พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: juon ที่ 04-01-2017 09:55:42

หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-01-2017 09:55:42
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-01-2017 09:59:32
สวัสดีค่ะ :impress2:
.
กรี๊สส ทุกท่านอย่าเพิ่งถีบหน้าอิฉัน :beat: :z6: แม้ดิฉันจะยังเขียนเรื่องเก่าไม่จบ แต่ดิฉันก็กล้าจะเขียนเรื่องใหม่!! (โดนถีบหนักๆ อีกหลายที :z6:)
.
ขาเก่าอย่าเพิ่งท้อใจนะคะ บางเรื่องนายเอกค่าตัวแพง แสดงก็ยาก ถ่ายทำช้าย่อมเป็นธรรมดา (คนอ่านบอกว่า นานเกินไปแล้วว้อย เพี๊ยะๆ  :beat:)
.
อิฉันขอนำเสนอเรื่องใหม่ อบอุ่น เบาสมอง (?) ก่อนค่ะ คั่นเวลา
.
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับช่างตัดเสื้อที่ทำงานตัดชุดให้กับเหล่าชนชั้นสูงในกรุงลอนดอน และลอร์ดหนุ่ม ว่าที่มาควิส ที่เผอิญมาเจอกันทั้งคู่ เรื่องราวความรัก(?) ระหว่างช่างตัดเสื้อหนุ่ม และท่านลอร์ด (ที่หนุ่มกว่า) จะเป็นอย่างไร เชิญติดตามค่า
.
Dear, My customer.

ตอนที่1 กอร์ดอนเทเลอร์

                กอร์ดอนเทเลอร์ เป็นร้านตัดสูทที่เปิดมานานกว่าห้าสิบปี ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน ริมถนนบรอมพ์ตัน ผู้ก่อตั้งร้านมีชื่อว่า กอร์ดอน โอเดนเบิร์ก เนื่องเพราะเขาเคยเป็นช่างตัดฉลองพระองค์ของดยุคแห่งยอร์กมาก่อน ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านกอร์ดอนเทเลอร์ จึงเป็นบุคคลในแวดวงชนชั้นสูง สูทของกอร์ดอนมีชื่อเสียงในด้านการทำให้ผู้สวมใส่ดูสูงสง่าขึ้นกว่าเดิม ถึงกับมีคนเปรียบเปรยว่า ต่อให้คนคนนั้นเป็นคนหลังค่อม หากได้ใส่สูทที่กอร์ดอนเป็นคนตัดแล้ว เขาจะดูเป็นคนหลังตรงขึ้นมาทันที

                ปันจุบันกอร์ดอนผู้ก่อตั้งร้านได้เสียชีวิตลงแล้ว ศพของเขาถูกฝังอยู่ในสุสานประจำตระกูลเช่นเดียวกันคนอื่นๆ ผู้ที่รับสืบทอดต่อร้านกอร์ดอนเทเลอร์ต่อจากเขาคือโอเดนเบิร์กผู้เป็นหลาน ซึ่งมีชื่อว่ากอร์ดอนเช่นกัน

                ปีนี้กอร์ดอน โอเดนเบิร์ก (ที่สอง ถ้าจะมีใครอยากเรียกเขาว่าอย่างนั้น) อายุสามสิบหกปีเต็ม เขาอาจจะยังดูอายุน้อยเมื่อเทียบกับอายุของร้าน แต่ประสบการณ์การตัดเย็บและออกแบบสูทของเขาไม่ธรรมดา เขาคลุกคลีและเป็นลูกมือให้กับปู่ของเขาตั้งแต่อายุสิบหก และแสดงพรสวรรค์ในการตัดเย็บออกมาอย่างไม่ปิดบัง ดังนั้นเหล่าบรรดาลูกค้าผู้สูงศักดิ์จึงยังวางใจในร้านกอร์ดอนเทเลอร์เสมอมา

--------------------------------------

                หน้าร้อนของลอนดอนนั้นแสนจะชื้นแฉะ กอร์ดอนก้าวเท้าออกจากร้าน ขึ้นรถม้าที่ให้เด็กรับใช้เรียกมารอไว้ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา เขาหยิบสมุดจดรายการผ้าและอุปกรณ์ที่ต้องซื้อออกมาไล่อ่านอีกครั้ง ขณะนั่งโขยกเขยกอยู่บนรถม้า แม้ว่ากอร์ดอนจะเป็นเจ้าของร้านสูทชื่อดัง แต่อย่าคาดหวังว่าตัวเขาจะใส่เสื้อผ้าหรูเนี้ยบอย่างที่เขาตัดให้กับบรรดาลูกค้าผู้สูงศักดิ์ ทั้งตู้เสื้อผ้า กอร์ดอนมีสูทที่ตัดเย็บอย่างประณีตแค่สองชุด ชุดหนึ่งเป็นผลงานที่ปู่ตัดให้เขาเป็นที่ระลึก ส่วนอีกชุดเป็นตัวที่เขาตัดเอาไว้ในตอนที่รับช่วงต่อ สูทสองชุดนี้เขาจะใช้ใส่เวลาต้อนรับลูกค้าคนสำคัญ เพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายนั้น ส่วนช่วงเวลาอื่นน่ะหรือ...

                “สวัสดีครับคุณโอเดนเบิร์ก ผมคิดว่าคุณจะไม่มาเสียแล้ว” เสียงชายวัยราวๆ ยี่สิบเศษในชุดกะลาสีเอ่ยทักทันทีที่เห็นกอร์ดอนลงจากรถม้าและก้าวเท้าเข้าไปในท่าเรือ กอร์ดอนกระชับเสื้อโค้ทตัวเก่าซึ่งเป็นมรดกตกทอดของ

ปู่ให้เข้ากับตัว ก่อนจะเอ่ยถามฝ่ายนั้น “สวัสดี กัสต๊อง ของล่ะ ลงหรือยัง?”

                “อยู่ในโกดังเรียบร้อยแล้วครับ คุณเข้าไปเลือกดูได้เลย เดี๋ยวผมจะรีบไปตามคุณม็อตให้”

                ชายหนุ่มผงกศีรษะ ก่อนจะยกมือจับหมวกเบเล่ที่เก่าพอๆ กับสูทให้เข้าที่ แล้วเดินฉับๆ เข้าไปด้านใน

                กอร์ดอนไม่เคยไปเลือกซื้อผ้าที่ร้านขายปลีก เช่นเดียวกับปู่ของเขา เขาจะมาเลือกผ้าตั้งแต่มันเพิ่งลงจากเรือ ผ้าที่ใช้ประจำส่วนใหญ่เขาจะสั่งแยกมาต่างหาก แต่หากต้องการดูผ้าแบบอื่นด้วย ก็ต้องมาดูที่ท่าเรือนี่แหละ

                ผู้ดูแลโกดังผ้าซึ่งเป็นชายสูงวัยที่ชอบสูบไปป์คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี พอเห็นเสื้อโค้ทเก่าๆ ตัวนั้นก็รีบดับไปป์และนำทางเขาเข้าไปในโกดังทันที

                “วันนี้มีผ้าแบบใหม่ๆ มาเยอะมาก น่าจะถูกในคุณหลายไม้อยู่” ฝ่ายนั้นพูด ก่อนจะชี้ให้ดูแนวม้วนผ้าที่วางเรียงรายกันอยู่ กอร์ดอนพยักหน้า นอกจากเขาจะแต่งตัวไม่ได้เรื่องเวลาไม่ได้อยู่ต่อหน้าลูกค้าแล้ว ทรงผมของเขาเองก็แย่พอๆ กับชุดที่เขาสวมนั่นแหละ กอร์ดอนไว้ผมด้านหน้ายาว (อย่างไม่ตั้งใจเพราะเขาไม่มีเวลาไปตัด) และจะให้ช่างในร้านใช้กรรไกรเล็มปลายของมันออก เวลาต้องพบปะกับสุภาพบุรุษชั้นสูง เขาจะใช้วิธีใส่น้ำมันและหวีจนมันเรียบแปล้ ทำให้เขาดูดีขึ้นมากว่าปกติอีกโข

                ผู้ดูแลโกดังมองชายหนุ่มวัยสามสิบเศษที่กำลังเลือกผ้าอย่างตั้งใจ แล้วหัวเราะออกมา “ให้พูดอีกครั้งหนึ่งนะ คุณไม่มีทางหาแฟนได้แน่ถ้ายังทำตัวเหมือนปู่คุณตอนอายุห้าสิบแบบนี้”

                 “ผมก็ไม่ได้อยากจะทำตัวเหมือนคุณปู่หรอกนะจอร์จ” ฝ่ายนั้นพูด ขณะพยายามยกม้วนผ้าม้วนหนึ่งขึ้นมา “แต่ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปทำตัวดีๆ เหมือนที่คุณว่ากันล่ะ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณปู่ตอนอายุเท่าผมเขามีผู้หญิงมาติดพันมากขนาดไหน แต่เขาคงมีเวลาว่างแต่งตัวกว่าผมแน่ๆ อย่างน้อย เขาก็ตัดเสื้อให้แค่ท่านดยุกคนเดียว”

                ชายที่ชื่อจอร์จหัวเราะจนเห็นฟันที่ดำเพราะคราบเขม่า “ถึงงั้นก็เถอะ ผมยังเห็นว่าปู่ของคุณไม่มีทางใส่หมวกเบเร่แบบนี้ กับเสื้อโค้ทตัวนี้แน่ๆ เขามีอีกตัวที่เข้าชุดกว่า และมันไม่ใช่เสื้อโค้ท”

                “ผมไม่อยากใส่หมวกทรงสูงขึ้นรถม้าเวลาฝนตก” กอร์ดอนว่า “มันลำบากเวลาโดนน้ำฝน และลำบากกว่าเวลาคุณต้องหยิบอะไรขึ้นมาดูในรถ แล้วต้องคอยระวังไม่ให้หมวกหล่นลงมาเวลารถกระเทือน”

                เฒ่าจอร์จหัวเราะดังกว่าเดิม “ให้ตายผมคงไม่มีทางได้ทำแบบนั้นแน่” เขาพูด พลางไล่สายตามองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม

                “คุณได้เค้าหน้าปู่มาเต็มๆ”

                “คุณพูดเป็นรอบที่ล้านแล้ว ถ้าผมนับไว้นะ” กอร์ดอนพูด แต่ยังคงใช้สายตาจับจ้องม้วนผ้า ขณะที่ลูบคลำดูเนื้อของมัน

                “ส่วนตากับผมนี่ เป็นของคุณย่าคุณแน่นอน”

                กอร์ดอนรู้ว่าย่าเป็นคนสวย แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นตัวจริงเลยก็ตาม ย่าเสียไปตั้งแต่เขายังไม่เกิด มีเพียงรูปวาดติดเอาไว้ในบ้านให้ระลึกถึง ผมของย่าเป็นลอนสีทองสลวย ดวงตาเป็นสีน้ำเงินใส ปู่เองก็เคยบอกว่าเขาสวยเหมือนย่า แต่กอร์ดอนนึกเถียงในใจเสมอ อย่างน้อยๆ ย่าก็มีผมลอนสวย สวนเขาดันมีผมตรงแด่ว ที่พอไม่ใส่น้ำมันและหวีให้เข้าที่แล้ว ดูแย่ยิ่งกว่าคนเพิ่งตกน้ำมาเสียอีก

                ผ้าม้วนนั้นเป็นสีน้ำตาลเข้ม ทอลายตรงสีน้ำตาลที่อ่อนกว่าเล็กน้อย เนื้อผ้านุ่มลื่น แค่ได้สัมผัสก็รู้ว่ามันต้องเป็นที่ถูกใจสำหรับทุกคน

                “ม้วนนี้แหละ” กอร์ดอนว่า จอร์จมองผ้าม้วนนั้น แล้วพูดออกมา “ผ้าแคชเมียร์ คุณนี่ตาถึงตลอด ได้ของดีไปก่อนใครอีกแล้ว”

                “ผมอยากได้แคชเมียร์อีก ทำไมคุณไม่จัดพวกมันไว้รวมกัน” กอร์ดอนถาม ขณะเลือกดูผ้าม้วนอื่น ได้ยินเสียงจอร์จตอบออกมา “ก็คุณมาเร็วเกินไป พวกผมจัดทันเสียที่ไหน”

------------------------------------------

                หลังจากกอร์ดอนแน่ใจว่าไม่มีผ้าม้วนไหนเล็ดลอดสายตาเขาไปได้อีกแล้ว เจ้าตัวก็จ่ายเงินค่าผ้าที่เลือกไว้ทั้งหมดรวมห้าม้วน ผ้าพวกนี้จะมีคนนำไปส่งให้ถึงร้านของเขา รวมกับผ้าม้วนอื่นที่เขาสั่งเอาไว้

                กอร์ดอนก้มมองนาฬิกาพกที่หยิบออกมาจากอกเสื้อ มันบอกเวลาสิบเอ็ดโมง เขาใช้เวลาเลือกผ้าพวกนั้นไปเพียงแค่สองชั่วโมง ยังมีเวลาอีกโขกว่าจะถึงเวลาน้ำชาช่วงบ่าย ขณะคิดว่าจะไปไหนต่อดี เสียงเอะอะเอ็ดตะโรก็ดังขึ้นข้างตัว

                “เฮ้ย ระวัง!”

                ใครบางคนกระชากตัวเขาออกมา ก่อนที่กอร์ดอนจะทันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเสียอีก เสียงโครมดังขึ้นตรงหน้า ก่อนจะตามด้วยเสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ต้องใช้เวลาอีกเกือบครึ่งนาที กอร์ดอนถึงรู้ว่ามีรถม้าคันหนึ่งหลุดออกจากที่เทียม และเกือบจะพุ่งใส่ตัวเขา โชคยังดีที่มันเฉี่ยวเขาไม่ถึงเมตร

                “คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”

                เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวทำเอากอร์ดอนสะดุ้ง พอหันไปมองก็เห็นใบหน้าที่เขาไม่คุ้นตาเลยสักนิด “คุณเป็นใคร?”

                ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีผมที่เป็นลอนของเขาขึ้น ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงไม่เชิงว่าโกรธหรือขบขัน

                “นี่คือคำแรกที่คุณพูดกับคนที่เพิ่งช่วยชีวิคคุณเอาไว้หรือเนี่ย?”

                กอร์ดอนขมวดคิ้วมองคนคนนั้น จำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายตัวใหญ่ขนาดนี้ที่ไหนมาก่อนแน่ๆ แม้ว่าพวกกะลาสีเรือจะตัวใหญ่ก็เถอะ แต่ต้องไม่โกนหนวดเป็นระเบียบและหวีผมเรียบร้อยแบบนี้แน่ เขาทวนคำว่าช่วยชีวิต ก่อนจะนึกได้ว่ามีใครบางคนดึงเขาออกมา รถม้าคันนั้นถึงได้เฉี่ยวเขาไปแค่นิดเดียว

                “เอ่อ... ขอโทษที ผมตกใจน่ะ” เขาพูดออกมา ก่อนจะผงกศีรษะให้ฝ่ายนั้นหน่อยหนึ่ง “ขอบคุณนะที่ช่วยผมไว้”

                “ไม่เป็นไร” ฝ่ายนั้นตอบพลางยิ้ม ดวงตาสีเขียวของเขาดูมีประกายภายใต้ท้องฟ้าอึมครึม “คุณคงไม่ได้งานล่ะสิ แย่หน่อยนะ ผมว่าคุณคงมาสมัครงานผิดที่ นี่นี่รับแต่ผู้ชายตัวโตๆ มีแรงพอจะขนของหนักๆ พวกนั้นเท่านั้นแหละ คุณอย่าเสียใจไปเลย”

                “ผมเปล่า” กอร์ดอนปฏิเสธ ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ เขาก็เกิดไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้ขึ้นมา ใช่ว่าฝ่ายนั้นดูขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่เขาไม่ชอบใจวิธีการพูดกับคนแปลกหน้าของฝ่ายนั้นต่างหาก

                “ผมเข้าใจ” ฝ่ายนั้นพูดอีก “คุณคงหิว ไหนๆ ผมก็ขี้เกียจจะรอแล้ว คุณไปดื่มชาที่บ้านผมก็แล้วกัน คงพอทำให้อารมณ์ดีมีความหวังขึ้นมาได้หรอก”

                ไม่ทันที่กอร์ดอนจะทันได้อ้าปากพูดอะไร ฝ่ายนั้นก็โบกมือเรียกรถม้าอีกคัน ก่อนจะฉุดเขาขึ้นไป

----------------------------------------

                “อังกฤษนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด” ฝ่ายนั้นพูดหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง “พระราชินียังสบายดีอยู่ใช่มั้ย ผมว่าพระนางคงไม่เป็นอะไรง่ายๆ”

                กอร์ดอนลอบกวาดสายตามองคนที่นั่งตรงข้ามเขาอย่างไม่ให้ดูเสียมารยาท ฝ่ายนั้นแต่งตัวภูมิฐาน สวมเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ทันสมัย ถือหมวกเดอร์บี้สีดำในมือ ผิวขาวไม่มีรอยเกรียมแดด เขาคงไม่ได้มาจากอัฟกานิสถานหรืออินเดียแน่ๆ

                “พระราชินีทรงสบายดี” กอร์ดอนตอบไปตามมารยาท ก่อนจะถามตามมารยาทเช่นกัน “คุณคงจากบ้านไปนานมาก”

                “ไม่นานนะ แค่สองสามปี” ฝ่ายนั้นตอบด้วยท่าทางสบายๆ “แต่ผมแอบหวังอยู่นิดๆ เหมือนกันว่าพอกลับมาแล้วจะได้เห็นอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ก็อย่างว่า... ที่นี่อังกฤษ”

                “คุณประจำอยู่ที่ไหนล่ะ?” กอร์ดอนถามออกไป เพราะคิดว่าคนคนนี้อาจจะเป็นนายทหารระดับสูง นายทหารพวกนี้เวลากลับมาจะดูภูมิฐาน ต่างจากพวกทหารเล็กๆ ลิบลับ

                คนถูกถามเลิกคิ้วมองเขา แล้วตอบออกมา “อเมริกา”

                “อ้อ...” กอร์ดอนส่งเสียงในคอ รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบใจมารยาทของฝ่ายนั้น เพราะไปอยู่อเมริกามานี่เอง

                “แต่ไม่ได้ไปประจำการหรอก ผมไปช่วยธุรกิจของอาเฉยๆ” เขาตอบ ก่อนจะพูดต่อ “พวกเราคุยกันมาตั้งนานแล้ว คุณยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย”

                “ผมกอร์ดอน” กอร์ดอนพูด พลางนึกสงสัยว่าทำไมเขาจะต้องเป็นฝ่ายแนะนำตัวก่อนด้วย ในเมื่อทางนั้นฉุดเขาขึ้นรถมาแท้ๆ

                “ผมจอห์น เรียกผมว่าจอห์นนี่ก็ได้”

                กอร์ดอนพยักหน้าไปตามมารยาท และภาวนาให้รถม้าหยุดเสียที เขาจะได้หาข้ออ้างแยกตัวออกไป

                “ท่าทางคุณหิวนะ” ฝ่ายนั้นออกความเห็น “ไม่เป็นไร แอนนาคงเตรียมของว่างไว้เยอะเหมือนเคย คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก”

                “ผมเปล่า” แต่ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะพูดอะไรต่อ รถม้าก็หยุดลง ฝ่ายนั้นรีบยุดมือเขาเอาไว้ “ถึงบ้านผมแล้ว”

------------------------------------------

                สิ่งแรกที่กอร์ดอนคิดคือเขาต้องมาผิดที่ นี่ไม่ใช่บ้าน แต่เป็นคฤหาสน์หลังงามของมาควิสแห่งบาธ เฮนรี่ คาเวดิช หนึ่งในลูกค้าสุภาพบุรุษของเขา กอร์ดอนเคยถูกเชิญให้มาวัดตัวท่านมาควิสที่นี่บ่อยครั้ง มาร์ควิสคาแห่งบาธและภริยาเป็นผู้ดีที่น่านับถือ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ที่ผู้ชายตัวใหญ่ไร้มารยาทมาหยุดรถมาลงตรงนี้

                “ผมว่าคุณ...”

                เสียงของเขาถูกเสียงเคาะห่วงเหล็กที่ติดอยู่หน้าประตูรั้วดังกลบหมดสิ้น จากนั้นไม่กี่อึดใจ คนรับใช้ประจำคฤหาสน์ก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมา ก่อนจะร้องอุทานด้วยท่าทางเหมือนจะเป็นลม

                “นายน้อย!”

                “ใช่ ผมเอง คุณเปิดประตูได้มั้ย? ผมมีเพื่อนมาด้วย”

                คนรับใช้รีบตะลีตะลานเปิดประตูรั้วทันที “ทำไมมากันแค่สองคนล่ะครับ คุณโอลิเวอร์ล่ะ?”

                “เรือเข้าก่อนกำหนด” จอห์นว่า “ผมขี้เกียจรอโอลิเวอร์เลยนั่งรถม้ามาก่อนน่ะ”

                “โอ๊ย คุณท่านรู้ต้องเล่นงานพวกผมแน่ๆ” ฝ่ายนั้นพูด “แล้วของของคุณล่ะครับ”

                “ยังอยู่ที่ท่าเรือ โอลิเวอร์คงเอากลับมาเองนั่นแหละ”

                อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะรีบเดินนำฝ่ายนั้นเข้าไปยังตัวคฤหาสน์ทันที จอห์นก้าวเท้าตามไป แต่พบว่าคนที่มาด้วยกับเขายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่

                “นี่ เข้ามาเถอะน่า คนบ้านผมไม่จับคุณโยนออกไปหรอก”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ ให้เป็นให้ตายเขาก็ไม่ยอมให้มาร์ควิสแห่งบาธและภริยาเห็นตัวเองในสภาพแบบนี้เด็ดขาด “ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วนที่บ้านต้องกลับไปทำ”

                อีกฝ่ายมองเขาแล้วยิ้มอย่างรู้ทัน “ผมชอบนะที่คุณมีมารยาทขนาดนี้ แต่ไม่ต้องเกรงใจหรอก ยังไงวันนี้ผมก็ไม่มีใครมาเป็นเพื่อนดื่มน้ำชาอีกแล้วนอกจากคุณ”

                พูดจบก็ฉุดมือเขาให้เดินตามไปทันที กอร์ดอนอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

----------------------------------------

                แต่ดูเหมือนโชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้าง เพราะวันนี้ท่านมาควิสและภริยาออกไปสมาคมด้านนอก คงอีกนานกว่าจะกลับ พอรู้ดังนั้นกอร์ดอนค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย เขาตั้งใจว่าจะดื่มชาแค่แก้วเดียวแล้วรีบลากลับทันที

                “ผมคิดถึงมื้อเที่ยงจัง” จอห์นพูด ขณะที่ทั้งคู่นั่งลงบนโต๊ะสำหรับดื่มน้ำชา ซึ่งตั้งอยู่ตรงปีกหนึ่งของคฤหาสน์ แสงพร่ามัวที่ลอดกระจกหน้าต่างเข้ามาถูกเติมเต็มด้วยโคมไฟขนาดใหญ่ที่ติดเอาไว้ด้านบน

                “เราน่าจะมีเบคอนกับขนมปังด้วย ถึงแม้ว่าผมจะชอบเค้กของแอนนามากๆ ก็เถอะ” จอห์นพูดหลังจิบชาไปได้จิบหนึ่ง กอร์ดอนนั่งฟังอย่างอดทน และคิดว่าเขาควรจะพูดอะไรสักเล็กน้อยเพื่อเป็นมารยาท “ชาดีนะครับ”

                “อือ อันนี้น่าจะนำเข้ามาจากอินเดียล่ะมั้ง หรือว่าจีน... ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องชาเสียด้วยสิ”

                กอร์ดอนพยักหน้าตามมารยาท พลางคิดประโยคสวยๆ ที่จะทำให้เขากลับออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่ถูกอีกฝ่ายเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยเหตุผลไร้สาระ

                “ว่าแต่ก่อนหน้านี้คุณทำงานอะไร ท่าทางไม่เหมือนทหารเพิ่งปลดประจำการเลย คุณคงออกมาจากบ้านตอนฝนตก ผมเห็นรอยโคลนที่รองเท้าคุณ แต่ไม่มาก บ้านคุณคงอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ คุณคงทำงานเป็นเสมียนร้านขายอะไรสักอย่าง แล้วถูกใช้ให้ออกมาตามของที่ท่าเรือใช่มั้ย? ผมเดาถูกรึเปล่า?”

                กอร์ดอนยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก “คุณกำลังพยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนเชอร์ลอร์ค โฮล์ม”

                “อื้อ” ฝ่ายนั้นยอมรับ “ผมชอบหนังสือเรื่องนี้ ผมให้ที่บ้านส่งไปให้ทางเรือ กว่าจะได้อ่านก็นานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน คุณว่าการอนุมานของผมเป็นไง”

                กอร์ดอนอยากจะบอกว่าผิดถนัด แต่เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท เพราะดูแล้วไม่แน่ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาอาจจะเป็นลูกชายของท่านมาร์ควิสแห่งบาธ เลี่ยงปัญหาได้ก็เลี่ยงดีกว่า

                “ถูกอยู่ส่วนหนึ่ง ผมออกจากบ้านตอนฝนตก แต่บ้านผมไม่ได้อยู่ใกล้ท่าเรือหรอก”

                “อืม... แต่รอยโคลนบนรองเท้าคุณมันน้อยมาก คุณไม่ได้เดินย่ำโคลนมาแน่ๆ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณถลกขากางเกงขึ้นมา คุณคงทำแบบนั้น เพราะถ้าใส่กางเกงที่ขาเลอะไปสมัครงานคงดูไม่ดี ถูกใช่มั้ย?”

                คราวนี้กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขาตัดสินใจยื่นมือออกไปให้ฝ่ายนั้นดู “งั้นคุณดูมือผม มือแบบนี้คุณคิดว่าผมทำงานอะไร”

                จอห์นมองดูนิ้วมือของฝ่ายนั้น มันเรียวยาว ดูแล้วไม่เหมือนมือของคนทำงานหนัก เพียงแต่มีรอยไตนูนๆ อยู่บนนิ้วกลางด้านขวา

                “คุณถนัดขวา”

                “ครับ”

                “ทำงานอะไรสักอย่างที่นิ้วกลางด้านขวาต้องเสียดสีกับอะไรนานๆ งานอะไรนะ”

                กอร์ดอนจิบชาไปพลางแอบสังเกตฝ่ายนั้นไปพลาง นึกสงสัยว่าเจ้าตัวจะทายถูกกับเขาบ้างไหม จอห์นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโพล่งออกมา “รู้แล้ว คุณเป็นช่างตัดเสื้อ มีแต่มือที่ต้องจับกรรไกรเท่านั้นแหละที่มีรอยแบบนี้ได้ ผมเคยเห็นครั้งนึง ตอนเด็กๆ”

                คราวนี้กอร์ดอนพยักหน้า ฝ่ายนั้นจึงพูดต่อด้วยความดีใจ “คุณต้องทำงานหนักมาก อาจจะเป็นลูกจ้างในร้านเล็กๆ ทำงานหนักแต่ค่าแรงน้อย เลยต้องใช้เสื้อโค้ทเก่าๆ กับหมวกที่ไม่เข้ากันเอาเสียเลย คงยุ่งมากด้วย เพราะผมก็ไม่ค่อยได้ตัด”

                กอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะเก็บความไม่พอใจเอาไว้ให้มิดสีหน้า “เสื้อโค้ทตัวนี้เป็นของดูต่างหน้าของคุณปู่ผม”

                “อ้อ... ผมขอโทษด้วย” ฝ่ายนั้นรีบพูด และแสดงสีหน้าเสียใจจริงๆ ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วพูดต่อ “ยังไงก็ขอบคุณน้ำใจคุณมากที่อุตส่าห์ชวนผมมาดื่มชาด้วย แต่ผมต้องรีบกลับไปทำงานแล้ว คุณทายถูก งานผมยุ่งมากจริงๆ”

                “ว้าว!” ร่างสูงใหญ่ร้องออกมา “งั้นผมไปส่ง โอลิเวอร์คงกลับมาแล้ว ผมจะให้เขาเอารถม้าไปส่งคุณ”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนปฏิเสธอย่างสุภาพ “ร้านผมอยู่ในตรอกแคบๆ คงไม่สะดวกสำหรับรถม้าคันใหญ่ ผมกลับเองจะดีกว่า ยังไงก็ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับน้ำชา”

                จอห์นทำท่าจะพูดอะไร แต่ฝ่ายตรงข้ามรีบลุกขึ้นและโค้งให้เขาอย่างสุภาพ ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไป เขาจึงต้องรีบเดินตามมา

                “เดี๋ยว ร้านคุณชื่ออะไร ผมจะได้บอกให้คุณพ่อไปตัดเสื้อ”

                กอร์ดอนหันมายิ้มให้เขา “ร้านผมไม่มีชื่อหรอกครับ ท่านลอร์ด”

----------------------------------   
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 04-01-2017 11:15:41
มีความฟิน(ฮา)
อ่านแล้วบรรยากาศแบบลอนดอนลอยขึ้นมาเลย
ว่าแล้วก็ปูเสื่อรอต่อไป  :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: klongpani ที่ 04-01-2017 11:21:38
เห็นแล้วถึงกับต้องเข้ามาสครีมดังๆ
กรี๊ดดดดดดดดด เรื่องใหม่มาแล้วววววว
ชอบพล็อตมากค่ะ ผู้ดีอังกฤษด้วย หุๆๆๆๆๆๆๆๆ
ท่าทางไม่เบาทั้งคู่ เฉือนกันท่าจะมันส์ ฮา
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poporimikoru ที่ 04-01-2017 11:44:58
มาเจิม แอร้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  บรรยากาศลอนดอน มากค่ะสำผัสได้ถึงความฟรุ้งฟริฟริ้ง รอตอนต่อไป  :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-01-2017 12:31:59
อ๊ากกกกกกกกก ดีใจทุกครั้งที่เรื่องใหม่มาถึงเรื่องเก่าจะยังไม่จบ   :z10: :z10: :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-01-2017 12:45:22
บรรยายบรรยากาศแล้วนึกภาพตามออกเลยค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 04-01-2017 18:35:07
สนุกกก น่าติดตามมากก
มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 04-01-2017 19:43:55
ท่านลอร์ดแอบปากเสีย 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 04-01-2017 20:02:39
เห็นชื่อคุณ Juon แทบจะกรีดร้อง ดีใจมาก
รีบตามเข้ามาอ่าน
สำนวนย้อนยุคได้ใจมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2017 20:39:35
ติดตามๆ เจอหนุ่ม(ใหญ่)อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-01-2017 22:07:53
นี่ถ้าบอร์ดส่งเสียงได้ เสียงกรี๊ดคงดังระงม

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เรื่องใหม่!!!!!!

ทันถ่ายทอดสด!

ได้กลิ่นฝนและมองเห็นฟ้าครึ้มหมอกของลอนดอนเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 04-01-2017 23:43:17
ง่อววววววว เล่นเป็นโฮล์มซะด้วย ถ้ามีคดีเล็กน้อยๆขึ้นมาคงสนุกหน้าดู
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: toru10969 ที่ 05-01-2017 01:15:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:กรี้ดดด เห็นชื่อคุณZuonรีบกดมาอ่านแล้วเม้นอย่างไว

รอลุ้นตอนต่อไป คุณช่างตัดเสื้อกับคุณชาย  :-[ :o8: o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 05-01-2017 02:06:24
ถ้าเจอกันอีกครั้งท่านลอร์ดจะจำได้มั้ยนะ
ติดตามคับ ๆๆ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-01-2017 07:04:31
ดูท่าท่านลอร์ดจะเป็นคนตลก(?)
ถ้าเจอกันอีกที (ที่ร้าน) ท่านลอร์ดจะจำช่างตัดเสื้อได้ไหมนะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-01-2017 07:39:44
ชอบความพุดไปเรื่อยของพระเอกจิงๆ
ถึงจะผิดสักครึ่งนึงก้อเหอะ 55555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 (4/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 05-01-2017 07:52:56
พระเอกนี่จะถูกจัดไปอยู่ในหมวดหมู่คนน่ารำคาญได้ไหมนะ?
ท่านหลอดพูดไม่หยุดพูกได้อีก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-01-2017 20:00:27


Dear, My customer.

ตอนที่2 ลูกค้าสูงศักดิ์ที่ชวนปวดหัว


                โชคดีของกอร์ดอน ที่เขาจับรถม้ามาทันเตรียมชุดลองของเอิร์ลแห่งอัลบานี และมีเวลามากพอจะแต่งตัวใหม่ให้สมกับเป็นเจ้าของร้าน ‘กอร์ดอนเทเลอร์’ ร้านสูทที่ดีที่สุดร้านหนึ่งของลอนดอน

                เขาไปถึงคฤหาสน์ของท่านเอิร์ลตรงเวลานัดเปะๆ ห้าโมงเย็นไม่ขาดไม่เกิน

                เอิร์ลแห่งอัลบานีเป็นชายวัยกลางคนที่มีลำคอสั้น ชุดสูทของเขาจึงต้องทำคอให้ลดลงมาหน่อยหนึ่ง เพื่อให้ดูมีคอขึ้น ท่านเอิร์ลดูพึงพอใจกับสูทชุดใหม่ เขาออกปากชมไม่หยุดปาก และบอกกับกอร์ดอนว่าเขาตัดสินใจจะใส่สูทตัวนี้ไปงานเลี้ยงของมาควิสแห่งบาธที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่จะถึง ซึ่งก็คือวันพรุ่งนี้ กอร์ดอนรับปากว่าจะแก้ไขจุดบกพร่องที่มีเพียงเล็กน้อยในชุดสูทตัวหรู และนำมาส่งให้ท่านเอิร์ลก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้

                คืนนั้นกอร์ดอนกลับมาที่ร้าน แก้สูทตัวนั้นจนเกือบสามทุ่ม จึงเข้านอน เขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะให้เด็กนำเอาชุดไปส่งตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนตัวเองจะจัดการชุดอื่นที่ยังค้างอยู่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเร่งงานมากนัก

------------------------------------

                ทว่า เช้าวันรุ่งขึ้น กอร์ดอนถูกปลุกด้วยเสียงออดตั้งแต่เช้าตรู่ เช้าเกินกว่าเวลาที่นาฬิกาปลุกของเขาตั้งไว้เสียอีก เขาลุกขึ้นจากเตียง สวมเสื้อคลุม พลางนึกสงสัยว่าใครที่มากดออดที่ร้านเอาเวลาป่านนี้ บางทีอาจจะเป็นคนมือบอน หรือพวกคนจรจัดที่สติไม่ดีก็ได้

                เด็กรับใช้วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน “มีคนมาขอพบคุณครับ”

                “ใคร?”

                “เขาบอกว่าชื่อจอห์น”

------------------------------------

                กอร์ดอนเดินลงบันไดมา พลางนึกสงสัยว่าลอร์ดหนุ่มคนนั้นได้อย่างไรว่านี่คือร้านของเขา ครั้นจะไม่ออกไปต้อนรับ ทางนั้นก็อาจเป็นถึงลูกชายของมาร์ควิสแห่งบาธ ถ้าเกิดไม่พอใจอะไรขึ้นมาอาจจะมีผลกับร้านของเขาได้ ถึงแม้กอร์ดอนจะมั่นใจในฝีมือตัดเสื้อของตัวเอง แต่จะให้เขาเอาฝีมือมางัดข้อกับฝีปากของลอร์ดจอมจุ้น เขาไม่ขอลองดีกว่า ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงจำต้องเปิดประตูร้านตั้งแต่ยังไม่รุ่งเช้า เพื่อต้อนรับการมาของท่านลอร์ดปากมากคนดังกล่าว

                “ว้าว ผมเดาถูก ที่นี่ร้านคุณจริงๆ ด้วย” นั่นคือคำแรกที่ลอร์ดหนุ่มทักทายเขา กอร์ดอนพยายามทำสีหน้าต้อนรับลูกค้าเต็มที่ “อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด ไม่ทราบว่าคุณมีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้”

                “อรุณสวัสดิ์” ฝ่ายนั้นทักทายตอบเขา ก่อนจะพูดต่อ “โทษทีผมมัวแต่ตื่นเต้น ไม่คิดว่านี่จะเป็นร้านคุณจริงๆ เห็นว่าชื่อเหมือนคุณก็เลยลองเรียกดู”

                กอร์ดอนไม่แน่ใจว่านี่เป็นโชคร้ายของเขา หรือโชคดีของลอร์ดหนุ่มกันแน่ที่กดออดเรียกถูกคน

                “เชิญคุณเข้ามาข้างในก่อนดีกว่า” เขาเปิดประตูให้ฝ่ายนั้นตามมารยาท ก่อนจะพบว่านอกจากตัวท่านลอร์ดแล้ว ไม่มีใครตามมาอีก

                “มาคนเดียวหรือครับ” กอร์ดอนถาม ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์ไฟ แสงจากหลอดไฟแบบใหม่สว่างวาบขึ้นขึ้นมาทันที

                “อือ ผมขี้เกียจรอโอลิเวอร์ เลยขับรถออกมาเอง กลัวใช้เวลาหาร้านคุณนาน” ลอร์ดหนุ่มพูด ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้สำหรับรับรองแขกโดยไม่ต้องรอคำอนุญาต

                “คุณขับรถมาเอง?” กอร์ดอนทวนคำ ฝ่ายนั้นพยักหน้า “ใช่ แปลกหรือ? ก็เห็นคุณบอกว่าร้านอยู่ในตรอกแคบๆ ผมเลยคิดว่าเอารถมาดีกว่า ยังไงก็จอดไว้ข้างทางได้”

                กอร์ดอนนึกถึงพาหนะเดินทางรุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ไอน้ำขับเคลื่อนแทนม้า ก่อนจะพยักหน้า “ผมน่าจะตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงรถคุณแล้ว”

                “ฮ่าๆ ผมว่าวันนี้ทุกคนแถบนี้คงตื่นเช้า” ลอร์ดหนุ่มดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำเหน็บแนมของฝ่ายตรงข้าม เขาใช้ดวงตาสีเขียวสดใสมองกอร์ดอน ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ร้าน

                “ร้านคุณสวยนะ เปิดมานานแล้วหรือยัง?”

                “ประมาณห้าสิบปีครับ”

                “ห้าสิบ? ผมดูยังไงคุณก็น่าจะอยู่ไม่เกินสามสิบ” ฝ่ายนั้นทวนคำด้วยท่าทางพิศวง กอร์ดอนตอบด้วยท่าทางเรียบๆ “ผมรับช่วงต่อมาจากปู่ ปีนี้ผมอายุสามสิบหกแล้ว”

                “ว้าว!” คู่สนทนาของเขาร้องอุทานออกมา “คุณแก่กว่าผมรอบนึงพอดี เหลือเชื่อเลย”

                กอร์ดอนยิ้มและตัดสินใจตัดบท “ว่าแต่ท่านลอร์ดมีธุระอะไรหรือครับ ถึงได้รีบมาแต่เช้า”

                “คุณเรียกผมว่าท่านลอร์ดอีกแล้ว” อีกฝ่ายทักเขายิ้มๆ “รู้ได้ไงผมเป็นลอร์ด”

                “อ้าว ก็เมื่อวานคุณเชิญผมเข้าไปในคฤหาสน์ท่านมาร์ควิสแห่งบาธ แล้วคนรับใช้เรียกคุณว่านายน้อย คุณก็ต้องเป็นลูกชายเขาสิครับ”

                “ว้าว นั่นสินะ เรื่องมันง่ายแค่นี้เอง” ลอร์ดหนุ่มหัวเราะชอบใจ “ถูกของคุณ ผมเป็นลูกชายเขา จอห์น คาเวดิช เอิร์ลแห่งโทรว์บริด ในที่สุดผมก็ได้แนะนำตัวกับคุณอย่างเป็นทางการเสียที”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ผม กอร์ดอน โอเดนเบิร์กครับ คุณมีธุระอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?”

                “ผมอยากได้สูทตัวใหม่” เขาตอบ แล้วพูดต่อ “พ่อบ่นว่าสูทที่ผมเอามาจากอเมริกาดูไม่เข้ากับที่นี่ งานก็ไม่เรียบร้อย ผมขี้เกียจรำคาญเลยบอกว่าจะออกมาหาร้านตัดเอง พ่อต้องแปลกใจแน่ๆ ที่ผมรู้จักร้านคุณ เขาเพิ่งบอกว่ามีร้านตัดประจำอยู่ เดี๋ยวผมจะดูว่าสวยสู้ที่คุณตัดได้มั้ย”

                กอร์ดอนยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แม้อยากจะพูดว่าร้านที่มาควิสแห่งบาธพูดถึงก็คือร้านที่ท่านเอิร์ลกำลังยืนอยู่นี่แหละ

                “แล้วคุณจะใช้เมื่อไหร่ล่ะครับ?”

                “เย็นนี้ พ่อบอกว่าร้านเก่งๆ ทำทัน ผมว่าคุณต้องเก่งแน่ เลยมาตั้งแต่เช้าไง”

                รอยยิ้มของกอร์ดอนค้างอยู่บนใบหน้า เขานึกถึงคำพูดของเอิร์ลแห่งอัลบานี มาควิสแห่งบาธเชิญเขาไปงานเลี้ยงเย็นวันนี้ คงเป็นงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของลูกชายนั่นแหละ ทำไมเขาถึงไม่คิดมาก่อนนะ

                “ผมเกรงว่า...” กอร์ดอนพยายามเลือกใช้คำที่ดูเหมาะสมและไม่น่าเกลียดเกินไปนัก เขาไม่อยากตัดชุดให้เอิร์ลคนนี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

                “ว่าอะไรล่ะ?”

                “คือมันเป็นงานเร่ง” กอร์ดอนตัดสินใจตอบตามตรง “ผมคงต้องให้คุณอยู่ที่นี่เพื่อวัดตัวตลอด ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้”

                “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” อีกฝ่ายตอบ แล้วยิ้ม “ผมอยู่นี่ยันเย็นเลยยังได้ เอางี้ คุณตัดชุดเสร็จก็ไปงานเลี้ยงกับผมเลย ผมเชิญเอง”

                กอร์ดอนอยากจะตบปากตัวเองจริงๆ ทำไมเขาถึงใช้บรรทัดฐานคนทั่วไปตัดสินคนคนนี้กันนะ

                “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ... คุณอาจจะต้องไปธุระ...”

                “ไม่มีแล้วล่ะ ธุระของผมวันนี้มีแค่เรื่องชุด หรือว่าคุณไม่อยากตัดชุดให้ผม”

                “ผมเปล่าครับ”

                “งั้นเป็นอันตกลงเลย คุณมีผ้าให้ผมดูไหม ผมอยากเลือกผ้าก่อน”

                กอร์ดอนจำใจต้องรับงานเร่งชิ้นนี้ เขาพาลูกค้าใหม่ไปเลือกผ้าที่ด้านในร้าน “คุณอยากได้สูทโทนสีอะไรครับ”

                “พ่อผมอยากให้มันดูเป็นอังกฤษ” ฝ่ายถูกถามพูด ขณะขมวดคิ้วมองม้วนผ้าหลายม้วนที่วางอยู่ “แต่ผมไม่อยากได้สีดำ มันดูเป็นทางการเกินไป นี่เป็นแค่งานเลี้ยงฉลองสนุกๆ เท่านั้น คุณว่าสีน้ำตาลทองเป็นไง”

                “ไม่ดีครับ ผมว่า” กอร์ดอนออกความเห็น “คุณเป็นคนร่างใหญ่ ต้องใส่สีทึบถึงจะดูดี เป็นสีน้ำตาลเข้มดีไหมครับ ผ้าตัวนี้ผมเพิ่งได้มาใหม่” เขาพูดและยกม้วนผ้าแคชเมียร์สีน้ำตาลที่ได้มาจากท่าเรือเมื่อวานออกมาวางบนโต๊ะ “ลองคุณจับดูก่อนครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดลองจับผ้าผืนนั้น หลังลูบคลำอยู่หลายครั้ง เขาก็พูดออกมา “อือ ผืนนี้แหละ ดูแล้วน่าจะใส่สบาย แล้วเสื้อกั๊กด้านในคุณว่าใช้ผ้าอะไรดี ไม่เอาผ้าสีเดียวกับสูทนะ ผมว่ามันน่าเบื่อ”

                “ผืนนี้แล้วกันครับ เข้ากันดี” กอร์ดอนหยิบผ้าสีน้ำตาลแก่ออกมาเทียบกับผ้าม้วนที่วางอยู่บนโต๊ะ เจ้าของชุดเห็นแล้วก็ตอบตกลงทันที “ดี เอาตามนี้เลย”

                “งั้นเดี๋ยวเชิญคุณตรงแท่นวัดตัวเลยครับ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านตัดเสื้อเดินนำลูกค้าของเขาไปยังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีแท่นยืนเตี้ยๆ วางอยู่ พร้อมกระจกเต็มตัวอีกสามบาน แสงสว่างจากดวงไฟที่อยู่ภายในห้องทำให้กระจกสะท้อนภาพคนสองคนออกเป็นสามภาพในมุมต่างกัน

                “ผมต้องขึ้นไปยืนบนนี้หรือ?” เอิร์ลหนุ่มพูดอย่างไม่แน่ใจนัก “คุณไม่น่าจะวัดตัวผมถึงนะ”

                “ผมมีวิธีครับ ไม่เป็นไร คุณขึ้นไปยืนเถอะ” กอร์ดอนพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น จะว่าไปแล้ว นี่คงเป็นลูกค้าชั้นสูงที่มารยาทแย่และพูดมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา

                ลอร์ดโทรว์บริดมองเขาอึดใจหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปยืนบนแท่นวัดตัว เขาดูสูงเข้าไปอีกเมื่อทำแบบนั้น กอร์ดอนลากเก้าอี้ตัวเตี้ยที่วางอยู่ตรงมุมห้องมา ลูกค้าสุภาพบุรุษของเขามีจำนวนไม่น้อยที่ตัวสูงมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหากับการรับมือด้านความสูง แต่ลอร์ดโทรว์บริดนอกจากจะสูงแล้ว ยังตัวหนาอีกด้วย ไม่ใช่อ้วน แต่เพราะกล้ามเนื้อโตๆ พวกนั้นต่างหาก

                “ท่าทางคุณชอบเล่นกีฬานะครับ” กอร์ดอนพูดขณะวัดตัว เขามักชวนลูกค้าพูดคุยบ้างเพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศอึดอัดมากนัก อีกฝ่ายตอบเขา “อือ ผมชอบเล่นทุกอย่างแหละ รักบี้ คริกเก็ต ขี่ม้า ฟุตบอล โปโลผมก็ชอบ”

                กอร์ดอนพยักหน้าไปตามเรื่อง เขาตวัดสายรัดไปรอบลำคอของฝ่ายนั้น เอานิ้วคั่นเอาไว้นิ้วหนึ่ง ดูตัวเลข ก่อนจะปลดสายรัดออกมาพาดเอาไว้กับคอของตัวเอง แล้วหยิบสมุดบันทึกออกมาจากอกเสื้อเพื่อจดขนาด

                “ให้ผมถือสมุดให้คุณมั้ย?” คนที่ถูกวัดตัวอยู่เสนอความช่วยเหลือ กอร์ดอนสั่นศีรษะ ปกติเขาจะมีผู้ช่วยคอยจดให้ แต่เพราะลูกค้ารายนี้มาที่ร้านตั้งแต่ยังไม่มีใครตื่น เขาเลยต้องลงมือจดเองด้วยสภาพอย่างที่เห็น

                “คุณต้องอยู่นิ่งๆ ครับ ไม่งั้นเดี๋ยวเวลาวัดตัวแล้วมันจะพลาดเอา”

                “อ้อ...”

                “ช่วยกรุณายกแขนขึ้นหน่อยครับ ผมจะได้วัดรอบอกคุณ”

                เอิร์ลหนุ่มยกมือขึ้นอย่างว่าง่าย กอร์ดอนเอื้อมมือไปเพื่ออ้อมสายวัดรอบตัวเขา แต่เพราะฝ่ายตรงข้ามตัวใหญ่จริงๆ เขาจึงต้องเอื้อมมากกว่าปกติ แทบจะต้องเอาหน้าแนบไปกับหน้าอกของฝ่ายนั้นเพื่อให้สามารถเอื้อมมือถึงสายวัดที่อ้อมไปด้านหลังได้ ขณะที่ก้มลงจดตัวเลข เสียงของลอร์ดโทรว์บริดก็ดังขึ้น “ผมล่ะคิดว่าคุณจะกอดผมซะแล้ว”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองฝ่ายนั้นด้วยความแปลกใจ และได้รอยยิ้มตอบกลับมา “คุณทำท่าอย่างกับจะกอดผมแน่ะ”

                “คุณตัวใหญ่ครับ” อีกฝ่ายตอบ แต่ท่านเอิร์ลดูเหมือนจะมีข้อสงสัยอีก “ผมว่ามีคนอีกหลายๆ คนในลอนดอนที่ตัวใหญ่กว่าผมนะ อย่างน้อยๆ ก็รอบอกใหญ่ นี่คุณทำท่าเหมือนจะกอดเขาทุกคนเลยหรือ?”

                กอร์ดอนคิดว่าเขาต้องพยายามอดทนให้เต็มที่ ชายหนุ่มตอบฝ่ายนั้นเสียงเรียบๆ “ปกติแล้วผมมีผู้ช่วยครับ เพียงแต่ตอนนี้พวกเขายังมาไม่ถึง”

                “อ๋อ... โล่งไปที” ท่านเอิร์ลพูดแล้วหัวเราะ กอร์ดอนมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะก้มศีรษะ “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับถ้าทำให้คุณอึดอัด”

                “เปล่าเลยๆ” ลอร์ดโทรว์บริดรีบพูด “ผมไม่ได้อึดอัด จะว่าไงดี... ผมแค่คิดว่ามันไม่ดีเลยถ้าคุณจะไปเที่ยวทำท่ากอดใครต่อใคร”

                “ผมไม่ได้ทำท่ากอด... ปกติแล้วผมมีผู้ช่วย เพียงแต่คุณมาเช้าเกินไปเท่านั้นครับ” กอร์ดอนคิดว่าน้ำเสียงของเขาคงฟังดูกระด้างขึ้นบ้างแล้ว ฝ่ายตรงข้ามผงกศีรษะ “เข้าใจล่ะ”

                ชายหนุ่มลงจากม้านั่ง เพื่อวัดรอบเอว และช่วงสะโพก โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้สายตาจับจ้องการกระทำของเขาในทุกอิริยาบถ

                “ปลายขากางเกงคุณอยากจะให้กว้างขนาดไหนครับ” กอร์ดอนพูด ขณะอ้อมสายวัดไปรอบช่วงเท้าของอีกฝ่าย “ประมาณนี้ดีมั้ยครับ?” เขาวงสายรัดเอาไว้ แล้วขยับให้อีกฝ่ายดู เอิร์ลหนุ่มก้มมอง แล้วพยักหน้า

                “ช่วงต้นขาให้หลวมหน่อยก็ได้ เข้ารูปเกินไปเวลาเดินมันขยับลำบาก”

                “ครับ”

                “เรียบร้อยครับ” กอร์ดอนพูด และรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด เขาหันหน้ากลับมาหาลูกค้ารายใหม่ “เดี๋ยวผมจะเขียนแบบเสื้อ ระหว่างนี้คุณกลับไปทานมื้อเช้าที่คฤหาสน์ก่อนก็ได้ครับ สักราวๆ สิบเอ็ดโมงค่อยมาอีกที”

                “แล้วคุณไม่ทานมื้อเช้าหรือ?” ฝ่ายนั้นย้อนถาม กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวช่วงสายๆ จะมีแม่บ้านเข้ามาทำอาหารให้”

                “อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดส่งเสียงในคอ “งั้น เดี๋ยวผมรีบกลับมาแล้วกัน ขอโทษด้วยนะที่มารบกวน”

                “ไม่เป็นไรครับ หน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

----------------------------------

                กอร์ดอนเดินออกไปส่งลอร์ดโทรว์บริดที่หน้าร้าน ก่อนจะสั่งให้เด็กรับใช้ไปตามตัวช่างตัดเสื้อที่ประจำอยู่ที่ร้านของเขาสองคนให้รีบมาก่อนเวลา หลังจากนั้นเจ้าตัวจึงลงมือเลือกผ้าซับในที่จะใช้กับสูท และเขียนแบบลงไปบนผ้าที่ใช้ทำตัวเสื้อ ตอนที่ช่างอีกสองคนมาถึง เขาก็ตัดผ้าเสร็จพอดี

                “งานด่วนของลอร์ดโทรว์บริด” เขาบอกทั้งคู่หลังจากทักทายกันตามมารยาทเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนเลิกคิ้ว “ลอร์ดโทรว์บริด? ใครครับ?”

                “ลูกชายของท่านมาร์ควิสแห่งบาธน่ะ” กอร์ดอนว่า “เขาเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริด”

                “เอ๋? ลูกชาย?” อีกคนทวนคำ ก่อนจะร้องออกมาอย่างนึกได้ “นึกออกแล้ว ลอร์ดโทรว์บริด เขาเคยเป็นนักรักบี้ชื่อดังเมื่อหลายปีก่อน เห็นว่าไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เรียนจบจากอ็อคฟอร์ดใหม่ๆ คงสักสามสี่ปีได้แล้วมั้ง”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะเข้าใจได้เสียทีว่าทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นลอร์ดโทรว์บริดมาก่อน เพราะลอร์ดบาธเพิ่งมาตัดเสื้อกับเขาได้แค่สองปี

                อีกสองคนพยักหน้าบ้าง “ว่าแต่ลอร์ดโทรว์บริดจะรีบใช้ชุดไปไหนครับเนี่ย ผมคิดว่าอย่างเขาน่าจะมีชุดเหลือเฟือเลยนะ”

                “เย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับ” กอร์ดอนตอบ “เขาอยากจะได้ชุดแบบอังกฤษเพื่อที่จะได้ใส่ไปงานน่ะ”

-------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดกลับมาที่ร้านก่อนสิบเอ็ดโมงเล็กน้อย คราวนี้เขามากับรถม้า ที่มีโอลิเวอร์คนรับใช้ประจำตัวของเขาเป็นสารถี เอิร์ลหนุ่มดูอารมณ์ดีและไม่มีมารยาทเหมือนเดิม เขาออกปากขอเข้าไปดูขั้นตอนการเย็บชุดโดยอ้างว่านั่งรอเฉยๆ นั้นน่าเบื่อ กอร์ดอนเลยสั่งให้เด็กรับใช้ขนหนังสือทั้งหมดบนชั้นของเขาออกมาให้ท่านเอิร์ลอ่าน ส่วนตัวเองขอตัวไปหลังร้าน เพื่อเย็บงานร้อนๆ นั่นต่อ

                นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้านของกอร์ดอนทำงานเร่งขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าของเสื้อนั่งรอลองเสื้อตลอดทั้งวัน ชายหนุ่มยอมรับว่าอย่างน้อยเขาก็ยังโชคดี ด้วยลักษณะรูปร่างของลอร์ดโทรว์บริด ที่คงจะเล่นกีฬามาหลายชนิด จึงเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ มันคงดูสวยในสายตาใครหลายๆ คน แต่ในสายตาช่างตัดเสื้อ มันคืองานยาก ด้วยกล้ามเนื้อช่วงไหล่ที่ใหญ่กว่าคนทั่วไป ช่วงหลังหนา ทำให้ต้องคำนวณสัดส่วนตอนที่เขียนลงในผ้าให้ดี ถ้าเขียนแบบลงในผ้าไม่ดีแล้วชุดที่ออกมาจะทำให้คนสวมดูแย่ไปเลย หนำซ้ำยังขยับยากอีกด้วย

                หลังผ่านการลองและแก้อีกหลายครั้ง ในที่สุดชุดสำหรับไปงานเลี้ยงของลอร์ดโทรว์บริดก็เสร็จทันตามกำหนด ก่อนเวลาห้าโมงเย็นไม่กี่นาที ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมสูทชุดนั้นแล้วมองตัวเองในกระจกสามบานที่ตั้งอยู่ ก่อนจะยิ้มออกมา

                “สวยมาก ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองใส่สูทแล้วจะดูดีขนาดนี้มาก่อนเลย”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ขอบคุณครับ”

                “ผมจะสวมกลับบ้านเลย คุณคิดค่าเหนื่อยมา” เขาพูด แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา กอร์ดอนเขียนรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วยื่นให้ ก่อนจะพบว่าฝ่ายนั้นให้เงินเกินมาอีกเท่าหนึ่ง

                “ค่าที่ผมมาปลุกคุณตั้งแต่เช้าไง” ลอร์ดโทรว์บริดพูดเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของอีกฝ่าย กอร์ดอนมองเขา แล้วสั่นศีรษะ “เยอะเกินไปครับ ผมคิดค่าเสียเวลาเพิ่มไปแล้ว คุณจ่ายเท่าที่เห็นนี่ล่ะครับ”

                “ก็ผมอยากจ่ายให้คุณเท่านี้ คุณมาห้ามไม่ให้ผมจ่ายเงินของตัวเองไม่ได้หรอกนะ” เอิร์ลหนุ่มบอกเขา สุดท้ายกอร์ดอนจึงจำต้องรับเงินจำนวนนั้นมา “ขอบคุณนะครับ ขอให้สนุกกับงานเลี้ยง ฝากความห่วงใยถึงท่านมาร์ควิสด้วยครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดพยักหน้า “คุณก็ไปแต่งตัวสิ คุณคงไม่คิดจะไปงานเลี้ยงทั้งสภาพอย่างนี้หรอกนะ”

                “?”

                “อย่าบอกนะว่าคุณไม่มีชุดสูทสวยๆ แบบที่ตัดให้ผมไว้ใส่สักตัว”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงไม่ออกจากลำคอ ฝ่ายนั้นเร่งเขาอีก “เร็วสิ ถ้าผมไปสาย ผมจะโทษคุณนะ”

----------------------------------------

                สุดท้ายกอร์ดอนก็ต้องแต่งตัวและขึ้นรถม้ามากับลอร์ดโทรว์บริดอย่างงงๆ พลางนึกสงสัยว่าลอร์ดโทรว์บริดจ่ายค่าตัวของเขารวมไปกับค่าเสื้อผ้าด้วยรึเปล่า

                “คุณดูดีมากเลย ผิดกับที่ผมเจอเมื่อวานลิบลับ สรุปแล้วคุณไปทำอะไรที่ท่าเรือน่ะ?” อีกฝ่ายเอ่ยชมหลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นรถม้ามาได้ไม่นาน กอร์ดอนตอบด้วยน้ำเสียงแบบไม่ปิดบังความเหนื่อยล้า

                “ผมไปเลือกผ้า...”

                “อ๋อ”

                “ผืนที่คุณใส่อยู่ตอนนี้แหละ”

                “จริงหรือ?”

                “ครับ”

                “ผมโชคดีจัง แสดงว่าเป็นคนแรกที่ได้ใช้ผ้าผืนนี้”

                “ครับ...”

                “คุณดูเหนื่อยๆ นะ”

                “ครับ” กอร์ดอนจงใจทำเสียงให้เหนื่อยเข้าไปอีก ลอร์ดหนุ่มควรจะรู้ตัวว่าเขาเหนื่อยมากขนาดไหนกับการต้องเร่งเย็บชุดสวยให้ฝ่ายนั้นใส่ไปให้ทันงานเลี้ยง

                “งั้นคืนนี้ค้างที่บ้านผมแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาส่ง”

                กอร์ดอนถลึงตามองฝ่ายนั้นเหมือนเห็นของแปลก แทนที่จะคิดว่าควรจะปล่อยเขากลับไปพักผ่อน ดันบอกให้นอนค้างที่บ้านตัวเองเนี่ยนะ เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าต้องมีปัญหาด้านการเข้าใจชีวิตของคนอื่นแน่ๆ

                “ผมต้องการพักผ่อน”

                “ก็นี่ไง... ไปงานเลี้ยงก็เป็นการพักผ่อนไม่ใช่หรือ?”

                ชายหนุ่มใช้ดวงตาสีฟ้าของเขาจ้องใบหน้าฝ่ายนั้นอย่างอ่อนล้า “คุณรู้สึกอย่างนั้นหรือ... โชคร้ายนะที่ผมไม่ได้เกิดในตระกูลสูงศักดิ์แบบคุณ ผมไม่รู้สึกว่ามันเป็นการพักผ่อนหรอกครับ”

                “อืม... อันที่จริงมันก็ไม่ใช่การพักผ่อนเสียทีเดียวหรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดพูดขึ้นเบาๆ “ผมเองก็ไม่ค่อยชอบเวลาต้องทำตัวมีมารยาทต่อหน้าเพื่อนๆ ของคุณพ่อเหมือนกัน เกิดเป็นคนในสังคมชั้นสูงมันก็ลำบากนะ”

                “อย่างนั้นคุณควรจะให้ผมลงตรงนี้ครับ ผมจะได้กลับไปพักผ่อน”

                แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจะทันได้พูดอะไร รถม้าก็หยุดลง ก่อนที่คนรับใช้จะเดินมาเปิดประตูให้

                “สงสัยไม่ทันแล้วล่ะ” เอิร์ลหนุ่มพูด ก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ลงมาจากรถ “ขอต้อนรับสู่งานเลี้ยงของบ้านคาเวดิช”

-------------------------------------
(จบตอน)

** มาแล้วนิยายรายวัน ฮ่าๆ (อุต๊ะ อิฉันทำด้ายยย :mc4:) สนุกสนานกับการเขียนคาแรคเตอร์ของลอร์ดคาเวดิชมาก สารภาพว่าตอนนี้ในสมองมีแต่เรื่องราวความเพี้ยนของท่านลอร์ด ฮ่าๆๆ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระเอกหล่อนายเอกสวย แต่ว่าพอเขียนมาแล้วเหมือนไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว ฮ่าๆๆ
.
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: natty.poko ที่ 05-01-2017 20:34:32
นายเอกยังพอมีฟิล สวยเนือยๆ นะคะ 
//ตาม :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (และช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-01-2017 21:04:42
ท่านลอร์ดช่างมึนได้ใจจริงเลยค่ะ   :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-01-2017 21:16:59
ทำไมรู้สึกว่าพระเอกดูมึนมาก ส่วนนายเอกก็ อืม คงเอือมเต็มที ฮา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2017 21:20:26
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poporimikoru ที่ 05-01-2017 21:53:55
คนนึงก็ด้านๆมึนๆ อีกคนก็ดูมึนๆงงๆตามเขาไป ทำไมมันน่ารักแบบนี้ :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-01-2017 22:13:03
ทำเสียงเหนื่อยหน่ายใส่ก็แล้ว ท่านลอร์ดก็ยังทำมึนใส่ได้ขนาดนี้

ไม่รู้ว่าจะต้องสงสารกอร์ดอนขนาดไหนดี? ฮาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-01-2017 23:20:48
กอร์ดอนต้องขัดขืนให้จริงจังกว่านี้นะ เจอกันวันแรกก็ถูกฉุดเข้าบ้านซะแล้ว เจอสองวันพลังงานลดฮวบ ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-01-2017 10:37:27
สกิลมัดมือชกเอาไปเลย 10 คะแนนเต็มคร้าาาา
กอร์ดอนถึงกับตามไม่ทัน ไหลไปตามทางทางลอร์ดหม๊ด 555555555
ปล. ท่านลอร์ดอายุน้อยกว่านี่เอง พูดมากเชียว อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 06-01-2017 11:07:45
พระเอกหล่อจริงค่ะ..แต่ความมึนๆอึนๆนี่ล้นทีเดียว...อ่านๆไปภาพน้องเพชรก็ลอยขึ้นมา(ฮา)
เอ๊ะ..ทำไมยิ่งอ่านยิ่งค้าง :katai4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 06-01-2017 11:49:14
เขียนได้ดีมาก เหมือนอ่านนิยายแปลหรือนิยายสนุกๆสักเล่มเลย
 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 06-01-2017 12:07:15
มากรี๊ดคุณ juon ก่อนอ่านจ้า
คิดถึง ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2017 12:37:31


Dear, My customer.

ตอนที่3 จอห์น คาเวดิช


                คาเวดิชเป็นตระกูลเก่าแก่ สืบเชื้อสายมาจากดยุกแห่งเดวอนเชอร์ เฮนรี่ คาเวดิช เป็นมาร์ควิสแห่งบาธรุ่นที่หก และเอิร์นแห่งโทรว์บริดรุ่นที่หก รวมถึงบารอนแห่งเวลโลว์รุ่นที่สี่ สืบทอดจากปู่ของเขา เขามีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ชื่อว่าจอห์น คาเวดิช ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดทันทีที่เกิด

                ลอร์ดโทรว์บริดเป็นนักผจญภัยมาตั้งแต่เล็ก เขามีร่างกายแข็งแรงบึกบึนอย่างที่ปู่ทวดของเขามี มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มแบบเดียวกับพ่อ และดวงตาสีเขียวของแม่ ท่านเอิร์ลน้อยชื่นชอบการเดินทาง และกีฬาแทบทุกประเภท ตอนเรียนอีตันเขาเป็นนักกีฬารักบี้ตัวเด่นของทีม และโด่งดังกระทั่งเข้าเรียนที่อ็อคฟอร์ด  เมื่อรู้ว่าลอร์ดโธมัส คาเวดิชผู้เป็นอา จะไปเปิดบริษัทเหมืองแร่ที่อเมริกา เจ้าตัวก็รีบขอตามไปด้วยทันที แน่นอนว่าไม่มีใครในครอบครัวสามารถคัดค้านเขาได้ แม้กระทั่งตัวท่านมาร์ควิสเองก็ตาม

                อเมริกาเป็นโลกใบใหม่ที่เปิดกว้างสำหรับท่านเอิร์ล และอาของเขาไม่ได้ถือประเพณีเคร่งครัดเช่นพี่ชาย ดังนั้นลอร์ดโทรว์บริดจึงมีชีวิตอิสระโลดโผนตลอดระยะเวลาสามปีที่อยู่ที่นั่น กระทั่งพ่อของเขารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ลูกชายเพียงคนเดียวจะต้องกลับมาเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบอังกฤษในสังคมชั้นสูง เพื่อที่เมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องรับช่วงต่อตำแหน่งมาร์ควิส ต้องนั่งนั่งในสภาขุนนางอันทรงเกียรติ ตระกูลจะได้ไม่ขายขี้หน้า จึงได้โทรเลขไปเรียกตัวลูกชายกลับมาในวันเกิดอายุครบยี่สิบสี่ปีนั่นเอง

                ลอร์ดโทรว์บริดไม่เคยชอบงานพิธีการ และไม่เคยนึกชอบใจการสวมสูทผูกหูกระต่าย หรือเนกไทเส้นโตๆ ทับด้วยเสื้อโค้ทตัวหนาสีทึบๆ อย่างที่ชนชั้นสูงซึ่งอยู่รายล้อมตัวเขานิยมทำ ยิ่งไม่ชอบสวมหมวกทรงสูงที่แสนจะเกะกะในสายตาของเขา ท่านเอิร์ลชอบที่จะสวมเพียงเสื้อเชิ้ตหลวมๆ กางเกงขายาวที่หลวมพอๆ กัน สวมรองเท้าหนังแบบคนงาน ที่พร้อมจะลุยและเลอะได้ทุกเมื่อ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนไม่เป็นที่ถูกใจท่านมาร์ควิสแห่งบาธเลยสักอย่างเดียว

                “จอห์น จะต้องให้พ่อบอกอีกกี่หน ว่าแกจะต้องแต่งตัวให้ดูดี แล้วก็หัดมีมารยาทกว่านี้ ทำไมแกไม่รู้จักรอโอลิเวอร์ แล้วนี่ดูซิ ชุดอะไร”

                มาร์ควิสแห่งบาธเหยียดสายตามองเสื้อเชิ้ตลำลองสีขาวและเสื้อกั๊กสีน้ำตาลอ่อนที่ลูกชายสวมอยู่ ลอร์ดโทรว์บริดนึกเสียใจที่เขาถอดเสื้อโค้ทตัวใหม่แขวนเอาไว้บนราวแขวนตอนเข้ามาในบ้าน ถ้ายังสวมอยู่พ่อคงบ่นเขาน้อยกว่านี้ อย่างน้อยเขาก็คิดว่าเสื้อโค้ทตัวนั้นน่าจะพอเข้าตาท่านมาร์ควิสอยู่

                “เรือเข้าก่อนกำหนด” เอิร์ลหนุ่มบอกพ่อของเขา “ผมรออยู่นานแล้ว เลยคิดว่าจับรถม้ากลับมาเองดีกว่า ที่จริงตอนรอผมเกือบถูกรถม้าชนด้วยนะ”

                “โอ้พระเจ้า!” เลดี้บาธ แม่ของเขาอุทานออกมา เธอคิดถึงลูกชายใจจะขาด แต่ไม่อาจขัดลอร์ดสามีที่พอเห็นหน้าลูกแว้บแรกก็ออกอาการอารมณ์เสียทันที จึงได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างๆ

                ลอร์ดบาธผู้พ่อมองหน้าเขาแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ชายหนุ่มเลยพูดต่อ “จริงๆ นะครับ ผมกำลังยืนรอโอลิเวอร์อยู่ จู่ๆ รถม้าคันหนึ่งก็หลุดออกมาจากคันเทียม คนขับกระโดดลงตั้งแต่เห็นม้าวิ่งพุ่งออกไป เลยเหลือแต่รถไถลเข้ามาตรงที่ผมยืนอยู่”

                “แล้วลูกเป็นอะไรมากมั้ย?” เลดี้บาธรีบปราดเข้ามาหาลูกชายทันที เธอทนยืนเฉยไม่ไหวอีกต่อไป ลอร์ดโทรว์บริดยิ้มให้แม่แล้วจับมือเธอเอาไว้ “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ที่จริงแล้วมันก็ห่างไปจากผมพอดูน่ะนะ แต่สุภาพบุรุษอีกคนนึงที่ยืนอยู่ข้างผมเกือบถูกชน ดีที่ผมฉุดเขาออกมาทัน”

                “ลูกเป็นคนดีจริงๆ” เลดี้คราง แล้วลูบใบหน้าลูกชายอย่างรักใคร่ ลอร์ดบาธดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ดีแล้วที่แกไม่เป็นอะไรมาก แล้วเห็นว่ามีแขก เจอเพื่อนตอนจะขึ้นรถม้าหรือ?”

                “อ๋อ เปล่าครับ” คนถูกถามตอบ “ก็ผู้ชายที่ผมช่วยเขาเอาไว้นั่นแหละ ผมเห็นว่าเขาท่าทางเหนื่อยๆ เหมือนยังไม่ได้กินอะไร เลยชวนมาดื่มน้ำชาที่บ้าน”

                “พ่อจำได้ว่าไม่เคยสอนให้แกพาคนแปลกหน้าเข้าบ้าน” เสียงของลอร์ดบาธเข้มกว่าเดิม คนถูกเอ็ดยักไหล่อย่างไม่แยแส “แต่เขาไปแล้วล่ะ เขาสุภาพกว่าผมอีก พ่อต้องชอบแน่ ถ้าพ่อได้เจอเขานะ”

                ท่านมาร์ควิสสูดหายใจอย่างอดทน “เอาล่ะจอห์น พ่อรีบมาเจอแกเพราะอยากจะเห็นหน้าลูกชายที่หายออกจากบ้านไปตั้งสามปี พ่อไม่ได้หวังหรอกว่าแกจะทำตัวดีขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร เฮ่อ...” เขาถอนหายใจอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มันดูดีกว่านี้ แล้วเอาชุดที่จะใส่ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ลงมาให้พ่อดูด้วย”

                “งานเลี้ยง?” ลอร์ดโทรว์บริดทวน “งานเลี้ยงอะไรครับ”

                “งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของแกไง” พ่อของเขาบอก “พ่ออยากให้แกดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไปได้แล้ว”

----------------------------------------

                งานเลี้ยงจัดในห้องโถงใหญ่ภายในคฤหาสน์หลังงามของมาร์ควิสแห่งบาธที่มีชื่อว่าคฤหาสน์เดล วงออเครสตร้าขนาดใหญ่บรรเลงเพลงคลาสสิกยอดนิยมให้แขกผู้มีเกียรติได้ฟังเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ไวน์ชั้นเลิศและแชมเปญถูกเสิร์ฟให้กับแขกเหรื่อที่อยู่ในงาน รวมถึงคอกเทลที่ทำมาจากผลไม้และของว่างหลากหลาย ผู้คนต่างแต่งกายหรูหรา ประดับประดาด้วยอัญมณีที่งามที่สุด แสงแฟลชจากช่างภาพหนังสือพิมพ์สว่างแวบวาบ ดูยังไงก็ไม่ใกล้เคียงงานเลี้ยงสังสรรค์สนุกๆ อย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดพูดเลยสักนิ

                แค่คิดว่าจะต้องเดินเข้าไปข้างใน กอร์ดอนก็รู้สึกเหมือนถูกรีดลมออกจากปอด เขาหยุดเท้าลงตรงหน้าประตู จนลอร์ดโทรว์บริดต้องหันหน้ากลับมา “เป็นอะไรไป คุณรู้สึกไม่สบายหรือ?”

                คนถูกถามรีบผงกศีรษะ “ผมคิดว่าต้องกลับแล้ว...”

                “งั้นเดี๋ยวผมจะให้คนพาคุณไปนั่งพักก่อนแล้วกัน ยังไงคุณก็เป็นแขกของผม” ลอร์ดโทรว์บริดพูดด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นไย แต่กอร์ดอนคิดว่าคงจะดีกว่านี้ ถ้าฝ่ายนั้นรีบบอกให้เขาขึ้นรถม้ากลับบ้านเลย โชคดีที่โอลิเวอร์ที่มาด้วยกันรีบเตือนสติเขา

                “นายน้อย คุณท่านกำลังรออยู่ รีบเข้าไปในงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจะดูแลคุณโอเดนเบิร์กให้เอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดพยักหน้าทันที “ฝากด้วยนะ ให้เขาเข้าไปพักที่ห้องผมก็ได้”

                โอลิเวอร์รีบพยักหน้า และแทบจะดันหลังเอิร์ลหนุ่มให้เข้าไปในงาน กอร์ดอนสังเกตเห็นแสงแฟลตสว่างวาบขึ้นมาทันที เขานึกดีใจที่ไม่ต้องเข้าไปด้านใน โอลิเวอร์เดินกลับมาหลังจากนั้นไม่นาน

                “โอลิเวอร์ ผมอยากขึ้นรถม้ากลับเลย” กอร์ดอนไม่รอให้ฝ่ายนั้นพูดอะไร รีบบอกจุดประสงค์ให้ทราบทันที คนรับใช้หนุ่มมองหน้าเขา “แต่นายน้อยสั่งผมไว้...”

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมกลับไปพักผ่อนที่บ้านตัวเองนี่แหละดีที่สุด” กอร์ดอนว่า โอลิเวอร์พยักหน้า “นั่นสินะครับ” เขาหยุดไปหน่อนหนึ่ง แล้วขยับมากระซิบ “ผมว่าถ้าคุณท่านรู้ว่านายน้อยไปร้านของคุณ คงต้องหัวเราะแน่ๆ”

                “อ้าว ทำไมล่ะ?”

                “ก็คุณท่านแนะนำนายน้อยให้ไปร้านของคุณ แต่เขายืนกรานว่าจะไปตัดเสื้อที่ร้านของเพื่อน ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันนะครับว่าคุณกับเขาจะรู้จักกัน”

                “มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ” ขณะคิดว่าจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟังอย่างไรดี เสียงใครบางคนก็ดังขึ้น

                “คนนั้นไง ที่ผมเล่าให้พ่อฟัง”

                พอหันไปมองก็เห็นท่านมาร์ควิสแห่งบาธ พร้อมด้วยภริยาและลูกชายตัวดีกำลังเดินตรงมาอยู่ กอร์ดอนรู้สึกว่าเขาควรจะรีบออกไปแต่แรก เขายิ้มให้ท่านมาร์ควิส ก่อนจะถอดหมวกทักทายตามมารยาท

                “สายันห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ดและเลดี้บาธ สบายดีนะครับ”

                “อ้าว โอเดนเบิร์ก” ท่านมาร์ควิสมองเขาด้วยความแปลกใจ “สายันห์สวัสดิ์ มาที่นี่ได้ยังไงน่ะ?”

                “เป็นความกรุณาของท่านเอิร์ลครับ” กอร์ดอนตอบพลางยิ้ม “ท่านเอิร์ลอยากให้ช่างเล็กๆ อย่างผมได้มาเปิดหูเปิดตา เห็นชุดที่ตัวเองตัดใส่อยู่ในงานสักครั้ง เลยกรุณาให้ผมติดรถมาด้วยน่ะครับ”

                “อ้อ...” ท่านมาร์ควิสส่งเสียงในคอ แล้วถามอีก “จอห์นไปร้านคุณหรือ? แสดงว่าสุดท้ายเขาก็ใช้ร้านที่ผมแนะนำ”

                พูดจบก็ยิ้มเล็กๆ เหมือนรู้สึกดีใจที่สามารถเอาชนะความดื้อรั้นของลูกชายได้ ลอร์ดโทรว์บริดรีบแย้งทันที

                “ผมไม่ได้ไปร้านที่คุณพ่อแนะนำ ผมไปร้านเขาต่างหาก”

                “ก็ร้านเดียวกันนั่นแหละ” ลอร์ดบาธตัดบท “พ่อตัดเสื้อกับเขามาได้สองปีแล้ว โอเดนเบิร์กฝีมือดีมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เขาหันมามองหน้ากอร์ดอนและพ่อของตัวเองสลับกัน กอร์ดอนเห็นแล้วอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ

                “ขอบคุณท่านลอร์ดครับ” ช่างตัดเสื้อหนุ่มพูด “ผมต้องขออนุญาตขอตัวก่อนนะครับ”

                “ตามสบายเถอะ” ลอร์ดบาธว่า โดยไม่รอให้ใครได้พูดอะไรต่อ กอร์ดอนรีบกระตุกแขนเสื้อโอลิเวอร์ คนรับใช้ที่มีวัยห่างกับเขาไม่มากนักจึงรีบพูดเสริมทันที “งั้นผมจะไปส่งคุณโอเดนเบิร์กขึ้นรถม้านะครับ”

-----------------------------------------

                กอร์ดอนรู้สึกเหมือนหลุดพ้นจากพะเนินเหล็กอันหนักอึ้ง หลังจากขึ้นรถมาออกมาจากคฤหาสน์เดลแล้ว พอกลับถึงห้อง เขาก็ล้มตัวลงนอนทันที พลางสวดภาวนาต่อพระเจ้า ขอให้ลอร์ดโทรว์บริดจอมจุ้นหลุดออกไปจากชีวิตเขาเสียที

-------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดคิดว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าเขาคงใกล้เป็นตะคริวเต็มที่ เพราะต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มให้คนนั้นคนนี้ตลอดเวลา ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่มางานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านเขาบ่อยๆ นั่นแหละ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ค่อยคุ้น นอกจากเหล่าบรรดาขุนนางชั้นสูงทั้งหลาย รวมถึงภริยาที่มาร่วมงานแล้ว หลายคนยังพาลูกสาวของตนมาอีกด้วย มีตั้งแต่เด็กอายุยังไม่ถึงสิบสองปี กระทั่งอายุไล่เลี่ยกับเขา พวกผู้ใหญ่ท่าทางคาดหวังจะให้เลดี้เหล่านี้สร้างความประทับใจและผูกมิตรกับเขาเอาไว้ เผื่อว่าในภายภาคหน้าจะได้เป็นมาชันเนสกับเขาบ้างล่ะมั้ง ทว่าลอร์ดโทรว์บริดไม่นึกอยากได้ศรีภริยาที่เป็นเลดี้เพียบพร้อม เคร่งครัดในจารีต และเอาแต่แต่งตัวสวยอยู่ตลอดเวลา เขาจึงปฏิบัติต่อสาวๆ เหล่านั้นตามมารยาท เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ลอร์ดบิดามารดาของพวกเธอ แต่ไม่ได้ทอดไมตรีให้กับใครเป็นพิเศษ (อย่างน้อยๆ เขาก็คิดอย่างนั้น)

                งานเลี้ยงเลิกตอนห้าทุ่ม กว่าจะส่งแขกหมด รอยยิ้มของลอร์ดโทรว์บริดก็เหมือนจะแข็งค้างอยู่บนใบหน้าแบบเดียวกับครั่งที่ใช้ประทับด้านหลังซองจดหมาย กระทั่งแม่ของเขาต้องเอ่ยทัก

                “ลูกหยุดยิ้มได้แล้วล่ะ ทุกคนกลับกันหมดแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง พยายามนวดมัดกล้ามเนื้อพวกนั้นเพื่อให้มันคลายตัว “ผมยิ้มจนปากแทบจะเป็นตะคริว” เขาคราง ก่อนจะได้ยินเสียงลอร์ดบาธผู้เป็นพ่อดังขึ้นด้านหลัง

                “แกทำตัวดีนะ ดูเหมือนแคทเธอรีนจะประทับใจในตัวแกมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดเลิกคิ้ว นึกถึงเลดี้ที่มีผมสีทองดัดลอน ดวงตาสีฟ้าสวยเหมือนตุ๊กตาคนนั้น “ผมก็ว่าเธอน่ารักดี”

                “ลูกคิดว่างั้นหรือจ้ะ” เลดี้บาธพูดขึ้นบ้าง “แคทเธอรีนก็ไม่เลว แม่ว่าเสียงเธอเพราะมาก”

                “พ่อก็ชอบวิธีพูดของเธอ ดูสุภาพและเฉลียวฉลาดทีเดียว”

                “อืม... ข้อนั้นผมเห็นด้วย เธอดูแตกต่างจากเลดี้คนอื่นๆ”

                ดวงตาของท่านลอร์ดและเลดี้บาธเป็นประกาย “อย่างนั้นเราควรจะให้ลูกได้พบเธออีก งานน้ำชาวันอังคารเป็นไง เราจะให้คนส่งหมายเชิญไปให้เธอ เธอคงดีใจมากแน่ถ้ารู้ว่าลูกเป็นคนชวน”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดโทรว์บริดร้องขึ้นมา “ผมยังไม่คิดจะชวนเธอมางานน้ำชาหรอกนะครับ”

                สองคนที่ได้ฟังทำหน้าสงสัย ชายหนุ่มจึงอธิบายต่อ “คือผมคิดว่าเธอต่างจากเลดี้คนอื่นๆ ก็จริง แต่ยังไม่ประทับใจขนาดอยากจะชวนเธอมาดื่มชาด้วย”

                คราวนี้ลอร์ดบาธดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “มีปัญหาอะไรอีกล่ะ ทีคนแปลกหน้าเพิ่งเจอกันไม่กี่นาทีแกยังชวนมาดื่มชาได้หน้าตาเฉยเลย”

                “เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าสักหน่อย นั่นช่างเสื้อประจำของพ่อนะ” ลอร์ดโทรว์บริดเถียง

                “แต่เป็นคนแปลกหน้าของแก อย่าบอกนะว่าแกรู้จักกับเขาก่อนไปอเมริกา” ท่านลอร์ดบาธไม่ยอมให้ลูกชายเถียงได้ง่ายๆ ลอร์ดโทรว์บริดยักไหล่ “แต่ยังไงผมก็เป็นคนช่วยชีวิตเขา เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้ว”

                เลดี้บาธรีบพูดตัดบทเพื่อไม่ให้การโต้เถียงยืดเยื้อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ “โอเดนเบิร์กที่จริงก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไรของบ้านเราอยู่แล้ว ถ้าลูกยังเขินๆ กับการชวนแคทเธอรีนมาดื่มน้ำชาที่บ้าน งั้นเราจัดงานเลี้ยงน้ำชาขึ้นมาสักงานหนึ่ง แล้วชวนเพื่อนๆ ลูก และเลดี้คนอื่นๆ มาด้วยดีไหม ลูกจะได้วางตัวง่ายขึ้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดยิ้มให้แม่ของเขา “ความคิดแม่ไม่เลวครับ ผมเองก็ไม่ได้เจอเพื่อนๆ นานแล้ว แต่ผมไม่อยากจัดงานเลี้ยงน้ำชา มันดูน่าเบื่อเกินไป เราน่าจะจัดงานเต้นรำ”

                “ดีจ้ะ แม่เห็นด้วย” เลดี้บาธพยักหน้า “เราจะส่งหมายเชิญให้เพื่อนๆ ของลูก รวมถึงเลดี้ที่มางานวันนี้ เราจะเชิญวงออเครสตร้าที่ดีที่สุดตอนนี้มาที่งานด้วย คุณว่าไงคะ”

                เธอหันไปถามลอร์ดสามี ท่านลอร์ดบาธพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “ดีเหมือนกัน หวังว่าแกคงจะทำตัวเป็นคู่เต้นรำที่ดีของแคทเธอรีนนะ”

                “เรื่องนั้นผมรับรองไม่ได้หรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “แต่ก่อนอื่นเลย ผมต้องออกไปเจอเพื่อนๆ ก่อน แล้วผมก็อยากได้ชุดใหม่ๆ จากร้านของกอร์ดอนด้วย”

-------------------------------------

                กอร์ดอนคิดว่าคำอธิฐานของเขาคงเบาเกินไป หรือไม่ก็ดังเกินไป พระเจ้าจึงส่งลอร์ดโทรว์บริดคนนั้นมาหาเขาตั้งแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น ถึงจะไม่เช้าขนาดปลุกเขาลงจากที่นอน แต่ก็เช้าพอจะเป็นมนุษย์คนแรกที่เขาได้เจอหน้าเมื่อออกมาเปิดร้าน

                “อรุณสวัสดิ์” คราวนี้ฝ่ายนั้นเอ่ยทักเขาก่อน กอร์ดอนพยักหน้า ทักตอบไป “อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด วันนี้คุณมีธุระอะไรหรือครับ?”

                เขาแน่ใจว่าเสื้อชุดเมื่อคืนไม่มีความบกพร่องด่างพร้อยอะไรทั้งนั้น ยกเว้นเสียแต่ว่าท่านเอิร์ลจอมจุ้นคนนี้เอามันไปเกี่ยวอะไรจนขาด ฝ่ายนั้นมองเขาแล้วยิ้มจนเห็นฟันเรียงกัน “ผมอยากได้เสื้อเพิ่มอีกสักตัว”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า แล้วพูดต่อทันที “อย่างนั้นคุณไม่จำเป็นต้องลำบากมาเองหรอกครับ เพราะคุณเพิ่งวัดตัวไปเมื่อวาน ให้คนมาบอกก็ได้ว่าอยากได้ชุดประมาณไหน เดี๋ยวผมจะตัดแล้วพาไปให้ลองที่คฤหาสน์”

                “ไม่ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “ผมอยากเลือกผ้าเอง อยากจะมาอธิบายแบบชุดเองด้วย ผมอยากได้เสื้อเชิ้ตหลวมๆ ตัดด้วยผ้าลินิน นี่คุณจะไม่ชวนผมเข้าไปดูในร้านเลยหรือไง?”

                พอถูกทักดังนั้น กอร์ดอนจึงจำต้องเปิดประตูร้านให้อีกฝ่ายเข้ามา

                “ม้วนนี้คุณน่าจะถูกใจครับ” เขายกผ้าลินินม้วนหนึ่งออกมาจากกองผ้าภายในห้องเก็บผ้า วางมันลงบนโต๊ะ ลอร์ดโทรว์บริดมองชายหนุ่มเจ้าของร้าน ก่อนจะถามออกมา “คุณเปิดร้านเช้าแบบนี้ทุกวันเลยหรือ? หยุดวันไหนบ้าง”

                “วันอาทิตย์ ผมเป็นคริสเตียน” กอร์ดอนบอก และนึกว่าเมื่อไหร่เจ้าตัวจะเลือกผ้าแล้วออกไปจากร้านเขาเสียที ได้ยินเสียงเอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “อ้อ ผมก็เป็นคริสเตียนเหมือนคุณนั่นแหละ แล้วคืนวันพุธล่ะ คุณว่างมั้ย?” เขาถามและพูดต่อโดยไม่รอคำตอบ “ผมมีสโมสร ทุกคืนวันพุธเราจะไปเล่นไพ่บริดและจิบวิสกี้กัน คุณก็ไปด้วยกันกับผมสิ”

                “วันพุธผมไม่ว่างหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ พลางสงสัยว่าทำไมลอร์ดโทรว์บริดถึงต้องให้เขาไปเป็นเพื่อนด้วย ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วมองเขา ก่อนจะพูดเหมือนนึกขึ้นได้

                “จริงสิ ผมลืมนึกไป คุณเองก็น่าจะมีที่สังสรรค์ส่วนตัวเหมือนกัน เอางี้ดีมั้ย เราผลัดกัน ผมพาคุณไปสโมสรแบล็กเบิร์ด คุณเองก็พาผมไปที่ที่คุณไปในคืนวันพุธบ้าง”

                กอร์ดอนอยากจะเรียกเด็กรับใช้ให้มาลากตัวเอิร์ลหนุ่มคนนี้โยนออกไปจากร้านเสียจริงๆ ทำไมหมอนี่ถึงได้ตามมากวนใจเขานักนะ

                “คุณตกลงจะใช้ลินินผืนนี้ตัดเสื้อเชิ้ตรึเปล่าครับ?” ช่างตัดเสื้อตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวตัวเองจะเอ่ยปากไล่ท่านเอิร์ลตัวปัญหาออกไปจริงๆ ลอร์ดโทรว์บริดยักไหล่ “ผืนนี้แหละ ผมเชื่อมือคุณ”

                อีกฝ่ายพยักหน้า จากนั้นก็พูดต่อ “ผมนัดวันพฤหัสฯหน้าแล้วกันครับ จะเอาเข้าไปให้ลองช่วงห้าโมงเย็น ถ้าคุณติดธุระรบกวนให้คนมาแจ้งผมหน่อย”

                “ไม่มีปัญหา” ลอร์ดโทรว์บริดว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่ขอเลื่อนมาเป็นวันพุธหลังมื้อค่ำได้มั้ย สักสองทุ่ม ผมสะดวกกว่า”

                สองทุ่มเลยเวลาปิดร้านของเขาไปนานโข แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นเป็นถึงเอิร์ลที่อนาคตคือว่าที่มาร์ควิสแห่งบาธ กอร์ดอนก็จำต้องพยักหน้า “ตกลงครับ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรรบกวนแจ้งให้ผมทราบล่วงหน้าด้วยนะครับ”

                “ผมว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดตอบยิ้มๆ

-------------------------------------------
(จบตอน)
** 555+  :hao7: นิยายรายวันวันที่3 (ตอนนี้ยังมีแค่ถึงบทที่5ค่ะ) นี่ดิฉันจะลงรายวันไปได้อีกนานเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆ
.
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า^^ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 p.2 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alicegrizzly ที่ 06-01-2017 13:03:03
 :-[  ปูเสืื่อรอออออ ชอบเกมรุกของท่านลอร์ดมากค่ะ ><
วันที่สองลากเข้าห้องไม่สำเร็จ วันทีี่สามก็มึนไปหาเค้าอีก
โถ่วววว พ่อคุณ ลุ้นจังเลย ถ้าท่านมาควิสรู้จะยังไงล่ะทีนี้
สมัยนั้นที่อังกฤษยิ่งมีกฏหมายลงโทษกลุ่มรักร่วมเพศค่อน
ข้างรุนแรงด้วยย อ่อยยย อุปสรรคเยอะจีๆ เอาใจช่วยนะคะ
ซิส ปล.ยังคงกดรีเฟลชอย่างต่อเนื่อง 555555  :katai4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 p.2 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-01-2017 13:04:37
ท่านลอร์ดมีแผนจะลักพาตัวกอร์ดอนของเรา (?) ไปเที่ยวด้วยแน่ ๆ เลย
อีกหน่อยจะมีดราม่าไหมนะ ยิ่งเป็นลูกชายคนเดียวด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 p.2 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 06-01-2017 13:44:28
นางเนียนมากเลย เนียนจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 p.2 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2017 16:05:35
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 p.2 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-01-2017 20:14:01
เนียนไปอีกกกก   o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 p.2 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-01-2017 21:40:33
ติดใจอะไรน้อ ท่านลอร์ดถึงได้รุกหนักขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่2 (5/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 06-01-2017 22:47:05
ท่านลอร์ดดดดดด ปั่นหัวกอร์ดอนซะหมุนเชียวววว อยู่ด้วยแล้วคงมึนน่าดู555+ นี่แอบตีเนียนหลายเรื่องนะเนี่ย สงสัยกอร์ดอนจะโดนตะล่อมเรื่อยๆแบบไม่รู้ตัวแน่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่3 p.2 (6/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 06-01-2017 23:36:01
ท่านลอร์ดมีความวอแวกับกอร์ดอนมากเลยคับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-01-2017 12:42:40


Dear, My customer.

ตอนที่4 สโมสรแบล็กเบิร์ด


                หลังจากมาสั่งตัดเสื้อเชิ้ตผ้าลินินวันนั้น ลอร์ดโทรว์บริดก็ไม่มาที่ร้านกอร์ดอนเทลเลอร์อีกเลย เรื่องนี้ทำให้กอร์ดอนโล่งใจมาก เขาคิดว่าคำอธิฐานที่โบสถ์ในวันอาทิตย์คงได้ยินไปถึงพระเจ้าเสียที เสื้อเชิ้ตของท่านเอิร์ลเสร็จตั้งแต่เช้าวันอังคาร เพราะเป็นเสื้อที่ตัดง่ายไม่มีความสลับซับซ้อนอะไรมากนัก กอร์ดอนทยอยเก็บงานของคนอื่นต่อ เวลาที่ได้เห็นเจ้าของเสื้อลองชุดแล้วแสดงท่าทางพึงพอใจทั้งทางสีหน้าและแววตา นั่นคือช่วงเวลาแห่งเกียรติยศสำหรับช่างตัดเสื้ออย่างเขา ดังนั้นกอร์ดอนจึงจัดการงานทุกชิ้นอย่างประณีต

                การกลับมาของลอร์ดโทรว์บริดเป็นข่าวดัง งานเลี้ยงคืนนั้นเป็นพาดหัวข่าวในสามวันถัดมา และเรื่องของเขายังคงถูกพูดถึงตามหัวมุมถนน แต่กอร์ดอนไม่อยากใส่ใจฟัง เป็นไปได้เขาอยากลืมไปด้วยซ้ำว่าโลกนี้มีลอร์ดโทรว์บริดอยู่

                คืนวันพุธ หลังปิดร้านและทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว กอร์ดอนก็แต่งตัวด้วยชุดที่ดีที่สุดของตัวเองเพื่อเป็นการให้เกียรติลูกค้า แม้ว่าเขาจะไม่เคยนึกชอบใจลอร์ดโทรว์บริดเลยก็ตาม ชายหนุ่มหวีผมจนเรียบ ใส่น้ำหอมเยอะกว่าปกติ เพราะตั้งใจว่าเสร็จจากเรื่องลอร์ดโทรว์บริดแล้ว เขาจะแวะไปที่บาร์ประจำแถวถนนวอลตัน เพื่อหาอะไรดื่มให้ผ่อนคลายใจ และเผื่อว่าแม่สาวผมสีแดงที่เขาบังเอิญเจอก่อนจะออกจากบาร์เมื่อคืนวานจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะหาเรื่องคุยกับเธอได้

                กอร์ดอนก้มมองนาฬิกาพกในมือ ก่อนจะหิ้วถุงกระดาษใส่เสื้อเชิ้ตที่ตัดเสร็จแล้วเดินออกมานอกร้านเพื่อขึ้นรถม้าที่ให้เด็กรับใช้เรียกเอาไว้ล่วงหน้าไปที่คฤหาสน์เดล แต่กลับพบว่ามีรถม้าอีกคันจอดรอยู่แล้ว แม้เขาจะเห็นรถม้าคันนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ก็รู้ทันทีว่ามันต้องถูกส่งมาจากคฤหาสน์เดลอย่างไม่ต้องสงสัย โอลิเวอร์ซึ่งเป็นสารถีเดินมาเชิญเขาขึ้นรถแบบไม่เปิดโอกาสให้เขาปลีกตัวไปทางอื่น กอร์ดอนจึงจำต้องขึ้นรถม้าคันนั้น พลางรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง

-----------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดสวมเสื้อคลุมรออยู่แล้วตอนที่เขาเข้าไปพบในห้อง ฝ่ายนั้นยิ้มจนเห็นฟันครบซี่เช่นเคย “คุณใส่ชุดเดียวกันกับวันก่อนเลย มีแค่ชุดเดียวหรือว่าตัดสำรองเอาไว้เยอะน่ะ?”

                กอร์ดอนคร้านจะต่อปากต่อคำให้ยืดยาว เขาต้องการเวลาไปดักเจอแม่สาวผมสีแดงคนนั้น ก่อนที่จะถูกใครตัดหน้าไป ดังนั้นจึงรีบพูดเข้าเรื่องทันที “เสื้อของคุณครับ คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา”

                ลอร์ดโทรว์บริดรับเสื้อเชิ้ตไปเปลี่ยนหลังฉาก และออกมายืนดูตัวเองที่หน้ากระจก พลางลองขยับตัวไปมา “เยี่ยมเลย คุณตัดได้ดีมาก ผมรู้สึกว่าอยากจะเล่นรักบี้ทันที มันต้องทำให้ผมขยับได้สะดวกมากแน่”

                กอร์ดอนยิ้มอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีสุภาพบุรุษคนไหนเอาเสื้อเชิ้ตสั่งตัดที่ทำจากผ้าลินินเนื้อดีไปเล่นรักบี้มาก่อนเลย “อย่างนั้นผมขอตัวก่อนครับ”

                “เดี๋ยว คุณยังไม่คิดค่าเสื้อเลย”

                กอร์ดอนวางบิลให้ฝ่ายนั้น ตั้งใจว่าพอรับเงินปุ้บ จะรีบเดินออกไปทันที แม้จะดูเสียมารยาทสักเล็กน้อย แต่ประสบการณ์ทำให้เขารู้ว่า ต่อหน้าลอร์ดโทรว์บริด ยอมเสียมารยาทเล็กน้อยดูเป็นการดีกับตัวเขามากกว่า

                ลอร์ดโทรว์บริดมองบิลค่าใช้จ่าย ก่อนจะหยิบเงินออกมาจ่าย แน่นอนว่าเขาจ่ายสูงว่าราคาเช่นเคย กอร์ดอนเรียนรู้อีกเช่นกันว่าเขาไม่ควรต่อปากต่อคำอะไรทั้งนั้น ทางที่ดีคือรับเงินแล้วรีบไปให้เร็วที่สุด

                “ขอบคุณมากครับ” ช่างตัดเสื้อหนุ่มรีบพับเงินใส่อกเสื้อ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่กลับถูกมือของอีกฝ่ายฉุดเอาไว้

                “รีบจัง รอผมด้วยสิ”

                “?”

                ลอร์ดโทรว์บริดหยิบเสื้อกั๊กที่แขวนอยู่สวมทับลงบนเสื้อเชิ้ตที่เพิ่งตัดใหม่ตัวนั้น ก่อนจะคว้าเสื้อโค้ทตัวเดียวกับที่เขาเคยเห็นเมื่อวันก่อนมาใส่

                “ไปสโมสรกัน วันนี้วันพุธพอดี”

----------------------------------------

                กอร์ดอนนึกเจ็บใจตัวเอง เขาน่าจะคิดได้ก่อนว่าฝ่ายนั้นต้องวางแผนเอาไว้แบบนี้ แทนที่เขาจะได้ไปนั่งรอแม่สาวผมแดงคนนั้นที่บาร์ ตอนนี้ดันต้องมานั่งโขยกเขยกอยู่บนรถม้า ประจันหน้ากับลอร์ดโทรว์บริดที่แต่งตัวเหมือนคนรีบออกจากบ้านจนติดกระดุมไม่ครบเม็ด ดีว่ามีเสื้อโค้ทสวมทับอยู่ เลยดูไม่น่าเกลียดมากนัก

                “คุณไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น เพื่อนๆ ผมไม่กัดคุณหรอก”

                กอร์ดอนอยากจะพูดเสียเหลือเกินว่า เขาไม่ได้นึกกลัวเพื่อนๆ ของลอร์ดโทรว์บริด แต่เขานึกเซ็งคนตรงหน้าต่างหาก แต่เจ้าตัวก็รู้ว่าเขาควรเก็บปากเก็บคำเอาไว้ จึงได้แต่นิ่งเงียบ พอเห็นเขาเงียบ ฝ่ายนั้นก็พูดเสียงอ่อน

                “ผมรู้ว่ามันเสียมารยาท แต่ผมอยากให้คุณไปด้วยกัน”

                “คุณควรจะบอกผมตรงๆ ครับ” กอร์ดอนพูดออกมาในที่สุด และถูกอีกฝ่ายสวนทันที “ก็ผมบอกคุณตรงๆ แล้ว แต่คุณปฏิเสธ”

                ช่างตัดเสื้อนึกสงสัยว่าลอร์ดโทรว์บริดเคยเข้าใจว่าต้องยอมรับคำปฏิเสธของคนอื่นบ้างไหม

                “ผมปฏิเสธเพราะผมไม่สะดวก”

                “อ้าว แต่พอเป็นเรื่องลองเสื้อ คุณกลับสะดวกขึ้นมาเลยนี่นา” อีกฝ่ายแย้ง “หรือว่ากับผมแล้วต้องเป็นเรื่องเสื้อเท่านั้นคุณถึงจะมีเวลาให้”

                “ก็ผมเป็นช่างตัดเสื้อ” กอร์ดอนพูดออกมาอย่างทนไม่ไหว “ผมเป็นแค่ช่างตัดเสื้อเล็กๆ ไม่ใช่ลูกชายเอิร์ลที่ไหน ไม่ใช่ลอร์ด ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์อะไรเลย คุณจะพยายามลากผมไปนั่นไปนี่ทำไม”

                “ก็คุณเป็นเพื่อนผม” ลอร์ดโทรว์บริดว่า กอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะอธิบายสิ่งที่เป็นให้ฝ่ายนั้นเข้าใจ

                “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากนะครับ ที่คุณให้เกียรติเรียกผมว่าเพื่อน แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมเป็นได้แค่ช่างตัดเสื้อ ฐานะของพวกเราต่างกันเกินไป ผมรับการเป็นเพื่อนกับคุณไม่ได้หรอก”

                “คุณไม่คิดว่ามิตรภาพเป็นสิ่งที่ดีหรือ?” ฝ่ายนั้นถามด้วยความสงสัย “แค่เพราะผมเป็นเอิร์ล คุณเลยเป็นเพื่อนกับผมไม่ได้ ไม่เห็นมีเหตุผลเลย ที่อเมริกาใครๆ ก็เป็นเพื่อนกันได้ ผมยังมีเพื่อนเป็นคนงานเหมืองตั้งหลายคน”

                “แต่ที่นี่อังกฤษนะครับ” กอร์ดอนว่า “ผมไม่อาจจะเดินคู่ไปกับคุณในฐานะเพื่อนได้ คุณจบอีตัน ผมไม่เคยเข้าโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ แค่นี้สังคมของพวกเราก็ต่างชั้นกันแล้ว ผมจะเป็นเพื่อนกับคุณได้ยังไง”

                “หา? คุณไม่เคยเข้าโรงเรียนหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดร้องด้วยความแปลกใจ กอร์ดอนพยักหน้า “วุฒิการศึกษาไม่จำเป็นสำหรับช่างตัดเสื้อนี่ครับ ผมเรียนหนังสือจากปู่ แค่อ่านออกเขียนได้ไม่โดนใครหลอกก็พอ”

                คนฟังทำหน้าอัศจรรย์ใจ “แสดงว่าปู่คุณอยากให้คุณรับสืบทอดร้านมาก คุณคงเป็นคนมีพรสวรรค์”

                “ครับ และผมก็ชอบตัดเสื้อด้วย” อีกฝ่ายยอมรับ ลอร์ดโทรว์บริดมองเขา แล้วถอนหายใจ “งั้นผมขอโทษที่เอาแต่ใจแล้วกัน ถึงงั้นผมก็ยังยืนยันนะว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน ไหนๆ วันนี้คุณก็ถูกลากมาเป็นเพื่อนผมแล้ว คราวหน้าผมจะไปเป็นเพื่อนคุณบ้าง เราจะได้หายกัน”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนรีบพูดทันที “แค่คุณไม่ลากผมไปไหนมาไหนโดยไม่ถามความสมัครใจก็พอแล้วล่ะครับ”

                “ไม่ได้” อีกฝ่ายพูดขึ้นมาทันที “ถ้างั้นผมก็ติดค้างคุณน่ะสิ คุณนัดมาเลยว่าจะไปที่ไหน ผมจะเตรียมตัว รับรองว่าคุณไม่เสียหน้าแน่นอน”

                กอร์ดอนคิดว่าการพูดกับเอิร์ลหนุ่มให้รู้เรื่องช่างเป็นอะไรที่ป่วยการเสียจริงๆ เขาทำได้เพียงพยักหน้า และเฝ้าภาวนาว่าแม่สาวคนนั้นคงไม่ได้แวะมาที่บาร์คืนนี้

-------------------------------------

                สโมสรของลอร์ดโทรว์บริดตั้งอยู่บนชั้นสามของตึกในย่านผู้ดีมีอันจะกิน ไม่ห่างไปจากพระราชวังบักกิ้งแฮมเท่าไหร่นัก แค่ตัวตึกด้านนอกก็ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมอันหรูหรา ขู่ขวัญชาวบ้านธรรมดาอย่างกอร์ดอนอย่างอยู่หมัด ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นตึกพวกนี้ แต่ทั้งชีวิตไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เข้าไปเลยต่างหาก

                สโมสรของเหล่าชนชั้นสูงไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าไปได้ง่ายๆ กระทั่งมีบัตรเชิญหรือหนังสือแนะนำ บางทีก็ยังเข้าไม่ได้เลย ส่วนใหญ่ต้องให้สมาชิกด้วยกันพาไปเท่านั้น กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน

                สโมสรแห่งนี้มีชื่อว่าแบล็กเบิร์ด เป็นสโมสรที่ก่อตั้งโดยลอร์ดโทรว์บริดและเพื่อนๆ ของเขาที่เล่นรักบี้ด้วยกันตั้งแต่ยังเรียนที่อีตัน กอร์ดอนจินตนาการไม่ออกว่าคนแบบไหนและอะไรอยู่ด้านหลังประตูไม้บานใหญ่ตรงหน้า คงเป็นพวกลอร์ดหนุ่มๆ แต่งตัวดีๆ กำลังเล่นไพ่บริดและจิบวิสกี้กันด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังล่ะมั้ง ลอร์ดโทรว์บริดแนะนำเขาให้กับคนเฝ้า ก่อนที่ทางนั้นจะเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป

                เสียงเอะอะเอ็ดตะโกดังมาเข้าหูของกอร์ดอนทันที เขาสะดุ้ง นึกวาบขึ้นมาว่าที่นี่คงกำลังเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันอยู่ แต่พอตั้งใจเพ่งตามองเข้าไปในห้อง ก็เห็นผู้ชายสองคนกำลังนั่งงัดข้อกันอยู่ ล้อมรอบด้วยผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันอีกราวเจ็ดคนที่ส่งเสียงเชียร์อย่างออกรส หนึ่งในนั้นพอเห็นผู้ที่มาใหม่ก็ร้องขึ้นทันที

                “เฮ้ย จอห์นนี่ของเรามาแล้ว!”

                คู่ที่งัดข้อกันอยู่รู้ผลในวินาทีนั้นทันที ขณะที่คนอื่นๆ รีบหันมามองและเดินตรงเข้ามาทักทายด้วยสีหน้าดีใจ

                “เป็นไงบ้างบิ๊กจอห์น อเมริกาดีใช่มั้ย ฉันได้โปสการ์ดจากนายทุกฉบับเลยนะ”

                “ฉันกำลังจะไปเดือนหน้า มันต้องสนุกมากแน่ๆ เสียดายจริงๆ ที่นายกลับมาก่อน ไม่งั้นเราคงได้นัดเจอกัน”

                “ฉันเห็นหน้านายในหนังสือพิมพ์วันก่อน นายดูตลกมากนะ งานเลี้ยงทำเอานายหน้าเหมือนถูกม้าถีบ ฮ่าๆ”

                เสียงทักทายจากเพื่อนที่ไม่เจอกันนานดังอื้ออึงในห้อง ไม่นานนักร่างสูงใหญ่ของลอร์ดโทรว์บริดก็ถูกเพื่อนฝูงรุมล้อมจนแทบมองไม่เห็น กอร์ดอนได้แต่ยืนตัวลีบอยู่ที่มุมห้อง นึกสงสัยหนักกว่าเก่าว่าในเมื่อฝ่ายนั้นมีเพื่อนที่สนิทกันมากขนาดนี้อยู่เป็นโขยงแล้ว ทำไมต้องลากเขามาอีก

                ลอร์ดโทรว์บริดตอบคำถามของเพื่อนและคุยเรื่องสัพเพเหระกันอีกอึดใจใหญ่ๆ ท้ายที่สุดคงนึกได้ว่าตัวเองพาคนอื่นมาด้วย เลยหันมาแนะนำได้เสียที

                “นี่ ฉันขอแนะนำเพื่อนใหม่ของเรา เขาชื่อกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก”

                กอร์ดอนทำได้แค่ถอดหมวกแล้วโค้งให้คนเหล่านั้น “สวัสดีครับ”

                “ตัวเล็กจัง” ใครคนหนึ่งพูดออกมา ก่อนจะทักเขากลับตามมารยาท “สวัสดี นายเป็นเพื่อนของจอห์นนี่ที่อเมริกาเหรอ?”

                “เปล่า เขาอยู่ที่อังกฤษนี่แหละ” ลอร์ดโทรว์บริดตอบแทนให้ “ฉันเพิ่งเจอเขาเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนที่เขากำลังจะถูกรถม้าพุ่งชนพอดี”

                “อ๋อ อุบัติเหตุที่หน้าท่าเรือใช่มั้ย” อีกคนพูดขึ้นบ้าง “ฉันเห็นข่าวอยู่ ไม่คิดเลยแฮะว่านายจะอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย”

                “ฮ่าๆ อย่างจอห์นนี่อยู่ได้ทุกที่นั่นแหละ ยกเว้นบ้าน” อีกคนพูดพลางหัวเราะเสียงดัง

                “แล้วพวกนายก็เลยรู้จักกัน ดีชะมัด ฉันอยากจะมีเพื่อนที่เจอข้างทางบ้าง คงน่าสนุกดี”

                “ไม่มีใครอยากคุยกับนายหรอกเอ็ดดี้ เพราะนายมัวแต่ก้มมองปลายรองเท้าตัวเองไง” เพื่อนอีกคนแซว กอร์ดอนรู้สึกว่าอีกไม่นานเขาคงจะได้กลายเป็นเครื่องเรือนอีกชิ้นหนึ่งของห้องอย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งเพื่อนคนหนึ่งของลอร์ดโทรว์บริดหันมาทักเขา

                “เดี๋ยวนะ... เหมือนฉันเคยเห็นหน้าเขาอยู่...” เขาพูด แล้วจ้องกอร์ดอนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “นึกออกแล้ว คุณนั่นเอง คุณช่างตัดเสื้อ”

                กอร์ดอนนึกออกมาได้เหมือนกันว่าคนที่ทักเขาน่าจะเป็นลูกชายคนกลางของมาร์ควิสแห่งวิสตัน ซึ่งเป็นลูกค้าคนหนึ่งของเขาเหมือนกัน

                “สวัสดีครับลอร์ดแมกซ์” เขาทักทายฝ่ายนั้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทักทายกลับตามมารยาท ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้น “จอห์นนี่มีเพื่อนเป็นช่างตัดเสื้อที่พ่อฉันตัดประจำ ฮ่าๆ รู้ถึงไหนดังถึงนั่นแน่ๆ แบบนี้พวกผู้ใหญ่จะต้องอิจฉานาย”

                “เฮ้ย นายเป็นช่างตัดเสื้อของลอร์ดวิสตันเหรอ? ให้ตาย นายนี่ยอดจริงๆ นายทนคนจู้จี้นั้นไปได้ยังไง”

                “เขาเป็นช่างตัดเสื้อของพ่อฉันด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “บังเอิญมาก พ่อเพิ่งเล่าให้ฉันฟังวันก่อนนี่เอง”

                “ว้าว นายต้องเป็นช่างเสื้อฝีมือเยี่ยมแน่นอน” ชายหนุ่มอีกคนร้องออกมา “ฉันเฟลตัน เรียกฉันจอร์จก็ได้”

                กอร์ดอนพยายามยิ้มให้ฝ่ายนั้น “ผมคงไม่กล้าเรียกคุณแบบนั้นแน่ครับ ลอร์ดจอร์จ”

                “โหย... นี่สโมสรลับ นายจะไปสนเรื่องที่ว่าฉันเป็นลอร์ดทำไม ในเมื่อจอห์นนี่พานายมาเป็นสมาชิกแล้ว เราก็ควรจะเป็นเพื่อนกันซี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลงชื่อเห็นด้วยทันที

                “นั่นสิ ในเมื่อจอห์นนี่รับนายเป็นเพื่อน พวกเราถือว่านายเป็นเพื่อนด้วย ที่นี่เป็นสโมสรลับ ข้างนอกถ้านายเจอพวกเราจะเรียกท่านลอร์ดอะไรก็ตามใจเถอะ แต่ที่นี่ต้องเรียกชื่อ เข้าใจตรงกันนะกอร์ดอน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัวใหญ่พอๆ กับลอร์ดโทรว์บริด ฝ่ายนั้นพูดแล้วก็ยกมือตบไหล่เขา เล่นเอากอร์ดอนรู้สึกสะเทือนไปถึงกระเพาะ ชายหนุ่มทำได้แค่พยักหน้า “ครับ”

                จากนั้นทุกคนก็พากันมาแนะนำตัว สมาชิกที่นี่มีทั้งหมดสิบคนพอดี ประกอบด้วย

1.     จอห์น คาเวดิช (เอิร์ลแห่งโทรว์บริด ลูกชายคนเดียวของมาร์ควิสแห่งบาธ)

2.     แมกซ์ เมอร์เรย์ (ลูกชายคนรองของมาร์ควิสแห่งวิสตัน)

3.     จอร์จ เฟลตัน (ลูกชายคนรองและคนเล็กของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์)

4.     เอ็ดเวิร์ด เบอร์มิ่ง (ไวส์เคาน์แห่งครอฟตัน ลูกชายคนโตของเอิร์ลแห่งเบอร์เบจ)

5.     เอ็มมานูเอล ซอมเบิร์ก (ลูกชายคนรองของเอิร์ลแห่งแรมสเบอรี่)

6.     นิโคลาส คาเทจ (ลูกชายคนโตของไวส์เคาน์แห่งเอนฟอร์ด)

7.     โรเบิร์ต มัลคอม (ลูกชายคนโตของพ่อค้าเพชร เรียนอีตันรุ่นเดียวกับลอร์ดโทรว์บริด)

8.     เจฟฟรี่ มัทท์ (ลูกชายคนเดียวของเซอร์อัลเบอร์โต มัทท์)

9.     เจมส์ สมิธ (ลูกชายคนรองของนายธนาคารใหญ่ จบอ็อคฟอร์ดรุ่นเดียวกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์)

10.            อีธาน ลอว์ (ลูกชายคนเล็กนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในกรุงลอนดอน เป็นรุ่นน้องลอร์ดโทรว์บริดสองปี) พอรวมกอร์ดอนเข้าไปด้วยก็เป็นสิบเอ็ดคนพอดี

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-01-2017 12:43:32
                “ฉันว่าเราน่าจะตั้งชมรมฟุตบอล” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเสนอขึ้นหลังจากลงชื่อกอร์ดอนเป็นสมาชิกคนที่สิบเอ็ดในสมุดรายชื่อ “ฉันฝันมานานแล้วว่าสักวันเราจะได้เตะฟุตบอลด้วยกัน”

                “นายล้มเลิกความตั้งใจเรื่องสโมสรรักบี้ไปแล้วงั้นสิ” เจฟฟรีทักขึ้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองเขา “รอให้ครบสิบห้าคน หึๆ ฉันว่าเล่นฟุตบอลง่ายกว่า อีกอย่างสโมสรรักบี้เราเคยตั้งมาแล้วที่อีตัน โด่งดังจะตายไปใช่มั้ยจอห์นนี่”

                “อือ” ลอร์ดโทรว์บริดพยักหน้า “แต่ถ้าพวกเราตั้งสโมสรฟุตบอลขึ้นมา แล้วจะหาใครมาแข่งด้วยล่ะ?”

                “นิวตัน ฮีต* (ต่อมาคือสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเด็ด) ไง” ลอร์ดครอฟตันเสนอขึ้นมา เจฟฟรี่หันมองเขา “นายคิดหรือว่านั่นเรียกการเล่นฟุตบอล ฉันว่าต้องเป็นการโดนถล่มอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ”

                “....”

                เกิดความเงียบขึ้นในห้องชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่นิโคลาสจะระเบิดหัวเราะออกมา “ฉันว่านายพักเรื่องสโมสรฟุตบอลไว้ก่อนดีกว่า ว่าแต่ตะกี้ใครชนะ? เจมส์หรืออีธาน?”

                “อีธาน ฉันเห็น” เจฟฟรี่พูดขึ้น เจมส์แย้งทันที “ไม่นับซี่ ก็จอห์นนี่เปิดประตูเข้ามาพอดี ฉันมีสมาธิที่ไหนกันเล่า”

                “เออ ใช่ ไม่นับ ฉันเล่นข้างเจมส์ไว้เยอะด้วย” เอ็มมานูเอลสนับสนุน “เอาใหม่ๆ เอาคู่ใหม่เลย”

                “งั้นฉันเสนอตัว” ลอร์ดโทรว์บริดยกมือ เอ็มมานูเอลหันไปมองรอบๆ “มีใครอยากท้าแข่งกับจอห์นนี่มั้ย?”

                เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จะยกมือขึ้น “ฉันเอง พอฟัดพอเหวี่ยงกับจอห์นนี่ เห็นทีจะมีแต่ฉันนี่แหละ”

                “ฮ่าๆ” ใครอีกหลายคนในห้องนั้นหัวเราะ กอร์ดอนเห็นนิโคลาสเดินไปรินวิสกี้ใส่แก้ว เขาเลยรีบเสนอตัวไปช่วย แต่ถูกฝ่ายนั้นห้ามไว้ “วันนี้เวรฉันรินวิสกี้ นายกลับไปนั่งที่เก้าอี้เลย”

                “เอ๋?”

                เสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันดังขึ้นด้านหลัง “กอร์ดอน นายกลับมานั่งเลย วันนี้คิวรินวิสกี้ไม่ใช่ของนาย อย่าไปแย่งหน้าที่นิกกี้เชียว ปีนึงเขาถึงได้รินวิสกี้ให้เพื่อนสักที”

                “โหย... นายก็พูดเกินไป ปีนี้ฉันจับฉลากได้ตั้งสามรอบแล้วนะ”

                “รินดีๆ นะนิกกี้ ถ้าหกจะทำโทษให้กระโดดกบสิบที” อีธานว่า นิโคลาสสั่นศีรษะด้วยความระอาใจกับมุกของเพื่อน

                “เฮ้ย คู่เอกจะเริ่มแล้ว ใครจะลงข้างใครรีบๆ เลย” เจมส์ตะโกน ก่อนจะพูดต่อ “ฉันถือข้างจอห์นนี่ ให้หนึ่งต่อห้าเลย” เขาหยิบสมุดออกมาจดโพย ขณะที่ทุกคนกรูกันควักเงินออกมาจากกระเป๋า

                “โห... งั้นฉันลงข้างแมกซ์แล้วกัน ไม่อยากอยู่ข้างเดียวกับแกว่ะเจมส์”

                “รังเกียจกันรึไง”

                “ฮ่าๆ”

                “ให้แมกซ์หนึ่งต่อห้า เสมอกันเลย”

                “ฉันลงข้างนาย”

                “ฉันด้วย”

                เสียงพูดคุยดังสับสน กอร์ดอนเห็นจำนวนเงินที่เหล่าสุภาพบุรุษพวกนั้นลงเดิมพันกันแล้วถึงขั้นไม่กล้าอ้าปาก นี่เฉพาะเงินของลอร์ดครอฟตันคนเดียวก็น่าจะเท่ากับราคาชุดที่เขาตัดให้กับลอร์ดโทรว์บริดสามตัวรวมกัน เจมส์หันมาถามเขา “กอร์ดอน นายจะแทงข้างใคร?”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มสะดุ้งหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงค่อย “เดิมพันผมไม่สูงนะ”

                “ไม่เป็นไรหรอกน่า เล่นสนุกๆ” เอ็มมานูเอลว่า “ถ้านายอยากเสี่ยงแต่ไม่อยากจ่ายเงินสด จ่ายเป็นชุดที่นายตัดสิ ฉันคนนึงรับรอง เอามั้ยล่ะ?”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมขอแทงแค่สิบปอนด์ก็พอ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันหน้ามาเกลี่ยกล่อมเขา “นี่กอร์ดอน กล้าหน่อยซี่ นายมากับจอห์นนี่นะ แทงหมดตัวไปเลย สามร้อยปอนด์สำหรับชุดสูทไปงานเลี้ยงดินเนอร์ ฉันรับรองอีกคน คนอื่นว่าไง”

                “ฉันไม่มีปัญหาหรอก” นิโคลาสว่า “แต่สงสัยอย่าง ถ้าเกิดกอร์ดอนแพ้ ใครจะได้ชุด”

                “จับฉลาก” อีธานกับโรเบิร์ตพูดขึ้นพร้อมกัน ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ดี ยุติธรรมดี งั้นตามนี้ กอร์ดอนสามร้อยปอนด์ ข้างจอห์นนี่”

                กอร์ดอนมีแต่จำต้องพยักหน้ารับ เขาเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่แค่ลอร์ดโทรว์บริดคนเดียวที่พูดไม่รู้เรื่อง บรรดาเพื่อนๆ ชนชั้นสูงของเขาก็พูดไม่รู้เรื่องพอกัน

                “ตกลง งั้นเริ่มกันเลย” เจมส์ตบฝ่ามือลงไปบนกำปั้นที่ยันกันอยู่บนโต๊ะ จากนั้นเสียงเอ็ดตะโรก็ดังลั่นขึ้นทันที

                “เอาเลยจอห์นนี่ ไม่มีอะไรหยุดนายได้อยู่แล้ว”

                “อย่ายอมนะแมกซ์ พระราชินีพันปอนด์กำลังรอนายอยู่”

                เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังแสบแก้วหู แต่เพราะสามร้อยปอนด์ของเขาอยู่ในมือของคนทั้งคู่ กอร์ดอนเลยพลอยลุ้นระทึกไปด้วย ชายหนุ่มแน่ใจว่าเขายังไม่ว่างพอจะตัดชุดเพื่อจ่ายค่าพนันให้ใครแน่นอน

                ลอร์ดโทรว์บริดกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รูปร่างสูงใหญ่พอกัน พละกำลังก็ดูจะพอๆ กัน เรียกว่าเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อ ยากจะเดาออกว่าใครจะชนะในศึกวัดพลังครั้งนี้ ทั้งคู่งัดข้อกันจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครกำลังได้เปรียบเสียเปรียบ

                “สามนาทีแล้ว ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย ใครต้องการลงเดิมพันเพิ่มรีบเสียตอนนี้เลย” เจมส์ประกาศหลังก้มดูนาฬิกา มีคนแทงเพิ่มอีกเกินครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่กอร์ดอนแน่นอน

                “ตอนนี้เกินพันปอนด์แล้วนะแมกซ์ ความหวังทั้งหมดอยู่ที่นาย” ลอร์ดครอฟตันว่า ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นบ้าง

                “จอห์นนี่ อย่าแพ้นะ ถ้านายแพ้ล่ะก็ กอร์ดอนต้องสาปส่งนายแน่ เขาลงข้างนายเป็นชุดราคาตั้งสามร้อยปอนด์”

                “เอาเลยๆๆ” เสียงตะโกนดังหนวกหูขึ้นทุกที ท่ามกลางการต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สุภาพบุรุษทั้งสองคนเริ่มมีเหงื่อออกแล้ว ใบหน้ารวมถึงแขนที่ใช้งัดกันก็กลายเป็นสีแดงจัด

                “เอาเลยๆ” กระทั่งกอร์ดอนก็ยังพลอยร้องตะโกนตามคนอื่นไปด้วย เมื่อเห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดสามารถกดฝ่ายตรงข้ามได้แล้วเกินครึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องเงียบเสียง เมื่อลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์งัดแรงฮึดยันกลับมาอยู่ที่เดิมได้อีกครั้ง

                “ใครอยากเปลี่ยนข้างยังทัน” เจมส์ประกาศ ก่อนจะวุ่นอยู่กับการจดโพยท่ามกลางวงเงินพนันที่สูงขึ้นอย่างน่ากลัว

                “ปิดแทงได้แล้ว!” เอ็มมานูเอลตะโกน เมื่อเห็นว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กดฝ่ามือของลอร์ดโทรว์บริดลงไปเกินครึ่งทางแล้ว

                “พระราชินีกำลังจะมาอยู่ข้างเรา รวมช่างตัดเสื้อด้วย” ลอร์ดครอฟตันตะโกนลั่น จนวิสกี้ในแก้วกระฉอกออกมา

                ลอร์ดโทรว์บริดพยายามจนเหงื่อไหลเป็นน้ำ กอร์ดอนลุ้นจนแทบหยุดหายใจ สามร้อยปอนด์ของเขา...

                ปึ้ก!!

                เสียงตะโกนลั่นชนิดที่ว่าถ้าคนนอกฟังอยู่คงต้องยกมือขึ้นอุดหูดังขึ้นลั่นห้องที่ใช้ประชุมสโมสร กอร์ดอนเผลอกระโดดจนตัวลอยตอนที่เขาเห็นผลการแข่งขัน

                ลอร์ดโทรว์บริดยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลูบแขนตัวเองป้อยๆ “พระเจ้าอยู่ข้างนาย จอห์นนี่”

                คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามยิ้ม ขณะที่คนอื่นๆ พากันตะโกนลั่น “บิ๊กจอห์นชนะ วู้ว จะมีอะไรดีกว่านี้อีกบ้าง”

                “จ่ายๆ” เจมส์พูด ก่อนจะกวาดเงินเดิมพันทั้งหมดไปกองไว้รวมกัน “ไหนดูซิ ใครแทงไว้เท่าไหร่บ้าง” เขาหยิบสมุดที่ใช้จดโพยขึ้นมาดู

                “โอ้โห... จอร์จจี้ของเราจะมีเงินไปซื้อสร้อยเพชรชุดใหม่ให้สาวๆ ใส่ฟรีอีกหลายชุด ฮ่าๆ นี่ถ้าพระเจ้าไม่เข้าข้างเขา ผมพนันเลยว่าจอร์จจี้จะต้องจ่ายค่าเพชรให้สาวๆ ด้วยน้ำตาของเขาแน่ๆ”

                “น้อยๆ หน่อยเจมส์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางหัวเราะ “คนอย่างฉันมีดวงเรื่องเงินและผู้หญิงเสมอ”

                “เพราะเชื่อคำแนะนำของจอร์จจี้ กอร์ดอนก็ได้ไปไม่น้อยเลยรอบนี้ ว้าว ฉันว่าเขาหยุดตัดเสื้อไปได้อีกสักครึ่งเดือน”

                กอร์ดอนมองเงินที่ฝ่ายนั้นยื่นมาให้ รู้สึกไม่เชื่อว่านี่เป็นเงินที่เขาชนะพนันมาจริงๆ

                “ส่วนเอ็ดดี้ของเรา... โชคดีที่เขายังมีคฤหาสน์และที่ดินอีกเกือบครึ่งเกาะอังกฤษ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าขนหน้าแข้งจะร่วงไปพร้อมกับข้อมือของแมกซ์แต่อย่างใด”

                “ครั้งนี้โชคแค่บินหนีฉันไปเท่านั้น” ลอร์ดครอฟตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “รอบหน้าฉันยืนยันว่ายังไงก็จะลงข้างนาย แมกซ์”

                “ขอพระเจ้าเป็นพยานในความรักเดียวใจเดียวของเอ็ดดี้ด้วย ฮ่าๆ” เจมส์ว่า เขาจ่ายเงินให้กับทุกคนที่ชนะพนัน แน่นอนว่าสุดท้ายจะเหลือส่วนต่างอยู่จำนวนหนึ่ง “เงินที่เหลือนี่เอายังไงดี จ่ายเป็นค่าตัวนักกีฬา หรือว่าเอาเข้าสโมสร”

                “เข้าสโมสร” ลอร์ดโทรว์บริดและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นพร้อมกัน เจมส์หันไปมองคนอื่นๆ “ที่เหลือล่ะ?”

                “นักกีฬาบอกว่าเข้าสโมสรแล้ว จะถามอีกทำไม” เอ็มมานูเอลว่า เจมส์พยักหน้า “ตกลง เงินนี้เอาเข้าสโมสร แล้วเราค่อยตกลงกันอีกทีว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร”

                “เห็นด้วย”

                ภายในห้องค่อยคลายความอึกทึกลงหน่อยหนึ่ง ลอร์ดโทรว์บริดและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พักดื่มน้ำ ขณะที่คนอื่นๆ นั่งจิบวิสกี้ที่ยังเหลืออยู่

                “ท่านสุภาพบุรุษ งานสังสรรค์คืนนี้ของเรายังไม่จบ แม้จะมีหลายคนพ่ายแพ้การชิงชัยที่แสนตื่นเต้นไปแล้วก็ตาม” เจมส์ประกาศ เขายืนอยู่กลางวง ทำท่าเหมือนพิธีกรบนเวทีโอเปร่า

                “บิ๊กจอห์นที่หนีเราไปอยู่อเมริกาตั้งหลายปีได้กลับมาแล้ว พวกเราทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอฟังเรื่องเล่าจากเขามาตั้งเป็นปีๆ คืนนี้ถ้าเขาไม่เล่าจนน้ำลายแห้ง เราจะไม่ยอมกลับกันไปไหน”

                “ฮ่าๆ”

                “และยังไม่พอ เรายังมีเพื่อนใหม่ กอร์ดอน ช่างตัดเสื้อฝีมือเยี่ยม ผมมั่นใจว่าทุกท่านจะต้องอยากทำความรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้”

                “ถูกต้อง”

                “ดังนั้น คุณสุภาพบุรุษทั้งหลาย เวลาในค่ำคืนนี้เป็นของทุกท่านแล้ว สโมสรแบล็กเบิร์ดยินดีต้อนรับ ขอให้ทุกท่านใช้เวลาที่มีค่านี้ร่วมกันอย่างชื่นมื่นที่สุด ผม เจมส์ สมิธ ขอกล่าวเปิดสโมสรอย่างเป็นทางการ

---------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alicegrizzly ที่ 07-01-2017 14:22:25
ง้อวววว วันที่สองพาไปหาพ่อแม่ วันที่สามพาไปหาเพื่อนเลยอ่า~
ติดใจไรเบอร์นั้น กอร์ดอนก็เริ่มหลงเข้ามาในวังวนของท่านลอร์ด
แบบยากจะถอนตัวละ
 :katai1: ลุ้นนนน ขอให้ความหน้ามึนสถิตอยู่กับท่านลอร์ดต่อไป
555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-01-2017 14:32:12
 :jul3: ปวดหัวไหมกอร์ดอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-01-2017 14:54:57
ตอนนี้ทำให้เข้าใจได้เป็นคนประเพศเดียวกันถึงคบกันได้   :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-01-2017 15:17:00
กอร์ดอน ไม่ต้องสับสนหรอก
ตามๆ น้ำไป เดี๋ยวดีเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 07-01-2017 15:26:41
ลุ้นกันเหงื่อตกเลย เหอๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 07-01-2017 20:06:29
 :mew3: ดีใจที่เข้ากับเพื่อนใหม่ได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-01-2017 20:24:04
หรือว่าลอร์ด = มึน

แก๊งเพื่อนๆ ถึงได้มึนกันขนาดนี้

ไม่รู้จะสงสารกอร์ดอนดีหรือเปล่า ฮาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 07-01-2017 23:34:04
กอร์ดอนเป็นผู้ใหญ่ที่แพ้เด็กตลอดเลย น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-01-2017 00:04:15
เป็นแก๊งค์รั่วและมึนมาก ไหวไหมกอร์ดอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-01-2017 01:09:09
แต่ละคนมันรวมเกรียนชัดๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 08-01-2017 01:42:14
ท่านหลอดทั้งหลายคงจะเก็บกดจากที่บ้านมากเลยสินะคะ
ถึงได้แหกปากกันได้น่ารำคาญเยี่ยงนี้
(คนแต่งแต่งยังไงให้เรารู้สึกว่ามีเสียงลอดออกมาจากตัวหนังสือคะเนี่ย????)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-01-2017 01:45:36
ก๊วนนี้มีความซนมากกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-01-2017 08:41:29
ถ้าเป็นสมัยนี้คงเรียกได้ว่า เปิดเผยจริงใจ
แต่พอดีกอร์ดอนเป็นคนอังกฤษสมัยก่อนเสียด้วย เลยมองว่าเจี๊ยวจ๊าวน่ารำคาญ แถมพูดไม่รู้เรื่อง ฮา
เปิดใจหน่อยน่าคุณช่างตัดเสื้อ เดี๋ยวก็สนุกไปเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-01-2017 09:28:23
แก๊งเพื่อนจอห์น คือเป็นแก๊งสุภาพบุรุษอังกฤษใจแตกอ่ะ 555555555555
เหมือนเด็กชายเก็บกด~~~~! ^0^
เค้าจะชอบกันตอนไหนน๊า ลุ้นจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-01-2017 10:22:10
สำนวนเหมือนอ่านนิยายที่เขียนโดยคนอังกฤษจริง ๆ

ยอดเยี่ยมมาก รู้สึกถึงบรรยากาศโขมงโฉงเฉง เสียงชนแก้วโคร้งเคร้ง สรวลเสเฮฮา

คุณสมบัติของสมาชิกในสโมสรนี้คือต้องหน้ามึนใช่ไหม? เหมือนกันทั้งสโมสรเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-01-2017 10:25:54
Dear, My customer.

ตอนที่5 บาร์ที่ถนนวอลตัน


                เหล่าสุภาพบุรุษพวกนั้นตั้งหน้าตั้งตาฟังเรื่องราวชีวิตของลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่อเมริกา เสมือนว่ากำลังได้ดูอุปรากรณ์ใหญ่ กอร์ดอนเองก็ถูกลอร์ดจอร์จ เฟลตันลากไปซักไซ้ไล่เรียงถามถึงที่ตั้งร้านและเรื่องราวเกี่ยวกับเสื้อผ้า ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหันไปให้ความสนใจกับเรื่องราวของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเลยปลีกตัวออกมานั่งคนเดียวได้เสียที ช่างตัดเสื้อหนุ่มนั่งจิบวิสกี้พลางมองผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่กลางวง แล้วนึกสงสัยว่าตัวเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่นั่งจิบวิสกี้อยู่บนสโมสรลับสุดหรูใจกลางกรุงลอนดอน และฟังเรื่องเล่าถึงโลกที่เขาไม่เคยเห็น

---------------------------------------

                “กอร์ดอน ตื่นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะให้ออตโตมานมาหามนายลงไป” ใครคนหนึ่งเดินมาปลุกเขา กอร์ดอนปรือตาเปลือกตาขึ้นอย่างยากลำบาก เขามองผู้คนตรงหน้าอย่างสะลึมสะลือ “เสร็จแล้วหรือ?”

                “อือ คุณเมาหรือนี่?” เสียงใครอีกคนถาม กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่า ผมแค่ง่วง”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่สุดท้ายก็หล่นปุลงไปบนเก้าอี้อยู่ดี ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น “ไม่ไหว เขาเมาแน่ๆ นิกกี้นายรินวิสกี้ไปให้เขากี่แก้ว”

                “แก้วเดียวนะ ฉันจำได้ ไม่น่าจะเมา”

                “.....”

                “เอาไงดี ให้ออตโตมานเข้ามาหามเขาออกไปแล้วกัน”

                “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองดีกว่า”

                กอร์ดอนรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนยกตัวขึ้น แต่เขารู้สึกง่วงเกินกว่าที่จะสงสัยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ได้ยินเสียงใครพูดดังแว่วๆ

                “ว้าว นายทำอย่างกับเขาเป็นถุงทะเลงั้นแหละ”

                “ภาพนี้จะต้องติดตาฉันไปอีกนาน ยังไม่เคยเห็นใครหิ้วคนเมาเหมือนแบกถุงทะเลอย่างนายมาก่อนเลย”

                “ขอร้องนะจอห์นนี่ นายอย่าอุ้มเจ้าสาวแบบนี้เด็ดขาด พ่อนายเห็นคงได้กลั้นใจตาย ฮ่าๆ”

                กอร์ดอนนึกสงสัยว่าเสียงเหล่านั้นกำลังพูดถึงอะไร เขารู้สึกร่างกายหนักอึ้ง อยากจะอ้าปากถามแต่ก็ขยับอะไรไม่ได้มากไปกว่าที่เป็นอยู่

                ง่วงนอนชะมัดเลย

--------------------------------------

                เสียงแว่วของบิ๊กเบนที่ตีบอกเวลาเที่ยงตรงปลุกกอร์ดอนให้ตื่นขึ้นจากความฝัน เขาปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะตื่นเต็มตาเมื่อได้ยินเสียงระฆังครั้งที่ห้า ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นมา และพบว่าเขานอนอยู่บนเตียงของตัวเอง ทุกอย่างดูเรียบร้อยดี กระทั่งเสื้อสูทที่ใส่ออกไปก็ถูกแขวนเอาไว้หน้าตู้

                เดี๋ยวนะ นี่เขากลับมาได้ยังไงกัน?

                ชายหนุ่มยกมือขึ้นกดศีรษะ พยายามนึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขากำลังฟังลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าเรื่องอินเดียนแดงที่อเมริกา จากนั้นก็เหมือนจะผล็อยหลับไป

                เสียงเคาะประตูหยุดความคิดของเขาเอาไว้แค่นั้น กอร์ดอนลุกจากเตียงไปเปิดประตู

                “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณโอเดนเบิร์ก ดีจังที่คุณตื่นแล้ว” คนมาเคาะไม่ใช่ใครอื่น เป็นเดวิด เด็กรับใช้ในร้านนั่นเอง กอร์ดอนส่งเสียงทักทายตอบ “อรุณสวัสดิ์ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว”

                “เที่ยงพอดีครับ ผมคิดว่าคุณตื่นเพราะได้ยินเสียงบิ๊กเบนเสียอีก”

                คิ้วของกอร์ดอนเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เดวิดพูดต่อ “เดี๋ยวผมจะลงไปบอกมิสซิสมาธาร์ให้ชงน้ำมะนาวให้คุณ สุภาพบุรุษท่านนั้นกำชับผมนักหนา ว่าถ้าคุณตื่นมาแล้วให้หาอะไรเปรี้ยวๆ ให้คุณดื่ม”

                “สุภาพบุรุษ?”

                “ก็ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไงครับ” เดวิดว่า “เขาแบกคุณมาส่งที่นี่ตอนหัวรุ่ง เขาแข็งแรงมากเลยนะครับ แบกคุณอย่างกับแบกถุงทะเลแน่ะ” ดวงตาของเดวิดเป็นประกายด้วยความชื่นชม ขณะที่กอร์ดอนรู้สึกปวดหัวหนักกว่าเดิม

                “ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

                “เหมือนคุณจะเมาน่ะครับ ท่านเอิร์ลบอกผมแบบนั้น”

                “เมา?”

                “ครับ”

                “ฉันเนี่ยนะ?”

                เดวิดจึงอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียดให้เขาฟัง “ท่านเอิร์ลแบกคุณขึ้นบ่าลงมาจากรถม้า คุณยังหลับไม่รู้เรื่องอย่างกับอยู่บนเตียง ถ้าไม่เมาก็ถูกชกสลบสองอย่างล่ะครับ แต่ผมดูแล้วคุณไม่น่าถูกใครชกมา เลยเชื่อว่าคุณเมา”

                กอร์ดอนยกมือขึ้นห้ามฝ่ายนั้น “เอาล่ะ ฉันพอเข้าใจแล้ว เธอลงไปก่อน เดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อแล้วจะตามลงไป บอกมิสซิสมาธาร์ด้วยว่าขอมื้อเช้าให้ฉันด้วย”

                “ครับ”

                กอร์ดอนมองเด็กรับใช้วิ่งลงบันไดแล้วถอนหายใจเฮือก เมื่อคืนเขาดื่มวิสกี้ไปแค่แก้วเดียวเท่านั้นเอง แค่วิสกี้แก้วเดียวเขาก็เมาได้ด้วยหรือเนี่ย?

                ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขาชักจะแย่ลงไปทุกที เขาเดินไปหยิบเสื้อนอก และรู้สึกถึงปึกธนบัตรที่อัดอยู่ด้านใน จึงนึกได้ว่าเมื่อคืนเพิ่งชนะพนันเป็นจำนวนเงินที่สูงจนน่าตกใจ พอหยิบปึกธนบัตรพวกนั้นออกมานับ กอร์ดอนก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้เมาวิสกี้แก้วนั้น

                ความรู้สึกที่ได้นั่งจิบวิสกี้หลังได้เงินหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์โดยไม่ต้องลงแรงอะไรนี่มันดีจริงๆ เลย

                ถึงจะรู้สึกแบบนั้น แต่กอร์ดอนก็รีบให้สัตย์ปฏิญาณกับตัวเองว่าเขาจะไม่เล่นพนันใดๆ อีก เพราะพอมานึกดูอีกที ถ้าลอร์ดโทรว์บริดจ์เกิดแพ้ขึ้นมา เขาต้องตัดชุดฟรีเป็นเงินถึงสามร้อยปอนด์ ดูแล้วก็ไม่ใช่น้อยๆ เหมือนกัน และการพนันใช่ว่าจะกำหนดแพ้ชนะได้ตลอดเสียเมื่อไหร่ ปู่ของเขาเคยพูดว่า มีแต่พวกเจ้าของที่ดินเท่านั้นที่เล่นพนันได้โดยไม่เสียอะไร เพราะคนที่จ่ายคือพวกที่เช่าที่ดินต่างหาก

                เขาเก็บเงินใส่ตู้ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อแล้วลงมาทานมื้อเช้าในเวลาน้ำชาพอดี

----------------------------------------

                อากาศของลอนดอนเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เช่นเดียวกับเหล่าบรรดาลูกค้าสุภาพบุรุษทั้งหลายของเขา ช่วงบ่ายที่ฝนเริ่มลงเม็ด กอร์ดอนต้องจับรถม้าไปคฤหาสน์ของบารอนเคาน์ตี้ เพื่อวัดตัวตัดชุดสำหรับใส่ในงานแต่งงานให้กับ ลูกชายคนโตของท่านบารอน ซึ่งงานมีกำหนดจะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ดังนั้นในอีกสัปดาห์ถัดมา กอร์ดอนจึงต้องเวียนเข้าเวียนออกคฤหาส์เคาน์ตี้ เพื่อให้แน่ใจว่าชุดจะพอดีตัวและสวยที่สุดอย่างที่เจ้าตัวคาดหวังไว้ นี่ยังไม่นับรวมเสื้อโค้ทสำหรับใส่ไปตากอากาศของท่านเอิร์ลแห่งแลงฟอร์ด และเสื้อสูทสำหรับใส่เข้าประชุมสภาของมาร์ควิสแห่งซอลส์บรี ซึ่งมีกำหนดเสร็จในช่วงเดียวกัน ต่อให้มีช่างสี่คนรวมตัวเขาด้วยเป็นห้า กอร์ดอนก็รู้สึกว่าเวลามันไม่พออยู่ดี พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาทำงานหามรุ่งหามค่ำ แม้แต่ในวันอาทิตย์ช่วงบ่าย กอร์ดอนก็ยังต้องมานั่งเก็บรายละเอียดงานเพื่อให้เสร็จทันตามกำหนด เขาถึงกับแขวนป้ายปิดร้านเพื่อประกาศให้รู้ว่าในตอนนี้เขาไม่พร้อมรับงานจากใครทั้งนั้น แม้กระทั่งท่านดยุคก็ตาม ในที่สุดหลังจากตรากตรำกันมากว่าสิบวัน งานทั้งหมดก็เสร็จเรียบร้อย ลูกชายคนโตของท่านบารอนพอใจอย่างที่สุดกับชุดทักซิโด้สำหรับงานแต่งงานของเขา ที่ไม่ว่ามองมุมไหนก็ดูเนี้ยบกริ๊บและยังทำให้เขาดูผึ่งผายขึ้นด้วย ลอร์ดแลงฟอร์ดหลงรักเสื้อโค้ทตัวใหม่ และสวมมันทันทีหลังได้รับ ส่วนท่านมาร์ควิสแห่งซอลส์บรีป่วยกะทันหัน จึงไม่ได้สวมเสื้อสูทตัวใหม่เข้าร่วมประชุม อย่างไรก็ดีกอร์ดอนได้เห็นท่านมาร์ควิสสวมสูทตัวนั้นฉายภาพหมู่ร่วมกับดยุกแห่งเคมบริจ ในงานเลี้ยงต้อนรับในอีกสัปดาห์ถัดมา ซึ่งลงเป็นพาดหัวข่าวอยู่ในหนังสือพิมพ์

                กอร์ดอนเปิดร้านอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ที่อากาศสดใส เขานอนพักผ่อนแล้วและอารมณ์ดีขึ้นมาก ถึงขนาดสั่งให้เดวิดออกไปซื้อดอกกุหลาบมาหนึ่งช่อใหญ่ เพื่อให้มิสซิสมาธาร์จัดใส่แจกันตั้งประดับในร้าน ดังนั้น พอตกช่วงสาย กลิ่นดอกกุหลาบก็อบอวลไปทั่วร้านกอร์ดอนเทเลอร์ ยังความประหลาดใจให้กับผู้ที่มาเยือนเป็นอย่างมาก

                “ว้าว วันนี้ดอกกุหลาบเต็มร้านคุณเลยแฮะ คุณคิดจะเปิดร้านขายดอกไม้แทนแล้วหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักขึ้นหลังจากกล่าวทักทายตามมารยาทเรียบร้อยแล้ว กอร์ดอนรู้สึกว่าอากาศดีในลอนดอนนี่เอาแน่เอานอนไม่ได้เสียเลย ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขายังรู้สึกอารมณ์ดีเกินกว่าจะทิ้งมันไปเพราะได้เห็นหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ผมเพิ่งเสร็จงานชิ้นใหญ่ เลยอยากจะเพิ่มอะไรที่มันสดใสในร้านบ้าง” เขาบอกฝ่ายนั้น ก่อนจะถามต่อ “คุณมีธุระอะไรให้รับใช้หรือครับ?”

                “อ้อ... ไม่มีหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ใช้รับรองลูกค้า “สองสัปดาห์ที่แล้วผมเห็นคุณแขวนป้ายปิดร้านตลอดเลย คิดว่าจะเลิกตัดเสื้อแล้วเสียอีก”

                “ผมมีงานด่วน กลัวเสร็จไม่ทัน เลยปิดร้านไว้ไม่รับงานเพิ่มครับ” กอร์ดอนอธิบาย และนึกสงสัยว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้ได้อย่างไรว่าเขาแขวนป้ายปิดร้านตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

                “โล่งไปที” ฝ่ายนั้นคราง “ผมคิดว่าเพราะคุณชนะพนันเลยปิดร้านซะอีก”

                กอร์ดอนคิดว่าอารมณ์ดีของเขาอาจจะหายไปเร็วพอๆ กับอากาศดีของลอนดอน เพราะลอร์ดคนนี้นี่แหละ “ผมไม่ทิ้งร้านเพราะเงินพันห้าร้อยปอนด์หรอกนะ”

                “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ ก่อนจะเฉไปพูดเรื่องอื่น “คุณเปิดร้านก็ดีแล้ว ผมยังมีเรื่องติดค้างคุณอยู่”

                กอร์ดอนนึกสงสัยว่าเขายังมีเรื่องอะไรให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ติดค้างได้อีกหรือ “เรื่องอะไรครับ?”

                “ก็เรื่องสมาคมของคุณไง” ท่านลอร์ดตอบ แล้วพูดต่อ “คราวก่อนผมสัญญากับคุณไว้แล้วว่าจะไปสโมสรของคุณบ้าง ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมควรจะได้ทำตามสัญญาแล้วล่ะ”

                กอร์ดอนเกือบจะครางออกมา เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ ทำไมลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงไม่รู้จักลืมๆ ไปบ้างนะ

                “ผมไม่มีสมาคมหรอก...” เขาว่า “เพราะงั้นคุณไม่ต้องรู้สึกติดค้างผมก็ได้ครับ”

                “อ้าว งั้นปกติคุณไปสันธนาการที่ไหนล่ะ? ผมหมายถึง ปกติคุณไม่ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยงั้นหรือ? ปิดร้านแล้วนอนตลอด?”

                “ครับ” กอร์ดอนตัดสินใจโกหกด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อตัดปัญหาที่เขาแน่ใจว่ายังไงจะต้องเกิด “ผมทำงานเหนื่อยนะ ปิดร้านแล้วไม่อยากออกไปไหนแล้วล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณอย่าโกหกผมให้ยากดีกว่า คราวก่อนที่คุณเอาเสื้อเชิ้ตไปให้ผม จำได้ว่าคุณใส่น้ำหอมเสียหอมฟุ้งเลย แสดงว่าคุณวางแผนจะไปที่อื่นต่อหลังจากไปส่งเสื้อให้ผม เลยดูหงุดหงิดมากที่ถูกผมลากไปสโมสร” ลอร์ดหนุ่มพูดต่อโดยไม่รอให้กอร์ดอนอ้าปาก “ให้ผมเดานะ คุณต้องแอบนัดสาวไว้ที่ไหนสักแห่ง ไม่งั้นคงไม่ใส่น้ำหอมเสียขนาดนั้น ถูกไหม”

                กอร์ดอนมองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ พลางคิดว่าเขาสมควรจะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้ดี

                “บอกผมมาเถอะน่า... ไม่ต้องอายหรอก ผมพอจะช่วยคุณให้สมหวังได้อยู่อยู่นะ”

                กอร์ดอนมองลอร์ดหนุ่ม นึกถึงบาร์ นึกถึงสาวผมแดงคนนั้น นึกถึงตัวเขาที่เอาแต่นั่งชำเลืองมองแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป อึดใจหนึ่งช่างตัดเสื้อหนุ่มก็พูดออกมา

                “บาร์บีชอร์ตที่ถนนวอลตัน” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุ่มนึง ถ้าคุณจะไป แต่งตัวปกติก็พอนะครับ ไม่ต้องหรูหรามาก นั่นเป็นบาร์ระดับกลางๆ ไม่ใช่บาร์หรู”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ระบายยิ้มกว้างอย่างคนสมประสงค์ในทุกสิ่ง “ตกลง ทุ่มนึงผมจะมารับคุณ”

-------------------------------

                กอร์ดอนเดินลงมารอที่ชั้นล่างก่อนเวลาทุ่มนึงเล็กน้อย เดวิดรู้สึกแปลกใจที่เห็นเจ้านายของเขาแต่งตัวเนี้ยบกริบ

                “จะออกไปที่คฤหาสน์เดลหรือครับ?” เด็กรับใช้ถาม กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่า ไปบาร์บีชอร์ต”

                “อ๋อ” เดวิดพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวผมเรียกรถม้าให้”

                กอร์โดนโบกมือ “ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าอาจจะมีใครบางคนผ่านมา แล้วให้ฉันพลอยติดรถไปด้วยได้”

                เดวิดตาเป็นประกาย “ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือครับ!”

                “อืม”

                “งั้นแสดงว่าท่านเอิร์ลคนนั้นจะไปบาร์บีชอร์ตเป็นเพื่อนคุณ ดีจังเลยคุณโอเดนเบิร์ก” เด็กหนุ่มพูดด้วยสายตาเป็นประกาย “คุณมีเพื่อนเป็นเอิร์ล ที่อนาคตจะได้เป็นมาร์ควิส คงไม่มีอะไรโชคดีกว่านี้อีกแล้ว”

                กอร์ดอนยิ้มเพลียๆ ให้เขา “ฉันว่าถ้าไม่เคยรู้จักเขาเลยชีวิตน่าจะสงบสุขกว่านี้”

                “แต่เขาดีกับคุณออกนะ” เด็กหนุ่มออกความเห็น “ผมไม่เคยเห็นเอิร์ลคนไหนนิสัยดีแบบเขามาก่อนเลย”

                “ฉันด้วย แต่ในความหมายที่ต่างออกไปนะ” กอร์ดอนว่า จังหวะนั้นรถม้าคันใหญ่ของคฤหาสน์เดลก็วิ่งมาจอดที่หน้าร้านของเขา เดวิดรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามาโดยสวมเสื้อโฟลกโค้ทตัวเดิม แต่ด้านในเหมือนจะเป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ และเสื้อกั๊กสีน้ำเงินสดใส เขาสวมหมวกฮอมเบิร์กสีดำ แบบที่กอร์ดอนเห็นแล้วรู้สึกว่าอยากจะซื้อมาไว้ใช้เองสักใบ

                “หมวกคุณสวยมาก” นั่นคือคำแรกที่เขาพูดหลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว เหมือนแปลกใจที่ได้ยินคำพูดนี้

                “อย่างนั้นหรือ ผมให้คุณเอามั้ย?”

                “ไม่เป็นไรครับ” กอร์ดอนรีบปฏิเสธ “ผมแค่เห็นว่าคุณสวมแล้วดูดีมาก”

                “ว้าว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อุทานแล้วยิ้มกว้าง “คืนนี้คุณเองก็หล่อมาก ผมประกันว่าคงมีแต่สาวตาบอดกับตาฟางเท่านั้นที่ไม่หันมองคุณ”

                พูดจบเขาก็หยิบดอกกุหลาบสองดอกออกมาจากแจกัน เสียบดอกหนึ่งลงในอกเสื้อของกอร์ดอน และอีกดอกบนอกเสื้อของตัวเอง

                “เท่านี้ก็เรียบร้อย พวกเราไปกันเถอะ”

-----------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้โอลิเวอร์รออยู่ที่ร้านของกอร์ดอน และตัดสินใจเรียกรถม้ารับจ้าง เพราะไม่อยากเอารถม้าที่มีตราของคฤหาสน์เดลไปจอดที่หน้าบาร์ ข้อนี้กอร์ดอนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้มีใครรู้ว่าเขาไปกับลอร์ดโทรว์บริดจ์เหมือนกัน

                สองหนุ่มไปถึงบาร์บีชอร์ตประมาณทุ่มสิบห้า เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังทยอยเข้าไปด้านในพอดี เจ้าของบาร์ที่ยืนชงเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์เอ่ยทักทันทีเมื่อกอร์ดอนลากเก้าอี้มานั่ง

                “สายัณห์สวัสดิ์กอร์ดอน ไม่เห็นเสียนานเลยนะ”

                “งานยุ่งน่ะ” กอร์ดอนตอบ แล้วสั่งเครื่องดื่ม “ขอเหล้ายินให้ผมแก้วนึง”

                 “ได้” คนชงเหล้าพยักหน้า ก่อนจะหันมาถามลอร์ดโทรว์บริดจ์ “แล้วคุณล่ะ?”

                “ยินเหมือนกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะถามต่อ “กิจการช่วงนี้เป็นไงบ้าง”

                “ก็ดีครับ” เขาตอบขณะหันหลังหยิบขวดเหล้า “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมเห็นกอร์ดอนพาเพื่อนมาที่นี่ ปกติเห็นมาคนเดียวทุกที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้ม “มีเพื่อนเป็นเรื่องดีนะ คุณเห็นด้วยใช่มั้ย?”

                “อือ” ฝ่ายนั้นพยักหน้า “แล้วคุณเป็นช่างตัดเสื้อเหมือนกันหรือ? แต่ท่าทางไม่ให้เลยนะ”

                “อ๋อ เปล่าหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ “ผมเป็นผู้จัดการเหมือง”

                “ผู้จัดการเหมือง?” เจ้าของบาร์ทวนคำ ขณะที่กอร์ดอนเกือบสำลักเหล้ายิน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าประหลาดใจ “ทำไมล่ะ? ท่าทางผมไม่เหมาะเป็นผู้จัดการเหมืองหรือ?”

                เจ้าของบาร์มองเขาเท่าที่จะมองได้จากเคาน์เตอร์บาร์ “คุณไม่คล้ายผู้จัดการเหมืองเลยนะ แต่เหมือนใครสักคน ทำไมผมรู้สึกคุ้นๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเจ้าของบาร์พลางยิ้มอีก “เหมือนท่านเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ ใช่มั้ย?”

                “เออ ใช่เลย!” ฝ่ายนั้นร้องออกมา คราวนี้กอร์ดอนสำลักเหล้าจริงๆ “คะ... คุณว่าไงนะ!”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “เค้าพูดกันทั้งเหมืองว่าผมหล่อเหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์ แหม... ดีจริงๆ ที่ท่านเอิร์ลกลับมา ผมเลยกลายเป็นคนดังเลย”

                เจ้าของบาร์ยิ้มพลางสั่นศีรษะ “เพื่อนคุณนี่ใช้ได้เลยนะ กอร์ดอน”

                กอร์ดอนสำลักเหล้าจนหน้าแดง ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไรดี ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดเสียเอง “เรียกผมว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ดีไหม?”

                “ไม่ดีๆ” เจ้าของบาร์รีบสั่นศีรษะ “ถึงคุณใจกล้าแต่ผมไม่เอาด้วยหรอก กลัวเรื่องหลุดไปถึงหูท่านเอิร์ล ผมคงอยู่ไม่สุขแน่”

                “ฮ่าๆ”

                “อีกอย่างคุณหล่อสู้เขาไม่ได้นะ” เจ้าของบาร์ว่า “ผมเห็นในหนังสือพิมพ์ เขาแต่งตัวดูดีมาก ท่าทางก็สูงสง่าเรียบร้อย ต่างกับคุณลิบลับเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “งั้นหรือ แต่ผมพนันเลยว่าเขาใส่หมวกฮอมเบิร์กหล่อสู้ผมไม่ได้แน่นอน”

                เจ้าของบาร์ยักไหล่ “คุณชื่ออะไร ผมแจ็คสัน เดนเวอร์ เรียกผมว่าแจ็คสันก็ได้”

                “จอห์น เคฟ ผมอนุญาตให้คุณเรียกผมว่าจอห์นเหมือนกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ยินดีที่ได้รู้จักนะแจ็คสัน”

                “เช่นกันจอห์น คุณคุมเหมืองอะไรอยู่ตอนนี้ ดีบุก?”

                “อือ”

                “คงวุ่นวายน่าดู” แจ็คสันว่า กอร์ดอนภาวนาให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่พูดอะไรบ้าๆ ไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นเองบางอย่างก็ดึงดูดสายตาของแจ็คสันไป

                “มาแล้วกอร์ดอน แม่สาวผมแดงของคุณ”         

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่4 p.2 (7/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-01-2017 10:26:33
                กอร์ดอนรีบหันควับไปมองทันที ผู้หญิงผมแดงอายุราวๆ ยี่สิบกว่าๆ คนหนึ่ง แต่งหน้าไม่จัดมาก ในชุดกระโปรงสีแดงเหมือนผมของเธอเดินคุยกับเพื่อนเข้ามาในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบดึงตัวเขาให้หันกลับไป

                “นี่คุณมองผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้นะ มันเสียมารยาท”

                กอร์ดอนที่น่าสงสารหน้าแดงจัดกว่าเดิม “งะ... งั้นหรือ... ผะ... ผมควรทำไงดี?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วถอนหายใจอย่างเอ็นดู ก่อนจะยกมือตบไหล่ฝ่ายนั้น “คุณตั้งสติดีๆ นะ หายใจลึกๆ เราต้องทำตัวให้มีมาด วันนี้คุณดูดีมาก เดี๋ยวพอเธอนั่งคุยกับเพื่อนสักพัก เราจะเข้าไปขอเลี้ยงเหล้าเธอ คุณไม่ต้องทำอะไร แค่ยิ้มก็พอ แต่ต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้มองเธออย่างจงใจเกินไป คุณต้องทำแค่ว่าสนใจเธอบ้าง แต่ไม่ใช่หันไปจ้องแบบตะกี้นี้”

                “อื้อ” กอร์ดอนพยักหน้า แจ็คสันมองแล้วอมยิ้ม “พยายามเข้านะกอร์ดอน วันนี้คุณอาจจะมีโชคก็ได้”

                สองสาวที่เพิ่งเข้ามาใหม่เดินมานั่งที่บาร์ ถัดจากพวกเขาสองคนไปไม่ไกลนัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชำเลืองมองพวกเธอเล็กน้อย ขณะที่กอร์ดอนเอาแต่ก้มหน้างุด เดือดร้อนเอิร์ลหนุ่มก็ขยับเข้าไปกระซิบใกล้ๆ “นี่ คุณไม่ต้องก้มหน้าก็ได้ คุณเงยหน้าขึ้นมา มองหน้าแจ็คสัน ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ จากนั้นก็ใช้หางตาชำเลืองมองไปทางแม่สาวสองคนนั้น ลองทำดูสิ”

                กอร์ดอนสูดหายใจลึก เงยหน้าขึ้นมาตามคำแนะนำของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาพยายามตั้งสติขณะจ้องหน้าแจ็คสัน แล้วยกแก้วยินขึ้นมาจิบ แต่เขาคงเกร็งไปหน่อย เลยสำลักเหล้าจริงจังเสียยิ่งกว่าตอนได้ยินลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเรื่องตัวเองเหมือนตัวเองเสียอีก

                แจ็คสันสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าไม่ไหวเลย ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบใช้มือลูบหลังอีกฝ่าย เขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วมา จึงเหลือบไปมอง เห็นแม่สาวสองคนนั่นกำลังมองมาทางพวกเขาสองคนและแอบหัวเราะกันอยู่

                “เอาล่ะ ใจเย็นๆ กอร์ดอน ไม่เป็นไร คุณแค่ตื่นเต้นไปหน่อย ใครๆ ก็ตื่นเต้นเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองสนใจทั้งนั้นแหละ” เขาพยายามกระซิบปลอบ กอร์ดอนพยักหน้า เขารู้สึกทั้งอาย ทั้งตื่นเต้น ทั้งสับสน ปนๆ กัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะสำลักเหล้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้ เขานั่งรอฝ่ายนั้นตั้งสติเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีก ไม่นานนักกอร์ดอนก็เงยหน้าขึ้นมาได้

                “ขอเวลาผมหน่อยนะ”

                เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “เอางี้ เรามาคุยเรื่องทั่วๆ ไปกันก่อนดีกว่า อย่างเช่นคุณชอบอาหารอะไร เสื้อผ้าแบบไหน คิดว่าแฟชั่นยุคนี้เป็นยังไง แล้วพระราชินีจะอายุกี่ปี”

                “นี่คุณหยุดวกเข้าไปที่พระราชินีจะได้มั้ย” กอร์ดอนสวนขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ก็ได้ๆ งั้นคุณชอบกินอะไร”

                “แซนด์วิช”

                “หา?”

                “ทำไม ผมชอบกินแซนด์วิชแปลกนักหรือ?”

                “ก็คุณพูดเหมือนนักเดินทาง คุณเป็นช่างตัดเสื้อนะ”

                “ช่างตัดเสื้อก็ชอบแซนด์วิชได้” กอร์ดอนว่า “ตอนเด็กๆ แม่ผมชอบทำ พวกเราเคยนั่งรถไปปิ๊กนิกกันที่ริมแม่น้ำเทมส์ด้วย”

                “อ๋อ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้วแม่กับพ่อคุณล่ะ?”

                “ก็ไปด้วยกันนั่นแหละ”

                “เปล่า ผมหมายถึง ตอนนี้พ่อกับแม่คุณเป็นไงบ้าง”

                “เสียไปหมดแล้ว” กอร์ดอนว่า “พ่อกับแม่ผมป่วยเป็นอหิวา เสียไปตั้งแต่ผมอายุสิบสอง”

                “คุณเลยมาอยู่กับปู่”

                “ใช่”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณชอบสีอะไร หมายถึงเสื้อผ้า”

                “สีน้ำตาล” กอร์ดอนว่า “สีน้ำตาไหม้ๆ ใกล้เคียงสีดำ ไม่ก็น้ำตาลแดง แต่ผมใส่แล้วไม่ค่อยเข้า มันดูเหมาะกับคุณมากกว่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “งั้นหรือ ผมว่าคุณน่ะเหมาะกับสีน้ำตาลทองนะ สีนั้นน่ะผมชอบมากเลย แต่คุณบอกว่าไม่เข้า”

                “ใช่ มันไม่เข้ากับคุณเลย มันจะทำให้คุณดูเป็นก้อนบรอนซ์ทันที ถ้าขืนคุณอยากจะลองสวมนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “แล้วเหล้าล่ะ? คุณชอบดื่มอะไร ยิน?”

                “ครับ แต่วิสกี้ก็ไม่เลว”

                ลอร์ดหนุ่มมองเขาแล้วคลี่ยิ้มอย่างมีนัยยะ “ต้องเป็นสก็อตวิสกี้ด้วยใช่มั้ย?”

                คราวนี้กอร์ดอนหน้าแดงวาบขึ้นมาอีก “ไม่รู้สิ” เขานึกได้ว่าคราวก่อนเพราะวิสกี้แก้วเดียว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงขั้นต้องแบกเขามาส่งที่ร้าน กอร์ดอนเกรงว่าฝ่ายนั้นจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เขาเลยรีบถามกลับ

                “แล้วคุณล่ะ คุณชอบกินอะไร?”

                “พาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พายเนื้อ ของโปรดผมเลย ใส่ผักโขมปนเข้าไปนิดหน่อย อบในเตาไฟอ่อนๆ ให้พอเกรียม เวลายกออกมานี่หอมมาก”

                “คุณพูดซะผมหิว” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “พรุ่งนี้ดีไหม ถ้าคุณอยากลอง ผมจะให้แอนนาทำให้ แทนเค้กน้ำชา”

                “ไม่ๆ” กอร์ดอนรีบปฏิเสธ ก่อนจะพูดต่อ “งั้นเครื่องดื่มล่ะ?”

                “เหล้ารัม”

                “หา?”

                ฝ่ายนั้นยิ้มจนเห็นฟันครบซี่ “ทำไม ผู้จัดการเหมืองแบบผมดื่มเหล้ารัมแปลกหรือ? ผมว่าผมไม่ดื่มสิแปลก”

                กอร์ดอนรู้สึกขัดใจ “ตอบแบบจริงจังสิครับ คุณหาดื่มได้ดีกว่านั้นแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลอกตา ก่อนจะก้มตัวลงมากระซิบ “แชมเปญ สาเหตุเดียวเลยที่ผมชอบไปงานเลี้ยง”

                กอร์ดอนขำพรวดออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบอีก “อีกเรื่องนะ คุณหยุดครับๆ กับผมด้วย ใครเขาพูดครับกับผู้จัดการเหมืองกัน”

                “เออ ผมลืม ผมคิดว่าคุณเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ทุกที”

                คราวนี้แจ็คสันขำพรวดออกมา “โทษทีนะ ผมไม่ได้ตั้งใจฟังพวกคุณสองคนคุยกัน แต่มุกนี้คุณขำใช้ได้เลย กอร์ดอน”

                กอร์ดอนมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะยิ้ม “แสดงว่าผมเริ่มพูดจาเข้าท่าแล้วสิ”

                แจ็คสันพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงรีบเสริม “อื้อ เข้าท่าเลยล่ะ เดี๋ยวพวกเราย้ายไปนั่งคุยกันฝั่งโน้น คุณโม้ไปเลยก็ได้ว่าคุณนั่นแหละเป็นคนตัดเสื้อให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ ที่เขาสวมแล้วดูดีกว่าผม”

                “ฮะๆ” กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ก็ผมตัดให้เขาจริงๆ นี่นา”

                “คุณนี่เล่นมุกได้เจ็บมาก จอห์น” แจ็คสันเหน็บ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขายิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปยังเก้าอี้ที่สองสาวนั่งอยู่

                “ขอโทษนะครับ ผมกับเพื่อนอยากจะขอเลี้ยงเหล้าคุณทั้งสองคนหน่อย ถ้าคุณไม่รังเกียจ”

                “เชิญค่ะ” ผู้หญิงผมสีแดงพูด ก่อนจะเชื้อเชิญให้เขานั่งลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยเลือกนั่งถัดจากเพื่อนของเธอซึ่งมีผมสีน้ำตาลอ่อน แล้วบุ้ยหน้าให้กอร์ดอนไปนั่งใกล้เธอ

                “อะ...” พอเห็นหน้าสาวเจ้าแล้ว กอร์ดอนก็เป็นอันพูดต่อไม่ออก เขาได้แต่นั่งอึ้ง จนลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องพูดขึ้นต่อ “กอร์ดอน คุณต้องรู้แน่ว่าสุภาพสตรีคนนี้ชอบดื่มอะไร”

                “เอ๋?” คนถูกถามทำเสียงสงสัย ก่อนจะตั้งสติได้ “อ้อ... ใช่ คุณชอบดื่มยินผสมมะนาว”

                ผู้หญิงคนนั้นมองเขาแล้วยิ้ม “ฉันเห็นหรอกว่าคุณมองอยู่ทุกที... ฉันแอนนาเบล เฮเก้นต์ค่ะ”

                กอร์ดอนรู้สึกหูอื้อ ในที่สุดเขาก็รู้ชื่อเจ้าหล่อนแล้ว “ผมกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก ยินดีที่ได้รู้จักครับ มิสเฮเก้นต์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปสั่งเหล้ายินยินผสมมะนาว แล้วเริ่มแนะนำตัวเองกับผู้หญิงอีกคน “ผมจอห์น เคฟ คุณล่ะครับ?”

                “แหม... ฉันคิดว่าคุณจะให้เรียกว่าท่านเอิร์ลเสียอีก” เธอหัวเราะ “ฉันมอลลีน วู้ดค่ะ”

                “แสดงว่าคุณแอบฟังที่พวกเราคุยกันสิ มิสวู้ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แกล้งพูดเสียงเข้ม หญิงสาวรีบปฏิเสธ “เปล่านะคะ พวกคุณกระซิบเสียงดังกันเอง พวกฉันเปล่าสักหน่อย”

                เอิร์ลหนุ่มหันไปขยิบตาให้กอร์ดอน ช่างตัดเสื้อมองเขาอย่างงงๆ อยู่พัก ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองควรพูดอะไรบางอย่าง “พวกคุณรู้สึกมั้ยว่าเขาคล้ายลอร์ดโทรว์บริดจ์มาก”

                “ฉันเห็นด้วยเลยล่ะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าผิดหวังมาก “นี่สินะ ข้อเดียวที่ผมสู้เขาไม่ได้ ผมไม่ใช่ท่านเอิร์ลเลยถูกเมินนี่เอง” พูดจบเขาก็หัวเราะ ทั้งหมดเลยพลอยหัวเราะตามไปด้วย

                “ว่าแต่พวกคุณสองคนรู้จักกันได้ยังไงคะ ฉันมองไม่ออกเลยว่าผู้จัดการเหมืองกับช่างตัดเสื้อจะมาเจอกันได้”

                เอิร์ลหนุ่มยิ้มให้กอร์ดอน ก่อนจะพูดตอบ “พวกเราเจอกันโดยบังเอิญครับ ผมกำลังเดินเหม่ออยู่บนถนนดีๆ รถม้าก็เกือบจะวิ่งมาชนซะได้ ดีนะที่ได้เขาดึงตัวไว้”

                ทั้งสองสาวหันไปมองกอร์ดอนอย่างสนใจ “ว้าว... ฉันนึกภาพคุณดึงผู้ชายตัวใหญ่ๆ อย่างเขาหลบรถม้าไม่ออกเลยนะเนี่ย”

                กอร์ดอนยิ้มแห้งๆ “ผมก็ดึงเขาไม่ไหวหรอก ที่จริงแล้วเขาเดินเซเองเลยรอดมาได้น่ะ”

                เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก แจ็คสันแอบหันมายกนิ้วให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยขยิบตาตอบไป การสนทนาเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่นานนักกอร์ดอนก็รู้ว่าแอนนาเบล เฮเกนต์กำลังจะได้งานเป็นครูสอนดนตรีประจำตัวลูกสาวคนเล็กของลอร์ดวู้ดฟอร์ด ที่คฤหาสน์เรดวู้ดซึ่งตั้งอยู่ในแฮโรว์

                “ดีจังเลยนะ ผมหวังว่าคุณจะได้งาน” กอร์ดอนว่า “แฮโรว์เองก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย”

                “ค่ะ” มิสเฮเก้นต์พยักหน้า “ลอร์ดวูดฟอร์ดจะส่งรถม้ามารับส่งฉัน และคุณหนูเจนนิเฟอร์ลูกสาวคนเล็กของเขาก็น่ารักมาก”

                กอร์ดอนยิ้มอีก “คุณเป็นคนน่ารักมาก ลอร์ดวูดฟอร์ดต้องเลือกคุณเป็นครูสอนดนตรีของลูกสาวเขาแน่ๆ”

                หญิงสาวยิ้มตอบ “ขอบคุณนะคะ คุณเองก็เป็นช่างตัดเสื้อที่น่ารักมาก คุณทำให้ฉันนึกถึงน้องสาวที่เสียไป”

                “เอ๋?”

                “แอนเคยมีน้องสาวคนนึงค่ะ” มิสวู้ดพูดขึ้นต่อ “เธอมีผมสีทอง และตาสีฟ้าเหมือนคุณเลย ผมตรงๆ แบบนี้แหละ”

                “ค่ะ เธอเป็นน้องสาวต่างแม่ของฉัน แต่พวกเรารักกันมาก” แอนนาเบลพูด “ตอนเธอจากไปฉันเสียใจมากจริงๆ ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณที่นี่ ฉันคิดว่าเป็นเธอด้วยซ้ำ”

                “ผมเหมือนน้องสาวคุณขนาดนั้นเลยหรือ?” กอร์ดอนพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ แอนนาพยักหน้า “ค่ะ คล้ายมาก เสียดายที่คุณไม่ใช่”

                “ไม่เป็นไรหรอก” กอร์ดอนพูดออกมาได้แค่นั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยรีบพูดเสริมทันที “แต่คุณก็รู้ใช่มั้ยล่ะครับว่าเขาแอบมองคุณอยู่”

                “อุ๊ย” แอนนาเบลอุทานออกมา ก่อนจะหันมามองเพื่อนสาว “จะว่าไงดีล่ะคะ... คือฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้แอบมอง เขามองตรงๆ เลยต่างหาก เพราะงั้นล่ะค่ะฉันเลยคิดว่าเขาอาจจะเป็นน้องสาวของฉันก็ได้”

                กอร์ดอนรู้สึกอายขึ้นมา “คือผม...”

                “กอร์ดอนเขาคิดว่าคุณเป็นนางฟ้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกอีก ก่อนจะหันไปมองคนมาด้วยกัน “เขาเอาเรื่องคุณมาคุยให้ผมฟังเป็นวันๆ แต่กลับไม่กล้าเข้ามาทักคุณเลยสักครั้ง เขาคงกลัวว่านางฟ้าจะบินหายไป”

                “อุ๊ย” มิสเฮเก้นต์อุทาน หน้าแดงขึ้นมา “งั้นหรือคะ... ฉันเขินนะเนี่ย คุณเอาเรื่องฉันไปคุยให้เพื่อนฟังเป็นวันๆ แต่ไม่เคยมาทักฉันเลย”

                กอร์ดอนคิดว่าตัวเองต้องหน้าแดงพอๆ กับไวน์แดงในขวดด้านหลังเคาน์เตอร์แล้วแน่ๆ เขาเอาแต่ก้มหน้างุด จนแม้แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังรู้สึกอ่อนใจ

                “พวกฉันคงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน “ขอบคุณสำหรับเหล้านะคะ”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาเห็นกอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมา “จะกลับแล้วหรือ?”

                “ค่ะ”

                “งั้น... ให้ผมไปส่งนะ” กอร์ดอนพูดขึ้นต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพยักหน้าให้เขาทันที ได้ยินเสียงมิสเฮเก้นต์ตอบ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านดิฉันอยู่ไม่ไกลจากนี่ ดิฉันกลับเองดีกว่า”

                “แต่...”

                “ลาก่อนนะคะคุณโอเดนเบิร์ก คุณเคฟด้วยค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ทั้งสองสาวเอ่ยลาพวกเขา ก่อนจะเดินออกจากบาร์ไป ได้ยินเสียงกอร์ดอนครางฮือ “เธอไปแล้ว”

                “แต่คุณก็ทำได้ดีมากเลยนะ” แจ็คสันหันมาพูด “ตั้งแต่คุณเริ่มมองเธอ ครั้งนี้แหละที่คุณทำได้เยี่ยมที่สุด”

                กอร์ดอนมองแจ็คสัน ก่อนจะหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นพยักหน้า “ใช่ คุณทำได้ดีมากเลย”

                “งั้นหรือ...” กอร์ดอนพูดเสียงค่อย ก่อนจะพยักหน้ากับตัวเอง “งั้น... พวกเราก็กลับกันเถอะ”

----------------------------------------

                พวกเขากลับมานั่งโขยกเขยกกันบนรถม้าอีกครั้ง กอร์ดอนมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วยิ้ม “วันนี้ขอบคุณคุณมากนะครับ เพราะคุณแท้ๆ ผมเลยได้คุยกับเธอ”

                “ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าชดเชยที่ผมลากคุณไปสโมสรคราวก่อน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ กอร์ดอนพยักหน้า “คุณทำให้ผมรู้สึกดีมาก ผมไม่เคยมีเพื่อนไปดื่มมาก่อนเลย”

                “งั้นหรือ?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “เพราะผมไม่เคยเข้าโรงเรียน ผมเลยไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันเลย ที่ผมรู้จักถ้าไม่ใช่เพื่อนของปู่ ก็เป็นพวกช่างตัดเสื้อ ไม่ก็เจ้าของร้านผ้าหรือร้านตัดเย็บ”

                “แสดงว่าผมเป็นเพื่อนคนแรกของคุณ”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มเงยหน้ามองฝ่ายนั้น “ดูเหมือนจะใช่ครับ”

                “คุณเริ่มรู้สึกว่าการมีผมเป็นเพื่อนเป็นเรื่องดีแล้วใช่มั้ยล่ะ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามยิ้มๆ กอร์ดอนมองเขาอีกอึดใจ ก่อนจะยอมพยักหน้า “ที่จริงแล้วคุณก็ช่วยให้ผมชนะพนันได้เงินมาตั้งพันห้าร้อยปอนด์ด้วยนะ”

                คนถูกชมหัวเราะ “เพราะผมไม่อยากยกคุณให้เอ็ดดี้หรอก”

                “เอ๋?” กอร์ดอนมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย และเห็นเขาคลี่ยิ้มบางๆ “ผมไม่อยากให้เขาได้ทั้งพระราชินีและช่างตัดเสื้อ บอกตรงๆ เลย”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้พูดอะไรตอบ รถม้าก็หยุดลง พวกเขาทั้งสองจึงต้องลงจากรถ

                “ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับวันนี้” กอร์ดอนพูดตอนที่เดินเข้าไปในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ไม่เป็นไร”

                “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                “ราตรีสวัสดิ์”

---------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มมองหมวกฮอมเบิร์กในมือตัวเอง ขณะนั่งรถม้ากลับคฤหาสน์ เขานึกถึงสีหน้าของกอร์ดอนตอนพูดถึงหมวกใบนี้ จึงหยิบมันขึ้นมาสวม แล้วคิดกับตัวเองว่าเขานี่บ้าจริงๆ

---------------------------------------------
(จบตอน)
** งดลงหนึ่งสัปดาห์นะคะ ไปต่างจังหวัดค่ะ :กอด1:
ปล. หมวกฮอมเบิร์กนั้นหล่อมาก ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-01-2017 11:01:36
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 08-01-2017 11:12:37
วุ๋ยยยย....ทำไมชั้นเขินนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-01-2017 11:27:52
แหม มีการพากันไปจีบสาวด้วยนะ
ไม่ค่อยเก็ตมุกพระราชินีแฮะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-01-2017 12:07:51
นี่เขายังไม่ได้จีบกันใช่ไหม อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-01-2017 15:41:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-01-2017 15:50:26
น่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-01-2017 18:00:08
แหม มีการพากันไปจีบสาวด้วยนะ
ไม่ค่อยเก็ตมุกพระราชินีแฮะ


พระราชินีหมายถึงธนบัตรค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-01-2017 20:43:03
จริงๆ แล้วครั้งก่อน ท่านลอร์ดก็รู้นะ ว่าเขาไม่พอใจ แต่ก็มีความมึนสูงมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 08-01-2017 21:16:29
น้ารักมากเลยค่ะ
กลุ่มเพื่อนท่านลอร์ดนี่ก็ล้งเล้งเฮฮากันหมดเลย มีแต่คนแย่งกันพูด555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-01-2017 22:22:49
เคมีเข้ากั๊น....เข้ากัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 08-01-2017 22:37:38
เขินตรงบรรทัดสุดท้ายนี่ล่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-01-2017 23:00:54
เอ้...
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-01-2017 23:34:49
ท่านลอร์ดรุกคืบเข้ามาเรื่อย ๆ แล้วนะกอร์ดอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่5 p.2 (8/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: toru10969 ที่ 09-01-2017 00:11:19
ท่านลอร์ดเริ่มมีอาการนะคะท่าน  :hao3: o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 12-01-2017 21:26:29


Dear, My customer.

ตอนที่6 จังหวะวอลซ์


                ฝนยังคงตกอย่างเอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นเคย แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นข้อดีของหน้าร้อน มีฝน มีแดด จึงมีดอกไม้บาน

                วันรุ่งขึ้นกอร์ดอนไปที่บาร์อีก โดยปราศจากเงาของลอร์ดโทรว์บริด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถคุยกับแม่สาวแอนนาเบลได้อย่างราบรื่น แม้จะยังตะกุกตะกักอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ช่างตัดเสื้อหนุ่มอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา อย่างที่คนซึ่งตกอยู่ในห้วงความรักเป็นกัน เขาเขียนแบบเสื้อและกางเกงขึ้นมาใหม่อีกหลายชุด รวมไปถึงออกไปเลือกซื้อผ้าใหม่ๆ มาเพิ่มด้วย

                ลอร์ดโทรว์บริดเงียบหายไปเลยหลังจากวันนั้น ซึ่งกอร์ดอนไม่ได้นึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะฝ่ายนั้นเป็นถึงเอิร์ล เขาก็ควรมีเรื่องที่ต้องไปทำบ้าง ไม่ใช่มาเวียนเข้าออกร้านตัดเสื้อทุกวันอย่างที่เคยทำอยู่

                งานที่ร้านก็ยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีงานไหนเร่งเป็นพิเศษ ว่าไปแล้วช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับกอร์ดอนเสียจริงๆ

                แต่หลังจากหายไปหนึ่งสัปดาห์กับอีกสามวัน ลอร์ดโทรว์บริดก็มาปรากฏตัวที่ร้านเขาอีกครั้ง สวมหมวกฮอมเบิร์กสีดำใบเดิม เสื้อโค้ทตัวเดิม และดูชอบใจดอกกุหลาบสีชมพูในร้านที่กอร์ดอนเพิ่งซื้อมาเปลี่ยนใหม่เป็นพิเศษ

                “ที่บ้านผมมีกุหลาบแฟร์เบียนกาหลายต้น เดี๋ยวผมจะให้คนตัดมาฝากคุณสักช่อ” ท่านเอิร์ลพูดอย่างอารมณ์ดี หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว กอร์ดอนยิ้มให้เขา

                “ขอบคุณครับ วันนี้คุณมาเสียบ่ายเลย มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดยักไหล่ “มี ผมอยากได้ทักซิโดส์สำหรับใส่ไปงานเต้นรำ”

                “ครับ”

                “คุณพ่อบอกว่าเสื้อที่ผมเอามาจากอเมริกาใช้ไม่ได้สักตัว ตัวเก่าที่เคยใส่ก่อนไปที่โน่นก็ใส่ไม่ได้แล้ว” ท่านเอิร์ลบ่นพลางทำหน้าหงุดหงิด “แต่ผมเกลียดชุดทักซิโดส์ชะมัด”

                “ทำไมล่ะครับ คุณใส่แล้วน่าจะดูดีออกนะ”

                “ไม่รู้สิ ผมไม่ชอบ” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “ยิ่งต้องถือไม้เท้า กับสวมหมวกทรงสูงนั่นอีกนะ โอ๊ย แค่นึกผมก็กลัวจะเห็นตัวเองในกระจกแทบตาย”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณจะเข้าไปดูมั้ยว่าจะใช้ผ้าอะไรดี”

                “อื้อ” ลอร์ดโทรว์บริดพยักหน้า “ผมจะตัดเสื้อเชิ้ต กับเสื้อกั๊กใหม่ด้วย เอาให้ครบชุดไปเลย คุณพ่อจะได้เลิกบ่น”

------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดอยากได้เสื้อหางยาวตัวนอกสีดำ แต่เสื้อกั๊กเป็นสีแดงเลือดหมู ส่วนกางเกงเป็นสีน้ำเงิน กอร์ดอนแย้งว่ามันดูไม่เหมาะสำหรับงานเต้นรำแบบเป็นทางการ ยิ่งเป็นงานใหญ่ๆ ที่เต็มไปด้วยแขกระดับสูงยิ่งไม่เหมาะ หลังจากเถียงกันนาน ลอร์ดโทรว์บริดก็ตกลงว่าจะตัดเป็นสีดำทั้งหมดหนึ่งชุด และตัดสีที่ตัวเองเลือกไว้ต่างหากอีกหนึ่งชุด กอร์ดอนไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีกับงานที่เพิ่มขึ้นมาดี

                “แล้วคุณกับแม่สาวแอนนาเบลเป็นไงบ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดถามขึ้นหลังจากนั้น กอร์ดอนหันไปตอบเขา “ก็ดีครับ หลังจากวันนั้นผมยังได้เจอเธออีกตั้งสองสามครั้ง”

                “ดีจัง” เอิร์ลหนุ่มว่า “งั้นคุณชวนเธอไปงานเต้นรำที่บ้านผมสิ”

                “หา?”

                “วันศุกร์หน้าที่บ้านผมจะมีงานเต้นรำ ผมตั้งใจจะเชิญเพื่อนๆ ไปเต้นเป็นเพื่อนพวกเลดี้ทั้งหลายที่คุณพ่อจะเชิญมา คุณเองก็ไปด้วยสิ ชวนแอนนาเบลไป”

                กอร์ดอนมองหน้าเขาก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ได้หรอกครับ งานคุณมีแต่แขกผู้มีเกียรติ ผมจะชวนแอนนาเบลไปได้ยังไง ผมไม่มีศักดินา แล้วเธอก็ไม่ใช่เลดี้สักหน่อย อีกอย่างผมไม่อยากให้เธอรู้ว่าคุณคือลอร์ดโทรว์บริดจริงๆ”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดทำเสียงหนักใจ “แต่วันนึงถ้าเธอแต่งงานกับคุณก็ต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละน่า” เขาว่า กอร์ดอนยังคงยืนกรานปฏิเสธ “ไว้มันถึงขั้นนั้นแล้วค่อยว่ากันเถอะครับ ผมขอบคุณที่คุณให้เกียรติเชิญพวกเรา”

                ลอร์ดโทรว์บริดยังคงมีสีหน้าคิดหนักเหมือนเดิม “แต่ถ้าขาดคุณไปหนึ่งคนมันก็ไม่ครบทีมน่ะสิ”

                “ทีมอะไรครับ?”

                “ทีมสโมสรแบล็กเบิร์ดไง” ลอร์ดหนุ่มว่า “พวกเราทุกคนตกลงจะไปงานทั้งหมดเลยนะ ขาดคุณไปได้ยังไง คุณโดดเข้าประชุมสโมสรมาตั้งหลายสัปดาห์แล้วด้วย”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มทำหน้าเหวอ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเป็นสมาชิกสโมสรลับนั่น ลอร์ดโทรว์บริดหรี่ตามองเขา ก่อนจะตกลงเองเสร็จสรรพ

                “ถ้าคุณไม่สะดวกชวนแอนนาเบลก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงคุณต้องไปงานเต้นรำที่บ้านผม”

                “แต่...”

                “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “พ่อแม่ผมก็รู้จักคุณ เพื่อนผมก็เป็นเพื่อนคุณ คุณห้ามมีข้ออ้างอะไรอีก วันศุกร์หน้าผมจะให้โอลิเวอร์เอารถม้ามารับคุณ”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมไปเอง” กอร์ดอนรีบพูดขึ้นต่อ เพราะไม่อยากรบกวนคนรับใช้หนุ่มให้ต้องเอารถม้ามารับช่างตัดเสื้ออย่างเขา ลอร์ดโทรว์บริดมองหน้าเขาซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “ไม่โกหกผมนะ”

                “ครับ ผมไปแน่”

                “ดี” ฝ่ายนั้นพูดพลางยิ้ม “ชุดจะเสร็จวันไหน”

                “น่าจะวันพฤหัสฯ” กอร์ดอนว่า “ช่วงนี้ผมไม่มีงานเร่ง แต่เฉพาะสีดำนะครับ กางเกงสีน้ำเงินกับกั๊กสีแดงด้านในน่าจะถัดไปอีกสองสัปดาห์”

                “อ๋อ ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “แล้วผมต้องเข้ามาลองเสื้อวันไหน”

                “วันอังคารครับ” กอร์ดอนตอบ “คุณไม่ต้องเข้ามาหรอก เดี๋ยวผมเอาเข้าไปให้ลองที่คฤหาสน์ดีกว่า”

                “ไม่เอาล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “ผมมานี่ดีกว่า คุณนัดเวลามาเลย ผมไม่ชอบอยู่ที่คฤหาสน์ คุณไปก็เสียเวลาเปล่า”

                 “แต่ผมไปก่อนมื้อเย็น ประมาณห้าโมงเองครับ” กอร์ดอนว่า “ก่อนเวลามื้อเย็นคุณยังจะไปไหนอีกหรือ?”

                “มาที่นี่ไง” ลอร์ดโทรว์บริดพูดพลางยิ้ม “พอลองเสื้อเสร็จแล้วพวกเราก็ออกไปทานมื้อเย็นกัน”

-----------------------------------------------

                แต่พอถึงวันอังคารที่นัดกันไว้ ลอร์ดโทรว์บริดกลับมาที่ร้านตั้งแต่ก่อนเที่ยง ด้วยสีหน้าแสดงความไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด

                “เย็นนี้มีงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ท่านดยุก คุณพ่อบังคับให้ผมไป” ลอร์ดโทรว์บริดบ่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะยื่นกุหลาบแฟร์เบียนกาช่อใหญ่ให้กอร์ดอน “เอ้า ผมตัดมาฝากคุณ”

                “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนรับกุหลาบช่อนั้นไว้ ก่อนจะพูดตอบไป “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงเสื้อคุณก็พร้อมลองแล้ว คุณไปรอที่ห้องลองเลยครับ เดี๋ยวผมเอาเสื้อเข้าไปให้”

                ลอร์ดโทรว์บริดเข้าไปรอในห้องลองเสื้อ กอร์ดอนจึงเรียกเดวิดให้เอาดอกกุหลาบช่อนั้นไปให้มิสซิสมาร์ธาจัดแจกัน

                “ว้าว กุหลาบสวยมากเลย คุณโอเดนเบิร์ก ท่านเอิร์ลซื้อมาฝากคุณหรือ?” เดวิดถาม เมื่อเห็นกุหลาบช่อใหญ่ในมือของเจ้านาย

                “เปล่า ของที่คฤหาสน์เขาน่ะ” กอร์ดอนตอบ เดวิดพยักหน้า แล้วรับดอกไม้ไปให้มิสซิสมาร์ธา เขาเลยเดินไปหยิบเสื้อและเรียกช่างอีกคนไปช่วยดูรายละเอียดในการลองชุด

                “ขยายช่วงแขนออกไปอีก” ลอร์ดโทรว์บริดพูด หลังจากสวมเสื้อทั้งหมดแล้ว “มันทำให้ผมขยับไม่สะดวกเลย”

                “แต่มันจะทำให้คุณดูดีมากนะครับ ถ้าเอาออกไปอีกผมเกรงว่ามันจะดูไม่สวยเอา”

                “แต่ผมขยับลำบากนี่นา” เอิร์ลหนุ่มว่า “ผมต้องเต้นรำนะ”

                “ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ คุณไม่ได้ใส่ออกไปเล่นโปโลสักหน่อย แขนเสื้อตัวนอกของทักซิโดส์มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดทำหน้าไม่เชื่อถือ “ไม่เอา ผมว่าไม่สะดวกแน่ ไม่เชื่อคุณมายืนตรงนี้เลย เดี๋ยวผมเต้นให้ดู”

                กอร์ดอนไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง เลยเดินไปตามที่ฝ่ายนั้นว่า ลอร์ดโทรว์บริดมองหน้าเขา “เอ้า จับบ่าผมสิ คุณยืนทื่อแบบนั้นจะรู้ได้ไงว่าผมขยับลำบาก”

                กอร์ดอนนึกสงสัยว่ามันจำเป็นด้วยหรือ แต่เพราะฝ่ายนั้นทำหน้าตาจริงจัง เขาเลยต้องทำตาม โดยการเอามือจับลงไปบนหัวไหล่ของอีกฝ่าย

                “ไม่ใช่แบบนั้น” เอิร์ลหนุ่มบ่น ก่อนจะจับมือเขาขยับไปวางบนไหล่ “คุณต้องวางลงไปแบบนี้ เบาๆ นี่อย่าบอกนะว่าเต้นรำไม่เป็น?”

                “ก็ไม่เป็นน่ะสิครับ” ช่างตัดเสื้อหนุ่มตอบ “ผมพยายามจะบอกคุณแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้องเชิญผมไปงานเต้นรำ เพราะผมเต้นไม่เป็น”

                ได้ยินเสียงลอร์ดโทรว์บริดครางออกมา “เออ ผมลืมนึกไปเลย ขนาดคุณเห็นผู้หญิงยังพูดไม่ออก จะเต้นรำเป็นได้ไง”

                “ถ้าคุณล้อผมแบบนี้อีกผมจะโกรธคุณจริงๆ ด้วย” กอร์ดอนว่า อีกฝ่ายจึงรีบขอโทษขอโพย “โทษทีๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมสอนเอง ยังไงพวกเราต้องไปกันให้ครบทีมอยู่แล้ว”

                กอร์ดอนอ้าปากนึกอยากเถียง แต่ก็คิดได้ว่าคงไม่มีประโยชน์ ลองฝ่ายนั้นตกลงใจจะให้เขาทำอะไรสักอย่าง ก็คงหาวิธีมาเกลี้ยกล่อมให้เขาทำจนได้นั่นแหละ

                “ตกลงครับ ผมจับไหล่คุณ แล้วไงอีกครับ ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกมา “ทีนี้วางมือซ้ายของคุณไว้บนมือผม”

                กอร์ดอนทำตาม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อฝ่ายนั้นใช้มืออีกข้างรวบเอวเขาเข้าไปแนบตัว

                “เอ้า ขยับเท้าถอยหลังไปตามผมนะ” ลอร์ดหนุ่มสั่ง จากนั้นกอร์ดอนก็รู้สึกเหมือนโดนเหยียบเท้า

                “โอ๊ย คุณเหยียบเท้าผม”

                “ก็ผมบอกแล้วให้คุณถอย”

                “ผมจะรู้ได้ไง”

                “เดี๋ยวผมเหยียบคุณก็รู้เองนั่นแหละ”

                “....”

                หลังจากทนยอมให้ลอร์ดโทรว์บริดเหยียบเท้าอยู่หลายครั้ง ในที่สุดกอร์ดอนก็พูดออกมาอย่างทนไม่ไหว “ตกลงมันเกี่ยวกับแขนเสื้อตรงไหนครับเนี่ย?”

                “กำลังจะเกี่ยวนี่แหละ” เอิร์ลหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วดึงมือเขาขึ้นไปชูเหนือศีรษะ “นี่ไง พอทำแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่ามันติด ชัดเลย”

                กอร์ดอนย่นคอมองผ่านแขนตัวเองที่ถูกลอร์ดโทรว์บริดชูอยู่ไปยังแขนเสื้อฝ่ายตรงข้าม “แล้วไงครับ มันก็ยกได้แค่นี้นี่แหละ คุณจะให้ยกได้สุดแบบเสื้อเชิ้ตเลยหรือไง”

                “ถ้าได้แบบนั้นก็เยี่ยมเลย” ท่านเอิร์ลว่า “ผมอยากได้เสื้อสูทกับเสื้อโค้ทที่ขยับได้เหมือนเสื้อเชิ้ตมานานแล้ว”

                กอร์ดอนดึงมือลงแล้วพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าเสื้อสูทกับเสื้อโค้ทขยับได้แบบนั้น มันก็เป็นเสื้อเชิ้ตหมดแล้วสิ”

                “สรุปว่าคุณทำไม่ได้?”

                “ไม่ได้ครับ” กอร์ดอนตอบ “ในฐานะช่างตัดเสื้อ ผมขอยืนยันว่าเสื้อตัวนี้จะสวยที่สุด ถ้าคุณไม่พยายามแก้แขนเพื่อให้มันเหมือนกับเสื้อเชิ้ต แต่ถ้าคุณอยากแก้ ผมเรียนเชิญร้านอื่นครับ เพราะร้านผมไม่ทำให้เด็ดขาด เสียชื่อคุณปู่หมด”

                “ก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดยอมลงให้ในที่สุด “ผมเชื่อคุณแล้วกัน”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะให้ฝ่ายนั้นถอดเสื้อที่ใช้ลองออกเพื่อเอาไปเย็บเก็บความเรียบร้อยต่อ หลังจากช่างที่เข้ามาช่วยดูนำเสื้อออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดก็หันมาพูดกับเขา

                “พรุ่งนี้ตอนค่ำผมจะมารับคุณไปหัดเต้นรำ”

                “หา?”

                “ไม่ต้องทำหน้างง” เอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “คุณต้องหัดเต้นรำ อย่างน้อยๆ ต่อไปคุณจะได้ชวนสาวๆ เต้นรำได้ เพราะงั้นพรุ่งนี้คุณเตรียมตัวไว้เลย”

---------------------------------------

                วันพุธลอร์ดโทรว์บริดเอารถม้ามารับเขาหลังมื้อค่ำ แต่กอร์ดอนผู้น่าสงสารยังคงอยู่ในชุดที่ใช้ทำงานเมื่อตอนกลางวัน เขาเพิ่งกินมื้อคำเสร็จและยังไม่มีแม้แต่กระทั่งเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า

                “ขอร้องล่ะครับ ผมไม่ไปได้ไหม?” ช่างตัดเสื้อหนุ่มโอดครวญ เขาอยากจะนอนพักผ่อน ไม่ใช่ถูกลากออกไปหลังมื้อคำแบบนี้ “ผมสัญญาแล้วไงว่าจะไปงานเต้นรำของคุณ แต่ผมคงไม่จำเป็นต้องเต้นรำหรอก ยังไงผมก็ไม่กล้าขอใครอยู่แล้ว”

                “แต่สักวันคุณต้องขอแอนนาเบลอยู่ดี” ลอร์ดโทรว์บริดว่า ก่อนจะพูดด้วยท่าทางอ่อนลงนิดหน่อย “มากับผมเถอะ ถือว่าผมขอคุณแล้วกัน ไปหัดเต้นรำกับผมนะ”

                ท้ายที่สุดกอร์ดอนก็ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่งรถม้าไปกับเอิร์ลหนุ่ม

                รถม้าพาพวกเขาทั้งคู่มาหยุดหน้าอาคารซึ่งกอร์ดอนจำได้ว่าเป็นที่ตั้งของสโมสรแบล็กเบิร์ด เมื่อเข้าไปในห้องประชุม ก็พบว่ามีใครคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

                “สายัณห์สวัสดิ์จอห์นนี่ กอร์ดอนด้วย ในที่สุดพวกนายก็มากันซะที ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะออกไปเดินเล่นรอ” คนที่เอ่ยทักคือลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เขานั่งอยู่หลังแกรนด์เปียโนตัวใหญ่ ซึ่งกอร์ดอนแน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่ในห้องเมื่อคราวที่เขามาครั้งก่อน

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดจอร์จ แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ?” กอร์ดอนทักทายฝ่ายนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าเขา “อ้าว จอห์นนี่ไม่ได้บอกนายหรือ? วันนี้สโมสรหยุด พวกเราที่เหลือเตรียมตัวไปงานเต้นรำกัน ฉันมานี่เพราะจอห์นนี่ขอร้องให้มาช่วยสอนนายเต้นรำ”

                “อ๋อ... ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน” กอร์ดอนก้มศีรษะให้ฝ่ายนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบโบกมือทันที “ไม่เป็นไรๆ ไม่ได้รบกวนหรอก ที่จริงฉันก็หาโอกาสหนีจากมาร์กาเร็ตอยู่นานแล้วเหมือนกัน”

                กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่ลอร์ดโทรว์บริดไม่ปล่อยให้เพื่อนของเขาอธิบายอะไรมากกว่านั้น เขาหันมาทางกอร์ดอน “ก่อนอื่นเลย คุณต้องเรียนรู้มารยาทเวลาจะขอใครเต้นรำก่อน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขำพรวดออกมา “โอ้โห จอห์นนี่ ฉันไม่นึกไม่ฝันว่าวันนึงจะได้ยินนายสอนมารยาทคนอื่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขายังคงพูดกับกอร์ดอนด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกผู้หญิงจะนั่งรออยู่ที่เก้าอี้” เขาชี้ไปที่เก้าอี้ที่วางอยู่ตรงผนังห้อง แล้วทำท่าบอกให้กอร์ดอนเดินไปนั่ง พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งเรียบร้อย เขาก็พูดต่อ “คุณเดินเข้าไปหาพวกเธอ ชำเลืองมองเล็กน้อย ยิ้มแล้วก็โค้งให้เธอสวยๆ จากนั้นก็พูดว่า ได้โปรดเต้นรำกับผมนะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดทำตามที่เขาพูด เขาเดินตรงมายังเก้าอี้ที่กอร์ดอนนั่งอยู่ ชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะโค้งให้แล้วพูด “เต้นรำกับผมนะครับ”

                “นายจะไม่พูดคำว่า ‘ได้โปรด’ ก็ได้นะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่นั่งอยู่หลังเปียโนพูดแทรกขึ้น “ถ้านายเป็นถึงเอิร์ลที่เป็นว่าที่มาควิสอย่างจอห์นนี่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขาหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดยืดตัวขึ้น แล้วหันไปมองเพื่อน “จริงๆ ฉันว่าเราควรชวนมาร์กาเร็ตมาที่นี่ เธอคงเป็นคู่เต้นรำที่ดีของกอร์ดอนได้”

                “โธ่... ฉันแค่เล่นมุกนิดหน่อยนายถึงกับต้องยกเรื่องมาร์กาเร็ตมาขู่ฉันเลยหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง กอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะรีบลากลอร์ดทั้งสองคนให้กลับมาพูดในประเด็นที่มันควรจะเป็น ก่อนทีมันจะกลายเป็นเรื่องอื่นไป

                “จากนั้นแล้วไงต่อครับ พอเธอตอบตกลงแล้ว”

                “เธอจะยื่นมือให้คุณ ยื่นออกมาสิ” ลอร์ดโทรว์บริดสั่ง กอร์ดอนยื่นมือออกมา ก่อนจะโดนบ่นอีก “ไม่ใช่ แบบนี้ต่างหาก” ฝ่ายนั้นทำท่าให้เขาดู ก่อนจะขยับมายืนฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง แล้วจับมือเขาเอาไว้ “คุณก็รับมือเธอ จากนั้นก็จูงมากลางฟลอร์”

                 กอร์ดอนเดินตามอีกฝ่ายไปกลางห้อง ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นมาอีก “ได้เวลาฉันออกโรงแล้วใช่มั้ย?”

                “ยัง” ลอร์ดโทรว์บริดว่า “ฉันต้องสอนเขาเรื่องการจับมือก่อน”

                “ว้า...”

                ลอร์ดโทรว์บริดไม่สนใจเสียงครางของเพื่อน เขามองหน้ากอร์ดอน “ผมจะสอนคุณเต้นฝั่งผู้ชายนะ คราวก่อนผมให้คุณจับบ่าใช่มั้ย คราวนี้คุณต้องจับเอวผม ส่วนมืออีกข้างคุณต้องยื่นออกมาทำท่าประคองมือของผู้หญิงเอาไว้”

                กอร์ดอนรู้สึกว่าเขาคงดูเงอะงะสิ้นดี เอวของลอร์ดโทรว์บริดใหญ่มาก และมือของฝ่ายนั้นก็ใหญ่พอๆ กัน

                “คุณต้องสบตาคู่เต้นของคุณด้วยนะ ข้อนี้สำคัญเลย” ลอร์ดโทรว์บริดพูด กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองเขา “แบบนี้หรือ?”

                “ใช่” ฝ่ายนั้นพยักหน้าจริงจัง “การไม่สบตาคู่เต้นถือว่าเสียมารยาทมาก คุณต้องให้ความสำคัญกับเธอด้วยการมองเธอแค่คนเดียว”

                “ครับ”

                “จอร์จ ถึงเวลานายออกโรงแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหมือนรอเวลานี้อยู่นานมาก เขาวางมือลงบนเปียโน “ฉันขอเสนอเพลงนี้ให้พวกนายสองคน “Waltzes Op.34 No.2 ของโชแปง”

                จากนั้นเขาก็ไล่นิ้วลงไปบนเปียโน เสียงค้อนไม้ที่รองไว้ด้วยขนแกะกระทบกับสายลวดดังก้องออกมาจากแกรนด์เปียโนตัวนั้น

                “เพลงนี้เป็นจังหวะวอลซ์” ลอร์ดโทรว์บริดพูด “คุณก้าวเท้าตามผมนะ เอ้า ข้างซ้าย... โอ๊ย!”

                “ขอโทษครับ” กอร์ดอนรีบขอโทษขอโพยที่เหยียบเท้าฝ่ายนั้น ลอร์ดโทรว์บริดสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร เอาใหม่นะ”

                “ครับ”

                “เอาล่ะ ข้างซ้าย อย่างนี้แล้วหมุนตัว... คุณเหยียบเท้าผมอีกแล้ว”

                “ขอโทษครับ”

                หลังจากทนฟังเสียงบ่นจากลอร์ดโทรว์บริดอยู่อึดใจหนึ่ง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็หยุดเล่นเปียโน “จอห์นนี่ ฉันแนะนำว่านายควรจะเต้นให้เขาดูก่อนรอบนึง ขอร้องล่ะ สงสารกอร์ดอน เขาไม่เคยเต้นนำใคร เขาเต้นเลยไม่ได้หรอก นายต้องเต้นให้เขาดูก่อน”

                ลอร์ดโทรว์บริดนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “ตกลง เอาแบบนั้นแล้วกัน”

                เขาจับมือของกอร์ดอนไปวางไว้ที่บ่า แล้วรวบเอวฝ่ายนั้นมาไว้แนบตัว ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “เออ ค่อยดูเข้าท่าขึ้นมาหน่อย”

                เปียโนเริ่มบรรเลงอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดมองหน้าคู่เต้นของเขา “ขยับตามผมนะ ไม่ต้องเกร็งมาก เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เต้น”

                พูดจบฝ่ายนั้นก็เริ่มขยับเท้ามาแตะปลายเท้าของเขา กอร์ดอนพยายามถอยตาม ลอร์ดโทรว์บริดใช้มือข้างที่โอบเอวของเขาอยู่ค่อยๆ ดันตัวเขาให้เคลื่อนไปตามทิศทางที่ต้องการ ไม่นานนักกอร์ดอนก็เริ่มเข้าใจว่าเขาควรจะก้าวเท้าหลบเท้าของอีกฝ่ายอย่างไร

                “คุณเริ่มวางเท้าดีแล้ว” เอิร์ลหนุ่มพูดยิ้มๆ “คราวนี้เหลือแค่คุณเงยหน้ามองผม”

                โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรตอบ ลอร์ดโทรว์บริดรั้งเอวของอีกฝ่ายให้เข้ามาแนบตัวมากขึ้น กอร์ดอนเลยจำต้องเงยหน้ามองเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

                “ต้องจับแน่นขนาดนี้เลยหรือครับ?” ช่างตัดเสื้อถามอย่างไม่แน่ใจนัก เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “อือ คอร์เซ็ตของผู้หญิงแข็งจะตาย เธอไม่เจ็บหรอก”

                “อ๋อ... จริงด้วย”

                ทั้งคู่เต้นช้าๆ ไปตามจังหวะเพลง กอร์ดอนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของฝ่ายตรงข้าม และรู้สึกเหมือนถูกดวงตาสีเขียวคู่นั้นตรึงเอาไว้ ลอร์ดโทรว์บริดยิ้มบางๆ ให้เขา แล้วโน้มหน้าเข้ามา จนปลายจมูกแทบจะชิดกัน

                “ต้องใกล้กันขนาดนี้เลยหรือ” กอร์ดอนถาม เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฝ่ายนั้นพยักหน้า

                “อืม... ใกล้เท่าที่คุณพอใจนั่นแหละ แต่จำไว้อย่างนึงนะ”

                “อะไรครับ?”

                “ห้ามจูบคู่เต้นตอนที่กำลังเต้นอยู่เด็ดขาด แม้ว่าคุณจะอยากจูบเธอขนาดไหนก็ตาม มันเสียมารยาทน่ะ”

                “ผมไม่กล้าหรอก” ช่างตัดเสื้อโพล่งออกมา รู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้า แต่ยังคงถูกบังคับให้จ้องหน้ากับลอร์ดโทรว์บริดต่อไป เขาเห็นดวงตาสีเขียวของฝ่ายนั้น แต่มองไม่เห็นริมฝีปาก เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป

                “จอห์นนี่!” เสียงเรียกทำเอาคนถูกเรียกสะดุ้งโหยง พลอยทำให้คนที่ยืนอยู่ด้วยกันสะดุ้งไปด้วย พอหันไปก็เห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าแปลกๆ “นายควรลองให้กอร์ดอนเต้นฝั่งผู้ชายได้แล้ว”

                “นั่นสิ” ลอร์ดโทรว์บริดรีบพูดเหมือนเพิ่งนึกได้ เขารีบจับมือกอร์ดอนเปลี่ยนฝั่งทันที ช่างตัดเสื้อยังคงมองใบหน้าของท่านเอิร์ลด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกว่าฝ่ายนั้นเกือบจะจูบเขาแล้ว ถ้าเสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่ดังขึ้นเสียก่อน

                เปียโนเริ่มบรรเลงอีกครั้ง คราวนี้กอร์ดอนทำได้ดีกว่าเก่า เขาสามารถพาลอร์ดโทรว์บริดเต้นตามจังหวะเพลงได้ แม้จะไม่คล่องเท่าตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดเป็นฝ่ายนำก็ตาม หลังจากลองเต้นกันไปสองรอบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็สรุปขึ้นมา

                “เอาล่ะ ฉันคิดว่าใช้ได้แล้วสำหรับกอร์ดอน นายควรจะให้เขากลับไปพักผ่อน เพราะเขายังต้องตัดชุดให้นายอีก”

                “นั่นสินะ” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นเดี๋ยวฉันจะไปส่งเขา”

                “ไม่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นอีก “ฉันจะไปส่งกอร์ดอนเอง เพราะคฤหาสน์ฉันผ่านทางนั้นพอดี นายกลับไปก่อนเลย”

                “แต่...”

                “ฉันอยากจะไปดูหน้าร้านของกอร์ดอนเอาไว้บ้าง เผื่อวันไหนจะแวะเข้าไปตัดเสื้อ นายมีปัญหาหรือ?”

                “เปล่า... เอาตามนั้นก็ได้ ขอบใจนะจอร์จ”

                “อืม ราตรีสวัสดิ์จอห์นนี่ เจอกันวันศุกร์”

                “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                “ราตรีสวัสดิ์”

                ทั้งสามคนแยกย้ายกันหน้าอาคารสโมสร กอร์ดอนขึ้นรถม้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ตอนอยู่ในรถม้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถอนหายใจเสียงดัง

                “มีอะไรหรือครับ?”

                “เปล่า ไม่มีอะไร”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่งกอร์ดอนที่หน้าร้าน เขาเหลือบมองป้าย ก่อนจะพยักหน้า “ไว้ว่างๆ ฉันจะแวะมา”

                “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนโค้งให้เขา “ราตรีสวัสดิ์ครับลอร์ดจอร์จ”

                “ราตรีสวัสดิ์กอร์ดอน”

                รถม้าแล่นออกมาจากถนนบรอมต์ตัน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจกับตัวเอง

                “จอห์นนี่ที่น่าสงสาร พระเจ้าต้องเล่นตลกกับนายแน่ๆ เลยสร้างกอร์ดอนให้เกิดมาเป็นผู้ชาย”

------------------------------------
(จบตอน)
*** โอ๊ย บอกตรงๆ ค่ะ ดิฉันชอบตอนนี้มาก ชอบช็อตเต้นรำของคู่นี้ม๊ากมากกกก  :mew1:

บรรจงแปะวอลซ์ของโชแปงที่ใช้ประกอบเรื่องไว้ ณ จุดนี้เลย ฮ่าๆๆ

https://www.youtube.com/watch?v=PGdpRmL2XUc

ขอบคุณที่ติดตามค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-01-2017 21:48:29
ลอร์ดเฟลตันได้เป็นพยานรักคนแรกสินะ เผลอ ๆ จะรู้ก่อนเจ้าตัวด้วยซ้ำ

นึกถึงฉากเต้นรำของโฉมงามกับเจ้าชายอสูร

...อสูรจอห์นนี่จ้องเขมือบหัวกอร์ดอน 55555

1. พาเข้าบ้าน
2. พาไปเจอเพื่อน
3. พาไปจีบสาว
4. สอนเต้นรำ

ว้าว บ่มเพาะน่าดูเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alicegrizzly ที่ 12-01-2017 22:15:51
โรแมนติกมากเลยค่ะซิส >////<
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-01-2017 22:25:08
ยังไงก็จะเอาให้ได้ใช่มั้ยท่านลอร์ด  อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-01-2017 22:39:47
เจ้าเล่ห์ชัด ๆ หลอกล่อเหยื่อให้ตายใจใช่ไหมท่านลอร์ด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-01-2017 22:46:15
เหมือนว่าท่านลอร์ดเฟลตัน จะมองเห็นอะไรๆ ก่อนเจ้าตัวซะอีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-01-2017 23:09:19
หูยมีดึงเอวเข้าไปชิดตัวด้วย สมจริงไปหรือเปล่าเนี่ย
สอนเต้นรำเฉยๆ นะท่านลอร์ด
 :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-01-2017 23:35:08
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 12-01-2017 23:43:09
เพิ่งเห็นเรื่องใหม่
รู้สึกกรุบกรอบ 555
ส่วนเรื่องเก่าจะช่วยหยอดกระปุกค่าตัวนักแสดงนะคะ  อิอิ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าาา
 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2017 01:14:24
ตาดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 13-01-2017 01:45:02
จะทำอะไรลูกเจี๊ยบของช้านจอนนี่   o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 13-01-2017 03:43:47
เอาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 13-01-2017 04:17:28
เหมือนเรากำลังอ่านนิยายแปลอยู่เลย ชอบมากกกกกกก มาต่อเร็วๆ นะคะะ หยุดอ่านไม่ได้เลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 13-01-2017 09:45:01
นับๆดู ขาดแต่ สารภาพรัก กับ ขอแต่งงาน นะพ่อหนุ่มจอห์นนี่... :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 13-01-2017 14:28:38
เรื่องใหม่คุณจูออนนนนน สนุกน่ารักเหมือนเดิมเลย
ชอบฉากเต้นรำมาก มันกร๊าว มันหวาน มันมีความจีบ มีความชอบ มีความรัก มีความกอร์ดอนเคลิ้ม 555
รอตอนต่อไปค่ะ สนุก!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-01-2017 18:06:38
เกือบจูบไปแล้ว!! >\\\\\<
กอร์ดอนต้องเฉลียวใจได้แระนะ โดนลวนลามไปเยอะมาก 55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-01-2017 11:06:36


Dear, My customer.

ตอนที่7 งานเต้นรำ

                เย็นวันศุกร์มาถึงอย่างรวดเร็ว ลอร์ดโทรว์บริดสวมชุดสวยใส่หมวกทรงสูง ยืนต้อนรับเหล่าบรรดาเลดี้ทั้งหลายที่พ่อกับแม่ของเขาจัดแจงส่งบัตรเชิญไปให้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ โดยมีลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยืนเป็นเพื่อน งานเต้นรำจัดในห้องโถงกลางภายในคฤหาสน์เดล แสงไฟสะท้อนคริสตัลของโคมไฟระย้าที่แขวนอยู่บนเพดานเป็นประกายสดใส เสียงเพลงบรรเลงจากวงออเครสตร้าที่ดีที่สุดดังก้องไปทั่วห้อง แขกเหรื่อที่เชิญมาทั้งหมดมีประมาณยี่สิบคน เนื่องจากเป็นงานเต้นรำส่วนตัว บรรดาช่างภาพหนังสือพิมพ์จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาถ่ายภาพ

                กอร์ดอนมาถึงงานเป็นคนที่แปด เขาตัดสินใจตัดเสื้อยาวใหม่หลังจากจัดการชุดของลอร์ดโทรว์บริดเสร็จเมื่อเช้าวาน เพราะไม่อยากให้ฝ่ายนั้นรู้สึกว่าเขามีชุดออกงานอยู่ชุดเดียว ช่างตัดเสื้อหนุ่มลงจากรถม้าและยื่นบัตรเชิญให้อัลเบิร์ต หัวหน้าคนรับใช้ของคฤหาสน์เดล อัลเบิร์ตจึงให้คนรับใช้อีกคนนำทางเขาเข้าไปในคฤหาสน์

                ลอร์ดโทรว์บริดดูดีใจมากที่เห็นหน้าเขา ชายหนุ่มเอ่ยทักทายทันที “สายัณห์สวัสดิ์กอร์ดอน คุณสวมเสื้อใหม่ สวยจัง”

                กอร์ดอนทักตอบฝ่ายนั้น “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด คุณเองก็ดูดีในชุดนี้ ผมบอกแล้วว่าหมวกทรงสูงไม่น่าเกลียดสำหรับคุณหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดทำหน้าไม่เห็นด้วย “มันเกะกะ” เขาบ่น “ผมรำคาญเวลาต้องถอดเข้าถอดออกแบบนี้”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มหัวเราะเบาๆ “เอาน่า ใช่ว่าคุณต้องทำแบบนี้ทุกวันเสียหน่อย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พลอยหัวเราะด้วย “จอห์นนี่ นายอย่าบ่นเรื่องหมวกไปเลยน่า ไม่มีใครเขาเดือดร้อนสักหน่อย”

                ลอร์ดโทรว์บริดทำหน้าเซ็ง แต่แล้วก็ต้องรีบปั้นหน้ายิ้มอีกครั้ง เมื่อมีเลดี้อีกคนในชุดสีเหลืองสดใสกำลังเดินเข้ามา

                “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” กอร์ดอนพูด แล้วเดินเข้าไปในงาน ขณะที่เขากำลังมองหาที่เหมาะๆ ที่จะหลบไปอยู่เงียบๆ แบบไม่เป็นเป้าสายตาของใคร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็โบกมือเรียกเขา “กอร์ดอน ทางนี้”

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ” กอร์ดอนเอ่ยทัก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทักกลับแล้วชี้ให้เขานั่งเก้าอี้ข้างๆ “นายเป็นไงบ้าง?”

                “สบายดีครับ”

                “ดี วันนี้นายต้องอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด พลางกลอกตาไปมา “เห็นว่ามีเลดี้สองคนมาไม่ได้เพราะป่วย เพราะงั้นพวกเราจะมีสองคนที่ไม่มีคู่เต้นรำ ฉันหวังว่าสองคนนั้นจะเป็นฉันและนาย”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นด้วยสีหน้าแปลกใจ เขาแน่ใจว่าตัวเองคงไม่กล้าชวนเลดี้คนไหนมาเต้นรำแน่ แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนี่สิ ทำไมถึงต้องทำท่าเหมือนกลัวจะถูกให้ไปเชิญใครเต้นรำขนาดนั้นด้วย

                “คุณเต้นรำไม่เก่งหรือครับ?”

                “หึๆ ถ้าจอร์จจี้เต้นรำไม่เก่ง โลกนี้คงไม่มีใครเต้นรำเป็นแล้วล่ะ” เจมส์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้อีกตัวพร้อมแก้วคอกเทลในมือ เขาวางมันลงบนโต๊ะ ขณะถูกลอร์ดจอร์จ เฟลตันถลึงตาใส่ “นายไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยเจมส์ ยังไงวันนี้ฉันก็จะขอนั่งอยู่ตรงนี้ ประกาศไปเลยก็ได้ว่าฉันเจ็บขา เพิ่งตกบันไดมา”

                “อืม...” เจมส์ส่งเสียงในคอ “ฉันแน่ใจว่าถ้าประกาศแบบนั้น ไอรีนจะต้องรีบมาช่วยดูข้อเท้าของนายเป็นคนแรก จากนั้นแมรี่ก็จะตามเข้ามา โอ้โห... นึกภาพไม่ออกเลยนะว่าถ้ามาร์กาเร็ตเห็นแล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางสะโอดสะอง หุ่นอย่างเขาใส่เสื้อแบบไหนก็ดูดีทั้งนั้น เขามีดวงตาสีม่วงเข้ม ผมสีน้ำตาลอ่อน รอยยิ้มตรงมุมปาก และไฝเม็ดเล็กๆ ใต้ตาทำให้เขาดูมีเสน่ห์เอามากๆ กอร์ดอนไม่แปลกใจถ้าเขาจะมีเรื่องกิ๊กกั๊กกับผู้หญิงหลายคน แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำให้เป็นปัญหาขนาดนี้

                “ไม่ตลกนะเจมส์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอ็ด “ลองนึกภาพฉันโดนเลดี้สามคนชี้หน้ากลางงานเต้นรำสิ โอ๊ย ไม่... ถ้าฉันรู้มาก่อนว่าสามคนนี้ถูกเชิญมางานเต้นรำนี้ด้วย ฉันจะไม่มาเด็ดขาด ยอมให้จอห์นนี่ยึดรองเท้าสามคู่เลยเอ้า!”

                “จอห์นนี่คงไม่อยากได้รองเท้านาย เขาเลยไม่บอกไงว่าแม่กับพ่อของเขาเชิญสามคนนั้นด้วย”

                ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางฮือ “จอห์นนี่บอกว่าพ่อกับแม่เขาตั้งใจเชิญแคทเธอรีน ส่วนคนอื่นๆ เชิญมาเสริมให้ครบคู่เฉยๆ แต่ทำไมต้องเป็นสามคนนั่น”

                ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยท่าทางเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกพระเจ้ากลั่นแกล้ง เจมส์หัวเราะชอบใจ ก่อนจะหันไปทักกอร์ดอน “ไงกอร์ดอน นายสบายดีนะ”

                “สบายดีครับ”

                “ฉันเห็นข่าวงานแต่งงานของลูกชายบารอนเคาน์ตี้แล้ว เขาบอกว่าตัดชุดที่ร้านของนาย สวยมาก”

                “ขอบคุณครับ”

                “ถ้าวันไหนฉันแต่งงาน ต้องเรียกใช้บริการนายแน่นอน”

                “ด้วยความยินดีครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบตามองเขา ก่อนจะพูดเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้ “จริงสิกอร์ดอน นายตัดชุดแบบพรางตัวให้ฉันได้มั้ย เอาแบบที่พอฉันสวมแล้วใครเจอก็จำไม่ได้น่ะ”

                “ผมไม่รับรองหรอกนะครับ” กอร์ดอนว่า “เพราะปกติคนเราจะจำท่าทางการยืนและเดิน มากกว่าจำที่เสื้อผ้าครับ ยิ่งโดยเฉพาะคนที่สนิทๆ กันด้วยแล้วล่ะก็”

                เจมส์หัวเราะพรวดออกมา ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางฮือ

                ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆ งานเต้นรำครั้งนี้ดูเป็นกันเองว่างานเลี้ยงต้อนรับลอร์ดโทรว์บริดเมื่อคราวก่อน คงเพราะเป็นงานที่เชิญเฉพาะบรรดาแขกวัยรุ่น ได้ยินว่าลอร์ดและเลดี้บาธออกจากคฤหาสน์เดินทางไปเที่ยวตากอากาศตั้งแต่บ่ายเมื่อวานนี้ ปล่อยให้ลูกชายได้สนุกกับเพื่อนๆ ที่คฤหาสน์ได้อย่างเต็มที่ กอร์ดอนนึกดีใจที่ทั้งคู่ไม่เห็นเขาอยู่ในงาน แม้ว่าท่านมาร์ควิสและภริยาจะดีกับเขามาก แต่คงไม่ชอบใจแน่ถ้าช่างตัดเสื้อแบบเขายกฐานะมาเป็นเพื่อนของลูกตัวเอง แถมยังได้รับเชิญมางานเต้นรำด้วย

                นอกจากจะมีวงดนตรีบรรเลงแล้ว เลดี้บาธยังตัดสินใจเชิญนักร้องโอเปร่าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งมาร้องเพลงเปิดงาน รวมถึงยังเชิญคณะนักเต้นมาเต้นเพื่อให้ความบันเทิงอีกด้วย กอร์ดอนสังเกตเห็นว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันดูจะสนอกสนใจนักเต้นสาวคนหนึ่งเป็นพิเศษ และคนอื่นๆ ก็คงดูออกเหมือนกัน ถึงได้แซะเขาเรื่องเลดี้สามคนจนท่านลอร์ดต้องก้มลงมองแก้วเหล้าของตัวเอง

                ลอร์ดโทรว์บริดมานั่งที่โต๊ะร่วมกับเพื่อนหลังการแสดงของคณะนักเต้นเริ่มได้ไม่นาน เขาเอาแต่บ่นเรื่องหมวกจนถูกเจฟฟรีแซวว่าตกยุค ส่วนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กอร์ดอนเห็นว่าเขาเอาหมวกทรงสูงฝากคนรับใช้ตั้งแต่ก่อนเดินมาถึงโต๊ะ คงไม่ชอบพอๆ กับลอร์ดโทรว์บริดนั่นแหละ พอการเต้นจบลง ลอร์ดโทรว์บริดก็ลุกออกจากโต๊ะ เพื่อกล่าวเปิดงานสั้นๆ จากนั้นก็ถึงคิวนักร้องโอเปร่าเสียงทองคนนั้น ซึ่งลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอาแต่บ่นเสียดายว่าทำไมเจ้าตัวถึงเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง จนเพื่อนๆ ทำหน้าเพลียใจไปตามๆ กัน

                ในที่สุดก็ถึงคิวงานเต้นรำจริงๆ เสียที เหล่าบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายต่างพากันลุกออกจากโต๊ะเพื่อไปโค้งสาวๆ ให้มาเป็นคู่เต้นรำด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสะกิดกอร์ดอนให้ลุกขึ้นด้วยกัน “พวกเราไปห้องน้ำกันเถอะ นั่งหัวโด่อยู่สองคนมันน่าเกลียด”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มเห็นด้วย ทั้งสองคนจึงรีบลุกแล้วเดินหลบไปด้านหลังวงดนตรี

--------------------------------------

                ห้องน้ำในคฤหาสน์ของลอร์ดโทรว์บริดโอ่อ่าหรูหราชนิดที่ว่ากอร์ดอนนึกภาพไม่ออกถ้าไม่ได้มาเห็นจริงๆ เขากับลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำธุระเสร็จก็ออกมายืนตากอากาศยามค่ำคืนที่ระเบียงด้านนอก ลอร์ดหนุ่มหยิบบุหรี่ออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะยื่นให้เขามวนหนึ่ง

                “ผมไม่สูบครับ”

                ลอร์ดหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ทำไมล่ะ? สูบไม่ยากหรอกน่า”

                กอร์ดอนยิ้มให้ฝ่ายนั้น “ผมเคยสูบ แต่เลิกไปแล้ว กลิ่นมันติดบนผ้าแล้วทำให้ลูกค้าไม่ชอบใจน่ะ”

                “อ๋อ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แปลกจริง เวลาเอามาใส่เดียวมันก็ติดกลิ่นบุหรี่อยู่ดีนั่นแหละ”

                “แต่ตอนอยู่ที่ร้านนี่ไม่ได้เลยครับ”

                “อืม... เป็นช่างตัดเสื้อนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรำพึง แล้วจุดบุหรี่ให้ตัวเอง แสงสีส้มสว่างวาบท่ามกลางแสงไฟดวงน้อยที่เปิดอยู่ หลังจากยืนจุดบุหรี่สูงเงียบๆ อยู่พัก ลอร์ฟเฟลตันก็พูดขึ้นต่อ “นายมีแฟนรึเปล่า?”

                กอร์ดอนสะดุ้ง “ผมหรือ?”

                “อืม”

                ชายหนุ่มใช้เวลาคิดครู่หนึ่ง “ไม่เชิงครับ ยังไม่เคยมี แต่อาจจะมีเร็วๆ นี้”

                “แสดงว่ามีคนที่กำลังจีบอยู่”

                “ครับ”

                “ผู้หญิงคนนั้นสวยมากมั้ย”

                “ก็พอตัวอยู่ครับ เธอผมสีแดง ผมชอบผู้หญิงผมสีแดง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจเฮือก “แล้วถ้าเป็นผมสีน้ำตาลเข้มๆ ล่ะ?”

                “ไม่รู้สิ ผมไม่เคยนึกสนใจมาก่อนเลย” อีกฝ่ายตอบ แล้วนิ่งนึก “ผมสีน้ำตาลเข้มหรือ...”

                “อื้อ เป็นลอน คิดว่าไง”

                “น่าจะสวยดีนะครับ” กอร์ดอนว่า “คุณชอบผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้มหรือ?”

                “อ๋อ เปล่า” ลอร์ดหนุ่มรีบปฏิเสธ “ถามดูน่ะ”

                “ครับ...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสูบบุหรี่เข้าปอดอีกสองสามเฮือก ก่อนจะระบายควันออกมา “แล้วสีตาล่ะ?”

                “อืม...” กอร์ดอนคิดอีก “ถ้าผมสีแดงก็ต้องตาสีน้ำตาลสิครับ สีเขียวก็ได้ อืม... ผมว่าสีเขียวสวยเลยล่ะ”

                สีหน้าของลอร์ดหนุ่มดูมีความหวังขึ้นมาหน่อย “ตาสีเขียวแบบจอห์นนี่ใช่มั้ย?”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ครับ ผมว่าตาท่านลอร์ดโทรว์บริดก็สวยดี” เขาพูด และนึกถึงตอนเต้นรำ จากนั้นก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมา

                “เขาคงหาเจ้าสาวได้ไม่ยาก ผมว่า” ชายหนุ่มพูดต่อ แล้วถอนหายใจ “ที่จริงแล้วเขาเป็นคนมีเสน่ห์มาก”

                “ใช่ จอห์นนี่เป็นคนที่มีเสน่ห์มาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยอมรับ “เขาเป็นคนที่อยู่ตรงไหนก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจ นายคิดแบบนั้นมั้ย?”

                กอร์ดอนยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “ก็น่าจะประมาณนั้นครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ “น่าเสียดายที่เขาเป็นประทับใจใครยากมาก ไม่อย่างนั้นฉันคงมีเพื่อนวิ่งหนีสาวๆ”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะออกมา “ท่าทางคุณจะมีปัญหาเรื่องผู้หญิงนะครับ”

                “นิดหน่อย” ลอร์ดหนุ่มยักไหล่ “นายหิวรึเปล่า? เราเข้าไปหาอะไรกินกันมั้ย ทุกคนคงกำลังเต้นรำอยู่แล้วล่ะ ฉันว่า”

                กอร์ดอนมองหน้าอีกฝ่าย แล้วพยักหน้า

---------------------------------

                เสียงดนตรีบรรเลงดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ ไม่ใช่เพลงเดียวกับที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเล่นวันพุธ เสียงไวโอลินหวานแหววดังกังวาลขับพื้นหลังด้วยเสียงเปียโน ยิ่งทำให้บรรยากาศดูตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งความเย้ายวนของคนวัยหนุ่มสาว

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพาเขาเดินหลบหลังวงดนตรีกลับเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง กอร์ดอนเห็นว่าคนในห้องกำลังเต้นรำกันอยู่ ทุกคนใส่ชุดสวย และเต้นได้เข้าจังหวะ สวยงามน่าประทับใจจนเขาหยุดยืนมองอย่างลืมตัว

                โดยเฉพาะคู่ของลอร์ดโทรว์บริดที่ดูโดดเด่นกว่าคู่อื่นอย่างเห็นได้ชัด คู่เต้นของเขาเป็นเลดี้ผมสีทองเป็นลอนสวย ในชุดสีฟ้าอ่อนทอประกายสดในเหมือนท้องฟ้าที่หายากของลอนดอน ทั้งคู่เต้นรำในจังหวะที่เร็วกว่าที่กอร์ดอนเคยเต้น และมีท่วงท่าที่สลับซับซ้อนมากกว่า การเคลื่อนไหวของเลดี้คนนั้นดูสอดคล้องไปกับการเคลื่อนไหวของลอร์ดหนุ่มเสมือนว่าเป็นคู่เต้นด้วยกันมานาน กอร์ดอนมองแล้วนึกในใจว่าสองคนนี้ช่างดูเหมาะสมกันจริงๆ ขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับท่วงท่าอันสวยงามของคนทั้งคู่ จู่ๆ ลอร์ดโทรว์บริดก็เหลือบตาขึ้นมา แล้วสบกับสายตาของเขาพอดี การเคลื่อนไหวของลอร์ดหนุ่มชะงักทันที ดูเหมือนเขาจะสะดุดขาตัวเองด้วย กอร์ดอนสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันจะได้คิดหรือพูดอะไร เสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ดังขึ้นก่อน

                “กอร์ดอน ไปยืนทำอะไรตรงนั้น”

                พอหันไปมองก็เห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตันกวักมือเรียกเขาอยู่ที่โต๊ะเครื่องดื่ม กอร์ดอนจึงรีบเดินเข้าไปทันที

                “แชมเปญ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่าแล้วยื่นแก้วใบหนึ่งให้เขา “เท่านี้เหล้าและอาหารทั้งหมดก็เป็นของเราแล้ว” เขาหัวเราะหึๆ ก่อนจะดื่มแชมเปญรวดเดียวหมด จากนั้นก็หยิบขึ้นมาอีกแก้วหนึ่ง “แด่จอห์นนี่”

                กอร์ดอนชะงักไปแว้บหนึ่ง ก่อนจะรีบยกแก้วขึ้นชนกับอีกฝ่าย “แด่ลอร์ดโทรว์บริด” จากนั้นเขาก็ดื่มมันจนหมดแก้วแบบเดียวกับที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำ

                “อร่อยใช่ไหม?” ฝ่ายนั้นมองเขายิ้มๆ กอร์ดอนรู้สึกอุ่นลงไปถึงคอ ความชุ่มฉ่ำของเครื่องดื่มแผ่ไปทั่วทั้งปาก

                “ครับ ผมไม่เคยดื่มแชมเปญมาก่อน”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดหนุ่มหัวเราะชอบใจ “งั้นยิ่งต้องดื่มให้มากๆ มาๆ ดื่มกันอีก แด่พระราชินี”

                “แด่พระราชินี”

                กอร์ดอนไม่รู้ว่าเขาดื่มแชมเปญไปกี่แก้ว รสชาติของมันอร่อยเสียจนเขาไม่อยากจะนับ รู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งอยู่ที่โต๊ะ ข้างลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และพากันวิพากษ์วิจารณ์คนที่เต้นรำอยู่บนฟลอร์อย่างสนุกปาก

                “นั่นไงไอรีน เต้นอยู่กับเจฟฟรี สวยใช่มั้ย?”

                “อือ ครับ”

                “ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ต้นอยู่กับแมกซ์คือแมรี่ คนนี้หวานอย่าบอกใครเลย”

                “ผมเธอสวยจังเลย...”

                “ส่วนคนนั้นมาร์กาเร็ต” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชี้ให้เลดี้ผมสีแดงเพลิงที่เต้นรำอยู่กับเจมส์ “คนนี้ดุยิ่งกว่าอะไรใดๆ ทั้งหมด”

                “เธอสวยมากเลยนะ”

                “ฉันรู้ เพราะนายชอบผู้หญิงผมแดง”

                “ฮะๆ” กอร์ดอนหัวเราะ “แล้วคุณไม่ชอบหรือครับ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเหมือนนึกคำตอบไม่ออก เขายกแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบ “ไม่รู้สิ... ฉันชั่งใจไม่ถูกว่าสามคนนี้สมควรจะเลือกใครดี”

                “แย่จริง คุณนี่อย่างกับพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด* (พระเจ้าเฮนรี่ที่8 ทรงต้องการหย่าขาดกับพระมเหสี คือพระนางแคเธอรีนแห่งอารากอน จึงประกาศเลิกนับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันแคทอลิก หันไปนับถือนิกายโปรเตสแตนต์แทน ทำให้อังกฤษนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์จนถึงปัจจุบัน) แน่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “ฉันไม่อ้วนแบบพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดแน่ๆ”

                กอร์ดอนพยักหน้า แล้วดื่มแชมเปญไปอีกแก้ว คนรับใช้รีบมารินเติมให้อย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นจังหวะดนตรีที่บรรเลงอยู่ก็เริ่มช้าลง

                “อะฮ้า ใกล้ปิดฟลอร์แล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง ก่อนจะยกมือปิดหน้า “เดี๋ยวฉันคงต้องรีบหลบไปอีก ไม่อยากเจอทั้งสามคนพร้อมกัน”

                กอร์ดอนหัวเราะ จังหวะดนตรีที่ช้าลงทำให้คู่เต้นต้องเต้นช้าลงด้วย กอร์ดอนสังเกตว่าพวกเขาเปลี่ยนท่าเต้น

                “วอลซ์ แบบเดียวกับที่นายเต้นกับจอห์นนี่คืนนั้นแหละ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอธิบาย กอร์ดอนพยักหน้า “เต้นรำนี่ซับซ้อนจัง ผมคงไม่มีทางได้ชวนสาวที่ไหนเต้นแน่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะหึๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร กอร์ดอนจึงหันไปมองบนฟลอร์อีกครั้ง

                คู่ของลอร์ดโทรว์บริดยังคงโดดเด่นเหมือนเดิม พอเป็นจังหวะวอลซ์แล้วยิ่งเหมือนเหลือเพียงพวกเขาสองคนอยู่กลางฟลอร์ กอร์ดอนเห็นลอร์ดโทรว์บริดกำลังก้มมองเลดี้ผมทองคนนั้นแบบที่สอนเขา และเลดี้ก็กำลังมองตอบเช่นกัน

                ช่างเหมาะสมกันจริงๆ

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มนึกในใจ พลางคิดว่าลอร์ดโทรว์บริดน่าจะก้มลงไปให้ใกล้อีก เพราะเลดี้ตัวเล็กกว่าเขา แต่ฝ่ายนั้นกลับก้มหน้าลงแค่นิดเดียว เขาพลันนึกถึงคำพูดที่เอิร์ลหนุ่มพูดกับเขา

                ‘ใกล้เท่าที่คุณพอใจนั่นแหละ แต่จำไว้อย่างนึงนะ... ห้ามจูบคู่เต้นตอนที่กำลังเต้นอยู่เด็ดขาด แม้ว่าคุณจะอยากจูบเธอขนาดไหนก็ตาม มันเสียมารยาทน่ะ’

                ลอร์ดโทรว์บริดจะนึกอยากจูบเลดี้คนนั้นรึเปล่านะ... พวกเขาดูเหมาะกันดีจะตาย ถ้าพวกเขาจูบกันล่ะก็...

                จู่ๆ กอร์ดอนก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจจนสะดุ้ง เขาตกใจจนเผลออุทานออกมา จังหวะเดียวกับที่ลอร์ดโทรว์บริดเงยหน้าขึ้นมาพอดี

                เหมือนทุกอย่างในโลกหยุดสนิท แม้แต่เสียงดนตรี หรือแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้น กอร์ดอนสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งจากหัวใจขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ ทันทีที่เขาสบเข้ากับดวงตาสีเขียวสดใสคู่นั้น

                “จอห์นนี่นี่มารยาทแย่ชะมัด ตัวเองมีคู่เต้นรำอยู่แท้ๆ ยังจะหันมองคนอื่นอีก” เสียงพึมพำของลอร์ดจอร์จ เฟลตันดึงสติของกอร์ดอนให้กลับมาอยู่กับตัว ช่างตัดเสื้อหนุ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมา เขารีบลุกขึ้นด้วยความตกใจ และเซไปหน้าหน่อยหนึ่ง คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงค่อยรู้สึกว่าเกิดเรื่องไม่ปกติขึ้น “เป็นอะไรไปกอร์ดอน”

                “ไม่รู้ครับ” ช่างตัดเสื้อหนุ่มสั่นศีรษะด้วยความงุนงง “ผมรู้สึกเหมือนไม่สบาย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าฝ่ายนั้น ก่อนจะตะโกนเรียกคนรับใช้ “โอลิเวอร์ มาพาคุณโอเดนเบิร์กออกไปหน่อย ฉันว่าเขาจะเป็นลม”

---------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่6 p.3 (12/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-01-2017 11:07:31
                โอลิเวอร์พากอร์ดอนออกมานั่งพักบนโซฟาในห้องรับรองใกล้กับห้องโถงใหญ่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินตามหลังจากนั้น และสั่งโอลิเวอร์ให้ไปรินบรั่นดีมาแก้วหนึ่ง

                “จิบนี่สักหน่อยนะ นายน่าจะรู้สึกดีขึ้น” ลอร์ดหนุ่มพูดแล้วยื่นแก้วบรั่นดีให้ช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนรับมาและจิบไปอึกหนึ่ง เขาค่อยระบายลมหายใจออกมา “ขอบคุณนะครับ”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด แล้วถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหันไปสั่งคนรับใช้ “ไปบอกเจ้านายแกนะ ว่าให้ส่งแขกกลับให้หมด ถ้ายังไม่หมดห้ามเข้ามาที่นี่เด็ดขาด บอกไปว่านี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เข้าใจนะ”

                “ครับ” โอลิเวอร์รับคำแล้ววิ่งตื๋อออกไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลากเก้าอี้มานั่งข้างโซฟาที่กอร์ดอนนอนพักอยู่ เขาปล่อยให้อีกฝ่ายนอนนิ่งๆ อย่างนั้นสักพัก ก็ถามออกมา “นายรู้สึกเป็นไงบ้าง?”

                “ดีขึ้นแล้วครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมน่าจะเมา” เขาพูด แม้จะรู้สึกว่าหัวใจเต้นสงบลงแล้ว แต่ก็ยังอดตกใจกับเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้อยู่ดี

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าเขาอีกอึดใจหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน “ฉันจะออกไปดูข้างนอกหน่อย นายนอนนิ่งๆ ตรงนี้นะ อย่าเพิ่งลุก ถ้าง่วงก็หลับไปได้เลย”

                “ครับ”

                กอร์ดอนหันมองลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่รีบสาวเท้าออกไปอย่างเร่งร้อน ก่อนจะถอนหายใจเฮือก

                เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่นะเนี่ย...

                ภาพดวงตาสีเขียวของลอร์ดโทรว์บริดลอยขึ้นมาในห้วงความคิด พอนึกถึงภาพนั้นหัวใจของกอร์ดอนก็เหมือนจะหยุดเต้นเอาดื้อๆ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เขาอยากจะมองหน้าลอร์ดโทรว์บริดอีกครั้ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่เขารู้สึกอยู่หรือเปล่า

                ชายหนุ่มพลิกตัว พยายามสลัดภาพของลอร์ดโทรว์บริดออกไปจากความคิด แต่ก็ทำไม่ได้เสียที เขาเฝ้าคิดถึงดวงตาสีเขียวคู่นั้น และเริ่มเป็นกังวลว่าลอร์ดโทรว์บริดอาจจะไม่ยอมมาพบเขา เขาอาจจะไม่ได้เห็นดวงตาคู่นั้นอีกเลยก็ได้

                ความคิดนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นใจ เขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานเป็นปีๆ ถ้าเขาเดินออกไปตอนนี้ เขาจะได้เจอกับลอร์ดโทรว์บริดรึเปล่า? แต่นี่เป็นคฤหาสน์ของท่านมาควิส และเขาเป็นเพียงแขกต่ำต้อยที่ถูกเชิญมาเพื่อให้ครบองค์ประชุมเท่านั้น เขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปพบท่านเอิร์ลผู้สูงศักดิ์ มีสิทธิ์อะไรที่จะได้มองดวงตาสีเขียวคู่นั้นอีกครั้ง

                ฤทธิ์ของแชมเปญยิ่งทำให้ความคิดของช่างตัดเสื้อหนุ่มสับสนหนัก เขาพลิกไปพลิกมาอยู่บนโซฟา สับสนจนทำอะไรไม่ถูก เขาอยากเจอลอร์ดโทรว์บริด แต่ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมต้องอยากเจอฝ่ายนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากเจออยู่ดี

                อยากสบตากับดวงตาสีเขียวคู่นั้นอีกสักครั้ง

--------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องยิ้มจนเหงื่อแตกเลยสักครั้ง แม้จะเข้าใจว่าชีวิตของเขามีเหตุการณ์ให้ต้องฝืนใจยิ้มมากมายก็ตาม เขากลับมาจูบหลังมือลาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนได้อย่างสวยงามน่าประทับใจ หลังจากเกือบจะทิ้งเธอกลางฟลอร์เต้นรำ เพราะเห็นโอลิเวอร์พาตัวกอร์ดอนออกไปจากห้องโถง โชคยังดีที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามเตือนสติเขาด้วยทุกท่าทางที่มีให้เขากลับไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น

                “จอห์นนี่เป็นพวกสมาธิสั้นครับ อย่าไปถือสาเขาเลย เขาขึ้นชื่อเรื่องมารยาทดีแบบที่ไม่มีใครชมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามพูดเรื่องที่เขาเสียสมาธิจากการเต้นรำถึงสองครั้งให้กลายเป็นเรื่องตลก เขาทำได้แค่หัวเราะเกลื่อนไปตามเรื่อง โชคยังดีที่เพื่อนคนอื่นไวพอจะรับมุกต่อจากลอร์ดจอร์จ เฟลตันเป็นทอดๆ จนทำให้เรื่องราวมันดูเบาลงทันที

                 เขาสัญญากับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่าจะเชิญเธอมางานเลี้ยงน้ำชาในสัปดาห์หน้าเพื่อเป็นการขอโทษ (เรื่องนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระซิบบอกเขาพร้อมกับเหยียบเท้าด้วย) และเดินไปส่งเธอขึ้นรถม้าที่หน้าคฤหาสน์ เพื่อนหลายคนอาสาไปส่งเลดี้เหล่านั้นด้วยตัวเองเพื่อแสดงมารยาท สุดท้ายก็เหลือแค่ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ และเขาสามคน

                ลอร์ดโทรว์บริดร้อนใจเต็มแก่ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกอร์ดอน ทำไมฝ่ายนั้นถึงโดนพาตัวออกจากงานไปดื้อๆ พอแน่ใจว่าเลดี้ทั้งหลายได้นั่งรถม้าไปพ้นจากอาณาเขตของคฤหาสน์แล้ว เขาก็หันมาไล่เรียงเรื่องราวกับลอร์ดจอร์จ เฟลตันทันที

                “เกิดอะไรขึ้นกับกอร์ดอน?!”

                “ใจเย็นๆ จอห์นนี่ เขาแค่เมาแชมเปญ ไม่มีอะไร” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ ลอร์ดโทรว์บริดมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “แต่ฉันเห็นเหมือนเขาทำท่าจะเป็นลม”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะพูดขึ้นบ้าง “ไม่เอาน่าจอห์นนี่ จอร์จบอกว่าเขาเมาก็คือเมาสิ เขาจะโกหกนายทำไม”

                “แต่...”

                “เขาดื่มแชมเปญไปเยอะมาก เดี๋ยวฉันจะพานายไปหาเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แล้วพูดต่อ “แต่สัญญาก่อนนะว่านายจะไม่พูดหรือทำอะไรมากไปกว่าไปดูเขาเฉยๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดทำหน้าหงุดหงิด “ทำไมฉันถึงต้องสัญญาแบบนั้นด้วย กอร์ดอนเป็นอะไรกันแน่”

                โดยไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ เขารีบวิ่งไปยังห้องรับรองเล็กทันที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงรีบวิ่งตามไป

---------------------------------------

                “กอร์ดอน!” ลอร์ดโทรว์บริดเปิดประตูพรวดเข้ามา ก่อนจะถลันไปหาคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนโซฟา “เกิดอะไรขึ้น!”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่วิ่งเข้ามาอุทานคำหนึ่ง ก่อนจะรีบปิดประตูห้องดังปึง เกือบจะกระแทกใส่หน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่วิ่งตามหลังมา

                “จอร์จ นายเป็นบ้าอะไร! เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันใช้หลังยันประตูเอาไว้ พลางจ้องภาพตรงหน้า “ไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้นายฟังทีหลัง ตอนนี้ช่วยรอเงียบๆ ก่อนได้มั้ย!”

                ลอร์ดโทรว์บริดเบิ่งตาค้าง เพราะไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น เขาวิ่งเข้ามาและเห็นกอร์ดอนนอนหน้าซีดอยู่ เลยรีบเข้าไปดูอาการ แต่กลายเป็นว่าจู่ๆ ฝ่ายนั้นก็คว้าตัวเขาเข้าไปกอด

                “ผมคิดว่าคุณจะไม่มาอีกแล้ว”

                เอิร์ลหนุ่มรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรงจนแทบจะฉีกออก เขารีบกอดตอบฝ่ายนั้น และรู้สึกตัวเองควรจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว

                “ทำไมผมถึงจะไม่มาหาคุณล่ะ ผมคิดถึงคุณแทบตาย” ลอร์ดโทรว์บริดพูดพลางใช้มือลูบผมสีทองของกอร์ดอน ฝ่ายนั้นค่อยคลายวงแขนแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

                “ผมเป็นอะไรไปแล้วไม่รู้”

                “ยังไงล่ะ?”

                “ผม...” กอร์ดอนพูดค้าง ก่อนจะกอดฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง “ผมไม่อยากให้คุณจูบผู้หญิงคนนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดเบิ่งตาหน่อยหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ผมยังไม่ได้จูบเธอ ผมไม่เคยคิดจะจูบเธอเลย”

                “จริงหรือ?” กอร์ดอนเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง “แต่คุณกับเธอดูเหมาะกันมาก”

                “คุณเองก็คิดแบบนั้นหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดว่า คนถูกถามพยักหน้า “งั้นทำไมไม่อยากให้ผมจูบเธอล่ะ?”

                “ก็ผม...” กอร์ดอนให้เหตุผลไม่ถูก เขารู้สึกสับสนไปหมด “ผมไม่รู้เหมือนกัน”

                เอิร์ลหนุ่มคลี่ยิ้ม “งั้น... อยากให้ผมจูบคุณไหม?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระแอมไอออกมาดังๆ จนคนทั้งคู่สะดุ้ง ลอร์ดโทรว์บริดหันไปมองหน้าเพื่อน ฝ่ายนั้นเลยพูดขึ้น “ฉันคิดว่ากอร์ดอนควรจะกลับไปที่ร้านได้แล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์ และนี่ก็ดึกมาก”

                “นั่นสิ” ลอร์ดโทรว์บริดตะกุกตะกักพูดด้วยความประหม่า “งั้นฉันไปส่ง”

                “นายต้องอยู่คุยกับพวกเราก่อน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเน้นเสียง “นี่เรื่องสำคัญมากนะจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดสูดหายใจลึก เขาหันกลับไปมองกอร์ดอน จับมือฝ่ายนั้นขึ้นมาจูบเบาๆ “ผมต้องให้คุณกลับก่อน จะให้โอลิเวอร์ขับรถไปส่งนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณที่ร้าน”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มจึงพยุงเขาขึ้นมา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “ฉันจะตามโอลิเวอร์ให้ นายอยู่ในห้องนี้แหละ”

                เขาเปิดประตูออกไปและมีปากเสียงกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เล็กน้อย จากนั้นไม่นานโอลิเวอร์ก็วิ่งตื๋อเข้ามา

                “ไปส่งคุณโอเดนเบิร์กที่ร้านหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดสั่ง โอลิเวอร์พยักหน้า ก่อนจะพยุงกอร์ดอนออกไป

------------------------------------

                “เอาล่ะ... จอห์นนี่ เรามีเรื่องจะต้องคุยกันยาวเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดหลังจากปิดประตูเรียบร้อยและแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นแล้วนอกจากพวกเขาสามคน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา

                “เกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว พวกนายมีอะไรกัน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองไปยังลอร์ดโทรว์บริด แล้วหันกลับมามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกที

                “แมกซ์ นายว่าสเป็กของจอห์นนี่เป็นแบบไหน”

                “ก็ต้องแบบเลดี้แบรนดอนสิ ผมสีทอง ตาสีฟ้า ท่าทางไม่เหมือนเลดี้”

                “ฉันไม่เห็นว่าเลดี้แบรนดอนไม่เหมือนเลดี้ตรงไหนเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้ง ก่อนจะถอนหายใจแรง “จอห์นนี่ของเราชอบกอร์ดอนต่างหาก... ผมสีทอง ตาสีฟ้า และไม่มีความเป็นเลดี้เลยแม้แต่นิดเดียว”

                “เฮ้ย!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ร้องออกมา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดลุกพรวดขึ้น “จอร์จ นายพูดอะไร!”

                “พูดเรื่องจริงไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบด้วยท่าทางจริงจัง เขาจ้องหน้าลอร์ดโทรว์บริด “นายไม่ต้องปฏิเสธเลย ฉันรู้ว่านิสัยนายเป็นยังไง ลองถ้านายประทับใจใครหรืออยากได้อะไรแล้ว นายจะพยายามทำให้คนคนนั้นมาอยู่ข้างนายให้ได้ ตอนนายชวนแมกซ์เข้าทีม นายก็ตื๊อเขาเกือบตาย”

                “เออ ฉันนึกเรื่องตอนนั้นออกเลยล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่มันเกี่ยวกับกอร์ดอนตรงไหน? หมายถึงนายแน่ใจได้ยังไงว่าจอห์นนี่ชอบกอร์ดอนแบบที่... เอ่อ... ไม่ใช่อย่างที่เพื่อนควรจะชอบกัน”

                “สายตาไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ฉันสังเกตเวลาที่เขามองกอร์ดอน ไม่เหมือนเวลาที่เขามองฉันหรือมองนาย มันเหมือนสายตาฉันเวลามองผู้หญิงที่ชอบสักคน”

                “อืม... ฉันไม่รู้มาก่อนว่านายเคยสังเกตตัวเองแบบนั้นในกระจกด้วย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันย่นคิ้วใส่เขา “นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะแมกซ์ จอห์นนี่ชอบกอร์ดอนแน่นอน ถ้าไม่ชอบจริงนายก็อ้าปากบอกมาเลย” เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริด ฝ่ายนั้นทำหน้าปั้นยาก

                “ฉัน...”

                เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง ได้ยินเสียงลอร์ดโทรว์บริดสูดหายใจลึก “ใช่ ฉันชอบกอร์ดอน ชอบแบบที่เพื่อนไม่น่าจะชอบกันได้”

                “พระเจ้า!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางออกมา “นายพูดจริงๆ? ใครก็ได้ช่วยบอกฉันหน่อยเถอะว่าจริงๆ แล้วกอร์ดอนเป็นผู้หญิง เขาแค่ชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชายเฉยๆ”

                “เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยืนยัน “ฉันแอบดูแล้วตอนเข้าห้องน้ำ ไม่มีทางเป็นผู้หญิงไปได้เด็ดขาด เหวอ!”

                ลอร์ดโทรว์บริดคว้าคอเสื้อลอร์ดจอร์จ เฟลตันขึ้นมา “นายแอบดูเขาเรอะ!”

                “ให้ตายจอห์นนี่ ตั้งสติหน่อยเถอะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพรวดพราดเข้ามาดึงตัวลอร์ดจอร์จ เฟลตันออกไป ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือลูบคอตัวเอง ไอออกมาเล็กน้อย

                “จอห์นนี่ของเราหึงโหดด้วยแฮะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดโกรธจนหน้าแดง “พวกนายจะเอายังไงกับฉัน จะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อฉันหรือ?”

                “ไม่มีทาง พวกเราไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาทันที แม้ว่าเขาจะยังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ลอร์เฟลตันรีบเสริม “ใช่ ถ้าเราตั้งใจจะบอกพ่อนาย เราจะมายืนคุยกับนายที่นี่ทำไม”

                “งั้นพวกนายคิดจะทำอะไร?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดออกมา “จอห์นนี่ นายเป็นเพื่อนรักของเรา เราจะไม่ขายนายให้ใคร แม้ว่านายจะทำสิ่งที่ผิดกับพระเจ้าก็ตาม”

                “ใช่ ยังไงนายก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเสมอ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สนับสนุน ก่อนจะพูดต่อ “แต่เราจะปล่อยเรื่องนี้ไว้เฉยๆ ไม่ได้เหมือนกัน”

                “ถูกต้อง”

                “แล้วพวกนายจะเอายังไง?” ลอร์ดโทรว์บริดถาม เขารู้สึกอารมณ์เย็นลงเล็กน้อย แต่ก็ยังอดโมโหไม่ได้อยู่ดี

                เพื่อนทั้งสองของเขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จะพูดขึ้นมา “นายจะต้องตัดใจให้ได้”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นฟ้อง “เรื่องนี้มันผิดมากนะ นายไม่ควรถลำลึก”

                “พวกนายไม่เข้าใจ” ลอร์ดโทรว์บริดคราง “ฉันไม่เคยประทับใจใครเท่าเขามาก่อน” ดวงตาสีเขียวสดใสของเขาเป็นประกาย เมื่อนึกถึงเรื่องของกอร์ดอน

                “ตอนฉันเห็นหน้าเขาครั้งแรก ทุกอย่างบนโลกนี้เหมือนหยุดสนิทเลย”

                “....”

                “เขาเป็นผู้ชาย สมองฉันบอกแบบนั้น แต่หัวใจฉันบอกว่านี่แหละคือคนที่ใช่ที่สุดสำหรับฉัน” เอิร์ลหนุ่มพูดแล้วถอนใจ “ฉันตื่นเต้นจนพูดอะไรบ้าบอเต็มไปหมด แค่เพราะอยากรู้จักกับเขาให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อน แล้วยกมือตบไหล่ฝ่ายนั้นเบาๆ ลอร์ดโทรว์บริดยิ้มให้เขา “รู้มั้ย ฉันไปช่วยเขาจีบสาวด้วยนะ... เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันรู้สึกว่าเขาเริ่มมองเห็นฉันบ้างแล้วในสายตา”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเม้มปาก รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

                “ที่จริงแล้วฉันไม่หวังหรอกว่าเขาจะชอบฉันแบบที่ฉันชอบเขา ฉันแค่อยากรู้จักคนที่ฉันหลงรักตั้งแต่แรกเห็นให้มากที่สุด แต่... ตะกี้พวกนายก็เห็นไม่ใช่หรือ? เขากอดฉัน เขาบอกว่าอยากเจอฉัน ฉันแน่ใจว่าเขาคิดกับฉันแบบเดียวกับที่ฉันคิดกับเขา แล้วพวกนายจะให้ฉันตัดใจอย่างนั้นหรือ?”

                เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องอีกครู่ใหญ่ๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสูดจมูกติดๆ กันหลายครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อเลย...” เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหัวตา “นายทำให้ฉันร้องไห้ ฉันไม่เคยคิดว่าความรักจะน่าประทับใจขนาดนี้มาก่อน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันไปทางเพื่อน ขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สูดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “จอห์นนี่ ทำไมพระเจ้าถึงโหดร้ายกับนายแบบนี้นะ...”

                “ฉันไม่สนใจพระเจ้าแล้ว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่ง แล้วจับไหล่ลอร์ดโทรว์บริด “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะช่วยนายเต็มที่ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันเลือกข้างนายมากกว่าพระเจ้า”

                “ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “พระเจ้าได้โปรดให้อภัยบาปของลูกด้วยเถอะ” เขายื่นมือข้างหนึ่งมาตบไหล่เพื่อน “นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน จอห์นนี่ ฉันเลือกอยู่ข้างนาย”

--------------------------------------
(จบตอน)
**แฟชั่นยุควิกตอเรียทำดิฉันมึนหัวมากค่ะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: -.NF.- ที่ 14-01-2017 11:19:33
ทำไมลอร์ดน่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 14-01-2017 11:28:52
ตลกหลอดสองหน่อ ถึงกับร้องไห้เลยนะ 55556
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-01-2017 11:41:27
กำลังซึ้ง ก็มาขำอิตาลอดเฟลตัน ให้ตาย!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 14-01-2017 12:03:13
นั่งฮาไม่หยุด 555
เพื่อนๆ น่ารักมาก ลอร์ดเฟลตันคือดี คือน่ารักมาก นึกภาพหนุ่มๆ คอยระวังให้แล้วน่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2017 12:08:28
สังคมยุคนั้น!!!!! เรื่องชายรักชายมันจะรอดหรือ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2017 12:12:06
ยังไงต่อละทีนี้ ถึงเพื่อนจะอยู่ข้างเดียวกัน แต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ว่างั้นแน่ท่านลอร์ด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 14-01-2017 12:21:27
ทำไมอิฉันน้ำตาซึม//ปาดน้ำตาแปป :hao5:
หนุ่มจอร์จช่างเป็นเพื่อนที่ทุ่มเท! ต้องต้มมาม่ารอไหมเนี่ย?
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 14-01-2017 12:38:33
มีเพื่อนดีเป็นศรีแก่จอห์นนี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-01-2017 12:46:50
 :z3: :z3: :z3: :z3:  :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-01-2017 12:53:56
เฟลตันยังไม่มีแฟน ใช่ไหม ขอจองนะ
 :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alicegrizzly ที่ 14-01-2017 14:18:45
อ็อยยยย เค้าเกือบได้กันแล้ววววววว
ลอร์ดเฟลตันมาขวางทำม๊ายยยยยยย
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 14-01-2017 20:01:04
โอ้ยยยยยยย ดีต่อใจจจ เพื่อนๆก็ช่วยเชียร์ ลุยจีบไปเลยค่าาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oOMqROo ที่ 14-01-2017 20:14:01
อ่านแล้วกังวลใจมาก ต้องดราม่าหนักแน่นอน อย่าว่าแต่เรื่องฐานะเลย
สมัยนั้นโฮโมเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ขนาดแค่เป็นผู้ชายแล้วแต่งหน้ายังโดนจับเลย
เฮ้ออ หนักใจจจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 14-01-2017 20:44:52
แอบฮาแก๊งเพื่อน  :m20:
แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-01-2017 21:27:28
กลัวดราม่าจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-01-2017 23:41:12
กอร์ดอนผู้ไร้เดียงสา นายจะถูกจอห์นนีงาบแล้วนะ!
ทำกันเป็นขบวนการด้วย!

จอร์จจี้น่ารักเนอะ ลอร์ดเมอเรย์ก็น่านัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 15-01-2017 00:34:20
ท่านลอร์ดมีเพื่อนดีมาก และตัวลอร์ดเองก็น่ารักมาก
ยิ่งตอนพูดเรื่องรักแรกพบกอร์ดอน มีความเขินสูงมาก
ได้โปรดอย่าดราม่าหนักเลย สงสารท่านลอร์ด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 15-01-2017 00:54:40
เพื่อนดีๆ ประทับใจรักแรกพบของท่านหลอดมากหมั่นไส้ เป็นแค่หลอดพอ 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 15-01-2017 02:02:55
อ่านแล้วติดเลย สนุกมากๆ
ประทับใจรักแรกพบของท่านลอร์ด
รอลุ้นให้กอร์ดอนรับรักนางไวๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-01-2017 07:42:20
ซึ้งใจไปกับมิตรภาพดีๆ TT
แล้วก้อกังวลไปกับความรักของทั้งสองคนด้วย ปัญหาล้านแปด และที่ใหญ่ที่สุดคือคุณพ่อและแม่ของท่ารลอร์ด =____=
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 15-01-2017 08:56:08
พาหนีไปอเมริกาเลยค่ะท่านลอร์ด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 15-01-2017 15:28:03
โอ้ย เป็นเรื่องที่แหวกอีกแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครแต่งแนวนี้
อ่านแล้วได้อารมณ์นิยายแปลมากๆ เหมือนคนเขียนแต่งเป็นภาษาอังกฤษก่อนแล้วค่อยแปลเป็นไทยอีกที 55
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-01-2017 15:58:42
โอ้ย เป็นเรื่องที่แหวกอีกแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครแต่งแนวนี้
อ่านแล้วได้อารมณ์นิยายแปลมากๆ เหมือนคนเขียนแต่งเป็นภาษาอังกฤษก่อนแล้วค่อยแปลเป็นไทยอีกที 55

ในความเป็นจริงคือคนเขียนง่อยเปลี้ยภาษาอังกฤษแบบถึงที่สุดมากค่ะ น่าจะเพราะอ่านนิยายแปลเยอะเกินไป แฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 15-01-2017 17:17:22
โอ้ย สนุกมากๆ ลอร์คาเวนดิชน่ารักมากๆ สู้ๆขอให้สำเร็จ
รอตอนต่อไปค่า :katai4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 15-01-2017 18:47:01
คาเวดิชถึงแม้จะดูบ้าๆ แต่จริงๆ แล้วลึกซึ้งกว่าที่เห็นมาก +เป็ด ค่ะ สนุกมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-01-2017 19:54:51
จะเป็นยังไงต่อไปล่ะนี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่7 p.3 (14/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-01-2017 20:55:53
มารอออออออออออ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-01-2017 09:32:32


Dear, My customer.

ตอนที่8 ปิกนิกที่ริมแม่น้ำเทมส์


                กอร์ดอนตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าของวันรุ่งขึ้น เขาบิดขี้เกียจ เปิดไฟหัวเตียง แล้วหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่แล้วก็ลุกพรวดขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกตาสว่าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มเพิ่งระลึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกตอนที่ตั้งใจจะนอนรอบสองนี้เอง นี่เขาทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย กอร์ดอนนึกถึงสีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ นึกถึงคำพูดของฝ่ายนั้น

                ‘อยากให้ผมจูบคุณไหม’

                ชายหนุ่มรู้สึกร้อนเห่อไปทั่วใบหน้า ทำไมลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงต้องถามเขาแบบนั้น แล้วทำไมเมื่อคืนพอเห็นหน้าฝ่ายนั้น เขาถึงต้องผวากอดเอาไว้ด้วย ช่างตัดเสื้อหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง พยายามหาเหตุผลอธิบายสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อวาน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาอธิบายมันได้ นึกยังไงก็เห็นแต่ดวงตาสีเขียวของลอร์ดโทรว์บริดจ์ กับรอยยิ้มและคำพูดของฝ่ายนั้นเท่านั้นเอง

                สุดท้ายพอฟ้าเริ่มสาง กอร์ดอนก็ตัดสินใจเรียกรถม้าไปที่โบสถ์ นั่งสวดมนต์หน้ากางเขนศักดิ์สิทธิ์ ขอให้พระเจ้าช่วยชี้ทางสว่างให้กับเขา ขอให้พระเจ้าให้อภัยเรื่องที่เขาทำลงไปเมื่อคืน เขาสวดมนต์อยู่ถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มจนรู้สึกดีขึ้น จึงจับรถม้ากลับมาที่ร้าน

-----------------------------------------

                ไม่มีวี่แววการปรากฏตัวของลอร์ดโทรว์บริดจ์ตลอดวัน กอร์ดอนนึกโล่งใจ ถึงแม้เขาจะคิดว่าพระเจ้าคงให้อภัยเขาในสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืน แต่ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าเมื่อได้เห็นหน้าลอร์ดคนนั้นอีกครั้ง เขาจะยังกล้าขอความเห็นใจจากพระเจ้าอยู่อีกหรือเปล่า ตกเย็นหลังมื้อค่ำ กอร์ดอนตัดสินใจแต่งตัวไปที่บาร์บีช็อร์ต

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ วันนี้คุณดูรีบร้อนจัง” แอนนาเบลทัก กอร์ดอนลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ ก่อนจะก้มมองตัวเอง

                “คุณเหมือนไม่ได้หวีผม” หญิงสาวพูดยิ้มๆ แล้วใช้มือข้างหนึ่งปัดผมให้เขา กอร์ดอนสะดุ้ง

                “อ๊ะ! ฉันขอโทษ”

                ชายหนุ่มรีบสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร ผมแค่ตกใจ”

                “ค่ะ ฉันเห็นแล้ว” เธอมองเขาแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือคะ? สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”

                กอร์ดอนลังเลที่จะพูด “คือ... ผมมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”

                “ค่ะ...” หญิงสาวพยักหน้า และรอให้เขาพูดต่อ ชายหนุ่มขบริมฝีปาก นึกสงสัยว่าเขาควรจะพูดอย่างไรดี

                “คือผมคิดว่าผมน่าจะชอบคุณ...”

                “ค่ะ...?”

                “แต่...” ช่างตัดเสื้อกัดริมฝีปาก “ผมก็สงสัยอีกว่าบางทีผมอาจจะชอบอีกคน”

                แอนนาเบลยิ้มออกมา “คุณดูไม่เหมือนคนอายุสามสิบหกเลย กอร์ดอนที่น่าสงสารของฉัน คุณเหมือนลีแอนด์ตอนอายุสิบห้า เธอเคยทำหน้าแบบนี้มาหาฉันเหมือนกัน”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเธอ แอนนาเบลเลยพูดต่อ “เธอมีผู้ชายที่ชอบอยู่คนหนึ่ง เธอเพ้อถึงเขาทุกวัน จนวันหนึ่งเขาเชิญเธอไปงานเลี้ยง วันนั้นเธอกลับรู้สึกว่าเธออาจจะชอบเพื่อนอีกคนที่สนิทกับเธอมากกว่า ตอนเธอมาถามฉันก็ทำหน้าแบบคุณนี่แหละ”

                กอร์ดอนหน้าแดงทันที หญิงสาวจับมือเขาบีบเบาๆ “ค่อยๆ คิดก็ได้ค่ะ ฉันไม่โกรธคุณหรอก ยังไงคุณก็เป็นผู้ชายที่น่ารักมากคนหนึ่ง”

                กอร์ดอนได้แต่พยักหน้า “ผมขอโทษนะแอน ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

                “ไม่มีใครเข้าใจความรักหรอกค่ะ” แอนนาเบลตอบเขา “พระเจ้ามอบเอาไว้ในหัวใจเราเพื่อให้เรารู้จักรัก พระองค์ไม่เคยต้องการให้เข้าใจมันหรอก เราแค่รู้ว่าต้องรักใครสักคนก็พอแล้ว”

                กอร์ดอนเงยมองหน้าเธออีกครั้ง “ขอบใจนะ...”

                เธอยิ้มให้เขา “อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลยค่ะ ฉันว่าคุณตัดสินใจได้ไม่ยากหรอก ฟังแค่เสียงหัวใจตัวเองก็พอค่ะ ฉันอยากให้คุณเลือกคนที่ใช่ ไม่ใช่เลือกคนที่คุณคิดว่าต้องใช่ แล้วทุกคนรวมทั้งคุณจะต้องมีความสุขแน่นอน”

                “อืม...”

------------------------------------

                กอร์ดอนกลับมาถึงห้องประมาณสี่ทุ่ม เขาเข้านอนแทบจะในทันที ชายหนุ่มนึกถึงผมสีแดงของแอนนาเบล นึกถึงดวงตาสีน้ำตาลสวยของเธอ นึกถึงคำพูดที่เธอพูดกับเขา จากนั้นใบหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ลอยขึ้นมา

                ‘อยากให้ผมจูบคุณไหม’

                กอร์ดอนแตะริมฝีปากลงไปบนหลังมือของตัวเอง จุดเดียวกับที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบลงไปในคืนนั้น และเริ่มร้องไห้

                ขอพระเจ้าโปรดอภัยบาปให้เขาด้วยเถอะ

-------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เชิญเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมาดื่มน้ำชาในบ่ายวันอังคารของสัปดาห์ถัดมา ลอร์ดและเลดี้บาธรู้สึกดีใจที่ลูกชายเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับเลดี้ผู้เพียบพร้อม และเหมาะอย่างยิ่งที่จะรับตำแหน่งมาร์ชันเนสในอนาคต

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนไม่ถือสาเขาเรื่องที่เสียสมาธิในงานเต้นรำถึงสองครั้ง และไม่แม้กระทั่งถามว่าเขาหันไปมองใคร ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นถึงประโยชน์ในการรู้จักรักษามารยาทก็คราวนี้ เขาคุยกับเธอในเรื่องสัพเพเหระทั่วไปอย่างที่พ่อเขาอยากให้ทำ เรื่องชนิดของใบชา งานเลี้ยง สภาพสังคม และความภักดีต่อพระราชินี จากนั้นก็ไปส่งเลดี้อย่างที่สุภาพบุรุษทั้งหลายควรทำถึงหน้าคฤหาสน์ตอนเวลาบ่ายสองเป๊ะ ขากลับเขาไม่ได้บ่ายหน้าไปทางคฤหาสน์ แต่สั่งให้โอลิเวอร์เลี้ยวรถม้าไปทางสโมสร

                “งานเลี้ยงน้ำชาเป็นไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามหลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว

                “ก็อย่างนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบา ก่อนจะพูดต่อ “แคทเธอรีนสวยดี แต่ไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ”

                “เออ แบบที่นายชอบเขาอยู่ที่ร้านตัดเสื้อ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายคิดไว้หรือยังว่าจะไปคุยกับเขายังไง”

                “ฉันกำลังคิดอยู่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวันศุกร์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเสนอว่าเขาไม่ควรไปหากอร์ดอนในวันรุ่งขึ้น เพราะด้วยลักษณะท่าทางอย่างกอร์ดอน คงไม่ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตัวเองเมาแน่ๆ ซ้ำเรื่องที่ว่ายังเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากอีกด้วย แม้ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไม่รู้สึกพอใจนัก แต่ก็เห็นด้วยกับเหตุผล ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เสนอว่าน่าจะรอจนจัดการเรื่องเลี้ยงน้ำชาเลดี้แบรนดอนเรียบร้อย จึงค่อยคิดวิธีที่จะไปพูดกับกอร์ดอน พวกเขานัดเจอกันที่สโมสรอีกครั้ง เพื่อตกลงปัญหาดังกล่าว

                “ฉันว่าเราควรทำให้เรื่องมันดูปกติที่สุด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “อย่างไอรีน พอมีเรื่องอะไร อีกวันฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผลทุกที”

                “แต่มันไม่ได้ผลกับมาร์กาเร็ต” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แย้ง คนถูกแย้งทำหน้าฉุน “มาร์กาเร็ตกับกอร์ดอนไม่เหมือนกันนี่ นายหยุดพูดเรื่องมาร์กาเร็ตที ฉันปวดท้อง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ จากนั้นก็เสนอขึ้นบ้าง “ถึงฉันจะไม่เห็นด้วยกับการยกตัวอย่างของจอร์จ แต่ก็เห็นด้วยเรื่องที่นายควรจะทำตัวให้เป็นปกติ มันน่าจะทำให้กอร์ดอนวางตัวได้ง่ายกว่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าอย่างคิดหนัก “ที่จริงฉันก็คิดอย่างนั้นแหละ กอร์ดอนยังค้างเสื้อฉันอยู่อีกชุด ฉันพอจะหาข้ออ้างนี้ไปพบเขาได้หรอก” ชายหนุ่มหยุดเว้นจังหวะไปพักหนึ่ง “แต่พอคิดอีกที สมมติว่ากอร์ดอนเกิดคิดว่าฉันไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ล่ะ? หรือเกิดเขาไปขอแอนนาเบลแต่งงานเพื่อหาทางออกให้ตัวเอง ฉันจะทำไงดี?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “งั้นนายก็ควรจะแสดงความยินดีกับเขา” ลอร์ดหนุ่มพูดแล้วตบไหล่เพื่อน “จริงๆ นะจอห์นนี่ ต่อให้กอร์ดอนเป็นผู้หญิง เขาก็ไม่เหมาะสมกับนายอยู่ดี เต็มที่ก็เป็นได้แค่ภรรยานอกสมรส นายก็รู้ว่าตำแหน่งมาร์ชันเนสมีไว้สำหรับเลดี้เท่านั้น”

                “ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายอย่าทำเสียบรรยากาศหน่อยเลยน่า เรื่องสำคัญคือเราจะทำยังไงให้จอห์นนี่มีเวลาอยู่กับคนที่เขารักให้ได้นานที่สุดต่างหาก”

                “อืม...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเสียงในลำคอ เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “แต่ฉันว่าอย่างกอร์ดอนคงไม่ไปขอใครแต่งงานเพราะเขาชอบนายแต่ไม่อยากยอมรับหรอก ดูแล้วเขาไม่น่าเป็นคนใจร้ายกับผู้หญิงแบบนั้น”

                พูดจบก็หลิ่วตามองลอร์ดจอร์จ เฟลตัน แต่เจ้าตัวทำเป็นมองไม่เห็น เกิดความเงียบขึ้นในห้องอึดใจหนึ่ง ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะโพล่งออกมา “ฉันนึกออกแล้ว พอถามเรื่องชุดเสร็จ ฉันชวนเขาไปกินมื้อเย็นดีกว่า ฉันอยากชวนเขาไปกินมื้อเย็นนานแล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หรี่ตามองเพื่อน “นายแน่ใจหรือว่ากอร์ดอนจะยอมไปกินมื้อเย็นกับนาย... ตอนนี้เหตุการณ์มันไม่เหมือนก่อนคืนวันศุกร์นะ ไม่แน่ว่าเขาจะยอมให้นายลากไปไหนมาไหนอย่างที่ผ่านมา”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอีก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด “เราต้องทำให้มื้อเย็นที่ว่ามันดูผ่อนคลายสำหรับเขา และไม่จงใจเกินไป...”

                “ยังไง?” สองหนุ่มหันไปมองเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันค่อยๆ เสนอความคิดของตัวเองออกมา

                “กอร์ดอนเป็นชนชั้นกลาง ฉันว่าเขาคงพอใจกับร้านอาหารระดับธรรมดาไม่หรูหรามาก ตัดเรื่องมื้อเย็นที่บ้านนายไปได้เลยจอห์นนี่ เพราะพ่อแม่นายคงไม่ปลื้มแน่นอน” เขาเว้นจังหวะกลืนน้ำลาย “นายต้องรู้ว่ากอร์ดอนชอบกินอะไร จะยิ่งดีกว่านั้นอีกถ้านายรู้ด้วยว่าเขาชอบไปกินร้านไหน มันจะทำให้มื้อเย็นของพวกนายน่าประทับใจมากขึ้น”

                “ฟังยังไงมันก็ดูจงใจอยู่ดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แย้งขึ้น “แค่จอห์นนี่ออกปากชวนเขาไปร้านอาหาร ไม่ว่าร้านนั้นเขาจะชอบหรือไม่ มันก็ดูจงใจชัดๆ เลยนี่”

                “พวกเราก็ไปด้วยกันสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้าไปกันสามคนมันต้องดูไม่จงใจแน่นอน”

                “เออ จริงของนาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นด้วย ทั้งสองคนหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “นายเห็นว่าไง?”

                “ฉันคิดว่า...” เอิร์ลหนุ่มกวาดตามองเพื่อนทั้งสองคน “มีอยู่ที่นึงที่กอร์ดอนจะต้องประทับใจแน่นอนถ้าเราไปกินมื้อเย็นด้วยกัน ติดแต่พวกนายจะยอมไปด้วยรึเปล่า?”

                “เราเป็นเพื่อนนาย ที่ไหนเราก็ไปอยู่แล้ว” ลอร์ดหนุ่มทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน

----------------------------------------------

                “นี่มันบ้ามาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันในเสื้อโค้ทแบบธรรมดาทั่วไปที่เขายืมมาจากคนรับใช้พูดออกมาเป็นครั้งที่ห้าแล้ว นับตั้งแต่พวกเขาสามคนเรียกรถม้าออกมาจากคฤหาสน์ของมาร์ควิสแห่งวิสตัน

                “นายหยุดบ่นเสียที” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขานั่งอยู่ฝั่งเดียวกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ด้วยขนาดตัวของคนทั้งคู่ ทำให้รถม้ายิ่งดูคับแคบกว่าเดิม “นายไม่ควรพูดคำว่าบ้าตั้งแต่เสนอตัวว่าจะช่วยจอห์นนี่แล้ว”

                “แต่ฉันไม่เคยทำแบบนี้เลยนะ มันจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ฉันก็ไม่เคยทำ แต่คิดว่ามันน่าจะเข้าท่าสำหรับแผนของเรานะ”

                “อือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เชื่อฉันเถอะ เขาต้องชอบแน่ถ้ารู้ว่าเราจะไปที่นั่นกัน”

---------------------------------------

                กอร์ดอนกำลังนั่งถักรังกระดุมเสื้อของลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ ตอนที่ออดประตูดังขึ้น เดวิดรีบกระวีกระวาดไปเปิดประตู และรู้สึกแปลกใจที่เห็นผู้มาเยือนหน้าใหม่ 

                “อ้าว พวกคุณ?!” กอร์ดอนเองก็รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน เขารีบกล่าวทักทายลอร์ดหนุ่มทั้งสามคนตามมารยาท แม้จะรู้สึกประหม่าที่ได้เจอลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง แต่เพราะฝ่ายนั้นพาเพื่อนมาอีกสองคน เขาเลยไม่กล้าแสดงอาการอะไรมากไปกว่าการหลบสายตา

                “ผมกำลังจะให้คนเอาชุดไปส่งให้คุณพอดี” กอร์ดอนได้แต่พูดแก้เก้อเพราะไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวยังไง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วยิ้ม “คุณกำลังถือเสื้อผมอยู่ใช่มั้ย? เข็มกับด้ายยังคาอยู่เลย จะให้คนเอาไปส่งแล้วหรือ?”

                กอร์ดอนผู้น่าสงสารอับอายจนหน้าแดง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อน “เราไม่ได้มาทวงเสื้อของจอห์นนี่หรอก เรามาชวนนายไปกินมื้อเย็น”

                “มื้อเย็น?” กอร์ดอนทวนคำด้วยความแปลกใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ใช่ แมกซ์กำลังวางแผนจะเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก เลยอยากได้บรรยากาศมื้อเย็นแบบพื้นบ้าน”

                พูดจบก็พยักเพยิดไปทางลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ลอร์ดหนุ่มจึงต้องพูดขึ้นต่อ “ใช่ กอร์ดอน แต่เราไม่ได้จะมาใช้ห้องอาหารที่บ้านนายหรอก มันยังไม่น่าประทับใจพอ เราคิดว่าจะไปกินมื้อเย็นที่สวนแบตเตอร์ซีกัน มันคงได้บรรยากาศแบบปิกนิกดี”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจมากกว่าเดิม เขาหันไปมองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ เจ้าตัวยิ้มให้เขา หน้าแดงเล็กน้อย “ไปปิกนิกกับพวกเรานะ”

-----------------------------------------

                ท้ายที่สุดกอร์ดอนก็จำต้องปิดร้านและนั่งรถม้ามากับลอร์ดหนุ่มทั้งสามคน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาแต่ก้มหน้ามองหมวกฮอมเบิร์กในมือ ในตอนที่กอร์ดอนนั่งลงบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาติดกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ส่วนกอร์ดอนเองพอนั่งแล้วก็เอาแต่มองปลายรองเท้าตัวเอง ที่ไม่น่าเป็นไปได้คือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ที่เหมือนถูกบรรยากาศชักนำให้พลอยนั่งก้มหน้าก้มตาไปกับคนอื่นด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงพูดทำลายความเงียบขึ้นมา

                “นี่กอร์ดอน พวกเราทำแซนวิชมาเผื่อนายด้วยนะ ได้ยินว่านายชอบกินแซนวิช”

                “อ้อ... ครับ” กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้วพยักหน้า “ผม... ขอบคุณมากเลยครับ”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แมกซ์อวดว่าแม่บ้านที่คฤหาสน์เขาทำอาหารเก่งกว่าใคร ฉันว่าพวกเราคงได้พิสูจน์กันวันนี้นี่แหละ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยหน้าขึ้นมา ทำท่าทางเหมือนว่าเขาไม่ได้พูด แต่ไม่มีใครสนใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “ว่าแต่ช่วงนี้นายเป็นไงบ้าง งานที่ร้านเยอะมั้ย?”

                “ก็... พอสมควรครับ” กอร์ดอนตอบคำถามฝ่ายนั้น “ผมทำเรื่อยๆ”

                “อืม...” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “นอกจากตัดเสื้อนายชอบทำอะไรอีกบ้างล่ะ? อ่านหนังสือ เล่นไพ่ นายเล่นกีฬาบ้างมั้ย?”

                “ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ “แต่ผมชอบอ่านหนังสือ”

                “อ้อ...” ลอร์ดหนุ่มส่งเสียงในคอ “ฉันก็ชอบ โดยเฉพาะเรื่องเชอร์ลอร์ค โฮล์ม นายอ่านรึเปล่า?”

                “อ่านสิครับ” ช่างตัดเสื้อหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา จนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เอาแต่นั่งเงียบแต่แรกถามขึ้นมา “ทำไมนายทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?”

                “คือผม...” กอร์ดอนหน้าแดงกว่าเดิม “คือตอนเจอกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ครั้งแรก เขาก็บอกผมว่าชอบเรื่องนี้... เขาทำตัวเลียนแบบเชอร์ลอร์ค โฮล์มด้วยนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าสนใจขึ้นมาทันที “ยังไง เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้อ้าปากพูดอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็โพล่งขึ้น “ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปเรื่อย”

                “เฮ้ยๆ ไม่เอาน่าจอห์นนี่ นายทำตัวเลียนแบบโฮล์มยังไง ให้กอร์ดอนเล่าให้เราฟังหน่อยสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างนึกสนุก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เองก็พลอยสนับสนุนด้วย “นั่นสิ” เขาหันไปหากอร์ดอน “นายเล่าต่อเลย ไม่ต้องกลัวจอห์นนี่หรอก เดี๋ยวจอร์จจะช่วยปิดปากให้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามเอามืออุดปากเพื่อน ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันหน้าหนีเป็นพัลวัน “อย่าเล่านะ!”

                “นายอย่าหนีซี่”

                กอร์ดอนมองภาพตรงหน้า แล้วหลุดหัวเราะออกมา

---------------------------------------

                กว่าจะไปถึงสวนแบ็ตเตอร์ซี รถม้าก็แทบพลิกคว่ำ เพราะลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอาแต่เล่นปล้ำกันเรื่องปิดปากไม่ปิดปาก ส่วนกอร์ดอนก็หัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง เลยไม่ได้เล่าเรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามสวมบทบาทเป็นเชอร์ลอร์ค โฮล์มเสียที

                พอลงจากรถม้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รีบฉุดมือกอร์ดอนเข้าไปในสนาม ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยทิ้งเอาไว้กับเพื่อนอีกสองนาที ความลับน่าอายของเขาก็จะถูกเปิดเผย แน่นอนว่าลอร์ดหนุ่มอีกสองคนที่เหลือก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ

                “นายกำลังปิดปากพยานนะจอห์นนี่ คืนกอร์ดอนมาให้พวกเราซะดีๆ”

                “ไม่มีทาง!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนคิดว่าอีกไม่นานเขาคงถูกฝ่ายนั้นลากแน่ๆ “ท่านลอร์ด ช้าหน่อยก็ได้ครับ ผมไม่ปากโป้งเล่าเรื่องคุณหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบตามองเขาเหมือนชั่งใจแว้บหนึ่ง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ได้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องเหวอ ก่อนจะชี้มือให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดู “โอ๊ย จอห์นนี่พาลูกวิ่งข้ามแนวจะวางทรัยแล้ว!”

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-01-2017 09:33:12
               กอร์ดอนหน้าเหวอกว่าใครเพื่อน เขาเพิ่งถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกพาดไหล่แล้วพาวิ่งตัดสนามอย่างกับแบกถุงทะเล ลอร์ดหนุ่มอีกสองคนวิ่งไล่ตามมา

                “อย่าให้จอห์นนี่ได้แต้มนะ เราต้องสกัดไว้”

                “ได้เลย!”

                กอร์ดอนคิดว่าเขาต้องตายแน่ๆ เขาเห็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันวิ่งไล่ตามมาติดๆ จากนั้นทั้งคู่ก็กระโดดเข้าใส่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่แบกเขาอยู่

                สี่หนุ่มกลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้นหญ้านุ่มๆ ก่อนจะหยุดสนิทในที่สุด ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเป็นคนแรก “โอ๊ย นี่มันบ้าจริงๆ” เขาพูด แล้วหัวเราะชอบใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยันตัวนั่ง “ให้ตาย นี่มันบ้าที่สุดเลย”

                กอร์ดอนตะเกียกตะกายลุกขึ้นเป็นคนที่สาม เพราะนอนทับตัวลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ เขานึกโล่งใจที่ไม่บาดเจ็บอะไร คงเพราะลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดเขาเอาไว้ตอนล้มกลิ้งกันลงมา

                “ท่านลอร์ด...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ลุกขึ้นตามมารีบยกมือห้าม “เรียกผมว่าจอห์น ขอร้องล่ะ”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบขยับมาสมทบ “อย่าเรียกพวกเราว่าลอร์ดเด็ดขาด นายไม่เห็นสภาพพวกเราหรือไง”

                กอร์ดอนมองลอร์ดหนุ่มทั้งสามคนที่เสื้อผ้าเลอะเทอะไปด้วยเศษหญ้า แล้วหัวเราะออกมา “ครับ”

                “ห้ามครับด้วย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ็ด กอร์ดอนพยักหน้า “ขอโทษครับผมลืม”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าปลงตก ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “วางทรัยได้ห้าคะแนน”

                “ไม่ นายทำผิดกติกา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้งทันที ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องรีบลุก เพราะถูกคนดูแลสวนวิ่งเข้ามาเอ็ด

                สี่หนุ่มคว้าหมวกที่หล่นอยู่ไม่ห่างไปนักมาปัดเศษหญ้าออก แล้วเดินหลบออกมา ระหว่างนั้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามอย่างนึกขึ้นได้ “แมกซ์ ตะกร้าล่ะ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าตกใจ จากนั้นก็วิ่งย้อนกลับไปทางที่เข้ามา สักพักเขาก็หิ้วตะกร้าใบหนึ่งกลับมา “เกือบลืม ฉันวางเอาไว้ตอนวิ่งไล่จอห์นนี่มา”

                “ท่าทางหิ้วตะกร้าของนายนี่ดูไม่จืดเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตั้งข้อสังเกต ก่อนจะพูดต่อ “ด้านในเป็นไงบ้างเนี่ย เละแล้วยังก็ไม่รู้”

                “เราไปหาที่นั่งเหมาะๆ แล้วค่อยเปิดดูดีกว่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เพราะเห็นคนดูแลสวนยังวนเวียนคอยจับตาดูพวกเขาอยู่

                ทั้งหมดเดินผ่านสนามหญ้ามายังริมแม่น้ำ หลังจากเลือกที่เหมาะๆ ได้แล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็หยิบผ้าออกมาจากตะกร้า เพื่อปูรองนั่ง กอร์ดอนเห็นท่าปูผ้าของเขาแล้วทนไม่ไหว จึงขอมาปูเอง

                “เราคิดถูกแล้วที่พากอร์ดอนมาด้วย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะนั่งลงเป็นคนแรก และคว้าตะกร้าใส่แซนวิชมาเปิดดู

                “ฉันว่าเราคงต้องไปลงเอยที่ภัตตาคาร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดอย่างปลงๆ เพราะนึกไม่ออกว่าแซนวิชจะรอดชีวิตมาได้อย่างไร หลังจากที่พวกเขาทั้งวิ่งทั้งล้มมาตลอดทาง

                “ว้าว! มันยังดีอยู่เลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง และหยิบแซนวิชที่ห่อกระดาษไว้อย่างเรียบร้อยขึ้นมา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันบอกแล้วว่ามาทิลดาเป็นแม่บ้านที่ดีที่สุด”

                แซนวิชทั้งสี่ชิ้นรอดชีวิตมาได้อย่างเหลือเชื่อเพราะการห่ออย่างดีของแม่บ้านประจำคฤหาสน์ของมาร์ควิสแห่งวิสตัน ประกอบกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสติพอที่จะวางตะกร้าก่อนจะกระโดดตะครุบลอร์ดโทรว์บริดจ์ มันเลยไม่ได้กลิ้งขลุกๆ ตามทั้งสี่หนุ่มลงมา แถมกระติกน้ำชาและแก้วที่ใส่มาด้วยยังทำจากเหล็กทั้งหมด ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนึกดีใจที่เขาปากหนักไม่บอกแม่บ้านว่าอยากได้เป็นถ้วยกระเบื้องเคลือบ

                กอร์ดอนอาสาเป็นคนรินน้ำชาแจก ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเป็นคนส่งแซนวิช ทั้งสี่หนุ่มนั่งกินมื้อค่ำเป็นแซนวิชและน้ำชา ท่ามกลางแสงแดดยามเย็นที่สาดส่องแม่น้ำเทมส์ซึ่งไหลพาดผ่านกรุงลอนดอน

                “บอกตรงๆ นะ ฉันไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้มานั่งกินแซนวิชแบบนี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นหลังจากกินแซนวิชจนหมด “ตอนแรกฉันคิดว่ามันต้องดูไม่จืดแน่ที่พวกเราจะหิ้วตะกร้ามาปิกนิกที่นี่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะเสียงดังแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนัก “แต่มันก็โอเคใช่มั้ยล่ะ? อย่างน้อยๆ ก็ยังดูดีกว่าตอนที่พวกเราล้มกลิ้งกันลงมาล่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ เขาหันมาหากอร์ดอน “นายรู้สึกยังไงที่ได้มานั่งกินแซนวิชกับพวกเรา? คิดว่ามันบ้ามั้ย?”

                กอร์ดอนหัวเราะแหะๆ “หลังจากคุณปู่เสียไป ก็มีพวกคุณนี่แหละครับที่ชวนผมออกมาปิกนิก มันไม่บ้าหรอก แต่... เอ่อ... ผมก็รู้สึกแปลกใจมากเหมือนกันที่พวกคุณเป็นคนชวน”

                “ที่จริงแล้วจอห์นนี่เป็นคนเสนอแผนน่ะ อุ้บ!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบหยุดพูดเพราะถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใช้แขนกระทุ้งสีข้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดกลบเกลื่อนทันที “จอร์จเมาน้ำชาน่ะ”

                กอร์ดอนมองหน้าเขา จากนั้นก็ยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเป็นคนเล่าเรื่องแซนวิชกับคุณปู่ให้คุณฟังเอง”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงขึ้นมา เขาเอาแต่ก้มหน้ามองถ้วยน้ำชา กอร์ดอนเลยพลอยหน้าแดงตามไปด้วย สุดท้ายต่างคนต่างก็เอาแต่มองถ้วยชาในมือตัวเองโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นสถานการณ์เป็นดังนั้น เลยสะกิดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ สองหนุ่มค่อยๆ ผุดลุกขึ้น แล้วปลีกตัวไปเดินเล่นอีกด้านหนึ่ง

                “เอ่อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรสักอย่าง แต่จนใจว่าไม่รู้จะเริ่มยังไงดี “ชาอร่อยนะ”

                “ครับ” กอร์ดอนได้แต่พยักหน้า ไม่รู้ว่าควรจะตอบฝ่ายนั้นยังไงเหมือนกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ละสายตาจากถ้วยน้ำชาขึ้นมองคนตรงหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจ

                “คุณสวยมาก”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายนั้น แล้วถอนใจบ้าง “ผมไม่ใช่ผู้หญิง”

                “ผมรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “คือผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น... คุณเป็นผู้ชาย ยังไงคุณก็ไม่สวยเหมือนผู้หญิงหรอก”

                “.....”

                ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง ผิดแต่คราวนี้ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน สุดท้ายเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ถอนหายใจออกมาก่อน “ผมขอโทษที่ไม่ได้ไปหาคุณวันเสาร์”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “ที่จริงผมก็โล่งใจเหมือนกันที่คุณไม่มา”

                “ทำไมล่ะ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสงสัยระคนตกใจ อีกฝ่ายมองเขาแล้วตอบ “ถ้าคุณมาวันนั้น ผมคงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง”

                “.....”

                “คืนนั้นผมเมา...”

                “อืม...” ลอร์ดหนุ่มส่งเสียงในคอ รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ แต่จนแล้วจนรอดกอร์ดอนก็ไม่ยอมพูดอะไรเสียที เขาจึงต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง

                “โชคดีนะที่คุณเมา ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดงจนถึงใบหู เขารีบก้มหน้ามองถ้วยชาของตัวเอง “ผมไม่ได้ตั้งใจ”

                “ไม่เป็นไร” เอิร์ลหนุ่มระบายยิ้ม แล้วขยับตัวเข้ามานั่งใกล้อีก “แค่นั้นผมก็ดีใจแล้ว แค่ได้รู้ว่าคุณกับผมคิดตรงกัน”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา “แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง ท่านลอร์ด...”

                ริมฝีปากของเขาถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้นิ้วมือแตะเอาไว้ “เรียกผมว่าจอห์น ผมบอกคุณไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”

                “....”

                “เรียกสิ”

                หลังจากอึกอักอยู่พัก กอร์ดอนก็ยอมเรียกฝ่ายนั้นในที่สุด “จอห์น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มกว้าง “ดี กอร์ดอน ผมไม่เคยคิดว่าคุณเหมือนผู้หญิงเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ผมรู้แต่แรกว่าคุณเป็นผู้ชาย”

                “แต่...”

                “คุณเองก็รู้แต่แรกแล้วเหมือนกันว่าผมเป็นผู้ชาย”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มพยักหน้า ในที่สุดก็พูดตอบบ้าง “แต่มันผิด... นี่มันผิด ผมกับคุณ ระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นไปได้เลย”

                “ผมก็ไม่ได้หวังให้มันเป็นไปได้แต่แรกอยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจแล้วคลี่ยิ้มอีก “ผมแค่อยากให้พวกเรามีช่วงเวลาดีๆ ให้กันเท่าที่จะทำได้”

                “แต่มันผิดต่อพระเจ้า!” กอร์ดอนโพล่งออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบใช้มือแตะปากเขาเอาไว้

                “คุณอ่านไบเบิลบ้างมั้ย?”

                อีกฝ่ายพยักหน้า “ผมอ่านมาตลอดทั้งสัปดาห์เลย”

                “ดี” เอิร์ลหนุ่มว่า “มีบทไหนบ้างที่พระเจ้าบอกว่าไม่ให้เรารัก”

                “.....” กอร์ดอนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แต่ไม่วายแย้งต่อ “แต่พระเจ้าห้ามผู้ชายกับผู้ชาย...”

                “ไม่ให้มีอะไรกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เสริมให้ “ผมเองก็ไปเปิดอ่านมาแล้ว พระเจ้าไม่ได้ห้ามพวกเรารักกัน แค่ห้ามไม่ให้เรามีความสัมพันธ์ทางกายกันเฉยๆ”

                “แต่...”

                “คุณนี่ ‘แต่’ เยอะจริงๆ” ลอร์ดหนุ่มว่า “หรือคุณอยากมีอะไรกับผม”

                “ไม่มีทาง!” กอร์ดอนรีบปฏิเสธ “ผมแค่...”

                “แค่ไม่อยากให้ผมจูบคนอื่น ใช่มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อเองเสร็จ “ไม่เป็นไร ยังไงตั้งแต่เจอคุณผมก็ไม่คิดจะจูบคนอื่นอยู่แล้ว” เขาชูมือขึ้นข้างหนึ่ง

                “กอร์ดอน ผมขอสาบานด้วยเกียรติทั้งหมดที่มี ในเมื่อพระเจ้าห้ามไม่ให้เราแตะต้องกันมากกว่าที่ควรจะเป็น ผมก็จะไม่แตะต้องใครเหมือนกัน”

                “อย่า!” กอร์ดอนรีบฉวยมือฝ่ายนั้นลง “คุณสาบานแบบนั้นไม่ได้ อนาคตคุณยังมีอีกไกล คุณยังต้องแต่งงาน ยังต้องสืบทอดตำแหน่ง”

                “แล้วคุณล่ะ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามกลับ กอร์ดอนนิ่งไปอึดใจ “ผม...”

                “เอ่อ... ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะพวกนายหรอกนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดแทรกขึ้น ไม่รู้ว่าเขาเดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “แต่สวนใกล้จะปิดแล้ว พวกนายไปคุยกันต่อที่ร้านกอร์ดอนดีกว่า”

------------------------------------------

                ในที่สุดทั้งสี่คนก็กลับมาที่ร้านของกอร์ดอนอีกครั้ง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขอตัวกลับก่อน สุดท้ายจึงเหลือแค่เขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์สองคน

                “ให้ผมเข้าไปคุยต่อได้มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหลังจากรถม้าแล่นออกไปแล้ว กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในร้าน

                “เดวิด ฉันมีธุระสำคัญต้องคุยกับท่านเอิร์ล เธอช่วยดูแลข้างล่างให้หน่อยนะ ถ้ามีใครมาติดต่อให้บอกว่าฉันกำลังคุยธุระอยู่”

                “ครับ”

                หลังสั่งความเด็กรับใช้เสร็จ กอร์ดอนก็เดินนำลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นไปชั้นบน

                “ที่จริงพวกเราคุยกันที่ห้องลองเสื้อก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากที่กอร์ดอนปิดประตูห้องแล้ว อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “ไม่ได้หรอกครับ ห้องนั้นไม่ได้เก็บเสียง”

                เขาตอบ แล้วลากเก้าอี้มาให้ลอร์ดหนุ่มนั่ง ส่วนตัวเองเดินไปนั่งบนเตียงนอน จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่อีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้ไปใกล้กับเตียงอีก แล้วจึงพูดขึ้น “ตอบคำถามผมได้หรือยัง?”

                “ครับ?”

                เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้างง เอิร์ลหนุ่มจึงต้องรื้อฟื้นสิ่งที่พูดไปแล้ว “คุณห้ามไม่ให้ผมสาบาน บอกว่าผมต้องแต่งงาน แล้วคุณล่ะ? วางแผนแต่งงานกับแอนนาเบลหรือ?”

                กอร์ดอนมองหน้าเขาอยู่อึดใจ จากนั้นก็สั่นศีรษะ “ไม่ครับ... ผมไม่อยากทำร้ายเธอ...”

                “ทำไมล่ะ?”

                “เพราะผมไม่ได้รักเธอ...” กอร์ดอนตอบ ใบหูกลายเป็นสีแดงเรื่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สูดหายใจลึก เขาขยับมาจับมือของช่างตัดเสื้อเอาไว้ “แต่รักฉันใช่มั้ย?”

                กอร์ดอนนิ่งไปอีกอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า จากนั้นน้ำตาก็ร่วงผล็อยลงมา “ผมรักคุณ จอห์น... ผมรู้สึกกับคุณมากกว่าที่รู้สึกกับแอนนาเบล ผม...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบขยับตัวลงนั่งข้างฝ่ายนั้น แล้วรวบตัวเขาเข้ามากอด “ผมก็รักคุณ กอร์ดอน ผมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น รักคุณทั้งที่รู้ว่าคุณเป็นผู้ชาย”

                หยดน้ำใสๆ พร่างพรูออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้น กอร์ดอนพูดเสียงพร่า “ทำไม... ทำไมถึงต้องเป็นคุณกับผม ทำไมถึงต้องเป็นพวกเรา...”

                เขาซบหน้าลงกับไหล่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เอิร์ลหนุ่มกอดเขาแน่นกว่าเดิม น้ำใสๆ ไหลซึมออกมาจากหัวตา ทั้งคู่ต่างปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่อย่างนั้น ราวกับว่ามันจะช่วยชะล้างตะกอนบาปที่เกิดขึ้นในจิตใจออกไปได้บ้าง

                “พระเจ้าคงกำลังทดสอบเราอยู่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น เขาจูบลงบนศีรษะของกอร์ดอนที่ซบอยู่ “ความรักของพวกเรามันถึงได้ยากลำบากขนาดนี้”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองเขา และเห็นว่ามีน้ำตาไหลอาบแก้มของอีกฝ่าย น้ำตาเขายิ่งพร่างพรูมากกว่าเดิม ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้ฝ่ายนั้น

                “ผมจะไม่เปลี่ยนคำสาบาน” เขาพูด และจูบหน้าผากกอร์ดอนอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้น “ด้วยเกียรติทั้งหมดที่ผมมี ขอให้พระเจ้าเป็นพยาน ไม่ว่าพระองค์จะทรงทดสอบอะไรอยู่ ผมจะไม่มีวันนอกใจคุณ นอกจากคุณแล้วผมจะไม่รักใคร ไม่จูบหรือมีอะไรกับใครเด็ดขาด ผม จอห์น แมตธิว เฮนรี่ คาเวดิช สาบานว่าจะรักกอร์ดอน โอเดนเบิร์กไปจนวันตาย”

                กอร์ดอนเอาแต่สั่นศีรษะ “ไม่... อย่า จอห์น... คุณสาบานแบบนี้ไม่ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือลูบผมสีทองของอีกฝ่ายอย่างเบามือ “ทำไมล่ะ? ไม่มีใครห้ามหัวใจผมได้หรอก ถึงตาคุณแล้ว จะยอมสาบานรักร่วมกับผมรึเปล่า?”

                กอร์ดอนร้องไห้ออกมาอย่างห้ามความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ เขาสะอื้นจนตัวโยน ก่อนจะยกมือขึ้น “ผม... กอร์ดอน วิลเลี่ยม โอเดินเบิร์ก สาบานจะรักจอห์น คาเวดิชไปจนวันตาย... จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

                “ขอพระเจ้าอวยพรให้เราด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด ก่อนจะรั้งตัวกอร์ดอนมากอดเอาไว้แน่น

-------------------------------------
(จบตอน)

** ในที่สุดเรื่องก็เดินทางมาถึงตอน8ล่ะค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ดิฉันมีโอกาสได้เขียนฉากสารภาพรักที่สองคนเอาแต่เขินกันไปเขินกันมา (ปกติต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหน้าด้านหน้าทน ฮ่าๆๆ) แต่ว่าฉากสารภาพรักเคล้าน้ำตานี่ถือเป็นครั้งที่สอง (เอิ๊ก)
.
มาถึงบทนี้แล้วทุกท่านก็อย่าเพิ่งหนีดิฉันไปไหนนะคะ ดิฉันเคี่ยวมาม่าอร่อยมาก ขอโปรดอยู่กินกันจนอิ่มก่อน ค่อยไปยังไม่สาย ฮ่าๆ น้ำเพิ่งเดือดอย่าเพิ่งปายยยย :hao7:
.
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alicegrizzly ที่ 16-01-2017 10:14:06
อ๋อยยย มีความละมุนผสมกับความรวดร้าว
บีบคั้นหัวใจอะไรเยี่ยงนี้ มีรางสังหรณ์ว่า
กอร์ดอนต้องตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่



หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 16-01-2017 10:28:58
โอ้โหหหหห นี่แค่น้ำเพิ่งเดือดเหรอ ยังเศร้ากับทั้งสองคนเลยอ่ะะะ ฮือออออออออ สงสารรรรร ให้เค้าได้รักกันดีๆเถ๊ออออออ  :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-01-2017 10:33:16
ไม่อยากกินมาม่า~~~~ ไหนคนเขียนว่าเป็นเรื่อง อบอุ่น เบาสมอง ไง โธ่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 16-01-2017 10:40:31
มีเค้าลางความพินาศมาแต่ไกลเลยค่ะ โอ้โห ขนาดนี่ฉากบอกรักแล้วนะ 55555555555555 บอกรักได้หน่วงใจน้องเหลือเกินค่ะคุณพี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-01-2017 10:44:02
มาแปะไว้ก่อน เริ่มหาซื้อน้ำตาลก่อนแล้วจะกลับมา **ขอไปทำใจก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-01-2017 11:04:24
ไม่อยากกินมาม่า~~~~ ไหนคนเขียนว่าเป็นเรื่อง อบอุ่น เบาสมอง ไง โธ่

มันก็อบอุ่นเบาสมองอยู่นะคะ นิดนึง แฮ่ๆ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-01-2017 11:41:43
พระเจ้าจะไม่กล่าวโทษผู้ใดเพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ให้รักที่ไม่สิ้นสุด แค่มีความรักความผิดบาปทั้งมวลก็จะได้รับการให้อภัยเสมอ จงเชื่อมั่นและศรัทธาในความรัก...

้รื่องนี้ทั้งสองไม่ผิดต่อพระเจ้าแต่อาจผิดต่อพระราชินี....กฏหมายของอังกฤษในเรื่องแบบนี้รุนแรงมากในสมัยนั้นแล้วยังจารีตของตระกูล เห้ออออออออ สู้ๆนะทั้งสองคน

คนเขียนด้วย สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-01-2017 12:42:55
เปิดใจแล้วนะ สู้ ๆ จ้า เป็นกำลังใจให้นะ
แต่ก็ อิจ นิดหน่อยนะ อิอิอิ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 16-01-2017 12:48:21
โอ๊ยยยย มีความรู้สึกว่าต้องมีม่า ได้โปรดอย่าทำร้ายจิตใจกันเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 16-01-2017 13:13:16
จี๊ดเลยค่ะ ตอนเข้ามาอ่านครั้งแรกเรายังคิดเลยว่าจะรักกันยังไงในสังคมที่เคร่งด้วยกฎระเบียบแบบอังกฤษ
เดาถูกด้วย ที่ตอนแรกท่านลอร์ดถามรั่วขนาดนั้น เป็นรักแรกพบนี่เอง  :katai2-1: เอาใจช่วยแล้วกันค่ะ

ปล.เสพมาม่าบ่อยจนย่อยไม่ทันแล้วค่ะ ท่านนักเขียนโปรดเบามือด้วยค่ะ
ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 16-01-2017 15:29:44
มีความดราม่าสูงมาก นี่ขนาดบอกรักกันยังขนาดนี้   :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 16-01-2017 15:33:38
โอยยย กลิ่นมาม่ามันลอยมาหอมฉุยเลยง่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 16-01-2017 18:07:30
เรื่องนี้. ถ้าจะให้จบแฮปปี้ท่าทางสองคนนี้ต้องหนีไปอยู่อเมริกา
ที่อังกฤษกฎหมายห้ามชายรักชายรุนแรงมากนี่นา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 16-01-2017 19:12:18
ในยุคนั้นสังคมต่อต้านรุนแรงมาก
น่าสงสารจัง ทุกคนในสมัยก่อนเลย
ตอนนี้เศร้ามาก ขอให้คู่นี้ลงเอยกันได้ด้วยดีเถิด :mew6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-01-2017 20:34:17
ลุ้นว่าสองคนจะลงเอยกันได้ยังไง ทั้งเรื่องเพศสภาพ ทั้งเรื่องชนชั้น หนักหนาจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-01-2017 22:20:45
สะเทือนใจยังไงไม่รู้
ขอให้ผ่านไปให้ได้นะกอร์ดอนกับท่านลอร์ด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-01-2017 22:33:25
ยิ้มร่าแล้วน้ำตาไหล

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 16-01-2017 22:40:15
สาบานรักกันแล้ว ยังนึกไม่ออกว่าจะอยู่ร่วมกันได้ยังไง สงสัยต้องรอกลับชาติมาเกิดเมืองไทยยุค 2560
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 16-01-2017 22:55:35
ใครมาหั่นหัวหอมแถวนี้คะเนี่ย อ่านไปน้ำตาไหลไป ฮรืออ

ชอบแก๊งท่านหลอดมาก น่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 16-01-2017 23:29:56
มันมาแล้ว บททรมานใจของนักเขียน  :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-01-2017 00:57:16
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 17-01-2017 12:39:06
ฉากสาบานรักนี่มัน สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 17-01-2017 15:44:59
มีความรู้สึกว่า เรื่องวุ่นวายกำลังจะมาเยือน  :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 17-01-2017 20:05:01
ชอบมากชอบ ชอบทุกอย่างในเรื่องนี้เลย
รอๆๆน่ารักมากกกก
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2017 13:18:54
เอาใจช่วยกับความรักของทั้งคู่
ยุคศักดินา อะไรๆต้องเป็นไปตามกฎ
เกณฑ์ของครอบครัว ของสังคม
เขาทั้งคู่จะได้ครองรักกันเมื่อไหร่ อย่างไร
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่8 p.4 (16/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 18-01-2017 21:43:21
ไม่อยากกินมาม่า~~~~ ไหนคนเขียนว่าเป็นเรื่อง อบอุ่น เบาสมอง ไง โธ่

มันก็อบอุ่นเบาสมองอยู่นะคะ นิดนึง แฮ่ๆ :-[

คุณจูเป็นคนมีอารมณ์ขัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-01-2017 10:50:46

Dear, My customer.

ตอนที่9 นัดเดท


                กอร์ดอนปล่อยให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดเขาอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้น “คุณควรจะกลับได้แล้วครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หลับตา เขาไม่อยากจะปล่อยมือที่โอบฝ่ายนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว “ขออยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือ”

                “ผมเกรงว่า” ชายหนุ่มพูดและหน้าแดงขึ้นมา ทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะอยู่ “ถ้าคุณยังอยู่ต่อ พวกเราอาจจะผิดต่อพระเจ้าได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางออกมา เขาก้มลงจูบหน้าผากของอีกฝ่าย แล้วผละออก “ผมเข้าใจล่ะ”

                กอร์ดอนยิ้มให้เขา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาให้ “คุณควรจะล้างหน้าก่อนไปด้วยนะ ใครเขาเห็นเข้าจะได้ไม่สงสัย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มตอบแล้วจับมือของอีกฝ่ายไว้ “คุณเองก็ด้วย อย่าบอกผมนะว่าจะเข้านอนทั้งๆ ที่หน้าเลอะแบบนี้”

                โชคดีที่ในห้องนอนของกอร์ดอนมีอ่างล้างหน้าอยู่ ทั้งคู่จึงผลัดกันล้างหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนจัดเสื้อผ้าตัวเองหน้ากระจก “วันพุธผมจะมารับคุณไปสโมสร เราควรจะมีช่วงเวลาสนุกๆ ด้วยกันบ้าง คุณคิดว่าไง?”

                “ผมนั่งรถม้าไปเองดีกว่า” กอร์ดอนเสนอ “ต้องให้คุณเอารถม้ามารับทุกพุธผมว่าไม่น่าเหมาะเท่าไหร่”

                “อืม... เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่คุณต้องไปแน่นอนนะ”

                “ครับ ผมไปแน่”

                “มีอีกเรื่องที่ผมต้องบอกคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ผมคิดว่าจะชวนแคทเธอรีนมาดื่มน้ำชาทุกวันอังคาร พ่อกับแม่จะได้ไม่จู้จี้เรื่องที่ผมชอบออกไปไหนมาไหนตลอดเวลา”

                กอร์ดอนชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะถอนใจยาว “เธอเป็นคนสวยมาก”

                “อืม...”

                “คุณวางแผนจะแต่งงานกับเธอรึเปล่าครับ เธอดูเหมาะจะเป็นมาร์ชันเนส”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจแรง “พ่อกับแม่คงต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่ผมไม่อยากแต่งงานกับเธอ ผมคิดว่าคงไม่ขอเธอแต่งงาน มีมาร์ควิสเยอะแยะไปที่ไม่แต่งงาน”

                “ผมยังไม่เคยเห็นสักคน” กอร์ดอนแย้งขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมายิ้มให้เขา “งั้นคุณจะได้เห็นผมเป็นคนแรก”

                “ไม่เอาสิครับ นี่ผมจริงจังนะ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “สักวันหนึ่งคุณก็ต้องแต่งงาน ผมอยากให้คุณมีคู่ที่ดีที่สุด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจแรงกว่าเดิม เขาหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย “ผมเพิ่งบอกคุณไปว่าไง? ผมไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวเองจนกระทั่งต้องทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งหรอกนะ”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ แล้วถอนใจบ้าง “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกครับ แต่ฐานะของคุณ...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นมาแตะปากเขา “อย่าพูดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นเลย มาพูดเรื่องเราเถอะ คุณยังค้างเสื้อผมอยู่อีกชุดนะ”

                กอร์ดอนพยักหน้า เอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “แล้วผมก็อยากได้จะเพิ่มอีกสักชุดด้วย”

                “หา!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม จากนั้นก็เลื่อนมือลงมาโอบเอวอีกฝ่ายมาชิดตัว “ผมอยากให้คุณตัดเสื้อเชิ้ตกับเสื้อกั๊กสีน้ำตาลทองให้กอร์ดอน โอเดินเบิร์กอีกหนึ่งชุด เอาให้สวยพอดีกับตัวเขาเป๊ะๆ ค่าแรงคิดเท่าไหร่คุณว่ามาได้เลย”

                “ผมไม่รับจ้างตัดเสื้อผ้าให้ตัวเองหรอก” กอร์ดอนหน้าแดงอีก “คุณไปจ้างคนอื่นเถอะ”

                เอิร์ลหนุ่มหัวเราะ “คนอื่นตัดไม่สวยเท่าคุณนี่ ต้องทำยังไงคุณถึงจะรับตัดล่ะ ให้ผมช่วยวัดตัวให้เอามั้ย?”

                ไม่พูดเปล่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลูบมือไปรอบเอวเขา กอร์ดอนรีบปัดออกทันที “ไม่ต้องเลยนะครับ คุณเพิ่งสาบานตะกี้เองว่าจะไม่ผิดกับพระเจ้า”

                “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

                กอร์ดอนมองเขาอย่างไม่เชื่อถือ ก่อนจะถอนใจ “ตกลงครับผมรับตัด คุณไม่ต้องพยายามมาช่วยวัดตัวผมหรอก มีใครเขาวัดตัวแบบนี้กัน”

                “ผมไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ กอร์ดอนรีบพูดต่อทันที “นี่ก็ดึกแล้ว คุณกลับเถอะครับ เดี๋ยวที่บ้านจะสงสัยเอา”

                “ก็ได้ๆ” อีกฝ่ายว่า แต่กลับยื่นมือข้างหนึ่งรวบตัวเขาเข้าไปกอดอีก “แต่คุณต้องตอบผมอีกคำถามก่อน แล้วผมจะไป”

                “อะไรอีกล่ะครับ?” กอร์ดอนพูดพลางพยายามผลักเอิร์ลหนุ่มออก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก

                “คำถามที่ผมถามคุณคืนนั้นไง”

                “?”

                “คุณไม่อยากให้ผมจูบเลดี้แบรนดอน แล้วคุณอยากให้ผมจูบคุณรึเปล่า?”

                “ผม...!” กอร์ดอนไม่ทันจะได้ตอบอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ใช้มือจับคางเขา แล้วใช้นิ้วโป้งปิดปากไว้ “ผมเปลี่ยนใจไม่อยากฟังคำตอบของคุณล่ะ คุณฟังคำตอบผมแทนแล้วกัน”

                ?!

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์บดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของกอร์ดอน ก่อนจะเคล้าเบาๆ ช่างตัดเสื้อหนุ่มแทบหยุดหายใจ เขาพยายามผลักฝ่ายนั้นสุดแรง แต่ก็ไม่อาจสู้กับแรงแขนแข็งแรงคู่นั้นได้

                “คุณ!” กอร์ดอนโพล่งออกมาทันทีที่อีกฝ่ายผละริมฝีปากออก ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบใช้นิ้วปิดปากเขาอีกครั้ง แล้วพูด “ผมแค่จูบเองนะ ยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกว่านั้นเลย”

                “แต่!” กอร์ดอนทั้งเขินทั้งโมโห แต่ดูเหมือนเอิร์ลหนุ่มจะไม่นำพา เขายิ้มแล้วพูดต่อ “ผมจูบคุณเพราะผมอยากจะย้ำว่าเราเป็นคนรักกัน ผมสาบานแล้วว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลย ผมก็จะไม่ทำอย่างที่พูด แต่เรื่องจูบเนี่ยผมขอ”

                กอร์ดอนอ้าปากเหวอ จังหวะนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ก้มลงจูบเขาอีก คราวนี้ช่างตัดเสื้อหนุ่มใช้มือทุบหน้าอกฝ่ายนั้นเป็นการใหญ่ จนเจ้าตัวต้องรีบผละออก

                “คุณตีผมเจ็บชะมัด” เอิร์ลหนุ่มคราง กอร์ดอนแทบจะต่อยเขาซ้ำอีกรอบหนึ่ง “คุณรีบกลับเลยนะ ไม่อย่างนั้นพวกเรา... พวกเราต้องแย่แน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าช่างตัดเสื้อหนุ่ม ใบหน้าพลันกลายเป็นสีแดงจัด กอร์ดอนรีบดันเขาไปที่ประตู “ไปเร็วครับ เราไม่ควรอยู่ด้วยกันอย่างนี้ต่ออีกแม้วินาทีเดียว”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอื้อมมือเปิดประตู และถูกดันตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงประตูปิดดังปึง

                “กอร์ดอน ผมลืมหมวก”

                กอร์ดอนแง้มประตูออกมาหน่อยหนึ่งเพื่อส่งหมวกฮอมเบิร์กใบนั้นให้เขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบฉวย ก่อนที่ประตูจะงับปิดอีกครั้ง

                “อย่าลืมนัดพรุ่งนี้นะ”

                “ครับ คุณกลับบ้านได้แล้ว”

                “แล้วเสื้อผมคุณจะนัดวันไหน?”

                คนที่อยู่อีกฟากของประตูเงียบไปอึดใจใหญ่ “วันพฤหัสฯ เดี๋ยวผมจะให้คนเอาไปส่งให้ที่คฤหาสน์ของคุณ ไม่ต้องมาเองนะครับ”

                “ผมมาแน่”

                “งั้นพฤหัสก่อนห้าโมง ห้าโมงผมต้องออกไปวัดตัวลูกค้าข้างนอก”

                “ตกลง ราตรีสวัสดิ์กอร์ดอน”

                “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                กอร์ดอนรอจนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งออกไป เขาถึงระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ซุกหน้าลงไปบนหัวเข่า เลือดฝาดฉีดขึ้นมาจนถึงใบหู

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหมวกฮอมเบิร์กในมือ ขณะนั่งอยู่บนรถม้า แต่ที่อยู่ในสายตาของเขากลับเป็นสีหน้าของกอร์ดอนก่อนที่จะดันตัวเขาออกมาจากห้อง ใบหน้าของเอิร์ลหนุ่มยังคงแดงเรื่อ ริมฝีปากกระตุกแบบคนที่ไม่รู้ว่าควรจะยิ้มหรืออะไรดี สักพักเขาก็ซุกหน้าลงบนหมวก

                ให้ตายเหอะ...

---------------------------------------

                วันรุ่งขึ้นฝนตกตั้งแต่เช้า ถึงอย่างนั้นในเวลาน้ำชา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ยังอุตส่าห์มีแขกมาเยี่ยมเยียน

                “ไง จอห์นนี่ คิดถึงพวกเรามั้ย?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอ่ยทักก่อนจะส่งเสื้อโค้ทให้โอลิเวอร์เอาไปแขวน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยทักตามมารยาท แล้วถอดเสื้อโค้ทส่งให้โอลิเวอร์เช่นกัน

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดตามองเพื่อน ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้ออกไปแล้วปิดประตู “นี่พวกนายอุตส่าห์ฝ่าฝนมาเพราะเรื่องเมื่อวานใช่มั้ย?”

                “ก็ไม่เชิงหรอกนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบพลางยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “เราแค่คิดว่านายคงไม่อยากเล่าที่สโมสร เลยล่วงหน้ามาฟังก่อน”

                “คือที่จริงมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเราหรอก จอร์จแค่เป็นห่วง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยายามพูดเพื่อให้ฟังดูดีขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อน จากนั้นก็หัวเราะออกมา “เอาน่ะ ถ้าไม่ได้พวกนายช่วย เมื่อวานคงดูไม่จืดแน่ๆ”

                “สรุปแล้วกอร์ดอนว่าไง?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบังมารยาท ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามพ่วง “เขาต่อยนายรึเปล่า?”

                “ทำไมนายถึงคิดว่าเขาจะต่อยฉันล่ะ?”

                “เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันจะต่อยนายสักที” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูดแทรก “แมกซ์ นายไม่ใช่กอร์ดอน ไม่ต้องไปคิดแทนเขาน่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อน “แมกซ์ หรือนายแอบโกรธฉันตอนตื๊อนายเข้าชมรม”

                “เปล่า” ฝ่ายนั้นรีบปฏิเสธ “ฉันแค่สงสัยว่ากอร์ดอนจะทำยังไง”

                “โล่งไปที ถ้านายแอบโกรธฉันขนาดอยากต่อย ฉันจะให้นายต่อยทีนึงตอนนี้เลย นายจะได้เลิกโกรธ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าพรั่นพรึง “พวกนายอย่าพูดแบบนั้นได้มั้ย ฉันฟังแล้วขนลุกยังไงไม่รู้”

                “ทำไมนายถึงต้องขนลุกด้วย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำคิ้วย่นแล้วพูดตอบ “ก็ฟังแล้วรู้สึกเหมือนนายกำลังหึงจอห์นนี่อยู่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าพรั่นพรึงพอกัน “นายไม่ใช่ฉัน อย่ามาคิดแทนหน่อยเลยน่า” เขาพูด ก่อนจะหันไปถามลอร์ดโทรว์บริดจ์ “แล้วตกลงแล้วเรื่องกอร์ดอนเป็นไง”

                “เขายอมรับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา “พวกเราเพิ่งสาบานรักกันเมื่อคืน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าตกใจ “แปลว่าพวกนายมีอะไรกันแล้ว อุ้บ! แมกซ์ นายจะขยันถองสีข้างอะไรฉันนัก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบยกมือห้าม ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายกลายไปเป็นเรื่องอื่น “ไม่ๆ พวกเรายังไม่มีอะไรกัน พวกเราแค่สาบานรักร่วมกันเฉยๆ ฉันไม่ได้แตะต้องเขาเกินเลยไปกว่าที่พระเจ้าห้ามเลย สาบานได้”

                “โห...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง มองเพื่อนอย่างไม่อยากเชื่อ “นายทำได้จริงๆ หรือจอห์นนี่ ทั้งที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองน่ะนะ”

                “นายอย่าเอาจอห์นนี่ไปเทียบกับตัวเองสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แทรกขึ้น แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเป็นไม่ได้ยิน “นี่ไม่ได้โกหกให้พวกเราดีใจใช่มั้ย?”

                “ฉันจะไปโกหกพวกนายทำไม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “กอร์ดอนถือมาก ถึงเขายอมรับแต่ไม่อยากจะผิดกับพระเจ้ามากไปกว่าที่เป็นอยู่ ฉันเองก็ไม่อยากจะทำผิดด้วยเหมือนกัน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้ากัน จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือก “ดีแล้ว พวกเราพลอยโล่งใจไปด้วย อย่างน้อยๆ พระเจ้าก็น่าจะยังให้อภัยพวกเราอยู่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนยิ้มๆ “ขอบใจพวกนายมากนะที่อยู่ข้างฉัน” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “เย็นนี้ฉันชวนกอร์ดอนไปที่สโมสร เขาตกลงแล้วว่าจะไป”

                “ดี พวกนายไม่ควรอยู่กับสองต่อสองบ่อยๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นพ้องด้วย “ไม่งั้นคนอื่นอาจจะสงสัยได้ มารวมกลุ่มกันแหละดีแล้ว”

                “อือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สนับสนุน “ถึงพวกนายจะยังไม่ทำผิดต่อพระเจ้า แต่ยังไงมันก็ผิดกฎหมายศาสนา ถ้าผู้ใหญ่รู้เรื่องมีหวังแย่แน่ๆ โดยเฉพาะกับกอร์ดอน”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ความจริงฉันอยากเจอเขาทุกวัน แต่จะไปหาที่ร้านตลอดก็กระไร”

                “ห้ามเด็ดขาดเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้านายเทียวเข้าเทียวออกร้านเขาทุกวัน พ่อแม่นายจะต้องสงสัยแน่ อย่างน้อยๆ ก็ไม่น่าพอใจที่นายคบหาช่างตัดเสื้อเป็นเพื่อนล่ะ”

                “นั่นสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “ฉันควรทำไงดี เจอกันแค่อาทิตย์ละครั้งที่สโมสรมันน้อยไป ฉันอยากมีเวลาส่วนตัวกับเขาบ้าง ไม่ต้องที่ลับตาคนก็ได้ แค่ได้เจอกันเป็นการส่วนตัวก็พอ”

                ความเงียบเกิดขึ้นบนโต๊ะน้ำชา ก่อนที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะพูดออกมา “งั้นก็นัดเจอกันที่บาร์ที่ไหนสักแห่ง หรือร้านอาหาร ระดับกลางๆ ก็ได้ ไม่ต้องหรูมาก จะได้ไม่มีใครจำนายได้”

                “แต่ใครจะเป็นคนติดต่อล่ะ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอีก ก่อนจะพูดต่อ “ตัดฉันกับนายออกไปได้เลย เพราะพวกเราคงไม่สะดวก อีกอย่างลอร์ดสองคนเดินเข้าออกร้านตัดเสื้อแบบไม่มีสาเหตุ ยังไงก็น่าสงสัยอยู่ดี”

                “งั้นโอลิเวอร์”

                “โอลิเวอร์ก็ไม่ได้ เรื่องนี้ให้คนรู้น้อยที่สุดยิ่งดี”

                “งั้นจะทำไง พิราบสื่อสารเลยมั้ย?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างหมดความอดทน “ถ้านายนึกอะไรไม่ออก ก็อย่าขัดได้มั้ยเล่า ฉันยิ่งคิดไม่ออกเข้าไปใหญ่”

                “อย่างกอร์ดอนไม่น่ามีเวลาเลี้ยงพิราบสื่อสารนะ...”

                “แมกซ์!”

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-01-2017 10:51:09
               “เอาน่าๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดแทรก “ถ้าพูดถึงการหาเรื่องส่งใครไปที่ร้านของกอร์ดอนฉันนึกออกเรื่องนึง”

                “เรื่องอะไร?”

                “กอร์ดอนชอบกุหลาบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พักหลังๆ นี้เขาชอบซื้อมาให้แม่บ้านจัดแจกันแต่งร้าน ฉันกำลังคิดว่า วันไหนถ้าอยากนัดเจอเขา จะให้โอลิเวอร์เอากุหลาบไปส่งให้ แล้วแอบใส่จดหมายไปในช่อกุหลาบ น่าจะได้อยู่นะ”

                “โห... จอห์นนี่ แค่คิดว่านายส่งกุหลาบไปร้านตัดเสื้อสัปดาห์ละสองครั้งก็สุดจะผิดปกติล่ะ ผู้ชายที่ไหนเขาส่งกุหลาบหาผู้ชายกัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เงียบอยู่นานค่อยๆ พูดขึ้น “ถ้าเป็นท่าเรือล่ะ? นายเคยเล่าว่าเจอเขาครั้งแรกที่ท่าเรือ เพราะเขาไปดูผ้าใช่มั้ย? นายแอบไปนัดเจอเขาที่นั่นก็ได้นี่”

                “เข้าท่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันปรบมือ “ที่ท่าเรือไม่น่าจะมีใครรู้จักจอห์นนี่แน่ ดูแล้วปลอดภัยที่สุด”

                “แต่เรือไม่ได้เข้าทุกวันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยพูดต่อ “นายเจอเขาแล้วก็นัดวันเอาสิ อย่างสัปดาห์แรกนัดกันวันพฤหัส พอสัปดาห์ที่สองเป็นวันอังคาร สัปดาห์ที่สามเป็นวันเสาร์ อะไรงี้ ไม่เห็นจะยากเลย”

                “จริงด้วย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้อง “นายนี่สมเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนัดลับจริงๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกะพริบตามองเขา ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา “เพิ่งเห็นข้อดีเรื่องการควงสาวหลายคนของนายก็วันนี้แหละจอร์จ”

                “ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

-----------------------------------------

                กอร์ดอนจับรถม้าไปที่อาคารสโมสรก่อนเวลานัดนัด คราวนี้เขาพกเงินไปจำนวนหนึ่ง และตั้งใจกับตัวเองว่าจะพยายามทำตัวให้ดูเป็นมิตรและเหมาะสมกับฐานะมากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเกร็งนักเวลาที่อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์

                วันนี้สมาชิกของสโมสรมากันครบถ้วน กอร์ดอนที่ไปถึงก่อนรีบอาสาเป็นคนรินวิสกี้ทันที โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นหน้าใหม่ ควรจะได้รับเกียรติให้ทำเรื่องนี้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นฟ้องด้วยในฐานะประธานสโมสร การจับฉลากรินวิสกี้ในวันนี้จึงต้องยกเลิกไป

                หัวข้อการสนทนาของหนุ่มๆ ในวันนี้หนีไม่พ้นเรื่องงานเต้นรำเมื่อวันศุกร์ เจมส์เป็นคนเปิดประเด็นคนแรก “พวกนายคิดว่าจอร์จจี้จะหลบสามสาวไปได้อีกสักกี่น้ำ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโวยขึ้นมาทันที “ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้ แทนที่นายจะถามว่าจอห์นนี่กับแคทเธอรีนเป็นไงบ้าง”

                “ก็เรื่องนั้นมันไม่น่าสนใจนี่นา” เจมส์ว่า “มาร์กาเร็ตถามถึงนายด้วย ฉันเลยบอกว่านายเจ็บขา”

                “โอ๊ย อย่าพูดถึงมาร์กาเร็ต ฉันเห็นแล้วว่าเธอเต้นกับนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง เจฟฟรีเลยพูดขึ้นต่อ “ไอรีนก็ถามถึงนาย ฉันเลยบอกว่านายท้องเสีย”

                “โชคดีที่แมรี่ไม่พูดอะไรเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดเป็นคนสุดท้าย “ไม่ถามถึงนายสักคำ ทำเหมือนไม่รู้ว่านายอยู่กลุ่มพวกเราด้วย”

                “อ่อค...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนอะไรติดคอ “ที่จริงฉันก็รู้สึกว่าแมรี่เริ่มหลบหน้าฉันตั้งแต่หลังงานเต้นรำนั้นแล้ว”

                “เธอน่าจะรู้ตัวแล้วนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตั้งข้อสังเกต “เป็นฉันฉันก็คิดว่าควรจะรู้ตัวนานแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถลึงตามองเพื่อน ก่อนที่โรเบิร์ตจะพูดขึ้นมา “จอร์จ ฉันคิดว่านายควรจะเลือกคบใครสักคน ก่อนที่จะไม่เหลือใครไว้ให้นายคบนะ”

                คนถูกบอกให้เลือกทำหน้าหงุดหงิดใจ “ที่จริงฉันก็อยากเลือกน่ะนะ แต่... พวกนายไม่เข้าใจ มันเลือกยากมาก เกิดเป็นคนรูปหล่ออย่างฉันนี่มันลำบากมากเลยนะ เลือกคนนั้นก็กลัวคนนี้นะเสียใจ”

                เพื่อนๆ ที่ฟังอยู่ทำหน้าเพลีย ลอร์ดครอฟตันพูดขึ้นมา “ฉันขอแนะนำให้นายเลือกมาร์กาเร็ต เธอเหมาะกับนายที่สุด”

                “ม่าย!!” ลอร์ดหนุ่มร้องเหมือนถูกรถม้าชน “ใครก็ได้ที่ไม่ใช่มาร์กาเร็ต”

                “แต่มาร์กาเร็ตเป็นคู่หมั้นนายนะ” อีธานเตือนสติ “นายควรจะเลือกคนที่พ่อแม่หาไว้ให้”

                “ไม่ ฉันยังไม่ได้สวมแหวนหมั้น นั่นแค่การตกลงกันของผู้ใหญ่เฉยๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสวนทันที ก่อนจะครางอย่างน่าสงสาร “ฉันรู้ว่ามาร์กาเร็ตเป็นคนยังไง พวกเราเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ พวกนายไม่เข้าใจฉันหรอก ยังไงฉันก็ไม่แต่งงานกับเธอเด็ดขาด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตบไหล่เพื่อนเบาๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าขอบใจ ก่อนจะถอนใจเฮือก “เอาล่ะ ถ้าพวกนายยังพูดถึงเรื่องมาร์กาเร็ตอีกครั้งเดียว ฉันจะกลับ ถือว่าไม่ให้เกียรติฉัน”

                “ก็ได้ๆ” เจมส์รีบพูด “งั้นพูดถึงเรื่องเลดี้แคทเธอรีนต่อ อืม... ฉันเพิ่งเคยเห็นตัวจริงของเธอก็วันนั้นแหละ สวยมาก สเป็กนายเลยใช่มั้ยจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เชิง ที่จริงเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร”

                “ไอ้ไม่เชิงกับสีหน้าอย่างนั้นของนายคืออะไรเนี่ย” เจฟฟรี่ครางออกมา “เลดี้แคทเธอรีนสวยขนาดนั้นยังไม่โดนใจนายอีกหรือ? ขนาดฉันไม่ค่อยอะไรกับสาวผมทองตาสีฟ้ายังอดมองเหลียวหลังไม่ได้เลย”

                “ถูกใจนายไม่ได้หมายความว่าจะถูกใจจอห์นนี่นี่นา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้งขึ้นมา “ขนาดฉันชอบสาวผมทอง ฉันยังเฉยๆ เลย”

                “นายชอบสาวทุกสีผมนั่นแหละ” ลอร์ดครอฟตันพูด “ที่จริงแล้วนายไม่เคยสนใจสีผมด้วยซ้ำ นายสนใจหน้าอกของเธอต่างหาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ฉันคิดว่าพวกเราทุกคนควรจะสนใจตรงนั้นไม่ใช่หรือไง มันเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ ผู้หญิงหน้าอกใหญ่หมายถึงสามารถทำหน้าที่แม่ของลูกได้ดี ฉันมองหน้าอกไม่เห็นจะผิดปกติอะไรนี่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือ เป็นเชิงบอกว่าเถียงไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร เจฟฟรี่พูดขึ้นต่อ “ว่าแต่ทำไมจอห์นนี่สะดุดขาตัวเองสองรอบ? ปกตินายเต้นรำคล่องอย่างกับเล่นสเก็ต หรือรองเท้านายมีอะไรติด?”

                “ฉันว่าเขาใจลอย” นิโคลาสตั้งข้อสังเกต “จอห์นนี่ชอบเสียสมาธิเวลาที่เขามีสิ่งที่สนใจกว่าอยู่ใกล้ๆ ฉันยังจำตอนที่เขาลืมวางทรัยเพราะมัวแต่พะวงเรื่องที่จอร์จถูกหามออกไปนอกสนามได้อยู่เลย”

                “ตอนนั้นฉันแค่เป็นตะคริว ไม่ได้ขาหัก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า นิโคลาสพูดต่อ “แต่จอห์นนี่ของเราห่วงเหมือนนายขาหักไง ฉันว่านายคงเป็นห่วงเรื่องกอร์ดอน ใช่มั้ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะดุ้งเฮือก “เอ๋? ทำไมล่ะ?”

                “อ้าว ก็กอร์ดอนท่าทางไม่ค่อยคุ้นกับงานเต้นรำนี่นา นายจะห่วงก็ไม่น่าแปลก แต่ห่วงขนาดเต้นพลาดสองหนนี่ฉันว่านายก็เกินไปหน่อยนึงนะ”

                กอร์ดอนที่นั่งฟังอยู่หน้าแดงด้วยความประหม่า “ผมขอโทษครับ”

                “เฮ้ย ฉันไม่ได้ว่ามันเป็นความผิดนาย” นิโคลาสพูดต่อ “ฉันแค่บอกว่าจอห์นนี่เป็นพวกขี้ห่วง เขาเอาแต่ห่วงเพื่อนแบบนี้ระวังจะหาเจ้าสาวไม่ได้เอา”

                “นายไม่ต้องเป็นห่วงจอห์นนี่เรื่องนั้นหรอกน่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ ฉันรู้หรอกนายแอบชอบเบตตี้แต่ไม่กล้าบอก วันก่อนเห็นส่งดอกไม้ไปให้ที่คฤหาสน์ แต่ดันไม่ลงชื่อซะได้”

                เพื่อนที่เหลือพากันหัวเราะ นิโคลาสหน้าบึ้ง “ให้ปิศาจจับนายไปกินเลย จอร์จ”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “เราเลิกพูดเรื่องงานเต้นรำกันเถอะ เห็นข่าวกฎหมายใหม่ที่ผ่านสภาเมื่อวานหรือยัง?”

                “เห็นแล้ว” อีธานว่า “ว่าแต่นายหันมาสนใจเรื่องกฎหมายตั้งแต่เมื่อไหร่?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ไม่นาน ฉันกำลังช่วยแมกซ์วางแผนทำธุรกิจ”

                “จอร์จ ฉันยังไม่ตกลงใจทำอะไรทั้งนั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันจะช่วยพี่ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”

                “มุกแป๊กเลยจอร์จจี้ แมกซ์ไม่เล่นด้วย” เจมส์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ฉันว่าวันนี้เราน่าจะทำอะไรเป็นการเลี้ยงส่งเอ็มดีกว่า สัปดาห์หน้าเขาก็จะไปอเมริกาแล้ว”

                “เออ นั่นสินะ” เพื่อนๆ พูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะหันไปมองเอ็มมานูเอล

                “ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นล่ะเอ็ม”

                เอ็มมานูเอลสูดหายใจ “ฉันแค่รู้สึกว่า ต้องคิดถึงพวกนายมากแน่ๆ พอไปถึงที่โน่นแล้ว ฉันคงพลาดเรื่องบ้าๆ ทุกพุธ ไม่รู้สิ จู่ๆ ก็ไม่อยากไปขึ้นมาเฉยๆ”

                “ไม่เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาตบไหล่เพื่อน “นายไปอยู่โน่นแค่สามสี่เดือนเอง กลับมามีเวลาเล่าอะไรอีกตั้งเยอะ พวกเราจะตั้งหน้าตั้งตารอฟังเรื่องของนายเลย”

                “ขอบใจนะจอห์นนี่ ถ้านายยังอยู่ที่นั่นก็ดีสิ พวกเราต้องมีเรื่องสนุกให้ทำเยอะแน่ๆ” เอ็มมานูเอลพูดพลางพยักหน้า เพื่อนๆ รีบเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจ “อย่าเศร้าไปเลยน่าเอ็ม นายก็ส่งโปสการ์ดหรือจดหมายมาอย่างที่จอห์นนี่ทำสิ แล้วเดี๋ยวพวกเราจะเขียนตอบ เล่าเรื่องบ้าๆ ที่นี่ให้นายฟังด้วย”

                “ใช่ ที่จริงนายควรจะดีใจจนเนื้อเต้นถึงจะถูก”

                “อือ นั่นสิ นายจะได้ไปเหยียบทวีปใหม่เชียวนะ ที่นั่นจะมีแดดและอากาศสดใสรอนายอยู่”

                “อย่าขี้แยไปน่าเอ็ม”

                “ฉันไม่ได้ขี้แย หยุดแหย่เลยนะเจฟ”

                “ฮ่าๆ”

                หลังจากนั้นเหล่าบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายก็ร้องเพลงและเต้นแบบไอริช* (Irish dance การเต้นรำด้วยการเคาะเท้า เป็นหนึ่งในต้นแบบการเต้นแท็ปในปัจจุบัน) วนไปรอบๆ เอ็มมานูเอล ก่อนจะลากเขามาเต้นด้วย พวกเขาเต้นอยู่นานจนคนเฝ้าประตูต้องมาเคาะห้องเตือน เพราะเสียงยกเท้าเคาะพื้นคงดังรบกวนห้องที่อยู่ชั้นล่าง ทั้งหมดหัวเราะด้วยความสนุกสนาน เจมส์หยิบขวดแชมเปญออกมาเปิด ฉลองการเดินทางให้กับเพื่อนรัก กอร์ดอนรับมาแค่แก้วเดียว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อคืนวันศุกร์อีก

                “ศุกร์ที่แล้วจอร์จกับกอร์ดอนเหมาแชมเปญไปหมด วันนี้ถึงคิวฉันแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด ก่อนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่ม ขณะที่เพื่อนๆ พากันหัวเราะ “แด่เอ็ม ขอให้เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดื่มแชมเปญรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะรินเติมอีก “แด่พระราชินี”

                “แด่พระราชินี”

                กอร์ดอนพยายามรักษาระดับของเหลวในแก้วตัวเองให้พอแก่การดื่มฉลองซ้ำๆ พวกนั้น เขาเห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ดื่มแชมเปญเข้าไปหลายแก้ว แต่ยังคงรักษาสีหน้าเป็นปกติได้ เลยถามขึ้นมา “นี่คุณไม่เมาบ้างหรือ?”

                “หืม?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมามองเขาด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ลอร์ดครอฟตันก็แทรกขึ้นมาก่อน “อยากเห็นจอห์นนี่เมาหรือ? อย่างนั้นนายต้องเอาถังแชมเปญมาเทใส่อ่างให้เขาอาบ แค่นี้จอห์นนี่ไม่รู้สึกหรอก ฮ่าๆ”

                “นายก็พูดเกินไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เทใส่อ่างให้อาบฉันจะเมาได้ไง ต้องเทใส่ปากซี่”

                “มุกไม่ฮา หักจอห์นนี่ห้าคะแนน” เจมส์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงพูดต่อ “อาบแชมเปญก็ดีนะจอห์นนี่ เผื่อนายจะได้มีผมสีแชมเปญ สาวๆ น่าจะชอบ”

                “โอ๊ย หักจอร์จจี้ห้าคะแนน มุกจะฮามากถ้าคนเล่นไม่ใช่เขา” เจมส์พูดขึ้น ทุกคนพากันหัวเราะ

----------------------------------------

                หลังจากดื่มแชมเปญหมดไปสองขวด สุภาพบุรุษทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับ ขากลับลอร์ดโทรว์บริดจ์ชวนกอร์ดอนขึ้นรถม้าไปด้วยกันกับเขา พอปิดประตูรถม้าเรียบร้อย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ขยับมานั่งประชิดกับกอร์ดอนทันที

                “ทำอะไรครับ?” กอร์ดอนพูดตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงตัวเขาเข้าไปกอด ฝ่ายนั้นจูบศีรษะเขา แล้วตอบ “ใช้เวลาส่วนตัวของเราให้คุ้มค่าไง”

                กอร์ดอนหน้าแดง “ผมมาคิดๆ ดูแล้ว พวกเราเจอกันที่นี่สัปดาห์ละครั้งก็ปลอดภัยดีเหมือนกัน คุณไม่ต้องไปที่ร้านผมบ่อยๆ หรอก มันจะน่าสงสัยเอา”

                “อืม... สำหรับผมแค่สัปดาห์ละครั้งไม่พอหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์งึมงำ พลางขยับลงจูบแก้มอีกฝ่าย กอร์ดอนขยับหนี “อ๊ะ!”

                ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้มพลางใช้นิ้วปิดปากเขาเอาไว้ “คุณจะไปท่าเรืออีกวันไหน?”

                “ถามทำไมครับ?”

                “ผมจะได้แวะไปหาคุณ ผมอยากนัดเจอคุณที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่ คงเป็นร้านอาหาร หรือไม่ก็บาร์ แต่ผมต้องหาก่อนว่าที่ไหนเหมาะ แล้วจะบอกคุณอีกที”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา “ส่วนใหญ่เรือจะเทียบท่าวันศุกร์ แต่ก็เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้หรอกครับ วันไหนมีพายุก็ช้า บางสัปดาห์ผมไปไม่มีผ้าลงใหม่เลยด้วยซ้ำ”

                “ไม่เป็นไร งั้นที่ท่าเรือทุกวันศุกร์นะ กี่โมงดี เก้าโมงเช้าเวลาเดียวกับที่ผมเจอคุณดีไหม?”

                กอร์ดอนไม่ตกลงในทันที เขามองหน้าลอร์ดหนุ่ม แล้วพูดต่อ “จอห์น ถ้าที่บ้านคุณรู้เรื่องนี้เข้า... มันร้ายแรงมากเลยนะครับ”

                “กลัวหรือ?”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มพยักหน้า “เมื่อคืนพอคุณกลับไปผมก็นอนคิดๆ ดู มันไม่คุ้มสำหรับคุณเลยนะ... ทั้งชื่อเสียงตระกูล ฐานะของคุณ... จะให้มาพังเพราะผมไม่ได้หรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจ “เมื่อคืนผมก็คิดเหมือนกัน คิดว่าถ้าผมไม่ใช่คาเวดิช ถ้าผมไม่ใช่ลูกคนเดียวของคุณพ่อ ผมคงจะชวนหนีไปอยู่อเมริกา ที่นั่นเราจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องคอยกลัวใครจะเอาเรื่องไปฟ้องพระราชินี”

                “แต่คุณเป็นคาเวดิช เป็นลูกชายคนเดียวของท่านมาควิส...”

                “อืม... เพราะงั้นเราถึงต้องวางแผนให้รอบคอบไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมอยากให้การเจอกันของเราไม่สะดุดตาที่สุด บางทีผมอาจจะชวนแมกซ์หรือจอร์จไปด้วย คุณคงไม่ว่าอะไรนะ”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขาซบหน้าลงบนไหล่ของอีกฝ่าย “เมื่อวานนี้ผมไม่น่าปล่อยให้คุณสาบานเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดฝ่ายนั้นแน่นขึ้น “กอร์ดอน”

                “ครับ?”

                “ผมรู้ว่าคุณกลัว ผมเองก็กลัวไม่แพ้คุณ แต่อย่าให้ความกลัวทำให้คุณรู้สึกเสียใจที่สาบานรักร่วมกับผมจะได้ไหม... ผมคิดว่าความกลัวไม่ควรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความรัก”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณนี่มัน....”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มตอบ ก่อนจะก้มลงแนบจุมพิตลงบนริมฝีปากของร่างที่อยู่ในอ้อมกอด

                “รู้อะไรมั้ย?” เขากระซิบ “ผมน่ะเคยเกลียดรถม้าที่สุดเลย ทั้งแคบทั้งอึดอัด”

                “ครับ?”

                “แต่ตอนนี้ผมชอบมันมากเลยล่ะ”

                “?” กอร์ดอนเงยหน้ามองเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง ฝ่ายนั้นยกมือลูบศีรษะเขา “เพราะมันเป็นที่เดียวที่ผมสามารถอยู่กับคุณได้โดยไม่ต้องกลัวใครเห็น”

                ไม่รู้ทำไม จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงตัวกอร์ดอนเข้ามากอด ดวงตาสีเขียวของเขามีน้ำเอ่อท้นขึ้นมา

-----------------------------------
(จบตอน)
** อันที่จริงแล้ว เรื่องนี้มันก็ออกแนวขมๆ หวานๆ ไม่เชิงว่าจะต้มมาม่าซดกันอืดทุกบรรทัดเสียทีเดียว โดยส่วนตัวเราแอบรู้สึกชอบโมเม้นต์กุ๊กกิ๊กของกอร์ดอนกับลอร์ดคาเวดิช และโมเม้นต์สมาคมคุณชายหลุดโลกของแก๊งนี้มาก
.
ยังยืนยันว่าเรื่องนี้อบอุ่น(?) และค่อนข้างเบาสมอง (มั้งคะ?)
.
นึกซะว่ากินดาร์กช็อกโกแล็ตอยู่แล้วกันนะคะ^^ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-01-2017 13:14:50
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเหมือนกอร์ดอนเป็นเด็กตัวเล็กๆ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 20-01-2017 13:33:19
ดาร์กช็อกโกแล็ต จำกัดความได้ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-01-2017 14:03:27
มุ้งมิ้งเสียจนน่าอิจฉา
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-01-2017 14:52:03
ความรักที่น่าสงสาร
ทำไงดี
ความหวานมาพร้อมน้ำตา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 20-01-2017 20:30:16
ยอมใจให้ความกล้าหาญและความรักอันยิ่งใหญ่กว่าความกลัวของลอดคาเวดิชจริงๆ ตอนจบแอบสะเทือนใจในความทุกข์ที่ต้องแอบซ่อนความรักของทั้งสองมากๆ +เป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-01-2017 20:55:53
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทั้งขำทั้งน้ำตาคลอ

สมาคมคุณชายสายรั่วนี่ฮาจริงอะไรจริง

ทั่นลอร์ดเก็บแต้มกอร์ดอนทุกโอกาสเลยนะ!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 20-01-2017 21:35:56
อุ่นอยู่หรอกค่ะ แต่อุ่นแบบน้ำตาคลอๆ 555555
แต่ชอบค่ะ รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-01-2017 00:11:36
เขียนได้ดีเหมือนเคยเลยนะคะชอบมากเลย สู้ต่อไป!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 21-01-2017 10:10:43
กอรดอนเคร่งมาก เม้นไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 21-01-2017 11:16:09
อบอุ่นมันก็อบอุ่นนะคะ เบาสมอง ก็น่าจะตอนหนุ่มๆอยู่ในสมาคมหลุดโลกกันล่ะมั้ง

ไม่มาม่าเนอะ พอดีอิ่มแล้ว ตอนนี้ดาร์คช๊อคยังพอไหวค่ะ ฮาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 21-01-2017 11:52:55
เห้อออ... จะเป็นยังไงต่อนะ
ทั่นหลอดจะทำยังไงกับเรื่องนี้
คงไม่แอบเจอกันไปจนแก่ตายเลยใช่ไหม

 :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-01-2017 16:46:37
ดาร์ค ชอค แบบมีเดี่ยม
เอาใจช่วย คูรักต่างศักดิ์  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
จอห์นนี่ กอร์ดอน  :mew1: :mew1: :mew1:
ซาบซึ้งกับคู่รักบนรถม้า
เฟลตัน เมอร์เร่ย์ เป็นเพื่อนรักยอดเยี่ยม
ตลกด้วย ขัดกันเองซะด้วย
เฟลตัน เจ้าชู้มาก สาวเยอะมาก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 21-01-2017 19:16:29
อยากให้สองคนหนีไปอเมริกา  :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่9 p.5 (20/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 22-01-2017 00:05:34
มันจะสุขก็ไม่สุด จะว่าเศร้าก็ไม่
 ติดตามคู่นี้คับจะเป็นไงกันต่อ จะโดนจับได้มั้ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-01-2017 15:34:35


Dear, My customer.

ตอนที่10 เมา


            วันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่ร้านของกอร์ดอนตอนบ่ายสี่โมง เขามีสีหน้าระอาเล็กน้อย และบ่นให้ฟังถึงงานเลี้ยงมื้อเย็นที่คฤหาสน์ของมาร์ควิสแห่งควีนส์เบอร์รี่

                “คุณรู้มั้ย ผมต้องสวมหมวกทรงสูง แล้วถอดออก แล้วโค้งแบบนี้ แล้วก็ใส่กลับอีก ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้เลยว่าต้องใช้น้ำมันใส่ผมเท่าไหร่ มันถึงจะไม่ยุ่งหลังทำแบบนั้นตั้งไม่รู้กี่สิบรอบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าพร้อมทำท่าประกอบ ขณะอยู่หน้ากระจกในห้องลองเสื้อ กอร์ดอนมองเขาแล้วหัวเราะ

                “ครับ แต่ผมไม่เห็นว่ามันเกี่ยวกับหมวกทรงสูงตรงไหน มันก็เหมือนกับเวลาใส่เดอร์บี้หรือฮอมเบิร์กไม่ใช่หรือครับ?”

                “ไม่เหมือนเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เดอร์บี้กับฮอมเบิร์กผมยังเอามือจับยอดหมวกแล้วถอดแบบนี้ได้ แต่หมวกทรงสูงผมต้องเอามือจับปีกหมวกเอาไว้ มันลำบากมากนะคุณ”

                กอร์ดอนหัวเราะอีก “เอาเถอะครับ ไม่ใช่ทุกคนนะครับจะลำบากอย่างคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองเขา “คุณอยากลองบ้างมั้ยล่ะ? หมวกทรงสูงน่ะ”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมคงไม่มีโอกาสได้ใส่ไปไหน”

                “อ้าว ก็ใส่ไปงานเลี้ยงบ้านผมไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “เผื่อพ่อแม่อยากจะให้ผมจัดงานเต้นรำอีก คราวนี้ผมจะได้มีเพื่อนช่วยบ่นเรื่องหมวกทรงสูง”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มหัวเราะแหะๆ “แต่ผมเต้นรำไม่เป็น ผมไม่ไปดีกว่าครับ เดี๋ยวไปเป็นลมเป็นแล้งอีก สงสารโอลิเวอร์กับลอร์ดจอร์จครับ”

                “ให้ตายเถอะกอร์ดอน...” ลอร์ดหนุ่มครางออกมา “คุณยังโกรธผมเรื่องนั้นหรือ ผมแค่เต้นรำ ไม่ได้จะจูบเธอนะ”

                กอร์ดอนรีบขยับเข้ามาใกล้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วใช้มือแตะปากตัวเองไว้ “ชู่วส์ อย่าเสียงดังสิครับ ห้องนี้ไม่ได้เก็บเสียงนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้โกรธคุณสักหน่อย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเขา แล้วยิ้ม ก่อนจะใช้มือรวบเอวฝ่ายนั้นเข้ามา “อ๋อ ผมรู้แล้ว คุณไม่ได้โกรธ คุณแค่หึง”

                “ผมเปล่าหึง” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพยายามผลักฝ่ายนั้นออก “ปล่อยครับ ประตูไม่ได้ล็อก เดี๋ยวใครมาเห็นจะไม่ดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมปล่อยเอวอีกฝ่ายโดยง่าย “วันหลังช่วยล็อกประตูด้วยนะ”

                กอร์ดอนทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วพูด “ชุดคุณน่าจะโอเคแล้วนะครับ”

                “อืม ชุดผมโอเคแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะถอดเสื้อส่งคืนให้ “พักนี้คุณไปเจอแอนนาเบลอีกรึเปล่า?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมเพิ่งไปพบเธอเมื่อวันเสาร์”

                “อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเสียง “งั้นผมเป็นลมบ้างได้ไหม? ผมเปล่าหึงนะ”

                กอร์ดอนอยากจะต่อยฝ่ายตรงข้ามสักทีหนึ่ง “คุณจะไปหึงเธอทำไมครับ เธอเป็นคนให้คำแนะนำผมเรื่องคุณนะ”

                “ว้าว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา “งั้นผมคงต้องไปขอบคุณเธอ คืนนี้เลยเป็นไง คุณวัดตัวเสร็จก็ไปเจอผมที่บาร์บีช็อต”

                กอร์ดอนยิ้มเพลียๆ “คุณเพิ่งบอกผมว่าเย็นนี้คุณต้องไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ท่านมาร์ควิสแห่งควีนส์เบอรี่นะครับ”

                “เออ ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา แล้วทำหน้าเซ็ง กอร์ดอนยื่นมือไปตบแขนเขาเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรานัดกันวันอื่นก็ได้ที่คุณสะดวก มอลลีนกับแจ็คสันคงอยากพบคุณอีก”

                เอิร์ลหนุ่มหัวเราะ “ได้ งั้นคืนพรุ่งนี้ แอนนาเบลน่าจะไปที่บาร์ด้วย เพราะวันเสาร์โรงเรียนปิด”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า แล้วยิ้มให้ฝ่ายนั้น

------------------------------------------

                ลอร์ดบาธมองลูกชายคนเดียวของเขาที่เพิ่งเดินลงบันไดมาในชุดทักซิโด้สีดำชุดเดียวกับที่ใส่ในงานเต้นรำ ด้วยสายตาภาคภูมิใจ “แกดูดีมากจอห์น แล้วไหนล่ะหมวกกับไม้เท้า?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากทำท่าจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาหันไปสั่งคนรับใช้ “โอลิเวอร์ หยิบไม้เท้ากับหมวกให้ฉันด้วย”

                คนรับใช้หนุ่มพยักหน้า แล้ววิ่งกลับขึ้นบันไดไปหยิบของตามคำสั่งเจ้านายทันที เลดี้บาธเดินมาขยับหูกระต่ายให้ลูกชายด้วยท่าทางรักใคร่

                “ลูกดูดีเสมอไม่ว่าใส่ชุดไหนจ้ะจอห์น” เธอพูดพลางจูบแก้มเขาเบาๆ “ลอร์ดควีนสเบอรี่ต้องดีใจแน่ที่ได้พบลูก เขาบ่นถึงลูกหลายครั้งตอนที่ลูกอยู่อเมริกา”

                “ผมก็คิดถึงเขาครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาทำให้ผมนึกถึงเวทีมวย”

                “จะไม่มีการต่อยมวยอะไรทั้งนั้น” ลอร์ดบาธพูดเสียงเฉียบ “นี่เป็นงานเลี้ยงดินเนอร์ แกต้องทำตัวให้เหมาะสม”

                “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะหันไปรับหมวกและไม้เท้าจากโอลิเวอร์

                “เสื้อคลุม” ลอร์ดบาธทักอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันไปหาคนรับใช้ “โอลิเวอร์”

                “หยิบมาให้แล้วครับ” คนรับใช้หนุ่มพูด และคลี่เสื้อคลุมสวมให้ลอร์ดหนุ่ม

                “ตายแล้วจอห์น แม่ว่าเสื้อคลุมตัวนี้ของลูกท่าจะเล็กไป” เลดี้บาธพูด เมื่อเสื้อคลุมสีดำตัวนั้นเลื่อนขึ้นไปอยู่บนบ่าลูกชาย ลอร์ดบาธขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ “ทำไมแกไม่สั่งตัดเสื้อคลุมใหม่ด้วย”

                “ก็พ่อไม่ได้สะ...”

                “จอห์น!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบกลืนคำพูดเอาไว้ในปากทันที “ขอโทษครับ ผมไม่ทันคิด”

                ลอร์ดบาธพ่นลมหายใจยาว ขณะที่ลูกชายตัวดีอ้าปากพูดต่อ “แต่มันเป็นแค่เสื้อคลุม เดี๋ยวก็ต้องถอดออกอยู่ดี”

                ผู้เป็นพ่อนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก “หลังจากนี้แกต้องไปตัดใหม่ ทันทีนะจอห์น ต้องให้พ่อจดให้มั้ยว่าแกต้องใช้เสื้อผ้าแบบไหนบ้าง”

                “ไม่เป็นไรครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด ลอร์ดบาธมองลูกชายแล้วถอนใจซ้ำอีก “จอห์น แกอายุยี่สิบสี่แล้วนะ ตอนพ่ออายุยี่สิบสี่พ่อ...”

                “พ่อครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรก “เราต้องไปงานเลี้ยงมื้อค่ำของลอร์ดควีนสเบอรี่ พ่อคงไม่ดีใจแน่ถ้ารู้ว่านี่ก็ใกล้เวลาแล้ว เรากำลังจะสายครับ”

                ลอร์ดบาธกลืนคำพูดกลับเข้าไปในคอ เขาตวัดสายตามองลูกชายตัวดี ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไป

---------------------------------------

                งานเลี้ยงของลอร์ดควีนสเบอรี่เต็มไปด้วยแขกระดับสูง และแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะต้องเป็นคนที่สนใจหรือคร่ำหวอดอยู่ในวงการกีฬา โดยเฉพาะการต่อยมวย เขาประสบผลสำเร็จในการผลักดันให้ใช้นวมแทนการพันเชือกเวลาต่อย และกำหนดยกรวมถึงกติกาอื่นๆ ในการต่อยมวยให้ชัดเจนขึ้น ลอร์ดควีนสเบอรี่มีชื่อเต็มว่า จอห์น ดักลาส เป็นมาร์ควิสแห่งควีนส์เบอร์รี่รุ่นที่เก้าในสายตระกูลดักลาส เขาเป็นชายชราร่างเล็ก ถ้าขึ้นชกบนเวที ก็คงอยู่ในรุ่นไลต์เวท

                “สายัณห์สวัสดิ์เฮนรี่ สายัณห์สวัสดิ์มาเรีย” ลอร์ดควีนสเบอรี่เอ่ยทักทันทีที่เห็นลอร์ดและเลดี้บาธ ก่อนจะเอ่ยทักลูกชายที่เดินตามหลังคนทั้งคู่มา

                “โอ้ สายัณห์สวัสดิ์แมธ ฉันคิดถึงเธอมากเลยเจ้าหนู เสียดายจริงเชียวที่ครั้งก่อนไม่ได้ไปงานเลี้ยงต้อนรับเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอดหมวกโค้งให้ฝ่ายนั้นตามมารยาท “สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดควีนสเบอรี่ ผมทราบแล้วครับว่าวันนั้นมีมวยคู่ใหญ่ ผมเองก็เสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้ไปชม”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่หัวเราะก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่คนที่อายุน้อยกว่า “เป็นมวยที่สนุกมาก ฉันหวังทีเดียวว่าสักวันจะได้เห็นเธอขึ้นชกบ้าง”

                “ผมฝันอยากจะขึ้นเวทีที่คุณเป็นคนจัดมาตลอดเลยครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยความตื่นเต้น แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดควีนสเบอรี่จะทันได้พูดอะไร เสียงของลอร์ดบาธก็ดังขึ้นก่อน

                “จอห์น ผมคิดว่าลูกผมคงไม่เหมาะกับการขึ้นเวทีมวย เขาก็แค่ชอบตามแฟชั่น”

                “งั้นหรือ?” ลอร์ดควีนสเบอรี่ยักไหล่ “จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าผมอยากจะคุยเรื่องแฟชั่นที่ว่านี้ให้แมธฟัง คุณก็รู้ว่าผมอยากเจอเขามานานแล้ว”

                ลอร์ดบาธเงียบไปพักหนึ่ง “ตกลง ผมจะไปรอคุณที่โต๊ะ”

                “ขอบใจ เฮนรี่” ลอร์ดควีนส์เบอร์รี่พูด ก่อนจะเดินนำลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปที่ระเบียง

                “เธอแน่ใจว่าอยากจะขึ้นชกบนเวทีที่ฉันเป็นคนจัดจริงๆ หรือแมธ?” ลอร์ดควีนสเบอรี่ถามเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “จริงสิครับ เพียงแต่พ่อผมคงไม่ปลื้มเท่าไหร่”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่ถอนหายใจ “ที่จริงฉันก็รู้หรอกว่าเฮนรี่ไม่ค่อยชอบเล่นกีฬามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่เหมือนโธมัส จริงสิ แล้วอาของเธอเป็นยังไงบ้าง เขากลับมาพร้อมเธอด้วยรึเปล่า?”

                “ไม่ครับ คุณอาสบายดี เขายังอยู่ที่อเมริกาครับ”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่หัวเราะ “ที่นั่นคงเหมาะกับโธมัส ฉันเชื่อ” เขากวาดตามองเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง

                “แมธ ฉันอยากเห็นเธอขึ้นชกจริงๆ นะ ในฐานะที่เธอชื่อเหมือนฉัน อาจจะฟังดูตลกก็ได้ แต่ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่ฉันอยากเห็นก่อนตาย”

                “คุณยังดูแข็งแรงดีอยู่เลยนะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดควีนสเบอรี่ยักไหล่ “ใครมันจะไปรู้อนาคตกันล่ะ พระเจ้าอาจจะเรียกฉันกลับไปเมื่อไหร่ก็ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ผมเองก็อยากขึ้นชกมวยบนสังเวียนนานแล้ว เสียแต่พ่อกับแม่คงไม่ยอม... เขาไม่อยากเห็นผมถูกใครต่อยหน้า”

                “นี่คือกีฬาของสุภาพบุรุษ” ลอร์ดควีนสเบอรี่พูด “การถูกต่อยหน้าไม่ได้ทำให้ความเป็นสุภาพบุรุษของเราลดลง ตรงกันข้าม มันทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวด รู้จักที่จะเจ็บ และรู้จักที่จะต่อสู้ มวยคือกีฬาของชายชาตรีอย่างแท้จริง”

                “ครับ ผมเห็นด้วย”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่ยกมือตบไหล่เขา “แมธ ถ้าเธออยากจะขึ้นชกจริงๆ ฉันพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่เธอได้ และคิดว่าพวกเขาน่าจะยอม”

                “จริงหรือครับ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยความตื่นเต้น “ได้โปรดเถอะครับลอร์ดควีนสเบอรี่ ผมอยากขึ้นต่อยบนสังเวียนจริงๆ ไม่ต้องบอกว่าผมเป็นคาเวดิชก็ได้”

                “เรื่องนั้นเราจะคุยกันหลังพ่อกับแม่เธออนุญาตแล้ว”

------------------------------------

                หลังฟังลอร์ดควีนสเบอรี่อธิบายถึงเหตุผลที่ควรจะให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ขึ้นชกมวยบนสังเวียนสักครั้ง ลอร์ดบาธเริ่มรู้สึกคล้อยตามบ้าง แต่เลดี้บาธเป็นห่วงลูกชายของเธอ

                “แม่ไม่อยากให้ลูกเจ็บตัว” เธอบอกลูกชาย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้แม่ของเขา “ผมเคยต่อยมวยมาแล้วนะครับแม่ ก่อนหน้านี้”

                “แต่มันเป็นแค่การซ้อม” เลดี้บาธพูด แล้วสั่นศีรษะ “ไม่ แม่ไม่อยากให้ลูกขึ้นชก”

                “ไม่เอาน่า มาเรีย” ลอร์ดบาธพูดขึ้น “ลูกของเราควรจะได้เรียนรู้การอยู่บนสังเวียนการต่อสู้สักครั้ง ผู้ชายทุกคนควรจะผ่านเรื่องเจ็บตัวบ้าง ผมเองยังเคยถูกดาบฟันเข้าที่ข้อมือจนเป็นแผลเลย” ถึงแม้ลอร์ดบาธจะไม่ชอบต่อยมวยและเล่นกีฬาชนิดอื่น แต่กีฬาฟันดาบเป็นสิ่งที่เขาถนัด เนื่องจากได้รับการถ่ายทอดมาจากแมทธิว คาเวดิชผู้เป็นบิดา เลดี้บาธเอาแต่ส่ายหน้า

                “ฉันทำใจไม่ได้”

                “ไม่เป็นไรนะครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดปลอบ “คราวนี้เราจะต่อยแบบมีนวม ไม่พันผ้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

                “ใช่” ลอร์ดควีนสเบอรี่รีบเสริม “กฎใหม่ต้องใส่นวม เธอไม่ต้องกลัวว่าแมธจะมีแผลบนหน้าหรอก นวมจะทำให้ทุกอย่างนุ่มนวลขึ้น เขาแทบจะไม่มีแม้แต่รอยช้ำ”

                “จริงหรือคะ?” เลดี้บาธถามอย่างไม่แน่ใจนัก ลอร์ดบาธกุมมือภรรยา “มาเรียที่รัก เชื่อผมเถอะ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่ลูกควรจะได้เรียนรู้ ในเมื่อเขาอยากจะต่อยมวยมากกว่าฟันดาบ ผมคงทำได้แค่ส่งเขาขึ้นสังเวียน”

                “พูดได้ดี เฮนรี่” ลอร์ดควีนสเบอรี่ว่า “อย่างน้อยๆ นวมก็ไม่บาด”

                “ใช่ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สนับสนุน เลดี้บาธนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า แล้วถอนใจยาว “ก็ได้ เพื่อเห็นแก่ความเป็นสุภาพบุรุษของลูก แม่จะไม่คัดค้านเรื่องนี้อีก”

                “ขอบคุณครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยความดีใจ ขณะที่เลดี้บาธยกผ้าเช็ตหน้าขึ้นซับหัวตา ลอร์ดควีนสเบอรี่เลยรีบพูดต่อ “อย่าเป็นห่วงไปเลยมาเรีย ผมจะหาโค้ชที่ดีที่สุดมาให้แมธ เขาจะพร้อมที่สุดบนสังเวียน ไม่มีอะไรอันตราย เชื่อผมเถอะ”

                “ค่ะ” เลดี้บาธพยักหน้าในที่สุด

-------------------------------------------------

                “อะไรนะ คุณจะต่อยมวยหรือ?” กอร์ดอนร้องออกมา เขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์นัดเจอกันที่บาร์บีช็อตในเย็นวันรุ่งขึ้น สิ่งแรกที่ลอร์ดหนุ่มเล่าให้เขาฟังหลังเจอหน้ากันคือเรื่องต่อยมวย

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้นล่ะกอร์ดอน”

                “เอ่อ...” กอร์ดอนพูดค้าง “ผมไม่คิดว่าคุณจะต่อยมวยด้วย”

                “ผมเคยเรียนตอนอยู่อีตัน อันที่จริงผมชอบนะ แต่พ่อกับแม่ไม่ค่อยเห็นด้วย พ่ออยากให้ผมฟันดาบ”

                “หา? คุณเคยเรียนอีตันด้วยเหรอ?” แจ็คสันถามขึ้น กอร์ดอนรีบพูดกลบเกลื่อน “คุณฟังยังไงเป็นอีตันน่ะแจ็ค จอห์นพูดว่าบรูตันชัดๆ”

                แจ็คสันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “อย่างนั้นหรือ แต่ผมได้ยินว่าอีตันนะ”

                “คุณต้องไปตรวจหูแล้วล่ะแจ็ค” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมบอกว่าบรูตัน นี่คุณจะให้ผมเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้ได้เลยใช่มั้ย?”

                คราวนี้แจ็คสันหัวเราะออกมา “นั่นสินะ มันจะเป็นอีตันไปได้ยังไง ผมนี่ท่าจะแย่แล้ว”

                “ขอเหล้ารัมให้ผมแก้วนึง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่ง “ผมกำลังตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นต่อยมวยด้วยกติกาใหม่”

                “ใส่นวมใช่มั้ย?” แจ็คสันว่า “ผมว่าความสนุกของคนดูน่าจะลดลง”

                “แต่มันจะดูป่าเถื่อนน้อยลงนะ” กอร์ดอนแย้ง “ผมเคยเห็นนักมวยคนนึงถูกต่อยจนกรามหัก สภาพไม่น่าดูเลย”

                “ว้าว ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณชอบดูมวยด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่า ผมเคยถูกช่างในร้านลากไป เสียพนันไปหลายปอนด์ด้วย”

                “คุณไปดูที่ไหน?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสนใจ ช่างตัดเสื้อหนุ่มพูดปัด “บอกไปคุณก็ไม่รู้จักหรอก”

                “ไม่เอาน่ากอร์ดอน” แจ็คสันพูดขึ้นบ้าง “คุณแน่ใจได้ยังไงว่าจอห์นจะไม่รู้จัก ไม่แน่นะ เขาอาจจะเคยไปต่อยที่นั่นมาแล้วก็ได้”

                กอร์ดอนอยากจะแย้งว่าไม่มีทางที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไปต่อยมวยในที่แบบนั้นเด็ดขาด แต่ก็ต้องเก็บคำพูดไว้

                “บาร์ไม่มีชื่อในตรอกแถวถนนฮาเลย์ฟอร์ด” ช่างตัดเสื้อหนุ่มว่า ก่อนจะรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ไม่ต้องพยายามไปหานะ ผมแน่ใจว่าตอนนี้มันปิดตัวไปแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร งั้นคราวนี้คุณพนันข้างผมแล้วกัน จะได้ไม่เสียเงินฟรี”

                “ไม่ดีกว่า ผมว่าจะเลิกเล่นพนันล่ะ” กอร์ดอนสั่นศีรษะ แจ็คสันวางแก้วเหล้ารัมตรงหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วพูดต่อ “ว่าแต่คุณจะไปชกมวยที่ไหน จอห์น คงไม่ใช่บาร์ที่กอร์ดอนว่าหรอกนะ เพราะดูท่าคงปิดไปแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ยังไม่รู้เลย ผมต้องคุยเรื่องนี้กับผู้จัดการก่อน”

                “โอ้โห คุณมีผู้จัดการด้วย นี่หัวหน้าคุณเขาเปลี่ยนใจเลิกจ้างคุณคุมเหมืองแต่ให้ไปต่อยมวยแทนแล้วหรือไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “ผมยังรักงานคุมเหมืองอยู่นะ ต่อยมวยแค่งานอดิเรก”

                “ฮ่าๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกแก้วเหล้ารัมขึ้นดื่ม “ว้าว รสชาติดีกว่าที่เหมืองลิบลับ”

                แจ็คสันหัวเราะอีก “ถึงมันจะเป็นแค่เหล้ารัม แต่ผมก็คัดที่มีระดับมานะคุณ”

                “รสชาติมันดีขนาดนั้นเลยหรือ?” กอร์ดอนถามด้วยความสงสัย แจ็คสันยักไหล่ “จะลองมั้ย? แต่ผมว่าคุณอาจจะสำลัก”

                “อ้าว ไหนคุณบอกว่ารสชาติดีไง”

                “ผมเปล่า” แจ็คสันปฏิเสธ ก่อนจะบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เขาต่างหาก”

                กอร์ดอนหันมองตาม และเห็นเอิร์ลหนุ่มกำลังมองเขายิ้มๆ “คุณไม่ต้องสั่งมาใหม่หรอก ลองแก้วผมก็ได้”

                “ไม่เป็นไร ผมสั่งใหม่ดีกว่า”

                “คิดให้ดีก่อนนะ” แจ็คสันว่า “เหล้าน่ะผมไม่เสียดายหรอก แต่กลัวคุณจะหน้าแตกเพราะแม่สาวแอนนาเบลเดินเข้ามาตอนคุณกำลังสำลักพอดี”

                ช่างตัดเสื้อหนุ่มทำหน้าหงุดหงิด “นี่คุณจะล้อผมเรื่องนั้นอีกนานมั้ย ครั้งนั้นผมแค่ตื่นเต้นไปหน่อย แต่คราวนี้ไม่เป็นแล้ว เอาเหล้ารัมมาให้ผมแก้วนึง”

                แจ็คสันหันไปยักไหล่กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะรินเหล้ารัมมาวางตรงหน้ากอร์ดอน

                “เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”

                “ค่อยๆ จิบ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แต่ดูท่าจะช้าไปหน่อย กอร์ดอนยกแก้วเหล้ารัมขึ้นดื่มรวดเดียว และสำลักทันทีหลังจากนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เขา ขณะที่แจ็คสันเอาแต่สั่นศีรษะ และหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหล้าที่ฝ่ายนั้นทำหก

                “บอกแล้วไม่เชื่อ...”

                กอร์ดอนสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหล เขาไออยู่นาน กว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ “คะ... คุณดื่มเข้าไปได้ไงเนี่ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขาพลางยักไหล่ “ก็ผมเป็นผู้จัดการเหมือง... ส่วนคุณเป็นช่างตัดเสื้อ”

                “อ่อก” กอร์ดอนสำลักอีกครั้ง ก่อนจะครางออกมา “ให้ตาย... คุณนี่มัน...”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-01-2017 15:36:34
                “โอ้ กอร์ดอนที่น่าสงสารของฉัน เกิดอะไรขึ้นกับคุณอีกแล้ว” แอนนาเบลในชุดสีฟ้าสดใสเดินเข้ามาทักเขาด้วยความเป็นห่วง กอร์ดอนหน้าแดงจัดกว่าเดิมทันที แจ็คสันส่ายหน้าด้วยความระอา

                “เขาสำลักเหล้ารัม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ช่วยตอบให้ แอนนาเบลหันมามองเขา “โอ้ สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น ฉันคิดว่าคุณจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว เห็นกอร์ดอนบอกว่าคุณยุ่งมาก”

                “ตอนนี้เรื่องยุ่งหมดไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนเหลือบตามองเขาเป็นเชิงค้อน แอนนาเบลหันไปปลอบช่างตัดเสื้อหนุ่ม “คุณเป็นไงบ้างคะกอร์ดอน”

                “ผะ... ผมไม่เป็นไร” กอร์ดอนพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด แต่รสชาติการสำลักเหล้ารัมนั้นช่างเหลือร้าย ชายหนุ่มไออีกครั้ง และอีกครั้ง

                “แจ็คสัน คุณนึกไงเอาเหล้ารัมให้เขาดื่มคะเนี่ย” แอนนาเบลหันมาไล่เบี้ยกับบาร์เทนเดอร์แทน แจ็คสันยักไหล่ “ผมเปล่านะ เขาขอดื่มเอง ผมเตือนแล้ว”

                “พระเจ้า...” แอนนาเบลคราง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ แล้วใช้มือลูบหลังช่างตัดเสื้อหนุ่มด้วยความสงสาร ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองอยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้นมา “วันนี้เพื่อนคุณไม่มาด้วยหรือ?”

                “หมายถึงมอลลีนหรือคะ? โอ้ เธอติดธุระค่ะ ถ้าเธอรู้ว่าคุณมาวันนี้เธอคงอยากจะมาเหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “เพราะงั้นคุณเลยมาคนเดียว?”

                “ค่ะ” แอนนาเบลพยักหน้า แล้วหน้าแดงเล็กน้อย “ที่จริงฉันเป็นห่วงกอร์ดอน วันก่อนที่พบกันเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่...”

                “อ้อ...”

                “เอ่อ...” แอนนาเบลมีท่าทางลังเล เพราะไม่รู้ว่าสมควรจะพูดดีหรือไม่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดขึ้นต่อ “เขามีปัญหาหัวใจ ใช่มั้ย?”

                “เอ่อ... ค่ะ เขาคงเล่าให้คุณฟังละเอียดกว่าฉัน” แอนนาเบลพูดอายๆ “ฉันเป็นห่วง เห็นเขาหายไปเลย”

                “ผมดีใจมากที่คุณเป็นห่วงผม” กอร์ดอนเค้นคำพูดออกมาได้ในที่สุด ใบหน้าของเขาแดงจัด เขากำผ้าเช็ดหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้แน่นขณะพูด “ขอบใจมากนะแอน ที่ห่วงผมขนาดนี้”

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” แอนนาเบลพยักหน้า “แล้ว... เอ่อ... คุณเป็นไงบ้างคะ? ฉันหมายถึง เรื่องระหว่างคุณกับผู้หญิงอีกคน...”

                “อ๋อ... เรื่องนั้น” ใบหน้าของกอร์ดอนยังคงเป็นสีแดงจัด “ผมตกลงใจได้แล้วครับ”

                “ค่ะ?”

                “ผมรักเธอ... ผมขอโทษนะแอน... แต่ผมคิดดีแล้ว”

                แอนนาเบลจับมือของกอร์ดอนมาบีบ แล้วยิ้มให้เขา “ดีใจด้วยค่ะกอร์ดอน ที่จริงฉันรู้ตั้งแต่เห็นคุณวันนั้นแล้วว่าคุณต้องหลงรักเธอมานานแล้ว เพียงแต่คุณเพิ่งรู้ตัว”

                “งะ... งั้นหรือครับ” กอร์ดอนก้มหน้าด้วยความเขินอาย แอนนาเบลมองเขาแล้วพูดต่อ “แล้วคุณบอกเธอหรือยังคะ? เธอโอเคมั้ย? ฉันเห็นคุณถึงกับดื่มเหล้ารัมแล้วยิ่งรู้สึกเป็นห่วง”

                “อ๋อ ผมบอกเธอแล้ว” กอร์ดอนรีบพูด “พวกเราไปกันได้ดีครับ ผมไม่ได้อกหัก... ผมแค่อยากลองเหล้ารัมเฉยๆ”

                แอนนาเบลมองอย่างไม่เชื่อนัก แจ็คสันเลยพูดเสริม “เชื่อเถอะคุณผู้หญิง วันนี้กอร์ดอนไม่มีมาดของคนอกหักเลยแม้แต่น้อย เขาแค่คิดเอาเองว่าเหล้ารัมต้องรสชาติดี ไม่สิ... เพราะมีคนพูดแบบนั้นเขาเลยเชื่อ”

                “ใครพูดคะเนี่ย?”

                “ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่ผมไม่มีเจตนาทำร้ายกอร์ดอนของคุณนะ”

                “โอ้... จอห์น” แอนนาเบลครางออกมา “คุณก็รู้ว่ากอร์ดอนเป็นคนยังไง ได้โปรดเถอะค่ะ วันหลังอย่าทำให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้อีก”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แจ็คสันยักไหล่ ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้น “ไม่ใช่ความผิดของจอห์นหรอกแอน ผมอยากลองของผมเอง”

                “โธ่... กอร์ดอน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปยักไหล่ให้แจ็คสัน แล้วพูดต่อ “แอนนาเบล วันนี้คุณควรดีใจกับกอร์ดอนรู้มั้ย เพราะในที่สุดเขาก็รู้ใจตัวเองเสียทีว่ารักใครกันแน่”

                แอนนาเบลหันมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะพยักหน้า “นั่นสิคะ แต่แหม... เห็นเขาสำลักเหล้ารัมแบบนี้ ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้นี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มกว้าง “จะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมจะขอคุณเต้นรำสักเพลง ฉลองให้กอร์ดอนที่รักของเรา”

                หญิงสาวมองเขาอย่างงุนงง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกขึ้น แล้วโค้งให้เธอ “เต้นรำกับผมนะ”

                แอนนาเบลหันไปมองกอร์ดอน ช่างตัดเสื้อหนุ่มสั่นศีรษะ “ผมเต้นรำไม่เป็น เต้นกับเขาเถอะ”

                หญิงสาวหันกลับไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะส่งมือให้เขา แจ็คสันหันไปสั่งนักดนตรีที่เล่นไวโอลินอยู่ตรงมุมหนึ่งของบาร์ “เฮ้ เบอร์ตี้ ขอดนตรีหน่อย จอห์นเขาอยากจะเต้นรำฉลองความรักให้กอร์ดอนเพื่อนเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูงแอนนาเบลมาที่ฟลอร์กลางร้าน แล้วเริ่มเต้นรำ

                “แอนนาเบล ผมถามอะไรคุณอย่างได้มั้ย?”

                “คะ?”

                “คุณชอบกอร์ดอนรึเปล่า?”

                หญิงสาวเลิกคิ้ว “ทำไมหรือคะ?”

                “ผมเห็นคุณเป็นห่วงเขามาก”

                แอนนาเบลถอนใจ “ฉันจะว่าคุณตรงไปตรงมา หรือไม่มีมารยาทดีคะเนี่ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ผมอยากให้คุณเลือกข้อแรก แต่ทุกคนมักเลือกข้อสองเสมอ”

                “ฉันเขาใจค่ะ” เธอพยักหน้า แล้วถอนใจ “คุณนี่เหมือนท่านเอิร์ลแค่หน้าตาจริงๆ ด้วย”

                ชายหนุ่มหัวเราะ “ตกลงบอกผมได้มั้ย ว่าคุณชอบกอร์ดอนรึเปล่า?”

                “ฉันชอบเขา” แอนนาเบลว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่แบบน้องชายนะคะ... ฉันรู้หรอกว่าเขาอายุเยอะกว่าฉัน แต่เขาน่าสงสาร มีชีวิตอยู่แค่ในร้านตัดเสื้อ สังคมของเขาแคบจนน่าตกใจ ฉันยังแปลกใจเลยว่าเขาสนิทกับผู้จัดการเหมืองอย่างคุณได้ไง”

                “มันคงเป็นการชักนำของพระเจ้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “โรงเรียนคุณเป็นยังไงบ้าง นักเรียนดื้อมั้ย?”

                “ก็ตามประสาเด็กนั่นล่ะค่ะ” แอนนาเบลตอบ “คุณล่ะคะ หายไปหลายวันเลย งานที่เหมืองคงยุ่งมาก”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อุตสาหกรรมทำให้ดีบุกขาดตลาด พวกเราแทบจะทำงานกันยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเกือบจะไม่มีเวลานอนด้วยซ้ำ”

                “แหม... แต่วันนี้คุณก็มีเวลามาที่นี่นี่คะ แถมหน้าตาคุณก็ไม่ดูเหมือนคนอดหลับอดนอนเลยสักนิด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ก็คนอดนอนไม่ใช่ผมนี่”

                แอนนาเบลยิ้มแล้วสั่นศีรษะด้วยความเพลียใจ พวกเขาเต้นรำกันจนจบเพลง เอิร์ลหนุ่มจูงมือหญิงสาวกลับมาส่งที่เก้าอี้

                “เต้นได้เก่งมาก จอห์น ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้จัดการเหมืองจะเต้นรำเก่งขนาดนี้” แจ็คสันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ผมไม่ได้เต้นรำเก่งอย่างเดียวนะ”

                โดยไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วเริ่มเคาะเท้าลงกับพื้น ไม่นานคนอื่นๆ ที่อยู่ในบาร์ก็เริ่มหันมองเขา จากนั้นก็มีเสียงปรบมือให้จังหวะ

                “นี่กอร์ดอน เพื่อนคุณนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ เขาเต้นไอริชแดนซ์ได้อย่างกับนักเต้นอาชีพ ผมชักไม่อยากเชื่อแล้วสิว่าเขาเป็นแค่ผู้จัดการเหมือง”

                กอร์ดอนหัวเราะ “คุณคงไม่คิดว่าเขาคือลอร์ดโทรว์บริดจ์หรอก ใช่มั้ย?”

                “ถ้าหนังสือพิมพ์จะลงข่าวว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์เต้นเก่ง และชอบดื่มเหล้ารัม ผมอาจจะเชื่อก็ได้” แจ็คสันพูดแล้วหัวเราะ ขณะที่แอนนาเบลได้แต่ส่ายศีรษะ “กอร์ดอน เพื่อนคุณนี่จริงๆ เลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้กับเสียงปรบมือ ก่อนจะหันมาที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้ง “เฮ้ กอร์ดอน มาเต้นด้วยกันกับผมสิ”

                “หา?” กอร์ดอนทำหน้าเหวอ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยุดเต้นแล้วเดินไปดึงตัวอีกฝ่ายขึ้นมาจากเก้าอี้ “มา ผมรู้คุณเต้นได้”

                กอร์ดอนผู้น่าสงสารได้แต่ยืนหันรีหันขวาง ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคาะเท้าต่อ “ไม่เอาน่า เต้นกับผมหน่อยสิ หรือคุณอยากให้ผมจับคุณเต้นรำ?”

                กอร์ดอนถลึงตามองฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเริ่มเคาะเท้าบ้าง

                “ว้าว กอร์ดอนของคุณก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย” แจ็คสันหันไปพูดกับแอนนาเบล “พวกเขาคงเคยเต้นด้วยกันแน่”

                หญิงสาวพยักหน้า เธอเริ่มปรบมือให้จังหวะตาม ไม่นานนักก็มีคนอื่นมาร่วมเต้นด้วย จนทั้งร้านมีแต่เสียงปรบมือและเสียงเคาะเท้า

                “ยอดเยี่ยมๆ” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากการเต้นยาวนานเกือบห้านาทีสิ้นสุดลง กอร์ดอนหอบหายใจ คิดว่าถ้ายังเต้นต่ออีกนิด เขาคงได้ขาดใจแน่ แอนนาเบลมองเขาด้วยความประทับใจ ใครหลายคนเข้ามาพูดคุยกับเขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์ จากนั้นก็ชวนกันดื่ม กว่าจะออกจากบาร์ กอร์ดอนก็แทบจะเดินไม่เป็น

-------------------------------------------------

                “นี่ จอห์น... คุณร้ายมากเลยรู้มั้ย?” กอร์ดอนพูดหลังจากขึ้นรถม้าแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมองเขา “ยังไง?”

                “ก็คุณชวนแอนไปเต้นรำต่อหน้าผม ไม่คิดบ้างหรือว่าผมจะรู้สึกยังไง?”

                เอิร์ลหนุ่มยิ้มออกมา เขาขยับเข้าไปใกล้ช่างตัดเสื้ออีก “คุณรู้สึกยังไงล่ะ?”

                “ผมก็หึงน่ะสิ” กอร์ดอนว่า “แต่ไม่รู้ว่าควรจะหึงคุณหรือแอนดี”

                คราวนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางออกมา “ทำไมกลายเป็นอย่างนั้นล่ะ คุณควรจะหึงผมสิ ไม่ใช่หึงแอน”

                “แล้วทำไมผมถึงจะหึงแอนไม่ได้” กอร์ดอนเถียง “ผมเคยชอบแอนมาก่อน จนตอนนี้ผมก็ยังคิดว่าผมชอบเธอนะ แต่ผมดันรักคุณซะได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักไปแว้บหนึ่ง ก่อนจะรีบดึงใบหน้าของอีกฝ่ายเข้ามาจูบ

                “อื้อ...” กอร์ดอนดิ้นและพยายามผลักเขาออก “คุณจะปิดปากผมหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ผมอยากจะปิดปากคุณไว้แบบนี้ทั้งคืนเลย”

                “ไม่ได้” กอร์ดอนสั่นศีรษะ “พรุ่งนี้ผมต้องทำงาน ยังต้องคุยกับคนอื่นอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ คุณหยุด”

                “ไม่ ผมจำได้ว่าพรุ่งนี้วันเสาร์”

                จังหวะนั้นรถม้าก็หยุดลงพอดี ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบลง และดึงตัวอีกฝ่ายลงตามมา ก่อนจะกดกริ่งเรียกเด็กรับใช้

-----------------------------------------------

                “อ้าว ท่านลอร์ด” เดวิดร้องด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคนที่พยุงตัวเจ้านายลงมาจากรถม้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าให้เขา ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้น “เปิดประตูสิ ฉันง่วง”

                เด็กรับใช้รีบกุลีกุจอเปิดประตูทันที กอร์ดอนผลักลอร์ดโทรว์บริดจ์ออก และพยายามเดินเอง แต่กลับเซไปชนกรอบประตูดังโครม ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบดึงตัวเขาออกมา “ประตูไม่ได้อยู่ตรงนั้น ผมไปส่งคุณดีกว่า”

                “ไม่ ผมเดินเองได้” กอร์ดอนว่า พยายามจะผลักอีกฝ่ายออกอีกครั้ง แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่เซไปเซมา “ให้ตาย... ทำไมพื้นถึงเอียงแบบนี้”

                 ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจพลางส่ายหน้า เขาตัดสินใจยกตัวฝ่ายนั้นขึ้นพาดบ่าเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งก่อน กอร์ดอนร้องโวยวายทันที “คุณทำอะไรเนี่ย”

                “วางทรัย” เอิร์ลหนุ่มตอบ แล้วเดินจ้ำๆ ขึ้นบันไดไป กอร์ดอนยกมือทุบหลังเขาไปตลอดทาง เดวิดรีบปิดประตูร้าน แล้ววิ่งขึ้นไปเปิดประตูห้องนอนของเจ้านายรอท่าทันที

                “ขอบใจนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขณะเดินเข้าห้อง “ปิดประตูแล้วลงไปรอข้างล่าง ฉันอยากจัดการให้แน่ใจว่าเจ้านายของเธอจะไม่อาละวาดแทนที่จะนอน”

                “ครับ ท่านลอร์ด” เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะปิดประตู แล้วลงบันไดไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตรงไปที่เตียงนอน ก่อนจะกึ่งวางกึ่งทุ่มอีกฝ่ายลงไป

                “โอ๊ย!” กอร์ดอนร้อง และฉวยคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ “คุณจะทำอะไรเนี่ย”

                “ผมบอกคุณแล้วว่าวางทรัย”

                “ผมไม่ใช่ลูกรักบี้นะ” อีกฝ่ายแย้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา แล้วพยักหน้า “ที่จริงผมก็ไม่เคยคิดว่าคุณเป็นลูกรักบี้”

                ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่พัก ก่อนที่ลอร์ดหนุ่มจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “กอร์ดอน คุณจะปล่อยผมมั้ย?”

                คนถูกถามทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจคำถาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก “ถ้าคุณไม่ปล่อย ก็อย่าหาว่าผมใจร้าย”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้ตอบหรือทำอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ทิ้งตัวลงไปบนเตียง ซุกหน้าลงไปตรงซอกคอของเขา แล้วเริ่มขย้ำจูบ คราวนี้ช่างตัดเสื้อหนุ่มรีบปล่อยมือทันที

                “คุณทำ...” คำพูดของเขาถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายดูดกลืนไปหมด กอร์ดอนสะดุ้งสุดตัว เขาพยายามผลักฝ่ายนั้นออกแต่ดูจะไม่เป็นผล เรี่ยวแรงของเขาเริ่มหายไปเรื่อยๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์กดมือของกอร์ดอนแนบลงกับเตียง ผละริมฝีปากออกเล็กน้อย ก่อนจะย้ำจูบที่ล้ำลึกและรุนแรงกว่าเดิม คราวนี้กอร์ดอนดิ้นสุดแรงจนเท้าของเขากระแทกเข้ากับเตียงเสียงดังโครม

                ก็อกๆ

                เสียงเคาะประตูทำให้เอิร์ลหนุ่มสะดุ้ง เขารีบผละออกจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงทันที ได้ยินเสียงเดวิดตะโกนข้ามมา “ท่านลอร์ดครับ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ ผมได้ยินเสียงดังที่ด้านล่าง”

                “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก เจ้านายเธอแค่ไม่ยอมนอนดีๆ แต่ฉันจัดการได้แล้ว”

                “ครับ... จะให้ผมไปเรียกรถม้ารอไว้มั้ยครับ?”

                “ได้ ดีเลย เดี๋ยวฉันจะตามลงไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รอจนได้ยินเสียงเด็กรับใช้เดินลงบันได ก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันกลับไปหากอร์ดอนอีกครั้ง และพบว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว

                “ให้ตายเถอะ...” เอิร์ลหนุ่มคราง เขาจัดเสื้อผ้าให้กอร์ดอนใหม่ แล้วหยิบผ้าห่มมาห่มให้ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้ตัวเอง แล้วเดินลงมาข้างล่าง

                “เดวิด ปกติเจ้านายเธอเมาบ่อยมั้ย?”

                เด็กรับใช้สั่นศีรษะ “ไม่เลยครับ คุณโอเดนเบิร์กพูดเสมอว่าเขาไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้าเมาแล้วจะลำบาก ผมเพิ่งเห็นเขาเมาตอนไปกับคุณนี่แหละครับ”

                “อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ขอบใจนะ”

                “ไม่เป็นไรครับ” เดวิดพูด เขาเดินไปส่งฝ่ายนั้นจนถึงรถม้า ก่อนจะกลับมาปิดประตูร้าน

-------------------------------------
(จบตอน)
** โอ๊ย ดิฉันเพิ่งปล่อยไก่ไปในตอนก่อน ฮ่าๆ (กุ๊กๆ วิ่งเก็บไก่) เพิ่งค้นพบว่าการเต้นแท็ป มีในอเมริกา ช่วงปี1900 นี่เองค่ะ ฮ่าๆ (เนื้อหาในเรื่องอยู่ประมาณช่วงปี188x-189x ปลายๆ รัชสมัยพระราชินีวิกเตอเรีย) ส่วนเต้นแบบเคาะเท้า (ที่เราเข้าใจไปเองว่ามันคือการเต้นแท็ป) เป็นไอริชแดนซ์ (ที่จริงน่าจะมีใกล้เคียงในกันประเทศยุโรปอื่นอีก เช่นเยอรมัน แต่เรื่องมันเกิดในอังกฤษ ไอริชแดนซ์นี่ดูแล้วเข้าท่าสุดล่ะ) ขออภัยในความไก่ของดิฉันด้วยย (ค่อนข้างแน่ใจว่ายังจะมีไก่อีกหลายเล้า แต่ยังหาไม่เจอว่าหลุดอยู่ตรงไหนบ้าง :katai1:)
.
ตอนนี้คิดว่ามีความมุ้งมิ้ง (?) ช่างตัดเสื้อเริ่มขี้เมา แล้วท่านลอร์ดก็ไม่คล้ายผู้จัดการเหมืองอีกต่อไป แต่เหมือนนักเต้น (และอนาคตอาจจะเป็นนักมวย) บางทีเราก็แอบคิดนะ ว่าพ่อกับแม่ของท่านลอร์ดคงแอบตามใจมากแหละ ดูสิ ทำแต่ละอย่าง ฮ่าๆ (ก็ลูกชายคนเดียวนี่นา)
.
เหล้ารัมจริงๆ น่าจะบาดคอมาก อิฉันไม่เคยลอง แต่อ่านส่วนผสมแล้วมันไม่น่านุ่มคอแน่นอน เหล้าคนงานโดยแท้ แต่ท่านลอร์ดดื่มได้นะคะ อเมริกาทำให้ท่านลอร์ดของเราสตรองมาก (อนาคตอาจจะได้เขียนอะไรเกี่ยวกับชีวิตท่านลอร์ดตอนอยู่ที่นั่นบ้าง)
.
ตอนนี้ลอร์ดเฟลตันไม่มีบท แอบคิดถึงค่ะ ส่วนตัวเราชอบฉากท่านลอร์ดเล่นเปียโนมาก อยากจะเขียนช็อตหล่อๆ ที่นั่งเล่นเปียโนอยู่ในโถงแล้วมีแสงแดดสาดส่อง ว้าว (มโนไปไกลมาก)
.
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: shinachan ที่ 25-01-2017 16:25:05
พอเมาแล้ว...อื้อหื๋อ อันตรายจริงๆ

รักนิยายพี่จูออนทุกเรื่องเลยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-01-2017 17:15:22
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-01-2017 18:48:37
ฉันมารอพี่ที่ท่าเรือทุกวันเลยเจ้าค่ะ ยอมรับว่าหลงใหลสำนวนของคนเขียนมาก ดีต่อใจ
ปล.เหล้ารัมแรงมากบาดคอสุดๆ แต่ดีตรงจะได้กลิ่นหอมของเหล้าแบบเต็มๆคนคออ่อนดื่มอาจน็อคได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-01-2017 19:02:16
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-01-2017 19:10:13
อือ....กอร์ดอน หึงแต่ไม่รู้หึงใคร
ระหว่างลอร์ด กับแอนนาเบล
ลอร์ด กอร์ดอน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-01-2017 19:56:47
คู่นี่เค้าเหมาะกันดีจริงๆ 5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่1 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-01-2017 20:50:39
น่ารักเนอะ

ท่านลอร์ดทำให้ชีวิตกอร์ดอนมีสัสันขึ้นเยอะเลย

ปล. ชื่อตอนตกเลข 0 ไปหรือเปล่าจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่10 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-01-2017 21:19:32
น่ารักเนอะ

ท่านลอร์ดทำให้ชีวิตกอร์ดอนมีสัสันขึ้นเยอะเลย

ปล. ชื่อตอนตกเลข 0 ไปหรือเปล่าจ๊ะ

ลืมจริง ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่10 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 25-01-2017 22:40:06
คิดถึงแก๊งเพื่อนท่านหลอด :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่10 p.6 (25/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 28-01-2017 14:01:22
ตอดเล็กตอดน้อยตลอดอ่ะ ~
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-01-2017 12:12:53


Dear, My customer.

ตอนที่11 ใฝ่ฝัน หวั่นไหว จดจำ


                กอร์ดอนตื่นสายโด่งในวันรุ่งขึ้น นอกจากจะมีอาการปวดศีรษะจากการเมาค้างแล้ว เขายังปวดเมื่อยตามตัวราวกับถูกสั่งให้ลากรถเข็นผ้าหนักหลายสิบกิโลจากท่าเรือมาส่งที่ร้าน เหตุผลคงเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นอกเสียจากเรื่องที่เขาถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากให้เต้นไอริชแดนซ์เสียจนหอบ กอร์ดอนนึกสงสัยว่าผิดที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่คิดว่าเขาอายุเท่าไหร่และทำงานอะไร หรือผิดที่เขากันแน่ที่ไม่เจียมตัวไปหลงเต้นกับฝ่ายนั้นเข้ากันแน่ ถึงอย่างนั้นช่างตัดเสื้อหนุ่มก็อดที่จะยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ เมื่อนึกถึงสีหน้ามีความสุขของลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอนที่เต้นกับเขา

                กอร์ดอนลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่กำลังโกนหนวด เขาสังเกตเห็นรอยช้ำเป็นจุดสีแดงอยู่ตรงเนินไหล่ข้างไหปราร้า ชายหนุ่มนึกสงสัยว่ารอยนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เมื่อคืนหลังเต้นกับลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ เขาก็ดื่มหนักจนจำอะไรไม่ได้ บางทีอาจจะไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างระหว่างกลับมาล่ะมั้ง พอคิดว่าคนที่มาส่งคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลอร์ดโทรว์บริดจ์ กอร์ดอนก็นึกละอายขึ้นมา ตั้งแต่รู้จักกับฝ่ายนั้น เขาเมาจนลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องมาส่งถึงสามหนแล้ว เขาไม่น่าปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้เลย ถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์จะดีกับเขา แต่ก็ใช่ว่าเขาควรจะทำตัวเป็นภาระให้ฝ่ายนั้นทุกครั้งไป

                “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณโอเดนเบิร์ก” เดวิดเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นเขาเดินลงไปชั้นล่าง กอร์ดอนทักทายตอบ “อรุณสวัสดิ์เดวิด เมื่อคืนฉันกลับมาถึงกี่โมง”

                “ราวๆ ห้าทุ่มครึ่งครับ” เด็กหนุ่มตอบ และพูดต่อ “เมื่อคืนคุณเมาอาละวาดด้วยนะครับ”

                กอร์ดอนหน้าแดงวาบด้วยความละอายยิ่งกว่าเดิม “อย่างนั้นหรือ... ฉันอาละวาดเยอะมั้ย? ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นอะไรรึเปล่า?”

                เดวิดสั่นศีรษะพลางยิ้ม “ไม่เลยครับ เขาแบกคุณขึ้นไปบนห้อง ผมได้ยินเสียงเอะอะนิดหน่อย แต่พอไปถามแล้วก็ไม่มีอะไร”

                “อืม...” ช่างตัดเสื้อรู้สึกละอายใจกว่าเดิม “ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลำบากเพราะฉันแท้ๆ”

                “ว่าแต่เมื่อคืนพวกคุณเจอกันที่บาร์หรือครับ?”

                “เขาไม่ได้ไปที่บาร์หรอก” กอร์ดอนรีบปฏิเสธ “ฉันบังเอิญเจอเขาตอนออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปทำอะไรแถวนั้น”

                “อ๋อ...” เดวิดพยักหน้า “ผมเห็นท่านเอิร์ลแต่งตัวธรรมดามาก คิดว่าพวกคุณนัดเจอกันที่นั่นซะอีก”

                “ทะ... ทำไมฉันต้องนัดกับเขาด้วยล่ะ” ช่างตัดเสื้อรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา เด็กรับใช้ยังคงพูดต่อ “ก็เขาชอบชวนคุณออกไปข้างนอกบ่อยๆ นี่ครับ ตอนเห็นเขาพยุงคุณลงมาจากรถม้า ผมยังงงเลย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าพวกคุณคงนัดเจอกันที่บาร์ ผมว่าท่านลอร์ดดูสนอกสนใจการใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน แต่ไปคนเดียวอาจจะเขิน เลยชวนคุณไปด้วยอะไรเทือกนั้น”

                ถึงจะรู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าแอบนัดเจอกัน แต่กอร์ดอนก็อดขำข้อสังเกตของเดวิดไม่ได้ “อืม ใช่ เขาสนใจการใช้ชีวิตแบบชาวบ้านจริงๆ นั่นแหละ”

                เดวิดยิ้มอย่างภูมิใจ “แสดงว่าผมเดาถูก แหม... คุณโอเดนเบิร์ก บอกท่านเอิร์ลเถอะครับว่าผมจะไม่ปากโป้งบอกใครเรื่องนี้ ผมชอบเขานะ เขาเป็นเอิร์ลที่ไม่เหมือนเอิร์ลเลยครับ ดูจับต้องได้ ใจดีด้วย”

                “แต่เขาเป็นถึงท่านเอิร์ลเลยนะ ต่อไปจะได้เป็นท่านมาร์ควิสด้วย” กอร์ดอนรีบปราม “ฉันดีใจที่เธอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดให้ใครฟัง เขาเป็นลูกค้าที่ดีของฉัน”

                “แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณด้วย” เดวิดเสริม กอร์ดอนชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นเพื่อนฉัน”

                เดวิดยิ้มให้เจ้านายแล้วพูดต่อ “งั้นเดี๋ยวผมไปบอกมิสซิสมาร์ธาให้เตรียมมื้อเช้าให้คุณนะครับ แล้วคุณจะรับน้ำมะนาวด้วยมั้ยครับ?”

                “อืม... ตามนั้นแหละ ฉันจะไปรอที่โต๊ะอาหารแล้วกัน”

                “ครับ”

-----------------------------------------

                กว่ากอร์ดอนจะจัดการมื้อเช้าเสร็จก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว เขาใช้เวลาในส่วนที่เหลือของวันไปกับการตัดผ้าสำหรับชุดที่ยังอยู่ในคิวอีกสามชุด และครุ่นคิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรสักอย่างให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์บ้าง

                แม้กอร์ดอนจะแน่ใจว่าเขารักลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบสนองความรู้สึกที่ว่านั้นอย่างไร เนื่องจากเขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน อย่าว่าแต่กับลอร์ดโทรว์บริดจ์เลย กับแอนนาเบลที่เขาเคยคิดว่าหลงรักเธอ เขาก็ยังวางตัวไม่ถูก นับประสาอะไรกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ที่เป็นผู้ชายด้วยกันแถมยังเป็นถึงเอิร์ลที่อนาคตเป็นว่าที่มาร์ควิส เขาเคยคิดเอาง่ายๆ ว่า ถ้าได้พบกับฝ่ายนั้นสัปดาห์ละครั้ง คงจะเพียงพอแล้วสำหรับฐานะของพวกเขา แต่ทว่า ณ จุดนี้ กอร์ดอนกลับรู้สึกตัวว่า เขานึกถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์น้อยเกินไป ทั้งๆ ที่ฝ่ายนั้นทำอะไรให้เขาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยื่นมิตรภาพ (ที่เขาไม่เคยต้องการเลยในตอนแรก) และการเปิดโลกใบใหม่ให้เขา แม้ก่อนหน้านี้จนกระทั่งตอนนี้ กอร์ดอนจะไม่เคยคิดว่าโลกของเขาช่างเงียบเหงาและว่างเปล่า แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเข้ามาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำให้ชีวิตเขามีสีสันมากขึ้น ผู้ชายคนนั้นช่วยเขาให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยกล้าทำ พาเขาไปเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ดึงตัวเขาออกจากโลกใบเดิมๆ ที่เขาเคยอยู่ กอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาซาบซึ้งในน้ำใจของฝ่ายนั้นมากไปกว่าการใช้คำพูด แต่เพราะลอร์ดโทรว์บริดจ์มีทุกอย่างเพียบพร้อมอยู่แล้ว เขาจึงนึกไม่ออกว่าควรจะทำอะไรให้เจ้าตัวดี

                ในที่สุดกอร์ดอนก็ตัดสินใจปรึกษากับช่างคนหนึ่งในร้าน

                “อเล็กซ์ ผมขอถามอะไรคุณสักอย่างสิ ถ้าคุณต้องให้ของขวัญเพื่อนสักคนที่มีทุกอย่างอยู่แล้ว คุณคิดว่าจะให้อะไรเขาดี”

                อเล็กซ์หยุดเท้าเอาไว้ เขาเพิ่งรับเงินและกำลังจะออกจากร้าน เจ้าตัวหันมองนายจ้างด้วยความพิศวง “คุณหมายถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือ?”

                กอร์ดอนหน้าแดงเล็กน้อย “ทะ... ทำไมถึงรู้ล่ะ?”

                คนถูกถามยิ้ม “ก็คุณมีเพื่อนแค่คนเดียวนี่” พูดจบก็ยกมือตบไหล่อีกฝ่าย “ผมดีใจนะที่คุณมีเพื่อน แต่ก็อดลำบากใจแทนไม่ได้ที่เพื่อนคนนั้นของคุณดันเป็นถึงท่านเอิร์ลที่อนาคตจะได้เป็นท่านมาร์ควิส”

                กอร์ดอนหัวเราะแห้งๆ “นั่นสิ... บางทีผมก็รู้สึกว่ามันลำบากอยู่เหมือนกัน”

                “เขาเป็นคนแปลก” อเล็กซ์ตั้งข้อสังเกต “อาจเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา”

                “ไม่ก็แปลกอยู่แล้วถึงได้ไปอเมริกา” กอร์ดอนว่า คนได้ฟังเบิ่งตามองเขา จากนั้นก็หัวเราะ “ใช่ คุณนี่เริ่มมีมุกตลกกับเขาบ้างแล้ว คงเพราะท่านเอิร์ลคนนั้นแน่”

                กอร์ดอนไม่ตอบอะไร เขาถามต่อ “แล้วคุณคิดว่าไง ผมควรจะให้อะไรเขาดี ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่เหมือนเอาแต่ได้จากเขาตลอด”

                “เขาไม่น่าจะรู้สึกอะไรนะ” อเล็กซ์ว่า “ยังไงพวกชนชั้นสูงก็ชอบเป็นฝ่ายให้ในเวลาแบบนี้มากกว่าฝ่ายรับอยู่แล้ว เขามีทุกอย่างเหนือกว่าคุณ เขาคงไม่นึกอยากได้อะไรจากคุณหรอก”

                กอร์ดอนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง “แต่ในฐานะเพื่อนล่ะ? อเล็กซ์ ผมว่าเพื่อนไม่ควรเอาเปรียบกัน ไม่ว่าจะมีสถานะต่างกันแค่ไหนก็ตาม”

                อเล็กซ์มองเขา จากนั้นก็ยกมือตบไหล่อีกครั้ง “คุณโอเดนเบิร์ก คุณเป็นคนดีนะ เอาแบบนี้สิ ในฐานะที่คุณเป็นช่างตัดเสื้อ คุณก็ออกแบบชุดให้เขาสักชุด แบบที่ไม่ซ้ำกับใครเลยในลอนดอน เขาน่าจะดีใจนะ”

                “นั่นสินะ” กอร์ดอนพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ขอบคุณมากอเล็กซ์ ฝากความคิดถึงภรรยาและลูกคุณด้วยนะ”

                “อือ สายัณห์สวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”

-----------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังสีไวโอลินอยู่ ตอนที่เลดี้บาธเปิดประตูเข้ามา พอเห็นผู้เป็นแม่ลอร์ดหนุ่มก็ชะงักมือที่กำลังสีไวโอลินทันที

                “ขอโทษครับแม่ เสียงไวโอลินคงดัง ผมไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูเลย”

                “ไม่เป็นไรจ้ะ” เลดี้บาธพูด และวางถาดน้ำชาที่มีเค้กส้มวางอยู่ลงบนโต๊ะเล็กในห้อง “แม่แค่เอาน้ำชามาให้ เห็นลูกเล่นไวโอลินมาตั้งแต่กลับจากโบสถ์แล้ว มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าจ้ะ?”

                “ทำไมแม่คิดอย่างนั้นล่ะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม เขาวางไวโอลินลง แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ เลดี้บาธมองเขาแล้วยิ้ม

                "แม่ชอบไวโอลินที่ลูกเล่นนะจอห์น แต่เวลาลูกเล่นไวโอลินเพลงของบาคทีไร ต้องเป็นช่วงที่ลูกมีอะไรอยู่ในใจทุกที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “อย่างนั้นเลยหรือครับ”

                “จ้ะ” เลดี้บาธพยักหน้า “แม่จำได้ตอนอายุสิบสี่ ลูกเอาแต่เล่นเพลงของบาคทั้งวัน ไม่ยอมไปโรงเรียน ตอนนั้นแม่คิดว่าลูกอาจจะเกิดชอบเล่นไวโอลินขึ้นมาจนไม่อยากไปโรงเรียน แต่กลายเป็นว่าลูกทะเลาะกับจอร์จจนไม่อยากไปโรงเรียน จำได้มั้ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าแม่ จากนั้นก็หัวเราะ “จำได้แล้วครับ แต่ผมไม่รู้ว่าตัวเองเล่นแต่เพลงของบาคทั้งวัน”

                “ลูกเล่นแต่ Concerto in G miner วนไปวนมาเหมือนอย่างที่ทำวันนี้เลยจ้ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงด้วยความประหม่าเล็กน้อย “ที่จริงแล้วผมไม่ได้ทะเลาะกับจอร์จ...”

                “อืม... แม่ก็ว่าลูกท่าทางเหมือนไม่ได้ทะเลาะกับจอร์จ” เลดี้บาธว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาเหลือบตามองแม่ ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดต่อ “แต่ผมคิดว่าผมควรไปหาจอร์จที่บ้าน บางทีเขาอาจจะเล่นเปียโนเป็นเพื่อนผมได้”

                เลดี้บาธยิ้มออกมา เธอขยับไปจูบหน้าผากลูกชาย “งั้นลูกควรไปบ้านจอร์จตอนนี้เลย ระหว่างยังทันเวลาน้ำชาอยู่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์บีบมือแม่ของเขาเบาๆ “ผมจะดื่มชากับกินเค้กที่แม่ยกมาให้ก่อน ค่อยไปหาจอร์จ เขาคงไม่หนีผมไปไหนหรอกครับ”

--------------------------------------

                คฤหาสน์ของลอร์ดจอร์จ เฟลตันตั้งอยู่ไม่ห่างจากคฤหาสน์เดลนัก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเป็นลูกชายคนเล็กจากบรรดาลูกทั้งหมดสี่คนของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์ เขามีพี่สาวสองคน และพี่ชายอีกหนึ่งคน ในฐานะลูกคนเล็กและเป็นคนโปรดของเลดี้แอนโดเวอร์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่มีภาระอะไรให้ต้องรับผิดชอบ เขาสามารถหายออกจากบ้านไปได้เป็นวันๆ และกลับมาโดยที่ไม่มีใครสนใจจะซักไซ้ไล่เรียงอะไร แม้กระทั่งเรื่องการควงผู้หญิงมากหน้าหลายตาของเขาก็ได้รับคำตำหนิเพียงเล็กน้อยจากผู้เป็นพ่อเท่านั้น

                เลดี้แอนโดเวอร์กับเลดี้บาธเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเธอทั้งคู่มักนำลูกๆ ไปเยี่ยมเยียนกันเสมอ ดังนั้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่มีอายุไล่เลี่ยกันจึงสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ ตอนที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามา เขาเอ่ยทักทายฝ่ายนั้นแล้วคราง “โอ้ จอห์นนี่ มาได้ถูกเวลาจริงๆ นายต้องไม่เชื่อสิ่งที่ฉันจะเล่าแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทิ้งตัวลงบนโซฟารับแขกในห้องส่วนตัวของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน แล้วเงยหน้ามองเพื่อน “ว่ามาเลยจอร์จ ฉันรอฟังนายอยู่”

                “ไอลีนเพิ่งชวนฉันไปดูโอเปร่า”

                “อ้อ... แล้ว...?”

                “แต่โอเปร่าเรื่องที่เธอชวนฉันไปดูคือเรื่องดอน จิโอวานนี”

                คราวนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขำพรวดออกมา คนเล่าทำหน้าหงุดหงิด “อะไรกันเนี่ย จอห์นนี่ กระทั่งนายก็ยังหัวเราะใส่ฉันหรือ?”

                “โทษที่จอร์จ ฉันแค่คาดไม่ถึงน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบแก้ตัว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “ฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน โอเปร่าสนุกๆ มีตั้งหลายเรื่อง ทำไมไอลีนต้องชวนฉันไปดูเรื่องนี้”

                “บางทีไอลีนคงคิดว่านายอาจจะชอบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ดอน จิโอวานนีเป็นเรื่องตลก และเธอรู้ว่านายชอบโมซาร์ตมาก”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยอมรับ “แต่ฉันไม่ชอบดอน จิโอวานนี แม้ว่าโมซาร์ตจะเป็นคนเขียนโอเปร่าให้ก็ตาม”

                “โธ่ จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายไม่ได้เลวร้ายเหมือนดอน จิโอวานนีสักหน่อย อย่างน้อยๆ นายก็ยังไม่เคยฆ่าพ่อใคร...”

                “เห็นแก่ที่เป็นนาย จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันจะคิดว่านายพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้พูดจาเหน็บแนมฉัน”

                “ฉันตรงไปตรงมาอยู่แล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนใจ “ฉันแน่ใจว่าตัวเองไม่เหมือนดอน จิโอวานนี ถึงฉันจะชอบผู้หญิงทีละหลายๆ คน แต่ฉันไม่เคยนึกชอบภรรยาชาวบ้านเลยนะ ยิ่งเรื่องโยนความผิดให้คนอื่นฉันยิ่งไม่ทำใหญ่”

                “ฉันรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “เพราะงั้นนายไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนเรื่องที่ไอรีนชวนนายไปดูดอน จิโอวานนีเลย ในเมื่อนายไม่เหมือนเขาสักที่”

                “ก็ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยอมรับ “แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว” เขาหยุดแล้วครางอีก “โอ๊ย จอห์นนี่... ฉันว่าตอนนี้มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แมรี่ตีตัวออกห่าง ไอรีนก็มาชวนฉันไปดูดอน จิโอวานนี่อีก ฉันว่านี่ต้องเป็นฝีมือของมาร์กาเร็ต”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง “มาร์กาเร็ตจะทำแบบนั้นไปทำไม?”

                “นายก็รู้ว่าเธอเกลียดฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางอีก “มาร์กาเร็ตเกลียดฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอต้องการทำให้ชีวิตฉันไม่มีความสุข ทำไมพ่อกับแม่ต้องหมั้นฉันกับเธอด้วยนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนเป็นถอนใจแทน “บางทีอาจจะถึงเวลาที่นายต้องพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่นายอีกสักรอบ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางฮือ “ฉันพูดเรื่องนี้จนไม่อยากจะพูดแล้ว นี่เป็นเรื่องเดียวที่พ่อกับแม่ไม่ยอมตามใจฉัน ให้ตายสิ ฉันอยากให้มาร์กาเร็ตออกปากเอง ถ้าเธอเป็นคนพูด พ่อกับแม่อาจจะยอมก็ได้”

                “แล้วทำไมนายไม่คุยเรื่องนี้กับมาร์กาเร็ตเอง”

                “ฉันไม่คุยกับเธอนานแล้ว และก็จะไม่คุยต่อไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดห้วนๆ “นายไม่ต้องถามหรอกนะว่าทำไม”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนรักอึดใจหนึ่ง “ให้ฉันช่วยพูดให้มั้ย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงหรือจอห์นนี่! ขอบคุณพระเจ้า ถ้านายพูด มาร์กาเร็ตอาจจะเกรงใจก็ได้ เธอฟังนายมากกว่าใคร”

                “ฉันไม่รับรองหรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเลี่ยงๆ “แต่จะพยายามพูดให้ดีที่สุด”

                “แค่นั้นก็ดีแล้วล่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดูมีสีหน้าสบายอกสบายใจขึ้นมาทันที “ว่าแต่นายมาหาฉันมีเรื่องอะไรเนี่ย คงไม่ได้มาดื่มชาหรอกนะ เพราะมันเลยเวลาไปแล้ว”

                “ฉันมาหานาย เพราะแม่ฉันคิดว่าพวกเราทะเลาะกัน”

                “หา?!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้างุนงง ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “วันนี้ฉันเล่นเพลงของบาคตั้งแต่กลับมาจากโบสถ์”

                คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้วสูง “บาค? คงไม่ใช่ Concerto in G miner ใช่มั้ย?”

                “นั่นล่ะใช่เลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินเข้ามาจับไหล่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วคราง “กอร์ดอนบอกนายว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงผมแดงคนนั้นหรือ? ไหนว่าพวกนายตกลงสาบานรักกันแล้วไง โธ่ จอห์นนี่... ทำไมชีวิตรักของนายถึงอาภัพแบบนี้”

                “เอ่อ... จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากจะพูด แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกลับพูดขึ้นต่อโดยไม่ทันฟังเสียงเขา “มาเถอะ ถ้านายอยากเล่น Concerto in G miner จนเช้า ฉันจะดีดเปียโนเป็นเพื่อนนาย ถือซะว่าพระเจ้าไม่ต้องการให้นายได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว”

                “คือ จอร์จ... มันไม่ใช่...”

                “ไม่เป็นไร จอห์นนี่ ฉันเข้าใจนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “กอร์ดอนเป็นคนสวย ถ้าเขาเป็นผู้หญิงฉันคงจีบเหมือนนาย แต่เขาเป็นผู้ชาย นายตัดใจเถอะ พวกเรามาเล่นดนตรีกันดีกว่า”

                “จอร์จ!” ในที่สุดลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ตัดสินใจขึ้นเสียงให้สูงกว่าเดิม และพูดต่อแบบไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามได้แทรก “กอร์ดอนไม่ได้จะแต่งงานกับใครทั้งนั้น และฉันก็ไม่ได้อกหัก”

                “อ้าว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าแปลกใจ “งั้นทำไมนายเอาแต่เล่น Concerto in G miner ทั้งวัน?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจหนึ่ง “ฉันก็ไม่รู้”

                “นายต้องรู้สิจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งออกมา “จำได้มั้ยตอนอายุสิบสี่ นายไปหลงรักผู้หญิงขายดอกไม้ที่ถูกรถม้าของนายชนเข้า”

                “ฉันไม่ได้ชน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง “แค่เฉี่ยว”

                “เออ นั่นแหละ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “นายเลยลงไปช่วยเธอเก็บดอกไม้ แล้วนายก็ปิ๊งเธอ”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ลอร์ดเพื่อนของเขาพูดต่อ “ผมสีทอง ตาสีฟ้า สวยมาก นายเล่าให้ฉันฟัง”

                “เธอชื่อแอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และเธอแต่งงานแล้ว”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “หลังจากนายเจอเธอวันนั้น นายต้องใช้เวลาห้าวันกว่าจะรู้ตัวว่าหลงรักเธอ พอนายชวนฉันไปหาเธออีกครั้ง เธอก็แต่งงานไปแล้ว โธ่ จอห์นนี่... ครั้งนั้นนายขาดเรียนไปตั้งสามวัน พอพ่อแม่นายถามก็บอกว่าทะเลาะกับฉัน ถ้านายไม่ได้อกหักก็อย่าเล่น Concerto in G miner ของบาคได้ไหม ฉันไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุทำให้นายอกหักอีก”

                “นายก็ไม่ใช่สาเหตุหรอกจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่จริงแล้วฉันชอบเล่นเพลงของบาคเพราะตัวโน้ตมันมีระเบียบ สม่ำเสมอทำให้ฉันมีสมาธิคิดอะไรได้ดีขึ้น”

                “นายใช้ความมีระเบียบของบาคอยู่สามวันถึงคิดได้ว่าควรจะโกหกว่าทะเลาะกับฉันนะจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจออกมา “ก็จะให้ฉันทำไงล่ะ? บอกพ่อกับแม่ไปว่าหลงรักผู้หญิงขายดอกไม้ที่แต่งงานแล้วงั้นหรือ? เป็นนายนายจะบอกหรือจอร์จ?”

                “ก็จริงของนาย...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเสียงอ่อย “ขอโทษนะจอห์นนี่ พอฉันนึกถึงตัวโน้ตของบาคทีไร ฉันรู้สึกหงุดหงิดใจทุกที ไม่เกี่ยวกับนายหรอกนะ ความมีระเบียบและสม่ำเสมอของบาคทำให้ฉันอึดอัด”

                “อืม...”

                เกิดความเงียบเข้าปกคลุมห้องอยู่อึดใจหนึ่ง ในที่สุดลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พูดขึ้นต่อ “เอาล่ะ นายไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่นายมาหาฉันคงต้องมีเรื่องให้ฉันช่วยแน่ มีอะไรมั้ยที่ฉันพอจะช่วยนายได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “ฉันอยากให้นายเล่น Concerto in G miner เป็นเพื่อนฉัน คราวนี้ฉันคิดว่าฉันอยากมีคู่ให้เล่นดนตรีด้วย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนหยิบไวโอลินออกมาจากกล่อง แล้วพยักหน้า “ได้ จอห์นนี่ ฉันจะเล่น Concerto in G miner เป็นเพื่อนนายเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพาลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปที่ห้องเปียโน พวกเขาเล่น Concerto in G miner ของบาครอบแล้วรอบเล่า เสียงไวโอลินแว่วหวานดังประสานกับเสียงเปียโนก้องไปทั่วห้อง จนกระทั่งถึงรอบที่สิบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็หยุดเล่นหลังจบโน้ตสุดท้าย

                “อา... จอห์นนี่ ในที่สุดนายก็คิดออกแล้วใช่มั้ย?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางถอนใจ “ฉันกำลังรู้สึกว่าถ้าเรายังเล่นซ้ำอีกรอบ ฉันคงต้องฝันร้ายแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขายิ้มๆ “ฉันยังคิดไม่ออกหรอก แต่รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเหยเก  “สิบรอบแล้วจอห์นนี่ สิบรอบนายยังคิดไม่ออกอีกหรือ ถึงนายไม่เมื่อยแต่ฉันเมื่อยนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขายกคันสีไวโอลินขึ้นทาบลงบนสาย และเล่นเพลงเดิมซ้ำอีกรอบ คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบยกมือห้าม “อย่า ขอร้องล่ะจอห์นนี่ เห็นแก่พระเจ้า เห็นแก่มิตรภาพของเรา ไม่ก็เห็นแก่บาค นายหยุดเล่นเพลงนี้ที ก่อนที่ฉันจะเกลียดบาคจริงๆ”

                เอิร์ลหนุ่มหัวเราะอีกครั้ง แต่ก็ยอมหยุดเล่นแต่โดยดี ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขา จากนั้นก็ถอนใจ “ถ้านายนึกไม่ออก ฉันนึกให้นะจอห์นนี่ นายควรให้กอร์ดอนมาหัดเล่นเปียโนกับฉัน บอกตรงๆ นะ ฉันแน่ใจเลยว่านายคงอยากเล่นไวโอลินกับเขา ไม่ใช่ฉันแน่ๆ”

                “ห้องกอร์ดอนไม่น่าจะกว้างพอวางเปียโนหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง หน้าแดงนิดๆ “แต่นายเดาถูกส่วนหนึ่งจอร์จ ฉันอยากให้เขาอยู่ด้วยตอนนี้ ไม่ต้องเล่นเปียโนก็ได้ แค่เขานั่งฟังฉันก็พอ”

                “นั่นไง!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบขาตัวเอง “นายคิดถึงเขา คิดถึงเขาจนต้องเล่นไวโอลินเพลงเดิมซ้ำๆ ให้ตายเถอะจอห์นนี่ ทำไมนายไม่ชวนฉันออกไปเล่นรักบี้ ขี่ม้า พายเรือ ทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้นายไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ใช่เล่นไวโอลินซ้ำๆ จนแม่นายทักแบบนี้”

                “โทษทีจอร์จ ฉันไม่ทันคิด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันคิดถึงกอร์ดอน พอรู้ตัวอีกทีก็ยืนสีไวโอลินแล้ว”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “นายได้เจอเขาอีกมั้ย หลังจากวันนั้นน่ะ”

                “เจอ ฉันเพิ่งเจอเขาครั้งสุดท้ายวันศุกร์นี่เอง”

                “ก็ไม่นานนะ วันนี้วันอาทิตย์”

                “อือ”

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-01-2017 12:16:44
               ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลุกขึ้นจากเปียโน เดินมาตบไหล่เพื่อน “จอห์นนี่ ฉันเข้าใจนาย... นายกำลังตกหลุมรัก นายอยากอยู่ใกล้ชิดกับคนที่นายรัก แต่นายทำไม่ได้ ฉันเข้าใจนายแจ่มแจ้งเลย เพราะฉันก็รู้สึกแบบนายเหมือนกัน”

                “ฉันอาจจะดีกว่านิดหนึ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อย่างน้อยฉันก็มีคนรักแค่คนเดียว”

                “โห... จอห์นนี่ นายแค้นใจฉันเรื่องอะไรเนี่ย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าน่าสงสาร “หยุดเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องคนรักของฉัน บางทีฉันอาจจะไม่มีใครรักเลยก็ได้ ทั้งๆ ที่ฉันทุ่มเท แต่ดูแต่ละคนทำกับฉันสิ ฮือๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือตบไหล่เพื่อน แล้วพูดขึ้น “จริงสิจอร์จ ฉันกำลังจะได้ขึ้นชกมวย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเงยหน้ามองเพื่อนทันที “ชกมวย? กับใคร?”

                “ยังไม่รู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ฉันเพิ่งคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่เมื่อวันพฤหัส เขาเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ฉันให้อนุญาตได้สำเร็จ”

                “ว้าว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องด้วยความลิงโลด “ยินดีด้วยจอห์นนี่ ในที่สุดนายก็จะได้ขึ้นชกมวยแล้ว โหย... มันต้องเท่ระเบิด นายจะดูเป็นนักสู้เวลาอยู่บนนั้น ฉันนี่ขนลุกเลย ให้ฉันไปเป็นพี่เลี้ยงให้นายนะ อยากเกาะติดขอบเวทีมวยมานานแล้ว”

                “ฉันก็กำลังจะชวนนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “วันพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่อีกครั้ง ว่าจะชกกับใครแบบไหนยังไง แล้วจะมาเล่ารายละเอียดให้พวกนายฟังวันพุธ”

                “เยี่ยมเลย ทุกคนต้องแย่งกันเป็นพี่เลี้ยงนายแน่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่บอกเลยนะว่าฉันจองแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นคาเวดิช แม่คงไม่ไปดู เพราะทำใจไม่ได้ ส่วนพ่อ... ฉันไม่รู้สิ แต่ฉันอยากให้กอร์ดอนไปดูนะ มันจะดูแปลกมั้ยจอร์จ ถ้าฉันชวนเขาไปดูฉันต่อยมวย พ่อจะสงสัยรึเปล่า?”

                “ถ้าพวกเราไปกันหมด คงไม่สงสัยหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่พ่อนายอาจจะไม่ชอบใจที่นายเป็นเพื่อนกับช่างตัดเสื้อ”

                “นั่นสิ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันอยากให้เขานั่งที่นั่งที่เห็นชัดที่สุด โอ๊ย จอร์จ แค่คิดว่าเขาจะไปนั่งดู ฉันก็ตื่นเต้นจนเหงื่อแตกแล้ว นายว่าฉันบ้ามั้ย?”

                “นายไม่ได้บ้า แต่ก็ใกล้ล่ะ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือตบไหล่เพื่อน “นายกำลังตกหลุมรัก แล้วนายก็เริ่มเพ้อ ถ้าหนักกว่านี้หน่อยนายจะไม่อยากทำอะไรเลย นอกจากเจอหน้ากอร์ดอนอย่างเดียว”

                “ฉันก็เกือบๆ จะเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ถ้าไม่ติดว่ากลัวทุกคนจับได้น่ะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วหน้าแดง “ถ้าเขาเป็นผู้หญิงฉันจะขอแต่งงาน จะมีลูกกับเขาสักสองคน หญิงหนึ่งชายหนึ่ง ลูกสาวตาสีฟ้าผมสีทองเหมือนเขา... เธอต้องสวยมากแน่ ส่วนลูกชาย ถ้าเหมือนฉันก็น่าจะดีนะ แต่เหมือนเขาก็ดี อะไรเป็นเขาดีทั้งนั้นแหละ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แรงๆ สองที “ตื่นได้แล้วจอห์นนี่ นายอาการหนักแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ เพื่อนของเขาพูดต่อ “เห็นอาการนายแล้วฉันชักเป็นห่วง ถ้ากอร์ดอนไปดูนายต่อยมวย นายจะไม่แย่หรือ หมายถึงนายจะไม่ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกหรือ?”

                “เอ... ไม่รู้สิ ฉันแค่อยากให้เขาไปดูเฉยๆ”

                “ลองนึกดูนะจอห์นนี่ สมมติว่าเขาไปดู เขาเห็นนาย นายเห็นเขา ถ้าเขาทำท่าตกใจเป็นห่วงนาย นายจะมีสมาธิกับการต่อยมวยรึเปล่า หรือถ้ามีผู้หญิงที่ตรงสเป็กเดินผ่าน แล้วเขาหันไปมอง แล้วนายหันไปพอดี นายลองนึกภาพนะ นายจะต่อยมวยได้มั้ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นึกภาพตาม จากนั้นก็ยกมือกดหน้าผาก “เออ จริงของนาย ฉันคงไม่มีสมาธิ แต่... ยังไงฉันก็อยากให้เขาไปดู จะว่าไงดีล่ะ... ฉันรู้หรอกเขาไม่ใช่ผู้หญิง อันที่จริงแล้วผู้หญิงคงไม่ชอบไปดูมวย แต่ฉันอยากให้เขาเห็นฉันต่อสู้ อยากให้เขาเห็นว่าฉันเป็นยังไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “พวกเราเป็นผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตเพศผู้ ปกติแล้วสิ่งมีชีวิตเพศเดียวกับเราชอบแสดงออกถึงความแข็งแกร่งให้คนอื่นเห็นเพื่อการยอมรับนับถืออยู่แล้ว ยิ่งกับคนที่เราให้ความสนใจด้วยล่ะก็ จะยิ่งต้องอวดเพื่อให้เป็นที่สนใจใหญ่เลย นายไม่ผิดปกติหรอก” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แต่นายไม่ควรมองเห็นกอร์ดอน มันจะทำให้นายไม่มีสมาธิ เขามีอิทธิพลกับความสนใจของนายสูงมาก เอางี้นะจอห์นนี่ นายต้องเชื่อใจฉัน ฉันจะหาที่นั่งที่เขาสามารถเห็นนายได้ชัดที่สุด แต่นายจะมองไม่เห็นเขา จนกว่านายจะลงจากเวที แลกกับการที่นายช่วยฉันเรื่องมาร์กาเร็ต”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งคิดไปอึดใจหนึ่ง “ตกลง ฉันจะเชื่อนายจอร์จ ฉันอยากชนะให้เขาเห็น”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “วางใจได้เลยจอห์นนี่ แล้วอย่าลืมเรื่องมาร์กาเร็ตล่ะ”

                “อืม ฉันจะรีบจัดการให้แล้วกัน”

--------------------------------------------------

                หลังตกลงใจว่าจะตัดเสื้อผ้าหนึ่งชุดเป็นของขวัญให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ กอร์ดอนก็เขียนแบบเสื้อออกมาหลายแบบ แต่จะแบบไหนเขาก็รู้สึกว่าไม่เข้าท่าเลยสักอัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยแสดงออกว่านิยมแฟชั่น ทัศนคติที่เขามีต่อเสื้อผ้าเป็นเรื่องความสะดวกสบายเสียมากกว่า ซึ่งมันไม่เข้ากับแฟชั่นเอาเสียเลย ครั้นเขาจะตัดเสื้อสูทให้เหมือนเสื้อเชิ้ตอย่างที่ลอร์ดหนุ่มเคยพูดก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจรอถึงคืนวันพุธ เพื่อที่จะเลียบเคียงถามฝ่ายนั้นถึงแบบเสื้อที่ต้องการ ทว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาปรากฏตัวที่ร้านของเขาตั้งแต่หลังเวลาน้ำชา

                “สวัสดียามบ่ายครับท่านลอร์ด วันนี้มีอะไรให้รับใช้หรือครับ” กอร์ดอนรีบเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์ทันทีที่เจ้าตัวเดินเข้ามาในร้าน วันนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงสวมเสื้อโค้ทตัวเดิม ทับเสื้อสูทสีน้ำเงินที่สั่งตัดไปวันก่อน เขาทักทายตอบแล้วเข้าเรื่องทันที

                “นี่คือรายการเสื้อผ้าทั้งหมดที่คุณต้องตัดให้ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยื่นกระดาษจดโน้ตที่มีตราประจำคฤหาสน์เดลให้เขา กอร์ดอนรับมาแล้วทำตาโต “เยอะมากนะครับ”

                “ใช่” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้าแล้วถอนใจ “พ่อไม่ชอบชุดที่ผมใช้ตอนอยู่อเมริกาเลยสักชุด แถมชุดเดิมที่เคยใส่ตอนอยู่นี่ส่วนใหญ่ก็คับหมดแล้ว คุณตัดไหวรึเปล่า? ผมมีที่ต้องรีบใช้อยู่สี่ห้าชุด”

                เขาชี้นิ้วลงไปตรงเครื่องหมายดอกจันที่อยู่ด้านหลังรายชื่อชุดที่ต้องการตัด “อินเวอร์เนสโค้ทตัวนี้ด่วนที่สุดเลย ถ้าเป็นไปได้ขอก่อนวันพุธหน้า ส่วนที่เหลือไม่เกินปลายเดือน พวกนี้เป็นรายการเสื้อผ้าที่จะใส่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ขอก่อนเดือนกันยา ตรงนี้ของฤดูหนาว ก่อนตุลาแล้วกัน”

                กอร์ดอนกวาดสายตามองรายการชุดยาวเหยียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของชุด “คุณคงเป็นคนแรกที่สั่งตัดชุดกับผมใหม่ทั้งตู้แน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมก็ไม่เคยคิดหรอกว่าวันนึงจะต้องถือรายการตัดเสื้อผ้ายาวเหยียดมาที่ร้านตัดเสื้อ คิดว่ามีแต่พวกผู้หญิงที่ทำกัน”

                กอร์ดอนยิ้ม “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ท่าทางคุณจะตัวใหญ่ขึ้นมากกว่าตอนก่อนไปอเมริกา”

                “คงงั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ชุดที่ขนไปตอนแรกผมทิ้งหมดตั้งแต่อยู่ได้ครึ่งปี บางชุดก็คับจนใส่ไม่ได้ บางชุดก็เกะกะเกินไป ใส่เวลาขี่ม้าไม่สะดวก”

                “ที่นั่นไม่มีรถม้าหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความสงสัย เพราะได้ยินลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าแต่เรื่องขี่ม้าตั้งแต่ตอนที่ไปสโมสรคราวแรก ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ

                “มีน่ะมีหรอก แต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมืองโน่น บ้านอาผมอยู่นอกเมือง ใกล้เหมือง ที่นั่นขี่ม้าสะดวกกว่า ผมชอบการขี่ม้านะ คุณสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ไปพร้อมๆ กับม้า อยากไปไหนก็ไปได้เลย ตราบเท่าที่คุณสามารถบังคับม้าให้ไปได้”

                กอร์ดอนนึกภาพตาม “คุณคงมีม้าที่ขี่ประจำอยู่ ใช่ไหมครับ?”

                “มีสิ” เอิร์ลหนุ่มตอบ แล้วยิ้ม เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระเมื่ออยู่ในต่างแดน “มันชื่อทรีเวอร์ เป็นม้าคลีฟแลนด์เบย์ สีน้ำตาลเข้ม มีรอยเหมือนถ่านป้ายตรงสะโพกสองข้าง ผมชอบมันมาก มันเป็นม้าที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ถ้ามันไม่อยากไปตรงไหน คุณบังคับยังไงมันก็ไม่ยอม แต่ก็ไม่เคยสลัดผมตกจากหลังนะ เสียดายที่ผมเอามันขึ้นเรือมาด้วยไม่ได้ อาคิดว่ามันไม่เหมาะกับลอนดอน”

                “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ” กอร์ดอนว่า “ขี่ม้าในลอนดอนคงไม่เหมาะ แต่ถ้าเป็นในชนบทผมว่าน่าสนใจ”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เวลาคุณไปที่ฟาร์ม คุณต้องใช้ม้า ผมชอบม้าไชร์มาก เคยนึกอยากลองขี่ดูเหมือนกัน แต่ไม่มีใครอนุญาต”

                “ไชร์มันเป็นม้าเทียมรถลากนี่ครับ คุณจะไปอยากขี่มันทำไม ผมได้ยินว่ามันเดินช้ามาก”

                “แต่มันตัวใหญ่ และสวยมากนะคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสายตาเป็นประกาย “สักวันผมต้องลองขี่มันให้ได้”

                กอร์ดอนได้แต่ส่ายหน้า “อินเวอร์เนสโค้ทผมตัดให้คุณทันก่อนวันพุธครับ ที่เหลือก็ตามกำหนดที่คุณว่า ผมจะให้คนเอาไปส่งให้ที่คฤหาสน์ ถ้าเกิดมีเหตุให้ล่าช้า ผมจะจดหมายแจ้งไป”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ไว้ว่างๆ พวกเราไปเที่ยวตากอากาศกัน พ่อผมมีคฤหาสน์สองหลังอยู่ที่บาธ ที่นั่นสวยมาก เราจะนั่งรถม้ากันไป แวะพักระหว่างทาง ดื่มน้ำชาในร้านเล็กๆ ผมว่าต้องดีมากแน่”

                กอร์ดอนตัดสินใจเก็บคำพูดที่ว่า ‘เขาคงไม่เหมาะจะไปเหยียบคฤหาสน์ตากอากาศของท่านมาร์ควิส’ เพื่อเป็นการถนอมน้ำใจของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ช่างตัดเสื้อหนุ่มยิ้มให้ฝ่ายนั้น แล้วพูดตอบไป “คงอีกนานแน่ครับกว่าผมจะว่าง ดูจากรายการเสื้อผ้าของคุณแล้วผมคงมีงานทำไปยันคริสต์มาส”

                “ถ้าคริสต์มาสคุณยังตัดเสื้อให้ผมไม่เสร็จ ผมต้องหนาวตายแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมบอกคุณแล้วว่าขอก่อนตุลา คริสต์มาสคุณต้องตัดชุดใหม่เตรียมไว้ใส่ฉลองกับผม พวกเราจะยืนใต้เถามิสเทิลโท แล้ว...”             

                กอร์ดอนรีบหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาปิดปากลอร์ดโทรว์บริดจ์ไว้ “ไม่ได้นะครับ พวกเราจะไม่ยืนใต้เถามิสเทิลโท”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงกระดาษโน้ตออกด้วยการจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ “แสดงว่าคุณไม่อยากจูบกับผมงั้นสิ”

                กอร์ดอนถลึงตามองฝ่ายนั้น และตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วเรื่องต่อยมวยเป็นไงบ้างครับ? วันก่อนคุณยังเล่าผมไม่จบเลย”

                “เออ ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา “เพราะคุณสำลักเหล้ารัม ผมเลยไม่ได้เล่าต่อเลย”

                กอร์ดอนมองค้อนฝ่ายนั้นทีหนึ่ง “งั้นเล่าสิครับ ผมอยากรู้ว่าคุณจะชกที่ไหน ยังไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับตัวด้วยความดีใจ “ผมไปคุยมาแล้วเมื่อวันจันทร์ ลอร์ดควีนสเบอรี่คิดว่ากำหนดการชกน่าจะอยู่ช่วงกลางเดือนหน้า อาจจะเป็นวันศุกร์ที่สิบเจ็ด ผมจะได้มีเวลาซ้อมประมาณเดือนนึง”

                กอร์ดอนพยักหน้า “แสดงว่างานเลี้ยงดินเนอร์คราวนั้นคุณไปคุยเรื่องชกมวยนี่เอง”

                “ผมเปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ “ลอร์ดควีนสเบอรี่เป็นคนเริ่มต่างหาก เขาอยากเห็นผมขึ้นชก ในฐานะที่พวกเรามีชื่อต้นเหมือนกัน”

                กอร์ดอนหัวเราะ “แต่คุณดูเหมือนอยากขึ้นชกมวยมาแต่แรกเลยนะครับ ท่าทางตื่นเต้นมาก”

                “ใช่ ผมอยากขึ้นชกมาตั้งแต่ตอนเรียนอีตันแล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่ชอบ ก็เลยไม่ได้ชกกับใครเป็นเรื่องเป็นราวเสียที”

                “เป็นผมผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน ผมไม่อยากเห็นคนที่ผมรักเจ็บตัว” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “งะ... งั้นหรือ คุณไม่อยากให้ผมขึ้นชกมวยหรือนี่”

                “อ๊ะ เปล่าครับ” กอร์ดอนรีบพูดต่อทันที “ผมหมายถึง ถ้าผมเป็นพ่อใครสักคน ผมคงไม่อยากให้ลูกชายไปชกมวยเหมือนกัน แต่ในฐานะเพื่อน”

                “คนรักด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เสริม กอร์ดอนถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น พลางเหลือบมองซ้ายมองขวา “อย่าพูดสิครับ ผมอุตส่าห์ไม่พูดแล้ว”

                คนถูกห้ามหัวเราะ “ในฐานะเพื่อนคุณคิดยังไงล่ะ?”

                “ผมคิดว่าผมต้องไปดูคุณชกมวย” กอร์ดอนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในฐานะเพื่อนผมต้องไปเชียร์คุณให้ถึงขอบสนาม”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงจนถึงใบหู เขาจับมือกอร์ดอนแน่นขึ้น “ผมก็อยากให้คุณไปดู... แต่... ผมกลัวตัวเองจะไม่มีสมาธิถ้าเห็นคุณด้วย”

                กอร์ดอนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ผมเข้าใจแล้ว เหมือนตอนงานเต้นรำ อืม...” เขาส่งเสียงในคออย่างใช้ความคิด “งั้นผมคงต้องอยู่บ้าน”

                “ไม่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “จอร์จบอกผมแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ คุณต้องไปนะ”

                “ลอร์ดจอร์จน่ะหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม ผมคุยกับเขาเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ เขาบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องคุณให้ ยังไงคุณต้องไปนะกอร์ดอน ผมดีใจมากเลยที่คุณอยากไปดูผมชกมวย”

                เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดไปหน้าแดงไปด้วยความดีใจ กอร์ดอนก็พลอยรู้สึกเขินไปด้วย “ผมคิดว่าจะหาเวลาไปดูคุณซ้อมด้วยนะ คุณซ้อมวันไหนที่ไหนหรือครับ?”

                “ผมซ้อมทุกวัน เริ่มพรุ่งนี้ ตั้งแต่บ่ายสองถึงบ่ายสี่ ยกเว้นวันอาทิตย์ ที่สโมสรของลอร์ดควีนสเบอรี่ เดี๋ยวผมเขียนแผนที่ให้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนรีบส่งกระดาษกับปากกาให้เขา

                “บอกชื่อกับคนเฝ้าประตูแล้วบอกเขาว่าคุณเป็นเพื่อนกับผม เขาจะให้คุณเข้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พลางยื่นกระดาษโน้ตคืนให้ “อย่าลืมนะกอร์ดอน คุณต้องไปให้ได้นะ”

                “ครับ ทราบแล้วครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู “ผมคงต้องไปก่อน ผมมีธุระสำคัญ เจอกันที่สโมสรนะ”

                “ครับ”

------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งรถม้ากลับไปที่คฤหาสน์ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูหรูหรากว่าเดิม แล้วนั่งรถออกจากคฤหาสน์ ไปยังภัตตาคารหรูกลางกรุงลอนดอน

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น” ผู้หญิงผมสีแดงในชุดสีแดงพอๆ กับผมของเธอเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์หลังจากที่เขามานั่งรอที่โต๊ะยังไม่ทันถึงห้านาที ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักทายฝ่ายนั้น “สายัณห์สวัสดิ์มาร์กี้ ชุดนี้เหมาะกับเธอมาก นั่งสิ”

                หญิงสาวคลี่ยิ้มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตามคำเชิญของอีกฝ่าย “วันนี้คุณก็ดูดีกว่าตอนงานเต้นรำนะ”

                ที่อยู่ตรงหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นลูกสาวคนเดียวของเอิร์ลบริสโตล เธอมีชื่อเต็มว่า มาร์กาเร็ต สจวต แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก ลอร์ดบริสโตลที่สนิทกับลอร์ดแอนโดเวอร์จึงมักพาเธอไปฝากไว้กับเลดี้แอนโดเวอร์บ่อยๆ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอายุอ่อนกว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันสองปี แต่เธอมีความเป็นผู้นำและเด็ดขาดกว่าเขา และตอนเด็กๆ เธอยังตัวใหญ่กว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันด้วย ดังนั้นเวลาเล่นด้วยกันทีไร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงมักจะเป็นฝ่ายร้องไห้อยู่เสมอ

                “ผมมาคุยเรื่องจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ หลังจากบริกรรินน้ำชาจากไปแล้ว เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วพยักหน้า “ฉันชอบที่คุณเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้ ว่ามาเลยค่ะจอห์น จอร์จจี้อยากให้คุณพูดอะไรกับฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “จอร์จอยากให้คุณถอนหมั้น”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนใจ “จอห์น ใช่ว่าฉันอยากจะหมั้นกับเขานะคะ จอร์จจี้เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนในลอนดอนก็ไม่ควรแต่งงานด้วย ดูที่เขาทำแต่ละอย่างสิ เห็นแก่พระเจ้า ฉันน่ะโชคร้ายมากๆ ที่ถูกจับหมั้นกับเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผมก็เห็นด้วยว่าใครที่แต่งงานกับจอร์จต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ แต่มาร์กี้ จอร์จไม่ชอบคุณ ถ้าคุณไม่ถอนหมั้นกับเขาชีวิตคุณจะต้องลำบากมากเลยนะ”

                “เลดี้แอนโดเวอร์เหมือนแม้แท้ๆ ของฉันค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด “เธอยากให้ฉันดูแลจอร์จจี้ ฉันไม่อยากให้เธอผิดหวัง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเธอแล้วถอนใจ “ผมเห็นใจคุณนะมาร์กี้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ทำไมจู่ๆ จอร์จจี้ถึงให้คุณมาพูดเรื่องนี้กับฉันคะ?”

                “เขารู้สึกว่าคุณคอยรังควานเขาน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “คือผมไม่ได้คิดว่าคุณรังควานเขานะ เขาพูดทำนองว่าคุณเป็นคนคอยยุยงให้ผู้หญิงคนอื่นตีตัวออกห่างจากเขา”

                “ฉันเปล่ายุยง” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “ฉันแค่บอกความจริง ทั้งไอรีน ทั้งแมรี่ พวกเธอควรจะได้รู้ว่าผู้ชายที่พวกเธอควงอยู่เป็นคนยังไง”

                “พวกเธอรู้มั้ยว่าคุณเป็นคู่หมั้นของจอร์จ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสั่นศีรษะ “พวกเธอไม่รู้ค่ะ จอร์จโกหกพวกเธอว่าเขายังไม่ได้หมั้น เขาไม่เคยสวมแหวนหมั้นบนนิ้ว ฉันเองก็ไม่เคยสวมเหมือนกัน แต่การหมั้นนี้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้แล้ว จะเร็วจะช้าพวกเราก็ต้องสวมแหวนอยู่ดี บางทีฉันก็คิดนะคะ ว่าทำไมเขาไม่ขอใครคนใดคนหนึ่งแต่งงานไปเลย ระหว่างแมรี่กับไอรีน ถ้าเขากล้ากว่านี้ มีความมั่นใจกว่านี้ ฉันกับคุณคงไม่ต้องมานั่งวุ่นวายเรื่องของเขา”

                “คุณคุยกับสองคนนั้นแล้วหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามต่อ “คุณบอกพวกเธอว่ายังไง?”

                “โชคดีนะคะจอห์น ที่ฉันรู้จักคุณตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นคงได้ตบหน้าคุณแน่ๆ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงเล็กน้อย “ผมแค่อยากรู้ ถ้าคุณไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะ”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนตรงไปตรงมา” หญิงสาวว่า ก่อนจะพูดต่อ “ตอนแรกฉันคุยกับแมรี่ก่อน หลังจากงานเต้นรำ เพราะคิดว่าเธอคงรู้แล้วว่าจอร์จจี้จงใจหลบหน้า บอกตรงๆ นะคะ จอห์น ฉันล่ะอายแทนเขาจริงๆ เขาต้องแอบเข้าออกงานเต้นรำอย่างกับขโมย เพื่อหลบผู้หญิงสองคน”

                “สามต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตทำหน้าตกใจ “ยังมีใครในนั้นอีกหรือคะ?”

                “คุณไง”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนใจเฮือก “จอร์จจี้ไม่ชอบเจอหน้าฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ คุณไม่ต้องนับฉันรวมไปหรอก”

                “เขาทำท่าเหมือนกลัวว่าคุณจะหึงเขาต่อหน้าเลดี้อีกสองคน”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเบิ่งตาสีเขียวของเธอด้วยความแปลกใจกว่าเดิม “จอร์จจี้คิดว่าฉันจะหึงเขาหรือคะ? เขาคงต้องผิดปกติแน่ๆ เขาคิดว่าฉันชอบเขาหรือไง?”

                “แล้วคุณไม่เคยชอบเขาหรือ?”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตีหน้าบึ้ง “จอร์จจี้เป็นคนที่ฉันควรจะเกลียดด้วยซ้ำ เขาไม่มีส่วนน่ารักเลยสักที่ ฉันควรจะเกลียดเขา... ที่จริงแล้วฉันต้องเกลียด...”

                จู่ๆ น้ำใสๆ ก็กลิ้งออกมาจากดวงตาของหญิงสาว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ เขารีบลากเก้าอี้เข้าไปใกล้แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาหมายจะซับน้ำตาให้ฝ่ายนั้น เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตปัดมือเขาออกเบาๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา

                “ขอโทษนะคะจอห์น ฉันแค่นึกถึงเรื่องที่ไม่ควรนึกขึ้นมา” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด และเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาแห้งไปจากใบหน้าของเธอแล้ว แต่ดวงตายังคงชื้นอยู่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมผิดเองที่มาพูดเรื่องนี้”

                “ไม่หรอกค่ะ ดีแล้วที่คุณพูด” เลดี้สตวจว่า เธอสูดหายใจลึก ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “ฉันจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง เป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน”

                “อืม...”

                เธอเว้นจังหวะไปอีกครู่ใหญ่ “จอร์จจี้เคยขอฉันแต่งงาน”

                “?”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถอนหายใจ “ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุสิบหก พ่อฝากฉันไว้กับเลดี้แอนโดเวอร์เพราะต้องเดินทางไปทำธุระที่สวิตเซอร์แลนด์ และไม่อยากให้ฉันอยู่ที่คฤหาสน์คนเดียว วันนั้นจอร์จจี้ออกไปสนุกกับเพื่อนๆ เหมือนทุกวัน เขากลับมาตอนสี่ทุ่ม ฉันกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เลยเปิดประตูออกมาดู เห็นเขาทะเลาะอยู่กับอเล็กซ์ วันนั้นเขาเมามาก ฉันเห็นท่าไม่ดีเลยลงไปแยกทั้งคู่ออกมาแล้วพาจอร์จจี้ไปส่งที่ห้องนอน...”

                เล่าถึงตรงนี้เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็หน้าแดงขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พอจะเดาเรื่องต่อได้ทันที เขาจึงพูดแทรก “แล้วจอร์จก็ขอคุณแต่งงานตอนนั้น”

                “ค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก้มหน้า ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด “เขาบอกว่าฉันน่ารักที่สุด เขาโชคดีที่ได้หมั้นกับฉัน”

                “แสดงว่าเขารู้ว่าเป็นคุณ ไม่ได้เมาจนเข้าใจผิด”

                “เขาเรียกชื่อฉันตลอด” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด แล้วยกมือปิดหน้า “โอ้... จอร์จจี้ ฉันควรจะรู้ว่าคุณก็พูดไปอย่างนั้นเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้แต่นิ่งอึ้ง เขาอยากจะปลอบเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไง ไม่นานนักหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมา ถอนหายใจยาว แล้วพูดต่อ “แต่พอรุ่งเช้าเขาก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน เขาผลุนผลันออกไป ทิ้งฉันเอาไว้อย่างนั้น ไม่พูดอะไรสักคำแม้แต่คำว่าเขาเสียใจ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ทำเหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “ผมรู้ว่าจอร์จนิสัยแย่กับเรื่องแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะแย่ขนาดนี้” ลอร์ดหนุ่มรู้สึกโมโหเพื่อนของเขาขึ้นมา “เขาควรจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็ควรจะขอโทษคุณถ้าเขาไม่ได้คิดอย่างที่ปากพูด”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตได้แต่ยิ้มเศร้าๆ “เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วจอห์น ช่างมันเถอะค่ะ ถ้าเขารักผู้หญิงสักคนแล้วกล้าขอเธอคนนั้นแต่งงาน ฉันก็จะยอมถอนหมั้น เพราะเขามีคนอื่นดูแลแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปนาน เขาจับมือเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแล้วบีบเบาๆ

---------------------------------
(จบตอน)
** ดิฉันมีความภูมิใจนำเสนอว่า ตอนนี้ต้องเปิดเพลงนี้คลอไปด้วยจะได้ฟีลลิ่งมากค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=DCf46I-k0Ck
ฟีลลิ่งความเพ้อของลอร์ดคาเวดิช และความเหนื่อยใจของลอร์ดเฟลตัน ฮ่าๆ
.
ปล. จบตอนแอบหวั่นใจว่าลอร์ดเฟลตันอาจจะโดนปาหน้าได้ ใจเย็นๆ นะคะ ท่านลอร์ดต้องมีเหตุผล เราจะหากันต่อไปค่ะ
.
ปล.2 ตอนนี้เรื่อยเปื่อยมาก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-01-2017 13:34:33
นั่นสินะ เอาเหตุผลมาแจงสิลอร์ดเฟลตัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 31-01-2017 13:45:20
อ้าว จอห์นสั่งเสื้อผ้าทั้งตู้ แล้วกอร์ดอนจะให้อะไรล่ะ

จอร์จคงรักมาการเร็ต แต่เพราะได้รับอิสระตั้งแต่เด็ก เลลยไม่ชอบที่ถูกบังคับหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 31-01-2017 21:38:43
สงสารมากี้ ถ้าหากพูดในฐานะผู้หญิงคนนึง จอร์จเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่า น่ารังเกียจเอาการทีเดียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-01-2017 22:16:07
อื้อหือ จอจจี้แสบมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-01-2017 23:03:42
กว่าจะได้เจอกันแต่ละทีต้องวางแผนล่วงหน้า ต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด ลำบากแท้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2017 23:05:39
ลอร์ดคาเวดิช เวลามีความรัก ดูสดใส น่ารักมาก  :mew1: :mew1: :mew1:
ลอร์ดเฟลตัน ทำเจ้าชู้ไปเรื่อยๆ
ทั้งที่จริงแล้ว น่าจะยังรักมาร์กาเรต
เพราะพอเป็นคนที่รักจริง ไม่กล้าซะงั้น
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-02-2017 14:47:59
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่11p.6 (31/1/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-02-2017 20:10:12
ลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อไป
หวานกันนานๆนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-02-2017 21:49:19
ใครที่อ่านอยู่ก่อนรบกวนอ่านตรงนี้ด้วยนะคะ สำคัญมาก เพราะมีการแก้เนื้อหาที่ค่อนข้างสำคัญค่ะ
.
ส่วนใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียว ถ้าไม่อยากปวดหัวกับการลำดับตำแหน่งขุนนางและลูกๆ ข้ามไปได้เลยค่ะ
.
1. เนื่องจากดิฉันเพิ่งค้นพบว่าลูกชายคนโต (หรือลูกชายคนเดียว) ของมาร์ควิสนั้นจะต้องใช้ยศรองจากพ่อ ในกรณีของพระเอกของเรา (จอห์น คาเวดิช) จะมียศเป็น เอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ ดังนั้น จึงไม่สามารถเรียกพระเอกว่า ลอร์ดคาเวดิช (ซึ่งเป็นชื่อสกุลได้อีก) แต่จะต้องเรียกเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ (ที่เป็นชื่อยศแทน)
.
2. การใช้ลอร์ดนำหน้าชื่อ ใช้เฉพาะลูกชายคนรองของดยุกและมาร์ควิสเท่านั้น และต้องนำหน้าทั้งชื่อสกุล ดังนั้น เพื่อไม่ให้ต้องแก้ชื่อจอร์จและแมกซ์มากไปกว่าที่เป็นอยู่ ดิฉันจึงได้ทำการแก้ไขรายละเอียดของทั้งสองคนดังนี้
        - ลอร์ดเฟลตัน แก้เป็น ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน (ภาษาปากเรียกลอร์ดจอร์จ ส่วนบทบรรยายจะเขียนเต็มทั้งชื่อและนามสกุล) และขอแก้ไขประวัติให้เป็นลูกชายคนที่สองและเป็นลูกคนเล็กของมาร์ควิสแอนโดเวอร์ (จากเดิมเป็นลูกชายคนเล็กจากบรรดาลูกชายสามคน)
        - ลอร์ดเมอร์เรย์ แก้เป็น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ (ภาษาปากเรียกลอร์ดแมกซ์ ส่วนบทบรรยายจะเขียนทั้งชื่อและนามสกุล) แก้ประวัติจากเดิมเป็นลูกชายคนรองของเอิร์ลแห่งวิสตัน ให้เป็นลูกชายคนรองของมาร์ควิสวิสตัน
.
3. แก้ไขชื่อยศและคำเรียกเหล่าสมาชิกในสโมสรแบล็กเบิร์ดดังนี้
    - ลอร์ดเบอร์มิ่ง แก้เป็น ลอร์ดครอฟตัน ชื่อเต็ม เอ็ดเวิร์ด เบอร์มิ่ง ไวส์เคาน์แห่งครอฟตัน เนื่องจากเป็นลูกชายคนโตของเอิร์ลแห่งเบอร์เบจ
    - ลอร์ดซอมเบิร์ก แก้เป็น เอ็มมานูเอล เฉยๆ (ไม่เรียกชื่อสกุลและใส่คำว่าลอร์ด) เนื่องจากเป็นลูกชายคนรองของเอิร์ลแห่งแรมสเบอรี่
    - ลอร์ดคาเทจ แก้เป็น นิโคลาส เฉยๆ เนื่องจากเป็นลูกชายคนโตของไวส์เคาน์แห่งเอนฟอร์ด
รายละเอียดแก้ไขแล้วในบทที่4
.
4. แก้ไขชื่อเลดี้สจวตและเลดี้แบรนดอนเป็น เลดี้มาร์กาเร็ต สจวต (บทบรรยาย) และเลดี้มาร์กาเร็ต (บทพูด) เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน (บทบรรยาย) และเลดี้แคทเธอรีน (บทพูด)
.
**** เนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับยศและบรรดาศักดิ์มีการปรับแก้ในหลายบทค่ะ
.
กราบขออภัยในความผิดพลาดเป็นอย่างสูงค่ะ :mew6:
-----------------------------------


Dear, My customer.

ตอนที่12 Like you, Love you.


                กอร์ดอนนึกแปลกใจที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาที่ร้านของเขาอีกครั้งหลังหกโมงเย็นเล็กน้อย เขารีบไปเปิดประตูร้านทั้งที่ยังทานมื้อเย็นค้างอยู่

                “ผมมีเรื่องต้องปรึกษาคุณ ด่วนเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด กอร์ดอนปิดประตูร้าน แล้วดึงม่านลง

                “คุณกินมื้อเย็นหรือยังครับ? ถ้าไม่รังเกียจคุยกันที่โต๊ะอาหารก็ได้ วันนี้ไม่มีใครอยู่ เดวิดก็ลากลับบ้าน”

                “ยัง พอดีผมกินไม่ลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนมองเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินนำฝ่ายนั้นไปที่โต๊ะอาหาร

                “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” เขาถาม หลังเชิญฝ่ายนั้นนั่งลงแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลอร์ดจอร์จ เฟลตันและเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตให้ฟัง กอร์ดอนฟังจบก็ทำหน้าตกใจ

                “นี่มันเรื่องส่วนตัวมากเลยนะครับ คุณไม่ควรเล่าให้ผมฟัง”

                “ไม่ เล่าให้คุณฟังแหละถูกแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณรู้จักจอร์จ แต่ไม่ได้สนิท ผมอยากได้ความเห็นในมุมมองของคนที่มีคติกับเขาและมาร์กาเร็ตน้อยที่สุด คุณนี่แหละเหมาะแล้ว”

                กอร์ดอนทำหน้าครุ่นคิด “ผมไม่คิดเลยว่าลอร์ดจอร์จจะเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้”

                “ผมก็คิดแบบคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “จอร์จควงผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็จริง แต่เขารับผิดชอบ อย่างน้อยๆ ถ้าเขานอนกับเธอเขาก็ต้องบอกว่าชอบเธอ และเอาอกเอาใจเธอจนกว่าเขาจะเบื่อแล้วขอเลิกกับเธอไปเอง แต่กับมาร์กาเร็ต...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “ทำไมจอร์จถึงทำแบบนั้น มาร์กาเร็ตแทบจะเป็นคนในบ้านของเขาด้วยซ้ำ เธอเหมือนน้องสาว... ให้ตาย ผมไม่เข้าใจเลย”

                กอร์ดอนมองผู้ชายตรงหน้า แล้วค่อยๆ พูดออกมา “คุณแน่ใจนะครับว่าเลดี้มาร์กาเร็ตพูดความจริง”

                “เธอไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหกเรื่องนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณต้องเห็นเธอตอนนั้น เธอดูน่าสงสารมาก เธอรักจอร์จ ผมแน่ใจ แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป เพราะจอร์จไม่ได้รักเธอ เขาออกจะรำคาญเธอด้วยซ้ำ”

                กอร์ดอนนิ่งไปอึดใจใหญ่ “เลดี้มาร์กาเร็ตเป็นคนสวยมากนะครับ เธอดูสง่างามและทรงอำนาจเหมือนกุหลาบ ผมเห็นเธอในงานเต้นรำ เหมือนลอร์ดจอร์จกลัวเธอ”

                “ตอนเด็กๆ เขาเคยถูกเธอแกล้ง ที่จริงเรียกว่าเล่นกันแล้วจอร์จตัวเล็กเกินไปเลยเหมือนถูกแกล้งจะดีกว่า”

                “อ๋อ” กอร์ดอนพยักหน้า “แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าลอร์ดจอร์จไม่ได้เกลียดเธอ ตอนนั้นผมถามเขาด้วยว่าเขาเลือกใคร เขาบอกว่าระหว่างสามคนนี้เขาเลือกไม่ถูก” ช่างตัดเสื้อเว้นจังหวะเล็กน้อย “ผมไม่ได้ถามถึงเลดี้มาร์กาเร็ตแต่เขานับรวมเธอไปด้วย ผมว่าเขาไม่ได้เกลียดเธอนะ ถ้าเขาเกลียดเขาคงไม่นับเธอเป็นหนึ่งในตัวเลือก”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าคิดหนัก “จอร์จคิดอะไรอยู่นะ...”

                “คุณว่าลอร์ดจอร์จเป็นคนที่เอะอะก็ขอแต่งงานไปเรื่อยรึเปล่าครับ? หมายถึงถ้าเขาชอบพอผู้หญิงสักคน เขาจะป้อนคำหวานให้เธอด้วยการสัญญาว่าจะแต่งงานกับเธออย่างที่ทำกับเลดี้มาร์กาเร็ตมั้ย?”

                “ผมว่าไม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “แม้ผมจะช็อกเรื่องที่จอร์จไม่รับผิดชอบมาร์กาเร็ต แต่เขาไม่ใช่คนที่เอะอะก็สัญญาว่าจะขอแต่งงานแน่ เขาไม่ใช่คนพูดจาชุ่ยๆ แบบนั้น ต่อให้เมาก็เถอะ”

                “ถ้าเลดี้มาร์กาเร็ตพูดความจริง แสดงว่าลอร์ดจอร์จรู้สึกว่าอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ อย่างน้อยๆ ตอนนั้นเขาก็มีสติพอจะรับรู้ว่าผู้หญิงที่เขานอนด้วยคือเลดี้มาร์กาเร็ต ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น และเขาคงรู้สึกดีจนออกปากขอเธอแต่งงาน”

                “แต่ทำไมวันรุ่งขึ้นเขาถึงได้หนีไปแบบนั้น ผมไม่เข้าใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกอร์ดอน ผมหงุดหงิดจอร์จเรื่องนี้มาก อยากจะถามเขาตรงๆ แต่พวกเรากำลังจะเจอกันที่สโมสร ผมกลัวว่าพอถามแล้วจะกลายเป็นการประจานเพื่อน อีกอย่างผมไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบผมตรงๆ รึเปล่า”

                “ผมว่าคุณใจเย็นๆ ก่อนดีกว่าครับ” กอร์ดอนพูด “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องด่วน เลดี้มาร์กาเร็ตเก็บมันมาตั้งนานเพิ่งเล่าให้คุณฟัง เธอคงไม่คาดหวังให้คุณรีบหาคำตอบให้เธอ คุณแค่หงุดหงิดที่ลอร์ดจอร์จกลายเป็นคนไม่รับผิดชอบ แต่ผมว่าลอร์ดจอร์จน่าจะมีเหตุผลในเรื่องนี้ ซึ่งเขาคงไม่บอกคุณง่ายๆ ถึงเขาจะเป็นคนอ่อนไหว แต่เวลาตัดสินใจอะไรแล้วจริงจังนะครับ ผมรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เรื่องที่เขาตกลงช่วยผมกับคุณแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมรู้จอร์จเป็นคนอ่อนไหว เหมือนไม่มีความรับผิดชอบ แต่เขารู้ว่าอะไรเป็นเรื่องสำคัญ เพราะงั้นถึงไม่มีใครเกลียดเขา”

                “เลดี้มาร์กาเร็ตก็คงรู้สึกเหมือนคุณ เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนั้น” กอร์ดอนนิ่งไปอีกอึดใจหนึ่ง “เอางี้ดีไหมครับ วันนี้คุณทำตัวให้เป็นปกติ พูดเรื่องชกมวยไป ผมจะลองเลียบเคียงถามลอร์ดจอร์จให้ กับผมเขาน่าจะพูดอะไรง่ายกว่า เพราะผมเป็นคนนอก ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของเขาเท่าไหร่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าคนรัก สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า “เอาตามนั้นแหละ ขอบใจนะกอร์ดอน ผมต้องรบกวนคุณแล้ว จอร์จเป็นเพื่อนที่ผมรักมาก”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนตอบยิ้มๆ “ลอร์ดจอร์จก็เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน อย่างน้อยๆ เขาก็อยู่ข้างผมกับคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขาขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ช่างตัดเสื้อ “ผมชักหิวแล้วสิ”

                “จริงสิ คุณยังไม่ทานมื้อเย็นนี่นา” กอร์ดอนพูดอย่างเพิ่งนึกได้ “รอเดี๋ยวนะครับ เหมือนจะมีเนื้อหมักเก็บอยู่ในตู้ ผมจะย่างให้ ถ้าเป็นแบบมีเดียมแรร์คงใช้เวลาไม่นาน”

                พูดจบเขาก็รีบลุกขึ้น แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ฉวยมือเอาไว้แล้วดึงตัวลงไปนั่งบนตัก

                “ไม่ต้องหรอก ผมไม่ได้อยากกินเนื้อย่าง” เขากระซิบ จากนั้นก็จูบหลังคอของอีกฝ่าย กอร์ดอนสะดุ้งด้วยความตกใจ “อ๊ะ! ทำอะไรครับ?”

                “กินมื้อเย็น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์งึมงำแล้วขบใบหูของเขาเบาๆ กอร์ดอนพยายามผลักเขาออก “อย่านะครับ แบบนี้ไม่...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จัดการปิดปากของเขาเอาไว้ด้วยปากของตัวเอง กอร์ดอนจับปกเสื้อของอีกฝ่ายแน่น ขณะสาละวนอยู่กับการรับมือกับจูบที่ล้ำลึกและรุนแรงที่อีกฝ่ายมอบให้

                “เนื้อย่างของคุณท่าทางอร่อยนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบ กอร์ดอนถลึงตามองเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกฝ่ายนั้นจูบอีก

                “ผมรักคุณ กอร์ดอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผละริมฝีปากออก กระซิบคำหวานข้างหู พลางจูบไล้ไปตามใบหน้าของอีกฝ่าย กอร์ดอนร้อนวาบไปทั้งตัว เขาคลายมือออกจากปกเสื้อ ก่อนจะขยับไปโอบคอของลอร์ดโทรว์บริดจ์ไว้ “ผมก็รักคุณ จอห์น”

                ทั้งคู่แนบริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้ง กระหวัดเรียวลิ้นเข้าหากันด้วยความกระหาย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยๆ ขยับมือมาลูบหน้าอกของอีกฝ่าย

                “อ๊ะ!” กอร์ดอนสะดุ้งโหยง ยกมือผลักอกลอร์ดหนุ่มเต็มแรง แต่เพราะนั่งอยู่บนตักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เลยกลายเป็นตัวเขาเองที่หงายหลังกระแทกเข้ากับโต๊ะ

                “โอ๊ย!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบรั้งร่างของกอร์ดอนเข้ามากอด “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”

                “ปะ... เปล่า” กอร์ดอนพูดตะกุกตะกัก “ผมแค่ตกใจ”   

                “ใจร้ายจัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบแล้วจูบแก้มเขา “คุณอย่าตกใจแล้วผลักผมแบบนี้สิ เหมือนรังเกียจกันเลย”

                “ผมเปล่า” กอร์ดอนพูด หน้าแดงจัดยิ่งกว่าเดิม เพราะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ดุนดันต้นขาของเขาอยู่ “พะ... พวกเราต้องไปสโมสรนะ”

                “ขอผมอีกนิดไม่ได้หรือ วันนี้อุตส่าห์ปลอดคนแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์งึมงำ พลางไล้จูบไปตามปลายคางของอีกฝ่าย ต่ำลงไปจนถึงเนินไหล่ กอร์ดอนพยายามขยับหนี “อย่า จอห์น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบสนองคำพูดนั้นด้วยการเลื่อนมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อ กอร์ดอนรีบจับมือของเขาไว้ “อย่าครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง”

                “ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อของเขาต่อ กอร์ดอนร้อนใจจนหน้าแดงจัด เขาพยายามจะพูดอีกครั้ง แต่เสียงก็หายไปในลำคอ เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ช้อนท้ายทอยของเขาขึ้นมาแล้วฝังจูบลงไปบนซอกคอ กอร์ดอนรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบออกไปจากร่าง ไฟปรารถนาปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาส่งเสียงครางเบาๆ พลางขยุ้มมือลงไปบนไหล่ของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว การกระทำดังกล่าวยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเร่งมือปลดกระดุมเสื้อของกอร์ดอนจนเกือบจะเป็นการกระชาก ในที่สุดเสื้อก็เลื่อนหลุดออกจากหัวไหล่

                ลำคอของลอร์ดโทรว์บริดจ์แห้งผาก เขาไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัสส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้าของกอร์ดอนมาก่อน ผิวของฝ่ายนั้นเป็นสีชมพูเรื่อราวกับดอกกุหลาบเบลสตอรี่ เขาก้มลงจูบหัวไหล่แล้วอ้าปากกัดเบาๆ กอร์ดอนสะดุ้งเฮือก จังหวะนั้นบางอย่างเลื่อนหลุดจากกระเป๋าเสื้อกั๊กของเขาหล่นลงไปบนพื้นเสียงดังเคร้ง

                “อ๊ะ! นาฬิกา” กอร์ดอนสะดุ้งเฮือก คราวนี้เขาไม่ได้ผลักลอร์ดโทรว์บริดจ์ออก แต่กลับก้มตัวลงไปควานหาของที่เพิ่งหล่นลงไป จนหัวไหล่กระแทกเข้ากับใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มๆ

                “โอ๊ย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้อง ขณะที่กอร์ดอนเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาพกที่หล่นลงไปบนพื้นได้สำเร็จ เขารีบเปิดมันออกดู “โชคดีจัง หน้าปัดไม่แตก”

                “แต่หน้าผมนี่สิจะแตก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คร่ำครวญ กอร์ดอนมองเขาด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นครับ”

                “คุณเอาไหล่กระแทกหน้าผม หน้าปัดนาฬิกานั่นสำคัญกว่าหน้าผมอีกหรือ” เอิร์ลหนุ่มคราง กอร์ดอนมองเขาเขินๆ “นาฬิกานี่เป็นของดูต่างหน้าปู่ผม”

                “อ้อ...”

                ช่างตัดเสื้อเปิดดูนาฬิกาอีกครั้ง ก่อนจะร้องออกมา “แย่แล้วจอห์น จะทุ่มนึงแล้ว”

                “ผมไม่ไปสโมสรแล้วได้ไหม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต่อรอง เขายังอารมณ์ค้างอยู่จากเรื่องเมื่อครู่ กอร์ดอนสั่นศีรษะ

                “ไม่ได้ครับ ถ้าเราไม่ไป ทุกคนจะสงสัยเอา” พูดจบเขาก็เลื่อนตัวลงมาจากตักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ตอนนั้นแหละกอร์ดอนถึงได้รู้ว่าเสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ยไปถึงไหนต่อไหน เขารีบดึงเสื้อขึ้นมาสวมไว้ หน้าแดงไปจนถึงใบหู

                “ผมขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่นะ”

                “ให้ผมช่วยเปลี่ยน...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางเอื้อมมือไปฉุดมือของกอร์ดอนเอาไว้ แต่กลับถูกปัดอย่างไม่ไยดี “ไม่ครับ ผมเปลี่ยนคนเดียวได้ คุณรออยู่นี่แหละ”

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนรถม้า เขาทำหน้าหงุดหงิดเสียยิ่งกว่าตอนที่มาถึงเสียอีก กอร์ดอนเห็นแล้วอดถามไม่ได้ “ทำไมคุณเอาแต่ทำหน้าแบบนั้น”

                “ผมหิว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนขมวดคิ้ว

                “ก็ผมบอกแล้วว่าจะย่างเนื้อให้คุณ คุณก็ไม่เอา”

                “ก็ผมไม่ได้อยากกินเนื้อย่าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วขยับมานั่งชิดกับเขา “คุณให้ผมกินไม่อิ่มเอง กลับจากสโมสรคุณต้องให้ผมกินต่อเลยนะ”

                กอร์ดอนเขินจนหน้ากลับมาแดงอีกครั้ง เขาชกลอร์ดโทรว์บริดจ์เบาๆ เข้าที่แขนทีหนึ่ง “คุณนี่บ้าจริง ผมอุตส่าห์ไม่พูดถึงแล้วนะ”

                “ไม่พูดถึงอะไร?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งตีหน้าสงสัย ขณะใช้จังหวะเผลอโอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้

                “ก็เรื่องที่คุณดึงกระดุมเสื้อผมขาดไปตั้งหลายเม็ดไง” กอร์ดอนพูด และดึงมือที่โอบมาออก “ที่จริงผมน่าจะโกรธคุณด้วยซ้ำ คุณเพิ่มงานให้ผมอีกแล้ว ผมไม่อยากจะเอาเวลามาเย็บกระดุมเสื้อตัวเอง”

                “โธ่ อย่าโกรธผมเลยนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแบบไม่ต้องรอถามความสมัครใจ “คราวหน้าผมจะเบามือกว่านี้”

                “ไม่มีคราวหน้าแล้ว!” กอร์ดอนว่า และพยายามผลักอีกฝ่ายออก “คุณนี่มือไวจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจูบแก้มของคนรัก “บอกผมสิ เดวิดจะลาอีกวันไหน”

                “ต่อให้เขาลา ผมก็จะไม่บอกคุณเด็ดขาด”

                “ใจร้ายจัง”

                กอร์ดอนต่อยฝ่ายนั้นอีกครั้ง “คุณจะให้เราทำผิดต่อพระเจ้าจริงๆ หรือไง?”

                “ผมยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น”

                “ก็เห็นอยู่ว่าคุณไม่ได้คิด...”

                “อย่าว่าผมเลย” ลอร์ดหนุ่มกระซิบเสียงอ้อน “แค่คุณเห็นหน้าปัดนาฬิกาสำคัญกว่าหน้าผม ผมก็เจ็บปวดพอแล้ว”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฉวยโอกาสนั้นจูบเขาอีก จึงถูกทุบหน้าอกเป็นการตอบแทน

                “หน้าคุณหนากว่าหน้าปัดนาฬิกาอีก” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเบาๆ แล้วจูบเขาซ้ำอีกครั้ง “อย่าพูดถึงนาฬิกาบ่อยนักเลยกอร์ดอน ผมยังไม่อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาฬิกาของดูต่างหน้าปู่ของคุณนะ”

                กอร์ดอนทุบไหล่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกหลายครั้งด้วยความโมโหระคนขัดเขิน “คนอะไรเนี่ย คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกระทั่งนาฬิกา”

-------------------------------------

                สโมสรแบล็กเบิร์ดยังคงครึกครื้นเหมือนเดิม แม้จะขาดสมาชิกคือเอ็มมานูเอลซึ่งนั่งเรือไปอเมริกาตั้งแต่เช้าวันจันทร์ก็ตาม ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนไปถึง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็คุยฟุ้งถึงเรื่องที่เขาจะได้เป็นพี่เลี้ยงข้างเวทีมวยให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้ว

                “จอร์จ ฉันบอกนายว่าจะชวนนายไปเป็นพี่เลี้ยงก็จริง แต่เรายังไม่ได้ขออนุญาตลอร์ดควีนสเบอรี่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ หลังทักทายเพื่อนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าหงิก ขณะที่คนอื่นๆ พากันหัวเราะ

                “พี่เลี้ยงนักมวยต้องดูทางมวยออกนะจอร์จจี้ ไหนนายดูอะไรออกบ้าง?”

                “ฉันดูออกว่าใครจะชนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างเชื่อมั่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ

                “ดูมวยกับดูม้าต่างกันนะจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่ถูกลอร์ดครอฟตันพูดแทรกขึ้นก่อน “ฉันว่าจอร์จจี้ควรจะไปอยู่ข้างโต๊ะแทงพนัน ที่นั่นแหละที่เหมาะกับเขาที่สุด”

                เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “เล่นพนันกับดูทางนักมวยก็เหมือนกันนั่นแหละน่า”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเหมือนปวดฟันกะทันหัน เขารีบยกมือห้าม ขณะที่เจมส์พูดขึ้นมา “เอาล่ะ ทุกๆ ท่าน ก่อนจะเถียงกันว่าจอร์จจี้ดูทางมวยเป็นหรือไม่ เราควรจะถามจอห์นนี่ก่อนดีกว่าว่าเขาจะต่อยกับใคร อะไร ที่ไหน ยังไง”

                “เออ ใช่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้ขยับไปนั่งกลางวง “ลอร์ดควีนสเบอรี่คิดว่าฉันน่าจะได้ขึ้นชกประมาณกลางเดือนหน้า ถ้าเป็นไปได้อาจจะเป็นวันศุกร์ที่สิบเจ็ด ส่วนคู่ชกอาจจะเป็นแมดเนอร์ เขาต้องคุยกับผู้จัดการของแมดเนอร์ก่อนถึงจะกำหนดวันที่แน่นอนได้”

                “ว้าว แมดเนอร์” นิโคลาสร้องขึ้น “ฉันชอบสไตล์การชกมวยของหมอนั่น ว่าแต่นี่เป็นการชกมือเปล่าหรือใส่นวม”

                “ใส่นวม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตามกติกาที่ลอร์ดควีนสเบอรี่ตั้งเอาไว้ อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้พ่อกับแม่ฉันยอมให้ฉันขึ้นชกล่ะ”

                เพื่อนๆ พยักหน้า เจฟฟรีพูดขึ้น “แล้วนายจะเริ่มซ้อมวันไหน กี่โมง”

                “พรุ่งนี้ บ่ายสองถึงบ่ายสี่ ฉันซ้อมทุกวัน หยุดวันอาทิตย์”

                “อื้อหือ ซ้อมหนักชะมัด”

                “คู่ต่อสู้เป็นถึงแมดเนอร์เลยนะ”

                “บ่ายสองถึงบ่ายสี่ฉันต้องทำงาน แต่วันเสาร์น่าจะได้”

                “พวกเราน่าจะนัดกันไปดูจอห์นนี่ซ้อมวันเสาร์”

                “นั่นสิ พอเขาซ้อมเสร็จพวกเราก็ไปกินมื้อเย็นกันต่อเลย”

                “ว่าแต่ใครเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนาย” เจมส์ถาม “ถ้ายังไม่มีบอกฉันนะ ฉันหาเวลาว่างไปจัดตารางการโชว์ตัวให้นายได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนแล้วยิ้ม “ขอบใจเจมส์ แต่ฉันไม่ใช่นักมวยอาชีพ ไม่ต้องมีผู้จัดการหรอก ลอร์ดควีนสเบอรี่จะจัดการทุกอย่างให้ ฉันชกแค่ไฟต์นี้ไฟต์เดียว”

                “อ้อ...” เจมส์พยักหน้า “งั้นบอกเขาว่าพี่เลี้ยงหาดีๆ หน่อย ไม่เอาจอร์จจี้นะ เพราะเขาต้องไปนั่งข้างฉันเพื่อบอกว่าจะต้องพนันข้างใคร”

                “ไม่ต้องเลยเจมส์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายยังต้องถามฉันอีกหรือว่าจะพนันข้างใคร ในเมื่อคำตอบรู้ๆ กันอยู่แล้ว”

                “นายหมายความว่าไง” เจฟฟรีถาม ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลอยหน้าลอยตาตอบ “ก็หมายความว่ายังไงเราก็ต้องพนันข้างจอห์นนี่ไงล่ะ ใช่มั้ยกอร์ดอน”

                กอร์ดอนที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สะดุ้ง “อะไรนะครับ?”

                ทุกคนหันมามองเขา จากนั้นก็หัวเราะ “ท่าทางกอร์ดอนไม่ชอบดูมวย เขาดูไม่สนใจเลยแฮะ”

                “อ๋อ... ผมเปล่า” กอร์ดอนรีบพูด “ผมเคยดูมวยนะ แต่เป็นมวยที่ต่อยกันข้างถนน ไม่ใช่ต่อยกันบนสังเวียนแบบที่พวกคุณจะไปดูกันหรอก”

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-02-2017 21:52:26
               “นายไปดูที่ไหน?” ลอร์ดครอฟตันถามด้วยความสนใจ “ฉันก็ว่าแล้วว่าทำไมเขาเฉยๆ ได้ยินว่ามวยที่ต่อยกันข้างถนนดุเดือดมาก ไม่มีกติกาอะไรหยุมหยิมวุ่นวายด้วย พนันกันหนักน่าดู”

                กอร์ดอนยิ้มแห้งๆ “บาร์ไม่มีชื่อครับ แต่ตอนนี้คงปิดไปแล้ว มันน่ากลัวมากนะครับลอร์ดครอฟตัน พวกเขาต่อยกันถึงขั้นกรามหัก ผมว่าป่าเถื่อนมาก”

                ลอร์ดครอฟตันทำหน้าคิดหนัก “ฉันอยากหาโอกาสไปดูบ้าง”

                กอร์ดอนรีบพูดขึ้นทันที “อย่าเลยครับ ผมว่าไม่เหมาะกับคุณแน่ มัน ‘ป่าเถื่อน’ มากนะครับ ไม่ใช่แค่นักมวยอย่างเดียว คนดูนี่ก็พอกันเลย จบไปคู่นึงคุณดึงใครจากคนดูพวกนั้นไปชกต่อยังได้เลยครับ”

                “โอ้โห ดูน่าสนใจมาก” นิโคลาสพูดขึ้นมา “ดึงใครไปชกก็ได้งั้นหรือ? ถ้าเขาดึงนายลงไปล่ะ?”

                “คงเป็นวันโชคร้ายที่สุดของผม” กอร์ดอนคราง “ถ้าต้องไปยืนอยู่ตรงนั้น ผมจะรีบสลบให้เร็วที่สุด คงไม่น่ามีใครตื่นเต้นกับการไล่ต่อยคนสลบนะ ผมว่า”

                ได้ยินเสียงใครหลายคนหัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจ “ฉันว่าคงไม่มีใครดึงนายลงไปหรอก ดูแค่หุ่นก็รู้แล้วว่าแพ้แน่นอน”

                เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม เจมส์พูดขึ้นบ้าง “แต่อย่างจอห์นนี่กับแมกซ์นี่รับรองโดนแน่ๆ พวกเราน่าจะจัดมวยแบบเก้าอี้ดนตรีนะ ใครชกแพ้คัดออก แล้วเอาพวกที่ยืนดูมาชกต่อ”

                “โห... ฉันไม่ชกกับจอห์นนี่แน่ แมกซ์ก็ไม่เอา” อีธานพูดพลางทำหน้าหวาดหวั่น “ฉันยังไม่อยากดั้งหัก”

                “งั้นมวยปล้ำ” เจมส์ยังคงนึกสนุกอยู่ “เอาแบบผลักกันอย่างเดียว ห้ามเตะ ห้ามต่อย ใครออกนอกวงถือว่าแพ้ มีใครสนใจบ้าง”

                “ให้ปล้ำกับจอห์นนี่หรือแมกซ์ก็ไม่เอาอยู่ดีแหละ”

                “งั้น... ให้แบ่งเป็นสองทีมเป็นไง ทีมนึงมีแมกซ์เป็นหัวหน้าทีม อีกทีมมีจอห์นนี่ แล้วพวกเราที่เหลือจับฉลากกันว่าจะได้อยู่ทีมใคร แล้วแต่ละทีมก็ส่งลูกทีมลงมาปล้ำ ใครแพ้หมดทีมก่อนก็แพ้ไปเลย”

                “เฮ้ย อันนี้เข้าท่า ฉันสนับสนุนหนึ่งเสียง”

                “ฉันด้วย แค่คิดก็สนุกแล้ว”

                “น่าสนุกดี ฉันเอาด้วย”

                หลังจากนั้นเสียงโหวกเหวกก็ตามมาจนกอร์ดอนหูอื้อ รู้ตัวอีกทีเจมส์ก็ยืนเด่นอยู่กลางห้อง “เป็นอันว่าตกลงเราจะเล่นมวยปล้ำกัน เดี๋ยวฉันจะไปบอกออตโตมานให้หาชอล์กมาให้เราสักแท่ง จะได้ขีดวงปล้ำ ฮ่าๆ ต้องสนุกมากแน่ๆ”

                ไม่นานนักห้องประชุมสโมสรก็กลายสภาพเป็นเวทีมวยปล้ำขนาดย่อมๆ หลังจากเถียงกันเรื่องกติกาอยู่นาน เหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายก็ค้นพบข้อสรุป

                “เพราะวันนี้เรามีกันสิบคน กรรมการจึงต้องเป็นสองคนที่ไม่มีใครอยากปล้ำด้วย นั่นคือแมกซ์กับจอห์นนี่ เขาจะคอยดูว่าลูกทีมของตัวเองอยู่ในกติกามั้ย กติกามีดังนี้ ปล้ำกันไม่เกินสามนาที ถ้าครบสามนาทีใครที่ถูกกดเอาไว้ด้านล่างถือว่าแพ้ ส่วนระหว่างนี้ใครที่ออกนอกวงก่อนก็ถือว่าแพ้ คนที่ชนะมีสิทธิ์แข่งต่อ คนแพ้ต้องถูกคัดออกเลย ห้ามต่อย เตะ กัด หักข้อต่อ ทำได้แค่ผลักกับดึง แล้วก็กอดเท่านั้น นึกซะว่าพวกนายกำลังทำสกรัมกันอยู่ เข้าใจตรงกันนะ”

                “ตกลงตามนี้”

                จากนั้นเจมส์ก็เอารายชื่อของบุคคลที่อยู่ในห้องทั้งหมดยกเว้นลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใส่โถเงินแล้วกวนเพื่อจับฉลากเลือกทีม

                ผลการจับฉลากเป็นดังนี้

                ทีมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ประกอบด้วย

-          ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน (สูง รูปร่างผอม)

-          นิโคลาส (สูง รูปร่างปานกลางค่อนไปทางผอม)

-          โรเบิร์ต (สูงปานกลาง รูปร่างหนา)

-          อีธาน (สูงปานกลาง รูปร่างสันทัด)

                ทีมของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ประกอบด้วย

-          ลอร์ดครอฟตัน (สูง รูปร่างสูงหนา แต่ยังเล็กกว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์)

-          เจฟฟรี (สูงปานกลาง รูปร่างสันทัด)

-          เจมส์ (สูงปานกลาง รูปร่างสันทัด)

-          กอร์ดอน (สูงปานกลาง รูปร่างผอม)

                หลังจับฉลากแบ่งทีมแล้ว หัวหน้าทีมก็เลือกคนที่จะลงปล้ำคนแรก ทีมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งอีธานเข้าชิงชัย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงส่งคู่รักคู่แค้นอย่างเจมส์เป็นคู่ปล้ำ

                “ถือซะว่านี่คือนัดล้างตาจากงัดข้อคราวก่อน” เจมส์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อีธานยักไหล่ “ได้ หวังว่าคราวนี้นายคงไม่อ้างว่าแพ้เพราะมีใครมาขัดจังหวะอีกนะ”

                “เอ้า เริ่ม”

                ทั้งคู่เข้าปลุกปล้ำกันทันที ไม่นานก็ลงไปล้มลุกคลุกคลานกันอยู่บนพื้น เสียงเชียร์ดังลั่นจนเหมือนหลายคนอยากลงไปปล้ำเอง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองนาฬิกาเพื่อจับเวลา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์คอยดูว่ามีใครทำผิดกติกาหรือไม่

                “ดึงเข็มขัด ดึงเข็มขัดเขาเลยเจมส์ นายต้องพลิกตัวกลับมาให้ได้ เห็นแก่พระเจ้า นายต้องชนะ”

                “อย่าให้เขาพลิกขึ้นมานะอีธาน เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งนาที นายทำได้อยู่แล้ว”

                “สู้เค้าเจมส์ อย่าไปฟัง เวลายังเหลืออีกเยอะ นายต้องพยายาม”

                “ดึงเข็มขัด แล้วพลิกตัวเขา เจมส์ เอาเลย!”

                ในที่สุดเจมส์ก็พลิกกลับมาเอาชนะอีธานคู่รักคู่แค้นของเขาได้ในห้าวินาทีสุดท้าย ทั้งสองคนหอบจนหน้าแดง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ

                “ดี นายทำได้ดีมาก ดูซิจอห์นนี่จะส่งใครมาลงชิงชัยกับนาย” ลอร์ดครอฟตันว่า ทางฝั่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปปรึกษากันแล้วตัดสินใจส่งโรเบิร์ตลงมาปล้ำต่อ ลงมาปล้ำกันไม่ถึงห้าวินาที โรเบิร์ตก็ส่งฝ่ายตรงข้ามออกไปนอกวงได้สำเร็จ

                “โห เจมส์ ไม่ไหว นกกระจอกยังไม่ทันได้กินน้ำ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำสีหน้าผิดหวัง เจมส์ถลึงตาใส่เพื่อน “นายต้องลองมาปล้ำกับอีธานดู แล้วจะรู้ว่าสูบแรงขนาดไหน”

                “แย่จังที่ฉันไม่ได้ลอง” ลอร์ดหนุ่มพูดยิ้มๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเจฟฟรี่ลงมาเป็นตัวแทนของทีม คราวนี้ค่อยสูสีกันหน่อย หลังปล้ำกันนานเกือบสามนาที เจฟฟรีก็จัดการส่งโรเบิร์ตออกนอกสนามได้สำเร็จ

                “ว้าว ครั้งแรกเลยที่ฉันสกรัมชนะเขา” ชายหนุ่มร้องขึ้นด้วยความดีใจ คนแพ้ได้แต่พยักหน้า “ถือว่าคืนนี้นายโชคดี”

                “ส่งจอร์จจี้ลงมาเลย” เจฟฟรีว่า “ฉันแน่ใจว่าไม่แพ้เขาแน่นอน”

                “ถ้านายพูดงั้นฉันไม่ลงดีกว่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “นิกกี้จะลงแทนฉัน เพื่อชัยชนะของทีมเรา ใช่มั้ย?”

                นิโคลาสพยักหน้าเพลียๆ “แน่นอนจอร์จจี้ นายไม่เคยสกรัมชนะใครอยู่แล้ว ลงไปก็เท่านั้นแหละ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเป็นไม่ได้ยิน ขณะที่นิโคลาสเดินเข้าไปในสังเวียน “บอกเลยนะเจฟ ถึงคว่ำนายแล้วต้องเจอแมกซ์ ฉันก็ไม่กลัว”

                “ไม่ต้องห่วงนิกกี้” เจฟฟรีว่า “นายผ่านฉันได้ยังต้องเจอเอ็ดดี้อีก ผ่านเขาให้ได้ค่อยคิดถึงแมกซ์ดีกว่า ฮ่าๆ”

                ทั้งสองคนใช้เวลายันกันอยู่กลางวงเป็นเวลานาน จนลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “เจฟฟรีไปทำอะไรมา ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่าเขางัดกับนิกกี้ได้ยาวขนาดนี้”

                “คิวต่อไปคือนายนะจอร์จจี้” เจมส์ว่า “ดูที่เอาไว้เลยว่านายอยากออกนอกวงหรือนอนตรงไหน ฉันช่วยเลือกให้ไหม?”

                “ไม่เป็นไร ขอบใจเจมส์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “ฉันแน่ใจว่านิกกี้จะต้องชะ...”

                “โอ้ ให้ตายเหอะจอร์จจี้! วันนี้เป็นวันของเจฟจริงๆ” เจมส์ตะโกน ก่อนจะตบไหล่เขาแรงๆ สองที หลังจากเจฟฟรี่ผลักนิโคลาสออกนอกวงได้สำเร็จ  ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสูดหายใจ “จอห์นนี่ ฉัน...”

                “คิวนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ลงไปเถอะจอร์จ แพ้ก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครว่านายอยู่แล้ว”

                “ใช่ ไม่มีใครคาดหวังชัยชนะจากนายอยู่แล้วจอร์จจี้” เจมส์สำทับอีก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถลึงตามองเขา ก่อนจะก้าวเข้าไปในวง

                “เจฟ ฉันนี่แหละจะเป็นคนหยุดนาย”

                “ฉันว่าทุกคนคงรอวันนี้มานานเหมือนกัน วันที่นายจะสกรัมชนะใครสักคนเสียที หวังว่าคืนนี้จะเป็นคืนของนายนะ ฮ่าๆ” เจฟฟรีหัวเราะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที

                “โอ๊ะ จอร์จจี้อาศัยทีเผลอ แต่เจฟไม่หลงกล” เจมส์พากษ์สดทันที “โอ้โห แต่จอร์จจี้ของเราก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาคงคิดว่าเจฟเสียพลังงานไปเยอะแล้วกับการเหวี่ยงเพื่อนออกไปสองคน แต่วันนี้เป็นวันของเจฟ โอ้ เขากดจอร์จจี้ลงไปบนพื้นได้แล้ว ดูไม่จืดเลยท่านสุภาพบุรุษ ขาของจอร์จจี้ยาวอย่างกับอะไรดี”

                “นายหยุดพากษ์ทีเจมส์!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนขณะพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกกดลงบนพื้น “นายทำฉันเสียสมาธิ”

                “โธ่ จอร์จจี้ ถึงฉันไม่พูด ก็ใช่ว่านายจะปล้ำชนะเจฟสักหน่อย”

                “จอร์จ ยกขาสูงๆ แล้วดีดแรงๆ เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตะโกน “ทำเหมือนเวลานายถูกปลุกแล้วอารมณ์เสียน่ะ”

                “ว้าว สถานการณ์พลิกกลับแล้ว” เจมส์ตะโกนอีก “เพราะคำแนะนำจากจอห์นนี่ จอร์จจี้หลุดจากการถูกกดไว้บนพื้นแล้ว เขากำลังคลานหนีเจฟสุดชีวิต บ้าจัง ทำไมเขาไม่คลานออกนอกวงไปเลย”

                “เจมส์ หยุดที ถ้าไม่หยุดฉันจะ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดไม่จบเพราะถูกเจฟฟรีดึงขาเอาไว้ เขาพยายามดิ้นสุดแรง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่ายหน้า “ไม่ไหวมั้งจอร์จ... นายยอมแพ้ดีกว่า”

                “ไม่มีทาง!” ถึงจะตะโกนอย่างนั้น แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ถูกเจฟฟรี่จับกดลงกับพื้นได้สำเร็จ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงมองนาฬิกา

                “หมดเว..”

                ยังไม่ทันขานจบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันใช้พลังฮึดเฮือกสุดท้ายสะบัดเจฟฟรีจนหลุด ผลพลอยได้คืออีกฝ่ายกระเด็นออกไปนอกวงด้วย

                “ให้ตาย...” เพื่อนๆ ต่างพากันร้องคราง “ใครดูทันบ้าง ตกลงใครชนะ จอร์จหรือเจฟ?”

                “นายว่าไง แมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาถามเพื่อน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “ฉันยังขานไม่จบ เจฟหลุดออกนอกวงก่อน ให้จอร์จชนะแล้วกัน”

                เสียงเฮดังลั่น เพื่อนๆ ต่างพากันมาตบไหล่แสดงความยินดีกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เหมือนว่าเขาเพิ่งชนะสงครามมา

                “ในที่สุดนายก็ทำได้จอร์จ แม้จะฟลุก”

                “ใช่ ฟลุกแต่ก็ถือว่าทำได้”

                “โห... นี่พวกนายไม่คิดจะชมฉันจริงๆ จังๆ บ้างหรือไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเคืองๆ หลังแสดงความยินดีพอเป็นพิธี ลอร์ดครอฟตันคู่ปล้ำคนต่อไปของเขาก็ลงมาในสนาม

                “ไหนแสดงให้ฉันดูสิจอร์จ ว่านายไม่ได้ฟลุก”

                “มาเลย โอ๊ย!”

                เจมส์ครางออกมา “แย่กว่าฉันอีกจอร์จจี้ กะพริบตายังไม่ทันเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลุกขึ้นปัดกางเกง “นายต้องลองปล้ำกับเจฟดูก่อน แล้วจะรู้ว่ามันสูบแรงขนาดไหน”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้าวลงสนาม

                “จอห์นนี่ เบามือหน่อยนะ” ลอร์ดครอฟตันพูด ก่อนจะถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ดันออกไปนอกวงโดยใช้เวลาไม่ถึงห้าวินาที

                “ให้ตาย น่ากลัวที่สุด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับเจมส์ครางขึ้นพร้อมกัน “โชคดีที่ฉันไม่ต้องปล้ำกับเขา”

                “ตานายแล้วกอร์ดอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า กอร์ดอนกลืนน้ำลาย ขณะที่คนอื่นๆ ตะโกนขึ้นมา “พอลงไปแล้ววิ่งหนีออกไปนอกวงเลยนะกอร์ดอน ไม่มีใครว่านายหรอก นั่นจอห์นนี่นะ นายทำยังไงก็ได้ให้รักษาซี่โครงเอาไว้ไม่ให้หักก็พอ”

                กอร์ดอนก้าวลงไปในวง เขามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วกะพริบตาปริบๆ “ผมไม่เคยเล่นรักบี้นะ ไม่รู้ว่าสกรัมทำกันยังไง”

                “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมสอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกน “เฮ้ย จอห์นนี่ ห้ามช่วยกอร์ดอนนะ เขาอยู่ทีมแมกซ์ นายต้องเล่นแบบแฟร์ๆ”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รับปาก แล้วหันกลับมาหากอร์ดอนอีกครั้ง “ไม่มีอะไรยากหรอก คุณแค่พยายามใช้ไหล่ยันผมเอาไว้ อย่าล้มลงไปก็พอ”

                กอร์ดอนพยักหน้า แต่ก็นึกแย้งในใจว่ามันต้องเป็นเรื่องยากแน่ แค่ดูทุกคนที่เล่นกันไปก่อนหน้านี้ก็เหงื่อแตกแล้ว เขาจะยันคนตัวใหญ่อย่างลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ยังไง

                “เริ่ม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้สัญญาณ กอร์ดอนพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี หวังว่าจะยันเอาไว้ได้สักครู่หนึ่ง แต่ก็เหมือนถูกรถม้าชน พอฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามา เขาก็ล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ถูกกดเอาไว้แนบพื้นในท่าที่แทบจะกระดุกกระดิกตัวไม่ได้

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-02-2017 21:54:10
                “โอ๊ย จอห์นนี่ โหดร้ายไปแล้ว กอร์ดอนเป็นช่างตัดเสื้อนะ นายจะฆ่าเขาหรือไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา ขณะที่เพื่อนๆ ทำหน้าหวาดเสียว

                “พอเถอะจอห์นนี่ นายแกล้งกอร์ดอนใช่มั้ยเนี่ย เขาจะขาดอากาศตายเอานะ นายเล่นกดเขาแบบนั้น”

                กอร์ดอนพยายามดิ้นเท่าที่เขาจะทำได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพลิกมาจับเขากดอีกทาง คราวนี้ใบหน้าของทั้งคู่แทบจะชิดกัน

                “ปล่อยผมนะ” กอร์ดอนโวยวาย เขาพยายามใช้ขาลากตัวเองออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขายิ้มๆ แล้วกระซิบข้างหู “ยังไม่ครบสามนาทีเลย คุณไม่ต้องรีบหรอก ถือว่าชดเชยให้ผมเรื่องมื้อเย็นแล้วกัน”

                กอร์ดอนหน้าแดงจัด เขาพยายามดิ้นดนแต่ก็ไม่เป็นผล หลังปล่อยให้อีกฝ่ายดิ้นอยู่สองสามครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จับเขาคว่ำหน้าแล้วกดไว้อีกรอบ นิโคลาสยกมือนวดหน้าผาก “ไม่ไหวจอห์นนี่ แกล้งเขาชัดๆ”

                กอร์ดอนพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองออกไปให้ถึงเส้นขอบ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม เขาอับอายจนไม่รู้จะอายยังไง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ ช่วยทำอะไรสักอย่างสิ มันควรจะครบสามนาทีแล้วไม่ใช่หรือไง?”

                “เพิ่งนาทีครึ่งเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเขา “ถึงพวกเราจะเล่นกัน แต่กติกาก็ต้องเป็นกติกานะ”

                “แต่กอร์ดอนต้องตายแน่ จอห์นนี่เล่นแกล้งเขาแบบนั้น”

                “กอร์ดอนไม่ตายหรอกน่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอก “ถ้าอยากช่วยนายลองหาทางบอกกอร์ดอนดีกว่าว่าจะพาตัวเองออกมาจากจอห์นนี่ยังไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าสยอง “ขนาดฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าถูกจอห์นนี่กดไว้แบบนั้นจะหลุดออกมาได้ไง”

                “จอห์นนี่ พอได้แล้วล่ะ เรารู้แล้วนายเอาจริง หยุดแกล้งเขาได้แล้ว” โรเบิร์ตพูดขึ้น คนอื่นๆ รีบสนับสนุน “ใช่ นายพอเถอะ เราไม่อยากให้นายแกล้งกอร์ดอนแบบนี้”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมปล่อยช่างตัดเสื้อในที่สุด เขาลุกขึ้นยืน แล้วดึงมือของอีกฝ่ายขึ้นมา กอร์ดอนถลึงตามองเขา ก่อนจะใช้ไหล่กระแทกใส่เจ้าตัวด้วยความโมโห ปรากฏว่าลอร์ดหนุ่มถึงขั้นเสียหลักเซถอยหลังไปหลายก้าว โชคดีที่เพื่อนๆ รับไว้ทัน

                “ผมขอโทษ! คุณเป็นอะไรรึเปล่า” ช่างตัดเสื้อร้องออกมาด้วยความตกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มแล้วสั่นศีรษะ “เปล่า ผมไม่เป็นอะไร คุณเล่นทีเผลอนะเนี่ย”

                กอร์ดอนหน้าแดง ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ประกาศ “จอห์นนี่หลุดออกนอกวง กอร์ดอนชนะ”

                เกิดความเงียบขึ้นในห้องชั่วอึดใจ ก่อนที่ทีมของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จะส่งเสียงเฮขึ้นมา “ว้าว เราชนะ พวกเราชนะ ฮ่าๆๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินไปหาเพื่อน แล้วพูดเสียงเขียว “จอห์นนี่... นาย-ทำ-อะ-ไร”

                “เล่นมวยปล้ำไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบหน้าซื่อ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเค้นเสียงพูดต่อ “ฉันหมายถึง... นายแพ้ได้ยังไง”

                “เอ้า นายมาลองถูกเล่นทีเผลอแบบฉันดูบ้างมั้ยล่ะ?” ลอร์ดเพื่อนของเขาตอบพลางยักไหล่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เพื่อนโดยใช้ไหล่กระแทกบ้าง ท่าทางของเขาดีกว่ากอร์ดอนเยอะ แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว

                “นี่ไม่เรียกทีเผลอนะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะจับเอวฝ่ายนั้นรวบกดลงไปบนพื้น คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดิ้นกระแด่วๆ “โอ๊ย จอห์นนี่ ปล่อยฉันนะ!!”

                ได้ยินเสียงคนที่ยืนดูอยู่หัวเราะชอบใจ “ไม่ไหวเลยจอร์จจี้ นายแพ้สกรัมอีกแล้ว”

                “นี่มันไม่ยุติธรรม!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนทั้งที่ยังถูกจับกดอยู่ “ทำไมไม่มีใครเห็นใจฉัน ฉันถูกจอห์นนี่ทับอยู่นะ”

                “นายยังดิ้นได้โวยวายได้นี่นา จอห์นนี่ไม่ทับนายถึงตายหรอกน่า” เจมส์พูดขำๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนสำลัก กอร์ดอนรีบพูดขึ้นมา “ปล่อยเขาเถอะ ผมว่าเขาน่าจะหายใจไม่ออก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าช่างตัดเสื้อ “นายเชื่อหรือกอร์ดอน?”

                คนถูกถามพยักหน้า “ก็เขาสำลักอยู่นี่ พวกคุณไม่ได้ยินหรือไง?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ เขาหันไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ “กอร์ดอนเชื่อมุกจอร์จ นายควรปล่อยเขานะ อย่างน้อยๆ คราวนี้ก็มีคนกลัวว่าเขาจะสำลักจริงๆ”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วปล่อยตัวลอร์ดจอร์จ เฟลตันให้เป็นอิสระ พอลุกขึ้นได้ฝ่ายนั้นก็ทำเลียนแบบกอร์ดอนทันที

                “ทำอะไรจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนเท้าสะเอว ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามจะใช้ไหล่ดันตัวเขา แต่กลายเป็นว่าฝ่ายนั้นดันลื่นไปข้างหลังแทน หลังพยายามดันอยู่นาน เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมา ยกมือปัดเสื้อ “ก็ได้ ฉันยอมให้ในฐานะที่นายเป็นเพื่อนรักฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นพากันหัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมาพูดกับกอร์ดอน “เห็นมั้ย เขาไม่ได้สำลักจริงๆ หรอก”

                กอร์ดอนกะพริบตาปริบๆ จังหวะนั้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็หันมาหาเขา “นายนี่เป็นคนดีจริงๆ”

                ลอร์ดหนุ่มพูดพลางเดินเข้ามายกมือจับไหล่ช่างตัดเสื้อเอาไว้ “ในขณะที่คนอื่นพากันหัวเราะฉัน นายกลับเชื่อและช่วยฉันเอาไว้ นายช่างเป็นคนดีมีน้ำใจ ฉันล่ะซาบซึ้งจริงๆ”

                “เฮ้ยๆ หยุดน้ำเน่าเลยจอร์จจี้” เจมส์แขวะ ก่อนจะหันมาพูดกับกอร์ดอน “นายไม่ต้องไปฟังเขามากนะ จอร์จจี้เป็นคนช่างฝัน เขาหวานหยดได้กับทุกคนแหละ โดยเฉพาะผู้หญิง”

                กอร์ดอนหัวเราะแห้งๆ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปถลึงตาใส่เพื่อน เหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วทยอยกันนั่งลงจิบวิสกี้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าทางเหมือนน้อยอกน้อยใจที่ถูกเพื่อนๆ รุมแกล้ง เลยลากเก้าอี้ไปนั่งตรงมุมห้อง กอร์ดอนฉวยโอกาสนี้ลากเก้าอี้ไปนั่งใกล้เขา

                “นายไม่ต้องมาสงสารฉันเลย ฉันไม่ต้องการความเห็นใจตอนนี้” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางทำหน้าหงุดหงิด ช่างตัดเสื้อหนุ่มรีบพูด “เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมมานั่งตรงนี้เพราะมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษาคุณ”

                คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองเขาด้วยความสนใจ เจ้าตัวยืดตัวขึ้นเล็กน้อย วางท่าแบบพร้อมให้คำปรึกษาทุกชนิด “เรื่องอะไรล่ะ?”

                กอร์ดอนเหลือบซ้ายแลขวา พอแน่ใจว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา เจ้าตัวจึงพูดขึ้นเบาๆ “เรื่องผมกับแอนนาเบลครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

                “คือ...” กอร์ดอนทำท่าอึกอัก “คุณจะทำยังไงเวลาคุณรู้สึกชอบใครสักคน แต่อีกทางหนึ่งคุณก็รักใครสักคนเข้าแล้ว”

                ลอร์ดหนุ่มมองเขา จากนั้นก็ยิ้ม “ฉันเข้าใจความรู้สึกนายดีเลยล่ะ นายยังชอบแอนนาเบลอยู่ แต่อีกทางหนึ่งนายก็รัก... เอ่อ... รักคนที่นายกับฉันก็รู้อยู่ว่าใคร”

                กอร์ดอนพยักหน้า แล้วพูดต่อ “นั่นล่ะครับ มันค่อนข้างเข้าใจยาก ผมไม่รู้ว่าควรจะวางตัวกับแอนนาเบลยังไงดี จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าชอบเธออยู่ เวลาเจอเธอผมรู้สึกผิดทุกที”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่เขา “ความชอบกับความรักมันต่างกันนะกอร์ดอน” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง “เวลาที่นายชอบใครสักคน นายสามารถหาเหตุผลมากมายมาอธิบายว่าทำไมนายถึงชอบคนคนนั้น ยกตัวอย่างแอนนาเบล นายชอบเธอเพราะเธอผมสีแดง แต่เวลานายรักใครสักคน นายอธิบายไม่ได้หรอกว่าทำไมถึงรัก บางทีนายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านายรักคนคนนั้น จนกว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้นายรู้สึกขึ้นมา”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “แล้ว... ผมควรจะทำไงต่อครับ?”

                “ทำเหมือนปกติ” ลอร์ดหนุ่มว่า “ถ้าเธอไม่เคยแสดงออกว่าชอบนายแบบที่นายชอบเธอ นายก็แสดงออกจากที่นายเคยทำ รู้สึกดีกับเธอแบบไหนก็ทำแบบนั้น”

                “โห... ไม่กลายเป็นว่าผมจีบเธอต่อหรือครับ”

                “ก็ฉันบอกแล้วว่าชอบกับรักมันต่างกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้านายคิดว่ายังชอบเธออยู่และการจะบอกว่าไม่ชอบเธอมันทำร้ายจิตใจของนาย นายก็ทำกับเธอเหมือนเดิมนั่นแหละ จอห์นนี่... เอ่อ... นั่นแหละ เขาไม่ว่าอะไรหรอก ฉันว่าเขาไม่น่าใจแคบขนาดนั้น”

                “อื้อหือ... ผมเข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงควงผู้หญิงได้ทีละหลายๆ คน” กอร์ดอนครางออกมา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหรี่ตามองเขา เจ้าตัวเลยรีบพูดต่อ “คือผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรคุณนะครับ ว่าแต่... คุณเคยรักใครบ้างไหมครับ?”

                “ฉัน?”

                “ครับ ก็คุณบอกว่าความรักกับความชอบมันต่างกันมาก แสดงว่าคุณต้องเคยรักใครแน่”

                คนถูกถามมองเขาอีกอึดใจ แล้วหัวเราะ “ฉันเคยรักใครแล้วจะเป็นไงล่ะ?”

                “ผมอยากรู้ว่าคุณทำยังไงถึงรักใครได้ทีละหลายๆ คน”

                คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ถ้านายเป็นเพื่อนคนอื่น ฉันคงเข้าใจว่านายตั้งใจมาประชดฉันนะเนี่ย แต่เห็นแก่ที่เป็นนาย กอร์ดอน ฉันบอกนายเลยว่าฉันไม่เคยรักใครทีละหลายๆ คน คนที่ฉันรักมีแค่คนเดียว”

                “อ้าว... แต่คุณควงผู้หญิงตั้งหลายคนนี่ครับ”

                “ก็ฉันบอกนายไปแล้วไงว่ารักกับชอบมันไม่เหมือนกัน” ลอร์ดหนุ่มว่า “ฉันควงหลายคนเพราะฉันชอบเธอ แต่ฉันไม่ได้รักเธอ พูดไปนายอาจจะไม่เชื่อนะ ฉันไม่เคยบอกผู้หญิงที่ฉันควงว่าฉันรักเธอสักคน ฉันบอกแค่ว่าฉันชอบเธอเท่านั้น”

                “แล้วผู้หญิงที่คุณรักล่ะครับ คุณเคยบอกเธอไหม?”

                คนถูกถามถึงกับเงียบไปดื้อๆ จนกอร์ดอนรู้สึกว่าเขาทำพลาด “คือ... ผมไม่ได้ตั้งใจสอดรู้สอดเห็น ขอโทษด้วยนะครับ”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดหนุ่มพูดออกมาในที่สุด จากนั้นก็ถอนใจอีก “ฉันเคยบอกรักเธอ เป็นการบอกรักที่บ้าที่สุด บ้ากว่านั้นคือเธอเป็นคนเดียวที่ฉันไม่อยากบอกรัก ไม่อยากจะรักเธอด้วย”

                “อ้าว ทำไมล่ะครับ” ช่างตัดเสื้อถามด้วยความงุนงง “ก็คุณรักเธอไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่อยากรักเธอล่ะครับ”

                “เพราะฉันไม่อยากจะรักผู้หญิงที่มองฉันด้วยความสงสาร แต่ไม่ได้รักฉันน่ะสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ แล้วตัดบททันที “เราเลิกคุยกันเรื่องนี้เถอะ น่าเบื่อมาก”

                “ครับๆ” กอร์ดอนพยักหน้าหงึกๆ เขานั่งมองวิสกี้ในแก้วอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจหันไปหาลอร์ดหนุ่มอีกครั้ง

                “จอร์จ... ผมคิดว่ามีอีกเรื่องที่จะต้องบอกคุณ แต่ผมกลับรู้สึกว่าบางทีผมอาจจะไม่ควรบอกคุณ”

                “เรื่องอะไรอีกล่ะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบตามามองเขา ท่าทางเหมือนไม่อยากสนใจ

                กอร์ดอนทำหน้าคิดหนัก “เรื่องนี้ที่จริงก็ไม่เกี่ยวกับคุณเลยครับ ผมแค่บังเอิญเห็น”

                “เห็นอะไร?” คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันหน้ามามองด้วยความอยากรู้ทันที “นายอย่าพูดแบบนี้สิ ฉันยิ่งอยากรู้นะเนี่ย”

                “คือ... ผมคิดว่าถ้าพูดแล้วคุณจะต้องหงุดหงิด จริงๆ นะ ผมไม่น่าพูดออกมาเลย”

                “เอาน่าๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเริ่มแสดงอาการสนใจใคร่รู้อย่างเห็นได้ชัด “เรื่องอะไรเล่ามาเถอะ นายพูดมาขนาดนี้แล้ว จะเก็บไว้อีกทำไม”

                กอร์ดอนทำท่าเหมือนกำลังตัดสินใจว่าควรพูดหรือไม่พูดดี “คือวันก่อนผมไปดูผ้าที่ท่าเรือ แล้วผมบังเอิญเห็นเลดี้มาร์กาเร็ต”

                “มาร์กาเร็ต?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทวนคำ “เธอไปทำอะไรที่ท่าเรือ”

                “ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ” กอร์ดอนตอบ แล้วพูดต่อ “เธอแต่งตัวมิดชิดมาก เหมือนไม่อยากให้ใครจำได้ แต่ผมจำผมสีแดงของเธอได้ ผมชอบผู้หญิงผมสีแดง”

                “เอาล่ะ ฉันรู้แล้วนายชอบผู้หญิงผมแดง แล้วไงต่อ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถาม ท่าทางหงุดหงิด

                “คือ... เธอมากับผู้ชายอีกคน... ผมว่าน่าจะเป็นคนรักของเธอนะครับ คือที่ผมเล่าให้คุณฟัง เพราะได้ยินว่าเลดี้มาร์กาเร็ตเป็นคู่หมั้นของคุณ ถ้าเธอแอบมีคนรักลับๆ คุณก็ใช้เป็นข้ออ้างในการถอนหมั้นเธอได้... แต่ผมกลัวว่าเล่าแล้วคุณจะหงุดหงิด เพราะคุณไม่ค่อยชอบเธอ”

                “ใครว่าฉันไม่ชอบ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดค้าง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพยักหน้า “ใช่ ฉันไม่เคยชอบมาร์กาเร็ต” เขาพูดแล้วขยับมาใกล้กอร์ดอนอีก “แน่ใจนะว่านายไม่ได้มองผิด นั่นเป็นเธอแน่ๆ และผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เพื่อนของเธอ”

                “ไม่มีเพื่อนคนไหนเขาควงกันสนิทกันขนาดนั้นหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “ถึงผมเอาแต่ตัดเสื้ออยู่ที่ร้าน แต่ก็แยกออกนะครับว่าเพื่อนกับคนรักเวลาเดินด้วยกันแตกต่างกันยังไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดง ท่าทางเหมือนโมโห แต่จู่ๆ เขาก็ถอนหายใจ “งั้นก็ดี... ถ้ามาร์กาเร็ตมีคนรักได้ก็ดี ฉันจะได้โล่งสักที”

                เขายกมือขึ้นตบไหล่ช่างตัดเสื้อ “ขอบใจนะกอร์ดอน ถ้าเธอมีคนรักจริงๆ ฉันบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ พวกเราจะได้จบกันเสียที”

--------------------------------------------
(จบตอน)
** ในที่สุดดิฉันก็ได้ลงบทแก้ตัวของลอร์ดจอร์จแล้ว (จุดพลุ) :mc4: ที่จริงกะว่าจะดองเอาไว้อีกสักพัก แต่เพราะเพิ่งค้นพบว่าต้องแก้ไขลำดับยศและการเรียกชื่อของทั้งพระเอกและเพื่อนซี้ เลยกลัวจะลืมว่าต้องอธิบายอะไรบ้าง จึงเอามาลงต่อกันเลยค่ะ
.
สโมสรวันพุธสุดหรรษาของเหล่าคุณชายคือเสียจริตทุกตอนมาก บางทีก็สงสัยว่าพวกนี้อายุเท่าไหร่กัน 555+
.
พอเปลี่ยนชื่อเรียกใส่ชั้นยศให้พระเอกแล้ว ยิ่งสัมผัสได้ถึงกำแพงศักดินาที่หนาและหนักมากกกก :katai1:
.
ขออภัยในความผิดพลาดและขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-02-2017 22:42:50
โอัโห! ขอยืนขึ้นปรบมือรัว ๆ ให้กับความใส่ใจของคุณจูออน

ฉันเองกำลังคิดสงสัยอยากรู้เรื่องลำดับขั้นการปกครองของอังกฤษหลังจากที่อ่านเรื่องนี้ และไม่เคยสงสัยเลยว่าคุณบรรยายมาถูกหรือผิด ขอบคุณจริง ๆ


เรื่องสโมสร ฉันว่าพวกท่านลอร์ดทั้งหลายควรย้ายสโมสรไปอยู่กระท่อมกลางทุ่ง จะได้ไม่รบกวนชาวบ้านเขา
รั่วได้รั่วดีจริง ๆ

จอห์นนี่มือไวมากนะ และสมน้ำหน้าที่ต้องหึงแม้กระทั่งหน้าปัดนาฬิกา ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:

ส่วนจอร์จ ความจริงคือรักมากาเร็ต แต่คิดว่าถูกเธอข่มมาตลอด เลยบ่ายเบี่ยงนี่เอง

ปล. คำผิดเล็กน้อยจ้ะ
ขณะสะละวนอยู่กับการรับมือกับจูบ >> สาละวน
“โถๆ อย่าโกรธผมเลยนะ” >> โธ่ (คำย่อมาจากคำอุทาน พุทโธ )
“แล้วนายจะเริ่มซ้อนวันไหน กี่โมง” >> ซ้อม
ลอน์ดเฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน >> ลอร์ด

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-02-2017 22:48:36
พอยศมาเต็มนี่แบบกำแพงสูงมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-02-2017 23:20:07
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 02-02-2017 23:47:55
โอ้ศักดินาห่างชั้นกันเหลือเกิน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 03-02-2017 00:32:23
อฮึอฮึอฮึ จอร์จจี้โดนเล่นแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-02-2017 00:33:03
กอร์ดอน ร้ายใช่เล่นนะ หลอกถามจอร์จแบบเนียนๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-02-2017 00:34:20
สนุกค่ะ พระเอกน่ารักจัง ไม่อยากให้ผิดหวัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-02-2017 05:05:52
จอห์นนี่ แสดงออกเรื่องรักกับกอร์ดอนได้ตลอด
ชอบที่จะโอบกอด สัมผัสแบบคนรักได้น่ารัก
จอร์จ เฟลตัน ผิดเองที่มีมาดนิ่งเฉยกับมาร์กาเรต
หลังจากบอกชอบขอแต่งงานและมีอะไรกัน
จะให้มาร์กาเรต แสดงออกแบบรักใคร่กันทันที
พอเจอกันตอนเช้ามันก็แปลกๆ เพราะจอร์จพูดตอนเมา
เรื่องเลยยืดยาว คาราคาซัง ทั้งที่รักกัน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-02-2017 09:19:10
โอัโห! ขอยืนขึ้นปรบมือรัว ๆ ให้กับความใส่ใจของคุณจูออน

ฉันเองกำลังคิดสงสัยอยากรู้เรื่องลำดับขั้นการปกครองของอังกฤษหลังจากที่อ่านเรื่องนี้ และไม่เคยสงสัยเลยว่าคุณบรรยายมาถูกหรือผิด ขอบคุณจริง ๆ


เรื่องสโมสร ฉันว่าพวกท่านลอร์ดทั้งหลายควรย้ายสโมสรไปอยู่กระท่อมกลางทุ่ง จะได้ไม่รบกวนชาวบ้านเขา
รั่วได้รั่วดีจริง ๆ

จอห์นนี่มือไวมากนะ และสมน้ำหน้าที่ต้องหึงแม้กระทั่งหน้าปัดนาฬิกา ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:

ส่วนจอร์จ ความจริงคือรักมากาเร็ต แต่คิดว่าถูกเธอข่มมาตลอด เลยบ่ายเบี่ยงนี่เอง

ปล. คำผิดเล็กน้อยจ้ะ
ขณะสะละวนอยู่กับการรับมือกับจูบ >> สาละวน
“โถๆ อย่าโกรธผมเลยนะ” >> โธ่ (คำย่อมาจากคำอุทาน พุทโธ )
“แล้วนายจะเริ่มซ้อนวันไหน กี่โมง” >> ซ้อม
ลอน์ดเฟลตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน >> ลอร์ด



แก้เรียบร้อย ขอบคุณค่า^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่12p.7 (2/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-02-2017 11:10:47
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:  เครียดเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-02-2017 11:32:17


Dear, My customer.

ตอนที่13 ศักดิ์ศรีของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน


                “อืม... จอร์จพูดแบบนั้นหรือเนี่ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด พวกเขาคุยกันมาตลอดทางระหว่างนั่งรถม้า สุดท้ายกอร์ดอนเลยต้องเปิดห้องให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้ามาคุยต่อ เพราะดูแล้วเรื่องราวท่าจะไม่จบลงง่ายๆ

                “ผมว่าเขาหมายถึงเลดี้มาร์กาเร็ต แต่ทำไมเขาถึงบอกว่าไม่อยากรักเธอ” กอร์ดอนพูดด้วยความสงสัย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว “ผมว่าผมพอเข้าใจเหตุผลของจอร์จแล้วล่ะ”

                “ทำไมครับ?”

                “เพราะจอร์จไม่ใช่ลูกชายคนโตน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหรี่ตาลง “แม้ว่าเขาจะเป็นลูกของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์ แต่เขาจะไม่ได้มรดกเลยสักชิ้นเดียวจากพ่อตัวเอง”

                “อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองคนถามแล้วยิ้ม “เพราะลอร์ดแอนโดเวอร์ไม่แบ่งมรดกไงล่ะ ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาจะตกทอดสู่คนที่จะรับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์คนต่อไป ซึ่งก็คือพี่ชายของจอร์จ ก็เหมือนกับที่บ้านของผม อาผมเองก็ไม่ได้มรดกอะไรเลยเหมือนกัน เขาถึงต้องไปทำเหมืองที่อเมริกา”

                “อ้าว แต่พวกคุณมีที่ดินตั้งมากมายนี่นา”

                “ส่วนใหญ่ก็แบ่งกันไปเยอะแล้วล่ะกว่าจะมาถึงรุ่นผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อีกอย่าง มรดกเยอะใช่ว่าค่าใช้จ่ายไม่สูง ลองคุณมีคฤหาสน์สักห้าหลัง ปราสาทอีกสามหลัง เฉพาะแค่ค่าใช้จ่ายดูแลต้นไม้อย่างเดียวก็เหนื่อยเวลาอ่านบิลแล้ว ยิ่งถ้าที่ทางที่คุณมีอยู่มันไม่ค่อยทำกำไร มีเยอะไปก็เท่านั้นแหละ เพราะงั้นเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครเขาแบ่งมรดกกันแล้ว แบ่งไปก็ขาย พ่อผมยังซื้อคฤหาสน์เดลต่อมาจากคนอื่นเลย”

                กอร์ดอนผงกศีรษะ “ผมคิดว่าเกิดเป็นลูกขุนนางแล้วจะสบายเสียอีก เอาจริงๆ แล้วก็ไม่สบายเท่าไหร่นะเนี่ย”

                “ถ้าคุณไม่ใช่ลูกชายคนโต บางทีคุณอาจจะจนยิ่งกว่าคนขายดอกไม้ด้วยซ้ำ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่จอร์จโชคดีกว่าอาผม เลดี้แอนโดเวอร์มีสมบัติตกทอดมาจำนวนหนึ่ง เธอตกลงยกให้เขาเพราะเขาเป็นลูกชายที่เธอรักมาก เพราะงั้นฐานะของจอร์จก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก ผมเคยไปเยี่ยมคฤหาสน์ตากอากาศของเลดี้แอนโดเวอร์ที่ยอร์กเชียร์ ก็สบายเอาเรื่องอยู่ จอร์จอาจจะย้ายไปอยู่ที่นั่น ถ้าพ่อแม่ของเขาไม่อยู่แล้ว”

                “อ๋อ...” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ

                “แต่เหมือนเลดี้แอนโดเวอร์อยากให้ลูกชายมั่นคงกว่านั้น เธอเลยหมั้นเขากับมาร์กาเร็ต คุณรู้ใช่มั้ยว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของลอร์ดบริสโตล ดังนั้นมรดกทั้งหมดของลอร์ดบริสโตลจะตกเป็นของเธอหลังจากเขาเสียชีวิต รวมถึงตำแหน่งเคานเตสด้วย ถ้าจอร์จแต่งงานกับเธอ ฐานะของเขาจะมั่นคงมาก และลูกๆ ของเขาก็จะได้เป็นเอิร์ลแห่งบริสโตลรุ่นต่อไป”

                กอร์ดอนมองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เหมือนหนูตกถังข้าวสาร”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมว่าจอร์จคงไม่ปลื้มแน่ ถึงเขาจะเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่อย่างที่ผมบอก เขามีมรดกส่วนตัวอยู่แล้ว และเขาก็มีขอบเขตการใช้จ่ายอยู่ จอร์จอาจจะซื้อเครื่องเพชรให้สาวๆ ทีละหลายๆ ชุด แต่จะไม่ซื้อแพงกว่าที่เขาจะสามารถจ่ายไหว เขามีดีมากกว่าเรื่องจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นคงจีบสาวทีละหลายๆ คนไม่ได้หรอก”

                กอร์ดอนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรืออะไรดี ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “เพราะงั้นเขาเลยน่าจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรีที่ถูกจับหมั้นกับมาร์กาเร็ตเพราะเรื่องมรดก อีกอย่างมาร์กาเร็ตค่อนข้างเป็นคนแข็งกร้าว เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวาน ไม่ใช่คนที่จะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่ามีใจให้” ลอร์ดหนุ่มถอนใจยาว “เป็นผมผมก็คงรู้สึกแบบจอร์จ รักแต่ไม่อยากรัก เพราะไม่อยากถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี รู้เลยว่าทำไมจอร์จถึงต้องหมางเมินเธอขนาดนั้น”

                “แสดงว่าที่เขาพูดกับเธอคืนนั้นคือความรู้สึกจริงๆ ที่เขามีต่อเธอสินะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ แต่พอวันรุ่งขึ้นเขาก็รู้ว่าไม่ควรจะพูดออกไปแบบนั้น ผมว่าจอร์จหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับว่าเขารักมาร์กาเร็ต แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธออกไปตรงๆ ว่าไม่ได้รัก เขาเลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมึนตึงกับเธอ เขารู้ว่าเธอโกรธ เลยคิดไปเองว่าเธอต้องเกลียดเขา อืม... แต่พฤติกรรมเขามันก็ชวนให้อยากเกลียดจริงๆ นั่นแหละ”

                กอร์ดอนพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดต่อ “จริงๆ แล้วมีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้เล่า”

                “อะไรหรือ?”

                “ผมโกหกลอร์ดจอร์จว่าเห็นเลดี้มาร์กาเร็ตที่ท่าเรือ และเธอกำลังควงผู้ชายคนอื่นอยู่”

                “หา!”

                กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความประหม่า “คือผมเคยอ่านเจอในนิยาย เรื่องทำนองว่าผู้ชายเจ้าชู้จะหึงผู้หญิงที่ตัวเองรัก เวลาที่ผู้หญิงคนนั้นไปมีชายอื่น ผมอยากแน่ใจว่าลอร์ดจอร์จมีใจให้เลดี้มาร์กาเร็ตจริงๆ เลยตัดสินใจเล่าเรื่องโกหกไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองกอร์ดอนด้วยความพิศวง “แล้วเขาว่าไง”

                “ผมว่าเขาหึงนะ เขาดูโกรธ เกือบจะหลุดปากออกมาด้วยว่าชอบเลดี้มาร์กาเร็ต แต่สุดท้ายเขาก็ทำเหมือนว่ารับได้ที่เลดี้มาร์กาเร็ตจะควงผู้ชายอื่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “จอร์จไม่มีทางรับได้แน่ เขาแค่ทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง ผมรู้แล้วทำไมเขาถึงพูดมากอย่างกับมีใครไขลานเพิ่มก่อนกลับ คุณเล่าเขาว่าไง เล่าให้ผมฟังอีกรอบสิ ผมว่าคราวนี้สนุกแน่ๆ”

                กอร์ดอนเล่าเรื่องให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟังซ้ำอีกครั้ง พอฟังจบ เอิร์ลหนุ่มก็ตบเข่า “เหมือนผมกำลังยืนฟังคนคุยกันตรงหัวมุมถนน”

                “ก็ผมผ่านไปผ่านมาบ่อย” กอร์ดอนว่า รู้สึกอายกว่าเดิม “คุณว่าผมทำเกินไปรึเปล่า ที่ใส่ความเลดี้มาร์กาเร็ตแบบนั้น”

                “ไม่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ผมว่าเข้าท่าเลยล่ะ พรุ่งนี้ผมต้องรีบไปคุยกับมาร์กาเร็ตแต่เช้า จอร์จไม่น่าอยู่นิ่งๆ ได้ ถ้าเขาไม่ดอดไปแอบดูที่ท่าเรือ ก็ต้องวิ่งมาปรึกษาผม ฮ่าๆ จอร์จเอ๋ยจอร์จ”

                กอร์ดอนมองหน้าฝ่ายนั้น “ท่าทางคุณดูสนุกนะครับเนี่ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะในคอ “ผมกำลังสนุกที่จะได้ทำเรื่องให้เพื่อนผมสองคนสมรักกัน ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย”

                “ก็จริงของคุณ” กอร์ดอนพยักหน้าปลงๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “ขอบใจนะกอร์ดอน ถ้าเรื่องนี้จบลงด้วยดี จอร์จกับมาร์กาเร็ตต้องมาขอบคุณคุณเรื่องนี้”

                “อย่าเลยครับ” กอร์ดอนว่า “ผมแค่ทำเพราะลอร์ดจอร์จช่วยผมกับคุณ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณเขา”

                “อือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วก้มลงมาขโมยหอมแก้มอีกฝ่าย กอร์ดอนรีบขยับหนี

                “ถ้าคุณเสร็จธุระแล้วก็รีบกลับเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องออกจากบ้านแต่เช้าไม่ใช่หรือ?”

                “ผมค้างนี่ก็ได้” เอิร์ลหนุ่มพูดยิ้มๆ “แล้วจะรีบกลับก่อนเดวิดมาถึง”

                “ไม่ต้องเลยครับ” กอร์ดอนลุกขึ้น แล้วพยายามจะฉุดมือฝ่ายนั้นขึ้นมา “คุณต้องกลับบ้าน ห้ามค้างที่นี่เด็ดขาด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกขึ้นตามแรงฉุด ก่อนจะยุดมือดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่น “ไม่อยากไปเลยกอร์ดอน ผมอยากจะอยู่กับคุณทั้งคืน”

                “ไม่ได้คร... อ๊ะ!” กอร์ดอนสะดุ้ง เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ฝังจูบลงบนซอกคอของเขา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเงยหน้าขึ้นกระซิบที่ข้างหู

                “เตียงที่บ้านผมมันกว้าง นอนคนเดียวเหงาจะตาย”

                “งั้นคุณก็สั่งต่อเตียงหลังเล็กๆ แบบผมสักหลังสิครับ แล้วจะได้รู้ว่าเตียงกว้างดีกว่า” กอร์ดอนพูดพลางผลักฝ่ายนั้นออกเป็นพัลวัน

                “คุณรู้ได้ไงว่าเตียงกว้างดีกว่า เคยนอนแล้วหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด มือไม้ยังคงพัวพันอีกฝ่ายไม่ปล่อย กอร์ดอนปัดป่ายให้วุ่นวาย

                “ไม่เคยหรอกครับ แล้วก็ไม่คิดจะลองนอนด้วย”

                “ตัดรอนจัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง พลางเหลือบมองเตียงที่วางอยู่ในห้อง “แต่ผมอยากลองนอนเตียงเล็กๆ ของคุณ ให้ผมนอนได้ไหม”

                “ไม่ได้เหมือนกันครับ” ช่างตัดเสื้อพูดและรวบรวมแรงทั้งหมดผลักอีกฝ่ายออก แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิม

                “คุณกลับเถอะครับ อย่าทำแบบนี้... มันไม่ดีเลย”

                หลังกอดจูบอีกฝ่ายจนหนำใจโดยไม่สนใจว่าจะถูกทุบถูกถองยังไง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ยอมผละออกมาได้เสียที “ผมกลับก็ได้”

                กอร์ดอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรตอบ ร่างของเขาก็ถูกรวบเข้าไปกอดอีกครั้ง

                “แต่ก่อนผมกลับ ผมมีข้อแม้อย่างนึง”

                “อะไรอีกล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “คุณต้องจูบผมก่อน ต้องจูบให้ผมพอใจด้วยนะ ถ้าพอใจแล้วผมจะกลับ”

                กอร์ดอนหน้าแดงกว่าเดิม เขาถลึงตาใส่ฝ่ายตรงข้าม “ไม่มีทางครับ คุณหลอกผมชัดๆ”

                “แสดงว่าคุณไม่อยากให้ผมกลับ ดี งั้นผมค้างนี่แหละ นอนเตียงคุณ” พูดจบก็ทำท่าจะผลักกอร์ดอนลงบนเตียง ช่างตัดเสื้อรีบพูดขึ้นทันที       

                “ตกลงครับ ผมจะจูบคุณ”

                “จริงนะ?”

                “ครับ” ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าพยักหน้า “แต่คุณต้องกลับอย่างที่ปากว่าจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าหลอกให้ผมจูบ”

                “ถ้าคุณจูบดีพอ ผมกลับแน่ สัญญาเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง กอร์ดอนรีบเอามันลง “ไม่ต้องครับ เฮ้อ... ผมไม่น่าเชื่อคุณเลย”

                ฝ่ายตรงข้ามยิ้มกริ่ม แล้วใช้มือข้างหนึ่งเชยคางเขาขึ้นมา “เอ้า คุณจะเริ่มจูบผมแล้วยัง”

                “หลับตาก่อนสิครับ”

                “?”

                “หลับตาเถอะครับ ผมเขินเวลาถูกคุณจ้องแบบนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใจเต้นแรงกว่าเดิม เขามองหน้ากอร์ดอนอยู่อีกพักหนึ่ง ถึงยอมหลับตาลงตามที่อีกฝ่ายขอ แล้วนับในใจ

                หนึ่ง สอง สาม สี่...

                ริมฝีปากอุ่นๆ แนบลงมาบนริมฝีปากเขา ก่อนจะขยี้เบาๆ อย่างกลัวๆ กล้าๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์นับต่อในใจ

                ห้า... หก...

                กอร์ดอนสะดุ้ง เมื่อถูกอีกฝ่ายคว้าเอวแน่นกว่าเดิม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลืมตาจ้องเขา “ใช้ไม่ได้ ไม่ให้ผ่าน”

                ช่างตัดเสื้ออ้าปาก “แต่ผมจูบแล้ว...”

                “ผมไม่พอใจเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณต้องสอดลิ้นเข้ามาด้วย ไม่ใช่เอาปากแปะปากผมแบบนี้ เราไม่ได้ทักทายกันแบบฝรั่งเศสนะ”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู หลังสูดหายใจอยู่สองสามครั้ง ช่างตัดเสื้อก็พยักหน้า “ก็ได้ครับ คุณหลับตาเหมือนเดิมนะ”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พริ้มตาลงอีกครั้ง และเริ่มนับในใจ

                หนึ่ง... สอง...

                กอร์ดอนแนบริมฝีปากกับเขาอีกครั้ง คราวนี้ขยี้เล็กน้อย และเริ่มใช้ลิ้นสอดเข้ามา ท่าทางเงอะงะอย่างคนไม่มีประสบการณ์เท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใจเต้นแรง เขาเผยอริมฝีปาก แล้วใช้ลิ้นเกี่ยวลิ้นของฝ่ายนั้นเข้ามา กอร์ดอนพยายามอย่างเต็มที่จนเขารู้สึกว่าตัวเองจะสำลัก จังหวะนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ช้อนท้ายทอยของเขาขึ้น แล้วบดจูบรุนแรงกลับมา

                “เยี่ยมมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พึมพำระหว่างที่ผละริมฝีปากออกมาเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะผลักร่างของกอร์ดอนลงไปบนเตียง ช่างตัดเสื้อพยายามผลักเขาออก

                “จอห์น คุณสัญญาแล้วนะ”

                เอิร์ลหนุ่มซุกจมูกลงไปบนซอกคอของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะย้ำจูบบนแก้มทั้งสองข้างซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง จนกอร์ดอนกลัวว่าจะเป็นรอยให้คนอื่นเห็น

                “จอห์น... เห็นแก่พระเจ้า ได้โปรด... หยุด...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาปิดปากช่างตัดเสื้อเอาไว้ด้วยริมฝีปากของเขา ก่อนจะผละออก “เห็นแก่พระเจ้าของเรา... คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นอึ้งๆ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มบางๆ แล้วก้มลงจูบศีรษะของเขา ก่อนจะลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า กอร์ดอนลุกขึ้นตาม เขาเดินไปส่งลอร์ดหนุ่มที่หน้าประตูร้าน

                “ราตรีสวัสดิ์” ฝ่ายนั้นเอ่ยลา “คืนนี้ผมคงฝันถึงคุณทั้งคืน”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู เขาเอ่ยลาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                รอจนฝ่ายนั้นขึ้นรถม้าไปแล้ว ช่างตัดเสื้อหนุ่มถึงพึมพำอีกคำที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากออกมาได้

                “ผมคงฝันถึงคุณทั้งคืนเหมือนกัน”

---------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ตื่นเช้าและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาออกมาเดินสูดอากาศในสวน สั่งให้คนรับใช้ตัดดอกกุหลาบแฟร์เบียนก้าที่บานอยู่ไปปักแจกันในห้อง และวางแผนว่าจะนั่งรถม้าไปที่คฤหาสน์ของเลดี้มาร์กาเร็ตหลังกินมื้อเช้าเสร็จ แต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้เดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ รถม้าสีดำคันใหญ่ก็แล่นมาจอดที่ด้านหน้า คนรับใช้ที่เฝ้าประตูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาไม่นานหลังจากนั้น

                “ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลงจากรถม้า และเดินตามคนรับใช้เข้ามาในสวน ท่าทางเขาเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังเป็นชุดเดิม พอเห็นเพื่อนก็ออกอาการตาแดงๆ ทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำสีหน้าตกใจ “เกิดอะไรขึ้นจอร์จ มาๆ เข้าไปคุยข้างในดีกว่า”       

                พวกเขาสองคนเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “ขอโทษนะจอห์นนี่ ฉันมารบกวนเวลามื้อเช้าของบ้านนายเลย”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้ยกมื้อเช้าไปส่งให้เขาที่ห้องสองชุด

                “ไม่ต้องเผื่อฉันหรอก ฉันคงกินไม่ลง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาปลอบเขา “เอาน่าจอร์จ นั่งคุยกันก่อนดีกว่า เกิดอะไรขึ้นกับนาย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทิ้งตัวลงบนโซฟา จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาสีม่วงของเขา “ฉันเกลียดมาร์กาเร็ต”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรก “มาร์กาเร็ตทำไม? เธอแกล้งอะไรนายอีก?”

                คนถูกถามไม่ตอบในทันที เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ยับยู่ยี่ขึ้นมาเช็ดน้ำตา “เธอควงคนอื่น แล้วไม่ยอมบอกฉัน”

                “หา!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำท่าตกใจ “กอร์ดอนเล่าให้นายฟังแล้วหรือ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “เขาคงเล่าให้นายฟังก่อนแล้วใช่ไหม?”

                “อืม แต่ฉันบอกเขาแล้วว่ามันไม่เกี่ยวกับนาย ฉันเพิ่งคุยกับมาร์กาเร็ตไป”

                “นายคุยกับเธอว่าไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถาม

                “ก็บอกเธอเหมือนที่นายบอกฉัน เธอบอกว่าถ้านายกล้าขอใครสักคนแต่งงานระหว่างไอรีนหรือแมรี่ เธอจะยอมถอนหมั้น”

                “แต่นี่ฉันยังไม่ทันขอใครเธอก็ควงคนอื่น” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโวยวาย และยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดจมูก

                “เอ่อ... จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามปลอบเพื่อนของเขา “นายจะฟูมฟายไปทำไม ในเมื่อนายไม่ได้คิดอะไรกับมาร์กาเร็ต เธอจะควงใครไม่เห็นจะเดือดร้อนถึงนายเลย”

                “เดือดร้อนสิ ก็เธอเป็นคู่หมั้นฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนยกมือปิดหน้า “โธ่ ฉันเกลียดตัวเองชะมัดจอห์นนี่ ทำไมต้องมาร์กาเร็ต ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมพวกเราถึงต้องหมั้นกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปพักหนึ่ง เพราะนึกคำพูดจะพูดต่อไม่ออก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสะอึกสะอื้นไปตามเรื่อง “ถ้าพ่อกับแม่ไม่จับฉันหมั้นกับเธอ ฉันคงไม่ต้องมานั่งฟูมฟายแบบนี้”

                “จอร์จ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยๆ พูด “ใจเย็นๆ นะ ฉันรู้ว่านายรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามาร์กาเร็ตควงคนอื่น กอร์ดอนอาจจะจำคนผิดก็ได้”

                “.....”

                “ถึงเขาจะยืนยันว่าเป็นมาร์กาเร็ตเพราะผมสีแดงเหมือนกัน แต่เขาเพิ่งเคยเห็นมาร์กาเร็ตแค่ครังเดียว ฉันไม่ได้บอกว่ากอร์ดอนโกหก แต่เขาอาจจะจำคนผิด”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-02-2017 11:32:50
                สีหน้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตันค่อยดีขึ้นมาหน่อย “นั่นสินะ กอร์ดอนอาจจะจำคนผิดก็ได้”

                “เราจะสืบเรื่องนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ให้รู้ว่าที่กอร์ดอนเห็นใช่มาร์กาเร็ตจริงๆ รึเปล่า?”

                “เราไม่ต้องสืบก็ได้มั้ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “กอร์ดอนน่าจะจำผิดคน”

                “แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะจำได้จริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เราควรต้องสืบเรื่องนี้ ถ้ามาร์กาเร็ตไม่ได้ควงใครก็แล้วไป แต่ถ้าเธอควงคนอื่น นายก็จะได้มีข้ออ้างในการถอนหมั้นกับเธอไง นายอยากถอนหมั้นกับเธอมานานแล้วนี่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับนิ่งไปนาน เขากะพริบตาอยู่หลายครั้งเหมือนพยายามจะตั้งสติ จนลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้น “เป็นอะไรไปจอร์จ?”

                “ปะ... เปล่า” คนถูกถามปฏิเสธ ก่อนจะรีบพูดต่อ “ก็จริงอย่างที่นายว่า ถ้ามาร์กาเร็ตควงคนใหม่ฉันจะได้ขอถอนหมั้นกับเธอ ว่าแต่... เราจะสืบเรื่องนี้ยังไง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด “เราต้องสะกดรอยเธอ”

                “ยังไง นั่งรถม้าตามเธอจากคฤหาสน์งั้นหรือ? ไม่น่าจะเข้าท่า ฉันว่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นสมองอีก “งั้นไปดักเจอเธอที่ท่าเรือ” เขารีบพูดต่อ “กอร์ดอนบอกว่าเขาเจอเธอที่ท่าเรือ ปกติแล้วอย่างมาร์กาเร็ตไม่น่าจะไปเดินที่ท่าเรือโดยไม่มีเหตุผล แสดงว่าเธออาจจะนัดเขาที่นั่น หรือไม่เขาก็อาจจะนัดเธอที่นั่น ท่าเรือเป็นที่ที่ไม่มีใครคิดว่าเลดี้จะไปเดินอยู่แล้ว”

                “จริงของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย “งั้นพวกเราไปดักรอที่ท่าเรือ จะได้รู้ว่าใช่เธอจริงมั้ย?”

                “อืม”

                “งั้นไปกันตอนนี้เลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แล้วผุดลุกขึ้นเดินไปฉุดมือลอร์ดโทรว์บริดจ์ อีกฝ่ายรีบดึงให้เขานั่งลง “นายจะไปทำอะไรตอนนี้ มื้อเช้ายังไม่ได้กินเลย”

                “แต่นี่จะเก้าโมงแล้ว กอร์ดอนไปเลือกผ้าตอนเช้าไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าเขาไปตอนบ่าย”

                “ก็เช้านี่แหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ฉันต้องกินมื้อเช้าก่อน” เขาตบไหล่เพื่อน “บ่ายฉันต้องไปซ้อมมวยอีกจอร์จ อีกอย่างวันนี้วันพฤหัส กอร์ดอนเจอเธอวันศุกร์ นายรอจนถึงวันศุกร์ก็ได้นี่นา”

                “ฉันไม่อยากรอนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันอยากไปดูวันนี้เลย”

                “แล้วถ้าไม่เจอเธอล่ะ พรุ่งนี้เราก็ต้องไปอีกอยู่ดี”

                “ถ้าวันศุกร์ไม่เจอเราก็ต้องไปวันเสาร์ต่ออยู่ดี ถ้าวันเสาร์ไม่เจอก็ต้องวันอาทิตย์ เราต้องไปดักให้ครบเจ็ดวันเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้แอบนัดใครที่นั่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกปวดหัวขึ้นมา “แบบนั้นนายไปถามเธอตรงๆ เลยดีกว่า ว่าเธอมีผู้ชายซ่อนอยู่รึเปล่า?”

                “ไม่ ฉันไม่คุยกับเธอ!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้า ก่อนจะหันมาพูดเสียงอ่อน “น่า จอห์นนี่ นายตกลงว่าจะช่วยสืบเรื่องนี้ให้ฉันแล้ว เราก็ไปกันวันนี้เลย เดี๋ยวฉันจะกินมื้อเช้าเป็นเพื่อนนายเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อน ถอนหายใจ แล้วพยักหน้าอย่างเพลียๆ “ก็ได้จอร์จ แต่นายต้องล้างหน้า แล้วเปลี่ยนเสื้อใหม่ ใส่เสื้อแบบนี้ไปท่าเรือ มาร์กาเร็ตคงเห็นนายตั้งแต่ลงจากรถม้า”

--------------------------------

                ระหว่างรอลอร์ดจอร์จ เฟลตันเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ขอยืมคนรับใช้คนหนึ่งมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็แอบเขียนโน้ตฉบับหนึ่ง แล้วฝากโอลิเวอร์ไปส่งที่คฤหาสน์ของลอร์ดบริสโตล โดยกำชับว่าต้องส่งให้ถึงมือเลดี้มาร์กาเร็ต ห้ามฝากใครเด็ดขาด และห้ามบอกใครเรื่องโน้ตใบนี้ด้วย จากนั้นพวกเขาก็ออกจากคฤหาสน์ โดยเรียกรถม้ารับจ้างไปที่ท่าเรือ

                แน่นอนว่าการรอคอยเป็นไปอย่างน่าเบื่อสำหรับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่สำหรับลอร์ดจอร์จ เฟลตันแล้ว เขารู้สึกดีที่ไม่มีใครมีท่าทางคล้ายเลดี้มาร์กาเร็ตสักคน แต่ก็อดกังวลใจไม่ได้อยู่ดี

                “หรือเธอจะเปลี่ยนที่นัด”

                “ไม่มีทาง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหาว “เธอยังไม่รู้ตัวว่าถูกจับได้ เธอต้องไม่เปลี่ยนแน่”

                “บางทีอาจจะไม่ใช่เธอก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตั้งข้อสังเกต “มีผู้หญิงผมแดงตั้งหลายคน”

                “พรุ่งนี้เราจะกลับมาดูกันอีกที” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางมองนาฬิกาพก “ฉันอยากดื่มชา ฉันต้องไปซ้อมมวยอีกตอนบ่าย”

                “ก็ได้ๆ ฉันจะไปดูนายซ้อมด้วย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อทันที “ไม่ต้องจอร์จ ซ้อมเสร็จฉันจะไปที่ร้านของกอร์ดอน”

                “อ้อ... ไม่ต้องให้ฉันไปเป็นเพื่อนนะ?”

                “ไม่ต้อง ฉันแค่ไปดูเสื้อ”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดูละล้าละลัง “ก็ได้... งั้นฉันกลับบ้าน”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “พรุ่งนี้นายมาเจอฉันที่บ้านอีกทีตอนแปดโมงครึ่ง แล้วเราค่อยมาที่นี่กันใหม่”

                “ตกลง”

------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตั้งใจว่าพอซ้อมมวยเสร็จแล้ว เขาจะไปเจอเลดี้มาร์กาเร็ตที่ภัตตาคารตามนัดที่เขียนเอาไว้ในโน้ต เพื่อพูดคุยถึงแผนการที่คิดไว้ แต่ปรากฏว่าก่อนเลิกประมาณครึ่งชั่วโมง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็มาปรากฏตัวที่สโมสรที่เขาซ้อมมวย และชวนเขาไปกินมื้อค่ำ

                “พอดีวันนี้ฉันผ่านมาแถวนี้” ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยสีหน้าร่าเริง “ท่านายสวยนะจอห์นนี่ ฉันเห็นแล้วอยากขึ้นชกบ้าง”

                ถ้าเป็นวันอื่นลอร์ดโทรว์บริดจ์คงชวนเพื่อนขึ้นไปลองซ้อมชก แต่พอดีวันนี้เขามีธุระต้องจัดการต่อ และเป็นธุระสำคัญเสียด้วย “ไว้วันอื่นแล้วกันแมกซ์ วันนี้ฉันติดธุระแล้ว”

                “อ้าว นายมีนัดตอนเย็นแล้วหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง “วันนี้พ่อฉันกินข้าวที่บ้าน ฉันไม่อยากนั่งกินข้าวกับเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกผิดที่ต้องทิ้งเพื่อนรักให้นั่งกินข้าวคนเดียว แต่เขาไม่มีทางเลือก “ขอโทษจริงๆ แมกซ์ มันเป็นธุระสำคัญมาก ฉันจะชดเชยให้นายวันอื่น”

                “ไม่เป็นไรๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “งั้นเดี๋ยวฉันคงเวียนดูแถวนี้ว่ามีร้านไหนน่ากินบ้าง”

                “อือ”

                พอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดหรู แล้วนั่งรถม้าไปยังภัตตาคารที่เขานัดเลดี้มาร์กาเร็ตเอาไว้ทันที ปรากฏว่าเลดี้มาร์กาเร็ตนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว กับใครอีกคนหนึ่ง

                “แมกซ์ นายมานี่ได้ไง?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่นั่งอยู่ตอบเขา

                “ฉันก็มากินข้าวนี่แหละ เผอิญเห็นมากาเร็ตนั่งคนเดียวเลยเข้ามาคุยด้วย แล้วนายก็โผล่มา... อย่าบอกนะว่านายเป็นคนที่นัดเธอ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเลดี้มาร์กาเร็ต ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง แล้วตัดสินใจพูด “แมกซ์ คือฉันกับมาร์กาเร็ตมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนด้วยความงุนงงอยู่อึดใจ ก่อนจะรีบพูดแบบเพิ่งนึกได้ “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว โทษทีนะที่มาขัดจังหวะ”

                พูดจบเขาก็ทำท่าจะลุกออกไป แต่กลับถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดห้ามไว้ “ไม่ต้องหรอกค่ะแมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชะงัก เขาหันมามองเธอและเพื่อนอย่างละล้าละลัง เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดต่อ “ในเมื่อคุณเองก็เป็นเพื่อนสนิทของจอร์จจี้ และบังเอิญมาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันคิดว่าคุณควรจะมีสิทธิ์ได้รู้เรื่องที่พวกเราคุยกัน”

                ลอร์ดหนุ่มมองเพื่อนของเขาอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ในเมื่อมาร์กาเร็ตเป็นคนออกปากเอง นายก็นั่งต่อเถอะแมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง “เอาล่ะ ตกลงพวกนายมีเรื่องอะไรกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แล้วมองเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต “มาร์กี้ ผมต้องเล่าย้อน”

                “ไม่เป็นไรค่ะ เล่าเถอะ ฉันทำใจแล้ว” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “ฉันรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีตั้งแต่เห็นโน้ตของคุณเมื่อเช้าแล้วค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าไม่สบายใจ แต่เขาตัดสินใจเล่าเรื่องราวย้อนหลังให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฟังก่อน โดยข้ามเรื่องที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเคยนอนกับเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแต่ไม่ยอมรับไป จากนั้นก็เล่าเรื่องที่กอร์ดอนเล่าให้เขาฟังเมื่อคืน และเล่าเรื่องที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันฟูมฟายมาหาเขาแต่เช้า

                พอฟังจบ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำท่าเหมือนจะขำแต่ขำไม่ออก ส่วนเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมีสีหน้าประหลาดใจจนเข้าข่ายตกใจ

                “จอร์จนี่บ้าจริงๆ ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะบ้าได้ขนาดนี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แล้วถอนใจ “บ้าสุดๆ”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นด้วย เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองพวกเขาทั้งสอง แล้วพูดขึ้น “จอร์จจี้ถึงกับร้องไห้เลยหรือคะ?”

                “อือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมว่าเขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน คงมัวแต่ฟูมฟายเรื่องคุณอยู่”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหน้าแดง แต่ก็รีบตีหน้าบึ้งกลบเกลื่อน “บางทีเขาอาจจะโมโหเพราะคิดว่าถูกฉันสวมเขาก็ได้ ทีแบบนี้เขารู้ขึ้นมาเชียวว่าฉันเป็นคู่หมั้นเขา”

                “ไม่มีทาง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “จอร์จไม่ร้องไห้เพราะโมโหธรรมดาหรอก เขาต้องหึงคุณมากแน่ ไม่งั้นไม่ถึงกับร้องห่มร้องไห้ไปหาจอห์นนี่แต่เช้าแบบนี้”

                หญิงสาวรีบหันหน้าไปทางอื่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์เตะขาเพื่อนเบาๆ แล้วกระซิบ “พอแล้ว นายกำลังทำเธอเขิน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดง เขารีบอ้อมแอ้มออกมา “โทษที ฉันไม่ทันคิด”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตให้เวลาอึดใจใหญ่ๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอหันกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับฉันคะ? คงไม่ได้แค่มาเล่าสู่กันฟังใช่ไหม?”

                “คือผมจะบอกคุณว่า พรุ่งนี้คุณต้องควงใครสักคนไปที่ท่าเรือ เพื่อให้สมกับเรื่องที่กอร์ดอนเล่า”

                “ไม่ ฉันจะไม่ควงใครทั้งนั้น” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดเสียงเด็ดขาด “ว่าแต่กอร์ดอนนี่ใครกันคะ ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”

                “เขาเป็นเพื่อนของจอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบให้ “เขาเป็นคนสุภาพ และนิสัยดีมาก เขาไม่ปากโป้งเรื่องนี้หรอก”

                “ใช่ ผมรับรองด้วยเกียรติของผมเลยว่ากอร์ดอนไว้ใจได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “แต่พรุ่งนี้คุณต้องควงใครสักคนนะมาร์กี้ ไม่อย่างนั้นจอร์จจะไม่เชื่อว่าคุณมีคนใหม่”

                “จะให้ฉันควงคนอื่นไปให้เขาหาข้ออ้างถอนหมั้นหรือคะ?” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถาม “ไม่ ฉันจะไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น ฉันยังไม่ตกต่ำพอจะควงผู้ชายคนไหนก็ได้เพื่อประชดคนอย่างจอร์จจี้”

                “แต่...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดไม่จบก็ถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแทรกขึ้นก่อน “ฉันต้องกลับแล้วค่ะ ลาก่อนค่ะจอห์น ลาก่อนค่ะแมกซ์”

                พูดจบเธอก็ลุกออกจากโต๊ะไปทันที ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งมองหน้ากัน

                “ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงเลย...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางออกมา “เห็นก็รู้แล้วว่าเธอหลงรักจอร์จ แต่ทำไมถึงไม่ยอมทำตามแผนของนายนะ ฉันประกันเลยว่าถ้าจอร์จเห็นเธอควงใครเขาต้องสติพังแล้วไปแย่งเธอมาแน่ นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่หรือ?”

                “ฉันก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วถอนใจ “แต่ผู้หญิงเข้าใจยากอยู่แล้ว”

                “แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “พรุ่งนี้จอร์จจะลากนายไปอีก ถ้าเขาไม่เจออะไรเขาจะต้องลากนายไปเรื่อยๆ ฉันไม่อยากเห็นนายถูกเขาลากไปลากมาโดยไม่มีประโยชน์อะไรแบบนี้”

                “เราต้องหาคนไปแทน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ใครก็ได้ที่คล้ายมาร์กาเร็ต”

                “แล้วไงต่อ ฉันว่าจอร์จต้องมองออกแต่แรกอยู่ดี”

                “ก็ไม่เป็นไร ให้เขาคิดว่ากอร์ดอนจำคนผิดไปแล้วกัน ที่เหลือค่อยมาว่ากันต่อ อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่ต้องถูกเขาลากจนครบหนึ่งอาทิตย์”

                “ก็จริง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นด้วย แล้วคิดอยู่อึดใจหนึ่ง “ฉันมีคนรู้จักเป็นนักแสดง บางทีเขาอาจจะหาคนมาเล่นบทเป็นมาร์กาเร็ตให้เราได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นประกาย “เยี่ยมเลยแมกซ์ งั้นเดี๋ยวเรากินมื้อค่ำแล้วไปหาเขากัน”

                “ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ขณะที่บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ

                “สุดท้ายฉันก็ชวนนายมากินมื้อค่ำสำเร็จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดแล้วหัวเราะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะไปพร้อมกับเพื่อนของเขา

--------------------------------------

                นักแสดงที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พาไปพบยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานให้ลอร์ดหนุ่มทั้งสอง เขาหานักแสดงชายหญิงคู่หนึ่งมารับบทคู่รักกำมะลอ โดยไม่ถามรายละเอียดมากไปกว่าที่จำเป็น หลังจัดการตกลงเรื่องค่าตัวกันเรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

----------------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาที่คฤหาสน์เดลตามเวลานัด เขาเอาเสื้อผ้าสำหรับปลอมตัวมาเปลี่ยนด้วย และต้องแปลกใจเมื่อพบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งกินมื้อเช้ารออยู่แล้ว

                “อ้าว แมกซ์ นายมาทำอะไรที่นี่?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อธิบายแทนเสร็จสรรพ “เมื่อวานแมกซ์บังเอิญไปดูฉันซ้อมมวย ฉันเลยเล่าเรื่องมาร์กาเร็ตให้ฟัง เขาตกลงว่าจะไปสอดแนมเป็นเพื่อนเราด้วย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้วสูง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเพื่อน “ก็ดี เราจะได้มีพยานเพิ่ม”

                ทั้งสามกินมื้อเช้าเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้า พากันนั่งรถม้ารับจ้างไปที่ท่าเรือ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลือกมุมซุ่มดูที่เขาได้นัดแนะกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาไว้ก่อนแล้ว ทั้งสามคนดูตื่นเต้น แต่เหตุผลนั้นต่างกันออกไป

                เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในที่สุดนักแสดงที่จ้างไว้ก็ปรากฏตัวออกมา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบสะกิดเพื่อน “จอร์จ นายว่านั่นใช่มาร์กาเร็ตมั้ย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามเพ่งตามองผู้หญิงในเสื้อคลุมสีเทาที่พยายามเดินเหมือนไม่อยากให้ใครจำได้ เขาเพ่งอยู่พักก็พูดออกมา “คล้าย แต่ฉันว่าไม่ใช่”

                พอผู้หญิงคนนั้นเดินไปพบกับคู่รัก (ที่เป็นนักแสดงเหมือนกัน) ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็โพล่งออกมา “เธอไม่ใช่มาร์กาเร็ต ขอบคุณพระเจ้า กอร์ดอนจำคนผิดจริงๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับลอร์ดโทรว์บริดจ์พลอยโล่งไปด้วย อย่างน้อยๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคงเลิกแผนที่จะลากตัวเพื่อนออกมาแอบดูที่ท่าเรือทุกวัน ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำลังจะเดินออกมาจากที่ซ่อน และทำท่าจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รีบดึงไหล่เขา

                “อะไรจอห์นนี่?!”

                คนถูกถามรีบชี้มือไปยังถนนด้านหน้าท่าเรือ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดคลุมสีฟ้าอ่อนก้าวลงมาจากรถม้า แม้เธอจะแต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่ขนาดคนรู้จักเผินๆ อย่างลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยังมองแว้บเดียวก็ดูออก

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-02-2017 11:42:15
                “มาร์...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือปิดปากก่อนที่เพื่อนจะทันได้พูดอะไรจบ ก่อนจะใช้นิ้วแตะปากบอกให้ฝ่ายนั้นเงียบไว้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็ใช้สายตาจับจ้องผู้หญิงที่เพิ่งเดินลงมาจากรถม้า

                การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต ทำให้สามหนุ่มจำต้องซ่อนอยู่ที่เดิม เลดี้คนสวยเดินตรงเข้ามาด้านใน ใกล้กับจุดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ เธอพูดกับใครบางคน แล้วฝ่ายนั้นก็ยื่นกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ให้เธอ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตยกมือปิดปาก ท่าทางเหมือนทั้งดีใจทั้งแปลกใจที่ได้รับกุหลาบช่อนั้น จากนั้นคนที่ยืนคุยอยู่กับเธอก็ก้าวออกมาพ้นจากเสาที่บังตัวเขาเอาไว้

                ผู้ชายคนนั้นรูปร่างสูงโปร่ง อายุประมาณสามสิบปลายๆ ถึงสี่สิบ แต่ตัวธรรมดาแต่ท่าทางดี ได้ยินเสียงลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน “นั่นมันบรูโน ครูสอนเปียโนของเธอนี่”

                “ครูสอนเปียโน?” เพื่อนอีกสองคนทวนคำขึ้นมาพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ พวกเขาก็เห็นผู้ชายคนนั้นวางมือลงบนไหล่ของเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต แล้วทันใดนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พรวดพราดออกไปจากที่ซ่อน โดยที่ใครก็ห้ามเขาเอาไว้ไม่ทัน

---------------------------------

                “มาร์กี้!”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหันกลับมามองตามเสียงเรียก และทำหน้าแปลกใจ “อ้าว จอร์จจี้ มาทำอะไรที่นี่คะ?”

                “คุณนั่นแหละ มาทำอะไร?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเสียงดัง จนเกือบจะกลายเป็นเสียงตะโกน เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตขมวดคิ้วใส่เขา

                “ทำไมต้องเสียงดังแบบนั้นล่ะจอร์จ ฉันจะมาทำอะไรที่นี่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน คุณนั่นแหละมาทำอะไร ทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทั้งโมโหทั้งอับอายจนน่าแดงจัด เขายืนจ้องหญิงสาวอยู่อึดใจใหญ่ และยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่ยืนอยู่กับเธอไม่ยอมปล่อยมือที่โอบไหล่เสียที ลอร์ดหนุ่มสูดหายใจลึก

                “ช่างเรื่องการแต่งตัวของผม คุณช่วยบอกผู้ชายคนนั้นให้ปล่อยมือออกจากไหล่คุณได้ไหม?”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเลิกคิ้ว “ทำไมคะ? ทำไมต้องให้เขาปล่อยด้วย คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง?”

                “เพราะผมเป็นคู่หมั้นคุณไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจ้องเขา แล้วเค้นเสียง “งั้นหรือคะ... แต่ฉันจำได้ว่าคุณกับฉันไม่เคยสวมแหวนหมั้น และเราก็ไม่พูดกันมาหลายปีแล้ว”

                เธอสะบัดหน้าใส่เขา แล้วหันไปควงแขนผู้ชายที่เพิ่งเจอกัน “ไปกันเถอะค่ะ เราไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันฉุดมือเธอไว้ “เดี๋ยว!”

                “มีอะไรอีกคะ?” เลดี้มาร์กาเร็ตหันกลับมา ใบหน้ากลายเป็นสีแดงจัด ลอร์ดจอร์จ เฟลตันได้แต่ยืนนิ่ง เขายืนจ้องเธออยู่เป็นนาน แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

                “จอร์จ ปล่อยมือฉันค่ะ”

                “....” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามเค้นสมองว่าเขาควรพูดอะไรออกไปในสถานการณ์แบบนี้ดี เขาจ้องผู้หญิงตรงหน้า นึกสงสัยว่าเขาไม่เคยมองเธออย่างจริงจังมากี่ปีแล้ว

                “มาร์กี้... คุณเป็นคู่หมั้นผม”

                “ขอโทษนะจอร์จ นี่ไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนั้น” หญิงสาวพูดเสียสั่น หน้าแดงด้วยความโมโห “คุณจะปล่อยหรือไม่ปล่อย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังคงยึดมือเธอแน่น “ไม่... ผมไม่ปล่อยคุณ... ผมไม่ให้คุณไปกับเขา”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถลึงตามองเขา มือที่พยายามสะบัดหนีสั่นจนคนที่จับอยู่รู้สึกได้ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อดี หญิงสาวก็สะบัดมืออีกข้างใส่หน้าเขา

                เพี้ยะ!

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตบหน้าลอร์ดคู่หมั้นของเธอจนหน้าหัน ก่อนจะพูดทั้งที่ตัวสั่นเทิ้ม “ฉันจะไม่ไปกับคุณ คนไม่มีหัวใจ!” น้ำตาหยดใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาคมกร้าวของเธอ หญิงสาวสะบัดหน้าแล้ววิ่งออกไปทันที ผู้ชายที่อยู่ด้วยกันรีบตามเธอไป ทิ้งลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอาไว้ท่ามกลางกลุ่มคนที่เริ่มจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา เดือดร้อนถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ต้องรีบมาพาตัวเพื่อนรักออกไป

---------------------------------

                “ทำใจดีๆ ไว้นะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามปลอบเพื่อนรักที่เอาแต่สะอึกสะอื้นมาตลอดทาง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดจมูก “มาร์กาเร็ตตบฉัน ขนาดพ่อแม่ยังไม่เคยตบฉันเลย”

                “เอาน่า เดี๋ยวนายก็หายเจ็บ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปลอบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสูดน้ำมูกอีกสองสามครั้ง แล้วพูดเสียงเครือ “เจ็บหน้าน่ะมันไม่เจ็บหรอก แต่ฉันเจ็บใจ ทำไมมาร์กาเร็ตต้องตบฉันด้วย”

                ลอร์ดเพื่อนของเขาสองคนมองหน้ากัน จากนั้นก็พากันถอนหายใจ รถม้ามาส่งพวกเขาที่คฤหาสน์เดล ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดสินใจว่าจะให้เพื่อนพักสงบสติอารมณ์ที่บ้านของเขาก่อน ทั้งสามคนพากันเปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่งพักในห้องส่วนตัวของเอิร์ลหนุ่ม แน่นอนว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ยังคงเอาแต่สะอึกสะอื้นตลอดเวลา

                “จอร์จ... นายหยุดร้องไห้ได้แล้ว มันดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่ายหน้า “ฉันทำไม่ได้แมกซ์ พอฉันคิดเรื่องมาร์กาเร็ตแล้วฉันต้องเป็นแบบนี้ทุกที”

                เขาสั่งน้ำมูกอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “ทำไมนายไม่บอกเธอไปตรงๆ ว่านายรักเธอ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่งน้ำมูกแรงกว่าเดิม “ฉันจะพูดได้ไงจอห์นนี่ ก็เธอ...”

                “.....”

                “.....”

                “ก็เธออะไร?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม เพราะเห็นว่าเพื่อนไม่พูดต่อสักที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าขัดใจ “ก็เธอไม่เคยรักฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าเขาเกือบจะยกมือต่อยหน้าเพื่อนไปแล้ว โชคดีที่รั้งเอาไว้ทัน แต่ทว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ประสาทไวเท่าเขา ฝ่ายนั้นยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าลอร์ดจอร์จ เฟลตันเสียงดังเพี้ยะ แม้จะไม่แรงเท่าที่ถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตบ แต่ก็ทำเอาลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าหันเหมือนกัน

                “โทษทีจอร์จ มือมันลื่น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แก้ตัว ในขณะที่เพื่อนหันกลับมามองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “นายตบฉัน?”

                “อืม”

                “มือลื่นเนี่ยนะ?”

                “เอาน่าๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเข้ามาแทรกกลางเพราะกลัวทั้งสองคนจะวางมวยกัน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระแทกเสียง “เยี่ยม วันนี้เป็นวันที่ดีของฉันจริงๆ โดนคู่หมั้นตบแล้วยังมาโดนเพื่อนตบอีก ฉันกลับล่ะ!”

                “เดี๋ยว จอร์จ” คนที่เรียกคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่คนที่ดึงตัวถึงขั้นบังคับให้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกลับมานั่งคือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                “นั่ง... เดี๋ยวนี้เลยจอร์จ” เพื่อนร่างใหญ่ของเขาสั่งพลางชี้นิ้ว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองฝ่ายนั้นอึ้งๆ แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ “ฟังฉันนะจอร์จ”

                “อือ”

                “มาร์กาเร็ตรักนาย เธอรักนายมาตลอด รักนายแม้ว่านายจะทำกับเธอเหมือนเธอไม่มีค่าอะไรเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงคิดว่ามาร์กาเร็ตไม่รักนาย”

                “อะไรนะ? มาร์กาเร็ตรักฉัน?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ พลอยทำให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกหงุดหงิดไปด้วย “ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นจอร์จ นายไม่คิดเลยหรือว่ามาร์กาเร็ตมีใจให้นาย”

                “เธอไม่เคยแสดงออก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบหน้าเครียด “เธอทำเหมือนฉันเป็นคนนอกตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ เราเล่นด้วยกันเกือบทุกวันแท้ๆ”

                “ยังไง?”

                “มาร์กาเร็ตเคยชอบเปียโนที่ฉันเล่นมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเริ่มเล่า “ตอนเด็กๆ เธอจะมานั่งเล่นกับฉันด้วย ตอนนั้นเรามีความสุขกันมาก ฉันจำได้ว่าพวกเราเล่น Turkish March ของโมซาร์ตด้วยกันหลายรอบจนผู้ใหญ่ต้องมาขอให้หยุดเล่น” ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจ “แต่แล้วพอเราหมั้นกัน เธอก็ทำตัวห่างเหินไป”

                “พวกนายหมั้นกันตอนไหน?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามด้วยความสงสัย

                “ฉันไม่แน่ใจ น่าจะตอนอายุสิบสี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ตอนนั้นฉันบังเอิญได้ยินผู้ใหญ่คุยกัน พวกเขาไม่เคยบอกเรามาก่อน บางทีอาจจะก่อนหน้านั้นอีกล่ะมั้ง”

                “แล้วมาร์กาเร็ตก็ได้ยินพร้อมนายด้วย?”

                ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ “เปล่า ฉันเล่าเรื่องนี้ให้มาร์กาเร็ตฟังทีหลัง ท่าทางเธอตกใจ เธอบอกว่าไม่พร้อมจะเป็นเจ้าสาวของฉัน จากนั้นเธอก็ทำตัวห่างเหิน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขบริมฝีปาก “เธอว่าฉันขายาวเกินไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรืออะไรดี พวกเขานั่งรอให้เพื่อนเล่าต่อ

                “ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าโชคดีจัง ฉันจะได้แต่งงานกับมาร์กาเร็ต และเธอจะอยู่ข้างๆ ฉันไปจนตาย แต่วันหนึ่งฉันก็ได้ยินพวกคนรับใช้ที่บ้านคุยกันว่า แม่ฉันอยากให้ฉันได้มรดกของลอร์ดบริสโตล เลยจับฉันหมั้นกับมาร์กาเร็ต”

                “....”

                “ฉันโมโหมาก เลยไปถามแม่ แม่ไม่ตอบอะไร แต่อีกวันก็ไล่คนรับใช้พวกนั้นออกไปหมด ฉันเลยรู้ว่าแม่คิดว่าลำพังแค่มรดกที่แม่ให้ฉันคงไม่พอสำหรับให้ฉันใช้ชีวิต โธ่... ฉันไม่ได้อยากเกิดมาเป็นลูกคนรอง แต่ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะแย่จนต้องแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อหวังมรดก"

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า แล้วตบไหล่เขาเบาๆ “ฉันเข้าใจนายจอร์จ เรื่องลูกคนรอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าเป็นเชิงขอบใจ “ฉันเลยคิดว่ายังไงฉันจะต้องถอนหมั้นกับมาร์กาเร็ต ฉันจะไม่ยอมแต่งงานกับเธอเพราะหวังมรดกเด็ดขาด ฉันเลยทำตัวหมางเมินเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรอฟังเพื่อนเขาอยู่อึดใจใหญ่ๆ พอเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ยอมเล่าต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดขึ้นมาแทน “แต่แล้ววันนึงนายก็พลาด ที่ดันไปบอกรักเธอเข้า”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดงวาบ เขาหันไปมองเพื่อนทันที “มาร์กาเร็ตเล่าเรื่องนั้นให้นายฟังแล้ว?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม เธอเปิดเผยกว่านายเยอะเลย จอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอับอายจนหน้าแดง “ฉันนี่มันเลวจริงๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าสงสัย “เรื่องอะไร? นายไปบอกรักมาร์กาเร็ตตอนไหน? แล้วทำไมพวกนายถึงไม่เหมือนคนรักกันเลยสักนิด”

                “ใจเย็นแมกซ์ ฉันกำลังจะเล่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “คือวันนั้นฉันเมา เราไปงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้านของเจมส์กัน จำได้ไหม วันเกิดอายุสิบแปดของเขาน่ะ”

                “อ๋อ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “เขาเปิดกรุเหล้าของพ่อฉลอง พวกเราเลยดื่มกันเต็มที่ จำได้ว่าเมาดูไม่ได้กันทุกคน”

                “ตอนนั้นพ่อบ่นฉันตั้งสามวัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “บ้านฉันก็ด้วย เหมือนว่าเราโดนบ่นกันทุกคนนะ”

                “ยกเว้นฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “พ่อไม่เคยบ่นอะไรฉันเลย แม่ก็ด้วย แต่วันนั้นฉันเจอเรื่องแย่กว่า”

                “ยังไง?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดง “ฉันเผลอนอนกับมาร์กาเร็ตไป”

                “หา!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อุทานขึ้นมา “พระเจ้า นายทำอะไรลงไปเนี่ย จอร์จ!”

                “ก็ฉันเมา” ลอร์ดหนุ่มแก้ตัว “เหมือนฉันจะทะเลาะกับคนรับใช้คนหนึ่งในบ้านที่มาเปิดประตูช้า ทะเลาะกันยาวจนเข้ามาถึงในบ้าน แล้วมาร์กาเร็ตก็มาห้ามไว้”

                “นายเลยฉวยโอกาส?”

                “ฉันเปล่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบปฏิเสธ “มันเกิดขึ้นเอง” เขาหน้าแดงกว่าเดิม “เธอพาฉันไปที่ห้องนอน เพราะเธอเอาแต่หมางเมินฉันมาหลายปี ฉันจึงรู้สึกดีมากที่วันนั้นเธอมาช่วยพยุงฉัน ทำให้ฉันนึกถึงตอนเด็กๆ อีกอย่างตอนนั้นเธอก็อายุสิบหกแล้ว...”

                “ให้ตาย จอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “นายไม่เว้นกระทั่งคู่หมั้นตัวเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนอยากเถียง แต่ก็เปลี่ยนใจ “ฉันนอนกับเธอ คืนนั้นฉันบอกรักเธอ ขอเธอแต่งงาน นั่นคือคำพูดที่ฉันอยากพูดกับเธอมาตลอด ฉันอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะหวังมรดก”

                “อืม... ฟังดูดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แล้วทำไมเรื่องมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้ล่ะ?”

                “ก็เพราะพอตื่นขึ้นมา ฉันเพิ่งนึกได้น่ะสิว่าฉันต้องถอนหมั้นกับเธอ เธอไม่มีทางคิดว่าฉันรักเธอหรอก เธอต้องคิดว่าฉันหวังมรดก ที่เธอตกลงยอมหมั้นกับฉันเพราะเกรงใจแม่ฉันต่างหาก”

                “เพราะงั้นนายก็เลยทำเป็นหมางเมินแล้วไม่พูดกับเธอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สรุป แล้วถอนหายใจ “นายรู้มั้ย มาร์กาเร็ตฝังใจกับเรื่องนี้มาก ที่เธอไม่ยอมถอนหมั้นกับนายแม้ว่านายจะควงผู้หญิงไม่รู้กี่คน เพราะเธอเชื่อเรื่องที่นายเคยพูดตอนนั้นนั่นแหละ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดงกว่าเดิม “เธอ... เธอบอกนายแบบนั้นหรือจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่ จอร์จ เธอไม่ได้บอกตรงๆ แต่เธอร้องไห้เวลาพูดถึงนาย นายทำเธอเจ็บมากนะ นายขยี้หัวใจของผู้หญิงที่นายรักอย่างไม่ไยดีมาตั้งหกปี”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนิ่งอึ้ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่นั่งฟังอยู่นานถอนใจแล้วพูดขึ้น “ถ้าฉันเป็นมาร์กาเร็ต ฉันถอนหมั้นนายไปนานแล้วจอร์จ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนสิ่งที่นายทำได้หรอก ถ้าเธอไม่ได้รักนายจริงๆ”

                น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาสีม่วงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอีกครั้ง “ฉัน... ฉันควรจะทำยังไงดี”

                “เรื่องนี้นายต้องถามตัวเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ใช่ ไม่มีใครให้คำตอบได้ดีไปกว่าตัวนายอีกแล้ว”

---------------------------------------------
(จบตอน)

** มีความตั้งใจมานานแล้วว่าอยากเขียนเรื่องราวความรักปกติแทรกอยู่ในนิยายวายของตัวเองบ้าง (ไม่อยากเขียนนิคมอุตสาหเกย์ แต่เรื่องก่อนๆ มันหาจุดแทรกยากแท้ๆ ฮ่าๆ) แล้วเราค่อนข้างชอบคาแรคเตอร์ผู้ชายเจ้าชู้ไก่แจ้ คือเป็นผู้ชายน่าตบ แต่จะตื๊บก็ทำไม่ลง ฮ่าๆ อารมณ์ประมาณจอร์จจี้นี่ล่ะค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่า เรื่องนี้จะไม่สนุกและไม่ขำเลย ถ้าไม่มีคุณชายจอร์จอยู่ ฮ่าๆ จอร์จจี้เป็นยิ่งกว่าตลกตามพระ (เป็นพระเอกก็ได้มั้ง แต่เรตติ้งไม่น่าดี ฮ่าๆ) ตอนที่เขียนให้ลอร์ดจอร์จน้ำตาซึมไปกับการบอกความในใจของจอห์นนี่ เราก็คิดไว้แล้วว่าตานี่ต้องเป็นผู้ชายอ่อนไหว แต่เอาเข้าจริงก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะกลายเป็นคุณชายฟูมฟายไปได้ ฮ่าๆ (หัวเราะหนักมาก) :m20: แต่เราก็ชอบจอร์จที่เป็นแบบนี้นะคะ ทำให้ในความน่าหมั่นไส้ แอบมีความน่าเอ็นดูแทรกอยู่บ้างเล็กน้อย  :hao7:
.
ความรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนยังอยู่ระหว่างทางค่ะ ดิฉันไม่เคยเขียนนิยายที่รู้สึกว่าเต็มไปด้วยอารมณ์รักสารพัดขนาดนี้มาก่อน ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ เลยนะคะ มีความรู้สึกว่ามันละมุนละไมมีอะไรเยอะแยะดี (เอ๊ะ นี่เขียนเองอวยตัวเอง)
.
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-02-2017 12:27:08
บอกเลยว่าตอนนี้ไม่สนท่านลอร์ดกับกอร์ดอนแล้ว สนแต่เรื่องจอห์นนี่อ่ะ งอแงได้น่ารักมากกก เราชอบผู้หญิงแบบเลดี้มาร์กาเร็ตนี่แหละ      :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: dereel_nx ที่ 05-02-2017 19:01:51
 :-[ จริงๆจอร์จน่ารักมากกกก นี่เราแอบมีใจให้มากกว่าจอห์นนี่อีก(ฮา) ขอให้สมหวังกับมาการ์เร็ตเร็วๆน๊าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-02-2017 20:47:10
ตอนนี้กอร์ดอนกับจอห์นนี่รักกันดี ยังไม่มีอะไรตื่นเต้น

ฉันขอไปเผือกเรื่องจอร์จี้กับมาร์กี้อย่างเพลิดเพลินก่อนนะ #เผือกร้อนอร่อยเหาะ

ปล. จอห์นนี่! ยับยั้งชั่งใจบ้าง! กอร์ดอนช้ำหมดแล้ว!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2017 21:25:25
โอ้.....มันมีอะไรในใจจอร์จ มากกว่าที่คิด
จอร์จ ไปสารภาพผิด และสารภาพรักกับมาร์กาเรตซะไวๆ เลย
ผิดซ้ำซาก ทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่ตัวเองรักมาตั้งหกปี
เรื่องคนอื่นฉลาดเชียว มองปราดเดียวรู้เลย
รู้ความนัยระหว่างจอห์นนี่กับกอร์ดอน ละรวดเร็ว
เรื่องตัวเองตาบอดซะนี่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-02-2017 22:32:24
เป็นกำลังใจให้จอร์ดกับมากาเร็ตนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 06-02-2017 00:09:30
ทั้งขำทั้งสงสารจอร์จจี้ ไม่ได้มีความคีพลุคอะไรเลย เป็นถึงลอร์ดกลับร้องไห้ฟูมฟายให้เพื่อนปลอบ ถถถถถถถถถถ

ปล.แอบงงกับยศในเรื่อง สงสัยต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 06-02-2017 00:59:00
หนุ่มๆ เขาทำอะไรน่ารักดีนะคะ 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-02-2017 20:23:20
ทั้งขำทั้งสงสารจอร์จจี้ ไม่ได้มีความคีพลุคอะไรเลย เป็นถึงลอร์ดกลับร้องไห้ฟูมฟายให้เพื่อนปลอบ ถถถถถถถถถถ

ปล.แอบงงกับยศในเรื่อง สงสัยต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบ

ขอโควตามาอธิบายไว้ตรงนี้นะคะ อยากอธิบายมานานแล้ว แฮ่ๆ (ที่จริงตั้งใจว่าจะฟุตโน้ตใส่เอาไว้ตรงไหนสักแห่งของนิยาย แต่ลืมและยังหาจังหวะทำไม่ได้ค่ะ)

ลำดับชั้นยศของขุนนางอังกฤษ เป็นยศที่กษัตริย์แต่งตั้งให้กับบุคคลที่มีความดีความชอบต่อราชวงศ์และบ้านเมืองค่ะ มีลำดับชั้นดังนี้

- ดยุก (Duke) เป็นตำแหน่งสูงที่สุดในตำแหน่งขุนนางทั้งหมด (ส่วนตัวดิฉันคิดว่าประมาณกรมหลวงบ้านเรา) ส่วนใหญ่มักจะพระราชทานให้แก่เจ้าชาย หรือผู้ชายที่สมรสกับเจ้าหญิงซึ่งมีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ค่ะ ตำแหน่งทางฝ่ายหญิงคือดัชเชส (Duchess) ค่ะ ซึ่งจะเป็นตำแหน่งของภรรยาท่านดยุก หรือขุนนางหญิงที่ได้รับตำแหน่งเทียบเท่ากับดยุก

- มาร์ควิส (Marquis) เป็นตำแหน่งรองลงมาจากดยุก ในสมัยก่อนมีกองกำลังทหารเป็นของตัวเองด้วย (นัยว่ามีที่ดินเยอะประมาณเจ้าเมืองเมืองหนึ่งค่ะ) ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะได้รับตำแหน่ง มาร์ชันเนส (Marchioness)

- เอิร์ล (Ear) เป็นตำแหน่งขุนนางของอังกฤษ มียศรองจาก มาร์ควิส (ในยุโรปอื่น ตำแหน่งนี้เรียกว่า เคาน์ (Count)) ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะเรียกว่า เคาน์เตส (Countess)

- ไวส์เคาน์ (Viscount) เป็นตำแหน่งรองจาก เอิร์ล (หรือเคาน์ในประเทศยุโรปอื่น) ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะเรียกว่า ไวส์เคาน์เตส (Viscountess)

- บารอน (Baron) ตำแหน่งรองจากไวส์เคาน์ ภรรยาหรือขุนนางหญิงจะเรียกว่า บารอนเนส (Baroness)

อนึ่งแต่เดิมยศเหล่านี้จะตกทอดสู่ทายาท แต่ในปัจจุบันจะมีการพระราชทานแบบเฉพาะ (คือให้เป็นเฉพาะคน ไม่ตกแก่ทายาท)

ขุนนางในระดับสูงๆ (เช่นดยุก หรือมาร์ควิส) มักจะมีตำแหน่งขุนนางมากกว่า1 ยกตัวอย่าง ดยุกแห่งเคมบริจ อาจจะมีตำแหน่งเป็นมาร์ควิสแห่ง ลักเซอร์ หรือเป็นไวส์เคาน์แห่งซอลบรี หรือมาร์ควิสแห่งซอลบรี อาจจะมีตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งดอว์น หรือไวส์เคาน์สแตมฟอร์ด เป็นต้น

เหล่าบรรดาลูกๆ ของขุนนาง จะมียศดังนี้

- ลูกชายคนโตของดยุก มาร์ควิส และเอิร์ล จะใช้ตำแหน่งรองของพ่อ อาจจะเป็น มาร์ควิส เอิร์ล ไวส์เคาน์ บารอน ก็ได้ ยกตัวอย่าง เฮนรี่ คาเวดิชเป็นมาร์ควิสแห่งบาธรุ่นที่หก และเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์รุ่นที่ห้า ลูกชายคนโต จะมีตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์รุ่นที่หก และเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต เขาจะได้รับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งบาธรุ่นที่เจ็ด

- ลูกชายคนรองของ ดยุก และมาร์ควิส จะมีคำนำหน้าชื่อและนามสกุลว่า ลอร์ด ยกตัวอย่าง ลอร์ดจอร์จ เฟลตัล ลูกชายคนที่สองของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์

- ส่วนลูกชายของขุนนางตั้งแต่ ไวส์เคาน์ลงมา และลูกชายลำดับอื่นๆ จะใช้คำนำหน้าว่า Honorable Mister / The Honorable Miss ซึ่งในที่นี้ขอตัดทิ้งไปเลย ขี้เกียจแปล (โดนตบ)

- ลูกสาวของขุนนางจะใช้คำนำหน้าว่าเลดี้ทั้งหมด ยกตัวอย่าง เลดี้มาร์กาเร็ต สจวต

การเรียกชื่อขุนนาง หากมียศ จะใช้คำว่าลอร์ด หรือเลดี้ ตามด้วยยศ

เช่น

จอห์น คาเวดิช เป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ เวลาเรียกจะเรียกว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์

มาเรีย เกรย์ เป็นมาร์ชันเนสแห่งบาธ เวลาเรียกจะเรียกว่าเลดี้บาธ

เอ็ดเวิร์ด เบอร์บิ่ง เป็นไวส์เคาน์แห่งครอฟตัน ก็เรียก ลอร์ดครอฟตัน

ส่วนลูกชายขุนนางที่มีคำนำหน้าด้วยลอร์ด เช่นลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ก็เรียกลอร์ดจอร์จ เฟลตันได้เลย (บางทีก็เรียกย่อๆ ว่าลอร์ดจอร์จ ให้รู้ว่านี่คือลูกคนรอง ฮ่าๆ)

การสืบบรรดาศักดิ์จะสืบผ่านลูกชายคนโต ที่เกิดกับภรรยาตามกฎหมาย หรือผู้ที่เหมาะสม (เช่นหลานชายคนโต ในกรณีที่ไม่มีลูกชาย) หรือในบางครั้ง หากหาใครไม่ได้จริงๆ ก็จะใช้ผู้หญิงในการสืบบรรดาศักดิ์ค่ะ

หากปราศจากผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ บรรดาศักดิ์นั้นจะกลับคืนสู่พระราชอำนาจของกษัตริย์ และกษัตริย์ก็มีอำนาจในการยกเลิกบรรดาศักดิ์ของขุนนางได้ ในกรณีที่กระทำความผิด

น่าจะครบหมดแล้ว... เนอะ... หากมีขอผิดพลาดขออภัยและสามารถแจ้งเพื่อแก้ไขได้ทุกช่องทางเลยค่ะ :pig4:

ข้อมูลเพิ่มเติมตามได้ที่นี่ค่ะ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9

http://mantuka.exteen.com/20120829/entry

https://pantip.com/topic/33607487
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-02-2017 23:20:07
ชอบนะ ที่มีคู่ปกติด้วย ไม่ได้เบรคนะเราว่า
แต่เป็นการแทรกเข้ามาอย่างกลมกลืน
ชอบจอร์จนะ นึกถึงนักกีฬารักบี้ที่ตัวบึกๆ
แต่ มีร้องไห้ฟูมฟาย อะไรจะอ่อนไหวปานน้านนนน
 :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 07-02-2017 09:33:09
เอ็นดูหนุ่มๆเรืองนี้จัง
อยากแอบไปหมกตัวในร้านตัดเสื้อ
จะได้แอบส่องหนุ่มผมทองตาฟ้าตั้งใจเย็บผ้า
ที่สำคัญส่องเวลาแฟนแอบมาหา อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 09-02-2017 10:34:08


Dear, My customer.

ตอนที่14 ผู้ชายเจ้าน้ำตา


            ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ออกมานั่งดื่มชากันอีกห้องหนึ่ง ปล่อยให้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอยู่กับตัวเองเพื่อตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

                “นายว่าจอร์จจะใช้เวลานานแค่ไหนว่าจะคิดออก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา พลางตักเค้กเข้าปาก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว “ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเห็นเขาออกอาการขนาดนี้มาก่อน”

                “ตอนแรกฉันก็รู้สึกนะว่าเขาคงแอบชอบมาร์กาเร็ตอยู่ แต่ทำวางมาดไปอย่างนั้น ไม่คิดเหมือนกันว่าเรื่องมันจะสลับซับซ้อนขนาดนี้”

                “จอร์จทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งยาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจ “แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ เป็นฉันฉันก็อาจจะทำแบบเขาเหมือนกัน”

                “อืม... ฉันเข้าใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่มีผู้ชายดีๆ คนไหนอยากถูกตราหน้าว่าแต่งงานกับผู้หญิงเพราะหวังมรดกหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วพูดต่อ “ถ้าจอร์จยังคิดไม่ออกก่อนบ่ายสอง ฉันฝากเขาไว้กับนายได้ไหม? ฉันต้องไปซ้อมมวย”

                “ได้ แต่ฉันอาจจะต้องพาเขาไปที่บ้านฉัน เกรงใจพ่อแม่นายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะทันได้พูดอะไรตอบ ก็ได้ยินเสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันดังขึ้น

                “โอลิเวอร์!”

                สองหนุ่มมองหน้ากัน จากนั้นก็พากันชะโงกมองไปนอกระเบียง ไม่นานก็เห็นรถม้าของคฤหาสน์เดลวิ่งออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมามองเจ้าของบ้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ปล่อยเขาไปแล้วกัน บ้านฉันยังมีรถม้าอีกหลายคัน”

-----------------------------------------

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่คิดมาก่อนว่าเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจะมีใจให้เขา (แม้ครั้งหนึ่งเขาจะเคยแอบคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ก็เลิกคิดเพราะไม่รู้สึกว่าเธอสนใจเขา) ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดเพียงว่าเพราะฝ่ายนั้นไม่พอใจกับการหมั้น เลยทำตัวหมางเมิน และยิ่งพอเกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น ลอร์ดหนุ่มเลยฝังใจเชื่อว่าเธอคงเปลี่ยนเป็นเกลียดเขา เขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนเลยว่ากำลังทำร้ายผู้หญิงที่ตัวเองรักที่สุด ทั้งหมดที่เขาทำไปเพียงเพราะทิฐิโง่ๆ เรื่องศักดิ์ศรีของตัวเองล้วนๆ

                เขากระโดดลงจากรถม้าที่ยืมมาจากคฤหาสน์เดล ก่อนจะสั่งคนขับรถ “โอลิเวอร์ ไปที่บ้านฉัน บอกอเล็กซ์ให้เอารถม้ามารอที่นี่ ฉันมีธุระสำคัญ”

                “ครับ” โอลิเวอร์รับคำแล้วเฆี่ยนม้าออกไปทันที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันหน้าไปมองคฤหาสน์ที่เขาไม่เคยคิดจะมาเหยียบเป็นเวลาหลายปี ไม่นานนักคนรับใช้ก็วิ่งมารับ

                “ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรครับ?”

                แม้จะนึกหงุดหงิดที่แม้แต่คนรับใช้ที่ประจำประตูยังจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้มาที่คฤหาสน์นี้หลายปีแล้ว คงไม่แปลกที่จะไม่มีใครจำเขาได้เลย

                “ฉันต้องการพบเลดี้มาร์กาเร็ต”

                “คุณหนูสั่งไม่ให้ใครเข้าพบครับ” ฝ่ายนั้นตอบเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด “งั้นไปบอกลอร์ดบริสโตล ว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันต้องการพบเขา”

                “โอ้ ท่านลอร์ด” คนรับใช้อุทาน “ผมต้องขออภัยจริงๆ ที่จำคุณไม่ได้ นายท่านไม่อยู่หรอกครับ” เขาพูด และเปิดประตู “เชิญคุณไปรอด้านในก่อนครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินตามคนรับใช้เข้าไปในตัวคฤหาสน์ พลางนึกถึงคืนวันเก่าๆ ที่เขากับเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเคยใช้ด้วยกัน

                จะว่าไปแล้วเขาเป็นฝ่ายมาที่นี่แค่น้อยครั้ง ส่วนใหญ่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจะเป็นฝ่ายไปหาเขาที่บ้านเสียมากกว่า ทั้งตอนเด็กๆ หรือแม้กระทั่งตอนที่มีเรื่องกันแล้ว ฝ่ายนั้นก็ยังแวะเวียนไปที่บ้านเขาบ่อยๆ บ่อยจนเขาคิดว่าเธอต้องการจองล้างจองผลาญเขา

                ลอร์ดหนุ่มหน้าแดงด้วยความอับอาย เขาเพิ่งพบว่าตัวเองเข้าใจผิดมาโดยตลอด ยิ่งพอนึกถึงตอนที่เธอตบเขาหน้าท่าเรือแล้วร้องไห้ หัวใจของลอร์ดหนุ่มก็ยิ่งรุ่มร้อน ไม่รู้ว่าผู้ชายที่มากับเธอจะทำยังไง บางทีเขาอาจจะปลอบเธออยู่ บรูโนเป็นครูสอนเปียโนที่พ่อเธอจ้างมาสอนระหว่างที่ไปๆ มาๆ คฤหาสน์ของเขา เพราะเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอยากจะเล่นเปียโนเป็นเพื่อนเขานั่นเอง

                ภายในตัวคฤหาสน์เงียบสนิทจนเข้าข่ายวังเวง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่เคยคิดว่าคฤหาสน์ของเอิร์ลแห่งบริสโตลใหญ่โตอะไร เขาไม่เคยใส่ใจรายละเอียดด้วยซ้ำว่าเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมีชีวิตความเป็นอยู่แบบไหน หลังตัดสินใจหมางเมินเธอ เขาไม่เคยนึกอยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธออีกเลย

                ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องโถงรับแขก ภายในคฤหาสน์ที่ให้ความรู้สึกเงียบเหงาจนน่าตกใจ เขาหันไปถามสาวใช้ที่ยกกาน้ำชาและอาหารว่างมาเสิร์ฟ “มาร์กาเร็ตมีแขกหรือ?”

                “เปล่าค่ะ” สาวใช้ตอบเขา “เดี๋ยวดิฉันจะไปแจ้งคุณหนูให้นะคะ ว่าคุณมารอพบ”

                “อืม...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า พลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ แล้วมองดูภาพวาดที่ประดับเอาไว้ในห้อง ภาพที่เด่นที่สุดเป็นภาพของเอิร์ลแห่งบริสโตลและภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเขา ท่านเอิร์ลยืนอยู่ข้างภรรยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือของทั้งสองกุมกันไว้แน่น ในอ้อมแขนของเคาน์เตสแห่งบริสโตลอุ้มทารกคนหนึ่งเอาไว้อยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต

                น้ำตาหยดออกมาจากดวงตาสีม่วงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอีกครั้ง เขารีบหยิบมาเช็ดหน้าขึ้นมาซับมันจนแห้ง และพยายามสูดหายใจลึกหลายครั้ง เวลาผ่านไปอึดใจใหญ่ๆ สาวใช้ก็กลับเข้ามาในห้อง

                “ท่านลอร์ดคะ คือคุณหนูบอกว่า... ไม่ต้องการพบคุณค่ะ”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่งเสียง พยายามอย่างยิ่งที่จะกักน้ำตาของตัวเองเอาไว้ “ไม่เป็นไร ฉันจะรอท่านเอิร์ลแล้วกัน”

                “ค่ะ ถ้ามีอะไรเรียกดิฉัน...”

                “จริงสิ ห้องเปียโนอยู่ตรงไหน ฉันไปรอที่ห้องนั้นก็ได้”

                สาวใช้มองเขา จากนั้นก็พยักหน้า “เชิญค่ะ ฉันจะพาคุณไป”

------------------------------------------

                แกรนด์เปียโนหลังใหญ่ตั้งอยู่ในห้องที่ตกแต่งในโทนสีฟ้าเย็นๆ ภายในห้องมีทั้งรูปวาดและรูปถ่ายตั้งประดับเอาไว้ แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาส่องให้เห็นรูปถ่ายหลายรูปถูกวางคว่ำอยู่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถือวิสาสะพลิกรูปเหล่านั้นขึ้นมาดู เพียงแค่รูปแรกน้ำตาก็หยดแหมะออกมาจากดวงตาคู่งามของเขา

                รูปนั้นเป็นรูปที่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตถ่ายกับเขาและบรรดาพี่ๆ ของเขา ที่คฤหาสน์ของเขาเอง ในรูปพวกเขาจับมือกันแน่น ตอนนั้นเขาคงอายุราวหกขวบ ส่วนเธอสี่ขวบ

                ลอร์ดหนุ่มพลิกดูรูปถ่ายที่เหลือ ทุกใบล้วนเป็นรูปในวัยเด็กที่เธอเคยถ่ายเอาไว้กับเขา ความทรงจำต่างๆ มากมายทยอยไหลเข้ามา จนน้ำตาไหลอาบแก้มของเขา กระทั่งถึงรูปสุดท้าย ลอร์ดหนุ่มถึงกับแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

                มันเป็นรูปถ่ายเต็มตัวของเขา ในชุดทักซิโดส์ ใส่หมวกทรงสูงและถือไม้เท้า ยืนยิ้มให้กล้องในท่าที่ดูดีที่สุดเท่าที่เขาคิดได้ในตอนนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจำได้ว่าเขาถ่ายรูปนี้ตามคำขอของแม่ ในวันเกิดอายุครบยี่สิบสี่ปี ซึ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง

                “ไหนเธอเคยบอกว่าฉันขายาวไปไง” เขาพึมพำเสียงพร่า ปล่อยน้ำตาให้ไหลหยดลงบนรูป ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ลอร์ดหนุ่มรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาทันที

                “เข้ามา”

                ประตูเปิดออก สาวใช้คนเดิมยกถาดน้ำชามาวางบนโต๊ะ “น้ำชาค่ะ”

                “ขอบใจ” เขาพยักหน้า และโบกมือให้เธอออกไป จากนั้นก็เดินไปนั่งลงตรงหน้าแกรนด์เปียโน เปิดฝาครอบคีย์ออก ลอร์ดหนุ่มนั่งจ้องคีย์สีงาช้างพวกนั้นอยู่นาน ก่อนจะไล่ปลายนิ้วลงไป

                เสียงเพลง Turkish March ของโมซาร์ตดังสะท้อนไปทั้งคฤหาสน์ ท่วงทำนองอันแสนสนุกสนานของมันช่างตรงข้ามกับบรรยากาศเงียบเหงาและอารมณ์ของคนที่เล่นอยู่สิ้นดี เล่นมาได้ไม่ถึงหนึ่งในสามของเพลง ดวงตาของลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เรื้อไปด้วยน้ำตาจนมองไม่เห็นคีย์ใดๆ บนเปียโนอีก เขาหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แล้วพรมนิ้วบรรเลงเพลงที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นไปเรื่อยๆ ด้วยหวังว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาจะพบใครคนหนึ่งนั่งลงข้างเขา แล้วเพิ่มเสียงดนตรีให้กับบทเพลงที่เขาเล่นอยู่ ด้วยการดีดคีย์สีงาช้างนี้ไปด้วยกัน แต่ทว่า... เมื่อมาถึงโน้ตตัวสุดท้าย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ยังพบว่ามีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่นั่งเล่นเปียโนอยู่

[Turkish March : https://www.youtube.com/watch?v=lKdVqD75dm4]

                ลอร์ดหนุ่มปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบหน้า ก่อนจะซับมันจนแห้ง แล้วเริ่มพรมนิ้วลงไปบนเปียโนอีกครั้ง คราวนี้เสียงเพลงที่เล่นออกมาทั้งทุ้มต่ำและเบาราวกับหัวใจที่แทบแหลกสลาย คีย์สูงที่ถูกสอดแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงทุ้มต่ำยิ่งขับให้บทเพลงเศร้าลึก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไล่นิ้วลงไปบนคีย์สีงาช้างพวกนั้น ด้วยน้ำตาและความรู้สึกที่ยากจะบรรยายได้ ท่วงทำนองของ Nocturne Op. 27, No. 1 in C sharp Minor. ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในบรรยากาศ ทั้งร้าวลึก ขมขื่น และหวานซึ้ง ทุกคีย์เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกกระทั่งตัวโน้ตสุดท้าย ลอร์ดหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงปรบมือดังขึ้น

[Nocturne Op. 27 No. 1 : https://www.youtube.com/watch?v=8lvNjO3TQAA]

                “เป็น Nocturne ที่เศร้าที่สุดของโชแปง เท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยจอร์จ”

                ไม่รู้ว่าลอร์ดบริสโตลเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบลุกขึ้นทันที “สวัสดีตอนบ่ายครับท่านลอร์ด ผมไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู ต้องขออภัยด้วย”

                “ฉันก็ไม่ได้เคาะประตูก่อนจะเข้ามาหรอก” ลอร์ดบริสโตลพูดยิ้มๆ เขาเป็นชายอายุราวห้าสิบเศษ แต่หน้าตายังดูอ่อนวัยอยู่ ผมสีแดง ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ ท่านเอิร์ลสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กสีเหลืองอ่อน “ไม่เจอกันนานเลยนะจอร์จ สบายดีมั้ย?”

                “สบายดี ท่านลอร์ดล่ะครับ”

                “ฉันสบายดี สบายดีมากเลย” เขาพูด “นั่งก่อนสิ นั่งตรงนั้นแหละ ฉันชอบเวลาเธออยู่กับเปียโน”

                “ครับ” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า แล้วนั่งลงอีกครั้ง อีกฝ่ายลากเก้าอี้มานั่งประจันหน้ากับเขา

                “หน้าเธอไปโดนอะไรมา?” ลอร์ดบริสโตลตั้งคำถาม ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่ได้ตอบ เขาพูดต่อ “ผมมาพบมาร์กาเร็ต”

                “อืม ฉันเห็นแล้ว แต่เหมือนลูกสาวฉันไม่อยากพบเธอ”

                “ครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ผมทำผิดกับเธอไว้มาก”

                “งั้นหรือ... อะไรบ้างล่ะ?”

                คนถูกถามได้แต่ก้มหน้า ตอบไม่ออกเลยสักครึ่งคำ ได้ยินเสียงลอร์ดบริสโตลถอนหายใจ “รู้อะไรมั้ยจอร์จ ตอนที่แม่เธอบอกว่าอยากให้เธอหมั้นกับมาร์กี้ ฉันดีใจมาก เพราะฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นผู้ชายที่ทำให้ลูกสาวฉันมีความสุข”

                ลอร์ดหนุ่มยิ่งรู้สึกขืนในคอ เขาใช้ความพยายามอย่างมาก ไม่ให้น้ำตาไหลทะลักออกมา ลอร์ดบริสโตลพูดต่อ “มาร์กี้เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไหร่ เธอดูเย็นชาในบางครั้ง อาจเพราะเธอไม่มีแม่คอยดูแล และฉันเองก็เป็นพ่อที่ไม่ดีนัก”

                เขาถอนหายใจยาว “ส่วนเธอตรงข้ามเลยล่ะ เธอเป็นเด็กผู้ชายขี้เล่น อบอุ่น ช่างฝัน คุยเก่ง เวลามาร์กี้อยู่กับเธอเหมือนได้เติมเต็มซึ่งกันและกัน ฉันรู้สึกแบบนั้น”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำได้เพียงก้มหน้า ลอร์ดบริสโตลเองก็เงียบไปนาน นานจนกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจ

                “บอกฉันหน่อยได้มั้ย อะไรทำให้เธอกับมาร์กี้หมางเมินกันขนาดนี้ ทั้งๆ ที่สมัยก่อน พวกเธอดูรักกันดีแท้ๆ”

                น้ำตาหยดลงจากดวงตาสีม่วงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างห้ามไม่อยู่ เขาก้มหน้าอยู่นาน พูดไม่ออกเสียที

                “เพราะผู้หญิงพวกนั้น หรือเพราะลูกสาวฉันเย็นชาเกินไป?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดหน้าของเขาเอาไว้ เนิ่นนานเจ้าตัวถึงเค้นคำพูดออกมาได้ “เป็นความผิดผมทั้งหมดครับ”

                “.....”

                “ผมไม่ได้อยากแต่งงานกับมาร์กาเร็ตเพราะหวังสมบัติ ผมไม่ได้อยากจะหมั้นกับเธอเพราะเรื่องนั้น ผมรักเธอ แต่ผมไม่ต้องการแต่งงานกับเธอเพราะผมไม่มีที่ไป”

                ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่ทันทีหลังจากนั้น ลอร์ดบริสโตลมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

                “ให้ตายสิ จอร์จ... ที่ลูกสาวฉันต้องเจ็บช้ำอยู่ทุกวันนี้ แค่เพราะเรื่องนี้หรอกหรือ...” เขาหยุดพูดไปอึดใจใหญ่ “แต่ฉันไม่โทษเธอหรอก ในฐานะผู้ชายด้วยกัน ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ขอบคุณครับ”

                ลอร์ดบริสโตลมองชายหนุ่มตรงหน้า “เธอยังอยากแต่งงานกับลูกสาวฉันอยู่อีกไหม ยังอยากจะหมั้นกับเธออีกรึเปล่า?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเขาขึ้นมา “ครับ มาร์กาเร็ตเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ผมอยากแต่งงานด้วย”

                ลอร์ดบริสโตลยิ้มให้เขา จากนั้นก็มองออกไปที่ประตู “ไปสิ เธอรออยู่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเบิ่งตากว้าง

                “ขอบคุณครับ” เขาโค้งให้ฝ่ายนั้น ก่อนจะรีบผลุนผลันออกไป

--------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 09-02-2017 10:34:45
                “มาร์กี้!”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตรีบผละออกจากกรอบประตู แล้ววิ่งหนีไปทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกยุดมือไว้ หญิงสาวสะบัดข้อมืออย่างแรง จนหลุดจากการเกาะกุม แล้ววิ่งหนีต่อ

                “มาร์กี้!”

                ครั้งนี้ชายหนุ่มโถมเข้ากอดเธอเอาไว้ทั้งตัว จนหญิงสาวหมดทางหนี เธอหันมาผลักเขาออก “ปล่อยฉันนะจอร์จ...!”

                คำพูดของเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหายไปในคอ เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เห่อเป็นปื้นแดงของลอร์ดหนุ่ม

                “นะ... หน้าคุณ...” เธอเห็นมือสั่นเทาของตัวเองเลื่อนขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลาของเขาเอาไว้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มทั้งน้ำตา

                “ที่คุณตบผมไง” เขาจับมือเธอเอาไว้ “ส่วนอีกรอยเป็นของแมกซ์ เขาตบชดเชยให้คุณด้วย”

                น้ำตาไหลพร่างพรูออกมาจากดวงตาสีเขียวอ่อนของหญิงสาว เธอเอาแต่สั่นศีรษะ “จอร์จ ฉัน... ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

                “ไม่เป็นไร” เขากระซิบ “ผมสมควรถูกตบแล้ว ขอโทษนะมาร์กี้ เรื่องที่ผมทำไม่ดีกับคุณ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสะอื้นจนตัวโยน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันบีบมือเธอเบาๆ “แต่เรื่องที่ผมพูดกับคุณในคืนนั้นเป็นความจริง... ผมโชคดีที่ได้หมั้นกับคุณ และคุณเป็นคนเดียวที่ผมอยากแต่งงานด้วย”

                หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า “คุณหลอกฉันใช่มั้ยจอร์จ คนอย่างคุณ...”

                “คนอย่างผมมันเลวสิ้นดี” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด แล้วถอนใจ “ผมทำผิดกับคุณมากจริงๆ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสั่นศีรษะ “ได้โปรดเถอะจอร์จ... คุณอย่าหลอกให้ฉันดีใจได้ไหม... คุณมีผู้หญิงตั้งหลายคน คุณไม่เคยสนใจฉันเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนใจอีก เขาจับใบหน้าของเธอไว้

                 “ผมไม่เคยบอกรักผู้หญิงพวกนั้น ผมไม่เคยขอพวกเธอแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นแมรี่ ไอรีน หรือใคร” ลอร์ดหนุ่มว่า “เพราะผมไม่เคยรักพวกเธอ”

                หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างแรง “คุณมันแย่มากจอร์จ แย่... แย่ที่สุด”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรับสภาพ “ผมมันเป็นผู้ชายที่แย่ เจ้าชู้ เจ้าน้ำตาเป็นที่สุด ผมมันไม่น่ารักเลย”

                เขาใช้มือจับใบหน้าของเธอให้เงยขึ้นมา “แต่ผมมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคุณให้ได้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองเขาทั้งที่น้ำตายังคงอาบหน้า ลอร์ดหนุ่มหรี่ตาลงด้วยความเจ็บปวด แล้วก้มลงจูบแก้มเธอเบาๆ หญิงสาวผงะตัวหนีเล็กน้อย

                “ผมรักคุณ” เขากระซิบเสียงพร่า จากนั้นก็ดึงตัวเธอเข้ามากอดแน่น “ผมรักคุณมาร์กี้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตร่ำไห้ออกมาเสียงดัง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลูบหลังเธอเบาๆ เขารอจนเธอค่อยๆ เงียบเสียงลง จึงขยับตัวออกนิดหน่อย แล้วแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของเธอ “ได้โปรดเถอะมาร์กี้ ถ้าคุณรักผมสักนิด ได้โปรดแสดงให้ผมเห็น ผมกลัวคุณจะไม่รักผม เพียงแค่สงสาร ผมไม่ต้องการความสงสาร ผมต้องการความรักจากคุณ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเปียกชื้นมองเขา “ไม่... จอร์จ... ฉันไม่เคยไม่รักคุณเลย ไม่... แม้แต่วินาทีเดียว”

                ลอร์ด จอร์จ เฟลตันจับใบหน้าของเลดี้มาร์กาเร็ตเอาไว้เบาๆ ก่อนจะแนบจูบที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิตของเขาลงไป

                “ขอบคุณมาร์กี้... ขอบคุณที่คุณรักผม”

--------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่มีสมาธิซ้อมมวยเลยตั้งแต่บ่าย เพราะเป็นห่วงเรื่องของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน พอซ้อมเสร็จเขาก็เตรียมจะกลับคฤหาสน์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และแวะไปสอบถามเหตุการณ์ของฝ่ายนั้นต่อที่คฤหาสน์ ปรากฏว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คงคิดเหมือนกัน เจ้าตัวถึงได้มายืนรอเขาอยู่หน้าสโมสรมวย

                “จอห์นนี่ ฉันเป็นห่วงจอร์จ ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นไงบ้าง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาตรงๆ เมื่อทั้งสองเจอหน้ากัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาให้โอลิเวอร์ไปตามอเล็กซ์ตั้งแต่บ่าย บางทีเขาอาจจะกลับบ้านแล้วก็ได้”

                “งั้นพวกเราไปหาเขาที่บ้านกัน”

-------------------------------------

                ปรากฏว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังไม่กลับ ตอนที่ทั้งสองหนุ่มไปถึง เลดี้แอนโดเวอร์รู้สึกพิศวงเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนของลูกชายแสดงอาการกระวนกระวาย

                “เกิดอะไรขึ้นกับจอร์จจี้รึเปล่าจ๊ะ?” เธอถาม “ฉันเห็นพวกเธอดูกังวลมาก”

                “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีพวกเรานัดกันว่าจะไปกินมื้อค่ำ แต่เห็นเขาไม่มาเสียที” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบปฏิเสธ

                “แย่จัง” เลดี้แอนโดเวอร์พูด “จอร์จจี้ให้คนมาตามอเล็กซ์ไปรอเขาที่คฤหาสน์ของลอร์ดบริสโตลตั้งแต่บ่าย จนป่านนี้ยังไม่กลับเลยจ้ะ อาจจะคุยกับมาร์กาเร็ตติดพันก็ได้ พวกเขาสองคนไม่คุยกันนานแล้วนี่นา”

                สองหนุ่มมองหน้ากัน ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะพูดขึ้นต่อ “เขายังไม่กลับมาเลยหรือครับ?”

                “ใช่จ้ะ” เลดี้แอนโดเวอร์พยักหน้า “บางทีสองคนนั้นอาจจะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องคุยกันเสียที พวกเขาสองคนทำเมินใส่กันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้โกรธกันจริงๆ หรอก”

                “ทำไมท่านหญิงถึงคิดว่าเขาไม่ได้โกรธกันจริงๆ ล่ะครับ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามด้วยความสงสัย เลดี้แอนโดเวอร์มองเขาแล้วหัวเราะ “ก็มาร์กี้ยังมาขอรูปของจอร์จจี้ไปอยู่เลยนี่จ้ะ ส่วนจอร์จจี้เองก็ชอบถามถึงเธอบ่อยๆ พวกเขาสองคนไม่ได้โกรธกันจริงๆ หรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาจากห้องด้านหน้าเสียก่อน

                “อ้าว จอร์จจี้กลับมาพอดีเลย”

-----------------------------------

                “จอร์จจี้ จอห์นนี่กับแมกซ์มารอลูกตั้งนานแล้ว ทำไมลูกไม่มาทักทายพวกเขาก่อน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหันมามองแม่ของตัวเองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเลยไปมองเพื่อนสองคนที่เดินตามมา

                “พวกนายมาทำไม?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตะโกนบอกเขา “พวกเรามาชวนนายไปกินมื้อเย็น”

                “อ๋อ ขอบใจ แต่ฉันมีนัดแล้ว”

                “หา?”

                “พวกนายกลับบ้านไปเลย ฉันต้องรีบเปลี่ยนเสื้อ”

                สองหนุ่มหันมองหน้ากันอีกครั้ง เลดี้แอนโดเวอร์ถอนหายใจ “จอร์จจี้เป็นแบบนี้ทุกทีเวลาเขานัดสาว” เธอหันมาทางเพื่อนของลูกชาย “ถ้าไม่รังเกียจ พวกเธออยู่กินมื้อเย็นที่นี่ก็ได้นะจ๊ะ สามีฉันคงดีใจถ้าพวกเธอมาร่วมโต๊ะด้วย”

                “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “พอดีผมนัดเพื่อนคนอื่นไว้ด้วย ถ้าจอร์จไม่ว่างแล้ว พวกเราก็จะไปกันเลย”

                “ตกลงจ้ะ”

-----------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินคุยกันออกมาจากคฤหาสน์

                “นายว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอร์จ เขาร้องไห้ฟูมฟายวิ่งไปคฤหาสน์ของลอร์ดบริสโตลแบบนั้น ยังจะมีหน้าไปนัดสาวที่ไหนอีกหรือ?”

                “ฉันก็สงสัย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะเหลือบไปเห็นรถม้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่จอดรออยู่ เขาหันไปหาเพื่อน

                “แมกซ์ พวกเราต้องสืบดูให้รู้แน่ว่าเขานัดใคร”

                คนถูกชวนเห็นด้วย พวกเขาสองคนจึงพากันเดินไปที่รถม้าคันใหญ่คันนั้น

-------------------------------------

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบเสียจนไม่ทันได้สังเกตว่าคนขับรถม้าของเขามีถึงสามไม่ใช่หนึ่ง ถ้าไม่รีบจริงเขาคงต้องมองเห็นเพื่อนตัวใหญ่ของเขาแล้ว ชายหนุ่มเร่งร้อนขึ้นรถม้า ก่อนที่อเล็กซ์ซึ่งเป็นสารถีจะเฆี่ยนมันออกไป โดยมีลอร์ดสองคนนั่งขนาบข้าง

                รถม้ามาหยุดหน้าภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ รีบกระโดดลงจากรถและเดินไปยืนหลบข้างเสาไฟถนน รอจนเพื่อนรักก้าวลงจากรถม้าและเข้าไปด้านในอาคารแล้ว พวกเขาจึงรีบเดินตามไป

                ผู้จัดการให้การต้อนรับพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างดี เพราะจำลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้จากหนังสือพิมพ์ ท่านเอิร์ลจึงแจ้งความประสงค์ว่าเขาต้องการนั่งใกล้เพื่อนของเขาซึ่งก็คือลอร์ดจอร์จ เฟลตัน แต่ไม่อยากให้ฝ่ายนั้นสังเกตเห็น และต้องการให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทางผู้จัดการภัตตาคารจึงรีบจัดที่ให้พวกเขาทั้งสองทันที ดังนั้นไม่นานลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก็ได้นั่งสังเกตการณ์อยู่ที่โต๊ะซึ่งสามารถมองเห็นเพื่อนของเขาได้ชัดเจนที่สุด โดยที่เจ้าตัวไม่สงสัยอะไรเลย

                “โห แมกซ์ นายตบเขาแรงเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด เมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนชัดๆ ต่อให้ล้างหน้าแล้ว รอยปื้นแดงก็ยังชัดอยู่บนแก้มทั้งสองข้างของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอยู่ดี โชคดีมากที่เลดี้แอนโดเวอร์ไม่ทันได้สังเกตเห็นตอนเขากลับไปเปลี่ยนเสื้อ

                “ฉันว่าข้างนั้นเป็นของมาร์กาเร็ต” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แก้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตบหน้าเขา แค่มือลื่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนด้วยสายตาไม่เชื่อถือ ก่อนจะหันไปจับตาโต๊ะเป้าหมายต่อ

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก้มลงมองนาฬิกาพกในมือ พลางจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยที่สุด ไม่นานนักเลดี้ไอรีนก็ปรากฏตัวขึ้น เธออยู่ในชุดสีฟ้าสวย หญิงสาวลากเก้าอี้ลงนั่งตามคำเชิญของเขา “เปลี่ยนใจอยากไปดูดอน จิโอวานนี่แล้วหรือคะจอร์จจี้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเธอแล้วยิ้ม “ไม่ แต่ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ เรื่องสำคัญมากๆ”

                “ค่ะ?” เลดี้ไอรีนทำหน้าสงสัย ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “แต่เราต้องรออีกคนหนึ่งก่อน อ้าว มาพอดีเลย”

                เลดี้แมรี่ทำหน้าแปลกใจที่เห็นเลดี้ไอรีนนั่งอยู่ก่อน แต่ก็นั่งลงตามมารยาทเมื่อถูกเชิญ เลดี้ไอรีนมองหน้าเธอ รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน

                “มีเรื่องอะไรหรือคะจอร์จจี้ ทำไมถึงเรียกเธอมาด้วย?” เลดี้แมรี่ถาม โดยไม่หันไปมองเลดี้ไอรีน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองพวกเธอทีละคน

                “ที่จริงแล้วผมชอบคุณสองคนมาก...”

                “ค่ะ?”

                “ให้เลือกคนใดคนหนึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับผม”

                เลดี้แมรี่มองเขาแล้วพูดแทรกขึ้น “อยากพูดอะไรพูดมาตรงๆ เลยดีกว่าค่ะจอร์จ”

                “ก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าและทำท่าเหมือนคิดตกเสียทีว่าเขาอยากพูดอะไรกันแน่ “ที่ผมจะพูดคือ ระหว่างพวกคุณสองคน ผมไม่มีทางขอใครคนใดคนหนึ่งแต่งงานเด็ดขาด เพราะผมมีคู่หมั้นอยู่แล้ว และผมก็รักเธอมาก”

                สองสาวคว้าแก้วเครื่องดื่มที่บริกรเพิ่งนำมาวางให้สาดใส่เขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นโชคดีของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ที่มื้อนี้เป็นมื้อเย็น ที่สาดใส่เขาจึงเป็นไวน์ขาวเย็นๆ แทนที่จะเป็นน้ำชาร้อนๆ

                เลดี้แมรี่ผุดลุกขึ้น “ขอบคุณที่ให้คำตอบค่ะจอร์จ ลาก่อน”

                เลดี้ไอรีนผุดลุกขึ้นแทบจะพร้อมกัน “คุณมันเลวที่สุด” เธอยังอุตส่าห์คว้าแก้วไวน์อีกแก้วที่เป็นของลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาสาดใส่เขาอีกรอบ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินจากไป ยังดีที่ภัตตาคารที่นี่มีแต่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ ดังนั้นเหตุการณ์ที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถูกเลดี้สองคนสาดไวน์ใส่กลางโต๊ะอาหารจึงดูไม่เอิกเหริกมากนัก เพราะทุกคนมีมารยาทพอที่จะแสดงออกว่ามองไม่เห็น เว้นเสียแต่เพื่อนของเขาสองคน

                “ให้ตาย จอห์นนี่ นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นมั้ย?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ฉันเห็นเหมือนที่นายเห็นนั่นแหละแมกซ์ เขาโดนสาดไวน์กลางภัตตาคาร สามแก้วรวดเลยด้วย พระเจ้า เขาพูดอะไรกับพวกเธอน่ะ”

                และแล้วทั้งสองก็มีอันต้องพิศวงกว่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่ควรจะทำหน้าเสีย หรือจริงๆ แล้วเขาควรจะรีบเดินออกจากภัตตาคารไปเลยด้วยซ้ำ กลับค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดไวน์ขาวที่เลอะอยู่บนตัวเขาอย่างใจเย็น ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

                “นายแน่ใจนะว่านั่นใช่จอร์จเพื่อนเราจริงๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือลูบคาง “เขาคือจอร์จแน่ๆ” เอิร์ลหนุ่มหันไปหาเพื่อน “เราต้องไปหามาร์กาเร็ต น่าจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้เหตุผล”

                สองหนุ่มรีบลุกออกไปทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนของเขาเช็ดคราบไวน์เสร็จ พอออกมาด้านนอก อเล็กซ์ก็ทักพวกเขา “อ้าว ท่านลอร์ด...”

                ทั้งคู่ยกมือแตะปาก “ห้ามพูดอะไรทั้งนั้นนะ พวกฉันจะกลับเอง”

                สารถีหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะมองดูลอร์ดสองคนกระโดดขึ้นรถม้ารับจ้างจากไป

-------------------------------------

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตดูแปลกใจมากเมื่อเห็นลอร์ดทั้งสอง เธอแต่งตัวสวย ท่าทางเหมือนกำลังรอใครอยู่ เธอรีบพาพวกเขาเข้าไปคุยในห้องส่วนตัว

                “พวกคุณมาทำอะไรคะเนี่ย?”

                “พวกเรามาถามเรื่องจอร์จ” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน ก่อนจะเล่าเรื่องที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ให้เธอฟัง พอฟังจบ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็หน้าแดง “เขายอมโดนขนาดนั้นเลยหรือคะ?”

                “จริงสิ พวกเราจะโกหกคุณทำไม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะถามต่อ “บอกหน่อยได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอร์จ เขามาที่นี่ตอนบ่ายใช่มั้ย?”

                “ค่ะ เขามาที่นี่ตอนบ่าย” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบ เธอดูเขินๆ เมื่อพูดถึงเขา ทำให้สองหนุ่มรู้สึกงงหนัก

                “แล้วเกิดอะไรขึ้น?”

                ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เล่าอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “มาร์กี้ ผมมาแล้ว ได้ยินว่าคุณมีแขกหรือ?”

                “อ๋อ... ค่ะ แต่พวกเขากลับแล้ว” เธอตะโกนตอบ และหันไปกระซิบบอกสองหนุ่มที่อยู่ในห้อง “พวกคุณสองคนไปซ่อนที่ระเบียงก่อนได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากให้จอร์จจี้เจอคุณสองคนตอนนี้ กลัวเขารู้ว่าพวกเรารวมหัวกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรได้นิดหน่อย เขารีบสะกิดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ไปเถอะแมกซ์ เราต้องสืบให้ถึงที่สุด”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตามเพื่อนของเขาไปแอบที่ระเบียงอย่างงงๆ

                “เหมือนเราเป็นชายชู้เลยจอห์นนี่” เขากระซิบ ขณะได้ยินเสียงเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเปิดประตู

                “เราไม่ใช่ชายชู้ อย่างน้อยๆ นายกับฉันก็ไม่ได้พิศวาสมาร์กาเร็ต” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ถึงงั้นมาแอบแบบนี้มันก็ดูไม่ดีอยู่ดีแหละ”

                “นายอยากรู้เรื่องจอร์จรึเปล่า”

                “อือ”

                “งั้นเราก็ต้องแอบอย่างนี้แหละ”

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่13p.7 (5/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 09-02-2017 10:35:03
               เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเดินไปเปิดประตูให้คู่หมั้นของเธอ แม้จะได้ยินเรื่องจากปากของสองหนุ่มมาแล้ว แต่พอเห็นสภาพของเขาจริงๆ เธอก็อดจะอุทานออกมาไม่ได้

                “จอร์จจี้ เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ?”

                นอกจากรอยปื้นแดงที่แก้มสองรอยแล้ว ตอนนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังมีคราบไวน์เลอะอยู่บนผมอีกด้วย ถึงเขาจะเช็ดแล้ว แต่มันก็ดูไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย

                “อ๋อ... พอดีผมซุ่มซ่าม เลยทำไวน์หกรดตัวเอง” ลอร์ดหนุ่มตอบพลางยิ้ม “แขกคุณกลับแล้วหรือ? บรูโนใช่มั้ย?”

                “ไม่ใช่หรอกค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบ “คุณไม่ต้องหึงเขาไป ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกันเลย ฉันแค่ขอให้เขาเอาดอกไม้มาให้ฉันเฉยๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้ว “ผมยังสงสัยอยู่ ทำไมคุณถึงไปรับดอกไม้ที่นั่น แล้วทำไมต้องให้บรูโนเป็นคนส่งให้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “คุณยังตั้งใจชวนฉันไปกินมื้อค่ำอยู่อีกรึเปล่าคะ?”

                “อ๋อ แน่นอนสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ ก่อนจะพูดต่อ “คนที่จะไปกินมื้อค่ำกับผมวันนี้ มีแค่คุณคนเดียวแล้ว”

                “แสดงว่าก่อนหน้านี้มีหลายคนสิคะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า แล้วทำเป็นเดินหนีไปทางอื่น ลอร์ดหนุ่มรีบเดินตามเธอไป

                “อย่างอนน่ามาร์กี้ ผมบอกคุณแล้วว่ารักกับชอบมันไม่เหมือนกัน ผมอาจจะชอบผู้หญิงทีละหลายๆ คน แต่คนที่ผมรักมีแค่คุณคนเดียวนะ”

                “ฉันแน่ใจว่าเขายังมีผู้หญิงที่ชอบเก็บเอาไว้อีกเป็นครึ่งโหล” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่แอบฟังอยู่ด้านนอกหันไปกระซิบกับเพื่อนของเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่ลังเล

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสะบัดหน้าเล็กน้อย “ไม่ว่าคุณจะชอบเธอหรืออะไร ก็อย่าควงให้ฉันเห็นแล้วกันค่ะจอร์จ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้าย”

                “ไม่เชื่อใจผมเลยหรือนี่” ลอร์ดหนุ่มคราง พลางขยับมากอดคู่หมั้นของเขาเอาไว้ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตผลักไสเขาอย่างแง่งอน

                “ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง... อ๊ะ!”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก้มลงจูบคู่หมั้นของเขาทีหนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ระเบียง “นี่ จอห์นนี่ แมกซ์ พวกนายจะยืนแอบอยู่อย่างนั้นอีกนานมั้ย? ไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับพวกเราหน่อยหรือไง?”

                เลดี้มาร์กาเร็ตสะดุ้ง เธออายจนหน้าแดง “คุณรู้หรือคะ?”

                คนถูกถามยักไหล่ “ถึงผมจะตาถั่ว แต่ก็มองออกล่ะนะว่าคนขับรถม้าบ้านผมไม่มีทางมีสามคน และสองคนที่เกินมาตัวใหญ่อย่างกับอะไรดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดสินใจเดินเข้ามาจากระเบียง “ไง จอร์จ พวกเราคิดว่านายจะไม่ชวนแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนยิ้มๆ “อากาศด้านนอกเป็นไงบ้าง ลองเป็นคนขับรถม้าสนุกมั้ย?”

                “สนุกมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ “รับรองเลยว่าไม่มีใครได้รับเกียรติเท่านายอีกแล้วจอร์จ ที่ได้เอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์,kเป็นคนขับรถม้าให้”

                ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหน้าแดงจนถึงใบหู “ฉันออกไปก่อนดีกว่า”

                “อย่าเพิ่งไป มาร์กี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอต้องรับผิดชอบเรื่องที่ให้เราออกไปรอที่ระเบียงด้วยนะ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเขินจนเอาแต่ก้มหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเธอยิ้มๆ “ไม่ต้องอายหรอกน่า คุณกล้าสั่งเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ให้ออกไปรอที่ระเบียงได้ ก็น่าจะสั่งให้เขาไม่โกรธคุณได้เหมือนกัน”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบแทนประโยคนั้นของคู่หมั้นเธอด้วยการตีเขาเป็นการใหญ่ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หลุดขำออกมา “นายก็พูดเกินไปจอร์จ เธอแค่ขอ แล้วฉันเลยให้แค่นั้นเอง”

                สามหนุ่มพากันหัวเราะอีก เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอายจนอยากจะไล่ทั้งสามคนออกไปให้พ้นจากห้องของเธอเสียจริงๆ

                “พวกคุณร้ายกาจมาก ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้!”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะดึงตัวเธอเอาไว้ ในขณะที่เพื่อนเขาสองคนรีบพูดขึ้น “พวกเราขอโทษแล้วกัน เราแค่อยากมาแสดงความยินดี”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตซุกหน้าของเธอลงบนอกของคู่หมั้นหนุ่มด้วยความเขินอาย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกอดเธอไว้ “ขอบใจพวกนายมาก ทั้งสองคนเลย ในที่สุดฉันก็ได้ทำสิ่งที่ฉันควรทำเสียที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา “ขอให้สนุกกับมื้อค่ำนะจอร์จ”

                “อื้อ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์แทรกขึ้นก่อน “อ้อ ไม่ต้องชวนพวกเราหรอก พวกเราไม่อยากเป็นก้างขวางคอ กลัวจะต้องถูกออกไปยืนที่ระเบียงอีก ใช่มั้ยแมกซ์”

                “ตามนั้นแหละจอห์นนี่” อีกฝ่ายตอบ เลดี้มาร์กาเร็ตหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง “พวกคุณหยุดพูดเรื่องนี้ทีค่ะ ฉันผิดไปแล้ว”

                สามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกันอีก ก่อนที่สองคนที่ไม่เกี่ยวข้องจะขอตัวออกไป ทิ้งคู่รักที่น่าจะรักกันได้ตั้งนานแล้วไว้ในห้องเพียงแค่สองคน

----------------------------

                กอร์ดอนกำลังจะเริ่มกินมื้อค่ำตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ยังไม่ทันได้เดินไปเปิดหรือพูดอะไร ประตูก็ถูกเปิดผลัวะเข้ามา

                “ขอโทษครับ คุณโอเดนเบิร์ก คือท่านเอิร์ล...”

                “ผมมาชวนคุณไปกินมื้อเย็น คุณยังไม่เริ่มใช่มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่เดินนำหน้าเดวิดเข้ามาพูดด้วยสีหน้าร่าเริง แล้วยื่นมือมาดึงตัวของช่างตัดเสื้อโดยไม่ถามความสมัครใจสักคำ

                “นี่มันอะไรกันครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความงุนงง หลังถูกฝ่ายนั้นลากออกมานอกร้าน เขาเกือบจะสั่งเดวิดให้ไปหยิบเสื้อโค้ทให้ไม่ทัน

                “กินมื้อค่ำไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พวกเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้า แล้วดึงช่างตัดเสื้อขึ้นตามไป

                กอร์ดอนรู้สึกแปลกใจเมื่อเขาพบว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถอยู่บนรถม้ารับจ้างก่อนแล้ว “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านลอร์ด นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?”

                “เรื่องของจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ

                “พวกเราต้องคุยกันยาวเลย คุณมีร้านอาหารดีๆ ที่พวกเขาไม่น่าจะจำผมกับแมกซ์ได้แนะนำไหม ผมอยากให้เราคุยกันยาวๆ โดยที่ไม่มีใครมาขัดจังหวะ”

                กอร์ดอนเลิกคิ้ว หลังจากนึกอยู่นาน เขาก็เสนอร้านหนึ่งขึ้นมา อยู่ไม่ไกลจากบาร์บีช็อตนัก โชคดีที่ท่านลอร์ดทั้งสองคนแต่งตัวแบบปกติธรรมดามา พวกเขาจึงเดินเข้าไปในร้านได้โดยไม่มีใครให้ความสนใจ

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ผลัดกันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กอร์ดอนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ช่างตัดเสื้อหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง

                “ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่สองวันเรื่องมันจะไปไกลได้ขนาดนี้” เขาคราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดตอบ “ทั้งหมดนี่เพราะคุณเลยนะ ถ้าคุณไม่เปิดประเด็นเรื่องมาร์กาเร็ตควงคนอื่น ผมว่าป่านนี้เธอกับจอร์จน่าจะยังเมินกันเหมือนเดิมอยู่”

                กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความประหม่า “งะ... งั้นหรือครับ... แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดต่อเลดี้มาร์กาเร็ตอยู่ดี ผมไม่น่าใส่ความเธอแบบนั้นเลย เธอเป็นถึงเลดี้ เป็นว่าที่เคาน์เตสด้วย”

                “แต่ฉันว่ามาร์กาเร็ตชอบนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่งั้นเธอคงไม่ไปที่ท่าเรือ แต่สงสัยจริงว่าทำไมเธอไม่ยอมรับปากเราแต่แรก”

                “อารมณ์ผู้หญิงมั้ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วยกแก้วไวน์แดงขึ้นมาจิบ ก่อนจะทำหน้าแปลกๆ “โอย... ไวน์ที่นี่ไม่ได้เรื่องเลย”

                “ผมขอโทษครับ” กอร์ดอนรีบพูด “คราวหลังผมจะหาร้านใหม่...”

                “อ้อ... ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่เนื้ออร่อยดี ใช่มั้ยแมกซ์?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยังคงสาละวนอยู่กับการจัดการเนื้อย่างในจาน “ถ้านายจะพูดอย่างนั้นก็นะ จอห์นนี่... ฉันว่าก็ยังดีกว่าเหนียวจนเคี้ยวไม่ออก”

                กอร์ดอนหน้าแดงกว่าเดิม “ขอโทษนะครับ ผมเลือกร้านไม่ดี”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดได้ “ไม่เป็นไรหรอกกอร์ดอน พวกเรารบกวนนายให้พามาเอง” เขาเงียบไปพักเหมือนกำลังหาคำแก้ตัวดีๆ “ฉันแค่ไม่ชินเฉยๆ”

                “ครับ ผมทราบ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์วางแก้วไวน์ลง แล้วพูดต่อ “เดี๋ยวเราไปต่อกันที่บาร์บีช็อตดีกว่า เหล้าที่ร้านของแจ็คสันอร่อยใช้ได้ ฉันอยากดื่มฉลองให้จอร์จ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันไปมองเพื่อน “นี่นายชวนฉันด้วยรึเปล่าจอห์นนี่? หรือชวนแต่กอร์ดอน”

                “ฉันตั้งใจจะชวนนายด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่บาร์นั่นเป็นบาร์เล็กๆ นายอาจจะไม่ชิน”

                “มันไม่เกี่ยวกับว่าฉันชินหรือไม่ชินหรอกน่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “มันอยู่ที่นายจะชวนฉันหรือไม่ต่างหาก... ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าพวกนายอยากจะไปดื่มกันแค่สองคน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้นมา “มันเป็นแค่บาร์เล็กๆ นะครับ”

                “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยว นายอยากให้ฉันไปด้วยรึเปล่า?”

                “อยากสิครับ” กอร์ดอนว่า “ก็คุณเป็นเพื่อนลอร์ดจอร์จเหมือนกันนี่นา”

                “เป็นเพื่อนนายด้วย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้ำ ช่างตัดเสื้อยิ้มเขินๆ แล้วพยักหน้า “ครับ”

------------------------------
(จบตอน)

***55555+ ที่จริงตอนดิฉันเขียนให้ลอร์ดจอร์จ แอบน้ำตาซึมกับความรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ดิฉันก็คิดไว้แล้วนะคะว่าฮีต้องเป็นชายหนุ่มผู้แสนอ่อนไหว แต่ไม่คิดว่าฮีจะฟูมฟายเจ้าน้ำตาได้ปานนี้ 5555+ (หัวเราะอีกครั้งให้โลกระบือ  :laugh:)

เป็นผู้ชายที่ร้องไห้งอแงต่อหน้าเพื่อนสนิทได้แบบไม่ต้องเนียมไม่ต้องอาย และสามารถน้ำตาซึมได้ในทุกสถานการณ์ จอร์จจี้คงต้องพกผ้าเช็ดหน้าไว้หลายผืนในกระเป๋า เพื่อเอาไว้เช็ดน้ำตาของเขาล้วนๆ ฮ่าๆ (ถ้านิยายเรื่องนี้ออกเล่ม เราแถมผ้าเช็ดหน้าสำหรับเช็ดน้ำตาของลอร์ดจอร์จดีไหม 555+ มีความอยากได้เป็นการส่วนตัว << อีบ้า)

เราชอบภาพพจน์ของลอร์ดจอร์จในฐานะนักเปียโนมาก ด้วยความที่ฮีมีความอ่อนไหวสูง ช่างฝัน เหมาะยิ่งนักกับคาแรคเตอร์นักดนตรี และเพลงของโชแปง กับโมซาร์ต (หัวเราะหนักมาก มีความขำด้วยเหตุผลส่วนตัว  :m20:) คราวนี้เราเลยแทรกลิ้งลงไปในเนื้อหาเลยค่ะ อยากให้ทุกท่านเปิดฟังประกอบเรื่อง มันจะอินมากกกก โดยเฉพาะ Nocturne Op.27 No.1 ที่เป็น C charp Minor. หาคนเล่นได้เวิ่นเว้อถึงอารมณ์โชแปงและท่านลอร์ด ไม่ได้เท่าคุณปู่ Arther Rubinstien อีกแล้ว (ในยูทูปยังมีนักเปียโนเล่นเพลงนี้อีกเยอะค่ะ สามารถหาคลิปที่มีการถ่ายตอนดีดเปียโนได้ รู้สึกจะเป็นคลิปการแข่งขันประชันเพลงของโชแปง)

มีความอินกับเพลงคลาสสิกมากถึงมากที่สุด  :-[

ส่วนสองหนุ่มอย่างลอร์ดโทรว์บริดจ์ และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก็ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าว(?)ได้อย่างน่าประทับใจ ฮ่าๆๆ แค่คิดภาพก็ปวดหัว ดูทำไปแต่ละอย่าง ฮ่าๆ  :jul3:

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-02-2017 11:03:03
ลอร์ดจอร์จทำเรานำ้ตาซึมเลยตอนนี้ ประทับใจมากเลยค่ะ   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 09-02-2017 12:26:03
ท่านลอร์ดผู้น่าเอ็นดู  :hao7: กับผองเพื่ิอน ที่มาสร้างความฮาให้คุณได้เกิดเสียงหัวเราะ จูจี้พิกเซล ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Dear, My customer ฉายแล้วทุกเล้าใกล้บ้านคุณ :angellaugh2:

555 +เป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-02-2017 14:56:59
รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับนักสืบยังไงไม่รู้นะ ตอนนี้
แต่ก็ยินดีกับท่านจอร์จจี้ด้วย
 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 09-02-2017 17:30:20
ขอสารภาพเลยว่าอยากเป็นเลดี้มากาเร็ต 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-02-2017 19:31:40
จอร์จจี้ มาร์กาเรต  :กอด1:
คืนดีกัน รักกัน ได้ ต้องให้เครดิตกอร์ดอน  :katai2-1:
ถ้ากอร์ดอนไม่สร้างเรื่อง  o18
สองคนคงต่างรักกันโดยไม่รู้กัน  :hao5:
เพื่อนๆ ลุ้นจอร์จ น่าดู  :mew5:
จนจอร์จโดนตบเมอร์เรย์ตบ
เพิ่มสัมผัสรสเจ็บให้จอร์จ   :ling1:
นอกจากเป็นผู้ชายที่ร้องไห้เก่งกว่าผู้หญิงซะอีก
จอห์นนี่ ติดกอร์ดอนมาก ชอบบบบ  :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-02-2017 20:46:06
เหล่าท่านลอร์ดเล่นบทนักสืบกันอย่างสนุกสนานเลย

จอร์จควรสั่งผ้าเช็ดหน้าจากกอร์ดอนสักสองโหล คงจะพอรองรับทั้งน้ำตาและไวน์

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-02-2017 21:42:57
ช่วงแรกน้ำตาซึมตามตริงๆ แต่พอตอนจบหมั่นใส้จอร์จจี้มาก พูดเลยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-02-2017 23:07:03
อยากจะขำหนุ่ม ๆ เผือกกับเรื่องของเพื่อนจริงจังหนักมาก
แต่ผลก็ออกมาดีนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-02-2017 16:21:10
Dear, My customer.

ตอนที่15 งานเลี้ยงมื้อค่ำ


            แจ็คสันดูแปลกใจที่เห็นกอร์ดอนพาเพื่อนมาเพิ่มอีกคน เขาทักทายทั้งสาม แล้วถาม “คราวนี้เพื่อนคุณหรือเพื่อนใครน่ะ กอร์ดอน”

                “เขาเป็นเพื่อนจอห์น” กอร์ดอนว่า “เป็นเพื่อนผมด้วย”

                แจ็คสันหันไปมองคนมาใหม่ “คุณเป็นช่างตัดเสื้อหรือผู้จัดการเหมืองล่ะ?”

                “ผมเป็นเสมียน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผม แมกซ์”

                “ผมแจ็คสัน ยินดีที่ได้รู้จัก แมกซ์” แจ็คสันพูดพลางเขย่ามือฝ่ายนั้น แล้วหัวเราะ “คุณเป็นเสมียนที่ไหนล่ะ ท่าทางไม่ให้จะเป็นเสมียนนะ”

                กอร์ดอนรีบวางแก้วเหล้ายิน เพราะกลัวจะสำลักกับคำตอบของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเขายิ้มๆ “ผมไม่เหมือนเสมียนตรงไหน ผมทำงานในสำนักงานของท่านลอร์ดฟาริงดอนเลยนะ”

                “แค่ก!” คราวนี้คนสำลักกลับเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์แทน เขาหันไปมองเพื่อน “สำนักงานของลอร์ดฟาริงดอน?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ตอนนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน”

                แจ็คสันเลิกคิ้วกว้าง “ลอร์ดฟาริงดอน? ท่านเอิร์ลที่ชอบทำธุรกิจคนนั้นน่ะหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า แจ็คสันถามต่อ “เขามีสำนักงานด้วยหรือ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน คิดว่าเขาใช้คนในครอบครัวช่วยจัดการเสียอีก”

                “เขาเพิ่งคิดได้ว่าควรจะเปิดสำนักงาน หลังจากใช้คนในบ้านจนไม่มีใครอยากทำงานให้เขาแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดยิ้มๆ “ขอเบียร์ดำให้ผมแก้วนึง”

                ไม่นานนักเบียร์ดำแก้วหนึ่งก็มาวางอยู่ตรงหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เขายกขึ้นดื่มแล้วพยักหน้ากับตัวเอง “ดี เบียร์ดี” จากนั้นเขาก็ดื่มรวดเดียวหมด “ขออีกแก้ว เบียร์อร่อยจริงๆ คุณซื้อที่ไหน”

                “ความลับทางธุรกิจ” แจ็คสันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาปลอบเพื่อนของเขา “ไม่เอาน่า นายมีเก็บไว้ที่บ้านตั้งเยอะแล้ว”

                “แต่แบบนี้ยังไม่เคยดื่ม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะถอนใจ “งั้นท่าทางผมต้องแวะมาร้านคุณบ่อยๆ เสียแล้ว”

                แจ็คสันหัวเราะ ขณะที่กอร์ดอนเกือบสำลักเหล้ายิน “จะมาอีกหรือครับ?”

                “แน่นอน ทำไม ฉันมาไม่ได้หรือไง?” ลอร์ดหนุ่มว่า แล้วพูดต่อ “แล้วนายช่วยหยุดครับที ทำไมชอบครับๆๆ”

                “เพราะเขาติด ชอบคิดว่าฉันเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ทุกที” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เกือบจะสำลักเบียร์ที่เพิ่งดื่มเข้าไป

                “วะ... ว่าไงนะ!”

                แจ็คสันหัวเราะเสียงดัง “อะไรแมกซ์ ผมคิดว่าคุณจะเคยชินกับมุกของจอห์นแล้วเสียอีก”

                “เหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทวนคำ จากนั้นเขาหัวเราะเสียงดังลั่น

                “โอ๊ย นายเนี่ยนะเหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์ พระเจ้าช่วย!”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาแต่หัวเราะไม่หยุด เขาหัวเราะจนลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มขำตาม “ทำไม... ฉันไม่เหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์ตรงไหน”

                “หึๆๆ ฮ่าๆๆ” ลอร์ดหนุ่มหัวเราะจนต้องเอามือกุมท้อง “ไม่ไหวแล้วจอห์นนี่ มุกนี้ของนายแย่ที่สุด ถ้าทุกคนรู้ต้องปรับตกไม่ให้ผ่าน”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา จากนั้นพวกเขาหัวเราะกันอยู่นาน จนคนทั้งร้านหันมามอง แจ็คสันได้แต่ยิ้มขำๆ ส่วนกอร์ดอนอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ

                “นี่พวกคุณจะขำอะไรกันนักเนี่ย?” เขาถามด้วยความสงสัย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปาดน้ำตาออกจากดวงตาของเขา

                “มันขำมากนะ ทำไมพวกนายไม่ขำกัน”

                “ก็มันไม่มีอะไรให้น่าขำขนาดนั้น” กอร์ดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วมองเขา ก่อนจะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้

                “ก็จริงของนาย... แต่มันก็ขำอยู่ดีแหละ”

                จากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่พอจะหยุดหัวเราะได้แล้วตบหลังเขา “พอได้แล้วแมกซ์ ฉันจะขาดอากาศตายเพราะนายเนี่ย”

                “ฉันพนันเลยว่าถ้าจอร์จอยู่ตรงนี้ด้วย เขาจะต้องลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้น ฮ่าๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ จากนั้นก็หัวเราะดังกว่าเดิม กอร์ดอนสั่นศีรษะ พลางถอนหายใจ

                “ให้ตายจอห์นนี่ มุกนี้ของนายเลวที่สุด” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหางตา “ฉันอยากให้คนอื่นได้ยินเรื่องนี้จริงๆ”

                “นายห้ามเล่าเด็ดขาดเลยนะแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เพราะฉันไม่อยากถูกท่านเอิร์ลหมายหัว”

                ลอร์ดหนุ่มที่หยุดหัวเราะไปแล้วกลับมาหัวเราะอีกครั้ง “แย่ที่สุดจอห์นนี่ มุกนี้เอาไปสิบแต้มเต็ม ถ้านายยังเล่นอีกฉันต้องหัวเราะจนตายแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะหึๆ “พรุ่งนี้พวกเรากินมื้อค่ำเสร็จแล้วน่าจะมาต่อกันที่นี่นะ ฉันว่าต้องสนุกมากแน่”           

                “ใช่ๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นด้วย “นี่นี่มีฟลอร์เต้นรำด้วย นิกกี้ต้องชอบแน่นอน แต่นายต้องถามเอ็ดดี้ก่อนว่าเขามีชุดที่พอจะใส่มาที่นี่ได้บ้างมั้ย?”

                “ฉันว่าเอ็ดดี้ต้องมี อย่างน้อยๆ เขาก็ขอยืมได้”

                “เดี๋ยวๆ” กอร์ดอนพูดขึ้นกลางคัน “อย่าบอกนะว่าคุณจะพากันมาทั้งหมดเลย”

                ทั้งคู่หันมามองเขาเป็นตาเดียว “ทำไมล่ะ? ก็พรุ่งนี้เราตกลงกันแล้วไงว่าจะไปดูจอห์นนี่ซ้อมมวยแล้วไปกินมื้อเย็นกันต่อ”

                “อือ อันนั้นผมรู้แล้ว แต่คุณยังจะมาดื่มต่อกันที่นี่อีกหรือ?”

                “ก็เบียร์ดำที่นี่อร่อยดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เหล้ารัมก็อร่อย”

                กอร์ดอนย่นคิ้ว ขณะที่แจ็คสันพูดขึ้น “ฟังแล้วท่าทางพวกคุณมีเพื่อนเยอะนะ พรุ่งนี้ผมคงต้องเตรียมรับมือเต็มที่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “แน่นอน แจ็คสัน พรุ่งนี้คุณจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเลยล่ะ ไม่ใช่แค่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่ที่จะมาถล่มร้านคุณ”

                “โอ๊ย มุกคุณนี่เจ็บทุกมุกเลยจอห์น โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ผมล่ะกลัวท่านเอิร์ลจะได้ยินจริงๆ”

                “เขาไม่ได้ยินหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ถึงได้ยินเขาคงไม่ว่าอะไร เชื่อสิ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา ขณะที่กอร์ดอนได้แต่ส่ายหน้า

-----------------------------------------

                ทุกคนดูตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้ไปบาร์บีช็อต แม้กอร์ดอนจะพยายามอธิบายว่ามันเป็นเพียงบาร์เล็กๆ ที่ไม่น่าเหมาะกับสุภาพบุรุษกลุ่มใหญ่เช่นนี้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นแย้งเขา

                “เหมือนนายพยายามกันตัวเองออกจากพวกเรานะ กอร์ดอน”

                “ใช่” นิโคลาสเห็นด้วย “นายทำเหมือนกลัวคนอื่นจะรู้ว่านายเป็นเพื่อนกับพวกเรา”

                “คนเยอะแยะดีใจจะตายที่ได้รู้จักกับพวกเรา” ลอร์ดครอฟตันว่า “ขนาดบางคนฉันไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ยังอ้างว่ารู้จักกับฉันเลย”

                “ผมไม่ใช่คนที่ชอบแอบอ้างนี่ครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ “นายก็ไม่ได้แอบอ้างตรงไหนนี่ นายรู้จักพวกเราทุกคน ถ้าไม่มีใครเชื่อว่านายรู้จักกับเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ ก็ให้จอห์นนี่ยืนยันเองเลย ไม่เห็นยาก”

                “นั่นสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย ใบหน้าเขายังมีรอยช้ำจากเรื่องเมื่อวานอยู่ เลยถูกเพื่อนๆ แซวว่าโดนสาวตบมา ซึ่งเจ้าตัวก็ก้มหน้าก้มตารับไปแต่โดยดี

                “อืม... ฉันพอเข้าใจกอร์ดอนอยู่หรอกนะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น “เขาเป็นช่างตัดเสื้อให้กับบรรดาพ่อๆ ของพวกนาย จู่ๆ มากลายเป็นเพื่อนกันแบบนี้ เขาคงกลัวว่าพ่อๆ ของพวกนายจะไม่พอใจ เลยไม่อยากจะเปิดเผย”

                “....” บรรดาคุณชายทั้งหลายต่างพากันเงียบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้ายุ่ง “แต่ก็ไม่เห็นจะต้องบ่ายเบี่ยงเรื่องบาร์ขนาดนี้เลยนี่นา พวกเราแค่จะไปดื่ม ไม่ได้จะไปประกาศตัวว่าเป็นใครสักหน่อย ขนาดจอห์นนี่ลงหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ยังไม่มีใครจำเขาได้เลย”

                กอร์ดอนกำลังจะอ้าปากพูด แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชิงหัวเราะขึ้นมาเสียก่อน “พูดถึงจอห์นนี่ ฉันยิ่งอยากให้พวกนายไปที่บาร์นั่น ฮ่าๆ อยากให้พวกนายฟังเขาพูดเรื่องตัวเองเหมือนตัวเอง โอ๊ย แค่คิดฉันก็ขำแทบตาย”

                “โห... มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าสนใจ “ดีแล้วที่ฉันบอกปัดมาร์กาเร็ตไป”

                “มาร์กาเร็ต?” เจมส์ทวนคำ “นายบอกปัดอะไรมาร์กาเร็ต นี่พวกนายคุยกันแล้วหรือ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้ารำคาญ “ไม่ใช่เรื่องของนายน่า เจมส์”

                “ฮ่าๆ แสดงว่าพวกนายคุยกันแล้ว... ลมอะไรพัดนายให้กลับไปคุยกับมาร์กาเร็ตเนี่ย?”

                “หุบปากเลย” ลอร์ดหนุ่มว่า “ถึงเวลาฉันจะเล่าให้พวกนายฟังเอง”

                “ว้าวๆ จอร์จจี้กลับไปคืนดีกับคู่หมั้นของเขาแล้วครับท่านสุภาพบุรุษ ผมว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับรอยปื้นที่หน้าของเขาแน่ๆ นายถูกไอรีนหรือแมรี่หรือทั้งสองคนตบมาใช่มั้ย?”

                “เจมส์! เห็นแก่พระเจ้า ไม่ก็มิตรภาพของเรา นายหยุดพูดที”

                เพื่อนๆ ต่างพากันหัวเราะ “ก็ได้ๆ จอร์จจี้ พวกเราจะรอนายเล่าแล้วกัน”

                “แล้วสรุปว่าพวกเราจะไปบาร์ที่ว่ากันยังไง?” ลอร์ดครอฟตันถามต่อ “ฉันต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่มั้ย?”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เขาพูดตัดหน้ากอร์ดอนไปได้อีกครั้ง “เสื้อนายมันดูสะดุดตามาก นายต้องใส่เสื้อที่ธรรมดากว่านี้ ถ้าไม่มีฉันแนะนำให้ยืมไมเคิล ฉันแน่ใจว่าเขาใส่ไซส์เดียวกับนาย”

                “ไม่ ฉันจะไม่ยืมเสื้อไมเคิล” ลอร์ดครอฟตันว่า “แต่ฉันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อ ฉันแน่ใจว่าต้องมีเสื้อที่พอจะใช้ได้อยู่”

                “งั้นนายรีบไปเลย ก่อนที่จอห์นนี่จะซ้อมมวยเสร็จ เพราะพวกเราต้องเรียกรถม้ารับจ้างไป”

                “หา?”

                “ในเมื่อนายเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อไม่ให้มีใครทักว่านายคือลอร์ดครอฟตันแล้ว นายคงไม่ต้องการพังมันด้วยการเอารถม้าที่มีตราคฤหาสน์ของนายไปจอดที่บาร์หรอก ใช่ไหม?”

                “แต่เราต้องไปกินมื้อเย็นกันก่อนไม่ใช่หรือ?” ลอร์ดครอฟตันท้วง “นี่อย่าบอกนะว่าพวกเราจะไปกินมื้อเย็นที่บาร์นั่นเลย”

                “เออ ใช่ ฉันลืม” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “งั้นกินมื้อเย็นเสร็จแล้วพวกเราค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปเจอกันที่ร้านของกอร์ดอน”

                “ทำไมต้องร้านผมล่ะ?” กอร์ดอนแสดงความแปลกใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองเขา “ก็ร้านนายมันอยู่ใกล้และเรียกรถม้าง่ายที่สุดน่ะสิ”

                “ก็ดีเหมือนกัน” นิโคลาสพูด “ฉันอยากรู้มานานแล้วว่าร้านเขาอยู่ตรงไหน”

                “ร้านเขาอยู่ตรงถนนบรอมพ์ตันแยกที่สี่ล็อกที่สอง หาง่ายมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “มีป้ายร้านสีเขียวเขียนว่า ‘กอร์ดอน เทเลอร์’ ถ้าคนขับรถม้าของพวกนายหาไม่เจอ ฉันว่าเตรียมเปลี่ยนคนใหม่ได้เลย”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ “ตกลง เอาตามนี้เลย”

-----------------------------------

                เหล่าบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายกินมื้อเย็นที่ภัตตาคารหรูที่กอร์ดอนไม่เคยคิดแม้แต่จะเฉียดเข้าไปใกล้ แค่ผ้าปูโต๊ะก็ราคาผืนนึงหลายปอนด์แล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งตรงหัวโต๊ะ เขาอาบน้ำแล้วและดูสดชื่นไม่เหมือนคนเพิ่งเหนื่อยจากการซ้อมมวยเลยแม้แต่น้อย ท่านเอิร์ลอยู่ในชุดสูทตัวหรูที่สั่งตัดไปเมื่อวันก่อน กำลังคุยเรื่องซ้อมมวยกับลอร์จแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างออกรสออกชาติ กอร์ดอนไม่เห็นเมนูอาหารเลยสักแผ่น และไม่เห็นว่ามีใครเดือดร้อนมองหามันด้วย ช่างตัดเสื้อได้แต่จิบไวน์ขาวรสเยี่ยมที่มีบริกรคอยรินเติมให้เรื่อยๆ พลางนึกสงสัยว่าเมื่อไหร่กันเหนอที่เหล่าสุภาพบุรุษพวกนี้จะเริ่มสั่งอาหาร

                แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก อาหารจานแรกก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะ เป็นขนมปังแผ่นเล็กๆ ที่ยังอุ่นอยู่ กับกระปุกเงินดุนลายเคลือบทองใบเล็กที่มีฝาปิด กับช้อนคันเล็กๆ ขนาดพอดีกับกระปุก ทั้งหมดวางอยู่บนจานเงิน มีทั้งหมดสิบชุด แต่ละชุดถูกนำมาวางตรงหน้าสมาชิกที่นั่งกันอยู่ จากนั้นบริกรก็เปลี่ยนแก้วไวน์ทั้งหมดเป็นไวน์แดง

                “โห... จอห์นนี่ ถ้าจะเลี้ยงกันแบบนี้” ลอร์ดจอร์ฟ เฟลตันพูด แล้วหยิบผ้ารองกันเปื้อนขึ้นมาเหน็บไว้ที่คอเสื้อ “ฉันไม่เกรงใจล่ะนะ”

                “ตามสบายเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ใครกล้ากินไม่หมดจะต้องกระโดดกบรอบโต๊ะ”

                เพราะเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ และหากจะว่ากันด้วยฐานะแล้ว เขาก็ต่ำต้อยที่สุดในกลุ่ม กอร์ดอนจึงต้องมานั่งปลายโต๊ะ ติดกับอีธานที่อายุน้อยกว่าเขาถึงสิบสี่ปี ตอนนี้ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองกำลังมองโถเงินและขนมปังแผ่นเล็กๆ พวกนั้นด้วยใบหน้าแดงจัด

                กอร์ดอนรู้สึกสงสัยเลยถามออกไป “มีอะไรหรือ? อีธาน”

                อีธานหันมองเขา แล้วสั่นศีรษะ “เปล่า ผมแค่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้กินของแบบนี้”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นด้วยความสงสัย “มันคืออะไรน่ะ?”

                อีธานเปิดฝากระปุกออก ด้านในบรรจุเอาไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ เล็กๆ สีทองสุกสว่าง

                “มันคือไข่ปลา” ชายหนุ่มว่า “ผมจะอธิบายวิธีกินให้คุณแล้วกัน” เขาพูด แล้วหยิบขนมปังแผ่นเล็กๆ พวกนั้นขึ้นมา “คุณต้องทามันลงไปบนขนมปังอย่างนี้ แล้วค่อยกิน”

                “อ๋อ”

                “แล้วจากนั้นค่อยกลั้วไวน์แดงตามไป ผมว่าน่าจะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ”

                “ขนาดนั้นเลย?”

                แม้จะรู้สึกสงสัยว่าไข่ปลาอะไรที่ทำให้อีธานดูตื่นเต้นขนาดนี้ แต่กอร์ดอนก็ไม่รบเร้าถามต่อ เขาตักไข่ปลาพวกนั้นแล้วทาลงบนขนมปัง จากนั้นก็กินมันลงไป

                “เป็นไงบ้าง?” เสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ดังมาจากหัวโต๊ะ ทุกคนหันมองเขาเป็นตาเดียว

                “นายถามใคร?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้น คนถูกถามหน้าแดงนิดๆ “ถามพวกนายไง เป็นไงบ้าง”

                “ฉันกินจนจะหมดแล้วนายเพิ่งถามเนี่ยนะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “อยากให้ฉันตอบนายต้องสั่งให้ฉันอีกชุด”

                “โอ้โห... ไม่น่าเกลียดเลยจอร์จจี้” เจมส์ที่นั่งเยื้องไปฝั่งตรงข้ามแขวะ “หน้านายทำกับอะไรน่ะ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเป็นไม่ได้ยิน ขณะที่คนอื่นๆ พูดขึ้น “มันก็ต้องอร่อยอยู่แล้ว นายนึกยังไงสั่งมาเนี่ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “ก็ฉันเห็นว่าพวกเราไม่ได้มากินข้าวด้วยกันนานแล้ว เลยอยากจะทำเซอร์ไพรส์พวกนายบ้าง”

                “โห... นายพูดแบบนี้ ทำเอาฉันไม่นึกอยากนัดกินข้าวต่อหลังจากนี้เลย เผื่อว่านานไปนายจะเลี้ยงพวกเราแบบนี้อีก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลยพูดขึ้น “ฉันเพิ่งรู้ว่านายเห็นแก่กินขนาดนี้”

                “ฉันก็แค่พูดเล่นน่า”

                “จอร์จ...”

                “มันเป็นมุก!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายหยุดทำหน้าเครียดทีแมกซ์ ฉันเห็นแล้วกินไม่ลง”

                “กินไม่ลงเพราะนายกินหมดแล้วไง” โรเบิร์ตว่า คนที่เหลือพากันหัวเราะ กอร์ดอนมองด้วยความสงสัย เขากินไปแล้วหนึ่งแผ่น และรู้สึกว่ามันอร่อยดี แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงดูตื่นเต้นนัก

                “กอร์ดอน” ในที่สุดลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เอ่ยชื่อเขา “คุณทำไมไม่กินต่อล่ะ? ไม่อร่อยหรือ?”

                “อ๊ะ!” กอร์ดอนสะดุ้ง ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นอีก “กอร์ดอน ถ้านายไม่กิน ให้ฉันได้นะ ฉันไม่รังเกียจ”

                “อ๋อ ผมเปล่า” กอร์ดอนรีบพูด “มันอร่อยดีครับ ผมแค่สงสัยว่ามันคืออะไร”

                “.....”

                เกิดความเงียบขึ้นบนโต๊ะอาหาร กระทั่งอีธานที่กำลังเคี้ยวขนมปังอยู่ยังต้องหยุดเคี้ยว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกะพริบตาปริบๆ

                “เอาล่ะ... ฉันเข้าใจแล้ว นายกินมันลงไปให้หมดนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะบอกว่ามันคืออะไร ไม่ต้องสงสัย กินเข้าไปเลย”

                “ครับๆ”

                “ไม่ต้องรีบ กอร์ดอน กินช้าๆ” ลอร์ดครอฟตันบอกเขา “นายต้องค่อยๆ ละเลียดรสชาติของมัน ทีละเม็ด”

                “.....”

                “แล้วจิบไวน์แดงตาม”

                “.....”

                “อย่างนั้นแหละ เป็นไงบ้าง?”

                “ก็ดีครับ”

                กอร์ดอนรู้สึกว่าทุกคนดูลุ้นกับการกินของเขา จนเจ้าตัวรู้สึกประหม่า “ทำไมต้องมองผมแบบนั้นล่ะครับ?”

                “เอาใจช่วยน่ะ”

                “ใช่”

                “ถึงกับต้องเอาใจช่วยเลยหรือครับ?”

                “อือ”

                ช่างตัดเสื้อเลยรีบก้มหน้าก้มตากินขนมปังทาไข่พวกนั้นจนหมด

                “อย่าให้เหลือเลยนะ ไม่งั้นฉันจะโกรธนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ได้ยินเสียงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ “นายไม่ใช่คนจ่ายเงิน ไม่ต้องเดือดร้อนแทนไปน่า”

                กอร์ดอนแทบจะยกโถขึ้นมาเทดูว่ายังเหลือไข่สีทองพวกนั้นอีกหรือไม่ ในที่สุดเขาก็จัดการพวกมันจนหมด “ขอบคุณครับ อร่อยมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงกว่าเดิม “ดี ดีแล้วที่คุณชอบ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหรี่ตามองเพื่อน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร กอร์ดอนก็ถามขึ้นต่อ “ตกลงบอกผมได้หรือยังครับ ว่ามันเป็นไข่ปลาอะไร?”

                “มันเป็นไข่ปลาอะไรก็ช่างเถอะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “เอาว่าที่นายเพิ่งกินเข้าไปเรียกกันว่าคาร์เวียร์สีทองก็แล้วกัน”

                กอร์ดอนเกือบสำลักไวน์ที่ดื่มตามไป “อะ... อะไรนะครับ!”

                “คาร์เวียร์สีทอง” อีธานว่า “คุณไม่ต้องตกใจหรอก ไม่ใช่แค่คุณคนแรกนะที่ไม่เคยเห็น ผมเองก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน”

                “ฉันก็ไม่เคยหรอก” เจมส์ว่า “ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าจะได้กิน”

                โรเบิร์ตหน้าแดง “ครั้งแรกของฉันเลยด้วย”

                เจฟฟรีหัวเราะขึ้นมา “ฉันเคยครั้งนึง แต่ไม่ได้มาเป็นกระปุกแบบนี้ ทาขนมปังได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ด้วยซ้ำ”

                กอร์ดอนใช้เวลานานมากกว่าจะกลืนไวน์ที่ค้างอยู่ในปากลงไปได้ เขาเคยได้ยินเรื่องคาร์เวียร์อยู่เหมือนกัน เห็นว่าเป็นไข่ปลาที่แพงมาก ปกติสีดำ แต่ไข่สีทองยิ่งแพงกว่า และไม่ใช่ระดับคนมีเงินธรรมดาจะหามากินได้ด้วย ช่างในร้านเคยคุยกันว่ามีแต่ราชวงศ์กับพวกขุนนางที่ร่ำรวยมากเท่านั้นถึงจะกินกัน กอร์ดอนถึงขั้นขนลุก เมื่อนึกย้อนไปว่าลอร์ดโทรว์บริดส์สั่งมาเลี้ยงเพื่อนถึงสิบชุด

                “รู้เลยทำไมนายเลือกกินมื้อเย็นที่นี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เพราะคาร์เวียร์สีทองนี่เอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “ฉันดีใจนะ ที่พวกนายชอบเซอร์ไพรส์ฉัน”

                “เอ็มมี่จะต้องคลั่งมาก ถ้าเขารู้เรื่องนี้” โรเบิร์ตว่า “เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้กินคาร์เวียร์สีทอง”

                “ไว้เขากลับมาฉันจะเลี้ยงชดเชย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาจิบไวน์อีกคำ จากนั้นบริกรก็ยกอาหารจานหลักมาเสิร์ฟ

                กอร์ดอนแทบจุกตาย เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้กินอาหารดีขนาดนี้ ที่วางอยู่บนโต๊ะมีทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ย่างเนยปรุงด้วยเครื่องเทศและสมุนไพร ไก่ย่างตัวใหญ่ ปลาตัวโตที่ถูกหั่นเนื้อออกเป็นชิ้นๆ แล้วปรุงรสอย่างดี และอีกหลายอย่างที่เขาบรรยายไม่หมด เสียงมีดกระทบจานดังสลับกับเสียงพูดคุย ไวน์ชั้นเลิศถูกรินแจกเหมือนไม่มีวันหมด ทุกอย่างดูราวกับความฝัน กอร์ดอนเหม่อมองบรรดาอาหารชั้นเลิศตรงหน้า มองเหล่าบรรดาสุภาพบุรุษที่กำลังคุยกันอยู่ กระทั่งถึงคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-02-2017 16:21:35
                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา แล้วยกแก้วไวน์แดงขึ้นมา กอร์ดอนยิ้มตอบ แล้วยกแก้วของตนขึ้น จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเจมส์ประกาศ “แด่จอห์นนี่ของเรา”

                เสียงแก้วกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง พวกเขาดื่มให้กันอีกหลายครั้ง จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกรา

--------------------------------------

                หลังมื้อค่ำที่เป็นเหมือนความฝัน กอร์ดอนกลับมาพบกับความจริงอันน่าปวดหัวอีกครั้ง เมื่อเหล่าสุภาพบุรุษพวกนั้นแยกย้ายกันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวไปสนุกกันต่อที่บาร์บีช็อต ตอนแรกเขาหวังว่าทั้งหมดจะลืมเรื่องที่คุยกันไว้แล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีใครลืมสักคน

                เขาจึงต้องนั่งรถม้ากลับมาที่ร้าน เปลี่ยนเสื้อผ้า และเปิดร้านไว้รอเหล่าบรรดาสุภาพบุรุษที่กำลังจะมารวมตัวกัน

                “ใครจะมาหรือครับ?” เดวิดสงสัยที่เห็นเจ้านายดึงม่านขึ้น แต่แขวนป้ายปิดเอาไว้หน้าร้าน กอร์ดอนหันมายิ้ม “เพื่อนฉัน”

                “เอ๋? ท่านเอิร์ลจะมาหรือ?”

                “อืม...”

                “คุณถึงกับต้องเปิดม่านรอเลย?”

                “ใช่ เพราะพวกเขาจะมากันหลายคน”

                เดวิดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “งั้นผมคงต้องเตรียมตัว”

                เขารีบไปยืนรอท่าที่ประตูทันที ไม่นานนักรถม้ารับจ้างคันหนึ่งก็มาหยุดหน้าร้านเขา คนที่มาถึงคนแรกคืออีธาน กอร์ดอนเชิญเขาเข้ามาในร้าน

                “โชคดีจังที่ผมมาถึงคนแรก” เขาพูดพลางยิ้ม “ร้านคุณสวยนะ”

                กอร์ดอนผงกศีรษะ “ผมดีใจที่คุณชอบ”

                ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา “นั่งด้วยกันสิ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”

                กอร์ดอนนั่งลงบนโซฟาข้างกัน อีธานหันมองเขาแล้วยิ้มอีก “ผมเข้าในนะว่าคุณคงรู้สึกอึดอัดกับพวกเขาบ้าง หมายถึง ท่านลอร์ดพวกนั้น”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดง “อือ นิดหน่อย”

                “ผมก็เคยรู้สึกแบบคุณนั่นแหละ” ชายหนุ่มว่า “ตอนที่รู้ว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์อยากให้ผมไปอยู่สโมสรรักบี้ของเขา บอกตรงๆ ผมตื่นเต้นมาก ผมไม่คิดว่าคนระดับเอิร์ลจะมาเชิญผมไปเล่นรักบี้ด้วย ผมคิดว่าเขาจะอยู่แต่กับพวกลูกขุนนางด้วยกัน”

                กอร์ดอนพยักหน้า อีธานพูดต่อ “เพราะงั้นตอนที่ผมเข้ากลุ่มกับพวกเขาช่วงแรกๆ ผมเกร็งเหมือนกัน กลัวว่าจะเข้ากับพวกเขาไม่ได้ แต่ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ พวกเขาเป็นแบบนั้น เขาไม่ได้แยกว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน เกิดในตระกูลอะไร พวกเขาแค่อยากเป็นเพื่อนกับเรา แค่นั้นเอง”

                เขาหยุดเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “มีคนมากมายอยากจะได้รับเกียรติแบบนี้ พวกเขาเป็นลูกชายขุนนางใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงมาก ไม่ว่าใครก็อยากจะได้เป็นคนรู้จักกับพวกเขาทั้งนั้น ตอนพ่อผมรู้ว่าผมรู้จักกับพวกเขา พ่อดีใจมาก แต่คนละความรู้สึกกันกับผม เขามองว่ามันเป็นช่องทางในการเติบโต ช่องทางในการทำงาน ผมไม่เถียงหรอก พ่อให้ผมพยายามสอบเข้าอีตันแทบตายเพราะเรื่องนี้ แต่ผมไม่คิดเหมือนพ่อ พวกเขาไม่ใช่แค่ลูกขุนนางที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง จ่ายเงิน เขามีหัวใจ เขามีมิตรภาพ เขาเป็นเพื่อนกับพวกเราได้เหมือนกับคนอื่นๆ และพวกเขาก็จริงจังเรื่องนี้มาก”

                กอร์ดอนพยักหน้า อีธานเอื้อมมือมาตบไหล่เขา แล้วพูดต่อ “อย่ากังวลไปเลยกอร์ดอน คุณไม่ต้องคิดหรอกว่าพวกเขาเป็นใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องเชื่อว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของคุณจริงๆ นี่คือเรื่องเดียวที่พวกเขาต้องการจากคุณ”

                กอร์ดอนมองหน้าฝ่ายนั้นอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว ขอบใจนะ”

----------------------------------

                หลังอีธานมาถึงได้ไม่นาน โรเบิร์ต เจมส์ เจฟฟรี ก็ทยอยตามมา กอร์ดอนคิดว่าพวกเขาคงใช้เวลาในการเลือกหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ไปบาร์บีช็อตง่ายกว่าการหาเสื้อที่จะสวมไปภัตตาคารหรูที่เพิ่งไปมาในช่วงเย็น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตามมาหลังจากนั้น เขามาในสภาพคุ้นตา สวมเสื้อโค้ทคอแบะสีดำตัวเดิม และหมวกฮอมเบิร์กใบเดิม การมาของเขาไม่เอิกเหริก เพราะนั่งรถม้ารับจ้างมา แต่หลังจากนั้นรถม้าคันใหญ่ที่มีตราคฤหาสน์ต่างๆ ก็ทยอยกันมาจอดที่หน้าร้านกอร์ดอนเทเลอร์

                เดวิดมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ที่ลงมาจากรถม้าต่อให้แต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่แน่ใจได้เลยว่าทุกคนต้องเป็นพวกลูกขุนนางแน่นอน เขาไม่รู้จักว่าใครเป็นใครบ้าง แต่ก็ลงท้ายคำต้อนรับด้วยคำว่า ‘ครับ’ ทุกคำ ลอร์ดครอฟตันมาถึงเป็นคนสุดท้าย เขาสวมเสื้อโค้ทที่ดูหรูหราน้อยกว่าตัวที่ใส่ไปกินมื้อค่ำ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูหรูหราอยู่ดี

                “เอ็ดดี้ ฉันเกลียดคอลเลคชั่นเสื้อผ้าของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดออกมา “นายหาเสื้อผ้าที่ดูธรรมดากว่านี้ในตู้ไม่เจอแล้วหรือไง?”

                “นี่ธรรมดาที่สุดแล้วนะ” ลอร์ดครอฟตันตอบหน้าเครียด “ธรรมดากว่านี้ฉันต้องขอยืมเสื้อของไมเคิล ซึ่งฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้นเป็นอันขาด นายรู้มั้ยว่าฉันใช้เวลาในการหาเสื้อนานมาก”

                “ฉันควรดีใจที่นายไม่หลงทางในตู้เสื้อผ้าตัวเองสินะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า กอร์ดอนรีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ แบบนี้ก็ได้ คุณดูดีเสมออยู่แล้วครับ ท่านลอร์ด”

                “โอ๊ย กอร์ดอนเรียกฉันว่าท่านลอร์ดอีกแล้ว” ลอร์ดครอฟตันคราง “นายจำชื่อฉันได้บ้างมั้ย? ไหนลองเรียกซิ”

                กอร์ดอนนิ่งนึกอยู่อึดใจ “เอ็ดเวิร์ด”

                “ฟังดูห่างเหินมาก” ไวส์เคาน์หนุ่มทำท่าทางขัดใจ “นายต้องเรียกฉันว่าเอ็ดดี้”

                “อ้อ ครับ เอ็ดดี้”

                “ดี” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆ “แล้วตกลงเราจะไปกันได้หรือยัง ต้องรอใครอีกมั้ย?”

                “นายมาถึงคนสุดท้าย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า โรเบิร์ตส่งเสียงถามขึ้น “พวกนายต้องตกลงกันก่อนมั้ย ว่าใครจะทำงานอะไร เผื่อว่าจะมีคนถาม”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขัดขึ้นก่อน “ไม่ต้อง ฉันว่ามันต้องตื่นเต้นกว่านี้ ถ้าพวกนายจะไปด้นสดกันที่โน่นเลย”

                “ฮ่าๆ นั่นสิ” เจมส์เห็นด้วย “ห้ามเล่นมุกซ้ำกันนะ แล้วมุกเหมือนตัวเองอย่างที่จอห์นนี่ทำก็ห้ามด้วย”

                ทั้งหมดหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะพูดขึ้น “เอาล่ะ งั้นพวกเราก็ควรจะไปที่บาร์นั่นได้แล้ว เดวิด เรียกรถม้าให้หน่อยสิ”

                เดวิดกุลีกุจอไปเรียกรถม้ามาให้ แต่รถม้ามีอยู่ไม่กี่คัน พวกเขาจึงต้องขึ้นไปนั่งคันละสองถึงสามคน ลอร์ดครอฟตันทำหน้าอึ้งๆ เมื่อพบว่าตัวเองได้รถม้าคันที่ดูเล็กมาก

                “จอร์จจี้ นายต้องมากับฉัน” เขาว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้น

                “อะไรกันเอ็ดดี้ ฉันไม่ใช่ไมเคิลนะ นายจะมาสั่งฉันทำนั่นทำนี่ไม่ได้”

                “งั้นกอร์ดอน ฉันต้องมีคนนั่งไปเป็นเพื่อน” ลอร์ดครอฟตันว่า “ฉันไม่เคยนั่งรถม้าแบบนี้มาก่อน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ได้สิครับ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เตะหน้าแข้งลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “ทำไมนายไม่ไปกับเอ็ดดี้”

                “ก็ฉันไม่อยากนั่งเบียดกับเขา”

                “ถ้านายไม่ไปกับเอ็ดดี้ นายก็มากับฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ฉันตัวไม่ใหญ่เท่าเอ็ดดี้ ไม่เบียดนายหรอก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขนลุกไปถึงต้นคอ เขาหันไปหาลอร์ดครอฟตัน “เอ็ดดี้ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะนั่งไปเป็นเพื่อนนายเอง”

                “แต่กอร์ดอนรับปากแล้วนี่” ลอร์ดครอฟตันว่า “ฉันไม่เคยคุยกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวเลยด้วย พวกเราควรจะถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกันให้ดีเสียเลย”

                “ไม่ได้ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งออกมา “เขาต้องไปกับจอห์น...”

                “นายมากับฉันก็ได้ จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรก “ให้กอร์ดอนไปนั่งกับเอ็ดดี้ พวกเขาจะได้ทำความรู้จักกันบ้าง”

                “อ่อค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนถูกใครต่อย “นายจะมาว่าฉันไม่ได้นะจอห์นนี่...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ เขาหันไปหาช่างตัดเสื้อ “คุณไปกับเขาเลย พวกผมสามคนจะนั่งรถคันเดียวกันไป”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดครอฟตันหัวเราะออกมา “ฉันแน่ใจว่านายจะต้องอบอุ่นมาก จอร์จจี้”

                พูดจบเขาก็ขึ้นรถม้าไปกับกอร์ดอน ทิ้งลอร์ดจอร์จ เฟลตันไว้กับเพื่อนที่เหลืออีกสองคน รถม้าคันสุดท้ายที่มาถึง เล็กยิ่งกว่าคันที่ลอร์ดครอฟตันนั่งไปเมื่อตะกี้เสียอีก

                “ไม่มีคันที่ใหญ่กว่านี้แล้วหรือ?” ลอร์ดหนุ่มคราง เขาหันไปมองเพื่อนทั้งสอง “พวกนายสองคนไปก่อนเลย ฉันจะรออีกคัน”

                “ไม่เอาน่า จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายจะทำให้เสียเวลาทำไม ที่นั่งข้างคนขับยังว่าง ไปนั่งสิ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ระเบิดหัวเราะออกมาทันที “นั่นสิจอร์จ นายจะทำให้เรื่องมันเสียเวลาทำไม นายก็ไปนั่งกับคนขับเสียก็สิ้นเรื่อง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนมีอะไรติดคอ “พวกนายเอาคืนฉันเรื่องเมื่อวานใช่มั้ยเนี่ย”

                “เอาเลยจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่มีใครได้รับเกียรตินี้เท่านายอีกแล้ว ได้เป็นสารถีให้เสมียนกับผู้จัดการเหมืองเชียวนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ “ก็ได้ๆ ตามนั้นแหละคุณเสมียน”

-----------------------------------------

                กอร์ดอนพบว่าลอร์ดครอฟตันเป็นนักแฟชั่นตัวยง อันที่จริงเขาก็พอเดาได้ตั้งแต่เห็นฝ่ายนั้นแต่งตัวไปสโมสรในแต่ละสัปดาห์แล้ว

                “ฉันมีร้านตัดเสื้อประจำอยู่สามร้าน” ลอร์ดครอฟตันว่า “ร้านตัดรองเท้าและร้านทำหมวกอีกอย่างละสอง นายจะให้ฉันนับรวมร้านทำแหวนกับหัวไม้เท้าด้วยมั้ย?”

