลต่อเอง ออกไปกันได้แล้ว” ธนิตว่า พิธานหันหลังเดินออกไปทั้งที่ธนิตพูดไม่ทันจบประโยค

“ครับ” พระพายพยักหน้าและรีบตามพิธานออกไปทันที


        พระพายก้าวขายาวๆเดินตามพิธานที่เดินกลับไปยังห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไปถึงห้องพิธานก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พระพายที่เดินตามหลังมาจึงปิดประตูลงและนั่งลงข้างๆ

“หงุดหงิดเหรอ?” พระพายรู้ดีว่าพิธานนั้นรู้สึกอย่างไร คงไม่ชอบใจพ่อของตัวเองอยู่อย่างแน่นอน

“นิดหน่อย” พระพายจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ

“เอาน่า อย่างน้อยท่านก็มาดูแลคุณแม่แล้ว” พระพายว่าพลางพลิกตัวไปโอบเอวพิธานไว้

“ดูหนังกันไหม?” พระพายเอ่ยขึ้นหลังจากที่พิธานนอนนิ่งเงียบๆ

“เอาสิ”

“พระพายลุกขึ้นและเดินไปยังชั้นวางทีวี มองหาแผ่นซีดีหนังที่คิดว่าน่าสนใจก่อนที่จะจัดการใส่เข้าเครื่องเล่นและกดเล่นทันที


        ทั้งสองคนนอนดูนั่งด้วยกันอย่างเงียบๆ พระพายรู้ดีว่าตอนนี้พิธานนั้นไม่สบอารมณ์เท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้มากมายเหมือนก่อนหน้านี้ หนังในจอยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆผ่านไปสองชั่วโมงกว่าหนังก็จบลง

“จบแล้ว” พระพายพูดขึ้นและลุกไปเก็บแผ่นหนังเข้าที่ให้เรียบร้อย

“ฉันจะลงไปหาอะไรกินหน่อย” พิธานว่าพลางดันตัวเองขึ้น

“ป่านนี้แล้ว จะกินอะไร?” พระพายถาม

“เหล้าไง” พิธานบอก พระพายยิ้มแฉ่งทันที

“เอาด้วย” พระพายว่า พิธานจึงเดินโอบไหล่พระพายลงไปยังชั้นล่างของบ้าน


        เครื่องดื่มมึนเมานั้นมีติดบ้านตลอดตั้งแต่พิธานตอนเด็ก เพราะมักจะมีเพื่อนๆของธนิตซื้อมาฝากจากการท่องเที่ยวไปต่างประเทศบ่อยๆ พิธานเล่าว่าก่อนจะเกิดเรื่องทะเลาะกัน เขาและธนิตจะมานั่งดื่มกันบ่อยๆ ธนิตนั้นอนุญาตให้พิธานดื่มของเหล่านี้ได้ตอนขึ้นม.ปลาย แต่มีข้อแม้ว่าต้องดื่มในบ้านและในการดูแลของธนิตเท่านั้น

“ดื่มตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?”


             พระพายเหล่มองพิธานที่นั่งมองพระพายเตรียมเครื่องดื่มให้ ตอนนี้ทั้งสองคนออกมานั่งที่โต๊ะสำหรับนั่งเล่นใกล้ๆลานสวนเล็กๆของหน้าบ้าน แถวนี้ยุงไม่ชุมอย่างที่คิดไว้จึงนั่งได้สบายๆ

“ใช่ เขาอยากให้ฉันปรับตัวและเข้ากับสังคมได้เร็วขึ้น”

“คุณพ่อคุณนี่สนับสนุนให้คุณเสียเด็ก” พระพายส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยในขณะที่มือนั้นชงเครื่องดื่มให้ตัวเองหลังจากที่ทำให้พิธานเสร็จ

“อิจฉาเหรอ?” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“นี่ไง รู้ทันอีกแล้ว ทำไมไม่มีใครไม่ผมดื่มตั้งแต่ตอนนั้นบ้างนะ” พระพายว่าพลางหัวเราะร่วน

“ทำไมจะรู้ไม่ทัน นี่ใครล่ะ?”


             พิธานว่าและจิบเหล้าบรั่นดีคอนยัคที่เทลงใส่แก้วบรั่นดี แก้วเฉพาะของเหล้าชนิดนี้ตามที่พิธานบอก พิธานดูมีความรู้และความเข้าใจในการดื่มของพวกนี้มาก ตั้งแต่ครั้งไปเที่ยวกันก็เคยสอนการดื่มไวน์ที่ถูกต้องให้ สมแล้วที่ถูกสอนให้ดื่มเรื่องพวกนี้ตั้งแค่เด็กๆ

“แฟนผมไงจะใครล่ะ” พระพายว่า พิธานยิ้มออกมามากขึ้น ดูจะพอใจกับคำพูดของพระพาย อารมณ์ที่บึ้งบูดที่ผ่านมาดูดีขึ้นทันตาเลยทีเดียว


        พระพายจิบเหล้าคอนยัครสละมุน หอมกรุ่นจนพระพายยังตกใจว่าทำไมรสชาติถึงได้ดีขนาดนี้ การดื่มเช่นนี้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย จากที่เครียดๆเรื่องแผนที่อยากจะสานสัมพันธ์พ่อลูกมาทั้งวัน


             แม้สิ่งที่คาดหวังไว้ดูท่าจะล้มพังไม่เป็นท่า เพราะพิธานยังไม่อยากเข้าใกล้หรือญาติดีกับธนิตอย่าคงเส้นคงวา แต่อย่างน้อยพิธานก็มาค้างที่นี่อย่างที่พระพายอยากให้เป็น ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นคงต้องหยุดเอาไว้ก่อน เพราะมันยากและตึงมือจริงๆกับการที่จะให้เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ ยิ่งเป็นเสือที่นิสัยเหมือนกันขนาดนี้แล้วด้วย พระพายจึงไม่อยากคิดอะไรต่อแล้ว ตอนนี้ขอแค่ดื่มด่ำกับการนั่งดื่มอย่างนี้กับพิธานสองคนก็น่าจะพอแล้ว


        ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ รู้แค่ว่าพระพายเริ่มจะมึนขึ้นมาแล้วแน่นอนว่าพิธานที่ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่ามึนเมา ก็ยังคงนั่งดื่มต่อไป

“ผมพอก่อนดีกว่า เริ่มจะเมาแล้ว” พระพายว่าในขณะที่มือนั้นชงเครื่องดื่มให้พิธาน

“ง่วงรึยัง จะได้เข้าห้องกันเลย” พิธานว่า

“ไม่อะ ยังไม่อยากเข้าห้อง”

“ก็ได้”


        พิธานนั่งดื่มต่อไปโดยที่พระพายเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือขึ้นด้วยความดังที่ไม่ได้มากนัก อย่างน้อยก็จะไม่เงียบเหงาจนเกินไป เป็นแนวเพลงที่พิธานชอบทั้งนั้นตั้งใจจะเปิดเอาใจพิธานเลยทีเดียว

“เสียงดังอะไรกัน?”


             จู่ๆคนที่พิธานไม่อยากเจอมากที่สุดก็มายืนอยู่พร้อมคำถามที่มาพร้อมกับน้ำเสียงเชิงตำหนิ ธนิตมาพร้อมกับสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ตีหน้ายุ่งมองทั้งสองคนที่นั่งกันอยู่

“ขอโทษครับ” พระพายรีบปิดเพลงทันที

“ปิดทำไม?” พิธานพูดขึ้น พระพายค้อนพิธานทันทีเพราะหากเปิดตามที่บอกเท่ากับต้องการงัดข้อกับธนิต

“มานั่งอะไรตอนนี้ มันดึกแล้ว” ธนิตว่า พิธานเงียบไม่ยอมตอบอะไรออกไป

“เดี๋ยวพวกผมจะไปนอนแล้วล่ะครับ” พระพายว่า

“นั่นเหล้าอะไร....” ธนิตเอ่ยถามพลางมองไปยังขวดเหล้าทรงสวยที่คุ้นตา

“เรมี่ มาร์แตงค์ เอ็กซ์โอ ของคุณพ่อนั่นแหละครับ” พิธานว่าพลางยิ้มมุมปาก

“ขวดนั้นฉันยังไม่ได้ดื่มเลย แกกล้าดียังไงดื่มตัดหน้าฉัน?”


             ธนิตดูหัวเสียมากๆ พิธานยิ้มเยาะเย้ยราวกับมีชัยเหนือกว่า พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รู้มีอะไรมาดลจิตดลใจให้เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า...

“ถ้าอย่างนั้นมาดื่มด้วยกันไหมครับ?” พิธานหันมองหน้าพระพายที่เอ่ยชวนธนิตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พระพายเองก็ตกใจเหมือนกันที่พูดออกไปอย่างนั้น เพราะเริ่มเมาหรือเพราะจิตใต้สำนึกที่อยากให้พ่อลูกคู่นี้ได้คุยกันดีๆ


        ความเงียบโรยตัวผ่านคนทั้งสามและเหนือความคาดหมาย เมื่อธนิตนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างซึ่งตรงกันข้ามกับพิธาน นั่งไขว่ห้างอย่างมีมาดก่อนจะพูดขึ้น

“ก็เอาสิ อยากรู้เหมือนกันว่าตั้งแต่ออกไปนอกบ้านจะดื่มเก่งขึ้นบ้างรึเปล่า?”


        พระพายตาโตขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น คำพูดนั้นเหมือนกำลังสบประมาทลูกชายของตัวเอง พิธานปรายตามองคนเป็นพ่อ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านคนทั้งสอง

“มาลองดูกันสิครับ ว่ามันจะเป็นยังไง”


            พิธานผู้ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครและยิ่งเป็นถึงผู้เป็นพ่อที่ตนเองออกจะขุ่นเคืองถึงขั้นบาดหมาง ยิ่งไม่อยากยอมเข้าไปอีก พระพายที่นั่งอยู่ตรงกลางถึงกับหายมึน...คืนนี้จะจบลงอย่างไรได้ คงต้องมานั่งลุ้นกันสักตั้งแล้วล่ะ...


Lyrics: Unwritten By Natasha Bedingfield.
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-01-2019 15:59:07
ศึกดวลเหล้า!! พิธานสู้ๆ
น้องพายเก่งมากลูก พยายามอีกนิดเนอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2019 17:05:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-01-2019 17:43:22
ศึกวันดวลเหล้า เมาแล้วคงจะได้เปิดใจกันซักทีละนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-01-2019 17:59:17
ชอบของดองก็ไม่บอก รอบหน้าจัดให้ มะม่วงดอง  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 02-01-2019 18:24:53
พ่อลูกดวลเหล้ากันรอเปิดเผยความในใจตอนเมา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-01-2019 19:18:51
เอาเป็นว่า สู้ สู้ ละกันนะทั้ง3คนเลย  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-01-2019 22:38:30
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 05-01-2019 04:46:33
สวัสดีปีใหม่นะคะ ปีใหม่แล้วแต่ยังติดจามอยู่เหมือนเดิม :mc3:

เหล้าเข้าปากแบบนี้คุณพ่อจะเลิกวางฟอร์มมั๊ยน้าาา
คนทางนี้ก็ลุ้นให้พ่อลูกเขาดีกันไม่ต่างจากพระพายเลย5555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-01-2019 22:26:14
แหมะ. คือมาสั้นแท้ว้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 06-01-2019 02:35:56
โอ๊ยยยแข่งกินเหล้ากันเนี้ยนะ พ่อลูกคนซึน5555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-01-2019 23:40:08
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 55 (02/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-01-2019 20:57:20
พระพายสู้ๆนะ :m19: :m19:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 22-01-2019 08:45:34
สวัสดีค่ะ ขออภัยที่มาช้านะคะ งานยุ่งตามประสาค่ะและช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแยะเลย ทำให้อัพล่าช้ามาก ตอนนี้หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันค่ะและสำหรับคนอ่านทุกท่านที่กำลังเผชิญมลภาวะฝุ่นควันก็ขอให้ดูแลตัวเอง ป้องกัน สวมหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมนะคะ ทางคนแต่งไม่ได้อยู่ตรงนั้นค่ะ ติดเกาะติดทะเลโดนแดดเผาไปเล่นๆ ฮ่าๆ และรวมถึงคนอ่านท่านอื่นๆทุกท่านก็ขอให้รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ รัก ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:

++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 56 Time to fight.


I don’t wanna be someone who walks away so easily
ฉันไม่อยากจะยอมแพ้แล้วเดินหนีไปอย่างง่ายๆ
I’m here to stay and make the difference that I can make
ฉันขออยู่ตรงนี้เพื่อจะสร้างความแตกต่างเท่าที่ฉันทำได้
Our differences they do a lot to teach us how to use
ความแตกต่างเหล่านั้นช่างมากมายที่สอนเราใช้มัน
The tools and gifts we got yeah, we got a lot at stake
เป็นเครื่องมือและพรสวรรค์ที่มี เราช่างเดิมพันสูงมาก
And in the end, you’re still my friend at least we did intend
และท้ายที่สุดแล้ว เรายังคงเป็นเพื่อนกัน เราทำมันได้เท่านี้
For us to work we didn’t break, we didn’t burn
เพื่อให้เราไปด้วยกันได้ ไม่บุบสลาย ไม่มอดไหม้ไปเสีย
We had to learn how to bend without the world caving in
เราได้เรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรกับโลกนี้ที่ยังไม่ได้แหลกสลายไป
I had to learn what I’ve got, and what I’m not
ฉันยังต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ได้รับมาและยังไม่ใช่
And who I am
และฉันคืออะไรกันแน่


        ธนิตที่จ้องหน้าพิธานด้วยสายตาท้าทาย พิธานเองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน พระพายที่รู้สึกลำบากใจที่ต้องนั่งตรงกลางท่ามกลางคนสองคนที่ราวกับถือมีดพร้อมจ้วงแทงใส่กันได้ตลอดเวลา

“เอ่อ...ดื่มน้ำล้างคอก่อนไหมครับ...ถูกใช่ไหม?” พระพายทำลายบรรยากาศด้วยการเตรียมน้ำเย็นให้ธนิตกลั้วปากคอก่อนจะดื่มคอนยัค เป็นวิธีที่พิธานบอกตอนที่กำลังจะเริ่มดื่มกัน

“เก่งถึงขนาดไปสอนคนอื่นได้แล้วเหรอ?” ธนิตว่าพลางปรายตามองพระพายที่รีบวิ่งไปหยิบแก้วบรั่นดีมาให้ธนิต

“คิดว่าคุณพ่อสอนคนอื่นเป็นคนเดียวเหรอครับ?”


             พิธานว่าพลางยกแก้วกระดกคอนยัคที่เหลือก้นแก้วอยู่นิดหน่อยเข้าปากจนหมด พระพายที่กลับมาพร้อมกับแก้วบรั่นดี วางมันลงบนโต๊ะจากนั้นก็รับแก้วของพิธานมาและเทเหล้าเติมให้อีกนิดหน่อยพอเลยก้นแก้วขึ้นมาเล็กน้อย

“ถ้าสอนคนอื่นได้ก็แปลว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า ฉันเคยสอนแก ก็แปลว่าฉันเหนือกว่า”


             ธนิตที่ดื่มน้ำเย็นเข้าไปหมดแล้วก็ใช้สายตามองไปที่แก้วบรั่นดีและมองพระพายเหมือนจะออกคำสั่งว่าให้เทเหล้า พระพายจึงรีบเทให้ทันทีแม้จะไม่ได้ยินคำสั่งแต่รู้ดีว่าต้องเป็นเช่นนั้น พิธานขมวดคิ้วนิดๆที่เห็นพระพายเทเหล้าให้ธนิต คงไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่พระพายต้องทำเช่นนั้นให้

“เธอไม่ดื่มเหรอ?” ธนิตมองพระพายที่นั่งนิ่งๆโดยที่แก้วตรงหน้าวางเปล่า

“เอ่อ..ผมไม่ไหวแล้วครับ” พระพายบอก

“อ่อนจริงๆ”


            ธนิตว่าพลางส่ายหน้าอย่างระอา พระพายรู้สึกเหมือนมีลูกดอกปักเข้ากลางหน้าผาก...น่าขายหน้าจริงๆ เป็นลูกผู้ชายที่โดนปรามาสจากผู้ชายด้วยกันว่าคออ่อน สงสารตัวเองจริงๆ


            พระพายที่นั่งยอมรับชะตากรรมตัวเองอยู่เงียบๆจนลืมมองไปเลยว่าตอนนั้นพ่อลูกคู่นี้กำลังทำอะไรกันอยู่ ธนิตกำลังยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาดมกลิ่นนิดหน่อยก่อนที่จะดื่มเข้าไปพอประมาณ

“กลิ่นนุ่มนวลสมกับเป็นเอ็กซ์โอ” ธนิตว่า

“ไม่ใช่แค่กลิ่น...รสชาติก็ด้วย ต่อมรับรสพังแล้วเหรอครับ?” พิธานว่า ตอนนั้นเองพระพายถึงเลิกคิดเรื่องตัวเองและมานั่งดูความเป็นไปของทั้งสองคน

“ของอย่างนี้ต้องละเมียดละไมกันหน่อย ใครเขาบุ่มบามกันล่ะ?” ธนิตออกแนวจะตำหนิพิธาน แน่นอนว่าใบหน้าของพิธานกระตุกนิดๆเลยทีเดียว

“ช้าไปใช่จะดี บางอย่างบางเรื่องหากนานไปจะไม่ทันเอา” พิธานว่า ไม่รู้ว่าพิธานพูดถึงเรื่องอะไร..ใช่เรื่องการดื่มเหล้าอย่างนั้นหรือ

“ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ไม่เคยได้ยินรึไง?” ธนิตยกแก้วดื่มขึ้นอีกครั้ง พิธานมองคนตรงหน้าด้วยแววตานิ่งๆ

“สมัยนี้ช้าไม่ทันกินแล้วครับ..คุณพ่อ” พิธานว่าและยกแก้วดื่มหลังจากที่ธนิตวางแก้ว น้ำเสียงนั้นดูไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“เหมือนอย่างที่แกรีบมีแฟนอย่างตอนนี้น่ะเหรอ?” ธนิตถาม และนั่นคือการโยงเข้าสู่หัวข้อที่มีพระพายอยู่ในนั้นเต็มๆ

“อายุยี่สิบเก้านี่ยังเด็กอยู่เหรอครับ?” พิธานว่าพลางมองธนิตที่จ้องตอบกลับมาเช่นกัน

“ถึงจะยี่สิบเก้าแต่แกก็ยังเหมือนเดิม...ไม่รู้จักคิดเหมือนสมัยเด็ก” 

“เรื่องอะไรล่ะครับ ผมออกจะคิดได้เสมอ ว่าใครสมควรได้รับอะไรและไมได้รับอะไรจากผม”

“แล้วไอ้การคบผู้ชายเหมือนกันนี่เรียกว่าคิดได้แล้วเหรอ?” เหมือนจะพูดคนละหัวข้อกันเลยทีเดียว

“ผมคิดแค่ว่าสิ่งไหนคือความสุขผมก็จะทำมัน” พิธานว่า แววตาที่เริ่มจริงจังนั้นมองธนิตราวกับจะตอกย้ำว่านี่คือสิ่งที่ผ่าน
กระบวนการความคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว

“แน่ใจเหรอว่าจะสุขจริง?”

“คนอย่างคุณพ่อ ไม่มีทางเข้าใจหรอก” พิธานพูดลุกขึ้นและเดินออกไป

“คุณพิธานจะไปไหน?” พระพายร้องถามขึ้น

“ไปห้องน้ำ เดี๋ยวมา” บอกแล้วเดินเข้าไปในบ้านทิ้งให้พระพายอยู่กับธนิตเพียงลำพัง


        บรรยากาศตอนที่พิธานนั่งปะทะคารมกับธนิตว่าอึดอัดแล้ว แต่สภาพตอนนี้อึดอัดกว่าเป็นไหนๆ พระพายที่ไม่อาจจะหาหัวข้อในการพูดคุยใดๆได้เพราะดูอย่างไรแล้วธนิตก็ไม่ชอบขี้หน้าเขาอยู่ดี แต่พอๆคิดๆดูแล้วนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆที่จะได้พูดกับธนิตตามลำพัง พระพายยังคงอยากให้ธนิตยอมรับเขาบ้างสักหน่อยก็ยังดี เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วพระพายจึงเริ่มเอ่ยปากพูดขึ้น

“คุณลุง...สบายดีไหมครับ?” พระพายถามอย่างกล้าๆกลัวๆ ธนิตมองหน้าพระพายก่อนตอบ

“สบายดี” ธนิตสั้นๆออกติดห้วนๆเสียด้วยซ้ำ พระพายกำลังนั่งนึกว่าจะถามอะไรต่ออีกแต่จู่ๆธนิตก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ต้องลำบากหาเรื่องชวนคุยกับฉันหรอก” ธนิตว่า พระพายได้แต่เลิกตาขึ้น...นิสัยแบบนี้เป็นกันเกือบทั้งบ้านเลยหรืออย่างไร นิสัยรู้ทันและพูดดักจนไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี

“ขอโทษครับ” พระพายได้แต่ก้มหน้า

“ฉันมีเรื่องจะถาม..เธอคิดว่าจะตอบฉันได้รึเปล่า?” ธนิตว่าพลางยกแก้วดื่มจนหมดแล้วยื่นแก้วให้พระพาย พระพายรู้งานทันทีว่าต้องเทเหล้าเติมให้

“คิดว่าได้ครับ” พูดพร้อมยื่นแก้วที่เติมเหล้าใส่ให้แล้ว

“เธอรักเขามากกว่าตัวเองไหม?” ธนิตถามตรงๆ พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว

“ตอบได้ไหมล่ะ?” ธนิตถามย้ำเมื่อเห็นว่าพระพายนิ่งไป


        คำถามนี้ของธนิตนั้นกำลังต้องการคำตอบแบบไหน คำตอบเอาใจเหมือนในละครทีวีที่พ่อแม่ของพระเอกถามนางเอกที่ฐานะยากจนกว่า ที่หากได้ยินแล้วจะรู้สึกว่าตัวนางเอกรักจริงไม่อิงเรื่องการเงิน หรือถามส่งๆไปเพราะจะอย่างไรก็ไม่เชื่อ พระพายคิดหลายตลบแต่ในที่สุดก็เลือกได้ว่า ความจริงเท่านั้นคือสิ่งที่จะบอกได้ ไม่อยากคิดอะไรให้มากมายไปกว่านี้แล้ว

“จริงๆ...ผมรักตัวเองมากกว่าครับ” นี่คือความในใจจริงๆของพระพาย

“รักตัวเองมากกว่า เลยคบกับลูกชายฉันเพื่อหวังสบายสินะ” ธนิตหมองเหยียดเมื่อได้ยินคำตอบของพระพาย

“ใช่ครับ ผมหวังสบายจริงๆ...เพราะทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันผมจะมีแต่ความสบาย...สบายใจทุกครั้งที่นั่งดูหนัง กินข้าวด้วยกัน สบายใจเสมอเวลาที่เขานั่งอยู่ข้างๆ แม้จะไม่พูดเยอะ เอ่อ...ที่จริงพูดเยอะกว่าตอนแรกๆที่เจอกันมากเลยล่ะครับ แต่ผมชอบช่วงเวลานี้จริงๆ ผมเลยเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะความสบายใจของผมคือคุณพิธาน”


        พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องล่าสุดที่นั่งดูหนังด้วยกันและซบไหล่พิธานไปด้วย รู้สึกเหมือนเป็นคู่รักวัยแรกแย้ม ทั้งๆที่มันตรงกันข้ามเพราะแท้จริงแล้วกลับเป็นคู่รักประหลาดที่ชอบร่วมรักกันด้วยความรุนแรงเร่าร้อนสุดๆ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ชีวิตรักของทั้งสองก็ยังมีเรื่องราวเล็กๆที่แสนจะกุ๊กกิ๊กไม่น้อยในความคิดของพระพาย

“จะเขินทำไม?” ธนิตเอ่ยแหวกความคิดอันหวานหอมของพระพายให้กระเจิงและกลับมาสู่บทสนทนาต่อ

“ขอโทษครับ” พระพายรีบขอโทษทันทีเมื่อถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงต่อ

“ชอบอะไรในตัวพิธานถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน”ดูเหมือนธนิตจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้นิดหน่อยจึงถามต่อ

“บรรยากาศมั้งครับ...เหมือนเข้าถึงยาก เดาใจยากแต่หากตั้งใจมองก็จะรู้ว่าเขาคิดอะไร มันคือสิ่งแรกๆที่ดึงดูดผมเข้าไป” พระพายตอบได้ในทันที แต่อีกเรื่องที่บอกไม่หมด...คือความเข้ากันได้เป็นอย่างดีในเรื่องอย่างว่าด้วยเช่นกัน

“ไม่เคยคิดเหรอว่าความรักแบบพวกเธอมันจะไม่ยั่งยืน?” จ้องหน้าพร้อมถาม

“ไม่รู้หรอกครับว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้พวกเรามีความสุขในทุกๆวัน ผมบอกได้แค่นี้ครับ”

“ถ้าวันหนึ่งเกิดเลิกกัน กับเด็กที่ยึดติดมากขนาดนั้น คงจะเสียใจน่าดู”

            ธนิตพูดลอยๆขึ้นมา ฟังก็รู้ว่ากำลังพูดถึงพิธานเหมือนที่เคยได้ยินมาจากพัชชาถึงความยึดติดที่พระพายนึกภาพออกแต่ไม่รู้ว่าจะรุนแรงมากแค่ไหน คำพูดนั้นสำหรับพระพายแล้วเหมือนธนิตเป็นห่วงพิธานมากเลยทีเดียว

“ทำไมคุณลุงถึงไม่ยอมพูดดีๆกับคุณพิธานล่ะครับ?” พระพายที่หลุดสิ่งที่คิดอยู่ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ธนิตจ้องเขม็งโดยทันที

“ทำไมฉันต้องยอมอ่อนข้อให้ลูกชายที่หัวรั้นแบบนั้นล่ะ?” ธนิตว่าพลางกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างวางมาด ท่าทีเช่นนี้เหมือนมองเห็นพิธานในวัยแก่เลยทีเดียว

“แต่ผมคิดว่า ถ้าคุณลุงยอมอ่อนให้สักหน่อย...คุณพิธานก็จะรับรู้ได้นะครับ เพราะเขาเป็นคนละเอียดอ่อนพอตัวเลย” พระพายว่า ธนิตปรายตามองพระพาย ทำท่าจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่พิธานกลับเดินเข้ามาพอดี

“ทำไมไปนานจัง?” พระพายถามทันทีที่พิธานนั่งลง

“ไปแวะดูคุณแม่มา” พิธานตอบ

“คุณแม่หลับอยู่รึเปล่า?”

“นอนหลับอยู่” พิธานบอก

“แม่แกดีขึ้นเยอะแล้ว” ธนิตบอก พิธานไม่พูดอะไรก่อนที่จะยกแก้วดื่ม เมินคำพูดของธนิตซึ่งๆหน้า แน่นอนว่าผู้ถูกเมินนั้นคิ้วกระตุกขึ้นมาทันที

“โดนพูดอะไรไม่ดีรึเปล่า?” พิธานถามพระพายตรงๆต่อหน้าธนิตเลยทีเดียว

“แกเห็นฉันเป็นคนยังไง?” ธนิตถามด้วยอารมณ์โมโหพอควรที่ได้ยินเช่นนั้น

“คนยังไงล่ะ...คนที่ไม่คิดจะพูดดีๆกับคนอื่น” พิธานว่า พระพายรีบสะกิดพิธานทันที

“ไม่ๆ คุณลุงไม่ทำอย่างนั้นสักหน่อย” พระพายรีบออกตัวก่อนจะเลยเถิด ธนิตไม่พูดอะไรต่อก่อนที่จะกระดกแก้วดื่มที่เหลือจนหมดและลุกขึ้น

“กินเสร็จก็เก็บให้เรียบร้อยด้วย” ธนิตพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกไปและในขณะที่กำลังจะก้าวเดินเข้าประตู ธนิตก็หันมาบอก

“อย่านอนดึกล่ะ...พระพาย”


             ธนิตพูดก่อนจะเดินหายไป ทิ้งให้พระพายนั่งงงและกำลังคิดว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่าที่ได้ยินธนิตเรียกชื่อ จึงหันไปยืนยันความจริงกับพี่พิธานที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยใบบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด

“เมื่อกี้พ่อคุณเรียกชื่อผมใช่ไหม...” พระพายถามพลางจ้องหน้าหาคำตอบ พิธานพยักหน้านิดๆ

“จริงๆใช่ไหม?” ถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้พิธานไม่ได้หยักหน้าแต่กลับพูดออกมาแทน

“ใช่...แต่ตอนที่ฉันไม่อยู่เขาพูดอะไรกับนาย?” เสียงดูตึงๆไม่ต่างจากหน้าตาตอนนี้เลย

“หืม....ก็พูดคุยทั่วไป” พระพายตอบในทันที

“เรื่องทั่วไป อะไรล่ะ?” พิธานจี้คำถาม พระพายชะงักไปนิดก่อนตอบ

“ก็...ถามเรื่องผมว่าเป็นไงมาไงประมาณนั้น” นี่คือการโกหกที่ปรับอารมณ์ได้ยากมาก เพราะความลิงโลดไม่ทันจะหายแต่กลับต้องมาโดยบี้ด้วยคำถามเช่นนี้

“ไม่ได้มีอะไรแปลกๆใช่ไหม?”

“ไม่เลย...ว่าแต่คุณไม่ดีใจเหรอที่พ่อคุณท่านเริ่มเปิดใจรับผมสักนิดแล้ว?” พระพายถาม

“ฉันไม่เคยสนหรอกว่าเขาจะรับได้ไหม ฉันสนแค่คนที่ฉันแคร์” พิธานบอกเพียงเท่านั้น

“อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ไปนอนดีกว่า เริ่มดึกแล้ว” พระพายปัดเปลี่ยนหัวข้อไปทันทีเพราะจะอย่างไรพิธานก็คือพิธานที่ไม่คิดจะญาติดีกับพ่อตัวเอง

“อืม” พิธานตอบรับสั้นๆก่อนที่จะเก็บแก้วและขวดเหล้าเข้าที่ เดินขึ้นไปยังห้องนอนพร้อมกันทั้งสองคน...
.
.
       เช้าวันอาทิตย์มาเยือนแล้ว เมื่อคืนเดินมาถึงห้องนอนหัวแตะหมอนพระพายก็หลับลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้เพราะง่วงหรือดื่มเหล้าหรือดีใจที่ธนิตเริ่มจะเปิดใจขึ้นมาบ้างแล้ว


            ตื่นมาก็พบว่าพิธานยังคงหลับอยู่ข้างๆ พระพายได้แต่บิดขี้เกียจและนอนบิดไปบิดมาเพราะไม่อยากลุกจากเตียงเท่าไหร่นัก เมื่อตื่นมาก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ถ้าหากธนิตเริ่มใจอ่อนกับเขาแล้ว คงจะง่ายขึ้นหากคิดจะสามสัมพันธ์ของสองพ่อลูกนี้
พระพายหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางข้างหมอน เปิดดูก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบสิบโมงแล้ว พระพายจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่ก็ลืมไปว่าเสื้อผ้าสำหรับกลางวันไม่มีเปลี่ยน พระพายจึงใส่ชุดนอนตัวเดิม ออกมากจากห้องน้ำและหยิบเสื้อผ้าที่ถอดกองไว้ ทั้งของตัวเองและของพิธานเพื่อจะเอาลงไปซัก เปิดประตูออกไปพบว่าป้าแม่บ้านเดินขึ้นมาพอดี

“คุณพระพาย จะเอาเสื้อผ้าไปไหนคะ?”

“เอาไปซักครับ”

“เดี๋ยวป้าจัดการให้ค่ะ อบแห้งเสร็จก็ประมาณบ่ายโมงน่าจะได้ใช้ค่ะ” พูดพลางรับเสื้อผ้าไปทั้งหมด

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมใส่ชุดนอนรอก่อนก็ได้” พระพายว่าและเดินกลับเข้าห้องไปและพิธานยังคงไม่ตื่นอยู่ดี


        พระพายไม่ได้สิงที่เตียงต่อจึงเดินดูรอบๆห้องว่ามีของอะไรน่าสนใจหรือไม่ มองรูปภาพสองสามรูปของพิธานที่เป็นรูปสมัยมัธยมและข้าวของที่ไม่ได้เยอะแยะหากเทียบกับแผ่นหนังซื้อเยอะกว่าเป็นไหนๆ มองหาอยู่พักใหญ่จนเมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่พระพายจึงคิดจะลงไปยังด้านล่าง ก่อนออกไปก็แอบไปดูพิธานว่ามีท่าทีจะตื่นหรือไม่แต่ก็เปล่าอยู่ดี พระพายจึงก้มลงจูบแก้มพิธานเบาๆก่อนที่จะเดินออกไป


        ลงมายังชั้นล่างพบว่าธนิตกับพัชชานั่งอยู่แล้ว พัชชาที่ดูจะสดชื่นขึ้นแม้จะไม่เหมือนยามปกติแต่สีหน้าดีกว่าเมื่อคืนมาก ทั้งสองนั่งคุยอะไรกันสักอย่างแต่พระพายไม่ทันได้ยิน บทสนทนานั้นก็พลันหยุด พัชชาหันมาทักทายพระพาย

“ตื่นแล้วเหรอ?” พัชชาทักทาย

“ครับ” ขานรับพลางนั่งลงตรงโซฟา

“ทำไมยังใส่ชุดนอน?” ธนิตมองอย่างไม่ชอบใจ

“เอ่อ เสื้อผ้ากำลังซักอยู่ครับ บ่ายๆน่าจะได้เปลี่ยน” พระพายบอก ธนิตไม่ว่าอะไรอีก

“เอ๊ะ....พูดกับพระพายแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?” พัชชาถามอย่างแปลกใจ

“ทำไมจะพูดไม่ได้” ธนิตทำหน้านิ่งก่อนที่จะหันหน้าไปมองทีวีแทน

“ค่ะ พูดได้ค่ะ” พัชชายิ้มเชิงล้อเลียนก่อนที่จะหันมาพูดกับพระพาย

“พิธานยังไม่ตื่นสินะ”

“ครับ”

“หิวรึยัง เดี๋ยวจะได้ให้เด็กจัดโต๊ะให้”

“ยังครับ เดี๋ยวรอคุณพิธานตื่นดีกว่า ว่าแต่คุณแม่กินข้าวเช้าแล้วใช่ไหมครับ?”

“แม่กินแกงจืดแล้ว” พัชชาว่า

“คุณอาการดีขึ้นรึยังครับ?” พูดไม่พอ ใช้สายตามองไปรอบๆตัวของพัชชา

“เกือบจะหายแล้วล่ะ ตอนนี้หยุดถ่ายแล้วนะ มีมวนท้องแต่แค่นิดหน่อย” พัชชาตอบ

“ดีจังเลยครับ เมื่อคืนคุณแม่เข้าห้องน้ำบ่อยมากจนกลัวจะไม่ไหว” พระพายดูโล่งใจขึ้นเยอะ

“ขอบใจพระพายมากจริงๆ แม่ดีใจนะที่พระพายมาอยู่ตรงนี้ได้”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”


        จากนั้นก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยโดยที่มีธนิตนั่งอยู่เงียบๆโดยในมือถือไอแพดนั่งอ่านอะไรสักอย่าง แต่กระนั้นก็ไม่ยอมลุกไปไหน มีบางทีที่เหลือบมองเมื่อคุยเรื่องตลกๆของพิธานแล้วพระพายกับพัชชาพากันหัวเราะ

“มาแล้ว” พัชชาว่าพลางมองไปยังพิธานที่เดินลงมาพร้อมพร้อมหน้าตาที่ล้างและผมที่ไม่ได้ชี้โด่ชี้เด่ คงจัดการตัวเองเรียบร้อยแม้ว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนชุดก็ตามที

“ตื่นแล้วเหรอ?” พระพายว่าพลางยิ้มให้ พิธานนั่งลงข้างๆพระพาย

“คุณแม่ดีขึ้นรึเปล่า ยังปวดท้องอยู่ไหมครับ?” พิธานถาม แม้น้ำเสียงจะนิ่งๆแต่ดูเป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียว

“ดีขึ้นมากเลย เพราะพิธานมาดูแลแม่นั่นแหละ”


             พัชชาว่าพลางยิ้มเอาใจ พิธานไม่พูดอะไรแต่รู้สึกเหมือนกำลังจะยิ้มนิดๆ ธนิตหันมองพิธานและแน่นอนว่าพิธานเมินเฉยราวกับธนิตไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” พิธานหันมาถามพระพายบ้าง

“พักใหญ่แล้ว”

“หิวไหม?” พระพายว่า คิดว่านั่งคุยกันแค่ไม่นานแต่เวลาผ่านมาจะเป็นชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันพอดี

“เริ่มแล้วล่ะ” พิธานตอบ

“ข้าวเช้าข้าวเที่ยงรวมกันเลย” พระพายว่าพลางหัวเราะ พัชชาจึงหันไปถามธนิต

“คุณคะ กินข้าวเที่ยงเลยไหม?”

“ก็ได้” ธนิตตอบเพียงเท่านั้น

“เดี๋ยวขอไปดูหน่อยว่ากับข้าวเสร็จรึยัง” พัชชาว่าพร้อมลุกขึ้น พระพายจึงลุกตามไปด้วย


        ผ่านไปพอสมควรอาหารก็วางบนโต๊ะ อาหารประมาณสามสี่อย่างเพราะจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นอีกทั้งบวกกับอาหารรสอ่อนๆเพื่อคนเพิ่งหายป่วยอย่างพัชชา พัชชาดูมีความสุขสังเกตได้จากการยิ้มแย้มและพูดคุย ตัดอาหารให้ทั้งธนิต พิธานและพระพายอยู่ตลอดเวลา

“ตักกินเองบ้างสิ” ธนิตปรามขึ้นเมื่อเห็นพัชชาเอาแต่ตัดให้คนอื่นจนไม่ยอมกินเอง

“ฉันไม่ค่อยหิวนี่คะ” พัชชาว่า ธนิตส่ายหน้านิดๆก่อนที่จะรวบช้อนบ่งบอกว่าอิ่มแล้ว ทั้งพิธานและพระพายก็เช่นกัน ที่อิ่มจัดเพราะอาหารที่พัชชาตักให้นั้นเยอะเอาการเลยทีเดียว

“เสื้อผ้าซักเสร็จแล้วนะคะ อยู่ในห้องแล้วค่ะ” ป้าแม่บ้านบอก ทั้งสองคนจึงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พิธานเปลี่ยนเสร็จก่อนและนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ พระพายที่เสร็จทีหลังจึงเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ

“ไคชวนไปซื้อของ” พิธานบอกเช่นนั้น

“ตอนนี้เหรอ?”

“ใช่ วันเกิดเพื่อนพรุ่งนี้”

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเลยดีกว่า”

“อืม” ทั้งสองคนลงมายังข้างล่าง เห็นธนิตกับพัชชานั่งดูอะไรสักอย่างในไอแพดด้วยกันโดยทีพัชชานั่งหัวเราะ

“มาแล้วเหรอ นี่ๆมาดูคลิปนี้สิ ตลกมากเลย” พัชชากวักมือเรียกทั้งสอง

“คุณแม่ ผมต้องกลับแล้วครับ” พิธานบอก

“อ้าว ทำไมรีบจัง เย็นๆหน่อยไม่ได้เหรอ?” พัชชาเริ่มหน้าตูมขึ้นเมื่อได้ยินว่าทั้งสองจะกลับกันแล้ว

“พอดีมีธุระนิดหน่อยครับ” พระพายสำทับขึ้นมาอีกคน

“ก็ได แต่วันหลังต้องมาอีกนะ เข้าใจไหม?” พัชชาว่าพลางบังคับเอาคำตอบ

“ได้ครับ” พิธานว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมลานะครับ” พระพายว่าพลางยกมือไหว้พัชชา ที่รับไหว้และกอดพระพายแถมด้วย พิธานก็โดนด้วยเช่นกัน

“ไปนะครับคุณลุง” พระพายหันไปยกมือไหว้บอกธนิต ด้านพิธานยกมือไหว้แบบรีบๆ

“เรียกว่าอะไร?”

“ครับ?” พระพายทวนคำถามอย่างงงๆ

“เรียกคุณพัชชาว่าแม่ แต่เรียกฉันว่าลุงเหรอ? ช่วยเรียงลำดับให้มันถูกหน่อย” ธนิตว่าพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

“ผมต้องเรียกว่า..คุณ..เอ่อ..คุณพ่อ..เหรอครับ?” พระพายเข้าใจอย่างนั้นได้อย่างเดียวจริงๆ

“ก็เรียกถูกแล้วนี่” ธนิตว่า พิธานที่ดูจะอึ้งๆไปนิดก่อนที่จะปรับสีหน้าเข้าสู่โหมดปกติ พัชชาอมยิ้มจนแก้มแทบปริเลยทีเดียว

“คุณพ่อนี่น่ารักจังนะ” พัชชาว่าพลางเหล่มองธนิตที่เหมือนปรายตามองแบบดุๆ

“น่ารักอะไรคุณ พูดดีๆหน่อย” ธนิตว่าก่อนจะลุกขึ้นและทิ้งท้ายประโยคสุดท้าย

“ขับรถกันดีๆล่ะ” พูดจบก็เดินขึ้นไปยังชั้นสอง ทิ้งให้คนสามคนยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะมีรู้จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ว่าอย่างไรดี

“เอ๊ะ...อย่างนี้ได้เหรอ?” พัชชาหันมามองพระพาย พระพายได้แต่ยิ้มๆ ด้านพิธานไม่พูดอะไรได้แต่เดินออกไปยังนอกบ้านด้วยความรวดเร็ว

“พระพาย....” พัชชาจับมือพระพายด้วยความดีใจจนกลั้นไว้ไม่อยู่

“ไว้คุยกันนะครับคุณแม่” พระพายยิ้มกว้างและรีบเดินตามพิธานไปทันที พระพายเดินตามออกมาพบว่าพิธานเปิดเครื่องยนต์รถแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นพระพายก็รีบขึ้นรถทันที

“เอ่อ..คุณพิธาน” พระพายเอ่ยเรียก ตอนนี้พิธานยังไม่ออกรถคงกำลังอุ่นเครื่องยนต์นิดหน่อย

“ว่าไง”

“ผมควรจะทำไงต่อดี?” พระพายว่าพลางจับแขนของพิธาน

“ทำไงล่ะ?” ใบหน้านิ่งๆนั้นถามกลับ

“เขา...เขาเริ่มเปิดรับผมแล้วเหรอ?”

“ตกใจเหรอ?” พิธานถาม

“สุดๆเลยล่ะ” พระพายยังคงทำตัวไม่ถูกอยู่

“นายเป็นคนน่ารัก..และไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นที่เห็น” พิธานว่าพลางเอื้อมมือไปลูบหัวพระพาย ที่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“คุณ..รู้สึกยังไง?”

“ไม่รู้....แต่เห็นนายดีใจฉันก็ดีใจ” พิธานว่าก่อนที่จะขับรถออกไป


        พระพายได้แต่มองสีหน้าด้านข้างของพิธาน สายตาที่เห็นดูวูบไหวและเหมือนจะคิดอะไรอยู่สักอย่าง ท่าทีเช่นนั้นเหมือนกำลังตรึกตรองใคร่ครวญบางสิ่งอยู่ คงกำลังไม่มั่นใจในท่าทีของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่และคงสับสนในอะไรสักอย่าง เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว จึงกำลังใจมีมากขึ้นที่จะหาทำให้ทั้งสองคนกลับมาดีกันดั่งเดิม พระพายจะบุกทำแผนนี้ให้สำเร็จอย่างเต็มตัวเสียที...


Lyrics: I won’t give up By Jason Marz.
   
 

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-01-2019 15:00:54
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2019 16:25:45
 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-01-2019 19:21:59
ก้าวหน้าดีนะ พระพาย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-01-2019 20:14:06
วุ้ยยยยยให้เรียกคุณพ่อแล้วเว้ยยย อมยิ้มแก้มปริเลยกู ดีใจกับพวกเขา พิธานถึงกับสตั้น3วิ  5555 เริ่มยอมรับและอ่อนลงให้กับทั้งคู่แล้ว ก้าวหน้าไปอีกขึ้น อีกไม่นานก็สำเร็จนะพระพาย รอตอนต่อไปเลยนะ ขอบคุณที่แต่งและมาอัพนะคะ รอเสมอค่ะ สนุกกกก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-01-2019 20:50:04
พ่อของพิธานเป็นคุณพ่อสายซึนสินะ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-01-2019 21:47:08
คุณพ่อมุมอ่อนโยน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-01-2019 22:22:10
คุณพ่อ ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ เลยกลับตัวลำบาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-01-2019 23:32:36
ฮือออ ฉากนี้น่ารัก คุณพ่อน่าหมั่นเขี้ยวมากอ้ะ555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-01-2019 23:39:06
ความอ่อนโยนของพระพายกำลังแทรกซึมสำเร็จสินะ
คุณพ่อเนี่ยเป็นพวกซึนเดเระสินะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 23-01-2019 06:56:31
พ่อของพิธานและพิธานเป้นพวกปากแข็งแต่อ่อนโยน
ชอบน้องพระพายที่สุดน่าแกล้งมาก
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 23-01-2019 09:04:05
ชอบความเก๊กของคุณพ่อจริงๆ55555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-01-2019 11:46:44
ดีแล้วๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-01-2019 00:25:07
คุณพ่อ!!!!  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 24-01-2019 00:48:11
พ่อกับลูกมาดเยอะทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 27-01-2019 09:22:31
ขอซื้อความมาดท่าเยอะของคุณพ่อต่อได้ไหมคะ 5555 คีพคูลตลอดๆๆ รู้เลยว่าพิธานเหมือนใคร
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 56 (22/01/19) P.28 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 17-02-2019 11:17:37
กรี๊ดดด คุณพ่ออออ  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 21-02-2019 13:07:07
สวัสดีค่ะ กราบขออภัยตรงหน้าตักคนอ่านนะคะ  :call: หายไปร่วมเดือนเลย อย่างที่เคยแจ้งว่างานยุ่งและมากไปกว่านั้นคือกำลังจะเปลี่ยนงานใหม่ค่ะ เริ่มต้นเดือนหน้าแล้ว ตอนนี้เลยยุ่งแบบสุดชีวิตทั้งการจัดการกับทางเก่าและกำลังจะเริ่มกับงานใหม่ โยกย้ายทั้งการงานและที่อยู่ เรียกว่าเริ่มนับหนึ่งใหม่เลยล่ะค่ะ ฉะนั้นยุ่งอย่างที่สุดจริงๆค่ะ แต่จะลงจนจบตามสัญญาไม่ทิ้งหายไปแน่นอน นานหน่อยแต่ไม่ลืมค่ะ โปรดอย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อนนะคะ อยู่เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ถ้าหากตอนนี้มีข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ มีอะไรก็บอกกันได้ค่ะ ยินดีรับฟังเสมอ ถ้าอยากพูดคุยก็มีเพจนะคะ เข้าไปทักทายได้เสมอค่ะ รัก ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :กอด1:



++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 57 Some signals.

Because it’s not that simple
เพราะว่ามันไม่ง่ายเลย

Type of misery
ความทรมานเหล่านี้

All these mixed up signals
เหมือนเป็นสัญญาณต่างๆที่ผสมรวมกัน


        แม้พระพายตั้งมั่นว่าจะทำตามแผนการให้สำเร็จลุล่วงให้ดีที่สุด แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจหวัง เมื่อมหกรรมงานพากันถล่มพระพายเพราะเนื่องจากใกล้จะถึงสิ้นปีแล้ว งานไหลเป็นน้ำหลาก ตั้งแต่ที่พูดกับตัวเองในวันนั้นหลังจากกลับมาจากบ้านพิธาน ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์พระพายก็ยังคงทำงาน ซึ่งพิธานเองก็ไม่ต่างกัน มิหนำซ้ำออกจะยุ่งมาก มากเสียจนพระพายรู้สึกว่าไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนเท่าไหร่มากหนัก พิธานกลับดึกแทบทุกวัน พูดคุยกันก็น้อยลงเนื่องด้วยเวลาที่พิธานกลับมา พระพายก็จะหลับไปก่อนเสมอจากความเหนื่อยในการโหมงานให้ทันวันหยุดปีใหม่นั่นเอง ตื่นเช้าบางครั้งพิธานก็ออกไปก่อน ช่วงหลังๆพิธานไม่ได้ไปส่งพระพายที่ทำงานมากเท่าไหร่นัก

“เหนื่อยโว้ย!” พระพายร้องโอดครวญพลางทิ้งตัวลงบนโซฟา เวลานี้พิธานยังไม่กลับมาอย่างเช่นวันก่อนๆ แม้จะรู้สึกเหงาๆไปบ้างในช่วงนี้แต่พระพายก็พยายามจะบอกตัวเองว่าพิธานงานยุ่งจริงๆ

        บ่นพอได้ระบายความรู้สึกแม้จะไม่มีใครรับฟังก็ตาม พระพายนอนนิ่งๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายของการทำงานในปีนี้ก่อนจะได้หยุดปีใหม่สี่วัน พระพายได้แต่วาดฝันว่าสี่วันที่จะได้หยุดนั้นจะทำอะไรดีแต่ก็ไม่แน่ใจว่าพิธานจะว่างเหมือนอย่างที่ตนว่างหรือไม่

        หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพลางกดพิมพ์ข้อความหาเก้า ซึ่งรายนั้นบอกว่างานยุ่งเช่นกันและเหนื่อยสายตัวแทบขาดไม่ต่างจากพระพายเท่าไหร่นัก วันนี้พระพายไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้นอยากนอนนิ่งๆและไม่อยากขยับตัวเลยเสียด้วยซ้ำ

        จู่ๆโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมีคนโทรเข้ามาราวกับรู้ว่านี่คือเวลาเลิกงานของพระพายแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพัชชานั่นเอง

“ครับคุณแม่” พระพายรับสาย

“พระพาย เป็นไงบ้าง” พัชชาถามไถ่

“เหนื่อยมากเลยครับ งานเยอะมาก”

“พิธานยังไม่กลับใช่ไหม?”

“ยังเลยครับ คุณแม่มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

“ไม่หรอก แม่แค่อยากจะเล่าอะไรให้ฟัง” พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที

“เรื่องอะไรครับ?”

“ก็เมื่อวันก่อนคุณพ่อไปที่โรงแรม ไปดูงานตามปกติและเจอพิธานเข้า”

“ยังไงต่อครับ”

“พิธานไม่ค่อยหมางเมินคุณพ่อมากเท่าไหร่แล้วล่ะ มีพูดคุยด้วยแต่ก็ประหยัดคำ” พัชชาว่า

“คุณพ่อบอกเหรอครับ?”

“คนสนิทของคุณพ่อบอก พนักงานที่ทำงานกันตรงนั้นดีใจมากเลยที่เห็นพิธานเปลี่ยนไป” พัชชาว่า

“ไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเราทำสำเร็จไปอีกขั้นแล้วใช่ไหมครับ?” พระพายดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินเช่นนั้น

“แม่ว่าอีกนิดเดียวเท่านั้น...พิธานน่าจะยอมรับพ่อเขาได้มากขึ้น” พัชชาพูดอย่างมีความหวัง

“ผมเองก็ยุ่งมากจนไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยครับ แต่เดี๋ยวจะวันหยุดปีใหม่แล้ว ผมน่าจะคิดอะไรได้มากขึ้น”

“ไม่ต้องคิดจนเครียดนะ ค่อยๆคิดก็ได้ ยังมีเวลาอีกเยอะ”

“ครับ ถ้าปีใหม่ไม่ติดอะไร เดี๋ยวผมจะไปหาที่บ้านนะครับ”

“ได้สิ แม่จะรอนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะพระพาย” พัชชาว่าก่อนที่จะวางสาย

        พระพายนอนลงบนโซฟาอีกครั้ง นึกทวนคำพูดของพัชชาถึงท่าทีของพิธานที่ดีขึ้นต่อธนิตผู้เป็นพ่อ หรือเพราะธนิตที่เหมือนจะเปิดใจรับพระพายขึ้นมาเล็กน้อยทำให้พิธานเองก็เริ่มเปิดใจให้ธนิตขึ้นตามลำดับ แต่อีกนัยหนึ่งก็คิดไม่ออกว่าตอนนี้พิธานกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

        นอนเล่นนั่งเล่นอยู่อย่างนั้นจู่ๆก็มีเสียงข้อความดังขึ้น เป็นพิธานที่ส่งมาว่ากำลังจะกลับห้อง ต้องการกินอะไรบ้างหรือไม่ เมื่อเห็นข้อความนั้นถึงกับยิ้มกว้าง วันนี้พิธานกลับมาเร็วมากจนเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ พระพายจึงพิมพ์ส่งไปด้วยความรวดเร็วก่อนที่พิธานจะอ่านและตอบตกลงว่าจะซื้อมาให้ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วพระพายจึงลุกไปอาบน้ำเพื่อรออาหารที่กำลังจะมา อย่างน้อยอาบน้ำให้สดชื่นกว่านี้เพราะเพลียกับความเครียดมาทั้งวันแล้ว

        ผ่านไปกว่าชั่วโมงพระพายก็นั่งรออยู่หน้าทีวี รอพิธานที่น่าจะใกล้ถึงแล้วและเป็นอย่างที่คิดไว้เพียงไม่ถึงสิบนาทีพิธานก็มาถึงพร้อมหิ้วถุงอาหารที่พระพายสั่งไว้

“เป็นไงบ้าง” พระพายเอ่ยถามพลางดึงถุงเหล่านั้นออกจากมือพิธาน

“เป็นไงถามฉัน หรือถามของกิน?” พิธานว่า

“ถามคุณสิ” พระพายยิ้มกว้างและนำถุงทั้งหมดไปวางบบนโต๊ะ

“ขอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย รอไหวไหม?” พิธานถาม

“รอได้ ว่าแต่จะให้อุ่นอีกรึเปล่า?”

“ไม่ต้องหรอก ยังร้อนอยู่” พิธานพูดจบก็ไปเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างนั้นพระพายจึงเทอาหารใส่จานโดยทันที

        ทั้งสองนั่งกินข้าวด้วยกัน พระพายนั่งเล่าเรื่องงานไปด้วยกินไปด้วย บอกเล่าพิธานว่างานตัวเองเยอะจนไม่อยากจะทำอะไร บ่นๆโดยที่พิธานพยักหน้าฟังอย่างเข้าใจแม้จะไม่พูดอะไรออกมาก็ตาม

“ผมพูดจนน้ำลายเต็มจานข้าวแล้ว ว่าแต่คุณเถอะ เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้กลับบ้านดึกทุกวันเลย” บ่นเรื่องตัวเองจนหนำใจแล้วพระพายก็ถามเรื่องของพิธานบ้าง

“ยุ่งมากจริงๆ” พิธานบอกเท่านั้น

“แล้วคุณพ่อไปช่วยดูแลบ้างไหม?”

“วันนี้ไป”

“ท่านว่ายังไงบ้าง?” พระพายถามด้วยความอยากรู้ว่าพิธานจะเล่าว่าอย่างไร

“ก็ไม่ว่าอะไร พูดมากน่ารำคาญเหมือนเดิม”

“ฟังท่านอย่างเดียวหรือโต้กลับล่ะ?” พระพายไม่ได้เอ่ยว่าทั้งสองพูดคุยกันแต่ใช้คำที่ว่าเถียงกลับหรือโต้กลับเพื่อไม่ให้พิธานรู้สึกว่าการพูดคุยกันกับธนิตนั้นคือสิ่งปกติ

“ก็อย่างเคย...เคยยอมเสียที่ไหน” พิธานว่า คนฟังถึงกับหลุดหัวเราะ ดูเหมือนพิธานมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงหลังๆมานี้

“คุณนี่มุกเฉียบเหมือนกันนะ” พูดพลางหัวเราะ

“วันหยุดปีใหม่นายอยากจะไปไหน?” พิธานถาม

“ไม่อยากไปไหนเลย คนเยอะไม่อยากเดินทาง”

“อยู่นี่ก็ดีเหมือนกัน วันนั้นถนนคงโล่งมาก”

“ถ้าอย่างนั้นไปหาคุณแม่ไหม ไปฉลองปีใหม่กัน ชวนพี่เพลงไปด้วย” พระพายเสนอความคิดเห็น

“ชอบบ้านฉันเหรอ?” พิธานถามพลางเหล่มอง

“ชอบ...ตรงๆไม่อ้อมค้อมเลย” พระพายยิ้มให้เป็นคำตอบ

“เดี๋ยวจะลองถามพี่เพลงว่ามีนัดอะไรรึเปล่า เดี๋ยวจะบอก” พิธานว่า

        ทั้งสองนั่งกินข้าวกันก่อนที่จะจัดการอาบน้ำและเข้านอนเพราะต่างฝ่ายต่างเหนื่อยเพลียกันมาทั้งวัน ทั้งพระพายที่โหมงานก่อนวันหยุดสิ้นปีและพิธานที่งานเข้ามาอย่างล้นหลาม สุดท้ายก็ต้องนอนพักผ่อนเก็บแรงเพื่อจะทำงานกันต่อไป

        และแล้ววันหยุดสิ้นปีก็มาถึง วันนี้เป็นวันศุกร์ พระพายปั่นงานในช่วงเช้าและเสร็จทันในเวลาฉิวเฉียด เพื่อจะได้ใช้เวลาในวันหยุดได้โดยไม่พะว้าพะวง ซึ่งบริษัทของพระพายได้หยุดเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ยาวไปถึงสี่วัน เมื่อวันที่สองของเดือนมกราคมมาถึงก็คือวันทำงาน

             หลังช่วงพักเที่ยงจะเป็นปาร์ตี้ของกินเล็กๆน้อยๆฉลองล่วงหน้ากันภายในบริษัท มีการหยิบฉลากของขวัญกันแบบง่ายๆในงบประมาณห้าร้อยบาท แต่ละแผนกก็ต่างจัดการกันเองรวมถึงแผนกของพระพายด้วยเช่นกัน

        สนุกสนานทั้งการหัวเราะเยาะของขวัญของคนอื่นและน้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นว่าตัวเองได้ของขวัญสุดเห่ยแค่ไหนและมีรางวัลพิเศษจากหัวหน้าแผนกเป็นทองคำหนึ่งสลึงสองรางวัลเพื่อให้ลุ้นกันตัวโก่งอีกด้วย

“เย้!!”

              เสียงร้องจากพี่กล้วยทั้งที่คนที่หยิบทองคำสลึงแรกได้คือพี่ปีแท้ๆ พี่ปียิ้มกว้างไม่ใช่เพราะว่าทองคำมันแพงแต่บ่งบอกว่าดวงดีดวงเฮงแค่ไหนถึงหยิบได้ คนอื่นในแผนกตาลุกวาวและเริ่มแกะกระดาษในมือของตัวเอง

“เฮ้ย!!” พระพายร้องขึ้นเสียงดัง ทองคำสลึงสุดท้ายอยู่ในมือของเขาแล้ว

“โหย ไอ้พาย” ทุกคนร้องโอดครวญเมื่อรู้ว่าพระพายได้มันไป

“โชคดีแค่ไหนถามใจเธอดู” พระพายร้องเป็นเพลงพลางกระโดดเหยงๆด้วยความดีใจ

“มึงนี่ จะลัคกี้อินเกม ลัคกี้อินเลิฟพร้อมกันไม่ได้นะโว้ย” เสียงพี่ในแผนกร้องบ่นออกมา

“นี่ใคร พระพายคนมากับดวงนะ” พระพายยืดอกอย่างภูมิใจ

“เอาเถอะๆ ถือว่ามันเฮงจริงๆ” พี่กล้วยตัดบท ก่อนที่จะเริ่มสังสรรค์กันต่อไป

        จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ทุกคนต่างพากันอวยพรปีใหม่ล่วงหน้าและแยกย้ายกลับบ้านเพื่อไปใช้วันหยุดยาวให้คุ้มที่สุด พักผ่อน อยู่กับครอบครัว หรือออกท่องเที่ยว ทุกคนต่างมีเป้าหมายนั้นอยู่แล้วซึ่งเป้าหมายของพระพายคือการไปบ้านของพิธานเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่เริ่มดีขึ้นในความคิดของพระพาย

        วันนี้อารมณ์ดีขั้นสุดถึงที่สุด มั่นใจว่าปีหน้าที่ใกล้จะมาถึงนี้พระพายจะเป็นผู้ชายที่โชคดีอย่างแน่นอน หยิบรางวัลได้ทองคำอีกทั้งชีวิตรู้สึกมีความสุขไปเสียทุกอย่าง ฮึกเหิมว่าจะต้องราบรื่นทุกอย่างอย่างแน่นอน

        กลับมาถึงห้องก็พบว่าว่างเปล่า พิธานยังไม่กลับมา พระพายได้แต่ส่งข้อความถามว่าจะกลับเมื่อไหร่ พิธานบอกว่าวันนี้กลับเร็วและจะมากินข้าวด้วยกัน เมื่อเห็นข้อความแบบนั้นแล้วพระพายจึงตั้งใจจะออกไปซื้ออะไรมากินด้วยตัวเอง ระหว่างรอพิธานกลับมา กำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ดันมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเสียก่อน ไม่ใช่ใครที่โทรมาแต่เป็นเก้านั้นเอง

“มึง เป็นไงบ้าง?” พระพายรับสายและพูดอย่างรวดเร็วก่อนที่เก้าจะเอ่ยถามเสียอีก

“ดีมาก ดีใจจนจะร้องไห้ที่ได้วันหยุดยาว” เก้าหัวเราะร่วน

“จะไปไหนรึเปล่า?”

“ไม่ คนเยอะจะตาย ขี้เกียจพาตัวเองไปทรมาน”

“และคุณไคล่ะ ชวนไปไหนรึเปล่า?”

“มันยุ่ง ช่วงนี้เลยไม่ได้คุยเยอะ แต่มันบอกว่าจะบอกอีกที”

“อย่างนั้นเหรอ?”

“มึงล่ะ ไปไหน?”

“ว่าจะไปบ้านคุณพิธาน จัดปาร์ตี้กันสักหน่อย”

“เป็นลูกสะใภ้เต็มตัวแล้วเหรอมึง” เก้าหัวเราะเยาะเย้ย

“บ้านมึงสิ” พระพายด่ากลับอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวยังไงจะบอกอีกที แต่กูอยากไปเคาท์ดาวน์กับมึงนะ”

“กูก็ด้วย แต่จะลองถามคุณพิธานดู ถ้าไม่อย่างนั้นปาร์ตี้ค่อยเป็นวันที่หนึ่งแทน” พระพายว่า

“ตามนั้น เออ แค่นี้ก่อน กูถึงห้องแล้วเดี๋ยวไว้คุยกัน”

        เก้าวางสายไปแล้ว พระพายจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปซื้อของกินมารอพิธาน ระหว่างที่นั่งแท็กซี่ก็นึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง ว่าตั้งแต่คบกันมากับพิธาน พระพายไม่เคยได้ให้ของขวัญอะไรเลยสักครั้ง วันเกิดของพิธานก็ยังอีกนาน ซึ่งเมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วพระพายจึงอยากจะให้ของขวัญแก่พิธานเนื่องในวันปีใหม่

        นั่งคิดพลางพิจารณาว่าของขวัญแบบไหนที่พิธานน่าจะชอบและขอยกเว้นของเล่นเร้าใจที่พิธานชอบ เพราะเนื่องในเป็นวันปีใหม่อยากให้ของที่ดูแล้วจะอวยพรให้พิธานเจอแต่สิ่งดีๆในวันปีใหม่

        นั่งคิดไปเรื่อยว่าของสิ่งไหนที่จะเหมาะกับพิธานดี พระพายเองก็ไม่ได้มั่นใจในรสนิยมของพิธานเท่าไหร่นัก จะบอกว่าติดหรูก็ไม่ค่อยเหมือนแต่แค่เลือกของที่ดูมีคุณภาพเสียมากกว่า นอกจากของเล่นพวกนั้นพระพายไม่เห็นว่าพิธานจะชอบอะไร นั่นไม่นับแผ่นหนังเก่าๆซึ่งไม่ใช่ของที่จะหาได้โดยทั่วไป สุดท้ายพระพายเลือกที่มาที่ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดเพื่อจะหาของขวัญให้พิธาน

        เดินอย่างไร้จุดมุ่งหมายในหลายๆแผนกเพราะความคิดว่างเปล่ามากจริงๆ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะหาอะไรให้พิธานดี คิดไม่ตกว่าอะไรจะน่าสนใจที่จะซื้อให้พิธาน ในที่สุดก็ต้องเดินออกมาด้วยมือเปล่าไม่มีของอะไรติดมือมาสักชิ้น

        พระพายเดินออกมายืนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้า มองซ้ายขวาว่าจะทำอย่างไรดีในที่สุดก็เลือกที่จะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปยังตลาดนัดกลางคืนใกล้ๆที่เปิดทุกวัน ตั้งใจจะหาของกินและเผื่อจะเจออะไรที่เข้าตาเพื่อเป็นของขวัญให้พิธานบ้าง

        เพียงไม่นานนักพระพายก็มาถึงตลาดนัดยามเย็นเกือบค่ำ ผู้คนมากมายต่างพากันเลือกซื้อของ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น อาหารและทุกอย่างที่มีในตลาดนัดแห่งนี้ พระพายเดินเตร่ไปเรื่อยๆ ข้าวของร้านค้าเยอะแยะเสียจนชักเริ่มตาลาย

        ทันใดนั้นพระพายก็สะดุดเข้ากับร้านต้นไม้ร้านหนึ่ง เป็นร้านต้นไม้ร้านขนาดกลางซึ่งมีต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆไปจนถึงต้นขนาดกลาง ราคาที่ป้ายนั้นเริ่มต้นเพียงต้นละสามสิบบาทเท่านั้น มันช่างดูล่อตาล่อใจจนพระพายถึงกับต้องหยุดดู

“ชอบต้นไหนถามได้นะคะ” เสียงแม่ค้าทักทายอย่างเป็นมิตร พระพายจ้องมองไปยังต้นไม้เล็กๆพวกนั้นอย่างคนไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันเลยสักนิด

“ต้นนี้อะไรครับ?” พระพายชี้ไปยังต้นไม้เล็กๆที่เหมือนมีน้ำใสๆอยู่ข้างใน

“อ๋อ เรียกว่าฮาโวเทียหยดน้ำค่ะ”

“เลี้ยงยากไหมครับ?” พระพายถาม

“นิดหน่อยเพราะต้นนี้ไม่ชอบแดดแรงๆ ให้โดนแดดตอนเช้าสักสองสามชั่วโมง ถ้าให้ดีก็เอาอะไรมาบังแสงหน่อยไม่ให้โดนแสงแรงๆ”

“แล้วรดน้ำล่ะครับ?”

“อาทิตย์ละครั้งก็พอค่ะ รดเยอะเดี๋ยวรากเน่า”

“สำคัญที่แดดสินะครับ”

“ใช่ค่ะ จะลองเอาไปเลี้ยงหน่อยไหมคะ?”

“ผมจะซื้อเป็นของขวัญให้แฟนครับ”

“เหรอคะ สาวๆมักชอบอะไรน่ารักๆแบบนี้ค่ะ” เธอว่าพลางยิ้ม พระพายได้แต่ยิ้มให้พลางคิดในใจถึงสาวที่ว่านั้นช่างไม่ชอบอะไรกุ๊กกิ๊กแบบนี้เลย

“มีต้นที่เลี้ยงง่ายกว่านี้ไหมครับ?” พระพายว่า ดูท่าเจ้าต้นหยดน้ำนั้นจะตึงมือไปสักหน่อย

“ต้นนี้เลยค่ะ เรียกว่าแมม ต้นนี้เป็นแมมหนามทอง ชอบแดดแรงๆ รดน้ำสามสี่วันครั้งค่ะ” ต้นแมมหนามทองที่ว่านั้นดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว พระพายจดจ้องมองอย่างสนใจก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาดู

“ถ้าอย่างนั้นเอาต้นนี้ครับ”พระพายว่าก่อนที่จะจ่ายเงินและถามวิธีการเลี้ยงเพิ่มเติมอีกนิด จากนั้นก็เดินดูของอีกพักใหญ่และเลือกที่จะกลับห้อง

        ข้าวของในมือถือว่าเยอะ ทั้งต้นกระบองเพชร ของกินอีกหลายอย่าง ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้วแต่พิธานก็ยังไม่กลับมา น่าจะใกล้มาถึงแล้วหรือคงกำลังขับรถออกมาอย่างแน่นอน พระพายจึงใช้โอกาสนี้ในการนำต้นกระบองเพชรไปวางที่ระเบียง จัดวางมันให้เข้าที่ นี่คือของขวัญที่พระพายตั้งใจว่าจะให้พิธานในวันปีใหม่และจะช่วยกันเลี้ยงมันให้มีดอกออกมาให้ได้อย่างที่คนขายบอกไว้ จัดวางในมุมที่คิดว่าดีแล้ว พระพายจึงกลับมานั่งยังห้องและนำอาหารที่ซื้อมาแกะใส่จานใส่ถ้วยรอพิธานกลับมา

        ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีพระพายก็ดันหลับรอที่โซฟาไปโดยไม่ตั้งใจ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงคืนแล้วและพบว่าในห้องก็ไม่มีวี่แววของพิธานจะกลับมา พระพายนั่งนิ่งพลางปรับสติก่อนที่จะลุกขึ้นไปมองอาหารที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม ทั้งที่พิธานบอกว่าจะกลับมากินข้าวด้วยกันแท้ๆแต่ก็ไม่เห็นจะกลับมา เมื่อคิดว่าเวลาเที่ยงคืนไม่ใช่เวลาจะมากินข้าวแล้ว พระพายจึงยกไปแช่เก็บในตู้เย็นทั้งหมดจากนั้นก็กดโทรหาพิธานทันที

“เลิกงานรึยัง?” พระพายถามทันทีที่พิธานรับสาย

“โทษที พอดีเพื่อนชวนมาดื่มนิดหน่อย เดี๋ยวก็กลับแล้ว” พิธานว่า

“อ๋อ ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นผมเข้านอนก่อนละนะ”

              พระพายว่าจากนั้นก็วางสาย พิธานคงลืมไปแล้วจริงๆว่านัดกินข้าวด้วยกันไว้ แม้จะรู้สึกหน่วงนิดๆและผิดหวังหน่อยๆว่าทำไมไม่บอกกันก่อนสักคำ ปล่อยให้รอเก้ออยู่นานซึ่งนี่ไม่ใช่นิสัยของพิธานเท่าไหร่นักแต่ก็พอจะเข้าใจว่าพิธานเองก็ต้องการเวลาส่วนตัวเช่นกัน เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วพระพายจึงไปอาบน้ำแบบลวกๆและทิ้งตัวลงนอนทันที แต่กว่าจะหลับได้ก็คิดวนเรื่องก่อนหน้านั้นอยู่พักใหญ่เหมือนกันและไม่อาจจะรู้ได้ว่าพิธานจะกลับมาเมื่อไหร่ในคืนนี้...

Lyrics: Not that simple by Mike Posner.




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 21-02-2019 13:32:55
อ่าว กลับมาพร้อมความหน่วงเล็กๆ (?) ที่จะกลายเป็นหน่วงใหญ่ๆ ไหม ....ไม่น่ะ ต้องไม่สิ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-02-2019 14:04:38
เมียงอนแล้ว ทำไงดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-02-2019 14:34:45
 :a5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 21-02-2019 14:58:19
……

ตะแหง่วตะแหง่วแล้ว.  ลืมนัดเมียได้ยังไง

ปล่อยให้น้องพายรออ่ะ ข้าวก้อไม่ได้กิน จะดราม่าเหรอ. โฮ้…………

 :a5:  :a5:  :a5:  :a5:  :a5:   :a5:  :a5:  :a5:


………
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-02-2019 19:42:50
พิธานมีความลับอะไรหรือเปล่า  :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 21-02-2019 21:07:16
อ้าวววนัดไม่เป็นนัดยังไม่โทรบอกอีกยังไงกัน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-02-2019 21:18:13
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 21-02-2019 22:27:29
เอาละ ปัญหาระหองระแหงเริ่มมาเบื้องต้นละ
พิธานน่าตีมาก อย่าทำให้พระพายคิดมากเซ่ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-02-2019 23:03:02
พิธานทำอะไร๊ๆๆๆๆๆๆ พระพายเสียใจแล้วเนี้ยะะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 21-02-2019 23:33:02
พิธานรีบมาง้อพระพายเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 21-02-2019 23:57:44
เอ้าาาา  อะไร!ยังไง!
ปล่อยให้น้องรอเหรอ?  เดี๋ยวโทรฟ้องคุณแม่นะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-02-2019 01:05:38
กลับมาพร้อมสัญญาณบางอย่าง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-02-2019 04:59:41
ไม่อยากคิดไปในทางที่ไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 22-02-2019 09:43:48
นัดแล้วลืมกันเลยเกิดอะไรขึ้น :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 57 (21/02/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-02-2019 17:09:13
แงงง จบด้วยความหน่วง ขอคิดในแง่ดีไว้ก่อน ที่พิธานกลับดึกเพราะมัวแต่หาของขวัญให้น้องรึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 14-03-2019 20:27:17
สวัสดีค่ะ มาลงตอนต่อไปแล้วค่ะ อย่างที่บอกช่วงนี้จะหายไปนานหน่อยนะคะ เพราะเนื่องจากเปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่อยู่ ปรับตัวเยอะมากและเครียดมากจนดราม่าหลายยก ซึ่งไม่ต่างจากนิยายตอนนี้เลย ฮ่าๆ ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ตรงนี้นะคะ อยู่เป็นกำลังใจกันก่อนนะคะ อย่าเพิ่งทิ้งกัน ไว้เจอกันค่ะ รัก ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ  :mew1:


+++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 58 Part of the end.



The world slows down, but my heart beats fast right now
โลกเริ่มหมุนช้าลงๆ แต่ใจของฉันเต้นแรงขึ้นในตอนนี้
I know this is the part, where the end starts
ฉันรู้ว่านี่คือ ฉากที่เป็นจุดจบได้เริ่มขึ้น


          ตื่นมาอีกทีก็พบว่าพิธานนอนอยู่ข้างๆแล้วด้วยสภาพชุดนอนแต่กลิ่นเหล้าหึ่งจนแทบไม่ต้องไปดมใกล้ๆ พระพายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่า เป็นวันใหม่ไปเสียแล้ว พระพายเองก็หลับอย่างยาวนานและวันนี้เป็นวันหยุดยาววันแรกเสียด้วย ด้านพิธานยังคงหลับอยู่อย่างนั้นไม่ขยับตัวใดๆเลยสักนิด

          พระพายจ้องมองพิธานที่กำลังหลับลึกด้วยความรู้สึกบางอย่าง อาจจะเพราะเมื่อคืนรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักที่พิธานผิดนัดแต่คิดดูอีกทีมันก็ต้องมีบางทีที่พิธานอาจจะทำเช่นนี้ เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วก็รีบลุกขึ้นมาเพราะนี่เป็นวันหยุดวันแรก อันดับแรกจึงมองไปยังกองเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซัก รวมถึงข้าวของที่วางไม่ค่อยเป็นระเบียบมากนัก พระพายจึงเริ่มที่จะเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและพิธานไปส่งซัก ก่อนที่จะกลับมาเก็บของให้เรียบร้อย รวมถึงทำความสะอาดนั่นนี่ไปเรื่อยๆอย่างเบามือเพราะไม่อยากกวนพิธานที่กำลังหลับอยู่

          ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ พระพายจัดการทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว ทั้งห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นและห้องแต่งตัว จะเหลือแค่ที่เดียวคือห้องนอนซึ่งพระพายไม่ได้ทำมันเนื่องจากอาจจะทำพิธานตื่นเอาได้ จังหวะนี้จึงไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะหาอะไรกินและมานั่งคิดแผนว่าจะทำอะไรในวันหยุดนี้

         เวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายแก่ๆ พระพายตั้งใจจะโทรสั่งอาหารจากไลน์แมนมาแต่ลืมไปเสียสนิทว่ายังมีอาหารที่ซื้อมาเมื่อคืนที่ไม่ได้กินและแช่เก็บไว้ในตู้เย็นอยู่ พระพายจึงหยุดที่จะโทรสั่งและนำอาหารเหล่านั้นมาอุ่นแทน ระหว่างนั้นเอามีเสียงกุกกักจากห้องนอน เป็นการบอกว่าพิธานน่าจะตื่นแล้ว

   เมื่อคืนนั้นพิธานไปดื่มกับเพื่อนๆมา พระพายเองก็เข้าใจว่าพิธานต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ออกจากความคิดไม่ได้คือทำไมถึงเอาแต่รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าทำไมหมู่นี้แค่ในระยะเวลาไม่นานนั้นเหมือนเขาและพิธานจะห่างเหินกันนิดๆ หรือเพราะว่าที่ผ่านมาเอาแต่ตัวติดกันตลอด หรือนี่จะเรียกว่าหมดโปรโมชั่นของความรักอันหอมหวานกันแล้ว

   พระพายที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนยังไม่อาจจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ถึงเรื่องนี้ แต่เรื่องการหมดโปรโมชั่นนั้นมักจะได้ยินจากเพื่อนๆบ่อย ฝั่งที่จะบ่นก็ไม่ใช่ใครคือเหล่าเพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น บ่นว่าแฟนเปลี่ยนไปบ้าง ไม่เอาใจเหมือนตอนคบกันใหม่ๆ ไม่ดูแลไม่ใส่ใจหรืออะไรก็แล้วแต่ที่คิดว่ามันไม่เหมือนแต่ก่อน พระพายคิดเสมอในตอนนั้นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะต่างคนต้องมีเรื่องที่ต้องทำและเข้าใจถึงชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน แค่เรียนหนังสือทำงานส่งอาจารย์ก็กินเวลาในแต่ละวันไปมากพออยู่แล้ว

   แต่มาวันนี้พระพายเริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเหล่านั้นมากขึ้น การที่ต้องมานั่งดูคนที่เรามีความผูกพันค่อยๆเปลี่ยนไปนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย จากที่เคยได้รับสิ่งๆหนึ่งมาเสมอแต่จู่ๆก็กลับไม่ได้รับมันเหมือนดั่งวันก่อน มันช่างหน่วงอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ

“ทำไมตื่นไว?” พิธานที่ผ่านการล้างหน้าแปรงฟันมาแล้วเดินเข้ามาในครัว ในขณะที่พระพายกำลังยืนอยู่หน้าเตาไมโครเวฟ

“ตื่นตอนเที่ยงแล้ว ไวตรงไหน?” พระพายพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะจ้องมองเตาไมโครเวฟต่อ

“เป็นอะไร?” พิธานถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เป็นอะไร? เปล่านี่”

“ท่าทางแปลกๆ”

“คิดมาก” พระพายว่าก่อนที่เสียงเตือนร้องขึ้นว่าอาหารอุ่นเสร็จแล้ว จากนั้นก็อุ่นอาหารจานสุดท้ายที่เหลือ

   พิธานไม่พูดอะไรอีกและเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าว พระพายยกอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะ ตักข้าวให้ตัวเองและพิธาน นั่งกินเงียบๆเพราะพระพายไม่อยากพูดอะไรออกมาในตอนนี้ ราวกับกำลังสับสนว่าตอนนี้ต้องรู้สึกอย่างไร โกรธที่ผิดนัดเมื่อคืนหรือจะต้องน้อยใจดีแต่สุดท้ายก็คิดว่าความเงียบน่าจะดีที่สุด

   ความเงียบในครั้งนี้ผิดแผกแปลกไปจากทุกครั้ง ราวกับมีเรื่องอะไรขบคิดในใจอยู่ ทั้งสองใช้เวลาไม่นานนักในการนั่งกินข้าวด้วยกัน

“วันนี้จะไปไหนรึเปล่า?” พิธานเอ่ยถามขึ้น

“ผมเหรอ ไม่รู้เหมือนกัน คุณล่ะ?”

“ฉันต้องเข้าไปจัดการเรื่องานต่อ เรื่องที่จะไปที่บ้านฉันบอกพี่เพลงแล้ว วันที่หนึ่งจะมีจัดปาร์ตี้กันในบ้าน” พิธานตอบ

“วันที่หนึ่งเหรอ ก็ดีเหมือนกันหลังเคาท์ดาวน์น่าจะดีกว่า”

“คงจะเย็นๆเกือบค่ำและคุณแม่อยากให้นอนค้าง” พิธานบอกพลางจ้องมองพระพายที่กำลังเก็บจาน

“ได้สิ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขับรถ” พระพายเองก็เห็นด้วย อีกอย่างการนอนค้างจะได้กระชับความสัมพันธ์กับธนิตให้มากขึ้นด้วย

“ฉันคงต้องทำงานยาวจนถึงวันที่สามสิบเอ็ด” พิธานว่าพลางช่วยพระพายที่ยกจานไปล้าง

“เหนื่อยไหม?” พระพายถามพลางหันไปสบตาพิธานที่มองอยู่

“เหนื่อยสิ”

“เดี๋ยววันที่หนึ่งก็ได้พักแล้ว ทนหน่อยนะ” พระพายว่า รู้ดีว่าพิธานเองก็ทำงานหนักในแบบของตัวเอง

“ฉันไปอาบน้ำก่อน ต้องรีบไปแล้ว” พิธานไม่ได้ช่วยล้างต่อ

“รีบไปเถอะ” พระพายไม่ว่าอะไรและหันหลังล้างจานต่อไป แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงกอดจากด้านหลัง พิธานที่บอกว่ารีบไปอาบน้ำกลับยืนกอดอยู่ข้างหลัง

“ไหนบอกว่ารีบ”

“ฉันไม่รู้ว่านายเป็นอะไรและหวังว่าจะบอกฉันตรงๆ” พิธานบอกเช่นนั้น

“คุณคิดมากอะไรล่ะนี่ ไปอาบน้ำได้แล้ว” พระพายว่าพลางหัวเราะนิดๆ พิธานจึงผละออกและเดินกลับไปยังห้องนอน

   พิธานใช้เวลาไม่นานนักในการอาบน้ำแต่งตัวและรีบออกจากห้องโดยที่พระพายมาโบกไม้โบกมือให้ก่อนออกไป

   กลับมาสู่ความเงียบเหงาอีกครั้ง ทั้งที่ปกติแล้วพิธานจะรู้เสมอว่าเขาคิดอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าเมื่อวานผิดนัดกัน ทำไมถึงไม่รู้ตัวในเรื่องนี้และทำไมครั้งนี้ถึงเลือกจะถามกันเช่นนี้

วันนี้พิธานทำงานแต่พระพายดันหยุดงานแล้ว คิดไม่ออกจริงๆว่าจะทำอะไรดีในช่วงวันหยุดอย่างนี้เพราะเป็นวันเสาร์อีกทั้งคนบางส่วนเลือกที่จะไม่ออกไปต่างจังหวัดก็คงต้องมีบ้างอย่างแน่นอน

   สรุปกับตัวเองว่าคงต้องไปหาเก้า แน่นอนว่ารายนั้นก็พร้อมที่จะออกไปเที่ยวกับพระพายอยู่แล้ว พระพายออกจากคอนโดไปหาเก้าที่ห้อง ใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงห้องของเก้า

“เข้ามาๆ” เก้าเปิดประตูให้พระพายเข้าไป

“อาบน้ำยัง?” พระพายถาม

“แต่งตัวเพิ่งเสร็จ” เก้าว่า

“เราจะไปไหนก็กันดีวะ?” พระพายถามพลางนั่งลงบนเตียงของเก้า

“กูก็ไม่รู้ นี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าคนเยอะอยู่รึเปล่า”

“รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่นะ คงจะมีคนออกจากที่นี่ไปพอสมควรแล้วล่ะ”

“สรุปคืนสิ้นปีจะเคาท์ดาวน์กับกูใช่ไหม?” เก้าถามยืนยันอีกครั้ง

“ไปที่ห้องคุณพิธาน เคาท์ดาวน์กันที่นั่น ชวนคุณไคด้วย”

“กูก็คิดว่าจะไปกับกูสองคนซะอีก”

“ไม่ดีกว่า คิดว่าคุณไคเองก็อยากอยู่กับมึงเหมือนกัน ก็เลยอยู่กันให้ครบนั่นแหละ”

“คิดแทนกูไปอีก” เก้าส่ายหน้านิดๆ

“เอาน่า อยู่ด้วยกันเยอะๆน่าจะสนุกกว่า”

“ทั้งที่ตั้งใจชวนมึงไปคอนเสิร์ตแท้ๆ...ช่างมันเถอะ ว่าแต่วันที่หนึ่งมึงจะไปบ้านแฟนมึงใช่ไหม?”

“ใช่ วันที่หนึ่งไปบ้านคุณพิธาน”

“ปาร์ตี้ของที่บ้านมันเหรอ?”

“ใช่ ปาร์ตี้ครอบครัว” พระพายบอกพร้อมสีหน้านิ่งเฉย เก้าจับสังเกตได้ในทันที

“ทำไมทำหน้าหมาป่วยขนาดนั้น?”

“หมาป่วยนี่หน้ามันเป็นยังไงเหรอ?”

“ก็หน้าเซื่องๆซึมๆที่มึงคิดว่ามันคือหน้านิ่งของมึงนี่แหละ”

“กูเปล่าซะหน่อย” พระพายปฏิเสธทันที

“พาย  กูเพื่อนมึงมานานแล้วนะ คิดว่ากูไม่รู้จักมึงเหรอ?”

“เออ รู้ว่ามึงรู้จักกูดี”

“ไหน มีอะไรก็เล่ามา” เก้าดึงพระพายให้มันมาประจันหน้า พระพายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย

“กูว่ากูหมดโปรโมชั่นแล้วล่ะ” พระพายเอ่ยขึ้น

“โปรโมชั่นอะไรของมึง?”

“ก็โปรโมชั่นคู่รักหวานชื่นไง”

“จู่ๆทำไมมึงถึงคิดอะไรแบบนั้นได้ล่ะ?” เก้าขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจมากนัก

“ก็..คุณพิธานเหมือนจะเปลี่ยนไป ห่างกันมากขึ้น ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ก็รู้หรอกว่างานยุ่ง แต่กูรู้สึกแปลกๆ”

“เปลี่ยนยังไง แบบไม่สนใจมึงเหรอ?”

“อธิบายยากว่ะ เวลาเราไม่ตรงกันเลยและเขาก็ลืมที่นัดกันไว้ว่าจะกลับมากินข้าวด้วยกัน ถ้าลืมเพราะทำงานก็พอเข้าใจแต่นี่ลืมแล้วไปกินเหล้ากับเพื่อนนี่สิ” เก้าจ้องพระพายที่กำลังมองไปยังที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่หน้าเขา

“พาย...มึงรู้ใช่ไหมว่านี่เป็นการคิดเล็กคิดน้อยมาก”

“ก็เพราะรู้ไง กูไม่อยากเป็นแบบนี้เลย กูกลายเป็นคนงี่เง่าแบบไม่มีที่มาที่ไป ปกติมีอะไรก็พูดกันแต่ครั้งนี้ก็กลับไม่อยากบอกเขา อยากให้เขาคิดได้เองว่าเขาทำอะไรผิดไว้กับกู”

“มึงอาการหนักมากพาย” เก้าได้แต่ส่ายหน้า

“เก้า กูต้องทำไงวะ กูเหมือนแฟนสาวในละครทีวีที่มานั่งน้อยใจแฟนมาก” พระพายถอนหายใจออกมา

“มึงลองย้อนนึกสักหน่อย คิดในมุมกลับ ถ้ามึงเป็นพิธานและพิธานเป็นมึง มันจะเป็นแบบไหน?” พระพายนึกภาพตามที่เก้าบอก

“กูจะรู้สึกว่าไม่เข้าท่า แค่เรื่องแค่นี้เอง” พระพายว่า

“ถูกแต่ไม่ทั้งหมด ถูกตรงที่เรื่องที่มึงคิดมันไร้สาระไปสักหน่อยแต่ผิดตรงที่พิธานเองก็ไม่สมควรที่จะลืมนัดมึงแบบนั้นและไม่ขอโทษอะไรเลย นั่นแหละทำให้มึงคิดมากอยู่แบบนี้”

“อยากถามว่าเมื่อคืนลืมเหรอ แต่ถ้าถามออกไปกูก็เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บเพราะเรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“และมึงรู้สึกยังไงที่มันดูเปลี่ยนไป แค่หมดโปรโมชั่นหรือมึงคิดมากกว่านั้น” พระพายเงียบไปอีกครั้ง

“คิดหลายเรื่องเลยมึง เบื่อกูแล้ว หรือไปเจออะไรที่น่าสนใจกว่า แต่กูก็ยังเชื่อใจเขาข้อหลังเลยไม่มีน้ำหนักให้คิดมากพอ แต่เรื่องเบื่อนี่ก็คิดๆอยู่”

“ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากันเลยสิท่า?” เก้าหรี่ตามองอย่างจ้องจะเอาคำตอบ

“เออ ไม่ได้ทำเลย”

“มึงอึดอัดตัวด้วยรึเปล่า มันเลยทำให้มึงคิดมาก” เก้าหัวเราะนิดๆ

“ไม่ขนาดนั้นหรอกมึง” พระพายส่ายหน้า

“นอกจากนั้นล่ะ?”

“อย่างอื่นเหรอ ดูเหมือนเครียดๆ คิดเรื่องอะไรสักอย่างไม่รู้เรื่องงานหรือเรื่องอะไร”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อย่าเพิ่งคิดมาก รอดูตอนไปบ้านมันอีกทีว่าท่าทียังไง ตอนนี้มึงกับกูไปเที่ยวกันดีกว่า”

“เออ ค่อยว่ากัน แล้วมึงอยากจะไปไหน?”

“ไปห้าง ไปโอเชี่ยนเวิลด์ ไปดูปลา หาอะไรกินกัน”

“เอาอย่างนั้นเลย?”

“เออสิ!”

“ก็ได้ ไปกัน”

   เมื่อตกลงได้อย่างนั้นแล้วทั้งสองคนก็ออกจากห้องไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองซึ่งมีครบทุกอย่างที่เก้าอยากไป พระพายเองก็อยากหาอะไรทำจะได้ไม่ต้องคิดอะไรให้ฟุ้งซ่านเกินกว่าเหตุแล้ว

   ใช้เวลากันในนั้นทั้งวันอย่างที่เก้าบอก ตั้งแต่เดินดูข้างของหลลากหลายอย่าง โผล่เข้าไปในโรงหนังดูหนังไปหนึ่งเรื่อง จากนั้นก็หาอะไรกินกันอย่างอร่อยปากจากนั้นก็ไปยังโอเชี่ยนเวิลด์เพื่อดูสัตว์ทะเลและโชว์เล็กๆน้อยๆในนั้น เรียกได้ว่าไม่มีเวลาไม่คิดเรื่องอะไรเลยเพราะเก้าลากไปปลากมาจนต้องจดจ่อแต่เก้าเท่านั้น

“ค่ำแล้วเหรอวะ?” เก้าที่หิ้วถุงหนังสืออกจากร้านหนังสือและพระพายเองก็มีหนังสือการ์ตูนติดมือมาเช่นกัน

“เออสิ เหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไงแล้ว” พระพายบ่น

“ไปกินอะไรกันก่อนกลับไหม?”

“ก็ต้องอย่างนั้นแหละ เพราะคุณพิธานไปกินข้าวกับผู้ใหญ่” พระพายว่า เมื่อชั่วโมงที่แล้วพิธานส่งข้อความหาพระพายว่าไม่ต้องรอกินข้าวเพราะต้องไปกินข้าวผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนอะไรสักอย่างซึ่ก็ไม่ค่อยเข้าใจมากเท่าไหร่นัก

“ไปเถอะมึง กูอยากกินอาหารเกาหลี”

“แต่กูไม่อยาก ไม่ถูกปากว่ะ”

“กินอะไรดีวะ?”

“อาหารญี่ปุ่น”

“มันก็คือๆกันรึเปล่าวะ?”

   ทั้งสองคนจึงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งเป็นร้านอาหารแบบชุดราคาไม่แพงเท่ากับร้านดังที่อยู่ใกล้ๆกัน โต๊ะว่างคือโต๊ะซึ่งติดกับกำแพงกระจกฝั่งหน้าร้าน มองเห็นคนเดินผ่านอยู่ตลอดเวลา ทั้งสองเองก็ไม่อยากเสียเวลารอโต๊ะจึงเลือกที่จะนั่งโต๊ะดังกล่าว

“คนก็ยังเยอะอยู่นะมึง” เก้าว่า

“เออ สงสัยจะมีคนคิดแบบพวกเราที่ไม่อยากเดินทาง”

   พูดคุยกันนิดหน่อยระหว่างรออาหารที่สั่งไว้มา พูดคุยไปเรื่อยพลางมองไปยังโดยรอบและทันใดนั้นเองพระพายก็สะดุดตากับคนๆหนึ่งซึ่งเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน คือพิธานนั่นเอง

“คุณพิธาน” พระพายเอ่ยขึ้น เก้าจึงรีบหันมองตามทันที

“อ้าว มันมาทำอะไรแถวนี้” เก้าพูดออกมาทันที

“นั่นสิ” พระพายว่าและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหาพิธานทันที

   เมื่อส่งไปก็ดูปฏิกิริยาของพิธานว่าเป็นอย่างไร พิธานหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง มองหน้าจอประมาณไมม่กี่วินาทีและก็เก็บโทรศัพท์มือถือนั้นไว้โดยไม่ยอมตอบข้อความของพระพาย ในมือถือของพระพายเองก็ยังไม่ขึ้นว่าข้อความนั้นถูกอ่านแล้ว แปลว่าพิธานคงอ่านแค่จากการแจ้งเตือนเท่านั้น

   พิธานที่ยืนนิ่งๆเหมือนรออะไรสักอย่างและพระพายกับเก้าก็ได้เห็นว่าพิธานกำลังรออะไรอยู่ เป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเดินมาหาพิธานที่ยืนอยู่ ร่างสูงโปร่งแต่ไม่สูงเท่าพิธาน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านรวมไปถึงการแต่งตัวที่ดูเข้ากันกับความสูงนั้น พระพายพยายามเพ่งมองแต่ไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าอาจจะเป็นเลขาปอแต่ก็ไม่ใช่

   ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อย ใครคนนั้นยิ้มให้พิธานไม่อาจจะเห็นสีหน้าได้ชัดเจนเพราะระยะห่างนั้นเยอะพอสมควร มือนั้นแตะตรงแขนของพิธานก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกัน ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง โลกไม่หมุนโคจรต่อสิ่งใดๆอีกแล้ว พระพายรู้สึกหน้าชานิดๆ...จริงๆไม่นิดอย่างที่คิดไว้ หน้าชามากมากจนรู้สึกว่าภาพเมื่อครู่นี้นั้นมันคืออะไรกัน และความรู้สึกชาตรงปลายมือปลายเท้านี่มันคืออะไร

“พาย พาย ตั้งสติก่อน” เก้าลุกขึ้นเขย่าไหล่พระพายที่นั่งตัวแข็งทื่อไปแล้ว

“เก้า กูตาลายรึเปล่า?” พระพายถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจมากนัก

“กูก็เห็น มึงไม่ได้ตาลายหรอก” เก้ายืนยันให้อีกเสียง

“นี่มันเรื่องอะไรวะ?” พระพายจ้องหน้าเก้า

“กูก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆกูถ่ายรูปไว้แล้ว” เก้าว่าพลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้พระพายดู ในจอคือภาพของพิธานกับคนที่พระพายไม่รู้ว่าเป็นใคร ถ่ายแบบขยายกล้อง ภาพชัดจนเหมือนตอกย้ำว่าไม่ได้ตาลายอย่างที่คิดไป

“มึงถ่ายตอนไหน กูไม่เห็นรู้เลย” ทั้งที่สติมึนงงแต่ที่งงกว่าคือเก้าเร็วมากจนไม่อาจเห็นได้ว่าถ่ายรูปไว้ตอนไหน

“ก็ตอนที่มึงนั่งจ้องแฟนมึงจนแทบจะสิงกระจกนั่นแหละ” เก้าว่า

“กู....กูต้องทำยังไงวะ?” นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าไม่ดีมากจริงๆ มันมากกว่าครั้งที่เห็นพิธานอยู่กับเลขาปอในวันนั้นอีก

“นิ่งก่อน กูอยากรู้ว่ามันเป็นใคร” เก้าว่าก่อนที่จะกดส่งข้อความหาไคทันทีและเพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีไคก็โทรกลับมา

“เร็วจริงนะมึงไอ้ไค” เก้ารับสายไค พระพายไม่อาจจะได้ยินว่าไคพูดอะไรในสาย

“เป็นใคร บอกกูหน่อย....มึงไม่ต้องทำเงียบเลยไค ถ้ามึงไม่บอกกู มึงก็รู้ใช่ไหมว่ามึงจะเจออะไร?” เก้าขู่อะไรสักอย่าง

“อย่างนั้นเหรอ เออ ขอบใจที่ยอมบอกและอีกอย่าง ถ้ามึงเอารูปที่กูส่งไปแล้วส่งต่อให้เพื่อนมึง หรือมึงเอาเรื่องนี้ไปถามเพื่อนมึง มึงรู้ใช่ไหมว่ากูจะทำยังไง?”

“มึงไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้เลยไค พายก็เพื่อนกูและถ้าเรื่องนี้เพื่อนมึงผิดมึงก็จะโดนไปด้วยกูบอกไว้เลย แค่นี้แหละ” เก้าวางสายด้วยความรวดเร็ว

“คุณไคว่าไง?” พระพายถามด้วยความรวดเร็วเช่นกัน

“แฟนเก่าสมัยเรียน” เก้าตอบ พระพายรู้สึกหน้าชาไปอีกขั้นหนึ่ง

“หรือจะเป็นคนที่คุณพิธานเล่าให้ฟัง....เขามีแฟนมาแค่คนเดียว”

“จริงเหรอ กูไม่อยากจะเชื่อเลย”

“ถ้าเขาไม่ได้โกหกกูอะนะ” พระพายว่า

“แล้วมึงจะเอายังไง กูว่าถามตรงๆเลยดีกว่า”

“ถามแน่ แต่เดี๋ยวก่อน กูจะไปถามตอนไปบ้านวันที่หนึ่ง”

“ทำไมต้องรอถึงวันนั้นวะ?”

“ถามตอนนี้กูก็จะมีอารมณ์มาปนด้วย ขอตั้งสติให้ใจเย็นกว่านี้ เดี๋ยวกูก็จะถาม”

“มึงก็เก่งนะ เป็นกูนี่วิ่งตามไปแฉ่งแล้วเมื่อกี้น่ะ”

“กูไม่อยากทำ แค่ที่กูนั่งฟุ้งซ่านเรื่องเมื่อวานก็พอแล้ว กูไม่อยากให้เขามาว่ากูงี่เง่าน่ารำคาญ” พระพายตัดสินใจไปแบบนั้น

“ยกนิ้วให้เลย มีสติมากกว่าที่กูคิดเสียอีก”

“เอาเถอะมึง กินข้าวกันดีกว่า” อาหารมาถึงพอดิบพอดี

“เออ ว่าแต่มึงจะเอารูปนี้ไหม?”

“ส่งมาเลย” พระพายบอกเท่านั้น จากนั้นทั้งสองก็กินอาหารที่สั่งมา พระพายเองแม้จะไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่แต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้นิ่งสงบไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความคิดก็ตาม

   พระพายแยกกับเก้าและเดินทางกลับมายังห้อง ระหว่างอยู่บนแท็กซี่ก็เอาแต่คิดว่าจะจัดการความคิดตัวเองอย่างไรดี คิดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งกลับถึงห้อง อาบน้ำนอนล้มตัวลงนอน ในมือถือหนังสือการ์ตูนที่เพิ่งซื้อมาแต่ไม่คิดจะเปิดอ่านเพราะความรู้สึกตีวุ่นไปหมด

   สรุปพระพายก็เลือกที่จะส่งข้อความหาเก้า นัดกันว่าพรุ่งนี้ให้เก้ามาที่ห้องเพราะไม่อยากเที่ยวเล่นเท่าไหร่นักเนื่องจากวันสิ้นปีก็คิดจะปาร์ตี้เคาท์ดาวน์กันอยู่แล้วจึงอยากพักผ่อนก่อน เก้าก็ตอบตกลงตามนั้น เมื่อคุยกับเก้าเสร็จพระพายจึงปิดไฟและหลับตาลง พยายามจะข่มตานอนแม้จะยากไปสักหน่อยแต่พระพายไม่อยากทำให้ตัวเองเครียดจนไม่ดีต่อร่างกาย แต่จะอย่างไรก็หลับไม่ลงอยู่ดี สุดท้ายพระพายจึงเลือกที่จะกินยาแก้แพ้ประเภทที่ทำให้ง่วงซึมเข้าไป เพื่อที่จะได้หลับได้อย่างง่ายดายและหลับสนิทโดยไม่ต้องมีอะไรมารบกวน...

Lyrics: I hate this part by Pussycat dolls.






หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 14-03-2019 21:29:41
พิธานรีบกลับมาเคลียร์กับพระพายด่วน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 14-03-2019 21:34:43
เอาแล้วววว พระพายจะได้คำตอบแบบไหนกลับมากันนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 14-03-2019 21:47:42
แง่ คลุมเครือซะงั้น
ยังไงนะๆ คือก็หวั่นๆ
แต่ก็มั่นใจว่าคงไม่มีอะไร

คนเขียนจะหายไปสักพักด้วยใช่ไหม
เราต้องค้างนานพอตัวสิน้า(>//<)
แต่ไม่เป็นไรจ้า
เอาธุระคนเขียนก่อนเน้อ
อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

เป็นกำลังใจและยังรอเสมอจ้า ^^
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-03-2019 21:56:59
พิธานกำลังทำอะไรอยู่มีเหตุผลไหมที่ทำแบบนั้นแต่ถ้าเพราะว่าความรู้สึกที่มีให้พระพายมันลดลง :mew6: ก็ปล่อยพระพายไปเถอะนะ
แต่เราต้องรออีกนานใช่ไหมกว่าจะรู้ว่ามันเพราะอะไร  :katai1:    ฮึบไว้ ฮึบไว้  :hao6:     
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 14-03-2019 21:58:42
เชื่อใจพิธานจ้า ต้องมีคำอธิบายได้ ใจเย็นๆ นะพระพาย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-03-2019 22:07:38
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-03-2019 22:21:42
ถ่านไฟเก่าจะคุหรือยังไง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-03-2019 23:27:48
พิธานดูออกว่าพระพายแปลก ๆ ไป แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองแหล่ะที่ทำให้พระพายรู้สึกอย่างนั้น  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 15-03-2019 00:18:42
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 15-03-2019 09:39:28
คิดจะกลับไปหาคนเก่ารึไงตอนอยากได้ก็ตามติดจะเอาให้ได้ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-03-2019 11:55:31
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-03-2019 12:51:48
อ้าวมันยังไงๆกันแน่พิธาน เออตั้งสติแล้วค่อยคุยกันนะพระพาย มันอาจไม่มีอะไร หรือบางทีก็เผื่อใจไว้ด้วยก็ดี ถ้าถามเขาว่าแฟนเก่าไหม ยังมีใจอยู่รึป่าว ตอบอ้ำๆอึ้งๆนี่ ออกมาเลยนะ เชอะ! คนโลเล ชิ! (อ้าว ยุให้แตกกันซะงั้นกู5555555) คิดถึงพระพายและพิธานนะ ขอบคุณที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปเลยค่ะ สนุกเหมือนเดิมค่ะมากับตอนหน่วงเบาๆ รอเคลียร์
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 15-03-2019 15:28:21
 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 15-03-2019 20:16:27
ถ้าคิดในแง่ดี พิธานอาจจะมาขอคำปรึกษาแฟนเก่าเพื่อทำอะไรเซอร์ไพรส์พระพายก็ได้นะ ตามฉบับนิยายๆเลยอ่ะ 555555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-03-2019 21:58:26
คนนี้ม่ะที่ไปดื่มด้วยอ่ะ....
ชอบความกลัวเมียของพี่ไคจัง -_-||
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-03-2019 22:09:55
ไมทำตัวแบบนี้ละพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: koisuratreeJHZZ ที่ 15-03-2019 22:25:43
อยากให้พระพายโกรธนี่จะผิดมั้ย :hao6: งอนๆกันหรือมีคนมาจีบเลยยิ่งดี ชิ!!!!!!!!  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 16-03-2019 02:25:50
ยังติดตามอยุ่นะคะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: deuxspades ที่ 18-03-2019 13:37:06
นี่อินมากจ้ะ คือถ้าเป็นตัวเองนี่คงชามากทำไรไม่ถูก แต่ถ้าเป็นเพื่อนโดนนี่วิ่งไปฉะพิธานแน่ๆ ต้องจิกมาเคลียร์ // ติดตามนะคะ คือพิธานไม่น่าใช่คนใจอ่อนสุภาพชน แคร์ความรู้สึกคนอื่นเท่าไหร่ น่าจะเพราะติดต่อผู้ใหญ่จริงๆ แต่ความซวยเลยพาพระพายมาเห็นช็อตเด็ดนักกอล์ฟเข้า  :o12:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-03-2019 23:10:12
 :katai1: พายใจเย็น แต่เราค้างคาใจมากกกก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 21-03-2019 23:13:50
เลายังรออออออออออออ มาต่อเถอะน๊าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 13love32108 ที่ 24-03-2019 10:56:21
อยากให้พิธานกลับห้องมาแล้วไม่เจอพระพายบ้าง พระพายยอมมากเกินไปแล้ว ยอมจนพิธานคิดว่าเป็นของตายแล้วมั้ง ทำอะไรเลยไม่คิดถึงใจกัน พระพายลองหายไปจากพิธานสักพัก ดูซิ จะมีสติขึ้นบ้างมั้ย  :m16: :fire:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 25-03-2019 08:32:51
  :z6:อะไรไม่ว่าถึงขนาลืมนัดแล้วจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านัดไว้นี่แย่มากหาพระเอกใหม่เลยลูก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 27-03-2019 13:23:01
  :fire: น้องงงงงงงงงงงง. เรื่องนี้พิธานต้องมีคำตอบให้น้องอ่ะ น้องหนีไปเลยลูก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-04-2019 16:17:14
ค้างอย่างแรง เมื่อไหร่จะมาต่ออ่ะ รออยู่เน้อ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-04-2019 19:49:47
เค้าหายไปไหนนะ เลายังรออยู่นะะะะ
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-04-2019 01:22:46
ไม่อยากเข้ามาทวงเพราะรู้ว่าคุณนักเขียนคงยุ่งแต่เราคิดถึงแล้วอ่า อยากรู้เหตุผลของพิธานด้วย  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 13-04-2019 08:39:05
พายเหนืีอยไหม.... ถ้าเหนื่อยก็พอเถอะพาย อาจจะยากในตอนนี้ แค่มันตะดีกับพายในอนาคต

ไปไหนก็ไปเลยพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: 13love32108 ที่ 15-04-2019 23:12:04
 :z3:  :z3: รีเฟรชทุกอาทิตย์ แต่ก็ยังไม่มา หื้อออออ อะไรยังไงน้อ ค้างมาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 58 (14/03/19) P.29 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-04-2019 11:54:52
รอ รอ
 :3123: :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 18-04-2019 14:20:05
สวัสดีค่า  :o8: กลับมาลงตอนต่อไปแล้วค่ะ ขอโทษที่ให้รอจนนานเกินไปนะคะ กลับมาแล้วค่ะ ตอนต่อไปก็จะกลับมาลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ ขอบคุณที่ยังรอและยังติดตาม ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก...มั้งคะ  :impress3: ไปอ่านกันดีกว่าค่ะ หากมีอะไรผิดพลาดในตอนนี้ก็ขออภัยด้วยนะคt สวัสดีวันปีใหม่ไทยย้อนหลัง อากาศร้อนแบบนี้ ระมัดระวังเรื่องอาหารการกินด้วยนะคะ รัก ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1: :bye2:


Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 59  The ripped.

I feel like I’m drowning
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ

I feel like I’m broken
ฉันรู้สึกราวกับใจแหลกสลาย

I’ve been ripped down the middle
ฉันถูกฉีกกระชากลงตรงกึ่งกลาง

I am ripped down the middle
ฉันเหมือนถูกฉีกกระชากตรงกลางใจ




        เสียงคุยอะไรสักอย่างดังขึ้นใกล้ๆ เสียงที่คุ้นหูกำลังพูดอะไรสักอย่างกับใครที่พระพายเองก็ไม่รู้ เมื่อลืมตาขึ้นมาพบว่าพิธานที่ยืนอยู่หน้าประตูในสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอว น่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ เสียงนั้นไม่ได้ดังมากและพระพายได้ยินเอาตอนจบว่า ‘แค่นี้แหละ’ เท่านั้น จากนั้นพิธานก็วางสายไปแล้ว

“ตื่นแล้วเหรอ?” พิธานถาม พระพายจ้องหน้าพิธาน รู้สึกจุกๆในอกอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าอาการเหล่านี้กำลังจะบ่งบอกถึงอะไรกันแน่ ภาพเมื่อวานย้อนขึ้นมาดังหนังเก่าที่ฉายซ้ำ

“อืม เมื่อคืนกลับมากี่โมงเหรอ?” พระพายถาม

“เที่ยงคืนแล้ว เห็นนายหลับลึก ปลุกก็ไม่ตื่น” พิธานบอก

“เมื่อวานไปเที่ยวกับเก้า เดินเยอะหน่อยเลยเหนื่อย” พระพายพยายามทำทุกอย่างให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เหรอ ไปไหนมาบ้าง?” พิธานนั่งลงและดึงพระพายให้มาใกล้ๆ

“ห้างที่เดียว”

“อืม พรุ่งนี้ฉันเสร็จงานไม่น่าจะเกินเที่ยง อยากไปเคาท์ดาวน์ที่ไหน?” พิธานถาม พระพายนั่งนิ่งๆก่อนตอบ

“ที่ไหนก็ได้ คุณอยากไปที่ไหน?” ไม่ต้องถามก็รู้คำตอบ พิธานที่ไม่ชอบคนเยอะอยู่แล้วก็ต้องเลือกที่ห้องอย่างแน่นอน

“ที่ห้องดีกว่า ข้างนอกคนเยอะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ชวนเก้ากับคุณไคมาที่ห้อง มากินเหล้ากัน” พระพายว่า

“อาจจะมีเพื่อนฉันบางคนมาด้วยสองสามคนเพราะพวกที่เหลือบินไปต่างประเทศกันหมดแล้ว”

“ก็ได้ ยังไงก็บอก จะได้เตรียมของกินกับเครื่องดื่มให้พอ”

“เลิกงานพรุ่งนี้แล้วไปซื้อด้วยกัน”

“ผมไปกับเก้าก็ได้” พระพายว่า

“ทำไม?” พิธานถามพลางมองหน้าพระพาย

“บางทีตอนนั้นคุณอาจจะยังไม่เสร็จงาน”

“ไม่หรอก เสร็จทัน” พิธานบอกเช่นนั้น

“วันนี้จะไปไหนบ้างพิธานถาม
“ไม่ คิดว่าจะอยู่ห้อง”

“อืม วันนี้ฉันกลับไม่ดึก”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไว้เจอกัน”

             พระพายยิ้มให้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาเล่น กลบเกลื่อนความรู้สึกที่เหมือนจะตีขึ้นมาในอก ข่มใจไม่ให้ถามอะไรออกไปเพราะตั้งใจว่าจะถามตอนวันปีใหม่ พิธานมองภาพนั้นด้วยสายตานิ่งๆก่อนที่จะล้มตัวลงทับพระพาย ยึดมือพระพายไม่ให้ดิ้น

“โอ๊ย!!” พระพายร้องขึ้นมาทันที โทรศัพท์มือถือหล่นใส่หน้า สร้างความเจ็บได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“นายไม่สนใจฉันเลย”

           พิธานกระซิบที่หูของพระพาย สายตาที่จ้องมองพระพายนั้นดูไม่สบอารมณ์เอามากๆ เหมือนกำลังโกรธอยู่นัยที เรี่ยวแรงเยอะแยะที่กดมานั้นพระพายจะเข้าใจว่าพิธานกำลังรู้สึกอย่างไร เพราะความที่เจ้าตัวรู้ทันเสมอคงกำลังตงิดในท่าทีของเขาแน่นอน จึงต้องการพูดกันให้รู้เรื่อง

“ใครบอกว่าผมทำแบบนั้นล่ะ?” พระพายว่า ยากเหลือเกินเมื่อสายตานั้นจ้องเหมือนจะทะลุเข้ามาในจิตใจ

“นายเมินใส่ตั้งแต่วันก่อนแล้ว” พิธานพูด น่าจะเป็นวันเดียวกันกับพิธานผิดนัด

“คุณทำงานหนักจนสมองกลับแล้วเหรอ?” พระพายว่า

“ฉันไม่เคยสมองกลับ” น้ำเสียงเย็นเฉียบเอ่ยออกมาพลางสบมองเข้าไปในตาของพระพายที่เริ่มจะปั้นหน้าไม่ถูก

“ถ้าอย่างนั้นทำไม.....” พระพายกำลังจะพูดถึงเรื่องที่พิธานผิดนัดอีกทั้งเรื่องที่ไปกับแฟนเก่าด้วย แต่ก็หยุดตัวเองได้ทันเสียก่อน

“ทำไม....พูดต่อ” พิธานว่า พระพายเงียบลงและโชคดีที่มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ซึ่งเป็นของพิธาน

“พูดสิ” พิธานไม่ยอมที่จะรับสาย ยังคงคาดคั้นจากพระพายอย่างไม่ยอม

“มือถือคุณดังอยู่” พระพายว่า พิธานเงียบไปอึดใจก่อน คงจะพอรู้ว่าพระพายเองก็คงไม่ยอมตอบในตอนนี้ จึงเลือกที่จะลุกขึ้นและรับสายคนที่โทรเข้ามา

“ได้ ผมจะรีบเข้าไป” พิธานพูดเท่านั้น อาจจะเป็นเลขาปอที่โทรมา

“กลับมาเราต้องคุยกัน” พิธานพูดคาดโทษไว้ ไม่ใช่แค่สายตาที่มองต่ำลงมายังรวมไปถึงน้ำเสียงตึงๆนั่นด้วยเช่นกัน จากนั้นจึงเดินเข้าไปห้องแต่งตัวเพื่อจะรีบไปทำงาน

        พระพายพรูลมหายใจออกมา ที่ผ่านมาตั้งแต่ตกลงกันเป็นแฟน พิธานโหมดร้ายเหมือนช่วงแรกๆที่เจอกันก็ไม่เคยโผล่มาให้เห็นอีกเลย นั่นอาจจะทำให้พระพายเหลิงไปหน่อยจึงกล้าที่จะพูดกับพิธานหรือทำทีเช่นนี้ออกไป รู่สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาเหมือนกันหลังจากโดนคาดโทษเช่นนั้น หากไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอว่าทำไมถึงทำท่าทีแบบนั้นออกไป คาดว่าจะโดนทำโทษหนักอย่างแน่นอน

        พิธานออกไปจากห้องแล้วโดยไม่เอ่ยคำลา เจ้าตัวคงโกรธเอามากๆและคงไม่อยากปะทะกันตอนนี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆดันสะกิดต่อมโทสะของพิธานเข้าให้แล้ว พระพายเริ่มหวั่นใจขึ้นมาเพราะกลัวว่าหากเล่าให้ฟังแล้วจะโดนว่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย คิดหยุมหยิมไม่เหมือนตอนแรกๆที่คบกัน พระพายไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงโทรหาเก้าเร่งให้มาหาที่ห้องโดยเร็ว

        ระหว่างที่เก้าบอกว่าจะมาหาพ่วงไคมาด้วยเพราะรายนั้นอยากมาหาพระพายเหมือนกัน ดังนั้นพระพายจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวผ่านไปกว่าชั่วโมงเสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น ไคและเก้ามาถึงแล้ว พระพายจึงรีบเปิดประตูให้ด้วยความรวดเร็ว

“สวัสดีครับคุณไค” พระพายทักทาย

“สบายดีไหมพระพาย?” ไคเอ่ยถาม พระพายมองหน้าไคด้วยรอยยิ้มบางๆ ไคยังคงหล่อคงเส้นคงวาเช่นเคย

“จะสบายดีได้ไง ในเมื่อเพื่อนมึงทำเรื่องแบบนั้น” เก้าแทรกขึ้นมาด้วยความรวดเร็วพลางนั่งลงบนโซฟา

“คิดอะไรแบบนั้น คนอย่างพิธานไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย”

“แล้วคนแบบไหนที่ไปกับแฟนเก่า พอแฟนคนปัจจุบันส่งข้อความแล้วเมินเฉยแบบนั้นล่ะ?” เก้าเถียงทันควัน

“ใจเย็นมึง” กลายเป็นพระพายที่ต้องมาห้ามทัพทั้งสองคนแทน

“นี่แฟนมึงมันไปทำงานใช่ไหม?” เก้าว่า

“ไปแล้ว”

“มึงถามมันรึยัง?” เก้าถาม

“ยังเลย ก็บอกแล้วว่าจะถามตอนไปบ้าน แถมก่อนออกจากห้องก็มีเรื่องกันนิดหน่อย”

“เรื่องอะไร มันทำอะไรมึง?” เก้าถามทันที ไคเองก็ตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น

“ไม่ๆ ไม่ใช่แบบนั้น แต่คุณพิธานน่าจะจับได้ว่ากูไม่ปกติ เลยคาดโทษกูน่ะ ว่าคืนนี้จะกลับมาคุย”

“คาดโทษ...กูเข้าใจแล้ว มันก็น่ากลัวละนะสำหรับมึง” เก้าก็ว่า

“กูไม่อยากเจอเขาเลยว่ะ ทำไงดีวะ?”

“พระพายก็พูดไปตรงๆเลยดีกว่าไหม พิธานไม่ชอบให้ใครมีความลับด้วย” ไคว่า

“ก็อยากพูดหรอกแต่กลัวจะถูกมองไม่ดี” พระพายว่า

“เรื่องนั้นยกไปก่อน กูอยากรู้เรื่องแฟนเก่ามัน” เก้าหันไปมองไค

“รูปที่ส่งมาให้ดูใช่ไหม ชื่อโอ ก็เพื่อนของเพื่อนอีกที” ไคบอก

“มันมีแค่คนเดียวเหรอ หรือมีมากกว่านี้?” เก้าถามราวกับกำลังสอบสวนผู้ร้าย

“มีคนเดียวนี่แหละ” ไคบอก

“แล้วทำไมยังติดต่อกันวะ?” เก้าถาม พระพายได้แต่นั่งดูทั้งสองคุยกัน

“น่าจะเรื่องงานมากกว่า จำได้คร่าวๆว่าโอทำงานอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับทางผู้ใหญ่ของฝั่งพิธาน แต่เรื่องนี้ก็จำไม่ค่อยได้”

“แปลว่าติดต่อกันมานานแล้วสิ” เก้าถาม

“น่าจะนะ เรื่องนี้ไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะลองถามเพื่อนอีกคนให้”

“ให้ไวเลยมึง กูเห็นเรื่องอื่นไหวเหลือเกิน” เก้าว่า

“เรื่องไหนล่ะ?”