                “ไม่เป็นไรครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมชอบชุดที่คุณสวมนะครับ มันดูดีมาก ผ้าแบบนี้หายากมากด้วย”

                “ใช่... จอห์นนี่ชอบถามฉันทุกทีว่าทำไมต้องตัดเสื้อใหม่ทุกเดือน เขาเห็นว่ามันก็เหมือนๆ กันหมด แต่มันไม่เหมือน นายก็รู้”

                “ครับ”

                “ดูปกเสื้อตัวนี้สิ” เขาพูดแล้วใช้มือหยิบปกคอเสื้อโค้ท “มันอาจจะเหมือนกับเสื้อโค้ทของนาย แต่มันไม่เหมือน แล้วมันก็ไม่เหมือนเสื้อโค้ทตัวอื่นที่ฉันมีด้วย”

                “ครับ ปกแบบนี้ถ้ากว้างกับยาวเกินกว่านี้อีกนิดจะไม่สวยเลย”

                “ใช่” ลอร์ดหนุ่มว่า “ฉันคิดว่านี่ดูธรรมดาที่สุดแล้วเท่าที่จะหาได้”

                “ผมเข้าใจว่าคุณพิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้ามาก ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดครอฟตันมองเขา “ที่จริงแล้วฉันก็อยากจะจ้างนายตัดเสื้อสักตัว เสียแต่ตอนนี้ฉันยังนึกไม่ออกว่าอยากได้ชุดอะไรอีก”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณสนใจงานของผม”

                “ชุดที่นายตัดจอห์นนี่ดูดีทีเดียว เสียอย่าง เขาไม่ชอบแฟชั่น หมอนั่นไม่เคยสนใจการแต่งตัวของตัวเองเลย” ลอร์ดครอฟตันบ่น “เขาเป็นคนที่ใส่ทักซิโดส์ สวมหมวกทรงสูงและถือไม้เท้าแล้วจะดูดีมาก แต่เขาดันไม่ชอบมัน บางทีฉันก็ไม่เข้าใจนะว่าเขาจะกลัวเสื้อหางยาวของตัวเองไปทำไม จอห์นนี่ทำเหมือนมันน่ารังเกียจมาก”

                กอร์ดอนหัวเราะ “เขาเคยทำหน้าแบบนั้นตอนมาตัดเสื้อกับผมเหมือนกัน”

                ลอร์ดครอฟตันส่ายหน้าเพลียๆ “บางทีจอห์นนี่ก็มีรสนิยมด้านเสื้อผ้าที่ประหลาดมาก นายเห็นตอนเขาซ้อมมวยมั้ย?”

                “ครับ?”

                “ปกติแล้วนักมวยต้องใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นซ้อมกัน แต่จอห์นนี่ดันใส่ทั้งขายาวและเสื้อเชิ้ต ทีเวลาแบบนี้เขาดันแต่งตัวเรียบร้อยเกินเหตุ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”

                “อ้าว ผมคิดว่านั่นเป็นชุดที่สุภาพบุรุษอย่างพวกคุณใส่เวลาขึ้นสังเวียนเสียอีก” กอร์ดอนพูดด้วยความรู้สึกแปลกใจ ลอร์ดครอฟตันสั่นศีรษะ

                “ไม่ ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษ ถ้าเขากล้าขึ้นชกบนเวที เขาจะไม่อายที่จะสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นเด็ดขาด ฉันไม่เข้าใจจอห์นนี่ ทำไมเขาถึงได้แต่งตัวแบบนั้น มันเกะกะมากนะ เวลาต่อยมวย”

                “เขาอาจจะไม่อยากสวมเสื้อที่ดูเปิดเผยมากเกินไป” กอร์ดอนเสนอความเห็น ลอร์ดครอฟตันส่ายหน้า “ไม่มีทาง จอห์นนี่เป็นคนมั่นใจในรูปร่างของตัวเองมาก ตอนอยู่ชมรมมวยที่อีตัน เขาถอดเสื้อใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียวขึ้นซ้อมด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ดันแต่งตัวเต็มยศขึ้นเวทีมวยซะได้ ฉันล่ะนึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนเขาขึ้นชกจริงจะเป็นยังไง มันดูตลกมากนะ ถ้าคู่ต่อสู้ถอดเสื้อชก ในขณะที่เขาสวมเสื้อแขนยาวชก”

                “บางทีเขาอาจจะใส่เฉพาะตอนซ้อมก็ได้ครับ อาจจะเป็นเทคนิกอย่างหนึ่ง” กอร์ดอนว่า ลอร์ดครอฟตันทำท่าทางไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร รถม้าก็หยุดลงเสียก่อน

                “ถึงแล้วล่ะครับ” กอร์ดอนบอกเขา ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถม้า

------------------------------------------

                แจ็คสันมีสีหน้ามหัศจรรย์ใจมากถึงมากที่สุด เมื่อเห็นลูกค้าหน้าใหม่ทยอยกันเดินเข้ามา เขาร้องเสียงดัง “โอ้โห กอร์ดอน นี่เพื่อนคุณทั้งหมดเลยหรือ?”

                “ใช่” กอร์ดอนพยักหน้า แจ็คสันมองเหล่าสุภาพบุรุษพวกนั้น แล้วหันกลับมามองเขา “คุณไปเจอพวกเขาที่ไหนเนี่ย”

                “สโมสร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแทนให้ “ผมมีสโมสรเล็กๆ อยู่”

                “อ๋อ” แจ็คสันพยักหน้า “วันนี้คุณจะดื่มอะไร?”

                “เหมือนเดิม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด นิโคลาสลากเก้าอี้มานั่งข้างเขา “บาร์คุณดูไม่เลวเลย ได้ยินว่าเบียร์ดำอร่อยมาก ขอผมแก้วนึงสิ”

                “จัดไป” แจ็คสันว่า เขาเทเหล้ารัมใส่แก้วแล้วส่งให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ รินเหล้ายินส่งให้กอร์ดอน และเทเบียร์ดำส่งให้นิโคลาส ก่อนจะพูดต่อ “พวกคุณนั่งที่โต๊ะดีกว่า เดี๋ยวผมจะให้เด็กลากโต๊ะมาต่อกันให้”

                “ไม่ต้องๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เดินมาสมทบพูดขึ้น ก่อนจะลากเก้าอี้นั่ง “เบียร์ดำให้ผมด้วย พวกเราจะนั่งกันที่นี่แหละ”

                “โอ้โห แต่พวกคุณมากันเยอะมากนะ” แจ็คสันพูด พลางนับดูจำนวนคนทั้งหมด “สิบคน...” เขาคราง “เก้าอี้บาร์ไม่พอแน่ ผมจะให้เด็กๆ ต่อโต๊ะให้”

                “ไม่ต้องๆ” เจมส์และโรเบิร์ตที่แทรกตัวเข้ามาพูด แล้วสั่งพร้อมกัน “เบียร์ดำ”

                แจ็คสันมองพวกเขาด้วยสายตาสงสัย แต่ก็เทเบียร์ดำส่งให้ “พวกคุณเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมไปนั่งที่โต๊ะกัน”

                “พวกเราคิดว่าตรงนี้น่าสนใจกว่าน่ะ” อีธานที่แทรกตัวเข้ามายืนข้างกอร์ดอนพูดขึ้น “ผมขอเหล้ายิน”

                แจ็คสันรินเหล้ายินให้เขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่เบียดเข้ามาจากอีกฝั่งหนึ่งพูดขึ้น “ถ้าเก้าอี้ไม่พอ งั้นก็ให้เด็กยกเก้าอี้มาเสริมสิ”

                “ไม่ได้หรอกคุณ เก้าอี้ปกติมันเตี้ยไป แล้วผมก็ไม่ได้สั่งทำเก้าอี้บาร์สำรองไว้ด้วย”

                “แย่ชะมัด” ลอร์ดหนุ่มบ่น “ผมรู้สึกว่าตรงนี้เป็นจุดที่หน้าสนใจที่สุดของร้านนี้เลยนะ”

                คนอยู่หลังบาร์หัวเราะ “เป็นคำชมที่แปลกมาก ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

                คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่พากันหัวเราะด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ขอเบียร์ดำให้ผมแก้วนึง” เขาสั่ง ก่อนจะถามต่อ “คุณมีเก้าอี้บาร์กี่ตัว”

                “น่าจะหก... ผมจำได้ว่าหก” แจ็คสันตอบเขา ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “พวกเรามีสิบ อีกสี่คนผลัดกันยืนก็สิ้นเรื่อง”

                “คุณจะทำให้เรื่องยุ่งยากทำไม ต่อโต๊ะก็จบแล้ว” แจ็คสันว่า กอร์ดอนเลยพูดตอบเขาไป “พอดีพวกเขาอยากคุยกับคุณน่ะ”

                “หา?”

                “ใช่ ได้ยินว่าคุณคุยสนุกมาก” ลอร์ดครอฟตันที่เดินเข้ามาสมทบพูดขึ้น แจ็คสันเลิกคิ้วมองเขา “ว้าว! เสื้อคุณสวยนะ มาด้วยกันหรือ?”

                ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า แจ็คสันหัวเราะ “แปลก ดูแล้วคุณไม่น่ารู้จักกับสองคนนั้นได้”

                เขาบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กอร์ดอนได้ยินเสียงใครหลายคนสำลักเหล้าตัวเอง หนึ่งในนั้นน่าจะรวมสองลอร์ดที่โดนพาดพิงด้วย

                “วะ... ว่าไงนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่งเสียงขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาคิดว่าตัวเองเกือบจะพ่นเบียร์ดำทางจมูก เจมส์กับโรเบิร์ตที่ยืนอยู่อีกด้านสำลักออกมาจริงๆ แจ็คสันทำหน้าแปลกใจ

                “พวกคุณเป็นอะไรกัน”

                นิโคลาสรีบยกมือห้าม “อย่าเพิ่งพูดอะไร... ผมขอร้อง” จากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะ คนที่เหลือพากันหันหน้าไปทางอื่น ไม่นานเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมา กอร์ดอนยกมือกุมขมับ

                “ให้ตาย พวกคุณเส้นตื้นเกินไปแล้ว”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะหึๆ เขาวางศอกลงบนเคาน์เตอร์ “ทำไมถึงคิดว่าผมไม่น่าจะรู้จักกับสองคนนั้นล่ะ?”

                คนถูกถามเลิกคิ้ว “ก็ท่าทางคุณไม่ให้นี่นา นอกจากคุณเป็นเจ้าของเหมืองหรือไม่ก็สำนักงานที่หนึ่งในสองคนนั้นทำงานอยู่ แต่ผมดูแล้วคุณไม่น่าเป็นนักธุรกิจทำเหมือง ยิ่งไม่น่าใช่เอิร์ลแห่งฟาริงดอนเข้าไปใหญ่”

                “เดี๋ยวๆ อะไรนะ? เอิร์ลแห่งฟาริงดอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา เขาหันไปทางลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “อะไรคือเอิร์ลแห่งฟาริงดอน?”

                “อ้าว ก็เจ้าของสำนักงานที่ฉันทำงานอยู่ไง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักกระทั่งท่านเอิร์ลแห่งฟาริงดอน”

                “อ่อค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนมีอะไรติดคอ “มุกบ้าอะไรของนายเนี่ย แมกซ์”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่14p.7 (9/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-02-2017 16:21:56
                “ฮ่าๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะชอบใจ เขาหันไปหาลอร์ดครอฟตัน “เอ็ดดี้ บอกเขาสิ นายเป็นใคร”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะในคอ “พูดแล้วคุณจะไม่เชื่อ”

                กอร์ดอนรีบวางแก้วเหล้ายินลงเป็นคนแรก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำตาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดื่มเบียร์ในแก้วของเขาหมดไปนานแล้ว และยังไม่เอ่ยปากขอแก้วใหม่

                “ผมเป็นช่างตัดเสื้อ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพ่นเบียร์ดำออกมา ขณะที่เจมส์สำลักติดๆ กันสองครั้ง กระทั่งกอร์ดอนยังถึงกับอ้าปากค้าง “ช่างตัดเสื้อ?”

                “ใช่” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “ทำไม? เป็นช่างตัดเสื้อมีอะไรแปลก? ทีกอร์ดอนยังเป็นช่างตัดเสื้อได้เลย”

                เพื่อนๆ พากันยกมือกุมขมับ

                “มุกไม่ฮา หักเอ็ดดี้สิบแต้ม นายจะเป็นช่างตัดเสื้อได้ยังไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันหันไปมองเขา “ไม่ให้ฉันเป็นช่างตัดเสื้อแล้วจะให้เป็นอะไร”

                ลอร์ดหนุ่มมองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า “หุ่นลองเสื้อ” เขาว่า “นายเหมาะมาก ดูเสื้อที่นายใส่มาสิ แบบนี้ต้องเป็นหุ่นลองเสื้ออย่างเดียว”

                “มุกแป๊กหักจอร์จจี้สิบแต้ม” เจมส์ว่า “เขาไม่ใช่หุ่นลองเสื้อ... แต่เป็นตู้เสื้อผ้าเคลื่อนที่ต่างหาก”

                “ฮ่าๆ” เพื่อนๆ ต่างพากันหัวเราะ ลอร์ดครอฟตันขมวดคิ้วยุ่ง “พวกนายหยุดล้อเสื้อผ้าฉันที”

                แจ็คสันมองเขายิ้มๆ “เอาน่า คุณใส่มาดีแล้วล่ะ ผมชมจากใจจริงเลยนะ เสื้อคุณสวยมาก”

                “ขอวอดก้าให้ผม” ลอร์ดครอฟตันสั่ง “ผมเห็นทีต้องเปลี่ยนอาชีพ”

                “ว่าแต่คุณเป็นช่างตัดเสื้อจริงๆ หรือ?” แจ็คสันถามพลางส่งวอดก้าให้เขาหนึ่งช็อต ลอร์ดครอฟตัสยกขึ้นดื่มรวดเดียว แล้วตอบเขา “ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง อย่างน้อยๆ ผมก็เจอกับช่างตัดเสื้อบ่อยมาก”

                “เขาเป็นลูกค้าคุณใช่มั้ยเนี่ย?” แจ็คสันหันมาถามกอร์ดอน คนถูกถามยิ้ม “เปล่า ให้ผมเฉลยมั้ยว่าเขาเป็นใคร”

                ลอร์ดครอฟตันหันไปมองกอร์ดอน เพื่อนๆ ที่เหลือมองเขาแล้วหันไปมองแจ็คสัน คนถูกมองหัวเราะ “เอาสิ... ผมสงสัยเหมือนกันว่าเขาเป็นใครกันแน่”

                “เขาเป็นลูกชายเจ้าของห้างผ้าที่ผมไปซื้อประจำ” กอร์ดอนว่า “เพราะงั้นคุณไม่ต้องแปลกใจถ้าเขาจะมีแต่เสื้อสวยๆ เนื้อดีๆ ใส่ ลูกชายเจ้าของห้างผ้าเป็นแบบนี้ทั้งนั้น เชื่อผม”

                “ว้าว ความรู้ใหม่ผมเลยนะเนี่ย” แจ็คสันว่า ก่อนจะยิ้มให้ลอร์ดครอฟตัน “ผมล่ะคิดว่าคุณเป็นลูกค้าสุภาพบุรุษของเขาเสียอีก”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะออกมา แล้วยกมือตบไหล่ของกอร์ดอน “นายน่าจะปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปเลย เฉลยง่ายเกินไปแล้ว”

                กอร์ดอนมองลอร์ดครอฟตันยิ้มๆ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนใจแรง “ฉันคิดว่าหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นแล้ว”

                “โห... อะไรจะขนาดนั้นจอร์จจี้” เจมส์ว่า ก่อนจะหันมาทางแจ็คสัน “ผมเจมส์ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณล่ะ?”

                “แจ็คสัน” คนถูกถามตอบ แล้วยกมือเขย่ากับฝ่ายนั้น เจมส์พูดขึ้นต่อ “ฟังจากที่คุณพูดตะกี้ เราอยากให้คุณลองอนุมานเพื่อนเราอีกสักคน ว่าเขาทำงานอะไร”

                แจ็คสันหัวเราะ “คุณอ่านเชอร์ล็อก โฮล์มมาล่ะสิ” เขาผสมเหล้าอีกสองแก้วแล้วส่งให้เด็กเสิร์ฟในร้านยกไปให้ลูกค้าที่โต๊ะ “ผมทายคุณก่อนเลยก็ได้ คุณเป็นพนักงานธนาคาร”

                “ว้าว” สิบหนุ่มร้องขึ้นพร้อมกัน “แม่นมาก คุณรู้ได้ไง?”

                “พนักงานธนาคารท่าทางแบบเขาทุกคนแหละ” แจ็คสันพูดยิ้มๆ “ผมเห็นมาเยอะแล้ว”

                “ว้า ไม่สนุกเลยแบบนี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “งั้นทายเขา” พูดจบก็ชี้มือไปที่นิโคลาส คนถูกชี้โบกมือทักทาย “ผม นิโคลาส”

                “แจ็คสัน” ทั้งคู่เขย่ามือกัน แจ็คสันมองหน้าเขา แล้วส่งเสียงในคอ

                “อืม... ดูยากจัง... ผมว่าคุณน่าจะยังเรียนอยู่... ท่าทางคุณเหมือนนักศึกษา”

                “ว้าว เขาทายถูก” นิโคลาสว่า “ฉันเพิ่งลงทะเบียนเรียนต่อ”

                “อ้าว นายจะเรียนต่อด้านไหน” โรเบิร์ตถามด้วยความแปลกใจ นิโคลาสตอบเขา “รัฐศาสตร์ ฉันคิดว่ามันจำเป็นสำหรับอนาคต”

                “โชคดีที่พ่อฉันไม่ได้ยินนายพูดคำนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางออกมา “เขาคงบ่นฉันหูยานแน่ๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะออกมา “เขาน่าจะบ่นนายแน่ ก็นายเล่นมาทำงานเป็นผู้จัดการเหมืองแบบนี้นี่นา”

                แจ็คสันมองเขายิ้มๆ “คุณชื่ออะไร?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขา แล้วถามย้อน “ถามผม?”

                “อืม”

                “ถามทำไม?”

                “ก็คุณดูน่าสนใจที่สุดแล้ว ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดของกอร์ดอน ผมแจ็คสัน”

                “จอร์จ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า พวกเขาสองคนเขย่ามือกัน เจมส์พูดขึ้น “แจ็คสัน คุณลองทายดูสิ ว่าเขาทำงานอะไร”

                คนถูกท้ากวาดตามองลอร์ดจอร์จ เฟลตันเท่าที่เขาจะสามารถมองเห็นได้ “ที่จริงผมสังเกตคุณตั้งแต่เข้ามาแล้ว ผมแน่ใจว่าต้องมีอาชีพหนึ่ง เหมาะกับคุณแน่ๆ”

                “อาชีพอะไร?” คนที่เหลือพูดขึ้นพร้อมกัน แจ็คสันมองลอร์ดจอร์จ เฟลตันอีกครั้ง

                “นักดนตรี”

                “ว้าว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “รู้ได้ไงผมเป็นนักดนตรี”

                “ฮะๆ แสดงว่าผมทายถูก ให้ทายต่อมั้ย?”

                ทุกคนพยักหน้า แจ็คสันมองเขาอีก “ขอดูมือหน่อย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือให้เขาดู

                “อืม...” ฝ่ายนั้นส่งเสียงในคอ “นิ้วคุณยาว ไม่มีรอยเลย คุณต้องเป็นนักเปียโนแน่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “ใช่ ผมเล่นเปียโน”

                “แล้วต้องเป็นดาวเด่นของวงด้วย ผมว่าคุณต้องเล่นให้โรงละครโอเปร่าที่ไหนสักแห่ง”

                “ทำไมเดาว่าผมเล่นที่โรงละครโอเปร่าล่ะ?” ลอร์ดหนุ่มถามด้วยความสงสัย คนถูกถามหัวเราะในคอ “ก็ท่าทางคุณจะเนื้อหอมมากน่ะสิ ผมเดาจากรอยที่แก้มคุณน่ะ นางเอกคนไหนล่ะ? คบซ้อนแล้วสับรางไม่ทันใช่มั้ย?”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะเสียงลั่น เจมส์ปรบมือ “สุดยอดเลยแจ็คสัน คุณพูดอย่างกับตาเห็น ฮ่าๆๆ ประกันเลยว่าจอร์จจี้ไม่กล้าเถียงคุณสักข้อ ใช่มั้ย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเหมือนถูกตบซ้ำ “โอย... คุณร้ายกาจมาก ทำไมทีกับสองคนนั่นคุณดูไม่ออก” เขาบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แจ็คสันพูดต่อ

                “เขาไม่ดูง่ายเหมือนคุณนี่นา เพราะตอนที่พวกเขาเจอผมครั้งแรก พวกเขาไม่มีรอยช้ำที่ข้างแก้มเหมือนคุณ”

                “อ่อค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก “พอๆ หยุดล้อผมเรื่องรอยนี่ที”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น “แจ็คสัน คุณดูคนเก่งนะ ลองดูผมอีกทีมั้ยว่าผมทำงานอะไร?”

                “คุณเป็นผู้จัดการเหมือง” แจ็คสันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ก็นั่นผมบอกคุณ คุณลองทายดูบ้างสิ ผมอยากรู้ว่าถ้าผมไม่บอก คุณจะทายว่าไง”

                “โหย...” คนถูกถามคราง “คุณจะถามผมทำไม คุณก็รู้ๆ อยู่”

                “รู้ๆ อยู่อะไร?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามด้วยความสนใจ แจ็คสันหันมองเขา

                “คุณว่าหน้าเขาเหมือนใครกันล่ะ?”

                “ว้าว” ลอร์ดหนุ่มร้องออกมา “ถ้าเขาไม่บอกคุณจะทายว่าเขาเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือ?”

                “ถ้าดูจากหน้าเขานะ” แจ็คสันว่า “หน้าเขาคล้ายมาก แต่ก็นั่นแหละ ท่านเอิร์ลที่ไหนจะดื่มเหล้ารัมกัน”

                เหล่าหนุ่มๆ พากันหัวเราะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “เพราะเหล้ารัมนี่แหละถึงทำให้ผมไม่ได้เป็นเอิร์ล”

                “โอ๊ย! จอห์นนี่ มุกนี้แย่ที่สุด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา ก่อนจะหัวเราะจนเกือบสำลัก “ฉันเกลียดนาย”

                คนอื่นๆ พลอยหัวเราะไปด้วย กอร์ดอนได้แต่ส่ายศีรษะ แจ็คสันหันไปทักเขา “ดูคุณไม่ค่อยขำกับมุกล้อเลียนของเขาเลยนะ”

                คนถูกถามถอนใจ “ก็ผมไม่ชอบมุกล้อเลียน”

                “แต่นี่มันขำที่สุดเลยนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ “ไม่มีใครล้อเลียนลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ตลกเท่าเขาอีกแล้ว”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะจนหน้าแดง “ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าวันนึงนายกับลอร์ดโทรว์บริดจ์เจอหน้ากันมันจะเป็นยังไง”

                “เลวมากเอ็ดดี้ นายคิดไปถึงขั้นนั้นได้ไง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะจนต้องยกมือตบโต๊ะ “พอๆ ฉันจะตายอยู่แล้ว”

                “เขาเจอทุกวัน” เจมส์ว่า “เวลาเขาส่องกระจก”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม คราวนี้แม้กระทั่งกอร์ดอนก็พลอยหัวเราะขึ้นมาด้วย “ให้ตายเถอะ พวกคุณคิดกันได้ยังไง”

                แจ็คสันสั่นศีรษะ “พวกคุณนี่จริงๆ เลย ถ้าท่านเอิร์ลมาได้ยิน ผมว่าต้องดูไม่จืดแน่ๆ”

                “เขาไม่ได้ยินหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้าเขาได้ยินต้องขำจนจุกตาย”

                “ไม่แน่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ท่านเอิร์ลอาจจะดีใจที่มีคนหน้าเหมือนก็ได้”

                “เขาจะได้เอาไว้สลับตัวเวลาไม่อยากจะไปงานเลี้ยงที่ไหน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือห้าม “โอย... มุกไม่ผ่านติดลบสิบ”

                ทุกคนพากันหัวเราะอีก แจ็คสันมองพวกเขายิ้มๆ “ท่าทางพวกคุณสนิทกันมากนะ เจอกันที่สโมสรอะไรล่ะ? รักบี้?”

                “โห... ทำไมคุณเดาแม่นงี้” โรเบิร์ตร้องด้วยความอัศจรรย์ใจ “ใช่ เราเจอกันที่สโมสรรักบี้”

                “ก็ท่าทางเขาสองคนให้มาก รวมคุณด้วยนะ” เขาบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก่อนจะหันมาหาลอร์ดครอฟตัน

                “พวกคุณลงแข่งขันมั้ย ชื่อทีมอะไรล่ะ เผื่อผมมีโอกาสจะแวะไปเชียร์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ยังหรอก พวกเราไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้ว ต่างคนต่างยุ่งน่ะ”

                “อ้อ...”

                “แต่เราน่าจะหาโอกาสซ้อมกันสักที” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “ฉันคิดถึงสนามรักบี้”

                “คุณลงเล่นกับเขาด้วยหรือ?” แจ็คสันถามด้วยความสงสัย คนถูกถามทำหน้าหงุดหงิด “ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นตอนถามผมแบบนั้นด้วย”

                “ก็หุ่นคุณไม่น่าให้เล่นรักบี้... ผมหมายถึงลงไปก็ไม่น่าแย่งลูกกับใครได้”

                คราวนี้เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม “ฮ่าๆ คุณพูดถูก แจ็คสัน เขาไม่เคยแย่งลูกจากใครได้เลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้ายุ่ง แจ็คสันส่งเหล้าให้เด็กเสิร์ฟแล้วหันมาหาเขา “ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจล้อคุณ ผมแค่เสียดายนิ้วสวยๆ ของคุณน่ะ คุณเป็นนักเปียโนก็ดีอยู่แล้วนี่นา”

                “ไม่มีใครห้ามนักเปียโนไม่ให้ลงแข่งรักบี้ได้หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะสั่งเหล้ารัมเพิ่มอีกหนึ่งแก้ว “ฉันอยากเต้นรำ มีใครจะเต้นเป็นเพื่อนฉันมั้ย?”

                เขาจงใจมองไปทางกอร์ดอน แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอาสาขึ้นก่อน “ฉัน ฮ่าๆ อยากลองเต้นในที่แบบนี้มานานแล้ว” พูดจบเขาก็หันไปสะกิดกอร์ดอน “นายก็ไปด้วยกันสิ”

                กอร์ดอนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นตาม อีธานยักไหล่ “ฉันด้วย”

                “ฉันขอนั่งแล้วกัน ยังอิ่มอยู่” ลอร์ดครอฟตันว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าผิดหวัง ขณะที่คนอื่นที่เหลือทยอยลุกออกไป

                “อะไร เอ็ดดี้ ฉันคิดว่านายจะเสนอตัวเป็นคนแรกเสียอีก”

                “ฉันกลัวจุก” ลอร์ดครอฟตันว่า “พวกนายไปก่อนเลย ขอฉันดื่มเบียร์อีกสักแก้วแล้วจะตามไป”

                “งั้นฉันนั่งเป็นเพื่อนนายแล้วกัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า และสั่งเบียร์ดำเพิ่มมาอีกหนึ่งแก้ว เสียงดนตรีดังขึ้นในร้าน และพวกหนุ่มๆ พากันเต้นเคาะเท้าอย่างสนุกสนาน

                “เบียร์ดำของคุณอร่อยดี” ลอร์ดครอฟตันว่าหลังจากสั่งเบียร์มาดื่มแก้วหนึ่ง “ซื้อที่ไหน?”

                “ความลับทางธุรกิจ” คนถูกถามตอบยิ้มๆ ลอร์ดครอฟตันทำหน้าผิดหวัง คนนั่งข้างเลยปลอบเขา “เอาน่ะ คราวก่อนเขาก็บอกฉันแบบนี้เหมือนกัน”

                “พวกคุณนี่แปลกดีนะ” แจ็คสันพูดขึ้น “ดูแล้วไม่น่ามารวมตัวกันได้” เขามองไปยังกลุ่มคนที่เต้นกันอยู่ “โดยเฉพาะกอร์ดอน ผมไม่เคยเห็นเขามีเพื่อนเลย พอบทจะมีก็มีเป็นสิบ”

                “เพราะจอห์นนี่น่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขาเป็นคนรวมพวกเราทุกคนเลย”

                “อืม...” แจ็คสันพยักหน้า “เขาเป็นประธานสโมสรรักบี้ของพวกคุณสินะ”

                “ใช่”

                แจ็คสันชงเหล้าให้ลูกค้าอีกสามแก้ว แล้วพูดต่อ “ตะกี้ถ้าเขาบอกผมว่าเขาคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ ผมคงเชื่อนะ”

                “ทำไมล่ะ?” ลอร์ดครอฟตันทำหน้าแปลกใจ แจ็คสันสั่นศีรษะแล้วยิ้ม “ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าเขาไม่น่าใช่ผู้จัดการเหมืองหรอก แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์จริงๆ เหมือนกัน ผมชอบที่เขาเป็นจอห์น... เป็นแค่จอห์นเพื่อนของกอร์ดอนน่ะ”

                “คุณไม่อยากให้มีท่านเอิร์ลมานั่งเล่นที่ร้านคุณหรือ?” ลอร์ดครอฟตันถามต่อ แจ็คสันรีบสั่นศีรษะ “ไม่ ไม่เลย ผมบอกตรงๆ แค่ผมลองคิดตามที่คุณถามก็มือสั่นล่ะ ไม่ๆ ผมไม่อยากได้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นลูกค้า ผมมีความสุขที่มีจอห์นเป็นลูกค้ามากกว่า”

                “จอห์นนี่ได้ยินคงดีใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “แจ็คสัน ผมเอ็ดเวิร์ด ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

                เขายื่นมือไปให้ฝ่ายนั้นเขย่า แจ็คสันยิ้มให้เขา “เอ็ดเวิร์ด เสื้อคุณสวยนะ เพื่อนๆ คงอิจฉาคุณ”

                คนถูกชมหัวเราะ “ผมให้คุณเอามั้ย ผมยังมีอีกหลายตัวเลยที่บ้าน”

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมว่ามันจะดูดีที่สุดตอนที่คุณเป็นคนสวมน่ะ” แจ็คสันรีบปฏิเสธ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ไม่ต้องพยายามระบายคอลเลคชั่นเสื้อของนายหรอก เอ็ดดี้”

                ลอร์ดครอฟตันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆ ที่เต้นรำกันอยู่อย่างสนุกสนาน “ฉันว่าฉันไปเต้นกับพวกเขาบ้างดีกว่า”

                “เอาสิ”

                ทั้งสองหนุ่มลุกตามไปสมทบกับเพื่อนๆ แจ็คสันถอนหายใจแรง จนเด็กเสิร์ฟในร้านที่เดินเข้ามาอดถามไม่ได้

                “คุณทำไมถอนหายใจแบบนั้นล่ะ?”

                “ฉันโล่งใจที่นึกได้ว่าหนังสือพิมพ์ลงข่าวแค่ว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นนักรักบี้ แต่ไม่เคยลงว่าเขาชอบดื่มเหล้ารัมและเต้นไอริชแดนซ์เก่งอย่างกับอะไรดีน่ะสิ”

------------------------------------------
(จบตอน)

***ฮ่าๆ ที่จริงแล้วเราชอบจอห์นนี่เวลาพยายามจะทำตัวเหมือนชาวบ้านร้านตลาดธรรมดามาก คือฮีเนียนนะคะ แต่ฮีจะมีความเป็นคุณชายล้นออกมา เป็นผู้จัดการเหมืองที่ไม่เคยพูดคำว่าได้โปรด... ไม่ๆ ตัดคำว่า Please ไปจากพจนานุกรมของจอห์นนี่ค่ะ วิธีการพูดของจอห์นตั้งแต่บทแรกยันบทนี้ (และคงจะต่อเนื่องไปในทุกๆ บท) เป็นการสั่งหมดเลยค่ะ จอห์นนี่ไม่เคยขอ สั่งอย่างเดียว และส่วนใหญ่ทุกคนก็จะทำตาม ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่บุคคลไป (หัวเราะหนักมาก :laugh:)

 ตอนนี้เป็นตอนที่เรารู้สึกสะพรึงมากกับคาร์เวียร์สีทอง คือเราเคยเล่นมุกเอาคาร์เวียร์มาเลี้ยงแฟนไปแล้วในเรื่อง My neighbor is a spy. ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะเล่นซ้ำดีมั้ย พอดีเปิดๆ ไปเจอคาร์เวียร์สีทองที่อังกฤษเข้าค่ะ เลยเข้าไปไล่อ่าน ก่อนจะค้นพบว่า นี่คือคาร์เวียร์ที่หายากมากๆ และเหมาะอย่างยิ่งกับฐานะระดับลูกชายมาร์ควิสอย่างจอห์นนี่ ฮ่าๆ (พระเอกรวยปานนี้ ไม่อวดบารมีหน่อยเดี๋ยวไม่ครบสูตรค่ะ) พระเอกของเราเลยได้โชว์พาว (กระเป๋าสตางค์) ด้วยการสั่งคาร์เวียร์สีทองมาเลี้ยงเพื่อนสิบชุด!! ทั้งที่จริงๆ แล้วนางก็อยากเลี้ยงแค่คนเดียวแหละ แต่มันประเจิดประเจ้อเกินไป... สรุปว่าเพื่อนๆ ได้รับอานิสงส์จากกอร์ดอนนะคะ เรื่องคาร์เวียร์สีทองเนี่ย (บางทีก็ทั้งสงสารทั้งขำท่านลอร์ด เฮ้อๆๆ :m20:)

จอร์จจี้กลับมาน่าหมั่นไส้เหมือนเดิมอีกครั้ง แน่นอนว่าผู้ชายเจ้าชู้ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยค่ะ ฮ่าๆ มาร์กี้ควรต้องทำใจเอาไว้ล่วงหน้า เอาน่ะ จอร์จจี้บอกแล้วว่ารักกับชอบไม่เหมือนกันนนน (เปิดเพลงเผลอให้ลอร์ดจอร์จดังๆ ค่ะ :hao7:)

ดิฉันมีความรู้สึกเป็นการส่วนตัวว่า นิยายเรื่องนี้เขียนได้ดีที่สุดเท่าที่ดิฉันเคยเขียนมาเลยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-02-2017 16:44:28
 :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-02-2017 17:37:29
สนุกมาก เนียนมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไรท์ เขียนเหมือนใช้ชีวิตเป็นเพื่อนกับพวกลอร์ดเลย
กอร์ดอน ไม่เหงาเลย เพราะรักกับจอห์นนี่
มีเพื่อนมากมาย จอห์นนี่ รักกอร์ดอนมาก
เป็นเจ้าบุญทุ่มกับเพื่อนๆ เอาใจสั่งคาเวียร์สีทอง
เพื่อให้กอร์ดอนได้กินของอร่อยราคาแพงมากๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 11-02-2017 18:06:39
แจ็คสันนี่แม่นเหมือนจับวาง... โดยเฉพาะเวลาพูดถึงจอร์จจี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2017 18:14:24
สนุกสนานเวลาได้อยู่กับกลุ่มเพื่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-02-2017 19:35:03
แจ็คสันคือทั่นเทพพพพพ 5555555
นี่ถ้ารู้ว่าทั้งหมดนี่มีตำแหน่งตามมาเปนขบวนกันเกือบทุกคน กรามคงค้างแล้วค้างอีก มือสั่นพับๆๆแน่นอนนนน 55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-02-2017 20:20:29
พออ่านๆไปชักสงสัยว่า บรรดาท่านลอร์ดต่างๆมีการมีงานทำเป็นกิจจะลักษณะมั้ยอ่ะคะ

อันนี้ถามเพราะอยากรู้จริงๆไม่ได้แดกดันนะคะ ออกตัวก่อน เขาต้องทำงานรับใช้ราชวงศ์มั้ย หรือมีธุรกิจของที่บ้านมั้ยอะไรอย่างนี้

ปล. แอบบงงชื่อยศกับชื่อตัวไม่เชิงงง แต่จำไม่ค่อยได้แหะๆ ไม่ทราบว่าคนเขียนได้สรุปไว้ที่ไหนสักที่รึป่าวว่าแต่ละคนชื่ออะไร

ปล. 2 อีธานไม่มีบทในบาร์ของแจ๊คสันเหรอคะ (หรือว่าไม่ได้ไป) แต่ถ้าอ่านตกก็ขออภัยนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-02-2017 20:44:13
พออ่านๆไปชักสงสัยว่า บรรดาท่านลอร์ดต่างๆมีการมีงานทำเป็นกิจจะลักษณะมั้ยอ่ะคะ

อันนี้ถามเพราะอยากรู้จริงๆไม่ได้แดกดันนะคะ ออกตัวก่อน เขาต้องทำงานรับใช้ราชวงศ์มั้ย หรือมีธุรกิจของที่บ้านมั้ยอะไรอย่างนี้

ปล. แอบบงงชื่อยศกับชื่อตัวไม่เชิงงง แต่จำไม่ค่อยได้แหะๆ ไม่ทราบว่าคนเขียนได้สรุปไว้ที่ไหนสักที่รึป่าวว่าแต่ละคนชื่ออะไร

ปล. 2 อีธานไม่มีบทในบาร์ของแจ๊คสันเหรอคะ (หรือว่าไม่ได้ไป) แต่ถ้าอ่านตกก็ขออภัยนะคะ

ตอบคำถามเรียงไปเลยนะคะ

- เนื่องจากระบบขุนนางของอังกฤษเป็นระบบศักดินาที่มีที่นาจริงๆ ค่ะ คือขุนนางแต่ละคนมีที่อยู่จำนวนเยอะถึงเยอะมาก (ยิ่งเป็นขุนนางชั้นสูงยิ่งมีที่เยอะ ส่วนจะแบ่งมรดกจนเหลือเท่าไหร่กว่าจะมาถึงรุ่นพระเอกอันนี้ก็แล้วแต่บุคคลค่ะ) และคนธรรมดาทั่วไปอย่างกอร์ดอนก็จะเช่าที่จากขุนนางพวกนี้อีกทีค่ะ ดังนั้นครอบครัวขุนนางจึงมีรายได้ (เป็นกอบเป็นกำมากๆ) จากการให้เช่าที่ค่ะ ขุนนางจึงไม่มีอาชีพเป็นกิจลักษณะ (อาชีพหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพ) แต่ลูกชายของขุนนางที่ไม่ใช่ลูกชายคนโต อาจจะได้หรือไม่ได้มรดกก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าพ่อจะแบ่งให้หรือไม่ ถ้าไม่แบ่ง ก็ต้องออกไปหางานทำ อาจจะทำค้าขาย หรือไปรับราชการเป็นทหาร หรืออย่างอื่นที่เลี้ยงชีพได้ค่ะ (สรุปคือถ้าไม่ได้มรดกก็คือตัวเปล่านั่นเอง)

- ส่วนหน้าที่ของขุนนางที่มีต่อราชวงศ์ คือการเข้าประชุมสภาขุนนางค่ะ (ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าประชุมคือผู้ที่รับสืบทอดตำแหน่งสูงสุดต่อมาทางสายเลือด อย่างพระเอกเป็นเอิร์ลเพราะเป็นลูกของมาร์ควิส ยังไม่มีสิทธิ์เข้าประชุม ต่อเมื่อได้รับตำแหน่งมาร์ควิสสืบต่อจากพ่อแล้วเท่านั้น จึงมีสิทธิ์จะเข้าประชุมค่ะ) ตรงนี้ในสมัยวิกตอเรียเราไม่แน่ใจว่ามีการให้เงินเดือนหรือค่าประชุมรึเปล่าค่ะ แต่สมัยนี้มีการให้ค่าเข้าประชุมต่อครั้ง แต่ไม่มีเงินเดือนค่ะ เรื่องของสภาขุนนางจะมีพูดถึงในบทถัดไปค่ะ

- ส่วนการเรียกยศขุนนาง เราทำโควต้าเอาไว้ตรงหน้า7 เดี๋ยวแปะลิ้งค์ให้นะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57184.180

และชื่อจริงของเพื่อนๆ ทั้งสิบคนของจอห์นนี่ อยู่ในบทที่4ค่ะ

แต่จะก็อปมาแปะไว้ตรงนี้อีกทีค่ะ (เนื้อหาตรงนี้มีการแก้ไขจากช่วงแรกที่ลงไว้นะคะ)

1.     จอห์น คาเว็นดิช (เอิร์ลแห่งโทรว์บริด ลูกชายคนเดียวของมาร์ควิสแห่งบาธ)

2.     แมกซ์ เมอร์เรย์ (ลูกชายคนรองของมาร์ควิสแห่งสวินดัน)

3.     จอร์จ เฟลตัน (ลูกชายคนรองและคนเล็กของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์)

4.     เอ็ดเวิร์ด เบอร์มิ่ง (ไวส์เคาน์แห่งครอฟตัน ลูกชายคนโตของเอิร์ลแห่งเบอร์เบจ)

5.     เอ็มมานูเอล ซอมเบิร์ก (ลูกชายคนรองของเอิร์ลแห่งแรมสเบอรี่)

6.     นิโคลาส คาเทจ (ลูกชายคนโตของไวส์เคาน์แห่งเอนฟอร์ด)

7.     โรเบิร์ต มัลคอม (ลูกชายคนโตของพ่อค้าเพชร เรียนอีตันรุ่นเดียวกับลอร์ดโทรว์บริด)

8.     เจฟฟรี่ มัทท์ (ลูกชายคนเดียวของเซอร์อัลเบอร์โต มัทท์)

9.     เจมส์ สมิธ (ลูกชายคนรองของนายธนาคารใหญ่ จบอ็อคฟอร์ดรุ่นเดียวกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์)

10.            อีธาน ลอว์ (ลูกชายคนเล็กนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในกรุงลอนดอน เป็นรุ่นน้องลอร์ดโทรว์บริดสองปี) พอรวมกอร์ดอนเข้าไปด้วยก็เป็นสิบเอ็ดคนพอดี

- อีธานไปที่บาร์ของแจ็คสันเหมือนคนอื่นๆ ค่ะ แต่ไม่ได้ท้าให้แจ็คสันทายว่าทำอาชีพอะไร เหมือนกับเจฟฟรี่และโรเบิร์ต (พวกนี้บทช่างจืดจาง) เนื่องจากสามคนนี้ที่จริงแล้วเป็นคนธรรมดาค่ะ แต่เผอิญเป็นเพื่อนกับพวกลูกขุนนางเฉยๆ ซึ่งทายไปก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่าทายคนอื่นที่มีบรรดาศักดิ์ค่ะ ส่วนเจมส์เนื่องจากพูดมากเลยโดนทายไปด้วยค่ะ ฮ่าๆ

สรุปว่า เหล่าลูกขุนนางทั้งหลาย ส่วนใหญ่ "ว่างงาน" ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ก็เลยดูว่างถึงว่างมากอย่างที่เห็นค่ะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-02-2017 20:50:14
ชอบตอนนี้มาก ๆ อ่านแล้วยิ้ม
ทำให้นึกย้อนไปในวัยมัธยม
ที่มีกีฬาสี สนุกมานะ ขอบอก
 :really2: :really2:
+1
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-02-2017 22:03:53
ตกลงนี่ตลกค่าเฟ่รึป่าว 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-02-2017 23:09:33
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-02-2017 23:37:14
จอห์นนี่เอาใจกอร์ดอนตามใจตัวเอง น่ารักมาก ๆ

จอห์นนี่เป็นคนที่มีเสน่ห์ราวกับแม่เหล็กที่ดึงดูดทุกอย่างเข้ามา เป็นใจกลางของสโมสรมิตรภาพนี้

หนุ่ม ๆ สนุกสนานราวกับเด็ก ๆ เลย ชอบมาก ๆ ค่ะ

ปล. นิยายทุกเรื่องของคุณจูออนในเล้าที่ฉันได้อ่านเขียนดีทุกเรื่องเลย แต่เรื่องนี้มีความหลากหลายของตัวละครมากที่สุด (ฉันยังไม่เคยอ่าน My Neighbor is a Spy นะคะ) อ่านแล้วเหมือนดูภาพยนตร์มากกว่าอ่านนิยาย เพราะได้เห็นภาพของหลาย ๆ คนที่เคลื่อนไหวไปพร้อม ๆ กัน นิยายบางเรื่องจะเห็นภาพตัวละครเอกต่าง ๆ (พระ, นาง, ตัวละครที่มีอิทธิพลต่อเนื้อเรื่อง) โลดแล่นอยู่ในจินตนาการ

ยิ่งฉากที่สโมสรหรือฉากหนุ่ม ๆ รวมตัวกัน ยิ่งเห็นพัฒนาการของคุณชัดมาก

ชื่นชมจากใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 12-02-2017 21:39:48
บทนี้สนุกมากค่ะ อ่านแล้วเหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในวง
หนุ่มๆเส้นตื้นกันจริงๆ แจ็คสันคงงง
หัวเราะอะไรกันเบอร์นั้น 5555
ชอบที่ท่านลอร์ดนางอยู่หัวโต๊ะแต่ตะโกนถามท้ายโต๊ะ
ว่าคาเวียร์สีทองเป็นไง 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: raizvita ที่ 13-02-2017 13:20:26
TT v TT เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกค่า เรื่องนี้มันน่ารักมากมาย  ชอบเวลาหนุ่มๆรวมตัวกันมากเลยค่า

ว่าแต่จอห์นนี่จะทนได้นานแค่ไหนนะคะ ดูตบะจวนเจียนจะแตกตลอดเวลา 555+

รอค่ะรอ นิยายเรื่องนี้สนุกมาก

ปล.ทำไมชอบคุณแจ็คสันมากเลย 555++
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 13-02-2017 20:46:33
** แก้ไขชื่อสกุลของพระเอก จากคาเวดิช เป็นคาเว็นดิชค่ะ ดิฉันถอดเสียงมาผิด /ผิดตลอดดดด  :z6:
-----------------------
Dear, My customer.

ตอนที่16 ครอบครัวคาเว็นดิช


            ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตื่นสายโด่งในวันรุ่งขึ้น และโดนพ่อของตัวเองบ่นทันทีที่เยี่ยมหน้าออกมาจากห้องนอน

                “จอห์น แกจะนอนไปถึงไหน จะไปโบสถ์มั้ย? แกรู้รึเปล่าว่าวันนี้วันอะไร”

                “ครับๆ ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว ยังเหลืออีกตั้งสิบห้านาทีกว่าพิธีที่โบสถ์จะเริ่ม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด พลางอ้าปากหาว ลอร์ดบาธมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิด

                “แกจะเที่ยวอะไรนักหนาทุกวัน กลับมาดึกๆ ดื่นๆ หัดทำตัวให้มีสาระหน่อยได้มั้ย?”

                “ผมเพิ่งกลับดึกวันเดียวเอง” เอิร์ลหนุ่มว่า พ่อของเขาสวน “แกกลับดึกทุกวัน มีวันไหนแกกลับก่อนสองทุ่มบ้าง?”

                “โธ่ พ่อครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “พ่อจะให้ผมกลับมาทำอะไรตั้งแต่สองทุ่ม อ่านหนังสือหรือครับ? ผมแค่ออกไปดื่มนิดหน่อยเอง”

                “นิดหน่อยของแกนี่มันขนาดไหนกัน” ลอร์ดบาธว่า พลางทำจมูกฟุดฟิดใส่ลูกชายระหว่างที่พวกเขาเดินออกมาขึ้นรถม้าที่หน้าคฤหาสน์

                “ผมไม่ได้เมาขนาดต้องหามกลับแล้วกันล่ะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะปีนขึ้นไปบนรถม้า แล้วยื่นมือให้เลดี้บาธ “เชิญครับ ท่านสุภาพสตรี”

                เลดี้บาธหัวเราะ แล้วยุดมือของลูกชายขึ้นไปบนรถ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปหาพ่อตัวเอง “พ่อจะให้ผมฉุดขึ้นรถด้วยมั้ย?”

                ลอร์ดบาธถลึงตาใส่ลูกชาย ก่อนจะปีนขึ้นมาบนรถ จากนั้นรถม้าก็แล่นออกจากคฤหาสน์เพื่อไปที่โบสถ์

                “จอห์น เมื่อคืนลูกไปดื่มที่ไหนจ้ะ... แม่ว่ากลิ่นเหล้าแรงมาก” เลดี้บาธตั้งข้อสังเกตระหว่างที่พวกเขานั่งอยู่บนรถม้า

                “บาร์ในเมืองครับ” เอิร์ลหนุ่มตอบ “ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมรีบเลยยังไม่ได้อาบน้ำ”

                “มันไม่เกี่ยวกับที่ว่าแกอาบน้ำหรือไม่ จอห์น” ลอร์ดบาธบ่นต่อ “รู้มั้ยว่ากลิ่นตัวแกมันเหมือนพวกขี้เหล้าข้างถนน พ่อสงสัยจริงว่าแกไปดื่มอะไรมา แค่วิสกี้ไม่น่าจะกลิ่นแรงขนาดนี้”

                “ตกลงครับ ต่อไปผมจะดื่มให้น้อยลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท เพราะไม่อยากบอกพ่อกับแม่ว่าตัวเองดื่มเหล้ารัมไปหลายแก้วในเวลาสองวันที่ผ่านมา เขาแน่ใจว่าทั้งคู่ต้องไม่ชอบใจแน่นอน

                โชคดีที่รถม้าหยุดก่อนที่ลอร์ดบาธจะได้บ่นหรือถามอะไรลูกชายมากกว่านั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบลงจากรถม้า แล้วจูงมือแม่ของตัวเองลงมา ก่อนจะเดินตามทั้งคู่เข้าไปในโบสถ์

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวกับครอบครัวแล้วแล้วตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไป พอฝ่ายนั้นเห็นเขาก็ทักขึ้น “หวัดดีจอห์นนี่”

                “หวัดดีจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักกลับ ก่อนจะถูกพ่อสะกิด เพราะท่านบิชอปกำลังจะขึ้นมายืนตรงแท่นอ่านพระคัมภีร์

                พิธีมิซซาประจำวันอาทิตย์กลางเดือนในช่วงหน้าร้อนเป็นไปเหมือนปกติของทุกสัปดาห์ พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ฟังบทอ่านจากพระคัมภีร์ สวดมนต์และอธิฐานต่อหน้ากางเขนศักดิ์สิทธิ์

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คุกเข่าลง ประสานมือไว้ตรงหน้า เงยหน้ามองไม้กางเขนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า พลางนึกสงสัยว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐคิดอย่างไรถึงได้ทำให้เขาหลงรักกับผู้ชาย ทั้งที่ผู้เผยแพร่พระวจนะของพระองค์ได้ระบุว่าการสมสู่กับเพศเดียวกันเป็นความผิดบาปอย่างใหญ่หลวง เอิร์ลหนุ่มแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ใจบาปหยาบช้าขนาดมีความต้องการสมสู่กับผู้ชายทุกคนที่พบอย่างผู้คนในเมืองโสดม เขาไม่เคยนึกพิศวาสผู้ชายมาก่อน กระทั่งได้พบกับกอร์ดอน... เพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของฝ่ายนั้นครั้งแรก หัวใจของเขาก็โบยบินออกไปจากอก ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง และหน้าตา เหมือนว่าพระเจ้าประจุทุกอย่างที่เขาควรจะรักเอาไว้ในตัวผู้ชายคนนั้น ยกเว้นเพศสภาพ และเขาก็หลงรักกอร์ดอนแบบถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งวันเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมีมากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกของเขาก็ยิ่งชัดเจนและรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่เคยนึกเสียใจที่ตกลงใจสาบานรักกับฝ่ายนั้นทันทีที่ได้รู้ความในใจของกันและกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เชื่อสุดหัวใจว่านี่คือความรักที่พระเจ้ามอบให้เขาด้วยความจงใจ แต่ทว่า... เขากลับไม่รู้จะทำอย่างไรกับความต้องการทางร่างกายที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน

                เขาค้อมตัวลง ก้มศีรษะอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า

                ‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดบันดาลให้ลูกได้รู้ว่าความรักครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งผิดพลาด’

                ‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดบันดาลให้ลูกเห็นถึงหนทางที่จะก้าวต่อไป’

                ‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดช่วยเหลือลูกให้ได้รักกับเขาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต’

                ‘เพราะลูกรักเขาเหนือสิ่งอื่นใด... รักผู้ชายที่พระองค์ทรงประทานมาให้คนนั้น...’

-------------------------------------

                หลังเสร็จพิธี ครอบครัวของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เดินมาทักทายพวกเขา

                “อรุณสวัสดิ์มารี่ วันก่อนจอร์จจี้ไปรบกวนครอบครัวเธอตั้งแต่เช้า ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ”

                “อรุณสวัสดิ์เน็ตตี้ เรื่องจอร์จจี้ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเสียเขาก็เป็นเหมือนลูกชายอีกคนของฉันอยู่แล้ว” เลดี้บาธตอบพลางยิ้ม ก่อนจะหันไปหาลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “เธอดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

                “อ๋อ ครับท่านหญิง ผมดีขึ้นมากเลย ขออภัยด้วยนะครับที่ไปรบกวน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าท่านหญิงไม่ว่าอะไร ผมขอเวลาคุยกับจอห์นนี่สักครู่”

                “เชิญเลยจ้ะ ตามสบาย” เลดี้บาธตอบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยพาลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกไปคุยกันด้านนอกโบสถ์

                “ตัวนายเหม็นเหล้าหึ่งเลยจอห์นนี่ อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้อาบน้ำ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “อืม... เมื่อเช้าฉันตื่นสาย”

                “งี้พ่อนายไม่บ่นตายหรือ? เขาต้องหงุดหงิดแน่ที่ตัวนายเหม็นขนาดนี้ เป็นฉันฉันต้องถามว่านายไปดื่มอะไรมา”

                “เขาถามนั่นแหละแต่ฉันไม่ได้ตอบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะถามขึ้นบ้าง “ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”

                “เมื่อวานฉันลืมบอกนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็เดินเข้ามา “สวัสดีจอร์จจี้ สวัสดีจอห์น ฉันมารบกวนมั้ย?”

                “ไม่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาเธอ “ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี ผมยังไม่ได้บอกจอห์นนี่เรื่องนั้นเลย คือเมื่อวานพวกเราวุ่นวายกันมาก”

                “ค่ะ ฉันเข้าใจ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองเธอ “มีอะไรหรือมาร์กี้”

                “คือฉันอยากชวนคุณกับคุณโอเดนเบิร์กไปดูดอน จิโอวานนี่ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการตอบแทนเรื่องที่พวกคุณช่วยฉันกับจอร์จจี้ค่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดงนิดๆ “ใช่ ฉันตกลงกับมาร์กาเร็ตว่าจะไปดูดอน จิโอวานนี่ด้วยกัน เลยอยากให้นายกับกอร์ดอนไปด้วย” พูดจบเขาก็ล้วงซองจดหมายสองซองออกมาจากอกเสื้อ “นี่ตั๋ว ที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกนาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาพยักหน้า แล้วรับซองตั๋วทั้งสองซองมาใส่ไว้ในอกเสื้อ “ขอบใจนะ กอร์ดอนจะต้องดีใจแน่ ฉันแน่ใจว่าเขายังไม่เคยไปดูโอเปร่าที่รอแยลโอเปร่ามาก่อน”

                “ฉันหวังว่าเขาจะชอบค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด “เป็นไปได้ฉันอยากจะนัดเขาทานมื้อค่ำด้วย ฉันอยากพบเขามาก”

                “ผมจะบอกเขาให้ แน่ใจว่าเขาน่าจะยินดีไปทานมื้อค่ำกับคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม ก่อนจะถามต่อ “แล้วแมกซ์ล่ะ? พวกนายไม่ชวนเขาด้วยหรือ?”

                “ฉันเอาตั๋วให้เขาแล้ว ก่อนจะมาหานายเมื่อตะกี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “วันนี้เขาต้องรีบกลับบ้าน เห็นว่าไมครอฟส่งโทรเลขมาตามให้กลับไปจัดการเรื่องอะไรสักอย่าง”

                “กระทั่งวันอาทิตย์ก็ไม่ละเว้นเลยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “โชคดีจริงๆ ที่ฉันไม่มีพี่ชายอย่างไมครอฟ”

                “คงมีแต่แมกซ์เท่านั้นแหละที่โชคร้ายต้องเป็นน้องชายเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางหัวเราะ “แล้วนี่นายจะไปไหนต่อ?”

                “คงกลับบ้าน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อย่างน้อยๆ ฉันต้องกลับไปอาบน้ำ ก่อนที่พ่อจะถามฉันจริงๆ ว่าฉันไปดื่มอะไรมา”

---------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อาบน้ำทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาแช่ตัวอยู่ในอ่างนานเกือบชั่วโมง จนเลดี้บาธต้องให้คนรับใช้มาเคาะประตูถามว่าเขาต้องการกินมื้อเช้าในอ่างอาบน้ำหรือไม่นั่นแหละ เอิร์ลหนุ่มถึงยอมลุกขึ้นมาเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า

                เลดี้บาธนั่งรออยู่ในห้องอาหาร เธอยิ้มทันทีที่เห็นลูกชาย “จอห์น แม่ชอบจังเวลาลูกเพิ่งอาบน้ำ”

                ชายหนุ่มยิ้มให้แม่ของเขา แล้วลากเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม “แม่ยังไม่กินมื้อเช้าหรือครับ?”

                “เรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ แต่แม่อยากมานั่งเป็นเพื่อนลูก อีกไม่นานก็ได้เวลาน้ำชาแล้ว”

                เอิร์ลหนุ่มหัวเราะเขินๆ ระหว่างที่ถาดอาหารเช้าถูกนำมาวางตรงหน้าเขา “ผมตื่นสายมาก ขอโทษด้วยครับ”

                เลดี้บาธพยักหน้า “โอลิเวอร์บอกแม่แล้ว ว่าเมื่อคืนลูกกลับมาดึกมาก” เธอเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แม่น่ะไม่ว่าอะไรหรอก แต่ลูกก็ไม่ควรจะดื่มหนักขนาดมีกลิ่นตัวแบบนี้ มันดูไม่ดีเลยสำหรับสุภาพบุรุษอย่างลูก”

                “ครับ ผมจะจำไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่าคราวหลังดื่มแล้วต้องอาบน้ำด้วย”

                เลดี้บาธถอนหายใจ “นี่ถ้าพ่อนั่งอยู่ ลูกต้องโดนอีกชุดแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขาทาเนยลงไปบนขนมปัง แล้วใช้ช้อนตอกไข่ต้มที่วางอยู่ ก่อนจะหยิบลูกเบอรี่ขึ้นมาเคี้ยว เลดี้บาธมองลูกชายตัวเอง

                “เสื้อผ้าลูกเป็นไงบ้างจ๊ะ โอเดนเบิร์กตัดทันมั้ย?”

                “ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า “อินเวอร์เนสโค้ทจะเสร็จวันพุธนี้ ส่วนชุดอื่นๆ ผมบอกกำหนดเขาไว้หมดแล้ว”

                “ดีจ้ะ” เลดี้บาธยิ้ม “โอเดนเบิร์กเป็นช่างตัดเสื้อที่ฝีมือดีมาก แม่ไม่เคยเจอช่างตัดเสื้อที่อายุน้อยแล้วฝีมือดีขนาดเขามาก่อน ตอนที่พ่อไปร้านเขาครั้งแรก ยังเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นแค่คนเปิดประตูร้านเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ตอนผมเจอเขาครั้งแรก ยังเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพวกตกงานเลยครับ”

                “ตายแล้ว นี่ลูกบอกเขาไปแบบนั้นหรือเปล่าจ๊ะ? มันเสียมารยาทมากเลยนะ”

                คนถูกถามหัวเราะเขินกว่าเดิม “ก็ผมเข้าใจผิดนี่ครับ เขาแต่งตัวธรรมดามาก ค่อนข้างแย่เลยนะผมว่า ท่าทางไม่น่าจะเป็นช่างตัดเสื้อได้”

                เลดี้บาธทำหน้าแปลกใจ “แม่ว่าโอเดนเบิร์กแต่งตัวดีออกนะจ๊ะ ถึงผมเขาจะยาวไปหน่อย”

                “แสดงว่าแม่ไม่เคยเห็นเขานอกเวลางาน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วหยิบขนมปังขึ้นมากัด พลางใช้ช้อนตักไข่ต้ม “เขาแต่งตัวแย่มากครับ ขนาดว่าผมเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัวแล้วยังรู้สึกเลยว่าเขาแย่กว่าผมอีก”

                “เขาอาจจะมีเหตุผล ลูกไม่ควรเสียมารยาทนะจ๊ะ”

                “เขาบอกว่ามันไม่คุ้มที่จะต้องเสียเวลาตัดชุดดีๆ ให้ตัวเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่เขาก็ดูดีมากนะครับ เวลาใส่ชุดที่ตัวเองตัด”

                “จ้ะ ที่จริงแล้วเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากเลยนะ” เลดี้บาธว่า “แม่ยังแปลกใจเลยที่เขายังไม่แต่งงาน เห็นว่าเขาเป็นลูกคนเดียวด้วย ถ้าเขามีน้องสาวหรือพี่สาว พวกเธอคงจะสวยมาก”

                “เขาไม่มีญาติพี่น้องเลยหรือครับ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสงสัย “ผมรู้แค่ว่าเขารับช่วงร้านต่อจากปู่ และพ่อแม่เขาเสียหมดแล้ว”

                “ไม่รู้สิ อาจจะมีแต่เขาไม่ได้พูดถึงล่ะมั้ง” เลดี้บาธว่า ก่อนจะหรี่ตามองลูกชาย “อย่าบอกนะจ๊ะว่าลูกสนใจอยากเห็นญาติสาวๆ ของเขา แม่รู้นะว่าลูกชอบผู้หญิงผมทองตาสีฟ้า”

                เอิร์ลหนุ่มหน้าแดงจนถึงใบหู เขาก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้าโดยไม่พูดอะไรอีก เลดี้บาธถอนหายใจ “แคทเธอรีนไม่ถูกใจลูกหรือ?”

                “อ๋อ... เปล่าครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด “พวกเราอยู่ระหว่างศึกษาซึ่งกันและกันอยู่ อังคารนี้ผมเชิญเธอมาดื่มชาแล้ว”

                “จ้ะ” เลดี้บาธพยักหน้า “แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับลูกมาก ในสายตาของพ่อกับแม่ และเธอมีทุกอย่างที่ลูกชอบ ผมสีทอง ตาสีฟ้า ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง แม่แปลกใจเหมือนกันนะจ๊ะ ที่ลูกดูเฉยๆ กับเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะแห้งๆ “ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงผมทองตาสีฟ้าไปทั่วนะครับ อีกอย่างแคทเธอรีนเป็นถึงหลานสาวของท่านดยุกแห่งอ็อคฟอร์ด ผมคงชอบเธอสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”

                แม่ของเขาถอนหายใจ “เอาเถอะจ้ะ ถ้าลูกอยากลองศึกษาเธอก่อน แม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าลูกมีคนรักอยู่แล้ว ลูกควรจะบอกแม่ด้วย ถึงเธอไม่ใช่เลดี้ แต่ถ้าเธอดูดีพอ แม่อาจจะช่วยสนับสนุนให้ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงก่ำกว่าเดิม เลดี้บาธเห็นแล้วก็ยิ้มให้ลูกชายด้วยความเอ็นดู “แสดงว่าลูกมีคนที่ชอบอยู่แล้วจริงๆ สินะ จะไม่บอกแม่หน่อยหรือว่าเป็นใคร”

                “ไม่ได้หรอกครับ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา ก่อนจะรีบพูดต่อ “คือ... ผมหมายถึงอนาคตยังไม่มีอะไรแน่นอน ตอนนี้ผมจะศึกษาแคทเธอรีนไปก่อน เธอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผม”

                “ตามใจลูกก็แล้วกันจ้ะ” เลดี้บาธว่า “แม่รู้ว่าลูกรู้ว่าอะไรสมควรไม่สมควร หวังว่าลูกจะไปได้ดีกับแคทเธอรีนนะ”

                “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า และนึกโล่งใจที่ในที่สุดเขาก็จัดการมื้อเช้าได้หมดเสียที เลดี้บาธพูดต่อ

                “พ่ออ่านจดหมายอยู่ในห้องหนังสือ ถ้าลูกอิ่มแล้วก็น่าจะเข้าไปคุยกับพ่อสักหน่อยนะจ๊ะ”

                “ครับ”

-------------------------------------------

                ลอร์ดบาธเงยหน้ามองลูกชายที่เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะชี้มือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะ “นั่งสิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงตามคำสั่ง พลางกวาดตาดูกองจดหมายบนโต๊ะ “จดหมายเยอะนะครับ”

                “อืม... ส่วนใหญ่ก็เรื่องเงินๆ ทองๆ นั่นแหละ” ผู้เป็นพ่อตอบเขา เอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “งั้นผมช่วยแยก พรุ่งนี้แรมซี่จะได้เอาไปจัดการได้ง่ายหน่อย”

                ลอร์ดบาธกวาดจดหมายปึกหนึ่งให้เขา “เอ้า แยกรายรับกับรายจ่ายออกมาแล้วกัน แกคงรู้ชื่อนะว่าอันไหนมาจากใคร”

                “ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบมีดมาตัดซองจดหมายพวกนั้น ก่อนจะดึงกระดาษด้านในออกมาอ่าน แล้วแยกว่าอันไหนคือค่าใช้จ่าย อันไหนคือรายรับ จดหมายพวกนี้เมื่ออ่านและแยกเสร็จ จะถูกส่งให้กับเลขานุการประจำตัวของลอร์ดบาธ เพื่อจัดการเบิกจ่ายและตรวจสอบรายรับกับทางธนาคารอีกที

                “พ่อครับ ผมสงสัยว่าเรามีที่ดินเท่าไหร่กันแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นระหว่างคัดแยกจดหมายพวกนั้น ลอร์ดบาธชี้มือไปที่ตู้ไม้ใบใหญ่ที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง “มันอยู่ในนั้น ถ้าแกอยากรู้ก็ลองไปนับดูแล้วกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองตามมือผู้เป็นพ่อไป แล้วถามต่อ “พ่อไม่ได้ทำดัชนีแยกไว้หรือครับ?”

                “ทำ แต่พ่อเห็นว่าแกควรจะได้เห็นมันด้วยตาตัวเองสักครั้ง” ลอร์ดบาธว่า “ในตู้ไม้นั่นคือสิ่งที่แกต้องรับผิดชอบต่อจากพ่อ”

                “งั้นเดี๋ยวผมแยกจดหมายเสร็จแล้วจะไปดูครับ”

                จดหมายถูกส่งมาจากหลายที่ หากเป็นจดหมายที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย หรือใบเสร็จ มักส่งมาจากภายใจลอนดอนนี่แหละ ส่วนรายรับค่าเช่าที่ดิน จะมาจากบาธและเมืองอื่นๆ หลากหลายกันออกไป จดหมายหลายฉบับถูกเปิดอ่านแล้ว แต่หลายฉบับยังตีตราครั่งอยู่ หลังแยกจดหมายไปได้พักหนึ่ง เอิร์ลหนุ่มก็พูดขึ้นอีก

                “พ่อครับ เมื่อวานผมสั่งคาร์เวียร์สีทองเลี้ยงเพื่อนไปสิบชุด”

                “หืม?” ลอร์ดบาธเลิกคิ้วพลางมองลูกชาย “โอกาสอะไร?”

                “ผมไม่ได้เจอกับเพื่อนนานแล้ว” อีกฝ่ายตอบ “ผมบอกไว้ เผื่อพ่อสงสัยถ้ามีจดหมายเรียกเก็บเงินมา”

                “ถ้าแกไม่ได้เลี้ยงเพื่อนแบบนี้ทุกสัปดาห์ พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก” ลอร์ดบาธตอบ ก่อนจะถอนหายใจ “จอห์น... แกวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองไว้บ้างมั้ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “อนาคตผมไม่เห็นจะต้องวางแผนอะไรนี่ครับ ยังไงผมก็ต้องรับตำแหน่งมาร์ควิสต่อจากพ่ออยู่แล้ว หรือพ่ออยากให้ผมไปทำเหมืองที่อเมริกา”

                “ไม่ตลกนะจอห์น” ลอร์ดบาธดุเขา “ที่โธมัสต้องไปทำเหมืองที่อเมริกาเพราะปู่ของแกไม่แบ่งมรดกให้เขา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนใช้จ่ายพร่ำเพรื่อ แต่เพราะทุกอย่างที่เรามีอยู่ตอนนี้มันสมดุลดีอยู่แล้ว มันไม่ควรถูกแบ่งชิ้นอีก”

                “ครับ ผมทราบ”

                “และแกต้องรับทั้งหมดนี้ต่อจากพ่อ ไม่ช้าก็เร็ว ตำแหน่งมาร์ควิสไม่ใช่ว่านึกจะเป็นก็เป็นได้ง่ายๆ แกรู้รึเปล่าว่าเราต้องยืนอยู่ต่อหน้าใครบ้าง”

                “ใครครับ?”

                “พระราชินี อาร์คบิชอป และท่านดยุกกับพวกขุนนางทั้งหลาย” เขาเว้นจังหวะพูดหน่อยหนึ่ง “สภาขุนนางพิจารณากฎหมาย และให้คำปรึกษาแก่พระราชินี พวกเราอาจจะเป็นคนกำหนดด้วยซ้ำว่าจะประกาศสงครามกับใคร จะอยู่ฝ่ายไหน แน่นอนว่าอำนาจย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย “จะมีสงครามอีกหรือครับ?”

                “ยังไม่ใช่ตอนนี้” ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ “แต่สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจนักหรอก มีการก่อการร้ายไปทั่ว แกก็เห็นข่าวที่ฝรั่งเศส ถึงสงครามโลกจะจบไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าสงครามจะหายไปจากโลกเสียหน่อย”

                “ครับ”

                “ความมั่นคงของพระราชินีและราชวงศ์คือความมั่นคงของประเทศเรา กระแสของพวกอนาธิปไตยค่อนข้างรุนแรงมาก เราไม่ต้องการให้ประเทศต้องเป็นเหมือนฝรั่งเศส แกก็เห็นว่ามันเละเทะแค่ไหนหลังจากพวกนั้นล้มล้างราชวงศ์ของตัวเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า พ่อของเขาพูดต่อ “พ่ออยากให้แกรู้ถึงสิ่งที่ต้องรับผิดชอบในอนาคต จอห์น ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของตระกูล แต่แกต้องรับผิดชอบประเทศนี้ สภาขุนนางคือหน้าต่างส่องถึงพระราชินี แกต้องเป็นหน้าต่างที่ดี เป็นที่เคารพของคนอื่นๆ พ่อคงไม่ต้องบอกนะว่าเมื่อเช้าแกทำตัวแย่แค่ไหน”

                เอิร์ลหนุ่มหน้าแดงด้วยความอับอาย เขาได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด

                “แกจะดื่มอะไรพ่อไม่ว่าหรอก พ่อเคยบอกแล้วว่าอย่าให้เมาถึงขั้นต้องหามกลับ แต่วันนี้พ่อจะขอแกอีกอย่าง อย่าออกจากบ้านทั้งที่ตัวแกมีกลิ่นเหล้าหึ่งแบบวันนี้เด็ดขาด”

                “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมขอโทษ ต่อไปจะไม่ให้เกิดอีกครับ”

                ลอร์ดบาธมองลูกชาย ก่อนจะถอนหายใจ “อเมริกาคงสอนอะไรแกมาเยอะมาก ไปหัดดื่มอะไรมาล่ะ เหล้ารัมใช่มั้ย? ครั้งแรกสำลักรึเปล่า?”

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่15p.8 (11/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 13-02-2017 20:46:57
              ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อด้วยความแปลกใจ แต่ก็พยักหน้ายอมรับ “ครับ... สำลักสิครับ กลิ่นมันแรงมาก”

                “แล้วไม่เข็ดหรือ?”

                “ที่นั่นมีเหล้ารัมเยอะครับ” เอิร์ลหนุ่มเล่า “ผมอาจจะจิบวิสกี้อยู่ในบ้านได้ แต่ที่เหมือง ถ้าผมทำแบบนั้นคงไม่ได้คุยกับใครเลย”

                “พ่อเข้าใจล่ะ” ลอร์ดบาธพยักหน้า “โธมัสเขียนจดหมายมาเล่าพ่อ ว่าแกเป็นที่รักของพวกคนงานมาก มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะจอห์น แต่ตอนนี้แกไม่ได้อยู่อเมริกาแล้ว”

                “ครับ ผมทราบ”

                “แกไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องดื่มเหล้ารัมอีก... ยกเว้นเสียแต่ว่าแกชอบมัน ซึ่งพ่อคงเสียใจมากถ้าเป็นอย่างนั้น”

                “เปล่าครับ ผม...”

                “แล้วแกไปดื่มที่ไหนล่ะ?” ลอร์ดบาธถาม โดยไม่เปิดโอกาสให้ลูกชายพูดต่อ “ร้านเหล้าที่แกควรเข้าไม่น่าจะมีเหล้ารัมขายนะ”

                “ผมสัญญาว่าจะไม่ดื่มอีก”

                “แกยังไม่ได้ตอบพ่อนะจอห์น แกไปดื่มที่ไหน?”

                 “บาร์ที่ผมจำชื่อไม่ได้ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “วันก่อนผมขับรถผ่าน เห็นแล้วน่าสนใจ เมื่อคืนเลยแวะไป”

                “แต่จำชื่อร้านไม่ได้?”

                “ครับ”

                ลอร์ดบาธสั่นศีรษะอย่างระอาใจ “เอาเถอะ ถ้าแกไม่อยากตอบ พ่อก็คงจะเค้นคำตอบเอาจากแกไม่ได้อยู่ดี”

                “ขอโทษนะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มศีรษะ “แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ดื่มอีกแล้ว”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจอีกครั้ง “จอห์น เดี๋ยวพ่อจะออกไปดื่มชา”

                “ครับ...”

                “ถ้าแกเรียงจดหมายกับเปิดดูเอกสารในตู้ใบนั้นเรียบร้อยแล้ว ไปเล่นเทนนิสกับพ่อหน่อยดีมั้ย พวกเราไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้ว ตั้งแต่แกไปอเมริกา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้ามองพ่อของเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะยิ้มกว้าง “ด้วยความยินดีครับ”

-----------------------------------

                หลังจากผู้เป็นพ่อออกไปได้ไม่นาน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จัดเรียงจดหมายเสร็จ เขาหยิบกุญแจที่พ่อวางทิ้งไว้ ไปไขเปิดตู้ไม้ใบใหญ่ที่เป็นที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน ก่อนจะผงะเล็กน้อย เมื่อได้เห็นปึกกระดาษที่อัดแน่นอยู่ด้านใน พ่อของเขาแยกโฉนดตามตัวอักษร ที่มีเยอะที่สุดคือตัว B รองลงมาคือตัว S และตัว R ตามลำดับ ที่ใหม่ที่สุดเป็นโฉนดที่ดินในหมวดตัวอักษร L มีโฉนดของคฤหาสน์เดลหนึ่งฉบับ และโฉนดในย่านการค้าแถบถนนเวนลอกค์ กับชานเมืองแถบคอกเคนฮิล อีกอย่างละสี่ฉบับ ส่วนที่เก่าที่สุดอยู่ในหมวดตัวอักษร B กระดาษของมันแดงและเก่าเสียจนตอนแรกลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่กล้าหยิบออกมาดู

                กระดาษใบนั้นเป็นเอกสารที่ดินเก่าแก่ที่ระบุขนาดและที่ตั้งของประสาทบาธ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนห้องหับต่างๆ ในปราสาท เอิร์ลหนุ่มพลิกดูหน้าที่มีแผนผังปราสาทและส่วนประกอบโดยรอบที่วาดเอาไว้คร่าวๆ แล้วหวนนึกไปถึงความทรงจำในวัยเด็ก

                แม้ว่าตระกูลของเขาจะสืบทอดตำแหน่งมาร์ควิสแห่งบาธ แต่ก็ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่ลอนดอนได้สามชั่วอายุคนแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเกิดและโตในลอนดอน ตอนที่ยังเด็กมากๆ พ่อกับแม่มักพาเขาไปเที่ยวตากอากาศที่บาธในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ครอบครัวคาเว็นดิชมีคฤหาสน์อยู่ที่นั่นสองหลัง หลังหนึ่งมีโรงอาบน้ำพุร้อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จำคฤหาสน์ที่มีบ่อน้ำพุร้อนได้ แต่กับปราสาท มันช่างเป็นความทรงจำแสนเลือนราง มีแค่เพียงยอดทรงตัด ท้องฟ้าสีคราม สนามหญ้าสีเขียว และเถาไอวี่แห้งๆ

                ชายหนุ่มหยิบเอกสารที่ดินอีกสองสามฉบับมาดู ก่อนจะเปิดดูสมุดดัชนี แล้วเก็บทั้งหมดกลับเข้าที่ เขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะดูเอกสารทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยเพราะเวลา หรือวุฒิภาวะก็ตาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปิดล็อกตู้ แล้วเอากุญแจไปใส่คืนไว้ในลิ้นชักโต๊ะ ก่อนจะออกจากห้องไป

-------------------------------------

                คอร์ตเทนนิสอยู่ในส่วนหนึ่งของสนามด้านหลังคฤหาสน์ มันปูด้วยหญ้าต้นเตี้ยๆ และมีการโรยปูนขาวเป็นแนวเพื่อทำเครื่องหมายแบ่งพื้นที่เอาไว้ ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไปอเมริกา เขาและบรรดาสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดมาตีเทนนิสด้วยกันที่นี่บ่อยครั้ง และในวัยเด็ก มันก็เป็นสถานที่เดียวที่เขากับพ่อใช้เวลาร่วมกันในการเล่นกีฬา

                 เลดี้บาธและบรรดาสาวใช้พากันออกมานั่งให้กำลังใจลอร์ดสามีและลูกชาย ที่นานๆ จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันสักครั้งหนึ่ง ลอร์ดบาธสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงขายาวลายทางพร้อมสายคาดไหล่ และสวมหมวกสตรอว์ โบตเตอร์เพื่อบังแดด เขาพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้สะดวกกับการเอื้อมรับลูกเทนนิส ลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ในชุดที่ไม่ต่างกันมากนัก เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่สั่งตัดไปเมื่อคราวก่อน กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลตัวใหญ่พร้อมสายคาดไหล่ สวมหมวกแก๊ปสีขาว ยืนถือแรคเก็ตอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ โดยมีตาข่ายคั่นกลาง

                “ผมให้พ่อเสิร์ฟลูกก่อนเลย” เอิร์ลหนุ่มตะโกน ก่อนจะโยนลูกสักหลาดไปฝั่งตรงข้าม ลอร์ดบาธรับลูกแล้วเคาะมันกับพื้นสองสามครั้ง ก่อนจะโยนขึ้นไปบนอากาศ แล้วหวดแรคเก็ตใส่มันเต็มแรง ลูกพุ่งฉิวลงหน้าตาขายฝั่งตรงข้าม กระดอนจากพื้นหญ้า แฉลบแรคเก็ตที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอื้อมมารับไปเล็กน้อย

                “ว้าว พ่อเสิร์ฟเอส” ชายหนุ่มร้องด้วยความตื่นเต้น คนรับใช้วิ่งไปเก็บลูกที่กระดอนออกมาใส่ไว้ในถัง ขณะที่อีกคนส่งลูกเทนนิสใหม่ให้เจ้านาย

                สองพ่อลูกผลัดกันตีโต้ลูกเทนนิสไปมา ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเลดี้บาธและสาวใช้ ภายใต้ท้องฟ้ายามบ่ายที่มีเมฆปกคลุมเป็นระยะ

                “ฝีมือตกนี่จอห์น อเมริกาไม่มีเทนนิสให้เล่นล่ะสิ” ลอร์ดบาธแซวลูกชาย พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากใบหน้า พวกเขาหยุดพักหลังจากเล่นไปได้สิบนาที เลดี้บาธนำเครื่องดื่มไปให้สามี

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “แสดงว่าตอนผมไม่อยู่ พ่อแอบซ้อมไว้เยอะสินะครับเนี่ย”

                ลอร์ดบาธไม่ตอบคำถาม เขาแค่ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ ก่อนจะกลับลงสนามอีกครั้ง สองพ่อลูกตีเทนนิสด้วยกันจนถึงบ่ายสี่โมง จึงยอมวางแรคเก็ต

                “ผมว่าพวกเราน่าจะตีเทนนิสกันแบบนี้ทุกสัปดาห์นะครับ ช่วงบ่ายวันอาทิตย์แบบนี้ก็ได้ ถ้าพ่อสะดวก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขณะเดินมาเช็ดเหงื่อที่ข้างสนาม ลอร์ดบาธมองเขา

                “แกตีกับพ่อแบบนี้ไม่เบื่อหรือไง? ชวนเพื่อนมาก็ได้นะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา “วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัวครับ”

                ลอร์ดบาธยิ้มให้ลูกชาย แล้วยกมือตบบ่าเขา “ไปอาบน้ำเถอะ แล้วอย่าแช่เพลินจนลงมากินมื้อค่ำสายล่ะ”

------------------------------------------

                โต๊ะอาหารของบ้านคาเว็นดิชมีเก้าอี้วางอยู่ทั้งหมดสิบสองตัว แต่ส่วนใหญ่จะใช้งานแค่สองตัวเท่านั้น เพราะลอร์ดโทรว์บริดจ์มักจะออกไปกินมื้อเย็นนอกบ้าน แต่วันนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่สามตรงข้ามกับพ่อและแม่ของเขา ฟังเรื่องเล่าในสภาขุนนางของลอร์ดบาธแกล้มอาหารมื้อค่ำ

                “พอท่านอาร์คบิชอปพูดแบบนั้น อาเธอร์ก็หน้าเสียเลย ผมว่าเขาเกือบเป็นลมด้วยซ้ำ” ลอร์ดบาธเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แต่พระราชินีก็ตรัสแทรกขึ้นมา พระนางตรัสว่าไงรู้มั้ย? ตรัสว่า เช่นนั้นก็ให้ท่านอาร์คบิชอปจัดการ คราวนี้ท่านอาร์คบิชอปเลยเป็นฝ่ายหน้าเสียเสียเอง ผมบอกแล้วว่าพระนางทรงมีความเที่ยงธรรมที่สุด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขายิ้มๆ “พ่อคุยกับพระราชินีบ่อยมั้ยครับ? ผมหมายถึง ตรัสกับพ่อเป็นการส่วนพระองค์บ่อยมั้ย?”

                “ไม่บ่อยหรอก แต่ก็มีบ้าง” ลอร์ดบาธว่า “พระราชินีมักจะตรัสกับอาร์คบิชอปและขุนนางฝ่ายพระญาติมากกว่า แต่ทรงมีความยุติธรรมมาก”

                “ทรงเป็นพระราชินีที่เข้มแข็งมากด้วย” เลดี้บาธว่า “พระนางเป็นแบบอย่างที่ดีของสุภาพสตรี”

                “ใช่” ลอร์ดบาธพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันไปถามลูกชาย “แล้วเรื่องแกกับแคทเธอรีนเป็นไงบ้าง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว ด้วยไม่คิดว่าผู้เป็นพ่อจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา “ก็ดีครับ ผมตั้งใจจะชวนเธอมาดื่มน้ำชาที่บ้านเราทุกวันอังคาร”

                “ดี พ่ออยากให้แกพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอให้มากๆ เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม” ลอร์ดบาธว่า ก่อนจะพูดต่อ “ดอน จิโอวานนี่กำลังเล่นอยู่ ทำไมแกไม่ชวนเธอไปล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเหมาะกับเธอ... อีกอย่าง จอร์จเพิ่งชวนผมเมื่อเช้านี้เอง”

                “จอร์จไม่ได้ไปดูกับมาร์กาเร็ตหรือ?” แม่ของเขาถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบตอบ “จอร์จไปดูกับมาร์กาเร็ตครับ แต่เขาชวนผมกับแมกซ์ไปด้วย”

                “อ้อ...” ลอร์ดบาธพยักหน้า พลางจิ้มสเต็กที่หั่นแล้วใส่ปาก “แล้วเรื่องต่อยมวยล่ะ เป็นไง”

                “ผมเริ่มซ้อมมาตั้งแต่วันพฤหัสฯแล้วครับ”

                “พ่อรู้แล้ว” ลอร์ดบาธว่า “แล้วแกจะขึ้นชกจริงวันไหน”

                “น่าจะวันศุกร์ที่สิบห้าเดือนหน้าครับ” ลอร์ดลูกชายตอบ “ลอร์ดควีนสเบอรี่บอกว่าต้องคุยกับผู้จัดการของแมดเนอร์ก่อน อ้อ... ผมลืมบอกไป ผมคุยกับท่านลอร์ดแล้วว่าผมจะไม่ใช่ชื่อจอห์น คาเว็นดิชในการชก”

                “ทำไมล่ะ? พ่อไม่รังเกียจที่แกขึ้นชกมวยหรอกนะ” ลอร์ดบาธว่า ลูกชายของเขาสั่นศีรษะ

                “เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดว่าพ่อจะรังเกียจ แต่ผมไม่อยากให้คู่ต่อสู้รู้สึกเกรงใจผม อีกอย่าง ผมไม่อยากให้คนมาดู แค่เพราะว่าผมเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ หรือว่าเป็นคาเว็นดิช”

                “แล้วแกจะชกในชื่อใคร”

                “อาจจะใช้ชื่อลิตเติลจอห์นครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ลอร์ดควีนสเบอรี่ชอบ เขาว่ามันเข้ากับชื่อของเขาดี”

                เลดี้บาธหัวเราะออกมา “แม่ว่าก็น่ารักดีนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “แม่จะไปดูผมชกมั้ยครับ?”

                เลดี้บาธสั่นศีรษะ “ไม่จ้ะ แม่คงทำใจไม่ได้ แต่แม่จะสวดมนต์ขอให้ลูกชนะและไม่เจ็บตัวมาก แม่เชื่อว่าลูกเก่งเสมอ”

                “แล้วพ่อล่ะครับ?”

                ลอร์ดบาธมองเขา “พ่ออยากให้แกใช้ชื่อจริง” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “พ่อเชื่อว่าแมดเนอร์มีความเป็นนักกีฬาอาชีพพอ เขาคงไม่อ่อนข้อให้เพียงเพราะแกนามสกุลคาเว็นดิชหรือเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์หรอก พ่ออยากให้แกรู้จักแบกรับชื่อเสียงของตัวเองบ้าง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปอึดใจใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้า “ตกลงครับ ผมจะบอกลอร์ดควีนสเบอรี่พรุ่งนี้”

                “แต่ตอนประกาศแกจะใช้ชื่อว่าลิตเติลจอห์นก็ได้นะ” ลอร์ดบาธพูด “พ่อก็เห็นว่ามันน่ารักดี”

                ลอร์ดลูกชายแอบอมยิ้มเล็กๆ “แล้วพ่อจะไปดูผมรึเปล่าครับ?”

                “แน่นอน แกเป็นลูกชายของพ่อนะ” ฝ่ายนั้นพยักหน้า “ตั้งใจซ้อมหน่อย อย่าให้บิ๊กจอห์นต้องขายขี้หน้าล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ทั้งสามก้มลงกินมื้อค่ำกันต่อ เสียงมีดส้อมกระทบจานดังขึ้นเบาๆ

                “แล้วเรื่องเสื้อผ้า... แกจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” จู่ๆ ลอร์ดบาธก็ถามขึ้นมา เขาจิบไวน์หลังอาหาร แล้วมองลูกชาย “หวังว่าสัปดาห์หน้าพ่อจะได้เห็นเสื้อคลุมตัวใหม่ของแกนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แน่นอนครับ ผมให้รายการทั้งหมดกับกอร์ดอนไปแล้ว”

                ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว “นี่แกให้โอเดนเบิร์กตัดหมดนั่นเลยหรือ?”

                คนเป็นลูกชายพยักหน้า “ครับ เขายังบอกเลยว่าผมคงเป็นคนแรกที่ตัดชุดกับเขาใหม่ทั้งตู้... ทำไมหรือครับ?”

                ลอร์ดบาธถอนใจ “แล้วแกจะได้เสื้อเมื่อไหร่ฮึ? งานที่ร้านของเขาเยอะมากนะ”

                “เขาว่าอินเวอร์เนสโค้ทจะได้วันพุธครับ ส่วนตัวอื่นๆ ถ้าเขาทำไม่ทันจะแจ้งก่อน”

                “พ่อสงสัยจริงๆ ว่าแกจะมีชุดใส่ครบก่อนถึงหน้าหนาวรึเปล่า” ลอร์ดบาธตั้งข้อสังเกต “โอเดนเบิร์กไม่ได้ตัดเสื้อให้แกคนเดียวนะจอห์น”

                “ครับ ผมรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่เขาบอกแล้วว่าน่าจะทันทั้งหมด”

                ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ “แกควรจะแบ่งไปตัดที่ร้านอื่นบ้าง พ่อกลัวว่าแกจะมีชุดใส่ไม่ครบก่อนฤดูหนาว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ก่อนจะถามอย่างนึกขึ้นได้ “จริงสิครับ ทำไมพ่อถึงย้ายไปตัดเสื้อที่ร้านเขาล่ะครับ? ก่อนผมไปอเมริกา พ่อยังตัดที่ร้านของเฟอร์นานโดอยู่เลย”

                “เพราะลอร์ดอ็อคฟอร์ดน่ะ”

                “ว้าว” ชายหนุ่มอุทานด้วยความแปลกใจ “เขาตัดชุดให้ลอร์ดอ็อคฟอร์ดด้วยหรือครับ?”

                ลอร์ดบาธพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของท่านดยุกเลย”

                “ท่านดยุกบอกพ่อหรือครับ?”

                “ไม่เชิง” ลอร์ดบาธมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย เลดี้บาธเลยพูดขึ้นแทน “พ่อชอบสูทที่ท่านดยุกสวมมาก ตั้งใจถามท่านดยุกเรื่องช่างที่ตัดให้อยู่หลายครั้งแล้ว แต่ท่านดยุกไม่ยอมตอบ แม่เลยไปถามเอาจากท่านดัชเชสให้แทนน่ะจ้ะ”

                “ก็เลยรู้ว่ากอร์ดอนเป็นคนตัด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่ทำไมท่านดยุกถึงไม่ยอมบอกพ่อตรงๆ ล่ะครับ หรือเขาหวง ไม่อยากให้พ่อใช้ช่างคนเดียวกัน”

                “ประมาณนั้นแหละ” ลอร์ดบาธว่า “ท่านดยุกคงไม่อยากรอคิวนาน แต่ถึงยังไงร้านของโอเดนเบิร์กก็มีลูกค้าเยอะมากอยู่แล้ว”

                “อ้อ...”

                “แต่ก็แปลกนะ ที่เขารับตัดให้แกหมดทั้งรายการนั่น” ลอร์ดบาธว่า “ที่จริงแล้วโอเดนเบิร์กค่อนข้างจะเลือกงาน อยู่พอตัวเลย อะไรที่เขาเห็นว่าไม่สำคัญมากเขามักจะพยายามปฏิเสธ พ่อเคยตั้งใจจะให้เขาตัดสูทให้สามตัว คนละสีกัน เขาตัดให้พ่อแค่ตัวเดียว ส่วนที่เหลือเขาว่าต้องรออีกหกเดือน พ่อเลยให้เฟอร์นานโดตัดให้แทน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกแปลกใจ “หกเดือนเลยหรือครับ? คิวที่ร้านเขาเยอะขนาดนั้นเลย?”

                “เยอะสิ” ลอร์ดบาธว่า “ได้ยินว่าช่วงไหนที่งานเขายุ่งมากๆ กระทั่งท่านดยุกก็ยังถูกปฏิเสธ เขาเป็นช่างที่ชอบแขวนป้ายปิดร้านอยู่บ่อยๆ เพราะตัดงานไม่ทันนี่แหละ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นึกย้อนไปในตอนที่เขาเห็นฝ่ายนั้นปิดร้านนานเป็นสัปดาห์ แล้วเริ่มรู้สึกละอายขึ้นมา “เขาคงทำงานหนักมาก”

                “อืม” ลอร์ดบาธพยักหน้า

                “ผมไม่น่าให้เขาตัดเสื้อให้เยอะขนาดนั้นเลย”

                “เอาเถอะ” ผู้เป็นพ่อพูด “ในเมื่อเขารับปากแกแล้ว เขาก็ต้องตัดให้แกนั่นแหละ โอเดนเบิร์กเป็นช่างที่ส่งงานตรงเวลามากที่สุดคนหนึ่ง พ่อหวังว่าเขาจะไม่เลื่อนนัดแกบ่อยๆ ก็แล้วกัน”

---------------------------------------
(จบตอน)
*** ตอนนี้จอห์นนี่ดูเป็นเด็กน้อย ผู้แอบดื้อแต่ก็ยังอยู่ในโอวาทมาก โมเม้นต์ที่ท่านลอร์ดเพิ่งมานึกอายเรื่องตัวเหม็นเหล้าตอนพ่อร่ายยาวแล้วมาทักนี่แบบ... เด็กน้อยจริงๆ เบยยย :-[ เราว่าในสายตาคนเป็นพ่ออย่างลอร์ดบาธนี่คือเรื่องน่าเกลียดมากๆ ที่คนระดับเอิร์ลเดินเหม็นเหล้าหึ่งเข้าไปในโบสถ์ กระทั่งเพื่อนยังทัก นี่ถ้าไม่พูดเรื่องความรับผิดชอบก่อน สงสัยจอห์นนี่น่าจะยังไม่รู้สึกตัว จะบอกว่าชิลไปหรือไม่คิดอะไรเลยดีนะเนี่ย XD

ที่แอบขำอีกอันคือตอนที่จอห์นน้อยรายงานพ่อว่า ผมสั่งคาร์เวียร์สีทองเลี้ยงเพื่อนไปสิบที่ ฮ่าๆ เราแอบสงสัยนะว่าจอห์นกลัวพ่อด่าบ้างไหม แต่บางทีอาจจะคิดอยู่แล้วก็ได้ว่าพ่อไม่น่าจะด่า... แล้วลอร์ดบาธก็ดูไม่ได้หงุดหงิดอะไรจริงๆ (แต่ถ้าเลี้ยงทุกอาทิตย์อาจจะมีเรื่องได้)

ตอนนี้ชิลๆ เขียนชีวิตครอบครัวของท่านลอร์ดบ้างอะไรบ้างค่ะ

ปล. ท่านลอร์ดส่วนใหญ่ไม่ทำงานเป็นกิจลักษณะ ยกเว้นลอร์ดพี่ชายของลอร์ดแมกซ์ค่ะ ส่วนจะทำงานอะไร และทำทำไม อนาคตน่าจะได้เอามาเฉลยกันค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-02-2017 21:10:26
แอบสงสัยนิดนึง ตอนที่จอห์นแก้ตัวกับพ่อว่าขับรถผ่านเลยเจอร้าน
แสดงว่าจอห์นมีรถด้วยใช่ไหมเอ่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-02-2017 21:48:04
ลิตเติ้ลจอห์น ตัวน้อย ๆ (เหรอ?)

ดื้อตาใสเลยนะเนี่ย

พอเป็นลูกคนเดียวของสกุลขุนนางก็เลยถูกคาดหวังมาก

ชอบตอนนที่พ่อล้อว่า บิ๊กจอห์น ให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวอบอุ่นมาก

เอาใจช่วยความรักของทั้งคู่ต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-02-2017 21:57:28
รู้สึกว่าดูเป็นเด็กน้อยจริง ๆ นั่นละค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 13-02-2017 22:35:34
แอบคิดมากว่าเขาจะลงเอยกันยังไงล่ะทีนี้ พระเอกเหมือนจะเป็นลูกคนเดียวด้วยรึป่าว  :heaven
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 13-02-2017 22:56:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-02-2017 22:57:57
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-02-2017 23:14:49
โถกอร์ดอนของเรา งานหนักหนาอยู่แล้ว ยังต้องมาตัดชุดให้แฟนอีกเป็นตู้ แถมยังถูกลากไปดื่มบ่อย ๆ ด้วย เหนื่อยแย่
ส่วนจอห์นน้อย น่าเอ็นดู พ่อแม่หวงขนาดนี้ คิดไม่ออกเลยว่า ความรักจะลงเอยยังไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-02-2017 23:20:13
กอร์ดอน เป็นคนรักของจอห์นนี่นะสิ
เลยสามารถตัดทุกชุดให้จอห์นนี่ได้
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 14-02-2017 01:20:00
คิดถึงคุณโอเดนเบิร์กขึ้นมาเลย ไม่มีบท 1 ตอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-02-2017 04:38:59
แอบสงสัยนิดนึง ตอนที่จอห์นแก้ตัวกับพ่อว่าขับรถผ่านเลยเจอร้าน
แสดงว่าจอห์นมีรถด้วยใช่ไหมเอ่ย


มีค่ะ เคยขับไปที่ร้านของกอร์ดอนในบทที่2 แล้วโดนกอร์ดอนแขวะว่าคนคงตื่นกันทั้งซอย เพราะเครื่องยนต์เสียงดังมากก 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 14-02-2017 08:39:14
ตอนนี้กอร์ดอนกำลังปิดร้านตัดเสื้อท่านลอร์ดอยู่แน่ๆ

คิวทองง ออกมาแต่ชื่อ 55
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-02-2017 18:26:05
ยิ่งอ่านตอนนี้แล้ว...........
ยิ่งเหนถึงความยากของความรักคู่นี้ ToT
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 15-02-2017 12:48:19
โอยยยย ชอบเรื่องนี้ พระเอกน่าร้ากกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 16-02-2017 10:22:17


ขอติดตามอ่านด้วยคนนะคะ ^^

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 17-02-2017 17:15:57


Dear, My customer.

ตอนที่17 เหตุผลเรื่องเสื้อแขนยาว


                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกเป็นกังวลเรื่องกอร์ดอนหลังจากคุยกับพ่อของเขา เขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนว่าฝ่ายนั้นต้องทำงานหนักขนาดไหนเพื่อให้ได้เสื้อแต่ละตัวมา เอิร์ลหนุ่มหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่เขาไปตัดเสื้อที่ร้านของกอร์ดอนครั้งแรก ด้วยความตื่นเต้นเขาไปที่นั่นตั้งแต่เช้าตรู่ และไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่ เขาคิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้พวกเขารู้จักกันได้เร็วที่สุด และไม่เคยนึกถึงเบื้องหลังความเหนื่อยล้าที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของช่างตัดเสื้อเลย

                เอิร์ลหนุ่มตั้งใจจะไปพบกอร์ดอนหลังซ้อมมวยในวันพุธ เพราะเป็นวันที่ฝ่ายนั้นนัดเขารับเสื้อโค้ท แต่แล้วพอถึงวันจริงเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อช่างตัดเสื้อแวะมาหาเขาที่สโมสรมวยก่อนที่จะหมดเวลาซ้อมเพียงเล็กน้อย

                “คุณมานี่ได้ไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความตื่นเต้น เขารีบเสียจนลืมถอดนวมออก กอร์ดอนยิ้มให้เขา

                “ผมแวะมาดูคุณซ้อม แต่ดูท่าทางคงมาไม่ทัน ผมเอาเสื้อมาให้คุณด้วยครับ” ช่างตัดเสื้อพูดพลางยกถุงกระดาษให้ดู

                “งั้นหรือ...” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า พี่เลี้ยงเข้ามาช่วยถอดนวมให้

                “คุณต้องอาบน้ำล้างตัวใช่ไหม? ผมออกไปรอข้างนอกก็ได้” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ถอดนวมออกแล้วรีบรั้งตัวเขาไว้

                “ยังก่อน ผมต้องรอเหงื่อแห้งถึงจะอาบน้ำได้”

                “อ๋อ งั้น...”

                “พวกเราไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า” เอิร์ลหนุ่มชี้มือไปตรงเก้าอี้ยาวที่วางอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องซ้อม พวกเขาสองคนเดินไปนั่งตรงนั้น พี่เลี้ยงคนหนึ่งหยิบแก้วน้ำมาให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกขอบคุณแล้วให้เขาออกไป

                “ผมดีใจจังที่คุณมาดูผมซ้อม แล้วนี่คุณไม่ต้องตัดเสื้อผ้าแล้วหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามฝ่ายนั้นพลางจิบน้ำ กอร์ดอนสั่นศีรษะ

                “ไม่ครับ วันนี้ผมปิดร้านแล้ว ตั้งใจจะมาดูคุณซ้อมโดยเฉพาะเลย แต่เสียดายมาช้าไปหน่อย”

                คนได้ฟังรู้สึกทั้งดีใจทั้งอิ่มใจจนแก้มที่แดงอยู่แล้วจากการซ้อมมวยแดงเข้าไปอีก แต่อีกใจก็อดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ “แต่ผมได้ยินว่างานที่ร้านของคุณเยอะมาก”

                “มันก็เยอะปกตินั่นแหละครับ ถ้าไม่มีงานนี่สิน่าเป็นห่วงมากกว่า” กอร์ดอนตอบ “ว่าแต่ผมมีเรื่องอยากถามคุณ”

                “เรื่องอะไรหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาอารมณ์ดีจนอยากจะก้มลงไปหอมแก้มอีกฝ่ายสักหนึ่งที ถ้าไม่ติดว่ากลัวคนอื่นจะเห็น

                ช่างตัดเสื้อมองดูเสื้อแขนยาวชื้นเหงื่อที่อีกฝ่ายสวมอยู่ “ทำไมคุณถึงสวมเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวขึ้นชกล่ะครับ? ลอร์ดครอฟตันบอกผมว่ามันดูไม่ปกติ”

                รอยยิ้มบนหน้าของเอิร์ลหนุ่มชะงักค้าง เขากะพริบตาอยู่ครั้งสองครั้ง จากนั้นก็หัวเราะกลบเกลื่อน “แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าปกติล่ะ?”

                “ปกติแล้วมันต้องสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามไม่ใช่หรือครับ? ลอร์ดครอฟตันบอกผมแบบนั้น”

                “เอ็ดดี้จริงจังเกินไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมอยากใส่เสื้อแขนยาวขึ้นชก ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

                “แต่มันทำให้คุณดูไม่ถนัดนะ” กอร์ดอนว่า “ลอร์ดครอฟตันบอกว่าสมัยเรียนคุณเคยถอดเสื้อซ้อมด้วยซ้ำ”

                “นั่นมันสมัยเรียน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเลี่ยงๆ “ตอนนี้มันต่างกันแล้ว”

                กอร์ดอนทำหน้าไม่เข้าใจ “ทำไมครับ แค่สวมเสื้อกล้ามเอง” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง แล้วพูดเสียงอ่อนลง “จอห์น ผมเป็นช่างตัดเสื้อนะ บอกผมเถอะว่าทำไม ผมพอจะตัดเสื้อที่สวมแล้วสะดวกกว่านี้ให้คุณได้อยู่นะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ไม่เป็นไรหรอกกอร์ดอน ผมจะไม่เพิ่มงานให้คุณอีกแล้ว ผมรู้ว่าคุณงานเยอะมาก”

                “แต่...”

                “คุณจะชวนผมไปกินมื้อเย็นที่ไหน” เอิร์ลหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง “ที่เดิมที่คุณพาไปวันก่อนก็ดีนะ แต่ผมขอเอาไวน์เข้าไปเองแล้วกัน”

                “คนละร้านกันครับ” กอร์ดอนตอบ “ร้านนี้อยู่ใกล้ๆ นี่เอง ผมว่าบรรยากาศดี เหมาะจะนั่งคุยกัน”

                คนได้ฟังพยักหน้า “ทำไมจู่ๆ คุณถึงมาชวนผมไปกินมื้อเย็นล่ะ”

                คนถูกถามหน้าแดงนิดๆ “ผมคิดว่าควรจะเป็นฝ่ายชวนคุณบ้าง รู้หรอกครับว่าฐานะเราไม่เท่ากัน แต่ผมไม่อยากเอาเปรียบ ผมไม่อยากเป็นฝ่ายรับอยู่ถ่ายเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดีใจจนหน้าบาน เขายิ้มจนเห็นฟันครบซี่ “งั้นคุณรอผมอาบน้ำสักครู่นะ”

                “ตกลงครับ”

---------------------------------------

                ร้านอาหารคราวนี้อยู่ห่างจากสโมสรมวยของลอร์ดควีนสเบอรี่เพียงสองล็อก พวกเขาตัดสินใจเดินไปแทนที่จะนั่งรถม้า วันนี้กอร์ดอนยังคงสวมเสื้อโค้ทตัวเก่าของปู่ แต่เปลี่ยนมาสวมหมวกเดอร์บี้ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ดูเผินๆ ก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ได้ทักอะไร เพราะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตัวถึงได้แต่งตัวแบบนี้

                ร้านตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน มีโต๊ะตั้งทั้งหน้าร้านและในร้าน คนเฝ้าประตูทักทายกอร์ดอนทันทีที่เห็น “สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณโอเดนเบิร์ก วันนี้คุณไม่ได้มาคนเดียวหรือนี่?”

                “วันนี้ผมพาเพื่อนมาด้วย” กอร์ดอนตอบ คนเฝ้าประตูหันมาทักทายลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะให้บริกรเดินนำทั้งสองคนเข้าไปในร้าน

                ตัวร้านตกแต่งค่อนข้างหรูหรา ลอร์ดโทรว์บริดจ์สังเกตว่าลูกค้ามีทั้งคนธรรมดา และพวกบรรดาขุนนางซึ่งก็เป็นคนที่เขาเคยเห็นผ่านตามาบ้างเวลาไปงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือบางคนก็เจอกันที่มหาวิทยาลัย บริกรนำทั้งคู่มาส่งที่โต๊ะใกล้กับหน้าต่างกระจก แต่ท่านเอิร์ลขอเปลี่ยนเป็นโต๊ะที่อยู่มุมด้านในสุดแทน

                “ร้านดูดีเลยนะ คุณมากินบ่อยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหลังจากสั่งอาหารกับบริกรเรียบร้อยแล้ว กอร์ดอนพยักหน้า

                “พอสมควรครับ” ช่างตัดเสื้อตอบก่อนนะพูดต่อ “ไวน์ที่ร้านนี้น่าจะถูกปากคุณ ขอโทษนะครับที่คราวก่อนไม่ได้แนะนำมา ผมเกรงว่าจะมีคนจำคุณได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มแล้วพยักหน้า “ผมว่ามีคนจำได้แน่ ตอนเดินเข้ามามีอย่างน้อยๆ สามโต๊ะล่ะที่รู้จักผม”

                “โห...” กอร์ดอนคราง “พวกเขาเห็นคุณมั้ย?”

                “ไม่นะ ผมว่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ถึงเห็นก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะคราวนี้ผมไม่ได้มานั่งคุยธุระส่วนตัวของเพื่อนแบบคราวก่อน”

                “ลอร์ดจอร์จกับเลดี้มาร์กาเร็ตเป็นไงบ้างครับ” กอร์ดอนถามอย่างนึกได้

                “พวกเขาไปกันได้ดี ดีมากๆ ดีจนน่าหมั่นไส้เลยล่ะสำหรับจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแล้วหัวเราะ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบซองใส่ตั๋วโอเปร่าออกมา “พวกเขาเชิญเราไปดูดอน จิโอวานนี่ด้วย”

                กอร์ดอนมองซองตั๋วก่อนจะเงยมองหน้าเอิร์ลหนุ่ม “ดอน จิโอวานนี่?... ที่รอแยลโอเปร่าหรือครับ?”

                “ใช่”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดงด้วยความประหม่า “พระราชินีจะเสด็จไปทอดพระเนตรมั้ยครับ? ผมหมายถึง ผมจะมีโอกาสได้เห็นพระนางมั้ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “พระราชินีเสด็จไปทอดพระเนตรมาแล้ว อย่างเป็นทางการนะ แต่ถ้าเป็นการส่วนพระองค์ ผมไม่แน่ใจว่าจะเสด็จไปวันไหนบ้าง”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ตื่นเต้น” กอร์ดอนว่า “ผมไม่เคยไปดูโอเปร่าที่รอแยลโอเปร่ามาก่อน เขาให้คนธรรมดาอย่างผมเข้าใช่มั้ย?”

                “ถ้าคุณมีตั๋วก็เข้าได้ทั้งนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะเปิดซองหยิบตั๋วใบหนึ่งออกมา “มีชื่อคุณอยู่บนตั๋วด้วย นี่ไง”

                กอร์ดอนรับตั๋วโอเปร่าใบนั้นมาดูด้วยความตื่นเต้น เฉพาะกระดาษรวมถึงลวดลาย ตัวอักษรและหมึกที่ใช้พิมพ์ลงไปบนตั๋วก็ดูหรูหราสมกับเป็นโรงละครเฉพาะชนชั้นสูงแล้ว เขาเห็นชื่อตัวเองถูกเขียนอยู่บนตั๋วด้วยลายมือเรียบร้อยบรรจง

                “ขอบคุณลอร์ดจอร์จกับเลดี้มาร์กาเร็ตมากเลยนะครับ” กอร์ดอนพูด หน้าแดงด้วยความดีใจ ก่อนจะส่งตั๋วคืนให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ผมรบกวนคุณเก็บไว้ได้ไหม”

                “ได้สิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าแล้วรับตั๋วกลับมาใส่ซองคืนไว้ “ยังไงผมก็ตั้งใจจะมารับคุณไปอยู่แล้ว มาร์กาเร็ตเชิญคุณไปกินมื้อค่ำด้วย เธออยากพบคุณมาก”

                “จะดีหรือครับ...” กอร์ดอนพูดด้วยความประหม่า “ผมใส่ความเธอนะ... แค่คิดผมยังอายอยู่เลย”

                คนฟังหัวเราะ “ดีสิ วันศุกร์คุณปิดร้านปกติใช่ไหม ผมจะเอารถม้ามารับคุณไปกินมื้อค่ำกับพวกเขาก่อน แล้วพวกเราค่อยไปรอแยลโอเปร่ากัน”

                “ตกลงครับ” กอร์ดอนรับปาก ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ เสียงทักทายก็ดังขึ้น

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านลอร์ด”

                คนมาทักเป็นชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาสวมสูทสีดำตัวยาวที่ตัดเย็บมาอย่างดี ทับเสื้อกั๊กสีน้ำเงินเข้มและเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะทักกลับ

                “สายัณห์สวัสดิ์...”

                “จอห์นสันครับ” ฝ่ายนั้นต่อให้ “ผมจำได้ว่าชื่อต้นของเราเหมือนกัน” เขาพูดพลางถือวิสาสะเลื่อนเก้าอี้นั่ง

                “งานเลี้ยงต้อนรับคุณคราวก่อนผมไม่ได้ไป ต้องขออภัยด้วยนะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร ผมค่อนข้างแน่ใจว่าในรายชื่อแขกที่ได้รับบัตรเชิญไม่น่าจะมีชื่อคุณอยู่แล้ว”

                “.....”

                “จะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมบอกคุณว่าผมต้องการคุยธุระส่วนตัวกับเพื่อน เสร็จแล้วผมยังต้องไปธุระที่อื่นอีก”

                ฝ่ายนั้นนิ่งไปพัก ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ก็ได้ครับท่านลอร์ด ผมขอโทษจริงๆ ที่มารบกวน” พูดจบเขาก็เดินออกไป กอร์ดอนแอบหันมองตามหลัง เห็นฝ่ายนั้นเรียกบริกรมาคิดค่าอาหารแล้วเดินออกจากร้านไปเลย เขาหันกลับมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ใครหรือครับ?”

                “คนรู้จักของเอ็ดดี้ เขาเรียนอีตันรุ่นเดียวกับผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะถอนหายใจ “ผมไม่ชอบเขา”

                “ทำไมล่ะครับ?”

                “จอห์นสันเป็นลูกคนขายเนื้อ” เอิร์ลหนุ่มว่า พลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ “แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหรอก ผมไม่ชอบที่เขาเป็นคนทะเยอทะยาน”

                “?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกไวน์ขึ้นมาจิบอีกคำ ก่อนจะส่งเสียงในคอ “อืม... ใช้ได้เลย”

                “ครับ... แล้ว...”

                “อ้อ... ผมยังเล่าไม่จบ” เขาวางแก้วลงแล้ว พูดต่อ “เขาเป็นคนเรียนเก่งนะ เล่นกีฬาก็เก่ง หน้าตาก็ดีกว่าผม เขาคงคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่มีอย่างเดียวที่เขาไม่พอใจ คือการที่เขาเป็นลูกคนขายเนื้อนี่แหละ”

                “.....”

                “จอห์นสันอยากเข้าสโมสรแบล็กเบิร์ด ตอนแรกเขาพยายามมาตีสนิทกับผม แต่ผมไม่สนใจ เขาเลยหันไปตีสนิทกับเอ็ดดี้แทน ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ เอ็ดดี้เป็นคนที่มีมารยาทกว่าผม เขาไม่ค่อยปฏิเสธคนที่เข้ามาเท่าไหร่ แต่ผมไม่รับเขาเป็นสมาชิกสโมสร ผมไม่รู้สึกว่าเขาอยากเป็นเพื่อนกับผม แต่อยากเป็นเพื่อนกับเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์มากกว่า ถ้าผมเป็นแค่ จอห์น คาเว็นดิชเฉยๆ เขาคงไม่สนใจ”

                “อ้อ...” กอร์ดอนครางในคอ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ตะกี้ตอนคุณพูดกับเขา ผมรู้สึกว่าคุณดูเป็นท่านเอิร์ลขึ้นมาแว้บหนึ่งเหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วมองเขา “หมายความว่าไง? ปกติผมดูไม่เหมือนเอิร์ลหรือ?”

                กอร์ดอนหัวเราะ “ปกติท่านเอิร์ลต้องดูวางตัว เข้าถึงยากหน่อยนี่ครับ”

                “ผมก็ไม่ได้เข้าถึงง่ายๆ นะ” เอิร์ลหนุ่มบอกเขา กอร์ดอนพยักหน้าแล้วยิ้ม “นั่นสิ ผมเพิ่งนึกได้ว่าคุณก็เรื่องมากเรื่องไวน์ด้วยเหมือนกัน พอจะเหมือนท่านเอิร์ลหน่อยแล้วครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “คราวก่อนผมเสียมารยาทเรื่องไวน์สินะ” เขาพูดแล้วทำคอตก “ผมเป็นคนบอกให้คุณเลือกร้านเอง ผมไม่น่าบ่นเรื่องไวน์ให้คุณได้ยินเลย” เอิร์ลหนุ่มว่า “ผมนี่มารยาทแย่ชะมัด”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคิดว่าผมน่าจะจะเริ่มชินกับเรื่องมารยาทของคุณบ้างแล้วล่ะ ตั้งแต่พวกเรารู้จักกันมา”

                ท่านเอิร์ลหน้าแดงกว่าเดิม กอร์ดอนพูดต่อ “ความจริงผมอยากแซวคุณเหมือนกันนะ ว่าทีเหล้ารัมคุณยังดื่มได้หน้าตาเฉย แต่พอเป็นไวน์คุณดันเรื่องมากเสียได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขวยๆ “ช่วยไม่ได้... ก็ผมเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์นี่นา”

                “ครับ ทราบล่ะครับ” ช่างตัดเสื้อพยักหน้าพลางยิ้ม บริกรทยอยนำอาหารที่สั่งไปมาวางที่โต๊ะ ทั้งคู่ก้มหน้าก้มตากินมื้อค่ำพลางพูดคุยถึงเรื่องสัพเพเหระที่ได้พบมาระหว่างช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน

-------------------------------------

                “ผมเห็นด้วยนะ เรื่องที่คุณไม่ควรดื่มเหล้ารัม” กอร์ดอนพูดขึ้น หลังฟังลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าเรื่องที่เขาถูกพ่อดุในวันอาทิตย์จบ

                “ผมไม่น่ารีบจนลืมอาบน้ำเลย” เอิร์ลหนุ่มคราง ช่างตัดเสื้อสั่นศีรษะ

                “มันไม่เหมาะกับคุณนะจอห์น คราวหลังถ้าคุณไปที่นั่นอีก คุณสั่งเบียร์มาดื่มก็ได้ เบียร์ดำของแจ็คสันขึ้นชื่ออยู่นะ”

                “ผมจะเก็บไว้เป็นตัวเลือกแล้วกัน” เอิร์ลหนุ่มว่า กอร์ดอนยิ้มแล้วมองเขา

                “มันไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือว่าเป็นผู้จัดการเหมืองของคุณลดลงหรอกน่า คุณควรเลือกดื่มอะไรที่ดีกว่าตอนอยู่เหมืองบ้าง”

                “นั่นสินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะพูดต่อ “กอร์ดอน คุณเอารายการเสื้อผ้าของผมติดมาด้วยมั้ย?”

                “ไม่ครับ ทำไมหรือ?”

                “ผมว่าจะเอาออกสักครึ่งหนึ่ง”

                ช่างตัดเสื้อทำหน้าสงสัย “ทำไมหรือครับ? คุณรีบใช้แล้วหรือ?”

                “เปล่า” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ “คือผมคิดว่ามันเยอะเกินไป ผมไม่อยากให้คุณทำงานหนัก งานที่ร้านคุณก็เยอะอยู่แล้ว”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “งานที่ร้านผมก็เยอะแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้วล่ะครับ คุณไม่เห็นจะต้องกังวลเลย”

                “แต่ผมเห็นห่วงคุณนี่” อีกฝ่ายตอบ กอร์ดอนถอนใจ

                “ถ้างั้นคุณไม่ควรจะเอามาให้ผมตัดแต่แรกครับ มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าเจื่อนนิดๆ “ผมเสียมารยาทอีกแล้วสินะ”

                อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม “จอห์น ไม่ว่ายังไงผมก็จะตัดเสื้อให้คุณ ยกเว้นคุณรีบกว่าที่กำหนดเอาไว้ หรือคุณไม่พอใจฝีมือผมแล้ว”

                “ไม่มีทาง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา “แต่...”

                “ผมจะมีความสุขมาก ถ้าได้เป็นคนตัดเสื้อทุกตัวที่คุณสวม” กอร์ดอนพูดสวนแล้วหน้าแดง พลอยทำให้คนมองหน้าแดงตามไปด้วย

                “ผมเข้าใจแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด จากนั้นก็ยิ้มเขินๆ “ผมดีใจนะที่ชุดทั้งหมดที่ผมจะใส่ต่อไป จะมีคุณเป็นคนตัด มันทำให้ผมรู้สึกว่ามีคุณอยู่ข้างๆ ทุกครั้งเวลาสวม”

                กอร์ดอนเขินจนต้องแก้ขวยด้วยการหยิบไวน์แดงมาจิบ พลางนึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำให้เขินจนร้อนไปทั้งหน้าแบบนี้ทุกที

                “จริงสิครับ คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าทำไมคุณถึงต้องสวมเสื้อแขนยาวขึ้นชก”

                รอยยิ้มของลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักค้างบนใบหน้า เขาจ้องช่างตัดเสื้ออึดใจหนึ่ง ก่อนจะลดสายตาลง พอเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางแบบนั้น กอร์ดอนจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาอาจจะถามเรื่องที่ไม่สมควรอยู่

                “ผมขอโทษที่ถามละลาบละล้วงนะ ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ผมแค่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้”

                “ไม่” เอิร์ลหนุ่มรีบพูดออกมา “คุณไม่ต้องขอโทษผมเรื่องนั้น คุณไม่ได้ละลาบละล้วงอะไร” เขาถอนหายใจแรง “ให้ตายสิ”

                กอร์ดอนยิ้มให้อีกฝ่าย “เอาน่าจอห์น... ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ”

                “ไม่ คุณไม่เข้าใจหรอก” เขาโพล่งออกมา ก่อนจะทำหน้าหงุดหงิด “โธ่เอ๋ย... ผมพูดอะไรออกไปนะ”

                ก่อนที่กอร์ดอนจะทันได้พูดอะไรตอบ อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นต่อ “พวกเราไปคุยต่อที่ร้านคุณดีกว่า ที่นี่ไม่สะดวก”

----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่16p.8 (13/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 17-02-2017 17:16:19
                เดวิดมีสีหน้าแปลกใจที่เห็นเจ้านายของตัวเองกลับมาพร้อมกับเอิร์ลหนุ่มและถุงกระดาษที่ใส่เสื้อโค้ทเอาไว้ด้านใน

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด เสื้อมีปัญหาหรือครับ?”

                “อ๋อ เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนรีบพูดแทรก

                “ท่านเอิร์ลมาลองเสื้อ เกรงว่าจะมีปัญหาน่ะ”

                “อ๋อ” เดวิดพยักหน้า กอร์ดอนพูดต่อ

                “เธอกินมื้อเย็นหรือยัง ถ้ายังออกไปกินได้เลย ฉันมีธุระสำคัญต้องคุยกับท่านเอิร์ลด้วยน่ะ”

                “อ๋อ ครับๆ ได้ครับ” เดวิดรีบพยักหน้า ก่อนจะออกจากร้านไปอย่างรู้งาน จึงเหลือแต่ช่างตัดเสื้อกับเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์สองคน

                “นี่... ผมถามจริงนะ เดวิดสงสัยเรื่องผมกับคุณบ้างไหม?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นขณะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน กอร์ดอนทำหน้าปั้นยาก

                “ไม่รู้สิครับ เขาน่าจะยังไม่สงสัยไปถึงขั้นนั้นหรอก แต่เขาก็รู้ว่าพวกเราแอบนัดเจอกัน เขาคิดว่าคุณชอบชีวิตแบบชาวบ้าน เลยชอบชวนผมไปนั่นไปนี่ด้วย”

                คนฟังหัวเราะ “ดีแล้ว ให้เขาคิดอย่างนั้นแหละ”

                ช่างตัดเสื้อหันกลับมามองเขา “เราคุยกันในห้องลองเสื้อดีมั้ยครับ ถ้าเดวิดกลับมาจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมพวกเราถึงต้องขึ้นไปคุยกันข้างบน

                “ไม่ต้องหรอก เราคุยกันตรงโต๊ะรับแขกนี้เลยก็ได้ ถ้ามีใครมาผมจะได้เห็นด้วย” เอิร์ลหนุ่มว่า “ผมไม่อยากให้ใครได้ยินเรื่องที่ผมจะเล่า มันเป็นความลับมาก”

                “ได้ครับ งั้นผมปิดม่านก่อน” กอร์ดอนเดินไปดึงม่านลง พอหันกลับมาก็เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังปลดกระดุมเสื้อของตัวเองอยู่

                “ทำอะไรครับ?” ฝ่ายนั้นถามด้วยความประหลาดใจ คนถูกถามกวักมือเรียกเขา

                “ผมอยากให้คุณเห็นเหตุผล ว่าทำไมผมถึงต้องสวมเสื้อแขนยาวขึ้นชก”

                กอร์ดอนเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้า รู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายแบะอกเสื้อออก แต่แล้วก็ต้องอุทานด้วยความแปลกใจ

                “พระเจ้าช่วย... นี่คุณไปโดนอะไรมา...”

                “จับดูสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ตอบคำถาม แต่กลับฉวยมือช่างตัดเสื้อไว้ “ผมอยากให้คุณลองจับมัน”

                กอร์ดอนค่อยๆ ยกมือไปสัมผัสรอยแผลเป็นขนาดเกือบเท่าเหรียญห้าเพนนีที่อยู่บนซอกไหล่ด้านซ้ายของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แผลเป็นค่อนข้างเรียบ แต่ยุบลึกเข้าไปอยู่พอสมควร ช่างตัดเสื้อมือสั่น เขาไม่เข้าใจว่าคนระดับเอิร์ลอย่างลอร์ดโทรว์บริดจ์ ได้รอยแผลนี้มาได้อย่างไร

                “เจ็บรึเปล่าครับ?” ช่างตัดเสื้อถาม แม้จะไม่รู้ว่ามันเป็นรอยแผลจากอะไร แต่เขาก็รู้สึกว่าตอนที่มันเกิดขึ้น ต้องสร้างความเจ็บปวดให้กับคนตรงหน้ามากแน่ๆ ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะ

                “ไม่เจ็บแล้วล่ะ มันอยู่บนตัวผมมาได้สองปีแล้ว”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองเขา “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจ ดึงเสื้อกลับมาสวมเอาไว้เหมือนเดิม แล้วดึงมือกอร์ดอนให้นั่งลงข้างตัว

                “มันเป็นเรื่องสุดวิสัย” เขาว่า “สามปีที่แล้วผมตามอาไปที่อเมริกา อาผมทำธุรกิจเหมืองแร่ เขามีทั้งเมืองทองและเหมืองดีบุก แน่นอนว่าอุตสาหกรรมเหมืองต้องใช้คนงานเยอะมาก เรามีคนงานเป็นร้อยๆ พันๆ กระจายอยู่ตามแคมป์คนงานต่างๆ ถึงอาจะมีบ้านพักแยกออกมาต่างหาก แต่เราก็ต้องไปที่เหมืองทุกวันเพื่อคุมงาน”

                กอร์ดอนพยักหน้า เอิร์ลหนุ่มเล่าต่อ “คนงานที่ทำงานในเหมืองมีทั้งคนที่อพยพไปจากอังกฤษ คนที่มาจากสเปน เยอรมัน อิตาลี หรือแม้แต่พวกอินเดียนแดง ผมชอบคุยกับพวกเขานะ มันทำให้เห็นโลกที่กว้างขึ้น พวกเขามีโลกที่ต่างกับผมอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเล่า ผมนั่งฟัง บางคนสอนภาษาผมด้วย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นมิตรทั้งหมด”

                “ในแค้มป์คนงานมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอยู่บ่อยครั้ง วันนั้นเป็นวันที่เลวร้ายที่สุด เรื่องมันเกิดขึ้นแต่เช้า ยามที่เฝ้าเหมืองขี่ม้ามาบอกอาผมว่าเกิดเหตุฆ่ากันตายที่แค้มป์คนงานหมายเลขสาม ผมกับอาเลยรีบออกไปดูที่เกิดเหตุ พอถึงแค้มป์ก็พบว่าพวกนั้นจับตัวคนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรที่สุดเอาไว้แล้ว เป็นเด็กอินเดียนแดงที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้สามเดือน พวกนั้นเกือบจะฆ่าเขาก่อนที่เราจะไปถึง โชคดีที่หัวหน้ายามห้ามไว้ได้”

                “คนที่ถูกฆ่าตายเป็นคนงานชาวสเปนที่อยู่ในวัยฉกรรจ์ ตัวใหญ่กว่าผมด้วยซ้ำ เขานอนตายจมกองเลือดโดยมีมีดปักอยู่ที่คอตรงหน้าเต๊นต์พักของตัวเอง พยานที่อ้างว่ารู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าได้ยินเสียงคนทะเลาะกันตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางดี แต่สักพักก็เงียบไปจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะปกติก็มีการทะเลาะกันที่เหมืองเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีใครเห็นตัวฆาตกรเลย แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเป็นฝีมือของเด็กอินเดียนแดงคนนั้นเพราะมีดที่ปักอยู่บนคอของศพเป็นมีดของเจ้าตัว แต่เขาอ้างว่ามีดถูกขโมยไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อเขา ทุกคนเรียกร้องให้อาผมจัดการอะไรสักอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับอินเดียนแดง โทษสำหรับเขาในกรณีฆ่าคนขาวตายมีสถานเดียวคือตายตามไปด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยุดพักหายใจ “แต่ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนฆ่าผู้ชายตัวใหญ่ขนาดนั้นได้ เขาอายุแค่สิบสี่ปี เตี้ยกว่าผมเกือบครึ่ง ผมนึกภาพไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเอามีดแทงคอผู้ชายที่สูงและแข็งแรงกว่าเขาครึ่งหนึ่งได้อย่างไร” ชายหนุ่มยิ้มออกมา “เวลาผมอ่านเชอร์ล็อค โฮล์ม ผมชอบคิดเสมอว่าการสืบคดีต้องเริ่มต้นจากพื้นที่เกิดเหตุ เราต้องคุกเข่ามองหารอยเท้าคนร้าย หรือก้นบุหรี่ที่พวกเขาอาจจะทิ้งเอาไว้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องมันง่ายกว่านั้นมาก คนที่ตายตัวใหญ่กว่าผม เพราะฉะนั้นคนที่ฆ่าเขาโดยแทงเขาด้วยมีดเข้าที่คอ จะต้องตัวใหญ่พอๆ กันหรือสูงกว่า ที่สำคัญแผลที่อยู่บนคอของเขามีหลายแผล ส่วนใหญ่เป็นแผลถากที่เกิดจากคมมีด แผลที่ทำให้ถึงตายคือแผลที่เส้นเลือดใหญ่ อาผมเดาเอาจากประสบการณ์ว่าชายที่ตายคงพยายามดิ้นรนตอนที่ฆาตกรพยายามใช้มีดเชือดคอเขา ถึงได้มีรอยแผลถากมากมายขนาดนี้ นั่นเป็นที่มาของเสียงทะเลาะที่มีคนได้ยินในตอนรุ่งสาง แต่สุดท้ายเขาก็ถูกฆ่า ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นฝีมือของเด็กอินเดียนแดงคนนั้น”

                “ผมกับอาเลยมองหาคนที่ตัวสูงพอๆ กับคนที่ตาย ซึ่งมีอยู่สองคน หนึ่งในนั้นคือคนที่ชี้บอกคนอื่นเรื่องมีด ทั้งคู่ดูหงุดหงิดที่ผมกับเอาไม่ยอมลงโทษเด็กอินเดียนแดงแต่มาหาเรื่องเอากับพวกเขาแทน ผมเลยเอ่ยปากขอเต๊นต์พักของพวกเขา เพราะแน่ใจว่าฆาตกรจะต้องซ่อนเสื้อที่เปื้อนเลือดเอาไว้ในเต๊นต์แน่ หนึ่งในสองคนนั้นเลยออกตัวให้ไปตรวจที่เต๊นต์ของเขาก่อนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”

                “เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมกับอาเข้าไปตรวจในเต๊นต์ของเขา ระหว่างที่เรากำลังมองหาเสื้อเปื้อนเลือดหรืออะไรทำนองนั้น เขาก็กระโจนมาคว้าคอผม ก่อนจะชักมีดที่ซ่อนอยู่มาจ่อคอผมเอาไว้ แล้วตะโกนให้ทุกคนหลีกไป”

                เอิร์ลหนุ่มหน้าแดงก่ำ “บอกตรงๆ นะ ตอนนั้นผมทั้งกลัวทั้งอับอายเลย ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกจับเป็นตัวประกันแบบนั้น ผมหันไปหาอา เห็นเขาเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็...”

                “ปัง!”

                กอร์ดอนสะดุ้งเฮือก เขาถลึงตามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่หัวเราะออกมา ก่อนจะชกฝ่ายนั้นเบาๆ ที่แขน

                “ไม่ตลกนะครับ คุณเกือบโดนยิงเลยนะ” ช่างตัดเสื้อมองเขาเคืองๆ เอิร์ลหนุ่มสั่นศีรษะ

                “ผมไม่ได้เกือบ ผมโดนยิงเลยล่ะ โดนเข้าตรงนี้พอดี” เขายกนิ้วโป้งชี้ไปที่ซอกไหล่ซ้ายของตัวเอง กอร์ดอนเลิกคิ้ว อีกฝ่ายเล่าต่อ “มันเหมือนเวลาถูกทำให้ช้าลง ผมเห็นปืนอยู่ในมือของอา เห็นดวงตาสีเทาของเขาจับจ้องไปที่ด้านหลังผม แล้วก็เห็นอาผมเหนี่ยวไกปืนอีกนัด จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่อากับคนอื่นๆ ช่วยกันหามผมออกมาจากเต๊นต์นั่นแหละ”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง เนิ่นนานถึงเค้นคำพูดออกมาได้ “อะ... อาคุณเป็นคนยิงคุณหรือครับ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาให้เหตุผลว่าถ้าไม่ยิงผมก่อน สถานการณ์มันจะยิ่งควบคุมไม่ได้ ผมอาจจะต้องถูกคนงานคนนั้นลากตัวขึ้นม้าเพื่อเป็นตัวประกันในการหลบหนี ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะยิ่งยากสำหรับเขาในการรับรองความปลอดภัยของผม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยิงผมก่อน โดยเลือกที่ที่ไม่สำคัญที่สุด เพื่อให้คนที่จับผมอยู่ไขว้เขว แล้วก็ใช้จังหวะนั้น รุกฆาตปิดเกม”

                กอร์ดอนพูดอะไรต่อไม่ออก เขานึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับคนตรงหน้าได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “อาผมเป็นทหารเก่า ผมลืมเล่าให้คุณฟัง เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังปกป้องอาณานิคมในอเมริกา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพอเขาลาออกมาแล้วจึงกลับไปทำเหมืองที่นั่น”

                “คุณเล่าให้พ่อคุณฟังหรือยังครับ?” กอร์ดอนถามออกมาในที่สุด ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะ

                “เปล่า เรื่องนี้จะให้พ่อผมรู้ไม่ได้เด็ดขาด” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “ผมไม่อยากให้พ่อกับอาผิดใจกัน”

                “ทำไมล่ะครับ? เขาช่วยชีวิตคุณเอาไว้นะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา แล้วถอนใจ “ผมเป็นลูกชายคนเดียว และผมยังไม่มีลูก ถ้าผมตาย คนที่จะได้รับมรดกต่อมาคืออาของผม...”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง เอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “คุณรู้อะไรมั้ย กระทั่งตอนที่อาเล่าให้ผมฟัง เขายังบอกว่ากลัวตัวเองเลย ตอนนั้นเขานึกอยากจะยิงหัวผมแว้บหนึ่งด้วยเหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนใจ โชคดีที่ปิศาจไปเสียก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไก”

                ช่างตัดเสื้อบีบมือตัวเองแน่น ก่อนจะค่อยๆ คลายออก แล้วขยับไปจับมือข้างหนึ่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ ก่อนจะบีบเบาๆ

                “คุณคงเจ็บมาก”

                “เจ็บสิ” อีกฝ่ายตอบ “โชคยังดีที่กระดูกไม่ถึงกับแตก แค่ร้าวนิดหน่อย แต่ต้องผ่าตัดเอาลูกปืนที่ฝังอยู่ในกล้ามเนื้อออกมา ผมนอนอยู่ที่โรงพยาบาลสักครึ่งเดือนได้ เพราะอากลัวแผลจะติดเชื้อ ผมล่ะคิดว่าตัวเองจะต้องแต่งงานกับพยาบาลคนใดคนหนึ่งในนั้นเสียแล้ว”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ดีจังที่คุณรอดมาได้”

                “ใช่ ไม่งั้นผมคงไม่ได้มาเจอคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแล้วกุมมือเขาเอาไว้ “โชคดีที่ผมไม่เคยปิ๊งนางพยาบาลสักคน”

                กอร์ดอนต่อยแขนเขาอีกทีหนึ่ง “นี่เราพูดกันถึงเรื่องรอยแผลของคุณอยู่นะ”

                ท่านเอิร์ลหัวเราะแล้วก้มลงหอมแก้มช่างตัดเสื้อ จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “กอร์ดอน”

                “ครับ?”

                “ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะ ผมไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น แม้แต่จอร์จหรือแมกซ์”

                “ทำไมล่ะครับ?” อีกฝ่ายถาม “คุณไม่ไว้ใจพวกเขาหรือ?”

                “เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ แล้วถอนใจเฮือก “เพราะผมไม่ต้องการความสงสารน่ะ ไม่ว่าจากเพื่อน หรือจากใครก็ตาม”

                กอร์ดอนช้อนดวงตาสีฟ้าขึ้นมองอีกฝ่ายอยู่เป็นนาน สุดท้ายก็ถามออกมา “แล้วทำไมถึงบอกผมล่ะครับ”

                คนถูกถามคลี่ยิ้ม “เพราะคุณเป็นคนรักของผมไง” เอิร์ลหนุ่มตอบเขา “ถ้าผมไม่เล่าคุณต้องเป็นกังวลและสงสัย ผมไม่อยากให้คุณสงสัยผม คนรักไม่ควรจะสงสัยกัน”

                “จอห์น...”

                อย่างแผ่วเบา ริมฝีปากของลอร์ดโทรว์บริดจ์สัมผัสกับริมฝีปากของช่างตัดเสื้อ ก่อนจะผละออกไป “คุณไม่ต้องกังวลอะไรหรอก แผลนี้ไม่ส่งผลอะไรกับร่างกายผมเลย ผมแค่ไม่อยากให้ใครเห็นมันเท่านั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องใส่เสื้อแขนยาว”

                กอร์ดอนลูบมือลงไปบนซอกไหล่ซ้ายของเขา สัมผัสรอยแผลนั้นผ่านเนื้อผ้า แล้วพยักหน้าช้าๆ

--------------------------------------
(จบตอน)

*** ระหว่างเขียนตอนนี้ เราคิดขึ้นมาว่าน่าจะลองเขียนนิยายสืบสวนง่ายๆ ดูสักเรื่อง ฮ่าๆๆ (มีความมโนสูงมาก) ตอนนี้เป็นตอนที่แก้หนักมาก เราเกือบปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกมาแล้ว ด้วยการเขียนให้จอห์นนี่ถูกไรเฟิลยิงจากระยะไกล แต่มาฉุกคิดได้ว่าถึงไม่ตายก็ต้องพิการแน่นอน เพราะกระสุนไรเฟิลคงไม่แค่ผ่านกระดูกไปเฉยๆ แน่ ดังนั้นเลยมีดราฟไรเฟิลที่ไม่เป็นจริงค้างอยู่ในเครื่อง ฮ่าๆ (บ่นแบบโอตาคุสุดๆ) สุดท้ายหลังจากคิดหัวแทบแตก เรื่องเลยไปออกที่ปืนพกแทน (ติ๊งต่างแบบขี้โม้ว่าจอห์นนี่กระดูกแข็ง + อาใช้กระสุนแบบหัวบาน พอโดนกระดูกเลยแค่ร้าว ไม่ถึงกับแตก<<มโนหนักมาก ฮ่าๆ)

ลองทำตัวอักษรย่อที่ปักอยู่บนผ้าเช็ดหน้าของท่านลอร์ดแต่ละคนออกมาค่ะ ฮ่าๆๆๆ (มีโมเม้นต์อยากดมผ้าเช็ดหน้าท่านลอร์ด ไม่รู้ทำไม :hao6:)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/john_C_zpsojsxxng2.jpg)

อันนี้เป็นอักษรย่อของจอห์นนี่ ที่จริงแล้วมันควรจะขึ้นต้นด้วยตัวJ แต่เรารู้สึกว่าวางCเอาไว้ด้านหน้ามันดูอลังการกว่า... เป็นการออกแบบที่ไม่มีหลักการเลยให้ตายเหอะจอห์น

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/Max_M_zpssd2hpaqz.jpg)

อักษรย่อของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ที่มีชื่อเต็มว่าแมกซิมิลเลี่ยน เมอร์เรย์ (แน่นอนว่าเราไม่พิมพ์ลงไปในนิยายหรอกค่ะ ยาวมากขี้เกียจพิมพ์ ฮ่าๆ) ของแมกกี้จะมีความอลังการน้อยกว่านิดนึง เพราะฮีไม่ได้มีตำแหน่งเป็นกิจลักษณะ (มโนไป) อีกอย่างสองพี่น้องตระกูลเมอร์เรย์นี้ใช้ตัวย่อตัวเดียวกันค่ะ คือ M.M. (ความมหัศจรรย์ของแมกซ์และไมครอฟพี่ชายคงได้เฉลยในบทต่อๆ ไปที่วางแผนจะเขียน)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/Gorge_P_zpsqzn8ooun.jpg)

อักษรย่อของลอร์ดจอร์จ เฟลตันค่ะ ฮ่าๆๆ ถ้ามันจะปักลงบนผ้าเช็ดหน้า คงเป็นผืนที่ดิฉันอยากเอามาดมเป็นที่สุด อยากสูดกลิ่นน้ำตาคุณชายอ่ะ (555+ ดูโรคจิตมาก  :hao6:) อักษรของจอร์จดูเรียบที่สุดค่ะ แต่เป็นเรียบหรูสไตล์จอร์จ (เหรอ???)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2017 18:57:18
ความยากของเส้นทางความรัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-02-2017 20:08:12
ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นแนวสอบสวน
ชอบนะ มีเรื่องให้รู้เพิ่มขึ้นไปอีก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 17-02-2017 20:21:09
นี่สิวิถีของลูกผู้ชาย :m19:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-02-2017 23:37:54
อ่านสนุกทุกบรรทัด

เขาบอกรักกันผ่านเสื้อผ้า.
ก๊าวใจสุด ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 17-02-2017 23:53:01
โง้ยยยย ขอตอนกร๊าวใจอีกกกกก 555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-02-2017 00:09:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-02-2017 09:49:30
มีความตะมุ้งตะมิ้งของคนรักกันเต็มไปหมดเลย ดีอ่ะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Brand_Zess. ที่ 19-02-2017 10:18:12
จริงๆแล้วก็หื่นใช่เล่น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 19-02-2017 12:57:07
อีตาสบู่จอห์นสันจะเป็นคนเอาเรื่องไปบอกพ่อจอห์นหรือปล่าวเนี่ย แค้นมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-02-2017 17:27:16


Dear, My customer.

ตอนที่18 ช่างตัดเสื้อ

                หัวข้อการเสวนาในวันนี้ของสโมสรแบล็กเบิร์ด กลับมาอยู่ที่การต่อยมวยของลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง หลังจากสมาชิกทั้งหมดพูดคุยกันถึงเรื่องที่บาร์บีช็อตกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ลอร์ดครอฟตันเป็นคนแรกที่เปิดประเด็นขึ้นก่อน

                “จอห์นนี่ ตกลงแล้วนายจะขึ้นชกในชื่อไหน ชื่อจริงหรือฉายา แล้วนายจะให้ใครไปดูบ้าง ฉันจะได้บอกเพื่อนๆ”

                “ลอร์ดควีนสเบอรี่อยากให้ฉันใช้ชื่อลิตเติลจอห์น ส่วนพ่อฉันอยากให้ฉันใช้ชื่อจริง แต่เขาก็ชอบชื่อลิตเติลจอห์นเหมือนกัน สรุปคือเราจะใช้ชื่อลิตเติลจอห์นในการทำโปสเตอร์ปิดประกาศ โดยใส่ชื่อจริงของฉันเอาไว้ในวงเล็บด้านล่าง ส่วนใครอยากป่าวประกาศว่าเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์จะขึ้นชกกับแมดเนอร์ก็ทำได้เลยตามสะดวก”

                “ว้าว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “ฉันคิดไม่ถึงว่าพ่อนายจะอยากให้ใช้ชื่อจริงนะเนี่ย”

                “เขาอยากให้ฉันลองหัดรับผิดชอบชื่อเสียงของตัวเองดูบ้าง”

                “จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายแพ้?” นิโคลาสถาม “มันจะทำให้นายดูแย่มากรึเปล่า?”

                “ไม่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ลอร์ดควีนสเบอรี่เองก็ต่อยมวยโดยที่ทุกคนรู้ว่าเขาคือมาร์ควิส และเขาก็เคยแพ้มาหลายครั้งแล้ว”

                “นั่นสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย “แล้วเรื่องพี่เลี้ยงล่ะ? นายยังคิดจะให้จอร์จเป็นอยู่อีกมั้ย?”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ลอร์ดควีนสเบอรี่คิดว่าฉันควรมีเพื่อนสักคนเป็นพี่เลี้ยงอยู่ข้างเวที จะได้อุ่นใจเวลาต่อย ฉันเลยคุยกับเขาเรื่องจอร์จแล้ว”

                “วู้ว ฉันได้เป็นพี่เลี้ยงจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “นายทำเซอร์ไพรส์ฉันนะเนี่ย ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่าได้กินคาร์เวียร์สีทองอีก”

                เขายื่นมือไปกอดคอเพื่อนรัก “งี้ฉันต้องไปดูนายซ้อมทุกวัน จะได้รู้ว่าต้องทำไงเวลาอยู่ข้างเวที”

                “นายจะชวนมาร์กาเร็ตไปดูด้วยก็ได้นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เจมส์พูดต่อทันที

                “ใช่ เรื่องมาร์กาเร็ต นายยังไม่เล่าเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนายถึงได้กลับมาคุยกันได้ล่ะ”

                คนถูกถามทำหน้าเบื่อๆ “ก็มาร์กาเร็ตเป็นคู่หมั้นฉัน ฉันกลับไปคุยกับเธอไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย”

                “โห...” เพื่อนคนอื่นที่ยังไม่รู้เรื่องครางขึ้นพร้อมกัน “เกิดอะไรขึ้นกับนายเนี่ยจอร์จจี้ ก่อนหน้านี้นายยังทำท่าเหมือนหงุดหงิดเวลาใครพูดว่ามาร์กาเร็ตเป็นคู่หมั้นนายอยู่เลย”

                “นั่นสิ นายไม่เคยแยแสเธอด้วยซ้ำ แถมยังเคยบอกว่า ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ”

                “โอ๊ย พอที” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือห้าม “ก่อนหน้านี้ฉันจะพูดถึงมาร์กาเร็ตยังไงก็ช่าง เอาว่าตอนนี้เธอคือคู่หมั้นฉัน และเราก็รักกันเรียบร้อยแล้ว พวกนายไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น ฉันบอกว่าจบก็คือจบ”

                “ว้าว” เจมส์ร้องขึ้นมา “นายรักกับมาร์กาเร็ตแล้วหรือ? ในที่สุดนายก็ยอมรับว่ารักเธอเสียที ฮ่าๆ แสดงว่ามันต้องเกี่ยวกับรอยช้ำที่แก้มนายวันก่อนแน่ๆ”

                “ฉันบอกแล้วว่ามาร์กาเร็ตเหมาะสมกับนายที่สุด” ลอร์ดครอฟตันว่า

                “แล้วนายทำยังไงกับแมรี่และไอรีนล่ะ?” เจฟฟรีถามด้วยความสงสัย “แล้วผู้หญิงอีกเป็นครึ่งโหลของนายที่เหลือนายจะเอาไปไว้ไหน”

                “ถ้ามาร์กาเร็ตรู้เรื่องพวกเธอมันต้องจบไม่สวยแน่นอน” เจมส์ว่า อีธานพูดขึ้นต่อ

                “กฎหมายอนุญาตให้แต่งภรรยาได้แค่คนเดียวนะจอร์จจี้”

                “โอ๊ย! ฉันรู้แล้วล่ะน่า พวกนายหยุดพูดที!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโวยวายขึ้นมา “ฉันจัดการเรื่องแมรี่กับไอรีนไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้หญิงที่เหลือ... ถ้าพวกนายไม่พูด... มาร์กาเร็ตก็ไม่รู้”

                “อื้อหือ... หมายความว่าชีวิตรักของนายอยู่ในความรับผิดชอบของพวกเรางั้นสิ” โรเบิร์ตว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “จอห์นนี่ ช่วยฉันหน่อยซี่ บอกพวกนี้ทีว่าให้หยุดพูดเรื่องนี้ที แค่ฉันกลับไปรักกับมาร์กาเร็ตทำไมถึงต้องทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ด้วย”

                “ก็มันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ นี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แทรกขึ้นมา “และมันจะใหญ่มากกว่านั้นถ้านายยังไม่จัดการผู้หญิงอีกครึ่งโหลที่เหลือ”

                “อ่อค... แมกซ์ นายรู้ได้ยังไงว่าฉันยังมีผู้หญิงอีกเป็นครึ่งโหล ขนาดตัวฉันเองยังไม่เคยนับเลย”

                เพื่อนๆ ต่างพากันส่ายหน้าด้วยความระอาใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจออกมา “เอาล่ะจอร์จ ฉันเห็นด้วยว่านายควรจัดการเรื่องผู้หญิงที่เหลือให้เรียบร้อย อย่างน้อยๆ นายก็ควรจะนับว่ามีอยู่กี่คน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำคอตก เพื่อนตัวใหญ่ของเขาพูดต่อ “ส่วนเรื่องมาร์กาเร็ต นายกับเธอเป็นคู่หมั้นกัน ดังนั้นในเมื่อพวกนายตกลงใจรักกันแล้ว ทุกคนก็ควรจะต้องแสดงความยินดีด้วย ใช่ไหมล่ะ?”

                “ก็จริงของนาย จอห์นนี่” อีธานว่า ลอร์ดครอฟตันพยักหน้าเห็นด้วย เจมส์เลยต้องพยักหน้าตาม

                “ก็ได้... เห็นแก่จอห์นนี่ ฉันจะไม่ถามว่าเพราะอะไรพวกนายสองคนถึงกลับไปรักกัน”

                “ยินดีด้วยจอร์จจี้”

                “ขอให้นายโชคดีกับมาร์กาเร็ตนะ”

                “พวกเราทุกคนจะคิดถึงนาย”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นมา “ทำไมพวกนายพูดอย่างกับฉันจะไปไหน ไม่ ฉันยังไม่ได้สวมแหวนหมั้น แล้วก็ยังไม่ได้กำลังจะแต่งงานด้วย ฉันแค่กลับไปรักกับมาร์กาเร็ตเฉยๆ พวกนายเข้าใจไหม”

                ทั้งหมดพากันหัวเราะอีก กอร์ดอนที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ได้แต่ยิ้ม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ

                “เอาล่ะ ช่างเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของจอร์จจี้ไว้ก่อน ตกลงว่าจอห์นนี่จะขึ้นชกวันที่สิบห้าเดือนหน้า ก็เหลือเวลาอีกประมาณสามสัปดาห์ ว่าแต่จะชกที่ไหน นายรู้แล้วหรือยัง?”

                คนถูกถามพยักหน้า “สนามมวยที่เพิ่งสร้างใหม่ของลอร์ดควีนสเบอรี่ที่แลมเบธ เดี๋ยวก่อนขึ้นชกประมาณหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะเอาบัตรเชิญมาแจกพวกนาย”

                “เยี่ยมเลย แล้วตอนนี้การซ้อมของนายเป็นไงบ้าง” เจฟฟรี่ถามขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา “ก็ดี แต่ฉันยังต้องฝึกเรื่องฟุตเวิร์คอีก”

                “แมดเนอร์ตัวใหญ่กว่านาย” ลอร์ดครอฟตันว่า “วันก่อนฉันเพิ่งไปดูเขาชก นายต้องซ้อมให้มากๆ จอห์นนี่ ครั้งนี้ฉันลงเดิมพันข้างนายเต็มที่เลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “เผื่อใจไว้บ้างเอ็ดดี้ ฉันไม่ใช่นักมวยอาชีพ”

                “ไม่เป็นไร ยังไงนายก็เป็นเพื่อนฉัน” อีกฝ่ายตอบ ก่อนจะยกมือตบไหล่เพื่อน “แต่ฉันอยากให้นายชนะ พวกเราทุกคนคงมีความสุขมาก”

                “จริงสิ” กอร์ดอนพูดขึ้นมา “คุณต้องหาโอกาสไปดูการชกของแมดเนอร์บ้างนะจอห์น จะได้รู้ว่าสไตล์การชกเขาเป็นยังไง”

                “ผมกำลังคิดอยู่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันจะไม่ดูน่าเกลียดใช่มั้ย? หมายถึงผมไม่ได้เอาเปรียบเขานะ?”

                “มันก็เหมือนเวลาเราไปดูทีมรักบี้ทีมอื่นซ้อมนั่นแหละ” ลอร์ดครอฟตันว่า “เรื่องชื่อชั้นและประสบการณ์นายเป็นรองเขาเยอะมากนะ นายควรจะหาเวลาไปดูเขาขึ้นชก เขาจะชกอีกปลายเดือนนี้ นายควรจะไปกับจอร์จ จะได้ช่วยกันดู”

                “นายไม่ไปดูด้วยกันล่ะเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชวน “นายเองก็ว่างนี่นา”

                “ก็ได้” ลอร์ดครอฟตันตอบตกลง “แต่ระวังฉันจะแย่งตำแหน่งพี่เลี้ยงจอห์นนี่จากนายนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “ฉันกลัวแต่พวกนายจะพากันไปเล่นพนันแทนน่ะซี่”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะออกมา จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนไปคุยถึงเรื่องแทงม้า เรื่องกฎหมายที่เพิ่งออกใหม่ ข่าววางระเบิดที่ฝรั่งเศส ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเสนอให้เล่นไพ่บริดจ์ ทั้งหมดจึงเล่นไพ่ไปจิบวิสกี้ไป จนถึงเวลาสี่ทุ่มจึงแยกย้ายกันกลับ

                “กอร์ดอน คุณยิ้มอะไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขณะที่ทั้งคู่นั่งกันอยู่บนรถม้า ช่างตัดเสื้อตอบเขาอย่างอารมณ์ดี

                “ผมกำลังคิดว่า ในที่สุดก็มีวันที่สโมสรของคุณเหมือนสโมสรของท่านสุภาพบุรุษเสียที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แยกเขี้ยวใส่เขา “แสดงว่าก่อนหน้านี้สโมสรของผมไม่เหมือนสโมสรสุภาพบุรุษสินะ?”

                คนถูกถามหัวเราะ “สโมสรคุณก็เหมือนคุณนั่นแหละครับ แต่ผมชอบนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับไปนั่งข้างฝ่ายนั้น แล้วโอบตัวเขาไว้ “ดีนะที่คุณชอบ ถ้าคุณกล้าบอกว่าไม่ชอบผมคงต้องทำโทษคุณแน่”

                “คุณจะทำโทษอะไรผม”

                เอิร์ลหนุ่มยิ้มที่มุมปาก แล้วยกนิ้วโป้งขึ้นขยี้ริมฝีปากของอีกฝ่าย “จะทำโทษให้คุณจูบผมสักสิบครั้ง”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “แต่เพราะคุณบอกว่าชอบ ผมเลยใจอ่อน เปลี่ยนเป็นผมจูบคุณสิบครั้งแทนแล้วกัน”

                “อ๊ะ!” ยังไม่ทันที่ช่างตัดเสื้อจะพูดอะไรตอบ ริมฝีปากของเอิร์ลหนุ่มก็แนบลงมา หลังจากเคล้าปลายลิ้นเบาๆ อยู่พัก เขาก็ถอนริมฝีปากออก

                “ครั้งที่หนึ่ง” ท่านเอิร์ลพูดพลางยิ้ม ขณะที่กอร์ดอนเบิ่งตากว้าง

                “คุณจะจูบผมสิบครั้งจริงรึ...”

                ริมฝีปากของเขาถูกอีกฝ่ายปิดด้วยริมฝีปากอีกครั้ง

---------------------------------------

                วันรุ่งขึ้น กอร์ดอนตื่นแต่เช้า เขาทักทายมิสซิสมาร์ธาที่มาจัดการงานบ้านให้อย่างอารมณ์ดี และชวนเดวิดกินมื้อเช้าด้วยกัน

                “ช่วงนี้คุณดูอารมณ์ดีจังเลย คุณโอเดนเบิร์ก” เดวิดพูดพลางหยิบขนมปังขึ้นมากัด ก่อนจะพูดต่อ “ตั้งแต่คุณไปบาร์บีช็อตกับลอร์ดโทรว์บริดจ์วันนั้น”

                กอร์ดอนเกือบสำลักนมที่เพิ่งดื่มเข้าไป “อะไรนะ?”

                “ผมว่าคุณดูอารมณ์ดีตั้งแต่ไปที่บาร์บีช็อตกับท่านลอร์ดวันนั้นครับ” เดวิดว่า แล้วหัวเราะ “ให้ผมเดานะ ท่านลอร์ดช่วยคุณจีบสาวใช่มั้ยล่ะ? ท่าทางคุณเหมือนคนกำลังมีความรัก ดูมีความสุขมาก”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขาดุเด็กรับใช้ “เงียบเลยเดวิด นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันนะ”

                เด็กรับใช้รีบพยักหน้า “ขอโทษครับ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะ ทั้งๆ ที่ปกติถ้างานเยอะแบบนี้ คุณจะเอาแต่ทำหน้าเครียด ก้มหน้าก้มตาถือกรรไกรตัดผ้าทั้งวัน ผมว่าถ้าคุณแต่งงานน่าจะดีนะ จะได้มีคุณนายคอยยกน้ำชามาให้ตอนบ่าย คอยนวดไหล่คุณเวลาคุณเหนื่อย แค่คิดผมก็เขินแทนล่ะ คุณแต่งเมื่อไหร่ช่วยเชิญผมด้วยนะ”

                กอร์ดอนนั่งอึ้งอยู่พัก สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วยิ้ม “เธอนี่ช่างจินตนาการจริงๆ เอาเถอะ ฉันสัญญาแล้วกัน ว่าถ้าแต่งงานเมื่อไหร่จะเชิญเธอด้วย”

                “แฟนคุณสวยรึเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างอยากรู้อยากเห็น กอร์ดอนส่ายหน้า “ไม่เลย ไม่สวย”

                “อ้าว”

                ช่างตัดเสื้อยิ้ม “อย่าถามถึงแฟนฉันเลยเดวิด วันนี้ช่วยฉันภาวนาเถอะว่าอย่าให้มีงานใหม่เข้ามา เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่าใกล้จะง้างกรรไกรไม่ไหวแล้ว”

                เด็กหนุ่มหัวเราะ “คุณเขินนี่ คุณโอเดนเบิร์ก”

                “อืม ฉันเขิน”

                เดวิดพลอยหน้าแดงไปด้วย เขารีบพูดต่อ “จะให้ผมแขวนป้ายปิดร้านให้มั้ยครับ? เผื่อมีลูกค้าใหม่มาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาต้อนรับ”

                “ไม่เป็นไร ฉันแค่รับงานเร่งไม่ได้ช่วงนี้ แต่ถ้าเขารอได้ก็ให้เขารอ”

                “ตกลงครับ”

                โชคดีที่วันนั้นตลอดทั้งวัน ไม่มีลูกค้าใหม่เข้ามา ไม่มีรถม้าคันใหญ่เข้ามาเทียบจอด ไม่มีลูกค้าผู้ทรงเกียรติหรือเด็กส่งสารแวะเวียนมาเลย กอร์ดอนจึงมีเวลาพักดื่มชาพร้อมกับช่างอีกสองคนของเขา ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเย็บชุดหรูให้ลูกค้าสูงศักดิ์ตามคิวที่วางเอาไว้ เสียงเหยียบจักรดังสลับกับเสียงกรรไกรตัดผ้าเป็นจังหวะ ผสมกับกลิ่นเตารีด พวกเขาทำงานกันจนถึงเวลาสี่โมงซึ่งเป็นเวลาปิดร้าน

                เดวิดเดินไปหยิบไม้กวาดกับที่โกยผงมากวาดเศษผ้าและเศษด้ายที่หล่นเกลื่อนอยู่บนพื้น ชุดสวยเย็บเสร็จแล้วสองตัว ขึ้นหุ่นลองพร้อมจะพับส่งให้ลูกค้าในวันรุ่งขึ้น อีกสองตัวเย็บไปแล้วบางส่วน อยู่บนหุ่นลองเช่นกัน เด็กหนุ่มยกมือขึ้นจับเสื้อที่เย็บค้างอยู่ จังหวะเดียวกับที่กอร์ดอนเดินเข้ามาพอดี

                “อ้าว กวาดแล้วหรือ?” ช่างตัดเสื้อเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เดวิดสะดุ้ง รีบหดมือกลับทันที

                “กำลังจะกวาดครับ? คุณจะเย็บเสื้อต่อหรือ?”

                “อือ” กอร์ดอนพยักหน้า ในมือของเขามีผ้าฝ้ายสีขาวสองชิ้นและผ้าแถบอีกจำนวนหนึ่ง เดวิดมองแล้วถามด้วยความสงสัย “งานใหม่หรือครับ?”

                “อ๋อ เปล่า ชุดต้นแบบน่ะ” เขาพูดแล้วนั่งลงหน้าจักรตัวหนึ่ง ก่อนจะดึงด้ายที่ใส่ไว้ออก แล้วใส่ด้ายหลอดใหม่ที่หยิบติดมือมาแทนที่ เดวิดมองเขาแล้วถามอีก

                “คุณจะเย็บชุดอะไรครับ ไม่เหมือนสูทเลย เสื้อเชิ้ตก็ไม่น่าใช่ เสื้อกั๊กหรือครับ?”

                “เสื้อกล้ามน่ะ” กอร์ดอนตอบ อีกฝ่ายทวนคำด้วยความแปลกใจ

                “เสื้อกล้าม คุณจะตัดเสื้อกล้ามขายหรือครับ? แค่นี้คุณยังงานเยอะไม่พออีกหรือ?”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ เขาเงยหน้าขึ้นมาจากจักรเย็บผ้า “เป็นห่วงหรือประชดฉันเนี่ย ฉันแค่ลองตัดชุดต้นแบบ ไม่ได้จะตัดขาย ฉันไม่ตัดเสื้อกล้ามขายหรอก”

                “แล้วคุณจะตัดไปทำไมครับ?”

                กอร์ดอนเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่ “ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะขึ้นชกมวย”

                “ว้าว!” เดวิดร้องด้วยความตื่นเต้น “ท่านเอิร์ลจะชกมวยหรือครับ? ที่ไหนเมื่อไหร่ครับ?”

                “ยังไม่มีกำหนดแน่นอนหรอก แต่น่าจะประมาณเดือนหน้า” กอร์ดอนตอบและพูดต่อ “ในฐานะเพื่อน ฉันคิดว่าจะเย็บเสื้อกล้ามสำหรับใส่ซ้อมและใส่ขึ้นเวทีให้เขา”

                “อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว” เดวิดพยักหน้า “ให้ผมช่วยอะไรมั้ยครับ?”

                “ตัวนี้ไม่มีรังกระดุม ไม่ต้องหรอก เธอกวาดพื้นไปเถอะ” ช่างตัดเสื้อว่า เด็กหนุ่มทำหน้าผิดหวัง

                “ว้า... ผมถักรังกระดุมมาเป็นพันๆ รังแล้วนะครับ เมื่อไหร่คุณจะสอนผมตัดเสื้อบ้าง?”

                “อ้าว ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีกหรือ?” กอร์ดอนถามเขายิ้มๆ เดวิดทำหน้าม่อย

                “ผมตั้งใจจริงๆ นะ คุณหลอกให้ผมถักรังกระดุมมาตั้งสามปีแล้วนะครับ”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ เด็กหนุ่มครางฮือ “ผมอุตส่าห์กลับบ้านแค่สัปดาห์ละครั้งเพราะรอเวลาที่คุณจะว่างสอนผมอยู่นะเนี่ย”

                “โทษทีนะ” กอร์ดอนว่า “เรียนตัดเสื้อมันต้องใช้เวลา แล้วงานฉันมันก็เยอะมาก”

                “ผมเห็นล่ะครับ แต่แหม... คุณจะเจียดเวลาสอนผมหน่อยไม่ได้หรือ ผมแอบอิจฉาท่านลอร์ดเหมือนกันนะครับเนี่ย คุณมีเวลาให้เขา แต่ไม่มีเวลาให้ผม”

                กอร์ดอนรู้สึกเหมือนเคยได้ยินคำพูดคล้ายๆ ทำนองนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง เขาถอนใจ แล้วมองเดวิดอย่างเอ็นดู

                “งั้นเธอต้องมาหัดเย็บจักรดูก่อน ไม่งั้นต่อให้เรียนเขียนแบบไป เธอก็ทำให้มันออกมาเป็นตัวไม่ได้อยู่ดี”

                เดวิดตาเป็นประกาย “ได้เลยครับ” เขารีบวางไม้กวาดแล้วเดินไปนั่งที่จักรอีกตัว “ผมพร้อมแล้วคุณโอเดนเบิร์ก”

                กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยืนด้านหลัง

                “ไหนลองใส่ด้ายให้ฉันดูหน่อย” พูดจบเขาก็ดึงด้ายที่คล้องอยู่กับจักรออก เด็กหนุ่มร้องออกมา

                “เดี๋ยวสิครับ คุณเล่นดึงออกทีเดียวแบบนี้ ผมจะจำได้ยังไง”

                “งั้นดูไว้นะ ฉันจะใส่ให้ดู” เขาค่อยๆ ร้อยด้ายผ่านส่วนต่างๆ ของจักร

                “ตรงนี้คือตัวปรับด้าย เธอต้องแน่ใจว่าใส่ด้ายลงไประหว่างจานปรับด้ายแล้ว และตรงนี้ห้ามลืมเกี่ยวเด็ดขาด”

                “ครับ”

                “เวลาใส่เข็ม ถ้าปลายด้ายมันฟูมาก เธอก็เอากรรไกรมาตัดปลายมันออกหน่อยนึง แบบนี้... ตัดให้เฉียงจะได้ใส่ง่ายขึ้น”

                “ครับ”

                เขาร้อยด้ายเสร็จก็ดึงออกอีกครั้ง “เอาล่ะ ใส่ด้ายให้ฉันดูซิ”

                เด็กหนุ่มรีบทำตามทันที

                “ผิด...”

                “งั้นตรงนี้”

                “ก็ผิดอีกนั่นแหละ”

                “งั้นแบบนี้”

                กอร์ดอนถอนหายใจ แล้วใส่ด้ายให้เขาดูใหม่อีกรอบ

                “ดูตัวอย่างจากจักรตัวนั้นแล้วกันนะ” เขาชี้มือไปยังจักรที่วางอยู่ติดกัน “วันนี้เธอหัดใส่ด้ายไปก่อน หัดจนกว่าจะใส่เป็น ถ้าเธอใส่เป็นแบบไม่ต้องดูตัวอย่างเมื่อไหร่ ฉันจะให้เธอลองเย็บเศษผ้าดู”

                “ตกลงครับ”

                ช่างตัดเสื้อกลับไปเย็บเสื้อที่ค้างอยู่ สักพัก เดวิดก็เรียกเขา “ขอโทษที่รบกวนนะครับคุณโอเดนเบิร์ก แต่ผมว่าผมใส่ได้แล้ว”

                กอร์ดอนลุกจากจักรอีกครั้ง เดวิดรีบดึงด้ายออก แล้วใส่ให้เขาดู

                “อืม เหมือนจะได้แล้วนะ” ช่างตัดเสื้อพยักหน้า เดวิดยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

                “งั้นผมเริ่มเย็บได้แล้วใช่มั้ย?”

                กอร์ดอนยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนหรอกเดวิด ฉันอยากให้เธอไปซื้อรูทเบียร์มาให้ฉันหน่อย”

                “ได้ครับ” อีกฝ่ายพยักหน้า “ร้านตาลุงปีเตอร์ใช่มั้ย?”

                “ใช่ นั่นแหละ ซื้อเขามาเหยือกนึงเลย เอาเหยือกแก้วในครัวไปใส่นะ” พูดจบเขาก็หยิบเงินยัดใส่มือเด็กหนุ่ม เจ้าตัวรีบไปหยิบเหยือกแก้วในครัว แล้วออกไปตามคำสั่งทันที

                กอร์ดอนถอนหายใจเฮือก เขาใช้มือดึงด้ายออกจากจักรตัวที่เหลือ แล้วกลับมาเย็บเสื้อที่เย็บค้างอยู่ต่อ

                เวลาผ่านไปราวสิบห้านาที เดวิดกลับมาที่ร้านพร้อมรูทเบียร์ เจ้าตัวรินใส่แก้วมาส่งเขาถึงที่ กอร์ดอนจิบรูทเบียร์แล้วชี้มือไปที่จักรฝั่งตรงข้าม

                “ใส่ด้ายดูอีกทีสิ”

                เด็กหนุ่มรีบกระวีกระวาดไปนั่งที่จักรทันที เวลาผ่านไปสองสามอึดใจ

                “.....”

                “.....”

                “คุณโอเดนเบิร์ก... ผมจำไม่ได้แล้ว”

                กอร์ดอนถอนใจ ยิ้มเพลียๆ แล้ววางมือจากงานอีกครั้ง เขาเดินมา ใส่ด้ายให้เด็กหนุ่มดูเป็นรอบที่สาม แล้วสั่ง “เธอหัดใส่ด้ายไปแบบนี้เรื่อยๆ พอเลิกร้านแล้วก็มาหัดใส่อย่างนี้แหละ วันจันทร์ถ้าเธอยังใส่เป็นอยู่ เราจะมาเรียนขั้นต่อไปกัน”

                “ตกลงครับ” เด็กหนุ่มรับปาก ก่อนจะพูดต่อ “แต่ โห... ผมไม่คิดว่าแค่ใส่ด้ายยังต้องหัดกันเป็นวันๆ”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะในคอ “ถ้าท้อยังถอยทันนะ ร้านฉันยังต้องการเด็กฝึกงานที่มีหน้าที่กวาดเศษผ้าและถักรังกระดุมอยู่”

                “อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ” เดวิดคราง “รับรองว่าวันจันทร์คุณจะได้สอนผมต่อแน่นอน”

                “ขอให้เป็นแบบนั้นแล้วกัน” กอร์ดอนว่า “ฉันจะเย็บเสื้อต่อ หวังว่าเธอจะไม่สงสัยอะไรอีกนะ”

                “ครับ...”

                “รูทเบียร์แบ่งมาดื่มได้นะ”

                “ขอบคุณครับ”

                เดวิดรีบไปรินรูทเบียร์ใส่แก้วใบเล็กมานั่งดื่ม ก่อนจะกลับมาหัดร้อยด้ายอีกครั้ง กอร์ดอนนั่งเย็บเสื้อต่ออย่างเงียบๆ เสียงเหยียบจักรดังสลับกับเสียงกรรไกร แทรกด้วยเสียงกระดิกของเข็มนาฬิกา และเสียงตะโกนโหวกเหวกของบ้านที่อยู่ติดกัน

                กระทั่งเวลาหกโมงเย็นเศษๆ กอร์ดอนก็เงยหน้าขึ้นจากจักรเย็บผ้า เขาหยิบเสื้อที่เย็บเสร็จแล้วมาสะบัด เดวิดที่ยังคงคร่ำเคร่งอยู่กับการใส่ด้ายจักรเงยหน้าขึ้นทักเขา

                “เย็บเสร็จแล้วหรือครับ?”

                “อื้อ” อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวเธอกวาดพื้นเสร็จแล้วออกไปหาฉันที่หน้าร้านหน่อย ฉันจะฝากเธอออกไปส่งของ”

                “ได้ครับ”

                กอร์ดอนเปิดประตูแล้วเดินกลับไปที่หน้าร้าน เขาเดินไปหลังเคาน์เตอร์ หยิบถุงกระดาษขึ้นมา พับเสื้อใส่ลงไป แล้วหยิบกระดาษโน้ตกับปากกามาเขียนข้อความ ก่อนจะโบกจนแห้ง แล้วพัดใส่ลงไปในถุง

                “เอานี่ไปส่งที่คฤหาสน์เดลนะ บอกว่าฝากถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์ จากร้านกอร์ดอน”

                “ครับ” เดวิดรับถุงพร้อมกับเงินค่ารถม้าแล้วรีบออกไปจากร้านทันที

------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-02-2017 17:28:17
                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงมื้อค่ำที่คฤหาสน์ของบารอนแห่งโซวูด ซึ่งสำหรับเขามันคืองานดูตัวดีๆ นี่เอง ลอร์ดโซวูดพยายามโฆษณาสรรพคุณของลูกสาวทั้งสามคนให้เขาฟัง แต่ลำพังแค่สีผมและสีตาก็ไม่ถูกใจท่านเอิร์ลสักคนแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องปั้นหน้ายิ้มและฟังเรื่องพวกนั้นตลอดทั้งงานเลี้ยง เขาคิดถึงบาร์และเหล้ารัมของแจ็คสันขึ้นมาจับใจ ไม่นับรวมถึงช่างตัดเสื้อที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดทุกลมหายใจด้วย ดังนั้นเจ้าตัวจึงดีใจมาก เมื่อคนรับใช้เอาถุงกระดาษมาให้และบอกว่ามันถูกฝากมาจากร้านกอร์ดอนเทเลอร์

                เอิร์ลหนุ่มรีบขึ้นห้องไปพร้อมกับถุงใบนั้นทันที เขาหยิบเสื้อที่อยู่ด้านในออกมา และเปิดอ่านโน้ตด้วยความตื่นเต้น

                ตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในกระดาษโน้ตอ่อนช้อยสวยงาม ไม่เหมือนคนที่ไม่เคยเข้าโรงเรียนเลยสักนิด มีข้อความว่า

                ‘ถึง, ลูกค้าที่รัก

                ผมหวังว่าเสื้อตัวนี้จะแก้ไขอุปสรรค์และข้อจำกัดของคุณได้

                ปล. มันเป็นแค่เสื้อต้นแบบ ผมอาจจะต้องปรับปรุงแก้ไขหลังจากที่คุณลองสวมมันแล้ว

                                                                                                                                                ก.อ.’

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบคลี่เสื้อตัวนั้นออกมา และพบว่ามันเป็นเสื้อกล้ามที่มีคอค่อนข้างแคบและตื้น และมีช่วงไหล่ที่กว้างกว่าเสื้อกล้ามทั่วไป เอิร์ลหนุ่มลองสวมทันที เขาเดินไปยืนที่หน้ากระจก บิดตัวไปมา และลองโยกตัวพร้อมกับปล่อยหมัดสลับกันเหมือนตอนขึ้นซ้อมมวย

                “โอ้ พระเจ้า... คุณเป็นช่างตัดเสื้อที่วิเศษมาก กอร์ดอน”

-------------------------------------

                เย็นวันศุกร์ ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปถึงร้านกอร์ดอนเทเลอร์ ช่างตัดเสื้อหนุ่มยังคงสวมเสื้อที่เต็มไปด้วยเศษด้าย เจ้าตัวถึงกับหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเพราะคิดว่าจำเวลาผิด

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด คุณมาเร็วมาก นี่เพิ่งสี่โมงกว่าเท่านั้นเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้ฝ่ายนั้น “สายัณห์สวัสดิ์กอร์ดอน ไม่มีคนอื่นคุณไม่ต้องเรียกผมว่าท่านลอร์ดก็ได้”

                “อ้อ ครับ...” ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อ พอดีเพิ่งปิดร้าน”

                “ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องรีบ” อีกฝ่ายพูด “ที่ผมมาเร็วเพราะเรื่องเสื้อที่คุณส่งไปเมื่อวานนี้”

                “เป็นไงบ้างครับ” ช่างตัดเสื้อถามทันที “คุณลองสวมแล้วใช่มั้ย?”

                คนถูกถามพยักหน้า “มันพอดีกับตัวผมเลย คุณเป็นช่างที่วิเศษมาก กอร์ดอน ผมชมจากใจจริงเลยว่าเสื้อของคุณมันวิเศษมาก”

                “ว้าว” กอร์ดอนคราง “พอดีเลยหรือครับ? ไม่มีจุดไหนที่จะต้องแก้เลย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่เลย พอดีมากๆ พอดีจนเหมือนคุณตัดโดยมีผมอยู่ลองด้วย”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดงด้วยความประหม่า “ดีครับ ผมยินดีมากที่มันช่วยแก้ปัญหาของคุณได้”

                “ผมอยากได้อีกสักสองตัว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “กางเกงขาสั้นผมหาเองได้ คุณตัดแค่เสื้อให้ผมก็พอ”

                “ตกลงครับ ผมคิดว่าไม่เกินวันจันทร์” กอร์ดอนตอบ “ผมจะให้คนไปส่งให้ที่คฤหาสน์คุณ จะได้ไม่รบกวนเวลา”

                “ได้ ขอบใจมาก” ท่านเอิร์ลพยักหน้า เขาอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เผอิญนึกขึ้นได้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย เลยเปลี่ยนใจ

                “คุณไปจัดการธุระให้เสร็จเถอะ ผมไม่รีบ เรายังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงห้าโมงเย็น”

                “ตกลงครับ คุณอยากดื่มอะไรระหว่างรอมั้ย?”

                “ไม่เป็นไร ถ้าใช้เวลานานคุณเอาหนังสือมาให้ผมอ่านรอก็ได้”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะหันไปสั่งเดวิดให้ขึ้นไปหยิบหนังสือลงมาให้ ก่อนจะขอตัวไปเก็บงานต่อที่หลังร้าน ไม่นานเดวิดก็วิ่งลงมาจากชั้นบนพร้อมหนังสือสองสามเล่ม และวางมันลงบนโต๊ะด้วยท่าทางนอบน้อม ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

                “เดวิด”

                “ครับ?” เด็กหนุ่มสะดุ้ง ด้วยไม่คิดว่าจะถูกเรียก เขาเงยขึ้นมองผู้ชายที่นั่งอยู่

                “เธอทำงานที่นี่มานานแล้วหรือยัง?”

                “สามปีได้แล้วครับ”

                “อืม... ปกติแล้วกอร์ดอนทำงานดึกมากมั้ย ฉันหมายถึง หลังปิดร้านแล้วเขายังนั่งเย็บผ้าต่อรึเปล่า?”

                “มีบ้างครับ” เดวิดตอบ “ถ้ามีงานเร่งเข้ามาบางทีก็เย็บจนถึงสี่ห้าทุ่ม แต่ถ้าเร่งมากๆ จริงๆ บางทีเขาก็ไม่นอนเลยครับ”

                “ขนาดนั้นเลยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องด้วยความแปลกใจระคนเป็นห่วง “แค่ตัดเสื้อทำไมถึงต้องรีบขนาดนั้น”

                เดวิดทำหน้าจริงจัง “รีบนะครับท่านลอร์ด บางคนมาสั่งตอนเย็น จะใช้ตอนเช้า คุณโอเดนเบิร์กก็ต้องทำให้ บางคนมาสั่งตอนเช้า จะใช้ตอนเย็น ถ้าเขาปฏิเสธไม่ได้ก็ต้องรีบทำให้เหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง เมื่อนึกได้ว่าเขาเองก็เคยมาเร่งให้ฝ่ายนั้นทำเสื้อให้ตั้งแต่เช้าเหมือนกัน เดวิดเหมือนรู้สึกตัวว่าพูดไม่ถูกกาลเทศะ เลยรีบพูดขึ้นต่อ

                “ผมขออภัยถ้าเสียมารยาทนะครับ แต่ลูกค้าของคุณโอเดนเบิร์กมีเยอะมาก งานเร่งๆ ที่เข้ามาก็มีบ่อยครับ ผมเข้าใจว่าเสื้อผ้าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับลูกค้าสุภาพบุรุษอย่างคุณ”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ “แล้วเขาพักผ่อนบ้างมั้ย? หมายถึงเขามีวันหยุดพักผ่อนนอกจากวันอาทิตย์บ้างหรือเปล่า วันหยุดประจำปีที่ไม่ใช่คริสต์มาสน่ะ”

                “คุณโอเดนเบิร์กไม่หยุดหรอกครับ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าวันอาทิตย์เขาก็น่าจะทำงานบ้างเหมือนกัน”

                พอนึกภาพว่าแม้กระทั่งวันอาทิตย์ อีกฝ่ายยังต้องมานั่งเย็บผ้าอยู่หน้าจักร ในขณะที่คนอื่นๆ พักผ่อนอย่างสบายอารมณ์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รู้สึกสงสารกอร์ดอนขึ้นมาจับใจ

                “วันนี้ท่านลอร์ดแต่งตัวมาเต็มยศเลยนะครับ จะไปธุระต่อหรือครับ?” เดวิดตั้งข้อสังเกต เขาเห็นเอิร์ลหนุ่มแต่งตัวด้วยชุดทักซิโดส์ สวมหมวกทรงสูง หวีผมใส่น้ำมันอย่างดีผิดกับทุกวันที่ผ่านมา แถมยังถือไม้เท้าเข้ามาด้วย ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังจะอ้าปากตอบเขา แต่มีเสียงตะโกนขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

                “เดวิด!”

                เสียงของกอร์ดอนที่ตะโกนมาจากด้านหลังร้านทำให้บทสนทนาของคนทั้งคู่หยุดอยู่แค่นั้น เดวิดรีบขอตัว แล้วเดินออกไปทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ

                อีกประมาณสิบห้านาทีต่อมา กอร์ดอนก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและหวีผมใส่น้ำมันเรียบร้อย เจ้าตัวสวมสูทตัวเดียวกับที่ใส่ไปหาเขาครั้งแรกที่คฤหาสน์ ก่อนจะถูกลากไปสโมสร สวมเสื้อโค้ทที่เก่าแต่ดูดีกว่าตัวที่ใส่ไปที่ท่าเรือ และสวมหมวกเดอร์บี้สีน้ำตาลเข้ม ตัดกับผมสีทองที่โผล่พ้นออกมา

                “ขอโทษนะครับ ผมไม่มีชุดทักซิโดส์” กอร์ดอนหน้าแดง “ไม่รู้ว่าแต่งตัวแบบนี้จะเข้าไปได้ไหม”

                “ได้สิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมเกลียดเสื้อหางยาวจะตาย เป็นไปได้ก็ไม่อยากจะใส่มาเหมือนกัน”

                กอร์ดอนกวาดตามองเอิร์ลหนุ่ม แล้วพูดต่อ “แต่คุณใส่ชุดทักซิโดส์ขึ้นนะครับ ผมว่าดูดีมาก”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ถ้าคุณแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปกันเถอะ”

-----------------------------------

                ภัตตาคารที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน จองไว้เป็นภัตตาคารเดียวกันกับที่เจ้าตัวถูกสาดไวน์เมื่อวันก่อน ผู้จัดการรีบออกมาต้อนรับท่านเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์และพาเจ้าตัวกับคนที่มาด้วยไปส่งที่โต๊ะด้วยตัวเอง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นหน้าเพื่อน ลอร์ดหนุ่มก็เอ่ยปากทักขึ้นทันที

                “ว้าว จอห์นนี่ วันนี้นายพกกระทั่งไม้เท้า เหลือเชื่อเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งไม้เท้าให้บริกรนำไปเก็บไว้ชั่วคราว “สายัณห์สวัสดิ์จอร์จ สายัณห์สวัสดิ์มาร์กี้”

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตทักทายตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปแนะนำกอร์ดอนที่ยืนอยู่ข้างเขา

                “นี่กอร์ดอน ที่คุณอยากพบ”

                “เป็นเกียรติมากครับ ท่านหญิง ผมกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตลุกขึ้นยืนเพื่อจับมือกับเขา “ฉันมาร์กาเร็ต สจวตค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณโอเดนเบิร์ก”

                กอร์ดอนหน้าแดงเล็กน้อย เขารู้สึกว่าวันนี้เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตแต่งตัวสวยมาก เธออยู่ในชุดสีน้ำเงินกรมท่า สวมสร้อยไพลินสีน้ำเงิน และต่างหูที่ทำมาจากไพลินเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มเผลอมองตาค้าง เธอมีดวงตาสีเขียวอย่างที่เขาชอบเสียด้วย

                “กอร์ดอน!”

                เสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำให้ช่างตัดเสื้อสะดุ้ง พอหันไปก็เห็นเจ้าตัวมองตาข้น

                “ฉันรู้แล้วว่านายชอบผู้หญิงผมสีแดง”

                ช่างตัดเสื้อรีบนั่งลงทันที หน้าแดงก่ำจนถึงใบหู “ขอโทษครับ”

                “นายขี้หึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แซว ขณะที่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหน้าแดงเล็กน้อย

                “ฉันจำคุณได้แล้ว คุณคือคนที่อยู่กับจอร์จจี้ที่งานเต้นรำตอนนั้น”

                “ครับ...”

                “พอได้เจอกันจริงๆ แล้ว คุณดูผิดจากที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลยค่ะ”

                กอร์ดอนเอาแต่ก้มหน้าด้วยความประหม่า “คือ... ผมไม่ได้ตั้งใจจะมองคุณแบบนั้น...”

                “โอ้... ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ” หญิงสาวรีบพูดต่อ “ฉันหมายถึง ฉันคิดว่าคุณจะดูมีอายุกว่านี้ แล้วก็ดู... เอ่อ... ยังไงดีล่ะคะ... คือ... ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนสวยแบบนี้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปมองหน้าคู่หมั้น แล้วกระซิบ “มาร์กี้ เขาเป็นผู้ชาย”

                “ฉันรู้น่า” หญิงสาวกระซิบตอบเขา ก่อนจะพูดต่อ “ขออภัยถ้าฉันเสียมารยาทนะคะ”

                “อ๋อๆ ไม่เลยครับ” กอร์ดอนรีบพูด “ทุกคนก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น เวลาเจอหน้าผมครั้งแรก ผมชินแล้วล่ะครับ”

                เลดี้มาร์กาเร็จ สจวตยิ้ม “คุณเป็นผู้ชายที่สวยมากจริงๆ นะคะ คุณมีพี่สาวหรือน้องสาวรึเปล่าคะ?”

                “เปล่าครับ ผมเป็นลูกคนเดียว”

                หญิงสาวถอนใจ “ดีจังค่ะ ไม่งั้นฉันคงต้องคอยดูเวลาจอร์จจี้อ้างว่าไปหาคุณที่ร้าน”

                “มาร์กี้ คุณคิดไปถึงไหนเนี่ย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “ผมไม่พิศวาสผู้ชายนะ”

                “ฉันก็ไม่ได้ว่าคุณอย่างนั้นนี่คะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “ฉันแค่คิดว่าถ้าคุณโอเดนเบิร์กมีพี่สาวหรือน้องสาว เธอต้องเป็นคนที่สวยมากแน่ ฉันเลยหึงไว้ล่วงหน้าเลยไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเหมือนถูกต่อย ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “อย่าขี้หึงนักเลยน่า มาร์กี้ ผมว่าจอร์จกลัวจะแย่อยู่แล้ว”

                หญิงสาวหัวเราะ เธอหันมาหาช่างตัดเสื้ออีกครั้ง “ฉันขอโทษที่พูดจาแปลกๆ นะคะ ฉันอยากพบคุณมาก อยากจะขอบคุณคุณเรื่องจอร์จจี้น่ะค่ะ”

                “ผมเองก็อยากจะขอโทษคุณเหมือนกันครับ” กอร์ดอนพูดอย่างประหม่า “ผมไม่น่าใส่ความคุณแบบนั้นเลย”

                “ฉันให้อภัยคุณค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า เธอทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ถูกลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดตัดหน้าเสียก่อน

                “เราอยากชวนนายมาดื่มฉลอง ในฐานะที่ทำให้ฉันกับมาร์กี้คืนดีกันได้น่ะ”

                พูดจบเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้น กอร์ดอนรีบยกขึ้นตาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์และเลดี้มาร์กาเร็จจึงหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมา

                “แด่ความรักที่สดใสของพวกนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ประกาศ เสียงแก้วกระทบกันดังกรุ๋งกริ๋ง ทั้งสี่คนจิบไวน์กันคนละอึก จากนั้นบริกรก็ยกอาหารมาเสิร์ฟ

-------------------------------------

                พวกเขากินมื้อค่ำและคุยสัพเพเหระกันจนถึงเวลาประมาณหกโมงกว่าๆ จึงขึ้นรถม้าไปยังโรงละครรอแยลโอเปร่า กอร์ดอนมีท่าทีกระสับกระส่ายจนลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องทักขึ้น

                “คุณเป็นอะไร? ท่าทางเหมือนไม่ค่อยสบายใจ”

                “ไม่รู้สิครับ จู่ๆ ผมก็ไม่อยากไปดูโอเปร่าขึ้นมา”

                “อ้าว ทำไมล่ะ?”

                ช่างตัดเสื้อทำหน้าเครียด เขาเงียบไปนานกว่าจะพูดต่อ “คือผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะจะไปนั่งดูโอเปร่าที่นั่น พวกคุณแต่งตัวดีกันทั้งนั้น แต่ผม...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฉวยมือของช่างตัดเสื้อเอาไว้ “คุณคิดมากไปแล้ว” เขาพูดพลางบีบมือของอีกฝ่าย สัมผัสผิวหนังบริเวณข้อนิ้วที่ด้านจนเป็นไตแข็งเนื่องจากเสียดสีกับกรรไกรมาเป็นเวลาหลายปี ก่อนจะยกมันขึ้นมาจูบ

                “คงไม่มีใครแต่งตัวสวยๆ ไปอวดกันได้ ถ้าไม่มีคนอย่างคุณอยู่เบื้องหลังหรอกนะ กอร์ดอน”

                “ตะ... แต่...”

                “รู้มั้ยทำไมผมถึงใส่เสื้อหางยาวมา ทั้งๆ ที่ผมเกลียดมันมาก” เอิร์ลหนุ่มพูดทั้งที่ยังจับมือเขาอยู่ “ไม่ใช่ว่าผมอยากอวดว่าตัวเองแต่งตัวดี แต่เพราะผมอยากใส่มาให้คุณเห็น ให้คุณได้เห็นเวลาที่คนอื่นมองชุดที่คุณตัด ชุดของคุณที่มันอยู่บนตัวผม... ในรอแยลโอเปร่า ทุกคนจะมองแต่ชุดของคุณ”

                กอร์ดอนมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยคาดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะพูดออกมาแบบนี้ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “คุณพูดเสียผมไปต่อไม่เป็นเลย”

                เอิร์ลหนุ่มยิ้มแล้วขยับมานั่งข้างคนรักของเขา “คุณดูดีที่สุดอยู่แล้วเวลาใส่ชุดที่คุณเป็นคนตัด และดูดีที่สุดในสายตาผม ช่างคนอื่นเถอะ ผมรับรองว่าไม่มีใครกล้ามองคุณด้วยสายตาไม่ดีแน่ ทุกคนที่นั่นมีมารยาทพอ”

                กอร์ดอนเหม่อมองลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกพัก ก่อนจะพยักหน้า “ขอบคุณนะครับ”

---------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-02-2017 17:29:28
                โรงละครรอแยลโอเปร่า เป็นโรงละครขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางของกรุงลอนดอน ใกล้กับแม่น้ำเทมส์ จัดแสดงโอเปร่าสำหรับชนชั้นสูง ผู้ชมมีตั้งแต่ราชวงศ์ จนถึงระดับขุนนางและพ่อค้าที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิด

                ตัวอาคารทาสีขาว ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นหรูหรา ผู้คนมากหน้าหลายตาทยอยลงจากรถม้า ทั้งหมดล้วนแต่งตัวด้วยชุดสวยงาม ผู้หญิงสวมเครื่องประดับที่ทอประกายวิบวับ ส่วนผู้ชายสวมทักซิโดส์ตัวหรู ใส่หมวกทรงสูง ใส่รองเท้าเสริมส้น และถือไม้เท้าโอ้อวดความโก้เก๋ของตัวเอง

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงจากรถม้า กอร์ดอนกระโดดลงตามมา ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทันมองหาลอร์ดจอร์จ เฟลตันหรือใครที่อาจจะรู้จัก เสียงทักทายก็ดังขึ้นทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านลอร์ด” ที่เอ่ยทักเป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบห้าถึงห้าสิบปี สวมชุดทักซิโดส์สีดำดูหรู หวีผมและแต่งหนวดอย่างงดงาม เขาถอดหมวกออกแล้วโค้งให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างนอบน้อม ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

                “สายัณห์สวัสดิ์ ลอร์ดโซวูด”

                ลอร์ดโซวูดพยักหน้าด้วยความดีใจ ภรรยาและลูกสาวสามคนของเขาส่งเสียงทักทายเอิร์ลหนุ่ม ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดต่อ “วันนี้ท่านลอร์ดดูสง่างามมากเลยครับ ผมกับภรรยาและลูกสาวเป็นปลื้มมากที่ได้พบคุณ ถ้าไม่รังเกียจ พวกเราขอ...”

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านลอร์ด”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดโซวูดจะพูดจบ เสียงของใครอีกคนก็ดังแทรกขึ้น เขาเป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลอร์ดโซวูด แต่งตัวโก้หรูด้วยชุดทักซิโดส์เช่นกัน เขาถอดหมวกแล้วโค้งให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างสุภาพ เอิร์ลหนุ่มอ้าปาก เหมือนพยายามเค้นคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากให้หลุดออกมา

                “สายัณห์สวัสดิ์ ลอร์ดชิลตัน”

                ลอร์ดชิลตันผงกศีรษะก่อนจะผายมือไปยังภรรยาและลูกสาวของเขา “เบลล่าภรรยาผม และอิซซาเบล ลูกสาวผมเอง”

                หญิงสาวที่มีผมสีทองเป็นลอนเอ่ยทักทายเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “ผมจำเธอได้ เราเคยเจอกันที่งานเลี้ยงต้อนรับ”

                ลอร์ดชิลตันดีใจจนหน้าแดง เขาถูมือไปมา “เป็นเกียรติสำหรับอิซซ่ามากครับ” เขาพูดพลางพยักเพยิดให้ลูกสาวสานบทสนทนาต่อ อิซซาเบลเขินจนแก้มสองข้างแดงเรื่อ เธอยิ้มอายๆ แล้วชม้อยดวงตาสีเทาใสของเธอมาทางเขา

                “ท่านลอร์ดมาคนเดียวหรือคะ?”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะทันได้พูดอะไร ลูกสาวของลอร์ดโซวูดก็พูดออกมา “ท่านลอร์ดคะ”

                “หืม?” พอเขาหันไปก็เห็นเธอส่งยิ้มหวานมาให้

                “ดิฉันว่าพวกเราเดินเข้าไปคุยกันต่อข้างในดีกว่าค่ะ”

                “แต่ท่านลอร์ด...” อิซซาเบลเอ่ยค้าง เพราะมีเสียงใครอีกคนดังแทรกขึ้นเสียก่อน

                “ไง จอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินแทรกเข้ามากลางวงสนทนาแล้วเอ่ยทักเพื่อนอย่างอารมณ์ดี “นายมาไม่รอฉันเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มกว้าง ทำหน้าเหมือนโล่งอกมากที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปรากฏตัวขึ้นเสียที “ไง แมกซ์ นายพลาดมื้อเย็นนะ”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ “โทรเลขของไมกี้ทำพิษตั้งแต่วันอาทิตย์ ฉันบอกจอร์จแล้วว่าอาจจะมากินมื้อเย็นด้วยไม่ได้”

                พูดจบเขาก็หันไปมองครอบครัวบารอนสองครอบครัวที่ยืนอยู่ ราวกับเพิ่งนึกได้ว่ามีพวกเขาอยู่ตรงนั้นด้วย

                “สายัณห์สวัสดิ์ลอร์ดโซวูด ลอร์ดชิลตัน พวกคุณสองครอบครัวมาดูโอเปร่าด้วยกันหรือ?”

                “เปล่าครับ ท่านลอร์ด” ลอร์ดโซวูดและลอร์ดชิลตันปฏิเสธขึ้นพร้อมกัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “งั้นหรือ แล้วพวกคุณมายืนทำอะไรกันตรงนี้ล่ะ?”

                บารอนทั้งสองหน้าแดง เขารู้สึกเสียหน้าที่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทักแบบนั้น ทั้งสองครอบครัวจึงเอ่ยลาแล้วแยกตัวออกไปทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมามองหน้าเพื่อน

                “ลอร์ดโซวูดกับลอร์ดชิลตันต้องเหม็นขี้หน้านายไปอีกนานแน่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่อย่างไม่แยแส “โชคดีที่พวกเขาไม่คิดว่าฉันเป็นไมกี้ ไม่งั้นคงพยายามเสนอขายลูกสาวให้ฉันแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา “กอร์ดอนตัดชุดนี้ให้นายสวยนะ แล้วนี่เขาไม่ได้มาด้วยกันกับนายหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบหันกลับไปหาช่างตัดเสื้อที่คิดว่าควรจะยืนอยู่ด้านหลัง แต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย ท่านเอิร์ลใจหายวาบ เขาหันมองไปรอบๆ จึงเห็นเจ้าตัวไปยืนหลบอยู่ตรงเสาไฟถนน

                “กอร์ดอน คุณไปทำอะไรตรงนั้น!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตะโกนก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาเจ้าตัว โดยมีลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินตามไป กอร์ดอนหันกลับมามองเขาแล้วรีบเดินออกมาทันที

                “ผมเห็นคุณคุยธุระอยู่ กลัวจะเสียมารยาท เลยหลบออกมาครับ” ช่างตัดเสื้อพูด ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจแรง

                “คุณมากับผมนะ ทำไมจะต้องเกรงใจคนอื่นด้วย” เอิร์ลหนุ่มว่า “พวกนั้นต่างหากที่ต้องเกรงใจคุณ”

                “แต่ผมเป็นแค่ช่างตัดเสื้อ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องหน้าเขา “ถึงนายจะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อ แต่นายมากับท่านเอิร์ลนะ นายควรจะให้เกียรติด้วยการภูมิใจที่ได้มากับเขา ไม่ใช่หนีมายืนหลบแบบนี้”

                “เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “บางทีคงผิดที่ฉัน ถ้าฉันปฏิเสธคนพวกนั้นไปแต่แรก...”

                “โธ่... จอห์นนี่...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง กอร์ดอนรีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ ลอร์ดแมกซ์พูดถูกแล้ว ผมผิดเอง ที่จริงผมไม่ควร...”

                “นายเรียกฉันว่าลอร์ดอีกแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ทำไมถึงชอบทำตัวห่างเหินนักนะ”

                “ขอโทษครับ” กอร์ดอนรีบผงกศีรษะ “คราวหลังผมจะไม่ทำอีก”

                “หมายถึงไม่เรียกฉันว่าลอร์ด หรือไม่หนีไปหลบที่ไหนเวลามากับจอห์นนี่ล่ะ?” ลอร์ดหนุ่มย้อนถาม ช่างตัดเสื้อพยักหน้าซ้ำๆ “ทั้งสองอย่างครับ”

                “แมกซ์ นายจริงจังเกินไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มุกหน้าเครียดของนาย กอร์ดอนไม่ขำนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำเป็นเสมองไปทางอื่น “จอร์จกับมาร์กาเร็ตล่ะ?”

                “น่าจะเข้าไปก่อนแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “รถม้าของพวกเขามาถึงก่อนเรา”

                “อ้อ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเสียงในคอ “นายดูเลขที่นั่งแล้วใช่มั้ย”

                “อื้อ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาจองที่ที่ดีที่สุดสำหรับการดูโอเปร่าให้พวกเรา”

                “แต่ตัวเขากลับต้องไปนั่งในคอกกั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “จอร์จคงต้องมาดูซ้ำ เขาเกลียดการฟังโอเปร่าที่ระเบียงมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา เขาล้วงซองตั๋วออกมาแล้วยื่นให้กอร์ดอน “พวกเราเข้าไปนั่งรอกันได้แล้วล่ะ”

                ทั้งสามคนพากันเดินไปยังประตูทางเข้าของโรงละครรอแยลโอเปร่าเฮาส์

                “พวกเราต้องเข้าช่องโน้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดพลางเดินนำหน้า พวกเขายื่นตั๋วให้พนักงานตรวจ ก่อนที่พนักงานอีกคนจะเดินนำพวกเขาไปยังที่นั่ง

---------------------------------------------

                กอร์ดอนนึกโล่งใจที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจองที่นั่งให้พวกเขาในแถวตรงข้ามกับเวที ซึ่งเป็นที่นั่งเรียงต่อกัน และเป็นจุดที่ฟังโอเปร่าได้เพราะที่สุด ตอนแรกเขากลัวว่าจะต้องเข้าไปนั่งตรงระเบียงที่ต้องเผชิญกับสายตาของคนทั้งโรงเสียอีก

                ที่นั่งของทั้งสามคนอยู่ตรงกลางแถวพอดีเป๊ะ ทำเลดีที่สุดอย่างที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันบอกกับลอร์ดโทรว์บริดจ์จริงๆ หลายคนที่นั่งอยู่ก่อนทำหน้าแปลกใจที่เห็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์มานั่งที่นั่งรวม

                “โอ้... ท่านลอร์ด ผมคิดว่าคุณจะนั่งที่ระเบียงเสียอีก ชุดคุณสวยมาก” ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันกับลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักขึ้น เขามาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา “ผมชอบที่นั่งตรงนี้มากกว่า เสียงเพราะดี”

                “ครับ ผมเห็นด้วย” เขาพูด แล้วหันมาทักทายลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ลอร์ดแมกซ์”

                “สายัณห์สวัสดิ์รูเพิร์ต”

                เขาหันมาทางกอร์ดอน “สายัณห์สวัสดิ์ครับ...”

                “กอร์ดอน... ผมกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก” กอร์ดอนแนะนำตัวกับฝ่ายนั้น เขาพยักหน้า “สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณโอเดนเบิร์ก ผมรูเพิร์ต บอตติ้ง”

                “เขาเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เป็นน้องชายบารอนแห่งอัฟฟอร์ต”

                รูเพิร์ตหัวเราะเขินๆ “ผมเป็นแค่คนธรรมดา”

                “ตอนนี้นายทำอะไรอยู่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “ยังไปๆ มาๆ อินเดียอยู่อีกมั้ย?”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ตอนนี้ผมเป็นนักเขียนแล้ว”

                “ว้าว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนร้องขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดขึ้นก่อน “นายเขียนเรื่องอะไร พิมพ์ที่สำนักพิมพ์ไหน ฉันจะได้ไปซื้อมาอ่าน”

                “อยู่ระหว่างเสนอบรรณาธิการพิจารณาครับ” รูเพิร์ตว่า “ถ้าได้ตีพิมพ์จริงๆ ผมจะส่งหนังสือไปให้คุณถึงบ้านเลย”

                “ขอบใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ เพราะมีคนทยอยเดินเข้ามาอีก

                “นั่นจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่นั่งข้างเขาชี้มือ กอร์ดอนมองตาม และเห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตนั่งอยู่ตรงระเบียงชั้นสองทางขวามือ ทั้งคู่หันมาโบกมือให้เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่แถวกลาง

                “สองคนนั้นดูเหมาะสมกันมากเลยนะครับ” ช่างตัดเสื้อว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ ไม่มีใครเหมาะกับจอร์จเท่ามาร์กาเร็ตอีกแล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ทั้งหมดต้องให้ความดีความชอบนายเลยนะ กอร์ดอน ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่สองคนนั้นมาดูโอเปร่าด้วยกันได้”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ ก่อนจะรีบนั่งตัวตรง เมื่อโฆษกของโรงละครขึ้นมาพูดเปิดเวที จากนั้นวงออเครสตร้าก็บรรเลงบทเพลงเบิกโรง* (*Don Giovanni K.527 – Overture.) ที่ประพันธ์โดยโวล์ฟกัง อามาเดอุส โมซาร์ต นักคีตกวีชื่อก้องโลกชาวออสเตรีย

                กอร์ดอนขนลุกซู่ เสียงดนตรีที่สะท้อนผ่านผนังทรงโค้งของโรงละครก้องกระหึ่มอยู่รอบตัวเขา ช่างตัดเสื้อหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอลังการของท่วงทำนองดนตรีและการออกแบบอันซับซ้อนเพื่อสะท้อนเสียงให้ก้องกังวานอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังจากโรงละครโอเปร่าแห่งมาก่อน เสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดงถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม เมื่อต้องกับแสงไฟก็ดูโดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะชุดของดอน จิโอวานนี่ ช่างตัดเสื้อรู้สึกประทับใจเสื้อโค้ทยาวที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุคโรแมนติกมาก และนักแสดงที่สวมก็มีรูปร่างสูงใหญ่เหมาะกับเสื้อคลุมยาวตัวนั้นพอดี และชุดของดอนน่า เอลวิร่าที่โดดเด่นน่าประทับใจด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงดำ ดูแข็งกร้าวแต่อ่อนไหวอยู่ลึกๆ เฉกเช่นบุคลิกของตัวละคร

                การตกแต่งเวที และการเปลี่ยนฉากต่างๆ มีความประณีตและอลังการ โดยเฉพาะฉากการปรากฏตัวของรูปปั้นดอน เปโตรที่ทะลุออกมาจากกำแพง และฉากไฟนรก ซึ่งทำออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์

(**ตรงนี้ใครไม่อยากอ่านเรื่องย่อแสนยาวของ ดอน จิโอวานนี่ ข้ามไปได้นะคะ)

                (**ดอน จิโอวานนี่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนุ่มนักรักชนชั้นสูงชาวสเปนที่มีชื่อว่าดอน ฆวน (เนื่องจากบทละครโอเปร่าเป็นภาษาอิตาลี จึงเรียกว่าดอน จิโอวานนี่) ที่มีรักเร่เร่ร้างรักกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา เรื่องผู้หญิงเป็นยิ่งกว่าลมหายใจของเขา เนื้อเรื่องของบทละครโอเปร่าเรื่องนี้มีอยู่ว่า ดอน จิโอวานนี่พยายามแอบเข้าไปลักหลับ ดอนน่า แอนนา ในคฤหาสน์ แต่ดอนน่า แอนนาขัดขืน เขาจึงพยายามหลบหนี แต่ระหว่างทางออกจากบ้าน ดอน เปโตร พ่อของดอนน่า แอนนาซึ่งเป็นนายพลใหญ่มาพบเข้าพอดี ทั้งคู่จึงต่อสู้กัน ดอน จิโอวานนี่แทงดอน เปโตรถึงแก่ความตาย และหลบหนีออกมาได้สำเร็จ

                ดอนน่า แอนนา และดอน ออตตาวิโอ้ คู่หมั้นของเธอพบว่าดอน เปโตรถูกแทงถึงแก่ความตาย ทั้งคู่รู้สึกเคียดแค้น และตกลงใจว่าจะออกสืบหาว่าใครเป็นผู้สังหารพ่อของตน

                ดอน จิโอวานนี่หนีมาที่จัตตุรัส เผอิญพบหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังพร่ำเพ้อถึงความรักที่ไม่สมหวัง และผู้ชายที่ทอดทิ้งเธอไป เขาจึงเข้าเกี้ยวพาราสีเธอ ก่อนจะพบว่าเธอคือ ดอนน่า เอลวิร่า หนึ่งในผู้หญิงที่เคยถูกเขาใช้คำหวานล่อลวงจนได้เธอมาไว้ในครอบครอง และเขาก็ทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี ดอน จิโอวานนี่ จึงให้เลโปเรลโล คนรับใช้คนสนิทของเขา ช่วยขวางดอนน่า เอลวิร่าไว้ เลโปเรลโลจึงให้ดอนน่า เอลวิร่า ดูสมุดจดรายชื่อผู้หญิงของดอน จิโอวานนี่ ที่หนาราวกับคัมภีร์ไบเบิล และบอกเธอว่า เธอเป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงหลายร้อยคนของเขา ดอนน่า เอลวิร่าโกรธมาก และสาบานว่าจะแก้แค้นดอน จิโอวานนี่ในทุกทาง

                ทางด้านดอน จิโอวานนี่ หนีมาพบกับงานแต่งงานของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เขาหมายปองเซลินา ผู้เป็นว่าที่เจ้าสาวทันทีที่ได้พบ เลยออกอุบายบอกมาเซตโต ซึ่งเป็นว่าที่เจ้าบ่าว ว่าจะให้ทั้งคู่ไปจัดงานเลี้ยงฉลองที่คฤหาสน์ของตน และให้เลโปเรลโลพามาเซตโตล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตัวเองก็เกี้ยวพาราสีเซลินา หวังจะได้เธอมาเป็นผู้หญิงอีกคน

                แต่ดอนน่า เอลวิร่ามาพบเสียก่อน เธอจึงจัดการฉีกหน้าดอน จิโอวานนี่ด้วยการสาธยายความเลวร้ายของเขา และพาเซลินาหนีไป

                ไม่นานนักดอนน่า แอนนา และคู่หมั้นของเธอซึ่งเป็นเพื่อนกับดอน จิโอวานนี่ก็เดินทางมาพบเขา ดอน จิโอวานนี่แสร้งทำเป็นเสียใจกับมรณกรรมของดอน เปโตร ระหว่างนั้นดอนน่า เอลวิร่าก็ปรากฏตัวขึ้น และต่อว่าต่อขานเขา ดอน จิโอวานนี่จึงบอกว่าเธอเป็นบ้า และให้ดอน ออตตาวิโอ้ช่วยกันเธอออกไป เมื่อดอน ออตตาวิโอ้เผลอ เขาก็แอบเกี้ยวดอนน่า แอนนาอีก คราวนี้ดอนน่า แอนนาจึงจำได้ว่าเขาคือคนที่แอบเข้าไปลักหลับเธอที่คฤหาสน์ และคือฆาตกรที่สังหารพ่อของเธอ แต่ดอน จิโอวานนี่รู้ตัวและหลบหนีไปได้อีกครั้ง

                เซลินามาพบมาเซตโตที่คฤหาสน์ของดอน จิโอวานนี่ และพยายามแก้ตัวเรื่องที่เธออยู่กับผู้ชายอื่นสองต่อสองและทิ้งเขาไว้คนเดียว ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังปรับความเข้าใจกัน ดอน จิโอวานนี่ก็กลับมาที่คฤหาสน์ มาเซตโตอยากรู้ความจริงจึงซ่อนตัว เมื่อพบว่าดอน จิโอวานนี่พยายามเกี้ยวพาราสีว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง จึงแสดงตัว ดอน จิโอวานนี่จึงพยายามบอกว่าทั้งคู่กำลังจะทำให้ฤกษ์แต่งงานเสีย และสั่งให้จัดงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานให้คนทั้งคู่

                ทางด้านดอนน่า แอนนา และคู่หมั้นของเธอ รวมถึงดอนน่า เอลวิร่า ตกลงร่วมมือกันที่จะแก้แค้นดอน จิโอวานนี่ ทั้งสามแอบเข้ามาในงานเลี้ยงแต่งงาน

                ดอน จิโอวานนี่ใช้ให้เลโปเรลโล ดึงความสนใจของมาเซตโตไปจากว่าที่เจ้าสาวของเขาระหว่างงานเลี้ยง และอุ้มเซลินาขึ้นไปบนคฤหาสน์ โชคดีที่ดอนน่า เอลวิร่า ดอนน่า แอนนา และดอน ออตตาวิโอ้คู่หมั้นของเธอไปช่วยไว้ทัน ดอน จิโอวานนี่แสร้งทำเป็นว่าเลโปเรลโลเป็นคนทำ แต่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา ขณะที่กำลังถูกชี้หน้ารุมประนาม ดอนหนุ่มก็หลบหนีไปได้อีกครั้ง

(จบองก์ที่1)

                เลโปเรลโลพยายามจะลาออกจากตำแหน่งคนรับใช้ของดอน จิโอวานนี่ เพราะไม่พอใจที่เกือบจะถูกเจ้าตัวฆ่าเพื่อโยนความผิด แต่ดอน จิโอวานนี่เกลี้ยกล่อมเขาด้วยเงิน ดอนหนุ่มบังคับคนรับใช้ให้สลับเสื้อผ้ากับเขา เพื่อปลอมตัวไปหลอก ดอนน่า เอลวิร่า และสามารถหลอกเธอได้สำเร็จ

                ดอน จิโอวานนี่แยกทางกับคนรับใช้ แต่เผอิญพบสาวใช้และถูกใจจึงพยายามเกี้ยวพาราสีนาง จนมาพบกับมาเซตโตและพวกซึ่งกำลังออกตามล่าเขาโดยบังเอิญ เขาจึงอาศัยความเข้าใจผิดของมาเซตโตที่คิดว่าเขาคือเลโปเรลโล หลอกให้พรรคพวกของมาเซตโตไปตามหาดอน จิโอวานนี่ที่อื่น และทำร้ายมาเซตโตด้วยการผลักเขาตกจากบันได ก่อนจะหนีไปอีกครั้ง

                เลโปเรลโลพยายามหลบหน้าดอนน่า เอลวิร่าที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นดอน จิโอวานนี่ จนมาเจอกับพวกของดอนน่า แอนนาและมาเซตโตโดยบังเอิญ ทั้งหมดลงความเห็นว่าควรจะฆ่าเขาเสีย แต่ดอนน่า เอลวิร่าห้ามไว้ เพราะเธอไม่อาจตัดใจจากดอน จิโอวานนี่ได้ เลโปเรลโลอาศัยจังหวะนี้เปิดเผยตัวตนว่าเขาไม่ใช่ดอน จิโอวานนี่ ดอนน่า เอวีราเสียใจมากที่ถูกหลอกอีกครั้ง ส่วนเลโปเรลโลถูกดอน ออตตาวิโอ้จับตัวไว้ ทั้งหมดออกไปตามหาดอน จิโอวานนี่ต่อ

                ดอน จิโอวานนี่ที่อยู่ระหว่างกำลังหลบหนี บังเอิญถูกใจสาวใช้คนหนึ่งของดอนน่า เอลวิร่าเข้า เขาจึงกลับมาที่คฤหาสน์ของเธออีกครั้ง และพบเลโปเรลโลถูกจับมัดอยู่ จึงช่วยออกมา

                ระหว่างทางกลับพวกเขาพบเจอกับรูปปั้นของดอน เปโตรซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง รูปปั้นได้ส่งเสียงเตือนพวกเขา แต่ดอน จิโอวานนี่เห็นเป็นเรื่องขบขัน เขาจึงเอ่ยปากชวนรูปปั้นไปกินมื้อเย็นที่คฤหาสน์ ท่ามกลางความหวาดกลัวของคนรับใช้

                ดอน ออตตาวิโอ้ น้อยใจดอนน่า แอนนาที่เอาแต่มุ่งมั่นในเรื่องแก้แค้นจนไม่สนใจความรู้สึกของเขา เมื่อดอนน่า แอนนารู้ถึงความรู้สึกดังกล่าว จึงปลอบโยนเขา และล้มเลิกความตั้งใจที่ตามล่าดอน จิโอวานนี่เพื่อแก้แค้นให้พ่อของเธอ

                ส่วนดอนน่า เอลวิร่า ยังคงรักในตัวของดอน จิโอวานนี่อยู แม้ว่าเขาจะทำเรื่องเลวร้ายกับเธอเอาไว้มากก็ตาม เธอจึงมาเตือนเขาที่คฤหาสน์ ให้เขาหยุดทำสิ่งเลวร้าย แต่ดอน จิโอวานนี่กลับไล่เธอออกไปอย่างไม่ไยดี เธอจึงตัดใจจากเขา และวิ่งหนีออกไป ก่อนที่จะกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อพบว่ารูปปั้นของดอน เปรโต บุกเข้ามาภายในคฤหาสน์ เพื่อมากินมื้อเย็นตามนัด

                รูปปั้นสั่งให้ดอน จิโอวานนี่เลิกนิสัยเสียของเขา แต่เจ้าตัวปฏิเสธ จึงถูกรูปปั้นดึงลงนรกไปพร้อมกัน

(จบองก์2 จบบริบูรณ์))

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่17p.9 (17/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 20-02-2017 17:29:52
                เวลาสามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว กอร์ดอนลุกขึ้นยืนปรบมือให้นักแสดงและวงออเครสตร้าด้วยความประทับใจเช่นเดียวกับผู้ชมคนอื่นๆ พวกเขาทยอยเดินออกมาจากโรงละคร พลางพูดคุยถึงความประทับใจที่ได้รับ

                “ฉันดูเรื่องนี้ทีไรนึกถึงจอร์จทุกที” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น ในตอนที่ทั้งสามออกมายืนอยู่ด้านนอกโรงละครรอแยลโอเปร่าเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ฉันคิดอยู่ทุกที ว่าเมื่อไหร่นักแสดงที่เล่นเป็นดอนน่า เอลวิร่าจะมีผมสีแดง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา “โชคยังดีนะ ที่จอร์จของเราไม่ได้เลวร้ายขนาดดอน จิโอวานนี่ ฉันยังไม่อยากเห็นเขาถูกรูปปั้นฉุด”

                กอร์ดอนพยักหน้าเห็นด้วย “ผมประทับใจฉากที่ดอนน่า เอลวิร่าคร่ำครวญถึงความรักของเธอที่มีต่อดอน จิโอวานนี่มากเลยครับ เธอรักเขาแม้ว่าเขาจะทำเลวร้ายกับเธอมาก น้ำเสียงที่เธอเปล่งออกมามันกินใจผมมาก”

                สองคนที่เดินคู่มากับเขาพยักหน้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “ฉันเห็นจอร์จลุกออกจากที่นั่งด้วย เขาน่าจะแอบไปเช็ดน้ำตา”

                ทั้งสามพากันหัวเราะ จังหวะนั้นลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เดินเข้ามาแทรก “นี่ๆ พวกนายสามคนนินทาอะไรฉันอยู่ใช่มั้ย?”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด “เรากำลังคิดว่าจะเสนอชื่อนายเล่นเป็นดอน จิโอวานนี่ในคณะโอเปร่าสักคณะ น่าจะเหมาะกับนาย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ “อย่าเลย พวกนายจะเสียเวลาเปล่า เพราะตอนนี้ฉันเลิกนิสัยแบบนั้นแล้ว” เขาหันไปมองเลดี้มาร์กาเร็ตที่ควงแขนอยู่ด้วยกัน เธอส่งยิ้มให้เขา

                “ฉันดีใจที่ยังไม่ต้องเล่นบทดอนน่า เอลวิร่ากับคุณตอนนี้นะคะ จอร์จจี้”

                “ผมไม่เคยนึกอยากให้คุณเป็นดอนน่า เอลวิร่าเลยสักนาที” ลอร์ดหนุ่มว่า กอร์ดอนพูดขึ้น

                “โอเปร่าสนุกมาก ขอบคุณพวกคุณสองคนมากเลยนะครับ”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพยักหน้า

                “ดีใจนะคะที่คุณชอบ ฉันหวังว่าเราจะได้มาดูด้วยกันบ่อยๆ” หญิงสาวว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดต่อ

                “ใช่ โอเปร่าของโมซาร์ตดีมาก ฉันชอบท่อนประสานเสียงตอนจบที่สุด ใครจะร้องท่อนนี้ได้ดีไปกว่าราโมสกับแกสตัลอีก”

                “สองคนนี้เสียงดีมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “โดยเฉพาะแกสตัล เขาร้องท่อนนี้ได้น่าขนลุกที่สุด สำหรับการเป็นดอน เปโตร”

                “ราโมสเองก็ร้องดีมากนะคะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูดขึ้นบ้าง “เขาเหมาะจะเล่นเป็นดอน จิโอวานนี่ที่สุด ท่อนที่เขาเกี้ยวเซลีน่า ทำเอาฉันใจหวิวๆ ราโมสเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดมาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าหงิก “ผมเองก็ดูมีเสน่ห์เวลาเกี้ยวสาวเหมือนกันนะ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตีแขนเขาดังเพี๊ยะ เพื่อนๆ ที่ดูอยู่พากันหัวเราะ

                “ไม่ไหว จอร์จ ไหนบอกนายไม่เป็นอย่างดอน จิโอวานนี่แล้วไง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ก็ฉันไม่ใช่จริงๆ นี่”

                เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก กอร์ดอนพูดต่อ

                “แต่ผมเห็นด้วยเรื่องราโมสนะครับ” ช่างตัดเสื้อว่า “เขาเป็นคนที่ดูดีจริงๆ รูปร่างเขาดีมาก พอสวมเสื้อโค้ทยาวแบบยุคโรแมนติกแล้วดูสมกับเป็นชนชั้นสูงเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระแอมไอขึ้นมา “ผมว่าเราน่าจะกลับได้แล้ว นี่มันก็ดึกมาก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว ทำท่าจะพูดอะไรบ้างแต่ถูกลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย่งพูดก่อน

                “ใช่” ลอร์ดหนุ่มเห็นด้วย “มันดึกแล้ว และฉันก็ไม่อยากฟังคู่หมั้นพูดถึงคนอื่นที่ดูแล้วมีเสน่ห์มากกว่าฉัน”

                เลดี้มาร์กาเร็ตหัวเราะออกมา “ไม่เอาน่า จอร์จจี้ ไม่มีใครเหมือนดอน จิโอวานนี่ไปมากกว่าคุณอีกแล้วนะคะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย อีกสามคนที่เหลือพากันหัวเราะ

                “เธอไม่กลัวต้องเป็นดอนน่า เอลวิร่าหรือไง?”

                “ฉันเป็นมาตั้งหลายปีแล้วค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตประกาศอย่างร่าเริง “คิดว่าคุณรู้อยู่แล้วเสียอีก”

                “โอย...” ลอร์ดหนุ่มทำท่าเหมือนปวดท้อง “งั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะนะมาร์กี้ เดี๋ยวพ่อคุณจะเป็นห่วง”

                “คุณจะไปส่งฉันใช่ไหมคะ?”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหู “ผมจะไปส่งคุณถึงหน้าประตูห้องนอนเลย”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตีเขาที่แขนอย่างแรงด้วยความเขินจัด “คนหน้าไม่อาย”

                “พวกนายรีบกลับไปเลยไป” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไล่ “อย่าอยู่ทำร้ายจิตใจคนโสดอย่างฉัน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเลดี้มาร์กาเร็จ สจวตทีหนึ่ง แล้วรีบพาตัวเธอออกไปก่อนที่เธอจะตีเขาจนแขนหัก สามคนที่เหลือพากันถอนหายใจ
                “จอร์จนี่จริงๆ เลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “ฉันสงสัยจริงๆ ว่ามาร์กาเร็ตรักเขาได้ไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “จอร์จเป็นคนมีเสน่ห์กับสาวๆ ออกนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ฉันคงไม่มีวันเข้าใจว่าเขามีเสน่ห์ยังไง”

                “เอาน่า ก็นายไม่ใช่ผู้หญิงนี่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบ กอร์ดอนแอบหัวเราะเบาๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบมองเขาแว้บหนึ่ง แล้วพูดขึ้นต่อ

                “งั้นฉันกลับก่อนดีกว่า รีบนอนเอาแรงเผื่อไมกี้จะโทรเลขมาอีกในวันจันทร์” ลอร์ดหนุ่มกระชับหมวกบนศีรษะ ขณะที่รถม้าที่มีตราคฤหาสน์ของท่านมาร์ควิสแห่งสวินดันเข้ามาเทียบ “ราตรีสวัสดิ์จอห์นนี่ ราตรีสวัสดิ์กอร์ดอน”

                “ราตรีสวัสดิ์แมกซ์”

-----------------------------------

                โอลิเวอร์ขับรถม้ามาถึงหลังจากนั้นไม่นานนัก เขานึกดีใจที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังรออยู่ที่โรงละคร เขาเชิญเอิร์ลหนุ่มและช่างตัดเสื้อขึ้นรถ ก่อนจะเฆี่ยนม้าออกไปในความมืดยามวิกาล

                “กอร์ดอน คุณว่าอย่างผมใส่เสื้อโค้ทยาวแล้วดูดีสู้ราโมสได้มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นระหว่างที่พวกเขานั่งกันอยู่บนรถม้า ช่างตัดเสื้อเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

                “ทำไมคุณถามแบบนั้นล่ะครับ?”

                “ตอบผมมาเถอะน่า” อีกฝ่ายเร่ง “ผมอยากรู้ว่าในสายตาคุณ ใครดูดีกว่ากัน”

                กอร์ดอนอึ้งไปแว้บหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะ “ราโมสเป็นนักแสดงละครนะครับ เขาใส่ชุดแบบนั้นบนเวทีก็เหมาะแล้ว แต่ถ้าคุณใส่เดินอยู่ข้างนอก ผมว่าตกยุคแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าไม่พอใจ เขาดึงตัวกอร์ดอนให้มานั่งข้างๆ แล้วถามอีกครั้ง “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลย ระหว่างผมกับเขา ใครดูดีกว่า”

                “ก็ต้องคุณสิครับ” กอร์ดอนตอบ “เวลาคุณแต่งตัวดีๆ ก็ดูดีนะครับ”

                “แสดงว่าเวลาไม่แต่งตัวก็ดูไม่ดีงั้นสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ช่างตัดเสื้อใช้มือยันอกเขาเอาไว้

                “คุณจะทำอะไรครับเนี่ย”

                “ผมจะทำโทษคุณ ค่าที่คุณชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผม” พูดจบเขาก็ก้มลงกัดคางฝ่ายนั้นเบาๆ กอร์ดอนสะดุ้งด้วยความตกใจ

                “อย่าครับ!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือช้อนท้ายทอยของเขาเอาไว้ แล้วบดริมฝีปากลงไป หลังจากย้ำจูบจนฝ่ายนั้นเริ่มแสดงอาการว่าหายใจไม่ทัน เอิร์ลหนุ่มก็ยอมถอนริมฝีปากออก

                “กอร์ดอน...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบพลางจูบแก้มช่างตัดเสื้อ “คุณจะมองผู้หญิงกี่คนผมไม่ว่า จะชอบผู้หญิงผมสีอะไรผมไม่มีปัญหาเลย แต่อย่าชมผู้ชายคนอื่นให้ผมฟังเลยนะ... จะชมเขาแบบไหนผมก็ไม่อยากฟังทั้งนั้น”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง เขาถึงกับนึกคำพูดอะไรมาตอบลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ออก ได้แต่โอบมือไปที่ด้านหลังของฝ่ายนั้น แล้วลูบเบาๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดเขาไว้

                “ผมขี้หึง บอกคุณเอาไว้ก่อนเลย”

                ช่างตัดเสื้อหลุดหัวเราะออกมา แก้มสองข้างอุ่นวาบ

                “จอห์น...”

                “หืม?”

                “ผู้ชายที่ใส่เสื้อโค้ทตัวยาวแล้วดูดีกว่าราโมสก็มีนะ ผมเคยเห็นมาแล้ว”

                “....”

                กอร์ดอนขยับตัวออกเลยน้อย เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา “แต่ผู้ชายที่ผมรักมีแค่คุณ”

                แก้มของช่างตัดเสื้อแดงเรื่อด้วยความขัดเขิน เขาพูดจบก็ก้มหน้าลง เอิร์ลหนุ่มรีบใช้มือเชยคางเขาเอาไว้ แล้วแนบจูบลงไป

                “ผมรักคุณ ช่างตัดเสื้อที่รักของผม”

---------------------------------------
(จบตอน)

**เป็นตอนที่มีความมุ้งมิ้งและโรแมนติกสูงมาก ฮ่าๆๆๆ (มหัศจรรย์ตัวเองที่เขียนนิยายแนวโรแมนซ์ออกมาได้ในที่สุด :katai2-1:)

ใจความสำคัญสำหรับเราในตอนนี้ หาใช่เรื่องชีวิตของช่างตัดเสื้อ (เพราะมันก็วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเรามาหลายปีแล้ว ฮ่าๆ) แต่เป็นโอเปร่าต่างหาก เราไม่เคยคิดฝันว่าชีวิตนี้จะต้องมาลงทุนนั่งดูโอเปร่าจริงๆ ที่ไม่ใช่ละครเวทีเพื่อเขียนนิยายเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเปิดดูแว้บนึง จะได้เอามาเขียนบรรยากาศเฉยๆ แต่พอดูเข้าจริงๆ ดันติด ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย พระเอกคนนี้คือแบบ... ดีต่อใจสาววายสมัยใหม่อย่างเรามาก ให้ฟีลลิ่งชายเจ้าชู้ที่ดูมีเสน่ห์เวลาอยากแอ้มสาว (หื่นได้อย่างมีจังหวะลงตัว ฮ่าๆๆ) คือเพลิดเพลินกับการดูหน้าน้าแกมาจนจบโอเปร่าสองชั่วโมง (แม่ตะโกนว่าไหนบอกเขียนนิยายไง ทำไมดูหนัง โอเปร่าหรอกค่ะแม่ หนูทำเพื่องานนะคะ  :-[)

แปะลิ้งค์ไว้เผื่อใครอยากรับชม แนะนำช่วงตอนประมาณนาทีที่40 เป็นการเกี้ยวสาวที่แบบว่า... :o8:

https://www.youtube.com/watch?v=Gp11bweiOA8

ตอนนี้ทุกอย่างดูราบรื่นไม่มีดราม่า แม้ว่าจะมีตอนนึงที่กอร์ดอนไปแอบหลืบเสา แต่คนที่ควรจะแอบกว่านั้นคือลอร์ดจอร์จต่างหาก คู่นี้รู้เลยใครเท้าหน้าเท้าหลัง ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-02-2017 18:09:29
“คุณจะมองผู้หญิงกี่คนผมไม่ว่า จะชอบผู้หญิงผมสีอะไรผมไม่มีปัญหาเลย แต่อย่าชมผู้ชายคนอื่นให้ผมฟังเลยนะ...
จะชมเขาแบบไหนผมก็ไม่อยากฟังทั้งนั้น”
 “ผมขี้หึง บอกคุณเอาไว้ก่อนเลย”
 “ผู้ชายที่ใส่เสื้อโค้ทตัวยาวแล้วดูดีกว่าราโมสก็มีนะ ผมเคยเห็นมาแล้ว”
 “แต่ผู้ชายที่ผมรักมีแค่คุณ
โอ๊ยๆ........หึงกัน บอกรักกัน ชอบบบบบบ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-02-2017 18:31:39
มาดูโอเปร่าพร้อมอุปสรรคเปนท่านบารอนทั้งหลายที่อยากนำเสนอลูกสาว =_=
แต่ดอน จิโอวานี นี่น่าจะโดนลงโทษมากกว่าโดนรูปปั้นลาลงนรกน๊า แสบเกิ๊นนนนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-02-2017 22:25:13
จะหลบสายตาคนอื่นไปได้นานแค่ไหนหนอ
ก็อยากให้ทั้งคู่สวีตกันไปแบบนี้นาน ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-02-2017 22:34:24
มุ้งมิ้งทุกคู่เลยตอนนี้ ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-02-2017 22:43:30
ยาวสะใจ ยาวและสนุกอย่างกับชมโอเปร่า
อ่านไป เปิดโอเปร่าฟังไปได้อารมณ์มากกกก

เดวิดน่าเอ็นดูมาก ฉันหลงไหลความตั้งใจจริงของหนุ่มน้อยคนนี้ *ยกเขาให้ฉันเถอะ* ผิด!

จอห์นขี้หึงมากกกก และกอร์ดอนบอกรักได้น่ารักที่สุด!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 20-02-2017 22:46:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 20-02-2017 23:37:42
เป็นตอนที่จบได้อบอุ่นใจมากๆ เลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนทานคาราเมลหอมๆ ที่ให้รสนุ่ม ละมุน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-02-2017 12:58:56
 :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-02-2017 21:42:01
จะหวานไปไหนกันล่ะค๊าาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 24-02-2017 20:31:19


Dear, My customer.

ตอนที่19 Miss you, Kiss you.


                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มจริงจังกับการซ้อมชกมวยมากขึ้นหลังซ้อมมาได้สองสัปดาห์ เขาออกวิ่งรอบคฤหาสน์ทุกวันเป็นเวลาหกสิบนาที และซ้อมชกลมอีกราวๆ สิบห้านาที ก่อนจะกินมื้อเช้า จนลอร์ดบาธให้คนปรับพื้นหินที่เป็นทางเดินรอบคฤหาสน์ใหม่ เพื่อที่ลูกชายจะได้วิ่งได้สะดวกขึ้น จากนั้นเจ้าตัวจะออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก โดยมีคนรับใช้คนสนิทขับรถม้าไปให้บ้าง นั่งรถไปด้วยบ้าง และกลับมาที่คฤหาสน์อีกครั้งในช่วงเวลาน้ำชา ก่อนจะออกไปซ้อมมวย มื้อเย็นเขาอาจจะกลับมากินที่บ้านบ้าง หรือไปกินกับเพื่อนบ้าง เพราะกิจกรรมทั้งวันผลาญพลังงานของเขาไปมากจนไม่อยากจะออกไปดื่มต่อ ลอร์ดและเลดี้บาธจึงดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้เห็นลูกชายกลับบ้านตั้งแต่หัวค่ำ

                เช้าวันนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกกำลังกายและกินมื้อเช้าเรียบร้อยก็นั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์โดยมีโอลิเวอร์เป็นสารถี เพื่อเข้าประชุมสมาคมรักบี้แห่งกรุงลอนดอนที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ ตามจดหมายเชิญที่ถูกส่งมาให้เขาที่บ้านตั้งแต่เช้าวันจันทร์ สมาชิกในสมาคมมีทั้งคนทั่วไปและขุนนาง บางคนเป็นนักกีฬาอาชีพ บางคนเล่นเป็นงานอดิเรก บางคนเป็นกรรมการตัดสิน บางคนเป็นผู้จัดการแข่งขัน ทุกคนล้วนดีใจที่ได้พบหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้งหลังจากเขาหายไปอเมริกานานถึงสามปี

                “อรุณสวัสดิ์ จอห์นน้อยของฉัน” ลอร์ดแบรดฟอร์ดที่เป็นประธานสมาคมรักบี้เอ่ยทัก ก่อนจะกอดเขาเป็นการทักทาย “เธอเป็นจอห์นน้อยที่ตัวไม่เล็กเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขาก่อนจะทักทายกลับ “ท่านลอร์ดเองก็ไม่แก่เลยนะครับ ยังดูแข็งแรงอยู่เลย”

                “แน่นอน ฉันอยากจะอยู่แบบนี้ไปอีกสักสามสิบปี ใช่มั้ยชาร์ดี้” ลอร์ดแบรดฟอร์ดพูดแล้วหันไปหาลอร์ดเดอรัมซึ่งเป็นรองประธานสมาคม

                “ฉันแน่ใจว่านายจะแข็งแรงแบบนี้ไปอีกนาน เท่าที่ดูจากสภาพนะ” ลอร์ดเดอรัมพูด ก่อนจะหันมาทักลอร์ดโทรว์บริดจ์ “อรุณสวัสดิ์จอห์น เธอดูตัวใหญ่ขึ้นจริงๆ ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวใหญ่กว่าตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับอีกนะ”

                “ช่วงนี้ผมกินจุขึ้นมั้งครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “พอดีผมจะขึ้นชกมวย”

                “อ้อ ใช่” ลอร์ดแบรดฟอร์ดพยักหน้า “จอห์นน้อยบอกฉันแล้ววันก่อนว่าเขากำลังจะจัดมวยไฟท์พิเศษ ลิตเติลจอห์นกับแมดเนอร์ ฉันน่าจะเดาได้แต่แรกว่าต้องเป็นเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ ลอร์ดเดอรัมพูดต่อ “แล้วเธอจะกลับมาเล่นรักบี้อีกรึเปล่า?”

                “ครับ ผมกำลังวางแผนอยู่ อาจจะหลังชกกับแมดเนอร์เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ ผมที่สโมสรก็อยากจะกลับมาเล่นกันหลายคน”

                “ดี” ลอร์ดแบรดฟอร์ดว่า “ก่อนฤดูหนาวพวกเราวางแผนจะจัดการแข่งขันแมตช์พิเศษ เป็นการแข่งการกุศล เจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุกแห่งคอร์นวอลล์และโรธเซย์จะมาทอดพระเนตรการแข่งขันนี้ด้วย”

                “ว้าว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องด้วยความตื่นเต้น “เจ้าชายอัลเบิร์ตจะมาทอดพระเนตรด้วยหรือครับ เป็นเกียรติมาก”

                ลอร์ดทั้งสองพยักหน้า “ใช่ ที่เราเรียกประชุมก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้แหละ”

----------------------------------------

                “โอ้โห จอห์นนี่ แปลว่าเราจะได้ลงแข่งขันรักบี้นัดพิเศษต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายแห่งเวลส์งั้นสิ?”

                “อาจจะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันยื่นหนังสือแสดงความจำนงไปแล้ว แต่ต้องผ่านคณะกรรมการพิจารณาอีกที”

                “ว้าว ถ้านายได้รับเลือก เขาจะให้สิทธิ์นายหาสมาชิกทีมใช่มั้ย?”

                “ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาจะคัดกันอีกที นายก็รู้ มีคนเก่งๆ อยู่ในสมาคมรักบี้แห่งลอนดอนเยอะมาก”

                “นั่นสิ ที่สำคัญฉันไม่ได้เป็นสมาชิกด้วย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำคอตก “ทำไมเขาไม่รับใบสมัครฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบเพื่อน “เอาน่า สมาคมดนตรีและคีตกวีที่นายเป็นสมาชิกก็ไม่รับใบสมัครของฉันเหมือนกัน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ “งั้นพวกเราก็เสมอภาคกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ เขาให้โอลิเวอร์บึ่งรถม้ามาที่คฤหาสน์ของลอร์ดแอนโดเวอร์ เพื่อคุยเรื่องน่าตื่นเต้นนี้กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันโดยเฉพาะ ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มกำลังนั่งคุยกันไปพลาง ดื่มชายามบ่ายกับกินของว่างไปพลาง ในศาลาโค้งซึ่งตั้งอยู่ในสวนสวยด้านหลังคฤหาสน์

                “รักบี้เป็นสิ่งที่ฉันคิดถึงมาก ตอนไปอเมริกาฉันหาคนเล่นเป็นเพื่อนไม่ได้เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คร่ำครวญ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ

                “เพราะงั้นนายถึงต้องขี่ม้าจนขากางไง” เขาว่า ก่อนจะถามต่อ “แล้วเรื่องนายกับกอร์ดอนเป็นไงบ้าง?”

                “เขาส่งเสื้อกล้ามที่เหลืออีกสามตัวให้ฉันแล้วตั้งแต่วันอังคาร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “พักนี้ฉันไม่ค่อยได้เจอเขาเลย ฉันมัวแต่ยุ่งกับการซ้อมมวย อีกอย่าง ฉันกลัวว่าถ้าไปที่ร้านของเขาจะเป็นการรบกวนเวลาด้วย งานของเขาเยอะมาก แล้วฉันก็เพิ่งสั่งตัดเสื้อกับเขาไปทั้งตู้”

                “โห...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “นายสั่งกอร์ดอนตัดเสื้อทั้งตู้เลยหรือ เขาคงยุ่งเพราะทำแต่ชุดของนายนั่นแหละ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “แต่วันพุธที่แล้วเขาแวะมาดูฉันซ้อมแล้วพวกเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน ฉันมีความสุขมาก ฉันอยากให้กอร์ดอนเลิกตัดเสื้อให้คนอื่น พวกเราจะได้มีเวลาออกไปเที่ยวด้วยกันบ้าง”

                “นายไม่บอกเขาล่ะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “กอร์ดอนน่าจะยอมตกลงนะ เขารักนายไม่ใช่หรือ?”

                “ไม่ได้หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ลูกค้าของกอร์ดอนไม่ใช่ระดับธรรมดา เขาตัดชุดให้ดยุกแห่งอ็อคฟอร์ดด้วย”

                “โอ้ พระเจ้า!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ฉันว่าลำพังแค่เขาตัดชุดให้ลอร์ดสวินดันก็แย่แล้วนะ นี่เขายังตัดชุดให้ท่านดยุกด้วยหรือ?”

                 “ใช่ เขาเป็นช่างคนโปรดของท่านดยุกเลย พ่อบอกฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ดูเหมือนท่านดยุกจะหวงช่างตัดเสื้อด้วย เขาไม่ยอมบอกพ่อว่าตัดชุดกับกอร์ดอน จนแม่ต้องไปถามเอาจากท่านดัชเชส”

                “ดยุกแห่งอ็อคฟอร์ดเป็นคนที่ฉันไม่อยากจะยุ่งด้วยที่สุดเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่ากลัว “เขาเป็นชายแก่ที่ดูเย็นชามาก เหมือนรูปปั้นที่อยู่หน้าสุสาน”

                “ฉันก็คิดเหมือนนาย” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “แต่เขาสนิทกับครอบครัวของฉันมาตั้งแต่สมัยปู่ บางทีฉันก็สงสัยนะว่าปู่มีเพื่อนแบบดยุกแห่งอ็อคฟอร์ดได้ยังไง”

                “ปู่นายเป็นคนกว้างขวาง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ใครๆ ก็พูดว่าปู่นายจะได้เป็นนายก ถ้าเขายังอยู่และลงเลือกตั้ง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วถามอีก “พูดถึงท่านดยุก ฉันอดนึกถึงแคทเธอรีนไม่ได้ เธอเป็นหลานของเขา เรื่องของนายกับเธอไปถึงไหนแล้ว”

                “อยู่ในระดับรักษาความสัมพันธ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันเชิญเธอมาดื่มชาทุกสัปดาห์ติดต่อกันมาสักสองเดือนกว่าแล้ว แต่พวกเราไม่คุยอะไรกันมากไปกว่าเรื่องทั่วไป ฉันว่าเธอเบื่อนะ แต่พยายามรักษามารยาท ฉันเองก็เบื่อเหมือนกัน แต่แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่ช่างพูดและรู้กาลเทศะมาก เธอรู้ว่าฉันจำใจเชิญเธอมา แต่ก็พยายามรักษาน้ำใจฉัน อีกอย่างเธอไม่ได้แสดงออกว่าพอใจฉันมากไปกว่าที่ฉันพอใจเธอ ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”

                “ถ้านายอยากเป็นเพื่อนกับเธอ นายควรจะบอกเธอไปตรงๆ เลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ผู้หญิงเป็นเพศที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก นายมองเธอไม่ออกหรอกว่าเธอชอบหรือเกลียดนาย ทางที่ดีนายต้องรีบบอกความรู้สึกที่แท้จริงไปตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เธอเข้าใจผิดหรือผูกใจเจ็บถ้ารู้ทีหลัง ฉันว่าเธอคงไม่ชอบนักหรอกที่ต้องมานั่งคุยเรื่องน่าเบื่อกับนายทุกสัปดาห์โดยไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”

                “นั่นสิ ฉันจะเชื่อนายในฐานะผู้เชี่ยวชาญแล้วกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “พ่อแม่ฉันอยากให้ฉันแต่งงานกับเธอ”

                “นั่นแหละ ฉันก็แน่ใจว่าพ่อแม่ของเธอก็คงอยากให้เธอแต่งงานกับนายเหมือนกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แล้วถอนหายใจ “นายต้องรีบบอกเธอ ถ้าเธอยินดีจะเป็นเพื่อนกับนาย ก็ถือเป็นโชคดีของนาย แต่ถ้าไม่ นายก็จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความอาฆาตแค้นของผู้หญิง ฉันแนะนำเลยนะว่าให้นายย้ำว่านายจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร บอกเธอไปเลยว่านายมีคนรักอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องเล่าเธอนะว่าคนรักของนายเป็นใคร”

                “ฉันไม่เล่าหรอก ฉันยังไม่บ้าขนาดนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่พูดไปตรงๆ แบบนั้นจะดีหรือจอร์จ เธอจะไม่เกลียดฉันหรือ?”

                “เธอทำได้เต็มที่ก็แค่ยกน้ำชาสาดหน้านาย แล้วสะบัดหน้าเดินจากไปเท่านั้นแหละ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่ฉันแนะนำว่านายไม่ควรพูดตอนเธอมีน้ำชาอยู่เต็มแก้วและยังร้อนอยู่ มันต้องแย่กว่าโดนสาดด้วยไวน์แน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ฉันจะจำไว้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตักเค้กใส่ปาก “แมดเนอร์จะขึ้นชกวันศุกร์นี้แล้ว เราจะเจอกันที่ไหนดี นัดเจอที่สนามมวยเลย หรือเจอกันที่บ้านฉัน บ้านนาย บ้านเอ็ดดี้?”

                “ที่สนามมวย ฉันคุยกับเอ็ดดี้แล้วเมื่อวาน เขาแวะไปดูฉันซ้อม”

                “ว้า... ทำไมเขามาวันที่ฉันไม่ได้ไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “วันนี้เขาจะมาอีกไหม”

                “ยังไม่แน่ เอ็ดดี้ชอบไปสนามม้าเพื่ออวดเสื้อผ้าของเขามากกว่ามาขลุกอยู่ที่สนามมวย”

                “เขาไปได้ทุกที่ที่มีโต๊ะรับแทงพนัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแถมให้ “ฉันนึกดีใจที่เอ็ดดี้มีมรดกมหาศาลและเขาเป็นลูกชายคนโต ไม่งั้นชีวิตเขาคงแย่แน่”

                “นายไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตคนอื่นไปหรอกน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายจะแต่งงานกับมาร์กาเร็ตเมื่อไหร่?”

                “ยังไม่มีกำหนด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันยังใช้ชีวิตหนุ่มโสดไม่คุ้มเลย ฉันรักมาร์กาเร็ตก็จริง อยากแต่งงานกับเธอก็จริง แต่ฉันยังไม่อยากแต่งตอนนี้ นายก็เห็นอยู่ว่ามาร์กาเร็ตเป็นยังไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ พวกเขาดื่มชาและกินอาหารว่าง พลางคุยสัพเพเหระกันต่อ ก่อนจะนั่งรถม้าไปที่สโมสรมวยของลอร์ดควีนสเบอรี่ด้วยกัน

--------------------------------------

                กอร์ดอนเกือบจะไม่ได้เจอลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากตอนที่ไปสโมสรในคืนวันพุธ ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยกับการซ้อมมวยจนไม่มีเวลาเทียวมาเทียวไปร้านของเขาเหมือนเก่า ใจนึงช่างตัดเสื้อก็รู้สึกดีที่เขาจะมีเวลาอยู่กับงานมากขึ้น แต่อีกใจเขาก็อดคิดถึงฝ่ายนั้นไม่ได้ บางทีก็นึกกลัวขึ้นมาว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์อาจจะเลิกรักเขาแล้ว เวลารู้สึกแบบนั้น ช่างตัดเสื้อจะหยิบเสื้อที่ยังตัดค้างอยู่ของเอิร์ลหนุ่มขึ้นมาเย็บต่อ ด้วยหวังว่าเมื่อท่านเอิร์ลได้เห็นเสื้อผ้าพวกนี้แล้วจะรู้สึกคิดถึงเขา ซึ่งบางทีเขาก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าสิ้นดีที่เอาแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้

                ช่างตัดเสื้อตั้งใจจะไปดูการชกของแมดเนอร์กับลอร์ดโทรว์บริดจ์และเพื่อนๆ ในเย็นวันศุกร์ หลังจากถูกฝ่ายนั้นชวนตอนนั่งรถม้าไปสโมสรด้วยกัน แต่เขาไม่ได้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะจัดการงานที่คั่งค้างอยู่ทันหรือไม่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็ดูเหมือนเป็นห่วงไม่อยากให้เขาลำบากใจ จึงไม่คาดคั้นเอาคำตอบที่แน่นอนจากเขาอีก             

                ถึงอย่างนั้น กอร์ดอนก็พยายามเร่งมือทำงานอย่างเต็มที่ เขานอนเพียงเล็กน้อยในวันพฤหัส เพื่อให้งานเสร็จทันเย็นวันศุกร์ แต่ทว่าพอถึงเช้าวันศุกร์จักรสองตัวในร้านเกิดมีปัญหา งานจึงเสร็จไม่ทันอย่างที่หวังไว้ สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องนั่งเย็บผ้าต่อหลังจากร้านปิด ทำให้เขาพลาดโอกาสไปพบเอิร์ลหนุ่มอย่างน่าเสียดาย

                “คุณจะออกไปดื่มหรือครับ?” โอลิเวอร์ถามหลังเห็นเจ้านายเดินลงบันไดมาพร้อมเสื้อโค้ท เขาเพิ่งกวาดพื้นด้านหลังร้านที่ใช้เย็บผ้าเสร็จ และเวลาก็ปาเข้าไปใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ช่างตัดเสื้อพยักหน้า

                “อืม”

                “แต่ว่านี่ก็ดึกมากแล้ว...”

                “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปดื่มไม่นาน อีกอย่างฉันทำงานมาทั้งสัปดาห์แล้ว”

                “ครับ...”

                เดวิดมองตามหลังช่างตัดเสื้อที่เดินออกจากร้านแล้วขึ้นรถม้าไป

-------------------------------

                บาร์บีช็อตกำลังจะปิดตอนที่กอร์ดอนลงจากรถม้า แจ็คสันที่กำลังจะแขวนป้ายปิดหน้าประตูร้านมองเขาอย่างแปลกใจ

                “อ้าว กอร์ดอน ทำไมมาดึกป่านนี้”

                “ผมอยากดื่ม สัปดาห์นี้งานผมเยอะมาก” ช่างตัดเสื้อว่า แจ็คสันรีบเชิญเขาเข้าไปในร้าน

                “คุณดูโทรมมากนะ” เจ้าของบาร์วัยห้าสิบเศษเอ่ย แล้วส่งแก้วเหล้ายินให้เขา กอร์ดอนพยักหน้า

                “งานเยอะยังไม่น่าโมโหเท่าจักรเสียตอนที่กำลังเร่งงานที่สุด”

                “อืม... ปัญหาน่ารำคาญของคุณเลยนี่”

                “ใช่... บางทีผมก็อยากจะหาช่างซ่อมจักรมาประจำไว้ที่ร้านสักคน แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ได้เสียทุกวัน แค่เสียวันที่เรารีบที่สุด”

                “แล้วงานคุณเสร็จทันมั้ย?”

                “ทัน” กอร์ดอนพยักหน้า แล้วกระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้ว “เอาเตกีล่ามาให้ผมเลยดีกว่า”

                แจ็คสันเลิกคิ้ว “เอาเป็นมาร์ตินีดีไหม เดี๋ยวผมจะผสมให้คุณ”

                “ได้” กอร์ดอนพยักหน้า แจ็คสันเลยรินเตกีล่าผสมกับเหล้ายินใส่ในแก้วคอกเทลยื่นให้เขา ช่างตัดเสื้อหนุ่มยกดื่มทันที

                “ไม่เลว” เขาว่า “ขอแบบนี้อีกแก้วสิ เพิ่มเตกีล่าหน่อยก็ได้”

                “ท่าทางคุณหงุดหงิดนะเนี่ย มีอะไรมากกว่าจักรเสียรึเปล่า?” แจ็คสันตั้งข้อสังเกต แต่ก็ผสมมาร์ตินี่ให้เขาอีกหนึ่งแก้ว

                “ไม่มีหรอก ผมแค่เหนื่อยมากเท่านั้น” กอร์ดอนว่า แล้วยกแก้วมาร์ตินี่ขึ้นดื่มจนหมด

                “เอาเหล้ารัมดีกว่า”

                แจ็คสันพยักหน้า “งั้นผมจะผสมกับยินให้คุณนะ น่าจะเข้ากันดี”

                “ไม่ๆ เอามาให้ผมเพียวๆ นั่นแหละ”

                “หา?” แจ็คสันเลิกคิ้วมองเขา “คุณดื่มได้หรือ?”

                “ได้ คราวนี้ผมไม่สำลักหรอก”

                แจ็คสันรินเหล้ารัมใส่แก้วแล้วส่งให้เขา “ท่าทางคุณเหมือนมาเพื่อมอมเหล้าตัวเองเลย เกิดอะไรขึ้นที่ร้านคุณกันแน่”

                กอร์ดอนหัวเราะ แล้วสั่นศีรษะ เขายกแก้วเหล้ารัมขึ้นดื่มหนึ่งอึก ก่อนจะทำหน้าเหยเก แจ็คสันพูดต่อ “มันบาดคอ ผมบอกคุณแล้ว”

                “ไม่เป็นไร” เขาสั่นศีรษะแล้วจิบเหล้าอีกสองสามอึก แน่นอนว่าสีหน้าเหยเกไม่ต่างกัน “จอห์นดื่มเข้าไปได้ไง”

                คนได้ฟังหัวเราะออกมาทันที “ก็เขาเป็นผู้จัดการเหมือง ส่วนคุณเป็นช่างตัดเสื้อไง เหล้ารัมไม่ใช่เหล้าที่ช่างตัดเสื้อระดับตัดให้สุภาพบุรุษอย่างคุณจะดื่มเพียวๆ หรอก”

                กอร์ดอนถอนหายใจแล้วทำคอตก “แต่จอห์นดื่มอย่างกับว่ามันอร่อยมาก... ทั้งๆ ที่พอเป็นไวน์ เขาดันเรื่องมากเสียได้”

                “ว้าว จอห์นดื่มไวน์ด้วยหรือ? เขาก็มีระดับเหมือนกันนะ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “เขาเป็นคนที่แปลกมาก”

                “ใช่ ผมเห็นด้วยว่าเขาแปลก” แจ็คสันว่า “คุณรู้จักเขาได้ไง อุบัติเหตุอย่างที่เล่าวันก่อนจริงๆ หรือ?”

                คนถูกถามพยักหน้าอีก “ใช่ คุณคิดว่ามีสาเหตุอื่นทำให้ผมรู้จักกับเขาได้อีกหรือ?”

                “ก็จริง” แจ็คสันพูด เขาเห็นกอร์ดอนพยายามดื่มเหล้ารัมอีก เลยพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง “นี่ คุณไม่ต้องดื่มมันแล้วล่ะ ผมกลัวว่าคุณจะกลับบ้านไม่ไหว นี่ก็ดึกมากแล้วนะ”

                “ไม่เป็นไร” กอร์ดอนว่า และยกเหล้ารัมขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว คราวนี้ถึงแม้เขาจะไม่สำลัก แต่ก็แสบคอจนน้ำตาไหล แจ็คสันได้แต่สั่นศีรษะ

                “ไม่ไหวๆ คุณควรกลับบ้านได้แล้ว ผมจะได้ปิดร้าน”

                กอร์ดอนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ก็จริงของคุณ ผมขอโทษด้วยที่มารบกวนเวลา”

                “ไม่เป็นไรหรอก คุณรีบกลับก่อนที่จะเมาไปมากกว่านี้เถอะ”

                “อืม...”

                กอร์ดอนจ่ายค่าเหล้าให้แจ็คสันแล้วเดินมาเรียกรถม้าที่หน้าร้าน เขารออยู่พักก็จับรถม้าได้คันหนึ่ง ตอนปีนขึ้นก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอขาลง ช่างตัดเสื้อพบว่าขาของเขายากอย่างยิ่งที่จะยันลงไปบนพื้นอย่างมั่นคงได้ เขาเซล้มลง และต้องใช้เวลาตะเกียกตะกายอยู่พักหนึ่งถึงจะลุกขึ้นมาได้ แถมยังใช้เวลาอีกอึดใจใหญ่ๆ เพื่อควานหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เขากำธนบัตรยับๆ ใบหนึ่งส่งให้คนขับรถม้า ก่อนจะโซซัดโซเซไปกดออดที่หน้าร้าน ไม่นานนักเดวิดก็วิ่งตื๋อออกมาเปิดประตูให้

                “พระเจ้า!” เด็กหนุ่มอุทาน ก่อนจะช่วยพยุงฝ่ายนั้นเข้าไปนั่งบนโซฟา “คุณเมามากเลยคุณโอเดนเบิร์ก เกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไร” เขาสะอึกสองครั้ง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน “ฉันต้องไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก”

                “โธ่... คุณเมาขนาดนี้ ตื่นไม่ไหวหรอก ผมว่า” เดวิดพูดและพยายามพยุงช่างตัดเสื้อไปที่บันได กอร์ดอนเอื้อมมือคว้าจับราวบันไดเอาไว้ ก่อนจะชี้มืออีกข้างไปยังชิ้นผ้าที่กองอยู่บนโต๊ะ

                “หยิบผ้าสีน้ำเงินผืนนั้นให้ฉันหน่อย”

                “โห... คุณยังจะทำงานอีกหรือครับ?”

                “หยิบมาเถอะ”

                เดวิดจำใจเดินไปหยิบผ้าที่ตัดแล้วผืนนั้นมาตามคำสั่ง กอร์ดอนถือมันเอาไว้ ก่อนจะเดินขึ้นห้องโดยมีเดวิดช่วยพยุง

                ช่างตัดเสื้อล็อกประตูห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง เขากำผ้าสีน้ำเงินผืนนั้น ซึ่งเป็นผ้าที่จะใช้ตัดเสื้อให้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่น ก่อนจะแนบหน้าลงไป

                “จอห์น... ผมคิดถึงคุณ”

------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปชมการชกมวยของแมดเนอร์กับเพื่อนๆ โดยปราศจากเงาของกอร์ดอน ทั้งหมดซื้อตั๋วเข้าชมในที่นั่งสำหรับคนทั่วไป มีผู้ชมทยอยเข้ามานั่งชมจนเต็มความจุสนาม แมดเนอร์เป็นนักมวยดาวรุ่ง เขาขึ้นชกมาแล้วสิบสองครั้ง และแพ้เพียงสองครั้งเท่านั้น เขาเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ อายุน้อยกว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์สามปี ทุกส่วนบนร่างกายเขาคือมัดกล้ามแน่นๆ แน่นอนว่าเขาทั้งดูแข็งแรงและตัวใหญ่กว่าเอิร์ลหนุ่ม

                คู่ต่อสู้ของแมดเนอร์เป็นนักมวยรุ่นเก๋าอย่างฟิชเชอร์ เขาขึ้นชกมาแล้วสี่สิบสองครั้ง เรียกว่าแก่ประสบการณ์อย่างแท้จริง ฟิชเชอร์ประกาศว่าแมตช์นี้คือแมตช์สุดท้ายก่อนที่เขาจะเลิกชกมวย การชกเป็นไปตามกติกาของลอร์ดควีนสเบอรี่ คือใส่นวมชก และชกทั้งหมดห้ายก ยกละสามนาที

                การชกเป็นไปอย่างดุเดือดตั้งแต่ยกแรก แมดเนอร์เดินเข้าใส่ฟิชเชอร์อย่างไม่เกรงกลัว ปล่อยหมัดฮุกซ้ายที่เป็นหมัดเด็ดของเขาสลับกับหมัดชุด ฟิชเชอร์โยกหลบและคอยจังหวะดักสวนเป็นระยะ เสียงคนดูตะโกนเชียร์ดังลั่นเวลาหมัดของนักมวยทั้งสองฝั่งเข้าเป้า ประมาณกลางๆ ยกสอง แมดเนอร์เริ่มมีแผลแตกที่หางคิ้ว เลือดออกมากจนกรรมการต้องเชิญเข้ามุมเพื่อเย็บแผลสด แต่เขายังคงเดินหน้าลุยอย่างดุดันตามสไตล์ ขณะที่ฟิชเชอร์ชิงจังหวะปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตใส่ท้องและใบหน้าของเขา ถึงอย่างนั้นพอปลายๆ ยกสาม ฟิชเชอร์ก็โดนหมัดฮุกซ้ายของแมดเนอร์เข้าไปจังๆ จนกรรมการต้องนับถึงสี่ แต่เขาก็ยังยืนหยัด กลับมาชกต่อได้จนครบห้ายก กรรมการสรุปคะแนนและยกมือให้ฟิชเชอร์เป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ สองต่อสามเสียง

                “แมดเนอร์กัดไม่ปล่อยอย่างกับพิตบูล” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางขณะที่คนอื่นๆ ทยอยลุกจากเก้าอี้ ลอร์ดครอฟตันพยักหน้าเห็นด้วย

                “เขาชกมวยได้ดุเดือดมาก พนันเลยว่าถ้ายังชกต่ออีกยก ฟิชเชอร์ต้องถูกเขาน็อกแน่นอน”

                “แมดเนอร์เหมือนวัวไบสัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฟิชเชอร์เองก็ชกดีมาก เขาชนะเพราะความเก๋าประสบการณ์ล้วนๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองเพื่อนอย่างเป็นห่วง “นายจะต้องขึ้นชกกับแมดเนอร์ไฟต์หน้า นายจะไหวรึเปล่า จอห์นนี่?”

                “ไหวสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบยิ้มๆ “อยู่บนนั้นห้ายก ไม่ชนะก็แพ้ ยืนไม่ไหวก็โดนน็อก แค่นั้นเอง”

                ลอร์ดครอฟตันสั่นศีรษะ “เห็นทีฉันอาจจะต้องเลิกเล่นพนัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตบไหล่เพื่อน “เอาน่า นายจะแทงข้างแมดเนอร์ก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”

                พวกเขาทยอยลุกจากเก้าอี้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปยังห้องพักนักกีฬา ตอนแรกพี่เลี้ยงไม่ยอมให้เขาเข้าไปพบกับแมดเนอร์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงขอพบผู้จัดการส่วนตัวของแมดเนอร์แทน พอผู้จัดการเห็นเขาก็จำได้ และรีบขอโทษขอโพย ก่อนจะเชิญเขาเข้าไปในห้องพักทันที

                แมดเนอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ มีหมอนั่งอยู่ข้างๆ กำลังใช้ผ้าก็อซปิดแผลที่หางคิ้วของเขาอยู่ พอเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์ท่านลอร์ด คุณมาดูผมชกด้วยหรือนี่?”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “คุณชกดีมาก ผมชอบ”

                แมดเนอร์ยิ้มยิงฟัน “น่าเสียดายที่มีการชกแค่ห้ายก ไม่งั้นคุณคงได้เห็นฟิชเชอร์ลงไปนอนแผ่บนผ้าใบ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม แมดเนอร์มองเขาแล้วพูดต่อ “คุณดูดีกว่าในหนังสือพิมพ์มาก ท่านลอร์ด หวังว่าการพบกันครั้งต่อไปของเรา คุณจะเตรียมตัวพร้อมนะ”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณเป็นคู่ชกที่น่าประทับใจมาก”

                แมดเนอร์กวาดตามองเขา “ผมหวังว่าคุณจะยืนอยู่บนเวทีได้จนจบยกแรกนะ ชัยชนะที่มีเหนือคู่ต่อสู้ที่อ่อนปวกเปียกไม่ใช่สิ่งที่ผมภูมิใจ”

                “ผมก็หวังอย่างนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมหวังว่าคุณจะชกเต็มที่เหมือนวันนี้”

                “แน่นอน ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นใครหรอก อย่าแพ้น่าเกลียดมากก็แล้วกัน”

                พี่เลี้ยงและผู้จัดการมองหน้ากันด้วยความหวั่นใจ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม

                “ได้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” เขาพูด แล้วผงกศีรษะ “ผมต้องขอตัวก่อน”

                “เชิญตามสบายเลย ผมไม่ไปส่งนะ”

                ผู้จัดการและพี่เลี้ยงพากันเดินออกมาส่งลอร์ดโทรว์บริดจ์ พลางพูดจาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระซิบกับเขาหลังเดินพ้นออกมาแล้ว

                “จอห์นนี่ แมดเนอร์นี่มารยาทแย่ชะมัด เขาพูดกับนายไม่มีคำลงท้ายสักคำ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ๆ อยู่ว่านายเป็นใคร แถมยังมองนายด้วยสายตาเหยียดหยามอีก ฉันไม่ชอบเขาเลย”

                “เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือตบบ่าเพื่อนรัก “เขาเป็นนักมวยดาวรุ่ง จู่ๆ ถูกจับมาให้ชกกับลอร์ดคนนึงที่ไม่เคยมีชื่อเสียงด้านมวยมาก่อน เป็นฉันฉันก็คงหงุดหงิดเหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างเขาเพิ่งแพ้คะแนนแบบที่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม”

                ลอร์ดครอฟตันถอนใจ ก่อนจะยกมือตบบ่าลอร์ดโทรว์บริดจ์บ้าง “ฉันตัดสินใจแล้วจอห์นนี่...”

                “ว่า?” สองคนหันไปมองเขาพร้อมกัน ลอร์ดครอฟตันสูดหายใจลึก แล้วระบายออกมา

                “ฉันจะลงพนันข้างนาย ต่อให้นายแพ้ก็ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากถือหางนักชกแบบหมอนั่น”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ใช่ ถูกของนาย เอ็ดดี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ตามใจพวกนายแล้วกัน”

                สามหนุ่มเดินออกมาจากสนามมวย ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์

--------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่18p.9 (20/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 24-02-2017 20:31:46

                “แมดเนอร์ชกมวยดุดันมากครับ” โอลิเวอร์พูดขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังจะก้าวขึ้นรถม้า เอิร์ลหนุ่มเลิกคิ้ว แล้วยิ้ม “เข้าไปดูด้วยสินะ”

                “แน่นอนครับ ผมไม่อยากรออยู่ข้างนอกเฉยๆ นี่” คนรับใช้ตอบเขา ก่อนจะพูดต่อ “แต่ผมว่าคุณมีสิทธิ์ชนะเขาได้เหมือนกันนะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ขอบใจที่ให้กำลังใจฉันนะ โอลิเวอร์”

                “ผมพูดจริงๆ นะ” คนรับใช้หนุ่มตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เขามุทะลุและทะนงตัวเกินไป ถ้าเขาไม่เดินหน้าเข้าใส่ฟิชเชอร์แบบนั้นคงชนะไปแล้ว ผมพอจะพูดได้ว่าเขาเป็นนักมวยที่ออกหมัดได้ดี แต่ค่อนข้างจะโง่”

                “ว้าว” คนเป็นเจ้านายร้องออกมา “มองออกขนาดนั้นเลยหรือ?”

                “ครับ... ผมชอบดูมวยนะ” โอลิเวอร์ตอบพลางยิ้ม “คุณเองช่วงหลังๆ นี้สเต็ปเท้าดีขึ้นมากนะครับ ผมว่าซ้อมเทคนิคดีๆ น่าจะเอาชนะเขาได้ไม่ยาก คุณยังอายุไม่เยอะเท่าฟิชเชอร์ ยังเต้นหนีหมัดทื่อๆ ของเขาได้สบาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “คิดว่าแกอยู่ดูฉันซ้อมทุกวันจนเบื่อเสียอีก” เขาเว้นจังหวะไปหน่อยหนึ่ง “อยากมาเป็นพี่เลี้ยงข้างเวทีให้ฉันมั้ย?”

                “ได้หรือครับ?” โอลิเวอร์มีสีหน้าตื่นเต้น “แต่ลอร์ดจอร์จเป็นพี่เลี้ยงคุณไปแล้ว”

                “ไม่เป็นไรหรอก พี่เลี้ยงมีได้ตั้งหลายคน ฉันจะลองคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่ให้”

                “เป็นพระคุณมากครับนายน้อย” โอลิเวอร์ค้อมศีรษะ ก่อนจะเปิดประตูรถม้าให้เอิร์ลหนุ่ม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้าวขาขึ้นไปข้างหนึ่งแล้วหันมาพูดแบบเพิ่งนึกได้

                “เดี๋ยวแวะไปที่ร้านกอร์ดอนหน่อยสิ ฉันอยากเล่าเรื่องแมดเนอร์ให้เขาฟัง วันนี้เขาไม่ได้มา คงติดงานอยู่”

                “แต่นี่ดึกแล้วนะครับ เขาอาจจะนอนแล้ว หรือยังทำงานค้างอยู่ก็ได้”

                “ไม่เป็นไร ยังไงก็อ้อมจากทางกลับบ้านปกติไม่ไกลอยู่แล้ว ฉันอยากแวะไปสักหน่อย”

                “ได้ครับ”

                ตอนไปถึงร้านกอร์ดอนเทเลอร์แขวนป้ายปิดร้านและดึงม่านลงแล้ว แต่ยังเปิดไฟเอาไว้อยู่ โอลิเวอร์ลงมาเปิดประตูรถม้าให้เจ้านาย ก่อนจะเดินไปกดออด เดวิดรีบวิ่งมาเปิดประตู

                “คุณกลับมาเร็วจัง...” คำพูดของเด็กหนุ่มชะงักค้าง ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “อ้าว ท่านลอร์ด... มีธุระด่วนอะไรหรือครับ?”

                “อ๋อ เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “กอร์ดอนล่ะ?”

                “คุณโอเดนเบิร์กเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี้เองครับ” เด็กรับใช้ตอบ “ท่านลอร์ดจะฝากข้อความอะไรเอาไว้รึเปล่าครับ?”

                “ไม่เป็นไร เขาออกไปไหน ดื่มหรือ?”

                “ครับ เขาว่าเขาทำงานหนักมาตั้งเป็นสัปดาห์แล้ว”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “งั้นฉันกลับล่ะ”

                “ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                “ราตรีสวัสดิ์”

----------------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้นกอร์ดอนตื่นเพราะเสียงเคาะประตู เขางัวเงียลุกขึ้นจากเตียงพร้อมด้วยอาการปวดหนึบในหัว เสียงเคาะยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าคนที่เคาะมีเรื่องเร่งด่วนหนักหนา ช่างตัดเสื้อโซซัดโซเซไปที่ประตู แล้วกระชากเปิดอย่างหงุดหงิด

                “มีอะ...” เสียงของช่างตัดเสื้อชะงักค้างเมื่อเห็นคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของประตู ฝ่ายนั้นใช้ดวงตาสีเขียวจ้องเขา ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

                “ลงไปก่อน ฉันจะคุยธุระ”

                จากนั้นเขาก็เปิดประตูเดินเข้ามา แล้วจะดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอด กอร์ดอนเบิ่งตากว้าง เขาใช้เวลาอึดใจใหญ่ๆ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะกอดตอบอีกฝ่ายแน่น

                “ในที่สุดคุณก็มาแล้ว” ช่างตัดเสื้อพูดเสียงพร่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะจูบศีรษะของกอร์ดอนเบาๆ

                “กอร์ดอน เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น?” เอิร์ลหนุ่มขยับตัวออกมาเล็กน้อย ก่อนจะถามอีกฝ่าย “เดวิดบอกผมว่าคุณออกไปดื่มตอนดึก แล้วเมากลับมา ทำไมคุณถึงต้องดื่มจนเมาขนาดนั้นด้วย? คุณกดดันเรื่องงานขนาดนั้นเลยหรือ?”           

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขารู้สึกดีใจเกินกว่าจะตอบคำถามนั้นได้ ช่างตัดเสื้อกอดเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจูบเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักตัวด้วยความแปลกใจหนึ่ง ก่อนจะใช้มือช้อนใบหน้าของกอร์ดอนขึ้นมาแล้วจูบตอบ

                ทั้งคู่จูบกันอยู่นาน ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจและความกังวลทั้งหลาย รวมถึงอาการปวดหัวจากการเมาค้างของกอร์ดอนหายเป็นปลิดทิ้ง เขารับรู้แค่ว่าตอนนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาอยู่ตรงหน้า และกำลังจูบเขาอย่างอ่อนโยน สัมผัสอย่างคนรักกันทำให้หัวใจของช่างตัดเสื้อเต็มตื้นขึ้นมา เขาโอบมือไปรอบคอของฝ่ายนั้น ดื่มด่ำกับจุมพิตจากริมฝีปากที่เฝ้าคิดถึงมานาน

                “กอร์ดอน คุณเป็นอะไรเนี่ย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหลังจากทั้งคู่ผละริมฝีปากออกจากกัน กอร์ดอนหน้าแดง เขาเอาแต่ยิ้ม จนอีกฝ่ายต้องพูดต่อ

                “ผมชอบนะที่คุณเป็นฝ่ายจูบก่อน แต่คุณดื่มไปเยอะมาก ผมได้กลิ่นเลย เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

                คนถูกถามเงยมองหน้าคนรักอยู่เป็นนาน ในที่สุดก็พูดออกมา “ผมคิดถึงคุณ... คิดถึงจนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง” ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงจัด

                “ผมเกือบไม่ได้เจอคุณเลยตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนแรกผมคิดว่าดีแล้วที่ผมจะได้มีเวลาทำงาน แต่พอไม่ได้เจอหน้าคุณนานเข้า ผมก็เริ่มคิดว่าคุณอาจจะหมดรักผมไปแล้ว”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง เขาใช้สองมือจับใบหน้าของกอร์ดอนเอาไว้ แล้วบดจูบรุนแรงจนอีกฝ่ายสะดุ้ง ก่อนจะผละออกมาแล้วพูดต่อ “คุณคิดได้ไงว่าผมจะหมดรักคุณ”

                “ผมรู้ ผมแค่เพ้อเจ้อ...” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบเขาอีกครั้ง

                “ผมคิดถึงคุณตลอดเวลา” เอิร์ลหนุ่มกระซิบ “ผมอยากเจอคุณทุกวัน แต่ผมเห็นว่าคุณทำงานหนัก ผมไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของคุณ”

                เขาดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอดไว้ “รู้มั้ย บางครั้งผมก็คิดอยากจะขอร้องคุณให้เลิกตัดเสื้อให้คนอื่นเสียที ผมอยากให้คุณตัดเสื้อให้ผมแค่คนเดียว ผมหงุดหงิดเวลารู้ว่าคุณต้องทำงานหนัก นอนดึก เพื่อเร่งเสื้อให้เสร็จทันตามกำหนด และหนึ่งในคนที่ทำให้คุณต้องทำงานหนักแบบนั้นก็คือผมเอง”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “มันเป็นอาชีพของผม... คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจูบศีรษะช่างตัดเสื้อ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก               “กอร์ดอน... ผมจะไม่ขอร้องคุณให้คุณเลิกตัดเสื้อให้คนอื่น เพราะมันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่ผมจะมาหาคุณบ่อยเท่าที่มันไม่น่าเกลียดจนเกินไป เพื่อดูความคืบหน้าเสื้อที่คุณต้องตัดให้ผม... คุณจะได้ไม่คิดถึงผมจนต้องออกไปดื่มแล้วเมาแบบนี้อีก”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนพูด “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ เสียเวลาคุณเปล่าๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “การมาหาคุณไม่ใช่เรื่องเสียเวลาของผมเลย” เขาโน้มหน้าลงจูบหน้าผากช่างตัดเสื้อ “คุณคือสิ่งที่วิเศษที่สุดที่พระเจ้าประทานให้ผม วันที่ผมรู้ว่าคุณรักผม วันนั้นคือวันที่ผมสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันปล่อยคุณไปอย่างเด็ดขาด ผมอยากใช้เวลาทุกนาทีกับคุณ อยากจะมีช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคุณให้นานที่สุด”

                กอร์ดอนบีบแขนฝ่ายนั้น เขาตื้นตันจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วถอนใจเฮือก

                “บางทีผมก็สมเพชชีวิตตัวเองนะ ทั้งที่ผมเป็นถึงเอิร์ล เป็นถึงว่าที่มาร์ควิส คนเกือบทั้งลอนดอนต้องก้มหัวให้ผม แต่ผมกลับไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันคนที่ผมรักได้ พวกเราต้องหลบๆ ซ่อนๆ พบกัน ทั้งๆ ที่ผมอยากจะกอดคุณทุกเช้า จูบราตรีสวัสดิ์คุณทุกคืน อยากจะมีคุณอยู่ข้างๆ เวลาหัวถึงหมอน อยากจะพาคุณไปในทุกๆ ทีที่ผมไป...”

                กอร์ดอนยกมือขึ้นปิดปากฝ่ายนั้นเอาไว้ แล้วยิ้ม “อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ แค่ทุกอย่างที่คุณทำให้ผมตอนนี้ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ผมไม่เคยนึกฝันอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย...” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง แล้วใช้ดวงตาสีฟ้าเรื้อน้ำตาของตัวเองจ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวคู่นั้น “ผมสัญญากับคุณว่าจะไม่คิดอะไรโง่ๆ อย่างเรื่องที่คุณจะหมดรักผมอีก เพราะผมรู้แล้วว่าคุณรักผมแค่ไหน เพราะอย่างนั้นอย่าว่าตัวเองแบบนี้เลยครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หลับตาลง ก่อนจะจับมือช่างตัดเสื้อไว้แล้วจูบเบาๆ

                “ผมไม่มีวันหมดรักคุณ กอร์ดอน ผมขอยืนยันอย่างที่ผมเคยสาบานเอาไว้ จนกว่าความตายจะมาพรากเราจากกัน ผมจะรักคุณตลอดไป”

-------------------------------------

                เดวิดรู้สึกพิศวงที่เห็นเจ้านายของตัวเองเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางไม่เหมือนคนเมาค้างเลยสักนิด หลังจากเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์นั่งรถม้ากลับออกไปได้ราวสิบห้านาที

                “ท่านเอิร์ลมาธุระเรื่องอะไรหรือครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างใคร่รู้

                “อ๋อ... ท่านเอิร์ลมาคุยเรื่องชุด” ช่างตัดเสื้อตอบเขา เดวิดทำหน้าสงสัย “เขามาทวงเสื้อหรือครับ? แต่ท่าทางคุณดูอารมณ์ดีมากเลยนะ”

                “อ๋อ เปล่า” กอร์ดอนหน้าแดง “เขาแค่มาบอกว่าไม่ต้องเร่งมากก็ได้”

                เดวิดพยักหน้าหงึกๆ “ที่แท้คุณกังวลเรื่องเสื้อของท่านเอิร์ลนี่เอง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเรื่องเสื้อของลอร์ดสวินดันเสียอีก”

                “เออ ใช่ เธอเอาเสื้อไปส่งให้เขาหรือยัง?” ช่างตัดเสื้อพูดอย่างนึกขึ้นได้ เดวิดพยักหน้า

                “เรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้วครับ คุณจะกินมื้อเช้าเลยมั้ยครับ? หรือว่าจะทำงานก่อน”

                “ฉันตื่นสายปานนี้แล้ว” กอร์ดอนว่า “กินมื้อเช้าก่อนแล้วกัน”

                “งั้นเดี๋ยวผมไปบอกมิสซิสมาร์ธาให้นะครับ เธอยังอยู่ในครัว

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะเดินตามเดวิดไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ไม่นานนักมิสซิสมาร์ธาก็ยกถาดอาหารเช้าเข้ามาให้

                “คุณดูดีนะคะวันนี้” เธอทัก “เมื่อวานนี้หน้าตาคุณแย่มาก เห็นเดวิดบอกว่าเมื่อคืนคุณเมาหนักเลย”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “งานผมเยอะ... ผมต้องออกไปดื่มบ้าง” ช่างตัดเสื้อว่า ก่อนจะพูดต่อ “คุณเองก็สวยขึ้นนะ”

                มิสซิสมาร์ธาทำหน้าตกใจ “อุ๊ย เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย? นานๆ ทีคุณจะชมฉันนะ”

                เดวิดที่เดินมาทันได้ยินบทสนทนาหัวเราะขึ้น “ผมว่าคุณโอเดนเบิร์กชมคุณเพราะเขาเขินนะ... เขาดูดีกว่าเมื่อวานเป็นคนละเรื่องเลย หลังจากได้คุยกับท่านเอิร์ล นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิง ผมคงคิดว่าเขากับท่านเอิร์ลกำลังแอบคบหากันแน่ๆ”

                กอร์ดอนเกือบสำลักขนมปังที่เพิ่งกินเข้าไป “วะ... ว่าไงนะ!”

                “เสียมารยาทจริง” มิสซิสมาร์ธาเอ็ด “เธอคิดได้ยังไงว่าคุณโอเดนเบิร์กจะคบหากับท่านเอิร์ลแบบนั้น เขาเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ”

                “โธ่... ผมแค่สมมติเองครับ” เดวิดคราง “สมมติว่าถ้าคุณโอเดนเบิร์กเป็นผู้หญิงไง... เขาสวยจะตาย... ถ้าเป็นผู้หญิงต้องมีผู้ชายมาจีบเยอะแน่ๆ คุณไม่เห็นด้วยหรือ?”

                “แต่คุณโอเดนเบิร์กไม่ใช่ผู้หญิง” มิสซิสมาร์ธาย้ำ “ไปทำงานของเธอเลยเดวิด แล้วอย่าเที่ยวพูดเรื่องนี้อีก ถ้าท่านเอิร์ลมาได้ยินเธอต้องแย่แน่”

                “ครับๆ” เดวิดรีบพยักหน้า ก่อนจะผลุนผลันออกไป มิสซิสมาร์ธาถอนหายใจ

                “เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย ยิ่งโตยิ่งชักเพ้อเจ้อเข้าไปทุกที”

                “เขาเพิ่งอายุสิบหกเท่านั้นเอง” กอร์ดอนว่า “ที่จริงแล้วถ้าผมแต่งงานตอนอายุสิบเก้ายี่สิบ คงจะมีลูกรุ่นๆ เดียวกับเขานี่แหละ”

                มิสซิสมาร์ธายิ้มให้เขา “นั่นสิคะ ถ้าคุณมีลูกสาวคงวุ่นวายน่าดู ฉันนึกภาพคุณทำหน้าดุเวลามีหนุ่มๆ มาจีบเธอไม่ออกเลย”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ “หน้าผมไม่ดุพองั้นสิ”

                “อืม... ทำนองนั้นค่ะ ที่จริงดิฉันเคยนึกอยากให้คุณลองไว้หนวดดู แต่พอเห็นคุณเวลาไม่โกนหนวดแล้วดิฉันต้องเปลี่ยนความคิดค่ะ มันดูไม่เข้ากับคุณเลย”

                กอร์ดอนยกมือลูบคางตัวเอง “โชคดีนะที่วันนี้ผมโกนแล้ว สองสามวันก่อนคงดูแย่มาก”

                คนดูแลบ้านมองเขายิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อ “ดิฉันไม่รบกวนเวลามื้อเช้าตอนสายของคุณล่ะค่ะ คุณจะได้มีเวลาไปตัดเสื้อต่อ”

                “อือ”

------------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-02-2017 21:39:22
โอ้ยยย เขินแทนกอร์ดอนเลยนะเนี่ย
เดวิด ต้องไปแอบอยู่ใต้เตียงเป็นแน่แท้
รู้ดีถึงขนาดนี้เชียว
 :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 24-02-2017 22:47:59
เขิลลลลล ตัวบิดค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 24-02-2017 22:52:30
กอร์ดอนนน น่าเอ็นดูจริงๆ งือออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-02-2017 23:47:46
สงสารกอร์ดอนคิดถึงเขามากเลยสินะ ต้องดื่มเหล้าย้อมใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-02-2017 00:38:35
กอร์ดอนที่น่าสงสาร
จอห์นน่ารักมาก สามีแห่งชาติชัด ๆ

เอาใจช่วยลิตเติลจอห์นให้ชนะนักมวยมารยาททรามคนนั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-02-2017 00:52:58
ทำไมนะยิ่งพอเห็นเขารักกันมากเท่าไหร่ เส้นทางข้างหน้าของทั้งสองคนก็ดูเหมิอนจะมืดดำเท่านั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-02-2017 11:23:54
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 25-02-2017 12:36:09
คุณจูชอบทำซึ้งงะ น้ำตาซึมเป็นลอร์ดจอร์จ เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 25-02-2017 12:38:52
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 26-02-2017 23:11:14
คิดถึง กอร์ดอน กับ ท่าน ลอร์ด ครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-03-2017 21:12:22

Dear, My customer.

ตอนที่20 การต่อสู้ของลอร์ดโทรว์บริดจ์


                เหล่าสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดรู้สึกดีใจที่เห็นกอร์ดอนมาที่สโมสรมวยเพื่อดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ในช่วงเย็น แม้ว่าเขาจะไปก่อนการซ้อมเลิกไม่นาน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเป็นคนแรกที่เอ่ยทักเขา

                “ไง กอร์ดอน นายจัดการงานเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ?”

                “ครับ ผมเพิ่งให้เด็กไปส่งงานเมื่อเช้านี้เอง”

                “เป็นงานของพ่อฉัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขาบ่นถึงตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งๆ ที่กำหนดส่งคือวันนี้”

                “ลอร์ดสวินดันชอบให้ส่งงานตรงเวลาครับ” กอร์ดอนตอบเลี่ยงๆ ลอร์ดหนุ่มทำหน้าเพลีย

                “ไม่ เขาชอบเร่งทุกอย่างเท่าที่จะเร่งได้ แต่เขาชอบเสื้อที่นายตัดมากนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดพลางตบบ่าช่างตัดเสื้อ “โชคร้ายจริงๆ ที่เขาชอบเสื้อฝีมือนาย”

                กอร์ดอนยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนจะถามบ้าง “วันนี้ทำไมพวกคุณมากันแค่นี้ล่ะครับ? หรือว่าคนอื่นยังมาไม่ถึง”

                “เจมส์ติดปิดบัญชี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ช่วงสิ้นเดือนเป็นเวลาที่ธนาคารวุ่นวายที่สุด รับรองว่ายุ่งไม่แพ้งานที่ร้านนายแน่นอน”

                “อ้อ ครับ”

                “ส่วนอีธานตามพ่อของเขาไปพบลูกความที่เมืองอื่น เขาไปตั้งแต่ต้นสัปดาห์แล้วยังไม่กลับเลย” เจฟฟรีพูดต่อ “พ่อเขารับว่าความทั่วราชอาณาจักร สำนักทนายความและกฎหมายโธมัสแอนด์ซัน นายน่าจะเคยได้ยิน”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นบ้าง

                “โรเบิร์ตมีปัญหา” เขาว่า “เมื่อเช้าฉันแวะไปที่ร้านของเขา เขาเล่าให้ฟังว่ามีใครบางคนขโมยเพชรดิบที่นำเข้ามาจากอินเดียไปสี่ถุง ตอนนี้อยู่ระหว่างกำลังสืบหาตัวคนร้าย เขากับพ่อต้องสลับกันเข้าออกสก็อตแลนยาร์ดเพื่อให้การและสอบถามความคืบหน้าในการติดตามคนร้าย”

                “โห... สี่ถุง กี่ก้อนล่ะนั่น” ลอร์ดครอฟตันว่า อีกฝ่ายตอบเขา “ยี่สิบก้อน ถ้าขโมยหาคนเจียรได้ก็จบเห่เลย”

                “พระเจ้า...” เพื่อนๆ อุทานออกมา “ขอให้ตำรวจจับคนร้ายได้ไวๆ แล้วกัน”

                “อือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ส่วนนิกกี้ขึ้นรถไฟไปเที่ยวกับเบตตี้ที่ปารีสตั้งแต่เมื่อวาน ให้ตาย ถ้ามาร์กาเร็ตรู้จะต้องคะยั้นคะยอให้ฉันพาไปแน่ๆ”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดครอฟตันขัดขึ้น “นิกกี้ไปกับเบตตี้ได้ไง สองคนนั้นคบกันแล้วหรือ?”

                “ใช่” คนถูกถามพยักหน้า “ตั้งแต่นิกกี้คิดได้ว่าเขาควรจะใส่การ์ดที่เขียนด้วยลายมือของตัวเองและลงชื่อย่อไปกับช่อดอกไม้นี่เขาอุตส่าห์ส่งไปที่คฤหาสน์ของเบ็ตตี้ทุกวัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา “ฉันแน่ใจว่าเขาได้ความคิดจากนาย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้ม ขณะที่ลอร์ดครอฟตันพูดต่อ “สรุปว่านายเป็นแม่สื่อให้สองคนนั่นหรือ?”

                “เปล่า ฉันแค่เสนอความคิด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เขาเพ่งหน้าเพื่อนสนิท “เอ็ดดี้ แล้วเรื่องผู้หญิงของนายไปถึงไหนแล้ว?”

                ลอร์ดครอฟตันถลึงตามองคนถาม “อย่าพูดคำว่า ‘ผู้หญิงของฉัน’ เพราะฉันแน่ใจว่าฉันไม่ได้มีผู้หญิงเยอะแยะอย่างนายแน่นอนจอร์จจี้ ห่วงตัวเองเถอะ นายนับหรือยังว่ามีผู้หญิงซ่อนไว้อีกกี่คน ก่อนที่มาร์กาเร็จจะช่วยมานับให้นาย”

                “โอ๊ย!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องเสียงดัง “อย่าพูดถึงมาร์กาเร็ต”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และเจฟฟรีหัวเราะออกมา ขณะที่ลอร์ดครอฟตันพูดต่อ “ตะกี้นายเล่าว่านายเพิ่งไปที่ร้านของโรเบิร์ต นายไปร้านเขาทำไม อย่างนายคงไม่นึกอยากเปลี่ยนแหวนเพชรใหม่หรอกใช่ไหม? ซื้อเครื่องเพชรให้สาวคนไหนอีกล่ะ? คนใหม่หรือคนเก่า”

                “อ่อค... นายร้ายกาจมากเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ห้ามพูดแบบนี้ต่อหน้ามาร์กาเร็ตเด็ดขาดเลยนะ ฉันขอร้องนายล่ะ”

                เพื่อนอีกสองคนพากันหัวเราะ ก่อนที่เสียงใครอีกคนจะดังขึ้น

                “พรุ่งนี้วันเกิดมาร์กาเร็ต ไม่บอกพวกเขาไปล่ะว่านายแอบไปซื้อเครื่องเพชรเพื่อเซอร์ไพรส์เธอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วพูดพลางยิ้มให้เพื่อน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเซ็งใส่ เพื่อนที่เหลือเลยหันไปแซวเขาทันที

                “ว้าว จอร์จจี้ก็มีเซอร์ไพรส์คู่หมั้นเขาเหมือนกันแฮะ ฉันคิดว่านายจะเย็นชากับมาร์กาเร็ตมากกว่านี้เสียอีก”

                “เธอเป็นคู่หมั้นฉันนะ” ลอร์ดหนุ่มผู้มีดวงตาสีม่วงว่า “ฉันทำเซอร์ไพรส์คู่หมั้นตัวเองแปลกตรงไหน”

                “ถ้าเจมส์มาได้ยิน นายต้องโดนเขาแขวะไม่เลิกแน่” เจฟฟรีว่า ทั้งหมดพากันหัวเราะออกมา ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะถามขึ้น

                “ตกลงพวกนายคิดกันได้หรือยังว่าเราจะไปกินมื้อเย็นกันที่ไหน?”

                “อาหารฝรั่งเศส” ลอร์ดครอฟตันพูดทันที “ฌอง เลอมองก์ตรงถนนพอร์ตแลนด์”

                “ฉันไม่กินอาหารฝรั่งเศส” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดสวนทันที “ฉันเกลียดหอยทาก”

                “หอยทากอร่อยจะตาย” ลอร์ดครอฟตันว่า อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “ไม่เอาอาหารฝรั่งเศส”

                “งั้นนายจะกินอะไร?”

                “เบิร์ตแอนด์เบล” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ

                “ไม่เอา ฉันเพิ่งไปกินมาสัปดาห์ที่แล้ว”

                “โอ๊ย งั้นนายจะกินอะไร?”

                “เปปเปอรินี่ พาสต้าเส้นดำของเขาอร่อยมาก”

                “ว้าว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “พาสต้าเส้นดำ... ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงมันมาก่อน” เขารีบพยักหน้า “ตกลง ร้านนี้เลย”

                ลอร์ดครอฟตันส่ายศีรษะ ก่อนจะหันมาหาเจฟฟรี “นายล่ะเจฟ อยากกินอาหารฝรั่งเศสบ้างรึเปล่า?”

                เจฟฟรียักไหล่ “ที่จริงฉันสนเบิร์ตแอนด์เบล แต่อาหารอิตาเลียนก็ไม่เลวนะ”

                ลอร์ดครอฟตันทำหน้าเซ็ง เขาหันไปหากอร์ดอน “นายล่ะกอร์ดอน?”

                “พาสต้าเส้นดำน่าสนใจนะครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมไม่ค่อยได้กินอาหารอิตาเลียน”

                “นายหาพวกไม่ได้แล้วเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันทำเป็นไม่ได้ยิน เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “จอห์นนี่ ไม่คิดจะแย้งอะไรขึ้นมาหน่อยหรือ?”

                “ฉันชอบลาซานญ่าผักโขมของเปปเปอรินี่มาก”

                คนได้ฟังทำคอตก “ก็ได้ๆ เปปเปอรินี่ ฉันจะเก็บหอยทากเอาไว้ก่อน”

----------------------------------------

                เปปเปอรินี่เป็นภัตตาคารขนาดเล็กมีเนื้อที่แค่สองคูหา ตั้งอยู่บนถนนพอร์ตแลนด์ ใกล้กับภัตตาคารเลอมองก์ที่ลอร์ดครอฟตันเสนอตอนแรก หน้าร้านมีกันสาดสีเขียวแดงขนาดใหญ่ และหน้าต่างสูงทรงโค้ง แค่เงยมองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเป็นอิตาลีแล้ว พนักงานต้อนรับทักทายลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดโทรว์บริดจ์ทันทีที่เห็นพวกเขา ก่อนจะทักทายคนที่เหลืออย่างสุภาพ แล้วนำเข้าไปด้านใน

                ภายในของภัตตาคารตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์อิตาเลียน บานหน้าต่างแขวนไว้ด้วยม่านกำมะหยี่สีแดงเลือดหมูประพับพู่ห้อยสีทอง ประดับด้วยเสาแบบโคธิคและไอโอนิก เพดานดุนลายบัวปั้น ตกแต่งด้วยภาพวาดฝาผนัง เก้าอี้ทุกตัวล้วนบุด้วยผ้าไหมทอลายแถบหุ้มนวม เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปกลิ่นหอมของเนยและเครื่องเทศก็โชยมาต้องจมูก

                มีลูกค้าอยู่ในร้านหนาตา กอร์ดอนนึกสงสัยว่าจะมีที่ให้พวกเขาทั้งหกคนไหม ในเมื่องมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนนั่งเต็มไปหมด พอเดินเข้าประตูมาได้หน่อย ผู้จัดการร้านก็รีบเดินมารับช่วงต่อทันที เขานำทั้งหกคนขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน และสั่งให้บริกรเปิดประตูห้องอาหารให้ห้องหนึ่ง ภายในห้องตกแต่งหรูหรากว่าชั้นล่างเสียอีก นอกจากภาพวาดและบัวปูนปั้นที่ใช้ประดับผนังแล้ว ยังมีรูปสลักหินอ่อนเล็กๆ วางประดับเอาไว้ด้วย

                “ว้าว แมกซ์ นายมีห้องส่วนตัวที่นี่ด้วยหรือ? ฉันได้ยินมาว่าที่นี่เขาเปิดห้องให้เฉพาะขุนนางระดับเอิร์ลนี่นา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามด้วยความแปลกใจ หลังจากทั้งหมดสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

                “อ๋อ เปล่าหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ฉันมากับไมกี้บ่อยๆ ตอนหลังเขาก็เลยเปิดให้ฉันด้วย”

                “คิดว่าเขาเปิดให้เพราะจำจอห์นนี่ได้เสียอีก” ลอร์ดครอฟตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ครั้งสุดท้ายที่ฉันมากินมื้อเย็นที่นี่เมื่อสามปีก่อน ฉันต้องยืนรอคิวด้วยซ้ำ เพราะคนเฝ้าประตูไม่ชอบดูรักบี้”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะ จากนั้นเจฟฟรีพูดขึ้นต่อ “ว่าแต่พี่ชายนายไปอินเดียตั้งปีกว่าแล้ว เขากลับมาบ้างรึเปล่า?”

                “ยัง แต่เขาขยันส่งโทรเลขมาเยอะมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันพยายามเขียนจดหมายไปเกลี้ยกล่อมเขาให้จ้างพนักงานแล้วเปิดเป็นบริษัทเป็นกิจะลักษณะไปเลย”

                “แล้วเขาว่าไง” ลอร์ดครอฟตันถามด้วยความสนใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ

                “เขาเขียนจดหมายตอบมาว่า กำลังคิดอยู่ ไว้กลับมาที่นี่เมื่อไหร่เขาจะมาคุยรายละเอียดอีกที”

                “แล้วเขาจะกลับมาหรือยัง?”

                “เดือนหน้า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ฉันอยากให้เป็นพรุ่งนี้เลย ฉันเบื่อจะวิ่งวุ่นวายกับโทรเลขของเขาเต็มที”

                “นายจดทะเบียนตั้งบริษัทร่วมกับเขารึเปล่า?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอน ไมกี้ต้องการแน่ใจว่าฉันจะไม่หนีเขาไปทำอะไรที่ไหน เขาเลยจับฉันเซ็นชื่อเปิดบริษัทร่วมกันตั้งแต่แรกเลย”

                “ถ้าบริษัทของพวกนายเปิดรับพนักงาน พนักงานจะต้องงงมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เพราะเขาจะแยกไม่ออกว่าไหนคือประธานบริษัท ไหนคือรองประธานบริษัท ขนาดชื่อย่อพวกนายยังเหมือนกันเลย”

                “เขาจะกลับมาวันไหน” ลอร์ดครอฟตันถามด้วยสีหน้าจริงจัง เจฟฟรีเสริมต่อทันที “เราต้องรีบบอกคนอื่นๆ ว่าเขาจะกลับมาแล้ว ฉันจำได้เลยว่าสมัยเขาอยู่ลอนดอน เขาทำอะไรไว้กับพวกเราบ้าง”

                “เขาว่าประมาณปลายเดือน น่าจะหลังจากจอห์นนี่ขึ้นชกแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ทุกคนพยักหน้า ก่อนที่ลอร์ดครอฟตันจะพูดขึ้นมา

                “เมื่อวานพวกเราไปดูแมดเนอร์ชกมา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับเจฟฟรีขยับตัวด้วยความสนใจ “เป็นไงบ้าง ฉันเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้ไป เพราะโทรเลขของไมกี้นั่นแหละ”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อ “เป็นการชกที่สนุกมาก ฟิชเชอร์สมกับเป็นนักมวยเก๋าประสบการณ์ ส่วนแมดเนอร์เองก็... มุทะลุดุดันสมเป็นเขาดี”

                “ฟังดูท่าทางเหมือนนายไม่ค่อยประทับใจในตัวแมดเนอร์เท่าไหร่นะ” เจฟฟรีออกความเห็น ลอร์ดครอฟตันยักไหล่

                “ตอนแรกน่ะฉันประทับใจมาก พวกเรารู้สึกว่าเขาชกได้สนุก ใช่ไหมจอร์จจี้”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายแพ้คะแนน แต่พวกเราก็รู้สึกว่าถ้าต่อเวลาไปอีกยก เขาคงเอาชนะฟิชเชอร์ได้”

                “ว้าว แสดงว่าฟิชเชอร์คงโดนไปหนักมาก”

                “เขาโดนนับ” ลอร์ดครอฟตันว่า “แต่แมดเนอร์เองก็คิ้วแตกเหมือนกัน”

                “อื้อหือ ฉันรู้สึกว่ามันต้องเป็นมวยที่สนุกมากแน่” เจฟฟรีว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ทำไมพวกนายถึงดูไม่ประทับใจแมดเนอร์”

                “พอดีตอนลงจากเวทีฉันแวะเข้าไปหาเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา ทั้งหมดหันไปมองเขา เจ้าตัวพูดต่อ “แมดเนอร์ไม่สุภาพนิดหน่อย แต่ฉันเข้าใจว่าเขาเพิ่งแพ้มา คงไม่มีอารมณ์จะระวังเรื่องมารยาท”

                “โธ่ จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางออกมา “นายไม่เห็นจำเป็นจะต้องพูดปกป้องเขาเลย พฤติกรรมของเขามันน่าหมั่นไส้มาก ต่อให้เขาไม่พอใจก็ควรจะเก็บอารมณ์เอาไว้ การดูถูกคู่ต่อสู้เป็นเรื่องน่าเกลียดมาก”

                “ว้าว ฉันฟังผิดรึเปล่าจอร์จจี้” เจฟฟรีร้อง “นายกำลังพูดถึงการดูถูกคู่ต่อสู้ คำพูดของนายทำให้นายดูเป็นนักสู้มากๆ”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้า “ถึงฉันไม่เคยต่อยมวย และฉันอาจจะไม่เคยสกรัมชนะใครมาก่อน แต่ฉันก็รู้จักให้เกียรติคู่ต่อสู้นะ ไม่เกี่ยวกับว่าคู่ต่อสู้จะเป็นลูกขุนนางหรือคนธรรมดาหรอก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปรบมือ “พูดได้ดี จอร์จ ฉันว่าคราวหน้าถ้าเราจะเล่นรักบี้กัน นายควรจะขึ้นไปพูดประโยคนี้ก่อนเปิดสนาม ไม่แน่ว่านายอาจจะได้รับเกียรติให้ถือลูกตอนที่เริ่มทำสกรัม”

                “ฉันจะคิดว่านายพูดออกมาจากใจจริงนะแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง

                “ฉันก็คิดอย่างที่จอร์จจี้คิดนั่นแหละ แมดเนอร์พูดจาดูถูกจอห์นนี่”

                “เขาพูดว่าไง” เจฟฟรีซักต่อ “นี่เขากล้าดูถูกท่านเอิร์ลเลยหรือ?”

                “เขาไม่มีคำลงท้าย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เขารู้ว่าจอห์นนี่เป็นใคร แต่เขาจงใจไม่พูดคำลงท้ายเลยสักคำ ทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักกับจอห์นนี่มาก่อน ฉันถือว่าตรงนี้เป็นการดูถูกและเสียมารยาทมาก”

                “โห...” เจฟฟรีและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดขึ้นต่อ “แมดเนอร์นี่บ้าสมชื่อเลยแฮะ”

                “ที่แย่กว่านั้น” ลอร์ดครอฟตันเสริมขึ้น “เขามองจอห์นนี่ด้วยสายตาเหยียดหยาม และพูดทำนองว่าจอห์นนี่คงจะยืนไม่พ้นยกแรก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “นี่ไม่ใช่คำพูดที่ควรจะเอามาพูดกับคู่ต่อสู้นะ หรือนักมวยต้องพูดแบบนี้กับคู่ต่อสู้ทุกคน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นฉันว่ามันดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”

                “เอาเถอะๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “แมดเนอร์ก็คือแมดเนอร์” เขาว่า “แต่ที่เขาพูดออกมาเมื่อวานก็ทำให้ฉันได้คิดขึ้นมาอย่าง”

                “อะไร?” ทั้งหมดหันไปถามเขา

                “ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทนรับหมัดเขาได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เพราะฉันไม่เคยชกต่อยกับใครอย่างจริงจังมาก่อน ตอนซ้อมหมัดของพี่เลี้ยงก็ดูไม่หนักพอ ฉันคิดว่าฉันต้องการการซ้อมที่จริงจังกว่านี้”

                “ยังไง?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าไม่เข้าใจ “นายจะให้ลอร์ดควีนสเบอรี่จัดไฟต์ชกให้นายก่อนหน้าชกจริงสักไฟต์งั้นหรือ?”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่ เรื่องนั้นรบกวนเขาเกินไป ฉันเพิ่งคิดวิธีดีๆ ออกวิธีหนึ่ง”

                คนทั้งโต๊ะจ้องเขาด้วยความสนใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองไปที่กอร์ดอน แล้วพูดขึ้นต่อ “ยังจำเรื่องมวยข้างถนนที่กอร์ดอนเล่าให้ฟังที่สโมสรวันนั้นได้มั้ย?”

                ทุกคนพยักหน้า โดยเฉพาะคนถูกพาดพิงที่นั่งเงียบอยู่แต่แรก ถึงกับอ้าปากพูดออกมา “อย่าบอกนะครับว่า...”

                “ใช่ ผมตั้งใจว่าจะลองไปชกแบบนั้นดู” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดและไม่เปิดโอกาสให้ใครได้อ้าปากเถียง “ผมรู้ว่ามันอันตราย เพราะงั้นผมถึงต้องพูดตรงนี้”

                เขาหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ “ฉันอยากให้พวกนายไปดูด้วย เพราะฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างน้อยๆ ไปกันหลายคนยังพอมีคนช่วยอยู่”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “ที่นั่นชกกันมือเปล่านะ ใช่มั้ย กอร์ดอน?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ผมไม่เห็นว่ามันจะดีกับคุณตรงไหนเลย อย่างที่ผมเคยบอก มันเป็นมวยที่ ‘ป่าเถื่อน’ มาก พวกเขาไม่ชกอยู่ในกติกานะครับ เขาอาจจะกัดคุณ ตบบ้องหูคุณ กระทั่งคว้าเอาอะไรสักอย่างจากคอกกั้นคนดูมาปาใส่คุณ ที่นั่นไม่ใช่สังเวียนของสุภาพบุรุษ มันคือบ่อนครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ ผมต้องการการต่อสู้แบบนั้นแหละ มีแต่แบบนั้นเท่านั้นผมถึงจะแน่ใจว่าตัวเองจะขึ้นชกกับแมดเนอร์ไหวโดยที่ไม่โดนเขาสอยร่วงไปตั้งแต่ยกแรก”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ได้ครับ มันอันตรายเกินไป”

                “ผมไม่อยากแพ้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาจ้องหน้าช่างตัดเสื้อด้วยสายตาจริงจัง “บอกผมเถอะกอร์ดอน ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าจะหาลานมวยแบบนั้นได้ที่ไหน”

                กอร์ดอนทำหน้าหนักใจ “ผมบอกคุณว่ามันปิดไปแล้ว”

                “ที่อื่นไม่มีแล้วหรือ? ถามช่างในร้านคุณสิ”

                ช่างตัดเสื้อเม้มปาก “จอห์น มันไม่คุ้มสำหรับคุณนะ...”

                “การต่อสู้มีราคาของมัน” ลอร์ดครอฟตันพูดแทรก “ความเป็นสุภาพบุรุษก็มีราคาของมันเหมือนกัน” เขาเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “ถ้าจอห์นนี่อยากจะจ่าย นายก็ไม่ควรจะห้ามเขา”

                “ถูกของเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นบ้าง “แม้ว่าฉันจะรู้สึกเห็นด้วยกับนายว่ามันอันตรายมากๆ แต่การต่อสู้มีราคา และชัยชนะก็ไม่ใช่ของที่ได้มาง่ายๆ นายไม่ควรจะห้ามเขา”

                “แต่...”

                “ฉันเข้าใจพวกนาย” เจฟฟรีพูดแทรกขึ้น “แต่กอร์ดอนเป็นแค่คนธรรมดา เขารับผิดชอบชีวิตเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ไม่ไหวหรอก พวกนายไม่ควรกดดันเขาแบบนั้น”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “มันเกินกว่าที่ผมจะรับไหว” เขาพูด พลางมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ผมพาคุณไปเสี่ยงแบบนั้นไม่ได้หรอก”

                “คุณไม่ได้พาผมไปเสี่ยง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณแค่หาสถานที่ให้ผม นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีใครรับผิดชอบ ผมโตแล้ว รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ช่วยผมในฐานะของเพื่อนคนหนึ่งจะได้ไหม?”

                ช่างตัดเสื้อขมวดคิ้ว เขาเงียบไปนานเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไป แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธยังไงให้เด็ดขาด ระหว่างนั้นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็พูดขึ้นมา

                “เอาอย่างนี้ดีไหม... ในเมื่อพวกเราในที่นี้ไม่เคยมีใครเคยไปดูมวยอย่างที่กอร์ดอนเล่าให้ฟังมาก่อนสักคน ฉันเองก็นึกภาพไม่ออกว่ามันโหดร้ายขนาดไหน นายเองก็คงนึกไม่ออกเหมือนกัน” เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เพราะฉะนั้น เราควรจะไปดูกันก่อน ถ้านายคิดว่านายรับการต่อสู้แบบนั้นได้ เราค่อยคุยกันถึงเรื่องนี้อีกที กอร์ดอนเคยบอกว่าใครก็สามารถกระโดดเข้าไปต่อสู้ก็ได้ นายค่อยตัดสินใจตอนนั้นก็ไม่สาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลาคิดอยู่อึดใจใหญ่ สุดท้ายเขาก็ยอมพยักหน้า “ก็ถูกของนายนะแมกซ์ ฉันควรไปเห็นก่อนว่ามันเป็นยังไง บางทีกอร์ดอนอาจจะพูดถูกก็ได้ว่ามันป่าเถื่อนเกินไป”

                ช่างตัดเสื้อค่อยมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย “ผมแน่ใจว่าถ้าคุณได้เห็นแล้วจะต้องรีบเดินออกมา”

                เจฟฟรียักไหล่ “แสดงว่าสนามมวยนั่นยังเปิดอยู่งั้นสิ”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขาเบือนหน้าไปทางอื่น “ผมคิดว่ามันน่าจะปิดไปแล้ว”

                “นายไปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

                “สามเดือนก่อนครับ”

                “งั้นวันนี้ไปอีกทีสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไปด้วยกันทั้งหมดนี่เลย ผมอยากรู้ว่ามันปิดแล้วอย่างที่คุณคิดจริงๆ หรือเปล่า”

-----------------------------------------------

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-03-2017 21:14:17
               ลอร์ดโทรว์บริดจ์กินมื้อกินมื้อเย็นน้อยมาก เขาให้เหตุผลว่าเผื่อจะต้องกระโดดลงไปในสนาม จะได้ไม่จุกกลางคัน ส่วนกอร์ดอนกินน้อยกว่าปกติ เพราะกังวลเรื่องของคนรัก ในขณะที่คนอื่นๆ กินกันอย่างไม่เกรงใจ หลังจากเรียกเก็บเงินโดยที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นคนจ่ายแล้ว ทั้งหมดก็นั่งรถม้าของตัวเองไปยังถนนแฮริงตัน

                “ให้ผมไปด้วยเถอะครับ” โอลิเวอร์พูดทันทีที่เปิดประตูให้ลอร์ดโทรว์บริด “ที่แบบนั้นไม่ใช่ที่ที่สุภาพบุรุษอย่างพวกคุณจะเดินเข้าไปแล้วกลับออกมาง่ายๆ นะครับ ต่อให้แค่ไปดูก็เถอะ”

                “แกรู้หรือว่าฉันจะไปไหน?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความแปลกใจ โอลิเวอร์พยักหน้า “ตั้งแต่คุณบอกว่าจะมาตรงนี้ผมก็รู้แล้วครับ บาร์เถื่อนที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องสังเวียนใต้ดิน ให้ผมไปด้วยเถอะครับ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยๆ กัน”

                “แกก็เคยมาหรือ?”

                “เคยมาครั้งนึงครับ” คนรับใช้ตอบ “มันเป็นที่ที่ป่าเถื่อนมาก ที่จริงแล้วคุณควรจะให้พวกเราเข้าไปด้วยทั้งหมดเลย รถม้าผูกเอาไว้คงไม่มีใครกล้าขโมยหรอกครับ”

                “มันจะดูอึกทึกไปน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถ้าเข้าไปกันหมดทุกคนก็ต้องรู้ว่าพวกเราไม่ใช่คนธรรมดา”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ บางทีก็มีลูกขุนนางหรือขุนนางเข้าไปในนั้นเหมือนกัน” โอลิเวอร์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ผมเห็นว่าเราควรจะเข้ากันไปทั้งหมดครับ อย่างน้อยๆ ถ้าเกิดมีเรื่องไม่คาดฝัน พวกผมจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง”

                “อย่างที่เขาว่านั่นแหละครับท่านลอร์ด” ไมเคิลเดินเข้ามา เขาเป็นคนรูปร่างหนาพอๆ กับลอร์ดครอฟตัน ท่าทางเวลาพูดของเขาดูจริงจัง “คุณควรให้ผมเข้าไปด้วย”

                “แกรู้จักที่นี่ด้วยหรือ?” ลอร์ดครอฟตันถามเขา ไมเคิลพยักหน้า “ผู้ชายที่ใช้แรงงานส่วนใหญ่ในลอนดอนส่วนใหญ่รู้จักที่นี่ครับ เพราะตรอกนี้มีทุกอย่าง”

                “ดูเหมือนคนรับใช้ของเราทุกคนจะเคยมาที่นี่นะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขานั่งรถม้ามากับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เพราะลอร์ดสวินดันไม่ชอบให้เขาเอารถม้าออกจากคฤหาสน์เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เอาออกมาใช้ทำธุระที่เกี่ยวกับครอบครัว

                “อเล็กซ์เพิ่งบอกฉันว่าเขาก็เคยมา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เขาบอกว่าเขาจะตามเข้าไปด้วย นายว่าไง?” เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ คนถูกถามนิ่งไปพัก ก็ถอนหายใจออกมา

                “ก็ได้... ในเมื่อพวกเขาทุกคนเคยมาที่นี่ เราก็ควรจะเชื่อเขา จริงไหม?”

                คนรับใช้ทั้งสามพยักหน้า เจฟฟรีพูดขึ้นมา “พวกนายพาพวกเขาไปด้วยดีแล้วล่ะ ฉันคิดว่ามันสมควรแล้ว”

                กอร์ดอนมองพวกเขา แล้วถอนใจ “พวกคุณยังเปลี่ยนใจทันนะ”

                “ไม่เป็นไร เรามาถึงนี่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณพาเราเข้าไปเลย”

----------------------------------------------

                กอร์ดอนพาทั้งแปดคนเดินเข้ามาในตรอกแคบๆ โอลิเวอร์เดินข้างเจ้านายของเขา

                “คุณโอเดนเบิร์ก ท่าทางคุณไม่ให้จะมาที่แบบนี้เลยนะ” คนรับใช้หนุ่มว่า

                “ผมก็ไม่ได้มาบ่อยนักหรอก” ช่างตัดเสื้อตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ยินเสียงเอะอะดังแว่วมา

                “ใกล้ถึงแล้วหรือ ผมได้ยินเสียง”

                “ตึกข้างหน้าครับ แต่เราต้องลงไปชั้นใต้ดิน” กอร์ดอนว่า เขาเดินมาหยุดตรงหน้าตึกเก่าๆ แห่งหนึ่ง ด้านหน้ามีชายฉกรรจ์ร่างหนาสองคนนั่งสูบบุหรี่อยู่ พอเห็นว่ามีคนเดินเข้าไปทั้งคู่ก็เงยหน้าขึ้นมา

                “ว้าว คนสวย วันนี้ลมอะไรพัดมาล่ะนี่” ชายคนหนึ่งเอ่ยทักพลางยื่นมือมาจับใบหน้าของช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนรีบปัดมือออก

                “ผมพาเพื่อนมาดูมวย”

                ชายสองคนเลิกคิ้วด้วยความพิศวง “เพื่อน? ว้าว คนสวยพาเพื่อนมาเยอะด้วย ท่าทางมีเงินทั้งนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขาสาวเท้าเข้าไปหาชายทั้งสอง “พวกเราจะลงไปข้างล่าง”

                ทั้งคู่เลิกคิ้วมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ พอได้เห็นการแต่งตัวและบรรดาผู้ติดตามด้านหลังแล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที

                “อ๋อ เชิญเลยครับ เชิญเลย” สองคนนั้นพูดพลางผายมือ “พวกเรายินดีต้อนรับสุภาพบุรุษกระเป๋าหนักอย่างพวกคุณเสมอ”

                กอร์ดอนรีบสาวเท้าผ่านชายสองคนนั้นไปทันที คนหนึ่งเป่าปากแซวเขา “อย่าเดินลงไปเร็วนักล่ะคนสวย เดี๋ยวพวกข้างล่างเห็นแล้วจะแข็งกันหมด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โกรธจนหน้าแดง เขาเกือบจะเดินย้อนมาต่อยปากผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ห้ามไว้ “นายควรจะรีบไปกับกอร์ดอน ดูแล้วเขาเป็นคนที่ไม่น่าจะมาที่นี่ที่สุดเลย”

                เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังจนแสบแก้วหู ในขณะที่คนทั้งหมดเดินลงบันไดมา ที่ปลายบันไดมีคนเฝ้าประตูอีกสองคน พอเขาเห็นช่างตัดเสื้อก็ทำหน้าแปลกใจ

                “โอ้โห... ดูซิใครมา นี่มันคนสวยที่เคยมากับมอร์แกนนี่นา”

                “ว้าวๆ วันนี้เขาพาเพื่อนมาด้วยนี่แก๊บบี้”

                “ผมจะเข้าไปข้างใน” กอร์ดอนตัดบทด้วยความรำคาญ “เปิดทางด้วย”

                “อ๋อ แน่นอน” ชายสองคนพูดพร้อมกัน “รับรองได้เลยว่าคุณแมคคาธีจะต้องคลั่งแน่ถ้ารู้ว่าคุณมา เขาบ่นอยากเห็นหน้าคุณทุกวัน”

                “ขอบคุณ ไม่ต่องบอกเขาหรอกว่าผมมา” กอร์ดอนพูด ก่อนจะดึงหมวกลงปิดหน้า แล้วเดินผ่านสองคนนั้นไป ชายคนหนึ่งยื่นมือมาหมายจะจับสะโพกเขา แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์คว้ามือเอาไว้ก่อน

                “โอ๊ย!” ผู้ชายคนนั้นร้องไม่ทันขาดคำก็ถูกเอิร์ลหนุ่มกระชากแขนเหวี่ยงไปกระแทกกับประตู ท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่เดินตามหลังมา

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถลึงตามองชายอีกคนที่เหลือ แล้วก้าวเท้าฉับๆ ตามกอร์ดอนเข้าไปด้านในทันที โอลิเวอร์รีบเดินตามไปติดๆ เพื่อนที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนจะรีบเดินตามไปสมทบ

-----------------------------------

                เลยจากประตูบานนั้นไปคือโลกที่แตกต่างจากโลกที่เห็นด้านบนอย่างสิ้นเชิง ผู้คนจำนวนมากต่างยืนเบียดกันอยู่รอบๆ คอกไม้ทรงกลม เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังจนแสบแก้วหู กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นเหล้าราคาถูกที่วางขายอยู่ที่บาร์ตรงมุมหนึ่งของห้องโถง และกลิ่นควันบุหรี่ลอยตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่ พอเข้ามาถึงในนี้ก็ไม่มีใครสนใจกอร์ดอนที่สวมหมวกบิดบังใบหน้าอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเดินมาขนาบข้างเขา

                “ให้ตาย กอร์ดอน ผมขอโทษที่ให้คุณพาเข้ามาในนี้ มันแย่มาก”

                “มันก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกครับ” ช่างตัดเสื้อตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “ผมแค่ไม่ชอบที่ต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนเป็นผู้หญิงที่ปลอมเข้ามาเท่านั้นเอง”

                “คุณเคฟ ตรงโน้นมีที่ว่างครับ” โอลิเวอร์จงใจเรียกชื่อแทน เพราะไม่อยากเปิดเผยฐานะของเจ้านาย เขาชี้มือไปยังช่องว่างๆ ท่ามกลางกลุ่มคน “พวกเราไปยืนตรงนั้นดีกว่า”

                “ตกลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาหันไปตะโกนบอกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และคนอื่นๆ ก่อนจะดึงตัวกอร์ดอนมาอยู่ใกล้ๆ

                “คุณมากับผมเถอะ ไม่ต้องเดินนำแล้ว”

                โอลิเวอร์พาเจ้านายของเขาและเพื่อนๆ เดินแทรกกลุ่มคนเพื่อเข้าไปยังที่ว่างด้านใน คนจำนวนเก้าคนไม่ใช่น้อยๆ เลย ดังนั้นจึงมีผู้ชมหลายคนรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกเบียด ใครคนหนึ่งปัดมือไปโดนหมวกที่กอร์ดอนสวมอยู่ จนมันหลุดออก จากนั้นก็ได้ยินเสียงอุทาน

                “ว้าว!”

                กอร์ดอนรีบยื่นมือไปคว้าหมวกเอาไว้ แต่ยังไม่ทันจะเอากลับมาสวม ใครอีกคนก็ยื่นมือมาจับหน้าเขา

                “คุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย หน้าสวยจัง”

                “เขาไม่ใช่ผู้หญิง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือมาปัดมือของชายคนนั้นออก

                “โว้วๆ ทำไมทำรุนแรงงี้ล่ะ ถ้าเขาเป็นผู้ชายจริงก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” อีกคนพูดต่อ กอร์ดอนพูดออกมาอย่างหงุดหงิด

                “ผมเป็นผู้ชาย!”

                “งั้นขอจับหน่อยสิ จะได้รู้ว่าเป็นผู้ชายจริงมั้ย?”

                พลั่ก!

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โมโหจนหน้าแดงก่ำ เขาส่งชายคนที่พูดคนนั้นลงไปนอนกองกับพื้นด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว ก่อนจะถลึงตามองพวกที่เหลือซึ่งยืนจ้องเขาด้วยสายตาตกตะลึง พอๆ กับเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

                “.....”

                ความเงียบเกิดขึ้นอึดใจ จากนั้นความชุลมุนก็ตามมา กอร์ดอนผลักคนที่พยายามจะดึงเสื้อของเขาออก ก่อนที่โอลิเวอร์จะมาช่วยไว้ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปิดฉากตะบันหน้ากับคนที่กรูกันเข้ามาหาเขา

                “ให้ตายเถอะ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ”

                “เราต้องไปช่วยจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง และถลันเข้าไปในวงต่อสู้ แต่ถูกลอร์ดครอฟตันดึงตัวไว้

                “นายไปก็เจ็บตัวเปล่าจอร์จจี้ นายต่อสู้ไม่เป็นเลย”

                “ใช่ครับ คุณอย่าเข้าไปเลย” อเล็กซ์พูดและพยายามดันเขาไปยืนด้านหลัง

                “แต่...”

                “ฉันไปเอง” เจฟฟรีว่า “พ่อคงไม่บ่นฉันมากหรอก ถ้าหน้าจะมีรอยกลับไป”

                “ฉันไปด้วย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาเดินตามเจฟฟรีเข้าไปในวงต่อสู้ ก่อนจะหวดไม้เท้าเข้าใส่ชายคนหนึ่งที่กระโจนเข้าใส่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จากด้านหลัง

                “โห... ฉันเพิ่งเห็นข้อดีของการพกไม้เท้าก็วันนี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง ลอร์ดครอฟตันขมวดคิ้ว “แมกซ์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ? เขาหวดคนอย่างกับว่าเคยหวดมาบ่อยมาก”

                “เขาอาจจะเคยถูกพ่อเขาหวดบ่อยๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตั้งข้อสังเกต “ฉันว่าเขาทำเหมือนกำลังเล่นโปโล”

                สถานการณ์ชุลมุนชุลเกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนความสนใจทั้งหมดเบนจากลานต่อสู้มาเป็นข้างสนามแทน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับผู้ชายคนหนึ่งโยนข้ามไม้กั้นลงไปในลานต่อสู้ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หวดผู้ชายสองสามคนกระเด็นออกไปจากวง

                “พระเจ้า ฉันว่าถ้าปล่อยไว้ต้องมีใครแย่... แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าจะใช่เพื่อนของเรา” ลอร์ดครอฟตันว่า “เราควรจะกลับออกไปแจ้งตำรวจมั้ย? สก็อตแลนด์ยาร์ดจะปิดเรื่องที่เรามาที่นี่เอาไว้ไม่ให้พ่อแม่เรารู้รึเปล่า?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่นศีรษะ “ถ้าจะแจ้งความเราจะออกไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ฉันจะไม่ทิ้งใครไว้”

                “แต่...”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดครอฟตันจะได้พูดอะไรต่อ เสียงปืนก็ดังขึ้นสองนัด จากนั้นทุกอย่างภายในห้องโถงก็หยุดชะงักทันที ชายร่างเล็กคนหนึ่งในชุดสูทสวยหรูที่ไม่เข้ากับลักษณะร่างกายเดินหน้ามู่ทู่ออกมาโดยมีชายฉกรรจ์สองคนแหวกทางให้ ในมือของเขามีปืนพกกระบอกหนึ่ง  ซึ่งเพิ่งยิงลงพื้นไปสองนัด

                “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ!” เขาตะคอก พลางกวาดตาดูสุภาพบุรุษสองคนที่ยืนอยู่กลางวง ก่อนจะมองเลยไปเห็นกอร์ดอนยืนอยู่กับเจฟฟรีและโอลิเวอร์ คิ้วดกหนาของเขาเลิกขึ้นทันที

                “อ้าว นั่นมันคุณเทวดาแห่งถนนบรอมพ์ตันนี่นา” เขาพูดแล้วใช้ไม้เท้าที่ถืออยู่ในมืออีกข้างสะกิดลูกน้อง “ไปเชิญเขามาเร็ว ทำไมถึงไม่มีใครบอกฉันว่าเขามาที่นี่”

                ชายฉกรรจ์รีบเดินไปหากอร์ดอนทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมอง “จะพาเขาไปไหน?”

                กอร์ดอนรีบยกมือห้ามทำนองว่าไม่เป็นอะไร ก่อนจะเดินตามผู้ชายคนนั้นไปหาคนตัวเล็กที่เก็บปืนพกแล้ว และกำลังหยิบซิการ์ขึ้นมาจุดสูบ

                “สายัณห์สวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก” เขาพูดพลางยื่นมือให้ช่างตัดเสื้อ ช่างตัดเสื้อยื่นมือสัมผัสมือเขา “สายัณห์สวัสดิ์คุณแมคคาธี”

                “อ้าว คุณโอเดนเบิร์กรู้จักนายแมคคาธีนั่นด้วยหรือ?” โอลิเวอร์พูดด้วยความแปลกใจ เขาเดินมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “คุณเป็นไงบ้างครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขามีแค่รอยถลอกบนกำปั้นเล็กน้อย และรอยช้ำบนหน้านิดหน่อย เอิร์ลหนุ่มจัดเสื้อผ้าให้เขาที่ แล้วมองไปยังช่างตัดเสื้ออย่างไม่เข้าใจ

                “เกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”

                “เขาเป็นคนคุมที่นี่ เจ้าของนั่นแหละครับ” โอลิเวอร์ตอบ “เราเรียกเขาว่านายแมคคาธี”

                “ลมอะไรหอบคุณมาถึงที่นี่ล่ะ?” แมคคาธีถามกอร์ดอนอย่างอารมณ์ดี เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้โมโหมาก่อน “มีหนี้อะไรต้องมาจ่ายให้ลูกน้องอีกหรือ?”

                “อ๋อ เปล่า” กอร์ดอนตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ผมแค่พาเพื่อนมาดูมวย แต่คนดูพวกนี้ไม่มีมารยาทเลย”

                “โอ้ ให้ตาย” แมคคาธีคราง “ผมนึกออกเลยว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง คงมีใครอยากพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอีกแล้วใช่ไหม?”

                กอร์ดอนพยักหน้า แมคคาธีมองหน้าเขาด้วยสายตารวดร้าว “แต่คราวนี้คุณโดนชกด้วยนี่ ใครนะช่างกล้าทำหน้าสวยๆ ของคุณให้เป็นรอยได้”

                “เอาเถอะๆ” กอร์ดอนรีบตัดบท “คุณมาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว เพื่อนผมแค่อยากมาดูการต่อสู้ที่ลือชื่อของร้านคุณ คุณพอจะหาที่ยืนให้พวกเราแบบที่ไม่ต้องเบียดเสียดวุ่นวายกับคนอื่นได้ไหม?”

                “เพื่อนคุณ?” แมคคาธีทวนคำ แล้วหันไปมองกลุ่มสุภาพบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลัง “นั่นคือเพื่อนคุณ?”

                “ใช่ เรามากันทั้งหมดเก้าคน” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “หาที่ให้เราได้ไหม คุณแมคคาธี ไม่อย่างนั้นผมอาจจะต้องพาพวกเขากลับ”

                “ใจเย็นๆ สิคนสวย” แมคคาธีว่า ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเงยหน้าขึ้นมองเอิร์ลหนุ่ม

                “สายัณห์สวัสดิ์ คุณสุภาพบุรุษ หน้าคุณดูคุ้นๆ นะ เคยลงหนังสือพิมพ์บ้างมั้ย?”

                “ผมเป็นนักรักบี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบห้วนๆ แมคคาธีพยักหน้า

                “ผมน่าจะรู้ตั้งแต่เห็นคุณโยนคนข้ามไม้กั้นได้แล้ว” เขาเงยมองฝ่ายนั้น แล้วยิ้ม “แววตาคุณดีนะ ชื่ออะไรล่ะ?”

                “อย่างคุณไม่ต้องรู้ชื่อผมหรอก”

                “ไม่เอาน่า...” อีกฝ่ายว่า “คุณมากับคุณเทวดาแห่งถนนบรอมพ์ตันนะ ทำตัวให้รู้กาลเทศะหน่อยสิ ที่นี่เป็นที่ของผมนะ คุณควรจะให้เกียรติผมหน่อย อย่างน้อยๆ ก็มารยาท...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเขาด้วยสายตาไม่พอใจ “จอห์น ผมชื่อจอห์น”

                “แค่นั้น? ไม่บอกนามสกุลสินะ เอาเถอะๆ” แมคคาธีผงกศีรษะถี่ๆ “ผมแมคคาธี ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะจอห์น”

                เขายื่นมือที่เต็มไปด้วยแหวนเพชรออกมา แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับยืนนิ่ง เจ้าตัวจึงชักมือกลับ ก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ ผมเห็นแล้วว่าคุณคงไม่อยากจะมีมารยาทสักเท่าไหร่”

                “คุณควรจะคืนตัวกอร์ดอนมา ผมจะได้กลับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ผมจะไม่ทนอยู่ที่นี่อีกแม้แต่นาทีเดียว”

                “อ้าวๆ แล้วกัน” แมคคาธีร้อง “ตะกี้คุณเทวดาเพิ่งบอกผมว่าคุณอยากมาดูมวยที่นี่ แต่พอผมจะเดินมาถามคุณก็จะกลับเสียล่ะ ลานต่อสู้ของผมมีอะไรไม่น่าพอใจหรือ?”

                “ทุกอย่าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คืนตัวกอร์ดอนมาให้ผมได้แล้ว”

                “ไม่ๆ” อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “เทวดาไม่เคยเป็นของใคร และเขาก็ไม่ใช่ของผม จะให้ผมคืนคุณยังไง”

                “หยุดเล่นลิ้นเสียที!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตวาด “แล้วคืนคนมาให้ผม”

                ชายร่างเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบบางอย่างที่ข้างหูของแมคคาธี เขาเบิ่งตาสีเทากว้าง ก่อนจะเหลือบมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะพยักหน้าซ้ำๆ พอผู้ชายคนนั้นผละออกไป เขาก็หันมาพูดกับเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง

                “คืนนี้คุณโอเดนเบิร์กจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เขาพูด แล้วคลี่ยิ้มชั่วร้าย “จนกว่าคุณจะยอมลงไปยืนกลางวงนั่น” เขาชี้มือไปยังลานต่อสู้ แล้วพูดต่อ “คุณก่อเรื่องวุ่นวายทำผมเสียรายได้นะจอห์น ทำไมไม่คิดจะชดเชยให้ผมสักหน่อยล่ะ?”

                “ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องชดเชยอะไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แมคคาธีทำหน้าผิดหวัง เขาลดเสียงลง

                “ไม่เอาน่า... คุณอย่าพูดจาตัดรอนย่างอนั้นสิ หรืออยากให้ผมประกาศว่าคุณเป็นใคร ผมว่าคุณคงไม่อยากให้คนเอาไปพูดต่อจนถึงหูท่านมาร์ควิสหรอกนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โกรธจนหน้าแดงก่ำ ขณะที่โอลิเวอร์ถลันเข้ามา “แก! แมคคาธี!”

                ชายร่างเล็กชักปืนออกมาแล้วจ่อไปที่โอลิเวอร์ “อย่ามีปัญหาน่า... แกเป็นแค่คนรับใช้...”

                โอลิเวอร์ชะงักเท้า เขาโมโหจนตัวสั่น ขณะที่คนอื่นๆ พากันหน้าถอดสี กอร์ดอนรีบพรวดพราดเข้ามา “ทำอะไรน่ะคุณ...”

                “อย่า คุณโอเดนเบิร์ก!” แมคคาธีตวาด ก่อนจะลดเสียงลง “อย่าเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ไม่งั้นผมไม่รับรองความปลอดภัย”

                กอร์ดอนชะงักกึก เขามองโอลิเวอร์ ก่อนจะหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วหันมามองแมคคาธีอีกครั้ง

                “ได้โปรด คุณแมคคาธี อย่าทำแบบนี้เลย คุณก็รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย”

                “คนตัดสินเรื่องนี้ไม่ใช่คุณ คนสวย” แมคคาธีว่า ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “พาคุณโอเดนเบิร์กไปนั่งที่นั่งของเขา วันนี้เขาคือแขกพิเศษของฉัน อย่าทำเขาเจ็บตัวถ้าไม่จำเป็น”

                “แมคคาธี!” กอร์ดอนตะโกน ก่อนจะถูกชายฉกรรจ์สามคนลากตัวไป แมคคาธีหันมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ตาคุณแล้วจอห์น ถ้าคุณเดินเข้าไปในวงนั่น แล้วต่อสู้จนผมพอใจ ผมให้คุณโอเดนเบิร์กกลับกับคุณ แต่ถ้าไม่ คุณก็เชิญกลับไปได้ แต่ต้องทิ้งเขาไว้ ไม่ต้องห่วงนะ เขาเคยมาแล้ว รับรองผมจะเอ็นดูเป็นอย่างดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง เขาเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก “แกอยากได้เท่าไหร่... ค่าเสียหายที่แกว่า”

                แมคคาธีสั่นศีรษะ “ไม่ๆ การให้เจ้าของที่ดินแบบพวกคุณจ่ายเงินมันง่าย ง่ายจนน่าเบื่อ ผมต้องการที่ยากกว่านั้น คุณต้องลงไปที่ลานนั่น ไม่ก็กลับไปโดยทิ้งคุณโอเดนเบิร์กไว้... เขาเป็นผู้ชาย คุณไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไรเลย”

                “เขาเป็นเพื่อนฉัน!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตะคอก ก่อนจะเค้นเสียงต่อ “ได้ แมคคาธี ในเมื่อแกกล้าท้าทายฉันแบบนี้ ฉันจะสนองให้”

                “จอห์นนี่...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับมาขวางเขาเอาไว้ “นายไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ฉันไปแทนนายก็ได้”

                “ขอบใจแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่แมคคาธีต้องการให้เป็นฉัน และเขาก็พยายามจนฉันต้องการสนองความต้องการของเขาจนตัวสั่น”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-03-2017 21:14:54
                “นายน้อย...” โอลิเวอร์คราง เขาทั้งโมโหและเจ็บใจตัวเองสิ้นดีที่ไม่มีปัญญาทำอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา ก่อนจะมองปืนในมือของชายร่างเล็ก

                “เอาปืนลงได้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่ง “ถ้าแกอยากเห็นฉันสู้ในสนามของแก ฉันจะให้แกได้เห็นเดี๋ยวนี้”

                แมคคาธีเสศีรษะไปทางลานต่อสู้ “ลงไปก่อนสิจอห์น... แล้วผมจะเอาปืนลง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบตามองแมคคาธีอีกครั้ง ก่อนจะถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกจนเหลือแต่เสื้อเชิ้ตตัวใน แล้วก้าวเท้าเข้าไปในลานต่อสู้ที่โรยเอาไว้ด้วยดินและล้อมด้วยคอกไม้ แมคคาธีรอจนเอิร์ลหนุ่มหยุดเดิน เขาจึงลดปืนลง และหันไปสั่งลูกน้อง

                “เชิญท่านสุภาพบุรุษพวกนี้ไปนั่งที่นั่งดีๆ หน่อย ฉันอยากให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับความสบายที่สุดระหว่างดูเพื่อนของพวกเขาต่อสู้”

                “แมคคาธี เรื่องนี้รับรองว่าไม่จบง่ายๆ แน่!” ลอร์ดครอฟตันตะโกน “แกจะต้องรับผิดชอบ”

                “พาพวกเขาไป” แมคคาธีพูดพลางโบกมือ ชายฉกรรจ์นับสิบเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขา และพาทั้งหมดไปนั่งตรงคอกกั้นที่อยู่ด้านในสุดของห้องโถง

                “ฉันจะไม่มีวันให้อภัยพวกแก!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยความโกรธแค้น เจฟฟรีหันไปปลอบเขา “ใจเย็นๆ น่าจอร์จจี้ ตอนนี้พวกเราไม่มีทางเลือก”

                “เจฟพูดถูก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ตอนนี้เราไม่มีทางเลือก เราอยู่ในถิ่นของแมคคาธี เรามีแต่จะต้องเล่นตามเกมเขา”

                “แต่จอห์นนี่อยู่ตรงนั้น” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เขามองไปยังเพื่อนที่ยืนอยู่กลางสนาม “เขาไม่ใช่คนที่เกิดมาเพื่อทำอะไรแบบนี้ ให้ตายเถอะ แมคคาธีไม่รู้หรอกว่าเขาต้องจ่ายยิ่งกว่าชีวิต ถ้าจอห์นนี่เป็นอะไรไป”

                “ฉันว่าแมคคาธีฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้จอห์นนี่เป็นอะไรไปมากกว่าแผลแตก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด “ที่เขาต้องการคือการได้อยู่เหนือกว่าคนที่ปกติแล้วเขาไม่ทางแม้แต่จะได้แตะมือ ฉันแน่ใจว่าพอถึงจุดหนึ่งเขาจะปล่อยพวกเราไป”

                “รับรองว่าหลังจากนี้เขาจะต้องชดใช้อย่างสาสมแน่” ลอร์ดครอฟตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันจะไม่ให้เขาได้ชูคอสั้นๆ ของเขาอีก”

                โอลิเวอร์เป็นกังวลจนต้องผุดลุกผุดนั่ง “ผมน่าจะยอมให้เขายิง บ้าเอ๊ย!”

                “อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ็ด “แกมีชีวิตอยู่นี่แหละดีแล้ว โอลิเวอร์ จอห์นนี่ไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อฉันเถอะ เพราะถ้าเขาเป็นอะไร แมคคาธีจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้แน่นอน” ดวงตาสีฟ้าซีดของลอร์ดหนุ่มทอประกายประหลาด เขากำหัวไม้เท้าในมือแน่น “สาบานด้วยเกียรติของฉันเลย”

----------------------------------------

                “เอาล่ะ เพื่อนๆ ทั้งหลาย” แมคคาธีปีนขึ้นไปบนแท่นไม้เล็กๆ ที่ต่อไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ แล้วตะโกนเสียงดังจนคนในโถงหันมาฟังเขา “ผมมีนักสู้คนใหม่จะนำเสนอต่อพวกคุณ รับรองว่าต้องเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อกับไซคลอปของเราอย่างไม่ต้องสงสัย”

                คนดูส่งเสียงเซ็งแซ่ “จะให้ไซคลอปลงหรือ แกจะกินเงินของเราอีกหรือ แมคคาธี”

                แมคคาธีหัวเราอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้องห่วงไป ผมไม่เอาเปรียบพวกคุณแบบนั้นหรอก ก่อนที่ไซคลอปจะลง เราจะให้คนอื่นลงมาปะทะฝีมือกับเขาก่อน คุณเห็นฝีมือเขาแล้วค่อยแทงยังไม่สาย”

                “หยุดขี้โม้แล้วชกต่อทีเถอะน่า” ใครคนหนึ่งตะโกน ตามด้วยเสียงสนับสนุนมากมาย “ใช่ ชกสักทีเถอะ เราไม่ได้มานั่งฟังแกพล่ามนะ”

                แมคคาธีหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะตะโกนต่อ “ส่งไอ้ขายาวลงมา”

                ผู้ชายรูปร่างผอมสูงยิ่งกว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินอาดๆ เข้ามาในลานต่อสู้ เขาสวมแค่กางเกงขายาวเก่าๆ หลวมๆ อย่างที่คนงานสวมตัวหนึ่ง ใบหน้าซูบ ดวงตาโหลลึก หนวดเครารกรุงรัง ชายคนนั้นจ้องมาที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วแสยะยิ้ม

                “กติกาง่ายมากจอห์น” แมคคาธีตะโกน “แค่ทำให้อีกฝ่ายออกจากคอกนี้ได้ หรือเขาไม่ลุกขึ้นมาอีก คุณก็จะได้ชัยชนะไป เอาล่ะ ขอให้คุณโชคดีสำหรับคืนนี้นะ”

                เขาพูดจบก็โค้งครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินลงไปนั่งเก้าอี้ที่เตรียมไว้ข้างสนาม ติดกับเก้าอี้ที่กอร์ดอนถูกบังคับให้มานั่งอยู่ก่อน

                “แมคคาธี คุณเป็นบ้าไปแล้ว!” กอร์ดอนโพล่ง “คุณรู้มั้ยเขาเป็นใคร?”

                แมคคาธีพยักหน้า “รู้สิ ผมตกใจเหมือนกันตอนที่เด็กๆ มาบอกว่ารถม้าของใครจอดอยู่ที่ถนนใหญ่” เขาหัวเราะ “ได้ยินมานานแล้วว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นคนประหลาด ที่จริงผมตะหงิดๆ ตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้ว โชคดีที่ผมอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน”

                กอร์ดอนเขม่นมองฝ่ายนั้น “เขาจะไม่ปล่อยให้คุณลอยนวลแน่ คุณนี่บ้าจริงๆ”

                “ฮ่าๆ” แมคคาธีหัวเราะชอบใจ “ผมรู้ว่าทำอะไรน่า คุณโอเดนเบิร์ก ลอร์ดบาธมีอิทธิพลไม่ธรรมดา ทั้งในสภาสูงและกองทหาร เพื่อนๆ ของเขาก็คงเป็นลูกขุนนางใหญ่พอกัน แต่พวกเขาแอบมาที่นี่ ผมพูดถูกมั้ย?”

                “.....”

                “เพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้บรรดาพ่อๆ ผู้ทรงอิทธิพลของพวกเขารู้เป็นอันขาด เพราะคนแรกที่จะโดนเล่นงานคือตัวของหนุ่มๆ พวกนั้นแหละ ผมไม่รู้หรอกนะว่าในครอบครัวชนชั้นสูงเขาลงโทษกันแบบไหนบ้าง แต่คงไม่มีท่านมาร์ควิสคนไหนภูมิใจที่ลูกชายแอบมาที่บ่อนเถื่อนแบบนี้หรอก”

                เขาเว้นจังหวะนิดหน่อย แล้วยิ้มเอาใจ “แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไม่เป็นอะไรมากไปกว่าแผลแตก ลอร์ดบาธอาจอับอายที่ลูกชายเขาแอบมาที่บ่อน แต่เขาจะต้องฆ่าผมแน่ ถ้าลูกชายเขาเกิดเป็นอะไรไป เพราะฉะนั้นคุณวางใจได้ ผมไม่โง่ขนาดจะเอาคอตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น”

                “แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม?” กอร์ดอนถามด้วยความหงุดหงิด “พวกเขาไม่ได้ทำอะไรคุณเลย แค่เรื่องชกต่อยแบบนั้นมันมีทุกวันที่บ่อนคุณอยู่แล้ว”

                “คุณไม่เข้าใจหรือ?” แมคคาธีเลิกคิ้วมองเขาด้วยท่าทางแปลกใจเป็นที่สุด “จะหามีโอกาสไหนดีไปกว่าโอกาสนี้อีกแล้ว วันที่คนธรรมดาอย่างเราจะได้เป็นจ้าวเหนือคนพวกนั้น... หรือเพราะคุณเป็นเพื่อนกับพวกเขาเลยไม่รู้สึกอะไร? ไม่เอาน่า คุณต้องรู้สึกบ้างสิ ว่าพวกเขามันเอาเปรียบ ทำไมเขาถึงได้เป็นเจ้าของทุกอย่างตั้งแต่เกิด ทั้งๆ ที่พวกเราก็มีมือมีเท้าเหมือนกัน”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “พระเจ้าไม่เคยเอาเปรียบ” ช่างตัดเสื้อว่า “พวกเขาเองก็ต้องเจอเรื่องน่าลำบากในชีวิตแบบนั้นเหมือนกัน”

                แมคคาธีมองเขาอยู่เป็นนาน ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณนี่เทวดาจริงๆ”

                กอร์ดอนทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขาหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความหวั่นใจ

--------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองไปยังคู่ต่อสู้ของเขาที่ถูกเรียกว่าไอ้ขายาว เขาได้กลิ่นเหม็นสาบโชยมาตั้งแต่ฝ่ายนั้นก้าวเท้าลงมาในลานดิน เอิร์ลหนุ่มเตรียมพร้อม เขาไม่มีทางเลือกใดอีกนอกจากเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า

                ไอ้ขายาวขายาวสมชื่อ เขาเดินแสยะยิ้มเข้ามา แต่ละก้าวดูยาวจนน่ากลัว เสียงตะโกนเชียร์ดังลั่นสนาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์นับในใจ

                หนึ่ง... สอง... สาม...

                โครม!

                คนดูบางคนไม่ทันได้ขยับหลบด้วยซ้ำ ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระแทกไอ้ขายาวหงายหลังล้มออกไปนอกคอกกั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน  “พระเจ้า! พวกนายเห็นนั่นมั้ย!! เขาเป็นนักรักบี้ตัวจริง!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนเชียร์เพื่อนของเขา “จอห์นนี่ พระเจ้าอยู่ข้างนาย ไชโย!”

                เพื่อนๆ รีบส่งเสียงตาม ไอ้ขายาวตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น พยายามปีนกลับเข้ามาใหม่

                “ทำไมถึงไม่มีใครห้ามเขา” กอร์ดอนร้อง “ไหนว่าแค่คู่ต่อสู้ออกนอกสนามก็ชนะแล้วไง”

                จังหวะนั้นเองลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เสยหมัดเข้าเต็มปลายคางของคู่ต่อสู้ ส่งไอ้ขายาวลงไปนอนแผ่แบบไม่ต้องลุกขึ้นมาอีก

                แมคคาธียักไหล่ “เขาชนะ”

                เสียงตะโกนด้วยความดีใจดังลั่นมาจากฝั่งเพื่อนๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ กอร์ดอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี

                “คุณไม่ต้องส่งไซคลอปลงมาหรอก มันอันตรายเกินไป”

                “ผมบอกแล้วว่าคุณไม่ใช่คนตัดสินใจที่นี่” แมคคาธีว่า ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ให้บอมเมอร์ลงมา แล้วเอาไอ้ขายาวไปเก็บด้วย ทิ้งมันไว้นานฉันยิ่งเสียหน้า”

                ไม่นานนักไอ้ขายาวก็ถูกลากออกไป คู่ต่อสู้คนใหม่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นชายร่างเตี้ย เขาเตี้ยเป็นครึ่งหนึ่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่กลับรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พอเข้ามาในสนาม เขาก็พุ่งเข้ากระแทกชายโครงของคู่ต่อสู้ทันที เสียงคนดูตะโกนดังลั่น ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกอัดกระแทกเข้ากับคอกกั้นเสียงดังโครม

                “โอ๊ย ฉันเจ็บแทน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบกรามกรอด เขาเอื้อมมือไปคว้าขอบกางเกงของคู่ต่อสู้ ก่อนจะออกแรงยกจนขาของอีกฝ่ายลอยขึ้นจากพื้น แล้วดันบอมเมอร์ไปกระแทกกับขอบกั้นสนามอีกข้างหนึ่ง

                “ไม่มีใครเข้าชนได้ดุเท่าเขาอีกแล้ว” ลอร์ดครอฟตันตะโกน “จัดการมันเลยจอห์นนี่!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับบอมเมอร์กระแทกกับขอบกั้นคนดูแล้วก็กดฝ่ายนั้นลงกับพื้น ก่อนจะจับล็อกจนอีกฝ่ายได้แต่เอามือทุบพื้น

                “แย่จริงที่ไม่มีกรรมการนับ” เจฟฟรีบ่นออกมา “เขาควรจะชนะได้ตั้งนานแล้ว”

                เอิร์ลหนุ่มล็อกจนคู่ต่อสู้แน่นิ่ง จึงค่อยลุกขึ้นมา เขาหันมายักไหล่ให้แมคคาธี

                “ท่านเอิร์ลนี่ร้ายไม่ธรรมดา” แมคคาธีพูด ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ไปเอาตัวบอมเมอร์ออกมา ดูด้วยว่ามันยังหายใจอยู่รึเปล่า แล้วเอาไซคลอปลงมาเลย ฉันเบื่อจะดูหน้าเขาเต็มที”

                ไซคลอปเดินลงสนามมาหลังจากนั้น คนดูต่างพากันตะโกนเสียงลั่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางออกมา

                “พระเจ้าช่วย นั่นคนหรือยักษ์?”

                “ยังไม่มีใครคว่ำไซคลอปได้มาก่อนเลย” โอลิเวอร์คร่ำครวญ “นายน้อยของผม...”

                “ฉันเชื่อว่าพระเจ้าต้องอยู่ข้างจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันเห็นด้วย

                “ใช่ ฉันก็คิดแบบนาย” จากนั้นเขาก็ตะโกนเรียกเด็กเดินโพย เจฟฟรีร้องขึ้น

                “เอ็ดดี้ เวลาแบบนี้นายยังมีแก่ใจจะเล่นพนันอีกหรือ?”