“เรื่องสืบที่อยู่กู ตามติดกูเป็นเงาไง” เก้าพูดพลางถลึงตาใส่

“มันคนละเรื่องกัน นั่นเรื่องแฟน นี่เรื่องเพื่อน” ไคตอบ จังหวะนั้นพระพายถึงกับชะงัก

“เดี๋ยวนะ...เป็นแฟนกันแล้วเหรอ?” พระพายถาม เก้ารีบเอาหมอนอิงปาใส่ไคด้วยความรวดเร็ว

“มึงจะพูดออกมาทำหอกอะไร!” เก้าต่อว่าทันที

“ก็เป็นแฟนกันแล้ว จะปิดไปทำไม”

 ไคว่าพลางยิ้มมุมปาก เก้าถึงกับหลบตามองไปทางอื่น พระพายรู้สึกถึงออร่าสีชมพูแปร่งๆออกมาจากคนทั้งคู่...นี่คือคู่รักคู่ใหม่ที่กำลังหวานชื่นอย่างไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะ

“ดีจังเลยนะ” พระพายว่าพลางมองทั้งสองคน

“มึงอย่ามาทำหน้าแบบนั้นใส่กูนะ” เก้าชี้หน้าพระพายทันที

“ก็กูดีใจที่มึงคบกับคุณไค”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น ที่มานี่คือเรื่องของเมิงกับไอ้พิธาน” เก้ารีบเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาด้วยความรวดเร็ว

“ก็นั่นแหละ กูไม่อยากเจอเขาคืนนี้”

“จะหลบไม่ได้ตลอดหรอกนะพระพาย”  ไคว่า

“รู้ แต่ผมไม่พร้อมคุย จะยังไงดี ชิ่งหลับก่อนดีไหม?”

“มึงจะบ้ารึไง เดี๋ยวโดนมันปลุกแล้วทำโทษมึงตรงนั้นก็ได้” เก้าว่า

“จะให้ทำยังไงล่ะ?”

“ก็พูดตรงๆไปเลย” เก้าบอก

“มันจะดีเหรอวะ?”

“เออ ก็ดีกว่ามึงมานั่งคิดเองเออเองแบบนี้แน่นอน ถ้ามึงจะเลิกกันเพราะเรื่องแค่นี้ก็เลิกไปเลย” เก้าว่า แต่สีหน้าของพระพายนั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว ไคมองเก้าแล้วส่ายหน้านิดๆเชิงบอกว่าอย่าพูดอะไรแบบนั้น

“คุยเถอะพระพาย ปกติก็คุยกันตลอดไม่ใช่เหรอ?” ไคช่วยพูดแทนเก้าที่เริ่มจะหัวร้อนเรื่องของเพื่อนแล้ว

“ใช่ครับ” พระพายพยักหน้า

“ถ้าคุยแล้วแย่ลงเชื่อเถอะจนถึงตอนนั้นก็จะรู้เองว่าต้องทำยังไง” เก้ามองหน้าพระพายที่มองหน้าไคที่พูดให้กำลังใจได้ดีมากจนเริ่มรู้สึกดีขึ้น

“ครับ จะลองดู” พระพายตกลงในที่สุด

“ตามนั้นนะ อย่าเพิ่งคิดในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง” ไคตบไหล่พระพายเบาๆ

“อ่า มึงนี่เก่งเหมือนกันนะ” เก้าว่า ไคยิ้มรับคำชม

“ว่าแต่มึงหิวไหม ออกไปหาอะไรกินกัน” เก้าเสนอขึ้น

“อืม เอาสิ”


        ทั้งสามคนออกจากห้องขึ้นรถของไคที่จอดอยู่ชั้นล่าง จากนั้นก็ออกกันไปหาอะไรกินด้วยกัน ยังร้านอาหารร้านดังที่ไคแนะนำว่าต้องลอง พระพายรู้สึกดีกว่าเดิมมากอาจจะเพราะได้อยู่กับทั้งสองคนและเริ่มที่จะคิดหาคำพูดว่าจะพูดอย่างไรกับพิธานดี

        ระหว่างนั้นไคก็ชวนไปเดินเล่นหอศิลป์เพราะมีนิทรรศการที่น่าสนใจ พระพายเองก็อยากไปดูจึงตอบตกลงและไปด้วยกัน ภายในมีอะไรให้ดูเยอะแยะมากมายจนพระพายลืมเรื่องพิธานไปชั่วขณะ

        จู่ๆโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดเพราะพระพายตั้งค่าปิดเสียงไว้ คนที่โทรมาคือพัชชาแม่ของพิธาน พระพายจึงเลี่ยงออกจากตรงนั้นไปยังแถวทางเดินใกล้บันไดแทน

“สวัสดีครับคุณแม่”

“พระพาย ว่างใช่ไหม?” พัชชาถาม

“ครับ”

“พิธานเป็นอะไร ดูหน้าบึ้งอารมณ์เสียตลอดเวลาเลย” พัชชาถามอย่างไม่รีรอ

“เอ๊ะ..คุณแม่เจอคุณพิธานเหรอครับ?”

“ตอนนี้แม่อยู่ที่โรงแรม มากับคุณพ่อ”

“เขา...ดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ?”

“ใช่ ตอนนี้ไม่มีใครเข้าหน้าติดเลย จากที่วันก่อนพูดกับคุณพ่อแล้วแท้ๆ แต่พอมาวันนี้หน้าก็ไม่ยอมมอง”

“จริงเหรอครับ”

“ใช่ ทั้งที่พระพายอุตส่าห์ช่วยทำให้เรื่องมันดีขึ้นมาแล้วแท้ๆ”

“พอดีเรามีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อยครับ” พระพายว่า

“นิดหน่อยจริงๆเหรอ?”

“นิดหน่อยครับ เดี๋ยวจะคุยกันคืนนี้”

“ขอให้จัดการได้ด้วยดีนะ ยังไงก็ใจเย็นนะพระพาย”

“ครับคุณแม่”

“จ้ะ แล้วก็อย่าลืมวันปีใหม่มีนัดกันแล้วนะ เรามีแผนต้องมาเชื่อมสัมพันธ์พ่อลูกกัน อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้ว”

“ได้ครับ ไว้เจอกันครับ”

        พระพายวางสายไป ตอนนี้ทั้งเขาและพิธานทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงกันไปหมดแล้ว ทั้งเพื่อนทั้งครอบครัว แต่คนที่ผิดจริงๆเป็นเขามากกว่าที่ทำให้พิธานอารมณ์หงุดหงิดแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเจอพิธานเพื่อจะคุยให้เรื่องมันไม่บานปลายและกระทบไปถึงคนรอบข้างแบบนี้

        อยู่ในหอศิลป์นานพอสมควรจนตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็นแล้ว ไคจึงเลือกที่จะกลับคอนโด เวลาเย็นพอดิบพอดีพระพายจึงออกไปดูต้นกระบองเพชรที่ซื้อมาวันก่อน สำหรับของขวัญอันนี้ก็ยังไมได้บอกพิธานเลยสักคำเพราะตั้งใจจะให้หลังเคาท์ดาวน์เสร็จ

        พระพายเปลี่ยนเสื้อผ้านั่งอ่านการ์ตูนที่หน้าทีวี อ่านมันเพื่อฆ่าเวลารอพิธานกลับมา ในใจนั้นก็นั่งคิดไปว่าจะพูดอย่างไรให้พิธานเข้าใจและไม่โมโหอีก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าอ่านการ์ตูนไม่รู้เรื่องไม่เข้าหัวเพราะรอพิธานอย่างใจจดใจจ่อนั่นเอง ผ่านไปพักใหญ่ในที่สุดก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น พระพายยิ้มออกมาเพราะนั่นต้องเป็นพิธานอย่างแน่นอน

“กลับมาแล้วเหรอ” พระพายทักทาย

“อืม” พิธานตอบสั้นๆ

“เหนื่อยไหม?”

“อืม เหนื่อย” พิธานตอบสั้นๆเช่นเคย

“เดี๋ยวผมไปหยิบน้ำให้” พระพายว่า

“ไม่ต้อง” พิธานเอ่ยห้าม พระพายจึงคิดว่าพิธานคงอยากจะพูดตอนนี้เลย

“เอ่อ คุณพิธาน....” พระพายตั้งท่าจะถามแต่พิธานกลับหันหลังให้

“ฉันจะออกไปข้างนอก” พิธานพูดเพียงเท่านั้น

“เดี๋ยวนะ จะออกไปข้างนอกเหรอ?” พระพายทวนคำถาม พิธานไม่พูดอะไรและเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแทน

        พระพายยืนนิ่งและกึ่งงงว่าพิธานเป็นอะไรเพราะตั้งแต่เดินเข้าห้องมาพิธานไม่มองหน้าหรือสบตาพระพายเลยสักนิด อีกทั้งท่าทีไร้ซึ่งความรู้สึกนั่นมันคืออะไร พระพายที่ไม่เข้าใจจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พบว่าพิธานกำลังเปลี่ยนเสื้อเป็นแบบลำลองพร้อมฉีดน้ำหอมจนฟุ้ง

“จะไปไหนเหรอ?” พระพายถามขึ้น มองไปยังแผ่นหลังกว้างนั้น

“ฉันมีนัด” พิธานตอบเพียงเท่านั้น

“กับใครเหรอ?” พระพายถามออกไปอย่างไม่ตั้งใจ

“เพื่อน” พิธานบอกเพียงเท่านั้น

“เพื่อนเหรอ? ให้ผมไปด้วยได้ไหม?”

“อย่าดีกว่า”

“ไม่ใช่แค่เพื่อนสินะ” พระพายว่า ความรู้สึกปวดหนึบค่อยๆกระจายไปทั้งร่างกาย

“แล้วแต่จะคิด” พิธานบอกเท่านั้น ท่าทีเหล่านี้มันดูไม่ใช่พิธานเลยสักนิด

“เดี๋ยว!” พระพายร้องขึ้นเมื่อพิธานเลี่ยงเดินออกจากห้องแต่งตัว พิธานชะงักเพียงนิดแต่ก็ไม่ได้หันมามองพระพายแม้แต่น้อย

“ไหนคุณบอกมีเรื่องจะคุยกับผมไม่ใช่เหรอ?” พระพายถามออกไป รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงของตัวเองฟังดูแกว่งมากเลยทีเดียว

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย...นายที่ทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน...นายที่ทำอะไรลงไปโดยไม่นึกถึงความรู้สึกฉัน” พิธานพูดเท่านั้น พระพายไม่อาจจะเห็นได้ว่าพิธานนั้นกำลังแสดงสีหน้าอย่างไร

“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไปทำอะไรตอนไหน?” พระพายเริ่มไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม

“ทั้งที่ฉันคิดว่านายเข้าใจฉันมากที่สุดแล้วแท้ๆ แต่ดูเหมือนฉันจะคิดผิด”

“เดี๋ยวสิ มันเรื่องอะไร พูดเหมือนผมหักหลังคุณ...ผมไม่เคยทำ” พระพายเสียงสั่นนิดๆ ไมเข้าใจว่ากำลังพูดถึงเรื่องะไร

“การทำทุกอย่างหลับหลังฉัน เรียกว่าไม่หักหลังเหรอ?” 

             สิ้นสุดประโยคนั้นพิธานก็เดินหน้าออกจากห้องไป ทิ้งบรรยากาศที่แสนจะเจ็บปวดเอาไว้ข้างหลังพร้อมกับประโยคทิ้งท้ายที่ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่ามันคือเรื่องอะไร หมายความว่าอย่างไร ทิ้งพระพายไว้กับความรู้สึกเหมือนถูกผลักให้จมลงแม่น้ำที่ไหลบ่า

        พระพายรู้สึกชาๆและหนักตรงขา ทั้งที่อยากจะก้าวเดินออกไป อยากจะวิ่งตามไปถามถึงประโยคเมื่อครู่ ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเรื่องที่พิธานพูดมันคือเรืองอะไร แต่น้ำเสียงเย็นชาที่เหมือนโดนสาดไปทั้งร่างกายแบบนั้นมันสุดแสนจะเจ็บปวด มันเกิดอะไรขึ้นกับพิธานกัน ท่าทีที่แตกต่างกับเมื่อเช้าที่ต่างกลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แค่เพียงครึ่งวันทำไมท่าทีเช่นนี้ถึงเกิดขึ้นกับเขา ไหนจะความเจ็บเหมือนราวกับถูกฉีกร่างกายเช่นนี้ พระพายนั่งลงกับพื้นอย่างหนักอึ้งไปทั้งตัว...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...

Lyrics: Good enough by Cimorelli.




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-04-2019 14:41:35
พิธานได้ยินที่แม่โทรหาพระพายแน่เลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 18-04-2019 15:04:22
มาและจากไปพร้อมความค้างคา. กี๊สสสสส
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-04-2019 16:21:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-04-2019 16:49:28
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-04-2019 19:45:02
มันอึดอัดมาก ๆ เลย  :katai1: ถ้าพิธานจะโกรธและคิดว่าพระพายหักหลังเพราะเรื่องที่แม่ของพิธานขอร้องก็ปล่อยพิธานไปเถอะพระพายต้องการให้คนอื่นเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้วทำไมไม่เข้าใจความรู้สึกของพระพายบ้างว่าต้องลำบากใจหรือเปล่ากับคำขอร้องของพัชชาคิดว่าคนอื่นต้องเชื่อฟังต้องเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวหรือยังใงพิธานงี่เง่า(ขอด่าหน่อยเถอะ)ในเมื่อจะเย็นชาและพูดจาประชดประชันกันแบบนี้เลิกไปเลยพระพายเลิกเพราะเหตุผลบ้าบอนี่แหละ  :katai1: (อินจัด)

ป.ล. คุณนักเขียนขอความกรุณาเลยตอนหน้าอย่าให้รอนานได้ม้ายเราอึดอัดใจจริง ๆ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-04-2019 20:53:51
คุณค๊าาาาาาาา คุณมาแค่นี้หร๊ออออออออ :sad4:
รอเป็นเดือนเลยนะะะะะ แงงงงงงงง
ไม่มีอะไรเคลียร์ซักอย่าง มีแต่ปัญหาเพิ่มขึ้น
รอตอนต่อไปน๊าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: koisuratreeJHZZ ที่ 18-04-2019 22:35:58
รีเฟรชทุกวัน ในที่สุดก็มาแล้วววว อ่านไปด้วยใจระทึกว่าเหตุผลของพิธานคืออะไร สรุปก็ยังไม่รู้แถมไรท์มาทิ้งปมใหม่ไว้อีกกกกก ใจร้ายยยยย รีบมานะคะกำลังสนุกเลย ลุ้นๆ :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-04-2019 22:40:06
ค้างคากว่าเดิมอีก เรื่องเก่ายังไม่ทันเคลียร์เรื่องใหม่มาอีกละ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-04-2019 22:53:51
ตอนหน้าจะแตกหักกันไหมเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-04-2019 23:15:41
เรื่องคุณพ่อมั้ยนะ
ไปๆมาๆ กลายเป็นพระพายผิดซะงั้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 19-04-2019 14:57:53
โหว พิธานโหมดใจร้าย  :serius2:
ค้างอ่ะ ต่อตอนหน้าเร็วๆ น๊า  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-04-2019 19:05:29
ดราม่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 20-04-2019 06:09:41
พอเถอะพาย พอที  ใครก็ได้เอาพายออกมาที

 :o12:

พิธานคนไม่มีเหตุผล เชิญไปเอากับคนเก่าให้หนำใจเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 20-04-2019 07:03:33
เดี๋ยวววววว ไม่ใช่แล้ววว เรื่องพระพายโกรธพิธานยังไม่ทันได้เคลียร์เลย นี่พิธานยังมีเรื่องโกรธพระพายเข้ามาอี๊กกก ยุให้หนีดีซะบ๊
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: layurhandsonme ที่ 20-04-2019 16:39:28
ค้างมากกกกกค่ะ รอนะคะ สงสารพระพาย;__;
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 21-04-2019 09:47:49
คุ้มค่ากับการรีเฟรชทุกวัน อ่านจนบรรทัดสุดท้าทำให้รู้ว่า  คงต้องรีเฟรชต่อไปอีก...สู้เขา.. :mc4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 27-04-2019 07:11:17
อ้าว....เปลี่ยนคนงอน.....มีเรื่องใหม่แทรกซะงั้น
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 59 (18/04/19) P.30 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 04-05-2019 20:56:45
ไรท์   :monkeysad:  ได้โปรดดดดด มารีเฟรสทุกวันเลย  พอมีเวลาแวะเวียนมาบ้างน้าาา :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 06-05-2019 12:34:23
สวัสดีค่ะ  :katai5: คลานเข่าเข้ามาอัพ ช้าอีกเช่นเคยต้องขออภัยค่ะ วันนี้วันหยุดเลยได้มีโอกาสมาอัพ อีกทั้งบ้านเมืองอยู่ในช่วงเวลาแห่งความปิติ เลยมาอัพวันนี้ซะเลย (เกี่ยว?)  :o8: เอาล่ะค่ะ ไปอ่านกันดีกว่า ถ้าหากตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ อากาศตอนนี้เดี๋ยวแดดเดี๋ยวฝน ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ รัก  :กอด1: ไว้เจอกันค่ะ  :bye2:


++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 60 No words.

If I can’t hold you now
ถ้าหากฉันไม่สามารถกอดเธอไว้ได้ในตอนนี้

Keep thinking that you might not come around
ได้แต่คิดว่าเธออาจจะไม่มาหาฉันอีกแล้ว

I have no words, I have no words to say
ฉันเองก็ไร้คำพูด หมดคำพูดจะเอ่ยออกไป

If I can’t change your mind
หากฉันไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้

Keep thinking, is this our last goodbye?
คิดว่านี่คือการจากลาครั้งสุดท้ายของเราใช่ไหม

You say it first, you say it first to me
เธอเป็นคนพูดก่อน เธอเอ่ยคำลากับฉันก่อน



        เช้าวันที่สามสิบเอ็ด วันสิ้นสุดของปีที่ทุกคนเตรียมตัวได้รับวันหยุดยาว พร้อมสังสรรค์กับเพื่อนฝูงครอบครัวหรือคนรัก นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่อย่างมีความสุข..แต่นั่นไม่ใช่กับพระพาย

        พระพายนอนนิ่งอยู่บนเตียง แม้ตอนนี้นาฬิกาจะบ่งบอกว่าเป็นเวลาเช้าตรู่แล้วแต่พระพายก็ไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง ประหนึ่งคนที่ไม่อยากตื่นจากการหลับใหล...อันที่จริงตั้งแต่เมื่อคืนพระพายไม่ได้นอนหลับเลยต่างหาก

        หลังจากที่พิธานออกไปจากห้องตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ พิธานก็ไม่กลับมาอีกเลย จนถึงเช้าก็ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แวว พระพายนอนรออยู่อย่างนั้นพร้อมคำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว..มันคือเรื่องอะไร เรื่องไหนกันที่เขาหักหลัง เรื่องหลับหลังที่ว่ามันเรื่องอะไรกัน เขาผิดตรงไหน ทำไมถึงต้องกล่าวโทษกันขนาดนี้ ท่าทีที่เฉยชาและผิดหวังนั้นกำลังจะบอกถึงอะไร คำถามเหล่านี้วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนพระพายไม่อาจจะหาคำตอบได้จากใคร จะพอมีใครบอกเขาได้...แต่คิดอีกทีคงไม่มีอีกแล้วนอกจากคนที่พูดมันออกมา นอกจากพิธานเท่านั้น

        นอนนิ่งๆด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับตัว พระพายไมได้ร้องไห้ น้ำตาที่คิดว่าจะไหลก็ไม่ออกมา ทั้งที่ความเจ็บปวดมันมากมายขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่ยอมร้องไห้ออกมาแม้แต่นิด อาจจะเพราะพระพายคิดไว้เสมอว่าจะไม่ร้องไห้ออกมาเพราะนั่นคือความอ่อนแอและยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้กับเรื่องเหล่านั้นอย่างหมดรูปแบบจะต่อสู้ใดๆอีกแล้ว พระพายจึงไม่ยอมร้องไห้ออกมาเด็ดขาด

        เวลายังคงเดินไปเรื่อยๆ พระพายเองก็ยังคงไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรเรื่อยๆเช่นกัน แต่เมื่อคิดๆดูแล้วหากจะนอนนิ่งอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ทางเดียวที่จะจัดการได้คือการคุยกับพิธาน ทางเดียวเท่านั้นที่จะยุติความเข้าใจผิดเหล่านี้ได้ แต่ใจหนึ่งพระพายเองก็แอบกลัว...กลัวว่าพิธานจะไม่อยากคุยด้วย กลัวว่าทุกอย่างมันจะจบลงตรงนี้ จู่ๆก็กลัวการจากลาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย..แต่พิธานคงจะไม่ทำอย่างที่เขาคิดหรอก พิธานไม่เคยบอกเลิกใคร พระพายขอเชื่อไว้อย่างนั้นก่อน เชื่อมั่นเพื่อให้ตัวเองมีเรี่ยวแรงจะไปคุยกับพิธานให้รู้เรื่อง

        เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วพระพายจึงลุกขึ้นจากเตียง แม้ว่าจะปวดหัวขั้นสุดขนาดไหนแต่ก็ฝืนลุกไปยังห้องน้ำ อาบน้ำแปรงฟันและรีบออกมาแต่งตัว ใช้เวลาเพียงไม่นานจากนั้นก็มาหาอะไรกินในตู้เย็น มีขนมนิดหน่อยกับน้ำผลไม้แบบกล่อง แม้จะไม่ได้อร่อยไปกับมันก็ตามแต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตากินในระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพิธาน ปลายสายไม่ได้ปิดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมรับสายอยู่ดี สามถึงสี่ครั้งที่พระพายโทร จนในที่สุดพระพายก็หยุดมัน เพราะต่อให้โทรไปเป็นร้อยๆสายพิธานก็คงไม่ยอมรับสายอยู่ดี

        พระพายเริ่มเครียดอีกครั้งหนึ่ง ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าหากพิธานไม่รับสายแล้วจะไปหาพิธานได้ที่ไหน ตอนนี้พิธานทำอะไรที่ไหนอยู่กับใครก็ไม่อาจจะรู้ได้เลย ในที่สุดพระพายจึงตัดสินใจโทรหาไค คนที่น่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของพิธานมากที่สุดแล้ว

“คุณไค”

“หวัดดีพระพาย เป็นไงบ้าง” ไคที่เพิ่งตื่นทักทายพร้อมเอ่ยถาม พระพายกลืนก้อนอะไรสักอย่างลงไปเมื่อนึกถึงเมื่อคืนจากนั้นก็ตอบคำถามไค

“เรา..ทะเลาะกันหนักกว่าเดิม คุณพิธานออกไปตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ยังไม่กลับเลย”

“อะไรนะ หายไปทั้งคืนแล้วเหรอ?” ไครีบลุกขึ้นยืนจนเผลอเหยียบเพื่อนที่นอนด้วยข้างๆ ตอนนี้ไคอยู่บ้านเพื่อนอีกคนเพราะเมื่อคืนมารวมตัวกันเล่นเกม

“ครับ เขาบอกไปจะหาเพื่อน”

“เพื่อน? พวกเพื่อนในกลุ่มเมื่อคืนนัดเล่นเกมกัน ก็ไม่เจอพิธานนะ” ไคตอบ  เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของพระพายเหมือนหล่นวูบลงไปปลายเท้า...พิธานโกหกอย่างนั้นหรือ

“เขา...โกหกผมเหรอ?” เสียงเบาๆนั้นเอ่ยถามไคออกไป

“เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็นก่อน แต่อาจจะมีเพื่อนอีกคนสองคนก็ได้ที่พิธานไปด้วย เจ้าพวกนั้นกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศเมื่อคืนเลยไม่ได้เล่นเกม อาจจะอยู่ด้วยกันก็ได้นะ” ไครีบบอกทันที

“เมื่อคืนเขาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เขาบอกผมหักหลังเขา ผมทำเรื่องหลับหลังเขา” พระพายเล่าให้ไคฟัง

“ใจเย็นก่อนนะพระพาย เดี๋ยวฉันจะเช็คให้และจะรีบกลับไปที่ห้อง ยังไงก็อย่าเพิ่งคิดแง่ไม่ดี เดี๋ยวจะไปหาที่ห้อง” ไคว่าและวางสายไป หลังจากที่วางสายไปพักใหญ่ก็มีเสียงเรียกเข้า มีคนโทรมาหา พระพายหันมองก็พบว่าเป็นเก้าที่โทรมา

“มึง กูกำลังอยู่บนแท็กซี่ กำลังจะไปหา” เก้าว่า

“คุณไคบอกมึงเหรอ”

“เออ ไม่น่าจะเกินสิบห้านาที รอกูนะ”

“อืม” พระพายตัดสายทิ้ง นั่งรอทั้งไคที่จะโทรมาและเก้าที่กำลังจะมาหา

        นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ รู้ดีว่าตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า คิดไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไรและไหนจะมานั่งคิดว่าพิธานกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ เขาและพิธานจะทะเลาะกันตอนสิ้นปีอย่างนี้หรือ ทั้งที่ตั้งใจจะฉลองปีใหม่ด้วยกันแท้ๆ

        ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจจะทราบได้ แต่หน้าประตูนั้นมีเสียงกดออดดังขึ้น คงเป็นเก้าที่บอกว่าจะมาอย่างแน่นอน พระพายรีบลุกไปเปิดแต่เมื่อประตูเปิดกว้างขึ้นกลับไม่ใช่เก้า แต่เป็นพิธาน คนที่พระพายเฝ้ารอมาตั้งแต่เมื่อคืน

        แค่เห็นหน้าพิธาน พระพายก็รู้สึกตัวชานิดๆ ไม่รู้เพราะดีใจที่มาเสียทีหรือใจเสียที่เห็นสีหน้านิ่งๆและเฉยชาชนิดที่ว่าหากสบตานานๆคงจะขนลุกเพราะความเยือกเย็นนั้นได้

“คะ..คุณพิธาน” พระพายเอ่ยเรียก พิธานไม่พูดอะไรแต่เลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องทั้งที่ยังสวมรองเท้าอยู่

“เอ่อ...” พระพายพยายามจะเอ่ยปากพูด แต่พิธานไม่คิดแม้แต่จะหันมามองพระพายเลยสักนิด

        พิธานเดินตรงไปยังห้องเสื้อผ้าและเหมือนจะลงมือเก็บของใช้บางอย่างใส่กระเป๋าหิ้วที่เพิ่งดึงออกมา พระพายกระพริบตานิดๆเมื่อเห็นว่าพิธานกำลังเก็บของ

“จะไปไหน?” พระพายเอ่ยถามพิธานที่หันหลังเก็บของอยู่

“ฉันจะไปอยู่ที่อื่นสักพัก นายใช้ห้องได้ตามสบาย” พิธานบอก

“ทำไม..เกิดอะไรขึ้น?” พระพายยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก เรื่องเก่ายังไม่ได้พูดกันและนี่พิธานยังจะออกไปอยู่ที่อื่นอีก

“ฉันอยากอยู่คนเดียว..สักพัก” พิธานพูดออกมาเบาๆ พระพายรู้สึกราวกับมีหินก้อนใหญ่มาถ่วงตรงปลายเท้า หนักอึ้งไปทั้งตัวจนหายใจก็ยังแทบจะไม่ออก

“คุณ...จะไม่อธิบายผมหน่อยเหรอว่าทำไม?” เสียงของพระพายแผ่วเบาแต่ทว่าชัดเจน

“ฉัน..ไม่มีอะไรจะอธิบาย”

“จะไม่บอกผมหน่อยเหรอว่าเกิดเรื่องอะไร..คุณจะเดินออกจากห้องทั้งๆอย่างนี้เลยเหรอ?” สายตาที่พิธานสบมาดูนิ่งเฉย ความวูบไหวในดวงตานั้นไม่สามารถจะแปลความหมายได้เลยว่าคิดอย่างไรอยู่

“เรื่องอะไรเหรอ....ไม่มีอะไรจะพูด”

“พูดออกมา” พระพายเริ่มเสียงดังขึ้น จู่ๆก็เหมือนสติกำลังจะขาดสะบั้นลงเมื่อเห็นพิธานกำลังจะหันหลังจากไปพร้อมสายตาเช่นนั้น

“ฉันบอกว่า..” พิธานพูดไม่ทันจบ

“ไม่...คุณมี คุณมี แต่คุณไม่พูด พูดออกมาสิ ว่ามันเรื่องอะไรกัน?”

             เสียงนั้นเริ่มดึงขึ้นจนพระพายหูอื้ออึงเพราะโทสะอะไรสักอย่าง สายตาของพิธานที่ในครั้งแรกมองไม่ออกแต่ตอนนี้พระพายเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น....พิธานดูว่างเปล่าเมื่อมองมาที่เขา พระพายไม่อยากจะเห็นเช่นนั้น ราวกับพิธานหมดความรู้สึกกับเขาไปแล้ว

“นายฟิวส์ขาดแล้ว อย่าพูดกันต่อเลย” พิธานบอกเท่านั้น

“หยุดนะคุณพิธาน!!” พระพายตะเบ็งเสียง ตอนนี้ตัวสั่นจนรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว คงฟิวส์ขาดอย่างที่พิธานพูด

“พระพาย!!” พิธานไม่ได้เสียงดังแต่น้ำเสียงเด็ดขาดนั้นทำเอาพระพายตาพร่ามัว

“ฉันว่าเราห่างกันสักพักดีกว่า” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม...

        คำว่าห่างกันสักพัก...มันเป็นคำเลี่ยงที่จะบอกเลิก เรื่องนี้พระพายรู้ดีแม้จะไม่เคยมีแฟนมาก่อน หมดความรู้สึกชอบแล้วหรือ อยากจะจบความสัมพันธ์แล้วหรืออย่างไรถึงพูดคำนี้ออกมา...แน่ชัดแล้วว่าพิธานต้องการอย่างนั้นจริงๆ ท่าทีนั้นบ่งบอกได้อย่างชัดเจน...

“คุณ...จะเลิกกับผมเหรอ?” ดวงตาที่พร่ามัวนั้นคืออาการที่พระพายเริ่มหมดการควบคุมตัวเอง กระบอกตาร้อนผ่าวเห่อร้อนไปทั้งหน้า ปลายมือเหมือนจะชาขึ้นมาทีละนิดๆ

“ฉัน...ไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

พิธานเหมือนจะบอกว่าเข้าใจผิดแต่ฟังดูแล้วไร้ประโยชน์มากสำหรับพระพาย ตอนนี้ อารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง โทสะที่ระเบิดออกมาเริ่มระเหยหายกลายความหน่วงจนจุกอก เจ็บอะไรขนาดนี้

“พระพาย มันไม่ใช่อย่างนั้น...”

             ความพยายามที่เหมือนจะแก้ตัว ที่พระพายเห็นแล้วมันช่างไร้ประโยชน์เหลือเกิน ถ้าหากไม่อยากเลิกแล้วทำไมถึงขอห่าง ห่างเพื่ออะไร ห่างเพื่อนตั้งสติหรือห่างเพราะมีคนอื่นแล้ว แต่ดูจากท่าทีน่าจะเอนเอียงไปข้อหลังมากกว่า 

             กะทันหันจนร่างกายแข็งทื่อ จากนั้นราวกับกลไกอะไรสักอย่างในความรู้สึกถูกระเบิดออกมา จู่ๆน้ำตาที่ไม่มีที่มาที่ไปก็ไหลออกมาในที่สุด เจ็บจนห้ามน้ำตาไม่ไหว น้ำตาที่ไม่อยากให้ไหลออกมาในเตอนนี้ เวลานี้และต่อหน้าคนๆนี้ ทั้งตกใจและงุนงงผสมกับยังไม่อยากเชื่อว่าจะมาถึงจุดนี้ พระพายตั้งรับไม่ทันกับสิ่งนี้

              ตอนนี้ชาหนึบไปทั้งกาย เสียงสะอื้นไม่ได้ได้หลุดเล็ดลอดออกมาแต่น้ำตาไหลพรูลงอย่างหยุดไว้ไม่ได้ ร่างกายเริ่มไม่มีเรี่ยวแรงจนต้องกำหมัดเพื่อที่จะตอกย้ำว่าต้องมีเรี่ยวแรงให้ได้ ห้ามทรุดตัวลงตรงนี้เด็ดขาด

              ทั้งคิดคาดหวังไว้ว่าทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้น ต้นกระบองเพชรวางอยู่ข้างนอกห้องที่ตั้งใจจะซื้อมาให้เป็นของขวัญปีใหม่ วาดภาพในหัวที่จะนั่งเค้าท์ดาวน์กับเก้าและไค จนไปถึงปาร์ตี้วันปีใหม่กับที่บ้านของพิธานแต่ทุกอย่างแตกสลายไปหมดแล้ว สิ่งที่หวังมันไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว หมดแล้วสำหรับความสุขที่ผ่านมาและที่เฝ้ารอ

              พิธานที่เห็นน้ำตาพระพายถึงกับชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นพระพายเป็นแบบนี้ พระพายที่เขาเคยทำร้ายจิตใจ ทำเรื่องเลวร้ายอย่างการบังคับทำเรื่องที่ไม่สมควร เหยียบย่ำความเป็นลูกผู้ชายไปเมื่อครั้งเจอกันครั้งแรก ตอนนั้นพระพายไม่ยอมร้องไห้สักนิด แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่

“พระพาย...” พิธานเอื้อมมือไปจะแตะตัวพระพาย พระพายถอยออกห่างทันที

“คุณพูดมันออกมาเองนะ...คุณพูดมันกับผม” พระพายเอ่ยเสียงสั่นนิดๆ

“เดี๋ยว...ฟังก่อน”

            พิธานเริ่มรู้สึกไม่ดี มันเริ่มไม่ปกติ ท่าทางของพระพายเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรสักอย่าง...เหมือนทุกอย่างจะจบลงตรงนี้ ทั้งที่นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของพิธาน

“พอ...ผมหมดคำพูดกับคุณแล้ว!” พระพายหันหลังด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะก้าวขากึ่งวิ่งด้วยความรวดเร็ว

“พระพาย!”

             พิธานร้องเรียกขึ้นแต่พระพายเองก็ออกไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน จังหวะที่เปิดประตูออกมาพบว่าเก้ายืนอยู่หน้าประตูพอดี เก้าถึงกับผงะเมื่อเห็นใบหน้าของพระพายที่อาบไปด้วยน้ำตา พระพายรีบวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็วเพราะต้องการออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดแม้แต่กับเก้าก็ไม่อยากให้เห็นสภาพนี้ พิธานที่ตั้งสติได้จึงจะวิ่งตามแต่เก้าดึงไว้ทัน

“มึงทำอะไรพาย?”

             เก้าตะเบ็งเสียงถามอย่างโมโห ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพิธานทำพระพายเสียใจอย่างแน่นอน พิธานสะบัดแขนออกจากการจับของเก้าและพยายามจะวิ่งไปตามพระพายที่ลงลิฟต์ไปแล้ว

“กูถามว่ามึงทำอะไรเพื่อนกู!” เก้าตะคอกเสียงดัง พิธานไม่ทันจะหันมาพูดอะไรแต่เก้ากลับชกหน้าพิธานโดยไม่รอคำตอบ หมัดหลุนๆอัดเข้าที่ข้างแก้มของพิธานเต็มๆ

“เหี้ยเอ้ย!!” เก้าผลักพิธานก่อนที่จะวิ่งตามพระพายลงไป พิธานที่ไม่แม้แต่จะยกมือห้ามเก้ากลับยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น...นี่เขาทำอะไรลงไป....

        พระพายที่ลงลิฟต์มายังชั้นล่างและวิ่งออกไป ตอนนี้ไม่มีเงินติดตัวรวมไปถึงโทรศัพท์มือถือยังคงออกวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่อยากจะให้คนที่รู้จักเห็น น้ำตาที่พากันไหลออกมาอย่างไม่คิดจะหมด ความจุกเจ็บอกจนรู้สึกว่าเจ็บกว่านี้คงจะขาดอากาศหายใจเอาได้

        จากที่วิ่งก็เริ่มหยุดเดิน จากที่เริ่มเดินมาเรื่อยๆก็รู้สึกหมดแรง น้ำตาที่ไหลเริ่มค่อยๆหยุดลงเหมือนร่างกายที่เริ่มหนักหน่วงอีกครั้ง ตอนนี้ตรงนี้ไม่รู้มันคือจุดไหนสถานที่ใด มองหาที่ๆจะนั่งลงสงบสติให้มากกว่านี้ พระพายเดินมองไปยังรอบข้าง พอจะมองเห็นที่นั่งเล็กๆอยู่ด้านข้างตึกใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นคอนโดหรืออะไรสักอย่าง พอจะเป็นที่นั่งหลบให้พ้นสายตาคนได้บ้าง 

        ยามเช้าในวันสิ้นปีดูเงียบเหงาไปสักหน่อยเพราะไม่มีคนตื่นเช้ามากมายเหมือนวันทำงานปกติ พระพายถอนหายใจออกมาพลางก้มมองฝ่ามือของตัวเอง ในหัวยังมีคำพูดของพิธานวนเวียนอย่างสะบัดไม่หลุด ภาพสีหน้าของพิธานผุดขึ้นมาอย่างแจ่มชัด ความเย็นชาในแววตา สีหน้านิ่งขรึมราวกับความว่างเปล่าในความรู้สึก ทั้งหมดมันชัดเจนจนพระพายเริ่มน้ำตารื้น

        ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้จะมาถึง ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกันมาไม่เคยนึกภาพในวันนี้มาก่อน พระพายจำได้ดีว่าครั้งที่สารภาพว่าชอบไปและตกลงเป็นแฟนกันครั้งนั้น พระพายเคยขอเอาไว้หนึ่งอย่าง หากวันหนึ่งที่พิธานไม่อยากคบต่อก็ขอให้บอกกันตรงๆ ตอนนั้นคิดเช่นนั้นจริงๆ อยากให้บอกกันตรงๆเพราะคิดว่ายังไงก็จะยอมรับคำพูดนั้นได้

        แต่พอนานวันเข้า ยิ่งคบยิ่งอยู่ยิ่งใช้ชีวิตมาด้วยกัน พระพายกลับลืมคำพูดของตัวเอง เพราะมัวหลงระเริงกับความรู้สึกดีๆที่มอบให้และได้รับมาจากพิธาน จนในที่สุดก็ลดเกราะป้องกันตัวเองลง กลับเอาไม่อยู่กับคำพูดที่เชิงบอกเลิกเช่นนั้น กลับทำใจไม่ได้และยอมรับกับสิ่งที่ได้ยินมา

        พระพายนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ทุกอย่างไหลวนผ่านเข้ามาและผ่านไป ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะไปไหนไปอยู่ที่ใดไม่รู้จะทำอะไรและไม่รู้จะไปไหนดีแต่หากจะให้นั่งอยู่ตรงนี้ตลอดไปก็คงเป็นไปไม่ได้ จึงเลือกที่จะลุกออกเดินออกจากตรงนั้น เดินออกมาด้วยเท้าเปล่าเพราะพรวดพราดออกมาจากห้อง ช่างเป็นการกระทำที่โง่จริงๆ

        พระพายเดินออกมาจากตรงนั้นมายืนอยู่หน้าตึกใหญ่ที่ว่าพลางมองซ้ายขวาว่าจะไปที่ไหนดี จะเอาตัวเองที่เจ็บช้ำหัวใจขนาดนี้ไปอยู่ตรงไหนดี

“พระพาย!”

             จู่ๆมีเสียงเอ่ยเรียกขึ้น เป็นเสียงที่ไม่คุ้นหูเลยสักนิดเอ่ยเรียกเสียงดัง พระพายหันหาไปยังทิศทางของเสียงว่ามาจากไหนและเป็นใครกัน

“เอ่อ...คุณ...” พระพายคุ้นหน้าคุ้นตาคนที่เรียกแต่นึกชื่อไม่ออก

“อัทธ์ครับ” เป็นอัทธ์ลูกชายอเนก เพื่อนของธนิตนั่นเอง จำได้ว่าเจอกันในงานเลี้ยง ผู้ชายที่พูดมากพูดเยอะจนลำบากใจ

“ทำไมมาอยู่ตรงนี้...ร้องไห้เหรอ สภาพอะไรเนี่ย?” เมื่อเห็นสภาพพระพายตอนนี้อัทธ์ถึงกับสะดุ้งตัวเลยทีเดียว

“เอ่อ...” พระพายพูดไม่ออกเท่าไหร่นัก

“ไปๆ ไปห้องผมก่อน” อัทธ์เอ่ยชวนไม่พอยังลากพระพายไปโดยไม่ไถ่ถามความเห็นเลยสักคำ อีกมือหนึ่งหิ้วถุงผ้าใบโตน่าจะกลับจากซื้อของ

“ไม่ครับ!” พระพายร้องบอกขึ้นมาทันที

“ห้องผมอยู่ตึกนี้แหละ ผมไม่ทำอะไรหรอก อีกอย่างแฟนผมก็อยู่ในห้อง ขึ้นมาก่อนเถอะ”

        พระพายที่อ่อนล้าไปทั้งใจและกายจึงถูกลากไปยังชั้นบนซึ่งไม่อยากแม้แต่จะมองว่าชั้นไหนและที่ใด รู้แค่ว่าตอนนี้ทุกอย่างมันตีรวนไปหมดแล้ว...แค่นึกขึ้นมาน้ำตาก็ทำท่าจะไหลอีกครั้งแต่ก็ต้องพยายามห้ามไว้ ไม่อยากอ่อนแอให้คนอื่นเห็นแต่ก็ยากลำบากเหลือเกิน

        อัทธ์ดึงพระพายมายังสุดทางของชั้นก่อนที่จะกดออดสองสามครั้ง เพียงแค่ครู่เดียวก็มีคนมาเปิดประตูให้ พระพายที่เอาแต่ก้มหน้าโดยไม่ได้มองเลยว่าใครเป็นคนมาเปิดประตู

“อัทธ์ พาใครมา?” เสียงนั้นถามขึ้น

“พระพาย...คนรู้จัก”อัทธ์พูดเท่านั้น

“พระพาย....” เสียงนั้นทวนชื่ออีกรอบ ทำให้พระพายต้องเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อนั้นถึงกับผงะเพราะไม่คาดคิดว่าแฟนของอัทธ์คือ...

“เลขาปอ!!” 

Lyrics: Words by Birdy.



   


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 06-05-2019 12:55:45
ค้างอีกแล้ว ตอนหน้าคงจะคลี่คลายแล้วนะ อย่างน้อยเลขาปอน่าจะรู้เรื่องอะไรบ้าง ต่อด่วนๆๆ นะคะ คนเขียน  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 06-05-2019 13:01:37
อ่าววววว ไรเนี่ย อะไร ยังไง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2019 13:03:22
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-05-2019 15:41:35
ถ้าพิธานยอมคุยกันแต่แรก พระพายคงไม่ฟิวส์ขาดแล้วออกมาแบบนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 06-05-2019 16:21:31
 :o12:  กราบบบบไร้ท์....ค้างงงงอีกแน้ววววว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-05-2019 16:57:18
ค้างๆๆๆหนักกว่าเดิม แงๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-05-2019 18:21:39
โอ๊ย... สะใจ   สมใจไหมพิธาน ห่างกันสักพัก สักพักมันนานแค่ไหน?
กรีดร้องไปเถอะพิธาน  บ้าคลั่งเข้าไป และจงโง่งมอยู่แต่ในโลกของตัวเอง
ไม่ร้องนะพาย  ไม่ร้องแล้วนะ  โอ๋ๆ  หวังว่าปอจะไม่บอกพิธานหรอกนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-05-2019 18:53:44
เราจะไม่โอเคเลยถ้านี่เป็นการเซอร์ไพรส์วันปีใหม่ของครอบครัวพิธานเพราะการทำร้ายความรู้สึกใครสักคนแล้วมาบอกว่าล้อเล่นที่หลังมันไม่โอเคกับใครทั้งนั้น  :katai1:
แต่ถ้าไม่ใช่และไม่ว่าด้วยเหตุผลใดพระพายถอยออกมาเถอะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-05-2019 19:21:04
ตอนพูดตอนทำละไม่คิด พอเค้าไปละมาสะอึก :z6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-05-2019 19:50:38
มีแผนอะไรล่ะพิธาน
ทำพระพายเสียใจแบบนี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Realtime ที่ 06-05-2019 20:47:58
การกระทำเล็กๆน้อยๆ​ (โดยไม่รู้ตัว)​ของพิธาน​ ส่งผลกระทบต่อเรื่องราวในอนาคต​
อ่านมาถึงตอนล่าสุดทำให้เราเอะใจขึ้นมากลับตอนก่อนๆ​ ไรท์ลงบทเพลงนำเกริ่นขึ้นตอนใหม่ๆทุกครั้ง​ และเนื้อเพลงนั่นสอดแทรกความหมายซ่อนอยู่และในเนื้อเรื่องนั้นก็จะมีเหตุการณ์​เกิดขึ้นที่ใกล้เคียงกับบทเพลงต้นหัวเรื่องนำพาไปสู่ความสัมพันธ์​ต่อของตอนต่อไป​ เราย้อนกลับไปอ่านตอน56 บทสนทนา​ที่พระพายคุยกับพ่อพิธาน​
 “เธอรักเขามากกว่าตัวเองไหม?”
 “ไม่เคยคิดเหรอว่าความรักแบบพวกเธอมันจะไม่ยั่งยืน?”
“ถ้าวันหนึ่งเกิดเลิกกัน กับเด็กที่ยึดติดมากขนาดนั้น คงจะเสียใจน่าดู”
แล้วหลังจากนั้นก็เป็นช่วงพิธานมีงานเข้ามาทำให้งานเยอะขึ้น​ พระพายและพิธานไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน​ จุดเริ่มความรู้สึกหน่วงของเหตุการณ์​เริ่มต้นต่อไปนี้​ คือการผิดนัดกินข้าวกับพระพายของพิธาน​ ที่บอกว่าลืมเพราะมีนัดไปดื่มกับเพื่อน? นี่แหละตรงนี้ที่พิธานไม่รู้ตัวเลย​ พระพายเจียมตัวเองในฐานะคนรักไม่กล้าถามและให้เกียรติ​พิธานมีพื้นที่ส่วนตัว
พิธานทำงานอะไร?  ยุ่งมากเลยเหรอ​ มีเรื่องราวอะไรที่พิธานถึงมีพฤติกรรมแบบนี้​ ไหนจะอยู่ๆก็มีคนเป็นแฟนเก่ากับมาร่วมกันให้เกี่ยวข้องอีก​ พิธานจะรู้ตัวบ้างมั้ยว่าพฤติกรรมการกระทำและการแสดงความรู้สึกของตัวเองนั้นแหละมันถึงส่งผลให้พระพายรู้สึกแบบนี้​ มันคงถึงจุดสุดขีดความอดทนของพระพายแล้ว​ อยากจะให้เขาเข้าใจตัวเอง​ และตัวพิธานเองละไม่เข้าใจพระพายบ้างเลย​ พระพายเทใจให้พิธานไปหมดหน้าตักทุ่มเทเพื่ออะไรหลายๆอย่าง​เผื่อแผ่​ความรักนี้ไปให้พิธานขนาดไหน​ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาพิธานไม่เคย​สัมผัสได้เลยหรือไง? ถึงได้กล้าพูดออกมาให้ห่างกัน​ พูดว่าพระพายหักหลัง​ สีหน้าท่าทาง​เหนื่ิยหน่าย​ เฉยชา​กันแบบนี้​ พระพายเปิดโอกาสให้พิธานอธิบายแล้วพร้อมที่จะพูดคุยเคลียร์​สิ่งที่มีปัญหา​ค้างคาใจกันอยู่​ แต่พิธานกลับทำมันพังลงไปแล้ว!  แม้มันจะเป็นเพียงแค่คำพูดว่าขอห่างแต่คนทางนี้เขาไม่รู้เรื่องด้วยมันคงเข้าใจไปอย่างอื่นไม่ได้หรอกพิธานในเมื่อทีผ่านมาพระพายเก็บกักมันมากเกินพอไปแล้ว​ จนที่สุดมันก็ปริแตก​ ถ้าเรื่องราวที่เราย้อนกลับไปทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเป็นแผนของคุณพ่อมีส่วนเอี่ยว​
บอกได้คำเดี่ยวเลย​ พัง!  สิ่งที่พระพายอุตส่าห์​พยายามกับแม่และพี่สาวเพื่อความสัมพันธ์​ดีๆให้กับพ่อลูก​ และไหนจะความตั้งใจของพระพายที่จะมอบของขวัญให้​ คงอาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นแล้วทุกอย่างคงแย่ลงยิ่งกว่าเดิม​   เราถึงบอกไงจุดเล็กๆน้อยๆที่พิธานทำไปโดยไม่รู้ตัว​ส่งผลกระทบต่ออนาคต​
https://youtu.be/ImW9ojtvRGghttps
เมื่อรู้ตัวก็สายไปแล้ว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-05-2019 21:02:02
น้องพระพายยยยยยย
อะไรคือสิ่งที่พิธานคิดว่าน้องหักหลัง
อะไรคือสิ่งที่ไม่ยอมอธิบายทั้งที่มีโอกาส
อะไรคือสิ่งที่ทำให้พูดคำนั้นออกมา
ตอบ!!!!!
พิธานใจร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 06-05-2019 21:14:10
เหนื่อยใจแทนพระพายทำเพื่อเขาทั้งหมดแต่ไร้ค่าพอเถอะพระพายปกติเราก็ไม่รักพิธานอยู่แล้วมาทะแบบนี้กับพระพายอีก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-05-2019 22:46:04
การกระทำเล็กๆน้อยๆ​ (โดยไม่รู้ตัว)​ของพิธาน​ ส่งผลกระทบต่อเรื่องราวในอนาคต​
อ่านมาถึงตอนล่าสุดทำให้เราเอะใจขึ้นมากลับตอนก่อนๆ​ ไรท์ลงบทเพลงนำเกริ่นขึ้นตอนใหม่ๆทุกครั้ง​ และเนื้อเพลงนั่นสอดแทรกความหมายซ่อนอยู่และในเนื้อเรื่องนั้นก็จะมีเหตุการณ์​เกิดขึ้นที่ใกล้เคียงกับบทเพลงต้นหัวเรื่องนำพาไปสู่ความสัมพันธ์​ต่อของตอนต่อไป​ เราย้อนกลับไปอ่านตอน56 บทสนทนา​ที่พระพายคุยกับพ่อพิธาน​
 “เธอรักเขามากกว่าตัวเองไหม?”
 “ไม่เคยคิดเหรอว่าความรักแบบพวกเธอมันจะไม่ยั่งยืน?”
“ถ้าวันหนึ่งเกิดเลิกกัน กับเด็กที่ยึดติดมากขนาดนั้น คงจะเสียใจน่าดู”
แล้วหลังจากนั้นก็เป็นช่วงพิธานมีงานเข้ามาทำให้งานเยอะขึ้น​ พระพายและพิธานไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน​ จุดเริ่มความรู้สึกหน่วงของเหตุการณ์​เริ่มต้นต่อไปนี้​ คือการผิดนัดกินข้าวกับพระพายของพิธาน​ ที่บอกว่าลืมเพราะมีนัดไปดื่มกับเพื่อน? นี่แหละตรงนี้ที่พิธานไม่รู้ตัวเลย​ พระพายเจียมตัวเองในฐานะคนรักไม่กล้าถามและให้เกียรติ​พิธานมีพื้นที่ส่วนตัว
พิธานทำงานอะไร?  ยุ่งมากเลยเหรอ​ มีเรื่องราวอะไรที่พิธานถึงมีพฤติกรรมแบบนี้​ ไหนจะอยู่ๆก็มีคนเป็นแฟนเก่ากับมาร่วมกันให้เกี่ยวข้องอีก​ พิธานจะรู้ตัวบ้างมั้ยว่าพฤติกรรมการกระทำและการแสดงความรู้สึกของตัวเองนั้นแหละมันถึงส่งผลให้พระพายรู้สึกแบบนี้​ มันคงถึงจุดสุดขีดความอดทนของพระพายแล้ว​ อยากจะให้เขาเข้าใจตัวเอง​ และตัวพิธานเองละไม่เข้าใจพระพายบ้างเลย​ พระพายเทใจให้พิธานไปหมดหน้าตักทุ่มเทเพื่ออะไรหลายๆอย่าง​เผื่อแผ่​ความรักนี้ไปให้พิธานขนาดไหน​ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาพิธานไม่เคย​สัมผัสได้เลยหรือไง? ถึงได้กล้าพูดออกมาให้ห่างกัน​ พูดว่าพระพายหักหลัง​ สีหน้าท่าทาง​เหนื่ิยหน่าย​ เฉยชา​กันแบบนี้​ พระพายเปิดโอกาสให้พิธานอธิบายแล้วพร้อมที่จะพูดคุยเคลียร์​สิ่งที่มีปัญหา​ค้างคาใจกันอยู่​ แต่พิธานกลับทำมันพังลงไปแล้ว!  แม้มันจะเป็นเพียงแค่คำพูดว่าขอห่างแต่คนทางนี้เขาไม่รู้เรื่องด้วยมันคงเข้าใจไปอย่างอื่นไม่ได้หรอกพิธานในเมื่อทีผ่านมาพระพายเก็บกักมันมากเกินพอไปแล้ว​ จนที่สุดมันก็ปริแตก​ ถ้าเรื่องราวที่เราย้อนกลับไปทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเป็นแผนของคุณพ่อมีส่วนเอี่ยว​
บอกได้คำเดี่ยวเลย​ พัง!  สิ่งที่พระพายอุตส่าห์​พยายามกับแม่และพี่สาวเพื่อความสัมพันธ์​ดีๆให้กับพ่อลูก​ และไหนจะความตั้งใจของพระพายที่จะมอบของขวัญให้​ คงอาจจะไม่มีทางเกิดขึ้นแล้วทุกอย่างคงแย่ลงยิ่งกว่าเดิม​   เราถึงบอกไงจุดเล็กๆน้อยๆที่พิธานทำไปโดยไม่รู้ตัว​ส่งผลกระทบต่ออนาคต​
https://youtu.be/ImW9ojtvRGghttps
เมื่อรู้ตัวก็สายไปแล้ว

เจ๋งเลย   o13  เราสนับสนุนความคิดนี้เต็มที่เลย อยากจะเขียนให้ได้อย่างนี้บ้าง555แต่เขียนยังใงก็ไม่รู้เรื่องสักที
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-05-2019 23:11:06
โอ๊ย... สะใจ   สมใจไหมพิธาน ห่างกันสักพัก สักพักมันนานแค่ไหน?
กรีดร้องไปเถอะพิธาน  บ้าคลั่งเข้าไป และจงโง่งมอยู่แต่ในโลกของตัวเอง
ไม่ร้องนะพาย  ไม่ร้องแล้วนะ  โอ๋ๆ  หวังว่าปอจะไม่บอกพิธานหรอกนะ

พูดแทนใจไปหมดแล้ว //พิธานตัองเรียนรู้ที่จะรักใครเป็นจริงๆจังๆสักที ถ้าคิดได้ก็ได้พระพายกลับมา ถ้าคิดไม่ได้คิดไม่เป็นไม่ลงมือทำก็คงต้องเสียพระพายไป กลับไปนั่งสำนึกผิดที่มุมห้องนู้นไป๊ ห่างสัก 3 ปีเลยดีไหม หืมม ประชดค่ะประชด 5555 ให้เรียนรู้ความเสียใจบ้าง จะรอดูว่าพิธานจะทำอะไรให้พระพายได้ถึงจะพอให้อภัย เห๊อะ !!! อร๊ายยยสนุกมาก ชอบความหน่วงนี้จังเว้ย ชอบพระพายที่เข้มแข็ง รอตอนต่อไปเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่แต่งมาต่อให้ได้อ่านกัน ^^
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-05-2019 23:14:53
อยากรู้จริงๆ ว่าอะไรที่พระพายทำลับหลังพิธาน จนถึงกับโกรธจนไม่พูดกับพระพายให้แตกหักกันไปเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-05-2019 02:40:19
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: koisuratreeJHZZ ที่ 07-05-2019 14:16:29
หนีไปเลยพระพาย หนีไป!! :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2019 19:11:10
อย่าดราม่านาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 07-05-2019 21:42:13
เรื่องมันหนัก...มีอะไร...พูดสิ..พิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 60 (06/05/19) P.31 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 08-05-2019 16:33:20
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 17-05-2019 16:54:12
สวัสดีค่ะ ตอนที่ 61 มาแล้วนะคะ หลังจากตอนที่แล้วพิธานของเราโดนกระซวกแบบกู่ไม่กลับ  :katai1: เข้าใจคนอ่านค่ะ เราก็งอนนางที่เป็นแบบนั้น  :m15: ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ มีคนอ่านหลายคนตีแผ่นิสัยของพิธานได้ถึงแก่นลึกจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะเห็นแล้วดีใจมากที่เข้าใจในสิ่งที่เรานำเสนอ  o13

มาอ่านต่อดีกว่าค่ะ สำหรับตอนนี้หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ ตอนนี้เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพ พกร่มและเสื้อกันฝนติดตัวกันด้วยนะคะ รัก  :กอด1: ไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ


+++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก

ตอนที่ 61 Misunderstand.

I should have known from the start
ฉันควรจะรู้ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มแล้ว

If there would be a day where things would change, babe
หากวันหนึ่งจะมีสิ่งต่างๆมันเปลี่ยนไปเช่นนี้ ที่รัก

It's just I gave you my heart
มันก็แค่ฉันได้มอบหัวใจไปให้เธอหมดแล้ว

Thinking you would stay but you walk away
คิดว่าเธอจะอยู่ แต่เธอกลับเดินจากไป



“เลขาปอ!!”

        พระพายอุทานออกมาเมื่อเห็นหน้าคนที่เปิดประตู คือแฟนของอัทธ์ที่เพิ่งบอกมาเมื่อครู่นี้ เลขาปอมองอย่างงุนงงเพราะใบหน้าของพระพายตอนนี้ไม่ได้น่าดูมากมายเท่าไหร่นัก ตาที่เริ่มบวมเพราะการร้องได้ หน้าตาเปรอะเปื้อนเป็นคราบแห้งๆที่บ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มา

“อ้าว รู้จักปอด้วยเหรอ?” อัทธ์ถามขึ้น

“เข้ามาก่อน” เลขาปอชวนเข้าห้องอัทธ์จึงลากพระพายเข้าไปในห้องทันที

        พระพายที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่ นั่งลงอย่างอ่อนแรงบนโซฟาโดยที่เลขาปอเดินเข้าไปในครัวเอาน้ำดื่มมาให้พร้อมกระดาษทิชชู่มาด้วยหนึ่งกล่อง

“ไปล้างเท้าก่อนดีไหม?” เลขาปอเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเท้าของพระพายที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก

“เอ่อ..” พระพายยังคงพูดอะไรไม่ออก เลขาปอจึงดึงไปยังห้องน้ำใกล้ครัวเพราะตอนนี้อัทธ์หายไปในห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องนอน พระพายล้างเท้าในห้องน้ำ ก่อนที่จะเดินออกมาโดยที่เลขาปอมองว่าสะอาดดีแล้วหรือยัง

“มานั่งตรงนี้”

        พระพายทำตามอย่างว่าง่ายเพราะไม่มีอารมณ์แม้แต่อยากจะขยับปากพูดอะไรออกมา ได้เห็นเลขาปอใกล้ๆมองในมุมนี้ช่างดูดีจนผู้ชายด้วยกันเองยังรู้สึกหวั่นไหวนิดๆเสียด้วยซ้ำไป พระพายมองหน้าเลขาปอที่จ้องมองมาราวกับจะถามด้วยสายตา

“ชื่อพระพาย...คุณรู้จักใครที่ชื่อพิธานบ้างรึเปล่า?” เลขาปอถามพลางขมวดคิ้ว เพียงได้ยินชื่อพิธาน พระพายก็เริ่มแสบกระบอกตาอีกครั้ง พระพายพยักหน้านิดๆเป็นคำตอบ

“คุณคือแฟนของคุณพิธานสินะ!” เลขาปอหลุดเสียงดังขึ้นมามากว่าเดิม

“...”

พระพายพูดไม่ออกจริงๆว่าตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่แฟนของพิธานอย่างที่คงตรงหน้าเข้าใจแล้ว พระพายอยากจะบอกเลขาปอว่าไม่ใช่อย่างที่คิด...เขาไม่ได้เป็นแฟนพิธานอีกแล้ว แต่ริมฝีปากหนักอึ้งจนแทบจะอ้าไม่ออก

“ผมไม่เคยได้เห็นหน้าคุณเลย รู้แค่ชื่อ ทั้งที่คุณรู้จักผม แต่ผมไม่รู้จักคุณ ผมนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ” เลขาปอตำหนิตัวเอง

“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงมาอยู่แถวนี้..แถมสภาพแบบนี้อีก?” เลขาปอที่เพิ่งจะนึกได้ว่าต้องถามเรื่องนี้ก่อน ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่นๆ

“ทะเลาะกับพิธานมารึเปล่า?” เสียงของอัทธ์ที่เดินออกมาจากห้องแล้วนั่งลงข้างๆเลขาปอ ตอบแทนพระพายได้อย่างถูกต้องชัดเจน

“อย่าบอกนะว่าใช่?” เลขาปอถามย้ำ พระพายก้มหน้าลง

“วันนี้คุณพิธานหยุดพักผ่อน ตามตารางที่ผมจัดก็เป็นแบบนั้นด้วย แล้วไปอยู่ซะที่ไหนล่ะ?” เลขาปอว่าพลางหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆขึ้นมา ทันใดนั้นพระพายรีบจับแขนไว้เสียก่อน

“อย่าโทร....” พระพายบอกเท่านั้น เลขาปอมองหน้าพระพาย

“ทะเลาะกันก็ต้องปรับความเข้าใจกันนะ คุณรู้ใช่ไหมถ้ามันข้ามคืนจะกลายเป็นเรื่องอื่น”

“แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาทบทวนกันหน่อยนะปอ” อัทธ์แย้งขึ้น

“แต่อัทธ์...คุณพิธานไม่เหมือนอัทธ์นะ รายนั้นน่ากลัวถ้าอะไรก็แล้วแต่ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ”

“กับคนแบบนั้น เฮ้อ...ก็บอกให้ลาออกมาทำงานกับผมก็ไม่เชื่อ” อัทธ์ได้ทีบ่น เพราะแฟนเขาทำงานให้พิธานหนักมากจนไม่ค่อยมีเวลาให้และไหนจะเจ้านายเป็นแบบนั้นอีก

“ปอสนุกกับงาน อีกอย่าง..คุณพิธานเป็นคนดีกว่าที่อัทธ์คิดไว้นะ” พระพายนั่งเงียบๆให้ทั้งสองคนคุยกันถึงเรื่องที่พระพายไม่อยากจะเข้าใจด้วยเท่าไหร่นัก

“คนดีที่ไหนปล่อยแฟนออกมาแบบนี้ล่ะ?” อัทธ์ตำหนิพิธานกลายๆ

“พอเถอะ...” พระพายโพล่งขึ้นออกมา

“ขอบคุณที่ชวนผมเข้ามา แต่ผมว่าผมไปดีกว่า” พระพายพูดและลุกขึ้นแต่เลขาปอดึงไว้ทัน

“อยู่ที่นี่เถอะ อย่างน้อยก็ให้ผมสบายใจว่าคุณปลอดภัยมากกว่าออกไปเดินตามถนนแบบนั้น”

“โทษทีที่พูดอะไรแบบนี้ต่อหน้า แต่พระพายเชื่อปอเถอะ อยู่ที่นี่ดีกว่า” อัทธ์เองก็เห็นด้วยกับเลขาปอ

“อย่าบอกใครได้ไหม?” พระพายเอ่ยขอกับเลขาปอ แม้รู้อยู่แก่ใจว่าพิธานคงไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนและเป็นอย่างไรแล้วก็ตามที

“ไม่บอก ผมสัญญา” เลขาปอยืนยันเช่นนั้น

“ถ้าอย่างนั้นนอนพักก่อนไหม หรือจะไปอาบน้ำก็ได้” อัทธ์ว่า

“ผมขอนอนที่โซฟาก็ได้”

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมหาอะไรให้กิน” เลขาปอว่า

         เลขาปอและอัทธ์ออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้ว ถึงตอนนั้นพระพายจึงล้มตัวลงนอนบนโซฟา รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดในตอนนี้ เมื่อนึกภาพตอนที่ตัวเองออกมาก็เพิ่งจะนึกได้ว่าเห็นเก้าอยู่หน้าประตู คงจะมาถึงหมาดๆและไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง รวมไปถึงพิธานเช่นเดียวกัน

        นึกๆย้อนไปแล้วก็รู้สึกได้อย่างหนึ่ง คือพิธานเหมือนกำลังจะอธิบาย คงจะอยากพูดอะไรให้ชัดเจนกว่านี้แต่สำหรับพระพายแล้วไม่ต้องพูดให้มากความไปมากกว่านี้ ในเมื่อพิธานเป็นคนตั้งใจจะอยากห่าง ไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว ความหมายมันชัดเจนขนาดนั้นจะอธิบายไปก็ป่วยการ

        พระพายนอนไปเรื่อยๆ ให้ทุกอย่างผ่านวนเข้ามาและผ่านไป ใจที่เริ่มสงบนิ่ง เริ่มตั้งสติได้มากกว่าตอนที่วิ่งออกมา เสียงแว่วๆที่อยู่ห่างออกไปราวกับเจ้าของห้องทั้งสองคนไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ทุกอย่างเริ่มกล่อมให้พระพายหลับตาลงช้าๆ ดวงตาเริ่มปิดลงและหลับไปในที่สุด...

...

        เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้เพียงว่าตอนนี้ไฟในห้องถูกเปิดสว่างแล้ว คงไม่ใช่เวลากลางวันอย่างแน่นอน ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเลขาปอนั่งอยู่ตรงเก้าอี้โซฟาตัวเล็กโดยที่ในมือกางหนังสืออยู่ สวมแว่นใสซึ่งน่าจะเป็นแว่นสายตาก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ พระพายมองอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มขยับตัวนิดๆก่อนที่จะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

“ตื่นแล้วเหรอ” เลขาปอเอ่ยถามทันทีที่เห็นพระพายขยับตัวขึ้นนั่ง

“ครับ” เสียงแหบนิดๆเพราะเพิ่งตื่นนอน

“น้ำหน่อยไหม?” พระพายพยักหน้ารับ เลขาปอจึงวางหนังสือลงและลุกไปหยิบน้ำดื่มขวดเล็กให้พระพายจากตู้เย็น

        พระพายรับมาดื่มไปครึ่งขวดก่อนที่จะวางมันลงบนโต๊ะ เลขาปอมองพระพายที่ยังคงดูเซื่องซึมและเห็นได้ชัดว่ากำลังเศร้าสุดกู่

“ผมไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายกับแฟนเท่าไหร่ แต่พอจะบอกได้ไหมว่าเรื่องมันร้ายแรงขนาดไหนจนถึงต้องเดินออกมาในสภาพนี้” เลขาปอเริ่มต้นถามเรื่องราวทั้งหมด พระพายเงียบไปสักครู่ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“ผมไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเรื่องทุกอย่างมันน่าจะจบลงแล้ว”

“จะเลิกกันอย่างนั้นเหรอ?”

“คงจะอย่างนั้น”

“อย่างคุณพิธานน่ะเหรอจะเลิกกับคุณได้...ทั้งๆที่ออกจะให้ความสำคัญเสียขนาดนั้น” เลขาปอว่า พระพายหันมองคนที่กำลังพูดเรื่องอะไรที่พระพายไม่ค่อยเข้าใจ

“รู้ไหม คุณพิธานที่ชอบทำตัวไม่สนใจอะไร ดูร้ายกาจไม่น่าเข้าหาเมื่อสองสามปีก่อนตอนที่ผมเริ่มทำงานน่ะมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจมากๆ จนผมท้อที่จะทำงานต่อให้เขาเลยล่ะ”

“แต่เมื่อไม่นานมานี้ จู่ๆบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไป แบบกะทันหันจนผมยังตกใจเลย จากที่เริ่มไม่สนใจใครก็เริ่มมีท่าทีที่แปลกตา ดูนุ่มนวลแม้จะไม่ยิ้มก็ตาม”

“จนในที่สุดผมก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่เขาเปลี่ยนไป เขาบอกผมว่าคุณคือแฟนเขาหลังจากวันนั้นที่คุณโทรมาหาผม เมื่อผมเอ่ยชื่อคุณทีไร ดวงตาของเขาวิบวับจนผมยังหมั่นไส้เลย นั่นแหละผมถึงรู้จักแค่ชื่อของคุณ” เลขาปอว่าพลางนึกไปถึงพิธานที่แสดงท่าทีเช่นนั้นบ่อยๆ

        ยิ่งได้ยินแบบนั้นพระพายยิ่งรู้สึกปวดหนึบในอก เหมือนจะอยากจะร้องไห้อีกแล้ว เจ็บเหลือเกิน เจ็บที่ตอนนี้พิธานอาจจะไม่รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว สายตาที่เป็นประกายเช่นนั้นจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว มันจบไปแล้ว...

“เรื่องมันร้ายแรงจนไม่อยากจะพูดกันอีกแล้วเหรอ?” เลขาปอวกมาถามอีกครั้งหนึ่ง

“เขาเองไม่ยอมฟังเหตุผลผมซะด้วยซ้ำ” พระพายว่า

“ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจพวกคุณเท่าไหร่หรอกนะ แต่คุณรู้ใช่ไหม การที่เราจบกันโดยไม่สะสางปัญหามันจะเป็นสิ่งที่ติดค้างในใจและไม่มีวันหาย...มันจะติดหนึบในใจคุณจนรู้สึกทรมานไปนานแสนนานเลยล่ะ”

“แต่ผมไม่พร้อมจะฟังการถูกปฏิเสธซ้ำสองหรอกนะ..ครั้งเดียวก็เจ็บเกินพอแล้ว”

“เอาเถอะ ผมว่าคุณต้องใช้เวลากับตัวเองให้มากกว่านี้ ต้องมีแหละตอนที่คุณพร้อมจะจบเรื่องทุกอย่างให้มันจบลงอย่างไม่ค้างคาใจอีก”

“ขอบคุณนะ” พระพายพูดได้เพียงเท่านั้น

“หิวไหม ผมมีกับข้าวอยู่ในตู้เย็นนะ” เลขาปอถาม

“ไม่หิวเลย”

“แต่ต้องหาอะไรรองท้องสักหน่อยก็ดีนะ ขนมปังไหมดีกว่า” เลขาปอคะยั้นคะยอให้กินอยู่ดี พระพายจึงรับขนมปังทาแยมมาหนึ่งแผ่น ใส่ปากอย่างไม่รับรู้รสชาติก่อนที่จะล้มตัวนอนอีกครั้ง

“เดี๋ยวผมเอาผ้าห่มมาให้นะ” เลขาปอว่าและเดินออกไปจากตรงนั้นและกลับมาพร้อมผ้าห่ม หมอนครบชุด

“คุณอัทธ์ล่ะ?” พระพายเอ่ยถาม

“นั่งทำงานอยู่ในห้องนอน คุณพักผ่อนเถอะ ถ้ายังไม่ง่วงก็มีหนังสือตรงนั้น อ่านได้นะ” เลขาปอว่า

“ขอบคุณ”

“อย่าคิดมาก เรื่องทุกอย่างมันจะมีทางออกของมันเอง” เลขาปอบอกเช่นนั้นก่อนจะเดินกลับไปยังห้องนอน

        พระพายไม่ได้พูดอะไรออกไปหลังจากนั้น ความนิ่งเงียบโรยตัวลงอีกครั้ง ความเงียบแจ่มชัดขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวัน ทุกอย่างรอบตัวดูแน่นิ่งจนรู้สึกเหมือนกำลังได้ใช้ความคิดกับตัวเองอย่างจริงๆจังๆ นอนคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดเท่าที่ตัวเองจะนึกออกว่าทำอะไรลงไปทำไมพิธานถึงคิดว่าเขาทำเรื่องลับหลังหรือหักหลังอะไรทำนองนั้น

        ตั้งแต่คบกันมา พระพายไม่เคยมองใคร ไม่เคยชอบใคร ไม่แม้แต่จะคิดนอกใจหรือนอกกาย ฉะนั้นเรื่องนี้ตัดทิ้งไปได้อย่างไม่ต้องนำมาคิดไปให้มากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร เรื่องการเงิน แน่นอนว่าพระพายไม่ได้หยิบเงินของพิธานมาใช้ นอกเสียจากพิธานจะยื่นให้ไปซื้อของกินและโดยมากพิธานจะเป็นคนจ่ายเองเสียมากกว่า น้อยครั้งที่เงินจะผ่านมือเขา อีกทั้งเขาไม่ใช่คนแบมือขอเงินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าใช่ปัญหา

        แล้วเหตุใดพิธานถึงใช้คำว่าหักหลัง มันเรื่องอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกของพิธานขนาดนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระพายคิดทบทวนแต่ก็นึกไม่ออกว่าทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ หรือพิธานแค่อ้างมันขึ้นมาเพื่อจะเลิกกับเขาโดยไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะพิธานไม่เคยบอกเลิกใครจึงไม่อยากที่จะพูดประโยคนั้นออกมาเอง เรื่องจึงกลายเป็นเช่นนี้

        แต่กลับกันพิธานที่รู้จักไม่ใช่คนแบบนั้น เป็นคนมีน้ำใจมากพอที่จะไม่ทำเรื่องเห็นแก่ตัวเช่นนั้น หรือแท้จริงแล้วพระพายไม่รู้จักพิธานเลยสักนิด ทั้งหมดอาจจะเป็นความเข้าใจของเขาไปเองว่าพิธานไม่ใช่คนแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งมองว่ามันไม่มีเหตุผลที่เชื่อมโยงกันได้เลย หรือจะต้องทิ้งทุกอย่าง ให้มันจบแค่ตรงนี้ เลิกกันเสียให้มันจบๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรให้เครียดไปกว่านี้

        เมื่อนึกถึงคำว่าเลิกรา พระพายเริ่มดำดิ่งอีกครั้งหนึ่ง ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมาถึงวันนี้ วันที่ต้องเลิกกันทั้งที่เข้าใจผิดเช่นนี้ ไม่ได้สะสางเรื่องราวใดๆแต่ก็ต้องจบกันทั้งอย่างนี้ จบแบบบอบช้ำมากจริงๆ

        ที่ผ่านมาไม่เอะใจเลยสักนิดว่าอะไรเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด หรือจริงๆแล้วพระพายได้รับสัญญาณมาก่อนแล้วแต่แค่ปิดหูปิดตาทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิธานไม่ได้เปลี่ยนไป พิธานแค่งานยุ่ง นี่คือสิ่งที่พระพายบอกตัวเองมาเสมอ ทั้งที่จริงๆแล้วนั่นคือสิ่งที่กำลังบอกว่าเรื่องราวมันค่อยๆเปลี่ยนไปแล้ว พิธานไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว

        คิดมาถึงจุดนี้เริ่มรู้สึกแน่นตีขึ้นมาในอกอีกครั้ง เป็นเขาเองที่ไม่เผื่อใจและความรู้สึก ยกทุกอย่างให้พิธานไปหมด ทั้งความรู้สึก หัวใจและทุกๆอย่าง ไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องมีวันเช่นนี้ การไม่เผื่อใจรักตัวเองเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์มาก พระพายเพลี่ยงพล้ำเองที่เทหน้าตักจนหมด จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรไว้กับตัวเลยสักอย่าง สายไปแล้วที่คิดจะมาทำอะไรตอนนี้ คงทำได้แค่เอาทุกอย่างกลับมา มารักตัวเองทำเพื่อตัวเอง แต่ยากเหลือเกินที่จะเอามันกลับมา ใบหน้าของพิธานลอยเข้ามาอีกครั้งในความคิด

             ยามเมื่อนั่งอยู่ด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน นึกถึงครั้งที่พิธานชอบนอนหนุนตัก เวลาพิธานทำกับข้าวทีไรชอบให้เขาไปยืนชิมเพื่อถามว่าชอบไหม แม้สีหน้าจะนิ่งขนาดนั้นแต่แววตาดูลุ้นระทึกเสมอว่าเขาจะชอบรสชาติที่เจ้าตัวทำหรือไม่ เคยอาบน้ำด้วยกันและโดนแกล้งด้วยสีหน้าเหมือนไม่รู้สึกสนุกทั้งๆที่เจ้าตัวออกจะยิ้มมุมปากเสมอ ทุกอย่าง ใบหน้า รอยยิ้มจางๆ แววตาที่ดูวาววับเวลาที่สบมอง ทุกอย่างมันเด่นชัดเกินไปจนพระพายไม่อาจจะทำใจยอมรับได้ว่าต้องเลิกกันแล้วจริงๆ

        น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อภาพจำยังคงไหลวนเวียน รู้ดีว่าเรื่องเพิ่งเกิด มันยากที่จะลบภาพเหล่านั้นได้ แต่ความเสียใจที่คิดว่าจะดีขึ้นกลับเปล่าเลย ยังคงเจ็บแม้จะพยายามเข้มแข็งแล้วก็ตามที พระพายนอนหลับตาไปทั้งอย่างนั้น จนน้ำตาไม่ไหลออกมาอีกแล้วแต่ความเจ็บปวดมันมากกว่าน้ำตาที่ไหลออกมาเสียอีก

        เลขาปอเดินออกมาจากห้อง มายืนมองพระพายที่น้ำตาแห้งติดใบหน้า คิ้วที่ขมวดเป็นปมทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น เจ้าตัวคงจะเสียใจจนไม่อาจจะยับยั้งมันได้ เขารู้ดีเพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยตกสภาพเดียวกันนี้ มันช่างเจ็บปวดจนแทบจะไม่อยากนึกถึง เลขาปอยืนมองอยู่สักพักใหญ่ก่อนที่จะดึงผ้าห่มให้พระพายและเดินกลับเข้าห้องไป

“พระพายเป็นไงบ้าง?” อัทธ์ถามขึ้น มือนั้นยังคงรัวแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊คอยู่

“ปอต้องทำยังไงดี?” เลขาปอถอนหายใจออกมา

“ทำอะไร?”

“เรื่องคุณพระพายกับคุณพิธานนี่ไง”

“จะต้องทำยังไงล่ะ ในเมื่อเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“ปอคุยกับคุณพิธานดีไหม?” เลขาปอเอ่ยถามพลางหันมองหน้าอัทธ์ราวกับจะขอความเห็น

“คุยอะไรล่ะ พระพายเขาไม่อยากให้ปอบอกพิธานว่าเขาอยู่นี่ไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ใช่ แต่มันจะมีทางอื่นไหมล่ะ ที่ไม่ต้องบอกตรงๆแบบนั้น”

“เอาเถอะ รอให้พระพายดีกว่านี้สักนิด ถ้าพิธานยังรักและยังไม่อยากจบทุกอย่างลงแบบนี้ เชื่อได้เลยว่าเจ้าตัวจะดิ้นรนทำทุกวิถีทางแน่นอน”

“อืม ปอจะดูล่ะกันว่าคุณพิธานจะทำยังไงกับเรื่องนี้ นึกๆแล้วก็อยากเห็นคุณพิธานดิ้นพล่านบ้างเหมือนกัน”

“พูดซะน่ากลัว” อัทธ์หัวเราะออกมาก่อนที่จะทำงานต่อ เลขาปอหยิบหนังสือมาอ่านต่อ พลางนึกในใจว่าพิธานที่ดูเย็นชาเวลาร้อนรนจะเป็นอย่างไร ชักอยากจะเห็นเต็มแก่แล้วเหมือนกัน

        อัทธ์ที่กำลังก้มหน้าก้มตารัวนิ้วลงคีย์บอร์ดนั้น เลขาปอไม่อาจรู้ได้เลยว่ากำลังทำงานจริงหรือไม่ เพราะแท้จริงแล้วอัทธ์ไม่ได้นั่งทำงานแต่กำลังส่งข้อความทางเฟสบุ๊คไปหาใครคนหนึ่งต่างหาก คนที่น่าจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างอยู่หมัด แม้ว่าแฟนของเขาจะเป็นคนสัญญากับพระพายว่าจะไม่บอกเรื่องที่อยู่ แต่ไม่ใช่เขาเสียหน่อยที่ไปสัญญากับพระพาย ฉะนั้นการที่เขาทำเรื่องพวกนี้ก็แปลว่าไม่ได้ผิดต่อพระพายเลยสักนิด



        อัทธ์ส่งข้อความถึงใครคนนั้นอย่างสั้นๆถึงสถานการณ์ตอนนี้ และรวมถึงบอกสภาพของพระพายที่กำลังเป็นอยู่ แน่นอนว่าไม่กี่นาทีข้อความนั้นก็ได้รับการอ่านและพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว อัทธ์แอบยิ้มอยู่ในใจเมื่อได้อ่านข้อความเหล่านั้น ดูท่าเรื่องของคู่รักคู่นี้จะคลี่คลายในเร็ววันนี้แน่นอน

Lyrics: Wrong about forever by Jeff Bernat.

   




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-05-2019 17:11:31
ยังอยากเห็นคนดิ้นพล่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 17-05-2019 18:01:37
เอาดิ้นมากกว่านี้หน่อยก็ดีค่ะทำอะไรคลุมเครือมาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 17-05-2019 18:28:01
หวังว่าคนต้นเรื่องจะไม่ใช่พ่อของพิธานหรอกนะ  :เฮ้อ:
แล้วในขณะที่พระพายน้องร้องไห้อยู่พิธานล่ะอยู่สุขสบายดีไหม  :angry2:
ป.ล.ตอนต่อไปจงมา  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 17-05-2019 19:30:01
ต้องการตอนต่อปายยยยยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 17-05-2019 22:04:11
 :o12: :o12: :z3: :z3:   คนที่จะดิ้นพล่านตอนนี้คืือ เรา อ่ะไรท์
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-05-2019 22:38:43
ใครฟ่ะ เป็นคนสร้างความร้าวฉานนี้  o12
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-05-2019 22:55:27
,น้ำตาท่วมจอกันต่อไป ตอนนี้พิธานค่าตัวแพงละเกิน มาตามลุ้นกันต่อไปใครคือคนมาช่วย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-05-2019 23:28:33
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-05-2019 02:36:27
อัทธ์ส่งข้อความหาพิธานแน่ๆ อยากให้พระพายใจแข็งๆหน่อย ให้พิธานดิ้นเยอะๆ ต่อไปจะได้ไม่ทำแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-05-2019 10:55:14
เอาให้แดดิ้นหน่อยดิ
แม้จะใจร้ายดับพระพายบ้าง แต่อยากเห็นคนหน้านิ่งร้อนรนบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 18-05-2019 21:20:19
ใครก่อเรืองนี้....???
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-05-2019 22:38:27
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: MM04 ที่ 19-05-2019 00:05:25
ขอภาคบรรยายฉากคนดิ้นด้วยค่ะ ฮา ว่าแต่ใครเป็นต้นเหตุ หรือจะเกิดจากที่พระพายช่วยเรื่องพ่อจริงๆ? :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 20-05-2019 17:05:43
เรื่องพ่อปะเนี่ยรอติดตามต่อนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 21-05-2019 04:51:28
เป็นดราม่าืี่กำลังงว่าใครเป็นคนเริ่มกันแน่​ คือที่สุดของความเข้าใจผิดจริงๆ​ ​ข้อเสียที่เราไม่ชอบและไม่เห็นด้วคือการเดินหนีออกจากห้อง​ โทษของความปากหนัก​ อยากให้ง้อคืนดียาก​ อยากเห็นคนดิ้น​  :katai2-1: :katai3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 21-05-2019 12:20:50
ถ้าไม่พอใจเรื่องพ่อ มันต้องหนักหนาขนาดนั้นเลยหรอ ขนาดไม่ยอมพูดอธิบายอะไรเลย แล้วยังท่าทางเย็นชาแบบนั้นอีก
คนขอให้ช่วยเรื่องนี้คือแม่พิธานเอง แล้วพระพายก็เห็นว่าพ่อพิธานรักลูกแต่แสดงออกไม่เป็น ถ้าคืนดีกับพ่อได้มันก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ

พระพายต้องเข้มแข็ง อย่าคืนดีง่ายๆ ตอนพิธานมาง้อ บอกไปเลย
“ก็อย่างที่คุยบอก ผมว่าเราห่างกันสักพักดีกว่า”
ตามคำขอพิธานไปเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 61 (17/05/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-05-2019 12:33:54
ไม่อยากให้พระพายกลับไป

ดิ้นไปสิ  ทรมานไปสิ  ขอให้กระอักความทุกข์ไปเลยยิ่งดี  ถึงจะรู้ว่าพิธานนิสัยเสียแต่เราก็รับไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 06-06-2019 17:58:31
สวัสดีค่ะ คลานมาอัพอย่างเหนื่อยล้า  :katai5: ที่ผ่านมามีหลายเรื่องมากจริงๆ เช่น อาทิตย์ก่อนโดนรถชน  :m15:เมื่อวานเป็นวันเกิดไม่ได้ฉลองใดๆนอกจากการทำงานนอกสถานที่ที่แสนเหนื่อย  :เฮ้อ: ช่างเถอะค่ะ ชีวิตคนเรามันก็ต้องดำเนินต่อไป สู้ๆค่ะทุกคน

เอาล่ะค่ะ บ่นเรื่องตัวเองแล้วก็มาพูดถึงเรื่องนิยาย ล่าช้าตามเคยขออภัยนะคะ ตอนนี้เรื่องราวถือว่าดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วค่ะ คิดว่าอีกไม่กี่อึดใจก็จะดำเนินมาถึงตอนจบแล้วค่ะ อดทนรอกัน อย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อนนะคะ  :mew3: ตอนนี้ฟ้าฝนเริ่มเทลงมากมากขึ้นแล้ว ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เช่นเคย หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า ขอบคุณทุกๆคนค่ะ  :mew1:  :bye2:

++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 62 Rising sun.


Whatever you’re facing
ไม่ว่าเธอเผชิญหน้ากับอะไรก็แล้วแต่

If your heart is breaking
หากหัวใจของเธอแหลกสลาย

There’s a promise for the ones who just hold on
สัญญาได้เลยกับคนที่ยังพยายามอยู่

Lift up your eyes and see
เงยหน้าขึ้นและมอง

The sun is rising
ตะวันกำลังจะขึ้น

The sun is rising
ดวงตะวันกำลังจะขึ้นแล้ว


        เสียงพลุดังสนั่นหวั่นไหว เป็นเสียงพลุฉลองเนื่องในเวลาเริ่มต้นปีใหม่ พระพายสะดุ้งตื่นตกใจเมื่อได้ยินสียงนั้น นี่คงเลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว ล่วงเลยเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ พระพายลืมตาโพลงในความมืด ทั้งๆที่ตอนนี้ เวลานี้ เขาจะต้องอยู่นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กับพิธาน ไคและเก้า ตามที่วางแผนไว้แท้ๆ แต่ทุกอย่างกลับพังหมด กลายเป็นเขาต้องมานอนจมความทุกข์มืดดำอยู่อย่างนี้ ช่างเป็นการต้อนรับปีใหม่ที่แสนเศร้าจริงๆ

        เมื่อลืมตาตื่นขนาดนี้ก็ยากที่จะนอนหลับลงแล้ว พระพายจึงนอนลืมตาอยู่อย่างนั้น รอบข้างไม่มีอะไรให้ทำนอกจากนอนนิ่งๆ จะเปิดทีวีก็ก็กลัวรบกวนเจ้าของห้อง พระพายนอนอยู่อย่างนั้นจนเริ่มชินกับความมืด ตอนนี้ไม่อยากจะคิดเรื่องของพิธานแล้ว แม้ว่าทุกอย่างมันจะยังวนเวียนอยู่ในความคิดก็ตามแต่พระพายก็ต้องข่มใจไม่ให้คิด เพราะสุดท้ายคนที่เจ็บก็คือเขาเอง คิดไปเจ็บไป คงไม่ดีกับตัวเองเท่าไหร่นัก

        นึกขึ้นได้ว่าเลขาปอบอกว่ามีหนังสือให้อ่านอยู่ พระพายจึงลุกขึ้นคลำๆไปหาสวิตซ์ไฟซึ่งกว่าจะหาเจอก็ใช้เวลานานมากเพราะไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เปิดขึ้นมาความสว่างก็เกิดขึ้นไปทั้งห้อง พระพายจึงเดินไปยังหนังสือที่วางไว้ เลือกเล่มที่ดูเหมือนเป็นวรรณกรรมของเด็ก เพราะหน้าปกลายการ์ตูนที่ดูสดใส พระพายหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับเอนตัวลงบนโซฟา เริ่มอ่านมันโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังสือสักอย่าง แค่ไม่อยากนอนต่อในตอนนี้อีกทั้งไม่อยากคิดในเรื่องที่

        พระพายอ่านมันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆจนในที่สุดก็ไม่ได้วางมันลง เหมือนกำลังเพลิดเพลินไปกับมันโดยไม่ทันรู้ตัว พระพายอ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากรู้ว่าเรื่องราวมันจะจบลงตรงไหนและอย่างไร

“คุณพระพาย” เสียงเรียกดังขึ้นในขณะที่พระพายกำลังอ่านหน้าสุดท้ายพอดี

“เอ่อ เปิดไฟสว่างแบบนี้ทำคุณตื่นรึเปล่า?” พระพายเอ่ยถาม

“ไม่หรอก นี่ก็จะเช้าแล้ว” เลขาปอว่า พระพายหันมองนาฬิกาถึงจะรู้ว่านี่เป็นเวลาย่ำรุ่งแล้ว

“ตื่นตอนกี่โมงล่ะ?” เลขาปอว่าพลางนั่งลงข้างๆ

“ตื่นตอนข้างนอกจุดพลุ”

“อ่า ผมนอนหลับสนิทเลย ไม่รู้สึกตัวสักนิด”  พระพายยิ้มให้นิดๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ดีขึ้นไหม?” เลขาปอถาม เมื่อได้ยินแบบนั้นพระพายก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา

“ก็...ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมว่าไม่แย่เท่าเมื่อวานนะ”

“เข้มแข็งกว่าที่คิดมากเลยนะ”

“ไม่หรอก ผมยังไม่ขนาดนั้น คงต้องใช้เวลาหน่อย”

“เอาเถอะ วันนี้อยากไปไหนไหม ผมว่าจะไปวัด ไปไหว้พระเพื่อเป็นมงคลในวันปีใหม่หน่อย...ไปด้วยกันไหม?” เลขาปอเอ่ยชวน

“ไม่เป็นการรบกวนใช่ไหม?” พระพายถามอย่างกังวลนิดๆ แค่มานอนอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกว่าได้รับความช่วยเหลือมากพอแล้ว

“ไม่เลย ผมอยากให้ไปนะ อย่างน้อยจิตใจจะได้สงบ”

“อืม ได้สิ”

“ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวจะไปเตรียมเสื้อผ้ามาให้ ถ้าใส่เสื้อผ้าผมได้ใช่ไหม?” เลขาปอถาม

“ไม่เป็นไร ใส่ได้” พระพายพยักหน้ารับ

“ขอห้านาที เดี๋ยวไปหยิบมาให้”

            พูดจบก็ลุกออกไปทันที พระพายมองตามหลังเลขาปอไป ไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าเขาจะหึงเลขาปอมาก่อน รู้สึกผิดไม่น้อยที่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน

            ห้านาทีอย่างที่เจ้าตัวว่า เลขาปอมาพร้อมเสื้อผ้าในมือ เป็นกางเกงลำลองขายาวแบบผูกเอวสีเทาและเสื้อยืดคอกลมสีขาวซึ่งขนาดน่าจะพอดีตัวแต่ความยาวคงยาวไปนิดหน่อย

“ขอบคุณครับ” พระพายรับมันไว้

“ไปอาบน้ำเถอะ ห้องน้ำอีกห้องว่าง เดี๋ยวผมรอห้องน้ำต่อจากอัทธ์ เสร็จแล้วจะได้ไปกันเลย”

        พระพายลุกไปอาบน้ำตามที่เลขาปอบอก ตอนนี้ในหัวไม่ค่อยคิดอะไรมากเท่าไหร่ รู้สึกว่าว่างเปล่านิดๆจะมีแค่บางจังหวะที่นึกถึงพิธานขึ้นมา รู้ดีว่าจะอย่างไรก็ไม่มีทางจะหยุดความคิดเหล่านี้ได้แต่อย่างน้อยบางช่วง บางจังหวะพระพายก็มีคิดเรื่องอื่นๆบ้าง

        อาบน้ำด้วยความไวและแต่งตัวออกมาด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวเจ้าของห้องจะรอนาน ออกมาก็พบว่าอัทธ์นั่งอยู่ตรงโซฟาแล้ว

“มอร์นิ่งพระพาย” อัทธ์ว่าพลางยิ้มให้

“ครับ” พระพายพยักหน้ารับ

“เป็นไง เมื่อคืนหลับสบายไหม?”

“ก็...ดีครับ” คงไม่กล้าบอกว่าไม่ได้นอนเท่าที่ควร

“เดี๋ยวไปวัดกันนะ ปอบอกแล้วใช่ไหม?”

“ครับ บอกแล้ว”

“รอหน่อย ปอเขาอาบน้ำแต่งตัวเร็ว เดี๋ยวก็มา”

        ใช้เวลาไม่นานอย่างที่อัทธ์บอกไว้ เลขาปอก็ออกมาและทั้งหมดจึงออกจากห้อง แน่นอนว่าพระพายที่ไม่มีแม้แต่รองเท้าก็ต้องสวมรองเท้ากีฬาของเลขาปอ เรียกได้ว่าชุดนี้ทั้งชุดนอกเหนือจากชั้นในก็เป็นของเลขาปอทั้งหมด ช่างน่ารันทดเสียจริง

        อัทธ์ขับรถออกมา ยามเช้าตรู่อีกทั้งวันปีใหม่เช่นนี้ รถราไม่มากมายไปกว่าที่คิดไว้ รู้สึกปลอดโปร่งไม่น้อยเพราะจะเห็นภาพแบบนี้ไม่กี่ครั้งในปีๆหนึ่ง พระพายนั่งตรงเบาะหลังพลางเอนตัวลง

        วันนี้เป็นวันที่หนึ่งมกราคม วันปีใหม่ที่แท้จริง วันนี้จริงๆแล้วพระพายจะต้องไปบ้านของพิธานเพื่อไปปาร์ตี้ปีใหม่ภายในครอบครัว ไม่รู้ว่าพัชชาแม่ของพิธานจะเป็นอย่างไร ถ้ารู้ว่าเขาคงจะไม่ได้ไปที่นั่นอีกแล้ว ธนิตที่ยอมใจอ่อนถึงขนาดนั้นแล้วคงผิดหวังไม่น้อยที่พระพายไม่อาจจะคบหากันได้นานกับพิธานอย่างที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งคำปรามาสของธนิตนั้นคือความจริง...ความรักเช่นนี้ไม่อาจจะจะจีรังยั่งยืน

        รถขับออกมายังวัดที่ดูเงียบสงบ เป็นวัดเล็กๆที่ผู้คนไม่ได้คลาคล่ำเหมือนวัดดังทั่วๆไป หน้าวัดนั้นมีสังฆทานวางขาย เลขาปอกับพระพายเป็นคนลงไปซื้อ

“หน้าวัดตรงนี้เป็นสังฆทานที่ไม่เวียน ทุกอย่างใช้งานได้จริงและมีคุณภาพ ผมกับอัทธ์ชอบมาซื้อตรงนี้” เลขาปอด้วยรอยยิ้ม

“เอาสามถังนะครับ” เลขปอยื่นเงิน

“ให้ผมด้วยเหรอ?”

“ใช่ คุณไม่มีเงินติดตัวนะ อย่าลืมสิ”

“แต่มันจะดีเหรอ นี่มันของทำบุญ”

“ดีสิ อย่างน้อยมันก็เป็นบุญกุศลที่ทำให้คุณจิตใจปลอดโปร่งขึ้น ผมเองก็พลอยได้มันไปด้วย...ดูหวังผลเนอะ” เลขาปอหัวเราะ พระพายยิ้มออกมานิดๆ

            สังฆทานสามถังวางตรงเบาะหลังข้างๆพระพาย จากนั้นอัทธ์ก็ขับรถเข้าไปในวัด ตรงไปยังศาลาการเปรียญที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก โดยมีเด็กวัดเดินนำเข้าไปด้านใน ทั้งสามนั่งรอสักครู่ จากนั้นพระสงฆ์อายุมากแล้วรูปหนึ่งก็เดินมายังศาลาการเปรียญ

“โยมปอ โยมอัทธ์ มาแต่เช้าเชียว” เลขาปอ อัทธ์และพระพายจึงก้มลงกราบ

“นมัสการครับหลวงตา” เลขาปอเอ่ยขึ้นหลังจากก้มลงกราบ

“สบายดีหรือ?”

“สบายดีครับ วันนี้ปีใหม่เลยมาถวายสังฆทานและมาเยี่ยมหลวงตาด้วยครับ” อัทธ์ว่า

“แล้วนี่เพื่อนหรือ?” สายตานั้นมองมายังพระพายที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้ม

“ครับ เพื่อนพวกผมเอง” เลขาปอว่า

“อย่างนั้นก็ไปจุดธูปเทียนเสียก่อน”

            ทั้งสามคนจึงขยับตัวไปยังหน้าโต๊ะหมู่บูชาพระ เมื่อกราบเสร็จก็หันมากล่าวถวายสังฆทานต่อหน้าหลวงตา พระพายเองก็ไม่สันทัดนัก ท่องผิดบ้างถูกบ้างดำน้ำตามอัทธ์และเลขาปอไป แต่คำสวดต่าง ๆนั้นทำให้พระพายรู้สึกดีขึ้นมา เหมือนหัวใจที่แกว่งไปมาเริ่มสงบมากขึ้น การทำบุญคงจะช่วยได้อย่างที่เลขาปอบอกจริง ๆ หลวงตาสวดอานิสงค์และอะไรอีกที่พระพายไม่แน่ใจนัก จนตอนนี้มาถึงขั้นตอนประเคนสังฆทาน อัทธ์เป็นคนแรกที่ทำจากนั้นก็เป็นเลขาปอตามด้วยพระพาย เมื่อถวายเสร็จก็มาถึงสิ่งสุดท้ายที่ทำ คือการกรวดน้ำ

“ยะถา วาริวะหา...”

            หลวงตาสวดขึ้น พระพายแตะไหล่ของเลขาปอพลางเอ่ยชื่อและนามสกุลของป้าที่พระพายรักและเคารพที่สุดที่ลาลับไปแล้วรวมถึงพ่อกับแม่ด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ขอให้เจ้ากรรมนายเวรหรืออะไรก็แล้วแต่ที่พระพายจะนึกได้ ใช้เวลาไม่นานนักก็เป็นอันเสร็จสิ้น

“นี่ปัจจัยครับหลวงตา” เลขาปอยื่นซองสีขาวให้ ตอนนี้ทั้งสามคนมานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าหลวงตา

“ให้อาตมาบ่อยไปแล้ว เก็บไว้เถอะโยมปอ”

“รับเถอะครับหลวงตา ปอมีแค่หลวงตาเป็นญาติคนเดียวแล้ว ให้ปอทำในสิ่งที่ทำได้เถอะครับ”

“ดื้อตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ” หลวงตายอมรับซองปัจจัยมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“จริงครับหลวงตา ดื้อเสมอต้นเสมอปลาย” อัทธ์เสริม

“พอเลย” ปอหันไปดุอัทธ์ที่หัวเราะถูกใจ

“ปีใหม่ ทำไมไม่ไปเที่ยวกัน” หลวงตาเอ่ยถาม

“เรื่องเที่ยวเด็ก ๆ เขาทำกัน พวกผมไม่เด็กแล้ว” เลขาปอว่า

“อายุแปดสิบแล้วหรือถึงไม่เด็ก”

“หลวงตาก็” เลขาปอหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“พี่ปอ!” เสียงเด็กวัดสองสามคนดังขึ้น

“อ้าว เด็ก ๆ อยากกินขนมกันล่ะสิ ไปๆเดี๋ยวพี่พาไปซื้อ...อัทธ์ ไปด้วยกันไหม?” เลขาปอว่าพลางลุกขึ้น

“ไปสิ พระพายนั่งคุยกับหลวงตาไปก่อนนะ” เลขาปอ พระพายได้แต่พยักหน้า

“โยมชื่ออะไร?” หลวงตาหันมาถามพระพาย หลังจากทั้งสองคนออกไปจากศาลาการเปรียญแล้ว

“พระพายครับ หลวงตา”

“พระพาย....สายลมอย่างนั้นหรือ....แต่ดูไม่โลเลเหมือนสายลมเลยนี่” หลวงตาว่าพลางยิ้ม

“ไม่จริงหรอกครับ ผมออกจะโลเลบ่อย” พระพายยิ้มนิดๆเมื่อได้ยินจากหลวงตาเช่นนั้น

“หน้าตาอมทุกข์เหลือเกิน” หลวงตาพูดขึ้น พระพายนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น

“ครับ ทุกข์จนไม่รู้จะทำยังไงดี” การยอมรับความรู้สึกตัวเองโดยง่ายก็เหมือนการระบายความรู้สึกให้มันเบาบางลงไปได้บ้าง

“โยมพระพาย.....ความทุกข์ มันก็คือความทุกข์ ถ้าไม่ยึดติดก็จะไม่ทุกข์ โยมพระพายรู้ใช่ไหม?” หลวงตาเอ่ยขึ้น

“ยากครับหลวงตา ผม...ผมปล่อยความทุกข์ไปไม่ได้” พระพายเอ่ยอย่างรู้สึกเศร้า

“การเปลี่ยนแปลงเป็นสัจจธรรมของชีวิต มันย่อมเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนหรอก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นพระพายรู้สึกความจุกแน่นในอกตีขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ราวกับหลวงตาไปกดโดนจุดเข้าอะไรสักอย่าง...คำว่านิรันดร์มันไม่มีอยู่จริง

“ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ยามรักก็มีความสุขจนลืมไปเสียว่ามันต้องมีความทุกข์เข้ามา สุขกับทุกข์เป็นของคู่กัน แต่โปรดจำไว้ หากมีสติแล้วโยมพระพายก็จะผ่านมันไปได้ กาลเวลาจะเยียวยาและรักษาทุกอย่างให้โยมพระพายเข้มแข็งเอง มันเป็นกฎแห่งธรรมชาติ”

        คำสอนที่เรียบง่ายและเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ทำพระพายหยุดนิ่งพลางทบทวน ชีวิตคนเรามีแค่นี้จริง ๆ  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพระพายก็ต้องมีสติและประคองตัวเองให้ผ่านไปให้ได้ ทุกอย่างผ่านเข้ามาก็จะผ่านไป เวลาและสติจะนำทางให้ไปถึงฝั่งอย่างแท้จริง พระพายค่อยยิ้มอออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พระพายร้องไห้เพราะเรื่องนี้ ต่อจากวันนี้ไปจะไม่ร้องไห้ให้กับเรื่องนี้อีกแล้ว

“โยมพระพาย ให้เวลากับตัวเอง ให้เวลากับทุกอย่าง อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็จะจากหายไปเองเมื่อหมดเวลาของมัน” พระพายพยักหน้ารับพลางเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือ

“แต่หากเป็นคู่กันอย่างแท้จริง ก็จะไม่แคล้วกันหรอก” พระพายพยักหน้าอีกครั้งจากนั้นก็ก้มกราบหลวงตา         

“ขอบพระคุณครับหลวงตา ผมคิดอะไรได้เยอะเลยครับ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้า พระอาทิตย์ขึ้นก็คือวันใหม่แล้ว ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เชื่อมั่นเท่านั้นก็พอ” หลวงตายิ้มให้

        จากนั้นไม่นานอัทธ์กับเลขาปอก็มา พระพายหันไปยิ้มให้ทั้งสองคน เป็นยิ้มที่เลขาปอถึงกับชะงัก นี่เป็นยิ้มแรกอย่างจริงจังที่ได้เห็นจากพระพาย

“พอยิ้มก็น่ารักขึ้นเป็นกอง” เลขาปอว่า

        ทั้งสามคนนั่งคุยกับหลวงตาสัพเพเหระอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะกราบนมัสการลาและออกจากวัดเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของหลวงตาไปมากกว่านี้ พระพายดูแจ่มใสขึ้นหลังจากออกมากจากศาลาการเปรียญ ตอนนี้รถเคลื่อนออกไปจากวัดแล้วและน่าจะกลับไปยังคอนโดของอัทธ์

“สบายใจขึ้นไหม?” เลขาปอถาม

“มากเลย ขอบคุณครับ”

“ด้วยความยินดีครับ” เลขาปอว่า

“ไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยกลับห้องดีกว่า” อัทธ์ว่า

“ได้สิ ร้านอะไรก็ได้ เอาแถวๆนี้แหละ”

        อัทธ์จึงพามาจอดที่ร้านอาหารปักษ์ใต้ที่ติดแอร์ดูนั่งสบาย เป็นร้านที่เปิดอยู่ร้านเดียวในละแวกนี้ ทั้งสามคนนั่งลงสั่งอาหาร พระพายไม่ได้สั่งอะไรให้ทั้งสองคนเลือกที่อยากกิน แค่มานั่งกินข้าวตัวเปล่าก็น่าเกลียดมากพออยู่แล้ว

“ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินหรอก เดี๋ยวผมค่อยไปเอาเงินจากเจ้านายเอง” เลขาปอว่า พระพายได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกชะงักมือที่กำลังเทน้ำดื่มให้ทั้งสองคน

“ตามสบายเลย” พระพายว่าแล้วยิ้มออกมานิด ๆ

        อาหารมาวางบนโต๊ะ ทั้งสามคนกินอาหารด้วยกัน มีบ้างที่พูดคุยขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ใช้เวลาไม่นานก็อิ่มท้องแล้วกลับคอนโด ขับรถไปเพียงนิดก็ถึงคอนโดแล้ว พระพายเดินลงจากรถ พร้อมเลขาปอ ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างในนำอัทธ์ที่เดินตามหลังมา 

“อัทธ์...” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยเรียกขึ้นมา อัทธ์หันหลังไปก็เห็นหน้าคนที่เอ่ยเรียก เลขาปอกับพระพายจึงต้องชะงักหันหลังมองว่าใครกันเป็นคนเรียกอัทธ์

“มาแล้วเหรอเพลง” พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับตาโต

“พี่เพลง!” พระพายเผลอเรียกชื่อเพลงขวัญเสียงดังว่าปกติไปนิดเพราะความตกใจ

“อัทธ์...นี่พี่สาวคุณพิธานใช่ไหม?” เลาปอเดินมากระซิบถามอัทธ์หลัวจากที่ยกมือไหว้เพลงขวัญแล้ว

“ใช่ เพลงขวัญ พี่สาวของพิธานนั่นแหละ” อัทธ์ยืนยันคำถามของแฟนตัวเอง

“พี่เพลง...สบายดีไหมครับ?” พระพายพยายามทำตัวปกติ เชื่อว่าเพลงขวัญยังไม่รู้เรื่องของเขากับพิธานแน่นอนเพราะเรื่องมันเพิ่งเกิดเมื่อวานเท่านั้น

“ไม่สบายเท่าไหร่ มีเรื่องกวนใจเยอะเลย” เพลงขวัญยิ้มแหย่เหมือนที่ชอบทำบ่อย ๆ

“ว่าแต่เราเหอะ มาทำอะไรที่นี่?” เพลงขวัญถามกลับบ้าง

“เอ่อ...ไปวัดทำบุญด้วยกันครับ”

“กับคนอื่นที่ไม่ใช่น้องชายฉันเหรอ...ยังไงล่ะเนี่ย” เพลงขวัญทำหน้าสงสัยและจับผิดพระพายอย่างเปิดเผย

“เพลง...เลิกแกล้งพระพายได้ไหม” อัทธ์ส่ายหน้า จะให้มาช่วยไม่ใช่มาทำให้พระพายรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม

“ฉันชอบต้อนผู้ร้ายปากแข็ง” เพลงขวัญว่า พระพายรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้สีหน้าของตัวเองต้องซีดลงเพราะมันรู้สึกเย็นจนตึงหน้า

“อัทธ์...อะไรยังไง” เลขาปอถาม งงมากเลยทีเดียวที่จู่ ๆพี่สาวของเจ้านายมาโผล่ที่นี่ เวลานี้ เวลาที่แฟนของน้องชายตัวเองหลบมาอยู่ที่นี่ อะไรจะบังเอิญตรงกันได้ขนาดนี้

“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า ไปกัน” เพลงขวัญเดินไปจูงมือพระพายนำหน้าไป

“รู้เหรอว่าห้องไหน” อัทธ์ถาม

“ก็เดินนำไปสิ” เพลงขวัญหันมาพูดพลางเลิกคิ้วใส่ อัทธ์ได้แต่สายหน้า

        อัทธ์จึงเดินก้าวๆเร็วนำขึ้นลิฟต์ไป ทั้งสี่คนจึงกำลังขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปยังห้องของอัทธ์ โดยที่พระพายยังคงถูกเพลงขวัญจูงมืออยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพลงขวัญมาที่นี่เพื่ออะไรและจะทำอะไรกันแน่ ได้แต่มาลุ้นเอาว่าทำไมเพลงขวัญมาอยู่ที่นี่ตรงนี้ได...

Lyric: The sun is rising by Britt Nicole.

   








หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-06-2019 18:28:11
อัทธ์เรียกเพลงขวัญมาช่วยรึเปล่า
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-06-2019 18:52:29
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-06-2019 19:07:58
โอ้ย ลุ้น มันอะไรกันนนนนนน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 06-06-2019 20:00:52
พาน้องหนีๆๆๆๆ ทิ้ง​พิธานให้เฉาตายไปเล้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 06-06-2019 20:06:04
กลัวใจจริงๆ ว่าจะมาทำพระพายน้ำตาร่วงก่อน พี่เพลงนี่ตัวดีเลย พวกชอบแกล้งระดับบิกบอสขนาดนี้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-06-2019 21:22:55
 :katai1: :katai1: :katai1:  พิธานอยู่สุขสบายดีหรือไรเฮอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-06-2019 21:36:39
ตัวช่วยมาแล้ว จะดีจะร้ายก็ลุ้นกันต่อไป
แต่แอบวังให้พระพายตัดใจนะ หลังจากฟังหลวงตาแล้ว
ดูดิคนที่จะตายน่ะพิธานรึป่าว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-06-2019 21:40:18
ใครทำพระพายเสียใจอีกจะตบเลย :angry2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-06-2019 22:33:56
ขอตามไปนั่งฟังด้วยคนนะ  :m5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 06-06-2019 22:38:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 07-06-2019 11:13:03
โอ้ยยยยยย ลุ้นตัวยืดหมดแล้วเนี่ย
แต่...ถ้าเป็นพี่เพลงคนหน้านิ่งต้องถูกแกล้งจนหน้าเบี้ยวแน่ คึคึ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-06-2019 15:51:34
แบบนี้มันต้องมีเรื่องแน่ๆ พอทราบเรื่องแล้วค่อยจะวางแผนกันต่อใช่ไหม สุมหัวๆ 55555 รอฟังและรอการเอาคืน ลึกซึ้งเห็นแจ้งเลยใช่ไหมพระพาย ดีแล้วทำตามที่หลวงตาบอก จะได้โล่งๆ ถ้ามันใช่ของเราก็คือของเรา  //รอตอนต่อไป ขอบคุณนะคะที่มาต่อ  :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-06-2019 23:34:33
ยังไงต่อ?
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-06-2019 16:38:05
รอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-06-2019 21:51:46
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 62 (06/06/19) P.32 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-06-2019 23:56:43
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 18-06-2019 21:33:30
สวัสดีค่ะ ตอนที่ 63 มาแล้ว มาพร้อมกับคนที่คุณก็เรียกร้อง เขากลับมาแล้วค่ะในตอนนี้  :o8: ยังไงก็ไปอ่านกันเลยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและความเห็นมากๆค่ะ ดีใจที่ยังติดตามกันแต่แม้ว่าทางนี้จะอัพช้าไปหลายต่อหลายครั้ง ยังไงก็อยู่ด้วยกันก่อนนะคะ สำหรับตอนนี้หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ ตอนนี้พายุฟ้าฝนเทลงมากระหน่ำเลย ยังไงก็รักษาสุขภาพและระมัดระวังกันด้วยนะคะ รัก  :กอด1: ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
+++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 63 Freedom.

Everybody knows
ทุก ๆคนต่างก็รู้

How the story goes
ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร

But fairy tales have been lying to me
แต่เทพนิยายนั้นลวงหลอกฉันไว้

Every time I try
ทุกครั้งที่ฉันพยายาม

You just run and hide
เธอเองเอาแต่วิ่งหนีและหลบซ่อน

Now I’m finally feeling free
ในที่สุด ตอนนี้ฉันก็เป็นอิสระเสียที



        อัทธ์และเลขาปอเดินนำเพลงขวัญกับพระพายมาถึงห้อง เพลงขวัญนั่งลงบนโซฟาอย่างรู้งาน ในขณะที่เลขาปอไปหยิบน้ำดื่มมาให้พลางใช้สายตาเหลือบมองไปยังอัทธ์ราวกับกำลังด่าใจในเพราะดูก็รู้ว่าที่เพลงขวัญมานั่งอยู่ตรงนี้เป็นฝีมือของใคร

“สบายดีไหมอัทธ์” เพลงขวัญถาม พลางจิบน้ำ

“สบายดี ว่าแต่เธอเถอะ ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้”

“เรื่องน้องชายงี่เง่าของฉันทั้งคน ไม่ใช่ฉันแล้วใครจะจัดการ”

“เอ่อ คือ..” เลขาปอเอ่ยพลางมองหน้าพระพายที่ตอนนี้ก้มหน้าต่ำลงจนน่าสงสาร คงจะกลัวเพลงขวัญอยู่ไม่น้อย

“นี่แฟนนายสินะ” เพลงขวัญหันมามองเลขาปอ

“ใช่ ก็เลขาน้องชายเธอนั่นแหละ”

“ขอโทษด้วยนะที่มารบกวนแบบนี้ และจำนายไม่ได้จริง ๆ ก็ฉันไม่ค่อยไปที่นั่นเท่าไหร่”

            เพลงขวัญคงจะหมายถึงโรงแรมของที่บ้าน เรื่องนั้นเลขาปอไม่ได้ถือสาเพราะเขาก็เป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง แต่กลับกันเป็นทางเลขาปอที่ต้องรู้จักเพลงขวัญอยู่แล้วถึงแม้จะเห็นตัวจริงไม่กี่ครั้งเพราะเป็นถึงลูกสาวคนโตของเจ้าของโรงแรม

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” เลขาปอว่าพลางลุกขึ้น

“ไปด้วยสิ” อัทธ์ว่าและลุกขึ้นตาม เลขาปอมองค้อนอัทธ์แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าอะไร

“ขอใช้ห้องนั่งเล่นหน่อยละกัน”

“ตามสบายเลย” อัทธ์ว่า พลางเดินตามเลขาปอเข้าห้องไป

        ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่เพลงขวัญและพระพายที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น พระพายรู้สึกว่าเพลงขวัญกำลังจ้องมองอยู่ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเลยสักนิด ทั้งที่เจอกันล่าสุดพระพายก็ออกจะสนิทมากขึ้นแล้วแท้ ๆ แต่เมื่อมาเจอกันในตอนนี้ ตอนที่พระพายเองก็ไม่รู้จะบอกอย่างไรถึงสาเหตุที่มานั่งอยู่ตรงนี้

“พระพาย เล่ามา เกิดอะไรขึ้น” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็เอ่ยถามเรื่องได้อย่างตรงประเด็น

“เอ่อ....” พระพายไม่รู้จะเรียบเรียงออกมาได้อย่างไรเพราะนึกไม่ออกว่าจะบอกมันโดยปกติเหมือนเรื่องดินฟ้าอากาศได้หรือไม่

“เงยหน้าแล้วเล่ามา” เพลงขวัญยังคงย้ำคำพูดอย่างชัดเจน จนพระพายต้องยอมแพ้

“คุณอัทธ์...บอกพี่เพลงว่าอะไรครับ” พระพายถาม

“อัทธ์บอกว่าพระพายอยู่ที่นี่ ทะเลาะกับพิธาน สภาพไม่ดีเท่าไหร่” เพลงขวัญบอก พระพายเงียบไปก่อนจะยอมเอ่ยออกมา

“ครับ...พวกเราทะเลาะกัน”

“ทะเลาะกันจนถึงขั้นออกจากห้องโดยไม่หยิบอะไรติดตัวมานี่ไม่ปกติแล้วนะ เรื่องมันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ” เพลงขวัญนั่งซักถามเป็นเรื่องเป็นราว อัทธ์บอกกับเธอว่าพระพายมานั่งอยู่ที่คอนโดในสภาพที่มีแต่ตัวจริง ๆ

“คุณพิธาน...ขอให้ผมห่างกับเขา...สักพัก” พระพายบอก เพลงขวัญถึงกับถลึงตา

“อะไรนะ...ห่างกันสักพัก นี่กำลังคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีค่ายกามิกาเซ่อยู่รึไง” เพลงขวัญที่ได้ยินถึงกับของขึ้น สีหน้านั้นดูโมโหไม่น้อย

“น้องชายฉันนี่น่าขายหน้าจริง ๆ ใช้คำพูดเสียเชยสะบัด” ยังคงบ่นต่อเนื่องโดยไม่ได้ดูท่าทีของพระพายเลย

“พิธานพูดอะไรมากว่านั้นไหม เหตุผลล่ะ” เพลงขวัญกลับเข้าสู่บทสนทนาหลังจากที่บ่นอยู่ครู่หนึ่ง

“เขาบอกว่าผมหักหลังเขา”

“หักหลัง...เรื่องอะไร ไปแอบมีกิ๊กเหรอ” เพลงขวัญหรี่ตาถาม

“ไม่ครับ ไม่เคยมี” พระพายส่ายหน้าทันที

“ก็นั่นสิ ถ้ามีกิ๊กจริง ๆ ไม่ใช่แบบนี้หรอก ป่านนี้กิ๊กของพระพายได้โดนอัดน่วมอยู่ตรงใต้สะพานลอยไปแล้ว และตัวพระพายเองก็คงโดนล่ามโซ่ไว้ในห้อง ไม่ทันได้หนีไปไหนหรอก”

            เพลงขวัญว่า พระพายถึงกับกลืนน้ำลาย...สมกับเป็นพี่สาวที่รู้จักน้องชายดีและแน่นอนว่ามันน่ากลัวมากหากจะเป็นอย่างนั้นจริง การล่ามโซ่แบบกักขังคงไม่ได้เร้าใจเหมือนตอนทำเรื่องอย่างว่าหรอก

“ตัดเรื่องชู้สาวออกไปได้เลย ไม่น่าใช่ และมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไหม” เพลงขวัญถามต่อ

“ไม่มีนะครับ.....เอาจริง ๆ ก็...มีนิดหน่อย” พูดไปก็นึกขึ้นมา ก่อนหน้านั้นบรรยากาศของเขากับพิธานมีเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร

“ยังไงล่ะ”

“คุณพิธานกลับบ้านดึก น่าจะเรื่องงาน จากนั้นเขาลืมนัดทานข้าวกับผมและผมเห็นเขาเดินอยู่กับแฟนเก่าด้วย” พระพายจึงยอมเปิดปากเล่าทั้งหมด เพราะยากที่จะปิดคนอย่างเพลงขวัญได้

“แฟนเก่า โอน่ะเหรอ....”