                “ฉันก็ไม่อยากได้เงินโสโครกของแมคคาธีนักหรอก แต่อยากลองเดิมพันข้างจอห์นนี่ดู” ลอร์ดครอฟตันว่า เพื่อนๆ มองเขาเป็นตาเดียว ก่อนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จะพูดขึ้น “ฉันแทงด้วย”

                “โอ๊ย ให้ตาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “เชิญพวกนายตามสบายเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์”

                ลอร์ดครอฟตันกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงแทงพนันกันแค่สองคน

------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับต้องแหงนมองคู่ต่อสู้ของเขา และนึกสงสัยไม่ต่างจากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ อีกฝ่ายสูงกว่าสองเมตร ร่างกายกำยำล่ำสัน ไม่แปลกเลยถ้าจะถูกเรียกว่าไซคลอป เขาสวมเสื้อเก่าๆ ที่ถูกฉีกแขนออก และกางเกงขายาวที่ปลายขาหลุดลุ่ย ฝ่ายนั้นเดินก้าวหนักๆ เข้ามา แล้วยื่นมือตบเข้าที่บ้องหูของคู่ต่อสู้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบี่ยงหลบตามสัญชาตญาณ มือข้างนั้นเลยเฉี่ยวหูเขาไปเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่าหากโดนเข้าไปเต็มๆ เขาคงล้มทั้งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย

                เสียงโห่ฮาดังขึ้นรอบตัว บางคนตะโกนเชียร์เขา บางคนตะโกนเชียร์ฝ่ายตรงข้าม เด็กเดินโพยวิ่งวุ่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบขยับมาหาพื้นที่ยืน แล้วอาศัยจังหวะชะงักหลังออกท่า ปล่อยหมัดฮุกซ้ายเข้าที่ชายโครงของคู่ต่อสู้ ไซคลอปชะงักไปแว้บหนึ่ง ก่อนจะสวนเขาด้วยหมัดฮุกขวาเข้าที่สันกรามด้านซ้าย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับเซไปชนเอาขอบกั้นคนดูเสียงดังโครม ขณะที่เอิร์ลหนุ่มพยายามตะกายขึ้นมาโดยอาศัยขอบกั้นเป็นที่ช่วยพยุง หมัดฮุกอีกหมัดก็พุ่งเข้าใส่ชายโครงของเขา ส่งชายหนุ่มลงไปนอนกองกับพื้นทันที

                “โอ๊ย ฉันไม่อยากดูแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือขึ้นปิดตา “ใครก็ได้หยุดการต่อสู้บ้าๆ นี่ที”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำไม้เท้าแน่น ขณะมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่พยายามพยุงตัวขึ้นมา

                กอร์ดอนหน้าซีด เขาหันไปหาแมคคาธี “คุณหยุดเถอะ เขาไม่ใช่กระสอบทรายนะ”

                “ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลย” แมคคาธีว่า ก่อนจะหลิ่วตามองช่างตัดเสื้อ “อีกอย่าง ผมชอบมองหน้าคุณเวลาลุ้นอะไรแบบนี้ มันดูตื่นเต้นดี”

                กอร์ดอนถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น เขาผุดลุกขึ้น แต่ถูกชายฉกรรจ์ที่ยืนขนาบข้างกดให้นั่งลง

                “นั่งดูต่ออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป คุณเทวดา” แมคคาธีว่า “เขาไม่ตายหรอกน่า”

---------------------------------------

                ในที่สุดลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ลุกขึ้นจากพื้นได้สำเร็จ เขาเอนหลังพิงคอกกั้นคนดู แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา

                “เดี๋ยวนะ...” เอิร์ลหนุ่มยกมือห้ามพลางหอบ “ขอฉันตั้งตัวหน่อย”

                ไซคลอปยักไหล่ แล้วพุ่งหมัดใส่เขาอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมากันไว้ แรงของอีกฝ่ายบวกกับความเจ็บปวดจากหมัดก่อนหน้าทำให้เขาล้มลงกองกับพื้นอีกครั้ง ชายหนุ่มพยายามกลิ้งหนีไปรอบๆ คนดูส่งเสียงโห่ดังลั่น ขณะที่ไซคลอปตามไล่เหยียบเขาเหมือนเหยียบแมลง

                แมคคาธีหัวเราะชอบใจ ขณะที่กอร์ดอนเครียดจนเหงื่อออกโทรมหน้า เขายกมือขึ้นกุมไว้ พลางภาวนาต่อพระเจ้าให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอดภัย

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทั้งกลิ้งทั้งคลานเพื่อหาจังหวะตั้งหลัก พื้นที่โรยด้วยดินทำให้เขาไม่เจ็บมากนักเมื่อทำแบบนั้น ในที่สุดชายหนุ่มก็หาจังหวะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง เขาหันหน้าเผชิญกับคู่ต่อสู้ ใช้ขาข้างหนึ่งยันกับแผงกันคนดูเอาไว้ ก่อนจะพุ่งตัวไปด้านหน้า กระแทกไหล่เข้าใส่ส่วนท้องของฝ่ายตรงข้าม ส่งผลให้ไซคลอปกระเด็นไปชนขอบกั้นคนดูเสียงดังโครม เอิร์ลหนุ่มไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เขาปล่อยหมัดอัปเปอร์คัทซ้ำเข้าใส่ช่วงท้องของคู่ต่อสู้อีกหลายหมัด จนไซคลอปเซไปพิงกับขอบกั้นคนดู

                “จอร์จ นายหยุดปิดตาได้แล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สะกิดเพื่อน “จอห์นนี่สวนคืนแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือออกจากหน้าของตัวเอง “โอย... แม็กซ์ ฉันต้องหัวใจวายตายแน่ เมื่อไหร่การต่อสู้บ้าๆ นี่จะจบสักที”

                “นายน้อย ตัดลำตัวไปเยอะๆ เลยครับ” โอลิเวอร์ตะโกน “เน้นที่ชายโครงเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยหายใจคล่องขึ้นหน่อย เขาเริ่มเต้นฟุตเวิร์คไปรอบๆ ลานต่อสู้ ขณะที่ไซคลอปพยายามเดินเข้ามาและโถมหมัดเข้าใส่เขาอีกครั้ง คราวนี้เอิร์ลหนุ่มขยับหลบได้ทันท่วงที และสวนหมัดฮุกเข้าที่ชายโครงของคู่ต่อสู้ ก่อนจะเต้นหนีไปอีกครั้ง

                “อย่างนั้นแหละจอห์นนี่” ลอร์ดครอฟตันตะโกน “เริ่มเข้าทางแล้ว”

                ไซคลอปเริ่มงุ่นง่าน เขาพยายามชกหมัดใส่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่อีกฝ่ายโยกหลบได้ และปล่อยหมัดแยบใส่ลำตัวของเขาอีก เสียงคนดูตะโกนลั่น

                “เล่นมันซี่ ไอ้ยักษ์ ชักช้าอะไรอยู่”

                “อย่าปล่อยให้มันตั้งตัวนะ!” เจฟฟรีตะโกน “นายต้องสอยมันให้ร่วงเลยจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทั้งโยกหลบทั้งยกมือการ์ดหมัดที่คู่ต่อสู้ของเขาประเคนมาใส่สลับกันไป และอาศัยจังหวะโต้กลับ ปล่อยหมัดใส่ชายโครงของไซคลอปอีกหลายหมัด จนการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามเริ่มช้าลงเรื่อยๆ เสียงเชียร์เริ่มกลายเป็นเสียงโห่ ลอร์ดครอฟตันหัวเราะด้วยความสะใจ

                “คอยดูนะ ถ้าไอ้ยักษ์นั่นล้มเมื่อไหร่ ฉันจะสมน้ำหน้าพวกที่ถือข้างมัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหงื่อออกท่วมตัว แต่เขาดูคล่องขึ้นกว่าตอนเริ่มแรกมาก ฟุตเวิร์คและการออกหมัดเป็นไปอย่างธรรมชาติมากขึ้น ยิ่งไซคลอปเคลื่อนไหวช้าลงเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกหมัดสวนตัดลำตัวเข้าไปมากเท่านั้น จนเจ้าตัวลงไปนอนกองกับพื้น

                “โอ๊ย ใครก็ได้นับที” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “นับให้ครบสิบแล้วพวกเราจะได้กลับบ้านกัน”

                แต่เวทีนี้ไม่มีกรรมการ และยิ่งไม่มีกติกา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์รอให้คู่ต่อสู้ของเขาลุกขึ้นจากพื้นอย่างที่สุภาพบุรุษอย่างเขาควรจะทำ ไซคลอปก็คว้าดินบนพื้นปาใส่หน้าเขา ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เอิร์ลหนุ่มชะงัก กระแทกไหล่เข้าใส่ท้องของเขาเต็มแรง ร่างของทั้งคู่กระแทกเข้ากับขอบกั้นคนดูเสียงดังสนั่น กอร์ดอนตะโกนออกมา

                “จอห์น!!”

                “ขี้โกง!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนด่า เขาเกือบจะพรวดพราดกระโดดออกไปแล้วถ้าอเล็กซ์ไม่กดไหล่เอาไว้

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จุกจนลมหายใจชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง โชคดีที่ไซคลอปเองก็จุกไม่แพ้กัน เพราะโดนนวดลำตัวไปหลายหมัด ทั้งคู่เลยหยุดอยู่ในท่านั้นอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจะพยายามผลักร่างของอีกฝ่ายออก ไม่นานทั้งคู่ก็เริ่มยื้อยุดและล้มกลิ้งลงไปปล้ำกันบนพื้น ต่างฝ่ายต่างพยายามจะจับล็อกอีกฝ่าย การต่อสู้นัวเนียจนแยกไม่ออกว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

                “ชายโครงครับ” โอลิเวอร์ตะโกน “คุณต้องซ้ำที่ชายโครงเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามจะกระแทกศอกเข้าใส่ชายโครงของฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ทำได้ยากลำบากเต็มทีในสถานการณ์แบบนั้น หลังจากปล้ำกันอยู่นาน ในที่สุดไซคลอปก็สลัดลอร์ดโทรวบริดจ์ออกไปได้สำเร็จ เขาผลักเอิร์ลหนุ่มจนกระเด็นไปชนขอบกั้นคนดูอีกครั้ง ก่อนจะถอยไปตั้งหลัก พยุงตัวลุกขึ้นยืนแล้วโถมเข้าใส่คู่ต่อสู้โดยไม่ปล่อยโอกาสให้ตั้งตัว เสียงเฮดังลั่น

                พลั่ก!

                ร่างของไซคลอปผงะถอยหลัง จมูกของเขาเสียรูปและมีเลือดไหลอาบ เจ้าตัวเซถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะบัดศีรษะไล่ความงุนงงจากการใช้มันกระแทกเข้าที่ดั้งจมูกของคู่ต่อสู้ ก่อนจะลากเท้ามายืนตรงหน้าไซคลอป แล้วเสยหมัดอัปเปอร์คัทเข้าใส่ปลายคางฝ่ายนั้นเต็มแรง ส่งชายร่างยักษ์ลงไปนอนแน่นิ่งบนพื้นไม่ไหวติง

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่19p.10(24/2/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-03-2017 21:15:16
                “วู้ว!! จอห์นนี่ชนะแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนและกระโดดกอดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “จอห์นนี่ของเราทำได้!”

                “นายยอดที่สุด!” เจฟฟรีตะโกน

                “พระเจ้าอยู่กับนาย!” ลอร์ดครอฟตันตะโกนแข่ง ก่อนจะกู่ร้องเสียงยาวด้วยความสะใจ

                เสียงคนดูดังอื้ออึง คนที่แทงพนันถูกข้างกระโดดจนตัวลอย เพราะอัตราต่อรองของลอร์ดโทรว์บริดจ์นั้นเป็นรองมาก แมคคาธีหัวเราะในคอ

                “หึๆ เขาเหนือกว่าที่ผมคิดไว้จริงๆ แต่ไม่เป็นไร งานนี้ยังไงผมก็กำไรอื้อ” ชายร่างเล็กกระโดดลงจากเก้าอี้ ขณะที่เด็กเดินโพยวิ่งกันวุ่นวายเพื่อเก็บเงินและจ่ายเงิน

                “การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นในคืนนี้จบลงแล้ว” เขาปีนขึ้นไปยืนประกาศบนแท่นไม้อีกครั้ง “ผมหวังว่าทุกท่านคงจะมีความสุข ใครชนะเชิญเอาใบโพยไปขึ้นเงินที่โต๊ะด้านขวา ส่วนใครเสียกรุณาไปจ่ายเงินที่โต๊ะด้านซ้าย ผมหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจกติกานี้ดี แน่นอนว่าแมคคาธีจะไม่เบี้ยวแม้แต่เพนนีเดียว”

                “ให้ตาย ฉันต้องเดินไปขึ้นเงินหรือ? ไม่มีทาง” ลอร์ดครอฟตันว่า “พวกเขาต้องเอามาให้ฉันที่นี่”

                “ไม่ นายต้องขึ้นเงินเดี๋ยวนี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “เอาโพยมาให้ฉัน”

                ลอร์ดครอฟตันส่งโพยให้เขาอย่างไม่เข้าใจ “นายจะเสียศักดิ์ศรีไปต่อคิวรับเงินสกปรกนั่นหรือ?”

                “ไม่ใช่ฉัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ยังไงเราก็ต้องการเงินทั้งหมดที่ชนะพนัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย”

                เขาหันไปหาโอลิเวอร์ “ไปขึ้นเงินมา ให้เร็ว แมคคาธีจะไม่มีทางนอนหลับอย่างมีความสุขได้ในคืนนี้ สาบานเลย”

                โอลิเวอร์รับโพยแล้วรีบกระโดดออกไปจากคอกกั้นทันที แน่นอนว่าคราวนี้ไม่มีใครห้ามเขา

----------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงยืนอยู่ในลาน เขาเช็ดหน้าด้วยแขนเสื้อ เพราะผ้าเช็ดหน้าของเขาอยู่ในเสื้อกั๊กซึ่งถอดออกไปแล้ว ก่อนจะหันมาทางแมคคาธี

                “ส่วนแบ่งของผมล่ะ?”

                แมคคาธีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “คุณถามถึงส่วนแบ่งหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ แล้วเดินตรงเข้าไปหาเขา “ทำไม จะเบี้ยวส่วนแบ่งผมหรือ?”

                แมคคาธีหัวเราะคิกคัก “ได้ๆ ถ้าคุณต้องการส่วนแบ่งผมก็จะจ่าย ผมไม่เอาเปรียบใครอยู่แล้ว” พูดจบเขาก็สั่งให้ลูกน้องไปหยิบตั๋วแลกเงินมา แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

                “ผมไม่ต้องการเงินเป็นส่วนแบ่ง คุณก็รู้ว่าผมมีเหลือเฟือ”

                “งั้นอะไร” แมคคาธีถามเขา “คุณเทวดาหรือ? ผมบอกแล้วว่าเทวดาไม่เคยเป็นของใคร”

                “แต่เขามากับผม”

                ชายร่างเล็กยักไหล่ “ก็ได้” เขาหันไปสั่งลูกน้องให้พาตัวกอร์ดอนมาที่ลานต่อสู้

                “เชิญพาเทวดาของคุณไปได้”

                กอร์ดอนปัดมือของคนที่ลากตัวเขามาออก แล้ววิ่งไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ทันที “จอห์น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้าไปกอดแรงๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะผละออกมา “ปล่อยเพื่อนๆ ผมด้วย”

                “อ๋อ แน่นอน ผมไม่มีเจตนาจะจับพวกเขาเอาไว้อยู่แล้ว” ชายร่างเล็กหันไปสั่งลูกน้อง ก่อนจะหันมาพูดกับเอิร์ลหนุ่มต่อ

                “คุณดูรักเพื่อนดีนะ ผมชักอยากได้เพื่อนสูงศักดิ์ที่ทุ่มเทให้กับคนเล็กๆ อย่างคุณบ้างแล้วสิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขาด้วยสายตาเย็นชาและเหยียดหยาม แมคคาธีหัวเราะ “ฮ่าๆ ใช่ ใช่เลย สายตาแบบนี้แหละถึงจะสมเป็นคนระดับพวกคุณหน่อย” เขาเว้นวรรคเมื่อพบว่าบรรดาเพื่อนๆ คนอื่นๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามาในลาน

                “มีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกคุณ” แมคคาธีพูดต่อ “คุณโอเดนเบิร์กมีร้านอยู่ตรงถนนบรอมพ์ตัน ร้านตัดสูทของเขาโด่งดังมาก พวกคุณคงรู้จักกันแล้ว ที่จริงแล้วผมอยากจะไปเจอเขาเมื่อไหร่ก็ได้”

                “ข่มขู่กันหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียง คนถูกถามยักไหล่ “เปล่า ผมก็แค่บอกคุณไว้เฉยๆ ที่จริงแล้วผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร คุณก็เห็น พวกเราต่างสนุกกันทั้งหมด”

                “ให้ตาย แกนี่มันทุเรศจริงๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสบถ ก่อนจะหันไปหาเพื่อน “เรากลับกันเถอะจอห์นนี่ ฉันเหม็นกลิ่นพวกโสโครกชั้นต่ำเต็มทน”

                “ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ส่วนแบ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางสวมเสื้อผ้ากลับ

                “ใช่ ฉันก็ยังไม่ได้เงินพนัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

                “นี่นายยังห่วงเงินพนันอยู่อีกหรือ? นายสลับวิญญาณกับเอ็ดดี้หรือไง?”

                ลอร์ดครอฟตันมีท่าทางไม่พอใจที่ถูกพาดพิงแบบนั้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร โอลิเวอร์ก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมกับตั๋วแลกเงินปึกใหญ่

                “พวกคุณพนันกันได้น่ากลัวมาก” คนรับใช้หนุ่มว่า “โดยเฉพาะลอร์ดแมกซ์ เขาจ่ายให้คุณไม่ครบนะ ตั๋วแลกเงินของพวกเขาไม่พอ”

                “อะไรนะ?!” แมคคาธีร้องออกมา “อย่าพูดโง่ๆ เขาพนันไปเท่าไหร่กัน?”

                “ไม่มาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แค่ห้าพันปอนด์ สำหรับอัตราต่อรองหนึ่งต่อห้า” พูดจบเขาก็หันไปหาโอลิเวอร์ “เขาจ่ายมาให้แกเท่าไหร่?”

                “หมื่นห้าพันปอนด์ครับ” โอลิเวอร์ตอบ “อันที่จริงแล้วผมว่าเขาไม่มีเงินพอจะจ่ายคนที่ต่อคิวหลังผมแล้วด้วยซ้ำ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอ้าปากเหวอ ขณะที่ลอร์ดครอฟตันก็มีสีหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้กัน “นายเล่นหนักมาก แมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่จริงฉันยังเล่นได้หนักกว่านี้อีก เพียงแต่คิดว่าอย่างแมคคาธีไม่น่ามีปัญญาจ่าย” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง พลางใช้ดวงตาสีฟ้าซีดมองไปยังชายร่างเล็ก “ยังขาดอีกหมื่นห้าพันปอนด์ แกคิดจะเบี้ยวหรือ?”

                แมคคาธีโกรธจนตัวสั่น เขาหันไปสั่งลูกน้อง “ไปเอาสมุดเช็คมา”

                “ไม่ ฉันต้องการเงินสด หรือไม่ก็ตั๋วแลกเงิน ไม่ต้องการเช็ค” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ระหว่างนั้นคนที่ไม่ได้รับเงินค่าพนันเริ่มมายืนออกันรอบๆ สนาม

                “แมคคาธี ไหนแกบอกว่าจะไม่เบี้ยวไง?”

                “แกไม่มีเงินจ่ายฉัน!”

                “หุบปาก!” แมคคาธีตวาด ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ไปเอาเงินในเซฟมา ฉันจะให้สุภาพบุรุษพวกนี้รู้ว่าเงินแค่นี้ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีปัญญา”

                “ดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “อย่าให้เสียชื่อแมคคาธี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แค่นยิ้ม “แกจ่ายเงินของแมกซ์ให้ครบก่อน แล้วเราค่อยมาพูดถึงส่วนแบ่งของฉันเป็นไง?”

                “จะไม่มีการแบ่งอะไรทั้งนั้น” แมคคาธีตวาด “เพื่อนคุณเพิ่งทำผมขาดทุน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะในคอ “ไม่หรอก แกยังกำไรจากวันอื่นอีกตั้งเยอะ”

                ไม่นานนักลูกน้องของเขาก็ขนหีบเหล็กใบเขื่องออกมาวางแทบเท้าเขา แมคคาธีหยิบกุญแจมาไขเปิดมันออก ก่อนจะนับเงินด้วยตัวเองแล้วยื่นให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                “หนึ่งหมื่นห้าพันปอนด์ของคุณ”

                ลอร์ดหนุ่มรับเงินมาแล้วนับอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเพื่อน “ของนายได้ครบรึเปล่า เอ็ดดี้?”

                “ครบ” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “พวกเราจะไปกันหรือยัง?”

                “ยัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันยังไม่ได้ส่วนแบ่ง”

                “ผมบอกแล้วว่าไม่มีจ่าย” แมคคาธีพูดอย่างหงุดหงิด “ผมขอเชิญให้คุณออกไปเดี๋ยวนี้”

                “ฉันไม่เคยบอกว่าอยากได้เงินเป็นส่วนแบ่งจากแก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะหันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ เงินนายที่ชนะพนัน ฉันขอได้มั้ย?”

                “เอาสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แล้วส่งตั๋วแลกเงินทั้งหมดให้เพื่อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์รับมันมา แล้วหันกลับไปตะโกนเสียงดัง

                “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย กรุณา ‘หุบปาก!’ แล้วฟังผม” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วห้องโถง สยบเสียงด่าทอและเสียงโวยวายทุกอย่างได้ชะงัก

                “พวกคุณเห็นสิ่งที่อยู่ในมือผมไหม?” เขาพูดพลางชูตั๋วเงินปึกใหญ่ในมือ ทุกคนจ้องเขาเป็นตาเดียว

                “ทั้งหมดนี้เป็นของพวกคุณ” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง ก่อนจะโยนตัวเงินทั้งหมดขึ้นไปในอากาศ ความชุลมุนวุ่นวายตามมาในทันที

                “ว้าว ทำไมฉันไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน” ลอร์ดครอฟตันอุทาน ก่อนจะหันหน้าไปหาแมคคาธีและลูกน้องที่ยืนมองด้วยความตกตะลึงอยู่อีกด้านหนึ่ง

                “สำหรับคนที่มือไวพอ” เขาพูดแล้วโยนปึกตั๋วเงินของตัวเองขึ้นไปบนอากาศ ลูกน้องของแมคคาธีรีบกรูกันเข้าไปแย่งตั๋วเงินพวกนั้นทันที ลอร์ดหนุ่มหัวเราะชอบใจ แมคคาธีตวาดลูกน้อง

                “พวกแกทำบ้าอะไรกัน ถอยไปนะโว้ย!”

                โดยไม่รอให้ฝ่ายนั้นล้วงปืนออกมาจากกระเป๋า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดึงหัวไม้เท้าของเขาออก ดาบสีเงินทรงเรียวจ่อเข้าที่คอหอยของแมคคาธีทันที เจ้าตัวถึงกับยืนนิ่ง ขณะที่รอบๆ มีแต่ความโกลาหล

                “ว้าว แมกซ์ ฉันไม่รู้มาก่อนว่านายซ่อนดาบเอาไว้ในไม้เท้าด้วย”

                “พกไม้เท้าไว้บ้างก็ดีนะจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะใช้ปลายดาบสะกิดลูกกระเดือกของอีกฝ่ายเบาๆ “ถึงเวลาที่แกต้องจ่ายส่วนแบ่งให้จอห์นนี่แล้ว จะเอาส่วนไหนมาแบ่งดี คอหอยแก ลูกตาแก หรือว่าหัวเน่าๆ ของแกดี?”

                แมคคาธีกลัวจนหน้าซีดเหมือนกระดาษ เขารู้สึกถึงความแหลมคมของปลายดาบที่จ่ออยู่

                “ส่วนแบ่งของฉันไม่มากเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันกลับมา ก่อนจะเดินตรงไปยังที่ที่แมคคาธียืนอยู่ แล้วเหยียดสายตามองเขา

                “ขอแค่ข้อมือซ้ายกับข้อเท้าขวาของแกก็พอ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตวัดปลายดาบขึ้น แมคคาธีร้องเสียงหลง “ไม่!!”

                ฉัวะ!

                กอร์ดอนจับแขนของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้แน่น ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนจะเป็นลม เขายกมือปิดหน้าตัวเอง “ไม่ แมกซ์ ฉันไม่อยากเห็นภาพโหดร้ายแบบนี้”

                “ใจเย็นๆ จอร์จจี้” ลอร์ดครอฟตันปลอบเขา “นายควรจะเอามือออกจากหน้าตัวเองก่อน จะได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร”

                “โธ่... เอ็ดดี้ ฉันไม่อยากเห็นคนข้อมือขาดสดๆ นี่นา”

                แมคคาธีแทบไม่เหลือสีเลือดบนหน้า เขาเหลือกตามองดาบในมือลอร์ดหนุ่ม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบตาสีฟ้าซีดมองเขา จากนั้นก็เค้นเสียงเย็นเยียบ

                “ข้อเท้า...”

                ฉัวะ!

                “โอ๊ย ฉันไม่ไหวแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าจะอาเจียน คราวนี้เจฟฟรีเลยต้องพูดออกมาบ้าง “จอร์จจี้ ช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะ ยังไม่มีใครถูกตัดอะไรด้วยซ้ำ”

                “หา?!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือออกจากหน้า ก่อนจะหันไปมองแมคคาธี เห็นเจ้าตัวลงไปนอนอยู่บนพื้น หน้าซีดตัวสั่น แถมยังปัดสาวะราดกางเกงจนเปียกชุ่ม แต่ไม่มีรอยอะไรอยู่บนตัวเลยนอกจากรอยกรีดสองรอยที่แขนเสื้อกับปลายขากางเกง

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เก็บดาบเข้าไปในไม้เท้าเหมือนเดิม ก่อนจะใช้หัวไม้เท้าชี้ไปที่หน้าของแมคคาธี ชายร่างเล็กเบิ่งตากว้างแทบจะฉีก เมื่อเห็นสิ่งที่สลักอยู่บนหัวไม้เท้า เขาตะกุกตะกักออกมา “คะ... คุณคือ...”

                ลอร์ดหนุ่มฟาดหัวไม้เท้าเข้าใส่ใบหน้าของฝ่ายนั้น ส่งแมคคาธีลงไปนอนกองกับพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติงอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา “นายจะลากเขากลับไปด้วยมั้ย?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “เขายังไม่สำคัญขนาดต้องให้ฉันลากกลับไป แค่นี้ก็พอแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “งั้นพวกเรากลับกันเถอะ”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองท่านเอิร์ลด้วยความงุนงงสงสัย ฝ่ายนั้นเพียงยิ้มให้ ก่อนจะฉุดมือเขาเดินออกไป คนที่เหลือจึงเดินตามออกไปด้วย โดยทิ้งความวุ่นวายเอาไว้เบื้องหลัง

---------------------------------
(จบตอน)
*** โอ๊ยย สารภาพว่าตอนนี้ยาวมากๆ (20หน้ากระดาษเอสี่) ตอนแรกเราว่าจะตัดแบ่งเป็นสองตอน แต่ดูยังไงมันก็ต้องอยู่ในตอนเดียวกันนั่นเอง สุดท้ายก็เลยมาเป็น20หน้าอย่างที่เห็นค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่เราโยนโควต้าหน้าต่อตอนทิ้งไป คือจะกี่หน้าก็เอาเหอะค่ะจอห์น ตามสบายเลย (ยกให้เลยค่ะท่านลอร์ด)

ตอนนี้อาจจะทำให้ทุกคนเริ่มปวดหัวแทนมาร์กี้ ฮ่าๆ โอ๊ย จอร์จจ๋าจอร์จ สาวกว่าจอร์จไม่มีอีกแล้ว กอร์ดอนที่ว่าหน้าสวยๆ ยังไม่ดีดดิ้นเท่าจอร์จจี้เลย ให้ตายเหอะ (หัวเราะหนักมาก :m20:)

และลอร์ดแมกซ์ออกมาขโมยซีนตอนจบ ฮ่าๆๆ โอ๊ย ความพยายามของจอห์นหลายบรรทัดคงประทับใจกอร์ดอน แต่ความเท่ของลอร์ดแมกซ์ไม่กี่บรรทัดมันโคตรขโมยซีน (แต่ก็ไม่รู้จะหาบทไหนมาเปิดตัวลอร์ดแมกซ์ได้ดีเท่าบทนี้อีกแล้ว)

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ วันนี้มาโพสแบบงงๆ มึนๆ เดี๋ยวจะกบดานยาวไปทำงานอื่นต่อแล้วค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-03-2017 22:10:29
คุณพระคุณเจ้า หนุ่ม ๆ เหล่านี้ซนกันจนน่าจับมาตีก้น!

จอร์จจี้น้อยของพี่ กลับบ้านไปให้มาร์กี้ปลอบขวัญนะลูก ฮ่า ๆ ๆ

แม็กซ์เท่มากกกกกกกกกก จอห์นอุตส่าห์ทุ่มสุดชีวิตมาทั้งตอน แต่เพื่อนขโมยซีนไปย่อหน้าสุดท้ายซะอย่างนั้น

กอร์ดอนคนสวย นำภัยมาได้ด้วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-03-2017 23:14:16
 :3123:
มาแบบจุใจเลยคราวนี้ ขอบคุณมากนะ
ตอนนี้ทุกคนมีบทครบเลยรวมทั้งรับใช้
แต่คนแย่งซีนสุดท้าย ปล่อยเขาไปเถอะ
นานๆ จะมีบทเด่นให้สักที
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 04-03-2017 23:16:29
ลุ้นสุดตัวเลยคับ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-03-2017 00:03:27
โอ้ยยย ก๊วนนี้ทำเราใจคอไม่ดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-03-2017 00:59:55
ตอนนี้สนุกมากเลยค่ะ standing ovation ให้คนเขียนเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-03-2017 10:48:43
ว้าวววววววววววว  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 05-03-2017 22:55:31
เทใจให้เหล่าท่านลอร์ดเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-03-2017 20:07:39
ลอร์ดแมกซ์ สุดยอดดดด เล่นเอานายบ่อนปัสสาวะราด :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
กร่างนัก เล่นใหญ่กับใครไม่เล่น เห็นสัญลักษณ์ที่หัวไม้เท้า คราวนี้กลัวหัวหดแน่
จอห์นนี่ เก่งไม่ใช่ย่อย เอาชนะไซคลอปได้  :ling1:
นักมวยร่างยักษ์ ที่ดูไม่เคยมีใครเอาชนะได้ของบ่อนเถื่อน
สมใจจอห์นนี่แล้ว ที่อยากเล่นกับนักมวยข้างถนน แถมชนะซะอีก
คราวนี้การขึ้นชกครั้งต่อไปสบายจอห์น เขาละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Mai.IcySakura ที่ 08-03-2017 18:21:41
อ่านรวดเดียว20ตอนเลยค่า เป็นเรื่องที่พระนางรักกันเร็วมาก แสดงว่าอุปสรรคเรื่องอื่นคงรอคิวอีกยาว

ก่อนจะอ่านถึงตอนล่าสุดนี่ ช่างรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ละมุนละไม โรแมนติค ได้บรรยากาศลอนดอนมากๆ
พออ่านตอนล่าสุดแล้วกรี๊ดมาก มีกลิ่นเลือดโชยแบบนี้สินิยายคุณจู ชอบมากค่า

แล้วแม็กก็เท่มากจริงๆ 55 แย่งซีนมากๆ ที่จริงก็แอบชอบแม็กซ์มานานแล้ว รู้สึกว่าสุขุมกว่าเพื่อนๆนิดนึง เห็นคอยปรามเพื่อนบ่อยๆ

อยากรู้จังว่าจะมีคู่รองมั้ย เห็นว่าไม่อยากให้เป็นอุตสาหเกย์ใช่มั้ยคะ55 แอบอยากได้อีกสักคู่จัง>< พระนางเราจะได้มีพวกเพิ่ม อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 09-03-2017 02:06:52
ความสวยเป็นเหตุแท้ๆ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 09-03-2017 07:21:54


ตอนอ่านลุ้นมาก กลัวจอห์นจะพ่าย ไหนจะกลัวกอร์ดอนโดนรั้งตัวไว้อีก
(เอาจริง ๆ เรานี่ลุ้นอย่างกับเป็นพ่อเป็นแม่ของบรรดาท่านลอร์ดทั้งหลายเลยนะคะ ฮ่า ๆๆๆ )
แต่พอจอห์นนี่ผ่านคู่แข่งทั้งหลายมาได้ เราก็โล่งใจ แถมยังได้สะใจทิ้งท้ายเสียอีก
นี่ก็ตั้งตารออยู่เลยค่ะว่ากอร์ดอนจะเตรียมเยียวยาร่างกายอันบอบช้ำของท่านลอร์ดอย่างไร (คึ คึ)

เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 10-03-2017 02:41:52
ก็ตะหงิดๆตั้งแต่ต้นๆตอนล๊ะว่าลอร์ดแมกซ์เหมือนอะไรซ่อนอยู่
แต่ใครจะคาดว่าจะเท่ขนาดเน้คะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ!
งื้อออออออออออออออออออออออออออออออออออ

ก่อนสลบแมคคาธีจะบอกว่าหลอดแมกซ์เป็นใครนะ?
ลุกมาบอกกันก่อนเซ่!!!!!!!!!//จับเขย่าคอ

ไงคะหลอดจอห์น กอร์ดอนเตือนแล้วก็ไม่ฟัง ทำพ่อเทวดาตัวน้อยๆเดือดร้อนเลย
เหอะๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 10-03-2017 02:45:02
ชอบฉากตะลุมบอลพระเอกมากค่ะ สะใจ
55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

ปล.ลอร์ดแมกซ์รับสมัครเลดี้ไหมคะ?//เสนอตัวด่วนๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: - Fleur - ที่ 13-03-2017 01:43:05
สวัสดีค่ะ โง้ยยย ขอเรียกตัวเองว่าแฟนนิยายคุณจูออนได้มั้ย รู้สึกตามอ่านได้เกือบทุกเรื่อง 555555555
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ เนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นช่วงสอบมหาโหดไป

ฟินนน !! ชอบแนวเรื่องแบบนี้มาก หาอ่านยากจริงๆ
ดีใจที่คุณเขียนแนวนี้ค่ะ ชอบบรรกาศ ชอบแต่ละฉาก ชอบบทสนนา ชอบไปหมดเลยยย
บางชุด ชื่อที่ใช้เรียกนี่ก็ไม่รู้จัก ต้องอ่านไป เสิร์ชกูเกิ้ลไป เพื่อจินตนาการที่สวยงาม
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะ นี่เพิ่งอ่านไปได้ไม่กี่ตอน แต่ขอเม้นก่อน
รักกก
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:


[ เพิ่งสังเกตุว่าเอาแอคเค้าที่เพิ่งเปิดใหม่มาเม้น :katai1:  ]
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 19-03-2017 23:47:27
รอรอรอ
คิดถึงนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-03-2017 21:13:22
Dear, My customer.

ตอนที่21 ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์


                กอร์ดอนนั่งรถม้ากลับมากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขามองฝ่ายนั้นด้วยความเป็นห่วง

                “จอห์น คุณเจ็บมากมั้ย?”

                “ก็เจ็บอยู่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ขณะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตรงมุมปากที่มีรอยเลือดเลอะอยู่ “ปากผมแตก”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นด้วยสีหน้ารวดร้าวใจ “ขอโทษนะครับ... ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย”

                เอิร์ลหนุ่มมองช่างตัดเสื้อ แล้วถอนใจ “ผมเป็นคนให้คุณพาเข้าไปเอง ไม่ต้องคิดมากหรอก”

                กอร์ดอนมองหลังมือของลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่เป็นรอยถลอก มองรอยช้ำบนใบหน้าของฝ่ายนั้น พลางนึกย้อนถึงภาพการต่อสู้ที่ผ่านมา

                “คุณแวะทำแผลใส่ยาที่บ้านผมก่อนมั้ยครับ? ที่บ้านผมมีอุปกรณ์ทำแผลอยู่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ทำไมคุณมีของแบบนั้นอยู่ที่บ้านได้ล่ะ?”

                “อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดครับ” กอร์ดอนตอบเขา “บางทีก็เข็มแทง บางทีก็ม้วนผ้าหล่นใส่ ผมมีเซ็ตทำแผลกับสีผึ้งติดบ้านเอาไว้เผื่อตัวเองกับช่างน่ะครับ”

                คนฟังยิ้มออกมา เขาลดบังตาและกระจกที่ใช้กั้นระหว่างห้องโดยสารกับคนขับออก แล้วตะโกนสั่งคนรับใช้ “แวะร้านคุณโอเดนเบิร์ก ฉันจะไปทำแผลที่นั่น”

----------------------------

                เดวิดมีสีหน้าแปลกใจที่เห็นกอร์ดอนพาลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้ามาในร้าน แสงไฟจากตะเกียงที่เขาถือมาทำให้เด็กหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ

                “พระเจ้าช่วย! เกิดอะไรขึ้นกับท่านลอร์ดครับ!!”

                กอร์ดอนไม่ตอบคำถาม เขาสั่งเด็กรับใช้ให้ไปหยิบล่วมยามา ก่อนจะพาลอร์ดหนุ่มไปที่ห้องลองเสื้อ โอลิเวอร์เดินตามมาติดๆ

                “ขอโทษนะครับนายน้อย เพราะผมชะล่าใจเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือห้าม “ไม่ใช่ความผิดแกหรอก มือเปล่าจะสู้อะไรกับปืน”

                กอร์ดอนเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟ ห้องทั้งห้องสว่างวาบขึ้นมาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงขึ้นมา

                “ว้าว คุณใช้หลอดไฟรุ่นใหม่หรือ? ที่บ้านผมยังเปลี่ยนไม่หมดเลย”

                “เฉพาะห้องนี้กับหน้าร้านเท่านั้นครับ” กอร์ดอนว่า “ค่าหลอดไฟแบบใหม่กับระบบของมันแพงมาก”

                “นั่นสินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า โอลิเวอร์มองใบหน้าเจ้านายด้วยความเป็นห่วง

                “นายน้อย หน้าคุณเป็นรอยชัดมากเลยครับ”

                “อ้อ ฉันเห็นแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขณะมองตัวเองในกระจกสามบาน “แบบนี้ทุกคนต้องสงสัยแน่ว่าฉันไปทำอะไรมา”

                “ผมจะรับผิดเองครับ” คนรับใช้ว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดผม”

                ลอร์ดหนุ่มหันมองคนรับใช้ “แกจะรับผิดว่าอะไร บอกว่าเป็นคนพาฉันไปที่นั่นหรือ? พ่อก็รู้อยู่ดีว่าฉันเป็นคนสั่งแก ไม่เอาน่ะโอลิเวอร์ ฉันรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ แกไม่ต้องรับแทนหรอก”

                “แต่...”

                “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันบอกว่ารับผิดชอบได้คือรับผิดชอบได้ นี่แกไม่เชื่อใจนายแกหรือ?”

                โอลิเวอร์สั่นศีรษะ ขณะที่อ้าปากกำลังจะพูดอะไร เดวิดก็เดินเอาล่วมยาเข้ามาให้พอดี ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยยกมือเป็นเชิงห้ามอีก

                “เอาอ่างใส่น้ำมาด้วย” กอร์ดอนสั่งอีก “ฉันต้องล้างแผลให้ท่านลอร์ด”

                “ครับ” เดวิดหายออกไปอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับอ่างใส่น้ำสะอาด และอ่างเปล่าใบหนึ่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองด้วยความพอใจ

                “ขอน้ำให้ฉันสักแก้วด้วยสิ ฉันอยากบ้วนปาก”

                “ได้ครับ” เดวิดเดินไปรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วมาให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รับไว้แล้วดื่มมัน ก่อนจะบ้วนลงในอ่าง เขาส่งแก้วคืนให้เดวิด “ขอบใจนะ”

                เอิร์ลหนุ่มหันไปสั่งคนรับใช้ “เอาล่ะ ออกไปรอข้างนอกก่อน”

                “ครับ” โอลิเวอร์โค้งให้ฝ่ายนั้นก่อนจะเดินออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองเดวิด “เธอก็ด้วย”

                “อ๊ะ! ไม่ต้องให้ผมช่วยหรือครับ?” เดวิดมีสีหน้าแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมองเวลาถอดเสื้อ”

                “โอ... เข้าใจแล้วครับ” เดวิดรีบพูด ก่อนจะโค้งให้ฝ่ายนั้น แล้วออกจากห้องไปทันที จึงเหลือแค่ลอร์ดหนุ่มกับช่างตัดเสื้อสองคน

                กอร์ดอนเดินไปปิดประตูห้อง ก่อนจะหันมามองลอร์ดหนุ่มด้วยความเป็นห่วง “คุณเช็ดหน้าก่อนดีกว่าครับ”

                เขาเทน้ำใส่อ่างอีกอ่าง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าลงไปชุบน้ำ บิดและส่งให้อีกฝ่าย ลอร์ดโทรว์บริดจ์รับผ้ามาเช็ดหน้า พลางมองช่างตัดเสื้อ

                “ผมจะทำแผลที่มือให้คุณนะ” เขาพูด แล้วถืออ่างใส่น้ำมาวางไว้ข้างๆ ก่อนจะคุกเข่าลงนั่งตรงหน้าลอร์ดหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หยิบผ้าก็อซมาชุบน้ำแล้วค่อยๆ เช็ดลงไปบนรอยถลอกที่อยู่บนหลังมือ

                “เจ็บรึเปล่าครับ?”

                “เล็กน้อยมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “เวลาผมเล่นรักบี้ก็เจ็บตัวแบบนี้แหละ”

                กอร์ดอนมีสีหน้าแย้งอย่างเห็นได้ชัด เขาค่อยๆ เช็ดแผลอย่างเบามือ ก่อนจะใช้ผ้าก็อซแห้งซับ แล้วทาสีผึ้งสำหรับใส่แผลลงไป จากนั้นก็พันด้วยผ้าพันแผล ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ดวงตาสีเขียวของเขามองอากับกิริยาของช่างตัดเสื้อตลอดเวลา

                กอร์ดอนใช้เวลาไม่นานก็ทำแผลบนหลังมือทั้งสองข้างให้ท่านเอิร์ลเสร็จ อีกฝ่ายพูดกับเขาด้วยความพิศวง “คุณดูทำแผลเก่งนะ เย็บผ้านี่บาดเจ็บบ่อยมากเลยหรือ?”

                “ก็ไม่เชิงหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ “ส่วนใหญ่เป็นเรื่องโดนเข็มแทงกับเข็มเกี่ยวเสียมากกว่า” ช่างตัดเสื้อดูลังเลที่จะพูดต่อ “ก่อนปู่ผมจะเสีย เขาเป็นแผลกดทับน่ะครับ ผมเคยช่วยพยาบาลทำแผลให้เขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ปู่คุณคงมีความสุขมากที่มีหลานแบบคุณ” เขาจับมือของช่างตัดเสื้อมากุมไว้ กอร์ดอนรีบพูดต่อ “คุณจะให้ผมดูรอยช้ำบนตัวมั้ยครับ?”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะปล่อยมือช่างตัดเสื้อ แล้วปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง

                “เรื่องกระแทกคอกกั้นน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่รอยที่ถูกชกเอาเรื่องเหมือนกัน ผมพอเข้าใจแล้วว่าทำไมลอร์ดควีนสเบอรี่ถึงให้ใส่นวมชก” เอิร์ลหนุ่มพูดพลางถอดเสื้อออก รอยแดงชัดถนัดตาปรากฏอยู่บนชายโครงของเขา

                “หมอนั่นหมัดหนักใช้ได้เลย ผมคิดว่าจะจุกจนลุกไม่ขึ้นแล้ว” ลอร์ดหนุ่มพูดขณะที่ช่างตัดเสื้อทาสีผึ้งสำหรับรอยฟกช้ำให้

                “ผมกลัวแทบตาย” กอร์ดอนพูด ขณะทายาให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ “กลัวคุณจะเป็นอะไรไป ยังไม่มีใครที่เอาชนะไซคลอปได้เลย เขาเป็นไม้ตายของแมคคาธี”

                “โชคดีที่ผมเอาชนะเขาได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไม่อย่างนั้นเขาคงเอาตัวคุณไว้ทั้งคืน ผมต้องเป็นบ้าตายแน่”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขารีบห่อปากเป็นเชิงให้อีกฝ่ายลดเสียง “แมคคาธีไม่ทำอะไรผมหรอกครับ เต็มที่เขาก็ให้ผมนั่งจ้องหน้ากับเขา เขาไม่เคยทำเรื่องหยาบคายอะไรกับผมมากไปกว่าการใช้คำพูดครับ”

                “งั้นหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าไม่เชื่อ “แต่ทุกคนที่นั่นดูหยาบคายมากนะ ผมสงสัยว่าคุณรู้จักที่นั่นได้ยังไง? แค่ช่างที่ร้านชวนไปแค่นั้นเองหรือ?”

                กอร์ดอนมีสีหน้าลังเล แต่ในที่สุดเขาก็ตอบคำถาม “ช่างที่เคยทำงานที่ร้านผมคนนึงเคยติดหนี้เขาครับ ผมเลยตามไปใช้ให้”

                “อ้อ...” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงไม่อยากไปที่นั่นอีก พวกนั้นไร้มารยาทมาก”

                “ครับ คุณคงเห็นแล้ว”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเรือนผมสีทองของคนที่กำลังทายาให้เขาอยู่ แล้วพูดต่อ “แมคคาธีเคยมารังควาญคุณที่นี่มั้ย หลังจากคุณไปที่บ่อนเขาแล้ว ท่าทางเขาสนใจคุณมากนะ”

                “เขาเคยมาด้วยตัวเองครั้งนึงครับ” กอร์ดอนตอบ “แต่เผอิญวันนั้นท่านดยุกอ็อคฟอร์ดมาที่ร้านผมพอดี หลังจากนั้นเขาก็ไม่กล้ามาอีกเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าแปลกใจ “ท่านดยุกอ็อคฟอร์ดมาหาคุณถึงนี่เลยหรือ? ทำไมล่ะ? เขามาเลือกผ้าหรือ?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “บางครั้งท่านนดยุกก็จะมาดูที่ร้านเอง บางครั้งผมก็จะยกไปให้ดูที่คฤหาสน์ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าครุ่นคิด “คุณคงเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของเขาจริงๆ ปกติเขาเป็นคนที่ไปพบคนอื่นน้อยมาก มีแต่คนต้องไปพบเขา”

                “เขาเป็นถึงท่านดยุกนี่ครับ” กอร์ดอนว่า เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “ก็ใช่...” เขาขยับปากเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ก็เปลี่ยนใจ รอจนช่างตัดเสื้อทายาที่ชายโครงเสร็จ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จับมือเขาเอาไว้

                “ยังเหลือแผลที่ปากผมอีกนะ”

                “ครับ ผมมียาทาแผลในปาก” กอร์ดอนพูด และทำท่าจะผละออกไปหยิบยา แต่ถูกอีกฝ่ายยุดมือไว้ “ไม่ต้องหรอก ยาทาแผลในปากที่บ้านผมก็มี”

                “ถ้างั้น...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “ผมอยากได้มนตร์วิเศษจากคุณน่ะ”

                “หืม?” ช่างตัดเสื้อมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ท่านเอิร์ลคลี่ยิ้ม แล้วใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากของคู่สนทนา

                “ผมอยากได้มนตร์วิเศษจากตรงนี้ของคุณน่ะ”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขารีบกระซิบ “อย่าพูดดังไปครับ ห้องนี้ไม่เก็บเสียง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วกระซิบตอบ “ให้ผมได้รึเปล่า?”

                กอร์ดอนเม้มริมฝีปาก ก่อนจะผงกศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์โน้มหน้าลงมา ทั้งคู่แนบริมฝีปากเข้าหากัน เคล้าจูบเบาๆ แล้วผละออก

                “วิเศษมาก พรุ่งนี้แผลผมคงหาย” ท่านเอิร์ลกระซิบ กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความเขินจัด เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ลอร์ดหนุ่มกอดเขาไว้ ก่อนจะยกมือลูบใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆ

                “กอร์ดอน หลังจากนี้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องแมคคาธีหรอกนะ ผมจะจัดการจนแน่ใจว่าเขาจะไม่มาทำยุ่มย่ามอะไรกับคุณอย่างเด็ดขาด”

                ช่างตัดเสื้อหันกลับมามองฝ่ายนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกว่าผมนำเรื่องยุ่งยากมาให้”

                “เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น” กอร์ดอนรีบปฏิเสธ “แต่แมคคาธีรู้จักช่างในร้านผม...”

                เอิร์ลหนุ่มก้มลงจูบแก้มฝ่ายนั้นเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าคุณคิดแน่ว่าเขาต้องอยากแก้แค้น และคนที่แก้แค้นง่ายที่สุดก็คือคุณ ถ้าเขาเข้าถึงตัวคุณไม่ได้ ก็คงเข้าถึงตัวช่างในร้านคุณ แต่เชื่อผมเถอะกอร์ดอน เขาจะไม่มีวันทำแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เห็นตราบนหัวไม้เท้าของแมกซ์แล้ว”

                กอร์ดอนเบิ่งตากว้างด้วยความแปลกใจ “หมายความว่าไงครับ?”

                “มันไม่มีความหมายพิเศษอะไรสำหรับคนสุจริตแบบคุณหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่มันมีความหมายสำหรับคนแบบแมคคาธี แย่หน่อยนะที่ผมอธิบายรายละเอียดให้คุณฟังมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะนี่คือความลับของแมกซ์ ผมไม่สามารถเอาความลับของคนอื่นมาพูดต่อได้”

                คนฟังพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วครับ”

                “เข้าใจแล้วจริงๆ นะ?” เอิร์ลหนุ่มถามย้ำ “ถ้าคุณรู้สึกว่ายังไม่ปลอดภัยพอ ผมจะให้คนมาเฝ้าที่หน้าร้านคุณ รวมถึงบ้านช่างที่ร้านคุณด้วย”

                “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่คุณรับรอง ผมก็เชื่อแล้ว” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างไม่แน่ใจนัก

                “แน่ใจนะ...” ท่านเอิร์ลถามย้ำ ก่อนจะพูดต่อ “ที่จริงแล้วแมคคาธีก็ทำผมเสียหน้าอยู่ เขาคงทำให้คุณรู้สึกว่าผมต้องพึ่งบารมีของพ่ออยู่ร่ำไป โดยที่ตัวผมไม่มีอำนาจอะไรเลย”

                กอร์ดอนขยับปากทำท่าจะพูดอะไร แต่ถูกอีกฝ่ายยกมือห้ามไว้ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดปลอบใจผมหรอก ผมกำลังจะพูดต่อว่ามันก็จริงอย่างที่เขาคิด แต่เขาคงไม่เข้าใจ ขณะที่คนอย่างเขาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจเอาไว้ในมือ คนอย่างผมก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจเก่าเอาไว้เหมือนกัน เพราะอนาคตของผมถูกกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่ผมเกิดมา”

                ช่างตัดเสื้อมองหน้าคู่สนทนา เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างและเย็นชาในน้ำเสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ชั่วขณะที่เขามองเข้าไปในดวงตาสีเขียวคู่นั้น กอร์ดอนรู้สึกเหมือนมีฝ้าน้ำแข็งบางๆ เกาะอยู่ในดวงตาคู่งามนั้น แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เดียว พอเขาเพ่งมองอีกครั้ง ความเย็นชานั้นก็หายไป คงเหลือแต่ความอบอุ่นสดใสและภาพของเขาเท่านั้นที่สะท้อนอยู่

                กอร์ดอนยกมือขึ้นบีบแขนของฝ่ายนั้น “จอห์น คุณเพิ่งใช้มือเปล่าๆ สองมือพาผมกลับมายืนตรงนี้ได้ ต่อให้ตอนนี้คุณเป็นแค่ผู้จัดการเหมือง ผมก็ยังจะเชื่อคุณ ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหรือบรรดาศักดิ์ของคุณหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบิ่งตาสีเขียวสดใสของเขามองช่างตัดเสื้อ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “คำพูดของคุณวิเศษเสียยิ่งกว่ายาดีที่ไหนเสียอีก”

                กอร์ดอนยิ้มตอบ ก่อนจะใช้มือประคองใบหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ แล้วแนบริมฝีปากลงไป             

--------------------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้น ลอร์ดบาธต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นลูกชายตัวดีโผล่มาที่ห้องทำงานของเขาตั้งแต่ก่อนเวลามื้อเช้า ทั้งที่เมื่อคืนก็กลับมาดึกมาก

                “อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักแล้วปิดประตูห้องทำงาน เขาแต่งตัวด้วยชุดที่เพิ่งตัดมาใหม่ หวีผมเรียบร้อย ใส่น้ำหอมอย่างดี ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบอย่างที่พ่อของเขาอยากให้เป็น แต่ลอร์ดบาธกลับขมวดคิ้วมุ่น

                “นั่นหน้าแกไปโดนอะไรมา? ไปมีเรื่องชกต่อยมาหรือ?”

                เอิร์ลหนุ่มลากเก้าอี้มานั่งข้างโต๊ะทำงานของผู้เป็นพ่อ ก่อนจะอ้าปากพูดต่อ “ผมจะมาคุยเรื่องนี้กับพ่อนี่แหละครับ... เมื่อวันศุกร์ผมไปดูแมดเนอร์ชกมา”

                “อืม... พ่อรู้แล้ว แกเล่าพ่อแล้วเมื่อเช้าวาน”

                “ผมไม่อยากแพ้เขา...”

                “อืม...”

                “แต่ผมไม่เคยชกจริงกับใครมาก่อน...”

                ลอร์ดบาธมองหน้าลูกชาย เขาสูดหายใจลึก แล้วถอนออกมา “สรุปแล้วเมื่อคืนแกไปชกกับใครมา วิวาทข้างถนน หรือว่าให้ใครหาคู่ชกให้? มีเรื่องสำคัญอะไรที่พ่อต้องรู้มั้ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่มีครับ แต่ผมมีเรื่องนึงต้องขอร้องพ่อ”

                “อะไรล่ะ?”

                “ช่วยแก้ตัวเรื่องรอยช้ำบนหน้าผมกับแม่ที... แม่ต้องบ่นแน่ และผมก็นึกคำแก้ตัวดีๆ ที่ทำให้แม่ไม่บ่นไม่ออกเลยครับ”

                ลอร์ดบาธมองหน้าลูกชายอึดใจ ก่อนจะสั่นศีรษะ “แกโตแล้วจอห์น แกต้องรู้จักหัดรับผลในสิ่งที่แกทำบ้าง”

------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามอย่างยิ่งที่จะทำสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด ในตอนที่เขาเดินไปที่ห้องอาหาร เผื่อว่าแม่ของเขาจะได้ไม่รู้สึกตื่นตกใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลนัก

                “พระเจ้าช่วย! นั่นหน้าลูกไปโดนอะไรมา?!” เลดี้บาธอุทานแล้วลุกพรวดจากเก้าอี้ตรงไปหาลูกชายทันที เธอยกมือขึ้นแตะใบหน้าของเขาด้วยความปวดร้าวใจ

                “เกิดอะไร ใครทำร้ายลูกแบบนี้? แล้วนี่ลูกหาหมอหรือยัง?” โดยไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ เธอหันไปสั่งสาวใช้ทันที “ไปตามคุณหมอไอเซนไฮม์มาเร็ว”

                “มาเรีย ผมว่าเรื่องนี้ไม่ถึงกับต้องตามหมอไอเซนไฮม์มาหรอก” ลอร์ดบาธที่เดินตามเข้ามาพูด ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ออกไปยืนรอนอกห้องอาหาร เลดี้บาธมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ “แต่ลูกเราบาดเจ็บนะคะ”

                “เขาแค่มีรอยช้ำที่หน้านิดหน่อย” ลอร์ดบาธว่า ภริยาของเขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันมามองลูกชาย

                “นิดหน่อยตรงไหนกันคะ? นี่ลูกเราปากแตกนะ แล้วดูสิ” เธอจับมือทั้งสองข้างของลูกชายขึ้นมา “หลังมือของเขาก็มีแผล โอ... ใครกันช่างทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับลูกได้”

                “แม่ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หาจังหวะพูดแทรกได้ในที่สุด “มันไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่การต่อสู้ของสุภาพบุรุษ”

                “?” เลดี้บาธเลิกคิ้วมองเขา ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “ผมแค่ออกไปฝึกซ้อมพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการซ้อมของลอร์ดควีนสเบอรี่ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่แพ้ในการชกจริง แค่นั้นเองครับ”

                “โอ...” เลดี้บาธทำท่าเหมือนจะเป็นลม เธอกวาดตามองลูกชายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะจูงมือเขามานั่งที่เก้าอี้ “ลูกแน่ใจนะจ้ะว่าไม่ต้องการพบหมอ?” เธอถามแล้วพิศมองลูกชายอีกครั้ง “แม่ว่าให้หมอมาตรวจดูหน่อยดีกว่า หน้าลูกช้ำมาก อย่างน้อยๆ ลูกก็ต้องทายา แล้วยังแผลที่มืออีก นี่ใครทำแผลให้ลูกจ้ะ?”

                “มีคนช่วยทำให้เมื่อคืนครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะพูดต่อ “ผมว่าถ้าตามหมอมาตอนนี้จะรบกวนเวลาไปโบสถ์ของเขาเปล่าๆ ครับ เรากินมื้อเช้า ไปโบสถ์ก่อน แล้วค่อยตามเขามาช่วงบ่ายดีกว่า”

                เลดี้บาธลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดก็พยักหน้า “ก็ได้จ้ะ”

----------------------------

                หมอไอเซ็นไฮม์ถูกตามตัวมาหลังจากเลิกพิธีที่โบสถ์ เขามาถึงก่อนเวลาสิบเอ็ดโมงเล็กน้อย และเข้าพบกับเอิร์ลหนุ่มในห้องรับรองส่วนตัวที่ชั้นสองของคฤหาสน์

                “อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด”

                “อรุณสวัสดิ์คุณหมอ ดื่มชามั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทัก พลางผายมือไปยังถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ หมอไอเซนไฮม์เอ่ยขอบคุณ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งประจันหน้ากับเขา

                “ใบหน้าคุณดูบอบช้ำไม่น้อยเลยนะครับ” หมอพูด เขามีวัยสูงกว่าลอร์ดบาธประมาณสี่ปี และเป็นหมอประจำตระกูลคาเว็นดิชรุ่นที่สองสืบทอดต่อจากพ่อของเขา

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร”

                “เท่าที่ดูก็ไม่น่าจะร้ายแรงไปกว่าแค่รอยช้ำ” หมอไอเซนไฮม์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ช่วยกรุณาอ้าปากหน่อยครับ ผมจะดูรอยแผลแตกด้านใน”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-03-2017 21:14:15
                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากตามคำขอ หมอใช้ไฟฉายส่องดูในปากของเขา ก่อนจะพยักหน้า “แผลไม่ใหญ่มาก ผมว่าทายาสักสองสามวันก็น่าจะหายเป็นปกติแล้วครับ”

                “อืม”

                “ขอดูแผลที่มือคุณหน่อยครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “ผมทำแผลที่มือแล้ว”

                “แต่ท่านมาร์ชันเนสอยากให้ผมตรวจดู” หมอไอเซนไฮม์ว่า “ขอดูมือหน่อยครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือทั้งสองข้างของเขาให้หมออย่างไม่เต็มใจนัก หมอแกะผ้าพันแผลออกจากมือเขา

                “ใครทำแผลให้คุณครับเนี่ย? เธอเป็นสุภาพสตรีที่ดูน่าสนใจทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “ไม่ เขาเป็นผู้ชาย เป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม”

                หมอไอเซนไฮม์ทำหน้าแปลกใจ “ผู้ชายหรือครับ งั้นเขาคงผ่านการทำแผลมาพอสมควรเลย และน่าจะเป็นคนละเอียดอ่อนมาก ดูจากการที่เขาพันแผลให้คุณนะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ผมว่าเขาพันได้ดีแล้ว เลยไม่อยากให้คุณแกะน่ะ”

                “แต่ผมต้องทำตามคำขอร้องของท่านมาร์ชันเนส อีกอย่างคุณต้องล้างแผลใหม่ แต่แผลถลอกแบบนี้สักสองวันก็หายแล้วครับ”

                “อืม ผมบอกแม่แล้วว่าไม่ต้องตามคุณมา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า หมอพยักหน้า “ครับ แต่ผู้หญิงทุกคนต้องเป็นห่วงลูกๆ ของเธออยู่แล้ว”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า เขานั่งมองหมอไอเซนไฮม์ทำแผลที่หลังมือ

                “มีส่วนไหนที่ผมจำเป็นต้องตรวจอีกมั้ยครับ?” หมอพูดหลังจากทำแผลใหม่เรียบร้อย คนถูกถามนั่งนิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง “มี ที่ชายโครงผม” เขาพูด แล้วเลิกเสื้อขึ้น ก่อนจะพูดต่อ “ผมต้องพักการซ้อมมวยไหม?”

                หมอไอเซ็นไฮม์มองรอยแดงที่ชายโครงซ้ายของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วตอบเขา “คุณควรพักการออกกำลังกายอย่างหักโหมสักสองสามวัน ไม่อย่างนั้นอาจจะมีอาการอักเสบในกล้ามเนื้อเกิดขึ้นได้ครับ”

                “ตกลง”

                “ยังมีจุดไหนที่เป็นรอยแบบนี้อีกไหมครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่มีแล้วล่ะ คุณอยากดื่มชาเป็นเพื่อนผมไหม?”

                “ขอบคุณในน้ำใจครับ” หมอตอบ “แต่ผมอยากกลับไปดื่มที่บ้านมากกว่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ตามสบายเถอะคุณหมอ ผมจะออกไปส่งคุณแล้วกัน”

                หลังจากหมออธิบายเรื่องอาการบาดเจ็บของลูกชายว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และให้ยาสำหรับทาแผลและรอยฟกช้ำเอาไว้ชุดหนึ่ง เลดี้บาธก็ดูมีสีหน้าดีขึ้นมาก ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงคัดค้านอย่างแข็งขันว่าลอร์ดลูกชายจะต้องไม่ใช่เวลาในช่วยบ่ายวันอาทิตย์ไปกับกิจกรรมกลางแจ้งที่อาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้อีกอย่างเช่นการเล่นเทนนิส ท้ายที่สุดสองพ่อลูกจึงลงเอยกันที่การเล่นหมากรุก ซึ่งเป็นกิจกรรมสุดโปรดของลอร์ดบาธ แต่ทว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยนึกชอบมันเลย

                “ที่จริงผมคิดว่าเราน่าจะเล่นไพ่กัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด หลังจากใช้เวลาในการแก้ตาหมากของผู้เป็นพ่อนานถึงสี่นาที ลอร์ดบาธมองลูกชายแล้วสั่นศีรษะ “ไพ่ที่เล่นสองคนมันไม่สนุกหรอก แกก็รู้”

                “แต่ผมไม่ชอบเล่นหมากรุกนี่ครับ” ลอร์ดหนุ่มคร่ำครวญ ก่อนจะทำหน้าเศร้า เมื่อพ่อของเขาใช้เวลาแก้ตาหมากที่เขาวางไม่ถึงครึ่งนาที

                “มันไม่ขึ้นอยู่กับว่าแกชอบหรือไม่ชอบหรอก” ผู้เป็นพ่อบอกเขา “มันคือการฝึกฝน ไม่ว่าแกจะชอบหรือไม่ก็ตาม”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำคอตก เขาเคาะนิ้วลงบนตัวหมากด้วยความเบื่อหน่าย จนพ่อของเขาต้องพูดขึ้นต่อ “มีสมาธิหน่อยจอห์น พ่ออยากเห็นแกตั้งใจเล่นกว่านี้ เอาให้เหมือนเวลาแกเล่นรักบี้หรือกีฬาอย่างอื่นน่ะ”

                “โธ่ พ่อครับ” ลอร์ดหนุ่มคราง “รักบี้กับหมากรุกมันเหมือนกันเสียที่ไหนล่ะครับ ในสนามรักบี้ ผมมีเพื่อนๆ คอยช่วย แต่ในกระดานหมากรุก ผมมีแต่ต้องช่วยเหลือตัวเองนี่นา”

                “ก็นั่นแหละ สิ่งที่แกต้องเรียนรู้ล่ะ” ลอร์ดบาธว่า “คนเราจะคอยให้คนอื่นช่วยไปตลอดไม่ได้หรอก พ่อไม่เถียงหรอกนะว่าการมีเพื่อนคอยช่วยเหลือเป็นสิ่งดี แต่ที่แกต้องจำไว้คือแกต้องหัดรู้จักเอาตัวรอดด้วยตัวเองด้วย”

                “ผมไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับหมากรุกตรงไหน...”

                “พ่ออยากให้แกตั้งใจเล่น”

                “แต่...”

                “จอห์น...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำคอตกอีกครั้ง เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะรวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับกระดานหมากรุกตรงหน้า เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง สุดท้ายลอร์ดหนุ่มก็แพ้ให้กับพ่อของเขาแบบล้มกระดาน

                “ผมเอาชนะพ่อไม่ได้หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “พ่อเล่นเกมพวกนี้เก่งมาก”

                ลอร์ดบาธมองลูกชาย “พ่อจะบอกอะไรให้นะ ถ้าแกยอมเสียหมากตัวนั้นตั้งแต่ตาเดินที่หก แกจะมีโอกาสชนะพ่อ รู้มั้ยว่าเกมกระดานพวกนี้สอนอะไร มันสอนว่าเมื่อแกคิดจะรักษาทุกอย่างเอาไว้ให้เหมือนเดิม เวลาอยู่ในสถานการณ์ลำบาก สุดท้ายแกก็จะไม่เหลืออะไรเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าเห็นด้วย “ผมถึงไม่ชอบหมากรุกไงครับ ผมว่ามันเป็นเกมที่อำมหิต”

                “พ่อบอกแล้วว่ามันไม่ขึ้นกับว่าแกชอบหรือไม่ชอบ” เขาเรียงตัวหมากลงไปในกระดานใหม่ “อีกเกมสิ อย่างน้อยๆ วันนี้แกควรจะชนะพ่อสักเกม”

                สองพ่อลูกเริ่มเล่นเกมกระดานกันใหม่อีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงใช้เวลาคิดแก้ปัญหาในตารางสี่เหลี่ยมนั้นนานเหมือนเดิม

                “ใจแข็งหน่อยจอห์น มันก็แค่ตัวหมาก”

                “ครับ ผมรู้ว่ามันเป็นตัวหมาก แต่ผมกลัวว่าถ้าเดินตัวนี้ออกไปแล้วจะแพ้นี่ครับ”

                “แกมองล่วงหน้าไปกี่ตาแล้วล่ะ?”

                “สามครับ”

                “น้อยไป อย่างน้อยๆ แกต้องมองสี่ ห้า หรือหก” ลอร์ดบาธพูด “ถ้าแกเดินหมากมาตรงนี้ แกต้องคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวอื่นๆ แน่นอนว่ามันต้องมากกว่าสี่หรือห้าอยู่แล้วในความเป็นจริง สำหรับคนเชี่ยวชาญและเจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่เก่งมากนัก เขาอาจจะเดาใจคู่ต่อสู้ออกและมองไปได้ถึงการปิดเกมตั้งแต่เดินหมากกันได้สามตาด้วยซ้ำ แต่ในกรณีที่คู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อกัน บางทีมันก็คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดีๆ นี่แหละ ถึงจะคิดความเป็นไปได้เอาไว้ไม่รู้กี่แบบแล้ว แต่มันก็มีบ้างเหมือนกันที่คู่ต่อสู้ทำสิ่งที่คาดไม่ถึง ตรงนั้นแหละที่ท้าทาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะฝืดฝืน “กว่าผมจะไปถึงขั้นนั้นคงอีกนานมาก” ลอร์ดหนุ่มว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ผมจะพยายามเรียนรู้ไว้ครับ”

                “แกควรต้องเรียนรู้ให้เร็ว” ลอร์ดบาธพูดและเดินหมากต่อ เขายกตัวหมากของลูกชายออกไปอีกตัวสองตัว

                “ผมก็คิดว่าเกมนี้ควรจะจบได้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาเดินหมากอีกตัว “โดยมีพ่อเป็นผู้ชนะเหมือนเดิม”

                “ชนะพ่อให้ได้สักเกมสิจอห์น... พ่อรู้น่าว่าแกทำได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แลบลิ้นเลียริมฝีปาก แล้วสูดหายใจ “จะลองดูนะครับ”

                แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังพ่ายแพ้ในเกมนั้นอยู่ดี ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ แล้วเตรียมจะลุกออก แต่ถูกลูกชายเรียกไว้ “ผมขออีกสักเกม ผมแน่ใจว่าเกมนี้น่าจะพอสูสีอยู่นะครับ”

                คนเป็นพ่อเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยอมนั่งต่อ การเดินหมากเริ่มขึ้นอีกครั้ง ลอร์ดบาธพบว่าลูกชายของเขายังคงใช้วิธีเดินหมากเหมือนสองเกมแรก

                “ดื้อนะจอห์น พ่อบอกแล้วไงว่าถ้าแกไม่ยอมเสียสิ่งที่ควรจะ แกจะเสียทุกอย่างและพ่ายแพ้”

                “ผมไม่ชอบเสียอะไรที่มีอยู่ในมือเลยครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกพ่อเขา “แต่ผมก็ไม่ชอบการพ่ายแพ้เหมือนกัน”

                ทั้งคู่เริ่มเดินหมากกันต่อ ไม่นานลอร์ดบาธก็พบว่าวิธีเดินหมากของลูกชายเริ่มเข้าขั้นบ้าบิ่น เขาถึงกับหัวเราะออกมา “ไม่เลว ไม่เลวเลยสำหรับการเดินแบบนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม เขาเคลื่อนหมากอีกตัว ผู้เป็นพ่อมองอย่างพิศวง “แกจะเดินหมากแบบนี้จริงๆ หรือ?”

                “ครับ”

                “น่าสนใจ” ลอร์ดบาธว่า เขาถึงกับใช้เวลากว่าห้านาทีในการเคลื่อนหมากตัวหนึ่ง ก่อนจะประกาศขอยอมแพ้หลังจากลอร์ดลูกชายทิ้งอัศวินฝั่งตัวเอง

                “พ่อแพ้แล้ว” ลอร์ดบาธว่า อีกฝ่ายมองเขาอย่างแปลกใจ “ทำไมล่ะครับ?”

                “ต่อให้พ่อมีอัศวินอีกสองตัวก็จบเกมไม่ได้อยู่ดี เพราะทุกตัวโดนเบี้ยล้อมไว้หมดแล้ว แกทิ้งอัศวินอีกตัวก็รุกฆาตพ่อได้เลย” พูดจบเขาก็หยิบอัศวินของลูกชายออกแล้วจัดการเดินหมากปิดเกมให้อีกฝ่ายดู ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขายิ้มๆ

                “ผมไม่คิดว่าพ่อจะยอมแพ้ง่ายๆ นะเนี่ย”

                “พ่อไม่ได้ยอมแพ้ง่าย” ลอร์ดบาธบอกลูกชาย “แต่พ่อรู้ว่าเวลาไหนควรจะยอมแพ้ต่างหาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าพลางพูด “พ่อว่าผมเดินหมากเกมนี้เป็นไงครับ?”

                “ใช้ได้เลย พ่อว่ามันดูสมกับเป็นแกดี” ลอร์ดบาธพูด แล้วลุกขึ้นยืน “ออกไปเดินสูดอากาศกันหน่อยดีกว่า แม่แกคงไม่บ่นหรอกถ้าพวกเราจะแค่เดินเล่นกันเฉยๆ”

---------------------------------

                เช้าวันจันทร์ หลังจากออกกำลังกายและกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็นั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์ เพื่อซื้อน้ำหอมและสายคาดไหล่ชุดใหม่ จากนั้นเขาให้คนรับใช้จอดรถรออยู่แถวนั้น ส่วนตัวเองลงมาเดินเตร็ดเตร่บนถนน แวะซื้อหนังสือพิมพ์ที่แผงข้างทาง และหยุดยืนสูบบุหรี่ตรงหัวมุมถนนหรือหน้าร้านค้าที่มีคนยืนคุยกันอยู่จำนวนหนึ่ง หลังเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง เขาก็กลับมาที่รถม้าด้วยสีหน้าเบิกบานใจเป็นที่สุด

                “ไปคฤหาสน์ของลอร์ดสวินดัน ฉันจะไปหาแมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แทบจะปรากฏตัวขึ้นทันที หลังจากคนรับใช้เปิดประตูรั้วให้รถม้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้าไป คฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ดั้งเดิมของตระกูลเมอร์เรย์ มีเนื้อที่กว้างขวางมากกว่าแปดเอเคอร์ เกินครึ่งคือสวนที่ถูกตกแต่งอย่างประหลาดมหัศจรรย์ ส่วนตัวคฤหาสน์เองก็ถูกต่อเติมมาโดยเจ้าบ้านหลายรุ่น รูปทรงของคฤหาสน์จึงดูแปลกตาจนเข้าข่ายลึกลับในสายตาของผู้ที่ผ่านไปผ่านมา

                “รสนิยมสวนเขาวงกตของพ่อนายทำให้ฉันแปลกใจทุกทีที่มาที่นี่ เขาเปลี่ยนทรงพุ่มไม้อีกแล้วใช่มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากทั้งคู่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว คนถูกถามพยักหน้า

                “คนสวนของบ้านฉันต้องถือเชือกม้วนใหญ่เวลาเข้าไปในสวนนั่น เขาจะต้องผูกปลายมันเอาไว้กับทางออก และทำงานได้เท่ากับระยะเชือกเท่านั้น ฉันไม่แปลกใจเลยที่มีคนลาออกทุกสามเดือน”

                “เขาเคยปล่อยใครเข้าไปในสวนวงกตนั่นบ้างรึเปล่า?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขณะมองไปยังสวนไม้ดัดที่ถูกตัดแต่งเป็นทรงแท่งขนาดใหญ่ความสูงของมันไม่ต่ำกว่าสองเมตร และกินบริเวณเกือบครึ่งหนึ่งของเนื้อที่ทั้งหมด จะว่าไปแล้วสวนนี้ใหญ่กว่าตัวคฤหาสน์ของตระกูลเมอร์เรย์ที่เรียกกันว่าคฤหาสน์สามเส้าเสียอีก

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “ใครจะไปรู้”

                เขาพาลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปที่ห้องรับแขกส่วนตัวซึ่งอยู่ที่ปีกหนึ่งของคฤหาสน์ ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว ห้องรับแขกส่วนตัวของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ค่อนข้างเล็กมากที่เดียวเมื่อเทียบกับขนาดของสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่

                “นายมาได้จังหวะพอดี พ่อฉันอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะพูดเสริมต่อ “อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่เคยอารมณ์ดีมาแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่สองวันนี้เขาค่อนข้างจะอารมณ์ไม่ดีมาก”

                “ฉันดีใจที่มาช่วยนายเอาไว้ได้ทันเวลา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาหงุดหงิดเรื่องโทรเลขของไมครอฟหรือ?”

                “นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่จะทำให้เขาหงุดหงิดได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เพราะเขาไม่เคยสนใจมันด้วยซ้ำ” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางถอนหายใจหนัก “ไมกี้ขึ้นเรือแล้ว เขาคงไม่ส่งโทรเลขมาอีกพักใหญ่ๆ จนกว่าเขาจะขึ้นฝั่ง พนันได้เลยว่าพ่อฉันต้องหงุดหงิดใส่ฉันยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขามาถึง”

                “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงชอบไมครอฟมากกว่านาย ทั้งๆ ที่พวกนายทั้งคู่ก็ดูเหมือนๆ กัน”

                “เขารู้สึกว่าไมกี้ฉลาดกว่าฉัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ฉันคิดว่าจริงอย่างที่เขาว่า เพราะถ้าไมกี้โง่พอๆ กับฉัน เขาคงไม่หนีไปอินเดียตั้งเป็นปีๆ เขาฉลาดพอที่จะอ้างเรื่องธุรกิจเพื่อทำให้ตัวเองไม่ต้องทนอยู่ในที่บ้าๆ ที่เรียกว่าบ้านแบบนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “งานที่พ่อนายรับผิดชอบทำให้เขาเป็นแบบนั้น”

                “ฉันก็พยายามจะคิดอย่างนั้นแหละ” อีกฝ่ายตอบ “เพราะถ้าไม่คิดแบบนั้น ฉันต้องรู้สึกว่าตัวเองต้องได้รับการถ่ายทอดอะไรบ้าๆ มาทางสายเลือดด้วยแน่ๆ”

                “ไม่เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบเพื่อน “ฉันมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้นายฟัง วันนี้ฉันไปเดินเล่นในเมืองมา ทุกคนคุยกันถึงเรื่องที่พวกเราทำที่บาร์นั่น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับตัวด้วยความสนใจ “ว่ามาสิ ฉันว่าเรื่องของนายคงสนุกกว่าของพ่อฉันแน่”

                “หืม? พ่อนายก็รู้แล้ว?”

                “เขารู้ทุกอย่างนั่นล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เล่าเรื่องที่นายได้ยินมาสิ ฉันอยากฟัง”

                “พวกคนในเมืองเล่ากันว่า มีสุภาพบุรุษลึกลับกลุ่มหนึ่งเข้าไปกระตุกหนวดของแมคคาธีถึงรังใหญ่ พวกเขาเอาเงินของแมคคาธีมาโปรยแจกจ่าย และทำให้แมกคาธีหมดสภาพด้วยดาบที่ซ่อนไว้ในไม้เท้า ดูทุกคนประทับใจกับดาบของนายมาก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม “ใช่...” เขาพยักหน้า ก่อนจะทำหน้าเซ็ง “แต่ยกเว้นพ่อฉัน”

                “ทำไมล่ะ?”

                “เขาไม่ชอบใจที่ฉันเอาสัญลักษณ์ให้แมคคาธีดู เขาคิดว่ามันควรจะเป็นหน้าที่ของไมกี้มากกว่า แต่นายก็รู้ว่าไมกี้ไม่เคยสนใจจะทำเรื่องพวกนี้ ตอนเขายังไม่ไปอินเดีย เขาก็ไม่เคยอยู่บ้าน เขาไม่เคยอยากรับช่วงต่องานของพ่อเลย”

                “แต่พ่อนายก็อยากจะให้เขารับช่วง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แล้วเขาให้นายทำแทนทำไม”

                “เพราะฉันโง่กว่าไมกี้น่ะสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ในเมื่อเขาสั่งไมกี้ไม่ได้ เขาก็หันมาสั่งฉันแทน แต่ยังไงตัวจริงของเขาก็คือไมกี้อยู่ดีนั่นล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตบไหล่เพื่อนเป็นเชิงปลอบ ก่อนที่คนรับใช้จะยกน้ำชาและของว่างมาวางให้

                “พ่อนายคิดยังไงถึงจะให้คนที่ไม่เคยรู้งานเลยอย่างไมครอฟมารับช่วงต่อแทนเขา”

                “เขาคิดว่าฉันสามารถทดแทนส่วนที่ขาดของไมกี้ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะครางออกมา “พระเจ้ารักเขาแบบไม่ยุติธรรม ทำไมต้องส่งทั้งฉันและไมกี้ให้เกิดมาเป็นลูกเขาด้วย”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-03-2017 21:14:42
                “เอาน่า อย่างน้อยๆ พวกนายก็มีกันและกันอยู่นะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ใช่ โชคดีที่เรามีกันสองคน ไม่อย่างนั้นฉันว่าไม่เขาก็ฉัน ใครสักคนคงต้องเป็นบ้าก่อน”

                “แล้วนายจัดการธุระให้ไมครอฟไปถึงไหนแล้ว”

                “เรียบร้อยหมดแล้ว” อีกฝ่ายตอบเขา “เอาจริงๆ นะจอห์นนี่ ถ้าไม่ต้องรับหน้าที่บ้าๆ ต่อจากพ่อ ฉันกับไมกี้ร่วมมือกันเปิดบริษัททำธุรกิจก็ไม่เลวนักหรอก ฉันว่าพวกเราทำมันได้ดีเลยล่ะ”

                “ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ตกลงแล้วพ่อนายอารมณ์เสียเรื่องอะไร คงไม่ใช่เรื่องของแมคคาธีหรอกนะ”

                “นั่นล่ะ ใช่เลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “เขาหงุดหงิดมากที่รู้ว่าฉันเอาสัญลักษณ์ให้แมคคาธีดู เขามองว่ามันไม่เข้าท่า คนระดับนายไม่จำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์นั้นขู่ หมอนั่นก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว ฉันเลยบอกว่าในนั้นมีช่างตัดเสื้อคนโปรดของเขารวมอยู่ด้วย คราวนี้เขายิ่งหงุดหงิดใหญ่เลย หาว่านายเอาช่างประจำตัวเขาไปเสี่ยง”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางออกมา “เขาพาลมาลงถึงฉันเลยหรือ?”

                “อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ได้โมโหนายเท่ากับตอนที่รู้ว่านายรู้ความลับของพวกเราหรอก แต่ที่แน่ๆ เรื่องกอร์ดอนยิ่งทำให้เขาไม่ชอบนายมากกว่าเดิม”

                “โชคดีที่ฉันไม่ต้องทนอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขาเหมือนนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “แล้วเขาทำอะไรกับนายบ้าง? ลงโทษอะไรมากกว่าการเอาไม้เท้าหวดต้นขานายรึเปล่า?”

                “อ๋อ แน่นอน เดี๋ยวนี้เขาเลิกเอาไม้เท้าหวดต้นขาฉันแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่เขาใช้วิธีออกคำสั่งแทน คราวนี้เขาสั่งไม่ให้ฉันเอารถม้าออกจากบ้านเจ็ดวัน ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น และธุระของไมกี้ก็เสร็จหมดแล้ว ฉันเลยไม่เหลือข้ออ้างอะไรจะข้อใช้รถม้า ถ้าฉันอยากออกจากที่นี่ ไม่เดินออกไปก็ต้องขี่ม้าออกไป นายคงไม่คิดว่าฉันจะบ้าขนาดขี่ม้าเข้าไปในเมืองหรอก จริงมั้ย? เพราะงั้นฉันเลยดีใจมากที่นายมาที่นี่”

                “ฉันมาช่วยนายออกจากกรงขังเลยสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ใช่ นายจะออกไปซ้อมมวยกี่โมง บ่ายสองใช่ไหม? ระหว่างนี้ถ้านายสะดวก พวกเราออกไปเดินเล่นในเมืองกันดีกว่า ฉันเบื่อบ้านตัวเองเต็มทน”

                “เอาสิ แต่ฉันขอดื่มชากับกินขนมปังกรอบนี่ก่อนแล้วกัน เพราะมาทิลดาทำขนมปังกรอบอร่อยมาก”

                “อ้อ... ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “มาทิลดาเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าบ้านยังมีข้อดีอยู่บ้าง อันที่จริงแล้วบ้านฉันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไปเสียทุกอย่างหรอก เพียงแต่มันจะกลายเป็นสถานที่ที่แย่มากเมื่อพ่อฉันอยู่”

                “นายเลิกพูดถึงเขาเถอะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันจะทำให้ขนมไม่อร่อย”

                เพื่อนของเขาหัวเราะออกมา ทั้งคู่นั่งดื่มชา กินขนมปังกรอบ และคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ ก่อนที่จะนั่งรถม้าออกไปด้วยกัน

-----------------------------

                ไม่มีวี่แววของแมคคาธีและคนของเขาหลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืนวันเสาร์ แต่พอใกล้ถึงเวลาน้ำชาในเช้าวันพุธ กอร์ดอนก็ต้องแปลกใจระคนตกใจ ที่เห็นเจ้าตัวมากดออดที่หน้าร้าน

                “โอ... สวัสดีตอนบ่ายครับคุณโอเดนเบิร์ก ได้โปรดให้ความกรุณาต่อผมหน่อยเถอะครับ” แมคคาธีพูดพลางถอดหมวกแสดงความเคารพในตอนที่ช่างตัดเสื้อแง้มประตูออกไป กอร์ดอนมองเขาด้วยความงุนงง ใบหน้าของฝ่ายนั้นยังคงมีรอยช้ำจากหัวไม้เท้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่

                “คุณมีธุระอะไรหรือ?” ช่างตัดเสื้อถาม แมคคาธีเงยหน้ามองเขาอย่างน่าสงสาร “ได้โปรดบอกเพื่อนผู้สูงศักดิ์ของคุณว่าผมผิดไปแล้วทุกอย่าง ขอให้พวกเขาโปรดให้อภัยผมด้วยเถอะ ผมรับรองว่าจะไม่มายุ่งกับคุณหรือใครอีก”

                เสียงของเขาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเริ่มหันมามอง กอร์ดอนเลยต้องเชิญให้เขาเข้ามาในร้าน

                “คุณเป็นคนใจดีมาก” แมคคาธีพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อ “แต่ผมจะไม่อยู่รบกวนคุณนานหรอกครับ ผมมาขอความกรุณา ผมสาบานว่าจะไม่ยุ่งกับคุณไม่ว่าในทางใด รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับคุณด้วย แล้วก็จะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ได้โปรดช่วยบอกพวกเขาด้วยนะครับว่ากรุณาละเว้นผมเอาไว้สักคน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ผมรับปากคุณแล้วกัน แต่ผมไม่รับประกันหรอกนะว่าพวกเขาจะตกลงรึเปล่า?”

                แมคคาธีเงยหน้ามองเขา “ขอร้องล่ะครับ ยังไงก็ช่วยยืนยันกับพวกเขาด้วย ว่าผมทำตามคำพูดแน่นอน”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะทันได้ตอบอะไร เสียงออดหน้าร้านก็ดังขึ้น แมคคาธีหันไปมองและตกใจจนแทบสิ้นสติ ขณะที่เดวิดเปิดประตูให้แขกที่มาใหม่

                “อ้าว แมคคาธี แกมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ่ยถามพลางใช้ดวงตาสีฟ้าซีดของเขาเพ่งมองชายร่างเล็กอย่างเอาเรื่อง ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาด้วยสีหน้าไม่ต่างกันนัก ใบหน้าของแมคคาธีซีดเผือดราวกระดาษ เขาลุกขึ้นและตะกุกตะกักพูดออกมาอย่างยากลำบาก “สะ...สวัสดีตอนบ่าย คะ... ครับ ท่านลอร์ด... คะ... คือ... กระผม...”

                “แกมีธุระอะไร มาตัดสูทหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด “แกอยากจะตัดแบบไหนล่ะ ให้ฉันช่วยวัดตัวให้มั้ย?”

                “ปะ... เปล่าครับ” ชายร่างเล็กพูดไปเหงื่อแตกไป เขาลนลานหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อด้วยมืออันสั่นเทา “คะ... คือกระผม... กระผมมาขอความกรุณาจากคุณโอเดนเบิร์กครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “ฉันไม่คิดหรอกนะว่าแกจะเชื่ออย่างที่แกพูดจริงๆ” เขาพูดแล้วเหยียดสายตามองฝ่ายตรงข้าม “แกคิดจริงๆ หรือว่าช่างตัดเสื้ออย่างเขาจะช่วยอะไรแกได้ หือ!”

                แมคคาธีกลัวจนตัวสั่น เขาละล่ำละลัก “ได้โปรดเถอะครับท่านลอร์ด กรุณาละเว้นผมเอาไว้สักคน”

                “ที่แกยังยืนพูดได้อยู่ตอนนี้ ไม่ถือว่าฉันละเว้นอีกหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เค้นเสียง แมคคาธีรีบผงกศีรษะถี่ๆ “ผมเข้าใจแล้วครับ ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

                พูดจบเขาก็ลนลานออกจากร้านจนชนเข้ากับกรอบประตู กอร์ดอนมองตามด้วยความอนาถใจ

                “มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย?” เดวิดเอ่ยถามออกมาหลังจากแมคคาธีเดินลับสายตาไปแล้ว เขาหันมามองท่านลอร์ดทั้งสองคนด้วยความสนใจ

                “ไม่ใช่เรื่องที่แกจะต้องรู้หรอก เชื่อฉัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดเรียบๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์โบกมือเป็นเชิงสั่งให้เดวิดออกไปก่อน เด็กหนุ่มรีบพยักหน้า แล้วเดินไปหลังร้านทันที

                “สวัสดีตอนบ่ายครับ” กอร์ดอนเอ่ยทักทั้งคู่ ก่อนจะเชื้อเชิญให้นั่งลงบนโซฟา “พวกคุณมีธุระอะไรหรือครับ?”

                “ผมกับแมกซ์ตั้งใจว่าจะแวะมาดื่มชากับคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่ทำไมนายถึงเปิดประตูให้คนอย่างแมคคาธีเข้ามา หมอนั่นอันตรายมากนะ”

                “เขามาขอร้องผม” กอร์ดอนว่า “ผมปล่อยให้เขายืนพูดอยู่หน้าร้านไม่ได้หรอกครับ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเพลีย “วันหลังนายปิดประตูใส่เขาเลย อย่างหมอนั่นไม่ใช่ลูกค้าร้านนายหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เสริม “ใช่ คุณต้องระวังตัวเอาไว้ให้มาก คนพรรค์นั้นไม่น่าไว้ใจหรอก”

                กอร์ดอนพยักหน้าหงึกๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันหน้าเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะอุทานออกมา “อ้าว ตะกร้าใส่แซนวิชฉันล่ะ?”

                “น่าจะอยู่ที่รถล่ะมั้ง ฉันไม่เห็นนายหิ้วลงมานะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบเดินออกจากร้านไปยังรถยนต์ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่จอดอยู่หน้าร้านทันที

                “วันนี้คุณขับรถมาหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ ผมไปรับแมกซ์ที่บ้าน พวกเราขับรถเล่นกินลมกันมาได้พักใหญ่แล้ว เลยคิดว่าจะแวะดื่มชาที่ร้านคุณ รบกวนมั้ย?”

                อีกฝ่ายยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมดีใจที่ได้เจอคุณ”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะได้ทันพูดหรือทำอะไรมากไปกว่านั้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เปิดประตูกลับเข้ามาพร้อมกับตะกร้าใบเล็กๆ ในมือ

                “ฉันให้มาทิลดาทำแซนวิชมาเผื่อนายด้วย” เขาว่า “ว่าแต่นายดื่มชาที่ไหน?”

                “ที่ห้องครัวครับ” กอร์ดอนตอบ “เดี๋ยวผมจะบอกแม่บ้านให้ชงชาเพิ่มนะครับ”

------------------------------------

                มิสซิสมาร์ธาแสดงอาการประหลาดใจระคนดีใจที่ได้รู้ว่าเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จะมาดื่มชาภายในห้องครัวของเธอ

                “โอ... สวัสดีตอนบ่ายค่ะท่านลอร์ด ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ห้องครัวเล็กๆ ของดิฉันได้มีโอกาสต้อนรับพวกคุณ เชิญค่ะ เชิญนั่งก่อน”

                “สวัสดีตอนบ่าย มิสซิสมาร์ธา นี่คงเป็นการพบกันครั้งแรกของเรา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักแล้วนั่งลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งตาม และทักทายแม่บ้านตามธรรมเนียม

                “ด้วยความยินดีค่ะ” มิสซิสมาร์ธาว่า ก่อนจะเดินไปเตรียมชา เธอหยิบชุดน้ำชาที่ดีที่สุดออกมาจากตู้ แล้วบรรจงเทใบชาลงในกา เทน้ำที่ต้มเดือดอยู่บนเตาตามลงไป กลิ่นชาอ่อนๆ หอมฟุ้งไปทั่วห้อง

                “ชาเอิร์ลเกรย์ของคุณหอมมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด หลังจากที่มิสซิสมาร์ธารินน้ำชาเสร็จแล้ว “ของร้านมัลคอล์มใช่ไหม? ที่บ้านผมก็ใช้ชาของที่นี่เหมือนกัน ผมชอบกลิ่นหอมของน้ำมันผิวส้มที่พวกเขาผสมลงไป มันละมุนดีมาก”

                มิสซิสมาร์ธาพยักหน้าแล้วยิ้มแก้มแทบปริ “โอ ช่างบังเอิญเหลือเกินค่ะท่านลอร์ด ดิฉันเองก็ชื่นชอบชาเอิร์ลเกรย์ของมัลคอล์มมาก” เธอพูดพลางจัดขนมใส่ชั้นวางที่เป็นชุดเดียวกันกับถ้วยชาและกา ก่อนจะนำมาส่งให้สุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ทั้งสองที่โต๊ะ แล้วคุยเรื่องชากับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกพักหนึ่ง

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผู้ไม่เคยสนใจเรื่องชาเลยแอบสั่นศีรษะเล็กๆ เขารอจนมิสซิสมาร์ธาออกไปแล้วจึงพูดขึ้น

                “บอกตรงๆ นะแมกซ์ ฉันไม่เห็นจะแยกออกเลยว่าชามันมาจากร้านไหน ร้านไหนก็น่าจะขายเหมือนๆ กันไม่ใช่หรือ?”

                “ไม่เหมือนกันนะครับ” กอร์ดอนแทรกขึ้นมา “ถ้าเป็นชาเอิร์ลเกรย์ของร้านทอมสันจะเป็นอีกกลิ่นหนึ่ง”

                “ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย “แล้วถ้าซื้อที่ร้านคนจีนที่อยู่ตรงตรอกมิดเวย์ ก็จะเป็นอีกกลิ่นหนึ่ง”

                “เอาล่ะ ช่างเถอะว่าจะซื้อร้านไหน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นห้าม “ยิ่งพวกนายพูด ฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาอ่าวเรื่องชาเลย”

                “ก็นายไม่เคยสนใจเรื่องนี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด “ทั้งๆ ที่แม่นายเชี่ยวชาญเรื่องชามาก ฉันว่าแค่ได้กลิ่นเธอก็รู้ว่าเป็นชาอะไรมาจากร้านไหน”

                “ชาเป็นเรื่องของผู้หญิง อาฉันพูดเอาไว้แบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาก็ไม่เคยสนใจเรื่องชาเหมือนกัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “เอาเถอะ อย่างน้อยๆ นายก็เชี่ยวชาญเรื่องไวน์กับแชมเปญอย่างหาตัวจับยาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกยิ้ม “นั่นคือสิ่งที่ฉันภูมิใจล่ะ” เขาเว้นจังหวะแล้วหันไปมองช่างตัดเสื้อ “แล้วคุณเป็นไงบ้าง หลังจากวันนั้น”

                “ผมก็ปกติดีครับ” กอร์ดอนตอบเขา ก่อนจะพูดต่อ “คุณล่ะครับ เป็นไงบ้าง?”

                “ดีขึ้นเยอะแล้ว” อีกฝ่ายตอบเขา “ดูสิ รอยที่ปากผมไม่มีแล้วเห็นมั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยื่นหน้าไปให้ช่างตัดเสื้อดู ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กระแอมไอขึ้น

                “ฉันว่ากอร์ดอนน่าจะเห็นตั้งแต่ตอนที่นายเดินเข้ามาในร้านแล้ว นายควรจะพูดเรื่องที่สำคัญกว่านี้กับเขานะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา เขายกถ้วยชาขึ้นจิบแก้เก้อ ก่อนจะพูดต่อ “ผมคิดว่าจะให้บัตรเชิญกับแจ็คสันสักใบ เผื่อเขาอยากไปดูผมชกมวย”

                กอร์ดอนทำหน้าประหลาดใจจนเกือบจะเป็นตกใจ “แต่นั่นหมายถึงพวกเขาจะรู้ว่าคุณเป็นใครไม่ใช่หรือครับ?”

                “สักวันพวกเขาก็ต้องรู้อยู่ดี” เอิร์ลหนุ่มว่า “แจ็คสันรู้ว่าผมกำลังจะขึ้นชกมวย มันจะแปลกมากถ้าผมไม่ชวนเขาดูการชกมวยของผม”

                “คุณชวนเขาตามมารยาทก็พอครับ” กอร์ดอนว่า “แจ็คสันต้องเปิดบาร์ทุกวัน เขาคงไม่ปิดบาร์เพื่อไปดูคุณหรอก”

                “ก็จริงอย่างที่คุณว่านะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่เขาก็ต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละถ้าผมชวน ข่าวเรื่องที่ผมจะต่อยมวยดังไปทั้งลอนดอนแล้ว” เขาเว้นจังหวะ แล้วพูดต่อ “ผมชอบแจ็คสัน ผมอยากเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ ผมไม่อยากหลอกเขาอีกต่อไปแล้ว”

                “ผมว่าเขาก็ชอบคุณนะ ในฐานะลูกค้าคนหนึ่ง” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “แจ็คสันเป็นคนอัธยาศัยดีครับ เขาคงยินดีจะเป็นเพื่อนกับคุณในฐานะผู้จัดการเหมือง แม้ผมจะรู้สึกว่าเขาคงสงสัยอยู่เหมือนกันว่าคุณอาจจะเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่เขาคงไม่อยากให้คุณเป็นจริงๆ หรอกครับ เพราะมันจะเกิดช่องว่างขึ้นมาทันที ถ้าคุณคิดว่ายังอยากให้เขาคุยกับคุณเหมือนอย่างที่ผ่านมา ผมว่าคุณอย่าคุยกับเขาเรื่องชกมวยดีกว่า”

                “แบบนั้นผมจะยิ่งรู้สึกไม่ดีน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แจ็คสันต้องสงสัยแน่ ผมไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันเลย”

                กอร์ดอนเงียบไปอึดใจใหญ่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงพูดขึ้น “ที่จริงจอห์นนี่กับฉันคุยกันเรื่องนี้ก่อนจะมาถึงที่นี่แล้ว ฉันท้วงเขาแล้วว่านายน่าจะรู้สึกอึดอัดถ้าแจ็คสันรู้ว่าจอห์นนี่คือใคร แต่เขาไม่เชื่อว่านายจะรู้สึกแบบนั้น”

                กอร์ดอนอ้าปากอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ดวงตาสีเขียวมองเขา “แมกซ์บอกว่าฐานะของผมจะทำให้คุณอึดอัด ถ้าคนอื่นๆ ได้รู้ ซึ่งผมเห็นว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ มันคือฐานะของผม ถ้าจะมีใครได้รับผลกระทบอะไรจากการเปิดเผยนี้ ก็ควรจะเป็นผมและครอบครัวผม ไม่น่าจะเป็นคุณ”

                “ก็จริงครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมไม่ใช่คนในครอบครัวคุณ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกตัวว่าอาจจะพูดอะไรผิด เขาเลยรีบพูดต่อ “กอร์ดอน ผมไม่ได้หมายถึงว่าคุณเป็นคนนอก ยังไงคุณก็สำคัญกับผมที่สุด ผมเพียงแต่อยากจะบอกว่า มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คุณหรือแจ็คสันจะต้องรู้สึกอึดอัดที่ได้รู้จักกับผม ความคิดแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกแย่มากที่ตัวเองเป็นลอร์ด ราวกับว่าฐานะของผมนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับคุณ”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่20p.10(04/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-03-2017 21:16:01
                “โอ... ไม่เลยจอห์น” กอร์ดอนครางออกมา “ผมไม่เคยนึกรังเกียจฐานะของคุณเลย และแน่ใจด้วยว่าไม่ว่าใครก็ต้องไม่รู้สึกแบบนั้นแน่ ที่จริงแล้วมันเป็นความรู้สึกในทางตรงกันข้ามเลยครับ ฐานะของคุณคือสิ่งที่ตอกย้ำให้พวกเรารับรู้ถึงความต่ำต้อยของตัวเอง คุณคือคนที่คนเกินครึ่งลอนดอนต้องก้มหัวให้”

                “แต่ไม่ใช่กับเพื่อนๆ ของผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น “ผมจะหยิบยื่นมิตรภาพอย่างจริงใจให้แจ็คสัน อย่างที่ผมเคยหยิบยื่นให้กับเพื่อนๆ สามัญชนคนอื่นๆ ของผม ผมต้องการแน่ใจว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คุณอึดอัด”

                กอร์ดอนถอนหายใจ “ผมไม่สามารถรับรองกับคุณได้หรอกครับว่าจะไม่อึดอัด ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจ แต่ผมรู้สึกว่าการทำตัวให้เคยชินว่าเป็นคนรู้จักของเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์เป็นเรื่องยากมากสำหรับผม คือมันเป็นเรื่องค่อนข้างเหลือเชื่อที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอในชีวิตนี้”

                “นายไม่ใช่แค่คนรู้จักของจอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “นายเป็นยิ่งกว่าเพื่อน ความรู้สึกของนายมีอิทธิพลต่อเขามาก นายควรจะหัดทำตัวให้เคยชินไวๆ ฉันไม่อยากเห็นจอห์นนี่ต้องมากังวลว่านายจะรู้สึกรังเกียจเขา เขาไม่ใช่คนที่ควรจะมีความรู้สึกแบบนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงนิดหน่อย เขาหันไปห้ามเพื่อน “ไม่เอาน่าแมกซ์ นายไม่ควรไปกดดันกอร์ดอนแบบนั้น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนพลางถอนหายใจ “นายกังวลต่อความรู้สึกของเขาเกินไปจอห์นนี่... ฉันคิดว่ากอร์ดอนเองก็ควรคิดถึงความรู้สึกของนายบ้าง เขาควรจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนเดียวในโลกที่ทำให้คนอย่างนายกระวนกระวายได้ทุกเรื่องแบบนี้”

                กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความอับอาย เขานึกถึงคำพูดของอีธานในคืนที่พวกเขานัดกันไปบาร์บีช็อต

            ‘อย่ากังวลไปเลยกอร์ดอน คุณไม่ต้องคิดหรอกว่าพวกเขาเป็นใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องเชื่อว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของคุณจริงๆ นี่คือเรื่องเดียวที่พวกเขาต้องการจากคุณ’

                “ผมขอโทษ” กอร์ดอนพูดขึ้นมาในที่สุด เขาช้อนดวงตาสีฟ้าใสมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ผมขอโทษนะจอห์น ผมไม่ทันคิดถึงเรื่องความรู้สึกของคุณเลย ผมเอาแต่คิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเองกับคนอื่นๆ ตอนที่รู้ฐานะของคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองตอบเขาแล้วคลี่ยิ้ม “ผมอนุญาตให้คุณคิดถึงความรู้สึกของตัวเองได้ แต่ผมไม่อนุญาตให้คุณคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นโดยที่คุณยังไม่ทันได้คิดถึงความรู้สึกผม เข้าใจมั้ยกอร์ดอน”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะออกมา “คุณกำลังสั่งผมในฐานะของเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ใช่ไหมครับ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ในฐานะของลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ทะนงตนว่าเป็นคนสำคัญที่สุดของคุณ ผมขอสั่งว่าห้ามคุณนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นก่อนผม ถ้าคุณไม่ตกลงทำตามผมคงปวดใจมาก”

                “ผมตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ ต่อไปผมจะคิดถึงความรู้สึกคุณเป็นคนแรก”

                “ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางดึงมือของกอร์ดอนมากุมไว้ “ผมจะมีความสุขมากที่ได้เป็นคนแรกที่คุณนึกถึง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ล้วงนาฬิกาพกออกมาดู ก่อนจะพูดขึ้น “จอห์นนี่ ฉันว่าได้เวลาที่นายจะต้องไปซ้อมมวยแล้วล่ะ”

----------------------------------------

                “คุณโอเดนเบิร์กครับ ผมขอถามได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายแมคคาธี ท่าทางเหมือนท่านลอร์ดน่ากลัวคนนั้นไม่อยากให้ผมถาม” เดวิดเอ่ยปากถามหลังจากที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขับรถออกไปแล้ว กอร์ดอนเลิกคิ้ว

                “หมายถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หรือ?”

                คนถูกถามพยักหน้า “ครับ เขาดูน่ากลัวมาก ที่จริงผมก็รู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกตอนเห็นเขากับเพื่อนๆ คนอื่นของลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่ร้านของเราเมื่อวันก่อนแล้ว เขาเป็นใครหรือครับ?”

                “เขาเป็นลูกชายคนรองของลอร์ดสวินดัน”

                “โอ... มิน่าล่ะครับ ผมถึงได้รู้สึกว่าเขาให้ความรู้สึกเหมือนผีชุดเกราะอัศวิน”

                “เสียมารยาทนะเดวิด” กอร์ดอนดุเด็กรับใช้ “เธอไม่ควรพูดถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แบบนั้น”

                “แต่เขาน่ากลัวจริงๆ นี่ครับ” เดวิดแก้ตัวหน้าม่อย “เขาให้ความรู้สึกแบบหล่มน้ำแข็งเหมือนลอร์ดสวินดันเป๊ะเลย”

                “ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” อีกฝ่ายตอบ “หยุดพูดไม่ดีถึงเขาได้แล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทของลอร์ดโทรว์บริดจ์นะ ถ้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ยินเธอพูดถึงเพื่อนสนิทของเขาแบบนี้ เขาต้องไม่พอใจมากแน่ ฉันรับรองได้เลย”

                “ขอโทษครับ” เดวิดพูดก่อนจะเงยหน้ามองนายจ้างเป็นเชิงร้องขอ “แต่คุณจะกรุณาเล่าเรื่องของแมคคาธีให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ? เขาลือกันให้ทั่วว่าคืนวันเสาร์เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่บ่อนของเขา เห็นว่ามีสุภาพบุรุษกลุ่มหนึ่งทำให้เขาสูญเงินคืนเดียวแทบหมดตัว ผมมาคิดๆ ดูแล้วก็สงสัยว่ามันน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการบาดเจ็บของลอร์ดโทรว์บริดจ์ในคืนนั้นด้วยแน่ๆ”

                กอร์ดอนมองเดวิดอยู่อึดใจ ก่อนจะลากฝ่ายนั้นไปนั่งที่เก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ “ฟังนะเดวิด เรื่องอะไรที่เธอเห็นเกี่ยวกับลอร์ดโทรว์บริดจ์และเพื่อนๆ ของเขา ทั้งหมดคือความลับ เป็นไปได้เธอควรจะลืมว่ามันเคยเกิดขึ้น”

                “แหม... ผมก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยนะครับ” เด็กหนุ่มว่า “ผมรู้น่าว่าควรจะหุบปากให้สนิท แต่ผมสงสัยนี่ครับเลยต้องถาม ถ้าคุณเป็นผมแล้วได้เจอสถานการณ์เหมือนตะกี้ก็น่าจะสงสัยเหมือนกันนะ”

                “เป็นฉันจะไม่พยายามสงสัยอะไรทั้งนั้น” กอร์ดอนว่า เดวิดมีสีหน้าผิดหวัง “แสดงว่าคุณจะไม่ยอมเล่า...”

                ช่างตัดเสื้อมองเด็กรับใช้อีกอึดใจ ในที่สุดก็พูดต่อ “คุณแมคคาธีไปทำเรื่องที่เขาไม่น่าจะทำกับลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้า ผลเลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ”

                “โอ... เขาบ้ามากที่กล้าทำแบบนั้น” เดวิดคราง กอร์ดอนพยักหน้า “ใช่ และเธอควรดูสิ่งที่เกิดกับคุณแมคคาธีเอาไว้เป็นตัวอย่าง อย่าทำเรื่องไม่สมควรกับคนระดับนั้น เพราะมันจะไม่จบลงแค่คำว่าขอโทษแน่ จำไว้นะ เรื่องของพวกเขาทั้งหมดเป็นความลับ ฉันหวังว่าเธอจะทำเอาไว้ให้ขึ้นใจ และเลิกสงสัยอะไรเกี่ยวกับพวกเขาอีก”

                เด็กหนุ่มพยักหน้าถี่ๆ “ผมเข้าใจแล้วครับคุณโอเดนเบิร์ก ผมจะไม่พูดอะไรในสิ่งที่ผมได้เห็น แต่ผมบอกคนอื่นได้ใช่มั้ยว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นคนดี และผมดีใจที่เขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของคุณ"

                “ถ้าแค่นั้นก็ไม่เป็นไรหรอก” กอร์ดอนพูดพลางยิ้ม “เธอหัดเย็บจักรไปถึงไหนแล้ว วันนี้ฉันจะลองให้เธอเย็บเสื้อกั๊กดู”

                “โอ... ผมยังเย็บให้ตรงไม่ได้เลยครับ” เดวิดสารภาพตามตรง “แต่ผมยินดีจะลองเย็บเสื้อกั๊ก ถ้าคุณจะกรุณาให้ผมเย็บ”

                “งั้นฉันจะให้เธอลองเย็บเศษผ้าต่อกันก่อนแล้วกัน”

-----------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับมาที่ร้านของกอร์ดอนอีกครั้งในเวลาราวห้าโมงเย็น และชวนเขาไปทานมื้อค่ำด้วยกัน แต่กอร์ดอนยังติดเรื่องที่ต้องสอนเดวิดเย็บผ้าอยู่

                “เดวิดหัดเย็บผ้าหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีท่าทางแปลกใจหลังจากที่ช่างตัดเสื้อพูดจบ อีกฝ่ายพยักหน้า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ทันคิดว่าพวกคุณจะมาชวนไปกินมื้อเย็น ถ้ายังไงไปโดยไม่มีผม...”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณโอเดนเบิร์ก ผมหัดเย็บแค่เศษผ้าเอง คุณไปกับท่านลอร์ดเถอะครับ” เดวิดรีบพูดขึ้น”

                “แต่...” กอร์ดอนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่วางใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “เอาน่ะ พวกผมไม่ได้รีบร้อนอะไร ถ้าพวกคุณไม่เลิกเกินหกโมงเย็นก็หัดเย็บกันต่อเถอะ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มคิดหาทายาทสืบทอดร้านเอาไว้แล้ว”

                “ผมยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปมองเดวิด “ฉันเพิ่งรู้ว่าเธออยากเป็นช่างตัดเสื้อด้วย”

                “โอ... ผมมาอยู่กับคุณโอเดนเบิร์กเพราะเหตุผลนั้นเลยครับ” เดวิดตอบตามตรง “แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมหัดเย็บแค่เศษผ้าเอง เดี๋ยวผมจะไปหยิบเสื้อโค้ทมาให้คุณโอเดนเบิร์ก”

                “ไม่ต้องๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ฉันดูท่าทางแล้วเขาคงไม่วางใจจะทิ้งเธอเอาไว้กับเศษผ้าแล้วก็จักรหรอก ทำอย่างที่ฉันว่านั่นแหละ” เขานิ่งคิดหน่อยหนึ่งก่อนจะหันไปมองช่างตัดเสื้อ “ผมอยากจะเข้าไปดูด้วย คุณคงสะดวกใช่มั้ย?”

                กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจ แต่ก็พยักหน้า “สะดวกครับ เพียงแต่ด้านในห้องออกจะรกนิดหน่อย”

                “ไม่เป็นไร” พูดจบเขาก็หันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “นายสนใจจะไปดูด้วยกันรึเปล่า?”

                คนถูกถามยักไหล่ “เอาสิ ถ้าห้องของเขากว้างพอ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าช่างตัดเสื้อทำงานกันยังไง”

-----------------------------------

                ห้องด้านหลังของร้านกอร์ดอนเทเลอร์ มีขนาดประมาณยี่สิบตารางเมตร มีจักรเย็บผ้าวางอยู่สี่ตัว โต๊ะยาวสองตัว โต๊ะสำหรับรีดผ้าสองตัว หุ่นสำหรับลองเสื้ออีกสี่ตัว ซึ่งมีเสื้อสวมอยู่ทุกตัว และชั้นสำหรับวางด้ายและอุปกรณ์ตัดเย็บขนาดใหญ่สองชั้นติดอยู่ที่ผนังห้อง มีหน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อให้แสงส่องเข้ามา และประตูที่สามารถเปิดออกไปยังตรอกด้านหลังของร้าน ด้วยทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ทำให้ภายในห้องเหลือทางเดินกว้างไม่ถึงสองฟุต และแทบทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยเศษด้ายและเศษผ้าชิ้นเล็กๆ

                “ขอโทษนะครับ มันค่อนข้างแคบมาก” กอร์ดอนพูดขณะนำลอร์ดทั้งสองเข้าไปภายในห้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองดูทั้งหมดด้วยความสนอกสนใจ เขาถามถึงรายชื่อเจ้าของเสื้อที่สวมอยู่บนหุ่น และยิ้มเมื่อรู้ว่าหนึ่งในสี่ตัวนั้นเป็นเสื้อของเขาเอง ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับเสาแขวนตะเกียงที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของโต๊ะจักรทุกตัว

                “ทำไมถึงต้องทำที่แขวนตะเกียงเอาไว้ด้วยล่ะ? แค่แสงจากหน้าต่างไม่พอหรือ?”

                “ไม่พอหรอกครับ” กอร์ดอนตอบเขา “ยิ่งถ้างานเร่งที่ต้องเย็บถึงช่วงกลางคืนด้วยแล้ว ตะเกียงนี่สำคัญเลยล่ะครับ ผมทำเสาแขวนไว้จะได้ไม่มีใครชนมันล้ม ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่ๆ”

                “ก็จริงนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะหันไปมองเดวิดที่นั่งเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าจักร “เอ้า เย็บสิ ไม่ต้องเกรงใจพวกฉันหรอก”

                “คะ... ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะพยายามเย็บเศษผ้าที่ยังคาอยู่ที่จักร เขารู้สึกทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่าที่จะต้องหัดเย็บผ้าท่ามกลางสายตาของลอร์ดทั้งสอง โดยเฉพาะเมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินมาหยุดยืนข้างเขาเพื่อมองวิธีการเย็บ เดวิดถึงกับไม่สามารถเหยียบจักรให้เดินหน้าต่อไปได้ เขาเย็บถอยหน้าถอยหลังจนกระสวยติด

                “โอ... คุณโอเดนเบิร์ก กรุณาช่วยผมด้วยครับ” เดวิดครางด้วยความอับอาย กอร์ดอนมองเขาแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเดินอ้อมเข้าไปจากอีกทางหนึ่ง

                “เธอทำกระสวยติดแล้ว ลุกเถอะ ฉันจะแกะออกให้”

                เดวิดรีบลุกขึ้นทันที กอร์ดอนเบียดเขาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ แล้วใช้กรรไกรค่อยๆ ตัดด้ายออกจากตัวผ้า จากนั้นก็ดึงเศษผ้าออก แล้วดึงกะโหลกจักรออกมาจากใต้ฐานจักร

                “อืม... มันดูเป็นเครื่องกลที่สลับซับซ้อนเอาเรื่องอยู่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด พลางมองกอร์ดอนดึงด้ายที่พันกันยุ่งออกจากกะโหลก ช่างตัดเสื้อพูดตอบเขา “มันก็ค่อนข้างสลับซับซ้อนอยู่ครับ จนถึงตอนนี้ผมยังงงๆ ว่ามันทำได้ยังไงถึงเย็บด้ายสองเส้นให้ต่อกันได้”

                “คำพูดนี้ทำให้นายดูไม่เหมือนช่างตัดเสื้อเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า กอร์ดอนเลิกคิ้วมองเขา

                “คุณคิดว่าช่างตัดเสื้อควรจะรู้เรื่องจักรหรือครับ?” เขาพูดพลางสั่นศีรษะ “ไม่ครับ เราเป็นช่างตัดเสื้อ ไม่ใช่ช่างซ่อมจักร ผมไม่มีหน้าที่รู้หรอกครับว่ามันทำงานได้อย่างไร ผมรู้แค่ว่าทำยังไงมันถึงจะเย็บได้ และแก้ไขได้เฉพาะปัญหาพื้นๆ ของมัน เช่นกระสวยติด เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของช่างและบริษัทที่ขาย สิ่งที่ผมควรจะต้องรู้ดีในฐานะช่างตัดเสื้อคือทำอย่างไรให้เสื้อของลูกค้าของผมดูดีที่สุดเวลาพวกเขาสวมมันต่างหาก”

                เดวิดอ้าปากค้าง ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขมวดคิ้วมองเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “คุณพูดได้ดีมาก สมเป็นช่างตัดเสื้อที่ใครๆ ก็อยากได้ตัวจริงๆ”

                “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดอย่างนึกได้ “โอ... ผมคงแสดงท่าทางไม่สมควรออกไป ขออภัยด้วยนะครับ”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “อันที่จริงแล้วฉันผิดเองที่ไม่ทันได้คิดก่อนที่จะพูด ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกอาชีพของนาย ขอโทษนะ”

                “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทางเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดขึ้นเสียเอง “ไหนๆ พวกเราก็มีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนด้านหลังของร้านตัดเสื้อแล้ว สาธิตวิธีเย็บเสื้อให้เราดูหน่อยจะได้ไหม ให้เดวิดสาธิตก็ได้”

                “โอ... ไม่ไหวหรอกครับท่านลอร์ด” เดวิดรีบพูดขึ้นทันที “ผมเพิ่งหัดลองเย็บจักรแค่สามวันเองครับ”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ผมว่าคุณต้องลืมจุดประสงค์ที่พวกเราเข้ามาในห้องนี้แล้วแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณอยากเห็น ผมจะเย็บให้คุณดู” พูดจบเขาก็เอากระสวยที่แกะด้ายที่พันออกหมดแล้วใส่กะโหลกแล้วใส่กลับไปใต้ฐานจักรเหมือนเดิม ก่อนจะเรียกให้เดวิดหยิบแขนเสื้อที่ยังไม่ได้เย็บมาให้คู่หนึ่ง

                เสียงกริ๊กๆ ของจักรที่ถูกหมุนโดยสายพานที่โยงไว้กับแป้นเหยียบดังต่อเนื่องขึ้นในห้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองนิ้วมือของช่างตัดเสื้อที่คอยประคองผ้าเข้าไปในจักรพร้อมกับถอดเข็มหมุดที่กลัดเอาไว้อย่างคล่องแคล่วด้วยความเพลิดเพลิน พอกอร์ดอนเย็บแนวแขนข้างนั้นเสร็จ เขาก็ขอให้เย็บต่อ ไปๆ มาๆ สุดท้ายกอร์ดอนก็เย็บแขนเสื้อเสร็จไปสองข้างรวมถึงซับในด้วย

                “ท่านลอร์ดครับ ผมเห็นว่าเราควรจะพอแค่นี้ ก่อนที่เดวิดจะไม่ได้เย็บอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย” ช่างตัดเสื้อพูดขึ้นในที่สุด ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วอย่างคนที่เพิ่งรู้สึกตัว “จริงด้วยสินะ” เขาล้วงนาฬิกาพกในกระเป๋าเสื้อกั๊กออกมาดู “งั้นเดี๋ยวผมจะไปนั่งอ่านหนังสือรอที่หน้าร้านแล้วกัน”

                “ผมจะไปหยิบหนังสือมาให้ครับ” กอร์ดอนว่า แล้วหันไปสั่งเดวิดให้เย็บเศษผ้าต่อ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามหลังลอร์ดทั้งสองคนออกไปจากห้อง

------------------------------------------

                “แมกซ์ นายรู้รึเปล่าว่าตึกหลังนี้ใครเป็นเจ้าของ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นหลังจากที่กอร์ดอนเดินกลับไปที่หลังร้านแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา “ไม่รู้สิ อาจจะเป็นของลอร์ดลอนดอนก็ได้ ที่ดินแถบนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นของเขา นายถามทำไม?”

                “สักวันหนึ่งฉันจะซื้อตึกหลังนี้ให้กอร์ดอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางพลิกหนังสือเล่น “ฉันชอบเวลาเขาเย็บผ้า เหมือนว่าจักรกับเขามีความคิดร่วมกัน เขามีความเชี่ยวชาญและดูจะรักงานที่เขาทำมาก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันว่าเขาคงจะดีใจถ้าได้ตึกหลังนี้เป็นของขวัญ แต่ติดอย่างเดียวว่าเจ้าของตึกจะยอมขายให้นายรึเปล่า?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “เมื่อวันนั้นมาถึง ฉันคงหาวิธีทำให้เขายอมขายให้ฉันได้เองนั่นแหละ”

----------------------------------------

                “คุณโอเดนเบิร์ก”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม เขากำลังพิจารณาชิ้นผ้าที่ฝ่ายนั้นเพิ่งเย็บเสร็จ “มีอะไรหรือ?”

                “ผมว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ดูไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างที่คิดนะครับ”

                ช่างตัดเสื้อเลิกคิ้ว “ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนความคิดล่ะ?”

                “ก็ตะกี้เขาพูดขอโทษคุณนะ” เดวิดว่า “ตอนแรกผมตกใจมากนะ ที่คุณพูดเสียงแข็งขนาดนั้น คิดว่าเขาต้องโกรธแน่ ถึงเขาจะมากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เถอะ แต่เขากลับขอโทษคุณ เขาไม่ดูวางอำนาจอย่างที่ผมคิดในตอนแรก แถมยังดูเป็นสุภาพบุรุษมากด้วย”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ฉันบอกเธอแล้วว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาเป็นเพื่อนสนิทของลอร์ดโทรว์บริดจ์นะ”

                เดวิดพยักหน้า “ลอร์ดโทรว์บริดจ์นี่ดีจังเลยนะครับ ผมอยากให้มีท่านลอร์ดแบบเขาและเพื่อนอีกสักครึ่งลอนดอน เวลาที่พวกเขามาร้านคุณผมจะได้เลิกทำตัวลีบแล้วหายใจออกเสียที”

                คนฟังหัวเราะ “หัดเย็บผ้าของเธอต่อเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาฝันกลางวันนะ”

                “แหม... ให้โอกาสผมเพ้อเจ้อหน่อยไม่ได้หรือครับ”

                กอร์ดอนหันไปมองนาฬิกาแขวนที่อยู่บนผนัง ก่อนจะพูดกับเด็กหนุ่ม “เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีจะหกโมง ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ ถ้าเธออยากเพ้อเจ้อแทนเย็บผ้าอีกชิ้น ก็ตามสบายแล้วกัน”

                “โธ่... คุณโอเดนเบิร์กก็...”

------------------------------------
(จบตอน)

*** ฮืออ เบื่อโควต้า2หมื่นตัวอักษร (มีแต่ดิฉันรึเปล่าที่มีปัญหา ฮือๆๆ) โอย เรื่องนี้เรื่อยๆ มาเรียงๆ เยี่ยงบันทึกรักช่างตัดเสื้อมาก ฮ่าๆ เอาน่ะ มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ (มาอัพอย่างงงๆ และไปอย่างงงๆ แล้วก็คงแก้อีกล่ะมั้ง???)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-03-2017 22:52:36
ตอนเค้าทำแผลกันนี่หวานมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 21-03-2017 23:21:16
ท่านลอร์ดนี่สายเปย์ตัวจิง ถึงกับจะซื้อที่ดินให้เลยทีเดียววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 22-03-2017 00:40:39
หลงลอร์ดแมกซ์แล้วอ่ะ หลงผู้ชายแบบนี้>\\\\<
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 22-03-2017 00:50:01
โอยย ยาวสะใจมากค่าาา
แปะไว้ก่อน ไว้มาอ่านหลังสอบ
 :katai4: :katai4: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 22-03-2017 01:38:47
ลอร์ดแมกซ์ขี้เม๊าส์พ่อตัวเองนะคะ555555555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 22-03-2017 03:37:52
ลอร์ดแมกซ์จะมีคู่กับเค้ามั้ยนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-03-2017 07:28:40
ชอบบบบบ ไรท์ เก่งมาก 
อ่านแล้วให้รู้สึกลื่นไหล สมูทมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เหมือนคนอ่านไปอยู่ในลอนดอนยุคนั้นด้วย
จอห์น ให้เกียรติกอร์ดอน คนรักมาก
จอหน์ มีเพื่อนดี เพื่อนแท้ ช่วยเหลือกันและกันดี
น่าเห็นใจลอร์ดเมอร์เรย์
ที่พ่อให้ความสำคัญแต่กับพี่ชาย ที่อยู่ไกล
จนลืมมองความสำคัญ ความรู้สึกของลูกใกล้ตัว
รอตอนใหม่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล.  ไรท์ ต้องเย็บผ้าเป็นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 22-03-2017 11:10:50
รอมานาน ดีใจที่ได้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-03-2017 17:14:29
ชอบนะ อ่านแนวแตกต่างออกไป เจอแต่เรื่องในวัยเรียนเยอะไป
คืออ่านเยอะมันรู้สึกว่าซ้ำๆ นะ (เราคิดไปเอง) ขอบคุณที่มาต่อ
ที่ให้อ่านได้ยาวสมกับการรอคอย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-03-2017 00:48:38
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-03-2017 19:15:24
Dear, My customer.

ตอนที่22 ขึ้นสังเวียน


                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกำลังคุยฟุ้งเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนวันเสาร์อยู่ ตอนที่ทั้งสามคนไปถึง หลังจากทักทายกันเรียบร้อย นิโคลาสที่กลับมาจากท่องเที่ยวแล้วตั้งแต่วันจันทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที

                “แมกซ์ ฉันสงสัย ถ้าจอห์นนี่แพ้ นายจะจ่ายเงินห้าพันปอนด์ให้แมคคาธีรึเปล่า?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “ฉันไม่มีทางจ่ายให้คนพรรค์นั้นแน่ แต่ฉันเชื่อว่าจอห์นนี่ไม่มีทางแพ้หรอก เขาไม่ใช่คนที่จะแพ้ในสถานการณ์แบบนั้น”

                “ฟังนายพูดแล้วหมดลุ้นเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง “แต่ไม้เท้าของนายน่าประทับใจมาก นายสั่งทำร้านไหน ฉันจะไปทำมาไว้สักอัน”

                “นายควรฝึกดาบให้เชี่ยวชาญก่อนจะทำแบบนั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เชื่อฉันเถอะจอร์จ นายควรพกไม้เท้า เผื่อเอาไว้เคาะนั้นเคาะนี่ แต่ไม่ควรพกแบบที่มีดาบอยู่ด้านในหรอก จนกว่านายจะแน่ใจว่านายใช้มันได้คล่องเหมือนนิ้วตัวเอง”

                เจฟฟรีหัวเราะขึ้นมา “นั่นสิจอร์จจี้ นายอย่าไปสั่งทำอะไรแบบนั้นให้ลำบากเลย ฉันว่าไม่เหมาะกับนายแน่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเซ็ง ขณะที่ลอร์ดครอฟตันพูดขึ้นต่อ “แต่แมคคาธีเป็นคนแย่มากจริงๆ ฉันหวังว่าสักวันตำรวจจะจัดการเขา”

                “ยากมากที่ตำรวจจะจัดการกับแมคคาธี ไม่มีใครมีหลักฐานการทำผิดของเขา” อีธานว่า “ไม่มีใครกล้าหาหลักฐานมาฟ้องเขาด้วย เขาเป็นคนมีอิทธิพลมากในสังคมชั้นล่างของลอนดอน”

                “เขาหาเงินกับธุรกิจสกปรก แล้วก็เอาเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อฟอกเงิน เพื่อนฉันคนหนึ่งเคยเป็นนายหน้าให้เขา แมคคาธีมีรายได้มหาศาล เขาเปิดบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อว่าพาเธนอนเป็นฉากบังหน้า” เจมส์พูดแล้วถอนใจ “ฉันเห็นด้วยเรื่องที่ตำรวจควรจะทำอะไรกับเขาบ้าง ฟังจากที่จอร์จจี้เล่าแล้ว เขาคงรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจมาก ถึงกล้าทำกับจอห์นนี่แบบนั้น”

                “ฉันจะไม่เล่าเรื่องนั้นให้ตำรวจฟัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาเป็นครั้งแรก “มันค่อนข้างน่าเสื่อมเสียถ้าจะต้องประกาศให้สาธารณะชนรับรู้ ความเป็นจริงคือฉันสมัครใจจะไปที่นั่นเอง และมันเป็นเรื่องที่สังคมไม่ควรจะรับรู้ เพราะพวกเขาคงไม่เขาใจเหตุผล และพ่อแม่ฉันคงจะไม่ปลื้มด้วย”

                เพื่อนๆ ต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย แต่ลอร์ดครอฟตันมีสีหน้าแย้ง “แต่จะไม่มีใครทำอะไรกับคนอย่างนั้นเลยหรือ? ฉันไม่ชอบเลยที่จะนึกว่าเขายังสามารถเดินเชิดคอสั้นๆ ของเขาอยู่ในลอนดอนทั้งๆ ที่ทำกับนายแบบนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มพลางหลิ่วตามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แล้วพูดต่อ “เอาน่ะ เอ็ดดี้ สักวันคงมีใครสักคนจัดการกับเขา นายไม่ต้องใจร้อนไป ยังมีหน่วยงานอื่นที่ทำงานพวกนี้ได้ดีกว่าสก็อตแลนด์ยาร์ดอยู่อีก”

                ลอร์ดครอฟตันทำหน้าไม่เข้าใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลยพูดแทรกขึ้น “อันที่จริงฉันเห็นว่าเรื่องคราวนี้ก็มีข้อดีอยู่ อย่างน้อยๆ จอห์นนี่ของเราก็ได้ลงมือต่อสู้จริงๆ ก่อนที่เขาจะขึ้นชกกับแมดเนอร์ในสัปดาห์หน้า ฉันว่าการเอาชนะนักมวยป่าเถื่อนพวกนั้นน่าจะทำให้นายมั่นใจขึ้นนะ?”

                คนถูกถามพยักหน้า “จะว่าไปแล้วแมคคาธีเองก็มีส่วนทำให้ฉันสมประสงค์เรื่องการต่อสู้เหมือนกัน เสียแต่เขาทำมันอย่างไม่มีมารยาทและไม่ให้เกียรติฉัน” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง พลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ “ฉันเอาบัตรเชิญมาให้พวกนาย ที่นั่งที่ดีที่สุด”

                “ว้าว!” เพื่อนๆ ร้องอุทาน ก่อนที่โรเบิร์ตจะพูดขึ้นมา “ฉันกำลังรออยู่เลยว่านายจะพูดเรื่องนี้เมื่อไหร่” เขารับบัตรเชิญจากลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วพูดต่อ “ขอบคุณนะจอห์นนี่ ฟังจากที่จอร์จจี้เล่าแล้ว ฉันอยากให้ถึงวันศุกร์ที่นายจะขึ้นชกกับแมดเนอร์ไวๆ”

                “ใช่ แค่ฟังฉันก็คิดว่าการชกของพวกนายสองคนต้องน่าตื่นเต้นมากแน่” เจมส์พยักหน้า “ฉันเคลียร์งานที่ธนาคารรอไว้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เลย โชคดีมากที่เป็นช่วงกลางเดือน”

                “พ่อบอกว่าจะไปดูการชกของนายด้วย” อีธานว่า “เป็นเรื่องน่าแปลกมากสำหรับเขา เพราะปกติเขาไม่เคยนึกอยากไปดูมวยเลย”

                โรเบิร์ตหัวเราะ “พ่อนายคงทนกระแสไม่ไหว ตอนนี้ทุกคนที่ฉันรู้จักล้วนพูดถึงเรื่องการชกครั้งนี้ ได้ยินว่าตั๋วขายดีมาก มูลนิธิสงเคราะห์ภริยาทหารผู้ต้องสูญเสียสามีไปในการสู้รบระหว่างสงครามอาณานิคมของเลดี้ควีนสเบอรี่คงได้เงินจากการชกครั้งนี้มหาศาลอย่างไม่ต้องเดา”

                “จริงอย่างที่โรเบิร์ตว่า” นิโคลาสพูดขึ้น “ ฉันกับเบตตี้ได้ยินเรื่องการชกครั้งนี้ตลอดทางที่กลับมาถึงลอนดอน เบตตี้ถึงกับพูดขึ้นมาลอยๆ ว่าเธอก็อยากจะไปดู ‘ลอร์ดโทรว์บริดจ์’ ชกมวยสักครั้งเหมือนกัน”

                “นายจะพาเธอไปดูด้วยก็ได้นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “บัตรเชิญนี้สำหรับสองคน”

                “ว้าว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้นมา “ฉันจะไปชวนมาร์กาเร็ต”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หรี่ตามองเขา “นายต้องนั่งอยู่ข้างเวทีเป็นพี่เลี้ยงจอห์นนี่ไม่ใช่หรือ?”

                “เออ จริงด้วย” คนถูกทำท่าแบบเพิ่งนึกขึ้นได้ “งั้นฉันไม่บอกมาร์กาเร็ตแล้วกัน”

                 เจมส์หัวเราะในคอ “นายกับมาร์กาเร็ตไปถึงไหนแล้วจอร์จจี้ พวกเราจะได้รับเชิญไปงานแต่งงานของนายเมื่อไหร่?”

                “เมื่อถึงเวลา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดปัดๆ “นายไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงฉันกับเธอก็เป็นคู่หมั้นกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

                เพื่อนๆ มองหน้ากันยิ้มๆ ลอร์ดครอฟตันพูดขึ้นบ้าง “ฉันจะพาอีไลซ่าไปดู เธอต้องเซอร์ไพรส์มากแน่ที่จะได้นั่งที่นั่งพิเศษนี้”

                “น้องสาวนายชอบดูมวยด้วยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความแปลกใจ คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่หรอก แต่เธอปลื้มนายมาก ตั้งแต่ไปงานเลี้ยงต้อนรับนายเมื่อคราวก่อน เธอกลับมาก็เพ้อถึงนายอยู่เป็นสัปดาห์ ถามฉันเรื่องนายให้วุ่นวายไปหมด”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ “แสดงว่าอีไลซ่าน้องสาวนายเริ่มโตเป็นสาวแล้ว ปีนี้เธออายุสิบหกใช่ไหม?”

                “ใช่” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเขา

                “แน่ใจหรือว่าพ่อแม่นายจะอนุญาต ฉันว่าเธอยังเด็กมาก”

                “พ่อกับแม่ไม่น่าจะว่าอะไรหรอก ที่จริงแล้วทั้งสองคนก็หวังจะให้อีไลซ่าได้เป็นมาร์ชันเนสอยู่ แต่ฉันบอกเธอแล้วว่าอย่าไปหวังให้ยาก อย่างนายถ้าไม่ใช่สาวผมทองตาสีฟ้า ไม่มีทางอยู่ในสายตาเด็ดขาด”

                “ไม่ขนาดนั้นน่า...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แก้ตัว “น้องสาวนายก็สวยดี ผมสีดำสนิทตัดกับตาสีเขียวก็สวยไปอีกแบบนะ”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ “นายกำลังนึกหน้าน้องสาวฉันจากหน้าฉันสินะ น้องฉันตาสีฟ้าเหมือนแม่ จอห์นนี่ โอย... ฉันไม่รู้ว่าควรจะสงสารอีไลซ่าหรืออะไรดี ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ นายสนแต่สาวผมทองตาสีฟ้าเท่านั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง นิโคลาสพูดขึ้นบ้าง “พูดถึงเรื่องสาวผมทอง นายกับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนไปถึงไหนกันแล้ว พวกเราจะได้ฟังข่าวดีเร็วๆ นี้บ้างมั้ย?”

                “ฉันกับเธออยู่ระหว่างศึกษากันและกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเลี่ยงๆ “ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าฉันจะหมั้นกับใครเมื่อไหร่ พวกนายจะได้รู้เป็นกลุ่มแรก”

                “ใช่ นายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องจอห์นนี่หรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูดต่อ “ห่วงเรื่องนายกับเบตตี้เถอะ นายขอเธอแต่งงานรึยัง?”

                “ยัง ฉันกำลังหาโอกาสเหมาะๆ อยู่ อาจจะหลังจากที่เรียนจบแล้ว”

                คนฟังครางออกมา “อีกกี่ปีนายจะถึงเรียนจบ หือ? นิกกี้ แน่ใจนะว่าเบตตี้จะรอนายถึงตอนนั้น”

                “ความรักต้องใช้เวลา เบตตี้บอกฉันแบบนั้น เธอเป็นคนเสนอเรื่องนี้เองแหละ” นิโคลาสตอบเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้วด้วยความพิศวง

                “เบตตี้เป็นคนบอกเองหรือ เธอไม่กลัวนายเปลี่ยนใจกลางคันหรือไง? ผู้หญิงนี่ชักใจกล้าขึ้นทุกที”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะออกมา “ฉันคิดว่านายรู้ตัวนานแล้วเสียอีก ที่จริงนายน่าจะรู้สึกตัวเรื่องนี้คนแรกนะจอร์จจี้ เพราะมาร์กาเร็ตเป็นคู่หมั้นนาย”

                “อ่อค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนอะไรติดคอ “มาร์กาเร็ตเป็นลูกสาวคนเดียวของลอร์ดบริสตอล เรื่องนั้นเรื่องเดียวก็เพียงพอแล้วที่ไม่ควรจะเอาเธอไปเทียบกับผู้หญิงคนอื่น”

                “ก็จริงของนาย” เจมส์พยักหน้าเห็นด้วย เจฟฟรีพูดขึ้น

                “ว่าแต่กอร์ดอนเป็นไงบ้าง เขาน่าจะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องคืนวันเสาร์ที่สุด”

                ช่างตัดเสื้อที่นั่งเงียบอยู่นานจึงพูดขึ้น “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ได้กรุณาจัดการเรื่องทั้งหมดให้ผมเรียบร้อยแล้ว”

                “โอ้โห...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “นายเรียกพวกเขาเสียเต็มยศอย่างกับอยู่กลางศาลาว่าการงั้นแหละ ฉันไม่เห็นว่าห้องนี้จะเหมือนศาลาว่าการตรงไหน”

                “ขออภัยครับ” กอร์ดอนพูดด้วยความประหม่า “ผมเคยชิน ผมเพียงแต่อยากบอกว่า ไม่มีเรื่องอะไรต้องเป็นห่วงครับ ทั้งสองคนได้จัดการให้ผมเรียบร้อยแล้ว”

                “ฉันว่าเราควรหยุดพูดถึงเรื่องคืนวันเสาร์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “มันฟังดูไม่รื่นหูเลยสำหรับฉัน”

                ทุกคนในที่นั้นพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างสัปดาห์

----------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-03-2017 19:16:16
                ข่าวการชกมวยของลอร์ดโทรว์บริดจ์ดังไปทั่วทั้งลอนดอน โปสเตอร์ที่พิมพ์รูปลอร์ดหนุ่มกับคู่ชกอย่างแมดเนอร์ซึ่งเป็นนักมวยดาวรุ่งขึ้นชื่อ ถูกปิดเอาไว้ตามสถานที่ชุมชน ผู้คนต่างพูดถึงเรื่องนี้กันทุกหัวมุมถนน ไม่เว้นแม้แต่ในร้านตัดเสื้อ

                “ผมอยากไปดูการชกมวยของลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะมัด” ช่างคนหนึ่งในร้านของกอร์ดอนพูดขึ้น ระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งเย็บผ้ากันอยู่ ได้ยินเสียงช่างอีกคนพูดตอบ

                “คุณซื้อตั๋วทันหรือ ผมได้ยินว่าตั๋วเต็มตั้งแต่ต้นสัปดาห์ก่อนแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ที่นั่งที่ถูกที่สุด ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย”

                “ก็ไม่ทันน่ะสิ” คนถูกถามตอบ “ผมพลาดเองที่ไม่ฉุกคิดจะไปซื้อตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นประกาศ ทั้งๆ ที่เขาเป็นลูกค้าที่ตัดเสื้อกับเราเยอะที่สุดตั้งแต่ที่ผมทำงานที่นี่มาเลย”

                “คุณล่ะ คุณโอเดนเบิร์ก คุณได้ซื้อตั๋วเอาไว้รึเปล่า?”

                “ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้กรุณาให้บัตรเชิญผมแล้ว” กอร์ดอนตอบ ช่างอีกคนพยักหน้า

                “ผมลืมไปว่าคุณเป็นเพื่อนเขา โชคดีจริงๆ คุณคงได้ที่นั่งที่สามารถมองเห็นการชกได้ชัดมาก”

                กอร์ดอนยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “ผมหวังว่าจะเป็นแบบนั้น”

                เดวิดมาพูดกับเขาเรื่องนี้ หลังจากร้านเลิกและช่างทุกคนกลับหมดแล้ว “คุณโอเดนเบิร์ก ผมได้ยินเรื่องบัตรเชิญของท่านลอร์ดแล้ว เขากรุณาให้คุณเอาไว้กี่ใบครับ ผมขอไปดูด้วยได้มั้ย?”

                “เขาให้บัตรเชิญมาใบเดียว” กอร์ดอนพูด และอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำคอตกด้วยความผิดหวัง

                “งั้นผมคงได้แต่รออ่านข่าวในหนังสือพิมพ์” เขาคราง

                “แต่มันเป็นบัตรสำหรับสองที่”

                “....” เดวิดมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย “แปลว่าคุณจะพาผมไปด้วยใช่มั้ยครับ?”

                “ฉันยังไม่ได้พูดสักคำ”

                “โธ่... คุณโอเดนเบิร์ก ตะกี้คุณบอกเองไม่ใช่หรือครับว่ามันเป็นบัตรเชิญสำหรับสองที่ เอ... หรือว่าคุณจะไปดูกับแฟนคุณ? ผู้หญิงแบบไหนนะที่ชอบดูมวย”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ฉันยังไม่คิดอยากชวนสาวที่ไหนไปดูมวยหรอก แต่ฉันคุยกับลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วว่าอาจจะให้เธอไปดูด้วย ไหนๆ เขาก็อุตส่าห์ให้บัตรเชิญมาเป็นคู่แล้ว”

                เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “คุณช่างใจดีเหลือเกินครับ ผมคงต้องหาชุดเตรียมไว้ เราจะนั่งกันตรงไหนหรือครับ? ผมต้องแต่งตัวแบบไหนถึงจะเหมาะ โอ... ตายล่ะ ผมไม่มีชุดดีๆ สำหรับใส่ไปในงานเป็นทางการเลย มันคงน่าอายมากถ้าจะต้องไปนั่งแต่งตัวปอนๆ ท่ามกลางบรรดาเพื่อนๆ ผู้ทรงเกียรติของท่านลอร์ด”

                “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก” ช่างตัดเสื้อบอกเขา “ลอร์ดโทรว์บริดจ์กรุณาจัดที่นั่งไว้สำหรับพวกเราแล้ว ไม่ใช่ที่นั่งกิตติมศักดิ์ที่ต้องนั่งรวมกับแขกผู้ทรงเกียรติท่านอื่นหรอก เพราะงั้นเธอไม่ต้องเคร่งเครียดเรื่องการแต่งตัวขนาดนั้น”

                “โล่งไปที” เดวิดถอนใจเฮือก ก่อนจะพูดอย่างร่าเริง “ผมกำลังจะได้ไปดูการชกของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ที่คนทั้งลอนดอนต่างพากันพูดถึงในตอนนี้ ว้าว เหมือนฝันเลย”

                กอร์ดอนยิ้มพลางมองเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู “ก่อนที่จะฮัมเพลงฝันหวาน เธอควรจะไปทำความสะอาดห้องด้านหลังก่อนนะ”

                “โอ้ ครับ ได้เลยครับ”

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังนั่งมองถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้าเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน พลางนึกสงสัยว่ามันหายร้อนแล้วหรือยัง

                “จอห์น...” หญิงสาวผู้มีผมสีทองสลวยเรียกชื่อเขา “ถ้วยชาฉันมีอะไรหรือคะ?”

                “อ๋อ เปล่า” ชายหนุ่มปฏิเสธ เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว แล้วตัดสินใจพูดต่อ “แคท ที่จริงแล้วเราสองคนก็รู้จักกันมาได้หลายสัปดาห์แล้ว”

                “ค่ะ?”

                “ผมมีเรื่องที่ควรจะต้องบอกคุณตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งที่จริงแล้วผมควรจะบอกคุณแต่แรก โชคร้ายคือผมเพิ่งถูกเตือนให้คิดได้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี่แหละ”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองหน้าเขาและนิ่งรอ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหญิงสาวตรงหน้า

                “ผมรู้ว่าคุณเป็นหลานของท่านดยุกแห่งอ็อคฟอร์ด เป็นลูกสาวของเอิร์ลแห่งเฮอริฟอร์ด แม่ของคุณเป็นผู้หญิงที่สวยจับใจเหมือนกับท่านยายของคุณ และคุณเองก็เป็นผู้หญิงที่สวยมาก ความจริงแล้วด้วยฐานะและทุกอย่างของคุณกับผม พวกเราช่างเหมาะสมกันมาก”

                มีเค้าแห่งความกังวลปรากฏขึ้นบนสีหน้าของเลดี้สาว เธอใช้ดวงตาสีฟ้าจ้องเอิร์ลหนุ่ม “โอ... จอห์น... คุณต้องการพูดอะไรกันแน่คะ...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเธออยู่อีกอึดใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวออกมาวางไว้ตรงหน้าเขา “ขอโทษนะที่ผมต้องทำแบบนี้ แต่ผมกลัวถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้าคุณจริงๆ”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนแสดงสีหน้าอย่างอื่นนอกจากสีหน้ายิ้มแย้มออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ทั้งคู่ได้พบหน้ากัน เธอเพ่งมองเขาด้วยความกังวลระคนสงสัย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงมองนิ้วมือตัวเอง

                “คือผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาท มันอาจจะเป็นถ้อยคำที่ฟังดูรื่นหูเลย แต่ผมต้องบอกคุณแบบนี้จริงๆ”

                “....” สีหน้าของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเหมือนคนรอฟังคำตัดสินศาล ลอร์ดหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา

                “แคทเธอรีน... ผมจะไม่มีวันขอคุณแต่งงานเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”

                ดวงตาสีฟ้าของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเบิ่งกว้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอ เขาไม่เคยเห็นใครทำหน้าตกใจได้ประหลาดขนาดนี้มาก่อน ริมฝีปากของเธอกระตุกราวกับว่าเลือกไม่ถูกว่าควรจะยกขึ้นมายิ้มหรือปล่อยให้ตกลงไปดี ดวงตาสีฟ้าเต้นระริกสะท้อนกับเปลวแดดที่ส่องลงมา เลือดฝาดค่อยๆ ฉีดขึ้นบนใบหน้าที่ซีดขาวของเธอในตอนแรก ในที่สุดหญิงสาวก็เค้นคำพูดออกมาสำเร็จ

                “คุณ... ว่าอะไรนะคะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สูดหายใจลึก เขาแน่ใจว่าเธอต้องไม่พอใจมากแน่ แต่ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก “ผมบอกว่า... ผมจะ ‘ไม่มีวัน’ ขอคุณแต่งงานอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”

                “โอ... พระเจ้า” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนคราง ก่อนจะก้มลงและรีบหยิบพัดขึ้นมาคลี่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอด้วยความเป็นห่วง

                “แคทเธอรีน ผมรู้ว่ามันฟังดูเลวร้าย แต่ผมไม่อยากจะให้ความหวังกับคุณอีกต่อไปแล้ว ผมจำต้องเชิญคุณมาดื่มชาเพราะมีเหตุผลอื่น ที่จริงผมมีคนรักอยู่แล้ว”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนขยับพัดลงมาเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าเป็นประกายสุกใส เธอจ้องลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่มีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะร้องออกมา

                “โอ้... จอห์น... ฉันรู้ว่านี่เป็นเรื่องเสียมารยาทมาก”

                “ใช่... ผมรู้ว่าผมเสียมารยาท”

                “ไม่ใช่ค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ “ฉันต่างหาก ฉันไม่ควรปล่อยให้คุณเข้าใจผิดจนมีสีหน้าแบบนั้นเลย แต่ฉันไม่กล้าให้คุณเห็นสีหน้าฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธออย่างไม่เข้าใจ หญิงสาวค่อยๆ ลดพัดลง ลอร์ดหนุ่มจึงเห็นว่าเธอไม่ได้กำลังทำหน้าบึ้งใส่เขา แต่กำลังยิ้มในแบบที่ไม่อาจควบคุมได้

                “โอ... สีหน้าฉันคงน่าเกลียดมาก” เธอพูดแล้วคลี่พัดขึ้นมาบังใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้ “ขอโทษด้วยนะคะจอห์น... ฉันไม่สามารถควบคุมสีหน้าตัวเองได้เลย เรื่องที่คุณบอกมันเหนือความคาดหมายของฉันมาก”

                คราวนี้กลายเป็นฝ่ายของลอร์ดโทรว์บริดจ์เองที่ต้องรู้สึกงุนงงสงสัยบ้าง เขาเอ่ยถามหญิงสาว “หมายความว่ายังไง? ทำไมคุณถึงต้องยิ้มขนาดนั้น คำพูดของผมไม่น่าเชื่อหรือ?”

                “ไม่เลยค่ะ” เธอรีบสั่นศีรษะ “ที่จริงแล้วเป็นคำพูดที่ฉันหวังจะได้ยินจากปากคุณ แต่ก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้”

                ดวงตาสีเขียวของลอร์ดโทรว์บริดจ์เบิ่งกว้างด้วยความแปลกใจ ขณะที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลดพัดลงได้ในที่สุด หลังจากเธอสามารถควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติได้แล้ว

                “สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือการที่คุณจะขอฉันแต่งงานนี่แหละค่ะ” เธอพูดพลางถอนใจ “อย่างที่คุณพูดเมื่อครู่ ทุกอย่างของพวกเราดูเหมาะสมกันมาก ที่จริงแล้วคุณก็ไม่มีส่วนไหนไม่ดี แต่ฉันภาวนาว่าคุณจะไม่ขอฉันแต่งงาน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณพูดคำนั้นออกมา โลกทั้งโลกของฉันคงหม่นหมอง ไม่ใช่เพราะคุณไม่ดี แต่เพราะว่าทุกคนรอบๆ ตัวฉันจะบีบบังคับให้ฉันแต่งงานกับคุณ แม้ว่าฉันจะมีคนรักอยู่แล้วก็ตาม”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง เขามองเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณมีคนรักแล้วหรือ?”

                หญิงสาวผงกศีรษะ ใบหน้าของเธอแดงเรื่อขึ้นมาด้วยความเขินอาย “ขอโทษนะคะจอห์น ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณ แต่ด้วยฐานะของคุณ ด้วยความคาดหวังของท่านตาท่านยาย และพ่อแม่ของฉัน ฉันไม่อาจปฏิเสธคุณได้ตรงๆ ในทันที ที่จริงแล้วช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่คุณชวนฉันมาดื่มชา ฉันค่อนข้างเป็นกังวลมาก แต่พอเวลาผ่านไป ฉันก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าคุณอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องเชิญฉันมาดื่มชาทั้งที่ไม่ได้เต็มใจนัก เพราะคุณไม่ได้แสดงทีท่าที่ต้องการรู้จักฉันเพิ่มขึ้นเลย”

                “ใช่...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้ายอมรับ “ผมเชิญคุณมาด้วยความจำใจ ที่จริงแล้วผมก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องแสดงท่าทางเฉยชาแบบนั้นใส่คุณ ขอโทษนะแคท ถ้าผมคิดได้เร็วว่านี้ คุณคงไม่ต้องมานั่งอึดอัดอยู่ได้ตั้งหลายสัปดาห์”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะในที่สุดคุณก็ได้พูดออกมาแล้ว และมันเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับเราทั้งสองคน”

                ชายหนุ่มมองเธอ “บอกตรงๆ นะแคท ปฏิกิริยาของคุณอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมมาก ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะลงเอยแบบนี้”

                “โอ... ฉันเข้าใจเหตุผลที่คุณยกถ้วยชาออกไปแล้วล่ะค่ะจอห์น” หญิงสาวคราง “กรุณาคืนให้ฉันเถอะค่ะ ฉันจะไม่ทำอะไรหยาบคายแบบนั้นแน่ ความซื่อตรงและกล้าหาญของคุณที่พูดประโยคเมื่อครู่ออกมาประทับใจฉันมาก ฉันดีใจที่วันนี้พวกเราได้คุยกันอย่างตรงไปตรงมาเสียที"

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกถ้วยชาคืนเธอด้วยท่าทางเคอะเขิน “ที่จริงผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะ คุณเป็นผู้หญิงที่ดูแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่ผมได้พบ ผมโล่งใจมากเหมือนกันที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้ ถ้าคุณไม่รังเกียจ พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ไหม ผมคงดีใจมากที่จะได้เป็นเพื่อนกับสุภาพสตรีที่กล้าหาญพอจะยอมรับเรื่องคนรักตรงๆ กับผม”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหน้าแดงกว่าเดิม “คุณทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่มีมารยาทของกุลสตรี ที่จริงแล้วฉันไม่ควรจะบอกคุณเรื่องที่ฉันมีคนรักเลย แต่ฉันไม่ต้องการโกหกคุณ ในเมื่อคุณได้พูดความจริงกับฉันแล้ว ฉันเองก็ยินดีมากค่ะที่จะได้เป็นเพื่อนกับคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มกว้าง “ขอบใจนะแคท วันนี้คงเป็นวันแรกที่พวกเราจะได้ทำความรู้จักกันจริงๆ จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมจะชวนคุณมาดื่มชาอีกในสัปดาห์หน้าและสัปดาห์ถัดไป ผมมีเหตุผลส่วนตัวน่ะ”

                “ด้วยความยินดีค่ะ” หญิงสาวตอบเขา “ฉันเองก็ติดการออกจากบ้านทุกบ่ายวันอังคารเสียแล้ว ดีเสียอีกที่พวกเราจะได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน โอ... จอห์น... วันนี้เป็นวันที่ดีมากวันหนึ่งของฉันเลยค่ะ คุณเป็นผู้ชายที่น่าประทับใจมาก”

                “เช่นกันแคท คุณเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมแปลกใจมากเลยล่ะ”

---------------------------------------------

                เลดี้บาธรู้สึกดีใจที่เห็นลูกชายคนเดียวของเธอยิ้มหัวคุยกับเลดี้สาวในตอนที่เขามาส่งเธอขึ้นรถม้า รอจนรถม้าคันนั้นแล่นออกไปจากคฤหาสน์แล้ว ท่านมาร์ชันเนสจึงเดินลงมาคุยกับลูกชาย

                “โอ... จอห์น  แม่ดีใจจังที่ลูกกับแคทเธอรีนดูไปกันได้ดี เธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับลูกมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะแก้เก้อ “ครับ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก”

                “ลูกน่าจะชวนเธอไปเที่ยวที่บ้านของเราที่บาธนะ แม่แน่ใจว่าเธอจะต้องประทับใจมากแน่”

                “ผมจะเก็บไว้พิจารณาครับ” เอิร์ลหนุ่มตอบแม่ของเขา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “คืนนี้ผมอาจจะกลับดึกหน่อยนะครับ ผมคิดว่าจะออกไปดื่มหลังมื้อเย็น”

                “ได้จ้ะลูกรัก แต่ลูกควรจะให้โอลิเวอร์ไปด้วย แม่รู้สึกอุ่นใจกว่าถ้าลูกจะกลับบ้านดึกๆ ด้วยรถม้าของเราเอง”

                “ตกลงครับ”

------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-03-2017 19:16:40
                เดวิดรีบเดินไปเปิดประตูร้านรอเอาไว้ทันทีที่เห็นรถม้าของคฤหาสน์เดลมาจอดที่หน้าร้านในตอนห้าโมงเย็น พอลอร์ดโทรว์บริดจ์เปิดประตูลงมา เจ้าตัวก็รีบเอ่ยทักทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด”

                “สายัณห์สวัสดิ์เดวิด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักตอบ “วันนี้ไม่หัดเย็บผ้าหรือ?”

                “วันนี้งดครับ” เด็กหนุ่มตอบ “คุณโอเดนเบิร์กกำลังแก้งานให้ลูกค้าอยู่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักไปเล็กน้อย เขากำลังจะถอดเสื้อโค้ทส่งให้กับเด็กหนุ่ม “งั้นเขาคงไม่สะดวกที่จะออกไปกินมื้อเย็นสินะ”

                “โอ... ไม่หรอกครับ” เดวิดรีบพูดต่อ “ผมว่าเขาน่าจะใกล้แก้งานเสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวผมจะไปบอกเขานะครับว่าคุณมา”

                “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก ให้เขาทำงานไปก่อน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือห้าม ก่อนจะถอดเสื้อโค้ทส่งให้ จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาที่ใช้สำหรับรับแขก เดวิดรับเสื้อโค้ทไปแขวนไว้

                “งั้นผมจะไปยกน้ำชามาให้นะครับ”

                “ขอบใจ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดสายตามองไปรอบๆ ขณะรอน้ำชา ร้านของกอร์ดอนตกแต่งอย่างหรูหราตามสมัย เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะของลูกค้าของเขา วอลล์เปเปอร์บนผนังยังดูใหม่เอี่ยม คงถูกเปลี่ยนเมื่อไม่กี่ปีก่อน โคมไฟเป็นรุ่นใหม่ พรมที่ใช้ปูบนพื้นก็เป็นพรมเนื้อดีและยังดูไม่เก่ามากนัก เตาผิงขนาดเล็กที่อยู่กลางห้องก็ถูกบำรุงรักษาเป็นอย่างดี ไม่นับรวมชุดรับแขกที่ดูก็รู้ว่ามีการดูแลเป็นประจำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่ากอร์ดอนคงเสียค่าปรับปรุงร้านและบำรุงรักษาไปไม่น้อยเลยในแต่ละเดือน สายตาของเขาหยุดลงที่กรอบรูปทรงรีขนาดราวสองฟุตคู่หนึ่งที่แขวนหลังเคาน์เตอร์ที่ใช้ต้อนรับลูกค้า กรอบแรกเป็นรูปครึ่งตัวของชายหนุ่มอายุราวสามสิบปี สวมชุดสูทและเสื้อกั๊กสีน้ำตาล คาดทับปกคอเสื้อเชิ้ตด้วยเน็กไทสีดำ ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหยียดตรง ดวงตาสีฟ้าหม่น ใบหน้าจริงจัง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงเค้าของความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย ถัดไปอีกรูปเป็นหญิงสาววัยยี่สิบเศษๆ ผมสีทองสลวย ดวงตาสีฟ้าใส สวมเสื้ออย่างแฟชั่นนิยมสมัยเมื่อสามสิบสี่สิบปีก่อน เธอคลี่ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นรอยยิ้มที่สะอาดบริสุทธิ์ราวกับเทพธิดา ลอร์ดโทรว์บริดจ์นึกสงสัยว่าเขาพลาดภาพวาดนี้ไปได้อย่างไร ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปพิศมองภาพวาดสองภาพนั้นใกล้ๆ จังหวะนั้นเดวิดเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดน้ำชาพอดี

                “วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ” เอิร์ลหนุ่มบอกเขา ก่อนจะถามขึ้น “สองรูปนี้เป็นรูปใครหรือ?”

                เด็กหนุ่มวางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะ แล้วหันไปมองภาพที่ว่า “อ๋อ รูปของคุณกอร์ดอน กับคุณอลิซาเบธ โอเดนเบิร์กครับ พวกเขาเป็นคุณปู่คุณย่าของคุณโอเดนเบิร์ก”

                “ว้าว... ผู้หญิงคนนี้คือย่าของเขาหรือ? เธอสวยมาก”

                “มิสซิสโอเดนเบิร์กเป็นคนสวยและจิตใจดีงามมากครับ พ่อผมบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้า”

                “พ่อเธอเคยเห็นตัวจริงหรือ?”

                “ครับ สมัยเขามาฝึกงานกับคุณโอเดนเบิร์กคนปู่ ประมาณสามสิบปีก่อนโน่นครับ ได้ยินว่ามีคนมากมายมาชอบพอเธอ ขนาดที่ว่าเคยมีขุนนางคนหนึ่งขอเธอแต่งงานแต่ก็ถูกเธอปฏิเสธ พ่อบอกว่ามิสซิสโอเดนเบิร์กเป็นสาวสวยที่ใจดีแต่ก็กล้าหาญและอดทนมากครับ เธอแต่งงานกับคุณโอเดนเบิร์กแล้วย้ายมาอยู่ที่ร้านนี้ตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างตัว ทั้งทำงานบ้าน ทั้งทำอาหาร ดูแลลูกด้วยตัวคนเดียว ตอนที่พ่อผมมาทำงานที่นี่ เธออายุประมาณสี่สิบปีแล้ว แต่ยังสวยอยู่มาก เสียดายที่เธอเสียหลังจากที่คุณโอเดนเบิร์กคนหลานคลอดได้ไม่นาน คุณโอเดนเบิร์กเลยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับย่าของเขาเลย”

                “แต่เขาได้ทุกอย่างของย่าเขามาทั้งหมดเลยนะ เว้นเสียแต่ความตรงของเส้นผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตั้งข้อสังเกต เดวิดพยักหน้า “ใช่ครับ ใครๆ ที่เคยเห็นย่าของเขาก็มักจะพูดแบบนั้น ผมยังเคยคิดเลยนะ ว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิง คุณคงจะขอเขาแต่งงานแน่ๆ”

                “อะไรนะ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมามองเด็กหนุ่มทันที เดวิดสะดุ้ง ก่อนจะหน้าซีดเผือดเพราะนึกได้ว่าหลุดคำพูดไม่สมควรออกไป เขารีบพูดขึ้นต่อทันที

                “โปรดให้อภัยผมด้วยครับท่านลอร์ด ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาหมิ่นเกียรติคุณ”

                “อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น?”

                “โอ... ผมผิดไปแล้วครับ ผมขออภัย ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีก สาบานเลยครับ”

                “เดวิด ฉันถามเธอ ตอบคำถามฉันก่อนสิ”

                “....”

                “อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น?”

                เดวิดไม่กล้าเงยหน้ามองคนถาม เขาก้มหน้างุดด้วยความหวาดกลัว “ก็คุณโอเดนเบิร์กเป็นคนสวยมาก ถ้าเขาเป็นผู้หญิง คงจะมีคนมาจีบเขาเยอะแน่”

                “ฉันเห็นด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่เธอยังไม่ได้ตอบคำถาม ทำไมถึงคิดว่าฉันจะขอเขาแต่งงาน”

                “โอ... มันเป็นแค่คำพูดพล่อยๆ ของผมครับ” เดวิดคราง “ผมทึกทักเอาเองว่าด้วยความสนิทสนมระหว่างคุณกับเขา ถ้าเขาเป็นผู้หญิง คุณน่าจะขอเขาแต่งงานแน่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นคุณจริงๆ นะครับ ท่านลอร์ด ได้โปรดให้อภัยผมเถอะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจเฮือก “เอาล่ะ ใจเย็นๆ นะเดวิด ฉันให้อภัยเธอ เพราะฉะนั้นหยุดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ได้แล้ว”

                “โอ... ขอบพระคุณมากครับ” เดวิดเงยหน้าขึ้นมา เขาร่ำๆ จะร้องไห้จริงๆ “ผมสาบานว่าต่อไปจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”

                “เป็นสิ่งที่เธอสมควรทำ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันคงไม่ชอบใจแน่ถ้าได้ยินใครเอาเรื่องฉันกับกอร์ดอนไปร่ำลือในรูปแบบนั้น แม้ว่าฉันจะยอมรับว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิงฉันคงขอเขาแต่งงานก็ตาม”

                เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ “ความลับระหว่างเรานะเดวิด ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด แม้แต่ตัวกอร์ดอนเองก็เถอะ เขาคงไม่ชอบใจนักหรอกที่ตัวเองต้องพลาดโอกาสได้แต่งงานกับฉันเพราะเป็นผู้ชาย”

                เดวิดกะพริบตาปริบๆ “นี่คุณมุกรึเปล่าครับ?”

                “ใช่ ไม่ตลกหรือ?”

                “โอ... ผมไม่กล้าขำหรอกครับ” เด็กหนุ่มสารภาพตามตรง “คุณทำเอาคำพูดที่ผมพูดตอนแรกกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย”

                “ฉันก็ตั้งใจให้เป็นงั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่าแล้วตบไหล่เขา “ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันรู้ว่าเธอคะนองปาก แต่ระวังๆ เอาไว้บ้างแล้วกัน คนอื่นไม่ได้ใจดีเหมือนฉันหรอกนะ”

                “ครับ ขอบพระคุณมากเลยครับ”

------------------------------------

                กอร์ดอนเดินออกมาตามเดวิดให้ไปกวาดพื้นด้านหลังตอนประมาณอีกสิบห้านาทีจะหกโมง แน่นอนว่าเขาแปลกใจมากที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาสำหรับรับแขก ท่าทางเหมือนมารออยู่นานแล้ว

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด มานานแล้วหรือครับ?” เขาหันไปถลึงตาใส่เดวิดที่ยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงมุมห้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้ามอง แล้วยิ้ม

                “สักพักแล้วล่ะ ผมบอกเดวิดเองว่าไม่ต้องไปตามคุณ เห็นว่ายุ่งอยู่”

                “โอ... ที่จริงแล้วคุณน่าจะให้เขาไปตามผม นี่ผมนั่งดื่มรูทเบียร์หมดไปแก้วหนึ่งแล้วถึงได้เดินออกมา” ช่างตัดเสื้อคราง เขาถือเสื้อสูทสีน้ำตาลเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง บนตัวเต็มไปด้วยเศษด้าย และมันร่วงลงพื้นตลอดทางที่เขาเดินมา

                “แสดงว่าคุณแก้งานเสร็จแล้ว” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางหันมองนาฬิกาแขวนผนังในร้าน “สะดวกที่จะออกไปกินมื้อเย็นกับผมไหม?”

                “แน่นอนครับ ผมขอเปลี่ยนเสื้อสักครู่”

                กอร์ดอนกลับลงมาอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและขึ้นรถม้าไปกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ทันทีที่ประตูรถม้าปิดสนิท ลอร์ดหนุ่มก็ดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้าไปกอด

                “ถ้าผมได้นอนกอดคุณทุกคืนคงดี” เขากระซิบข้างหูพลางจูบแก้มฝ่ายนั้นเบาๆ กอร์ดอนกอดตอบ แล้วยิ้มด้วยความขัดเขิน

                “ผมคิดว่าวันนี้คุณจะพักผ่อนอยู่บ้านเสียอีก”

                “การมาหาคุณนี่แหละคือการพักผ่อนของผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะขยับมามองหน้าคู่สนทนา “ผมรู้แล้วทำไมตัวเองถึงไม่เคยสังเกตเห็นรูปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์คุณเลย”

                “เอ๋?” กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะพูดอย่างนึกได้ “คุณคงหมายถึงรูปปู่กับย่าผม”

                “ใช่” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “เพราะผมมัวแต่มองหน้าคุณ เลยไม่เคยสังเกตเห็นรูปของทั้งสองคนเลยสักที”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะขวยๆ อีกฝ่ายพูดต่อ “คุณเหมือนย่าคุณมาก ราวกับถอดแบบกันมาเลย”

                “ใครๆ ก็พูดแบบนั้นครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “น่าเสียดายที่ย่าเสียตอนผมยังเล็กมาก ผมเลยไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเธอเลย แค่รู้ว่าย่าเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม และปู่ก็รักเธอมาก ปู่ไม่เคยแต่งงานใหม่อีกเลย”

                “ผมเข้าใจความรู้สึกของปู่คุณแจ่มแจ้งเลยล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมเพิ่งบอกเดวิดไป ว่าถ้าคุณเป็นผู้หญิง ผมจะขอคุณแต่งงาน”

                “อะไรนะครับ?!” กอร์ดอนร้องขึ้นด้วยความตกใจ “คุณบอกเขาไปแบบนั้นหรือ?”

                “อืม ที่จริงแล้วเขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาคงติดใจความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณ แต่ไม่ได้คิดจริงจังหรอกว่าผมจะชอบคุณที่เป็นผู้ชาย”

                “โอ... จอห์น... แล้วเดวิดว่าไงบ้างครับ? ผมเห็นเขาดูตื่นๆ”

                “เขาหลุดปากพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าผมคงต้องโกรธแน่ เลยลนลานแก้ตัวจนน่าสงสาร” เอิร์ลหนุ่มตอบ “ผมไม่อยากให้เขาเก็บเอาไปคิดมาก เลยทำเหมือนว่ามันเป็นแค่มุกสนุกๆ ผมบอกให้เขาปิดเป็นความลับแม้แต่กับคุณด้วยนะ เรื่องขอแต่งงานน่ะ”

                “คุณนี่ทำอะไรน่ากลัวจริงๆ” กอร์ดอนพูด “ผมกลัวเดวิดจะสงสัยเรื่องของพวกเราที่สุดเลย”

                “เดวิดดูจะนับถือคุณมากนะ เขาไม่แสดงท่าทางอิจฉาหรืออึดอัดเวลาพูดถึงคุณเลยแม้แต่น้อย”

                “เขาเป็นเด็กน่ารักว่าง่ายครับ” กอร์ดอนตอบ “เป็นลูกชายของช่างที่เคยทำงานกับปู่ผม พ่อเขาบังเอิญเสียกะทันหัน ผมเลยรับเขาไว้ทำงาน ที่บ้านเขาจะได้มีรายได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมเองก็ชอบที่เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ผมหวังว่าสักวันเขาจะเป็นคนหนึ่งที่ไว้ใจได้ แม้จะล่วงรู้ความลับของพวกเราแล้วก็ตาม”

                “จอห์น ผมกลัวเหลือเกิน” กอร์ดอนพูดแล้วกอดอีกฝ่ายเขาไว้แน่น “กลัวว่าวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย ผมจะเสียคุณไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดตอบเขา “ผมเองก็กังวลกับเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นความลับไปได้ตลอด โดยเฉพาะเรื่องความรัก เพราะฉะนั้นผมจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมเพื่อรับมือเมื่อถึงเวลานั้น ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด”

                กอร์ดอนกอดอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิม เขาซุกหน้าที่เรื้อน้ำตาลงไปบนแผ่นอกกว้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือของเขาขึ้นมาจูบ

                “แต่เรื่องแต่งงานน่ะผมพูดจริงๆ นะ” เขาขยี้ปลายนิ้วลงไปเบาๆ บนโคนนิ้วนางข้างซ้ายของช่างตัดเสื้อ “ต่อให้คุณเป็นผู้ชายผมก็ยังอยากจะสวมแหวนให้คุณ ผมอยากแต่งงานกับคุณ สาบานจะใช้ชีวิตคู่กันไปจนวันตาย ผมอยากให้คุณอยู่เคียงข้างผมทุกลมหายใจ”

                “แต่พวกเราเป็นผู้ชาย...” กอร์ดอนพูดเสียงพร่า “ไม่มีใครยอมรับการแต่งงานของพวกเราหรอกครับ มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ถ้าใครรู้เข้าล่ะก็...”

                “ไม่เป็นไร ช่างกฎหมายกับคนอื่นเถอะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เมื่อเวลามาถึง ผมจะสวมแหวนให้คุณต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า ผมจะให้พระองค์เป็นพยานในความรักอันบริสุทธิ์ของเรา”

                กอร์ดอนได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เขาไม่อาจหาคำใดมาพูดตอบลอร์ดหนุ่มได้เลย

---------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พากอร์ดอนไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในย่านคาเว็นดิชสแควร์ แน่นอนว่าคนเฝ้าประตูจำเขาได้ทันทีที่เห็น เนื่องจากข่าวเรื่องการต่อยมวยนั่นเอง

                “คุณรู้มั้ย ทำไมคนถึงเรียกแถบนี้ว่าคาเว็นดิชสแควร์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตั้งคำถาม ระหว่างรออาหารที่สั่งไป กอร์ดอนมองเขาด้วยความแปลกใจ “มันเป็นที่ดินของตระกูลคุณไม่ใช่หรือครับ?”

                “ผิด” อีกฝ่ายตอบเขา “มันเป็นที่ดินของลอร์ดลอนดอนต่างหาก แล้วคนที่สร้างก็ไม่ใช่คนในครอบครัวผมโดยตรงด้วย ลอร์ดอ็อคฟอร์ดเป็นคนแรกที่สร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นที่นี่ เพื่ออุทิศให้กับภรรยาของเขาซึ่งเป็นน้องสาวของปู่ของปู่ทวดผมอีกที คนเลยติดเรียกที่นี่ว่าคาเว็นดิชสแควร์ ทั้งๆ ที่ตระกูลผมไม่มีส่วนได้เสียอะไรเลย แถมยังต้องกลายเป็นมนุษย์ถ้ำเวลาไม่อยากให้คนอื่นจำพวกเราได้อีกด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง แต่กอร์ดอนกลับหัวเราะออกมา “ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท แต่ผมขำท่าทางของคุณตอนที่บอกว่าเป็นมนุษย์ถ้ำน่ะ ที่จริงแล้วเคฟกับคาเว็นดิชก็ใกล้เคียงกันออกนะครับ”

                “ใช่ ก็แค่เหลือสี่ตัวหน้าเอาไว้” เขาพูดพลางถอนใจ “แต่เวลาเซ็นผมชอบเซ็นเพลินเป็นคาเว็นดิชทุกทีเลย”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะพลางยิ้ม “ผมว่าด้วยฐานะอย่างพวกคุณ คงมีไม่บ่อยหรอกครับที่ต้องบิดบังชื่อนามสกุลของตัวเอง”

                “มันก็ไม่บ่อยหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “แต่บางครั้งพวกผมก็ต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน”

                พวกเขากินอาหารและดื่มไวน์กันไปหลายแก้ว ก่อนที่จะนั่งรถม้าไปที่บาร์บีช็อต

                “ผมตัดสินใจให้แจ็กสันนั่งที่นั่งปกติ ผมคิดว่าเขาอาจจะอึดอัดถ้าต้องไปนั่งท่ามกลางเพื่อนๆ ของผม อย่างน้อยๆ การแต่งตัวของเอ็ดดี้ก็ข่มคนอื่นอยู่แล้ว”

                “ดีแล้วล่ะครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “คุณจะจัดที่ให้เขานั่งใกล้พวกเรารึเปล่าครับ ผมชวนเดวิดไปด้วย เขาดีใจมากที่จะได้ดูคุณต่อยมวย”

                “ถ้าคุณต้องการแบบนั้นผมจะจัดการให้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนพยักหน้า พวกเขาคุยสัพเพเหระกันอีกหลายเรื่อง จนกระทั่งรถม้าหยุดลง

                “สายัณห์สวัสดิ์กอร์ดอน สายัณห์สวัสดิ์จอห์น พวกคุณเป็นไงบ้าง?” แจ็คสันทักทายทันทีที่ทั้งสองคนเยี่ยมหน้าเข้าไปในบาร์ คืนนี้เป็นคืนวันอังคารกลางเดือน บาร์จึงไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนทักตอบ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ แล้วสั่งเหล้ามาดื่ม กอร์ดอนยังคงดื่มเหล้ายินเหมือนเดิม แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งเหล้าผสมแบบที่เขาเป็นคนคิดสูตรเอง

                “รสชาติเป็นไงบ้าง?” แจ็คสันถามหลังจากมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ดื่มเหล้าผสมแก้วนั้นลงไป คนถูกถามพยักหน้า “ดีเลยล่ะ คุณอยากลองไหม?”

                “ก็น่าสนใจนะ” พูดจบเขาก็หันไปชงเหล้าแบบเดียวกันให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้วลองดื่ม

                “ไม่เลว คุณสนใจอยากมาเป็นคนชงเหล้ามั้ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมจะรับไว้พิจารณาแล้วกัน เผื่อวันหนึ่งผมอยากเลิกเป็นผู้จัดการเหมือง แต่ผมชอบให้คุณชงให้มากกว่า”

                เขาดื่มเหล้าจนหมดแก้ว แล้วจึงพูดขึ้นต่อ “แจ็คสัน ผมจะขึ้นต่อยมวยวันศุกร์นี้ คุณรู้ข่าวแล้วใช่มั้ย?”

                แจ็คสันผงะและนิ่งไปอึดใจใหญ่ๆ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ล้วงบัตรเชิญออกมาจากอกเสื้อ “นี่บัตรเชิญของคุณ สำหรับสองที่”

                “โอ...” เจ้าของบาร์วัยกลางคนคราง เขายื่นมือที่พยายามบังคับเอาไว้อย่างยิ่งเพื่อไม่ให้มันสั่นมารับบัตรเชิญใบนั้น “ผมนึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นคุณแน่...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกนิ้วแตะริมฝีปากเป็นเชิงห้าม พลางยิ้ม “คุณต้องไปให้ได้นะ ผมจริงจังกับการชกครั้งนี้มาก มันเป็นการชกครั้งแรก และอาจจะเป็นครั้งเดียวของผม”

                “แน่นอนครับ” แจ็คสันพยักหน้า “ช่างเป็นความกรุณาเหลือเกิน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกนิ้วแตะปากอีกครั้ง “ผมขอให้ทั้งหมดนี้เป็นความลับ ผมอยากให้คุณทำเหมือนอย่างที่เคยผ่านมา ผมอยากเป็นแค่จอห์น ผู้จัดการเหมือง เวลานั่งอยู่ที่นี่ หวังว่าคงไม่เกินความสามารถของคุณหรอกนะ”

                “โอ... ไม่เลย ไม่เลยครับ” แจ็คสันพยักหน้าถี่ๆ “ทุกอย่างจะเหมือนเดิมจอห์น อย่างที่คุณขอ ขอบคุณมากสำหรับบัตรเชิญ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งเหล้ามาดื่มอีกสองแก้ว ก่อนจะชวนช่างตัดเสื้อกลับ แจ็คสันถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนเด็กในร้านต้องหันมาถาม

                “เกิดอะไรขึ้นหรือ? คุณเดนเวอร์”

                “ไม่มีอะไร” คนถูกถามสั่นศีรษะ “วันศุกร์นี้ฉันปิดร้านนะ จะไปดูลอร์ดโทรว์บริดจ์ชกมวย”

                “เอ๋? คุณซื้อตั๋วทันหรือครับ? ได้ยินว่าขายหมดตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้วโน่นแน่ะ”

                “อ๋อ ใช่ ฉันเพิ่งได้ตั๋ว และฉันต้องไปดูให้ได้เลยล่ะ”

----------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลาทั้งวันพุธไปกับการพักผ่อน เขาออกมาเดินเล่นในสวน และออกไปนั่งรถม้ากินลมเล่นหลังจากมื้อเช้า ก่อนจะกลับเข้ามาในช่วงสาย ใช้เวลาจากนั้นไปกับการเล่นไวโอลิน และแช่น้ำในอ่างโดยมีโอลิเวอร์คอยเติมน้ำให้อยู่สองชั่วโมง จึงลงไปกินมื้อค่ำ เขาแจ้งยกเลิกการประชุมสโมสรแบล็กเบิร์ดตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพื่อที่จะได้พักผ่อนเต็มที่ก่อนขึ้นชกจริง ชายหนุ่มใช้เวลาช่วงก่อนเข้านอนไปกับการอ่านหนังสือเกี่ยวกับความขัดแย้งและการต่อสู้เพื่อปฏิรูปศาสนา

                วันพฤหัสฯ หมดไปกับการประชุมเตรียมความพร้อม และแถลงข่าว พวกนักข่าวรอกันอยู่เนืองแน่นที่ด้านหน้าควีนสเบอรี่ฮอลล์ สถานที่ที่ใช้จัดงานในครั้งนี้ ตอนที่คนทั้งหมดเดินออกมา แสงแฟลชสว่างวาบตามด้วยเสียงดังโป๊ะที่ชวนน่ารำคาญ ระหว่างที่ลอร์ดควีนสเบอรี่และภริยาแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการชกที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับแมดเนอร์ถูกจับนั่งแยกกันสองฟากของโต๊ะ คู่ต่อสู้ของเขายังคงมีท่าทางหยิ่งยโสเหมือนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์อดรู้สึกนับถือในความมั่นใจของอีกฝ่ายไม่ได้ พวกเขาทั้งสองจับมือกันเพื่อแสดงความมีน้ำใจของนักกีฬาหลังเสร็จคำแถลง นักข่าวหลายคนพยายามจะขอสัมภาษณ์พวกเขา แต่ถูกคนของลอร์ดควีนสเบอรี่กันออกไป

                เมื่อกลับเข้ามาด้านในอาคาร ลอร์ดโทรว์บริดจ์พบว่ามีช่อดอกไม้ให้กำลังใจหลายสิบช่อวางอยู่บนโต๊ะในห้องพักของเขา เอิร์ลหนุ่มไล่อ่านการ์ดที่เสียบอยู่ทีละใบ ส่วนใหญ่มาจากขุนนางที่มีลูกสาวซึ่งเคยแนะนำให้เขารู้จักมาก่อน ถัดมาคือบรรดาเพื่อนๆ ของเขาสมัยเรียน ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ่านแล้วก็สอดการ์ดพวกนั้นคืนไว้ในช่อดอกไม้เหมือนเดิม ก่อนจะชะงักเมื่อหยิบการ์ดจากช่อกุหลาบสีขาวที่ดูแสนจะธรรมดามากเมื่อเทียบกับดอกไม้ช่ออื่นๆ เขาหยิบกุหลาบขาวช่อนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ทันที

                “ช่วยเอาที่เหลือไปไว้ที่รถม้าของฉันหน่อยนะ เดี๋ยวคนขับรถม้าจะจัดการเอง” เขาสั่งคนดูแลห้อง แล้วถือกุหลาบขาวช่อนั้นเดินออกไป

                “พรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่ตื่นเต้นมากแน่ๆ” ลอร์ดควีนสเบอรี่ทักทันทีที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ คนถูกทักยิ้มพลางพยักหน้า “แน่นอนครับ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลย”

                “เธอควรจะดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอนนะคืนนี้” ลอร์ดควีนสเบอรี่ว่า “ฉันทำแบบนี้ประจำเวลารู้สึกตื่นเต้นมากๆ เธอควรพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของเรา”

                “ครับ” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า ลอร์ดควีนสเบอรี่มองช่อกุหลาบสีขาวในมือเขา “กุหลาบของใครล่ะนั่น ดูไม่น่าถูกส่งมาจากสาวๆ นะ เพราะพวกเธอมักชอบกุหลาบสีแดง”

                “ของเพื่อนผมครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา ก่อนจะโค้งให้ “ผมคงต้อขอตัวกลับก่อน เจอกันพรุ่งนี้ครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”

                “เช่นกันแมธ เจอกันพรุ่งนี้ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”

--------------------------------

                “ว้าว ยังมีอีกช่อหรือครับนั่น” โอลิเวอร์ทักเจ้านายของตัวเองเมื่อเห็นเขาเดินถือช่อกุหลาบสีขาวมาที่รถ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า อีกฝ่ายพูดต่อ “ผมใส่ช่อที่เหลือเข้าไปในรถแล้ว เพราะคิดว่าถ้าเอาไว้ท้ายรถคงไม่ให้เกียรติกับคนที่ส่งมาเท่าไหร่”

                “ก็อย่างนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “โชคดีที่รถม้าของเราคันใหญ่ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องถูกช่อดอกไม้ทับตาย” เขาพูด หลังจากที่คนรับใช้เปิดประตูรถให้ ด้านในที่นั่งฟากหนึ่งมีแต่กองช่อดอกไม้วางเรียงกันอยู่

                “คุณจะให้ผมช่วยจัดช่อนี้ให้ไหมครับ?” โอลิเวอร์พูดพลางมองช่อกุหลาบสีขาวในมือของลอร์ดโทรว์บริดจ์ คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่ต้อง ช่อนี้ฉันจะถือไป” พูดจบเขาก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถม้า ก่อนจะไขกระจกออก เพราะทนกลิ่นของดอกไม้ที่ฟุ้งตลบไม่ไหว พลางคิดขึ้นมาว่าเขาควรจะฝากดอกไม้ที่เหลือไปกับรถเปิดประทุนสักคัน แทนที่จะต้องมาทนนั่งดมกลิ่นแบบนี้ ถึงอย่างนั้นท่านเอิร์ลก็อดจะยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เมื่อหยิบการ์ดที่เสียบเอาไว้ในช่อดอกกุหลาบสีขาวขึ้นมาอ่าน มันมีข้อความเขียนอยู่เพียงไม่กี่ประโยค แต่เป็นลายมือที่เขาเห็นครั้งแรกก็ไม่มีวันลืมอย่างเด็ดขาด

                คุณลูกค้าที่รัก,

                ผมขอเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างคุณในการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

                                                                                ขอพระเจ้าโปรดอวยพรให้คุณ

                                                                                                                                ก.อ.

                “ช่างตัดเสื้อที่รักของผม” ลอร์ดหนุ่มพึมพำ “คุณคือกำลังใจที่ดีที่สุดของผมเลย” เขาจูบการ์ดใบนั้นเบาๆ แล้วเก็บมันใส่อกเสื้ออย่างทะนุถนอม ก่อนจะสูดกลิ่นหอมของช่อกุหลาบในมือด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างที่สุด

--------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-03-2017 19:17:12
                ในที่สุดวันศุกร์ก็มาถึง กอร์ดอนเลิกร้านเร็วกว่าปกติเพื่อเตรียมตัวจะไปดูการชกมวยของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาให้เดวิดยืมสูทของตัวเองในสมัยเด็กที่เก็บเอาไว้ในตู้ แม้จะคับและดูเก่าไปนิด แต่ก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกมั่นใจขึ้นมากโข

                “ชุดนี้สวยมากเลยคุณโอเดนเบิร์ก คุณปู่คุณเป็นคนตัดหรือครับ?”

                “เปล่า ชุดนี้ฉันตัดเอง หัดตัดน่ะ”

                เดวิดมีสีหน้ามหัศจรรย์ใจ “โอ คุณตัดตอนอายุเท่าไหร่ครับเนี่ย มันสวยมากเลยครับ”

                “ตอนอายุพอๆ กับเธอนั่นแหละ ฉันชอบมายุ่งที่ร้าน ปู่เลยให้ฉันลองเย็บเสื้อดู ผลก็เป็นอย่างที่เห็น”

                “โอ... สักวันผมจะทำได้แบบนี้ใช่มั้ยครับ?”

                “แน่นอน เพียงแต่เธอต้องอดทนและใช้เวลาสักหน่อย” ช่างตัดเสื้อพูดแล้วหยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวม ทั้งสองคนปิดร้านแล้วเรียกรถม้ารับจ้างแบบเปิดประทุนไปยังควีนสเบอรี่ฮอลล์

                นานมากแล้วที่กอร์ดอนไม่ได้ให้ความสนใจกับทิวทัศน์ของกรุงลอนดอน ชีวิตเขามักจะวนเวียนอยู่แค่ร้าน ห้างขายอุปกรณ์ตัดเย็บ ท่าเรือ และโบสถ์ แม้ช่วงหลังเขาจะถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์พาไปไหนมาไหน แต่ทุกครั้งม่านบังตาในรถม้าจะถูกดึงขึ้นเสมอเพื่อป้องกันสายตาสอดรู้สอดเห็น ดังนั้นเขาจึงแทบไม่มีโอกาสได้ชมทิวทัศน์อย่างอื่นนอกจากฝั่งตรงข้ามของร้านเลย

                “โอ... นั่นสะพานทาวเวอร์ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่หรือ?” ช่างตัดเสื้อถามขึ้นระหว่างที่รถม้าแล่นอยู่บนสะพานลอนดอนเพื่อข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำเทมส์ “ท่าทางจะใหญ่โตเอาเรื่องเลยนะ”

                “เขาว่ากันว่ามันจะเป็นสะพานที่สวยที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาเลยครับ” เดวิดบอกเขาแข่งกับเสียงกุบกับของรถม้า สารถีตะโกนแทรกขึ้นมา “ใช่แล้วพ่อหนุ่ม แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะเสร็จน่ะซี่”

                กอร์ดอนมองสะพานที่กำลังสร้างด้วยความสนใจ เช่นเดียวกับสถานที่อื่นๆ ที่เขาผ่าน ทุกอย่างในลอนดอนยังคงเหมือนเดิมแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งผู้คน สภาพอาคาร แต่กระนั้นเขากลับรู้สึกว่าบรรยากาศสดใสขึ้น แม้ว่าท้องฟ้ายามเย็นของวันนี้จะค่อนข้างขะมุกขะมัวอยู่บ้างก็ตาม

                “พวกคุณกำลังจะไปดูการชกของลอร์ดโทรว์บริดจ์กับแมดเนอร์ใช่มั้ย?” สารถีถามต่อ กอร์ดอนพยักหน้ารับ

                “ใช่ เราอยากไปให้ถึงก่อนหกโมงเย็น”

                “ผมจะพยายามหาทางที่ใกล้และมีรถน้อยที่สุด พนันเลยว่ารถม้าทุกคันจะต้องมุ่งหน้าไปที่นั่นในวันนี้” สารถีว่า “การชกครั้งนี้เป็นที่กล่าวถึงทุกหัวระแหงของลอนดอนเลย”

                “อือ ผมดีใจมากเลยที่มีโอกาสได้ไปดูการชกในครั้งนี้” เดวิดพูดด้วยความภูมิใจ สารถีพูดขึ้นต่อ

                “พวกคุณโชคดีนะ เห็นว่ามีหลายคนเลยที่ซื้อตั๋วไม่ทัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะเคยเป็นคนดังมากในวงการรักบี้สมัครเล่นเลย ว่ากันว่าถ้าเขาไม่เดินทางไปอเมริกาเสียก่อน คงจะได้เล่นให้กับทีมชาติ”

                “ขนาดนั้นเลยหรือ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ สารถีพยักหน้า

                “ใช่ ผมเคยตามดูเขาสมัยอยู่กับทีมมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเป็นผู้เล่นแนวกลางที่ทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพมาก ควบคุมเกมการเล่นได้อย่างน่ามหัศจรรย์ แม้เขาจะไม่ได้ตัวทำแต้มสูงสุดในทุกเกม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเล่นของเขามีผลอย่างมากต่อชัยชนะของทีม คราวนี้เขากลับมาจากอเมริกาก็ขึ้นชกมวยอีก ผมว่าไม่แน่นะ เขาอาจจะคว่ำแมดเนอร์ลงก็ได้ ท่าทางเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านกีฬา” สารถีพูดแล้วก็หัวเราะ “แถมนอกจากจะเล่นกีฬาเก่งแล้ว ท่านลอร์ดคนนี้ยังหน้าตาหล่อเหลามากอีกด้วย รูปที่ใช้ปิดโปสเตอร์ทำเอาสาวๆ ทั้งลอนดอนฝันเพ้อเลยล่ะ ท่านเอิร์ลหนุ่มทายาทคนเดียวของท่านมาร์ควิสแห่งบาธ สุภาพบุรุษผู้ทรงเกียรติที่รูปหล่อ ร่ำรวยและยังโสด โอ้โห คุณเอ๋ย เขานี่แหละคือชายในฝันของผู้หญิงทั้งหลายเลย ฮ่าๆ”

                กอร์ดอนได้แต่ยิ้ม ขณะที่เดวิดพูดขึ้น “นั่นสินะ ผู้หญิงที่ได้แต่งงานกับเขาคงจะโชคดีมาก”

                “ใช่แล้ว และประกันได้เลยว่าเธอจะต้องเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ที่คู่ควรกับเขา พวกสาวชาวบ้านทั้งหลายก็คงได้แต่ฝันเพ้อน่ะแหละ”

                ยิ่งรถม้าแล่นมาใกล้จะถึงควีนสเบอรี่ฮอลล์เท่าไหร่ การจารจรยิ่งดูหนาตาขึ้นมามากเท่านั้น นอกจากบรรดารถม้ารับจ้างแล้ว ยังมีรถม้าคันใหญ่ที่มีตราของคฤหาสน์ต่างๆ แล่นกันให้ควักอีกด้วย สารถีตัดสินใจเฆี่ยนม้าหลบไปทางถนนที่เส้นเล็กกว่า ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมายก่อนหกโมงเย็นเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น กอร์ดอนจ่ายเงินและทิปให้สารถีคนนั้น เป็นจำนวนเงินที่เขาต้องขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า และถึงกับอาสาจะอยู่รอรับในขากลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่างตัดเสื้อต้องการพอดี

                พวกเขาเข้าแถวต่อคิวเพื่อรอยื่นบัตรผ่านเข้าไปด้านใน จังหวะที่กอร์ดอนกำลังก้มมองนาฬิกาพก ใครคนหนึ่งก็เอ่ยทักเขา

                “เฮ้ กอร์ดอน นายมายืนทำอะไรตรงนี้?”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองคนทัก ก่อนจะรีบทักตอบ “สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดครอฟตัน ผมมายืนรอคิว”

                “โธ่เอ๋ย... นายได้บัตรเชิญนะ มากับฉันนี่” เขาผงกศีรษะเป็นเชิงสั่งให้ช่างตัดเสื้อเดินตามมา ก่อนจะแนะนำคนที่มาด้วยกัน

                “กอร์ดอน นี่อีไลซ่าน้องสาวฉัน อีไลซ่า นี่กอร์ดอน โอเดนเบิร์ก เพื่อนพี่แล้วก็เป็นเพื่อนของจอห์นนี่ด้วย”

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านหญิง” กอร์ดอนเอ่ยทักเลดี้อีไลซ่า เบอร์มิ่ง เธอเป็นหญิงสาวแรกรุ่น มีเรือนผมสีดำสนิทเป็นลอนสวย และมีดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ดูซุกซน เธอยิ้มให้ช่างตัดเสื้ออย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันไปมองเดวิด กอร์ดอนเลยแนะนำเขาต่อ

                “ส่วนนี่ เดวิด ชิมเมอร์  พ่อของเขาเป็นเพื่อนกับปู่ผม”

                เดวิดรีบเอ่ยทักเลดี้สาวน้อยวัยไล่เลี่ยกับเขาด้วยท่าทางประหม่าอย่างที่สุด เลดี้อีไลซ่า เบอร์มิ่งหัวเราะคิกคัก

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะคุณโอเดนเบิร์ก สายัณห์สวัสดิ์ค่ะคุณชิมเมอร์ พี่เอ็ดเวิร์ดได้กรุณาเล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังแล้ว คุณเป็นคนสวยจริงๆ ด้วย คุณโอเดนเบิร์ก ฉันว่าคุณต้องเข้ากับหมวกใบใหม่ที่ฉันซื้อมาแน่”

                กอร์ดอนยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ลอร์ดครอฟตันหันไปเอ็ดน้องสาวตัวเอง “เขาเป็นผู้ชาย อีไลซ่า”

                “ฉันรู้แล้วล่ะค่ะพี่ แต่เขาสวยมากนี่นา” เธอพูดแล้วหัวเราะอีก คนเป็นพี่ชายได้แต่ส่ายหน้า ทั้งสองคนเดินนำกอร์ดอนและเดวิดไปยังแถวอีกแถวหนึ่ง ซึ่งมีคนน้อยกว่า แต่ทุกคนล้วนแต่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหราเพื่ออวดโอ่ฐานะของตน

                “โอ... คุณโอเดนเบิร์ก พวกเขาแต่งตัวกันสวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ” เดวิดพูดพลางมองคนเหล่านั้นด้วยความสนอกสนใจ กอร์ดอนรีบกระซิบบอกเขา “ระวังสายตาไว้บ้างเดวิด อย่าจ้องใครให้มาก มันเสียมารยาท”

                “อ๊ะ ผมขอโทษครับ”

                พี่น้องเบอร์มิ่งเด่นสะดุดตาท่ามกลางกลุ่มคนที่แต่งกายดีเหล่านั้น กอร์ดอนยอมรับว่ารสนิยมด้านเสื้อผ้าของไวส์เคาน์หนุ่มคนนี้ไม่เป็นสองรองใครในลอนดอนจริงๆ รวมถึงน้องสาวของเขาด้วย

                พวกเขาทั้งสี่คนใช้เวลารอไม่นานก็ไปถึงหน้าประตูที่ กอร์ดอนยื่นบัตรเชิญให้พนักงานตรวจบัตร พอฝ่ายนั้นเห็นชื่อเขาก็รีบเรียกให้พนักงานอีกคนมารับพวกเขาทั้งสองไปทันที

                พนักงานคนนั้นพาพวกเขาตรงไปยังเก้าอี้ที่อยู่แทบจะติดกับมุมของพี่เลี้ยง กอร์ดอนเห็นแล้วอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ที่ตรงนี้หรือ?”

                “ครับ” ฝ่ายนั้นพูดจบเขาก็โค้งให้ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไป เดวิดนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วพูดอย่างตื่นเต้น

                “คุณโอเดนเบิร์ก ตรงนี้พวกเราจะได้เห็นท่านเอิร์ลชัดมากเลยนะครับ เก้าอี้ก็นิ่มมากด้วย ดีจังเลย”

                กอร์ดอนนึกแปลกใจ เพราะเขาแน่ใจว่า ด้วยที่นั่งตรงนี้ ไม่ว่ายังไงลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องเห็นเขาแน่ๆ แทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามมองหาเลยด้วย ขณะที่นึกสงสัย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เดินตามพนักงานเข้ามาเข้ามา

                “ไง กอร์ดอน ดีใจที่นายมาถึงก่อนฉัน”

                “โอ สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด” ทั้งกอร์ดอนและเดวิดทักขึ้นพร้อมกัน เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อให้ความเคารพกับลอร์ดหนุ่ม

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สวมชุดสูทที่ดูธรรมดามากสำหรับคนฐานะอย่างเขา แต่ยังคงพกไม้เท้าอันเดิมที่ถือประจำ เขานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วชี้ให้ทั้งสองคนนั่งลงตาม

                “จอห์นนี่อยากให้ฉันมานั่งเป็นเพื่อนพวกนายด้วย เขาคิดว่าการที่จะให้พวกนายนั่งกันอยู่ตรงนี้สามคนอาจจะทำให้รู้สึกประหม่าเกินไป ฉันคิดว่าอีกไม่นานแจ็คสันน่าจะมาถึง” เขาพูดหลังจากหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู กอร์ดอนพยักหน้า

                “ขอโทษนะครับ ลำบากคุณเลย”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “นั่งตรงนี้ก็ดี เผื่อจอร์จแนะนำอะไรจอห์นนี่แปลกๆ ฉันจะได้ห้ามเขาทัน”

                กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาภายในฮอลล์ เสียงพูดคุยกันดังขึ้นเบาๆ ไม่นานนักแจ็คสันก็เดินตามพนักงานเข้ามา เขาทักทายกอร์ดอนและเดวิด ก่อนจะทักลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                “แมกซ์ คุณช่วยบอกผมทีเถอะ ว่าคุณเป็นเสมียนอย่างที่คุณบอกผมจริงๆ หรือคุณเป็นเหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์กันแน่” แจ็คสันเอ่ยปากถามหลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเขา พยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง

                “ผมเป็นเสมียนจริงๆ เป็นเสมียนให้กับพี่ชายของผม ลอร์ดฟาริงดอลน่ะ”

                “โอย...” แจ็คสันทำหน้าเหมือนจะเป็นลม “งั้นคุณก็เป็นเหมือนเขา... โอ ผมรู้แล้วทำไมพวกคุณถึงขำนักเวลาที่เขาบอกว่าตัวเองเหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “โทษทีนะแจ็คสัน พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงคุณ เพียงแต่มันเป็นเรื่องที่พูดลำบากอยู่สักหน่อย”

                “โอ... ไม่เป็นไรหรอกครับท่านลอร์ด ถ้าผมทำอะไรผิดมารยาทไปก็โปรดอภัยให้ด้วยครับ”

                “ไม่เป็นไร เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็พอ”

                แจ็คสันพยักหน้า พลางถอนหายใจ ก่อนจะหันมามองกอร์ดอน

                “กอร์ดอน แล้วคุณเป็นช่างตัดเสื้อจริงๆ นะ? ไม่ใช่ลอร์ดที่ไหนปลอมตัวมาใช่มั้ย?”

                “โอ๊ย แจ็คสัน คุณเห็นผมตั้งแต่อายุสิบหก ผมจะไปเป็นลอร์ดที่ไหนได้ยังไง” กอร์ดอนว่า เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรืออะไรกับท่าทางของแจ็คสันดี ขณะที่เดวิดหัวเราะแบบไม่ต้องใช้ความคิด ส่วนเจ้าตัวได้แต่ถอนหายใจ

                ลอร์ดควีนสเบอรี่ขึ้นมาพูดเปิดเวทีตอนหกโมงครึ่ง เขากล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ และผู้คนที่ให้การสนับสนุนมวยการกุศลในครั้งนี้ ซึ่งจะมีการชกทั้งหมดสามคู่ คู่สุดท้ายคือคู่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์กับแมดเนอร์ ซึ่งจะชกในเวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง

                มวยคู่เปิดเวทีเป็นการชกกันระหว่างนักมวยสมัครเล่นดาวรุ่งที่กำลังจะก้าวมาสู่การชกในระดับอาชีพ พวกเขาทั้งสองชกกันได้อย่างน่าประทับใจ และฝ่ายแดงถูกนับสิบในยกที่หก การชกจึงถือเป็นอันยุติ ส่วนคู่ที่สองเป็นนักมวยมากประสบการณ์ที่มีชื่ออยู่ในลอนดอนทั้งคู่ การชกของคู่นี้ดำเนินไปจนถึงยกสุดท้าย ก่อนที่ฝ่ายแดงจะเป็นผู้ชนะไปด้วยคะแนนเอกฉันท์

                “เวลาที่ทุกท่านรอคอย” ลอร์ดควีนสเบอรี่ขึ้นยืนประกาศบนเวที “การชกคู่สุดท้ายระหว่าง ลิตเติลจอห์น และคู่ชกซึ่งเป็นนักมวยดาวรุ่งที่น่าจับตามองอยู่ตอนนี้ แมดเนอร์”

                นักมวยทั้งคู่ต่างเดินกันออกมาจากคนละด้านของเวที แมดเนอร์ดูสมบูรณ์และพร้อมเต็มที่สำหรับการชก เขาสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท เดินเข้ามาในสนามด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง และยืนใส่นวมที่มุมแดง ส่วนลอร์ดโทรวบริดจ์สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม เดินออกมาด้วยท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างที่เขาเคยเป็นมาโดยตลอด เขามาหยุดยืนที่มุมน้ำเงิน ตรงหน้าจุดที่กอร์ดอนนั่งพอดี โดยมีลอร์ดจอร์จ เฟลตัน โอลิเวอร์ และพี่เลี้ยงคนอื่นๆ เดินตามมาช่วยผูกนวม

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้าขึ้นมองช่างตัดเสื้อและยิ้มให้เขาแว้บหนึ่ง ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออก เหลือแต่เสื้อกล้ามสีขาวด้านใน แล้วหันไปฟังแผนการชกจากเหล่าบรรดาพี่เลี้ยง

                นักมวยทั้งคู่สวมฟันยางแล้วเดินขึ้นเวที เมื่อสัญญาณระฆังดังขึ้น ทั้งคู่ก็เดินหน้าเข้าใส่กันทันที แมดเนอร์กับลอร์ดโทรว์บริดจ์มีส่วนสูงที่ไล่เลี่ยกัน แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นรองกว่าด้านชื่อชั้นและขนาดตัว ถึงอย่างนั้นในช่วงแรกของการชกทั้งคู่ก็ต่อยกันได้อย่างสูสี ต่างฝ่ายต่างเดินหน้าแลกหมัดกันอย่างไม่มีใครกลัวใคร เมื่อถึงกลางยกที่ห้า คิ้วของลอร์ดโทรว์บริดจ์แตกและมีเลือดไหลเป็นทางยาว ทำให้เขาพลาดโดนแมดเนอร์ต่อยจนต้องลงไปคุกเข่าให้กรรมการนับถึงสามก่อนระฆังหมดเวลาจะดังขึ้น

                “จอห์นนี่ นายต้องพยายามหลบหมัดของเขาให้มากกว่านี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “หน้านายไม่ได้ด้านพอจะโดนหมัดพวกนั้นนะ”

                “ใช่ครับนายน้อย คุณต้องชกตามแผนที่วางไว้นะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า หมอเข้ามาเย็บแผลตรงหัวคิ้วให้เขาระหว่างนั้น ท่านเอิร์ลกลับขึ้นไปยืนบนเวทีอีกครั้ง แม้จะรู้สึกเจ็บแผลที่ถูกเย็บ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า การชกบนเวทีแตกต่างจากการชกในลานมวยเถื่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่มีอะไรมาบีบคั้นความรู้สึกของเขา มันคือการแข่งกีฬา และคู่ต่อสู้ของเขาก็มีศักดิ์ศรีพอที่จะต่อสู้อย่างเต็มที่และไม่เล่นตุกติก เป็นการชกของสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง

                ลอร์ดหนุ่มสูดหายใจ ก่อนจะเดินหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้ด้วยตื่นเต้นและสนุกสนานเฉกเช่นเวลาที่เขาเล่นกีฬาชนิดอื่น อาการบาดเจ็บตรงหางคิ้วไม่ได้ทำให้การชกของเขาย่ำแย่ลงเลย ตรงกันข้าม ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับชกได้ดีขึ้น เป็นธรรมชาติขึ้น เขาเริ่มแสดงฟุตเวิร์กที่คล่องแคล่วในการหลบหมัดของคู่ต่อสู้และปล่อยหมัดสวนกลับไป จนสามารถส่งแมดเนอร์ลงไปคุกเข่าจนโดนนับได้ในยกที่เก้า พอถึงยกที่สิบสาม ทั้งคู่ก็แสดงอาการหอบออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะต่างฝ่ายต่างกระหน่ำฟาดหมัดเข้าใส่กันเต็มที่ตั้งแต่ยกแรก คิ้วที่เย็บไปแล้วของลอร์ดโทรว์บริดจ์แตกยาวกว่าเดิม ส่วนแมดเนอร์เองก็มีแผลแตกที่หางคิ้วเช่นกัน ถึงอย่างนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงเดินหน้าเข้าใส่คู่ต่อสู้ความสนุกสนานเช่นเดียวกับสิบสองยกที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านการกีฬาของเขาให้ทุกคนประจักษ์โดยการคว่ำแมดเนอร์ลงได้ในปลายยกที่สิบสี่ ก่อนจะหมดยกเพียงแค่สิบห้าวินาทีเท่านั้น

                ทันทีที่กรรมการนับถึงสิบและประกาศยุติการชก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เดินเข้าไปยื่นมือให้แมดเนอร์ที่ยังคงนั่งงงหลังพิงเชือกอยู่บนพื้นเวทีผ้าใบ เขาต้องใช้เวลาหลายวินาทีหลังจากนั้น จึงพอเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ นักมวยหนุ่มยุดมือที่ยื่นให้เพื่อยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยความประทับใจจากบรรดาผู้ชมภายในฮอลล์ หมอรีบขึ้นมาตรวจดูอาการของเขาหลังจากนั้น ก่อนที่กรรมการจะชูมือให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์และประกาศให้เขาเป็นผู้ชนะอย่างเป็นทางการ เสียงปรบมือยังคงดังต่อเนื่อง แม้ว่านักมวยทั้งคู่จะลงจากเวทีไปแล้วก็ตาม

                “เป็นการชกที่ยอดเยี่ยมมาก” แจ็คสันครางทั้งที่ยังปรบมืออยู่ “พวกเขาชกได้สมศักดิ์ศรีทั้งคู่ ใครจะไปคิดเล่าว่าแมดเนอร์จะโดนน็อค แต่... โอ... ลอร์ดโทรว์บริดจ์ช่างเป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และกอร์ดอน รวมถึงเดวิดพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดขึ้นต่อ “เราควรจะอยู่รอเพื่อแสดงความยินดีกับเขา เขาคงอยากพบพวกเราหลังจบการชก”

                “แน่นอนครับ” แจ็คสันพยักหน้า “อย่างน้อยๆ ผมก็อยากจะพูดขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการ”

--------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่21p.11(21/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-03-2017 19:18:23
                “เป็นการชกที่ยอดเยี่ยมมาก แมธ” ลอร์ดควีนสเบอรี่พูดขณะที่เขาเดินตามเอิร์ลหนุ่มเข้าไปในห้องพักนักกีฬา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าให้เขาแล้วยิ้ม “ขอบคุณครับ นี่เป็นการชกครั้งแรกของผมและมันน่าประทับใจมาก”

                หมอเข้ามาดูอาการและเย็บแผลที่คิ้วให้เขาใหม่ เลือดจากคิ้วไหลอาบเสื้อกล้มที่เขาสวมจนเปื้อนเป็นรอยแดง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลงความเห็นหลังจากหมอออกไปแล้ว “นายคงต้องตัดเสื้อกล้ามตัวนี้ทิ้งล่ะนะจอห์นนี่ ไม่อย่างนั้นเวลาถอดมันจะกระเทือนถึงแผลของนาย เพราะมันค่อนข้างพอดีตัวมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือห้าม “ไว้ค่อยพูดถึงเรื่องนั้นเถอะจอร์จ แมดเนอร์เป็นไงบ้าง ฉันว่าเขาคงจะมึนอยู่ไม่น้อยแน่ ฉันเองยังมึนๆ อยู่เลย”

                “ฉันยังนึกแปลกใจอยู่เลยที่เขายังลุกขึ้นมาได้ ภาษามวยเรียกอะไรนะ เมาหมัดใช่ไหม?” เขาหันไปถามโอลิเวอร์ ฝ่ายนั้นพยักหน้า

                “ครับ ผมว่าแมดเนอร์เมาหมัด ที่จริงแล้วพวกคุณมีโอกาสจะน็อคฝ่ายตรงข้ามด้วยกันทั้งคู่เลย แต่ผมยังไม่เคยเห็นใครชกมวยด้วยท่าทางมีความสุขในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้นเหมือนคุณเลยนะครับ นายน้อย”

                “ฉันสนุกตลอดเวลาที่ยืนอยู่บนนั้นเลยล่ะ เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าประทับใจมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดื่มน้ำอีกหลายอึก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ฉันน่าจะแวะไปเยี่ยมเขาหน่อย”

                โอลิเวอร์หยิบเสื้อคลุมมาสวมให้เขา จากนั้นทั้งสามคนก็ออกจากห้องพัก

                แมดเนอร์นั่งพักอยู่บนเก้าอี้ตอนที่ผู้จัดการส่วนตัวของเขาเปิดประตูให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ นักมวยหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที

                “โอ้... ท่านลอร์ด ความจริงคุณไม่ต้องมาที่นี่...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือห้าม “ไม่ๆ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยถากถางคุณ ผมมาเพื่อกล่าวชื่นชมจิตวิญญาณการเป็นนักมวยของคุณจากใจจริง คุณทำให้การชกครั้งนี้ของผมวิเศษมาก มันเป็นการต่อสู้ที่น่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม”

                “ขอบคุณครับ” แมดเนอร์พยักหน้า แผลบนคิ้วของเขาถูกเย็บและปิดด้วยผ้าก็อซเรียบร้อยแล้ว “แต่ผมไม่ได้หมายความว่าคุณมาที่นี่เพื่อถากถางผม ผมแค่อยากบอกว่า คุณไม่ต้องลำบากมาถึงนี่หรอกครับ ผมเสียอีกที่ควรจะเป็นฝ่ายไปหาคุณ คุณเพิ่งแสดงให้ผมเห็นว่าความเย่อหยิ่งและหยาบคายของผมที่แสดงออกไปมันไร้ค่าและน่าอายแค่ไหน โอ... ท่านลอร์ดครับ ผมไม่เคยเห็นใครมีความสุขกับการขึ้นชกบนเวทีในทุกยกเหมือนคุณมาก่อน คุณเดินหน้าปล่อยหมัดใส่ผมด้วยท่าทางเหมือนคนที่ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น คุณเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านนี้มากนะครับ ผมจะแปลกใจมากถ้าคุณไม่ชกมวยต่อ”

                “ผมชอบเล่นรักบี้มากกว่า ผมชอบกีฬาที่เล่นเป็นทีม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบพลางยิ้ม “ความมั่นใจในตัวเองของคุณทำให้ผมรู้สึกนับถือนะ แต่มันคงไม่ดีต่อคุณนักในการที่จะแสดงความหยิ่งยโสออกมา ถึงอย่างนั้นผมก็รู้หรอกว่าคุณเป็นคนที่มีเกียรติและรู้จักยอมรับในเกียรติของคนอื่นเช่นกัน”

                แมดเนอร์มองลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่วนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก “ผมแพ้ให้คุณหมดท่าเลย ท่านลอร์ด คุณเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกพ่ายแพ้จากใจจริง ผมไม่รู้สึกอยากจะแก้มือกับคุณเลยครับ คุณคือผู้ชนะตลอดกาลของผมไปแล้ว คำแนะนำของคุณทำให้ผมแสนจะละอาย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ และขอบคุณมากที่คุณกรุณาให้เกียรตินักมวยผู้แสดงท่าทางอันแสนโง่เขลาใส่คุณถึงเพียงนี้ การชกครั้งนี้ดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยชกมา โปรดอภัยให้กับความหยาบคายของผมก่อนหน้านี้ด้วยครับ”

                “ไม่เป็นไร ผมให้อภัยคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะยื่นมือให้ฝ่ายนั้น “ผมยินดีมากที่ได้ชกกับคุณในวันนี้ ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการชกมวยอาชีพนะ”

                “ขอบคุณครับท่านลอร์ด เป็นเกียรติมากครับที่ได้ขึ้นชกกับคุณ”

-------------------------------------

                ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง ลอร์ดควีนสเบอรี่ก็ยืนรออยู่กับลอร์ดบาธพ่อของเขาแล้ว ท่านมาร์ควิสเมื่อเห็นลูกชายก็เดินมาแสดงความยินดีทันที

                “จอห์น วันนี้พ่อประทับใจในตัวแกมาก แกได้แสดงให้ทุกคนเห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง ตั้งแต่ตอนก่อนขึ้นเวที จนถึงตอนที่ลงจากเวที แกคือความภูมิใจของเราเลย”

                “ขอบคุณครับ” ลอร์ดหนุ่มยิ้มให้พ่อของเขา “ผมดีใจมากที่พ่ออยู่ชมการชกตั้งแต่ยกแรก การชกมวยจริงต่างจากที่ผมคิดไว้นิดหน่อย แต่มันก็สนุกมากเลยครับ”

                ลอร์ดควีนสเบอรี่หัวเราะ “ฉันยังไม่เคยเห็นใครชกมวยได้สนุกสนานเท่าเธอเลยแมธ เธอทำให้การชกวันนี้น่าจดจำที่สุด และมันคงจะถูกพูดถึงไปอีกนาน”

                คนถูกชมหัวเราะเขินๆ พวกเขาคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ๆ จึงปลีกตัวออกไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น

                “เป็นการชกที่น่าประทับใจมากจอห์นนี่ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกแบบนี้ ฉันประกันได้ และแมดเนอร์เองก็น่าสนใจทีเดียว เขาไม่ใช่คนหยาบคายที่ไม่ฟังเหตุผลอะไร”

                “ฉันรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าเขาเป็นคนใช้ได้คนหนึ่ง เพียงแต่เขาเย่อหยิ่งไปหน่อย”

                “ความยโสโอหังและมุทะลุดุดันเป็นเครื่องหมายของเขาเลยครับ” โอลิเวอร์พูดขึ้น “ที่จริงแล้วมันเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนดูจดจำเขาได้ แต่เขาก็ได้แสดงออกแล้วว่ามีความเคารพในตัวคุณในฐานะนักสู้ด้วยกัน ผมประทับใจเขามากเลยครับ”

                สิบนาทีต่อมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์สวมเสื้อคลุมและปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับแมดเนอร์ และลอร์ดควีนสเบอรี่ รวมถึงผู้ร่วมจัดมวยในครั้งนี้คนอื่นๆ ที่โต๊ะแถลงข่าว เพื่อถ่ายรูปและให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เมื่อเขากลับเข้ามาภายในห้องพักอีกครั้ง เพื่อนๆ ก็รอกันอยู่แล้ว

                “ยอดเยี่ยมมากเลยจอห์นนี่ นี่คือมวยที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยดูมาเลย”

                “นายแสดงให้พวกเราเห็นว่านายมีพรสวรรค์ด้านกีฬาจริงๆ”

                “พวกเราอยากจะแห่นายไปรอบๆ ฮอลล์นี้จริงๆ นายทำเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุด”

                แจ็คสันเดินเข้ามาแสดงความยินดีเป็นคนท้ายๆ “ท่านลอร์ด ช่างเป็นเกียติสำหรับผมเหลือเกินที่ได้มาชมการชกมวยของคุณ ขอบคุณมากๆ นะครับ”

                “ผมดีใจที่คุณมา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ดีใจที่คุณชอบการชกมวยของผม”

                เดวิดกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น “คุณเป็นสุภาพบุรุษมากเลยครับ คุณทำให้ผมอยากลองชกมวยสักครั้ง”

                “มันเป็นกีฬาเจ็บตัวนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม “ฉันยินดีจะให้เธอทดลอง ถ้านายจ้างของเธอจะอนุญาต”

                กอร์ดอนหัวเราะ “เดวิด ฉันแน่ใจว่าการต่อยมวยไม่น่าจะเหมาะกับเธอ อย่าหาเรื่องเจ็บตัวดีกว่า” เขาพูดแล้วเงยมองลอร์ดหนุ่ม “คุณชกได้ดีมากครับ”

                “อืม...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นมา “ฉันว่าพวกเราน่าจะปล่อยจอห์นนี่ให้ไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว เขาควรจะได้พักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาหลายวัน”

                พูดจบเขาก็พยายามดันเพื่อนๆ ออกไปจากห้องพัก เลดี้อีไลซ่า เบอร์มิ่งดูจะไม่เต็มใจที่สุด “แต่ฉันยังไม่ได้คุยกับท่านลอร์ดเลย”

                “มีเวลาอีกถมถืดไป” ลอร์ดครอฟตันปรามน้องสาวตัวเอง “เธอรอให้เขาอาบน้ำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคุยกับเขาก็ได้ แต่พี่แน่ใจว่าจอห์นนี่คงไม่มีอะไรจะคุยกับเธอนักหรอก”

                เดวิดหันมองนายจ้างของตัวเอง “คุณโอเดนเบิร์ก พวกเราจะกลับเลยรึเปล่าครับ?”

                “อ้อ... อืม...” กอร์ดอนพยักหน้า แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับพูดขึ้นมา

                “คุณต้องอยู่จัดการเสื้อผ้าให้ผมก่อน” เขาพูด และใช้มือหยิบเสื้อกล้ามที่สวมอยู่ เดวิดมองอย่างงงๆ ก่อนจะพยักหน้า “อ้อ งั้นผมจะออกไปรอข้างนอกนะครับ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินตามเด็กหนุ่มออกไปเงียบๆ สุดท้ายภายในห้องจึงเหลือแค่กอร์ดอนกับลอร์ดโทรว์บริดจ์สองคน ช่างตัดเสื้อเงยหน้าขึ้นมองเขา

                “คุณมีแผลที่หัวคิ้ว ผมว่าตัดเสื้อออกน่าจะดีกว่า จะได้ไม่กระเทือนแผล”

                “แต่มันเป็นเสื้อที่คุณตัดให้ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วฉวยมือของช่างตัดเสื้อมากุมไว้ “ผมเป็นไงบ้างวันนี้?”

                “ดูดีที่สุดเลยครับ” กอร์ดอนยิ้ม “ผมแน่ใจว่าทุกคนจะต้องพูดถึงเรื่องการต่อยมวยครั้งนี้ไปอีกหลายวัน มันเป็นการชกที่น่าประทับใจมาก”

                เอิร์ลหนุ่มหน้าแดง “แล้วคุณล่ะ คุณคิดว่าไง คิดว่าผมเท่มั้ย?”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะออกมา “แน่นอนครับ ผมใจเสียเหมือนกันนะ ตอนที่คุณโดนนับ ชกมวยนี่ดูเหนื่อยมากนะครับ แต่ผมก็รู้สึกว่าคุณมีความสุขตอนที่อยู่บนเวทีนั่น”

                “แน่นอน ผมสนุกมาก โดยเฉพาะเมื่อผมคิดว่าคุณกำลังมองอยู่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตอนแรกเลย ผมตั้งใจจะให้คุณนั่งในที่ที่ผมมองหายาก แต่พอผ่านเรื่องเมื่อคืนวันเสาร์ ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป ผมแน่ใจว่าตัวเองจะไม่เสียสมาธิถ้ามองเห็นคุณ ตรงข้าม ถ้าผมไม่เห็นคุณผมต้องกระวนกระวายแน่” เขาหยุดหัวเราะด้วยความขัดเขิน “ผมอยากแน่ใจจริงๆ ว่าคุณจะได้เห็นผมในทุกท่า อยากแน่ใจว่าคุณจะมองแค่ผม ผมออกจะมีความคิดพิลึกพิลั่นอยู่เหมือนกันนะ ว่าจะต่อยมวยอย่างที่ว่าคุณไม่อาจจะเบนสายตาไปมองใครได้อีกเลย”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “เพราะเหตุผลนั้นรึเปล่าครับ คุณถึงได้เดินหน้าเอาๆ จนพี่เลี้ยงข้างล่างวุ่นวายใจกันไปหมด ลอร์ดจอร์จบ่นเลยนะครับว่าคุณไม่ชกตามแผน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าขัดเขินกว่าเดิม “จอร์จคงรู้หรอกว่าผมอยากจะอวดคุณ เขาเคยบอกเองว่ามันเป็นนิสัยธรรมดาของผู้ชาย เวลาอยู่ต่อหน้าคนที่สนใจ”

                กอร์ดอนถอนหายใจออกมา “โชคดีนะครับที่คุณเอาชนะได้ ผมหวั่นใจจริงๆ ในช่วงแรกๆ เพราะคุณไม่คุ้นกับการถูกต่อยแบบนั้น อาจจะพลาดท่าเอาได้ง่ายๆ”

                “ใช่ ผมไม่คุ้นเลย มันค่อนข้างเจ็บอยู่นะ ถึงจะใส่นวมก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ผมสนุกมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดอย่างร่าเริง “ผมไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้เลย ที่จริงผมไม่คิดอะไรมากไปกว่าการมองหาเป้าในการชกไปเรื่อยๆ มันท้าทายมากเมื่ออยู่บนเวที โชคดีจริงๆ ที่ลอร์ดควีนสเบอรี่โน้มน้าวใจพ่อกับแม่ผมสำเร็จ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้มีโอกาสนี้ โชคดีมากๆ ด้วยที่วันนี้คุณมาดูผม มันทำให้นี่เป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุด”

                เขาบีบมือช่างตัดเสื้อเบาๆ “รอผมหน่อยได้ไหม ผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะออกมาจูบคุณสักที ผมไม่อยากให้คุณเปื้อนเหงื่อผม”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนรีบพูด “ถ้าผมยังอยู่ที่นี่นาน ทุกคนจะสงสัยเอาได้”

                “แต่...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อจากนั้น ริมฝีปากของกอร์ดอนก็แนบเข้ามา เขารีบรวบเอวของฝ่ายนั้นเอาไว้ แล้วจูบตอบด้วยความรู้สึกที่เอ่อท้น ทั้งคู่เคล้าริมฝีปากกันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะผละออกจากกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบเบาๆ

                “จูบนี้ของคุณคือสิ่งที่ดีที่สุดของผมในคืนนี้เลย”

                กอร์ดอนยิ้มเขินๆ “อาบน้ำเถอะครับ ผมจะช่วยตัดเสื้อให้ ผมเอากรรไกรติดตัวมาด้วย เพราะคิดว่าน่าจะต้องใช้”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ผมไม่อยากให้ตัดเลย ผมอยากจะเก็บเสื้อตัวนี้เอาไว้เป็นที่ระลึก คุณช่วยผมถอดมันออกดีกว่า”

                “แต่...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจูบปิดปากเขาทันที “เอาคืนที่คุณไม่ยอมให้ผมพูดเมื่อตะกี้” เขากระซิบพลางยิ้มเผล่ แล้วจูบช่างตัดเสื้อเบาๆ อีกครั้ง กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความขัดเขิน

                “พอเถอะครับ เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยเอา คุณไปอาบน้ำได้แล้วล่ะ”

                “มันคงเป็นค่ำคืนที่วิเศษกว่านี้ ถ้าคุณจะไปอาบเป็นเพื่อนผมด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากกอร์ดอนช่วยเขาถอดเสื้อกล้ามออกมาแล้ว กอร์ดอนมองแผ่นอกกว้างๆ และรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ซ้ายของเขา ก่อนจะหัวเราะออกมา

                “อย่าเลยจอห์น ผมว่ามันไม่น่าจะดีกับเราทั้งคู่นะครับ”

                “คุณยังไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันไม่ดี?” ลอร์ดหนุ่มพูดแล้วหน้าแดงขึ้นมาอีก “อาบเป็นเพื่อนผมนะ ผมจะช่วยถอดเสื้อให้คุณ”

                “ไม่ได้ครับ ทุกคนต้องสงสัยแน่ ผมต้องไปแล้วล่ะ” กอร์ดอนพูดก่อนจะผละออก แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงตัวกลับมาอีกครั้งและบดจูบแสนหวานลงไปบนริมฝีปากของเขา หลังจากจูบจนกอร์ดอนเกือบจะหายใจไม่ออก เอิร์ลหนุ่มก็ยอมผละริมฝีปากออก

                “เอาล่ะ ผมอนุญาตให้คุณไปได้แล้ว ราตรีสวัสดิ์นะกอร์ดอน”

                “ราตรีสวัสดิ์ครับ” กอร์ดอนพูดด้วยท่าทางเขินจัด ก่อนจะรีบออกจากห้องไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองตามจนแผ่นหลังของช่างตัดเสื้อหายลับไป เขายกมือลูบหน้าของตัวเอง และค้นพบว่าไม่อาจหุบยิ้มได้เลย

--------------------------------------
(จบตอน)

***หูยย วันนี้มาอัพแบบเป็นผู้เป็นคนค่ะ วันก่อนอัพตอนง่วงสุดใจ ในที่สุดดิฉันก็เข็นจอห์นนี่ขึ้นสังเวียนได้สำเร็จ ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้ขึ้นชกตั้งแต่ตอนที่แล้ว แต่ว่าบทสัพเพเหระมันเยอะแยะจนขึ้นชกไม่ทัน เลยต้องมาขึ้นชกในบทนี้แทน

ตอนนี้เป็นอีกหนึ่งตอนที่เราลบทิ้งไปหลายรอบมาก เรื่องนี้เป็นนิยายที่เราลบเนื้อหาที่เขียนทิ้งหรือเซฟเก็บไว้เป็นดราฟเยอะที่สุดเลยค่ะ ฮ่าๆ (ที่เซฟดราฟเพราะเนื้อหาน่าสนใจ แต่ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่ตอนจบที่ไม่สวยเท่าไหร่) มีหลายจุดที่เราชอบมาก เช่น จุดที่เดวิดหลุดปากเรื่องจอห์นนี่จะขอกอร์ดอนแต่งงาน (คิดถูกแต่ไม่ควรพูดนะเดวิด ฮ่าๆๆ) จุดที่กอร์ดอนพาเดวิดไปดูลอร์ดโทรว์บริดจ์ชกมวย (อารมณ์เหมือนแม่พาลูกไปดูพ่อชกมวยด้วยความตื่นเต้น ฮ่าๆ <<มโนเองได้เสร็จ) และตอนนี้เหมือนจะเป็นตอนแรกเลยมั้งที่มีคนพูดออกมาว่าจอห์นนี่เป็นชายหนุ่มรูปหล่อจริงๆ ไม่ใช่หล่อด้วยทรัพย์ศฤงคารบ้านช่อง และคฤหาสน์อย่างเดียว :hao7:

ระหว่างเขียนบทนี้ไป เรารู้สึกว่าจอห์นนี่เหมือนพระอาทิตย์ในฤดูหนาว เหมือนเทียนไขในที่มืด คือเป็นคนที่สว่างไสวมาก แบบเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงไหนก็อุ่นใจ (เหมือนที่ลอร์ดจอร์จเคยพูดไว้) เป็นคนที่ไม่เคยแสดงความสลดออกมาให้ใครเห็น มีพลังงานชีวิตในด้านสว่างเหลือเฟือจนคนข้างๆ ดึงไปใช้ได้ (อย่างกับต่อไฟ ฮ่าๆ) เป็นคาแรคเตอร์ที่สว่างไสวสดใสมุ้งมิ้งที่สุดเท่าที่เราเขียนมาเลยค่ะ (หูย พักนี้หลงท่านลอร์ดหน้ามืดตามัว)

จบเรื่องชกมวยแล้ว น่าจะได้ทยอยเฉลยเรื่องของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ และเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างท่านดยุกอ็อคฟอร์ดกับกอร์ดอนเสียที

ปล. อีกตอนที่เราชอบคือตอนที่จอห์นนี่คุยกับแคทเธอรีนค่ะ เราหาจังหวะเขียนบทของคู่นี้มาสักพักแล้ว หุๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 26-03-2017 00:20:32
สนุกจนอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก

จอห์นนี่เหมือนพระอาทิตย์จริง ๆ สว่างไสว อบอุ่น และร้อนแรง

แมกซ์สุภาพบุรุษมากตอนที่ขอโทษกอร์ดอน เป็นคนน่ารักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-03-2017 01:22:02
จุใจมากตอนนี้ แมนๆ ต่อยมวยกันจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 26-03-2017 02:08:47
หวานในแบบของคู่นี้ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 26-03-2017 02:10:54
จอห์นนี่เป็นผู้ชายที่อยากเอามาทำเป็นสามีมากกกกกก อยากได้แบบบบเน้ :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 26-03-2017 07:56:28
โอยยยย ตอนนี้ยาวมาก อ่านได้เต็มอิ่มฟุดๆ
ชอบท่านลอร์ดมากอ่ะ ชอบเวลามุ้งมิ้งกับกอร์ดอน
ไม่รู้ว่าคู่นี้จะมีอุปสรรคอะไรบ้างนะ เห้ออออ
เป็นกำลังใจให้ จุ๊ฟๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 26-03-2017 11:47:39
จะกดปุ่มคะแนนโหวตให้แม๊กซ์ พออ่านตอนนี้ต้อลกดรัวไ ให้จอห์น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 29-03-2017 08:56:37
ย่าของกอร์ดอนเป็นเลดี้รึเปล่านี่ อาจจะเป็นน้องสาวของลอร์ดอ็อกฟอร์ดก็ได้นะนี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-03-2017 13:21:10
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-03-2017 15:10:44
อิ่มเอมมากกก อ่านจบกลับไปกด + ให้ทุกย่อหน้าของตอนนี้เลย
คนเขียนพิถีพิถันมาก แม้แต่เดวิดก็ยังมีบทขึ้นมา ไม่ปล่อยล่องลอย
ปลื้มอ่ะ  :L2: :L2: :L2: (เสียดายไอค่อนไม่มีช่อกุหลาบสีขาวนะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 29-03-2017 16:24:01


โอย เป็นตอนที่ถึงแม้จะยาวจุใจ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่พอจริง ๆ ค่ะ
รักลอร์ดโทรวบริดจ์มาก ๆ รักในนิสัย น้ำใจนักกีฬา รวมถึงความป๋าของท่านลอร์ดจริง ๆ
คือ ถึงเราจะรู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นความรักต้องห้าม แต่พอมโนว่าตัวเองเป็นกอร์ดอน
เราคงหักห้ามใจไม่ลงหรอกค่ะ ถ้ามีพ่อเจ้าประคุณรุนช่องอย่างลอร์ดโทรวบริดจ์มาเทียวขายขนมจีบเช้าเย็น
คนอาไร้ ดีงามต่อหัวใจเป็นอย่างยิ่ง... อู๊ย ยิ่งเยินยอพ่อคุณก็ยิ่งหลงรัก

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของสองหนุ่มจะเป็นไปในทิศทางไหน
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^   :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-04-2017 15:03:40
Dear, My customer.

ตอนที่23 ลอร์ดฟาริงดอน

            เลดี้บาธไม่ยินดีนักเมื่อรู้ว่าลูกชายมีแผลแตกเป็นทางยาวกว้างกว่าหนึ่งนิ้วที่หางคิ้วซ้าย แม้ว่าเขาจะได้รับชัยชนะมาก็ตาม เธอยืนยันว่าควรจะให้หมอไอเซ็นไฮม์มาดูอาการในวันรุ่งขึ้น และขอร้องไม่ให้เขาขึ้นชกมวยอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ได้ให้สัญญาอย่างจริงจังกับแม่ของตัวเอง เขาเพียงแค่บอกว่าเขาชื่นชอบการเล่นรักบี้และคริกเก็ตมากกว่าชกมวย ซึ่งก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก เลดี้บาธยังคงมีสีหน้าวิตกกังวลเกี่ยวกับบาดแผลบนใบหน้าของลูกชาย เพราะกลัวว่าจะเกิดเป็นแผลเป็น ต้องให้หมอไอเซ็นไฮม์มายืนยันในวันรุ่งขึ้นนั่นแหละ ท่านมาร์ชันเนสถึงพอจะคลายความกังวลลงไปได้บ้าง

                เรื่องการชกมวยของท่านเอิร์ลหนุ่มเป็นที่พูดถึงหลังจากพิธีที่โบสถ์ในวันอาทิตย์ และกลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันจันทร์ นานกว่าสามสัปดาห์ที่ผู้คนคุยกันถึงการชกอันน่าประทับใจที่เกิดขึ้นที่ควีนสเบอรี่ฮอลล์ และลอร์ดโทรว์บริดจ์กลายเป็นแบบอย่างของสุภาพบุรุษนักกีฬารุ่นใหม่ เดวิดคุยจ้อถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับในครั้งนั้นทุกครั้งที่เขาเจอช่างคนอื่นในร้าน จนกอร์ดอนต้องปรามให้หยุดเล่าเสียบ้าง

                เวลาล่วงเข้าสู้ต้นเดือนสิงหาคม อากาศยังคงอบอุ่น และเหมาะอย่างยิ่งที่จะออกไปท่องเที่ยวในชนบท แต่แน่นอนว่ากอร์ดอนไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น เขายังคงวิ่งวุ่นอยู่กับเสื้อผ้าของเหล่าบรรดาลูกค้าผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย และวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาออกไปดูผ้าที่ท่าเรือตั้งแต่เช้า ช่างตัดเสื้อใช้เวลาเลือกผ้านานเช่นเคย เมื่อเดินออกมาที่ด้านหน้าท่าเรือเพื่อเรียกรถม้า ดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงแทบจะตรงศีรษะแล้ว

                ขณะที่ช่างตัดเสื้อกำลังจะเดินไปเรียกรถม้า เขาก็สะดุดตาเข้ากับใครคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูใหญ่

                “อรุณสวัสดิ์ครับลอร์ดแมกซ์!”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ซึ่งสวมเสื้อโค้ทสำหรับฤดูร้อนสีน้ำตาลอ่อนและสวมหมวกทรงสูงเงยหน้ามองเขา ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ กอร์ดอนเดินเข้าไปหาเขาพลางยิ้ม “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ มาธุระหรือครับ?”

                คนถูกถามมองเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ใช่ ฉันมาธุระ”

                “โอ... งั้นผมจะไม่รบกวนคุณหรอกครับ ลาก่อนนะครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”

                “เดี๋ยว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยื่นมือมาดึงแขนเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันเสร็จธุระแล้ว แวะไปดื่มน้ำชาด้วยกันที่บ้านฉันสิ”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะทันได้พูดอะไร รถม้าสีดำขนาดใหญ่ที่มีสารถีถึงสองคนก็แล่นมาจอดตรงหน้าเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชี้มือไปที่สัมภาระกองโตที่กำลังถูกขนมาวางที่ด้านหลังของเขา คนขับรถม้ารีบกระโดดลงไปขนพวกมันขึ้นบนท้ายรถทันที กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันประกอบด้วยกระเป๋าเดินทางและหีบหลายใบ เขาเงยหน้าขึ้นมองลอร์ดหนุ่มด้วยความแปลกใจ “คุณเหมือนคนเพิ่งลงจากเรือเลย มารับใครหรือครับ?”

                “พี่ชายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบยิ้มๆ “แต่เขาคงไปก่อนฉันแล้วล่ะ มาเถอะ เราไปดื่มชากัน” พูดจบเขาก็ยุดมือของช่างตัดเสื้อขึ้นไปบนรถม้า

                “โอ... คุณทำให้ผมนึกถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์” กอร์ดอนพูดออกมาหลังจากที่รถม้าแล่นออกจากท่าเรือแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

                “ทำไมล่ะ?”

                “ตอนเจอกันครั้งแรกเขาก็ลากผมขึ้นรถม้าแบบนี้เหมือนกัน”

                คนฟังเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหัวเราะ “งั้นหรือ? จอห์นนี่นี่ติดนิสัยชอบรวบรัดตัดความจริงๆ แต่ของว่างที่บ้านฉันอร่อยนะ มาทิลดาเป็นแม่บ้านที่ทำอาหารเก่งมาก”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมเห็นด้วยตั้งแต่ได้กินแซนวิชที่คุณเอามาฝากแล้วล่ะ”

                “ว้าว งั้นหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แล้วช่วงนี้ชีวิตนายเป็นไงบ้างล่ะ?”

                “ก็เหมือนเดิมครับ เรื่อยๆ ยังไม่มีงานไหนเร่งเป็นพิเศษ”

                “อ้อ... นายไปที่ท่าเรือเพื่อรับของที่สั่งไว้หรือ?”

                “ครับ ผมไปดูผ้าอย่างอื่นเผื่อไว้ด้วย”

                “อ้อ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเสียงในคอ “กิจการของนายท่าจะคล่องตัวอยู่นะ”

                “ครับ”

                พวกเขาคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ กระทั่งรถม้าหยุดลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปิดประตูรถ แล้วดึงมือกอร์ดอนให้ตามลงมา

                “เคยมาบ้านฉันหรือยัง?”

                “ครับ” กอร์ดอนตอบและรู้สึกแปลกใจกับคำถามของฝ่ายนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้นึกสงสัยอะไรต่อ เสียงใครอีกคนก็ดังขึ้น

                “โอ้ ไมกี้! นายพากอร์ดอนมาที่นี่ได้ยังไง?”

                พอหันไปมองต้นเสียง กอร์ดอนก็เห็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนตกใจ คนที่ยืนตรงหน้าเขาหัวเราะแล้วพูดตอบไป

                “อะไรกันแมกกี้ นั่นคือคำพูดที่นายใช้ทักพี่ชายที่ไม่เจอกันตั้งเกือบสองปีหรือ?”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง เขาหันมองทั้งสองคนสลับกัน “นะ... นี่มันอะไรกันครับ?”

                ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มสองคนที่มีใบหน้าราวกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คนที่เจอที่ท่าเรือกำลังหัวเราะร่วน ในขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกคนมีสีหน้าบึ้งตึง

                “เอาล่ะๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คนที่มาจากท่าเรือเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “ขอแนะนำให้รู้จักนะ นี่คือแมกซิมิลเลี่ยน เมอร์เรย์ น้องชายฉัน แต่คิดว่าพวกนายน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว”

                “ส่วนเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกคนพูดขึ้นมา “คือไมครอฟ เมอร์เรย์ เอิร์ลแห่งฟาริงดอน พี่ชายฝาแฝดของฉันเอง”

                ช่างตัดเสื้ออ้าปากกว้างกว่าเดิม ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะชอบใจ “นายแนะนำเสียเต็มยศจนฉันไม่เหลืออะไรจะแนะนำตัวเองต่อเลย เพราะงั้นนายช่วยแนะนำพ่อหนุ่มคนสวยคนนี้ให้ฉันรู้จักหน่อยจะได้ไหม ท่าทางเขาดูสนิทกับนายและจอห์นนี่นะ”

                “โอย... เขาหลอกถามอะไรนายไปบ้างเนี่ย?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางอีก ก่อนจะหันไปพูดกับพี่ชายฝาแฝดของตน “เขาชื่อกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก เป็นเพื่อนของจอห์นนี่ แล้วก็เป็นเพื่อนของฉันด้วย พวกเรารู้จักกันมาได้หลายเดือนแล้ว และเขาก็เป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อ ฉันแนะนำว่านายไม่ควรแกล้งเขาให้มาก”

                “โอ้ ช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อหรือ?” เขาหัวเราะ ก่อนจะหันมาทักทายกอร์ดอนอย่างเป็นทางการ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณโอเดนเบิร์ก”

                “เป็นเกียรติที่ได้รู้จักคุณเช่นกันครับ ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดฟาริงดอนหันมามองน้องชายฝาแฝดของเขา “ระหว่างที่ฉันไปอินเดีย นายได้รู้จักคนดีๆ เพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว” เขาหยุดหายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “บอกฉันสิว่าพ่อไม่อยู่บ้านวันนี้”

                “ไม่ เขารอนายอยู่ รีบขึ้นไปเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจลงมาหานายเอง”

                “เขารอฉันมาได้ตั้งเป็นปี รออีกหน่อยจะเป็นไรไป โอ้ นี่เขาเปลี่ยนสวนใหม่อีกแล้วหรือ?”

                “ไมกี้...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลากเสียง “เห็นแก่พระเจ้า นายรีบขึ้นไปหาเขาเถอะ”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดฟาริงดอนส่งเสียงอย่างรำคาญใจ ก่อนจะเหลือบมองช่างตัดเสื้อ “แต่นายต้องรั้งตัวเขาเอาไว้จนกว่าฉันจะทักทายกับพ่อเสร็จ ฉันอยากทำความรู้จักกับช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อบ้าง มันต้องสนุกพิลึกแน่”

                “ฉันว่าเขาคงไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก” ลอร์ดแมกซ์เมอร์เรย์ตอบ ลอร์ดฟาริงดอนหันมาถามกอร์ดอน

                “คุณยุ่งนาดนั้นเลยหรือ? จะอยู่รอเจอผมสักประเดี๋ยวไม่ได้หรือไร”

                กอร์ดอนตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “ผมสามารถอยู่ได้กระทั่งถึงเวลาน้ำชาครับ หลังจากนั้นเกรงว่าจะไม่สะดวก”

                “ตกลง ผมจะกลับมาก่อนหน้านั้น ฝากแขกด้วยนะแมกกี้ ฉันว่าเวลาน้ำชาวันนี้คงต้องสนุกมากแน่”

                พูดจบเขาก็เดินออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจเฮือก

                “ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องรับปากเขาหรอก...” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ไปคุยกันที่ห้องรับแขกของฉันดีกว่า”

                อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่าห้องรับแขกส่วนตัวของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั้น มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังใหญ่กว่าห้องรับรองแขกในร้านของกอร์ดอนอยู่ดี ช่างตัดเสื้อมองเฟอร์นิเจอร์แบบฝรั่งเศสที่ประดับอยู่ในห้องด้วยความพิศวง

                “ว้าว เฟอร์นิเจอร์ของคุณสวยมาก ผมเองก็ชอบเฟอร์นิเจอร์แบบฝรั่งเศส โดยเฉพาะโซฟา แต่มันมีราคาแพงมากครับ”

                “อ้อ งั้นหรือ ขอบใจนะ แต่เฟอร์นิเจอร์พวกนี้ไม่ใช่ของฉันหรอก มันเป็นของแม่ฉันน่ะ”

                “โอ แม่คุณคงชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์แบบฝรั่งเศสมาก”

                “คงอย่างนั้นแหละ เพราะแม่ฉันเป็นคนฝรั่งเศส”

                 ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เปลี่ยนเรื่องพูด “ว่าแต่นายไปเจอไมครอฟได้ยังไง?”

                “ผมเห็นเขาที่ท่าเรือ คิดว่าเป็นคุณ เลยเข้าไปทักครับ”

                คนได้ฟังคราง “จริงสินะ วันนี้วันศุกร์นี่... พอนายทักเขาแบบนั้นเขาเลยสวมรอยเป็นฉันเสียเลย”

                “ผมไม่ร้มาก่อนว่าพวกคุณเป็นฝาแฝดกัน อันที่จริงตั้งแต่ผมมาที่นี่ในฐานะช่างตัดเสื้อ ผมยังไม่เคยเห็นลอร์ดฟาริงดอนเลย”

                “มีรูปเขาแขวนอยู่ในห้องโถงใหญ่ นายน่าจะเคยเห็นนั่นแหละ แต่คงไม่รู้ว่าเป็นเขา เหมือนๆ กับคนอื่นๆ ที่รู้จักเขา ก็จะไม่เคยนึกเอะใจว่ามีรูปฉันแขวนอยู่เหมือนกัน” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “อันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่าพวกเราเป็นฝาแฝดกัน เพราะปกติไมครอฟจะอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง”

                “ถึงว่า ผมเลยไม่เคยเห็นเขา”

                “ว่าแต่นายหลุดปากเล่าเรื่องอะไรให้เขาฟังบ้าง ทำไมเขาถึงพูดว่านายดูสนิทกับจอห์นนี่ล่ะ?”

                กอร์ดอนเลยเล่าเรื่องระหว่างที่เขาเจอกับลอร์ดฟาริงดอนให้ฟัง พอฟังจบ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

                “โชคดีมากที่นายไม่ได้พูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกับจอห์นนี่ให้เขาฟัง”

                “โอ... ผมไม่ใช่คนชอบพูดเรื่องนั้นหรอกครับ ต่อให้คิดว่าเป็นคุณก็เถอะ”

                “ดีแล้วล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางจริงจัง “ระหว่างที่ไมครอฟยังอยู่ที่ลอนดอน นายต้องระวังการพูดคุยกับฉันให้มาก เพราะไมครอฟชอบแอบสวมรอยเป็นฉันอยู่เรื่อย”

                “ตกลงครับ” กอร์ดอนพยักหน้า จังหวะนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จากนั้นคนรับใช้ก็เปิดประตูเข้ามา “นายน้อยไมครอฟให้มาเชิญพวกคุณไปดื่มชาที่ศาลาในสวนครับ”

------------------------

                ลอร์ดฟาริงดอนจิบชารออยู่แล้วในศาลาแบบฝรั่งเศส ซึ่งตั้งหลบอยู่ในมุมหนึ่งของสวนเขาวงกต รอบๆ ศาลา มีพุ่มเชอรี่ และเถากุหลาบเลื้อยขึ้นอยู่ ดอกสีชมพูของมันขับให้บรรยากาศของศาลาดูอ่อนหวานนุ่มนวลราวกับชุดกระโปรงลูกไม้ของสตรีชั้นสูงในวัง

                “ดีจริงที่คุณยังไม่กลับ คุณโอเดนเบิร์ก” ลอร์ดฟาริงดอนเอ่ยขึ้นและผายมือเชิญเขาและลอร์ดน้องชายเข้าไปนั่งภายในศาลา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “โชคดีที่ฉันตันสินใจกลับมาทันหน้าร้อน อากาศที่นี่กับที่อินเดียต่างกันมาก”

                กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นว่าผิวของลอร์ดฟาริงดอนคล้ำกว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เล็กน้อย แต่เพราะทั้งคู่หน้าตาเหมือนกัน เขาจึงไม่รู้สึกเอะใจตอนพบครั้งแรก

                “อินเดียคงร้อนมากสิท่า ฉันเห็นนายเขียนบอกไว้ในจดหมายแทบทุกฉบับเลย”

                “ร้อนชนิดที่พวกนายจินตนาการไม่ออกเลยล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ที่นั่นมีพรรณไม้แปลกๆ เยอะมาก ฉันกล้าพูดเลยว่ามันเป็นข้อดีที่สามารถลบข้อเสียเรื่องอากาศร้อนได้หมด ดอกไม้บานทั้งปี และพวกเขาโปรยกลีบของมันเอาไว้แทบทุกที่ แม้จะฉันจะรู้สึกว่าอินเดียเป็นประเทศป่าเถื่อนในตอนแรก แต่พวกคนป่าเถื่อนพวกนั้นก็สร้างสรรค์สิ่งสวยงามเอาไว้มาก ฉันมีของมาฝากนายด้วย แมกกี้”

                พูดจบเขาก็ล้วงเอาถุงผ้าใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วยื่นให้น้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยหน้าขึ้นมอง แล้วถาม “นายอยากให้ฉันดูของด้านในเลยมั้ย?”

                “แน่นอน” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “การที่คุณโอเดนเบิร์กนั่งอยู่ที่นี่จะทำให้การเปิดถุงของนายตื่นเต้นสำหรับฉันมากขึ้น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพี่ชายอย่างชั่งใจแว้บหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ทนความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ไหว เลยเปิดถุง และหยิบของที่อยู่ด้านในออกมา

                “ว้าว!” ทั้งลอร์ดหนุ่มและช่างตัดเสื้อร้องออกมาพร้อมกัน ที่อยู่ในมือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คืออำพันสีเหลืองทองก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่กอร์ดอนเคยเห็นมาในชีวิต มันมีขนาดราวกำปั้นของเด็กผู้ชายอายุสิบห้าสิบหก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมันขึ้นส่องกับเปลวแดด ก่อนจะครางเสียงดังกว่าเดิม

                “โอ... ไมกี้ นี่พ่อเห็นมันแล้วหรือยัง?”

                “ยัง” ลอร์ดฟาริงดอนตอบยิ้มๆ “ฉันซื้อมากฝากนายโดยเฉพาะ คิดว่านายต้องชอบแน่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอนไมกี้ ฉันบอกนายว่ามันเป็นของฝากที่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้มาเลย”

                ในใจกลางของก้อนอำพัน มีแมลงป่องสองตัวเกี่ยวหางกันอยู่ ลักษณะคล้ายตัว M ลอร์ดฟาริงดอนยิ้มอย่างพอใจ

                “น่าเสียดายมากที่มันมีแบบนี้แค่ก้อนเดียว ใจจริงฉันอยากได้สักสองก้อน จะได้เอาไว้คู่กัน”

                “นายไม่เก็บไว้เองหรือ?” คนเป็นน้องชายถาม พี่ชายของเขาสั่นศีรษะ “ไม่ล่ะ เพราะมันมีอยู่ก้อนเดียว ฉันจึงคิดว่ามันเหมาะกับนายมากกว่า”

                “ขอบใจนะไมกี้ ฉันจะเอามันไปทำหัวไม้เท้าใหม่ มันต้องเหมาะมากแน่” พูดจบเขาก็หัวเราะชอบใจ พลอยทำให้ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะไปด้วย

                สองพี่น้องหัวเราะกันอยู่พักใหญ่ จนกอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะขอตัวกลับไปทำงานเสียที แต่ยังไม่ทันที่ช่างตัดเสื้อจะทันได้พูดอะไร ลอร์ดฟาริงดอนก็หันมาพูดกับเขา

                “และคุณ คุณโอเดนเบิร์ก แม้ว่าจะเป็นการเจอกันอย่างไม่คาดคิด แต่ผมก็มีของมาฝากคุณเหมือนกัน”

                คนรับใช้นำกระปุกทรงกลมสูงประมาณสี่นิ้วและกว้างประมาณสามนิ้วสีขาวมาวางไว้ที่โต๊ะ ลอร์ดฟาริงดอนเลื่อนมันมาไว้ตรงหน้าช่างตัดเสื้อ

                “ชาอัสสัม คิดว่าคุณคงชอบ ที่จริงผมมีผ้าไหมอยู่หลายผืน เสียแต่มันเป็นผ้าคลุมไหล่แบบผู้หญิง คงไม่เหมาะกับคุณนัก” ฝ่ายนั้นว่า กอร์ดอนมองกระปุกชาตรงหน้าด้วยความประทับใจ

                “ขอบคุณครับ” ช่างตัดเสื้อยื่นมือไปรับกระปุกชา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “กระปุกสวยมากครับ สัมผัสของมันแปลกมาก ทำมาจากอะไรหรือครับ?”

                ลอร์ดฟาริงดอนเลิกคิ้ว เขาเหลือบมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก่อนจะยิ้มออกมา “แสดงว่าคุณไม่เคยเล่นเปียโน สัมผัสดีใช่ไหมล่ะ?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดฟาริงดอนพูดต่อ

“มันเป็นกระปุกที่ทำมาจากงาช้างน่ะ”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง ก่อนจะวางกระปุกลง “มันมีมูลค่าสูงเกินไป ผมไม่กล้ารับไว้หรอกครับ”

                “อะไรกันเล่า คุณไม่ชอบใจของฝากผมหรือ?”

                “ไม่ใช่หรอกครับ แต่ผมเพิ่งพบกับคุณ ผมไม่ควรได้รับเกียรติได้ของฝากมูลค่าสูงขนาดนี้หรอก”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “พูดแบบนั้นได้ไงเล่า คุณเป็นเพื่อนกับน้องชายผมนะ แถมยังเป็นเพื่อนกับจอห์นด้วย จะรับของฝากจากผมไม่ได้เชียวหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เตะขาของช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนเลยรีบพยักหน้า “โอ เป็นเกียรติมากครับ ผมขอบคุณในน้ำใจของคุณ”

                “ถือว่าชดเชยเรื่องที่ผมหลอกต้มคุณเสียเปื่อยแล้วกัน” ลอร์ดฟาริงดอนพูดแล้วหัวเราะอีก พวกเขาคุยสัพเพเหระกันอยู่อีกพัก พอเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ช่างตัดเสื้อจึงขอตัวกลับ

------------------------------

                 วันแรกของการทำงานในสัปดาห์ใหม่สำหรับร้านกอร์ดอนเทเลอร์ควรจะเหมือนเดิม แต่ทว่ากระปุกใส่ใบชาที่ทำจากงาช้างเจ้ากรรมใบนั้นกลับแผลงฤทธิ์มากกว่าที่คิด มันทำให้มิสซิสมาร์ธาพร่ำเพ้อถึงการหาซื้อชุดน้ำชาชุดใหม่ เพื่อให้ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกใส่ใบชา แม้ว่ากอร์ดอนกับเดวิดจะพยายามอธิบายว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดของหญิงผู้ดูแลบ้านได้ พอถึงเช้าวันจันทร์ เธอก็ออกไปเลือกซื้อชุดน้ำชาตั้งแต่หลังมื้อเช้า และทิ้งให้กอร์ดอนต้องต้มน้ำชงชาเอง เรื่องน่าจะจบลงในเย็นวันนั้น เมื่อมิสซิสมาร์ธาได้ชุดน้ำชาที่ถูกใจ แต่เธอกลับกลับมามือเปล่า ดังนั้นในบ่ายวันอังคาร กอร์ดอนจึงต้องต้มน้ำชงชาเองเป็นวันที่สอง

                “โอย คุณโอเดนเบิร์ก” เดวิดครางขึ้นมาในช่วงสายของเช้าวันพุธ หลังจากที่ไม่อาจเหนี่ยวรั้งมิสซิสมาร์ธาให้หยุดตามหาชุดน้ำชาในฝันได้ “ถ้าวันนี้มิสซิสมาร์ธายังไม่ได้ชุดน้ำชาที่ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกชานั่นอีก พวกเราไม่ต้องต้มน้ำชงชาเองกันทั้งปีหรือครับ?”

                “มันคงไม่ขนาดนั้นหรอก” กอร์ดอนพยายามปลอบ “เธอคงหามันเจอสักวัน”

                เด็กหนุ่มร้องอย่างสิ้นหวัง “ผมไม่เห็นอนาคตในคำว่า ‘สักวัน’ ของคุณเลยครับ” พูดจบเขาก็ถอนใจเฮือก “ผมไม่เห็นว่ากระปุกชานั่นมันจะวิเศษวิโสตรงไหน ก็แค่ทำมาจากงาช้างเท่านั้น ผมไม่เถียงหรอกว่ามันสวยดี แต่มันไม่ควรจะมีอิทธิพลต่อมิสซิสมาร์ธาขนาดนี้”

                “เอาน่ะ มันอาจจะมีอิทธิพลเฉพาะกับผู้หญิงก็ได้” กอร์ดอนว่า แต่อีกไม่กี่นาทีถัดมา เขาก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นผิดถนัด

                “โอ อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด มีธุระอะไรหรือครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักช่างตัดเสื้อที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านหลังร้าน แล้วพูดต่อด้วยท่าทางร้อนใจ “คุณยังไม่ดื่มชาใช่ไหม? โอ้ ให้ตาย ผมมาช้าไปหลายวันมาก เพราะผมแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องชาเลย”

                กอร์ดอนอ้าปากค้างด้วยความงุนงง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ชายสองคนก็ทยอยขนกล่องไม้ใบเล็กที่ใช้สำหรับใส่ของหลายใบเข้ามาในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชี้มือให้วางพวกมันเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพูดต่อ

                “ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่... โอ ทำไมผมเพิ่งคิดได้นะ ผมควรจะให้คุณไปเลือกเอง” พูดจบเขาก็หันไปหาเดวิด “ไปหยิบเสื้อโค้ทมาให้เขา พวกเราจะต้องรีบไป”

                “เดี๋ยวนะครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะอธิบายว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แล้วกล่องพวกนี้เป็นกล่องอะไร” กอร์ดอนนึกดีใจที่เขาพูดแทรกขึ้นได้ในที่สุด ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมองช่างตัดเสื้อ

                “คุณไม่รู้หรอกหรือ โอ... จริงสิ ผมยังไม่ได้บอกคุณ พวกนี้เป็นชุดน้ำชา”

                “หา?!” กอร์ดอนกับเดวิดร้องขึ้นพร้อมกัน เอิร์ลหนุ่มขมวดคิ้ว

                “ทำไมพวกคุณต้องทำหน้าแปลกใจขนาดนั้นด้วย?”

                “คือผมไม่คิดว่ามันจะเป็นชุดน้ำชา” กอร์ดอนพูดออกมาตามตรง เดวิดพยักหน้าแล้วพูดเสริม

                “ใช่ครับ เราเพิ่งเสียคนดูแลบ้านไปเพราะเรื่องชุดน้ำชานี่แหละ”

                “อะไรนะ?!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าตกใจ กอร์ดอนจึงต้องรีบพูดต่อ

                “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกครับ คือมิสซิสมาร์ธาพยายามออกไปตามหาชุดน้ำชาที่ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกชาใบใหม่ของเรา แล้วทิ้งให้ผมต้องต้มน้ำชงชาเองมาสองวันแล้ว จนเดวิดคิดว่าคงไม่มีวันที่เธอจะหาชุดน้ำชาในฝันเจอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “งั้นหวังว่าเธอคงจะถูกใจกับชุดน้ำชาที่ผมซื้อมา แต่บอกไว้เลยนะว่าผมไม่ได้หาชุดน้ำชาที่ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกชานั่น แต่ผมตั้งใจหาชุดน้ำชาที่ ‘เลอค่า’ กว่าต่างหาก”

                “เดี๋ยวนะครับ” กอร์ดอนพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง “คุณมานี่เพราะกระปุกชาใบนั้นหรือ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคุณจะไม่ออกไปเลือกชุดน้ำชาใหม่กับผม ก็ควรจะแกะดูของที่อยู่ในกล่องก่อน”

                “ผมคิดว่านั่นคือสิ่งแรกที่ผมควรทำเลยล่ะ” กอร์ดอนพูด ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา แล้วมองกล่องไม้พวกนั้น ทุกใบประทับตราดอกแม็กโนเลียสามดอก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของร้านขายเครื่องเคลือบที่ดีที่สุดในลอนดอน แน่นอนว่าไม่ใช่ร้านในระดับที่คนแบบกอร์ดอนจะเดินเข้าไปเลือกซื้อชุดน้ำชาแน่ และเมื่อแกะกล่องใบแรกออกมา ช่างตัดเสื้อก็ต้องร้องครางด้วยความประทับใจ

                “พระเจ้า... มันสวยมาก”

                ที่อยู่ในมือของกอร์ดอนคือถ้วยชาแบบฝรั่งเศสที่เขียนลายดอกไม้อ่อนช้อยสวยงาม หูจับและปากแก้วเป็นสีทองสุกอร่าม ได้ยินเสียงเดวิดครางฮือ

                “สวยอย่างกับฝันไปแน่ะ”

                ใบหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยมีรอยยิ้มขึ้นมาหน่อย “คุณแกะดูให้ครบสิ ผมซื้อมาทั้งชุดนั่นล่ะ”

                กอร์ดอนและเดวิดจึงช่วยกันแกะกล่องไม้ที่เหลือ ชุดน้ำชาที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ซื้อมาเป็นเครื่องเคลือบอย่างดี ประกอบด้วย ถ้วยชาและจานรองอย่างละห้า กาน้ำชาหนึ่ง กาใบเล็กสำหรับใส่นมหนึ่ง กระปุกสำหรับใส่น้ำตาลหรือน้ำผึ้งอีกสอง และชั้นสำหรับวางของว่างสามชั้นแบบถอดแยกชิ้นได้อีกหนึ่งอัน ทั้งหมดเขียนสีและเคลือบทองเป็นเงาสุกอร่าม พอวางเรียงกันบนโต๊ะรับแขกแล้วก็ทำให้ร้านของกอร์ดอนดูหมองไปถนัด

                “เป็นไงบ้าง พอใช้ได้มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยสีหน้าคาดหวัง “ผมคิดว่าชุดนี้ดูดีที่สุดในร้านแล้ว ที่จริงที่บ้านผมมีที่สวยกว่านี้ แต่มันเป็นของแม่ผม”

                “โอ... ยังมีที่งามกว่านี้อีกหรือครับเนี่ย” เดวิดครางอย่างไม่อยากเชื่อ “แค่ที่อยู่ตรงนี้ผมก็ว่ามันสวยเหลือเชื่อแล้วล่ะครับ”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอแล้วยิ้มน้อยๆ “กอร์ดอน คุณคิดว่าไง? ชอบมั้ย?”

                “โอ ท่านลอร์ด ผมว่ามันดูดีเกินกว่าที่จะมาอยู่ที่ร้านผมด้วยซ้ำ” ช่างตัดเสื้อคราง “ผมคงไม่กล้าใช้”

                “เหลวไหลน่า มันก็แค่ถ้วยชา” ลอร์ดหนุ่มมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา เขาโบกมือไล่เดวิดออกไป “ถ้าไม่ชอบผมจะหาชุดใหม่มาให้”

                “โอ ไม่ครับ ผมชอบมันมาก เพียงแต่...”

                ไม่รอให้ช่างตัดเสื้อพูดอะไรมากกว่านั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชิงพูดขึ้นต่อ “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าคุณรับกระปุกใส่ใบชาของไมครอฟได้ คุณก็ไม่ควรจะมีข้อแม้กับชุดน้ำชาของผม เว้นเสียแต่คุณไม่ชอบมัน”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่าครับ มันสวยมาก”

                “แล้วคุณชอบรึเปล่า?”

                “โอ... สวยขนาดนี้ ผมคงไม่ชอบไม่ได้หรอกครับ” กอร์ดอนว่า “มันเป็นชุดน้ำชาที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมชอบครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มกว้าง “ผมรอฟังแค่คำนี้จากปากคุณเท่านั้นแหละ” พูดจบเขาก็ตะโกนเรียกเดวิด “มาเถอะ ได้เวลาน้ำชาแล้ว ถ้าคุณไม่กล้าใช้ ก็ให้ผมใช้แล้วกัน”

--------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-04-2017 15:04:54

                กอร์ดอนต้มน้ำชงชาให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ โดยใช้ชุดน้ำชาที่เพิ่งได้มาใหม่ ขณะที่เขากำลังรินน้ำชาให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็พูดขึ้นมา “เราน่าจะอยู่กันในสวนที่บ้านผม คุณกับชุดน้ำชานี่ดูสวยเข้ากันมาก”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ “ขอบคุณครับ ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน”

                “ผมไม่เคยชมใครแบบนี้หรอกนะ” ลอร์ดหนุ่มว่า แล้วยกชาขึ้นมาจิบ “ขอผมดูกระปุกชางาช้างของไมครอฟหน่อยสิ อยากรู้ว่าสวยขนาดไหน เขาบอกผมว่ามันสวยมาก”

                กอร์ดอนเดินไปหยิบกระปุกชาใบนั้นมาให้เขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบมันขึ้นมาพลิกดู ก่อนจะถอนใจ “มันสวยมากจริงๆ มิน่าเล่า เขาถึงกระหยิ่มยิ้มย่องนักตอนพูดถึงมัน”

                “เอ่อ... ผมขอถามหน่อยนะ” กอร์ดอนพูดแทรกขึ้นมา เอิร์ลหนุ่มหันมามองเขา “ว่ามาสิ”

                ช่างตัดเสื้อมองกระปุกใส่ชา สลับกับถ้วยชาที่วางอยู่ ก่อนจะพูดต่อ “คุณมาเพราะเรื่องกระปุกชาใบนี้จริงๆ หรือครับ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมเจอสองพี่น้องเมอร์เรย์ที่โบสถ์เมื่อวันอาทิตย์ แมกซ์เล่าให้ผมฟังแล้ว เรื่องที่คุณถูกไมครอฟหลอกต้มเสียเปื่อย ความจริงผมผิดเองที่ไม่ได้บอกคุณไว้ก่อนว่าพวกเขาสองคนเป็นฝาแฝดกัน”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่ อย่างไมครอฟไม่เรียกเข้าใจผิดหรอก เขาป่วนมากสมัยยังอยู่ลอนดอน ผมหงุดหงิดมากตอนรู้ว่าเขาถือวิสาสะฉุดคุณขึ้นรถม้า แถมยังกำนัลคุณด้วนกระปุกนี่อีก เขาทำให้ผมไม่รู้สึกวางใจเลยแม้แต่นิดเดียว”

                “โอ...” กอร์ดอนครางออกมา “ผมเป็นผู้ชาย จอห์น ลอร์ดฟาริงดอนคงไม่...”

                อีกฝ่ายยกมือห้าม ก่อนจะพูดแทรก “ไมครอฟเป็นพวกที่มีวิธีคิดไม่เหมือนชาวบ้าน ผมไม่ได้หมายความว่าเขาบ้าหรือผิดปกติ แต่คุณใช้มาตรฐานทั่วไปตัดสินความคิดเขาไม่ได้หรอก”

                พูดจบเขาก็ถอนใจเฮือก “เขาดูระรื่นใจมากที่ได้ให้ของมีค่ากับคุณตัดหน้าผม ให้ตาย... กอร์ดอน ผมละอายใจจริงๆ ที่ไม่เคยให้อะไรมีค่ากับคุณเป็นชิ้นเป็นอันเลย แค่เพราะความกลัวแท้ๆ”

                ช่างตัดเสื้อรีบพูดแทรกขึ้น “ไม่เลยจอห์น คุณได้ให้สิ่งมีค่าเกินกว่าสิ่งใดในโลกกับผมแล้ว ตั้งแต่พวกเราได้พบกัน ไม่มีของมีค่าอะไรสำคัญสำหรับผมเท่าคุณหรอกครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา เขายื่นมือไปดึงมือของช่างตัดเสื้อมากุมไว้ “ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนโลภเห็นแก่สิ่งของแบบนั้น แต่ผมอดหงุดหงิดไม่ได้จริงๆ ที่มีคนให้ของขวัญคุณตัดหน้าผม มันอาจจะเป็นความคิดที่พิลึกมากก็ได้ แต่ผมอยากเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องของคุณ บอกผมสิ ชุดน้ำชาของผมกับกระปุกใส่ชาของไมครอฟคุณชอบอะไรมากกว่ากัน”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ผมชอบคุณที่สุดครับ ต่อให้ไม่มีชุดน้ำชา ผมก็ยังชอบคุณอยู่ดี”

                เอิร์ลหนุ่มบีบมือช่างตัดเสื้อ แล้วหน้าแดงด้วยความขัดเขิน “ที่จริงแล้วยังมีอีกอย่างที่ทำให้ผมต้องทอดเวลามาถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจจะเอาชุดน้ำชาชุดนี้มาให้คุณตั้งแต่วันจันทร์แท้ๆ”

                เขาล้วงมือห่อกระดาษทรงยาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท แล้วยื่นให้คู่สนทนา

                “แกะดูสิ”

                ช่างตัดเสื้อค่อยๆ แกะห่อกระดาษออก ก่อนจะอุทานด้วยความตื่นเต้น “ว้าว...”

                ที่อยู่ในห่อกระดาษคือกรรไกรสำหรับตัดเสื้อขนาดสิบเอ็ดนิ้วที่หุ้มด้ามจับด้วยงาช้างทั้งอัน กอร์ดอนลูบคลำมันด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มด้วยความปลื้มใจ

                “คุณชอบใช่ไหม?”

                “โอ... แน่นอนครับ” กอร์ดอนตอบโดยที่ไม่ยอมละสายตาจากกรรไกร “นี่มันตราของร้านที่ผมซื้อประจำนี่นา”

                “อ้อ งั้นหรือ ช่างอีกคนที่พ่อผมตัดเสื้อด้วย บอกว่ากรรไกรที่นี่ดีที่สุด”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ครับ มันคมและใช้ตัดผ้าได้นานมาก ไม่ต้องส่งไปลับบ่อยๆ ว่าแต่ผมไม่เคยเห็นเขา

ขายแบบที่มีด้ามเป็นงาช้างเลย”

                “เขาก็ไม่ได้ขายหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ “ผมซื้อกรรไกรมาแล้วเอาไปสั่งทำด้ามหุ้มต่างหากน่ะ มันเพิ่งเสร็จเมื่อเช้านี้เอง ตอนแรกผมตั้งใจจะให้เขาแกะลายให้ละเอียดกว่านี้ แต่เวลามันจำกัด อีกอย่างช่างบอกผมว่า ถ้าใช้งานจริง การที่มีลวดลายตะปุ่มตะป่ำมากไปจะทำให้ระคายมือ ผมเลยให้เขาทำแบบที่จับสบายมือที่สุด”

                “โอ... มิน่าล่ะครับ ผมถึงไม่เคยเห็น” กอร์ดอนคราง เขาลองสอดมือเข้าไปในกรรไกรแล้วง้างมันเข้าออก เสียงเหล็กเนื้อดีเสียดกันดังรื่นหูในความรู้สึกของช่างตัดเสื้อ

                “งาช้างให้สัมผัสที่ดีมากที่ดีมาก ผมเสียดายถ้าจะต้องหุ้มผ้าเอาไว้อีกชั้นเพื่อลดแรงเสียดสี กรรไกรอันนี้ควรจะอยู่ในตู้โชว์ มันสวยมากจริงๆ”

                “เป็นไปได้ผมอยากให้คุณใช้มันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณจะได้คิดถึงผมทุกครั้งที่ตัดเสื้อ จะหุ้มผ้าหรืออะไรผมไม่ว่าหรอก แค่คุณใช้มันก็พอ”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมา “ผมคงเป็นช่างคนแรกที่ใช้กรรไกรที่มีด้ามทำจากงาช้าง ฟังดูร่ำรวยพิลึก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “อันที่จริงถ้าพระเจ้าเมตากว่านี้ คุณควรจะได้เป็นเคาน์เตสแห่งโทรว์บริดจ์แล้วล่ะ ผมรับประกันเลย”

                “ฮะๆ อย่าพูดเลยครับ เดี๋ยวผมจะเสียใจที่เกิดมาเป็นผู้ชายเข้าจริงๆ”

                “.....”

                ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดขึ้นต่อ “โอ... กอร์ดอน ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “ครับ ผมรู้” พูดจบเขาก็ถอนหายใจแล้วยิ้ม “ดื่มชาเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”

                “กอร์ดอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฉวยมือช่างตัดเสื้อไว้ ฝ่ายนั้นมองเขา

                “ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ว่ายังไงผมก็เปลี่ยนเรื่องที่ตัวเองเป็นผู้ชายไม่ได้หรอก แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีสำหรับผมมากแล้วล่ะครับ”

                ลอร์ดหนุ่มมองฝ่ายนั้นอยู่พัก ก่อนจะก้มลงจูบมือที่กุมไว้ “ไม่ว่าผมจะหลุดปากพูดอะไรออกไป ขอให้คุณรู้ไว้ ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ความรู้สึกของผมก็ยังคงเหมือนเดิม”

                กอร์ดอนพยักหน้าแล้วยิ้ม “ครับ ผมเชื่อคุณ”

--------------------

                มิสซิสมาร์ธาดีใจจนแทบลมจับ เมื่อได้เห็นชุดน้ำชาของลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “โอ... ดิฉันพลาดมากที่ไม่ได้อยู่ที่นี่วันนี้” เธอครางขณะลูบคลำชุดน้ำชาพวกนั้นด้วยความตื่นเต้น “คุณช่างโชคดีจริงๆ คุณโอเดนเบิร์ก ท่านลอร์ดดูจะถูกชะตากับคุณมาก โอ.... ดูสิคะ มันช่างงามเหลือเกิน ดิฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าเราจะมีชุดน้ำชาที่สวยขนาดนี้ได้”

                “ดีใจที่คุณชอบมันนะ” กอร์ดอนพูดยิ้มๆ “ต้องขอบคุณลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ทำให้ผมไม่ต้องต้มน้ำชงชาเองอีกต่อไป”

                มิสซิสมาร์ธาหน้าแดงด้วยความละอายใจ “ดิฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ ที่ทิ้งพวกคุณไปถึงสามวัน แต่ โอ... มันสวยจริงๆ นะคะเนี่ย ดิฉันจะเก็บเอาไว้ใช้เวลาท่านลอร์ดกับเพื่อนๆ ของเขาแวะมาดื่มชาที่ร้านคุณ เพื่อเป็นการให้เกียรติเขา”

                “ผมว่าเขาคงยินดีมากเลยล่ะ” กอร์ดอนว่า มิสซิสมาร์ธาถอนใจ

                “ดิฉันว่าเราควรจะเปลี่ยนผ้าปูโต๊ะด้วย จะได้เหมาะสมกับชุดน้ำชาหน่อย”

                กอร์ดอนกับเดวิดมองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดออกมา “ผมจะเป็นคนออกไปซื้อเอง ตกลงนะ”

                หญิงผู้ดูแลบ้านหัวเราะเขินๆ “ทราบแล้วล่ะค่ะ รับรองว่าดิฉันจะไม่ทิ้งให้คุณต้องต้มน้ำชงชาเองอีกแล้ว”

-------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะมารับกอร์ดอนในช่วงเย็นเพื่อไปกินมื้อค่ำ เขาดูมีความสุขมากเมื่อได้รู้ว่ามิสซิสมาร์ธาชื่นชอบชุดน้ำชาของเขา

                “ผมอนุญาตให้เธอกับเดวิดใช้ชุดน้ำชาชุดนั้นได้”

                “โอ พวกเขาคงจะดีใจมาก” ช่างตัดเสื้อพูด พวกเขามากินมื้อเย็นที่ภัตตาคารหรูอีกแห่ง เพราะหลังจากขึ้นชกมวยการกุศลให้ลอร์ดควีนสเบอรี่เมื่อกลางเดือนก่อน ไม่ว่าจะเดินเข้าร้านไหนก็มีแต่คนจำเขาได้ทั้งนั้น ดังนั้นท่านเอิร์ลจึงตัดปัญหาโดยการเลือกใช้บริการของภัตตาคารหรูที่มีห้องรับประทานอาหารส่วนตัวแทน ซึ่งส่งผลดีคือทำให้พวกเขาพูดคุยกันได้สะดวกขึ้น แต่เวลาเดินเข้าภัตตาคารพวกนี้ทีไร กอร์ดอนก็รู้สึกหายใจไม่ออกทุกทีทุกที

                “สองคนนั้นใกล้ชิดกับคุณ ผมต้องซื้อใจพวกเขาไว้บ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยกไวน์ขึ้นมาจิบ “แต่ไมครอฟแสบมากที่ให้กระปุกใส่ชาที่ทำจากงาช้างเป็นของขวัญกับคุณ เขาคงเดาได้ว่าคุณต้องมีบางอย่างพิเศษสำหรับผม เพราะคุณบอกว่าผมเคยดึงคุณขึ้นรถ ซึ่งผมไม่เคยทำแบบนั้นกับใครเลย”

                “โอ ผมผิดเองที่หลุดปากพูดออกไปแบบนั้น” กอร์ดอนพูดด้วยความละอายใจ ลอร์ดหนุ่มรีบพูดขึ้นต่อ

“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก คุณคิดว่าเขาเป็นแมกซ์นี่นา เพื่อนผมหลายคนก็เคยพลาดท่าเล่าความลับให้เขาฟังเพราะเข้าใจผิดเหมือนกัน เขาเป็นตัวป่วนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“พวกเขาสองคนเหมือนกันมาก ผมแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร”

“เกือบจะไม่มีใครแยกสองคนนั้นออก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ขนาดเพื่อนร่วมชั้นเรียนยังเรียกสลับกันบ่อยๆ เลย”

กอร์ดอนมองหน้าลอร์ดหนุ่ม “ท่าทางเหมือนคุณไม่ค่อยชอบเขา”

คนถูกถามยักไหล่ “แน่นอน คุณเองก็คงเห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ผมกับเขาไม่ได้เกลียดกันหรอก พวกเราแค่ไม่กินเส้นกันเฉยๆ”

“ฟังดูไม่ค่อยต่างกันนะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ

“เขาเป็นพี่ชายฝาแฝดของแมกซ์ และพวกเขาสองพี่น้องก็รักกันมาก แค่นี้ผมก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเกลียดไมครอฟแล้วล่ะ”

“แล้วลอร์ดฟาริงดอนชอบคุณรึเปล่าครับ?”

“ผมว่าเขาน่าจะรู้สึกเหมือนกันกับผมนะ” ท่านเอิร์ลพูดแล้วยักไหล่ “คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ด้วยนิสัยอย่างไมครอฟ เขาทนอยู่ลอนดอนนานไม่ได้แน่ โดยเฉพาะเมื่อในลอนดอนมีพ่อของเขาอยู่”

--------------------------

                ทั้งคู่กินอาหารเสร็จก็นั่งรถม้าไปที่สโมสร พอขึ้นไปถึง ก็พบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำลังทุ่มเถียงกับออตโตมาน คนเฝ้าประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย

                “โอ สวรรค์โปรด นายมาพอดีเลยจอห์นนี่ ช่วยบอกเขาทีว่าฉันคือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัวจริง”

                “เขาไม่มีแหวนประจำตัว” ออตโตมานว่า “ผมทำตามที่คุณสั่งครับท่านลอร์ด ผมให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ไม่มีแหวนเข้าไปไม่ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “แมกซ์ เกิดอะไรขึ้น แหวนประจำตัวของนายหายไปไหน?”

                “ไมกี้หยิบมันไปน่ะซี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันควรจะคิดได้ก่อนว่าเขาจะมาไม้นี้”

                “แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบถามต่อทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บุ้ยหน้าไปทางประตู “เขามาถึงนี่ก่อนฉัน ออตโตมานเปิดประตูให้เขาเพราะมีแหวน”

                “โอ ให้ตาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง ก่อนจะหันไปหาคนเฝ้าประตู “แกพลาดแล้วออตโตมาน แต่ฉันไม่โทษแกหรอก แกทำดีที่สุดแล้ว เปิดประตูเถอะ ป่านนี้เขาคงกำลังสนุกได้ที่เลยล่ะ”

                ออตโตมานรีบเปิดประตูให้ทั้งสามคนทันที พอเข้าไปในห้องก็เห็นลอร์ดฟาริงดอนกำลังนั่งคุยกับคนอื่นๆ อยู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นทันที

                “ไมกี้ นายคืนแหวนฉันมาเลยนะ”

                เพื่อนๆ คนอื่นๆ หันมามองก่อนจะอ้าปากค้าง ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะชอบใจ “จอห์น ทำไมนายไม่มาช้ากว่านี้อีกสักห้านาทีล่ะ ฉันกำลังสนุกเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปาก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลอร์ดฟาริงดอนก็ชักดาบออกมาจากไม้เท้า แล้วฟันใส่เขาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผลักกอร์ดอนออก แล้วดึงดาบออกจากไม้เท้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เสียงโลหะมีคมกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง เพื่อนๆ พากันหลบฉากออกไป ขณะที่การดวลดาบอย่างกะทันหันเริ่มต้นขึ้น

                ทั้งสองหนุ่มฟาดดาบใส่กันโดยไพล่มืออีกข้างไว้ด้านหลัง ผลัดกันรุกรับด้วยท่วงท่าสวยงาม แต่เต็มไปด้วยความน่าหวาดเสียว เพราะดาบที่ใช้เป็นดาบจริงไม่ใช่ดาบสำหรับฝึก เสียงใบดาบแหวกอากาศและเสียงปะทะกันของมันดังน่ากลัว การประดาบดำเนินไปราวสิบนาที ท่ามกลางความตื่นเต้นหวาดเสียวของทุกคนที่อยู่ในห้อง เพราะทั้งสองคนมีฝีมือสูสีกัน แต่สุดท้ายลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ไล่ต้อนลอร์ดฟาริงดอนจนหลังพิงฝาได้สำเร็จ

                “เก็บดาบเถอะไมครอฟ ฉันว่าเราคงไม่ต้องสู้กันต่อแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะลดดาบที่จ่อใบหน้าของคู่ต่อสู้ลง ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ แต่ก็ยอมเก็บดาบโดยดี

                “แย่มากจอห์น ที่นายไม่มีชื่อเสียงด้านฟันดาบ มันทำให้ฉันหงุดหงิดมากเวลาแพ้นาย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

“ไมครอฟ ฉัน ‘ขอ’ ให้นายคืนแหวนให้แมกซ์แล้วไปซะ นายไม่ใช่สมาชิกของที่นี่”

                “เขาไล่ฉัน แมกกี้ นายยืนดูอยู่เฉยๆ ได้ไง” ลอร์ดฟาริงดอนหันไปหาน้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ

                “เขา ‘ขอ’ นายอย่างสุภาพ ไมกี้ และฉันก็กำลังจะขอนายเหมือนกัน คืนแหวนให้ฉันเถอะ”

                “ไม่” ลอร์ดฟาริงดอนพูด ก่อนจะเดินไปรินวิสกี้ให้ตัวเอง แล้วนั่งปุลงบนเก้าอี้ วางท่าราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของห้องนั้น “ฉันจะยังไม่คืนนายตอนนี้ เพราะฉันยังสนุกไม่พอเลย”

                พูดจบเขาก็หันไปมองช่างตัดเสื้อ “โอ... สายัณห์สวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก คุณก็เป็นสมาชิกที่นี่ด้วยหรือ” พูดจบลอร์ดฟาริงดอนก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างมีนัยยะ “กระปุกชาวันก่อนเป็นไง คุณชอบมันมั้ย?”

                “ครับ...” กอร์ดอนพยักหน้ารับตามมารยาท ลอร์ดฟาริงดอนพูดต่อ

                “ที่จริงผมคิดว่าควรจะหาชุดน้ำชาที่เข้าคู่กับมันให้คุณสักชุด แต่คิดว่าคงมีคนหาให้คุณแทนผมแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าไม่พอใจกว่าเดิม “ไมครอฟ ฉันขอนาย คืนแหวนให้แมกซ์แล้วไปซะ ก่อนที่ฉันจะต้องเสียมารยาทกับนายจริงๆ”

                ลอร์ดฟาริงดอนยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบอย่างไม่รู้ทุกข์รู้ร้อน “รีบไปไหนเล่า ที่จริงนายทำให้ฉันประหลาดใจทุกครั้งนะจอห์น นายแยกฉันกับแมกกี้ออกได้ยังไง ทั้งๆ ที่คนในบ้านของเรายังเกือบจะไม่มีใครแยกออกด้วยซ้ำ”

                “ท่าทางพวกนายต่างกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่จริงแล้วนอกจากรูปร่างหน้าตา ที่เหลือพวกนายก็ไม่เหมือนกันเลยสักนิด”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดฟาริงดอนจะพูดอะไรตอบ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับเสียงโวยวายของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน

                “แย่ที่สุด! ออตโตมานทำให้ฉันพลาดเรื่องเด็ด ฉันได้ยินเสียงฟันดาบ แต่เขาไม่ยอมให้ฉันเข้ามา กลัวว่าจะมีอันตราย โอ๊ย เขาทำอย่างกับว่าฉันจะโง่เดินเข้าไปถูกดาบฟันงั้นแหละ” พูดจบเขาก็เบนสายตามามองลอร์ดฟาริงดอนที่นั่งจิบวิสกี้อยู่ “แล้วนั่นนายแพ้อีกแล้วใช่ไหมล่ะไมครอฟ ฉันเห็นท่าจิบวิสกี้นายก็รู้ว่านายต้องแพ้จอห์นนี่แบบหมดท่าอีกแล้วแน่ๆ”

                “ให้ตายจอร์จ ทำไมไม่มีใครบอกนายว่าอย่าพูดเรื่องที่นายยังไม่เห็นกับตา” ลอร์ดฟาริงดอนพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ

                “ถึงฉันไม่เห็นแต่รู้ว่าจริงแน่ มีใครรวมถึงนายกล้าพูดมั้ยล่ะว่าไม่จริง”

                “......”

                “ไงล่ะไมครอฟ ยอมรับความจริงเถอะน่า นายสู้จอห์นนี่เรื่องฟันดาบไม่ได้ สู้เขาเรื่องรักบี้ก็ไม่ได้ นายน่าจะลองต่อยมวยกับเขาดูนะ แต่ฉันก็รู้สึกว่านายคงสู้เขาไม่ได้อยู่ดี”

                “ให้ปิศาจจับนายไปกินเลย” ลอร์ดฟาริงดอนเค้นเสียง “ทำไมนายมาโผล่ที่นี่ได้ ฉันคิดว่าวันนี้นายจะหยุด”

                “ฉันเป็นคนที่ไม่เคยขาดประชุมสโมสร” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างร่าเริง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา

                “ที่จริงฉันว่าเราควรประหลาดใจเรื่องที่จอร์จแยกพวกเราออกได้มากกว่านะไมกี้ เขาไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่านายนั่งอยู่ตรงนั้น”

                “ไม่มีอะไรทำให้ฉันประหลาดใจได้เท่ากับการมีอยู่บนโลกของเขาอีกแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ฉันไม่รู้ว่านายมีชีวิตมาอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ฉันก็อยู่มาได้เหมือนกับนายนั่นแหละ” พูดจบเขาก็ยิ้มที่มุมปาก “นายหงุดหงิดเพราะฉันพูดแทงใจดำนายล่ะสิ บอกให้ฟังอีกรอบนะไมครอฟ พวกนายสองพี่น้องน่ะแยกออกง่ายจะตาย ต่อให้ฉันหลับตายังชี้ถูกเลยว่านายอยู่ตรงไหน เพราะกลิ่นความร้ายกาจของนายมันแตะจมูกฉันน่ะ”

                “แมกกี้ เอาแหวนของนายคืนไปเลย” ลอร์ดฟาริงดอนพูดออกมาอย่างทนไม่ไหว เขาถอดแหวนที่นิ้วก้อยซ้ายส่งให้ลอร์ดน้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รับมาแล้วยื่นแหวนอีกอันคืนให้เขา ลอร์ดพี่ชายรับมาสวมแล้วผุดลุกขึ้น “ลาก่อน ขืนอยู่ที่นี่ต่ออีกนาทีเดียว ฉันต้องฆ่าคนตายแน่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “อย่าโมโหไปเลยน่าไมครอฟ ถ้านายยอมดวลเปียโนกับฉันสักเพลง นายอาจจะรู้สึกดีกับฉันขึ้นมาหน่อยก็ได้”

                ลอร์ดฟาริงดอนปิดประตูดังปึง พวกที่เหลือในห้องพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เจมส์หันมามองลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างชื่นชม

                “จอร์จจี้ นายมีประโยชน์ที่สุดเวลาลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาป่วนนี่แหละ”

                “นายชมฉันรึเปล่าเนี่ยเจมส์?” คนถูกชมถามอย่างไม่แน่ใจนัก เจมส์พยักหน้า “แน่นอนจอร์จจี้ ฉันชมนายจากใจจริงเลย”

                “ให้ตาย ที่ไมครอฟทำเมื่อกี้ทำฉันใจหายใจคว่ำมาก” ลอร์ดครอฟตันบ่น “เขาเป็นบ้าอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงฟันดาบใส่จอห์นนี่แบบนั้น”

                “เขาเป็นแบบนั้นแหละ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขาเคยดวลดาบแพ้จอห์นนี่ตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากนั้นเขาจะพยายามแก้มือทุกครั้งที่มีโอกาส”

                “ใช่ แล้วเขาก็แพ้ตลอด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่ตะกี้พวกนายใช้ดาบจริงสู้กันหรือ? ไมครอฟพกดาบเข้ามาได้ไง”

                “เขาก็ซ่อนมันไว้ในไม้เท้าเหมือนฉันนี่แหละ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เฉลย ก่อนจะพูดต่อ “เรื่องดาบในไม้เท้าของเราสองคนเป็นความลับนะ พวกนายห้ามเอาไปเล่าต่อล่ะ”

                “บอกช้าไปหน่อยมั้งแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ทั้งลอนดอนรู้กันหมดแล้วว่านายพกดาบเอาไว้ในไม้เท้า ตั้งแต่เรื่องที่บาร์ไม่มีชื่อวันก่อน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอย่างอดทน “พวกนั้นไม่รู้ว่าเป็นฉัน ขอร้องล่ะจอร์จจี้ ห้ามเล่าให้ใครฟังโดยระบุชื่อฉันหรือไมกี้เด็ดขาด เข้าใจไหม?”

                “ตกลงแมกซ์ ฉันจะหุบปากให้สนิท” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า ก่อนที่อีธานจะถามขึ้นมา

                “ว่าแต่ทำไมวันนี้มาช้านักล่ะจอร์จจี้ นายทิ้งให้พวกเราถูกลอร์ดฟาริงดอนต้มอยู่ตั้งนาน”

                “ฉันกินมื้อเย็นเพลินไปหน่อย” อีกฝ่ายตอบ นิโคลาสถามต่อทันที

                “กับใคร? ให้ฉันทายนะ มาร์กาเร็ตใช่ไหม?”

                “ถูกต้อง นายไม่ต้องทายหรอก ตอนนี้ฉันควงแต่เธอคนเดียวแล้ว”

                “ว้าว” เจมส์ร้องขึ้นมา “พูดจริงรึเปล่าเนี่ยจอร์จจี้ เพราะมาร์กาเร็ตจัดการชู้รักของนายหมดทุกคนแล้วใช่ไหม นายถึงทำตัวเรียบร้อยผิดหูผิดตาแบบนี้”

                “เสียมารยาทจริงเจมส์” ลอร์ดจอร์จเฟลตันเอ็ด “ฉันรักเดียวใจเดียวกับคู่หมั้นตัวเองบ้างไม่ได้หรือไง”

                “โอ้โห นายพูดคำว่ารักเดียวใจเดียวให้ฉันฟังอีกทีสิ ฉันกลัวฟังผิด”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าหงิก ขณะที่โรเบิร์ตหัวเราะขึ้นมา “เชื่อเขาเถอะเจมส์ ถ้านายได้เห็นเขาตอนพาคู่หมั้นไปเลือกเครื่องเพชร นายจะไม่เชื่อเลยว่าเขาเคยควงผู้หญิงมาแล้วเป็นโหล”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะชอบใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นบ้าง “ว่าแต่เจฟยังไม่มาหรือ เขาพลาดเจอไมครอฟนะเนี่ย”

                “เขาโชคดีแล้วล่ะที่พลาด” ลอร์ดครอฟตันว่า “เขาไปดูที่ดินให้พ่อของเขาที่ดาร์บี คงจะค้างคืนที่นั่น ฉันเป็นคนแนะนำเขาเองเรื่องที่ดิน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “ฉันต้องขอโทษแทนไมครอฟด้วย เขาเป็นแบบนี้ทุกที”

                “ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่ความผิดนาย” เพื่อนๆ พูด ก่อนที่อีธานจะพูดขึ้นต่อ

                “แต่นายต้องระวังเรื่องแหวนมากกว่านี้ พวกนายทั้งคู่ดูเหมือนกันมาก ถ้าไม่มีแหวน ไม่มีใครระบุได้หรอกว่าพวกนายเป็นใคร”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเสียงตอบรับในคอ “อืม... แต่ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่ทำอีกหรอก เขาน่าจะสนุกกับเรื่องนี้พอแล้ว”

                คนอื่นๆ ทำหน้าไม่ค่อยเชื่อนัก โรเบิร์ตพูดขึ้นต่อ “ว่าแต่เขากลับมาลอนดอนทำไม เกี่ยวกับธุรกิจหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันกับเขาคิดว่าจะเปิดบริษัทนำเข้าเป็นเรื่องเป็นราว มีสำนักงานจริงจังไปเลย แต่พ่อไม่เห็นด้วย”

                “พ่อนายไม่เคยเห็นด้วยกับทุกอย่างอยู่แล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าอย่างปลงๆ

                “ไมกี้กำลังหาทางเจรจาอยู่”

                “ขอให้เขาทำสำเร็จ” เพื่อนๆ ช่วยกันอวยพร

-------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่22p.11(25/3/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-04-2017 15:05:15
                ขากลับ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถม้ากลับมากับลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอน หลังจากช่างตัดเสื้อลงจากรถไปแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ถามขึ้น

                “นายกับกอร์ดอนไปถึงไหนกันแล้ว พวกนายละเมิดข้อห้ามไปหรือยัง?”

                “ยัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบอย่างหนักแน่น “ฉันสาบานไว้แล้ว และแน่นอนว่าฉันพยายามรักษาคำสาบานอย่างที่สุด”

                “ดีแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ไมกี้กำลังสงสัยเรื่องของพวกนายสองคน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อน “ฉันนึกอยู่แล้ว ตั้งแต่เรื่องที่เขาดูระรื่นใจนักที่ให้อวดว่าให้กระปุกงาช้างกับกอร์ดอนที่โบสถ์ เขาสงสัยแค่ไหน?”

                “ขนาดกล้าระบุออกมาว่านายต้องแอบชอบกอร์ดอนเลยล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “บางทีฉันก็ทึ่งกับวิธีคิดของไมกี้เหมือนกันนะ เป็นฉันฉันไม่มีทางนึกได้แบบนั้นแน่”

                “เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการคาดเดาความรู้สึกของคนอื่นจากท่าทางและการแสดงออก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พอประกอบเข้ากับวิธีคิดที่แทบจะไม่ต้องอ้างอิงหลักจริยธรรมของเขาแล้ว ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำธุรกิจได้รุ่งเรืองนัก”

                “นั่นนายกำลังชมพี่ชายฉันใช่มั้ย?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอย่างไม่แน่ใจนัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “อ๋อ แน่นอน ฉันคิดว่านั่นเป็นส่วนที่น่าประทับใจที่สุดของเขาเลย” พูดจบลอร์ดหนุ่มก็ถอนหายใจ “แต่มันจะไม่น่าประทับใจอีกต่อไปก็ตรงเขามาสงสัยเรื่องฉันกับกอร์ดอนนี่แหละ”

                “เขาคงอยากจะหาจุดอ่อนของนายมากุมเอาไว้สักเรื่อง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไมกี้ไม่ค่อยชอบนายเพราะนายดันไปฟันดาบชนะเขา อันที่จริงแล้วฉันไม่ควรจะให้พวกนายสองคนลองประดาบกันเลย”

                “ฉันจำได้ว่าเขาเสนอตัวขึ้นมาเอง อันที่จริงแล้วตอนนั้นฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าจะเอาชนะเขาได้ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านการฟันดาบมาก”

                “แต่ก็ไม่เท่านาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด แล้วถอนใจบ้าง “ฉันแน่ใจเลยว่าการที่เขาแพ้นายอีกในวันนี้ จะยิ่งทำให้เขาไม่ชอบนายมากขึ้น ไมครอฟเกลียดการพ่ายแพ้อย่างไม่สมเหตุสมผลที่สุด ถ้านายเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการฟันดาบ เขาคงจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ง่ายกว่านี้”

                “ฉันไม่คิดว่าตัวเองผิดหรอกนะที่ไม่ชอบกีฬาฟันดาบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันถ้าเขาจะเอาเรื่องกอร์ดอนมาข่มขู่ฉัน”

                “จอห์น...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อน “ฉันว่าถ้านายพยายามตัวให้เป็นปกติ เขาน่าจะเลิกคิดไปได้เองนั่นแหละ ข้อสงสัยของเขามันค่อนข้างร้ายแรงอยู่ เขาคงไม่กล้าขยายความต่อเองโดยพละการหรอก”

                “ก็จริงของนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ฉันจะทำตัวให้เหมือนมันเป็นเรื่องปกติแล้วกัน”

---------------------------------

                ทว่าในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ค้นพบว่า ยากอย่างยิ่งที่จะทำตัวให้เป็นปกติได้เมื่ออยู่ต่อหน้าลอร์ดฟาริงดอน โดยเฉพาะเมื่อเขามาปรากฏตัวอยู่ที่ร้านของกอร์ดอนอย่างไม่มีใครคาดคิด

                “อ้าว สวัสดีตอนบ่ายจอห์น นายมาอยูที่นี่ได้ยังไง” ลอร์ดฟาริงดอนเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยท่าทางร่าเริงอย่างที่คงไม่มีทางได้เห็นจากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แน่ๆ ขณะก้าวเท้าเข้ามาภายในร้านกอร์ดอนเทเลอร์ เขาถอดโค้ทส่งให้เดวิดเอาไปแขวน ก่อนจะขยับหมวกทรงสูงที่สวมมาให้เข้าที่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เขม้นมองเขา

                “สวัสดีตอนบ่ายไมครอฟ ฉันควรจะเป็นฝ่ายถามมากกว่าว่านายมาที่นี่ทำไม”

                “นายนี่ไม่มีมารยาทเลย ฉันเป็นฝ่ายถามนายก่อนแท้ๆ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่เอาเถอะ ฉันตอบนายก่อนก็ได้ ฉันก็มาดื่มชาน่ะสิ”

                “กับใคร?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสียงห้วน “ฉันแน่ใจว่าที่นี่ไม่มีใครว่างดื่มชาเป็นเพื่อนนาย”

                “โอ... ฉันสงสัยจริงว่านายถือสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่าที่นี่ไม่มีใครว่างดื่มชาเป็นเพื่อนฉัน” ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้าเขา “นายควรจะตอบคำถามฉันบ้าง นายมาทำอะไรที่นี่?”

                “ฉันมาดูเสื้อที่สั่งตัดไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ อีกฝ่ายยักไหล่ “งั้นฉันจะสั่งตัดสูทสักตัว”

                “ไม่เหลือคิวสำหรับปีนี้อีกแล้ว นายควรกลับไปเสีย”

                ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้าเขา ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “นายนี่หวงก้างจริงๆ เขาเป็นแค่ช่างตัดเสื้อเองนะ เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของนายไม่ใช่หรือ? ทำไมหวงเสียอย่างกับเป็นคนรักกันงั้นล่ะ?”

                “ฉันไม่ได้หวง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “แต่ฉันไม่ชอบให้นายมายุ่มย่ามกับเพื่อนๆ ของฉัน นายควรจะรู้นะว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน”

                “แหม... จอห์น นายมองฉันในแง่ร้ายเกินไปแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของคู่สนทนา “ฉันมานี่เพื่อช่วยให้นายสมหวังนะ”

                “หา?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าแปลกใจ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกระซิบต่อ

                “ฉันรู้ว่านายคงไม่กล้าพูด โอเดนเบิร์กเป็นคนสวยมากจริงๆ ฉันเข้าใจหรอกว่านายคงอดใจไม่อยู่”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดแทรกขึ้น “ไมครอฟ นายจะไปกันใหญ่แล้ว”

                “ไม่เอาน่าจอห์น อย่าทำเขินไป นายก็รู้ว่าไม่มีใครสนับสนุนนายแน่เรื่องนี้ แต่ฉันสนับสนุนนะ นายควรจะให้ฉันช่วย” พูดจบเขาก็หันไปหาเดวิด “ไปตามคุณโอเดนเบิร์กมาให้ฉันหน่อยสิ บอกเขาว่าลอร์ดฟาริงดอนกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องการพบ”

                “ไม่ต้องไปตามเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อทันที “ฉันว่าเขาคงกำลังยุ่งอยู่”

                ลอร์ดฟาริงดอนเขม้นมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ เดวิดมองหน้าทั้งสองคนเลิกลั่ก ขณะที่เขากำลังสับสนว่าควรจะฟังคำสั่งใครดี กอร์ดอนก็เดินออกมาพอดี

                “ขอโทษนะครับที่ให้คุณรอเสียนานเลย อ้าว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ สวัสดีตอนบ่ายครับ”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “ผมม่ใช่แมกซ์หรอก คุณทักผิดแล้ว”

                กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบพูดต่อ “โอ้ ขอโทษด้วยครับ สวัสดีตอนบ่ายครับลอร์ดฟาริงดอน คุณมีธุระอะไรหรือครับ?”

                “ผมแวะมาดื่มชา อยากเห็นชุดน้ำชาของลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะ” คนถูกถามตอบยิ้มๆ กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ชิงพูดขึ้น

                “ฉันไม่อนุญาตให้นายใช้”

                ลอร์ดฟาริงดอนเลิกคิ้วสูง “โอ... จอห์น ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ฉันคิดว่านายน่าจะอยากอวดชุดน้ำชาสวยๆ ที่นายซื้อมาให้เขานะ เว้นเสียแต่มันไม่สวย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าลอร์ดฟาริงดอนด้วยความหงุดหงิด กอร์ดอนจึงรีบพูดขึ้น “เดี๋ยวผมจะให้มิสซิสมาร์ธายกน้ำชามาให้พวกคุณที่นี่นะครับ เธอคงดีใจที่รู้ว่าพวกคุณมา”

                พอกอร์ดอนคล้อยหลังไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็หันมาพูดกับลอร์ดฟาริงดอน “ไมครอฟ นายไม่ควรทึกทักเรื่องฉันกับกอร์ดอนไปเอง นายก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”

                “หืม... ฟังดูเหมือนนายกำลังพูดบอกตัวเองนะจอห์น” ลอร์ดฟาริงดอนมองเขายิ้มๆ “นายดูร้อนรนตั้งแต่ฟังเรื่องที่ฉันเล่าที่โบสถ์แล้ว โอ... ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นนายในสภาพนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงก่ำ ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนยิ้มอย่างผู้มีชัย ระหว่างที่เขาขยับปากทำท่าจะพูดอะไรต่อ มิสซิสมาร์ธาก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่น้ำชาและของว่าง

                “ว้าว เป็นชุดน้ำชาที่สวยมากทีเดียว” ลอร์ดฟาริงดอนพูดด้วยสีหน้าประทับใจ หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว มิสซิสมาร์ธายิ้มแก้มแทบปริ

                “เป็นเกียรติสำหรับดิฉันและคุณโอเดนเบิร์กมากค่ะ ที่ได้ความกรุณาจากคุณทั้งสองคน กระปุกชาที่คุณกรุณาให้คุณโอเดนเบิร์กมาเมื่อวันก่อนช่างงามน่าประทับใจมาก”

                ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้ม “แน่นอน แต่ผมเห็นว่ามันคงงามสู้ชุดน้ำชาพวกนี้ไม่ได้ แล้วนี่คุณโอเดนเบิร์กจะไม่ออกมานั่งดื่มชาด้วยกันหรือ?”

                “ดิฉันคิดว่าเดี๋ยวเขาคงออกมาค่ะ” มิสซิสมาร์ธาว่า กอร์ดอนกลับเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน เธอกับเดวิดจึงขอตัวออกไป

                “โอเดนเบิร์ก ชุดน้ำชาที่จอห์นซื้อให้นายสวยมากนะ ฉันหลงคิดว่าเขาจะไม่มีรสนิยมด้านนี้เสียตั้งนาน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า แล้วใช้ดวงตาสีฟ้าซีดของเขาจ้องช่างตัดเสื้อ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับตัวอย่างไม่ค่อยเป็นสุขนัก

                “มันเป็นกระเบื้องเคลือบเนื้อดีมาก ผิวสัมผัสของทองคำที่หุ้มตรงหูจับและปากแก้วก็ดีมากด้วย นายคงหมดไปหลายร้อยปอนด์เลยนะสำหรับชุดน้ำชาชุดนี้น่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนออกปากวิจารณ์หลังจากยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้ามึนตึง

                “มันไม่ใช่ธุระของนายที่จะพูดเรื่องนี้หรอกน่า”

                “แหม... ฉันว่านี่คือเรื่องที่เราควรจะพูดนะ” เขาหันไปมองช่างตัดเสื้ออีกครั้ง “คุณไม่รู้สึกหรือ คุณโอเดนเบิร์ก ว่านี่ออกจะมากเกินไปหน่อยสำหรับการซื้อของขวัญให้ ‘เพื่อน’ น่ะ”

                กอร์ดอนมีสีหน้าตกใจ เขาจ้องลอร์ดฟาริงดอน “งะ... งั้นหรือครับ... ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติเสียอีก”

                เขาหันไปสบตากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นพยายามส่งสัญญาณให้เขามองไปทางอื่น ลอร์ดฟาริงดอนมองช่างตัดเสื้อแล้วพูดต่อ

                “มัน ‘ไม่ปกติ’ หรอกนะคุณโอเดนเบิร์ก ผมคิดว่าคุณก็น่าจะสังเกตออกนานแล้ว คุณดูฉลาดทีเดียวในความรู้สึกผม”

                “โอ... ไม่หรอกครับ ผมไม่รู้สึกสงสัยหรอก” กอร์ดอนพูด รู้สึกถึงเม็ดเหงื่อเย็นชื้นที่ซึมออกมาตามไรผม ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

                “ไมครอฟ ฉันจะซื้ออะไรให้ใครยังไงมันก็เรื่องของฉัน นายจะมาตั้งข้อสังเกตให้วุ่นวายไปทำไม”

                ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ “ก็ฉันอยากรู้นี่นาว่าโอเดนเบิร์กมองเรื่องนี้ว่าไง นายไม่อยากรู้หรือ?” พูดจบเขาหันไปหากอร์ดอนอีกครั้ง “ผมพูดขนาดนี้แล้ว คุณน่าจะมีข้อสังเกตอะไรบ้างล่ะนะ”

                ช่างตัดเสื้อมีสีหน้าลำบากใจ เขามองลอร์ดฟาริงดอน มองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะย้อนกลับมามองชุดน้ำชาบนโต๊ะ สุดท้ายก็พูดขึ้นมา

                “ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดปกตินะครับ มันน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกคุณอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงครับ? อย่างคุณเองเพิ่งเจอผมครั้งแรกก็ยังยกกระปุกชาที่ทำจากงาช้างใบนั้นให้ผมเลย”

                “.....”

                คราวนี้กลายเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ยิ้มออกมา ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนจ้องกอร์ดอนเขม็ง ช่างตัดเสื้อเลยพูดขึ้นต่อ

                “เห็นไหมล่ะครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาของพวกคุณจริงๆ ผมว่าเราดื่มชากันดีกว่าครับ” พูดจบเขาก็ยกน้ำชาขึ้นมาจิบ

                “คุณชอบชาเอิร์ลเกรย์ไหมครับ?”

                ลอร์ดฟาริงดอนยังคงใช้ดวงตาสีฟ้าซีดของตัวเองจ้องช่างตัดเสื้อเหมือนเห็นของแปลก

                “มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่” เขาพึมพำออกมา “มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา”

                “มันเป็นเรื่องธรรมดาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เสริมต่อ “เห็นไหมว่านายก็ทำแบบฉันเหมือนกัน”

                ลอร์ดฟาริงดอนยกมือขึ้นห้าม “ไม่มีทาง ฉันไม่ทำแบบนายแน่จอห์น”

                “นายให้กระปุกชาที่ทำกับงาช้างกับเขานะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้ำ “นายให้ของมีค่าขนาดนั้นกับคนที่บังเอิญเจอกันไม่กี่นาที ที่จริงแล้วนายควรจะสงสัยตัวเองมากกว่าสงสัยฉันเสียอีก”

                “ฉันให้เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนของแมกกี้ต่างหาก” ลอร์ดฟาริงดอนแย้ง “แล้วฉันก็สวมรอยหลอกเขามาตลอดทาง”

                “งั้นหรือ... งั้นนายก็ควรจะให้กระปุกงาช้างกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ของฉันด้วยสิ เพราะนายสวมรอยหลอกพวกเขามาตั้งหลายปี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แต่แล้วจู่ๆ เขาก็จ้องลอร์ดฟาริงดอนเขม็ง

                “ไมครอฟ นายให้กระปุกใบนั้นกับกอร์ดอนทำไม?”

                ลอร์ดฟาริงดอนจ้องตอบคู่สนทนา “ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ของนาย” พูดจบเขาก็ผุดลุกขึ้น “ลาก่อนคุณโอเดนเบิร์ก ผมเสียใจที่ต้องรีบกลับ แต่ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ”

                “เดี๋ยว!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เรียกฝ่ายนั้นไว้ แต่ลอร์ดฟาริงดอนกลับเดินออกจากร้านและขึ้นรถม้าไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย กอร์ดอนถอนหายใจอย่างโล่งอก ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมามองเขา

                “ทำไมคุณถอนใจแบบนั้น”

                “ผมดีใจที่สุดท้ายมันก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นน่ะสิครับ” ช่างตัดเสื้อพูด “ลอร์ดฟาริงดอนท่าทางเหมือนจะรู้เรื่องของพวกเราเลย”

                “เขาแค่สงสัย” อีกฝ่ายว่า “แมกซ์บอกว่าถ้าเราทำให้ทุกอย่างมันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา สุดท้ายเขาจะเลิกสงสัยไปเอง แต่ผมชักรู้สึกว่าเรื่องมันอาจจะไม่จบแค่นั้นน่ะสิ”

                “ยังไงครับ?” กอร์ดอนทำหน้าตกใจ “ผมทำอะไรพลาดให้เขาสงสัยหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โบกมือ “ไม่ คุณไม่ได้ทำอะไรพลาด ผมว่าคุณน่ะทำตัวเป็นปกติที่สุดเลย” พูดจบเขาก็ถอนหายใจแรง “ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ยังไงเสียไมครอฟก็เป็นคนประหลาดที่เข้าใจยากมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว” ท่านเอิร์ลหันกลับมายิ้มให้ช่างตัดเสื้อ “ช่างเขาดีกว่า วันนี้คุณสะดวกจะไปกินมื้อเย็นกับผมรึเปล่า?”

                “โอ... ผมคงต้องปฏิเสธคุณล่ะครับ ผมต้องสอนเดวิดเย็บผ้า เขาเป็นคนเรียนรู้ได้เร็วเลยทีเดียว”

                “ดี ดีแล้วล่ะ งั้นพรุ่งนี้ผมจะแวะมาดื่มชาด้วยแล้วกัน”

                “ได้ครับ พรุ่งนี้เสื้อคุณคงจะเสร็จอีกตัวพอดี”

----------------------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าแปลกใจที่เห็นพี่ชายฝาแฝดนั่งจิบชาอยู่คนเดียวในสวน ทั้งๆ ที่ก็เลยเวลาน้ำชามานานโขแล้ว

                “ไมกี้ นายไม่ได้ออกไปธุระหรือ?”

                “อ๋อ ธุระฉันเสร็จแล้ว นายนั่งก่อนสิ” ลอร์ดฟาริงดอนหันมายิ้มให้น้องชาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะลากเก้าอี้มานั่งลงฝั่งตรงข้าม

                “นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไง?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “นายก็เป็นนายน่ะสิ ถามอะไรแปลกๆ”

                คนถามหัวเราะออกมา เขารินชาใส่ถ้วยแล้วส่งให้น้องชาย “วันนี้ฉันได้เห็นชุดน้ำชาที่จอห์นซื้อให้ช่างตัดเสื้อของพ่อเราแล้ว รสนิยมของเขาในเรื่องนี้ดีทีเดียว”

                “นายไปที่ร้านของกอร์ดอนมาหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าตกใจ “นายเจอจอห์นนี่มั้ย?”

                “เจอ” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า แล้วจิบชาอึกหนึ่ง “ที่จริงแล้วฉันไม่แปลกใจหรอก จอห์นค่อนข้างแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเลยล่ะ ฉันแน่ใจว่าเขาต้องชอบโอเดนเบิร์กแน่ๆ การกระทำของเขามันฟ้องมาก นายควรจะได้เห็นหน้าเขาตอนรู้ว่าฉันจะไปดื่มชาด้วย” พูดจบเขาก็หัวเราะหึๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพี่ชาย

                “โอ... ไมกี้ นายไม่ควรจะยุ่งกับจอห์นนี่เรื่องนี้เลย เขาอาจจะแค่แสดงออกไม่เหมือนคนอื่นก็ได้”

                “ไม่หรอกแมกซ์ ฉันรู้... ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่แน่” เอิร์ลแห่งฟาริงดอนถอนหายใจยาว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “นายคิดว่าคนอย่างฉันถ้าจะให้ของขวัญมีค่ากับใคร คนนั้นจะต้องเป็นคนแบบไหน?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าครุ่นคิด “ก็ต้องเป็นคนที่นายพอใจจะให้สิ”

                “นายตอบแบบเกรงใจฉันอยู่สินะ” ลอร์ดพี่ชายว่า “งั้นฉันจะช่วยให้นายสะดวกขึ้น คิดว่าคนอย่างฉันจะให้ของขวัญมีค่ากับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่กี่นาทีไหม?”

                “โอ... ฉันว่านายให้แน่ ถ้าคนนั้นสามารถให้ผลประโยชน์ที่ควรค่ากับของที่นายให้ไป”

                ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ใช่ ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้นแหละ” เขายกชาขึ้นจิบแล้วถอนใจอีก “ท้องฟ้าสวยนะ สีฟ้าแบบนี้สวยมากๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมองตามพี่ชาย “ใช่ สวยจริงๆ ท้องฟ้าหน้าร้อนที่ไม่มีเมฆฝนนี่แหละสวยที่สุด”

                “อืม...” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ที่จริงวันนี้ฉันตั้งใจจะไปสังเกตท่าทางของคุณโอเดนเบิร์กที่ร้าน ฉันสนใจมากว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องของจอห์น แต่พอจอห์นไปอยู่ที่นั่นด้วย ฉันเลยได้เห็นอะไรๆ เยอะมาก”

                “โอ... ไมกี้ ฉันขอร้องนายล่ะ อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย ฉันมองไม่เห็นว่ามันคุ้มตรงไหน”

                “ใช่ มันไม่คุ้มเลย” ลอร์ดฟาริงดอนระบายยิ้ม เขาพลิกถ้วยน้ำชาในมือเล่น “โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชายที่หน้าตาสะสวยมาก ดวงตาสีฟ้าของเขาสวยเหมือนท้องฟ้าที่เราดูอยู่ตอนนี้ และเขาก็ดูเข้ากับชุดน้ำชาแบบฝรั่งเศสที่จอห์นซื้อให้เขามาก ฉันเห็นว่าเขาสวยที่สุดตอนที่นั่งดื่มชากับเราเมื่อวันศุกร์ แต่เขาอาจจะสวยของเขาอย่างนั้นอยู่แล้วแต่แรกก็ได้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องพี่ชายเขม็ง ขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังจมอยู่กับภวังค์ “สิ่งแรกที่ฉันนึกออกตอนสบตากับเขา คือสีฟ้าที่สดใสที่สุดอย่างที่ฉันไม่คิดจะได้เห็นที่ลอนดอน พอรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนนายฉันเลยฉวยโอกาส ตอนเขายิ้มดวงตาเป็นประกายสวยมาก ฉันรู้สึกว่าระยะเวลาของพวกเราบนรถม้าช่างสั้นไป”

                “ไมกี้... นาย...”

                ลอร์ดฟาริงดอนเงยหน้ามองน้องชายแล้วถอนใจ “ฉันไม่เคยนึกสงสัยสิ่งที่ตัวเองทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว นายก็รู้ และฉันก็ไม่เคยนึกสงสัยตัวเองเลยที่ให้กระปุกชางาช้างใบนั้นกับเขาไป กับคนที่ฉันเพิ่งเจอไม่ถึงสองชั่วโมง และไม่มีผลประโยชน์อะไรกับเราเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา เหมือนอย่างที่จอห์นให้ชุดน้ำชาราคาแพงหูฉี่กับเขานั่นแหละ”

                “อา...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง เขาจ้องหน้าพี่ชายอย่างวิงวอน “ไม่นะไมกี้ นายคงสับสน ฉันแน่ใจว่านายกำลังสับสน”

                “คงใช่” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ฉันอาจจะกำลังสับสน โอ แมกกี้ ฉันไม่เคยเกลียดความคิดแบบไร้ขื่อแปของตัวเองเท่าตอนนี้เลย พอฉันรู้สึกเฉลียวใจกับการกระทำของตัวเอง ทุกอย่างบนโลกก็ดูเหมือนไม่เข้าที่เข้าทางไปหมด จนฉันสงสัยว่ามันผิดที่ฉัน ผิดที่พระเจ้า หรือผิดที่เขากันแน่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะอย่างแรง “ไม่ ไมกี้ มันจะต้องไม่เกิดกับนาย นายไม่ใช่คนที่ควรจะมีความคิดแบบนี้”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “ถ้าขนาดคนอย่างจอห์นยังมีความคิดแบบนี้ได้ จะแปลกอะไรกับคนอย่างฉันล่ะ”

                เขาถอนหายใจแล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง “ถ้าโอเดนเบิร์กเป็นผู้หญิง ฉันคงไม่มานั่งบ่นกับนายแบบนี้หรอก ป่านนี้ฉันคงวางมวยกับจอห์นเพื่อแย่งเขาที่ร้านนั่นแล้วล่ะ”

                “โอ... ไม่ ไมกี้ มันจะไม่เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นจริงมั้ย? นายต้องไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว นายแค่สับสน ฉันยอมรับว่ากอร์ดอนเป็นผู้ชายที่หน้าตาสวยและตาของเขาก็สวยมาก แต่มันไม่ถูกต้องเลยที่นายจะรู้สึกแบบนั้นกับเขา”

                “เพราะงั้นฉันถึงได้เกลียดความคิดแบบไร้ขื่อแปของตัวเองไง ฉันรู้ว่ามันไม่ถูก ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่พอฉันถูกทำให้รู้สึกเฉลียวใจขึ้นมา ฉันกลับยอมรับความรู้สึกนั้นได้อย่างง่ายดาย มันก็รู้สึกไม่เลวหรอกนะแมกกี้ เหมือนกับได้ดื่มชาหอมๆ แต่ขมคออยู่สักหน่อยนั่นแหละ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใช้เวลานานมากกว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ “แต่นายคงไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ใช่ไหม? ฉันหมายถึง นายคงไม่ถึงขนาดไปขอเขาแต่งงาน ควงเขาแบบออกนอกหน้า แสดงตัวว่ารักชอบเพศเดียวกันเองอะไรเทือกนั้น”

                “โอ... ฉันไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นหรอก” ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะอีก “นายคิดไปไกลมากเลยนะแมกกี้ อย่างที่ฉันพูดไปแล้ว ถ้าโอเดนเบิร์กเป็นผู้หญิง ฉันคงไม่ต้องมานั่งสับสน ง่ายมากที่ฉันจะพูดออกมาว่าหลงรักดวงตาคู่นั้นตั้งแต่แรกเห็น ว้าว... ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะพูดประโยคแบบนี้ออกมาได้จากใจจริงนะนี่” เขายิ้มพลางมองถ้วยชาในมือ “ถ้าเขาเป็นผู้หญิง ฉันคงรู้สึกผิดมากที่ไม่เคยสนใจเรื่องช่างตัดเสื้อประจำตัวของพ่อมาก่อน ฉันคงต้องโมโหตัวเองมากทีเดียว และฉันคงต้องเกลียดจอห์นอย่างจริงจังที่บังอาจมาหมายตาผู้หญิงคนเดียวกัน พระเจ้าอาจจะทำถูกแล้วก็ได้ที่ทำให้โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย เรื่องพวกนั้นเลยไม่มีวันเกิดขึ้น”

                “ฉันควรต้องโล่งใจสินะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ฉันขอให้นายลืมเรื่องนี้ไวๆ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับนายเลย ให้ตายเถอะ”

                คนเป็นพี่ชายหัวเราะอีก “ใจร้ายจริงแมกซ์ ฉันเหมือนคนเพิ่งตื่นจากหลับ ขอฉันทบทวนกับตัวเองดูสักวันสองวันไม่ได้หรือไง แต่อย่างหนึ่งที่ฉันอยากบอกให้นายรู้ไว้ ฉันมีความสุขไม่น้อยเลยล่ะ เมื่อรู้ตัวและยอมรับว่าหลงรักใครสักคนเข้าให้แล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะถี่ๆ “ไม่ ไมกี้ ฉันไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นของนายอย่างเด็ดขาด”

--------------------------------------------
(จบตอน)
*** ในที่สุดท่านลอร์ดพี่ชายของแมกซิมิลเลี่ยนก็ได้ออกโรง (โถ ชื่อยาวมากไม่มีใครเรียก สงสารแมกซ์จัง) การออกมาของไมครอฟนี่ตอนแรกเราไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าให้เป็นพี่ชายฝาแฝดของแมกซ์ และมาเพื่อป่วนสโมสรของจอห์นเลย แต่ไปๆ มาๆ ไมครอฟก็ได้เป็นตัวละครที่เพิ่มความน้ำเน่าให้กับเรื่องนี้ โดยการแอบหลงรักกอร์ดอนด้วยอีกคน ฮ่าๆ โอ๊ย คือนี่เป็นตอนที่แก้ไปประมาณสี่ดราฟ เพราะเรื่องนี้นี่แหละ ฮ่าๆๆ ไม่ถนัดเลยกับพล็อตทำนองนี้ แต่ในเมื่อตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนี้ให้เป็นนิยายโรแมนติกและน้ำเน่าแล้ว(?) มันก็ควรใส่ชิมิล่าห์??
.
คาแรคเตอร์ของไมครอฟเป็นความยากรองลงมาจากการเรียนให้ฮีหลงรักช่างตัดเสื้อ ฮ่าๆ โอ๊ย บอกตรงๆ ว่ามีบางดราฟอย่างกับเชลยศักดิ์ พ่อไมครอฟเอะอะก็ใช้กำลัง มั่ยนะ ไมครอฟคนดีต้องไม่ทำแบบนั้น 555+ (เขียนเองประสาทเอง) หลังจากแก้ไปบาน สุดท้ายก็มาจบลงตรงที่ไมครอฟเป็นคนชิลๆ ยังไงก็ได้ถ้าสดชื่น (เหรอ???) ก็เข้าแก๊ปที่ิคิดไว้ว่า พี่น้องเมอร์เรย์ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่างเดียวนอกจากเรื่องหน้าตา ตอบคำถามที่ว่าทำไมพ่อถึงชอบไมครอฟมากกว่า (ก็ดูแล้วหัวไวกว่าน้องชาย)
.
ความฮาที่สุดของตอนนี้สำหรับเราคือไอ้กระปุกชางาช้างนั่นล่ะค่ะ (แน่นอนว่า ขณะที่ทั้งโลกกำลังรณรงค์ให้หยุดค้างาช้าง ดิฉันก็ดันเขียนนิยายที่มีเครื่องใช้ทำจากงาช้างออกมา โอย ไม่ได้ตั้งใจขวางโลกค่ะ แต่สมัยนั้นถ้านึกถึงอินเดีย นอกจากเพชรและผ้า ก็ต้องเป็นงาช้างมิใช่หรือ?) มันเหมือนกระปุกชาอาถรรพ์ ทำให้เรื่องวุ่นวายจริงๆ เลย ฮ่าๆ
.
ขอบคุณที่ติดตามค่า^^
.
ปล. ท่านลอร์ดทั้งหลายคะ ก่อนจะซื้ออะไรแสนแพงมาให้กอร์ดอน ซื้อบ้านใหม่ให้กอร์ดอนก่อนดีกว่าค่ะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย คิดแล้วก็ขำ พอจบจากชุดน้ำชาก็มาต่อที่เรื่องผ้าปูโต๊ะ ไม่มีใครปวดหัวเท่ากอร์ดอนอีกแล้วล่ะ เรื่องนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 04-04-2017 16:11:22
ไมครอฟทำท่านลอร์ดของเราร้อนรนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 04-04-2017 17:46:59
คนที่หนักใจที่สุดในตอนนี้คงเป็นลอร์ดแมกซ์ นั่นก็เพื่อนนี่ก็พี่ชาย แอบตะหงิๆก็ตอนให้กระปุกชาเจ้าปัญหานั่นแล้ว ว่าแต่กอร์ดอนจะรู้ไหมนั่นว่าคนที่ให้กระปุกชาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-04-2017 19:30:59
เขาเรียกว่ารักแรกพบนะ เจอครั้งแรกแล้วก็อยากพูดคุยด้วย
ไม่ผิดหรอก ที่ไมกี้พากอร์ดอนขึ้นรถมาด้วย เพราะจอห์นก็เคยทำมาก่อน
แต่ปัญหาที่จะตามมา คงเป็นอะไรป่วนๆ แน่นอน
ไมกี้ป่วนได้นะ แต่อย่าแรงมาก สงสารรรรร หลายคนเลยนะ ขอบอก
 :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-04-2017 19:43:28
สนุกมากกกกก  ไรท์เขียนลื่นไหลมาก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แฝดพี่ออกโรงเยอะ ทำปั่นป่วน ลอร์ดไมครอฟ
เพราะเป็นคนแบบนี้นี่เองถึงได้ใช้ชีวิตที่อินเดียซะหลายปี
ไม่ใช่แค่หนีพ่อเท่านั้นหรอก เป็นคนที่คิดนอกกรอบ ชอบอิสระ
ไหนเลยจะอยู่ในบังคับของพ่อ พ่อก็ชอบบังคับลูกสินะ
ว่าไปไมครอฟ ก็นิสัยแบบจอห์นนี่เหมือนกัน แถมเป็นคู่ปรับ
ชอบฟับดาบเหมือนกัน เจอคว้ากอร์ดอนขึ้นรถด้วยเหมือนกัน
จะชอบกอร์ดอนก็ไม่แปลก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 04-04-2017 19:45:01
ตัวปัญหาเข้ามาป่วนอีกแล้ววว ท่านลอร์ดจะทำยังไงนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-04-2017 20:28:41
มาชะโงกแล้วเล็งไว้ก่อน...
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 04-04-2017 20:36:08
กอร์ดอนนี่เสน่ห์ล้นเหลือมากๆ
ลอร์ดโทรวบริดจ์จะไม่หึงยังไงไหว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-04-2017 22:25:06
ไมกี้ลำไยมาก 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 04-04-2017 22:48:06
ไมกี้ตัวป่วน ป่วนมากจริงๆอ่านแล้วปวดหัวแทนทุกคน5555555555555555555555555555555555
และแล้วก็มีท่านลอร์ดอีกท่านมาตกหลุมของช่างตัดเสื้อ คิคิคิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-04-2017 01:56:52
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 05-04-2017 16:46:16


โอย ๆๆ แย่แล้ว จอห์นนี่แย่แล้ว ลำพังแค่จะครองรักกับกอร์ดอนก็ยากเย็นจมหู
ยังจะมีลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาเป็นหนามตำใจเข้าให้เสียอีก

ไอ้การมีตัวช่วยเร่งความสัมพันธ์ของท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ
แต่ใจเรานี่ก็กลัวการช่วงชิงกอร์ดอนของสองท่านลอร์ดมาก ๆ
เพราะมันอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนต่อศีลธรรมและจารีตในสมัยนั้นบ้างก็ได้
 
นี่ก็เตรียมใจรอสงสารกอร์ดอนไว้ก่อนเลย
เพราะในสมัยนั้น การตกเป็นบุคคลสุดยอดปรารถนาของผู้ชายด้วยกัน
คงไม่ต่างอะไรกับทุกขลาภที่นอกจากจะยืดอกรับไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลำบากใจเป็นที่สุดไปเสียอีก
(ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้อินจนเพ้อเจ้อหลุดเข้ามโนแลนด์ไปไกลเกินไป
เพราะคุณคนเขียนอาจจะหักปากกาขาเดาอย่างเราเสียราบคาบก็ได้)

เอาเป็นว่า เราจะเอาใจช่วยคุณคนเขียนให้มีเรี่ยวแรงต่อสู้กับท่านลอร์ดทั้งหลายแล้วกันนะคะ
เราจะได้รู้เสียทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-04-2017 17:06:18


โอย ๆๆ แย่แล้ว จอห์นนี่แย่แล้ว ลำพังแค่จะครองรักกับกอร์ดอนก็ยากเย็นจมหู
ยังจะมีลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาเป็นหนามตำใจเข้าให้เสียอีก

ไอ้การมีตัวช่วยเร่งความสัมพันธ์ของท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ
แต่ใจเรานี่ก็กลัวการช่วงชิงกอร์ดอนของสองท่านลอร์ดมาก ๆ
เพราะมันอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนต่อศีลธรรมและจารีตในสมัยนั้นบ้างก็ได้
 
นี่ก็เตรียมใจรอสงสารกอร์ดอนไว้ก่อนเลย
เพราะในสมัยนั้น การตกเป็นบุคคลสุดยอดปรารถนาของผู้ชายด้วยกัน
คงไม่ต่างอะไรกับทุกขลาภที่นอกจากจะยืดอกรับไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลำบากใจเป็นที่สุดไปเสียอีก
(ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้อินจนเพ้อเจ้อหลุดเข้ามโนแลนด์ไปไกลเกินไป
เพราะคุณคนเขียนอาจจะหักปากกาขาเดาอย่างเราเสียราบคาบก็ได้)

เอาเป็นว่า เราจะเอาใจช่วยคุณคนเขียนให้มีเรี่ยวแรงต่อสู้กับท่านลอร์ดทั้งหลายแล้วกันนะคะ
เราจะได้รู้เสียทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:



ถวกค่ะ การที่กลายเป็นผู้ชายอันเป็นที่หมายปองของผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอีกฝ่ายนี่เป็นถึงขุนนางสูงศักดิ์ มันคือนรกดีๆ ของกอร์ดอนนี่เอง (นี่ถ้าเปลี่ยนกอร์ดอนเป็นผู้หญิง นางคงจะเป็นคนนี่น่าอิจฉาที่สุดในลอนดอน แต่พอดีกอร์ดอนเป็นผู้ชาย ทุกอย่างเลยกลายเป็นตลกร้ายที่เหมือนจะหวานตอนแตะลิ้น แต่ขมลึกบาดคอมาก โอวว ปวดจาย)

อันที่จริงแล้วกอร์ดอนได้พบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกอดสูใจกับการเป็นผู้ชายหน้าสวยของตัวเองมาแล้วก่อนหน้าที่จะได้มาเจอกับจอห์น ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้กอร์ดอนหาแฟนไม่ได้ หาเพื่อนไม่ได้ เป็นได้แค่คนรู้จักผ่านๆ แต่ยังหาโอกาสเล่าไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมูดของนิยายจะดำดิ่งเป็นยาขมกินไม่อร่อย
.
เอาว่าช่วงนี้กินขนมนมเนยหวานบ้างขมนิดๆ บ้างไปก่อนเพื่อให้อิ่มท้องค่ะ มาม่าก็อย่ากลัวอืด เพราะตอนจบยังไงก็ต้องแถมน้ำผึ้งให้ล้างคอกันอยู่แล้วค่ะ XD
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-04-2017 21:02:06


โอย ๆๆ แย่แล้ว จอห์นนี่แย่แล้ว ลำพังแค่จะครองรักกับกอร์ดอนก็ยากเย็นจมหู
ยังจะมีลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาเป็นหนามตำใจเข้าให้เสียอีก

ไอ้การมีตัวช่วยเร่งความสัมพันธ์ของท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ
แต่ใจเรานี่ก็กลัวการช่วงชิงกอร์ดอนของสองท่านลอร์ดมาก ๆ
เพราะมันอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนต่อศีลธรรมและจารีตในสมัยนั้นบ้างก็ได้
 
นี่ก็เตรียมใจรอสงสารกอร์ดอนไว้ก่อนเลย
เพราะในสมัยนั้น การตกเป็นบุคคลสุดยอดปรารถนาของผู้ชายด้วยกัน
คงไม่ต่างอะไรกับทุกขลาภที่นอกจากจะยืดอกรับไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลำบากใจเป็นที่สุดไปเสียอีก
(ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้อินจนเพ้อเจ้อหลุดเข้ามโนแลนด์ไปไกลเกินไป
เพราะคุณคนเขียนอาจจะหักปากกาขาเดาอย่างเราเสียราบคาบก็ได้)

เอาเป็นว่า เราจะเอาใจช่วยคุณคนเขียนให้มีเรี่ยวแรงต่อสู้กับท่านลอร์ดทั้งหลายแล้วกันนะคะ
เราจะได้รู้เสียทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:



ถวกค่ะ การที่กลายเป็นผู้ชายอันเป็นที่หมายปองของผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอีกฝ่ายนี่เป็นถึงขุนนางสูงศักดิ์ มันคือนรกดีๆ ของกอร์ดอนนี่เอง (นี่ถ้าเปลี่ยนกอร์ดอนเป็นผู้หญิง นางคงจะเป็นคนนี่น่าอิจฉาที่สุดในลอนดอน แต่พอดีกอร์ดอนเป็นผู้ชาย ทุกอย่างเลยกลายเป็นตลกร้ายที่เหมือนจะหวานตอนแตะลิ้น แต่ขมลึกบาดคอมาก โอวว ปวดจาย)

อันที่จริงแล้วกอร์ดอนได้พบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกอดสูใจกับการเป็นผู้ชายหน้าสวยของตัวเองมาแล้วก่อนหน้าที่จะได้มาเจอกับจอห์น ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้กอร์ดอนหาแฟนไม่ได้ หาเพื่อนไม่ได้ เป็นได้แค่คนรู้จักผ่านๆ แต่ยังหาโอกาสเล่าไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมูดของนิยายจะดำดิ่งเป็นยาขมกินไม่อร่อย
.
เอาว่าช่วงนี้กินขนมนมเนยหวานบ้างขมนิดๆ บ้างไปก่อนเพื่อให้อิ่มท้องค่ะ มาม่าก็อย่ากลัวอืด เพราะตอนจบยังไงก็ต้องแถมน้ำผึ้งให้ล้างคอกันอยู่แล้วค่ะ XD


ไมกี้เป็นคนที่ป่วนมาก ๆ
น่าสงสารตอนที่โดนจอร์กับจอห์นไล่ ใคร ๆ ก็ไม่รัก
แต่ฉันก็คิดว่า สมควรแล้ว ฮ่า ๆ ๆ
วีรกรรมเก่า ๆ คงจะแสบสันมากทีเดียว ขนาดจอห์นยังไม่ยอมให้เข้าสโมสรเลย ทั้ง ๆ ที่สนิทกับแมกซ์มาก

แต่น่าประหลาดใจที่ทั้งสองคนนี้กลับปฏิบัติต่อกอร์กอนเหมือนกัน และหลงรักในทันทีเช่นเดียวกัน
เห็นใจกอร์ดอนมาก ๆ ที่ผู้หมายปองทั้งสองคนเป็นสายเปย์ที่มีทั้งทรัพย์และอิทธิพลมหาศาล
และดันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เป็นยุคแห่งความยากลำบากของคนรักร่วมเพศอีกต่างหาก
เห็นด้วยกับความเห็นของ Malimaru เลย

ฉันลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าสองคนนี้แข่งกันจีบกอร์ดอนแบบจริงจัง เกิดจอห์นซื้อตึกให้ช่างตัดเสื้อคนสวย ไมกี้อาจจะเหมาทั้งถนนให้เพื่อเกทับก็ได้ กอร์ดอนคงได้กลุ้มใจจนแทบกัดลิ้นตายแน่ ๆ

เรื่องประสบการณ์ขม ๆ จากความสวยของกอร์ดอนน่าสนใจมาก (เชียร์เบา ๆ เพราะอยากอ่าน อิอิ)

ฉันอ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยอารมณ์เหมือนดื่มด่ำดาร์กชอค
ทั้งหวานและขมอย่างที่ต้องมีทั้งสองรสเลย

ชื่นชมคุณจูออนมาก ๆ ค่ะ

ปล. ยินดีที่เห็น Malimaru มาอ่านตามที่ฉันไปเชียร์  :D





หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 06-04-2017 00:29:59
ถึงไมค์กี้จะร้ายกาจอย่างหาตัวจับยาก แต่จอร์จจี้เจ้าขี้แยก็เอาอยู่

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 10-04-2017 03:59:42
คิดถึงท่านลอร์ดกับช่างตัดเสื้อ มากๆครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Mai.IcySakura ที่ 11-04-2017 18:38:21
ได้ฤกษ์มาอ่านทีเดียวสี่ห้าตอน ยังสนุกมากๆเหมือนเดิมค่า
แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบแม็กซ์มาก ไม่ไหวแล้ว>< รู้สึกถึงออร่าความโหดในความสุขุม ชวนใจเต้นมาก
อยากให้แมกซ์มีคู่จริงๆ หญิงหรือชายก็ได้ อยากเห็นพี่แกมีความรัก :-[
ยิ่งตอนล่าสุดมีไมครอฟออกมา แมกซ์ก็ดูเป็นพี่ชายมากกว่าไมครอฟซะอีก555

พูดถึงไมครอฟ เข้าใจเลยว่าทำไมไม่ถูกกับจอนนี่ คนประเภทเดียวกันก็เงี้ยแหละนะ
ตอนอ่านแรกๆก็ตงิดๆแล้วเชียวว่าจะชอบกอร์ดอนมั้ย แล้วก็ชอบจนได้
โถ..พ่อคุณช่างน่าสงสาร มีคนที่ชอบทั้งทีป็นผู้ชายไม่พอ ยังมีคนรักแล้วด้วยอีก โอกาสแข่งกับพระเอกเราไม่มีเลย

ยังดีที่มีเรื่องโล่งใจได้อีกอย่างตรงที่สาวแคทเทอรีนมีคนรักอยู่แล้ว ทำให้เรื่องวุ่นวายส่วนนี้มโนไว้หายเข้ากลีบเมฆไปเลยค่า
ถึงหลังจากนี้ก็คงมีเรื่องวุ่นวายอีกเยอะแน่ๆก็เถอะ :ruready
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 12-04-2017 12:01:37
Dear, My customer.

ตอนที่24 ไม่อาจปล่อยมือ


            อากาศในเดือนสิงหาคมช่างสดใสเสียเหลือเกิน ต้นไม้ใบหญ้ารวมถึงดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ มองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น แม้แต่ในที่ที่แทบจะไม่มีต้นไม้เลยอย่างบนถนนบรอมพ์ตันก็ตาม หลังเลิกจากโบสถ์ในวันอาทิตย์ กอร์ดอนตัดสินใจเดินทอดหุ่ยรับแสงแดดและอากาศอบอุ่นกลับมาที่ร้านแทนการนั่งรถม้า ร้านรวงที่ตั้งอยู่เรียงรายบนสองฟากถนนปิดสนิท มีรถม้าเพียงแค่คันหรือสองคันที่จอดรอผู้โดยสาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเจ้าของร้านที่อาศัยอยู่ในตึกพวกนั้น เพราะอากาศที่อบอุ่นมาก กอร์ดอนจึงถอดเสื้อโค้ทออกมาถือเอาไว้ แล้วเดินกระโดดข้ามแผ่นหินปูถนนเหมือนเด็กๆ

                “คุณโอเดนเบิร์ก วันนี้คุณดูอารมณ์ดีจัง งานเสร็จแล้วหรือครับ?” คนขับรถม้าที่จอดรออยู่ตรงแยกก่อนจะเลี้ยวเข้าไปที่ร้านของเขาเอ่ยทัก กอร์ดอนหันไปยิ้ม

                “ยังไม่เสร็จหรอก แต่อากาศวันนี้นี้ดีนะ ผมไม่ได้ออกมาเดินสูดอากาศแบบนี้นานแล้ว”

                อีกฝ่ายหัวเราะ “คุณเอาแต่หมกตัวอยู่ในร้านนี่นา เวลาจะไปไหนมาไหนทีก็นั่งแต่รถม้าคันใหญ่ปิดประตูมิดชิด”

                “โอ...” ช่างตัดเสื้อมีท่าทางตกใจ “คุณเห็นด้วยหรือ?”

                “ใครๆ ก็เห็นทั้งนั้นแหละครับ คุณนี่ช่างตัดเสื้อมือทองจริงๆ ผมคิดว่ากิจการร้านคุณน่าจะรุ่งที่สุดในบรรดาร้านแถบนี้แล้วล่ะ”

                กอร์ดอนหัวเราะอย่างโล่งใจ “งั้นหรือ ผมควรจะดีใจที่มีงานทำเยอะที่สุดในแถบนี้สินะ”

                “แน่นอนครับ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องการเลย งานล้นมือ เงินล้นมือ”

                “นั่นสินะ จริงของคุณ”

                ขณะที่กำลังคุยกับคนขับรถม้าอยู่นั้น เสียงเกือกม้าหลายคู่กระแทกกับหินปูถนนก็ดังขึ้น พอหันหน้าไปมองก็เห็นรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่แล่นตรงเข้ามา สารถีที่ขับควบมันมีรูปร่างสูงใหญ่ รถม้าคันนั้นวิ่งตรงเข้ามาและหยุดแทบจะตรงหน้าของช่างตัดเสื้อ เสียงลมหายใจฟืดฟาดของม้าดังแหวกอากาศเงียบสงบในยามสาย พร้อมกับเสียงทักทายที่แทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

                “ไง”

                ที่กุมบังเหียนอยู่คือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เขาสวมหมวกเดอร์บี้สีดำ และสวมเสื้อโค้ทสั้นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนที่นั่งอยู่บนรถม้าด้านหลังคือลอร์ดฟาริงดอน เขาสวมหมวกทรงสูงสีดำสนิท สวมเสื้อโฟลกโค้ทที่ตัดเย็บจากผ้าไหมดูแวววาวในแสงอาทิตย์ กอร์ดอนมองคนทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ

                “โอ... อรุณสวัสดิ์ครับ พวกคุณสองคนจะไปไหนกันครับ?”

                “ไปที่ร้านนายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นต่อ “ใช่ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว เอ้า ขึ้นรถสิ”

                “หา?!” กอร์ดอนร้องด้วยความงุนงง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขาแล้วพูด

                “เขาสั่งให้นายขึ้นรถ ขึ้นมาสิ หรือนายติดธุระอยู่?”

                คนขับรถม้ารีบพูดขึ้นมาทันที “โอ ไม่ใช่ธุระอะไรหรอกครับ เชิญตามสบายเลยครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                ในเมื่อไม่มีข้ออ้างอะไร กอร์ดอนจึงจำต้องขึ้นรถไปกับสองพี่น้องเมอร์เรย์ เขามองลอร์ดฟาริงดอนด้วยความสงสัย “คุณมีธุระอะไรหรือครับ?”

                “อ๋อ มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรหรอก ผมเห็นว่าคุณหยุดงานวันนี้ เลยมาชวนไปนั่งรถเล่น” เขาพูดแล้วยิ้มให้ช่างตัดเสื้อ “อากาศร้อนนะ”

                “อ้อ ครับ... พอดีผมเดินมาด้วย เลยถอดเสื้อโค้ทถือไว้”

                “ผมเห็นล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เสื้อผ้าและการแต่งตัวของคุณดูน่าสนใจทีเดียว ตอนผมเจอคุณครั้งแรก คุณสวมเสื้อโค้ทตัวเก่า แต่ตัดเย็บอย่างดี ชี้ให้เห็นว่าถ้าคุณไม่ใช่คนสมถะที่มีรสนิยมสูง ก็ต้องเป็นผู้ดีที่กำลังตกยากอยู่ แต่คุณกลับสวมหมวกเดอร์บี้ใบใหม่ แสดงว่าคุณไม่ได้มีฐานะลำบากมากนัก เมื่อประกอบกับเสื้อตัวเก่าก็ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณไม่ใช่คนที่สนใจด้านแฟชั่น แต่คุณสนใจหมวกเดอร์บี้ใบใหม่ใบนั้น และวันนี้คุณก็สวมมันออกมากับเสื้อเก่าอีกตัว มีเหตุการณ์อะไรพิเศษกับหมวกใบนี้รึเปล่า?”

                “โอ...” กอร์ดอนครางด้วยความประหลาดใจ “ข้อสังเกตของคุณทำผมทึ่งทีเดียว”

                ลอร์ดฟาริงดอนอมยิ้ม “ถ้าเป็นการละลาบละล้วงคุณเกินไป ผมก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ผมค่อนข้างชอบการวิเคราะห์ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมน่ะ มันเป็นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานในอนาคตของผม”

                “อ้อ ครับ... อันที่จริงแล้วหมวกใบนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก” เขาพูดแล้วก้มลงมองหมวกเดอร์บี้สีน้ำตาลในมือ “ตอนแรกผมคิดจะไปซื้อหมวกฮอมเบิร์ก แต่พอไปลองที่ร้านแล้วมันไม่เข้ากัน เลยเปลี่ยนมาซื้อหมวกใบนี้แทน”

                “หมวกฮอมเบิร์กหรือ?” ลอร์ดฟาริงดอนทวนคำ แล้วใช้ดวงตาสีฟ้าซีดของเขาจ้องช่างตัดเสื้อ “ผมคิดว่ามันคงไม่เข้ากับคุณเหมือนกัน ดีแล้วล่ะที่คุณเลือกหมวกใบนี้มาแทน”

                “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนพยักหน้า สายลมพัดมาต้องใบหน้าของเขา ภาพของกลุ่มอาคารสีทะมึนค่อยจางหายไปจากข้างทาง ภาพของทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณแทนที่เข้ามา แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สาดลงมา ขับเน้นให้พื้นที่เขียวชอุ่มอบอวลไปด้วยอุ่นไอของชีวิต กอร์ดอนมองทิวทัศน์ที่อยู่ล้อมรอบตัวเขาด้วยความชื่นมื่น “ว้าว หน้าร้อนนี่ดีจริงๆ”

                “ใช่ไหมล่ะ?” ลอร์ดฟาริงดอนพูด “หน้าร้อนเหมาะที่สุดแล้วที่เราจะออกมานั่งรถเล่น ตากแดด สูดอากาศดีๆ ให้เต็มปอด โดยเฉพาะวันที่ฝนไม่ตกแบบนี้”

                “จริงของคุณครับ แต่ผมไม่ค่อยมีโอกาสนักหรอก”

                “อ้อ ใช่... งานที่ร้านคุณคงวุ่นวายมาก ลำพังแค่งานของพ่อผมก็ควรจะทำให้คุณปวดหัวอยู่ล่ะ”

                “ไม่หรอกครับ ลอร์ดสวินดันเป็นลูกค้าที่ดีมาก”

                “ผมไม่เถียงคุณแล้วกัน” ลอร์ดฟาริงดอนพูดยิ้มๆ “วันพฤหัสฯเป็นไงบ้าง หลังผมกลับ จอห์นมีพูดอะไรแปลกๆ กับคุณรึเปล่า?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่มีหรอกครับ เขาไม่ได้พูดจาว่าร้ายคุณเลย”

                “โอ... ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น จอห์นไม่ใช่คนประเภทที่ชอบพูดถึงคนอื่นลับหลังในเชิงไม่ดีอยู่แล้ว” ท่านเอิร์ลว่า ก่อนจะโน้มตัวลงมาเอาศอกตั้งบนหัวเข่า

                “เขาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุผลเรื่องที่เขาซื้อชุดน้ำชานั่นให้คุณเลยหรือ?”

                “ไม่ครับ ก็มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขานี่ครับ”

                “คุณคิดแบบนั้นจริงๆ นะ?”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ทำไมคุณสนใจเรื่องนี้นักล่ะครับ?”

                “ไม่รู้สิ” ลอร์ดฟาริงดอนพูด แล้วยืดตัวกลับไปตามเดิม “งั้นเรื่องที่ผมให้กระปุกชาคุณก็เป็นเรื่องปกติเหมือนกันใช่ไหม?”

                “ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้สึกแบบนั้น ไม่ใช่หรือครับ?” กอร์ดอนถามอย่างฉงน ลอร์ดฟาริงดอนจ้องเขาอยู่อึดใจใหญ่ๆก่อนะพยักหน้า

“อืม มันก็แค่กระปุกชา”

กอร์ดอนพูดต่อ “อันที่จริงผมเคยคุยกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เขามีความสนใจเรื่องชาไม่น้อยทีเดียว ผมคิดว่าพวกคุณสองคนพี่น้องน่าจะชอบอะไรคล้ายๆ กัน”

“ก็ไม่เชิงหรอกนะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ได้ยินเสียงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบกลับมา

                “เป็นฝาแฝดไม่จำเป็นต้องชอบอะไรเหมือนกันหรอกนะ ข้อนั้นฉันขอยืนยันกับนายเลยว่ามันไม่จริง”

                “โอ้... หรือครับ”

                “ใช่ นิสัยของพวกเราไม่เหมือนกันหรอก ความชอบก็ไม่เหมือนกันด้วย”

                “ผมคิดว่าคนที่โตมาด้วยกันจะชอบอะไรคล้ายๆ กันเสียอีก”

                ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ “แมกกี้กับฉันไม่ได้โตมาด้วยกันหรอก อืม... อันที่จริงสมัยเด็กๆ เราก็เคยอยู่ด้วยกันนะ แต่พอโตหน่อยพวกเราก็แยกบ้านกัน อันที่จริงแล้วฉันชอบมากนะตอนเรายังอยู่ด้วยกัน มันสนุกมากเวลาพ่อแยกไม่ออกว่าเราเป็นใครกันแน่ ใช่มั้ยแมกกี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ใช่ เพราะนายทำท่าโง่ๆ เลียนแบบฉันได้เหมือนมาก ฉันว่านายนั่นแหละเป็นสาเหตุทำให้พ่อต้องแยกเราออกจากกัน”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะชอบใจ “พ่อเราเป็นคนประหลาดในทุกเรื่องเสมอ”

                รถม้าแล่นไกลออกมาทุกที สุดท้ายก็ทิ้งตัวเมืองสีดำทะมึนของลอนดอนเอาไว้เบื้องหลัง ท้องฟ้าสีน้ำเงินครามลอยอยู่สูงเหนือศีรษะ ตลอดสองข้างทางมีแต่ทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้ป่าเบ่งบานอวดสีสันของตัวเอง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลดความเร็วของรถม้าลง เพื่อให้คนในรถได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างได้อย่างเต็มที่

                “ว้าว บึงน้ำนั่นสวยมาก” กอร์ดอนโพล่งออกมา เมื่อรถแล่นผ่านบึงเล็กๆ ที่มีต้นโอ๊กและต้นเอมขึ้นล้อมรอบ

                “ลงไปเดินเล่นกันไหมล่ะ?” ลอร์ดฟาริงดอนถาม ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หยุดรถม้าลง กอร์ดอนสั่นศีรษะ

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเกรงใจเจ้าของที่ดิน เขาคงต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่”

                “อ้อ... เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า พูดจบเขาก็เปิดประตูรถม้าออกแล้วกระโดดลงไป “มาเถอะคุณโอเดนเบิร์ก ไปเดินเล่นกัน”

                กอร์ดอนกระโดดตามลงมาด้วยความเกรงใจ ลอร์ดฟาริงดอนเดินนำเขาตัดผ่านกลุ่มต้นโอ๊กและต้นเอมที่แผ่กิ่งก้านสาขาสวยงามเข้าไปยังบึงน้ำดังกล่าว พอพ้นจากทิวไม้ ที่อยู่ด้านหลังบึงน้ำ คือคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่ทำจากอิฐสีขาวทั้งหลัง

                “โอ... ผมไม่รู้ว่ามีคฤหาสน์ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย” กอร์ดอนพูดด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า

                “แน่นอน เพราะคุณไม่เคยมาที่นี่” เขาเดินนำช่างตัดเสื้อลงไปที่บึง บนผิวน้ำมีหงส์สี่ห้าตัวว่ายน้ำเล่นอยู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินตามหลังโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร

                “มันช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก” ช่างตัดเสื้อพูดด้วยความประทับใจ พอมองจากมุมที่พวกเขายืนอยู่ คฤหาสน์สีขาวหลังนั้นดูตระหง่านท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวและต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รายล้อมมัน รวมถึงบึงน้ำที่อยู่ด้านหน้าด้วย ลอร์ดฟาริงดอนหันมองเขาแล้วยิ้มอีก

                “ว่ายน้ำกันมั้ย คุณโอเดนเบิร์ก วันนี้อากาศร้อนอยู่นะ”

                กอร์ดอนรีบสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมว่ายน้ำไม่เป็น”

                “งั้นหรือ? ไม่เป็นไรหรอก น้ำตื้นๆ แค่นี้เอง”

                “โอ ไมกี้ ฉันว่าเราไม่ควร...”

                “นายก็ลงมาด้วยกันเลยแมกกี้ เราไม่ได้ว่ายน้ำด้วยกันมานานแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนชวน ก่อนจะถอดเสื้อออกจนเหลือแค่เสื้อเชิ้ตตัวในกับกางเกง กอร์ดอนร้องออกมา

                “โอ ท่านลอร์ด คุณจะเปียกมากนะครับ พวกเรายังต้องนั่งรถกลับอีกนะ”

                “ผมไม่ได้ปัญญาอ่อนนะคุณโอเดนเบิร์ก” ลอร์ดฟาริงดอนพูดยิ้มๆ “เห็นคฤหาสน์สีขาวตรงนั้นมั้ย? เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่น คุณก็ลงมาด้วยกันเลย ใจคอจะยืนดูอยู่ริมฝั่งเฉยๆ หรือ?”

                “ไม่ดีกว่าครับ ผมว่ายน้ำไม่เป็น จะลำบากพวกคุณเปล่าๆ”

                ลอร์ดฟาริงดอนขยับมาหยุดยืนตรงหน้าเขา “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมไม่ชอบเลยเวลารู้สึกว่าตัวเองใจอ่อน”

                “แต่ผม...”

                “ลงน้ำกับผมเถอะ โอเดนเบิร์ก อากาศดีๆ แบบนี้เราควรจะได้เล่นน้ำกันนะ คุณจะรู้เองว่ามันดีมาก และไม่ใช่เรื่องที่ควรปฏิเสธเลย”

                “อา...” สุดท้ายกอร์ดอนก็ต้องถอดเสื้อกั๊กและรองเท้าออก เพราะไม่รู้ว่าจะหาทางไหนมาปฏิเสธลอร์ดฟาริงดอน ฝ่ายนั้นดึงเขาลงไปในน้ำ มันเย็นจนช่างตัดเสื้อขนลุกเกรียวทั้งตัว

                “เย็นมากนะครับเนี่ย”

                “ใช่” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ฤดูเดียวที่คุณจะกระโดดลงเล่นน้ำแบบนี้ได้คือฤดูร้อนนี่แหละ” พูดจบเขาก็ดึงกอร์ดอนลงไปในจุดที่ลึกขึ้น ช่างตัดเสื้อขืนตัวไว้ด้วยความตกใจ

                “โอ ท่านลอร์ด ผมว่ายน้ำไม่เป็น”

                “ไม่เป็นไร คุณเกาะไหล่ผมไว้ก็ได้” พูดจบเขาก็ฉวยมือของช่างตัดเสื้อขึ้นมาวางบนไหล่ “พอผมนับหนึ่งถึงสาม คุณก็กลั้นหายใจนะ พวกเราจะดำน้ำกัน”

                “หา?”

                “หนึ่ง... สอง... สาม...”

                กอร์ดอนรีบกลั้นหายใจ ก่อนที่ลอร์ดฟาริงดอนจะดึงเขาลงไปในน้ำ ทันทีที่ใบหูของเขาจมลง เสียงทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความเงียบงันของอากาศกลายเป็นเสียงพึมพำของสายน้ำ กอร์ดอนลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าของเขาพร่ามัวเล็กน้อย เขามองเห็นฟองอากาศผุดพรายออกมาจากฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่ทางนั้นจะดึงตัวเขากลับขึ้นไป

                “เป็นไง?”

                ช่างตัดเสื้อกะพริบตาเพื่อไล่น้ำสองสามครั้ง ก่อนจะถอนหายใจแรง “ก็... ไม่เลวครับ”

                “คุณต้องเริ่มจากการรู้จักผ่อนลมหายใจใต้น้ำก่อน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เอาล่ะ เดี๋ยวคุณกลั้นหายใจแล้วเราจะลงไปอีกครั้ง คราวนี้คุณค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมานะ ช้าๆ ไม่ต้องเร็ว หนึ่ง... สอง... สาม...”

                กอร์ดอนลงมาอยู่ใต้น้ำอีกครั้ง เขาพยายามผ่อนลมหายใจอย่างที่ลอร์ดฟาริงดอนบอก ฟองอากาศกระจายอยู่ตรงหน้า ตามด้วยเสียงปุ๋งๆ ที่สะท้อนเข้าหู พวกเขาผุดขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง

                “ใช้ได้ คุณยังไม่สำลัก ลองอีกทีนะ”

                พวกเขาทดลองดำน้ำกันอีกหลายครั้ง จนช่างตัดเสื้อเริ่มรู้สึกคุ้นชิน

                “คุณดำได้นานขึ้นกว่ารอบตะกี้นะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า พลางปาดน้ำออกจากหน้า กอร์ดอนหัวเราะ ขณะยกมือเช็ดน้ำออกจากดวงตา

                “ไปที่ลึกกว่านี้อีกหน่อยไหม คุณจะได้ลองเรียนรู้วิธีลอยตัว” ลอร์ดฟาริงดอนค่อยๆ พยุงตัวของช่างตัดเสื้อลงน้ำลึกไปเรื่อยๆ กอร์ดอนจับไหล่ฝ่ายนั้นเอาไว้แน่น พลางหันมองบึงกว้างเบื้องหน้า ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนจับจ้องใบหน้าของช่างตัดเสื้อแน่วนิ่ง จังหวะที่กอร์ดอนหันกลับมา ปลายจมูกของทั้งคู่ก็สัมผัสกันพอดี

                “ไมกี้!”

                ลอร์ดฟาริงดอนสะดุ้งเฮือก เขาหันไปมองต้นเสียงก็เห็นน้องชายยืนตีหน้าบึ้งอยู่ที่ริมตลิ่ง “นายควรจะขึ้นมาได้แล้ว พวกนายไม่ควรจะแช่น้ำนาน โดยเฉพาะกอร์ดอน เขาอาจจะไม่สบายได้”

                “อ้อ... ถูกของนาย” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ พาช่างตัดเสื้อกลับมาที่ริมตลิ่ง ลอร์ดฟาริงดอนหยิบเสื้อโฟลกโค้ทของตัวเองมาคลุมให้กอร์ดอนอีกชั้น ระหว่างที่ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์สีขาวที่อยู่หลังบึงนั้น

                ประตูไม้บานใหญ่ของคฤหาสน์ถูกเปิดออกทันทีที่รถม้าแล่นเข้าไปถึง คนรับใช้สองคนและหญิงรับใช้อีกหนึ่งคนรีบวิ่งออกมาต้อนรับผู้มาเยือน

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ/ครับนายท่านไมครอฟ นายท่านแมกซิมิลเลียน”

                ลอร์ดฟาริงดอนทักกลับ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ไปจุดไฟในเตาผิงที่ห้องรุ่งอรุณ แล้วเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ฉัน กับเสื้อคลุมอีกตัวนะ”

                “ครับ นายท่าน” คนรับใช้พอรับคำสั่งแล้วก็รีบไปทำหน้าที่ของตนทันที ลอร์ดฟาริงดอนหันมาหากอร์ดอนอีกครั้ง

                “ยินดีต้อนรับสู่กรีนไวท์เทอเรส บ้านของผมเอง”

-------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 12-04-2017 12:03:00
                เตาผิงมีไฟลุกโชนอยู่แล้วตอนที่พวกเขาสามคนไปถึงห้องรุ่งอรุณ ซึ่งเป็นห้องรับแขกที่เล็กที่สุดในจำนวนสามห้องของคฤหาสน์กรีนไวท์เทอเรส ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกตกแต่งอย่างสวยงามและประณีต มีรูปวาดของลอร์ดฟาริงดอนกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ยืนคู่กันแขวนอยู่ เป็นที่รู้กันว่าลอร์ดฟาริงดอนจะใช้ห้องนี้ในการรับรองแขกที่มีความสนิทสนมมาก คนรับใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาวางให้ ลอร์ดฟาริงดอนสั่งให้กอร์ดอนถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกเพื่อให้คนรับใช้เอาไปผึ่งให้แห้ง และสวมเสื้อคลุมแทนระหว่างรอ กอร์ดอนนิ่วหน้าด้วยความไม่มั่นใจ เพราะเสื้อคลุมที่เขาสวมนั้นหลวมเอาเรื่องเลยทีเดียว

                “ผมแน่ใจว่าเสื้อผ้าของคุณคงแห้งก่อนบ่ายสอง ไม่ต้องทำหน้ากังวลแบบนั้นหรอก ผมคงไม่ชอบที่จะได้เห็นคุณใส่ชุดหลวมแบบนี้เดินออกไปจากที่นี่เหมือนกัน”

                “ผมคงไม่กล้าเดินออกไปทั้งแบบนี้หรอกครับ” กอร์ดอนบอกตามตรง ผมของเขายังชื้นอยู่ แต่เนื้อตัวเช็ดจนแห้งสนิทแล้ว ลอร์ดฟาริงดอนชี้ให้เขานั่งบนเก้าอี้นวมข้างตัว ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินไปรินบรั่นดีมาให้

                “ดื่มเสียหน่อย นายน่าจะรู้สึกสบายขึ้น” เขาพูดพลางส่งแก้วบรั่นดีให้ช่างตัดเสื้อ คนรับพยักหน้า

                “ขอบคุณมากครับ”

                กอร์ดอนจิบบรั่นดีแก้วนั้นก่อนจะถอนหายใจ ลอร์ดฟาริงดอนจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา “โอเดนเบิร์ก”

                “ครับ?”

                “เล่นน้ำสนุกมั้ย?”

                “เอ่อ... ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผมครับ”

                “ไม่ชอบงั้นสิ?”

                “โอ... บอกไม่ถูกหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าชอบเหมือนกันครับ”

                “เอาเถอะ ไม่เป็นไร” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “แล้วชอบที่ได้ออกมานั่งรถเล่นแบบนี้รึเปล่า?”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “ครับ ผมไม่เคยนึกถึงการออกมานั่งรถเล่นในวันอาทิตย์มาก่อน คือมันค่อนข้างเป็นวันที่เงียบสงบและผมคิดว่าควรจะอยู่ที่บ้านมากกว่า”

                “หรือไม่ก็เพราะคุณไม่มีใครออกมานั่งรถเล่นเป็นเพื่อน นั่งรถเล่นคนเดียวไม่สนุกหรอก ใช่ไหมล่ะ?” ลอร์ดฟาริงดอนพูดพลางมองอีกฝ่าย กอร์ดอนนิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าอีก

                “คงใช่ครับ ทุกคนหยุดวันอาทิตย์กันหมด ให้ผมนั่งรถคนเดียวคุยกับสารถีก็กระไร” พูดจบเขาก็หัวเราะเขินๆ จนลอร์ดฟาริงดอนสงสัย

                “ทำไมคุณหัวเราะแบบนั้น?”

                “โอ... ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่คิดว่าตลกดีเหมือนกันที่ผมได้ออกมานั่งรถเล่นกับคุณ มันเป็นเรื่องที่ดูไม่น่าเชื่อเลย”

                “ใช่ มันไม่น่าเชื่อเลย ผมเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน” ลอร์ดฟาริงดอนพูดแล้วหัวเราะออกมาเช่นกัน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้

                “ระหว่างรอเสื้อคุณแห้ง เรามาเต้นรำกันดีกว่า”

                “เอ๋?”

                โดยไม่รอให้กอร์ดอนพูดอะไรต่อ ลอร์ดฟาริงดอนเดินมายุดมือของเขาให้ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปหาน้องชาย “แมกกี้ เล่นเพลงสนุกๆ สำหรับเต้นรำให้ฉันหน่อยสิ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกจากเก้าอี้นวม เดินไปนั่งหลังแกรนด์เปียโนตัวสวยที่วางอยู่ในห้อง เขาเปิดฝาครอบคีย์ออก แล้วไล่นิ้วลงไปบนคีย์สีงาช้าง

                “ไม่เอา Moonlight sonata สิแมกกี้ ขออะไรที่มันสดใสกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยมองพี่ชายแว้บหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่นเปียโนต่อ ท่วงทำนองหวานซึ้งของเพลง Spring waltz ค่อยดังขึ้น

                “ให้ตาย แมกซ์ ไม่เอาโชแปง มันทำให้ฉันนึกถึงจอร์จ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สูดหายใจลึก “นายอยากให้ฉันเล่นเพลงอะไร บอกมาเลยดีกว่า”

                ลอร์ดฟาริงดอนนิ่งคิดไปอึดใจ “Strauss, Blue danube ก็ได้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงดีดเปียโนอีกครั้ง คราวนี้เสียงเพลง Blue Danube ก็ดังขึ้น ลอร์ดฟาริงดอนดึงตัวกอร์ดอนไปโอบไว้ ช่างตัดเสื้อรีบสั่นศีรษะทันที

                “ท่านลอร์ด ผมเต้นรำไม่เป็นครับ”

                “ไม่เป็นไรหรอก เต้นรำง่ายจะตายไป” ลอร์ดฟาริงดอนว่า จากนั้นก็เริ่มก้าวเท้าตามจังหวะเพลง กอร์ดอนเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามด้วยความรู้สึกตกใจ เขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่านี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง “ท่านลอร์ด ผมไม่...”

                ลอร์ดฟาริงดอนดึงตัวเขาเข้าไปชิดกว่าเดิม กอร์ดอนหน้าซีด เขาหันไปมองทางอื่นทันที ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดขึ้น

                “คุณโอเดนเบิร์ก เต้นรำต้องมองหน้าคู่เต้นนะ คุณจะไม่ให้เกียรติผมสักหน่อยหรือ?”

                “โอ... ท่านลอร์ด” กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เต็มใจนัก “ผมรู้สึกไม่สบายครับ”

                ลอร์ดฟาริงดอนเลิกคิ้วขึ้น พอเห็นสีหน้าของช่างตัดเสื้อเขาก็อุทานออกมา “ให้ตาย... คุณโอเดนเบิร์ก”

                เขารีบพากอร์ดอนกลบมานั่งที่เก้าอี้นวมทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หยุดเล่นเปียโน “เกิดอะไรขึ้น?!”

                “คุณโอเดนเบิร์กไม่ค่อยสบาย หน้าเขาซีดมาก รินบรั่นดีมาหน่อย”

                คนเป็นน้องชายรีบลุกจากเปียโน ตรงไปรินบรั่นดีมาให้พี่ชายทันที ลอร์ดฟาริงดอนยื่นแก้วบรั่นดีแนบเข้ากับริมฝีปากของช่างตัดเสื้อ “ดื่มนี่หน่อยนะ”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขาเลื่อนมือของอีกฝ่ายออก ก่อนจะเงยขึ้นมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ผมอยากกลับบ้าน”

                “ได้ คุณจิบบรั่นดีแล้วนั่งพักสักหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะให้คนพาคุณไปส่งที่บ้าน” ลอร์ดฟาริงดอนพูด พลางมองช่างตัดเสื้อด้วยความเป็นห่วง “ผมจะออกไปข้างนอกสักครู่ คุณพักให้สบายเถอะ”

                พูดจบ ลอร์ดฟาริงดอนก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตรงเข้ามาหากอร์ดอนทันที “นายเป็นอะไรไป?”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา “ท่านลอร์ดครับ ผมไม่สบายใจเลย พี่ชายคุณ... เอ่อ... เขาดูแปลกๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขาก่อนจะถอนหายใจ “คือ... ไมกี้ เขา... เฮ้อ ให้ตาย” ลอร์ดหนุ่มคราง ก่อนจะใช้ดวงตาสีฟ้าซีดจ้องช่างตัดเสื้อ “นี่เป็นเรื่องแย่มาก กอร์ดอน แย่ที่สุดอย่างที่ฉันไม่คาดว่าจะเกิดกับพี่ชายของตัวเอง”

                “เกิดอะไรขึ้นกับลอร์ดฟาริงดอนครับ?” กอร์ดอนถามด้วยสีหน้าวิตก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจใหญ่ ก่อนจะสั่นศีรษะ

                “เดี๋ยวฉันจะไปส่งนายที่ร้าน ฉันอยากให้นายลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เสีย และอย่าเล่าให้จอห์นนี่ฟัง ขอร้องล่ะ อย่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เขาฟังนะ” ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนกอร์ดอนจำต้องพยักหน้าตาม อีกฝ่ายให้เขาขยับไปนั่งใกล้เตาผิง ก่อนจะเรียกคนรับใช้มาสั่งความ จากนั้นไม่นานกอร์ดอนก็ได้สวมเสื้อผ้าชุดเดิม แม้ว่ามันจะยังชื้นอยู่ แต่เขาก็รู้สึกดีที่จะได้กลับบ้านเสียที

-------------------------------------

                ลอร์ดฟาริงดอนกำลังรินวิสกี้ให้ตัวเองอยู่ในบาร์เหล้าในคฤหาสน์ของเขาเอง เขาเงยหน้าขึ้นทันทีที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปิดประตูเข้ามา

                “นายไปส่งโอเดนเบิร์กถึงที่ร้านแล้วใช่ไหม? เขาพูดถึงฉันว่าไงบ้าง?”

                น้ำเสียงของลอร์ดหนุ่มส่อเค้าความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่ฉาบรอยยิ้มอยู่เสมอ บัดนี้ดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีฟ้าซีดสั่นระริกระหว่างรอคำตอบจากน้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพี่ชายฝาแฝดของเขาอย่างสะทกสะท้อนใจ

                “ไม่ เขาไม่ได้พูดอะไรถึงนาย”

                “เขา... ไม่พูดอะไรถึงฉันเลยหรือ?” น้ำเสียงของลอร์ดฟาริงดอนเหมือนจะยินดีก็ไม่ใช่ เสียใจก็ไม่เชิง เขายกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มอีกอึกหนึ่ง ก่อนจะถอนใจยาว

                “คงจะดีกว่า ถ้าเขาพูดอะไรสักอย่าง แต่ช่างเถอะ... ด้วยฐานะอย่างเขาคงไม่กล้าพูดอะไรมากอยู่แล้ว”

                ลอร์ดหนุ่มเขย่าแก้ววิสกี้ แล้วพูดต่อ “ตะกี้ตอนที่เต้นรำกัน เขาทำหน้าตกใจกลัวมาก เขาคงรู้สึกตัวแล้วว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ” เขาเว้นจังหวะ พลางเม้มปากด้วยความขัดใจ “ฉันไม่เคยตกใจปฏิกิริยาของคนอื่นที่มีต่อตัวเองขนาดนี้เลย แมกซ์ แว้บนั้นฉันคิดขึ้นมาว่าเขาคงรังเกียจฉันแล้ว และนั่นทำให้ฉันผิดหวังกับตัวเองมาก”

                เขายกวิสกี้ขึ้นจิบ “ฉันไม่ควรจะรุกไล่เขารวดเร็วแบบนี้เลย”

                “โอ... ไมกี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง เขาเดินเข้ามาหาพี่ชาย “ที่จริงแล้วฉันไม่สนับสนุนนายเรื่องนี้แต่แรก เขาเป็นผู้ชาย นายก็รู้ มันไม่มีทางเป็นไปได้”

                ลอร์ดฟาริงดอนถอนหายใจยาวอีกครั้ง “ฉันเข้าใจความหวังดีของนาย แมกกี้ และฉันก็ขอขอบคุณนายด้วย ที่สุดท้ายก็ยอมตามใจฉันทุกอย่างในเรื่องนี้” เขาหยุดพูดแล้วถอนใจอีก “เอาเถอะ อย่างน้อยฉันก็ได้มีช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่แอบหลงรักสักแว้บหนึ่ง แปลกดีเหมือนกันนะ ก่อนหน้านี้ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ตอนที่ได้ว่ายน้ำกับเขา ตอนที่ได้มองหน้าเขาบนรถม้า แต่พอได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา ฉันถึงได้รู้ว่าการถูกกระชากลงนรกเป็นยังไง”

                พูดจบเขาก็ยกแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบอีก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สังเกตเห็นว่าพี่ชายของตัวเองพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับมือไม่ให้สั่นตอนทำแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกปวดใจขึ้นมา

                “เรื่องนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับนายเลย ไมกี้”

                ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ใช่ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว บางทีพระเจ้าอาจจะอยากลงโทษฉันโทษฐานที่ทิ้งนายไปอินเดียตั้งเกือบสองปีก็ได้” เขาหันมามองน้องชายแล้วพยายามจะหัวเราะ “ฉันว่านี่ก็สาสมอยู่นะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์วางมือลงบนไหล่พี่ชายของตัวเอง ฝ่ายนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “ระหว่างที่นายเอารถม้าออกไปส่งเขา ฉันก็คิดขึ้นมาได้ว่า ฉันควรจะรีบจบเรื่องนี้เสียที มันไม่มีผลดีต่อใครเลย ไม่ว่าจะเป็นฉัน โอเดนเบิร์ก หรือกับนาย ฉันตัดสินใจแล้วแมกกี้ พรุ่งนี้ฉันจะไปโรมาเนีย อย่างที่พ่อเคยขอฉันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ฉันคงไปหลายเดือน ฉันเสียใจจริงๆ ที่ต้องทิ้งนายไปอีกแล้ว แต่ฉันคิดว่ามีแต่ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้ฉันไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องโอเดนเบิร์กได้”

                “ถ้ามันจะทำให้นายตัดใจจากเขาได้ ฉันยินดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บีบไหล่พี่ชายเบาๆ “ฉันยังอยากเห็นนายแต่งงานมีลูกอยู่นะ ไมกี้”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะออกมาได้ในที่สุด “ฉันคิดว่าตัวเองควรต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน” เขาถอนใจอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “มีอีกเรื่องที่ฉันจะขอร้องนาย”

                “อะไรหรือ?”

                “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ นายระวังอย่าให้จอห์นทำลายโอเดนเบิร์กเป็นอันขาด ฉันแน่ใจว่าด้วยนิสัยแบบเขา ต้องไม่ยอมปล่อยมือจากใครง่ายๆ แน่ ถ้าโอเดนเบิร์กจะรู้สึกกลัวเขาเหมือนกลัวฉันก็คงจะดีไป แต่ฉันสังหรณ์ว่ากับจอห์นแล้วเขาจะไม่รู้สึกแบบนั้นน่ะสิ”

                “โอ... ไมกี้ ช่างจอห์นนี่เถอะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “นายไม่ควรจะใส่ใจเขาเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะยอมปล่อยมือจากกอร์ดอนหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับนายอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากจะเสี่ยงทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้น ก็ปล่อยเขาไปเถอะ”

                “ไม่ได้” ลอร์ดฟาริงดอนพูดเสียงหนัก “ฉันไม่ได้สนใจว่าจอห์นจะทำเรื่องเสื่อมเสียหรือไม่ แต่ฉันคงทนไม่ได้ถ้าโอเดนเบิร์กจะถูกทำลายด้วยน้ำมือเขา นายก็รู้ว่าถ้าจอห์นมีปัญหาเรื่องนี้ขึ้นมา คนแรกที่จะโดนเก็บกวาดคือโอเดนเบิร์ก ฉันทนไม่ได้แน่ถ้ามันจะเกิดขึ้น นายเองก็สนิทกับจอห์นมากไม่ใช่หรือ นายต้องช่วยเขาอย่างที่ช่วยฉันสิ สัญญานะแมกกี้ ว่านายจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ฉันไม่อยู่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งมองพี่ชายอยู่อึดใจใหญ่ๆ สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า “ได้ ไมกี้ ฉันสัญญาว่าระหว่างที่นายไม่อยู่ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้กอร์ดอนกับจอห์นนี่มีปัญหาเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด”

---------------------------------------

                แม้ว่ากอร์ดอนจะรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ แต่พอถึงวันจันทร์ร้านของเขาก็วุ่นวายเสียจนเจ้าตัวไม่มีเวลาจะไปคิดหยุมหยิมเรื่องอื่น จักรที่ใช้งานอยู่ตัวหนึ่งเกิดเสียขึ้นมาอีก คราวนี้อาการหนักถึงกับต้องยกไปซ่อมที่ร้าน ขณะที่กอร์ดอนกำลังวุ่นวายเจรจากับช่างเพื่อขอจักรอีกตัวมาแทนที่จักรที่ต้องส่งซ่อม ลอร์ดสวินดันก็มาที่ร้านเพื่อดูผ้าสำหรับตัดเสื้อโค้ทตัวใหม่ เดวิดรีบเปิดประตูให้ท่านมาร์ควิสเข้ามาในร้าน ก่อนจะแจ้นไปตามกอร์ดอนทันที

                “โอ ทำไมลอร์ดสวินดันถึงมาตอนนี้ได้” กอร์ดอนคราง ก่อนจะหันไปต่อรองกับช่างซ่อมจักรต่อ “ผมต้องการจักรตัวใหม่ วันนี้เดี๋ยวนี้เลย”

                “แต่ที่ร้านขาดของครับ ถ้าคุณอยากได้จักรตัวใหม่ต้องรออีกสองสัปดาห์”

                “ให้ตายเถอะ เห็นมั้ยว่าที่นี่รีบแค่ไหน?!” กอร์ดอนพูดอย่างเหลืออด “ไปบอกคุณสตีเฟนสัน ว่าผมต้องการจักรมาแทนตัวที่จะยกเอาไปซ่อม สภาพไหนยังไงก็ได้ ให้มันเย็บได้ก็พอ ถ้าเขาไม่สามารถหาจักรมาแทนให้ผมได้ ผมเกรงว่าต้องพิจารณาหาร้านใหม่ในเร็วๆ นี้”

                “โอ... คุณโอเดนเบิร์กครับ ผมแน่ใจว่า...”

                “ไปบอกคุณสตีเฟนสันก่อน เขาให้คำตอบแล้วคุณค่อยมาบอกผมอีกที” ช่างตัดเสื้อตัดบท “ให้เร็วเลยนะคุณวีเซ็ตโต ตอนนี้ผมต้องขอตัวไปรับลูกค้าก่อน หวังว่าคุณจะกลับมาให้คำตอบผมก่อนเที่ยงนะ”

                “ครับ ได้ครับ”

                กอร์ดอนรีบขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาต้อนรับลูกค้าผู้ทรงเกียรติของเขา ลอร์ดสวินดันนั่งรออยู่แล้วบนโซฟารับแขกที่ด้านหน้าของร้าน เขาเป็นชายวัยห้าสิบกลางๆ ผมสีดำสนิท มีดวงตาสีเทาซีดน่ากลัว เบ้าตาลึก จมูกงุ้ม ริมฝีปากบางเฉียบถูกซ่อนเอาไว้ใต้หนวดที่ถูกเล็มมาเป็นอย่างดี ลอร์ดสวินดันเป็นชายร่างใหญ่อย่างที่ลูกๆ ของเขาได้รับมา เขาสวมเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้ม และกางเกงสีเดียวกัน ในตอนที่กอร์ดอนไปถึง เขากำลังฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันจันทร์และจิบชาที่เดวิดเพิ่งยกมาให้อยู่ โดยมีลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยืนสำรวมอยู่ด้านหลัง

                “อรุณสวัสดิ์ครับลอร์ดสวินดัน มีธุระอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?”

                ลอร์ดสวินดันวางหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะใช้ดวงตาสีเทาซีดมองเขา “อรุณสวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก ผมมาดูผ้าสำหรับตัดเสื้อโค้ท ผมต้องการด่วนก่อนวันศุกร์นี้ หวังว่าคุณจะจัดการให้ผมได้ทัน”

                “โอ... วันศุกร์นี้หรือครับ?” กอร์ดอนทวนคำ ก่อนจะพูดต่อ “ผมต้องขอดูตารางนัดสักครู่ครับ”

                “ตามสบาย” ลอร์ดสวินดันว่า ขณะที่กอร์ดอนล้วงเอาสมุดบันทึกรายการตัดเสื้อของลูกค้าออกมาจากอกเสื้อ

                “ท่านลอร์ดครับ ถ้าเป็นวันศุกร์ช่วงเช้า จะสะดวกไหมครับ?”

                “ไม่” ลอร์ดสวินดันสั่นศีรษะ “ผมจะใช้ในเช้าวันศุกร์ เร่งหน่อยได้ไหมโอเดนเบิร์ก นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ลูกชายคนโตของผมเพิ่งกลับมาจากอินเดีย และเขาก็เพิ่งจะขึ้นรถไฟไปโรมาเนียเมื่อเช้านี้ อย่างที่ผมเคยขอเขาเอาไว้หลายปี มันทำให้ผมค่อนข้างมีความสุขมาก และผมอยากได้เสื้อโค้ทตัวใหม่เพื่อใส่ไปโรมาเนียในวันศุกร์นี้ ผมหวังว่าคุณคงจะทำมันให้ผมได้ทัน”

                กอร์ดอนนิ่งคิดไปอึดใจ “งั้นคงได้ประมาณช่วงค่ำวันพฤหัสฯครับ ผมจะพยายามเร่งให้เสร็จก่อนสี่ทุ่ม ท่านสะดวกรึเปล่าครับ?”

                “ได้ ผมจะให้คนรอจนถึงเที่ยงคืน” ลอร์ดสวินดันพยักหน้า “มีผ้าเข้ามาใหม่ใช่ไหม?”

                “ครับ” ช่างตัดเสื้อรับคำ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินนำลูกค้าของเขาเข้าไปเลือกผ้าที่ด้านในของร้าน ลอร์ดสวินดันใช้เวลาเลือกผ้าสำหรับตัดชุดราวสิบห้านาที ก็นั่งรถม้ากลับ โดยทิ้งลูกชายคนรองเอาไว้ที่ร้านของเขา

                “อ้าว คุณไม่ได้กลับพร้อมลอร์ดสวินดันหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ เมื่อลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง คนถูกถามสั่นศีรษะ

                “ไม่ ฉันบอกเขาว่ายังมีธุระต้องทำ” พูดจบเขาก็มองกอร์ดอนเขม็ง “ขอเวลาฉันคุยอะไรกับนายเป็นการส่วนตัวสักห้านาทีได้มั้ย ฉันรู้ว่านายกำลังรีบ แต่ฉันมีเรื่องสำคัญ”

                กอร์ดอนหันไปโบกมือให้เดวิดออกไปก่อน แล้วจึงเชิญลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปนั่งที่โซฟา “คุณมีเรื่องอะไรหรือครับ?”

                “ไมครอฟไปโรมาเนียเมื่อเช้ากับรถไฟเที่ยวแรก เขาทำตามคำขอของพ่อที่เคยขอเขาเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน เขาจะไปที่นั่นหลายเดือน และพ่อฉันก็กำลังจะตามไปด้วย”

                “ครับ...?” กอร์ดอนมองเขาด้วยความสงสัย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพูดต่อ

                “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน นายยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังใช่ไหม?”

                “โอ... ไม่หรอกครับ ผมวุ่นวายจนไม่ทันได้นึกถึงมันเลย”

                “ดีแล้ว” สีหน้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ค่อยคลายกังวลลงหน่อย “ไมครอฟอาจจะทำเรื่องแปลกๆ กับนายไปบ้าง แต่มันเป็นแค่นิสัยชอบสนุกของเขาเท่านั้นเอง ฉันขอยืนยันว่ามันไม่มีอะไรแอบแฝง แต่นายไม่ควรเล่าให้จอห์นนี่ฟัง เพราะเขาอาจจะเข้าใจผิดได้”

                “อ้อ...” กอร์ดอนร้อง ก่อนจะยิ้มอย่างโล่งอก “งั้นหรือครับ ลอร์ดฟาริงดอนนี่เป็นคนแปลกมากจริงๆ ผมขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อวานแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีออกไป”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โบกมือ “ฉันไปล่ะ เจอกันวันพุธที่สโมสร”

                “ครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณครับ”

                “เช่นกัน”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่23p.12(4/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 12-04-2017 12:03:29
                หลังจากนั้นอีกสิบห้านาที กอร์ดอนก็ต้องออกไปเจรจากับเจ้าของร้านขายจักรด้วยตัวเอง กว่าจะได้จักรตัวใหม่มาแทนที่ร้าน เวลาก็ล่วงไปจนถึงบ่ายสอง เขากลับมาตัดผ้าสำหรับตัดชุดให้ลอร์ดสวินดัน และลูกค้าคนอื่นๆ ก่อนจะทำงานล่วงเวลาจนถึงสามทุ่ม

                พอเช้าวันอังคาร เขาก็ประกาศกับช่างในร้านว่า จะเคลียร์งานทั้งหมดของสัปดาห์นี้ให้เสร็จภายในวันศุกร์ และจะหยุดในวันเสาร์เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน แน่นอนว่าค่าล่วงเวลาก็จะจ่ายอย่างงามเช่นกัน

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะมาหาเขาในช่วงเย็นของวันพุธอย่างที่เคยทำประจำทุกสัปดาห์ ท่านเอิร์ลยังคงดูสดชื่นและร่าเริงเหมือนดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณในช่วงหน้าร้อนไม่มีผิด เขามีสีหน้าผิดหวังที่กอร์ดอนของดเข้าประชุมสโมสรในวันนี้ เพราะติดงานที่ต้องเร่งทำให้เสร็จ แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มแทบไม่หุบ เมื่อช่างตัดเสื้อพูดประโยคต่อมา

                “จอห์น วันเสาร์นี้คุณว่างไหมครับ? ผมอยากชวนคุณไปนั่งรถเล่นที่นอกเมืองสักหน่อย ผมมีบ้านพักหลังหนึ่งที่นีสเดน”

                “นีสเดน?” ลอร์ดหนุ่มทวนคำ “ใกล้กับอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปใช่ไหม? ผมเคยไปแล่นเรือกับตกปลาที่นั่น มันเป็นที่ที่ดีมากสำหรับหน้าร้อน แล้วก็เป็นลานสเก็ตที่ดีในฤดูหนาวด้วย” เขายิ้มด้วยความตื่นเต้น “เยี่ยมเลยกอร์ดอน หน้าร้อนต้องไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าการไปอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปอีกแล้ว ผมจะเอารถไป คุณมีเรือใช่ไหม ผมจะเอาเบ็ดไปด้วย ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณมีบ้านที่นั่น”

                “ครอบครัวผมเคยอยู่ที่นั่นครับ” กอร์ดอนตอบเขา “แต่พอพ่อกับแม่ผมเสีย ผมเลยย้ายมาอยู่กับปู่ที่ร้านเพราะสะดวกในการเดินทางมากกว่า ส่วนเรื่องเรือ ผมไม่แน่ใจว่าจะยังใช้ได้อยู่รึเปล่านะครับ เหมือนพ่อผมจะเคยมีอยู่ลำหนึ่ง”

                “ถ้ามันใช้ไม่ได้แล้วก็ไม่เป็นไรหรอก ผมแน่ใจว่าเราจะหาเช่าเอาจากชาวบ้านแถวนั้นได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ว้าว... นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมจะได้ไปเที่ยวกับคุณสองคน คุณมีอะไรให้ผมช่วยไหม? ผมอยากจะแน่ใจว่าคุณจะเสร็จงานภายในวันศุกร์นี้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมช่วยได้ รีบบอกผมเลยนะ”

                “ครับ แต่ผมคิดว่าทุกอย่างน่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในวันศุกร์ แล้ววันเสาร์คุณจะมากี่โมงครับ”

                “เอาตามที่คุณสะดวกเลย แต่ผมว่าเช้าหน่อยก็ดีนะ พวกเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ”

                “งั้นสักเจ็ดโมงเช้าเป็นไงครับ?”

                “ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แล้วเราจะค้างที่นั่นมั้ย คุณมีบ้านนี่นา ผมจะได้เตรียมเสื้อผ้า เราจะตกปลาแล้วเอาไปทำมื้อเย็นกัน นั่งดูดาวกันตรงสนามหญ้าหลังบ้านคุณ ผมว่าต้องโรแมนติกมากแน่”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ไม่ได้หรอกครับ วันอาทิตย์คุณต้องไปที่โบสถ์นะ”

                “แถวนั้นไม่มีโบสถ์หรือไง ผมไปโบสถ์ไหนก็ได้”

                “แต่คุณไม่ควรออกไปค้างแรมนอกบ้าน พ่อกับแม่คุณต้องเป็นห่วงมากแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมไปอเมริกาตั้งสามปีนะกอร์ดอน ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าผมจะอยู่บ้าน นี่... พวกเราค้างกันเถอะ เว้นเสียแต่ว่าคุณต้องรีบกลับมาทำงานวันอาทิตย์ ซึ่งผมว่าพระเจ้าคงผิดหวังมากที่คุณไม่เชื่อฟังพระองค์”

                “นีสเดนอยู่ใกล้แค่นี้เองครับ คงไม่ถึงขั้นต้องพักค้างหรอก” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดต่อ

                “คุณไม่อยากมีเวลาอยู่ด้วยกันกับผมสองคนหรือ?”

                กอร์ดอนรีบสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมอยากอยู่กับคุณตลอดเวลา” พูดจบเขาก็หน้าแดงด้วยความเขิน “แต่มันไม่สมควรที่ผมจะชวนคุณไปค้าง บ้านผมไม่ได้ใหญ่โตอะไร แถมไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้วด้วย”

                “แต่มันก็น่าจะพักได้ไม่ใช่หรือ? คุณมีคนดูแลรึเปล่า?”

                “ครับ ผมให้แม่ของเดวิดดูแลอยู่”

                “งั้นพวกเราก็ค้างกันเถอะ ถ้าคุณอยากอยู่กับผม”

                “แต่...”

                “คุณกังวลเรื่องที่เราจะผิดต่อพระเจ้าหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามแทรก อีกฝ่ายพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มเลยพูดขึ้นต่อ “งั้นไม่ต้องกังวลหรอก ผมสาบานไว้แล้วว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น ผมรักษาคำสาบาน”

                “แต่ที่บ้านคุณจะสงสัยเอาได้นะครับ” กอร์ดอนว่า “อย่าเลยจอห์น ผมไม่อยากเสี่ยงที่จะเสียคุณไป”

                “ผมอายุตั้งยี่สิบสี่แล้วกอร์ดอน ผมมีสิทธิ์จะไปค้างแรมที่ไหนก็ได้ พ่อกับแม่ไม่ว่าผมเรื่องนี้หรอก”

                “แต่คุณจะบอกพวกเขาว่าไงครับ? ไปค้างกับผมหรือ? ไม่ ผมว่าไม่เข้าท่าแน่ อย่าเลยจอห์น พวกเราไม่ต้องค้างหรอกครับ กลับดึกหน่อยก็ได้ ผมจะนั่งรถไปเป็นเพื่อนคุณถึงหน้าคฤหาสน์ แล้วผมค่อยเรียกรถม้ากลับอีกที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งเงียบไปอึดใจ สุดท้ายเขาก็พูดออกมา “เอางี้แล้วกัน ถ้าถึงวันเสาร์ ผมยังหาข้ออ้างดีๆ กับพ่อแม่ไม่ได้ พวกเราก็จะไม่ค้าง แต่ผมอยากให้คุณเตรียมตัวไว้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าผมหาเรื่องออกไปค้างกับคุณได้แน่ๆ” พูดจบเขาก็ยิ้มที่มุมปาก “ผมจะหาทุกเหตุผลเพื่อให้ได้ไปค้างกับคุณในวันเสาร์นี้”

                “ให้ตายเถอะจอห์น... ผมไม่น่าชวนคุณเลย” กอร์ดอนพูดพลางสั่นศีรษะ แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “คุณนี่ดื้อจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขามองหน้าช่างตัดเสื้อ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ตามด้วบริกรที่ยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟ

----------------------------------------

                ข่าวการไปโรมาเนียของลอร์ดฟาริงดอนทำให้เหล่าสมาชิกของสโมสรแบล็กเบิร์ดโล่งใจไปตามๆ กัน พวกเขาต่างพูดคุยกันถึงเรื่องที่ลอร์ดฟาริงดอนเคยทำเอาไว้สมัยที่ยังอยู่ลอนดอน มีตั้งแต่การแอบปลอมเป็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เพื่อมาล้วงความลับในทีมรักบี้ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ยาวไปถึงวีรกรรมที่เขาสลับตัวกับน้องชายกลางงานเลี้ยง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเต้นรำกับบรรดาเลดี้ทั้งหลายที่วาดหวังจะได้เป็นมาร์ชันเนสในอนาคต

                “เอาจริงๆ นะ แมกซ์ การที่ไมครอฟไปอินเดียทำให้นายดูเป็นตัวของตัวเองขึ้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องความประทับใจที่มีต่อลอร์ดฟาริงดอนเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อน ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ

                “ก็จริงของนาย แต่ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายฉัน”

                “เรื่องนั้นไม่มีใครเถียงนายหรอกแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงรีบจับรถไฟไปโรมาเนียล่ะ ฉันยังคิดว่าไมครอฟจะอยู่ป่วนพวกเราจนหมดฤดูร้อนนี้ด้วยซ้ำ อะไรทำให้เขานึกเฮี้ยนทำตามคำขอของลอร์ดสวินดันได้ ทั้งๆ ที่เขาทำเมินมันมาตั้งหลายปี”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้ายุ่งยากใจ “ฉันเดาความคิดของไมกี้ไม่ออกหรอก เขาอยากไปไหนเขาก็ไปทั้งนั้น”

                “เขาไม่ใช่จอห์นนี่สักหน่อย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้ง “ฉันรู้ว่าไมครอฟจะทำอะไรต้องบอกนายทุกเรื่อง เขากับนายเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน นี่ใจคอนายจะไม่บอกพวกเราหน่อยหรือ ว่าอะไรไล่ไมครอฟออกไปจากลอนดอนได้เร็วขนาดนี้ ฉันว่าคงไม่ใช่เพราะฉันกับพ่อของพวกนายแน่ ใช่ไหมล่ะ?”

                “จอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเครียด “ฉันมีสิทธิ์ที่จะเล่าหรือไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเขา ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายฉันนะ”

                เจมส์หัวเราะออกมา “อย่าตื๊อนักเลยน่าจอร์จจี้ แมกซ์ไม่กลัวฝีปากนายเหมือนพี่ชายเขาหรอกนะ ระวังเถอะนายจะถูกเขาเสียบด้วยไม้เท้า”

                “นั่นสิจอร์จจี้ นายควรจะให้เกียรติแมกซ์บ้าง อย่างน้อยๆ นั่นก็พี่ชายเขานะ” ลอร์ดครอฟตันว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเซ็ง

                “แต่ฉันอยากรู้นี่นา คิดดูสิ อะไรที่ทำให้คนอย่างไมครอฟต้องรีบออกจากลอนดอนทั้งที่เขาเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ด้วยซ้ำ นี่นะ ถ้าเป็นนาย นิกกี้ ฉันกล้าพนันเลยว่าเพราะนายโดนเบตตี้หักอกถึงต้องรีบหนีไปแบบนั้น”

                “ทำไมนายต้องมาพาดพิงฉันด้วย” นิโคลาสสวนทันที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่

                “เพราะมันเป็นสาเหตุเดียวที่ฉันนึกออก เวลาที่ใครต้องรีบย้ายที่อยู่กะทันหันน่ะซี่”

                “นายอย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานหน่อยเลยน่า” โรเบิร์ตว่า เจฟฟรีพยักหน้า อีธานพูดขึ้น

                “ว่าแต่นายเคยอกหักจนถึงขั้นต้องออกเดินทางกะหันหันด้วยหรือจอร์จจี้?”

                “ไม่เคยหรอก แต่ฉันรู้แล้วกัน” เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “หรืออันที่จริงพี่ชายนายแอบรักใครแล้วถูกหักอกนะแมกซ์ ฮ่าๆ เขากลับมาลอนดอนเพื่อจะขอเธอแต่งงาน แต่ก็พบว่าเธอแต่งงานไปแล้วใช่ไหมล่ะ? ว้าว ไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนกล้าหักอกลอร์ดฟาริงดอนอีกนะเนี่ย”

                “ถ้ามันจะทำให้นายสบายใจขึ้นนะจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เชิญนายคิดอย่างที่นายชอบได้เลย” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป

                “อ้าว เวรล่ะจอร์จจี้ นายทำเขาโกรธจริงๆ แล้ว”

                แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะทันได้พูดหรือขยับอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รีบเดินตามเพื่อนของเขาออกไป

-----------------------------

                “แมกซ์ เดี๋ยว!”

                คนถูกเรียกหันกลับมามอง “โอ้... จอห์นนี่ ให้เวลาฉันสงบสติอารมณ์สักพักเถอะ จอร์จทำฉันหงุดหงิดมาก ทำไมเขาถึงได้ตื๊อนัก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับปากจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เปิดประตูออกมาพอดี

                “แมกซ์ ฉันขอโทษ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อนที่ทำท่าสำนึกผิดอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ฉันให้อภัยนายจอร์จ กลับเข้าห้องเถอะ ฉันอยากจะสูบบุหรี่เงียบๆ สักสิบห้านาที”

                “ตกลงแมกซ์ ฉันจะรอนาย จะรินวิสกี้ไว้ให้” พูดจบลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็กลับเข้าห้องไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนแล้วถอนใจยาว ก่อนจะสั่นศีรษะ เขาเดินออกไปที่ระเบียงด้านหน้าของตึก แล้วดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปยืนข้างๆ แล้วยื่นไฟแช็คให้เขา

                “ขอบใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะสูดควันเข้าปอด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนมองฝ่ายนั้นอย่างเงียบงัน ท่ามกลางสายลมยามพลบค่ำที่พัดเอาความชื้นจากแม่น้ำเทมส์มาต้องผิว

                “บุหรี่นายหอมดีนะ กลิ่นนี้ไม่น่าใช่ยาสูบของทางใต้”

                “อ้อ ไม่ใช่หรอก เป็นยาสูบจากอินเดียนะ ไมกี้ให้ฉันมา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะหันไปมองเพื่อน “จอห์นนี่ นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือ? อย่างนายคงไม่เดินตามฉันออกมาเพื่อจะคุยเรื่องยาสูบหรอก”

                “นายสูบบุหรี่ให้ฉ่ำใจก่อนเถอะ เรายังมีเวลา จอร์จคงรอให้นายไปดื่มวิสกี้ที่เขารินได้หรอก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะอัดควันบุหรี่เข้าปอดอีกสองสามเฮือก แล้วดับมันทิ้ง “ฉันคงสูงไม่สะดวกใจ ถ้าถูกนายยืนจ้องแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ เขาเดินนำลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับเข้าไปในตัวอาคาร ก่อนจะสั่งให้ออตโตมานเปิดห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งห้อง

                “ฉันมีธุระสำคัญต้องคุยกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฉันอยากให้แกช่วยเฝ้าประตู และดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาแอบฟัง”

                “ครับ ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปิดประตูไม้บานเขื่อง ก่อนจะสั่งให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งบนเก้าอี้ที่วางอยู่กลางห้อง

                “นั่งลงแมกซ์ ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลง พลางมองเพื่อนด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องอะไรหรือจอห์นนี่?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ดวงตาสีเขียวจ้องเพื่อนของเขา “วันอาทิตย์ นายกับไมครอฟพากอร์ดอนไปไหน?”

                คนถูกถามรู้สึกชาไปครึ่งตัว เขาเผลอกำพนักเก้าอี้ในมือแน่น “กะ... กอร์ดอนเล่าให้นายฟังแล้ว?”

                ลอร์ดโทรว์บริดส์มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาถอนหายใจแรง ก่อนจะครางออกมา “โอ้ แมกซ์ แสดงว่ามันคือเรื่องจริง... ให้ตายเถอะ นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง?”

                “กอร์ดอนเล่าให้นายฟังว่าไง?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอย่างร้อนรน “เขาเล่าให้นายฟังเมื่อตอนเย็นใช่ไหม?”

                “ไม่ เขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังทั้งนั้น!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเกือบจะเป็นตะคอก ก่อนที่เจ้าตัวจะลดเสียงลง “เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวันอาทิตย์เลย ฉันรู้จากปากคนขับรถม้า... วันนี้อากาศดีแมกซ์ ฉันเลยให้โอลิเวอร์จอดรถม้าแล้วเดินไปที่ร้านของเขา ระหว่างทางฉันก็แวะคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยอย่างที่ฉันทำประจำ... มันเป็นแค่การเล่าสู่กันฟังธรรมดา คนขับรถม้าคนหนึ่งเล่าว่ามีคนขับรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่มารับกอร์ดอนเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งสารถีและคนที่นั่งอยู่ด้านหลังดูแล้วไม่น่าใช่คนสามัญธรรมดา โอ... แมกซ์ ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าอาจจะเป็นลูกค้าคนใดคนหนึ่งของเขาเกิดอยากจะตัดเสื้อกะทันหันเลยเอารถม้ามารับเขาถึงร้าน แต่ท่าทางของนายในสโมสรของเรา แล้วยังมีการไปโรมาเนียอย่างกะทันหันของไมครอฟ ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกัน แล้วมันก็เกี่ยวกันจริงๆ บอกฉันมานะแมกซิมิลเลียน ว่านายกับไมครอฟพากอร์ดอนไปที่ไหน แล้วพี่ชายของนายคิดอะไรอยู่กันแน่!”

                “โอ้ จอห์นนี่... ที่จริงแล้วมันก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไมครอฟแค่นึกสนุกอยากชวนกอร์ดอนไปนั่งรถเล่นเฉยๆ นายก็รู้ว่าเขามีความคิดแปลกๆ มาแต่ไหนแต่ไร”

                “นายเห็นฉันโง่หรือแมกซ์!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นเสียง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับตัวเองไม่ให้กระโจนไปกระชากคอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขึ้นมาจากเก้าอี้ “ไมครอฟให้กระปุกใส่ใบชาที่ทำจากงาช้างกับกอร์ดอนนะ เขาไม่ยอมตอบคำถามฉันด้วยซ้ำว่าทำไมถึงให้กระปุกชาราคาแพงขนาดนั้นกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาที แล้วนาย... นายที่เป็นเพื่อนรักของฉัน นายที่รู้เรื่องทุกอย่างของฉันกับกอร์ดอน แต่นายก็ยังจะพาคนอื่นไปพบเขา นายหยามศักดิ์ศรีฉันมากนะแมกซ์ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?!”

                เอิร์ลหนุ่มกำมือแน่นด้วยความโมโหจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมา เขามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยความผิดหวังอย่างที่สุด คนถูกมองขบกรามแน่น เขาเงยมองเพื่อนรักด้วยสายตาปวดร้าวไม่แพ้กัน

                “โอ... จอห์นนี่... ฉันไม่เคยนึกจะหยามศักดิ์ศรีนายเลย แต่จะให้ฉันทำอย่างไรเล่า เขาเป็นพี่ชายฉัน... เขาคือครึ่งหนึ่งของฉัน ฉันไม่คิดเลยว่าเรื่องบ้าๆ นี้จะเกิดขึ้นกับเขาได้ เขาเป็นเหมือนนาย... เขา... หลงรักคนคนเดียวกับนาย” ลอร์ดหนุ่มพยายามลดเสียงให้เบาที่สุด ทว่าความเจ็บปวดก็ยังคงเจือชัดอยู่ในคำพูดแผ่วเบา “ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาดูมีความสุข ในขณะเดียวกันเขาก็ดูสับสน มันทำให้ฉันวุ่นวายใจมาก เขาไม่รู้เรื่องพวกนายหรอก เขาแค่คิดว่านายเป็นของนายถ่ายเดียว เขาเป็นคนมาขอร้องฉันเองว่าให้ช่วยไปกับเขา... โอ... จอห์นนี่... ฉันไม่รู้ว่านายจะเข้าใจความรู้สึกฉันไหม... ข้างหนึ่งก็คือนายที่เป็นเพื่อนรักของฉัน อีกข้างหนึ่งก็คือพี่ชายที่ฉันรักที่สุด ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ฉันก็ไม่อาจหักใจเห็นพี่ชายของฉันทุรนทุรายไปกับการถวิลหาคนที่เขาแอบรักได้ และฉันก็ไม่อาจบอกเขาได้ว่าคนที่เขาแอบหลงรักมีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งก็คือนาย ฉันยอมรับผิดทั้งหมดจอห์นนี่... ฉันเป็นคนบอกกับกอร์ดอนเองว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง เขาไม่รู้หรอกว่าไมครอฟคิดอะไร เขาเชื่อที่ฉันพูดว่ามันเป็นแค่การเล่นสนุก ไม่มีอะไรเกินเลยระหว่างพวกเขาสองคนในวันอาทิตย์ ฉันสาบานได้ ฉันบอกนายเลยว่าฉันทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พี่ชายฉันถลำลึก และเขาก็คิดได้แล้ว เขาถึงได้ไปจากลอนดอนตั้งแต่วันจันทร์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ฉันนึกอยู่แล้ว” เขาคราง “ท่าทางของไมครอฟชวนให้สงสัยตั้งแต่แรก โอ้ ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่ไปนั่งรถเล่นกัน ก็ทำให้คนอย่างไมครอฟตัดใจจากกอร์ดอนได้”

                “นายเชื่อฉันเถอะจอห์นนี่ ไมกี้ตัดใจจากกอร์ดอนแล้ว อย่างน้อยๆ เขาก็เต็มใจที่จะทำแบบนั้น ฉันไปส่งเขาเองเมื่อวันจันทร์ เขานั่งรถไฟไปโรมาเนียแล้วจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่พักใหญ่ๆ “ฉันยังเชื่อใจนายได้อยู่อีกหรือแมกซ์?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “นายเชื่อใจฉันได้ตราบเท่าที่นายอยากจะเชื่อใจฉัน จอห์นนี่... ฉันอาจจะมีเรื่องหลายอย่างที่ไม่อาจเล่าให้นายฟังได้ แต่ฉันไม่โกหกนาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเพื่อนอยู่เป็นนาน สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมา “ได้ แมกซ์ ฉันจะเชื่อนาย”

                “ขอบใจ ฉันขอโทษด้วยที่ทำแบบนี้กับนาย อันที่จริงแล้วฉันคิดไว้เหมือนกันว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงเพื่อไม่ให้นายโกรธ”

                “ฉันต้องโกรธแน่แมกซ์ เหมือนนายแอบพาพี่ชายไปตีท้ายครัวฉัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงด้วยความละอาย “ฉันขอโทษ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งงันไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยกมือขึ้นโบก “ฉันให้อภัยนาย... แต่จะไม่มีครั้งที่สองสำหรับเรื่องแบบนี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า เขาเงียบไปอีกพักก็พูดขึ้นต่อ “มีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกนาย”

                “ว่ามา”

                “นายวางแผนจะทำยังไงกับกอร์ดอน นายไม่มีทางคบกับเขาแบบนี้ไปได้ตลอดชีวิตแน่ วันหนึ่งนายจะต้องแต่งงานและมีลูก เมื่อถึงวันนั้นถ้าเขาเกิดสร้างปัญหาให้นายขึ้นมา...”

                “จะไม่มีวันนั้นอย่างเด็ดขาด!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดสวน “นั่นคือปัญหาของฉันแมกซ์ และฉันรับรองว่ามันจะไม่เดือดร้อนไปถึงนาย”

                “มันไม่ใช่แค่ปัญหาของนาย จอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “นายยังมีพ่อแม่ มีญาติผู้ใหญ่อีก ถ้าพวกเขารู้ล่ะ? อะไรจะเกิดขึ้น? กอร์ดอนคือคนแรกที่จะถูกจัดการหากเรื่องนี้แดง นายจะให้เรื่องมันไปถึงขั้นนั้นหรือ?”

                “ไมครอฟให้นายมาเกลี้ยกล่อมฉันเรื่องนี้หรือ?!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามอย่างอดทน “เขาคิดว่าใช้ลูกไม้แบบนี้แล้วจะทำให้ฉันเลิกรากับกอร์ดอนได้งั้นหรือ?”

                “ไม่ จอห์นนี่ ไมครอฟไม่ได้อยากให้นายรามือจากกอร์ดอน เขาแค่ไม่อยากให้กอร์ดอนต้องเดือดร้อน เขารักกอร์ดอน และฉันแน่ใจว่าความรู้สึกนี้จะไม่หายไปจากหัวใจเขาง่ายๆ แต่เขาใจแข็งกว่านาย จอห์น เขายอมจากไป แทนที่จะทำตัวเองให้ถลำลึกแบบนาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถลึงตามองเพื่อนของเขา ก่อนจะถอนหายใจแรง “ไม่ แมกซ์ นายไม่เข้าใจหรอก ถ้าไม่มีเรื่องงานเต้นรำคืนนั้น ฉันก็คงจะทำอย่างไมครอฟเหมือนกัน ฉันจะไม่บอกให้นายถามพี่ชายนายหรอกว่าถ้าเขาได้รับความรักตอบจากกอร์ดอน เขายังจะกล้าไปโรมาเนียมั้ย? แต่สักวันหนึ่งแมกซ์ สักวันหนึ่งที่นายได้พบกับคนที่นายรักและคนคนนั้นก็รักนาย นายจะรู้ว่านายไม่อาจไปจากคนคนนั้นได้เลย”

---------------------------------------------

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าดีใจมากที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับเข้ามาในสโมสร เขารีบยกแก้ววิสกี้ไปให้เพื่อนอย่างเอาอกเอาใจ และพยายามเล่าเรื่องน่าอับอายของตัวเองเพื่อชดใช้เรื่องที่เขาทำให้เพื่อนรักต้องอารมณ์เสีย จนสุดท้ายลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็หัวเราะออกมา อีธานหันมากระซิบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “สโมสรของเราคงจะไม่สนุกเลยถ้าไม่มีจอร์จจี้”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าเห็นด้วย “เขาเป็นคนที่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนอื่นหัวเราะ เหมือนๆ กับที่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนอื่นสะบัดหน้าหนีไปจากเขานั่นแหละ”

                ทุกคนต่างพากันหัวเราะ พวกเขาดื่มวิสกี้และเต้นรำกันจนถึงสี่ทุ่ม จึงแยกย้ายกันกลับที่พัก

----------------------------------------------
(จบตอน)
.
การมาหลงรักกอร์ดอนของไมครอฟนี่มันคือหายนะของเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ  :ling3: คือมีหลายจุดที่สามารถพลิกเรื่องให้ทิ้งดิ่งลงไปสู่ถ้วยมาม่าแบบลึกสุดใจได้ทันที (ซึ่งเราจะไม่ยอมกล้ำกลืนมันลงไปอย่างแน่นอน) โดยเฉพาะฉากพากอร์ดอนลงน้ำนี่โคตรจะหมิ่นเหม่ต่อการดราม่าในทุกทิศทาง ตอนแรกเขียนไปแล้วกะจะให้กอร์ดอนจมน้ำ แต่พอเขียนไปเรื่อยๆ โอ๊ย นี่คือโคตรหายนะ แม้กอร์ดอนจะไม่ถึงตาย แต่จอห์นต้องไม่เอาไมครอฟไว้แน่ แล้วแมกซ์คือคนที่ลำบากใจที่สุด เค้าลางความหายนะดำมืดมาแต่ไกล สรุป แก้ใหม่ แก้ไปแก้มาก็เป็นอย่างที่เห็นค่ะ
.
ไมครอฟก็กินแห้วไป (อันที่จริงนางก็คงไม่ได้คิดจริงจังอะไรมากเหมือนจอห์นตอนแรก เสียแต่พอดีกอร์ดอนดันชอบตอบจอห์นไงคะ จอห์นเลยไม่ได้ไปกินแห้ว ต้องมากินดาร์กช็อกโกแล็ตแทน ฮ่าๆ) และแมกซ์ก็โดนจอห์นโกรธไปพอหอมปากหอมคอว่าพาพี่ชายไปตีท้ายครัวเขา (ถ้ากอร์ดอนจมน้ำนะแมกซ์ ประกันได้เลยว่าฉากในห้องจอห์นจะต้องต่อยนายคว่ำแน่ๆ)
.
ลอร์ดจอร์จผู้น่าสงสารโผล่มาด้วยบทนิดเดียว จริงๆ อยากใส่อีกแต่หาจังหวะลงไม่ได้ จอร์จผู้จมูกไวกับเรื่องแบบนี้ ฮ่าๆ จอร์จญาณทิพย์ 5555+ :laugh:
.
อันที่จริงเขียนตอนนี้จบก็กะว่าจะไปเขียนอีกเรื่องต่อให้เสร็จ แต่ว่าจอห์นยังไม่ได้ไปบ้านกอร์ดอนเลยอ่าาาา /คลำตอน25ต่อแบบงงๆ
.
ติดเขียนนิยายเรื่องนี้อย่างกับติดฝิ่น นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย :a5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-04-2017 13:27:55
ตอนกอร์ดอนลงน้ำยังไม่น่าลุ้นเท่ากับ แมกซ์อยู่ใหนห้องกับจอห์นเลย
เป็นแมกซ์ทำตัวไม่ถูกไหนจะพี่ชาย ไหนจะเพื่อนรัก อึดอัดแทนมากๆ
แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ขอบคุณคนเขียนมาก ที่ไม่ได้เตรียมมาม่ารอไว้
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 12-04-2017 15:11:20
รู้สึกสงสารทุกคนน เข้าใจที่จอห์นพูดนะ ว่าถ้ากอร์ดอนชอบไมกี้ตอบ ไมกี้จะยอมถอยไหม เราว่านางก่ไม่ถอยหรอก แต่นี่นางยอมไปเพราะกลัวกอร์ดอนจะรุ้ว่านางคิดอะไร แล้วรังเกียจกันมากกว่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-04-2017 15:18:11
เห็นใจ ไมครอฟ ที่หลงรักกอร์ดอน
นี่ถ้ากอร์ดอน ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของไมครอฟ
ไมครอฟ คงตื๊อต่อ ไม่เลิกแน่ๆ
แต่กับจอห์นนี่ แรกๆกอร์ดอน ก็รำคาญเหมือนกันนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-04-2017 16:48:53
 :L2: สำนวนดีเขียนได้ลื่นไหล น่าประทับใจมาก  :L2:  ขอบคุณครับ
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 12-04-2017 19:44:38
ชั้นรักเรื่องนี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-04-2017 22:25:11
นึกอยู่แล้วเชียวว่า แมกซ์ต้องทำตามที่ไมกี้ร้องขอ แต่ได้อยู่ในฝันสักชั่วคราวก็ยังดี

น่าเห็นใจคนอกหัก แต่แค่จอห์นคนเดียวชีวิตช่างตัดเสื้อตัวน้อย ๆ ก็สุ่มเสี่ยงจะถูกลบออกจากสารบบของลอนดอนพอแล้ว

จอห์นก็น่าเห็นใจ รักก็ยากแล้ว คนใกล้ตัวดันทำเหมือนหักหลังกันอีก

อีกมุมหนึ่งที่น่าประทับใจคือ มิตรภาพของสามคนนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 12-04-2017 23:52:52
ส่อเค้าลางมาม่ากะละมังโตๆเลยนะเนี่ย เฮ้ออออออ

สงสารไมกี้ก็สงสาร
แต่กอร์ดอนมีแววว่าจะน่าสงสารสุด
จอห์นจะทำยังไงต่อนะ
รอลุ้น รออ่าน รอมาม่า(เกร็งหนังตารอค่ะกลัวร้องไห้)
สู้ๆนะทุกคน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-04-2017 01:15:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 13-04-2017 02:22:27
จอห์นนี่หูตาเป็นสับปะรดเหมือนกันแฮะ แต่ยังสู้จอร์จจี้จิตสัมผัสไม่ได้  :hao7:
ตอนที่แม็กซ์ถูกเค้นนี่ลุ้นยิ่งกว่าตอนไมค์กี้เกือบจูบกอร์ดอนอีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 13-04-2017 15:19:36
เหมือนที่คิดไว้ไม่ผิด ลอร์ดแมกซ์หนักใจที่สุด เหมือนความรักของลอร์ดฟาริงดอนจะกลายเป็นอากาเปไปแล้วเรียบร้อย?
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-04-2017 12:40:49
อ่านไปอ่านมาเกิดคำถามว่า เอ้ย ถ้าเป็นแม็กจะทำยังไงดี
ปวดหัวแทนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 15-04-2017 18:37:19
สนุกมากกกกก อ่านรวดเดียวจบเลย

มาต่อเร็วๆน้า\(^0^)/
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-04-2017 20:34:36
** แก้ไขการเรียนชื่อแอนนาเบลในตอน5 เป็นมิสเฮเก้นต์สำหรับลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ แทนนะคะ เนื้อหาส่วนอื่นในตอนมีการปรับแก้เล็กน้อยเพื่อให้รับกับเนื้อเรื่องที่จะเขียนต่อไปค่ะ**

Dear, My customer.

ตอนที่25 อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป


            วันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์แต่งตัวและลงมาหาพ่อของเขาที่ห้องเขียนจดหมายตั้งแต่ก่อนมื้อเช้า ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับลอร์ดบาธเป็นอย่างมาก เขาถึงกับถอดแว่นสายตาที่สวมอยู่ออก เพื่อที่จะได้มองหน้าลูกชายตัวดีได้ชัดๆ

                “วันนี้แกจะมาขออะไรอีกล่ะจอห์น” พ่อของเขาพูดหลังจากที่ทั้งคู่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้มานั่งข้างพ่อของเขา ก่อนจะหัวเราะเขินๆ

                “ผมจะมาขอพ่อไปค้างที่บ้านเพื่อนแถวๆ นีสเดน ช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ครับ”

                “นีสเดน?” ลอร์ดบาธทวนคำ “บ้านใคร? อีธานหรือ?”

                “ไม่ใช่หรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขานิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “บ้านของกอร์ดอนน่ะ”

                “โอเดนเบิร์ก?” ลอร์ดบาธมีสีหน้าแปลกใจ “เขามีบ้านที่นีสเดนด้วยหรือ?”

                “มีครับ เขาบอกว่าเป็นของพ่อเขา”

                “อืม... อันที่จริงแล้วพ่อก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีเงินเก็บพอดูเลยล่ะ เสียแต่ว่าเขาต้องทำงานตัวเป็นเกลียว เลยไม่มีเวลาใช้เงิน” ลอร์ดบาธพูดอย่างครุ่นคิด “พ่อไม่ยักรู้ว่าแกสนิทกับเขาขนาดไปขอค้างที่บ้านเขาได้แล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะอีก “ผมตัดเสื้อกับเขาทั้งตู้ ถึงไม่สนิทก็ต้องสนิทล่ะครับ”

                คนเป็นพ่อมองลูกชายอย่างตำหนิ “แกไม่ควรใช้ฐานะไปสร้างความลำบากให้กับคนอื่นนะ ถ้าแกอยากจะไปตกปลาล่องเรือที่อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป แกก็ค้างโรงแรมแถวนั้นก็ได้นี่ ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้ไกลอะไรจากบ้านของเรามาก แกไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ ทำไมถึงต้องไปรบกวนเขาด้วย”

                “ผมอยากลองค้างคืนในสถานที่ใหม่ๆ ดูบ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมยังไม่เคยเห็นบ้านของกอร์ดอนมาก่อน มันอาจจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ น่ารักแบบที่เราเห็นข้างทางก็ได้ ผมอยากลองนอนในบ้านแบบนั้นมานานแล้ว”

                “พ่อแน่ใจว่าแกไม่มีทางชอบแน่” ลอร์ดบาธพูด “แต่โอเดนเบิร์กก็ไม่ใช่คนยากจนข้นแค้นอะไร บ้านของเขาน่าจะสบายพอตัวอยู่หรอก ไม่แน่แกอาจจะได้เจอคฤหาสน์ขนาดย่อมก็ได้นะ ใครจะไปรู้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขาอย่างดีใจ “แสดงว่าพ่ออนุญาตใช่ไหมครับ?”

                “พ่อยังไม่ได้พูดสักคำ” ลอร์ดบาธตอบ แล้วผุดยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นลูกชายทำหน้าหงอย “แต่พ่อก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องห้ามแกเรื่องนี้ หน้าร้อนแบบนี้คงไม่อะไรดีไปกว่าการได้ไปว่ายน้ำและตกปลาหรอก”

                “ว้าว ขอบคุณครับพ่อ ผมแน่ใจว่านี่จะต้องเป็นการค้างแรมที่สนุกมากแน่ๆ”

                “หวังว่าโอเดนเบิร์กจะสนุกด้วยนะ” ลอร์ดบาธว่า “แล้วนี่แกจะไปกันกี่คน บ้านของเขาใหญ่พอจะรับรองแกกับเพื่อนๆ แกหรือ?”

                “ผมไปคนเดียวครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ผมเกรงใจไม่อยากพาคนอื่นไปรบกวนเขา”

                “ถ้าแกเกรงใจเขาจริง แกก็ไม่ควรจะไปรบกวนเขาแต่แรก แล้วเขาจะไปกับแกด้วยมั้ย? หรือแค่อนุญาตให้แกพักค้างที่บ้านเขาเฉยๆ”

                “เขาต้องไปด้วยสิครับ เขาเป็นเจ้าของบ้านนี่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ผมว่าจะขับรถไป นีสเดนอยู่ใกล้แค่นี้เอง”

                “เอาน้ำมันเผื่อไปสักถังแล้วกัน” ลอร์ดบาธว่า “แล้วก็เอาที่อยู่บ้านของโอเดนเบิร์กมาให้พ่อด้วย เผื่อมีเรื่องอะไรพ่อจะได้ไปตามตัวแกถูก”

                “ครับ”

-----------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่รู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าพ่อของเขาจะไปจากลอนดอนและทิ้งให้เขาอยู่เฝ้าคฤหาสน์สามเส้าแต่เพียงลำพังก็ตาม เรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังคงเป็นเหมือนรอยด่างในใจเขา ชายหนุ่มเพิ่งจะฉุกคิดได้ว่าเขาไม่ควรจะพาพี่ชายไปพบกับกอร์ดอน ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตัวมีจุดประสงค์อะไร เขาสำนึกได้ว่าทำผิดกับลอร์ดโทรว์บริดจ์มากมายแค่ไหน ถึงฝ่ายนั้นจะให้อภัยเขาแล้ว แต่ความรู้สึกผิดนั้นก็ยังคงไม่เลือนไปจากใจ หลังจากกินมื้อค่ำคนเดียวบนโต๊ะยาวในคฤหาสน์หลังโต ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ตัดสินใจนั่งรถม้าไปที่บาร์บีช็อต

                “โอ้... สายัณห์สวัสดิ์แมกซ์ มาคนเดียวหรือ?” แจ็คสันทักเขาด้วยความแปลกใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์

                “สายัณห์สวัสดิ์แจ็คสัน ผมอยากได้ยินผสมวอดก้า บีบมะนาวใส่ลงไปหน่อยก็ดี”

                “จัดให้เลย” แจ็คสันพยักหน้า ก่อนจะหันไปผสมเหล้าตามคำสั่งของลูกค้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอดหมวกเดอร์บี้ที่เขาสวมมาออก แล้วถอนหายใจเสียงดัง

                “ผมเพิ่งคิดได้ว่าทำเรื่องร้ายแรงลงไป”

                “งั้นหรือ... ร้ายแรงมากขนาดไหน”

                “ก็... ร้ายแรงพอดู” พูดจบเขาก็ถอนหายใจอีก “ที่จริงผมสารภาพเรื่องนี้และได้รับการให้อภัยแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดมากอยู่ดี”

                “สาธุคุณที่โบสถ์บอกคุณว่าไงล่ะ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ไม่ ผมไม่ได้ไปสารภาพเรื่องนี้ที่โบสถ์ ผมสารภาพกับเพื่อนของผม... คนที่ผมทำให้เขาผิดหวัง โอ... แจ็คสัน มันแย่มาก ถึงเขาจะให้อภัยผมแล้ว แต่ผมเพิ่งตระหนักได้ว่าเรื่องที่ผมทำลงไปนั้นไม่น่าจะให้อภัยได้เลย ผมรู้แต่แรก แต่ผมก็ยังทำ”

                แจ็คสันมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่อึดใจ “ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องดีนะที่คุณรู้ถึงความผิดของตัวเอง แต่ในเมื่อเพื่อนของคุณให้อภัยคุณแล้ว พระเจ้าเองก็พร้อมจะให้อภัยคุณเสมอ ทำไมคุณถึงไม่ให้อภัยตัวเองล่ะ?”

                “เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่น่าให้อภัยน่ะสิ โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง ก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว “ผมไม่เคยอยากยอมรับเลยว่าตัวเองทั้งโง่ทั้งทึ่ม แต่ก็นั่นแหละ เหมือนอย่างที่พ่อผมพูด ผมนี่มันทั้งโง่ทั้งทึ่มจริงๆ”

                “โอ... คุณไม่ควรว่าตัวเองแบบนั้นนะคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น แจ็คสันหันไปทักเธอทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์ มิสเฮเกนต์”

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” แอนนาเบล เฮเกนต์ในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเรียบๆ เอ่ยทักเจ้าของบาร์ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ชายหนุ่มหันไปมองเธอ

                “เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?”

                “อ้อ ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ “ฉันแค่รู้สึกว่าคุณไม่ควรจะพูดว่าตัวเองแบบนั้น”

                แจ็คสันพูดแทรกขึ้นมา “แมกซ์ เธอเป็นเพื่อนของจอห์นกับกอร์ดอน มิสเฮเก้นต์ไง กอร์ดอนไม่เคยเล่าให้คุณฟังหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว เขามองเธออยู่พักหนึ่ง “อ๋อ ผมนึกออกล่ะ กอร์ดอนเคยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังอยู่เหมือนกัน”

                แอนนาเบลหัวเราะเขินๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “ผม แมกซ์ เมอร์เรย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

                “ฉัน แอนนาเบล เฮเก้นต์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณเมอร์เรย์” แอนนาเบลว่า ก่อนจะหันไปหาแจ็คสันอีกครั้ง “คุณเดนเวอร์ ของฉันเหมือนเดิมนะคะ ขอที่โต๊ะค่ะ”

                พูดจบก็เธอผุดลุกขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดขึ้นต่อ “จะไปแล้วหรือ?”

                “คุณกำลังคุยธุระอยู่นี่คะ ฉันไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะถอนใจ แจ็คสันหรี่ตามองเขา

                “ทำไมถอนใจแบบนั้นล่ะ มิสเฮเก้นต์กลายเป็นเรื่องหนักใจอีกเรื่องของคุณแล้วหรือ?”

                “ผมคิดว่าไม่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เธอไม่มีส่วนไหนจะทำให้ผมหนักใจได้หรอก”

                “งั้นหรือ...” เจ้าของบาร์มองเขายิ้มๆ “ดีแล้ว ผมไม่อยากให้คุณมาที่นี่เพื่อพาเอาเรื่องน่าหนักใจกลับไปอีกเรื่อง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “คุณชงอะไรให้เธอ ขอผมสักแก้วสิ”

                แจ็คสันมองเขาแล้วยิ้มอย่างมีเลสนัย “เตกีล่าใส่มะนาว เคลือบเกลือที่ปากแก้ว ถ้าคุณสนใจอยากดื่มสักช็อต ผมจะจัดให้”

                “โอ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทางประหลาดใจ “เธอดื่มเตกีล่าเลยหรือ?” เขาเหลียวไปมองแอนนาเบลอีกครั้ง เห็นเธอกำลังเปิดอ่านสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ อยู่

                “เธอทำงานอะไรคุณรู้ไหม คงไม่ใช่ทำงานแบบอย่างว่า...”

                “เธอเป็นครูสอนดนตรี” แจ็คสันตอบเขา “แหม... ดีนะที่เธออยู่ห่างไปมาก ถ้าเธอได้ยินคุณพูดแบบนี้ เธอคงโกรธน่าดู”

                “โอ... ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเธอหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงด้วยความละอาย “เพียงแต่ผมไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนเดินเข้ามาในบาร์แล้วสั่งเตกีล่า”

                “ชีวิตคุณรู้จักผู้หญิงมากี่คนล่ะ? เกินร้อยรึเปล่า?”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ เจ้าตัวจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นคุณอาจจะแปลกใจที่เห็นผู้หญิงดื่มเตกีล่า แต่สำหรับผมนะ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก”

                “แสดงว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่มาดื่มเตกีล่าที่นี่งั้นหรือ?”

                แจ็คสันพยักหน้า “ผู้หญิงน่ะชอบดื่มเตกีล่าจะตายไป เวลามากับผู้ชายเธออาจจะเลือกดื่มแค่เหล้าผลไม้ แต่ถ้าเธอมาคนเดียวหรือมากับเพื่อน เกือบจะร้อยทั้งร้อยเลยล่ะที่สั่งเตกีล่า”

                “ว้าว เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ร้องอย่างพิศวง แจ็คสันส่งเตกีล่าช็อตหนึ่งให้บริกรนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ก่อนจะวางอีกช็อตลงตรงหน้าลอร์ดหนุ่ม

                “ของคุณ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงมองแก้วเตกีล่า ก่อนจะหันไปมองแอนนาเบลอีกรอบ แจ็คสันเลยพูดต่อ “เธอคงไม่ว่าอะไรคุณหรอก ถ้าคุณจะเดินไปชวนเธอดื่มน่ะ”

                “โอ... เธอไม่ได้รอใครอยู่หรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “ผมเคยเดินไปทักผู้หญิงที่รู้จักคนหนึ่งที่ร้านอาหาร เพราะคิดว่าเธอมาคนเดียว แต่ปรากฏว่าเธอรอคนอื่นอยู่ แล้วสถานการณ์มันก็ค่อนข้างจะกระอั่กกระอ่วนมากสำหรับผม”

                คนฟังหัวเราะ “คุณนี่ดูซื่อๆ กว่าที่ผมคิดไว้นะ ไปเถอะครับ เธอไม่ได้รอใครหรอก ปกติเธอจะมากับเพื่อน แต่บางทีเธอก็มาคนเดียว ผมแน่ใจว่าเธอดื่มเตกีล่าช็อตนี้แล้วจะกลับเลย ถ้าไม่มีอะไรดึงเธอเอาไว้น่ะนะ”

                “อย่างนั้นผมควรรีบไป” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วคว้าแก้วเตกีล่าติดมือไปด้วย แจ็คสันพูดตามหลัง

                “ขอให้โชคดีสำหรับคืนนี้นะแมกซ์”

--------------------------------

                แอนนาเบล เฮเก้นต์มีสีหน้าแปลกใจตอนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินมาหยุดที่โต๊ะ “ขอผมดื่มเป็นเพื่อนคุณได้ไหม?”

                “เชิญค่ะ” เธอพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มจึงลากเก้าอี้ลงนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วยื่นแก้วเหล้าให้เธอ แอนนาเบลยกแก้วเหล้าของเธอขึ้น ชนกับเขาเบาๆ ก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอด้วยความพิศวง

                “คุณไม่ควรมองฉันแบบนั้นนะคะ” หญิงสาวพูดพลางวางแก้วเหล้าลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สะดุ้ง เขารีบดื่มเตกีล่าในแก้วของตัวเอง แล้วพูดขึ้นต่อ

                “คุณมาคนเดียวหรือ?”

                “ค่ะ และฉันกำลังจะกลับแล้ว” พูดจบเธอก็ผุดลุกขึ้น “ขอบคุณที่มาดื่มเป็นเพื่อนนะคะ”

                “เดี๋ยว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกตาม “ให้เกียรติดื่มกับผมอีกสักแก้วได้ไหม?”

                หญิงสาวสั่นศีรษะ “ฉันดื่มแค่วันละแก้วค่ะ มากกว่านี้เกรงจะไม่ดีแล้ว”

                “โอ... งั้นเป็นอย่างอื่นก็ได้ ผลไม้ น้ำเปล่า ดื่มกับผมอีกสักแก้วเถอะ”

                “ฉันเกรงว่าจะต้องปฏิเสธน้ำใจของคุณค่ะ ขอบคุณนะคะ แต่ฉันต้องไปแล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณเมอร์เรย์”

                “ระ... ราตรีสวัสดิ์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกลาเธออย่างงุนงง เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้ง

                “อ้าว คุณรั้งเธอไว้ไม่สำเร็จหรือ?”

                ชายหนุ่มสั่นศีรษะ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ “ผมคิดว่าเธออยากจะคุยกับผมเสียอีก เธอเป็นฝ่ายมาทักผมก่อนแท้ๆ ผมทำอะไรพลาดไปหรือ?”

                “เท่าที่ดูก็ไม่น่ามีหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “แต่มิสเฮเก้นต์ไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหนเวลาเธอมาคนเดียวหรอกนะครับ เต็มที่ก็ประมาณคุณนี่แหละ อ้อ คงจะเว้นกอร์ดอนไว้สักคนล่ะมั้ง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “เธอชอบเขาหรือ?”

                “บอกยาก” แจ็คสันว่า “ตอนแรกเธอไม่เคยคุยกับเขา แต่เธอรู้ว่าเขามองเธอมาหลายเดือน และไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธตอนเขาคุยกับเธอครั้งแรก เห็นว่ากอร์ดอนหน้าคล้ายน้องสาวที่เสียไปของเธอมาก เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง เธอถึงสนิทกับเขาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกผมคิดว่ากอร์ดอนจะขอเธอแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะมีคนรักอื่นได้ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็ยังสนิทกันอยู่”

                คนฟังพยักหน้า “คุณรู้พื้นเพของเธอบ้างรึเปล่า? จากสำเนียงการพูด ผมว่าเธอได้รับการศึกษามาดีทีเดียว ผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาดีขนาดนี้ต้องมีครอบครัวที่มีฐานะ เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยลูกสาวให้ออกมาดื่มที่บาร์คนเดียว มันค่อนข้างแปลกอยู่นะ”

                แจ็คสันหัวเราะ “คุณสนใจเธอมากนะเนี่ย อันที่จริงผมเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับเธอมากนักหรอก เพราะเธอไม่ค่อยพูดถึงเรื่องของตัวเองเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเธอมีน้องสาวต่างแม่ ทั้งคู่รักกันมาก แต่น้องสาวเธอเสียไปเมื่อสักสามปีก่อนได้ เธอเลยออกจากบ้าน มาหางานทำในลอนดอน ผมเห็นด้วยกับคุณเรื่องที่เธอดูมีการศึกษา แต่คิดว่าเธอกับที่บ้านไม่น่าจะลงรอยกัน”

                “อืม... เป็นไปได้เลย เธออยู่แถวไหน คุณพอรู้มั้ย?”

                แจ็คสันสั่นศีรษะ “เธอไม่บอกใคร คุณลองไปถามกอร์ดอนดูสิ เหมือนเขาน่าจะเคยไปส่งเธอครั้งหรือสองครั้ง” เขาหันไปส่งเหล้าให้บริกร ก่อนจะหันมาหาลอร์ดหนุ่มอีกครั้ง

                “ดูเหมือนเธอจะทำให้คุณลืมเรื่องหนักใจตอนที่เข้ามาที่นี่ไปเลยนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะเขินๆ “นั่นสิ ผมมัวแต่สนใจเธอจนลืมเรื่องที่ว่าไปเลย” พูดจบเขาก็ถอนหายใจ “ผมคงหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองมากไป”

                แจ็คสันพยักหน้าเห็นด้วย “การหมกมุ่นกับเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอก จริงๆ นะ คุณอายุยังน้อย คุณเริ่มต้นใหม่ได้เท่าที่คุณต้องการ แถมเพื่อนคุณก็ยังให้อภัยคุณแล้วด้วย ผมว่าคุณควรจะใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ทำให้คุณไม่พลาดอีกในอนาคตจะดีกว่า”

                “ก็จริงอย่างที่คุณว่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าตอบ “ขอบใจนะแจ็คสัน การมาที่บาร์ของคุณทำให้ผมโล่งใจขึ้นเยอะ”

                “โล่งเพราะคุณได้เจอผมหรือแม่สาวเฮเก้นต์กันแน่?” อีกฝ่ายมองเขายิ้มๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะอีก

                “ผมไม่ถนัดเรื่องผู้หญิงเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ของผมหรอก ขอเบียร์ดำให้ผมสักแก้วสิ ผมอยากดื่มให้ตัวเองน่ะ”

                “ได้เลย”

------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-04-2017 20:36:53
                เช้าวันเสาร์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขับรถมารับกอร์ดอนที่ร้านตรงตามเวลาเจ็ดโมงเป๊ะ เขาแวะมาหาช่างตัดเสื้อเมื่อคืนวาน เพื่อขอที่อยู่และบอกข่าวดีเรื่องที่เขาสามารถไปพักค้างได้

                “มันสูงไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะครับเนี่ย” กอร์ดอนพูดหลังปีนขึ้นมานั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปยิ้มให้เขา ก่อนจะส่งแว่นตากันลมให้ แล้วขับรถออกไป

                นี่เป็นการนั่งรถยนต์ครั้งแรกของกอร์ดอน มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย พอเห็นรถม้าวิ่งสวนทางมา ช่างตัดเสื้อมักเบี่ยงตัวหลบด้วยกลัวว่าจะถูกชนเข้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นแล้วก็หัวเราะออกมา

                “นี่ กอร์ดอน คุณนั่งนิ่งๆ ก็ได้ ไม่มีใครขับรถม้าพุ่งมาชนคุณหรอก”

                “โอ... นี่มันน่ากลัวมากนะครับ” ช่างตัดเสื้อค้าน “พวกเขาพุ่งตรงมาหาเรานะ”

                “แต่เขาไม่ได้พุ่งมาชนเรา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “คุณให้เดวิดกลับบ้านไปเมื่อเช้าหรือ?”

                “เปล่าครับ ผมให้เขากลับไปตั้งแต่เมื่อวาน” กอร์ดอนว่า ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “งั้นเขาคงไปรอพวกเราอยู่แล้วที่บ้านคุณใช่ไหม คุณให้แม่ของเขาพักอยู่ด้วยรึเปล่า?”

                “ไม่ครับ เดวิดกับแม่ของเขาพักอยู่ในบ้านอีกหลัง ไม่ไกลจากที่นั่นหรอกครับ ผมฝากเขาไปบอกเธอแล้วว่าพวกเราจะไปกันในวันนี้ เขาดีใจมากนะครับที่คุณจะไปพักที่นั่น แต่ผมกำชับเขาแล้วว่าห้ามบอกคนอื่นว่าคุณเป็นใคร”

                “ดีแล้ว ผมไม่อยากให้คนทั้งนีสเดนแห่มาที่หน้าประตูบ้านคุณเพื่อดูหน้าผมหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “มันคงทำให้ผมอารมณ์เสียมากทีเดียวถ้าต้องพลาดโอกาสอยู่กับคุณสองต่อสอง”

                “ผู้หญิงแก่สองคนกำลังจะข้ามถนน!” กอร์ดอนพูดพลางดึงแขนลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ อีกฝ่ายเลยเหยียบเบรกทั้งๆ ที่ยังอยู่ห่างออกไปหลายเมตร

                “กอร์ดอน ผมว่าถ้าคุณยังเอาแต่ดึงแขนผมหรืออยู่ไม่นิ่งแบบนี้ ผมคงได้ขับรถชนใครสักคนจริงแน่”

                “โอ... ผมขอโทษครับ” ช่างตัดเสื้อก้มหน้า “ผมกลัวนี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมองเขา แล้วถอนใจ “คุณไม่ไว้ใจผมตอนขับรถหรือ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่าครับ เพียงแต่ผมไม่ชิน”

                ลอร์ดหนุ่มมองเขาอึดใจหนึ่ง “งั้นเอางี้ดีไหม คุณเอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตาไว้ จะได้ไม่ตกใจเวลามีอะไรสวนมาหรือตัดหน้า”

                “ตกลงครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะทำตามที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แนะนำ พอหลับตาลงแล้ว สรรพเสียงต่างๆ รอบตัวก็เหมือนจะดังขึ้นกว่าเดิม เขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังน่ารำคาญ ได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆ ของผู้คนบนท้องถนน เสียงตะโกน เสียงเกือกม้าและล้อเสียดกับพื้น เสียงบีบแตร เสียงพวกนั้นบอกเขาว่ารอบข้างวุ่นวายเพียงไหน และลอนดอนมีชีวิตชีวาเพียงใด ขณะที่กอร์ดอนฟังเสียงบรรยากาศเพลินๆ เสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ดังขึ้น

                “กอร์ดอน คุณตื่นอยู่มั้ย?”

                ช่างตัดเสื้อลืมตาขึ้นมา ก่อนจะหรี่ลงเล็กน้อยเพราะแสงแดด “ครับ มีอะไรหรือ?”

                “ผมว่าคุณไม่ต้องหลับตาแล้วล่ะ” ลอร์ดหนุ่มพูด “ผมไม่อยากขับรถคนเดียวเงียบๆ วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะได้อยู่กับคุณเต็มวัน คุณจะดึงจะกระตุกผมยังไงก็ได้ ผมก็ไม่บ่นคุณแล้ว”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา เขาขยับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง ก่อนจะมองหน้าคนนั่งข้าง “ผมจะพยายามไม่ตกใจกลัวแล้วกันจอห์น ผมไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ”

                “เล่าเรื่องชีวิตตอนเด็กๆ ของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ “คุณเกิดที่บ้านที่พวกเรากำลังจะไปใช่ไหม? คุณมีลูกพี่ลูกน้องบ้างหรือเปล่า?”

                “โอ... ผมคิดว่าคุณจะไม่ถามคำถามนี้แล้ว”

                “หมายถึงเรื่องคุณเกิดที่ไหนน่ะหรือ?”

                “อ๋อ ไม่ครับ เรื่องผมมีลูกพี่ลูกน้องไหม?”

                “ทำไมล่ะ? คุณคิดว่าผมต้องถามหรือ? ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณนะ จะไม่บอกผมก็ได้”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “เพียงแต่คนส่วนใหญ่ที่รู้จักผม มักจะถามถึงลูกพี่ลูกน้องผมทุกที ระบุด้วยนะว่าต้องเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ผมเข้าใจจุดประสงค์ของคนพวกนั้นเลย แต่คุณวางใจเถอะ ผมไม่สนใจญาติพี่น้องผู้หญิงของคุณหรอก ไม่ว่าคุณจะมีหรือไม่ก็ตาม ผมสนแต่คุณคนเดียวเท่านั้น”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “โชคดีนะครับที่พวกเธอแต่งงานกันไปหมดแล้ว ไม่งั้นผมคงไม่วางใจบอกคุณว่าผมมีลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้หญิงหลายคนเลยล่ะ”

                “ว้าว แสดงว่าคุณก็ไม่ได้ตัวคนเดียวสิเนี่ย”

                “ไม่เชิงครับ ผมมาอยู่กับปู่ที่ร้านนี้ตั้งแต่พ่อแม่เสียไป แทบจะไม่ได้เจอกับญาติคนอื่นๆ อีกเลย ส่วนใหญ่ที่นีสเดนเป็นญาติฝั่งแม่ผมน่ะครับ ส่วนฝั่งปู่... ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน เหมือนจะเคยมีมาเยี่ยมตอนผมยังเล็กมาก แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นแล้วครับ”

                “แม่คุณเกิดที่นีสเดนหรือ?”

                “ครับ”

                “เธอเป็นคนที่นั่นหรือ?”

                “ใช่ครับ พวกเขาตกหลุมรักซึ่งกันและกันตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรกเลย”

                “อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมว่าพ่อคุณคงหล่อเหลาเอาการน่าดู”

                “ฮะๆ พ่อดูหล่อกว่าผมเยอะครับ เขาเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลเป็นลอนสวย เขามีโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ เป็นของตัวเอง ปู่ค่อนข้างน้อยใจที่พ่อไม่ยอมรับมรดกร้านตัดเสื้อต่อจากเขา”

                “แต่สุดท้ายเขาก็ได้คุณมาแทน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนพยักหน้า

                “ครับ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ปวดร้าวที่สุดของปู่ เขาเสียย่าไปก่อนหน้านั้นไม่นาน หลังจากนั้นก็เสียทั้งลูกชายคนเดียวและลูกสะใภ้”

                “โชคดีที่เขายังมีคุณอยู่”

                “ครับ” ช่างตัดเสื้อพยักหน้าพลางมองไปรอบตัว แนวป่าเริ่มปรากฏขึ้นตามข้างทาง ภาพของบ้านแถวเริ่มทยอยหายไป ไม่นานพวกเขาก็ออกสู่ทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่สาดส่องเข้ามาภายในรถ ลมพัดต้นหญ้าให้ไหวเบาๆ เสียงนกร้องเซ็งแซ่ดังแทรกมากับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ กอร์ดอนสูดหายใจลึก เขาหลับตาลง และดื่มด่ำกับสรรพเสียงรอบๆ ตัว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบมองเขา แล้วยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก

                “คุณดูมีความสุขนะ”

                “แน่นอนครับ ผมไม่ได้ออกมาสูดอากาศแบบนี้นานแล้ว”

                “อืม... วันอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณไม่สนุกหรือ?”

                กอร์ดอนมองเขาด้วยความแปลกใจ “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เล่าให้คุณฟังแล้วหรือครับ?”

                “ใช่ น่าแปลกใจนะที่พวกเขาสองคนเอารถม้าไปรับคุณแบบนั้น”

                “โอ... ผมก็แปลกใจมากเหมือนกันครับ แต่ลอร์ดแมกซ์บอกผมว่าลอร์ดฟาริงดอนเป็นคนแปลกๆ อยู่แล้ว”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขามีทำอะไรแปลกๆ กับคุณบ้างรึเปล่า?”

                “ไม่มีหรอกครับ” กอร์ดอนสั่นศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

                “พวกเขาพาคุณไปไหนบ้าง เล่าให้ผมฟังได้มั้ย?”

                “ครับ เขาพาผมออกไปนอกเมืองแบบนี้เหมือนกัน แต่ไปทางวูดฟอร์ด”

                “ไมครอฟมีคฤหาสน์อยู่ที่นั่น มันค่อนข้างสวยทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ให้ผมเดานะ เขาพาคุณไปดูบ้านของเขาใช่ไหมล่ะ?”

                “อ้อ ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “อันที่จริงแล้วผมเป็นคนทักขึ้นมาเองว่าบึงน้ำตรงนั้นสวยดี เขาเลยชวนผมไปเดินเล่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ หน้ากรีนไวต์เทอเรสมีบึงน้ำเล็กๆ อยู่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณชอบบึงน้ำ”

                “โอ... ผมไม่ค่อยได้เห็นบึงน้ำบ่อยนักหรอกครับ คุณก็รู้ ที่ที่ผมอยู่แทบจะไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้”

                “ผมละอายใจต่อคุณจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา “ผมไม่เคยพาคุณออกไปชมธรรมชาติแบบนั้นเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำมากที่สุด”

                กอร์ดอนหันไปยิ้ม “เพราะผมปฏิเสธคุณหรอก ผมทำตัวเหมือนยุ่งตลอดเวลาจนคุณไม่กล้าชวนผมไปไหนไกลกว่ารัศมีสามไมล์จากร้านผมเลย”

                “แต่คุณก็ยุ่งจริงๆ นี่นา ผมไม่อยากให้คุณโหมทำงานหนักเพื่อที่จะตามใจผม”

                “ครับ ผมรู้ แต่ผมก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้เหมือนกัน ว่าผมควรจะหาเวลาให้คุณบ้าง พอได้ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ผมก็คิดขึ้นมาเลยว่าผมต้องหาโอกาสออกมาชมธรรมชาติแบบนี้กับคุณ”

                “โอ้... ผมต้องขอบคุณไมครอฟเรื่องนี้สินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “เพราะเขาผมเลยได้ออกมาเที่ยวกับคุณ แถมได้ค้างคืนที่บ้านคุณด้วย”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “ผมแปลกใจมากเลยนะครับที่คุณขอพ่อออกมาได้ คุณบอกเขาว่าไงหรือ?”

                “ผมบอกเขาไปตามตรงนั่นแหละ”

                “หา?!”

                “ผมบอกเขาไปว่าจะมาพักค้างที่บ้านคุณ เขาตำหนิผมด้วยนะว่าเอาฐานะมารบกวนคุณ ท่าทางเขาห่วงคุณมากกว่าผมอีก”

                “โอ... พ่อคุณไม่ติดใจสงสัยอะไรหรือครับ?”

                “ไม่หรอก เขารู้แล้วว่าผมสนิทกับคุณ อย่างน้อยๆ เขาก็เข้าใจว่าคุณจำใจสนิทกับผม ที่จริงแล้วผมต้องขอบคุณไมครอฟอีกเรื่องเหมือนกันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะอีก เขาเลี้ยวรถขึ้นสะพานข้ามลำธารเล็กๆ เพื่อเข้าสู่ถนนที่จะตัดตรงเข้าสู่นีสเดน

                “เพราะเขาทำให้ผมคิดได้ว่า ต้องทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องปกติธรรมดา จะได้ไม่มีใครสงสัย อีกอย่างการพูดความจริงง่ายกว่าโกหกอยู่แล้ว ผมเลยบอกพ่อไปแบบนั้นแหละ และเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไรเลย”

                “ว้าว... ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ” กอร์ดอนคราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ใช่ไหมล่ะ บางทีการพูดความจริงเท่าที่พอพูดได้ อาจจะดีกว่าการพยายามโกหกไปเสียทุกเรื่องก็ได้นะ โอ้ บ้านคุณต้องเลี้ยวไปทางไหน ซ้ายหรือขวา”

                “ขวาครับ บ้านผมอยู่ถัดจากนี้ไปอีกสักสองไมล์ คุณขับขึ้นเนินนี้ไปเลย”

                “ตกลง”

----------------------------------------

                บ้านของกอร์ดอนตั้งอยู่บนเนินเตี้ยๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเห็นมันตั้งแต่เขาเพิ่งขับรถขึ้นเนินลูกนั้น มันเป็นบ้านสองชั้นสไตล์วิกเตอเรียน ที่มีห้องใต้หลังคา สีที่ใช้ทาตัวบ้านหลุดล่อนไปบ้างบางส่วน แต่ก็พอดูออกว่าแต่เดิมมันเป็นสีเขียวอ่อนๆ ระเบียง เฉลียง รวมถึงระแนง ประดับด้วยไม้กรุลายสีขาว ซึ่งสีกะเทาะออกไปแล้วบางส่วน ตัวบ้านดูทรุดโทรมบ่งบอกว่าไม่มีคนอยู่มาเป็นเวลาหลายปี ถึงอย่างนั้นด้วยรูปลักษณ์ของมัน ทำให้ไม่ยากจะจินตนาการได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นบ้านที่สวยงามมาก

                “ยินดีต้อนรับสู่ ทรีลอว์นีย์ บ้านของผมครับ” กอร์ดอนพูด ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลี้ยวรถผ่านรั้วที่เต็มไปด้วยเถาไอวี่ ผ่านประตูเข้าไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน กลิ่นหญ้าที่ถูกตัดใหม่ๆ ลอยมาแตะจมูก เดวิดที่กำลังกวาดเศษหญ้าอยู่ร้องตะโกนด้วยความดีใจ

                “โอ้ พวกเขามากันแล้ว!” เขาวิ่งมาที่รถซึ่งแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ “อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด อรุณสวัสดิ์ครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                “อรุณสวัสดิ์เดวิด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักเขา และจอดรถ “เธอมีบอกใครไปรึเปล่าว่าฉันจะมาที่นี่”

                เด็กหนุ่มรีบสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมไม่ได้บอกใครหรอกครับว่าเป็นคุณ”

                “ดีแล้ว ต่อไปนี้เธอเรียกฉันว่าคุณเคฟก็แล้วกัน”

                “ตกลงครับ”

                ทั้งคู่กระโดดลงมาจากรถ เดวิดรีบเข้ามาช่วยยกกระเป๋า

                “เอากระเป๋าของคุณเคฟไปไว้ที่ห้องนอนใหญ่นะ ส่วนกระเป๋าฉันก็เอาไปไว้ห้องฉันนั่นแหละ” กอร์ดอนสั่ง เดวิดหันไปมองเบ็ดตกปลาที่วางอยู่ด้านหลัง

                “ว้าว พวกคุณจะมาตกปลาด้วยหรือครับ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เบ็ดวางเอาไว้ในรถก่อน ฉันอยากได้ถังสักสองใบ เอาไว้ใส่ปลากับไส้เดือน ขอยืมเสียมด้วยนะ ที่นี่มีเรือใช่ไหม?”

                “มีครับ มันอยู่ในอาคารเก็บของด้านหลัง เดี๋ยวผมจะชวนเพื่อนมาช่วยยกครับ”

                “แต่มันไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้อยู่อีกหรือเปล่า...” กอร์ดอนพูดอย่างเป็นกังวล เด็กหนุ่มพูดอย่างร่าเริง

                “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมกับบิสโม่เพิ่งเอามันออกไปตกปลาเมื่อสัปดาห์ก่อนนี่เอง โอ... ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกคุณก่อน คือผมแอบแม่ไป คุณอย่าบอกเธอนะครับ”

                กอร์ดอนไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าดุหรือหัวเราะออกมาดี เขาถอนหายใจ “ฉันจะไม่ลงโทษเธอเรื่องที่แอบเอาเรือไปใช้โดยไม่บอกฉัน แต่วันหลังถ้าพวกเธอจะไปตกปลา เธอควรจะบอกผู้ใหญ่ไว้บ้างนะ มันอันตราย”

                “ครับ” เด็กหนุ่มหน้าแดงด้วยความละอาย เขาพยักหน้าซ้ำๆ หลายครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “คุณสองคนจะกินมื้อเช้าเลยรึเปล่าครับ แม่ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ยังก่อน ฉันอยากจะเดินดูรอบๆ เสียหน่อย นี่วุ่นวายกันแต่เช้าเลยสิ”

                “ครับ ก็คุณโอเดนเบิร์กเพิ่งบอกผมว่าจะมาที่นี่เมื่อวาน พวกเราเลยเพิ่งมาตัดหญ้ากันเมื่อเช้านี้เอง แต่ด้านในบ้านเรียบร้อยสะอาดเหมือนตอนที่คุณอยู่เลยครับ แม่ผมมาดูแลทำความสะอาดทุกสัปดาห์”

                “ขอบใจ โทษทีนะที่ฉันบอกกะทันหันไปหน่อย” กอร์ดอนว่า “เธอไปกวาดเศษหญ้าต่อเถอะ ฉันจะพาคุณเคฟเดินชมบ้าน แล้วจะเข้าไปกินมื้อเช้าเอง”

                “ครับ” เดวิดวิ่งตื๋อกลับไปทำงานของเขาต่อ กอร์ดอนชวนลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปอีกทาง              พื้นที่ของทรีลอว์นีย์ไม่กว้างมาก และไม่มีการปลูกไม้ประดับใดๆ คงเพราะไม่มีคนอยู่ พื้นที่ส่วนใหญ่จึงปกคลุมไปด้วยหญ้าที่เพิ่งถูกตัด บริเวณด้านขวามือถัดจากตัวบ้านมีต้นแอ๊ปเปิ้ลและต้นพีชขึ้นอยู่ แต่ละต้นเหมือนแข่งกันอวดว่าใครมีผลเยอะกว่า

                “ว้าว คุณปลูกต้นพีชด้วยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วความแปลกใจ กอร์ดอนพยักหน้า

                “ครับ ย่าเป็นคนปลูกไว้ ถ้าคุณมาที่นี่ช่วงเดือนเมษา คุณจะได้เห็นดอกสีชมพูของมัน หอมมากๆ เลยครับ”

                “อืม... ผมเคยเห็นแล้วที่คฤหาสน์ของท่านดยุกอ็อคฟอร์ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาปลูกพวกมันเอาไว้หลายสิบต้นเลย”

                “ครับ ผลสุกของมันหวานมาก แต่ถ้ายังไม่สุกดีก็ติดเปรี้ยวอยู่เหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าจะก้มลงเก็บลูกพีชที่หล่นอยู่ แต่กอร์ดอนรีบดึงมือของเขาเอาไว้ “อย่าไปจับมันนะครับ ขนของมันแข็งมาก คุณจะคันมือเอาได้”

                อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “ขนาดนั้นเลยหรือ? ผมไม่เคยเก็บผลลูกพีชมาก่อน แล้วปกติพวกคุณเก็บกันยังไง ใช้ถุงมือหรือ?”

                “ครับ ผมว่าน่าจะมีใครเก็บไว้แล้วก่อนจะตัดหญ้านะครับ ไว้พวกเราไปดูในครัวดีกว่า ไอเวอรี่น่าจะจัดการกับขนของพวกมันเรียบร้อยแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า และรามือจากการพยายามเก็บลูกพีช ช่างตัดเสื้อพาเขาเดินอ้อมตัวบ้านมายังสวนด้านหลัง ซึ่งก็ไม่มีต้นไม้หรืออะไรที่น่าสนใจเลยนอกจากเศษหญ้า

                “สมัยก่อนเราเคยมีโต๊ะน้ำชาเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงนั้น” กอร์ดอนชี้มือไปยังมุมหนึ่งของสวน “แต่หลังจากพ่อกับแม่ผมเสีย ปู่ผมก็ตัดสินใจขายมันทิ้ง”

                “คุณเคยให้ใครเช่าที่นี่มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม “ผมว่ามันน่าจะหาคนเช่าได้ไม่ยากนะ”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ที่จริงผมเคยคิดอยากให้เช่านะครับ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงกับพวกของใช้ส่วนตัวอย่างเช่นเสื้อผ้า จะเอาไปบริจาคก็เสียดาย เสื้อสูทของปู่ผมหลายตัวสวยมาก และชุดของย่าผมก็สวยๆ ทั้งนั้น ที่สำคัญ มันเป็นแฟชั่นเมื่อหลายสิปปีที่แล้ว ต่อให้บริจาคก็ไม่น่าจะมีใครกล้าใส่แล้วล่ะครับ”

                “อ้อ... ที่นี่เลยกลายเป็นบ้านที่ใช้เก็บความทรงจำสำหรับคุณสินะ”

                “ราวๆ นั้นครับ” ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวก พอเดินเลยมุมบ้านไปหน่อยก็เห็นอาคารเก็บของที่สร้างจากไม้หลบอยู่ด้านหลังต้นสนสามใบ เดวิดกับเพื่อนของเขากำลังช่วยกันยกเรือออกมาจากประตู

                “โอ้... คุณเคฟ คุณโอเดนเบิร์ก ผมกำลังจะวิ่งไปถามพวกคุณเลยครับ ว่าจะให้เรายกเรือไปไว้ที่เวลส์ฮาร์ปเลยมั้ย ผมจะได้เอาเบ็ดกับถังใส่ปลาใส่เรือไปเลย วันนี้อากาศดีมาก ผมว่าพวกคุณตกปลาได้ทั้งวันเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “เอาสิ ฉันคิดว่าจะไปหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว”

                เดวิดพยักหน้า เขากับเพื่อนวางเรือลงบนพื้นหญ้า “แล้วคุณจะให้พวกเราขุดไส้เดือนให้ด้วยไหมครับ? ผมกับบิสโม่รับประกันว่าคุณจะได้ไส้เดือนที่ตัวอ้วนใหญ่มาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขาล้วงมื้อเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบเหรียญชิลลิ่งออกมาให้พวกเขาคนละสองเหรียญ “ได้ พวกเธอขุดไส้เดือนให้ฉันด้วยแล้วกัน”

                “ตกลงครับ” เด็กหนุ่มทั้งสองพยักหน้าด้วยความดีใจ พวกเขารีบเอาเงินใส่กระเป๋า แล้วยกเรือออกไปทันที กอร์ดอนตะโกนไล่หลังไป

                “เดวิด บิสโม่ พวกเธอห้ามลงเล่นน้ำนะ แค่เอาเรือไปวางและขุดไส้เดือนเท่านั้น”

                “ทราบล่ะครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                กอร์ดอนได้แต่สั่นศีรษะด้วยความระอาใจ เขาหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “คุณจะเข้าไปกินมื้อเช้าเลยมั้ยครับ?”

                อีกฝ่ายยักไหล่ “ถ้าคุณไม่มีอะไรในสวนจะอวดผมแล้ว พวกเราไปกินมื้อเช้ากันเลยก็ได้”

-----------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่24p.12(12/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-04-2017 20:37:28
                ไอเวอรี่ ชิมเมอร์ เป็นผู้หญิงหน้าตาพื้นๆ ท่าทางซื่อสัตย์และเอาการเอางาน เธอมีวัยไล่เลี่ยกับกอร์ดอน แต่เพราะเธอแต่งงานแล้วและเพิ่งสูญเสียสามีไปเมื่อสามปีก่อน จึงทำให้เธอดูแก่กว่าที่ควรจะเป็น

                “โอ... อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านลอร์ด อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณโอเดนเบิร์ก” มิสซิสชิมเมอร์ทักทายทั้งคู่ด้วยความตื่นเต้น เธอย่อตัวลงอย่างประหม่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอแล้วยิ้ม

                “อรุณสวัสดิ์ คุณคงเป็นมิสซิสชิมเมอร์ แม่ของเดวิดใช่ไหม?”

                “ใช่ค่ะ เขาเล่าเรื่องของคุณให้ดิฉันฟังบ่อยมาก ดิฉันตื่นเต้นมากที่คุณกับคุณโอเดนเบิร์กจะมาพักค้างที่นี่”

                “เดวิดบอกคุณรึเปล่าครับว่าผมไม่อยากให้คนอื่นรู้ศักดิ์ศรีที่แท้จริงของผม”

                “โอ้ ค่ะ เขาบอกดิฉันแล้ว ดิฉันไม่ได้บอกเรื่องคุณกับใครหรอกนะคะ ดิฉันบอกแค่ว่าคุณโอเดนเบิร์กจะมาพักที่นี่กับเพื่อนของเขา”

                “ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ต่อไปนี้คุณเรียกผมว่าคุณเคฟแล้วกัน และไม่ต้องใช้คำลงท้าย ถ้ามีใครถามเกี่ยวกับผม คุณก็บอกแค่ว่าเป็นเพื่อนของกอร์ดอนก็พอ”

                “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ”

                มิสซิสชิมเมอร์ยกถาดอาหารเช้าเข้ามาวางให้พวกเขาสองชุด พร้อมกับตะกร้าที่ใส่ลูกพลัมสีแดงปลั่ง ก่อนจะขอตัวออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองไปรอบๆ ห้องอาหาร ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

                “ด้านในบ้านของคุณยังดูดีมาก หน้าต่างกับม่านพวกนั้นยังดีอยู่เลย ผมชอบนะที่เราเปิดหน้าต่างเอาไว้แบบนี้ กลิ่นหญ้าสดให้ความรู้สึกสดชื่นทีเดียว”

                “ต้องขอบคุณไอเวอรี่ครับ เธอดูแลบ้านให้ผมดีมาก” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

                “เธอรู้จักกับคุณมานานหรือยัง?”

                “พอสมควรครับ”

                “แล้ว... คุณไม่เคยนึกจะขอเธอแต่งงานใหม่บ้างเลยหรือ? ผมว่าเธอดูเป็นผู้หญิงที่ดีนะ”

                “โอ...” กอร์ดอนมีท่าทางแปลกใจ “ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นหรอกครับ”

                “งั้นหรือ แปลกจัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เว้นจังหวะ “ผมเข้าใจนะว่าคุณประหม่าเรื่องผู้หญิง แต่คุณมีแม่หม้ายอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ค่อนข้างแปลกทีเดียวที่คุณไม่เคยคิดอยากแต่งงานกับเธอ แต่กลับรับลูกชายของเธอไว้ทำงานด้วย”

                กอร์ดอนหัวเราะเฝื่อนๆ “ไอเวอรี่รักซีรีสสามีของเธอมากครับ ผมคิดว่าเธอคงไม่คิดอยากจะแต่งงานใหม่หรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ระหว่างที่พวกเขากำลังกินมื้อเช้ากันอยู่ เสียงออดก็ดังขึ้น จากนั้นไม่นาน มิสซิสชิมเมอร์ก็เปิดประตูเข้ามา

                “คุณพ็อตเตอร์มาหาคุณค่ะ คุณโอเดนเบิร์ก ฉันบอกเขาแล้วว่าคุณกำลังกินมื้อเช้าอยู่กับเพื่อน เขาตกลงจะรอคุณอยู่ที่ห้องนั่งเล่นค่ะ”

                “โอ... คุณพ็อตเตอร์มาหรือ?” กอร์ดอนทวนคำ “เขาบอกคุณมั้ยว่ามาเพราะเรื่องอะไร?”

                “ฉันไม่ทราบค่ะ เขาไม่ได้บอกไว้”

                “ตกลง เดี๋ยวผมจะรีบกินมื้อเช้าแล้วออกไปพบเขา”

                หลังจากมิสซิสชิมเมอร์ออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงถามขึ้นมา “คุณพ็อตเตอร์นี่เป็นใคร เพื่อนคุณหรือ?”

                “ไม่ใช่หรอกครับ เขาเป็นเลขาฯของเซอร์จอร์จ คาเมรอน ญาติห่างๆ ของผมน่ะ”

                “เซอร์จอร์จ คาเมรอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ “ที่เคยประจำการอยู่กองพันที่สองในสงครามไครเมียร์ใช่ไหม?”

                “ครับ คุณรู้จักเขาหรือ?”

                อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นเพื่อนกับอาผม พวกเราเคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อน นี่คุณเป็นญาติกับเขาหรือ?”

                “ครับ เขาเป็นญาติฝั่งแม่ผม” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดท์มีท่าทีสนใจขึ้นมาทันที

                “บังเอิญมาก ผมอยากรู้จริงว่าคุณพ็อตเตอร์คนนั้นมีธุระอะไรกับคุณ มันอาจจะเกี่ยวข้องกับเซอร์จอร์จก็เป็นได้”

                “คุณพยายามทำตัวเลียนแบบโฮล์มอีกหรือครับ?” กอร์ดอนพูดยิ้มๆ ลอร์ดหนุ่มหัวเราะเขินๆ

                “ผมจะดีใจมากเลยนะ ถ้าคุณจะไม่เล่าเรื่องความพยายามที่น่าอายเรื่องนี้ของผมให้ใครฟัง”

                “ผมไม่เล่าหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “ผมจะเก็บมันเอาไว้ เผื่อถึงคราวจำเป็น ลอร์ดจอร์จกับลอร์ดแมกซ์คงพร้อมจะจ่ายผมอย่างงามสำหรับเรื่องนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “ผมให้มุกนี้เต็มสิบเลย แต่ผมหวังว่าคุณคงไม่ทำมันจริงๆ หรอกนะ”

                กอร์ดอนหัวเราะ ก่อนที่ทั้งคู่จะก้มลงทานมื้อเช้าต่อ

-------------------------------------

                ชาร์ลี พ็อตเตอร์เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเศษ ท่าทางกระฉับกระเฉง แต่งตัวด้วยชุดสูทสีน้ำตาล เขาลุกขึ้นยืนทันทีที่กอร์ดอนและลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

                “อรุณสวัสดิ์ครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                “อรุณสวัสดิ์คุณพ็อตเตอร์ นี่เพื่อนผม คุณจอห์น เคฟ”

                ชาร์ลี พ็อตเตอร์เงยหน้าและเตรียมจะทักทายตามมารยาท แต่เขากลับชะงัก แล้วอุทานออกมา “โอ้! ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักรอยยิ้ม เขาอ้าปากทำท่าจะพูดอะไร แต่ชาร์ลี พ็อตเตอร์ชิงพูดขึ้นก่อน “ผมจำคุณได้ครับ ผมไปดูคุณต่อยกับแมดเนอร์ด้วย มันเป็นการชกที่น่าประทับใจมาก โอ้... ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่”

                กอร์ดอนทำเป็นเสมองไปทางอื่น ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผุดยิ้มออกมาได้ในที่สุด

                “เอาล่ะ... คุณพ็อตเตอร์ ในเมื่อคุณพูดถึงขนาดนี้ คงป่วยการที่ผมจะปฏิเสธ ใช่ ผมคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

                “โอ้ เป็นเกียรติสำหรับผมอย่างยิ่งครับ” ชาร์ลี พ็อตเตอร์โค้งให้เขา ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ทราบว่าคุณสะดวกที่จะอนุญาตให้ผมคุยธุระกับคุณโอเดนเบิร์กรึเปล่าครับ?”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาเป็นเจ้าของบ้าน ไม่ใช่ผมเสียหน่อย ผมต้องออกไปรอข้างนอกไหม?”

                “ไม่ต้องหรอกครับ มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร” อีกฝ่ายว่า กอร์ดอนเลยเชิญให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลง

                “เอาล่ะ คุณพ็อตเตอร์ คุณมีธุระอะไรจะพูดกับผมหรือ?”

                “อ๋อ เซอร์จอร์จสั่งให้ผมมาเชิญคุณไปงานเลี้ยงเต้นรำที่จะจัดขึ้นที่ไพเพอร์ลอร์จ คืนนี้ครับ เขาอยากให้แน่ใจว่าคุณจะไปแน่นอน”

                กอร์ดอนมีสีหน้าลำบากใจ “คุณคงเห็นแล้วว่าผมมีแขก...”

                “ครับ ผมคิดว่าเซอร์จอร์จคงเข้าใจ” ชาร์ลี พ็อตเตอร์พยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

                “งานเลี้ยงเต้นรำที่ว่า เชิญใครมาบ้างหรือ?”

                “ไม่มีแขกเหรื่อที่มีชื่อเสียงหรอกครับ” คุณพ็อตเตอร์ตอบ “มันเป็นงานเลี้ยงเต้นรำที่จัดขึ้นมาเพื่อความรื่นเริงเฉยๆ แขกที่เชิญมีแต่คนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้เท่านั้นแหละครับ ท่านเซอร์เห็นว่าคุณโอเดนเบิร์กไม่แวะมาพักที่นี่นานแล้ว จึงอยากจะจัดงานเลี้ยงให้เขา”

                “ว้าว ฟังดูน่าสนใจมาก ผมไปงานนี้ได้ไหม?”

                กอร์ดอนมองเขาด้วยความแปลกใจ ขณะที่ชาร์ลี พ็อตเตอร์พูดอย่างตื่นเต้น “เป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ ผมแน่ใจว่าเซอร์จอร์จต้องยินดีมากที่คุณจะไปงานนี้ แต่มันเป็นงานเต้นรำแบบชาวบ้าน ไม่หรูหรานะครับ”

                “ไม่เป็นไร นั่นแหละที่ผมอยากไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ผมคงแวะไปหาเซอร์จอร์จตอนบ่าย แต่คุณไม่ต้องบอกเขาหรอกนะว่าผมจะแวะไป อ้อ... อีกอย่าง ผมอยากให้คุณเก็บเรื่องของผมไว้เป็นความลับ ผมไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ฐานะที่แท้จริงระหว่างอยู่ที่นี่ ผมอยากให้คุณเรียกผมว่าคุณเคฟ และไม่ต้องใช้คำลงท้าย หวังว่าคุณคงจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดน่ะ”

                “ครับ รับทราบครับ”

                หลังจากชาร์ลี พ็อตเตอร์กลับไปเรียบร้อยแล้ว กอร์ดอนกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ออกเดินไปที่อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป

                “ให้ตาย... ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องชกมวยนั่นจะทำให้ไม่ว่าใครก็จำผมได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์บ่นออกมา ระหว่างที่ทั้งคู่เดินแหวกพงหญ้า กอร์ดอนหัวเราะ

                “ยากมากนะครับที่คุณจะปิดบังตัวเองในงานเต้นรำ ผมแน่ใจว่าทุกคนน่าจะจำคุณได้”

                “ผมจะใช้มุกเดียวกับตอนไปบาร์ของแจ็คสัน”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะอีก ก่อนจะถามขึ้นต่อ “ว่าแต่ทำไมคุณถึงอยากไปงานเต้นรำล่ะครับ ผมคิดว่าคุณอยากจะอยู่เงียบๆ เสียอีก”

                “เพราะผมอยากรู้จักญาติๆ ของคุณน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อันที่จริงถ้าเซอร์จอร์จมาเชิญคุณไปงานเลี้ยงมื้อค่ำ ผมคงไม่ยอมให้คุณไป เพราะมันน่าเบื่อมาก แต่กับงานเต้นรำ คุณควรรู้ว่าเราสามารถทำความรู้จักกับใครก็ได้ในงานนั้น ผมชอบงานเต้นรำมาก โดยเฉพาะงานเต้นรำแบบไม่เป็นทางการที่ไม่ต้องระวังมารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่”

                ช่างตัดเสื้ออมยิ้ม “ผมชอบเวลาคุณเต้นรำนะครับ คุณเต้นได้คล่องมาก ดูเพลินทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา “งั้นคืนนี้คุณคงได้ดูจนเบื่อ ระวังอย่าชิงเป็นลมเพราะผมเต้นกับหญิงอื่นก็แล้วกัน”

                กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ เดินต่อไปอีกสักพัก พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนและเสียงกระเซ็นของน้ำ พอเดินเข้าไปใกล้ริมตลิ่ง ก็เห็นว่าเดวิดกับบิสโม่เพื่อนของเขากำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน

                “เดวิด!”

                “อ้าว คุณโอเดนเบิร์ก คุณเคฟ ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิครับ” เดวิดตะโกนแล้วหัวเราะอย่างเริง ขณะว่ายน้ำหนีเพื่อนที่กำลังว่ายไล่เขาอยู่ กอร์ดอนสั่นศีรษะอย่างระอา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะในคอ

                “ขึ้นมาได้แล้ว พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มาเล่นน้ำนะ” กอร์ดอนสั่ง “แล้วนี่พวกเธอขุดไส้เดือนแล้วหรือยัง?”

                “เรียบร้อยแล้วล่ะครับ” เดวิดพูด เขากับเพื่อนว่ายกลับมาที่ริมตลิ่ง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาสวม

                “เรืออยู่ตรงโน้นครับ ผมวางเบ็ดกับถังใส่ไส้เดือนไว้ในเรือแล้ว พวกคุณอยากให้เราอยู่แถวนี้เผื่อจะเรียกใช้อะไรรึเปล่าครับ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ต้องหาเรื่องอ้างจะอยู่เล่นน้ำต่อเลย ฉันอยากให้เธอกลับไปที่บ้าน แล้วจัดการกับหญ้าในสวนให้เสร็จ”

                “ตกลงครับ” เดวิดว่า “งั้นผมจะกลับไปที่บ้านคุณก่อน” พูดจบ เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็วิ่งไล่กันออกไป กอร์ดอนถอนหายใจแรง

                “จริงๆ เลยนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วยิ้ม “คุณนี่ทำตัวอย่างกับเป็นแม่เขา พวกเขาเป็นเด็กผู้ชายนะ เล่นนิดเล่นหน่อยจะเป็นไรไป”

                “โอ... ผมแน่ใจว่าไอเวอรี่จะดุเขายิ่งกว่าที่ผมดุอีก” กอร์ดอนว่า พวกเขาเดินไปที่เรือซึ่งเกยอยู่กับริมตลิ่งที่เต็มไปด้วยต้นกก

                “ว้าว พวกเขาขุดไส้เดือนได้สมราคาที่คุยไว้จริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดอย่างอารมณ์ดี หลังจากชะโงกดูไส้เดือนในถัง เขาให้กอร์ดอนขึ้นไปบนเรือก่อน แล้วจึงกระโดดตามไป ก่อนจะใช้พายยันเรือให้หลุดออกจากตลิ่ง สายลมยามสายพัดไอน้ำมาต้องผิว

                “กี่โมงแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม ขณะที่จ้วงไม้พายลงในน้ำ กอร์ดอนล้วงเอานาฬิกาพกออกมาจากกระเป๋าเสื้อกั๊ก

                “สิบเอ็ดโมงสิบห้าครับ”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “มาดูซิว่าผมจะได้ปลาตอนกี่โมง จะทันเวลาน้ำชาหรือเปล่า?”

                ทั้งคู่พายเรือมาถึงกลางอ่างเก็บน้ำ ท่ามกลางดวงตะวันที่ลอยโด่งแทบจะตรงศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบเบ็ดของเขาขึ้นมา กอร์ดอนช่วยเกี่ยวไส้เดือนให้ เรือโคลงเล็กน้อยตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหวี่ยงเบ็ดลงไปในน้ำ

                “ตอนเด็กๆ คุณมาตกปลาบ่อยมั้ย?” ลอร์ดหนุ่มชวนคุยระหว่างรอปลากินเบ็ด ช่างตัดพยักหน้า

                “บ่อยครับ พ่อกับปู่ชอบตกปลา พวกเขามักจะพาผมมาด้วย จะว่าไปแล้วผมชอบตอนที่ช่วยกันขุดไส้เดือนที่สุด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ ผมก็ชอบตอนนั้นเหมือนกัน เวลาแทงเสียมลงไปแล้วเจอพวกมันดิ้นกันยั้วเยี้ยนี่เหมือนเจอขุมทรัพย์เลยล่ะ”

                “โอ... ผมไม่ยักรู้ว่าคุณขุดไส้เดือนเองด้วย คิดว่ามีใครขุดให้เสียอีก”

                “ปกติผมขุดเองนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “โอลิเวอร์เป็นคนสอนผม เขาขุดไส้เดือนและตกปลาเก่งมาก”

                “ท่าทางคุณสนิทกับเขานะครับ”

                “แน่นอน” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “เขาแก่กว่าผมหลายปี ช่วยดูแลผมตั้งแต่เด็ก เป็นเพื่อนเล่น เป็นพี่เลี้ยง เป็นคนรับใช้ประจำตัวผม ตอนเด็กๆ นี่เขาตามผมตลอดเลย”

                “ผมแปลกใจมากที่ลอร์ดบาธไม่สั่งให้เขาตามคุณมาที่นี่ด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมอายุตั้งยี่สิบสี่แล้ว ไม่ต้องมีคนรับใช้คอยตามไปดูแลทุกที่แล้วล่ะ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “อีกสี่ปีคุณก็จะอายุยี่สิบแปด เดวิดก็จะอายุยี่สิบปีเต็ม ต่างคนต่างก้าวสู้ความเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ส่วนผม... ก็จะอายุสี่สิบอย่างเต็มภาคภูมิ”

                “คุณพูดเสียตัวเองดูแก่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ กอร์ดอนพยักหน้า

                “อีกสี่ปีผมก็จะอายุสี่สิบแล้ว ไม่หนุ่มเท่าไหร่แล้วล่ะครับ อย่างน้อยๆ ก็ไม่หนุ่มเท่าคุณแน่”

                “อีกสี่ปีผมก็จะอายุยี่สิบแปด ผมคงต้องพยายามเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถึงตอนนั้นคุณจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าผมจะต้องมีใครติดตามมั้ย ต้องขออนุญาตใครเวลาจะออกไปไหนมาไหนมั้ย อืม... อายุยี่สิบแปดนี่ผมว่าตัวเองน่าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วนะ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ถึงตอนนั้นก็เป็นอายุที่เหมาะสมที่คุณจะแต่งงานและมีลูก ผมว่าลูกคุณต้องน่ารักแน่ เขาคงมีดวงตาสีเขียวสดใสเหมือนคุณ มีผมสีทองอ่อนๆ ดูน่ารัก ถ้าเขาเป็นผู้ชายเขาคงเป็นลอร์ดน้อยที่เข้มแข็ง ถ้าเป็นผู้หญิงคงทโมนมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องกอร์ดอนอยู่อึดใจ ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “ถ้ามีลูกผู้หญิงผมอยากให้มีตาสีฟ้าเหมือนคุณ ผมสีทองเหมือนคุณได้ด้วยยิ่งดี เธอต้องเป็นเลดี้ที่สวยสง่ามาก ทุกคนคงจะมารุมหลงรักเธอ แน่นอน ผมต้องถูกร่ำลือว่าเป็นท่านลอร์ดจอมหวงลูกสาว ซึ่งช่วยไม่ได้เพราะเธอเป็นลูกคุณ”

                “.....”

                “อย่าพูดเรื่องแต่งงานกับผมอีกเลยนะกอร์ดอน ใช่ว่าผมไม่อยากจะแต่ง แต่คนเดียวที่ผมอยากจะให้มาเป็นแม่ของลูกผมก็คือคุณ”

                “แต่ผมเป็นผู้ชาย...”

                “เพราะงั้นพวกเราไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้อีก มันจะทำให้เสียบรรยากาศเปล่าๆ”

                “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ...”

                ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจ เขาดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอด ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของฝ่ายนั้น แล้วพูดต่อ “พูดถึงเรื่องแต่งงาน คุณอยู่มาจนอายุเท่านี้แล้ว ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานจริงจังเลยหรือ?”

                “ไหนคุณบอกว่าเราไม่ควรพูดถึงเรื่องแต่งงานไงครับ?” กอร์ดอนย้อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ผมหมายถึงเรื่องในอนาคตน่ะ แต่นี่ผมกำลังถามถึงเรื่องในอดีต คิดแล้วมันแปลกมากนะ ที่จนถึงอายุขนาดนี้แล้วคุณยังไม่แต่งงาน ถึงคุณจะเข้าสังคมไม่เก่งและขี้อายก็เถอะ แต่ผู้ชายที่ทำงานหนักและรายได้ดีแบบคุณ น่าจะมีคนแนะนำผู้หญิงดีๆ ให้ไม่น้อยเลยนะ”

                “โอ จอห์น ไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนอยากจะแต่งงานกับผมหรอก”

                “ทำไมล่ะ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าแปลกใจ “คุณก็ไม่ใช่คนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไรสักหน่อย นิสัยก็ดีมาก ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าไม่มีใครอยากจะแต่งงานกับคุณ”

                กอร์ดอนมีสีหน้าลำบากใจ เขาเม้มปากแน่น และนิ่งไปเป็นนาน ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นอีกครั้ง “ร่างกายของผมมันผิดปกติน่ะ”

                “?”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-04-2017 21:21:07

                “ตอนอายุสิบแปด ผมเคยพยายามขึ้นเตียงกับโสเภณีคนหนึ่ง” กอร์ดอนเริ่มเล่า เขาวางมือประสานเอาไว้บนเข่า แล้วบีบมันราวกับต้องการกำลังใจ “เธอเป็นคนสะสวย อายุยังไม่มากเท่าไหร่ มีทุกอย่างบนเรือนร่างอย่างที่ผู้หญิงควรจะมี ร่างกายของเธอนุ่มนิ่ม น้ำเสียงของเธอยั่วยวน ผมพยายามจะนอนกับเธอ... แต่... ความเป็นชายของผมมันไม่ทำงาน ส่วนนั้นของผมมันใช้การไม่ได้ ผม... ผมเป็นผู้ชายที่ไม่มีความเป็นชาย!”

                ช่างตัดเสื้อพร่างพรูสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมา ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความอับอายและคับแค้นในชะตาชีวิตของตัวเอง น้ำใสๆ กลิ้งออกมาจากหัวตาของเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดเขาไว้แน่นกว่าเดิมด้วยความสะเทือนใจ

                “โอ... กอร์ดอน ผมไม่รู้มาก่อนเลย... ผมขอโทษที่บีบให้คุณต้องพูด”

                กอร์ดอนหลับตาลง เขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงสั่นพร่า “หลังจากนั้นเธอก็เอาเรื่องผมไปเล่าให้คนอื่นฟังจนทั่ว ผู้ชายทุกคนหัวเราะเยาะผม ผู้หญิงทุกคนก็หันหน้าหนี หลังจากนั้นผมไม่กล้าเข้าหาใครอีก ผมไม่มีปัญญาจะเป็นสามีของใคร ไม่มีหน้าจะไปเป็นเพื่อนกับผู้ชายคนไหนด้วย พวกเขาจะมองผมยังไง ถ้าวันหนึ่งรู้ว่าผมเป็นผู้ชายที่ไม่สมชาย โอ... พวกเขาไม่เคยมองผมเป็นผู้ชายด้วยกันด้วยซ้ำ ผู้ชายที่อยากรู้จักกับผม ส่วนใหญ่อยากรู้ว่าผมมีญาติผู้หญิงหรือไม่ พวกเขาอยากจะทำความรู้จักกับผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายผม ไม่ได้อยากรู้จักกับผมหรอก ผมมีแต่ฝีมือในการตัดเสื้อเท่านั้น ที่พอจะทำให้ตัวเองมีที่ยืนในสังคมได้”

                ช่างตัดเสื้อเค้นคำพูดออกมาด้วยความขมขื่น “ผมไม่เคยดีใจเลยที่ตัวเองเกิดมาเป็นแบบนี้ ตอนไปที่บาร์ของแมคคาธีครั้งแรก คนพวกนั้นทำราวกับผมเป็นของเล่นชนิดใหม่ พวกเขาจับต้องผมแบบไม่ให้เกียรติ เขาไม่คิดว่าผมเป็นผู้ชาย ยิ่งไม่คิดว่าผมเป็นผู้หญิง ศักดิ์ศรีทุกอย่างในฐานะผู้ชายของผมถูกทำลายจนป่นปี้ ถ้าผมไม่มีเงินไปให้เขา ถ้าผมคือคนที่ติดหนี้แทนที่จะเป็นคนที่ไปใช้หนี้ พวกเขาคงย่ำยีผมเสียยิ่งกว่าโสเภณีที่ราคาถูกที่สุด ถ้าผมไม่มีฝีมือด้านตัดเสื้อ ผมคงไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจ ผมคงเป็นไม่ได้แม้แต่เศษคน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดในน้ำเสียงและชะตากรรมอันน่าสะเทือนใจของช่างตัดเสื้อเสียดแทงหัวใจของเขาอย่างรุนแรง เขาดึงตัวกอร์ดอนมากอดเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง พลางกล้ำกลืนน้ำตาลงไปในลำคอ กอร์ดอนยกมือขึ้นกอดตอบเขา ทั้งคู่กอดกันอยู่นานท่ามกลางแสงแดดตอนเที่ยงวัน ก่อนที่กอร์ดอนจะพูดขึ้นต่อ

                “จนผมได้มาพบคุณ จอห์น คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่คุยกับผมโดยไม่ได้มองหาคนอื่นในตัวผม และคุณให้เกียรติผมอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากใคร ช่วงแรกผมหงุดหงิดกับคุณมาก เพราะผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ ผมไม่ไว้ใจใครที่เข้ามาในชีวิตผมเลย ส่วนแอนนาเบล... เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยหันมายิ้มเยาะผม แม้ว่าผมจะทำตัวไม่เข้าท่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ เธอทำให้ชีวิตเปล่าเปลี่ยวสามสิบกว่าปีของผมมีสีสัน เธอทำให้ผมอยากจะกลับมาทำความรู้จักกับคนอื่นอีกครั้ง และคุณก็มาช่วยผมเรื่องนั้น... คุณไม่ได้ช่วยชีวิตผมไว้แค่ตอนที่รถม้าคันนั้นพุ่งเข้ามาหรอก ทุกอย่างที่คุณทำช่วยผมขึ้นมาจากนรก คุณเหมือนความฝันที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการถึงมาก่อน ผมถึงกลัวมากที่จะต้องสูญเสียคุณไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลายวงแขนออก แล้วจับไหล่ของช่างตัดเสื้อจนเจ้าตัวหันมาประจันหน้ากับเขา “ผมจะไม่ไปจากคุณเด็ดขาด ผมยืนยันในคำสาบานแรกที่ได้สาบานกับคุณ และผมจะไม่ยอมให้มนุษย์หน้าไหนมาพรากคุณไปจากผมทั้งนั้น ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน จนกว่าพระเจ้าจะเรียกพวกเรากลับคืนสู่บ้านของพระองค์”

                กอร์ดอนมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยดวงตาสีฟ้าที่สั่นระริก แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องที่ฝ่ายนั้นพูดมาไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด แต่ในวินาทีนี้เขาเต็มใจจะเชื่อ อย่างน้อยๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา และห้วงเวลาที่กำลังดำเนินอยู่ก็คือความจริงที่เขาสามารถยื่นมือไปคว้าเอามาได้ แม้ว่าเวลาจะไหลไปเรื่อยๆ และไม่มีสิ่งใดนิรันดร์กาล แต่ไม่มีเหตุผลใดอีกแล้วที่เขาจะไม่คว้าปัจจุบันเอาไว้

                 พวกเขาต่างประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วมอบจูบที่แสนละมุนให้แก่กัน บนเรือที่ไหวโคลงเคลงกลางอ่างน้ำอันเวิ้งว้างไร้ผู้คน มีเพียงท้องฟ้าสีครามอยู่เหนือศีรษะ และผืนน้ำที่ใสนิ่งราวกระจกโอบอุ้มอยู่เบื้องล่าง ภาพสะท้อนของคนสองคนบนเรือและท้องฟ้าที่ย้อมผืนน้ำจนแทบจะกลืนเป็นผืนเดียวกันช่างดูประหลาดมหัศจรรย์ ราวกับว่ามีโลกอีกโลกหนึ่งอยู่ลึกลงไป โลกที่พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีสิ่งใดมาขวางกัน ทว่าแรงกระตุกจากเบ็ดก็ทำให้ภาพฝันทั้งหมดมลายหายไป

                กอร์ดอนเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าเบ็ดที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหวี่ยงไปเริ่มกระตุก เขากระซิบบอกฝ่ายนั้น

                “จอห์น ปลากินเบ็ดแล้วนะ ผมว่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กะพริบตาหลายครั้ง เพื่อให้น้ำตาที่คั่งอยู่ซึมกลับเข้าไป เขาพ่นลมหายใจออกทางปาก ก่อนจะหันไปมองคันเบ็ด

                “ถูกของคุณนะ ผมว่าเราอาจจะได้ปลาตัวใหญ่เชียวล่ะ”

                ทั้งสองผละออกจากกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปสาวเบ็ดของเขา ขณะที่กอร์ดอนมองหาถังสำหรับใส่ปลาที่ตกได้

                ปลาที่กินเบ็ดท่าทางจะตัวใหญ่เอาเรื่อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื้อยุดกับมันอยู่นาน สุดท้ายก็ลากเจ้าปลาตัวนั้นขึ้นเรือมาได้สำเร็จ

                “ว้าว มันเป็นปลาชับที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นเลย” กอร์ดอนคราง เขาหันหน้าหนีน้ำที่ปลาตัวนั้นสะบัดออกมาระหว่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามจะใส่มันลงไปในถัง

                “หนักสักแปดปอนด์ได้ล่ะมั้ง ผมว่า” ลอร์ดหนุ่มพูด ปลาตัวดังกล่าวยังดิ้นรนอยู่อีกพักใหญ่จึงสิ้นฤทธิ์ เขาปลดเบ็ดออก ปล่อยให้ปลาตัวนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ในถัง

                “กี่โมงแล้ว”

                กอร์ดอนรีบหยิบนาฬิกาพกออกมาดูอีกครั้ง “บ่ายโมงครับ”

                “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะได้ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ในช่วงเที่ยงวัน ผมว่าวันหลังต้องออกเวลานี้บ่อยๆ แล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ กอร์ดอนหัวเราะ

                “คุณจะตกปลาต่อไหมครับ? แต่ผมว่าแค่นี้ก็เหลือกินแล้วนะ”

                อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “อากาศร้อนมาก ผมไม่อยากนั่งตากแดดอีกแล้ว” เขาเว้นจังหวะแล้วมองปลาตัวใหญ่ในถัง “เราควรพามันไปที่บ้านของเซอร์จอร์จ เขาต้องแปลกใจมากที่จะมีปลาตัวใหญ่เป็นอาหารในงานเลี้ยงเย็นนี้”

                “ผมว่าเขาน่าจะแปลกใจที่ได้เจอคุณมากกว่า”

                อีกฝ่ายหัวเราะ ก่อนจะมองช่างตัดเสื้อด้วยสีหน้าจริงจัง “เราไม่ไปงานเต้นรำนั่นก็ได้นะ ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ ผมแค่คิดว่ามันคงสนุกดีที่จะได้พบเจอผู้คนที่เคยอยู่รอบๆ ตัวคุณสมัยยังเด็ก”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรหรอกจอห์น เวลามันผ่านมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยหรือล้อเลียนผมแบบสมัยก่อนแล้วล่ะ ทุกคนก็โตๆ กันหมดแล้ว”

                “คุณไม่ลำบากใจนะ”

                “ไม่หรอกครับ ผมชินเสียแล้วล่ะ ผมกลัวแต่ว่าคุณจะหงุดหงิดที่ถูกแย่งเวลาไปเท่านั้นเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “ดาวจะเห็นชัดตอนดึกๆ ระหว่างนั้นพวกเราไปงานเต้นรำฆ่าเวลากันก่อน”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พายเรือกลับมาที่ริมตลิ่ง พวกเขาลากเรือขึ้นมาบนฝั่ง เทไส้เดือนที่เหลือในถังลงใกล้ๆ กับพื้นที่ชื้นแฉะแถวนั้น พวกมันรีบมุดลงไปในดินอย่างรวดเร็ว

                “พวกเราคงกลับไปพอดีเวลาน้ำชา” กอร์ดอนพูดหลังหยิบนาฬิกาพกออกมาดู แต่พอเขาเบือนหน้าไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก็ต้องอุทานออกมา

                “นั่นคุณจะทำอะไรครับ?”

                “ว่ายน้ำน่ะสิ” ท่านเอิร์ลพูด เขาเพิ่งถอดเสื้อกั๊กออกวางไว้ตรงพงหญ้าแห้งๆ และตอนนี้เขาก็กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองอยู่

                “ผมไม่กลับไปทั้งที่ยังไม่ได้แช่น้ำเย็นๆ ให้หนำใจหรอก คุณก็ลงมาว่ายด้วยกันสิ” เขาพูดพลางดึงเสื้อเชิ้ตออกจากตัว แล้วเริ่มถอดกางเกง

                กอร์ดอนจ้องฝ่ายนั้นเขม็ง “คุณจะถอดหมดเลยหรือครับ?”

                “แน่นอน... ผมไม่ชอบว่ายน้ำทั้งที่ใส่เสื้อหรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อีกอย่างที่นี่ไม่มีคนอื่น ผมไม่ต้องกลัวใครมาเห็นแผลเป็นที่ซอกไหล่ด้วย”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขาตัดสินใจหันไปอีกทางตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอดกางเกงออก ได้ยินเสียงฝ่ายนั้นเรียก

                “เฮ้ กอร์ดอน คุณจะหันหน้าหนีผมทำไม ส่วนไหนของผมน่าเกลียดหรือ?”

                “โอ้ ไม่ใช่หรอกครับ ผมว่าคุณดูดีมากเลยล่ะ”

                “งั้นก็หันมาสิ ผมอยากให้คุณลงมาเล่นน้ำด้วยกันนะ ว้าว น้ำเย็นชื่นใจดีมาก คุณจะเสียใจถ้าไม่ลงมานะ”

                ช่างตัดเสื้อได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น เขาตัดสินใจหันกลับไปอีกครั้ง และเห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงไปอยู่ในน้ำเรียบร้อยแล้ว กล้ามเนื้อมัดสวยบนร่างกายของเขาที่เปียกชุ่มดูเป็นประกายภายใต้แสงแดดที่ส่องลงมา

                “มาเถอะน่า ไม่ต้องอายหรอก ผมไม่นึกดูถูกคุณแน่”

                ใบหน้าของช่างตัดเสื้อกลับมาแดงเรื่ออีกครั้ง เขาตัดสินใจถอดเสื้อกั๊กออก ตามด้วยเสื้อเชิ้ตตัวใน แน่นอนว่าทุกอิริยาบถอยู่ภายใต้สายตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ สายตาของเขาที่จ้องมายิ่งทำให้ช่างตัดเสื้อหน้าแดงกว่าเดิม

                “คุณอย่ามองแบบนั้นสิครับ ผมรู้สึกยังไงก็ไม่รู้”

                “ผมอยากเห็นทุกส่วนของคุณนี่นา ผมยังไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยนะ”

                “โอ... มันไม่น่าดูหรอกครับ”

                ฝ่ายนั้นหัวเราะ “ผมจะเป็นคนตัดสินเองว่ามันน่าดูรึเปล่า คุณถอดเร็วๆ สิ”

                ในที่สุดกอร์ดอนก็ดึงกางเกงขายาวออกพ้นจากขาของตัวเอง เขาเดินมาที่ตลิ่งด้วยความขัดเขิน ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องร่างของฝ่ายนั้นอย่างไม่วางตา

                “น่าเกลียดมากใช่ไหมครับ? ตรงนั้นของผมมันไม่ปกติมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” กอร์ดอนพูดขณะก้าวขาลงไปในน้ำ ลอร์ดหนุ่มเดินลุยน้ำเข้ามาใกล้ เขาสังเกตเห็นว่าองคชาติของฝ่ายนั้นเล็กและลีบมาก ส่วนลูกอัณฑะก็แทบมองไม่เห็นเลย

                “คุณคงหายสงสัยแล้วว่าทำไมผมถึงไม่แต่งงาน” ช่างตัดเสื้อพูด ขณะทิ้งตัวลงในน้ำ ลอร์ดหนุ่มจับแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้

                “ผมเสียใจเกี่ยวกับร่างกายคุณด้วยนะ”

                อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณไม่มองผมอย่างเหยียดหยาม ผมก็รู้สึกดีมากแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมายืนประจันหน้ากับเขา ก่อนจะใช้มือปัดผมออกจากใบหน้าของช่างตัดเสื้อ “ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ กอร์ดอน ความผิดปกติของคุณไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจเลย ตรงข้าม มันยิ่งทำให้ผมเชื่อว่าพระเจ้าชักนำให้พวกเราได้มาเจอกัน เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่ผมรักคุณ”

                หัวใจของกอร์ดอนเต็มตื้นขึ้นมา เขายิ้มให้ฝ่ายนั้น มองดูดวงตาสีเขียวสดใสที่มีค่ายิ่งกว่าอัญมณีใด ลอร์ดโทรว์บริดจ์โน้มใบหน้าลงจูบริมฝีปากของเขาเบาๆ ก่อนจับแขนของกอร์ดอนเอาไว้ แล้วเดินลงไปในที่ลึกขึ้น

                “มา ว่ายน้ำกับผมเถอะ ผมแน่ใจว่าคุณต้องว่ายน้ำเก่งแน่ คุณอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำนี่นา”

                กอร์ดอนหัวเราะ “ไม่เลย ผมว่ายน้ำไม่เป็นหรอก”

                อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ เขาหยุดเดินทันที “อ้อ... งั้นหรือ... งั้นไม่เป็นไร เราเล่นน้ำกันตรงนี้ก็ได้ ตรงนี้ตื้น ปลอดภัยแน่นอน”

                “คุณจะสอนผมว่ายน้ำก็ได้นะครับ” กอร์ดอนพูดพลางยิ้ม “ผมยินดีถ้าคุณจะเป็นคนสอน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองฝ่ายนั้นอึดใจ “วันอาทิตย์ไมครอฟพาคุณลงน้ำด้วยรึเปล่า คุณชอบบึงน้ำที่หน้าคฤหาสน์เขานี่นา”

                คนถูกถามพยักหน้า คราวนี้สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์แข็งขึ้นทันที “เขาทำอะไรคุณบ้าง เขาเห็นทุกส่วนของคุณมั้ย ให้ตาย! ผมอยากจะกลับไปซัดหน้าแมกซ์จริงๆ เขากล้าทำกับผมถึงขนาดนี้เชียวหรือ!”

                กอร์ดอนรีบพูดขึ้นมา “คุณใจเย็นๆ ก่อนครับ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ลอร์ดฟาริงดอนว่ายน้ำทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงอยู่ ผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เขาไม่ได้ทำอะไรผมเลยครับ แค่สอนผมดำน้ำเฉยๆ”

                “พูดจริงๆ นะ?”

                “จริงสิครับ ผมจะโกหกคุณทำไม ผมไม่คิดว่าเขาอยากจะทำอะไรผมมากไปกว่านั้นหรอก”

                “ใครจะไปรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดฉุนๆ “แต่แมกซ์ไม่ได้ห้ามอะไรเลยใช่มั้ย? เขาแทบจะผลักคุณลงน้ำกับพี่ชายเขาเลยสิ”

                “ไม่ครับ ผมว่าลอร์ดแมกซ์ห้ามนะ แต่ลอร์ดฟาริงดอนเป็นพี่ชายเขานี่ครับ” กอร์ดอนเงยหน้ามองคนรักของเขา “คุณอย่าโกรธเขาเพราะเรื่องของผมเลยครับ เขาเป็นเพื่อนรักของคุณนะ แล้วเขาก็ไม่ได้พาผมไปทำเรื่องไม่ดีอะไร”

                “ผมให้อภัยเขาแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมก็ยังโกรธเขาอยู่ดี ถ้าเขาพาคุณไปไหนกับพี่ชายของเขาเพียงลำพังอีก คุณห้ามไปนะ ไม่งั้นผมคงได้ฆ่าพวกเขาแน่”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ตกลงครับ ผมไม่อยากให้คุณฆ่าใครตาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อด้วยท่าทางจริงจัง “ว่าแต่ไมครอฟสอนคุณดำน้ำยังไง ทำให้ผมดูได้ไหม? ผมอยากรู้ว่าเขาสอนจริงจังหรือแค่ทำเล่นกันแน่”

                “โอ เขาให้ผมนับหนึ่งถึงสาม แล้วเอาหน้าจุ่มน้ำแบบนี้ครับ” กอร์ดอนสาธิตการดำน้ำของเขาให้ฝ่ายนั้นดู พอโผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำ ก็เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนยิ้มอยู่

                “เขาสอนคุณแบบนี้หรือ?”

                “ครับ”

                “งั้นผมจะสอนคุณบ้างแล้วกัน” เขาดึงแขนของช่างตัดเสื้อมาคล้องไหล่ตัวเองเอาไว้ “พอผมนับหนึ่งถึงสาม คุณก็กลั้นหายใจนะ”

                อีกฝ่ายพยักหน้า

                “หนึ่ง... สอง... สาม...”

                พวกเขาทิ้งตัวลงไปใต้น้ำ สรรพเสียงรอบตัวฟังดูผิดแปลกไปทันที กอร์ดอนได้ยินเสียงบุ๋มๆ ของฟองอากาศ สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของมือที่จับตัวเขาเอาไว้ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น และพบว่าอีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ กว่าที่เขาจะทันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็กระกบริมฝีปากเข้ามา แล้วดันตัวเขาไปที่ตลิ่ง

                “ไหนบอกว่าจะสอนผมดำน้ำไงครับ!” กอร์ดอนโวยวายหลังจากอีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเผล่

                “ก็คุณดำน้ำเป็นแล้วนี่ หลักฐานคือตอนนี้คุณไม่ได้สำลักน้ำไง” พูดจบเขาก็ก้มลงจูบช่างตัดเสื้ออีก ฝ่ายนั้นพยายามดิ้นหนี

                “โอ้ จอห์น เราไม่ควรจะทำแบบนี้ในสถานที่เปิดโล่งนะครับ ถ้ามีใครผ่านมาเห็นเข้าล่ะก็...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปิดปากของกอร์ดอนอีกครั้งด้วยจูบ คราวนี้มันล้ำลึกและยาวนานกว่าครั้งก่อนมาก จนช่างตัดเสื้อต้องจับไหล่เขาเอาไว้ ระหว่างนั้นลอร์ดหนุ่มก็ขยับตัวเสียดสีกับเขาเบาๆ

                “ผมรักคุณจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ท่านเอิร์ลกระซิบ พลางอ้าปากขบเม้มติ่งหูของช่างตัดเสื้อ

                กอร์ดอนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่สมควรที่สุด แต่การแสดงความปรารถนาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่มีต่อตัวเขานั้นทำให้เขาไม่อาจหักใจผลักฝ่ายนั้นออกไปได้ เขาไม่เคยคิดว่าร่างกายที่ผิดปกติของตัวเองจะได้รับการยอมรับ ไม่คาดคิดเลยด้วยว่ามันจะเป็นที่ต้องการของใคร

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้ำจูบลงบนริมฝีปากของกอร์ดอนอีกครั้ง เขาเลื่อนมือลงไปที่ปั้นเอวของอีกฝ่ายซึ่งจมอยู่ใต้นำ ท่าทางยินยอมของฝ่ายตรงข้ามยิ่งทำให้เพลิงปรารถนาในกายของเขาลุกโชน เขาลากริมฝีปากไปยังซอกคอของช่างตัดเสื้อ แล้วจูบไล่ลงไปจนถึงหัวไหล่ ต่ำลงไปจนถึงหน้าอก กอร์ดอนสูดหายใจลึก เขาประคองศีรษะของลอร์ดหนุ่มเอาไว้ ขณะที่อีกฝ่ายใช้มือลูบไล้สะโพกของเขา ก่อนจะขยับมาคลึงเคล้นส่วนน่าอายที่อยู่ด้านหน้า

                พรึ่บ!

                ทั้งคู่ผละจากกันทันทีราวกับถูกไฟลวก กอร์ดอนรีบซ่อนตัวในน้ำ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองหาที่มาของเสียง ทั้งคู่หน้าซีดเผือด ตอนนั้นเองที่พวกเขาเห็นแม่เป็ดตัวหนึ่งเดินพาลูกของมันลงมาในน้ำ มันหันหัวมามองพวกเขา แล้วกระพือปีกเสียงดังพรึ่บ ก่อนจะว่ายน้ำออกจากตลิ่งไปพร้อมกับลูกๆ ด้านหลัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับกอร์ดอนหันมองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

                “บ้าจริง... ผมคิดว่ามีใครมาเสียอีก” ลอร์ดหนุ่มพูด ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงจัดด้วยความละอาย แน่นอนว่าช่างตัดเสื้อก็มีใบหน้าแดงก่ำไม่แพ้กัน

                “ผมคิดว่าจะถูกใครเห็นเข้าเสียแล้ว” กอร์ดอนโพล่งออกมา เขารู้สึกเหมือนหัวใจแทบจะหยุดเต้นตอนได้ยินเสียงในพงหญ้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “โชคดีที่มันเป็นแค่เป็ด”

                ทั้งสองคนเหลือบมองกันด้วยความรู้สึกกระอั่กกระอ่วนใจ

                “พวกเราใส่เสื้อผ้าแล้วกลับบ้านกันดีกว่าครับ” ช่างตัดเสื้อเสนอ อีกฝ่ายส่งเสียงรับคำในลำคอโดยไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ทั้งคู่จึงเดินขึ้นมาสวมเสื้อผ้า แล้วหิ้วถังใส่ปลาและคันเบ็ดกลับไปที่บ้านทรีลอว์นีย์

--------------------------------------------------
(จบตอน)
** โอ๊ย แชร์ปเตอร์สุดท้ายที่พิมพ์ไปก่อนหน้านี้ปลิวหายไปกับสายลม15วินาที (โพสถี่ไป) ความเวิ่นเว้อเลยปลิวไปด้วยเลย ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ล่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 15-04-2017 21:30:02
ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 15-04-2017 21:44:24
แม่เป็ด ผิดคิวนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 15-04-2017 21:46:53
มาปักแสดงความสนใจไว้ก่อน ฮี่ๆ ชอบคนแต่ง  :ruready

เดี๋ยวมาอ่านนนค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-04-2017 22:35:18
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 15-04-2017 22:36:28
หวานเว่อร์วัง หวานกว่าน้ำตาลใดๆในโลก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-04-2017 23:14:46
ละมุนละไม ดีงามแท้ต่อหัวใจ  :mew1:
จอห์นนี่ กอร์ดอน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-04-2017 23:38:45
อ่านไปน้ำตาก็ไหลไป

สงสารกอร์ดอน อยากตบปากผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ นิสัยไม่ดี
และซาบซึ้งกับความรักที่จอห์นมีให้กอร์ดอน

จอห์นคือดวงอาทิตย์ยามเช้าที่ทำให้ชีวิตสว่างไสวและอบอุ่น

อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ปัจจุบันที่จอห์นกอดกอร์ดอนไว้ทำให้รู้สึกปลอดภัยและเป็นสุขจริง ๆ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 15-04-2017 23:43:46
นี่เป็นกังวลตามทั้งคู่แล้วนะ กลัวพ่อท่านลอร์ดจะส่งคนมาดูจริงๆ คิดมากจัด  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-04-2017 00:23:52
อยากกินเป็ดย่างเกลือขึ้นมาทันที
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-04-2017 01:13:07
ตกใจแทนเลยนะเนี่ย เป็ดน้อเป็ด
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 16-04-2017 14:24:20
ลุ้นจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว


 :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-04-2017 21:41:50
 :3123: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 19-04-2017 00:25:01
อย่าประเจิดประเจ้อซิ่ กลัวคนมาเห็นง่ะ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 19-04-2017 00:55:54
ใจอิฉันวูบนึงนี่อยากให้ท่านลอร์ดผิดคำสาบานเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 19-04-2017 20:45:18
เป็นคู่ที่ไม่อยากให้มีใครเจอมากที่สุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 19-04-2017 22:06:52
ฉากกุ๊กกิ๊กนี่มันก๊าวใจมากเลยค่ะ งื้ออออ
แต่ตอยที่เป็ดมานึกว่าเป็นึนเหมือนกัน
หรือจริงๆแล้วป็นคนมาเห็นตริงๆ  แต่ท่านลอร์ดกับกอร์ดอนเห็นเป็ดก่อนเลยคิดว่าเป็นเป็ดนะ
งื้ออกลัวอ่าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 19-04-2017 23:36:30
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย! ใจอีเจ๊นี่แทบปลิว
นึกว่าจะมีคนมาเห็นซะแล้วใจหายใจคว่ำหมด
(เดี๋ยวจับแม่เป็ดกดน้ำแล้วมาตุ๋นกินซะเลยนิ่!)
กอร์ดอนน่าสงสารสุดอะไรสุด!
ยิ่งอ่านยิ่งมีแต่เรื่องให้สงสารกอร์ดอน
ฉะนั้น เรื่องความรักก็อย่าให้ลำบากยากเย็นนักเลยนะคะคุณคนเขียน

ส่วนท่าอาร์ชดยุค(พิมพ์ถูกไหมนะ?)เรารู้สึกตะหงิดๆนิดๆ
เหมือนคนเขียนอาจจะให้ท่านดยุคเคยตกหลุมคุณย่าของกอร์ดอนมาก่อนก็เป็นได้
เพราะคนเขียนก็เคยบอกว่ามีขุนนางเคยมาชอบคุณย่านี่คะใช่ไหม?
แล้วแบบกอร์ดอนก็หน้าเหมือนคุณย่ามากๆ
เลยเป็นเหตุผลให้ท่านดยุคเลยมาหากอร์ดอนด้วยตัวเองที่ร้านบ่อยๆ
เพราะคิดถึงคุณย่าของกอร์ดอนก็เป็นได้

เราก็เดาไปเรื่อยล่ะค่ะ55555555555555555
เดาเพราะเห็นความสำคัญของท่านดยุคเลยนะเพราะแอบเห็นว่านามท่านโผล่มาหลายทีละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 20-04-2017 19:45:51
ตอนนี้หลงกอร์ดอนหนักมาก
นางสวย นางน่าสงสาร ไม่อยากให้นางเจอเรื่องแย่ๆ
นี่ก็แพ้ทางผู้ชายแบบจอร์นอีก
ใจนึงก็อยากให้ทุกคนรู้สักที จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ
อยากให้พากันหนีไปอยู่อเมริกาเลย ฮือ :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 23-04-2017 03:26:23
ใจหายใจคว่ำกับแม่เป็ดมากกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-04-2017 21:01:42
เราว่าต้องมีคนเห็นแน่ๆ  :katai1: :ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: theG ที่ 28-04-2017 07:30:03
กลางแจ้งมากค่ท่านลอร์ด ทำอะไรลงไปปป มีคนเห็นชัวร์เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-05-2017 12:34:22
** คำเตือน บุหรี่มีอันตรายต่อสุขภาพ การสูบบุหรี่ภายในเรื่องเป็นเพียงการบอกกล่าวถึงค่านิยมของคนในยุคนั้นเท่านั้นค่ะ**
*****************
Dear, My customer.

ตอนที่26 บ้านของกอร์ดอน


                เดวิดและบิสโม่กำลังช่วยกันเก็บลูกพีชและลูกแอ๊ปเปิ้ลที่หล่นอยู่ใต้ต้น ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนกลับไปถึง อันที่จริงแล้วถ้าพูดให้ถูกคือทั้งสองคนกำลังเอาลูกพีชปาใส่กันมากกว่า เสียงเอะอะเอ็ดตะโรทำให้มิสซิสชิมเมอร์เดินมาเอ็ดพวกเขา

                “โอ๊ย ตายแล้ว! พวกเธอหยุดเล่นกันสักครึ่งวันจะได้มั้ย เดี๋ยวเกิดคันขึ้นมาจะต้องไปรบกวนคุณหมออับบราฮัมอีกนะ”

                เด็กทั้งสองต่างพากันหัวเราะชอบใจ ก่อนที่เดวิดจะหันมาเห็นสองคนที่เดินผ่านประตูรั้วมา

                “อ้าว พวกคุณกลับมาเร็วจัง ได้ปลามาเยอะไหมครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นถังใส่ปลาให้เขาแทนคำตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันจอดเรือไว้ที่เดิมนะ”

                “ครับ เดี๋ยวพวกผมจะไปยกกลับมา ว้าว! คุณได้ปลาชับตัวใหญ่มากเลยนะครับเนี่ย ไอ้ตัวนี้แน่ที่ดึงสายเบ็ดผมขาดวันก่อน” เดวิดพูดจ๋อยๆ ขณะที่เพื่อนของเขาเดินมาชะโงกดูด้วย

                “โอ้โห ตัวใหญ่มากจริงๆ พวกคุณโชคดีมากครับ”

                มิสซิสชิมเมอร์ยิ้ม “พวกคุณโชคดีจริงๆ เดี๋ยวฉันจะให้เดวิดยกเข้าไปในครัวนะคะ”

                “ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมตั้งใจจะเอามันไปให้ที่ไพเพอร์ ลอด์จ ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้เหมาะที่จะอยู่ในงานเลี้ยงมากกว่าจะกินกันแค่ไม่กี่คน คุณจะไปงานนี้ด้วยใช่ไหม?”

                “โอ... แน่นอนค่ะ” มิสซิสชิมเมอร์พยักหน้า “เซอร์จอร์จเชิญทุกคนในละแวกนี้ คุณช่างมีน้ำใจดีเหลือเกินค่ะ”

                “แสดงว่าคุณจะไปงานเลี้ยงเย็นนี้ด้วยใช่ไหมครับ?” เดวิดพูดแทรกขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ใช่ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่บ้านของเซอร์จอร์จเลย”

                “คุณไม่อยู่ดื่มชากับเราก่อนหรือครับ? แม่ผมทำพายลูกพีชเอาไว้เยอะเลยนะครับ”

                มิสซิสชิมเมอร์หันไปสะกิดลูกชาย ก่อนจะหันมายิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เชิญพวกคุณตามสบาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มตอบไป “พายลูกพีชฟังดูน่าอร่อยนะ พวกเราก็ไม่ได้รีบอะไร ดื่มชาก่อนแล้วค่อยไปก็ได้ เซอร์จอร์จคงไม่ปิดประตูไม่ต้อนรับผมหลังเวลาน้ำชาหรอก”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา ก่อนจะพาลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้าบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

-------------------------------------

                “นี่ กอร์ดอน ผมเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ชมด้านในตัวบ้านของคุณเลย” ลอร์ดหนุ่มพูดเมื่อทั้งคู่เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง

                “ไว้เดี๋ยวกลับมาจากบ้านของเซอร์จอร์จแล้ว ผมค่อยพาคุณชมก็ได้ครับ บ้านผมไม่มีอะไรมากหรอก” กอร์ดอนพูดพลางเดินไปหยุดหน้าประตูห้องที่อยู่ด้านขวา “นี่ห้องคุณครับ ตู้เสื้อผ้าขวามือคุณเปิดใช้ได้เลย ส่วนผ้าเช็ดตัวไอเวอรี่น่าจะแขวนเอาไว้ให้แล้ว ห้องน้ำอยู่สุดทางเดินด้านซ้าย ส่วนห้องผมอยู่ด้านหลังก่อนถึงห้องน้ำ ถ้าขาดเหลืออะไรคุณตะโกนเรียกผมหรือเดวิดได้เลยครับ”

                “ตกลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นคือเตียงนอนสี่เสาหลังใหญ่ที่สลักเสลาลวดลายเอาไว้อย่างสวยงาม พร้อมด้วยผ้าคลุมเตียงและปลอกหมอนที่เข้าชุดกับตัวเตียง แม้จะไม่สวยหรูและใหญ่โตอย่างเตียงของเขาในคฤหาสน์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นเตียงไม้ที่สวยงามมากทีเดียว เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ในห้อง ที่ทำมาเข้าชุดกันและรับกับขนาดของห้องอย่างพอดิบพอดี ผนังห้องทาสีแดงอิฐ และทาสีบัวด้วยสีขาว ผ้าม่านสีน้ำตาลเข้มถูกเปิดเอาไว้เพื่อให้แดดส่องเข้ามา ด้านหลังบานหน้าต่างคือภาพของอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปที่ดูสวยงามราวกับภาพวาด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับอุทานออกมาด้วยความประทับใจ แม้เขาเคยชินกับการเห็นวิวสวยๆ จากที่พักของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นที่คฤหาสน์ หรือที่โรงแรม ซึ่งมักจะจัดห้องที่วิวดีที่สุดให้กับเขาและครอบครัวเสมอ แต่เขาคาดไม่ถึงว่า ในบ้านคนสามัญธรรมดาที่ตั้งอยู่ชานกรุงลอนดอน จะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเมื่อมองผ่านหน้าต่างแบบนี้ ชายหนุ่มถึงกับเดินไปที่หน้าต่าง ผลักมันออก และก้าวเท้าไปยืนตรงระเบียงเพื่อชมความงามของอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปในยามบ่าย เขาได้ยินเสียงเด็กหนุ่มคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ด้านล่าง จากหน้าต่างบานนี้ เขาแทบจะเอื้อมมือไปปลิดลูกแอ๊ปเปิ้ลหรือลูกพีชที่อยู่บนต้นของมันได้เลย ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าช่วงเดือนเมษายน ภายในห้องนี้คงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกพีชเป็นแน่

                ชายหนุ่มกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เขาสะดุดตากับกรอบรูปที่วางอยู่บนหิ้งเหนือเตาผิงขนาดใหญ่ ซึ่งกินพื้นที่ถึงหนึ่งในสามของผนังห้องที่มันตั้งอยู่ ตัวหิ้งก็ถูกทำให้รับกับห้องเช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ บนนั้นมีกรอบรูปวางอยู่หลายกรอบ ส่วนใหญ่เป็นรูปถ่ายคู่ของชายหญิงที่มีอายุแล้วคู่หนึ่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดาว่าน่าจะเป็นรูปถ่ายของปู่และย่าของกอร์ดอน เขาพินิจมองรูปพวกนั้น คุณโอเดนเบิร์กเป็นผู้ชายที่มีท่าทางซื่อตรง เขาแต่งตัวพิถีพิถันอย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยจินตนาการว่าจะได้เห็นจากช่างตัดเสื้อผู้มากฝีมือ และมีดวงตาที่แสนอ่อนโยน ขณะที่คุณนายโอเดนเบิร์กเป็นผู้หญิงที่คงความสวยเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ว่าวัยของเธอจะไม่น้อยไปกว่าผู้ที่เป็นสามีแล้วก็ตาม ถึงมันจะเป็นเพียงแค่รูปถ่ายขาวดำ แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับรู้สึกว่ารูปนี้แหละสะท้อนความงามที่แท้จริงของเธอได้ยิ่งกว่ารูปวาดที่ร้านของกอร์ดอนเสียอีก

                เธอรวบผมสีอ่อนไว้ด้านหลัง สวมหมวกและชุดสีเข้ม ใบหน้าประดับรอยยิ้มน้อยๆ ที่ชวนให้คนมองหัวใจพองโต ชุดของเธอสวยอย่างที่กอร์ดอนพูดไว้ แม้เธอจะไม่ได้สวมเครื่องประดับที่ดูมีราคาค่างวดอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอดูด้อยลงเลย ตรงข้าม ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับคิดว่า หากมีอัญมณีมีค่าใดมาประดับอยู่บนตัวเธอ มันคงดูหมองลงเพราะไม่อาจเทียบชั้นกับความงามของผู้สวมใส่ได้ สายตาของเธอที่มองมานั้นช่างอ่อนหวาน อ่อนโยนและล้ำลึก จนเขาถึงกับไม่กล้านึกภาพว่าเมื่อเธอยังสาว จะมีผู้ชายกี่คนที่ปรารถนาจะได้ครอบครองเธอ แต่ชายเดียวที่ชนะใจเธอได้ ก็คือผู้ชายที่เธอคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างรักใคร่ในรูปถ่ายใบนี้

                มีภาพถ่ายของทั้งคู่วางอยู่บนหิ้งราวสี่ห้าภาพ สองในนั้นพวกเขาถ่ายร่วมกับชายหนุ่มอีกคน ซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับคุณโอเดนเบิร์ก เพียงแต่เขามีดวงตาและผมเป็นลอนแบบคุณนายโอเดนเบิร์ก ซึ่งคงไม่น่าจะเป็นใครอื่นนอกจากลูกชายของเขา หรือพ่อของกอร์ดอนนั่นเอง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไล่ดูรูปถ่ายพวกนั้นจนมาสะดุดกับรูปสุดท้าย

                มันเป็นกรอบรูปคู่ทองเหลืองที่เจาะด้านในเป็นวงรี ดุนลายสวยงาม ด้านหนึ่งเป็นรูปของคุณโอเดนเบิร์กในวัยกลางคน แต่อีกด้านหนึ่งกลับว่างเปล่า ทั้งที่ควรจะมีรูปของคุณนายโอเดนเบิร์กใส่อยู่คู่กัน ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังนึกสงสัยอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

                “จอห์น คุณแต่งตัวเสร็จหรือยังครับ? มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยมั้ย?”

                “อ้อ เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ “พอดีผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย คุณลงไปรอข้างล่างเลย เดี๋ยวผมจะตามลงไป”

                “ตกลงครับ”

-------------------------------------

                สิบห้านาทีหลังจากนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เดินลงมาชั้นล่าง เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด โดยสวมเสื้อกั๊กสีแดงเข้ม และเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้มเข้าคู่กับกางเกงสีเดียวกัน สวมหมวกฮอมเบิร์กสีน้ำตาล และถือไม้เท้าที่ทำจากไม้มะเกลือสีดำสนิท โดยมีหัวทำจากเงิน

                “ว้าว คุณดูดีมากเลยครับ” กอร์ดอนพูดออกมา เขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตรงโถงข้างบันได “ผมแน่ใจว่านอกจากทุกคนจะสะดุดตากับหน้าตาของคุณแล้ว สายนาฬิกากับหัวไม้เท้าของคุณก็คงเป็นที่จับตามองไม่น้อยทีเดียว

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขวยๆ “มันดูสะดุดตาเกินไปหรือ? ผมไม่มีนาฬิกาที่มีสายทำด้วยโลหะอื่นนี่นา ส่วนไม้เท้า... อันนี้ธรรมดาที่สุดแล้วเท่าที่ผมมี”

                กอร์ดอนหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อ “ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณนิยมพกไม้เท้าแล้ว”

                “ผมคิดว่าควรจะพกมันหลังจากเรื่องที่บาร์นั่นน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะพูดต่อ “เราจะออกไปดื่มชาที่สวนใช่ไหม? มิสซิสชิมเมอร์จะสะดวกไหม?”

                “ผมบอกเธอไว้แล้วครับ ผมแน่ใจว่าคุณคงไม่อยากดื่มชาในบ้าน ขณะที่อากาศด้านนอกดีขนาดนี้หรอก”

                มิสซิสชิมเมอร์ปูผ้าเอาไว้ให้พวกเขาแล้วในสวนใต้ร่มของต้นแอ๊ปเปิ้ลและต้นพีช เธอพยายามเลือกบริเวณที่มีลูกไม้สุกอยู่น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้มันหล่นลงมาโดนคนที่อยู่เบื้องล่าง

                กอร์ดอนและลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงใต้ร่มไม้ ช่างตัดเสื้อถามถึงเดวิด และได้รับคำตอบว่าเขากับเพื่อนกำลังไปนำเรือกลับมาจากอ่างเก็บน้ำอยู่ มิสซิสชิมเมอร์ยกน้ำชาและพายลูกพีชมาให้พวกเขา ก่อนจะปลีกตัวกลับไปที่ครัว ปล่อยให้คนทั้งคู่พูดคุยกันตามอัธยาศัย

                “กอร์ดอน ห้องที่คุณให้ผมยืมใช้เป็นห้องของปู่คุณใช่ไหม เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ด้านในสวยมาก”

                คนถูกถามพยักหน้า ก่อนจะตอบอย่างภาคภูมิใจ “เฟอร์นิเจอร์ทั้งชุดนั่น พ่อผมเป็นคนทำเองกับมือเลยครับ ผมดีใจที่คุณเห็นว่ามันสวย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “เขาเป็นคนมีฝีมือจริงๆ สมแล้วที่เป็นเจ้าของโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ น่าเสียดายที่เขาด่วนจากไปเสียก่อน”

                “ถ้าพ่อยังอยู่ ผมคงประหยัดเงินค่าเฟอร์นิเจอร์ที่ร้านไปได้อีกเยอะ” กอร์ดอนพูดพลางหัวเราะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วพูดต่อ

                “ผมเห็นรูปปู่กับย่าคุณบนหิ้งแล้ว ทั้งสองคนเหมาะกันมาก โดยเฉพาะย่าของคุณ เธอเป็นคนที่สวยอย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว”

                กอร์ดอนยิ้มให้เขา “คุณคงหลงรักย่าจากรูปถ่ายแล้วสินะครับ”

                “ผมหลงรักหลานของเธอต่างหาก” อีกฝ่ายว่า กอร์ดอนรีบเอานิ้วแตะปาก

                “อย่าพูดดังไปครับ เดี๋ยวใครจะมาได้ยินเข้า”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะชอบใจ “แต่น่าแปลกมากเลยที่รูปในกรอบคู่หายไปรูปหนึ่ง ผมคิดว่ามันน่าจะเคยมีรูปย่าของคุณอยู่ในนั้นมาก่อน ทำไมมันถึงได้หายไปล่ะ?”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้น ก่อนจะยิ้ม “ทำไมคุณถึงไม่คิดว่ามันไม่เคยมีรูปอยู่ในนั้นมาก่อนล่ะครับ”

                “ก็เพราะมันเป็นกรอบคู่น่ะสิ แล้วทั้งหิ้งก็มีแต่รูปปู่กับย่าของคุณ กรอบแบบนั้นในเมื่อด้านหนึ่งมีรูปปู่ของคุณแล้ว อีกด้านก็ควรจะมีรูปย่าคุณ ไม่อย่างนั้นก็รูปของลูกชายเขา เป็นไปไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งจะซื้อกรอบรูปคู่มา แล้วใส่รูปถ่ายแค่ใบเดียว ทั้งๆ ที่เขามีคนพร้อมที่จะใส่รูปคู่ลงไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนพยักหน้า

                “ครับ ในนั้นเคยมีรูปอยู่ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว”

                “ผมถามได้ไหมว่ามันหายไปไหน? เดี๋ยวนะ ให้ผมเดาดีกว่า” เขาพูดแล้วทำหน้าครุ่นคิด กอร์ดอนหัวเราะ

                “เอาสิครับ คุณจะลองเล่นเป็นโฮล์มดูอีกสักทีก็ได้ ผมจะได้มีเรื่องความลับของคุณเก็บไว้อีกเรื่อง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะพลางยิ้ม “อย่ารบกวนสมาธิผมสิ นี่ผมกำลังคิดอย่างจริงจังเลยนะ อืม...”

                เขายกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด ก่อนจะโพล่งขึ้น “รู้แล้ว คุณคิดถึงย่าเลยเอารูปไปไว้ที่ร้าน... เอ๊ะ เดี๋ยวสิ... ถ้าเป็นคุณทำไมถึงไม่เอาไปทั้งคู่เลยล่ะ ไม่ๆ ผมขอคิดอีกที”

                กอร์ดอนยกถ้วยชาขึ้นมาจิบพลางมองฝ่ายนั้นยิ้มๆ “ระหว่างคิดผมว่าคุณลองชิมพายของไอเวอรี่ดูดีกว่าครับ”

                เขาหยิบพายส่งให้ฝ่ายนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รับมาแล้วกัดไปคำหนึ่ง “อืม... รสชาติไม่เลว กลิ่นลูกพีชหอมมาก”

                เขากินพายชิ้นนั้นกับน้ำชาจนหมด จากนั้นก็พูดขึ้น “มิสซิสชิมเมอร์ต้องเป็นภรรยาที่ดีทีเดียว ดูจากการทำพายลูกพีชของเธอ”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นต่อ “แล้วย่าคุณทำอาหารเก่งมั้ย?”

                “โอ... ผมไม่รู้หรอกครับ ตอนผมจำความได้ย่าก็เสียไปแล้ว แต่แม่ผมทำอาหารเก่งครับ”

                “อืม... โอ้ ผมรู้แล้ว!” จู่ๆ ลอร์ดหนุ่มก็โพล่งขึ้นมา “ใครสักคนขโมยรูปถ่ายในกรอบใบนั้นไป ย่าคุณเป็นคนสวยมาก ผมเพิ่งนึกได้ว่าบนหิ้งมีแค่รูปนั้นรูปเดียวที่เป็นรูปเดี่ยวของเธอ คนที่มาขโมยจะต้องเป็นคนที่แอบหลงรักเธอแน่ๆ เขาแอบปีนเข้ามาทางหน้าต่างตอนคุณไม่อยู่ คุณทิ้งบ้านหลังนี้ไปตั้งหลายปีนี่นา”

                ช่างตัดเสื้อยิ้ม “จอห์น ถ้าย่าผมยังอยู่ตอนนี้อายุอย่างน้อยๆ ก็ต้องแปดสิบแล้วนะครับ ถ้าคุณคิดว่าคนที่แอบหลงรักย่ามาขโมยมันไป คนคนนั้นก็ต้องอายุแปดสิบหรือไม่ก็บวกลบกว่านั้นไม่มาก ผมว่าคนอายุแปดสิบคงปีนหรือย่องเบาเข้าบ้านใครไม่ไหวแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงด้วยความอับอาย “จริงด้วย ผมนี่โง่ชะมัด ให้ตาย ถ้าไม่ใช่คนที่แอบหลงรักย่าคุณมาขโมยมันไป แล้วสาเหตุอะไรมันถึงได้หายไปล่ะ?”

                “เขามาขอมันไปครับ” กอร์ดอนตอบยิ้มๆ “เขามาที่นี่และขอรูปใบนั้นไป”

                “ว้าว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อุทาน “นั่นสินะ เขามาขอไปดีๆ ก็ได้นี่นา... เขาคงรักย่าคุณมาก เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เขายังกลับมาขอรูปเธออีก เขาคงจะตัดใจจากเธอไม่ลง”

                กอร์ดอนพยักหน้า “แต่เขาก็มีชีวิตส่วนของเขาไปแล้วครับ เขาไม่เคยมายุ่งกับเรื่องของย่าเลยตอนที่ปู่ยังอยู่”

                “อืม... เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า จังหวะนั้นเดวิดกับบิสโม่ยกเรือมาถึงหน้าประตูรั้วพอดี

                “คุณโอเดนเบิร์ก คุณเคฟ พายลูกพีชเป็นไงบ้างครับ?” เด็กหนุ่มร้องถามอย่างร่าเริง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา

                “อร่อยมาก ฝากบอกแม่เธอด้วยว่าใครที่ได้เธอเป็นภรรยาถือว่าโชคดีมาก”

                เดวิดหัวเราะชอบใจ “แม่ต้องเขินมากแน่ที่คุณเป็นคนพูด” จากนั้นเขาก็ขอตัวเอาเรือไปเก็บที่อาคารเก็บของ ก่อนจะวกกลับมาอีกครั้ง

                “คุณจะให้ผมเอาปลาไปส่งให้ที่ไพเพอร์ ลอด์จมั้ยครับ? บ้านของบิสโม่ผ่านทางนั้น ผมจะไปส่งเขาด้วย”

                “เอาสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่นั่นอยู่ไกลจากนี่มากไหมล่ะ? ถ้าไม่ไกลเราเดินไปพร้อมกันก็ได้”

                “ไม่ไกลหรอกครับ” เด็กหนุ่มตอบเขา

-------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ และกอร์ดอนออกเดินไปที่ไพเพอร์ ลอด์จตอนบ่ายสองโมงพอดี โดยมีเด็กหนุ่มสองคนถือถังใส่ปลาเดินไล่หลัง

                “คุณเคฟ บิสโม่บอกว่าคุณต้องเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่ ผมบอกเขาไปแล้วว่าไม่ใช่” เดวิดตะโกนบอกคนที่เดินอยู่หน้าเขา ได้ยินเสียงบิสโม่ตะโกนตามมา

                “ไม่จริงครับ ผมแค่บอกว่า ไม้เท้าของคุณสวยมากต่างหาก ถ้าลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่นี่ เขาต้องถือไม้เท้าแบบนี้แน่”

                กอร์ดอนขำพรวดออกมาทันที ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ แล้วหันไปตอบสองคนนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง

                “พวกเธอเคยเห็นไม้เท้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือ? รู้รึเปล่าว่าไม้เท้าของเขาเลี่ยมหัวด้วยทองคำฝังบุษราคัมกับพลอยแดงหนักรวมกันห้าสิบกะรัต”

                “โอ้โห! เขาร่ำรวยขนาดนั้นเลยหรือครับ” เด็กหนุ่มทั้งคู่ทำตาโต ก่อนที่บิสโม่จะถามออกมา “คุณรู้ได้ไงครับ เคยเห็นไม้เท้าเขาหรือ?”

                “เคยสิ ก็ฉันเป็นคนขายบุษราคัมเม็ดนั้นให้เขาเอง” พูดจบเขาก็หัวเราะ “พวกเธอประเมินความร่ำรวยของเขาต่ำไปแล้ว”

                “งั้นคุณก็ไม่ใช่เขา...” บิสโม่พูดอย่างไม่แน่ใจ “แต่หน้าคุณคล้ายท่านลอร์ดที่อยู่ในโปสเตอร์มาก”

                “ภาพในโปสเตอร์ไม่ใช่ตัวจริง” ลอร์ดหนุ่มว่า “มีคนเป็นล้านๆ ในลอนดอน ฉันไม่แปลกใจถ้าจะมีสักสองสามคนที่หน้าคล้ายเขา บังเอิญว่าฉันเป็นหนึ่งในนั้นพอดี”

                “โอ... อย่างนั้นเองหรือครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาหลิ่วตาให้เขา “รู้แล้วเหยียบไว้ล่ะ ฉันอาจจะหลอกคนแถบนี้ได้ครึ่งหนึ่งเลยว่าตัวเองคือลอร์ดโทรว์บริดจ์”

                บิสโม่ขมวดคิ้ว “แต่มันไม่ดีไม่ใช่หรือครับ? คนเราไม่ควรจะหลอกลวงใคร”

                “งั้นเธอก็ไม่คิดว่าฉันคือลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้ว”

                เด็กหนุ่มสั่นศีรษะ เดวิดหัวเราะออกมา “ฉันบอกนายแล้วว่าเขาไม่ใช่”

                “ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าเขาจะใช่ ท่านลอร์ดจะมาเดินอยู่ที่นี่ได้ไง เขาถือไม้เท้าที่หัวทำจากทองคำฝังบุษราคัมหนักตั้งห้าสิบกะรัตเชียวนะ เขาไม่มีทางมาเดินอยู่ที่นี่หรอก”

                กอร์ดอนหันมากระซิบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ “นี่คุณถือไม้เท้าเลี่ยมทองฝังบุษราคัมหนักห้าสิบกะรัตจริงหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบยิ้มๆ “ผมคิดว่าคุณสังเกตเห็นที่งานเต้นรำแล้วเสียอีก อันที่จริงผมมีอีกอันเป็นไพลินล้อมด้วยเพชรหนักห้าสิบกะรัตเท่ากัน แต่ผมชอบอันที่เป็นบุษราคัมมากว่า”

                “โอย...” กอร์ดอนคราง “คุณพกมาเมื่อไหร่บอกผมนะครับ ผมจะได้หลีกให้ห่างไว้”

                “ทำไมล่ะ ผมไม่เอามันฟาดคุณหรอกน่า”

                “เปล่าหรอกครับ ผมกลัวจะไปทำมันเสียหายเข้า มีหวังทำงานใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ แล้วหลิ่วตามองเขา “มันไม่ได้เสียหายง่ายขนาดนั้นหรอก แต่ก็ฟังดูน่าสนใจอยู่นะ ถ้าคุณจะมาทำงานเป็นช่างส่วนตัวให้ผมเพื่อชดใช้ค่าไม้เท้าเนี่ย”

                “หยุดเลยนะจอห์น หยุดคิดอะไรแบบนั้นเลย!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำเป็นวิ่งหนี ช่างตัดเสื้อไล่ตามเข้าไป เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทุ่งกว้างของนีสเดน ท่ามกลางแสงแดดและสายลมยามบ่าย

-------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-05-2017 12:35:20
                ไพเพอร์ ลอด์จตั้งอยู่ห่างจากทรีลอว์นีย์ไปทางทิศใต้ราวครึ่งไมล์ มันเป็นคฤหาสน์หลังย่อมๆ ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดราวสองเอเคอร์ ตัวคฤหาสน์สร้างจากอิฐสีเหลือง ดูเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางหมู่ไม้ประดับและท้องฟ้าสีครามของหน้าร้อน

                ประตูรั้วของคฤหาสน์ไม่ได้ปิด พวกเขาทั้งสี่จึงเดินเข้าไปจนถึงหน้าประตู และเคาะมันด้วยห่วงเหล็กที่ฝังอยู่ ไม่นานก็มีคนรับใช้วิ่งตื๋อออกมา

                “คุณมีธุระอะไรหรือครับ? โอ้ สวัสดีตอนบ่ายครับคุณโอเดนเบิร์ก นายท่านกำลังยุ่งมาก เกรงว่าจะไม่สะดวกให้เข้าพบครับ พวกคุณมีธุระด่วนรึเปล่าครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “เขายุ่งกับการเตรียมงานเลี้ยงขนาดนั้นเลยหรือ? ช่วยไปบอกเขาหน่อยสิว่าหลานชายของโธมัสที่อเมริกามาหาเขา”

                คนรับมองดูลอร์ดโทรว์บริดจ์ ด้วยท่าทางและการแต่งตัวทำให้เขาคาดเดาได้ไม่ยากว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ จึงรีบรับคำ

                “ครับ ผมจะไปแจ้งท่านให้” ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ไม่นานนักประตูก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เซอร์จอร์จ คาเมรอน ถึงกับออกมาต้อนรับแขกด้วยตัวเอง เขาเป็นชายอายุราวหกสิบเศษ รูปร่างสันทัด สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีเหลืองอ่อน และกางเกงสีน้ำตาลดำ ท่าทางกระฉับกระเฉง

                “พระเจ้าช่วย! ให้ตายเถอะ! เป็นคุณจริงๆ ด้วย ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมา” ท่านเซอร์พูดด้วยความตื่นเต้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือแตะปาก

                “สวัสดีตอนบ่าย ผมตกได้ปลาตัวใหญ่เลยเอามาที่นี่ ผมอยากให้มันอยู่ในมื้อเย็นของงานเลี้ยงด้วย หวังว่าการมาของผมจะไม่รบกวนเวลาของคุณหรอกนะ”

                “โอ... ไม่เลยครับ ไม่เลย” เซอร์จอร์จ คาเมรอนพูด “คุณช่างน้ำใจงามจริงๆ เอาไปที่ครัวได้เลย พวกแม่บ้านกำลังจัดการเรื่องนี้กันอยู่ มาเถอะ พวกเราไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า”

                เซอร์จอร์จ คาเมรอนพาทั้งสองคนไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยตัวเอง ขณะที่เดวิดและบิสโม่ถูกพาไปที่ครัวด้านหลัง หลังจากคนรับใช้ยกน้ำชามาให้แล้ว เขาก็พูดขึ้นต่อ

                “โอ้... ท่านลอร์ด ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมาที่ได้ คุณมากับดอนนี่หรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ผมเป็นเพื่อนเขา ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นญาติเขา ช่างบังเอิญมาก”

                “บังเอิญจริงๆ ดอนนี่ เธอโชคดีมากที่ได้เป็นเพื่อนกับเขา” เซอร์จอร์จ คาเมรอนหันมามองญาติของเขา “ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นคนหนุ่มที่มีน้ำใจและตรงไปตรงมามาก และเขายังเป็นคนที่มีความสดใสอย่างที่หาจากใครได้ยากอีกด้วย”

                เขาหันกลับมามองลอร์ดหนุ่มอย่างชื่นชม “ผมไปชมการชกของคุณมาด้วย มันช่างน่าประทับใจมาก คุณเป็นแบบอย่างของสุภาพบุรุษนักกีฬาที่เริ่มหาได้ยากแล้วในยุคนี้ มันเป็นการชกมวยที่ดีที่สุดเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขวยๆ “คุณยกยอผมเกินไปแล้ว ผมก็แค่อยากจะขึ้นชกมวยเท่านั้นเอง”

                “คุณช่างเหมือนกับอาของคุณ ท่านลอร์ด ว่าแต่ลอร์ดโธมัสเป็นไงบ้างครับ เขาอยู่อเมริกาสบายดีใช่ไหม?”

                “เขามีความสุขกับที่นั่นมาก” อีกฝ่ายตอบ “การทำเหมืองแร่ที่นั่นเป็นเรื่องท้าทายเขา พอๆ กับการเป็นทหารเลย”

                “โอ... ใช่ ผมนึกภาพลอร์ดโธมัสออกเลย เขาคงสนุกที่ได้อยู่ท่ามกลางอุปสรรค์ ผมหวังว่าเขาจะปลดเกษียณตัวเองได้สักวันหนึ่ง ในสงครามย่อมมีความโหดร้ายเสมอ”

                “ธุรกิจเหมืองแร่ที่อเมริกากำลังดำเนินไปด้วยดีครับ ผมคิดว่าไม่นานอาคงได้เป็นนักธุรกิจเต็มตัว”

                “ขอพระเจ้าอวยพรให้เขา” เซอร์จอร์จ คาเมรอนว่า ก่อนจะหันไปหาญาติของเขาอีกครั้ง

                “ดอนนี่ เธอชวนท่านลอร์ดมางานเต้นรำคืนนี้หรือยัง? ฉันไม่คิดว่าเราควรจะปล่อยให้เขาอยู่บ้านของเธอตามลำพัง ขณะที่เรามาสนุกกันที่นี่หรอกนะ มันไม่สมควรเลย”

                กอร์ดอนยิ้ม “คุณพ็อตเตอร์ยังไม่ได้บอกคุณหรือครับ ว่าเขาตกลงจะมางานเต้นรำด้วย”

                ท่านเซอร์สั่นศีรษะ “ไม่ เขาแค่บอกว่าเธอกับเพื่อนจะมาด้วยกัน โอ้ จริงสินะ คุณตกลงแล้วนี่นา”

                เขาหันมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง “ช่างเป็นเกียรติสำหรับผมและคนที่นี่จริงๆ ที่คุณมาร่วมงานเลี้ยงเต้นรำเล็กๆ ของเรา ทุกคนต้องแปลกใจมากแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วยิ้ม “อันที่จริงผมต้องการมาพักผ่อนที่นี่เงียบๆ โดยไม่ให้ใครทราบถึงฐานะที่แท้จริง อย่างที่ผมได้กำชับกับทุกคนที่บ้านของกอร์ดอน รวมถึงคุณพ็อตเตอร์ เลขาของคุณแล้ว ผมมาที่นี่เพื่อขอให้คุณช่วยปิดบังฐานะผมด้วย ผมคงไม่ค่อยมีความสุขนัก หากถูกมองในฐานะของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แทนที่จะเป็นเพื่อนคนหนึ่งของญาติคุณ ผมอยากให้คุณเรียกผมในชื่อ จอห์น เคฟ คุณสะดวกรึเปล่า?”

                “ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น ผมก็ไม่ขัดครับ” เซอร์จอร์จ คาเมรอนพยักหน้า “ถึงอย่างนั้นผมเกรงว่าทุกคนอาจจะจำคุณได้เนื่องจากรูปของคุณที่ปิดอยู่บนโปสเตอร์เมื่อครั้งชกมวยคราวก่อน มันเป็นที่กล่าวถึงกันมาก โดยเฉพาะพวกเด็กหนุ่มสาว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “เรื่องนั้นผมจะหาวิธีรับมือเอง คุณแค่ช่วยยืนยันว่าผมคือ คุณจอห์น เคฟก็พอ”

                “เช่นนั้นก็ตกลงตามที่คุณว่า” เซอร์จอร์จ คาเมรอนพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ผมดีใจมากที่คุณเป็นเพื่อนกับดอนนี่ เขาไม่เคยพาเพื่อนมาแนะนำให้ผมรู้จักเลย ตลอดเวลาหลายปีที่เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียว อันที่จริงผมหวังอย่างยิ่งว่าเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคนหนึ่ง”

                “จอร์จ เราไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อหน้าท่านลอร์ดนะครับ มันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัว”

                “มันเป็นเรื่องสำคัญ” เซอร์จอร์จ คาเมรอนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันหวังจากใจจริงว่าเธอจะมองหาผู้หญิงที่ดี แต่งงาน และสร้างครอบครัวเสียที เรื่องข่าวลืออะไรนั่นเธอควรจะทิ้งมันไปได้แล้ว”

                “โอ้... จอร์จ คุณไม่เข้าใจผมหรอก” กอร์ดอนคราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดแทรกขึ้นมา

                “ผมขอเสียมารยาท ผมเห็นว่าการแต่งงานควรเป็นไปด้วยความสมัครใจ เขาเป็นผู้ชายที่ทำงานขยันขันแข็ง คงมีสักวันที่เขาจะสามารถหาภรรยาทีดีได้ คุณไม่ควรจะไปเร่งรัดเขา”

                “เขาอายุตั้งสามสิบหกแล้วนะครับ ในเมื่อคุณเองก็รู้จักกับเขา คุณคงรู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองเลย ผมไม่ได้จะบังคับอะไรเขาหรอกครับ ผมแค่พยายามจะสร้างโอกาสให้เขา และหวังว่าเขาจะใช้โอกาสพวกนั้นอย่างเต็มที่”

                “ผมตกลงมางานเลี้ยงเต้นรำของคุณแล้วไง” กอร์ดอนพูดต่อ “ผมขอร้องล่ะจอร์จ เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลย คุณจะได้เห็นเองที่งานเลี้ยงเย็นนี้ ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะสุงสิงกับผมหรอก”

                “เวลามันผ่านมาตั้งนานแล้ว ดอนนี่” เซอร์จอร์จ คาเมรอนพูด ก่อนจะถอนใจแรง “ก็ได้ ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ขอแค่เธอมางานเลี้ยงเต้นรำเย็นนี้ก็พอ”

---------------------------------------

                “ดูเขาอยากให้คุณแต่งงานมีครอบครัวมากเลยนะ เซอร์จอร์จน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น หลังจากทั้งสองคนออกจากไพเพอร์ ลอด์จมาแล้ว กอร์ดอนถอนหายใจ

                “ผมเข้าใจถึงความเป็นห่วงของเขา เขาคิดว่าเรื่องนั้นเป็นแค่ข่าวลือ เขาไม่อยากยอมรับหรอกว่ามันคือเรื่องจริง”

                “เขาเกี่ยวข้องกับคุณยังไงหรือ... ผมถามได้ไหม? ดูเขาสนิทกับคุณนะ”

                “โอ... เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ผม แม่ผมย้ายมาอยู่กับครอบครัวของเขาที่นี่หลังจากตากับยายผมเสีย นั่นเป็นเรื่องก่อนที่เธอจะได้พบกับพ่อหลายปี แน่นอนว่าเซอร์จอร์จ คาเมรอนถือแม่ผมเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เขาเลยถือผมเหมือนหลานแท้ๆ ของตัวเองด้วย”

                “อ้อ ผมเข้าใจล่ะ” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “ที่เขาจัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้คุณรู้จักกับผู้หญิงอื่นสินะ”

                “ครับ และเขาแน่ใจว่าผมจะต้องปฏิเสธ เลยส่งคุณพ็อตเตอร์ไปคาดคั้นคำตอบจากผมถึงที่บ้าน เขาทำให้ตัวเองวุ่นวายโดยใช่เหตุแท้ๆ”

                “นั่นสิ” อีกฝ่ายเห็นด้วย “ผมเองก็บอกเขาไม่ได้ด้วยว่าคุณจะแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น เพราะคุณจะต้องแต่งกับผมคนเดียว”

                “ให้ตาย จอห์น!” กอร์ดอนเอ็ด “นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดระหว่างทางนะครับ คิดดูสิ ถ้าเกิดใครมาได้ยินเข้าล่ะก็...”

                “งั้นเราจะกลับไปพูดกันที่บ้านคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “คุณยังติดผมเรื่องพาชมบ้านอยู่นะ ผมชอบวิวในห้องนอนปู่ของคุณมาก น่าอัศจรรย์ทีเดียว ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าบ้านคนสามัญจะมีวิวที่สวยขนาดนี้ได้”

                คราวนี้กอร์ดอนค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ “นั่นคือทั้งชีวิตที่ปู่กับย่าทุ่มเทให้มันเลยครับ ทั้งคู่ปลูกบ้านหลังนี้เอง ปู่เคยเล่าว่าตอนแรกตั้งใจจะใช้เงินที่ได้รับจากท่านดยุกแห่งยอร์กซื้อบ้านที่ชานเมืองสักหลัง เขาเวียนดูบ้านอยู่หลายหลัง สุดท้ายก็ขึ้นมาบนเนินนี้ แล้วเขาก็ได้เห็นวิวพวกนั้น ปู่ผมคิดว่าถ้าเขาปลูกบ้านบนเนินนี้ มันคงจะสามารถมองเห็นวิวของอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปได้อย่างชัดเจน เขาจึงตกลงใจทุ่มเงินทั้งหมดเพื่อซื้อที่ผืนนี้เอาไว้ จากนั้นก็ใช้เงินที่ได้จากการตัดเสื้อเอามาใช้ปลูกบ้าน ปู่ผมทำรายได้สูงจากการตัดเสื้อ แต่การปลูกบ้านใหม่ก็ใช้เงินมหาศาล เขาและย่าจึงใช้ชีวิตอย่างกระเบียดกระเสียรเพื่อให้มีเงินมากพอจะสร้างบ้านหลังนี้ได้ แล้วในที่สุดฝันของปู่ก็เป็นจริง บ้านหลังนี้แล้วเสร็จ เขาพาย่าขึ้นไปที่ชั้นสอง ตรงห้องที่คุณพักนั่นแหละครับ เปิดหน้าต่างออก แล้วขอเธอแต่งงานอีกครั้งด้วยวิวนั้น แน่นอนว่าย่าตกลงอย่างไม่ลังเล ตอนนั้นเหมือนพ่อผมจะอายุได้สักเจ็ดขวบแล้ว เขายืนข้างย่าและตกลงยอมให้ย่าเป็นภรรยาของปู่ด้วย มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากในชีวิตของปู่ ผมยังจำท่าทางตอนเขาเล่าเรื่องบ้านนี้ได้อยู่เลย เขาดูมีความสุขมาก”

                “ว้าว ปู่คุณเป็นคนโรแมนติกมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างประทับใจ “ผมชักอยากรู้แล้วสิว่าตอนที่เขาขอย่าคุณแต่งงานครั้งแรก เขาทำยังไง”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ เขามองไปยังทุ่งหญ้ากว้างด้านหน้า แล้วเริ่มเล่าต่อ “รับรองว่าคุณต้องเดาไม่ถูกแน่ ปู่ขอย่าแต่งงานริมถนนครับ เขาตะโกนให้รถม้าของเธอจอด แล้วขอเธอแต่งงานที่นั่นเลย”

                “โอ้... ท่าทางเหมือนว่าเขาทำมันลงไปโดยกะทันหัน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ปู่มีคู่แข่งเยอะมากครับ คุณคงเห็นแล้วว่าย่าเป็นคนสวยมาก เธอเป็นลูกสาวของช่างทำรองเท้าประจำตัวของท่านดยุกแห่งยอร์ก อันที่จริงทั้งสองคนรู้จักกันมานานแล้ว เพราะบ้านของปู่กับย่าอยู่ใกล้ๆ กัน ปู่เล่าว่าตั้งแต่เล็ก เขามองย่าเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง พอโตขึ้น เขาก็กลายเป็นคนที่ทำหน้าที่ประหนึ่งผู้คัดกรองผู้ชายที่เข้ามาเกี้ยวเธอ พอเวลาผ่านไปปู่ก็รู้ตัวว่าหลงรักย่าเสียแล้ว แต่ปู่คิดว่าย่าจะมีอนาคตที่ดีกว่าหากแต่งงานกับชายอื่น เขาจึงทำเป็นเฉยเสีย จนกระทั่งวันหนึ่ง สุภาพบุรุษคนหนึ่งส่งรถม้ามาเชิญย่าไปที่คฤหาสน์ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ปู่วางใจและคิดว่าย่าจะมีความสุขที่สุดหากได้แต่งงานกับเขา ปู่เป็นคนเดินมาส่งย่าขึ้นรถม้าคันนั้น เขาเล่าว่าตอนนั้นย่ามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและสิ้นหวัง เธอไม่ยิ้มให้เขาเลย ย่าพูดขึ้นมาว่า ‘ดอนนี่ ถ้าเธอให้ฉันไปในครั้งนี้ ฉันจะไม่กลับมาหาเธออีกเลย’ แล้วประตูก็ปิดลง”

                “ปู่เล่าว่า เขายืนอึ้งอยู่พักใหญ่ พอคิดได้ว่าอะไรเป็นอะไรเขาก็วิ่งไล่หลังรถม้าคันนั้น แล้วตะโกนเหมือนคนบ้าจนรถม้าจอด เขาวิ่งไปเปิดประตูรถม้า ถอดแหวนที่ใส่อยู่ยื่นให้ย่า มันเป็นแหวนทองคำวงเก่าที่เป็นมรดกตกทอดของปู่ ไม่ได้ประดับเพชรหรืออัญมณีใด เขาขอเธอแต่งงานที่หน้าประตูรถม้า ย่าก้าวเท้าลงมา และตอบตกลงทั้งรอยยิ้มและน้ำตา สุดท้ายรถม้าคันนั้นจึงต้องกลับไปโดยที่ไม่มีย่านั่งไปด้วย เพราะเธอตกลงแต่งงานกับปู่ผมแล้ว”

                “ว้าว...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง เขาเกือบจะหาคำพูดมาพูดต่อไม่ได้ “น่าอัศจรรย์มาก ย่าคุณมีตัวเลือกมากมาย แต่เธอเลือกตกลงแต่งงานกับช่างตัดเสื้อที่ขอเธอด้วยแหวนโบราณริมถนน”

                กอร์ดอนยิ้ม “ย่ามาเล่าให้ปู่ฟังทีหลัง ว่าปู่เป็นรักแรกของเธอครับ เธอแอบชอบปู่มานาน แต่ปู่ทำเหมือนไม่ได้คิดอะไร เธอเลยไม่กล้าแสดงออก ยิ่งพอปู่ทำท่าเหมือนยินดีที่จะได้เธอได้แต่งงานกับสุภาพบุรุษคนนั้น ย่าเลยน้อยใจมาก เธอตกลงใจว่าถ้าปู่ยอมให้เธอไป เธอจะไม่กลับมาเจอหน้าปู่อีกเลย โชคดีที่ย่าพูดสิ่งที่คิดออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นทั้งคู่คงไม่รู้ว่าตกหลุมรักกันและกันมานานแล้ว”

                “เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับปู่และย่าของคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบพลางยิ้ม “แต่สำหรับสุภาพบุรุษคนนั้น เขาคงผิดหวังมากทีเดียว เขาตั้งใจเชิญเธอไปที่คฤหาสน์เพื่อขอเธอแต่งงานใช่ไหม?”

                “ครับ เขาตั้งใจแบบนั้น และเขาก็ผิดหวังมาก แต่เขามีความเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น”

                ลอร์ดหนุ่มส่งเสียงในคอ “อืม... ถ้าเป็นผม ผมคงต้องใช้เวลาทำใจนานโขเชียวล่ะ สำหรับสุภาพบุรุษที่มีรถม้าและคฤหาสน์ พวกเขาไม่ค่อยคุ้นชินกับความผิดหวังนักหรอก”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “เขาคือคนที่มาขอรูปที่อยู่ในกรอบใบนั้นไปใช่ไหม?”

                “ครับ”

                พวกเขาทั้งคู่เดินกลับมาถึงบ้านราวๆ บ่ายสามโมงครึ่ง กอร์ดอนพาลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้าไปเดินชมภายในตัวบ้าน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ด้านในเป็นฝีมือของพ่อเขา และรูปวาดต่างๆ ก็เป็นการเลือกสรรของปู่กับย่าของกอร์ดอนเป็นหลัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้ความสนใจกับรูปถ่ายรูปหนึ่งบนหิ้งเหนือเตาผิงในห้องนั่งเล่นเป็นพิเศษ รูปนั้นเป็นรูปถ่ายของเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุราวเจ็ดขวบในชุดกะลาสีเรือ เขามีใบหน้าอ่อนหวานจิ้มลิ้ม และมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ลอร์ดหนุ่มยิ้มออกมา

                “นี่รูปคุณใช่ไหม?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ชุดนี้ปู่ตัดให้ผม”

                “อืม... มันทำให้คุณดูน่ารักมาก ผมเดาว่าสมัยเด็กคุณคงมีชุดใส่เยอะทีเดียว”

                “ครับ ปู่ชอบตัดชุดให้ผม มันเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาลืมความทุกข์จากการสูญเสียย่าได้ เขาสนุกมากกับการจับผมแต่งตัว ช่วงนั้นเขารับตัดชุดให้กับสุภาพบุรุษตัวน้อยด้วย แต่สุดท้ายก็เลิกไปเพราะทำไม่ทันครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมเดานะ เขาน่าจะถ่ายรูปคุณในช่วงนั้นเอาไว้เยอะเลยสิ”

                “พอสมควรเลยครับ เขาใช้ผมเป็นแบบไว้ให้ลูกค้าเลือกชุด แต่รูปส่วนใหญ่เลือนไปหมดแล้ว เพราะเวลาผ่านมานานมาก ผมเลยทิ้งไปเกือบหมด เหลือแต่รูปนี้ล่ะครับที่ยังสภาพดีอยู่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าเสียดาย เขาถามขึ้นต่อ “แล้วคุณไม่มีรูปถ่ายเก็บเอาไว้อีกแล้วหรือ? ผมอยากดูรูปถ่ายคุณน่ะ”

                “โอ... ผมไม่ชอบถ่ายรูปหรอกครับ ไม่ค่อยมีเวลาด้วย ยิ่งหลังจากปู่เสียผมไม่ได้ถ่ายรูปอีกเลย ที่จริงมีรูปที่ผมถ่ายกับปู่ตอนอายุสิบหก แต่ว่ารูปนั้นอยู่ที่ร้านครับ”

                “งั้นวันหลังเวลาผมไปที่ร้าน คุณหยิบมาให้ผมดูบ้างนะ ผมอยากเห็นรูปคุณตอนอายุยังไม่ถึงสามสิบ อยากรู้ว่าต่างจากตอนนี้มากมั้ย?”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ผมชอบตัวเองตอนนี้มากกว่าตอนนั้นนะ ผมรู้สึกว่าตัวเองดูเป็นผู้ชายขึ้นน่ะ”

                อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม “ผมคงชอบคุณทุกแบบนั่นแหละ นี่ ว่างๆ พวกเราไปถ่ายรูปกันดีกว่า ผมจะได้มีรูปถ่ายคุณเก็บไว้บ้าง”

                “ก็ดีครับ แต่เราไม่ควรจะไปถ่ายกันแค่สองคนใช่ไหม? ผมว่ามันต้องแปลกแน่ คุณกับผมไม่ได้เป็นญาติหรือเพื่อนสนิทกันด้วย”

                “อันที่จริงแล้วผมว่าเราออกจะสนิทกันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่เอาเถอะ ผมจะชวนเพื่อนๆ สโมสรแบล็กเบิร์ดไปถ่ายด้วย ผมไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกับพวกเขาตั้งแต่ก่อนไปอเมริกา ถ่ายแล้วเอาไปเทียบกับรูปเก่าคงสนุกพิลึก จอร์จกับเอ็ดดี้คงเถียงกันเรื่องผ้าผูกคอกับสายนาฬิกาแน่ ฮ่าๆ”

                “พูดถึงลอร์ดจอร์จ ผมถึงถึงเปียโนกับการเต้นรำทุกที เขาเล่นเปียโนเก่งมาก”

                “โอ... จอร์จเป็นนักเปียโนที่เก่งอย่างหาตัวจับยากเลยล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกกิตติมาศักดิ์ของสมาคมดนตรีและคีตกวีแห่งลอนดอน มีคนหนุ่มอายุยังไม่ถึงสามสิบแค่สองคนเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับเป็นสมาชิกกิตติมาศักดิ์ของที่นี่ ผมว่าถ้าจอร์จไม่ได้เกิดมาอยู่สุขสบายมีกินมีใช้โดยไม่ต้องทำอะไร เขาคงจะผันตัวเองไปเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงได้ แต่เผอิญว่าเขาคือลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เพราะงั้นคนที่จะได้ฟังเปียโนของเขา ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทก็ต้องเป็นผู้หญิงที่เขาเกี้ยวเท่านั้นแหละ”

                กอร์ดอนหัวเราะ ก่อนจะถามต่อ “แล้วคุณล่ะครับ คุณเล่นดนตรีด้วยหรือเปล่า? ผมคิดว่าสุภาพบุรุษที่เกิดในตระกูลสูงอย่างคุณน่าจะเล่นดนตรีเป็นทุกคน แต่ผมนึกภาพคุณดีดเปียโนไม่ออกเลย”

                ลอร์ดหนุ่มยักไหล่ “เพราะผมดูตัวใหญ่เกินกว่าจะนั่งอยู่หน้าเปียโนแบบจอร์จสินะ” พูดจบเขาก็หัวเราะ “อันที่จริงมีอยู่ช่วงหนึ่งแม่เคยเคี่ยวเข็ญผมให้เล่นเปียโนเหมือนกัน แต่ผมค้นพบว่าตัวเองชอบเล่นไวโอลินมากกว่า”

                กอร์ดอนหรี่ตามองฝ่ายนั้น “ฮั่นแน่... การค้นพบของคุณเกี่ยวกับโฮล์มรึเปล่าครับ? เขาเองก็เป็นนักสืบที่เล่นไวโอลินเก่งทีเดียว”

                คราวนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “ผมดีใจที่มีส่วนหนึ่งคล้ายกับคุณโฮล์มผู้โด่งดังคนนั้น แต่ผมเล่นไวโอลินมาก่อนที่หมอวัตสันจะเปิดเผยเรื่องของเขา แหม... ผมอยากจะเก่งด้านการอนุมานเหมือนเขาด้วยจริงๆ”

                “ผมชักอยากเห็นคุณเล่นไวโอลินเสียแล้ว” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขายิ้มๆ

                “ผมแน่ใจว่าเล่นรักบี้ได้ดีกว่ามัน” ฝ่ายนั้นว่า “แต่ถ้าคุณต้องการฟัง ผมอาจจะขอโอกาสสักเพลงในไพเพอร์ ลอด์จเย็นนี้”

                “เอาสิครับ ผมว่าเซอร์จอร์จน่าจะใจกว้างพอจะให้คุณร่วมเล่นกับนักดนตรีของเขา”

                ทั้งคู่นั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นกระทั่งถึงเวลาหกโมงเย็น จึงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจะไปงานเลี้ยงที่ไพเพอร์ลอด์จ

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สวมเสื้อสูทตัวเดียวกับที่เขาสวมตอนบ่าย และสวมเสื้อโฟลกโค้ทสีดำที่เขานำมาจากอเมริกาทับอีกชั้น สวมหมวกฮอมเบิร์กสีดำตาล และถือไม้เท้าอันเดิม เขาแต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมายังชั้นล่าง ซึ่งช่างตัดเสื้อรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเขาฝ่ายนั้นก็อุทานออกมา

                “โอ... คุณดูดีมากจริงๆ” กอร์ดอนคราง ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ เขาขอให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์รอสักครู่ ก่อนที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปยังชั้นสอง ไม่นานนักเขาก็กลับลงมาพร้อมไม้เท้าที่มีหัวทำจากทองเหลืองอันหนึ่ง

                “ว้าว... ผมเพิ่งเคยเห็นคุณถือไม้เท้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนยิ้ม

                “ผมเพิ่งนึกได้ตอนเห็นคุณเดินลงมานี่เองครับ ดูน่าเกลียดรึเปล่าครับ? มันเป็นไม้เท้าของปู่ ผมรื้อออกมาจากห้องเขาเมื่อกี้นี้เอง เขาสูงกว่าผมพอสมควรเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองฝ่ายนั้น แล้วสั่นศีรษะ “ไม่ ผมว่าดูดีเชียวล่ะ พอคุณถือไม้เท้าแล้วดูดีขึ้นมาทันตาเห็นเลยล่ะ อันที่จริงถึงคุณไม่ถือก็ดูดีอยู่แล้ว”

                พูดจบเขาก็ยิ้มให้ช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนยิ้มตอบเขินๆ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกประตูไป

----------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-05-2017 12:37:03
                ไพเพอร์ ลอด์จกำลังคึกคัก ตอนที่ทั้งสองเดินไปถึง เดวิดกับแม่ของเขาที่สวมชุดที่ดีที่สุดเดินเข้ามาทักทาย ก่อนที่ทั้งสี่คนจะเดินผ่านประตูเข้าไป

                ห้องโถงที่ใช้จัดงานค่อนข้างคับแคบในความคิดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่ก็เป็นเรื่องปกติของคฤหาสน์ที่มีขนาดไม่ใหญ่โตอะไรนัก มีคนอยู่ภายในห้องแล้วประมาณสิบคน เซอร์จอร์จ คาเมรอนและภรรยารีบเดินมาทักพวกเขาทันที

                “โอ้ สายัณห์สวัสดิ์ ดอนนี่ที่รัก มาให้ฉันกอดทีเถอะ” เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดสวยเอ่ยขึ้นพลางอ้าแขนกอดกอร์ดอนเอาไว้ ช่างตัดเสื้อกอดตอบเธอเบาๆ

                “สายัณห์สวัสดิ์ชาร์ลอต คุณสบายดีนะครับ”

                “แน่นอน ฉันสบายดี” เธอขยับตัวออก แล้วจ้องหน้าเขา “กี่ปีแล้วนะที่ฉันไม่ได้กอดเธอแบบนี้ โอ้ ดอนนี่ เธอผอมมาก งานตัดเสื้อช่างทำร้ายเธออย่างร้ายกาจทีเดียว” เลดี้สูงวัยเอ่ยพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าของช่างตัดเสื้อด้วยความเป็นห่วง กอร์ดอนยิ้มให้เธอ

                “ผมก็เป็นของผมแบบนี้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มว่า “ส่วนคุณเองก็ไม่เปลี่ยน ยังสวยเหมือนเดิมเลย”

                เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนยิ้มให้เขา “ฉันหวังว่าสักวันเธอจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ โอ... เธอยังไม่ได้แนะนำเพื่อนของเธอให้เราได้รู้จักเลย”

                กอร์ดอนหันไปแนะนำลอร์ดโทรว์บริดจ์ “นี่คุณจอห์น เคฟ เพื่อนของผม ส่วนนี่คือเซอร์จอร์จ และเลดี้ชาร์ลอต คาเมรอน ภรรยาของเขา”

                “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอดหมวกแล้วโค้งให้ฝ่ายนั้น ก่อนจะจับมือของเลดี้สูงวัยขึ้นมาจูบ

                “เรารู้จักกันแล้วเมื่อตอนบ่าย” เซอร์จอร์จ คาเมรอนว่า ก่อนที่ภรรยาของเขาจะพูดขึ้น

                “โอ... คุณช่างเป็นชายหนุ่มที่ดูสง่างามมาก คุณเคฟ” เธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ “คุณเป็นเพื่อนคนแรกเลยที่เขาพามาแนะนำให้รู้จักกับเรา ตั้งแต่เขาย้ายไปอยู่ที่ร้านในลอนดอน พวกคุณพบกันที่ไหนหรือ?”

                “ที่ท่าเรือครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เขาพบกับกอร์ดอนครั้งแรกให้เลดี้ชาร์ลอต และเซอร์จอร์จ คาเมรอนฟัง

                “โอ ช่างเป็นเคราะห์ดีสำหรับดอนนี่ และเป็นโชคดีของเขาด้วยที่ทำให้ได้รู้จักกับคุณ” เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนว่า สามีของเธอพยักหน้าเห็นด้วย

                “ใช่ เป็นโชคดีของเขามาก” เซอร์จอร์จพูด ก่อนจะกล่าวสืบต่อ “ผมว่าเราควรจะปล่อยให้พวกเขาได้พูดคุยกับคนอื่นๆ บ้าง ดอนนี่ไม่ได้มางานเลี้ยงที่นี่นานแล้ว”

                “นั่นสินะคะ” เลดี้สูงวัยพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่เธอจะเหลือบไปเห็นคนที่เดินเข้ามาใหม่ “โอ้ เรจิน่า มาดอนนี่ ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักกับเพื่อนใหม่ของเรา”

                พูดจบเลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนก็ดึงมือช่างตัดเสื้อตามเธอไป เซอร์จอร์จ คาเมรอนจึงปลีกตัวออกมาคุยกับลอร์ดโทรว์บริดจ์

                คุณเคฟ ผมต้องขออภัยในความคับแคบของสถานที่ หวังว่าที่นี่คงจะไม่ทำให้คุณอึดอัดจนเกินไป”

                “ไม่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “คุณอย่ากังวลใจไปเลย ผมรู้สึกว่านี่จะต้องเป็นงานเลี้ยงที่อบอุ่นมากแน่ ผมดีใจที่คุณไม่ได้บอกภรรยาคุณเกี่ยวกับผม แต่ผมอนุญาตให้คุณบอกเธอได้ ผมเห็นว่าระหว่างสามีภรรยาไม่ควรจะมีความลับต่อกัน”

                “คุณช่างเป็นคนหนุ่มที่ซื่อตรงอย่างน่าชื่นชม” เซอร์จอร์จ คาเมรอนว่า “ผมจะเล่าให้ชาร์ลอตฟังเมื่อถึงโอกาส โต๊ะอาหารอยู่อีกห้องหนึ่ง มาเถอะ ผมจะพาคุณไปดูปลาชับตัวนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินตามเซอร์จอร์จ คาเมรอนออกไปยังห้องที่อยู่ติดกัน จึงเหลือกอร์ดอนอยู่กับญาติผู้ใหญ่ของเขา เลดี้ชาร์ลอตดูจะภูมิใจเหลือเกินที่ได้แนะนำให้เขารู้จักกับครอบครัวใหม่

                คาล์สันและเรจิน่า เรดดิงตัน เป็นสามีภรรยาวัยกลางคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นีสเดนเมื่อสามปีก่อน พวกเขามีลูกชายและลูกสาวอย่างละคน ตัวลูกชายอายุสิบแปดปี เป็นเด็กหนุ่มที่ดูผอมจนเก้งกางและมีใบหน้าตกกระ ส่วนลูกสาวปีนี้อายุสิบหก มีผมสีแดงสลวยและมีใบหน้ายิ้มแย้ม

                “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณโอเดนเบิร์ก” คาล์สันจับมือทักทายตามมารยาท “ได้ยินว่าคุณเป็นเจ้าของบ้านทรีลอว์นีย์ มันเป็นบ้านที่สวยงามมาก ผมประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่มาที่นี่”

                “ขอบคุณครับ มันเป็นบ้านที่ปู่กับพ่อผมช่วยกันสร้างขึ้นมา”

                “คุณไม่คิดจะเปิดให้เช่าหรือคะ?” คุณนายเรดดิงตันพูดขึ้น สามีของเธอพยักหน้า

                “นั่นสิครับ คุณโอเดนเบิร์ก คุณไม่คิดจะให้เช่าหรือครับ ผมยินดีจะจ่ายตามที่คุณเห็นว่าเหมาะสมเพื่อให้ได้อยู่ในบ้านหลังนั้น มันดูสวยงามมากจริงๆ”

                “โอ... ผมไม่ได้อยากจะปฏิเสธหรอกนะครับ” กอร์ดอนว่า “แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะย้ายของใช้ส่วนตัวของครอบครัวที่ล่วงลับของผมไปไว้ที่ไหน ผมยินดีเหลือเกินที่คุณชื่นชอบบ้านหลังนั้น แต่ผมคงจะให้เช่าไม่ได้จริงๆ”

                “ฉันบอกพวกเธอแล้วว่ามันเป็นเหมือนบ้านเก็บของของเขา” เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ดอนนี่ของเรายังโสด เขาเป็นช่างตัดเสื้อที่ตัดเสื้อให้เหล่าสุภาพบุรุษชั้นสูงในลอนดอน รายได้ของเขางามทีเดียว ฉันแน่ใจว่าเขาอาจจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ หากเขาได้เจอกับคนที่รู้ใจ”

                “เดวิดเลยเล่าให้ผมฟังว่าคุณสนิทกับลอร์ดโทรว์บริดจ์มาก จริงรึเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มเรดดิงตันถามขึ้นหลังจากนั้น กอร์ดอนหันไปมองเขา

                “เดวิดเล่าให้เธอฟังแบบนั้นหรือ?”

                “ใช่ค่ะ” เด็กสาวเรดดิงตันพยักหน้า “เดวิดชอบมาเล่าเรื่องของท่านลอร์ดให้พวกเราฟัง เขาโม้ว่าได้ไปดูการต่อยมวยของท่านลอร์ดด้วย บอกว่าคุณได้รับบัตรเชิญพิเศษมา เขาเป็นเพื่อนที่สนิทมากของคุณ”

                กอร์ดอนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือครางออกมาดี “เขาคงเล่าเรื่องให้พวกเธอฟังเยอะมาก”

                “มากๆ เลยครับ” เด็กหนุ่มเรดดิงตันว่า “เขาเที่ยวโม้ไปทั่วว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะไปเยี่ยมที่ร้านบ่อยๆ จริงหรือครับคุณโอเดนเบิร์ก มันไม่น่าเป็นไปได้เลย ผมไม่คิดว่าสุภาพบุรุษจะชอบแวะเวียนไปที่ร้านตัดเสื้อบ่อยๆ เหมือนผู้หญิง”

                คราวที่กอร์ดอนหัวเราะออกมา “เขามีเหตุให้ต้องสั่งตัดเสื้อกับฉันเยอะมาก และเขาค่อนข้างสนใจรายละเอียดของตัวเสื้อ ดังนั้นเขาจึงแวะไปที่ร้านของฉันบ่อยๆ”

                “โอ้ อย่างนั้นเดวิดก็ไม่ได้โกหกสิคะ” เด็กสาวเรดดิงตันว่า “แล้วเขาสนิทกับคุณด้วยหรือคะ?”

                “ระดับหนึ่ง” กอร์ดอนตอบ “เขาเป็นคนไม่วางตัว ช่างพูดช่างคุยทีเดียว”

                “ว้าว” เด็กสาวมีท่าทางประทับใจ “แล้วคุณเชิญเขามาที่นี่ได้รึเปล่าคะ หนูอยากพบตัวจริงเขามาก เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษในฝัน”

                “แมรี่แอนคลั่งไคล้ท่านลอร์ดมากครับ” เด็กหนุ่มเรดดิงตันว่า “ตั้งแต่เธอเห็นโปสเตอร์ชกมวยที่ปิดเอาไว้ทั่วลอนดอนเมื่อเดือนที่แล้ว เธอก็เพ้อถึงเขาเกือบทุกวัน เธอตัดรูปเขาในหนังสือพิมพ์เก็บเอาไว้ในสมุดบันทึกด้วย”

                “โธ่... พี่เรย์มอน พี่ก็เห็นด้วยกับฉันไม่ใช่หรือ ว่าท่านลอร์ดเป็นสุภาพบุรุษที่ควรจะเอาเป็นแบบอย่างมาก เขารูปหล่อ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ที่สำคัญคุณโอเดนเบิร์กยังยืนยันว่าเขาเป็นคนไม่วางตัวด้วย ฉันปรารถนาที่จะได้พบเขาเหลือเกิน ตัวจริงเขาคงจะงามราวกับเทพบุตร”

                กอร์ดอนมองเธอยิ้มๆ “ฉันหวังว่าเธอคงจะสมปรารถนาในเร็ววัน”

                เด็กสาวยิ้มให้เขา จังหวะนั้นเองลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เดินกลับมาพร้อมเซอร์จอร์จ คาเมรอนพอดี

                “เฮ้ กอร์ดอน ผมว่าคุณควรจะได้เห็นปลาชับตัวนั้นก่อนที่มันจะถูกยกมาเสิร์ฟ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้ามาอย่างอารมณ์ดี ครอบครัวเรดดิงตันหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

                “นี่เพื่อนผม คุณจอห์น เคฟ” กอร์ดอนรีบแนะนำฝ่ายนั้นให้ทุกคนรู้จัก เซอร์จอร์จ คาเมรอนรีบเสริม

                “ใช่ เขามาที่นี่เพื่อมาตกปลา แน่นอนว่าปลาตัวใหญ่บนโต๊ะนั่นเป็นฝีมือของเขา”

                สามีภรรยาเรดดิงตันแนะนำตัวเอง ระหว่างนั้นลูกสาวของเขาอุทานขึ้นมา “โอ้... คุณไม่ใช่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือคะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ขณะที่ผู้เป็นแม่สะกิดไหล่ลูกสาว แต่เธอยังคงจ้องหน้าเขาไม่วางตา

                “คุณช่างคล้ายท่านลอร์ดที่อยู่ในหนังสือพิมพ์เหลือเกินค่ะ โอ... ได้ยินเดวิดเล่าว่าคุณโอเดนเบิร์กสนิทกับท่านลอร์ดมาก หรือว่าคุณคือเขาคะ?”

                ท่านเอิร์ลชะงักไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่เธอทักว่าฉันเป็นเขา คงมีคนไม่น้อยทีเดียวที่อยากจะเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์แม้เพียงแค่วันเดียว แต่น่าเสียดายที่ฉันต้องปฏิเสธต่อเธอด้วยความจริงใจว่าฉันไม่ใช่เขา”

                “จริงหรือคะ? แต่คุณเหมือนเขามากทีเดียว” เด็กสาวมีทีท่าละล้าละลัง “หนูรู้สึกเลยว่าคุณคือเขาแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองหน้ากอร์ดอน ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะ ขณะที่แม่ของเธอรีบพูดขึ้น “อภัยให้ความไร้มารยาทของลูกสาวฉันด้วยค่ะ คุณเคฟ เธอคลั่งไคล้ท่านลอร์ดมากตั้งแต่เรื่องชกมวยเมื่อเดือนก่อน แต่ฉันไม่เคยคิดว่าเธอจะเที่ยวทึกทักว่าใครต่อใครเป็นเขาไปเสียหมด”

                “โธ่ แม่ขา หนูไม่ได้เที่ยวทึกทักใครไปทั่วนะคะ แม่ไม่เห็นหรือคะว่าเขาเหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่อยู่ในหนังสือพิมพ์มาก ดูดวงตาเขาสิคะ เดวิดเล่าว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์มีดวงตาสีเขียวสดใสเหมือนทุ่งหญ้าในหน้าร้อน แล้วเขามีก็ดวงตาที่สดใสอย่างที่ว่าจริงๆ” เด็กสาวพูดพลางจ้องมองใบหน้าของลอร์ดหนุ่มอย่างลุ่มหลง “หนูไม่คิดเลยค่ะว่าจะได้พบคุณรวดเร็วแบบนี้”

                เซอร์จอร์จ คาเมรอนและกอร์ดอนเหลือบมองกัน ก่อนจะหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่เอาแต่ยิ้ม

                “เอาล่ะ สาวน้อย ถ้าเธอคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอเข้าใจถูกต้องแล้ว ฉันก็จะไม่ปฏิเสธแล้วกัน แต่เธอต้องห้ามไปบอกลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัวจริงนะ ว่าฉันสมอ้างเป็นเขา ไม่อย่างนั้นฉันคงถูกโกรธมากทีเดียว เพราะเป็นเรื่องไม่สมควรเลยที่ใครต่อใครจะมาเที่ยวสมอ้างเป็นท่านเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์”

                แมรี่แอนเริ่มสีหน้าลังเลใจ เธอมองเขาอีกครั้ง “คุณไม่ใช่เขาจริงๆ หรือคะ?”

                “ตอนนี้ใช่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถ้าเธอคิดว่าฉันใช่ ก็คือฉันใช่ เธอคิดว่าไงล่ะ”

                เด็กสาวดูลังเลกว่าเดิม “หนูไม่รู้ค่ะ คุณทำหนูสับสนไปหมดแล้ว หนูคิดว่าคุณใช่ แต่ก็ไม่คิดว่าคุณจะใช่ ตกลงแล้วคุณใช่หรือไม่ใช่กันแน่คะ?”

                “ถ้าเธอไม่เคยเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัวจริง เธอก็ไม่ควรจะเชื่อเอาจากรูปถ่ายในหนังสือพิมพ์ หรือคำบอกเล่าว่านั่นเป็นเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบยิ้มๆ “รูปในหนังสือพิมพ์มักคลาดเคลื่อนเสมอ”

                ในที่สุดเด็กสาวก็ยอมพยักหน้า “ขอโทษนะคะที่หนูทึกทักเอาเอง”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คราวนี้เธอคงไม่ว่าอะไร ถ้าฉันจะขอตัวเพื่อนฉันสักครู่”

                “โอ้ เชิญเลยค่ะ” เด็กสาวพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพากอร์ดอนออกมา

----------------------------------------------

                “ให้ตาย... ผมคงหาความสงบไม่ได้แม้แต่วันเดียวเพราะหนังสือพิมพ์กับโปสเตอร์พวกนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พึมพำระหว่างเดินออกมาจากห้อง กอร์ดอนมองเขาแล้วอมยิ้ม

                “ผมคิดว่าคุณจะเอาเรื่องเดวิดด้วยเสียอีก ดูท่าทางเขาเล่าเรื่องคุณให้คนอื่นฟังไปทั่วเลย”

                “ผมคงต้องเตือนเขาสักวันหนึ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อันที่จริงแล้วมันคงไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไร ถ้าผมไม่บังเอิญอยากจะมางานเลี้ยงเล็กๆ ของญาติคุณโดยไม่อยากให้มันเอิกเหริกนัก”

                กอร์ดอนหัวเราะ เขาหลิ่วตามองลอร์ดหนุ่ม “อันที่จริงแล้วเมื่อตะกี้คุณเพิ่งทำร้ายหัวใจของเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง เธอลุ่มหลงคุณน่าดู”

                “อืม... ผมเห็นแล้ว คงเป็นที่ผิดหวังของญาติคุณมาก ท่าทางเลดี้ชาร์ลอตคาดหวังจะให้เธอลุ่มหลงคุณมากกว่า”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เธอยังเด็กมาก ผมไม่อยากได้เด็กสาวมาเป็นภรรยาหรอก มันเป็นภาระกับผมมากกว่า”

                “มีหลายคนที่ผมรู้จักอยากได้ภรรยาเป็นสาวรุ่น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหัวเราะ “คุณเป็นคนที่แปลกทีเดียว”

                “ถ้าพวกเขาไม่มีภาระหน้าที่การงานอะไรแบบผม การมีภรรยาวัยรุ่นคงตื่นเต้นอยู่หรอกครับ แต่ผมไม่มีเวลาจะมาคอยเอาใจภรรยาวัยรุ่นอีกแล้วล่ะ”

                “อืม... ผมเห็นด้วยกับคุณนะ นี่ไง ปลาชับของเรา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พากอร์ดอนมายืนอยู่หน้าโต๊ะยาวที่มีอาหารหลายอย่างวางเรียงกันอยู่

                ปลาชับหนักแปดปอนด์ที่พวกเขาตกได้ ตอนนี้แปรสภาพเป็นปลาที่ถูกแล่เป็นชิ้นๆ ย่างด้วยสมุนไพร และนำไปวางเรียงคู่กับหัวเหมือนเดิมอยู่บนจานที่ถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถัน

                “ว้าว มันดูดีทีเดียวครับ” เขาหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “แต่อันที่จริงแล้วคุณไม่ต้องเรียกผมมาดูก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร”

                “ผมแค่หาข้ออ้างดึงคุณออกมาน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบ ก่อนจะหันไปพูดกับคนรับใช้ “ยกไปได้เลย ผมเสร็จธุระกับปลาตัวนี้แล้ว”

----------------------------------------------

                บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นหลังจากอาหารและเครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟ เซอร์จอร์จ คาเมรอนว่าจ้างนักดนตรีสองคนมาเล่นดนตรี คนหนึ่งเล่นไวโอลิน อีกคนเล่นเปียโน เพลงที่เล่นส่วนใหญ่เป็นเพลงพื้นบ้านที่มีท่วงทำนองสนุกสนาน ทำให้บรรยากาศในงานครึกครื้นมากขึ้น พวกเด็กๆ พากันจับกลุ่มเต้นรำกัน ขณะที่พวกผู้ใหญ่นั่งคุยกันที่โต๊ะอาหาร ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนร่วมโต๊ะกับเซอร์จอร์จ คาเมรอนและภรรยา ขณะที่ครอบครัวเรดดิงตันนั่งถัดไปอีกโต๊ะหนึ่ง

                “ดอนนี่ เธอจำเวโรนิกาได้มั้ย? ที่เป็นลูกของมาร์คัสน่ะ ปีนี้เธออายุยี่สิบสองแล้ว เธอนั่งอยู่ตรงนั้นไง” เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนพูดพลางบุ้ยหน้าไปยังหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มที่นั่งอยู่กับครอบครัวเรดดิงตัน กอร์ดอนพยักหน้า

                “เมื่อครู่พวกเราคุยกันแล้ว เธอโตขึ้นมาก เหมือนไม่กี่ปีก่อนโน้นเธอยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่เลย”

                “แล้วแม่สาวเจนจากบ้านเพนเนโลล่ะ? เธอเพิ่งอายุสิบเก้า”

                กอร์ดอนยิ้ม “ชาร์ลอต ผมไม่สนใจเด็กสาวหรอกนะครับ คุณก็รู้ว่างานที่ร้านของผมยุ่งมาก ผมไม่มีเวลามาเอาใจใส่ดูแลพวกเธอหรอก”

                “โธ่... ดอนนี่ที่รัก” เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนคราง “เธอเอาแต่ปิดตัวเองแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะหาภรรยาได้ล่ะ? เธออายุตั้งสามสิบหกแล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะสี่สิบ คนเรายิ่งแก่ตัวยิ่งอยู่คนเดียวได้ลำบาก ลองนึกถึงเวลาเธอป่วยไข้ไม่สบายสิ การนอนซมอยู่บนเตียงคนเดียวมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเอามากๆ ฉันไม่อยากให้เธอต้องอยู่โดดเดี่ยวเพียงเพราะข่าวลือบ้าๆ พวกนั้น”

                “ใช่แล้ว” เซอร์จอร์จ คาเมรอนเสริม “เธอจะให้ข่าวลือพวกนั้นมาทำลายชีวิตเธอไม่ได้หรอกนะดอนนี่ เวลามันก็ล่วงมานานแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว เธอควรจะเริ่มต้นมองหาใครสักคน ฉันจะดีใจมากถ้าเธอเริ่มหาเสียแต่คืนนี้”

                กอร์ดอนมองพวกเขาแล้วพยักหน้าโดยไม่ปริปากพูดอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนหันมามองเขา

                “คุณเคฟคะ”

                “ครับ?”

                “ฉันอาจจะทึกทักเอาเอง แต่ดูจากท่าทางแล้ว คุณคงรู้จักผู้คนดีๆ ไม่น้อย คุณคงเห็นแล้วว่าดอนนี่เข้าสังคมไม่เก่งเอาเสียเลย ถ้าคุณจะกรุณาพาเขาไปรู้จักผู้หญิงดีๆ สักคน”

                “อันที่จริงผมว่าเขาได้รู้จักกับ ‘คนดีๆ’ สักคนแล้วนะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ผมคิดว่าเรื่องแต่งงานไม่ควรจะเร่งรัด และควรจะกระทำไปตามความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่ามันควรจะเริ่มต้นด้วยความรัก แล้วจึงตามมาด้วยคำว่าหน้าที่ ผมคิดว่าความรู้สึกควรจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้”

                “ฉันไม่เห็นด้วยกับคุณในเรื่องนี้เลย คุณเคฟ” เลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนว่า “มันเป็นแนวคิดของคนสมัยใหม่ที่น่ากลัวมากในความคิดของฉัน เด็กสาวหนีตามผู้ชายเพราะคิดว่านั่นเป็นความรัก แล้วก็ลงท้ายด้วยความอับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียง เราไม่ควรจะใช้ความรู้สึกเป็นตัวตัดสินเรื่องนี้ มันควรเป็นเรื่องของความเหมาะสมมากกว่า การแต่งงานคือการอยู่ร่วมกันโดยความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องของความรักมักจะตามมาทีหลังเสมอ ใช่ไหมคะจอร์จ?”

                เซอร์จอร์จ คาเมรอนยักไหล่ “ผมเห็นด้วยกับคุณเรื่องที่ว่ามันเป็นความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย แต่ผมคิดว่าความรักก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดมันก็ทำให้คนสองคนเริ่มพูดคุยกัน”

                “โอ... แต่ดอนนี่ของเราไม่ยอมพูดคุยกับใครเกินสิบประโยคเลย เขาจะหวังให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้ามาพูดก่อนไม่ได้หรอกนะ”

                “ผมก็ไม่เคยหวังว่าพวกเธอจะมาคุยกับผมก่อนหรอก” กอร์ดอนพูดออกมาในที่สุด เขามองญาติทั้งสองอย่างวิงวอน “ขอร้องล่ะครับ พวกคุณหยุดเป็นห่วงผมเรื่องนี้เถอะ ผมรู้ดีว่าตัวผมเองเป็นยังไง ถ้าผมจะให้ใครสักคนอยู่เคียงข้าง คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่รักผมอย่างไม่มีเงื่อนไข และต้องเป็นคนที่ผมรักอย่างสุดหัวใจ ผมไม่ปรารถนาจะมีภรรยาเพียงเพราะกลัวความว้าเหว่ กลัวความเหงาที่จะเข้ามาเฉียดกรายยามป่วยไข้ ผมผ่านจุดนั้นมานานแล้ว ผมไม่เคยกลัวความอ้างว้าง สิ่งที่ผมกลัวคือการดูถูกเหยียดหยามจากคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม”

                เซอร์จอร์จ คาเมรอนและภรรยามองญาติของเขาด้วยความรู้สึกสะทกสะท้อน ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำได้เพียงแค่เสมองไปทางอื่น กอร์ดอนจ้องมองพวกเขาแน่วนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจ

                “จอร์จ ชาร์ลอต พวกคุณคือคนที่ดีที่สุดที่ผมยังมีเหลืออยู่ที่นี่ พวกคุณดีต่อผมมาตลอด รักผมเหมือนหลานแท้ๆ ผมซาบซึ้งใจกับความเป็นห่วงของพวกคุณ แต่ขอร้องล่ะครับ ได้โปรดให้ผมจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะ”

                เซอร์จอร์จ และเลดี้ชาร์ลอต คาเมรอนมองเขาอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงขอตัวลุกออกจากโต๊ะ เพื่อเป็นการรักษามารยาท เขาเดินออกจากห้องอาหาร ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปมองทั้งสามคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ พลันรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นคนนอกเสียนี่กระไร ความรู้สึกอันล้ำลึกและรุนแรงระหว่างเขากับกอร์ดอน เป็นเหมือนธุลีละอองที่ไม่อาจมองเห็นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าเขาจะรู้สึกกับกอร์ดอนมากเพียงไหน จริงจังกับฝ่ายนั้นมากเท่าไร แต่ในความเป็นจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าสังคม เขาไม่อาจทำได้แม้แต่จับมือของฝ่ายนั้นเอาไว้ ในระหว่างที่เจ้าตัวอยู่ในสภาวะที่น่าอึดอัดที่สุด

                ลอร์ดหนุ่มตัดสินใจเดินออกไปที่นอกระเบียง แล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แสงตะวันยามเย็นจับท้องฟ้าเป็นสีแดงฉานเหมือนกับไฟที่สว่างวาบตรงปลายบุหรี่ เขาปล่อยให้สายลมยามเย็นพัดเอาควันสีขาวฟุ้งกระจายหายไป จังหวะนั้นเองเดวิดก็เดินออกมาที่ระเบียง

                “คุณเคฟ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มถามพลางมองเขาด้วยสายตาสงสัย “ผมเห็นคุณเดินออกมาคนเดียวจากห้องอาหาร”

                “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบพลางอัดบุหรี่เข้าปอด “ฉันแค่อยากออกมาสูบบุหรี่”

                “อ้อ...” เดวิดพยักหน้า “ผมขอโทษเรื่องแมรี่แอนด้วยนะครับ ดูเธอจะสงสัยว่าคุณคือลอร์ดโทรว์บริดจ์”

                “ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายสั่นศีรษะพลางยิ้ม เดวิดมองฝ่ายนั้นสูบบุหรี่ก่อนจะพูดออกมา

                “คุณดูเท่จัง”

                “หืม?”

                เด็กหนุ่มมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย “ผมอยากหัดสูบบุหรี่ครับ คุณโอเดนเบิร์กไม่สูบบุหรี่ เรย์มอนเองก็สูบไม่ได้เรื่องเลย ไม่เท่แบบคุณ”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ ก่อนจะล้วงกล่องใส่บุหรี่ที่ทำจากเงินออกมาจากอกเสื้อ แล้วหยิบบุหรี่ออกมาตัวหนึ่ง ยื่นให้เด็กหนุ่ม “เคยลองสูบรึเปล่า?”

                เดวิดสั่นศีรษะ พลางยื่นมือไปรับบุหรี่มาถือไว้ “ขอบคุณครับ”

                “คาบเอาไว้” ลอร์ดหนุ่มสั่ง ก่อนจะหยิบกลักไม้ขีดยื่นให้ฝ่ายนั้น “จุดไม้ขีดแล้วค่อยๆ จ่อกับปลาย เป่าลมออกมาเบาๆ จะทำให้จุดติดง่ายขึ้น”

                 เด็กหนุ่มทำตาม เขาขีดไม้ขีดเข้ากับด้านข้างของกลัก จากนั้นก็นำมันไปจ่อที่บุหรี่ ไม่นานนักแสงสีแดงก็สว่างวาบขึ้นมาตรงปลาย

                “เอาล่ะ ค่อยๆ สูดเข้าไป ช้าๆ ระวังจะสำ...”

                ยังไม่ทันขาดคำ เด็กหนุ่มก็ไอจนบุหรี่หล่นลงไปบนพื้น ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ พลางก้มลงเก็บบุหรี่ขึ้นมาดับ ระหว่างที่อีกฝ่ายสำลักจนหน้าแดง

                “ขะ... ขอโทษนะครับ” เดวิดเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ผมทำคุณเสียบุหรี่ไปมวนหนึ่งเปล่าๆ เลย”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาทิ้งบุหรี่ลงในแท่นเขี่ยที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะที่ระเบียง ก่อนจะถอนใจแล้วยิ้ม

                “ครั้งแรกก็สำลักแบบนี้กันทุกคนแหละ”

                เดวิดพยักหน้า เขายังคงไอออกมาอีกสองสามครั้ง ถึงจะพูดต่อได้ “คุณหัดสูบนานรึเปล่าครับ?”

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. (ท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อ) บทที่25p.13(15/4/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-05-2017 12:37:42
               “สองสัปดาห์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ครั้งแรกฉันหยุดไปนานพอดูเลย แสบคอน่ะ”

                “ครับ ผมเห็นด้วยกับคุณเลย” เขาพูด แล้วถอนใจ “ผมอยากเป็นผู้ชายที่ดูเท่แบบคุณชะมัด แต่ท่าทางคงยากน่าดู”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร กอร์ดอนก็เดินออกมาที่ระเบียง

                “อ้าว” ช่างตัดเสื้ออุทานออกมาด้วยความแปลกใจ “เดวิดมารบกวนอะไรคุณรึเปล่าครับ?””

                “อ๋อ เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “เขาแค่มาขอให้ผมสอนเรื่องสูบบุหรี่”

                กอร์ดอนหรี่ตามองเด็กหนุ่ม “ร้านฉันไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่นะ”

                “โธ่ ผมไม่คิดจะสูบในร้านหรอกครับ แค่หัดสูบผมยังสำลักแทบตายเลย” เดวิดคราง แล้วไอออกมาอีก กอร์ดอนถอนใจเฮือก ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

                “คุณเป็นอะไรไป มีเรื่องไม่สบายใจหรือ?”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เหนื่อย”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ “พวกเขาเป็นห่วงคุณนะ”

                “ครับ ผมรู้” กอร์ดอนว่า ก่อนจะมองบุหรี่ที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “เอาสักมวนมั้ย ผมยังมีเหลืออีก”

                ช่างตัดเสื้อนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า อีกฝ่ายจึงหยิบบุหรี่ส่งให้เขา

                “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้งเพื่อจะขอไม้ขีด แต่กลับพบว่าฝ่ายนั้นคาบบุหรี่เอาไว้ในปากแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบมองเขา ก่อนจะยกมือคีบบุหรี่เอาไว้ กอร์ดอนจึงขยับไปใกล้เพื่อต่อบุหรี่จากฝ่ายนั้น

                “โอ... ผมเพิ่งรู้ว่าจุดบุหรี่แบบนี้ได้ด้วย” เดวิดพูดด้วยความพิศวง เขามองดูนายจ้างที่อัดบุหรี่เข้าปอดราวกับอดอยากมานาน กอร์ดอนสูบบุหรี่เร็วจนน่าตกใจ เขาระบายควันสีขาวออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลาแค่อึดใจเดียว บุหรี่ของเขาก็มอดไปครึ่งมวน

                “คุณสูบบุหรี่เร็วมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา ระหว่างที่ฝ่ายนั้นหันไปเคาะขี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ กอร์ดอนถอนใจเฮือก เขายกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้ง

                “ถ้าคุณรู้จักผมตอนอายุยี่สิบ คุณจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลยนอกจากกลิ่นบุหรี่” เขาพูดพลางถอนใจอีก ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในที่เขี่ยบุหรี่

                “คุณจะกลับเข้าไปทานมื้อเย็นต่อรึเปล่าครับ?” กอร์ดอนหันมาถามลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นพยักหน้า

                “แน่นอน ถ้าคุณพร้อมจะเข้าไปกับผมนะ... พวกเราย้ายโต๊ะก็ได้”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนพูด พวกเขาจึงกลับเข้าไปในห้องอาหารอีกครั้ง คราวนี้เซอร์จอร์จและภรรยาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานอีก พวกเขาคุยกับเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับข่าวในหนังสือพิมพ์ เรื่องซุบซิบ สามีภรรยาเรดดิงตันมาร่วมโต๊ะด้วยหลังจากนั้น ท่าทางพวกเขาสนใจอยากทำความรู้จักกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ทั้งคู่คงเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนสามัญธรรมดา ลอร์ดหนุ่มเองก็รู้ตัว จึงพยายามตัดบทสนทนาอย่างสุภาพ เขาลุกออกจากโต๊ะอาหารเดินไปยังห้องโถงที่ใช้จัดงานเต้นรำ ก่อนจะเอ่ยปากขอยืมไวโอลินจากนักดนตรีที่เล่นอยู่

                “ในฐานะผู้มาเยือนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมขอเล่นเพลงให้พวกคุณสักเพลงหนึ่ง” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางมองตรงไปยังกอร์ดอนซึ่งเดินมากับเซอร์จอร์จและภรรยาของเขา ก่อนจะทาบคันชักเข้ากับสายไวโอลิน และเริ่มเล่นเพลง Hungarian dance No. 5 ของ โยฮันเนส บราห์ม คีตกวีชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียง ภายในห้องเงียบกริบทันที

                “ว้าว คุณเล่นไวโอลินได้น่าประทับใจมาก” เซอร์จอร์จ คาเมรอนพูดด้วยความตื่นเต้น ท่ามกลางเสียงปรบมือหลังจากที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่นเพลงจบ ฝ่ายนั้นโค้งให้เขา ก่อนจะคืนไวโอลินให้กับนักดนตรี แล้วเดินตรงเข้ามา

                “ผมชอบงานเต้นรำมาก ท่านเซอร์ ถ้าคุณจะกรุณา ผมขออนุญาตเชิญเลดี้ชาร์ลอตมาเป็นคู่เต้นของผม”

                “เป็นเกียรติกับภรรยาผมมาก” เซอร์จอร์จ คาเมรอนว่า ขณะที่เลดี้ชาร์ลอตมีท่าทางประหม่า

                “โอ้ คุณเคฟ ฉันไม่ได้เต้นรำมานานแล้ว”

                “ไม่เป็นไรครับ ให้เกียรติเต้นกับผมสักเพลงเถอะ” เขาโค้งให้ฝ่ายนั่น ก่อนจะจูงมือเธอออกมาที่กลางห้องโถง เซอร์จอร์จจึงไปเชิญคุณนายเรดดิงตันมาเป็นคู่เต้น คนอื่นๆ พากันจับคู่และจูงมือกันออกมายืนรอบพวกเขา เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลง การเต้นรำก็เริ่มต้นขึ้น

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พาเลดี้ชาร์ลอตเต้นช้าๆ ไปตามจังหวะเพลง แม้ว่าคู่เต้นของเขาจะมีวัยสูงกว่าถึงครึ่งหนึ่ง แต่ก็มิได้ทำให้ความสง่างามของคนทั้งคู่ลดน้อยลงแต่อย่างใด เมื่อเพลงจบลง เลดี้ชาร์ลอตหอบหายใจเล็กน้อย ขณะมองดูคู่เต้นรำของเธอด้วยความประทับใจ

                “โอ... ถ้าหากฉันเด็กกว่านี้อีกสักยี่สิบปี ฉันคงต้องตกหลุมรักคุณเป็นแน่ คุณเคฟ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือของเธอขึ้นมาจูบก่อนจะยิ้มให้ จากนั้นเขาก็เดินไปโค้งเด็กสาวเรดดิงตัน เธอหน้าแดงจนถึงใบหู ก่อนจะยื่นมือให้เขาด้วยท่าทางเอียงอาย

                “คุณเคฟ หนูเต้นรำไม่เก่งนะคะ”

                “ไม่เป็นไร มาเถอะ”

                เช่นเดียวกับตอนที่เขาเต้นรำคู่กับเลดี้ชาร์ลอต คาเมรอน ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสดงให้เห็นถึงท่วงท่าที่สง่างาม เขาพาคู่เต้นวัยรุ่นเต้นตามจังหวะเพลงได้ลื่นไหลราวกับสายน้ำ ต่อให้แมรี่แอนไม่ได้สวมกระโปรงฟูฟ่องอย่างที่เลดี้ทั้งหลายสวมกันในงานเต้นรำ แต่เธอก็ดูโดดเด่นขึ้นมามากเมื่อได้จับคู่กับเขา เมื่อเพลงจบลง เธอแทบจะไม่อยากให้อีกฝ่ายปล่อยมือเลย

                “คุณเคฟ คุณจะพักอยู่ที่นี่อีกกี่วันคะ?” เด็กสาวถามเขาอย่างคาดหวัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธอ

                “พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับแล้ว”

                “โอ... แล้วเราจะได้พบกันอีกหรือเปล่า? หนูอยากพบคุณอีกครั้งค่ะ”

                “ถ้าพระเจ้าอวยพร เราคงได้พบกันอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะผละออกมา เขาหันไปยิ้มให้พ่อแม่ของเธอ ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้ากอร์ดอนที่กำลังจิบไวน์อยู่

                “คุณไม่ออกไปเต้นรำหรือ?” ลอร์ดหนุ่มถามช่างตัดเสื้อ อีกฝ่ายยิ้มพลางสั่นศีรษะ

                “คุณก็รู้ว่าผมเต้นรำไม่เอาไหน แต่คุณเต้นรำสวยมากนะครับ ผมมองเพลินเลย”

                “งั้นผมคงต้องบอกว่าหมดเวลาที่คุณจะมองผมเต้นรำแล้ว”

                กอร์ดอนเลิกคิ้วขึ้นสูง ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือให้เขา “มากับผมเถอะ”

                โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อ เขาฉวยมือของกอร์ดอนขึ้นมาแล้วจูงไปที่กลางห้องโถง

                “จอห์น” ช่างตัดเสื้อเรียกชื่อฝ่ายนั้นอย่างละล้าละลัง “มันจะดีหรือ?”

                “ดีสิ นี่เป็นแค่การเต้นรำสนุกๆ เท่านั้นเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ในงานเล็กๆ บางทีผมยังเต้นกับเพื่อนผู้ชายด้วยกันเลย คุณไม่ต้องเกร็งหรอก”

                “งั้นหรือครับ...” กอร์ดอนมองเขา ก่อนจะถูกอีกฝ่ายรวบเอวไว้ ในขณะที่ดนตรีเริ่มบรรเลงอีกครั้ง เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มก้าวเท้าตามจังหวะเพลง ก็ดูราวกับว่าทั้งโลกเหลือเพียงพวกเขาสองคน

                “ผมบอกคุณเลยว่านี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงในการมางานนี้ของผม” ลอร์ดหนุ่มพูดระหว่างที่พวกเขากำลังเต้นรำกันอยู่ เขาจ้องมองใบหน้าของช่างตัดเสื้อ มองลงไปในดวงตาสีฟ้าที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นคู่นั้น

                “ผมปรารถนาที่จะเต้นรำกับคุณอีกครั้ง กอร์ดอน คุณคงไม่รู้ว่าตอนผมขอคุณเต้นรำครั้งแรกในห้องนั้น ผมประหม่าแค่ไหน”

                “โอ... จอห์น...” กอร์ดอนเรียกชื่อฝ่ายนั้นพลางจ้องไปยังดวงตาสีเขียวที่เป็นประกายของเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ

                “ผมรู้ว่าตอนนั้นคุณรำคาญ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด ผมได้มีคุณอยู่ในอ้อมกอด ได้มองหน้าคุณ ได้จ้องตาคุณ ผมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้รู้จักกับคุณ ให้ได้ใกล้ชิดกับคุณตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเจอกัน แต่ผมไม่คิดหรอกว่าผมจะมีโอกาสได้เต้นรำกับคุณอีกครั้ง ได้มองหน้าคุณ โดยที่คุณมองตอบผมด้วยสายตาแบบเดียวกัน”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้น “ผมยังจำที่คุณสอนผมได้ เรื่องที่ต้องสบตากับคู่เต้น... ผมไม่คาดคิดเหมือนกันว่าการเต้นรำกับคุณในครั้งนั้นจะทำให้ผมมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้” เขาคลี่ยิ้มก่อนจะพูดต่อ “คุณทำให้ผมไม่อาจจะละสายตาไปจากคุณได้อีกเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มตอบ “ผมดีใจที่เรารู้สึกตรงกัน” เขาโอบเอวกอร์ดอนแน่นกว่าเดิม “ผมไม่อยากให้เพลงนี้จบเลย ผมอยากจะเต้นกับคุณแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะเต้นกันอีกสักสองสามเพลงได้ไหม?”

                “อย่าเลยจอห์น” กอร์ดอนตอบเขา “ผมไม่อยากให้การเต้นรำครั้งนี้เป็นการเต้นรำครั้งสุดท้ายของเรา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีท่าทางเห็นแย้งอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายเขาก็ยอมพยักหน้า “ก็ได้ จบเพลงนี้ผมจะปล่อยคุณให้ไปพักก่อน”

                กอร์ดอนหัวเราะ พวกเขาเต้นรำกันจนจบเพลง ก่อนที่ลอร์ดหนุ่มจะหันไปโค้งให้ผู้หญิงอีกสองคน และสร้างความประหลาดใจให้กับกอร์ดอนหลังจากนั้นด้วยการชวนเดวิดมาเป็นคู่เต้น

                “โอ้ คุณเคฟ คุณเต้นรำได้น่าประทับใจมาก คุณจะกรุณาสอนเคล็ดลับให้ผมใช่ไหมครับ?” เดวิดพูดอย่างตื่นเต้นตอนที่พวกเขามาหยุดยืนอยู่ด้วยกันในวงเต้นรำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ใช่ มาดูซิว่าเธอจะทำได้ดีกว่านายจ้างของเธอรึเปล่า” พูดจบเขาก็จับมืออีกฝ่ายยกขึ้น

                “ว้าว มือของคุณนิ่มมาก” เด็กหนุ่มอุทานออกมา “ผมไม่คิดว่ามือของผู้ชายจะนิ่มขนาดนี้”

                 ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักเล็กน้อย เขากะพริบตามองฝ่ายนั้น “อืม... คงเพราะฉันไม่เคยทำงานหนักน่ะ”

                “ก็จริงของคุณ แบบนี้มือของสุภาพสตรียิ่งต้องนิ่มมากแน่ๆ ใช่ไหมครับ?”

                “ใช่” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “บางคนก็มือนิ่มอย่างกับไม่มีกระดูกแน่ะ”

                เด็กหนุ่มหัวเราะ “คุณโอเดนเบิร์กโชคดีมากที่ได้รู้จักกับคุณ ผมที่เป็นลูกน้องเขาเลยพลอยโชคดีไปด้วย”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มก้าวเท้าตามจังหวะเพลง

                “ฟังจังหวะไว้นะเดวิด” ท่านเอิร์ลพูด “เธอต้องก้าวเท้าให้ลงจังหวะ พยายามให้มันต่อเนื่อง และนุ่มนวลที่สุด เต้นรำแบบนี้ก็เหมือนเล่นดนตรี มีหนักมีเบา มีอารมณ์ร่วมกับคู่เต้นและเสียงดนตรี เธอต้องทำให้คู่เต้นของเธอวางใจ และรู้สึกคล้อยตามกับการเต้นของเธอ”

                “โอ... ฟังแล้วดูยากไม่น้อยเลยนะครับ ผมเองก็ไม่เคยหัดเล่นดนตรีด้วย”

                “ไม่เป็นไรหรอก เธอแค่รู้จักฟังจังหวะของมันก็พอ”

                “ครับ” เดวิดพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ดูเอาจริงเอาจังกับการฟังจังหวะและการจดจำการเคลื่อนไหวของลอร์ดโทรว์บริดจ์จนอีกฝ่ายต้องทักขึ้น

                “นี่ เธอต้องหัดมองหน้าคู่เต้นด้วยนะ ไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแบบนี้”

                “ขอโทษครับ ผมมัวแต่พะวงเรื่องจังหวะ” เดวิดตอบก่อนจะเงยหน้ากลับมามองเขา “แบบนี้ใช้ได้มั้ยครับ?”

                “ใช้ได้แล้วล่ะ”

                ทั้งคู่เต้นด้วยกันจนจบเพลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินมานั่งพักที่เก้าอี้ ส่วนเดวิดไปโค้งสาวน้อยแมรี่แอนให้มาเต้นรำด้วย

                “ผมว่าเขาพยายามเลียนแบบคุณนะ” กอร์ดอนที่นั่งอยู่ข้างกันพูดขึ้น “พ่อเขาเสียไปแล้ว ท่าทางเขาจะเอาคุณเป็นแบบอย่างแทน”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “ใช่ เขากำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ตอนผมอายุเท่าเขา ผมพยายามเลียนแบบทั้งพ่อทั้งอาเลย แต่ผมชอบวิธีการใช้ชีวิตของอาผมมากกว่า”

                “เขาชื่นชมคุณมาก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเที่ยวเล่าเรื่องคุณให้ใครต่อใครฟังไปทั่วเลย”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะออกมา “เป็นผมผมก็คงเล่า มันน่าตื่นเต้นน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ”

                กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ พวกผู้ใหญ่เริ่มทยอยมานั่งคุยกันอีกครั้ง ปล่อยให้เด็กๆ เต้นรำกันไปตามเรื่อง กระทั่งสี่ทุ่ม ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับที่พัก

----------------------------------

                “คุณเคฟ คุณว่าผมเต้นรำเป็นไงบ้างครับ?” เดวิดวิ่งมาถามระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกจากคฤหาสน์ของเซอร์จอร์จ คาเมรอน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ใช้ได้แล้ว หัดบ่อยๆ เดี๋ยวก็จะเชี่ยวชาญขึ้นเอง”

                เด็กหนุ่มพยักหน้าแข็งขัน ขณะที่แม่ของเขาพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ต้องขออภัยพวกคุณจริงๆ นะคะที่ลูกชายดิฉันชอบมารบกวนอยู่เรื่อย”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนที่กอร์ดอนจะถามขึ้นต่อ

                “พรุ่งนี้คุณจะเข้าไปที่บ้านผมกี่โมง?”

                “พวกคุณจะกินมื้อเช้าก่อนไปโบสถ์รึเปล่าคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเข้าไปประมาณเจ็ดโมงค่ะ”

                “ตกลง ตามนั้นแหละ” กอร์ดอนว่า จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันเดินทางกลับไปยังบ้านของตัวเอง ช่างตัดเสื้อถือตะเกียงเดินนำหน้าลอร์ดหนุ่ม พวกเขาเดินตัดผ่านทุ่งหญ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดสนิทของยามราตรี ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน ก่อนจะพูดออกมา

                “ท้องฟ้าสวยมาก คุณดูสิ”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองตาม ดวงดาวมากมายพร่างพราวอยู่บนท้องฟ้าสีดำสนิท ดูราวกับเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ติดประดับผ้าคลุมหน้าของหญิงสาว ทั้งสวยงาม ยั่วยวน ลึกลับและห่างไกล

                “สวยเหลือเกิน” กอร์ดอนคราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมายืนเคียงข้างเขา

                “ผมบอกแล้ว ดูดาวต้องดูตอนดึก”

                กอร์ดอนเบือนหน้ากลับมามองคนยืนข้าง แสงไฟจากตะเกียงสะท้อนให้เห็นรอยยิ้มที่สว่างไสวของอีกฝ่าย ช่างตัดเสื้อยิ้มตอบเขา

                “ขอบคุณพระเจ้า ที่ให้คุณยืนอยู่ตรงนี้”

                “....”

                “ท้องฟ้าคืนนี้คงไม่สวยเลยสำหรับผม ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย”

                “....”

                “คุณทำให้ผมมีความสุขที่สุด แม้จะยืนอยู่ในที่ที่อึดอัดที่สุด ขอบคุณนะจอห์น ขอบคุณที่ยืนข้างผม”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าคนรัก ก่อนจะพูดออกมา “ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน กอร์ดอน ขอบคุณที่คุณอุตส่าห์อดทนกับความอึดอัดที่คุณรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอเพื่อที่จะตามใจผม แม้ผมจะรู้สึกผิดอยู่บ้างที่เหมือนเป็นฝ่ายบีบบังคับให้คุณทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่ผมดีใจเหลือเกินที่คุณมีความสุขเมื่อได้อยู่กับผม ผมเองก็มีความสุขมาก หากผมเป็นผู้หญิง ผมคงไม่ลังเลเลยที่จะตกลงแต่งงานกับคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ใครๆ คาดหวังก็ตาม”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ผมเองก็จะตอบคุณในแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่าคุณเป็นผู้ชายที่ทุกคนคาดหวัง ซึ่งตรงกันข้ามกับผมอย่างสิ้นเชิง”

                “ไม่เป็นไรหรอก แค่พวกเราคิดตรงกันก็พอแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า สายลมยามดึกพัดมาต้องผิว ทั้งคู่ขยับหมวกและเสื้อโค้ทให้เข้าที่ พลางก้าวเท้าเดินต่อไป แสงไฟจากโคมหน้าบ้านค่อยสว่างชัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงทรีลอว์นีย์เสียที

--------------------------------------------
(จบตอน)
**ในที่สุดก็หาเวลามาเขียนตอนนี้ให้จบได้เสียที หลังจากใจหายใจคว่ำกับแม่เป็ดในตอนก่อน อันที่จริงเราตั้งใจจะเขียนให้ทั้งสองคนคุยกันเรื่องนี้ด้วย แต่ทว่าโควต้าของหน้ามันก็เกินมาไกลมากแล้ว จึงจำต้องยกไปอยู่ในตอนถัดไปแทน (นี่เป็นนิยายที่ช่วงหลังๆ มีจำนวนหน้าต่อตอนอยู่ที่20หน้ากระดาษเอสี่เข้าไปแล้ว บร๊ะเจ้า!!)

อันที่จริงตอนแรกเราตั้งใจจะเขียนถึงเหล่าบรรดาญาติๆ ของกอร์ดอน แต่ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็พูดถึงแต่เซอร์จอร์จกับภรรยาแค่สองคน เนื่องจากเห็นว่าแค่สองคนนี้ กอร์ดอนคนดีก็อึดอัดใจจะแย่ ขืนยังใส่บทคนอื่นๆ ลงไปอีก มีหวังเนื้อหาอาจจะยาวไปเป็นสามสิบหน้าเอสี่ก็เป็นได้ (ยาวเกินกว่าที่อิฉันจะยอมรับได้ในตอนหนึ่ง)

ช็อตที่ตั้งใจเขียนถึงตั้งแต่เริ่มพูดถึงงานเต้นรำ คือช็อตการเต้นรำคู่กันอีกครั้งของพระนายสองคน แต่ทว่าช็อตที่มาอย่างคาดไม่ถึงอย่างช็อตต่อบุหรี่ กลับแย่งซีนช็อตที่คิดมาไปหมดเลย ฮ่าๆๆ (มันคงจะติดตาตรึงใจเดวิดไปอีกนานแสนนานด้วย)

ความสัมพันธ์ของเดวิดกับจอห์นนี่ในตอนนี้เหมือนกับพี่ชายน้องชาย หรือไม่ก็พ่อลูก เราแอบชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้มาก เวลามาอยู่ด้วยกันสามคนแล้วให้บรรยากาศครอบครัวอบอุ่นดี  :-[

บางเวลาที่เขียนเรื่องนี้ก็มีมโนขึ้นมาว่า ถ้ามีนางฟ้าใจดีมาเสกกอร์ดอนให้กลายเป็นผู้หญิง เรื่องคงแฮปปี้เอ็นดิ้ง... แต่แน่นอนว่ามันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบ และนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ใช่นิยายแฟนตาซี  :hao5:

ถึงอย่างนั้นเราก็ยังแอบอยากบิดเนื้อหาบางตอนไปเป็นแฟนฟิกเพื่อให้กอร์ดอนได้กลายเป็นผู้หญิง จะได้มีลูกกับจอห์นนี่ได้สมใจ ฮ่าๆ คงฟินพิลึก (นี่คือเขียนนิยายวายออกมาเพื่อให้จิ้นกลับไปเป็นคู่นอร์มอล???)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-05-2017 15:19:02
ยาวสะใจที่สุด

ตอนนี้อ่านแล้วน้ำตาปริ่มอยู่ตลอด ความรักอบอวลมาก แต่ความขมที่เป็นพื้นหลังก็เข้มข้นจนขมคอเลยทีเดียว

ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรักจอห์นนี่ พ่อคุณช่างสว่างไสวและงดงามราวกับดวงอาทิตย์ยามเช้าตรู่

ขอบคุณพระเจ้าที่นำพาเขาให้มาพบดอนนี่


ฉากต่อบุหรี่นี่ทำเอาฉันเขินไปเลย เดวิดจะใจแตกไหมนั่น ฮ่า ๆ ๆ

อยากอ่านค่ำคืนในทรีลอว์นีย์แล้วววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-05-2017 16:57:37
 :man1: :man1: :man1:

 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 01-05-2017 17:22:28
ฉากต่อบุหรี่นี่แบบดิ้นแถดๆๆอยู่บนเตียงคนเดียวเลยค่ะ
จริงๆแอบกริ๊ดใส่หมอนด้วย
อิจฉาเดวิดจริงๆที่ไดัเห็นฉากนี้ในระยะประชิด

ปล.เรย์มอน เรดดิงตัน คนเขียนเป็นแฟนแบล็คลิสต์เหรอคะ? คิคิคิ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-05-2017 18:26:00
อบอุ่นได้ใจ
ยาวจุใจ
ซึ้งเหลือใจ
เป็นคนหนึ่งที่จินตนาการสถานที่ตามคนเขียนได้บรรยายไว้
อยากมีสักครั้ง ที่ได้ไปอยู่ที่นั้นๆ อย่างมีความสุข
จะมีบ้างไหมน้าาาาา
 :catrun:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-05-2017 19:01:08
อบอวลไปด้วยความรักที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-05-2017 19:38:44
ฉากต่อบุหรี่นี่แบบดิ้นแถดๆๆอยู่บนเตียงคนเดียวเลยค่ะ
จริงๆแอบกริ๊ดใส่หมอนด้วย
อิจฉาเดวิดจริงๆที่ไดัเห็นฉากนี้ในระยะประชิด

ปล.เรย์มอน เรดดิงตัน คนเขียนเป็นแฟนแบล็คลิสต์เหรอคะ? คิคิคิ



เบื่อและรำคาญนางเอกมากค่ะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-05-2017 20:21:38
เข้าใจเลยเมื่อผู้ใหญ่วุ่นวาย อยากให้ลูกหลานได้แต่งงาน
แล้วช่วงเวลาที่กอร์ดอนเป็นหุ่นุ่มจนถึงสามสิบกว่า
จะถูกเซ้าซี้เรื่องนี้ น่าเบื่อขนาดไหนกัน

ชื่นชมความรักของจอห์นนี่ กอร์ดอน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แต่ก็รู้สึกถึงความยาก ที่ความรักจะสมหวัง
แม้จะเปิดเผยไม่ได้ แต่ก็อยากให้ทั้งคู่กล้าแสดงออก
อย่างเต็มที่ เวลาที่อยู่กันในที่ส่วนตัว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 01-05-2017 20:50:43
โอ้ว ชอบบรรยากาศงานเต้นรำแบบชนบท และ
ชอบที่สุด คือ เค้าใช้ชีวิตในหนึ่งวันร่วมกัน วันสบายๆอันแสนสุข แม้ต้องกลับไปในโลกความจริง
ที่ว่า จะอยู่คู่กันได้อย่างไร ...มอง ไปที่เรือมุ่งสู่ดินแดนอเมริกา
นี่แหล่ะหนาชีวิต ทุกข์สุขและทางเลือก เชียร์จอนนี่กับกอร์ดอนยาวๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 01-05-2017 21:07:41
พออยู่รวมกันสามคนแล้วให้บรรยากาศเหมือน พ่อ แม่ ลูก เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 02-05-2017 00:33:40
ถ้าท่านลอร์ดเปรียบเสมือนแสงอาทิตย์ ดอนนี่ของเราคงเหมือนพระจันทร์ละมั๊งนะ


มันคือหนึ่งตอนที่อบอุ่นและอวลไอไปด้วยบรรยากาศสบายๆนะแต่ความขมขื่นฝาดเผื่อนก็เหมือนจะปะปนอยู่ในทุกตัวอักษร จะยิ้มก็ยิ้มไม่สุดจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-05-2017 13:08:09
คำผิดนิดหน่อยค่ะ

เหมือนทุลีละอองที่ไม่อาจมองเห็นได้ >> ธุลี


ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักดอนนี่และจอห์นนี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-05-2017 11:37:15
อ่านตอนนี้ละเหมือนมีอะไรกรุ่นๆอยู่ในอก อยากบอกให้ทุกคนได้รู้ แต่บอกไม่ได้   :pig4: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 10-05-2017 16:08:19
Dear, My customer.

ตอนที่27 รักที่ไม่อาจเปิดเผย


            กอร์ดอนหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูบ้าน ด้านในมืดสนิท เขาวางตะเกียงลงบนหิ้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะล้วงเอาไม้ขีดขึ้นมาจุดตะเกียงสำหรับใช้ในบ้านที่วางอยู่ใกล้กัน แสงไฟจากตะเกียงสองดวงส่องให้ตัวบ้านดูสว่างขึ้น

                “ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมจุดตะเกียงเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางไขไส้ตะเกียงขึ้นเพื่อเพิ่มความสว่าง กอร์ดอนหัวเราะ

                “ผมควรดีใจที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาจุดตะเกียงให้สินะครับ”

                “แน่นอน ถ้าคุณไม่ดีใจผมคงจะโกรธมาก” ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยสีหน้าขึงขัง พลางวางครอบแก้วของตะเกียงกลับไปที่เดิม กอร์ดอนหันไปปิดล็อกประตูบ้าน ก่อนจะหยิบตะเกียงเดินนำลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นบันได

                “ผมลืมบอกคุณอีกอย่าง”

                “อะไรหรือครับ?”

                ลอร์ดหนุ่มเดินมาประชิดตัวเขาตอนที่ทั้งคู่ก้าวขึ้นสู่พื้นบ้านชั้นสอง “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมพักค้างในสถานที่ที่ไม่มีคนรับใช้หรือผู้ติดตาม”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง “งั้นคุณคงลำบากหน่อย เพราะผมอาจจะเป็นคนรับใช้ที่ไม่ดีนัก”

                “เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” อีกฝ่ายรีบพูด “ผมแค่จะบอกว่า มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผมมาก ที่ได้มาพักค้างกับคนที่ผมรักแค่สองต่อสอง โดยไม่ต้องพะวงว่าจะมีใครอื่นมากวนใจระหว่างนั้น”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขารีบเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องพัก “ผมว่าพวกเราควรรีบเข้านอนนะครับ พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปโบสถ์แต่เช้า”

                “อืม... ผมเห็นด้วยกับคุณนะ เปิดประตูสิ”

                ช่างตัดเสื้อรีบบิดลูกบิดประตู แล้วโค้งให้ฝ่ายนั้น “เชิญครับท่านลอร์ด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขายิ้มๆ “คุณทำตัวอย่างกับเด็กเปิดประตูที่ร้านอาหารแน่ะ เข้าไปเถอะ เดี๋ยวผมจะปิดประตูเอง”

                “เอ๋?”

                “เข้าห้องสิ คุณบอกให้เรารีบนอนไม่ใช่หรือ?”

                โดยไม่รอให้กอร์ดอนพูดอะไรอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์โอบไหล่ฝ่ายนั้นแล้วดันเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตู

                “จอห์น ผมจะไม่...” คำพูดของกอร์ดอนถูกกั้นเอาไว้ในริมฝีปากด้วยนิ้วชี้ที่แตะลงมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา แล้วยิ้ม

                “ผมรู้ว่าคุณยังกังวลเรื่องเมื่อกลางวันอยู่ ผมเองก็รู้สึกละอายเช่นกันที่เผลอตัวทำเรื่องแบบนั้นกับคุณในที่สาธารณะ”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดง เขาเสมองไปทางอื่น แล้วพูดทั้งที่ยังถือตะเกียงอยู่ “ผมว่าพระเจ้าเตือนเราแล้วนะจอห์น ถ้านั่นไม่ใช่เป็ด แต่เป็นคนล่ะก็... พวกเราคงไม่ได้มายืนคุยกันอยู่ตรงนี้หรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก เขาวางตะเกียงลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันมามองช่างตัดเสื้ออีกครั้ง

                “ผมคงจะต้องฆ่าคนคนนั้น... เพื่อที่จะไม่ต้องสูญเสียคุณไป ถ้านั่นคือการตักเตือนของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ทรงเมตตาต่อพวกเรามากทีเดียว”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “เพราะอย่างนั้น พวกเราไม่ควรจะทำให้พระองค์ต้องผิดหวัง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปากอีกครั้ง เขาสูดหายใจลึก ขมวดคิ้วพลางหลับตาลง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ผมไม่อยากนอนคนเดียวเลยกอร์ดอน ผมเฝ้าฝันอยู่ทุกวัน ถึงการได้นอนเคียงกับคุณบนเตียง จูบราตรีสวัสดิ์คุณก่อนนอน และลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นคุณเป็นคนแรก พวกเรามีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังแบบนี้แล้ว คุณจะยอมให้ผมนอนข้างไม่ได้เชียวหรือ?”

                “ผมเกรงว่าพวกเราจะละเมิดทำในสิ่งที่พระเจ้าห้าม”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมปรารถนาในตัวคุณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผมกระหายที่จะได้ร่วมรักกับคุณเฉกเช่นชายหญิงทั่วไป พฤติกรรมที่ผมแสดงออกต่อคุณในตอนเที่ยงคงทำให้คุณหมดความวางใจในตัวผม แต่ได้โปรดเถอะ คุณจะเอาหมอนมาขวาง จะจับผมมัดกับเสาเตียง ทำยังไงก็ได้ ขอแค่คุณนอนข้างผมคืนนี้ก็พอ”

                กอร์ดอนยิ้มให้อีกฝ่ายพลางสั่นศีรษะ “ไม่ใช่เพราะผมหมดความไว้ใจในตัวคุณหรอกจอห์น แต่เพราะผมกลัวตัวเองไม่อาจหักใจปฏิเสธความต้องการของคุณได้ต่างหาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าฝ่ายนั้น “คุณต้องการผมเหมือนกันหรือ? คุณปรารถนาในตัวผมเหมือนกันใช่ไหม?”

                “ผมต้องกลับห้องแล้ว” กอร์ดอนเบี่ยงตัวไปที่ประตู แต่ถูกลอร์ดหนุ่มใช้มือขวางเอาไว้

                “ไม่ ผมไม่อนุญาตให้คุณไป” เขาดึงตัวของช่างตัดเสื้อเข้ามากอด แล้วปลดตะเกียงออกจากมือของฝ่ายนั้น กอร์ดอนมองเขาด้วยความตกใจ

                “อย่าจอห์น! คุณต้องให้ผมไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์วางตะเกียงลงบนโต๊ะ และตอบอีกฝ่ายด้วยการแนบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของเขา กอร์ดอนดิ้นเล็กน้อย เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์สอดปลายลิ้นเข้ามาอย่างกระหาย แรงที่จะต่อต้านเฮือกสุดท้ายของเขาก็หมดลง ช่างตัดเสื้อจูบตอบฝ่ายนั้นด้วยความต้องการทั้งหมดที่มี

                เสื้อผ้าค่อยๆ ถูกถอดออก ระหว่างที่ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่ม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงเสื้อเชิ้ตออกจากแขนของกอร์ดอน ก่อนจะดันร่างเปลือยเปล่าของฝ่ายนั้นลงไปบนเตียง แล้วขยับไปคร่อมไว้

                กอร์ดอนมองร่างที่อยู่เหนือตัวเขา กล้ามเนื้อที่เรียงตัวได้รูปสวยของฝ่ายนั้นกระตุ้นให้เขายกมือขึ้นลูบไล้มันด้วยความหลงใหล ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือของเขาไปจูบ ก่อนจะทิ้งตัวลงทับร่างที่อยู่เบื้องล่าง ทั้งคู่ลูบไล้ร่างกายของกันและกัน ขณะแลกจูบจนแทบไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้หายใจ หัวใจของลอร์ดหนุ่มเต้นระรัว เขาลูบไล้เรียวขาของช่างตัดเสื้อด้วยความปรารถนา ก่อนจะยกขาทั้งสองข้างของฝ่ายนั้นขึ้น แล้วดันส่วนสำคัญของตัวเองเข้าไปในร่องสะโพก

                ความเจ็บปวดจากการถูกรุกล้ำอย่างผิดธรรมชาติดึงสติของกอร์ดอนให้กลับมาอีกครั้ง เขาผงะตัวขึ้นมาแล้วคว้าแขนของลอร์ดหนุ่มเอาไว้แน่น “อย่า ผมเจ็บ!”

                น้ำเสียงและท่าทางตกใจของเขาทำให้อีกฝ่ายชะงัก ทั้งคู่จ้องหน้ากันท่ามกลางความเงียบงันอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่กอร์ดอนจะร้องไห้ออกมา เสียงคร่ำครวญของเขาทำให้อารมณ์วาบหวามของลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลาสนาการไปสิ้น เขาปล่อยขาของอีกฝ่ายลง แล้วถามด้วยความเป็นห่วง

                “คุณเจ็บมากหรือ?”

                กอร์ดอนขดตัวหนีพลางยกมือขึ้นปิดหน้า เขาสะอื้นจนตัวโยน ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองอีกฝ่ายอย่างว้าวุ่นใจ

                “กอร์ดอน เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”

                ช่างตัดเสื้อยังคงขดตัวอยู่อย่างนั้น ร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ “โอ... พระเจ้าโปรดให้อภัยลูกด้วย โปรดให้อภัยลูกด้วย”

                “โอ...” ลอร์ดหนุ่มคราง เขาเอื้อมมือไปหมายจะจับไหล่ฝ่ายนั้นเป็นเชิงปลอบ แต่ช่างตัดเสื้อกลับบิดตัวหนีราวกับไม่ต้องการการสัมผัสของเขาอีกแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก รู้สึกปวดร้าวไปทั้งหัวใจ

                “อย่าทำกับผมแบบนี้เลย คุณรังเกียจผมแล้วหรือ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขาสะอื้นอยู่อีกพักใหญ่ๆ ถึงจะพอเค้นคำพูดกระท่อนกระแท่นออกมาได้

                “อย่ามาเกลือกกลั้วกับผมเลยจอห์น... ผมไม่คู่ควรหรอก”

                “อย่าพูดอย่างนี้สิกอร์ดอน คุณบอกผมเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วยื่นมือไปจับไหล่ฝ่ายนั้นอีกครั้ง คราวนี้ช่างตัดเสื้อยอมให้เขาจับแต่โดยดี

                “ผมสมเพชตัวเองเหลือเกิน ผมไม่อาจให้ความสุขคุณเหมือนผู้หญิงได้ ผม...” กอร์ดอนร้องไห้ออกมาอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์พลิกตัวเขาให้หันมาเผชิญหน้ากัน

                “คุณกลัวใช่ไหม?”

                กอร์ดอนผงกศีรษะ ใบหน้าของเขาชุ่มไปด้วยคราบน้ำตา “พระเจ้าจะไม่ให้อภัยพวกเรา... จะไม่มีใครให้อภัยพวกเรา...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของฝ่ายนั้น ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผาก “ความผิดของผมเอง... ผมปล่อยให้ความต้องการครอบงำตัวเองจนเกือบจะละเมิดคำสาบานของเราเสียแล้ว”

                กอร์ดอนมองหน้าเขา น้ำตาไหลอาบหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ประคองเขาให้ลุกขึ้นมานั่ง ใช้มือเช็ดน้ำตาให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเขาเอาไว้

                “อยู่นี่นะ เดี๋ยวผมจะไปเอาเสื้อนอนมาให้ เสื้อแขวนอยู่ในห้องคุณใช่ไหม?”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะคว้าแขนฝ่ายนั้นเอาไว้ “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมไปเอง”

                “ให้ผมทำให้คุณเถอะ... ผมอยากชดเชยเรื่องที่ทำกับคุณเมื่อครู่นี้” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางยิ้ม เขาลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่มาสวม แล้วถือตะเกียงเดินออกไปจากห้อง

                เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสื้อนอน ช่างตัดเสื้อยังคงนั่งอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมร่างเหมือนเดิม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตรงไปที่เตียง ยื่นเสื้อให้ฝ่ายนั้น

                “ขอบคุณนะครับ” กอร์ดอนพูด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา ก่อนจะหันหน้าเข้าหาผนัง ช่างตัดเสื้อจึงลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปสวมเสื้อผ้าที่หลังฉากกั้น พอเขาชะโงกออกมาเขาก็เห็นลอร์ดหนุ่มกำลังเก็บเสื้อผ้าที่กองเกลื่อนบนพื้นอยู่

                “โอ้ จอห์น ให้ผมทำเถอะ” กอร์ดอนรีบปราดเข้าไปทันที “มันควรจะเป็นหน้าที่ของผมมากกว่า”

                “ผมไม่เถียงคุณแล้วกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมจะช่วยคุณเก็บ”

                พวกเขาพากันเก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา สะบัดพวกมันแล้วแขวนเอาไว้บนตะขอแขวน ก่อนจะหันมามองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ

                “....”

                “....”

                “ผมขอโทษนะกอร์ดอน” ในที่สุดลอร์ดหนุ่มก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน เขาเดินไปจับมือของฝ่ายนั้นมากุมไว้ “ผมขอโทษที่เกือบผิดคำสาบาน ขอโทษที่เกือบจะทำร้ายร่างกายและจิตใจของคุณเข้า”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมคงต้องไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ แต่ก็ยอมปล่อยมือของช่างตัดเสื้อในที่สุด “ราตรีสวัสดิ์กอร์ดอน”

                ช่างตัดเสื้อหยิบตะเกียงแล้วเดินออกจากห้องไป ลอร์ดหนุ่มทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ในห้อง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขากวาดตามองสภาพของเตียง แล้วรู้สึกละอายแก่ใจจนหน้าแดงก่ำ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

                เขาเกือบจะทำเรื่องร้ายแรงลงไปเสียแล้ว

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หวนนึกถึงความรู้สึกเมื่อตอนที่เขาเริ่มต้นจูบฝ่ายนั้น ตอนที่ลูบไล้กันบนเตียง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเร่าร้อนจนน่าตกใจ กอร์ดอนเผยความปรารถนาเบื้องลึกออกมาให้เขาเห็นเป็นครั้งแรก เจ้าตัวตอบสนองสัมผัสของเขาอย่างวาบหวาม ในห้วงเวลานั้นเขาลืมเลือนข้อห้ามและหลักศีลธรรมทุกอย่าง ลืมเลือนกระทั่งคำสาบาน ที่อยู่ในความคิดมีเพียงความปรารถนาอันดำมืดเท่านั้น เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่ากอร์ดอนจะพร้อมหรือไม่สำหรับเรื่องนี้ ความต้องการขับดันให้เขาพยายามสอดใส่เข้าไปในช่องทางที่ผิดธรรมชาติ

                เมื่อนึกถึงสีหน้าตกใจของกอร์ดอนและเรื่องหลังจากนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ่งรู้สึกละอายแก่ใจมากกว่าเดิม หากเขาดึงดันทำต่อไป อีกฝ่ายคงต้องรับทุกข์ทรมานอย่างไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายหรือจิตใจก็ตาม

                ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้า เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเองที่ไม่อาจควบคุมความปรารถนาได้ จนทำให้ต้องทำลายบรรยากาศดีๆ ระหว่างเขากับกอร์ดอนลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบือนหน้ากลับไปมองเตียงนอนอีกครั้ง

                หากแต่เพียงเขาควบคุมอารมณ์สักนิด กอร์ดอนคงไม่ต้องเสียน้ำตา และเขาคงได้จูบราตรีสวัสดิ์ฝ่ายนั้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากห้องไป

                เสียงถอนหายใจยาวถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู ลอร์ดหนุ่มสะดุ้ง เขารีบกุลีกูจอไปเปิดประตูทันที

                “เอ่อ...” กอร์ดอนที่อยู่หลังประตูมองหน้าเขาอย่างลังเล “คุณยังไม่นอนใช่ไหม?”

                “เปล่า คุณมีธุระอะไรหรือ?”

                กอร์ดอนเม้มริมฝีปาก “คือผมเอาหมอนข้างมาให้คุณ... ไม่รู้ว่าคุณจะใช้หรือเปล่า?”

                หัวใจของลอร์ดโทรว์บริดจ์เต้นแรงขึ้นมา เขาเปิดประตูกว้างขึ้น “เข้ามาก่อนสิ”

                อีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมกับตะเกียงและหมอนข้างที่หนีบไว้ในซอกแขน พอเห็นสภาพของเตียงเขาก็หน้าแดง

                “ผมจัดเตียงให้คุณใหม่ดีกว่า” ชายหนุ่มว่า เขาวางหมอนข้างลงบนเก้าอี้ แล้วตรงไปดึงผ้าปูที่นอนบนเตียง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนมองอากับกิริยาของฝ่ายนั้น

                “คุณนอนไม่หลับหรือ?” ลอร์ดหนุ่มตัดสินใจถามออกไปตรงๆ กอร์ดอนหันมามองเขา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

                “ครับ... ที่จริงแล้วผมควรจะต้องขอโทษคุณด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปหาฝ่ายนั้น “คุณไม่ต้องขอโทษอะไรผมหรอก คุณไม่ได้ทำผิดอะไร”

                “ไม่ครับ” กอร์ดอนยืดตัวขึ้นมาเผชิญหน้ากับคู่สนทนา “มันผิดที่ผมด้วย ผมปล่อยให้คุณโทษตัวเองคนเดียวไม่ได้หรอก ผมผิดที่ไม่ช่วยคุณรักษาคำสาบาน... ผมเองก็ห้ามใจไม่ได้เหมือนกัน”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม พลางยกมือขึ้นไล้เรือนผมของฝ่ายนั้น “เพราะสุดท้ายคุณก็ห้ามผมได้สำเร็จ คุณช่วยให้ผมไม่ผิดคำสาบาน ผมไม่ถือโทษโกรธคุณหรอก”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้น ก่อนจะพูดต่อ “คุณไม่หงุดหงิดผมหรือ?”

                “ทำไมผมต้องหงุดหงิดคุณด้วยล่ะ?” ลอร์ดหนุ่มถามอย่างสงสัย กอร์ดอนเหลือบมองไปข้างๆ อย่างลังเลใจ

                “ก็ผมให้ความสุขคุณบนเตียงไม่ได้...”

                “โอ...”

                “คุณยังหนุ่มมาก มีผู้หญิงดีๆ มากมายที่มีความพร้อมมากกว่าผม เธอให้ความสุขกับคุณได้ ดูแลคุณได้ มีลูกให้คุณได้ ถ้าตอนนี้คุณจะยกเลิกคำสาบานที่มีต่อผม ผมยินดีจะอภัยให้คุณ ผมเห็นแล้วว่ามันดีกับคุณมากกว่า”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางออกมา เขาจับไหล่ช่างตัดเสื้อเอาไว้ “คุณคิดว่าผมเห็นเรื่องนั้นสำคัญหรือ? ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมมีความต้องการ และผมก็ผิดหวังมากที่ไม่อาจควบคุมมันได้ ผมทำให้คุณต้องร้องไห้ นั่นทำให้ผมเจ็บปวดมาก ผมสัญญาว่าผมจะไม่ละเมิดเรื่องนี้อีก ผมจะไม่ผิดคำสาบาน จะไม่ทำให้รักของเราต้องแปดเปื้อนอีก”

                ช่างตัดเสื้อช้อนดวงตาสีฟ้าที่สั่นระริกขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย “หมายความว่าต่อให้เรามีอะไรกันไม่ได้ คุณก็จะยังรักผมใช่ไหม?”

                “แน่นอน... ผมรักคุณ ไม่ว่ายังไงผมก็รักคุณ”

                กอร์ดอนมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวสดใสคู่นั้น ภาพตรงหน้าเขาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา

                “ผมเชื่อคุณจอห์น ผมเชื่อคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ประคองใบหน้าของช่างตัดเสื้อด้วยมือทั้งสองข้างของเขา ก่อนจะโน้มจูบลงไปบนริมฝีปากคู่นั้น กอร์ดอนยกแขนกอดร่างของคนรักเอาไว้แน่น

                “ผมรักคุณ...”

                “ผมก็รักคุณเช่นกัน”

                ทั้งสองกอดกันอยู่นาน ความรู้สึกผิดและความไม่ไว้วางใจถูกความรักที่เอ่อท้นขึ้นมาเจือจางจนแทบไม่เหลือเค้ารอย ตอนที่ผละออกจากกัน ทั้งคู่แทบไม่อาจปิดบังรอยยิ้มแห่งความปิติที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้ กอร์ดอนมองลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างเขินอาย

                “ผมคงต้องไปนอนจริงๆ นี่มันก็ดึกมากแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา “ผมจะไม่ขัดขวางคุณอีก แต่ผมจะขอคุณดีๆ” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย พยายามใช้คำพูดที่ดูไม่บีบบังคับจนเกินไปนัก

                “คืนนี้คุณนอนกับผมได้ไหม? แค่นอนเฉยๆ น่ะ... แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้ผมจูบราตรีสวัสดิ์คุณก่อนนอนแทนก็แล้วกัน ไม่ว่ายังไงผมก็มีความสุข ขอแค่เป็นคุณก็พอ”

                “คือผม...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เชยคางของเขาขึ้นมา แล้วจูบเบาๆ “ราตรีสวัสดิ์กอร์ดอน ไปนอนเถอะ ผมไม่ฝืนใจคุณล่ะ”

                กอร์ดอนมองหน้าเขาอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า แล้วถือตะเกียงเดินออกไปจากห้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาทำมันพร้อมกับรอยยิ้ม ลอร์ดหนุ่มดับตะเกียง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ล้มตัวลงนอน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก

                “ผมเพิ่งนึกได้ว่าลืมหมอนข้าง” ช่างตัดเสื้อพูด อีกฝ่ายมองเขาอย่างสงสัย

                “แต่คุณจะเอามาให้ผมอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

                “อ้อ... นั่นสินะครับ” กอร์ดอนพยักหน้า แล้วหัวเราะเขินๆ “ผมนี่ขี้ลืมจริง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูกว้างขึ้น “อยากมานอนเป็นเพื่อนผมไหม? คุณให้หมอนข้างผมแล้วนี่... เราเอามันคั่นไว้ตรงกลางก็ได้นี่นา”

                “ได้หรือครับ? มันจะไม่ทำให้คุณหงุดหงิดหรือ?”

                “ไม่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบพลางยิ้ม “ผมไม่หึงกระทั่งหมอนข้างหรอก ไม่แน่ว่าผมอาจจะชอบมันมากก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คุณยอมตกลงนอนเป็นเพื่อนผม”

                “งั้นผม...”

                “เข้ามาเถอะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วผายมือให้ กอร์ดอนก้าวเท้าเข้ามาแล้ววางตะเกียงลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันมายิ้มเขินๆ ทำเอาลอร์ดหนุ่มพลอยรู้สึกเขินไปด้วย เขาจึงเดินไปดับตะเกียงเสีย

                “เข้านอนกันเถอะกอร์ดอน” เขาพูดแล้วจูงมือฝ่ายนั้นไปที่เตียงด้วยหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความยินดี ช่างตัดเสื้อบีบมือเขาเบาๆ ก่อนจะผละออก

                “ราตรีสวัสดิ์จอห์น”

                “ราตรีสวัสดิ์กอร์ดอน”

                ทั้งคู่นอนลงบนเตียงข้างกัน โดยมีหมอนข้างคั่นกลาง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมือของกอร์ดอนมากุมเอาไว้ เขาหลับตาลง แล้วปล่อยให้ความเงียบและเสียงหัวใจนำทางสู่ห่วงนิททรา

---------------------------------------------

                คืนนั้นกอร์ดอนฝัน ในความฝันเขาเป็นหญิงสาวที่ได้พบรักกับลอร์ดหนุ่มผู้สง่างามทั้งร่างกายและจิตใจ เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติและเกียรติยศ ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวสดใสราวกับสีของใบไม้ในหน้าร้อน รอยยิ้มของเขาสว่างไสวเหมือนแสงอรุณ พวกเขาเดินด้วยกันในทุ่งหญ้ากว้างที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ลอร์ดหนุ่มจับมือของเขาเอาไว้ หัวเราะและพูดคุยกับเขาอย่างมีความสุข ส่วนเขาเอาแต่จ้องหน้าของอีกฝ่ายด้วยความหลงใหล ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะพูดหรือทำอะไรก็ดีงามในความรู้สึกของเขาทั้งสิ้น

                พวกเขาทั้งสองเดินกันมาหยุดที่หน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง ลอร์ดหนุ่มคุกเข่าลง จับมือของเขาขึ้นมา แล้วสวมแหวนที่ทำด้วยใบหญ้าและดอกไม้ป่าลงบนนิ้วนางด้านซ้ายของเขา ก่อนจะช้อนดวงตาสีเขียวสดใสที่เป็นประกายเหมือนผิวน้ำยามต้องแสงอาทิตย์ขึ้นมองเขา ถามเขาว่าจะยอมตกลงเป็นสามีภรรยากันหรือไม่ ตัวเขาในความฝันตอบตกลงอย่างไม่ลังเล

                ทันใดนั้นทุกอย่างก็สว่างไสวขึ้นกว่าเดิม เขาพบตัวเองสวมชุดสีขาว ถือช่อดอกไม้ยืนอยู่หน้าไม้กางเขน โดยมีลอร์ดหนุ่มยืนเคียงข้าง บาทหลวงที่เขามองไม่เห็นหน้ากล่าวนำให้พวกเขากล่าวคำสาบานเป็นสามีภรรยาต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาได้รับการอวยพรให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

                ในบ้านหลังเล็กแต่สวยงาม เขาให้กำเนิดเด็กแฝดชายหญิง เด็กชายมีดวงตาสีเขียวสดใสเหมือนผู้เป็นพ่อไม่มีผิด ส่วนเด็กหญิงมีเรือนผมสีทองเป็นลอนสลวย และมีดวงตาสีฟ้าที่งดงามอย่างที่เขามี เขาอุ้มทารกหญิงไว้ในอ้อมแขน ส่วนลอร์ดหนุ่มผู้เป็นสามีอุ้มทารกชายเอาไว้ ฝ่ายนั้นคลี่ยิ้มสดใสแล้วโน้มหน้าลงจูบเขาเบาๆ

                “......”

                “โอ... ผมทำคุณตื่นใช่ไหม?”

                แว้บแรกกอร์ดอนคิดว่าเขายังคงฝันอยู่ เมื่อได้เห็นดวงตาสีเขียวเป็นประกายคู่นั้นกำลังมองมา แต่อีกเสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็ระลึกได้ว่าที่อยู่ตรงหน้าคือความจริง ชายหนุ่มยกมือขึ้นประคองใบหน้าของฝ่ายนั้นไว้ แล้วดึงเข้ามาจูบอีกครั้ง

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ แต่เขาก็จูบตอบช่างตัดเสื้ออย่างอ่อนโยน

                “อรุณสวัสดิ์”

                “อรุณสวัสดิ์ครับ” กอร์ดอนพูดก่อนจะยิ้มอายๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วพูดต่อ

                “อนุญาตให้ผมเอาหมอนข้างออกรึเปล่า ผมอยากกอดคุณแล้ว”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า อีกฝ่ายจึงดึงหมอนข้างออกแล้วขยับมาโอบเขาไว้

                “ผมมีความสุขเหลือเกิน” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางขยับมาจูบหน้าผากคนรัก “ผมรู้สึกเหมือนเราเพิ่งผ่านการแต่งงานคืนแรกมาเลย”

                กอร์ดอนหัวเราะขวยๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ผมฝันมานานแล้วว่าสักวันจะได้จูบราตรีสวัสดิ์คุณก่อนนอน และตื่นเช้ามาโดยมีคุณนอนข้าง แน่นอนว่าผมจะไม่ยอมพลาดจูบรับอรุณกับคุณอย่างเด็ดขาด”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดงด้วยความเขินอาย เขาซุกหน้าลงไปบนอกของอีกฝ่าย “ผมเพิ่งฝันว่าพวกเราได้แต่งงานกัน”

                “งั้นหรือ... มันเป็นฝันที่ดีใช่ไหม?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามพลางยกมือขึ้นปัดปอยผมออกจากใบหน้าของคนรัก กอร์ดอนพยักหน้า

                “ผมฝันว่าเรามีลูกด้วยกัน ลูกชายหน้าเหมือนคุณมาก ส่วนลูกสาวมีผมกับสีตาเหมือนผม เธอน่ารักทีเดียว”

                “ผมแน่ใจว่าเธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนพยักหน้าอีกครั้ง เขาหลับตาลง น้ำใสๆ ไหลหยดออกมาจากดวงตา ลอร์ดหนุ่มโอบเขาแน่นกว่าเดิม ก่อนจะจูบศีรษะของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                พวกเขากอดกันเงียบๆ แบบนั้นอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงคนเดินในบ้าน กอร์ดอนจึงค่อยขยับตัว

                “ไอเวอรี่คงมาแล้ว ผมต้องกลับห้องแล้วล่ะ”

                “ขอเวลาให้เราอีกสักห้านาทีได้ไหม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้อนวอน “มิสซิสชิมเมอร์คงไม่เดินขึ้นมาดูพวกเราหรอก”

                กอร์ดอนพิงศีรษะลงบนแผ่นอกของเขาแทนคำตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมืออีกข้างมาจับมือของช่างตัดเสื้อขึ้นมาจูบอย่างรักใคร่

                “ผมไม่อยากให้เวลาเดินเลย อยากให้ทุกอย่างหยุดอยู่ตรงนี้”

                “ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” กอร์ดอนพูดพลางช้อนตามองคู่รักของเขา “ถ้าเพียงแต่ผมเป็นผู้หญิง...”

                “เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ขอแค่เป็นคุณ แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว”

                “ขอบคุณนะจอห์น... ที่คุณรักผม” กอร์ดอนพูดพลางยิ้มให้ฝ่ายนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับแก้มของเขา

                “ผมควรจะต้องเป็นฝ่ายบอกคุณแบบนั้นเหมือนกัน ขอบใจนะกอร์ดอน ที่รักตอบผม ตั้งแต่เมื่อคืนคุณทำให้ผมได้รู้ว่าเราทั้งสองใจตรงกันทุกอย่างในเรื่องนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ผมไม่เคยเสียใจที่ได้รักคุณเลย ผมดีใจมากที่ได้รักกับคุณ”

                 กอร์ดอนอ้าแขนกอดลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ พวกเขาแนบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของกันและกัน ถ่ายทอดความรักและความรู้สึกผ่านปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกัน ห้วงเวลาแห่งความสุขพัดผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนสายลมอ่อนๆ ทว่าตราตรึงในความรู้สึกตราบชั่วนิรันดร์

-------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 10-05-2017 16:08:53
                 “อรุณสวัสดิ์ครับ” เดวิดยิ้มทักทาย ทันทีที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนเดินเข้ามาที่ห้องอาหาร เขากำลังจัดเรียงช้อนจานลงบนโต๊ะ

                “อรุณสวัสดิ์” ทั้งสองเอ่ยทักเขา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ เด็กหนุ่มพูดขึ้นต่อ

                “เมื่อคืนสนุกมากเลยนะครับ ผมแน่ใจว่าเช้านี้ที่โบสถ์ ทุกคนต้องพูดถึงแต่คุณแน่ คุณเคฟ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “ทำไมถึงเป็นงั้นล่ะ?”

                “แหม... ก็คุณออกจะเด่นไปครับ ใครๆ ก็ดูรู้ว่าคุณต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ พวกผู้ใหญ่ลือกันว่าต่อให้คุณไม่ใช่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษอย่างไม่ต้องสงสัย เขาว่าทั้งสำเนียงการพูดและท่าทางของคุณมันฟ้องอยู่”

                ลอร์ดหนุ่มยิ้มพลางสั่นศีรษะ “สองอย่างนั้นจะให้ฉันแก้ก็คงไม่ได้แล้วล่ะ ปล่อยให้พวกเขาลือกันไปแบบนั้นแหละ”

                เสียงตะโกนเรียกของมิสซิสชิมเมอร์ทำให้เดวิดต้องรีบวิ่งเข้าไปในครัว ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับนมอุ่นๆ สองถ้วย โดยมีแม่ของเขาถือถาดขนมปังและเบคอนตามมาด้านหลัง

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” มิสซิสชิมเมอร์ทักทายพวกเขา พลางวางมื้อเช้าลงบนโต๊ะ “คุณทำให้งานเลี้ยงเมื่อคืนวิเศษมาก คุณเคฟ”

                เธอหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างประทับใจ “ฉันแน่ใจว่าเซอร์จอร์จคงอยากจะพูดให้คนอื่นฟังถึงเรื่องคุณใจจะขาด เขาดูภูมิใจมากที่คุณไปที่นั่นเมื่อคืน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้น “ผมค่อนข้างแน่ใจว่าทุกคนในที่นั้นคงเดาได้ล่ะครับว่าคุณคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาเพราะเกรงใจคุณเท่านั้นเอง”

                “อืม... ผมก็ว่างั้นแหละ ช่วยไม่ได้ ก็มีคนเล่นบอกว่าผมสนิทกับคุณมากนี่นา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหลิ่วตาไปมองเดวิด ฝ่ายนั้นรีบพูดอย่างร้อนตัว

                “โอ... ผมขอโทษครับ ผมไม่ทันได้คิดเรื่องนี้ ผมไม่นึกว่าคุณจะมาที่นี่”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะออกมา เขามองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู “ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก ฉันไม่ได้โกรธอะไร อันที่จริงถ้าฉันเป็นเธอฉันก็คงจะคุยฟุ้งไปทั่วเหมือนกัน มันน่าตื่นเต้นออกนะที่มีนายจ้างเป็นเพื่อนสนิทกับท่านเอิร์ลน่ะ”

                “มันน่าตื่นเต้นเพราะเป็นคุณนี่แหละครับ” เดวิดว่า “ผมไม่เคยเห็นสุภาพบุรุษคนไหนเหมือนคุณเลย สุภาพบุรุษส่วนใหญ่มักวางตัว พวกเขามาที่ร้านด้วยรถม้าคันใหญ่ สวมหมวกทรงสูง ถือไม้เท้าใส่เสื้อผ้าเนี้ยบกริบ เวลาพวกเขามองคนอื่นจะต้องเชิดหน้าขึ้นนิดๆ พูดจาแบบสงวนท่าทีและไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย”

                “กำลังจะบอกว่าฉันไม่เหมือนสุภาพบุรุษสินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ เดวิดรีบสั่นศีรษะ

                “เปล่าครับ ผมจะบอกว่า คุณทำให้พวกเรารู้ว่าสุภาพบุรุษไม่ได้เย่อหยิ่งทุกคน คุณเป็นกันเอง ไม่ดูแคลนคนอื่น คุณเป็นมิตรมาก และที่สำคัญ คุณให้เกียรติทุกคนแม้แต่คนที่ต่ำกว่าคุณ ถ้าผมจะนับถือใครสักคนจากใจจริง คนคนนั้นก็คือคุณนี่แหละครับ”

                “ยกยอกันเกินไปแล้ว อันที่จริงแล้วฉันก็เป็นคนเย่อหยิ่งพอตัวอยู่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เพียงแต่เธอโชคดีที่ไม่เคยเจอฉันในเวลาแบบนั้น”

                “งั้นหรือครับ” เดวิดทำตาโต ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดต่อ “แต่ผมชอบคุณในแบบนี้มากกว่า ผมไม่รบกวนเวลาอาหารเช้าพวกคุณล่ะ ขอตัวครับ”

                พูดจบเขาก็เดินออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มพลางสั่นศีรษะ กอร์ดอนมองเขายิ้มๆ “ท่าทางเดวิดติดคุณแล้วนะครับ”

                “เขาทำให้ผมนึกถึงเฟรดดี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาเป็นลูกชายของอาผม ผมรักเขาเหมือนน้องชายแท้ๆ ทีเดียว”

                “โอ... ผมเพิ่งเคยได้ยินคุณพูดถึงญาติคนอื่น” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์โคลงศีรษะพลางใช้มีดหั่นขนมปังออกเป็นชิ้นๆ

                “อันที่จริงผมมีญาติเยอะมาก แต่เฟรดดี้สนิทกับผมที่สุด ปีนี้เขาอายุสิบสี่ เป็นเด็กผู้ชายที่ตรงไปตรงมาเหมือนเดวิดนี่แหละ เขายิ้มง่ายหัวเราะเก่งแถมยังช่างสงสัย ตอนรู้ว่าผมต้องกลับมาอังกฤษเขางอแงเอาเรื่องเลย”

                “คุณคงสนิทกับเขามาก”

                “ใช่ เขาติดผมแจ เฟรดดี้ชอบขี่ม้า ชอบอ่านหนังสือและตั้งคำถาม คุณจะไม่เหงาแน่ถ้ามีเขาขี่ม้าเป็นเพื่อน เขาคุยกับคุณได้ตั้งแต่เรื่องชื่อของต้นไม้กระทั่งที่มาของเชือกผูกรองเท้าเลย”

                กอร์ดอนหัวเราะ พวกเขากินมื้อเช้าเสร็จก็ออกเดินไปที่โบสถ์พร้อมกับเดวิดและแม่ของเขา ตลอดทางเด็กหนุ่มคุยจ้อถึงเรื่องความคืบหน้าในการหัดเย็บเสื้อของเขา และความประทับใจของคนอื่นๆ ที่มีต่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ในงานเลี้ยงเต้นรำเมื่อคืน

                โบสถ์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากไพเพอร์ ลอร์จ มันเป็นโบสถ์โบราณขนาดเล็กที่สร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย อยู่ในอุปถัมภ์ของเซอร์จอร์จและเลดี้ชาร์ลอต คาเมรอน สาธุคุณเบอร์นาโดที่ประจำอยู่ก็เป็นเครือญาติของพวกเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พบว่ากอร์ดอนมีญาติอยู่ที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว มีหลายคนหน้าตาสะสวย แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาของลอร์ดหนุ่ม ก็หามีใครสวยสู้ช่างตัดเสื้อคนงามของเขาไม่

                หลังพิธีมิซา เลดี้ชาร์ลอตเข้ามาทักทายเขาด้วยท่าทางตื่นเต้น

                “โอ้ คุณเคฟ จอร์จได้เล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังแล้ว ช่างเป็นเกียรติกับเราเหลือเกินที่คุณมาเยือนที่นี่ และช่างเป็นโชคดีอะไรอย่างนี้ของดอนนี่ที่มีเพื่อนเช่นคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธอ “ดังนั้นผมขอยืนยันต่อคุณว่า ไม่ต้องเป็นห่วงกอร์ดอนไป รับรองว่าผมจะแนะนำคนที่ดีที่สุดให้กับเขาอย่างแน่นอน”

                “ได้ยินอย่างนี้ฉันก็วางใจค่ะ” เลดี้ชาร์ลอตว่า เซอร์จอร์จพูดขึ้นต่อ

                “ผมอยากเชิญคุณไปดื่มชาตอนบ่ายนี้ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกรึเปล่า?”

                “ผมเกรงว่าจะไม่ ผมตั้งใจจะออกไปปิกนิกเที่ยงนี้ ผมอยากจะชมธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ของที่นี่ให้เต็มที่ก่อนจะกลับเข้าไปในลอนดอน”

                “โอ... อย่างนั้นเราจะไม่รบกวนคุณแล้วกัน” เซอร์จอร์จว่า หลังจากนั้นก็มีอีกหลายคนเข้ามาทักทายเขาและพูดถึงความประทับใจเมื่อคืน กว่าที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะเดินออกจากโบสถ์มาได้ เวลาก็ล่วงเข้าเกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว
                “ผมว่าถ้าคุณยังอยู่ที่นี่อีกวัน ทุกคนต้องแย่งกันเชิญคุณไปดื่มชาหรือกินมื้อเย็นแน่” กอร์ดอนพูดยิ้มๆ ระหว่างที่พวกเขาเดินกลับบ้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “เพราะงั้นผมถึงต้องกลับวันนี้เลยไง” เขาว่า ก่อนจะหันไปพูดกับมิสซิสชิมเมอร์ “คุณพอทำแซนวิชสักสองสามชิ้นกับเตรียมน้ำชาให้เราได้หรือเปล่า? ผมคิดว่าจะออกไปเดินเล่นตอนบ่ายนี้ และผมตั้งใจจะชวนกอร์ดอนและเดวิดไปด้วย”

                “ว้าว” เดวิดร้องด้วยความดีใจ “คุณจะให้ผมไปด้วยหรือครับ?”

                “ใช่ ฉันคิดว่ามันคงดีกว่า ถ้าเราจะไปกันสามคน” เขาหันไปมองช่างตัดเสื้อ “คุณว่าไง?”

                กอร์ดอนยิ้ม “ตามที่คุณว่าเลยครับ ผมเห็นว่าเดวิดเหมาะจะหิ้วตะกร้ามากกว่าคุณเป็นไหนๆ”

                ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน มิสซิสชิมเมอร์พูดขึ้นต่อจากนั้น “คุณช่างกรุณาต่อเดวิดเหลือเกินค่ะ ฉันจะทำแซนวิชไส้ปลาคอตแห้งย่างอย่างที่คุณโอเดนเบิร์กชอบแล้วกันนะคะ”

                “เยี่ยมเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมเองก็ชอบปลาคอตเหมือนกัน”

-----------------------------------

                ระหว่างรอมิสซิสชิมเมอร์เตรียมแซนวิช ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฆ่าเวลาด้วยการเล่นมวยปล้ำ เขาชวนกอร์ดอนเล่นด้วยแต่ถูกปฏิเสธอย่างสุภาพ จึงหันไปชวนเดวิดแทน กว่าที่มิสซิสชิมเมอร์จะทำแซนวิชเสร็จ ทั้งคู่ก็เขลอะไปด้วยเศษหญ้า

                “คุณซนมาก” กอร์ดอนพูดขณะที่พวกเขาออกเดินจากทรีลอว์นีย์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ

                “ผมชอบออกกำลังกาย ผมคิดว่าคุณควรจะออกบ้าง มันทำให้สดชื่นมากนะ”

                “โอ... ผมไม่มีเวลาหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “ผมชอบอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้นวมมากกว่าออกมาวิ่งเล่นนอกบ้าน อีกอย่างที่ร้านผมไม่มีที่ให้วิ่งเล่นด้วย”

                “แต่ที่นี่ไม่ใช่ร้านคุณ มองไปรอบๆ สิ ที่นี่กว้างขวางมาก พวกเราวิ่งไปที่ต้นไม้ตรงนั้นดีกว่า”

                ไม่พูดเปล่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกวิ่งโดยยุดมือช่างตัดเสื้อให้วิ่งตามไปด้วย เดวิดรีบวิ่งตามพวกเขา “รอด้วยครับ”

                “ช้าหน่อย” กอร์ดอนพูดพลางหอบหายใจ เขาพยายามวิ่งตามลอร์ดหนุ่มจนเกือบจะหน้าคะมำ อีกฝ่ายดึงตัวเขาไว้ ก่อนจะเสียหลักกลิ้งหลุนๆ ไปด้วยกัน

                “ผมจะไม่ยอมลุกอีกแล้ว!” กอร์ดอนประกาศขณะนอนหอบอยู่บนพื้นหญ้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่นอนอยู่ข้างกันหัวเราะ เดวิดที่วิ่งตามมาหยุดยืนหอบหายใจอยู่ข้างพวกเขา ก่อนที่ทั้งสามคนจะหัวเราะออกมา

                ดวงตะวันลอยโด่งอยู่บนท้องฟ้านานแล้ว สาดส่องแสงสีทองลงมาขับให้ต้นไม้ใบหญ้าทอสีสันสวยงาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยันตัวลุกขึ้น เขาหันไปมองช่างตัดเสื้อที่ยังคงนอนอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

                “เอาล่ะ คุณช่างตัดเสื้อ ได้เวลาลุกแล้ว ผมยังอยากจะเดินอีก”

                “คุณแน่ใจนะครับว่าต้องการ ‘เดิน’ ไม่ใช่ ‘วิ่ง’ ผมจะไม่ยอมวิ่งไปไหนกับคุณอีกแล้ว” กอร์ดอนว่า เดวิดมองเขาแล้วหัวเราะ

                “คุณโอเดนเบิร์กหมดแรงแล้วหรือครับ? ผมแน่ใจว่าท่านลอร์ดคงจะแบกคุณไปเหมือนแบกถุงทะเล ถ้าคุณยังเอาแต่นอนอยู่แบบนี้”

                กอร์ดอนถลึงตามองเด็กหนุ่ม ขณะที่ลอร์ดหนุ่มหัวเราะชอบใจ “ใช่ ถูกของเดวิด ถ้าคุณยังเอาแต่นอนแบบนี้ ผมจะแบกคุณไป ผมคิดว่าตัวคุณคงหนักและยาวกว่าลูกรักบี้ไม่มาก”

                “ตกลงครับ ผมจะเดินไปกับคุณ” กอร์ดอนรีบผุดลุกขึ้นทันที ราวกับกลัวตัวเองจะถูกอีกฝ่ายเอาไปใช้แทนลูกรักบี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกขึ้นยืนแล้วดึงมือเขาให้ลุกขึ้น ก่อนที่ทั้งสามคนจะออกเดินกันต่อ

                พวกเขาเดินเลาะไปตามถนนด้านข้างของอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป กอร์ดอนรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อย้อนนึกว่าเมื่อวานเขากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำอะไรกันที่นี่ ขณะที่ลอร์ดหนุ่มดูผ่อนคลายกับธรรมชาติรอบๆ ตัว บนถนนเส้นเดียวกัน มีบ้านทรงหน้าจั่วสร้างเรียงกันอยู่ พวกเขาเปิดกิจการให้เช่าเรือสำหรับตกปลา บนถนนมีผู้คนสัญจรขวักไขว่ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ออกมาจากตัวเมืองเพื่อมาปิกนิกและตกปลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ รถม้าวิ่งผ่านพวกเขาไปคันแล้วคันเล่า ในอ่างเก็บน้ำมีเรือลอยอยู่หลายลำ กอร์ดอนนึกดีใจที่เมื่อวานตอนพวกเขาออกมาตกปลา ไม่มีคนหนาตาเช่นนี้

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเลยอ่างเก็บน้ำขึ้นไปยังทุ่งหญ้ากว้างที่อยู่ทางเหนือ เขาเลือกต้นเอมต้นหนึ่งที่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่เป็นที่สำหรับพักดื่มชาและกินแซนวิช กอร์ดอนกับเดวิดช่วยกันปูผ้ารองนั่ง ทั้งสามดื่มชาและคุยกันท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าถึงการผจญภัยของเขาที่อเมริกา แน่นอนว่าเป็นที่สนใจของผู้ร่วมทางทั้งสองคน โดยเฉพาะเดวิด เด็กหนุ่มเบิ่งตากว้างด้วยความพิศวงและครางออกมาหลายครั้ง เขาถึงกับคร่ำครวญว่าอยากจะขี่ม้าท่องไปในทะเลทรายที่มีผาหินรูปทรงแปลกตาอย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำบ้างสักครั้งหนึ่งในชีวิต

                พวกเขากลับมาที่ทรีลอว์นีย์อีกครั้งตอนสี่โมงเย็น หลังจากบอกลามิสซิสชิมเมอร์และเดวิดเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ขับรถออกมาจากทรีลอว์นีย์เพื่อกลับเข้าตัวเมืองลอนดอน จังหวะที่กำลังจะเลี้ยวออกสู่ถนนเส้นหลัก สองพี่น้องเรดดิงตันก็วิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามา

                “ขอเวลาสักครู่ครับ!” เด็กหนุ่มเรดดิงตันตะโกน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงชะลอรถและเข้าจอดที่ข้างทาง ทั้งคู่วิ่งมาหยุดและทักทายพวกเขาทั้งสองคน

                “โชคดีเหลือเกินค่ะที่ได้พบคุณอีกครั้ง” เด็กสาวเรดดิงตันพูดพลางหอบจนตัวโยน ใบหน้าของเธอแดงก่ำ “หนูทราบแล้วค่ะว่าคุณเป็นใคร”

                พี่ชายของเธอรีบพูดต่อ “พวกผู้ใหญ่คุยกันว่าคุณคงไม่อยากให้เอิกเหริกจึงไม่เปิดเผยชื่อจริง”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง ขณะที่เด็กสาวเรดดิงตันพูดต่อด้วยความตื่นเต้น

                “ท่านลอร์ด หนูดีใจเหลือเกินค่ะที่ได้พบกับคุณ คุณช่างสง่างามยิ่งกว่าที่หนูฝันไว้” เลือดฝาดแผ่ไปจนถึงใบหูของเด็กสาว เธอล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากอกเสื้อ “ได้โปรดรับไว้ด้วยเถอะนะคะ หนูปักเองเมื่อตอนบ่ายค่ะ”

                “ได้โปรดช่วยรับไว้ด้วยเถอะครับ” คนเป็นพี่ชายรีบพูดเสริม ลอร์ดหนุ่มมองเด็กทั้งสองพลางยิ้ม ก่อนจะยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าไว้

                “ขอบใจนะ” เขาพูดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองจากอกเสื้อส่งให้เด็กสาว กอร์ดอนคิดว่าเธอทำท่าเหมือนจะเป็นลมตอนที่เห็นว่าลอร์ดหนุ่มยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ แมรีแอนรับมันด้วยมือสั่นเทา

                “โอ... ขอบคุณมากค่ะ คุณช่างใจดีเหลือเกิน” เธอครางด้วยความดีใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะบอกลาเด็กทั้งสอง แล้วขับรถออกมา

                “ผมว่ามิสเรดดิงตันคงดีใจจนนอนไม่หลับ” กอร์ดอนพูดยิ้มๆ “เธอได้เต้นรำกับชายในฝัน แถมยังเพิ่งได้ผ้าเช็ดหน้าจากเขาด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมเข้าใจเธอดีเลยล่ะ เพราะผมเองก็ดีใจจนเกือบนอนไม่หลับเหมือนกัน ที่ได้ร่วมเตียงกับคนในฝัน”

                กอร์ดอนหน้าแดง “โอ... เมื่อคืนคุณนอนไม่หลับหรือครับ”

                “ไม่เชิง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมหลับนะ แต่ผมตื่นเป็นพักๆ ผมกลัวคุณจะหายไปตอนผมหลับ” เขาเม้มปากแล้วหน้าแดงอย่างเขินจัด “ผมอยากแน่ใจว่าคุณนอนอยู่กับผมจริงๆ ไม่ใช่ผมนึกฝันเอาเอง”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดงกว่าเดิม เขาเสมองทางอื่น ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “บ้าจัง ผมหลับสนิทเลย”

                “ผมดีใจที่คุณหลับสนิท” ลอร์ดหนุ่มว่า “มันแสดงให้เห็นว่าคุณวางใจผมมาก ผมชอบหน้าคุณตอนหลับนะ ชอบจูบคุณตอนตื่นนอนด้วย”

                กอร์ดอนเขินจนไม่รู้จะเขินยังไง เขาเม้มปากเพื่อข่มรอยยิ้มเอาไว้ ขณะที่มองออกไปด้านข้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบมองเขา แล้วพูดต่อ “นี่ กอร์ดอน ถ้าคุณจะยิ้ม คุณก็หันมายิ้มให้ผมดูสิ ผมชอบเวลาคุณยิ้มที่สุดเลยนะ เหมือนดอกไม้ที่สวยที่สุดมาบานตรงหน้าผมเลย”

                “ให้ตาย จอห์น...” กอร์ดอนหันมายิ้มด้วยความขัดเขิน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับเลี้ยวรถเข้าข้างทางเพื่อที่จะได้มองหน้าคนรักได้อย่างชัดๆ

                “คุณทำให้ผมมีความสุขมาก นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลย” เขาพูดพลางยิ้ม กอร์ดอนพยักหน้าเขินๆ

                “ผมก็เหมือนกันครับ... คุณขับรถต่อเถอะ เดี๋ยวคนที่ผ่านไปผ่านมาจะสงสัยเอา”

                รถยนต์ออกแล่นอีกครั้ง มุ่งหน้านำพวกเขากลับเข้าสู่ตัวเมืองสีดำทะมึนของลอนดอน

-------------------------------------

                “จอห์น คุณจะไปไหนหรือครับ?” กอร์ดอนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ได้เลี้ยวรถไปยังถนนที่จะไปสู่ร้านของเขา แต่กลับเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง อีกฝ่ายหันมาบอกเขายิ้มๆ

                “ไปกินมื้อเย็นน่ะ อย่าบอกนะว่าคุณจะกลับไปกินมื้อเย็นคนเดียวที่บ้าน”

                “โอ... ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มขับรถผ่านถนนเส้นหลักในเมืองที่ดูโล่งเพราะร้านรวงสองข้างทางปิดบริการกันหมด หลังจากนั้นไม่นานกอร์ดอนก็พบว่าพวกเขาทั้งสองกำลังออกนอกเมืองอีกครั้ง

                “จอห์น เราจะไปกินมื้อเย็นกันที่ไหนครับ คุณขับรถเลยถนนเส้นที่มีร้านอาหารมาเกือบหมดแล้วนะ”

                “ที่บ้านผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบยิ้มๆ กอร์ดอนมีสีหน้าตกใจ

                “โอ... ผมคิดว่าคงไม่เหมาะ...”

                “ผมเพิ่งไปนอนค้างบ้านคุณนะ” ลอร์ดหนุ่มว่า “ผมควรจะตอบแทนคุณด้วยการเลี้ยงมื้อค่ำสักมื้อ พ่อกับแม่ผมไม่รังเกียจอะไรหรอก”

                ท้ายที่สุด กอร์ดอนก็ได้มาเยือนคฤหาสน์เดลอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดกับเขาขณะขับรถผ่านประตูรั้วผ่านสวนสวยที่ถูกฉาบด้วยแสงสีทองของยามเย็น

                “ผมจำได้นะ ครั้งแรกที่ผมพาคุณมาที่นี่ คุณทำหน้าตกใจเชียว”

                “โอ... ผมไม่คิดว่าคุณจะอาศัยอยู่ที่นี่นี่ครับ” กอร์ดอนว่า “ผมไม่รู้มาก่อนว่าลอร์ดบาธมีลูกชาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “นี่ถ้าผมไม่ไปอเมริกาเสียก่อน ผมคงได้จีบคุณหลายปีแล้ว”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “แต่ถึงอย่างนั้น พระเจ้าก็ชักนำให้ผมได้พบคุณอยู่ดี”

                สวนของคฤหาสน์เดลสวยงามอย่างที่สวนในคฤหาสน์ใหญ่ๆ ควรจะเป็น แต่กอร์ดอนรู้สึกว่ามันช่างสวยน่าประทับใจเสียเหลือเกิน เมื่อเขาได้ชมมันขณะนั่งรถมากับลอร์ดหนุ่มผู้เป็นที่รัก

                “จอห์น ตอนผมมาที่นี่กับคุณครั้งแรก ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าผมจะมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับคุณ” เขาพูดพลางหัวเราะอย่างนึกขัน “ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ไปจากคุณได้เร็วที่สุด”

                ลอร์ดหนุ่มยิ้มพลางหลิ่วตาให้เขา “ตอนนี้คุณคงคิดตรงข้ามกับตอนนั้นแล้วสิ”

                กอร์ดอนยิ้มให้เขาแทนคำตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขับรถมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์ โอลิเวอร์และคนรับใช้คนอื่นๆ รีบเข้ามาต้อนรับเขา

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับนายน้อย สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอนลงจากรถ ลอร์ดหนุ่มโยนกุญแจให้คนรับใช้คนสนิท “เอารถไปเก็บ คุณพ่ออยู่บ้านใช่ไหม”

                “ครับ นายท่านอยู่ในห้องหนังสือ” โอลิเวอร์ตอบเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาหากอร์ดอน

                “เดี๋ยวผมจะไปบอกพ่อเรื่องคุณ คุณรอผมที่ห้องรับแขกก่อนนะ”

                “โอ... ผมขอเดินชมสวนอยู่ด้านนอกดีกว่าครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า

                “ตกลง... โอลิเวอร์ เดี๋ยวเอารถไปเก็บเสร็จแล้ว ช่วยพาคุณโอเดนเบิร์กชมสวนหน่อยนะ เขาเป็นแขกของฉัน”

                “ครับนายน้อย”

-----------------------------------

                ลอร์ดบาธวางปากกาลงบนที่เสียบเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนจะเลิกคิ้วมองลูกชายตัวดีที่เดินยิ้มเข้ามาในห้อง

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ พ่อยุ่งอยู่รึเปล่า?”

                “เปล่า ไง จอห์น ค้างคืนที่นีสเดนเป็นไงบ้าง ท่าทางแกดูมีความสุขจังนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มกว้างแบบไม่อำพราง “ผมมีความสุขมาก ที่นั่นมีแต่ผู้คนน่ารัก พวกเขาเป็นมิตรมาก”

                ลอร์ดบาธพยักหน้า “แล้วโอเดนเบิร์กล่ะ แกไปส่งเขาแล้วหรือ?”

                “โอ... เขาอยู่ในสวนครับ ผมชวนเขามากินมื้อเย็นที่บ้านเรา”

                พ่อของเขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อเขา “ทำไมพ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ?”

                “พ่อสงสัยว่าทำไมแกถึงชวนเขามากินมื้อเย็นที่บ้านเรา”

                “อ้าว ก็ผมไปรบกวนเขาตั้งสองวัน ผมควรต้องตอบแทนเขาบ้างไม่ใช่หรือครับ?” ลอร์ดหนุ่มย้อน ลอร์ดบาธมองหน้าลูกชาย

                “ก็ใช่ แต่แกไม่เคยเชิญเพื่อนคนไหนของแกมากินมื้อเย็นที่บ้านเราอย่างนี้มาก่อน”

                “สมัยก่อนจอร์จมาที่นี่บ่อยไป” ลอร์ดลูกชายแย้ง “ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่ครับ”

                ลอร์ดบาธขมวดคิ้ว “จอร์จกับโอเดนเบิร์กไม่เหมือนกัน” คนเป็นพ่อว่า “จอร์จรู้จักกับแกมากี่ปีแล้ว เขาเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของแม่แก ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองครอบครัวก็สนิทสนม ไม่แปลกที่เขาจะมากินมื้อเย็นที่บ้านเราอย่างไม่เป็นทางการ แต่โอเดนเบิร์กไม่ใช่...”

                สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์แข็งขึ้นมา “แสดงว่าพ่อรังเกียจที่เขาเป็นแค่ช่างตัดเสื้อ ทำไมล่ะครับ แค่เพราะเขาไม่ใช่ลูกขุนนาง พ่อเลยไม่อยากต้อนรับเขาบนโต๊ะอาหารของเรางั้นหรือ?”

                “พ่อไม่ได้รังเกียจ” ลอร์ดบาธว่า “แต่มันเป็นการไม่สมควรที่แกจะชวนเขามาร่วมมื้อเย็นเป็นการส่วนตัวที่บ้านเรา พ่ออาจจะร่วมโต๊ะกับเขาที่ร้านอาหารที่ไหนสักแห่งได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่บ้านเรา”

                “ผมไม่เข้าใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ทำไมเขาถึงร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านเราไม่ได้”

                “แกไม่เข้าใจหรือจอห์น...” ลอร์ดบาธมองหน้าลูกชายพลางถอนหายใจ “การที่แกจะเชิญใครคนหนึ่งมากินมื้อเย็นอย่างเป็นส่วนตัวที่บ้าน มันหมายความว่าไงรู้ไหม มันหมายความว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่พิเศษกับแกมากๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แกถึงอยากจะพามาแนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่ของแกเป็นการส่วนตัว ซึ่งพ่อคิดว่าในกรณีของโอเดนเบิร์กมันไม่ได้มีความพิเศษขนาดนั้น ถ้าเป็นแคทเธอรีนก็ว่าไปอย่าง”

                “งั้นผมจะเชิญเธอมากินมื้อเย็นที่บ้านเรา พ่อจะได้พอใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะผุดลุกขึ้น ลอร์ดบาธขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็เดินออกไปแล้ว

----------------------------------

 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่26p.14(1/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 10-05-2017 16:09:18
               “โอ้ จอห์น ทำไมลูกทำหน้าบึ้งแบบนั้น” เลดี้บาธทักลูกชายของเธอที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องหนังสือ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักทายแม่ของเขา

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับแม่ มื้อเย็นไม่ต้องวางจานเผื่อผมนะครับ ผมจะออกไปกินข้างนอก”

                “แล้วกัน ลูกเพิ่งกลับมาไม่ใช่หรือจ๊ะ ทำไมถึงจะออกไปกินมื้อเย็นข้างนอกอีกล่ะ?”

                “กอร์ดอนรออยู่ข้างนอก ผมตั้งใจจะชวนเขามากินมื้อเย็นที่บ้านเรา แต่พ่อปฏิเสธ ผมเลยจะออกไปกินมื้อเย็นกับเขาแล้วจะเลยไปส่งเขาที่ร้านด้วย”

                “ลูกชวนเขามากินมื้อเย็นที่บ้านเราหรือ?” เลดี้บาธถามอย่างแปลกใจ “ลูกบอกเขาแล้วหรือ?”

                “ผมบอกเขาแล้ว” ลอร์ดหนุ่มว่า “ผมคงพอหาเหตุผลดีๆ บอกเขาได้หรอกว่าเขาไม่อาจกินมื้อเย็นที่นี่ได้” ลอร์ดหนุ่มเม้มปากด้วยความหงุดหงิด “ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าพ่อเลือกฐานะของคนที่จะมากินมื้อเย็นที่บ้านเราด้วย”

                “โอ... ใจเย็นก่อนลูกรัก แม่แน่ใจว่าพ่อไม่ใช่คนแบบนั้น ลูกเองก็คงคิดเหมือนกัน ลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าให้สดชื่นก่อนเถอะ แม่จะคุยกับพ่อดูอีกที”

                สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยดีขึ้นหน่อย “ขอบคุณนะครับแม่ แต่ถ้าไม่ได้ผมก็จะออกไปกินมื้อเย็นกับเขา ผมว่ามันไม่สมควรเลยที่จะให้เขากลับไปกินมื้อเย็นคนเดียว หลังจากที่ผมรบกวนเขามาแล้วตั้งสองวัน”

                “จ้ะ แม่ก็คิดแบบนั้นลูกรัก” เลดี้บาธพยักหน้า หลังจากแน่ใจว่าลูกชายไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เธอจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องหนังสือของสามี

                “เฮนรี่ที่รัก” เธอเรียกชื่อเขาแล้วก้มลงจูบแก้มลอร์ดสามี “คุณคุยอะไรกับจอห์นหรือคะ? เขาดูอารมณ์เสียทีเดียว”

                “คุณเจอเขาที่หน้าห้องใช่ไหม” ลอร์ดบาธว่า ก่อนจะถอนหายใจเฮือก “เขาจะชวนโอเดนเบิร์กมากินมื้อเย็นกับเราคืนนี้”

                “เขาไม่ได้ ‘จะ’ แต่เขาชวนโอเดนเบิร์กแล้ว” เลดี้บาธว่า ก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งข้างเขา “ทำไมคุณถึงปฏิเสธล่ะคะ?”

                “ผมคิดว่ามันไม่สมควร” ลอร์ดบาธว่า “ผมไม่ได้รังเกียจโอเดนเบิร์ก แต่มันประหลาดมาก ถ้าเขามาร่วมโต๊ะกับเราเสมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้าน ผมว่าเขากับเราไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น"

                “โอ... แต่เขาสนิทกับจอห์นออกนี่คะ อย่างน้อยๆ ลูกชายเราก็ติดเขาแจ”

                ลอร์ดบาธพยักหน้า “แต่เขาไม่เคยชวนเพื่อนคนไหนมากินมื้อเย็นที่บ้านเป็นการส่วนตัวแบบนี้มาก่อน ปกติแล้วพวกเขามักจะออกไปกินกันข้างนอก”

                “เขาอาจจะอยากให้เรายอมรับเพื่อนคนนี้ของเขาก็ได้นะคะ คุณก็รู้ว่าเขามักจะทุ่มเทให้กับเพื่อนๆ สามัญชนของเขามาก ครั้งหนึ่งเขายังเคยชวนอีธานกับเจมส์มาร่วมดื่มชากับเราเลย ฉันยังรู้สึกว่าเด็กหนุ่มสองคนนั่นเป็นคนดีทีเดียว ครั้งนี้เวลาอาจจะประจวบเหมาะมาลงเอยที่มื้อเย็นพอดี ฉันว่าจอห์นคงรู้สึกเสียหน้ามากที่ถูกคุณปฏิเสธ เพราะเขาออกปากชวนโอเดนเบิร์กไปแล้ว”

                “เขาควรจะมาขออนุญาตผมก่อน” ลอร์ดบาธว่า “เมื่อครั้งอีธานกับเจมส์เขาก็มาบอกพวกเราก่อน ผมไม่รู้ว่าเขามีนิสัยทำอะไรลงไปโดยพละการตั้งแต่แบบนี้เมื่อไหร่ เขาควรจะหัดเรียนรู้การเสียหน้าจากการกระทำของเขาบ้าง”

                “แปลว่าคุณจะให้ลูกออกไปกินข้าวข้างนอกวันนี้?” เลดี้บาธว่า ลอร์ดบาธมองหน้าเธอ

                “อะไรนะ?”

                “จอห์นบอกฉันว่าเขาจะออกไปกินมื้อเย็นกับโอเดนเบิร์ก ถ้าคุณไม่อนุญาตให้เขาร่วมโต๊ะกับเรา”

                “ก็ให้เขาไป” ลอร์ดบาธว่า “เขาควรทำหน้าที่ผู้รบกวนที่ดีด้วยการเลี้ยงอาหารโอเดนเบิร์กดีๆ สักมื้อหนึ่งอยู่แล้ว”

                “โอ...”

                “อย่าทำหน้าแบบนั้นน่ามาเรียที่รัก” ลอร์ดบาธปลอบภรรยาของเขา “คุณก็รู้ว่าลูกควรได้รับบทเรียนบ้าง”

                เลดี้บาธพยักหน้า “ฉันจะไปบอกให้เฮเลนเก็บจานออกค่ะ”

---------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินหน้าบึ้งออกมาจากคฤหาสน์ เขาสั่งให้คนรับใช้ไปตามตัวกอร์ดอนกับโอลิเวอร์

                “ไปเอารถม้ามา ฉันจะออกไปกินมื้อเย็นกับคุณโอเดนเบิร์กที่เบิร์ตแอนเบล” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งคนรับใช้ของเขา โอลิเวอร์เลิกคิ้ว แต่ก็พยักหน้าโดยไม่ปริปากถามอะไร กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจ

                “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

                “ผมจะบอกคุณบนรถ” ลอร์ดหนุ่มว่า เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดแรกที่กอร์ดอนเป็นคนตัดให้ สวมทับด้วยเสื้อโฟลกโค้ทที่เพิ่งตัดมาใหม่ แต่ยังคงสวมหมวกฮอมเบิร์กใบเดิมที่เคยสวมประจำ เขาฉุดมือช่างตัดเสื้อให้ขึ้นไปบนรถ ก่อนจะกอดเอาไว้แน่น

                “มีอะไรหรือจอห์น?” กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นถาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ตอบในทันที เขาก้มลงจูบหน้าผากฝ่ายนั้นซ้ำหลายครั้ง

                “ผมรักคุณเหลือเกิน”

                กอร์ดอนยิ้มให้ฝ่ายนั้น “พ่อคุณไม่อนุญาตใช่ไหมครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มปาก ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ พ่อผมไม่ยอม ให้ตาย กอร์ดอน ผมขอโทษ”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้ อันที่จริงแล้วผมไม่สมควรได้รับเกียรติให้ร่วมโต๊ะกับท่านมาร์ควิสหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าฝ่ายนั้นด้วยความรวดร้าวใจ “โอ... เขาไม่รู้หรอกว่าคุณสำคัญกับผมแค่ไหน ต่อให้เลดี้ทั้งลอนดอนมายืนต่อหน้าผม ผมก็ไม่อยากเชิญใครไปกินมื้อเย็นกับพ่อแม่ผม ผมต้องการเชิญแค่คุณคนเดียว”

                “ไม่เอาน่าจอห์น ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ผมเป็นแค่ช่างตัดเสื้อ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือเขาขึ้นมาจูบ

                “ผมแค้นใจเหลือเกินกอร์ดอน แค้นใจที่คุณไม่ได้รับการยอมรับแม้แต่การร่วมโต๊ะกับครอบครัวของผม พ่อผมบอกผมว่าถ้าเป็นแคทเธอรีนก็ว่าไปอย่าง โอ้... ใช่ ผมโมโหจนหลุดปากว่าจะเชิญเธอมากินมื้อเย็นกับเขา แต่มันจะเป็นมื้อเย็นที่แสนจืดชืดทั้งผมและเธอ พวกเราไม่เคยมีความรักให้กันและกันเลย ไม่เหมือนคุณ มันจะวิเศษแค่ไหนถ้าคุณได้ร่วมโต๊ะกับครอบครัวผมในคืนนี้ พ่อกับแม่ผมจะได้เห็นคุณ พวกเขาจะได้รู้ว่าเรามีความสุขกันมาก”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “อย่าเลย ผมว่าที่พ่อคุณปฏิเสธน่ะถูกต้องแล้วล่ะครับ ด้วยฐานะของคุณ การจะเชิญใครคนหนึ่งไปกินมื้อเย็นเป็นการส่วนตัวกับพ่อแม่ที่บ้าน นั่นต้องหมายถึงว่าคนคนนั้นต้องสำคัญกับคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่มีบุญคุณ ก็คงจะต้องเป็นผู้หญิงที่คุณหมายปองและหวังจะขอเธอแต่งงาน ซึ่งผมไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”

                “ผมไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้”

                “เอาน่ะ ยังดีกว่าถ้าเขาตกลงแล้วเกิดผิดสังเกตเรื่องคุณกับผมขึ้นมานะครับ” กอร์ดอนปลอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สูดหายใจลึก ก่อนจะกอดช่างตัดเสื้อไว้อีกครั้ง

                “กอร์ดอน ผมอยากให้เราหนีไปด้วยกัน ไปอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลกที่ไม่มีใครรู้จักพวกเราสองคน ที่ที่ไม่มีคนรังเกียจความรักของพวกเรา ที่ที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย”

                “ที่แบบนั้นไม่มีหรอกจอห์น” กอร์ดอนว่า “เชื่อผมเถอะ เราต้องทนกับมันให้ได้ ผมเรียนรู้มาแล้ว แต่ผมเศร้าใจเหลือเกินที่ต้องดึงคุณลงมาทนทุกข์กับผมด้วย”

                “อย่าพูดแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แนบแก้มของเขาเข้ากับแก้มของกอร์ดอน “คุณไม่ต้องเศร้าใจกับผมหรอก ผมอาจจะรู้สึกอึดอัด นั่นเพราะผมรักคุณเหลือเกิน ผมอาจจะรู้สึกทุกข์ทรมานที่ไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกที่เรามีต่อกันกับสังคมได้ แต่ผมเต็มใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ขอแค่คุณรักผม แค่นี้ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว”

                กอร์ดอนยกมือขึ้นประคองหน้าของลอร์ดหนุ่มเข้ามา ก่อนจะแนบจูบลงไป ทั้งคู่จูบกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ช่างตัดเสื้อจะกระซิบแผ่วเบา

                “ผมรักคุณจอห์น ผมรักคุณ”

---------------------------------

                หลังจากดื่มไวน์หลังมื้อเย็นไปหลายแก้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็พากอร์ดอนมาส่งที่ร้าน เขาให้โอลิเวอร์จอดรถม้าไว้ตรงหัวมุมถนน แล้วชวนช่างตัดเสื้อให้เดินไปที่ร้านด้วยกัน

                “ผมไม่อยากจากคุณเลย” ลอร์ดหนุ่มพูดหลังจากที่กอร์ดอนเปิดประตูให้เขาเข้ามาในร้าน

                “เดี๋ยวพวกเราก็เจอกันอีกครับ ผมยังค้างเสื้อคุณอยู่อีกตั้งหลายตัว”

                “นั่นสินะ” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วค่อยยิ้มออกมาได้

                “กอร์ดอน”

                “ครับ?”