“คงจะใช่ครับ น่าจะชื่อโอ”

“ถ้าเรื่องถ่านไฟเก่าจะคุกับโอนี่ตัดไปได้เลย เพราะรายนั้นเขามีแฟนฝรั่งแล้วและกำลังจะบินไปแต่งงานที่ประเทศของแฟนด้วย” เพลงขวัญว่า พระพายเลิกตาขึ้นอย่างงุนงง

“เหรอ..ครับ” พระพายหน้าเจื่อนลงทันควัน นี่เขาเข้าใจผิดเรื่องนี้ไปอย่างนั้นหรือ

“ใช่ เพราะรู้จักกันกับทางผู้ใหญ่เลยรู้เรื่องนี้” สมกับเป็นเพลงขวัญที่ไม่เคยมีอะไรลอดผ่านเธอไปได้เลย

“ฉะนั้นเรื่องนี้นายไม่ต้องไปคิดอะไรแล้ว แต่พิธานนี่สิคิดอะไรถึงพูดว่าขอห่างแบบนั้น...นั่นมันบอกเลิกกันทางอ้อมชัด ๆ”

             เพลงขวัญขมวดคิ้วเป็นปมเพราะยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายตัวเอง ไม่ใช่พระพายคนเดียวที่คิดแบบนั้น เพลงขวัญก็คิดเช่นเดียวกันกับเขา พูดแบบนั้นออกมาเท่ากับกำลังบอกเลิกจริง ๆ

“และนี่หนีออกมาอยู่กับอัทธ์ได้ยังไง”

“บังเอิญมากกว่าครับ ผมเดินออกมาเรื่อย ๆ จนมาโผล่ที่นี่”

“โชคดีแค่ไหนที่เจอคนรู้จัก ไม่อย่างนั้นคงอันตราย”

“ขอโทษครับ” พระพายพูดได้เท่านี้ในตอนนี้ เขาทำคนรอบข้างลำบากมากเลยทีเดียว

“ฉันสิต้องขอโทษ น้องชายฉันทำเรื่องแบบนั้น นี่คงจะเสียใจมากแน่ ๆ แค่ดูหน้าซึม ๆเซื่อง ๆ แบบนี้ก็รู้แล้ว” เพลงขวัญมองหน้าพระพาย

“ร้องไห้ไปเยอะขนาดไหนแล้วล่ะ” เพลงขวัญลูบหัวพระพายเบา ๆ ความใจดีของเพลงขวัญทำเอาพระพายรู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง อาการจุกแน่นตีขึ้นในอกนี่มาบ่อยจนห้ามไม่ค่อยอยู่

“จะเอายังไงต่อ ถ้าอยากเลิกก็เลิกได้เลยนะ ฉันไม่คิดเข้าข้างน้องชายหรอกถ้าทำนิสัยแบบนั้น”

“เขาเป็นคนขอเอง..ผมก็คงต้องทำอย่างที่เขาขอ”

“แต่คิดดูอีกที ฉันว่ามันอาจจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกันได้”

“ผมไม่รู้หรอกครับแต่เขาไม่ยอมอธิบายอะไรผมเลย ผมถามเขาก็ไม่ยอมตอบ”

“ถ้าอย่างนั้นนิ่งเอาไว้ก่อน รอคุยกันให้ชัดเจน เชื่อว่าตอนนั้นจะตัดสินใจได้เองว่าจะทำยังไงต่อ แต่บอกไว้ก่อนนะ แม้ว่ายืนยันจะเลิกกับพิธาน ฉันก็เห็นพระพายเป็นน้องชายอยู่ดี ฉันถูกใจมากจนไม่อยากปล่อยไปไหนเลย” เพลงขวัญยิ้มให้ เห็นแล้วเหมือนพิธานตอนที่เจอเขาใหม่ ๆ ไม่มีผิด.....คงจะถูกชะตาในแง่ของคนน่ารังแกอย่างแน่นอน

“ขอบคุณครับพี่เพลง”

“อยู่ที่นี่ไปก่อนนะ คืนนี้ที่บ้านจะมีปาร์ตี้ก็รู้กันอยู่ ฉันจะไปดูเสียหน่อยว่าพิธานจะเป็นยังไง อยู่ทางนี้เดี๋ยวฉันจะติดต่อผ่านอัทธ์เอง”

“ฝากขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะครับ แล้วผมจะไปขอโทษด้วยตัวเองอีกที”

“จริง ๆเลย ทั้ง ๆที่ปาร์ตี้นี้จัดขึ้นเพราะพระพายแท้ ๆ แต่ดันไม่อยู่แบบนั้น คุณแม่คงโกรธน่าดู ” 

“ขอโทษครับ” พระพายได้แต่พูดขอโทษไปอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็จะได้รู้กันว่าน้องชายฉันคิดอะไรอยู่” เพลงขวัญลุกขึ้นยืน

“เอาล่ะ ฉันต้องกลับแล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะ เดี๋ยวฉันจะบอกมาอีกทีว่าจะเอาไง”

“ครับพี่เพลง”

“ฉันกลับละนะอัทธ์ ขอบใจมาก” เพลงขวัญส่งเสียงบอกอัทธ์เสียงดังพอควร อัทธ์กับเลขาปอจึงออกมาจากห้อง

“กลับแล้วเหรอครับ” เลขาปอถาม

“จ้ะ ขอบใจมาก เดี๋ยวจะติดต่อกลับมา ฝากพระพายด้วยนะ” เพลงขวัญฝากฝังไว้

“ไม่ต้องห่วง” อัทธ์รับคำ

“ไม่ต้องเศร้าแล้วนะ ฉันจะจัดการน้องชายตัวดีเอง” เพลงขวัญลูบหัวพระพายอีกครั้งก่อนที่จะออกจากห้องไป

“ขับรถดีๆนะครับ” พระพายเดินไปส่งหน้าประตู เพลงขวัญยิ้มให้และเดินก้าวสับขาเร็วๆไปยังลิฟต์

“พระพาย....ผมขอโทษ” เลขาปอเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิดทันทีที่พระพายหันหลังมา

“ขอโทษทำไม”

“ความแตกซะได้ ว่าคุณอยู่ที่นี่” เลขาปอว่า

“จริงๆผมเองเป็นคนบอก ไม่ใช่ปอหรอก” อัทธ์รีบบอกทันที

“ไม่เป็นหรอกครับ จริงๆมันก็ดีเหมือนกัน เรื่องมันจะได้จบเร็วขึ้น” พระพายว่าและนั่งลงบนโซฟา

“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณเพลงขวัญรู้จักกับอัทธ์” เลขาปอนั่งลงข้างๆในขณะที่พระพายเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

“ก็รู้จักกัน เจอกันในงานปาร์ตี้ของเพื่อนอีกที พอรู้ว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนซี้คุณพ่อ เลยเป็นเพื่อนกัน”

“อย่าว่าแต่คุณเลย ผมเป็นแฟนมาตั้งกี่ปีก็ยังไม่รู้เรื่องนี้” น้ำเสียงประชดประชันออกมาจากเลขาปอ

“หึงเหรอ” อัทธ์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“เปล่าเลย แค่ไม่คิดว่าจะรู้จักกับพี่สาวของเจ้านายเป็นการส่วนตัว” เลขาปอตอบทันที

“หึงก็บอกสิ” อัทธ์แหย่อย่างชอบใจ

“พอได้แล้ว” เลขาปอปราม

“พระพายก็นั่งดูทีวีไปก่อนนะ ผมขอไปทำงานต่ออีกนิดหน่อย เดี๋ยวออกมาหา” อัทธ์ว่า

“ผมก็ด้วย เดี๋ยวออกมานะ” เลขาปอบอก

             พระพายพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะเดินไปที่โซฟานั่งอ่านหนังสือเล่มอื่นของเลขาปอต่อ อย่างน้อยการนั่งอ่านหนังสือในครั้งนี้ก็ทำให้จิตใจของพระพายตกตะกอนได้เยอะขึ้น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ต้องยอมรับผลของมันและเดินหน้าต่อไป รู้สึกว่าหลังจากที่เจอกับหลวงตาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็คิดอะไรได้เยอะจากคำสั่งสอนนั้น แม้จะยังเสียใจและรู้สึกถึงความผิดหวังเต็มอยู่ในอก แต่พระพายไม่ได้ฟูมฟายเหมือนเมื่อวานแล้ว เท่านี้ก็แปลว่าพระพายเข้มแข็งขึ้นมาได้อีกนิดหนึ่งแล้ว

.

        เวลาเย็นจนพลบค่ำ บ้านหลังโตแถวชานเมืองอย่างบ้านธนิตกำลังมีปาร์ตี้เล็กๆกันตรงข้างบ้าน คนในบ้านช่วยกันจัดเตรียมอาหารรวมถึงเครื่องดื่มแบบง่ายๆจัดวางบนโต๊ะ โดยมีพัชชาจัดแจงชี้บอกออกคำสั่ง

“นี่พระพายไม่รับสายเลย แต่คงจะรู้นั่นแหละว่าต้องมาตอนนี้” พัชชาที่นั่งลงหลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยบ่นกับธนิตที่นั่งดื่มวิสกี้

“เดี๋ยวก็มา จะอะไรนักหนา”

             ธนิตว่าแต่มือนั้นพลิกข้อมือดูนาฬิกาบ่อยพอสมควร พัชชาแอบอมยิ้มกับความปากแข็งนั้น แต่ก็ไม่อยากจะทักให้เจ้าตัวรู้สึกอายและคนแรกที่มาคือเพลงขวัญ ที่หิ้วถุงผ้าใบโตมาด้วย พัชชาลุกขึ้นไปหาด้วยความรวดเร็ว

“เพลง มาแล้วเหรอ” พัชชาทักทาย

“สวัสดีค่ะคุณแม่ สวัสดีค่ะคุณพ่อ” เพลงขวัญทักทาย

“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ” ธนิตถามราวกับตำหนิกลาย ๆ

“ก็เอามาให้ทุกคนเนื่องในวันปีใหม่ไงคะ”

             เพลงขวัญพยายามไม่ให้บรรยากาศแย่เพราะที่ผ่านมาธนิตนั้นยังคงเป็นธนิตเหมือนที่ผ่านมาในความรู้สึกเธอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากครั้งที่แล้วคือบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น เพลงขวัญนั่งลงข้างพัชชาและจากนั้นไม่นานพิธานก็มา...มาคนเดียว

“พิธาน...มาแล้วเหรอ ล่ะนั่นหน้าไปโดนอะไรมา”

             พัชชาที่ดีใจไม่กี่วินาทีก็ต้องตกใจไม่น้อยเมื่อสังเกตเห็นรอยแดงเถือกจนเกือบช้ำบนใบหน้า พิธานเงียบไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่นั่งลงบนเก้าอี้ที่ห่างจากธนิตไปหนึ่งที่นั่ง

“พิธาน เกิดอะไรขึ้น แล้วไหนพระพายล่ะ” พัชชาเริ่มเห็นท่าทีของพิธานที่ดูแปลกไป สีหน้าที่ดูไม่ปกติ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่เธอเลี้ยงพิธานมา

“เขา...ไม่มาครับ” พิธานตอบเสียงเบา เพลงขวัญจ้องมองพิธานที่ตอนนี้ดูก็รู้ว่ามีเรื่องขั้นรุนแรงและไม่สามารถทำอะไรได้จึงดูสิ้นหวังขนาดนี้

“เกิดอะไรขึ้น พระพายเป็นอะไร” พัชชาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนทั้งสอง พิธานไม่พูดอะไรแต่ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งขึ้นมาและวางบนโต๊ะ

“อะไร มือถือใคร” พัชชาถาม

“ของ...พระพายครับ” พิธานตอบ

“พิธาน บอกแม่มา นี่มันเรื่องอะไรกัน” พัชชาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ของพิธานเลยสักนิด ดูหดหู่ ดูเศร้าหมองและดูสับสนในตัวเอง ธนิตมองหน้าพิธานก่อนที่จะยกแก้ววิสกี้ดื่ม

“อมพะนำอยู่ได้ ปากไม่มีเหรอ” ธนิตเอ่ยลอยๆขึ้นมา พิธานไม่มีอารมณ์แม้แต่จะหันไปโมโหหรือหาคำพูดเจ็บแสบได้เลยในตอนนี้

“สรุปแฟนแกไปไหน” คราวนี้เป็นธนิตเองที่เอ่ยถามแทนพัชชา เพลงขวัญแปลกใจไม่น้อยที่เห็นธนิตเอ่ยถามถึงพระพายเช่นนี้ พิธานยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น

“แกเป็นอะไร ทะเลาะกันมารึไง” ธนิตพูดออกมาจี้ใจดำพิธานไม่น้อย

“ไม่ใช่เรื่องของคุณพ่อครับ” พิธานพูดออกมาด้วยความรวดเร็ว

“แล้วมันเป็นเรื่องของใครล่ะ ถ้ามันเป็นเรื่องของแกเองทำไมถึงจัดการอะไรไม่ได้” ธนิตยังคงดูสบาย ๆกับแก้ววิสกี้ที่ยังคงยกดื่มอยู่

“หยุด!” พิธานพูดผ่านฟันที่ขบอยู่

“พิธาน อย่าพูดกับคุณพ่อแบบนั้นสิ” พัชชาเองก็พยายามปรามพิธานไว้ ดูท่าว่าเพลงขวัญคงต้องออกโรงแล้ว

“บอกเลิกกันแล้วเหรอ” เพลงขวัญถามด้วยสีหน้านิ่งๆ พิธานหันมองเพลงขวัญทันที

“ไม่ใช่ ไม่ได้.....” พิธานพูดเสียงเบาลง

“แล้วอะไรล่ะ ไม่เลิกกันแล้วมันยังไง ทะเลาะอะไรกัน” เพลงขวัญถามต่อ พิธานเงียบไป แววตาดูเจ็บปวดขึ้นมามากกว่าเดิม

“ผม...” ถึงคราวพิธานพูดไม่ออก

“พูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจเขาไปรึเปล่าล่ะ” เพลงขวัญจี้จุดเข้าไปอีก คราวนี้พิธานถึงกับเงียบ พูดอะไรไม่ออก

“รู้ไหม บางครั้งการที่หลุดปากพูดอะไรออกไป สิ่งที่ตามมามันมากกว่าที่คิดนะ ปกติน้องเป็นคนที่คิดก่อนพูดเสมอนี่ แล้วครั้งนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้”

“พี่พูดเหมือนรู้เรื่อง” พิธานหันมามองเพลงขวัญอย่างสงสัย

“ฉันไม่รู้อะไรกับพวกนายหรอก แต่ปกติคนรักกันมันก็ที่ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง แล้วแกทำอย่างนั้นรึเปล่า” พิธานเงียบไปอีกครั้ง

“แล้วนี่รู้อะไรบ้าง ทะเลาะเรื่องอะไรกัน”

“บอกไม่ถูก...อาจจะเพราะเป็นผมเอง”

“เพราะแก ยังไงล่ะ เพราะแกไม่ไม่ยอมพูดอะไรอยู่แบบนี้ใช่ไหม ที่ผ่านมาเคยคุยเปิดอกกันบ้างไหม” เพลงขวัญถามต่อ พัชชาและธนิตนั่งเงียบปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน

“แรก ๆ ก็...มี”

             ใช่ แรก ๆ ก็ทำอย่างนั้น แต่พอมาช่วงหลังดูเหมือนเป็นเขาเองที่ละเลยเรื่องพวกนี้ไปเพียงเพราะบางครั้งก็อยากให้พระพายเอ่ยปากบอกด้วยตัวเอง ไม่ใช่การถามไถ่หรือจับผิดจากเขาเสมอ

“แปลว่าตอนนี้ไม่มี” เพลงขวัญสรุปอย่างนั้น

“เพราะเขา...ไม่ยอมบอกอะไรผมเลย” พิธานหรุบตาต่ำมองพื้น เหมือนกันกำลังน้อยใจอะไรบางอย่าง

“เขาปิดเรื่องอะไรล่ะ”

             ล้วงเอาคำตอบกันต่อหน้าพ่อแม่เลยทีเดียว พัชชานั่งนิ่งฟังบทสนทนาของสองพี่น้องอย่างใจจดใจจ่อ ธนิตนั้นแม้จะท่าทีเฉยเมย แต่แท้จริงแล้วก็กำลังตั้งใจฟังอยู่มากเลยทีเดียว พิธานที่เริ่มจะรู้ตัวว่าตอนนี้ทุกคนกำลังกดดันเขา พิธานจึงเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา เพราะไม่อยากให้พ่อที่ตนเองไม่ชอบใจเท่าไหร่ได้ยินมันด้วย

“พิธาน ไม่ต้องสนใจคุณพ่อได้ไหม บอกแม่มาว่าเรื่องอะไร” พัชชาเริ่มหน้าม้าน เพราะรู้ดีว่าไม่อยากให้ธนิตรู้เรื่องส่วนตัวอีกทั้งความเงียบของพิธานนั้นน่าหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียว

“คุณแม่รู้ดีไม่ใช่เหรอครับ ว่าเรื่องอะไร” พิธานเงยหน้ามองพัชชาด้วยสายตาผิดหวัง

“เรื่องอะไร พูดเรื่องอะไรพิธาน” พัชชายังไม่เข้าใจอยู่ดี

“ไม่ใช่คุณแม่หรอกเหรอครับที่ร่วมมือกับพระพายเพื่อที่จะให้ผมกับคุณพ่อคืนดีกัน”

             พิธานเสียงแข็งจนแทบจะเหมือนคำตำหนิกลาย ๆ ธนิตเลิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น พัชชารู้สึกหน้าชาวาบขึ้นเมื่อเรื่องนี้ถูกพูดต่อหน้าของสามีและลูกชาย คนที่ไม่อยากให้รู้เรื่องนี้มากที่สุด เพลงขวัญพยักหน้ากับตัวเองอย่างพอจะเข้าใจแล้วว่าสาเหตุเรื่องนี้เกิดจากอะไร

“แม่....แม่ ไม่ได้ตั้งใจจะปิดพิธานนะ” พัชชาพยายามอธิบาย

“ไม่ปิด แต่ไม่คิดบอก ทำทุกอย่างลับหลังผม....ทั้งที่คุณแม่ก็รู้ ว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา” พิธานเกร็งหน้าเพราะพยายามข่มความโมโหเอาไว้

“กับฉันมันยังไง” ธนิตหันมาถามพิธานทันที พิธานหน้าตึงราวกับไม่อยากตอบธนิต

“ฉันเป็นพ่อแกนะ อย่าลืมเรื่องนี้สิ”

“แต่เป็นพ่อที่ทำพวกเราเสียใจ” พิธานเปิดปากออกมา นานแค่ไหนกันที่เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา คงตั้งแต่ตอนออกจากบ้านหลังนี้ไป

“ฉันยอมรับว่าฉันเคยทำพลาดและทำเรื่องไม่ดีกับครอบครัว ฉันผิดเอง” สีหน้าที่ดูเจ็บปวดของธนิตนั้นทำเองเพลงขวัญชะงัก มุมนี้ไม่เคยได้เห็นมาก่อน

“มาแก้ตัวอะไรเอาป่านนี้ หลังจากที่ทำเรื่องแบบนั้นไปแล้ว คุณพ่อมาสำนึกผิดทำไม ทำไมไม่คิดก่อนจะทำ” พิธานระเบิดความรู้สึกออกมา

“แกเองก็เคยทำเรื่องผิดมาก่อน แล้วทำไมแกคิดว่าคนอื่นเขาก็ทำผิดพลาดได้เหมือนกัน” ธนิตเองก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง พิธานที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับนิ่ง....ธนิตพูดถูก

“แกไม่เคยมองเห็นถึงความรู้สึกของคนอื่นเลย แกมองเห็นแค่ตัวเอง” พิธานฉุนกึกทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

“คุณพ่อไม่มีสิทธิ์มาว่าผมแบบนั้น” พิธานโกรธไม่น้อยกับคำพูดนั้น รู้สึกเหมือนโดนตำหนิว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว จากปากคนที่พิธานคิดมาเสมอว่าเห็นแก่ตัวมากคนหนึ่ง

“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อแกเป็นลูกชายของฉัน แกสองคนคือลูกของฉัน ต่อให้พวกแกไม่เคยนับว่าฉันเป็นพ่อ แต่พวกแกก็คือลูกฉันเสมอ แม้ว่าพวกแกจะใช้คำพูดถากถางว่าฉัน เมินเฉยกับฉันเหมือนคนไม่มีตัวตน...แต่ฉันก็ไม่เคยเกลียดพวกแกอย่างที่พวกแกเข้าใจ ฉันไม่เคยหมดรักในตัวพวกแกเลยสักนิด”

            เสียงนั้นดังลั่นจนคนงานในบ้านยังได้ยิน ธนิตหน้าแดงก่ำ ตัวสั่นนิดๆเมื่อได้พูดความรู้สึกที่ปกปิดมาตลอด....นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยิน พัชชาน้ำตาไหลออกมาอย่างเศร้าใจ เธอรู้ดีเสมอว่าธนิตนั้นเป็นคนอย่างไร คงจะมาถึงขีดสูงสุดของตัวเองแล้ว ความรู้สึกนี้ได้เป็นอิสระจากการเก็บกดมานานเสียที

             เพลงขวัญเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่อยู่ในใจของคนเป็นพ่อ ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เจ็บปวดใจกว่าพวกเขาคือคนเป็นพ่อ คิดมาเสมอว่าพวกเขาโดนกระทำ แต่เปล่าเลย ธนิตเองก็ถูกกระทำจากพวกเขาเช่นกัน

             พิธานเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น รู้สึกทุกอย่างกำลังจะเปิดเผยออกมาจากธนิตที่ปกปิดมาเนิ่นนาน วันนี้ทุกอย่างจะจบลงแล้ว วันนี้ที่ต้องสะสางความบาดหมางของคนในบ้านเสียที...

Lyrics: Nothing to stopping me by Vicetone ft. Kat Nestel. 

 


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2019 21:52:55
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 18-06-2019 22:48:19
 :katai1: ทำไมตอนนี้มันสั้นจังรออ่านอยู่นะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-06-2019 23:03:32
นั่นไงเรื่องนี้จริงๆ
น้อนพายยยยยย
เป็นตัวโดนตล๊อดดดด
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-06-2019 23:24:35
ว่าแล้วต้องเป็นเรื่องที่นุ้งพายช่วยให้พ่อลูกเขาคืนดีกัน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-06-2019 23:27:01
ว่าแล้ว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-06-2019 23:35:04
น้อยใจกับเรื่องพ่อหรอ พิธาน คนซวยเป็นพระพายซะงั้น เด็กน้อยจริง ๆ พิธาน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 19-06-2019 00:34:00
แยกแยะไม่ได้เลยพิธานแค่เรื่องที่จะทำให้คืนดีกับพ่อถึงขนาดต้องขอห่างกันคิดได้ไงไม่รักกันรึไงเป็นคนไปบีบบังคับเค๊ามาเป็นแฟนเองด้วยเป็นถึงผู้บริหารแต่จัดการความคิดตัวเองไม่ได้ :z3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-06-2019 02:06:00
 :katai1: :katai1: :katai1: สมน้ำหน้าพิธานปล่อยให้แห้งเหี่ยวตาโบ๋ไปซะมันสำคัญมากสินะความรู้สึกของตัวเองน่ะด้วยเรื่องที่พระพายทำเราขอใช้คำว่าเรื่องแค่นี้ ถึงกับใช้คำว่าหักหลังใหนจะการที่ขอแยกกันอยู่หึทำไมไม่ขอเลิกไปเลยแล้วตัวเองก็จะได้มีความสุขอยู่ในสภาพแบบนี้ใงล่ะ  :m16: ไม่ได้มองถึงความหวังดีหรือถามหาเหตุผลอะไรเลยว่าทำไมพระพายถึงทำแบบนั้นสนแต่ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้นนี่ถ้าไม่สงสารพระพายจะภาวนาให้เลิกกันเด็ดขาดไปเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-06-2019 07:37:30
……

เปิดอกคุยกันไป เคลียร์กันพ่อแม่ลูก แล้วใช้ความรักเป็นที่ตั้ง

ให้อภัย เพื่อไม่ให้ติดค้างในใจกันอีก


 :katai4:   :katai4: :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:


……
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-06-2019 08:40:05
ว่าละว่าต้องเป็นเรื่องนี้  เด็กน้อยไปอีกพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 19-06-2019 09:18:59
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 19-06-2019 09:24:44
โอย..อยากอ่านอีกๆ

รอติดตามอยู่นะ  o22 o13
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-06-2019 10:01:08
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-06-2019 20:54:19
ว่าละว่าต้องเรื่องพ่อ แต่นะไม่น่าทำกับพระพายขนาดนี้ ถ้าขอคืนดีไม่สำเร็จจะสมน้ำหน้าให้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 21-06-2019 06:24:03
พอได้อ่านตอนนี้แล้วคิดว่าพิธานเด็กมากเลยอ่ะ
เหมือนดูเด็กเถียงกับพ่อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 21-06-2019 15:35:40
ดราม่ายังไม่จบ :katai1: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 22-06-2019 06:07:51
ถ้าครอบครัวเค้าเคลียร์กันได้แล้ว....พระพาย..งอนให้หนัก...อย่ายอมคืนดีง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 63 (18/06/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 22-06-2019 21:53:50
น้องอุตส่าห์จะช่วยให้เข้าใจกับพ่อแล้วนายทำอะไรลงไปพิธานพระพายอย่าใจอ่อนง่ายๆนะลูกให้ง้อนานๆเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 02-07-2019 22:41:55
สวัสดีค่ะ  ตอนที่ 64 มาแล้วนะคะ ตอนที่แล้วคงค้างกันใช่ไหมคะ มาต่อให้แล้วนะคะ ไปดูพิธานกันค่ะว่าจะเป็นยังไงต่อ อย่าเพิ่งซ้ำเติมเขาเลยนะคะ ออกจะน่าสงสาร  :o8: หากตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆ ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเมนต์ ยังไงก็ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ คิดถึงเสมอ เจอกันตอนหน้าค่ะ  :กอด1:
++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 64 My mistakes.


Yeah, I know I made mistakes cause my pride was in the way
ใช่ ฉันรู้ว่าฉันทำผิดพลาดไป เพราะศักดิ์ศรีค้ำคอไว้

You slipped right through my hands
และแล้วเธอก็หลุดมือของฉันไป

But if you were here right now long enough to hear me out
แต่ถ้าหากเธออยู่กับฉันตรงนี้ นานพอที่จะรับฟังฉันสักหน่อย

I can make you understand
ฉันสามารถทำให้เธอเข้าใจฉันได้แน่



        ปาร์ตี้ปีใหม่นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศตรงกันข้ามกับคำว่าเฉลิมฉลองอย่างสิ้นเชิง ธนิตใบหน้าแดงก่ำยืนท่ามกลางทุกคนที่นั่งเงียบไม่ปริปากใด ๆ ออกมา พัชชานั่งด้วยความเศร้าพร้อมน้ำตาที่เริ่มหยุดแล้ว เพลงขวัญบีบมือเม้มปากอย่างอดกลั้น ด้านพิธานยังคงตกใจในสิ่งที่ได้ยิน

“คุณคะ” พัชชาเอ่ยขึ้นพลางจับมือของธนิตให้นั่งลงเสียก่อน เพลงขวัญขยับตัวไปลูบไหล่ของพัชชาทันทีที่ธนิตยอมนั่นลงตามคำขอ

        ความเงียบเริ่มโรยตัวคนทั้งหมด ต่างคนต่างจมในความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ธนิตนั้นรู้สึกโล่งไปพอสมควรที่ได้พูดเรื่องเหล่านี้ออกไป ไม่ได้คาดหวังว่าลูกๆจะเปลี่ยนไป แต่อย่างน้อยการที่ได้รับรู้สิ่งนี้มันก็ดีกับตัวเขาเองเช่นกัน

“คุณพ่อ...” เพลงขวัญเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบนั้น

“เพลงขอโทษค่ะ”

             เพลงขวัญเอ่ยออกมาเบา ๆ เธอรู้สึกผิดไม่น้อยเมื่อได้รู้ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ ถึงแม้เธอจะไม่ได้ใช้คำพูดและท่าทีที่รุนแรงเท่าพิธาน แต่เธอก็เมินเฉยใส่มากพอสมควรอีกทั้งไม่เคยเชื่อถืออะไรในตัวธนิต ความเป็นพ่อที่เธอไม่เคยยอมรับเลยตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น ธนิตที่ได้ยินอย่างนั้นจึงหันมองเพลงขวัญ ลูกสาวคนโตที่ดูรู้สึกผิดมากอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ต้องขอโทษหรอก มันเป็นความผิดฉันเองที่ทำให้พวกแกคิดแบบนั้น”

“แต่เพลง...” เพลงขวัญทำท่าจะเอ่ย

“ฉันไม่เคยเห็นร้านอาหารแกเป็นเรื่องไร้สาระ ดีใจเสียอีกที่แกเก่งเรื่องบริหารได้ขนาดนั้น” ธนิตว่า เมื่อได้ยินอย่างนั้นเพลงขวัญก็นิ่งไปเพราะเธอคิดเสมอว่าสิ่งที่เธอทำนั้นธนิตตั้งแง่ดูถูกไว้

“ส่วนแก พิธาน....ฉันไม่เคยไม่ภูมิใจในตัวแก เรื่องงานแกทำได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง เรื่องส่วนตัวของแกฉันก็พยายามยอมรับเท่าที่ฉันจะทำได้” ธนิตพูดออกมา

            พิธานเงียบไป ความนิ่งเริ่มเข้ามาอีกครั้ง ดูเหมือนครั้งนี้จะสงบลงได้กว่าเมื่อก่อนหน้านี้ แต่จะยอมรับหรือเปิดใจหรือไม่ก็ไม่อาจจะคาดเดาได้

“พระพาย..กับเด็กคนนี้ฉันก็ไม่รู้อะไรมากเท่าไหร่ ไม่ใช่ฉันไม่รู้ว่าคุณพัชชากับเด็กนั่นคิดเรื่องอะไรกันอยู่ ฉันก็ไม่ชอบใจนักหรอกที่วางแผนกันขนาดนั้น”

“ขอโทษนะคะคุณธนิต ที่ทำลงไปโดยไม่ทันคิดว่าคุณจะรู้สึกยังไง” พัชชาเอ่ยขอโทษธนิตเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ช่างมันเถอะคุณพัชชา อีกอย่างก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทำได้สักแค่ไหนกันเชียว” ธนิตแตะไหล่พัชชา

“ก็ต้องยอมรับละนะว่าเด็กคนนี้เก่งพอตัว ทำให้ฉันยอมรับได้มากกว่าที่คิดไว้เสียอีก”

“ฉันก็พอเข้าใจแกหรอกว่ารู้สึกยังไง ถ้ามีคนทำแบบนั้นโดยไม่ถามความรู้สึกของแกก่อน” ธนิตหันไปพูดกับพิธานที่ยังคงนิ่งอยู่

“พิธาน...แม่เองก็ต้องขอโทษลูกด้วย เป็นเพราะแม่เองที่ขอร้องพระพาย คงเพราะเกรงใจแม่พระพายเลยยอมทำเรื่องพวกนี้” พิธานก้มหน้าต่ำลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เสียงถอนหายใจดังออกมา

“พิธาน สรุปที่ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เหรอ” เพลงขวัญถามขึ้น พิธานพยักหน้ารับ

“และพระพายเป็นยังไงบ้าง” พัชชาถามบ้าง

“เขาออกไปจากห้อง เขาหายตัวไป”

             มาถึงตรงนี้พิธานหน้านิ่วขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เจ็บปวดของพระพาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมา แววตาที่เสียใจขนาดนั้น มันทำเอาปวดหนึบไปทั้งใจ พัชชาที่ได้ยินเช่นนั้นยิ่งรู้สึกผิดมากถึงมากที่สุดที่เรื่องราวมันวุ่นวายได้ขนาดนี้

“พระพายไปอยู่ที่ไหน มือถือไม่เอาไป ป่านนี้จะเป็นยังไง” พัชชาเริ่มร้อนใจ

“พูดอะไรออกไปบ้าง” เพลงขวัญที่รู้ดีว่าพระพายอยู่ไหน จึงไม่ยอมดึงเข้าหัวข้อนี้ แต่ยังอยากรู้ว่าพิธานทำอะไรลงไปบ้าง

“พูด...บอกว่าจะออกจากห้องเพื่อขอห่างกับเขา” พิธานยอมเปิดปากในที่สุด ถึงจุดแตกหักที่เกิดขึ้น มือนั้นรู้สึกชาไปหมด เมื่อย้อนนึกคำพูดและสิ่งที่ตัวเองทำออกไปโดยไม่นึกถึงพระพายเลย

“พิธาน...นี่ลูกทำอะไรลงไป” พัชชาถึงหันมองพิธานด้วยสายตาผิดหวังไม่น้อย

“รอยบนหน้าแกล่ะ ฝีมือใคร” ธนิตเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง ตอนนี้เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสนใจแล้ว แต่เป็นเรื่องของพระพายกับพิธานต่างหาก

“เพื่อนเขา” พิธานตอบสั้นๆ

“สมควรโดนแล้ว” ธนิตว่า พัชชาแทบจะอยากหยิกธนิตที่พูดออกมาโดยไม่ดูอารมณ์ของพิธานในตอนนี้

"ใช่ สมควรแล้ว” โกรธไม่ได้สักนิดเพราะที่ธนิตพูดคือเรื่องจริง

“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าแกมันยังไม่โต” ธนิตพูดขึ้น

“ถ้าแกโกรธแฟนแกเพียงเพราะพยายามช่วยให้แกกับฉันคืนดีกัน นั่นแปลว่าแกยังไม่โตพอ ทั้งที่หลงคิดว่าจะโตแล้วหลังจากที่เห็นแกทำตัวดีขึ้นตอนคบกันกับเด็กนั่น...แต่เปล่าเลย แกมันยังเด็กอยู่วันยังค่ำ” คำตำหนินี้จี้ใจดำพิธานได้ชะงัก พิธานบีบมือตัวเองเสียแน่น

“ฉันเคยคิดว่าเด็กนั่นไม่เหมาะกับแก แต่ดันเป็นแกเองที่ไม่เหมาะกับเขาต่างหาก ไม่ใช่พระพายที่ไม่เหมาะกับแก...” ธนิตตอกคำพูดใส่จนพิธานหน้าชา...ทำไมถึงรู้สึกแย่เช่นนี้

“แกไม่เคยเลยที่จะให้โอกาสคนอื่น แกไม่เคยมองความผิดของตัวเอง ไม่เคยเห็นถึงความหวังดีของคนอื่น ทำไมแกไม่คิดบ้างว่าเพราะเขารักแกถึงทำเช่นนั้น...คนอย่างแกมันโง่” ธนิตยังคงพูดจาเช่นนั้น ราวกับตอกย้ำซ้ำเติมให้พิธานกระอักเลือดตายไปข้างหนึ่ง

“คุณคะ...พอแล้ว” พัชชาถึงกับเอ่ยห้าม เมื่อรู้สึกได้ว่าพิธานกำลังเสียใจมากและเจ็บจนต้องเผยสีหน้าดูเจ็บปวดรวดร้าวขนาดนั้นออกมา

“ฉันไม่รู้ว่าแกคิดยังไง แต่ฉันขอพูดในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่าแก มองเห็นโลกมานานกว่าแก”

“การจะเจอคนที่รักกันจริง ๆไม่ใช่จะเจอกันได้ง่าย ๆ แกอย่าเป็นเหมือนฉันที่รู้ตัวเอาตอนที่เกือบสาย เกือบเสียแม่ของแกไปแล้ว” ธนิตนึกย้อนถึงตัวเองที่เคยทำเรื่องผิดพลาดและเกือบจะเสียพัชชาไปในครั้งนั้น

“และถ้าแกรักเขามากพอ แกจะรู้ได้เองโดยไม่ต้องมีใครมานั่งพร่ำสอนแกอยู่แบบนี้”

“อย่าให้คำสบประมาทของฉันเป็นจริง คำที่บอกว่าพวกแกจะไปกันไม่รอด กลับเอาไปคิดเสียล่ะว่าต้องทำยังไง”

             ธนิตเลือกที่จะลุกขึ้นออกจากตรงนั้นและกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งลูกและภรรยาให้นั่งอยู่ตรงนั้น เพราะต่อจากนี้ไปเชื่อว่าทุกคนคงรู้ดีว่าจะต้องทำอะไรต่อไป

             พิธานมองธนิตที่เดินเข้าไปในบ้าน แผ่นหลังนั้นทำให้เห็นว่าธนิตนั้นแก่ลงมากเพียงใดแล้ว หลังจากที่เขาออกไปจากบ้านเขาไม่เคยคิดจะสนใจหรือมองธนิตเต็มตาเลยสักนิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น ธนิตอายุมากขึ้นและเหมือนจะไม่ใช่คนหัวดื้อทิฐิสูงเหมือนอย่างแต่ก่อน แผ่นหลังนั้นทำให้เขาเห็นว่าเวลาจากตอนนั้นมันผ่านมาเนิ่นนานแล้วเหมือนกัน แต่เขาก็ยังเป็นคนเขา พิธานที่ไม่เคยมองรอบข้างเลยว่าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“พิธาน แล้วตอนนี้รู้ไหมว่าพระพายไปอยู่ที่ไหน” พัชชาถามขึ้น ดึงความคิดของตัวเองกลับเข้าสู่ความจริงในตอนนี้และเริ่มคิดไม่ตกอีกครั้ง

“ไม่รู้เลยครับ ผมหาเขาไม่เจอ”

            พิธานบอกเช่นนั้น หลังจากที่เก้าวิ่งออกไปตามหา เขาก็ทำเช่นนั้น จะอย่างไรก็ไม่เจอ เมื่อคืนทั้งคืนพิธานขับรถตามหา รวมทั้งไคและเก้าที่ช่วยหาเช่นกัน เครียดที่หาตัวพระพายไม่เจอและไหนจะตอนโทรหาไคเพื่อถามเป็นระยะ ๆ ก็จะได้ยินเสียงเก้าด่ามาตามสายเสมอ รู้สึกผิดและรู้สึกแย่จนไม่รู้จะทำอย่างไรดี ที่มาปาร์ตี้ของที่บ้านก็เพื่อที่จะบอกเพลงขวัญให้ช่วยตามหา พี่สาวของเขาหูตากว้างไกลกว่าเขามาก ไม่นับเมื่อก่อนที่เขาตามตัวพระพายเจอเสมอนั่นเพราะการติดตั้งจีพีเอสไว้ในมือถือตั้งแต่คืนแรกที่เจอและการสืบเสาะเล็กน้อยเนื่องด้วยพระพายไม่เคยออกนอกเส้นทางที่ตัวเองไปเป็นประจำ เดินทางทำงานกลับที่พักซ้ำ ๆ จนสามารถรู้ถึงความเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย แค่ครั้งนี้ไม่ใช่ การตามหาพระพายครั้งนี้มันยากเกินกว่าเขาจะทำได้ 

             เพลงขวัญนั่งมองพิธานที่เหมือนกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง เจ้าตัวคงคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร อีกทั้งได้เห็นความเครียดและความกังวลที่ออกมาจากสีหน้าได้อย่างชัดเจน ยากที่จะได้เห็นพิธานในมุมนี้ พอได้เห็นก็รู้สึกสะใจพิลึกเพราะน้องชายเธอหัวปั่นเพียงเพราะเรื่องของหัวใจ แปลว่าน้องชายของเธอก็ไม่ได้ไร้หัวใจอย่างที่คิดไว้เสียหน่อย

“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว” เพลงขวัญเอ่ยขึ้น พิธานมองหน้าเพลงขวัญ

“จะให้ผมทำยังไง” พิธานถามอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร สภาพอ่อนแอขี้แพ้เช่นนี้ไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด

“ก็ตามหาสิ”

“คิดว่าไม่ทำเหรอ” พิธานหัวเสียใส่เพลงขวัญ

“เป็นพิธานที่กระจอกน่าดู ไม่ใช่พิธานที่พี่รู้จักเลยนะแบบนี้” กระตุ้นด้วยถ้อยคำแบบนี้ แน่นอนว่าพิธานตาขวางทันทีที่ได้ยินคำว่ากระจอก

“มือถือไม่เอาไป จีพีเอสจะตามได้ยังไง” น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้น

“ออกไปแบบนั้น เงินก็คงไม่มีติดตัว คิดว่าจะนั่งรถไปไหนได้ บ้านเพื่อนนอกจากเพื่อนสนิทมีที่ไหนอีกล่ะ คิดว่าพระพายจะรู้จักใครอีกไหม ทำไมไม่นึก” เพลงขวัญว่า เพียงเท่านั้นพิธานก็นึกออกว่านอกจากเก้าก็ต้องเป็นรุ่นพี่ที่ออฟฟิศที่พระพายชอบไปกินปิ้งย่างบ่อย ๆ

“รู้แล้ว” พิธานลุกขึ้น

“จะไปไหนพิธาน” พัชชาที่นั่งฟังเงียบ ๆ ก็เผลอสะดุ้งที่จู่ ๆพิธานก็ลุกขึ้นพรวดพราด

“จะไปบ้านพี่กล้วย” พิธานว่า

“แต่นี่วันหยุดปีใหม่ เขาอาจจะไม่อยู่บ้านก็ได้” พัชชาพูดขึ้น

“ผมขอลองไปดูหน่อย เดี๋ยวจะกลับมาครับ” พิธานบอกเช่นนั้นและรีบออกไป

“เพลง....พวกเราจะทำยังไงดี” พัชชาเห็นพิธานวิ่งออกไปแบบนั้นก็รู้สึกสงสารในความร้อนรนนั้นไม่น้อย

“เรียนผูกต้องเรียนแก้ ทำอะไรก็ต้องรับผลที่จะตามมาค่ะ”

“แม่เป็นห่วงพระพายจัง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” พัชชากังวลอีกครั้งเมื่อนึกถึงพระพาย

“พระพายเหรอคะ...ก็ทำบุญด้วยจิตใจแจ่มใสต้อนรับปีใหม่เรียบร้อยแล้วค่ะ” เพลงขวัญบอกพร้อมรอยยิ้ม พัชชาพยักหน้านิด ๆอย่างเข้าใจ สักครู่ถึงจะชะงักเพราะคำพูดของเพลงขวัญนั้นฟังแล้วแปลก ๆ

“เดี๋ยวนะ...เพลงว่ายังไงนะ” พัชชาทวนถามอีกครั้ง

“ก็ว่าตามนั้นแหละค่ะ พระพายสบายดี ปลอดภัยค่ะ”

“รู้ได้ยังไง ไปเจอพระพายที่ไหน” ทั้งประหลาดใจและงงใจไปพร้อม ๆ กัน

“พระพายอยู่กับเลขาของน้องนั่นแหละ ไปบังเอิญเจอกัน เมื่อเช้าเพลงก็ไปหาพระพายมาแล้ว”

“แล้วทำไมถึงไม่บอกน้องไป ทำไมปล่อยให้น้องไปหาแบบนั้น” พัชชาเสียงสูงถามอย่างไม่เข้าใจในตัวลูกสาวคนโตของเธอ

“ก็เพลงบอกแล้ว เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ให้พิธานดิ้นรนด้วยตัวเองเสียบ้าง จะได้รู้ว่าที่ตัวเองทำลงไปไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำ”

“เรานี่ร้ายเกินไปแล้ว ไม่สงสารน้องเหรอ”

“ไม่หรอกค่ะคุณแม่ เพลงว่าถึงเวลาที่พิธานต้องเรียนรู้แล้วว่าการจะรักใครสักคนมันไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ทางกาย แต่มันรวมไปถึงความเข้าใจในกันและกันด้วย”

“นี่กลายเป็นคนรู้เรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” พัชชาเหล่มอง

“ก็เพราะเคยผ่านมาเพลงเลยรู้..ความรักมันไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ได้ยากขนาดนั้นไงละคะ”

“สำบัดสำนวน” พัชชาว่า

“คุณแม่ไปเรียกคุณพ่อมานั่งกินกันดีกว่า เดี๋ยวสักพักพิธานก็จะกลับมาพร้อมความผิดหวัง หน้าตาคงจะเศร้าและเจ็บปวดกว่าเมื่อกี้อีกเยอะเลยล่ะค่ะ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎออกมา

“นิสัยไม่ดีเลยเพลง” พัชชาว่าพลางส่ายหน้า เพลงขวัญหัวเราะถูกใจก่อนที่จะเทไวน์ใส่แก้วและดื่มอย่างสบายใจ

        พิธานที่ขับรถเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปยังบ้านของพี่กล้วย ซึ่งเคยมารับพระพายครั้งหนึ่ง เมื่อมาถึงก็พบว่าหน้าบ้านเปิดไฟอยู่ จึงรีบกดออดด้วยความรวดเร็วพลางมองเข้าไปข้างในอย่างลุ้นระทึกว่าจะพระพายจะอยู่ข้างในหรือเปล่า

“ใครครับ” เจ้าของบ้านออกมาพร้อมถาม

“อ้าว....ผัวน้องพายนี่หว่า” พี่กล้วยยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าพิธาน

“ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” พิธานเอ่ยแบบสั้น ๆ คิดว่านี่คงจะสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เข้ามา ๆ แล้วไหนน้องพายล่ะ” พี่กล้วยถามขึ้น พิธานจึงชะงัก

“พระพายไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ” พิธานถามทันที

“จะมาอยู่นี่ได้ไง วันหยุดปีใหม่ ต่างคนต่างไปสิ ถามแปลก ๆ”

“คือ....ไม่ได้อยู่นี่ที่จริง ๆ ใช่ไหม” พิธานถามย้ำ

“มีอะไรกัน” พี่ปีที่เดินออกมาตามหาพี่กล้วยพอดี

“อ้าว พิธาน ไปไงมาไงเนี่ย” พี่ปีทักทายด้วยรอยยิ้ม

“มาหาพระพาย” พิธานว่า

“พระพายไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก” พี่ปีว่า

“ไม่ได้โกหกใช่ไหม” พิธานเองก็ไม่ยอมแพ้

“อะไรของมึงเนี่ย” พี่กล้วยเริ่มหงุดหงิดในท่าทีของพิธาน

“กล้วยเข้าไปก่อน เดี๋ยวทางนี้จัดการเอง” พี่ปีพูดและผลักให้พี่กล้วยเข้าไปในบ้านด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะออกมา ไม่ให้โอกาสได้พูดอะไรออกมาอีก

“มีอะไรกันรึเปล่า” พี่ปีถาม มาถึงขั้นนี้แล้วพิธานคงต้องพูดความจริงออกมา

“พระพายหายตัวไป” บอกสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความ

“หายไปเหรอ...ได้ยังไงกัน”

“ก็เลยมาหาที่นี่ เผื่อเขาจะมาที่นี่”

“ไม่อยู่หรอก...ไม่ได้โกหกด้วย” พี่ปีบอกและรีบสำทับทันทีเพราะสีหน้าของพิธานเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อในคำพูดของเขา

“ไปอยู่ที่ไหนกัน” พิธานเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ กับตัวเอง

“ถ้าหมดจากที่นี่ พระพายมีเพื่อนหรือรู้จักคนอื่นอีกไหม”

“คิดว่าไม่มีแล้ว”

“ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไงก็เอาใจช่วยละกัน” พิธานพยักหน้าก่อนที่จะเดินกลับขึ้นรถไป

        เมื่อที่นี่ไม่มี พิธานก็เริ่มมืดแปดด้านอีกครั้ง ขับรถไปเรื่อย ๆ กลับไปยังบ้านอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไม่พร้อมที่จะกลับไปยังคอนโด ห้องที่มีแต่ข้าวของของพระพายและอีกทั้งภาพที่ทะเลาะกันจะฉายขึ้นมาในหัวได้อย่างชัดเจนจนรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้ง

        ขับไปเรื่อย ๆอย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี จะไปตามหาที่ไหนได้ ที่ไหนที่พระพายจะไปหลบอยู่ กลายเป็นเขาเองก็แทบจะนึกไม่ออกเลยสักนิด หรือเขาเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพระพายเลยสักนิด ขับรถไปด้วยความรู้สึกท้อใจ กลับไปที่บ้านไปหาเพลงขวัญอีกรอบ เผื่อจะช่วยคิดอะไรให้เขาได้ในตอนนี้ เพราะในเวลานี้พิธานกลายเป็นคนตามืดบอดเพราะความเสียใจไปเสียแล้ว

        เป็นความผิดของเขาเองอย่างที่ธนิตกล่าวไว้ เป็นเขาเองที่ทำเรื่องทุกอย่างให้แย่ลงอย่างนี้ ความเห็นแก่ตัวที่เขาคิดว่าถูกกระทำแต่ไม่เคยนึกถึงเหตุผลของคนอื่น เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่นึกถึงความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างกาย อีกทั้งไม่ยอมพูดกันให้ชัดเจน ทั้ง ๆ ที่พระพายขอให้เขาพูดแล้ว จะอย่างไรเป็นตัวพิธานเองที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงอย่างนี้ ถ้าเขาจะต้องเสียพระพายไปจะทำอย่างไร หากพระพายหายไปจากชีวิตเขาจะอยู่อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกชาไปทั้งตัว เขาต้องตามหาพระพายให้เจอ เพื่อขอโอกาสอีกครั้ง เพื่อจะบอกสิ่งที่เขาเองก็อยากให้พระพายรับรู้ จะไม่ปกปิดความรู้สึกอีกแล้ว ขอโอกาสแค่อีกสักครั้งก่อนทุกอย่างจะสายเกินไปอย่างที่ธนิตว่าไว้...

Lyrics: If These Walls Could Talk by Fifth Harmony.








หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-07-2019 23:03:31
อยากให้พิธานตามหาน้องพายต่อไปอีกนิดค่ะ อย่าเพิ่งให้เจอกันเลย หึ!!  o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2019 23:10:00
รู้สึก​สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-07-2019 23:48:08
ทำไมรู้สึกสะใจ คึคึ
#ทีมพี่เพลง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 03-07-2019 00:25:20
รอบตัวมีแต่คนคอยซ้ำนะ ก่อนมาต้องเป็นคนแบบไหนน่ะพิธาน 555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 03-07-2019 07:20:21
โธ่พ่อคุณ.... ไม่มีใครสงสารเลย55555 บทเรียนของการเรียนรู้​ของแท้เลย อยากเอาใจช่วยนะ แต่รักน้องมากกว่า5555 ขอให้ซึมไปนานกว่านี้อีกนิดนึงเนอะ ขอให้น้องสดใสจนพิธานใจเสียไปเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: koisuratreeJHZZ ที่ 03-07-2019 07:54:21
พี่เพลงคือผู้ชนะค่าาา
#ทีมพี่เพลง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 03-07-2019 08:56:46
สมน้ำหน้าพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-07-2019 09:28:28
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-07-2019 09:39:27
ปรบมือให้เพลงขวัญ  :katai2-1: หัวเราะใส่หน้าพิธาน :laugh: สมน้ำหน้าทุรนทุรายไปซะไม่สงสารหรอกหึหึ o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 03-07-2019 10:33:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: nolnalnew ที่ 03-07-2019 10:34:55
พิธานรีบเจอรีบง้อออออ :katai5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-07-2019 14:13:02
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 03-07-2019 20:57:04
เหมือนเด็กหลงทางอะ
แต่ชอบมากนะ บางเรื่องเค้าจะเขียนให้ เลขาสืบ หรืออะไรก็ว่าไปตามฐานะใหญ่โตของพระเอก
แต่เรื่องนี้คือดูเรียลๆดี ขับรถหา หาตามบ้านคนรู้จักวนไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-07-2019 00:43:24
ทำบุญบ้างนะพิธาน  :laugh:  สะจายยยยยยยยยยย  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 04-07-2019 21:23:52
 :hao3: อิอิ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-07-2019 19:33:56
พี่เพลงอย่าแกล้งน้อง  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 64 (02/07/19) P.33 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-07-2019 22:53:53
อย่าเพิ่งรีบเจอนะขอร้อง ให้หาไปนานๆเลย สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 17-07-2019 11:18:49
สวัสดีค่ะ มาอัพแล้วนะคะ เนื่องเป็นวันหยุด เลยได้ฤกษ์งามยามดีมาอัพ แต่ก่อนอื่นต้องขอโทษล่วงหน้าเลยนะคะ...ตอนนี้ค่อนข้างสั้นค่ะ   :mew2:  บอกก่อนเพราะเดี๋ยวโดนบ่นแน่นอนเลย  อิอิ :ling3: เอาเป็นว่าตอนหน้าจะมาให้เร็วกว่านี้เป็นการไถ่โทษค่ะ  :mew3:  และก็มีโครงการรวมเล่มนะคะ ถ้าใครสนใจรอติดตามจากทางเพจได้เลยค่ะ อ่อ หากมีข้อผิดพลาด ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ สุดท้ายนี้ ก็ขอขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ ทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ คือแรงผลักดันให้มีกำลังใจจนถึงตอนนี้ ขอบคุณค่ะ ขอให้คนอ่านทุกท่านรักษาสุขภาพ ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ  :กอด1:

++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 65 Bittersweet.


I wanna run
ฉันอยากจะวิ่งหนี

But baby, I drink you up
แต่ที่รัก ฉันดื่มให้กับเธอ

'Cause I need it, want it
เพราะว่าฉันปรารถนามัน อยากได้มัน

Can't get enough of this bitter love
ไม่อาจจะเพียงพอเลยกับรักที่แสนขมนี้

I'm paralyzed
ฉันเหมือนเป็นอัมพาต

You give me the sweetest high
เธอมอบความมัวเมาที่แสนหวานให้ฉัน

'Cause I need it, want it
เพราะฉันปรารถนามัน อยากได้มัน

Can't get enough of this bitter love
ไม่อาจเพียงพอเลยกับรักที่แสนขมนี้


        เช้าวันใหม่มาถึง ซึ่งเป็นวันที่สองของปีใหม่ พิธานตื่นเช้าในห้องนอนของตัวเองที่บ้าน หลังจากเมื่อคืนกลับมาจากตามหาพระพายที่บ้านพี่กล้วยก็คว้าน้ำเหลวกลับมา พระพายไม่ได้อยู่ที่นั่น พิธานจึงกลับมาหาเพลงขวัญ ซึ่งเมื่อมาถึงก็เห็นนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่และพี่สาว และกลับกลายเป็นว่าพิธานกลับมางานปาร์ตี้ด้วยความผิดหวังจึงนั่งดื่มวิสกี้เงียบ ๆ โดยที่ได้แต่ฟังพี่สาวและแม่พูดคุยกัน พัชชาดูไม่กังวลใจเหมือนตอนก่อนที่พิธานออกไปตามหาพระพาย ไม่อาจทราบได้ว่าทำไมถึงไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว นั่งดื่มอยู่อย่างนั้นโดยที่ธนิตเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จนในที่สุดก็รู้สึกว่าเมาจนเกินกว่าจะคิดหรือจะนึกเรื่องอะไรได้อีกแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ตื่นมาบนเตียงและไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้นั้นกี่โมงกี่ยามแล้ว

        ปวดหัวจนแทบจะระเบิด ไม่รู้เพราะวิสกี้เรื่องความเครียดที่พิธานกำลังเผชิญอยู่กันแน่ ตื่นมาพร้อมสภาพของเมื่อวาน ลืมตาตื่นมาก็นึกถึงพระพายเป็นคนแรก นึกถึงกาแฟที่พระพายเคยชงให้ ใบหน้าตอนลืมตาตื่นมาและพบพระพายนอนอยู่ข้างๆ หลับตาพริ้มพร้อมปากยื่นนิด ๆ ยามเจ้าตัวหลับจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ยิ่งนึกยิ่งบีบมวนในท้อง...พระพายไปอยู่ที่ไหน ถ้าเจอกันพระพายจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหรือไม่ ได้แต่คิดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

        สภาพตอนนี้เหม็นเหล้าหึ่ง พิธานจึงจำต้องลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอย่างล่องลอยและเอาแต่คิดเรื่องพระพายอยู่ตลอดเวลา ใช้เวลานานพอควรกว่าจะออกมาจากห้องน้ำและพบว่าเพลงขวัญนั่งอยู่บนเตียงแล้ว

“เข้ามาเมื่อไหร่” พิธานตกใจไปนิดที่เห็นพี่สาวมานั่งอยู่ โชคดีที่เขาไม่ได้แก้ผ้าเดินออกมา

“ตั้งใจจะมาปลุกเพราะนี่มันบ่ายแก่แล้ว” เพลงขวัญว่า

“เมื่อคืนพี่ค้างนี่เหรอ”

“ก็อย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ค้างแล้วฉันจะมานั่งตรงนี้ได้ไง”

            พิธานเดินไปหยิบเสื้อและกางเกงในตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นเสื้อผ้าลำลองที่พอจะสวมใส่แก้ขัดได้ เดินเข้าไปในห้องน้ำและออกมาด้วยสภาพที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

“หิวไหม” เพลงขวัญถาม พิธานส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“เมื่อคืนไปก็ไม่เจอ แล้วคิดว่าพระพายไปอยู่ที่ไหนได้” เพลงขวัญนั่งไขว่ห้างและหันไปถามน้องชายที่นั่งลงอยู่ข้าง ๆ

“ไม่รู้เลย” ตอบด้วยสีหน้าจนปัญญา

“นี่คบกันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยเหรอ”

“คิดว่ารู้..เรื่องของเขาไม่ได้เยอะไม่ซับซ้อนขนาดนั้น”

             เมื่อวานเขาคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องของพระพายมากพอ แต่พอนึกดี ๆ แล้ว เขาเองก็รู้เรื่องอยู่พอสมควร พระพายไม่ได้มีชีวิตที่วุ่นวาย พ่อแม่ไม่มี ญาติพี่น้องไม่เคยเอ่ยถึง มีแค่ป้าที่เสมือนแม่ก็ตายจากไปแล้ว มีเพื่อนรักคือเก้า เพื่อน ๆคนอื่นสมัยเรียนไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว มีแค่เก้าเท่านั้นที่ยังคงพูดคุยกัน เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตง่าย ๆ ราบเรียบไม่มีอะไรหวือหวาทั้งนั้น และเขาเป็นแฟนคนแรกของพระพาย เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็เหมือนอยากจะยิ้มออกมาและแทบจะหุบยิ้มทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าเขาเองอาจจะสร้างความทรงจำไม่ดีให้พระพาย ทั้งที่เขาเป็นคนที่พระพายยอมรับคนแรกแท้ ๆ

“เงียบไปนี่คิดอะไร” เพลงขวัญนั่งมองพิธานที่เงียบไปพักใหญ่แล้ว

“นึกอะไรไม่ออกเลย” พิธานบอกเพียงเท่านั้น

“ออกไปข้างนอกด้วยกันหน่อยไหม” 

“ไปไหน”

“ไปขับรถเล่นกัน เผื่อจะช่วยหาพระพายได้”

“พี่ว่างเหรอ” สายตาที่เป็นประกายนั้นดูก็รู้ว่าดีใจที่เพลงขวัญจะช่วยตามหา

“ว่างพอจะช่วยน้องชายฉันได้แหละ” เพลงขวัญยิ้มกราย

“ไปกันเถอะ” พิธานรีบลุกขึ้นทันที

        พิธานเป็นคนขับรถ เพลงขวัญนั่งข้าง ๆ รถเคลื่อนออกจากบ้านโดยไม่ได้บอกกับใครเพราะธนิตกับพัชชาเองก็ไม่ได้อยู่บ้านคงจะออกไปข้างนอกกัน

“เริ่มจากตรงไหนดี” พิธานถาม

“ไปตั้งต้นที่คอนโด” พิธานทำตามอย่างว่าง่าย ขับรถกลับไปยังคอนโดทันที ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะถึง เพลงขวัญลงจากรถโดยที่พิธานเองก็ไม่เข้าใจว่าจะลงจากรถไปทำไม

“ลงทำไม” พิธานเอ่ยถาม

“ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ จะแต่งตัวแบบนี้ไปเหรอ น่าอายจะตายไป” เพลงขวัญว่า พิธานมองชุดลำลองที่ไม่เหมาะสมอย่างที่เพลงขวัญว่าจริง ๆ จึงต้องจำยอมกลับขึ้นห้องไปโดยที่เพลงขวัญเองก็เดินตามไปด้วย

        กลับเข้ามาในห้อง เปิดประตูเข้าไปก็ใจหายวาบ นึกถึงพระพายขึ้นมาอีกแล้ว พิธานรีบไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบสิ่งแปลก ๆเกิดขึ้น...เสื้อผ้าของพระพายหายไปเกือบหมด

“อะไรกัน” พิธานเหมือนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาพยายามรื้อตู้เสื้อผ้าและไม่พบเสื้อผ้าของพระพายที่สวมใส่เป็นประจำ จะมีแค่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เท่านั้นที่ยังคงแขวนและพับเอาไว้อยู่

        พิธานเริ่มลนลาน รีบเดินไปดูหน้าโต๊ะที่วางของใช้ส่วนตัวของเขาและพระพาย ก็พบว่าของ ๆ พระพายหายไปหมด วิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อดูของใช้อื่น ๆก็ไม่เหลือเช่นกัน มือของพิธานเริ่มชาหนักอึ้ง

“พี่เพลง!” พิธานเอ่ยเรียกเพลงขวัญ เพลงขวัญที่นั่งอยู่ที่โซฟาจึงลุกไปหา

“อะไร”

“พระพาย...พระพายมาที่นี่ เอาของไปหมดเลย” เสียงนั้นดูสั่น ๆจนเพลงขวัญเองก็ยังต้องชะงักเมื่อได้ยิน

“แน่ใจเหรอ”

“เหลือแค่ของที่ผมซื้อให้”

             พิธานว่าพลางเดินเข้าไปในห้องนอน กระเป๋าที่พระพายหิ้วไปทำงานก็หายไป ข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆด้วยเช่นกัน และทันใดนั้นพิธานก็เหลือบไปเห็นกระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งที่มีลายมือเขียนไว้ด้วยปากกาสีน้ำเงิน บางอยู่บนหมอนของพระพาย ไม่รู้ทำพิธานถึงรู้สึกกลัวในสิ่งที่เห็น..มันเป็นจดหมายอย่างนั้นหรือ จดหมายนั่นจะเขียนอะไรไว้กันแน่

             มือนั้นเอื้อมไปหยิบมันก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงและเริ่มอ่านข้อความนั้น เพลงขวัญที่หันไปเห็นก็ไม่อยากที่จะอยู่ตรงนั้นเพราะพิธานคงจะอยากนั่งอ่านมันคนเดียว

“พี่ไปรอข้างนอกนะ” เพลงขวัญพูดเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกจากห้อง

        พิธานเริ่มต้นอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นหรือจะเรียกว่าจดหมายก็คงจะถูกต้อง เนื้อหาพวกนั้นมีเยอะมากและพิธานต้องข่มใจตั้งใจอ่านมันทุกบรรทัด


ถึงคุณพิธาน

   ผมพระพายนะ ก่อนอื่นก็สวัสดีปีใหม่นะครับ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของคุณ พบเจอแต่สิ่งดี ๆมีความสุขไปทั้งปีนะ จริง ๆ ผมมีของขวัญวันปีใหม่ให้คุณด้วย อ่านจบก็เดินไปที่ระเบียงห้อง มันวางอยู่ตรงนั้น หวังว่าจะชอบมันนะ

   ที่ผมเขียนจดหมายเพราะผมขี้ขลาดที่จะได้ยินคำพวกนั้นจากคุณอีกครั้ง ไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเพราะอะไรและเกิดจากอะไร แต่ถ้าเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ผมทำลงไปมันทำให้คุณรู้สึกแย่ ผมก็ขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ ถ้าสิ่งที่ผมทำลงไปมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายขนาดนั้น ผมก็ต้องขอโทษ   

   ตอนนี้คำขอของคุณผมทำตามอย่างที่ขอแล้ว จริง ๆ คนที่จะต้องออกจากห้องต้องเป็นผมไม่ใช่คุณ เพราะคุณเป็นเจ้าของห้องนี้ ของที่คุณซื้อให้ไม่ใช่ไม่อยากได้นะ ผมอยากได้มันเหมือนกัน แต่เพราะยังทำใจไม่ได้หากจะเห็นมันอยู่กับผม ผมต้องนึกถึงคุณแน่ ๆ ถ้าเห็นมัน เลยต้องวางไว้อย่างนั้น คุณจะทำอะไรกับมันก็ได้เลย ผมไม่ว่า

   สำหรับที่ผ่านมา ผมอยากจะขอบคุณ ทุกอย่างที่คุณมอบให้ ไม่ว่าความห่วงใย การดูแล รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีให้เห็นแต่เห็นทีไรใจผมฟูไปหมด ทุกอย่างที่คุณให้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ผมมีความสุขกับมันมาก มากจริง ๆ และผมคงต้องเอ่ยลาทางนี้ ในอนาคตไม่รู้ว่าผมจะเป็นยังไงถ้าเจอหน้าคุณอีกครั้ง แต่ตอนนี้ผมคงเจอคุณไม่ได้จริง ๆ อาจจะมีสักวันหนึ่งที่ผมพร้อม แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงก็แล้วแต่ ต่อจากนี้ไปผมขอให้คุณมีความสุขกับทุก ๆ วันนะ

         ถึงตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยบอกคุณเลยตั้งแต่เราคบกันมา...ผมรักคุณนะ รักมากจริง ๆ รักจนทำใจไม่ได้ที่ต้องจบกันแบบนี้ แต่ผมก็ต้องยอมรับมัน จะอย่างไรผมก็ต้องเดินหน้าต่อไป ขอให้โชคดีนะครับคุณพิธาน

                                                                                                      พระพาย



             อ่านจบพิธานชาวูบไปทั้งตัว...พระพายไปจากเขาแล้ว พระพายเอ่ยลาอย่างจริงจัง คำว่ารักของพระพายที่ได้อ่านจากตัวอักษร เมื่ออ่านคำนั้นออกมา เขาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่า...เขาเองก็รักพระพาย ไม่ใช่แค่ชอบอย่างที่บอกในตอนแรกคบ เขารักพระพายจากหัวใจจริง ๆ แต่มันสายไปเสียแล้ว พระพายจากเขาไปแล้ว พิธานบีบจดหมายในมือแน่น ตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกร้อนผ่าวในกระบอกตา นี่เขาจะร้องไห้ออกมาอย่างนั้นหรือเพราะพระพายจากเขาไปเขาถึงกับเสียศูนย์เช่นนี้เลยหรือ พิธานเอามือกดกระบอกตาเอาไว้ รู้สึกเจ็บปวดในใจ เหมือนมีใครเอามีดมาแทงอยู่ในตอนนี้ เจ็บอะไรแบบนี้ ไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อนในชีวิต ตอนเลิกกับแฟนเก่าเขายังไม่เจ็บปวดเท่านี้เลย

            ภาพของพระพายไหลบ่าเข้ามาในความคิด นึกถึงจูบของพระพาย สีหน้ายามที่เจ้าตัวชอบพูดอะไรตลก ๆ หรือความทะเล้น เสียงหัวเราะที่ได้ยินเวลาที่เขาชอบแกล้งเสมอ มันรู้สึกทรมานเหลือเกิน

            พิธานกลืนก้อนอะไรสักอย่างลงคออย่างยากลำบาก เหมือนกลืนยาที่แสนขมติดอยู่ในปาก หากไม่ทำเช่นนั้นเขาต้องร้องไห้ออกมาแน่ ถ้าร้องไห้ออกมาแปลว่าเขาหมดหวังแล้วจริง ๆ ความหวังที่อยากจะขอโอกาสจะพระพายคงจะหมดแล้วจริง ๆ พิธานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ผ่อนออก ช้า ๆ เพื่อเรียกสติ ภายในอกบีบเจ็บไปหมดจนเหมือนลามไปทั้งร่างกาย ความชาเริ่มแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายจนเหมือนจะไม่อาจขยับได้อีกแล้ว ราวกับกำลังจะเป็นอัมพาตก็ไม่ผิดนัก

            เขาพยายามลุกขึ้นจากเตียง ก้าวขาออกไปเพื่อจะออกไปจากตรงนี้  ฝืนร่างกายให้เดินออกไปเพราะเขาไม่อยากจบลงแบบนี้ เขาอยากเจอพระพาย เขาอยากมีพระพายอยู่ข้างกาย เขาต้องการแค่พระพายเท่านั้น

“พิธาน เป็นอะไร” เพลงขวัญตกใจขั้นสุดที่เห็นพิธานตาแดงก่ำออกมาและดูเหมือนคนกำลังจะหมดแรงชอบกล

“พระพาย....ไปแล้ว” เสียงนั้นเบาหวิว เพลงขวัญใจแกว่งเมื่อเห็นสภาพของน้องชาย

“ในจดหมายบอกว่าอะไร” เพลงขวัญเอ่ยถาม

“เขา....”

             พิธานพูดไม่ออกได้แต่ก้มหน้ากุมขมับอย่างอับจนหนทาง เพลงขวัญเดินเข้าไปลูบไหล่ของพิธาน ก่อนที่จะกอดร่างสูงของน้องชายไว้ อย่างน้อยความอ่อนแอนี่ก็แสดงให้เห็นว่าพิธานนั้นมีความรู้สึกกับพระพายจริง ๆ

             เพลงขวัญรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดทันทีที่เห็นพิธานสภาพนี้ เธอรู้ดีทุกอย่างถึงเรื่องที่พิธานกำลังเผชิญอยู่ เป็นเธอเองที่ขอให้อัทธ์พาพระพายกลับมายังคอนโดและเก็บข้าวของออกไป แต่เรื่องจดหมายเธอไม่รู้ถึงเรื่องนี้ พระพายคงอยากจะยุติทุกอย่างลงแล้วจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ต้องทำต่อไปให้จบ เธอเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างคลี่คลายหรือผ่านไปแล้ว พิธานจะต้องเข้าใจว่าทำไมถึงทำเรื่องพวกนี้ลงไป คนอย่างพี่สาวก็อยากให้น้องชายรับรู้ถึงคุณค่าของใครสักคน ว่าอย่ามาเสียใจก็ต่อเมื่อสูญเสียเขาไปแล้ว เรื่องนี้จะทำให้พิธานตระหนักถึงและจดจำมันไปอีกนานเท่านาน

        พิธานไม่ได้กอดตอบ แต่แค่กดศีรษะลงบนลาดไหล่ของเพลงขวัญ เหมือนหมดซึ่งเรี่ยวแรงที่จะทำอย่างอื่นแล้ว ตอนนี้เหมือนทุกอย่างพังทลายหมด จะโทษใครที่ไหนได้ ต้องโทษตัวเองที่ทำให้เรื่องราวมันกลายเป็นแบบนี้ด้วยน้ำมือของตัวเองแท้ ๆ เขาใช้คำพูดที่ไม่ได้นึกถึงใจพระพาย เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เคยมองเห็นสักนิดว่าพระพายที่ทำเรื่องพวกนี้แท้จริงแล้วทำเพื่อเขา ทิฐิเหล่านั้นสุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ มีแต่จะทำให้เรื่องเลวร้ายลงอย่างเช่นทำให้พระพายไปจากเขา เขามันไร้ค่าเกินกว่าที่จะดึงพระพายกลับมาได้ เขาจะเอาสิ่งใดดึงพระพายให้มาอยู่ข้าง ๆ ในเมื่อเขาไม่มีอะไรดีเลยสักออย่างในตอนนี้ หากดีจริงคงไม่ทำให้พระพายเสียใจแบบนี้

“ผมมันโง่อย่างที่คุณพ่อบอกจริง ๆ” พิธานเอ่ยเสียงเบา ทั้งที่ยังกดหน้าลงบนไหล่ของเพลงขวัญอยู่

“มีใครไม่เคยโง่เรื่องความรักบ้างล่ะ”

“ผมต้องทำยังไง วิธีไหนจะให้เขากลับมา”

“ใจเย็น ตั้งสติ เอาพิธานที่เยือกเย็นกลับมาให้ได้สิ” เพลงขวัญเรียกสติ

“เพราะเยือกเย็นไง เลยทำให้พระพายจากไปแบบนี้”

“นี่...อย่าโทษตัวเองแบบนี้ ถ้ารู้แล้วว่าผิดก็แก้ไขสิ” เพลงขวัญพยายามดึงสติพิธานที่กู่ไม่ค่อยจะกลับแล้ว ไม่คิดเลยว่าพิธานจะเสียศูนย์มากขนาดนี้ พิธานเงียบไปและไม่เอ่ยอะไรออกมา

“ตั้งสติก่อน แล้วค่อย ๆ คิด”

             พิธานจึงเงยหน้าผละออกจากไหล่ของเพลงขวัญ ตาแดงก่ำเช่นนี้เจ้าตัวคงพยายามอดกลั้นความเสียใจไว้ พิธานที่ดูอ่อนแอขนาดนี้ช่างแปลกตาจนน่าตกใจ พระพายมีอิทธิพลมากอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว ดูท่างานนี้จะไม่ได้ยากอย่างที่คิดแล้ว พิธานเป็นถึงขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องยากหากจะให้ลองขอคืนดีพระพาย คราวนี้ต้องมาดูกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป เพลงขวัญเริ่มสิ่งที่ตัวเองวางไว้อย่างคร่าว ๆ ในทันที....

Lyrics: Bitter love by Pia Mia.

   

   




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 17-07-2019 12:01:31
ไม่มีใครคิดบ้างเหรอว่าพระพายไม่อยากกลับอยู่ในจุดนั้นแล้ว รักก็รัก แต่เจ็บก็เจ็บไหมล่ะ -_-
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-07-2019 15:06:59
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 17-07-2019 15:18:31
สงสารทั้งคู่เลย   :o12:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 17-07-2019 15:42:21
ใจนึงก็สงสารอีกใจนึงก็แอบสะใจนิดๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-07-2019 17:27:19
เมื่อไหร่จะหมดดราม่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 17-07-2019 19:16:53
ก็ยังสมน้ำหน้าต่อไป หึนี่คือบทลงโทษสำหรับคนที่นึกถึงแต่ตัวเอง  :z6:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-07-2019 19:59:27
บทเรียนที่เจ็บแสบ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2019 20:03:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-07-2019 21:33:23
ไม่รุ้นะ แต่ส่วนตัวนี่คิดว่าควรให้สิทธิ์พระพายตัดสินใจอ่ะ จะยู่จะไปจะยังไงจากนี้ พี่เพลงควรเลิกยุ่งอ่ะอะไรที่มันมากไปก็ไม่ดี ปล่อยให้เวลาให้คนสองคนจัดการกันเองเถอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 17-07-2019 22:40:49
เรื่องของคนสองคนปล่อยให้เขาจัดการกันเองจะดีกว่าเพราะสุดท้ายเขาก็ต้องตัดสินใจกันเองอยู่ดีคนอย่างพิธานที่ทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงใจใครอาจได้คิดอะไรขึ้นมาบ้าง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 17-07-2019 22:45:43
อยากเห็นพิธานทรมาน แต่หัวใจของพระพายก็ไม่ต่างนะ คงจะมากกว่าด้วยซ้ำ
หากแต่เมื่อผ่านจุดนี้ไป จะทำให้ทั้งคู่ถนอมความรักของทั้งคู่เอาไว้มันก็น่าจะคุ้มค่านะ
ฮึ่บไว้นะลูกพระพาย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-07-2019 22:58:59
สงสารเฉพาะพระพาย ส่วนพิธาน  :a14: ช่างหัว
อย่าลืมไปดูของขวัญล่ะ  :3043:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-07-2019 10:47:12
รู้ว่าผิดแล้วก็ไปขอโทษให้จบๆ มัวแต่ฟูมฟาย โคตรหมดลุคอะ เอาจริงๆพิธานก็คือเด็กมาก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: nolnalnew ที่ 20-07-2019 23:36:01
 :sad4: :hao5: อยากให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันไวๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 21-07-2019 06:51:28
เสียศูนย์​แรงงงง สงสารนะ แต่คงถึงเวลาที่ต้องเสียความเยือกเย็นของตัวเองไปเพื่อรักษาความอบอุ่นของพระพายไว้แล้วล่ะนะ พระพายทำนอกแผน พีาเพลงไปไม่ถูกแน้ววว เราว่าถ้าเจอกันคงได้เสียอาการกว่านี้อะ กลายเป็น​เด็กน้อยคอยรักแน่เยยย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-07-2019 19:52:59
จะทำไงต่อละทีนี้เขาจะไปไกลแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-08-2019 23:28:19
คิดถึงแล้ว  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 65 (17/07/19) P.34 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-08-2019 00:23:27
 :katai5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 17-08-2019 23:55:29
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษคนอ่านก่อนเลยนะคะ  :call: ตกใจที่เพิ่งเห็นว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ไม่ได้อัพ เพราะเรางานยุ่งมากและป่วยกระเสาะกระแสะ บวกกับคำสารภาพที่ต้องบอก...ติดซีรีย์ปรมาจารย์ลัทธิมารค่ะ  :ling2: จนเพจแจ้งว่าไม่มีข่าวสารอัพเดทนั่นแหละค่ะ ถึงนึกได้ว้า เฮ้ย...ไม่ได้อัพนิยาย เลยรีบมาอัพด้วยความรวดเร็วนี่แหละค่ะ กราบขอโทษคนอ่านจริงๆนะคะ  :hao5:

ตอนนี้เป็นตอนที่ 66 ค่ะ อีกห้าตอนจบก็แล้วนะคะ ซึ่งเราก็เขียนไว้แล้ว เหลือแค่ตรวจทานเท่านั้น จะมาลงให้เร็วที่สุดนะคะ และถ้าเราหายไปนานแบบครั้งนี้อีก ทักมาทวงทางเพจได้นะคะ บางครั้งวุ่นวายหลายเรื่องจนลืมไปบ้าง ขอโทษเป็นครั้งที่สามและขอบคุณที่ยังรออ่านกันนะคะ ตอนนี้หากมีข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยไว้ตรงนี้ค่ะ ช่วงนี้สภาพอากาศแปรปรวนมาก อย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ เพราะเรานี่ติดเชื้อไวรัสในลำคอเลยล่ะค่ะ เพราะปรับสภาพไม่ทันบวกกับร่างกายล้า ยังไงก็ระมัดระวังกันด้วยนะคะ รักเสมอค่ะ  :mew1: เจอกันตอนหน้านะคะ  :bye2:

+++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 66 Don’t leave me.

Now please don’t go
ขอร้องเถอะ อย่าไปจากฉันเลย

Most nights I hardly sleep when I’m alone
ฉันแทบจะนอนหลับไม่ได้สักคืนเวลาอยู่คนเดียว

Now please don’t go, oh no
ขอร้องเถอะ อย่าไปจากฉันเลย

I think of you whenever I’m alone
ฉันคิดถึงแต่เธอทุกๆครั้งที่ฉันต้องอยู่คนเดียว

So please don’t go
เช่นนั้น โปรดอย่าไปจากฉันเลย


“เสียใจขนาดนั้นเลยเหรอ” เพลงขวัญถาม หลังจากที่ยืนอยู่กับพิธานมาพักหนึ่งและมองเห็นถึงความอ่อนแอของพิธานที่ชัดเจนมากในตอนนี้

“ไม่อยากเสียเขาไป” พิธานพูดเสียงเบาเป็นคำตอบ

“ก็หาพระพายให้เจอแล้วบอกเขา” เพลงขวัญตบหลังพิธานพลางพูด

“บอกว่าอะไร บอกว่าขอโทษที่พูดโง่ ๆ ออกไปเหรอ”

“บอกทุกอย่างที่คิดนั่นแหละ และรู้ใช่ไหม ถ้าทำผิดสิ่งแรกที่จะต้องพูดคืออะไร”

“รู้..แต่กลัวเขาจะ....ไม่อยากฟัง” ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกทรมาน หากถึงตอนนั้นที่พระพายอาจจะไม่รับฟังเขา

“อย่าเพิ่งคิดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นสิ”

            เพลงขวัญไม่อาจรู้ได้ว่าพระพายรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ อาจจะยังอยากคบกับพิธานต่อหรืออยากจบลงทุกอย่าง ถึงเรื่องนี้เธอได้โทรคุยกับพระพายในช่วงที่บอกให้มาขนเสื้อผ้าออกไป ว่าทุกอย่างสุดแล้วแต่เจ้าตัว ใจจริงก็อยากให้จบเร็วที่สุดเหมือนกัน แต่พระพายเหมือนขอเวลาสักหน่อย ซึ่งไม่อาจจะรู้ได้ว่าที่ขอเวลานั้นทำไปเพื่ออะไร รู้แค่ว่าเธอต้องประวิงเวลาให้พิธานไม่เจอพระพายก่อนเพราะฝั่งนั้นยังไม่พร้อม นอกจากพิธานจะหาพระพายเจอก่อนด้วยตัวเองเท่านั้น และหากทั้งสองได้เจอหน้ากันแล้วก็อยากให้พิธานได้ลองทำในสิ่งที่ต้องทำคือการขอโทษและพูดถึงความรู้สึกจากใจจริงทั้งหมดให้ฟัง จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าไม่ได้พยายามให้เต็มที่ในขณะที่มีโอกาส 

“นี่พระพายเริ่มทำงานวันไหน” เพลงขวัญถาม

“น่าจะสอง..ใช่ วันที่สอง” พิธานตอบทันที

“ก็วันนี้ไม่ใช่เหรอ” เพลงขวัญว่า

“ที่ออฟฟิศ” ราวกับเห็นแสงสว่างส่องเข้ามาในความมืดมิด

“ก็ไปสิ แต่ก่อนอื่นไปส่งพี่ก่อน แล้วค่อยไปที่นั่น”

“ค่อยไปส่งได้ไหม อยากไปตอนนี้เลย” เหมือนมีแรงฮึดขึ้นมาเมื่อเห็นถึงโอกาสที่จะเจอพระพายอีกครั้ง

“ก็ได้” เพลงขวัญยอมตามใจ

        พิธานจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปจากห้อง ขับรถไปยังออฟฟิศของพระพายที่เขาเคยมารับหลังเลิกงานหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้หลาย ๆ สถานที่เริ่มกลับมาเปิดตามปกติ ไม่ว่าจะร้านรวงหรือสำนักงานต่าง ๆ พิธานขับรถมาด้วยความรวดเร็วเท่าที่ท้องถนนจะเอื้ออำนวย ขับรถไปด้วยความรู้สึกสองอย่าง หนึ่งคือการหอบความหวังที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อจะไปหาพระพายและสองหัวใจที่ปวดหนึบเหมือนโดนบีบจนแหลกหลังจากที่อ่านข้อความในกระดาษนั้นหมาด ๆ แต่ตอนนี้พิธานเลือกที่จะเอาความหวังทั้งหมดลองเสี่ยงอีกครั้ง ถ้าหากเขาเห็นหน้าพระพายในครั้งนี้ เขาจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป

        ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็นซึ่งใกล้เวลาเลิกงานของพระพายแล้ว พิธานมาจอดรอด้วยความระทึกใจ เขากับพระพายเพิ่งจะทะเลาะกันได้แค่วันสองวัน แต่เหมือนเรื่องมันยาวมานานมาเป็นสัปดาห์ก็ไม่ผิดนัก พิธานเคาะนิ้วรัว ๆ บนพวงมาลัยรถยนต์อย่างคนเฝ้ารอ จ้องมองไปยังประตูทางเข้าออกของออฟฟิศที่พระพายทำงานอย่างใจจดใจจ่อ รอพระพายด้วยความรู้สึกหน่วงไปหมด ตอนนี้เหมือนกำลังจะดีใจที่จะได้เห็นหน้าพระพายและเสียใจพร้อมกันหากเมื่อเห็นใบหน้าของพระพายที่ขอจากลาเขาไป ถ้าหากเจอหน้าเข้าเขาจะต้องทำอย่างไรดี

        ในที่สุดก็ถึงเวลาห้าโมง พนักงานหลายคนพากันเดินออกมาจากออฟฟิศอย่างรู้เวลา พิธานรีบลงจากรถไปยืนรอทันที จนในที่สุดก็เห็นกลุ่มคนที่พิธานคุ้นหน้า คือรุ่นพี่ในออฟฟิศของพระพาย พิธานรีบเดินเข้าไปหาทันที

“อ้าว พิธาน” พี่ปีเอ่ยเรียก

“แฟนน้องพายของเรานี่หว่า” คนอื่น ๆ ต่างทักทายที่ได้เห็นพิธานมายืนอยู่ตรงนี้

“เอ่อ...พระพายล่ะ” พิธานถาม

“มันไม่มา มันขอลาเพิ่ม ไม่รู้ไปไหนของมัน” พี่กล้วยบอกพลางทำหน้าเซ็ง

“จริงเหรอ” พิธานหันไปถามพี่ปีซึ่งรายนี้น่าเชื่อถือว่าพี่กล้วยมากกว่าเป็นไหน ๆ

“ไม่มาจริง ๆ” พี่ปียืนยัน

“อ้าว ไม่เชื่อกูเหรอ” พี่กล้วยไม่พอใจทันทีที่พิธานทำท่าทีเหมือนเขาไม่ใช่คนน่าเชื่อถือ

“ถ้าพระพายมาเมื่อไหร่ ติดต่อผมได้ไหม” พิธานว่าพลางหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ พี่ปีรับไว้พลางพยักหน้า

“ได้สิ” พิธานพยักหน้าอย่างใจชื้น ที่พี่ปียอมช่วยเหลือ

“ทำไมมาถามหาพายแบบนี้ล่ะ ทะเลาะกันเหรอ” รุ่นพี่อีกคนถามอย่างสงสัย

“เรื่องของเขา กลับกันเถอะ” พี่ปีตัดบท พิธานจึงยอมกลับขึ้นรถไปพร้อมหัวใจที่ห่อเหี่ยว พระพายไปอยู่ที่ไหนกันแน่

        เดินกลับรถอย่างหมดเรี่ยวแรง นั่งหลังพิงเบาพลางถอนหายใจออกมา เพลงขวัญเหลือบมองด้วยสายตานิ่ง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“อย่าบอกนะว่าไม่มาทำงาน” เพลงขวัญถาม

“อืม” ตอบสั้น ๆ ได้ใจความ

“ไปตั้งหลักก่อนไหม” เพลงขวัญว่า

“เดี๋ยวไปส่งพี่ก่อน” พิธานบอกเช่นนั้น ก่อนที่จะออกรถไปส่งเพลงขวัญที่ร้านอาหาร

        การขับรถของพิธานเลื่อนลอยพอสมควร หลายครั้งที่เบรกกะทันหันเพราะเหมือนสมาธิไม่ค่อยจะมี จนเพลงขวัญเริ่มเป็นห่วงมากขึ้น

“ไหวรึเปล่า” เพลงขวัญถาม เมื่อรถยนต์จอดลงตรงหน้าร้านอาหารของเพลงขวัญ

“ไหว” พิธานยืนยันอย่างนั้น

“ถ้าขืนใจลอยแบบนี้ต่อไป เกิดขับรถชนแล้วเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ เรื่องของพระพายคือหมดหวังเลยนะ” เพลงขวัญเตือนสติ

“รู้ จะตั้งใจขับมากกว่านี้” พิธานพูดด้วยท่าทีเหนื่อย ๆ

“จะไปทำงานเมื่อไหร่”

“คงจะพรุ่งนี้ ปอส่งข้อความมาบอกแล้ว” เพลงขวัญพยักหน้า

“ตั้งใจทำงานล่ะ ถ้าพี่มีข้อมูลเรื่องพระพายจะโทรบอกให้เร็วที่สุด” เพลงขวัญตบไหล่พิธาน ที่พยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น

        เพลงขวัญลงจากรถเดินเข้าไปในร้าน ไม่วายก็ยังหันไปมองพิธานที่ตอนนี้นั่งนิ่งๆอยู่หลังพวงมาลัย สีหน้าเศร้าแสนเศร้าอย่างที่เพลงขวัญได้เห็นเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกคือตอนที่ออกจากบ้านเพราะทะเลาะกับธนิต ตอนนี้เธอดูเป็นพี่สาวใจร้ายไม่น้อยที่ทำเช่นนี้ การช่วยเหลือในวันนี้เป็นการช่วยเหลือไร้ซึ่งประโยชน์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เพราะอย่างไรพิธานก็จะไม่เจอพระพายโดยการช่วยเหลือของเพลงขวัญอยู่แล้ว

“อีกนิดนะพิธาน”

             เพลงขวัญพูดกับตัวเอง ส่งผ่านไปให้พิธานที่ไม่มีทางจะได้ยิน ถึงจะสงสารน้องชายแต่เธอก็เอ็นดูพระพายไม่น้อยไปกว่ากัน ออกจะเอนเอียงไปทางพระพายมากกว่าด้วยซ้ำไปจึงกลายเป็นเช่นนี้

        พิธานเอนหลังพิงเบาะอย่างรู้สึกท้อใจ เขาเหมือนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรอีกต่อไปแล้ว การทำงานในวันพรุ่งนี้ก็ไม่อาจจะรู้ว่าจะมีสมาธิมากพอหรือไม่ แต่เขาจะไม่ล้มเลิกเรื่องของพระพาย ต่อให้ต้องใช้วิธีไหนเขาก็จะต้องทำ เขาจะต้องแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไปแม้ว่าจะสายไปแล้วก็ตาม

.....

        ผ่านมากว่าสามสัปดาห์แล้วที่พิธานทำงานด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยปกตินัก เขายังคงตามหาพระพายและคว้าน้ำเหลวโดยตลอด ห้องเก่าของพระพายที่พิธานจำได้ว่าไม่ได้ยกเลิกการเช่า ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพายรักมากที่สุดก็ไม่เจอ ภายในห้องมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องนี้

        ที่น่าแปลกใจสำหรับพิธาน คือที่ทำงานของพระพายนั้นจะทำอย่างไรก็ไม่เจอสักที พี่ปีบอกเขาว่าพระพายกลับมาทำงานหลังจากลาหยุดเพิ่มสองวัน แต่พิธานก็ไม่เคยจะเจอได้สักครั้ง พระพายหายออกไปจากออฟฟิศราวกับล่องหนหรืออันตรธานไปทุกวันที่เขาไปหาตอนเลิกงาน ไม่ว่าจะไปรอก่อนเวลาหรือรอจนเลยเวลาก็ไม่เคยเจอสักที จนตอนนี้รุ่นพี่ในออฟฟิศต่างรู้กันดีแล้วว่าพระพายหลบหน้าเขา พี่กล้วยที่ขากวนกว่าใครยังได้แต่ถอนหายใจทุกครั้งที่เจอเขาไปยืนรอตรงนั้น ที่เดิมที่ยืนรออยู่ทุกวัน

“พิธาน....ไม่เหนื่อยเหรอ” พี่กล้วยถามขึ้น วันนี้เป็นวันเสาร์วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์นี้และเป็นอีกวันที่พิธานมายืนรออยู่ตรงนี้เหมือนอย่างวันก่อน ๆ

“เขาเป็นยังไงบ้าง” และทุกครั้งที่พิธานจะถามถึงพระพายจากพี่ปีแล้วพี่กล้วย สองคนนี้มักจะบอกเรื่องพระพายให้กับเขาเสมอ

“มันก็มีความสุขดี ไม่ได้เหมือนใครบางคนที่หน้าหงอยอยู่แบบนี้” พี่กล้วยว่า

“เขากินข้าวปกติไหม” พิธานเอ่ยถาม

“อ๋อ....แต่ช่วงมันกินน้อยกว่าเมื่อก่อนนะ เมื่อก่อนมันกินได้เยอะกว่านี้ จะว่าไปก็ซูบลง จากปกติมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้” เมื่อได้ยินเช่นนั้นพิธานถึงกับใจแฟบ...พระพายไม่ได้ปกติอย่างที่คิดเอาไว้

“อย่าคิดมากสิ เอาเป็นว่าพระพายไม่ได้ดูทุกข์ใจมากขนาดนั้น”

             พี่ปีสำทับให้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะกังวลของพิธาน พิธานที่ตั้งแต่มีปัญหากับพระพาย ดูเหมือนจะหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด จากปกติจะดูเปล่งประกายโดดเด่นแม้ว่าหน้าจะนิ่งเฉยก็ตาม แต่ตอนนี้ร่างกายนั้นก็ดูซูบลงถนัดตา เจ้าตัวคงจะไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะดูแลตัวเองเท่าไหร่นัก

“ช่วยบอกเขาได้ไหม ว่าผมอยากเจอเขา”

“คิดว่าพวกเราไม่พูดรึไง พูดจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว มันก็เฉยเหมือนไม่ได้ยินพวกเราซะแบบนั้น” พี่กล้วยตอบทันควัน พิธานหรุบตามองที่พื้นครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปมองพี่ปี

“ขอบคุณ...ถ้ามีอะไรก็โทรบอกผมได้ตลอดเลย” พิธานพูดเช่นนี้ทุกครั้งที่มาเจอรุ่นพี่ในออฟฟิศของพระพาย

“ได้สิ”  พี่ปีว่า

        พิธานกลับขึ้นมาบนรถ นั่งถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทุกวันนี้เขาทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อชดเชยเวลาที่ออกไปรอพระพายที่ออฟฟิศในทุก ๆ วัน เลขาปอตำหนิอยู่หลายครั้งเพราะเขาฝืนตัวเองและเคร่งเครียดจนร่างกายเริ่มจะรับไม่ไหว ร่างกายก็เหนื่อยล้าไม่ต่างกับจิตใจ ระยะเวลาสามสัปดาห์ช่างยาวนานและทรมานเขาเหลือเกิน ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว พิธานจะกลับไปที่คอนโดเสมอ ไปนั่งนิ่งๆและหาทางคิดวิธีที่จะเจอพระพาย

             พิธานเอาแต่ขบคิดว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้เจอกันอีกครั้ง โดนหลบหน้าแบบนี้ราวกับโอกาสของเอาเองก็หลบหายไปเช่นกัน พิธานนั่งคิดวนอยู่ในรถ จากนั้นจึงติดเครื่องยนต์เพื่อจะขับรถออกจากออฟฟิศไปได้สักพัก จู่ๆก็มีคนโทรเข้ามา เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักเสียด้วย

“สวัสดี พิธานพูด” พิธานรับสายเมื่อรถติดไฟแดง แม้ไม่อยากสนใจเท่าไหร่ว่าเป็นใครแต่ก็ต้องรับสายเพราะอาจจะเกี่ยวกับงานของเขาเองก็ได้

“สวัสดีพิธาน”

“ใคร” พิธานอีกครั้ง

“จำไม่ได้รึไง กล้วยไงกล้วย” พิธานผละหน้าออกมาจากโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะแนบมันที่หูอีกครั้ง

“กล้วย..”

“พี่กล้วยของไอ้น้องพายไง”

“พี่กล้วย” พิธานออกจะแปลกใจเพราะเสียงในโทรศัพท์มือถือค่อนข้างจะต่างกับตัวจริง และเสียงพูดก็เบาหวิวเสียขนาดนั้น อีกทั้งคนที่เขาให้เบอร์คือพี่ปีคนเดียวเท่านั้น

“เออ นี่อยู่ไหน” พิธานคิดได้ว่าพี่กล้วยคงจะเอาเบอร์มาจากพี่ปีอย่างแน่นอน

“ขับรถอยู่”

“นี่ ฟังนะ คืนนี้ที่บ้านมีปาร์ตี้ปิ้งย่าง และน้องพายก็มาด้วย” พี่กล้วยบอกด้วยเสียงกระซิบ

“จริงเหรอ” ดั่งเสียงสวรรค์ก็ไม่ผิดนัก พิธานเบิกตาอย่างดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

“เออ สามทุ่ม แต่มาสักสี่ห้าทุ่มก็ได้ เพราะมันจะค้างที่บ้าน”

“ทำไมต้องรอถึงตอนนั้น”

“รอให้มันเมาก่อนสิวะ ขืนมาเจอกันแบบปกติ คิดเหรอว่าจะได้คุยกัน”

“นั่นสิ” ดูมีเหตุผลจนน่าตกใจว่าพี่กล้วยคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง

“ว่าแต่...ทำไมถึงยอมบอก”

“ช่างหัวเรื่องนั้นเถอะ คืนดีกันเร็ว ๆ ก็ดีกับทางนี้ด้วย เอ่อ..หมายถึงกับทุกคนอะนะ” พี่กล้วยว่า พิธานพยักหน้ากับตัวเอง ฟังดูแล้วรู้สึกแปลก ๆ แต่นี่คือการช่วยเหลือแน่นอนว่าเขายินดีที่จะรับมัน

“ได้ เดี๋ยวผมไป”

“เออ เจอกัน” พี่กล้วยวางสายไปแล้ว

        ความลิงโลดที่ไม่ได้รู้สึกมาพักใหญ่แล้วกำลังเกิดขึ้น พิธานแทบอยากจะไปดักรอที่บ้านของพี่กล้วยตั้งแต่ตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แต่อาจจะถูกพระพายจับได้เสียก่อน เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วพิธานจึงขับรถกลับคอนโดด้วยความรวดเร็ว กลับไปอาบน้ำแต่งตัว รอเวลาที่จะได้ไปเจอพระพายอีกครั้ง

        มาถึงคอนโดก็พบว่าไคยืนรออยู่หน้าห้องของเขา ไคที่เจอหน้าพิธานก็ยิ้มให้ ในช่วงที่พิธานตามหาตัวพระพายมาตลอดนั้น ไคเองก็ช่วยด้วยเช่นกันและแน่นอนว่าหาไม่เจอสักที ทั้งที่ไคออกจะมือโปรคนหนึ่งในเรื่องการตามหาคนและแฟนของไคอย่างเก้าเองก็ยืนยันว่าไม่รู้ว่าพระพายอยู่ไหนและหัวเสียทุกครั้งที่เอ่ยถามถึงเรื่องพวกนี้ กลายเป็นว่าทั้งพิธานและไคเองก็มีวันที่จะพลาดได้เช่นกัน

“เป็นไงบ้าง” พิธานเปิดประตูห้องและให้ไคเข้ามาด้วย

“สีหน้าแบบนี้ มีข่าวดีใช่ไหม” ไคถาม เพราะหลายวันมานี้พิธานดูหม่นหมองจนไม่น่าดู แต่ตอนนี้เหมือนเจ้าตัวกำลังดีใจอยู่

“กำลังจะได้เจอพระพายแล้ว” พิธานบอกด้วยรอยยิ้มนิดๆอย่างมีความหวัง

“จริงเหรอ” ไคเองก็ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

“ใช่ คืนนี้ พระพายไปกินปิ้งย่างบ้านของรุ่นพี่ในออฟฟิศ”

“รู้ได้ยังไง” ไคเองก็ดีใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น

“รุ่นพี่เจ้าของบ้านเป็นคนบอก” พิธานไม่อาจจะปิดความดีใจนี้ไว้ได้จริงๆ

“จะไปกี่โมง”

“ว่าจะไปสองสามทุ่มประมาณนั้น”

“อยากให้ไปเป็นเพื่อนไหม” ไคถาม

“ไม่เป็นไร” พิธานส่ายหน้า

“แต่ฉันอยากไปด้วย จะรออยู่บนรถ” ไคว่า

             เพราะนึกเป็นห่วงหากการไปเจอครั้งนี้มันไม่เป็นอย่างที่พิธานคิดไว้ เขารู้ดีว่าพระพายตั้งใจจะหลบหนีอย่างเห็นได้ชัด การที่เป็นเช่นนั้นแปลว่าตัวพระพายเองคงจะไม่อยากเจอจริงๆ และหากโดนปฏิเสธขึ้นมา ถึงตอนนั้นไม่อยากนึกสภาพของเพื่อนตัวเองว่าจะเป็นอย่างไร

“ได้สิ”

“เดี๋ยวใกล้ถึงเวลาแล้วจะมาเรียก อย่าเพิ่งกังวลอะไร ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” ไคว่าพลางตบไหล่ พิธานพยักหน้าให้ ไคเป็นเพื่อนที่เข้าใจเขาเสมอ

        พิธานมองนาฬิกาที่ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่าเท่านั้น พิธานเอนตัวลงบนโซฟาพลางนึกถึงพระพาย ตั้งแต่พระพายออกไปจากห้องนี้ พิธานนั้นไม่อาจจะหลับสนิทได้อีกเลย หลายต่อหลายครั้งที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาและพบว่าพื้นที่ข้างๆของเขาว่างเปล่า และกว่าจะหลับอีกครั้งก็ใช้เวลาอยู่นานพอควร คงเพราะสาเหตุนี้ทำให้เขาดูหน้าหม่นหมองและไม่กระปรี้กระเปร่าเอาเสียเลย

        เพราะความดีใจและความหวังที่จู่ๆก็มาอย่างไม่ทันคาดคิด เหมือนความรู้สึกหนักที่ทับร่างกายเริ่มจางหายไปเล็กน้อย พิธานหลับตาลงและคิดกับตัวเองว่าหากเจอหน้าพระพายแล้วเขาจะต้องทำอย่างไร ต้องพูดแบบไหน จะยิ้มให้หรือทำอะไรดี คิดวนไปวนมาอย่างนั้นจนในที่สุดก็เผลอหลับไป คงเพราะดีใจจนรู้สึกความตึงเครียดลดหายไปทำให้พิธานหลับลงอย่างที่ไม่ได้เป็นมาสามสัปดาห์แล้ว

        เวลาผ่านไปพอสมควร เสียงกดออดดังรัวๆปลุกให้พิธานตื่น ตกใจไม่น้อยที่ตื่นแบบกะทันหันและเหมือนกำลังสับสนว่าตอนนี้มันเวลาไหนกันแล้ว

“กี่โมงแล้ว” เมื่อตั้งสติได้จึงพลิกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือขึ้นมา พบว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว รวมถึงเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังอยู่ อาจจะเป็นไคที่กำลังโทรตาม รวมถึงเสียงกดออดยังคงดังอยู่แน่นอน

“โทษที เผลอหลับ” พิธานลุกขึ้นไปเปิดประตูพร้อมเอ่ยปากบอกไคที่ยืนรออยู่

“ก็ว่าทำไมไม่ยอมออกมา นี่สามทุ่มแล้ว”

“จะรีบไปอาบน้ำ” พิธานว่าและวิ่งไปอาบน้ำด้วยความรวดเร็วโดยไคนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น

        ใช้เวลาอย่างรวดเร็วอย่างที่บอกไว้จริง ๆ แต่งตัวออกมาและรีบขึ้นรถไปโดยที่ไคขอเป็นคนขับ ประมาณการว่าน่าจะถึงที่บ้านของพี่กล้วยราวๆสี่ทุ่มอย่างที่พี่กล้วยอยากให้ไป ระหว่างทางที่ไคขับรถนั้นพิธานเอาแต่นั่งหน้าตึงคงกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

        ในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านของพี่กล้วย ตอนนี้พิธานเริ่มประหม่าขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าไม่ได้ออกท่าทางมากมายนักแต่ไครู้ได้จากสีหน้าที่ดูไม่มั่นใจนั้น

“เข้าไปเถอะ ทำให้เต็มที่ บอกสิ่งที่อยากบอก” ไคพูดให้กำลังใจ พิธานมองหน้าไคด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้

“ฉันอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนและนายต้องทำได้”

             ไคพูดเสริมอีกครั้ง พิธานพยักหน้ารับนิดๆก่อนที่จะโทรหาพี่กล้วย แน่นอนว่าทางนั้นตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็วและเพียงอึดใจเดียวก็ออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านให้ แล้วหายเข้าไปในบ้าน คงไม่อยากให้คนอื่นสงสัย

              พิธานเดินลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบเชียบ ใจนั้นรู้สึกเต้นแรงจนอกแทบจะระเบิด เขากำลังจะได้เจอพระพายแล้ว คนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดในหลายวันนี้ ในที่สุดก็จะได้เจอสักที...

Lyrics: Please don’t go by Joel Adams.

   





      




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-08-2019 00:08:26
เจอกันซะที
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2019 00:38:34
พระพายไม่น่าจะใจอ่อนง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 18-08-2019 01:04:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-08-2019 01:51:57
เจอกันแล้วก็พูดกันให้เข้าใจนะ  :hao4: ไม่ใช่อะไรหรอกเริ่มสงสารแล้วล่ะถ้าสำนึกแล้วก็ควรให้โอกาสล่ะนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-08-2019 02:44:53
พิธาน โอกาสมาแล้วก็รีบเคลียร์กันให้เข้าใจ

คนอ่านมันหน่วง :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-08-2019 09:01:57
ในที่สุดก็มาแล้ววววววววว :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 18-08-2019 09:29:16
เจอกันสัก รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-08-2019 10:01:55
เจอกันแล้วก็พูดกันให้เข้าใจนะ  :hao4: ไม่ใช่อะไรหรอกเริ่มสงสารแล้วล่ะถ้าสำนึกแล้วก็ควรให้โอกาสล่ะนะ  :เฮ้อ:

+1   :katai2-1:    //ขอบคุณนะคะที่มาต่อและรอตอนต่อไปเลยค่ะ จะเป็นยังไงบ้าง ?
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-08-2019 10:36:04
สู้ๆนะทั้งสองคน
+นััักเขียนด้วย :) :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-08-2019 12:37:49
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 18-08-2019 14:04:14
ง่า ต้องรอตอนต่อไป ช่วงนี้พระพายค่าตัวแพง  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 18-08-2019 15:57:03
แงงงงง!!ยังไม่เจอกันคนอ่านลุ้นตัวโก่งแล้วสงสารพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-08-2019 18:13:41
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-08-2019 22:03:11
เจอน้องแล้ว ก็คุยกับน้องดี ๆ ล่ะ กลัวจะดีแตกซะก่อน  :hao3:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-08-2019 22:48:41
พระพายไปอยู่กับพี่กล้วยเหรอเนี่ยยย
สู้ๆ นะพ่อคุณ...
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 66 (17/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 24-08-2019 00:02:15
แงงงงงงงงง กลับมาแล้วดีใจมากกกกกก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 31-08-2019 22:00:09
สวัสดีค่ะ มาไวตามที่บอกไว้ (ไว?) ตอนที่ 67 ต่อจากความค้างเมื่อตอนที่แล้ว ไปอ่านกันเลยค่ะ หากตอนนี้มีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใด ๆ ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ  :o8: ขอบคุณที่ยังอยู่กัน อีกนิดจะถึงฝั่งฝันแล้วนะคะ ช่วงนี้อากาศแปรปรวนมาก ๆ อย่าลืมระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ พรุ่งนี้วันหวยออก สำหรับใครที่ชอบเสี่ยงโชค ขอให้โชคดีเป็นของท่านนะคะ  :impress2: รัก ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ


++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 67 What should I do.


Whatever I did, I would take it all back
ไม่ว่าฉันได้ทำอะไรลงไป ฉันขอแก้ไขมันให้หมด

I’d circle the world to get back what we had
ฉันยอมเดินรอบโลก เพื่อคว้าอะไรก็ตามที่ฉันเคยได้รับมา

Tell me what must I do to deserve your love
บอกฉันเถอะ จะต้องทำอย่างไร ฉันถึงสมควรได้ความรักจากเธออีก

Is there any way I’ll ever be good enough?
มีทางไหนไหม ที่ฉันจะดีพอ?

Is there any way I’ll ever be good enough?
มีทางไหนไหม ที่ฉันจะดีพอ?



        พิธานเดินเข้าไปในบ้านของพี่กล้วย หูนั้นแว่วเสียงหัวเราะและเพลงลูกทุ่งจังหวะสนุกสนานดังคลออยู่ นี่คงเป็นงานปาร์ตี้ที่บันเทิงไม่น้อยแต่จิตใจของพิธานตอนนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

        ย่างก้าวแต่ละก้าวเต็มไปด้วยความหวังที่จะได้เห็นหน้าพระพาย คำพูดเริ่มถูกเรียบเรียงในหัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินเข้าไปถึงหลังบ้าน สถานที่ที่พิธานจำได้ว่าบ้านนี้หลังใช้ตั้งวงดื่ม ก็พบว่าผู้คนที่นั่งอยู่ก็คือหน้าเดิมๆและใครคนนั้นที่พิธานอยากเจอกำลังนั่งหันหลังอยู่ พิธานสูดหายใจเข้าออกช้าๆ เตรียมตัวที่จะเจอพบหน้าพระพายแล้ว

“อ้าวเฮ้ย พิธาน”

             เสียงร้องอย่างประหลาดใจดังขึ้นของพี่คนหนึ่งในแผนก พี่ปีเบิกตาขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมพิธานมายืนอยู่ตรงนี้ แต่เพียงไม่กี่วินาทีก็ประมวลผลได้ว่าที่เห็นพิธานยืนอยู่ที่นี่ได้นั้นป็นฝีมือของใคร พี่ปีหันมองพี่กล้วยอย่างคาดโทษแต่พี่กล้วยก็ลอยหน้าลอยตาประหนึ่งไม่สนใจใยดี

             พระพายที่กำลังเมาได้ที่ ก็หันไปมองตามเสียงเรียก แน่นอนถึงแม้จะเมาก็ไม่ใช่คนความจำเสื่อม รู้ได้ทันทีว่านั่นคือพิธาน คนที่บอกเลิกเขาไปแล้ว พระพายรีบหันหลังและคิดว่าทำไมพิธานถึงมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าแม้แต่จะมองเต็มตาแต่เพราะความเมาเริ่มมีมากขึ้น การประมวลผลจึงแย่ไปสักหน่อย คิดได้อย่างเดียวคือต้องออกไปจากตรงนี้

“เดี๋ยวๆ ไอ้พาย” เสียงร้องของพี่อีกคนร้องขึ้น เมื่อพระพายลุกพรวดพราดและเซล้มลงไม่เป็นท่า พิธานรีบรุดเข้าไปประคองพระพายทันที

“ปล่อย!” ความรู้สึกเมื่อถูกมือของพิธานจับเข้าที่ร่างกายในวินาทีแรก คือจำได้ถึงสัมผัสนั้นอย่างไม่ต้องนึกเค้น ความรู้สึกที่พระพายพยายามลืมมันไปแล้วจึงกลับมาอีกครั้ง

“ขอคุยด้วยได้ไหม” พิธานที่เห็นสีหน้าเจ็บปวดของพระพายนั้นก็เริ่มปวดแปลบในอก ใบหน้าที่เขาเฝ้ารอมาหลายวันอยู่ตรงหน้าแล้ว ความคิดถึงที่พุ่งออกมาจนรู้สึกชาไปทั้งตัว

“ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” พระพายสะบัดแรงเสียจนเสียหลักอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้ดีว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องทะเลาะหมางใจกันมาแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้ความจริงอย่างแจ่มแจ้ง

“พาย ใจเย็นๆสิ” พี่ปีเริ่มลุกขึ้นมาและเข้ามาช่วยพระพายเอาไว้

“ปี มึงไม่ต้องยุ่ง นั่นมันเรื่องของเขาสองคน” พี่กล้วยว่า พี่ปีหันมองคนพูด สายตานั้นดูเหมือนคาดโทษหนักกว่าเมื่อครู่ไปอีก

“ถ้าอย่างนั้นไปคุยกันที่ห้องกูเถอะ ตรงนี้คงไม่เหมาะ” พี่กล้วยว่า

“ขอรบกวนหน่อย” พิธานว่า แต่พระพายพยายามสะบัดพร้อมหนีลูกเดียว

“ไม่เอา ไม่ไป” พระพายดิ้นขั้นสุด

“พาย..พาย ฟัง” พี่ปีพยายามจับพระพายไว้และพูดขึ้น

“พูดกันให้รู้เรื่อง ไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าหนีแบบนี้” คำพูดของพี่ปีนั้นสะกิดความรู้สึกของพิธาน...ก่อนหน้านั้นเขาเองที่ทำตัวเป็นเด็กอย่างแท้จริงที่ไม่ยอมพูดกับพระพายให้รู้เรื่องตั้งแต่แรก

“แต่ผมพูดไปหมดแล้ว” พระพายเถียงทันควัน สายตานั้นดูจริงจังแม้ว่าเมาแต่คำพูดทว่าชัดเจน

“พูดต่อหน้าอีกทีจะเป็นไรไป” พี่กล้วยแทรกขึ้นมา

“ไปเถอะ” พี่อีกคนก็เห็นด้วยที่พระพายควรจะพูดกับพิธานให้ชัดเจนอย่างจริงจัง

“แต่ผม” พระพายไม่อยากจะพูดจริงๆ

“ขอเถอะ”

             คราวนี้เป็นพิธานที่เอ่ยปากขอร้องเอง ไม่สนใจคนที่อยู่ตรงนั้นเลยสักนิดถึงการขอร้องที่ดูน่าอาย ตอนนี้เขาสนแค่พระพายคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้พิธานไม่แม้กระทั่งจะกล้าจับตัวพระพายไปมากกว่านี้ ราวกับหากจับเนื้อต้องตัวกลัวพระพายจะโกรธและหนีหายไปจากเขาอีก พระพายเงียบไปครู่หนึ่ง ความเมายังคงทำงานแต่กระนั้นสติไม่ใช่ว่าจะไม่มี

“ก็..ก็ได้” พระพายยอมในที่สุดก่อนที่จะเดินเป๋ๆไปยังห้องนอนของพี่กล้วยที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พิธานเดินตามหลังไปพลางมองการเดินของพระพายที่จะล้มแหล่ไม่ล่มแหล่แต่ก็ยังเดินไปได้

“เสร็จเรื่องนี้เมื่อไหร่เราต้องคุยกัน” พี่ปีหันไปกระซิบข้างหูพี่กล้วย รายนั้นเบือนหน้าราวกับไม่สนใจแต่แท้จริงแล้วในใจนั้นก็หวั่นไม่น้อยเลยทีเดียว

        พระพายเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่กล้วย ห้องนอนที่ออกจะรกไม่ค่อยเป็นระเบียบแต่ก็ไม่ได้สกปรกเท่าไหร่นัก พระพายยืนนิ่งโงนเงนอยู่อย่างนั้น หันหลังให้พิธานโดยไม่คิดแม้แต่จะมองหน้ากันเลยสักนิด พิธานปิดประตูลง หัวใจเต้นระรัวเมื่อได้อยู่กับพระพายตามลำพัง แค่ได้เห็นแผ่นหลังก็คิดถึงเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นหน้า ระยะห่างเท่านี้ก็จริงแต่ก็เหมือนจะไกลเพราะความรู้สึกที่พระพายแสดงออกในขณะนี้ มันช่างเฉยชาและเหินห่างเหลือเกิน กำแพงอะไรสักอย่างที่ดูหนาและสูงจนพิธานกลัวว่าไม่อาจจะทลายมันลงได้

“มีอะไร” พระพายนั่งลงบนเตียงก่อนที่จะถามออกไป

“คือ...” ที่เรียบเรียงมาในหัวมันกลับว่างเปล่า คำพูดที่เตรียมมาหายไปหมดเมื่อได้เห็นหน้าพระพายชัดๆ ความซูบผอมที่ชัดเจน ดูเหนื่อยล้าที่ไม่ใช่มาจากอาการเมาแต่อย่างใด

“พระพาย”

             พิธานเลือกที่จะคุกเข่าตรงพื้นตรงหน้าของพระพาย ที่เดียวที่จะได้เห็นหน้ากันได้ชัดและไม่อาจจะหลบหนีได้ พระพายเบือนหน้าไม่อยากแม้แต่จะสบสายตา...เพราะกลัวหัวใจตัวเองในตอนนี้ ที่เมาๆ เมื่อครู่เริ่มจะเบาลง ความปวดแปลบในอกกลับมาจนตาได้สติเลยทีเดียว

“ผมพูดไปในจดหมายหมดแล้ว” นี่คือการตัดบทที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องต่อความให้ยาวเหยียดกว่านี้

“ฟังฉันก่อน” พิธานพูดออกมา พยายามหาโอกาสให้ตัวเองได้มากที่สุด

“ให้ผมฟังคุณเหรอ...ทำไมมาบอกเอาป่านนี้...ตอนนั้นผมขอให้บอกทำไมถึงไม่บอก” น้ำเสียงเบาหวิวนั้นฟังก็รู้ว่าเจ็บปวดมาก พระพายเริ่มดึงสติกลับมาจาความเมาได้เยอะแล้ว

“ฉันผิดเอง เป็นฉันเองที่ไม่ยอมฟังคำขอของนาย...ตอนนี้ฉันมาบอกแล้ว ให้โอกาสฉันได้ไหม”

             คำขอร้องที่ละทิ้งศักดิ์ศรีและทุกอย่าง ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรแล้วแค่ขอให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม สายตาที่ส่งออกไปเต็มไปด้วยความหวัง หวังที่จะได้รับโอกาสที่หลุดหายไปแล้วกลับมาอีกครั้ง

             พระพายเงียบไป ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก แม้เรื่องราวมันผ่านมาพักใหญ่แล้วแต่พระพายยังคงเจ็บปวดอยู่ดี ยังคงเสียใจอยู่เต็มอก ถึงจะปล่อยวางไปได้แล้วระดับหนึ่งแต่มันไม่ได้ง่ายดายและรวดเร็วขนาดนั้น เขาต้องการเวลามากกว่านี้ นั่นจึงทำให้ต้องหลีกหลบหนีการตามหาของพิธาน

             รู้ดีว่าพิธานมารอที่ออฟฟิศตลอดทุกวันทำงาน เขาฟังรุ่นพี่ในออฟฟิศพูดถึงเรื่องนี้ทุกวัน ว่าพิธานมายืนหน้าเศร้าและเอาแต่ถามคำถามเดิมทุกวันว่าเขาอยู่ไหน สบายดีหรือไม่

             แม้ไม่อยากมองเต็มตาแต่ก็รู้ได้ว่าพิธานเปลี่ยนไป หมายถึงกายภาพที่ดูซูบลงและดูไม่เปล่งประกายเหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าที่เฉยชานั้นกลับมีแต่ความหมองและดูเศร้า...พิธานเสียใจกับเรื่องของเขาอย่างนั้นหรือ

“ฉันรู้...อีกสักครั้งพระพาย ขอให้ฉันได้พูด”

             พิธานอยากจะเอื้อมมือไปจับตัวพระพายแต่ก็ต้องพยายามอดกลั้นไว้ หักห้ามกับสิ่งที่จะทำให้พระพายเตลิดและหายไปจากเขา หากครั้งนี้เป็นเช่นนั้นอีกพิธานคงเกินจะรับไหว

             พระพายที่ได้ยินคำพูดของพิธาน ต้องยอมรับว่าใจสั่นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้ยินเสียงอ้อนวอนขอร้องอย่างยอมแพ้เช่นนี้มาก่อน

“ถ้าแค่ครั้งเดียว...ผมพอจะให้ได้” คำพูดนั้นแสนจะเย็นชา พิธานไม่เคยได้เห็นและได้ยินอะไรแบบนี้จากพระพายมาก่อน...เจ็บลึกเลยทีเดียวเมื่อได้ยินเช่นนี้

“เริ่มจากตรงไหนดี” พิธานหลุดพูดออกมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก จู่ ๆ ก็ดูประหม่า หมดท่าคนมั่นใจและเย่อหยิ่งไปเยอะเลยทีเดียว

“ต้องเริ่มจากคุณหรือจากผมก่อนละ” พระพายถาม พูดออกมาโดยไม่ยอมสบตามองพิธานสักนิด เสมองไปยังกองเสื้อผ้าของพี่กล้วยที่ขยุกกองไว้ได้อย่างน่าเกลียดแทน

“เริ่มจากนายก่อน..ฉันอยากฟัง” พิธานบอกก่อนที่จะเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดตะหมาดกับพื้นเพื่อรอฟังสิ่งที่พระพายต้องการบอก

“เริ่มจาก.....จากวันที่คุณผิดนัดผมไง” พระพายเตือนความจำให้ เรื่องนี้คือเรื่องแรกสำหรับพระพายที่เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นในความเปลี่ยนไปทั้งหมด

“ผิดนัด....ตอนไหน” สีหน้างุนงงปรากฏขึ้น แค่มองด้วยหางตาก็เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นแปลว่าพิธานไม่รู้ตัวเลยสักนิดถึงเรื่องนี้

“ผมรอกินข้าวแต่คุณไปดื่มกับเพื่อน” พระพายพยายามทำใจให้นิ่ง ไม่ให้พิธานเห็นถึงความรู้สึกข้างใน

“ฉันทำ...อย่างนั้นเหรอ” พิธานนึกเค้นขึ้นมาว่าเขาพลาดทำเรื่องแบบนั้นไปได้อย่างไร

“วันนั้นเอง...” เป็นพิธานเองที่นึกขึ้นมาได้โดยที่พระพายไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมา

“ฉันลืมมันไปจริงๆ....ไม่มีข้อแก้ตัวด้วย”

             พิธานเลือกที่จะพูดตรงๆ แน่นอนว่าพระพายนั้นยอมรับได้มากกว่าคำแก้ตัวแน่นอน หากพิธานแก้ตัวนั่นแปลว่าไม่ใช่พิธานตัวจริง การแสร้งทำเช่นนั้นพระพายถือว่าดป็นการโกหก

“มันผ่านไปแล้ว” พระพายพูดสั้น ๆ เป็นการตัดจบว่าเรื่องนี้สะสางแล้ว

“มีเรื่องอะไรอีกไหม” พระพายถาม ราวกับอยากจะจบให้เร็วที่สุด ราวกับไม่อยากคุยกันอีกแล้ว นั่นคือสิ่งที่พิธานคิด

“รู้อะไรไหม ทำไมฉันถึงโกรธนายและทำเรื่องพวกนั้นลงไป” คราวนี้เป็นพิธานที่เริ่มเอ่ยถึงเรื่องที่จุดชนวนทั้งหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระพายคับข้องใจมาตลอด วันนี้คงได้รู้เสียที

“นาย...ร่วมมือกับคุณแม่ ทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้ฉันคืนดีกับคุณพ่อใช่ไหม” เมื่อได้ยินประโยคนี้พระพายชะงัก หันมองพิธานอย่างเต็มมาก็คราวนี้

“คุณ....รู้เหรอ” พระพายถามออกมา

“ใช่ บังเอิญไปได้ยินคุณแม่โทรหานายตอนที่อยู่โรงแรมด้วยกัน” พิธานบอก สีหน้านั้นยังคงดูเศร้าเหมือนเดิมและเหมือนจะพยายามบีบมือตัวเองไว้แน่น

“คุณ...โกรธผมเพราะเรื่องนี้” พระพายถามกลับ เขาลืมเรื่องนี้เสียสนิท ว่าการทำอะไรโดยไม่ให้พิธานรู้มันคือการโกหก เพิ่งจะกระจ่างเอาตอนนี้

“ใช่...ฉันเสียใจที่นายปิดบังฉัน แต่ที่มากกว่านั้นคือฉัน....”