                “ผมขอผ้าเช็ดหน้าของคุณได้ไหม”

                “ได้สิครับ” ช่างตัดเสื้อรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “อันที่จริงแล้วผมก็มีของคุณอยู่ผืนหนึ่ง ยังไม่ได้คืนให้คุณเลยตั้งแต่เราไปที่บาร์บีช็อตวันนั้น”

                “เก็บไว้เถอะ ผมให้คุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมตั้งใจให้คุณเก็บเอาไว้อยู่แล้ว” เขารับผ้าเช็ดหน้าจากมือของช่างตัดเสื้อ ก่อนจะถือโอกาสจับมือฝ่ายนั้นช่วงสั้นๆ

                “วันพุธผมจะแวะมารับคุณไปกินมื้อเย็นแล้วไปที่สโมสรเหมือนเดิม สัปดาห์นี้คุณว่างใช่ไหม?”

                “ครับ ผมยังไม่มีนัดด่วน” กอร์ดอนว่า “แต่ถ้าผมติดธุระกะทันหันผมจะเขียนจดหมายไปแจ้งคุณ”

                “ไม่เป็นไร ผมจะแวะมาเอง ถึงผมไม่เจอคุณแค่ผมได้เห็นร้านของคุณก็ยังดี” ลอร์ดหนุ่มว่า กอร์ดอนยิ้มเขินๆ

                “ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าคุณเกี้ยวสาวสักคน เธอจะหลงคุณขนาดไหน”

                “คุณไม่ต้องนึกหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “เพราะผมไม่เคยเกี้ยวใครอย่างที่เกี้ยวคุณ และผมจะดีใจมากถ้าคุณจะหลงผมจนถอนตัวไม่ขึ้น”

                กอร์ดอนยิ้มให้ฝ่ายนั้นแทนคำตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้สองมือประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ แล้วแนบจูบลงไป

                “ราตรีสวัสดิ์ ยอดรักของผม”

                “ราตรีสวัสดิ์จอห์น”

--------------------------------------------

                วันรุ่งขึ้น หลังมื้อเช้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงไปที่ศาลาชมสวนพร้อมไวโอลินตัวโปรดของเขา ลอร์ดหนุ่มเล่นเพลง Hungarian dance No.5 ของบราห์ม พลางนึกถึงสีหน้าของกอร์ดอนขณะที่จ้องมองเขาเล่นเพลงนี้ที่ห้องโถงของไพเพอร์ ลอร์จ แม้ฝ่ายนั้นไม่ได้พูดอะไรกับเขาเป็นพิเศษ แต่สายตาที่จ้องมองมาอย่างชื่นชมด้วยความจริงใจ กลับส่งผลต่อหัวใจของลอร์ดหนุ่มมากกว่าคำเยินยอใดในโลก เพราะคิดถึงสายตานั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่นเพลงเดิมซ้ำกันถึงห้ารอบ ก่อนที่เขาจะวางไวโอลินลง แล้วหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของกอร์ดอนขึ้นมาจูบ

                “แม่ไม่ยักรู้ว่าลูกเปลี่ยนมาชอบเพลงของบราห์มแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะดุ้งเฮือก เขารีบเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วลุกพรวดขึ้น เลดี้บาธเดินขึ้นมาบนศาลาชมสวน เธอมองเขาแล้วยิ้ม

                “แม่ทำให้ลูกตกใจหรือ?”

                “เอ่อ... ครับ นิดหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมไม่คิดว่าแม่จะมาที่นี่”

                “ลูกใจลอยแอบคิดถึงใครอยู่ล่ะสิ” เลดี้บาธว่า ก่อนจะนั่งลงข้างลูกชาย “แก้มแดงเชียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกว่าใบหน้าของเขาร้อนผ่าวกว่าเดิม “โอ... แม่ครับ ผมไม่ได้คิดถึงใครหรอก ผมแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

                “งั้นหรือ” ผู้เป็นแม่มองเขายิ้มๆ “แม่ชอบเพลงของบราห์มที่ลูกเล่นนะจ้ะ ได้ยินว่าเขากำลังเปิดการแสดงอยู่ที่ปารีส เราน่าจะไปชมการแสดงดนตรีของเขา มันต้องยอดเยี่ยมมากแน่”

                “โอ... จอร์จคงไม่พลาดข่าวนี้แน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้บาธพยักหน้า

                “ลูกจะชวนเขาไปด้วยก็ได้นะ แม่ว่าจอร์จคงเต็มใจ”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะออกมา “จอร์จคงมีคนที่อยากจะไปดูด้วยกันอยู่แล้วล่ะครับ ช่วงหลังนี้ความสัมพันธ์ของเขากับมาร์กาเร็ตดีขึ้นมาก ผมคิดว่าสักวันพวกเขาคงแต่งงานกัน”

                “ใช่จ้ะ แม่เห็นว่าทั้งคู่เหมาะกันมาก แล้วลูกล่ะจ๊ะ ไม่คิดจะชวนใครไปดูดนตรีที่ปารีสบ้างเลยหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าแม่ของเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะพูดต่อ “แม่คงหมายถึงแคทเธอรีน ไม่หรอกครับ ผมยังไม่คิดจะชวนเธอ อันที่จริงแล้วผมยังไม่เคยคุยเรื่องดนตรีกับเธอเลย”

                “งั้นพรุ่งนี้ชวนเธอมาเล่นเปียโนสิจ้ะ แม่อยากฟังลูกเล่นไวโอลินคู่กับเธอ” เลดี้บาธว่า “ลูกจะชวนเธอกินมื้อเย็นกับเราก็ได้ แม่ว่าพ่อคงไม่ปฏิเสธหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กะพริบตาครั้งสองครั้ง ก่อนจะพยักหน้า “ได้ครับ ผมจะบอกเธอให้ แต่ผมไม่แน่ใจหรอกนะครับว่าจะเล่นไวโอลินคู่กับเธอได้”

                “แม่ว่าลูกน่าจะเข้ากับเธอได้ดี” เลดี้บาธว่า พลางมองลูกชายอย่างพินิจพิเคราะห์ “แต่ถ้าลูกคิดว่าลูกมีคนที่เข้ากันได้ดีอยู่แล้ว และลูกก็คิดถึงเธอมาก ลูกก็ควรจะพามาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักนะจ้ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงก่ำ เขาขบริมฝีปากเหมือนพยายามจะข่มใจเอาไว้ สุดท้ายก็โพล่งออกมา “เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีกครับแม่ พรุ่งนี้ผมจะชวนแคทเธอรีนมาเล่นเปียโน และผมจะเล่นไวโอลินคู่กับเธอ มันคงทำให้พ่อกับแม่มีความสุขมาก”

                พูดจบเขาก็ผุดลุกขึ้น หยิบไวโอลินแล้วเดินลงจากศาลาไปทันที ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้สร้างความงุนงงให้กับเลดี้บาธเป็นอย่างมาก เธอนั่งอยู่ที่นั่นอึดใจใหญ่ กระทั่งสาวใช้ประจำตัวเดินขึ้นมา

                “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ? ดิฉันเห็นนายน้อยเดินหน้าบึ้งออกไป”

                “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” นายหญิงแห่งคฤหาสน์เดลตอบอย่างจนใจ

------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้คนรับใช้เอาไวโอลินไปเก็บ ก่อนจะตรงไปที่คอกม้า สั่งให้คนดูแลม้าผูกบังเหียนเข้ากับม้าตัวที่เขาเคยขี่ประจำ จากนั้นเจ้าตัวก็ขี่ม้าออกไปจากคฤหาสน์โดยไม่ได้บอกจุดมุ่งหมาย ร้อนถึงโอลิเวอร์ต้องควบม้าอีกตัวตามออกไป

                ลอร์ดหนุ่มควบม้าไปทางเซาธ์เกทด้วยความเร็ว และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแวะที่ไหน กระทั่งเจ้าม้าตัวนั้นเริ่มส่งเสียงหอบด้วยความเหนื่อยล้า เขาจึงค่อยให้มันชะลอฝีเท้าลง

                รอบตัวของเขาคือท้องทุ่งกว้างอันเต็มไปด้วยพื้นที่ทางเกษตรกรรม ลอร์ดโทรว์บริดจ์บังคับม้าให้เดินขึ้นไปบนเนินลูกหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยต้นหญ้าเตี้ยๆ จากบนเนินนั้น เขาเห็นทุ่งข้าวสาลีสีทองที่กำลังตั้งท้องแก่รอการเก็บเกี่ยว และไร่ข้าวโพดที่ถูกเก็บเกี่ยวไปแล้วบางส่วน ลอร์ดหนุ่มลงจากหลังม้า เหม่อมองไปยังทุ่งนาสีทองพวกนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและอัดอั้น

                “ผมรักคุณ! ผมรักคุณเหลือเกิน!” เขากู่ร้องตะโกนสุดเสียง ดวงตาสีเขียวสดใสที่เคยเป็นประกายบัดนี้สั่นระริก ชายหนุ่มตะโกนถ้อยคำเดิมซ้ำอีกครั้ง และอีกครั้ง ด้วยใบหน้าแดงก่ำและร่างกายที่สั่นเทา เขาคิดถึงช่างตัดเสื้อจับใจ และปรารถนาเหลือเกินที่จะย้อนเวลากลับไปสู่คืนวันที่เพิ่งผ่านพ้นมาอีกครั้ง คืนวันที่พวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นหญ้า นึกถึงสีหน้าของกอร์ดอนตอนที่นอนเคียงข้างเขา คิดถึงเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มพิมพ์ใจของฝ่ายนั้น เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าฝืนเดิมขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ตัดเย็บอย่างธรรมดาสามัญ มีตัวอักษร G.O. เล็กๆ ปักอยู่ตรงมุมด้านหนึ่ง เขาแนบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้ากับริมฝีปาก แล้วหลับตาลง พลางหวนนึกถึงห้วงเวลาที่เขาจุมพิตกับเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนี้

                เสียงสวบสาบทำให้ลอร์ดหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขายันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองที่มาของเสียง

                “แกเองหรือ...”

                โอลิเวอร์เดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล “นายน้อย คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ ก่อนจะจ้องหน้าคนรับใช้ “แกเพิ่งมาถึง หรือมาถึงนานแล้ว?”

                คนรับใช้มองเขา “ผมขี่ม้าไล่ตามคุณมาครับ”

                “งั้นแกคงได้ยินที่ฉันตะโกนสินะ”

                โอลิเวอร์ผงกศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจยาว “ฉันไว้ใจแกได้ใช่ไหม? แกจะเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฉันฟังหรือเปล่า? เขาเป็นเจ้านายแกนี่นา”

                “โอ... ไม่หรอกครับนายน้อย” อีกฝ่ายรีบปฏิเสธ “ถ้าคุณไม่ต้องการให้เล่า ผมก็จะไม่เล่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม... ฉันรู้ว่าแกซื่อสัตย์กับฉันเสมอ” เขาถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “แกรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายถึงใคร?”

                “โอ...” โอลิเวอร์ทำหน้าปั้นยาก “ผมไม่ทราบหรอกครับ?”

                “แกไม่รู้จริงๆ หรือแกทำเป็นไม่อยากรู้กันแน่” ลอร์ดหนุ่มจ้องหน้าเขา “ว่าไง โอลิเวอร์ ตอบฉันมาตามตรงสิ ด้วยความสัตย์ของแก ตกลงแกรู้หรือไม่รู้กันแน่”

                “.....”

                “.....”

                ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบไปนาน จนกระทั่งโอลิเวอร์เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “ผมรู้ว่าคุณชอบผู้หญิงที่มีผมสีทองและดวงตาสีฟ้าสดใส”

                “.....”

                “และคุณโอเดนเบิร์กก็เป็นคนที่สวยมาก เขามีผมสีทองสลวยและมีดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้าในหน้าร้อน ผมไม่ปฏิเสธว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิง คงเป็นผู้หญิงที่งามอย่างยากจะหาใครเทียบได้”

                “.....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่... เขางามเหลือเกิน”

                โอลิเวอร์มองเขาด้วยดวงตาที่สั่นระริก “ผมอยู่ที่นั่น... นายน้อย ผมอยู่ที่อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป ตอนที่พวกคุณ...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้พูดจบ ก่อนจะกระชากตัวลงมากดกับพื้น “แกเห็นหรือ! แกเห็นอย่างนั้นหรือ?!”

                คนรับใช้พยายามดิ้นรนจากมือที่เค้นลงบนเส้นเลือดใหญ่ที่คอของเขา “อย่า... ได้โปรด นายน้อย... ได้โปรด...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบกรามจนเป็นสันนูนด้วยความโมโห แต่ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยมือจากคอของคนรับใช้ โอลิเวอร์ยกมือลูบคอของเขาพลางไอออกมาถี่ๆ ขณะที่ลอร์ดหนุ่มซบหน้าลงกับฝ่ามือ

                “โอ... จบสิ้นแล้ว มันจบสิ้นแล้ว” เขาคร่ำครวญ ก่อนจะเงยหน้ามองคนรับใช้อีกครั้งด้วยสีหน้าแดงก่ำและดวงตาของคนสิ้นหวัง “แกเล่าให้พ่อฉันฟังแล้วใช่ไหม?”

                โอลิเวอร์สั่นศีรษะ เขาขยับมาใกล้เจ้านาย “ไม่ครับ ผมไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ผมไม่ทรยศคุณ นายน้อย”

                ดวงตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นระริก เขายกมือจับไหล่ฝ่ายนั้นเอาไว้ “แกพูดจริงๆ หรือ?”

                “ครับ”

                โอลิเวอร์มองลอร์ดหนุ่มที่เบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนน้ำตาของตัวเองด้วยสายตาสะทกสะท้อน “ผมเข้าใจคุณนะครับ”

                “.....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบือนหน้ากลับมาอีกครั้ง “อะไรนะ... แกพูดว่าเข้าใจฉันงั้นหรือ?”

                “ครับ” อีกฝ่ายพยักหน้า “ผมมีลูกพี่ลูกน้องที่สนิทอยู่คนหนึ่ง เขาทำไร่อยู่ที่แอสฮอร์น พวกเราเขียนจดหมายถึงกันเป็นประจำ” คนรับใช้เริ่มเล่า “เขามีเพื่อนชายที่สนิทมากอยู่คนหนึ่ง พวกเขาสนิทสนมกันมาก ผมไม่เคยคิดถึงความสัมพันธ์ในแง่อื่นนอกจากเพื่อนระหว่างพวกเขาเลย กระทั่งเมื่อผมได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากลูกพี่ลูกน้องของผม เขาพรรณนาคร่ำครวญถึงความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้ระหว่างเขากับเพื่อนคนนั้น ผมตกใจมาก หลังจากนั้นไม่กี่วันผมก็ได้รับโทรเลขว่าพวกเขาทั้งคู่จมน้ำตาย ครอบครัวของพวกเขาบอกตำรวจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ผมรู้ว่าพวกเขาต้องการรักษาชื่อเสียงของครอบครัวเอาไว้ ลูกพี่ลูกน้องของผมถูกจับได้ว่าพลอดรักกับเพื่อนชายของเขา เขาเขียนจดหมายบอกเล่าความคับข้องใจถึงผม หลังจากนั้นพวกเขาก็ฆ่าตัวตาย โอ... นายน้อย ผมไม่อยากให้คุณต้องพบจุดจบแบบนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องคนรับใช้อยู่เป็นนาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันจะไม่พบจุดจบแบบนั้น ถ้าแกไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง”

                “ผมไม่เล่าหรอกครับ” โอลิเวอร์ว่า “แต่คุณต้องระวังตัวมากกว่านี้ การพลอดรักในสถานที่เปิดแบบนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย ถ้าคนที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ผมล่ะก็...”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “แกเป็นคนไล่เป็ดตัวนั้นกับลูกๆ ของมันลงมาใช่ไหม”

                โอลิเวอร์พยักหน้า “ผมไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงชีวิตส่วนตัวของคุณนะครับ แต่มันเป็นทางเดียวที่อาจจะทำให้พวกคุณได้สติ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงด้วยความอับอาย แต่เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย “อืม... แกช่วยพวกเราเอาไว้ โอลิเวอร์ ขอบใจนะ”

                “ไม่เป็นไรครับ”

                “ว่าแต่แกไปทำอะไรที่นั่น? พ่อให้แกตามมาดูฉันหรือ? เขาสงสัยเรื่องนี้รึเปล่า?”

                “โอ... ไม่หรอกครับ นายท่านไม่ได้สงสัยเรื่องของคุณกับคุณโอเดนเบิร์กหรอก” โอลิเวอร์สั่นศีรษะ “เขาแค่ให้ผมคอยตามดูแลคุณห่างๆ เหมือนอย่างเมื่อก่อนครับ คุณก็รู้ว่านายท่านกับนายหญิงรักและห่วงคุณมาก”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “อืม... ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่รักฉันมาก” เขาถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันคงทำให้เขาทั้งคู่ผิดหวังที่ไม่อาจเป็นลูกชายที่ดีได้”

                “อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ คุณเป็นผู้ชายที่ดีมากที่สุดคนหนึ่งอยู่แล้ว” โอลิเวอร์ว่า “ผมเข้าใจว่าคุณคงอึดอัดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณโอเดนเบิร์ก แต่คุณควรจะทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติ อย่าพยายามทำให้ใครระแคะระคายหรือสงสัยความสัมพันธ์ของพวกคุณเลยครับ มันจะดีต่อคุณและเขามากกว่า”

                “ถูกของแก ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะผุดลุกขึ้น “พวกเรากลับกันเถอะ ฉันว่าพ่อกับแม่คงตกใจมากทีเดียวที่ฉันควบม้าออกมาโดยไม่บอกอะไรแบบนี้”

                โอลิเวอร์ยิ้มแล้วลุกขึ้นตาม “ผมดีใจที่คุณคนเดิมกลับมาอีกครั้งนะครับ ท่าทางหุนหันพลันแล่นเมื่อครู่ดูไม่ใช่คุณเลย”

                อีกฝ่ายยกมือลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “ฉันออกจะไม่ทันได้คิดอะไร บางทีฉันอาจจะหมกมุ่นมากไปก็ได้”

                “ครับ... ผมเห็นแล้วว่าคุณโอเดนเบิร์กเป็นคนสวยมาก เขามีเสน่ห์จริงๆ”

                “พวกเรามีความสุขกันมาก เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางเดินไปหาม้าของเขาซึ่งกำลังเล็มหญ้าอยู่ ก่อนจะรีบหันมาบอกคนรับใช้ซึ่งเดินตามหลังมา

                “แต่ฉันบอกแกไว้เลยนะ ว่าเราไม่ได้มีสัมพันธ์เกินเลยกันด้านร่างกาย แม้ในเวลาที่เราอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ฉันต้องบอกให้แกรู้ว่ากอร์ดอนซื่อสัตย์ต่อพระเจ้ามาก ร่ายกายเขายังบริสุทธิ์และมันจะบริสุทธิ์ตลอดไป เพราะฉันสาบานเอาไว้แล้ว”

                โอลิเวอร์เบิ่งตากว้างด้วยความประหลาดใจ “โอ... อย่างนั้นหรือครับ ดีเหลือเกินนายน้อย ผมอาจจะไม่ใช่คนเคร่งศาสนามาก แต่ผมดีใจที่พวกคุณไม่ได้ละเมิดข้อห้าม มันทำให้ผมกล้ายืนยันกับคนอื่นได้อย่างเต็มปาก ว่าคุณกับเขาไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน”

                “ใช่ ฉันกับเขารักกันอย่างบริสุทธิ์ใจ และฉันจะรักษามันเอาไว้ตราบเท่าที่ชีวิตของฉันจะหาไม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า โอลิเวอร์วิ่งเหยาะๆ แซงเขาเพื่อจะไปจูงม้ามาให้

                “แกจะอยู่ข้างฉันเรื่องนี้ใช่ไหม?” เขาถาม อีกฝ่ายพยักหน้า

                “ในฐานะคนรับใช้ของคุณ ผมจะซื่อสัตย์ต่อคุณและคำสั่งของคุณตลอดไปครับ”

                “ดี ขอบใจแกมาก ฉันดีใจที่แกอยู่ตรงนี้กับฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือไปตบไหล่คนรับใช้ ก่อนจะปีนขึ้นม้า โอลิเวอร์โค้งให้เจ้านายของเขา ก่อนจะขี่ม้าอีกตัวตามไป ท่ามกลางแสงแดดในช่วงเที่ยงวัน

---------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 10-05-2017 19:37:41
ขอบคุณค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-05-2017 21:15:13
อ่านตอนนี้แล้วสงสารจอห์นมากๆ
อยู่ในสภาพที่ต้องบังคับจิตใจ
เศร้าตามเลย
 :mew6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 10-05-2017 21:48:15
โอยยยยยน้ำตาไหล มันทั้งซาบซึ้งในความรักของทั้งคู่และอึดอัดไปหมด  ดูเหมือนว่าวามหวังคือโอลืเวอร์นะ แค่คิดว่าถ้าหนีไปด้วยกันเหมือนจอห์นว่าก็คิดอีกว่าแล้วพ่อแม่ล่ะท่านคงใจสลายและนั่นก็คงผิดต่อพระเจ้าเช่นกัน แต่ก็คิดอีกถ้าไม่หนี ถ้าทนอยู่แบบนี้....ไม่รู้สิ เหมือนเส้นขนานเคียงข้างแต่ไม่มีวันบรรจบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-05-2017 22:10:34
อ่านไปน้ำตาไหลไปตั้งแต่บรรทัดแรกจนบรรทัดสุดท้ายของตอน

ทั้งรักทั้งปราถนา ความสุขก็เป็นแค่ลมพัดมาแล้วผ่านไป

เฮ้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-05-2017 22:21:36
สงสารทั้งคู่จัง
ดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจเพิ่มขึ้น 1 คน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 10-05-2017 22:24:29
คงไม่จบลงแบบโศกนาฏกกรมเนาะ  :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-05-2017 23:23:30
น่าสงสาร น่าเห็นใจ ความรักในเพศเดียวกัน ที่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม

เขารักกันก็ต่อต้าน ไม่เห็นด้วย พวกเขาหาทางออกไม่ได้

พอเกิดเหตุการณ์ที่สูญเสียชีวิตขึ้นมา

ก็เสียใจ เสียดาย ไม่อยากให้เกิด แล้วโทษอีกฝ่าย โทษทุกอย่าง

มีทั้งโทษตัวเองและไม่โทษตัวเอง ว่าไม่น่ากดดันลูก มาคิดได้ก็สายเกินไป
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-05-2017 23:39:32
 :mew2:

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:





หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 11-05-2017 01:51:25
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วร้องไห้ T T ยิ่งตอนที่กอร์ดอนฝันน้ำตาไหลพรากเลยยยยยยย ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-05-2017 10:06:27
อ่านไปน้ำตาไหลไปตั้งแต่บรรทัดแรกจนบรรทัดสุดท้ายของตอน

ทั้งรักทั้งปราถนา แต่ความสุขก็เป็นแค่ลมพัดมาแล้วผ่านไป

เฮ้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 11-05-2017 11:35:06
ตอนที่สวีทกันมันก็ดึต่อใจอยู่หรอกค่ะ
แต่หลังๆนี่ทำไมมันทุกข์ใจนักนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-05-2017 11:39:38
 :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 13-05-2017 01:57:04
มองไม่เห็นทางออกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: theG ที่ 13-05-2017 23:20:58
มันไม่มีทางออกอยู่แล้วถ้าจะพยายามโอบกอดรักษาไว้ทุกอย่าง ถ้าอยากไปต่อก็ต้องยอมทิ้งยอมสละอะไรบ้าง เช่น ทิ้งที่บ้านแล้วหนีไปเมกาซะ 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-05-2017 12:55:51
Dear, My customer.

ตอนที่28 Something inside me.


            เลดี้บาธตกใจมากเมื่อรู้ว่าลูกชายคนเดียวของเธอควบม้าออกไปจากคฤหาสน์โดยไม่บอกไม่กล่าว คนรับใช้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายน้อยของพวกเขาดูอารมณ์เสียอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอรีบเข้าไปพบลอร์ดสามีในคฤหาสน์

                “โอ้ ที่รักคะ ลูกเราเพิ่งควบม้าออกไปจากคฤหาสน์เมื่อครู่นี้ เขาไม่บอกใครเลยว่าจะไปไหน”

                “อะไรนะ?” ลอร์ดบาธเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาวางจดหมายลงทันที “ผมเห็นแล้วว่าเขาควบม้าออกไปกับโอลิเวอร์ แต่เขาไม่ได้บอกใครหรือว่าจะไปไหน?”

                “ไม่ค่ะ” เลดี้บาธมีสีหน้ากังวลใจ “พวกคนรับใช้บอกว่าเขาดูอารมณ์เสียมาก โอ... ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเรากำลังคุยกันอยู่ดีๆ จู่ๆ เขาก็ผลุนผลันออกไป”

                “คุณคุยกับเขาอยู่หรือ?”

                “ค่ะ เขาเล่นไวโอลินอยู่ตรงศาลาในสวน อย่างที่คุณเห็นตอนมื้อเช้าว่าวันนี้เขาอารมณ์ดีมาก ฉันรู้สึกว่าเขามีความสุขเป็นพิเศษ เขาเล่นเพลงของบราห์มซ้ำกันตั้งห้ารอบแน่ะค่ะ”

                “อืม... ผมได้ยินล่ะ ผมยังนึกแปลกใจเลยว่าเขาหันมาชอบเพลงของบราห์มตั้งแต่เมื่อไหร่”

                “ค่ะ ฉันก็คิดเหมือนคุณ ฉันเลยชวนเขาไปดูคอนเสิร์ตของบราห์มที่ปารีส แล้วเราก็คุยกันต่อถึงเรื่องแคทเธอรีน ฉันแนะนำให้เขาชวนเธอมาเล่นเปียโนคู่กัน แล้วจู่ๆ เขาก็ลุกออกไปเลย... โอ้ ที่รัก ฉันไม่เคยเห็นลูกเราเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้มาก่อน ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา”

                “เขาหงุดหงิดเรื่องอะไร?” ลอร์ดบาธถาม “เรื่องแคทเธอรีนหรือ?”

                “ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นค่ะ ฉันคิดว่าเขาไปกันได้ดีกับเธอเสียอีก สัปดาห์หลังๆ นี้พวกเขาดูสนิทสนมกันมากขึ้น” เธอหยุดไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังตัดสินใจจะพูดอะไรต่อ

                “ฉันสงสัยว่าเขาอาจจะกำลังคบหากับผู้หญิงที่เราไม่รู้จักอยู่ค่ะ เขาออกไปข้างนอกแทบจะทุกวัน และเวลาพูดถึงเรื่องเขากับแคทเธอรีนทีไร เขามักทำท่าเหมือนมีอะไรในใจทุกที”

                “ผมก็กำลังสงสัยเรื่องนั้นเหมือนกัน” ลอร์ดบาธว่า “ช่วงหลังค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเขามีบางอย่างแปลกออกไป ผมรู้ว่าจอห์นชอบเลี้ยงเพื่อนๆ ของเขา แต่เดือนสองเดือนนี้มีบิลจากภัตตาคารหรูหลายแห่งที่แสดงให้เห็นว่าเขาเปิดห้องส่วนตัวเพื่อกินอาหารกับใครสักคนแค่สองต่อสอง ตอนแรกผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเขา อาจจะเป็นจอร์จหรือแมกซ์ แต่มันแปลกมากเพราะเขาทำแบบนี้ซ้ำกันทุกสัปดาห์ และส่วนใหญ่มักจะเป็นเย็นวันพุธ”

                “โอ... วันพุธเขาไปที่สโมสรของเขาไม่ใช่หรือคะ? เขาอาจจะนัดเพื่อนคนใดคนหนึ่งกินข้าวก่อนไปก็ได้”

                “ใช่ ถูกของคุณ แต่เขาไม่น่าจะต้องเปิดห้องเพื่อกินข้าวกับเพื่อนคนนั้นแค่สองต่อสองทุกสัปดาห์นี่”

                เลดี้บาธพยักหน้าเห็นด้วย “จริงของคุณค่ะ... โอ... งั้นลูกเราคงมีคนรักซ่อนไว้จริงๆ เราจะทำอย่างไรกันดีคะ? เขาดูไม่อยากบอกฉัน”

                “ผมเคยถามโอลิเวอร์เรื่องนี้แล้ว เขาปฏิเสธว่าไม่เห็นจอห์นมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหน แต่โอลิเวอร์สนิทกับจอห์นมาก เขาอาจจะช่วยปกปิดให้ก็ได้”

                “คุณไม่ลองถามลูกตรงๆ ดูล่ะคะ” เลดี้บาธว่า “บางทีลูกอาจจะสะดวกใจจะพูดเรื่องนี้กับคุณมากกว่าฉัน เพราะเขาเป็นเด็กผู้ชาย”

                “ผมจะลองคุยกับเขาดู” ลอร์ดบาธว่า ก่อนจะถอนหายใจ “ผมสังหรณ์ว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับโอเดนเบิร์ก จอห์นดูให้ความสนใจเขามากตั้งแต่พบกันครั้งแรก”

                เลดี้บาธมองสามี “ฉันเห็นว่าโอเดนเบิร์กเป็นผู้ชายที่หน้าตาสะสวยมาก ไม่แน่ว่าลูกเราอาจจะสนใจลูกพี่ลูกน้องหรือญาติสักคนของเขาก็ได้ เขาเพิ่งขอคุณไปที่บ้านของโอเดนเบิร์กมาไม่ใช่หรือคะ? โอ... การที่เขาชวนโอเดนเบิร์กมากินมื้อเย็นกับเราเมื่อวาน ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะอยากบอกเราเรื่องนี้ก็ได้”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจแรง “เป็นไปได้ เพราะเขาดูอารมณ์เสียมากทีเดียวหลังจากนั้น ผมจะถามเขาตรงๆ ก่อน ถ้ายังไงผมอาจจะเชิญโอเดนเบิร์กมาที่บ้านเรา ผมว่าถ้าจอห์นกำลังคบหากับลูกพี่ลูกน้องหรือญาติคนไหนของเขา เราคงต้องคุยเรื่องนี้กันยาวเลยล่ะ”

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สวนทางกับพ่อของเขาในโถงทางเดินของคฤหาสน์ เขาทักทายอีกฝ่ายทันที

                “โอ้ พ่อครับ พ่อกำลังจะออกไปไหนรึเปล่าครับ? ผมกำลังจะไปหาพ่อพอดี”

                “พ่อกำลังจะออกไปเดินเล่นสูดอากาศเสียหน่อย แกก็มาด้วยกันสิ”

                สองพ่อลูกเดินเคียงกันไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินในสวน ลอร์ดบาธเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน “ไง แกกับโอลิเวอร์ขี่ม้าไปเที่ยวที่ไหนกันมา”

                “พวกเราไปแถวทุ่งนาที่เซาธ์เกทมาครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกใครก่อน”

                ผู้เป็นพ่อเหลือบมองเขา “อย่าให้เกิดบ่อยนักล่ะ พ่อกับแม่ไม่สบายใจนักหรอกนะที่เห็นแกทำแบบนี้”

                “ครับ ขอโทษครับ” ลอร์ดหนุ่มก้มหน้าก้มตารับผิดแต่โดยดี “ผมจะไม่ทำอีก”

                พวกเขาเดินด้วยกันเงียบๆ อีกพัก ลอร์ดบาธก็เป็นฝ่ายถามขึ้นต่อ “มีเรื่องอะไรอยากบอกพ่อมั้ยจอห์น”

                “.....”

                “แกไม่เคยผลุนผลันออกไปแบบนี้มาก่อนนี่ ไม่มีอะไรอยากจะบอกพ่อหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขา พลางเม้มปากอย่างชั่งใจ “ผมแค่อยากออกไปเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ ครับ”

                ลอร์ดบาธมองลูกชายอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจ “นีสเดนเป็นไงบ้างล่ะ?”

                “ก็ดีครับ ผู้คนที่นั่นดีมาก”

                “แกตกปลาได้เยอะมั้ย?”

                “โอ... ผมตกปลาได้แค่ตัวเดียว แต่มันเป็นปลาชับที่ตัวใหญ่มาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมเอามันไปที่บ้านของเซอร์จอร์จ คาเมรอน เขาเป็นเพื่อนของอา พ่อจำได้หรือเปล่าครับ? เซอร์จอร์จที่ตัวเล็กๆ หน่อยน่ะครับ”

                “อืม... พ่อพอจะนึกออกอยู่ เขาเป็นชายแก่ที่น่านับถือทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาให้การต้อนรับผมดีมาก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติห่างๆ ของกอร์ดอน”

                “เขาเป็นญาติกับโอเดนเบิร์กหรือ?” ลอร์ดบาธเลิกคิ้ว “พ่อไม่เคยรู้มาก่อน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “กอร์ดอนมีญาติอยู่ที่นั่นเยอะมาก และบ้านของเขาก็สวยมาก เขาให้ผมพักห้องของปู่เขา พ่อต้องไม่เชื่อแน่ วิวจากหน้าต่างห้องนอนนั้นเป็นวิวที่สวยงามมาก มันเป็นวิวของอ่างเก็บน้ำที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นจากบ้านของคนสามัญธรรมดา”

                “อืม... พ่อได้ยินว่าสมัยยังอยู่ ปู่ของเขาเป็นช่างตัดเสื้อที่มีชื่อเสียงมาก และยังเป็นคนโปรดของท่านดยุกแห่งยอร์กอีกด้วย ท่านดยุกคงจะตกรางวัลให้เขาไม่น้อยทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมมีความสุขมากที่นั่น เซอร์จอร์จจัดงานเต้นรำให้กอร์ดอนในตอนเย็น ผมได้รับเชิญไปงานนั้นด้วย มันเป็นงานเลี้ยงที่เป็นกันเองและสนุกสนานมาก”

                ลอร์ดบาธหรี่ตามองเขาพลางยิ้ม “มีสาวๆ เยอะเลยสิท่า”

                คนเป็นลูกชายหัวเราะ “ครับ มีสาวๆ สวยๆ ที่นั่นหลายคนเลย แต่กอร์ดอนไม่สนสักคน เซอร์จอร์จกับภรรยาของเขาดูท่าทางผิดหวังมาก พวกเขาดูคาดหวังให้ญาติของเขาแต่งงานในเร็ววัน”

                “อืม... ที่จริงโอเดนเบิร์กก็อายุไม่น้อยแล้ว พ่อเองก็แปลกใจเหมือนกันที่เขายังไม่แต่งงาน” ลอร์ดบาธว่า “แล้วแกล่ะ? ไม่ถูกใจสาวคนไหนที่นั่นเลยหรือ? พ่อว่าญาติผู้หญิงของโอเดนเบิร์กต้องสวยมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง เขารีบสั่นศีรษะ “ไม่หรอกครับ ญาติผู้หญิงของเขาส่วนใหญ่แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดบาธเหลือบมองลูกชายแว้บหนึ่ง “พ่อคิดว่าจะเชิญเขามาดื่มชาที่นี่สักวันหนึ่ง แกคิดว่าไง?”

                ลอร์ดลูกชายเลิกคิ้ว “ทำไมพ่อถึงจะเชิญเขามาดื่มชาล่ะครับ?”

                “พ่ออยากลองติดสินบนเขาดูบ้าง เผื่อว่าเขาจะตัดเสื้อให้พ่อเพิ่มได้อีกสักชุด” ลอร์ดบาธพูด “และถ้าเขาอยากจะพาญาติสาวๆ ของเขามาแนะนำกับเราสักคน พ่อก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขาอึดใจ ก่อนจะหัวเราะออกมา “พ่อคิดว่าผมสนใจญาติสาวๆ ของเขาหรือครับ? ผมบอกพ่อแล้วไงครับว่าญาติส่วนใหญ่ของเขาแต่งงานไปหมดแล้ว”

                “งั้นที่แกไปที่นีสเดน ก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษนอกจากการไปตกปลางั้นสิ?”

                “ครับ?”

                “อืม... ยังไงพ่อก็ยังอยากจะเชิญโอเดนเบิร์กมาดื่มชาที่บ้านเรา เป็นช่วงบ่ายวันพฤหัสก็ได้ แกไปบอกเขาด้วยแล้วกัน พ่อหวังว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ”

                “ครับ ผมจะไปบอกเขาให้”

                ลอร์ดบาธมองลูกชายอีกครั้ง “ตอนที่แกออกไปตะกี้ มีจดหมายมาถึงแกแน่ะ พ่อว่าแกน่าจะอยากรีบเปิดอ่านมันนะ”

                “จดหมายจากใครหรือครับ?”

                “ลอร์ดแบรดฟอร์ด สมาคมรักบี้แห่งลอนดอน”

-----------------------------------------

                “ไง จอห์นนี่ ลมอะไรพัดนายมานี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามเพื่อนที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น เขาแต่งตัวด้วยสูทสีน้ำตาลลายตาราง ผูกเนกไทสีแดงดูโก้เก๋ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนของเขา “ไง จอร์จ นายแต่งตัวจะออกไปไหนหรือ?”

                “ฉันกำลังจะไปดื่มชาที่บ้านของมาร์กาเร็ต” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายมีธุระอะไร”

                “โอ... ฉันมีหลายเรื่องอยากจะเล่าให้นายฟัง สมาคมรักบี้ตกลงให้ฉันเป็นตัวแทนหาทีมเพื่อลงแข่งรักบี้การกุศลที่จะจัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้”

                “ว้าว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน “ยอดไปเลยจอห์นนี่ นายจะได้เล่นรักบี้ต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชาย เขาอนุญาตให้นายเลือกคนนอกสมาคมเข้าทีมไหม? อย่างฉันจะได้ลงเล่นรึเปล่า?”

                “เขาไม่ได้ห้าม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันจะให้นายลงคัดเลือกเข้าทีมด้วย”

                “หวังว่าฉันคงได้สักตำแหน่ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แล้วนี่นายบอกคนอื่นหรือยัง?”

                “ยัง ฉันเพิ่งได้จดหมายเมื่อเช้านี้เอง”

                “โอ... งั้นมันต้องเป็นเรื่องตื่นเต้นในคืนวันพุธนี้แน่ ฉันอยากให้ถึงวันนั้นจนแทบจะทนไม่ไหว ฉันคิดถึงคืนวันที่พวกเราเคยเล่นรักบี้ด้วยกัน มันจะต้องสนุกมากแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “มีอีกเรื่องหนึ่งจอร์จ”

                “อะไรหรือ?”

                เขาขยับมากระซิบใกล้หูเพื่อน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตาโตด้วยความตกใจ “โอลิเวอร์รู้แล้วหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้เพื่อนรักฟัง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าครุ่นคิดหลังจากฟังจบ

                “ฉันว่าพ่อนายต้องเริ่มสงสัยแล้วแน่ๆ” จังหวะนั้นคนรับใช้ก็เดินเข้ามา “นายน้อย คุณจะไปที่บ้านเลดี้มาร์กาเร็ตรึเปล่าครับ”

                “ฉันไม่ไปแล้ว” เขาพูด ก่อนจะลุกไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบปากกามาเขียนโน้ตฉบับหนึ่ง ใส่ซองประทับครั่ง แล้วส่งให้คนรับใช้

                “ฝากนี่ไปให้เธอแทนก็แล้วกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนของเขา “จอร์จ นายไปที่บ้านมาร์กาเร็ตก่อนก็ได้ ฉันจะแวะมาคุยเรื่องนี้กับนายวันหลังอีกที”

                “ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้ฉันไปบ้านมาร์กาเร็ตแทบทุกวันอยู่แล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า คนรับใช้อีกคนยกน้ำชาและของว่างเข้ามาให้

                “เอาล่ะ สรุปว่าตอนนี้โอลิเวอร์ก็รู้เรื่องพวกนายแล้ว ส่วนพ่อนายเองก็เริ่มสงสัยว่านายมีคนรักซ่อนไว้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดต่อหลังจากคนรับใช้ออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ฉันพลาดเองที่ทำอะไรไม่ยั้งคิด”

                “ใช่ การไปพลอดรักกันที่อ่างเก็บน้ำแบบนั้น ฉันยอมรับเลยว่านายบ้าบิ่นมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงด้วยความละอาย “ฉันผิดไปแล้ว”

                อีกฝ่ายหัวเราะ “แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันต้องตื่นเต้นมากแน่ ไม่เอาน่าจอห์นนี่ อย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันเข้าใจว่านายทนความเย้ายวนของความรักไม่ไหวหรอก ของแบบนี้มันทนกันง่ายๆ ที่ไหนล่ะ”

                “โอ... ฉันอยากได้เขาทั้งตัว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง หน้าแดงก่ำกว่าเดิม “ตอนที่เขาแสดงออกว่าต้องการฉัน ฉันก็ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้อีกเลย สัมผัสเขาไม่เหมือนผู้หญิงหรอกจอร์จ แต่ความรู้สึกของฉันคือเขาใช่ทุกอย่าง”

                “ถ้าโอลิเวอร์ไม่ไล่เป็ดลงมา นายกับเขาคงได้เสียกันที่อ่างเก็บน้ำนั่นไปแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด ก่อนจะหลิ่วตามองเพื่อน “แล้วหลังจากนั้นล่ะ นายไปค้างที่บ้านเขาใช่ไหม? บ้านเขามีคนรับใช้หรือเปล่า?”

                “ไม่มีหรอก ฉันค้างกับเขาแค่สองคน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบด้วยท่าทางเขินจัด “ฉันได้นอนเตียงเดียวกับเขา พวกเรามีความสุขกันมาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ ก่อนจะยกมือตบไหล่เพื่อน “ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น ฉันเข้าใจนายนะ ยังไงฉันก็จะอยู่ข้างนาย ว่าแต่พวกนายถึงสวรรค์กันทั้งคู่เลยหรือ? ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่านายเก่งเรื่องหลับนอนกับผู้ชายด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงจนถึงใบหู “ยัง จอร์จ ฉันกับกอร์ดอนยังไม่ได้ได้เสียกัน”

                “อะไรนะ!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทานด้วยความงงงวย “นายไปค้างที่บ้านเขาไม่ใช่หรือ? พวกนายอยู่ด้วยกันสองต่อสองนะ ไม่มีใครเลยด้วย นายบอกว่านายนอนกับเขานี่”

                “ใช่ แต่ฉันแค่นอนร่วมเตียงกับเขาเฉยๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าอัศจรรย์ใจกว่าเดิม “ได้ไงจอห์นนี่?! นายเสื่อมสมรรถภาพหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถลึงตาใส่เพื่อน “ฉันยังปกติดีจอร์จ!”

                “อืม... งั้นทำไมนายยังไม่ได้เสียกับเขาล่ะ มันไม่มีเหตุผลเลยนี่ นายบอกว่าเขาใช่ทุกอย่างไม่ใช่หรือ?”

                “ก็ใช่ แต่เขาไม่ใช่ผู้หญิง...” ลอร์ดหนุ่มว่า “มันไม่เหมือนกัน มันไม่สะดวกราบรื่นขนาดนั้น”

                “แสดงว่าพวกนายลองกันแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางพยักหน้า “ฉันเข้าใจล่ะ เขาคงเจ็บมากใช่ไหม? พวกนายเลยไม่ถึงไหนเพราะแบบนี้ คราวหน้านะ ฉันแนะนำให้นายลองใช้น้ำมันมะกอก”

                “โอ้ จอร์จ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือห้ามเพื่อน “นายอย่าพูดให้ฉันคิดเยอะได้ไหม ฉันอุตส่าห์พยายามไม่คิดถึงเรื่องนี้แล้วเชียว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “อย่าเขินน่า นี่มันเรื่องธรรมดานะ นายจะหยุดคิดถึงเรื่องอย่างว่ากับคนที่นายรักได้ไงจริงไหม? กอร์ดอนตอบสนองดีไหม ฉันรู้สึกเหมือนเขาสงวนท่าทีอยู่ตลอดเวลา”

                “เขา... ค่อนข้างร้อนแรงทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาลูบหน้าอกฉันด้วย ท่าทางเหมือนเขาชอบมาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขยับเข้ามาใกล้อย่างสนอกสนใจ “แล้วไงต่อ พวกนายลูบกันแล้วจูบกันด้วยไหม?”

                “แน่นอน เราแทบจะลืมหายใจเลย” อีกฝ่ายตอบเขินๆ “ตอนนั้นฉันคิดอย่างเดียวว่าต้องครอบครองเขาให้ได้”

                “ว้าว แล้วไหงล่มได้ล่ะ? ที่จริงต่อให้เจ็บมากพวกนายก็ลองกันใหม่ได้นี่นา มีเวลาตั้งเยอะตั้งแยะ”

                “เขาไม่ยอมน่ะ”

                “หา?!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าลำบากใจ “คืองี้จอร์จ กอร์ดอนกลัวมาก เขาเจ็บ แล้วเขาก็กลัวว่าจะผิดต่อพระเจ้า เขาคล้อยตามความต้องการในตอนแรก แต่พอเขาได้สติ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ตามมา เขาร้องไห้ ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย วินาทีนั้นฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำผิดร้ายแรงมาก เขาร้องไห้ราวกับจะขาดใจ โอ... ถ้าฉันยังขืนฝืนใจเขาต่อ ความรักของพวกเราคงสะบั้นแน่ เขาคงไม่ยอมให้อภัยตัวเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่เพื่อนรักอีกครั้ง “กอร์ดอนของนายช่างเป็นคนที่ข่มอกข่มใจได้อย่างน่านับถือ นายเองก็ด้วย ฉันว่าการจะได้สติขึ้นมาถึงขนาดหยุดยั้งเรื่องแบบนั้นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเป็นเรื่องยากมาก ฉันนับถือพวกนายนะ เป็นฉันคงทำไม่ได้แน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงขอบใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดต่อ “แล้วพวกนายจะทำยังไงต่อ มีอะไรกันไม่ได้แบบนี้นายไม่อึดอัดแย่หรือจอห์นนี่ บอกคนอื่นก็ไม่ได้ ฉันว่านายคงได้คลั่งใจตายสักวัน”

                “ฉันก็เกือบแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่กอร์ดอนบอกฉันว่าต้องทนให้ได้ โอ... ฉันรักเขาสุดหัวใจ ฉันต้องทนให้ได้อย่างที่เขาว่า บางทีฉันอาจจะต้องหาอะไรทำเพื่อให้ลืมความหมกมุ่นเรื่องอย่างว่ากับเขาบ้าง”

                “ฉันว่ารักบี้ต้องช่วยนายได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันบอกเพื่อน “แล้วเรื่องพ่อนายว่ายังไงล่ะ? เขาสงสัยแค่ไหน?”

                “ฉันว่าพ่อกับแม่คงสงสัยว่าฉันอาจจะไปชอบพอกับญาติคนใดคนหนึ่งของกอร์ดอนเข้า อย่างว่า กอร์ดอนเป็นคนสวย ไม่แปลกที่ใครเห็นหน้าเขามักจะคิดถึงญาติผู้หญิงของเขาก่อน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ จริงของนาย ฉันยังแอบอยากเห็นญาติผู้หญิงของเขาเลย ท่าทางต้องสวยมากแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ที่จริงพวกเธอก็สวยพอตัว แต่ที่นีสเดนเป็นญาติฝ่ายแม่เขาทั้งนั้น กอร์ดอนน่ะได้ความสวยมาจากย่าเขาเต็มๆ นายต้องได้เห็นรูปถ่ายของย่าเขา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ฉันยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยเท่าเธอมาก่อนเลย”

                “ว้าว นายพูดเสียฉันอยากเห็นหน้าย่าของเขาเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “จะว่าไปแล้วฉันก็อยากเห็นกอร์ดอนแต่งเป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ คงสวยพิลึก”

                “หยุดเลยนะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ็ดเพื่อน “นายก็รู้ว่ากอร์ดอนเป็นผู้ชาย เขาคงไม่ชอบใจแน่ถ้าจับเขาแต่งตัวเป็นผู้หญิง”

                “แหม... แต่เขาหน้าตาสวยขนาดนั้น นายไม่อยากเห็นหรือ? ไม่แน่นะ ถ้าเขายอมแต่งเป็นผู้หญิง พวกนายอาจจะไปไหนมาไหนด้วยกันในฐานะคนรักได้เปิดเผยมากขึ้นก็ได้ นายจะให้เขาควงแขนได้อย่างไม่ต้องกลัวใครจะเอาไปนินทาไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าลังเลใจ เขานึกภาพตัวเองควงคู่กับกอร์ดอนไปดูการแสดงดนตรีที่ปารีส ฝ่ายนั้นคล้องแขนกับเขา ควงคู่กันเหมือนคู่รักธรรมดาๆ คู่หนึ่ง

                “ว่าไงจอห์นนี่... นายไม่ลองชวนเขาดูจะรู้หรือ? ฉันมีเพื่อนที่เป็นหัวหน้าคณะโอเปร่า ถ้ากอร์ดอนยอมตกลงเรื่องนี้ รับรองว่าเขาจัดการแปลงโฉมคนรักของนายให้กลายเป็นสาวสวยได้อย่างแน่นอน”

                “ฉันคิดว่ากอร์ดอนคงไม่ชอบนักหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบออกมาในที่สุด “เขาอยากให้ตัวเองดูเป็นผู้ชาย อีกอย่างฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี การให้เขาแต่งเป็นผู้หญิงอาจจะทำให้เขาน้อยใจเรื่องที่ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงมากขึ้นก็ได้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ไม่รู้สิ ฉันแค่เสนอน่ะ นายเองก็ไม่ได้สนใจว่ากอร์ดอนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ การให้เขาแต่งหญิงไม่ได้หมายความว่าเพราะเขาเป็นผู้ชายเลยดูไม่ดีเสียหน่อย เพียงแต่มันจะทำให้พวกนายแสดงออกเวลาอยู่ด้วยกันได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง นายลองไปถามกอร์ดอนดูก่อนเถอะน่า ของแบบนี้ไม่ถามจะรู้ได้ไง ไม่แน่นะ เขาอาจจะอยากเป็นผู้หญิงเพื่อควงกับนายก็ได้ เขารักนายนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปากด้วยท่าทางเขินๆ “ก็ได้ ฉันจะลองถามเขาดู”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่เพื่อน “อย่างนั้นแหละจอห์นนี่ เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะให้เขาใส่ชุดสีอะไรดี อย่างกอร์ดอนสีฟ้าเป็นไง คงเข้ากับสีตาของเขา”

                “นี่ จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อน “นายคงไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรหรอกนะ ท่าทางนายดูกระตือรือร้นทีเดียว”

                คนถูกถามหัวเราะ “วางใจน่าจอห์นนี่ ฉันอาจจะชอบของสวยๆ งามๆ ก็จริง แต่ถ้าผู้หญิงฉันสนแค่หน้าอกเท่านั้นแหละ”

                “ให้มันจริงเถอะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ทีมาร์กาเร็ตเกือบจะไม่มีหน้าอก นายยังหลงรักเธอเลย”

                “นั่นมันมาร์กาเร็ต” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ในฐานะคู่หมั้นของเธอ ฉันไม่อนุญาตให้นายวิจารณ์หน้าอกเธออีก” เขาพูดแล้วทำหน้าขึงขัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ

                “ตกลงครับ ลอร์ดจอร์จ ผมจะไม่เสียมารยาทกับว่าที่ภรรยาคุณอีก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าเขา ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน         

---------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-05-2017 12:56:58
                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกปากชวนเธอไปเล่นเปียโนเป็นเพื่อนเขา พวกเขาทั้งคู่นั่งดื่มชากันตรงระเบียงที่มองออกไปเห็นสวนและสระน้ำด้านหลังคฤหาสน์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเธอ

                “ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”

                “คือฉันไม่คิดว่าคุณจะชวนค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตอบตามตรง “ฉันคิดว่าเราจะแค่นั่งคุยกันเฉยๆ”

                “อืม... อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะชวนคุณหรอก” ลอร์ดหนุ่มว่า “เพียงแต่พ่อกับแม่ผมดูอยากให้เราเล่นดนตรีคู่กัน พวกเขาสนใจคุณมาก”

                “....”

                “อย่าทำหน้าแบบนั้นน่า ผมรู้คุณมีคนรักแล้ว ผมเองก็มีคนรักแล้ว จริงสิ... ว่างๆ คุณพาคนรักของคุณมาแนะนำให้ผมรู้จักได้ไหม? คุณเคยเล่าให้ผมฟังว่าเขาเป็นคนสามัญที่กำลังพยายามไต่เต้นพาตัวเองให้มีฐานะดีพอจะที่เป็นสามีของคุณได้อย่างเชิดหน้าชูตานี่นา ไม่แน่ว่าผมอาจจะพอช่วยเขาได้ ผมมีเพื่อนเป็นนักธุรกิจมือฉกาจเลยทีเดียว”

                “โอ...” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมา “คุณช่างกรุณาเหลือเกินค่ะ เบนคงยินดีที่จะพบคุณมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นกระดิ่งเรียกคนรับใช้ให้เอากระดาษกับปากกามาให้ จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนจดหมาย

                “เขาชื่ออะไร?”

                “เบนจามิน ดอว์สันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาใช้เวลาเขียนจดหมายอยู่ราวสองนาที ก่อนจะพับมันเป็นสามทบ ใส่ลงในซองสีขาว หยดครั่งแล้วประทับตราประจำตัวลงไป แล้วยื่นให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน

                “วันศุกร์นี้ที่เดอะแกรนด์ หนึ่งทุ่มตรง คุณไปกับเขาแล้วยื่นจดหมายฉบับนี้ให้ผู้จัดการ เขารู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ”

                “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับจดหมายมาแล้วยิ้มกว้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอแล้วยิ้มตอบ

                “พวกเราไปกันเถอะ ผมว่าพ่อแม่ผมคงอยากฟังคุณเล่นเปียโนจะแย่แล้ว”

                ห้องดนตรีของคฤหาสน์เดลตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา ผนังปิดด้วยวอลเปเปอร์และประดับภาพวาด ล้วนแต่เป็นภาพของศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น มีแกรนด์เปียโนวางอยู่สองหลัง ผนังด้านหนึ่งมีไวโอลินและวิโอล่าแขวนอยู่ บนพื้นมีดับเบิลเบสกับวิโอลาวางอยู่บนขาตั้ง

                “โอ... คุณเล่นทั้งหมดนี่เลยหรือคะ?” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “เฉพาะเครื่องสีน่ะ เปียโนแม่ผมเล่น เธอชอบเล่นเปียโนมาก บางทีก็ชวนเพื่อนมาเล่นดูเอ็ดด้วยกัน”

                “ว้าว งั้นคุณก็เล่นเชลโล่ได้สินะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาอย่างคาดหวัง “คุณเล่น Arpeggione Sonata, D.821 ของชูเบิร์ตรึเปล่าคะ? ฉันฝันมานานแล้วว่าอยากจะเล่นเปียโนคู่กับเชลโล่ในเพลงนี้”

                “โอ... ชูเบิร์ตหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ “ผมมีโน้ตเชลโล่ของชูเบิร์ตอยู่หลายเพลงเลย ขอดูก่อนนะว่ามีเพลงนี้รึเปล่า?”

                ระหว่างที่ลอร์ดหนุ่มหันไปค้นหาโน้ตเพลง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็นั่งลงที่เปียโน เธอเปิดฝาครอบคีย์ของมันออก แล้วลองไล่โน้ตทีละตัว เสียงแว่วหวานของเปียโนดังก้องไปทั่วห้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาปึกหนึ่ง

                “คุณจะเล่นท่อนไหน? หรือเล่นทั้งสามท่อนเลย?”

                “ท่อนสามค่ะ ฉันชอบคีย์เมเจอร์” อีกฝ่ายตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาเลือกหยิบโน้ตเพลงออกมาปึกหนึ่ง

                “ผมก็ชอบคีย์เมเจอร์”

                คนรับใช้หยิบเชลโล่กับขาตั้งโน้ตมาวางให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งโน้ตเพลงของเปียโนให้กับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน ก่อนจะวางส่วนของเชลโล่ลงบนขาตั้งโน้ต เขาหันไปหาคนรับใช้

                “ไปตามพ่อกับแม่ฉันมารึยัง?”

                “กำลังไปตามอยู่ครับ”

                ลอร์ดและเลดี้บาธเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังปรับสายของเชลโล่ให้ตรงกับคีย์ของเปียโนอยู่พอดี เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลุกขึ้นจากเปียโน ย่อตัวทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองคน

                “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินค่ะ ที่จะได้เล่นเปียโนกับจอห์นในห้องอันสวยงามนี้”

                ลอร์ดและเลดี้บาธมองเธออย่างประทับใจ “เราคิดว่าพวกเธอสองคนคงเข้ากันได้ดี” เลดี้บาธว่า ลอร์ดสามีของเธอพยักหน้า ทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้นวม รอฟังการเล่นดนตรีของสองหนุ่มสาว

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนั่งลงตรงหน้าเปียโนอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งเยื้องมาทางด้านหน้าเธอเล็กน้อย พวกเขาเหลือบมองกันแว้บหนึ่ง ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลง

                เสียงเชลโล่ทุ่มต่ำดังก้องขึ้น สอดประสานด้วยเสียงเปียโน เพลง Arpeggione Sonata, D.821 ท่อนที่สาม ของฟรานซ์ ชูเบิร์ต (III. Allegretto (A major)) ถูกบรรเลงขึ้นภายในห้องดนตรีของคฤหาสน์เดล ทันทีที่ตัวโน้ตสุดท้ายสิ้นเสียงลง ลอร์ดและเลดี้บาธก็ปรบมือด้วยความประทับใจ

                “โอ... พวกเธอสองคนเล่นเพลงนี้ได้ดีมาก” เลดี้บาธพูดขึ้นด้วยสีหน้าอิ่มเอม “ราวกับว่าพวกเธอเล่นมันด้วยกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว”

                “เอ่อ... ไม่ขนาดนั้นหรอกครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น “อันที่จริงผมไม่ได้เล่นเชลโล่มานานแล้ว เล่นผิดตั้งหลายจุดแน่ะ ดีที่แคทช่วยประคองไว้”

                “โอ... ไม่หรอกค่ะ ฉันเองก็เล่นพลาดเยอะเหมือนกัน พวกเราต่างช่วยกันพลาดค่ะ”

                ทั้งคู่หัวเราะขึ้นพร้อมกัน เลดี้บาธมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นประกาย เธอหันไปหาลอร์ดสามี “พวกเขาทั้งคู่ต่างดูเหมาะกันเหลือเกิน”

                ลอร์ดบาธพยักหน้า เขาเรียกลอร์ดลูกชายเข้ามาหา

                “แกไปเปิดโน้ตให้แคทเธอรีนสิ พ่อกับแม่อยากจะฟังเธอเล่นเปียโนเดี่ยวสักเพลง”

                “ได้ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่เปียโน “พ่อกับแม่ผมอยากฟังคุณเล่นเปียโนสักเพลง คุณอยากเล่นเพลงอะไร เดี๋ยวผมจะหยิบโน้ตมาให้”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนิ่งนึกอยู่พัก “Sonata No.12 K. 332 ท่อน Adagio ของโมซาร์ตก็ได้ค่ะ คุณมีโน้ตรึเปล่าคะ?”

                “โอ โมซาร์ตผมมีเยอะเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ไม่นานนักเขาก็เอาโน้ตมาให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน เสียงเพลง Sonata No.12 K.332 ท่อน Adagio ของโมซาร์ตดังก้องขึ้น ท่วงทำนองของมันอ่อนหวานน่ารักเช่นเดียวกับหญิงสาวที่กำลังบรรเลงอยู่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนอยู่ข้างเธอ คอยดูโน้ตและเปิดแผ่นใหม่ให้ พอจบเพลง เลดี้บาธขอให้เธอเล่นเปียโนและร้องเพลงต่ออีกเพลง แน่นอนว่าเสียงของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเป็นที่ประทับใจของทั้งคู่เช่นกัน

                เลดี้บาธเอ่ยปากชวนเธอให้อยู่กินมื้อค่ำ ระหว่างรอเวลานั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงชวนเธอไปเดินเล่นในสวน

                “พ่อแม่ผมถูกใจคุณมาก” ลอร์ดหนุ่มว่า “ผมแน่ใจว่าถ้าเขาสั่งให้ผมขอคุณแต่งงานได้ เขาคงสั่งผมแล้วตอนอยู่ในห้องดนตรีเมื่อครู่นี้”

                “โอ... ฉันละอายใจต่อพวกท่านทั้งคู่เหลือเกินค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันคงทำให้พวกท่านและคุณต้องผิดหวัง”

                “อ๋อ ไม่หรอก ผมไม่เป็นไร ผมมีคนรักอยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงยหน้ามองเขา

                “ขอฉันถามได้รึเปล่าคะ? ทำไมคุณถึงไม่บอกพ่อแม่คุณถึงเรื่องคนรักล่ะคะ คุณเป็นลูกชายคนเดียว พวกท่านน่าจะยอมโอนอ่อนตามคุณนะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าลำบากใจ “มันเป็นเรื่องที่พูดยาก คือคนรักของผมน่ะ...” เขาเม้มปากอย่างชั่งใจ “ผมไม่อาจเล่าถึงสาเหตุให้คุณฟังได้ แต่พวกท่านไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้หรอก”

                “โอ...” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนคราง “เธอช่างน่าสงสารเหลือเกิน” หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างสะเทือนใจ ก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง

                “คุณจะพาเธอมาให้ฉันรู้จักไหมคะ? ไม่แน่ว่าฉันอาจจะช่วยพวกคุณได้ ถ้าคุณรักและอยากแต่งงานกับเธอ ฉันอาจจะขอให้ท่านตาช่วยพูดกับพ่อแม่ของคุณได้ค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “คุณช่างใจกว้างเหลือเกินแคท แต่ท่านตาของคุณจะไม่โมโหคุณหรือ? เขาอยากให้คุณแต่งงานกับผมนี่นา หรือเขารู้เรื่องคนรักของคุณแล้ว?”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสั่นศีรษะ “แต่ท่านตาเอ็นดูดิฉันมาก แล้วท่านเองก็มีมุมมองเกี่ยวกับความรักที่เปิดกว้างทีเดียว ท่านพูดอยู่เสมอๆ ว่า ถ้าหากรักใครแล้วก็ไม่ควรจะปล่อยมือจากคนคนนั้น ไม่ว่าเขาจะรักตอบเราหรือไม่ก็ตาม การได้ทำเพื่อคนที่เรารักคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าและมีความสุข”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความพิศวง “ผมไม่คิดเลยว่าท่านดยุกจะมีมุมมองเกี่ยวกับความรักแบบนั้น”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “เพราะท่านทำตัวเฉยชาเหมือนรูปปั้นใช่ไหมล่ะคะ? ที่จริงแล้วท่านตาเป็นคนรักมั่นมากค่ะ ท่านรักและให้เกียรติท่านยายของฉันในฐานะภรรยาที่เหมาะสมกับท่าน แต่ท่านก็ยังคงรักหญิงที่เป็นรักแรกของท่านอย่างสุดหัวใจ ฉันยังเคยเห็นรูปของเธอเลยค่ะ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก คุณจะไม่มีวันลืมเธอเลยแม้จะเห็นเธอเพียงแค่ครั้งเดียว”

                “งั้นหรือ...”

                “ค่ะ ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าถ้าท่านตารู้เรื่องของคุณ ท่านต้องเห็นใจคุณแน่นอน อันที่จริงฉันเองก็อยากจะบอกท่านเรื่องของตัวเองเหมือนกัน แต่เบนบอกฉันว่าเขาอยากทำให้ตัวเองพร้อมสำหรับฉันก่อน เขาต้องการจะเป็นผู้ชายที่มีเกียรติและมั่งคั่งเพื่อให้คู่ควรกับฉัน ก่อนที่พวกเราจะแต่งงานกัน”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงคนรัก “โอ... เขาช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ฉันคงไม่อาจรักใครอย่างเขาได้อีกแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ “ผมหวังว่าพวกคุณสองคนจะสมหวังในเร็ววัน ผมยินดีกับคุณล่วงหน้าเลยนะแคทเธอรีน ที่จริงแล้วคุณเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ชายใดที่ได้คุณไปเป็นภรรยา เขาต้องเป็นผู้ชายที่มีความสุขจนน่าอิจฉาเลยล่ะ”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มเขินๆ พวกเขาเดินคุยกันไปตามทางเดินในสวน ด้วยท่าทางกระหนุงกระหนิงเมื่อมองจากมุมสูง อย่างเช่นบานหน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์

                เลดี้บาธถอนหายใจอย่างมีความสุข เธอจับแขนลอร์ดสามีเอาไว้ “พวกเขาดูเข้ากันได้ดีมากเชียวค่ะ ฉันอยากให้ทั้งสองคนรักกันเหลือเกิน”

                “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” ลอร์ดบาธพยักหน้า “ผมเชิญโอเดนเบิร์กมาดื่มน้ำชาที่นี่ตอนบ่ายวันพฤหัส”

                “โอ...”

                “ผมคุยกับจอห์นแล้ว เขายืนกรานปฏิเสธ” ลอร์ดบาธพูดพลางหันมามองหน้าภรรยาของเขา “บางทีจอห์นอาจจะรู้ด้วยเหตุผลว่าผู้หญิงที่เขาชอบไม่มีความเหมาะสม จึงไม่อยากเปิดเผยให้เรารู้”

                “อาจจะเป็นไปได้ค่ะ ท่าทางที่เขาแสดงออกตอนฉันถามก็ทำให้รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” เลดี้บาธว่า ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “แต่ไม่เห็นจะต้องเชิญโอเดนเบิร์กมาดื่มชาเลยนี่คะ”

                “ผมอยากเชิญเขามาเพื่อย้ำให้แน่ใจว่า เขาจะไม่ส่งเสริมจอห์นให้ทำผิดพลาด โอเดนเบิร์กเป็นคนรู้กาลเทศะ เขาคงเต็มใจจะช่วยเราในเรื่องนี้”

------------------------------------------------------

                มื้อเย็นของคฤหาสน์เดลวันนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น อย่างน้อยๆ ก็สำหรับลอร์ดและเลดี้บาธ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสร้างความประทับใจให้พวกเขาเป็นอย่างมาก เธอช่างพูดช่างจา และมีความเห็นอกเห็นใจที่ไม่เสแสร้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความจริงใจ สดใสและเปิดเผย ตอนที่เขาไปส่งเธอขึ้นรถม้า เธอยังย้ำว่าเขาน่าจะพาคนรักมาแนะนำกับเธอ เผื่อว่าเธอจะช่วยเรื่องของพวกเขาได้ ลอร์ดหนุ่มทำได้เพียงพยักหน้า เขาไม่อาจบอกเธอได้ถึงสาเหตุที่แท้จริง

                “โอ้ จอห์น” เลดี้บาธพูดด้วยท่าทางปลาบปลื้ม “แคทเธอรีนช่างน่ารักเหลือเกิน แม่คงมีความสุขมากถ้าเธอจะมาอยู่ร่วมบ้านกับเรา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองแม่ของเขายิ้มๆ “ผมคงต้องพยายามเอาชนะใจเธอก่อน”

                “แม่เชื่อว่าลูกทำได้จ้ะจอห์น” เลดี้บาธพูดแล้วจูบแก้มลูกชายของเธอ “แม่มองไม่เห็นว่าแคทเธอรีนมีเหตุผลอะไรที่จะไม่หลงรักลูก”

                ลอร์ดหนุ่มได้แต่ยิ้ม พ่อของเขาพูดขึ้นต่อ “แกจะไปนอนหรือยังจอห์น? หรือจะออกไปไหนอีก”

                “โอ... ผมไม่ได้จะออกไปไหนหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมจะนอนเลย ราตรีสวัสดิ์ครับพ่อ ราตรีสวัสดิ์ครับแม่”

                “ราตรีสวัสดิ์ลูกรัก”

---------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสี่เสาที่แสนใหญ่โตและสวยงามของเขา ภายในห้องนอนที่มองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า คืนนั้นลอร์ดหนุ่มฝัน เขาฝันว่ากอร์ดอนยอมแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อที่จะได้ไปดูดนตรีกับเขา หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปงานเต้นรำกันต่อ ทุกคนล้วนแต่ตื่นตะลึงกับความงามของคู่ควงของเขา พวกเขาเต้นรำด้วยกัน กอร์ดอนช้อนดวงตาสีฟ้ามองเขา ดนตรีบรรเลงต่อเนื่องราวกับไม่มีวันสิ้นสุด เขาโอบเอวฝ่ายนั้นเอาไว้ มองเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าคู่สวย พอรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็กำลังจูบกันทั้งๆ ที่ยังเต้นอยู่ สัมผัสของเรียวลิ้นและริมฝีปากช่างอ่อนละมุน แล้วพ่อแม่ของเขาก็เดินเข้ามา ลอร์ดโทรว์บริดจ์แนะนำกอร์ดอนให้ทั้งสองได้รู้จัก และประกาศว่าเขาทั้งคู่จะแต่งงานกัน

                ในฝันพ่อแม่ของเขาไม่ยินยอม เขาจึงพากอร์ดอนวิ่งหนีออกมา พวกเขาหนีไปอยู่ในบ้านหลังเล็กที่แสนคับแคบ เขาสวมแหวนเพชรสีชมพูที่มีตัวเรือนทำด้วยทองคำให้กอร์ดอน ร้องขอให้ฝ่ายนั้นยินยอมเป็นภรรยาของเขา แต่กอร์ดอนปฏิเสธ เขาย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ก่อนจะเปลื้องเสื้อผ้าออก ทันใดนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็พบว่าร่างกายของคนรักได้กลายเป็นผู้หญิงแล้ว เขาสวมกอดฝ่ายนั้นไว้ด้วยความยินดี กอร์ดอนร้องไห้ แล้วอ้าแขนกอดเขาไว้แน่น ในฝันพวกเขาพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม ก่อนจะร่วมรักกันอย่างเร่าร้อน เขากระแทกกระทั้นเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายอย่างเต็มไปด้วยความปรารถนา กอร์ดอนขมวดคิ้วมุ่น แหงนหน้าขึ้นสูงและส่งเสียงครางอย่างสุขสม ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้านั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงตาสีฟ้าหรี่ปรือขึ้นมาพอดี เขาถึงจุดสุดยอดในทันที

                “......”

                ความอิ่มเอมทำให้ลอร์ดหนุ่มไม่อยากแม้แต่จะลืมตาตื่น เขายังอุตส่าห์ฝันต่อว่าได้เคล้าเคลียริมฝีปากของคนรักซ้ำหลายครั้งหลังเสร็จกิจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พาตัวเองมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงจนได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยันตัวลุกขึ้นจากที่นอน เป้ากางเกงของเขาเปียกชุ่ม ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเตียงพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้นดี

----------------------------------------

                 เช้าวันนั้นบรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์เดลต่างงุนงงไปตามๆ กัน เมื่อนายน้อยของพวกเขาสวมเสื้อคลุมลงมาจากห้องนอนแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ตรงไปยังสระน้ำด้านหลัง ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกแล้วกระโดดลงสระไปทั้งที่ยังสวมชุดนอนอยู่ เขาว่ายน้ำอยู่ในสระนานเกือบชั่วโมง จึงกลับขึ้นมาบนฝั่ง โอลิเวอร์รีบเอาผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมมาให้เขา

                “โอ... นายน้อย ทำไมจู่ๆ ถึงลงมาว่ายน้ำทั้งชุดนอนล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบตามองเขา ก่อนจะยิ้มเขินๆ “พอดีเมื่อเช้าฉันฝันดีไปหน่อย กางเกงมันเลยเปียกนะ”

                “....” โอลิเวอร์มองเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะสั่นศีรษะแล้วยิ้ม “คุณเลยแก้ปัญหาด้วยการกระโดดลงน้ำทั้งชุดนอนเสียเลย”

                “ใช่ คราวนี้คงไม่มีใครรู้แล้วล่ะว่ามันเปียกเพราะอะไร”

                แน่นอนว่าพ่อและแม่ของเขาถามเรื่องนี้ตอนมื้อเช้าเหมือนกัน แต่คำตอบของลอร์ดโทรว์บริดจ์นั้นต่างออกไป

                “ว่ายน้ำตอนเช้าสดชื่นออกครับ เป็นไปได้ผมอยากว่ายน้ำตอนเช้าจนกระทั่งหมดฤดูร้อนนี้เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบอย่างร่าเริง ลอร์ดและเลดี้บาธมองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพยักหน้า

                “เอาล่ะ ถ้าแกคิดอย่างนั้น พ่อก็จะไม่ถามอะไรอีก”

                ลอร์ดหนุ่มยิ้ม ก่อนจะใช้มีดหั่นขนมปังและใช้ส้อมจิ้มหมูย่างตรงหน้า หลังมื้อเช้า เขาสั่งให้คนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและดาบสำหรับใช้ซ้อม ก่อนจะนั่งรถม้าไปที่คฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดสวินดัน

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าดีใจอย่างมากที่ได้เห็นเพื่อนรัก เขาลงมาต้อนรับลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยตัวเองที่ด้านหน้าของคฤหาสน์”

                “อรุณสวัสดิ์จอห์นนี่ ฉันกำลังอยากเจอนายอยู่พอดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “นายมีเรื่องอะไรหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เชื้อเชิญฝ่ายนั้นเข้าไปนั่งในห้องรับแขกใหญ่ของพ่อเขา ก่อนจะพูดต่อ “ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลาหลายวินาทีถึงนึกออกว่าเพื่อนของเขากำลังพูดถึงใคร

                “นายคงหมายถึงรักแรกของกอร์ดอน ทำไมล่ะ? เธอมีเรื่องอะไรหรือ?”

                “เธอไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ฉันเพียงแต่อยากถามนายว่านายรู้จักเธอมากแค่ไหน?”

                “ฉันแทบไม่รู้จักเธอเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเพื่อน “ฉันเจอเธอแค่สองหนเท่านั้น”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง “งั้นกอร์ดอนล่ะ? เขารู้จักเธอใช่ไหม?”

                “ฉันคิดว่านะ เขาสนิทกับเธอ ว่าแต่นายถามเรื่องนี้ทำไม?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มเขินๆ แบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก “ไม่รู้สิ จู่ๆ ฉันก็อยากจะรู้เรื่องเธอน่ะ ฉันไปถามเอาจากกอร์ดอนได้ไหม นายจะโกรธหรือเปล่า?”

                “ฉันไม่โกรธหรอก... มันเรื่องของนายนี่... โอ้ หรือว่านาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเพื่อนเขม็ง ก่อนจะคลี่ยิ้ม “นายตกหลุมรักมิสเฮเกนต์เข้าแล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขบริมฝีปาก ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่รู้สิจอห์นนี่ ฉันยังไม่คิดว่ามันเป็นความรักหรอก ฉันแค่รู้สึกสนใจเธอ ฉันพยายามไปที่บาร์ของแจ็คสันอีกหลายวันหลังจากนั้น แต่ไม่ได้เจอเธออีกเลย”

                “นายเลยอยากจะรู้จักเธอผ่านคนอื่น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะยกมือตบไหล่เพื่อนรัก “ฉันว่ากอร์ดอนคงยินดีจะช่วยนายเรื่องนี้ เขาน่าจะรู้เกี่ยวกับเธอเยอะเลย”

                “โอ... งั้นคืนนี้ฉันจะถามเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ก่อนจะถามเพื่อนกลับ “ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรถึงมาหาฉันแต่เช้าล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสี่วันที่ผ่านมาให้เพื่อนของเขาฟัง รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าด้วย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฟังจบก็ตบไหล่เขา

                “ฉันว่านายออกจะหมกมุ่นแล้วล่ะ นายควรจะหาทางระบายอารมณ์บ้าง”

                “ฉันก็คิดว่างั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เพื่อนของเขาพูดขึ้นต่อ

                “เฮเลน่า แอนเดอร์สันน่าจะช่วยนายเรื่องนี้ได้ สาวๆ ในสังกัดของเธอมีระดับ และไม่พูดมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “นายแนะนำให้ฉันใช้บริการโสเภณีหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “นายเป็นผู้ชายนะจอห์นนี่ นายต้องเป็นบ้าตายแน่ถ้าไม่ได้ระบายออก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างพิศวง “ฉันคิดว่าจอร์จน่าจะเป็นคนพูดเรื่องแบบนี้เสียอีก”

                เพื่อนของเขาขมวดคิ้ว “แล้วจอร์จไม่ได้พูดอย่างที่ฉันพูดหรือ? ฉันคิดว่าเขาแนะนำนายแบบนี้เสียอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่ จอร์จแนะนำให้ฉันเล่นกีฬา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าแปลกใจเหมือนฟังผิด “เขาพูดแบบนั้นจริงหรือ? อย่างจอร์จเนี่ยนะ? เขาคลั่งผู้หญิงออกจะตาย”

                “อืม เขาพูดแบบนั้น พอนายทักฉันถึงนึกได้ว่ามันผิดวิสัยของเขาไปไกลโข” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าแปลกใจเช่นกัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือลูบคาง “ฉันไม่คิดว่าการกลับไปคบกับมาร์กาเร็ตจะทำให้จอร์จกลายเป็นคนเรียบร้อยแบบนี้ได้”

                “บางทีเขาอาจจะเกรงใจที่จะแนะนำฉันแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขารู้ว่าฉันรักอยู่กับกอร์ดอน การแนะนำให้คนที่มีคนรักแล้วไปใช้บริการของโสเภณีไม่น่าใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก”

                “มันก็ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ถ้าคนรักของนายและนายกำลังจะแต่งงานกันในเร็ววันน่ะนะ แต่กอร์ดอนไม่ใช่นี่ เขากับนายไม่มีวันได้แต่งงานกัน เรื่องจะมีอะไรกันยิ่งตัดออกไปได้เลย ฉันคงไม่สบายใจนักหรอกถ้านายจะทำผิดถลำลึกแบบนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว ขณะที่เพื่อนของเขาพูดต่อ “เพราะงั้นฉันถึงแนะนำให้นายใช้บริการโสเภณี มันดีกว่าสำหรับนาย ฉันแน่ใจว่าในฐานะผู้ชายด้วยกัน กอร์ดอนคงเข้าใจนาย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะใช้พวกเธอด้วยก็ได้”

                “ไม่มีทาง!” ลอร์ดหนุ่มโพล่งออกมา “กอร์ดอนทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “ทำไมล่ะ? เขาเป็นผู้ชายนะ นายจะแน่ใจได้ไงว่าเขาจะไม่ไปเที่ยวผู้หญิง ถ้าเขารักนายและมีอารมณ์กับนาย เขาต้องหาทางระบายออกอยู่แล้ว”

                “นายไม่เข้าใจ” ลอร์ดหนุ่มคราง “กอร์ดอนไม่มีวันร่วมรักกับผู้หญิงได้ เพราะร่างกายเขาไม่ปกติ”

                “....” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันเสียใจกับพวกนายด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร แค่นายไม่พูดถึงเรื่องนี้กับเขาหรือใครก็พอ และนายก็ไม่ต้องพูดเรื่องโสเภณีกับฉันอีก ฉันไม่อยากจะเอาเปรียบเขา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เม้มริมฝีปาก “แต่นายต้องหาทางระบายออก ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นผลร้ายกับตัวนายเอง”

                “ฉันกำลังหาทางอยู่” เขาหันมาจ้องหน้าเพื่อน “เมื่อวานสมาคมรักบี้แห่งลอนดอนส่งจดหมายมาถึงฉัน เขาเลือกฉันให้เป็นตัวแทนหาทีมเข้าแข่งรักบี้การกุศลที่จะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตาโตด้วยความดีใจ “นายจะบอกเพื่อนๆ ที่สโมสรเย็นนี้ใช่ไหม?”

                “แน่นอน และฉันตั้งใจจะชวนนายให้มาเล่นด้วยกัน ฉันต้องการนายในทีมของฉัน”

                “ได้สิจอห์นนี่ ฉันยินดีจะร่วมทีมกับนาย ตอนนี้ฉันกำลังเบื่อและว่างมาก ไม่มีงานอะไรเร่งด่วนเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ดี วันนี้นายก็ว่างใช่ไหม?”

                “อืม ทำไมหรือ? นายอยากดื่มชาที่นี่ใช่ไหม?”

                “อ๋อ เปล่า” อีกฝ่ายปฏิเสธ “ฉันอยากให้นายพาฉันไปที่สโมสรฟันดาบของพี่ชายนาย ฉันรู้นายว่าเป็นสมาชิกของที่นั่น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทีแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “นายมีธุระอะไรที่นั่นหรือ?”

                “ฉันอยากฟันดาบ จอร์จพูดถูกว่าฉันต้องเล่นกีฬา และฉันมาคิดๆ ดูแล้ว ฟันดาบเป็นตัวเลือกที่เข้าท่าในตอนนี้ อย่างน้อยๆ พ่อกับแม่ก็จะไม่ตั้งคำถามเรื่องรอยช้ำที่หน้ากับฉัน”

----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-05-2017 12:57:56
                สโมสรฟันดาบของลอร์ดฟาริงดอน ตั้งอยู่ชั้นล่างของอาคารหลังใหญ่อันอยู่บนถนนมอติเมอร์ สโมสรแห่งนี้เปิดบริการทุกวัน มีชื่อเรียกว่า เฮมดาลร์ อันเป็นชื่อของเทพเจ้าองค์หนึ่งของพวกนอร์ส

                สโมสรเฮมดาลร์ไม่ใช่สโมสรลับอย่างสโมสรแบล็กเบิร์ดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการฟันดาบไม่ว่าใครก็สามารถมาสมัครได้ เพียงแต่เงื่อนไขการสมัครค่อนข้างหินสักหน่อย เพราะต้องเอาชนะสมาชิกสี่คนของสโมสรให้ได้ก่อน จึงจะได้เป็นสมาชิก

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าไปภายในอาคารสโมสร คนที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าเอ่ยทักพวกเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ

                “สวัสดีตอนบ่ายครับท่านลอร์ด”

                “สวัสดีตอนบ่าย เชอริ่ง ในสโมสรมีคนมั้ย?”

                คนถูกถามพยักหน้า “ครับ ลอร์ดชอร์เลย์ กับลอร์ดเซลบีกำลังซ้อมดาบอยู่ครับ”

                “มีพวกเขาแค่สองคนหรือ?”

                “ยังมีบารอนคอนเซตต์ กับลอร์ดเจเรมี ไฮฟอร์ดอีกสองคนครับ อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายคนเลย แต่พวกเขากำลังดื่มชากันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “สโมสรพี่ชายนายคึกคักแบบนี้ทุกวันเลยหรือ?”

                “ก็เกือบทุกวันแหละ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะหันไปหาคนเฝ้าประตู “เปิดประตู พวกเราจะเข้าไปด้านใน”

                ด้านในสโมสรเฮมดาลร์กว้างขวางและตกแต่งได้เรียบหรูน่าประทับใจ เสาสูงที่วางเรียงกันอยู่รอบห้องโถงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในวิหาร มีสองคนกำลังซ้อมฟันดาบอยู่ ตอนที่ทั้งสองหนุ่มเดินเข้าไปภายใน

                “ว้าว ดูสิใครมา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องเล็กด้านในอันเป็นห้องนั่งเล่นเอ่ยทักด้วยสีหน้ากึ่งประหลาดใจกึ่งขบขัน

                “ฉันพาจอห์นนี่มาสมัครเป็นสมาชิกสโมสรของเรา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า สองคนที่เหลือหยุดฟันดาบ พวกเขาวางดาบแล้วเดินมาล้อมคนทั้งสองทันที

                “โอ้โห... จอห์น ลมอะไรพัดนายมาที่นี่ นายเบื่อสโมสรนกเรเวนของตัวเองแล้วหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหยียดสายตามองคนทัก “สวัสดีตอนบ่าย ฟิลลิป ฉันดีใจที่ยังเห็นนายสบายดี”

                “อ๋อ แน่นอนจอห์น ฉันสบายดีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว” ลอร์ดชอร์เลย์ว่า ลอร์ดเซลบีที่ยืนอยู่ข้างเขาพูดขึ้นต่อ

                “นายมีธุระอะไรจอห์จ สโมสรนกเรเวนของนายขาดคนหรือ? ได้ยินว่าสมาคมรักบี้แห่งลอนดอนเลือกนายเป็นตัวแทนในการหาทีมเพื่อแข่งรักบี้การกุศลในฤดูใบไม้ร่วงนี้ สมาชิกสโมสรของนายคงใช้ไม่ได้สิท่า เลยต้องมาหาเอาที่นี่”

                “แพททริก ฉันไม่มาหานักรักบี้ในสโมสรฟันดาบแบบนี้หรอก ฉันแน่ใจว่าบางคนข้อมือไม่แข็งพอจะจับดาบเอาไว้ให้มั่นด้วยซ้ำ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า อีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงรีบพูดขึ้น

                “จอห์นนี่ต้องการมาหาคู่ซ้อมดาบ ฉันหวังว่าพวกนายคนใดคนหนึ่งจะเต็มใจเป็นคู่ซ้อมให้เขา”

                ชายคนแรกที่เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นยักไหล่ “กฎต้องเป็นกฎ แมกซ์ ต่อให้นายเป็นน้องของไมครอฟ แต่เพื่อนนายก็ต้องทำตามกฎของที่นี่ แม้ว่าเขาจะเป็นท่านลอร์ดผู้มีชื่อเสียงมากก็ตาม”

                “ขอบใจที่ชมฉัน เจเรมี แน่นอนว่าฉันเคารพกติกาของพวกนาย”

                “ฉันจะพานายไปเขียนใบสมัคร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดบท เขาพาลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินตรงไปยังประตูเล็กที่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดเพิ่งเดินออกมา ด้านในคือห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีบาร์เครื่องดื่ม และแกรนด์เปียโนหลังหนึ่งวางอยู่

                “อืม... ไมครอฟนี่รสนิยมไม่เลวทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พึมพำ มีคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้นราวหกคน ทั้งหมดหันมาจ้องพวกที่เพิ่งเข้ามาใหม่เป็นตาเดียว ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดตามองคนพวกนั้น ก่อนจะเดินตามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง เพื่อนของเขาเดินไปหยิบใบสมัครออกมาจากลิ้นชัก แล้ววางให้เขาบนโต๊ะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงบนเก้าอี้ หยิบปากกาขึ้นมากรอกรายละเอียดตามหัวข้อต่างๆ ก่อนจะส่งคืนให้เพื่อนรัก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันไปสั่นกระดิ่งที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมามองสมาชิกที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

                “ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะมาทดสอบเข้าสโมสร ใครต้องการจะเป็นคู่ทดสอบของเขาขอให้เดินมาหาฉัน”

                “.....”

                “ฉันขอประกาศซ้ำอีกครั้ง ใครต้องการจะเป็นคู่ทดสอบของลอร์ดโทรว์บริดจ์ขอให้เดินมาหาฉัน”

                “.....”

                ทั้งห้องเงียบกริบ นอกจากสายตาที่จ้องมายังพวกเขาทั้งคู่ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กวาดตามองคนทั้งหมด

                “ฉันจะถามอีกครั้ง”

                “นายไม่ต้องถามให้เมื่อยหรอกแมกซ์” ลอร์ดชอร์เลย์ซึ่งเดินตามหลังพวกเขาเข้ามาพูดขึ้น “เห็นชัดอยู่แล้วว่าไม่มีใครอยากเป็นคู่ทดสอบให้จอห์น เพราะเขาเก่งเกินกว่าที่จะมาเข้าสโมสรฟันดาบเล็กๆ ของเรา”

                “อืม... ฉันไม่รู้ว่านายมีสิทธิ์ถ่อมตัวแทนไมครอฟเมื่อไหร่นะฟิลลิป บางทีเขาอาจจะไม่อยู่นานจนนายลืมไปแล้วก็ได้ว่าใครเป็นประธานสโมสร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น เขาลุกขึ้น หมุนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง แล้วนั่งลงเผชิญหน้ากับสายตาสิบคู่ที่จ้องมา

                “ฉันมาที่นี่เพราะเห็นว่ากีฬาฟันดาบเป็นกีฬาของสุภาพบุรุษมาแต่ดั้งแต่เดิม และประธานสโมสรของพวกนายก็เป็นสุภาพบุรุษที่กล้าหาญและหยิ่งทะนง ฉันค่อนข้างตั้งความหวังเอาไว้มากเลยล่ะ ว่าสมาชิกสโมสรของเขาจะกล้าหาญและทะนงตัวอย่างที่เขาเป็น แต่เท่าที่เห็น พวกนายก็แค่คนที่คอยอาศัยเงาของลอร์ดฟาริงดอนเท่านั้นเอง”

                “มากไปล่ะจอห์น!” ลอร์ดเซลบีลุกพรวดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ทดสอบให้นายเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “คนอื่นล่ะ? มีใครกล้าหาญเท่าลอร์ดเซลบีอีกมั้ย? นายว่าไง ฟิลลิป? หรือนายเจ็บข้อมือเพราะไม่มีลอร์ดฟาริงดอนมาเป็นคู่ซ้อมให้”

                ลอร์ดชอร์เลย์ถลึงตามองเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ใครอีกคนก็หัวเราะขึ้นมา “โอ้ จอห์น โอ้... จอห์น...” เขาพูดพลางปรบมือ “ฉันอยากให้พวกผู้ใหญ่ที่ชอบชมว่านายเป็นพวกถ่อมตัวมาเห็นนายตอนนี้เหลือเกิน นายมันจอมอหังการ์ อะไรที่นายอยากได้ นายต้องได้ และแน่นอนว่านายไม่เลือกวิธีการ”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา “และตอนนี้ฉันอยากได้คู่ทดสอบ นายจะอาสามั้ย? เจเรมี่ หรือต้องให้ฉันเขี่ยนายขึ้นจากเก้าอี้ด้วยปลายดาบ”

                “ฉันไม่อยากตามใจนายหรอกนะจอห์น แต่ฉันชอบเวลานายแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแบบนี้ ได้ ฉันจะเป็นคู่ทดสอบคนที่สองให้นายเอง”

                ลอร์ดชอร์เลย์ลุกพรวดขึ้น “จอห์น นายจะต้องเสียใจที่มาที่นี่”

                “งั้นแปลว่านายจะเป็นคนที่สาม”

                “ใช่”

                “คนสุดท้ายล่ะ?”

                “ฉันเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ในเมื่อที่พี่ชายของฉันไม่อยู่ ฉันจะเป็นตัวแทนเขาเอง”

                “ว้าว” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดร้องขึ้น “น่าประทับใจมากแมกซ์ หวังว่านายคงไม่ออมมือให้เขา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “พวกนายจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง” เขาพูด ก่อนที่คนทั้งหมดในห้องจะพร้อมใจทยอยกันเดินออกไปยังโถงที่ใช้สำหรับซ้อมดาบ

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปลี่ยนชุดและถือดาบสำหรับใช้ซ้อมมายืนหลังเส้นกลาง ลอร์ดเชลบีคู่ต่อสู้ของเขายืนอยู่อีกด้านหนึ่ง กรรมการคือบารอนคอนเซตต์ซึ่งมีอาวุโสที่สุด เขายืนอยู่เส้นกลาง สมาชิกคนอื่นๆ ยืนดูอยู่รอบๆ บารอนคอนเซตต์หันไปถามความพร้อมจากคู่ต่อสู้ทั้งสอง ก่อนจะให้สัญญาณเริ่มการประลอง

                เสียงดาบที่ทำจากโลหะที่มีความยืดหยุ่นสูงกระทบกันดังก้องไปทั่วห้องโถง และในเวลาไม่ถึงสามนาที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รุกไล่คู่ต่อสู้ของเขาจนหลุดออกจากเส้นหลังที่ขีดเอาไว้ได้สำเร็จ ลอร์ดเชลบีหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ ขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้าให้เขา

                “ข้อมือนายแข็งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ จะลองอีกรอบมั้ย?”

                ลอร์ดเชลบีถลึงตามองเขา “ฉันแพ้แล้วจอห์น นายควรจะให้เกียรติฉันในฐานะคู่ต่อสู้บ้าง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ เขากลับมายืนหลังเส้นกลางอีกครั้ง ขณะที่ลอร์ดเชลบีเดินออกไปเงียบๆ ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดเตรียมจะก้าวเข้ามา แต่ถูกลอร์ดชอร์เลย์ขวางไว้

                “ฉันจะต่อจากแพทริกเอง นายเป็นคนที่สามเถอะ”

                “ก็ได้”

                ลอร์ดชอร์เลย์ก้าวเข้ามายืนหลังเส้นกลาง ประจันหน้ากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ พวกเขาทำความเคารพกันตามธรรมเนียม ก่อนที่กรรมการจะให้สัญญาณ

                หลังเวลาผ่านไปสี่นาที ดาบของลอร์ดชอร์เลย์ก็หลุดจากมือ กรรมการประกาศยุติการประลองทันที

                “ว้าว” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดร้อง “ฝีมือนายไม่เลวทีเดียวจอห์น”

                เขาก้าวเข้ามายืนหลังเส้นกลาง ทั้งสองทำความเคารพกัน แล้วจึงเก็บมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือดาบไว้ด้านหลัง เมื่อกรรมการให้สัญญาณ การประลองจึงเริ่มต้นขึ้น

                ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดเป็นนักดาบหนุ่มแถวหน้าของลอนดอน เขามีชื่อเสียงในด้านนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าลอร์ดฟาริงดอน อันที่จริงแล้วในช่วงสองปีให้หลัง เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอน แซงหน้าลอร์ดฟาริงดอนที่หันไปเอาดีด้านการทำธุรกิจ แน่นอนว่าชื่อเสียงของเขาไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลากว่าสิบนาทีเพื่อที่จะต้อนเขาให้จนมุม ทว่ายังต้องยื้อไปจนถึงนาทีที่สิบสาม กว่าที่เขาจะทำให้ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดถอยจนหลุดจากเส้นแนวหลังได้

                “โอ้... ให้ตาย” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดคราง เขามองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายไปเรียนฟันดาบมาจากไหนกัน?”

                “พ่อฉันสอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบสั้นๆ จากนั้นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้าวเข้ามายืนประจันหน้ากับเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรัก

                “นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันประลองดาบกับนาย แมกซ์ ฉันหวังว่ามันจะดีเหมือนครั้งแรก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอนจอห์น ฉันจะเต็มที่กับนายเหมือนเดิม”

                พวกเขาทำความเคารพ และเริ่มประลองกันหลังสัญญาณจากกรรมการเหมือนกับคู่ก่อนหน้านี้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ได้มีชื่อเสียงในเรื่องฟันดาบอย่างพี่ชายของเขา หรือลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ด เขาเข้าแข่งขันน้อยมาก (หรือบางทีอาจเพราะลอร์ดฟาริงดอนมีความพยายามจะสลับตัวกับน้องชายแทบจะตลอดเวลา) ถึงอย่างนั้นสมาชิกทุกคนของสโมสรเฮมดาลร์ก็รู้ดีว่า ฝีมือดาบของเขาเป็นรองเพียงแค่พี่ชายตัวเองเท่านั้น ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดถึงกับเคยตั้งข้อสังเกตว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อาจจะเก่งกว่าลอร์ดพี่ชายของเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่เจ้าตัวอยู่ใต้เงาของลอร์ดฟาริงดอนมานานจนเคยชินกับการทำตัวให้ดูด้อยกว่า ข้อสังเกตนี้เป็นที่สนใจของลอร์ดฟาริงดอนเป็นอย่างมาก เขาถึงกับลงทุนจัดการประลองโดยที่ทุกคนจะต้องอำพรางใบหน้า เพื่อจะทดสอบข้อสังเกตดังกล่าว ผลปรากฏว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ยังคงพ่ายแพ้เช่นเดิม ถึงอย่างนั้นลอร์ดฟาริงดอนกลับมองว่า แม้จะอำพรางใบหน้า แต่ด้วยสัญชาตญาณ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็รู้อยู่ดีว่าเขาคือคู่ต่อสู้ สุดท้ายเจ้าตัวจึงล้มเลิกที่จะพิสูจน์ข้อสังเกตดังกล่าวไป

                ทั้งคู่ประดาบกันอย่างสูสี แทบจะไม่มีใครไล่ต้อนใครให้ถอยไปได้เกินสองก้าวเลย ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงใบดาบกระทบกันและเสียงหอบหายใจเท่านั้น

                ทางดาบของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต่างจากพี่ชายของเขาอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนมีทางดาบที่พลิกแพลง เต็มไปด้วยกลเม็ดและการหลอกล่อ ทางดาบของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับเน้นการโจมตีที่รุนแรง และมุ่งที่จะโจมตีเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างซึ่งหน้ามากกว่าจะเน้นการปัดป้อง เป็นทางดาบที่เรียบง่าย รวบรัด และชัดเจน ส่วนทางดาบของลอร์ดโทรว์บริดจ์นั้น เรียกได้ว่ารัดกุมและพลิกแพลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาสามารถตั้งรับได้ดีพอๆ กับการรุก และยังเลือกจังหวะรุกรับได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

                เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าของคนทั้งคู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินหน้าโจมตีเข้าใส่เพื่อนของเขาอย่างดุดัน ขณะที่อีกฝ่ายใช้ดาบปัดป้องการโจมตีนั้นอย่างคล่องแคล่ว เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ใบหน้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ่งเคร่งเครียด ขณะที่อีกฝ่ายกลับยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มตอบโต้เขามากขึ้น และรุนแรงขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จำต้องถอยหลังติดกันหลายก้าว เพื่อหลบดาบของฝ่ายนั้น และหลุดออกนอกเส้นหลังไปในนาทีที่สิบเก้า บารอนคอนเซตต์ประกาศให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นผู้ชนะ ทุกคนที่ยืนอยู่ในห้องต่างพากับปรบมือ

                “เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดพูดขึ้น ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ “แม้ฉันจะรู้สึกหงุดหงิดใจที่นายไม่เคยแสดงออกมาก่อนว่ามีฝีมือด้านฟันดาบ แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่านายเก่งกาจด้านนี้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทำไมนายถึงไม่ยอมเข้าแข่งขัน”

                “เพราะฉันชอบกีฬาที่เน้นการปะทะโดยตรงมากกว่า” อีกฝ่ายตอบเขา ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรัก “ฝีมือนายสูสีกับไมครอฟออกนะ แมกซ์ ฉันว่าเขาลดความเหี้ยมลงไปหน่อยหลังจากกลับมาจากอินเดีย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ฉันก็ว่างั้น ก่อนไปโรมาเนียเขาลากฉันไปประลองดาบด้วยหลายครั้ง ฉันยังรู้สึกว่าเขามือตกเลย”

                ลอรืดโทรว์บริดจ์ยักไหล่อีกครั้ง เขาหันไปมองคนที่ยืนอยู่รอบๆ “เป็นอันว่าฉันได้เป็นสมาชิกของที่นี่อย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหม?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอนจอห์นนี่ นายเป็นสมาชิกของที่นี่อย่างถูกต้องสมบูรณ์แล้ว ยินดีต้อนรับสู่สโมสรเฮมดาลร์ ในฐานะตัวแทนของลอร์ดฟาริงดอน ฉันยินดีที่จะประกาศว่า สโมสรแห่งนี้ต้อนรับนายทุกเวลา”

                “และพรุ่งนี้ฉันจะมาอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหันไปมองคนทั้งหมดอีกครั้ง “หวังว่าทุกคนคงยินดีเป็นคู่ซ้อมให้ฉัน”

---------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.14(10/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-05-2017 12:58:53
                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คฤหาสน์ เขาเลือกสวมเสื้อกั๊กสีแดงเลือดหมูทับด้วยสูทสีน้ำเงินเข้ากับกางเกง ซึ่งทั้งหมดเป็นชุดที่กอร์ดอนตัดให้เขา ก่อนจะหยิบเสื้อโฟลกโค้ทมาสวม และนั่งรถม้าไปรับช่างตัดเสื้อที่ร้านอย่างที่ทำทุกสัปดาห์

                “คุณเพิ่งอาบน้ำหรือครับ?” กอร์ดอนทักเขาหลังจากที่ทั้งสองขึ้นมาบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “คุณรู้ได้ไง?”

                “ก็ผมคุณยังชื้นอยู่เลย” กอร์ดอนว่า “วันนี้ฝนไม่ตกด้วย คุณเปลี่ยนน้ำหอมด้วยหรือครับ?”

                “อืม ใช่ ขวดเก่าที่ผมใช้อยู่หมด ปรากฏว่าที่นี่ไม่มีขาย ผมเลยต้องกลับไปใช้น้ำหอมฝรั่งเศสอย่างที่เคยใช้ก่อนไปอเมริกา”

                “อ้าว แล้วขวดที่คุณใช้อยู่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่น้ำหอมฝรั่งเศสหรือครับ?”

                “เปล่า มันเป็นน้ำหอมของเยอรมัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “คุณชอบกลิ่นไหนมากกว่า”

                “โอ... ผมเคยชินกับกลิ่นเดิมมากกว่าครับ มันดูเข้ากับบรรยากาศของคุณดี แต่กลิ่นนี้ก็หอมเหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มพลางก้มลงจูบแก้มฝ่ายนั้น “ผมให้ร้านสั่งเข้ามาแล้ว คงต้องใช้เวลาสักหน่อย ที่นี่ไม่ค่อยนิยมน้ำหอมของเยอรมันเท่าไหร่”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ไซ้จมูกไปที่หลังหูและซอกคอของเขา

                “แล้วคุณล่ะ ใช้น้ำหอมของที่ไหน? เวลส์หรือ?”

                “เปล่าครับ” กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ผมใช้น้ำหอมจากร้านเล็กๆ ที่อยู่ตรงสุดถนนนี่เอง มันเป็นน้ำหอมในประเทศ ไม่ใช่น้ำหอมราคาแพงอะไรหรอกครับ”

                “อืม แต่ผมชอบนะ มันเข้ากับกลิ่นตัวคุณดี” ลอร์ดหนุ่มว่า พลางซุกหน้าลงบนซอกคอเขาอีก “ผมว่ากลิ่นคุณเหมือนกุหลาบ”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “มันไม่ทำให้ผมดูเหมือนผู้หญิงใช่ไหมครับ? ผมชอบกลิ่นกุหลาบ แต่ผมพยายามเลือกกลิ่นที่มันดูขรึมหน่อยแล้ว”

                “มันทำให้คุณเหมือนคุณน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอดไว้ “พ่อผมเชิญคุณไปดื่มชาพรุ่งนี้”

                “เอ๋?”

                อีกฝ่ายจูบหน้าผากเขา “ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าผมแอบชอบอยู่กับลูกพี่ลูกน้องคนใดคนหนึ่งของคุณน่ะ คุณจะปฏิเสธก็ได้นะ ผมจะหาเหตุผลไปบอกเขาเอง”

                “ไม่ได้หรอกครับ ท่านมาร์ควิสเชิญผมเลยนะ ผมไม่กล้าปฏิเสธหรอก” กอร์ดอนรีบพูด “ผมจะไปพบเขาครับ ว่าแต่ทำไมพ่อคุณถึงเข้าใจว่าคุณแอบชอบลูกพี่ลูกน้องผมล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ “สงสัยเพราะผมออกอาการมากไปหน่อย ผมเพิ่งกลับมาจากเที่ยวบ้านคุณไง”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง ก่อนจะพยักหน้า “เข้าใจล่ะครับ”

                “แต่ผมบอกเขาแล้วล่ะว่าไม่ได้สนใจญาติคุณ ไม่ได้มีผู้หญิงซ่อนไว้ด้วย ถึงงั้นเขาก็ยังอยากจะคุยกับคุณน่ะ”

                “ผมเข้าใจท่านมาร์ควิสครับ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะเงยมองหน้าคนรัก “คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรู้ว่าควรจะวางตัวยังไง”

                “ผมจะอยู่กับคุณด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า อีกฝ่ายยิ้มให้เขา

                “คุณระวังอย่าออกอาการมากก็พอครับ”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ “เมื่อเช้าผมฝันถึงคุณด้วยนะ... ฝันเปียกน่ะ”

                กอร์ดอนหน้าแดง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ รถม้าก็หยุดลงที่ด้านหน้าของภัตตาคาร ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งเปิดห้องพิเศษเช่นเคย

                “ผมว่าพ่อคุณคงสงสัยเพราะคุณเล่นเปิดห้องทุกสัปดาห์นี่ล่ะครับ” กอร์ดอนตั้งข้อสังเกตหลังจากผู้จัดการเดินออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

                “จริงด้วย ผมลืมสนิทเลย ผมเห็นเขาไม่ได้ถามอะไรเลยไม่รู้สึกเอะใจ”

                “ผมว่าเขาคงไม่ถามหรอกครับ เพราะแน่ใจว่าคุณไม่น่าจะตอบตามตรง” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “ผมว่าสัปดาห์หน้าเราไปกินร้านธรรมดากันเถอะครับ ผมจะเป็นคนจ่ายเอง จะได้ไม่น่าสงสัย”

                “ก็ได้ ผมจะตระเวนหาร้านอาหารธรรมดาที่มีไวน์ดีๆ สักหน่อยแล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องลำบากเลือกร้าน”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะถามอย่างเป็นกังวล “แต่อย่างนี้โอลิเวอร์ไม่สงสัยเรื่องของเราหรือครับ? เขาขับรถม้าให้คุณแทบตลอดเลยไม่ใช่หรือ เขาไม่เอะใจอะไรเลยหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ “โอลิเวอร์รู้แล้ว”

                “หา!” กอร์ดอนมีสีหน้าตกใจ อีกฝ่ายจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ระหว่างฟัง เจ้าตัวก็หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย

                “คุณวางใจเถอะ โอลิเวอร์ไว้ใจได้ ผมดีใจที่เขาเข้าใจพวกเรา”

                กอร์ดอนพยักหน้า “แต่ผมคงไม่กล้าสู้หน้าเขา ผมอายเหลือเกิน”

                “ไม่เอาน่า” อีกฝ่ายปลอบ “เราไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาเห็นสักหน่อย”

                ช่างตัดเสื้อนิ่งไปพัก สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณอีกเรื่องนะ ปกติคุณทำไงเวลามีความต้องการมากๆ”

                “หา?!”

                “คือเมื่อเช้าผมฝันถึงคุณ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเรื่องที่เขาพูดค้างไว้บนรถม้า “ผมฝันเปียก คุณเคยฝันเปียกเหมือนกันใช่ไหม?”

                แก้มของกอร์ดอนแดงกว่าเดิม เขาผงกศีรษะ “ครับ ผมเคยตอนเด็กๆ แต่ผมไม่ฝันนานแล้วเพราะเรื่องโสเภณีคนนั้น”

                สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์อ่อนลง เขามองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ “ผมขอโทษที่รื้อฟื้นอดีตของคุณอีกแล้ว”

                ช่างตัดเสื้อรีบสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว อีกอย่าง... ผมเพิ่งฝันเมื่อคืนวันจันทร์นี้เอง”

                คราวนี้ฝ่ายหน้าแดงเป็นลอร์ดหนุ่มบ้าง เขาถามอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้น “งั้นหรือ? คุณฝันว่าไง?”

                “มันไม่ใช่เรื่องน่าเล่าหรอกครับ” กอร์ดอนรีบพูดปัด “ผมต้องซักกางเกงเอง น่าอายมาก”

                อีกฝ่ายยิ้มเผล่ “ฝันถึงผมใช่ไหม? ที่จริงคืนนั้นผมสังเกตว่าคุณแข็งตัวเหมือนกันนะ คุณไม่ถึงกับเสื่อมสมรรถภาพนี่”

                เลือดสีแดงฉีดขึ้นไปบนถึงใบหูของช่างตัดเสื้อ เขาตะกุกตะกักพูดออกมา “นะ... นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดตอนกินมื้อเย็นนะครับ”

                “แล้วจะให้พูดที่ไหนล่ะ? ห้องนอนคุณหรือ?” อีกฝ่ายย้อน กอร์ดอนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาก้มหน้างุดอยู่นาน

                “ผะ... ผมก็ไม่เคยแข็งตัวขนาดนั้นหรอก”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องฝ่ายตรงข้าม ใบหน้าของเขาพลอยเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อไปด้วย กอร์ดอนรีบตัดบท

                “เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลยครับ มันไม่เหมาะที่จะพูดบนโต๊ะอาหาร”

                “จริงของคุณ” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่งั้นผมคงได้กินคุณแทนมื้อเย็นแน่”

                กอร์ดอนถึงกับต้องขอตัวออกไปยืนมองรูปวาดที่ประดับอยู่ตรงผนังห้องในตอนที่บริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหาร เพื่อปิดบังใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงจัดด้วยความเขินอายของตัวเอง

                หลังกินมื้อเย็นเสร็จ พวกเขากลับขึ้นรถม้าอีกครั้งเพื่อไปยังสโมสร ทันทีที่ประตูรถปิดลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ดึงช่างตัดเสื้อเข้ามาจูบอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะเป็นจูบที่กินเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็ทำให้กอร์ดอนกลับมาหน้าแดงได้อีกครั้ง

                “คุณมีอารมณ์กับผมมากใช่ไหม?” อีกฝ่ายถามพลางใช้นิ้วขยี้ริมฝีปากของช่างตัดเสื้อ คนถูกถามพยักหน้า

                “แล้วคุณระบายออกยังไง? หมายถึงหลังจากคืนวันจันทร์น่ะ”

                “ผม... ผมช่วยตัวเองน่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ผมคิดว่าคุณจะไม่ทำเสียอีก”

                “โอ... ผมรู้หรอกครับว่ามันบาป แต่จะให้ผมทำไงล่ะ? ผมไม่อยากซักกางเกงนอนเองทุกวันนี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา เขาลูบศีรษะของช่างตัดเสื้ออย่างเอ็นดู “อันที่จริงอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยผมคนหนึ่งเคยบอกว่ามันควรจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะระบายอารมณ์ทางเพศของพวกเขาด้วยการช่วยตัวเอง เพราะธรรมชาติสร้างสรรค์พวกเราให้มีแรงขับทางเพศสูงเพื่อการสืบพันธุ์ ถ้าพวกเราไม่ปลดปล่อยอารมณ์เลยจะทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงขึ้นมาได้”

                กอร์ดอนยิ้มแห้งๆ “ผมไม่ค่อยถนัดฟังภาษาทางวิชาการนักหรอกครับ เพราะผมไม่เคยเรียนในโรงเรียน แต่ปู่ผมบอกว่า เราควรหาทางช่วยเหลือตัวเองก่อนจะขอให้พระเจ้าช่วย ผมเลยคิดว่าผมยอมทำบาปเล็กๆ น้อยๆ ดีกว่าที่จะทำสิ่งที่พระเจ้าไม่ให้อภัย”

                “ผมว่าคุณคิดถูกแล้วล่ะ”

                ช่างตัดเสื้อเงยมองเขา “แล้วคุณล่ะครับ? แต่ผมว่าอย่างคุณคงไม่เลือกทำแบบผม... คุณมีทางให้ระบายออกมากมาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่ถูกช่างตัดเสื้อห้ามไว้ “อย่าบอกผมเลยจอห์น ผมไม่อยากรู้หรอกว่าคุณระบายออกยังไง ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย ผมแค่เป็นผู้ชายที่ผิดปกติจนทำแบบนั้นไม่ได้เท่านั้นเอง”

                ลอร์ดหนุ่มจับไหล่ของเขาให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง “ฟังผมนะกอร์ดอน คุณไม่ต้องคิดว่าผมจะไปเที่ยวผู้หญิงหรือทำอะไรทำนองนั้นเลย แม้ว่าจะมีใครคนหนึ่งแนะนำผมก็เถอะ คุณพูดถูกผมมีทางเลือกมากมาย และผมก็เลือกทางที่ไม่เอาเปรียบคุณ เช้านี้ผมว่ายน้ำไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ตอนบ่ายผมยังไประรานสโมสรฟันดาบของไมครอฟจนเหงื่อโชกเลยล่ะ แล้วอีกไม่นานผมคงต้องลงซ้อมรักบี้เพื่อที่จะลงแข่งในฤดูใบไม้ร่วงนี้ และถ้ามันยังไม่พอกับความต้องการ ผมก็จะเลือกวิธีเดียวกับคุณ ผมคิดว่าตัวเองมีความสุขเวลาได้จินตนาการถึงสีหน้าและเสียงของคุณเวลาอย่างนั้นนะ”

                กอร์ดอนหน้าแดงอีก เขารีบพูดขึ้นต่อ “จอห์น เรากำลังจะไปสโมสรนะครับ อย่าพูดเรื่องแบบนี้สิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ก็ได้ๆ ผมแค่อยากบอกให้คุณรู้ว่าผมไม่เอาเปรียบคุณเท่านั้นเอง”

                “ผมรู้ล่ะครับ”

                ทั้งคู่จูบกันอีกครั้ง ก่อนที่รถจะหยุดจอดที่หน้าอาคารสโมสร

---------------------------------------
(จบตอน)
** เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องมาแก้ชื่อตอนหลังจากเขียนจบตอนแทบจะทุกตอนเลย (คือไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อตอนทำไม ในเมื่อเขียนแล้วแทบจะไม่เคยตรงกับชื่อตอนที่วางไว้ :ling1:) แล้วก็ไม่รู้ว่าโควต้าต่อตอนของมันทะลุมาอยู่ที่20หน้าเอสี่ต่อตอนตั้งแต่เมื่อไหร่ :mew5: อันที่จริงแล้วระหว่างเขียนเราก็กลัวคนอ่านจะรู้สึกเบื่อว่ายืดไป แต่พอลองอ่านอีกที โดยส่วนตัวในฐานะคนเขียนที่อยากอ่าน (5555+ คนบ้าไรวะเนี่ย :laugh:) เราก็ว่ามันพอดีแล้วนะ (ทุกคนก็แบบ... แล้วเมิงจะพูดทำมายย) เอาว่าถ้าท่านผู้อ่านคิดว่าตรงไหนมันยืดยาดเกินไป ลองแนะนำดูค่ะ เผื่อเราจะได้เอาไปแก้ไข

ตอนนี้เหมือนตอนคั่นเวลา (ที่จริงแล้วทุกตอนมันก็เหมือนตอนคั่นเวลา) เราวางแพลนให้เรื่องนี้เดินไปอย่างเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่รีบไม่ร้อน (แน่นอน เพราะมาม่าถ้ากินทุกตอนคงอืดตาย) อยากเขียนถึงช่วงเวลาน่ารักของจอห์นนี่และกอร์ดอน ระหว่างที่ทั้งคู่พยายามปลูกและดูแลต้นรักท่ามกลางอุปสรรค์ต่างๆ นานา และแน่นอนว่าเรายังอยากจะเขียนถึงความรักของลอร์ดแมกซ์อีกด้วย (แต่เริ่มหาที่แทรกยากแล้วแฮะ)

ตอนนี้เหมือนเป็นครั้งแรกที่ได้เขียนถึงจอห์นนี่ในอีกโฉมหน้าหนึ่ง ซึ่งคนที่จะได้เห็นก็ต้องเป็นเพื่อนๆ ในแก๊งของไมครอฟ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานตั้งแต่เรียนอีตันด้วยกัน ฮ่าๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เพื่อนๆ ของไมครอฟดูไม่ชอบจอห์นแบบนี้ คงเพราะจอห์นมาดึงเอาน้องชายสุดรักของไมครอฟออกไปจากกลุ่มได้สำเร็จ (เราว่ามันคงเป็นสาเหตุหนึ่งด้วยที่ทำให้ไมครอฟอยากจะเอาชนะจอห์นอยู่ตลอดเวลา) มีความคิดว่าอยากจะเขียนรายละเอียดที่จอห์นดึงตัวแมกซ์ออกมาจากพี่ชายได้ในตอนพิเศษสักตอนหนึ่ง (อย่างที่จอร์จเคยบอกไว้ว่า จอห์นก็ตื๊อแมกซ์ชนิดสุดๆ เหมือนกัน)

กอร์ดอนผู้ปรากฏตัวออกมาน้อยนิด แต่ความน่ารักมหาศาล โอ๊ย อยากถูกผู้ชายอย่างจอห์นไซ้ซอกคอแบบช่างตัดเสื้อบ้าง (ฝัน :hao6:) นี่ถ้ากอร์ดอนแต่งเป็นผู้หญิง อิฉันแน่ใจว่าอีตาจอร์จคนแรกเลยที่จะต้องออกอาการ (ขนาดแค่เสนอความคิดยังออกอาการแบบออกหน้าออกตา ฮ่าๆ)

รักเรื่องนี้จับใจ ในวันป่วยๆ นี่การคิดถึงกอร์ดอนกับจอห์นเป็นความสุขของเรามากเลยค่ะ :-[

ปล. ตอนที่จอห์นเล่นดนตรีกับแคทเธอรีนเราก็ชอบนะคะ เราว่ามันเป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่น่าประทับใจอ่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 16-05-2017 13:53:18
คุณตาของแคทเธอรีนน่าจะเป็นชายหนุ่มที่เคยเป็นคู่หมายของคุณย่ากอร์ดอนแน่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-05-2017 14:18:46
จอห์นเนี่ยออกแนวร้ายได้กับทุกคนยกเว้นเธอคนเดียวอะไรแบบนั้นนะเนี่ยนะ 55555


ส่วนตัวเราเองไม่ได้เคร่งศาสนามากเลยไม่ค่อยเมคเซนส์เรื่องที่กอร์ดอนกังวลเท่าไหร่ แต่จะพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุดค่ะ


ชอบเรื่องนี้มากๆดีใจทุกครั้งที่เห็นว่ามาอัพแล้วเหมือนได้น้ำเลี้ยงชโลมใจ

ตอนนี้กลัวมาก กลัวพ่อแม่ของจอห์นจะรู้


หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-05-2017 15:30:43
ไม่ใช่อะไรหรอกนะ จะมาคุยเรื่องฝันเปียกอย่างกระหนุงกระหนิงได้ยังไง
เราละอายแทน อ๊าาาาาาาย
 :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-05-2017 16:11:26
อยากให้ลองแต่งหญิงไม่อยากจะคิดเลย
สุขแบบไม่สุด
กังวลแทนสองคนนี้
แต่พอเจอท่านลอร์ดซุกซอกคอ
ยอมทุกอย่างค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่27p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 16-05-2017 16:28:40
จอห์นเนี่ยออกแนวร้ายได้กับทุกคนยกเว้นเธอคนเดียวอะไรแบบนั้นนะเนี่ยนะ 55555


ส่วนตัวเราเองไม่ได้เคร่งศาสนามากเลยไม่ค่อยเมคเซนส์เรื่องที่กอร์ดอนกังวลเท่าไหร่ แต่จะพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุดค่ะ


ชอบเรื่องนี้มากๆดีใจทุกครั้งที่เห็นว่ามาอัพแล้วเหมือนได้น้ำเลี้ยงชโลมใจ

ตอนนี้กลัวมาก กลัวพ่อแม่ของจอห์นจะรู้




เราเคยอ่านเจอว่าในสมัยวิกเตอเรียน คริสเตียนที่นั่นมองว่าการช่วยตัวเองเป็นบาปอย่างหนึ่งค่ะ (แต่เรียกอะไรจำไม่ได้แล้ว) จอห์นเลยแปลกใจที่กอร์ดอนตอบว่าช่วยตัวเองค่ะ เพราะจอห์นมองว่ากอร์ดอนค่อนข้างเคร่ง ไม่น่าทำ 555 ส่วนตัวจอห์นเองก็อย่างที่เห็น 5555 หาความเคร่งครัดไม่เจอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-05-2017 22:57:34
ยาวสะใจมากกกก
ท่านตาของแคทเทอรีนชอบคุณย่ากอดอนแน่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-05-2017 23:50:38
คุยเรื่องฝันเปียกและการช่วยตัวเองได้อย่างน่าเอ็นดูมาก ต่างคนต่างเขิน พาคนอ่านเขินไปด้วย

จอร์จผิดฟอร์มมาก ดูเหมือนคนไม่เคยเจ้าชู้มาก่อน
แมกซ์แนะนำอย่างคนที่ไม่เคยมีความรัก ดังนั้นการแนะนำให้ใช้บริการสาว ๆ จึงเข้าใจได้

ในตอนนี้คนอ่านยังได้รู้จักจอห์นในมุมที่ไม่ได้อยู่กับกอร์ดอนและเพื่อน ๆ มีความเป็นลอร์ดผู้ไว้ตัวและอหังการ์จริง ๆ แต่พ่อคุณทูนหัวก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมให้เป็นเช่นนั้น ทั้งรูปร่างหน้าตา ครอบครัว ฐานันดร ความสามารถเชิงกีฬา และอุปนิสัยสุภาพบุรุษผู้น่าคบหากับคนทั่วไป

ใครทำท่านลอร์ดโทรวบริดจ์ไม่สบอารมณ์ก็ซวยแล้ว

ทีนี้เรื่องรักลับ ๆ ที่เริ่มไม่ลับ
ไมครอฟก็มองออกตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ที่เห็นจอห์นออกอาการหวงกอร์ดอน โอลิเวอร์รู้เพราะความไม่ยับยั้งห้ามใจทำประเจิดประเจ้อของจอห์น แม่ก็เริ่มสงสัยจากพฤติกรรมเหวี่ยงของจอห์นน้อย พ่อสงสัยจากการใช้เงิน

รักครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-05-2017 00:25:25
 :man1: :mew1: :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 18-05-2017 13:19:12
ฉากที่ไปบุกสมาคมฟันดาบนี่จอห์นทำหน้าได้นางร้ายมากเลยค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า บอกเลยถ้าไม่เก่ง ไม่มั่นนี่ทำไม่ได้เลยนะคะ เห็นได้ชัดทีเดียวว่า ฮีเป็นที่หมั่นหน้ามากในหมู่สุภาพบุรุษอังกฤษ

ยังไงก็เห็นใจทั้งสองคนมากๆ เลยนะคะ โดยเฉพาะกอร์ดี้ที่ค่อนข้างเคร่งศาสนา คือคงจะรู้สึกผิดบาปและทุกข์มาก ฮือออ วายละมุน

ปล. ถ้าอย่างจอห์นนี่เรียกว่า หาความเคร่งครัดในศาสนาไม่เจอ แล้วจอร์จจี้นี่สมควรเรียกว่าอะไรดีคะ

+เป็ด รัวๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-05-2017 17:31:04
ตอนนี้พักเครียดนิดหน่อย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 18-05-2017 19:30:31
อย่าให้ใครจับได้เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-05-2017 13:17:51
 :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: theG ที่ 22-05-2017 22:43:33
กลัวว่าพ่อจอห์นได้คุยกับกอร์ดอนแล้วจะทำให้กอร์ดอนตัดใจจังค่ะ กลัวสุดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-05-2017 14:03:46
Dear, My customer.

ตอนที่29 แอนนาเบล เฮเก้นต์


                เหล่าสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดต่างตื่นเต้นกับเรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกเลือกให้หาทีมไปแข่งรักบี้การกุศลต่อหน้าเจ้าชายในฤดูใบไม้ร่วงนี้

                “นายจะทำการคัดเลือกตัวผู้เล่นเมื่อไหร่?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามอย่างกระตือรือร้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา

                “อีกสักสองสัปดาห์ ที่สนามแบตเตอร์ซี ฉันอยากให้พวกนายทุกคนไปร่วมคัดตัว”

                “แน่นอน ฉันไม่พลาดอยู่แล้ว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า

                “ฉันต้องไปแน่นอน” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า

                “ถึงฉันจะทำงานทุกวัน แต่ฉันก็จะไปคัดตัวในวันที่นายกำหนด” เจมส์ว่า “ฉันคิดถึงเวลาที่พวกเราได้เล่นรักบี้ด้วยกัน ถึงฉันจะไม่ว่างซ้อม แต่ได้ไปเล่นกับพวกนายวันคัดตัวสักครั้งก็ยังดี”

                “ฉันเห็นด้วยเลย” โรเบิร์ตว่า “นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเราไม่ได้เล่นรักบี้ด้วยกัน”

                “มันต้องเป็นวันที่สนุกมาก” นิโคลาสว่า เจฟฟรีพยักหน้า

                “พนันได้เลยว่าต้องมีคนเต็มสนาม ว้าว! บรรยากาศที่พวกเราคิดถึง”

                อีธานยิ้ม “ฉันได้กลิ่นหญ้าเลยล่ะ” เขาหันไปหากอร์ดอน “ว่าแต่นายจะไปคัดตัวกับเขาด้วยมั้ย?”

                กอร์ดอนรีบสั่นศีรษะทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เงียบอยู่แต่แรกจึงพูดขึ้น “กอร์ดอนเป็นช่างตัดเสื้อ อีธาน”

                “อืม ฉันเห็นล่ะ” อีกฝ่ายพยักหน้า “ฉันคิดว่าเขาอาจจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

                “โอ้โห...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง เขาจ้องเพื่อนเขม็ง “นายคิดได้ไงอีธาน อย่างกอร์ดอนเนี่ยนะ? ฉันว่าเขาคงไม่รอดตั้งแต่วิ่งแข่งแล้ว”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ “แล้วนายล่ะจอร์จจี้ จะรอดกับเขารึเปล่า?”

                “รอดสิ” คนถูกถามพูดเสียงแข็ง “อย่างน้อยๆ ฉันก็วิ่งเร็ว”

                “ใช่” เจมส์รีบเสริมทันที “เขาวิ่งเร็วเวลาสับรางไม่ทันเสมอ ว่าแต่นายจะยังวิ่งเร็วเท่าเดิมหรือจอร์จจี้ พักนี้มาร์กาเร็ตพังรถไฟของนายหมดแล้วนี่นา”

                “หยุดเลยเจมส์ นี่ไม่ใช่เวลาจะพูดถึงเรื่องนี้นะ”

                ทุกคนต่างพากันหัวเราะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นบ้าง “ฉันจะแจ้งสถานที่กับเวลาอีกที ระหว่างนี้ฉันจะไปมองหาคนอื่นๆ อีก ฉันว่าจะลองไปที่เคมบริดจ์ ที่นั่นน่าจะมีคนน่าสนใจเยอะทีเดียว”

                “เข้าท่า เคมบริดจ์ก็ดี” ลอร์ดครอฟตันว่า หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็คุยกันถึงเรื่องรักบี้ กอร์ดอนได้แต่ฟังเงียบๆ ตามเคย แต่แล้วลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เดินมานั่งข้างเขา

                “กอร์ดอน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

                “เรื่องอะไรหรือครับ?” ช่างตัดเสื้อถาม ลอร์ดหนุ่มมองเขาอย่างชั่งใจ

                “ฉันอยากให้นายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด”

                “ครับ...”

                “นายรู้จักมิสเฮเก้นต์แค่ไหน?”

                ช่างตัดเสื้อเบิ่งตากว้าง “ทำไมหรือครับ? มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอหรือ?”

                “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “พักหลังนี้ฉันไปที่บาร์ไม่เจอเธอ เลยอยากรู้ว่าเธอพักอยู่แถวไหนน่ะ”

                “....” กอร์ดอนจ้องหน้าฝ่ายนั้น “เดี๋ยวนะครับ... คุณเคยเจอเธอแล้ว?”

                “ใช่”

                “และคุณอยากเจอเธออีก?”

                “อืม...”

                “ทำไมหรือครับ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขมวดคิ้ว “ฉันมีเหตุผลส่วนตัว ได้ยินว่านายสนิทกับเธอ แจ็คสันบอกว่ามิสเฮเก้นต์ไม่เคยดื่มกับใครเกินหนึ่งแก้วเลย ยกเว้นนาย”

                “โอ... อย่างนั้นหรือครับ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย” กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจ “ตอนจอห์นไปกับผมครั้งแรก เธอยังดื่มตั้งหลายแก้วเลย”

                “เธอไม่ดื่มกับผู้ชายแค่สองคนน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า กอร์ดอนมองเขาอีก

                “แสดงว่าคุณชวนเธอดื่มแล้ว”

                “แน่นอน”

                ช่างตัดเสื้อยิ้มออกมา “ผมรู้ แอนเป็นคนสวยมาก คุณต้องชอบผู้หญิงผมสีแดงแบบผมแน่”

                “ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงผมสีแดง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเสียงแข็ง “ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอพักที่ไหน?”

                “แล้วคุณจะอยากรู้ที่พักเธอไปทำไมครับ? ปกติสุภาพบุรุษเขาถามหาที่พักของผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวด้วยหรือครับ?”

                “โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างพวกเขาพร้อมกับแก้ววิสกี้

                “ไง... พวกนายคุยอะไรกัน ท่าทางน่าสนุกนี่”

                “เราไม่ได้คุยอะไรกัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบทันที อีกฝ่ายหรี่ตามองเขา

                “ฉันเห็นพวกนายคุยกันอยู่ชัดๆ แมกซ์... นายมีความลับอะไรที่ไม่อยากบอกฉันใช่มั้ยล่ะ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องลอร์ดจอร์จ เฟลตันเขม็ง “อะไรที่ฉันอยากให้นายรู้ ฉันจะบอกให้นายรู้เองจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้า “ฉันถามเอาจากกอร์ดอนก็ได้...”

                “จอร์จ...”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันผุดลุกขึ้น “ฉันไม่ขัดจังหวะนายล่ะแมกซ์” เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วหันมาขยิบตาให้กอร์ดอนครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจเฮือก

                “เอาล่ะ กอร์ดอน ตกลงแล้วนายรู้รึเปล่าว่ามิสเฮเก้นต์พักที่ไหน?”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้อ้าปากพูด ลอร์ดครอฟตันก็เดินเข้ามา “แมกซ์ นายจะชวนกอร์ดอนไปคัดตัวรักบี้หรือ?”

                “เปล่า”

                อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “อ้าว ฉันคิดว่านายจะตื่นเต้นกับข่าวของจอห์นนี่เสียอีก”

                “เขาบอกฉันก่อนหน้านี้แล้ว”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “พวกเรากำลังจะนัดซ้อมกัน ถึงจอห์นนี่จะเป็นเพื่อนสนิทของเรา แต่ก็ไม่ได้ประกันว่าเขาจะต้องเลือกเราเข้าทีมทุกคนนี่ มาเถอะแมกซ์ นายต้องมาคุยเรื่องกำหนดการซ้อมของพวกเรานะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เขาหันมาพูดกับกอร์ดอนก่อนจะเดินไปสมทบกับเพื่อน

                “เดี๋ยวฉันจะมาคุยอีกที นายเตรียมคำตอบเอาไว้ด้วยล่ะ”

                บรรดาสุภาพบุรุษคุยกันถึงเรื่องกำหนดการซ้อมและเลยไปถึงเรื่องสมัยที่พวกเขาเคยเล่นรักบี้ด้วยกัน ทำให้กอร์ดอนได้รู้ว่า สมัยที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่นรักบี้ให้กับสโมสรของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเคยมีสมาชิกถึงสามสิบคน และพวกเขามีแผนที่จะไปคัดตัวทีมชาติด้วยกัน เสียแต่ว่าลอร์ดหนุ่มชิงหนีไปอเมริกาเสียก่อน

                “วันก่อนฉันเจอแฮรี่ เขายังถามถึงนายอยู่เลย” เจมส์ว่า “เพื่อนๆ ของพวกเราที่เล่นให้ทีมชาติเสียดายมากที่นายไปอเมริกากะทันหัน ไม่งั้นนายคงจะได้ไปเล่นกับพวกเขาแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เพื่อน “ฉันไม่อยากผูกติดตัวเองกับทีมชาติ ยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันอยากทำ”

                “ก็จริงอย่างที่เขาว่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ฉันไม่เคยเห็นจอห์นนี่อยู่ติดที่สักที”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะ สุดท้ายพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าจะรวมตัวกันซ้อมทุกวันพุธแทนช่วงเวลาที่จะมาสโมสร ส่วนคนอื่นๆ ที่ว่างพอ ก็จะมีการนัดซ้อมอีกในช่วงวันจันทร์และวันศุกร์

-----------------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขอติดรถม้ากลับมาหลังจากเลิกสโมสร ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะทำให้เขาไม่อาจพลอดรักกับกอร์ดอนอย่างที่เคยทำได้

                “แมกซ์ ตอนนี้พ่อนายก็ไม่อยู่ ทำไมนายถึงไม่เอารถม้ามาด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสงสัย ขณะนั่งข้างกับเพื่อนรักบนรถม้าคันใหญ่ของเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่

                “ฉันบอกให้กลับไปก่อนแล้ว ฉันยังคุยกับกอร์ดอนไม่จบเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว “นายคุยอะไรกับเขาติดพันขนาดนั้น?”

                “ก็เรื่องมิสเฮเก้นต์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว เขาเพิ่งนึกได้ว่าเพื่อนรักกำลังมีปัญหาหัวใจ ความหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะเลยลดลงไปหน่อย เจ้าตัวยกมือตบไหล่เพื่อนเบาๆ

                “กอร์ดอนยังไม่ได้บอกที่อยู่เธอกับนายหรือ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ กอร์ดอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงพูดขึ้นบ้าง “คือผมไม่ได้ตั้งใจจะไม่ให้ที่อยู่เธอกับคุณหรอกนะครับ แต่มันไม่สมควรที่ผมจะเที่ยวเปิดเผยที่อยู่ของเธอให้ผู้ชายที่เธอไม่ได้สนิทด้วย เธออาจจะโกรธผมก็ได้”

                “ทำไมล่ะ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอย่างสงสัย “ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเธอสักหน่อย”

                “งั้นคุณจะขอที่อยู่เธอไปทำไมครับ?”

                “ก็เธอไม่ยอมไปที่บาร์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ถ้ากอร์ดอนลำบากใจที่จะให้ที่อยู่กับนาย ฉันแนะนำให้นายไปถามเอากับลอร์ดวู้ดฟอร์ด เพราะเธอทำงานเป็นครูสอนดนตรีให้กับลูกสาวของเขา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “เธอทำงานที่บ้านของลอร์ดวู้ดฟอร์ดหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ทางที่ดีนายควรจะรีบทำความรู้จักกับเธอให้ไว ก่อนที่เธอจะเสร็จเจ้าโรเบิร์ตที่น่ารังเกียจคนนั้น”

                “โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ขมวดคิ้ว “นายรู้ได้ยังไงว่าเธอทำงานที่นั่น แล้วนายบอกเธอถึงเรื่องเลวร้ายของเจ้านั่นแล้วหรือยัง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “เปล่า ฉันไม่ได้บอกหรอก ฉันกับมิสเฮเก้นต์ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน ถึงฉันจะเป็นคนไร้มารยาท แต่ฉันก็ยังไม่หน้าด้านพอจะพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับลูกชายนายจ้างของเธอ โดยใช้ฐานะของผู้จัดการเหมืองหรอกนะ นายคิดหรือว่าเธอจะเชื่อฉัน”

                “ก็จริงของนาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยอมรับ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “หวังว่าเธอคงจะไว้ตัวกับเจ้าโรเบิร์ตนั่นเหมือนกับที่เธอไว้ตัวตอนอยู่ที่บาร์”

                “เดี๋ยวนะครับ พวกคุณคุยอะไรกัน” กอร์ดอนที่นั่งฟังอยู่พักใหญ่ถามออกมา “โรเบิร์ตคนนั้นเป็นใครครับ? ฟังดูเหมือนเขาร้ายกาจมาก”

                “เขาร้ายกาจมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสริมต่อ

                “เขาเป็นลูกชายคนโตของลอร์ดวู้ดฟอร์ด ที่จริงแล้วด้วยฐานะทุกอย่างที่เขามี และโดยเชื้อสายของเขา โรเบิร์ตควรจะเป็นสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อม ซึ่งมันก็ใช่สำหรับคนที่รู้จักเขาอย่างผิวเผินน่ะนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย “เขาเป็นผู้ชายที่ชอบหลอกลวงผู้หญิง มีผู้หญิงหลายคนต้องน้ำตาตกถึงขั้นฆ่าตัวตายเพราะเขามาแล้ว”

                กอร์ดอนเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ “พูดจริงๆ หรือครับ?”

                “อืม ฉันไม่ใช่คนชอบนินทาหรอกนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ที่จริงแล้วลอร์ดวู้ดฟอร์ดเคยต้องมาพบพ่อฉันเพื่อให้จัดการปัญหาเกี่ยวกับตัวลูกชายของเขาหลายครั้ง สำหรับฉันแล้ว โรเบิร์ต เดอ เนเลีย เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนก็ไม่ควรจะได้เฉี่ยวใกล้ด้วย”

                “โอ...” กอร์ดอนมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด เขาเงยหน้ามองลอร์ดหนุ่มทั้งสอง “คุณจะช่วยแอนใช่ไหมครับ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เธอพลาดท่าให้กับโรเบิร์ต เธอไม่ควรจะเสียทีให้กับผู้ชายพรรค์นั้น”

                “งั้นผมจะบอกที่อยู่เธอกับคุณ” กอร์ดอนว่า เขาบอกที่อยู่ของแอนนาเบล เฮเก้นต์ให้กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เจ้าตัวหยิบปากกากับสมุดโน้ตขึ้นมาจดทันที

                “ผมควรจะเตือนเรื่องนี้ให้เธอรู้ด้วยรึเปล่าครับ?” กอร์ดอนถามต่อ ทั้งสองคนสั่นศีรษะ

                “อย่าเลย มิสเฮเก้นต์ไม่เชื่อคุณหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับลอร์ดวู้ดฟอร์ดและลูกชายของเขานี่นา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแมกซ์ดีกว่า”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “ครับ ผมหวังว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับแอน เธอเป็นผู้หญิงที่น่าประทับใจมาก”

                “แน่นอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ฉันจะจัดการพวกนั้นเอง”

                ทั้งคู่แวะส่งกอร์ดอนที่ร้าน ก่อนที่จะนั่งรถต่อไปที่คฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนรักพลางยิ้ม

                “แมกซ์ นายจริงจังกับสาวที่นายเพิ่งเจอแค่ครั้งเดียวมากนะ รู้ตัวมั้ย?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบตามองเพื่อน “ทีนายยังจริงจังกับผู้ชายที่เจอกันโดยบังเอิญได้เลยนี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ “งั้นขอให้นายโชคดีแล้วกันนะ”

-----------------------------------------

                วันรุ่งขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แต่งตัวออกจากคฤหาสน์แต่เช้า เขาสวมหมวกทรงสูงที่ไม่ค่อยได้สวมนัก สวมสูทตัวหรูสีดำสนิท ทับด้วยเสื้อโฟลกโค้ทตัวบางสำหรับหน้าร้อนสีดำ และถือไม้เท้าอันใหม่ที่มีหัวทำจากอำพัน มองเผินๆ ตอนนี้เขาดูเหมือนลอร์ดฟาริงดอนพี่ชายมากทีเดียว เขาแวะที่ร้านขายดอกไม้เพื่อซื้อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ก่อนจะสั่งคนขับรถม้าให้ไปยังบ้านของมิสเฮเก้นต์

                ตามที่อยู่ที่กอร์ดอนบอกไว้ มิสเฮเก้นต์อาศัยอยู่กับเพื่อนของเธอในเลขที่214 ในย่านถนนเบอร์นาบี ใกล้กับเวสต์ฟิลด์พาร์ค ซึ่งเป็นบ้านของมิสซิสเมอร์สัน หญิงหม้ายที่ลูกชายทำงานอยู่กระทรวงต่างประเทศ ทำให้เขาต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ด้วยฐานะที่ดีพอสมควร เธอจึงยินดีจะให้มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดเช่าห้องในราคาย่อมเยาว์ เพื่อที่จะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลงจากรถม้า แล้วเดินไปสั่นกระดิ่งที่หน้าบ้านหลังนั้น ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา

                “ผมมาพบมิสเฮเก้นต์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกเธอ หญิงคนนั้นมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดตอบ

                “โอ... ลอร์ดวู้ดฟอร์ดเพิ่งส่งรถม้ามารับตัวเธอไปเมื่อครู่นี่เองค่ะ”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง เขาก้มลงมองช่อกุหลาบในมือ หญิงวัยกลางคนมองเขาแล้วยิ้ม “คุณจะเข้ามาดื่มน้ำชาด้านในก่อนไหมคะ”

                “เอ่อ... ครับ”

                หญิงวัยกลางคนเปิดประตูให้เขา แล้วเดินนำเข้าไปยังห้องรับแขกเล็กๆ ในบ้าน

                “คุณคงเป็นคุณนายเมอร์สัน ผมแมกซ์ เมอร์เรย์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้รับแขก หญิงวัยกลางคนพยักหน้า “ค่ะ คุณเมอร์เรย์ แอนคงเล่าเรื่องฉันให้คุณฟังแล้วสินะคะ”

                ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ “เปล่าครับ ผมฟังมาจากเพื่อนอีกที ผมเคยเจอเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

                “อ๋อ คุณคงเป็นเพื่อนของคุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียสินะคะ” มิสซิสเมอร์สันว่า “แอนเล่าให้ฟังว่าคุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียมีเพื่อนมากมายทีเดียว”

                “เปล่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบปฏิเสธ “ผมเป็นเพื่อนกับกอร์ดอน โอเดนเบิร์กนะ”

                “โอ... คุณโอเดนเบิร์กที่หน้าตาสะสวยเหมือนผู้หญิงคนนั้นหรือคะ?” มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าแปลกใจ “ดิฉันไม่นึกมาก่อนว่าเขามีเพื่อนเป็นสุภาพบุรุษด้วย แอนบอกว่าเขามีเพื่อนน้อยมาก”

                “ตอนนี้เขามีมากขึ้นแล้วล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะถามต่อ “คุณรู้จักมิสเฮเก้นต์ดีแค่ไหนครับ? ผมหมายถึง คุณรู้รึเปล่าว่าพื้นเพเธอเป็นคนที่ไหน เกี่ยวกับครอบครัว ฐานะของเธอ”

                มิสซิสเมอร์สันสั่นศีรษะ “ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะคุณ เธอไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง แต่เธอนิสัยดีมากค่ะ กิริยามารยาทเรียบร้อย มิสวู้ดเพื่อนของเธอก็เหมือนกัน พวกเธอมาเช่าบ้านนี้เพราะเห็นประกาศในหนังสือพิมพ์ค่ะ”

                “แล้วเธอกับมิสวู้ดรู้จักกันนานหรือยังครับ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอีก มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าลำบากใจ “ไม่ทราบสิคะ คุณจะคุยกับมิสวู้ดไหมล่ะคะ ดิฉันคิดว่าเธอยังอยู่ในห้องค่ะ”

                “ครับ รบกวนช่วยตามเธอให้ผมหน่อย”

                มิสซิสเมอร์สันเดินไปสั่งสาวใช้ ไม่นานนักมิสวู้ดก็เดินเข้ามาที่ห้องรับแขก

                “มิสซิสเมอร์สัน มีเรื่องอะไรหรือคะ?”

                “สุภาพบุรุษท่านนี้อยากคุยกับเธอจ้ะ”

                มิสวู้ดมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างงุนงง “ค่ะ แต่ดิฉันไม่เคยพบคุณมาก่อนนี่คะ?”

                “ครับ พวกเราไม่เคยพบกันมาก่อน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะแนะนำตัวอีกครั้ง “ผมแมกซ์ เมอร์เรย์ เป็นเพื่อนของกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก”

                “โอ้ เพื่อนของคุณโอเดนเบิร์กหรือคะ?” มิสวู้ดมีสีหน้าแปลกใจ “ดิฉันไม่เคยทราบเลยว่าเขามีเพื่อนเป็นสุภาพบุรุษด้วย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ขณะที่มิสวู้ดนั่งลงตรงข้ามกับเขา “คุณมีธุระอะไรจะคุยกับดิฉันหรือคะ?”

                “ผมมีเรื่องอยากถามคุณเกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์”

                มิสวู้ดมีสีหน้าแปลกใจ “ทำไมคะ? แอนมีเรื่องอะไรหรือคะ?”

                “เธอไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทางรำคาญเล็กน้อย “มิสวู้ด คุณเป็นเพื่อนเธอใช่ไหม? คุณรู้จักเธอดีแค่ไหน ผมหมายถึง คุณรู้รึเปล่าว่าพื้นเพเธอเป็นคนที่ไหน ครอบครัวเธอเป็นยังไง”

                มิสวู้ดจ้องหน้าเขา “คุณเป็นนักสืบหรือคะ? คุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียจ้างคุณให้มาสืบเรื่องของแอนหรือ?”

                “เดอ เนเลียไม่ได้จ้างผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ถ้าการที่ผมเป็นนักสืบจะทำให้คุณเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังได้ ผมก็เป็นนักสืบนั่นแหละ”

                มิสวู้ดมองเขาอย่างไม่สบายใจ “ดิฉันไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับแอนจะเล่าให้คุณฟังหรอกค่ะ ถ้าคุณเป็นเพื่อนกับคุณโอเดนเบิร์ก คุณก็ไปถามเขาเอาสิคะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่มิสวู้ดชิงหันไปหามิสซิสเมอร์สันแล้วทำเสียงอ่อนแรง

                “มิสซิสเมอร์สันคะ ฉันปวดหัวเหลือเกินค่ะ อยากจะกลับขึ้นไปพักเสียหน่อย ถ้าเฮนรี่มาบอกให้เขารอสักครู่นะคะ”

                “โอ งั้นหรือจ้ะ”

                มิสซิสวู้ดพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันมาย่อเข้าให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ดิฉันต้องขอตัวก่อน ขอโทษด้วยค่ะ”

                “เชิญครับ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า เขามองไล่หลังหญิงสาวที่เดินออกไปจากห้องอย่างงุนงง

                “ผมพูดอะไรผิดหรือครับ? ท่าทางเหมือนเธอไม่อยากคุยกับผม?”

                มิสซิสเมอร์สันหันมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณไม่ได้พูดอะไรผิดหรอกค่ะ คุณแค่ถามเธออย่างตรงไปตรงมาเกินไปเท่านั้นเอง”

                “.....”

                “คุณจะฝากดอกไม้ไว้ให้แอนรึเปล่าคะ?”

                “อ้อ ครับ ผมจะเขียนโน้ตใส่เอาไว้ ขอยืมกระดาษกับปากกาหน่อยได้ไหมครับ?”

                “เชิญเลยค่ะ กระดาษกับแท่นรองเขียนวางอยู่ที่โต๊ะใกล้เตาผิงค่ะ”

                ลอร์ดหนุ่มเขียนโน้ตลงบนกระดาษ ก่อนจะหยดครั่งแล้วประทับตราประจำตัวลงไป แล้วส่งโน้ตกับช่อกุหลาบให้มิสซิสวู้ด “ฝากให้มิสเฮเก้นต์ด้วยนะครับ”

                “ได้ค่ะ”

---------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-05-2017 14:04:14
                หลังออกจากที่พักของมิสเฮเก้นต์แล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดสินใจสั่งคนรับรถให้ขับรถไปยังแฮร์โรว์ ซึ่งเป็นที่ตั้งคฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด เดอะ เรด ชิมนีย์เป็นคฤหาสน์ที่มองหาไม่ยาก เพราะมันโดดเด่นด้วยปล่องไฟที่ก่อจากอิฐสีแดงตัดกับตัวคฤหาสน์สีเทา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถม้าเวียนอยู่แถวนั้นสักพัก ก็ตัดสินใจสั่งให้คนขับรถขับต่อไปที่คฤหาสน์เดลของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ตอนที่เขาลงจากรถม้า รถม้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็แล่นเข้ามาพอดี

                “โอ้ แมกซ์ นายก็คิดอย่างที่ฉันคิดเหมือนกันหรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทักเขาทันทีที่ลงจากรถ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

                “อะไร?”

                “ให้ตาย นี่นายไม่ได้โผล่มาที่นี่เพราะเรื่องเดียวกับฉันหรือ?” ลอร์ดหนุ่มมีท่าทางขัดใจ ก่อนจะลากตัวเพื่อนรักไปยืนซุบซิบกันที่ข้างต้นไม้

                “ก็เรื่องกอร์ดอนไงเล่า วันนี้ลอร์ดบาธเชิญเขามาดื่มน้ำชานะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เบิ่งตากว้างอย่างคนเพิ่งนึกได้ “เออ จริงด้วย ว่าแต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ”

                อีกฝ่ายมีสีหน้าหงุดหงิดกว่าเดิม “ทำไมนายซื่อบื้อแบบนี้ นายคิดว่าอย่างจอห์นนี่ของเราจะเก็บอาการได้หรือ? กอร์ดอนน่ะฉันไม่ห่วงหรอก แต่เพื่อนเรานี่สิ นายไม่เห็นหรือว่าต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาทำอะไรลงไปบ้าง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย เขาถามลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างเป็นกังวล “แล้วเราจะทำไงดี ตอนนี้พวกเขาคงกำลังคุยกันอยู่ใช่ไหม?”

                “ไม่รู้สิ ฉันหวังว่าเราจะมาถึงก่อนเขา อย่างน้อยๆ เราต้องพยายามลากตัวจอห์นนี่ออกมา”  ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แต่พอพวกเขาเอ่ยถามกับคนรับใช้ที่มาเปิดประตูให้ ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว

-------------------------------------

                กอร์ดอนนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาทรงกลมตัวใหญ่ ถัดจากเขามีเก้าอี้ว่างอีกสองตัว ก่อนจะถึงลอร์ดบาธ และลูกชายของเขาซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน ช่างตัดเสื้อยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ แล้วคลี่ยิ้มให้เจ้าของคฤหาสน์

                “ชาของท่านหอมเหลือเกินครับ เป็นชาอู่หลงผสมดอกกุหลาบ ของห้างแอริเดสันแน่ๆ”

                “ใช่” ลอร์ดบาธพยักหน้า “คุณดูมีความรู้เรื่องชาดีทีเดียว”

                “ผมเผอิญซื้อใบชาของร้านนี้บ้างเหมือนกันครับ” กอร์ดอนว่า “บังเอิญจริงๆ ที่ที่นี่ก็ใช้ใบชาของที่นี่ด้วย”

                “มาเรียคงอยากคุยกับคุณเรื่องชาพวกนี้แน่” ลอร์ดบาธว่า “แต่ผมไม่ได้เชิญคุณมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องชาหรอก”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “เรื่องชุดของท่านลอร์ดน้อยผมกำลังเร่งมืออยู่ คิดว่าคงเสร็จทันทั้งหมดก่อนฤดูหนาวนี้”

                “ผมทราบว่าคุณเป็นช่างที่ตรงต่อเวลามากที่สุดอยู่แล้ว” ลอร์ดบาธว่า เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ก่อนจะจ้องหน้าช่างตัดเสื้อเขม็ง “พักนี้ดูคุณสนิทกับจอห์นมากนะ เขาเป็นไงบ้างที่นีสเดน”

                “ท่านลอร์ดน้อยเป็นที่ต้อนรับมากที่นั่นครับ” กอร์ดอนตอบเขา “เซอร์จอร์จ คาเมร่อนญาติผมและภรรยาของเขารู้สึกเป็นเกียรติมากทีเดียวกับเรื่องนี้”

                “อืม...” ลอร์ดบาธส่งเสียงในคอ “ตำแหน่งลอร์ดแห่งโทรว์บริดจ์ของเขาเป็นเพียงแค่ตำแหน่งชั่วคราว ต่อไปในอนาคตเขาจะต้องรับตำแหน่งลอร์ดแห่งบาธสืบทอดต่อจากผม แน่นอนว่าเรื่องคู่ครองของเขาเป็นเรื่องสำคัญ ผมอยากให้คุณรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคบหาดูใจกับเลดี้คนหนึ่งอยู่ ซึ่งเธอเป็นหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นมารยาทการเข้าสังคม ความรู้ ความสามารถเชิงดนตรีและศิลปะ เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะครองคู่กับลูกชายของผม”

                “ครับ เรื่องนี้ผมทราบแล้ว” กอร์ดอนพยักหน้า “เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเป็นสตรีที่สวยงามและน่ารักอย่างยิ่งทีเดียว ผมเองก็เห็นด้วยว่าเธอเหมาะกับท่านลอร์ดน้อยมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับตัวอย่างอึดอัด เขาหันไปมองพ่อสลับกับช่างตัดเสื้อ ก่อนจะแทรกขึ้นมา “ผมไม่อยากให้พูดเรื่องนี้อีก” เขาว่า “ผมกับแคทเธอรีนยังไม่ได้ตกลงเป็นอะไรกัน เรายังต้องใช้เวลาศึกษากันและกันอีกนานมาก”

                ลอร์ดบาธปรายตามามองลูกชายตัวดีของเขา ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้นต่อ “ผมเข้าใจความกังวลของท่านครับ ผมก็ทราบดีกว่าหญิงที่เหมาะสมกับท่านลอร์ดน้อยต้องเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์เท่านั้น วางใจเถอะครับ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าท่านลอร์ดน้อยจะได้ครองคู่กับท่านหญิงที่เหมาะสมเช่นเลดี้แคทเธอรีน”

                ลอร์ดบาธมองเขา “ขอบใจนะโอเดนเบิร์ก”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนพูดพลางยิ้ม ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างว้าวุ่นใจ

                หลังดื่มชาหมดถ้วย กอร์ดอนก็ขอตัวกลับไปที่ร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกเดินตามเขาไป แต่ถูกลอร์ดบาธเรียกไว้

                “นั่งก่อนจอห์น พ่อยังมีเรื่องต้องคุยกับแกอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงอย่างละล้าละลัง “พ่อยังมีเรื่องอะไรต้องคุยกับผมอีกหรือครับ?”

                “เรื่องเกี่ยวกับตัวแกน่ะ” ลอร์ดบาธว่า “แกรู้ฐานะของตัวเองดีใช่ไหม?”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “ผมรู้ครับว่าตัวเองเกิดมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ทั้งต่อหน้าที่ในฐานะขุนนาง และต่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล”

                “อืม” ลอร์ดบาธพยักหน้า “พ่อไม่เคยห้ามแกเรื่องผู้หญิงนะจอห์น แกเป็นผู้ชาย แกมีสิทธิ์จะคบหากับใครก็ได้ โอเดนเบิร์กเป็นคนหน้าตาสะสวย พ่อเข้าใจ ญาติของเขาคงจะสวยมากทีเดียว พ่อจะไม่ขัดขวางหากแกกับเธอจะนัดเจอกันบ้าง แต่จำไว้นะจอห์น แกจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่มีฐานะเหมาะสมและคู่ควรกับแกเท่านั้น”

                “ครับ ผมรู้ล่ะครับ พ่อวางใจเถอะ ผมรู้ฐานะของผมกับเธอคนนั้นดี เพราะอย่างนั้นผมถึงไม่ได้บอกพ่อกับแม่เรื่องเธอไงครับ”

                “พ่อหวังว่าแกจะรู้จักหักห้ามใจเมื่อถึงเวลานะจอห์น ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่แกหวังหรอก และพ่อกับแม่รักแกมากนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองสบตากับพ่อของเขา วินาทีนั้นเขารู้สึกผิดจากขั้วหัวใจ ลอร์ดหนุ่มก้มหน้าลง “ถ้าพ่อไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมขอตัวไปส่งกอร์ดอนก่อนนะครับ”

                “อืม ไปเถอะ”

----------------------------------------

                โอลิเวอร์เดินเข้ามาหาลอร์ดหนุ่มทันที เมื่อเห็นเขาเดินตรงมาที่ทางเดิน “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันมารอพบคุณครับ พวกเขารออยู่ที่ห้องดนตรี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “แล้วกอร์ดอนล่ะ?”

                “คุณโอเดนเบิร์กนั่งรถม้ากลับไปแล้วครับ”

                “งั้นหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าผิดหวัง โอลิเวอร์มองเขาอย่างเป็นห่วง ก่อนจะขยับมากระซิบ

                “ไม่มีเรื่องรายแรงใช่ไหมครับ นายน้อย?”

                “ไม่ ยังไม่มี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ฉันจะไปหาสองคนนั่น ขอบใจนะ”

                “ครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำลังเล่นเปียโนสี่มือ*ฆ่าเวลาอยู่ (*เปียโนที่มีผู้เล่นสองคน) ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไป ทั้งคู่หยุดเล่นทันทีเมื่อเห็นหน้าเพื่อน

                “พวกนายไม่เล่นต่อล่ะ ฉันกำลังสงสัยเลยว่าจอร์จจะถูกนายเบียดตกเก้าอี้ตอนไหน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะออกมา ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกริมฝีปากเล็กน้อย ฝ่ายแรกพูดขึ้นก่อน “แสดงว่าไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นสินะ นายถึงอารมณ์ดีขนาดล้อเลียนฉันกับแมกซ์ได้แบบนี้”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ เขาเดินไปยังเปียโนที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างอีกตัว

                “พ่อฉันคุยกับกอร์ดอนแล้ว และกอร์ดอนก็รับปากกับเขาอย่างจริงจังว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันได้ครองคู่กับคนที่คู่ควร”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ฉันแน่ใจว่ากอร์ดอนต้องเล่นได้สมบทบาทแน่ เขาเล่นละครตบตาเก่งเอาเรื่องทีเดียว ดูตอนที่หลอกถามฉันเรื่องมาร์กาเร็ตสิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นบ้าง “แล้วนายล่ะจอห์นนี่ ทำอะไรให้พ่อนายผิดสังเกตบ้างรึเปล่า? พวกเราเป็นห่วงนายเรื่องนี้มากกว่ากอร์ดอนเสียอีก”

                “โอ... พวกนายมาเพราะเรื่องฉันหรือนี่?”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “นายน่ะทำเรื่องมาตลอดทั้งสัปดาห์นะจอห์นนี่ อย่างน้อยๆ ก็ต้นสัปดาห์ล่ะที่นายเกือบทำความแตก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “แต่ต่อไปฉันรับรองว่าจะระวังตัวมากขึ้น ดูเหมือนพ่อค่อนข้างพอใจทีเดียวกับการพูดคุยวันนี้”

                “โชคดีที่กอร์ดอนมีสติกว่านาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แล้วนายคิดจะทำไงต่อ จะคบเขาแบบแอบๆ ต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ หรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ฉันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อยู่แล้ว” ลอร์ดหนุ่มหยุดไปอึดใจหนึ่ง เหมือนชั่งใจว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมา

                “ฉันทำผิดกับพ่อแม่เรื่องนี้” เขาพูดออกมาในที่สุด “เมื่อกี้ก่อนออกมา พ่อพูดกับฉัน เขาวางใจฉันมาก และฉันรู้สึกผิดเมื่อคิดว่าไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับเขา”

                “แต่ถ้านายบอก ทุกอย่างจะเลวร้ายกว่านี้นะจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เว้นเสียแต่นายจะตัดใจจากกอร์ดอนได้สักวัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้นายไม่บอก ก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้ายอมรับ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา แล้วพูดขึ้นต่อ “จอห์นนี่... ฉันถามจริงๆ นะ นายวางแผนที่จะตัดใจจากกอร์ดอนบ้างรึเปล่า ฉันหมายถึง นายคิดไหมว่านายควรจะคิดถึงเขาให้น้อยลง ปรารถนาเขาให้น้อยลง พยายามลดความสัมพันธ์กับเขาให้เป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง อันที่จริงแล้วฉันรู้สึกว่ากอร์ดอนเป็นเพื่อนที่ไม่เลวนักหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แล้วนายคิดว่าตัวเองจะเป็นแค่เพื่อนธรรมดากับแม่สาวเฮเก้นต์ได้ไหมล่ะ?”

                “โอ้ จอห์นนี่... ฉันกับมิสเฮเก้นต์ยังไม่เป็นกระทั่งคนรู้จักด้วยซ้ำ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นทันที

                “อะไรนะ มิสเฮเก้นต์ สาวผมแดงที่กอร์ดอนเคยชอบน่ะหรือ? นายเกิดสนใจเธอขึ้นมาหรือแมกซ์ หรือว่านายแอบปิ๊งรักแรกของกอร์ดอนเข้าแล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอย่างรำคาญ “นายไม่รู้เรื่องอย่าพูดมากน่าจอร์จ เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง”

                “หึๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขึ้นจมูก “แมกซ์ ฉันว่านายคงไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่เพราะฉันหรอกใช่ไหม อย่างน้อยๆ นายก็ไม่น่าจะตรงมาที่นี่เลย ฉันรู้นะว่าที่นี่ใกล้กับคฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด พนันได้เลยว่านายเอารถม้ามาเอง ถ้าไม่ใช่ล่ะก็... ฉันยอมให้จอร์จยึดหมวกสามใบเลย”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “นายพูดอย่างกับตาเห็นแน่ะจอห์นนี่ ใช่เลย วันนี้แมกซ์เอารถม้ามาเอง ฉันแปลกใจมากที่เจอเขาที่หน้าคฤหาสน์ของนาย ที่แท้เขาก็แอบมาหาสาวแล้วเลยแวะมาหานายนี่เอง”

                “ฉันไม่ได้แอบมาหาสาว”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองเพื่อน “คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ดเป็นไง ปล่องไฟเขายังสีแดงดีอยู่มั้ย? นายไปหาแม่สาวเฮเก้นต์มาแล้วเมื่อเช้า แต่ไม่เจอเธอ เลยเวียนไปดูที่เดอะ เรด ชิมนีย์ล่ะสิ”

                คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงขึ้นมา เขาเคาะนิ้วลงไปบนเปียโนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ไม่อาจเบนความสนใจของเพื่อนทั้งสองได้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปถามเพื่อนรัก

                “จอห์นนี่ นายไม่เห็นเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเลย แมกซ์ไปเจอกับมิสเฮเก้นต์ได้ไงน่ะ แล้วกอร์ดอนรู้เรื่องนี้หรือยัง? เขาจะหึงเพื่อนเรามั้ย? นั่นรักแรกของเขานี่นา”

                “ถามแมกซ์ดูสิ เมื่อคืนเขาคุยกับกอร์ดอนเรื่องนี้แหละ”

                “ตกลงจอห์น ฉันแวะไปที่เดอะ เรด ชิมนีย์มาอย่างที่นายพูดจริงๆ นายช่วยบอกจอร์จให้หยุดถามฉันเรื่องนี้ทีเถอะ”

                “ฮ่าๆ นายไม่มีทางห้ามฉันได้หรอกแมกซ์ จนกว่านายจะเล่ามาให้หมดเปลือก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แล้วยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อน “นี่ ไม่ต้องเขินหรอกน่า ฉันอาจจะให้คำแนะนำนายเกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์ได้นะ”

                “นั่นสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สนับสนุน “จอร์จเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสาวๆ แม้ตอนนี้เขาจะรามือไปแล้วก็ตาม ฉันว่านายควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะเขินๆ “แหม... ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรอกน่า ฉันแค่อยากช่วยเพื่อนรักเท่านั้นเอง” เขาหันไปพูดกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกครั้ง

                “ว่าไงล่ะแมกซ์ นายไม่คิดจะเล่าให้เพื่อนฟังสักหน่อยหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เม้มปากอย่างชั่งใจ สุดท้ายเขาก็ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า พอฟังจบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็หัวเราะออกมาแบบไม่เกรงใจ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขมวดคิ้วมองพวกเขา

                “พวกนายขำอะไรกัน ฉันทำอะไรพลาดใช่ไหม?”

                “ที่จริงมันก็เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วน่ะนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด และพยายามกลั้นขำเต็มที่ “ถ้านายไม่ทำตัวเหมือนตำรวจหรือนักสืบที่เที่ยวไปถามประวัติของใครต่อใครไปทั่วน่ะ”

                “ฉันไม่ได้ถามไปทั่ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แย้ง “ฉันแค่ถามถึงประวัติเธอเฉยๆ มันเป็นเรื่องสำคัญนะที่เราจะต้องรู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของใครสักคนที่เราสนใจ”

                “อื้อหือ... แมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “นายทำอย่างกับว่านายตกลงปลงใจจะแต่งงานกับมิสเฮเก้นต์แล้วงั้นแหละ นายจะรู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของเธอได้ยังไง ถ้านายไม่พยายามทำความคุ้ยเคยกับเธอและเพื่อนเธอก่อน นายต้องค่อยๆ คุยกับเธอด้วยเรื่องทั่วๆ ไป พยายามถามเรื่องที่พวกเธอสนใจ ไม่ใช่เรื่องที่นายสนใจ นายต้องทำให้พวกเธอไว้ใจนายก่อน จากนั้นเดี๋ยวพวกเธอก็จะเล่าเรื่องให้นายฟังเอง”

                “โอ... อย่างนั้นเองหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันจะพยายามแล้วกัน เย็นนี้ฉันเชิญเธอมากินมื้อเย็นด้วยกัน”

                “เธอตอบตกลงรึเปล่า?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม “นายไปเจอเธอที่คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ดหรือ?”

                “เปล่า ฉันเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้เธอ บอกให้ไปเจอกันที่เดอะ แกรนด์เย็นนี้”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง แล้วตบไหล่เพื่อน “งั้นนายเตรียมตัวรอเก้อได้เลย มีโอกาสน้อยมากที่เธอจะไปตามคำเชิญของนาย เพราะนายแทบไม่รู้จักเธอ แถมยังทำเพื่อนเธอเสียขวัญ อย่างเดียวที่น่าจะทำให้เธอไปได้ ก็คือชื่อเดอะ แกรนด์นี่แหละ เธอคงไปเพราะรู้ว่านายเป็นคนร่ำรวย”

                “ฉันว่ามิสเฮเก้นต์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ เขายกมือตบไหล่เพื่อนรักอีกข้างหนึ่ง “ไม่เป็นไรหรอกแมกซ์ ไว้นายค่อยพยายามใหม่คราวหน้าแล้วกัน เย็นนี้พวกเราจะไปกินมื้อเย็นเป็นเพื่อนนายที่เดอะ แกรนด์เอง”

-----------------------------------------

                แอนนาเบล เฮเก้นต์กลับมาถึงที่พักในช่วงเย็น เธอมีสีหน้าแปลกใจมากเมื่อมิสซิสเมอร์สันนำกุหลาบช่อใหญ่มาให้พร้อมกับจดหมาย

                “ใครฝากมาคะเนี่ย?”

                “คุณเมอร์เรย์จ้ะ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับคุณโอเดนเบิร์ก เขาแวะมาที่นี่ตอนเช้า”

                “อ้อ” มิสเฮเก้นต์ส่งเสียงในคอ ก่อนจะรับช่อกุหลาบจากมิสซิสเมอร์สัน

                “โอ้ เธอมีกุหลาบอีกช่อแล้วนี่นา” หญิงวัยกลางคนทัก “นั่นของคุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียใช่ไหม?”

                “ค่ะ หนูรบกวนคุณเอามันไปจัดการทีนะคะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “หนูบอกคุณโรเบิร์ตหลายครั้งแล้วว่าหนูไม่ชอบดอกกุหลาบ”

                “งั้นหรือจ้ะ” มิสซิสเมอร์สันว่า แล้วรับกุหลาบช่อที่เล็กกว่ามา “แต่ที่หนูถืออยู่ก็เป็นดอกกุหลาบเหมือนกันนี่นา”

                “ต่างกันออกค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ที่คนให้” เธอพูดก่อนจะยิ้มจนเห็นลักยิ้ม “หนูขอขึ้นห้องก่อนนะคะ”

                “จ้ะ ตามสบายเลย หนูจะลงมากินมื้อค่ำกับฉันใช่ไหมจ้ะ?”

                “แน่นอนค่ะ”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของเธอ พอเปิดประตูเข้าไป มิสวู้ดก็ทักทันที

                “ไง แอน ว้าว กุหลาบช่อใหญ่มาก ใครให้เธอมา คุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียอีกแล้วหรือ?”

                “อ๋อ เปล่า ช่อนี้ไม่ใช่ของคุณเดอ เนเลีย” มิสเฮเก้นต์ว่า “ของคุณเมอร์เรย์น่ะ”

                คิ้วของมิสวู้ดย่นเข้าหากัน “ผู้ชายท่าทางน่ากลัวที่มาที่นี่เมื่อเช้าน่ะหรือ? เขาไปดักเจอเธอระหว่างทางหรือไง?”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “เขาฝากช่อกุหลาบเอาไว้”

                มิสวู้ดจ้องช่อกุหลาบและเพื่อนของเธอเขม็ง “เขาดูน่ากลัวออกนะแอน เขามาที่นี่แล้วเรียกฉันลงมาถามเรื่องเธออย่างกับพวกนักสืบหรือตำรวจแน่ะ แต่ฉันไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังหรอกนะ ฉันรู้สึกว่าเขาไม่น่าไว้ใจเลย เป็นใครก็ไม่รู้”

                “เขาเป็นเพื่อนของกอร์ดอนน่ะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “แต่ฉันยังไม่ได้ถามกอร์ดอนหรอกนะว่าเขาเป็นเพื่อนกับตาคนนี้จริงๆ รึเปล่า”

                “คุณโอเดนเบิร์กของเธอเป็นช่างตัดเสื้อให้กับพวกสุภาพบุรุษไม่ใช่หรือ?” มิสวู้ดว่า ก่อนจะพูดอย่างนึกขึ้นได้ “อันที่จริงแล้วตาเมอร์เรย์ที่มาเมื่อเช้าก็ท่าทางเหมือนพวกสุภาพบุรุษนะ เขาสวมสูทหรู สวมหมวกทรงสูง แล้วยังถือไม้เท้าที่มีหัวทำด้วยอำพันอีกด้วย โอ้ แอน ฉันไม่เคยเห็นอำพันก้อนใหญ่ขนาดนั้นมาก่อนเลย เขาคงจะร่ำรวยไม่น้อยเลยล่ะ”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “แต่เธอเพิ่งบอกฉันว่าเขาเหมือนพวกนักสืบหรือตำรวจไม่ใช่หรือมอลลี่ หรือเดี๋ยวนี้เธอคิดว่านักสืบต้องแต่งตัวหรูแล้ว”

                มิสวู้ดย่นคิ้ว “แหม แอน ก็ฉันไม่รู้จะบรรยายตัวเขายังไงนี่นา เขาแต่งตัวเหมือนสุภาพบุรุษก็จริง แต่ท่าทางของเขาดูเย็นชาน่ากลัว แถมพอเริ่มต้นพูดก็ซักถึงแต่ประวัติของเธอ จะให้ฉันไม่นึกถึงตำรวจกับนักสืบได้ไง”

                “อย่างนั้นหรือ?” มิสเฮเก้นต์พยักหน้า เธอวางดอกกุหลาบไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพลิกจดหมายในมือไปมา

                “นั่นอะไรหรือแอน อย่าบอกนะว่าตาเมอร์เรย์คนนั้นฝากจดหมายเอาไว้ด้วย”

                มิสเฮเก้นต์พยักหน้า “ใช่ เธอไม่ได้อยู่ตอนเขาเขียนจดหมายนี่หรือ?”

                มิสวู้ดสั่นศีรษะ “ฉันไม่อยากคุยกับเขา เลยขอตัวขึ้นมาบนห้อง บอกเขาว่าปวดหัวน่ะ”

                เพื่อนของเธอหัวเราะ ก่อนจะเปิดจดหมายออกอ่าน

                “.....”

                “เขาเขียนว่าไง แอน” มิสวู้ดถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอเดินเข้ามาใกล้มิสเฮเก้นต์ “เขาเขียนถามถึงเรื่องครอบครัวของเธอใช่ไหม?”

                “เปล่าหรอก เขาเชิญฉันไปกินมื้อเย็นที่เดอะ แกรนด์น่ะ”

                “ว้าว!” มิสวู้ดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “เดอะ แกรนด์! นั่นมันภัตตาคารหรูเลยนี่นา เขาคงร่ำรวยไม่น้อยจริงๆ นั่นแหละ เธอตกลงจะไปใช่ไหม?”

                “ทำไมฉันจะต้องไปด้วยล่ะ?” มิสเฮเก้นต์ย้อนถาม “ฉันเพิ่งบอกมิสซิสเมอร์สันเมื่อครู่นี้เองว่าจะอยู่กินมื้อเย็นกับเธอ”

                “ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย ถึงคุณเมอร์เรย์คนนั้นจะดูออกจะแปลกๆ สักนิด แต่เขาฝากกุหลาบแดงไว้ให้เธอนะ แถมยังเขียนจดหมายเชิญเธอไปกินมื้อเย็นที่ภัตตาคารหรู เขาต้องสนใจเธอมากแน่ เธอจะปฏิเสธโอกาสกับเขาหรือ?”

                “ฉันจำได้ว่าตอนเราเริ่มพูดถึงเรื่องเขา เธอเพิ่งบอกฉันเองนี่นาว่าท่าทางเขาไม่น่าไว้ใจ”

                “แหม ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเขามาถามถึงเรื่องเธอแบบนั้นเพราะสนใจจะจีบเธอนี่นา ฉันคิดว่าเขามาสืบเรื่องอะไรเสียอีก”

                มิสเฮเก้นต์มองหน้าเพื่อนสาวพลางยิ้ม “เพราะงั้นเธอเลยตั้งใจจะดันหลังฉันให้ไปกินมื้อเย็นกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียวงั้นสิ”

                มิสวู้ดยักไหล่ “คุณเมอร์เรย์คนนั้นอาจจะดูน่ากลัวก็จริงนะ แต่ถ้าเทียบกับคุณโรเบิร์ตของเธอแล้ว ฉันว่าเขาดูดีกว่าเยอะเลยล่ะ เธอไม่คิดจะพิจารณาข้อเสนอของเขาหน่อยหรือ?”

                “แล้วมิสซิสเมอร์สันล่ะ จะให้ฉันทิ้งเธอให้กินมื้อเย็นคนเดียวหรือ? ไม่ได้หรอก ฉันบอกเธอไว้แล้ว”

                “โธ่ แอน ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้มิสซิสเมอร์สันฟังเอง รับรองว่าเธอจะต้องยินดีให้เธอออกไปกินมื้อเย็นที่เดอะ แกรนด์แน่”

------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่28p.15(16/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-05-2017 14:04:32
                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ และเพื่อนรักทั้งสองคนของเขามาถึงภัตตาคารเดอะ แกรนด์ตั้งแต่หกโมงเย็น ลอร์ดหนุ่มสวมทักซิโดส์สีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต และถือไม้เท้าหัวอำพันอันเดียวกับที่ถือไปที่บ้านเช่าของมิสเฮเก้นต์เมื่อตอนกลางวัน ขณะที่เพื่อนของเขาสวมชุดสูทสบายๆ พวกเขานั่งลงที่โต๊ะซึ่งลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จองเอาไว้เป็นพิเศษ แล้วเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน

                “เอาจริงๆ นะแมกซ์ สมมติว่ามิสเฮเก้นต์มาที่นี่อย่างที่นายหวังไว้ เรื่องที่จอห์นนี่ไม่ใช่ผู้จัดการเหมืองก็แดงน่ะสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว

                “จริงด้วย ฉันลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงฉันคิดว่าจะบอกเธออยู่สักวัน ไม่แน่ว่าเธออาจจะเดาได้ตั้งแต่โปสเตอร์ชกมวยของฉันแปะหราไปทั่วลอนดอนแล้วก็ได้”

                “ก็จริงของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “งั้นเรามาคุยถึงเรื่องแผนการต่อไปที่จะทำให้แมกซ์ได้ทำความคุ้นเคยกับเธอดีกว่า ฉันว่างานนี้เราอาจจะต้องดึงกอร์ดอนเข้ามาช่วย เพราะเขาค่อนข้างสนิทกับเธอ”

                “แต่กอร์ดอนงานยุ่งมากอยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบออกตัว “ฉันไม่อยากให้เราไปรบกวนเขามาก”

                “นายยังหึงเขากับแม่สาวเฮเก้นต์อีกหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้วมองเขา

                “เบาๆ จอร์จ นี่ไม่ใช่ห้องอาหารส่วนตัวนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ พวกเขาคุยกันต่อถึงเรื่องรักบี้ ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หยิบนาฬิกาพกออกมาดูเป็นระยะๆ

                “นายไม่ต้องหยิบนาฬิกาออกมาดูบ่อยๆ แบบนั้นหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทักเขา “เพราะเวลามันไม่เดินเร็วขึ้นหรือหยุดอยู่แล้ว เดี๋ยวถ้าทุ่มหนึ่งเธอยังไม่มานะ พวกเราจะกินมื้อค่ำเป็นเพื่อนนายเอง ไม่ต้องกังวลไป”

                “ขอบใจ แต่ฉันอยากให้เธอมามากกว่า แม้เธอจะมาเพราะชื่อของเดอะ แกรนด์ก็ตามเถอะ”

                “อ้อ งั้นนายก็จงใจจะระบุว่าเป็นที่นี่ เพื่อให้เธอสนใจที่จะมางั้นสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ไม่แน่ว่าชื่อเดอะ แกรนด์อาจจะทำให้เธอมองข้ามความน่ากลัวของนายไปก็ได้ ถ้าไม่ใช่เธอ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อนของเธอล่ะ”

                ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อ้าปากจะพูดอะไร ผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของพวกเขา พร้อมด้วยหญิงสาวสองคน ทั้งสามหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์”

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดย่อตัวให้พวกเขาด้วยท่าทางประหม่า โดยเฉพาะมิสวู้ดออกอาการอย่างเห็นได้ชัด เธอหน้าแดงจัดและก้มหน้าก้มตา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพวกเธอสองคนด้วยความตื่นเต้น

                “ผมดีใจที่พวกคุณมา เชิญนั่งก่อน”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “พวกเรามารบกวนพวกคุณรึเปล่าคะ เราไม่รู้มาก่อนว่าคุณนัดเพื่อนเอาไว้ด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบมองกัน แล้วรีบพูดขึ้น “อ๋อ เปล่าหรอก พวกเราไม่ได้นัดกัน พวกเราแค่บังเอิญมาเจอกันเฉยๆ เราเห็นเขานั่งคนเดียวเลยมานั่งเป็นเพื่อนน่ะ ใช่ไหมแมกซ์?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพยักหน้า “อืม พวกคุณนั่งเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะไปแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปเขม่นเพื่อนแว้บหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงแล้วหันมาคลี่ยิ้มให้กับหญิงสาวทั้งสอง “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ผมได้ยินเรื่องคุณจากกอร์ดอนมาเยอะทีเดียว ”

                “โอ...” มิสเฮเก้นต์มองเขา “คุณเป็นเพื่อนเขาเหมือนกันหรือคะ?”

                “ครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ผม จอร์จ เฟลตัน เรียกผมว่าจอร์จก็ได้”

                มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดแนะนำตัวเอง ก่อนที่ฝ่ายแรกจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “พวกเราไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะคะ ข่าวการชกมวยของคุณเมื่อเดือนก่อนโด่งดังมากค่ะ ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขวยๆ “ผมนึกแล้วว่าคุณจะต้องเดาได้”

                มิสวู้ดมีท่าทางตื่นเต้น “ดิฉันไม่นึกเลยค่ะว่าคุณคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ คือเราไม่กล้าคิดว่าคุณจะไปอยู่ในบาร์แบบนั้นได้”

                “ที่จริงแล้วผมชอบไปที่แบบนั้นมากเลยล่ะ มันดูไม่เป็นทางการดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหันไปมองเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ “ทั้งจอร์จกับแมกซ์ก็เคยไปที่นั่นมาเหมือนกัน และพวกเขาก็ชอบมาก โดยเฉพาะแมกซ์ เขาแวะไปที่นั่นอีกหลายครั้งทีเดียว ผมแน่ใจว่านอกจากเบียร์ดำที่เขาติดใจแล้ว ต้องมีอย่างอื่นอีกแน่”

                มิสวู้ดหันไปหลิ่วตาให้เพื่อนสาว ขณะที่มิสเฮเก้นต์ยิ้มเขินๆ

                “แจ็คสันเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจค่ะ” เธอว่า “ดิฉันเองก็ชอบแวะไปที่นั่นบ่อยๆ เพราะเขาเหมือนกัน”

                “โอ... คุณคงไม่ได้...” เสียงของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หายไปเพราะถูกลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหยียบเท้า

                “แมกซ์เพื่อนเราเป็นคนคุยไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ตรงไปตรงมามาก ผมยืนยันกับพวกคุณเลยว่าคงหาใครซื่อตรงกว่าเขาในลอนดอนแทบไม่ได้อีกแล้ว”

                มิสเฮเก้นต์หัวเราะออกมา เธอเงยหน้ามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “คุณค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างน่าสนใจเชียวค่ะ... คุณเมอร์เรย์ เอ... ดิฉันคิดว่าคุณคงมีชื่อที่เป็นทางการกว่านี้...”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออึดใจ ก่อนจะพูดออกมา “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คือชื่ออย่างเป็นทางการของผม เช่นเดียวกับเขา” เขาหันไปมองลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “ชื่อทางการของเขาก็นำหน้าด้วยลอร์ดเหมือนกัน”

                “แต่ผมยินดีที่จะให้พวกคุณเรียกว่าจอร์จเฉยๆ หากพวกเราได้พบกันอีกครั้ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด “แมกซ์ก็เช่นกัน เขาคงดีใจมากถ้าพวกคุณจะทักทายเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง”

                พูดจบเขาก็เตะขาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เจ้าตัวรีบพยักหน้า “อืม... คุณจะเรียกผมว่าแมกซ์ก็ได้ ผมอนุญาต”

                “ดิฉันคงไม่กล้าหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดยิ้มๆ “พวกเรายังไม่ได้รู้จักกันดีอย่างนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา เขาหันไปหาเพื่อนรัก “นี่ จอร์จ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปทำธุระต่อ นายก็ไปด้วยกันสิ”

                “หา?”

                โดยไม่รอให้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะกิดให้เขาลุกขึ้นทันที “ผมต้องขอตัวก่อน”

                “ตามสบายเลยค่ะ” ทั้งสองสาวพูดขึ้น เมื่อลอร์ดหนุ่มทั้งคู่ลุกออกไปแล้ว มิสวู้ดก็พูดขึ้นบ้าง

                “ดิฉันเองก็คงได้เวลาต้องกลับแล้วเหมือนกันค่ะ” เธอหันไปยิ้มให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ดิฉันนัดกับคู่หมั้นเอาไว้ เขาคงรอแย่แล้วเชียว”

                มิสเฮเก้นต์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอหันไปมองเพื่อนทันที “แต่มอลลี่ ไหนเธอบอกว่า...”

                เพื่อนสาวขยิบตาให้เธอ ก่อนจะลุกขึ้น “ลาก่อนค่ะ ท่านลอร์ด”

                “ลาก่อน มิสวู้ด ผมต้องขออภัยเรื่องเมื่อตอนกลางวันด้วย”

                มิสวู้ดยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

                ในที่สุดบนโต๊ะอาหารก็เหลือแค่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับมิสเฮเก้นต์เพียงแค่สองคน มิสเฮเก้นต์เป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ดูทุกคนจะติดธุระยุ่งหมดเลยนะคะ ความจริงแล้วดิฉันเองก็...”

                “โอ... ผมไม่อยากให้คุณติดธุระด้วยอีกคน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดออกมา “ผมไม่ชอบที่ต้องกินมื้อเย็นคนเดียว”

                มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “งั้นปกติแล้วคุณคงมีเพื่อนกินมื้อเย็นทุกมื้อ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าลำบากใจ เขาสั่นศีรษะ “เปล่า ส่วนใหญ่ผมมักจะนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารคนเดียว ซึ่งผมไม่ชอบเลย”

                “โอ...” อีกฝ่ายมองเขาอย่างแปลกใจ “คุณอยู่ตัวคนเดียวหรือคะ?”

                “เปล่า แต่ผมไม่ค่อยชอบร่วมโต๊ะกับครอบครัวน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบตามตรง เขามองหน้ามิสเฮเก้นต์ “แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ที่ลอนดอนคนเดียวแบบนี้”

                “คุณดูสนใจอยากถามถึงที่มาที่ไปของดิฉันนะคะ” มิสเฮเก้นต์มองเขายิ้มๆ “เอาเถอะค่ะ ฉันจะเล่าให้คุณฟัง”

                “ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูด “ผมแค่นึกไม่ออกว่าจะชวนคุณคุยเรื่องอะไรดี”

                “คุณตรงไปตรงมาดีจังค่ะ” หญิงสาวว่า “บ้านเดิมของดิฉันอยู่ที่บริกตันค่ะ แต่หลังจากพ่อเสีย บ้านก็ตกเป็นของทายาทฝ่ายชาย ฉันกับแม่ต้องย้ายออก แม่ฉันเลยตัดสินใจแต่งงานใหม่ และเธอเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ดิฉันไม่สะดวกใจจะอยู่กับพ่อเลี้ยง เลยตัดสินใจออกมาหางานทำที่ลอนดอนค่ะ”

                “อย่างนั้นหรือ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ตะกี้เพื่อนคุณพูดถึงคู่หมั้นของเธอ แสดงว่าอีกไม่นานเธอก็จะแต่งงานและย้ายออกไปใช่ไหม? อันที่จริงแล้วผมมีบ้านเช่าดีๆ หลังหนึ่งที่ถนนเบรเวรี่ มันปลอดภัยและสะดวกต่อการเดินทาง ถ้ามิสวู้ดย้ายออกแล้วผมอยากให้คุณย้ายไปอยู่ที่นั่น ผมจะจัดการเรื่องค่าเช่าให้เอง”

                “โอ... ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้น “มิสซิสเมอร์สันยินดีจะลดค่าเช่าให้ดิฉันอีกหน่อย เพื่อที่ดิฉันจะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ และดิฉันเองก็ชอบเธอมากค่ะ”

                “งั้น... คุณสนใจจะมาทำงานกับผมไหม ผมกับพี่ชายกำลังจะเปิดบริษัทนำเข้าสินค้าจากแถบเอเชีย และผมกำลังมองหาผู้ช่วยอยู่ ผมยินดีจ่ายให้คุณเป็นสองเท่าของค่าจ้างที่ลอร์ดวู้ดฟอร์ดจ่ายคุณ”

                มิสเฮเก้นต์มองเขาแล้วยิ้ม “คุณช่างกรุณาดิฉันเหลือเกินค่ะ แต่ดิฉันคงต้องขอปฏิเสธ ดิฉันคิดว่าตัวเองไม่น่าจะทำหน้าที่ผู้ช่วยของคุณได้ดีนัก”

                “มันไม่มีอะไรยากหรอก ก็แค่ทำหน้าที่เสมียน จดรายรับรายจ่าย ทำบัญชี ผมรู้สึกว่าคุณได้รับการศึกษามาดีทีเดียว คงจะทำงานพวกนี้ได้ไม่ยาก”

                “อย่าเลยค่ะ ดิฉันไม่เหมาะจะทำงานแบบนั้นหรอกค่ะ มันควรเป็นงานของผู้ชายมากกว่า”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สูดหายใจ “คุณคงไม่สะดวกใจจะมาทำงานกับผม ไม่เป็นไรหรอก แต่ผมอยากให้คุณเปลี่ยนงานน่ะ... ถ้าคุณชอบสอนดนตรี ผมจะมองหาที่ใหม่ให้คุณ ผมไม่อยากให้คุณไปทำงานที่คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด”

                “ทำไมล่ะคะ?” แอนนาเบล เฮเก้นต์ถามด้วยความสงสัย “คุณไม่ชอบลอร์ดวู้ดฟอร์ดหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ไม่ ลอร์ดวู้ดฟอร์ดเป็นคนดี ผมกล้าพูดว่าชอบเขาพอๆ กับคนอื่นๆ ในลอนดอน แต่ลูกชายเขา โรเบิร์ต เป็นคนที่นิสัยแย่มาก ผมขออภัยที่ต้องพูดถึงลูกชายนายจ้างของคุณในแง่ไม่ดี มันอาจจะทำให้คุณมองผมไม่ดีก็ได้ แต่ผมต้องบอกคุณว่าเขาเป็นผู้ชายที่คุณไม่ควรจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยที่สุด มันจะเป็นการดีมาก ถ้าคุณลาออกมาเสีย”

                “ขอบคุณสำหรับความหวังดีค่ะ” มิสเฮเก้นต์มองเขาอย่างประทับใจ “ดิฉันจะระวังตัวไว้ แต่คงจะไม่เปลี่ยนงานหรอกค่ะ เพราะคุณหนูเจนนิเฟอร์น่ารักมาก เธอคงโยเยทีเดียวถ้าฉันลาออกไป”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออีกครั้ง “ถ้าคุณกังวลใจเรื่องเหตุผลที่จะลาออก ผมจะเขียนจดหมายแจงกับลอร์ดวู้ดฟอร์ดเอง เขาไม่ว่าอะไรคุณหรอก”

                อีกฝ่ายยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คะ คุณน่ะจริงจังกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าคะ? ดิฉันรู้สึกว่าคุณจริงจังกับดิฉันซึ่งเพิ่งพบคุณแค่สองครั้งมาก”

                “เปล่า ผมไม่เคยจริงจังกับใครแบบนี้หรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเธอตามตรง มิสเฮเก้นต์มองเขา

                “อย่างนั้นดิฉันก็ขอขอบคุณคุณมาก สำหรับความจริงใจที่คุณมีให้ดิฉันค่ะ แต่มันไม่เป็นการดีหรอกค่ะที่คุณจะจริงจังแบบนี้กับผู้หญิงที่คุณแทบไม่รู้จักเลยอย่างดิฉัน”

                “อย่างนั้นเราก็ควรจะรู้จักกันมากขึ้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดตอบเธอ “คุณจะให้เกียรติผมพบอีกครั้งหลังจากนี้ไหม? ผมเกรงว่าการไปรบกวนคุณถึงที่พักจะดูไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่ผมอยากจะพบคุณอีก”

                มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “คุณอย่ารู้จักดิฉันมากกว่านี้เลยค่ะ มันจะเป็นการดีกว่าทั้งคุณและดิฉัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวังเป็นอย่างมาก ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไร บริกรก็นำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ พร้อมกับแจกันที่มีดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่เสียบอยู่

                “เอ๊ะ ผมไม่ได้สั่งนี่” เขาหันไปแจ้งกับบริกร อีกฝ่ายโค้งให้เขา

                “ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่งไว้ให้คุณครับ” พูดจบเขาก็เดินออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองกุหลาบสีแดงดอกนั้นอย่างกระอักกระอ่วน

                “คือผมไม่ได้ตั้งใจ...”

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา เธอหยิบผ้ากันเปื้อนมาปูรองที่ตัก “อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยค่ะ ท่านลอร์ด ดิฉันไม่ได้ตัดรอนคุณเพียงเพราะไม่พึงใจต่อคุณหรอกค่ะ เพียงแต่มันจะดีกับคุณและฉันมากกว่า ถ้าเราจะรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออึดใจ ก่อนจะผงกศีรษะ “ตกลง มิสเฮเก้นต์ ผมจะเคารพการตัดสินใจของคุณ ผมขอดื่มฉลองให้กับการพบกันอย่างเป็นทางการของเรา”

                “เช่นกันค่ะ”

                พวกเขายกแก้วไวน์ขึ้นแตะกันเบาๆ และเริ่มต้นกินมื้อเย็นกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาแต่เหลือบมองมิสเฮเก้นต์ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ขณะที่อีกฝ่ายซ่อนแววตาเอาไว้ภายใต้ขนตาที่เป็นแพหนา และไม่ยอมมองสบตาเขาอีกเลย

                “ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะคะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้นหลังจากที่พวกเขาดื่มไวน์หลังอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า

                “ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเถอะ”

                มิสเฮเก้นต์นิ่งไปครู่ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ทั้งคู่ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินไปยืนเคียงข้างเธอ แล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้น มิสเฮเก้นต์เงยขึ้นมองเขาชั่วแว้บหนึ่ง ก่อนจะสอดแขนของเธอเข้าไปในวงแขนของเขา ทั้งคู่เดินเคียงกันออกจากเดอะ แกรนด์ไปยังรถม้าคันใหญ่ของคฤหาสน์สามเส้าที่จอดรออยู่ด้านหน้า

                “มิสเฮเก้นต์ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นระหว่างที่รถม้ากำลังแล่น มิสเฮเก้นต์หันมามองเขา

                “เรื่องอะไรหรือคะ?”

                “ปกติแล้วคุณทักผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งดื่มคนเดียวที่บาร์บ่อยหรือเปล่า?”

                มิสเฮเก้นต์ยิ้มออกมา “ดิฉันคิดว่ากอร์ดอนจะเล่าให้คุณฟังแล้วเสียอีก ว่าเขามองดิฉันอยู่หลายเดือน... ไม่หรอกค่ะ ดิฉันไม่เคยเดินไปทักใครก่อนหรอก”

                ดวงตาของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นประกายขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ รถม้าก็หยุดลง

                “ดิฉันคงต้องไปแล้ว” มิสเฮเก้นต์พูดและทำท่าจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถม้า แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชิงเปิดเสียก่อน เขากระโดดลงจากรถ แล้วยื่นมือให้เธอ มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา แล้ววางมือลงไป ก่อนจะก้าวลงมาจากรถ

                “เป็นเกียรติของดิฉันเหลือเกินค่ะ ที่ได้พบกับสุภาพบุรุษเช่นคุณ” เธอพูดหลังจากลงจากรถม้าแล้ว “หวังว่าการปฏิเสธของฉันคงจะไม่ทำให้คุณผิดหวังมากนัก เชื่อเถอะค่ะว่าดิฉันไม่ใช่คนที่คู่ควร ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ท่านลอร์ด”

                “ราตรีสวัสดิ์ มิสเฮเก้นต์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด และยกมือของเธอขึ้นมาจูบ หากเขาเหลือบตาขึ้นมองในช่วงเวลานั้น คงจะได้เห็นสีเลือดฝาดบนพวงแก้มของหญิงสาว แต่ทว่ามันเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น พอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยขึ้นมา สีหน้าของมิสเฮเก้นต์ก็กลับเป็นปกติเสียแล้ว

                เธอยิ้มให้เขา และเดินเข้าไปในบ้านพัก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอยออกมา แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปยังบ้านหน้าต่าง ไม่นานนักแสงไฟก็สว่างขึ้นจากหน้าต่างบานหนึ่ง จากนั้นม่านก็ถูกแง้มออก มิสเฮเก้นต์ยืนอยู่ตรงนั้น และกำลังมองลงมา เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน ผ้าม่านก็พลันถูกปิดลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจเฮือกใหญ่ เขาเดินกลับไปที่รถม้า และสั่งให้คนขับขับกลับไปที่คฤหาสน์

------------------------------------------
(จบตอน)

*** หลังจากตอนแรกเกือบจะกลายเป็นตอนดราม่าอีกตอน สุดท้ายเราก็แก้ไขให้มันกลายเป็นตอนมุ้งมิ้งได้สำเร็จ!! (นี่คือนิยายมุ้งมิ้ง!!!!)

เราว่าการจีบสาวของตาแมกซ์นี่เข้าข่ายคุกคามเลยล่ะ 555+ ดีนะแอนนาเบลเป็นสาวจิตแข็ง เจอแบบกอร์ดอนมีหวังโดนแจ้งตำรวจไปนานแล้วค่ะตาแมกซ์ขา 5555+

ยกคู่เอกไปเก็บชั่วคราว (เพราะคงไม่มีอะไรให้ขายนอกจากมาม่าชามโต เก็บไว้ก่อน ไว้ชิงโชคตอนจบ 555+)

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-05-2017 16:00:47
แมกซ์เป็นแนวจู่โจมอย่างน่ากลัวนะ นี่ขนาดแค่ชอบ ไม่อยากคิดเรื่องอย่างอื่น อิอิอิ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-05-2017 16:52:11
แมกซ์เอ๋ย จีบสาวแบบนี้ใครจะกล้าคุยด้วย

ศักดิ์ฐานะสูงก็เงื่อนไขเยอะเนอะ

อยากรู้ว่ากอร์ดอนเป็นอย่างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-05-2017 17:54:59
แมกซ์เอ๋ย จีบสาวแบบนี้ใครจะกล้าคุยด้วย

ศักดิ์ฐานะสูงก็เงื่อนไขเยอะเนอะ

อยากรู้ว่ากอร์ดอนเป็นอย่างไรบ้าง

ไม่ได้เงื่อนไขเยอะหรอกค่ะ นางซื่อบื้อ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 28-05-2017 18:59:02
จีบได้คุกคามมากอะ 555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-05-2017 19:27:11
แอนนาเบล เป็นอะไรมากกว่าครูสอนดนตรีหรือเปล่า
นางเก่งมาก สามารถอยู่ได้ตามลำพัง ใจแข็งด้วย
ไม่สนใจ ยศฐาบรรดาศักดิ์เลย

อุปนิสัยของคนต่างกันไปแต่ละคน
ลอร์ดแมกซ์ ก็เช่นกัน
แม้ดูเงียบขรึม เย็นชา พูดตรงๆ เหมือนคุกคาม
แต่คนอย่างนี้รักใครรักจริง ซื่อสัตย์ เอาใจช่วยแมกซ์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 28-05-2017 21:39:40
แมกซ์เป็นผู้ชายแบบที่เราชอบมากกกก ในเรื่องนอกจากกอร์ดอนก็มีแมกซ์นี่แหละที่รู้สึกว่าน่าคบจัง แต่คนแบบนี้ส่วนใหญ่จะนก แต่แมกซ์ไม่น่าจะนกหรอก ผู้ชายแบบนี้ต้องเจอผู้หญิงแบบแอนนี่แหละนะ ถึงจะคู่ควร


แอบกลัวคำพูดของลอร์ดบาธนิดหน่อย ไม่มีอะไรที่ได้อย่างใจไปซะหมดจริงๆนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-05-2017 22:46:28
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 31-05-2017 09:23:26
ลอร์ดแมกซ์ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดอีกนะคะ
จีบหญิงได้ทื่อทึ่มสุดๆ
แต่ก็แอบได้ใจสาวล่ะนะ55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-05-2017 10:21:02
 :กอด1: :3123: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-06-2017 22:16:48
ความตรงแด่วแน่วแน่ของลอร์ดแมกซ์น่าจะทำให้จีบแอนนาเบลได้ไม่ยาก เพราะแอนคงจะเจอผู้ชายมาจีบเยอะ แต่ตรงๆแบบนี้น่าจะมีไม่มาก

เห็นชื่อจอห์นนี่ทีไรรู้สึกหวานปนขมแปลกๆ
เห็นอุปสรรครำไร แล้วนี่รักกันมากทั้งคู่ด้วย
โอยยยย หวาดระแวงประหนึ่งเป็นตัวเราเสียเอง


ปล.แอบหลงรักลอร์ดจอร์จ เป็นผู้ชายที่น่ารักมาก จากเสือร้ายกลายเป็นลูกแมวเหมียว >< เค้าอยากมีน้องชายแบบนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-06-2017 16:09:39
Dear, My customer.

ตอนที่30 ผิดหวัง

                วันรุ่งขึ้น กอร์ดอนมีอันต้องต้อนรับสุภาพบุรุษที่ไม่ได้มาตัดเสื้อที่ร้านเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโผล่มาที่ร้านกอร์ดอน เทเลอร์ก่อนเวลาน้ำชาเล็กน้อย ด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างที่สุด

                “กอร์ดอน นายรู้เรื่องแมกซ์แล้วหรือยัง?”

                “ลอร์ดแมกซ์ทำไมหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความสงสัย มิสซิสมาร์ธายกน้ำชากับของว่างมาวางให้พวกเขา

                “ขอบใจ โอ้ นี่ถ้วยชาที่จอห์นนี่ซื้อให้นายหรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน “ว้าว สวยเหลือเชื่อ ไม่น่าเชื่อว่าเขาเป็นคนเลือกเอง” พูดจบเขาก็หัวเราะ กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้

                “ตะกี้คุณพูดถึงลอร์ดแมกซ์ เขามีเรื่องอะไรหรือครับ?”

                “อ้อ เขาไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะเทนมลงไปในน้ำชา ใช้ช้อนคน แล้วยกขึ้นจิบ “ชาหอมดี ตะกี้ถึงไหนแล้วนะ?”

                “คุณกำลังพูดถึงเรื่องลอร์ดแมกซ์อยู่ครับ”

                “อ้อ ใช่ เมื่อวานเขาเชิญมิสเฮเก้นต์ไปกินมื้อเย็นที่เดอะ แกรนด์”

                “โอ...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันใช้ดวงตาสีม่วงจ้องอากัปกิริยาของช่างตัดเสื้อ “นายยังหึงเธออยู่หรือ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่าครับ แต่ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย คือผมไม่คิดว่าเขาจะเชิญเธอไปกินมื้อเย็นด้วยกัน”

                อีกฝ่ายผงกศีรษะ “ฉันก็เหมือนกัน ฉันเพิ่งพบเธอครั้งแรกเมื่อวานนี้ เธออาจจะไม่ใช่สาวสวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธว่าบุคลิกและท่าทางของเธอน่าสนใจมาก เธอดู... ลึกลับอยู่หน่อยๆ”

                “พวกคุณไปด้วยกันหรือครับ?”

                “ใช่ เราสามคน จอห์นนี่ด้วย”

                “อา...”

                “คือเราไม่ได้ตั้งใจจะไปขัดคออะไรแมกซ์หรอกนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแก้ตัว “เราคิดว่าเธอคงไม่มาตามนัด เลยตั้งใจจะไปกินมื้อเย็นเป็นเพื่อนเขาเพื่อไม่ให้เขาต้องโดดเดี่ยวเปลี่ยวเอกา นายก็รู้ว่าวิธีการมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าของแมกซ์ค่อนข้างมีปัญหานิดหน่อย”

                “.....”

                “เขาค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมา อันที่จริงแล้วฉันกล้าพูดว่าเขาตรงไปตรงมาเกินไปจนดูน่ากลัวในสายตาคนนอก และดูน่าสงสารในสายตาของเพื่อนเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันกับจอห์นนี่เคยคิดว่า ถ้าแมกซ์จะจีบผู้หญิงสักคน เขาคงจะประสบความสำเร็จในการขู่ให้เธอกลัว มากกว่าที่จะทำให้เธอประทับใจ เราคิดว่าเขาคงจะได้แต่งงานกับเลดี้โชคร้ายสักคนที่ไม่มีทางเลือกถึงต้องมาเป็นภรรยาของเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนไม่ดีหรอกนะ แต่คงไม่มีผู้หญิงคนไหนทนความเถรตรงและทื่อมะลื่อของเขาได้หรอก”

                เขาเว้นจังหวะและจิบชาอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองช่างตัดเสื้อ “ฉันไม่ได้มานี่เพื่อจะนินทาเพื่อนตัวเอง แต่ฉันจะมาขอให้นายช่วย มิสเฮเก้นต์เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก เธอไม่กลัวแมกซ์ ไม่แสดงท่าทางขยาดหรือไม่อยากเข้าใกล้เขาอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ เธอมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเป็นมิตร ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับผู้หญิงที่ได้พบผู้ชายซึ่งเอาแต่ถามประวัติของเธอเหมือนตำรวจ ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมนายกับเขาถึงได้ตกหลุมรักเธอ”

                “อ้อ ครับ... เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น” กอร์ดอนพูดพลางยิ้ม “จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกชอบเธอมาก”

                “อืม... ฉันไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างพวกเขา เพราะจอห์นนี่สะกิดให้ฉันออกมาก่อน แต่ฉันอยากให้นายช่วยแมกซ์ ด้วยวิธีไหนก็ได้ ให้เขาน่าสนใจในสายตามิสเฮเก้นต์มากขึ้น นายอาจจะเล่าเรื่องดีๆ ของเขาให้เธอฟัง อืม... ไม่รู้สิ จัดการตามที่นายเห็นสะดวกเลย ฉันอยากให้พวกเขาได้ลองคบหากัน เธอน่าจะเข้ากับแมกซ์ได้ดี”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ผมจะลองดูครับ พักนี้ผมไม่ค่อยได้ออกไปดื่มเลย”

                “ฉันรู้ว่านายงานยุ่งมาก จอห์นนี่ก็บอกไว้แบบนั้น แต่... ฝากด้วยนะ และไม่ต้องบอกจอห์นนี่ว่าฉันมาขอร้องนายล่ะ เขาคงได้บีบคอฉันแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะดื่มชาจนหมดถ้วย แล้วลุกขึ้น “ชาอร่อยมาก ขอบใจกอร์ดอน ฉันไปก่อนล่ะ”

                “ครับ โชคดีครับ”

-------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แต่งตัวด้วยชุดทักซิโดส์ตัวหรู สวมหมวกทรงสูงและถือไม้เท้าที่มีหัวทำจากทองคำฝังบุษราคัมล้อมด้วยเพชรหนักห้าสิบกะรัต ทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ผู้จัดการเดอะ แกรนด์ก็รีบวิ่งมาต้อนรับเขาทันที

                 “วันนี้ผมมีแขกสำคัญ พวกเขาจะมาพร้อมจดหมายเชิญ ผมอยากให้คุณจัดห้องส่วนตัว สำรับสำหรับสามที่ และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เข้าใจใช่ไหม?”

                “ครับ วางใจได้เลยครับท่านลอร์ด เรารักษาความลับลูกค้าเสมอ” ผู้จัดการภัตตาคารที่มีชั้นบนเป็นโรงแรมหรูบอกเขา ก่อนจะเดินนำท่านเอิร์ลไปยังห้องรับประทานอาหารที่ถูกจัดแยกไว้ต่างหาก พนักงานเลิกม่านลง ขณะที่ลอร์ดหนุ่มนั่งลงบนโต๊ะยาวด้านใน ช้อนส้อมและจานถูกนำออกจนเหลือเพียงสามที่ ไวน์ขาวสำหรับดื่มก่อนมื้ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จิบไวน์พลางนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเรื่องที่เขาควรจะทำต่อไป หลังจากนั้นอีกราวสิบห้านาที เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำตาล และสวมหมวกที่มีตาข่ายคลุมหน้า ที่มาด้วยกันคือชายหนุ่มอายุราวสามสิบเศษ รูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำสนิท ดวงตาเป็นสีน้ำตาลเข้ม เขาสวมทักซิโดส์ที่ตัดเย็บมาเป็นอย่างดี และห้อยสายนาฬิกาที่ทำจากทองคำเส้นเล็กๆ ถือไม้เท้าที่มีหัวทำจากเงินดุนลาย

                ทั้งสองโค้งให้ลอร์ดหนุ่ม ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเชิญให้พวกเขานั่งลง

                “สายัณห์สวัสดิ์”

                “สายัณห์สวัสดิ์” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นต่อ

                “จอห์น นี่เบนจามินค่ะ”

                “เบนจามิน ดอว์สันครับ” ฝ่ายนั้นพูดพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขา เบนจามิน ดอว์สันดูเป็นผู้ชายท่าทางอบอุ่นและอ่อนโยน ในความคิดแรกเมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้เห็นเขา แต่ภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นมีบางอย่างที่ทำให้ลอร์ดหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็คลี่ยิ้มตอบไป

                “ผมคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ แคทเธอรีนคงเคยเล่าเรื่องผมให้คุณฟังบ้างแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ขณะบริกรนำไวน์ขาวมารินให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง

                “ครับ เธอชื่นชมคุณมากทีเดียว” มิสเตอร์ดอว์สันพยักหน้า “ผมเองมีโอกาสได้ไปดูการชกมวยของคุณเมื่อเดือนก่อนด้วย น่าประทับใจมากครับ”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกริมฝีปากเล็กน้อย อีกฝ่ายพูดขึ้นต่อ

                “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่คุณให้เกียรติเชิญพวกเรามาที่นี่ในวันนี้”

                “ผมก็ดีใจที่คุณมา” ลอร์ดหนุ่มว่า “ผมถามได้ไหมว่าพวกคุณพบกันที่ไหน?”

                “บนเรือครับ” มิสเตอร์ดอว์สันตอบเขา ก่อนจะหันหน้าไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “เราเจอกันบนเรือ ตอนที่เธอนั่งกลับมาจากกรีซเมื่อหกเดือนก่อน เราสนิทกันอย่างรวดเร็วมาก แคทเธอรีนเป็นสุภาพสตรีที่น่ารักจับใจผมมาก”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มให้เขาอย่างเขินอาย ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม... แต่ดูแล้วคุณไม่เหมือนคนกรีกเลยนะ สำเนียงคุณเหมือนคนอเมริกัน”

                “อ้อ ครับ ผมเป็นคนอเมริกัน ผมไปทำธุรกิจที่กรีซ เราต้องมองการการลงทุนใหม่ๆ เสมอ คุณคิดว่างั้นไหมครับ?”

                “อ้อ ใช่ ผมเองก็มีเพื่อนคนหนึ่งชอบทำธุรกิจเหมือนกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ว่าแต่คุณอยู่เมืองไหนหรือ? ที่อเมริกาน่ะ?”

                “ชิคาโก้ครับ คุณคงแปลกใจว่าทำไมผมไม่ทำธุรกิจอยู่ที่นั่น” มิสเตอร์ดอว์สันพูดต่อ “ที่นั่นมีแต่พวกอันธพาล ผมคิดว่าการออกมาหาโอกาสนอกประเทศปลอดภัยและน่าสนใจกว่า”

                “อืม... ผมเห็นด้วยว่าชิคาโก้เต็มไปด้วยอันธพาล” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “คุณเกิดและโตที่นั่นเลยหรือ?”

                “ครับ คุณเองก็เคยไปอเมริกาเหมือนกันใช่ไหมครับ”

                “ใช่ ผมเพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง อาผมทำเหมืองอยู่ที่นั่น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณล่ะ ตอนนี้ทำธุรกิจอะไรอยู่”

                “เกี่ยวกับการซื้อขายทองคำครับ เราเรียกมันว่าอนุพันธ์” มิสเตอร์ดอว์สันอธิบาย “มันเป็นการซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้า ไม่ใช่ตัวทองคำจริงๆ คุณก็ทราบว่าช่วงนี้สถานการณ์ทางการเมืองไม่ค่อยมั่นคง ทองคำจึงเป็นที่จับตามองมาก”

                “อืม ผมเคยได้ยินเพื่อนที่ทำธนาคารพูดถึงเรื่องอนุพันธ์อยู่เหมือนกัน ท่าทางคุณเป็นคนชอบเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงนะ”

                อีกฝ่ายหัวเราะเขินๆ “ผู้ชายอย่างเราก็ต้องเสี่ยงเป็นธรรมดานั่นแหละครับ ไม่งั้นก็คงไม่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น”

                “จริงของคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา “ขอดื่มให้กับการพบกันครั้งแรกของเรา มิสเตอร์ดอว์สัน ผมหวังว่าธุรกิจของคุณคงจะรุ่งเรืองและมั่นคงได้ในเร็ววัน หากมีอะไรที่ผมช่วยได้ขอให้บอกแล้วกัน ผมอยากให้แคทเธอรีนมีความสุข เธอเป็นเพื่อนที่ดีของผม”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนคลี่ยิ้ม “ขอบคุณค่ะจอห์น”

                “เช่นกันครับท่านลอร์ด”

---------------------------------------

                พวกเขากินมื้อค่ำ ดื่มไวน์หลังอาหาร และคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่จนเกือบสามทุ่ม จึงแยกย้ายกันกลับ ขากลับลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งให้โอลิเวอร์ขับรถม้าไปยังคฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                “ผมคิดว่าคุณจะแวะที่ร้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเสียอีก” โอลิเวอร์พูดพลางยิ้ม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ฉันอยากแวะหรอก แต่ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับแมกซ์ตอนนี้เลย”

                “ตกลงครับ”

                คฤหาสน์สามเส้าดูวังเวงเมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดของยามค่ำคืน รถม้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์แล่นผ่านประตูรั้ว พุ่มไม้เขาวงกตที่รายล้อมอยู่รอบๆ ดูสูงและดำทะมึนเหมือนกำแพง คบไฟถูกจุดไว้เป็นระยะ เมื่อถึงด้านหน้าคฤหาสน์ เขาก็พบว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยืนรออยู่แล้ว

                “โอ... แมกซ์ นายกำลังซ้อมดาบอยู่หรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นทันทีหลังลงจากรถม้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า

                “ใช่ ฉันกำลังช่วยคนสวนแต่งทรงพุ่มไม้อยู่”

                เขาพูดจบก็บุ้ยหน้าไปยังต้นไม้ที่อยู่ในกระถาง ซึ่งบัดนี้ทรงพุ่มของมันถูกแต่งให้เป็นทรงครึ่งวงกลมสวยงาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม

                “นายเป็นคนสวนที่ไม่เลวเลย”

                “ว่าแต่นายเถอะ มาทำอะไรที่นี่ป่านนี้ นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วนะ” เขาเก็บดาบ พลางล้วงนาฬิกาพกออกมาดู ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ

                “ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย ฉันรู้สึกว่าต้องพูดเรื่องนี้กับนายเดี๋ยวนี้เลย”

                “นายมาจากไหน?” อีกฝ่ายถาม พลางเดินนำเพื่อนเข้าไปในคฤหาสน์ “นายแต่งตัวเป็นทางการมาก นัดกินข้าวกับผู้ใหญ่มาหรือ?”

                “เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ เขาส่งโอเวอร์โค้ทให้คนรับใช้เอาไปแขวน “ฉันเพิ่งกลับจากกินมื้อเย็นกับแคทเธอรีนและคนรักของเธอ”

                “หา?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าประหลาดใจ “คนรักของแคทเธอรีน?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แคทเธอรีนมีคนรักอยู่แล้ว และฉันขอให้เธอพาเขามาพบฉัน”

                “โอ... ทำไมล่ะ? คนรักของเธอเกี่ยวอะไรกับนาย”

                “ฉันอยากจะส่งเสริมพวกเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องรับแขกเล็กของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แม้แต่ในช่วงเวลาที่อยู่คฤหาสน์เพียงคนเดียว ลอร์ดหนุ่มก็ยังเคยชินกับการใช้ห้องเล็กเสมอ

                “แคทเธอรีนเป็นเพื่อนที่ดีกับฉัน ฉันอยากช่วยเธอ แต่คนรักของเธอเป็นคนสามัญธรรมดา เขาเป็นชาวอเมริกัน”

                “อ้อ... พ่อแม่เธอคงไม่ปลื้มเท่าไหร่” อีกฝ่ายพูดต่อให้ “เขามีหน้าที่การงานเป็นหลักเป็นเรื่องไหม?”

                “นั่นแหละที่ฉันอยากให้นายช่วยสืบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันเพิ่งได้คุยกับเขา ดูเผินๆ แล้วเขาดูเป็นคนดีน่าเชื่อถือทีเดียว เป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงจะต้องหลงรัก หน้าตาดี มีมารยาท สายตาเรียบร้อยไม่กะลิ้มกะเหลี่ย รู้จักเจรจาพาที ฉันค่อนข้างประทับใจเขา แต่มีบางอย่างที่ฉันไม่ค่อยสบายใจนัก เขาชื่อเบนจามิน ดอว์สัน พักอยู่ที่โรงแรมคาเฟอร์เทีย ใกล้กับสถานีคิงครอส”

                “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องตรวจสอบเขาดู” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “สัญชาตญาณการมองคนของนายมักจะเชื่อถือได้เสมอ ไมกี้ยังเคยพูดกับฉันว่า ถ้านายมาทำงานร่วมกันกับเรา พ่อคงปลื้มใจมาก”

                “โอ... ฉันไม่ปลื้มงานของพ่อนายหรอก เขาเองก็ไม่ค่อยปลื้มฉันด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “แล้วเรื่องนายกับมิสเฮเก้นต์เป็นไงบ้าง?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าลำบากใจ “คือ... ฉันไม่ค่อยเข้าใจเธอเท่าไหร่?”

                “อ้าว ทำไมล่ะ? เธอไม่เล่นด้วยกับนายหรือ?”

                “ไม่เชิงหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “เธอไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจฉัน ไม่ได้แสดงอาการไม่ชอบใจ แต่เธอไม่ยอมเปิดช่องให้ฉันสานความสัมพันธ์ต่อ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรัก ก่อนจะยกมือตบไหล่เป็นเชิงปลอบใจ “เธออาจจะพยายามปฏิเสธนายอ้อมๆ ก็ได้”

                “โอ... งั้นคงเป็นการปฏิเสธที่สุภาพนุ่มนวลมากเท่าที่ฉันเคยได้รับมา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ฉันไม่คิดว่าเธอปฏิเสธหรอก”

                “อืม... แล้วนายจะทำไงต่อ?”

                อีกฝ่ายเม้มปาก “ฉันจะไปพบเธอที่คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด อย่างน้อยๆ แม้เธอจะไม่มีใจให้ฉันเลย แต่โรเบิร์ตและพ่อของเขาควรจะได้รู้ว่าเธอเป็นคนรู้จักของฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “การไปของนายก็เป็นการปกป้องเธอ ฉันเห็นด้วยว่ามิสเฮเก้นต์ดีเกินกว่าจะตกเป็นเหยื่อของผู้ชายอย่างโรเบิร์ต อันที่จริงแล้ว นายควรจะสืบเรื่องของเธอด้วย”

                “โอ... ฉันไม่อยากจะใช้คนสืบเรื่องของผู้หญิงที่ตัวเองสนใจหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ฉันอยากจะสืบเรื่องเธอด้วยตัวเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เพื่อนของเขา “อย่างนั้นนายคงต้องพยายามหน่อย ระวังอย่าให้เธอรู้สึกว่านายกำลังคุกคามเธอก็พอ”

                “ฉันจะพยายาม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า

-------------------------------------

                วันรุ่งขึ้น ราวบ่ายสองโมง เดอะ เรด ชิมนีย์ ก็มีโอกาสได้ต้อนรับแขกที่ไม่คาดคิด ลอร์ดวู้ดฟอร์ดมีสีหน้าประหลาดใจระคนตกใจมาก เมื่อเห็นรถม้าคันใหญ่ที่มีตราของคฤหาสน์สามเส้าแล่นเข้ามาในอาณาบริเวณของเขา

                “สวัสดีตอนบ่ายครับ ท่านลอร์ด คุณมีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?” ไวส์เคาน์แห่งวู้ดฟอร์ดเดินเข้ามาพบแขกของเขาที่ห้องรับแขก และพูดด้วยท่าทางติดจะเป็นกังวลเล็กน้อย เขาเป็นชายวัยราวห้าสิบเศษ รูปร่างเล็ก ผมสีน้ำตาลอ่อน ไว้หนวด และแต่งตัวดีเฉกเช่นที่ขุนนางควรจะทำ

                “ผมแวะมาเยี่ยมโรเบิร์ต ช่วงนี้เขาเป็นไงบ้าง?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาสวมเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้ม สวมหมวกฮอมเบิร์กสีน้ำตาล และถือไม้เท้าที่มีหัวทำจากอำพันก้อนเดียวกับที่ลอร์ดฟาริงดอนได้ให้เขาเอาไว้

                “เขาทำตัวดีขึ้นมากครับ เรื่องเมื่อคราวก่อนทำให้เขาเข็ดหลาบ” ลอร์ดวู้ดฟอร์ดรีบกล่าว “ผมแน่ใจว่าเขาจะไม่ทำเรื่องลำบากอีก แน่นอนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น”

                “แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ?”

                “เขาไม่อยู่หรอกครับ ผมเพิ่งใช้ให้เขาออกไปธุระ”

                “งั้นหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า เขากวาดตาสีฟ้าซีดมองลอร์ดวู้ดฟอร์ดรอบหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานที่นี่ คุณคงรู้จักเธอ มิสเฮเก้นต์”

                ลอร์ดวู้ดฟอร์ดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะรีบพยักหน้า “อ้อ ครับ เธอเป็นครูสอนดนตรีที่น่ารักมาก ลูกสาวผมติดเธอแจทีเดียว”

                “ลูกสาวคุณคงโตขึ้นเยอะแล้วจากที่ผมเคยมาเยี่ยมเมื่อคราวก่อน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาวางไม้เท้าเอาไว้ข้างตัว และลอร์ดวู้ดฟอร์ดก็เอาแต่จับจ้องมันอยู่ตลอดเวลา

                “คุณมีปัญหาอะไรกับไม้เท้าผมหรือ?”

                คนถูกถามรีบสั่นศีรษะ “เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจที่คุณเปลี่ยนไม้เท้าใหม่”

                “อ้อ ใช่ มันเป็นของขวัญ จากพี่ชายผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขากลับมาแล้ว”

                “โอ ครับ ผมยินดีที่เขากลับมาลอนดอนอีกครั้ง” ลอร์ดวู้ดฟอร์ดว่า ด้วยท่าทางพยายามปั้นสีเต็มที่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องเขา

                “ผมผิดหวังมากที่ไม่ได้พบโรเบิร์ตอย่างที่ตั้งใจ คุณคงไม่มีปัญหาอะไรที่จะบอกเขาถึงการมาเยี่ยมเยียนของผม และแน่นอนว่าผมจะหาโอกาสมาพบเขาอีก”

                “โอ แน่นอนครับ ผมแน่ใจว่าเขาคงยินดีที่จะพบคุณ” ลอร์ดวู้ดฟอร์ดว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้อง

                “มิสเฮเก้นต์จะเลิกงานกี่โมง มันคงดีกว่าถ้าผมจะรับตัวเธอกลับไปเลย ผมมีเรื่องต้องคุยกับเธอสักเล็กน้อย”

                ลอร์ดวู้ดฟอร์ดมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด “เธอเลิกงานสี่โมงครับ ผมไม่ทราบมาก่อนว่าเธอเป็นเพื่อนกับคุณ แต่ผมขอยืนยันว่าเบอร์ตี้... เอ่อ... โรเบิร์ตลูกผม ได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่แล้วตั้งแต่เรื่องครั้งนั้น”

                “ผมคิดว่าเวลาจะพิสูจน์เรื่องที่คุณพูดได้ดีที่สุด”

----------------------------------------------

                มิสเฮเก้นต์มีสีหน้าแปลกใจมากเมื่อเห็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รออยู่ที่ห้องรับแขก

                “โอ... ดูว์เมอรี่บอกดิฉันว่ามีเพื่อนมารอพบ ดิฉันไม่คิดว่า...”

                “อืม... ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณล่วงหน้า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “พอดีผมมีธุระจะต้องคุยกับคุณ”

                “งั้นหรือคะ...”

                “มันคงจะสะดวกกว่า ถ้าเราคุยเรื่องนี้กันบนรถของผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ ก่อนจะผุดลุกขึ้น เขาโค้งให้ลอร์ดวู้ดฟอร์ด “ผมคงต้องขอตัว”

                “เชิญเลยครับ”

                มิสเฮเก้นต์เดินตามหลังลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ออกมาจากคฤหาสน์ เดอะ เรด ชิมนีย์ โดยมีลอร์ดวู้ดฟอร์ดตามมาส่งตามมารยาท ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่งให้คนขับรถเปิดประทุนรถม้าออก แล้วเชิญมิสเฮเก้นต์ขึ้นไปนั่ง

                “คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ?” หญิงสาวถามขึ้นหลังจากรถม้าแล่นออกมาแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอ ก่อนจะสั่นศีรษะ

                “เปล่า ผมอ้างไปแบบนั้น เพราะนึกเหตุผลอื่นที่จะดึงตัวคุณมาไม่ออกน่ะ”

                “โอ...” มิสเฮเก้นต์มองเขาอย่างพิศวง ก่อนจะหัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับตัวอย่างประหม่า

                “อันที่จริงผมตั้งใจจะมาพบโรเบิร์ต แต่แย่หน่อยที่เขาไม่อยู่”

                “งั้นหรือคะ” มิสเฮเก้นต์ยิ้มออกมา “คิดว่าคุณตั้งใจจะมาพบดิฉันเสียอีก”

                “นั่นก็ด้วย!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โพล่ง ก่อนจะรีบพูดต่อ “คืออันที่จริงผมคิดว่าไหนๆ ก็มาแล้ว รอพบคุณเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว”

                มิสเฮเก้นต์มองเขาอึดใจใหญ่ “คุณกับมิสเตอร์เดอ เนเลีย มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีต่อกันนักหรือคะ?”

                “เปล่า” อีกฝ่ายปฏิเสธ “ผมกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย ไม่ใช่ทั้งมิตร ไม่ใช่ทั้งศัตรู”

                “คุณไม่ได้รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวหรือคะ?”

                “ไม่ ผมรู้จักกับเขาในระดับที่ผมควรรู้จักเท่านั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะพูดต่อ “เราอย่าคุยถึงเรื่องเขาเลย เขาไม่ใช่ผู้ชายที่มีส่วนดีอะไรให้น่าพูดถึงนักหรอก”

                มิสเฮเก้นต์หัวเราะชอบใจ “จริงของคุณค่ะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอ หัวใจของเขาพองโตเมื่อเห็นว่าเธอกำลังยิ้มและหัวเราะให้เขา

                “มิสเฮเก้นต์ คุณรังเกียจผมไหม?”

                “โอ...” ฝ่ายนั้นเบิ่งตากว้าง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ท่านลอร์ด ดิฉันไม่ได้รังเกียจคุณเลย”

                “งั้น... ถ้าผมจะขอโอกาส...” เขาหน้าแดงด้วยความประหม่า “ขอโอกาสคบหาดูใจกับคุณ คุณจะให้เกียรติคบกับผมไหม?”

                ใบหน้าของมิสเฮเก้นต์ปรากฏสีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบเบือนหน้าไปทางอื่น ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใจเต้นแรงด้วยความยินดี

                “คุณ... จะให้เกียรติคบกับผมใช่ไหม?”

                มิสเฮเก้นต์ใช้เวลานานหลายนาที กว่าจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติและหันกลับมาพูดกับลอร์ดหนุ่มอีกครั้ง “ดิฉันเกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ”

                “.....”

                “ไม่ใช่ว่าดิฉันรังเกียจคุณ ดิฉันไม่เคารพเกียรติของคุณ คุณเป็นสุภาพบุรุษผู้ดีพร้อมในทุกด้าน แต่เชื่อเถอะค่ะว่าดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่สมควรได้รับเกียรตินี้ ดิฉันไม่สมควรแม้แต่จะได้นั่งรถร่วมกับคุณ ได้สนทนากับคุณเสียด้วยซ้ำ”

                “โอ... ทำไมล่ะ คุณมีข้อขัดข้องอะไรหรือที่ทำให้ไม่อาจคบกับผมได้ ปูมหลังของคุณมีปัญหางั้นหรือ? บอกผมมาเถอะ ผมช่วยแก้ไขให้คุณได้ คุณเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมประทับใจมาก ผมไม่เคยประทับใจใครเท่าคุณมาก่อนเลย”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “มันสายไปแล้วล่ะค่ะ คุณไม่อาจช่วยอะไรดิฉันได้หรอก เลิกสนใจดิฉันเถอะค่ะ วันหนึ่งข้างหน้า คุณจะรู้เองว่าดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คู่ควรกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอด้วยสายตารวดร้าว “คุณจะไม่ให้โอกาสผม... ไม่ให้โอกาสตัวคุณเองแม้แต่นิดเลยหรือ?”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์ผงกศีรษะ ความเงียบเข้าครอบงำคนทั้งคู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จับจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ทั้งผิดหวังทั้งไม่เข้าใจในเหตุผล ขณะที่อีกฝ่ายเสมองไปข้างทาง

                บรรยากาศของท้องทุ่งที่รอการเก็บเกี่ยวท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายช่างอบอุ่น สายลมที่พัดมาต้องผิวกายให้สัมผัสที่อ่อนโยน ชวนให้นึกถึงบรรยากาศอันละมุนของความรัก แต่ทว่าบนรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่ที่กำลังแล่นอยู่ กลับมีเพียงความเงียบงันอันแสนจะน่าอึดอัด

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-06-2017 16:10:20
                ในที่สุด มิสเฮเก้นต์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ดิฉันเคยมีน้องสาวอยู่คนหนึ่งค่ะ”

                “....” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องเธอด้วยความสนใจทันที

                “เธอเป็นเด็กสาวที่แสนไร้เดียงสา เป็นลูกติดของพ่อเลี้ยงดิฉัน เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันด้านสายเลือดเลย แต่พวกเรารักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ เธออ่อนกว่าฉันสองปี ถ้าตอนนี้เธอยังอยู่คงจะอายุยี่สิบปีแล้ว”

                สายตาของเธอทอดไปยังอดีตที่ไม่อาจหวนคืน สายลมจากการวิ่งของรถพัดปอยผมสีแดงของเธอไล้ไปตามพวงแก้ม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ห้ามตัวเองหลายครั้งไม่ให้ยื่นมือไปเกี่ยวผมให้เธอ ระหว่างนั้นมิสเฮเก้นต์เล่าเรื่องของเธอต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

                “เธอมีผมสีทองอย่างแสงแดดยามเช้า มีดวงตาสีฟ้าสดใสเยี่ยงท้องฟ้าในเวลากลางวัน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ทำให้ทุกคนสดชื่น บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเราคงมีความสุขกันมาก”

                “เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามออกมา มิสเฮเก้นต์หันมามอง ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ

                “เธอฆ่าตัวตายค่ะ... เมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุแค่สิบหกปี”

                “โอ... ผมเสียใจด้วย”

                มิสเฮเก้นต์ผงกศีรษะ “มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตเธอ เขารูปหล่อ ร่ำรวย เธอคลั่งไคล้เขามาก แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็รู้ตัวว่าเธอรักเพื่อนชายที่เธอสนิทด้วยต่างหาก ดิฉันคิดว่าพวกเขาคงไปด้วยกันได้ดี เธอยังอายุน้อย ส่วนเขาเองก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน พวกเขารักกันอย่างบริสุทธิ์และซื่อเสียจนน่าสงสาร ชายผู้ร่ำรวยที่เธอเคยคลั่งไคล้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกเขา ด้วยความซื่อ พวกเขาเชื่อทุกอย่างที่ชายคนนั้นพูด แต่แล้วมันก็เป็นไปในทางตรงกันข้าม ชายคนนั้นล่อลวงน้องสาวดิฉัน ย่ำยีเธออย่างไม่ให้เกียรติ เขาทำราวกับเธอเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่ต้องตกเป็นของเขา น้องสาวของดิฉันไม่อาจทนทานความต่ำช้าและเหยียดหยามเช่นนี้ได้ เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการกระโดดแม่น้ำ ตำรวจพบศพเธอในอีกสองวันถัดมา ไม่มีจดหมายลาตาย ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ดิฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน เพื่อนชายของเธอก็คิดเช่นเดียวกัน แต่เขาอารมณ์ร้อนและมุทะลุ เขาเดินทางไปหาชายชั่วคนนั้น และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย”

                “......”

                “ท่านลอร์ดคะ” มิสเฮเก้นต์ใช้ดวงตาสีน้ำตาลของเธอจ้องมายังเขาแน่วนิ่ง “คุณไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่แสดงความสนใจต่อตัวดิฉัน แต่คุณเป็นคนแรกที่ดิฉันรู้สึกจากใจจริง ว่าดิฉันไม่คู่ควรแม้แต่จะได้นั่งรถร่วมกับคุณ ได้โปรดตัดใจเสียเถอะค่ะ สักวันหนึ่งคุณจะรู้ว่าดิฉันนั้นไม่คู่ควรจริงๆ และคุณจะรู้สึกละอายแก่ใจที่ให้เกียรติผู้หญิงเช่นดิฉันมากมายถึงเพียงนี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เม้มปากด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เขามองหน้ามิสเฮเก้นต์อย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ แค่เพราะน้องสาวคุณถูกผู้ชายที่ร่ำรวยคนหนึ่งล่อลวงและย่ำยี คุณจึงตีค่าว่าผู้ชายร่ำรวยทุกคนเป็นคนเลวอย่างนั้นหรือ?”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ไม่ใช่คุณ คุณเป็นสุภาพบุรุษที่ซื่อตรงอย่างน่านับถือ และดิฉันมีความรู้สึกประทับใจคุณจากใจจริง แต่เชื่อดิฉันเถอะค่ะว่าดิฉันไม่คู่ควรกับคุณไม่ว่าจะด้วยแง่ไหนก็ตาม ได้โปรดเถอะค่ะท่านลอร์ด เพื่อเกียรติของตัวคุณเอง คุณไม่ควรจะพบดิฉันอีกแม้เพียงครั้งเดียว”

                “ไม่” อีกฝ่ายสวนทันควัน “ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้พบกันอีก จนกว่าคุณจะบอกผมตรงๆ ว่าคุณรังเกียจผม ว่าผมไม่คู่ควรกับคุณ”

                มิสเฮเก้นต์มองเขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลที่สั่นระริก เธอเผยอริมฝีปาก แต่คำพูดกลับไม่ยอมหลุดออกมา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดึงมือเธอมากุมไว้

                “ได้โปรดเถอะ ให้โอกาสผมสักครั้ง ให้พวกเราได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ให้ผมได้แสดงให้คุณเห็นว่าคุณมีความหมายกับผมเพียงไหน”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ เธอดึงมือออก และเบือนหน้าไปทางอื่น “ไม่ค่ะ นี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของเรา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออย่างนิ่งงัน พวกเขาทั้งคู่เงียบกันไปอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่มิสเฮเก้นต์จะพูดขึ้นอีกครั้ง

                “กรุณาส่งดิฉันกลับเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นก็ให้ดิฉันลงเสียตรงนี้เลย”

---------------------------------------
                ท้ายที่สุด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็สั่งให้คนขับรถม้าขับกลับมาส่งมิสเฮเก้นต์ที่บ้านพัก แน่นอนว่าตลอดทางพวกเขาไม่ปริปากพูดอะไรกันอีกเลย ลอร์ดหนุ่มเอาแต่ก้มหน้าเงียบ ส่วนหญิงสาวก็เอาแต่หันมองข้างทาง ทุกอย่างระหว่างพวกเขามีเพียงความเงียบงัน กระทั่งถึงหน้าบ้านของมิสซิสเมอร์สัน

                “โอ... ว้าว ผมไม่คิดว่าคุณจะมากับเขาได้”

                ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านหลังนั้น เขาแต่งตัวด้วยชุดสูทสีน้ำเงินโก้เก๋ ในมือถือกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูเข้ากับผมสีน้ำตาลที่ตัดสั้น รอยยิ้มของเขามีเสน่ห์อย่างที่ใครเห็นก็ต้องไม่มีวันลืม เขาคลี่ยิ้มและมองไปยังสองหนุ่มสาวที่นั่งกันอยู่บนรถ มิสเฮเก้นต์อุทานด้วยความตกใจ

                “โรเบิร์ต ทำไมคุณถึงได้...”

                “ผมสิต้องเป็นฝ่ายถามคุณ” โรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดพลางฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม “ทำไมคุณถึงนั่งรถมากลับท่านลอร์ดคนนี้ได้ โอ้ สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ผมแปลกใจมากเลยที่ได้พบคุณในสถานการณ์แบบนี้”

                “แต่ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “สายัณห์สวัสดิ์โรเบิร์ต ท่าทางสบายดีนะ”

                “แน่นอน ผมสบายดีมาก ทั้งหมดต้องขอบคุณคุณนั่นแหละ” มิสเตอร์เดอ เนเลียพูด มิสเฮเก้นต์รีบเปิดประตูลงจากรถม้า ตรงมาหาเขาทันที

                “โอ... คุณไม่ควรจะมาที่นี่”

                “ทำไมล่ะ? มันผิดตรงไหนที่ผมจะมาหาคนรักของผม” ชายหนุ่มว่า เขายกมือหญิงสาวขึ้นมาจูบ “ใจคอคุณจะให้ผมรอเจอคุณที่บ้านอย่างเดียวหรือ? ไม่เอาน่าแอน คุณก็รู้ว่าผมหลงคุณจนจะบ้าอยู่แล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องพวกเขาทั้งสองคนเขม็ง ด้วยสีหน้าแข็งทื่อราวกับรูปสลัก มิสเฮเก้นต์หันไปมองเขา และพูดต่อด้วยสีหน้าลำบากใจ

                “ท่านลอร์ดคะ คือดิฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

                “ผมเข้าใจ ผมเข้าใจเหตุผลของคุณแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นทันที “ผมหวังว่าพวกคุณทั้งคู่จะไปด้วยกันได้ดี แน่นอนว่าผมคงไม่อาจพูดอะไรมากกว่านี้ได้.... ลาก่อน มิสเฮเก้นต์ ลาก่อนโรเบิร์ต”

                “ลาก่อนครับ แหม... ผมคิดว่าคุณจะอยู่กินมื้อเย็นกับเราเสียอีก ผมอยากรู้มากกว่าคุณรู้จักกับแอนได้ยังไง ท่าทางคุณไม่น่ารู้จักกับเธอได้”

                “เป็นธุระเกี่ยวกับงานของผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะสั่งคนขับรถม้าให้ขับออกไปทันที มิสเตอร์เดอ เนเลียหันมาหาคนรักของเขา

                “ผมไม่ยักรู้ว่าคุณรู้จักกับเขาด้วย คุณนี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ”

                “โอ... ฉันรู้จักกับเขาโดยบังเอิญน่ะค่ะ” มิสเฮเก้นต์ตอบ อีกฝ่ายมองเธอยิ้มๆ

                “เขาพยายามจีบคุณหรือ? ท่านชายใจหินคนนั้นน่ะ”

                “อะไรนะคะ?”

                “ผมคิดว่าเขาพยายามจีบคุณนะ แล้วคุณไม่ได้บอกเขาหรือว่าเรากำลังคบกันอยู่ ดูเหมือนเขาจะผิดหวังทีเดียว” พูดจบเขาก็หัวเราะในคอ มิสเฮเก้นต์มองหน้าเขา

                “คุณเรียกเขาว่าอะไรนะคะ?”

                มิสเตอร์เดอ เนเลียเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ผมเรียกเขาว่าท่านชายใจหิน... มีอะไรหรือ?”

                “โอ... คุณเรียกเขาลับหลังแบบนี้หรือคะ?”

                มิสเตอร์เดอ เนเลียยักไหล่ “ไม่ใช่แค่ผม ใครๆ ก็เรียกเขาลับหลังแบบนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณรู้ว่าเขาเป็นใครน่ะนะ พี่ชายเขายังถูกเรียกว่าท่านชายเหมันต์เลย พวกเขาสองพี่น้องค่อนข้างเป็นคนที่มีอิทธิพลอยู่ อันที่จริงแล้วผมพูดได้ว่าเป็นตัวพี่ชายของเขา ส่วนเขาเอง... เอาล่ะ นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานินทาชายอื่นให้คนรักฟัง ผมมาเพื่อชวนคุณไปกินมื้อเย็น และผมหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธคำเชิญของผม”

                มิสเฮเก้นต์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างหวานชื่น “แน่นอนค่ะ”

-----------------------------------

                กอร์ดอนตัดสินใจว่าเขาจะแวะไปที่บาร์บีช็อต เผื่อเจอมิสเฮเก้นต์ จะได้ช่วยพูดเรื่องที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาขอร้องไว้ เขารู้สึกว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง และยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้เขาคบหากับมิสเฮเก้นต์ แต่ทว่าเขายังไม่ทันจะได้หยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวม รถม้าคันใหญ่ก็แล่นมาจอดที่หน้าร้านของเขา เดวิดรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือนทันที

                “โอ... สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด คุณมีธุระอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?”

                สีหน้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่สู้ดีนัก เขาปฏิเสธที่จะถอดเสื้อโค้ทส่งให้เดวิด “ฉันมาเพื่อบอกนายว่า ฉันไม่อาจรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนายได้”

                “อะไรนะครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นต่อ

                “ฉันไม่อาจเหนี่ยวรั้งมิสเฮเก้นต์เอาไว้ให้พ้นจากมือโรเบิร์ต เดอ เนเลียได้”

                “โอ...” อีกฝ่ายคราง ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางวิตก “แล้วจะทำอย่างไรต่อดีครับ ผมไม่อยากให้แอนไปกับคนไม่ดีแบบนั้น คุณช่วยอะไรเธอไม่ได้เลยหรือ?”

                “เธอตกลงคบกับเขาแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเสียงพร่า “เธอรักเขา ฉันไม่อาจห้ามเธอได้”

                “แต่...”

                “ฉันหวังว่าโรเบิร์ตจะปรับปรุงตัว บางทีเขาอาจจะรักเธอจริงๆ ก็ได้”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา “แล้ว... คุณล่ะครับ?”

                ฝ่ายนั้นเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ขอโทษด้วยนะที่ฉันทำอย่างที่พูดไม่ได้”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าเรื่องแบบนี้ห้ามกันไม่ได้” กอร์ดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง

                “ลาก่อนกอร์ดอน”

                “ลาก่อนครับ”

-------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับมาที่คฤหาสน์และตรงไปยังบาร์เครื่องดื่มทันที เขาไล่คนรับใช้ออกไปจากห้องทั้งหมด และผสมเหล้าให้ตัวเองแก้วแล้วแก้วเล่า

                ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมิสเฮเก้นต์ยังคงปรากฏชัดอยู่ในห้วงสำนึกของเขา หัวใจของเขายังจดจำว่ามันรู้สึกดีเพียงไหนตอนได้เห็นภาพนั้น และตอนนี้มันรู้สึกแย่เพียงไหนเมื่อได้เห็นภาพเธอกับผู้ชายอีกคน

                ลอร์ดหนุ่มซบหน้าลงกับฝ่ามือ เขาเพิ่งพบกับมิสเฮเก้นต์เพียงสามครั้งเท่านั้น และทั้งสามครั้งเขาแทบไม่ได้เสวนาอะไรกับเธอเลย เขารู้จักเธอน้อยมาก แต่ความประทับใจที่เขามีต่อเธอนั้นช่างมากมายเหลือคณา เขารู้สึกเจ็บปวดที่ถูกเธอปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าการที่ได้เห็นเธอรักอยู่กับคนอื่นจะทำให้เขาเจ็บปวดได้มากมายถึงเพียงนี้

                ที่เจ็บปวดเหนือกว่าสิ่งอื่นใด คือเขาไม่คาดคิดว่าเธอจะคบหาอยู่กับคนซึ่งไม่คู่ควรกับเธอเลยในสายตาของเขา โอ... โรเบิร์ต เดอ เนเลียที่แสนต่ำช้า ถ้าเขาเปิดเผยเรื่องของผู้ชายคนนั้นให้เธอรู้ เธอคงจะตีตัวออกห่างจากหมอนั่นทันที แต่มันช่างเป็นเรื่องอันน่าละอาย ที่เขาจะใช้ความลับของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มีโอกาสคบหากับผู้หญิงที่ตัวเองสนใจ และอีกอย่าง ก็ตัวเขาเองไม่ใช่หรอกหรือ ที่เป็นคนช่วยเก็บงำความลับนั้นไว้

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจแรง เขาเงยหน้าขึ้นและหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามโพล้เพล้ ชายหนุ่มค้นพบว่า เขาไม่อาจทนความอ้างว้างในคฤหาสน์อันใหญ่โตนี้ได้เลย

                เขาออกจากคฤหาสน์อีกครั้ง สั่งคนขับรถม้าให้ขับตรงไปยังแหล่งเริงรมย์ที่ใหญ่โตที่สุดของเมือง

-----------------------------------

                วันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีอันต้องแปลกใจแต่เช้า เมื่อลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งรถม้ามาหาเขาที่คฤหาสน์ด้วยท่าทางเร่งร้อน เจ้าตัวไม่ยอมถอดแม้กระทั่งเสื้อโค้ท ตอนที่เขาเดินเข้าไปพบในห้องรับแขก

                “จอห์นนี่ ฉันว่าแมกซ์ต้องเกิดเรื่อง เขาไม่อยู่ที่คฤหาสน์เมื่อคืนนี้”

                “นายรู้ได้ไง?” อีกฝ่ายย้อนถาม ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้นมาอย่างขัดใจ

                “ก็ฉันเพิ่งไปหาเขามาน่ะซี่ คนรับใช้บอกว่าเขาออกไปที่ร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

                เพื่อนของเขาเลิกคิ้ว “แล้วไง แมกซ์เป็นผู้ชายนะจอร์จ เขาไปที่นั่นก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรเลย”

                “แปลกสิ” อีกฝ่ายว่า “เพราะหลังจากนั้นฉันไปหากอร์ดอน เขาบอกว่าแมกซ์ไปพบเขาเมื่อคืน เห็นว่าเขาผิดหวังจากมิสเฮเก้นต์”

                “หา!”

                “นี่ไม่ใช่เวลามานั่งตกใจนะจอห์นนี่ แมกซ์ของเราเพิ่งอกหัก เขาเพิ่งค้นพบว่ามิสเฮเก้นต์กำลังคบหาอยู่กับโรเบิร์ต”

                “โอ้ ให้ตาย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา “ฉันไม่คิดว่ามิสเฮเก้นต์จะคบหากับผู้ชายแบบนั้น”

                “แต่กอร์ดอนบอกว่าแมกซ์เห็นกับตา โอ้ จอห์นนี่ ฉันน่ะชอบร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันมาก แต่ฉันไม่เห็นด้วยเลยที่เพื่อนผู้มีเกียรติของเราจะไปขลุกอยู่ที่นั่นหลังจากเขาอกหัก แมกซ์ไม่ควรจะทำตัวเองให้ดูตกต่ำแบบนั้น”

                “งั้นเราต้องรีบไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผุดลุกขึ้น เขาเรียกหาเสื้อโค้ท ก่อนจะออกไปด้วยกันกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน

-----------------------------------

                ร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันเป็นตึกสูงสามชั้นสี่คูหา มันคึกคักมากในยามค่ำคืน แต่ในช่วงกลางวัน ที่นี่จะเงียบเหงาและเฉื่อยชาราวกับแมวเซา ถึงอย่างนั้น สองหนุ่มก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะลอร์ดจอร์จ เฟลตันเคยเป็นลูกค้าระดับพิเศษมาก่อน

                “โอ อรุณสวัสดิ์ค่ะลอร์ดจอร์จ ดิฉันไม่พบเห็นคุณเสียนานเลย” เฮเลน่า แอนเดอร์สันลงมาพบพวกเขาด้วยตัวเอง เธอเป็นหญิงวัยสามสิบเศษ ที่แต่งหน้าจัดและมีจริตมารยาอย่างของผู้หญิงกลางคืน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มให้เธอ

                “อรุณสวัสดิ์ ผมมาตามหาเพื่อนคนหนึ่ง แมกซ์ เมอร์เรย์ ผมไม่แน่ใจว่าเขาใช้ชื่อนั้นตอนมาที่นี่หรือเปล่า?”

                “โอ... คุณคงหมายถึงมิสเตอร์เมอร์เรย์ เขาอยู่กับลอร์ร่าค่ะ ดิฉันจะให้คนขึ้นไปตามเขา”

                “ไม่ เราจะขึ้นไปหาเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าคุณให้คนไปตาม เราเกรงว่าเขาอาจจะไม่ยอมลงมาพบกับเรา”

                “โอ... แต่มันเป็นมาตรฐานของที่นี่ ดิฉันให้พวกคุณขึ้นไปพบกับเขาเลยไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องให้คนไปเรียกก่อน”

                “งั้นผมจะรอ แต่ถ้าเขาไม่ลงมา คุณต้องให้พวกเราขึ้นไป” ลอร์ดหนุ่มว่า “เฮเลน นี่มันเป็นเรื่องสำคัญมากนะ สำคัญมากๆ”

                เฮเลน่า แอนเดอร์สันมองเขาอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ทราบแล้วค่ะ”

                เธอหันไปสั่งความเด็กรับใช้สาว หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เจ้าหล่อนก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา “ท่านสุภาพบุรุษคนนั้นยังไม่ตื่นเลยค่ะ ลอร์ร่าบอกว่าเขาเมามาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้ากัน ขณะที่เฮเลน่า แอนเดอร์สันพูดขึ้น “ดิฉันคิดว่าพวกคุณควรจะปล่อยให้เขาได้พักที่นี่ มันไม่เป็นการดีเลยที่จะปลุกเขาทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังเมาแบบนั้น”

                “โอ... ดี ผมว่าดีแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “เพราะผมยังไม่เคยเห็นใครสร่างเมาเพราะค้างอยู่ที่นี่มาก่อนเลย เราจะพาเขากลับไป”

----------------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่29p.15(28/5/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-06-2017 16:10:56
                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในตอนที่ลอร์ร่าเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนอย่างสมเพช ก่อนจะเดินตรงไปตบแก้มฝ่ายนั้น

                “เฮ้ แมกซ์ ตื่นได้แล้ว มาดูสิว่านายแย่แค่ไหน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยายามปัดมือเขาออก “หุบปากน่าจอร์จ ฉันไม่ต้องการพบนายกระทั่งในฝันหรอก”

                “โอ้...” เพื่อนของเขาลากเสียง เขาหันไปสั่งหญิงสาวที่ยืนงุนงงอยู่ในห้อง

                “ไปเอาถังใส่น้ำมาให้ฉัน”

                “แต่...”

                “ไปเอามาสิ!”

                “ค่ะ” เธอรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างเป็นกังวล

                “โอ จอร์จ เราควรจะปล่อยแมกซ์เอาไว้แบบนี้ เขาเพิ่งอกหักนะ นายจะไม่ให้เวลาเขาทำใจเลยหรือ?”

                “ฉันให้แน่” อีกฝ่ายตอบเขา “แต่ไม่ใช่ในที่แบบนี้ ถ้าเขามาที่นี่อย่างคนอารมณ์ปกติ ฉันจะไม่ทำแบบนี้กับเขาเลย เชื่อฉันเถอะจอห์นนี่ นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสำหรับคนอกหักหรอก”

                ลอร์ร่าหิ้วถังน้ำมาให้เขาหลังจากนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมันสาดใส่เพื่อนอย่างไม่เกรงใจ คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที

                “โอ๊ย! นี่มันเกิดบ้าอะไรกัน!” เขาตะคอกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเบิ่งตาค้าง “จอร์จ นายมานี่ได้ไง!”

                “พวกเรามาพานายไปสงบสติอารมณ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยสีหน้าถมึงทึง “ไปใส่เสื้อผ้า แมกซ์ นายควรได้เห็นสภาพของตัวเองว่ามันน่าอายมาก”

                “....”

                “ได้โปรด แมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “โลกนี้ต้องการนาย และนายไม่ควรจะมาขลุกอยู่ในที่แบบนี้ ใส่เสื้อผ้าเสีย แล้วไปกับพวกเรา”

                ในที่สุดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ยอมลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า ด้วยอาการของคนเมาค้างอย่างเห็นได้ชัด เขามองลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างงงๆ ตอนที่ทั้งสองคนช่วยกันพยุงเขาลงมา

                “พวกนายไม่ต้องทำเหมือนฉันเดินเองไม่ได้หรอก”

                “ฉันรู้ว่านายเดินเองได้แมกซ์ แต่มันจะเร็วกว่า ถ้าพวกเราช่วยกันเดิน”

                พวกเขาช่วยกันดันตัวเพื่อนรักขึ้นไปบนรถม้า และสั่งให้คนขับขับไปที่คฤหาสน์สามเส้า พวกคนรับใช้ดูแปลกใจที่เห็นนายน้อยของพวกเขาลงมาจากรถม้าโดยที่ต้องใช้เพื่อนพยุงถึงสองคน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเรียกหามาทิลดาทันที

                “โอ... นายน้อยแมกซิมิลเลี่ยน เกิดอะไรขึ้นกับเขาคะ?” หญิงวัยห้าสิบเศษอุทานด้วยความตกใจ เธอเป็นแม่บ้านประจำคฤหาสน์สามเส้า และยังเป็นแม่นมของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเธอแล้วถอนหายใจ

                “เขาเผชิญมรสุมหัวใจ” ลอร์ดหนุ่มว่า “เขาต้องการการดูแลอย่างดี ผมคิดว่าคุณคือคนที่น่าจะดูแลเขาได้ดีที่สุด”

                “ค่ะ” มาทิลดาพยักหน้า แล้วลูบศีรษะนายน้อยของเธอด้วยความสงสาร “โอ... นายน้อยของดิฉัน ผู้หญิงร้ายกาจที่ไหนกันหนอที่ทำกับเขาแบบนี้ได้”

                “อย่าพูดถึงเธอให้เขาได้ยิน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “อย่าพูดเรื่องผู้หญิงกับเขาเด็ดขาด คุณต้องให้เขาดื่มน้ำมากๆ ให้เขาสร่างเมา ผมกับจอห์นนี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเขาคืนนี้ เรารู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างแย่ในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง”

                “อา... จอร์จ ฉัน...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางขึ้นมา “ฉันไม่ได้เตรียมตัวจะมาพักค้าง”

                “ฉันจะยกเลิกนัดกับมาร์กาเร็ต” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันประกาศ “ฉันจะกลับบ้านไปบอกแม่ว่าฉันจะมาค้างที่นี่ แมกซ์ต้องการพวกเรานะจอห์นนี่ ใจคอนายจะทิ้งเขาให้อยู่ตัวคนเดียวอย่างนี้หรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนรักอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ตกลงจอร์จ ฉันจะไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะมาค้างที่นี่เป็นเพื่อนเขา”

-------------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สร่างเมาแล้ว ตอนที่เพื่อนรักทั้งสองกลับมาที่คฤหาสน์ของเขาอีกครั้งพร้อมของใช้ส่วนตัวสำหรับค้างคืน แต่อารมณ์ของเขายังไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มค้นพบว่าเขาปวดหัวอย่างหนัก และยังรู้สึกหงุดหงิดมากอีกด้วย

                “พวกนายควรจะปล่อยฉันเอาไว้ที่นั่น” เขาพูดขณะใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซึ่งคนรับใช้เอามาให้ประคบศีรษะ ลอร์ดหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวที่วางอยู่ในห้องรับแขก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่นั่งมองเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามลุกพรวดขึ้นทันที เขาหันไปหาคนรับใช้

                “มีกระจกสักบานไหม?”

                “ครับ?”

                “ไปยกมาให้ฉัน”

                ไม่นานนักกระจกแบบตั้งพื้นบานหนึ่งก็ถูกยกเข้ามาในห้อง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่งให้คนรับใช้ตั้งมันตรงหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก่อนจะพูดอย่างมีอารมณ์

                “ดูสิ แมกซ์ ดูสภาพของนาย นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? หนุ่มน้อยอายุสิบหกที่วิ่งเล่นอยู่บนถนนหรือ? นายเป็นลูกชายของมาร์ควิสนะ โอ้ ให้ตาย นายเป็นลอร์ด นายเป็นสุภาพบุรุษ ฉันไม่ได้ห้ามไม่ให้นายเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่นายไม่ควรจะไปแสดงความอ่อนแอให้ผู้หญิงกลางคืนพวกนั้นได้เห็น มันทุเรศ ทุเรศมากๆ นายมีสมองบ้างไหม?”

                “โอ้...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง เขายกมือขึ้นปิดหน้า “นายไปไกลๆ เลยจอร์จ!”

                “ไม่ จนกว่านายจะจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเสียงเฉียบ เขาเดินไปดึงใบหน้าของเพื่อนรักขึ้นมา “นายมองตัวเองซี่ นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่ ฉันรู้ว่านายอกหัก แต่นายทำอะไรกับตัวเอง? นายพยายามแค่ไหนที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นสุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อม แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? นายไปเมาหยำเปต่อหน้าผู้หญิงกลางคืนพวกนั้น ฟูมฟายใส่พวกเธอ โอ้ ให้ตาย แมกซ์ นายทำอย่างกับว่านายไม่มีเพื่อนอยู่บนโลก นายเห็นหัวพวกเราบ้างไหม!”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก เขาเห็นชายคนหนึ่งที่ดูราวกับว่าสูญเสียทุกอย่างในชีวิต และเห็นภาพสะท้อนของเพื่อนอีกสองคนอยู่ด้านหลัง

                “โอ พระเจ้า นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไป” ลอร์ดหนุ่มคราง เขาซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือไปตบไหล่เขาเป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปสั่งคนรับใช้ให้ยกกระจกไปเก็บ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ เขานั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก แล้วกอดไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้

                “นายเป็นเพื่อนรักเรานะแมกซ์ มีอะไรก็มาบอกกันซี่”

                “ใช่ นายมีพวกเราอยู่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วนั่งลงข้างเขา “ฉันกับจอร์จอาจจะไม่ใช่สาวสวย แต่พวกเราอยู่ข้างนายนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มออกมาได้ในที่สุด “ขอบใจจอร์จ... ขอบใจนะจอห์นนี่”

--------------------------------

                คฤหาสน์สามเส้ายังคงดูอึมครึมท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ทว่าภายในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ในปีกหนึ่งของคฤหาสน์ อันเป็นที่พักส่วนตัวของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กลับให้บรรยากาศที่พิลึกพิลั่นกว่าบรรยากาศข้างนอกมาก

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และลอร์ดโทรว์บริดจ์ผลัดกันอ่านบทกวีของนักประพันธ์ผู้เลื่องชื่อ ขณะที่เพื่อนของเขาใช้ผ้าชุบน้ำเย็นโปะศีรษะเพื่อบรรเทาอาการปวด

                “โอย... ยิ่งฟังพวกนายเท่าไหร่ ฉันยิ่งรู้สึกปวดหัวมากเท่านั้น ทำไมพวกนายไม่ทำอะไรที่มันสนุกสนานกว่านี้”

                “ทำอะไร เล่นรักบี้หรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันย้อนถาม “หัวของนายหายดีพอจะไปเล่นกับพวกเราหรือยังล่ะ?”

                “โอ้ จอร์จ นายแกล้งฉันใช่ไหม?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “นายเป็นนักเปียโนไม่ใช่หรือ? ทำไมนายไม่เล่นเปียโนดีๆ สักเพลง หัวฉันอาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ก็ได้”

                “เออ จริงด้วย ฉันลืมไปสนิทเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเหมือนเพิ่งนึกได้ “แต่เราต้องยกเปียโนเข้ามาที่นี่ใช่ไหม? หรือเราต้องยกนายไปหาเปียโน?”

                “ฉันเดินได้!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดเสียงแข็ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา

                “เอาล่ะจอร์จ พวกเราจะไปฟังนายเล่นเปียโนที่ห้องดนตรีกัน”

                ห้องดนตรีของคฤหาสน์สามเส้าไม่กว้างมากนัก มีแกรนด์เปียโนสีดำหลังหนึ่งวางอยู่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งปุลงหน้าเปียโน ขณะที่เพื่อนของเขาอีกสองคนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา

                “เอาล่ะ นายอยากฟังอะไร แมกซ์ โมซาร์ต โชแปง บราห์ม หรือว่าบาค?”

                “เบโธเฟน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า

                “ตกลง งั้นสเตราส์”

                ได้ยินเสียงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “ไม่เอาสเตราส์ นายพูดไม่เข้าใจหรือ?”

                “ไม่เอาเบโธเฟน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางลอยหน้าลอยตาดีดเปียโน พอโน้ตชุดแรกดัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ลุกขึ้นทันที

                “เดี๋ยวจอร์จ เพลงนี้นายต้องไม่เล่นคนเดียว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้ไปนั่งข้าง พวกเขาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะคิกคัก แล้วเริ่มเล่นเปียโนอีกครั้ง

                เสียงเพลง TRITSCH-TRATSCH POLKA (https://www.youtube.com/watch?v=JNoZTphkiTw (https://www.youtube.com/watch?v=JNoZTphkiTw)) ดังขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถึงกับยกศีรษะขึ้นมาจากโซฟา “โอ้ให้ตาย พวกนายนี่มัน...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และลอร์ดโทรว์บริดจ์ หัวเราะไปพลางเล่นเปียโนสี่มือไปพลาง เพราะทำอย่างนั้นพวกเขาจึงเล่นพลาดไปหลายโน้ต แต่ก็ทำให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มออกมาได้

                “เพลงอะไรต่อดี จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้น หลังจากพวกเขาเล่นเพลงจบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่หัวเราะจนหน้าแดงเสนอขึ้น

                “BADINERIE”

                “ไม่เอาบาค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขัดอีก “ฉันเกลียดบาค”

                ว่าแล้วเขาก็ไล่นิ้วลงไปบนคีย์เปียโน ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ให้ตายจอร์จ ฉันเกลียดนาย”

                เพลง Sonata KV 521 (https://www.youtube.com/watch?v=KiOpnnmrdHw (https://www.youtube.com/watch?v=KiOpnnmrdHw)) ของโมซาร์ตดังขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถึงกับชี้นิ้วไปที่เพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะหัวเราะทั้งที่ยังปวดศีรษะอยู่

                “พวกนายลำเอียง ถ้าเพลงต่อไปไม่ใช่สี่มือของเบโธเฟนล่ะก็… ฉันจะเล่นงานนาย จอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ พวกเขาเล่น Sonata KV 521 จนครบทั้งสามท่อน ก่อนที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะตอบรับเสียงเรียกร้องของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ด้วยการดีด Suit for Orchestra No.2 in B minor BWV 1067 ท่อนที่ 5 ของบาค ที่มีชื่อว่า BADINERIE (https://www.youtube.com/watch?v=XUMdXAygbYg (https://www.youtube.com/watch?v=XUMdXAygbYg)) ขึ้นมาแทน

                “โอ้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบเล่นโน้ตต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตะกายขึ้นมาจากโซฟา

                “พวกนายแกล้งกันนี่!”

                เสียงหัวเราะและเสียงเปียโนดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ แข่งกับเสียงเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ด้านนอก

--------------------------------------------------
(จบตอน)
*** ความรักของลอร์ดแมกซ์นี่เกิดขึ้นและสิ้นสุดอย่างเร็วมาก ไม่สิ นี่มันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น 5555+ :hao6:

เขียนมาทั้งหมดทั้งมวล ปรากฏว่าเราโดนจอร์จจี้แย่งซีนในนาทีสุดท้าย รับประกันเลยว่าถ้าเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ สามพระหน่อของเราจะต้องถูกจิ้นเป็นอย่างแรก ฮ่าๆๆ โอย แค่ดิฉันมโนว่าผู้ชายล่ำๆ สองคน เดินเกี่ยวมากับผู้ชายหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยอีกคน แหม... จอร์จคงรับศึกหนัก (ไม่ใช่ล่ะ)

ที่จริงประเด็นสำคัญของตอนนี้ที่ตั้งใจจะเขียนคือเรื่องการพบกันของจอห์นและคนรักของแคทเธอรีนต่างหาก แต่มันก็สั้นจุ๊ดจู๋จนดูไม่ใช่เนื้อหาหลักเลยสักนิด (บ่นอะไรเนี่ย)

ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ปล. คิดถึงกอร์ดอนเบาๆ พักนี้ไม่มีบท งานตัดเสื้อที่ร้านช่างแสนวุ่นวาย :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-06-2017 17:08:29
 :กอด1: :3123: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: nutiez ที่ 08-06-2017 17:17:34
อ่านฝั่งแมกซ์กับแอนนาเบลแล้วก็คิดว่าที่สาวเค้าปฏิเสธเพราะมีแผนอะไรรึเปล่า เดาเล่นๆว่าโรเบิร์ตเป็นหนุ่มร่ำรวยที่ทำให้น้องสาวฆ่าตัวตาย เธอเลยกลับมาแก้แค้น เธอถึงบอกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับแมกซ์ อะไรประมาณนี้ เริ่มเพ้อไปไกลแล้วค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 08-06-2017 17:47:17
ลอร์ดจอร์จแย่งซีนทุกคนเลยค่ะ
แย่งซีนแฟนแคทไม่พอยังไปแย่งซีนคนอกหักด้วยอีก

ที่แอนไม่รับรักแมกซ์เราว่ามีเหตุนะ อาจจะเป็นเพราะโรเบิร์ตอะไรนั่นคือคนที่ทำน้องสาวเธอตายก็ได้
เธอเลยมาแก้แค้นไรงี้ไง
เดาส่งไปเรื่อยค่ะ55555

รู้สึกนะคะว่าลอร์ดจอร์จนางคีบลุคคนไม่เอาอ่าวลอยไปลอยมาตั้งแต่ต้นเรื่องเลยนะ
แต่พอมีปัญหาอย่างเรื่องมากาเร็ตที่พอนางยอมรับใจตัวเองได้ทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่ที่น่าอิจฉากว่าใคร
แล้วยังมาเรื่องแมกซ์นี่อีกที่จอร์จดั้งด้นไปดึงแมกซ์กลับมา
คือดูเป็นคนไม่ได้เรื่องที่ได้เรื่องกว่าใครตลอดเลย
ทำให้มาคิดๆว่าแล้วจอห์นล่ะ คนที่ได้เรื่องกว่าใครได้เรื่องมาตลอด
พอถึงเวลาจริงๆจะยังได้เรื่องอยู่ไหม? แล้วนี่ยิ่งมีเรื่องแคทมาด้วยแล้วยิ่งรู้สึกใจคอบ่ดี
เป็นห่วงกอร์ดอนกลัวนางเสียใจกับผลพวงจากเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-06-2017 18:13:32
แอนจะแก้แค้นให้น้องสาวหรอ???
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-06-2017 19:45:59
สามหน่อนี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักจัง
จอร์จคือคนที่รับความรู้สึกของเพื่อน ๆ ได้ไวและใส่ใจเสมอ

เดาเหมือนหลาย ๆ คนว่า โรเบิร์ตต้องเป็นคนที่ทำร้ายน้องสาวของแอนนาเบลแน่เลย

มิสเตอร์ดอว์สัน (นี่มาจากไททานิกหรือเปล่า? อิอิ) น่าจะหวังจับแคทเพื่อยกฐานะของตัวเองแน่เลย
คิดถึงกอร์ดอนแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-06-2017 23:25:41
สงสารแมกซ์ แต่ก็ให้รู้ว่า เป็นคนที่มีเพื่อนรักมากคนหนึ่ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 09-06-2017 03:54:49
สงสารลอร์ดแมกซ์ แต่เราก็คิดว่าแอนอาจจะมีเหตุมากกว่านี้และแอนไม่น่ารักผู้ชายคนนั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2017 04:54:50
ดูท่า ทั้งดอว์สัน กับโรเบิร์ต จะมีปัญหาทั้งคู่
ไม่ใช่มิสเฮเก้นต์ กำลังปฏิบัติการณ์ล้างแค้นอยู่นะ
ในเมื่อกฎหมายเอื้อมไม่ถึง ก็ลงมือเองดีกว่า

เพื่อนรักเพื่อนสนิทสามหน่อ ดูแลช่วยเหลือกันดีจริงๆ
หวังว่าแมกซ์ จะสมหวังนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 09-06-2017 13:28:03
แมกซ์จ๋าถ้าอกหักก็มารักกับเราเถอะ เรารักเธอ

ทำไมถึงบอกว่าตัวเองไม่คู่ควรนะ ในโลกนี้ไม่มีใครไม่คู่ควรกับความรักหรอกนะแอน

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 10-06-2017 17:48:29
Dear, My customer.

ตอนที่31 เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์


                กอร์ดอนไม่ได้ข่าวจากท่านลอร์ดทั้งสามอีกเลย หลังจากที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งรถมาหาเขาในเช้าวันเสาร์ ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่ตัวเองเคยหลงรัก ช่างตัดเสื้อจึงตัดสินใจไปหาเธอยังที่พักในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ มิสซิสเมอร์สันจำเขาได้ในทันทีและเปิดประตูต้อนรับเขาอย่างยินดี

                “สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมมาพบแอน ไม่ทราบว่าเธออยู่หรือเปล่า?” กอร์ดอนเอ่ยทักหญิงเจ้าของบ้าน มิสซิสเมอร์สันพยักหน้า

                “ค่ะ เราเพิ่งกลับมาจากโบสถ์ เธอต้องยินดีมากแน่ที่คุณมาพบ” พูดจบเธอก็เดินนำกอร์ดอนขึ้นไปยังห้องชั้นบน ก่อนจะเคาะประตูเรียกหญิงสาว

                “แอน มิสเตอร์โอเดนเบิร์กมาหาเธอแน่ะจ้ะ”

                หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ มิสเฮเก้นต์ก็เปิดประตู

                “สวัสดีตอนบ่ายค่ะ กอร์ดอน”

                “สวัสดีตอนบ่าย ผมเข้าไปคุยด้านในได้ไหม?”

                “อ๋อ ได้สิคะ เชิญเลยค่ะ” เธอเปิดประตูและเชิญเขาให้นั่งลงที่เก้าอี้นวมหน้าเตาผิง มิสซิสเมอร์สันจึงกลับลงไปชั้นล่าง

                “ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้พบกันนานมาก” ช่างตัดเสื้อเอ่ยปากขึ้น ขณะที่หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามเขา มิสเฮเก้นต์พยักหน้า

                “ค่ะ ท่าทางเหมือนงานที่ร้านคุณจะยุ่งมาก ฉันไม่เห็นคุณไปที่บาร์มาหลายวันแล้ว”

                “ใช่ งานที่ร้านผมยุ่งจริงๆ” กอร์ดอนยอมรับ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง

                “โอ... คุณเตรียมจะย้ายที่อยู่หรือ?” เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามีหีบหลายใบวางซ้อนกันอยู่ แล้วข้าวของหลายอย่างในห้องดูร่อยหรอลงไป

                “ไม่ใช่หรอกค่ะ มอลลี่น่ะค่ะ” มิสเฮเก้นต์ตอบเขา “ฉันคงยังไม่ได้บอกคุณว่าเธอกำลังจะแต่งงานในวันศุกร์นี้แล้ว”

                “อ้อ... อย่างนั้นหรือ ผมยินดีกับเธอด้วย” กอร์ดอนว่า “แล้วนี่เธอไม่อยู่หรือ?”

                “ค่ะ เธอไปที่บ้านของคู่หมั้นเธอ”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองหญิงสาว “แอน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก”

                “เรื่องอะไรหรือคะ?”

                “เกี่ยวกับมิสเตอร์เดอ เนเลีย”

                อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูง “โอ... ลอร์ดแมกซ์เล่าให้คุณฟังหรือคะ?”

                “ใช่ แต่เขาไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวของคุณเพราะเขาคิดไม่ดีกับคุณนะ” กอร์ดอนรีบพูดขึ้นต่อ “เขาเคยบอกผมเรื่องมิสเตอร์เดอ เนเลีย ตอนที่มาคุยเรื่องคุณ และเขาบอกผมว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณโดนผู้ชายไม่ดีคนนั้นหลอก เขาแค่มาบอกผมว่า เขาไม่อาจทำอย่างที่เขาพูดได้ ผมคงรู้สึกผิดมาก ถ้าการพูดเรื่องนี้ทำให้ลอร์ดแมกซ์ถูกเข้าใจผิดว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ ผมกล้ายืนยันว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่ดีคนหนึ่ง แต่ผมต้องมาเตือนคุณอีกครั้ง เพราะผมห่วงคุณเหลือเกิน แอน”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์นิ่งไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เธอยิ้มให้ช่างตัดเสื้อ

                “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ถูกโรเบิร์ตหลอก ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่              ขอบคุณในความหวังดีของคุณและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยนะคะ”

                “....”

                ทั้งสองเงียบไปอีกอึดใจ ก่อนที่กอร์ดอนจะพยักหน้า “ตกลง แอน ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คุณต้องบอกผมนะ ผมยินดีจะช่วยเหลือคุณทุกอย่าง คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของผมเลย”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า “ขอบคุณค่ะกอร์ดอน ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้รู้จักกับคุณ”

-----------------------------------------

                ด้วยผลแห่งความพยายามของลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็กลับมาเป็นปกติอย่างที่เขาควรจะเป็นอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ ทันเวลาต้อนรับการมาของบารอนคนหนึ่ง ซึ่งมาหาเขาที่คฤหาสน์ด้วยอาการของคนสิ้นไร้หนทางอย่างที่สุด

                เนื่องจากนี่เป็นกิจการภายในของตระกูลเมอร์เรย์ที่ถือเป็นความลับอย่างมาก จึงได้เวลาที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์จะต้องกลับไปที่คฤหาสน์ของตัวเอง

                ทันทีที่กลับถึงคฤหาสน์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกลอร์ดบาธเรียกตัวไปพบทันที เขาถูกสั่งให้เป็นตัวแทนไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์ที่มิลตัน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากลอร์ดบาธติดประชุมด่วน อันเป็นผลเนื่องมาจากการพิจารณากฎหมายฉบับใหม่ และเรื่องราวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มอนาคิสที่กำลังเป็นประเด็นกันอยู่

                “พ่อแน่ใจว่าท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์จะต้องดีใจที่แกไปร่วมงาน” ลอร์ดบาธพูดขึ้นต่อหลังจากนั้น “ท่านเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬามาก โดยเฉพาะรักบี้ และท่านก็มีลูกสาวที่สวยมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “นี่พ่อคงไม่ได้ตั้งใจส่งผมไปให้ท่านดยุกดูตัวใช่ไหมครับ?”

                ลอร์ดบาธยักไหล่ “แน่นอนจอห์น ถ้าพ่อตั้งใจแบบนั้นพ่อคงต้องบอกแกล่วงหน้าแล้ว ประเทศเรากำลังเผชิญปัญหารอบด้าน ทุกอย่างกำลังประดังประเดเข้ามา แต่พ่อเชื่อว่าพวกเราจะช่วยให้มันผ่านพ้นไปได้ เอาล่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมกระเป๋า เผื่อเสื้อผ้าไปหน่อยก็ได้ เพราะฝนอาจจะตก”

                “โอ... ผมนัดเพื่อนๆ ซ้อมรักบี้กันวันนี้ ผมคงต้องไปบอกพวกเขาก่อน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดบาธมองหน้าเขา

                “ก็เขียนจดหมายทิ้งไว้สิ จอร์จคงช่วยแกเรื่องนี้ได้หรอก รถไฟจะออกตอนบ่ายสอง พ่ออยากให้แกรีบเตรียมตัว หวังว่าแกจะหยิบเสื้อผ้าตัวที่ดีที่สุดในกระเป๋าไป พ่อจะให้โอลิเวอร์ไปกับแกด้วย”

                “ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางทันที เขากับโอลิเวอร์ขึ้นรถม้าที่มีคนรับใช้อีกคนเป็นคนขับ มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ ระหว่างทางลอร์ดหนุ่มก็พูดขึ้น

                “ฉันคิดว่าเราควรจะแวะที่ร้านของกอร์ดอนก่อน ยังพอมีเวลา”

                โอลิเวอร์หยิบนาฬิกาพกของเขาขึ้นมาดู “ผมว่าอย่าเลยครับ ไปกลับร้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กใช้เวลามาก อีกอย่างถนนที่นั่นค่อนข้างแคบ ถ้าเกิดมีเหตุขึ้นมาคุณจะพลาดรถไฟเอาได้”

                “โอ... แต่ฉันไม่ได้พบเขามาหลายวันแล้ว และอาจจะไม่ได้ไปกินมื้อเย็นกับเขาในวันพุธด้วย” ลอร์ดหนุ่มพูดอย่างเป็นกังวล “ฉันไปโดยไม่บอกเขาไม่ได้หรอก”

                “แต่ลอร์ดจอร์จรู้เรื่องการไปของคุณแล้วนี่ครับ เขาคงจะบอกมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีท่าทีลังเลใจ ในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ฉันจะส่งโทรเลขถึงเขาที่สถานีรถไฟ ยังไงฉันก็ต้องบอกเขาก่อน”

                “อย่างนั้นคุณต้องระวังถ้อยคำที่ใช้ให้ดีครับ อย่าให้มันสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณ”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “ฉันจะบอกเขาว่าฉันต้องไปมิลตันด่วน ที่เหลือจอร์จคงพอช่วยอธิบายได้หรอก”

                “ดีครับ”

-----------------------------------

                เลดี้บาธเดินเข้ามาหาสามีของเธอ หลังจากที่ลูกชายและคนรับใช้นั่งรถม้าออกไปแล้ว

                “ที่รักคะ ทำไมคุณไม่บอกลูกไปตรงๆ เลยล่ะคะ ว่าท่านดยุกระบุมาในจดหมายเชิญว่าเป็นเขา”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจ “เพราะผมแน่ใจว่า ถ้าบอกเขาไปแบบนั้น เขาจะไม่เต็มใจและหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ไปน่ะสิ”

                เลดี้บาธพยักหน้า “ก็จริงของคุณค่ะ แต่จอห์นคงรู้สึกไม่ดีนักถ้าเขารู้ความจริงว่าคุณหลอกเขา”

                “ผมมีประชุมจริงๆ” ลอร์ดบาธว่า “ผมไม่ได้หลอกลูก ผมแค่ไม่ได้บอกว่าท่านดยุกระบุมาว่าต้องเป็นเขาเท่านั้นเอง”

                เลดี้บาธถอนหายใจบ้าง “ฉันชอบแคทเธอรีนออกค่ะ ลูกสาวของท่านดยุกเคมบริดจ์เป็นคนแบบไหนก็ไม่รู้”

                “ได้ยินมาว่าเธอสวยมาก และชอบเล่นกีฬาด้วย ไม่แน่ว่าเธออาจจะเข้ากับจอห์นได้ดีกว่าแคทเธอรีน” ลอร์ดบาธว่า ก่อนจะบีบมือภรรยา

                “ลูกเราเพิ่งจะอายุยี่สิบสี่ เขายังมีเวลาอีกมากในการเลือกเฟ้นภรรยาสักคน ผมอยากให้เขาเลือกคนที่เข้ากันได้ดีและเหมาะสมกับเขาที่สุด”

---------------------------------------

                กอร์ดอนรู้สึกใจหายเมื่อได้รับโทรเลขจากลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่าเจ้าตัวต้องไปมิลตันด่วน โดยไม่มีการชี้แจงสาเหตุอะไรเพิ่มเติม แม้ว่าเขาจะพอเดาได้ว่าเจ้าตัวคงจะไปด้วยสาเหตุสำคัญ แต่ด้วยระยะทางทำให้เขาแน่ใจว่านอกจากเขาจะไม่ได้พบฝ่ายนั้นในตอนเย็นที่สนามรักบี้วันนี้แล้ว เขาอาจจะไม่ได้เจอฝ่ายนั้นที่สโมสรในวันพุธนี้อีกด้วย

                “อ้าว มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณไม่ไปสวนแบตเตอร์ซีแล้วหรือครับ?” เดวิดถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นนายจ้างยังคงนั่งเก็บรายละเอียดเสื้ออยู่ในห้องตัดเย็บ หลังจากเลยเวลาเลิกงานมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว กอร์ดอนพยักหน้า

                “เปลี่ยนแผนแล้วน่ะ ฉันคิดว่าคืนนี้จะไปดูโอเปร่า เห็นว่าที่โรงละครอัลแฮมกำลังเล่นเรื่องขลุ่ยวิเศษ*อยู่” (*เยอรมัน: Die Zauberflöte, อังกฤษ: The Magic Flute โอเปร่าขนาด2องค์ ที่ประพันธ์ดนตรีโดย โวฟกัง อามาเดอุส โมซาร์ท และบทร้องโดยเอมานูเอล ชิคาเนเดอร์ เป็นโอเปร่าที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาเยอรมัน)

                “อ๋อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชวนคุณไปดูใช่ไหมล่ะครับ” เดวิดพูดยิ้มๆ “ผมก็ว่าล่ะว่าใครส่งโทรเลขมาหาคุณ แต่เขาแปลกนะครับที่ใช้วิธีโทรเลขมาชวนไปดูโอเปร่า”

                “เปล่า” กอร์ดอนปฏิเสธ “เขาโทรเลขมาบอกว่าเขามีเรื่องต้องไปมิลตันด่วน”

                “อ้าว” เดวิดมีสีหน้าแปลกใจกว่าเดิม “เขาไปมิลตันหรือครับ? ไปหลายวันรึเปล่าครับ?”

                “ไม่รู้สิ คงจะหลายวันล่ะมั้ง”

                เดวิดมองนายจ้างของเขา “เพราะงั้นคุณเลยไม่ไปสวนแบตเตอร์ซี เพราะวันนี้ท่านลอร์ดคงไม่ได้ไปสินะครับ”

                “อืม”

                “แต่ท่านลอร์ดนี่ก็แปลกนะครับ ไปมิลตันต้องโทรเลขมาบอกคุณด้วย เขาทำอย่างกับว่าที่บ้านเขาไม่มีคนคอยรับเสื้อผ้าเขางั้นแหละ”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “นั่นสิ เขาคงกลัวฉันจะเอาเสื้อไปส่งเก้อล่ะมั้ง”

                จู่ๆ เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา จนอีกฝ่ายต้องหันไปมอง “ทำไมต้องถอนหายใจแบบนั้นล่ะ”

                “ผมกำลังคิดน่ะครับ ว่าถ้าคุณมีน้องสาวหรือลูกสาวสักคน เธอคงได้เป็นภรรยาของลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้ว เขาเทียวเวียนมาที่นี่อยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุสำคัญอะไรเลย นี่ถ้ามีผู้หญิงสักคนในร้านเรานะครับ ผมฟันธงเลยว่าเขามาจีบเธอแน่นอน”

                กอร์ดอนหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม “ร้านเราก็มีมิสซิสมาร์ธาแล้วไง”

                “แหม... ไม่เอามิสซิสมาร์ธาสิครับ เอาที่เป็นสาวหน่อย”

                “ใครดีล่ะ?”

                เดวิดทำหน้าคิดหนัก “อืม... ก็คุณไงครับ ถ้าคุณเป็นผู้หญิง เขาต้องขอคุณแต่งงานแน่”

                กอร์ดอนยักไหล่ “เสียใจด้วยนะที่ฉันเป็นผู้ชาย แถมฉันก็อายุตั้งสามสิบหกแล้ว ถึงเป็นผู้หญิงก็ไม่มีใครมาขอแต่งงานแล้วล่ะ”

                เดวิดหัวเราะออกมา “ผมคิดว่าคุณจะโกรธเสียอีก ที่ผมแซวแบบนี้ แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ นะครับ ผมว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะอยากจะสนิทกับคุณมาก”

                “ตอนนี้เขาก็สนิทกับฉันพอสมควรแล้วล่ะ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะวางเสื้อในมือลง “เธออยากไปดูโอเปร่าด้วยกันไหม?”

                “ให้ผมไปด้วยหรือครับ?” เดวิดพูดด้วยความตื่นเต้น กอร์ดอนพยักหน้า

                “อืม เผื่อว่าไปดูแล้วจะได้เลิกเพ้อเจ้อเรื่องฉันกับลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะ”

                “แหม... คุณนี่เข้าใจประชดนะครับ” เดวิดหัวเราะคิกคัก “ถ้าผมแซวเรื่องนี้แล้วคุณจะประชดแบบนี้อีก ผมจะแซวให้หนักเลย”

                “งั้น... ก็อยู่บ้านเฝ้าร้านแล้วกันนะ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะลุกเดินออกไป เดวิดรีบเดินตามเขาออกไปทันที

                “โธ่... มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคร้าบ... ผมขอโทษ”

-----------------------------------

                แม้จะไม่ได้ไปดูการซ้อมในเย็นวันจันทร์ แต่กอร์ดอนก็ไปที่สนามแบตเตอร์ซีในเย็นวันพุธ แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่เงาของลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ไง กอร์ดอน ฉันดีใจที่นายมาดูการซ้อม” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินมาทักเขาหลังจากเสร็จจากการซ้อมแล้ว “การไม่มีจอห์นนี่ทำให้ทุกอย่างดูน่าเบื่อลงไปมาก แต่พวกเราค่อนข้างชินแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาก็หายตัวไปตั้งสามปี”

                กอร์ดอนยิ้มให้ฝ่ายนั้นก่อนจะทักตอบ “เขาคงไปหลายวันสินะครับ”

                “น่าจะหลายวัน ได้ยินว่าลูกสาวของท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์สนใจในตัวเขามาก ฉันแน่ใจว่าจอห์นนี่จะต้องถูกขอร้องให้อยู่ต่อมากกว่าที่เขาคิดว่าควรจะอยู่”

                “โอ...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูดต่อทันที “แต่นายไม่ต้องกังวลไป จอห์นนี่ไม่ใช่คนอ่อนไหวง่าย เขาเป็นคนที่หนักแน่นมั่นคงเสมอ ฉันคิดว่านายควรวางแผนรับมือตอนเขากลับมาดีกว่า เขาคงคิดถึงคนรักของเขาแทบขาดใจเลยล่ะ”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขารีบพูดแก้ตัว “ผมไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น...”

                “ใช่ ฉันก็เห็นอยู่ว่านายคงไม่ทันคิด” ลอร์ดหนุ่มมองเขาพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “นี่ กอร์ดอน ฉันมีแผนจะทำให้จอห์นนี่แปลกใจตอนที่เขากลับมา นายอยากจะฟังมั้ย? แต่เรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากนายด้วยนะ”

                “ยังไงหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความสนใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยขยับมากระซิบข้างหูเขา ช่างตัดเสื้อทำตาโต สลับกับขมวดคิ้ว

                “ว่าไง นายตกลงจะร่วมแผนนี้ไหม?”

                “แต่... มันจะดีหรือครับ? ผมเป็นผู้ชาย ถ้าเกิดมีใครจับได้ขึ้นมา เรื่องมันจะไม่ยิ่งยุ่งหรือ?”

                “ไม่ยุ่งหรอก เราก็บอกเสียว่ากำลังเล่นปลอมตัวแบบเชอร์ลอก โฮล์มไง ฉันว่าน่าสนุกจะตาย ไม่แน่นะ ฉันอาจจะลองปลอมตัวกับนายด้วย น่าสนุกดี”

                กอร์ดอนค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย “นั่นสินะครับ”

                “แปลว่านายตกลงสินะ”

                ยังไม่ทันที่ช่างตัดเสื้อจะได้พูดอะไรต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เดินเข้ามา “ไง กอร์ดอน พวกนายคุยอะไรกันอยู่ จอร์จหลอกให้นายทำอะไรไม่ดีอีกแล้วล่ะสิ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนรักอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ได้หลอกกอร์ดอน นายพูดอะไรน่ะแมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “ถ้านายไม่ได้หลอกอะไรเขา งั้นนายก็เล่ามาสิว่าคุยอะไรกับเขาอยู่”

                “ฉันไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายชอบสอดเรื่องคนอื่นแล้ว”

                “เปล่าเลย ฉันแค่ลองเลียนแบบนายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด ก่อนจะเดินมาหากอร์ดอน แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันน่ะไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกนายสองคนหรอกนะ แต่สีหน้าจอร์จเมื่อตะกี้มันไม่น่าไว้ใจมากๆ ถ้านายเป็นผู้หญิงฉันคงรีบเตือนให้ถอยห่างจากเขาทันที”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “เขาทำหน้าแบบไหนหรือครับ?”

                “โอ... ฉันคงเลียนแบบไม่ได้หรอก มันเป็นหน้าแบบเฉพาะของจอร์จน่ะ”

                “แมกซ์!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดออกมาอย่างเหลือทน “เอาหูนายมานี่เลย ถ้านายอยากรู้ ฉันจะเล่าให้ฟังเอง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอียงหูไปหาเพื่อนรักทันที พอฟังจบ เขาก็หันไปมองกอร์ดอน

                “นายเห็นด้วยใช่ไหม?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามอย่างคาดคั้น “นายต้องเห็นด้วยกับฉันสิแมกซ์”

                “ไม่รู้สิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าคิดหนัก “ฉันคิดว่านายไม่ควรให้กอร์ดอนทำแบบนั้นคนเดียว นายควรจะทำเป็นเพื่อนเขาด้วย”

                “อ๋อ แน่นอน ฉันจะทำเรื่องนั้นเป็นเพื่อนเขา ฉันเลือกชุดไว้แล้ว ฉันอาจจะแต่งเป็นตาแก่สักคน”

                “ไม่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปฏิเสธทันที “นายต้องแต่งแบบกอร์ดอน”

                “อะไรนะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดย้ำ

                “นายให้กอร์ดอนแต่งเป็นอะไร นายก็จะต้องแต่งแบบเขา” พูดจบเขาก็รีบหันไปหาช่างตัดเสื้อ “นายอย่ารับปากเขานะ จนกว่าเขาจะรับปากว่าจะแต่งเป็นเพื่อนนาย”

                “โอ้ แมกซ์!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมาอย่างขัดใจ “นายจะไปเป่าหูกอร์ดอนแบบนั้นไม่ได้ ถ้าฉันแต่งเหมือนเขา มันก็ประหลาดน่ะสิ ที่สำคัญ ฉันต้องเดินคนเดียวด้วยนะ ไม่เอาหรอก”

                “ฉันจะเดินเป็นเพื่อนนายเองจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันจะเป็นชายหนุ่มผู้เสียสละคนนั้นเอง”

---------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 10-06-2017 17:49:08

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินทางถึงคฤหาสน์ของท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์ก่อนเวลาหกโมงเย็นเล็กน้อย เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ บุตรสาวคนเล็กของท่านดยุกแสดงความสนใจในตัวเขาอย่างเปิดเผย เธอเพิ่งจะอายุครบยี่สิบปีเต็ม เป็นสาวสวยผมลอนสีน้ำตาลแดง รูปร่างทะมัดทะแมงอย่างนักกีฬา เธอสวมชุดสวยลงมาพบเขาทันทีที่เห็นว่ารถม้าซึ่งไปรับเขาที่สถานีรถไฟเข้ามาในคฤหาสน์ และบอกเขาถึงความประทับใจที่เธอมีต่อเขาจากข่าวเรื่องการชกมวย

                “โอ... สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ลอร์ดจอห์น โทรว์บริดจ์ ฉันดีใจเหลือเกินที่คุณให้เกียรติมาตามคำเชิญของท่านพ่อ ฉันมีโอกาสได้ไปชมการชกมวยของคุณ มันเป็นไฟต์ที่วิเศษมากค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ในใจ และรู้ตัวทันทีว่าเขาถูกหลอกให้มา ท่านดยุกไม่ได้เชิญพ่อของเขา แต่เจาะจงเชิญตัวเขาต่างหาก

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินนำเขาเข้าไปภายในคฤหาสน์ เขาได้รับเกียรติให้ร่วมโต๊ะรับประธานอาหารเย็นกับท่านดยุกและภริยา รวมถึงบรรดาลูกๆ ทั้งสามคนของเขา ดยุกเคมบริดจ์สั่งให้จัดห้องที่ดีที่สุดให้เขา หลังมื้ออาหารเย็น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ชวนเขาไปเดินเล่นด้วยกันในสวน

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค้นพบว่า ถ้าเขาจะมีน้องสาวสักคน คงจะมีนิสัยและลักษณะท่าทางเหมือนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์นี่แหละ

                พวกเขาคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย และสนิทกันอย่างรวดเร็วภายในค่ำคืนเดียว เช้าวันรุ่งขึ้น ในงานวันเกิดของท่านดยุก เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกซ์ก็แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับชายใดนอกจากท่านเอิร์ลหนุ่มแห่งโทรว์บริดจ์ซึ่งเดินทางมาจากลอนดอนคนนั้น แน่นอนว่าเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับหนุ่มๆ หลายคนเป็นอันมาก หนึ่งในนั้นคือลอร์ดเซลบี ลูกชายของท่านเอิร์ลแห่งบาร์ลบี ซึ่งได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน

                “ไง จอห์น ฉันไม่ยักรู้ว่านายได้รับเชิญมาร่วมงานนี้ด้วย นายมาเป็นตัวแทนพ่อนายหรือ?” ลอร์ดเซลบีเดินเข้ามาทักทายลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่หน้าคอร์ทเทนนิส ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วยักไหล่

                “เปล่า ท่านดยุกเชิญฉัน ไง แพตทริก ฉันไม่ยักเจอนายบนรถไฟเมื่อวาน”

                “ฉันมาถึงนี่ตั้งแต่วันอาทิตย์” ลอร์ดเซลบีว่า ก่อนจะขยับมากระซิบ “นายหยุดทำตัวติดกับอเล็กซานดร้าที นายมีเลดี้แคทเธอรีนอยู่แล้วนี่”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะได้ตอบอะไร เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็เดินมาหาพวกเขาทั้งสองคน “โอ้ คุณรู้จักกับแพตทริกด้วยหรือคะจอห์น? ฉันเอาน้ำมาให้ค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปรับแก้วน้ำมาจากมือเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “ความจริงแล้วคุณสั่งให้คนรับใช้เอามาให้ผมก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากถือมาเองเลย”

                “ก็ฉันอยากให้คุณเองกับมือนี่คะ” หญิงสาวพูดก่อนจะยิ้มหวานให้เขา ลอร์ดเซลบีกระแอมไอขึ้นมา

                “อเล็กซานดร้า ผมเองก็หิวน้ำเหมือนกัน”

                “อ๋อ ฉันจะบอกให้คนเอามาให้คุณนะคะ”

                ลอร์ดเซลบีถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง เขามองลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างขุ่นเคือง ขณะที่เลดี้อเล็กซานดร้าพูดอย่างอารมณ์ดี

                “ฉันไม่รู้มาก่อนว่าพวกคุณสองคนรู้จักกัน อันที่จริงแล้วคงเพราะจอห์นไม่เคยมางานวันเกิดของท่านพ่อมาก่อน ฉันนี่พลาดจัง ทำไมถึงไม่บอกให้ท่านพ่อชวนคุณแต่แรกนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “งั้นแสดงว่าแพตทริกคงมาประจำ”

                “อ๋อ แน่นอนค่ะ เขามาทุกปี สักห้าปีได้แล้วเนอะที่คุณมางานวันเกิดของคุณพ่อ” เธอหันไปมองลอร์ดเซลบีแว้บหนึ่ง “พอดีว่าเขาเป็นเพื่อนกับเจเรมน่ะค่ะ”

                “หืม?”

                ยังไม่ทันที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะได้อธิบายอะไรต่อ เจ้าของชื่อก็เดินตรงเข้ามา

                “ไง อเล็กซี่ ฉันคิดแล้วว่าเธอจะต้องอยู่แถวๆ คอร์ทเทนนิสนี่”

                “ว้าว เจเรม ฉันคิดว่านายจะไม่มาเสียแล้ว”

                “ฉันไม่มีทางพลาดงานวันเกิดของท่านลุงสุดที่รักหรอก”

                ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะหันมาแนะนำเขาให้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “นี่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดค่ะ พวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”

                “ไง จอห์น” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดทักอีกฝ่ายยิ้มๆ “นึกอยู่เหมือนกันว่าอเล็กซี่จะต้องเชิญนาย แต่ก็ผิดคาดนะที่นายยอมมา”

                “ไง เจเรมี่ ฉันก็คิดๆ อยู่ว่าน่าจะได้เจอนายที่นี่”

                “อ้าว พวกคุณรู้จักกันอยู่แล้วหรือคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พูดด้วยความแปลกใจ ทั้งสองคนพยักหน้า ก่อนที่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดจะพูดขึ้นต่อ

                “ใครๆ ในลอนดอนก็ต้องรู้จักจอห์นกันทั้งนั้นแหละ เขาเป็นลอร์ดหนุ่มที่มีชื่อเสียงมาก ใช่ไหมจอห์น?”

                “ไม่ขนาดนั้นหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันก็แค่คำร่ำลือ”

                เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดหรี่ตามองเขา แล้วยิ้มที่มุมปาก “นายกับแคทเธอรีนเป็นไงบ้าง?”

                ลอร์ดเซลบีรีบสมบททันที “นั่นสิจอห์น นายกับแคทเธอรีนไปถึงไหนกันแล้ว”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เบิ่งตามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “แคทเธอรีนคือใครหรือคะ?”

                “อ๋อ เพื่อนคนหนึ่งของผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมสนิทกับเธอมาก เธอเป็นสาวสวยที่ชาญฉลาดทีเดียว พวกเราดื่มชากันทุกบ่ายวันอังคาร”

                “เธอเล่นกีฬาเก่งรึเปล่าคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถามด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ

                “ผมไม่ทราบ เธอไม่เคยแสดงออกว่าชอบเล่นกีฬา แต่เธอชอบเล่นเปียโน พวกเราเคยเล่นด้วยกันหนหนึ่ง”

                “โอ... คุณชอบผู้หญิงที่เล่นดนตรีเก่งหรือคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หน้าสลด “แต่ฉันเล่นไม่เก่งเอาเสียเลยค่ะ ฉันคงต้องหาคนช่วยสอน”

                “ผมพอจะสอนให้คุณได้” ลอร์ดเซลบีเสนอตัวขึ้นมา แต่หญิงสาวทำเป็นไม่ได้ยิน เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดขำพรวดออกมา เขาหันไปหาลอร์ดเซลบีและลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ไหนๆ พวกนายก็มาอยู่กันตรงนี้แล้ว ฉันคิดว่าพวกนายน่าจะเล่นเทนนิสกันสักเกม ยกเว้นว่านายจะเหนื่อยจนไม่มีแรงจะเล่นต่อแล้วน่ะนะจอห์น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ฉันยังเล่นได้อีกยาว นายควรถามแพตทริก ว่าเขาเต็มใจเล่นกับฉันหรือเปล่า?”

                “อ๋อ แน่นอนจอห์น ฉันจะเล่นเทนนิสกับนาย” ลอร์ดเซลบีว่า จากนั้นทั้งสองคนก็หยิบแร็กเก็ตแล้วไปยืนคนละฟากของสนาม เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดให้สัญญาณเริ่มการแข่งกัน

                “โอ้ ฉันนึกอยู่แล้วเชียวว่าเขาต้องออมมือให้” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ร้องออกมาหลังจากทั้งสองหนุ่มผลัดกันตีโต้ลูกสักหลาดไปมา

                “เธอหมายถึงใคร จอห์นหรือ?”

                “ใช่” หญิงสาวพยักหน้า “เขาตีแพ้ฉันไปตั้งสามเกม ฉันคิดแล้วเชียวว่าเขายังไม่เอาจริง” เธอพูดพลางแสร้งทำหน้าโมโห แต่มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มนิดๆ เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดมองลูกพี่ลูกน้องของเขา แล้วถอนหายใจ

                “นี่... อเล็กซี่ เธอน่ะหลงเขาออกนอกหน้ามากนะ รู้ตัวรึเปล่า ฉันได้ยินว่าเธอไม่ยอมเสวนากับสุภาพบุรุษคนไหนเลย นอกจากเขา”

                “โอ้ เจเรม นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยประทับใจชายคนไหนเลย จนกระทั่งฉันได้เห็นการชกมวยของเขา โอ้ ดูสิ ท่าทางเขาช่างสง่างามสมชายชาตรีเหลือเกิน” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มองลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่กำลังเล่นเทนนิสอยู่ในสนามอย่างหลงใหล “เขาต้องเป็นชายที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อคู่กับฉัน”

                “มั่นใจไปหน่อยมั้ง” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “เขากำลังคบหาอยู่กับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน เธอเป็นสุภาพสตรีที่น่ารักอ่อนหวาน และสวยขนาดที่ใครเห็นก็ต้องมองเหลียวหลัง”

                “เธอสวยกว่าฉันอีกหรือ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถาม เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดกวาดตามองลูกพี่ลูกน้องของเขา

                “พวกเธอสวยกันคนละแบบ” เขาว่า เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ร้องอย่างขัดใจ

                “เป็นคำตอบที่แย่มากของพวกผู้ชาย” เธอว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันไม่สนใจหรอก เธอจะสวยขนาดไหน ตราบใดที่พวกเขายังไม่แต่งงานกัน นั่นก็หมายความว่าฉันยังมีสิทธิ์”

                “โอ้... ให้ตาย” บารอนหนุ่มคราง “ทำไมเธอจะต้องสนใจผู้ชายที่หยิ่งยโสโอหังอย่างจอห์นด้วย”

                “ฉันไม่เห็นว่าเขาจะหยิ่งยโส หรือโอหังตรงไหนเลย เขาถ่อมตัวออกจะตาย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า

                “โอ... ถ้าเธอรู้จักเขาดี เธอจะต้องไม่พูดแบบนี้แน่”

                หญิงสาวหันมามองญาติผู้พี่ของเธอทันที “นายรู้จักเขาดีหรือ เจเรม? ไหนเล่ามาสิ ว่าเขาเป็นยังไง แล้วทำไมนายถึงไม่ยอมบอกฉันแต่แรกว่านายรู้จักเขา ฉันเขียนจดหมายถามนายเรื่องเขาไปตั้งเยอะ แต่นายกลับตอบเหมือนไม่รู้จักเขาเลย”

                “เพราะฉันไม่อยากอ่านคำพร่ำพรรณนาที่เธอเขียนถึงเขาน่ะสิ” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันกล้าพูดได้เลยว่าเขาคือลอร์ดหนุ่มที่โอหังที่สุดในลอนดอน เขาไม่เคยก้มหัวให้ใคร ถ้าเขาอยากได้อะไร เขาจะต้องได้ และเธอจะไม่มีวันได้ยินคำว่า “ได้โปรด” หลุดออกมาจากปากเขาอย่างเด็ดขาด”

                “โอ... ฟังดูฉันยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษที่น่าปลื้ม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเขามีส่วนไม่ดีตรงไหน”

                “ให้ตาย...” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดคราง “เขาคงจะดูเป็นอย่างนั้นในสายตาสาวๆ แบบเธอ แต่ไม่ใช่ในสายตาของเพศเดียวกันหรอก”

                “แสดงว่านายริษยาเขา เขาเก่งมากใช่ไหม นอกจากเขาจะชกมวยเก่งแล้ว เขายังเล่นเทนนิสเก่ง แล้วเขายังได้เป็นตัวแทนคัดเลือกคนไปแข่งรักบี้การกุศลต่อหน้าเจ้าชาย โอ... ฉันก็เข้าใจหรอกนะว่าหนุ่มๆ คนอื่นคงจะริษยาเขาเป็นธรรมดา เขามีทุกอย่างที่สุภาพบุรุษควรจะมี ถ้าฉันได้รักกับเขา ฉันคงมีความสุขมาก”

                เซอร์เจเรมี่ ตัดสินใจไม่เล่าเรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินดุ่มๆ เข้าไปถล่มพวกเขาที่สโมสรฟันดาบ เพราะเกรงว่านอกจากจะไม่อาจทำให้ลูกพี่ลูกน้องสาวของเขาไม่ประทับใจในตัวเอิร์ลหนุ่มแล้ว เผลอๆ เธอจะยิ่งคลั่งไคล้เขามากกว่าเก่า

                “งั้นขอให้เธอโชคดีกับเขาแล้วกัน” บารอนหนุ่มพูด แล้วเตรียมจะเดินออกไป เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เรียกตัวเขาไว้

                “เดี๋ยวสิ เจเรม อย่าเพิ่งไป”

                “อะไรอีกล่ะ ฉันไม่อยากอยู่ฟังเธอเพ้อถึงจอห์นหรอกนะ”

                “โอ้ นายจะต้องอยู่” หญิงสาวว่า ก่อนจะพูดต่อ “นายจะต้องมาตีเทนนิสคู่กับแพตทริก ฉันจะได้ตีคู่กับจอห์นไง”

                “ทำไมเธอไม่ไปตีคู่กับแพตทริก” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “เธอจะได้รู้ไงว่าเธอตีเทนนิสเก่งกว่าจอห์นรึเปล่า”

                “ฉันไม่จับคู่กับแพตทริกหรอก เขาปวกเปียกจะตาย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ดูสิ ขนาดลูกง่ายๆ แบบนั้นเขายังรับไม่ได้เลย ถ้าเป็นฉันยืนอยู่ตรงนั้นนะ...”

                “งั้นเธอก็ควรจับคู่กับเขา” ญาติของเธอย้ำ “เธอจะได้รู้ว่าเธอเก่งกว่าแพตทริกอย่างที่ปากพูดหรือเปล่า? ฉันกลัวแต่ว่าเธอจะปวกเปียกกว่าเขาอีกน่ะซี่”

                “ไม่มีทาง!” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เชิดหน้า “ก็ได้ ฉันจะจับคู่กับแพตทริก นายเองก็บอกจอห์นด้วยล่ะว่าอย่าออมมือ ฉันจะโกรธมากถ้าเขายังทำเหมือนว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง”

                “ได้ ฉันจะบอกเขาให้ แต่ฉันคิดว่าเธอคงจะเปลี่ยนใจหลังจากนั้นไม่นานหรอก”

----------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วเมื่อเซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ด มาพูดกับเขาเรื่องตีเทนนิส เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จึงพูดเสริมขึ้น

                “จอห์น ฉันไม่อยากให้คุณมองฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ฉันเองก็เป็นนักกีฬาคนหนึ่ง ในฐานะนักกีฬาด้วยกัน คุณควรจะเล่นกับฉันได้เต็มที่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธออยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้อเล็กซานดร้า ผมจะพยายามทำให้เต็มที่”

                ทั้งสี่คนหันมาประจันหน้ากันคนละฟากของคอร์ทเทนนิส โอลิเวอร์ถูกเรียกมาเป็นกรรมการ ฝ่ายของลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้เริ่มเสิร์ฟก่อน เพราะชนะการทายเหรียญ ลอร์ดหนุ่มส่งลูกให้บารอน

                “นายเสิร์ฟเถอะ”

                “เห็นแก่พระเจ้า จอห์น” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดพูดกับเขา “นายควรจะเสิร์ฟลูกนี้ และต้องเสิร์ฟใส่อเล็กซี่ด้วย เธอจะได้รู้ว่านายไม่ได้ออมมือ”

                “โธ่ นายจะบ้าหรือ เธอเป็นผู้หญิงนะ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ต่อให้เธอเก่งยังไง เธอก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี”

                “ระวังนะจอห์น ถ้าเธอได้ยินนายพูดแบบนี้ เธอจะต้องเอาแร็กเก็ตหวดหน้านายแน่ เอาลูกไป แล้วแสดงให้เธอเห็นว่านายให้เกียรติเธออย่างนักกีฬาคนหนึ่ง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะยื่นมือไปรับลูกเทนนิส

                ฟุ่บ!

                ก่อนที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะทันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร โอลิเวอร์ก็ขานคะแนนให้ฝั่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เธอเงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ลอร์ดหนุ่มรับลูกเทนนิสที่คนรับใช้โยนมาให้ แล้วเสิร์ฟอีกครั้ง

                ฟุ่บ!

                ลูกตกกระทบพื้นท้ายคอร์ทและกระดอนออกไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่ทันได้ขยับแร็กเก็ตด้วยซ้ำ

                โอลิเวอร์หมุนเข็มนาฬิกาไปที่เลขหก ลอร์ดเซลบีพูดขึ้น “อเล็กซานดร้า ผมจะไปรับลูกเสิร์ฟแทนคุณเอง”

                “ไม่ ฉันจะรับเอง” หญิงสาวพูดเสียงแข็ง “ฉันจะต้องรับให้ได้”

                “เอาให้เต็มที่ จอห์น” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “ฉันแน่ใจว่าอีกสองลูกอเล็กซี่จะต้องยอมแพ้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็ยังคงเสิร์ฟลูกแรงเหมือนเดิม

                พล็อก!

                “โอ๊ย!”

                คราวนี้เลดี้อเล็กซานดร้ารับลูกได้ทัน แต่ด้วยความแรงทำให้แร็กเก็ตกระเด็นออกจากมือของเธอ หญิงสาวเสียหลักหงายหลังลงไปบนพื้นหญ้า ลอร์ดเซลบีรีบถลันเข้าไปประคองเธอทันที

                “เป็นอะไรรึเปล่า”

                เธอพยายามปัดมือลอร์ดหนุ่มออกอย่างสุภาพ แต่เมื่อเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ร้องโอดโอยขึ้นมาทันที

                “โอย... ฉันเจ็บเหลือเกินค่ะ คิดว่าข้อมือคงเคล็ด”

                “โอ... ผมขอโทษ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดเต็มที่ เขาตะโกนสั่งให้โอลิเวอร์ไปตามหมอ ก่อนจะขยับเข้าไปประคองตัวเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ขึ้นมา

                “โอ... ฉันเจ็บขาเหลือเกิน” เธอครวญคราง สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์เคร่งเครียดกว่าเดิม

                “คุณลุกไหวไหม?”

                หญิงสาวรีบสั่นศีรษะทันที ลอร์ดเซลบีรีบพูดขึ้น “งั้นผมจะประคองคุณไปเอง”

                “โอ้ จอห์น... ได้โปรดช่วยฉันด้วยค่ะ ฉันเจ็บเหลือเกิน คิดว่าคงจะเดินไม่ไหวค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของลอร์ดเซลบี เธอเงยหน้าขึ้นมองลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างอ้อนวอน

                “งั้นเดี๋ยวผมจะอุ้มคุณไป”

                รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหญิงสาว ในตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ช้อนตัวเธอขึ้นมาจากพื้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์โอบมือรอบคอของเขา แล้วพิงศีรษะเข้ากับซอกไหล่ของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน

                “ขอบคุณนะคะจอห์น คุณช่างใจดีเหลือเกิน”

                ลอร์ดเซลบีโกรธจนหน้าแดง ขณะที่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดได้แต่ถอนหายใจ

--------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่30p.16(08/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 10-06-2017 17:50:36
                หมอถูกตามตัวมาหลังจากนั้นไม่นาน เขาเข้าไปดูอาการของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ที่นอนอยู่บนเก้าอี้ยาวตรงระเบียงชั้นล่างของคฤหาสน์ และลงความเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก เต็มที่ก็แค่เคล็ดเล็กน้อย หลังจากพยายามใช้สายตาบีบคั้นหมอหนุ่มผู้แสนซื่ออยู่นาน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็จำต้องยอมรับอย่างอายๆ ว่าเธอคงตกใจเกินไปจึงทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าที่ควรจะเป็น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงออกความเห็นว่าเธอควรจะพักสักครู่ จากนั้นเขาก็รีบชวนเซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดและลอร์ดเซลบีออกไป แต่ฝ่ายหลังไม่ยินยอม พวกเขาจึงออกกันมาแค่สองคน

                “โอ้ ให้ตาย เจเรมี่ งานนี้นายต้องช่วยฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบบอกบารอนหนุ่ม “ญาติของนายพยายามจะปั่นหัวฉัน”

                “เธอเป็นเลดี้ และเธอเป็นลูกสาวของท่านลุงฉัน” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “นายควรจะให้เกียรติเธอหน่อย เพราะเธอคลั่งไคล้นายมาก”

                “ฉันให้เกียรติเธอเต็มที่อยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันบอกนายได้ว่าฉันรู้สึกดีกับเธอมาก ในแง่น้องสาว เธอเป็นน้องสาวที่น่ารักมากในสายตาฉัน ถ้าฉันมีน้องสาวอย่างเธอสักคนอยู่ที่บ้านคงเป็นเรื่องน่าสนุกไม่น้อย แต่ฉันจะไม่คิดกับเธอในแง่อื่น”

                “งั้นนายควรจะบอกเธอไปตรงๆ” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเขา

                “นายคิดว่าฉันไม่ได้พูดงั้นหรือ ฉันบอกเธอไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าฉันรู้สึกดีกับเธอมาก ในแง่ของน้องสาวคนหนึ่ง แล้วดูสิวันนี้เกิดอะไร เธอแกล้งให้ฉันอุ้มเธอขึ้นมา โอ... ถ้าเธอบอกฉันตรงๆ ฉันคงจะโมโหน้อยกว่านี้ ฉันไม่ชอบโดนหลอก เจเรมี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่ฉันไม่ได้รัก”

                “รู้อะไรมั้ย?” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดจ้องตอบ “นายนี่เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมาจนน่าต่อย แต่ฉันยอมรับความจริงใจของนาย อย่างน้อยๆ นายก็มาพูดเรื่องนี้กับฉันตรงๆ ได้... ฉันจะพยายามช่วยนาย แต่ฉันไม่รับประกันหรอกนะ อเล็กซี่เป็นผู้หญิงที่จริงจังกับสิ่งที่เธอต้องการมาก เธอจะไม่ยอมปล่อยมือจากอะไรง่ายๆ นายอาจจะต้องทนๆ เอาหน่อย ก็แค่วันนี้สักวัน พรุ่งนี้นายก็อ้างธุระด่วนจับรถไฟกลับลอนดอนเลย”

                “ตกลง ฉันจะอดทนกับเธออย่างเต็มที่”

-------------------------------------

                ทว่าในเช้าวันรุ่งขึ้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์กลับป่วยขึ้นมาจริงๆ เธอไข้ขึ้นสูงและเพ้อถึงแต่ชื่อของลอร์ดหนุ่ม หมอที่มาตรวจอาการลงความเห็นว่า คงจะเกิดจากการที่เธอพักผ่อนน้อย และตากแดดกับออกแรงมากเกินไป สาวใช้แอบมาเล่าให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟังหลังจากนั้นว่า คืนวันเสาร์ที่มีฝนตกหนัก เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินฝ่าฝนออกไปท่ามกลางความมืด เพื่อให้แน่ใจว่าแปลงดอกไม้ที่เธอเตรียมไว้ต้อนรับเขาจะไม่ถูกฝนตีจนพินาศ และเธอยังตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับติดกันมาหลายคืน เมื่อได้รู้ว่าลอร์ดหนุ่มตอบตกลงจะมาตามคำเชิญ

                ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงไม่อาจกลับมายังลอนดอนตามความตั้งใจเดิมได้ เขาสั่งให้โอลิเวอร์ไปส่งโทรเลขสามฉบับ ฉบับแรกส่งถึงลอร์ดบาธพ่อของเขา ฉบับต่อมาส่งถึงลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และฉบับสุดท้ายส่งถึงกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก ทั้งหมดมีเนื้อหาอย่างเดียวกัน คือเขาไม่สามารถกลับไปตามกำหนดเดิมได้ แต่จะพยายามกลับไปให้เร็วที่สุด

                เขาอยู่ให้กำลังใจเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อย่างใกล้ชิด สลับกับเซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ด และลอร์ดเซลบี (ซึ่งเซอร์เจเรมี่พยายามหาข้ออ้างต่างๆ นานา เพื่อช่วยให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับเลดี้อเล็กซานดร้าในช่วงเวลาวิกฤติ) แน่นอนว่าเขาคิดถึงช่างตัดเสื้ออย่างสุดหัวใจ ในคืนวันพุธ หลังจากเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หลับลงแล้ว เขาก็ออกมายืนสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้องพัก พลางคิดถึงสีหน้าและแววตาของช่างตัดเสื้อ และสงสัยว่าตัวเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่

                “คุณดูเหม่อจังเลยนะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะดุ้ง เขาหันไปมองเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ ซึ่งนอนป่วยและเพ้อด้วยพิษไข้มาถึงสองวันแล้ว หญิงสาวกำลังลืมตามองเขา แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนแรง

                “ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นคุณนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมคะ? ที่นั่งอยู่นี่เป็นคุณจริงๆ ใช่ไหมจอห์น”

                “แน่นอน ผมเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือของเธอขึ้นมาบีบ แล้วยิ้ม “คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”

                “โอ... ฉันยังรู้สึกมึนๆ อยู่ค่ะ เหมือนว่าฉันฝันร้ายนานมาก”

                “คุณไม่ได้สติอยู่ตั้งสองวันแน่ะ” เขาบอกเธอ “ทุกคนเป็นห่วงคุณมาก ทั้งท่านดยุก ท่านดัชเชส เจเรมี่ แล้วก็แพตทริก เขากินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว”

                “แล้วคุณล่ะคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถามเขา “ห่วงฉันหรือเปล่า?”

                “แน่นอน ไม่งั้นผมจะนั่งอยู่ตรงนี้หรือ?”

                เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “คุณอยากได้อะไรไหม? น้ำดื่ม? หมอ? เดี๋ยวผมจะตะโกนให้คนไปตามมาให้”

                “ฉันอยากดื่มน้ำค่ะ” หญิงสาวบอกเขา ลอร์ดหนุ่มจึงเดินไปรินน้ำใส่แก้ว แล้วช่วยพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้นมานั่ง และประคองแก้วเอาไว้ระหว่างที่เธอดื่มน้ำจากมัน

                “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดและเอนตัวลงอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ

                “ผมจะไปตามท่านดยุกกับท่านดัชเชส พวกเขาคงดีใจมากที่คุณได้สติแล้ว”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ดึงขากางเกงของเขาเอาไว้ ก่อนจะช้อนตามองเขาอย่างอ้อนวอน “ให้ฉันได้คุยกับคุณแบบนี้อีกสักครู่ได้ไหมคะ?”

                “ได้สิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบและหันกลับมาหาเธออีกครั้ง เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยายามยื่นมือขึ้นมา ลอร์ดหนุ่มจึงกุมมือของเธอเอาไว้ หญิงสาวยิ้มออกมาอีกครั้ง

                “โอ... ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายที่ทำให้ฉันหลงใหลได้มากถึงเพียงนี้” เธอพูด และหน้าแดงขึ้นมา “ฉันไปดูการชกของคุณเพียงเพราะคำชวนของเพื่อนแท้ๆ แต่พอฉันเห็นคุณบนเวทีนั่น ฉันก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าฉันได้พบกับสุภาพบุรุษที่แท้จริงแล้ว”

                “คุณมองผมดีเกินไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ชอบทำเรื่องตื่นเต้นไปเรื่อยเท่านั้นเอง”

                หญิงสาวมองเขาอย่างปลาบปลื้ม ก่อนจะถอนหายใจยาว “เธอสวยมากไหมคะ?”

                “หืม?”

                “คนรักของคุณน่ะค่ะ”

                “โอ...”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์บีบมือของเขา “แสดงว่าคุณมีคนรักอยู่แล้วจริงๆ” เธอถอนหายใจอีกครั้ง “เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนคะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปพักใหญ่ๆ “เธอ... สวยมาก สวยที่สุดในสายตาผม... เธอคือทุกอย่างที่พระเจ้าสั่งให้ผมรัก”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มองเขาเงียบๆ “เธอคือคนที่คุณคิดถึงเมื่อครู่สินะคะ คุณพบกับเธอนานหรือยังคะ?”

                “ตั้งแต่วันแรกที่ผมกลับมาจากอเมริกา” ลอร์ดหนุ่มว่า “มันเป็นการพบกันโดยบังเอิญ ผมรักเธอหมดหัวใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ”

                “โอ...” น้ำตาใสๆ ไหลซึมออกมาจากหางตาของหญิงสาว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือเช็ดมันเบาๆ

                “ผมต้องขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวัง แต่ผมไม่ต้องการให้ความหวังที่ไม่มีทางเป็นไปได้กับคุณ”

                น้ำตาไหลหลั่งออกมาจากดวงตาสีเขียวคู่สวยของเธอ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์สูดหายใจลึก เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกดกลั้นอาการสะอึกสะอื้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์บีบมือเธอเอาไว้

                “ผมไม่ควรพูดเรื่องนี้ให้คุณฟังเลย คุณเพิ่งฟื้นจากไข้แท้ๆ”

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ในที่สุด เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็เค้นคำพูดออกมาได้ เธอสูดหายใจอยู่อีกครั้งสองครั้ง “ฉันเป็นคนถามคุณเอง ที่จริงฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่เราคุยกันแล้วค่ะว่าคุณต้องมีคนรักอยู่แล้ว”

                “....”

                “จอห์นคะ มันอาจจะเป็นคำขอที่น่าละอายมาก ฉันรู้ว่าตัวเองคงเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายในสายตาของคุณ แต่ฉันอยากใช้สิทธิ์ในฐานะผู้ป่วย ขอให้คุณปฏิบัติกับฉันเหมือนว่าฉันเป็นคนรักของคุณ จะได้หรือเปล่าคะ?”

                “โอ...”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบพูดขึ้นต่อ “ได้โปรดเถอะค่ะ แค่เพียงชั่วคราว ฉันอยากรู้ว่าการได้เป็นคนที่คุณรักนั้นมีความสุขขนาดไหน แค่วันเดียวก็ยังดี”

                “แต่คุณจะเป็นแค่ตัวแทนของคนอื่น”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่คนที่รักเป็นคุณก็พอ”

-----------------------------

                ท่านดยุกและท่านดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ดีใจมากที่ลูกสาวคนเล็กของพวกเขาฟื้นจากไข้ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์บอกพวกเขาถึงเรื่องที่เธอร้องขอต่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ ในตอนแรกท่านดยุกไม่เห็นด้วย ท่านมองว่ามันเป็นการเสียเกียรติที่บุตรสาวของท่านจะถูกใช้เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนอื่น แต่ท่านดัชเชสพยายามรบเร้าด้วยความสงสารบุตรสาว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงช่วยรับรองว่าจะไม่มีการเกินเลยกันทางด้านร่างกาย เขาจะปฏิบัติต่อเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อย่างเดียวกับที่สุภาพบุรุษจะปฏิบัติอย่างให้เกียรติต่อสตรีที่พวกเขารัก ท้ายที่สุดท่านดยุกก็ยอมใจอ่อน แต่ท่านกำชับว่าเรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นความลับ และทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงวันเดียวเท่านั้น

                ลอร์ดเซลบีโมโหมากเมื่อรู้เรื่อง แต่ทว่าหลังจากได้เห็นสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ เขาก็ยอมที่จะย้ายออกไปพักที่โรงแรมเป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างหญิงสาวที่เขาหลงรัก กับผู้ชายที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเอามากๆ เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดจึงตามออกไปด้วย

                เช้าวันรุ่งขึ้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แต่งตัวด้วยชุดสีเหลืองสดใส เธอใช้เวลาแต่งหน้าทำผมอยู่นานเพราะอยากจะให้ตัวเองดูสวยที่สุด เมื่อเธอเปิดประตูห้องออกมา ก็พบลอร์ดหนุ่มยืนรออยู่แล้วในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลามากในสายตาของเธอ

                “คุณสวยมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วยกมือของเธอขึ้นมาจูบ ก่อนจะจูงมือหญิงสาวลงไปชั้นล่าง พวกเขานั่งกินมื้อเช้าด้วยกันสองคน คุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระทั่วๆ ไป ระหว่างนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์กุมมือเธอเอาไว้ตลอดเวลา

                หลังกินมื้อเช้าเสร็จ พวกเขาก็ออกไปเดินเล่นในสวน โดยคล้องแขนกันเหมือนคนรัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกให้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พาเขาไปชมแปลงดอกไม้ที่เธออุตส่าห์ฝ่าฝนออกไปดูแลมัน ซึ่งเธอเคยพาเขาไปดูมาแล้วในเย็นวันจันทร์

                พวกเขาชมสวนกันจนใกล้เที่ยง จึงกลับเข้ามาพักดื่มชาและกินของว่างด้านในคฤหาสน์ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ชวนเขาไปที่ห้องดนตรี และขอให้เขาช่วยสอนเปียโนให้ ทั้งสองคนเล่นดนตรีด้วยกันจนกระทั่งตกเย็น จึงพากันนั่งรถม้าเปิดประทุนออกไปชมธรรมชาติของทุ่งหญ้าและหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางเหนือของคฤหาสน์ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ซุกตัวลงกับอกของลอร์ดหนุ่มอย่างออดอ้อน และเจ้าตัวก็โอบไหล่เธอเอาไว้ตลอดเวลา พวกเขาลงเดินเล่นกันบนทุ่งหญ้าใกล้เนินเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์เด็ดอกหญ้าเล็กๆ ดอกหนึ่งมาแซมไว้บนเรือนผมของเธอ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จึงเด็ดดอกหญ้าอีกดอกมาเสียบไว้ที่อกเสื้อของเขา ทั้งสองคนเที่ยวเล่นกันจนล่วงเข้าเวลาเย็น จึงกลับมาที่คฤหาสน์ และกินมื้อค่ำร่วมกันอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ย้ายกันไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น เธอขอให้เขาเล่าเรื่องที่อเมริกาให้ฟัง พวกเขาคุยกันอยู่จนถึงสามทุ่ม ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงแนะนำให้เธอเข้านอนเสีย

                “วันนี้ช่างดีเหลือเกินค่ะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเลย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หันมาพูดกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ในตอนที่เขาเดินมาส่งเธอที่หน้าประตูห้องนอน ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้มให้เธอ

                “คุณต้องพักผ่อน คุณเพิ่งฟื้นจากไข้นะ ผมคงเสียใจมากถ้าเรื่องวันนี้ทำให้คุณล้มป่วยอีก”

                “โอ... ไม่หรอกค่ะ ปกติแล้วฉันเป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเชื่อมั่น ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ

                “ผมจะเชื่อคุณแล้วกัน”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ชม้อยตามองเขาแล้วขบริมฝีปากอย่างเขินๆ “จอห์น ก่อนนอนคืนนี้ คุณจูบราตรีสวัสดิ์ฉันได้ไหมคะ?”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะคลี่ยิ้มออกมา “ได้สิ” จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ

                “ราตรีสวัสดิ์ ท่านหญิงของผม”

                “ระ... ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

                แม้ไม่ใช่จูบอย่างที่เธอแอบคาดหวัง แต่มันก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมา ถึงประตูจะปิดลงแล้ว แต่หัวใจของหญิงสาวยังคงเต้นอื้ออึงอยู่ในอก เธอรีบหันไปหาสาวใช้

                “โอ... เรจิน่า ช่วยดึงสายรัดคอร์เซ็ตออกให้ฉันที ฉันคิดว่าตัวเองจะเป็นลมแล้ว”

-------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงและหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แต่สูบไปได้ไม่กี่ครั้ง เจ้าตัวก็เปลี่ยนใจดับบุหรี่ แล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งขึ้นมา

                “โอ... ยอดรัก ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

                เขาก้มลงจูบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเบาๆ

---------------------------------------

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หายดีเป็นปกติในวันถัดมา เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงลากลับ โดยให้เหตุผลว่าเขายังมีภาระในการซ้อมและคัดตัวนักรักบี้ในงานการกุศลที่จะจัดในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จึงขอให้เขาถ่ายภาพร่วมกับเธอ และมาส่งเขาด้วยตนเองที่สถานีรถไฟในช่วงเย็น เธอยังมอบผ้าเช็ดหน้าไว้ให้เขาผืนหนึ่ง ลอร์ดหนุ่มจึงให้ผ้าเช็ดหน้าของเขากับเธอไป

                “เลดี้อเล็กซานดร้าเป็นผู้หญิงที่เปิดเผยมากเลยนะครับ” โอลิเวอร์พูดขึ้นหลังจากที่รถไฟออกจากสถานีแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “อืม ฉันชอบเธอนะ ในฐานะน้องสาว ฉันอยากจะมีอย่างเธอสักคน”

                คนรับใช้หัวเราะ “นายหญิงคงต้องปวดหัวมากทีเดียว เหมือนเธอมีลูกชายสองคน”

                อีกฝ่ายคลี่ยิ้มออกมา “เธอเองก็ทำฉันปวดหัวมาก นี่เธอรั้งฉันเอาไว้ได้ตั้งเกือบสัปดาห์แน่ะ เธอคงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการทำแบบนี้”

                “นั่นสิครับ ว่าแต่คุณไม่โทรเลขบอกนายท่านหรือครับว่าคุณจะกลับวันนี้ เขาจะได้ส่งรถม้ามารับเรา”

                “ไม่ ฉันอยากแวะร้านของกอร์ดอนก่อน เราจะเรียกรถม้ารับจ้างกันไป”

                “อ้อ ครับ... แล้วคุณเตรียมคำแก้ตัวกับนายท่านเรื่องนี้ไว้หรือยังครับ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันจะบอกพ่อว่าฉันอยากทำให้เขาประหลาดใจ ฉันแน่ใจว่ามันจะได้ผล ทั้งพ่อกับแม่ต้องประหลาดใจมากแน่ที่ฉันจะโผล่ไปที่บ้านในคืนนี้”

------------------------------------
(จบตอน)
** ตอนที่แล้วลืมกรี๊ดจอร์จ ว่าถ้าไม่รักจอร์จแล้วจะรักใคร แต่ตอนนี้จอร์จก็โดนตัวละครใหม่ออกมาขโมยซีนไปสิ้น 5555+ อเล็กซานดร้าเหมือนออกมาเพื่ออกหักแบบเดียวกับไมครอฟต์ ตอนแรกเราคิดว่านางจะเป็นสาวที่ดูน่าหมั่นไส้กว่านี้ แต่เขียนไปเขียนมา เราพบว่านางกลับน่ารักกว่าที่คิดมาก ตอนนี้เป็นการเปิดตัวที่อลังการงานสร้างของนางมาก และนางคงจะทำให้เรื่องนี้สนุกเข้าไปอีกในอนาคต (อุปสรรค์ของจอห์นกับกอร์ดอนที่มีอยู่ยังไม่มากพอ!!<<  :z6:)

พักเรื่องรักของตาแมกซ์ มาเจอกับเรื่องรักๆ ของตาจอห์น 555+ เราคิดว่าอเล็กซานดร้าเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่มาก เธอน่ารัก เธอก๋ากั่น เธอสปอตเกิร์ล ถ้ามาอยู่ในสมัยนี้คือสตรีพิมพ์นิยมที่ชายหนุ่มจะต้องชอบ และก็เป็นสตรีที่มีโอกาสขึ้นคานสูงเพราะความเรื่องมากและมั่นใจในตัวเองอีกเช่นกัน ฮ่าๆๆ

โอ๊ย ทำไมนิยายวายต้องมีตัวร้ายเป็นผู้หญิง!!! :katai1: ไม่นะ อเล็กซี่ไม่ใช่นางร้าย นางออกจะน่ารักและแสบมาก ฮ่าๆ

ตอนหน้าจอห์นกับกอร์ดอนจะกลับมาให้หายคิดถึงค่ะ
 :mew1:

ปล. นี่เรายังไม่ได้บอกใช่ไหมคะ? ว่าแก้ยศเจเรมี่เป็นเซอร์ และตำแหน่งคือบารอน (คือแก้หลายดราฟจนจำไม่ได้ว่าเคยบอกไปหรือยังค่ะ  :mew5:)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 10-06-2017 18:40:05
คิดถึงเวลาจอห์นกับกอร์ดอน
ตอนอยู่ด้วยกัน
นานมากแล้วนะ
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ทำไมจอห์นไม่บอกก่อนจะกลับมา
กอร์ดอนแต่งตัวไม่ทันนะ
อยากเห็นว่าจะสวยขนาดไหน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-06-2017 19:31:12
เอล็กซี่นี่ผีมากจริงๆ เห้ออออ
นางเอาแต่ใจตัวเองมากไปง่ะะะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 10-06-2017 19:38:45
อ่านแล้วเราปวดใจจจจจ ทำไมจอห์นถึงไม่สามารถแสดงความรักต่อกอร์ดอนเปิดเผยแบบคนอื่นได้ทั้งๆที่เธอเหล่านั้นไม่ใช่ตัวจริงสักคนนนน ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-06-2017 20:29:09
เลดี้อเล็กซานดร้า เปิดเผยมาก
รัก ลุ่มหลง จอห์น แบบชัดเจนมาก

จอห์น รักมั่นกอร์ดอนสุดๆ ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไม่ใจอ่อน วอแว กับหญิงเลย คิดถึงการ์ดอนสุดๆ
แถมบอกว่ามีคนรัก รักสุดๆด้วย จอห์นชัดเจนมาก  :heaven
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-06-2017 22:17:58
ไม่โอเคเลย

ขัดใจที่จอห์นยอมตามใจอเล็กซี่
กลัวว่ากอร์ดอนจะได้รู้เรื่องนี้จากปากของแพทริกไม่ทรงใดก็ทางหนึ่ง

ฉันไม่โกรธอเล็กซี่นะ เธอย่อมทำในสิ่งที่เธอปราถนา แต่การร้องขอแบบนี้ก็ดูจะเป็นการลดคุณค่าของตัวเองมากไปหน่อย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-06-2017 23:03:13
อย่าดราม่ามากนะ ช่วงนี้เราอ่อนแออยู่
กลัวใจจะรับไหว โทษคนเขียนเลยละ
:ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-06-2017 23:48:20
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-06-2017 03:38:10
กลิ่นอายความเป็นลอนดอน มาเต็ม100เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 11-06-2017 03:44:21
เอาจริงๆนี่ชอบเลดี้อเล็กซี่นะ นางก็มีมุมน่ารักของนางถ้าเป็นสมัยนี้นางคงเป็นเพื่อนที่ดีมากๆของจอห์นอีกคน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-06-2017 07:48:00
ไม่อยากจะคิดว่าถ้ากอร์ดอนรู้เรื่อง :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Tipin ที่ 11-06-2017 18:43:04
ทำไมเราไม่คิดว่านางน่ารักเลย
นางเอาแต่ใจแบบทำให้คนอื่นลำบาก
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 12-06-2017 11:05:18
Dear, My customer.

ตอนที่32 เส้นทางความรัก

                กอร์ดอนประหลาดใจมากที่มีคนมากดกริ่งเรียกในช่วงเวลาอาหารเย็น เขาสั่งให้เดวิดไปเปิดประตู ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามาในห้องอาหาร

                “คุณกำลังกินมื้อเย็นอยู่หรือ ผมมารบกวนรึเปล่า”

                “?!”

                เดวิดถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อนายจ้างของเขาโผเข้ากอดเอิร์ลหนุ่มคนนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบโบกมือไล่เขาออกไปทันที

                “โอ... ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” กอร์ดอนพูด เขาช้อนตามองฝ่ายนั้นอย่างรักใคร่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงดึงใบหน้าของคนรักขึ้นมาแล้วแนบริมฝีปากลงไป

                “อุ๊ย ตาเถร!” มิสซิสมาร์ธาที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่หมูย่างอุทานด้วยความตกใจ เธอทำถาดหลุดมือ ทั้งกอร์ดอนและลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบผละออกจากกันทันที เสียงแตกของจานทำให้เดวิดรีบวิ่งกลับเข้ามาทันที

                “เกิดอะไรขึ้นครับ!”

                “โอ้ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!” มิสซิสมาร์ธาร้อง ก่อนจะรีบเดินกลับไปในครัว กอร์ดอนหน้าแดงจัดด้วยความอับอาย เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

                “พระเจ้า... นี่ผมทำอะไรลงไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับไหล่ของเขาแล้วบีบเบาๆ “ใจเย็นๆ นะกอร์ดอน ผมคุยกับมิสซิสมาร์ธาเอง คุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น มันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น เชื่อผมนะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”

                “โอ...” กอร์ดอนซบหน้าลงกับฝ่ามือ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปหาเดวิด

                “ดูเขาไว้นะ อย่าให้เขาทำอะไรบ้าๆ เด็ดขาด”

                เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างงงๆ เขามองลอร์ดหนุ่มที่เดินหายเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะหันมามองนายจ้างของเขา

                “มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เกิดอะไรขึ้นครับ?”

                กอร์ดอนเอาแต่สั่นศีรษะ ใบหน้าของเขากลับกลายเป็นขาวซีดอย่างรวดเร็ว เดวิดมองอย่างเป็นกังวล

                “หน้าคุณซีดน่ากลัวมาก ผมจะเอาบรั่นดีให้นะครับ”

                “ไม่ ไม่ต้อง” เขาดึงแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้ และบีบแน่น “เดวิด... ถ้ามีใครมาถามอะไรเรื่องระหว่างฉันกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ บอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉันนะ เขาไม่ได้มีส่วนผิดอะไรเลย ฉันเป็นสาเหตุทั้งหมด”

                “โอ... ผมไม่รู้หรอกครับว่าคุณพูดเรื่องอะไร” เดวิดว่า “แต่คุณอย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนี้เลยครับ ผมแน่ใจว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ท่านลอร์ดต้องจัดการให้คุณได้อย่างแน่นอน”

                กอร์ดอนมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้ง “พระเจ้า ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง...”

-------------------------------------

                มิสซิสมาร์ธาหน้าซีดเผือดตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปหาเธอในห้องครัว เธอรีบพูดขึ้นทันที

                “โอ้ ท่านลอร์ด ดิฉันสาบานค่ะว่าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ดิฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย”

                “เอาล่ะ คุณนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามพูดจาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด เขาเว้นระยะห่างจากเธอเล็กน้อย

                “ผมรู้ว่าคุณเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อบังคับข่มขู่คุณ ผมมาเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้คุณฟัง”

                “โอ...” มิสซิสมาร์ธาคราง เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา “ดิฉันไม่กล้าแม้แต่จะคิดค่ะ นี่มันเป็น... เป็นเรื่องที่ผิดมาก”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา เขาเดินเข้ามาหาเธอ “ผมจะไม่พยายามแก้ตัวหรืออะไรทั้งนั้น ผมเพียงอยากจะอธิบายให้คุณเข้าใจ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา”

                “อา...”

                “ผมต้องการแน่ใจว่าคุณจะเต็มใจอยากฟังคำอธิบายของผม”

                มิสซิสมาร์ธาเม้มริมฝีปากด้วยความกลัดกลุ้ม เธอขมวดคิ้ว และนิ่งเงียบไปอยู่นาน สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “เอาล่ะค่ะ ดิฉันจะฟังคำอธิบายของคุณ”

                “ขอบใจที่รับฟังผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขากัดริมฝีปากก่อนจะเริ่มพูด “ผมเชื่อว่าพระเจ้าประธานความรักให้พวกเราทุกคน พระองค์มอบมันมาเพื่อให้เรามอบต่อให้กับใครสักคน”

                “....”

                “กอร์ดอนคือคนที่ผมตัดสินใจมอบสิ่งมีค่าที่สุดที่พระเจ้าให้มากับเขา ระหว่างเรามันคือความรัก มิใช่แค่เพียงความใคร่ที่น่ารังเกียจ”

                “โอ... แต่ท่านลอร์ดค่ะ มันผิดกฎหมาย พวกคุณจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง โดยเฉพาะมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ดิฉันไม่กล้าคิดเลย...”

                “จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ถ้าคุณไม่พูด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า และดึงมือของมิสซิสมาร์ธามาจับไว้ “ผมขอร้องต่อคุณ คุณนาย ผมขอให้คุณช่วยพวกเราเรื่องนี้ คุณคงไม่อยากเห็นผมกับเขาจบลงแบบโศกนาฏกรรมหรอก ใช่ไหม?”

                “โอ ไม่หรอกค่ะ ดิฉันไม่คิดแบบนั้นเลย” มิสซิสมาร์ธาว่า แม้กระนั้นสีหน้าของเธอยังคงดูเป็นกังวล ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม

                “ผมรู้ว่าคุณรู้สึกว่ามันผิด ผมเข้าใจว่าด้วยกฎหมายแล้วมันผิด แต่กฎหมายเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ ไม่แน่ว่าในอนาคต สักวันหนึ่ง เรื่องแบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไป มันอาจจะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของผมหรือคุณ หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “มีเรื่องหนึ่งที่ผมขอให้คุณรู้เอาไว้ ว่าพวกเราจะไม่ผิดต่อพระเจ้า พวกเราจะไม่ละเมิดข้อห้ามด้านร่างกาย ผมขอยืนยันอีกครั้ง ว่าระหว่างผมกับเขาคือความรัก มิใช่ความใคร่ที่น่ารังเกียจ”

                “โอ... ดิฉันคงต้องใช้เวลาทำใจสักระยะ” มิสซิสมาร์ธาว่า “มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันและน่าตกใจมาก... แต่วางใจเถอะค่ะ ดิฉันจะไม่ปริปากบอกเรื่องนี้กับใคร”

                “ผมหวังว่าคุณจะทำใจได้ในเร็ววัน และหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจพวกเรา”

                มิสซิสมาร์ธามองเขาอึดใจ “ดิฉันจะพยายามค่ะ ท่านลอร์ด”

---------------------------------

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ในตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับมาที่ห้องอาหาร ใบหน้าของเขาซีดจนน่ากลัว ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

                “เป็นอย่างไรบ้างครับ? เธอว่าอะไรบ้าง?”

                เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกปวดไปทั้งหัวใจ เขาเดินไปหาช่างตัดเสื้อ “เราจะไปคุยเรื่องนี้กันในห้องคุณ คุณลุกไหวไหม?”

                อีกฝ่ายพยักหน้า เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ และใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินขึ้นบันได เดวิดมองนายจ้างของเขาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมามองลอร์ดหนุ่ม

                “ท่านลอร์ดครับ...”

                “ฉันจะอธิบายเรื่องนี้ให้เธอฟังทีหลัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันต้องจัดการเรื่องกอร์ดอนก่อน”

                “ตกลงครับ”

                ทันทีที่ประตูห้องปิดลง กอร์ดอนร้องไห้ออกมาทันที “โอ... จอห์น ความผิดผมทั้งหมด ผมจะรับผิดเอง คุณอย่ามาเสียคนเพราะผมเลย”

                “ใจเย็นๆ ก่อน กอร์ดอน” ลอร์ดหนุ่มปลอบฝ่ายนั้น “ผมคุยกับมิสซิสมาร์ธาแล้ว เธอเข้าใจเรื่องของพวกเรา”

                “โอ... จริงหรือครับ?” กอร์ดอนมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า

                “อืม อย่างน้อยๆ เธอก็สัญญาว่าจะไม่บอกใคร”

                “อา...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับไหล่ฝ่ายนั้นไว้ “อย่ากังวลไปเลยกอร์ดอน ผมจะพาคุณไปคุยกับมิสซิสมาร์ธา คุณจะได้สบายใจ เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง เว้นเสียแต่ว่าเธอเกลียดผมหรือคุณมาก แต่ผมแน่ใจว่าเธอไม่ได้รู้สึกกับเราแบบนั้น”

                “แต่เธอคงจะรังเกียจ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มเขา

                “ไม่หรอก คุณต้องเชื่อผม ผมคิดว่าเธอจะรับเรื่องของเราได้ อย่าร้องไห้เลยนะยอดรักของผม ผมไม่มาที่นี่เพื่อจะทำให้คุณทุกข์ใจแบบนี้”

                “เป็นความผิดของผมเอง” กอร์ดอนว่า “ผมควรจะรู้จักยับยั้งชั่งใจกว่านี้ ผมควรจะคิดมากกว่านี้”

                “ไม่ใช่สักหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม “ผมเป็นฝ่ายจูบคุณก่อนนะ แต่ผมดีใจมากที่คุณโผเข้ากอดผมในทันที มันทำให้ผมมีความสุขมาก คุณคิดถึงผมมากใช่ไหม?”

                กอร์ดอนพยักหน้า

                “ผมก็คิดถึงคุณ คิดถึงคุณอยู่ตลอดเวลา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบ เขาประคองใบหน้าของช่างตัดเสื้อไว้ด้วยสองมือ และแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง กอร์ดอนจูบตอบฝ่ายนั้น เขายกสองมือขึ้นประคองศีรษะของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ พวกเขาประโลมจูบให้กันและกันเป็นเวลานาน แม้จูบจะไม่ได้มีมนต์วิเศษอย่างที่ใครบรรยายเอาไว้ แต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านกันก็ทำให้สีหน้าของกอร์ดอนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขาหลังจากผละริมฝีปากออก ช่างตัดเสื้อยิ้มตอบ ก่อนจะหัวเราะออกมา

                “ผมนี่บ้าจัง”

                “ทำไมหรือ?”

                คนถูกถามหน้าแดงจนถึงใบหู “ไม่รู้สิครับ จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่า ผมไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว เพราะผมมีคุณอยู่ตรงนี้”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะผมจะอยู่กับคุณ เราจะอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะไม่ปล่อยมือจากกัน ผมสัญญา”

                “ครับ ผมสัญญา”

                พวกเขาจูบกันอีกครั้ง ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะพูดขึ้นต่อ “มาเถอะ ผมจะพาคุณไปหามิสซิสมาร์ธา คุณจะได้สบายใจเรื่องเธอ”

------------------------------------------------

                มิสซิสมาร์ธายังคงอยู่ในห้องครัว เธอกำลังย่างหมูอยู่ตอนที่ชายหนุ่มทั้งคู่เดินเข้าไป

                “โอ้ ท่านลอร์ด ดิฉันกำลังเตรียมมื้อค่ำให้คุณอยู่ค่ะ ดิฉันคิดว่าคุณคงยังไม่ได้กินมา”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ มิสซิสมาร์ธาเดินเข้ามาหาพวกเขา

                “จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าดิฉันขอเวลาพูดกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กสักเล็กน้อย”

                “อ๋อ ได้สิ ผมจะไปรอที่ห้องอาหาร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาโค้งให้อีกฝ่าย แล้วเดินออกไปทันที กอร์ดอนมองหน้ามิสซิสมาร์ธาอย่างเป็นกังวล

                “มิสซิสมาร์ธา... ผม...”

                “อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยค่ะ คุณโอเดนเบิร์ก” เธอพูด แล้วยิ้มให้เขา “ฉันยอมรับว่าค่อนข้างตกใจมาก มันเป็นเรื่องกะทันหัน และคาดไม่ถึง แต่ฉันไม่ว่าอะไรคุณหรอก” เธอสูดหายใจ ก่อนจะพูดต่อ

                “ฉันเห็นคุณมาตั้งแต่คุณยังเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ด ฉันรู้สึกเหมือนคุณเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง ถึงฉันจะตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฉันก็ดีใจ... ดีใจที่คุณได้พบกับคนที่รักคุณมาก”

                กอร์ดอนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มิสซิสมาร์ธาดึงตัวเขาเข้ามากอด “โอ... ที่รัก อย่าร้องไห้เลย มันไม่มีเรื่องอะไรน่าเสียใจสำหรับคุณสักหน่อย”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า เขากอดมิสซิสมาร์ธาเอาไว้ “ขอบคุณมาก ขอบคุณ”

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร เขาสั่งให้เดวิดไปบอกโอลิเวอร์ว่าเขาจะอยู่กินมื้อเย็น พอเด็กหนุ่มกลับมาอีกครั้ง เขาก็ชี้นิ้วสั่งให้นั่งลง

                “เดวิด เธอเห็นตอนที่กอร์ดอนกอดฉันใช่ไหม?”

                เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองลอร์ดหนุ่มอย่างตั้งคำถาม ฝ่ายนั้นมองตอบเขา ก่อนจะพูดต่อ

                “จำเรื่องที่เธอเคยหลุดปากล้อฉันได้ไหม?”

                “โอ...”

                “เรื่องที่เธอคิดว่าฉันจะขอนายจ้างของเธอแต่งงานน่ะ”

                “คะ... ครับ”

                “ฉันตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ เสียแต่ไม่มีใครรับรองการแต่งงานระหว่างฉันกับเขาได้”

                เดวิดอ้าปากค้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเขา ก่อนจะเน้นคำพูดทีละคำ “ฉันรักอยู่กับนายจ้างของเธอ เรื่องนี้เป็นความลับมาก”

                เด็กหนุ่มกะพริบตามองอีกฝ่ายอยู่เป็นนาน ท้ายที่สุดก็ครางออกมา “โอ้ ให้ตาย... นี่คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ?”

                “ฉันดูเหมือนล้อเล่นหรือ?”

                “อา...” เดวิดคราง ก่อนจะสั่นศีรษะ “แต่... แต่มันผิดมากนี่ครับ”

                “ใช่ ผิดกฎหมายร้ายแรงมาก” ลอร์ดหนุ่มว่า “เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังใช่ไหม?”

                “ผมไม่เล่าหรอกครับ คงไม่มีใครเชื่อผม”

                “ถ้ามีคนเชื่อล่ะ ถ้ามีคนให้ผลประโยชน์กับเธอ ให้เงินเธอสักหลายร้อยหลายพันปอนด์ เพื่อให้เธอเล่าเรื่องนี้ เธอจะไม่เล่าให้เขาฟังเชียวหรือ?”