“ฉันคิดว่านายเข้าใจฉันดีที่สุด นึกว่านายรู้จักฉันมากที่สุด ฉันไม่ได้อยากดีกับคุณพ่อ แต่นายไม่เคยถามความรู้สึกฉันหรือบอกความจริงกับฉันเลยสักนิด” น้ำเสียงนั้นเชิงตัดพ้อ พระพายเม้มริมฝีปากแน่น...เขาเองก็ทำร้ายพิธานไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน

“นายทำทุกอย่างโดยไม่นึกถึงใจฉัน นายไม่เคยบอกอะไรเลย เป็นฉันที่ต้องบังคับถามนายเอาเอง บางครั้ง....ก็อยากให้นายบอกฉันด้วยตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”

        เมื่อได้ยินความรู้สึกของพิธาน พระพายก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้น มันไม่ใช่แค่พิธานเป็นฝ่ายผิดคนเดียว เขาเองก็เช่นกัน เขาทำให้พิธานรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเขา ความคาดหวังที่พิธานมีให้กลายเป็นเขาที่ค่อย ๆ แซะมันจนเริ่มพัง เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเขาทั้งคู่

“ผมขอโทษ....ผมเองก็ทำอะไรโดยพลการ.....แต่แค่รู้สึกว่าหากคุณคืนดีกับคุณพ่อ คุณจะมีความสุขมากกว่านี้”

“ตัวคุณพ่อเองก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด คุณเข้าใจท่านผิด ผมเลยอยากแก้ไขไม่ให้คุณคิดผิดไปกว่านี้” พระพายเอ่ยคำขอโทษออกมาอย่างเรียบง่าย รู้สึกเหมือนปลดล็อคความคิดที่เขาเฝ้าคิดมาตลอดว่าทำไมพิธานถึงทำเช่นนั้นกับเขา วันนี้ได้รู้ความจริงแล้ว

“นายไม่ต้องขอโทษ นายทำเพื่อฉัน ถ้าหากนายไม่รักฉัน นายคงไม่ทำแบบนั้น” พิธานก้มหน้าลง หน้าผากนั้นแตะตรงหัวเข่าของพระพาย สัมผัสนั้นทำเอาพระพายคิดถึงแม้ว่าใจหนึ่งอยากลืมก็ตามที

“ขอบคุณที่บอก ผมจะได้หายค้างคาใจเสียที” พิธานเงยหน้าขึ้นมา สบตาพระพายที่จ้องมองมา ความว่างเปล่านิดๆนั้นทำเอาใจคอไม่ดี

“พระพาย...ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”

“ขอโทษเรื่องอะไร” พระพายถาม รู้สึกใจแกว่งเมื่อได้ยินคำขอโทษที่รู้สึกผิดอย่างแท้จริง

“ฉันทำผิดไปเรื่องที่พูดกับนายแบบนั้น...ฉันไม่ได้จะบอกเลิกนาย” พิธานเอ่ยออกมา

“คุณต้องการอะไร” ถึงตอนนี้คงต้องถามออกมาแล้ว

“ให้อภัยฉันได้ไหม...กลับไปอยู่ด้วยกัน..ได้ไหม”

        คำขอร้องอ้อนวอนนั้นทำเอาพระพายแทบจะร้องไห้ มือของพิธานค่อย ๆ แตะที่ขาของเขา ราวกับอยากจะรั้งเขาไว้ ขอความเห็นใจอย่างคนหมดทนทาง พิธานที่ยอมลดศักดิ์ศรีทิ้งความเย่อหยิ่งของตัวเองเพียงเพื่อให้เขากับไป ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าเขานั้นมีความสำคัญกับพิธานจริง ๆ

              สิ่งที่พระพายทำมาตลอดตั้งแต่เขียนจดหมายทิ้งไว้คือการทำใจและปล่อยวาง ทำใจให้ไม่โหยหาและคิดถึงพิธานไปมากกว่านี้แล้ว ผนึกความรู้สึกให้ลึกลงไปสุดใจหวังว่ามันจะค่อย ๆหายไป แต่เปล่าเลย...เมื่อเจอหน้ากันอีกครั้ง ความคิดพวกนั้นกลับถูกตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง

             ไม่อยากจะโกหกตัวเองว่าในตอนนี้รู้สึกดีใจอยู่ข้างในลึกๆ การที่พิธานมาหาเขาในวันนี้และที่ตามหามาเฝ้ารอเขาที่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านั้นพระพายรู้สึกดีใจจนลืมสิ่งที่เขาพยายามมาตลอด คือการตัดใจจากพิธาน พอมาถึงตอนนี้ใจอ่อนลงไปมากพอสมควร

              พระพายมองพิธานที่อยู่เบื้องหน้าเขา ความอ่อนแอของพิธานซึ่งชัดเจนมาก รู้สึกสงสารที่เขาเองทำให้พิธานเป็นเช่นนี้ เอาเข้าจริงๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะทิฐิของพิธานและความหุนหันพลันแล่นของเจ้าตัวที่ไม่สนใจจะถามความจริง แต่ไม่ใช่ความผิดของพิธานทั้งหมด เขาเองก็มีส่วนผิด เพราะย่ามใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้อง ลืมนึกถึงพิธานว่าจะรู้สึกอย่างไร เป็นเขาเองที่เริ่มต้นทุกอย่างอย่างแท้จริง เรื่องราวน้อยนิดมหาศาลเหล่านี้มันไม่น่าจะบานปลายได้ถึงขนาดนี้ คงเพราะทั้งเขาและพิธานยังไม่เข้าใจกันมากพอ

“อยากให้ผมกลับไปเหรอ” พระพายถามขึ้นมา

“ขอร้อง....ฉันต้องการแค่นายคนเดียวเท่านั้น” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าก้อนความสะอื้นจะหลุดออกมาให้ได้ 

             พระพายกำหมัดแน่น พยายามอดกลั้นต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา เขากำลังจะใจอ่อนลงมากกว่าเมื่อครู่นี้ เขาโหยหาอ้อมกอดของพิธาน หลายวันที่ผ่านมาเขานอนไม่สนิทสักครั้ง รู้ดีว่ายังไม่อยากจากพิธานไปตอนนี้ เขา...ยังรักพิธานอยู่เต็มหัวใจ

“พระพาย...ให้โอกาสอีกสักครั้งได้ไหม....เรียนรู้กันให้มากกว่านี้ ให้ฉันได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ ให้ฉันได้เป็นแฟนที่ดีอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกัน”

        ในที่สุดพระพายก็หลุดสะอึกออกมา น้ำตารื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ พิธานที่เห็นถึงกับแน่นในอก น้ำตาของพระพายที่เสียใจนั้นทำเอานึกถึงภาพในวันนั้น นี่เขาทำพระพายเสียใจอีกแล้วหรือ

“พระพาย...ไม่ร้อง” พิธานมือสั่นไปนิด พยายามเอื้อมไปเช็ดให้พระพายแต่โดนกันเอาไว้เสียก่อน

        ทั้งที่สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจ แต่ร้องไห้เพราะตัวเองที่ยังรู้สึกดีใจและตื้นตันกับสิ่งที่พิธานพูด...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระพายอยากให้เป็นเลยสักนิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำหลังจากที่เขาผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาทั้งหมด

“ขอบคุณ..แต่ผมไม่เป็นไร” พระพายรีบป้ายน้ำตาออกด้วยความรวดเร็ว

“นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันขอ จากนี้ต่อไปฉันจะไม่ร้องขอมันอีก” พิธานเอ่ยออกมา พระพายเสหน้ามองไปยังกองผ้าเหล่านั้นอีกครั้ง พยายามทำใจให้สงบ

        ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงันไปพักหนึ่ง พระพายที่กำลังใช้ความคิดและความรู้สึกในการตัดสินใจ พิธานที่เฝ้ารออย่างมีความหวังว่าเขาจะได้รับโอกาสนั้นอีกสักครั้งและในที่สุด พระพายก็ตัดสินใจออกมา

“ผมจะไม่กลับไป...”


Lyric: Good Enough by Cimorelli.




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-08-2019 22:21:39
ทำไมถึงไม่กลับไปด้วยกันล่ะ หรือว่า   ต้องให้พ่อแม่ไปขอถึงจะกลับ  :hao4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 31-08-2019 22:44:25
พระพายไม่กลับไปจริงๆเหรอคะลูก
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 31-08-2019 23:00:17
 รุ้สึกว่ายังไม่อยากให้พระพายกลับไปง่าย แต่ตอนนี้ก็เศร้ากันทั้งสองคน ตัดสินใจยากจริงๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 31-08-2019 23:21:51
เริ่มตอนหน้าจะมี แต่.... อะไรเริ่มต้นมาบ้างมั้ย
ตัดจบแบบนี้ก็ค้างคาจายยยยย 555555
สงสารพิธานจริงๆ เด็กน้อยเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-08-2019 23:31:17
ยังไงต่อ?
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-09-2019 00:27:37
 :hao5: :hao5: :hao5: ทุกคนต้องการเวลา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 01-09-2019 07:52:56
ต้องตั้งหลักกันใหม่ เยียวยากันใหม่แหละเนอะ​จะว่าพระพายคือใจแข็ง​มากเลยนะที่ออกห่างมานานขนาด​นี้​ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 01-09-2019 08:56:32
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-09-2019 14:21:56
อ้าว อะไรอีก นานไปแล้ว
คืนดีกันไวๆเถอะ ยังรักยังห่วงใยอยู่กันทั้งคู่นะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-09-2019 18:04:12
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 01-09-2019 22:26:15
ค้างและเศร้ากับทั้ง2คนเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-09-2019 07:07:20
ยังคงหน่วงต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 02-09-2019 14:39:11
ฟิฟตี้เฉดออฟเกรย์ภาคพระพายงี้เหรอ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 03-09-2019 02:40:22
ได้บทเรียนความรักกันทั้งคู่เลยย  กลับมาจับมือแล้วก้าวข้ามปัญหาไปด้วยกันเถอะนะเหมาะสมกันขนาดนี้แล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 04-09-2019 21:35:15
ค้างอ่ะจบดื้อๆเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 07-09-2019 22:27:19
หน่วงอีกแล้ว รอเขาคืนดีกัน :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 67 (31/08/19) P.35 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-09-2019 00:05:38
 :call: :call: :call: พระพายจงมา  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 24-09-2019 20:08:33
สวัสดีค่ะ  :o8: มาช้ามากๆ ต้องขออภัยนะคะ ช่วงที่ตั้งใจจะอัพบอร์ดกลับมีปัญหาขึ้นมา เลยปล่อยไปและก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องอัพ โชคดีที่บอร์ดกลับมาใช้ได้แล้ว ขอบคุณแอดมินทุกท่านที่ช่วยดูแลพื้นที่ให้เราเสมอมานะคะ

ตอนนี้ตอนที่ 68 หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆ ก็ขออภัยด้วยนะคะ อีก 3 ตอนก็จะจบลงแล้วค่ะ เศร้าเหมือนกัน แต่งานเลี้ยงย่อมมีการเลิกราและเราตั้งใจจะลงตอนพิเศษให้หลังจากที่ลงจบค่ะ ขอบคุณมากจริงๆที่ยังติดตามกัน ทั้งที่เราเองก็ไม่ค่อยมีวินัยที่ดีในการอัพแต่ก็ยังไม่ทิ้งไปไหน ขอบคุณจากใจค่ะ  :กอด1: ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ  :bye2:
++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 68 Into the new chapter.

This is not a, this is not a swan, swan song
นี่ไม่ใช่ ไม่ใช่บทเพลงอำลา

This is not a, this is not a swan, swan song
นี่ไม่ใช่ ไม่ใช่บทเพลงอำลา

We just gotta, we just gotta hold on tonight
พวกเราแค่ต้องอดทนให้ผ่านพ้นไปในคำคืนนี้

This is not a, this is not a swan song, swan song, swan dive
นี่ไม่ใช่บทเพลงอำลา ไม่ใช่การด่ำดิ่งลงเหว

Yeah, it’s a new life
ใช่ นี่คือชีวิตบทใหม่




“ผมจะไม่กลับไป...”    

        คำตอบนั้นทำพิธานหูดับไปชั่วขณะ รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว พยายามจ้องมองพระพายด้วยสายตาที่เหมือนจะเบลอไปสักหน่อย เขามองพระพายเริ่มไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก

“พระพาย....”

             พิธานเอ่ยชื่อนั้นออกมา อ้าปากจะพูดต่อก็ไม่ออก ใบหน้านั้นราวกับตั้งสติไม่ทัน ด้านพระพายนั้นปวดหนึบในอกที่เห็นพิธานดูจะตกใจและเหมือนสติหลุดไปกับพูดของเขา เขารู้ดีถึงความทรมานนี้และเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พิธานเป็นแบบนี้

“ผมยังไม่พร้อมในตอนนี้ ผมเลยไม่อยากกลับไป” พระพายบอกถึงเหตุผลที่ตัดสินใจไปแบบนั้น พิธานดูเหมือนจะประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งถึงจะเริ่มเข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“ไม่พร้อม...แค่ตอนนี้ใช่ไหม” ถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนักว่าที่เข้าใจนั้นถูกต้องหรือไม่

“ไม่รู้ว่าแค่ตอนนี้หรือตลอดไป ผมไม่รู้” พระพายก้มหน้าลง

“หมายความว่า...นายยังให้โอกาสฉันอีกสักครั้งใช่ไหม” พิธานถามย้ำถึงความเข้าใจของตัวเอง

“ไม่รู้ ผมคงให้คำตอบไม่ได้” พระพายยังคงตอบเช่นเดิม

“พระพาย...นายไม่ได้รักฉันแล้วเหรอ” พิธานถามออกมา

            พระพายชะงักทันที ก็เพราะรักอยู่จึงเป็นเช่นนี้ หากไม่รักเขาจะไม่มานั่งฟังและเปิดโอกาสให้พิธานมานั่งอยู่ตรงนี้หรอก...แต่ก็ไม่คิดจะบอกให้พิธานรู้ เวลานี้ นาทีนี้พระพายยอมรับว่าใจอ่อนลงมากทั้งที่จะตั้งใจตัดทุกอย่างให้จบแต่เพราะอะไรบางอย่างที่พระพายไม่อยากลับไป เขาต้องการความเข้มแข็งมากกว่านี้

“รู้ไหมว่าที่คุณทำกับผม มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องไม่น่าเจ็บปวดสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมมันไม่ใช่”

“ผมเจ็บ ผมอ่อนแอกว่าที่ตัวเองคิดไว้ และนั่นทำให้ผมไม่แน่ใจว่าหากเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วผมจะก้าวเดินต่อไปได้หรือเปล่า”

“ถ้าถามหาโอกาส....ผมจะให้โอกาสคุณ ไปทบทวนสิ่งที่คุณขออีกครั้ง ว่าคุณอยากมีผมจริง ๆอย่างที่บอกรึเปล่า” ประโยคนี้ดั่งเป็นน้ำที่รดลงบนต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวให้ชุ่มชื้นขึ้น

“และผมขอโอกาสที่จะทบทวนตัวเองอีกทีเช่นกัน เพราะผมเริ่มไม่แน่ใจในอะไรหลายอย่าง ในระหว่างนี้ผมขอให้เราอย่าเจอกัน”

            แต่แล้วก็น้ำที่รดลงมาก็หยุดชะงัก พิธานก้มหน้าลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น มันเป็นความหน่วงที่บรรยายไม่ถูก เหมือนจะได้รับโอกาสแต่ก็ถูกลิดรอนเอาความหวังที่คิดว่าจะมีออกไปเยอะจนเหลือน้อยนิดเช่นกัน

“ต้องห่างกัน...อีกนานแค่ไหน” พิธานถามถึงระยะเวลา

“จนกว่าเราทั้งคู่มีคำตอบ”

“ไม่มีระยะเวลาที่ชัดเจนเลยเหรอ” จะอีกกี่ปีกี่เดือนกันที่ต้องห่างกันเช่นนี้

“มันจะมีวันหนึ่งที่จะดึงคุณกับผมเข้าหากันเอง...ถ้าตอนนั้นเรายังเป็นของกันและกันจริง ๆ” ฟังดูกำกวมและไม่แน่ชัด อย่างไรพิธานก็ต้องยอมรับในจุดนี้แต่เรื่องไม่เจอหน้ากันนี่ยากเกินไป

“ถ้านายต้องการอย่างนั้นฉันก็จะยอม แต่อย่างน้อยให้ฉันได้เจอนายสักหน่อยไม่ได้เหรอ” พิธานว่า หากเขาจะต้องไม่เห็นหน้าพระพายอีกครั้ง คงจะทนไม่ไหวอีกแล้ว

“เรากลับไปสู่จุดเริ่มต้นมันน่าจะดีกว่านะ” พระพายว่า นี่คือสิ่งเดียวที่พระพายคิดว่าเหมาะสมที่สุด ต่างคนต่างกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน

 “แบบนี้มัน....”

“ใช่ นี่คือการห่างกันสักพักอย่างที่คุณขอ”   

            มันคือคำขอของพิธานก่อนหน้านั้น นี่คือสิ่งที่พิธานขอเช่นกัน พระพายจึงให้ตามคำขอ รู้ดีว่าพิธานพยายามจะบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดมันออกมาแต่สำหรับพระพาย การที่พิธานพูดออกมาเช่นนั้นแปลว่าเขาเองก็คิดมันอยู่ไม่มากก็น้อย ถึงได้พูดมันออกมา

             นี่จะเป็นการพิสูจน์ตัวเองของพิธานว่าต่อจากนี้ไปหากไม่มีเขาอยู่ข้างกายอีกแล้ว พิธานจะยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า หากไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเช่นแรกคบพิธานยังอยากจะต้องการเขาอยู่อีกหรือไม่และตัวพระพายเองก็ต้องมาถามตัวเองใหม่เช่นกัน ว่าหากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพิธาน เขาจะยังรักพิธานอยู่หรือเปล่า นี่คือการเดิมพันของทั้งสองคน

             พิธานที่ได้ยินแบบนั้น ความเด็ดขาดและแน่วแน่ทำให้พิธานไม่กล้าที่จะขอร้องอะไรอีก ความหวังเหมือนจะริบหรี่แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลยสักนิด ตอนนี้หากเปอร์เซ็นต์มีแค่หนึ่งมันก็ยังมีความหวังอยู่ดีสำหรับพิธาน มันคือสิ่งที่สมควรจะได้รับแล้วในตอนนี้

              ต่างคนต่างเข้าใจในความต้องการของแต่ละฝ่าย พระพายต้องการถามตัวเองและพิธานเองก็ต้องถามตัวเองในสิ่งที่ร้องขอไปเช่นกัน แต่การที่จะไม่ได้เจอหน้าพระพายนี่เป็นสิ่งเดียวที่พิธานหนักใจ....เขาไม่อยากที่จะไม่เห็นพระพายอีก แต่สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจตามความต้องการของพระพาย

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ให้นายเห็นหน้าฉันอีก ตามที่นายขอ จนกว่าจะถึงวันที่เราจัดการกับความรู้สึกได้” พิธานยอมรับและยอมจำนนกับข้อเสนอเหล่านั้น

“ขอบคุณ”

            พระพายลุกขึ้น เซนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ พิธานรีบลุกเพราะกลัวพระพายจะล้มลงไป อยากจะเข้าไปจับแต่ก็ต้องชะงัก พระพายนั้นเหมือนจะถอยหลบแต่ลึก ๆ แล้วแค่ไม่อยากให้ใกล้ชิดกันกว่านี้เพราะกลัวใจตัวเองเหมือนกัน

“นี่มือถือนาย...ฉันชาร์จแบตเตอรี่ให้แล้ว” พิธานดึงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางแกงแล้วยื่นให้ พระพายรับมันไว้เพราะนี่คือสิ่งจำเป็นที่พระพายไม่ได้แตะมาหลายวันแล้ว

            พิธานเดินตามพระพายออกไปยังวงเหล้า ทุกคนต่างนั่งกันตัวเกร็งเพราะก็แอบลุ้นว่าทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร พี่กล้วยเจ้าของบ้านใช้ความกล้าหาญแหวกทะลุปล้องถามด้วยความรวดเร็ว

“เป็นไง” ถามสั้น ๆ ได้ใจความ

“ผมจะกลับแล้ว โทษทีที่รบกวน” พิธานบอกเช่นนั้นก่อนจะหันไปมองพระพายที่นั่งลงแล้วยกแก้วดื่มด้วยความรวดเร็วโดยไม่คิดจะมองพิธานอีก

“ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำให้พี่เขาเป็นห่วง” พิธานพูดเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกไปจากบ้าน เมื่อพิธานออกไปแล้วพระพายจึงวางแก้วลง

“น้องพาย....ไหวไหม” พี่อีกคนถามขึ้น พระพายก้มหน้าลง พยายามอดกลั้นตัวเองไว้หลังจากที่เจอพิธานและตอนนี้เจ้าตัวก็ทำตามที่เขาขอไว้แล้วคือการจะไม่เจอหน้ากันอีก

        ต่อจากนี้ไปพระพายจะต้องกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ ทำงาน อยู่กับเพื่อนฝูงและถึงเวลาที่ต้องกลับห้องของตัวเองเนื่องจากตอนนี้เขาพักอยู่กับอัทธ์และเลขาปอตามที่เพลงขวัญขอ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว กลับเข้าสู่วงจรชีวิตเมื่อก่อน ตอนก่อนที่จะเจอพิธาน

        พิธานที่เดินออกมาจากบ้านของพี่กล้วย ย่างก้าวนั้นออกจะเชื่องช้าไปสักหน่อยจนมาถึงหน้ารั้วบ้าน หันหลังมองกลับเข้าไปอีกครั้งพลางถอนหายใจ นี่คือสิ่งที่เขาทำดีที่สุดแล้วอย่างนั้นหรือ

        ไคที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อเห็นพิธานเดินออกมาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ค่อยออก เหมือนจะเศร้าก็ไม่เหมือนจะดีใจก็ไม่ใช่อยู่ดี พิธานเดินขึ้นมาบนรถนั่งลงและปิดประตูก่อนที่จะพิงเบาะพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“โอเคไหม”

             ไคถามทันที อย่างน้อยก็อยากรู้สถานการณ์ต่อไปนี้ว่าจะเป็นอย่างไร อีกทั้งต้องไปรับมือกับเก้า แฟนของเขาที่ขู่ฆ่าเขาทุกวันเนื่องด้วยตามหาตัวพระพายไม่เจอ เก้ายังคงโมโหในทุก ๆ เรื่องมาทุกวันและพาลเขาทำตัวลำบากไปด้วย

“เราต้องห่างกันสักพัก เขาอขแบบนั้น”

“อย่างนั้นเหรอ”

“ห้ามเจอหน้ากันจนกว่าจะแน่ใจว่าต้องการจะคบกันต่อไปจริง ๆ” พิธานบอกตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม

“ห้ามเจอหน้าเลยเหรอและอีกนานแค่ไหนกันล่ะ”

             แค่ฟังก็สงสารพิธานแล้ว นี่คงจะยอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้ว เป็นพิธานที่ทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อขอให้พระพายกลับมาจริง ๆ ถอดเขี้ยวเล็บออกแบบทันควันและไม่ลังเลเลยสักนิด

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“จะไหวเหรอ”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว”

“กลับไปตั้งหลักกันก่อน แล้วค่อยว่ากัน”

        ไคขับรถกลับไปยังคอนโด โดยที่พิธานไม่พูดอะไรเอาแต่เงียบและหลับตาลง ไม่รู้ว่าหลับไปหรือแค่พักสายตา ไคใช้เวลาในการขับไม่นานนักก็มาถึง วันนี้เก้าออกไปสังสรรค์กับคนในออฟฟิศทั้งสองจึงไม่ได้เจอกันในวันเสาร์อาทิตย์นี้ ไคจึงตั้งใจว่าจะอยู่กับพิธานในวันสองวันนี้เพื่อดูท่าทีว่าเพื่อนของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

         เมื่อมาถึงทั้งสองก็ขึ้นไปห้อง พิธานดูนิ่งไปและเหมือนจะคิดอะไรอยู่สักอย่างเพราะเหม่อลอยมาตลอดตั้งแต่ขึ้นลิฟต์จนเดินมาถึงห้อง

“จะทำอะไรต่อ” ไคถาม ทั้งสองต่างมาหยุดอยู่หน้าห้อง

“ไม่รู้เหมือนกัน คิดไม่ออก”

“ไม่ได้หมายถึงเรื่องพระพาย หมายถึงตอนนี้จะทำอะไร นอนหรือยังไง”

“ยังไม่อยากนอน”

“ถ้าอย่างนั้นกินเบียร์กันหน่อยไหม” พิธานหันมองหน้าไคก่อนที่จะพยักหน้านิด ๆ อย่างเห็นด้วย

“เดี๋ยวลงไปซื้อ สิบนาทีเดี๋ยวมา”

        ไคลงไปยังร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ใกล้คอนโดแค่เดินก็ไปถึง พิธานจึงเดินเข้าไปในห้อง เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อให้สดชื่นกว่านี้สักหน่อยและนั่งรอไคกลับมาจากซื้อเบียร์

         ไคไปนานกว่าสิบนาทีที่บอก เสียงออดดังขึ้นหลังจากผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว พิธานเปิดประตูพบว่าไคหิ้วถุงมาเต็มสองมือเลยทีเดียว

“ช้าไปหน่อย โทษที”

“อะไรเยอะแยะ” พิธานว่าพลางดึงถุงมาช่วยหิ้ว

“เลือกไม่ถูก เลยหยิบมั่วเอา”

             เบียร์ที่หยิบมาเยอะหลายกระป๋องพร้อมหลากยี่ห้ออีกทั้งขนมขบเคี้ยวหลายชนิด ไคนำเบียร์ส่วนหนึ่งไปแช่จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงตรงโซฟานั่งเล่น เปิดภาพยนตร์จากช่องสตรีมต่างประเทศชื่อดัง เปิดเพื่อไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป

             พิธานดื่มเบียร์ด้วยความล่องลอย ไคเชื่อว่ายังคงตั้งสติในเรื่องของพระพายไม่ได้อย่างแน่นอน พิธานที่ดูอ่อนแอแบบนี้ ทำเอาวางตัวลำบากเหมือนกัน ถ้าท่าทีโหดร้ายเมินเฉยแบบแต่ก่อนนั้นยังจะรับมือง่ายเสียกว่าสำหรับไค

“ไหวใช่ไหมพิธาน” ไคเปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง พิธานเงียบไป

“บอกไม่ถูก ไม่เคยตกอยู่ในสภาพนี้มาก่อน” ไม่ใช่แค่ตัวไคที่รับมือไม่ได้ ตัวพิธานเองก็เช่นกันที่ไม่อาจจะจัดการความรู้สึกของตัวเองที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ได้

“จะบังคับก็ไม่ได้” ไคว่าพลางดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่

“ถ้าทำได้ก็คงจะดี แต่ถ้าทำไปเขาก็จะหายไปอีก ครั้งนี้จะตามหายากกว่าเดิม”

“ยอมถึงขนาดนี้เลยนะ” ไคเหล่มองพิธาน

“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะยอมได้จนถึงขนาดนี้” พิธานเองยังไม่คาดคิดว่ามาวันนี้ วันที่เขาทุ่มเททุกอย่างให้กับความรักที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเขา

“พอเห็นเป็นแบบนี้เพื่อนฉันก็ดูเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” พิธานหันมอง

“สงสัยใช่ไหม ทำไมถึงพูดแบบนี้”

“เพราะที่ผ่านมาพิธานเหมือนยืนอยู่เหนือห่วงโซ่อาหารที่จะไม่มีทางพลาดท่าอะไรได้ง่าย ๆ  ดูเหนือคนอื่นจนหลงคิดว่านายจะเป็นแค่ผู้ล่าเท่านั้น” พิธานที่ได้ยินจึงหัวเราะหึขึ้นมาทันที

“แต่พอมาวันนี้ ก็มีวันที่นายพลาดท่าตกหลุมที่เรียกว่าความรักเหมือนคนอื่นเขา เลยได้เห็นว่าพิธานก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” ไคว่าพลางยกเบียร์ดื่ม

“อย่าเรียกว่าพลาดท่าเลย เรื่องพระพายคือความตั้งใจแต่แค่มาไกลกว่าที่คิดไว้มาก”

“แล้วนี่บอกความรู้สึกจริง ๆ กับเขาหรือยัง”

        สิ่งหนึ่งที่พิธานไม่ได้บอกไปเลยคือความรู้สึกที่เขามีต่อพระพาย ตอนแรกก็ตั้งใจจะบอกก่อนจะหันหลังออกมา แต่ใจหนึ่งกลับคิดว่าหากบอกออกไปคงจะสร้างความลำบากใจให้พระพาย เพราะไม่อาจจะรู้ได้ว่าตอนนี้พระพายรู้สึกอย่างไรกันแน่ เหมือนจะอ่านออกแต่ก็ดูไม่ออกเสียทีเดียว แววตาว่างเปล่าที่เจือความสั่นไหวอยู่ นั่นจึงทำให้พิธานตัดสินใจจะไม่พูดออกไป

“ยัง...”

“ทำไมไม่บอกไปเลยล่ะ รออะไรอยู่” สีหน้าที่ไม่เข้าใจในตัวเพื่อนแสดงออกมาอย่างชัดเจน

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ต้องมีโอกาสที่เหมาะกว่าวันนี้”

“พิธาน....ดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ” ไคที่พอจะเข้าใจถึงพิธานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ว่าเหมือนยังมีความหวังอยู่ ไม่ยอมแพ้และใจเย็นไม่หุนหันพลันแล่นอย่างที่คิดว่าจะต้องทำ

“คงเป็นเพราะพระพายไปจากฉัน เลยตาสว่างขึ้นเยอะ” ว่าพลางยกยิ้มมุมปาก เป็นการยิ้มเยาะเย้ยตัวเองที่มานึกได้เอาตอนนี้

“ยอมใจจริง ๆ...ความรักทำให้คนยอมกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ” ไคพูดพลางหยิบขนมอบกรอบเข้าปากเคี้ยวกรวบ ๆ

 “หรือว่านายไม่เป็น”

             พิธานถามขึ้น รู้สึกโล่งอกไปพอสมควรที่ได้มานั่งคุยเปิดอกกับไค อาจจะด้วยความตั้งใจของเขาถือว่าบรรลุผลไปได้ระดับหนึ่ง ตอนนี้จึงมีความผ่อนคลายลงไปสักหน่อย เขาเชื่อว่าวันพรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไปจะต้องมีความหวังมากกว่าวันนี้ การพูดคุยกับไคอย่างสบาย ๆ จึงเป็นเรื่องที่พิธานคิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะทำตอนนี้

“เป็นสิ” ไคตอบอย่างรวดเร็ว

“แต่ไม่ใช่ทั้งหมด” ไคหัวเราะทันทีที่ได้ยินพิธานพูดอย่างนั้น

“บางอย่างก็ไม่อยากให้รับรู้เยอะ กลัวจะวิ่งหนีไปเสียก่อน” บางครั้งหากเก้ารับรู้ความเป็นเขาเยอะก็กลัวจะหนักใจและเปลี่ยนใจไปเสียก่อน

“ยังไงก็เถอะ อย่าเป็นเหมือนฉันก็พอ แล้วจะมาเสียใจเอาทีหลัง” ได้ฟังคำเตือนจากเพื่อนสนิทไคก็มีฉุกคิดเหมือนกัน

“จะค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน” ไคว่า

“เรื่องของนายไม่ได้ทำความเข้าใจยาก แค่ต้องอธิบายให้กับคนขี้โวยวายแบบนั้นเข้าใจ นั่นคือปัญหา” ยิ่งฟังยิ่งอยากหัวเราะ พิธานดูจะเหม็นขี้หน้าเก้ามากจริง ๆ

“ถามหน่อย...ไม่ชอบเก้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ”

             ไคใช้โอกาสที่พิธานเปิดช่องว่างนี้ถามเรื่องของเก้าทันที เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะมานั่งถามอะไรแบบนี้กับพิธานได้ พิธานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบ

“ไม่ได้เกลียดหรอก แค่เป็นประเภทที่ไม่ชอบเท่าไหร่”

“ยังไงล่ะ”

“พูดเยอะไม่ว่า แต่ไม่ชอบความน่ารำคาญแบบนั้น หัวร้อนง่ายเกินไป ดูวุ่นวาย” แหละนั่นคือความเป็นเก้าอย่างสังเขปที่ไคหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง

“ลืมไป นายชอบอะไรที่ดูเรียบ ๆ แต่ไม่ธรรมดา”

            ไครู้ดีว่าทำไมตอนนั้นพิธานถึงเปิดใจให้พระพายโดยไม่ทันรู้ตัว เพราะพิธานแพ้ทางคนแบบนี้ คนที่เหมือนจะยอมแต่ไม่ยอม คงเพราะเป็นพวกซาดิสก์เลยชอบคนประเภทมาโซคิสม์ซึ่งเป็นพวกย้อนแยง ปากบอกว่าไม่แต่การกระทำสวนทาง บ้างก็บอกยอมแต่ท่าทีกับไม่ยอมอย่างที่บอก พิธานชอบนักกับคนแบบนี้ แต่อาจจะมีมากกว่าเรื่องนั้นคือพระพายเป็นคนน่ารักและมีมิติในตัวเอง

“เอาเถอะ พรุ่งนี้จะดีกว่าเดิม” ไคว่า ก่อนจะชนกระป๋องกับพิธานเป็นการให้กำลังใจ

“อืม ต้องดีกว่านี้” พิธานพูดก่อนจะยกดื่ม

        ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร แต่เชื่อว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้หากทั้งเขาและพระพายใช้เวลาในการไตร่ตรองถามตัวเอง พิธานเชื่อมั่นว่าเขายังคงมีความหวังอย่างแน่นอน แต่คงต้องใช้เวลาในการตัดสินเท่านั้น การเจอกันและการตกลงกันครั้งนี้ ไม่ใช่การจากลาเพื่อเป็นจุดจบ นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาจะเจอกับพระพาย พิธานเชื่ออย่างนั้น การกลับมาเจอกันอีกครั้ง มันจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้คงต้องให้เวลาทำงาน ให้ทุกอย่างหมุนผ่านไปจนกว่าวันนั้นจะมาถึง....


Lyric: Swan Song by Dua Lipa.



   








หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: ladiiz ที่ 24-09-2019 20:51:17
คือลืมเนื้อหาเก่าไปแล้ว กลับมาแล้วงง ต้องย้อนกลับไปอ่านของเก่าเลยทีเดียว ><
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 24-09-2019 22:05:26
ท้องเต็มไปด้วยมาม่าหมดแล้วค่ะคุณณณ
อยากกินของหวานแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-09-2019 22:32:24
ท่าทางจะหน่วงจิต หน่วงใจกันไปอีกนาน  :เฮ้อ: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-09-2019 22:49:24
ทำไมดีใจที่พระพายใจแข็ง ได้บทเรียนแสนแพงเลยคราวนี้คุณพิธาน
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-09-2019 23:07:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 24-09-2019 23:12:04
 :katai1:  ขอร้องนะคะ ได้โปรดมาลงเร็วกว่าเดิมได้ไหมคะ มาม่าทั้งเดือนกดรีเฟรชทุกวันเลย  :ling2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 25-09-2019 05:34:03
พระพายใจแข็งมากลูก หนูทำดี
ช่วงนี้กรรมตามทันสินะคุณพิธาน
....

แต่ก็สู้ๆ นะ อยากให้กลับมาหวานเหมือนเดิมแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-09-2019 09:07:43
รอๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-09-2019 18:40:03
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 26-09-2019 12:25:37
หน้าที่เดียวของเราตอนนี้คือเป็นกำลังใจให้ทั้งสองคน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 68 (24/09/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-09-2019 14:50:01
ตามมาอ่านเรื่อยๆ ..
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 13-10-2019 10:24:22
สวัสดีค่ะ สวัสดีในวันหยุดของทุกคนนะคะ (และวันหยุดของเราเช่นกันค่ะ) ตอนที่ 69 มาแล้วนะคะ อีกสองตอนก็จบแล้วล่ะค่ะ...ยิ่งใกล้จะจบแล้วก็ยิ่งรู้สึกเหงาๆแหะ  :mew2: อาจจะเพราะเรื่องนี้การอัพค่อนข้างยาวนานกว่าเรื่องที่แล้วมาก เลยรู้สึกว่าอยู่กันมานานมากจริงๆ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ยังขอบคุณเสมอนะคะที่อยู่ด้วยกันมาถึงขนาดนี้ กำลังใจ คอมเมนต์ของทุกคนคือแรงใจของเราจริงๆค่ะ สำหรับตอนนี้หากมีอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ ตอนนี้คิดว่าทุกคนคงกำลังติดตามข่าวพายุใหญ่ที่กำลังขึ้นฝั่งในประเทศญี่ปุ่น เราเองก็ของส่งกำลังใจให้ทุกคนที่นั่นและคนอ่านทุกท่านเองก็เช่นกัน ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ  :mew1: เจอกันตอนหน้าค่ะ

++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 69 Facing you.

I was so scared to face my fears
ฉันหวาดกลัวเหลือเกิน ที่ต้องเผชิญหน้ากับความหวาดหวั่นของตัวฉัน

Cause nobody told me that you’d be here
เพราะไม่มีใครบอกฉันว่าเธอจะมาที่นี่

And I swore you moved overseas
และฉันก็จำได้แม่นว่าเธอนั้นได้จากไปไกลโพ้นทะเลแล้ว

That’s what you said, when you left me
เธอบอกแบบนั้นเอง ตอนที่เธอทิ้งฉันไป


        หลังจากวันนั้นที่พิธานได้เจอกับพระพาย พิธานก็ทำตามสัญญา คือไม่เจอหน้ากันอย่างที่ขอไว้ ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความปกติประหนึ่งทั้งสองไม่เคยเจอกันมาก่อนและเวลามันผ่านมาแล้วจนเกือบจะสามเดือน

             ตั้งแต่ได้โทรศัพท์คืนพระพายก็รีบโทรหาเก้า รายนั้นแทบจะกินหัวพระพายทันทีที่ได้ยินเสียงและสาดคำบ่นอีกมายมายก่ายกอง แต่เพราะต่างคนต่างยุ่งกับงานและเก้าเองก็ใช้เวลาไปกับไคเยอะ เวลาจึงไม่ค่อยตรงกัน การนัดเจอกันจึงค่อนข้างจะยาก แม้เก้าจะบ่นว่าวันหยุดอยากอยู่คนเดียวบ้าง อยากเจอเขาบ้างแต่ทุกครั้งที่โทรไปไคจะอยู่ตรงนั้นด้วยเสมอ....ดีใจที่เก้าดูมีความสุขและรู้สึกเหงาขึ้นมานิด ๆ ที่เขาต้องอยู่คนเดียวแบบนี้

             พระพายย้ายกลับมาอยู่ห้องพักของตัวเองที่อยู่มาตลอดก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับพิธาน คิดถูกแล้วที่ไม่ยอมคืนห้องนี้ไปเพราะสุดท้ายแล้วพระพายก็ต้องกลับมาอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม ห้องที่ดูเงียบเหงา เหมือนจะไม่คุ้นชินเท่าไหร่นักทั้งที่ห้องนี้เป็นห้องที่พระพายอยู่มานานมากแล้วก็ตาม อาจจะเพราะความรู้สึกข้างในจิตใจที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้

             กิจกรรมเพิ่มเติมอีกหนึ่งอย่างของพระพาย คือการไปหาหลวงตาที่วัด ไปด้วยตัวเองในบางครั้ง เพราะจะมีบางทีที่พระพายกับเลขาปอนัดกันมาวัดเป็นครั้งคราว อย่างน้อยการมาหาหลวงตาพระพายจะจิตใจสงบมากขึ้น ได้คำสอนไปเยอะแยะและฟังเรื่องราวที่หลวงตาเล่าซึ่งน่าสนใจและรู้สึกดีที่ได้ฟัง

             แต่จะมีบางครั้งหากกลับมาอยู่ในห้องที่เงียบเชียบและใช้เวลากับตัวเอง พระพายมีความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมาเสมอคือความรู้สึกเหมือนกำลังว่ายน้ำในท้องทะเลที่คลื่นสูงและมองไม่เห็นชายฝั่ง เคว้งคว้างลำพังอย่างบอกไม่ถูก บางวันเหมือนอยากจะตะโกนออกไปว่าไม่อยากอยู่ในสภาพนี้แล้ว เหมือนระบบความคิดเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมาอยู่คนเดียวอย่างจริงจัง ทำไมถึงรู้สึกเหมือนภายในร่างกายขาดแหว่งหายไป

             เคยบอกเล่าหลวงตาถึงความรู้สึกนี้และท่านก็ให้คำสอนมามากมาย ทำให้พระพายปรับตัวเองได้เยอะขึ้นและสิ่งหนึ่งที่ท่านสอนคือการไม่โกหกตัวเอง ให้ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง...พระพายพยายามโกหกตัวเองว่าไม่ได้คิดถึงพิธานมาโดยตลอด แต่เมื่อหลวงตาบอกเช่นนั้น พระพายจึงต้องยอมรับและต้องอยู่กับมันให้ได้โดยไม่เป็นทุกข์

             วันนี้เป็นวันเสาร์ พระพายเลิกงานก็กลับมายังห้องอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา กลับมาก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเปิดทีวีดู กิจวัตรประจำวันนั้นเรียบง่ายและไม่มีอะไรให้ทำมากมายนัก นอกจากวันดีคืนดีพี่กล้วยชวนไปกินเหล้าที่บ้านบ้างเป็นครั้งคราว

             พระพายทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ฟังเสียงหัวเราะจากทีวีที่ผ่านเข้าหูซ้ายออกหูขวา ไม่รู้ทำไมเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม รู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก

             และอีกเรื่องที่พระพายหนักใจกับตัวเองคือ ต้องยอมรับว่าหลังจากอยู่ตัวคนเดียวนั้นพระพายมีความต้องการทางร่างกายอย่างที่มนุษย์ทั่วไปพึงจะมีแต่มันกลับมากกว่าตอนก่อนที่ยังไม่เคยรู้จักพิธาน

              การช่วยตัวเองแบบธรรมดานั้นแทบจะไม่รู้สึกดีมีแค่บางทีที่พอจะถูไถเอาได้ พระพายลองหลายวิธีเท่าที่จะทำได้ตั้งแต่ลองซื้อเซ็กส์ทอยมาใช้และรวมถึงอะไรที่คิดว่าพอจะทำให้ไม่อัดอั้นทา’ร่างกาย แต่มันก็ช่วยได้แค่ผิวเผิน...เขากลายเป็นคนที่ไม่สามารถมีชีวิตเซ็กส์อย่างปกติได้อีกแล้ว เรื่องนี้พระพายได้แต่จนปัญญาที่จะแก้ไขและเรื่องที่จะไปหลับนอนกับผู้หญิงคือตัดไปได้เลย เขาไม่สามารถทำมันได้อีกแล้ว มันเหมือนฝืนตัวเองและอึดอัดใจหากต้องไปทำแบบนั้น...นี่คือผลกระทบหลังจากที่พิธานเปิดโลกใหม่ให้เขา พระพายนอนคิดอย่างล่องลอย แต่จู่ ๆ กลับมีเสียงเรียกเข้าดังจากโทรศัพท์มือถือ หยิบมาดูก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นเก้านั่นเอง

“ว่าไง”

“อยู่ไหน จะออกไปข้างนอกรึเปล่า” ถามแบบไม่มีทักทายอะไรใด ๆ

“ไม่นะ อยู่ห้อง”

“ไปเที่ยวกัน”

“เดี๋ยว..กะทันหันไปแล้ว”

“ก็กูว่างแล้ว เดี๋ยวกูไปรับ” เก้าว่า

“ตั้งแต่มีรถนี่ห้าวเหลือเกินนะ” เก้าเพิ่งออกรถเมื่อสองสัปดาห์ก่อน คงกำลังมันมืออยากขับเยอะ ๆ

“จะมารับกี่โมง” พระพายถาม

“นี่ติดไฟแดงอยู่ อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง”

“ทำไมไวจังวะ” พระพายรีบลุกขึ้นทันที

“ไปนั่งเล่นรอที่ห้องมึงก็ได้”

“งั้นวางก่อน จะไปอาบน้ำแต่งตัว”

        มารับแบบไม่บอกกล่าวกันก่อน พระพายจึงต้องรีบไปอาบน้ำทันที ออกมาก็เร่งเป่าผมให้แห้ง ไม่ทันจะใส่เสื้อผ้าเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“อะไรจะเร็วขนาดนี้” พระพายจึงไปเปิดประตูพบว่าเก้ายืนอยู่และไม่ใช่แค่เก้าคนเดียว ไคก็ยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

“อ้าว คุณไคก็มาด้วยเหรอ” พระพายว่าและก็เปิดประตูให้ก่อนที่จะรีบไปหยิบเสื้อผ้าเพื่อเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ ปล่อยให้ทั้งสองคนทำตัวตามสบายกันเอง

“ไม่ต้องรีบหรอกพระพาย” ไคว่า

“กูหิวว่ะพาย มีอะไรให้กินไหม” เก้าถามพลางเดินเข้าหาตู้เย็น

“ในตู้เย็นมีขนมอยู่” พระพายตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

“ไปกินข้าวกันก่อนนะมึง” เก้าเคี้ยวขนมไปพูดไป พระพายที่แต่งตัวเสร็จเลยจึงเดินออกมา

“ว่าแต่จะไปไหนวะ” พระพาย

“ไปนั่งกินเหล้าฟังเพลง” เก้าว่า

“ให้กูไปด้วยจะดีเหรอ” พระพายว่า เขาอาจจะไปเป็นก้างขวางคอทั้งสองก็ได้

“มึงเพื่อนกูนะพาย” เก้าขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น

“พระพายก็เพื่อนฉันเหมือนกัน” ไคพูดพร้อมยิ้ม แม้ว่าเขากับพิธานไม่รู้จะออกหัวออกก้อยแต่ไคยังคงดีกับเขาเหมือนเดิม

“งั้นก็ไปกัน”

        ทั้งสามคนออกจากห้อง แน่นอนว่าเก้าเป็นคนขับโดยที่มีไคนั่งข้างหน้าด้วย คอยกำกับบอกการขับเพราะเก้ายังมือใหม่เพิ่งหัดขับรถได้ไม่นาน

“พูดมากจังมึง” เก้าบ่นไปขับไป

“ก็เป็นห่วง กลัวไปเสยตูดรถคนอื่นเขา” ไคว่า

        พระพายนั่งฟังทั้งสองคนถกเถียงเรื่องขับรถจนมาถึงร้านอาหารที่ใกล้บาร์มากที่สุด แต่ก็ต้องใช้เวลาเดินไปอีกนิดหน่อย ไคบอกว่าจะได้จอดรถไปเลยทีเดียวไม่ต้องวนไปหาที่จอดรถหลายที่เนื่องจากเจ้าของรถมือใหม่ยังจอดรถเข้าซองไม่ถนัดนัก

        ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะนี่เป็นวันเสาร์อีกทั้งละแวกนี้เป็นย่านศูนย์รวมบาร์ผับชื่อดัง ทั้งสามคนยืนรอโต๊ะอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้โต๊ะก็ปาไปเป็นครึ่งชั่วโมง

“มึงเลือกร้านอะไรวะไค รอนานโคตร” เก้าบ่นหลังจากที่นั่งลง

“เอาน่า บ่นมากเป็นคนแก่ไปได้” ไคว่าก่อนที่จะเริ่มสั่งอาหารทันที พระพายตามใจทั้งสองเพราะที่สั่งมาก็กินได้ทุกอย่าง

        รอโต๊ะว่านานแล้วแต่รออาหารนานกว่า เนื่องจากคิวที่ล้นหลามจนตอนนี้ทางร้านจึงต้องตั้งป้ายหยุดรับลูกค้าชั่วคราว เก้านั่งบ่นไปเรื่อยโดยที่ไคก็ปรามบ้างหัวเราะบ้าง พระพายรู้สึกได้ว่าเก้านั้นบ่นไปเรื่อยแบบมีที่มา เหมือนจะยังประหม่าหรือไม่คุ้นชินที่มีไคอยู่ข้าง ๆ จึงหาเรื่องกลบเกลื่อนความรู้สึกและเหมือนไคเองก็รู้ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน การปรามที่ไม่จริงจังกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกมากกว่า

        กว่าอาหารจะมาก็นาน เมื่อมาถึงก็รีบกินอย่างหิวโหย แม้ไคจะบอกว่าได้จองโต๊ะที่ผับไว้แล้วก็ตามที ใช้เวลาไม่นานเท่ากับการรออาหาร ตอนนี้ทั้งสามคนก็อิ่มจนต้องหยุดทุกอย่าง

“อิ่มขนาดนี้กูจะกินเหล้าไหวไหมวะ” เก้าบ่นขึ้น

“นั่งสักพักก่อนก็ได้” ไคว่า

“ว่าแต่พระพายเถอะ สบายดีใช่ไหม” หลังจากมื้ออาหารจบก็ถือโอกาสนี้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ

“ก็ดีครับ งานยุ่งมาก” พระพายตอบคำถามของไค

“นั่นสิ ดูเหนื่อย ๆ”

“แต่เรื่องเที่ยวนี่ไม่เหนื่อยเหมือนที่เห็นนะ” พระพายบอกพร้อมหัวเราะ

“คุณไคสบายดีไหม” พระพายถามกลับบ้าง

“ก็ดี ไม่ได้แย่” ไคว่า

“พูดแบบนี้เหมือนมึงมีปัญหาอย่างนั้นแหละ” เก้าแทรกขึ้น

“ถามว่ามีไหมก็มีนะ”

“กูไม่ยักจะรู้” เก้าหล่มองทันที

“ก็ไม่ใช่เรื่องตัวเองเสียทีเดียว เป็นเรื่องของพวกเพื่อน ๆ มากกว่า” ไคว่า

“เพื่อนมึง...คนไหน” เก้าถาม พระพายนั่งฟังและนั่นทำให้รู้สึกว่าบทสนทนากำลังจะดึงเข้าสู่สิ่งที่พระพายเริ่มคิด ไคอาจจะเอ่ยถึงเพื่อนสนิทของเขา คนที่วิ่งวนอยู่ในหัวเขามาสามเดือนแล้ว...

“ก็....พิธาน พวกเพื่อน ๆ บ่นกันว่าหนักใจกับเขา” และสิ่งที่พระพายกลัวก็เป็นความจริง เรื่องของคนที่พระพายไม่ได้ยินมาพักใหญ่แล้ว เมื่อได้ยินชื่อนั้นก็รู้สึกเหมือนหัวใจแกว่งทันที

“มันทำไม ตายห่าไปแล้วเหรอ” เก้าหน้าตึงทันทีที่พูดถึงพิธาน

“ไม่ตายหรอก แต่หายตัวไปเสียมากกว่า”

“ใครอุ้มมันไปฆ่าแล้วรึเปล่า” เก้าว่าพลางยิ้มสะใจ

“ดูหนังมากไปแล้ว” ไคว่าพลางจิ้มหน้าผากเก้า

“สรุปมันยังไง” เก้าถามต่อ และแน่นอนว่าทั้งสองคนไม่ได้มองมาที่พระพายที่ทำเหมือนไม่สนใจ และมองไปทางอื่นอย่างไม่อยากรับรู้เท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ยังได้ยินอยู่

“ก็หายไปไหนไม่รู้ ขนาดอยู่ห้องตรงข้ามกันยังไม่ค่อยเจอเลย”

“ไปหาแฟนใหม่แล้วสิท่า” เก้าว่าพลางยักไหล่และเมื่อมาถึงจุดนี้จึงเพิ่งตระหนักได้ว่าเป็นคำพูดที่ไม่ควรจะพูดต่อหน้าพระพาย ไคตำหนิเก้าด้วยสายตาแทบจะทันที

“เอ่อ...พาย กูไม่ได้จะ....” เก้ารีบหันไปหาพระพายแล้วแก้ตัวทันที

“อะไร...” พระพายหันมาถามอย่างไม่เข้าใจ

“มึง...ไม่เป็นไรใช่ไหม” เก้าถาม

“ไม่เลย” พระพายว่าและดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ทำเหมือนไม่ได้คิดอะไร แม้คำว่าพิธานไปมีแฟนใหม่มันเหมือนจะรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก

“นั่นสินะ ไม่เห็นต้องไปสนใจคนแบบมัน” เก้าว่า

“พระพาย...ตอนนี้ดีขึ้นแล้วใช่ไหม” ไคถามด้วยความเป็นห่วง

“ผมปกติดีครับ มีเหงาบ้าง แต่ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น”

             ถือว่าเป็นการพูดความจริงแค่ส่วนหนึ่ง เพราะที่เหลือที่ไม่ได้บอกคือผลกระทบมากมายที่เกิดกับตัวเขา เรื่องเหงามันน้อยนิด แต่เรื่องที่เหมือนขาดหายอะไรไปสักอย่างที่คือเรื่องใหญ่ คงอาจจะเพราะการกลับมาอยู่ตัวคนเดียวหลังจากที่เอาใจไปผูกกับคนอื่นมานานพอสมควรแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจให้ชินได้เลย

“เหงาก็หาคนคุย” เก้าว่า

“มึงพูดเหมือนหาง่าย” พระพายว่า

“ถ้าพร้อมก็มองหาคนใหม่นะ” ไคว่าพร้อมยิ้ม

“ครับ”

นั่งคุยถึงเรื่องอื่นไปสักพักพวกเขาก็ออกจากร้านอาหารและไปยังผับที่อยู่ใกล้ ๆ แทน เดินไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

        ระหว่างทางที่เดินพระพายพยายามจะไม่นึกถึงคำพูดของเก้ากับไค แต่ยิ่งได้ยินคำว่าหาคนใหม่ ยิ่งรู้สึกวูบไหวในใจ ตอนนี้ยังไม่แน่ใจกับตัวเองเลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป แม้จะยังรู้สึกมากมายเหมือนเดิม แม้จะยังคิดถึงอยู่เต็มหัวใจแต่เพราะกลัวที่จะต้องกลับไปแล้วจะเป็นเช่นเดิมอีก การกอบกู้ความรู้สึกให้เป็นดั่งเดิมช่างยากเย็นสำหรับพระพาย

        ยังจำตอนที่คุยกันบ้านพี่กล้วยได้ แม้จะเมาแต่เขาก็จำได้หมด ไม่อาจจะโกหกตัวเองได้เลยว่าลึก ๆ ก็คาดหวังว่าพิธานจะไม่ยอม ฟาดงวงฟาดงาเพื่อจะไม่รับข้อเสนอที่ว่าจะไม่เจอหน้ากัน แค่กลับผิดคาดเมื่อพิธานยอมรับทุกอย่างที่ขอแม้กระทั่งจะไม่เจอหน้ากันก็ยอม เอาจริง ๆ ก็อยากให้พิธานเป็นพิธานเหมือนในตอนแรกที่เจอกัน คือการใช้กำลังบีบบังคับและไม่ยอมแพ้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม....นี่เขากลายเป็นมาโซคิสม์เต็มตัวทั้งการถูกกระทำทางร่างกายและจิตใจไปแล้วหรือ ทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ให้ตัวเองไปพร้อม ๆ กันเพราะหลงคิดว่ามานานว่าเป็นพวกชอบความเจ็บปวดแค่เรื่องบนเตียง ที่ไหนได้กับทางความรู้สึกก็เป็นไปด้วย

        ผ่านมาแล้วเกือบสามเดือน พิธานเงียบหายไปและเขาเองก็ไม่ได้ติดต่ออะไร ระยะเวลาคิดทบทวนและห่างกันสักพักที่ไม่มีการกำหนดเวลาใด ๆ ต่อกัน ไม่รู้จะอีกนานแค่ไหนและอาจจะนานเกินไปจนพิธานคงจะมีใครใหม่อย่างที่เก้าว่า

        พอคิดขึ้นมาอย่างนั้นจู่ ๆ ก็ปวดหนึบขึ้นมาในอกราวกับถูกกดทับโดยสิ่งที่มองไม่เห็น พระพายมั่นใจว่าความเจ็บปวดมันหายไปพักหนึ่งแล้วแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เก้าพูดและนึกตามขึ้นมา...มันกลับเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง พระพายบีบเค้นแถวอกราวกับจะทำให้ความเจ็บปวดคลายลงซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลยแต่ก็ทำมันอยู่ดี

        เข้ามาในผับที่มีผู้คนพลุกพล่านสมกับเป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดของทุกผู้ทุกคน โต๊ะที่ไคจองไว้อยู่ด้านใน ไคบอกว่ามีแค่พวกเขาเพราะไคไม่ได้ชวนกลุ่มเพื่อนมา

“ไม่มาก็ดี เพื่อนมึงวุ่นวายชิบหาย” เก้าบ่นทันที ล่าสุดที่ได้ดื่มกับเจ้าพวกนั้นน่ารำคาญเพราะเอาแต่แหย่เขาตลอด

        ไคสั่งเครื่องดื่มมา พระพายนั่งดื่มทันทีเพราะหลัง ๆ มานี้ไม่ค่อยได้มานั่งดื่มท่ามกลางบรรยากาศอย่างนี้ จะมีแค่วงเหล้าเคล้าปิ้งย่างบ้านพี่กล้วยก็เท่านั้น พอได้มาเจอแสงสีเสียงเช่นนี้ก็เลยสนุกมากขึ้น...อย่างน้อยก็ถมความรู้สึกโหวง ๆ กลวง ๆ ในใจได้สักหน่อย

        ทั้งสามคนนั่งดื่มฟังเพลงกันสนุกสนาน สาว ๆ แถวนั้นเหล่มองมาเยอะพอสมควร น่าจะมองไคก่อนเป็นอันดับแรกเพราะดูโดดเด่นกว่าใครเพื่อน เก้าไม่ได้หึงหรือไม่พอใจใด ๆ เพราะรู้ดีว่าต่อให้ถูกมองแค่ไหนไคก็ไม่ได้สนใจคนเหล่านั้นอยู่ดี ไม่ใช่มั่นใจจากการเป็นแฟนกันแต่มั่นใจจากการที่เจ้าตัวไม่คิดจะมองอะไรแล้วนากจากเขา จนเก้าเริ่มชักสีหน้ารำคาญหน่อย ๆ แล้ว พระพายได้แต่หัวเราะ ทั้งสองคนเป็นมวยที่ถูกคู่อย่างแท้จริง ไคที่ไม่ว่ายังไงก็กำราบเก้าได้ทุกมุมอย่างอยู่หมัด

        ดื่มไปมองอะไรไปเรื่อย ในบาร์ไม่ได้มืดขนาดนั้น แสงไฟดิสโก้วับแวมพวกนั้นพอจะสาดส่องไปให้เห็นในทุกมุมแต่เป็นครั้งคราวและระยะเวลาสั้น ๆ  พลันสายตาเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตานั่งอยู่...คือคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมากว่าสามเดือนแล้ว

        พิธานนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงมุมอีกฝั่ง ครั้งแรกพระพายคิดว่าเขาตาฝาดเสียอีกแต่กลับไม่ใช่ เมื่อไฟวิววับส่องไปตรงนั้นอีกครั้งก็ยืนยันกับตัวเองได้ว่าพิธานนั่งอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ไม่รู้ว่าเพิ่งมาหรือมานานแล้ว พระพายก็ไม่อาจรู้ได้แต่ที่แน่ ๆ หัวใจเหมือนหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ไม่แน่ใจว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ ดีใจที่ได้เห็นหรือใจเสียที่มาเห็นในที่แบบนี้ พระพายสับสนอยู่ไม่น้อย

        พระพายไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าสายตาของตัวเองจ้องมองไปยังพิธานอย่างไม่ละสายตา ทันใดนั้นพิธานก็หันมาเจอพระพาย ในที่สุดทั้งสองก็สบตากัน...สายตานิ่ง ๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ภาพรวมนั้นดูคุ้นตาเหมือนครั้งที่พิธานนัดเจอเขาหลังจากมีความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือนี่จะเป็นการดึงดูดให้เจอกันอย่างที่พระพายเคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นและต่อจากนี้ต้องทำอย่างไรต่อไป หรือต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น...