                “ผมไม่ใช่คนเห็นแก่เงินแบบนั้นหรอกครับ” เดวิดหน้าเครียดขึ้นมา “ผมรู้ว่าถ้าเล่าไป มิสเตอร์โอเดนเบิร์กจะโดนลงโทษสถานหนัก ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำกับเขาแบบนั้น เขาช่วยครอบครัวผมไว้ เขาเป็นนายจ้างที่ดีมาก”

                “แน่ใจหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้ำ “วันหนึ่งเธออาจจะเข้าตาจนขึ้นมา ถึงตอนนั้นเธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาใช้ เงินน่ะมันไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ”

                “ไม่มีทางหรอกครับ” เดวิดว่า “ให้ตาย คุณล้อเล่นแรงเกินไปแล้ว ผมไม่ขำนะครับ เรื่องนี้มันคอขาดบาดตายมากเลยนะ”

                “ใช่ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก และฉันก็ไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสียงเครียด “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอเรื่องนี้ เดวิด แต่ฉันตัดสินใจบอกเธอ ฉันอยากแน่ใจว่าเธอจะไม่ทรยศต่อนายจ้างของเธอ ฉันไม่อยากให้เขาถูกโดดเดี่ยวจากคนใกล้ชิด เรื่องที่ฉันบอกเธอเป็นเรื่องจริง และฉันจะบอกเธออีกครั้งว่าฉันกับกอร์ดอนเป็นคนรักกัน พวกเราเป็นคู่รัก”

                เดวิดอ้าปากกว้างกว่าเดิม ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “เพราะงั้นเธอไม่ต้องสงสัยว่าทำไมฉันถึงเทียวเวียนมาที่นี่แทบทุกวัน ชวนเขาไปนั่นไปนี่แทบตลอดเวลา ไม่มีผู้ชายคนไหนที่อยากอยู่ห่างจากคนรักของเขาหรอก”

                “โอ... ให้ตาย” เดวิดครางออกมาอีกครั้ง เขาขบริมฝีปาก ก่อนจะโพล่งออกมา “ผมก็สงสัยอยู่แล้วเชียว ว่ามันไม่ปกติ”

                “ใช่ และเธอจะเล่าเรื่องนี้ให้แม่เธอฟัง ให้เพื่อนเธอฟังใช่ไหม? มันน่าเล่าไม่น้อยเลยนี่”

                “โอ้! คุณดูถูกผมเกินไปแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มพูดฉุนๆ “ผมรู้หรอกน่าว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด”

                “งั้น... แสดงว่าเธอจะไม่เล่า”

                “แน่นอนครับ”

                “แล้วเธอจะรังเกียจฉันกับกอร์ดอนไหม?”

                “ผมไม่มีเหตุผลที่จะรังเกียจอะไรพวกคุณนี่”

                “จริงหรือ?”

                เดวิดมองเขาอึดใจ “ผมรู้หรอกครับว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นคนสวยมาก อันที่จริงถ้าเขาเป็นผู้หญิง ผมคงแอบหลงอยู่เหมือนกัน คุณอาจจะ... เอ่อ... คิดนอกกรอบกว่าผมหน่อย ผมหมายถึง มันก็ไม่แปลกอะไรที่คุณจะ... จะนึกชอบเขา”

                “ฉันรักเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และฉันจะดีใจมากถ้าเธอจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างที่สุด เพราะถ้าเกิดมีใครรู้เข้า ระหว่างฉันกับเขามันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมทันที”

                “ผมรับรองว่าจะหุบปากให้สนิทเลยครับ”

                “แน่นะ”

                “แน่นอนที่สุดครับ”

                “จะไม่บอกใครแม้แต่แม่ของเธอใช่ไหม?”

                “ครับ ผมจะไม่บอกใครแม้แต่คนเดียว”

                “ดีมาก”

                เดวิดมองฝ่ายนั้น ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา “ผมชอบให้คุณมาที่นี่นะครับ เพราะตั้งแต่คุณมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก”

                “งั้นหรือ เธอคงชอบใจชุดน้ำชา”

                “โอ ผมไม่ใช่มิสซิสมาร์ธาหรอกครับ” เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธ “ผมชอบเพราะคุณเท่ และคุณโอเดนเบิร์กก็ดูมีความสุขขึ้นด้วย เขาอารมณ์ดีมากทีเดียว ผมไม่เคยเห็นเขาอารมณ์ดีแบบนี้มาก่อน”

                “คนมีความรักต้องอารมณ์ดีทุกคนอยู่แล้ว”

                เดวิดหัวเราะออกมา “คุณเปิดเผยมากนะครับ เป็นคนอื่นคงฆ่าผมแน่”

                “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอปากโป้งแค่ไหนน่ะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่โดยปกติฉันเป็นคนเปิดเผยมากอยู่แล้ว”

                “วางใจเถอะครับ ผมจะหุบปากให้สนิท ผมชอบให้คุณอยู่กับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมชอบพวกคุณทั้งคู่เลย”

------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 12-06-2017 11:05:52
                กอร์ดอนกลับมานั่งกินมื้อค่ำกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ในห้องอาหารเล็กๆ ของเขา สีหน้าของช่างตัดเสื้อดูดีขึ้นมาก เขาเล่าเรื่องมิสซิสมาร์ธาให้ลอร์ดหนุ่มฟัง อีกฝ่ายจึงตอบแทนเขาด้วยการเล่าเรื่องที่เพิ่งพูดกับเดวิดเมื่อครู่

                “โอ้ ให้ตาย... คุณเล่าให้เดวิดฟังแบบนั้นเลยหรือครับ” กอร์ดอนมองเขาด้วยความประหลาดใจระคนตกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ใช่ ไหนๆ เขาก็คงต้องรู้สักวันอยู่แล้วนี่ อีกอย่างเขาก็ตกใจมากตอนเห็นคุณโผเข้ากอดผม ถึงผมไม่เล่า เขาก็ต้องสงสัยอยู่ดี”

                กอร์ดอนหน้าแดงอีกครั้ง “ผมนี่โง่ชะมัดเลย”

                “ไม่เอาน่า ก็คุณรักผมนี่ คนรักกันต้องคิดถึงกันมากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

                “คุณพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติเลยนะครับ”

                “ก็มันเป็นเรื่องปกติ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “บอกคุณตรงๆ นะ ผมรู้สึกโล่งใจมากที่ได้บอกพวกเขาทั้งสองคนให้รู้เรื่องนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น”

                กอร์ดอนถอนหายใจเฮือก “ผมเองก็รู้สึกโล่งใจอยู่เหมือนกันครับ พวกเขาก็มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ต่างจากที่ผมคิดเอาไว้เยอะเลย”

                 ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้ฝ่ายนั้น “นั่นเพราะพวกเขารักคุณไงล่ะ ผมบอกแล้วว่าเราไม่ควรให้ความกลัวมาอยู่เหนือความรัก ผมเชื่อในรัก และผมเชื่อว่าคุณเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรัก พระเจ้าไม่ทอดทิ้งคนอย่างคุณหรอก”

                กอร์ดอนมองเขายิ้มๆ “คุณช่างเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นอย่างเหลือเชื่อเลยครับ คุณทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้”

                “แน่นอน”

                “แล้ว... คุณไปทำอะไรที่มิลตันครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “จอร์จยังไม่ได้บอกคุณหรือ?”

                “บอกแล้วครับ แต่ผมอยากฟังจากปากคุณมากกว่า”

                “ท่านดยุกเชิญผมไปงานวันเกิด อันที่จริงแล้วผมโดนหลอก เพราะพ่อบอกผมว่าจะส่งผมไปเป็นตัวแทน แต่ปรากฏว่าท่านดยุกระบุว่าเชิญผมแต่แรก”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง “ทำไมท่านมาร์ควิสถึงไม่บอกคุณล่ะครับว่าท่านดยุกเชิญคุณ”

                “เพราะเขารู้ว่าผมจะต้องปฏิเสธน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ปกติแล้วงานแบบนี้จะเป็นงานสังสรรค์ของพวกผู้ใหญ่ บางคนอาจจะพาลูกสาวไปไปด้วย ถ้าอีกฝ่ายมีลูกชาย ในทางกลับกัน บางคนอาจจะพาลูกชายของเขาไป ถ้าอีกฝ่ายมีลูกสาว ผมน่ะปฏิเสธที่จะไปงานพวกนี้มาหลายครั้งแล้ว พ่อคงรู้แกว คราวนี้เลยต้มผมเสียเปื่อย แต่ถึงเขาทำแบบนี้อีกผมก็คงต้องไปอยู่ดี เพราะไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆ ก็ได้”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ได้ยินว่าบุตรีของท่านดยุกเป็นสาวสวยมาก”

                “ใช่ และเธอซนมาก ถ้าผมมีน้องสาวก็คงจะซนแบบนี้นี่แหละ”

                “แล้วเธอเป็นอย่างไรบ้างครับ ผมหมายถึง.... ในสายตาคุณน่ะ”

                “ผมรู้สึกกับเธอเหมือนน้องสาว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะถอนหายใจ “ผมบอกคุณตรงๆ เลยนะกอร์ดอน ว่ามีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างผมกับเธอ ในช่วงที่ผมอยู่ที่นั่น ผมไม่อาจเล่าได้ทั้งหมดเพราะมันอาจจะเป็นการหมิ่นเกียรติของเธอ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่มีความรู้สึกอะไรให้เธอมากไปกว่าความเป็นพี่น้อง ซึ่งมันทำให้เธอผิดหวังมาก”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา “เธอถามถึงคุณด้วย”

                “หา?!”

                “เธอถามว่าคนรักของผมสวยมากไหม? คุณรู้ไหมผมตอบว่าไง”

                “โอ... คุณคงไม่บอกเธอไปใช่ไหมครับว่าผมเป็นผู้ชาย”

                “ไม่ ผมยังไม่บ้าขนาดนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมบอกเธอไปว่าคนรักของผมสวยมาก สวยที่สุดในสายตาผม ทุกอย่างที่ผมควรรักอยู่ในตัวคุณ”

                “ให้ตาย...” กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความเขิน “เธอไม่เสียใจแย่หรือครับ”

                “แน่นอน ผมว่าเธอผิดหวังมาก ช่วยไม่ได้ เพราะตั้งแต่เห็นคุณครั้งแรก ผมก็ให้หัวใจคุณไปทั้งดวงแล้ว”

                กอร์ดอนหน้าแดงกว่าเดิม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาจับมือเขาเอาไว้ “ผมรักคุณมากนะ กอร์ดอน ผมแทบจะหายใจเข้าออกเป็นคุณอยู่แล้ว วันจันทร์ผมจะมารับคุณไปที่สนามแบตเตอร์ซี พอซ้อมรักบี้เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปกินมื้อเย็น และผมอยากจะแวะที่ห้องคุณสักพักเพื่อแสดงความรักกับคุณสักเล็กน้อย ผมว่ารถม้ามันแคบไป”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู ก่อนจะอุทานอย่างนึกขึ้นได้ “โอ้!”

                “มีอะไรหรือ?”

                “อ๋อ เปล่าครับ” ช่างตัดเสื้อรีบปฏิเสธ “ผมแค่เพิ่งนึกได้ว่าคุณมีซ้อมรักบี้วันจันทร์”

                “ใช่ แต่คนคงไม่เยอะนักหรอก ผมว่าเผลอๆ อาจจะมีแค่จอร์จกับแมกซ์ แล้วก็เอ็ดดี้ คนอื่นๆ ไม่น่าจะว่างกัน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ครับ งั้นผมจะรอคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมาจูบแก้มของช่างตัดเสื้อ “ผมรักคุณ ยอดรัก”

                “ผมก็รักคุณเหมือนกันครับ”

---------------------------------------------

                เลดี้บาธสวมเสื้อคลุมและเดินมายังโถงทางเดิน ก่อนจะเอ่ยทักลูกชายคนเดียวของเธอด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ

                “โอ... จอห์น ทำไมลูกไม่โทรเลขมาบอกว่าจะกลับล่ะจ๊ะ แม่คิดว่าลูกยังติดอยู่ที่มิลตัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มให้แม่ของเขา “ผมอยากทำให้แม่แปลกใจครับ”

                เลดี้บาธดึงตัวลูกชายมากอดอย่างรักใคร่ ก่อนจะจูงมือเขาเดินไปตามทางเดิน

                “ไหนเล่าให้แม่ฟังสิจ้ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ทำไมลูกถึงต้องเลื่อนวันกลับไปตั้งหลายวัน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เป็นสาวสวยมากใช่ไหมจ๊ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ แล้วจึงเล่าเรื่องระหว่างเขาและเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ให้แม่ของเขาฟัง

                “เธอเป็นผู้หญิงที่หัวสมัยใหม่มาก ผมว่าแม่อาจจะไม่ค่อยชอบเธอ แต่ถ้าเธอเป็นน้องสาวของผม ผมจะชอบเธอมาก”

                “โอ้... แม่เคยอยากได้ลูกสาวจ้ะ” เลดี้บาธว่า “เสียดายที่แม่มีลูกแค่คนเดียว”

                “พ่อนอนหรือยังครับ?”

                “ยังจ้ะ เขาอยู่ในห้องหนังสือ เขาคงดีใจถ้าลูกเข้าไปตอนนี้”

                “ครับ”

                ลอร์ดบาธกำลังเขียนจดหมายอยู่ ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปิดประตูเข้าไป เขาถอดแว่นสายตาออก แล้วเอ่ยทักลูกชาย

                “ไง จอห์น โผล่มาเสียดึกเลยนะ กะจะย่องเข้าบ้านไม่ให้พ่อกับแม่รู้ตัวหรือไง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง “ผมตั้งใจมาทำเซอร์ไพรส์พ่อกับแม่ครับ”

                “อืม... แต่รถไฟเที่ยวสุดท้ายจากมิลตันเข้าตั้งแต่ทุ่มหนึ่งนี่ ทำไมแกถึงมาเอาป่านนี้ล่ะ? พ่อว่าแกตั้งใจไปแวะที่ไหนก่อนมากกว่า” ลอร์ดบาธหรี่ตามองลูกชายอย่างรู้ทัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มปากเล็กน้อย

                “แหม... พ่อครับ ก็ผมเป็นผู้ชาย”

                ผู้เป็นพ่อมองเขาก่อนจะถอนใจ “เป็นไงบ้างล่ะ ที่มิลตันน่ะ ทำไมถึงกลับช้ากว่ากำหนดตั้งหลายวัน มีเรื่องเกิดขึ้นหรือ?”

                “มีเรื่องนิดหน่อยครับ” ลอร์ดหนุ่มตอบ ก่อนจะเล่าเรื่องระหว่างเขากับเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ให้พ่อของเขาฟัง พอฟังจบ ลอร์ดบาธก็ยิ้มออกมา

                “ดูเธอปราบพยศแกอยู่เลยนะ”

                “โอ... เพราะเธอเป็นผู้หญิงหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถ้าเธอไม่ใช่ผมคงจะรีบกลับมาแล้ว”

                “อ้าว ก็ถูกแล้วไง เธอเป็นผู้หญิง” ลอร์ดบาธว่า “เป็นผู้หญิงคนแรกเสียด้วยที่รั้งแกเอาไว้ได้ตั้งหลายวัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ผมไม่คิดจะแต่งงานกับเธอหรอกครับ ผมคงปวดหัวตาย”

                “งั้นหรือ พ่อคิดว่าแกน่าจะเข้ากับเธอได้ดีเสียอีก ไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบเล่นกีฬาหรือไง?”

                “ไม่ครับ ถ้าผมต้องเลือกระหว่างเธอกับแคทเธอรีน ผมเลือกแคทเธอรีนดีกว่า”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดบาธพยักหน้า เขามองลอร์ดลูกชายอีกพัก ก็ถามต่อ “แล้วคนรักลับๆ ที่แกคิดว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งของแก เป็นผู้หญิงแบบไหนล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปนาน “โอ... ผมไม่คิดว่าพ่อจะถาม”

                “ที่จริงพ่อควรจะถามถึงเธอมาตั้งนานแล้ว” ลอร์ดบาธว่า “เธอเป็นผู้หญิงแบบไหน นิสัยยังไง เล่าให้พ่อฟังได้ไหม?”

                “เธอ... น่ารักมากครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเขินๆ “เธอค่อนข้างสงวนท่าที พูดจาสุภาพ เธอไม่เคยเข้าโรงเรียน แต่เขียนหนังสือสวยมาก”

                “งั้นหรือ แกชอบเธอตรงไหนล่ะ?”

                “ทุกที่เลยครับ” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ผมไม่มีเหตุผลอะไรให้ไม่ชอบเธอ”

                “อ้อ... เธอเล่นกีฬาไหม? เล่นดนตรีเป็นไหม? ทำกับข้าวเก่งรึเปล่า?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ข้อหลังไม่ใช่คุณสมบัติของเลดี้นี่ครับ”

                “มันเป็นคุณสมบัติทั่วไปที่สาวชาวบ้านควรมี” ลอร์ดบาธว่า “เธอน่าจะทำกับข้าวเก่ง”

                “โอ... ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่คิดว่าเธอคงทำไม่เป็น เธอไม่เล่นกีฬา ไม่เล่นดนตรี เธอไม่มีคุณสมบัติของเลดี้หรือที่สาวชาวบ้านควรมีเลย ถ้าพ่อคิดว่าอย่างนั้น แต่ผมก็ยังชอบเธอ”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจเฮือก “พ่อเข้าใจ บางทีเวลาเรารักใครสักคน มันไม่มีเหตุผลหรอก”

                “ครับ มันไม่มีเหตุผลเลย”

                “แต่เมื่อเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนคนนั้น เราต้องมีเหตุผลมากมายทีเดียว”

                “.....”

                “พ่อเคยพบรักกับสาวคนหนึ่ง ก่อนหน้าจะเจอกับแม่ของแก เธอเป็นผู้หญิงผมดำ ตาโตสีเทา ดวงตาของเธอมีเสน่ห์แบบลึกลับ เธอเป็นลูกสาวของช่างทำหมวก พ่อบังเอิญพบเธอในตอนที่ไปสั่งทำหมวก แน่นอนว่าพ่อจีบเธออย่างไม่ลังเล ตอนนั้นพ่อรู้สึกว่าเธอคือทั้งชีวิตของพ่อ”

                “โอ...”

                “แต่พอเราเริ่มรู้จักกันมากขึ้น พ่อก็พบว่าระหว่างพ่อกับเธอ มันไม่ใช่ความรัก มันเป็นแค่ความหลง มันเหมือนภาพลวงตา ที่วันหนึ่งเราก็ค้นพบว่ามันไม่ใช่ความจริง มากกว่าความต้องการด้านร่างกาย พ่อต้องการผู้หญิงที่พร้อมจะเป็นภรรยาที่ดี และเป็นแม่ที่ดีของลูก สุดท้ายพ่อก็เลิกกับเธอ และพ่อก็ได้เจอกับแม่ของแก ผู้หญิงที่ดีพร้อมสำหรับพ่อ พ่อไม่เคยนึกเสียใจเลยที่แต่งงานกับเธอ สำหรับพ่อ แม่ของแกเป็นยิ่งกว่ายอดรัก เธอเป็นยอดดวงใจ เป็นทุกอย่างที่ทำให้พ่อมีทุกวันนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “ถ้าแม่มาได้ยิน แม่คงต้องปลื้มใจมากแน่ๆ”

                “พ่อบอกแม่แกทุกคืน ว่าเธอคือยอดดวงใจ ยอดหญิงที่พ่อขาดไม่ได้” ลอร์ดบาธพูดยิ้มๆ “ความรักที่พ่อมีให้แม่ของแกมันยิ่งลึกซึ้งไปตามเวลา พ่อรักเธอยิ่งกว่าวันแรกที่เจอกัน และพ่อแน่ใจว่าวันพรุ่งนี้พ่อจะรักเธอยิ่งกว่าเดิม”

                “อา...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขาอย่างประทับใจ ลอร์ดบาธยกมือตบไหล่ลูกชาย

                “ไม่ต้องรีบหรอกจอห์น ให้เวลาพิสูจน์ความรัก สักวันแกจะรู้ว่าใครที่เหมาะสมกับแก”

-----------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปลี่ยนเสื้อผ้าและทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของกอร์ดอนออกมาแล้วคลี่มันออก ตัวอักษร G.O. มองดูเด่นชัดใต้แสงตะเกียง เขาลูบมือลงไปบนอักษรด้ายปักนั้นเบาๆ พลางนึกถึงผู้เป็นเจ้าของ

                ภาพของกอร์ดอนที่นั่งขะมักเขม้นอยู่หน้าจักรปรากฏขึ้นในห้วงสำนึกของเขา ภาพที่ฝ่ายนั้นกำลังตั้งอกตั้งใจเย็บกระดุมเสื้อสูทให้เขา ภาพมือของช่างตัดเสื้อที่มีทั้งร่องและไตเนื้อแข็งๆ ที่เกิดจากการเสียดสีกับกรรไกร ที่เขาได้เห็นในวันที่พบกันวันแรก ลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่ใจว่านั่นไม่ใช่มือที่จะสวมแหวนได้อย่างสวยงาม แต่มันคือมือที่มีคุณค่า

                เขานึกทบทวนคำพูดของผู้เป็นพ่อ ที่เขามีให้กอร์ดอนคือความรักหรือความหลงกันแน่นะ?

                เขาหลงรักฝ่ายนั้นตั้งแต่แรกเห็น รักทั้งๆ ที่รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย รักโดยที่รู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีทางจะดำเนินต่อไปได้ แต่เขาก็ยังดึงดัน และสุดท้าย เขาก็ได้ความรักตอบแทนกลับมา

                เขาเกิดและเติบโตมาในตระกูลขุนนางชั้นสูง ถูกสั่งสอนอบรมมาอย่างดี ทั้งกิริยามารยาท หน้าที่และความเคารพต่อเกียรติแห่งตระกูลและประเทศชาติ ชีวิตของเขาถูกขีดเส้นกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลก ในสายตาของคนทั่วไป เขาอาจจะดูน่าอิจฉา มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในชีวิต ทั้งเกียรติยศ ทรัพย์สินเงินทอง รูปโฉม แต่ใครจะรู้เล่าว่าน้ำหนักของสิ่งเหล่านี้มันมากมายมหาศาลเพียงไหน เขาต้องแบกรับภาระนี้ตั้งแต่ยังแบเบาะ และจะต้องแบกมันไปจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

                แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยรู้สึกว่าภาระนี้หนักจนเขาไม่อาจแบกรับไหว มีผู้ชายในตระกูลคาเว็นดิชหลายคนก่อนหน้าเขาที่ต้องแบกรับภาระเหล่านี้ และทั้งหมดก็สามารถแบกมันมาได้จนถึงรุ่นเขา ไม่ว่าจะเป็นปู่ของเขา หรือแม้แต่พ่อของเขา ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่ตัวเขาจะไม่อาจแบกภาระนี้ต่อไปได้ เขาเต็มใจและรู้ดีถึงน้ำหนักและราคาของสิ่งที่ต้องแบกรับ

                เขาอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นแบบแผนนัก แต่ทุกอย่างไม่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดเอาไว้แต่แรก

                สำหรับชีวิตรัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องยาก ที่เขาต้องทำคือแต่งงานกับผู้หญิงสักคน และมีลูกกับเธอ ด้วยความเป็นลูกคนเดียว แม้ว่าผู้หญิงที่เขารักจะเป็นเพียงคนชั้นสามัญ แต่หากเขาต้องการเธอมาเป็นภรรยาจริงๆ ก็ไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้ เขาไม่เคยกังวลเรื่องนี้ จนกระทั่งได้พบกับกอร์ดอน

                เขาเห็นฝ่ายนั้นตั้งแต่เจ้าตัวเดินออกมาที่ถนน ซึ่งเขากำลังยืนรอรถม้าอยู่ เสื้อโค้ทเก่าๆ กับหมวกที่ดูเก่าพอกันไม่น่าจะเป็นที่สะดุดตาใครได้เลย แต่กลับสะดุดสายตาของเขาเข้าอย่างจัง ภายใต้หมวกแก๊ปใบเก่าๆ ใบหน้าที่งดงามที่สุดซ่อนอยู่ แว้บแรกลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าเขาได้เห็นทูตสวรรค์ หากสวรรค์คือสิ่งสวยงาม ทูตสวรรค์ก็คงต้องเป็นสิ่งที่สวยงาม และผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สวยงามอย่างที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นบนโลก

                เขาจ้องมองผู้ชายคนนั้นอย่างพิศวง ด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นความจริงหรือภาพลวงตากันแน่ เขาจึงเดินเข้าไปหาฝ่ายนั้นเพื่อจะทักทาย แต่ทว่ารถม้าคันนั้นก็พุ่งเข้ามา ด้วยสัญชาตญาณ เขาดึงตัวฝ่ายนั้นที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะรู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นรอบตัวเข้ามากอดไว้ และหลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นคือมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อและลมหายใจ ผู้ชายที่มีชื่อว่ากอร์ดอน โอเดนเบิร์ก

                ความรักอุบัติขึ้นในทันที แม้สมองจะบอกเขาว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย แค่เหตุผลข้อนี้ข้อเดียวก็มีน้ำหนักมากและรุนแรงพอที่จะทำให้เขา ‘ไม่รัก’ แต่หัวใจของเขากลับเต้นอย่างรุนแรงอยู่ในอก ความรู้สึกท่วมท้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่อาจใช้เหตุผลหรือหลักตรรกะใดมาหักห้ามได้เลย

                หลังการพบกันครั้งแรก ลอร์ดโทรว์บริดจ์เฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา ฉับพลันที่เขาเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เขากลับกลายเป็นคนวิกลจริตอย่างนั้นหรือ? เมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เขากลับกลายเป็นคนบาปแห่งเมืองโสดมผู้ถูกพระเจ้าสาปส่งอย่างนั้นหรือ? พระเจ้าส่งผู้ชายที่สวยงามราวกับเทวทูตมาให้เขาเห็นเพื่อที่พระองค์จะได้สาปส่งเขาอย่างนั้นหรือ? หรือซาตานส่งผู้ชายคนนั้นมาเพื่อที่จะทดสอบศรัทธาที่เขามีต่อพระเจ้ากันแน่?

                วันรุ่งขึ้น เขาหาหนทางเพื่อพบกับผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง เขาค้นพบว่ากอร์ดอนเป็นเพียงช่างตัดเสื้อธรรมดา ที่ทำงานหนักจนแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองใครเลย นี่หรือสิ่งที่ซาตานส่งมาล่อลวงเขา ผู้ชายหน้าตาสะสวยที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตลอดเวลา และมีสีหน้าเบื่อหน่ายต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต นอกจากเค้าหน้าแล้ว ไม่มีส่วนใดในตัวของผู้ชายคนนี้ที่น่าดึงดูดใจสักอย่าง แต่เขากลับไม่อาจละความสนใจที่มีต่อช่างตัดเสื้อคนนี้ได้

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค้นพบว่าเขามีความปรารถนาอันแรงกล้า ที่จะเป็นคนซึ่งเติมรอยยิ้มที่ขาดหายให้กับกอร์ดอน เขาเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ว่านี่ไม่ใช่การล่อลวงจากซาตาน แต่เป็นการทดสอบจากพระผู้เป็นเจ้า พระองค์คงต้องการทดสอบความรักของเขา และเขาก็ตอบตกลงที่จะรับการทดสอบนั้นอย่างเต็มใจ

                รอยยิ้มแรกของกอร์ดอนสร้างความสุขให้กับเขาอย่างล้นเหลือ หัวใจของเขาเต็มปรี่ไปด้วยความปลาบปลื้ม เขารู้ทันทีว่าหัวใจของเขาเป็นของกอร์ดอนไปทั้งหมดแล้ว ความสุขของฝ่ายนั้นคือความสุขอย่างยิ่งของเขา และเขาปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับหัวใจของตัวเองตลอดเวลา และเมื่ออีกฝ่ายตอบรับความรู้สึกของเขาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ไม่คิดที่จะปล่อยมืออีก

                 เขาแน่ใจว่ากอร์ดอนคือรักแท้ของเขา แม้เขาจะไม่ค่อยแน่ใจนักว่าสิ่งที่เขาทำลงไปหลังจากนั้นจะถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมวางมืออย่างเด็ดขาด เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขากับกอร์ดอนได้ให้และมอบความรักต่อกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่พระเจ้าจะพิพากษาพวกเขา

                เขาอาจจะผิดต่อตระกูลที่ไม่ยอมแต่งงานและมีลูก แต่ตระกูลคาเว็นดิชก็ยังมีผู้รับช่วงต่ออีกมากมาย ต่างจากกอร์ดอน ไม่มีใครรับช่วงต่อความรักจากเขาได้

                การแต่งงานของเขาไม่ใช่เรื่องจำเป็นอย่างยิ่งยวดของตระกูลคาเว็นดิช แต่มันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างเหลือแสนของกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก

                และลอร์ดโทรว์บริดจ์ตกลงกับตัวเองว่าเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

------------------------------------------
(จบตอน)
*** เราไม่แน่ใจว่าท่านผู้อ่านคิดเหมือนเรามั้ย แต่เราชอบโมเม้นต์เวลาจอห์นอยู่กับกอร์ดอน เพราะมันจะเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่า ผู้ชายอย่างจอห์นจะนำเราผ่านทุกอย่างไปได้ จะทำให้เรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริง เป็นจริงได้ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้ววางใจได้ ฮ่าๆๆ เป็นคนรักของจอห์นนี่มันดีจริงๆ เลย (ไม่ใช่แค่จับไม้จับมือมองตานะจ๊ะ อเล็กซี่ เวลาเขารักนี่เขาทุ่มให้ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณเลย)
.
ตอนนี้เป็นตอนที่ต้มมาม่ามาราดกันตั้งแต่5บรรทัดแรก อันที่จริงตอนเริ่มเขียนเราก็แอบคิดเหมือนกันว่ามันจะไปรอดมั้ย มาม่าลงอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่พอเขียนไปก็ค้นพบว่า เออ มันก็ไปได้นะ
.
ผู้หญิงเป็นเพศที่ยอมรับเรื่องบางอย่างง่ายกว่าผู้ชาย และมีความใจกว้างในโมเม้นต์ของความเป็นแม่อยู่นะเราว่า (อ้างอิงมาให้มิสซิสมาร์ธาที่ทำใจรับเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว คือก็ไม่เชิงว่ารับได้ทั้งหมด แต่ก็เอ็นดูและสงสารกอร์ดอนมากกว่าจะรังเกียจ อันที่จริงแล้วตัวกอร์ดอนเองก็เป็นที่น่าสงสารในสายตาคนอื่นอยู่แล้ว เพราะคนสวยมักอาพับ อายุตั้ง36แล้วไม่แต่งงานแต่งการ (สวยกว่าสาวไม่รู้จะทำไง))
.
ตอนหน้าเตรียมรับมือแผนของลอร์ดจอร์จที่จะทำเซอร์ไพรส์เพื่อน 555+ แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าจอร์จจะต้องไม่ธรรมดา (โอ๊ย แค่คิดก็ตลกตายชัก)
.
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 12-06-2017 11:40:43
ชอบที่จอห์นคิดนะว่านี่คือบททดสอบที่พระเจ้ามอบให้ คิดอีกทีความรักนั่นแหละคือพระเจ้า

คนเขียนสู้ๆ รอจอร์จจี้อยู่นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่31p.16(10/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-06-2017 13:09:03
                กอร์ดอนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มิสซิสมาร์ธาดึงตัวเขาเข้ามากอด “โอ... ที่รัก อย่าร้องไห้เลย มันไม่มีเรื่องอะไรน่าเสียใจสำหรับคุณสักหน่อย”

อยากบอกว่า อ่านถึงตรง  "มิสซิสมาร์ธาดึงตัวเขาเข้ามากอด"  เราน้ำตาไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว
เป็นเอามากเหมือนกัน ดีนะอยู่คนเดียว / ชอบทุกตอนเลยนะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 12-06-2017 13:33:00
อดใจรอไม่ไหวแล้ว
ขนาดไม่แต่งหญิงยังสวยขนาดนี้
แต่งหญิงมาจะอดใจได้ไหม
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-06-2017 16:05:25
 :เฮ้อ:


 :กอด1: :3123: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-06-2017 17:25:47
จอห์นกับกอร์ดอนโชคดีมากที่คนข้างๆ เข้าใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2017 18:36:22
คนรักกัน จากกันไปนานๆ
พอเจอปั๊บ ก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
ก็เลยทำแบบกอร์ดอน เจอจอห์นนี่แหละ

ดีที่มิสซิสมาธาร์ เดวิด รักกอร์ดอน
เลยทำให้ความรู้สึกเลวร้ายผ่านไป   o22 o22 o22

มันยากมากสำหรับจอห์น  :katai1: :katai1: :katai1:
ที่เป็นความหวังของพ่อแม่ที่ลุ้นให้แต่งงาน
จะห้ามว่าพอได้แล้ว หยุดได้แล้ว ก็พูดไม่ออก ห้ามไม่ได้  :z3: :z3: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-06-2017 22:28:35
ต่างจากกอร์ดอน ไม่มีใครรับช่วงต่อความรักจากเขาได้

หลงรักจอห์นซ้ำ ๆ
เขาอาจจะยโส อหังการ์กับคนทั้งโลก
แต่เขาอ่อนโยนกับกอร์ดอนเสมอ

รอชมความซนของจอร์จ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-06-2017 15:10:16
Dear, My customer.

ตอนที่33 สาวงาม


                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ นั่งรถม้ามาที่ร้านของกอร์ดอนในช่วงบ่ายวันจันทร์ โชคดีที่ลูกค้าท่านหนึ่งเพิ่งออกไป และไม่มีลูกค้ารอคิวต่อ กอร์ดอนจึงมีเวลาพอจะเชิญทั้งคู่ไปนั่งดื่มชาในห้องอาหาร

                “จอห์นนี่กลับมาแล้ว เราเจอเขาที่โบสถ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “อันที่จริงถึงเขาไม่เล่า ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องแวะมาหานายก่อน เขานัดกับนายเย็นนี้ใช่ไหม?”

                กอร์ดอนพยักหน้า “คุณรู้ได้ไงครับ?”

                “ก็เรามีนัดซ้อมรักบี้เย็นนี้ เขาต้องนัดนายต่ออยู่แล้ว ถ้าเป็นฉันฉันก็ต้องนัดเหมือนกัน” ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกนายสองคนเป็นคนรักกันนะ ทำอะไรฉันเดาออกหมดแหละ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะหึๆ “นายอย่าแปลกใจเลยกอร์ดอน จอร์จน่ะมีประสบการณ์รักมามากกว่าพวกนายหลายเท่านัก”

                “อ้อ...” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงพูดต่อ

                “นายยังจำเรื่องที่เราคุยกันเมื่อสัปดาห์ก่อนได้มั้ย? เรื่องที่เราจะทำให้จอห์นนี่แปลกใจตอนที่เขากลับมาน่ะ”

                “โอ้ ครับ ผมจำได้ ผมอยากคุยกับคุณเรื่องนี้เหมือนกัน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มอย่างผู้ชนะ “แปลว่านายตกลง ดีมาก งั้นเดี๋ยวสี่โมงฉันจะมารับตัวนาย พวกเราจะทำให้จอห์นนี่แปลกใจเย็นนี้”

                “เดี๋ยวสิครับ เย็นนี้พวกคุณมีซ้อมรักบี้กันไม่ใช่หรือ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่นศีรษะ “ฉันบอกยกเลิกแล้ว เพราะคนที่ว่างพอมาได้ก็มีแต่เอ็ดดี้ และฉันบอกเขาแล้วเมื่อวานว่าไม่ต้องมา แน่นอนว่าจอห์นนี่ยังไม่รู้เรื่องนี้ เย็นนี้เขาจะต้องแปลกใจมากแน่”

                “คุณจะให้เขาไปรอที่สนามแบตเตอร์ซีคนเดียวหรือครับ?” กอร์ดอนถามอย่างเป็นกังวล ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่

                “เขาจะไม่ไปสนามแบตเตอร์ซีหรอก เพราะเขาจะต้องมาหานายที่นี่ก่อน และเขาจะต้องวุ่นวายใจมากที่นายไม่อยู่ที่ร้าน”

                “โอ้...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกวักมือเรียกกอร์ดอนเข้ามาแล้วกระซิบที่ข้างหู ช่างตัดเสื้อเบิ่งตากว้าง

                “จะทำแบบนั้นจริงๆ หรือครับ?”

                “ใช่” อีกฝ่ายพยักหน้า “ฉันแน่ใจว่ามันจะต้องสนุกมากแน่ นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยิ่งทำให้เรื่องมันตื่นเต้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแปลกใจมากเท่านั้น”

                “งั้น...”

                “สี่โมงฉันจะมารับนาย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมาระหว่างนั้น “กอร์ดอน นายจะตอบตกลงก็ได้นะ แต่ฉันอยากให้นายแน่ใจว่าจอร์จจะไม่ทิ้งนายกลางคันในเรื่องนี้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชายตามองเพื่อนรัก “นายไม่ต้องกังวลแทนกอร์ดอนไป ฉันหาชุดที่เหมาะกับตัวเองไว้แล้ว ทางที่ดีนายควรจะเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับการเป็นคู่ควงสุภาพสตรีที่สง่างามที่สุดในลอนดอนจะดีกว่า”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “แน่นอนจอร์จ หวังว่านายจะเป็นสุภาพสตรีที่สง่างามอย่างที่ว่าจริงๆ แล้วกัน”

                “นายคอยดูไว้เถอะ” ลอร์ดหนุ่มเชิดหน้าพูด ก่อนจะหันไปหาช่างตัดเสื้อ

                “เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะกอร์ดอน”

                “ครับ”

--------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะได้พบกับคนรัก พอใกล้เวลาสี่โมง เขาก็นั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์ทันที ลอร์ดหนุ่มเตรียมเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดไปเพื่อเปลี่ยนหลังจากซ้อมรักบี้เสร็จ เขาวางแผนจะเปิดห้องในภัตตาคารเดียวกับที่เคยจัดเลี้ยงเจ้าตัวเมื่อครั้งที่ได้รู้จักกันใหม่ๆ คราวนี้จะมีเพียงแค่พวกเขาสองคนบนโต๊ะเท่านั้น พอนึกภาพที่จะได้นั่งกินมื้อค่ำท่ามกลางแสงเทียน ได้มองดูฝ่ายนั้นค่อยๆ ละเลียดคาร์เวียสีทอง แค่คิดเขาก็อยากจะข้ามช่วงเวลาที่ใช้ซ้อมรักบี้ไปเป็นเวลามื้อเย็นเลย ชายหนุ่มเตรียมข้ออ้างกับเพื่อนๆ ไว้หลายอย่าง เขาแน่ใจว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะช่วยเขาจัดการในเรื่องนี้

                แต่ทว่าเมื่อถึงร้านของกอร์ดอน เขากลับพบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยืนหน้าเครียดอยู่ในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเดินเข้าไปหาเพื่อนรัก

                “แมกซ์ มีอะไร ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่แล้วทำหน้าแบบนั้น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมามองเพื่อนด้วยสีหน้าหนักอกหนักใจเป็นอย่างมาก “ดูเหมือนว่ากอร์ดอนจะหายตัวไป”

                “อะไรนะ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อุทานด้วยความตกใจ “นายหมายความว่าไง”

                “ฉันกำลังจะบอกนายว่า...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดอย่างระมัดระวัง “กอร์ดอนอาจจะหายตัวไป”

                “นายรู้ได้ยังไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างคาดคั้น “นายโผล่มาที่ร้านเขาเพื่อที่จะบอกฉันว่าเขาหายตัวไปงั้นหรือ?”

                “โอ... ฉันแวะมาธุระเรื่องเสื้อของพ่อฉัน ฉันมาถึงตั้งแต่บ่ายสองโมง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “เด็กรับใช้บอกว่าเขานั่งรถม้าออกไปตั้งแต่เที่ยง เห็นว่าจะออกไปเลือกด้ายม้วนกับผ้าซับในที่ขาดไป แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริจด์ขมวดคิ้วมุ่น “เป็นไปได้ยังไง ของแบบนั้นเขาใช้คนอื่นไปซื้อก็ได้นี่ นายกำลังหลอกแกล้งอะไรฉันใช่ไหม?”

                “ฉันจะหลอกนายไปทำไม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แสร้งทำหน้าเครียด “นายเห็นฉันว่างนักหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอึดใจ ก่อนจะเรียกเดวิดออกมาถาม

                “กอร์ดอนออกไปซื้อของเองจริงๆ หรือ? ทำไมเขาถึงไม่ใช้เธอไปซื้อล่ะ?”

                “โอ ผ้าซับในเขาต้องเลือกเองครับ” เดวิดตอบ “เพราะบางทีม้วนที่เข้ามาใหม่ก็มีเนื้อผ้าไม่เหมือนเดิม”

                “แล้วปกติเขาไปเลือกนานไหม?”

                “ไม่นานหรอกครับ งานที่ร้านเร่งมาก”

                ลอร์ดหนุ่มเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมาคุยกับเขา “เอาไงจอห์นนี่ ฉันว่าเราควรจะออกไปตามหาเขา บางทีเขาอาจจะประสบเหตุไม่คาดฝัน”

                “ใช้คนของนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันจะไปหาผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ด สั่งตำรวจให้ค้นหาเขา”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดขึ้นทันที “นายอย่าเพิ่งทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ บางทีเหตุไม่คาดฝันที่ว่าอาจจะหมายถึงเขาถูกคนรู้จักชวนไปดื่มน้ำชาก็ได้”

                “โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาอย่างหงุดหงิด “แล้วนายคิดว่าเราควรจะทำยังไง รอเขากลับมาเองงั้นหรือ?”

                “เราจะออกไปตามหาเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “กอร์ดอนอาจจะอยากให้นายออกตามหาเขาก็ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเพื่อนอยู่อึดใจใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้า “เอางั้นก็ได้ แต่ฉันต้องไปบอกคนอื่นๆ ให้ยุติการซ้อมวันนี้ก่อน”

                “ไม่เป็นไร เรื่องนั้นจอร์จจัดการแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นสูงทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้ตัวว่าหลุดปาก เลยรีบพูดขึ้นต่อ “ตะกี้ฉันให้คนไปบอกจอร์จแล้ว ฉันคิดอยู่ว่านายจะต้องยกเลิกการซ้อม เลยให้เขาช่วยบอกคนอื่นๆ ให้ไง”

                “งั้นหรือ... อย่างนั้นนายจะนั่งรถม้าไปกับฉันใช่ไหม?”

                “แน่นอน ก็ฉันไม่ได้เอารถม้ามานี่”

----------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นรถม้าแล้วปล่อยให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตะโกนบอกโอลิเวอร์ว่าพวกเขาจะไปค้นหากอร์ดอนที่ไหน ทั้งสองคนนั่งรถม้าเวียนไปทั่วลอนดอน ผ่านทั้งย่านที่หรูหราที่สุด และย่านที่แออัดและยากจนที่สุด แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับไม่สั่งให้แวะจอดลงรถม้าที่ไหนเลย หลังเวลาผ่านมาราวชั่วโมงครึ่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ทนไม่ไหวต้องถามขึ้นมา

                “แมกซ์ ตกลงแล้วนายจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่?”

                “หืม?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แสร้งทำหน้าสงสัย “ฉันก็กำลังพานายไปตามหากอร์ดอนไง”

                “แต่นายไม่ยอมแวะลงที่ไหนเลย เรานั่งรถม้าเวียนกันมาแบบนี้ตั้งเป็นชั่วโมงแล้วนะ ตกลงแล้วนายตั้งใจจะตามหากอร์ดอนจริงๆ รึเปล่า”

                “ฉันตั้งใจจริงๆ นะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดหน้าซื่อ “อันที่จริงแล้วยังมีอีกที่หนึ่งที่เรายังไม่ได้ไป”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจ “เอาล่ะ รีบพาฉันไปเลยแมกซ์ ที่ไหนก็ได้ ให้ฉันได้พบกอร์ดอน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพยักหน้า แล้วไขหน้าต่างตะโกนบอกโอลิเวอร์ให้ขับไปยังที่ที่เขากับลอร์ดจอร์จ เฟลตันวางแผนไว้

                ไม่นานนักทั้งสองหนุ่มก็มาถึงหน้าตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งที่จอแจไปด้วยผู้คน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงจากรถม้า พวกเขาเดินเข้าไปภายในตรอก ทั้งสองข้างทางเรียงรายด้วยบ้านที่แออัดยัดเยียดกันเหมือนต้นไม้ที่ขึ้นเบียดกันอยู่ในป่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พาลอร์ดโทรว์บริดจ์มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เขาหันไปมองเพื่อนรัก

                “จอห์นนี่ ในนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่นายอยากรู้ ฉันอยากให้นายระวังคำพูดกับเธอสักเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นนายอาจจะพลาดสิ่งที่นายตั้งใจ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตีสีหน้าหงุดหงิด หรือหัวเราะออกมาดี เขารีบพยักหน้าแล้วบอกให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปิดประตู ฝ่ายนั้นเคาะประตูเป็นสัญญาณสามครั้ง ก่อนจะผลักเข้าไป

                ด้านในบ้านหลังนั้นค่อนข้างมืด เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกคลุมผ้าเอาไว้ มีแค่โต๊ะตัวหนึ่งที่ไม่มีผ้าคลุม ด้านหลังโต๊ะมีผู้หญิงนั่งอยู่คนหนึ่ง แว้บแรกลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับขนลุกซู่ เนื่องจากผู้หญิงที่นั่งอยู่นั้นสวมชุดสีม่วงดำ และใส่ผ้าคลุมหน้า เมื่อประกอบกับแสงสลัวทำให้เขารู้สึกว่ามีบรรยากาศลึกลับบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวผู้หญิงคนนั้น

                “เธอเป็นใคร?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาถามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นตีสีหน้าจริงจัง

                “เธอคือมาดามเชลต้า”

                “แค่นั้น?”

                “ใช่ ฉันอธิบายกับนายได้แค่นั้น ที่เหลือนายต้องถามเธอเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองผู้หญิงลึกลับคนนั้น เธอกวักมือให้เขาเข้าไปใกล้ๆ “มานี่สิ”

                เสียงแหบพร่าจนแทบฟังไม่รู้เรื่องยิ่งทำให้ลอร์ดหนุ่มรู้สึกเป็นกังวล เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ นายกำลังแกล้งอะไรฉันกันแน่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “เปล่า จอห์นนี่ ฉันไม่ได้แกล้งอะไรนาย ไปตามที่เธอเรียกเถอะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่ไว้ใจ แต่เขาก็ยอมที่จะเดินเข้าไปหาหญิงสาวลึกลับคนดังกล่าว

                “ผมมาที่นี่เพื่อจะพบกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งหายตัวไป คุณรู้ใช่ไหมว่าเขาหายไปไหน?”

                หญิงสาวคนนั้นเอียงคอมองเขา ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ ฉันไม่รู้”

                “โอ้ ให้ตาย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมาอย่างเหลือทน “บอกผมหน่อยเถอะว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร คุณกับแมกซ์ ร่วมมือกันทำอะไรกันแน่ ผมรู้ว่ากอร์ดอนอยู่ที่นี่ และถ้าคุณยังไม่ยอมปล่อยเขาออกมาล่ะก็...”

                “คุณใจร้อนนะ” เธอว่า ก่อนจะถอนหายใจ “ที่นี่ไม่มีผู้ชายที่คุณตามหาหรอก แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าคุณอยากจะเจอ...”

                “ไม่ ผมต้องการเจอเขา แค่เขาเท่านั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมไม่ต้องการพบผู้หญิงคนไหน”

                “แต่คุณต้องพบเธอ” หญิงลึกลับคนนั้นพูด ก่อนจะชี้มือขึ้นไปยังบันได “เธออยู่ชั้นบน ห้องที่มีประตูสีฟ้า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สูดหายใจอย่างอดทน เขาจ้องผู้หญิงคนนั้นเขม็ง “ผมจะทำตามที่คุณบอก แต่รู้เอาไว้เลยว่าพวกคุณจะได้รับการตอบแทนที่สาสม กับการทำให้ผมเสียเวลาแบบนี้”

                ผู้หญิงคนนั้นคลี่ยิ้ม “ตามนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินขึ้นบันไดไปทันที การย่างก้าวของเขาแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในภาวะไม่สบอารมณ์อย่างมาก บนชั้นสองมีห้องอยู่เพียงสองห้อง และทั้งสองห้องก็ไม่มีประตูสีฟ้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงต้องขั้นบันไดไปอีกชั้น คราวนี้ห้องที่มีประตูสีฟ้าอยู่ริมซ้ายสุด เขาเกือบจะผลักประตูเข้าไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดอยู่แล้ว แต่เผอิญนึกได้ว่าคนที่อยู่ข้างในเป็นผู้หญิง ลอร์ดหนุ่มจึงเคาะประตูตามมารยาท แล้วรออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะผลักเข้าไป

                ด้านในห้องสว่างจนลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย อันเนื่องมาจากแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งม่านถูกเปิดไว้ เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมในห้อง เธอหันหลังให้เขา หมวกใบใหญ่ทำให้เขามองลักษณะด้านหลังของเธอไม่ชัด ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปหาเธอ

                “เอ่อ... คุณครับ ผมมาถามหาคน”

                ผู้หญิงคนนั้นยังคงนั่งนิ่ง ลอร์ดหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้อีก “คุณครับ... ได้ยินผมรึเปล่า?”

                ผู้หญิงคนนั้นขยับตัว ก่อนจะผุดลุกขึ้น จากท่าทางเธอเป็นผู้หญิงที่ตัวใหญ่ทีเดียว อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้มีเอวคอดกิ่วอย่างผู้หญิงทั่วไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเธอด้วยความแปลกใจ ก่อนจะขยับไปดึงแขนเธอเอาไว้อย่างลืมตัว เมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะเดินหนีเขาไป

                “คุณจะไปไหน?”

                ผู้หญิงคนนั้นนิ่งไปอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกว่าแขนของเธอค่อนข้างแข็งเอาเรื่อง ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ลอร์ดหนุ่มรีบดึงตัวเธอเข้ามาทันที

                “กอร์ดอน คุณคือกอร์ดอนใช่ไหม?”

                “โอ้... จอห์น” กอร์ดอนคราง เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงมองไม่เห็นอะไรเพราะถูกหมวกที่ฝ่ายนั้นสวมบังไปหมด ถึงอย่างนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

                “ยอดรัก คุณทำไมถึงเบือนหน้าหนีผมแบบนี้ล่ะ ไม่อยากพบผมหรือ?”

                “อา...” กอร์ดอนคราง แต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ากลับมา “ผมกลัวครับ... กลัวว่ามันจะดูแย่ กลัวว่าคุณจะไม่ชอบ”

                “โอ... คุณหันมาเถอะ ผมเชื่อว่าคุณไม่มีทางดูแย่หรอก” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย และพยายามจะใช้มือเชยคางของอีกฝ่ายให้เงยขึ้น

                กอร์ดอนแสดงท่าทางลังเลอยู่อีกพัก แต่สุดท้ายก็ยอมที่จะหันมาสบตากับเขา

                “.....”

                “.....”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าของคนรักอยู่เป็นนาน ก่อนจะใช้มือไล้ใบหน้าของเขาเบาๆ “โอ... คุณต้องไม่เชื่อแน่กอร์ดอน ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย...”

                กอร์ดอนมีสีหน้าลำบากใจ “ทำไมหรือครับ? มันแย่มากเลยใช่ไหมครับ?”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียง ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเขา “ผมตกหลุมรักคุณอีกครั้งแล้ว ผมตกหลุมรักคนคนเดียวซ้ำกันถึงสองรอบ คุณจะเชื่อไหมล่ะ?”

                กอร์ดอนหน้าแดงจนถึงใบหู เขาหันไปสบตากับลอร์ดหนุ่ม ใบหน้าของฝ่ายนั้นอยู่ใกล้เสียจนปลายจมูกของทั้งคู่เกือบจะชนกัน

                “พูดจริงๆ หรือครับ?”

                “แน่นอน ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกถึงความรักได้มากเท่าคุณอีกแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ริมฝีปากของคนรัก

                “.....”

                “.....”

                แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะได้สัมผัสกัน จู่ๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ผละออก ก่อนจะหันไปมองที่ประตู “แมกซ์ จอร์จ ฉันรู้นะว่าพวกนายแอบดูอยู่ ฉันอนุญาตให้พวกนายเปิดประตูเข้ามา ไม่อย่างนั้นก็รีบไปให้พ้นจากหน้าประตูเดี๋ยวนี้เลย”

                “แหม... จอห์นนี่ นายรู้ได้ยังไงว่าพวกเราแอบดูอยู่” เสียงของลอร์ดจอร์จ เฟลตันดังขึ้นมาจากด้านหลังประตู ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ

                “เพราะกลิ่นน้ำหอมน่ะสิ ที่จริงฉันน่าจะรู้ตัวแต่แรกว่าเป็นนาย ผู้หญิงที่ไหนจะใส่น้ำหอมกลิ่นแบบนี้กัน ออกมาเลยนะจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

                “ทำไมจอห์นนี่ นายตกตะลึงในความงามของฉันล่ะสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางเลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปพัก ก่อนจะพยักหน้า

                “แน่นอน ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงตัวยักษ์และหน้าตาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลยขนาดนี้มาก่อนเลย”

                “นายพูดผิดพูดใหม่ได้นะจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันรู้สึกว่าตัวเองออกจะสวย”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนยิ้มๆ “แต่เรื่องตัวใหญ่มากนี่ฉันว่าจริง”

                “โอ นายควรจะลองใส่คอร์เซ็ตดูบ้าง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นี่มันเป็นเครื่องทรมานดีๆ นี่เอง ฉันจะต้องไปบอกมาร์กาเร็ตให้เลิกใส่ที่มันรัดๆ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย มันอึดอัดมาก”

                “มาร์กาเร็ตคงดีใจที่ในที่สุดนายก็เข้าใจเธอเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เพื่อนของเขายักไหล่ แล้วขยับไปคล้องแขนเพื่อนรัก

                “เอาล่ะ จอห์นนี่ ไหนบอกซิ นายจะตอบแทนพวกเรายังไง ตะกี้ก่อนขึ้นมานี่นายบอกฉันไม่ใช่หรือ ว่านายจะตอบแทนเรื่องนี้อย่างสมน้ำสมเนื้อ นายหน้าบานขนาดนี้ จะตอบแทนอะไรพวกเราดีล่ะ”

                “โอ้ จอร์จ นายร้ายกาจมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะลบรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้

                “เอาล่ะ พวกนายอยากได้อะไรบอกฉันมาได้เลย”

                “ว้าว!”

                “แต่ก่อนอื่น ฉันต้องพากอร์ดอนไปกินมื้อเย็นก่อน เรื่องตอบแทนไว้วันหลังก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็หันไปหาคนรัก พร้อมกับยื่นแขนให้ “ไปกันเถอะ”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นเขินๆ ก่อนจะเกี่ยวแขนไว้ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินออกไปไหน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ดึงตัวลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาขวางเอาไว้

                “เดี๋ยวก่อน นายจะพากอร์ดอนไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

                “ทำไม?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง “นายคิดว่าฉันต้องใช้อะไรแลกกับการเนรมิตให้กอร์ดอนสวยขนาดนี้ล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “เรื่องของนายสิ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง หลีกทางให้ฉันเลยจอร์จ”

                “ไม่” เพื่อนของเขายืนยัน “นายจะพากอร์ดอนไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเรารับปากเจนนี่ไว้แล้วว่าจะไปที่พาเรลตันเป็นเพื่อนเธอ”

                “หา? เจนนี่?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “เจนนี่พี่สาวนายน่ะนะ”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “นายคิดว่าฉันไปเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหนกัน ตอนแรกฉันคิดง่ายๆ ว่าจะให้เพื่อนที่โอเปร่าเป็นคนจัดการให้ แต่ฉันก็มาคิดอีกทีว่า ถ้าใช้ชุดที่ใช้กันในคณะโอเปร่า กอร์ดอนของนายคงได้กลายเป็นนางละคร พอดีเจนนี่แวะมาพักที่บ้านเพราะพี่เขยของฉันมาทำธุระที่ลอนดอน ฉันเลยขอยืมเสื้อผ้าของเธอ เธอเลยอาสาที่จะจัดการให้พวกเราทั้งหมด แลกกับการที่เราจะต้องไปพาเรลตันเป็นเพื่อนเธอคืนนี้ เพราะฉะนั้น กอร์ดอนต้องไปพาเรลตัน ส่วนนายจะตามไปด้วยไหมมันก็เรื่องของนาย”

                “เดี๋ยวนะ แล้วเจนนี่รู้เรื่องระหว่างพวกเรารึเปล่า?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่นศีรษะ “ไม่ เธอคิดว่าฉันต้องการเล่นสนุกแกล้งนายเฉยๆ และเธอก็รู้สึกสนุกกับเรื่องนี้มาก เธอชอบกอร์ดอนเอามากๆ เลยล่ะ ใช่ไหม?”

                เขาหันไปถามช่างตัดเสื้อ คนถูกถามพยักหน้า “ครับ... เธอดูสนุกมาก”

                “เพราะงั้น...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางยกมืออีกข้างเท้าสะเอว “กอร์ดอนจะต้องไปพาเรลตันกับเรา”

                “เอาล่ะ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาในที่สุด “ฉันจะไปพาเรลตันด้วย แต่ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้กอร์ดอนเด็ดขาด ฉันไม่อยากให้ความแตก”

                “ฉันว่านายหวงเขามากกว่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วตัดสินใจเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

                “ว่าแต่นายเถอะจอร์จ นึกไงถึงแต่งเป็นผู้หญิงด้วย ฉันว่านายคงไม่จู่ๆ นึกอยากใส่คอร์เซ็ตขึ้นมาหรอก”

                “เพราะฉันเป็นเพื่อนที่แสนดีไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ฉันไม่อยากให้กอร์ดอนต้องลำบากคนเดียว ก็เลยแต่งตัวเป็นเพื่อนเขา นายควรเห็นความดีของฉันนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “เขาพูดจริงๆ หรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “หลังจากฉันบอกให้กอร์ดอนต่อรองกับเขาน่ะนะ”

                “โธ่ แมกซ์ ถ้านายไม่พูดฉันจะดูดีอยู่แล้วเชียว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องและทำท่าขยี้ส้นเท้า เพื่อนๆ ของเขารวมถึงกอร์ดอนพากันหัวเราะ

                “นายเลียนแบบผู้หญิงได้ใกล้เคียงแล้ว ฉันว่าถ้านายบีบเสียงได้เล็กกว่านี้อีกนิดล่ะก็... ต้องมีผู้ชายสนใจนายแน่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขำๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถลึงตาใส่เขา ก่อนจะดึงแขนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มากอดแน่นกว่าเดิม

                “ฉันจะไม่ควงกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น เพราะตอนนี้มีผู้ชายที่ดีที่สุดในลอนดอนมาเป็นคู่ควงของฉันแล้ว” เขาว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างคาดคั้น “ใช่ไหมแมกซ์ นายจะไม่ทิ้งฉันเอาไว้คนเดียวตอนที่เราไปถึงพาเรลตันใช่ไหม?”

                “แน่นอนจอร์จ ฉันจะดูแลนายอย่างดีเลย”

-----------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-06-2017 15:11:20
                พาเรลตันเป็นสโมสรสังสรรค์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในอาคารหรูสูงสามชั้นริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ชั้นล่างเป็นภัตตาคาร ส่วนชั้นสองเป็นสโมสรบิลเลียด และชั้นสามเป็นสโมสรไพ่ เป็นแหล่งรวมตัวของบรรดาสุภาพสตรีชั้นสูงและบรรดาสุภาพบุรุษที่กระเป๋าหนักพอ

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว ในตอนที่ทั้งสี่หนุ่มเดินตามบริกรเข้าไป เธอยิ้มกว่าทันทีที่เห็นพวกเขา

                “โอ้ สายัณห์สวัสดิ์จอห์นนี่ ฉันไม่เจอเธอนานมาก รู้สึกยังไงบ้างกับแผนของน้องชายฉัน?” เธอพูดพลางประสานมือไว้ตรงหน้า รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธอ

                “สายัณห์สวัสดิ์เจนนี่ จอร์จทำให้ผมประหลาดใจมากทีเดียว ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าเล่นขนาดนี้”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตหัวเราะ “น่าเสียดายที่จอร์จจี้ไม่ยอมให้ฉันไปดูตอนที่เขาแกล้งเธอด้วย มันคงจะสนุกมาก อย่างกอร์ดอนนี่ฉันว่าแทบดูไม่ออกเลย นอกจากเอวเขาใหญ่ไปหน่อย”

                “โอ... ท่านหญิงครับ แค่นี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว” กอร์ดอนว่า พี่สาวของลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มพลางสั่นศีรษะ

                “ถ้าคุณใส่บ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเองนั่นแหละ”

                สีหน้าของกอร์ดอนบอกให้รู้โต้งๆ ว่าเขาจะไม่ยอมทำความเคยชินกับมันแน่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “เดี๋ยวจบจากมื้อเย็นที่นี่ เราก็จะไปถอดออกล่ะ ฉันคิดว่าตัวเองต้องเป็นลมจริงๆ แน่ ถ้ายังขืนใส่เจ้าคอร์เซ็ตนี่ต่อไป”

                “ไม่เอาน่า จอร์เจียน่าน้องรัก” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า “เธออุตส่าห์แต่งตัวสวยขนาดนี้แล้ว จะถอดออกง่ายๆ ได้ยังไง เธอจะต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่ที่นี่จนกว่าพี่จะพอใจ พี่อยากรู้จริงๆ ว่าหนุ่มๆ จะมีปฏิกิริยายังไงตอนเห็นเธอ”

                “ผมว่าพวกเขาคงรีบเบือนหน้าหนี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “จอร์จเป็นผู้หญิงที่ดูล่ำสันมาก”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองเขา “เรียกเธอว่าจอร์เจียน่า แมกซ์ ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงแล้ว”

                “ผมลืมไป” อีกฝ่ายตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “จอร์เจียน่า... เข้าท่าดีนี่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชายตามองเขา “ทำไม รู้สึกติดใจฉันเพราะชื่อแล้วล่ะสิ”

                เพื่อนของเขารีบสั่นศีรษะ เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองพวกเขา ก่อนจะหันไปมองกอร์ดอนที่นั่งเงียบอยู่ “ส่วนโอเดนเบิร์ก คือกลอเรีย”

                “โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “กลอเรียหรือ?”

                “ใช่ ฉันว่าคล้ายกับชื่อเดิม เราควรจะเรียกสาวๆ พวกนี้ด้วยชื่อที่มันสมกับตัวของพวกเธอหน่อย เอาล่ะ พวกเธอกินกันให้อิ่ม ฉันว่าพอเราไปที่สโมสรบิลเลียด ต้องมีเรื่องสนุกแน่”

--------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกอาการกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เขาไม่ต้องการที่จะให้กอร์ดอนไปที่สโมสรบิลเลียดพร้อมกับเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต และคนอื่นๆ นอกจากกลัวความจะแตกแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าเขาคงจะหงุดหงิดมาก ถ้ามีชายอื่นเข้ามาและเล็มคนรักของเขา

                “เจนนี่” ในที่สุดเขาก็พูดออกมาหลังจบมื้ออาหาร เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองเขา

                “มีอะไรหรือจอห์นนี่”

                “คือ... ผมมีข้อเสนอ”

                “ว่า?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองกอร์ดอน และมองลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “พวกเขา... เอ่อ... พวกเธอสองคนเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างพิเศษ ผมคิดว่าผมกับแมกซ์ ควรจะจับคู่กับพวกเธอ เพื่อกันไม่ให้ชายอื่นเข้ามายุ่มย่าม”

                “แหม... แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า จอร์จจี้เป็นน้องชายฉัน กอร์ดอนเองก็เป็นเพื่อนสนิทของพวกเธอสามคน ฉันประกันได้ว่างานนี้จะปลอดภัย อย่างน้อยๆ ถึงความแตก ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าสองคนนี้เป็นใคร แต่ฉันคิดว่าสุภาพบุรุษที่นี่คงไม่มีใครสงสัยหรอก” พูดจบเธอก็หัวเราะ ก่อนจะผุดลุกขึ้น

                “เอาล่ะ ไปกันเถอะสาวๆ ฉันอยากเล่นบิลเลียดจะแย่แล้ว” เธอยื่นมือให้กับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และกอร์ดอน ทั้งสองคนเลยต้องจับมือและเดินตามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบขยับมากระซิบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ในเย็นๆ ไว้จอห์นนี่ ฉันรู้ว่านายอาจจะไม่สบอารมณ์นัก แต่อย่าลืมว่าเลดี้เจนนิเฟอร์ไม่รู้เรื่องของพวกนาย”

                “โอ แมกซ์ ฉันจะทนได้ไงถ้าเกิดมีผู้ชายมาเกาะแกะเขา ทั้งๆ ที่ฉันควรจะได้ควงคู่กับเขาไปดูโอเปร่าสักเรื่องหนึ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตบไหล่เขา

                “เอาน่ะ อย่างน้อยๆ เลดี้เจนนิเฟอร์ก็ทำให้กอร์ดอนกลายเป็นสาวสวยมาก ฉันแน่ใจว่าพวกที่โรงโอเปร่าทำไม่ได้ขนาดนี้แน่”

                “แต่เขาต้องเป็นที่หมายตาของผู้ชายแน่ โอ... ฉันแน่ใจเลยว่าแค่เรื่องเอวใหญ่เกินไปไม่ทำให้ผู้ชายเมินเขาได้หรอก”

                “งั้นก็เอางี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เสนอ “เวลามีผู้ชายทำท่าเหมือนมาก้อร่อก้อติกเขา นายก็ค่อยเข้าไปแล้วกัน จะได้ไม่ผิดสังเกตมาก ทำเหมือนเข้าไปช่วยแก้สถานการณ์ให้เพื่อนเฉยๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ตกลงแมกซ์ ฉันจะทำตามที่นายว่า”

------------------------------------

                สโมสรบิลเลียดที่ชั้นสองมีผู้คนพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นขุนนางเก่า หรือเศรษฐีที่เพิ่งร่ำรวยใหม่ๆ ซึ่งหวังจะมาสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าบรรดาทายาทขุนนางทั้งหลาย

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพาน้องชายและช่างตัดเสื้อไปยังโต๊ะบิลเลียดตัวหนึ่งซึ่งว่างอยู่ เธอหันไปหากอร์ดอน

                “กลอเรีย เธอเล่นบิลเลียดเป็นมั้ย?”

                กอร์ดอนพยายามอย่างยิ่งที่จะบีบเสียงให้เล็กเพื่อไม่ให้ความแตก ซึ่งอันที่จริงโดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนเสียงใหญ่อยู่แล้ว

                “ไม่เป็นค่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับหันมามองเขาอย่างพิศวง “ไหนนายพูดอีกทีซิ”

                “หา?”

                “โอ้ เอาเสียงแบบตะกี้น่ะ”

                “จอร์จจี้ เสียงเธอดูไม่เป็นกุลสตรีเลย” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเอ็ดน้องชาย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขมวดคิ้ว เขาพยายามบีบเสียงลง ซึ่งผลที่ได้คือเขาเหมือนผู้หญิงเสียงใหญ่ที่เป็นหวัดอีกที

                “ไม่มีอะไร ฉันแค่ถามว่าเธอเล่นบิลเลียดไม่เป็นหรือ?”

                “ค่ะ ฉันไม่เคยเล่นหรอก”

                “งั้น... เดี๋ยวฉันสอนให้แล้วกัน” เขาขยับเข้าไปหากอร์ดอนแล้วกระซิบ “ให้ตาย กล่องเสียงฉันต้องพินาศแน่ๆ งานนี้”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหยิบไม้คิวมาให้กอร์ดอน และเริ่มสอนเขาเล่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ยืนถือแก้ววิสกี้อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์จ้องพวกเขาเขม็ง จนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องหันไปมองตาม ก่อนจะหันมาหาเพื่อนรัก

                “จอห์นนี่ นายใจเย็นๆ หน่อยน่า นั่นเพื่อนเรานะ เขาไม่คิดอะไรกับคนรักของนายหรอก”

                “โอ้ แต่นั่นคือจอร์จนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาคือผู้ชายที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุดในอังกฤษเลย”

                “เอาน่า แต่วันนี้เขาไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อย”

                ระหว่างที่ทั้งสองหนุ่มพูดคุยกัน หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักพวกเขา

                “โอ... สายัณห์สวัสดิ์ค่ะลอร์ดโทรว์บริดจ์ ดิฉันดีใจเหลือเกินที่ได้พบคุณวันนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบคลี่ยิ้มให้เธอ “สายัณห์สวัสดิ์”

                “ดิฉันแอนเจลิก้าค่ะ” เธอแนะนำตัว “เราเคยเจอกันในงานเลี้ยงต้อนรับคุณ ดิฉันไปชมการชกมวยของคุณด้วยค่ะ ช่างน่าประทับใจมาก”

                “อย่างนั้นหรือ เป็นเกียรติกับผมมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางเค้นสมองอย่างหนักว่าเธอคนนี้เป็นลูกหลานขุนนางคนไหนกันแน่

                ในตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปคุยกับสาวคนอื่น ที่โต๊ะบิลเลียดก็มีชายหนุ่มสามคนเดินเข้าไป ทั้งหมดแต่งตัวดีดูมีฐานะ หนึ่งในนั้นถือไม้เท้าที่มีทองคำประดับอยู่ที่หัว

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ไม่ทราบว่ายังพอมีที่ว่างให้พวกผมร่วมเล่นบิลเลียดรึเปล่า?”

                “โอ้ ได้สิคะ ตามสบายเลย เรากำลังลำบากอยู่พอดี เพื่อนเราคนหนึ่ง เธอเล่นบิลเลียดไม่เป็นค่ะ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเชิญทั้งสามหนุ่มด้วยความยินดี ทั้งสามคนคลี่ยิ้ม คนที่ดูมีฐานะดีที่สุดแนะนำตัว

                “ผมแอนโธนี่ ส่วนนี่ออสติน กับลูเซียส”

                “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเจนนิเฟอร์ ส่วนนั่นน้องสาวฉันกับเพื่อนของเธอ จอร์เจียน่ากับกลอเรียค่ะ”

                ทั้งสามคนหันไปทักทายลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับกอร์ดอน มิสเตอร์แอนโทนี่แสดงอาการสนอกสนใจช่างตัดเสื้ออย่างเห็นได้ชัด

                “คุณคงเป็นมิสกลอเรีย ให้ผมช่วยสอนคุณเล่นบิลเลียดจะได้ไหมครับ?”

                กอร์ดอนรีบหลบหลังลอร์ดจอร์จ เฟลตัน แล้วสั่นศีรษะ อีกฝ่ายเลยช่วยตอบแทนเขา “กลอเรียค่อนข้างขี้อายค่ะ อย่าถือสาเธอเลย”

                “โอ... ผมเข้าใจครับ” ชายหนุ่มมองเขาอย่างสนใจกว่าเดิม “เธอคงไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกบ่อยๆ ใช่ไหมครับ”

                “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะคะ?” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตแสร้งถาม แอนโธนี่ยิ้ม

                “ผมว่าสาวสวยขี้อายขนาดนี้ คงออกจากบ้านไม่บ่อยนักหรอกครับ”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตยกยิ้มที่มุมปาก “เธอสวยมากเลยใช่ไหมคะ?”

                “แน่นอนครับ เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระแอมไอขึ้น “มิสเตอร์แอนโธนี่คะ ถ้าคุณอยากจะหาเพื่อนเล่นบิลเลียด ฉันเล่นเป็นเพื่อนได้นะคะ”

                “เอ่อ... เป็นเกียรติอย่างมากครับ แต่...”

                เพื่อนๆ ที่เหลืออีกสองคนของแอนโธนี่รีบเข้ามารับหน้าแทนทันที “พวกเราจะเล่นเป็นเพื่อนคุณเองครับ คุณผู้หญิง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถูกแยกออกไปอย่างรวดเร็ว กอร์ดอนมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน ขณะที่เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตยืนมองด้วยความสนุกสนาน

                มิสเตอร์แอนโธนี่ขยับมายืนตรงหน้าเขา แล้วยิ้ม “ให้ผมสอนคุณนะครับ”

                ช่างตัดเสื้อไม่มีทางเลือก เขาจึงจำต้องพยักหน้า ชายหนุ่มขยับมายืนข้างเขา แล้วหยิบไม้คิวมาแสดงท่าทางการวางไม้ให้เขาดู กอร์ดอนพยายามที่จะแสดงให้ฝ่ายนั้นเห็นว่าเขาตั้งใจดูอยู่ แต่ทว่าความกลัวว่าจะถูกจับได้ทำให้เขาแทบจะดูเหมือนก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา แอนโธนี่เหลือบมองเขาแล้วยิ้ม พลางถอนหายใจ

                “ท่าทางคุณคงไม่อยากเล่นบิลเลียดนะครับ เรามาคุยกันถึงเรื่องทั่วๆ ไปดีกว่า”

                กอร์ดอนก้มหน้างุด “ฉันคุยไม่เก่งหรอกค่ะ”

                “ครับ ผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณจะกรุณาเงยหน้าขึ้นมาสักนิด ผมจะรู้สึกเป็นเกียรติมาก คุณไม่ควรก้มหน้าสนทนากับคนอื่นแบบนี้นะครับ”

                “ฉันขอโทษค่ะ” กอร์ดอนพูด เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองฝ่ายตรงข้ามอย่างกล้าๆ กลัวๆ มิสเตอร์แอนโธนี่ยิ้มให้เขา

                “คุณเป็นคนสวยมากนะครับ น่าเสียดายถ้าคุณจะเอาแต่ก้มหน้า เราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า” เขายื่นมือให้ช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนมองอย่างอึ้งๆ ขณะที่กำลังคิดว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

                “ผมไม่อนุญาตให้เธอไปดื่มกับคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาสลัดแม่สาวแอนเจลิก้ามาช่วยกอร์ดอนได้ทันเวลา มิสเตอร์แอนโธนี่มองเขาอึ้งๆ

                “คุณเป็นใครครับ?”

                “คนรักของเธอ” เขาตอบสั้นๆ อีกฝ่ายมีสีหน้างุนงงกว่าเดิม เขากวาดตามองลอร์ดหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะดูออกจากเครื่องแต่งกายว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนสามัญธรรมดา แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาพูดขึ้นต่อ

                “โอ... แต่ผมไม่เห็นคุณอยู่กับเธอ”

                “ผมกำลังคุยธุระ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “รับรองได้ว่าถ้าผมไม่ติดธุระล่ะก็ คุณคงไม่ได้คุยกับเธอแม้สักประโยคเดียว”

                อีกฝ่ายชักฉุน “ผมไม่ยักรู้สึกว่าคุณเป็นคนรักของเธอเลย เธอไม่แสดงออกว่ามากับคุณด้วยซ้ำ”

                “ฉันมากับเขาค่ะ” กอร์ดอนรีบพูดขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นแขนให้เขา ช่างตัดเสื้อเลยรีบคล้องไว้ทันที แอนโธนี่มองทั้งคู่อย่างพิศวง

                “พวกคุณเป็นคู่รักกันจริงๆ หรือ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดหนุ่มตอบเขา “พวกเรารักกันมาก ใช่ไหมกลอเรีย”

                กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความเขินอาย เขาขยับไปแอบด้านหลังลอร์ดหนุ่ม “ฉันเขินนะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มละไม “คุณไม่ต้องเขินหรอก เป็นคนรักของผมไม่เห็นจะต้องเขินเลย คุณเงยหน้าขึ้นหน่อยสิ คนอื่นจะได้เห็นว่าพวกเรามีความสุขกันขนาดไหน”

                “โอ...” แก้มทั้งสองข้างของกอร์ดอนยิ่งแดงเรื่อกว่าเดิม เขาแทบจะซุกหน้าลงกับไหล่ของลอร์ดหนุ่มด้วยความขัดเขิน มิสเตอร์แอนโธนี่มองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เขาสั่นศีรษะซ้ำๆ

                “ผมไม่อยากเชื่อ”

                “เชื่อเขาเถอะ เพราะเขาไม่มีเหตุผลอะไรจะโกหกคุณ” ใครอีกคนเดินเข้ามาแล้วพูดแทรกขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์และมิสเตอร์แอนโธนี่หันไปมองเขาเป็นตาเดียว

                “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านลอร์ด” มิสเตอร์จอห์นสัน เวล็อค ทักทายฝ่ายนั้นตามมารยาท พร้อมกับคลี่ยิ้ม “ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ พร้อมกับคนรักของคุณ เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เขม้นตามองเขา “สายัณห์สวัสดิ์จอห์นสัน ขอบใจที่ช่วยยืนยันแทนฉัน แต่ฉันคิดว่าลำพังคำพูดของฉันคงไม่ต้องขอร้องให้ใครมายืนยันอยู่แล้ว”

                มิสเตอร์แอนโธนี่มองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยสีหน้าอึ้งงันกว่าเดิม “อะไรนะ? ท่านลอร์ด?”

                “อ้อ ใช่ ผมลืมแนะนำตัวเองไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมคือลอร์ดจอห์น โทรว์บริดจ์”

                ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วขึ้นสูง “ลอร์ดโทรว์บริดจ์....” เขาทวนคำ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา เพื่อนๆ ของเขาอีกสองคนก็เลยรีบเดินตามออกไปด้วย มิสเตอร์เวล็อคหัวเราะ

                “เขาไม่น่าพลาดที่จำคุณไม่ได้เลย อันที่จริงแล้วคุณเป็นคนดังของที่นี่มาก ผมเดาว่าเขาคงเพิ่งจะมาจากเมืองอื่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง เขาไม่เหลือบตามองมิสเตอร์เวล็อคเลยแม้แต่แว้บเดียว อีกฝ่ายแสดงสีหน้าเหมือนพยายามอดกลั้นอย่างเต็มที่ เขายิ้มให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง

                “งั้นผมคงต้องขอลาล่ะครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ รวมถึงสาวน้อยคนนั้นด้วย” พูดจบเขาก็รีบเดินออกไปทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เดินเข้ามาได้พักหนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น

                “จอห์นสันคงเกลียดขี้หน้านายน่าดู พฤติกรรมของนายค่อนข้างจะเหยียดหยามเขาเอามากๆ เลยนะจอห์นนี่”

                “ฉันไม่ชอบเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันพยายามแสดงปฏิเสธการเข้ามาตีสนิทของเขาอย่างสุภาพมาหลายปีแล้ว นายก็รู้ ฉันมีแต่จะต้องทำเมินเขาแบบนี้เท่านั้น เขาถึงจะยอมไป”

                “แต่ก็น่าแปลกนะ ทำไมเขาถึงไม่ยอมไปตีสนิทกับคนอื่น ทำไมต้องเป็นนาย”

                “ฉันไม่รู้เหมือนกัน” อีกฝ่ายตอบ “เขาอาจจะคิดว่าฉันดูเข้าถึงง่ายกว่าลอร์ดที่ดูมีอำนาจคนอื่นล่ะมั้ง บางทีเขาคงมาที่นี่เพื่อมองหาเลดี้ที่มีชื่อเสียงสักคน ฉันคิดว่าเขาคงทำสำเร็จสักวันหรอก”

                “โอ... หนุ่มๆ งานนี้พวกเธอแสดงได้ดีมากเลย” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์กับกอร์ดอน

                “โดยเฉพาะพวกเธอสองคน นี่ถ้าฉันไม่รู้ความจริงมาก่อนล่ะก็ คงเข้าใจว่าพวกเธอเป็นคู่รักกันจริงๆ แน่ โดยเฉพาะกลอเรีย เธอช่างตีบทแตกเหลือเกิน”

                กอร์ดอนยิ้มเขินๆ ก่อนจะพูดออกมา “ผมดีใจที่คุณชอบครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินกระย่องกระแย่งเข้ามา เขากระชากแขนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ ทำไมนายถึงไม่ยอมมาช่วยฉัน เห็นไหมว่าฉันถูกผู้ชายสองคนรุมอยู่”

                “นายควรจะดีใจนะจอร์จ อย่างน้อยๆ นายก็มีผู้ชายถึงสองคนสนใจ”

                “โอ... พวกเขาพยายามหนีบฉันออกมาให้พ้นจากกอร์ดอนต่างหาก หน็อย เจ้าผู้ชายพวกนี้” ลอร์ดหนุ่มทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พี่สาวของเขาหัวเราะขึ้นอีก

                “โอ้ จอร์จจี้ที่รักของพี่ เธอทำท่าเลียนแบบผู้หญิงได้แนบเนียนมาก พี่ว่าเราควรจะไปต่อที่บาร์ พี่อยากจะดื่มอีกสักหน่อยก่อนกลับ”

                ทั้งสี่คนจึงเดินตามเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน  - แอ็บบ็อตไปที่บาร์เครื่องดื่ม ที่นั่นมีคนยืนอยู่แล้วสองสามคน ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษที่ดีด้วยการเดินไปสั่งเครื่องดื่มให้สุภาพสตรี(?)ทั้งสาม ระหว่างนั้นสายตาของลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง เขารีบหลบหลังกอร์ดอนทันที

                “โอ้ ไงคะจอห์นนี่ ไงคะแมกซ์” เลดี้มาร์กาเร็ต สจ็วตเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนดีใจ เธอทักลอร์ดหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะหันไปเห็นเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต

                “โอ้ เจนนี่! ฉันกำลังอยากพบเธออยู่พอดีเลย”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเดินเข้ามาแล้วสวมกอดเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตด้วยความดีใจ “โอ้ มาร์กี้ที่รัก เราไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้ว”

                “สองปีได้แล้วล่ะมั้ง” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “จอร์จจี้เล่าให้ฉันฟังแล้วว่าเธอมาพักที่บ้าน ลูกๆ เธอเป็นไงบ้าง ฉันอยากเห็นพวกเขาเหลือเกิน ฉันวางแผนจะไปเยี่ยมเธอพรุ่งนี้พอดีเลย”

                “ทั้งสองคนน่ารักมาก พวกเขาต้องดีใจที่ได้เจอเธอแน่ๆ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตยิ้ม ก่อนจะถามขึ้นต่อ “ว่าแต่จอร์จจี้ไม่มาด้วยกันกับพวกเธอหรือ แล้วสองคนข้างหลังนั่นใครกัน”

                “อ้อ เพื่อนๆ ของฉันเอง” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า ก่อนจะแนะนำกอร์ดอนและลอร์ดจอร์จ เฟลตันให้เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตได้รู้จักแบบแทบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

                “นี่กลอเรีย ส่วนที่อยู่ด้านหลังเธอคือจอร์เจียน่า... นี่ จอร์เจียน่า ทำไมเธอต้องไปยืนหลบหลังกลอเรียแบบนั้น”

                “โอ้... คือฉันเพิ่งนึกได้ว่าปวดท้องมากค่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด แล้วก้มหน้างุด “ฉันคิดว่าคงต้องขอตัว”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองเขายิ้มๆ “โอ จอร์เจียน่า ฉันมาร์กาเร็ต มาเถอะ ฉันจะพาเธอไปพักเอง”

                “ไม่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบปฏิเสธ ก่อนจะสะกิดกอร์ดอน ช่างตัดเสื้อจึงรีบพูดขึ้น

                “เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเอง”

                พูดจบเขาก็รีบพาตัวลอร์ดจอร์จ เฟลตันไปนั่งพักที่เก้าอี้ซึ่งวางอยู่ใกล้กับมุมหนึ่งของห้องโถง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจเฮือก ขณะมองเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตคุยกับพี่สาวของเขา

                “บ้าจริง ทำไมมาร์กาเร็ตถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ลอร์ดหนุ่มบ่น “ถ้าเธอรู้จะต้องหัวเราะตายแน่ กอร์ดอน นายต้องช่วยฉัน เจนนี่จะต้องสนุกมากกับเรื่องนี้”

                กอร์ดอนพยักหน้าอย่างจริงจัง “จะให้ผมทำอะไรบ้างครับ?”

                “เราต้องพยายามหลบออกไป เราอาจจะขึ้นไปที่สโมสรไพ่ หรือไม่ก็ลงไปนั่งที่ภัตตาคารด้านล่าง ไม่ๆ เราจะต้องออกไปข้างนอกเลย ไปรออยู่กับโอลิเวอร์ก็ได้”

                “แต่แบบนั้นมันจะไม่ดูผิดสังเกตหรือครับ?” ช่างตัดเสื้อแย้ง “ผู้หญิงสองคนไปอยู่กับคนขับรถม้า”

                “โอ้ ฉันกับนายไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ สักหน่อย ใครจะสงสัยก็สงสัยไปซี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างหงุดหงิด “มาเถอะ ระหว่างที่มาร์กาเร็ตกำลังคุยกับพี่สาวฉันอยู่ เรารีบหลบออกไปกัน”

                แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินออกไปไหน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เหลือบไปเห็นว่าเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเดินเข้าไปทักทายชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างสนิทสนม ลอร์ดหนุ่มชะงักตัวกึกทันที

                “นั่นมันเซบาสเตียนนี่ เธอสนิทกับไอ้หมอนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 21-06-2017 15:11:37
                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้พูดอะไรตอบเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พรวดพราดเดินกลับไปทันที ช่างตัดเสื้อรีบเดินตามไป แต่กลับถูกใครคนหนึ่งเดินมาดักหน้าไว้

                “กรุณาให้อภัยกับความเสียมารยาทของผมด้วย” มิสเตอร์แอนโธนี่พูดด้วยสีหน้าพลุ่งพล่านอย่างยากจะระงับ “ผมอยากจะสนทนากับคุณเป็นการส่วนตัวสักครู่ กรุณาให้เกียรติผมด้วย”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง เขาพยายามหาทางบ่ายเบี่ยงอีกฝ่าย “ฉันคงไม่สะดวก”

                “ได้โปรดเถอะครับ” ฝ่ายนั้นอ้อนวอน “ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย มันอธิบายเป็นคำพูดได้ยากมาก ผมชื่อแอนโธนี่ ปาร์กเกอร์สัน ถ้าคุณจะกรุณาบอกชื่อเต็มกับผม มิสกลอเรีย”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้อ้าปากโต้ตอบอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าถมึงทึง เขาจ้องมิสเตอร์ปาร์กเกอร์สันปานจะกินเลือดกินเนื้อ

                “มิสเตอร์ปาร์กเกอร์สัน คุณกระทำการหมิ่นเกียรติผมมาก คุณกล้าดียังไงถึงพยายามเข้าหาคนรักของผมเป็นครั้งที่สอง ถ้าคุณยังกล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว ผมจะเรียกผู้ดูแลให้มาลากตัวคุณออกไป”

                มิสเตอร์ปาร์กเกอร์สันอับอายจนหน้าแดง เขารีบหันหน้าเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาพูดกับกอร์ดอน

                “โอ... ยอดรัก ผมจะไม่ปล่อยให้คุณไปไหนกับใครอีกแล้ว ถ้าเจนนี่อยากให้คุณอยู่นี่ ผมก็จะอยู่ข้างๆ คุณ ผมจะไม่สนเรื่องเล่นสนุกของเธออีกแล้ว มันไม่สนุกเลยสำหรับผม”

                กอร์ดอนมองลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วคลี่ยิ้ม “ใจเย็นๆ เถอะครับ ผมจะตามคุณกลับไปรวมกลุ่ม เราอย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตเลยครับ”

                “ก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกแขนขึ้นมาข้างหนึ่ง กอร์ดอนจึงใช้มือเกี่ยวไว้ ทั้งคู่เดินกลับไปรวมกลุ่มกับเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตอีกครั้ง

--------------------------------

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตกำลังสนทนาอยู่กับ เซบาสเตียน ครอวส์ ในตอนที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินกลับเข้าไป เมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้พอ ลอร์ดหนุ่มก็แสร้งทำเป็นกระแอมไอออกมา “โอ... พวกคุณคุยกันท่าทางน่าสนุกจังเลยนะคะ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหันมามองเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะคลี่ยิ้ม “คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือคะ? มิสจอร์เจียน่า”

                “อ๋อค่ะ ดิฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ยืนอยู่ใกล้กันทำท่าขยับปากอยากจะพูดอะไร แต่ถูกเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตสะกิดไว้

                “ปล่อยพวกเขาเถอะ” เธอว่า ขณะมองลอร์ดน้องชาย ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปคั่นกลางการสนทนาของคู่หมั้นของเขากับชายคนอื่น แล้วอมยิ้ม “ดูสิว่าจอร์จจี้จะทำยังไง”

                “โอ... คุณผู้หญิงคนนี้คือ?”

                “อ๋อ ฉันชื่อจอร์เจียน่า เป็นเพื่อนกับเลดี้เจนนิเฟอร์ค่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะรีบพูดขึ้นต่อ “อันที่จริงแล้วฉันกำลังตั้งใจจะชวนมาร์กาเร็ตไปเล่นบิลเลียดด้วยกัน เสียแต่ว่าเมื่อตะกี้ฉันรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”

                “โอ... งั้นหรือครับ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน” มิสเตอร์ครอวส์ยิ้มแล้วโค้งให้เขา ก่อนจะเดินจากไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจเฮือก เขาเตรียมจะเดินไปสมทบกับพี่สาว แต่ถูกเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตรั้งตัวไว้

                “เดียวสิจอร์เจียน่า ทางนั้นไม่ใช่ทางไปโต๊ะบิลเลียดสักหน่อย”

                “อ๋อ ฉันกำลังจะไปบอกเลดี้เจนนิเฟอร์น่ะ ว่าพวกเราจะไปเล่นบิลเลียดกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบแก้ตัว ก่อนจะเดินฉับๆ เข้าไปหาพี่สาวของเขา แล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหู

                “พี่เจนนี่ พี่ต้องช่วยผมนะ พี่ทำยังไงก็ได้ให้มาร์กี้กลับบ้านไป ผมเพิ่งเผลอหลุดปากชวนเธอไปเล่นบิลเลียด”

                “แหม... ทำไมเธอถึงอยากจะไล่ให้คู่หมั้นตัวเองกลับบ้านขนาดนั้น” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพูดยิ้มๆ “ไม่ชอบที่เธอออกมาเที่ยวนอกบ้านหรือ? ผู้ชายนี่ใจแคบจัง”

                “โธ่... พี่ครับ ผมไม่ใช่คนใจแคบ แต่เธอจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าคู่หมั้นของเธอมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงแบบนี้ ผมไม่อยากอับอายต่อหน้าคู่หมั้นตัวเอง พี่ต้องช่วยผมนะ”

                “ไม่ จอร์จจี้ พี่ว่าเธอต้องเรียนรู้ที่จะแก้สถานการณ์ด้วยตัวเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนิ่วหน้า ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็เดินเข้ามา

                “มิสจอร์เจียน่า ฉันเห็นว่าเราไปเล่นด้วยกันสองคนอาจจะไม่สนุกเท่าที่ควร เราน่าจะชวนคนอื่นๆ ไปด้วย โอ... จอห์นนี่ เธอดูสนิทสนมกับมิสกลอเรียจังเลย”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เธอเป็นคนรักของผม”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเบิ่งตากว้างอย่างแปลกใจ “โอ้ จริงหรือ? ฉันคิดว่าเธอกำลังคบหาอยู่กับแคทเธอรีนเสียอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ระหว่างเธอกับผมมีเพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น”

                “ว้าว” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตคราง เธอเบนความสนใจมายังทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว “มิสกลอเรียช่างเป็นหญิงสาวที่สวยมาก แต่ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอจังเลย”

                กอร์ดอนรีบหลบหลังลอร์ดโทรว์บริดจ์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยรีบพูดขึ้น “มาร์กาเร็ต เราไปโต๊ะบิลเลียดกันเถอะ เธออยากจะเล่นบิลเลียดไม่ใช่หรือ?”

                “อ๋อ แน่นอนจ้ะ เธอต้องไปกับฉันด้วยนะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “พวกคุณก็ไปด้วยกันกับเราสิคะ”

                ทั้งหมดจึงเดินกลับมาที่โต๊ะบิลเลียดอีกครั้ง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจำใจจะต้องเล่นบิลเลียดกับเลดี้มาร์กาเร็ต สจวต เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ฝ่ายนั้นสังเกตใบหน้าได้อย่างชัดเจน แต่หลังจากเล่นกันไปได้สักพัก เขาก็อดรนทนไม่ได้กับวิธีการเล่นบิลเลียดของคู่หมั้น

                “ฉันว่าเธอควรจะเล็งลูกสีแดงด้านขวานะ มุมมันอาจจะยากหน่อย แต่มันจะทำให้เธอแทงลูกต่อไปได้ง่ายขึ้น”

                “โอ... อย่างนั้นหรือ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพยักหน้า “แบบนี้ใช่ไหม?”

                “นั่นแหละ ไม่ต้องแทงแรงมากนะ เอากลางๆ”

                กอร์ดอนหันไปคุยกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ยืนขนาบข้างเขาตลอดเวลา “บิลเลียดนี่ดูท่าทางจะเล่นยากนะครับ”

                “ไม่เลย มันเป็นเกมที่เล่นง่ายมาก ผมว่าง่ายกว่าหมากรุกอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และจอร์จก็เป็นคนที่เล่นบิลเลียดเก่งมาก อันที่จริงเจนนี่ก็เล่นเก่ง บ้านเขาเล่นบิลเลียดเก่งทุกคน”

                “อย่างนั้นหรือครับ?” กอร์ดอนพยักหน้า “แล้วคุณล่ะครับ?”

                “อืม... ผมพอจะแทงให้มันลงหลุมได้เป็นลูกๆ ไป”

                “แหม... จอห์นนี่ เกมนี้มันก็ต้องแทงลูกให้ลงหลุมทั้งนั้นแหละ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า “ไหนเธอลองแทงแข่งกับจอร์จจี้ดูหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าใครจะชนะ”

                “โอ... ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่แข่งกับผู้หญิงหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเผอิญได้ยินคำพูดของเขาพอดี

                “โอ้ นี่คุณกล้าดูถูกผู้หญิงอย่างฉันหรือ?”

                “ผมเปล่า” ลอร์ดหนุ่มตอบหน้าตาย “ผมไม่กล้าแข่งกับคุณหรอกครับ คุณผู้หญิง ดูก็รู้ว่าคุณต้องแทงบิลเลียดเก่งมาก ผมไม่อยากแพ้น่ะ”

                “คุณต้องมาแข่ง เดี๋ยวนี้เลย”

                “แต่คุณกำลังเล่นกับเลดี้มาร์กาเร็ตอยู่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้มาร์กาเร็ตรีบพูดขึ้น

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะจอห์นนี่ ฉันเองก็อยากเห็นคุณแข่งกับมิสจอร์เจียน่าเหมือนกัน ท่าทางเธอจะเล่นบิลเลียดเก่งน่าดู”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาเดินไปหยิบไม้คิวเพื่อมาดวลบิลเลียดกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลยขยับไปขนาบกอร์ดอนเอาไว้แทน

                “บอกเลยนะว่าฉันทำเพื่อไม่ให้จอห์นนี่สติแตก” ลอร์ดหนุ่มกระซิบบอกเขา กอร์ดอนพยักหน้า

                “ขอบคุณมากนะครับ”

                ปรากฏว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันเล่นบิลเลียดเก่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะสวมกระโปรงและสวมหมวกที่มีผ้าคลุมหน้าซึ่งค่อนข้างเกะกะสำหรับคนที่ไม่เคยสวมมาก่อน แต่เขาก็สามารถเอาชนะลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปได้อย่างสบาย

                “หึๆ ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าดูถูกผู้หญิง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ หลังจากแทงลูกสุดท้ายลงหลุม ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะในคอ

                “ครับๆ ผมยอมแพ้คุณแล้ว”

                “โอ... เธอช่างเล่นบิลเลียดได้น่าประทับใจเหลือเกิน” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองเขาอย่างชื่นชม “เหมือนกับคู่หมั้นของฉันเลย เขาเล่นบิลเลียดเก่งเหมือนกัน และเขาก็เจ้าชู้มากด้วย”

                “ฉันว่าไม่หรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบแก้ตัวให้ตัวเอง “ผู้ชายบางคนอาจจะชอบมองผู้หญิงไปทั่วก็จริง แต่เขาจะรักผู้หญิงจริงๆ แค่คนเดียวเท่านั้น”

                “อย่างนั้นหรือ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า “แสดงว่าเธอไม่ถือเรื่องที่ผู้ชายของเธอจะเที่ยวมีผู้หญิงไปทั่วสินะ งั้นเธอคงเห็นด้วยถ้าผู้หญิงจะเที่ยวไปเจ๊าะแจ๊ะกับผู้ชายคนนั้นคนนี้บ้าง”

                “ไม่!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นทันที เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตรีบพูดขึ้นต่อ

                “ทำไมล่ะ? ในเมื่อผู้ชายยังทำได้ ทำไมผู้หญิงจะทำบ้างไม่ได้ อย่างน้อยๆ เธอก็มีผู้ชายที่เธอรักแค่คนเดียว บางทีฉันก็คิดนะ ว่าถ้าฉันแอบไปคุยกับผู้ชายคนอื่น คู่หมั้นฉันจะว่ายังไง เขาคงไม่หึงหรอกเนอะ”

                “ไม่ เขาจะหึงมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด “ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบให้คนรักของตัวเองไปเจ๊าะแจ๊ะกับชายอื่นหรอก”

                “อืม... ผู้หญิงก็เหมือนกันนั่นแหละ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเดินเข้ามาแก้สถานการณ์ ก่อนที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะเผลอตัวตอบโต้ไป

                “พวกคุณสองคนเลิกคุยเรื่องคู่หมั้นเถอะ มันทำให้คนไม่มีคู่ปวดใจรู้ไหม?”

                “นายหมายถึงฉันหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบแก้ตัว

                “เปล่าแมกซ์ ฉันไม่ได้พาดพิงนาย”

                “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรืออะไรพวกนายอีกแล้ว ฉันคิดว่าตัวเองเฉยๆ แล้วล่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอยากจะเดินไปปลอบใจเพื่อน แต่ก็ติดว่าตัวเองปลอมเป็นผู้หญิงอยู่ เขาเลยหันไปหาพี่สาวแทน

                “เจนนี่ ฉันคิดว่าเราควรจะกลับกันได้แล้วล่ะ เธอน่าจะสนุกพอแล้ว”

                เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองน้องชายอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ พี่ว่าพวกเธอน่าจะเหนื่อยมากแล้วเหมือนกัน”

                ทั้งกอร์ดอนและลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าดีใจชนิดที่ว่าไม่อาจห้ามรอยยิ้มได้ พวกเขารีบหันไปมองหน้ากันด้วยความดีใจ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตจึงพูดขึ้นต่อ

                “งั้นก็คงได้เวลาฉันต้องกลับแล้วเหมือนกัน”

                “ให้มิสจอร์เจียน่าไปส่งเธอสิ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า ก่อนจะหันมาหาน้องชาย “ไปส่งเธอ”

                “โอ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เจ้าตัวจึงรีบพูดขึ้น

                “เดี๋ยวผมจะไปเป็นเพื่อนพวกเธอ” พูดจบเขาก็หันไปหาทั้งสองคน ทั้งคู่จึงเดินคล้องแขนเขาออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงหันไปพูดกับเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อต

                “งั้นผมจะไปส่งพวกคุณเอง”

                ทั้งกอร์ดอนและเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตจึงเดินคล้องแขนเขาออกมา

-----------------------------------------

                “โอ กลอเรียของเราช่างเสน่ห์แรงมาก” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพูดขึ้น “มิสเตอร์ปาร์กเกอร์สันเป็นลูกชายของเศรษฐีอเมริกัน เขาเพิ่งมาถึงลอนดอนเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่เอง ฉันคิดว่าเขาคงตกหลุมรักมิสกอลเรียเข้าอย่างจัง” พูดจบเธอก็หัวเราะ ก่อนจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ส่วนเธอ จอห์นนี่ ฉันแน่ใจเลยว่าต่อไปทั้งลอนดอนจะร่ำลือถึงเรื่องคนรักของเธอ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอต้องเห็นสีหน้าบรรดาสาวๆ ตอนที่เธอประกาศว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นคนรัก พวกเธอคงผิดหวังมาก นี่ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณโชคดีมากนะที่ได้เป็นคนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะ สาวๆ ทั้งลอนดอนจะต้องอิจฉาคุณ”

                กอร์ดอนหัวเราะแหะๆ “แต่มันจะเป็นแค่เรื่องเล่นแกล้งกันใช่ไหมครับ? คงไม่มีใครถือเป็นจริงเป็นจังว่าผมคือคนรักของเขา?”

                “ไม่หรอก เพราะทุกคนเข้าใจว่าคุณคือมิสกลอเรีย หญิงสาวปริศนาที่เป็นคนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ซึ่งต่อให้ค้นหาทั้งเกาะอังกฤษ ก็จะไม่เจอเธออีกแล้ว เพราะเธอไม่มีตัวตนจริงๆ ไง”

                กอร์ดอนถอนหายใจ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

                “เจนนี่”

                “หืม?”

                “ผม... เอ่อ... อยากจะขอซื้อชุดทั้งสองชุดที่คุณให้กอร์ดอนกับจอร์จยืมใส่ ผมเกรงใจที่คุณต้องมาลำบากกับการเล่นสนุกของจอร์จ”

                “โอ้ ไม่เป็นไรหรอกจอห์นนี่ ฉันเบื่อสองชุดนี้แล้ว ตั้งใจจะให้จะให้เพนนี่อยู่พอดี เธอคงไม่ถือหรอกที่มีผู้ชายเคยใส่มาก่อน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าผิดหวัง เขาตั้งใจจะซื้อชุดที่กอร์ดอนสวมเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ถ้ายังตื๊ออยู่ก็เกรงว่าเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตจะสงสัยเอาได้

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตามมาสมบทหลังจากนั้นไม่นาน พอมาถึงฝ่ายแรกก็บ่นทันที “โอ้ เจนนี่ พี่ต้องรู้ว่าผมเกือบจะต้องอับอายต่อหน้าคู่หมั้น ทำไมมาร์กี้ถึงโผล่มาที่นี่ได้ พี่ไม่ได้นัดเธอมาใช่ไหม?”

                “แหม... มันก็สนุกดีออกนี่นา มาร์กี้หลงเธอออกจะตาย พี่ว่าถ้าเธอรู้ว่าน้องแต่งตัวแบบนี้ เธอคงอยากให้แต่งอีก เธอบอกน้องว่าน้องเป็นสาวสวยเลยนะ”

                “โอ...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ผมจะไม่ยอมทำแบบนี้อีกแล้ว นี่มันบ้าชัดๆ” พูดจบเขาก็ชวนพี่สาวขึ้นรถม้ากลับ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงอาสาจะพากอร์ดอนตามไปส่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงขอแยกตัวออกไป

------------------------------

                พอปิดประตูรถม้าเรียบร้อย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ขยับมานั่งข้างคนรักทันที เขาอาศัยแสงไฟจากตะเกียงข้างรถพิศดูใบหน้าของฝ่ายนั้น

                “โอ... ทำไมคืนนี้ผมถึงไม่ได้ไปดูโอเปร่ากับคุณนะ” ลอร์ดหนุ่มคร่ำครวญพลางใช้มือปัดปอยผมของอีกฝ่าย “คุณช่างงามเหลือเกิน ผมหงุดหงิดมากที่ต้องพาคุณมาให้ชายคนอื่นใช้สายตาแทะโลม จอร์จไปตกลงแบบนั้นกับพี่สาวเขาได้ไง”

                “ถ้าเขาไม่ตกลงแบบนั้น คุณคงไม่ได้เห็นผมในสภาพนี้ เธอใจดีมากนะครับ” กอร์ดอนว่า “เธอเป็นพี่สาวที่น่ารักมาก”

                “ก็ใช่ แต่ผมหงุดหงิดนี่นา ผมควรจะเป็นคนที่ได้ควงคู่กับคุณ ตอนนี้เราควรจะนั่งดูโอเปร่าอยู่ที่โรงโอเปร่าเล็กๆ ที่ไหนสักแห่ง ผมอยากแสดงความรักต่อคุณอย่างเปิดเผยมานานแล้ว ผมเกลียดเหลือเกินที่เราต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ”

                กอร์ดอนยิ้มให้ฝ่ายนั้น “ไว้คราวอื่นก็ได้นี่ครับ”

                “หืม?”

                อีกฝ่ายยิ้มอายๆ “ผมว่าจะไปหาซื้อชุดชั้นในกับผ้าสำหรับตัดชุดสักตัว เอ่อ... ถ้าคุณชอบนะครับ”

                “ชอบสิ ผมชอบ” ลอร์ดหนุ่มรีบตอบ “แต่มันจะไม่ลำบากคุณหรือ? ผู้ชายไปซื้อชุดชั้นในของผู้หญิงมันกระไรอยู่นะ”

                “ผมอาจจะขอร้องมิสซิสมาร์ธา ถ้าเธอไม่รังเกียจ” ช่างตัดเสื้อพูดพลางหน้าแดง “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอายมาก ผมไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนเลยจอห์น ผมไม่เคยชอบตัวเองที่หน้าเหมือนผู้หญิง จนกระทั่งคุณกระซิบบอกผม” เสียงของเขาเบาลงจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ “ผมรู้สึกว่าผมอยากเป็นผู้หญิงเพื่อคุณ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รวบตัวคนรักของเขามากอดไว้แน่น ก่อนจะจูบริมฝีปากของฝ่ายนั้น พอผละออกกอร์ดอนก็หัวเราะออกมา

                “ปากคุณเลอะลิปสติกแล้ว เดี๋ยวผมเช็ดให้นะครับ”

                อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม “ปากคุณก็เลอะแน่ะ”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จูบเขาอีกครั้ง

                “จอห์น ผมว่านี่ไม่ใช่วิธีเช็ดลิปสติกนะครับ” กอร์ดอนพูดระหว่างที่ทั้งคู่ผละริมฝีปากออกจากกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ และจูบเขาซ้ำอีกถึงสองครั้ง

                “โอ... จอห์น ปากคุณเลอะมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “คุณเช็ดให้ผมสิ เดี๋ยวผมจะช่วยเช็ดให้คุณ”

                “เช็ดจริงๆ นะครับ ไม่ใช่แบบตะกี้นะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบเขาอีกครั้ง ก่อนจะยอมให้เขาเช็ดริมฝีปากให้

                “แบบนี้ทุกคนต้องสงสัยแน่” กอร์ดอนพูดหลังจากลอร์ดโทรว์บริดจ์เช็ดริมฝีปากให้เขาเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดหนุ่มยักไหล่

                “บอกเจนนี่ไปว่าคุณรำคาญลิปสติกเลยเช็ดมันออก ผมว่ามันน่าจะฟังขึ้นอยู่นะ”

                “โอ... นั่นสินะครับ ผมเองก็รำคาญจริงๆ นะ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือเขามากุมเอาไว้

                “คราวหน้าถ้าคุณจะแต่งเป็นผู้หญิงอีก บอกผมล่วงหน้านะ ผมจะซื้อเครื่องเพชรเตรียมไว้ให้คุณ”

                “อย่าเลยครับ พ่อแม่คุณจะสงสัยเอาเปล่าๆ ยังไงใช้เครื่องเพชรของย่าผมก็ได้ แต่ผมไม่ได้เจาะหู คงใส่ตุ้มหูไม่ได้หรอกครับ”

                “โอ... ผมแค่อยากจะซื้อของให้คนที่ผมรักน่ะ” ลอร์ดหนุ่มว่า ก่อนจะขยับไปจูบแก้มช่างตัดเสื้อ “ไม่เป็นไรหรอกกอร์ดอน ผมไม่อยากให้คุณกดดันตัวเองมาก พรุ่งนี้ผมจะแวะเข้าไปที่ร้านคุณตอนบ่าย แล้ววันพุธเราก็จะไปกินข้าวกันเหมือนเดิม ถึงผมจะต้องพลอดรักกับคุณบนรถม้า แต่มันก็ยังดีกว่าที่เราจะไม่ได้เจอกันเลย”

                กอร์ดอนยิ้มให้ลอร์ดหนุ่ม ก่อนที่ทั้งคู่จะจูบกันอีกครั้ง

------------------------------------
(จบตอน)
****ตอนนี้เป็นตอนที่เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันขัดๆ เหมือนมันขาดๆ ยังไงไม่รู้ แต่หาที่แทรกไม่ลงล่ะ (พยายามอ่านหลายรอบแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะแทรกหรือแก้อะไรตรงไหนมากกว่านี้ดี เหมือนมันเยอะจนเต็มเอี๊ยดแล้ว แต่มันยังขาดๆ ยังไงชอบกล :mew5:)
.
จอร์จจี้ผู้น่าสงสาร (?) และกอร์ดอนผู้ควรจะเกิดเป็นผู้หญิง ฮ่าๆๆๆ
.
ใครสงสัยไม่สงสัย แต่จอร์จกับแมกซ์ย่อมรู้แน่ๆ ว่าลงไปล่ะปากเกลี้ยงทั้งสองคน ทำอะไรกันในรถม้า 5555+
.
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
.
ปล. เราแอบจิ้นว่ามิสเตอร์จอห์นสันแอบชอบจอห์น โอย มโนไป ฮ่าๆๆ ข้องใจนางตามตื๊อจอห์นจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 21-06-2017 17:20:18
กอร์ดอนน่ารักก  :-[
คู่นี้จะลงเอยยังไงนะ จะจบเศร้าไหม
รู้อย่างเดียวตอนนี้ฮามากก55555  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 21-06-2017 19:35:47
รักเลย

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 21-06-2017 21:54:41
ใช่ค่ะๆแอบคิดว่ามิสเตอร์จอห์นสันอาจจะแอบชอบจอห์น(คิดได้เนอะ)

แววว่าเรื่องจะชักยุ่งๆวุ่นๆซะแล้ว
ต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆเลยเรื่องมิสกลอเรียสุดสวยเนี่ย
จอห์นขี้หึงน่าดูเลยนะเหมือนกระทิงเลยใครเข้าใกล้กอร์ดอนก็วิ่งเข้าขวิดลูกเดียว

มาอ่านสามตอนรวดเลยค่ะ อิ่มมากจุใจสุดๆ
เป็นนิยายที่ยาวมากอ่านสามตอนเหมือนอ่านมาครึ่งเล่ม
แอบสงสารคนเขียนนิ้วมือยังใช้การได้ดีอยู่ไหมคะเนี่ย5555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-06-2017 22:49:41
สงสัยว่า จอห์นสันจะนำพาปัญหามาให้ท่านลอร์ดและกอร์ดอน


ขำจอร์จกับแมกซ์มาก ไม่เนียนเลยทั้งคู่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
นี่แสดงว่า จอร์จต้ิงหน้าตาสะสวยพอสมควร ถึงได้แต่งหญิงแล้วไม่ขัดหูขัดตาเลย

ส่วนกอร์ดอนคงไม่ต้องสงสัย ขนาดแต่งตัวตามปกติทั้งจอห์นและไมครอฟยังหลงรักตั้งแต่แรกเห็น
เจนนี่ดูสนุกมากกกกกก

อ่านไปถึงตอนที่กอร์ดอนบอกว่าอยากเป็นผู้หญิงแล้วน้ำตาจะไหล

ขอบคุณนะคะ ยาวจุใจมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-06-2017 22:09:06
รอตอนต่อไป..
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-07-2017 10:43:18
คิดถึงนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2017 12:24:51
ได้อ่านยาวจุใจจริงๆ ชอบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เคยนึกว่าต้องมีสักวันที่กอร์ดอนแต่งหญิง
แต่ไม่คิดว่าจะพ่วงจอร์เจียน่า มาด้วย ฮามากกกก

เสน่ห์กอร์ดอน ตอนเป็นชายก็เห็นมาแล้ว
พอเป็นหญิง ผู้ชายก็พุ่งพรวดมาเลย  จนจอห์น หึงแหลก

แต่ข่าวลอร์ดโทรว์บริดจ์ มีแฟนจะไม่กระจายแพร่ไปทั่วรึ  :laugh:
นาจะถึงพ่อของจอห์น ด้วยน่ะสิจอห์นเตรีมที่อุดหูเลย  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 20-07-2017 17:37:20
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-07-2017 21:16:54
อย่าหายไปนานใจคอไม่ค่อยดี :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-07-2017 00:36:43
คิดถึงกอร์ดอนกับจอห์นนี่และผองเพื่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 04-08-2017 09:03:16
คิดถึงนะค่ะ
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-08-2017 18:39:17
คิดถึงมากค่ะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่มดน้อย ที่ 05-08-2017 17:21:12
รออยู่นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 01-09-2017 00:44:50
คิดถึงกอร์ดอนแล้วเน้อออ อ่านซ้ำรอบที่สามแล้ววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-09-2017 09:43:51
คิดถึงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-09-2017 10:07:29
อย่าหายไปนานสิ มาต่อได้แล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 04-09-2017 16:38:29
เพิ่งกลับมาอ่านหลังจากหยุดไปนาน โอ้ยยมันดีมากจริงๆค่ะ สนุกมากกๆๆ
ทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งภาษาดีมากนึกภาพตามได้เป็นฉากๆ ชอบอังกฤษแบบย้อยยุคมากๆ
ชอบความรักของทุกคู่เลย แต่ทั้งลุ้นทั้งปวดใจตามคู่ของกอร์นดอนกับจอห์นนี่ที่สุด
อุปสรรคมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน หวังจริงๆว่าคู่นี้จะจบได้แฮปปี้
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ และจะรอเปย์ตอนที่เป็นเล่มด้วย
ถึงจะคนละอารมณ์แต่ชอบเรื่องนี้พอๆกับพี่เกรียงเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-09-2017 20:34:12
ลงไหดองเค็มละหรอเรื่องนี้?
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-09-2017 20:52:06
ยังรอจ้า คิดถึงแก๊งค์หนุ่ม ๆ สุดป่วนแห่งลอนดอนแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-09-2017 21:46:33
คิดถึงท่านลอร์ดดดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 11-09-2017 12:59:17
ไม่ได้มาทวง
เราแค่มารายงานตัวว่ายังรออยู่นะคะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-10-2017 16:28:26
ตอนนี่ยิ้มเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 03-10-2017 16:32:56
มารายตัวเหมือนกันค่ะ
รอรอรอรอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 05-11-2017 19:34:02
อ่านย้อนอีดรอบ  ขอให้ทั้งคู่จบแบบ Happy นะคะ  หนูขอร้อง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-11-2017 23:30:05
 :ped144:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 27-11-2017 23:36:53
 :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-12-2017 21:29:58
ตอนนี้ลอนดอนคงจะหนาวมาก
กรุงเทพก็อากาศเย็นแล้ว

คิดถึงหนุ่ม ๆ จัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 14-12-2017 17:14:43
รออยู่นะคะ  ไม่ทิ้งกันไปไหน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-02-2018 08:27:19
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-02-2018 09:20:52
 :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 28-02-2018 20:56:29
รอนะคะ  :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-08-2018 17:41:44
ไรท์ หายไปไหน  ไม่สบายหรือเปล่า   :mew2: :mew2: :mew2:

หายดีแล้วมาต่อนะ  คิดถึงนิยายดีๆ เรื่องนี้มากกกกกกกกกกกก   :z3: :z3: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 02-09-2018 02:31:04
ยังรอนะคับ  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 10-09-2018 15:58:41
ยังรออยู่จร้า :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-09-2018 17:22:27
อยากอ่านต่อจัง หายไปปีนึงละเน้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 11-09-2018 00:12:54
คิดถึงจอร์เจียน่าแล้ว (ฮา)

คิดภาพอนาคตของคู่นี้ไม่ออกเลย ในนยุคนั้นก็ยังไม่แก้กฎหมาย ไหนจะเรื่องศาสนาอีก ยิ่งถ้าที่บ้านไม่ยอมรับ ถึงลอร์ดอ๊อกฟอร์ดอาจจะมีอิทธิพลพอช่วยได้ อย่างน้อยก็หลานของหญิงในหัวใจมาตลอด แถมหน้าได้ย่ามาเต็มๆซะด้วย แต่ยังไงก็ไม่พ้นหนีตามกันอยู่ดี จะลงเอยยังไงหนอ :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-12-2018 15:04:53
Dear, My customer.

ตอนที่34 คนรักลับๆ

ปรากฏว่าข่าวเรื่องสาวปริศนาที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ควงคู่ไปที่พาเรลตันถูกร่ำลือออกไปอย่างรวดเร็ว เขาถูกเลดี้บาธตั้งคำถามระหว่างเดินเล่นในสวนช่วงเย็น

“จอห์น เมื่อวานนี้ลูกไปที่พาเรลตันหรือจ๊ะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะพยักหน้า “ใครมาเล่าให้ฟังหรือครับ?”

“แอนเจลิก้า ลูกสาวขอเซอร์วิลเลียม ฟอร์ดจ้ะ”

“อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “จำได้ล่ะครับ ผมพบเธอที่พาเรลตันเมื่อวานนี้”

“เธอว่าลูกควงสาวสวยไปด้วย”

“....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “เธอเล่าให้แม่ฟังว่าไงหรือครับ?”

เลดี้บาธมองหน้าลูกชาย แล้วยิ้ม “แสดงว่าลูกจะไม่เล่าเรื่องก่อนสินะ”

“ผมอยากฟังว่าแม่ได้ยินอะไรมาครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้บาธพูดต่ออย่างรู้ทัน

“ลูกจะได้แก้ตัวถูกใช่ไหมล่ะจ๊ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะอีก ขณะที่แม่ของเขาพูดต่อ “เธอว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ท่าทางเธอดูผิดหวังทีเดียวที่ลูกประกาศว่าผู้หญิงคนนั้นกับลูกเป็นคนรักกัน”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนหัวเราะอย่างเก้อเขิน

“คือจริงๆ แล้วผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเข้าใจผิดแบบนั้น”

“งั้น... เรื่องมันเป็นอย่างไรล่ะจ๊ะ”

“คือ... เรื่องมันยาวอยู่ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาพยายามคิดหาคำอธิบายที่ฟังดูเข้าท่าพอสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ผมว่าเราไปคุยกันที่ศาลาดีกว่าครับ”

“ก็ได้จ้ะ”

สองแม่ลูกเดินคล้องแขนกันไปตามทางเดินที่ปูด้วยหิน ผ่านสวนที่ถูกตัดแต่งเป็นอย่างดี เลดี้บาธสั่งสาวใช้ประจำตัวให้ไปยกน้ำชามา ระหว่างที่เธอกับลูกชายนั่งลงในศาลา

“ว่าไงจ๊ะ พร้อมจะเล่าเรื่องสาวสวยที่ได้หัวใจของลูกไปคนนั้นแล้วหรือยัง?” เลดี้บาธพูดยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เกาศีรษะ เขาพยายามคิดหาคำพูดที่ฟังดูเข้าท่าเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“จริงๆ แล้วมันก็เรื่องไม่เป็นเรื่องนั่นล่ะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เมื่อวานนี้จอร์จเกิดอยากเล่นแผลงๆ ขึ้นมา...”

“โอ้ เรื่องนี้เกี่ยวกับจอร์จจี้หรือจ๊ะ?” เลดี้บาธมีสีหน้าแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

“ครับ แต่เรื่องนี้เป็นความลับมากนะครับ แม่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่บอกใคร ไม่อย่างนั้นจอร์จต้องฆ่าผมตายแน่ๆ”

เลดี้บาธหัวเราะออกมา “จ้ะ แม่สัญญา ไหนเล่ามาซิ ว่าจอร์จจี้กับลูกเล่นอะไรกัน”

“จอร์จวางแผนแกล้งผม ด้วยการปลอมตัวเป็นผู้หญิงครับ”

“โอ๊ย ตายแล้ว” เลดี้บาธยกมือขึ้นทาบอก “จอร์จจี้ทำไมนึกพิเรณทร์ขนาดนั้นได้ล่ะเนี่ย”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ใช่ไหมล่ะครับ ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะเล่นพิเรณทร์ขนาดนั้น”

“แม่ว่าจอร์จจี้คงไม่ได้ปลอมตัวเป็นหญิงชราแบบมิสเตอร์โฮล์มหรอก ใช่ไหมจ๊ะ? ไม่อย่างนั้นแอนเจลิก้าคงไม่ทำหน้าผิดหวังแบบนั้น”

“อ้อครับ เขาปลอมตัวเป็นเลดี้สาว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจนนี่ที่ทำให้เขาดูสวยขึ้นมาได้ครับ”

“โอ้ แม่ได้ยินว่าเจนนี่แวะมาธุระที่ลอนดอน นี่ลูกได้พบเธอแล้วหรือจ๊ะ?”

“ครับ เมื่อวานเธอไปกับพวกเราด้วย”

“โอ... งั้นก็แสดงว่า ผู้หญิงที่ลูกควงไปด้วยเมื่อวาน ก็คือ...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แม่ห้ามบอกจอร์จเรื่องนี้นะครับ ห้ามบอกเลดี้แอนโดเวอร์ด้วย”

เลดี้บาธสั่นศีรษะ “แม่ว่าเนตตี้คงไม่อยากรู้เรื่องนี้หรอกจ้ะ ว่าแต่ทำไมต้องไปถึงพาเรลตันกันด้วย แม่ว่ามันเสี่ยงมากเลยนะจ๊ะ ถ้าจอร์จถูกจับได้ ต้องขายหน้ามากแน่ๆ”

“เป็นความคิดของเจนนี่ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เธอคิดว่าจอร์จต้องทำบางอย่างให้คุ้มกับการที่เธอเสียเวลาแปลงโฉมให้เขา”

“อ้อ...” เลดี้บาธพยักหน้า “ว่าแต่เรื่องที่ลูกประกาศตัวว่าเป็นคนรักกับจอร์จจี้... เป็นแผนของเธอด้วยหรือจ๊ะ? แม่ว่ามันออกจะแรงไปหน่อยนะ”

“โอ้ ไม่หรอกครับ เป็นผมพูดเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “เพราะจอร์จสวยมากครับ ผมไม่อยากให้ความแตกเวลามีผู้ชายมาเกาะแกะ เลยแกล้งประกาศไปว่าเราเป็นคู่รักกัน”

“โถ...” เลดี้บาธคราง “พวกลูกนี่พิเรณทร์กันจริงๆ เลยเชียว”

“แม่โกรธรึเปล่าครับ?”

เลดี้บาธถอนหายใจ “แม่ไม่รู้จะโกรธตรงไหนจ้ะ แต่แม่อยากให้ลูกบอกเรื่องนี้กับแคทเธอรีน แม่ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดไปด้วย”

“ครับ”

“แล้ววันหลัง ถ้าจะเล่นพิเรณทร์แบบนี้อีก ลูกไม่ควรจะแสดงฐานะที่แท้จริงนะจ๊ะ”

“ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แม่จะเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟังรึเปล่าครับ?”

เลดี้บาธนิ่งไปอึดใจ “ถ้าเขาถาม แม่จะอธิบายแทนลูกก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “ผมคิดว่าจะปลูกต้นเชอรี่ตรงใกล้ๆ ศาลาน้ำชา พอถึงฤดูใบไม้ผลิ มันต้องออกดอกสวยมากแน่ๆ แม่คิดว่าอย่างไรครับ?”

“โอ้... นั่นสินะ มันต้องสวยมากแน่ๆ” เลดี้บาธพยักหน้าเห็นด้วย “ทำไมแม่ถึงไม่เคยคิดมาก่อน ต้นเชอรี่ที่คฤหาสน์ท่านดยุกน่ะสวยมากจริงๆ เดี๋ยวแม่บอกสโตนสันให้ไปหาพันธุ์มาปลูกบ้างดีกว่า”

-----------------------------------

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันต้องประหลาดใจ เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ห้อรถม้ามาที่คฤหาสน์ของเขาหลังเวลามื้อเย็นไม่นาน เขารีบไปพบเพื่อนรักในห้องรับแขกส่วนตัวทันที

“เกิดอะไรขึ้นจอห์นนี่ ไม่ใช่ว่านายทะเลาะกับพ่อตอนมื้อเย็นแล้วหนีออกมาหรอกนะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือเป็นเชิงปฏิเสธ “นั่งก่อนสิจอร์จ ฉันไม่ได้ทะเลาะกับพ่อหรอก”

“แล้วลมอะไรหอบนายมาถึงนี่ล่ะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งลงแล้วพูดต่อ “นายคงไม่โผล่มาโดยไม่มีเรื่องอะไรหรอก จริงไหม? ท่าทางนายรีบร้อนน่าดูนี่ มีอะไรเกิดขึ้นหรือไง?”

“คืออย่างนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มเล่าเรื่องที่เขาพูดคุยกับเลดี้บาธ เมื่อฟังจบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็ถอนหายใจ

“ข่าวของผู้หญิงนี่ไวจริงๆ ฉันน่าจะเตือนนายก่อนว่าเรื่องนี้จะต้องไม่จบง่ายๆ”

“ฉันไม่คิดว่าแม่จะถาม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องเหลวไหลมาก”

“นั่นมันมุมมองของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “สำหรับผู้หญิงที่หมายปองนายมันเป็นเรื่องสำคัญมาก โอ้ ให้ตาย ถ้าเจนนี่รู้เธอจะต้องรู้สึกสนุกมากแน่ๆ แต่ฉันว่าสำหรับนายมันต้องไม่สนุกแน่นอน”

“จริงๆ มันก็ไม่ได้แย่นักหรอก ถ้าแม่ไม่ถามเรื่องนี้กับฉันน่ะ”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนิ่งไปอึดใจหนึ่ง “จอห์นนี่ เราต้องไปบอกเรื่องนี้กับเจนนี่ด้วย”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ทำไมล่ะ? ตะกี้นายเพิ่งพูดเองไม่ใช่หรือ ว่าถ้าเจนนี่รู้เรื่อง เธอจะต้องรู้สึกสนุกมากแน่ๆ”

“ก็ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยอมรับ “แต่ฉันเพิ่งนึกได้อีกว่า แม่นายอาจจะมาหาเจนนี่ พวกเธอต้องคุยเรื่องนี้กันแน่ และถ้าเราไม่บอกเจนนี่ก่อน แม่นายก็จะรู้ทันทีว่านายโกหก”

“โอ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง อีกฝ่ายพูดต่อ

“ฉันรู้ว่านายไม่อยากให้แม่ของนายรู้ว่าเรื่องนี้มีกอร์ดอนมาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันจะยิ่งทำให้เธอสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายมากกว่าเดิม”

“อืม ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่เราจะบอกเจนนี่ว่าไงดี?”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนิ่งไปอีกอึดใจก็โพล่งออกมา “เราก็บอกเธอว่า กอร์ดอนเป็นช่างตัดเสื้อให้กับบรรดาสุภาพบุรุษผู้ทรงเกียรติ ถ้าหากลูกค้าของเขารู้เรื่องที่เขาเล่นพิเรณทร์กับฉัน มันอาจจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเขาได้ ฉันว่าเจนนี่จะต้องยอมโกหกตามน้ำกับเราแน่ๆ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “จริงของนาย งั้นเรารีบบอกเรื่องนี้กับเจนนี่กันเถอะ”

--------------------------------------

เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเพิ่งส่งลูกๆ ของเธอเข้านอน ตอนที่คนรับใช้ขึ้นไปแจ้งว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิญเธอไปพบที่ห้องนั่งเล่นของเขา เธอเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย

“สายัณห์สวัสดิ์จอห์นนี่ เป็นไงบ้าง?”

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ขณะมองเลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตนั่งลงบนโซฟา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองพี่สาวของเขา

“เจนนี่ กอร์ดอนกำลังลำบากเพราะเรื่องเล่นสนุกของเธอนะ”

เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตเลิกคิ้วขึ้นสูง “กอร์ดอน? เธอหมายถึงพ่อหนุ่มหน้าสวยเมื่อวานที่ไปด้วยกันกับพวกเราน่ะหรือ? ฉันคิดว่าจอห์นนี่เสียอีก ที่กำลังเดือดร้อน”

“ผมน่ะไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่กอร์ดอนอาจจะเดือดร้อนแน่”

“ทำไมล่ะ? มีคนรู้แล้วหรือว่าเขาปลอมตัวเป็นผู้หญิง?”

“ยังไม่มีใครรู้หรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบให้ “แต่ต้องมีคนมาถามพี่แน่ๆ”

“แหม... เธอเห็นพี่เป็นคนยังไงกันแน่จอร์จจี้ พี่ไม่ทำให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเสื่อมเสีย ด้วยการเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังหรอกน่า”

“จริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นคนแบบนั้นหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมาบ้าง “แต่แม่ฉันถามฉันตอนเย็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันไม่อยากให้แม่รู้ว่ากอร์ดอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย... เขาเป็นช่างตัดเสื้อให้กับพ่อฉัน เป็นช่างตัดเสื้อให้กับท่านดยุกอ็อกฟอร์ดด้วย ฉันไม่อยากให้เขาดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่ มันเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานของเขา”

“โอ้... ฉันเข้าใจล่ะ” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตพยักหน้า “เธอกลัวว่าแม่ของเธอจะมาคุยกับฉันเรื่องนี้ แล้วฉันจะเล่าไม่ตรงกับที่เธอเล่าสินะ”

ทั้งสองหนุ่มพยักหน้า เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตมองพวกเขาครู่หนึ่ง แล้วคลี่ยิ้ม “งั้นเธอต้องเล่ามา ว่าเธอเล่าให้แม่ของเธอฟังว่าอย่างไร ฉันจะได้สวมบทได้ถูก”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเล่าเรื่องที่เขาเล่าให้เลดี้บาธฟังอีกหน เมื่อฟังจบ เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตก็พยักหน้า “มันฟังดูเข้าท่าทีเดียว ที่เธอเปลี่ยนตัวละครเป็นจอร์จจี้ ฉันแน่ใจว่าฉันกับแม่ของเธอต้องคุยเรื่องนี้กันอย่างสนุกสนานตอนดื่มชาแน่ๆ” เธอพูดด้วยความร่าเริง “แทบจะรอเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไม่ไหวแล้ว”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหรี่ตามองพี่สาวของเขา “พี่คงไม่ได้นึกสนุกกับเรื่องนี้จริงๆ ใช่ไหม? ผมหมายถึง พี่คงไม่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังอีก นอกจากแม่ของจอห์นนี่”

“โอ... ถ้าไม่มีใครถามพี่ก็ไม่เล่าหรอก” เลดี้เจนนิเฟอร์ เฟลตัน – แอ็บบ็อตว่า “แม้พี่จะรู้สึกว่าเรื่องที่จอห์นนี่เล่ามันเป็นเรื่องที่สนุกมากก็ตาม”

“เจนนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเรียกพี่สาว “ผมขอร้องพี่ เห็นแก่พระเจ้า นอกจากเลดี้บาธจะถามพี่แล้ว พี่ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด แม้แต่เพื่อนๆ ของพี่ก็ตาม”

“แหม... อย่าทำหน้าดุแบบนั้นสิจอร์จจี้ พี่ไม่ใจร้ายกับน้องชายที่รักหรอกน่า”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ ทั้งสามคนคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะขอตัวกลับคฤหาสน์

------------------------------------------

“จอห์นคะ ฉันได้ยินเรื่องที่พาเรลตันแล้วค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดด้วยความตื่นเต้น “ได้ยินว่าเธอสวยมาก ฉันอยากพบเธอมากเลยค่ะ เธอคือผู้หญิงที่คุณพูดถึงวันก่อนใช่ไหมคะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เขาเพิ่งค้นพบว่าข่าวลือในหมู่ผู้หญิงไวเสียยิ่งกว่าปรอทเสียอีก

“คือ...” ลอร์ดหนุ่มอ้ำอึ้ง เขาสามารถแก้ตัวกับเลดี้บาธได้ว่ามันเป็นการเล่นสนุกของจอร์จก็จริง แต่สำหรับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน หากเขาบอกไปแบบนั้น ก็เท่ากับเอาเพื่อนรักของตัวเองไปแฉ ตอนแรกเขาคิดจะแก้ตัวว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ แต่ดูเหมือนว่าเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกลับให้ความสนใจกับเรื่องนี้เอามากๆ

“เรื่องนี้มัน... ค่อนข้างลำบากสำหรับผม” ลอร์ดหนุ่มพยายามคิดหาคำพูดดีๆ แต่ก็คิดไม่ออกเอาเสียเลย ใจหนึ่งเขาอยากยอมรับกับเลดี้แคทเธอรีนไปเลยว่านั่นคือคนรักของเขา แต่ถ้าหากเธอถามต่อล่ะ? เขาคงตอบไปไม่ได้แน่ว่าคนรักของเขาคนนั้นคือช่างตัดเสื้อ

เลดี้แคทเธอรีนมองเขาด้วยความแปลกใจ “ทำไมล่ะคะ? คุณอุตส่าห์พาเธอไปที่พาเรลตันเชียวนะคะ ฉันคิดว่าคุณพร้อมที่จะประกาศเรื่องนี้แล้วเสียอีก”

เธอมีสีหน้าผิดหวังเล็กๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พลันรู้สึกว่าตัวเขาช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย เขาเพิ่งพาคนรักไปอวดโฉมที่พาเรลตัน แต่พอมีคนถามเขากลับทำได้แค่อ้ำๆ อึ้งๆ แต่... จะให้เขาตอบไปว่าอย่างไรเล่า...

“แคท ผมรู้ว่าคุณกำลังรู้สึกผิดหวังมากกับพฤติกรรมของผม ผมทำให้คุณรู้สึกว่าผมช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย แต่เรื่องนี้มันซับซ้อนมาก ผมบอกคุณได้เพียงว่าคนที่ผมพาไปที่พาเรลตันเมื่อวันอาทิตย์เป็นคนรักของผมจริงๆ แต่ผมไม่สามารถเปิดเผยที่มาที่ไปของผู้หญิงคนนั้นได้”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วยิ้ม “ฉันไม่ได้อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณหรอกนะคะ แต่คุณให้ความกรุณาต่อดิฉันและเบนมาก ดิฉันจึงอยากจะช่วยเหลือคุณเป็นการตอบแทน ถ้าการซักถามของฉันทำให้คุณลำบากใจ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ”

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด “คุณเป็นคนเดียวที่ผมบอกเรื่องนี้...” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “บอกเรื่องที่ว่าคนคนนั้นเป็นคนรักของผมจริงๆ”

“อ้าว แล้วคุณไม่ได้พูดแบบนี้กับคนอื่นหรือคะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก “สำหรับคนอื่น... หมายถึงพ่อแม่ผม ผมทำให้พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงการเล่นสนุกของผมและเพื่อนครับ”

“ตายจริง” หญิงสาวอุทาน ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นคุณพาเธอไปที่พาเรลตันทำไมกันคะ? ถ้าคุณไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะชน คุณก็ไม่ควรจะพาเธอไปด้วย สำหรับผู้หญิงนี่เป็นเรื่องแย่มากเลยนะคะ คุณรักเธอจริงๆ รึเปล่า?”

“รักสิครับ ผมรักเขาสุดหัวใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกไป เขารู้สึกปวดร้าวหัวใจที่ไม่อาจบอกเรื่องนี้กับใครได้ และยิ่งรู้สึกอับอายเมื่อถูกมองว่ากำลังเล่นสนุกกับหัวใจของคนอื่นอยู่ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ

“พระเจ้าช่วย! จอห์น ตะกี้คุณพูดว่า ‘เขา’ หรือคะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากค้าง เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากไปเสียแล้ว ขณะที่กำลังจะพูดแก้ตัว อีกฝ่ายก็รีบยกมือห้าม

“ขอเวลาฉันสักประเดี๋ยวนะคะ” พูดจบเธอก็ลุกออกจากเก้าอี้ หันหลังเดินออกไปตามระเบียง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองตามเธอไป พลางกำหมัดแน่น

เขาทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตกลงกับตัวเองว่า ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องพยายามโน้มน้าวให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเชื่อว่าฟังผิด แม้จะต้องแลกด้วยเกียรติของสุภาพบุรุษก็ตาม

เหมือนเวลาผ่านไปแรมปี ในที่สุดเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ใบหน้าของเธอซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เธอมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะถอนหายใจ

“จอห์นคะ...”

“แคท” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชิงพูดตัดหน้า “ผมคิดว่าคุณคงฟังผิดไป”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจ้องเขา “ฉันฟังอะไรผิดหรือคะ?”

“ที่ผมพูดไปเมื่อครู่...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามแก้ตัว “ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่า ‘เขา’ ”

อีกฝ่ายพยักหน้า “ฉันทราบล่ะค่ะ”

ลอร์ดหนุ่มมองหน้าเธอ แล้วพยายามยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุด “อย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องตกใจอะไรหรอกครับ ผมแค่พูดผิด”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาด้วยสายตาที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด เธอขยับตัวเข้ามาใกล้ แล้ววางมือลงบนมือของเขาเบาๆ แล้วพยักหน้า

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอนิ่งงัน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนซ่อนดวงตาคู่สวยของเธอเอาไว้ใต้หมวก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นมา

“ไม่เป็นไรค่ะจอห์น ฉันจะไม่บอกใครเรื่องนี้”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ เขาก้มหน้าลงขณะที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงยหน้าขึ้นมา

“แคท... ผม...”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองลอร์ดหนุ่มด้วยสายตาปวดร้าว เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาจึงไม่อยากเอ่ยปากพูดถึงคนรักของเขาเลยสักครั้ง

“ฉันเสียใจค่ะจอห์น ฉันไม่น่าพูดกดดันคุณเรื่องนี้ ฉันไม่รู้เลย...”

“ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมาในที่สุด เขาเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา ดวงตาสีเขียวคู่นั้นทั้งปวดร้าวและสงบอย่างบอกไม่ถูก “ที่จริงแล้วผมก็อึดอัดเรื่องนี้มาก”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ฉันทราบว่านี่เป็นเรื่องใหญ่มาก”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “คุณคงผิดหวังมาก และคงรู้สึกรังเกียจผมด้วย”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ตรงกันข้าม ฉันรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก”

เธอเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดต่ออย่างระมัดระวัง “มีอะไรที่ฉันสามารถช่วยคุณเรื่องนี้ได้รึเปล่าคะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมือมาบีบมือของเธอเบาๆ “ที่คุณทำอยู่ตอนนี้ก็ช่วยผมได้เยอะแล้วล่ะ”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนบีบมือตอบเขา รู้สึกอับจนคำพูดไปชั่วขณะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์กุมมือเธอไว้อย่างนั้นครู่หนึ่ง จึงคลายออก

“ผมขอโทษนะที่ทำให้เราเสียบรรยากาศดีๆ”

“ไม่หรอกค่ะ ไม่ผิดที่คุณเลย ฉันต่างหาก” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบพูด จากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“เราอย่ามาแข่งกันโทษตัวเองเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น “วันนี้อากาศดีมาก ผมว่าเราน่าจะออกไปนั่งรถเล่นกัน”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนทำตาโต “พูดจริงหรือคะ? รถยนต์น่ะหรือคะ?”

“ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องกระโปรงน่ะนะ”

“ฉันไม่เคยนั่งรถยนต์มาก่อนเลยค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉันแน่ใจว่าเรื่องกระโปรงไม่น่าจะใช่ปัญหาค่ะ”

“งั้นเราไปกันเลย ถ้าคุณนั่งได้ ผมจะไปส่งคุณที่คฤหาสน์เอง”

“ว้าว อย่างนั้นฉันคงต้องให้แมคครอตขับรถม้ากลับไปก่อน”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยื่นมือไปจับมือเขาไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็ออกเดินไปด้วยกัน

---------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-12-2018 15:05:27
ท้องฟ้ายามบ่ายปลอดโปร่งเป็นพิเศษ ไม่มีวี่แววของเมฆฝน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการนั่งรถครั้งแรก เธอสั่งให้คนขับรถม้าและหญิงรับใช้ประจำตัวกลับไปก่อน จากนั้นจึงนั่งรถไปกับลอร์ดโทรว์บริดจ์เพียงลำพัง

“ผมแน่ใจว่าพ่อกับแม่ของผมจะต้องดีใจมาก ที่เห็นพวกเรานั่งรถออกมาด้วยกัน” ลอร์ดหนุ่มพูดแข่งกับเสียงรถยนต์ ขณะขับรถผ่านเนินเตี้ยๆ ที่มีหญ้าและดอกไม้ป่าขึ้นเป็นหย่อมๆ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะออกมา

“งั้นพวกเราคงทำให้ท่านทั้งสองผิดหวังอีกตามเคยสินะคะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “คุณกับมิสเตอร์ดอว์สันเป็นอย่างไรกันบ้าง”

“โอ... เขากำลังไปได้สวยกับธุรกิจใหม่ค่ะ” เธอตอบ ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางร่าเริง “เขาเพิ่งซื้อสร้อยเพชรให้ฉันชุดหนึ่ง”

“ที่คุณสวมมาวันนี้ใช่ไหม?” ลอร์ดหนุ่มทัก “ผมว่ามันสวยมากทีเดียว”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มอายๆ “ใช่ค่ะ ฉันแอบสวมมันออกมา เกรงว่าท่านปู่เห็นแล้วอาจจะสงสัยได้ เพราะมันเป็นเครื่องเพชรชุดเล็กมากเมื่อเทียบกับชุดอื่นๆ ที่ฉันมี”

“แต่มันมีค่ามากที่สุดในใจของคุณ ผมเข้าใจนะ”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนผงกศีรษะ “คุณช่างเป็นคนดีเหลือเกินค่ะจอห์น...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยุดรถลงริมถนน เขาหันไปชวนเลดี้แคทเธอรีน

“รังเกียจไหมครับ ถ้าเราจะเดินไปคุยไปต่อจากนี้ ผมว่าที่นี่น่าเดินเล่นมาก”

“โอ ดีเลยค่ะ ฉันกำลังคิดว่าเสียงเครื่องยนต์ดังมากจนพวกเราต้องตะเบ็งคุยกันแล้ว”

ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะกระโดดลงจากรถ แล้วจูงเธอลงไป

สายลมยามบ่ายพัดมาต้องผิว ให้ความรู้สึกอบอุ่นสมกับเป็นฤดูร้อน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยืนตัวสูดอากาศ ขณะเดินเคียงข้างไปกับลอร์ดหนุ่ม

“ผมอยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า

“ฉันรอฟังอยู่ค่ะ”

“มันค่อนข้างพูดลำบาก” ลอร์ดหนุ่มว่า “ผมอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับ”

“ค่ะ”

“.....”

“.....”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกลำบากใจขึ้นมา “บางทีผมอาจจะไม่ควรพูด”

“อาจจะ บางทีค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดต่อจากเขา “ฉันรู้สึกว่าคุณอึดอัด แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะบอกฉันอย่างไรดี เอาแบบนี้ดีไหมคะ ให้ฉันลองพูดก่อน”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอด้วยความพิศวง ขณะที่หญิงสาวพูดขึ้นต่อ “มันเกิดขึ้นนานหรือยังคะ?”

“ผมว่าเกือบครึ่งปีได้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ตั้งแต่ผมกลับมาจากอเมริกา”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ล่ะคะ?”

“โอ... ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ผมไม่ได้มีรสนิยมเรื่องนี้มาก่อนเลย”

หญิงสาวมีท่าทางแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้นตอนคุณอยู่อเมริการึเปล่าคะ? ฉันเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาว่ามันเป็นโรคอย่างหนึ่ง”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมแปลกใจมากที่คุณพูดแบบนี้”

“ทำไมล่ะคะ?”

“ผมคิดว่าคุณจะพูดถึงไบเบิลเสียอีก”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะตอบ “โอ งั้นคุณไม่ต้องรู้สึกผิดหวังหรอกค่ะ อันที่จริงฉันนึกถึงไบเบิลก่อน แต่เรื่องที่อ่านจากหนังสือเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจกว่าสำหรับเรื่องนี้ค่ะ”

“ผมเคยอ่านเรื่องพวกนี้แค่เล็กน้อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พอคุณพูดขึ้นมา เลยทำให้ผมนึกได้”

“คุณคิดว่าตัวเองป่วยหรือเปล่าคะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจใหญ่ จากนั้นจึงสั่นศีรษะ “ไม่นะ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย กระทั่งตอนนี้ก็ตาม”

“ถ้าอย่างนั้น...” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดช้าๆ “คุณคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญอย่างนั้นรึเปล่าคะ?”

“ไม่ ผมไม่คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” เขาตอบเธอ “ผมคิดว่ามันเป็นการทดสอบของพระผู้เป็นเจ้า”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด เธอพูดขึ้นต่อ “หมายถึงทดสอบศรัทธาที่คุณมีต่อพระองค์อย่างนั้นหรือคะ? ฉันคิดว่าคุณกำลังสับสนกับคำสอนเสียอีก”

“อันที่จริงแล้วตอนแรกเป็นแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมรับ เขาหันมาหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “แต่ตอนนี้ผมคิดว่าพระองค์ต้องการทดสอบความรักของพวกเรา”

“....”

“พระเจ้าไม่ได้ปฏิเสธความรัก” ลอร์ดหนุ่มพูดขึ้นต่อ “ท่านเพียงต้องการให้เราสามารถอดทนต่อความปรารถนาดำมืดที่กล้ำกรายเข้ามาเท่านั้น ผมคิดว่าพระองค์ต้องการทดสอบผมในเรื่องนี้”

“.....”

“ผมไม่สงสัยในพระประสงค์ของพระองค์เลย แคท หากท่านไม่ต้องการให้ผมรักเขา ท่านคงไม่ส่งเขามาให้พบผมในวันแรก ผมแน่ใจว่านี่คือการทดสอบ เพียงแต่ว่าเป็นบททดสอบที่ไม่ง่ายเลย”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาอยู่อึดใจใหญ่ ระหว่างที่ทั้งสองเดินทอดน่องกันไปตามพื้นหญ้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงเด็ดดอกหญ้าขึ้นมาดอกหนึ่ง

“ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาอยู่ ณ จุดนี้เลย” เขามองดอกหญ้าในมือ “ผมเกิดมาอย่างเพียบพร้อม มีทุกอย่างที่ทุกคนต้องการ แต่ผมกลับมีความรักที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ถ้าผมสามารถแลกทุกอย่างที่ผมมี ผมอยากจะขอแลกมันกับอิสรภาพทางความรัก เช่นเดียวกับหญ้าดอกนี้ เมื่อลมพัด ละอองเกสรของมันก็จะปลิวออกไปแสนไกล จากนั้นก็งอกงามขึ้นมาบนผืนดิน โดยไม่ต้องรอให้ใครมารดน้ำพรวนดิน เกิดและเติบโตอย่างอิสระ”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “ฉันเข้าใจภาระที่คุณต้องแบกรับค่ะ พวกเราสืบทอดสายเลือดของตระกูลขุนนางชั้นสูง ทันทีที่เกิดมา ผู้คนมากมายก็ตั้งความหวังกับพวกเราเอาไว้แล้ว เราถูกเลี้ยงและโตขึ้นมาโดยแบกรับเรื่องเหล่านั้นเอาไว้ ฉันเองก็ปรารถนาที่จะเป็นอิสระเช่นกัน”

“แต่มันเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “นี่เป็นเหตุผลที่ผมพยายามส่งเสริมคุณกับมิสเตอร์ดอว์สัน ความรักของคุณยังมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าผม”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ ระคนปวดร้าวใจ “ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากเหลือเกินค่ะจอห์น ยิ่งเมื่อได้ทราบถึงเหตุผลแล้ว ฉันละอายเหลือเกินที่ปล่อยให้คุณรับภาระนี้เอาไว้คนเดียว”

“คุณไม่ได้ทำให้ผมแบกรับภาระอะไรเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมแค่อยากให้คุณได้รับสิ่งที่ผมไม่มีวันได้รับ คุณเป็นผู้หญิงที่ดี แคทเธอรีน ผมไม่อยากเห็นคุณตรอมใจอยู่ในกรงทอง ผมอยากให้คุณได้มีอิสระในชีวิตเช่นเดียวกับดอกหญ้า ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราสองคนปรารถนาที่สุด”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาอยู่อึดใจใหญ่ “แล้วคุณล่ะคะ? คุณมีแผนสำหรับเรื่องของคุณหรือยังคะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก “ผมคงไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ ที่จริงแล้วผมเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ แต่ที่ผมรู้แน่ ผมจะไม่ทรยศต่อหัวใจของตัวเอง ไม่ทรยศต่อความรักของเขา และไม่ทรยศต่อพระเจ้า นี่คือสิ่งที่คุณแน่ใจได้”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาอย่างประทับใจ “รู้ไหมคะ ฉันรู้สึกว่าคุณเหมือนกับแสงตะวันยามบ่าย ทั้งอบอุ่นและทรงพลัง หากมีเรื่องใดที่ฉันสามารถช่วยคุณได้ กรุณาบอกฉันนะคะ ฉันอยากช่วยคุณเหลือเกินค่ะ คุณดีกับฉันมากจริงๆ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “ขอบคุณนะ แคท คุณเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีมาก ผมดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ”

“ฉันก็เช่นกันค่ะ”

-----------------------------

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขับรถไปส่งเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่คฤหาสน์ของดยุกอ็อกฟอร์ด ซึ่งตั้งอยู่ที่สแตนเวล ตอนหนึ่งทุ่มพอดี

“ผมชอบซุ้มประตูที่นี่มาก” ลอร์ดหนุ่มพูดขึ้นขณะขับรถผ่านซุ้มประตูที่ทำจากหินอ่อน คฤหาสน์หลังนี้ท่านดยุกมักเปิดใช้เมื่อต้องการทำธุระในลอนดอน แน่นอนว่ามันสะดวกสำหรับการเดินทาง สำหรับคนที่ต้องการมาเยี่ยมเยียน หรือทำธุระให้ท่านดยุก

“มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอดผ่านสถานที่ที่ยิ่งใหญ่มาก”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะ “ตอนมาครั้งแรก จำได้ว่าฉันกลัวมากค่ะ ฉันรู้สึกว่ามันช่างใหญ่โตเหลือเกิน แต่พอเห็นต้นเชอร์รี่พวกนั้น ฉันก็คิดว่าฉันคงมาถึงสวรรค์แล้วแน่ๆ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมจำแนวต้นเชอร์รี่นั่นได้” เขาพูด พลางนึกไปถึงต้นเชอร์รี่ที่บ้านหลังเล็กของกอร์ดอน “ตอนมันออกดอกคงสวยมาก”

“ใช่ค่ะ มันสวยมากจริงๆ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้าเห็นด้วย “เห็นว่าท่านตาได้พันธุ์มาจากจีนค่ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจพูดอย่างนึกขึ้นได้ “จริงสิแคท คุณย้ายมาอยู่กับท่านตาของคุณนานหรือยัง?”

“ประมาณสองปีได้แล้วค่ะ ตั้งแต่ท่านยายเสียไป”

“มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้ผมจึงไม่เคยพบคุณเลย”

“เมื่อก่อนฉันอยู่ที่เบอร์มิ่งแฮมกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”

“อ้อ... ผมถามได้มั้ยว่าทำไมคุณถึงย้ายมาอยู่กับท่านดยุก”

“คุณแม่ท่านคิดว่าถ้าส่งฉันมาอยู่กับท่านตา ฉันจะมีโอกาสได้พบผู้ชายดีๆ มากกว่าอยู่ที่เบอร์มิ่งแฮมค่ะ อีกอย่างท่านตาเองก็อายุมากแล้ว การที่ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนท่านก็ดีกว่าการที่ปล่อยให้ท่านอยู่กับพวกคนรับใช้ค่ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “เป็นผมคงมีความสุขมาก ถ้ามีหลานสาวน่ารักอย่างคุณมาช่วยดูแล”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะเขินๆ “ฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกค่ะ ท่านตาเป็นคนคุยเก่งและร่าเริงอยู่แล้ว คุณน่าจะไปพบท่านหน่อยนะคะ วันนี้ท่านอยู่บ้านค่ะ”

“ผมตั้งใจอยู่แล้วครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ครั้งล่าสุดที่ผมมาหาท่านตาของคุณ ผมได้แต่นั่งตัวตรงแด่วอยู่บนเก้าอี้ ฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันจนเกือบหลับแน่ะ”

“ฉันไม่คิดว่าตอนนี้ท่านตาจะมีแขกนะคะ เพราะไม่เห็นรถม้าคันอื่นจอดอยู่เลย”

“งั้นวันนี้ผมก็โชคดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหัวเราะ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาอย่างรู้ทัน

“เพราะไม่ต้องนั่งฟังคนแก่คุยกันงั้นสินะคะ”

ลอร์ดหนุ่มยักไหล่แทนคำตอบ

สาวใช้รีบเข้ามาช่วยประคองเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน ในตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูงเธอลงจากรถ แล้วเชื้อเชิญให้ลอร์ดหนุ่มเข้าไปภายในคฤหาสน์

“ดิฉันเรียนนายท่านแล้วว่าคุณหนูจะมากับคุณ ท่านจึงให้คนจัดโต๊ะอาหารเตรียมไว้แล้วค่ะ”

“แปลว่าผมถูกรับเชิญให้ทานมื้อเย็นกับท่านดยุกสินะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงพูดต่อ

“คุณสะดวกรึเปล่าคะ?”

“แน่นอนครับ”

คฤหาสน์แห่งนี้มีชื่อว่าเพิร์ลมอน สร้างด้วยอิฐสีขาวทั้งหลัง ตลอดทางเดินที่ทอดตัวยาวไปจนถึงลานด้านหน้าคฤหาสน์ เรียงรายไปด้วยแนวของต้นเชอร์รี่ บริเวณสวนตกแต่งด้วยหินและพุ่มไม้ที่ตัดเป็นรูปทรงต่างๆ ตรงที่ลานด้านหน้าคฤหาสน์ มีสระน้ำขนาดใหญ่ ที่กลางสระมีรูปปั้นม้าเพกาซัสสีขาวสยายปีก ขาหน้ายกสูงราวกับกำลังจะเหาะขึ้นไปในอากาศ

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองอย่างประทับใจ ไม่ว่ามากี่ครั้ง ม้าเพกาซัสตัวนี้ยังคงเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคฤหาสน์เพิร์ลมอนเสมอ

โถงหน้าของคฤหาสน์แขวนโคมระย้าที่ทำจากคริสตัลขนาดใหญ่ ผนังโดยรอบตกแต่งด้วยรูปวาดของท่านดยุกอ็อกฟอร์ดและภริยา ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จำได้ว่าท่านดัชเชสนอกจากจะเป็นสตรีที่งามสง่าสมกับฐานะแล้ว ยังใจดีมากอีกด้วย ในวัยเด็ก เขามักรู้สึกผ่อนคลายเวลาที่มีท่านดัชเชสอยู่ด้วย เนื่องจากท่านดยุกเป็นคนเคร่งขรึมชวนให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ซึ่งดูจะเป็นความเห็นที่ตรงกันข้ามกับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างสิ้นเชิง

ดยุกอ็อกฟอร์ดนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารตัวยาวเรียบร้อยแล้ว ตอนที่ทั้งสองเดินไปถึง ท่านเป็นคนรูปร่างผอมสูง อายุราวเจ็ดสิบเศษๆ ใบหน้าเคร่งขรึมและเย็นชาราวกับรูปปั้น ท่านแต่งตัวด้วยชุดสูทเรียบหรูสีดำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกเกร็งเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาทานอาหารเย็นร่วมกับท่านดยุกเพียงลำพัง หนำซ้ำยังไม่มีท่านดัชเชสร่วมโต๊ะอีกด้วย

“สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านดยุก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักทายตามมารยาท เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่เดินคล้องแขนกับเขาเข้ามายิ้มแล้วพูดต่อ

“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะท่านตา”

“สายัณห์สวัสดิ์ นั่งสิ” ดยุกอ็อกฟอร์ดผายมือให้ทั้งคู่นั่งลงตรงที่นั่งด้านขวามือของท่าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงยกเก้าอี้ให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน จากนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ถัดไป

“ได้ยินว่าไปนั่งรถเล่นกันหรือ?” ท่านดยุกเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตอบด้วยท่าทางร่าเริง

“ค่ะ จอห์นเป็นคนขับ ครั้งแรกเลยที่หนูได้นั่งรถยนต์ มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาก พวกเราขับไปจนเกือบถึงเวมบลีแน่ะค่ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดเสริมต่อ “วันนี้อากาศดีมากเลยครับ ต้นไม้ในแถบนั้นก็สวย เสียแต่ถนนยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ดยุกอ็อกฟอร์ดผงกศีรษะ “ถนนตามชนบทไม่ค่อยดีอยู่แล้ว น่าแปลกใจที่พวกเธอขับรถไปได้ไกลถึงขนาดนั้น”

“จอห์นขับรถเก่งมากค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นต่อ “หนูอยากลองหัดขับบ้าง”

ดยุกอ็อกฟอร์ดมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู “ให้จอห์นสอนให้สิ ตาว่าเขาคงไม่รังเกียจหรอก”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะขวยๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “วันนี้จอห์นเล่าให้หนูฟังว่าเลดี้บาธอยากจะปลูกต้นเชอร์รี่ค่ะ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดเลิกคิ้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “ผมเสนอเองแหละครับ เห็นว่าต้นเชอร์รี่ที่นี่สวยดี เลยคิดว่าถ้ามีไว้ที่บ้านสักต้นน่าจะดี”

ดยุกอ็อกฟอร์ดผงกศีรษะ มองไปยังโต๊ะเบื้องหน้าราวกับกำลังหวนนึกถึงเรื่องบางอย่าง

“ถ้าเป็นไปได้ ปลูกไว้ใกล้ๆ หน้าต่างสิ เวลาที่มันออกดอก พอเปิดหน้าต่างแล้วกลิ่นจะโชยฟุ้งไปทั่วทั้งห้องเลยล่ะ”

“น่าสนใจครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ผมคงต้องไปดูก่อนว่าจะปลูกไว้ใกล้หน้าต่างตรงไหนได้บ้าง”

“ว้าว ฟังดูโรแมนติกจังเลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดต่อ “หนูนึกถึงบ้านหลังเล็กๆ ที่มีต้นเชอร์รี่ปลูกไว้ข้างบ้าน ตอนที่มันออกดอก ต้องสวยมากแน่ๆ”

“ใช่ สวยมาก” ดยุกอ็อกฟอร์ดพยักหน้า “เสียดายที่ที่นี่ปลูกแบบนั้นไม่ได้ มันไม่เข้ากับแปลนสวนที่วางไว้”

“นั่นสินะครับ สวนของคฤหาสน์บางทีก็จุกจิกวุ่นวายกว่าสวนหลังบ้านเล็กๆ”

“อืม”

“ว่าแต่ท่านดยุกไปได้พันธุ์มาจากไหนหรือครับ?”

“มีเพื่อนให้มาน่ะ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตอบเขา “ถ้ามาเรียอยากได้พันธุ์ก็ให้ไปบอกลูคัสที่คิวการ์เด้นสิ บอกว่าฉันแนะนำมา”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพยักหน้า “ขอบคุณครับ”

“อย่าลืมให้คนสวนที่บ้านเธอถามวิธีดูแลมันมาด้วยล่ะ พวกมันเป็นต้นเชอร์รี่ที่มาจากญี่ปุ่น เรียกว่าซากุระ จะออกดอกช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ”

“ครับ”

“เพื่อนของท่านตามาจากญี่ปุ่นหรือคะ?” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถาม ดยุกอ็อกฟอร์ดพยักหน้า

“ใช่ เขาไปอยู่ญี่ปุ่นหลายปี กลับมาเลยเอาต้นซากุระกลับมาด้วย”

“หนูเคยอ่านเจอว่าที่นั่นมีเทศกาลชมซากุระด้วยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดอย่างตื่นเต้น “ที่แท้ที่บ้านเราก็มีต้นซากุระเหมือนกัน”

ดยุกอ็อกฟอร์ดยิ้มให้หลานสาวอีกครั้ง เวลาที่เขามองเธอ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พบว่าเขาดูเป็นชายชราใจดีคนหนึ่ง แต่เวลาที่เขามองคนอื่น เขาก็กลับเป็นรูปปั้นที่เคร่งขรึมในโบสถ์อีกครั้ง

“ปีหน้าก็ชวนจอห์นมาดูด้วยกันสิ เธอสะดวกใช่ไหม?” เขาหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ เจ้าตัวจึงต้องตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้

“คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ”

“ได้ยินว่าเธอจะลงแข่งรักบี้การกุศลต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายด้วย ตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว” ท่านดยุกชวนคุยต่อ

“สัปดาห์หน้าจะเริ่มคัดตัวแล้วครับ” ลอร์ดหนุ่มตอบเขา “ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับเกียรติในครั้งนี้”

“เธอเป็นคนหนุ่มที่มีความกระตือรือร้นสูง ทำให้ฉันนึกถึงแมทธิว โธมัสเองก็ด้วย”

“ขอบคุณครับ”

“การชกมวยที่ควีสเบอร์รี่ฮอลเธอก็ทำได้ดี”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ท่านไปชมด้วยหรือครับ?”

“อืม”

“โอ ผมเสียใจเหลือเกินที่ไม่ได้มาเชิญท่านด้วยตัวเอง ผมคิดเอาเองว่าท่านคงไม่สะดวก”

ดยุกอ็อกฟอร์ดยกมือเป็นเชิงห้าม “ไม่เป็นไรหรอก ฉันตั้งใจจะไปโดยไม่ให้เธอกับครอบครัวรู้อยู่แล้ว”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แล้วท่านจะไปดูการแข่งรักบี้ด้วยไหมครับ?”

“แน่นอน คิดว่าแคทเธอรีนก็คงอยากไปดูด้วย”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสะดุ้ง ก่อนจะรีบตอบ “แน่นอนค่ะ หนูคิดว่ามันต้องเป็นการแข่งขันที่สนุกมาก”

ดยุกอ็อกฟอร์ดเหลือบตามองลอร์ดโทรว์บริดจ์แว้บหนึ่ง “เธอจะชวนแคทเธอรีนไปดูการซ้อมก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ฉันรู้สึกว่าการที่พวกเธอพบกันแค่สัปดาห์ละครั้งมันดูน้อยเกินไป”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบพูดขึ้นมา “แต่... ท่านตาคะ หนู...”

“หลานยังอายุน้อยอยู่ ควรจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตามากกว่านี้” ดยุกอ็อกฟอร์ดพูดขัด “จอห์นเองก็เป็นสุภาพบุรุษที่น่าคบหา ตระกูลของเขาก็ไปมาหาสู่ที่นี่มาหลายรุ่น ถ้าหลานไปกับเขาล่ะก็ ตาจะวางใจมาก”

ยังไม่ทันที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจะทันได้พูดอะไรตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ชิงพูดขึ้นมา “เป็นเกียรติมากครับ ผมคิดว่าจะชวนเธอไปที่คิวการ์เด้นด้วยกัน วันศุกร์นี้”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้าทั้งตกใจและประหลาดใจ ในขณะที่ดยุกอ็อกฟอร์ดมองลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วยิ้ม

----------------------------

“ทำไมคุณถึงตกลงกับท่านตาแบบนั้นล่ะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกระซิบขณะเดินออกมาส่งลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ด้านหน้าคฤหาสน์ ลอร์ดหนุ่มกระซิบตอบเธอ

“ก็คุณยังอายุน้อย ต้องออกไปเปิดหูเปิดตาให้มากๆ วันศุกร์ผมจะให้โอลิเวอร์เอารถม้ามารับ อย่าลืมสวมเครื่องเพชรชุดที่สวมไปหาผมวันนี้ แล้วก็หาหมวกกับผ้าคลุมหน้าหนาๆ ไว้ด้วยล่ะ”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอ้าปากค้าง เธอมองลอร์ดหนุ่มที่กำลังเดินไปยังรถยนต์ที่คนขับรถขับมาจอดไว้ให้ด้วยความงงงัน

----------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่32p.17(12/6/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-12-2018 15:06:19
“กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือครับ?” กอร์ดอนร้องด้วยความตกใจ หลังจากลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ระหว่างนั่งรถม้ากลับจากภัตตาคาร ทั้งคู่เพิ่งเสร็จจากการกินมื้อเย็นร่วมกับเพื่อนๆ ในสโมรสแบล็กเบิร์ด ทุกคนต่างตื่นเต้นกับการคัดตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น และแน่นอนว่าข่าวเรื่องพาเรลตันไม่ได้แว่วเข้าหูบรรดาหนุ่มๆ พวกนั้นเลย

“มันไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้นหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบ “เพียงแต่ผมอยากบอกให้คุณรู้ไว้ ว่าแคทเธอรีนรู้แล้วว่าคนรักของผมไม่ใช่ผู้หญิง เพียงแต่เธอยังไม่รู้ว่าเป็นใคร”

กอร์ดอนกลืนน้ำลาย “คุณว่าเธอจะสืบมาจนถึงผมไหมครับ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองคนรักด้วยท่าทางประหลาดใจ ก่อนจะยิ้ม “ไม่หรอก ผมไม่คิดว่าเธอจะต้องการแบบนั้น หมายถึง ผมไม่คิดว่าเธออยากจะทำร้ายผมด้วยการสืบหาคนรักของผมเพื่อประจานหรอก”

“ผมหวังว่าคุณจะคิดถูกนะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงเขาเข้ามากอด พลางจูบศีรษะเบาๆ

“ยอดรัก วันศุกร์นี้ผมนัดแคทเธอรีนไปที่คิวการ์เด้น ผมอยากให้คุณไปด้วยจัง”

กอร์ดอนเงยมองเขาอีกครั้ง “จอห์น ถ้าผมไปก็เท่ากับบอกให้เธอรู้สิครับว่าเราเป็น...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นนิ้วมาแตะริมฝีปากเขา แล้วยิ้ม “ก็ให้เธอรู้ไปสิ ที่ผมกลัวคือกลัวคุณจะไม่ว่างไปด้วยมากกว่า”

กอร์ดอนถอนหายใจเฮือก “ผมไม่ว่างไปหรอกครับ คุณนี่จริงๆ เลย ตั้งใจนัดเลดี้แคทเธอรีนไปดูตัวผมหรือไงครับเนี่ย”

ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ “ก็นิดหน่อยนะ ที่จริงผมอยากทำเซอร์ไพรส์เธอ”

“ด้วยการพามาเจอผมหรือครับ?”

“เปล่า นั่นเป็นเซอร์ไพรส์ของผมต่างหาก” ลอร์ดหนุ่มก้มลงจูบคนรัก “ถ้าคุณไปด้วยได้ ผมจะดีใจมากเลยล่ะ”

“เสียใจนะครับที่ผมไม่ว่าง” กอร์ดอนผลักฝ่ายนั้นเบาๆ ก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่คุณตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์อะไรเลดี้แคทเธอรีนหรือครับ?”

“เธอมีคนรักลับๆ อยู่ ผมว่าจะแอบเชิญเข้าไปพบเธอที่นั่น แคทเธอรีนน่ะไม่ค่อยได้ออกจากเพิร์ลมอนไปไหนหรอก เธอไม่ได้เกิดในลอนดอน แทบจะไม่มีเพื่อนที่นี่ คนที่พาเธอออกมาจากบ้านได้โดยไม่ต้องสงสัยก็มีแต่ผมนี่แหละ”

กอร์ดอนพยักหน้า “เธอคงประหลาดใจแน่ ว่าแต่คุณต้องระวังไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้นะครับ ผมเกรงว่าถ้าเรื่องไปถึงหูท่านดยุกแล้ว ทั้งคุณกับเลดี้แคทเธอรีนและคนรักของเธอจะพากันลำบาก”

“ผมจะระวังเป็นอย่างดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจูบหน้าผากกอร์ดอนอีกครั้ง “ยอดรัก ผมอยากให้เรามีเวลาร่วมกันมากกว่านี้จัง”

“ผมเองก็เหมือนกันครับ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะรีบพูดต่ออย่างรู้ทัน “แต่ไม่ใช่ที่คิวการ์เด้นวันศุกร์นี้นะครับ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “งั้นไว้ผมนัดคุณวันอื่น ไม่สิ คุณนัดผมดีกว่า คุณสะดวกวันไหน ผมไม่อยากรบกวนคุณจนเกินไป แต่เราควรจะต้องออกไปเที่ยวกันอีก ผมชอบเวลาที่ได้ออกไปเที่ยวกับคุณ”

“อืม... ผมไม่ได้หยิบสมุดจดตารางนัดมาด้วยสิครับ ไว้เดี๋ยวผมจะบอกคุณอีกทีแล้วกัน”

“ตกลง ผมหวังว่าคุณจะหาเวลาว่างให้ผมได้นะ” ลอร์ดหนุ่มพูด พลางเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาแนบริมฝีปากลงไป กอร์ดอนจูบตอบเขาอย่างหวานชื่น ภายในรถม้าที่กำลังแล่นอยู่

------------------------------------------

ลอร์ดโทรว์บริดจ์แต่งตัวด้วยชุดสูทสีน้ำตาลสำหรับฤดูร้อนที่กอร์ดอนเป็นคนตัดให้ เขาสวมหมวกสตรอวแฮทและถือไม้เท้าที่มีหัวรูปสิงโตซึ่งทำจากเงิน

“ลูกดูดีมากเลยจ้ะจอห์น” เลดี้บาธมองลูกชายด้วยประกายตาปลาบปลื้ม ตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้องโถง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม

“ผมดีใจที่แม่ชอบครับ ผมไม่อยากให้มันดูเคร่งขรึมจนเกินไป”

“แคทเธอรีนต้องประทับใจแน่จ้ะ” เลดี้บาธพูดอย่างชื่นชม “ลูกเหมือนพ่อตอนที่พาแม่ไปเที่ยวหน้าร้อนสมัยหนุ่มๆ เลย”

ลอร์ดลูกชายหัวเราะ “อย่างนั้นหรือครับ ผมไม่รู้มาก่อนเลย”

เลดี้บาธยิ้ม “พ่อของลูกน่ะเป็นคนโรแมนติกมากเลยนะจ๊ะ แม่คิดว่าลูกเองก็ได้รับเรื่องนี้มาจากพ่อเหมือนกัน ไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวแคทเธอรีนจะรอนาน”

“ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วเดินออกมาจากคฤหาสน์ เขารู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องโกหกพ่อแม่ไปแบบนั้น แต่นี่เป็นเรื่องที่เขาและแคทเธอรีนไม่สามารถอธิบายให้พวกผู้ใหญ่เข้าใจได้จริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนั่งรออยู่ในรถม้าแล้ว เมื่อเธอเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์เปิดประตูเข้ามาก็ถามทันที

“จอห์นคะ นี่เราจะไปคิวการ์เด้นกันแค่สองคนจริงๆ หรือคะ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม ขณะที่รถม้าออกตัว “คุณแต่งตัวสวยมาก ผมดีใจที่คุณสวมเครื่องเพชรชุดนี้มา และผ้าคลุมหน้าของคุณก็มิดชิดดี เราจะไปคิวการ์เด้นกัน” เขาว่า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณทำแบบนี้ทำไม ท่านตาดีใจมากนะคะ ท่านคิดว่าพวกเรากำลังคบหาดูใจกันอยู่ นั่นทำให้ฉันรู้สึกผิดมาก”

“พ่อแม่ผมก็เหมือนกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ผมเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยไปกว่าคุณหรอก”

“งั้นเราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลยนี่คะ”

“ผมมีเหตุผลอยู่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไว้ถึงคิวการ์เด้นแล้วคุณจะรู้เอง”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงจำต้องเก็บความสงสัยของเธอไว้

คิวการ์เด้นเป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของลอนดอน สิ่งที่ทำให้สวนแห่งนี้น่าสนใจ คือเรือนกระจกขนาดมหึมาที่ภายในเต็มไปด้วยพืชเขตร้อนนานาพรรณ



“ดอกบัวที่นี่สวยมาก ผมแทบรอให้คุณเข้าไปดูไม่ไหวแล้วล่ะ” ลอร์ดหนุ่มพูด ขณะจูงมือเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลงจากรถม้า แล้วพาเธอเดินตรงไปยังเรือนปลูกบัว (Water lily house.) หญิงสาวมองเขาด้วยความสงสัยเช่นเดิม จนกระทั่งเธอมองเห็นชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสระบัวภายในเรือนกระจก

“โอ้ พระเจ้า! ” หญิงสาวอุทาน ขณะที่ชายคนนั้นหันหน้ามา

“! ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม แล้วพาเธอเดินไปหาชายคนนั้น “ผมขอแนะนำให้รู้จัก มิสเตอร์เบนจามิน ดอว์สัน แต่คิดว่าพวกคุณคงรู้จักกันอยู่แล้ว”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอยากจะตีแขนของลอร์ดโทรว์บริดจ์แรงๆ เธอหน้าแดงด้วยความดีใจ “คุณนี่ร้ายกาจมาก”

มิสเตอร์ดอว์สันมีสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน เขายืนอึ้งอยู่พัก จึงพูดออกมาได้ “โอ้ ท่านลอร์ด ถ้าผมรู้มาก่อนว่าคุณจะ...” เขาหันไปมองเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนด้วยสายตาชื่นชม “คุณสวยมากเลย”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มกว้าง เธอมองเขาด้วยความรักใคร่ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “เอาล่ะ ผมนัดกับมิสเตอร์ลูคัสไว้ตอนบ่ายสอง ผมคิดว่าคุณคงพาเธอกลับมาที่นี่ได้ทัน”

มิสเตอร์ดอว์สันหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ก่อนจะพยักหน้า “ขอบคุณครับท่านลอร์ด ผมสัญญาว่าจะพาเธอกลับมาพบคุณให้ทันเวลา”

“ดี งั้นผมไปล่ะ”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาด้วยความประทับใจ “ขอบคุณค่ะจอห์น”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธอ ก่อนจะเดินออกมา

เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงหน้าร้อน อากาศภายนอกก็ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภายในเรือนกระจก ซึ่งทั้งร้อนทั้งชื้น ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นว่านี่เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการนัดพบกันของคู่รักเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยๆ แม้อากาศด้านในจะร้อน แต่สีสันของพืชพรรณจากต่างถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกบัวภายในเรือนปลูกบัวนั้นจะมีสีสันสวยงามเป็นพิเศษ คงพอจะทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกขึ้นบ้าง

เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง พร้อมกันช่างตัดเสื้อที่เขาคิดถึงตลอดเวลาคนนั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่ากอร์ดอนน่าจะยังไม่เคยมาที่คิวการ์เด้นมาก่อน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะลองนัดฝ่ายนั้นอีกครั้งหลังแข่งรักบี้ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่เลวเหมือนกัน ใบไม้รอบบริเวณสวนกำลังผลัดใบ คงให้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดสินใจฆ่าเวลาโดยการเดินทอดน่องไปยังเรือนเพาะชำ ซึ่งอยู่ใกล้กับคิวพาเลส แต่เดินไปไม่ทันถึงครึ่งทาง เขาก็มองเห็นใครคนหนึ่งเดินสวนมา

“แมกซ์”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยหน้าขึ้นมองแล้วอุทาน “โอ้ จอห์น นายมาที่นี่ได้อย่างไร”

“ฉันมาธุระเรื่องต้นซากุระ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ รู้สึกดีใจที่เจอเพื่อนรักที่นี่ “นายล่ะ?”

“ฉันมาเพราะต้นไม้ของไมกี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “คนสวนที่กรีนไวท์เทอร์เรสค่อนข้างมีปัญหากับการดูแลมันช่วงที่เขาไม่อยู่ ฉันเลยพาพวกเขามาที่นี่เพื่อขอคำแนะนำ”

“แล้วเป็นไงบ้าง? ฉันหมายถึง พวกนายเสร็จธุระกันแล้วหรือยัง?”

“คงอีกสักครึ่งวัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “พวกเขาต้องเรียนรู้เยอะมาก”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ฉันว่าให้ไมครอฟต์เอาต้นไม้พวกนั้นมาบริจาคให้ที่นี่ยังจะง่ายกว่า”

“เขาคงไม่ทำแบบนั้นแน่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะถามกลับ “แล้วนายล่ะ กำลังจะไปที่เรือนเพาะชำใช่ไหม? ฉันทำให้นายเสียเวลารึเปล่า?”

“ไม่เลยๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด “อันที่จริงแล้วฉันนัดกับมิสเตอร์ลูคัสไว้ตอนบ่ายสอง”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าประหลาดใจ “แล้วทำไมนายมาเสียเช้าขนาดนี้”

“มันมีเรื่องอยู่...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายกำลังจะไปไหน?”

“ฉันว่าจะไปเดินเล่นที่เรือนปลูกปาล์ม เห็นว่าที่นั่นมีพืชแปลกๆ เยอะ”

“งั้นดี เราจะคุยเรื่องนี้ระหว่างเดินกัน”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะเล่าเรื่องที่เขาทำเซอร์ไพรส์เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฟัง

“นายนี่นะ ถ้าดยุกอ็อกฟอร์ดรู้เรื่องล่ะก็ มีหวัง...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บ่นทันทีหลังฟังจบ แล้วพูดขึ้นต่อ “เออ ฉันส่งโทรเลขไปให้คนสืบเรื่องของนายดอว์สันคนนี้แล้วนะ คิดว่าอีกไม่นานคงมีจดหมายตอบกลับมาจากกรีซ แต่จากชิคาโกนี่อาจจะนานหน่อย”

“ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มิสเตอร์ดอว์สันเพิ่งซื้อเครื่องเพชรให้เธอชุดหนึ่ง บางทีเขาอาจจะรักเธอจริงๆ ก็ได้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนรัก “จริงๆ แล้วนายน่ะเหมาะสมกับเธอมากกว่ามิสเตอร์ดอว์สันนั่นอีกนะ ฉันเห็นว่าเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนน่ะเป็นสุภาพสตรีที่เพียบพร้อมมากเลยล่ะ”

“ไม่เอาน่า แมกซ์ ฉันคิดว่านายจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วเสียอีก ความเหมาะสมน่ะเป็นเรื่องที่คนภายนอกมอง แต่ความต้องการจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ต่างหาก ที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตคู่”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจ แล้วผงกศีรษะ “ก็จริงของนาย”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือตบไหล่เพื่อน “พวกเราไปดูต้นไม้ที่เรือนปาล์มดีกว่า ฉันอยากรู้จริงว่าพี่นายปลูกต้นอะไรที่เหมือนกับที่นี่บ้างไหม?”

“โอ... ฉันว่านายจะต้องตะลึง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กล่าว “เรือนกระจกของเขาน่ะเล็กกว่าที่นี่ไม่มากนักหรอก”

----------------------------------

เบนจามิน ดอว์สันพาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมาที่จุดนัดพบก่อนเวลาบ่ายสองโมง และลากลับด้วยท่าทางชื่นมื่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพาเธอไปพบกับมิสเตอร์ลูคัส พวกเขาคุยกันถึงเรื่องซากุระและต้นไม้ชนิดอื่นๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตกลงว่าจะส่งสโตนสันมาเพื่อศึกษาวิธีการเพาะเลี้ยงและนำต้นพันธุ์ในวันจันทร์หน้า พวกเขาบอกลามิสเตอร์ลูคัส และนั่งรถม้ากลับไปที่เพิร์ลมอน

“จอห์นคะ วันนี้เป็นวันที่วิเศษมากเลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกล่าวกับเขาบนรถม้า “ฉันไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณคุณอย่างไรดี”

“ผมดีใจที่คุณไม่รู้สึกว่ามันร้อนเกินไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “สระบัวที่นั่นสวยมาก”

“ค่ะ ตอนแรกฉันกังวลแทบแย่ สงสัยเหลือเกินว่าคุณวางแผนอะไร”

“คุณเดาไม่ถูกเลยล่ะสิ”

อีกฝ่ายหัวเราะเขินๆ ก่อนจะพูดต่อ “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ”

“ไม่เป็นไร นี่เป็นความต้องการของผมอยู่แล้ว คุณเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของผม แคท ผมจะมีความสุขมาก ถ้าเพื่อนของผมมีความสุข”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่อึดใจ ขณะที่รถม้าหยุดลงตรงหน้าประตูคฤหาสน์

--------------------------------
(จบตอน)
** โอ๊ย หายไปนานมากอ่ะค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆ นี่ดิฉันก็ระลึกชาตินานมากกว่าจะเขียนต่อได้ สัญญาว่าต่อจากนี้จะมาต่อเรื่องนี้จนจบค่ะ คิดถึงเธอทั้งคู่เหลือเกินนน คิดถึงถ้วยมาม่าแบบอังกฤษ /โดนโบก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-12-2018 16:08:20
ทั้งช็อคทั้งดีใจที่คนเขียนมาต่อ จนลืมไปหมดแล้วว่าตัวละครเป็นใครบ้างแต่ก็ดีใจขอให้มาอีกเรื่อยๆ นะคะช
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-12-2018 16:54:08
กลิ่นมาม่าหอมฟรุ้งจรุงใจ ฮาาาาาา

ดีใจจนแทบหลั่งน้ำตาที่คุณกลับมาอัพเรื่องนี้ ขอบคุณมากค่ะ


จอห์นเป็นพระเอกที่เราอยากได้มาเป็นคู่ชีวิตมากที่สุด!

//โดนกอร์ดอนเอากรรไกรแทง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-12-2018 20:40:55
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 06-12-2018 21:20:30
กอร์ดอนกลับมาแล้ววว  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-12-2018 22:43:57
ยังไม่ได้อ่าน เห็นมีอัพเดตเลยมาเม้นก่อน หายไปนาน คิดถึ้งงงงงงงงงงง
ขอบคุณที่กลับมาต่อนะจ๊ะ
รักคนเขียน
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 06-12-2018 22:45:49
ดีใจ รอมานานค่ะ
เรารอเก่งงงง
ชอบมากนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-12-2018 01:07:13
สาบานว่าตอนแรกที่เห็นว่าอัพ นึกว่าตาฝาด 555
ปลื้มปริ่ม
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-12-2018 10:33:14
จ้องงงงงงง...........ว่าเป็นของใหม่จริงๆใช่ไหม
ดีใจมากกกกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ดีที่การที่ลอร์ดควงกอร์ดอนแต่งหญิงไปเดินเล่น ไม่เป็นข่าวใหญ่  :z3:
และลอร์ดก็มีคำแก้ตัวที่สมเหตุสมผล
แต่ไปเผลอหลุดกับแคทเธอรีนซะนี่
แต่ปู่ของแคท ต้องดันให้ลอร์ดแต่งกับแคทแน่  :เฮ้อ:  :serius2:

จอห์น  กอร์ดอน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 09-12-2018 06:40:11
ยิ่งได้อ่านยิ่งคิดถึง
อนากให้ทั้งคู่มีความสุข
ตอนยาวแต่เจอกันนิดเดียว
แต่ก็รู้สึกถึงความรักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-12-2018 09:30:36
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 17-12-2018 12:39:58
เย้ๆๆๆมาอัพต่อแล้ว

ยาวสะใจเหมือนเดิมเลยชอบๆ

เรื่องนี้เป็นวายเรื่องแรกจริงๆที่อ่านแล้วอยากให้นายเอกกลายเป็นผญ. ฮรือออออออออออ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-12-2018 00:29:43
ตามกลิ่นมาม่าอังกฤษมาจนเจอว่าอัพแล้ว​
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 24-12-2018 15:54:02
ดีใจมากค่ะที่กลับมาอัพ แต่จากการปูมาม่าแล้วก็แอบหวั่นใจไม่ได้จริงๆเลยค่ะ TT เป็นกำลังใจให้ท่านลอร์ดนะคะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jj ที่ 11-01-2019 15:16:13
รอคอยมายาวนาน และแล้ว ก็ได้อ่านต่อ
ขอบคุณค่ะ
คิดถึงหนุ่มๆชาวอังกฤษจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 11-01-2019 19:18:22
ยังไม่ได้อ่านเลย แต่ขอหวัดก่อน คุณ juon ไม่ได้อ่านนิยายของคุณมานานมากก ล่าสุดคือตอนมัธยม ตอนนี้เรียนจบหลายใบแล้ว5555555 อมก ตื่นเต้นมาก ติดตามผลงานนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 28-01-2019 20:09:22
คนเขียนกลับมา คนอ่านก็กลับมาด้วย ดีใจจจจจจ
มาบ่อยๆนะคะ คิดถึงคุณช่างตัดเสื้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 28-01-2019 20:14:54
คิดถึงเหมือนเดิมนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 12-02-2019 11:31:36
ปลื้มใจ  นึกว่าจะหายไปแล้ว QAQ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 12-02-2019 11:45:43
ก็ยังรอคอยเสมอ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-02-2019 18:46:08
Dear, My customer.

ตอนที่35 วันคัดตัว


การคัดตัวผู้เล่นทีมรักบี้การกุศลของลอนดอนถูกจัดขึ้นที่สนามแสตมฟอร์ด บริดจ์ในวันเสาร์ ผู้ที่มาร่วมส่วนใหญ่เป็นนักกีฬามืออาชีพ นักกีฬามหาวิทยาลัย และมือสมัครเล่น แน่นอนว่ามีบรรดาลูกขุนนางและขุนนางมาร่วมคัดตัวด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับออกอาการประหลาดใจ เมื่อพบว่าลอร์ดเชลบีและเซอร์เรเจมี่ ไฮฟอร์ด ซึ่งเป็นสมาชิกในสโมสรเฮมดาลล์ของลอร์ดฟาริงดอนมาคัดตัวด้วย

“ว้าว แพตทริก เจเรมี ไม่คิดว่าจะได้เจอพวกนายที่นี่นะเนี่ย”

ลอร์ดเชลบีหรี่ตามองลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างไม่พอใจ “พวกเราก็ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่เหมือนกัน”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าประหลาดใจกว่าเดิม “นายพูดจริงๆ หรือแพตทริก? ฉันเนี่ยนะจะไม่มางานคัดตัวที่จอห์นนี่เป็นคนจัด ฮ่าๆ นายคงไม่ได้คิดงั้นด้วยหรอกใช่ไหม เจเรมี”

“นายตัวติดกับจอห์นอย่างกับอะไรอยู่แล้ว” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “แต่ฉันก็ไม่คิดว่านายจะกล้ามางานนี้ เพราะทุกคนก็รู้อยู่ว่าฝีมือรักบี้ของนายห่วยขนาดไหน”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “ฉันก็ไม่เคยบอกนี่ว่าตัวเองเล่นรักบี้เก่ง แต่นี่เป็นการคัดตัวใช่ไหมล่ะ ใครก็มีสิทธิ์มาได้ ส่วนใครจะได้ไม่ได้ก็ไปวัดฝีมือกันอีกที”

“นายไม่รู้สึกอายบ้างหรือไงจอร์จ” ลอร์ดเชลบีพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ที่จะแสดงฝีมือการเล่นอันห่วยแตกของนายต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ว้าว ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายกังวลแทนฉันนะเนี่ย แพตทริก ไม่ต้องห่วงไป ไม่มีใครคาดหวังเห็นฉันเล่นรักบี้ได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว พวกนายสองคนกังวลเรื่องของตัวเองดีกว่า ฉันว่าพวกนายคงไม่ได้มาเพราะนึกสนุกเฉยๆ แบบฉันหรอก”

ขณะที่ลอร์ดเชลบีกำลังจะพูดอะไรตอบโต้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เดินเข้ามาพอดี “อ้าว แพตทริก เจเรมี ดีใจจังที่เห็นพวกนายที่นี่ จอห์นนี่คิดอยู่เชียวว่าพวกนายจะต้องมา”

ลอร์ดเชลบีส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ “อย่าเข้าใจผิดว่าฉันมาเพราะเขาล่ะ ฉันมาเพราะเจ้าชายต่างหาก”

“ทุกคนมาที่นี่เพราะอยากจะได้เล่นรักบี้ต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายทั้งนั้นแหละ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายจะพูดออกมาทำไม”

ก่อนที่จะมีการปะทะคารมมากไปกว่านั้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ตัดบท “จอร์จ นายลงทะเบียนแล้วหรือยัง?”

“ยังเลย ฉันกำลังจะมาต่อแถวแต่ดันเจอสองคนนี่ก่อน”

“งั้นนายไปต่อแถวเถอะ ฉันคิดว่าสองคนนี้คงลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วล่ะ”

โดยไม่รอให้ใครพูดอะไร ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบดึงตัวลอร์ดจอร์จ เฟลตันออกไปทันที ลอร์ดเชลบีและเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ให้ตาย จอร์จเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ฉันอยากจะเจอที่นี่เลย” ลอร์ดเชลบีบ่น “มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเกิดมาทำไม”

เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดตบไหล่เพื่อนรัก “เอาน่า แพตทริก ยังไงเสียจอร์จก็ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวของนายหรอก นายควรหันไปใส่ใจกับพวกที่ยืนรออยู่ตรงนั้นมากกว่า คู่แข่งตำแหน่งปีกของนายน่ะไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”

ลอร์ดเชลบีหันไปมองตาม ก่อนจะถอนใจ “ฉันหวังว่าจอห์นจะมีความยุติธรรมอยู่ในใจนะ”

“ฉันไม่ห่วงเรื่องนั้นเลย” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “เพราะเขาเป็นลอร์ดหนุ่มที่โอหังที่สุดในลอนดอน จอห์นจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของตัวเองมัวหมองโดยการลำเอียงเข้าข้างเพื่อนๆ ของเขาในการทำหน้าที่สำคัญขนาดนี้หรอก”

-----------------------------------

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนอยู่ในสนาม ร่วมกับลอร์ดแบรดฟอร์ดและลอร์ดเดอรัม ประธานและรองประธานสโมรสรักบี้แห่งลอนดอน กับคณะกรรมการอีกสี่คน

ลอร์ดหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นจำนวนผู้มาร่วมคัดตัว เขาคะเนเอาด้วยสายตาว่าคงมีประมาณเกือบร้อย แต่เมื่อใบลงทะเบียนถูกส่งมาถึง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็พบว่าผู้มาเข้าร่วมทั้งหมดมีจำนวนถึงหนึ่งร้อยสิบสองคน เขาแบ่งการคัดตัวออกเป็นเจ็ดกลุ่ม ตามตำแหน่งสำคัญในทีมรักบี้

ลอร์ดเชลบีอยู่ในกลุ่มหก ร่วมกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ส่วนเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด อยู่ในกลุ่มห้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่ในกลุ่มสี่

ผู้เล่นในแต่ละกลุ่มจะถูกทดสอบทักษะสำคัญพื้นฐานของตำแหน่งที่ตัวเองต้องการเล่น โดยกลุ่มแรกเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า อันประกอบด้วยตำแหน่งพร็อพสองตำแหน่ง และตำแหน่งฮุคหนึ่งตำแหน่ง ผู้เล่นที่ทำคะแนนดีที่สุดเก้าคน จะถูกเลือกเพื่อเข้าทดสอบการเล่นเป็นทีมในรอบต่อไป กลุ่มที่สองซึ่งประกอบไปด้วยตำแหน่งไบลด์ไซด์ แฟลงเกอร์ โอเพ่นไซด์ แฟลงเกอร์ และล็อคสองตำแหน่ง กลุ่มนี้จะเลือกผู้ที่ทำคะแนนดีที่สุดสิบสองคน

กลุ่มที่สาม เป็นตำแหน่งสกรัมฮาร์ฟ จะเลือกผู้เล่นคะแนนดีที่สุดเพียงสามคน เช่นเดียวกับอีกสี่กลุ่มที่เหลือ ซึ่งเป็นตำแหน่งกองหลัง อันได้แก่ ฟลายฮาร์ฟ อินไซด์เซ็นเตอร์ วิงเกอร์ และฟูลแบ็ค

การคัดตัวดำเนินการพร้อมกันทั้งเจ็ดกลุ่ม มีทั้งการสัมภาษณ์ การเปรียบเทียบขนาดและความโดดเด่นของร่างกาย ในบางกลุ่มมีการทดสอบทักษะทางร่างกาย เช่นการวิ่ง การทุ่มบอล การทำสกรัม การส่งลูก เป็นต้น

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำคะแนนได้ดีในตำแหน่งฟลายฮาร์ฟอย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์คาดหมายไว้ แม้จะมีคู่แข่งอีกสามคน แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเพื่อนรัก ที่ครองตำแหน่งเบอร์สิบมาได้ตลอดช่วงปีที่เรียนมหาวิทยาลัย ขณะที่เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด ก็ทำคะแนนได้ดีในตำแหน่งสกรัมฮาร์ฟ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในแนวบุก

แต่ที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับทุกคนคือการคัดตัวของกลุ่มหก ปรากฏว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำคะแนนตีคู่มากับลอร์ดเชลบี และนักกีฬาอาชีพอีกสองคน แม้จะถูกคัดออกในตอนสุดท้ายเพราะวิ่งไม่ผ่านแนวป้องกันในครั้งที่สาม

“ไม่อยากเชื่อว่านายจะวิ่งได้เร็วขนาดนี้” ลอร์ดครอฟตันที่มาชมการคัดตัวกับเพื่อนๆ ในสโมรสแบล็กเบิร์ด พูดด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ เมื่อลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินขึ้นมาหาพวกเขาบนอัฒจันทร์

“ใช่ นายไปแอบซ้อมวิ่งตอนไหน” เจมส์ถามขึ้นต่อ “พวกเราคิดว่านายแค่อยากมาลงแข่งสนุกๆ เสียอีก”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยืดอกแล้วพูดอย่างวางท่า “จอห์นเป็นเพื่อนสนิทของฉันนะ ถึงฉันจะมาลงแข่งเล่นๆ แต่ฉันก็อยากจะทำให้เขาภูมิใจว่าฉันเอาจริง ไม่ใช่มาตลกเฉยๆ”

ลอร์ดครอฟตันและคนอื่นๆ หัวเราะชอบใจ “นายน่าจะได้เห็นสีหน้าของแพตทริก ฉันว่าเขาตกใจยิ่งกว่าเห็นผี ตอนเห็นนายวิ่งเข้าเส้นชัยก่อนเขา”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ฉันแปลกใจมากที่เขามาคัดตัว”

“ทำไมล่ะ?” อีธานถามด้วยความสงสัย “ฉันไม่เห็นว่ามันจะแปลกอะไรเลย ใครๆ ก็อยากจะได้เล่นรักบี้เบื้องหน้าพระพักตร์ทั้งนั้น”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าไม่เห็นด้วย เขาพูดต่อ “กรณีของเจเรมีน่ะ ฉันไม่เถียง ถึงเขาจะไม่ชอบจอห์นนี่ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์แบบไม่มีเหตุผล ฉันว่าเจเรมีเป็นคนที่พูดกันด้วยเหตุผลรู้เรื่อง แต่ไม่ใช่กับแพตทริกแน่ เขาน่ะเกลียดจอห์นนี่ยิ่งกว่าอะไร เห็นว่าหลังกลับมาจากมิลตัน เขายิ่งเหม็นขี้หน้าจอห์นนี่มากกว่าเก่า ฉันว่าต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แน่ๆ”

“เรื่องผู้หญิงนี่นายมักจะหูไวเสมอนะ จอร์จจี้” เจมส์ว่า ลอร์ดครอฟตันพูดเสริม

“ได้ยินว่าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์สวยมาก นายระวังตัวเอาไว้หน่อยดีกว่าน่า จอร์จจี้”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้า “พวกนายอย่ามาขู่ฉันเสียให้ยาก ตอนนี้ไม่ว่าผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่อยู่ในสายตาฉันอีกแล้ว”

“อ้อ ใช่” เจฟฟรี่เสริมขึ้นมา “เหมือนฉันเห็นเลดี้มาร์กาเร็ตแว้บๆ ตะกี้ ตอนนี้เขาคงไม่กล้าสอดส่ายสายตาหาผู้หญิงที่ไหนหรอก”

จากนั้นเพื่อนๆ ก็พากันหัวเราะออกมา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ว่าแต่กอร์ดอนไม่ได้มาหรือ?”

“วันนี้วันเสาร์ เขาเปิดร้าน” อีธานตอบแทนให้ “แต่ฉันคิดว่าเขาคงจะรีบมา จริงๆ แล้วเขาค่อนข้างเสียสละเวลามากทีเดียวกับสโมสรของพวกเรานะ ได้ยินว่าคิวตัดเสื้อของเขาน่ะยาวไปจนถึงกลางปีหน้าโน่นแน่ะ”

“ฉันว่าครึ่งหนึ่งต้องเป็นความผิดจอห์นนี่อย่างไม่ต้องสงสัย” ลอร์ดครอฟตันพูดขึ้นต่อ “ใครจะไปนึกว่าเขาจะยกเสื้อทั้งตู้ให้ช่างคนเดียวตัด ว่าแต่เขาไม่กลัวว่าจะไม่มีเสื้อผ้าสวมทันฤดูหนาวบ้างเลยหรือไงนะ”

“จอห์นนี่มีเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวอยู่แล้วน่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เพียงแต่พ่อของเขาไม่ค่อยชอบก็เท่านั้นเอง”

“น่าเสียดาย” ลอร์ดครอฟตันว่า “ฉันน่ะอยากรู้นักเชียวว่าเขาแต่งตัวแบบไหนตอนอยู่ที่อเมริกา”

“ประกันได้เลยว่านายต้องคิดไม่ออก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยืดอกพูด “เขาเคยเอากางเกงยีนส์ของลีวายส์มาให้ฉันดูด้วยนะ”

“กางเกงของคนงานเหมืองน่ะนะ” ลอร์ดครอฟตันอุทาน “เขาสวมกางเกงคนงานหรือ?”

“ฉันแน่ใจว่าเขาสวม” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด “นายก็รู้ว่าจอห์นนี่ชอบทำอะไรที่ไม่มีใครคาดถึงเสมอ”

พูดจบลอร์ดหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างอีธาน จากนั้นทั้งหมดก็หันไปให้ความสนใจกับการคัดตัวที่กำลังดำเนินการอยู่

-----------------------------------

งานที่ร้านกอร์ดอนเทเลอร์ยังคงล้นมือเหมือนเช่นทุกวัน แม้วันนี้จะเป็นวันเสาร์ ถึงอย่างนั้นกอร์ดอนก็พยายามอย่างยิ่งที่จะเร่งทุกอย่างให้เสร็จก่อนบ่ายสอง เพื่อจะได้ทันไปดูการคัดตัวรักบี้ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ โชคดีที่ช่างในร้านส่วนใหญ่ก็อยากที่จะไปดูการคัดตัวดังกล่าวเช่นกัน ดังนั้นงานทั้งหมดที่วางไว้จึงเสร็จทันเวลา

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ ท่านลอร์ดจะให้ตั๋วเราในวันแข่งจริงรึเปล่าครับ?” เดวิดถามขึ้นระหว่างที่ทั้งสองนั่งรถม้าไปยังสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ กอร์ดอนยักไหล่

“ไม่รู้สิ เขายังไม่ได้บอกฉันเลย”

“โอ... ผมอยากไปดูการแข่งนั่นมากเลยครับ” เดวิดพูดอย่างตื่นเต้น “เจ้าชายจะเสด็จมาทอดพระเนตรด้วย คุณช่วยขอบัตรจากเขาหน่อยสิครับ”

กอร์ดอนมองเด็กหนุ่มอย่างตำหนิ “ลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะได้รับคัดเลือกให้ลงแข่งและเป็นกรรมการคัดตัวก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามีอำนาจในการเชิญใครก็ได้ไปดูเสียหน่อย อีกอย่าง นี่เป็นการแข่งการกุศล พวกเราควรต้องซื้อบัตรนะ”

เดวิดทำหน้าม่อย “งั้นผมคงอด”

กอร์ดอนคลี่ยิ้ม เขายกมือขยี้ศีรษะเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู “ฉันว่าเราคงมีเงินพอจะซื้อตั๋วได้สักสองที่หรอก”

เด็กหนุ่มยิ้มอย่างยินดี “ผมจะทำงานชดใช้ค่าตั๋วให้ครับ”

“เตรียมตัวไว้เลยแล้วกัน” นายจ้างของเขาว่า

ทั้งคู่มาถึงสนามตอนเกือบบ่ายสองโมงพอดี แดดกำลังจัดได้ที่ กอร์ดอนยกมือขึ้นขยับหมวกเดอร์บีของตนให้เข้าที่ ขณะมองฝ่าเปลวแดดเพื่อหาว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในสโมสรนั่งอยู่ส่วนไหนของอัฒจันทร์

“เฮ้ กอร์ดอน ทางนี้! ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนพลางลุกขึ้นโบกไม้โบกมือ เดวิดรีบบอกเจ้านายทันที

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก พวกเขาอยู่ตรงนั้นครับ”

ทั้งสองคนรีบเดินไปยังอัฒจันทร์ที่เหล่าบรรดาหนุ่มๆ สโมสรแบล็กเบิร์ดนั่งกันอยู่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบชี้ให้พวกเขานั่งลงข้างๆ

“สวัสดีตอนบ่ายครับ” กอร์ดอนทักบรรดาสมาชิกคนอื่นๆ ก่อนจะแนะนำเดวิดให้รู้จัก “นี่เดวิด ชิมเมอร์ เป็นเด็กฝึกงานที่ร้านผมเอง เขาขอมาดูการคัดตัวด้วย”

เดวิดถอดหมวกเบเรต์ของเขาออกด้วยท่าทางเก้อเขิน “หวังว่าผมจะไม่รบกวนนะครับ”

“ไม่เลยๆ” ทุกคนต่างโบกมือ “พวกเราเคยเจอนายแล้วตั้งหลายครั้ง นายไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับพวกเราหรอกหรอก ทำตัวตามสบายได้เลย”

เดวิดพยักหน้าจากนั้นก็นั่งลงข้างๆ กอร์ดอน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปพูดกับพวกเขา

“งานที่ร้านของนายเสร็จแล้วหรือ?”

“เรียบร้อยแล้วครับ” กอร์ดอนตอบ “โชคดีมากที่ทุกคนอยากมาดูการคัดตัวครั้งนี้ ผมว่าช่างคนอื่นๆ ของร้านคงจะนั่งอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของอัฒจันทร์นี่แหละ”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ แล้วชี้ให้กอร์ดอนดูบนสนาม “นั่นไง จอห์นนี่ เขากำลังทำการคัดตัวรอบที่สอง แมกซ์อยู่ตรงนั้น เขาทำได้ดีมากในการคัดตัวรอบแรกเมื่อเช้า”

“แล้วคุณล่ะครับ?” กอร์ดอนถาม “เห็นว่าคุณจะลงคัดตัวด้วยนี่นา”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยืดอก พลางพูดด้วยท่าทางขึงขัง “ฉันเกือบผ่านเข้ารอบ”

ลอร์ดครอฟตันที่นั่งอยู่ใกล้ๆ จึงพูดขึ้นต่อ “ใช่ นายพลาดมากกอร์ดอน จอร์จจี้ของเราเกือบจะผ่านเข้ารอบสองด้วยนะ ใครจะไปคิดว่าเขาซุ่มซ้อมจนตัวเองวิ่งได้เร็วขนาดนั้น น่าเสียดายที่เขาวิ่งไม่ผ่านอุปสรรค์ในรอบที่สาม”

“ฉันว่านะจอร์จจี้” เจฟฟรีกล่าวเสริมขึ้น “ถ้านายฝึกพุ่งตัวอีกนิด นายน่าจะเขี่ยแพตทริกกระเด็นตกรอบไปได้เลย”

“ฉันอ่อนให้หรอกน่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เดี๋ยวแพตทริกจะงอแงหาว่าฉันเอาเปรียบที่เล่นเปียโนเก่งกว่า หล่อกว่า แถมยังเล่นรักบี้เก่งกว่าเขาด้วย”

เพื่อนๆ ต่างพากันพยักหน้าแบบขอไปที จากนั้นทั้งหมดก็พากันพูดคุยเกี่ยวกับการคัดตัวที่กำลังดำเนินอยู่

--------------------------------------

การคัดตัวดำเนินการไปจนถึงหกโมงเย็นจึงเสร็จสิ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รวบรวมรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมดจากคณะกรรมการ แล้วประกาศแจ้งให้พวกเขาทราบถึงกำหนดการซ้อมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า เขาต้องประชุมสรุปการคัดเลือกกับลอร์ดแบรดฟอร์ดและกรรมการคนอื่นๆ ต่ออีกเล็กน้อย จึงวานให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปบอกเพื่อนคนอื่นๆ ให้ล่วงหน้าไปรอที่ร้านอาหารก่อน

กว่าที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะประชุมเสร็จ เวลาก็ล่วงไปถึงสองทุ่มสิบห้าแล้ว ลอร์ดหนุ่มรีบเดินออกมาจากห้องประชุมเล็กของสโมสรแสตมฟอร์ดบริดจ์อย่างร้อนใจ เขาตะโกนเรียกโอลิเวอร์ ทว่ากลับถูกใครอีกคนทักขึ้นเสียก่อน

“จอห์น! ”

เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ ยังไม่ทันที่ลอร์ดหนุ่มจะได้ทักทายตอบ เธอก็พูดขึ้นต่อ

“วันนี้ช่างน่าประทับใจมากเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันมาดูการคัดตัวนักรักบี้ คุณดูโดดเด่นมากในสนาม”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม เขาใช้เวลาคิดอยู่อึดใจ จึงกล่าวตอบไป “สายันห์สวัสดิ์ อเล็กซานดร้า ผมไม่คิดว่าคุณจะมาที่นี่ด้วย ท่านดยุกกับคุณพ่อของคุณสบายดีไหม?”

“ทั้งสองคนสบายดีค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันก็ด้วย คุณล่ะคะ”

“ผมสบายดีอยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ เขาเห็นว่า ที่ด้านหลังเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ นอกจากสาวใช้ประจำตัวแล้ว ยังมีลอร์ดเชลบีและเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดยืนอยู่ด้วย

“วันนี้เจเรมีกับแพตทริกทำได้ดีมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “คุณคงเห็นแล้วว่าแพตทริกสามารถวิ่งฝ่าแนวรับได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว”

“โอ้ ฉันเห็นแล้วค่ะ เจเรมเองก็ทำได้ดี แต่ฉันยังไม่เห็นคุณลงเล่นเลยค่ะ ฉันคิดว่าคุณจะลงเล่นด้วยเสียอีก”

“ผมจะลงซ้อมทีมในสัปดาห์หน้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ พลางมองไปยังลอร์ดเชลบีและเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด “ผมดีใจที่ได้พวกเขาสองคนมาร่วมทีม”

ดวงตาของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้นฉันจะมาดูคุณซ้อมค่ะ”

“ที่นี่อากาศร้อนมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “คุณไม่ต้องลำบากมาก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตอบอย่างร่าเริง “ร้อนกว่านี้ฉันก็เคยเจอมาแล้ว”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบไปมองเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด ก่อนจะพูดต่อ “ผมกลัวว่าคุณจะป่วยเอาน่ะ”

เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้มเขินๆ “คุณกลัวจะต้องดูแลฉันสินะคะ”

“อ้อ เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” ลอร์ดหนุ่มรีบปฏิเสธ “ผมเป็นห่วง คิดว่าเจเรมีและแพตทริกก็คงห่วงคุณมากด้วย”

เธอหัวเราะ “ดีจังที่คุณเป็นห่วงฉัน นี่คุณกำลังจะรีบไปไหนรึเปล่าคะ? ถ้ายังไงพวกเราไปกินมื้อค่ำด้วยกัน...”

“จอห์นมีนัดแล้ว” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดขึ้นมา “เขานัดกับเพื่อนๆ ที่สโมสรของเขาเอาไว้ เธอกำลังจะทำให้เขาสายรู้ไหม อเล็กซี่”

เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หันไปถลึงตาใส่เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดแว้บหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เขินๆ “งั้น... ไว้เจอกันวันหลังนะคะ ฉันพักอยู่ที่บ้านของเจเรมนี่เองค่ะ”

“ไว้พบกันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ จังหวะเดียวกันกับที่โอลิเวอร์ขับรถม้ามาจอดรอรับพอดี

--------------------------------

เหล่าบรรดาสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดนั่งพร้อมหน้ากันอยู่แล้ว ตอนที่บริกรพาลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปยังโต๊ะที่จองไว้ ลอร์ดหนุ่มรู้สึกดีใจที่เห็นกอร์ดอนนั่งอยู่ด้วย

“นี่พวกนายยังไม่กินอะไรกันอีกหรือ?” เขาถามเมื่อสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีเพียงแก้วเครื่องดื่ม ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงตอบไป

“เราจะกินมื้อเย็นโดยไม่มีนายได้ไงจอห์นนี่ นายเป็นคนพิเศษสำหรับค่ำคืนนี้นะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ พลางนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ตั้งตรงหัวโต๊ะ แล้วบอกให้เพื่อนๆ สั่งอาหาร ก่อนจะพูดขึ้นหลังจากที่บริกรเดินออกไปแล้ว

“จริงๆ แล้ววันนี้ต้องบอกว่าแมกซ์ต่างหากที่เป็นคนพิเศษ”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่34p.18(6/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-02-2019 18:46:24
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ไม่ค่อยทำให้เห็นนัก “นายชมฉันเกินไปแล้วจอห์นนี่ ฉันแค่เล่นไปตามที่เราซ้อมกันไว้ ที่จริงต้องขอบคุณทุกคนที่มาช่วยซ้อมร่วมกัน”

“ใช่ๆ” เจฟฟรีเอ่ยขึ้น “และที่จะลืมไม่ได้เลยนะ จอร์จจี้ของเราวันนี้ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเหลือเชื่อ ใครจะไปรู้นอกจากพระเจ้า ว่าเขาจะวิ่งได้เร็วขนาดนั้น”

“ตอนนี้เขายังไม่ยอมบอกพวกเราเลยว่าไปซุ่มซ้อมที่ไหนมา” เจมส์พูดขึ้นต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงตอบแทนให้

“จอร์จซ้อมวิ่งกับเซบาสเตียนน่ะ”

“ใครคือเซบาสเตียน” อีธานถามขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มๆ

“จอร์จ จะให้ฉันตอบหรือนายตอบเองดี”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อนายพูดถึงขนาดนี้แล้วนะจอห์นนี่ ฉันจะขอพูดต่อเลยแล้วกัน เซบาสเตียนเป็นสุนัขของแมกซ์ มันช่วยฉันเรื่องวิ่งได้ดีมาก”

เพื่อนๆ พากันหัวเราะ “ว้าว อย่าบอกนะว่าแมกซ์ให้เซบาสเตียนวิ่งไล่นาย นายคิดได้ยังไง จอร์จจี้ เหลือเชื่อเลยจริงๆ”

“คนคิดไม่ใช่ฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเสียงเครียด พลางหันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ต่างหากที่เป็นคนต้นคิด ที่สำคัญคือจอห์นนี่ดันเห็นดีเห็นงามกับเขาด้วย”

“ก็นายอยากจะดูดีในการแข่งขันนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าพลางเสริม

“มันก็ได้ผลไม่ใช่หรือจอร์จ นายเกือบเขี่ยแพตทริกตกรอบเลยนะ”

“โอ้ แต่เขาก็ผ่านเข้ารอบไปได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “จริงสิ ฉันกำลังจะเล่าให้นายฟังเรื่องแพตทริก ฉันรู้แล้วทำไมเขาถึงมาคัดตัว ทั้งที่เหม็นขี้หน้านายเสียขนาดนั้น”

“นายนี่กัดไม่ปล่อยจริงๆ นะจอร์จจี้” เจมส์แซว แต่ลอร์ดหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยิน เขาพูดต่อ

“ต้องเป็นเพราะเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แน่ๆ เพราะเธอมาดูที่สนามด้วย วันนี้”

“หืม?” เพื่อนๆ ต่างพากันทำหน้าสงสัย “นายรู้ได้ยังไงน่ะจอร์จจี้ นายรู้จักกับเธอหรือ?”

“มาร์กาเร็ตบอกฉัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ ลอร์ดครอฟตันพูดขึ้นทันที

“โอ้ วันนี้มาร์กาเร็ตก็มาดูด้วยหรือ?”

“แน่นอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ก็ฉันเป็นคู่หมั้นของเธอนี่”

เจมส์หัวเราะ “มิน่าล่ะ จอร์จจี้ของเราถึงได้ไปซุ่มซ้อมมา เขาอยากดูดีต่อหน้าคู่หมั้นนี่เอง ว่าแต่พวกนายมีแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้ารำคาญ “ยังไม่ใช่ตอนนี้ รับรองว่าถ้าฉันจะแต่งเมื่อไหร่ พวกนายจะได้รู้เป็นกลุ่มแรก”

เจฟฟรีพูดขึ้นต่อ “นายควรหยุดถามเขาเรื่องนี้ได้แล้วเจมส์ เห็นอยู่ว่าเขายังรักที่จะใช้ชีวิตหนุ่มโสดไปนานตราบเท่าที่เขาจะทำได้”

ลอร์ดครอฟตันถามขึ้นด้วยความสงสัย “ว่าแต่... มาร์กาเร็ตบอกนายหรือว่าเธอเห็นเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์”

“เธอชี้ให้ฉันดูเลยล่ะ”

“ว้าว” ทั้งหมดอุทานขึ้นพร้อมกัน “เป็นไปได้ไง เธอไม่หึงหรือจอร์จจี้ เห็นก็เห็นอยู่ว่านายน่ะเห็นผู้หญิงสวยเป็นไม่ได้ หรือว่าเลดี้อเล็กซานดร้าไม่ใช่สาวสวย”

“เธอสวยมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่ใจฉันมีมาร์กาเร็ตอยู่แล้ว อีกอย่าง เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ฉันชอบ”

“ชักอยากเห็นแล้วสิว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหน” ลอร์ดครอฟตันพูดขึ้นมา “ว่าแต่ เธอมาเชียร์แพตทริกหรือ เห็นว่าเจเรมีกับเธอเป็นญาติกันนี่ แล้วแพตทริกก็สนิทกับเจเรมี สองคนนี้จะมีใจให้กันก็ไม่แปลก”

“นี่นายบื้อหรือไง เอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอ็ดขึ้น “นายไม่รู้หรือว่าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถึงกับให้ท่านดยุกเคมบริดจ์ส่งจดหมายเชิญจอห์นนี่ไปงานวันเกิดของเขาที่มิลตัน เพราะเธออยากพบหน้าเขา"

ลอร์ดครอฟตันอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะโพล่งออกมา “เลดี้อเล็กซานดร้าสนใจจอห์นนี่ของเรางั้นหรือ?”

“ฉันแน่ใจว่าเธอพอใจเขามากเลยล่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดต่อ “เธอรั้งเขาเอาไว้ได้ตั้งหลายวัน”

“จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงแทรกขึ้นมา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปมองเขา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนึกได้

“ฉันขอโทษ จอห์นนี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนี้” เขาเหลือบไปมองกอร์ดอนแว้บหนึ่ง แล้วเหลือบไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นมีสีหน้าไม่พอใจนัก

“ฉันกับอเล็กซานดร้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรมากไปกว่าเพื่อน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “เธอพักอยู่ที่บ้านของเจเรมี ฉันคิดว่าแพตทริกน่าจะมีโอกาสที่ดีในการสานความสัมพันธ์กับเธอ”

“เดี๋ยวนะ” ลอร์ดครอฟตันพูดขัดขึ้น “นายรู้ได้ไงว่าเธอพักอยู่ที่บ้านของเจเรมี นายพบเธอแล้วหรือ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า พลางเหลือบมองกอร์ดอน ฝ่ายนั้นมองเขาด้วยความสงสัย ลอร์ดหนุ่มนึกเสียใจที่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

“ฉันรู้ว่าแพตทริกมาคัดตัวเพราะอยากอวดให้เธอเห็น และเขาก็ทำได้ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “เหมือนนาย จอร์จ นายเองก็ทำได้ดีต่อหน้ามาร์กาเร็ต ฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องพอใจกับผลงานของนายมาก”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีท่าทางไม่ยินดีเท่าไหร่นัก เขารีบตอบ “ฉันก็ว่างั้นล่ะจอห์นนี่ ที่จริงแล้วฉันควรพูดถึงการแข่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมากกว่า ได้ยินว่ากอร์ดอนอยากได้ที่นั่งพิเศษ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบหันไปหาช่างตัดเสื้อทันที ฝ่ายนั้นจึงพูดขึ้น “เปล่าครับ ผมแค่ต้องการทราบว่าต้องไปซื้อตั๋วที่ไหนเท่านั้นเอง ผมทราบว่างานนี้เป็นงานการกุศล”

“ผมจะเอาตั๋วไปให้คุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทบจะสวนกันกับกอร์ดอน ก่อนจะรีบพูดต่ออย่างนึกได้ “ผมหมายถึง ผมจะเป็นคนไปขายตั๋วให้คุณเอง”

“ว้าว” เจมส์กับเจฟฟรีร้องออกมา “นายได้คนขายตัวระดับพิเศษเลยนะเนี่ย กอร์ดอน”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองทั้งสองคน “พวกนายจะซื้อด้วยไหมล่ะ?”

“แหม จอห์นนี่ เราน่ะตั้งใจจะไปดูนายอยู่แล้ว แต่ขอเป็นสาวสวยมาขายได้ไหม ยังไงเราก็เจอหน้านายแทบทุกสัปดาห์อยู่แล้ว”

ลอร์ดครอฟตันหัวเราะชอบใจ “จริงของพวกนาย ฉันก็ขอเป็นสาวสวยนะจอห์นนี่ ถ้าสวยพอฉันจะบริจาคเพิ่มให้เป็นกรณีพิเศษ”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหรี่ตามองเพื่อนรัก “นายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เอ็ดดี้”

“ก็เป็นตั้งแต่นายกลายเป็นคนรักเดียวใจเดียวนั่นแหละ”

เพื่อนต่างพากันหัวเราะชอบใจ หลังจากนั้นบริกรก็ยกอาหารที่สั่งไว้เข้ามา

---------------------------------------

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้อนใจเหลือประมาณ พอประตูรถม้าปิดลงเขาก็รีบพูดกับกอร์ดอนทันที

“ยอดรัก ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณเรื่องอเล็กซานดร้า”

กอร์ดอนมองหน้าเขา จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ผมแทบไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างไม่แน่ใจนัก “คุณพูดจริงๆ หรือกอร์ดอน ผมกลัวว่าคุณจะหงุดหงิดเรื่องเธอ”

กอร์ดอนยิ้ม “ก็คุณบอกผมแล้วนี่ครับ ว่าระหว่างคุณกับเธอไม่มีอะไร ผมเชื่อใจคุณนะจอห์น”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก “แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี ผมควรบอกคุณก่อนเรื่องอเล็กซานดร้า”

“บอกว่าคุณพบเธอก่อนจะมาที่เดอะแกรนด์หรือครับ?” กอร์ดอนถามก่อนจะพูดต่อ “ที่จริงผมเห็นเธอแล้ว ลอร์ดจอร์จชี้ให้ผมดู เธอเป็นผู้หญิงน่ารักทีเดียว ผมว่าถ้าคุณมีน้องสาว ต้องท่าทางแบบเธอแน่นอน”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา เขาดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอด “โอ้ ยอดรักของผม ผมจะอธิบายความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณยังไงดี คุณเป็นคนวิเศษมาก ผมอยากให้ทุกคนรู้เหลือเกินว่าคุณเป็นคนรักของผม พวกเขาจะได้เลิกยุ่งกับผมสักที”

“ผมว่าเรื่องมันจะยิ่งยุ่งกันไปใหญ่น่ะสิครับ” กอร์ดอนว่า “ลอร์ดจอร์จบอกผมว่าเลดี้อเล็กซานดร้าต้องรอดักพบคุณแน่ ตอนคุณบอกว่าพบเธอ ผมเลยแปลกใจมาก ผมไม่คิดว่าเธอจะรอจริงๆ เธอดูมุ่งมั่นมากเลยนะครับ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจเฮือก “ผมก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเธอจะมาที่ลอนดอน”

“เธอคงอยากพบคุณมากครับ ก็คุณเป็นขวัญใจสาวๆ นี่นา”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือกอร์ดอนเอาไว้ “ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ผมอยากให้ตัวเองเป็นขวัญใจของคุณคนเดียวก็พอแล้ว”

กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “วันนี้ผมดูเป็นไงบ้าง ผมค่อนข้างเกร็งนะกับงานนี้ มันเป็นงานใหญ่ทีเดียว ผมรู้สึกว่ามีหลายคนเก่งกว่าผมเสียอีก พวกเขาควรจะได้ตำแหน่งเบอร์แปดมากกว่า”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ มันไม่สมกับเป็นคุณเลย” กอร์ดอนว่า “พวกเขาแน่ใจในความสามารถของคุณไม่ใช่หรือครับ ถึงเลือกคุณมาทำงานนี้ อีกอย่างคนที่มาคัดตัวทุกคนก็มีความเชื่อมั่นในตัวคุณมาก ผมรู้สึกว่าพวกเขาดีใจที่ได้ร่วมทีมกับคุณนะครับ”

“งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เกาศีรษะด้วยท่าทางเขินๆ “ขอบใจนะกอร์ดอน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ผมต้องรับผิดชอบงานใหญ่ขนาดนี้ ผมอยากทำให้มันออกมาดีที่สุด”

“คุณทำได้อยู่แล้วครับ” กอร์ดอนยิ้ม แล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์เบาๆ “แค่คุณเชื่อมั่นในตัวเอง อย่างที่คุณเป็น ผมเชื่อว่าคุณจะผ่านทุกอย่างไปได้” เขาหยุดเล็กน้อย “ที่จริงแล้วคุณเป็นคนทำให้ผมเชื่อแบบนั้นเลยนะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “นั่นสิ เพราะงั้นคุณต้องเชื่อมั่นในตัวผมต่อไปนะ เพราะผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเด็ดขาด”

“แน่นอนครับ ผมเชื่อคุณอยู่แล้ว”

------------------------------------

วันต่อมา ฝนตกตั้งแต่หกโมงเช้า กอร์ดอนจับรถม้าฝ่าสายฝนไปที่โบสถ์ แน่นอนว่าหลังพิธีมิสซา แทบทุกคนต่างพูดถึงการแข่งขันรักบี้การกุศลที่กำลังจะเกิดขึ้น บางคนโอ้อวดว่าจะทุ่มพนันแทงม้าสุดตัว เพื่อนำเงินไปบริจาคให้ได้ตั๋วไปดูการแข่งขันในครั้งนี้ กอร์ดอนฟังแล้วก็ได้แต่สั่นศีรษะด้วยความระอาใจ เขาค่อยๆ ปลีกตัวออกมาจากวงสนทนา และเรียกรถม้าไปที่ร้านขายดอกไม้ เพื่อรับดอกทิวลิปสีขาวที่เขาให้เดวิดมาสั่งเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จากนั้นจึงสั่งให้รถม้าขับไปยังสุสานไวท์มิลที่นีสเด้น

ฝนยังคงตกอยู่ตอนที่รถม้าจอด กอร์ดอนกระโดดลงจากรถพร้อมด้วยช่อดอกไม้ในมือ เขาจ่ายเงินให้สารถี จากนั้นก็หยิบร่มมากางอย่างทุลักทุเล ฝนที่ตกลงมาทำให้ถนนหน้าสุสานกลายเป็นบ่อโคลนย่อมๆ กอร์ดอนเดินกระย่องกระแย่งผ่านซุ้มประตูเหล็กดัดที่มีเสาอิฐสีเทาขมุกขมัวเป็นฐานรองรับอยู่ด้านข้าง เขาแน่ใจว่าขากางเกงของตัวเองคงเต็มไปด้วยโคลนหลังจากที่เท้าข้างหนึ่งของเขาติดหนึบอยู่ในหล่มโคลนหน้าหลุมศพของคนรู้จักเมื่อสมัยเด็กๆ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงเดินย่ำลึกเข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงต้นเชอรี่ต้นใหญ่ซึ่งขึ้นโดดเด่นอยู่ ใต้ต้นเชอรี่มีหลุมฝังศพอยู่สองหลุม หลุมที่ดูใหม่กว่าจารึกชื่อ กอร์ดอน ปีเตอร์สัน โอเดนเบิร์ก ส่วนอีกหลุมที่เก่ากว่า จารึกชื่อ เจน มารี โอเดนเบิร์ก ป้ายบนหลุมฝังศพของทั้งคู่เป็นรูปเทวทูตหันหน้าเข้าหากัน กางปีกเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน ที่ฐานจารึกข้อความสั้นๆ ว่า

‘เจนผู้เป็นที่รักยิ่ง และกอร์ดอนผู้เป็นที่รักยิ่ง’

กอร์ดอนเคยมาที่นี่พร้อมกับปู่ของเขาเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นมีป้ายหลุมรูปเทวทูตเพียงป้ายเดียว และต้นเชอร์รี่ก็ยังไม่ใหญ่โตเท่านี้ ที่นอนหลับใหลอยู่ใต้ปีกของเทวทูตคือร่างของ เจน มารี โอเดนเบิร์ก ซึ่งเป็นย่าของเขา

ปู่ของเขาเล่าว่าที่ดินผืนนี้เดิมมีแค่ครึ่งเดียว ซึ่งตั้งใจจะทำเป็นหลุมฝังศพเล็กๆ สำหรับคนในครอบครัว แต่เมื่อย่าเสียชีวิตลง ด้วยความอาลัยรักของชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยตั้งใจจะแต่งงานกับย่า เขาจึงซื้อที่ดินสำหรับฝังศพเพิ่มเติม และตกแต่งป้ายสุสานอย่างสวยงาม พร้อมทั้งปลูกต้นเชอรี่เอาไว้เป็นที่ระลึก

หลังจากนั้นอีกหลายปี กอร์ดอนก็มายืนที่นี่อีกครั้ง พร้อมด้วยป้ายหลุมฝังศพรูปเทวทูตอีกป้ายที่ถูกทำขึ้นใหม่ ด้านล่างฝังร่างของปู่เขา กอร์ดอน ปีเตอร์สัน โอเดนเบิร์ก ตอนนั้นกอร์ดอนจึงได้รู้จักกับชายที่ปู่เคยพูดถึง

วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกพรำเหมือนวันนี้ เขาที่อายุได้ยี่สิบสอง ยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพ เบื้องล่างปีกที่สยายกว้างของเทวทูต ท่ามกลางความโศกเศร้า และสับสน ท่านสาธุคุณและแขกเหรื่อคนอื่นๆ ทยอยกลับไปจนหมดแล้ว แต่กอร์ดอนยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้สายฝนไหลอาบร่าง เขาที่สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก เรียกได้ว่าปู่คือทั้งหมดของชีวิตเขา ในวันนั้นชีวิตในแบบที่คุ้นเคยของกอร์ดอนพังทลายลง เป็นวันเดียวกับที่ปู่สูญเสียย่าของเขาไป

อย่างเงียบงัน ชายคนหนึ่งเดินช้าๆ เข้ามายืนข้างๆ เขา ในมือมีร่มสีดำคันใหญ่ ตอนแรกกอร์ดอนคิดว่าเป็นเซอร์จอร์จ คาเมรอน แต่เมื่อหันไปมองเขาก็พบว่าตัวเองคิดผิดถนัด

ผู้ชายคนนั้นผอมสูง ใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนกับรูปปั้น อายุรุ่นราวคราวเดียวกับปู่ของเขา เมื่อเขาหันหน้าไป ชายคนนั้นจึงพูดขึ้น

“พ่อหนุ่ม... ยืนตากฝนแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดเอาหรอก ฉันรับรองว่าทั้งกอร์ดอนและเจนต้องไม่ยินดีแน่ที่เห็นเธอเศร้าเสียใจแบบนี้”

“คุณเป็นใครครับ?” กอร์ดอนถามออกไป ชายคนนั้นยิ้มเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าหม่นของเขาดูเศร้าสร้อยจับใจ

“ฉันเป็นเพื่อนเก่าของพวกเขาน่ะ”

เม็ดฝนสาดลงบนร่มเสียงดังปุๆ ปลุกกอร์ดอนขึ้นจากห้วงอดีต ชายหนุ่มเงยมองเทวทูตทั้งสอง ก่อนจะก้มลงวางช่อดอกทิวลิปลงไป

“ปู่ครับ ย่าครับ ปีนี้เป็นปีที่ประหลาดมากสำหรับผม เป็นปีที่มีทั้งเรื่องน่าตื่นเต้น น่าดีใจ และน่าเศร้าใจไปพร้อมๆ กัน ผมมีเพื่อนใหม่ เขาเป็นคนดีอย่างเหลือเชื่อ แม้ตอนแรกจะน่ารำคาญไปหน่อย ผมว่าผมได้เจอกับคนที่ไม่รังเกียจผมแล้ว ผมมีความสุขมาก ผมคิดว่าถ้าปู่ยังอยู่ต้องไม่มีความสุขกับเรื่องนี้แน่ โอ... บ้าจริง ผมพูดอะไรอยู่นะ ผมแค่อยากบอกให้ปู่กับย่ารู้ว่าตอนนี้ผมมีความสุขมาก แม้ผมจะรู้ว่ามันเป็นความสุขที่ต้องสิ้นสุดลงในวันใดวันหนึ่งก็ตาม”

จู่ๆ เสียงของกอร์ดอนก็หายเข้าไปในลำคอ น้ำตาใสๆ รื้นขึ้นมาเต็มดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว เอ่อล้นและไหลอาบแก้มอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ชายหนุ่มรีบใช้มืออีกข้างหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา เขาสะบัดศีรษะหลายครั้ง ราวกับต้องการจะไล่ความรู้สึกไม่ดีพวกนั้นออกไป และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นข้างๆ

“เป็นอะไรรึเปล่า พ่อหนุ่มกอร์ดอน”

กอร์ดอนหันหน้าไปมอง แล้วโพล่งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“ท่านดยุกอ็อกฟอร์ด! ”

------------------------------------------------
(จบตอน)

โอ๊ย ไม่กล้าโผล่มา กลัวโดนทวง (โดนตบแรง :beat:) ตอนนี้เป็นตอนที่เหมือนจะขัดๆ หน่อย แต่ตอนหน้านี่ลื่นปรื๊ดมาก ถึงกับคิดว่าเรื่องนี้อาจจะจบที่50-60ตอน (โอ๊ย มันก็ยาวอยู่ดีนั่นแหละ)

ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ยังตามอ่านเสมอมา แม้ว่าอิฉันจะหายบ่อยมาก (แต่จะพยายามมาอัพบ่อยขึ้นค่ะ พักนี้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ)

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 18-02-2019 19:56:37
 :L1: :pig4: :L1: ดีใจ มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-02-2019 22:23:29
ขอบคุณที่มาต่อ ยินดีรอ ถึงจะหายไป แต่ก็ยังรอ
เนื้อเรื่องยังสนุกเหมือนเดิม แต่ๆ ๆ ๆ ตัดจบยังงี้ได้ไงงงงงงงง
โป้งเลย ขอบอก
 :a14:

หวังว่าอย่างน้อย ท่านดยุค คนรักเก่าของท่านย่า คงมีทางออกให้นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-02-2019 22:49:54
ลุ้นนนน .......... :z3: :z3: :z3:
“ท่านดยุกอ็อกฟอร์ด! ”
อะไรจะตามมาน้อ  .......   o22 :really2:
จอหน์นี่  กอร์ดอน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-02-2019 14:38:01
 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 19-02-2019 18:56:07
คิดถึงมากค่ะ
ในที่สุดก็มา
รอและติดตามเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-03-2019 05:38:03
Dear, My customer.

ตอนที่36 ความทรงจำในอดีต


ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือชายชราที่แต่งตัวด้วยเสื้อโค้ทกันฝนสีดำสนิท ตัดเย็บอย่างดีไม่มีที่ติ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมราวกับรูปปั้นหน้าโบสถ์ แต่ทว่าดวงตาสีฟ้าหม่นกลับทอประกายอ่อนโยน กอร์ดอนรู้จักชายคนนี้ดี เขาคือผู้ที่บริจาคเงินซื้อที่ดิน รวมถึงเป็นผู้จัดการเรื่องงานฝังศพและป้ายหลุมศพของปู่และย่าของเขา

ดยุกอ็อกฟอร์ด

“อรุณสวัสดิ์ครับ” กอร์ดอนฝืนยิ้มทักทาย ท่านดยุกผงกศีรษะ

“อรุณสวัสดิ์กอร์ดอนน้อย อากาศไม่ดีเลยนะวันนี้”

“ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า รีบพูดต่อตามมารยาท “ฝนตกตั้งแต่เช้า ถนนหนทางเลยแฉะไปหมด”

“อืม... อังกฤษก็แบบนี้แหละ” อีกฝ่ายว่า ก่อนจะพูดต่อ “ฉันดีใจนะที่ได้เจอเธอที่นี่ ดูท่าทางช่วงนี้เธองานยุ่งเอามากๆ”

“อย่ากังวลไปเลยครับ” กอร์ดอนรีบตอบ “ผมรับรองกับท่านว่าเสื้อโค้ทสำหรับฤดูหนาวตัวใหม่จะต้องเสร็จทันก่อนสิ้นเดือนหน้าแน่นอน”

ท่านดยุกยิ้มบางๆ “นี่ ฉันไม่ได้พูดเพื่อทวงเสื้อเสียหน่อย พ่อหนุ่ม ฉันแค่รู้สึกว่าพวกเราไม่ได้พบกันนานมากแล้ว พักนี้เธอเองก็งานยุ่ง ส่วนฉันเองก็แก่ตัวลงทุกวัน แทบไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนแล้ว”

“อย่ากล่าวเช่นนั้นเลยครับ” กอร์ดอนว่า “ท่านดยุกยังดูแข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนอยู่เลย ท่านทำให้ผมประหลาดใจด้วยการมาที่นี่ในวันฝนตกแบบนี้ ผมว่าท่านยังไปไหนมาไหนคล่องอยู่นะครับ”

“ขอบใจนะ ฉันหวังว่าจะสามารถมาที่นี่ได้กระทั่งจวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต” เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง พลางมองดูกอร์ดอน

“ตอนที่ปู่ของเธอตาย ฉันเคยคิดว่า เขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้ไปพบกับเจนบนสวรรค์ ส่วนฉันกลับต้องนั่งจับเจ่าเฝ้าบ้านของตัวเองเหมือนสุนัขแก่ๆ ตัวหนึ่ง แต่พอฉันพบเธอ พ่อหนุ่มน้อย ฉันจึงได้รู้ว่ากอร์ดอนและเจนได้ทิ้งสิ่งสำคัญเอาไว้เบื้องหลัง และฉันคิดว่าฉันควรจะต้องดูแลสิ่งสำคัญนั้นต่อจากพวกเขา ซึ่งนั่นก็คือเธอ”

“ท่านกรุณาผมมากครับ” กอร์ดอนกล่าว น้ำเสียงของเขาพร่าลงด้วยความรู้สึกตื้นตันที่จุกขึ้นมาถึงหน้าอก เขาทราบดีถึงความหลังในครั้งอดีตของท่านดยุก ชายหนุ่มผู้มีบรรดาศักดิ์ที่ถูกสลัดรักเพราะช่างตัดเสื้อ แต่แทนที่จะผูกใจเจ็บ ท่านดยุกกลับเลือกทำในสิ่งตรงกันข้าม เขาเลือกที่จะยินดีกับความสุขของคนรัก และกลับไปใช้ชีวิตตามฐานะของตัวเอง เรื่องนี้ทำให้กอร์ดอนรู้สึกนับถือหัวใจของท่านดยุกจากใจจริง

“ไม่เลย พ่อหนุ่ม ฉันรู้สึกว่ากระทั่งเรื่องนี้ฉันเองก็ยังทำได้ไม่ดีพอ บางทีฉันควรจะหาเวลาไปเยี่ยมเธอบ้าง ในขณะที่ฉันยังเดินไหว”

“โอ... อย่าลำบากขนาดนั้นเลยครับ” กอร์ดอนรีบตอบ “ผมต่างหากล่ะครับ ที่ต้องหาเวลาไปเยี่ยมท่านดยุก ผมละอายเหลือเกินที่ช่วงนี้ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมท่านเลย”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าเธองานยุ่ง” ท่านดยุกว่า “เอาแบบนี้ดีไหม ไหนๆ เราก็บังเอิญมาเจอกันแล้ว เดี๋ยวเธอขึ้นรถม้าไปกับฉัน พวกเราจะได้ไปหาที่แห้งๆ คุยกัน”

กอร์ดอนรู้ดีว่าจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมากหากเขาปฏิเสธ ดังนั้นช่างตัดเสื้อจึงพยักหน้ารับ

“เป็นพระคุณอย่างมากครับ”

---------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-03-2019 05:38:58
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ชอบฝน อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ชอบฝนที่ตกในวันอาทิตย์ การมาโบสถ์ในวันฝนตกเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างมาก นอกจากเขาจะไม่ได้ออกไปเดินสูดอากาศ คุยเล่นกับเพื่อนฝูงที่สนามหญ้าด้านนอกอย่างสบายอารมณ์แล้ว ยังต้องมานั่งจับเจ่าฟังผู้ใหญ่คุยกันในเรื่องน่าเบื่ออีกต่างหาก

ตอนนี้เขากำลังนั่งฟังพ่อกับท่านบิชอปคุยกันเรื่องการเมืองในสภา แน่นอนว่าต้องมีเรื่องเกี่ยวกับศาสนามาเกี่ยวข้อง จอร์จถูกมาร์กาเร็ตลากไปคุยอยู่กับพ่อของเธอ จึงไม่สามารถปลีกตัวมาช่วยเขาออกจากวงสนทนาอันน่าเบื่อนี้ได้ ส่วนแม๊กซ์ดูเหมือนมีธุระวุ่นวายต้องรีบกลับไปสะสาง เขาจึงหายตัวไปตั้งแต่เสร็จพิธีมิสซา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงได้แต่กลั้นหาว พลางคิดว่าเขาควรจะแสร้งทำเป็นไม่สบายเพื่อเลี่ยงจากการสนทนานี้ดีหรือไม่ แต่คิดไปคิดมา พ่อของเขาคงรู้ทันอยู่ดี ดังนั้นลอร์ดหนุ่มจึงจำต้องอดทนฟังเรื่องน่าเบื่อพวกนี้ต่อไป

กว่าที่การสนทนาจะจบลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าตัวเองคงหาวไปนับสิบรอบได้แล้ว เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหัวตา ขณะที่ลอร์ดบาธผู้เป็นพ่อหันมามองอย่างตำหนิ

“คือ... ผมพยายามตั้งใจฟังเต็มที่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แก้ตัวในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถม้า แม้เขาจะรู้ว่ามันคงไม่ได้ผลก็ตาม

“จอห์น พ่อเข้าใจว่าหัวข้อการสนทนามันอาจจะไม่สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเวลาแกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่อย่างน้อยๆ แกควรจะรักษามารยาทมากกว่านี้ ไม่ใช่ยืนหาวอย่างกับไม่ได้นอนมาหลายวัน”

เลดี้บาธทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เปลี่ยนเป็นหยิบพัดขึ้นมาปิดหน้าแทน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นว่าแม่ของเขาแอบหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้

“จอห์น! ” ลอร์ดบาธเรียกลูกชายของเขาอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบนั่งตัวตรงทันที “แกก็รู้ใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่เรื่องขำขัน”

“อ้อ... ครับ ผมทราบดี” ลอร์ดหนุ่มรีบตอบ “ที่จริงแล้วถ้าพูดถึงเรื่องกฎหมายกับศาสนา ผมค่อนข้างสนใจเรื่องมาตราสิบเอ็ด ของประมวลกฎหมายอาญาที่แก้ไขเมื่อสองสามปีก่อน * (Section 11 of the Criminal Law Amendment Act 1885 หรือรู้จักกันในชื่อ Labouchere Amendment – เป็นกฎหมายว่าด้วยการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายและชายด้วยกันถือเป็นความผิดอาญา มีระวางโทษตั้งแต่จำคุกสองปี และใช้หรือไม่ใช้แรงงานหนัก) ”

ลอร์ดบาธเลิกคิ้ว “ทำไมแกถึงได้สนใจประเด็นนี้ล่ะ?”

“ผมเห็นหน้าของท่านบิชอปแล้วนึกขึ้นได้ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบติดตลก แต่ดูเหมือนพ่อของเขาจะไม่ตลกด้วย

“เอาดีๆ สิจอห์น...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ผมเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ครับ ที่จริงผมเห็นด้วยว่าการซื้อขายหรือจัดหาเด็กผู้ชายมาค้าประเวณีเป็นเรื่องที่สมควรจัดให้เป็นอาชญากรรม แต่การเขียนให้การมีสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายเป็นอาชญากรรมนี่ ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเท่าไหร่”

“ยังไง?”

“คือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามใคร่ครวญคำพูด “เรามีคำว่า ‘ความรักแบบกรีก’ อยู่ใช่ไหมล่ะครับ ในยุคโซเครติส การรักกันของผู้ชายถือเป็นเรื่องสูงส่งนะครับ”

ลอร์ดบาธเลิกคิ้ว “งั้นหรือจอห์น... แกคิดแบบนั้นหรือ?”

“ผมหมายถึงโซเครติสและชาวกรีกเคยคิดแบบนั้นครับ ซึ่งในช่วงหนึ่งมันก็เคยเป็นที่ยอมรับ”

ผู้เป็นพ่อยักไหล่ “พ่อรู้ ใช่ว่าพ่อไม่เคยอ่านเรื่องพวกนี้”

“งั้น...”

“แต่เราอยู่ที่อังกฤษไม่ใช่กรีก และอีกอย่าง เราไม่ได้นับถือศาสนาเดียวกับโซเครติส ที่สำคัญเลยนะจอห์น ความรักกับการกระทำอนาจารแบบผิดธรรมชาติน่ะ พ่อว่าต่างกันเยอะ แกไม่ควรเอามารวมเป็นเรื่องเดียวกัน”

“แต่...”

ลอร์ดบาธเหลือบมองภรรยา ก่อนจะมองลูกชายอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงหยุดพูดไปกลางคัน ก่อนจะพูดต่อ

“ผมว่าวันนี้ผมไปอยู่ที่ห้องเขียนจดหมายกับพ่อดีกว่า”

เลดี้บาธอมยิ้ม ขณะที่ลอร์ดบาธพยักหน้า

เมื่อถึงคฤหาสน์เดล สองพ่อลูกจึงย้ายไปถกประเด็นกันต่อที่ห้องเขียนจดหมาย มันเป็นห้องทรงกลม ล้อมรอบไปด้วยชั้นหนังสือสูงท่วมหัว และภาพวาดสีน้ำมัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์ ตรงกลางห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ ที่โต๊ะมีชุดหมึกสำหรับเขียนจดหมาย กองจดหมาย กระดาษสำหรับเขียนจดหมาย และตะกร้าใส่เอกสาระสำคัญ

ลอร์ดบาธนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะเขียนจดหมาย ขณะที่ผู้เป็นลูกลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้าม คนรับใช้นำน้ำชามาวางไว้ให้ ก่อนจะกลับออกไป จึงเหลือสองพ่อลูกเพียงลำพัง

“เอาล่ะ มาว่าประเด็นของแกกันต่อซิ จอห์น ตะกี้ในรถแกกำลังจะพูดอะไรต่อ”

“ผมกำลังจะพูดว่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มอีกครั้ง “แม้ความสัมพันธ์ทางร่างกาย บางครั้งอาจจะไม่มีความรักมาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง แต่ความรักย่อมต้องเกี่ยวข้องกับสัมพันธ์ทางร่างกายเสมอ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์เรา ดังนั้นผมจึงคิดว่า ถึงจะเหมารวมกันไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถแยกกันได้เด็ดขาดอยู่ดี”

“นั่นล่ะประเด็น” ลอร์ดบาธว่า “เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาตินั่นแหละ เรื่องนี้จึงต้องผิด”

“....”

“พระเจ้าสร้างอีฟเพื่อให้คู่กับอดัม สร้างชายและหญิงมาให้คู่กัน เพื่อสืบเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ชาติ การที่ผู้ชายไปรักกับผู้ชายด้วยกันจึงถือเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ มันผิดตั้งแต่ตรงนั้นอยู่แล้ว”

“พระเจ้าเป็นผู้มอบความรัก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรก “แล้วทำไมพระองค์ถึงสร้างความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายขึ้นมา”

“มันไม่ใช่ความรัก” ลอร์ดบาธว่า “มันคือความใคร่ ลูกก็รู้ว่าคนในเมืองโสดมมีสภาพอย่างไร พวกเขาหลงใหลในการเสพกามจนน่าอดสู จนข้ามขอบเขตของพระเจ้าไป ต้องเป็นคนวิปริตทางกามขนาดไหน ถึงกระสันอยากมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันมากกว่าผู้หญิง พ่อล่ะจินตนาการไม่ออกจริงๆ”

“ผมคิดว่าเมืองโสดมไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มีความรัก มีเพียงความใคร่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะไม่สามารถรักผู้ชายด้วยกันได้”

ลอร์ดบาธทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ก็เปลี่ยนใจมาตั้งคำถามแทน “ทำไมแกถึงต้องพูดเรื่องนี้?”

“ผม?”

“อืม” ลอร์ดบาธพยักหน้า “ทำไมแกถึงดูมั่นใจนักว่าผู้ชายกับผู้ชายจะสามารถรักกันได้จริงๆ พ่อว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างของการกระทำวิตถารเท่านั้นแหละ”

“มันไม่ใช่ข้ออ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งขึ้นมา ลอร์ดบาธเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเห็นดังนั้นลอร์ดหนุ่มจึงได้สติ

“คือผมขอโทษที่ทำเสียงดัง จริงๆ แล้วมีเรื่องหนึ่งติดใจผมอยู่”

“เรื่องอะไรล่ะ เกี่ยวกับเพื่อนของแกใช่ไหม?”

“ไม่เชิงครับ” ลอร์ดหนุ่มพูด พลางบอกตัวเองให้ใจเย็นลง “มีคนเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้ผมฟัง เขาเล่าว่า ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เป็นผู้ชาย รักกับเพื่อนผู้ชาย พวกเขาสองคนจึงแอบไปพลอดรักกัน แต่ถูกจับได้ สุดท้ายทั้งคู่จึงจบลงที่การฆ่าตัวตาย”

“พระเจ้า...” ลอร์ดบาธครางเบาๆ “เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก”

“ใช่ไหมครับ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถ้าเปลี่ยนฝ่ายหนึ่งเป็นผู้หญิง เรื่องนี้คงจบลงที่การแต่งงาน แม้ว่ามันจะทำให้เสื่อมเสียนิดหน่อย แต่คงไม่มีใครตายแน่ มันเป็นความอยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัด”

“มันผิดที่พวกเขาไม่อาจหักใจแต่แรก” ลอร์ดบาธว่า “พวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้เอง”

“แต่พวกเขารักกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้ำ “ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาคงไม่ฆ่าตัวตาย”

“บางทีพวกเขาอาจทนรับความอับอายไม่ไหว”

“นั่นล่ะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมถึงรู้สึกว่า มาตรา11 จะยิ่งทำให้เกิดโศกนาฏกรรมมากขึ้น อีกอย่างมันอาจจะกลายเป็นข้ออ้างชั้นดีในการใส่ความใครก็ได้”

“ที่จริงแล้วตอนร่างกฎหมาย พ่อเองคิดแบบนี้เหมือนกัน” ลอร์ดบาธยอมรับ “มันอาจจะกลายเป็นข้ออ้างในการใส่ความใครต่อใครก็ได้”

“ใช่ครับ แม้โทษจะไม่ร้ายแรงถึงขั้นขว้างหิน แต่มันก็ทำให้เสื่อมเสียมาก”

ผู้เป็นพ่อผงกศีรษะ “แต่ก็นะ... หลังจากพิจารณากันอยู่หลายครั้ง พวกเราก็ลงความเห็นว่า การมีกฎหมายข้อดีมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ถ้าคนเราไม่ได้ทำพฤติกรรมหมิ่นเหม่ ก็คงจะถูกกฎหมายข้อนี้เล่นงานไม่ได้ง่ายๆ แกไม่ต้องกังวลแทนคนอื่นไปหรอก”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองผู้เป็นพ่อ ขณะอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง ลอร์ดบาธก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“พ่อดีใจนะที่แกสนใจเรื่องกฎหมายบ้านเมือง ไหนๆ แกก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว พ่ออยากให้แกออกไปดูสภาพของลอนดอนตอนนี้ ไปกับแมกซ์ก็ได้ เขาคงรู้หรอกว่ามีคลับเถื่อนที่ไหนเปิดขายบริการเด็กผู้ชายบ้าง แกจะได้รู้ว่าทำไมถึงต้องมีมาตรา11”

------------------------------------------

กอร์ดอนนั่งอยู่ในรถม้าคันใหญ่ของดยุกอ็อกฟอร์ด มันไม่กว้างเท่ารถม้าคันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มารับส่งเขาประจำ แต่ตกแต่งอย่างประณีตและดูอบอุ่นกว่า เสียงฝนกระทบหลังคาดังอยู่เหนือศีรษะ ม่านหน้าต่างที่ทำจากผ้าไหมอิตาลีถูกห้อยปิดลง ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นว่าคนในรถเป็นใครกันแน่ กอร์ดอนค่อนข้างแน่ใจว่าท่านดยุกคงไม่ได้ใช้รถม้าที่มีตราประจำตัว เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ามาเยือนที่นี่

ถึงอย่างไรเสีย ผู้ชายตรงหน้าเขาก็เป็นถึงดยุก จะทำอะไรย่อมต้องคิดถึงเรื่องคำครหาก่อนอยู่แล้ว

ดยุกอ็อกฟอร์ดมองชายหนุ่มตรงหน้า ปีนี้กอร์ดอนหนุ่มอายุสามสิบสี่ เขาจำได้ดี แม้จะไม่ได้เห็นเจ้าตัวตอนเกิดก็ตาม เอาเข้าจริงแล้วเขาพบเด็กหนุ่มคนนี้น้อยมาก ตอนที่เจน มาเรีย ดิกคิน ปฏิเสธการขอแต่งงานของเขาด้วยรถม้าที่ว่างเปล่า ท่านดยุกซึ่งในตอนนั้นยังมีตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและเฮดดิงตัน รู้สึกอับอายอย่างถึงที่สุด เขาขังตัวเองอยู่ในห้องหนึ่งสัปดาห์เต็ม ด้วยไม่ต้องการสู้หน้าใครทั้งนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเขาจะถูกปฏิเสธจากผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งอย่างไม่ไยดี ทั้งๆ ที่เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สังคมชั้นสูงของเขายอมรับในตัวเธอ

เจนเป็นลูกสาวของช่างทำรองเท้าประจำตัวพ่อของเขา ในวัยเด็กเขาไม่เคยพบเธอเลยแม้แต่หนเดียว เจมส์ ดิกคินซึ่งเป็นพ่อของเธอจะเข้ามาวัดรองเท้าและนำรองเท้าคู่ใหม่มาให้พ่อของเขาด้วยตัวเองเสมอ ฝีมือทำรองเท้าของเจมส์งดงามไร้ที่ติ ทุกครั้งที่ท่านเอิร์ลมองรองเท้าของผู้เป็นพ่อ เขามักเกิดคำถามว่ามันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร จนเมื่อเขาอายุราวสิบสองสิบสามปี ท่านเอิร์ลน้อยจึงขออนุญาตท่านพ่อของเขาเพื่อไปดูการทำรองเท้าที่บ้านของเจมส์ ตอนนั้นเองที่เขาได้พบกับเจนและกอร์ดอนเป็นครั้งแรก

ตอนนั้นเจนเพิ่งอายุสิบขวบ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่แก่นแก้ว และขยันไม่แพ้ผู้ชาย ส่วนกอร์ดอนมีวัยไล่เลี่ยกับเขา ตอนแรกท่านเอิร์ลคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของเจน ในการพบกันครั้งนั้น เจนและกอร์ดอนถูกสั่งให้ปฏิบัติต่อเขาในแบบที่ลูกของช่างทำรองเท้าพึงกระทำต่อท่านเอิร์ลผู้สูงศักดิ์ ทั้งคู่คอยเดินตามหลังเขา รอดูเผื่อว่าเขาจะต้องการเรียกใช้อะไร หรือหากเขาเบื่อก็อาจจะหาอะไรมาพูดเพื่อให้เขาหายเบื่อ ระหว่างที่ท่านเอิร์ลเยี่ยมชมร้าน

แน่นอนว่าการทำรองเท้าของเจมส์เป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับท่านเอิร์ลในตอนนั้น เขาเฝ้าถามนั่นถามนี่ ส่วนใหญ่คนที่ตอบคือเจน เพราะเธอเป็นลูกสาวของช่างทำรองเท้า ท่านเอิร์ลรู้สึกพิศวงที่เด็กผู้หญิงอายุแค่สิบขวบดูรอบรู้ในเรื่องที่เขาไม่รู้ ขณะที่เด็กผู้ชายอีกคนซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรองเท้าเลย เขาจึงหันไปถาม และได้รู้ว่ากอร์ดอนเป็นลูกชายของช่างตัดเสื้อ ซึ่งเปิดร้านอยู่ใกล้กัน ดังนั้นเมื่อเสร็จจากการเยี่ยมชมร้านตัดรองเท้า ท่านเอิร์ลจึงไปเยี่ยมชมร้านตัดเสื้อต่อ เขาจึงได้รู้ว่ากอร์ดอนเองก็เชี่ยวชาญในเรื่องที่เขาไม่รู้เหมือนกัน กอร์ดอนเป็นคนพูดน้อย เวลาพูดจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชัดเจน เขาไม่ค่อยยิ้ม ดูเหมือนเป็นคนที่ยากจะคุยด้วย แต่ท่านเอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและเฮดดิงตันชอบเขา เพราะดูเป็นคนจริงจังและจริงใจ

หลังจากนั้นหลายปี ท่านเอิร์ลไปเยี่ยมร้านทำรองเท้าอีกครั้ง คราวนี้เขาเป็นท่านเอิร์ลหนุ่มที่กำลังเนื้อหอม เพราะเป็นลูกชายคนโต และคนเดียว ซึ่งในอนาคตเขาจะได้รับตำแหน่งดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด และมรดกจำนวนมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาไปที่นั่นเพราะมีรองเท้าคู่หนึ่งต้องการแก้ไข เป็นการแก้ไขแบบที่เขาต้องอธิบายให้ช่างทำรองเท้าฟังด้วยตัวเอง และมันเป็นงานที่รีบมาก เพราะเขาต้องการใช้รองเท้าคู่นี้ในพรุ่งนี้เช้า และครั้งนั้นเอง ที่เขาได้พบกับเจน ดิกคินอีกครั้ง

ครั้งนี้เธอไม่ใช่เด็กหญิงอายุสิบขวบที่ช่างพูดช่างจาเมื่อหลายปีก่อนอีกแล้ว เธอกลายเป็นหญิงสาว ผู้มีผมสีบลอนด์สว่าง ดวงตาสีฟ้าสดใส เหมือนท้องฟ้าในยามไร้เมฆบดบัง พวงแก้มของเธอเป็นสีชมพูราวดอกกุหลาบแรกแย้ม ริมฝีปากของเธอแดงเรื่อราวลูกเชอรี่ ตอนที่เธอออกมาเปิดประตูให้เขา ท่านเอิร์ลคิดว่าเขาได้เห็นนางฟ้า

เขาตกหลุมรักเธอในวินาทีนั้นเอง

ความรักที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ท่านเอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและเฮดดิงตันกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในช่วงแรกเขาบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ไม่มีทางที่เขาจะตกหลุมรักลูกสาวของช่างทำรองเท้าได้ ต่อมาเขาจึงพบว่าเป็นการยากที่เขาจะสลัดภาพของเธอออกไปจากห้วงความคิด ในที่สุดท่านเอิร์ลก็ตัดสินใจกลับไปหาเธออีกครั้ง เขาคิดว่าการได้พบและพูดคุยกับเธอ จะทำให้เขาแน่ใจว่าเธอเป็นแค่ลูกสาวของช่างทำรองเท้า และเขาไม่มีทางหลงรักเธอจริงๆ

แต่แล้วยิ่งเขาได้พบเธอ ยิ่งเขาได้รู้จักเธอ ท่านเอิร์ลยิ่งพบว่าเขายิ่งทวีความรักต่อเธอมากขึ้น เธอไม่ใช่ผู้หญิงหยาบกร้าน เธอมีการศึกษา เธอวางตัวดี มีมารยาท รู้จักการแต่งตัว รู้จักการวางท่าทางในที่สาธารณะ เธอมีความถ่อมตัว และขณะเดียวกันก็มีความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง เธอออกมาทานอาหารกับเขา นั่งรถกับเขา แต่ไม่เคยแสดงอาการปลาบปลื้มอย่างที่ผู้หญิงคนอื่นๆ จะแสดงออก เมื่อได้นั่งรถม้าคันสวยไปกับท่านเอิร์ล เธอไม่หวั่นไหวไปกับยศถาบรรดาศักดิ์ของเขา นั่นเป็นเสน่ห์ของเธอ และขณะเดียวกันก็ทำให้ท่านเอิร์ลรู้สึกว่ามันเป็นกำแพงที่คั่นระหว่างเขากับเธอด้วย เขาจึงคิดหาตัวช่วย และตัวช่วยนั้นคือกอร์ดอน

เจนพูดถึงกอร์ดอนบ่อยครั้ง ท่านเอิร์ลจึงคิดว่ากอร์ดอนคงมีอิทธิพลต่อจิตใจของเจนไม่มากก็น้อย เธอคงรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชาย และกอร์ดอนก็เป็นชายที่คอยปกป้องเธอจากเรื่องเลวร้ายต่างๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นท่านเอิร์ลจึงหันไปทำความรู้จักกับกอร์ดอน ซึ่งตอนนั้นกลายเป็นช่างตัดเสื้อประจำตัวท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์ เริ่มจากการไปตัดเสื้อ ตอนแรกกอร์ดอนดูเหมือนจะเดาจุดประสงค์ของเขาออก แต่เมื่อพบกันเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาสองคนคุยกันถูกคอและเข้ากันได้ดี บางครั้งเขาก็ชวนกอร์ดอนไปดื่ม บางครั้งกอร์ดอนก็ชวนเขาไปดื่ม มีครั้งหนึ่งพวกเขามีเรื่องชกต่อยที่บาร์ แต่ไม่มีใครเป็นอะไร เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจสำหรับท่านเอิร์ลในตอนนั้น เขามีเพื่อนรักที่ไว้ใจได้ และเพื่อนรักของเขาก็สนิทกับสาวที่เขาหมายตาเอาไว้

ในที่สุดกอร์ดอนก็รับปากว่าจะหาทางทำให้เขาสมหวังกับเจน ถ้าเขาจะรับปากว่าจะไม่ทำให้เจนต้องเสียใจ แน่นอนว่าท่านเอิร์ลรับปาก จากนั้นเขาก็ได้ไปไหนมาไหนกับเจนบ่อยขึ้น เธอดูเป็นกันเองกับเขามากขึ้น เขาพาเธอไปแนะนำตัวกับญาติผู้ใหญ่ เพื่อที่จะให้เธอได้รู้ว่าเขาคบหาเธออย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่เพียงผิวเผิน แน่นอนว่าเมื่อผู้ใหญ่รู้ถึงชาติกำเนิดของเธอก็คัดค้านในตอนแรก แต่ท่านเอิร์ลก็ยังยืนยันว่าเธอจะเป็นเจ้าสาวของเขาในอนาคต จะมีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นที่ห้ามไม่ให้เขาแต่งงานกับเธอได้ นั่นคือเธอปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา ซึ่งเขาแน่ใจว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้น คนอื่นๆ ก็เช่นกัน

หลังจากที่เขาสามารถเอาชนะการคัดค้านของผู้ใหญ่ รวมถึงพ่อแม่ได้แล้ว ท่านเอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและเฮดดิงตันก็ตัดสินในขอเจน ดิกคินแต่งงาน เธอดูไม่แปลกใจตอนที่เขาขอ แต่บอกเขาว่าจะให้คำตอบในวันรุ่งขึ้น ท่านเอิร์ลคิดเองว่าเธออาจจะรู้สึกประหม่าแต่ไม่ได้แสดงออกมาให้เขาเห็น จึงขอเวลาไปเตรียมตัว

เขาใช้เวลาตลอดคืนนั้นไปกับการนอนฝันหวาน พร้อมกับกล่องแหวนในอ้อมกอด แหวนเพชรสีชมพูสดใส ที่ล้อมด้วยอัญมณีมีค่าแปดชนิด บนเรือนทองคำแท้เปล่งปลั่ง เขาฝันถึงภาพรอยยิ้มของเจนในตอนที่เขาสวมแหวนหมั้นวงนี้ให้เธอในวันรุ่งขึ้น นึกถึงภาพของเธอในชุดแต่งงานสีขาว สีหน้าที่มีความสุขที่สุดของเธอ

แต่ทุกอย่างกลับพังทลายลงราวกับปราสาททรายที่ถูกน้ำซัด รถม้าที่เขาส่งไปรับตัวเธอกลับมาพร้อมกับห้องโดยสารที่ว่างเปล่า คนรับใช้ถึงเป็นสารถีรายงานกับเขาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ว่าเจนถูกกอร์ดอนขอแต่งงานกลางถนน และเธอก็ตอบตกลง ท่านเอิร์ลถึงกับเซเมื่อได้ยิน เขาแทบไม่เชื่อว่านั่นเป็นเรื่องจริง

กอร์ดอนหักหลังเขา หมอนั่นขอเจนแต่งงานตัดหน้าเขา

และเจนก็ตอบตกลง

ท่านเอิร์ลปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้อง ทั้งรู้สึกอับอาย เสียใจ และคับแค้น

กอร์ดอนตัดหน้าเขา

ทำไมเจ้าตัวถึงขอเจนแต่งงานในวันสำคัญแบบนี้

ราวกับรู้ว่าถ้าไม่ขอวันนี้เจนจะตกลงแต่งงานกับเขา

หรือว่า...

ท่านเอิร์ลไม่อาจบรรยายได้ว่าเขาปล่อยให้น้ำตาไหลรินนานแค่ไหน

เจนไม่ได้ตั้งใจจะตอบตกลงแต่งงานกับเขาแต่แรก

แต่รอให้กอร์ดอนขอแต่งงานเพื่อที่จะได้ตอบตกลงต่างหาก

เจนรักกอร์ดอน ไม่ใช่เขา

เธอไม่ได้รักเขา แต่ที่ยอมคบหากับเขาเพราะกอร์ดอนเป็นฝ่ายจัดการ ตามคำขอร้องของเขาต่างหาก

กอร์ดอนไม่ได้หักหลังเขา ไม่ได้ตัดหน้าเขา

เขาต่างหาก ที่ไปอยู่ผิดที่ผิดทาง

ถ้าเขาไม่เจอเจนในวันนั้น เขาคงไม่...

ความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่เขาราวกับคลื่นน้ำในทะเลคลั่งที่สาดซัดเข้าใส่เรือลำน้อย ท่านเอิร์ลรู้สึกราวตัวเองกำลังจะขาดใจรอมร่อ เขาเฝ้าอ้อนวอนต่อพระเจ้า ขอสิ่งใดก็ได้ให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ต่อไป ในความโศกเศร้าที่เหมือนไม่มีจุดจบ ภาพรอยยิ้มแห่งความยินดีของเจนก็ปรากฏขึ้น เพียงแว้บเดียว คลื่นคลั่งที่ถาโถมเขาใส่เขาก็หยุดชะงัก เอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและเฮดดิงตันได้สติทันที

ใช่แล้ว นี่คือสิ่งที่เขาปรารถนาสูงสุด

ความสุขของเจน

กอร์ดอน โอเดนเบิร์ก กับเจน ดิกคินแต่งงานกันหลังจากนั้นราวครึ่งปี ก่อนหน้านั้นห้าเดือน พวกเขาได้รับจดหมายจากท่านเอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและเฮดดิงตัน เป็นจดหมายแสดงความยินดี และบ่งบอกถึงความตั้งใจที่จะมาร่วมงานแต่งงานของพวกเขา หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้รับจดหมายอีกหลายฉบับ จากสถานที่ต่างๆ ดูเหมือนท่านเอิร์ลจะออกท่องเที่ยว ท่านเอิร์ลขอให้ทั้งคู่ส่งบัตรเชิญทางไปรษณีย์ แทนที่จะมาด้วยตัวเอง กอร์ดอนคิดว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของท่านเอิร์ลหนุ่ม เขายังคงพยายามวางตัวเป็นสุภาพบุรุษที่ดีพร้อม แต่แน่นอนว่าเขาคงยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะพร้อมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จนวินาทีสุดท้าย กอร์ดอนตัดสินใจส่งบัตรเชิญให้เขาทางไปรษณีย์ตามคำขอ

ในที่สุดท่านเอิร์ลก็ตัดสินใจไปร่วมงานแต่งงาน หลังจากใช้เวลาทำใจอยู่หลายวัน ที่จริงคือครึ่งปีต่างหาก เขาสวมชุดทักซิโดที่กอร์ดอนเป็นคนตัด สวมรองเท้าที่พ่อของเจนเป็นคนตัดให้ ส่วนของขวัญวันแต่งงานเป็นชุดรับแขกขนาดกลางที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เพราะเขาได้ยินมาว่ากอร์ดอนจะไปเปิดร้านใหม่ที่ลอนดอน

เอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและเฮดดิงตันไปร่วมพิธีที่โบสถ์ เขาไปถึงก่อนคู่บ่าวสาวเล็กน้อย นั่งอยู่แถวหลังสุด ด้วยความไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่เมื่อเขาได้เห็นเจน เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอ โลกทั้งโลกก็พลันสดใสขึ้นมา ท่านเอิร์ลคิดว่าไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่เขาจะต้องเสียใจ เพราะสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว

ความสุขของเจนคือความสุขของเขา และลอร์ดอ็อกฟอร์ดแน่ใจว่ากอร์ดอนจะทำให้เธอมีความสุขตลอดไป

แน่นอนว่ากอร์ดอนไม่ทำให้เขาผิดหวัง แม้การไปเปิดร้านใหม่จะขลุกขลักในตอนแรก แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี เขาได้เป็นพ่อทูนหัวของวิลเลียม ลูกชายคนแรกและคนเดียวของกอร์ดอนกับเจน วิลเลียมเป็นเด็กน่ารัก พูดจาฉะฉานเหมือนแม่ของเขา ตอนนั้นลอร์ดอ็อกฟอร์ดยังไม่ได้แต่งงาน เขาจึงรักวิลเลียมเหมือนลูกอีกคน แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเขาได้รับตำแหน่งดยุกต่อจากพ่อของเขา เจนก็เสียชีวิตลง ยังความโศกเศร้ามาให้เขาและครอบครัวโอเดนเบิร์กเป็นอย่างมาก ดยุกอ็อกฟอร์ดตัดสินใจซื้อที่เพิ่มเพื่อสร้างหลุมฝังศพขนาดใหญ่ เป็นการบอกลาคนรักของเขาเป็นครั้งสุดท้าย กอร์ดอนยินยอมโดยไม่คัดค้าน ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีเงินสร้างหลุมฝังศพภรรยา แต่เขาทราบดีถึงความอาลัยรักของท่านดยุก และไม่ต้องการที่จะทำลายความรู้สึกนั้น เพราะเขาเคยทำลายมันมาแล้วเมื่อครั้งขอเจนแต่งงาน

หลังจากเจนเสียชีวิตไปได้ราวหนึ่งปี ดยุกอ็อกฟอร์ดก็แต่งงานกับเลดี้คนหนึ่ง ผู้เพียบพร้อมและคู่ควรกับฐานะของเขาราวกิ่งทองกับใบหยก เขามอบความรักให้เธอในฐานะภรรยา ให้เกียรติเธอในฐานะแม่ของลูก เธอทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีไม่มีที่ติ เธอเป็นรักครั้งที่สองของเขา แต่ทว่าหลังจากให้กำเนิดลูกชายคนเล็กได้ไม่นาน เธอก็เสียชีวิตลง ยังความทนทุกข์มาให้กับท่านดยุกอีกครั้ง ท่านดยุกตัดสินใจไม่แต่งงานอีก ขณะที่เขาวุ่นอยู่กับการเลี้ยงดูบรรดาลูกๆ ทั้งสามคนโดยปราศจากแม่ ข่าวร้ายก็มาเยือนอีกครั้ง เมื่อวิลเลียมกับภรรยาเสียชีวิตในอุบัติเหตุ ท่านดยุกไปร่วมงานศพ เขาพบว่ากอร์ดอนแก่ลงกว่าที่ควรจะเป็นหลายปี ที่ยืนอยู่ด้วยกันคือลูกชายของวิลเลียม มีชื่อว่ากอร์ดอน

กอร์ดอนน้อยในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่รู้ประสีประสา เขาไม่เข้าใจคำว่าตายด้วยซ้ำ เด็กน้อยคิดว่าพ่อแม่ของเขาแค่หลับไป เขาร้องไห้โยเยว่าทำไมต้องโกยดินทับที่นอนของพ่อแม่เขา แทนที่จะติดประตูเอาไว้ ทุกคนน้ำตาไหล ดยุกอ็อกฟอร์ดสงสารเพื่อนเก่าของเขาจับใจ เขาอาจจะสูญเสียคนรักเก่า สูญเสียลูกทูนหัว แต่กอร์ดอนเสียทั้งภรรยา ทั้งลูกชายเพียงคนเดียวและลูกสะใภ้ เป็นความสูญเสียใหญ่หลวงและยากที่คนคนเดียวจะรับได้ แต่กอร์ดอนก็ยังทนรับมันได้ เพราะในมือของของมีมือของกอร์ดอนตัวน้อย

หลังจากนั้นท่านดยุกไม่ได้พบกับกอร์ดอนน้อยอีก ด้วยเพราะพักอยู่ห่างกันมาก ตระกูลโอเดนเบิร์กตั้งรกรากอยู่ที่ลอนดอน ส่วนเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่อ็อกฟอร์ด ซึ่งมีแขกแวะเวียนมาแทบทุกวัน แต่เขาก็ยังได้รับจดหมายจากกอร์ดอน เนื้อความในจดหมายส่วนใหญ่บรรยายเกี่ยวกับหลานของเขา กอร์ดอนน้อย มีอยู่ฉบับหนึ่งที่เขาส่งรูปถ่ายมาให้ เป็นรูปคู่ของเขากับหลาน แว้บแรกที่เห็น ดยุกอ็อกฟอร์ดขนลุกซู่ รู้สึกเหมือนได้เห็นเจนในวัยเด็กอีกครั้งหนึ่ง แม้จะมีบางอย่างไม่เหมือนกันอยู่บ้าง เช่นความตรงของเส้นผม แต่ดวงตาและเค้าหน้าถอดแบบมาจากเจนแทบไม่ผิดเพี้ยน คงเป็นเหตุผลว่าทำไมกอร์ดอนถึงเขียนเกี่ยวกับหลานคนนี้ของเขาไว้มากนัก คงไม่ใช่แค่เพราะนี่คือทายาทเพียงคนเดียว แต่คงเพราะเขาหวังให้ท่านดยุกคอยช่วยดูแล หากถึงเวลาหนึ่งที่เขาไม่สามารถอยู่ดูแลหลานได้

ท่านดยุกได้เพียงแต่ภาวนาให้กอร์ดอนอยู่ได้นานพอที่จะเห็นกอร์ดอนน้อยเติบโตและมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝา

แต่คำภาวนาของเขาไม่เป็นจริง...

--------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-03-2019 05:39:20
“ได้ยินว่ามีลอร์ดคนหนึ่งไปสั่งตัดเสื้อกับเธอทั้งตู้ เขาคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธองานล้นมืออย่างไม่ต้องสงสัย” ท่านดยุกชวนคุยหลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งนิ่ง กอร์ดอนยิ้ม

“ถึงผมจะไม่สามารถระบุลงไปได้แน่ชัดว่าทั้งตู้ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็สั่งชุดสำหรับฤดูหนาวกับผมไว้สี่ชุด ไม่รวมชุดในฤดูใบไม้ร่วงอีกสี่ชุด”

“ฉันคิดว่าคงรวมถึงชุดในฤดูร้อนนี้ด้วย”

กอร์ดอนพยักหน้า ดยุกอ็อกฟอร์ดจึงพูดต่อ “เหมือนกับเขาเพิ่งโผล่เข้าลอนดอนมาโดยไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว อยากรู้จริงว่าใครเป็นคนแนะนำให้เขาไปตัดเสื้อที่ร้านของเธอ”

กอร์ดอนหัวเราะ “ผมคิดว่าท่านจะสงสัยว่าเขาเป็นใครเสียอีก”

“ฉันคิดว่าฉันรู้หรอกว่าเขาเป็นใคร อันที่จริงแล้วครอบครัวของเขาค่อนข้างสนิทกับฉันมาก”

กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ดยุกอ็อกฟอร์ดพูดต่อ “ทีนี้เล่าให้ฉันฟังสิว่าใครแนะนำให้เขาไปตัดเสื้อกับเธอ จะได้รู้ว่าเราพูดถึงคนคนเดียวกันอยู่ไหม”

กอร์ดอนใช้เวลาคิดอึดใจ ก่อนจะตอบไปตามความจริง “ผมกับเขาเจอกันโดยบังเอิญ ตอนนั้นเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา”

“อ้อ น่าสนใจ เจอกันได้ยังไงล่ะ อย่างเขาถึงจะมนุษย์สัมพันธ์ดี แต่คงไม่เที่ยวทักใครต่อใครไปทั่วหรอก”

กอร์ดอนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้ท่านดยุกฟัง เมื่อฟังจบ ใบหน้าของดยุกอ็อกฟอร์ดก็ปรากฏรอยยิ้ม

“เธอเป็นคนโชคดีทีเดียว จอห์นไม่ใช่คนที่จะคบใครง่ายๆ แม้ว่าเขาจะมีเพื่อนฝูงมากมายก็เถอะ ฉันหมายถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเป็นลูกค้าที่กำลังสั่งตัดเสื้อกับเธอทั้งตู้อยู่ตอนนี้ใช่ไหม”

กอร์ดอนมองท่านดยุกด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง “ใช่ครับ ท่านทำให้ผมแปลกใจทีเดียว ท่านลอร์ดเล่าให้ท่านฟังเรื่องผมหรือครับ?”

“เปล่าเลย” ดยุกอ็อกฟอร์ดตอบ “ฉันรู้เพราะตั้งแต่จอห์นกลับมาจากอเมริกา ทุกครั้งที่เขามาพบฉัน จะต้องสวมสูทที่เธอเป็นคนตัด และไม่เคยซ้ำกันด้วย เขาไม่เคยรู้จักร้านเธอมาก่อน เพราะอย่างนั้นชุดพวกนั้นต้องเพิ่งตัดเสร็จหลังเขากลับมา เฮนรี่พ่อของเขาคงไม่ใช่คนแนะนำ เพราะถ้าเฮนรี่เป็นคนแนะนำ ฉันแน่ใจว่าเธอจะไม่ยอมตัดชุดให้เขารวดเดียวหลายชุด เธอไม่รับงานหลายชุดติดๆ กันจากลูกค้าคนเดียว ดังนั้นฉันจึงสงสัยเหลือเกินว่าใครหนอแนะนำเขาไป เธอถึงได้ยอมทำในสิ่งที่ปกติแล้วเธอไม่ได้ทำบ่อยนัก”

กอร์ดอนหัวเราะด้วยความกระดาก “ผมละอายต่อท่านดยุกจริงๆ ครับ ที่จริงแล้วผมควรจะเร่งตัดชุดสำหรับฤดูหนาวตัวใหม่ให้ท่านด้วย”

“นี่... ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้มาพบเธอเพื่อทวงของพวกนั้น ฉันแค่แปลกใจ และตอนนี้ฉันก็ได้รู้แล้ว แม้ว่าจอห์นจะสร้างภาระให้เธอ แต่เขาก็เป็นลอร์ดที่ดี ถ้าเขาถือเธอเป็นเพื่อน ฉันก็รู้สึกเบาใจ อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนอายุน้อยที่ทรงพลังไม่เบาเลย”

“ได้ไปดูเขาต่อยมวยหรือเปล่าครับ?” กอร์ดอนถามต่อ เมื่อเห็นท่านดยุกพยักหน้าจึงพูดต่อด้วยความภูมิใจ “เขาชกได้ดีมาก เป็นการชกที่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย”

“ใครๆ ก็พูดแบบนั้น” ท่านดยุกตอบ “ฉันไปดูการชกนั่น และเห็นด้วยกับเธอทุกประการ เขาชกได้ยอดจริงๆ และยังเป็นสุภาพบุรุษที่น่ายกย่อง ซึ่งฉันว่าหายากแล้วในสมัยนี้”

“ครับ เขาสุภาพมากด้วย ผมหมายถึง เขาไม่แสดงอาการรังเกียจหรือดูถูกคนที่มีฐานะต่ำกว่าเขาเลย”

“นั่นเพราะเขารู้สึกถูกชะตากับเธอหรอก” ท่านดยุกตอบยิ้มๆ “จอห์นน่ะเป็นคนไม่ถือเรื่องฐานะมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเหมือนอาของเขา แต่เรื่องความย่อหยิ่งน่ะ เขามีพอๆ กับพ่อและปู่ของเขาเลย ถ้าเป็นคนที่เขาไม่ชอบ เขาจะแสดงอาการรังเกียจแบบไม่ปิดบังอำพราง เขาอาจจะทำเป็นไม่สนใจเดินผ่านไป หรืออาจจะเอ่ยปากไล่ถ้าจำเป็น ต่อให้คนคนนั้นมีบรรดาศักดิ์เทียบเท่ากับเขาหรือสูงกว่าก็เถอะ ยังดีนะที่เขาไม่เคยออกปากไล่คนที่มีฐานะสูงกว่าเขา แต่เดินผ่านน่ะ ฉันว่าเขาทำบ่อยเลยล่ะ”

“ดูท่าทางท่านจะรู้จักเขาดีเลยนะครับ” กอร์ดอนว่า ดยุกอ็อกฟอร์ดผงกศีรษะ

“ปู่ของเขาสนิทกับฉัน พ่อของเขาก็ด้วย สมัยเด็กๆ เขามาที่คฤหาสน์ของฉันบ่อยๆ ตอนนั้นลูกๆ ฉันมีครอบครัวไปหมดแล้ว เขาเลยกลายเป็นเด็กคนเดียวในบ้าน เขาทำให้คฤหาสน์ของฉันครึกครื้นมากเลยทีเดียว”

ดวงตาของท่านดยุกเป็นประกายเมื่อนึกถึงคืนวันเก่าๆ กอร์ดอนยิ้ม “เขาคงสนิทกับท่านด้วย”

“เปล่าเลย” ท่านดยุกตอบ “จอห์นไม่ค่อยชอบฉันหรอก เขารู้สึกว่าฉันเป็นคนเย็นชา ซึ่งก็จริง ฉันคงจะแปลกใจมากถ้าเขานึกชอบฉัน”

กอร์ดอนทำท่าจะอ้าปากแย้ง แต่ท่านดยุกพูดขัดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร บางทีความอ่อนโยนทั้งหมดที่ฉันเคยมีมันอาจจะไปอยู่กับย่าของเธอและภรรยาของฉันบนสวรรค์หมดแล้ว”

“ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่าลึกๆ แล้วท่านเป็นคนอ่อนโยนทีเดียว”

ท่านดยุกได้แต่ยิ้ม “นี่... พ่อหนุ่มกอร์ดอน”

“ครับ?”

“ฉันมีเรื่องอยากขอร้องเธอ”

“โอ... ท่านไม่ต้องขอร้องหรอกครับ บอกมาเถอะครับ หากทำได้ผมยินดีที่จะช่วย”

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันขอให้เธอช่วย แต่เป็นเรื่องที่ฉันขอให้เธอตกลง”

“.....”

“ฉันมีที่ดินผืนหนึ่งอยู่ที่เวมบลี ไม่ต้องกลัว มันไม่ใช่ที่ดินมรดก ฉันเพิ่งซื้อเมื่อสองสามปีก่อน เป็นที่ที่สวยมาก ที่นั่นมีฟาร์ม มีร้านค้า มีโรงแรม มีบ้านหลังเล็กๆ น่ารัก แบบที่เธอเห็นจะต้องชอบ ฉันจะให้ที่ผืนนั้นกับเธอ เธอสามารถตั้งร้านเล็กๆ ที่นั่นได้ เธอจะมีรายได้จากค่าเช่า เพียงพอจะดูแลบ้าน และครอบครัว พ่อหนุ่มกอร์ดอน เธอก็อายุไม่น้อยแล้ว ตอนกอร์ดอนอายุเท่าเธอ เขามีลูกชายแล้ว ฉันว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องสร้างครอบครัวเสียทีแล้วล่ะ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ฉันอยากให้เธอปิดร้าน แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่น ตกลงกับฉันได้ไหม?”

กอร์ดอนนิ่งอึ้ง รู้สึกเหมือนจู่ๆ ก็เดินชนเข้ากับเบาะนิ่มๆ ไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บ แต่ทำให้เขารู้สึกงงงัน เขานั่งเงียบไปโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ จนท่านดยุกพูดขึ้นอีก

“ฉันรู้ว่ามันกะทันหันสำหรับเธอ ที่จริงแล้วฉันตั้งใจจะเชิญเธอไปคุยเรื่องนี้ที่คฤหาสน์ ไม่ต้องห่วงไป ฉันไม่คาดคั้นจะเอาคำตอบจากเธอตอนนี้หรอก แต่ฉันอยากให้เธอได้เห็นที่ดินผืนนั้นก่อน” พูดจบท่านดยุกก็หยิบแว่นตาขึ้นมาสวม พร้อมกับหยิบสมุดนัดหมายขึ้นมาเปิดดู

“วันอาทิตย์หน้าสะดวกไหม ฉันจะให้คนไปรับเธอที่โบสถ์หลังพิธีมิสซา เธอจะพาเด็กหนุ่มที่ร้านไปด้วยก็ได้นะ ฉันรู้ว่าเธอเอ็นดูเขามากทีเดียว”

ในที่สุดกอร์ดอนก็พูดออกมาจนได้ “เป็นพระคุณมากเลยครับ”

“เป็นอันว่าเธอตกลงแล้วกัน วันอาทิตย์ฉันจะให้คนเอารถไปรับ”

---------------------------------------------

“สรุปแล้วที่นายมาหาฉัน ก็เพราะเรื่องที่นายคุยกับพ่อนายสินะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นหลังฟังลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่าเรื่องจบ อีกฝ่ายพยักหน้า

“ใช่ ฉันควรไปดูให้เห็นกับตา แต่อันที่จริงแล้วฉันว่ามันแตกต่างกันมาก ระหว่างการค้าประเวณีเด็ก กับการรักกันระหว่างผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน”

“ตัวกฎหมายพูดถึงการร่วมสังวาสผ่านทางทวารหนัก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “มันไม่เกี่ยวอะไรกับความรักสักนิด”

“มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เถียง “ในเมื่อคนรักกันก็ต้องอยากมีอะไรกันอยู่แล้ว”

“นี่นายกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเองใช่ไหม?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนของเขาอย่างรู้ทัน “นายอยากมีอะไรกับกอร์ดอน ซึ่งนายรู้ว่ามันผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม แต่นายก็ดังพยายามหาเหตุผลมาเพื่อให้มันฟังดูถูกต้อง”

“ฉันยังไม่ได้มีอะไรกับกอร์ดอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สวนทันที “และฉันไม่ต้องการเถียงกับนายเรื่องนี้ ให้ตายสิแมกซ์ ฉันแค่รู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งฉันเกิดเผลอจูบกอร์ดอนให้ใครเห็นขึ้นมา จะกลายเป็นว่าพวกเราก่ออาชญากรรมทันที ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องถูกต้องเลยสักนิด”

“มันก็ไม่ถูกตั้งแต่นายคิดจะจูบกอร์ดอนแล้วล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด ก่อนจะถอนหายใจ “เอาเถอะจอห์นนี่ ฉันรู้ว่านายต้องอดทนกับเรื่องนี้มาก ฉันเห็นใจนายนะ แต่นายไม่จำเป็นต้องไปสถานที่พวกนั้น มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่นายกังวลตรงไหนเลย หรือนายกลัวว่าพ่อนายจะถามถึง”

“ฉันไม่ได้กลัวว่าเขาจะถามถึง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ฉันแค่คิดว่าฉันควรจะต้องไปดูให้รู้แน่”

“รู้แน่เรื่องอะไร?”

“เรื่องที่ฉันรักกอร์ดอน” เขาพูดต่อ “ฉันอยากแน่ใจว่าฉันรักกอร์ดอนจริงๆ ไม่ใช่แค่ใคร่เพราะอยากได้ร่างกายของเขา”

“โอ้ ให้ตายเถอะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “นายบ้าไปแล้ว”

“ฉันไม่ได้บ้า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “กอร์ดอนเป็นผู้ชายที่สวย ฉันลองคิดแล้ว ฉันไม่เคยพบผู้ชายที่สวยขนาดเขามาก่อน ที่พวกนั้นมีผู้ชายสวยๆ ใช่ไหม ฉันอยากรู้ว่าฉันจะมีอารมณ์กับผู้ชายพวกนั้นหรือเปล่า ถ้าไม่ เรื่องที่ฉันรักกอร์ดอนก็เป็นเรื่องจริง”

“ฉันภาวนาให้เป็นแบบนั้นเลยจอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เพราะถ้านายเกิดมีอารมณ์กับผู้ชายพวกนั้นจริง ฉันคงต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ เหมือนฉันไม่เคยรู้จักนายเลย”

“อย่าเพิ่งคิดไกลไปแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “สรุปแล้วนายจะพาฉันไปไหม?”

“ถึงฉันปฏิเสธ นายคงยืนกรานจะให้ฉันพาไปให้ได้อยู่ดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดพลางถอนหายใจ “แต่ของพวกนี้ต้องไปช่วงพลบค่ำ นายกลับบ้านไปเตรียมตัวให้พร้อม แต่งตัวอย่าให้ใครจำได้ แล้วมาเจอฉันที่นี่ตอนหนึ่งทุ่ม”

-------------------------------------

ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับไปที่คฤหาสน์ หากมีคนจำเขาได้ในสถานที่แบบนั้น เรื่องซุบซิบนินทาจะตามมาอย่างหาทางเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เขาอาจจะไม่สนใจหากถูกจับได้ว่าก่อเรื่องทะเลาะวิวาทที่บาร์ เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติสามัญทั่วไป ผู้ชายไม่ว่าหน้าไหนก็ต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาททั้งนั้น แต่การไปที่คลับใต้ดิน หรือซ่องเถื่อนนั้นต่างออกไป สถานที่พวกนั้นเป็นสถานที่ที่น่ารังเกียจ และผิดกฎหมาย เขาจำต้องปลอมตัวอย่างดี เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่าเป็นใคร และดูเหมือนเชอร์ลอร์ก โฮล์ม จะช่วยเขาไว้ในเรื่องนี้

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รื้อเอาวิกผมและหนวดปลอมออกมาจากกล่องเก็บของ เขาซื้อของพวกนี้ตอนที่กลับมาถึงใหม่ๆ ด้วยคิดว่าสักวันคงจะได้เล่นบทปลอมตัวอย่างนักสืบชื่อดังคนนั้น รื้อเสื้อผ้าสมัยที่อยู่อเมริกาออกมาจากหีบ ก่อนจะสั่นกระดิ่งเรียกโอลิเวอร์มาให้ช่วยแต่งตัว

“พระเจ้า คุณแน่ใจนะครับว่าจะไปที่พวกนั้นจริงๆ” โอลิเวอร์ถามขึ้นเมื่อฟังเจ้านายของเขาจบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

“อืม พ่ออยากให้ฉันไป”

“โอ... ผมแน่ใจว่านายท่านต้องไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นจริงๆ แน่” คนรับใช้หนุ่มพูด พลางมองดูนายน้อยของเขา “ที่พวกนั้นแย่ยิ่งกว่าสังเวียนใต้ดินของแมคคาธีเสียอีก”

“ฉันคิดว่าพ่อต้องการให้ฉันไปดูจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และฉันคิดว่าฉันควรเห็นมันด้วยตาของตัวเอง แกรีบมาช่วยฉันได้แล้ว โอลิเวอร์ ฉันต้องการแน่ใจว่าจะไม่มีใครจำฉันได้ที่นั่น”

โอลิเวอร์มองเขาอึดใจ ก่อนจะพูดต่อ “นายท่านรู้เรื่องนี้หรือยังครับ? ผมหมายถึง คุณได้บอกเขารึเปล่าว่าคุณจะไปที่พวกนั้นเย็นนี้”

“ฉันคิดว่าพ่อคงรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าแกกังวลนัก พอฉันแต่งตัวเสร็จจะแวะไปบอกเขา”

คนรับใช้พยักหน้า “ดีครับ งั้นผมจะช่วยคุณแต่งตัว”

“อืม ฉันอยากให้ตัวเองดูเหมือนหัวหน้าคนงานเหมือง คิดว่าเสื้อผ้าพวกนี้คงช่วยได้ แกคิดว่าไง”

โอลิเวอร์มองดูเสื้อผ้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะพูดตอบ “ผมว่าคุณดูเหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกา”

“ใช่ นี่เป็นเสื้อผ้าที่ฉันใช้ที่นั่น”

“เป็นเสื้อผ้าที่มีราคานะครับ”

“อืม... คงไม่มีใครอยากต้อนรับแขกที่ดูถังแตกหรอก ยังไงฉันก็ต้องทำตัวให้ดูเป็นคนกระเป๋าหนักเข้าไว้ ซึ่งที่จริงแล้วมันก็ง่ายกว่าทำตัวให้ดูถังแตกด้วยซ้ำ”

คนรับใช้ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ผมคิดว่าหนวดปลอมกับวิกผมที่วางอยู่ตรงนั้น น่าจะช่วยได้เยอะ คุณเคยใช้พวกมันมาก่อนรึเปล่าครับ?”

“เคยลองใส่ดูหน้ากระจกน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “แต่ไม่เคยใส่ออกไปข้างนอกจริงๆ หรอก”

“ผมได้ยินว่ากาวที่ใช้ติดหนวดกับวิกกับจะทำให้คันนิดหน่อย แต่คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา”

“อืม... ฉันอาจจะต้องยืมนาฬิกากับไม้เท้าของแก ไม้เท้าที่ฉันมีอยู่คงไม่เหมาะจะเอาไปเท่าไหร่”

“ผมมีนาฬิกาที่น่าจะเข้าท่ากับชุดของคุณอยู่ แต่ไม้เท้านี่น่าจะมีปัญหาเรื่องความสูง”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ “ฉันน่าจะสั่งทำไม้เท้าที่มีหัวเป็นตะกั่วไว้สักอัน เผื่อไว้สำหรับเวลาทำเรื่องพวกนี้”

โอลิเวอร์ผงกศีรษะ “ผมเข้าใจว่าคุณต้องการอาวุธคู่มือ ตั้งแต่เกิดเรื่องที่บาร์ของแมคคาธี แล้วนี่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กจะไปกับเราด้วยรึเปล่าครับ?”

“ไม่ มีแค่ฉันกับแมกซ์ แล้วก็แก ฉันคิดว่าแกควรต้องไปด้วย”

“ครับ ยังไงผมก็ต้องตามคุณไปอยู่แล้ว”

“ส่วนเรื่องไม้เท้า... ฉันคิดว่าแมกซ์น่าจะมีสักอันให้ฉันยืม”

-------------------------------------

ลอร์ดบาธกำลังอ่านหนังสืออยู่ ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปหาเขาในห้องเขียนจดหมาย พอเห็นลูกชายฝ่ายนั้นก็เลิกคิ้ว

“แกจะไปไหน?”

“ไปที่ที่พ่อบอกผมเมื่อเช้าครับ”

คนเป็นพ่อนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “งั้นก็ให้โอลิเวอร์ตามไปด้วย”

“ครับ ผมตั้งใจไว้แบบนั้น”

“ไปกับแมกซ์ใช่ไหม? มีคนอื่นอีกรึเปล่า?”

“ไม่มีครับ”

ลอร์ดบาธมองลูกชายอีกอึดใจหนึ่ง “ไปเถอะ ระวังตัวด้วยแล้วกัน ฉันจะบอกมาเรียว่าแกไปกินมื้อเย็นกับเพื่อนเหมือนที่เคย”

“ขอบคุณครับ”

ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องเขียนหนังสือ โอลิเวอร์กระซิบขึ้น “ดูเหมือนนายท่านไม่อยากให้นายหญิงทราบว่าคุณจะไปที่ไหนนะครับ”

“แน่นอน และฉันก็ไม่อยากให้แม่เห็นฉันในสภาพแบบนี้ด้วย พวกเราหลบออกไปทางประตูคนรับใช้ดีกว่า ฉันคิดว่าแม่คงไม่อยู่แถวนั้นหรอก”

พวกคนรับใช้ในคฤหาสน์มีสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นโอลิเวอร์เดินฉับๆ มาพร้อมกับชายแปลกหน้าตัวใหญ่ แต่ไม่มีใครกล้าถามอะไร เพราะพวกเขาแสดงท่าทางให้เห็นว่ากำลังเร่งรีบมาก ในที่สุดทั้งคู่ก็ออกมาจากคฤหาสน์ได้สำเร็จ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตะโกนบอกโอลิเวอร์ที่กำลังทำหน้าที่ขับรถให้เขา

“ฉันว่าตอนกลับมาทุกคนต้องถามแกเรื่องนี้แน่”

“ผมแน่ใจว่าต้องมีคนถามครับ คุณอยากให้ผมตอบไปว่าไง”

“บอกว่าฉันเป็นบุรุษลึกลับก็แล้วกัน”

คนรับใช้หัวเราะ “พวกนั้นต้องหาว่าผมโกหกแน่ๆ”

“ก็โกหกน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถ้ายังสงสัยอยู่ก็บอกว่าให้มาถามฉัน”

“ตกลงครับ ผมจะบอกพวกเขาตามนั้น”

รถม้าแล่นมาถึงคฤหาสน์ของลอร์ดสวินดันก่อนหนึ่งทุ่มตรงเล็กน้อย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าประหลาดใจระคนประทับใจเมื่อได้เห็นเพื่อนของเขา

“นายปลอมตัวได้น่าอัศจรรย์มาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ถ้านายไม่ได้มาพร้อมโอลิเวอร์ ฉันคงไม่เชื่อว่านี่คือนาย”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “หวังว่านี่จะช่วยให้ไม่มีใครจำฉันได้”

“ภาพติดตาของนายตอนนี้คือสุภาพบุรุษร่างใหญ่ ผู้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาและรอยยิ้มสดใส ตัดผมเรียบร้อยและหวีเป็นทรง แต่ที่อยู่ต่อหน้าฉันคือผู้ชายร่างใหญ่ ที่ไว้หนวดไว้เครา และผมกระเซิงเล็กน้อย ฉันว่าถ้าขอบตานายคล้ำอีกหน่อยจะเหมือนพวกลูกคนมีเงินที่ปล่อยตัวทีเดียว”

“หวังว่าฉันคงไม่ต้องหาผงถ่านมาตาขอบตาเพื่อให้มันสมจริงหรอกนะ”

“ไม่ต้องหรอกจอห์นนี่ ฉันคิดว่าคงไม่มีใครสังเกตอะไรพวกนี้เป็นพิเศษหรอก ว่าแต่แกก็จะไปด้วยกันกับพวกเราใช่ไหม?”

เขาหันไปถามโอลิเวอร์ ฝ่ายนั้นพยักหน้า

“ดี แกเล่นบทเป็นคนรับใช้อย่างเดิม ส่วนจอห์นนี่กับฉันจะเล่นเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แน่นอนว่าพวกเรามาจากบ้านที่มีเงิน แต่ไม่ได้มาจากตระกูลชั้นสูง เรียกจอห์นนี่ว่ามิสเตอร์เบิร์ก และเรียกฉันว่ามิสเตอร์จอห์นสัน”

“ครับ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กวาดตาดูเพื่อนของเขาอีกครั้ง “นายไม่ได้พกไม้เท้ามา?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าช่วยไม่ได้ “ฉันอาจจะขอยืมนาฬิกาจากโอลิเวอร์ได้ แต่ไม้เท้าฉันยืมเขาไม่ได้แน่ เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่หัวไม้เท้าของฉันทุกอันทำด้วยเงินหรือไม่ก็ทอง”

“อืม... ฉันพอเข้าใจข้อจำกัดของนายล่ะ ไม่เป็นไร ฉันพอมีไม้เท้าให้นายยืม คิดว่านายน่าจะชอบด้วย”

เขาเรียกคนรับใช้มากสั่งความ จากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็วิ่งกลับมา พร้อมไม้เท้าที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จำได้ว่าเป็นอันเดียวกันกับที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาติดตัวไปด้วยตอนมีเรื่องที่บาร์ของแมคคาธี

“ฉันรู้ ว่านายต้องชอบมัน” เขายื่นไม้เท้าส่งให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ อีกฝ่ายรับมาแล้วยิ้ม

“ไม้เท้าของนายเหมาะมือฉันมาก ฉันคิดว่าหลังจากนี้จะสั่งทำสักอันหนึ่ง”

“ฉันรู้จักร้านดีๆ”

จากนั้นทั้งสามคนก็เปลี่ยนไปใช้รถม้าที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนในกรุงลอนดอน มันเป็นรถม้าตอนเดียว ปิดประทุน กว้างพอจะให้คนตัวใหญ่สองคนเข้าไปนั่งด้วยกันโดยไม่เบียดเสียด ตัวรถม้าสีดำสนิท ไม่มีตราหรือสัญลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น โอลิเวอร์รู้สึกแปลกใจที่คฤหาสน์ของมาร์ควิสแห่งสวินดันมีรถม้าเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สอบถามอะไร เจ้าตัวปีนขึ้นที่นั่งสารถีและขับรถออกไปเงียบๆ โดยมีผู้โดยสารสำคัญสองคนอยู่ในตัวรถ

-----------------------------------

ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งมองไม้เท้าที่มีหัวทำด้วยอำพันของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ จากนั้นจึงพูดขึ้น “ฉันว่าโอลิเวอร์คงแปลกใจทีเดียวที่เห็นรถม้าคันนี้ของนาย”

“บอกเขาไปว่าพ่อฉันเป็นพวกบ้าสะสมรถม้า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ที่จริงฉันมีคันที่ดูแย่กว่านี้ แต่มันใช้งานได้ดีในบางสถานการณ์”

“ฉันรู้สึกมานานแล้วว่างานของนายเหมือนพวกนักสืบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ เพื่อนของเขาสั่นศีรษะ

“ถ้านายหมายถึงมิสเตอร์โฮล์มผู้โด่งดังคนนั้นล่ะก็ งานที่ฉันทำมันตรงกันข้าม ฉันไม่ได้ทำเรื่องที่น่านับถืออย่างเขา”

“แต่อย่างน้อยนายก็ช่วยสะสางปัญหารบกวนใจผู้คนในแบบที่สก็อตแลนด์ยาร์ดทำไม่ได้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจหรอก และฉันก็ไม่เคยนึกภูมิใจกับมันด้วย ว่าแต่โอลิเวอร์จะไม่สงสัยหรือ ว่าทำไมฉันถึงรู้จักสถานที่พวกนั้น”

“เขาคงสงสัย แต่ไม่กล้าพูดอะไรมากหรอก เขารู้จักสถานการณ์ดีพอที่จะพูด หรือไม่พูดอะไร ตระกูลของเขาทำงานให้บ้านฉันมายาวนานมาก เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้"

“ก็ดี ฉันไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าที่เป็นอยู่ ตัวฉันน่ะไม่อะไรหรอก แต่พ่อฉันนี่สิ นายก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”

“อืม... ฉันว่าโอลิเวอร์ควรกลัวเรื่องนี้มากกว่านาย ว่าแต่พวกเขาจะกลับกันมาเมื่อไหร่?”

“ไม่รู้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไมกี้บอกฉันว่าเขาจะกลับมาก่อนวันคัดตัว แต่ก่อนหน้านั้นสองวันเขาก็ส่งโทรเลขมาบอกฉันว่าเขากลับมาไม่ทัน ฉันแน่ใจว่าพ่อคงทำบางอย่างให้เขากลับมาไม่ทัน เขาต้องหัวเสียมากแน่ เมื่อวานฉันเลยส่งโทรเลขไปบอกเขาแล้วว่าฉันได้รับเลือก”

“อย่างน้อยๆ พ่อนายก็ควรจะกลับมาดูลูกชายตัวเองแข่งรักบี้ต่อหน้าพระพักตร์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะอย่างขมขื่น

“แน่ใจได้เลยว่าถ้าเขามา เขาก็มาเพราะเจ้าชายเสด็จไปทอดพระเนตร หรือไม่ก็เพราะไมกี้ยืนยันว่าจะต้องกลับให้ได้ เขาไม่มีทางมาเพราะฉันแน่ ฉันเหมือนส่วนเกินของเขามากกว่าลูกเสียอีก”

“ไม่เอาน่าแมกซ์ ยังไงนายก็เป็นลูกชายเขานะ ลึกๆ เขาต้องรักนายบ้างแหละ แต่พ่อนายอาจจะมีวิธีแสดงความรักที่ต่างออกไปสักหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบเพื่อน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่

“ช่างเถอะ ฉันเลิกสนใจเรื่องนั้นไปนานแล้วล่ะ อีกอย่างตอนนี้ไมกี้กลับมาแล้ว ทั้งเขาและนายทำให้ฉันมีความสุขมาก แม้ฉันจะรู้สึกแย่นิดหน่อยที่พวกนายสองคนไม่ถูกกัน”

“ถ้าฉันกับไมครอฟต์คุยกันถูกคอ นายอาจจะไม่มีความสุขขนาดนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา

“นั่นสินะ ฉันคงถูกลืมเหมือนเคย”

“ไม่มีใครลืมนายหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางขยับตัวไปตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“นายเป็นเพื่อนที่ดีนะแมกซ์ เป็นน้องชายที่ดี แล้วก็เป็นลูกชายที่ดีด้วย ที่สำคัญ นายเป็นสุภาพบุรุษที่ดีอย่างหาตัวจับอยาก นายต้องไม่ประเมินตัวเองต่ำจนเกินไป”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ขอบใจนะ จอห์นนี่”

---------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่35p.19(18/02-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-03-2019 05:39:46
ในที่สุดรถม้าก็แล่นมาจอดบนถนนเส้นเล็กๆ ในย่านที่เรียกได้ว่าแออัดที่สุดของเมือง สองข้างทางเต็มไปด้วยตึกที่ดูทรุดโทรม หลายหลังติดป้ายให้เช่าในราคาถูก ตามริมถนนมีโสเภณีที่พอกหน้าหนา แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาด ปิดบังอำพรางสภาพร่างกายของตน เร่ขายบริการให้กับชายที่ผ่านไปผ่านมา แน่นอนว่าพวกเธอหาลูกค้าได้ไม่ยาก เพราะคนที่มาที่นี่ล้วนหวังในเรื่องแบบนี้กันทั้งนั้น

ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กระโดดลงจากรถม้า พวกเขาได้กลิ่นบุหรี่และน้ำหอมราคาถูก กลิ่นเหงื่อไคล และกลิ่นสิ่งปฏิกูล ลอยปะปนอยู่ในอากาศ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งโอลิเวอร์ให้เฝ้ารถม้า เพราะสถานการณ์คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อน รถม้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ได้มีตราของคฤหาสน์ติดอยู่ มันเป็นรถม้าธรรมดาทั่วไป ซึ่งหากจอดทิ้งไว้ในสถานที่แบบนี้โดยไม่มีคนเฝ้า ต้องหายวับภายในห้านาทีแน่

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้ความมั่นใจกับคนรับใช้หนุ่ม ว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเรื่องชกต่อย แต่มาเพื่อดูแล้วก็กลับ ซึ่งมันคงกินเวลาไม่เกินเที่ยงคืน

โอลิเวอร์พยักหน้าอย่างรู้หน้าที่ ขณะมองลอร์ดหนุ่มทั้งสองเดินออกไป เขาแน่ใจว่าไม่นานจะต้องมีคนมาชวนคุย และเขาจะต้องปั้นเรื่องกันยาวเลยทีเดียว

แม้ที่นี่จะเป็นหนึ่งในแหล่งเสื่อมโทรมที่สุดของเมือง แต่กลับไม่มีขอทาน ยิ่งไม่มีขโมยล้วงกระเป๋า ไม่ใช่เพราะคนพวกนี้เลิกงานหลังฟ้ามืด แต่เพราะนักเลงที่คุมซ่องในบริเวณนี้ต้องการให้ลูกค้าของพวกเขามีเงินอยู่ในกระเป๋าก่อนที่จะเข้าไปในซ่อง ใครที่มาขอทานหรือล้วงกระเป๋าในนี้จะถูกจัดการชนิดที่คนอื่นเห็นแล้วไม่กล้าเอาอย่าง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่ากระเป๋าเงินของชายหนุ่มทุกคนจะปลอดภัย ทันทีที่พวกเขาลงจากรถม้า

เดินไปได้เพียงเล็กน้อย ทั้งสองก็ถูกโสเภณีเข้ามารุมล้อม พวกเธอไม่ใช่คนโง่ ดูจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็รู้ว่าสองคนนี้เป็นคนมีเงิน แน่นอนว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามปฏิเสธพวกเธออย่างสุภาพ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อได้ยินสำเนียงของเขา พวกเธอยิ่งรู้สึกมั่นใจว่าเขาต้องเป็นผู้ดีมีเงิน ดังนั้นจึงดาหน้ากันเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน จนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องตวาดเสียงดัง

“หยุดบ้าได้แล้ว”

เสียงตวาดของเขาทำให้สาวๆ ทั้งหมดชะงัก จากนั้นชายคนหนึ่งที่ดูออกว่าเป็นแมงดาก็รีบเดินเข้ามาไล่โสเภณีพวกนั้นออกไป ก่อนจะหันมาพูดอย่างประจบประแจง

“สายันห์สวัสดิ์ครับ มิสเตอร์จอห์นสัน กระผมตาบอดจริงๆ ที่ไม่เห็นคุณเดินเข้ามา ถ้าหากนังพวกนั้นทำให้คุณรำคาญก็ต้องขออภัยด้วย พวกหล่อนเพิ่งมาใหม่ ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่อง”

“ตอนนี้ฉันยังอารมณ์ดีอยู่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ สำเนียงของเขาเป็นแบบเดียวกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่น้ำเสียงที่ใช้พูดทั้งเย็นชาทั้งโหดเหี้ยม ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกเหมือนได้ยินลอร์ดสวินดันมาพูดอยู่ข้างๆ เขา

“ญาติของฉันเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เขาเบื่อผู้หญิงและอยากได้อะไรที่เร้าใจกว่านั้น ฉันรู้ว่าที่นี่มี นายเข้าใจใช่ไหม?”

“โอ้ แน่นอนเลยครับ ผมจะพาพวกคุณไปที่ที่ดีที่สุด รับรองว่าต้องไม่ผิดหวังแน่นอน”

เขารีบเดินนำลอร์ดหนุ่มทั้งสองเข้าไปในตรอก ยิ่งเข้าไปลึก กลิ่นในอากาศยิ่งฉุน ลอร์ดโทรว์บริดจ์คิดว่าด้วยสภาพของตึกที่ตั้งเรียงกันอย่างแออัด ทำให้ลมไม่สามารถพัดเข้ามาได้อย่างสะดวกนัก เขาเคยไปย่านเสื่อมโทรมในลอนดอนหลายแห่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาในสถานที่แบบนี้ มันค่อนข้างเป็นประสบการณ์ที่ยากจะบรรยาย

โสเภณีบางคนร่วมรักกับนักเที่ยวแทบจะติดกับกรอบหน้าต่าง ขณะที่บางคนเปิดของสงวนให้บรรดาชายหนุ่มกลัดมันดูตรงเชิงบันได ลอร์ดหนุ่มอดไม่ได้ที่จะมอง เขาเป็นผู้ชาย และแน่นอนว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยากับผู้หญิง เมื่อรู้สึกตัว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รีบหลุบสายตาลงต่ำทันที เขาหันไปกระซิบกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“นายทนมาที่นี่ได้ยังไง?”

“ฉันไม่ได้มาบ่อย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ทุกครั้งที่มา ฉันจะไปจบที่ร้านของเฮเลนน่า แอนเดอร์สัน แน่นอนว่าฉันแค่ต้องทนนิดหน่อย”

“ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยิบตาให้เขา

“หลังเที่ยงคืนร้านของเธอก็ยังเปิดอยู่ ถ้านายไม่อยากทน”

อีกฝ่ายรีบสั่นศีรษะ “ฉันคิดว่าเราคงไม่อยู่ถึงเที่ยงคืน”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอึดใจ “นายจะกลับตอนนี้เลยก็ได้นะ”

“ไม่ ยังไงฉันก็มาแล้ว”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงเงียบไป ชายคนเดิมหยุดลงตรงหน้าตึกหลังหนึ่ง มันไม่มีป้าย แต่มีโคมไฟสีม่วงห้อยอยู่เหนือเชิงบันไดที่ทอดลงไปชั้นใต้ดิน เขารีบหันมาพูดด้วยท่าทางประจบเช่นเคย

“ที่นี่เลยครับ รับรองเด็ดแน่ เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณลงไปแนะนำ” พูดจบเขาก็เดินลงบันไดไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันไปมองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า พวกเขาทั้งสองจึงเดินตามชายคนนั้นลงไปด้วยกัน

สุดปลายบันไดเป็นประตู ที่เปิดเข้าไปเป็นห้องโถงที่จัดว่าแคบมากเมื่อเทียบกับห้องนอนของลอร์ดโทรว์บริดจ์ บนเพดานมีโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ ที่มีเทียนจุดไว้เต็ม ผนังและเสาที่ใช้ค้ำยันตกแต่งด้วยผ้าไหมราคาถูก แต่ในแสงไฟสลัว มันก็ทำให้บรรยากาศดูลึกลับอ้อยอิ่งอย่างประหลาด ที่ด้านในมีโต๊ะและเก้าอี้วางอยู่หลายชุด ด้านในสุดเป็นเวทียกพื้นเล็กๆ มีชายหนุ่มรูปร่างสะโอดสะอง สวมชุดอย่างกรีกโบราณกำลังร้องเพลงอยู่ เขาแต่งหน้าทาปากเหมือนผู้หญิง สวมวิกผมยาวสีบลอนด์สลวย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนมองเจ้าตัวเขม็ง ขณะที่ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา

“ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย คงเพิ่งเคยมาสินะครับ”

น้ำเสียงที่นุ่มนวลและเต็มไปด้วยจริตทำให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องเบือนสายตากลับมามอง เขาเห็นชายหนุ่มหน้าตาสะสวย แต่งหน้าทาปากและสวมวิกผมเช่นเดียวกับคนที่อยู่บนเวที หนุ่มคนนั้นจับมือของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะดึงเขาไปนั่งที่โต๊ะ

“คุณดูเกร็งๆ นะครับ อยากดื่มอะไรไหม”

ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะได้ตอบ ชายหนุ่มอีกคนที่เดินถือถาดใส่เครื่องดื่มก็เฉี่ยวเข้ามา คนที่จูงเขามานั่งรีบคว้ามาสองแก้ว แล้วยื่นให้เขากับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“ดันลัสพาพวกคุณสองคนลงมา แสดงว่าพวกคุณต้องเป็นคนพิเศษ มีอะไรอยากให้ผมช่วยมากกว่าที่เป็นอยู่นี้รึเปล่า?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับปาก เขาไม่อยากจะแตะต้องเครื่องดื่มในแก้ว และคิดว่าตัวเองควรจะกลับได้แล้ว แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับพูดขึ้นก่อน

“บนเวทีนั่นใคร?”

“เฮเลน” ชายหนุ่มตอบ “เขาเป็นดาวเด่นตอนนี้เลย ที่จริงเขามีขาประจำ แต่เพราะพวกคุณเป็นคนพิเศษ ผมจะเรียกเขามาให้”

ฝ่ายนั้นมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ตัวเองไม่ได้รับเลือก แต่ก็เดินออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมากระซิบกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“ฉันคิดว่าเราควรจะกลับได้แล้ว”

“นายเห็นนั่นไหม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ตอบ แต่กลับบุ้ยหน้าให้เขาดูบางอย่าง เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปก็เห็นว่ามีเด็กผู้ชายนั่งอยู่อีกโต๊ะ ท่าทางเขาดูเหมือนเด็กผู้หญิง แต่อายุต้องไม่เกินสิบสามแน่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกขนลุกด้วยความสะอิดสะเอียน เมื่อเห็นชายที่ดูแก่กว่าเด็กคนนั้นเท่าหนึ่งหรือมากกว่า กำลังล้วงมือเข้าไปใต้ชายกระโปรงของเขา

“นี่มันแย่มาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่ง แล้วทำท่าจะพรวดออกจากโต๊ะ แต่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดึงตัวไว้

“ใจเย็น เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเรื่องนะ”

“แต่เขาเป็นแค่เด็ก...”

“เขาเต็มใจที่จะทำ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ชายที่ถูกเรียกว่า ‘เฮเลน’ ก็เดินมาที่โต๊ะพอดี

“สายัณห์สวัสดิ์ครับ คิดว่าผมคงไม่ได้มาช้าเกินไปใช่ไหม?”

“เปล่าเลย นั่งก่อนสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดพลางเชื้อเชิญให้เขานั่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันกลับมาทันที เฮเลนโปรยยิ้มให้เขา

“คุณเพิ่งกลับมาจากอเมริกาหรือ? เสื้อผ้าสวยจังครับ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว เขากำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เคยมีใครในอังกฤษพูดถึงเสื้อผ้าของเขาแบบนี้มาก่อน บางทีเพราะเขาอยู่ในวงสังคมชั้นสูงเกินไป

“เธอชอบหรือ?”

ฝ่ายนั้นมองเขาด้วยสายตาออดอ้อน “ผมจะชอบมากกว่านี้ ถ้ามันหลุดออกจากตัวคุณ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลืนน้ำลาย “ฉันคงไม่ชอบเท่าไหร่?”

“งั้นคุณคงชอบที่จะสวมเสื้อในเวลาแบบนั้น”

“เปล่า”

“อยากให้ผมช่วยถอดให้ไหม?”

“ไม่ต้อง”

“งั้น...”

“เธออายุเท่าไหร่?”

เฮเลนจ้องหน้าเขา ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณนี่ตลกจัง นี่เรากำลังเล่นเกมตอบคำถามกันใช่ไหม? ถ้าผมตอบถูกใจคุณ คุณจะให้ผมถอดเสื้อหรือเปล่า?”

“ฉันอยากได้คำตอบจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนยัน ฝ่ายนั้นมองเขาอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตอบคำถาม

“สิบหก”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอีกครั้ง “เธอยังเด็กมาก”

“งั้นหรือครับ?” อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ “คุณนี่แปลกจริง อยากได้ที่อายุมากกว่าผมอีกหรือ ผมจะออกไปบอกดอนน่าให้แล้วกัน เธอคงดีใจแน่ที่ได้เจอลูกค้ารูปหล่อแบบคุณ”

“เดี๋ยว ไม่ใช่แบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด พลางยุดมือเขาให้นั่งลงตามเดิม เฮเลนหันมายิ้ม

“งั้นคุณคงเห็นแล้วว่าผมดีกว่า”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากจะพูดแย้ง แต่ก็เปลี่ยนใจ “เธอรู้จักเด็กผู้ชายที่อยู่ที่โต๊ะตรงนั้นหรือเปล่า?”

“อ๋อ คุณคงหมายถึงสเตฟานนี่ จะให้เรียกเธอมาที่โต๊ะนี้ด้วยรึเปล่าครับ?”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลาคิดอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “เรียกเธอมา”

เฮเลนยักไหล่ ก่อนจะหันไปบอกชายหนุ่มอีกคนที่เดินผ่านมา เขาจึงตรงไปยังโต๊ะที่สเตฟานนี่นั่งอยู่ ไม่นานนักเด็กน้อยสเตฟานนี่ก็เดินมานั่งกับพวกเขาที่โต๊ะ

“เขาโมโหใหญ่เลย” นั่นคือประโยคแรกที่เขาพูดหลังจากนั่งลงแล้ว ก่อนจะหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“พวกคุณสองคนต้องเป็นคนสำคัญมากแน่ๆ ผมต้องไปกับใครครับ คุณหรือ?”

เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะ เขาจึงหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

“งั้นคุณ...”

“พวกเราจะไม่ไปไหนก่อน... อย่างน้อยๆ ก็ตอนนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันอยากคุยกับพวกเธอ”

ทั้งสองคนหันมองหน้ากันราวกับว่านี่เป็นเรื่องประหลาดเสียเต็มประดา จากนั้นเด็กน้อยสเตฟานนี่ก็หันกลับมา “คุณเป็นลูกค้าที่ประหลาดมาก แต่ผมชอบสำเนียงของคุณนะ ฟังดูแปลกหูมากเลย”

“แปลกหูหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวน ไม่เคยมีใครบอกเขาแบบนี้มาก่อน เฮเลนผงกศีรษะ

“สำเนียงของคุณแปลกจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ เราแค่ไม่เคยได้ยินเท่านั้นเอง ติดมาจากอเมริกาหรือครับ?”

ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังอึ้งไม่หาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็หัวเราะออกมา “หัวทึบจริง”

“นี่คุณว่าผมหรือครับ?” เฮเลนหันมาทำหน้าค้อนเล็กน้อย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า

“ใช่ เธอไม่มีทางได้ยินสำเนียงแบบนี้จากพวกอเมริกันแน่”

“อ้อ... งั้นพวกคุณมาจากไหนกันล่ะครับ?”

“มันเป็นคำถามที่ไม่ควรถาม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เฮเลนกับสเตฟานนี่มองเขาอย่างงุนงง

“แต่เพื่อนของคุณอยากคุย...”

“ใช่ ฉันอยากคุย” ในที่สุดลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็พูดออกมาได้เสียที “แต่ไม่ใช่เรื่องสำเนียงหรือที่มาของฉัน แต่เป็นเรื่องของพวกเธอ ทำไมพวกเธอถึงมาทำงานที่นี่”

“ว้าว...” สเตฟานนีร้อง “คุณถามแปลกมากครับ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?”

“เพราะว่าฉันสงสัยน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “พวกเธอน่าจะหางานอื่นทำได้อีกเยอะแยะ ทำไมต้องมาทำงานแบบนี้”

ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน “เหตุผลของพวกเราก็เหมือนกับสาวๆ ที่อยู่ข้างบนนั่นแหละครับ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”

“แปลกสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พวกเธอเป็นเด็กผู้ชาย มีงานอื่นให้ทำอีกตั้งมากมาย พวกเธอมีโอกาสมากกว่าผู้หญิงพวกนั้น”

“นี่ถ้าคุณไม่ได้มากับดันลัส ผมต้องคิดว่าพวกคุณมาผิดแน่ๆ” เฮเลนพูดขึ้นมา “พวกเราไม่ใช่ผู้ชายสักหน่อย อย่างน้อยๆ จิตใจของเราก็ไม่ใช่ เราไม่ได้ชอบผู้หญิง เราชอบผู้ชายแบบคุณต่างหาก ถ้าเราไปทำงานอย่างที่ผู้ชายทำกัน เราจะไม่มีวันเจอผู้ชายที่รู้สึกแบบเดียวกับเรา แต่ที่นี่... พวกเรามีโอกาสได้พบคนที่รู้สึกเหมือนกัน”

เขามีสีหน้าเคลิบเคลิ้มเหมือนตกอยู่ในความฝัน “มีแต่ที่นี่เท่านั้น ที่พวกเราสามารถ ‘รัก’ และ ‘ถูกรัก’ ได้ คุณมาที่นี่ก็เพราะแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือครับ?”

“ไม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธทันที “ฉันมาที่นี่เพราะความต้องการ”

“ความต้องการของเราก็คือความรักนั่นแหละ” เฮเลนพูด พลางขยับเข้ามาใกล้ แล้วเลื่อนมือลงไปลูบไล้ต้นขาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เพราะผู้หญิงให้สิ่งที่คุณต้องการไม่ได้ คุณถึงต้องมา”

“ฉันมาที่นี่เพราะฉันต้องการแน่ใจว่าที่ฉันรู้สึกมันคือความรัก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วดึงมือของเฮเลนออก “และตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันคือความรักจริงๆ”

เฮเลนมองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ล้วงธนบัตรออกมาจากกระเป๋า แบ่งมันออกเป็นสองพับ ยื่นพับหนึ่งให้เฮเลน และอีกพับให้สเตฟานนี่

“นี่เป็นค่าเสียเวลา ฉันรู้ว่าพวกเธอมาที่นี่เพราะต้องการมัน แต่ความรักไม่อยู่ในที่แบบนี้หรอก เชื่อฉันเถอะ”

“คุณรู้ได้ไง” เฮเลนถาม แต่ก็รีบรับเงินมาเก็บไว้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา แล้วตอบ

“เพราะฉันมาที่นี่ด้วยความต้องการ แต่กำลังจะจากไปเพราะความรักน่ะสิ”

------------------------------------------

โอลิเวอร์พบว่า เป็นการยากมากที่เขาจะไม่เสียสมาธิ เมื่อมีของล่อตาล่อใจเดินผ่านไปผ่านมาแต่แตะต้องไม่ได้แบบนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงดีใจมาก เมื่อเห็นลอร์ดทั้งสองเดินออกมาจากตรอกเสียที เขาก้มลงดูนาฬิกา และอดแปลกใจไม่ได้ที่มันเพิ่งบอกเวลาสี่ทุ่ม แทนที่จะเป็นเที่ยงคืน ในความรู้สึกเขา ราวกับกำลังก้าวเข้าสู่เช้าวันใหม่อย่างช้าๆ แล้วด้วยซ้ำ

“จะไปที่ไหนต่อรึเปล่าครับ?” โอลิเวอร์ถาม ใจจริงเขาอยากจะกลับบ้านไปกอดภรรยาให้ชื่นหัวใจ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ท่านลอร์ดทั้งสองคงจะรู้สึกไม่ต่างกัน เพียงแต่ทั้งคู่ยังไม่มีภรรยาให้กอด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์

“ฉันจะไปที่ร้านเฮเลนน่า แอนเดอร์สัน ถ้ายังไงนายบอกโอลิเวอร์ให้จอดรถส่งฉันที่นั่นก็ได้ เดี๋ยวฉันค่อยเรียกรถม้ากลับไปเอง”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ “ก็ได้แมกซ์” จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกโอลิเวอร์ ก่อนจะหันมาหาเพื่อนรักอีกครั้ง

“ขอบใจมากสำหรับวันนี้ นายทำให้ฉันได้มองเห็นอะไรหลายๆ อย่าง”

“นายก็ทำให้ฉันประหลาดใจพอดูเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ที่นายพูดกับเด็กสองคนนั่น ฉันอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าจอร์จมาด้วย เขาคงต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหัวตาแน่ๆ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “เพราะจอร์จเป็นคนอ่อนไหวน่ะสิ แล้วนายล่ะ?”

“ฉันไม่มีความเห็นหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเหมือนเห็นดวงหน้าของแอนนาเบล เฮเก้นต์แว้บเข้ามา แต่ก็เพียงแว้บเดียวเท่านั้น

เขารู้ว่าเฮเลนน่า แอนเดอร์สันมีผู้หญิงผมสีแดงที่สวยและเก่งยิ่งกว่าเธอคนนั้นเป็นไหนๆ แต่อย่างที่เพื่อนของเขาพูด

“ใช่ จอห์นนี่ ฉันเห็นด้วยกับนาย ไม่มีความรักในที่แบบนั้นหรอก”

“....”

“ฉันกำลังจะไปที่ร้านของเฮเลนน่า แอนเดอร์สัน ด้วยความต้องการล้วนๆ และนั่นคือความปรารถนาสูงสุดของฉันตอนนี้เลย”

-------------------------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-03-2019 08:31:01
ตอนนี้อ่านแล้วดูละมุนมากเลย ถึงแม้จะไม่มีบทอันน่ารักของตัวเอก
แต่โดนภาพรวมทำให้เราอินไปด้วย
:กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 15-03-2019 12:49:52
แอบกังวลจังเลยค่ะว่าจะโดนจับแยกจริงๆจังๆ คุณพ่อคะะะ TT
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-03-2019 14:09:03
ท่านดยุคแห่งอ๊อกฟอร์ดเป็นสุภาพบุรุษที่น่านับถือมาก
รู้สึกได้ว่าเป็นคนอบอุ่น  ดีใจแทนกอร์ดอนที่มีคนห่วงใย

ครึ่งหลังของตอนนี้ทำให้เห็นถึงอีกมุมหนุ่งของจอห์น และได้เห็นว่าเขาจริงจังกับความรักครั้งนี้แค่ไหน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Rsun ที่ 15-03-2019 18:10:23
ตกใจมากที่เห็นเรื่องนี้อัพ​ งืออออ​ เดี๋ยว​กลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่แรก​ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-03-2019 22:09:51
 o13

  :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 16-03-2019 10:28:25
มาแล้ว จะเป็นยังไงต่อไปนะ
ทำยังไงความรักแบบนี้ถึงจะได้รับการยอมรับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-04-2019 01:58:22
ในความสุขก็มีความทุกข์อยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p20(29/05/62)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-05-2019 14:02:33
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่37 ความลับ


ร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันเป็นตึกสี่คูหาสูงสี่ชั้น มันตกแต่งอย่างหรูหราเยี่ยงคฤหาสน์ ในช่วงเวลากลางวัน ที่นี่เงียบเหงาและวังเวงเหมือนแมวเซา แต่ตอนกลางคืนกลับเป็นตรงกันข้าม

ตัวตึกมีแสงไฟสว่างไสว เสียงเปียโนและเสียงร้องเพลงดังแว่วมาให้ได้ยิน คนเฝ้าประตูซึ่งเป็นชายผิวขาวรูปร่างสูงใหญ่เปิดทางให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทันที

โคมไฟระย้าที่นี่แม้ไม่โอ่อ่าเท่าในห้องโถงใหญ่ที่คฤหาสน์สามเส้า แต่สำหรับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แสงไฟจากโคมไฟนี้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นมากกว่าเตาผิงอันใหญ่ที่คฤหาสน์สามเส้าเสียอีก

ลอร์ดสวินดัน พ่อของเขาเป็นมาร์ควิสแห่งสวินดันรุ่นที่สิบ ส่วนแม่ของเขาสืบสายเลือดมาจากเชื้อพระวงศ์ฝรั่งเศสที่ลี้ภัยมาอยู่อังกฤษในช่วงเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน เนื่องจากเธอเสียชีวิตทันทีหลังคลอดเขากับพี่ชายฝาแฝด แม่ในความทรงจำของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงมาจากคำบอกเล่าของหญิงรับใช้ เครื่องเรือนแบบฝรั่งเศส และรูปวาดของเธอที่วางประดับอยู่ในคฤหาสน์เท่านั้น

แม้จะเกิดและเติบโตในคฤหาสน์สามเส้า แต่ชีวิตของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับไม่ได้สบายอย่างที่คนทั่วไปคิด เนื่องจากกิจการภายในที่ตระกูลเมอร์เรย์ดำเนินอยู่ ซึ่งเป็นกิจการลับที่ไม่อาจเปิดเผยให้สาธารณะชนรับรู้ได้ เขาและพี่ชายมีช่วงเวลาวัยเด็กอยู่ด้วยกันเพียงสั้นๆ ก่อนที่ลอร์ดฟาริงดอนจะถูกจับแยกออกไปอยู่ที่อื่น หลังจากนั้นความลำบากอย่างแสนสาหัสก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา

ลอร์ดสวินดันอบรมเขาอย่างเข้มงวด ในทุกๆ วัน นอกจากเรียนวิชาประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และดนตรีแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องฝึกดาบเป็นเวลาอย่างน้อยสี่ชั่วโมง ทุกหนึ่งเดือน พ่อของเขาจะเรียกเขาไปทดสอบ ถ้าผลการทดสอบไม่เป็นที่น่าพอใจ นอกจากถูกเฆี่ยนแล้ว เขาจะถูกลงโทษโดยการขังไว้ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์ ที่ทั้งมืดและชื้น ทางเดียวที่จะออกมาได้ คือการทำตามเงื่อนไขที่พ่อของเขาตั้งไว้ บางครั้งก็เป็นการแทงดาบให้โดนเป้าโดยที่ใช้ผ้าปิดตาไว้ บางครั้งก็เป็นการคลานลอดเข้าไปในช่องคูแคบๆ หรือบางทีก็เป็นแค่การรออย่างอดทน โดยปราศจากน้ำและอาหาร จนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สงสัยว่า เขาเป็นลูกชายของลอร์ดสวินดัน หรือเป็นนักโทษกันแน่ แต่ครั้งที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นตอนเขาอายุสิบสอง ลอร์ดสวินดันขังเขาไว้กับสุนัขที่เขารักที่สุด โดยให้มีดเขาไว้เล่มหนึ่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับสุนัขตัวนั้นถูกขังรวมกันโดยไม่มีน้ำและอาหาร เขาจำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปกี่วัน แต่สุดท้ายเมื่อเขาและสุนัขตัวนั้นทนความหิวไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างก็มุ่งเข้าทำร้ายอีกฝ่ายเมื่อเอาตัวรอด แน่นอนว่าเขาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยังจำได้ดีถึงตอนที่เขาดื่มเลือดสุนัขตัวนั้นหลังจากฆ่ามันตายเพื่อดับกระหาย ลอร์ดสวินดันเป็นคนลงมาเปิดประตูให้เขาด้วยตัวเอง ไม่มีคำปลอบใจ ไม่มีการสัมผัส พ่อของเขาเพียงแต่มองเขาด้วยสายตาพึงพอใจ ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้พาเขากลับไปพักฟื้น หลังจากนั้นลอร์ดสวินดันก็ไม่ได้สั่งขังเขาในห้องใต้ดินอีกเลย เหลือเพียงการลงโทษด้วยการเฆี่ยน หรือฟาดกับไม้เท้า

“มิสเตอร์เอ็มที่รัก คืนนี้มีคนในใจหรือยังคะ” เฮเลนน่า แอนเดอร์สันเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แสงไฟยามกลางคืนทำให้เธอดูสาวกว่าความเป็นจริงหลายเท่าตัว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องเธอ ก่อนจะตอบคำถาม

“อนาสตาเซีย เธอมีแขกอยู่หรือเปล่า”

“ดิฉันแน่ใจว่าเธอจะว่างค่ะ” เฮเลน่า แอนเดอร์สันกล่าวพลางยิ้ม แล้วหันไปเรียกเด็กสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “พาสุภาพบุรุษท่านนี้ไปนั่งพักก่อน ฉันจะไปตามอนาสตาเซียมาให้เขา”

“ได้ค่ะมาดาม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงหันหน้าไปมองเธอ

“เดี๋ยวก่อน”

เฮเลน่า แอนเดอร์สันหันกลับมามองเขา ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดขึ้นต่อ “ไม่ต้องตามอนาสตาเซียแล้ว”

อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นดิฉันไม่รบกวนล่ะนะคะ”

“อืม”

พอเฮเลน่า แอนเดอร์สันเดินออกไปแล้ว เขาจึงหันมาคุยกับหญิงสาวที่ยืนข้าง

“ชื่ออะไร”

“โดโรธีค่ะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือขึ้นสางผมสีแดงของเธอเบาๆ “คืนนี้ของเธอเป็นของฉันทั้งหมด ไปที่ห้องกันเถอะ”

ห้องของโดโรธีไม่หรูหราเท่าของอนาสตาเซีย หรือสาวๆ คนอื่นที่เขาเคยนอนด้วย เดาว่าคงเพราะเธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ โดโรธีมีทุกอย่างที่เขาต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอมีผมสีแดง

พิธีการไม่จำเป็นอื่นๆ ถูกตัดออกไป เหลือแต่การตอบสนองความต้องการด้านร่างกายล้วนๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปลดปล่อยความรู้สึกที่เขาอัดอั้นไว้ออกมาจนหมด ท่ามกลางเสียงหอบหายใจและวงแขนบอบบางที่โอบรัดตัวเขาเอาไว้แน่น ร่างของโดโรธีกระตุกอยู่ครั้งสองครั้ง ก่อนที่เธอจะซุกหน้าลงบนอกของเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงจูบศีรษะของเธอเบาๆ แล้วไล้มือไปตามเส้นผมสีแดงนั้น

“เธอผมสีแดงหรือคะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชะงักมือ “อะไรนะ”

โดโรธีเงยหน้าขึ้น แล้วจับมือของเขาเอาไว้ “ผู้หญิงที่คุณคิดถึงน่ะค่ะ เธอมีผมสีแดงใช่ไหมคะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปพัก “ใช่ เธอมีผมสีแดง”

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือคะ”

“ทำไมถึงถามแบบนั้น”

“ก็คุณดูคิดถึงเธอมาก ดิฉันคิดว่าคุณไม่ใช่ผู้ชายแบบที่จะยอมเสียผู้หญิงที่รักให้กับคนอื่นง่ายๆ เลยเดาว่าคงเกิดเหตุร้ายแรงบางอย่างขึ้นกับเธอ ต้องขออภัยด้วยนะคะถ้าดิฉันพูดจาไม่เหมาะสม”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ แล้วจู่ๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ผุดลุกขึ้น

“ขอบใจมาก”

โดโรธีมองลอร์ดหนุ่มที่เร่งรีบแต่งตัวและผลุนผลันออกไปจากห้องด้วยความงงงวย

--------------------------------------

แจ๊คสันกำลังจะปิดร้านแล้ว ตอนที่กอร์ดอนผลักประตูเข้ามา พอเห็นช่างตัดเสื้อ เขาก็เอ่ยปากทักทันที

“ไง กอร์ดอน มาเสียดึกเลยนะวันนี้”

“ผมคิดว่าตัวเองควรออกมาผ่อนคลายบ้าง” ช่างตัดเสื้อหนุ่มพูด พลางหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้หน้าบาร์ แจ๊คสันหันไปเทเหล้ายินให้เขา

“ผมเกือบสั่งให้เด็กไปปิดประตูร้านแล้วเชียว”

กอร์ดอนหยิบแก้วเหล้ายินขึ้นมาจิบ “โชคดีที่ผมเอาขามาขวางประตูร้านคุณไว้ได้ทัน”

ทั้งคู่พากันหัวเราะ จากนั้นแจ็คสันจึงสั่งให้เด็กเอาป้ายปิดร้านไปแขวนที่หน้าประตู เพราะไม่อยากรับลูกค้าเพิ่มอีก

“ลอร์ดโทรว์บริดจ์เพิ่งทำการคัดตัวนักรักบี้ที่จะลงเล่นต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมล่ะคิดถึงจอห์นขึ้นมาตงิดๆ ทีเดียว” แจ๊คสันชวนคุย กอร์ดอนยิ้ม

“ผมว่าเขาคงดีใจถ้าได้ยิน รักบี้เป็นกีฬาที่เล่นกันดุดันมาก ผมรู้สึกดีใจที่ตัวเองเป็นช่างตัดเสื้อ มันคงเหมือนอยู่แนวหน้า ถ้าต้องไปยืนในสนามแบบนั้น”

แจ็คสันอมยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป ผมว่าแค่หุ่นคุณก็คงไม่ผ่านการคัดตัวล่ะ”

กอร์ดอนหัวเราะ เขาจิบเหล้าอีกคำแล้วพูดต่อ “คุณเคยไปเวมบลีไหม”

“เวมบลี” แจ็คสันทวนคำ “ไม่เคยหรอก แต่คิดว่าแถบนั้นคงอากาศดีกว่าแถวนี้แน่ ทำไม คุณจะไปเที่ยวหรือ”

“เปล่า” กอร์ดอนปฏิเสธ “คือมีคนเสนอให้ผมย้ายไปอยู่ที่นั่น”

ฝ่ายตรงข้ามตาโต “อย่าบอกนะว่าจอห์น”

“ไม่ๆ” ช่างตัดเสื้อโบกมือ ก่อนจะรีบพูดต่อ “เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของปู่น่ะ เขามีที่ดินอยู่แถบนั้น อยากให้ผมไปดูแล”

“หวังว่าเขาคงไม่ได้อยากให้คุณไปทำฟาร์มให้หรอกนะ เพราะดูหุ่นคุณไม่ให้เลย”

กอร์ดอนหัวเราะ “เปล่า เขาอยากให้ผมไปเปิดร้านตัดเสื้อที่นั่น”

“เวบบลีน่ะนะ” แจ๊คสันทวนอีก “แล้วจะมีลูกค้าหรือ”

“ไม่รู้สิ”

แจ็คสันมองเขา “ผมว่าตอนนี้คุณคงกำลังสองจิตสองใจเรื่องร้านของคุณใช่ไหมล่ะ ใจคุณคงอยากย้ายไปอยู่เวมบลีแล้ว แต่เพราะยังไม่แน่ใจเรื่องการงาน คุณเลยไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจยังไงดี”

“นั่นแหละ” กอร์ดอนว่า “ผมคิดว่าที่นั่นคงอากาศดีกว่า สภาพแวดล้อมดีกว่า”

“ที่จริงแล้วเวมบลีก็ไม่ไกลมากนะ” แจ๊คสันออกความเห็น “คุณมาทำงานที่นี่จันทร์ถึงศุกร์ แล้วกลับไปพักผ่อนที่โน่นเสาร์อาทิตย์ยังได้ ถ้าคนรู้จักของคุณไม่ว่าน่ะนะ”

“นั่นสินะ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมควรจะไปดูที่ก่อนดีกว่า”

แจ็คสันหลิ่วตา “ไม่แน่นะ ผมว่าคุณไปแล้วอาจจะไม่อยากกลับมาลอนดอนเลยก็ได้”

ทั้งคู่พากันหัวเราะอีก จังหวะนั้นก็มีคนผลักประตูร้านเข้ามา

“ร้านปิดแล้วครับ” แจ๊คสันหันไปบอก ก่อนจะอุทาน “อ้าว มิสเฮเก้นต์”

กอร์ดอนหันไปมองตาม เขาเห็นแอนนาเบล เฮเก้นต์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้บาร์ข้างเขา สีหน้าของเธอดูซีดกว่าปกติเล็กน้อย เธอหันไปยิ้มให้เขาก่อนจะหันไปหาแจ๊คสัน

“ขอยินให้ฉันอย่างกอร์ดอนสักแก้วเถอะ คิดว่าคุณคงพอมีเหลือหรอก”

แจ๊คสันหัวเราะออกมา “ให้ตาย วันนี้ผมต้องปิดร้านดึกเพราะพวกคุณสองคนแน่ๆ”

เขาหันไปเทเหล้ายิน ก่อนจะสั่งให้เด็กในร้านกลับบ้านไปก่อน จากนั้นจึงปิดประตูร้านเสีย เพื่อจะได้แน่ใจว่าไม่มีแขกมาอีก

“ผมล่ะกลัวว่าจอห์นจะโผล่มาจริงๆ เชียว” เขารำพึงขณะเดินกลับมาที่บาร์ กอร์ดอนยิ้ม

“ถ้าเขามา คุณจะต้องได้ยินเสียงรถม้าของเขาตั้งแต่เขาอยู่ที่ถนนใหญ่โน่น”

แจ๊คสันหัวเราะ มิสเฮเก้นต์ยิ้มเล็กน้อย “ท่าทางพวกคุณกำลังคุยเรื่องจอห์นกันอยู่สินะคะ”

“เขาเป็นคนที่มีเรื่องให้พูดถึงเยอะทีเดียว” แจ๊คสันตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่คุณคงไม่ได้วิ่งมาที่ร้านผมเสียดึกดื่น เพราะอยากคุณเรื่องจอห์นหรอก ใช่ไหมครับคุณผู้หญิง”

มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากมาดื่มเหล้าเฉยๆ”

“อ้อ...” แจ๊คสันส่งเสียงในคอ “จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอตัวไปจัดการหลังร้านสักครู่”

“ตามสบายเลยค่ะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “ยังไงฉันคงต้องรับผิดชอบที่ทำให้คุณต้องไล่เด็กกลับไปก่อนอยู่แล้ว”

อีกฝ่ายยักไหล่ “กอร์ดอนก็ต้องรับผิดชอบเหมือนคุณนั่นล่ะ งั้นผมฝากร้านหน่อยนะ ถ้ามีใครมาเคาะประตู ก็บอกว่าร้านปิดก็แล้วกัน”

ทั้งคู่หัวเราะ พลางมองแจ๊คสันหายไปด้านหลังร้าน กอร์ดอนหันมาหามิสเฮเก้นต์

“แอน คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ผมเห็นคุณหน้าซีดมากตอนเข้ามาที่นี่”

“โอ... กอร์ดอนที่รัก” เธอคราง รอยยิ้มบนใบหน้าปลาสนาการไปทันที “ฉันดีใจเหลือเกินที่คุณอยู่ที่นี่ ฉันสองจิตสองใจอยู่นานว่าจะไปที่ร้านคุณ หรือมาที่นี่ดี แต่กลัวว่าคุณจะพักผ่อนแล้ว ฉันเลยตัดสินใจมาที่นี่แทน”

“มีเรื่องอะไรหรือแอน” กอร์ดอนพูดพลางมองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง “ผมพร้อมจะช่วยคุณนะ”

มิสเฮเก้นต์มองเขาด้วยสายตาตื้นตัน เธอพูดขึ้นต่อ “กอร์ดอนคะ จำเรื่องน้องสาวที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหมคะ”

กอร์ดอนพยักหน้า “ที่หน้าคล้ายผมใช่ไหม”

“ค่ะ” เธอรับพลางเม้มปาก “เธอฆ่าตัวตายเพราะถูกชายที่เธอรักย่ำยีอย่างไร้ค่า”

“โอ... พระเจ้า” กอร์ดอนอุทานด้วยความสะเทือนใจ “ผมเสียใจด้วย”

มิสเฮเก้นต์นิ่งไปอึดใจหนึ่ง เหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง “ตอนนี้ฉันเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว”

“เขาทำอะไรคุณไหม เขามาคุกคามคุณหรือเปล่า” กอร์ดอนถามด้วยความเป็นห่วง มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ

“คุณต้องบอกตำรวจเรื่องนี้” กอร์ดอนว่า

“ไม่คะ... โอ... กอร์ดอนที่รัก ฉัน... ฉันปรารถนาเหลือเกินที่จะทำให้เขาชดใช้ในสิ่งที่ก่อไว้ เขาสมควรได้รับสิ่งเลวร้ายเหมือนที่เขาทำกับน้องสาวของฉัน” เธอว่า “แต่ตำรวจไม่มีทางจะเอาผิดเขาได้ ฉันไม่มีหลักฐาน อีกอย่างเขามีคนหนุนหลัง ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้เขาอยู่”

กอร์ดอนจับมือของมิสเฮเก้นต์ขึ้นมาบีบไว้ “เข้มแข็งไว้นะ แอน ถึงอย่างนั้นพระเจ้าจะต้องมองเห็นบาปของเขา และพระองค์จะทรงลงโทษเขาแน่ๆ”

แอนนาเบล เฮเก้นต์ยิ้มให้ช่างตัดเสื้อ “กอร์ดอน คุณช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ฉันดีใจ ที่ได้พบคุณ และเพื่อนๆ ของคุณค่ะ”

เธอเงียบไปอีกพัก “คุณยังได้พบกับลอร์ดแมกซ์อยู่อีกรึเปล่าคะ”

“ผมสามารถไปพบเขาได้” กอร์ดอนว่า “ลอร์ดสวินดัน พ่อของเขาเป็นลูกค้าของผม” เขาโพล่งขึ้นเหมือนนึกได้ “ผมพาคุณไปพบเขาได้นะ ผมว่าเขาคงยินดีที่จะจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้คุณ”

มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ไม่มีใครจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้ฉันได้ และฉันไม่ปรารถนาจะดึงสุภาพบุรุษผู้แสนดีอย่างลอร์ดแมกซ์เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ฉันก็แค่... แค่อยากจะคุยกับใครสักคัน”

“คุณแวะมาหาผมที่ถนนบรอมพ์ตันได้ทุกเมื่อเลย” กอร์ดอนว่า “ผมนอนดึก และเคยชินกับการถูกปลุกด้วยเสียงออดแล้วล่ะ”

มิสเฮเก้นต์หัวเราะออกมา เธอมองกอร์ดอนด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณค่ะ จะว่าอะไรไหมคะถ้าเราจะดื่มกันอีกสักแก้ว และฉันอยากให้คุณช่วยไปส่งฉันที่บ้าน ฉันไม่อยากกลับคนเดียวเลยค่ะ”

“ได้สิ”

กอร์ดอนและมิสเฮเก้นต์ดื่มด้วยกันอีกสองแก้ว จากนั้นทั้งคู่จึงเรียกรถม้าไปยังบ้านพักของเธอ ช่างตัดเสื้อเดินไปส่งมิสเฮเก้นต์ที่หน้าประตู เธอบอกลาเขา และประตูก็ปิดลง กอร์ดอนรู้สึกสังหรณ์บางอย่าง เขาเดินลงบันไดมาอย่างใจลอย จังหวะนั้นเองใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาประชิดตัวเขา

“โธ่ คุณนั่นเอง” กอร์ดอนพูดออกมาด้วยความโล่งใจ เมื่อหันไปเห็นว่าคนที่ก้าวฉับออกมาจากเงาของเสาไฟฟ้าไม่ใช่ใครอื่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่นเอง

“นายกับมิสเฮเก้นต์ไปไหนกันมา” ลอร์ดหนุ่มถามขึ้นทันที กอร์ดอนจึงตอบไป

“พวกเราเพิ่งกลับมาจากบาร์บีช็อต”

“ดึกป่านนี้แจ๊คสันยังเปิดบาร์ให้พวกคุณอีกหรือ พวกคุณไปไหนกันมา”

กอร์ดอนเพิ่งตระหนักได้ว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อาจกำลังเข้าใจผิด จึงรีบพูดต่อ “ผมมาจากบาร์ของเขาจริงๆ ครับ คือผมไปที่นั่นตอนก่อนร้านปิด แล้วแอนก็ตามหลังผมไปนิดเดียว โอ... ลอร์ดแมกซ์ครับ ได้โปรดเชื่อเถอะครับ ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน เราแค่ดื่มและคุยกันเท่านั้นเอง”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองกอร์ดอนอยู่พัก ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา “โทษทีนะ ฉันไม่ควรใช้น้ำเสียงกดดันกับนายแบบนี้”

“โอ ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรือ”

“ฉัน... แค่ผ่านมาน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “กำลังจะกลับแล้ว”

“รีบหรือเปล่าครับ” กอร์ดอนพูดขึ้นมา “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณนิดหน่อย เกี่ยวกับแอน”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ ทั้งคู่จึงนั่งรถม้ากลับไปที่ร้านของกอร์ดอนด้วยกัน

“แอนดูไม่สบายใจมาก” กอร์ดอนเสริม หลังจากเล่าเรื่องที่เขาคุยกับมิสเฮเก้นต์ที่บาร์บีช็อตให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฟัง อีกฝ่ายพยักหน้า

“เธอเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังแล้ว แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้บอกว่าเธอเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว”

“เธออาจจะเพิ่งพบเขา” กอร์ดอนว่า “ผมรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลยครับ ผมคิดว่าเธอคงอยากจัดการบางอย่างกับเขา แต่ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอันตรายมากกว่า”

“พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเธอ ไม่ว่ายังไงฉันจะทำให้เธอบอกให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ก่อนที่เธอจะพาตัวเองไปพบอันตราย”

“ขอบคุณครับ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคุณต้องจัดการเรื่องนี้ให้เธอได้แน่ เหมือนอย่างที่คุณจัดการเรื่องแมคคาธีให้ผม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ผงกศีรษะ

-----------------------------------------

วันรุ่งขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์ตั้งแต่เช้า เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะถึงที่พักของแอนนาเบล เฮเก้นต์ ก่อนที่รถม้าของลอร์ดวู้ดฟอร์ดจะมารับเธอ แต่เขาต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อมิสซิสเมอร์สัน หญิงเจ้าของบ้าน บอกเขาว่าเธอนั่งรถม้าออกไปก่อนเขามาถึงเพียงไม่นาน

“เธอไปไหน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “ยังอีกกว่าชั่วโมง กว่ารถม้าจากคฤหาสน์เรดชิมนีย์จะมารับเธอ”

“โอ... วันนี้เธอไม่ได้ไปสอนหรอกค่ะ” มิสซิสเมอร์สันตอบ “เธอลาพัก เธอออกเดินทางไปท่องเที่ยวกับมิสเตอร์เดอ เนเลียน่ะค่ะ”

“ว่าไงนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โพล่งขึ้นมา “พวกเขาเดินทางไปไหน คุณพอรู้ไหม”

“เอ... พวกเขาน่าจะไปที่คอทส์โวลด์กันค่ะ เห็นว่าอาจจะแวะระหว่างทางด้วย ดิฉันเองก็อยากจะไปเที่ยวคอทส์โวลด์เหมือนกัน หน้าร้อนที่นั่นคงสวยมาก รู้ไหมคะว่าทั้งคู่วางแผนจะหมั้นกันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวครั้งนี้”

“ขอบคุณ ผมต้องรีบไป”

มิสซิสเมอร์สันได้แต่อ้าปากค้าง เธอมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขึ้นรถม้าไปอย่างเร่งร้อน พลางภาวนาว่าอย่าให้เกิดศึกชิงนางขึ้นเลย

------------------------------------------

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ล้วงนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ขณะกระโดดลงจากรถม้าหน้าสถานีแพดดิงตัน มีรถไฟเพียงขบวนเดียวที่มุ่งหน้าไปยังคอทส์โวลด์ในเวลาเช้าแบบนี้ ถ้าแอนนาเบล เฮเก้นต์กับโรเบิร์ต เดอ เนเลียร์จะไปเที่ยวแถบคอทส์โวลด์จริง เขามีเวลาอีกสิบนาทีเพื่อจัดการอะไรสักอย่าง ก่อนที่ขบวนรถจะแล่นออกจากชานชาลา

มีผู้โดยสารหนาตาอยู่บริเวณชานชาลา เพราะนี่เป็นฤดูท่องเที่ยว และพื้นที่แถบคอสท์โวลด์อยู่ไม่ห่างจากลอนดอนมากนัก ทั้งยังเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสำคัญ และธรรมชาติที่สวยงาม จึงไม่แปลกที่มีผู้โดยสารมากมายกำลังรอขึ้นรถไฟขบวนนี้

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดสินใจตรงดิ่งไปยังห้องพักนายสถานี และถามหาเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง

“มิสเตอร์สเวนสันอยู่ไหม ผมต้องการพบเขาเป็นการด่วน”

“ผมเกรงว่า...”

“ไปบอกเขาว่ามิสเตอร์เอ็มมีธุระด่วนมาก ให้ไว เดี๋ยวนี้เลย”

น้ำเสียงที่แข็งกร้าวและสายตาที่ดุดันทำให้นายสถานีคนนั้นต้องรีบออกไป ไม่นานนักมิสเตอร์สเวนสัน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสถานีก็รีบเดินออกมา

“โอ ท่านลอร์ด มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

“ฉันต้องการรู้ว่ามีผู้โดยสารที่ชื่อแอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลีย อยู่ในขบวนรถที่กำลังจะมุ่งหน้าออกจากสถานีขบวนนี้หรือเปล่า”

“ได้ครับ ผมขอเวลาสักครู่”

“ก่อนรถไฟจะออก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้ำ “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะซื้อตั๋วโดยสารชั้นหนึ่ง”

เวลาผ่านไปราวสามนาที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็พบสิ่งที่เขาต้องการ แอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ซื้อตั๋วรถไฟขบวนนี้จริง พวกเขาอยู่ห้องที่ห้า ในตู้รถไฟชั้นหนึ่ง

“ฉันต้องการห้องที่อยู่ติดกัน จะเป็นห้องสี่หรือห้องหกก็ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่งต่อ ผู้อำนวยการสถานีรีบพูดขึ้น

“เกรงว่าจะไม่ได้ครับ ทุกห้องถูกจองเต็มหมด”

“แม้แต่ห้องพิเศษก็ด้วยหรือ”

“โอ... คุณจะใช้ห้องนั้นหรือครับ” มิสเตอร์สเวนสันคราง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา

“ไม่ ฉันจะไม่ใช้ห้องนั้น เพราะมันเป็นห้องที่มีไว้สำหรับบุคคลสำคัญ แค่อยากรู้ว่ามีใครที่สำคัญขนาดต้องใช้ห้องนั้นไหม”

“ไม่มีครับ”

“ดี” ลอร์ดหนุ่มผงกศีรษะ แล้วเรียกมิสเตอร์สเวนสันมากระซิบ

---------------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่36p.19(15/03/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-05-2019 14:03:06
ในที่สุดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ขึ้นมาอยู่บนขบวนรถไฟได้สำเร็จ ในต้นขั้วตั๋วโดยสารระบุว่าทั้งคู่จะลงที่สถานีมอเรตัน อิน มาร์ช แต่เพื่อความแน่ใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงขอยืมเครื่องแบบพนักงานประจำตู้โดยสารมาสวม เพื่อที่เขาจะได้อยู่ในคอกที่สามารถเห็นผู้โดยสารขึ้นลงได้โดยไม่มีใครสงสัย เขาเห็นมิสเฮเก้นต์เดินออกมาเข้าห้องน้ำ เธอสวมชุดผ้าฝ้ายสีครีมอ่อนสำหรับหน้าร้อน สวมหมวกสตรอวเอียงข้างปักดอกไม้ดูเก๋ไก๋ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบเลื่อนหมวกลงตอนที่เธอเดินผ่านไป เขาแน่ใจว่าเธอคงไม่สงสัย เพราะไม่มีใครสนใจมองพนักงานประจำตู้ที่นั่งอยู่ในคอกอยู่แล้ว

ทั้งคู่ลงที่สถานีมอเรตัน อิน มาร์ชตามที่ระบุในตั๋ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลอบตามออกมาเงียบๆ เขากลับไปสวมเสื้อผ้าชุดเดิม นึกโล่งใจที่ไม่ได้แต่งตัวเต็มยศมาเหมือนคราวก่อน เขาดึงหมวกเดอบีลงต่ำ ขณะโบกมือเรียกรถม้า

คอสท์โวลด์อยู่ทางตะวันตกของลอนดอน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดและสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยยุคกลาง ซึ่งล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ ดังนั้น รถม้าทุกคันที่วิ่งออกจากสถานีมอเรตัน อิน มาร์ช จึงเปิดประทุน เพราะนักท่องเที่ยวต่างต้องการสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ภายนอก มากกว่านั่งอึดอัดอยู่ใต้หลังคารถเป็นไหนๆ

คนขับรถม้าเป็นชายแก่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตเก่าแต่สะอาด คาบไปป์ที่ผ่านการซ่อมมาแล้วหลายครั้ง กลิ่นยาสูบฉุนกึกแม้ว่ารถจะเปิดประทุนก็ตาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กระโดดขึ้นไปบนรถม้า แล้วสั่ง

“ตามรถม้าที่มีผู้หญิงสวมชุดสีครีมกับหมวกสตรอวนั่นไป ห่างๆ หน่อยนะ ผมไม่อยากให้พวกเขารู้ตัว”

“ได้ครับ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สังเกตรถม้าเป้าหมาย เขาเห็นแอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนคู่รัก เขาล้วงกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าคงจุดไม้ขีดไม่ติดบนรถม้าเปิดประทุนแบบนี้ กล่องบุหรี่อันนั้นจึงถูกหย่อนลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตเหมือนเดิม

“ให้เดานะพ่อหนุ่ม พ่อแม่ของสาวคนนั้นคงจ้างคุณให้ตามดูพวกเขาล่ะสิ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงคิดว่าเป็นพ่อแม่ของผู้หญิงล่ะ ผมอาจจะถูกพ่อแม่ฝั่งผู้ชายจ้างมาก็ได้”

“โอ... อย่างนั้นผมคงประหลาดใจมาก เพราะผู้ชายคนนั้นดูแพรวพราวจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงหลอกน่ะสิ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา “ถูกของคุณ ผมมาดูความเรียบร้อยของผู้หญิงคนนั้น”

“เธอเป็นคนสวยที่พยายามทำตัวไม่เด่นนะ คุณว่าไหม” สารถีชวนคุยต่อ “ตอนเธอเดินผ่านผมที่สถานี ผมรู้สึกเฉยๆ แต่พอเธอเดินผ่านไปสักพัก ผมถึงคิดขึ้นมาว่า สาวน้อยคนนั้นมีเสน่ห์มาก น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกในแว้บแรกที่มองเห็นเธอ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เธอไม่เคยทำให้ตัวเองเป็นจุดเด่นหรือว่าเป็นคนสำคัญ...”

“สงสัยจริงว่าทำไมเธอถึงได้คบกับผู้ชายพรรค์นั้น แต่อย่างว่าแหละ ผู้ชายพวกนี้มักมีสิ่งที่ผู้หญิงต้องการซึ่งผู้ชายอย่างเราไม่เข้าใจหรอก” พูดจบเขาก็หัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ประสานมือไว้ตรงหน้าตัก เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

อากาศในช่วงเที่ยงค่อนข้างร้อนจัด แอนนาเบล เฮเก้นต์และโรเบิร์ต เดอ เนเลีย จึงแวะพักที่ร้านน้ำชาเล็กๆ ข้างทาง คนขับรถม้าเห็นดังนั้นจึงหันมาถามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“คุณจะแวะเข้าไปนั่งในนั้นกับพวกเขาด้วยไหม ผมคิดว่าน่าจะมีโต๊ะว่างนะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปฏิเสธ “ไม่จำเป็น ผมจะเฝ้าดูพวกเขาข้างนอก”

“แล้วคุณจะไปรอที่ไหน แถวนี้มีร้านน้ำชาแค่ร้านเดียว”

“ที่นี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมคิดว่าคุณสามารถเลือกหามุมจอดที่ผมจะเห็นคนเข้าออกจากบริเวณหน้าร้านน้ำชานั่นได้ โดยไม่เป็นที่สังเกตนะ”

สารถีตัดสินใจขับรถไปจอดบริเวณที่พักสำหรับรถม้า ที่จริงแล้วมันเป็นแค่อ่างน้ำใส่น้ำสำหรับม้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นเบิร์ช มีรถม้าจอดอยู่บริเวณนั้นสองสามคัน และมีม้านั่งสำหรับนั่งพัก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงลงจากรถม้าไปนั่งที่ม้านั่ง กลิ่นสาบม้าและกลิ่นยาสูบราคาถูกลอยมาแตะจมูก ขณะที่เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พลางเพ่งสายตาไปยังร้านน้ำชาเบื้องหน้า

“นี่ พ่อหนุ่ม หิวรึเปล่า” สารถีคนเดิมเดินเข้ามาหา หลังจัดการให้ม้าได้ดื่มน้ำและผูกพวกมันไว้กับหลักเรียบร้อยแล้ว เขาชูห่อผ้าในมือขึ้นมา

“ผมมีแซนวิชไส้แตงกวาดอง ถ้าคุณไม่รังเกียจ”

“ไม่เลย นั่งสิ”

สารถีคนนั้นนั่งลงข้างเขา แกะห่อผ้าออกมา หยิบแซนวิชชิ้นหนึ่งส่งให้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รับมาแล้วกัดไปคำหนึ่ง

“คุณได้ภรรยาที่ดีทีเดียว เธอดองแตงกวาได้อร่อยมาก”

สารถียิ้ม “ผมดีใจที่คุณชอบ เธอเป็นภรรยาที่ยอดจริงๆ แม้ว่าจะขี้บ่นไปหน่อย”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กัดแซนวิชอีกคำ ขณะที่สารถีมองเขา

“คุณดูหนุ่มมากนะ สำหรับงานนักสืบเอกชน”

“งั้นหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้อน สารถีจึงพูดต่อ

“ปกติแล้วพวกนักสืบเอกชนมักเป็นตำรวจที่เกษียณอายุแล้ว หรือเคยทำงานกับตำรวจ แต่เท่าที่ผมดู คุณน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ เท่านั้นเอง หรือจริงๆ แล้วคุณไม่ใช่นักสืบ แต่เป็นพี่ชายของแม่สาวคนนั้น ใช่ล่ะ ผมว่าคุณต้องเป็นพี่ชายเธอแน่ๆ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “เพราะผมดูเด็กไป คุณเลยคิดว่าผมเป็นพี่ชายของเธอหรือ”

“ใช่ คุณดูเด็กไปสำหรับการเป็นนักสืบ และก็ใจเย็นเกินไป ในฐานะคนรัก ถ้าแม่สาวคนนั้นเป็นคนรักของคุณจริง ผมคิดว่าคุณน่าจะพุ่งเข้าไปแยกเธอออกจากผู้ชายคนนั้น แทนที่จะติดตามพวกเขาลับๆ แบบนี้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะเบาๆ “ผมเป็นนักสืบเอกชน” เขาย้ำ “พ่อผมเป็นตำรวจ ผมมีประสบการณ์ด้านนี้พอสมควร”

“โอ... งั้นคุณคงมีเส้นสายไม่น้อย แต่แปลกจัง คุณน่าจะเลือกงานที่ดีกว่านี้ได้นี่นา”

“ทำไมล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้อนถาม สารถีคนนั้นมองเขาอีกครั้ง

“ถึงคุณจะแต่งตัวธรรมดา แต่ผมดูออกนะว่าผ้าพวกนี้เป็นผ้าที่มีราคา ครอบครัวคุณน่าจะค่อนข้างมีฐานะ อีกอย่าง ไม้เท้าหัวอำพันนั่นคงไม่ใช่สิ่งที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านทั่วไปหรอกใช่ไหม ผมถึงแปลกใจว่าถ้าคุณมีพ่อเป็นตำรวจ และคุณมีฐานะดี คุณไม่น่าเลือกทำอาชีพนี้”

“คุณคิดว่าอาชีพนักสืบเอกชนทำเงินได้ไม่ดีหรือ”

“ไม่รู้สิ ผมไม่คิดว่ามันจะทำเงินถึงชนาดซื้อไม้เท้าที่มีหัวทำจากอำพันได้น่ะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม “คุณผิดแล้ว แต่คุณก็พูดถูก งานนี้มีรายได้ดีทีเดียว พอให้ผมเลือกผ้าดีๆ มาตัดเสื้อได้ แต่ไม่พอสำหรับไม้เท้าอันนี้หรอก”

“งั้น...”

“ลูกค้าคนหนึ่งให้ผมมา ในฐานะที่ผมช่วยเขาจัดการเรื่องยากลำบากที่เขาไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง”

“โอ้ นั่นสินะ” สารถีร้องออกมา “ผมลืมคิดไปเลยว่าพวกคนมีชื่อเสียงมักชอบปกปิดเรื่องฉาวของตัวเองไว้เป็นความลับ และพวกเขาพร้อมจะจ่ายอย่างงามสำหรับคนที่จัดการเรื่องของพวกเขาได้ ว้าว แสดงว่าคุณนี่ไม่เบาเลยนะ พ่อหนุ่ม...”

“แมกซ์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เสริมให้

“ผมอัลเบิร์ต ยินดีที่ได้รู้จัก พ่อหนุ่มแมกซ์”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม พวกเขาคุยสัพเพเหระกันจนเห็นแอนนาเบล เฮเก้นต์ และโรเบิร์ต เดอ เนเลียเดินออกมาจากร้านน้ำชา ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงให้อัลเบิร์ตขับรถม้าตามไปห่างๆ

“คุณพอรู้ไหมว่าพวกเขากำลังจะไปไหน” ลอร์ดหนุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นว่ารถม้าของทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ไม่น่าจะนำไปยังสถานีรถไฟ “พวกเขาไม่ได้พกกระเป๋าเดินทางมา ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะค้าง และขบวนรถไฟที่จะกลับลอนดอนก็ออกตอนสี่โมง”

“โอ้... พวกเขาคงตั้งใจจะไปใช้เวลาช่วงสั้นๆ ที่เหลือบนเนินเล็กๆ ที่ไม่มีผู้คนน่ะครับ ผมเคยถูกคู่รักจ้างให้หาเนินแบบนี้หลายครั้ง ผมว่าพวกเขาคงกำลังมองหาที่เงียบๆ กันอยู่”

“ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกไปทางไหนล่ะ”

อัลเบิร์ตเงียบไปอึดใจ ก่อนจะโพล่งขึ้นมา “โอ ผมเข้าใจแล้ว”

------------------------------------------

แอนนาเบล เฮเก้นต์กับโรเบิร์ต เดอ เนเลีย เดินขึ้นมาจนถึงยอดเนินที่ปราศจากผู้คน ทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่สร้างจากหินทอดตัวอยู่เบื้องล่าง ท่ามกลางแสงแดดในฤดูร้อน และอากาศสดใสที่แสนจะเป็นใจ

“ยอดรัก คุณมีอะไรจะบอกผมหรือ” มิสเตอร์เดอ เนเลียในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับเสื้อกั๊กผ้าไหมสีน้ำเงิน กางเกงสแล็กสีน้ำตาล เอ่ยถามคู่รักของเขา

“โรเบิร์ตคะ จริงๆ แล้วฉัน...” เธอพูดพลางยกมือขึ้นจับหมวก เป็นท่าทางธรรมดาสำหรับผู้หญิงทั่วไป ทว่าจังหวะนั้นเธอก็แอบดึงปิ่นปักหมวกออกมา แล้วแทงเข้าใส่ลำคอของฝ่ายชาย

“โอ๊ะโอ๋ คุณเล่นอะไรอันตรายนะเนี่ย” โรเบิร์ต เดอ เนเลียคว้าข้อมือเธอไว้แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แอนนาเบล เฮเก้นถลึงตามองเขาอย่างโกรธจัด

“แก”

เธอพยายามดึงมือออกแต่ไม่เป็นผล โรเบิร์ต เดอ เนเลียบิดข้อมือของเธออย่างแรงจนปิ่นหลุดออก แล้วตบเธอจนล้มลง

“น่าเสียดายจริงๆ” โรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดพลางใช้เท้าเหยียบมือของหญิงสาวไว้ เธอขบฟันกรอด แต่ไม่ยอมปริปากร้อง

“ผมคิดว่าคุณจะรอฆ่าผมบนเตียงเสียอีก” เขาย่อตัวลงตรงหน้าหญิงสาว แล้วใช้มือจับคางของเธอให้เงยขึ้นมา

“รู้อะไรมั้ย ผมน่ะอยากได้คุณมากกว่าน้องสาวของคุณอีก แต่เธอไม่ยอมให้ผมเข้าถึงคุณ ผมเลยต้องสั่งสอนเธอนิดหน่อย ไม่คิดว่าเธอจะเสียใจขนาดนั้น”

“ไอ้ชั่ว” แอนนาเบล เฮเก้นต์บริภาษ โรเบิร์ต เดอ เนเลียใช้นิ้วบีบกรามของเธออย่างแรง

“ผมจับคุณส่งตำรวจตอนนี้ยังได้ แต่... มันจะสนุกอะไรจริงมั้ย”

เขาผลักเธอลงบนพื้น แล้วขยับขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวไว้ แอนนาเบล เฮเก้นต์ดิ้นรนสุดแรง เธอพยายามกรีดร้อง แต่ถูกเขาต่อยเข้าที่ท้องจนอ้าปากไม่ออก

โรเบิร์ต เดอ เนเลียกระชากเสื้อของเธอจนขาด ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นที่ด้านหลัง

“หยุดนะ”

โรเบิร์ต เดอ เนเลียจิ๊ปากอย่างขัดใจ เขาพูดออกมา “โธ่ คุณครับ มีมารยาทหน่อย ผมกับภรรยาแค่เปลี่ยนบรรยากาศการฮันนีมูนก็เท่านั้นเอง”

“ถอยออกมาจากเธอเดี๋ยวนี้ โรเบิร์ต อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง”

คราวนี้โรเบิร์ต เดอ เนเลียจึงหันกลับไปมองเจ้าของเสียง เขายิ้มออกมา “อ้าว คิดว่าใครที่ไหนเสียอีก ที่แท้ก็คุณนี่เอง”
พูดจบเขาก็ยันตัวลุกขึ้น แอนนาเบล เฮเก้นต์รีบขยับหนี เธอล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สืบเท้าเข้ามา

“มาได้จังหวะพอดี” โรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดต่อ “เธอพยายามจะฆ่าผม” เขาพูดพลางบุ้ยหน้าไปทางหญิงสาว “ดีนะที่ผมไหวตัวทัน”

“เท่าที่เห็น ฉันว่าแกพยายามจะข่มขืนเธอมากกว่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาถอดเสื้อตัวนอกให้แอนนาเบล เฮเก้นต์

“สวมนี่ แล้วเดินลงเนินไป มีรถม้ารออยู่ ผมอยากให้คุณขึ้นรถไฟกลับลอนดอน ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”
แอนนาเบล เฮเก้นต์รับเสื้อมาสวม แต่เธอไม่ทำตามคำสั่ง “ไม่ค่ะ ฉันจะไม่ไปไหน”
โรเบิร์ต เดอ เนเลียยักไหล่ “คุณปิ๊งสาวผิดคนแล้ว ท่านลอร์ด เธอน่ะเป็นนังตัวแสบชัดๆ ทางที่ดีคุณควรจะปล่อยให้ผมจัดการเธอซะ แล้วคุณก็ค่อยเก็บกว่าต่ออีกที เหมือนที่เราเคยทำกันไง”

“หุบปาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตวาด “ขืนแกพูดต่ออีกนิดเดียว ข้อตกลงที่ทำไว้จะถือว่ายุติทันที”

“อ้อ... ผมลืมไป นี่เป็นความลับของคุณนี่นะ... หรือจริงๆ คุณแค่กลัวเธอจะรู้เรื่องความชั่วร้ายของคุณกันแน่” โรเบิร์ต เดอ เนเลียมองเขาอย่างท้าทาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สืบเท้าเข้าไปหาเขาช้าๆ

“แกก็รีบไสหัวไปซะ โรเบิร์ต แล้วห้ามยุ่งกับเธออีก”

“ก็ได้ๆ” โรเบิร์ต เดอ เนเลียยักไหล่ ทำท่าจะหันหลังเดินออกไป เสียงของแอนนาเบล เฮเก้นต์ดังขึ้นทันที

“หยุดนะ”

โรเบิร์ต เดอ เนเลียหันกลับมา ก่อนจะตัวแข็งด้วยความตกใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
แอนนาเบล เฮเก้นต์ถือปืนกระบอกเล็กอยู่ในมือ เธอเล็งมันไปยังโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ใบหน้าของเธอบวมปูดอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงตาของเธอเป็นประกายมุ่งมั่นแรงกล้า

“แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ”

ไม่มีเสียงออกจากปากโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ปืนเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง เขาจ้องเธอด้วยความตระหนก ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น

“มิสเฮเก้นต์ คุณไม่ควรทำแบบนี้”

“ถอยไปค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” เธอตอบเขา ยังคงเล็งปืนไปยังโรเบิร์ต เดอ เนเลีย “ผู้ชายคนนี้ต้องตาย ถ้าคุณคิดจะปกป้องเขา ฉันจะยิงคุณด้วย”

เธอหันมาเล็งปืนใส่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แล้วหันกลับไปเล็งโรเบิร์ตอีกครั้ง “แกมันไอ้ชาติชั่ว แกย่ำยีน้องสาวฉัน ทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย แล้วแกยังฆ่าจอร์จ เพื่อนชายของเธออีกด้วย แกทำให้คนมากมายต้องทุกข์ทรมาน ฉันจะยุติชีวิตชั่วๆ ของแก”

“อย่า”

ปัง

ภาพที่เห็นดูช้ากว่าที่ควรจะเป็น แอนนาเบล เฮเก้นต์เหนี่ยวไกปืน เธอเล็งไปที่ตัวของโรเบิร์ต เดอ เนเลีย ลูกกระสุนพุ่งแหวกอากาศอย่างเชื่องช้า เธอเห็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พุ่งเข้ามา กระสุนเจาะเข้าไปที่ตัวของเขา หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียง จากนั้นเวลาก็กลับมาเดินเร็วเหมือนเดิม

ร่างของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ล้มลงกระแทกพื้น โรเบิร์ต เดอ เนเลีย ผงะถอย แล้วหันหลังวิ่งสุดชีวิต ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์ทิ้งปืนลง เธอรีบวิ่งตรงมาหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

“พระเจ้า ทำไมคุณทำแบบนี้” เธอประคองศีรษะของเขาขึ้นมา วงกลมสีแดงบนเสื้อเชิ้ตของเขาขยายตัวเร็วอย่างน่ากลัว “ผู้ชายคนนั้นเป็นคนชั่ว ทำไมคุณต้องปกป้องเขา”

“ผมไม่ได้ปกป้องเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมปกป้องคุณ”

“....”

เขายกมือขึ้นมาจับมือของเธอไว้ “ผมไม่อยากให้คุณกลายเป็นฆาตกร... เหมือนผม”

น้ำตาใสๆ กลิ้งออกมาจากดวงตาสีเขียวสวยของแอนนาเบล เฮเก้นต์ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มให้เธอ

-----------------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-05-2019 16:50:51
ขอบคุณที่มาต่อให้หายคิดถึงนะ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ก็ทำให้อ่านแล้วางไม่ลง
ความเข้มข้นดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ก็วางไม่ลงเลยละ กว่าจะรู้ตัวจบตอนซะแล่ววว
ขอให้ลอร์ดแม็กซ์ปลอดภัยนะ
 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-05-2019 18:10:25
ดีใจ ไรท์มา  :mew1:
ชีวิตของแม็กซ์ ถูกทารุณกรรม ถูกฝึกปรือฝีมือแบบนี้
นี่ใช่พ่อจริงๆหรือ เป็นพ่อที่ไม่น่าจะทำแบบนี้กับลูก  :a5:
แต่นั่นก็ทำให้แม็กซ์เข้มแข็งสุดๆ  :hao3:
ช่างตรงกันข้ามกับพ่อของโรเบิร์ต เดอ เนเวีย ที่อบรมเลี้ยงดูลูกแบบโอ๋ ให้ท้าย
โรเบิร์ต เดอ เนเวีย ที่ใช้ชีวิตแแบบโสมม ชั่วช้า ทำลายชีวิตคนอื่นๆ
หรือเป็นการดีแล้วที่ถูกฝึกให้เป็นแบบนี้นะ แม็กซ์
แม็กซ์จัดการโรเบิร์ตนี่สมควรอย่างยิ่ง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ชอบที่แม็กซ์ รักก็รักแบบไม่ทำให้คนที่ตัวเองรักลำบากใจ
ที่ตลกตรงที่แม็กซ์หึงกอร์ดอนกับแอนนาเบล  o22
ทั้งที่รู้ชัดๆว่ากอร์ดอนรักอยู่กับจอห์น  :really2: :serius2: :เฮ้อ:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-05-2019 20:06:12
มาต่อแล้วววส เข้มข้นมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-05-2019 20:25:49
คุณมีสำนวนที่เหมือนนิยายแปลมากๆค่ะ นี่ถ้าไม่บอกว่าอ่านนิยายวายอยู่ก็ต้องนึกว่าอ่านนิยายฝรั่งเก่าๆแปลแน่ๆ เหมือนแม้กระทั่งสำนวนพูดคนสมัยก่อน แบบฝรั่งพูด รายละเอียดเรื่องสถานที่ ฉากด้วย น่าทึ่งมาก แต่ข้อเสียคือ การหายตัวไปนานๆของคุณทำให้ดิฉันจำชื่อตัวละครไม่ค่อยได้ค่ะ ปะติดปะต่อยาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 29-05-2019 22:17:55
กลับมาต่อแล้ว ดีใจมากๆค่ะ ได้ทราบเรื่องราวของลอร์ดแม็กซ์ก็ทำอึ้งไปเลยค่ะ ทั้งเรื่องธุรกิจของครอบครัวและเรื่องชีวิตที่เติบโตมา เป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะมาก ไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างแม็กซ์กับแอนจะเป็นอย่างไรต่อไป เรื่องของจอห์นกับกอร์ดอนก็เช่นกัน  ยังไงก็รอติดตามตอนต่อไปนะคะทขอบคุณสำหรัลงานที่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-05-2019 10:12:20
คิดถึงคุณจนบอกไม่ถูกเลยว่าดีใจแค่ไหนที่มาต่อ

ได้รับรู้ความยากลำบากของคุณจากในเพจยิ่งอยากส่งกำลังใจให้

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

ลอร์ดแมกซ์น่าสงสารมาก ดีใจที่เขาได้เจอมิสเฮเกนต์ ขอให้พวกเขาสมหวังทีเถอะ

ปล. เราชอบสำนวนคุณมาก จับใจทุกเรื่องที่ได้อ่าน ขอบคุณที่เขียนออกมาแบ่งปันนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-07-2019 02:17:20
ยังรอคอยอยู่นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-07-2019 10:11:15
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-08-2019 16:54:04
**สำหรับผู้ที่อ่านตอน37 ก่อนวันที่1ส.ค.62 เนื่องจากมีการแก้ไขเนื้อหาเพื่อปูเรื่องเข้าสู้ตอน38ใหม่ จึงรบกวนท่านผู้อ่านกลับไปอ่านตอน37อีกครั้ง เพื่อป้องกันการสับสนค่ะ (ทุกคนก็จะบอกว่า เธอไม่บอกชั้นก็อ่าน เพราะลืมแล้วว่าตอนก่อนมันเป็นยังไงงง ขอโทษที่อัพช้ามากๆ นะคะ)

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ
ตอนที่38 แปรผัน

อัลเบิร์ตได้ยินเสียงปืนจึงผูกม้าไว้ แล้วรีบเดินขึ้นไปบนเนิน เขาเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้น โดยมีสาวสวยผมแดงช่วยประคอง

“พระเจ้า คุณถูกยิง” สารถีชราอุทานเมื่อเห็นรอยเลือดขนาดใหญ่บนท้องของเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขบฟันกรอด ข่มความเจ็บปวดเอาไว้ เขาใช้ไม้เท้ายันพื้นเพื่อทรงตัว อัลเบิร์ตรีบวิ่งเข้ามาช่วยอีกแรง

“เขาต้องไปโรงพยาบาล” แอนนาเบล เฮเก้นต์พูดขึ้น สีหน้าของเธอซีดเผือด แต่ยังประคองสติไว้ได้ อัลเบิร์ตมองหน้าเธอ

“แต่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปสิบไมล์ ผมเกรงว่า...”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “บ้านคุณอยู่ไกลไหม”

“ไม่ไกล”

“งั้นพาผมไปที่บ้านคุณ”

“แต่...”

“สภาพนี้ผมนั่งรถม้าไกลสิบไมล์ไม่ไหวแน่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด เหงื่อกาฬแตกเต็มใบหน้า “ผมต้องพักและห้ามเลือดก่อน”

สารถีชราพยักหน้า เขาช่วยพยุงลอร์ดหนุ่มไปขึ้นรถม้า เมื่อเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าที่ใช้กดอยู่ชุ่มไปด้วยเลือด แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงตัดสินใจฉีกชายกระโปรงของเธอออกมา แล้วใช้มันกดบาดแผลเอาไว้ เธอมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยความเป็นห่วง

“เลือดออกเยอะมาก ถ้าคุณไม่ไปโรงพยาบาล...”

“ผมจะเสียเลือดตายก่อนไปถึงโรงพยาบาล” ลอร์ดหนุ่มว่า เขาล้วงกล่องสีเงินออกมาจากอกเสื้อ หยิบห่อกระดาษสีน้ำตาลเล็กๆ ขึ้นมา คลี่มันออก แล้วโรยผงที่อยู่ด้านในลงไปบนแผล ทันทีที่สัมผัสโดน เจ้าตัวก็สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ แอนนาเบล เฮเก้นต์เห็นดังนั้นจึงถามขึ้น

“นั่นอะไรคะ”

“ผงห้ามเลือด แต่คงห้ามได้ไม่นานนักหรอก” เขาตอบ ก่อนจะพูดต่อ “คุณมีกระดาษกับดินสอไหม”

“ค่ะ”

“ผมจะกดแผลเอง คุณหยิบกระดาษกับดินสอออกมา ผมอยากให้คุณไปส่งโทรเลข”

แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า เธอหยิบกระดาษและดินสอออกมาจากกระเป๋าถือ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกรายละเอียดให้เธอจด

บ้านของอัลเบิร์ตอยู่ไม่ไกลนัก เป็นกระท่อมเล็กๆ มีบริเวณพอสมควร ภรรยาของเขาตกใจมาก เธอรีบพาเขาไปนั่งพักบนโซฟา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่งให้อัลเบิร์ตพาแอนนาเบล เฮเก้นต์ไปส่งโทรเลขที่สำนักงานไปรษณีย์ พอทั้งสองคนออกไปแล้ว ภรรยาของอัลเบิร์ตยิ่งดูกระวนกระวายกว่าเดิม

“โอ... ฉันควรจะไปตามใครมาช่วย” เธอพูดและทำท่าจะเดินออกไปนอกบ้าน แต่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ห้ามไว้

“ไม่ต้อง ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่”

“แต่คุณบาดเจ็บนะ” เธอว่า “คุณอาจจะตายก็ได้”

“ถ้าคุณเรียกคนอื่นมา ผมตายแน่ๆ”

เธอหยุดยืนนิ่งทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงพูดต่อ “คุณชื่ออะไร”

“โดโรธี”

“เอาล่ะ โดโรธี ฟังผมนะ ผมเพิ่งให้พวกเขาไปโทรเลขตามหมอ เขาคงมาถึงที่นี่ประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังจากนี้ ระหว่างนี้ผมอยากให้คุณช่วยผมหน่อย ไปหาผ้าสะอาดกับเหล้าแรงๆ ให้ผมที”

“คะ... ค่ะ”

เธอหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมผ้าและเหล้ารัมขวดหนึ่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปลี่ยนผ้าที่ใช้ซับเลือดบนแผล เขาดึงเน็กไทออกมา ม้วนแล้วยัดเข้าไปในปาก จากนั้นก็เปิดแผล เทเหล้ารัมลงไป แล้วหยิบไม้ขีดขึ้นมาจุดบริเวณแผล โดโรธีรีบเบือนหน้าหนีทันที ประกายไฟเมื่อเจอกับแอลกอฮอลก็ลุกพรึ่บขึ้น ลอร์ดหนุ่มเจ็บจนแทบสิ้นสติ กลิ่นเนื้อไหม้ฉุนกึก เขาตรวจดูบาดแผล เห็นว่าเลือดออกน้อยลง จึงค่อยระบายลมหายใจออกมา ได้ยินเสียงหญิงชราถามขึ้น

“คุณเป็นไงบ้าง”

“อืม... ค่อยดีขึ้นหน่อยแล้ว”

เธอค่อยๆ หันหน้ากลับมา “พระเจ้า... คุณเผาแผลตัวเองหรือ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ใช่ มันเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะห้ามเลือด ผมดีใจที่คุณไม่ได้มอง ผมกลัวคุณจะเป็นลมไปจริงๆ”

“ฉันต้องเป็นลมแน่” โดโรธีว่า “คุณอยากได้น้ำล้างมือไหม”

“ขอเป็นผ้าสะอาดดีกว่า ยินสักแก้วด้วย ผมคอแห้งมาก”

ตอนแอนนาเบล เฮเก้นต์และอัลเบิร์ตกลับมาถึง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ดื่มเหล้ายินไปเกือบครึ่งขวดแล้ว บาดแผลยังมีเลือดซึมอยู่แต่ไม่มาก แอนนาเบลเข้ามาดูอาการของเขาด้วยความเป็นห่วง

“บาดแผลของคุณเป็นไงบ้างคะ”

“ผมห้ามเลือดแล้ว คงพอจะทนได้อยู่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “คุณไปพักผ่อนเถอะ ผมไม่เป็นไร”

แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ จนกว่าหมอจะมา”

โดโรธีชวนอัลเบิร์ตออกไปจากห้องเงียบๆ ทิ้งทั้งคู่ไว้ตามลำพัง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจอีก

“ถ้าคุณไม่ไปพักผ่อน ก็ช่วยเล่าเรื่องให้ผมฟังได้ไหม”

“เรื่องอะไรหรือคะ”

“เรื่องอะไรก็ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมต้องกระตุ้นตัวเองไม่ให้หลับ ก่อนที่หมอจะมาถึงน่ะ”

“งั้น...”

“เล่าเรื่องของคุณได้ไหม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “แล้วผมจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขาอึดใจ สุดท้ายก็พยักหน้า

“ฉันเกิดที่บริกซ์ตัน พ่อของฉันตายตอนฉันอายุได้สิบขวบ แม่เลยแต่งงานใหม่กับผู้ชายอีกคน เขามีลูกติด เธอชื่อเฮเลน อ่อนกว่าฉันสี่ปี พวกเราเข้ากันได้ดีมาก แม่ย้ายตามพ่อเลี้ยงมาอยู่ที่ฟูแล่ม ฉันกับเฮเลนเรียนหนังสือที่นั่น เธอเป็นเด็กน่ารัก จิตใจดี วันหนึ่ง เจ้านายพ่อเลี้ยงเชิญครอบครัวเราไปงานเลี้ยงเต้นรำ เฮเลนเจอกับโรเบิร์ตที่นั่น เขาเกี้ยวเธอ และเธอก็หลงเสน่ห์เขา ฉันพยายามเตือนเธอเรื่องเขาหลายครั้ง ท้ายที่สุดเธอก็ยอมรับฟัง เธอตั้งใจจะเลิกกับเขา แต่...” น้ำตาของแอนนาเบลไหลออกมา “ไอ้สารเลวนั่นไม่ยอมปล่อยเธอ มันย่ำยีเธอ ทำกับเธอเหมือนของเล่น เฮเลนเสียใจมาก เธอฆ่าตัวตายหลังจากนั้นไม่นาน ฉันสาบานต่อพระเจ้า ว่าจะต้องแก้แค้นผู้ชายสารเลวคนนั้นให้ได้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ตอนนี้คุณได้แก้แค้นสมใจแล้ว”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขา สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ คุณไม่ใช่เขา คนที่สมควรถูกยิงควรเป็นเขาต่างหาก”

“มีคนแบบโรเบิร์ต เดอ เนเลียอีกมากในสังคมของผม และพวกเขาต่างลอยนวล ทำไมน่ะหรือ เพราะคนแบบผมไงล่ะ”

“....”

“เชื่อเถอะว่าคุณยิงถูกคนแล้ว มันคงดีถ้าผมตายไปเสียได้ แต่... คนแบบคุณไม่สมควรเป็นฆาตกร คุณดีเกินกว่าที่จะเป็นแบบนั้น”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขาด้วยสายตาอ่านยาก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงหันไปมองทางอื่น เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดออกมา

“เรื่องโรเบิร์ตผมจะจัดการให้ ถ้ามีใครมาถามอะไรคุณ ให้บอกว่าเขาเป็นคนยิงก็แล้วกัน”

แอนนาเบล เฮเก้นต์อ้าปากเหมือนจะเห็นแย้ง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เธอผุดลุกขึ้น

“เดี๋ยวฉันมานะคะ”

“อืม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองแผ่นหลังของเธอหายลับออกไปจากห้อง แล้วถอนหายใจยาวอีกครั้ง เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงทนรับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย แต่เขากลับรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ

เพราะอะไรกันนะ...

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หลับตา ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้เขาคิดอะไรได้ไม่มากนัก แต่แล้วลอร์ดหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมีอะไรเย็นๆ มาสัมผัสที่ข้างแก้ม เขาลืมตาโพลง แล้วคว้ามือข้างนั้นไว้ทันที

“ขะ... ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะทำให้คุณตกใจ”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“โทษที” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด แล้วปล่อยมือออก หญิงสาวถอนหายใจ

“เหงื่อคุณออกเยอะมาก เช็ดตัวกับน้ำเย็นๆ หน่อยดีกว่าค่ะ”

“อืม”

แอนนาเบล เฮเกนต์ค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าของลอร์ดหนุ่มอย่างเบามือ แม้ผ้าจะเย็น แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับรู้สึกอุ่น นานแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสถึงความอ่อนโยนแบบนี้ เขาเหลือบตาขึ้นมองเธอ ทันทีที่สบตากัน แอนนาเบลก็หลุบสายตาลงต่ำทันที

“เอ่อ... ฉันจะออกไปดูนะคะ ว่าหมอมาหรือยัง”

เธอทำท่าจะผละออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบฉวยมือไว้

“อยู่กับผมที่นี่เถอะ” เขาโพล่งออกมา แอนนาเบลหันกลับมามองเขา แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงรถม้าก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน

“ฉันว่าหมอคงมาแล้วล่ะค่ะ” เธอพูด พลางดึงมือออกอย่างสุภาพ แล้วเดินออกไปจากห้องทันที

--------------------------------------

หมออัคราเป็นชาวอินเดียที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลเมอร์เรย์ เมื่อได้รับโทรเลข เขาและภรรยาก็รีบจับรถม้าที่เร็วที่สุดมายังคอตส์โวลด์ทันที เมื่อเห็นสภาพลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ทั้งคู่ถึงกับอุทานออกมา

“พระเจ้าช่วย”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โบกมือ “หมอต้องช่วยผมแล้วล่ะ”

หมออัคราไม่มีเวลาให้ตื่นตระหนกนานนัก เขาก้มลงตรวจบาดแผลของลอร์ดหนุ่ม สีหน้าดูเป็นกังวล

“ผมต้องผ่าเอากระสุนออก นี่คุณเผาห้ามเลือดหรือ”

“อืม” อีกฝ่ายพยักหน้า “เจ็บน่าดูเลยหมอ”

หมออัคราถอนหายใจแรง “คุณยังไม่รู้สึกหน้ามืดใช่ไหม”

“ยัง แต่ผมเริ่มหวิวๆ แล้ว”

หมอนิ่งไปอึดใจ “ผมจะรีบผ่าเอากระสุนออก แล้วเย็บปิดแผลให้คุณก่อน ภาวนาให้เลือดไม่ออกมากไปกว่านี้ก็แล้วกัน”

“แล้วแต่เลย ชีวิตผมอยู่ในมือหมอล่ะ”

หมออัคราตรวจดูชีพจร แล้วหยิบหลอดมอร์ฟีนขึ้นมา

“พระเจ้าช่วยลูกด้วย”

เขาฉีดมอร์ฟีนเข็มนั้นให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แล้วคลี่ห่อใส่เครื่องมือผ่าตัดลงบนโต๊ะ ภรรยาของเขาคอยส่งเครื่องมือต่างๆ ให้ ระหว่างที่เขาทำการผ่าตัดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บนโซฟา ภรรยาของอัลเบิร์ตถึงกับลมจับ จนสามีต้องรีบพาออกไปอีกห้อง ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์หน้าซีดไม่แพ้กัน

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัวสั่นด้วยความเจ็บในช่วงแรก จากนั้นเขาก็ค่อยสงบลงเพราะฤทธิ์มอร์ฟีน เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ในที่สุดหมอก็คีบเอากระสุนออกมาได้สำเร็จ เขาทำความสะอาดแผล เย็บปิด ทายาห้ามเลือด แล้วพันผ้ารอบลำตัวของลอร์ดหนุ่ม เพื่อปิดแผล ขั้นตอนนี้ค่อนข้างขลุกขลัก เพราะลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับตัวได้ไม่ถนัดนัก แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี หมออัคราตรวจดูชีพจร การเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจของลอร์ดหนุ่ม แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

“คุณรอดมาได้ครึ่งทางแล้ว” เขาว่า “เหลือแค่ผ่านคืนนี้ไป ผมอยากให้คุณนอนนิ่งๆ ตรงนี้”

“สภาพนี้ผมหลับในคอกม้ายังได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า หมอไม่ตลกด้วย

“คุณต้องระวังอย่าขยับให้มาก ถ้าแผลฉีกแล้วเลือดออกอีก คุณอาจจะเสียเลือดตายได้” เขาหันไปหาอัลเบิร์ต “คุณเป็นเจ้าของบ้านใช่ไหม ผมรบกวนช่วยหาโต๊ะเล็กหรือเก้าอี้ไม้ยาวๆ สักตัวมาต่อกับโซฟานี่ เขาจะได้ยืดขาได้ ผมไม่แนะนำให้ขยับตัวเขาโดยไม่จำเป็น และควรจะมีคนเฝ้าเขาสักคน เผื่อเขาเกิดเลือดออกขึ้นมาอีก”

“ฉันจะเฝ้าเองค่ะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์อาสา อัลเบิร์ตจึงออกไปยกม้านั่งยาวที่อยู่ในครัวออกมา

“แบบนี้ล่ะ” หมอพูดหลังจากช่วยพยุงขาของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขึ้นมาพาดไว้บนเก้าอี้ เขาตรวจดูอาการโดยทั่วไปของคนไข้อีกครั้ง ก่อนจะลากลับไปพักที่โรงแรม

“มีอะไรให้รีบไปตามผมทันทีเลยนะ” หมอกำชับ ก่อนจะออกจากบ้านไป ในห้องจึงกลับมาเงียบอีกครั้ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ระบายลมหายใจ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่37p.20(29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-08-2019 16:54:51
“ผมต้องขอโทษด้วยที่รบกวนมากขนาดนี้ ผมรับรองว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้”

“ไม่เป็นไรหรอก” อัลเบิร์ตว่า “คุณไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย คุณบาดเจ็บเราก็ต้องช่วยสิ”

“ขอบใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม ภรรยาของเขาถามขึ้นมา

“คุณหิวรึเปล่าคะ”

“ไม่ล่ะ ผมไม่หิว”

“งั้น...”

“ไม่เป็นไรค่ะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์พูดขึ้นมา “พวกคุณสองคนไปพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันจะดูแลเขาเอง”

“ก็ได้จ้ะ มีขนมปังอยู่ในตู้นะ ถ้าเธอหิวก็กินได้เลย เดี๋ยวฉันจะเอาหมอนลงมาให้”

“ขอบคุณค่ะ”

พอสองสามีภรรยาออกไปแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงพูดขึ้นมา

“มิสเฮเก้นต์ คุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าผม...”

แอนนาเบล ยกมือแตะปาก ก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างๆ แล้วจับมือของเขาไว้

“คุณพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ คุณจะได้รู้สึกสบายขึ้น”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาตรงนัยน์ตา เขาจึงรีบเบือนหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาที่รื้อออกมา หญิงสาวผุดลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากห้อง

เมื่อเธอกลับมาอีกครั้ง ก็พบว่าลอร์ดหนุ่มหลับไปแล้ว แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงวางอ่างกระเบื้องที่ใส่น้ำอุ่นลงบนโต๊ะ แล้วค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดใบหน้าของเขา แล้วจู่ๆ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา หญิงสาวรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับ แต่ทว่าน้ำตายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือ แล้วสะอื้นไห้

โอ... พระเจ้า ลูกต้องทำอย่างไรกัน

ตั้งแต่สูญเสียน้องสาว เธอสิ้นหวังกับกระบวนการยุติธรรม และนึกชังชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีฐานะ เธอตัดสินใจวางแผนที่จะแก้แค้นให้น้องสาว ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับโรเบิร์ต เดอ เนเลีย เธอวางแผนว่าหลังแก้แค้นสำเร็จแล้ว เธอจะหนีไปสก็อตแลนด์ เพราะมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น คงไม่มีใครสามารถตามตัวเธอเจอได้ ทว่า เมื่อเธอได้พบกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ความตั้งใจของเธอเริ่มสั่นคลอน เขาเป็นผู้ชายแบบที่เธอไม่เคยพบมาก่อน ความตรงไปตรงมาของเขาทำให้เธอหวั่นไหว หลายครั้งที่เธอคิดอยากรับปากคบหากับเขา ทิ้งความตั้งใจเดิมเรื่องแก้แค้นไว้เบื้องหลัง แต่ทุกครั้งที่เธอคิดแบบนั้น ภาพของโรเบิร์ต เดอ เนเลียก็จะผุดขึ้นมา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุข ไม่ได้รับโทษใดๆ และหลอกลวงหญิงสาวต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอยอมไม่ได้ เพราะอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจปฏิเสธลอร์ดหนุ่มอย่างเด็ดขาด เธอคิดว่าหลังจากเรื่องจบลง เขาคงจะเห็นเองว่าเธอเป็นคนเช่นไร และเลิกอาลัยอาวรในตัวเธอเสียที

แต่วันนี้ วันที่เธอตัดสินใจแก้แค้น เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมา ช่วยเธอจากสภาวะคับขัน ทว่านั่นทำให้เธอได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา ผู้ชายคนนี้คือคนที่คอยช่วยเหลือผู้ชายเลวๆ ที่เธอเกลียด แอนนาเบล เฮเก้นต์ไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างไร เขายังเป็นคนตรงไปตรงมาเช่นเดิม และมีใจให้เธอเหมือนเดิม ส่วนเธอ...

-------------------------------------

สามวันให้หลัง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงนั่งรถม้ากลับลอนดอนพร้อมหมออัคราและภรรยา โดยมีแอนนาเบล เฮเกนต์โดยสารมาด้วย เขาไม่ลืมเขียนเช็คให้คู่สามีภรรยาคนขับรถม้า ในฐานะที่เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขา

“ขอบใจสำหรับสามวันที่ผ่านมานะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกหญิงสาว ตอนที่เธอกำลังจะลงจากรถ แอนนาเบล เฮเก้นต์หันมายิ้ม

“ฉันเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน ลาก่อนค่ะ”

“ลาก่อน”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้สึกปวดแปลบทันทีที่ประตูรถม้าปิดลง ความเจ็บที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขาไม่ได้ปวดแผล แต่รู้สึกปวดใจ

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาได้จบสิ้นลงแล้ว ทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นอะไรกันด้วยซ้ำ

ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องผิดหวังแต่แรก ทำไมเขายังรู้สึกเสียใจขนาดนี้นะ

นี่หรือคือความรัก...

มาธิลดาตกใจจนแทบลมจับ เมื่อเห็นนายน้อยที่เธอเลี้ยงดูมาแต่ยังเล็ก กลับมาถึงคฤหาสน์พร้อมกับอาการบาดเจ็บที่ดูจะหนักเอาการ เธอรีบสั่งคนรับใช้ให้ไปเตรียมห้อง เตรียมน้ำ และทุกอย่างที่หมออัคราจำเป็นต้องใช้ หมอตรวจดูบาดแผลของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกครั้ง มันปริออกเล็กน้อยเนื่องจากการเดินทาง เขาทำแผลให้ลอร์ดหนุ่มใหม่ และไม่ลืมกำชับให้เจ้าตัวอยู่นิ่งๆ บนเตียงเป็นเวลาสองสัปดาห์ ห้ามขยับไปไหน ถ้าเขายังอยากมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่ามาธิลดารับคำเรื่องนี้อย่างแข็งขัน ส่วนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่มีอะไรจะเถียง เขาจึงทำได้เพียงสั่งคนให้ส่งจดหมายถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์ ว่าเขาประสบอุบัติเหตุ และอาจหายไม่ทันลงแข่งรักบี้การกุศล แน่นอนว่าเมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้จดหมายนี้ เขาและลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็รีบมาเยี่ยมเพื่อนรักทันที

“ไงจอห์นนี่ ไงจอร์จ โทษทีนะที่ฉันลุกไปต้อนรับพวกนายไม่ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ่ยทักเพื่อนรักของเขา ทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้อง มาทิลดาช่วยเอาหมอนรองหลังลอร์ดหนุ่มเพื่อที่เขาจะได้สนทนากับเพื่อนๆ ได้สะดวกขึ้น

“ให้ตายแมกซ์ เกิดอะไรขึ้นกับนายเนี่ย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องพลางเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่นอนอยู่บนเตียง คนรับใช้ที่อยู่ในห้องจึงยกเก้าอี้ให้เขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์ เมื่อทั้งสองคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงสั่งให้ทุกคนออกไป

“พระเจ้าช่วย แมกซ์ นี่ต้องไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเสริมขึ้น

“ฉันได้ยินว่านายถูกยิง”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “นายไปได้ยินมาจากไหน”

“ฉันได้ยินคนรับใช้ของนายคุยกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ ก่อนจะพูดต่อ “แต่นายไม่ต้องตำหนิพวกเขาหรอก พวกเขาพูดเพราะเจ็บแค้นแทนนายมาก เกิดอะไรขึ้นกันแมกซ์ ตกลงนายโดนยิงจริงๆ รึเปล่า แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงียบไปอึดใจใหญ่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ

“ถ้านายไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไรหรอกแม็กซ์ มันเป็นเรื่องภายในของครอบครัวนายใช่ไหมล่ะ”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อนรัก สีหน้าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะตอบว่าอะไรดี ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นดังนั้นจึงเสนอขึ้นมา

“เอางี้แมกซ์ นายไม่ต้องเล่าหมดก็เล่า เล่าเฉพาะที่นายอยากเล่า ฉันรู้ว่านายอยากคุยเรื่องนี้กับใครสักคน พวกเราเป็นเพื่อนรักนายนะแมกซ์ นายจะมีเพื่อนไว้ทำไม ถ้าพวกเขาไว้ใจไม่ได้”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก “ขอบใจจอร์จ แปลว่าตอนนี้ฉันไว้ใจนายได้ใช่ไหม”

“ฉันดูเป็นคนไว้ใจไม่ได้ตรงไหน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันย้อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดแทรกขึ้น

“ตรงเรื่องผู้หญิงล่ะมั้ง”

คนถูกแขวะหันไปถลึงตาใส่เพื่อนรักทีหนึ่ง ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ

“จอห์นนี่พูดถูกนะ”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาเพื่อนรักที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “นี่นายก็เห็นด้วยกับจอห์นนี่หรือ”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “ฉันหมายถึง จอห์นนี่พูดถึงเรื่องผู้หญิง”

“แล้วมันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นตรงไหน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้งขึ้นมา “นายก็ไม่ไว้ใจฉันเรื่องนี้เหมือนกันล่ะสิ... ทั้งๆ ที่ฉันกลับเนื้อกลับตัวแล้วแท้ๆ”

“เอาล่ะๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา “ถือว่าฉันล้อเล่นแล้วกันนะจอร์จ ฉันรู้หรอกว่าตอนนี้นายรักเดียวใจเดียวอยู่กับมาร์กาเร็ตแล้ว”

“หึ”

“เรื่องนี้เกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาในที่สุด เพื่อนรักสองคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว

“อะไรนะ อย่าบอกนะว่านายไปเปิดศึกชิงนางกับเจ้าโรเบิร์ต เดอ เนเลียนั่นจริงๆ”

“ไม่ใช่แบบนั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า และตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่คอตส์โวลด์ให้เพื่อนรักฟัง พอฟังจบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็พูดขึ้นทันที

“โธ่ แมกซ์ ทำไมนายถึงได้เป็นผู้ชายที่เสียสละขนาดนี้” พูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่หัวตา “ถ้าฉันเป็นมิสเฮเก้นต์ ฉันจะตกลงยอมแต่งกับนาย”

“ระวังคำพูดหน่อยจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ติงเพื่อน “นายไม่ใช่มิสเฮเก้นต์นะ”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โบกมือเป็นเชิงไม่ถือสา “ไม่เป็นไรหรอก จอห์นนี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันผิดหวังเสียหน่อย”

ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนรักอึดใจ ก่อนจะตบไหล่เขาเบาๆ “สักวันนายจะต้องได้เจอผู้หญิงที่คู่ควรกับนาย แมกซ์”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มให้เพื่อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “แล้วเรื่องโรเบิร์ต นายจะเอาไง”

“คงต้องรอแผลหายดีก่อน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่ต้องห่วงไป รับรองว่าหมอนั่นต้องโดนไม่น้อยแน่ แม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังคิดวิธีจัดการเขาไม่ออกก็เถอะ”

“จริงสิ ถ้าเป็นเรื่องผู้ชายแบบโรเบิร์ตล่ะก็ ฉันว่าฉันพอจะหาทางจัดการเขาได้อยู่นะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งขึ้นมา เพื่อนทั้งสองหันไปมองเขา

“ยังไง”

ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม “เรื่องนี้ต้องถามมาร์กาเร็ต”

“อ้อ... ฉันเข้าใจล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขาหันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “นายว่าไง แมกซ์”

“ลองให้มาร์กาเร็ตว่าแผนมาก่อน บางทีเธออาจจะมีความคิดเด็ดๆ ก็ได้”

“ตกลงตามนี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายพักผ่อนให้เยอะๆ แมกซ์ ไม่ต้องคิดมากเรื่องผู้หญิง นึกถึงเรื่องแข่งรักบี้ต่อหน้าพระพักตร์ไว้ก็พอ ฉันอยากให้นายหายทัน พวกเราอยากเห็นนายในสนาม”

ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มให้เพื่อนรักของเขา

“ขอบใจพวกนายมากนะ”

--------------------------------------------

กอร์ดอนรู้สึกประหลาดใจและดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อแอนนาเบล เฮเก้นต์แวะมาหาเขาที่ร้านในเย็นวันหนึ่ง เขารีบเชิญเธอขึ้นไปนั่งที่ห้องรับแขก

“ขอโทษนะคะที่ฉันมารบกวน” หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากนั่งลงแล้ว กอร์ดอนรีบพูดตอบ

“ไม่เป็นไรหรอก ผมกำลังคิดจะไปเยี่ยมคุณอยู่พอดี”

แอนนาเบลมองเขาด้วยความแปลกใจ กอร์ดอนจึงพูดต่อ “คือผมเป็นห่วงคุณน่ะ เห็นวันก่อนท่าทางคุณไม่ค่อยดีเลย”

หญิงสาวยิ้มออกมาในที่สุด “ฉันดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ”

“จริงๆ นะ” กอร์ดอนถามย้ำ เขามองหน้าหญิงสาว “คุณดูซูบไปจากวันก่อนมาก มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับ”

แอนนาเบล เฮเก้นต์เงียบไปพัก “กอร์ดอน ฉันถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ”

“ครับ”

“สมมติว่าคุณพบคนคนหนึ่ง เขาดีกับคุณมาก แต่วันหนึ่ง คุณกลับพบว่าเขาเคยให้ความช่วยเหลือคนที่เคยทำร้ายคุณ คุณจะทำไงคะ”

“อืม...” กอร์ดอนนิ่งคิด “ผมคงต้องดูก่อนนะ ว่าการที่เขาดีกับผม มาจากความบริสุทธิ์ใจรึเปล่า และเขารู้เรื่องคนที่เขาเคยช่วยเหลือไหม มันค่อนข้างไม่ยุติธรรม ถ้าจะตัดสินว่าเขาไม่ดี แค่เพราะเขาช่วยคนที่เคยทำร้ายเรา บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น ผมคิดว่าถ้าเรื่องในอดีตมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน เราควรจะปล่อยมันไป”

“หมายความว่า... คุณจะไม่โกรธเขาหรือคะ”

“ผมคงโกรธนะ แต่ผมจะให้อภัยเขา ถ้าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับผม”

แอนนาเบล เฮเก้นต์มองช่างตัดเสื้ออยู่เป็นนาน ก่อนจะก้มศีรษะลง “ฉันเข้าใจล่ะค่ะ”

กอร์ดอนยิ้มให้เธอ “แอน ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเจออะไรมา แต่การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีเสมอ อย่างน้อยๆ ตัวคุณเองจะได้รับการปลดปล่อยจากความรู้สึกเกลียดชังนั้น”

เธอเงยหน้ายิ้มให้เขา “คุณช่างเป็นคนดีเหลือเกินค่ะ กอร์ดอน”

“ครับ... จะสะดวกไหมครับ ถ้าผมจะเชิญคุณไปกินมื้อเย็นด้วยกัน ผมพอรู้จักร้านอร่อยที่ราคาไม่แพงอยู่”

“ได้สิคะ”

----------------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่38p.20(2/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-08-2019 18:08:49
ตื่นเต้นไปกับลอร์ดแม็กซ์ แต่ก็มาประทับใจกับกอร์ดอน อ่านแล้ววางไม่ลงเลย
ทำไมเราคิดว่า มันสั้นจังเลยนะ อิอิอิ ไม่ว่าคนเขียนนะ แต่ลงเยอะหน่อยคงดีมากเลย
 :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่38p.20(2/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 01-08-2019 18:54:28
กำลังเพลินเลย  จบตอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่38p.20(2/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-08-2019 22:38:12
 กอร์ดอนเป็นคนที่ดีมากกกก :heaven
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่38p.20(2/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-09-2019 10:17:55
บทที่39 กว่าจะรู้

กอร์ดอนชวนแอนนาเบลไปกินมื้อเย็นร้านเดียวกับที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยบ่นว่าไวน์ไม่อร่อย แน่นอนว่าหญิงสาวไม่มีปัญหานั้น ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องให้กังวลมากกว่าเรื่องไวน์

“กอร์ดอนคะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นคนยังไงหรือคะ”
กอร์ดอนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “เขาเป็นคนดี ภายนอกอาจจะดูเย็นชา แข็งกระด้าง แต่เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่น แถมยังเป็นคนจริงจัง และตรงไปตรงมามากอีกด้วย”

แอนนาเบลผงกศีรษะ ขณะที่กอร์ดอนพูดต่อ “เขาเป็นห่วงคุณมากนะแอน ถึงจะตัดใจหลังจากรู้ว่าคุณคบหาคนอื่นแล้ว แต่เขาก็คอยดูแลคุณอยู่ห่างๆ นะ”

“เขาบอกคุณหรือคะ”

กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “เปล่า ผมเจอเขา... ที่หน้าบ้านคุณน่ะ คืนนั้นที่เราไปดื่มด้วยกันไง ผมเจอเขาหลังจากออกมาแล้ว ผมคิดว่าเขาเป็นห่วงเรื่องคนที่คุณคบอยู่ ผมเองก็เป็นห่วงเหมือนกัน คืนนั้นคุณดูเหมือนกำลังตัดสินใจจะทำอะไรที่อันตรายมากๆ ลงไป ผมเลยขอให้เขาช่วยดูแลคุณ”

“คุณบอกเขาเรื่องที่เราคุยกันหรือคะ” น้ำเสียงของแอนนาเบลดูประหลาดใจ ทำให้กอร์ดอนรู้สึกผิดขึ้นมา เขารีบพูดต่อ

“ขอโทษด้วยนะแอน ผมเสียมารยาทมากเรื่องนี้ แต่เขาเป็นห่วงคุณ และเขาก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ ผมกลัวคุณจะเป็นอันตรายเลยเล่าให้เขาฟัง”

“ขอโทษนะคะ ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน” จู่ๆ แอนนาเบลก็ลุกพรวดขึ้น ทั้งที่อาหารยังไม่มาเสิร์ฟ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดหน้า แล้วเดินเร็วๆ ออกไปจากร้านอาหาร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนกอร์ดอนตั้งตัวไม่ทัน กว่าเขาจะคิดได้ว่าทำให้เธอโกรธมาก หญิงสาวก็นั่งรถม้าออกไปแล้ว กอร์ดอนได้แต่เดินคอตกกลับมาที่โต๊ะอาหาร เขากินอะไรไม่ลงอีก เลยจ่ายเงินแล้วกลับไปที่ร้าน

------------------------------------------

แอนนาเบล เฮเก้นต์กลับมาถึงบ้านพัก เธอขึ้นห้องไปอย่างเร่งร้อนจนไม่ทันได้ทักทายมิสซิสเมอร์สันที่นั่งถักนิตติ้งอยู่ พอประตูห้องปิดลง เธอก็ร้องไห้ออกมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ แอน” เสียงของมิสซิสเมอร์สันดังขึ้นที่ด้านหลังประตู แอนนาเบล เฮเก้นต์รีบซับน้ำตา สูดหายใจลึก แล้วตอบเธอไป

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่...” น้ำเสียงของเธอหายเข้าไปในคอ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีก ได้ยินเสียงมิสซิสเมอร์สันพูดขึ้นต่อ

“อยากให้ฉันเข้าไปไหม”

แอนนาเบล เฮเก้นต์ขบริมฝีปาก ท้ายที่สุดเธอก็เดินมาเปิดประตูให้มิสซิสเมอร์สันทั้งน้ำตา พอเห็นหน้าหญิงชรา เธอก็โผเข้ากอดทันที

“โอ๋ ไม่เป็นไรนะคนดี” มิสซิสเมอร์สันปลอบหญิงสาว ขณะที่แอนนาเบลสะอึกสะอื้น

“หนู... หนูควรทำอย่างไรดีคะ”

หญิงชราลูบศีรษะเธอเบาๆ “เกิดอะไรขึ้นล่ะ”

แอนนาเบลสูดหายใจ “หนู... หนูเจอผู้ชายที่ดีกับหนูมาก แต่หนูทำร้ายเขา ทำให้เขาเจ็บ”

“และหนูเพิ่งรู้ตัวว่ามีใจให้เขาใช่ไหม”

หญิงสาวพยักหน้า “หนู... หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ... เขาคงไม่มาอีกแล้ว หนู... หนูไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้เลย หนูเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เองแท้ๆ”

“โธ่... เด็กหนอเด็ก” มิสซิสเมอร์สันเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หนูจะเสียใจ แต่เชื่อเถอะจ้ะ ถ้าเขายังรักหนูจริง เขาจะกลับมาแน่”

แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ น้ำตาไหลนองหน้า

------------------------------------

กอร์ดอนผุดลุกผุดนั่ง เขาไม่มีสมาธิจะทำอะไรแม้แต่อ่านหนังสือหรือแก้งานให้ลูกค้า สุดท้ายเจ้าตัวจึงตัดสินใจจับรถม้าไปที่บ้านพักของแอนนาเบล เฮเก้นต์ เพื่อที่จะได้บอกขอโทษเธอเรื่องที่เขาทำลงไป

มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าแปลกใจ แต่ก็เปิดประตูให้เขาเข้าไป

“ผมมาหาแอนนาเบล ไม่ทราบว่าเธอ...”

“เธอพักผ่อนแล้วจ้ะ คุณนั่งก่อนสิคะ” มิสซิสเมอร์สันตอบ ก่อนจะเชิญกอร์ดอนให้นั่งลงที่โซฟา

ถึงกอร์ดอนจะรู้สึกร้อนใจ แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธคำเชิญของหญิงเจ้าของบ้าน ช่างตัดเสื้อนั่งลง และพูดต่อ “ผมเพิ่งทำให้เธอโกรธมาก ผมนี่โง่ชะมัด”

มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าแปลกใจอีกครั้ง “ฉันไม่คิดว่าเธอโกรธคุณนะ”

“ผมทำให้เธอหนีออกมาจากร้านอาหาร” เขาเล่า สีหน้าดูวิตกกังวล “ผมพูดจาไม่ระวังเอง”

มิสซิสเมอร์สันมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา “คุณพูดอะไรกับเธอหรือคะ บอกฉันได้ไหม”

“คือ...” กอร์ดอนทำหน้าปั้นยาก “ผมบอกเธอว่าผมเล่าเรื่องที่เราคุยกันให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง ผมแค่อยากบอกว่าเขาเป็นห่วงเธอมาก ไม่คิดว่าเธอจะโกรธขนาดนั้น”

“โอ...” มิสซิสเมอร์สันคราง “คุณเล่าเรื่องที่คุยกับเธอสองคนให้ผู้ชายอีกคนฟังหรือคะ”

“ครับ เขาเป็นเพื่อนผม เขารู้จักเธอ” กอร์ดอนตอบ “ผมรู้ว่ามันไม่สุภาพ แต่...”

“เขาเป็นห่วงเธอมาก” หญิงชราต่อให้ กอร์ดอนพยักหน้า

“ผมอยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น” เขาพูดต่อ “เป็นเพราะผมพลั้งปากเอง”

“ฉันว่าไม่ต้องหรอกจ้ะ” มิสซิสเมอร์สันพูดขึ้น กอร์ดอนมองเธอด้วยความฉงน

“ทำไมล่ะครับ ผมทำเรื่องไม่น่าให้อภัยขนาดนั้นเลยหรือ”

“เปล่าหรอกจ้ะ” หญิงชราพูดอย่างนึกได้ “จริงๆ แล้ว ฉันคิดว่าแอนไม่ได้โกรธคุณ เธอแค่หนีออกมาเพราะไม่รู้ว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไงมากกว่า”

กอร์ดอนยังคงไม่เข้าใจ “นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอโกรธผมมากหรือครับ”

“ฉันยืนยันได้ว่าไม่ใช่จ้ะ” มิสซิสเมอร์สันย้ำ ก่อนจะนิ่งคิดไปอึดใจหนึ่ง “เพื่อนที่คุณพูดถึง คือพ่อหนุ่มหน้าตาจริงจังที่เคยเอาดอกไม้มาให้เธอที่นี่รึเปล่า”

กอร์ดอนขมวดคิ้ว เขาไม่แน่ใจนัก เพราะลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่เคยเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ “เขาเป็นผู้ชายท่าทางจริงจังน่ะใช่ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเคยเอาดอกไม้มาให้เธอรึเปล่า เพราะเขาไม่เคยพูดถึง”

“เขาตัวใหญ่ ตาสีออกเทาๆ ไหม”

“ใช่ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “นั่นเขาล่ะ”

มิสซิสเมอร์สันยิ้มออกมา “งั้นฉันก็เดาถูก เธอไม่ได้โกรธคุณหรอกค่ะ ฉันเดาว่าเธอคงนึกขึ้นมาได้ว่าทำพลาดเรื่องสำคัญไป”

“ยังไงหรือครับ”

“คืออย่างนี้จ้ะ... ฉันว่าเธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าตกหลุมรักเขาน่ะ”

กอร์ดอนอ้าปากค้าง

-------------------------------------

คืนนั้นกอร์ดอนนอนพลิกตัวไปมา เขาทั้งดีใจ ทั้งประหลาดใจ ในเรื่องที่มิสซิสเมอร์สันพูด

แอนนาเบลเพิ่งรู้สึกตัวว่าตกหลุมรักลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องดีใจมากแน่ เขาเองก็รู้สึกโล่งใจ เพราะฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่มีครบพร้อมทุกอย่าง หากแอนนาเบลตกลงใจจะคบหากับเขาจริง ช่างตัดเสื้อก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

เขาอยากบอกเรื่องนี้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่จนใจที่ช่วงนี้ฝ่ายนั้นยุ่งวุ่นวายเรื่องซ้อมรักบี้จนไม่มีเวลามาหาเขาที่ร้าน ส่วนเขาเองก็วุ่นวายกับงานจนไม่ได้ออกไปดูอีกฝ่ายซ้อมเช่นกัน กอร์ดอนตัดสินใจว่าเขาจะหาเวลาว่างสักวันในสัปดาห์หน้า ไปดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เพื่อคุยเรื่องดังกล่าว

เพราะเอาแต่คิดเรื่องนั้นวนไปวนมา เช้าวันรุ่งขึ้นกอร์ดอนจึงตื่นไปโบสถ์สาย พอออกมาจากโบสถ์ก็เห็นรถม้าคันใหญ่จอดอยู่ คนขับรถม้าพอเห็นเขาก็รีบวิ่งลงมาหาทันที

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมกังวลอยู่เชียวว่าคุณอาจจะไม่มาโบสถ์”

กอร์ดอนจำคนขับรถม้าคนนี้ได้ เขาเป็นคนขับรถม้าของดยุกอ็อกฟอร์ด ที่ขับมาที่ร้านของเขาเป็นประจำ

พระเจ้า วันนี้ท่านดยุกนัดเขาไปดูที่ดินที่เวมบลีนี่นา

“สวัสดี มาร์คัส ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณกังวล พอดีเมื่อเช้าผมตื่นสาย”

“ผมเห็นล่ะ” มาร์คัสยิ้ม “คุณรีบร้อนลงจากรถม้าตอนพิธีกำลังเริ่มพอดี ท่าทางงานหนักน่าดูนะครับ”

ช่างตัดเสื้อหัวเราะเขินๆ เขาไม่กล้าเล่าสาเหตุที่แท้จริงให้คนขับรถม้าฟัง มาร์คัสเชิญเขาขึ้นรถม้า จากนั้นก็ขับออกไป
เวมบลีมีอาณาเขตติดกับนีสเด้น และอยู่ไม่ห่างจากลอนดอนมากนัก มาร์คัสขับรถพากอร์ดอนผ่านถนนซึ่งสองข้างทางรายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าและพื้นที่เพาะปลูก สีเขียวขจีของหน้าร้อน ต้องกับสีทองของดวงอาทิตย์เกิดเป็นทิวทัศน์ที่งดงามจับใจ รถม้าหยุดจอดที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ สูงสามชั้น มีปล่องไฟสี่ปล่อง ก่อด้วยอิฐทาสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยกำแพงหินเตี้ยๆ มีต้นพีชปลูกเรียงกันอยู่ ดูเหมือนจะเพิ่งปลูกได้ไม่นาน กอร์ดอนลงจากรถม้า เขารู้สึกประทับใจ และอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อคิดว่านี่อาจจะเป็นบ้านที่ดยุกอ็อกฟอร์ดพูดถึง

ท่านดยุกนั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ที่บุด้วยวอลเปเปอร์สีเขียวและประดับด้วยเสาไม้ฉลุลาย สวยจนกอร์ดอนไม่อาจงำประกายแห่งความตื่นเต้นในตาไว้ได้

“สวัสดีครับท่านดยุก” กอร์ดอนเอ่ยทักอีกฝ่าย ดยุกอ็อกฟอร์ดมองเขาด้วยสายตาพึงพอใจ

“ไง พ่อหนุ่มกอร์ดอน คิดว่าบ้านหลังนี้เป็นไงบ้าง”

“โอ... มันสวยมากครับ” กอร์ดอนพูดหลังจากนั่งลงแล้ว “ที่นี่อยู่ห่างจากบ้านเดิมผมไม่มากด้วย”

“ใช่” ท่านดยุกผงกศีรษะ “เธอจะได้ไปมาสะดวก”

กอร์ดอนรู้สึกประหม่า “แต่... มันมากเกินกว่าที่ผมจะรับ...”

“ฉันบอกแล้วไงว่าขอให้เธอตกลง เว้นเสียแต่ว่าเธอไม่ชอบที่นี่เอาเสียเลย”

“ไม่เลยครับ”

“ท่านตาคะ หนูพลาดอะไรไปรึเปล่าคะ” เสียงหวานๆ ดังขึ้น กอร์ดอนหันไปมอง และเห็นเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ป่าในอ้อมแขน

“โอ... สวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยทักกอร์ดอน “ฉันจำคุณได้ คุณเป็นเพื่อนของจอห์นในงานเลี้ยงวันนั้นนี่นา”

กอร์ดอนทักทายเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างเคอะเขิน เขาไม่คิดว่าเธอจะอยู่ที่นี่ และไม่คิดว่าเธอจะจำเรื่องของเขาได้

“สวัสดีครับท่านหญิง พูดถึงเรื่องวันนั้นผมละอายเหลือเกิน”

“ดูเหมือนพวกเธอจะเคยเจอกันมาก่อนสินะ” ท่านดยุกพูดด้วยท่าทางแปลกใจ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนส่งดอกไม้ให้สาวใช้ แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ ท่านตาของเธอ

“หนูเจอเขาที่งานเลี้ยงเต้นรำบ้านจอห์นค่ะ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดเลิกคิ้วด้วยความฉงน “งานเลี้ยงเต้นรำหรือ”

“ค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า เธอหันไปหากอร์ดอน “คุณสบายดีนะคะ”

“ครับ ผมสบายดี” กอร์ดอนพูด ยังรู้สึกเขินไม่หายเมื่อคิดว่าครั้งนั้นเขาทำอะไรลงไปต่อหน้าเลดี้บ้าง ดยุกอ็อกฟอร์ดมองดูทั้งคู่เงียบๆ ขณะที่เลดี้แคทเธอรีนพูดขึ้นต่อ

“เขาคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กที่ท่านตาพูดถึงอยู่บ่อยๆ หรือคะ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดพยักหน้า “อืม เขาเป็นช่างตัดเสื้อประจำตัวของตาด้วย”

“ว้าว งั้นหรือคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้าประทับใจ “คุณเป็นยอดช่างเสื้อคนนั้นนั่นเอง”

กอร์ดอนรู้สึกประหม่ากว่าเดิม “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ฝีมือผมยังสู้ปู่ไม่ได้เลย”

“ฉันว่าไม่นะ” ท่านดยุกว่า “ถ้ากอร์ดอนยังอยู่ เขาจะต้องภูมิใจในตัวเธอมากแน่ๆ”

คราวนี้กอร์ดอนไม่เถียง เขาหวังอยากให้ปู่ได้เห็นงานของเขาเช่นกัน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นต่อ “งานคุณสวยมากค่ะ ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงต้องไปตัดสักชุด”

กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “ขอบคุณครับ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดมองทั้งคู่ แล้วพูดขึ้น “ปู่คิดว่าจะออกไปนั่งรถชมวิวสักหน่อย ไปด้วยกันสิ”

ในที่สุดทั้งสามคนก็มานั่งอยู่ในรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่ ตอนแรกกอร์ดอนค่อนข้างเกร็ง แต่เพราะเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร และพยายามชวนคุยอย่างสุภาพ จึงทำให้ช่างตัดเสื้อผ่อนคลายลง

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคะ ฉันได้ยินมาว่าคุณมีบ้านที่นีสเด้นอีกหลังหนึ่งหรือคะ”

“ครับ ผมมีบ้านที่นีสเด้นอีกหลัง เป็นบ้านของปู่”

“บ้านหลังนั้นมองเห็นอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปด้วยใช่ไหมคะ”

“ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า หวนนึกไปถึงวิวในห้องนอนใหญ่ ชายหนุ่มหน้าแดงขึ้นมา เมื่อนึกย้อนไปว่าเขากับลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยนอนค้างด้วยกันที่นั่น

“ยอดไปเลยค่ะ มันต้องเป็นบ้านที่สวยมากแน่ๆ เลย”

“ครับ มันสวยมาก” กอร์ดอนว่า เขารู้สึกร้อนเห่อขึ้นมาที่ข้างแก้ม จึงเสมองไปทางอื่น “ที่นี่ก็สวยมากนะครับ ผมไม่ได้ออกมาดูอะไรแบบนี้นานแล้ว”

“เพราะเธอเอาแต่หมกตัวอยู่ในร้านนั่นล่ะ” ดยุกอ็อกฟอร์ดพูดขึ้นมา “ลอนดอนไม่ใช่สถานที่น่าอยู่นักหรอกนะ”

“ก็จริงครับ แต่งานผมอยู่ที่นั่น”

ท่านดยุกถอนหายใจ “คิดว่าแถวนี้เป็นไงบ้าง พอจะหาทำเลเปิดร้านได้ไหม”

กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “ผมคงต้องเขียนจดหมายเชิญให้ลูกค้ามาที่ร้านครับ”

“ทำสิ” ท่านดยุกว่า “พวกเขาจะได้เห็นว่าทุ่งนาพวกนี้สวยแค่ไหน ฉันว่าพวกเขาน่าจะชอบนะ”

“แต่ที่นี่อยู่ห่างจากท่าเรือมากครับ เอาจริงผมว่าคงไม่ค่อยสะดวก ไม่มีร้านขายอุปกรณ์ตัดเย็บอยู่ใกล้ๆ ด้วย ถ้ามีอะไรขาด หรือจักรเสีย ตามช่างคงลำบาก”

“อืม... ไม่เหมาะเปิดร้านงั้นสิ”

“ครับ... แต่ที่นี่สวยมาก”

“คิดว่าพอจะอยู่ได้ไหม”

“....”

“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” ท่านดยุกพูดต่อ “เธอจะเปิดร้านจนกว่าเธอจะไม่อยากเปิดก็ได้ ฉันแค่อยากจะให้ของขวัญเธอสักชิ้นหนึ่ง”

“มันเป็นบ้านหลังใหญ่มากครับ”

“ไม่ชอบหรือ”

“เปล่าครับ”

“ฉันไม่ได้ให้ตกแต่งอะไรมากหรอก เผื่อว่าเธอจะย้ายของจากบ้านเดิมมา” ท่านดยุกพูดต่อ “เธอจะอยู่ที่นี่หรือไม่อยู่ก็ได้ แต่ฉันอยากให้เธอรับมันไว้ เรื่องภาษีน่ะไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการให้”

กอร์ดอนเหลือบมองเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน เธอจึงพูดขึ้น “กรุณารับไว้เถอะค่ะ ท่านตาภูมิใจมากกับที่ดินผืนนี้ ท่านหวังว่าคุณจะชอบมัน”

“ผมชอบครับ แต่...” กอร์ดอนพูดออกมา ดยุกอ็อกฟอร์ดมองเขา

“ไม่มีแต่... ฉันถือว่าเธอตกลงก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มรู้สึกตื้นตันจนจุกถึงลำคอ เขาพยักหน้า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มออกมา ขณะที่ดยุกอ็อกฟอร์ดปรากฏรอยยิ้มในดวงตา

สัญญาถูกเตรียมไว้แล้วตอนที่พวกเขากลับไปถึงบ้าน กอร์ดอนเพิ่งทราบว่านอกจากบ้านหลังนี้แล้ว ที่ดินที่เขาเห็นตอนที่นั่งรถม้าออกจากบ้าน ไปจนถึงต้นเบิร์ชต้นใหญ่ที่รถม้าวกกลับมา คือทั้งหมดที่เขาจะได้รับ ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อ เขาหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จนทนายอธิบายอีกครั้งว่าทั้งหมดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรมของเขา ทันทีที่เขาลงชื่อในเอกสาร

“พ่อหนุ่มกอร์ดอน” ท่านดยุกเรียกเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดูละล้าละลังที่จะเซ็นเอกสาร “กลัวฉันจะหลอกทำสัญญาหรือไง”

“ปะ... เปล่าครับ แต่... นี่มันเยอะมาก”

“ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเธอก็แค่รับไป จะต้องให้ฉันพูดซ้ำอีกกี่ครั้งกันล่ะ”
คราวนี้กอร์ดอนไม่กล้าเถียงต่อ เขาจึงยอมลงชื่อในเอกสาร ท่านดยุกอ็อกฟอร์ดดูพอใจมาก ถึงกับยิ้มออกมาน้อยๆ ตอนที่กอร์ดอนรับซองใส่โฉนดไป

“เท่านี้ฉันก็เบาใจล่ะ สัปดาห์หน้าเธอว่างบ้างไหม ฉันอยากเชิญเธอไปดื่มชาที่บ้านหน่อย”
กอร์ดอนถึงกับต้องหยิบสมุดนัดหมายขึ้นมาเปิดดู “เกรงว่าจะต้องเป็นวันอาทิตย์ครับ”

“วันอาทิตย์ก็ได้” ท่านดยุกว่า “หลังเลิกโบสถ์ฉันจะให้มาร์คัสไปรับเธอ”

“ครับ”

หลังดื่มชาและคุยสัพเพเหระอยู่อีกพัก ท่านดยุกจึงให้มาร์คัสขับรถไปส่งกอร์ดอน ส่วนตัวเขากับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน นั่งรถม้าอีกคันกลับคฤหาสน์

-----------------------------------

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่38p.20(2/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-09-2019 10:19:14
“หนูเพิ่งเห็นคนที่ต้องเปิดนัดหมายดูก่อนตกลงรับนัดท่านตาก็วันนี้ล่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นหลังจากประคองท่านตาของเธอในนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดในห้องหนังสือแล้ว เธอลากเก้าอี้มานั่งข้างเขา ขณะที่ท่านดยุกอ็อกฟอร์ดมองหลานสาวด้วยความเอ็นดู

“เพราะเขารักและรับผิดชอบในงานที่เขาทำน่ะสิ ตาคิดว่าเขาทุ่มเทให้กับมันมากจนลืมเรื่องการใช้ชีวิตไป”

“อย่างนี้นี่เอง หนูก็ว่า เขาดูไม่ค่อยคุ้นเคยกับการเข้าสังคมเท่าไหร่”

“ทำไมคิดงั้นล่ะ”

“เขาดูเก้ๆ กังๆ ค่ะ” เธอพูดต่อ “ที่งานเลี้ยงเต้นรำ หนูถึงกับคิดขึ้นมาเลยนะคะ ว่าจอห์นต้องบังคับให้เขามาแน่ เขาดูเหมือนคนที่อยู่ผิดที่ผิดทาง”

ท่านดยุกเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “จอห์นเชิญเขาไปหรือ”

“เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของจอห์นค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนอธิบาย “มันเป็นงานเลี้ยงเต้นรำ พวกเราต้องสลับคู่เต้นรำกันไปเรื่อยๆ แต่เขากับเพื่อนอีกคนแยกตัวออกไปต่างหากค่ะ”

“แสดงว่าเขารู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆ ของจอห์นด้วยสินะ”

หญิงสาวพยักหน้า “ทุกคนดูใส่ใจกับเขามากนะคะ แต่หนูว่าเขาไม่ชินกับงานแบบนั้นค่ะ พอมารู้ว่าเขาเป็นช่างตัดเสื้อที่แทบหาเวลาว่างไม่ได้ หนูเลยคิดว่าจอห์นช่างใจร้ายกับเพื่อนของเขาจริงๆ”

“เขาเป็นคนที่เอาแต่ใจอยู่นะ” ดยุกอ็อกฟอร์ดออกความเห็น “แต่เขาไม่ใช่คนแบบที่จะบังคับเพื่อนให้ทำอย่างที่เขาต้องการหรอก”

“โอ... ท่านตาจะบอกว่าจอห์นไม่เห็นกอร์ดอนเป็นเพื่อนของเขาจริงๆ หรือคะ”

ดยุกอ็อกฟอร์ดขมวดคิ้ว “ตาไม่ได้หมายความแบบนั้น...” ชายชราเงียบไปพัก ก่อนจะพูดต่อ

“วันอาทิตย์หน้าเชิญจอห์นมาดื่มชาด้วยกันสิ ไม่ต้องบอกเขาล่ะว่ากอร์ดอนมาด้วย”

----------------------------------------------

กอร์ดอนกลับบ้านมาพร้อมโฉนดด้วยความรู้สึกทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งงุนงงไม่อยากเชื่อ เขาเก็บมันไว้ในตู้อย่างดี และนึกอยากชวนลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปเยี่ยมที่นั่นสักครั้ง แต่พอถึงเช้าวันจันทร์ กอร์ดอนก็ลืมทุกอย่าง เมื่อเห็นงานที่กองพะเนินอยู่ที่ร้าน เขามานึกได้อีกทีตอนเปิดสมุดแล้วเห็นคิวงานของลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ในนั้น

“เดวิด วันพุธเตือนฉันให้ไปดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยนะ” เขาสั่งเด็กหนุ่ม เดวิดพยักหน้า

“ผมคิดว่าคุณลืมไปแล้วเสียอีก สัปดาห์ที่แล้วคุณแทบไม่ได้พูดถึงมันเลย”

“ฉันยุ่งมาก” กอร์ดอนว่า ขณะที่เดวิดพูดต่อ

“ผมว่าท่านลอร์ดต้องผิดหวังแน่ๆ เขาคงชะเง้อรออยู่ว่าคุณจะไปดูมั้ย”

“ชู่วส์” กอร์ดอนเอ็ด “พูดอะไรระวังปากหน่อย”

เดวิดหัวเราะ “ทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้วล่ะครับ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก มีแต่คุณนั่นแหละที่เอาแต่นั่งก้มหน้าทำงานท่าเดียว”

กอร์ดอนอยากจะเอากรรไกรแทงเดวิดเสียจริง เขาหันไปถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น เด็กหนุ่มพูดต่ออย่างร่าเริง “ฮั่นแน่ คุณเขินใช่มั้ยล่ะ”

“เดวิด” กอร์ดอนเอ็ดเสียงเขียว “ออกไปซื้อรู้ทเบียร์มาเดี๋ยวนี้เลย”

พูดจบเขาก็เขวี้ยงเหรียญเงินใส่เด็กหนุ่ม เดวิดหัวเราะคิกคักพลางยกมือป้องตัวเอง

“ผมคงต้องบอกให้ท่านลอร์ดหาเวลามาหาคุณบ้าง ไม่งั้นคุณจะถูกกองผ้าทับตายเอา”

“เดวิด”

“คร้าบ” เด็กหนุ่มรับคำพลางก้มลงหยิบเหรียญแล้วรีบออกไปจากร้าน ทิ้งให้กอร์ดอนนั่งถอนหายใจอยู่คนเดียว

--------------------------------------------

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมาดื่มชาในตอนบ่ายวันอังคารตามปกติ เธอคิดใคร่ครวญถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ เรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เชิญเพื่อนที่ดูไม่เต็มใจนักไปงานเต้นรำ และเรื่องที่ปู่ของเธอเชิญฝ่ายนั้นไปดื่มชาโดยไม่ให้บอกว่ามิสเตอร์กอร์ดอน โอเดนเบิร์กก็ไปด้วย ทั้งหมดนั้นทำให้เธอรู้สึกฉงน และอดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามปิดบังอยู่ก็ได้

“วันนี้คุณดูเหม่อๆ นะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของเขา เลดี้แคทเธอรีนสะดุ้ง ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน

“เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

“เห็นคุณนั่งเหม่อแบบนี้ ทำเอาผมรู้สึกว่าเป็นคู่สนทนาที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย” ลอร์ดหนุ่มเย้า หญิงสาวรีบตอบเขา

“โอ ไม่ใช่หรอกค่ะ จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าควรจะคิดถึงมันต่อไปรึเปล่า”

“ผมชักสนใจแล้วสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เล่าให้ฟังได้ไหม เผื่อว่าเราจะได้ช่วยกันคิด”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงียบไปอึดใจใหญ่ เธอพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก “จอห์น... จริงๆ เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณด้วย”

“โอ้ งั้นคุณยิ่งต้องเล่าให้ผมฟังใหญ่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดอย่างอารมณ์ดี “ท่านตาของคุณพยายามเกลี้ยกล่อมให้คุณแต่งงานกับผมหรือ”

“อ้อ... เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เธอใช้เวลาประดิษฐ์ประโยคอยู่อีกพักหนึ่ง ถึงค่อยพูดต่อ

“เมื่อวันอาทิตย์นี้ฉันไปเวมบลีกับท่านตาค่ะ ท่านมีที่อยู่ที่นั่นผืนหนึ่ง เพิ่งซื้อเมื่อสองสามปีที่แล้ว มันเป็นที่ที่สวยมาก”

“ผมเองก็ชอบแถวเวมบลีนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป เพื่อนผมคนหนึ่งมีบ้านอยู่ที่นีสเด้นด้วย บ้านของเขามีห้องที่มองเห็นวิวของอ่างเก็บน้ำ มันน่าประทับใจมากเลย”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขา เธอถามออกมา “เพื่อนคุณคนนั้นคือมิสเตอร์กอร์ดอน โอเดนเบิร์กรึเปล่าคะ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วถามต่อด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้จักเขาหรือ”

“ค่ะ ฉันเพิ่งพบเขาวันอาทิตย์นี้เอง แต่ได้ยินเรื่องของเขามานานแล้ว”

“....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปบ้าง “คุณไปได้ยินเรื่องของเขาจากไหนน่ะ”

“ท่านตาของฉันค่ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีท่าทีผ่อนคลายลงนิดหน่อย “อ้อ... ผมลืมไปเลย เขาเองก็เป็นลูกค้าของกอร์ดอนเหมือนกัน”

“ท่านตาสนิทกับบ้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กมาตั้งแต่กอร์ดอนคนปู่น่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอธิบายต่อ แล้วจู่ๆ เธอก็เงียบไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นดังนั้นจึงถามขึ้น

“มีอะไรหรือ”

“จอห์นคะ เรื่องที่ฉันจะถามต่อไปนี้อาจจะทำให้คุณโกรธ แต่ได้โปรดตอบฉันตามตรงเถอะค่ะ”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ผมไม่รู้ว่าคุณจะทำอะไรให้ผมโกรธได้นะเนี่ย ถามมาเถอะ”

เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนใคร่ครวญคำถามอยู่ครู่หนึ่ง “คนรักของคุณคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กรึเปล่าคะ”

“....”

“จอห์นคะ...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกว่าแก้วชาในมือสั่น เขาวางมันลง พยายามปรับเสียงให้ราบเรียบที่สุด “ทำไมคุณถึงถามแบบนี้”

“ฉันขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “แต่เรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นแค่เพื่อนกันก็คงไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ถ้าเป็นมากกว่านั้น... โอ...”

“แคท คุณอยากบอกอะไรผมกันแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามเสียงเครียด เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขา

“มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคนนั้นเป็นหลานของผู้หญิงที่เป็นรักแรกของท่านตาค่ะ ท่านตาเอ็นดูเขาเหมือนหลานแท้ๆ ฉันเกรงว่าถ้าเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกคุณล่ะก็...”

“เขาจะไม่รู้ถ้าคุณไม่บอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา สีหน้าของเขาน่ากลัวจนเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนต้องขยับหนีด้วยความตกใจ

“จอห์น...”

ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก เขาทิ้งตัวลงบนพนักเก้าอี้ ถอนหายใจแรง “ขอโทษด้วยที่ผมเสียมารยาท แต่ที่คุณพูดมามันเป็นเรื่องร้ายแรงมากจริงๆ”

“สรุปว่าคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก...”

“ผมจะไม่ปิดบังคุณก็แล้วกัน ผมกับเขาเป็นคนรักกัน เรารักกันมาก และผมจะไม่ยอมเสียเขาให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น”

เลดี้แคทเธอรีนมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ “โอ... พระเจ้า” เธอตระหนกจนพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่ ในขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน แล้วบีบมันจนกลายเป็นสีขาว

“ขอร้องล่ะ แคทเธอรีน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน ผมขอไม่ให้คุณบอกเรื่องนี้กับใครจะได้ไหม”

“ฉันไม่บอกหรอกค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า “นี่มันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก แต่... คุณต้องรู้ไว้นะคะ”

“ว่ามา”

“ท่านตาบอกให้ฉันเชิญคุณไปดื่มชาวันอาทิตย์นี้ และเขาชวนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปที่นั่นด้วย”

“....”

“เขาสั่งไม่ให้ฉันบอกคุณเรื่องนี้ จอห์น... ฉันว่าท่านตาสงสัยความสัมพันธ์ของคุณกับเขาค่ะ”

“โอ... แคทเธอรีน ท่านตาของคุณจะสงสัยเรื่องของผมกับกอร์ดอนได้ยังไง ถ้าคุณไม่ได้เล่า”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เลดี้แคทเธอรีนสารภาพ “ฉันไปกับท่านตาวันอาทิตย์ เพราะเขาตั้งใจจะมอบที่ดินผืนนั้นให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นคนคนเดียวกับเพื่อนของคุณที่เป็นลมในงาน ฉันเล่าเรื่องนี้ให้ท่านตาฟัง ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอมาย้อนคิดดูอีกที มันเป็นเรื่องประหลาดมากที่คุณชวนเขาไปที่งานเต้นรำ โดยที่เขาดูไม่เต็มใจเลยสักนิด ท่านตาบอกว่าคุณไม่ใช่คนที่จะบังคับให้เพื่อนทำอะไรตามใจ”

“เขาอาจจะประหลาดใจ แต่เขาไม่น่าสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของเรา มันไม่มีอะไรชี้ไปในทางนั้นได้เลย ยกเว้นคุณ...”

“โอ... บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ค่ะ เพราะฉันรู้เรื่องคุณ ฉันเลยปะติดปะต่อเรื่องได้ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบากใจ”

พอเห็นท่าทางเสียใจเป็นอย่างมากของหญิงสาว ท่าทีของลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็อ่อนลง “ผมเองก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน ผมไม่ควรกล่าวหาคุณถ่ายเดียวแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณบอกผมด้วยความหวังดีแท้ๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องอันตรายมาก” เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า เธอเงยมองเขา “แล้วคุณตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อคะ”

“ผมมีแผนไว้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมคงต้องทบทวนทั้งหมดใหม่ ผมไม่รู้มาก่อนว่ากอร์ดอนสนิทกับท่านตาคุณขนาดนั้น”

“เขาเป็นคนสุภาพและถ่อมตัวมากค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนพูดขึ้นมา “ฉันชอบเขานะคะ แม้ว่าจะได้คุยกันแค่ครั้งเดียว”

“หมายถึงกอร์ดอนหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามก่อนจะยิ้ม “เขาเป็นคนแบบนั้นแหละ”

เลดี้แคทเธอรีนค่อยยิ้มออกมาได้ “จอห์นคะ ฉันมีเรื่องอยากขอร้องคุณสักเรื่องค่ะ”

“ว่ามาสิ”

“วันอาทิตย์นี้ ช่วยทำเป็นไม่รู้ว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปที่นั่นด้วยจะได้ไหมคะ ฉันไม่อยากให้ท่านตารู้ว่าฉันผิดคำสั่งค่ะ”

“ไม่มีปัญหา ผมคิดว่ามันต้องเป็นงานเลี้ยงน้ำชาที่สนุกมากเชียวล่ะ”

---------------------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-09-2019 13:59:08
ลุ้นมากกกก   จะโดนจับได้ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-09-2019 14:00:23
ตื่นเต้นจัว อยากให้มีผู้ใหญ่สักคนสนับสนุนพระเอกนายเอกบ้าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-09-2019 16:11:30
ดีใจ.........ไรท์มาต่อ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ลอร์ดแม็กส์ จะสมหวังแล้ว  :-[
ลุ้นไปกับจอห์น กอร์ดอน   :z3:
แต่คิดว่าน่าจะไปในทางที่ดีนะ   :mew1:
เพราะท่านดยุกอ็อกฟอร์ด คนที่เคยผิดหวังความรักกับย่าของกอร์ดอน
ต้องอยากให้กอร์ดอนสมหวังกับความรักแน่ๆ   :impress2:
จอห์น  กอร์ดอน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-09-2019 16:47:09
 :กอด1: :pig4: :กอด1:


 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-09-2019 19:29:03
 :L2: :L2:
ขอบคุณ ที่มาต่อให้ได้อ่านแบบ วางไม่ลงเลย ภาษาเขียนอ่านแล้วเหมือนตัวเองเป็นแมลงที่บินไปรอบๆ ตัวละคร
กอร์ดอน เป็นห่วงแอนนามากจนตัวเองรู้สึกผิด ดีที่เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และดีใจกับเพื่อนจนนอนไม่หลับ

ชอบบรรยากาศ บ้านที่ท่านดยุก มอบให้กอร์ดอน บรรยายออกมาจนอยากไปเที่ยว ยิ่งตอนอ่านฝนตกนิดๆ เคลิ้มเลย

ชอบเดวิดถึงแม้มีบทนิดๆ แต่แย่งซีนไปเต็มๆ มีอย่างที่ไหนแซวเจ้านายว่าเขิน ดีที่โดนแค่เหรียญ ไม่โดนกรรไกรเสียบ 555
กอร์ดอนมีเขินแรง

อ่านถึง เลดี้แคทเธอรีน ถามจอห์นว่า “คนรักของคุณคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กรึเปล่าคะ”  เราถึงกับหยุดไว้ไม่อ่านต่อแล้วเดิน
ไปมา และกลัวอย่างมาก กลัวคนเขียนตัดจบแค่นี้ และขอบคุณที่ไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าอย่างนั้นช่างใจร้ายกับคนอ่านสุดๆ เลยนะขอบอก

เป็นกำลังใจให้จอห์น กอร์ดอน และแคทเธอรีน หวังว่าท่านดยุกจะเข้าใจคนรุ่นใหม่นะ

และสุดท้าย รักคนเขียนฝุดๆๆๆ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:




หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 04-09-2019 11:30:00
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
 :z3:อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ไม่อยากให้มีอุปสรรคอีก
แค่นี้ก็ลุ้นมากแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-09-2019 21:50:00
น้ำตาจะไหล คิดถึงทุก ๆ ตัวละครเลย

เขียนดีมากกกกกกก พวกเขาดูเหมือนมีตัวตนจริง ๆ

ท่ายดยุกน่ารักมาก สัมผัสได้ว่าท่านเอ็นดูกอร์ดอนมากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-09-2019 16:51:58
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่40 เพื่อนที่ดี

            กอร์ดอนปิดร้านเร็วเพื่อมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่สนามซ้อมรักบี้ เขารู้สึกละอายใจเมื่อคิดได้ว่าสัปดาห์ก่อนลืมฝ่ายนั้นเสียสนิท ลอร์ดหนุ่มยังคงดูร่าเริงสดใสและเต็มไปด้วยพละกำลังเหมือนเช่นเคยเมื่ออยู่ในสนาม จนกอร์ดอนสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่เป็นเรื่องจริงหรือฝันกันแน่ ทว่าเมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินยิ้มร่ามาหาเขาถึงอัฒจันทร์ เจ้าตัวก็แน่ใจว่านี่คือความจริงแท้อย่างแน่นอน

                “ผมดีใจจังที่คุณแวะมาวันนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักเขาอย่างร่าเริง กอร์ดอนยิ้มกระดาก

“ผมต้องขอโทษด้วยครับที่หายหน้าไปเลย”

                “ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณงานล้นมือมาก ซึ่งส่วนหนึ่งมีผมเป็นต้นเหตุ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนถามต่อ

                “ว่าแต่วันนี้ทุกคนไปไหนหมดหรือครับ ผมไม่เห็นใครเลย”

                “จอร์จเตรียมตัวไปงานเลี้ยงกับมาร์กาเร็ต ส่วนคนอื่นๆ สงสัยจะไม่ว่าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ กอร์ดอนมองเขา

                “งั้นถ้าผมไม่มา ก็ไม่มีใครมาเลยสิ”

                ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม “ใช่ ดีจริงที่คุณมา”

                กอร์ดอนหัวเราะ “คงไม่ใช่คุณบอกให้เพื่อนๆ กลับไปก่อนหรอกนะครับ”

                “ทำไมคิดงั้นล่ะ”

                “ไม่รู้สิครับ คนอื่นอาจจะไม่ว่าง แต่ลอร์ดจอร์จกับลอร์ดเบอร์มิ่งไม่น่าพลาด”

                “คุณประเมินเอ็ดดี้ผิดไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางชวนกอร์ดอนลงจากอัฒจันทร์ “ระหว่างผมกับม้า ผมแน่ใจว่าเขาเลือกม้าก่อน”

                กอร์ดอนทำหน้าไม่เชื่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “เอ็ดดี้ไปดูม้าตัวเก่งในคอกที่เขามีหุ้นส่วนน่ะ ถ้าไม่ติดเรื่องนี้เขาก็มาดูผมซ้อมนั่นแหละ”

                กอร์ดอนพยักหน้า เขาเหลียวซ้ายแลขวาจนลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้น “คุณมองหาใครน่ะ”

                “ลอร์ดแมกซ์ครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมไม่เห็นเขาเลยในสนาม คิดว่าจะมาพร้อมคุณเสียอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองกอร์ดอนอึดใจ “คุณถามหาเขาทำไม”

                น้ำเสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ห้วนเสียจนกอร์ดอนคิดว่าตัวเองถามผิด “ทำไมหรือครับ ก็ผมไม่เห็นเขาลงซ้อม ปกติแล้วลอร์ดแมกซ์ไม่น่าขาดซ้อมโดยไม่มีสาเหตุนี่ครับ”

                น้ำเสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยคลายลงหน่อย “โทษที พอดีแมกซ์มีเรื่องน่ะ เราแวะคุยกันที่ร้านคุณก่อนไปกินมื้อเย็นได้ไหม”

                กอร์ดอนผงกศีรษะ และไม่ถามอะไรต่อ ทั้งคู่ขึ้นรถม้ามาลงที่ร้านกอร์ดอนเทเลอร์ เดวิดรีบปลีกตัวออกไปอย่างรู้งาน กอร์ดอนจึงเชิญลอร์ดหนุ่มขึ้นไปนั่งคุยที่ห้องรับแขกชั้นบน

                “กอร์ดอน พักนี้คุณได้พบมิสเฮเก้นต์บ้างไหม”

                กอร์ดอนประหลาดใจระคนดีใจที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามถึงคนที่เขากำลังจะพูดถึงพอดี จึงตอบโดยไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงของอีกฝ่าย “ผมเพิ่งไปกินมื้อเย็นกับเธอเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เองครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าเครียด “เธอเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างไหม”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ครับ อันที่จริงผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายเล่า แถมยังทำเธอโกรธ เราเลยไม่ได้ทากินมื้อเย็นกันจริงๆ”

                “เธอโกรธคุณหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม ท่าทางหงุดหงิด

                “เปล่าหรอกครับ ผมแค่เข้าใจผิด เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนกว่านั้น”

                “เธอคงไม่ได้ขอให้คุณขอเธอแต่งงานใช่ไหม”

                “ไม่ใช่หรอกครับ ทำไมคุณถึงทำหน้าแบบนั้น” กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาจึงถามออกไป อีกฝ่ายถอนหายใจแรง

                “กอร์ดอน ผมอยากให้คุณตั้งสติดีๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ผมกำลังจะเล่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับมิสเฮเก้นต์ และชีวิตของแมกซ์”

                กอร์ดอนเบิ่งตาด้วยความตกใจ แต่ก็พยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ

                “แมกซ์ถูกยิง”

                “พระเจ้า” กอร์ดอนอุทาน “เขาเป็นอย่างไรบ้างครับ”

                “อาการสาหัสอยู่ เคราะห์ดีที่เขาห้ามเลือดทัน ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเสียเพื่อนสนิทไป”

                กอร์ดอนหน้าซีด เขาถามตะกุกตะกัก “มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้”

                “คนที่คุณรู้จักดีเชียวล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนมองเขาด้วยความตกใจ อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

                “มิสเฮเก้นต์เป็นคนยิง เธอยิงแมกซ์”

                กอร์ดอนผงะ พอเห็นดังนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “แมกซ์บอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมอดเจ็บใจแทนเพื่อนไม่ได้จริงๆ”

                “เรื่องมันเป็นไงมาไงครับเนี่ย” กอร์ดอนร้องขึ้นมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเล่าเรื่องให้เขาฟัง พอฟังจบ กอร์ดอนก็ทำหน้าเครียด

                “ผมนึกแล้วเชียว”

                “หมายความว่าไง”

                “คืองี้ครับ สัปดาห์ก่อน ผมเจอแอนที่บาร์บีช็อต ท่าทางเธอน่ากลัวเหมือนตกลงใจทำเรื่องเลวร้ายบางอย่าง ผมเลยฝากลอร์ดแมกซ์ให้ช่วยดูเธอหน่อย”

                “คุณบอกแมกซ์หรือ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “เราเจอกันที่หน้าบ้านพักของแอนครับ แต่ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะร้ายแรงขนาดนี้”

                “โรเบิร์ตเป็นคนทำร้ายน้องสาวของมิสเฮเก้นต์ เพราะงี้เธอถึงได้ไปทำงานที่บ้านของลอร์ดวู้ดฟอร์ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วถอนใจ “เธอเป็นผู้หญิงใจเด็ด แมกซ์มองสาวไม่ผิด แต่เสียดายที่เธอไม่มีใจให้เขาเลย”

                กอร์ดอนท้วงขึ้นมา “ไม่ใช่นะครับ ผมว่าเธอมีใจให้เขานะ”

                คนได้ฟังเลิกคิ้วสูง “เธอบอกคุณหรือไง”

                “ไม่ใช่หรอกครับ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “ผมคิดว่าเธอเพิ่งรู้ตัวว่ามีใจให้เขา แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเธอเลยไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ เธอคงสะเทือนใจน่าดูที่ยิงเขา”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นด้วย “ถ้าเธอไม่สะเทือนใจเลยผมว่าแย่แล้วล่ะ”

                “แล้วลอร์ดแมกซ์ว่าไงบ้างครับ” กอร์ดอนถามต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “เขาไม่ถือโทษมิสเฮเก้นต์ เขาย้ำซ้ำๆ ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ” ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจอีก “เขาไม่อยากให้เธอกลายเป็นฆาตกร แต่เกือบทำให้ตัวเองต้องตาย ผมว่าถ้ามิสเฮเก้นต์มีใจให้เขาจริง เธอก็น่าจะไปเยี่ยมเขาหน่อย”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ผมกำลังจะถามเรื่องนั้นอยู่พอดีเลยครับ จะน่าเกลียดไหมถ้าผมพาเธอไปเยี่ยมเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่หรอก ตอนนี้ลอร์ดสวินดันไม่อยู่ที่คฤหาสน์ เป็นโอกาสดีที่คุณจะพาเธอไป ถ้ารอจนพ่อเขากลับมา บรรยากาศดีๆ จะพังเสียหมด”

                “ท่าทางคุณไม่ชอบลอร์ดสวินดันนะครับ”

                “ไม่มีใครชอบเขาหรอก แล้วคุณจะพาเธอไปวันไหน คุณว่างหรือ”

                กอร์ดอนเกาศีรษะ “ผมคิดว่าคงเป็นวันอาทิตย์ เป็นวันเดียวที่ผมว่าง”

                “อีกตั้งหลายวัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมพาเธอไปดีกว่า เธอยังทำงานกับลอร์ดวู้ดฟอร์ดอีกรึเปล่า”

                “ไม่แล้วครับ เธอบอกผมว่าเธอลาออก อันที่จริงจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอไม่ควรจะกลับไปที่นั่นอีกแล้ว”

                “อืม ผมว่าแมกซ์คงบอกเธออย่างนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมจะพาเธอไปเองแล้วกัน คุณช่วยเขียนจดหมายแนะนำให้หน่อย ผมไม่อยากให้เธอลำบากใจ เพราะเราไม่ได้สนิทกัน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “รบกวนคุณแล้ว”

                “ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง วันอาทิตย์นี้คุณมีนัดแล้วนี่นา”

                กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “อย่าบอกนะว่าคุณลืมนัดดื่มชากับดยุกอ็อกฟอร์ด”

                “ไม่ครับ ว่าแต่... คุณรู้ได้ไงว่าผมมีนัดดื่มชากับเขา”

                “แคทเธอรีนเล่าให้ผมฟัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณสนิทกับเขาขนาดนั้น”

                กอร์ดอนหัวเราะแหะๆ “ก็ไม่เชิงหรอกครับ ท่านดยุกสนิทกับปู่กับย่า ผมเลยพลอยได้รับความเอ็นดูไปด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองเขา แล้วยิ้ม “เขาคือคนที่ขอรูปย่าคุณไปสินะ”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้บอกคุณ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว”

                “อืม ไม่เป็นไรหรอก มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ นั่นแหละ ถ้าแคทเธอรีนไม่เล่าให้ผมฟัง ผมก็คงไม่รู้หรอก”

                “คุณกับเลดี้แคทเธอรีนดูสนิทกันนะครับ”

                “อ้อ... ใช่ ผมเล่าให้คุณฟังหรือยังว่าเธอรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนรักกัน”

                “หา” กอร์ดอนร้อง “ว่าไงนะครับ”

                “เธอรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนรักกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางจับมือกอร์ดอนไว้ “ผมพลาดเองแหละเรื่องนี้”

                “ให้ตาย แล้วเธอว่าไงครับ เธอรู้นานแล้วหรือครับ” กอร์ดอนดูกังวล เขาคิดถึงตอนที่ได้พบเลดี้แคทเธอรีนเมื่อวันอาทิตย์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบคนรัก

                “เปล่า เธอเพิ่งรู้ ที่จริงเธอรู้มาสักพักแล้วว่าผมมีคนรักเป็นผู้ชาย แต่มาปะติดปะต่อเรื่องว่าเป็นคุณได้เมื่อวันอังคารนี้เอง”

                กอร์ดอนหน้าแดง “ผมไปทำพลาดตรงไหนให้เธอรู้กัน”

                “ไม่ใช่ความผิดของคุณน่า” ลอร์ดโทวรว์บริดจ์ว่า “บอกแล้วไงว่าผมพลาดเอง เธอรู้เพราะผมน่ะ”

                “คุณเผลอไปทำอะไรให้เธอจับได้ครับเนี่ย”

                “หลายเรื่องเลย แต่คุณวางใจเธอ เธออยู่ฝั่งเดียวกับเรา เธอบอกผมด้วยว่าท่านดยุกจงใจเชิญผมไปงานเลี้ยงน้ำชาวันอาทิตย์นี้โดยไม่บอกว่าคุณจะไปด้วย”

                “หา เขาเชิญคุณด้วยหรือครับ”

                “แสดงว่าคุณเองก็ไม่รู้ว่าเขาเชิญผมสินะ”

                “โอ... เขาไม่ได้บอกหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ สีหน้าเป็นกังวล “คุณว่าเลดี้แคทเธอรีนบอกเขาเรื่องเรารึเปล่าครับ”

                “แคทยืนยันว่าไม่ได้บอก จริงๆ เธอเองค่อนข้างตื่นเต้นที่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เลยกังวลว่าท่านตาของเธอจะรู้ระแคะระคาย แต่ผมว่าเขาแค่สงสัยว่าผมมองคุณเป็นเพื่อนแบบไหนมากกว่า เพราะเธอเล่าให้เขาฟังทำนองว่าผมบังคับให้คุณไปงานเต้นรำ”

                พอถึงตรงนี้ กอร์ดอนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ก็คุณบังคับผมไปจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำหน้าไม่รู้เรื่อง “ผมคิดว่าคุณชอบเสียอีก เราน่าจะจูบกันตอนนั้นเลยผมว่า”

                กอร์ดอนตีมือเขา “แค่นี้ผมก็อายจะแย่อยู่แล้วครับ แล้ววันอาทิตย์ผมต้องไปดื่มชากับท่านดยุกอีก ถ้าเจอเลดี้แคทเธอรีน ผมจะทำตัวยังไงดี”

                “ทำเหมือนปกตินั่นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมตั้งใจจะคุยเรื่องนี้กับคุณพอดี เราสองคนคงต้องทำตัวสนิทสนมกันหน่อย อย่าให้ดยุกอ็อกฟอร์ดรู้เชียวล่ะว่าผมมาเตี๊ยมกับคุณก่อน เพราะเขากำชับแคทเธอรีนเอาไว้ ว่าห้ามบอกผม”

                “ให้ตาย ผมโกหกไม่เก่งด้วยสิ” กอร์ดอนว่า สีหน้าหนักใจ “ผมต้องทำท่าตกใจตอนเจอคุณใช่ไหม”

                “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นน่า เอางี้สิ พวกเราไปก่อนเวลาสักสิบนาที แล้วแกล้งทำเป็นเจอกันก่อน คุณจะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาก”

                “ท่านดยุกให้มาร์คัสเอารถมารับผม” กอร์ดอนตอบ “ผมคงจะทำแบบนั้นไม่ได้”

                “งั้นก็ไม่เป็นไร คุณทำตัวตามสบาย ตกใจตอนเห็นผมก็ได้ คุณต้องตกใจอยู่แล้วนี่นะที่ได้เห็นคนรูปหล่อแบบผมไปดื่มชาด้วย”

                “ทำเป็นเล่นไปครับ ผมกังวลจริงๆ นะเนี่ย ถ้าท่านดยุกรู้ล่ะก็เรื่องใหญ่แน่ๆ”

                “เขาไม่รู้หรอก เต็มที่เขาคงคิดว่าผมหลอกคุณเอาสนุก คนที่เสียเปรียบดูน่าจะเป็นผมมากกว่าคุณนะ”

                “คุณนี่ใจเย็นจริงเชียว ผมคงทำแบบคุณไม่ได้แน่”

                “เอาน่า ยอดรัก อย่ากังวลไปเลย คุณควรให้ความสนใจกับจดหมายแนะนำตัวผมต่อมิสเฮเก้นต์ดีกว่า”

                กอร์ดอนหัวเราะ “คงไม่ต้องถึงขั้นจดหมายแนะนำตัวหรอกครับ แอนรู้จักคุณอยู่แล้ว ผมจะเขียนจดหมายไปว่าผมไม่สะดวกพาเธอไปเยี่ยมลอร์ดแมกซ์ เลยฝากคุณมาแทนก็แล้วกัน”

                “เอาแบบนั้นก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนพูดขึ้นต่อ

                “งั้นเดี๋ยวผมเขียนให้ก่อนออกไปกินมื้อเย็นนะครับ พอดีกระดาษเขียนจดหมายอยู่ข้างล่าง”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ แล้วเดินมานั่งข้างช่างตัดเสื้อ ก่อนจะรวบตัวเขาเข้าไปกอดไว้

                “ผมคิดถึงคุณแทบแย่ สัปดาห์ที่แล้วคุณเล่นหายตัวไปเลย”

                “ขอโทษครับ ผมมัวแต่วุ่นงานจนไม่ได้แวะไปเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบแก้มช่างตัดเสื้อทีหนึ่ง “ผมให้อภัย เพราะผมเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณงานเยอะขนาดนี้ นี่กอร์ดอน สมมติว่าเราได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ผมจะขอให้คุณตัดเสื้อให้ผมคนเดียวได้ไหม”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันจริง ผมคงต้องตัดให้คุณคนเดียวอยู่แล้วล่ะครับ”

                ลอร์ดหนุ่มเชยคางเขาขึ้นมาแล้วจูบเบาๆ “ผมคิดถึงริมฝีปากคุณเหลือเกิน รู้ไหมผมชะเง้อมองหาคุณทุกวันเลยที่อัฒจันทร์น่ะ”

                “ผมจะพยายามแวะไปนะครับ”

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมแวะมาหาคุณดีกว่า แต่คงต้องหาข้ออ้างปัดเพื่อนๆ ออกไปก่อน แย่จริง มันคงจะดีถ้าทุกคนที่เรารู้จักยอมรับสิ่งที่เราเป็น”

                กอร์ดอนลูบแก้มคนรัก “จอห์น เท่าที่เป็นอยู่นี่ก็ดีแล้วล่ะครับ ผมไม่คิดเลยว่าเราจะมาถึงจุดนี้กันได้”

                “แต่มันยังดีไม่พอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า พลางกุมมือของคนรักไว้ “ผมอยากเห็นคุณทุกเช้าตอนตื่นนอน อยากจูบราตรีสวัสดิ์คุณทุกคืน อยากให้คุณยืนอยู่ข้างผมตลอดไป”

                กอร์ดอนยิ้ม “เราเป็นมากกว่าที่เราเป็นอยู่ไม่ได้หรอกครับ คนเราน่ะมีขีดจำกัดของตัวเอง ให้ผมไปงานเลี้ยงเต้นรำกับคุณทุกสัปดาห์ก็ไม่ไหวนะ ผมเต้นรำไม่เก่งเลย”

                ลอร์ดหนุ่มขบริมฝีปาก ก่อนจะดึงคนรักเข้ามาจูบ “ให้ตาย กอร์ดอน ผมอยากจะเต้นรำกับคุณตอนนี้เลย เต้นกับผมเถอะ”

                อีกฝ่ายหัวเราะ “นี่เป็นวิธีขอเต้นรำหรือครับเนี่ย”

                “ใช่ ถ้าคุณไม่ตกลง ผมจะจูบจนกว่าคุณจะยอม”

                “ก็ได้ครับ ผมตกลงแล้วกัน กลัวจะถูกจูบจนหายใจไม่ออก”

                ลอร์ดหนุ่มมีสีหน้าผิดหวัง “งั้นผมจูบคุณตอนเต้นรำแล้วกัน”

                พูดจบเขาก็ฉุดตัวช่างตัดเสื้อขึ้นมา คนถูกฉุดหัวเราะอีก “ไหนคุณบอกห้ามเผลอจูบคู่เต้นไงครับ”

                “ผมเปล่าเผลอนะ ผมตั้งใจเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยิ้ม “เต้นกับผมสักเพลงเถอะ”

                “ผมไม่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียง จะเต้นกับคุณสักเพลงได้ยังไง”

                “งั้นไม่เป็นไร เต้นกับผมเงียบๆ ก็ได้ ผมพอใจเมื่อไหร่จะปล่อยคุณไปเอง”

                “ผมปฏิเสธตอนนี้คงไม่ทันแล้วสินะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โอบเอวคนรักไว้ “ผมไม่ให้ปฏิเสธหรอก”

                กอร์ดอนยิ้ม เขายกมือวางบนไหล่ของลอร์ดหนุ่ม จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเต้นรำไปรอบๆ ห้องรับแขกเล็กๆ

----------------------------------------------------

                แอนนาเบล เฮเก้นต์แปลกใจระคนตกใจ เมื่อลงบันไดมาเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งรออยู่ในห้องรับแขก เธอรีบทักทายเขา

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านลอร์ด มีอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักทายกลับเสียงเรียบๆ “อรุณสวัสดิ์ มิสเฮเก้นต์ ผมมาที่นี่เพราะเรื่องแมกซ์”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์ก้มหน้า “คุณคงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ดิฉันยอมรับผิดทุกอย่างค่ะ กรุณาบอกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยว่าดิฉันขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” พูดจบก็สูดหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

                “ดิฉันพร้อมที่จะไปมอบตัวแล้วค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเธอ แล้วพูดต่อ “คุณมีชุดที่ดีกว่านี้ไหม ผมอยากให้คุณแต่งตัวให้สวยที่สุด คนที่เห็นคุณจะได้ประทับใจ”

                “ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่จำเป็นแล้ว” แอนนาเบล เฮเก้นต์ผุดลุกขึ้น “ฉันรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน” เธอถอนหายใจ “ก่อนไปฉันขอพูดอะไรกับมิสซิสเมอร์สันหน่อยได้ไหมคะ”

                “ผมอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “สิ่งเดียวที่คุณควรทำตอนนี้คือแต่งตัวให้สวยที่สุด เข้าใจที่ผมบอกไหม”

                สายตาคาดคั้นของฝ่ายนั้นทำให้แอนนาเบล เฮเก้นต์จำใจต้องเดินกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าสีหน้าของเธอยังคงหม่นหมองตอนที่เดินลงมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

                “คุณสวยมาก แล้วนั่นถุงอะไร”

                แอนนาเบลมองถุงกระดาษในมือ แล้วยื่นให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เสื้อของลอร์ดแมกซ์ ดิฉันทำความสะอาดให้แล้ว รบกวนฝากคุณคืนเขาด้วยค่ะ”

                “เห็นทีผมคงทำแบบนั้นไม่ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ไปกันได้แล้ว”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-09-2019 20:22:45
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-09-2019 08:19:52
ลอร์ดแมกซ์ คงดีใจคนที่คิดถึงกำลังจะไปเยี่ยม
ว่าแต่จอห์นเหอะ เนียนหอมแก้มตลอดนะ เราอะเขินแทน
แล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจ ไปให้ท่านดยุกจับผิดหรือยัง อิอิอิ
คิดถึงทุกคน
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-11-2019 07:05:34
โง่ย เพิ่งเห็นว่าอัพตอน40ไม่ครบค่ะ สงสัยตอนรอรีเฟรส20kตัวอักษรล่ะลืมอัพไปเลย แง่ว ลงต่อค่ะ

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ ตอนที่40 (ต่อ)

   แอนนาเบล เฮเก้นต์ถือถุงกระดาษเดินตามลอร์ดโทรว์บริดจ์มาเงียบๆ เธอรู้สึกแปลกใจที่ไม่เห็นตำรวจอยู่ที่ด้านหน้าบ้าน มีเพียงรถม้าคันใหญ่จอดอยู่ หญิงสาวคิดว่าลอร์ดหนุ่มคงไม่อยากทำให้เรื่องเอิกเหริก เพราะอาจจะสร้างความลำบากใจให้มิสซิสเมอร์สันได้ เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

   “ขอบคุณนะคะ สักวันดิฉันคงได้ตอบแทนความมีน้ำใจของคุณกับลอร์ดแมกซ์”

   “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ เขายื่นมือให้เธอจับเพื่อขึ้นรถม้า ก่อนจะขึ้นตามไป แอนนาเบล เฮเก้นต์เอาแต่ก้มหน้ามองถุงกระดาษในมือ

   “ได้ยินว่าคุณคอยพยาบาลเขาหลังจากผ่าตัดหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามทำลายความเงียบ หญิงสาวพยักหน้า

   “ค่ะ”

   “คุณคิดว่าตัวเองทำงานแบบนี้ได้ไหม”

   เธอพยักหน้า

   “ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดสั้นๆ จากนั้นก็เงียบไป แอนนาเบลเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ทั้งคู่นั่งเงียบๆ ปล่อยให้เสียงล้อรถบดถนนและเสียงเกือกม้าปกคลุมบรรยากาศ เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงเงยหน้าขึ้นมา

   “เราเลยถนนที่จะไปสก็อตแลนยาร์ดแล้วนี่คะ”

   “อ้อ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียง “ผมไม่ทันได้สังเกตหรอก”

   หญิงสาวมองเขาด้วยความรู้สึกหวั่นใจ “ท่านลอร์ด ดิฉันยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว กรุณาส่งตัวดิฉันให้ตำรวจเถอะค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบมองเธอ “คุณคิดว่าแค่จับคุณส่งตำรวจ เรื่องก็จบงั้นหรือ คิดง่ายไปหน่อยล่ะมั้ง”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์ขบริมฝีปาก ทันใดนั้นเธอก็กระชากประตูรถให้เปิดออก ดีที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไวพอที่จะยื่นมือไปคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน

   “จะทำอะไร”

   “ดิฉันยอมตาย ดีกว่าที่จะถูกทำลายศักดิ์ศรีค่ะ” เธอพูด แล้วดึงปิ่นปักหมวกออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบคว้าข้อมือเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะปักปิ่นลงบนหน้าอก

   “ให้ตาย คุณนี่จริงๆ เลย” ลอร์ดหนุ่มว่า ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์จ้องเขา

   “ได้โปรดเถอะค่ะ ท่านลอร์ด ถือว่าดิฉันขอร้อง ส่งตัวดิฉันให้ตำรวจเถอะค่ะ”

   “เอาล่ะๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “ไม่มีตำรวจอะไรทั้งนั้น คุณไม่มีความผิดอะไรแต่แรก แล้วผมก็ไม่ได้คิดจะพาคุณไปทำมิดีมิร้ายด้วย เอาปิ่นมาให้ผมได้ไหม ผมล่ะกลัวคุณทำอะไรบ้าๆ ลงไปจริงๆ”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ

   “ผมพูดจริงๆ กอร์ดอนขอร้องให้ผมมาหาคุณ จะดูจดหมายของเขาก็ได้”

   พอได้ยินชื่อกอร์ดอน ท่าทางของแอนนาเบลก็อ่อนลงหน่อยหนึ่ง เธอยอมปล่อยมือออกจากปิ่นปักหมวก ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบฉวยมันไปทันที

   “ในกระเป๋าถือของคุณไม่มีปืนใช่ไหม”

   หญิงสาวสั่นศีรษะ “ฉันทิ้งมันไปแล้วค่ะ”

   “ดีแล้ว” ลอร์ดหนุ่มพูด พลางถอนหายใจ แล้วล้วงจดหมายออกมาจากอกเสื้อ

   “โทษทีที่ผมไม่ได้เอาให้คุณดูแต่แรก แค่อยากแก้เผ็ดคุณที่ทำให้เพื่อนผมต้องเจ็บตัวเจ็บใจขนาดนี้” เขาพูดเมื่อเห็นหญิงสาวคลี่จดหมายออกอ่าน เธอเงยหน้ามองเขา

   “คุณจะพาดิฉันไปหาลอร์ดแมกซ์หรือคะ”

   “อืม...”

   “.....”

   “ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ก็บอกผม ผมจะได้พาคุณกลับไปส่งที่บ้าน ไม่ต้องกระโดดลงจากรถหรือทำอะไรบ้าๆ อีก ไม่งั้นแมกซ์กับกอร์ดอนต้องฆ่าผมแน่”

   “....”

   “มิสเฮเก้นต์....”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับหัวตา แล้วสั่นศีรษะ “ดิฉันจะไปพบเขาค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหญิงสาวครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ จึงเบือนหน้าไปทางอื่นเสีย

   “ท่านลอร์ดคะ”

   “หืม”

   “ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสดิฉัน”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก “ไม่ใช่ผมหรอก กอร์ดอนต่างหาก”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหัวตาอีกครั้ง

---------------------------------

   มาทิลดาออกมาต้อนรับลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยตัวเอง

   “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านลอร์ด ดิฉันเรียนนายน้อยแล้วว่าคุณมาเยี่ยม เขาดีใจมากค่ะ”

   “ผมหวังว่าเขาคงไม่พยายามลุกจากเตียงเพื่อมาต้อนรับผมหรอกนะ”

   “เมื่อเช้านี้เขาลุกออกไปยืนที่หน้าต่างค่ะ ดิฉันเปิดประตูเข้าไปตกใจแทบแย่” มาทิลดาบ่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ

   “แสดงว่าเขาแข็งแรงขึ้นแล้ว”

   “ยังไม่ครบกำหนดที่คุณหมอสั่งเลยนะคะ” มาทิลดาว่า “ฉันว่าคงต้องให้ใครสักคนเฝ้าเขาไว้แล้วล่ะค่ะ”

   “ผมหาคนเฝ้ามาให้คุณแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะหันไปหาแอนนาเบล เฮเก้นต์ซึ่งเดินตามเงียบๆ อยู่ด้านหลัง

   “เธอจะมาเป็นพยาบาลส่วนตัวให้เขา”

   “คุณช่างมีน้ำใจดีเหลือเกินค่ะ” มาทิลดาตอบพลางเหลือบมองหญิงสาว “แต่ที่บ้านเรามีคนเยอะพออยู่แล้ว ดิฉันคิดว่าคงไม่ต้องจ้าง...”

   “ผมว่าเรื่องนี้ควรให้แมกซ์เป็นคนตัดสินใจดีกว่า” พูดจบก็สะกิดให้แอนนาเบล เฮเก้นต์เดินตามไป

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยายามจะลุกขึ้นนั่งตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไป คนรับใช้ที่พยายามห้ามเขาจึงรีบพูดขึ้นทันที

   “ท่านลอร์ดมาพอดีเลยครับ ช่วยกระผมห้ามนายน้อยหน่อยเถอะ”

   “ดูนายแข็งแรงดีนะแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักทายเพื่อนรัก โดยไม่สนคำขอร้องของคนรับใช้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงได้ในที่สุด เขาหันมาทักเพื่อนรัก

   “ไง จอห์นนี่ ฉันดีใจที่ในที่สุดก็ได้นั่งคุยกับนายเสียที...” เสียงของเขาขาดไปเมื่อเห็นหญิงสาวที่เดินตามหลังลอร์ดโทรว์บริดจ์มา แอนนาเบล เฮเก้นต์ย่อตัวทักทายเขา

   “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านลอร์ด”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “ได้ยินว่านายดื้อมาก ฉันเลยหาพยาบาลส่วนตัวมาให้”

   “พะ... พูดจริงหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แอนนาเบล เฮเก้นต์ เหมือนไม่แน่ใจว่าเธออยู่ตรงนั้นจริงๆ หญิงสาวพยักหน้า

   “เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่ยินดีที่จะ...”

   “ไม่ ผมยินดีมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โพล่งออกมา ก่อนจะพูดต่อเร็วปรื๋อ “เขาไม่ได้บังคับคุณมาใช่ไหม”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงกระแอมไอขึ้นมา “ฉันคิดว่านายน้อยของพวกแกคงอยากจะทำความรู้จักกับพยาบาลคนใหม่เป็นการส่วนตัวสักครู่”

   ไม่ต้องรอให้พูดมากกว่านั้น บรรดาคนรับใช้ต่างรีบออกไปจากห้องอย่างรู้งาน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินตามออกไป ก่อนจะปิดประตูทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่ในห้องตามลำพัง

   แอนนาเบล เฮเก้นต์เดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง “คุณเป็นอย่างไรบ้างคะ ขออภัยที่ดิฉันไม่ได้มาเยี่ยมคุณเลยหลังจากวันนั้น”

   “ไม่เป็นไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบตอบ “ผมไม่ได้ให้ที่อยู่คุณไว้แต่แรก ผมไม่คิดว่าคุณจะ...”

   “ดิฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันค่ะว่าจะได้มาที่นี่” เธอพูด แล้วเงยหน้ามองเขา ลอร์ดหนุ่มดูซูบไปเล็กน้อย แต่สีหน้าดีกว่าตอนที่เจอกันครั้งก่อน น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาของเธออย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนี

   “ขอโทษนะคะ” เธอพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้สึกตื้อในคอ

   “มิสเฮเก้นต์” เขาเรียกฝ่ายนั้นอย่างเป็นทางการ “ผมดีใจที่คุณแวะมาเยี่ยม แต่คุณไม่ต้องฝืนใจทำเพื่อผมหรอก”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ได้โปรดอย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ ดิฉันไม่ได้ฝืนใจที่จะมาที่นี่ ดิฉันแค่... แค่ไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกครั้ง”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอ เงียบไปชั่วขณะ แอนนาเบล เฮเก้นต์บิดผ้าเช็ดหน้าในมือ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนึกได้

   “ดิฉันเอาเสื้อมาคืนให้คุณค่ะ” เธอหยิบเสื้อสูทออกมาจากถุง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น

   “คุณคงไม่ได้แค่แวะเอาเสื้อมาคืนผมแล้วจะกลับใช่ไหม”

   แอนนาเบลชะงัก จากนั้นจึงยิ้มออกมา “เปล่าค่ะ จริงๆ แล้วดิฉัน...”

   เธอก้มลงอีกครั้ง สองแก้มแดงเรื่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นแล้วอดใจเต้นแรงไม่ได้

   “มิสเฮเก้นต์”

   “เรียกฉันว่าแอนก็ได้ค่ะ”

   “แอน”

   เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา สบเข้ากับดวงตาสีเทาคู่นั้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับตัวเข้ามาใกล้

   “ผมรู้ว่าจากเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด คุณคงยากที่จะให้อภัยผม แต่... ผมขอโอกาสสักครั้งจะได้ไหม ให้เราได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์จ้องเขาอึดใจ ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง เธอขยับเข้าไป แล้วกดตัวเขาลงเบาๆ “คุณขยับตัวเยอะไปแล้วค่ะ เดี๋ยวแผลจะปริเอานะคะ”

   “คุณตอบผมก่อนสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี แอนนาเบล เฮเก้นต์พูดขึ้นต่อ

   “จริงๆ แล้วดิฉันค่อนข้างสับสนมากจากเรื่องที่เกิดขึ้น ดิฉันไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกกับคุณยังไง แต่ในที่สุดดิฉันก็ตัดสินใจได้”

   “....”

   “ดิฉันให้อภัยคุณค่ะ”

   “ขอบคุณ”

   “และดิฉันยินดีมากที่คุณจะให้โอกาสเราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดีใจจนทำท่าจะลุกขึ้นอีก แต่ก็โดนห้ามไว้ เขาจึงพูดขึ้นต่อ

   “งั้นผมขอจ้างคุณเป็นพยาบาลส่วนตัว ระหว่างที่ผมพักฟื้นอยู่ คุณสะดวกจะเริ่มงานวันนี้เลยไหม”

   เธอยิ้มให้เขา “ปกติแล้วต้องตกลงเรื่องเวลาทำงานและค่าจ้างก่อนไม่ใช่หรือคะ”

   “ค่าจ้างแล้วแต่คุณจะขอเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ส่วนเวลาทำงาน เพราะบ้านคุณอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของผมมาก เดินทางไปกลับคงไม่สะดวก อีกอย่างผมต้องการคนดูแลใกล้ชิด และที่นี่ก็มีห้องว่างเยอะแยะไปหมด ดังนั้นผมเห็นว่าคุณควรจะพักอยู่ที่นี่จนกว่าแผลของผมจะหายดี”

   “ดิฉันคงต้องกลับไปจัดกระเป๋า”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฉวยมือของเธอไว้ “ให้มิสซิสเมอร์สันจัดให้ได้ไหม เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถไปรับ ผมไม่อยากให้คุณไปเลย”

   แอนนาเบลยิ้มให้ลอร์ดหนุ่ม แล้วเลื่อนมือไปจับมือเขาไว้ “ดิฉันไปเดี๋ยวก็กลับมาค่ะ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจ “งั้นผมจะให้คนไปส่งคุณที่บ้าน แล้วรอรับคุณกลับมาแล้วกัน”

   ป่วยการจะเถียง แอนนาเบลจึงได้แต่พยักหน้ารับ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงยิ้มออกมา

----------------------------------------

   “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันหรือคะ” มาทิลดาถามลอร์ดโทรว์บริดจ์เมื่อเห็นเขาเดินออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปยิ้มให้แม่นม

   “เธอคือผู้หญิงที่จะทำให้แมกซ์มีความสุขที่สุด”

------------------------------------
(จบตอน)
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-11-2019 07:09:50
ส่วนต่อของตอนที่40อยู่หน้าก่อนค่ะ

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ ตอนที่41 งานเลี้ยงน้ำชา

   วันอาทิตย์ มาร์คัสมารับกอร์ดอนที่โบสถ์ตามนัด ช่างตัดเสื้อใส่สูทสำหรับฤดูร้อนสีไข่ไก่ และสวมหมวกเดอร์บีที่ซื้อมาเมื่อคราวก่อน แม้จะรู้สึกกังวล แต่กอร์ดอนก็ปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างคงผ่านไปได้ด้วยดี เขาแค่ต้องทำให้เหมือนปกติเท่านั้นเอง

   คฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตั้งอยู่ที่ฮอลโลว์เวย์ สร้างด้วยอิฐและหินอ่อนสีครีม ล้อมรอบด้วยสวนสวยกว้างสุดลูกหูลูกตา ที่ด้านหน้ามีน้ำพุที่สร้างจากหินอ่อนตั้งอยู่ซ้ายขวา แม้จะเคยมาหลายครั้งแล้ว แต่กอร์ดอนก็ยังคงรู้สึกประทับใจในความงดงามของมัน

   รถม้าคันใหญ่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์จอดอยู่ในโรงรถก่อนแล้ว แต่กอร์ดอนมองไม่เห็นโอลิเวอร์ เขาอาจจะไปนั่งพักจิบชาอยู่ก็ได้ ช่างตัดเสื้อลงจากรถ มาร์คัสไปส่งเขาที่ประตูคฤหาสน์ ก่อนที่คนรับใช้อีกคนจะเดินนำเขาไปยังระเบียงที่ใช้สำหรับดื่มชา มันเป็นระเบียงทางปีกด้านขวา ความพิเศษคือ ที่ระเบียงนี้จะมองเห็นต้นเชอร์รี่ที่ปลูกอยู่ที่สวนด้านล่าง ดยุกอ็อกฟอร์ดมักเชิญเขามาดื่มชาที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นร่วมด้วย

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งอยู่กับดยุกอ็อกฟอร์ดก่อนแล้ว ตอนที่กอร์ดอนไปถึง ท่านดยุกเชิญเขาให้นั่งลง ขณะที่ช่างตัดเสื้อกล่าวทักทาย

   “สวัสดีตอนบ่ายครับท่านดยุก สวัสดีตอนบ่ายจอห์น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสร้งทำสีหน้าประหลาดใจ “กอร์ดอน คุณมานี่ได้ไง”

   “ฉันเชิญเขามาเองล่ะ” ดยุกอ็อกฟอร์ดตอบแทนให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันกลับไปมอง อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

   “ได้ยินว่าพวกเธอสนิทกัน”

   ลอร์ดหนุ่มหัวเราะเขินๆ “เราสนิทกันจริงครับ แต่ผมแปลกใจที่ท่านเป็นคนเชิญน่ะ ผมไม่คิดว่า...”

   “ฉันจะเชิญช่างตัดเสื้อมาดื่มชางั้นหรือ”

   “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ กอร์ดอนจึงพูดขึ้น

   “ท่านดยุกเคยเชิญผมมาดื่มชาอยู่บ่อยๆ ครับ”

   “อ้อ...” อีกฝ่ายส่งเสียงในคอ ก่อนจะถามกลับ “แต่ดูคุณไม่แปลกใจเลยนะที่เจอผม”

   “ผมเห็นรถม้าของคุณจอดอยู่ตอนลงจากรถครับ” กอร์ดอนตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ

   “สรุปว่ามีแต่ผมสินะที่เซอร์ไพรส์เรื่องนี้” เขาหันไปหาดยุกอ็อกฟอร์ดอีกครั้ง “ผมไม่ทราบมาก่อนว่าท่านสนิทกับเขาขนาดนี้”

   “ฉันเอ็นดูเขาเหมือนหลานแท้ๆ เชียวล่ะ” ท่านดยุกตอบพลางหรี่ตามองลอร์ดหนุ่ม “แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อก็ตาม”

   “ผมเห็นด้วยเลยครับ เขาเป็นช่างตัดเสื้อที่พิเศษมาก”

   กอร์ดอนเกือบสำลักชาที่ดื่มเข้าไป ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “โชคดีจังที่ผมได้เป็นเพื่อนกับเขา”

   “ผมสิครับต้องเป็นคนพูดคำนั้น” กอร์ดอนแทรกขึ้นมา “ท่านลอร์ดให้เกียรติมากครับที่ยอมให้ผมเป็นเพื่อนด้วย”

   “ก็หวังว่าคงไม่ใช่แค่เอาสนุกหรอกนะ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด

   “ไม่หรอกครับ ผมจริงจังมากเรื่องนี้ จริงจังในระดับที่ท่านนึกไม่ถึงเชียวล่ะ”

   ท่านดยุกถอนหายใจ แล้วหันมาหากอร์ดอน “ไม่ต้องไปตามใจเขามากนะ ปฏิเสธเขาไปบ้างก็ได้ จอห์นน่ะขึ้นชื่อเรื่องไม่เกรงใจใครมาแต่ไหนแต่ไรล่ะ”

   “แหม ท่านครับ ผมแค่เป็นคนตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง”

   ท่านดยุกเหลือบตามองเขาเป็นเชิงตำหนิ ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้นบ้าง “ท่าทางเหมือนพวกคุณรู้จักกันมานานแล้วนะครับ”

   “แน่นอนสิ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ฉันน่ะรู้จักเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก”

   “ขอเถอะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ท้วงขึ้นมา “ท่านอย่าเล่าเรื่องเก่าเลย”

   “มันก็น่าพูดถึงออกไม่ใช่หรือ” ท่านดยุกว่า “วางใจเถอะ วันนี้แคทเธอรีนไม่อยู่ รับรองว่าฉันไม่เล่าเรื่องพวกนี้ให้เธอฟังหรอก”

   “สมัยเด็กๆ เขาเป็นยังไงหรือครับ” กอร์ดอนถามขึ้นอย่างสนใจ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดยิ้ม และเริ่มเล่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ดูไม่ค่อยเต็มใจ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่นั่งฟังและคอยแทรกตรงจุดที่เขาเห็นว่าไม่ตรงตามความเป็นจริงบ้างเป็นครั้งคราว กว่าท่านดยุกจะหยุดเล่าเรื่องได้ เวลาก็ล่วงไปถึงสี่โมงเย็นแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดูโล่งใจและรีบขอตัวกลับทันที พร้อมกับชวนกอร์ดอนกลับด้วย

   “ผมบอกคุณแล้วว่าผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาห้องนั่งเล่นชั้นสองของร้านกอร์ดอน เทเลอร์ คนฟังหัวเราะ

   “ท่านดยุกดูจะเอ็นดูคุณมากนะครับ”

   “หมั่นไส้ผมล่ะไม่ว่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่เขาดูผ่อนคลายมากนะ เวลาอยู่กับคุณ ปกติเขาจะมีท่าทีเย็นชากว่านี้ เท่าที่ผมจำได้ เขาไม่เคยคุยเล่นแบบนี้หรอก”

   “งั้นหรือครับ”

   “สำหรับเขา คุณคงเป็นเหมือนหลานแท้ๆ จริงๆ”

   “ผมควรดีใจสินะครับ”

   “แน่นอน ผมประหลาดใจมาก เป็นคนธรรมดาคงจะรีบโอ่ประโคมตัวเองไปแล้ว แต่ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่นิสัยของคุณ”

   “ผมว่าลำบากออกครับ นี่ผมยังแอบกลัวเลยว่าครอบครัวของท่านดยุกจะไม่พอใจเรื่องที่ดิน”

   “ไม่หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่ดินที่เขาให้คุณน่ะไม่ใช่ที่ดินมรดก และผมคิดว่าลอร์ดอบิงดอลลูกชายของเขาใจกว้างพอสำหรับเรื่องนี้”

   “งั้นหรือครับ”

   “แคทบอกผมว่าที่ดินผืนนั้นน่ะสวยมาก”

   “สวยมากจริงๆ ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าได้เป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้นจริงๆ”

   “ถ้าคุณมีโฉนดอยู่ในมือมันก็เป็นของคุณนั่นแหละ เขาให้โฉนดคุณไว้แล้วใช่ไหม”

   กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “วันไหนคุณว่างๆ เราขับรถไปกันดีไหม ผมอยากเห็นที่ดินผืนนั้นกับบ้านที่ท่านดยุกมอบให้คุณ อยากรู้ว่าจะสวยขนาดไหน”

   กอร์ดอนผงกศีรษะ “ไว้ผมจะลองหาเวลาดูนะครับ”

   “ถ้าคุณไม่สะดวกไปหาผมที่สนาม คุณโทรเลขไปบอกผมก็ได้”

   “ไม่ดีมั้งครับ เดี๋ยวคนที่บ้านคุณจะสงสัยเอา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “คุณนี่ขี้กังวลจัง”

   “ก็จริงนี่ครับ จำตอนที่พ่อคุณสงสัยเรื่องบิลค่าอาหารไม่ได้หรือไงครับ”

   “ถูกของคุณ งั้น... ส่งหาโอลิเวอร์แทนผมก็ได้ คุณมีที่อยู่ผมอยู่แล้วนี่”

   “ครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมานั่งข้างคนรัก แล้วใช้มือโอบตัวเขาเข้ามากอด

   “ยอดรัก วันนี้คุณตีเนียนมากเลยเรื่องเจอผม ผมไม่ทันคิดถึงเรื่องรถม้าเลย”

   “ผมบังเอิญเห็นมันจอดอยู่ตอนเข้าไปน่ะครับ รถม้าของคุณเด่นออกจะตาย”

   “เลยกลายเป็นผมคนเดียวที่ประหลาดใจ”

   กอร์ดอนยิ้ม “ผมคิดว่าเลดี้แคทเธอรีนจะอยู่ดื่มชาด้วยเสียอีก”

   “ผมคิดว่าเธอคงนั่งดื่มชาอ่านหนังสืออยู่สักที่ในคฤหาสน์นั่นแหละ ท่านดยุกรู้ว่าเธอต้องกระอักกระอ่วนแน่ถ้าต้องมานั่งร่วมโต๊ะ เพราะเหมือนว่าเธอหลอกผมมาดื่มชากับคุณ ซึ่งจริงๆ มันเป็นแผนของเขานั่นแหละ”

   “คุณว่าเขาไม่สงสัยแน่นะครับ”

   “ไม่หรอก มีแต่คนเพี้ยนอย่างไมครอฟต์เท่านั้นแหละที่คิดสงสัยเรื่องแบบนี้”

   “อะไรนะครับ” กอร์ดอนร้องขึ้นมา “ลอร์ดฟาริงดอนสงสัยเรื่องของเราหรือครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างนึกได้ “ผมยังไม่ได้เล่าให้คุณฟังสินะ โทษที ไมครอฟต์น่ะรู้แล้วว่าเราเป็นคนรักกัน”

   “ให้ตาย” กอร์ดอนคราง “ผมรู้สึกเหมือนทุกคนต่างทยอยรู้เรื่องของเรา ถ้าสักวัน...”

   “ไม่เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบคนรัก “คุณอย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายสิ ไมครอฟต์น่ะรู้แล้วก็จริง แต่เขาไม่สนหรอก ส่วนคนอื่นๆ ก็เห็นใจเราทั้งนั้น”

   “ถึงงั้นก็เถอะครับ ผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้”

   “ไว้ผมจะระวังตัวมากกว่านี้แล้วกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ พลางแนบหน้าลงไปบนศีรษะของช่างตัดเสื้อ

   “อย่ากังวลไปเลยนะยอดรัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่ยอมให้ใครมาพรากคุณไปเด็ดขาด”

   กอร์ดอนหลับตา จับมือของลอร์ดหนุ่มแล้วบีบเบาๆ

.......................................................

   เช้าวันจันทร์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้า ยังความแปลกใจให้กับแม่ของเขาเป็นอย่างมาก

   “จอห์น ลูกจะไปไหนหรือจ๊ะ แต่งตัวเสียหล่อเชียว”

   “ผมจะไปสภากับพ่อครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ เลดี้บาธแสดงอาการประหลาดใจ

   “แม่ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม เห็นลูกเคยบ่นว่าที่นั่นน่าเบื่อนี่นา”

   “ตอนไปทัศนศึกษามันน่าเบื่อมากครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมรับ “แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันเป็นที่ที่น่าสนใจ”

   ผู้เป็นแม่มองเขา แล้วพูดต่อ “ท่าทางการไปดื่มชากับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเมื่อวานคงทำให้ลูกคิดอะไรขึ้นมาได้ล่ะสิ”

   คนได้ฟังยิ้ม “ผมแค่คิดว่ามันถึงเวลาที่จะต้องศึกษาเรื่องพวกนี้แล้ว ก็เท่านั้นเองครับ”

   “เอาเถอะ ลูกสนใจเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ว่าแต่ลูกคุยกับพ่อเรื่องนี้เมื่อไหร่จ๊ะ”

   “ตะกี้นี่เองครับ ผมแต่งตัวเสร็จก็ไปหาพ่อที่ห้องหนังสือ ตอนแรกเขาคิดว่าฟังผิดด้วยซ้ำ”

   เลดี้บาธยิ้ม “แม่ว่าพ่อต้องดีใจมากเลยล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า แล้วพูดต่อ “แม่ช่วยดูหน่อยสิครับว่าชุดผมเรียบร้อยดีไหม ผมไม่อยากดูไม่ดีตอนไปถึงที่นั่น”

   เลดี้บาธเดินเข้ามาจัดปกเสื้อและเนกไทให้ลูกชาย “ดูดีแล้วล่ะจ้ะ ชุดนี้ดูสุภาพและเข้ากับลูกมาก โอเดนเบิร์กฝีมือดีจริงๆ”

   ลอร์ดหนุ่มยิ้ม “จริงครับ โชคดีที่ผมได้เขาตัดชุดให้ทั้งตู้”

   “ลูกอย่าลืมเตือนเขาล่ะ แม่กลัวว่าเขาจะตัดชุดสำหรับฤดูหนาวให้ลูกไม่ทันจริงเชียว”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าไม่ทันใช้ของเก่าไปก่อนก็ได้ ปีนี้ไม่ได้ไปฝรั่งเศสไม่ใช่หรือครับ”

   “ลูกไม่อยากไปฝรั่งเศสหรือจ้ะ” เลดี้บาธถามด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดลูกชายพยักหน้า

   “สถานการณ์ที่ฝรั่งเศสตอนนี้ไม่ค่อยดีครับ หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวอยู่บ่อยๆ ว่ามีเหตุระเบิด”

   “ตายจริง แม่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นด้วยสิ แต่ปารีสคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

   “ปารีสนั่นล่ะครับ เป้าหมายเลย ถ้าผมเป็นพวกอนาคิส จะต้องเล็งปารีสแน่นอน”

   “ลูกนี่พูดจาน่ากลัวจริงๆ” เลดี้บาธว่า “แม่เข้าใจแล้วล่ะว่าลูกไม่อยากไปฝรั่งเศส”

   “ผมว่าเราควรจะไปสวิต ที่นั่นมีภูเขาน้ำแข็ง แล้วก็วิวหิมะสวยๆ อีกอย่างสถานการณ์ที่นั่นก็สงบดี”

   “แม่คงไม่อยากปีนเขาแน่” เลดี้บาธสั่นศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ

   “แต่ผมไม่ไปฝรั่งเศสแน่ เราไปกันแทบทุกปี ผมเบื่อ”

   “โธ่ ลูกก็ไปอยู่อเมริกาตั้งหลายปีแล้วนี่นา” เลดี้บาธว่า “แต่เอาเถอะ แม่จะลองไปคุยกับเบตตี้เรื่องนี้ เธอน่ะอยากไปปารีส แต่คิดว่าคงจะเปลี่ยนได้ บางทีจอร์จอาจจะมีไอเดียดีๆ ปีนี้ลอร์ดบริสตอลกับมาร์กาเร็ตจะไปกับพวกเราด้วย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “งั้นผมคงต้องชวนแมกซ์หรือเพื่อนสักคนไปแก้เก้อ เพราะจอร์จดันมีคู่ควงแล้ว”

   เลดี้บาธยิ้ม “ลูกจะชวนเพื่อนๆ ในสโมรสไปก็ได้จ้ะ แม่ว่าไปกันเยอะๆ สนุกดี”

   “ผมคงต้องขอดูก่อนแล้วกันครับว่าจะไปที่ไหนกัน ถ้าลงเอยที่ปารีสผมขออยู่ลอนดอนดีกว่า”

   “แหม... ขนาดนั้นเชียว งั้นแม่คงต้องย้ำกับเบตตี้เรื่องนี้แล้วล่ะ แม่อยากให้เราไปฉลองคริสมาสต์ด้วยกันจ้ะ”

   เลดี้บาธคุยเรื่องนี้กับลอร์ดสามีระหว่างมื้ออาหารเช้า ลอร์ดบาธเห็นด้วยกับลอร์ดโทรว์บริดจ์

   “ผมว่าเราน่าจะไปสวิตเซอร์แลนด์ ที่นั่นมีวิวสวย และอากาศดี อีกอย่างไม่มีเรื่องการเมืองด้วย”

   “พูดเหมือนจอห์จเลย” เลดี้บาธว่า “แต่ฉันไม่อยากไปปีนเขานี่คะ คุณมีที่อื่นอยากไปอีกไหม”

   ลอร์ดบาธมองภรรยาครู่หนึ่ง “นี่ผมคิดว่าคุณจะประหลาดใจที่ลูกจะไปสภากับผมเสียอีก”

   “โอ นั่นก็น่าประหลาดใจจริงๆ ค่ะ แต่ฉันคุยเรื่องนี้กับจอห์นไปแล้ว”

   “ผมสงสัยจริงๆ ว่าเรื่องมันไปไกลถึงที่พักฤดูหนาวได้ไง”

   “มันเริ่มจากฉันจัดเสื้อให้จอห์น แล้วฉันเลยนึกได้ว่าต้องเตือนโอเดนเบิร์กตัดเสื้อของจอห์นให้ทันฤดูหนาว”

   “เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” ลอร์ดบาธยกมือห้าม “ถ้าเขาตัดให้ไม่ทัน จอห์นคงต้องใช้เสื้อผ้าที่เขาขนมาจากอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคุณและผมคงไม่อยากให้เขาใส่เสื้อพวกนี้ไปที่ปารีสแน่ๆ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่ก็เปลี่ยนใจปล่อยให้พ่อของเขาพูดต่อ

   “เพราะงั้น ผมเห็นว่ายังไงเราต้องหลีกเลี่ยงฝรั่งเศส”

   “ตกลงค่ะ” เลดี้บาธพูดออกมาในที่สุด “ในเมื่อพวกคุณมีความเห็นตรงกัน ฉันจะไปบอกเบตตี้เรื่องนี้”

   “ผมแน่ใจว่าวิลเลี่ยมต้องเห็นด้วยในเรื่องนี้” ลอร์ดบาธว่า เขาพูดถึงลอร์ดแอนโดเวอร์

   “หมายถึงเรื่องที่เราจะไม่ไปปารีสหรือคะ”

   “อืม คุณลองไปคุยกับเบตตี้ดูแล้วกัน ถ้านึกไม่ออกก็ถามจอร์จดู ผมว่าเขาน่าจะมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”

   “ตกลงค่ะ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เลดี้บาธพยักหน้า “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ จอห์นถึงจะตามคุณไปที่สภาล่ะคะ ปกติเห็นเขารังเกียจรังงอนจะตาย”

   “ผมคิดว่าคุณจะลืมถามเรื่องนี้เสียล่ะ” ลอร์ดบาธว่า “เมื่อเช้าเขามาบอกผมว่าอยากรู้ว่าที่สภาทำงานกันยังไง ผมยังงงเลย คิดว่าเขาจะแกล้งขออะไรอีก”

   “แหม พ่อครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อดไม่ได้ต้องพูดขึ้นมาบ้าง “ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเรียนรู้เรื่องนี้ เพราะยังไงเสียสักวันผมก็ต้องทำหน้าที่เดียวกับพ่ออยู่ดี”

   ลอร์ดบาธพยักหน้า ขณะเลดี้บาธมองลูกชายด้วยความประทับใจ “แม่แน่ใจว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของลูกจ้ะ”

   “ขอบคุณครับ”

-------------------------------
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่39p.20(3/09/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-11-2019 07:17:35
   พระราชวังเวสต์มินิสเตอร์ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ เป็นอาคารที่ใช้สถาปัตยกรรมตั้งฉากแบบกอธิค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกอธิคยุคที่สามในประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมของอังกฤษ ตัวอาคารสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยม แนวอาคารตั้งฉากและยาวขนาดไปกับตลิ่ง ก่อให้เกิดเงาสะท้อนบนผืนน้ำอันน่าประทับใจ พระราชวังแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้ใหญ่เมื่อปี1834 หลังจากนั้นก็ถูกบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้เวลาถึงสามสิบปี ปัจจุบันเป็นที่ประชุมที่สภาทั้งสองสภาจะมาประชุมร่วมกัน คือสภาล่าง (สภาสามัญชน) และสภาบน (สภาขุนนาง)

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยมาทัศนะศึกษาที่นี่ เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่แคมบริดจ์ ตอนนั้นไม่มีการประชุมสภา สิ่งที่เขาจำได้คือการเดินตามอาจารย์ประจำวิชา และมัคคุเทศก์ไปยังห้องต่างๆ ฟังบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพระราชวัง และประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษ ซึ่งก็น่าเบื่อเสียจนลอร์ดหนุ่มแอบเลี่ยงออกไปสูบบุหรี่อยู่หลายครั้ง ที่น่าประทับใจที่สุดนอกจากโดมหลังคาโค้งกับพื้นกระเบื้องแล้ว ก็คงเป็นรูปวาดของเลดี้เจน เกรย์ พระราชินีเก้าวันล่ะมั้ง

   ทว่าคราวนี้เขามาในสถานะผู้ติดตามสมาชิกสภา ไม่ใช่แค่นิสิตที่มาทัศนะศึกษาอีกต่อไป เขาไม่ต้องเดินตามมัคคุเทศก์ ไม่ต้องตอบคำถามอาจารย์ประจำวิชา แม้ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมดูการประชุมสภา แต่เขาได้รับอนุญาตให้พักในห้องพบปะสังสรรค์ ซึ่งจัดไว้สำหรับผู้ติดตามโดยเฉพาะ ที่ห้องนี้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้พบคนที่ไม่คาดคิด

   “โอ้ สวัสดีค่ะจอห์น ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ในชุดกระโปรงผ้าไหมสีน้ำตาล ทับด้วยเสื้อสูท สวมหมวกสตรอว์ประดับโบและลูกไม้ เอ่ยทักเขาด้วยความดีใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะยิ้มตอบ

   “ไง อเล็กซานดร้า ผมประหลาดใจมากที่ได้พบคุณที่นี่”

   เป็นความจริงอย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กล่าว ในเวสมินิสเตอร์ ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่มักจะเป็นผู้ชาย คงจะมีแต่หญิงรับใช้กับแม่บ้านเท่านั้นกระมังที่เป็นผู้หญิง ดังนั้นการปรากฏตัวของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ ในห้องพบปะสังสรรค์นี้ จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้มให้เขา แล้วพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ฉันมาที่นี่ เพื่อมาต่อกรกับสุภาพบุรุษอย่างพวกคุณนี่ล่ะค่ะ”

   “อเล็กซี่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดกระแอมไอพลางเรียกชื่อญาติสาวของเขา ก่อนจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ที่จริงแล้วเธอแค่อยากมาเที่ยวชมที่นี่น่ะ นายก็รู้ว่าเธอไม่ค่อยได้มาที่ลอนดอนบ่อยนัก”

   “เสียมารยาทจริงๆ เจเรม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตำหนิ “ฉันกำลังถกเถียงกับสุภาพบุรุษพวกนี้ เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้หญิงควรได้รับ ดูสิ ที่นี่กำลังมีการประชุมสภา เป็นการประชุมต่อหน้าพระพักตร์พระราชินี แต่เขากลับไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ทั้งๆ ที่พระราชินีเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน”

   “อเล็กซี่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเรียกญาติของเขาอีกหน “ฉันคิดว่าเราได้เถียงเรื่องนี้กันพอแล้ว”

   “เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระโดดเข้าร่วมวงสนทนา “ประเทศเราเคยผ่านการปกครองด้วยผู้หญิงมาหลายยุคหลายสมัย มีภาพของพวกเธอติดอยู่เต็มผนังพระราชวัง แต่ทำไมพวกผู้หญิงคนอื่นๆ ถึงไม่เคยได้รับสิทธิ์เข้าร่วมในการประชุมล่ะ? หรือเพราะพระราชินีกลัวว่าตัวเองจะถูกแย่งอำนาจ เหมือนอย่างเรื่องของเลดี้เจน เกรย์”

   “จอห์น” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดเสียงดัง “มันเป็นการไม่เหมาะสมที่นายจะพูดถึงพระราชินีในแง่นั้น นายก็รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่โบราณ ถ้าผู้หญิงสมควรมีสิทธิ์มีเสียงในสภาจริง พวกเธอก็น่าจะได้รับสิทธิ์นั้นนานแล้ว”

   “ถูกต้อง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันถึงสงสัยว่าเป็นเพราะผู้หญิงน่ะใจแคบรึเปล่า”

   “ฉันคิดว่าผู้หญิงไม่ได้ใจแคบ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แย้งทันที “ถ้าพวกเธอใจแคบ พวกเธอคงจะไม่ยอมอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ในระหว่างที่สามีหรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอออกไปสนุกกันข้างนอกหรอก”

   “มันเป็นหน้าที่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “พวกเธอมีหน้าที่ดูแลบ้านเลี้ยงลูก มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเธอ ฉันมองไม่เห็นว่านี่เป็นความใจกว้างตรงไหน”

   “โอ้ ใครเป็นคนกำหนดกัน ว่าผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลบ้านและเลี้ยงลูก ทั้งที่ผู้ชายก็มีส่วนในการสร้างครอบครัวเหมือนกัน”

   “เพราะผู้ชายต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูผู้หญิงและลูกๆ ของเขาไง” อีกฝ่ายตอบ “งานบ้านน่ะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับพวกเธอที่สุดแล้ว”

   “ไม่ยุติธรรม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ผู้หญิงทำอะไรได้เยอะกว่างานบ้าน ปักผ้า หรือร้องเพลง”

   “อะไรล่ะ” อีกคนพูดขึ้น “ผู้หญิงเป็นหมอได้หรือ เป็นวิศวกรได้หรือ สิ่งที่พวกเธอทำเป็นก็แค่ ร้องเพลง ปักผ้า ทำกับข้าว หรือทำงานบ้านเท่านั้นแหละ และนั่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเธอควรมี”

   “นั่นเพราะพวกเธอไม่เคยได้รับโอกาสต่างหาก” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่ยอมแพ้ “ฉันกล้าพูดได้เลยว่า ถ้าพวกคุณยอมให้ผู้หญิงเรียนหมอ เรียนฟิสิกส์ เรียนเคมี พวกเธอจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า”

   “เหลวไหล”

   “เป็นความจริง” เธอว่า “เพราะพวกผู้ชายรู้ว่าผู้หญิงสามารถทำได้ พวกเขาเลยพยายามกีดกันพวกเราออกไป แน่จริงก็ลองให้พวกผู้หญิงมีโอกาสได้เรียนอย่างที่ผู้ชายเรียนดูสิ จะได้พิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่าพวกเธอทำได้จริงรึเปล่า”

   “ผมเห็นด้วยนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เรื่องที่อเล็กซานดร้าพูดนั้นน่าสนใจจริงๆ ผมคิดว่าเราควรจะเอาแนวคิดของเธอเข้าไปเสนอในสภา”

   “จอห์น นายไม่มีสิทธิ์เรื่องนี้” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “นายไม่ได้เป็นสมาชิกสภา”

   “อ้อ... แต่พ่อฉันเป็น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และฉันคิดว่าประเด็นนี้ควรจะถูกหยิบมาถกอย่างสาธารณะ ในสถานที่ที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงเท่าๆ กัน เพราะตอนนี้เท่าที่เห็น เหมือนพวกนายทั้งห้องกำลังพยายามจะเอาชนะสุภาพสตรีตัวคนเดียวอยู่ ฟังดูไม่ค่อยดีสำหรับสุภาพบุรุษนะ ว่าไหม”

   ทุกคนในห้องต่างมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความหมั่นไส้ หนึ่งในนั้นพูดขึ้น “แล้วนายคิดว่าตัวเองดูดีนักหรือไงที่พูดแบบนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วนายก็เป็นผู้ชายเหมือนพวกเรา”

   “เปล่าเลย” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ฉันแค่พูดอย่างที่ฉันเห็น และฉันไม่คิดว่าการที่ฉันเห็นไม่ตรงกันกับพวกนาย มันเกี่ยวกับการที่ฉันเป็นผู้ชายเหมือนพวกนายตรงไหน ไม่มีอะไรกำหนดว่าเพศเดียวกันต้องมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันเสียหน่อย”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ที่จริงฉันเองก็ไม่อยากพูดนัก แต่ฉันเห็นด้วยกับจอห์น ว่าเราควรจะเถียงเรื่องนี้กันในที่ที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในจำนวนพอๆ กัน เพราะงั้นนะ... เราควรจะหยุดเถียงเรื่องนี้กันได้แล้ว”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อ้าปากเหมือนอยากจะเถียงอะไร แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

   “อเล็กซานดร้า ผมว่าเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”

----------------------------------------

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินตามลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก พอเขาหยุดที่ระเบียง เธอก็เปิดฉากพูดทันที

   “ที่คุณพูดเมื่อครู่ดีมากค่ะ แต่ฉันรู้ว่าที่คุณพูดแบบนั้น เพราะต้องการดึงฉันออกมา ซึ่งนั่นทำให้ฉันค่อนข้างหงุดหงิดมาก”

   “ผมยอมรับว่าผมมีจุดประสงค์แบบนั้นจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหันมามองเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “มันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะยืนกรานหรือพูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิด ในสภาพที่ไม่มีใครเห็นด้วยหรือเข้าใจเหตุผลของคุณ สิ่งที่คุณต้องทำคือออกมาตั้งหลัก หาพวก หาข้อพิสูจน์ แล้วถึงค่อยกลับไปต่อสู้ใหม่ หากคุณต้องการเอาชนะอะไรสักอย่าง คุณต้องทำตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบก่อน นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จ้องลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่พัก จากนั้นเธอก็ขบริมฝีปากพลางบิดมือไปมา “คุณทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองโง่ไปถนัด”

   “โอ... ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขา

   “แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” เธอพูด แล้วถามต่อ “ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรือคะ”

   “พ่อผมมาประชุม ผมเลยขอติดมาด้วย อยากจะมาศึกษาดูงานน่ะ”

   “อ้อ เหมือนกันเลยค่ะ ท่านพ่อของฉันก็มาประชุมสภาเหมือนกัน”

   “ท่านดยุกมาลอนดอนหรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า “ค่ะ ท่านพ่อจะพักอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งสัปดาห์”

   “งั้นผมคงต้องหาโอกาสไปเยี่ยมแล้วล่ะ”

   “วันศุกร์นี้เราจะจัดงานเลี้ยงค่ะ ท่านพ่อคงดีใจมากถ้าคุณจะไปร่วมงาน”

   ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม “จะว่าอะไรไหม ถ้าผมชวนเพื่อนไปด้วย”

   “ดีสิคะ ฉันอยากรู้จักเพื่อนๆ ของคุณค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “เพื่อนคุณชื่ออะไรบ้างคะ ฉันจะได้เขียนจดหมายเชิญให้”

   “มิสเตอร์กอร์ดอน โอเดนเบิร์ก กับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินไปที่โต๊ะเขียนจดหมาย แล้วเขียนจดหมายขึ้นมาสามฉบับ ใช้กระดุมแขนเสื้อจุ่มหมึกแทนตราประทับ แล้วพับใส่ซองส่งให้ลอร์ดหนุ่ม

   “ว้าว ผมเพิ่งรู้ว่าคุณติดกระดุมที่แขนเสื้อเหมือนผู้ชาย”

   “ฉันว่ามันเก๋ดีออกค่ะ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “คราวหน้าฉันจะใส่กางเกงมาสภาด้วย ให้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงก็มีสิทธิเท่าเทียมผู้ชายเหมือนกัน”

   “แต่ผมคงไม่ยอมไปใส่กระโปรงแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขำๆ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จ้องเขา

   “คุณอย่าลืมนะคะว่าผู้ชายสก็อตแลนด์น่ะใส่กระโปรง เพราะงั้น ผู้ชายก็ใส่กระโปรงได้เหมือนกัน”

   “เอาล่ะ ผมไม่เถียงคุณแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

   “บอกเพื่อนคุณด้วยนะคะว่าฉันขออภัยที่ไม่ได้มาเชิญด้วยตัวเอง แต่ฉันอยากให้พวกเขาไปจริงๆ รวมถึงคุณด้วยค่ะ”

   “ตกลง ผมจะบอกพวกเขาให้”

-----------------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกมาจากเวสมินิเตอร์ในช่วงพักการประชุม เขาเรียกรถม้าให้ไปส่งที่คฤหาสน์ของลอร์ดแอนโดเวอร์ และเห็นว่ารถม้าที่มีตราของคฤหาสน์เดลจอดอยู่แล้ว

   “ฉันเดาว่าแม่คงมาคุยเรื่องบ้านพักตากอากาศฤดูหนาวกับแม่นายสินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังทักทายเพื่อนรักที่เดินเข้ามาใสห้องรับแขก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่แล้วนั่งลงตรงข้ามเขา

   “ถูกเลย ตะกี้แม่เพิ่งเรียกฉันไปถามว่าเราควรไปไหนดี เพราะนายกับพ่อนายยืนยันว่าจะไม่ไปฝรั่งเศส”

   “ใช่ ฉันว่าช่วงนี้ฝรั่งเศสอันตราย”

   “ฉันก็ว่างั้น แม้ฉันจะอยากไปดูหิมะที่นั่นกับมาร์กาเร็ตก็เถอะ”

   “นี่ฉันทำให้แผนการของพวกนายต้องสะดุดรึเปล่า”

   “ไม่ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันปฏิเสธ “ฉันเลยเสนอว่าเราจะไปเวนิสกัน”

   “เวนิส อิตาลีหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ “ฉันไม่เคยคิดถึงที่นั่นมาก่อน”

   “เพราะนายเคยชินกับการออกไปผจญภัยไง ได้ยินว่านายเสนอว่าจะไปสวิตเซอร์แลนด์ แต่ทั้งแม่นายและแม่ฉันเห็นตรงกันว่าจะไม่ไปที่นั่น คงกลัวว่าชุดที่สั่งตัดมาใหม่จะจมไปในหิมะล่ะมั้ง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ขณะที่เพื่อนรักพูดต่อ “ฉันเลยเสนอเวนิสไป ได้ยินว่าที่นั่นในหน้าหนาวสวยมาก อีกอย่างอากาศก็ไม่ได้หนาวมากด้วย เราอาจจะออกมาเดินเล่นชมเมืองได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องนั่งหมกตัวอยู่หน้าเตาผิง หรือจะล่องเรือก็ได้ ฉันว่าจะไปคุยกับเอ็ดดี้เรื่องนี้ เขาเคยไปพักที่นั่นอยู่บ่อยๆ”

   “ดี ฉันว่าไปเวนิสก็ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นด้วย “น่าอิจฉาชะมัดที่นายได้ไปกับมาร์กาเร็ต ฉันอยากให้กอร์ดอนไปด้วยจัง”

   “มันคงยากอยู่เพราะเขาไม่ใช่ญาติส่วนไหนของนาย เออ จริงสิ ฉันเพิ่งไปเยี่ยมแมกซ์มา นายนี่ร้ายจริงเชียว ทำยังไงถึงให้มิสเฮเก้นต์ไปเป็นพยาบาลให้เขาได้”

   “ไม่ใช่ฉันหรอก กอร์ดอนต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ฉันแค่ช่วยพาเธอไปหาแมกซ์เท่านั้นเอง แล้วแมกซ์เป็นไงบ้าง”

   “เขามีความสุขมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันพนันเลยว่าถ้าทำได้เขาคงอยากป่วยแบบนี้อีกพักใหญ่ๆ เธอดูแลเขาดีมาก ฉันเห็นแล้วยังอิจฉาเลย”

   “ก็หวังว่าเขาจะหายทันซ้อมแข่งรักบี้นะ”

   “ฉันย้ำเรื่องนี้กับเขาแล้ว หมอบอกว่าอีกสองสัปดาห์เขาจะกลับไปซ้อมได้ แต่ต้องเป็นการซ้อมเบาๆ เท่านั้น”

   “ก็ยังดี ฉันคิดว่าแมกซ์คงหายเร็วขึ้นเพราะมีพยาบาลดีนั่นแหละ”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ได้ยินแม่นายบอกว่าวันนี้นายไปสภากับพ่อหรือ”

   “ใช่ แต่ฉันขอกลับมาก่อน คงประชุมกันจนถึงเย็นหรือไม่ก็ดึกโน่นล่ะ”

   “ฉันก็ว่า อย่างนายไม่น่าจะทนอยู่จนจบการประชุมได้แน่”

   “ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปฟังหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ได้ไปอยูห้องพักผู้ติดตามแทน ที่นั่นมีคนน่าสนใจอยู่ ฉันเจออเล็กซานดร้ากับเจเรมี่ด้วย”

   ลอร์ดจอร์จเฟลตันเลิกคิ้ว “อเล็กซานดร้า... นายหมายถึงเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ คนที่ทำให้นายติดแหง็กอยู่กับเธอได้ตั้งหลายวันน่ะหรือ”

   “ฉันไม่ได้ติดแหง็ก ฉันแค่ต้องรักษามารยาท”

   “เอาเถอะๆ ว่าแต่ผู้หญิงอย่างเธอไปโผล่ที่เวสต์มินิสเตอร์ได้ยังไง”

   “เธอต้องการไปดูการประชุมสภา อย่าลืมว่าพ่อของเธอเป็นถึงดยุกแห่งเคมบริดจ์เชียวนะ”

   “ถึงงั้นก็เถอะ ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงจะเหมาะกับการไปที่นั่นนะ พวกเธอควรอยู่ที่อื่นมากกว่าสภา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ถ้าเธอได้ยินต้องโมโหมากแน่ ตอนฉันพบเธอ เธอกำลังทุ่มเถียงอยู่กับบรรดาสุภาพบุรุษเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พอดี”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้ว “ท่าทางเธอเป็นผู้หญิงหัวแข็งน่าดู ใครแต่งงานกับเธอต้องปวดหัวตายแน่”

   “แพททริกกำลังจีบเธออยู่ เขาจริงจังมาก”

   “แพททริกหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทวนแล้วหัวเราะ “ฉันชักอยากเห็นเลดี้อเล็กซานดร้าคนนี้เสียแล้วสิ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “นายได้โอกาสนั้นแน่จอร์จ เพราะฉันเพิ่งบอกให้เธอเขียนบัตรเชิญนายไปงานเลี้ยงค่ำวันศุกร์นี้”

   “อะไรนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงหยิบจดหมายยื่นให้เขา

   “เอ้า นี่จดหมายเชิญของนาย”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรับจดหมายมา “ล้อกันเล่นแน่ๆ ทำไมนายถึงให้เธอเชิญฉันไปที่งานเลี้ยงด้วย ฉันมั่นใจว่าเธอต้องการเชิญแค่นายคนเดียว”

   “เพราะฉันบอกว่าอยากจะพาเพื่อนๆ ไปด้วย”

   “มาร์กาเร็ตฆ่าฉันแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ทำไมนายไม่บอกชื่อคนอื่น”

   “ก็แมกซ์ไม่สบายอยู่”

   “เอ็ดดี้ก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังไม่ยอมลดละ “มีคนอื่นว่างอีกตั้งเยอะแยะ”

   “ฉันให้เธอเชิญกอร์ดอนไปด้วยน่ะ”

   คราวนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับเบิ่งตามองเพื่อนรักเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด “อะไรนะ นายให้เธอเชิญกอร์ดอนไปด้วยหรือ”

   “อืม”

   “อย่าบอกนะว่านายจะพากอร์ดอนไปควงให้เลดี้อเล็กซานดร้าเห็นว่าเขาเป็นคนรักของนายน่ะ”

   “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ฉันแค่อยากให้เขาได้เข้าสังคมบ้าง”

   “ให้ตาย จอห์นนี่ นายไม่รู้หรือไงว่ากอร์ดอนอึดอัดกับงานเลี้ยงแบบนั้นมาก คราวก่อนที่นายเชิญเขาไปงานเลี้ยงของตัวเอง เขาเกร็งมากนะ ถ้าฉันไม่คอยชวนคุยมีหวังเขาคงไปนั่งหลบในมุมมืดแน่”

   “เพราะงั้นฉันถึงให้เธอเชิญนายด้วยไงจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบยิ้มๆ “อย่างน้อยๆ ถ้านายไม่ยืนเป็นเพื่อนกอร์ดอน ก็ต้องกันฉันจากอเล็กซานดร้าได้แน่”

   “นายเห็นฉันเป็นไม้กันหมาเรอะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “เอาเถอะ เรื่องอเล็กซานดร้าฉันคงพอช่วยนายได้ แต่นายต้องแก้ตัวกับมาร์กาเร็ตให้ฉันด้วย ส่วนเรื่องกอร์ดอน...”

   “ทำไม นายไม่อยากให้เขาไปด้วยหรือ”

   “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรกอร์ดอน แต่นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงส่วนตัวของนายนะจอห์นนี่ ฉันพนันได้เลยว่าต้องมีหลายคนจำเขาได้ว่าเขาเป็นช่างตัดเสื้อ และเขาคงไม่ดีใจแน่ นายก็รู้ว่าคนทำงานแบบเขาไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมของเราหรอก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หวนนึกถึงครั้งแรกที่เขากึ่งชวนกึ่งบังคับกอร์ดอนไปงานเลี้ยงต้อนรับของตัวเอง ตอนนั้นกอร์ดอนเองก็มีท่าทีเหนื่อยหน่ายและอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดว่าเจ้าตัวคงเพลียจากงานที่ทำ และพ่อของเขาก็ดูประหลาดใจมากที่เห็นช่างตัดเสื้อในงานนั้น ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจแรง

   “ทำไมเขาถึงไม่ได้รับการยอมรับนะ ทั้งๆ ที่ขุนนางใหญ่ๆ หลายคนสวมชุดที่เขาตัด ถ้าไม่มีกอร์ดอน จะมีชุดสวยๆ แบบนั้นใส่ไปออกงานหรือ ถึงเขาจะเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ แต่เขาก็ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี และมารยาทของเขาก็ดีกว่าฉันด้วยซ้ำ”

   “มันเป็นแค่มุมมองของนายคนเดียวจอห์นนี่ แม้ฉันจะเห็นด้วยก็เถอะเรื่องมารยาท แต่กอร์ดอนไม่น่ามีความสุขนักกับงานเลี้ยงหรอก เขาไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานเสียด้วย”

   “แต่ฉันอยากให้เขาไปนี่นา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันอยากได้อเล็กซานดร้าได้พบเขา แม้ฉันจะบอกเธอเต็มปากเต็มคำไม่ได้ว่าเขาเป็นคนรักของฉันก็เถอะ”

   “ด้วยเหตุผลที่นายว่ามาเนี่ย นายควรจะไปคุยกับกอร์ดอนก่อน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสรุป “เพราะฟังแล้วมันเป็นเหตุผลส่วนตัวมากๆ นายเคยเล่าเรื่องอเล็กซานดร้าให้เขาฟังหรือยัง”

   “เปล่า”

   “งั้นนายควรจะเล่าให้เขาฟังด้วย แล้วดูว่าเขาเต็มใจจะไปงานเลี้ยงนี้กับนายไหม”

   “ตกลง ฉันจะไปคุยเรื่องนี้กับกอร์ดอน แต่ยังไงนายต้องไปงานนี้เป็นเพื่อนฉัน”

   “ได้ นายช่วยแก้ตัวกับมาร์กาเร็ตให้ฉันด้วยแล้วกัน”

----------------------------------------------

   กอร์ดอนรีบวางงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เมื่อเดวิดวิ่งมาบอกว่าคนที่กดออดคือใคร ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งรออยู่บนห้องนั่งเล่นชั้นสองแล้วตอนที่เขาเดินขึ้นไป กอร์ดอนเอ่ยทักทายลอร์ดหนุ่มด้วยความดีใจ

   “สายัณห์สวัสดิ์ จอห์น ดีใจจังที่วันนี้คุณแวะมา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มและลุกขึ้นไปสวมกอดคนรัก “ผมมารบกวนเวลางานของคุณรึเปล่า”

   “ไม่หรอกครับ ผมปิดร้านแล้ว” กอร์ดอนตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นจูบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงใช้มือประคองใบหน้าของเขาไว้ พลางจูบตอบจนอีกฝ่ายหน้าแดง

   “ชื่นใจจัง” ลอร์ดหนุ่มพูดหลังผละริมฝีปากออกมาแล้ว กอร์ดอนยิ้มเขินๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงจูบเขาเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายนั่งลงข้างตัว

   “ยอดรัก คุณจำเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ได้ไหม”

   “ใครหรือครับ”

   “อ้อ... เธอเป็นบุตรีของดยุกแห่งแคมบริดจ์ ตอนที่ผมต้องไปมิลตันกะทันหันไง”

   คราวนี้กอร์ดอนพยักหน้า “จำได้ล่ะครับ แต่คุณไม่ได้บอกชื่อเธอ”

   “งั้นหรือ”

   “ครับ คุณบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่นมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เธอเสียเกียรติได้ คุณเลยไม่ได้เล่าให้ผมฟัง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ก็จริง แต่ผมยืนยันกับคุณแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว”

   “คุณบอกว่าเธอเหมือนน้องสาวคุณ” กอร์ดอนว่า “จริงๆ ผมเองก็อยากจะเห็นเธอสักครั้งเหมือนกัน อยากรู้ว่าน้องสาวคุณจะเป็นเลดี้ท่าทางแบบไหน ท่าทางคงจะแก่นแก้วน่าดู”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “งั้นผมก็มีข่าวดี เพราะเธอเพิ่งเขียนจดหมายเชิญคุณให้ไปงานเลี้ยงวันศุกร์นี้”

   “อะไรนะครับ” กอร์ดอนร้องขึ้นมา อีกฝ่ายจึงพูดต่อ

   “เธอมาที่ลอนดอนกับท่านดยุก ผมเผอิญพบเธอเมื่อเช้า เลยให้เธอเขียนจดหมายเชิญคุณไปงานเลี้ยงด้วย”

   “เดี๋ยวนะ” กอร์ดอนพูดพลางนิ่งคิดอึดใจ “คุณให้เธอเชิญผมหรือครับ”

   “ใช่ เพราะผมอยากจะพาคุณไปที่นั่นด้วย”

   “โอ้ จอห์น” กอร์ดอนคราง “ผมไม่ได้ตัดเสื้อให้ท่านดยุกแห่งแคมบริดจ์ แต่แน่ใจว่าแขกที่ได้รับเชิญไปงานไม่น้อยต้องเป็นลูกค้าของผม”

   “แล้วไง”

   “มันออกจะไม่สมควร...”

   “เหลวไหลน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถึงคุณจะเป็นช่างตัดเสื้อ แต่ก็เป็นที่เอ็นดูของท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด หนำซ้ำคุณยังเป็นคนรักของผม ถึงแม้คุณจะไม่ได้เกิดในตระกูลสูง แต่คุณก็มีเกียรติพอที่จะงานนั่น”

   กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ผมไม่ค่อยคุ้นกับงานแบบนั้นหรอกครับ อีกอย่างผมไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

   “หมายความว่าคุณจะปล่อยให้ผมถูกผู้หญิงอื่นควงหรือ”

   “ไม่ครับ ไม่มีทาง” กอร์ดอนฉุนกึกขึ้นมาทันที แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับยิ้ม

   “งั้นก็ไปงานเลี้ยงกับผมเถอะ ไปอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะคนรักของผมเลย”

   “แต่...”

   “ผมรู้ว่าเราคงประกาศชัดเจนไม่ได้ แต่เราไปที่นั่นด้วยความรู้สึกเดียวกันได้ อีกอย่างผมชวนจอร์จไปด้วย คุณไม่ต้องกังวลหรอกว่าจะมีใครผิดสังเกต อย่างมากพวกเขาก็จะเห็นแค่สุภาพบุรุษสามคนที่สนิทกันมากเท่านั้นเอง”

   กอร์ดอนเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็หลุดยิ้มออกมา “จอห์น คุณนี่... จริงๆ เลย หลอกผมให้ไปงานกับคุณจนได้”

   “ผมเปล่าหลอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมแค่พูดสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วคุณก็ตกลงเอง... ผมดีใจมากเลยที่เห็นคุณแสดงออกว่าหึงผม”

   กอร์ดอนชกแขนลอร์ดหนุ่มเบาๆ “บ้าจริง สัญญาสิครับว่าคุณจะไม่ทำอะไรให้ผมหึง”

   “งั้นผมต้องเต้นรำกับคุณคนเดียวตลอดทั้งงาน แน่นอนว่าผมเต็มใจมาก”

   “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้หึงผู้หญิงทุกคนที่คุณเต้นรำด้วยเสียหน่อย”

   “พูดจริงหรือ”

   “จริงสิครับ ตอนไปนีสเด้นคุณยังเต้นกับคนอื่นตั้งหลายคน ผมยังไม่คิดอะไรเลย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่คุณเต้นรำไม่เก่ง ผมคงต้องทำหน้าที่เป็นคู่เต้นคุณไปจนจบงาน”

   “ไม่ต้องเลยจอห์น” กอร์ดอนว่า “เดี๋ยวจะเป็นที่ผิดสังเกตเข้าจริงๆ นะครับ คุณน่าจะแนะนำเลดี้อเล็กซานดร้าให้ผมรู้จัก ผมรู้สึกว่าเธอน่าสนใจมาก”

   “อืม ผมตั้งใจจะแนะนำคุณให้เธออยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตกลงว่าไปกับผมนะ ยอดรัก”

   “ครับ แต่ผมจะไม่เต้นรำกับคุณจนจบงานนะ”

   ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ ขณะที่ช่างตัดเสื้อเอนตัวซบไหล่เขาแล้วยิ้มบางๆ

-------------------------------------`

(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-11-2019 22:14:09
นึกว่าตาฝาด

สองคนนี้หนทางอีกยาวไกล
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-11-2019 23:08:39
รักทุกตัวอักษรเลย ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-11-2019 07:22:31
ไรท์ มาแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ความลับจะแตกเพิ่มมั้ยนะ  :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-11-2019 11:55:49
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 07-11-2019 17:50:02
ดีใจจัง มาต่อแล้ว  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-11-2019 22:11:59
เข้าใจนะ อีกคนก็อยากเปิดตัวเหลือเกิน อีกคนก็เกรงๆ อยู่ในมุมของตัวเอง เอาใจช่วยนะ สู้ๆ ทั้งสองคน
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-11-2019 05:04:21
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่42 คนรัก

   กอร์ดอนยืนอยู่หน้ากระจก เขากำลังคิดว่าตัวเองตอบตกลงไปงานเลี้ยงของท่านดยุกแห่งแคมบริดจ์ได้อย่างไร แต่พอนึกถึงสีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอนที่พูดว่าถ้าเขาไม่ไป เจ้าตัวคงโดนหญิงรุมล้อม เขารู้สึกว่าจะต้องไปให้ได้ ถึงไปแล้วจะทำอะไรไม่ได้ก็ตามเถอะ

   ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนขี้หึงขนาดนี้

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มารับเขาตรงตามเวลาที่นัด ลอร์ดหนุ่มดูหล่อเหลาเช่นเคยในชุดทักซิโดส์ที่เขาตัดให้

   “ว้าว คุณดูดีมากในชุดทักซิโดส์แบบนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่าหลังจากยื่นมือให้เขายุดขึ้นรถม้า “ผมทรงใหม่นี่ดูเข้ากับคุณมาก”

   “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนว่า “ผมฉวยจังหวะตอนพักเที่ยงเมื่อวานไปที่ร้านตัดผม คิดว่าถือโอกาสตัดเสียเลย เพราะผมไม่ได้ตัดผมมานานแล้ว”

   “ผมทรงไหนคุณก็ดูดีทั้งนั้นล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณเคยพบดยุกแห่งแคมบริดจ์แล้วหรือยัง”

   กอร์ดอนสั่นศีรษะ ลอร์ดหนุ่มจึงพูดต่อ “เขาเป็นคนสนุกสนาน ไม่ดุเลยถ้าเทียบกับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด และเป็นคนหัวสมัยใหม่มากด้วย ไว้ผมจะแนะนำคุณให้เขารู้จัก”

   “ไม่ต้องหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “ท่านดยุกคงไม่ชอบใจที่มีช่างตัดเสื้อไปงานเลี้ยงหรอกครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “ใจคอคุณจะไม่ไปทักทายเจ้าของงานเลี้ยงหน่อยหรือ มันเสียมารยาทนะ อีกอย่างเป็นช่างตัดเสื้อแล้วทำไม คุณมีจดหมายเชิญแถมไปกับผมนะ ท่านดยุกไม่ว่าอะไรหรอก”

   กอร์ดอนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “ตกลงครับ ผมไม่อยากเสียมารยาทกับท่านดยุก”

----------------------------------------

   งานเลี้ยงจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด แม้จะไม่ใหญ่โตโอ่อ่าเท่ากับคฤหาสน์ของท่านมาร์ควิสแห่งบาธ หรือของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นคฤหาสน์ที่สวยงามหลังหนึ่ง สนามหญ้าด้านหน้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีรูปสลักจากหินอ่อน และน้ำพุอยู่กลางสวน ประดับรอบด้วยไม้พุ่มสีเขียวที่ตัดแต่งเป็นทรงสวยงาม พอทั้งสองคนลงจากรถ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เดินเข้ามาทักทันที

   “ไงจอห์นนี่ กอร์ดอน ว้าว ผมทรงใหม่ของนายดูดีมาก”

   “สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดจอร์จ มานานหรือยังครับ”

   “ไม่นานหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ฉันมารอพวกนาย ไม่อยากเดินดุ่มๆ เข้าไปคนเดียวน่ะ”

   กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจ “ทำไมหรือครับ ผมไม่คิดว่าคนระดับคุณจะเกร็งกับงานเลี้ยงแบบนี้”

   “ไม่ใช่หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแทนให้ “จอร์จแค่กลัวว่าถ้าเดินเข้าไปคนเดียวแล้วเกิดเจอสาวๆ ที่เขาเคยเกี้ยวเข้าล่ะก็ เรื่องมันจะลำบากเอาน่ะ”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไม่ปฏิเสธ เขายักไหล่ แล้วพูดต่อ “ฉันไม่ได้บอกมาร์กาเร็ตเรื่องนี้ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรนักหรอก ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าฉันมีคู่หมั้น”

   กอร์ดอนพยักหน้า จากนั้นทั้งสามคนก็ชวนกันเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ด้านในโอ่โถงไม่แพ้ด้านนอก ทางเดินประดับด้วยงานศิลปะล้ำค่า และรูปเหมือนของเจ้าของคฤหาสน์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอธิบายว่าเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดสืบทอดคฤหาสน์นี้ต่อจากพ่อของเขา ส่วนแม่ของเขาเป็นน้องสาวของดยุกแห่งแคมบริดจ์ แม้ตำแหน่งขุนนางของเขาจะไม่สูง แต่เรื่องความร่ำรวยไม่เป็นสองรองใคร

   ห้องโถงที่ใช้จัดงานเต็มไปด้วยผู้คนหนาตา ต่างแต่งตัวงดงาม บรรดาสุภาพสตรีสวมกระโปรงผ้าไหม และหมวกทรงเก๋ไก๋ตามแฟชั่น ส่วนเหล่าสุภาพบุรุษสวมทักซิโดส์สีดำ ห้อยสายนาฬิกาที่ทำจากทองคำประดับตุ้มห้อยเล็กๆ สวมหมวกทรงสูง และสวมรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนมันวาว

   กอร์ดอนนึกดีใจที่เขาตัดสินใจไปซื้อหมวกทรงสูงใหม่มาใบหนึ่งหลังแวะไปตัดผม มันทำให้เขารู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงแบบนี้ ส่วนสายนาฬิกาของเขา ถึงจะไม่มีตุ้มห้อย แต่ก็ทำจากทองเหมือนกัน

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ปราดเข้ามาทักทายลอร์ดโทรว์บริดจ์หลังจากพวกเขาเข้าไปในห้องได้ไม่นาน เธอเป็นสาวรุ่น สวมชุดผ้าไหมสีส้มสดใส ท่าทางแก่นแก้วต่างจากเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างสิ้นเชิง

   “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะจอห์น ดีใจจังที่คุณให้เกียรติมา”

   “ก็คุณอุตส่าห์เชิญแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจุมพิตหลังมือของเธอเป็นการทักทาย ก่อนจะแนะนำเพื่อนๆ ของเขา

   “นี่จอร์จ ส่วนนี่กอร์ดอน”

   ทั้งสองจุมพิตมือของเลดี้เป็นการทักทายเช่นเดียวกัน กอร์ดอนเงอะงะเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้ทำแบบนี้บ่อยนัก

   “เพื่อนๆ ของคุณช่างน่ารักจังค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตอบ เธอแทบไม่ละสายตาจากลอร์ดโทรว์บริดจ์เลย “มาค่ะ ฉันจะพาพวกคุณไปพบท่านพ่อ”

   ดยุกแห่งแคมบริดจ์เป็นชายวัยห้าสิบเศษ ผมสีออกเทา ดวงตาสีเขียวสดใสเช่นเดียวกับลูกสาว ที่ยืนอยู่ข้างเขาคือดัชเชสแห่งแคมบริดจ์ เธอเป็นสาวสวย ผมสีน้ำตาลแดง แม้จะอายุไม่น้อยแล้ว แต่ก็ยังดูดีจนน่าประทับใจ

   “ไง จอห์น” ท่านดยุกเอ่ยทัก “เห็นพ่อเธอบอกว่าเธอจะมาพร้อมเพื่อนๆ หรือ”

   “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาก้มลงทักทายท่านดยุก “นี่เพื่อนๆ ของผม จอร์จกับกอร์ดอน”

   “อ้อ นี่ใช่ใช่ลูกชายคนเล็กของเฟอร์ดินานกับเบเน็ตตารึเปล่า”

   “ครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ท่านรู้ได้ไงครับ”

   ดยุกแห่งแคมบริดจ์หัวเราะ “ก็หน้าตาเธอเหมือนแม่เธอยังกะแกะ ส่วนจมูกนี่ได้พ่อมาเต็มๆ เลย”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มเขินๆ ขณะที่ท่านดยุกพูดต่อ “พ่อแม่กับพี่ชายเธอเพิ่งมาทักฉันเมื่อครู่นี้เอง ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมเธอไม่มาด้วยกัน”

   “จอห์นนี่จองตัวผมไว้ก่อนครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “ถ้าไม่มีผมเขาคงจะงอแงมาก”

   “น้อยๆ หน่อย จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ติง “ฉันแค่อยากให้เรามาด้วยกันสามคน”

   “จริงสิ เธอชื่อกอร์ดอนใช่ไหม หน้าตาไม่คุ้นเลย อยู่ที่ไหนหรือ”

   “ถนนบรอมพ์ตันครับ” กอร์ดอนตอบไปตามตรง เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ไม่รู้ว่าควรจะปลีกตัวออกไปยังไง

   “โอ้ กลางเมืองเลยนี่ ไม่ต้องเขินหรอก ฉันรู้ว่าจอห์นมีเพื่อนเป็นคนสามัญก็เยอะ เธอมากับเขาด้วยก็คงสนิทกันมากเลยสินะ”

   “มากครับ ผมเคยรบกวนเขาหลายอย่างเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแทนให้ “กอร์ดอนเป็นเพื่อนที่ดีมาก แม้ว่าพวกเราจะได้รู้จักกันไม่นานก็ตาม”

   “งั้นหรือ” ท่านดยุกว่า ก่อนจะหยุดไปเพราะคนรับใช้เข้ามากระซิบข้างหู

   “ขอตัวก่อนนะ” จากนั้นจึงลุกขึ้น แล้วจูงมือเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ออกไปด้วย ทั้งสามคนจึงรีบปลีกตัวออกมา

   “นี่พ่อแม่ของพวกคุณสองคนก็มางานนี้ด้วยหรือครับ” กอร์ดอนกระซิบถามด้วยความตกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า

   “นี่งานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์นะ ถ้าพ่อแม่พวกเราไม่มาสิแปลก”

   “ผมนี่โง่จริง” กอร์ดอนว่า “รีบกลับดีกว่า”

   “ไม่เอาน่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายอุตส่าห์มาแล้ว อย่างน้อยๆ ก็อยู่ดื่มกันสักแก้วสองแก้วก่อน”

   “คุณรู้สึกแย่มากเลยหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างเป็นกังวล อีกฝ่ายสั่นศีรษะ

   “ไม่หรอกครับ แต่ถ้าผมถูกท่านดยุกถามต่อต้องไปไม่เป็นแน่ ดีที่ท่านลุกออกไปเสียก่อน”

   “นั่นสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย “ว่าแต่ใครกันที่ดยุกแห่งแคมบริดจ์ถึงกับต้องลุกออกไปต้อนรับ”

   “คงไม่ใช่เจ้าชายหรอกมั้ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ไม่นานนักพวกเขาทั้งสามก็ได้รู้คำตอบ

   “จอห์น นี่พวกลูกมายืนทำอะไรกันตรงนี้” เลดี้บาธเดินเข้ามาทักพวกเขา พร้อมกันลอร์ดสามี กอร์ดอนรีบทักทายทั้งสองทันที

   “อ้าว โอเดนเบิร์ก” เลดี้บาธมีท่าทางแปลกใจ ลอร์ดบาธเองก็เช่นกัน “เธอมากับจอห์นหรือ”

   “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น “อเล็กซานดร้าอยากเจอเพื่อนๆ ของผม ผมเลยเชิญเขามา”

   “อืม...” พ่อของเขาส่งเสียงในคอ “ท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมา”

   พูดจบก็หันหน้าเดินออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงรีบลากกอร์ดอนและลอร์ดจอร์จ เฟลตันให้เดินตามไปด้วย

   “ฉันน่าจะรู้ก่อนว่าต้องเป็นดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้าไม่ใช่เจ้าชายก็คงเป็นเขานี่แหละที่ดยุกแห่งแคมบริดจ์ต้องเดินออกไปต้อนรับ”

   “ฉันคิดว่าเขาจะส่งลูกชายมาเป็นตัวแทนเสียอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่แบบนี้ก็ดี”

   “ผมไม่เห็นว่าดีเลย” กอร์ดอนคราง “พ่อแม่คุณต้องไม่พอใจแน่”

   “ไม่หรอกน่า เขาจะไม่พอใจได้ไง ในเมื่อคุณสนิทกับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดขนาดนั้น”

   “ท่านดยุกคงไม่แสดงออกในงานสังคมหรอกครับ” กอร์ดอนว่า แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ พวกเขาก็มาถึงโต๊ะที่ท่านดยุกทั้งสองนั่งอยู่พอดี

   “อ้าว พ่อหนุ่มกอร์ดอน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดแสดงท่าทางประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด การเอ่ยทักทายต่อแขกแปลกหน้าที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ ก่อนใครคนอื่นก็ยังความแปลกใจมาให้ทุกคนในที่นั้นเช่นกัน

   “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านดยุก” กอร์ดอนทักทายฝ่ายนั้นตามมารยาท เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ที่ยืนอยู่ด้วยจึงพูดขึ้น

   “รู้จักกันหรือคะ”

   ท่านดัชเชสหันไปมองลูกสาวอย่างตำหนิ แต่เธอไม่สนใจ ขณะที่ท่านดยุกพูดขึ้นต่อ “สายัณห์สวัสดิ์ เธอมากับจอห์นหรือ”

   “ครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านดยุก”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดปรายตามองลอร์ดหนุ่มทั้งสอง “สายัณห์สวัสดิ์”

   “พ่อหนุ่มกอร์ดอนนี่เป็นใครหรือคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยังคงถามต่อ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรู้สึกว่าเธอคล้ายกับเพื่อนรักของเขาอยู่บ้างจริงๆ ตรงไม่มีมารยาทนี่แหละ

   “อ้อ เขาเป็นหลานชายเพื่อนสนิทของฉันน่ะ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตอบ ก่อนจะหันไปหากอร์ดอน “จอห์นคงไม่ได้ทำให้เธออึดอัดใช่ไหม”

   “ไม่ครับ” กอร์ดอนรีบตอบ “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงนี้”

   “งั้นก็ดีแล้ว” ท่านดยุกว่า แล้วหันไปทางเลดี้แคทเธอรีนซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ “ไหนๆ จอห์นก็มาแล้ว หลานก็ไปกับเขาเถอะ นั่งฟังพวกตาคุยกันคงเบื่อแย่”

   “โอ ไม่หรอกค่ะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดโบกมือ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงเดินมาสมทบกับชายหนุ่มทั้งสาม แน่นอนว่าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตามมาด้วย

   “ว้าว ฉันไม่เคยเห็นท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดกับใครแบบนี้มาก่อนเลย” เธอว่า พลางเดินเข้ามาหากอร์ดอน “ปู่ของคุณต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่”

   “ปู่ของผมก็เป็นคนธรรมดานี่แหละครับ ท่านหญิง” กอร์ดอนว่า “เพียงแค่โชคดีที่ได้เป็นเพื่อนกับท่านดยุก”

   “เหมือนอย่างที่คุณได้เป็นเพื่อนกับจอห์นสินะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “จอห์นเป็นคนดีมากเลยค่ะ ฉันอยากรู้จังว่าคนรักของเขาเป็นใครกันแน่ ใช่สาวสวยแถวนี้รึเปล่าน้า”

   ทั้งลอร์ดจอร์จ เฟลตันและกอร์ดอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ พวกเขาทั้งคู่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากสุภาพสตรีที่ควรจะถูกอบรมเรื่องกิริยามารยาทมาอย่างดี

   “พวกคุณยิ้มอะไรกันคะ ฉันพูดอะไรผิดหรือ”

   “โอ้ เปล่าหรอกครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบปฏิเสธ “พวกผมแค่ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เท่านั้นเอง”

   “ต้องตรงไปตรงมาสิคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันน่ะไม่ชอบอ้อมค้อมหรอกค่ะ ถ้าอยากรู้อะไรก็ต้องได้รู้เดี๋ยวนั้นเลย จะมัวลีลาอยู่ทำไม”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหลิ่วตาให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ ส่วนเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบพูดออกตัวทันที “พวกเราอยู่ระหว่างทำความรู้จักกันอยู่น่ะค่ะ”

   “งั้นหรือคะ แต่เขาเคยบอกฉันว่าเขามีคนที่รักอยู่แล้ว ฉันคิดว่าเป็นเธอเสียอีก”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พูดพลางมองหน้าเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอย่างจงใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรู้ทันทีว่านี่เป็นการข่มกันของผู้หญิง จึงรีบกระตุกแขนลอร์ดโทรว์บริดจ์

   “จอห์นนี่ นายต้องทำอะไรสักอย่างนะ”

   แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะได้พูดอะไร เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็ยิ้มแล้วพูดตอบ “ฉันทราบเรื่องคนรักของเขาแล้วล่ะค่ะ”

   คำตอบสั้นๆ ของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน ทำให้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เงียบไปทันที เธอจ้องฝ่ายนั้นอย่างประหลาดใจ

   “แล้วทำไมเธอถึง...”

   “มันเป็นเรื่องของมารยาทน่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ได้คบหากับเขาเป็นเพื่อนก็ไม่เสียหายนี่คะ”
   ดูเหมือนท่าทางเยือกเย็นของเลดี้แคทเธอรีน จะทำให้เลดี้อเล็กซานดร้าหาเรื่องต่อไม่ได้ เธอจึงเดินปึงๆ ออกไปทันที เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถอนหายใจ

   “เธอเหมือนกับคุณมากเลยค่ะจอห์น”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถึงกับหัวเราะก๊าก ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำสีหน้าไม่ถูก ส่วนกอร์ดอนพยักหน้าเห็นด้วย

   “เธอดูตรงไปตรงมาดีนะครับ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า แล้วพูดต่อ “ว่าแต่พวกคุณมากันกี่คนคะ อย่าบอกนะคะว่ายกกันมาทั้งสโมสร”

   “เปล่าๆ มีแค่ผม จอร์จ แล้วก็กอร์ดอน จริงๆ ผมอยากจะชวนแมกซ์มาด้วย แต่เขาไม่สะดวก”

   “นี่นายยังคิดจะชวนแมกซ์มาอีกหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “ฉันว่านายควรให้อเล็กซานดร้าเชิญพวกเราทั้งสโมสรเหมือนที่แคทเธอรีนว่า”

   “ฉันพอรู้จุดประสงค์ของคุณล่ะค่ะจอห์น” เลดี้แคทเธอรีนพูดเรียบๆ “ยังไงก็ระวังไว้หน่อยนะคะ ท่าทางอเล็กซานดร้าหมายตาคุณอยู่ เธอคงไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่”

   “ขอบใจ ผมจะระวังไว้”

   แม้จะพูดแบบนั้น แต่ในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งเขาและลอร์ดจอร์จ เฟลตันจำเป็นต้องหยุดทักทายกับคนอื่นๆ ตามมารยาท รู้ตัวอีกทีกอร์ดอนก็หายไปแล้ว

   “อยู่นี่เอง ตามหาตั้งนานแน่ะ”

   กอร์ดอนหันไปมอง ที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ท่าทางสะโอดสะอง แต่งตัวดีมีระดับ ท่าทางคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง

   “มากับฉันหน่อยสิ” พูดจบก็ฉวยมือกอร์ดอนเดินออกไปทันที ช่างตัดเสื้อเลยไม่ทันได้บอกลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่ยืนคุยกับคนอื่นๆ อยู่ สุภาพบุรุษท่าทางคุ้นตาคนนั้นพาเขาออกมาที่ระเบียง ณ ที่นั่น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยืนรออยู่

   “ฟังนะ อเล็กซานดร้ามีบางอย่างจะถามนายเกี่ยวกับจอห์น ฉันรู้ว่านายเป็นเพื่อนของหมอนั่น และรู้ด้วยว่านายต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่หมอนั่นปิดบังไว้แน่ๆ เพื่อจอห์นและตัวนายเอง นายควรจะตอบคำถามของเธออย่างตรงไปตรงมา ห้ามเฉไฉเด็ดขาด ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน”

   กอร์ดอนอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ เขาก็เดินมาถึงหน้าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แล้ว

   “อะ... เอ่อ... ท่านหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้ม “คุณชื่อกอร์ดอนสินะ จริงๆ แล้วฉันอยากจะไปคุยกับนายด้วยตัวเอง แต่แพททริกเห็นว่าการที่สุภาพสตรีจะไปจับมือสุภาพบุรุษแล้วจูงออกมาคุยกันสองต่อสองมันไม่เหมาะ เขาเลยอาสาไปชวนคุณออกมา ขอบใจนะ แพททริก”

   กอร์ดอนนึกออกเดี๋ยวนันเองว่าคนที่พาเขามาคือลอร์ดเชลบี ซึ่งอยู่ในทีมรักบี้การกุศลของลอร์ดโทรว์บริดจ์ มิน่าเขาถึงได้รู้สึกคุ้นๆ ลอร์ดเชลบีกระแอมไอครั้งหนึ่ง แล้วสะกิดหลังเขาเบาๆ

   “ทะ... ท่านหญิงอยากคุยกับผมหรือครับ”

   “ใช่ ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องจอห์น” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ได้ยินว่าคุณเพิ่งรู้จักกับเขาได้ไม่นาน แต่สนิทกันมาก ฉันว่ามันคงมีเหตุผลอยู่สินะ”

   “.....”

   “จอห์นบอกฉันว่ามีคนรักอยู่แล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแคทเธอรีน แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนเรื่องที่จอห์นมีคนรักซ่อนไว้ด้วย” น้ำเสียงของเธอดูหงุดหงิด “บางทีเธออาจจะแค่แสดงละครทำเป็นว่าไม่สนใจก็ได้ ไม่มีทางที่เธอจะคบหากับจอห์นเป็นแค่เพื่อนเฉยๆ ได้หรอก”

   กอร์ดอนได้แต่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไร แม้จะรู้ความจริงแน่ชัดแก่ใจก็ตาม อีกฝ่ายพูดขึ้นต่อ “แต่คุณต้องรู้แน่ การที่คุณสนิทกับจอห์นได้ในระยะเวลาสั้นๆ แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาต้องไม่ธรรมดา”

   กอร์ดอนกลืนน้ำลาย เขาแน่ใจว่าเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่มีทางรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่ถูกถามด้วยประโยคแบบนี้ มันก็ทำให้อดกังวลไม่ได้เหมือนกัน

   หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “บอกฉันสิ คุณรู้เรื่องคนรักลับๆ ของจอห์นใช่ไหม เขาเป็นน้องสาวคุณ หรือญาติสักคนของคุณล่ะสิ”

   กอร์ดอนคิดใคร่ครวญคำตอบ เขานึกถึงคำพูดของเลดี้แคทเธอรีน นึกถึงคำพูดของลอร์ดเชลบี นึกถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์ ในที่สุดช่างตัดเสื้อก็ตอบออกมา

   “เรื่องที่ท่านลอร์ดมีคนรักอยู่แล้วเป็นความจริงครับ” เขาว่า “เพียงแต่ผมคงบอกท่านหญิงไม่ได้ว่าคนรักของเขาคือใคร”

   “ฮึ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ส่งเสียงขึ้นจมูก “เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ชนชั้นต่ำสินะ จอห์นเองคงจะอึดอัดใจมากที่ดันไปหลงเสน่ห์ผู้หญิงที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองขนาดนั้น ถึงกับไม่กล้าเปิดเผยว่าเป็นใคร เขาคงกลัวจะเป็นที่ครหา บางทีคุณควรจะแนะนำให้เธอไปจากเขาเสีย อย่างจอห์นน่ะไม่คู่ควรกับผู้หญิงต่ำๆ หรอก”

   กอร์ดอนรู้สึกเดือดขึ้นมา เขาพูดตอบ “ผมไม่เห็นว่าการที่จอห์นจะรักจะชอบกับใคร มันเกี่ยวข้องกับคุณตรงไหน เขาจะเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ตราบใดที่เขายังมีความสุขดี ในฐานะเพื่อนผมก็ควรจะเห็นดีเห็นงามด้วย ไม่มีเพื่อนแบบไหนทำร้ายเพื่อนด้วยกันเพราะคำพูดชุ่ยๆ ไม่กี่คำของผู้หญิงหรอก”

   เพี๊ยะ

   กอร์ดอนรู้สึกเจ็บแปลบที่แก้มซ้าย เขายกมือขึ้นแตะดู โชคดีที่ไม่มีเลือดออก ขณะที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์โกรธจนตัวสั่น

   “กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนี้ แกน่ะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อที่เผอิญโชคดีเท่านั้น น้องสาวหรือญาติของแกคงใช้มารยาของสาวชาวบ้านหลอกให้จอห์นหลงใหลสินะ บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแน่ เขาเป็นถึงลอร์ดที่จะได้รับตำแหน่งมาร์ควิสในอนาคต จะให้ไปเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำอย่างพวกแกได้ยังไง”

   “คุณไม่มีสิทธิ์” แม้จะเจ็บที่ถูกตบ แต่กอร์ดอนก็ยังคงเถียงต่อ “จอห์นเป็นคนเดียวที่จะตัดสินเรื่องนี้ ถ้าคุณหวังดีกับเขาก็ไม่ควรจะทำอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกของเขาจะดีกว่า”

   “ฉันน่ะหรือจะทำร้ายความรู้สึกเขา” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ไม่มีทาง ฉันแค่จะทำให้เขาตาสว่างเท่านั้นแหละ” เธอกวักมือเรียกคนรับใช้

   “ลากตัวหมอนี่ออกไป ทำให้มันหลาบจำว่าอย่าให้หาญเสนอหน้ามายุ่มย่ามกับจอห์นหรือคนอื่นๆ อีก ให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูงบ้าง”

   “คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้” กอร์ดอนพยายามขัดขืน แต่ก็ถูกต่อยท้องจนตัวงอ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พูดต่อ
“จำไว้นะ นี่แค่ตักเตือน ถ้ายังไม่ฟังล่ะก็ ญาติของแกที่ก่อปัญหาให้จอห์นจะต้องโดนดีด้วย ถึงตอนนี้ฉันจะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ให้คนสืบดูคงรู้ได้ไม่ยาก”
เธอโบกมือให้คนรับใช้ลากตัวกอร์ดอนออกไปจากระเบียง แล้วระบายลมหายใจเฮือก ก่อนจะเดินเข้าไปในงานเลี้ยง โดยมีลอร์ดเชลบีเดินตามหลัง

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่41p.21(6/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-11-2019 05:08:22
   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทั้งหงุดหงิดทั้งกังวล เขาและลอร์ดจอร์จ เฟลตันหากอร์ดอนไม่พบ หนำซ้ำยังต้องหยุดคุยกับคนนั้นคนนี้ตามมารยาท และการเต้นรำกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

   “ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับกอร์ดอนแน่ๆ เขาควรจะอยู่ใกล้ๆ พวกเรา ไม่ใช่หายไปแบบนี้”

   “ใจเย็นๆ จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันปลอบ “กอร์ดอนอาจจะหลบไปเข้าห้องน้ำ ตอนงานของนายคราวก่อนเขาก็หลบไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน”

   “งั้นฉันจะไปหาเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แต่กลับถูกเรียกเอาไว้

“จอห์น อยู่นี่เอง แม่ตามหาแทบแย่”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสะกิดเพื่อนรัก “นายไปเถอะ ฉันจะไปหากอร์ดอนให้เอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก “ฝากด้วยนะ”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแยกตัวกับเพื่อนรัก เพราะเขาเป็นลูกคนสุดท้อง ที่จะไม่ได้รับตำแหน่งแห่งหนอะไร แถมยังมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคนอื่นเท่าไหร่ ทำให้สามารถปลีกตัวออกมาได้ง่ายกว่า เขาไปที่ห้องน้ำ แต่ไม่พบกอร์ดอน จึงสอบถามเอาจากบรรดาคนรับใช้ที่เสิร์ฟเครื่องดื่ม ก็ไม่มีใครเห็น ถามแขกในงานก็ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ ดูเหมือนว่ากอร์ดอนจะหายตัวไปจากงานดื้อๆ หรือว่าจะกลับไปแล้ว แต่ถ้ากลับไปจริงก็ต้องบอกให้พวกเขารู้สิ อีกอย่างที่นี่ไม่มีรถม้ารับจ้าง ถ้าจะกลับก็ต้องให้คนขับรถไปส่งเท่านั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตัดสินใจออกจากงานเลี้ยง เพื่อไปดูที่ลานจอดรถม้า บางทีกอร์ดอนอาจจะหลบความวุ่นวายไปอยู่ที่นั่นก็ได้ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของกอร์ดอน

   ตั้งแต่เกิดมากอร์ดอนไม่เคยถูกทุบตีมาก่อน แม้แต่ตอนที่ไปที่บาร์ใต้ดินของแมคคาธี ถึงเขาจะถูกต้อนรับอย่างหยาบคาย แต่แมคคาธีก็ไม่เคยสั่งให้ใครทำร้ายร่างกายเขา

   ตอนที่ถูกลากออกมาจากระเบียง คนพวกนั้นใช้ผ้าปิดตากับปากของเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เห็นหน้าและไม่ให้ส่งเสียงร้อง จากนั้นดูเหมือนจะยัดเขาใส่ในกระสอบ แล้วทุบด้วยไม้กระบองหรือไม้เท้า กอร์ดอนได้แต่ก้มหัวขดตัวด้วยความเจ็บปวดอยู่ในกระสอบ น้ำตาไหลรินเป็นสาย ทั้งเจ็บทั้งอาย

   “จำไว้นะไอ้ตุ๊ด นี่เป็นแค่การสั่งสอนเบาะๆ เท่านั้น ถ้าแกกล้าฟ้องเรื่องนี้กับใครล่ะก็ ญาติพี่น้องของแกจะต้องโดนดีแน่ๆ”

   ไม่รู้ว่าถูกทุบตีอยู่นานเท่าไหร่ แต่ตอนที่รู้สึกตัวอีกที ทุกอย่างรอบๆ ตัวก็เงียบลงแล้ว แถมยังรู้สึกหนาวยะเยือกจับใจ กอร์ดอนพยายามขยับตัว รู้สึกร้าวระบมไปหมด เขาค่อยๆ ใช้มือแกะผ้าที่ปิดปากและปิดตาออก น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ช่างตัดเสื้อขบริมฝีปากกลั้นความเจ็บปวดไว้ แล้วพยายามถีบปมที่มัดกระสอบอยู่ให้คลายออก แต่ดูเหมือนจะถูกมัดไว้แน่นมาก ถึงเขาจะพยายามแทบตาย มันก็ไม่คลายออกสักที ครั้นจะตะโกนเรียกให้ใครมาช่วย ก็กลัวว่าจะกลายเป็นเรียกพวกเดิมที่ทุบตีเขากลับมาอีก แถมไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยสักคนก็ได้ เขาคงถูกหิ้วมาทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่งที่ไกลจากคฤหาสน์ กอร์ดอนใจหายวาบ หรือเขาจะต้องมาตายแบบนี้ ตายอยู่ในกระสอบ แค่เพราะเขาไปต่อปากต่อคำกับสุภาพสตรีชั้นสูง แค่เพราะเขาทนไม่ได้ที่เธอพูดจาดูถูกทั้งเขาและลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่สว่างไสวเหมือนดวงตะวันยามเช้าคนนั้น หรือนี่จะเป็นการลงโทษ ที่เขาบังอาจฝ่าฝืนข้อห้าม นอกจากรักกับคนที่มีฐานะสูงกว่าจนแทบเอื้อมไม่ถึงแล้ว ยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกด้วย ทว่ากอร์ดอนกลับไม่รู้สึกเสียใจสักนิด ถ้านี่คือการลงโทษ เขาก็พร้อมจะยอมรับ เพียงเสียดายที่ไม่อาจบอกลาลอร์ดหนุ่มผู้ดึงชีวิตเขาขึ้นมาจากปากเหวคนนั้นเท่านั้น

   “จอห์น... ผมขอโทษที่อยู่เคียงข้างคุณไม่ได้” กอร์ดอนพึมพำ น้ำตาไหลอาบแก้ม

   อีกสักครั้ง แค่สักครั้ง เขาอยากเห็นหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้งก่อนตาย

   เสียงสวบสาบเหมือนใครสักคนกำลังเดินฝ่าพงหญ้าดังเข้ามาใกล้ กอร์ดอนคิดว่าเขาหูฝาด แต่สักพักปมที่มัดกระสอบอยู่ก็คลายออก ใครบางคนพยายามดึงกระสอบออกจากตัวเขา

   “โอ้ พระเจ้า”

   กอร์ดอนลืมตาขึ้นมา เขาอยากจะตอบด้วยคำเดียวกัน

   โอ้ พระเจ้า...

   แม้จะเป็นกลางคืน แต่แสงสว่างจากตะเกียงก็ทำให้ใบหน้านั้นสว่างไสวราวกับแสงตะวัน ฝ่ายนั้นใช้สองมือประคองร่างที่ปวดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ของเขาขึ้นมา น้ำตารื้อโดยไม่อาจกลั้น

   “จะ... จอห์น”

   น้ำตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ไหลออกมาเป็นสาย เขาสะอื้นไห้พลางใช้มือปัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของคนรักออก “คุณจะไม่เป็นอะไร ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรทั้งนั้น”

   กอร์ดอนยิ้มทั้งที่เจ็บแทบขาดใจ จากนั้นก็หมดสติไปอีกครั้ง

----------------------------------------

   “พระเจ้า เขาพบกอร์ดอนแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา เขาและคนขับรถรวมถึงโอลิเวอร์ช่วยกันออกตามหากอร์ดอนไปทั่ว หลังจากงานเลี้ยงเลิกราแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธเด็ดขาดที่จะกลับบ้านไปก่อน เขาเชื่อว่ากอร์ดอนต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ไกล และจะไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้พบตัว หลังหาในคฤหาสน์ไม่พบ โอลิเวอร์จึงเสนอให้ออกมาหาข้างนอก เพราะเป็นไปได้ว่ากอร์ดอนอาจจะเดินออกไปเรียกรถม้า โดยหลบเลี่ยงไม่ให้พวกเขาเห็น ทั้งที่เขาเองก็รู้สึกว่าอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น การตามหาเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะรอบๆ เป็นป่าชัฏ และนี่เป็นคืนเดือนมืด ทุกอย่างเลยมืดไปหมด ทั้งสี่คนอาศัยตะเกียงหน้ารถเป็นแสงสว่างนำทาง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันไปกับคนขับรถของเขา ส่วนลอร์ดโทรว์บริดจ์กับโอลิเวอร์แยกกันค้นหา พวกเขาตกลงกันว่าถ้ายังหาไม่เจอจนถึงตีหนึ่งจะกลับมาเจอกันที่รถ และนี่เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว

   “ให้ตาย เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย” โอลิเวอร์รีบวิ่งเข้าไปหานายน้อยของเขา เมื่อเห็นสภาพของกอร์ดอน เขาถึงกับผงะ

   “เตรียมรถม้า ฉันจะพาเขาไปโรงพยาบาล”

   “หา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา เขารีบเดินเข้าไปหาเพื่อนรัก “เกิดอะไรขึ้น... โอ้ พระเจ้า”

   กอร์ดอนอยู่ในสภาพที่เขาแทบจำไม่ได้ ใบหน้าของเจ้าตัวบวมปูด เสื้อผ้ายับย่น และดูเหมือนจะหมดสติ

   “กลับไปก่อนจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า สีหน้าของเขาแข็งเหมือนรูปปั้น “นายอยู่ดึกเกินไปแล้ว”

   “พะ... พูดอะไรอย่างนั้นจอห์นนี่ ฉันทิ้งนายกับกอร์ดอนในสภาพแบบนี้ไปไม่ได้หรอก เราจะพากอร์ดอนไปโรงพยาบาลด้วยกัน”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันช่วยลอร์ดโทรว์บริดจ์พากอร์ดอนขึ้นไปบนรถม้า

   “นายต้องอุ้มเขาไว้ ฉันจะหาอะไรมารอง หัวจะได้ไม่กระแทก” จากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับฟูกรองนั่งจากรถม้าของตัวเอง

   “ใจเย็นๆ ไว้นะ จอห์นนี่ เราจะพากอร์ดอนไปโรงพยาบาลด้วยกัน ฉันจะล่วงหน้าไปก่อน เพื่อให้พวกเขาเตรียมรับตอนที่พวกนายไปถึง”

   “ขอบใจจอร์จ นายรีบไปตอนนี้เลย”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบกลับไปที่รถม้าของตัวเอง แล้วสั่งให้ออกรถ “ไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเลยนะอเล็กซ์ เร็วเท่าที่แกสามารถเร็วได้เลย”

   โอลิเวอร์กระโดดขึ้นกุมบังเหียน ไม่รอให้นายน้อยออกคำสั่ง เขาเร่งม้าออกไปทันที ถึงอย่างนั้นในความรู้สึกของลอร์ดหนุ่มมันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน

   “แกเร่งม้าให้เร็วกว่านี้อีกไม่ได้หรือ”

   “นี่ก็สุดกำลังแล้วครับ อีกไม่เกินสิบหน้านาทีเราจะถึงโรงพยาบาล คุณกรุณาใจเย็นไว้หน่อยนะครับ ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เรื่องมันจะยิ่งแย่กว่านี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบฟัน เขาตรวจดูรอยฟกช้ำบนตัวของคนรัก เสียงหายใจแผ่วๆ ทำให้เขาอุ่นใจว่ากอร์ดอนยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ทำให้ปวดใจอย่างแสนสาหัสเช่นกัน

   เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน กอร์ดอนยังคงคุยเล่นอยู่กับเขา เจ้าตัวยังคงดูเป็นปกติ แต่ตอนนี้... กอร์ดอนกลับถูกทำร้าย โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปากด้วยความโกรธแค้น

   ไม่ว่าใครที่ทำเรื่องนี้ เขาจะลากตัวมันออกมาลงโทษให้สาสม

   กอร์ดอนถูกพาตัวไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แพทย์ตรวจดูอาการเขาอย่างละเอียด และแจ้งว่าไม่มีกระดูกส่วนไหนแตกหัก แต่อาการฟกช้ำที่เกิดจากการถูกตีด้วยวัตถุไม่มีคมค่อนข้างสาหัส อาจกระเทือนถึงระบบการทำงานภายในร่างกาย ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

   “ฉันจะอยู่เฝ้าเขาเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายกลับไปก่อนเลยจอร์จ”

   “ไม่เอาน่า จอห์นนี่ นายเองก็กลับบ้านเถอะ กอร์ดอนปลอดภัยแล้ว อยู่ที่นี่เขาไม่เป็นอะไรแน่”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ฉันกลับไปไม่ได้หรอกจอร์จ ฉันไม่สามารถนอนหลับตาลงได้ถ้าไม่ได้เห็นว่าเขายังหายใจอยู่ ขอร้อง นายกลับไปก่อนเถอะ ให้ฉันอยู่ที่นี่ โอลิเวอร์ แกก็กลับไปด้วย บอกพ่อฉันว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเพื่อนฉัน และฉันจะยังไม่กลับจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาปลอดภัยดี”

   “รับทราบครับ” โอลิเวอร์พยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปมองเขา

   “นี่แกจะไม่ห้ามอะไรนายน้อยของแกเลยหรือ”

   “ไม่ได้หรอกครับ คุณก็รู้นี่ครับว่าไม่มีใครห้ามเขาได้ ยิ่งในสภาพนี้ด้วยแล้ว ทางที่ดีพวกเรากลับกันไปก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นพ่อแม่คุณอาจจะสงสัยเอาด้วยก็ได้”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบมองเพื่อนรักแว้บหนึ่ง “ก็ได้จอห์นนี่ ตอนเช้าฉันจะแวะมาอีกครั้ง นายเองก็อย่าเพิ่งทำเรื่องอะไรลงไปล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ตอบ เขาได้แต่มองกอร์ดอนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงด้วยสายตาปวดร้าว

--------------------------------------

   “แมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเปิดประตูผลัวะเข้าไปในห้องนอนของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โดยที่คนรับใช้ยังไม่ทันได้เคาะประตู เจ้าของห้องรวมถึงแอนนาเบล เฮเก้นต์ที่กำลังป้อนข้าวให้เขาอยู่สะดุ้งเฮือก

   “นายจะรู้จักเคาะประตูสักหน่อยไม่ได้หรือไงจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดอย่างหัวเสีย ขณะที่แอนนาเบล เฮเก้นต์รีบเก็บเศษอาหารที่หล่น

   “นายลุกได้หรือยัง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามอย่างไม่สนใจ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่ท่าทางเหมือนอดนอนมาทั้งคืน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ จึงถามขึ้นต่อ

   “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า”

   “มีแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เมื่อคืนนี้กอร์ดอนถูกซ้อมปางตาย จอห์นนี่กำลังเดือดมาก นายต้องไปช่วยจัดการเรื่องนี้ก่อนที่เขาจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป”

   “ว่าไงนะ” ทั้งลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และแอนนาเบล เฮเก้นต์อุทานขึ้นพร้อมกัน

   “กอร์ดอนถูกทำร้ายหรือคะ”

   “ใช่”

   “ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยุงตัวเองขึ้นจากเตียง เขาหันไปบอกแอนนาเบล “ช่วยหยิบเสื้อผ้าให้ผมที ผมจะออกไปหาเขา”

   “แต่... แผลคุณยังไม่หายดี...”

   “มันตกสะเก็ดแล้วคงไม่ฉีกหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แอนนาเบล เฮเก้นต์จึงพูดขึ้น

“งั้นให้ฉันไปด้วยนะคะ”

ในที่สุด ทั้งสามคนก็ขึ้นรถม้าออกมาพร้อมกัน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

   “ตายจริง ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ นั่นมันเป็นคฤหาสน์ของตระกูลที่มีชื่อเสียงไม่ใช่หรือคะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์ร้องด้วยความตกใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจ

   “พวกตระกูลที่มีชื่อเสียงนี่แหละตัวดี” เขาว่า “คุณเองก็น่าจะรู้อยู่”

   “แต่กอร์ดอนเป็นผู้ชาย แถมไม่ได้ทำตัวเกะกะระรานใคร ฉันมองไม่ออกเลยค่ะว่าเขาจะไปทำให้ใครโกรธถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือได้”

   “ก็จริงนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย “ขนาดตอนไปที่บาร์ของแมคคาธี เขายังได้รับการต้อนรับอย่างดีเลย ถึงกอร์ดอนจะไม่ใช่ชนชั้นสูง แต่อย่างเขาคงไม่ทำให้ใครโกรธขนาดต้องลงมือทุบตีได้หรอก”

   “แล้วเขามีสภาพนั้นได้ไง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้อน “ถ้าไม่ใช่กอร์ดอนหาเรื่องเอง ก็ต้องมีใครสักคนหาเรื่องเขา... ถ้าให้ฉันเดา ฉันว่าเขาถูกเล่นงานเพราะจอห์นนี่”

   “หา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “ทำไม อย่าบอกนะว่าความลับแตกแล้ว”

   “ชูวส์ จอร์จ ความลับอะไรกัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ็ด “ฉันกำลังจะบอกว่าถึงกอร์ดอนจะเป็นคนที่ไม่มีพิษสงอะไร แต่เพื่อนเราน่ะต้องมีคนหมั่นไส้เพียบแน่ๆ”

   “นายหมายความว่า มีใครบางคนหมั่นไส้จอห์นนี่ เลยไปลงกับกอร์ดอนงั้นหรือ”

   “อาจจะ”

   “แต่คนที่อยู่ที่นั่นมีแต่พวกลูกขุนนางหรือไม่ก็นักธุรกิจทั้งนั้น และฉันก็แน่ใจว่าไม่เห็นจอห์นสันอยู่ในนั้นด้วย ต่อให้มีคนหมั่นไส้จอห์นนี่จริง ก็ไม่น่าจะมาลงกับกอร์ดอนนี่นา นายต้องเห็นสภาพของกอร์ดอนก่อน เหมือนว่าคนที่สั่งแค้นอะไรเขานักหนางั้นแหละ”

   กอร์ดอนยังคงไม่ได้สติ ตอนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปถึงโรงพยาบาล ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็ดูโทรมจนน่าตกใจ

   “ไงแมกซ์ ดีใจด้วยที่นายลุกได้แล้ว”

   “โอ้ พระเจ้า” แอนนาเบล เฮเก้นต์อุทาน แล้วร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพของกอร์ดอน “ใครกันที่ใจร้ายขนาดนี้”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะยื่นมือไปจับไหล่หญิงสาวเบาๆ “ใจเย็นก่อนนะ ผมแน่ใจว่าตอนนี้กอร์ดอนปลอดภัยแล้ว”

   แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ฉันจะดูเขาให้เองค่ะ พวกคุณคงไม่สะดวกจะคุยธุระให้ห้องคนไข้หรอก”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ายหลังจะลุกขึ้น “งั้นผมขอฝากกอร์ดอนไว้กับคุณสักครู่แล้วกัน มิสเฮเก้นต์”

   ทั้งสองคนออกมาสมทบกับลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่ระเบียงของโรงพยาบาล

   “อาการของกอร์ดอนเป็นไงบ้าง”

   “เขายังไม่ได้สติเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะทุบราวระเบียงเสียงดังปึง เล่นเอาเพื่อนอีกสองคนตกอกตกใจไปตามๆ กัน

   “เบาๆ สิจอห์นนี่ นี่โรงพยาบาลนะ เรารู้แล้วว่านายโกรธมาก”

   “ฉันต้องหาตัวคนที่ทำเรื่องนี้ออกมาจัดการให้ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียง “มันต้องชดใช้ที่ทำกับกอร์ดอนลงไป”

   “เอาล่ะ ฉันเข้าใจนายแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่เราจะวู่วามไม่ได้ เรื่องมันเกิดในงานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์ใช่ไหม ที่คฤหาสน์ของเจเรมี่ นายแน่ใจนะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นในงานนั่น ไม่ใช่เกิดขึ้นข้างนอก”

   “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันเจอกอร์ดอนใกล้กับรั้วของคฤหาสน์ เป็นจุดที่พวกคนรับใช้จะพวกขยะออกมาทิ้ง” ลอร์ดหนุ่มโกรธจนตัวสั่น “พวกนั้นทิ้งกอร์ดอนรวมอยู่กับกระสอบใส่ขยะ ถ้าฉันไม่ไปเจอเขาคงจะเน่าอยู่ตรงนั้น ให้ตาย...”

   ถึงจะฟังเป็นรอบที่สอง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ส่วนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งเงียบ

   “นายเห็นกระสอบที่ใส่เขาไว้ไหม แน่ใจรึเปล่าว่ามันเป็นกระสอบที่มาจากคฤหาสน์ของเจเรมี”

   “ฉันเก็บมันมาด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไม่คิดจะให้เรื่องมันถึงตำรวจหรอก แต่ต้องเก็บหลักฐานไว้ก่อน”

   “อืม ฉันก็ไม่อยากให้เรื่องมันถึงตำรวจ เพราะดยุกแห่งแคมบริดจ์เป็นขุนนางใหญ่”

   “ฉันถึงไปตามนายมาไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เราต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ อย่างน้อยก็ต้องไม่เป็นที่รู้ทั่วไป”

   “เราน่าจะคุยกับเจเรมีเรื่องนี้ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันไม่อยากให้เรื่องถึงหูท่านดยุก มันจะวุ่นวายเอาเปล่าๆ”

   “ถ้าเจเรมีร่วมมือด้วยล่ะ ฉันไม่คิดว่าคนนอกจะเข้าถึงกระสอบรวมถึงที่ทิ้งขยะของคฤหาสน์ได้หรอก”

   “หมายความว่าฝีมือคนในงั้นหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “นายกำลังจะบอกว่าเจเรมีเป็นคนทำหรือ”

   “เร็วเกินไปที่จะสรุป” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ที่นายพูดก็ถูก จอห์นนี่ ฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าต้องเป็นฝีมือของคนใน คนที่สามารถสั่งคนรับใช้ให้ทำเรื่องแบบนี้ได้ ในคฤหาสน์ของเจเรมี่มีอยู่สักกี่คนกัน”

   “ถ้าไม่รวมเจเรมีก็มีท่านดยุกนั่นล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ฉันคิดว่าท่านดยุกไม่รู้เรื่องนี้แน่ คนที่ทำแบบนี้กับกอร์ดอนต้องมีความแค้นกับฉันโดยเฉพาะ กอร์ดอนเพิ่งไปที่นั่นครั้งแรก เขาไม่มีทางทำให้ใครโกรธได้หรอก เพราะงั้นคนที่ทำต้องเป็นคนที่มีความแค้นกับฉัน ซึ่งก็มีแค่เจเรมีกับแพททริก”

   “มันก็ยังแปลกอยู่นะ เจเรมีกับแพททริกหมั่นไส้นายมากก็จริง แต่ไม่น่าลงมือทำร้ายกอร์ดอนเพื่อแก้แค้นนาย แม้แพททริกจะไม่ฉลาดเท่าไหร่ แต่เจเรมีไม่ทำอะไรที่จับไต๋ง่ายแบบนี้แน่ และเขาก็เป็นคนเปิดเผยพอที่จะไม่เล่นลับหลังด้วย”

   “งั้นเป็นฝีมือใครกันล่ะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ

   “ก็คงต้องรอให้กอร์ดอนตื่นมาแล้วถามดูเท่านั้นแหละ”

------------------------------
(จบตอน)

ตอนนี้มาต่อไวมาก (หมายถึงไวกว่าปกติที่หายไปแรมครึ่งปี แฮ่ๆ) จริงๆ ช่วงนี้เขียนได้อยู่ค่ะ ตอนนี้เขียนดองไว้จนถึงตอนที่44แล้ว เรื่องงวดเข้ามาทุกที (ก็ควรจะรีบๆ จบได้แล้วอ่ะนะ) ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ อาจจะไม่ได้ตอบข้อความนะคะ แต่อ่านทุกความคิดเห็นและขอบคุณมากอีกครั้งที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันถึงตอนนี้ค่ะ สัญญาว่าจะเขียนเรื่องนี้จนจบแน่นอนค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 15-11-2019 08:39:24
กำลังสนุกเลย
มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 15-11-2019 10:42:58
ความจริงต้องปรากฎ
จัดการมันเลย
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-11-2019 12:16:02
 :m31: :3125: :m31:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-11-2019 00:13:27
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 16-11-2019 02:52:55
ใจร้ายเกินไปแล้วชะนี  :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-11-2019 05:45:20
เหอะๆ นี่ขนาดยังไม่รู้ว่ากอร์ดอนเป็นคนรักของจอห์นนะเนี่ย  :m16:
นังมารเลนนิกส์ ยังบ้าบอได้ขนาดนี้ บังบ้าาาาาาา  :m31:
ถ้านางรู้ คงให้คนใช้ฆ่า หรือไม่ก็ให้ลากถุงไปถ่วงน้ำ นังเลวสุดๆ  :fire: :angry2:
ที่เห็นตรงไปตรงมา สปอร์ตเกิร์ล เฟรนด์ลี่ นี่สร้างภาพสุดๆ  :a5: o22 :z6:
อยากให้โดนซ้อม จับยัดลงถุงบ้าง น่าจะถูกจริตนาง แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน  :katai2-1:
ดีใจไรท์มา  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-11-2019 11:05:16
สงสารกอร์ดอนจังเลย เรื่องของทั้งสองยังแก้ไม่ตก คนอื่นกลับนำเรื่องมาให้อีก
เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ ขอให้กอร์ดอนปลอดภัยหายป่วยในเร็ววันนะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-11-2019 14:17:42
นังชะนีนิสัยเสีย จ้องแต่จะจับผู้ชาย ขอให้ได้รับผลกรรมแบบสาสม
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-11-2019 23:26:02
โฮ สงสารรรรรร

กอร์ดอนคนดี ทำไมเป็นเลดี้อเล็กซานดร้าต้องร้ายขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-11-2019 23:43:30
  “กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนี้ แกน่ะเป็นแค่ช่างตัดเสื้อที่เผอิญโชคดีเท่านั้น....

ถ้าเราไม่ได้อ่านพลาด ดูเหมือนว่าอเล็กซานดร้ายังไม่รู้ว่า กอร์ดอนทำอาชีพอะไรนะ รู้แค่ว่าเป็นสามัญชน  ใช่มะ


หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 18-11-2019 06:28:42
อเล็กซี่ถามคนอื่นเอาหลังโดนแคทเธอรีนไล่ไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 22-11-2019 09:25:29
 :z3: :z3: :z3: :z3:
จัดการเลย
เอาคืนให้ได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-11-2019 07:25:38
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ
ตอนที่43 คนที่ผิด

   กอร์ดอนรู้สึกตัวพร้อมกับความเจ็บปวดที่เหมือนจะมาจากทุกส่วนของร่างกาย เขาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แอนนาเบล เฮเก้นต์ร้องขึ้นด้วยความดีใจ

   “ขอบคุณพระเจ้า คุณฟื้นแล้ว”

   กอร์ดอนยังคงงุนงง เขามองหน้าหญิงสาวเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แอนนาเบลมองเขาอยู่อึดใจ ก็เรียกพยาบาลให้มาดูอาการ

   “เดี๋ยวฉันมานะคะ” เธอออกไปจากห้อง หลังจากพยาบาลไปตามหมอมาแล้ว ไม่นานนักลอร์ดโทรว์บริดจ์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา จนพยาบาลต้องเอ็ดเขา

   “คุณคะ นี่โรงพยาบาลนะคะ”

   “ขอโทษครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันช่วยพูดแทนเพื่อนรักที่ตรงไปยังเตียงของกอร์ดอนโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงอะไรทั้งสิ้น

   “หมอ เขาเป็นไงบ้าง”

   “อ้อ” แพทย์ที่ตรวจอาการของกอร์ดอนอยู่หันหน้ากลับมา “เขารู้สึกตัวแล้ว กลับบ้านได้แล้วล่ะ”

   “ขอบคุณมากหมอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า และแทรกเข้าไปหากอร์ดอน จนเกือบจะกระแทกแพทย์ที่ตรวจอาการล้มไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันช่วยขอโทษให้อีกตามเคย

   “จอห์น” กอร์ดอนหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเห็นฝ่ายนั้นยิ้มด้วยความดีใจ

   “กอร์ดอน ขอบคุณพระเจ้า คุณฟื้นแล้ว”

   น้ำตารื้อขึ้นมาบนดวงตาของลอร์ดหนุ่ม กอร์ดอนอยากจะยิ้มให้เขา แต่พอคิดจะยกริมฝีปากก็รู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหล

   “กะ... เกิดอะไรขึ้นกับผมครับเนี่ย เจ็บจัง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักไปทันที คนที่เหลือก็พลอยชะงักไปด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้นมา

   “นายถามว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”

   กอร์ดอนพยักหน้า

   “นายจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้หรือ”

   คนถูกถามสั่นศีรษะ

   “.....”

   “จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมาในที่สุด “แค่คุณปลอดภัยผมก็ดีใจแล้ว”

   “ขอโทษนะครับ ผมคงทำให้คุณเป็นห่วงแย่”

   “ไม่เป็นไร” เสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์หายเข้าไปในคอ เขาลูบมือของกอร์ดอนเบาๆ เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ

   “คุณปวดมากไหม”

   “พอสมควรครับ แต่หมอบอกให้ผมกลับบ้านได้แล้ว ผมอยากไปพักที่บ้านมากกว่า”

   “ได้ โอลิเวอร์ แกไปเตรียมรถม้า ฉันจะพากอร์ดอนกลับไปที่ร้าน”

   โอลิเวอร์รีบออกไปจากห้องตามคำสั่งทันที กอร์ดอนพยุงตัวทำท่าจะลุกขึ้น แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์กดไว้

   “คุณอยู่นิ่งๆ เถอะ สภาพแบบนั้นจะลุกไหวได้ไง”

   “แต่ผมต้องไปขึ้นรถ... เหวอ”

   กอร์ดอนตกใจที่ถูกยกลอยขึ้นจากเตียง เขารีบคว้าไหล่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ ก่อนจะหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บ

   “นี่ผมทำคุณเจ็บหรือ”

   “เปล่าครับ ผมแค่เผลอยกมือจับไหล่คุณ โอย”

   “ไม่ต้องเกร็งนะ ผมไม่ทำคุณตกแน่ เชื่อมือได้” พูดจบก็อุ้มกอร์ดอนออกไปโดยไม่สนใจสายตาของทุกคนในที่นั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูดขึ้นมา

   “ก็นั่นมันคนเจ็บใช่มั้ยล่ะ อุ้มคนเจ็บไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย เนอะๆ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เตะขาของเขา “นายไปเซ็นเอกสารแทนจอห์นนี่หน่อยสิ เราจะได้ไปกันเสียที”

   กอร์ดอนอายจนแทบจะลืมอาการบาดเจ็บของตัวเอง เขาได้แต่เอาหน้าซุกอกของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เพราะไม่รู้จะเอาไปหลบที่ไหนดี ขณะที่ลอร์ดหนุ่มเดินอุ้มเขาสบายใจอย่างกับถืออะไรสักอย่างเบาๆ งั้นแหละ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงร้านกอร์ดอนเทเลอร์ แน่นอนว่าเดวิดและมิสซิสมาร์ธาตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นสภาพของนายจ้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์อุ้มกอร์ดอนไปส่งจนถึงเตียงนอนในห้อง เขาละลายยาแก้ปวดของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้กอร์ดอนดื่ม และรอจนกระทั่งเจ้าตัวหลับ จึงออกมาจากห้อง

   “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมมิสเตอร์โอเดนเบิร์กถึงได้รับบาดเจ็บแบบนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองมิสซิสมาร์ธาและเดวิด “ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะดูเหมือนกอร์ดอนจะจำไม่ได้ แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรผมจะจัดการให้เรียบร้อย ระหว่างนี้ช่วยดูแลกอร์ดอนให้ดีก็พอ”

   “ค่ะ”

   “นี่เป็นยาแก้ปวด” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นบ้าง เขาหยิบห่อยาส่งให้มิสซิสมาร์ธา “ถ้าเขาปวดมากก็ชงเหล้าให้เขาดื่ม มันจะทำให้เขาหลับสบายขึ้น”

   “ค่ะ”

   “แอน” เขาหันไปหาแอนนาเบล เฮเก้นต์” ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ ระหว่างที่พวกเราสามคนออกไปสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นจะได้ไหม”

   “ได้สิคะ” แอนนาเบล เฮเก้นต์ว่า “แต่สัญญานะคะว่าพวกคุณจะต้องหาตัวคนที่ทำร้ายกอร์ดอนจนเป็นแบบนี้ให้ได้ ฉันคิดว่าคนแบบนั้นสมควรได้รับโทษค่ะ”

   “แน่นอน ผมสาบาน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหนจะต้องได้รับบทเรียนเรื่องนี้อย่างเจ็บแสบแน่”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบตามองเพื่อน ก่อนจะพากันออกไป

------------------------------------

   “แล้วเราจะเอาไงกันต่อดี กอร์ดอนดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้ เป็นไปได้ไง โดนเล่นเสียขนาดนั้น ถ้าเป็นฉันคงจำได้ยันปลายรองเท้าเลย”

   “ไม่เอาน่า จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อาเคยเล่าให้ฉันฟังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงบางคนจะจำช่วงเวลาที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บไม่ได้ กรณีกอร์ดอนอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”

   “หรือไม่ก็ถูกใครขู่ไว้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “เขาอาจจะจำได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ เพื่อที่จะได้ไม่มีใครถามเซ้าซี้ไง”

   “นายกำลังจะบอกอะไรกันแน่ แมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรัก “จะบอกว่ากอร์ดอนกลัวพวกที่รุมทำร้ายเขาจนไม่กล้าบอกอะไรพวกเราอย่างนั้นหรือ”

   “ฉันกำลังวิเคราะห์สถานการณ์อยู่”

   “นายต้องคิดดีๆ นะแมกซ์ “ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “คนที่ทำให้กอร์ดอนกลัวจนไม่กล้าบอกพวกเราได้ในนั้นน่ะมีแค่ไม่กี่คนหรอก”

   “งั้นหรือ งั้นนายลองบอกหน่อยสิว่ามีใครบ้าง”

   “อืม... ก็มีดยุกแห่งแคมบริดจ์ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด แล้วก็พ่อแม่ของจอห์นนี่ไง”

   “เดี๋ยว จอร์จ นายจะบอกว่าพ่อแม่ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องงั้นหรือ”

   “ใจเย็นสิจอห์นนี่ ฉันแค่ตอบคำถามแมกซ์เท่านั้นเอง”

   “ฉันรับรองได้ว่าพ่อแม่ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ประกาศ “พวกเขาไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับกอร์ดอน พวกเขาไม่มีเหตุผลอะไรจะทำกับกอร์ดอนแบบนี้”

   “แน่ใจนะว่าพ่อแม่นายไม่รู้ระแคะระคายเลย”

   “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ถ้าพ่อหรือแม่ของฉันรู้น่ะ อย่างน้อยๆ พวกเขาจะต้องเรียกฉันไปคุยก่อน ไม่มีทางจะทำอะไรร้ายกาจแบบนั้นหรอก การสั่งให้คนรับใช้ทำร้ายคนในบ้านคนอื่น โดยเฉพาะในงานที่เต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติแบบนี้น่ะ พ่อแม่ฉันไม่ทำแน่”

   “ก็จริงของนายนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นด้วย “ที่จริงแล้วฉันตัดพ่อแม่นายแต่แรก ด้วยเหตุผลที่นายว่า ส่วนดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ได้ยินนายบอกว่าเขาเอ็นดูกอร์ดอนมาก คิดว่าเขาแกล้งทำรึเปล่า”

   “ไม่มีทางแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนยัน “ท่าทีที่เขาแสดงออกเวลาอยู่กับกอร์ดอนอ่อนโยนมาก ฉันว่าคนอย่างท่านดยุกไม่ใช่คนที่ต้องแสร้งแสดงละครกับกอร์ดอนหรอก เขาเอ็นดูกอร์ดอนจากใจจริง อีกอย่างพวกเขามีประวัติรู้จักกันมานานมาก ตั้งแต่รุ่นปู่ของเขาโน่น”

   “งั้นก็เหลือดยุกแห่งแคมบริดจ์ แต่เขาไม่เคยรู้จักกอร์ดอนมาก่อนด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ”

   “อาจจะเป็นคนที่เรารู้จักก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งออกมา “ลองนึกดูสิ สมมติว่าที่แมกซ์พูดมาถูก กอร์ดอนจำได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ บางทีเขาอาจจะไม่อยากให้พวกเรารู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเขา ทำไมเขาถึงไม่อยากให้พวกเรารู้ล่ะ เพราะกลัวงั้นหรือ? ฉันว่าไม่นะ กอร์ดอนอาจจะดูเป็นคนขี้กลัวก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดแน่ เขากล้าไปที่บาร์ของแมกคาธีเพื่อใช้หนี้ให้ลูกน้อง ฉันว่าเขาเป็นคนกล้าหาญเลยล่ะ ถ้าเขาไม่ได้กลัว แล้วทำไมเขาถึงไม่อยากบอกเราเรื่องที่เขาถูกทำร้ายล่ะ ฉันว่าเพราะนั่นต้องเป็นคนที่เรารู้จักแน่”

   “ฉันไม่เข้าใจนาย จอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “พอฟังนายพูดแบบนั้น มันก็ชี้ไปที่พ่อแม่ของจอห์นนี่อย่างเดียวเลยไม่ใช่หรือไง”

   “ไม่หรอกแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น “บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่จอร์จว่าก็ได้ กอร์ดอนหายไปตอนที่พวกเราเผลอ เขาคงไม่เดินดุ่มๆ ออกไปแล้วถูกจับใส่กระสอบแน่ ต้องมีใครสักคนที่เขารู้จักมาเชิญเขาออกไป เพราะเขาเห็นเป็นคนรู้จัก เลยไม่ได้บอกพวกเรา แน่นอนว่าต้องไม่ใช่พ่อแม่ฉัน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาต้องเรียกฉันด้วยแล้ว”

   “ก็จริงแฮะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “งั้นมีใครบ้างที่เข้าข่ายพวกที่ว่า”

   “แคทเธอรีนไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นมา “บางทีเธออาจจะหลงรักนายแต่ไม่แสดงออกอยู่ก็ได้นะจอห์นนี่ คิดดูสิ เธอรู้เรื่องระหว่างพวกนายสองคน และเธอก็มีฐานะเหมาะสมที่จะแต่งงานกับนาย แค่เพียงแต่กำจัดกอร์ดอนออกไปเท่านั้นเอง”

   “จะบ้าหรือจอร์จ แคทเธอรีนไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ เธอยังดูโกรธฉันด้วยซ้ำตอนที่รู้ว่าพากอร์ดอนไปงานเลี้ยงด้วย ฉันว่าเธอกลัวความจะแตกยิ่งกว่าฉันเสียอีก”

   “โธ่ จอห์นนี่ จะบอกอะไรให้ ถ้ากอร์ดอนเป็นผู้หญิงนะ ฉันคงฟันธงลงไปได้เลยว่าต้องเป็นฝีมือของผู้หญิงขี้อิจฉาแน่ ผู้หญิงทั้งลอนดอนอยากได้นายใจจะขาด ถ้าเลื่อยขาใครได้ต้องเลื่อยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนสามัญธรรมดาด้วยล่ะก็นะ... มันต้องออกอีหรอบนี้แหละ”

   “นายอ่านนิยายน้ำเน่ามากไปแล้วจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ถ้ากอร์ดอนเป็นผู้หญิงก็ไม่แน่ แต่นี่เขาเป็นผู้ชาย”

   “เดี๋ยวก่อนแมกซ์ ฉันว่าฉันเริ่มเห็นเงื่อนงำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา ทั้งสองคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

   “อะไรหรือ”

   “ฉันยังพูดออกมาไม่ได้หรอก จนกว่าจะแน่ใจ แต่ถ้าเป็นอย่างที่คิด ฉันก็พอเข้าใจล่ะว่าทำไมกอร์ดอนถึงไม่อยากบอก”

   “นายอย่าพูดให้สงสัยแล้วทิ้งไปแบบนั้นซี่”

   “ใช่ จอห์นนี่ ถ้านายรู้อะไรก็รีบพูดมาเลยดีกว่า”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ “เราต้องเริ่มสืบเรื่องนี้จากตัวเจเรมี ฉันแน่ใจว่าตอนนี้เขาต้องอยู่ที่คฤหาสน์ เพราะเหนื่อยจากงานเลี้ยงเมื่อวาน แถมยังต้องดูแลดยุก”

   “งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ ไปกันเลยสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แต่เพื่อนรักของเขากลับสั่นศีรษะ

   “ไม่ เราจะไม่ไปหาเขาที่คฤหาสน์ แต่จะเรียกเขาออกมาเจอข้างนอก”

   “หา”

   “แมกซ์ ฉันอยากให้นายส่งจดหมายลับไปให้เขาสักฉบับ เขียนยังไงก็ได้ให้เขาออกมาเจอพวกเราข้างนอกเงียบๆ อย่าบอกว่าฉันเป็นคนเรียกออกมาล่ะ”

   “ฉันเข้าใจล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาหลังจากนิ่งไปพักใหญ่ “ฉันจะให้คนเอาจดหมายไปส่งให้เจเรมี แต่... จอห์นนี่ เราต้องจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวังมากนะ ถ้าฉันคิดตรงกับที่นายคิด มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว”

   “อืม”

   ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนทั้งสองคนด้วยความหงุดหงิด “นี่พวกนายคุยอะไรกัน บอกฉันบ้างซี่”

-------------------------------------------------

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดได้รับจดหมายในช่วงใกล้เที่ยง เขาเพิ่งตื่นนอนและรู้สึกอยากจะออกไปยืดเส้นยืดสายพอดี จึงนั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์ไปที่สโมสรเฮมดาลตามคำเชิญของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์   

   “ไงแมกซ์ ยินดีด้วยที่นายหายป่วยแล้ว ฉันเองก็อยากจะแวะไปเยี่ยมหรอกนะ แต่ต้องอยู่คอยต้อนรับท่านลุงนี่สิ” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเอ่ยทักลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หลังเปิดประตูเข้ามาในห้องส่วนตัวของสโมสร ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หมุนเก้าอี้กลับไปหาเขา แล้วเชื้อเชิญให้นั่ง

   “นั่งก่อนสิเจเรมี เรามีเรื่องอยากจะคุยกับนาย”

   “เรา” เซอร์เจเรมีทวนคำ ก่อนจะเห็นว่านอกจากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แล้ว ยังมีอีกสองคนนั่งอยู่ด้วย

   “ให้ตาย นั่นมันจอห์นกับจอร์จไม่ใช่หรือ พวกนายคิดจะเล่นตลกอะไรถึงเชิญฉันมาที่นี่ล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับเก้าอี้เข้ามาเผชิญหน้ากับเขา เซอร์เจเรมีถึงกับผงะถอยหลังเล็กน้อย ด้วยรู้สึกว่าคนที่ก้าวเข้ามาหาเขามีรังสีสังหารดุดันผิดกว่าปกติ

   “ไม่มีเรื่องตลกอะไรทั้งนั้นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เมื่อวานนายทำอะไรเอาไว้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะเจเรมี”

   เซอร์เจเรมีรู้สึกฉุนขึ้นมา “อะไรของนายจอห์น อย่ามาขู่ฉันด้วยมุกตลกห่วยๆ นี่นะ ฉันไปทำอะไรให้นายตอนไหน หรือจะเป็นเรื่องเพื่อนของนายที่หายไป คิดว่าฉันไล่เขาไปหรือไง อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่า เมื่อวานฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นหรอก”

   “นายไม่ได้ไล่เขาไปหรอก ฉันเจอตัวเขาแล้ว”

   “งั้นก็หยุดทำหน้าน่ารำคาญแบบนั้นใส่ฉันเสียที เห็นแล้วอารมณ์เสีย”

   “ถ้านายไม่รู้จริงๆ ฉันจะบอกให้แล้วกัน ฉันเจอเพื่อนฉันถูกจับยัดใส่กระสอบ ตีเสียน่วม ถูกทิ้งอยู่ใกล้ที่ทิ้งขยะที่บ้านนายนั่นแหละ”

   “ว่าไงนะ” เซอร์เจเรมีอุทานออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดอีกครั้ง

   “เพื่อนฉันถูกจับยัดใส่กระสอบ ทุบจนน่วม แล้วทิ้งไว้ตรงที่ทิ้งขยะที่บ้านนายนั่นแหละ”

   “บ้าน่า มันจะเป็นไปได้ไง”

   “มันเป็นไปแล้วเจเรมี” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “พวกฉันพบเขาที่นั่นจริงๆ สภาพแย่มากด้วย นายจะแวะไปเยี่ยมเขาที่บ้านก็ได้นะ ตอนนี้เขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

   “ให้ตาย ที่ทิ้งขยะบ้านฉันงั้นหรือ” อีกฝ่ายคราง “มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่ เพื่อนนายออกไปข้างนอกแล้วเจอใครดักปล้นรึเปล่า”

   “แค่ดักปล้นธรรมดาถึงกับต้องใส่กระสอบทุบเลยหรือ อีกอย่าง ที่ทิ้งขยะบ้านนายก็ใช่ว่ามองเห็นจากถนนได้ง่ายๆ”

   “นายอยากจะพูดอะไรกันแน่”

   “ฉันกำลังจะบอกนายว่า ถ้านายไม่ใช่คนที่ทำเรื่องนี้ ก็ต้องมีสมาชิกในบ้านของนายสักคน ที่เป็นคนทำเรื่องนี้”

   “พูดบ้าๆ คนในบ้านฉันเนี่ยนะจะไปทำร้ายเพื่อนนาย ฉันไม่เห็นว่ามันจะได้ประโยชน์อะไรตรงไหน”

   “แต่เขาถูกทำร้ายที่บ้านของนายแน่ๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “และฉันมีหลักฐานด้วย”

   “หลักฐานอะไร”

   “กระสอบที่ใส่เขาไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันเป็นกระสอบใส่ข้าวสาลีจากร้านปาเลโม่ นายก็รู้นี่ว่าที่นั่นขายแต่ข้าวสาลีมีคุณภาพ เพราะงั้นเลยต้องตีหมายเลขเอาไว้ทุกกระสอบ จะได้รู้ว่าเป็นข้าวที่เก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นายอาจจะไม่สะดวกเอากระสอบกลับไปที่บ้าน เพราะงั้นฉันจดมาให้แล้ว นายก็กลับไปดูใบเสร็จแล้วกัน จะได้รู้ว่ามันมาจากบ้านนายจริงรึเปล่า”

   “ไม่ต้อง” เซอร์เจเรมีว่า “ไม่ใช่ว่าฉันยอมรับว่าเป็นคนทำหรือกระสอบนั่นมาจากบ้านฉันจริงๆ หรอกนะ แต่เพราะท่าทางของนายไม่ได้ล้อเล่น ฉันจะไปสอบพวกคนรับใช้เรื่องนี้เอง”

   “เราจะไปกับนายด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ”

   “ก็ได้ๆ แต่เรื่องนี้ต้องปิดอย่าให้ท่านลุงของฉันรู้เด็ดขาด เข้าใจนะ”

   “อืม”

----------------------------------------------

   เป็นโชคของทั้งสี่คน ที่ดยุกแห่งแคมบริดจ์ออกไปข้างนอกแล้วตอนที่พวกเขาไปถึง เซอร์เจเรมีจึงสั่งเรียกประชุมคนรับใช้ทั้งหมดที่เป็นผู้ชาย ที่ลานด้านหลังคฤหาสน์ รวมแล้วมีทั้งหมดสี่สิบสองคน

   “เอาล่ะ ฉันรู้ว่าพวกแกคงสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น งั้นก็รู้ไว้ เมื่อคืนนี้มีเพื่อนคนหนึ่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกทำร้าย และเขาสงสัยว่ามันเป็นฝีมือของพวกแกคนใดคนหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็สารภาพออกมาดีกว่า ว่าใครเป็นคนทำ”

   “....”

   เงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปพูดกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความกังวล

   “คนเยอะแบบนี้ ถ้าถามทีละคนมีหวังใช้เวลาทั้งวันแน่”

   “ไม่จำเป็นต้องถามทั้งหมดหรอก เอาเฉพาะคนที่รู้จักที่ทางในครัวกับโกดังดีก็พอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า

   พอตัดคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกแล้ว ก็เหลืออยู่ประมาณสิบคนเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำ เพราะต้องใช้แรงงานในการขนของเข้าออกครัว

   “เอาล่ะ ฉันจะถามอีกครั้ง พวกแกมีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนบ้าง ฉันรู้ว่าต้องมีคนรู้แน่ มีกระสอบเปล่าถูกเอาออกไปใบหนึ่ง ถ้าไม่มีใครตอบ ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด”

   “นายท่านครับ พวกเราไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยจริงๆ” คนรับใช้คนหนึ่งละล่ำละลัก “เมื่อคืนนี้ในครัววุ่นวายมาก พวกเราไม่มีเวลาไปทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ”

   “ใช่ครับ” อีกคนเสริมขึ้น “เมื่อคืนนี้ไม่มีใครว่างเลยครับ แค่จะพักไปสูบบุหรี่ยังไม่มีเวลาเลย”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดฉุนจัด “งั้นพวกแกจะบอกว่ากระสอบมันเดินออกไปเองงั้นหรือ”

   “อาจจะมีคนนอกมาหยิบออกไปก็ได้ครับ”

   “เหลวไหล พวกแกเก็บกระสอบเปล่าไว้ในที่ที่มันหยิบง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง อีกอย่างในครัวยุ่งมากไม่ใช่รึ ยุ่งขนาดนั้น ถ้ามีคนนอกมาเดินเพ่นพ่านต้องถูกไล่ออกไปอยู่แล้ว พวกแกจะไม่รู้ไม่เห็นได้ไง”

   “.....”

   “เอ่อ... จริงๆ แล้วจะว่าคนนอกก็ไม่เชิงหรอกนะครับ” คนรับใช้คนหนึ่งพูดออกมาในที่สุด “เมื่อคืนนี้ผมเห็นคนของท่านดยุกเดินเข้ามาในครัว แต่แค่แว้บเดียว ผมคิดว่าเขาคงลงมาหาอะไรกิน”

   “ว่าไงนะ มีใครเห็นอีกมั้ย”

   “ผมเห็นครับ แต่ไม่ได้สังเกตว่ามาทำอะไร คิดว่ามาหาอะไรกินเหมือนที่เจคอปบอกนั่นแหละ   

อีกคนหนึ่งพูดขึ้น “ผมไม่ทันได้สังเกตครับ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องกระสอบ เมื่อคืนนี้ผมยกกระสอบข้าวสาลีออกมาเท แล้วมีคนอาสาเอากระสอบเปล่าไปเก็บให้ ผมไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใคร”

   “แล้วทำไมแกไม่พูดแต่แรก”

   คนรับใช้คนนั้นสะดุ้งโหยง “ก็ผมคิดว่าเป็นพวกเราเอาไปเก็บกันเอง ไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นอย่างที่เจคอปกับฮัลพูด คนที่มารับกระสอบไปอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้”

   “นี่พวกแกจะบอกว่าคนของท่านดยุกเป็นคนเอากระสอบไป ไม่เกี่ยวกับพวกแกงั้นหรือ กล้าดียังไงไปใส่ความคนของท่านดยุกแบบนั้น”

   “พะ... พวกผมไม่กล้าหรอกครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือมาจับไหล่เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด “เย็นไว้เจเรมี พวกเขาอาจจะพูดความจริงก็ได้”

   “นายก็เป็นไปด้วยหรือจอห์น พวกนี้แค่ปัดสวะให้พ้นตัวเท่านั้นแหละ คนของท่านลุงจะมาเกี่ยวข้องด้วยได้ไง เขาไม่มีทางสั่งให้คนทำอะไรแบบนั้นแน่”

   “ท่านลุงนายคงไม่เกี่ยวหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่อาจจะเป็นคนอื่นที่สามารถสั่งพวกเขาได้”

   “นายหมายถึงใคร นอกจากท่านลุงแล้วยังมีใครสั่งพวกนั้นได้อีก นี่ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้ท่านลุงฉันรู้น่ะ”

   “อ้อ ฉันรู้แล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้นมา “สมมตินะ สมมติว่าพวกนี้พูดความจริง เราก็แค่ให้พวกเขาไปยืนยันตัวคนรับใช้คนนั้นของท่านลุงนายเท่านั้นเอง”

   “บ้าเรอะจอร์จ ทำแบบนั้นท่านลุงก็รู้น่ะสิ”

   “ท่านลุงนายไม่อยู่ไม่ใช่เรอะ เขาพาคนรับใช้ออกไปข้างนอกหมดเลยหรือไง”

   “ท่านลุงพาไปหมดแหละ ถ้าอยู่ที่นี่ก็มีแต่คนรับใช้ของอเล็กซี่เท่านั้น”

   “หืม อเล็กซานดร้าไม่ได้ออกไปด้วยหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกประหลาดใจ

   “อือ เห็นเธอบอกว่าเหนื่อยจากเมื่อวาน เลยอยากพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เธอคงเหนื่อยมากจริงๆ นั่นแหละ ขนาดนายมา ยังไม่ออกมาทักเลย อาจจะหลับอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “งั้นก็ไปปลุกเธอสิ ถ้าอธิบายรูปร่างลักษณะของคนรับใช้คนนั้นให้เธอฟัง เธออาจจะรู้ก็ได้ว่าเขาเป็นใคร”

   “อย่างี่เง่าน่า นายจะไปดึงเธอมายุ่งเรื่องนี้ทำไม” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “พวกนี้แค่โกหกเอาตัวรอดไปเท่านั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะไล่ออกให้หมด”

   “แค่ไล่พวกเขาออกไม่ทำให้เรื่องจบหรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนสั่งให้ทำเรื่องแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นตัวนายเองก็ได้”

   “นายจะมากไปแล้วนะจอห์น” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเค้นเสียง “ฉันไม่ได้โง่ขนาดอัดเพื่อนของนายในบ้านตอนที่มีแขกเต็มไปหมดหรอก อีกอย่างฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะไปอัดเขา ถ้าอัดหน้านายล่ะก็ว่าไปอย่าง”

   “ก็จริงอย่างที่นายพูด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “งั้นถ้านายไม่เกี่ยว คนรับใช้ของนายก็ไม่เกี่ยวด้วย พวกเขามัวแต่ยุ่งอยู่ในครัว ไม่มีทางปลีกตัวเข้าไปในงานเลี้ยงได้แน่ แต่กอร์ดอนไม่มีทางออกมาจากงานเลี้ยงโดยไม่มีใครสังเกตเห็นแน่นอน ฉันอยากให้เรียกคนรับใช้ที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อวานมาสอบถามด้วย”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเค้นเสียงขึ้นจมูก “ก็ได้จอห์น ฉันจะให้วินสตันไปเรียกพวกเขามา”

   วิสตันเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของที่นี่ ตระกูลของเขาทำงานรับใช้ตระกูลไฮฟอร์ดกว่าสองชั่วอายุคน ใช้เวลาไม่นานก็รวบรวมคนรับใช้ที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อวานมาจนครบ มีทั้งหมดยี่สิบสองคน

   “เอาล่ะ ฉันมีเรื่องจะสอบถามพวกแก เมื่อวานนี้เพื่อนของลอร์ดโทรว์บริดจ์คนหนึ่งหายออกไปจากงานเลี้ยง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางหายไปเฉยๆ แน่ นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก พวกแกมีใครเห็นเขาเดินออกไปจากงานเลี้ยงไหม เขาเป็นผู้ชายรูปร่างผอม ผมสีทอง สวมชุดทักซิโดส์”

   ทุกคนสั่นศีรษะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “โธ่ เจเรมี ผู้ชายผอมสวมทักซิโดส์เมื่อคืนมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมนายไม่พูดให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยเล่า”

   “ฉันไม่ใช่จิตรกรนะ ที่จะเที่ยวจำลักษณะของใครต่อใครได้”

   “ก็ได้ๆ งั้นฉันจะอธิบายเอง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เขาสูงประมาณฉันนี่แหละ แต่ผอมกว่า ท่าทางเหนียมๆ ตัดผมสั้น ตาสีฟ้า ปากสีชมพู สรุปคือเขาเป็นผู้ชายที่สวยมาก ถ้าเขาแต่งตัวเป็นผู้หญิงพวกนายจะต้องหันมองเหลียวหลังแน่ๆ

   คนรับใช้คนหนึ่งพูดออกมา “ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้นล่ะผมเห็นอยู่นะครับ”

   “งั้นหรือ ฮ่าๆ เห็นไหมว่าฉันบรรยายลักษณะคนเก่ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ว่าแต่นายเห็นเขาที่ไหน”

   “อืม... ผมเห็นเขาเดินออกไปกับลอร์ดเชลบี เหมือนจะออกไปคุยกันที่ระเบียงน่ะครับ”

   “กับแพททริกงั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดถามต่อ

   “แน่ใจนะว่าที่เห็นน่ะคือลอร์ดเชลบี”

   คนรับใช้คนนั้นพยักหน้า “แน่ใจครับ ผมยังแปลกใจเลย เพราะปกติเห็นเขาอยู่กับเลดี้อเล็กซานดร้าตลอด แต่จู่ๆ ก็เดินออกไปกับผู้ชายคนนั้นสองคน ยังคิดอยู่เลยว่ามีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดหน้าเครียด “แล้วมีใครเห็นอีกไหม”

   คนรับใช้คนหนึ่งพูดต่อ “ผมเห็นเขาถูกพยุงออกไปทางระเบียงด้านหลัง พอดีตอนนั้นผมยืนอยู่ใกล้หน้าต่างพอดี ไม่ทันได้สังเกตหรอกนะครับว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า แต่เขาเป็นคนที่ผอมจนอีกสองคนที่เหลือหิ้วเขาได้สบายเลย”

   เซอร์เจเรมีโบกมือ “เอาล่ะ ฉันหมดธุระกับพวกแกแล้ว กลับไปทำงานต่อได้”

   “ขอบคุณครับ”

   “เดี๋ยวซี่ เจเรมี” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้น “เรายังถามไม่หมดทุกคนเลยนะ”

   “ไม่จำเป็นต้องถามให้หมดหรอก” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “คนพวกนี้ไม่มีทางโกหกแน่ พวกเขาไม่มีเหตุผลอะไร แถมทุกคนก็ไม่รู้ด้วยว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น”

   “งั้นนายก็ยอมรับว่าแพททริกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพยักหน้า

   “อืม ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่ยังไงฉันต้องเค้นออกมาจากปากเขาให้ได้”

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-11-2019 07:34:31
   ลอร์ดเชลบีมีท่าทางประหลาดใจตอนที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์รวมถึงคนอื่นๆ นั่งรออยู่ในห้องรับแขก เขานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามแล้วทักทาย

   “ลมอะไรพัดพวกนายมาด้วยกันเนี่ย เจเรมี”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดไม่ตอบคำถาม “แพททริก เมื่อคืนนายพาเพื่อนของจอห์นที่ชื่อกอร์ดอนออกไปคุยที่ระเบียงใช่ไหม”

   “อ้อ... ใครบอกนายล่ะ”

   “คนรับใช้เห็นเขาออกไปกับนาย” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดว่า “ตอบมาตามตรงนะแพททริก”

   “อืม ฉันชวนเขาออกไปเอง ทำไมนายต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น คิดว่าฉันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเขางั้นหรือ”

   “แน่นอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เมื่อคืนนายอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกพวกเรา แล้วมายอมรับเอาป่านนี้ ถ้านายบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรจะบอกแต่แรกสิ”

   “เพราะฉันไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกันน่ะสิ” ลอร์ดเชลบีว่า “ฉันคุยกับเขาเสร็จแล้วก็แยกออกมา ไม่ได้เป็นคนทำให้เขาหายไปเสียหน่อย”

   “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียงลอดไรฟัน “แน่ใจนะว่านายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเขา เพราะเราพบเขาถูกยัดใส่กระสอบทิ้งไว้ตรงลานทิ้งขยะของบ้านเจเรมี ในสภาพถูกทุบทั้งตัว ถ้าหาคนผิดไม่ได้ เจเรมีจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้แทนพวกขี้ขลาดที่ไม่กล้ายอมรับในสิ่งที่ทำลงไป”

   ลอร์ดเชลบีโกรธจนหน้าแดง “นายนี่มันแย่จริงๆ จอห์น เพื่อนของนายถูกทำร้ายแล้วไง แม้เรื่องจะเกิดที่บ้านของเจเรมี แต่ใช่ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเสียหน่อย”

   “ฉันคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้หรอกนะ แพททริก” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดขึ้นมา “มันเกิดขึ้นในบ้านของฉัน กระสอบที่ใช้ใส่เขาถูกเอาไปจากห้องครัวของฉัน ฉันไม่มีทางนอนหลับได้ลงแน่ ถ้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

   “แล้วฉันเกี่ยวไรด้วย” ลอร์ดเชลบีย้อน “ฉันเรียกเขาไปคุยด้วยก็แค่นั้น”

   “บอกหน่อยสิว่าพวกนายคุยกันเรื่องอะไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา “ทำไมจู่ๆ นายถึงอยากจะคุยกับกอร์ดอนขึ้นมาล่ะ”
   ลอร์ดเชลบีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมา “ก็แค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครแค่นั้นแหละ ได้ยินว่าดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดประหลาดใจมากที่เห็นเขาในงานนี่ ก็คงไม่แปลกหรอก เพราะคนอื่นๆ ก็ประหลาดใจเหมือนกันที่เห็นช่างตัดเสื้อในงานเลี้ยงชั้นสูงแบบนั้น... โอ๊ย”

   เขาพูดไม่จบเพราะถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์คว้าคอเสื้อไว้ “อย่าพูดจาดูถูกเขา ถ้ายังพูดอีกคำล่ะก็ ฉันจะเลาะฟันของนายออกมา”

   “ก็เอาซี่” ลอร์ดเชลบีว่า “พ่อแม่นายจะได้ภูมิใจว่าลูกชายมาหาเรื่องคนอื่นถึงในบ้าน”

   “ฮึ่ม”

   “ใจเย็นก่อนจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบเข้ามาห้ามเพื่อน “นายอย่ามาเสียเพราะคนขี้ขลาดพวกนี้เลย ถ้าแพททริกไม่รู้เรื่องจริง เราก็ต้องให้เจเรมีรับผิดชอบ แย่จริงๆ ที่คนอย่างเจเรมีต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ ลองคิดดูสิ มีไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งใช้บ้านของเจเรมีเป็นสถานที่ก่อเหตุ ทำร้ายเพื่อนของลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วทิ้งเอาไว้เหมือนขยะ ไม่กล้ารับด้วยนะว่าทำ โยนความผิดให้เจ้าบ้านเฉยเลย คนแบบนี้จริงๆ มันน่าตัดเพื่อนทิ้งจริงๆ นะ นายว่ามั้ย แพททริก คบไปก็เสียเวลาเปล่า”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมปล่อยมือจากคอเสื้อของลอร์ดเชลบีในที่สุด “โชคดีที่ฉันไม่มีเพื่อนขี้ขลาดขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่านายจะมีนะ เจเรมี”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดส่งเสียงในคอ “ฉันเชื่อใจแพททริก เขาคบกันฉันมานาน ไม่มีทางหักหลังฉันแน่ ถ้าเขาบอกว่าไม่รู้ก็คือเขาไม่รู้ พวกเรากลับกันได้แล้ว ฉันจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเอง”

   “งั้นหรือ นายคิดจะรับผิดชอบยังไงกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แค่ให้ฉันชกหน้านายทีหนึ่งน่ะไม่พอหรอกนะ”

   “นายอยากให้ทำยังไงล่ะ”

   “ตอนนี้กอร์ดอนทำงานไม่ได้ แค่จะกระดิกกระเดี้ยยังไม่ได้ ความจริงฉันอยากจับนายใส่กระสอบแล้วกระทืบแบบเขา แต่นั่นมันคงไม่เหมาะสมกับสุภาพบุรุษแบบนาย เพราะงั้น นายจะต้องไปอยู่เป็นเด็กรับใช้ที่ร้านเขาแทน”

   “มากไปล่ะ” ทั้งเซอร์เจเรมี และลอร์ดเชลบีพูดออกมา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจึงพูดขึ้น

   “อะไรๆ นายเป็นคนถามเองแท้ๆ ว่าอยากจะให้ทำไง พอจอห์นนี่บอกทำเป็นรับไม่ได้งั้นหรือ เป็นคนยังไงกันเนี่ย เจเรมี นอกจากจะมีเพื่อนฝูงขี้ขลาดแล้วตัวเองยังตาขาวอีกด้วย นายจะไม่ทำอย่างที่จอห์นนี่ว่าก็ได้นะ เพราะเขาคงจะไปบังคับนายไม่ได้ แต่ฉันคงต้องบอกคนอื่นๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อนของลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกทำร้ายในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่บ้านนาย ในตอนที่ท่านตาของนายอยู่ด้วย หลักฐานทุกอย่างชี้มาว่ามันเกิดขึ้นในงานแน่ๆ แต่ไม่มีใครกล้ารับผิดชอบ คนตระกูลไฮฟอร์ดทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ เป็นตระกูลมีชื่อเสียงซะเปล่า แต่ไม่มีความกล้าหาญอะไรเลย”

   “หุบปากเลยจอร์จ ถ้ายังพูดอีกฉันต่อยปากนายแน่” ลอร์ดเชลบีตวาด ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่ายียวนกวนประสาทกว่าเดิม

   “เอาซี่ แพททริก นายจะต่อยฉันในบ้านตัวเองก็ได้ แต่ถึงจะต่อยฉันกี่หมัด มันก็ลบความจริงในเรื่องที่ฉันพูดออกไปไม่ได้หรอก ว่าเพื่อนนายน่ะมีเพื่อนขี้ขลาด ตัวเขาเองก็ขี้ขลาดด้วย”

   “หน็อย อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ”

   “พอเถอะ” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดขึ้นมา “ฉันตกลงตามที่นายว่าแล้วกันจอห์น แต่ฉันต้องปกปิดฐานะตัวเอง ฉันต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะทำให้ชื่อเสียงตระกูลเสื่อมเสียไม่ได้”

   “ก็ได้ เจเรมี ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลนายหรอก แค่ต้องการตัวคนรับผิดชอบเท่านั้น”

   “งั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เจเรมีจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม เอาล่ะ พวกเราไปกันได้แล้ว”

   “เดี๋ยว” ลอร์ดเชลบีร้องขึ้นมา “นายจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ เจเรมี”

   เซอร์เจเรมียักไหล่ “ถึงฉันจะไม่ชอบจอห์น และก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เกินเลยไปโข แต่ฉันลั่นวาจาไปแล้ว ฉันไม่คืนคำเด็ดขาด และฉันไม่ต้องการให้ใครเที่ยวไปพูดว่าฉันเป็นคนขี้ขลาดไม่มีความรับผิดชอบด้วย”

   “ให้ตายสิ” ลอร์ดเชลบีคราง “ไม่ต้องแล้ว เจเรมี นายไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เรื่องทั้งหมดฉันเป็นคนทำเอง”

   “ว่าไงนะ” เซอร์เจเรมีหันกลับไปหาลอร์ดเชลบีทันที “นายเป็นคนทำงั้นหรือ”

   “ใช่ ฉันทำเอง”

   คราวนี้เซอร์เจเรมีเป็นคนกระชากคอเสื้อของลอร์ดเชลบีเสียเอง “นายทำแบบนี้ทำไมแพททริก”

   ลอร์ดเชลบีเม้มริมฝีปาก “ฉันเกลียดจอห์นเข้ากระดูกดำ เลยแค่อยากจะสั่งสอนเพื่อนของเขาเป็นการตักเตือนสักหน่อย”

   “ในงานเลี้ยงของท่านลุงฉันน่ะนะ” เซอร์เจเรมีร้องออกมา “นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไงแพททริก ฉันรู้ว่าไม่มีใครชอบจอห์น แต่นายลงมือทำเรื่องที่แย่มาก นายทำให้ฉันขายหน้า ทำให้ฉันเสียความไว้ใจที่มีต่อนาย นายเป็นเพื่อนประสาอะไรกัน”

   “ขอโทษนะเจเรมี ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้”

   “ฮึ่ม” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเหวี่ยงคอเสื้อของลอร์ดเชลบีจนเจ้าตัวล้มลงไปบนโซฟา เขาพูดอย่างโกรธจัด “ไปกันเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเอง และจะไม่มีวันเหยียบมาที่นี่อีกเลย”

   พูดจบก็เดินกระทืบเท้าออกไปทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นจึงโบกมือ

   “พวกนายตามเจเรมีออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับแพททริกอีกหน่อย”

   “อืม” ทั้งสองคนจึงเดินตามเซอร์เจเรมีออกไป ขณะที่ลอร์ดเชลบียันตัวลุกขึ้น พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสะกดกั้นความพลุ่งพล่านเอาไว้

   “นายยังมีอะไรอยากถากถางฉันอีกหรือไงจอห์น”

   “เปล่า ฉันไม่ได้จะถากถางนาย อยากจะชมนายต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันรู้ว่านายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่นายไม่ใช่คนสั่งการแน่ ฉันนับถือการที่นายออกหน้ายอมรับแทนเพราะไม่อยากให้เจเรมีต้องรับโทษที่เขาไม่ได้ก่อ แต่มันสายไปหน่อย และอีกอย่าง ฉันจะต้องสาวไปจนถึงคนที่บงการเรื่องนี้ให้ได้ ต่อให้นายไม่ปริปากพูดก็เถอะ”

   “แปลว่านายจะไม่ยอมรามืองั้นหรือ ทั้งที่เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วเนี่ยนะ”

   “แน่นอน นายก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่จะเลิกราอะไรง่ายๆ ฉันนับถือนายเรื่องที่ออกหน้ารับแทนเจเรมี รวมถึงอีกคนที่อยู่เบื้องหลังก็จริง แต่ก็ต้องตำหนิด้วยว่านายมันเป็นสุภาพบุรุษที่ห่วยแตกมาก ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้โดยที่นายไม่ห้าม ไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นใคร นายได้ช่วยส่งเสริมให้เธอกลายเป็นคนใจดำอำมหิต แค่เพราะนายอยากตามใจเธอเท่านั้นเอง”

   “เดี๋ยว จอห์น นายรู้งั้นเรอะ นายรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วใช่ไหม หมอนั่นต้องเล่าให้นายฟังหมดแล้วแน่ๆ หน็อย ไอ้ปิศาจ ทั้งที่รู้แล้วยังไล่เบี้ยเอากับฉันและเจเรมีขนาดนี้”

   “เปล่าเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “กอร์ดอนไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาบอกฉันว่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ จิตใจของเขาสูงส่งกว่านายเยอะ พวกนายต่างหากที่ควรถูกเรียกว่าปิศาจ”

   “ว่าไงนะ”

   “นายจบแล้วแพททริก ถ้าไม่อยากเจ็บตัวเจ็บใจมากไปกว่านี้ก็นั่งอยู่เงียบๆ ที่บ้านเถอะ ฉันจะสะสางเรื่องที่เหลือจนถึงที่สุดเอง”

   “บ้าชะมัด ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นแน่” เขาวิ่งไปขวางหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ไว้ “ฉันยอมหักกับเจเรมีก็เพื่อเธอ ฉันจะไม่ยอมให้นายทำอะไรเธอเด็ดขาด”

   “นายไม่มีปัญญาหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่นายทำได้ก็เป็นแค่ชายที่คอยตามก้นผู้หญิงเท่านั้น นายไม่มีปัญญาไปยืนตรงหน้าเธอได้ ยิ่งไม่มีปัญญาที่จะขวางฉันได้”

   “ไม่” ลอร์ดเชลบีพุ่งเข้าใส่คนที่เขายืนขวางอยู่สุดแรง ทว่ากลับถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์คว้าคอเสื้อไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะกระแทกเขาเข้ากับผนัง

   “รักษาร่างกายไว้ดีๆ แพททริก นายยังต้องแข่งรักบี้ให้ทีมของฉัน เรื่องแค่นี้หวังว่านายจะทำได้นะ”

   ร่างของลอร์ดเชลบีทรุดฮวบลงทันทีที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปล่อยมือ ถ้าไม่พิงกำแพงอยู่เขาคงนอนกองไปแล้ว เจ้าตัวไอซ้ำๆ หลายครั้ง พยายามอย่างยิ่งไม่ให้น้ำตาแห่งความอัปยศไหลออกมา

---------------------------------------

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดมีท่าทีหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าพวกของลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงตามเขามาถึงบ้าน

   “นี่ หมดเรื่องแล้วพวกนายก็กลับๆ กันไปเสียทีสิ เรื่องที่สัญญาไว้ฉันทำให้แน่ ไม่ต้องตามมาคอยดูถึงบ้านแบบนี้หรอก”

   “อ้อ... เปล่า ฉันไม่ได้ตามมาจับตาดูอะไรนาย ฉันเชื่อแน่ว่านายจะรักษาคำที่ให้ไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันแค่อยากพบอเล็กซานดร้า”

   “หืม... ทำไมจู่ๆ นายถึงอยากพบอเล็กซี่ อยากประกาศชัยชนะที่นายเพิ่งได้มาจากฉันกับแพททริกหรือไง”

   “ก็ไม่เชิง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันแค่รู้สึกว่าต้องคุยกับเธอเท่านั้น เธอควรรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนายกับแพททริก”

   “ขอบใจนะ แต่ฉันบอกเธอเรื่องนั้นเองได้ ไม่ต้องรบกวนนายหรอก”

   “นายจะอยู่ด้วยก็ได้ แต่ยังไงฉันก็จะคุยกับอเล็กซานดร้า”

   “เห็นแก่พระเจ้า จอห์น นายจะจองเวรพวกเราไปถึงไหน แค่นี้นายก็น่าจะเลิกราได้แล้วนี่นา แพททริกเองก็ยอมรับแล้ว ทำไมนายต้องไปลากอเล็กซี่มาอีก”

   “เพราะฉันแน่ใจว่าแพททริกไม่ได้เป็นคนทำแต่รู้เห็นน่ะสิว่าใครทำ และที่เขารับแทนก็เพราะต้องการปกป้องนาย รวมถึงปกป้องคนที่ทำนั่นแหละ”

   “หา”

   “ให้คนไปตามอเล็กซานดร้ามาเถอะ เดี๋ยวนายก็จะรู้เองนั่นแหละว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความฉุนเฉียว แต่ก็ยอมสั่งให้คนรับใช้ขึ้นไปตามเลดี้อเล็กซานดร้า เนื่องเพราะเขารู้ดีว่าด้วยนิสัยของลอร์ดหนุ่ม ต่อให้ปฏิเสธยังไง เจ้าตัวก็จะหาวิธีอื่นมาทำให้ได้สิ่งที่ต้องการอยู่ดี

   ไม่นานนักเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็มาที่ห้องรับแขก เธอดูตกใจมากกว่าดีใจที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ นั่งอยู่ด้วย

   “ไง... จอห์น ฉันไม่รู้เลยว่าคุณแวะมา เพื่อนคุณเป็นไงบ้างคะ หาเขาเจอไหม”

   “เจอแล้ว ผมดีใจที่คุณถามถึงเขานะ”

   “ก็คุณดูเป็นห่วงเขามากนี่คะ” เธอว่า แล้วนั่งลง “ว่าแต่เขาเป็นไงบ้างคะ”

   “อาการสาหัสอยู่”

   “หา”

   “มีคนร้ายจับเขายัดใส่กระสอบแล้วทุบจนน่วมไปทั้งตัว แถมยังทิ้งเขาไว้ที่ลานทิ้งขยะที่บ้านหลังนี้อีก”

   “โอ้ พระเจ้า จริงหรือคะ” สีหน้าของเธอซีดลงไปถนัด เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดแทรกขึ้น

   “นายไม่ต้องบรรยายละเอียดขนาดนั้นก็ได้จอห์น อเล็กซี่ตกใจเอาเปล่าๆ เอาแค่ว่าตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วก็พอ”

   “อืม... ก็อย่างที่เจเรมีว่า โชคดีที่ผมหาเขาเจอ ไม่งั้นอาจจะแข็งตายไปแล้วก็ได้ คราวนี้ต่อให้เจเรมีกี่หัวก็คงไม่พอจะเอามารับผิดชอบหรอก”

   สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้าซีดลงกว่าเดิม เธอยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อ “แย่จัง”

   “ใช่ แย่จริงๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป ผมได้ตัวคนร้ายแล้ว”

   “จะ... จริงหรือคะ”

   “อืม เขาเพิ่งสารภาพกับพวกเราเมื่อไม่นานนี้เอง”

   “ใครกันคะ พวกคนรับใช้ในบ้านใช่ไหม”

   “เปล่าหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบตาไปมองเซอร์เจเรมี ฝ่ายนั้นจึงพูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้

   “แพททริกน่ะ ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ในงานเลี้ยงของท่านลุงฉัน”

   “แพททริกนะหรือ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ทวนคำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ

   “อืม มีคนรับใช้เห็นเขาไปกับกอร์ดอนน่ะ ตอนแรกเขายอมรับว่าไปกับกอร์ดอนจริงแต่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น จนผมขู่ว่าเจเรมีจะต้องได้รับโทษแทนถ้าหาคนผิดไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้รับสารภาพ ว่าเขาเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด”

   “บ้าจัง” เลดี้อเล็กซานดร้าโพล่งออกมา “ทำไมต้องขู่กันถึงขนาดนั้นคะ ที่บาดเจ็บน่ะเป็นเพื่อนของคุณก็จริง แต่ไม่เห็นจะต้องให้เจเรมรับผิดชอบเลยนี่นา เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรสักหน่อย”

   “เกี่ยวสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาเป็นเจ้าของสถานที่ เรื่องนี้น่ะเกิดขึ้นในบ้านของเขาแท้ๆ ถ้าเขาไม่รับผิดชอบ ผมคงผิดหวังกับตระกูลไฮฟอร์ดมากเลยล่ะ”

   “หยุดย้ำได้แล้ว ฉันรับผิดชอบให้นายแล้วไง รวมถึงเรื่องแพททริกด้วย เพราะงั้นช่วยกลับไปซะที พรุ่งนี้ฉันจะไปที่นั่นตามที่สัญญาไว้”

   “ก็ได้เจเรมี ฉันรู้ว่านายเป็นสุภาพบุรุษที่เชื่อถือได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วลุกขึ้น

   “ลาก่อนเจเรมี ลาก่อนอเล็กซานดร้า”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รอจนเสียงฝีเท้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์จางไป จึงหันไปหาเซอร์เจเรมี

   “เจเรม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมนายถึงไปยอมรับผิดแทนแพททริกแบบนั้น”

   “เธอก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือไง” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดย้อน “ฉันเป็นเจ้าของสถานที่ ต่อให้แพททริกยอมรับผิดแล้วก็เถอะ ฉันไม่คิดเลยนะว่าเขาจะเป็นคนขี้ขลาดแบบนั้น ปิดบังความจริงจนถึงนาทีสุดท้าย ถึงจะยอมรับเพราะจอห์นขู่ว่าจะเอาเรื่องกับฉันก็เถอะ แต่ฉันผิดหวังกับเขามากจริงๆ เขาควรจะคิดก่อนทำด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วคนที่เดือดร้อนถ้าหาตัวการไม่เจอก็คือฉันนี่แหละ”

   “เจเรม...”

   “ฟังนะอเล็กซี่ เธอไม่จำเป็นต้องฝืนทำดีกับแพททริกเพื่อฉันอีกแล้ว ตอนนี้ฉันกับหมอนั่นตัดเพื่อนกันเรียบร้อยแล้ว หมอนั่นเองก็คงละอายเกินกว่าจะตากหน้ามาหาพวกเราเหมือนกัน”

   “ไม่จริงน่า...” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ครางออกมา “ทำไมเรื่องมันถึงร้ายแรงขนาดนี้ล่ะ นายคงไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม แพททริกน่ะจริงๆ แล้ว...”

   “ฉันหมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ เธอเองก็ดูไว้นะ คนที่หาเรื่องกับจอห์นน่ะ จบไม่สวยสักคน หมอนั่นไม่ใช่พ่อพระอย่างที่เธอวาดฝันไว้หรอก”

   น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “ไม่นะ เจเรม ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย”

   เซอร์เจเรมีถอนหายใจ “ขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่ยอมตัดใจจากจอห์นอีกหรือ มันก็จริงหรอกที่ฝ่ายผิดคือแพททริก แต่ฉันต้องรับผิดชอบ และวิธีที่หมอนั่นให้ฉันรับผิดชอบก็แย่มากๆ ด้วย”

   “เขาให้นายทำอะไรน่ะ”

   “เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก และไม่ควรจะรู้ด้วย ถ้าอยากจะช่วยให้ฉันสบายใจล่ะก็ เลิกพูดถึงจอห์นเสียที แล้วก็ห้ามบอกเรื่องนี้ให้ท่านลุงรู้ด้วย” พูดจบก็ลุกออกไปจากห้องรับแขกทันที ทิ้งเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์นั่งทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียว

   “ทำไงดีเรจิน่า” เธอหันไปเรียกสาวใช้ประจำตัวซึ่งรู้ใจกันมานาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรื่องมันเลยเถิดขนาดนี้เลย”

   “คุณหนูใจเย็นๆ ตั้งสติก่อนเถอะค่ะ” สาวใช้รีบเข้ามาปลอบ “นี่เป็นเรื่องของพวกผู้ชาย เราเข้าไปยุ่งอะไรไม่ได้หรอกนะคะ”

   “ไม่ใช่นะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แย้ง “ทั้งหมดเป็นความผิดฉัน แพททริกรับผิดแทนฉัน โอ้... ฉันไม่คิดว่าจอห์นจะโกรธขนาดนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ทุกคนกลายเป็นแบบนี้เลย”

   “แต่เราทำอะไรไม่ได้แล้วนะคะ” สาวใช้ว่า “เรื่องมันเลยมาไกลถึงขั้นนี้แล้ว คุณหนูทำเป็นลืมๆ ไปเสียดีกว่าค่ะ”

   “ฉันจะลืมได้ยังไง ฉันทำให้เจเรมกับแพททริกผิดใจกัน ทำให้เจเรมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ ทำให้แพททริกต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาด ไม่... ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปเล่าความจริงให้จอห์นฟัง ต่อให้เขาจะเกลียดฉันก็ตาม”

   “คุณหนู”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบวิ่งออกมาที่ด้านหน้าคฤหาสน์ โชคดีที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เพิ่งจะขึ้นรถม้า เธอจึงร้องเรียกเขาไว้สุดเสียง

   “จอห์น รอก่อนค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักมือ เขาพูดอะไรบางอย่างกับคนที่อยู่ในรถม้า จากนั้นก็หันหน้ากลับมา

   “มีอะไรหรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า วิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงจุดที่เขายืนอยู่ แล้วพูดจนเกือบฟังไม่ได้ศัพท์

   “คุณต้องฟังสิ่งที่ฉันจะเล่านะคะ ที่จริงแล้วฉัน...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือจับไหล่เธอไว้ “ใจเย็นๆ นะ หายใจลึกๆ ไว้ ไม่ต้องรีบ”

   ความอบอุ่นและมั่นคงที่ถ่ายทอดออกมาจากอุ้งมือของลอร์ดหนุ่มทำให้หญิงสาวใจเย็นลง เธอหยุดหอบหายใจอยู่พักใหญ่ จึงพูดต่อ

   “ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องเล่าให้คุณฟังเดี๋ยวนี้เลยค่ะ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก กรุณาฟังด้วยนะคะ”

   “ผมฟังแน่ แต่คุณแน่ใจนะว่าอยากจะพูดตรงนี้ ถ้ายังไงกลับเข้าไปคุยกันในบ้านดีไหม ผมว่าเจเรมีคงไม่ถึงกับปิดประตูใส่หน้าผมหรอก”

   คำพูดนั้นทำให้เลดี้อเล็กซานดร้ายิ้มออกมาได้หน่อยหนึ่ง จากนั้นทั้งหมดก็พากันเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งแกร่วอยู่บนรถ

   “เอาไงดี เรากลับกันก่อนดีกว่าไหม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “นายเอารถม้ามาไม่ใช่หรือ”

   “โธ่ แมกซ์ รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ฉันอยากรู้จริงเชียวว่าอเล็กซานดร้าจะพูดกับจอห์นเรื่องอะไร”

   “งั้นก็ตามใจนายแล้วกัน ฉันลงไปสูบบุหรี่ข้างนอกดีกว่า”

   “เดี๋ยว ฉันไปด้วยสิ”

-----------------------------------
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 25-11-2019 07:41:29
   “แล้วคุณมีเรื่องอะไรจะบอกผมล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหลังจากกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเพิ่งลุกออกไปเมื่อครู่ เลดี้อเล็กซานดร้าบีบผ้าเช็ดหน้า เธอเริ่มลังเลว่าควรจะพูดความจริงดีหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าลอร์ดหนุ่มเกลียดเธอเข้าล่ะ แต่พอนึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เธอก็ตกลงใจได้

   “เรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของคุณ เป็นฝีมือฉันทั้งหมดค่ะ เจเรมกับแพททริกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย”

   “หืม”

   “จริงๆ นะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้าย้ำ “เมื่อคืนนี้ฉันขอร้องให้แพททริกไปเชิญเขามาคุยด้วย ตอนแรกฉันแค่อยากจะคุยกับเขาเฉยๆ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่”

   “ผมไม่เข้าใจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “คืองี้ค่ะ ฉันได้ยินมาว่าคุณเพิ่งสนิทกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กได้ไม่นาน เลยคิดว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องคนรักลับๆ ของคุณคนนั้นแน่ๆ ฉันเลยเชิญเขามาคุยด้วย แต่เรามีปากเสียงกันนิดหน่อย ฉันเลยให้คนรับใช้พาเขาออกไปข้างนอก”

   “อเล็กซานดร้า นี่เป็นเรื่องสำคัญมากนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสียงเครียด “คุณมีปากเสียงอะไรกับกอร์ดอน แล้วทำไมเขาถึงถูกทำร้ายรุนแรงขนาดนั้น”

   สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำให้หญิงสาวรู้สึกกลัวขึ้นมา “คือ...”

   “เล่ามา ถ้าคุณไม่เล่าผมจะถือว่าคุณมารับผิดแทนเจเรมีกับแพททริก ซึ่งแน่นอนว่าสองคนนั้นต้องไม่ชอบใจแน่ พวกเขาคงไม่อยากให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ มารับผิดแทนหรอก”

   “ไม่ใช่นะคะ นี่เป็นเรื่องจริง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยืนยัน “ก็ได้ค่ะ ฉันจะเล่าให้คุณฟังทุกอย่าง ฉันเชิญเขามาคุย เพราะเดาว่าคนรักของคุณต้องเป็นน้องสาวหรือไม่ก็ญาติของเขาแน่ เขาถึงได้สนิทกับคุณรวดเร็วขนาดนี้ ทั้งที่เป็นแค่ช่างตัดเสื้อ ที่จริงตอนแรกฉันคิดว่าคนรักของคุณคือแคทเธอรีน ถ้าเป็นเธอฉันคงทำใจได้ เธอทั้งสวย ทั้งฉลาด และเกิดในตระกูลสูง เหมาะสมกับคุณทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา ฉันรับไม่ได้เด็ดขาด สุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อมอย่างคุณไม่ควรจะไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงต่ำๆ แบบนั้น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งพัก ก่อนจะถอนหายใจแรง “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมนะ”

   “ขอโทษค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กก็พูดแบบนี้เหมือนกัน เลยทำให้ฉันโมโหขึ้นมา ฉันไม่คิดว่าเขาจะกล้าต่อปากต่อคำ เลยสั่งให้คนรับใช้พาเขาออกไปสั่งสอนนิดๆ หน่อยๆ ไม่คิดว่าจะลงมือรุนแรงขนาดนั้น”

   “คุณโมโหกับแค่เรื่องที่กอร์ดอนบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมน่ะหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าเหมือนอยากร้องไห้ “แค่เรื่องแค่นั้น.... แค่นั้นเอง”

   “ขอโทษจริงๆ นะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เริ่มร้องไห้อีกครั้ง “ตอนนั้นฉันโกรธมาก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมถอย ทั้งๆ ที่ด้วยฐานะมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เขาเอาแต่ย้ำว่ามันเป็นสิทธิ์ของคุณที่จะเลือก แต่ถ้าญาติของเขาเป็นฝ่ายถอยมันก็จบไม่ใช่หรือคะ คุณเองก็รู้ดีว่าเธอไม่คู่ควร จึงปิดไว้เป็นความลับ ถ้าเธอยอมถอยออกไปเอง เรื่องทั้งหมดมันก็น่าจะง่ายขึ้น ฉันคิดแค่นี้เองค่ะ แต่เขาไม่ยอมตกลงท่าเดียว เลยทำให้ฉันฉุนขาด”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก ในที่สุดก็พูดออกมา “กอร์ดอนยืนยันว่ามันเป็นสิทธิ์ของผมจนถึงที่สุดเลยสินะ”

   “ค่ะ...”

   “เขาไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้นเลยใช่มั้ย”

   “ค่ะ...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ซบหน้าลงบนฝ่ามือ อยากจะร้องไห้ออกมา เลดี้อเล็กซานดร้าเห็นดังนั้นจึงถามขึ้นด้วยความตกใจ

   “เป็นอะไรไปคะ”

   “เปล่า ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร” เขาใช้สองมือลูบหน้า แล้วเงยขึ้นมาอีกครั้ง “ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาไม่ได้พูดอะไรถึงคุณหรือคนอื่นแม้แต่นิดเดียว รู้ไหม เขาบอกว่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้”

   “.....”

   “ผมรู้ว่าเขาโกหก เพราะเขาไม่สนใจจะถามเลยว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง ผมเฝ้าคิดอยู่นานมากกว่าทำไมเขาถึงต้องโกหกว่าจำไม่ได้ด้วย ถูกข่มขู่ก็เป็นไปไม่ได้ กอร์ดอนไม่ใช่คนที่จะกลัวการถูกขู่ แม้เขาจะดูเป็นคนหัวอ่อนมากก็ตาม สุดท้ายผมเลยคิดขึ้นมาว่าเพราะเขาไม่อยากให้ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ คนคนนั้นต้องเป็นคนที่ผมรู้จัก เขาเลยไม่อยากให้ผมรู้ว่าเป็นใคร”

   “.....”

   “อเล็กซานดร้า จำที่คุณพูดกับผมที่เวสต์มินิสเตอร์ได้ไหม คุณบอกว่าชายหญิงควรได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกัน ผมเห็นด้วยกับคุณ แต่ก่อนที่คุณจะคิดเรื่องสิทธิ์ของผู้ชายหรือผู้หญิง คุณควรจะคิดเรื่องสิทธิที่มนุษย์ด้วยกันควรจะได้รับด้วย ไม่ว่าคนคนนั้นจะรวยหรือจน จะเป็นคนธรรมดาหรือมียศถาบรรดาศักดิ์ เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับคุณและผม ถ้าคุณยังรู้สึกดูถูกคนแค่เพราะเขาอยู่คนละชนชั้นกับเรา หรือเขาไม่ร่ำรวยล่ะก็... ผมว่าคุณไม่ควรจะไปเรียกร้องความเท่าเทียมอะไรกันนั่นหรอก”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อึ้งไปพักใหญ่ “ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษจริงๆ ให้อภัยฉันด้วยเถอะค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธออีกครั้ง “คนที่คุณควรจะขอโทษ คือเจเรมีกับแพททริก ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนไปถึงจุดแตกหักก็เพราะคุณ ผมคิดว่าตอนนี้คุณเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้กลับไปเหมือนเดิมได้”

   “แล้วคุณล่ะค่ะ คุณจะให้อภัยฉันหรือเปล่า”

   อีกฝ่ายเม้มปาก “ผมให้อภัยคุณ... กอร์ดอนเองก็คงให้อภัยคุณด้วย ผมหวังว่าคุณจะเลิกยุ่งเรื่องของเราสักที มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมทั้งหมด และเป็นสิทธิ์ของผมที่จะตัดสินใจ อย่างที่กอร์ดอนพูดไว้”

   “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าบิดผ้าเช็ดหน้าด้วยความโศกเศร้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงผ่อนน้ำเสียงลง

   “ทุกอย่างยังไม่สายเกินแก้ ผมรู้ว่าคุณกล้าหาญกว่าใคร คุณต้องทำให้มันกลับมาดีได้แน่ แค่คุณตั้งใจเท่านั้นเอง”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า “ขอบคุณนะคะจอห์น... ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”

-------------------------------------------

   ในที่สุด ทั้งสามหน่อก็นั่งรถออกมาจากคฤหาสน์ของเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดได้เสียที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

   “จอห์นนี่ นายรู้ได้ไงว่าอเล็กซานดร้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

   “ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอก”

   “อ้าว แล้วไหงจู่ๆ นายถึงได้แน่ใจนักล่ะว่าเธอจะต้องวิ่งออกมาบอกเรื่องสำคัญ ถึงกับให้พวกฉันนั่งคอยจนเงกแน่ะ”

   “เพราะนายนั่นล่ะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตอนที่นายพูดออกมาว่าคนที่ทำอาจจะเป็นคนที่เรารู้จักก็ได้ แล้วก็ยกตัวอย่างแคทเธอรีนน่ะ ฉันก็เลยเอะใจขึ้นมา”

   “ว้าว เพราะฉันหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันดูภูมิใจ “ว่าแต่มันเกี่ยวข้องกันยังไง ฉันยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

   “คืองี้ พอนายบอกว่า ถ้ากอร์ดอนเป็นผู้หญิง นายต้องแน่ใจว่าเป็นฝีมือผู้หญิงด้วยกันแน่ ฉันเลยนึกขึ้นมาได้ กอร์ดอนเคยเล่าให้ฉันฟังว่าปกติแล้วผู้ชายที่มาคุยกับเขา มักอยากรู้จักกับญาติผู้หญิงของเขา และพ่อกับแม่ฉันเองก็เคยทักว่าฉันแอบไปติดพันญาติผู้หญิงของกอร์ดอนด้วย ฉันเลยมาคิดว่า ถ้ามีผู้หญิงสักคนที่คิดแบบนั้นล่ะ เธออาจจะอยากเรียกกอร์ดอนไปคุยเพื่อถามให้รู้ก็ได้ แต่กอร์ดอนต้องไม่ไปกับคนแปลกหน้าแน่ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องสะกิดบอกเรา ฉันเลยคิดว่าต้องเป็นคนที่เขารู้จัก หรือเคยเห็นหน้า แล้วฉันก็นึกถึงอเล็กซานดร้าขึ้นมาได้ อย่างที่แคทเธอรีนพูดว่าเธอต้องไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ แน่ ฉันเลยเริ่มสงสัยเธอตั้งแต่ตอนนั้นแหละ”

   “นายนี่ยอดไปเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันชม “เป็นฉันล่ะคิดไม่ถึงแน่”

   “ไม่แน่หรอกจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เซนส์การเดาสุ่มของนายน่ะน่ากลัวมากทีเดียว ถ้านายหัดคิดทบทวนอีกสักหน่อยก็ต้องเดาได้แล้วล่ะ”

   “พูดอย่างกับนายนึกได้ก่อนฉันงั้นแหละ”

   “ฉันก็นึกได้ตอนที่นายพูดถึงแคทเธอรีนนั่นแหละ”

   “มิน่า พวกนายถึงทำเหมือนรู้กันแค่สองคน แล้วทำไมไม่บอกฉันบ้างล่ะ”

   “ก็ฉันไม่แน่ใจ อีกอย่าง จอห์นนี่ไม่พูด ฉันก็ไม่พูด มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันสมควรจะพูดออกมานี่”

   “ชิ งี้ฉันก็บื้ออยู่คนเดียวสิ”

   “ไม่หรอกจอร์จ ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเต็มร้อย เลยไม่อยากจะบอกนาย กลัวว่าจะหน้าแตกเอาน่ะ”

   “แหม... เห็นว่าเป็นนายนะจอห์นนี่ ฉันจะไม่โกรธก็ได้ ว่าแต่นายจัดการยังไงกับอเล็กซานดร้า อย่างนายคงไม่ลงมือต่อยหรือตบเธอแน่ แต่ผู้หญิงร้ายกาจแบบนั้นก็สมควรต้องได้รับบทเรียนมาก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ฉันว่าเธอได้รับบทเรียนสาสมแล้วล่ะ ถึงจะไม่เจ็บตัวก็เถอะ”

--------------------------------------
(จบ)

โฮ...20000ตัวอักษรมีปัญหากับอิฉันมากจริงๆ ในการหั่นเนื้อหาเป็นท่อนๆ คือกะไม่ถูก หั่นแล้วยังเกินไรงี้ (หรือผิดที่เราเขียนยาวไป) คิดว่าเรื่องนี้คงเดินทางมาใกล้ถึงตอนจบเข้าไปทุกที (จริงๆ คือมันควรจะจบๆ ไปได้แล้ว กรี๊สส) ตอนนี้เรารู้สึกว่าจอห์นได้แสดงด้านที่จองหองและวางก้ามพอดู (แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรฮีจริงๆ นะ ทำไมฮีทำแล้วมันดูน่าปลื้มก็ไม่รู้ ฮะๆๆ) ส่วนอเล็กซี่ จริงๆ แล้วเราชอบนางค่ะ ถึงนางจะลงมือทำร้ายกอร์ดอนไปก็เถอะ แต่ก็ด้วยนิสัยแบบคิดอะไรก็ทำแบบนั้นเลยของนางนั่นแหละ นางเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่นะ อย่าเพิ่งเกลียดนางกันนะคะ

กำหนดลงตอนต่อไปน่าจะอีกประมาณ1สัปดาห์ค่ะ (เว้นช่วงไว้นิส อัพถี่เกินแด๋วทุกคนตกใจ อิอิ)

ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามค่า^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-11-2019 10:09:02
ขอบคุณที่มาต่อให้ ขอบคุณที่ไม่ตัดจบแบบ  :a5: ทำให้คนอ่านค้างคา
ตัวละครทุกตัว มีมิติของตัวเอง เปิดเข้าเช้านี้ เจออัพเดต แอบอ่านในเวลางาน
แบบว่า ไม่อ่านไม่ได้หงุดหงิดมากๆ ขอบคุณนะ +1 ให้เลยตอนนี้
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 25-11-2019 11:26:38
ไม่ชอบไปแล้ววววว
บังอาจทำร้ายกอร์ดอนของฉันนนนน
 :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 25-11-2019 15:39:23
ยังไม่อยากให้จบนะ อยากอ่านอีกยาวๆ

สนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-11-2019 16:22:12
 :z6:



 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 25-11-2019 19:20:24
หวังว่าจะสำนุกนะยัยอเล็กซี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-11-2019 21:03:25
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ
สงสารกอดอนมาก
ขอให้อย่าจบเศร้ามากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่43p.21(25/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-11-2019 23:23:42
ยังไงก็เกลียดนังมารร้าย  :fire: :angry2:    ชังนางมากกกกกกกกกก   :m16: :m31:
นางเป็นอะไรกับจอห์น ถึงจะไปกำหนดว่าใครสมควรที่จอห์นชอบได้ รักได้
แค่ขัดใจนาง นางก็ทำร้ายคนแบบตายไปเลยก็ไม่รู้สึกรู้สา เหี้ย(ม) โหด อำมหิตมากๆ.......
ยังทำเป็นคนมีอุดมการณ์แบบเท่าเทียมกัน  ดีแต่ปากละว้า  :z6: :a5: o22 
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-11-2019 14:42:04
ขอบคุณที่ตอบค่ะ   

ส่งกำลังใจให้นะคะ เราชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ


อเล็กซี่ถามคนอื่นเอาหลังโดนแคทเธอรีนไล่ไปค่ะ


อืม แพทริกก็รู้เห็นแต่ไม่ห้ามเนอะ 

การแบ่งแยกชนชั้นในสมัยก่อนช่างโหดร้าย

นี่เราว่าจอห์นใจดีมากแล้วนะที่ไม่จัดการแพทริกหนักกว่านี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่42p.21(15/11/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 30-11-2019 07:13:39
ขอบคุณที่ตอบค่ะ   

ส่งกำลังใจให้นะคะ เราชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ


อเล็กซี่ถามคนอื่นเอาหลังโดนแคทเธอรีนไล่ไปค่ะ


อืม แพทริกก็รู้เห็นแต่ไม่ห้ามเนอะ 

การแบ่งแยกชนชั้นในสมัยก่อนช่างโหดร้าย

นี่เราว่าจอห์นใจดีมากแล้วนะที่ไม่จัดการแพทริกหนักกว่านี้
จัดการแบบผู้ดีค่ะ นี่ถ้าตอห์นเป็นชาวบ้านชาวช่องคงต่อยหน้าบวมไปล่ะค่ะ ปล.สมัยก่อนน่าจะแบ่งแรงค่ะ แบบที่กอร์ดอนไปยืนในงานแล้วหายใจไม่ออกต้องรีบออกมา จอหฺนนะจอห์น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่44p.22(3/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-12-2019 06:11:55
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่44 คำขอโทษ

   กอร์ดอนตื่นมาอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้น ยังคงรู้สึกปวดระบมไปทั่วร่าง ดีที่มือของเขาไม่เป็นอะไรมากนัก คงเพราะเขากำเอาไว้ นิ้วเลยไม่ได้ถูกตีไปด้วย ช่างตัดเสื้อยันตัวขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกเด็กรับใช้ ไม่นานเดวิดก็เปิดประตูเข้ามา

   “อรุณสวัสดิ์ครับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก อาการคุณเป็นไงบ้างครับ”

   “ก็ดี ไปเอาสมุดจดคิวมาให้ฉันที”

   “ได้ครับ”

   ไม่นานเด็กหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับสมุดบันทึกที่อัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็กหลายชิ้น กอร์ดอนเปิดหน้าที่ใช้ริบบิ้นคั่นขึ้นมา แล้วเงยขึ้นถามเดวิดเรื่องเสื้อที่เย็บค้างไว้

   “งานที่คุณสั่งส่วนของวันเสาร์เสร็จหมดเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ทุกคนตกใจน่าดูที่คุณได้รับบาดเจ็บมา เลยช่วยๆ กันเคลียร์งานจนเสร็จ คุณจะลงไปตรวจดูรึเปล่าครับ”

   “อือ หยิบไม้เท้าให้ฉันหน่อยสิ”

   เดวิดหยิบไม้เท้ามาให้ และช่วยพยุงกอร์ดอนลงไปชั้นล่าง

   “วันนี้วันอะไร วันอาทิตย์หรือ”

   “ครับ เมื่อวานคุณหลับไปทั้งวัน มิสซิสมาร์ธาเลยต้มข้าวโอ๊ตเผื่อไว้ให้คุณเช้านี้ วันนี้เดี๋ยวสายๆ เธอจะแวะเข้ามาครับ”

   “ขอบใจนะ” กอร์ดอนพูด อาการปวดร้าวตามร่างกายทำให้เขาหน้าเหยเกทุกครั้งที่ขยับตัว ในที่สุดเขาก็ไปถึงห้องตัดเย็บที่อยู่ชั้นล่าง กอร์ดอนตรวจงานที่ช่างในร้านเย็บไว้ พยักหน้าด้วยความพอใจ

   “วันนี้ฉันคงไม่ไปโบสถ์” กอร์ดอนว่าขณะเดินมาที่โต๊ะอาหาร เดวิดที่กำลังอุ่นข้าวโอ๊ตพูดตอบเขา

   “ขนาดเดินคุณยังทำหน้าเบี้ยวขนาดนั้น ผมว่าไม่ไปโบถส์น่ะดีแล้วครับ คนจะถามเอาเปล่าๆ”

   “นั่นสินะ”

   “ว่าแต่คุณจำไม่ได้จริงๆ หรือครับว่าไปเจออะไรมาถึงได้เจ็บหนักขนาดนี้”

   “อือ”

   เดวิดทำหน้าประหลาดใจ “แล้วคุณไม่นึกจะอยากรู้เลยหรือครับ”

   “ไม่ล่ะ” กอร์ดอนว่า “มันต้องเป็นเรื่องน่ากลัวมากแน่ โชคดีที่ลืมแล้ว จะพยายามกลับไปจำมันทำไม”

   “ก็ถูกของคุณนะ แต่... ฮึ้ย ผมโมโหนี่นา ใครนะใจดำทำลงไปได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดจอร์จ รวมถึงมิสเฮเก้นต์คนนั้นก็โกรธมากเหมือนกัน”

   “หืม แอนรู้เรื่องนี้หรือ”

   “รู้สิครับ เธอมาที่นี่พร้อมกับเพื่อนๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แถมยังอยู่ดูแลคุณจนถึงช่วงเย็นของเมื่อวานแน่ะ”

   “จริงสินะ... ฉันพอจำได้ลางๆ ล่ะ คิดว่าฝันไปเสียอีก”

   “ดีนะครับที่คุณไม่ได้ลืมไปเสียหมด ไม่งั้นล่ะก็แย่แน่ๆ”

   “ใช่ แย่แน่ๆ” กอร์ดอนว่า “ตารางส่งงานของวันจันทร์น่ะทันอยู่หรอก แต่ของวันอื่นๆ นี่สิ งานของเซอร์จอร์จเลื่อนได้ เขาไม่รีบ แต่ของมิสเตอร์อาเธอร์ต้องส่งภายในวันพฤหัส ฉันคงต้องจัดตารางงานใหม่ เพราะสภาพนี้คงทำงานได้ไม่เต็มร้อยแน่”

   “คุณพักหน่อยก็ได้ครับ สภาพคุณเป็นแบบนี้แล้ว”

   กอร์ดอนถอนหายใจ “มันเป็นความรับผิดชอบน่ะ แต่ฉันจะทำเท่าที่ทำไหวนั่นแหละ ไม่ฝืนตัวเองหรอก แล้วนี่เธอจะกลับบ้านกี่โมง”

   “เรื่องนั้นไม่ต้องแล้วครับ” เดวิดว่า “เมื่อวานลอร์ดโทรว์บริดจ์ให้กรุณาให้ผมส่งโทรเลขไปบอกแม่แล้ว เพราะงั้นวันนี้คุณเรียกใช้ผมได้เต็มที่เลยครับ”

   กอร์ดอนยิ้มออกมา หลังจัดการมื้อเช้าเสร็จ เขาก็ไปนั่งพักที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง ทว่าอาการปวดนั้นทวีมากขึ้นจนยากจะทน โชคดีที่มิสซิสมาร์ธามาพอดี เธอจึงผสมยาแก้ปวดให้เขาดื่ม แล้วพาช่างตัดเสื้อกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้อง กอร์ดอนผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ยา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นาฬิกาก็บอกเวลาบ่ายโมงกว่าเข้าไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจเสียยิ่งกว่า ก็คือกุหลาบฟาเบียนกาช่อใหญ่ที่จู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่ภายในห้อง เขาตะโกนเรียกเดวิดทันที

   “ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาหรือ”

   เดวิดสั่นศีรษะ แล้วพูดขึ้น “คุณคงหมายถึงช่อกุหลาบนั่น ร้านดอกไม้เอามาส่งให้ครับ ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนสั่ง แต่ผมเดาว่าต้องเป็นท่านลอร์ดนั่นแหละ”

   “อ้อ...”

   “นี่แค่ครึ่งเดียวนะครับ มิสซิสมาร์ธากำลังหาแจกันมาใส่ส่วนที่เหลือ ผมว่าถ้าวันนี้ร้านขายแจกันเปิด เธอคงออกไปซื้อมาเพิ่มแน่ๆ”

   กอร์ดอนอ้าปากเหวอ ก่อนจะยิ้มออกมา “เขาไม่คิดเรื่องนี้บ้างเลยหรือไงเนี่ย”

   “จริงๆ ผมยังคิดว่าเดี๋ยวสักพักร้านแจกันจะมากดออดเลย ท่านลอร์ดไม่น่าลืมได้”

   “พอเถอะ ฉันไม่ได้อยากให้เขานึกได้จริงๆ หรอก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาปรากฏตัวที่ร้านช่วงสายของวันรุ่งขึ้น เขาตรงขึ้นมาเยี่ยมกอร์ดอนถึงในห้อง

   “โอ้ ยอดรัก อาการคุณเป็นไงบ้าง”

   “ดีขึ้นแล้วล่ะครับ เมื่อวานนี้ผมเอาแต่นอนท่าเดียว”

   “ดีขึ้นก็ดีแล้ว ผมเอาสีผึ้งทาแก้ปวดมาให้ อ้อ ผมสั่งแจกันให้มาส่งแล้วนะ สักพักน่าจะมาถึงแหละ”

   “นี่เดวิดบอกคุณหรือครับ เรื่องแจกันน่ะ”

   “เปล่า จริงๆ ผมอยากให้มาส่งเมื่อวานพร้อมกุหลาบนั่นแหละ แต่ลูกน้องที่ร้านหยุด เลยต้องขนมาส่งวันนี้แทน”

   “คุณนี่... จริงๆ เลย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่กอร์ดอนก็อดยิ้มไม่ได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง

   “ขอโทษนะกอร์ดอน ถ้าไม่ใช่เพราะความดึงดันของผม คุณก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”

   “อย่าพูดงั้นสิครับ ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย ผมไม่ดูตาม้าตาเรือเอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจใหญ่ กอร์ดอนจึงพูดขึ้นต่อ “ว่าแต่ลอร์ดแมกซ์หายดีแล้วหรือครับ”

   “อืม สัปดาห์นี้เขาคงลงซ้อมได้แล้วล่ะ จริงสิ ผมพาเด็กรับใช้ชั่วคราวมาให้คุณ ระหว่างที่คุณป่วยอยู่นี่ ก็เรียกใช้เขาให้เต็มที่เลยนะ”

   “หา” กอร์ดอนร้องออกมา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งให้เดวิดเปิดประตู

   “เดวิด พาเด็กรับใช้คนใหม่เข้ามาซิ”

   กอร์ดอนแทบจะกระโดดขึ้นจากเตียง “นั่นมันเซอร์เจเรมีไม่ใช่หรือครับ”

   เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดยืนอยู่ที่ประตู แต่ไม่ได้เข้ามาในห้อง เจ้าตัวมองเขาแล้วพูดขึ้น

   “อาการเป็นไงบ้าง มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก”

   “ค่อยดีขึ้นแล้วครับ” กอร์ดอนว่า เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “นี่คุณคงไม่ได้หมายถึงเขาใช่ไหม”

   “ใช่ เขานั่นแหละ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า และพูดต่อโดยไม่ปล่อยจังหวะให้ใครพูดแทรก “เรื่องเกิดขึ้นในบ้านของเขาเอง เขาต้องรับผิดชอบสิ”

   “โธ่ ผมอาจจะซุ่มซ่ามตกบันไดเองก็ได้นะครับ ไปโทษเขาทำไม”

   “คุณตกบันไดอีท่าไหนถึงลงไปอยู่ในกระสอบได้ล่ะ”

   “....”

   “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมตัดสินแล้วว่าเขาจะต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ด้วยการมาช่วยงานคุณสักระยะ”

   “โธ่ จอห์น ผมจะให้เซอร์เจเรมีมาช่วยงานที่ร้านได้ยังไง ขอเถอะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดใครเสียหน่อย อีกอย่างผมจำอะไรไม่ได้ มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องโทษเซอร์เจเรมีหรอกครับ”

   “ยังไงเสียผมก็ต้องรับผิดชอบ” เซอร์เจเรมีพูดขึ้นในที่สุด “ถ้าคุณไม่สะดวกใจ จะให้ผมจ่ายค่าเสียหายเป็นเช็ค หรืออย่างอื่นก็ได้ ผมปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้หรอก”

   กอร์ดอนนิ่งคิดอึดใจหนึ่ง “งั้น... ขอเป็นไวน์ที่คุณใช้เสิร์ฟแขกคืนนั้นแล้วกันครับ ขวดเดียวก็พอ”

   “แค่นั้นรึ”

   “ครับ”

   “จอห์น นายได้ยินหรือยัง” เซอร์เจเรมีหันไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เจ้าตัวเขาว่างั้น นายคงไม่มีปัญหาขัดข้องอะไรใช่ไหม”

   “ก็ได้ เจเรมี ในเมื่อกอร์ดอนว่างี้ ฉันก็ต้องว่าตามอยู่แล้ว ถือว่านายโชคดีแล้วกันที่กอร์ดอนเป็นคนจิตใจดีมากน่ะ”

   “โธ่ มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรสักหน่อยนี่ครับ”

   เซอร์เจเรมีอ้าปากทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “งั้นลาก่อนมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ”

   “เดวิด ไปส่งเซอร์เจเรมีหน่อย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่ง “ดูให้ดีว่าเขาขึ้นรถกลับบ้านถูก”

   ได้ยินเซอร์เจเรมีเค้นเสียงขึ้นจมูก ก่อนที่เดวิดจะพาเขาออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปล็อกประตู

   “ยอดรัก คุณลุกไหวไหม ผมจะทายาให้”

   กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงช่วยพยุงตัวเขาขึ้นมา และช่วยปลดกระดุมเสื้อออก กอร์ดอนรู้สึกเขินเลยรีบพูด

   “ผมถอดเองก็ได้ครับ”

   “คุณเจ็บอยู่ ให้ผมถอดเถอะ ผมแค่จะทายา ไม่ทำอย่างอื่นหรอก”

   กอร์ดอนหน้าแดง แต่ก็ยอมให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอดเสื้อให้แต่โดยดี ที่หลังรวมถึงท่อนแขนของเขามีรอยช้ำสีม่วงเป็นทางยาวหลายสิบรอย ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นแล้วก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้

   “ผมเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้หักนิ้วพวกมันสักสองสามนิ้วเป็นการสั่งสอน”

   “โธ่ จอห์น คุณพูดอย่างกับนักเลงแน่ะ จะไปหักนิ้วใครกันครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “คุณนี่จริงๆ เลยนะ กอร์ดอน โดนขนาดนี้แล้วยังจะปกป้องคนผิดอยู่อีก”

   “ผมจำไม่ได้นี่ครับ”

   “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปอึดใจ ก่อนจะเปิดตลับยาออก “ถ้าผมมือหนักไปก็บอกนะ”

   เขาค่อยๆ ทายาลงไปบนรอยช้ำพวกนั้นอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ กอร์ดอนรู้สึกเย็น แต่ก็รู้สึกอุ่นใจไปพร้อมกัน มือของลอร์ดโทรว์บริดจ์นุ่ม และสัมผัสของเขาก็อ่อนโยน ความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อท้นขึ้นมาทำกอร์ดอนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว

   “เจ็บหรือ”

   “เปล่านี่ครับ”

   “แต่คุณร้องไห้”

   “หืม” กอร์ดอนยกมือขึ้นแตะใบหน้า จึงรู้ว่าน้ำตาไหลออกมาจริงๆ เขารีบใช้นิ้วปาดออก “ผมคงดีใจมากไป”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย กอร์ดอนจึงอธิบายต่อ “ผมดีใจที่คุณอยู่ตรงนี้ไงครับ... ดีใจที่ได้พบคุณอีก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักมือที่ใช้ทายา “คุณรู้ไหม ผมแทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่พบคุณถูกทิ้งอยู่ในกระสอบ ใครกันที่มันทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้”

   “โอ... ช่างเถอะครับ แค่ผมได้อยู่ตรงนี้กับคุณผมก็ดีใจแล้ว”

   ลอร์ดหนุ่มเม้มริมฝีปาก เขาทายาให้กอร์ดอนจนทั่ว แล้วจึงช่วยอีกฝ่ายใส่เสื้อผ้า

   “ยอดรัก ถึงคุณจะไม่พูด แต่ผมก็รู้แล้วล่ะว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้”

   กอร์ดอนอ้าปากเหวอ “อะไรนะครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือเขาขึ้นมากุมไว้เบาๆ “คุณโกหกไม่เก่งเลยรู้ไหม ไม่มีใครไม่สงสัยหรอกว่าตัวเองบาดเจ็บได้ยังไง แม้ว่าจะจำอะไรไม่ได้ก็เถอะ”

   กอร์ดอนก้มหน้า ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ “แต่ถึงคุณจะทำแบบนั้น ผมก็ยังสืบจนรู้มาได้อยู่ดี ผมคงนอนไม่หลับแน่ถ้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องร้ายกาจนี่”

   “คุณรู้จริงๆ หรือครับ”

   “อืม ผมรู้แล้วว่าอเล็กซานดร้าเป็นคนทำเรื่องนี้”

   กอร์ดอนสะดุ้งเฮือก “คุณคงไม่ได้ไปจัดการอะไรกับเธอใช่ไหมครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มออกมา “นี่คุณเป็นห่วงหรือว่ากลัวเธอกันแน่”

   “ผมแค่ไม่อยากให้คุณมีเรื่อง” กอร์ดอนว่า “ผมรู้ว่าคุณต้องโกรธมากแน่ แต่เธอเป็นผู้หญิงนะครับ และเธอก็มาอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น”

   “เพราะงั้นคุณเลยโกหกผมว่าจำไม่ได้งั้นสิ”

   “ครับ... ขอโทษด้วยนะครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจเฮือก “คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก แล้วไม่ต้องกังวลใจเรื่องอเล็กซานดร้าด้วย ผมคุยกับเธอเรื่องนี้แล้ว เธอยอมรับผิดทั้งหมด สาบานเลยว่าผมไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับเธอแม้แต่นิดเดียว”

   “ครับ ผมรู้หรอกว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษพอ ผมแค่ไม่อยากทำให้คุณลำบากไปมากกว่านี้เท่านั้นเอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองคนรักอย่างสะทกสะท้อน “กอร์ดอน ที่คุณต้องเจ็บตัวทั้งหมดนี่ เพราะคุณยืนกรานที่จะปกป้องสิทธิ์ของเรา อเล็กซานดร้าเล่าเรื่องให้ผมฟังหมดแล้ว ผมอธิบายไม่ได้เลยว่ารู้สึกเจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องให้คุณเผชิญเรื่องนี้แค่คนเดียว”

   “เธอแค่หวังดีกับคุณหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “เป็นผม ผมก็อาจจะทำแบบนั้นเหมือนกัน”

   “....”

   “เธอชอบคุณมากนะครับ”

   “ผมรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมรับ “แต่มันเป็นสิทธิ์ของผมในการตัดสินใจอย่างที่คุณพูด และมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณที่จะพูดเรื่องนั้นด้วย”

   “จอห์น...”

   “กอร์ดอน ผมอยากพาคุณหนีไปเดี๋ยวนี้เลย ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีใครรู้จักเรา ที่ที่เราสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ถูกรังเกียจ”

   กอร์ดอนยิ้มออกมา เขาใช้มืออีกข้างกุมมือลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ทั้งคุณและผมก็รู้นี่ครับว่าไม่มีที่แบบนั้นหรอก”

   “แต่ชีวิตแบบนี้... ผมอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ที่ต้องปิดบังความจริงว่าเราเป็นคนรักกัน”

   “ถึงงั้นเราก็ต้องอดทนนะครับ” กอร์ดอนว่า “ผมยอมหลบๆ ซ่อนๆ ดีกว่าต้องเสียคุณไป ผมคงทนไม่ได้แน่ถ้ามันไปถึงจุดนั้น”

   “กอร์ดอน...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เรียกชื่อคนรักเสียงเครือ กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา น้ำตาไหล

   “ตอนที่ผมถูกทำร้าย ผมคิดแค่อย่างเดียวว่าขอให้ผมได้พบกับคุณอีกครั้ง แค่คุณเท่านั้น... จอห์น แค่ผมได้พบกับคุณผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือของกอร์ดอนขึ้นมาจูบ น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากดวงตาสีเขียวคู่สวยของเขา

------------------------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนได้ต้อนรับแขกที่คาดไม่ถึง เมื่อเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มาหาเธอถึงคฤหาสน์

   “แคทเธอรีน ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วย”

   เลดี้แคทเธอรีนมองไปยังแขกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้าไม่สู้ดีนัก เหมือนเพิ่งเจอเรื่องร้ายแรงมาหมาดๆ

   “มีอะไรหรือ”

   “คืองี้จ้ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เลดี้แคทเธอรีนฟัง แน่นอนว่ามันทำให้เลดี้แคทเธอรีนตกใจเป็นอันมาก

   “โธ่ อเล็กซานดร้า แล้วนี่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นไงบ้าง”

   “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จอห์นบอกว่าเขาปลอดภัย ฉันอยากไปเยี่ยมเขานะ แต่...”

   “ถ้าอยากไปเยี่ยมเขาก็ไปเถอะ”

   “แต่เขาต้องเกลียดฉันแน่ ฉันเป็นคนสั่งให้คนทำร้ายเขา”

   “ไม่หรอก เขาบอกจอห์นว่าจำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือ เขาอาจจะไม่ได้โกรธเธอขนาดนั้นก็ได้”

   ขอบตาของเลดี้อเล็กซานดร้าแดงเรื่อ “งั้น... เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่กล้าไปคนเดียว”

   เลดี้แคทเธอรีนยิ้มออกมา “ได้สิ เมื่อไหร่ล่ะ”

   “พรุ่งนี้ดีไหม วันนี้เจเรมไปบ้านของเขาตามสัญญาที่ให้ไว้กับจอห์น เดี๋ยวเจเรมกลับมาแล้วฉันจะลองถามดูว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”

   เลดี้แคทเธอรีนนึกได้ว่าพรุ่งนี้เธอมีนัดดื่มชากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่เขาคงไม่เดือดร้อนอะไรถ้าเธอจะขอยกเลิกนัด

   “ได้จ้ะ ฉันว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กน่าจะตกใจน่าดูเรื่องเจเรมี เขาคงขอร้องให้จอห์นยกเลิกสัญญาแน่”

   เลดี้อเล็กซานดร้ามองคู่สนทนด้วยความสงสัย “แล้วจอห์นจะทำตามหรือ ถ้าเป็นผู้หญิงที่เขากำลังคบหาขอร้องก็น่าจะเป็นไปได้ แต่เธออาศัยอยู่ร่วมบ้านกับเขาเลยหรือ ได้ยินว่าที่นั่นเป็นร้านตัดเสื้อชายนี่นา”

   “เอ่อ... อันนี้ฉันก็ไม่รู้หรอก แต่จอห์นน่ะใจอ่อนกับคำพูดของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเสมอแหละ”

   “งั้นเธอก็รู้จักเขาดีใช่ไหม เธอรู้เรื่องผู้หญิงคนรักของจอห์นด้วยหรือเปล่า”

   “ฉันไม่รู้หรอก” เลดี้แคทเธอรีนรีบปฏิเสธทันที เลดี้อเล็กซานดร้าพูดต่อ

 “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้จะไปหาเรื่องเธอ แค่อยากจะช่วยให้พวกเขาสมหวังเท่านั้น จอห์นน่ะดูรักเธอมาก แต่ทำไมเขาถึงไม่กล้าเปิดเผยเธอต่อสาธารณะชนล่ะ ต่อให้เป็นหญิงชาวบ้านก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับจอห์นนี่นา ฉันเลยสงสัยว่าเธออาจจะกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวบางอย่าง ที่จอห์นไม่อาจควบคุมได้ ฉันพูดจริงๆ นะแคทเธอรีน ฉันคิดว่าพอจะช่วยพูดให้ท่านพ่อจัดการเรื่องนี้ให้เธอได้ แต่ฉันต้องรู้ก่อนว่าเธอเป็นใครกันแน่”

   เลดี้แคทเธอรีนนิ่งไปพักใหญ่ๆ “เธอคงต้องถามเอากับจอห์นหรือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเองแล้วล่ะ”

   “พวกเขาคงไม่ตอบฉันแน่” เลดี้อเล็กซานดร้าพูด พลางถอนหายใจ “ฉันน่ะมาที่ลอนดอนเพื่อมาพบกับคนรักของจอห์น คิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาดอย่างเธอฉันคงยอมรับได้ แต่กลายเป็นว่าคนรักของเขาเป็นผู้หญิงลึกลับที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน เขารักเธอ แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของเธอ มันเศร้ามากนะแคทเธอรีน ฉันไม่คิดเลยว่าความรักของจอห์นจะเจ็บปวดแบบนี้ ตอนนี้สิ่งที่ฉันพอจะทำไถ่โทษเรื่องที่ทำร้ายเพื่อนของเขาได้ ก็คือช่วยเขาให้สมหวัง และฉันอยากให้เธอช่วย ไม่อย่างนั้นฉันคงรู้สึกผิดไปจนวันตาย แม้ว่าเขาจะให้อภัยฉันแล้วก็ตาม”

   เลดี้แคทเธอรีนคิดใคร่ครวญถึงคำตอบอยู่พัก “ก็ได้ ฉันจะพยายามแล้วกัน แต่ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะได้ผล”

   “ไม่เป็นไร” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ถ้าเขาไม่บอก ฉันจะลองหาวิธีอื่นดู ต้องมีสักทางสิที่ช่วยเขาเรื่องนี้ได้”

-------------------------------------------
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่44p.22(3/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-12-2019 06:20:45
   “อเล็กซานดร้ามาคุยกับหลานเรื่องอะไรหรือ แล้วพวกเขาพบหรือยังว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนหายไปไหน”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถามขึ้นเมื่อเห็นหลานสาวเดินเข้ามาในห้อง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ และตอบคำถาม

   “อเล็กซานดร้าบอกว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไม่ค่อยสบายค่ะ เธอชวนหลานไปเยี่ยมเขาพรุ่งนี้”

   “งั้นหรือ เขาออกไปเดินตากน้ำค้างด้านนอกนานเกินไปล่ะสิ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “จอห์นก็จริงๆ เลยเชียว พาเขาไปที่งานแบบนั้นทำไมก็ไม่รู้ มันไม่เหมาะกับคนแบบพ่อหนุ่มกอร์ดอนหรอก มีแต่จะทำให้เขาอึดอัดเสียเปล่าๆ”

   เลดี้แคทเธอรีนได้แต่ยิ้ม “หนูว่าจะยกเลิกนัดกับจอห์นพรุ่งนี้ค่ะ”

   “อืม เอาสิ ให้คนไปส่งจดหมายบอกก็ได้ อ้อ เขียนบอกเขาด้วยแล้วกัน ว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนป่วยเพราะเขาเป็นต้นเหตุ เจ้าหนุ่มนั่นจะได้หัดคิดถึงใจคนอื่นเขาเสียบ้าง”

   “ท่านตาล่ะก็... จอห์นไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำสักหน่อยนะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไม่ตอบ เพียงแต่ทำเสียงขึ้นจมูกเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าไม่เห็นด้วย เลดี้แคทเธอรีนจึงออกไปเขียนจดหมายเพื่อฝากคนรับใช้ไปส่งให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์

   “หนูบอกจอห์นแล้วนะคะ เรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก” เลดี้แคทเธอรีนบอกท่านตาของเธอเมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเรียกให้หลานสาวนั่งลง

   “ฤดูหนาวปีนี้หลานมีแผนจะไปไหนรึเปล่า”

   “ไม่มีค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนตอบตามตรง “พ่อกับแม่อาจจะไปสวิตซ์ แต่หนูอยากอยู่ดูแลท่านตามากกว่า”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดคลี่ยิ้ม “ปีนี้ตาว่าจะไปอิตาลี”

   “ว้าว อิตาลีหรือคะ” เลดี้แคทเธอรีนตาโตด้วยความประหลาดใจ “หนูยังไม่เคยไปอิตาลีช่วงหน้าหนาวมาก่อนเลยค่ะ ได้ยินว่าที่นั่นอากาศไม่หนาวเท่าอังกฤษ ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ท่านตาถึงจะไปอิตาลีล่ะค่ะ หนูคิดว่าจะไปที่ใกล้ๆ อย่างฝรั่งเศสเสียอีก”

   “เฮนรี่กับมาเรียชวนน่ะ ตาเองก็เห็นว่าอิตาลีเข้าท่าดี ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้วด้วย เห็นว่าจะไปที่เวนิสกันด้วยน่ะ”

   “ที่นั่นไม่เป็นน้ำแข็งหรือคะ”

   “ไม่หรอก เวนิสติดทะเล อากาศน่าจะดีทีเดียวล่ะ”

   “ดีจังเลยค่ะ... แล้วจอห์นจะไปด้วยกันรึเปล่าคะ”

   “อืม พ่อหนุ่มนั่นล่ะที่ยืนกรานหัวชนฝาว่าจะไม่ไปฝรั่งเศสเด็ดขาด สุดท้ายก็เลยกลายเป็นอิตาลีไป” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า ก่อนจะพูดต่อ “ถึงจอห์นจะไม่ใช่สุภาพบุรุษที่สุภาพนัก แต่เขาก็เป็นคนใช้ได้ ตาเห็นว่ามันเหมาะควรที่จะพาหลานไปใช้เวลาช่วงฤดูหนาวกับเขา แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเพราะตาอยากจะไปอิตาลีด้วย”

   เลดี้แคทเธอรีนยิ้ม เธอเข้าใจถึงเจตนาของชายชรา แต่ไม่อาจบอกความจริงออกไปได้

   “งั้น... เราชวนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปด้วยดีไหมคะ”

   “หืม... พ่อหนุ่มกอร์ดอนน่ะหรือ อย่าเลย”

   “ทำไมล่ะคะ เขาเปิดร้านกระทั่งในฤดูหนาวหรือ”

   “เปล่า ถ้าชวนเขาคงปฏิเสธ หรือถ้าไม่ก็ตกลงด้วยความเกรงใจ ตาไม่อยากให้เขาต้องทนอึดอัดเพราะความเกรงใจอย่างที่จอห์นทำลงไปหรอก อืม... ตาคงต้องฝากหลานย้ำเขาเรื่องนี้ด้วย ว่าอย่าไปทำให้พ่อหนุ่มกอร์ดอนลำบากใจมากไปกว่านี้ ถึงไม่เกรงใจพ่อหนุ่มกอร์ดอนก็ควรจะเกรงใจผู้ใหญ่บ้าง”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า “หนูจะบอกเขาให้ค่ะ”

---------------------------------------------

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาร่วมซ้อมรักบี้ในช่วงเย็นวันจันทร์ ท่ามกลางความดีใจของเพื่อนร่วมทีม แน่นอนว่าแอนนาเบล เฮเก้นต์ตามมาดูเขาที่ขอบสนามด้วย

   “สุภาพสตรีสาวสวยคนนั้นเป็นใครกัน จอร์จ นายรู้จักมั้ย” ลอร์ดเบอร์มิ่งหันมากระซิบกระซาบกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน อีกฝ่ายเลยตอบเขายิ้มๆ

   “เธอชื่อแอนนาเบล เฮเก้นต์ นายอย่าได้คิดไปก้อร่อก้อติกเธอเชียว ถ้าไม่อยากโดนแมกซ์อัดหน้า”

   “หา อย่าบอกนะว่าเธอกับแมกซ์...”

   “เธอเป็นพยาบาลส่วนตัวของแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่ฉันรับรองกับนายว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ชิดกว่านั้นเยอะ”

   “ว้าว แสดงว่าแมกซ์จีบพยาบาลที่มาดูแลเขาสำเร็จน่ะสิ หรือว่าเธอแค่สนใจที่เขาเป็นลอร์ด”

   “ผิดทั้งสองอย่าง เพราะเขาจีบเธอติด เลยได้เธอมาเป็นพยาบาลให้ต่างหาก ฮ่าๆ”

   “ไม่น่าเชื่อ ฉันจะต้องเขียนไปเล่าเรื่องนี้ให้เอ็มมี่ฟัง ว่าแต่คนอื่นๆ รู้แล้วหรือยัง”

   “นายน่าจะรู้เป็นคนแรก เขาเพิ่งพาเธอมาเปิดตัววันนี้เอง”

   “ฮ่าๆ เจมส์กับเจฟฟรีต้องตกใจจนตาถลนแน่ พวกนั้นต้องนึกไม่ถึงว่าแมกซ์จะจีบสาวสวยขนาดนี้ติด”

   “อย่าพูดดังไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเอ็ด “ถ้าเธอไปบอกแมกซ์นายจะหัวเราะไม่ออก”

   “แหม... ฉันไม่ได้ไปและเล็มอะไรเธอเสียหน่อย ว่าแต่แมกซ์หายดีแล้วใช่ไหม”

   “อือ โชคดีที่ไม่ต้องหาคนอื่นมาแทนเขา”

   “แล้วกอร์ดอนล่ะ หมอนั่นไม่คิดจะโผล่มาดูบ้างเลยหรือ”

   “เขามาอยู่นะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ช่วงที่นายมัวแต่ไปแทงม้านั่นแหละ”

   “ว้า งั้นเขาก็ไม่ใช่นักพนันตัวจริงน่ะสิ” ลอร์ดเบอร์มิ่งพูดพลางหัวเราะ พวกเขานั่งดูการซ้อมจนถึงเวลาเลิก

   “จอห์นนี่