Lyrics: When we ware young by Adele.




หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 13-10-2019 11:31:38
รักกันอยู่..ทำไมต้องทรมานตัวเองน้า..
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-10-2019 14:26:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-10-2019 18:40:56
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-10-2019 18:52:27
กลับมารักกันเหมือนเดิมเถอะนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-10-2019 20:51:05
ความรู้สึกของคนเรามันย้อนแย้งนะ เข้าใจยากจริง ๆ พระพายก็เหมือนกันต้องการอะไรทบทวนให้ดี ๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2019 22:35:18
ระทมกันไปเรื่อย ๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-10-2019 00:47:20
อะๆ อีก2ตอนจะจบแล้ว ก็จะรอดูทั้งคู่คืนดีกันละกันนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 14-10-2019 05:30:53
รอดูกันต่อไป :ruready
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-10-2019 08:29:14
วางแผนกันมาแล้วสินะ ดีไม่ดีให้คนมาจีบพิธานเลยมั้ย เดวพระพายเมาก็เข้าหาพิธานเองแน่ๆโดนบิ้วมาแล้วนี่
อย่าทำได้มั้ยอ่ะ ไม่รุ้ทำไมยังไม่อยากให้คืนดีกันนอกจากทนเฉยๆไม่เห้นพิธานทำอะไรเลย
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-10-2019 17:35:48
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 26-10-2019 12:56:35
คิดถึง2คนนั้นแล้วง้อกันไปถึงไหนแล้วนะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 27-10-2019 22:42:43
อึดอัดแทนกลับมาอยู่ด้วยกันได้แล้ว :ling1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 69 (13/10/19) P.36 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 06-11-2019 21:24:00
อึดอัดกับความหน่วงนี้จังถ้ายังรักกันก็ปรับความเข้าใจกันเถอะพูดให้ชัดให้เคลียร์หรือไม่ก็ทำให้มันจบๆไป
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 07-11-2019 22:47:15
สวัสดีค่ะ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ งานยุ่งมาก พลังงานชีวิตใช้แบบหนักหน่วง ต้องขอโทษนะคะที่มาช้าถึงขนาดนี้ ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วค่ะ และจะลงให้ในสัปดาห์หน้า นี่คือคำสัญญาที่เชื่อมั่นได้ค่ะ  โปรดเชื่อเรานะคะ :mew3: ถ้าตอนนี้มีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าตอนสุดท้ายและจากนั้นจะลงตอนพิเศษให้อีกหนึ่งตอนนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามนักเขียนวินัยติดลบคนนี้นะคะ รัก  :กอด1: เจอกันสัปดาห์ค่ะ
++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 70 Still falling for you.

And just like that
และเพราะเป็นแบบนั้น

All I breathe
ทุก ๆ ลมหายใจฉัน

All I feel
ทุก ๆ ความรู้สึก

You are all for me
เธอคือทั้งหมดสำหรับฉัน

I’m in
ฉันก็เอาด้วย

And just like that
และเพราะเป็นแบบนั้น

All I breathe
ทุก ๆ ลมหายใจฉัน

All I feel
ทุก ๆ ความรู้สึก

You are all for me
เธอคือทั้งหมดของฉัน

No one can lift me, catch me the way that you do
ไม่มีใครสามารถดึงฉันไปได้ คว้าฉันไว้ได้อย่างที่เธอทำ

I’m still falling for you
ฉันยังตกหลุมรักเธออยู่ดี


        สายตาที่สบมองกันนั้นต่างคนต่างนิ่งไปชั่วขณะ รอบข้างเหมือนหยุดนิ่งจนลืมไปเสียว่าตอนนี้อยู่ท่ามกลางเสียงเพลงและผู้คนมากมายที่กำลังดื่มและสนุกกับบรรยากาศกันอยู่ กว่าจะรู้ตัวว่าต้องหยุดมองก็ตอนที่เก้าเรียกขึ้นมา

“พาย...มึงเป็นไร” เก้าถามขึ้น พระพายจึงละสายตาและเบี่ยงตัวไปข้าง ๆ เพื่อที่จะไม่หันไปเผชิญหน้ากับพิธานอีก

“เปล่า” ตอบสั้น ๆ ก่อนที่จะยกแก้วขึ้นดื่ม

“ไม่มีอะไรแน่เหรอ” เก้าว่าพลางหันไปมองยังที่พิธาน พระพายจึงหันไปมองแต่ก็พบว่าพิธานไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว รู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นทันที

“นั่นสิพระพาย ท่าทางแปลก ๆ” ไคถามขึ้นบ้าง

“มองหาอะไรเหรอ” จู่ ๆ มีเสียงเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับเสียงร้องตกใจของเก้าที่ดังขึ้น

“เฮ้ย มาได้ไงวะ” เก้าร้องเสียงดังอย่างไม่คาดคิดว่าจะมาเจอพิธานในคืนนี้ ทันใดนั้นความไม่พอใจฉายขึ้นบนหน้าของเก้าอย่างชัดเจน

“อ้าว พิธาน” ไคนั้นคือเหรียญอีกด้านของเก้า คือดีใจที่ได้เห็นพิธานมายืนอยู่ตรงนี้ ด้านพระพายรู้สึกเหมือนตัวชาไปซีกหนึ่ง

“นั่งด้วยได้ไหม” พิธานเอ่ยขอไค โดยไม่ได้หันมามองพระพายเลยแม้แต่น้อย

“ได้สิ” ไคว่า เก้าอ้าปากจะห้ามแน่นอนว่าไคชิงเอามือปิดปากเก้าได้ทันเวลา เสียงอู้อี้ออกจะดังเพราะเจ้าตัวไม่ยอมแต่ไคก็กระซิบอะไรสักอย่างที่หูเก้า จากท่าทีที่ขัดขืนกลับหยุดชะงักทันควัน

“ดีมาก” ไคพูดพร้อมยิ้ม เก้าเหมือนจะหน้าตึงอย่างคนข่มความเกรี้ยวกราดไว้ พิธานนั่งลงข้างไคและมองแต่ไคไม่มองไปทางไหนแม้กระทั่งพระพายเองก็ตาม

“ไปไหนมา ไม่เจอหน้าเลย” ไคถาม ในขณะนั้นมีพนักงานเสิร์ฟมาชงเครื่องดื่มให้พิธาน

“มีเรื่องต้องทำเยอะ โทษทีที่ไม่ได้บอก” พิธานว่า

             พระพายรู้สึกว่าตัวเองชาไปมากกว่าครึ่งตัวแล้ว มือนั้นบีบแก้วเหล้าแน่นก่อนที่จะกระดกดื่มรวดเดียวทั้งที่พนักงานเพิ่งชงให้หมาด ๆ และเข้มข้นมากพอสมควร เก้าที่ไม่อยากจะฟังการพูดคุยของสองเพื่อนรักจึงกระเถิบมานั่งกับพระพายและชงเหล้าให้มือระวิงเพราะพระพายเหมือนเปิดโหมดปิดกั้นการรับรู้ของตัวเองในตอนนี้ พิธานกับไคนั่งคุยกัน ส่วนมากจะเป็นไคถามเสียมากกว่าแม้พิธานไม่ได้พูดมากมายแต่ก็มีการตอบโต้อยู่พอสมควร

“พาย ไอ้พายโว้ย เบา ๆ หน่อย” เก้าเริ่มปราม เพราะห้าแก้วติดในระยะเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพระพายไม่มีสติเหมือนเดิมแล้ว

“พระพาย...รีบกินไปไหน” ไคถาม พิธานจึงหันไปมองพระพายก็คราวนี้

“เพราะมึงนั่นแหละ” เก้าโยนความผิดให้พิธานทันที

“อะไร” พิธานถามกลับพลางมองหน้าเก้าด้วยสายตาออกจะเย็นชา

“ถ้ามึงไม่มานั่งตรงนี้ ไอ้พายมันก็ไม่เฮิร์ทขึ้นมาหรอก”

“ทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้นล่ะ” พิธานถาม พลางมองหน้าพระพายที่จ้องมองพิธานกลับ คำพูดมากมายที่เหมือนจะหลุดออกมาแต่พระพายก็ยับยั้งมันได้ทัน เขาจะไม่พูดมันออกมา

“สบายดีใช่ไหม” พิธานที่นั่งตรงข้ามพระพายเอ่ยถามออกมา

“สบายดี” ตอบพลางมองไปทางอื่น

“สบายตรงไหน หน้ามึงเศร้าซะขนาดนี้” เก้าแทรกขึ้นมา พระพายตวัดตามองเก้า

“มีเรื่องจะคุยด้วย...ขอเวลาสักนิดได้ไหม”

พิธานเอ่ยขึ้น นี่เป็นสิ่งที่พระพายที่กำลังกรึ่ม ๆ ไม่ทันนึกว่าจะต้องทำอย่างไร การมาเจอหน้ากันตอนนี้ เวลานี้และนี่หมายถึงอะไร หรือหมายถึงการพูดคุยถึงสิ่งที่ต่างคนต่างอยากรู้ ใช่เรื่องจะไปต่อหรือพอแค่นี้หรือเปล่า มันถึงเวลาที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว

“ได้สิ”

            พระพายลุกขึ้น เซไปหน่อยแต่ถือว่ายังประคองสติตัวเองได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตอบตกลง เพราะนี่อาจจะเป็นจุดสุดท้ายของเส้นทางนี้แล้ว ต้องดึงสติให้มากพอที่จะพูดจาและอาจจะมีความกล้าเนื่องจากฤทธิ์เหล้ามากพอที่จะรับฟังเรื่องที่อาจจะเจ็บปวดในต่อจากนี้ไป

             เดินกันออกมาจากร้านที่ผู้คนแออัด พิธานแหวกผู้คนออกให้อย่างง่ายดายเพราะสายตาที่อย่างบอกนัยทีว่าให้ออกห่างจากตัวเขา ทั้งสองออกจากผับจนมาถึงหน้าร้าน จากนั้นพิธานเดินนำไปยังลานจอดรถอีกฝั่ง ที่ห่างออกไปสักหน่อย

“ขึ้นรถเหรอ” พระพายถาม

“คิดว่าสะดวกกว่าที่นี่” พิธานว่า พระพายจึงต้องยอมขึ้นรถไป

        พิธานขับรถออกจากลานจอดรถ ขับรถด้วยพวงมาลัยมือเดียว อีกมือจิ้มโทรศัพท์ทำอะไรสักอย่าง พระพายไม่อยากมองพิธานในตอนนี้เพราะความรู้สึกเดิม ๆ เริ่มหลั่งไหลมากขึ้นจึงจำต้องมองไปข้างทางที่รถติดพอสมควร

        แม้จะนึกไม่ออกเลยสักนิดว่าทำไมถึงยอมมานั่งบนรถกับพิธานเช่นนี้ ตามมาแบบไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้ อาจจะเพราะมันถึงเวลาที่ต้องพูดคุยกันให้รู้เรื่องสักที จะได้ไปทำอะไร ๆ กับชีวิตต่อจากนี้ หากจะต้องจบจริง ๆ พระพายจะได้ตัดใจอย่างจริงจัง เนื่องด้วยทุกวันนี้เหมือนจะตัดใจจากพิธานแต่แท้จริงแล้วไม่เลยสักนิด ยังคงคิดแต่เรื่องของพิธานเสมอแต่แค่ไม่ฟูมฟายและพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งอย่างที่บอกกับตัวเองไว้ เป็นการไม่คาดหวังแต่ลึก ๆ ยังคงคาดหวังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

        ความรู้สึกที่คุ้นเคยอบอวลอยู่ภายในรถ แม้จะไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ กันเลยแต่พระพายกลับรู้สึกได้อย่างนั้น กลิ่นน้ำหอมของพิธานที่พระพายชอบเสมอ บรรยากาศที่น่าจะตึงเครียดแต่กลับเบาสบาย ความรู้สึกวูบโหวงที่เหมือนอะไรขาดหายไปนั้นดูจะฟูพองขึ้น รู้สึกหัวใจเต้นเร่ารัวเร็วราวกับเริงร่าที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ในรถคันนี้อีกครั้งหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดในรอบสามเดือนที่ผ่านมา

        ขับรถออกมาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้งที่สถานที่ที่มาขับมานั้นไม่ได้ไกลจากผับมากเท่าที่ควรแต่เพราะรถติดเสียมากกว่า พิธานเลี้ยวเข้าโรงแรมทางซ้ายมือ แสงไฟด้านหน้าประดับไว้ไม่มากไปไม่น้อยไป ช่างละลานตาน่ามอง จอดรถเรียบร้อยก็เดินลงมาโดยไม่เอ่ยพูดอะไรกับพระพาย เดินนำเข้าไปยังล็อบบี้อย่างเงียบเชียบ

“นั่งรอตรงนี้” พิธานว่าและเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานต้อนรับอยู่สองคน มาถึงตรงนี้พระพายถึงจะกระจ่างว่าพิธานที่จิ้มมือถือบนรถนั้นคือน่าจะกำลังจองโรงแรม...

“ไปกันเถอะ” พิธานเดินมาพร้อมคีย์การ์ดในมือและเดินนำพระพายขึ้นลิฟต์ แตะคีย์การ์ดเพื่อให้ลิฟต์นำทางไปยังชั้นที่ระบุไว้ในคีย์การ์ด

        พระพายเดินงงตามพิธานจนเข้าไปถึงในห้อง เป็นการพูดคุยที่ลงทุนมากพอสมควรเมื่อเข้ามาในห้อง เพราะราคาห้องนี้ต่อคืนน่าจะครึ่งหมื่นในความคิดของพระพาย

“ไปล้างหน้าก่อนไหม” พิธานบอก พระพายพยักหน้าและรีบเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยก็เป็นการตั้งสติ อยู่บนรถผ่อนคลายก็จริงแต่เมื่อมาอยู่ตรงนี้เริ่มจะวางตัวไม่ถูก ไม่เจอหน้ากันเลยตั้งสามเดือน แล้วมาเจอกันและต้องพูดคุยกัน จู่ ๆ ก็ดันรู้สึกสติจะหลุดขึ้นมา

        พระพายเปิดน้ำในอ้างล้างหน้า กวักน้ำล้างหน้าตัวเองอยู่หลายครั้ง ตอนนี้เขาต้องตั้งสติและพร้อมจะพูดคุยกับพิธาน เมื่อรู้สึกว่าเข้าที่เข้าทางพระพายจึงเอื้อมมือคว้าผ้าผืนเล็กที่น่าจะวางไว้เพื่อเช็ดมือแต่กลับเอามาเช็ดหน้าแทน เช็ดไปพลางมองตัวเองในกระจกเงา

        จ้องใบหน้าตัวเองราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน จ้องมองเข้าไปลึก ๆ และพูดกับตัวเองในใจว่าหากก้าวออกจากห้องน้ำ สิ่งที่ต้องเผชิญคือพิธาน คนที่ทั้งเฝ้ารออยากเจอและทั้งไม่อยากจะเจอหน้าในคราวเดียวกัน มันเป็นความสับสนที่พระพายเองก็ไม่เข้าใจตัวเองมากนัก

        เมื่อเผชิญหน้ากันอย่างตรง ๆ ต่อจากนี้คือสิ่งที่จะตัดสินเรื่องราวทั้งหมด ว่าจะจบแล้วจริง ๆ หรือเรื่องราวมันจะดำเนินต่อไป พระพายนั้นชั่งใจมาตลอดสามเดือน เขารู้ว่ายังรักและต้องการพิธานอยู่แต่เพราะความกลัวที่จะเสียใจ หากวันใดวันหนึ่งจะมีวันที่ต้องแยกจากกันอีก แต่คำพูดของหลวงตาที่บอกครั้งล่าสุดที่เจอกันคือ ให้ใช้ชีวิตกับปัจจุบัน ไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องที่ยังไม่มาถึงเพราะจะทุกข์ใจเสียเปล่า นั่นคือความจริง เรื่องในอนาคตเขาเองก็ไม่ควรไปนึกถึงเพราะไม่รู้ว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด ดังนั้นพระพายเริ่มให้คำตอบกับตัวเองได้บ้างแล้ว

        แต่ทุกอย่างก็ไม่ใช่พระพายทั้งหมดที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ท่าทีและความรู้สึกของพิธานเองก็จะเป็นตัวตัดสินในคำตอบของพระพายเช่นกัน ตอนนี้จึงต้องตั้งสติพร้อมรับกับเรื่องราวทั้งหมด หากพิธานต้องการหยุดทุกอย่าง พระพายก็ต้องยอมรับมันให้ได้ การเคารพการตัดสินใจของพิธานเป็นเรื่องที่สมควรทำ เหมือนที่พิธานเองก็ยอมรับความต้องการของเขาแม้ว่าตอนนั้นเจ้าตัวสีหน้าจะเจ็บปวดมากก็ตาม

        ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็ออกมาจากห้องน้ำ โดยที่พิธานนั่งอยู่ตรงสตูลปลายเตียง นั่งนิ่ง ๆ มองไปยังข้างหน้าซึ่งมันไม่มีอะไรจะให้มองทั้งนั้นนอกจากกำแพงและรูปตกแต่ง เนื่องจากทีวีถูกวางไว้หน้าประตูทางเข้า ซึ่งออกแบบไว้เป็นห้องนั่งเล่นดูทีวีในขนาดกะทัดรัด

“จะเข้าห้องน้ำไหม...” การเริ่มต้นพูดกันมันเหมือนในช่วงแรกที่เจอกัน วางตัวไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่หนัก

“ไม่...มานั่งสิ” พิธานขยับตัวและตบลงตรงที่นั่งข้าง ๆ

             นั่งใกล้กันขนาดนี้ ยิ่งรู้สึกคันยุบยิบในอก ความรู้สึกบางอย่างมันกระจายอยู่รอบตัว ความคิดถึงพุ่งขึ้นมาจนพระพายต้องหายใจค่อย ๆ ช้า ๆ พระพายหันมองพิธานที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้าด้านข้างนั้นช่างชวนให้คิดถึงมากจริง ๆ บรรยากาศรอบตัวพิธานไม่ได้เปลี่ยนไปเลย พิธานยังคงเป็นพิธานแต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความผ่อนคลาย พิธานที่ดูนุ่มนวลขึ้นนิดหน่อยจากที่รู้สึกได้

              พิธานขยับตัวหันมามองหน้าพระพายตรง ๆ สายตาทั้งสองสบมองกัน อาการคันยุบยิบในอกค่อย ๆหายไป แต่เป็นอาการแน่นขึ้นมาแทน สายตาที่มองนั้นลึกเข้ามา การมองแบบทะลุปรุโปร่งนี้มันดูคุ้นเคยสำหรับพระพาย

“ขอโทษที่มาให้เจอหน้า” น้ำเสียงนั้นรู้สึกผิดโดยไม่ได้ประดิษฐ์ใด ๆ

“ไม่ต้องขอโทษหรอก...ไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่เหรอ” พระพายว่าพลางหลบสายตานั้น เพราะที่ผ่านมาพิธานไม่มาเจออย่างที่สัญญากันไว้ ครั้งนี้คงเป็นความบังเอิญมากกว่า

“แล้วถ้าบอกว่าตั้งใจล่ะ” พระพายที่ได้ยินถึงกับต้องหันเหสายตามามองพิธาน

“หมายความว่าไง”

“ที่สัญญากันไว้..ฉันทำมันจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด” คำพูดที่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก

“ไม่เจอหน้ากัน คือนายไม่เจอหน้าฉัน...แต่ฉันเจอหน้านาย...ทุกวัน” เมื่อได้ยินอย่างนั้นถึงกับหายใจสะดุด

“แอบตามผม...เหรอ” ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ ทุกวัน ออกจากห้องไปออฟฟิศ กลับเข้าห้อง ไปบ้านพี่กล้วย และไปวัด...ไปกับปอด้วยในบางครั้ง” พระพายสะดุ้งตัวเมื่อชื่อเลขาปอถูกเอ่ยขึ้นรวมถึงสถานที่ที่เขาวนเวียนอยู่เป็นประจำ

“ได้ยังไงกัน” นี่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าโดนพิธานสะกดรอยตามเสียขนาดนั้น

“นายไม่ค่อยระวังตัวเอง ไม่สังเกตรอบข้าง...แบบนี้มันน่าเป็นห่วงนะ” พิธานว่า สายตานั้นออกจะตำหนินิด ๆ

“แล้วจะทำแบบนั้นไปทำไม” พระพายก้มหน้าลง

“ฉันเปลี่ยนใจจากนายไม่ได้” คำพูดที่ทำเอาพระพายรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ

“มันไม่เคยเปลี่ยนได้ตั้งแต่วันที่เราคุยกันวันนั้น ฉันไม่เคยเลิกคิดถึงนาย ทุก ๆ วันของฉันมีแต่เรื่องของนาย” ยิ่งได้ยินพระพายยิ่งรู้สึกใจสั่น...มันไม่ต่างกับเขาเลยสักนิด

“ฉันเฝ้ามองนายทุกวัน ทุกครั้งที่นายเดินเหม่อ มีครั้งหนึ่งนายเดินออกจากออฟฟิศแล้วเดินสะดุดฟุตบาธ..ฉันก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าที่เหม่อนายอาจจะกำลังคิดถึงฉัน” ยังคงอ่านเขาออกได้เสมอ นี่คือพิธานตัวจริงเสียงจริง

“ฉันรู้ นายอาจจะไม่พร้อมที่จะคุย..แต่ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วพระพาย ฉันคงอยู่ในสภาพนี้อีกนานกว่านี้ไม่ได้ ฉันกลัวฉันจะเป็นบ้าไปเสียก่อน” พระพายเงยหน้าสบตาของพิธานที่ดูจะหวาดหวั่นวูบหนึ่งในดวงตานั้น

“สามเดือนที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเวลาไหนที่ไม่คิดถึงนาย” น้ำเสียงอ่อนลงราวกับรำพึงรำพันกับตัวเอง

        พระพายเงียบไป เขาเริ่มมือสั่นนิด ๆ เพราะท่าทีของพิธานนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความจริง พิธานพูดความจริงกับเขาและความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้ต่างกันกับพระพายเลยสักนิด แต่ดูเหมือนพิธานจะเป็นมากกว่าเขา คงเพราะครั้งสุดท้ายที่คุยกันเป็นเขาเองทำให้พิธานรู้สึกเสียใจไป

        พิธานลุกขึ้นและนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของพระพาย จ้องมองที่มือของพระพายราวกับอยากจะจับมือแต่ก็ไม่กล้า ดูลังเลใจคงเพราะกลัวพระพายจะไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัว พระพายเองก็มองอย่างลุ้นในใจว่าพิธานจะตัดสินใจทำอย่างไร..ในที่สุดพิธานก็เลือกที่จะกุมมือพระพายขึ้นมา พระพายหายใจสะดุดเมื่อโดนสัมผัส...ฝ่ามือของพิธาน ความอุ่นนิด ๆ จากมือนั้นคือสัมผัสที่คิดถึง..พระพายคิดคำว่าคิดถึงกับพิธานหลายครั้งแล้วทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมง

“พระพาย...มันจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” พิธานจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพระพาย

        ความวูบไหวในดวงตาของพิธานนั้นแจ่มชัด มันชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังขอร้องอย่างแท้จริง พระพายเองก็ไม่อาจจะละสายตาไปจากพิธานได้ในตอนนี้ ทั้งสองจ้องมองกันอยู่อย่างนั้น พระพายเองก็พูดอะไรไม่ออก เพราะเมื่อได้ยินคำพูดของพิธาน คนพูดน้อยที่พรั่งพรูออกมาเสียขนาดนั้นก็ทำเอาไปไม่ถูกเหมือนกัน

“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำลงไป มันทำนายเสียใจและนายอาจจะเริ่มไม่มั่นใจในตัวฉันแล้ว เรื่องโอกาส...ฉันเองก็ไม่กล้าขออะไรอีกแล้ว แต่ฉันมีสิ่งที่ต้องบอกนาย ฉันไม่เคยบอกนายมาก่อน”

“ฉันรักนายพระพาย...”

        พระพายชะงักไปกว่าเดิม คำว่ารักที่แม้แต่เขาเองบอกแค่ทางจดหมายแต่ไม่ได้บอกต่อหน้า คำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากพิธานตอนนี้ ในวันนี้ ทำเอาร่างกายของพระพายเบาหวิว ริมฝีปากนั้นเหมือนจะสั่นจนต้องเม้มริมฝีปาก...พิธานบอกว่ารักเขา

“ฉันเป็นคนโง่ ที่พอเสียนายไปถึงจะเพิ่งรู้ตัวเอง ว่าความรู้สึกที่มีกับนายมันมากกว่าการชอบกัน รู้ตัวช้าจนเกือบจะไม่ได้บอกนายไปแล้ว”

“ผม...” พระพายพูดไม่ออก เขาจ้องมองพิธานที่ยิ้มออกมานิด ๆ

“ฉันแค่อยากบอกนาย ไม่ได้ต้องการเอาคำนี้มารั้งนายไว้ ถ้านายยืนยันว่าจะจบ ฉันก็พร้อมจะเข้าใจ....แม้ว่าจะเจ็บมาก ฉันก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของนาย”

“แต่ฉัน...รักนายมากจริง ๆ รัก..จนเหมือนจะหายใจไม่ออก ทุกครั้งที่ฉันแอบตามนาย ฉันเหมือนจะตายทุกที” พิธานหัวเราะหึราวกับสมเพชตัวเองที่อ่อนแอขนาดนี้และแววตานั้นดูฉ่ำวาวขึ้น เหมือนพิธานมีน้ำตาเคลือบนัยน์ตานั้นไว้

         ฝ่ามือนั้นบีบมือของพระพายขึ้นมาระดับหนึ่ง คงกำลังพยายามอดกลั้นความเสียใจไว้ พิธานดูอ่อนแอมากกว่าครั้งล่าสุดที่เจอกันมา เหมือนการมาในวันนี้ของพิธานเตรียมพร้อมจบทุกอย่าง คงเพราะไม่แน่ใจว่าตัวพระพายนั้นจะตอบรับกับความรู้สึกเหล่านี้หรือไม่

“คุณถามใช่ไหม ว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” พระพายเริ่มพูดบ้าง

“ใช่”

“แล้วถ้าผมบอกว่ามันจะไม่กลับไปเหมือนเดิมล่ะ”

             พระพายเอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ พิธานดูชะงักไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น แปลว่าความหวังของพิธานจะจบลงตรงนี้หรือ พิธานนิ่งจนแทบจะไม่ได้หายใจ พิธานแทบจะหยุดหายใจไปแล้ว...

Lyrics Still falling for you by Ellie Goulding.


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-11-2019 23:00:58
โอ๊ยยยยยยยยยังพูดไม่หมดใช่ไหมพระพาย ต้องมีต่อสิ พิธานทุ่มสุดตัวแล้ว(รึยังนะ555) รีบๆหวานกันเถอะ รรรรรรร
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-11-2019 23:14:57
ตัดซะงั้น......รอตอนต่อไปที่พระพายจะเดินหมากต่อ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2019 23:33:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-11-2019 00:49:43
รอๆ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 08-11-2019 07:42:15
ค้างงงงงมากจะตอบให้เสร็จเลยก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 08-11-2019 07:51:33
ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-11-2019 18:18:46
นี่คือผลจากการกระทำและคำพูดในวันนั้นนะพิธาน
พระพายถ้าอยู่โดยไม่มีพิธานแล้วไม่มีความสุขก็ลองให้โอกาสตัวเองอีกครั้งนะ
***น้อยครั้งนะที่คนเราพอแยกกันแล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เราเชื่อว่าทั้งสองคนจะมีความสุขอีกครั้งแน่นอน  o18
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-11-2019 19:45:32
น้ำตาจะไหลเลย มาอัพแย้ววววว :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 08-11-2019 22:11:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 08-11-2019 22:39:54
 o22  เราน่าจะขาดใจตายก่อนพิธาน   :ling2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-11-2019 22:50:49
ปวดตับแบบต่อเนื่องต่อไป  :katai1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-11-2019 00:18:46
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 09-11-2019 00:38:20
เพราะจะเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิมใช่มั้ยย  ใจจะขาดแทนแล้วนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-11-2019 14:56:21
รอตอนจบเลยจะได้เสียน้ำตาทีเดียว  :o12:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-11-2019 19:28:16
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 70 (07/11/19) P.37 New!!
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-11-2019 17:56:25
เฮ้อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 17-11-2019 11:12:00
สวัสดีค่ะ มาลงตามสัญญาแล้วนะคะ ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ตอนจบของนิยายเรื่องนี้ที่อยู่กับเรา(นักเขียนเอง) มายาวนานมาก ไม่คิดว่าจะกินเวลานานขนาดนี้ ทั้งที่จะเขียนเล่นแท้ ๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณผู้อ่านทุกคน ทั้งที่คอมเมนต์ก็ดี เข้ามาอ่านก็ดี ติดตามถามไถ่กันมาเสมอ ขอบคุณที่อยู่กันมาจนถึงตรงนี้ค่ะ ขอบคุณที่ส่งพิธานและพระพายมาถึงฝั่ง เฝ้าติดตามพวกเขาทั้งสองมาโดยตลอด ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ สัปดาห์หน้าจะมาลงตอนพิเศษเป็นการอำลา ฉะนั้นอย่าเพิ่งแจ้งย้ายกระทู้ก่อนนะคะ  :katai2-1: ไว้เจอกันค่ะ  :กอด1:

+++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 71 I love you.

So I’m gonna love you
เช่นนั้น ฉันจะรักเธอ

Like I’m gonna lose you
ให้เหมือนว่าฉันจะสูญเสียเธอไป

I’m gonna hold you
ฉันจะโอบกอดเธอไว้

Like I’m saying goodbye wherever we’re standing
ให้เหมือนว่าเราจะจากลากัน ไม่ว่าเราจะอยู่ในแห่งหนใด

I won’t take you for granted ’cause we’ll never know when
ฉันจะไม่ทำให้เธอเป็นสิ่งไร้ค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลย

When we’ll run out of time so I’m gonna love you
ว่าเมื่อไหร่เวลาจะสิ้นสุดลง เช่นนั้นฉันจะรักเธอ

Like I’m gonna lose you
ให้เหมือนว่าฉันจะสูญเสียเธอไป

I’m gonna love you like I’m gonna lose you
ฉันจะรักเธอ เหมือนว่าฉันจะเสียเธอไป


Lyrics: Like I’m gonna lose you by Meghan Trainor.





“แล้วถ้าผมบอกว่ามันจะไม่กลับไปเหมือนเดิมล่ะ”

        พระพายเอ่ยออกไป สายตานั้นจ้องมองพิธานที่นิ่งไปแล้ว นิ่งจนพระพายก็ต้องนิ่งตาม แววตานั้นประกายความหม่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะก้มหน้าลงเพราะคงรู้ตัวดีว่าได้แสดงสีหน้าที่ผิดหวังอยู่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ออกมา

“ฟังก่อนสิ” พระพายเอ่ยขึ้น พิธานจึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งอย่างพร้อมที่จะรับฟังต่อ

“มันไม่มีทางเหมือนเดิมหรอก....เพราะการห่างกับคุณครั้งนี้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะ”

“รู้ว่าอะไร ๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในวันข้างหน้า ในขณะที่ผมกลับไม่อยากให้มันเปลี่ยน...แม้กระทั่งอยากจะเปลี่ยนใจไม่ให้โอกาสคุณอีก แต่ผมก็ยังทำมันไม่ได้เลย”

“หมายความว่า...” พิธานคิดว่าตัวเองหูฝาดจนต้องถามขึ้น

“ผมไม่อยากหลอกตัวเอง ผมยังลืมคุณไม่ได้ ยังอยากเจอ อยากอยู่ด้วยกัน ทำใจไม่ได้ที่ต้องเป็นแบบนี้ ทั้งที่ผมก็กลัวจะเจ็บอีก ผมกลัวทุกอย่าง แต่ผมก็ยังปล่อยตัวเองจากคุณไปไม่ได้”

        ความรู้สึกของพระพายกับพิธานไม่ต่างกันเลยสักนิด ต่างคนต่างยังคงต้องการอีกฝ่ายอยู่เต็มหัวใจ แม้จะมีความสับสนลังเลและความกลัวอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกนั้นเหมือนกันแทบจะไม่มีจุดต่างกันเลยสักนิด

“สามเดือนมานี้ ผมเหมือนมีอะไรขาดหายตลอดเวลา ตอนแรกก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นอาการเหงาที่น่าจะเพราะเพิ่งเลิกกับใครหรืออะไรสักอย่าง แต่นานวันมันไม่ทุเลาลงเลย กลับมีแต่จะมากขึ้น....ผมเอาแต่คิดถึงเรื่องคุณ ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าห้ามคิด...แต่ทำไม่ได้เลยสักที”

“จนในที่สุดผมเลือกที่จะเอาความสุขตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมจะไม่หลอกตัวเองว่าผมยังอยากไปต่อกับคุณ”

“นาย...จะกลับมาใช่ไหม” พิธานถาม คราวนี้ความหวังเอ่อล้นไปทั้งตัว พระพายพยักหน้ารับ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมาให้

“เรา...จะกลับมาอยู่ด้วยกันใช่ไหม...นายจะอยู่ข้างฉันอีกครั้ง...ใช่ไหม”

“ใช่....”

พระพายยืนยันอีกครั้ง พิธานยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่พระพายเคยเห็นมา ก่อนที่จะดึงพระพายมากอดไว้แน่น แน่นมากราวกับจะยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝันหรือจินตนาการที่เขาคิดไปเอง

        ความโหยหาที่พระพายมีมาโดยตลอดแทบจะทุเลาลงทันทีที่ได้กอดพิธานไว้ หัวใจเต้นแรงอย่างมีชีวิตชีวาจนเจ็บไปหมด เขารู้ดีว่าพิธานคือสิ่งเดียวที่เติมเต็มเขาที่สุดแล้วในตอนนี้ เวลานี้ ไม่อาจจะหาใครมาแทนที่ได้ พิธานคือคนเดียวที่พระพายอยากอยู่เคียงข้าง

“และอะไรที่บอกว่าจะไม่เหมือนเดิมล่ะ” พิธานถามทั้งที่ยังกอดอยู่อย่างนั้น พระพายจึงผละออกจากอ้อมกอดของพิธาน เพื่อทำความเข้าใจถึงเรื่องนี้

“การคบของเราครั้งนี้...มันจะไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ความสัมพันธ์ของเราจะเปลี่ยนไป”

        จากที่ดีใจเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น มาถึงตอนนี้พิธานหายใจสะดุดเล็กน้อย ตั้งใจฟังในสิ่งที่พระพายกำลังจะบอกต่อจากนี้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่สามารถคาดเดามันได้เลยสักนิด

“ผมอาจจะเปลี่ยนไป คุณเองก็อาจจะเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เป็นแบบอย่างที่ผ่านมา...เราต้องมีข้อตกลงกันใหม่”

“บอกมาสิ”

“ต่อแต่นี้ไป มีอะไรอยากให้พูดกันตรง ๆ เพราะที่เราคิดว่ารู้ดีอยู่แล้ว แต่บางครั้งเราอาจจะไม่รู้เลยสักนิด” ได้ยินเช่นนั้นก็นึกไปถึงคำพูดของตัวเองที่คิดว่าพระพายเข้าใจเขาดีถึงความรู้สึกของเขา

“ผมไม่อยากให้ทั้งคุณและผมคาดหวังกันและกันมากขนาดนั้น มันเป็นการกดดันจนเกินไป” พิธานพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“และอีกเรื่อง....” พระพายเงียบไปครู่หนึ่ง พิธานที่ไม่แม้แต่จะขยับตัวเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่พระพายจะพูดต่อจากนี้

“ความเชื่อใจและความมั่นใจของผมลดลงไปมากหลังจากที่เราทะเลาะกัน...ผมไม่รู้วิธีที่จะดึงมันกลับมาได้”

“ฉะนั้นต่อจากนี้ไป ผมอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคาดหวังเหมือนเมื่อก่อน”

        พิธานเข้าใจถึงพระพายที่ตอนนี้กำลังอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง เมื่อก่อนการคบหาของเขากับพระพายมันเริ่มต้นแบบผิด ๆ ไม่มีความเข้าใจใด ๆ กันมาตั้งแต่ต้น แต่ระหว่างที่คบหากันต่างหากที่ค่อย ๆ ถักทอหล่อหลอมความรู้สึกของพวกเขาไว้ด้วยกัน เป็นความผูกพันและลึกซึ้งขึ้นมาอย่างไม่คิดว่าจะมีอิทธิพลได้มากขนาดนี้

        นั่นหมายความว่าเรื่องในครั้งนั้นได้ทำลายความรู้สึกของพระพายไปเยอะ นี่คือสิ่งที่ไม่อาจจะกลับมาดั่งเดิม ความรู้สึกที่เสียไปย่อมเรียกกลับคืนมาไม่ได้ พิธานเองก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้

“นายจะบอกว่า นายอาจจะไม่ใช่พระพายคนเดิม...ถูกต้องไหม” พิธานหาข้อสรุปให้

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมเองก็บอกไม่ได้ แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันจะไม่เหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา..ผมอาจจะไม่ใช่แฟนที่คุณคาดหวังไว้อีกต่อไปก็ได้”

“นายคิดว่านายเปลี่ยนแค่คนเดียวเหรอ” พิธานถามขึ้นมาบ้าง พระพายเอียงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

“ช่วงที่ไม่เจอกัน ฉันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ฉันเริ่มมองว่าทุกอย่างไม่ได้หมุนรอบตัวฉัน ความลำพองใจของฉันมันเป็นปัญหา จนตอนเมื่อเสียนายไป ฉันพบว่ามันยิ่งเป็นปัญหามากกว่าเดิม เพราะความเอาแต่ได้ของฉันเอง”

“ฉันบอกกับตัวเองทุกวัน หากฉันมีโอกาสอีกสักครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ให้มันเป็นเหมือนครั้งก่อน ฉันจะรักษาความเป็นตัวเองที่ดีไว้ อะไรที่คิดว่าไม่ดีฉันจะลดทอนมันลง ฉันต้องกอบกู้ความรู้สึกของนายที่ฉันทำมันพังลงไป”

“หากนายบอกว่านายเริ่มไม่มั่นใจในตัวฉัน ฉันก็จะทำทุกอย่างให้นายกลับมาเชื่อใจฉันแม้จะแค่นิดหน่อยก็ถือว่าพอแล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำต่อจากนี้ไป”

“เรื่องแฟนที่ดีหรือไม่ดีนั้น ฉันไม่อยากให้นายคิดมากกับเรื่องพวกนั้น แค่นายเป็นนาย...นายที่ยังอยากอยู่เคียงข้างฉัน หันไปทุกครั้งยังเจอนายอยู่ตรงนี้เสมอ...เท่านั้นมันก็ดีมากพอแล้ว”

        ไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้มันจะเป็นจริงอย่างที่พิธานบอกหรือไม่ แต่พระพายกลับรู้สึกว่าคือคือคำสัญญาที่พิธานตั้งใจมีให้กับเขา ความรู้สึกที่ส่งผ่าน ทางสายตา สัมผัส ทุกอย่าง บ่งบอกว่าพิธานตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ

“ครั้งนี้...มันจะดีกว่าครั้งที่แล้วใช่ไหม”

“ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ฉันจะทำให้ดีที่สุด” ไม่อาจจะรับปากได้ อนาคตไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“แล้วถ้าหาก....วันใดวันหนึ่ง เราจะต้องแยกจากกันล่ะ” พระพายถามขึ้นมา เป็นอนาคตที่ไม่อาจจะรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น

“ฉันไม่รู้หรอก มันเป็นอนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำคือฉันจะรักนาย อยู่กับนาย ทำให้ทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายที่เราจะรักกัน เพราะหากเราจบกันจริง ๆ ฉันจะไม่เสียใจเพราะฉันได้รักนาย ดูแลนายอย่างดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำแล้ว มันคุ้มค่าและจะไม่เสียดายอีกต่อไป” พระพายยิ้มออกมา ความรู้สึกวางใจนี้ทำให้เขารู้ดีว่าเขาเองก็ต้องพยายามในส่วนของตัวเองเช่นกัน

“ผมเอง...ก็จะพยายามไปกับคุณนะ”

        ทั้งสองยิ้มให้กัน เป็นรอยยิ้มที่ต่างคนต่างเข้าใจดีว่าต่อจากนี้ไปจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่อาจจะเข้ามา มันไม่ใช่จุดจบแต่มันเพิ่งเริ่มต้นอย่างแท้จริงต่างหาก พิธานดึงพระพายที่นั่งบนสตูลอยู่ด้วยกันให้ขึ้นไปบนเตียงก่อนที่จะกอดไว้พร้อมล้มตัวเองและกอดพระพายให้ล้มลงนอนด้วยกัน

“เดี๋ยว!!” พระพายร้องขึ้นมาเพราะไม่ทันตั้งตัว หน้าซุกกับแผ่นอกของพิธานเพราะแรงกอดของอีกฝ่าย

“ไม่ทำอะไร....แค่อยากนอนกอด” ได้ยินแบบนั้นก็พอเข้าใจ แต่ใจหนึ่งก็ผิดหวังไปสักนิด คิดว่าพิธานจะทำอะไรแบบนั้นเสียอีก

“ผิดหวังเหรอ” พิธานถามขึ้นมา

“อะไร..”

“คิดว่านายผิดหวังเพราะอยากทำอะไรมากกว่านี้” พระพายอมยิ้มนิด ๆ แต่แน่นอนว่าพิธานไม่เห็น

“กับเรื่องแบบนี้ทำไมคุณรู้ทันผมตลอดล่ะ”

“ลืมไปแล้วเหรอ ฉันเป็นคนทำให้นายเป็นแบบนั้นเอง”

“ผมคงเป็นแบบที่คุณต้องการมากไปหน่อย”

“แบบนั้นแหละดีแล้ว แต่ตอนนี้ฉันคิดถึงนายมาก อยากกอดเอาไว้แบบนี้อีกสักพัก”

ไม่ใช่แค่พิธานที่เป็นแบบนั้น พระพายเองตอนนี้ก็ฝังหน้าลงบนแผ่นอกพิธานเสียแนบชิด...คิดถึงความรู้สึกนี้ไม่ต่างกันเลย

“รู้ไหม ตั้งแต่นายออกจากห้อง ฉันนอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงอู้อี้ถามออกมา พิธานยิ้มออกมานิด ๆ เพราะรับรู้ถึงการสูดลมหายใจเข้าออกของพระพายจนรู้สึกอุ่น

“ใช่...ทุกคืนนี้ชอบตื่นมากลางดึก ลืมตามาแล้วไม่เจอนายนอนข้าง ๆ เจ็บจนนอนต่อไม่ได้เลย”

“ขอโทษนะ” พระพายถอยใบหน้าออกมาเล็กน้อย รู้สึกว่านี่เป็นความผิดของเขาอย่างช่วยไม่ได้

“ขอโทษทำไม ฉันสิคนต้นเรื่องทั้งหมด” พูดไปพลางกอดพระพายไว้อยู่อย่างนั้น

“ผมคิดว่าคุณจะยอมแพ้แล้วเสียอีก” พระพายบอกจากใจจริง

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”

“ผมคิดว่าคุณจะไม่ยอมตอนที่เจอกันที่บ้านพี่กล้วย..เอาจริง ๆ ผมแอบหวังว่าคุณจะโวยวายและลากผมกลับ ใช้กำลังบังคับผมด้วยความเกรี้ยวกราด” ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากพิธาน หัวเราะเสียงแผ่ว แต่ไหล่สั่นจนรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังตลกมากกับสิ่งที่ได้ยิน

“ชอบแบบนั้นก็ไม่บอก นั่นมันทางของฉันเลยนะ”

“แล้วทำไมไม่ทำล่ะ” พระพายดันตัวเองออกมาเพื่อจะมองใบหน้าของพิธาน

“เคยบอกไม่ใช่เหรอ ไม่อยากบังคับนายอีกแล้ว..ฉันไม่อยากทำให้นายรู้สึกว่าฉันทำร้ายนายมากไปกว่านี้แล้ว”

“ผมเลยเข้าใจไปอีกแบบว่าคุณไม่ต้องการผมอีกแล้ว คุณคงมีคนใหม่มาแทนที่ผมแล้ว” นึกถึงตอนที่ตัวเองคิดแบบนั้นแล้วเจ็บปวด หากเป็นอย่างนั้นจริงพระพายคงช้ำในตายก็ได้

“ระหว่างรอนี่ทรมานมาก เลยยิ่งเข้าใจตัวเองว่าฉันรักนายมากขนาดไหน รัก.....รักจนนึกไม่ออกว่าถ้านายจากฉันไปฉันจะอยู่ได้ยังไง”

        ความรู้สึกที่เหมือนกันเสียหมดนี้ มันยืนยันกับพระพายได้ว่าเขาคิดไม่ผิดที่ให้โอกาสตัวเองและพิธานอีกครั้ง คำว่ารักที่ได้ยินแล้วนุ่มฟูทั้งอก รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกาย จนแสบจมูกเหมือนน้ำตาทำท่าจะไหลเพราะความดีใจนี้ พระพายสุดจมูกฟุดฟิดเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

“อย่าร้องไห้” พิธานรีบห้ามขึ้นมาทันที ดวงตาฉ่ำวาวนั้นเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมารอมร่อ

“ทำไมล่ะ” พระพายถามทันที ปากเบะนิด ๆ เพราะพยายามกลั้นน้ำตา

“เวลานายร้องไห้กับอะไรแบบนี้ฉันทำตัวไม่ถูก”

“ยังไงล่ะ จะบอกว่าใจคอไม่ดีเวลาผมร้องไห้เหรอ”

“คงจะใช่...วันนั้นที่นายร้องไห้ ฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ทั้งที่ตอนฉันฟาดฉันตีจนช้ำเลือด น้ำตาไม่เคยไหลแท้ ๆ”

“ตกใจเหรอ”

“อืม ถ้าร้องแบบนั้นไม่เอาแล้ว”

“แต่นี่ไม่ใช่แบบนั้นนะ...เพราะผมดีใจต่างหาก”

“กลายเป็นคนขี้แยไปแล้วเหรอ” พิธานล้อเลียนทางสายตา พระพายจึงรีบกลืนมันลงทันที

“พอเลย ไม่ร้องแล้ว” พระพายว่าพลางค้อนไปวงใหญ่

“อย่าร้องเลย..ฉันไม่ชินกับมัน แต่ถ้าร้องตอนทำเรื่องนั้นค่อยว่ากันอีกที” ได้ยินเช่นนั้นถึงกับต้องหัวเราะออกมา

“ว่าแต่ผม..คุณเองก็คิดเถอะ”

“คิดทุกอย่างที่เป็นนาย ตอนหลับ ตอนตื่น กินกาแฟ กินข้าว ยันไปถึงตอนล่ามโซ่นาย” พระพายอมยิ้มจนแก้มพอง

“มากจัง...ผมก็คิดถึงคุณมากเหมือนกัน”

“และแบบเดียวกันไหม” พิธานถามพลางยิ้มกริ่ม

“เหมือนกันเด๊ะ”

“เราเหมือนกันจนน่าตกใจ” พิธานว่า

“เราคงเหมาะสมกันละมั้ง” พระพายว่าพลางยิ้มจนตาหยี

“เหมาะกว่านี้ไม่มีแล้วล่ะ”

        พิธานยิ้มให้พระพาย เป็นยิ้มสว่างจ้ามากสำหรับพระพาย สายตาที่มองกันนั้นต่างสะท้อนใบหน้าซึ่งกันและกัน ราวกับมีแรงดึงดูดประหนึ่งแม่เหล็กต่างขั้ว พิธานเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากของพระพายแผ่วเบา....ความรู้สึกคิดถึงจับใจแผ่ซ่านไปทั้งอก รอยจูบที่ห่างหายมานานกว่าเกือบสี่เดือน นับตั้งแต่พระพายออกจากห้องไปจนถึงตอนนี้

        จูบที่ไม่ได้รุกล้ำใด ๆ เป็นจูบละมุนนุ่มนวลที่พระพายได้แต่หลับตาพริ้ม ซึมซับมันจนใจเต้นรัว ดีใจจนไม่รู้จะต้องทำอย่างไรที่ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของพิธานอีกครั้งหนึ่ง พิธานพร่ำจูบจนพระพายต้องเม้มปาก

“จะจูบแบบนี้อีกนานไหม” พระพายว่า

“อยากได้จูบแบบไหนล่ะ” พิธานถาม

“อ่า...คุณก็รู้นี่”

“ไม่ใช่ตอนนี้...ตอนนี้มันเวลาหวานแหววต่างหาก”

“มีกับเขาด้วยเหรอ” ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ต้องขำ

“มีสิ..ให้นายใจเต้นเป็นสาวน้อยบ้าง”

        พระพายหัวเราะตัวโยนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองคนนอนเล่นกัน พูดคุยกัน มีแกล้งกันไปมาบ้างอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวเลยสักนิด เพราะเวลานี้พิธานคิดถึงเสียงหัวเราะและมุกตลกของพระพาย อีกทั้งอยากมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่เขาแสนจะโหยหามาตลอด

“อ่อ..มีอะไรจะบอก...” พระพายพูดขึ้น

“หืม” พิธานก้มลงมองพระพายที่อมยิ้ม

“ผมรักคุณนะ”

        พิธานตาค้างไปเล็กน้อย ทันใดนั้นเหมือนเห็นริ้วแดง ๆ แถวติ่งหู...พิธานเขินกับคำว่ารักของพระพายจนเก็บอาการไม่ทันและพระพายก็ได้เห็นมันเต็ม ๆ แต่จะไม่ล้ออย่างเด็ดขาด เพราะเอ็นดูพิธานที่ตอนนี้คงดีใจกับคำนี้อยู่

“ไม่คิดว่าจะได้ยินจริง ๆ” พิธานยิ้มออกมา

“ผมเองก็ไม่เคยพูดให้ได้ยิน มีแค่ข้อความบนกระดาษแถมตอนนั้นมันบรรยากาศหดหู่ไป”

“ขอบคุณจริง ๆ” พิธานว่าก่อนที่จะก้มลงจูบหน้าผากพระพายหนัก ๆ

        พระพายหัวเราะออกมานิด ๆ ก่อนที่จะกดตัวเองเข้าไปในอ้อมกอดของพิธานซุกใบหน้าฝังบนอกของพิธาน เพื่อกลบความอายของตัวเองที่พูดคำนั้นออกมา ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ทั้งสองคนจะไปได้ไกลสักแค่ไหน แต่อย่างที่พิธานพูดเอาไว้ การทำทุกวันให้เหมือนวันสุดท้าย รักกัน ดูแลกัน ใส่ใจให้แก่กัน ทำตามหัวใจคือการอยู่เคียงข้างกันและกัน ใช้เวลาให้กันและกันอย่างเต็มที่ หากวันใดวันหนึ่งจะต้องแยกจากกัน จะไม่มีวันเสียใจและเสียดายในสิ่งที่ผ่านมา เพราะการอยู่ด้วยกันในตอนนั้นมันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ซึ่งคงต้องปล่อยให้มันเป็นโชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่บันดาลไปในวันข้างหน้า

             แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เชื่อมั่นได้มากที่สุด คือทั้งสองเป็นของกันและกัน คู่เสมือนที่ต่างเติมเต็มให้กันและกัน ไม่อาจจะมีใครที่เหมาะสมซึ่งกันและกันได้มากไปกว่านี้แล้ว จากนี้ไปเชื่อมั่นว่าทั้งคู่จะมีความเข้าใจและมีความสุขกับรักที่เริ่มใหม่ในแบบฉบับของพวกเขาเอง...



-The end-


หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: nolnalnew ที่ 17-11-2019 13:16:57
 :mew5:ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-11-2019 13:35:41
 :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-11-2019 14:03:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-11-2019 14:43:05
จบอย่างหวานๆซึ้งๆทะลึ่งๆอบอุ่นๆ มันดีต่อใจจริงๆ กลับมาคบกันอีกคราวนี้คงนิรันดร์ เพราะเขาดูรักกันมากจริงๆ และก็เป็นคู่ที่เคมีกันอย่างที่พิธานบอก 555 สนุกกมากกกกเรื่องนี้ ชอบมากๆ ถ้ายังไงก็แอบขอตอนพิเศษด้วยนะคะ 55555 คงคิดถึงเรื่องนี้มากอ่ะ กลับมาอ่านอีกรอบแน่นอน ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาต่อจนจบ แต่งเก่งจริงๆค่ะ มีทุกอารมณ์ ทุกโหมด รอตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 17-11-2019 16:05:35
 :pig4: ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 17-11-2019 17:14:19
ยาวนานมากจริงๆสำหรับพิธานและพระพาย
เป็นเรื่องที่ติดตาม และลุ้นทุกอาทิตย์ว่าจะใาอัพมั๊ยน้า จนเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ไปเลย 5555555
ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ จากตอนแรกที่เข้ามาหวังเสพความความหืดหาดโดยเฉพาะก็กลายเป็นชอบบทชอบตัวละคร ชอบอารมณ์ของเรื่องไปโดยปริยาย 5555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-11-2019 18:43:46
จบแล้ว ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 17-11-2019 19:47:46
หูยยยย โซ่แส้กุญแจมือมาทั้งเรื่องจบกันด้วยรถน้ำตาลคว่ำฉบับปับปี้เลิฟซะงั้น 55555
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-11-2019 19:48:58
หวานๆ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-11-2019 20:48:12
คู่กัน ตัดกันไม่ขาดเนอะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 17-11-2019 21:35:57
 :o8: ขอบคุณจริงๆ ที่เข็นจนจบ แล้วขอบคุณก็พาพระพายกลับมาหาเรา
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 17-11-2019 22:18:59
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ  :pig4:  :pig4: :pig4:
หวังว่าคงมีโอกาสได้อ่านเรื่องไหม่ ๆ จากคุณนักเขียนอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-11-2019 22:34:18
ดีๆเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ รักกันนานๆนะรอบนี้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-11-2019 23:14:42
คนละอารมณ์กับตอนก่อนหน้าเลย นึกว่าจะจบอีกอย่างหนึ่งซะแล้ว  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 18-11-2019 22:08:59
 :sad4: จบแล้ววว
หายงอนกันแล้ว
ขอบคุผรสำหรับนิยายดีๆ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 20-11-2019 03:26:51
จบแบบหวานมากกกกก
ต้นเรื่องคือ S แบบ โค-ตร S
ตอนมาสายหวานซะงั้น
ยินดีด้วยน้าทั้งสองคน
รอเรื่องใหม่นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-11-2019 23:48:34
จบแล้ว สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-11-2019 06:32:29
ที่สุดแล้วก็เป็นเรื่องของวันข้างหน้าล่ะนะ แค่วันนี้ยังรักกันก็พอ.... ดีแล้วที่มีความสุขกัน

ปล.รอตอนพิเศษ​ค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-11-2019 20:58:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 24-11-2019 13:24:06
เรื่องนี้นี่ เป็นเรื่องที่เราต้องใช้จิตนาการเอนซีหนักมาก มันล้ำลึกจริงๆ ไม่เคยอ่านเอนซีแนวเอสเอมที่ล้ำลึกขนาดนี้มาก่อน ฮอตช่ามากๆ คำนับคนแต่งเลยค่ะ เรื่องนี้อ่านสนุกมากเลย ตามอ่านหลายวัน อยากให้พี่ตอนพิเศษพี่ปี พี่กล้วย เพราะมันตะหงิดตั้งแต่ตอนพี่พิธานบอกว่าพี่ปี นี่น่าจะเป็นพวกเดียวกัน อยากอ่านพี่กล้วยโดนแส้ฟาด อร๊ายยยยยย เป็นกำลังใจให้นะคะ รออ่านผลงานเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 27-11-2019 02:43:26
ขอบคุณนักเขียนที่แต่งเรื่องราวสนุกๆครบรสมาให้อ่านนะคะ  :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 27-03-2020 21:02:52
จบแว้ว~ ขอบคุณจ้า จะรอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:11:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-06-2020 10:56:39
เข้าใจกันสักที ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 18-04-2021 21:55:49
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 28-04-2021 13:32:29
เป็นเรื่องที่สนุกมากๆค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-05-2021 17:19:37
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: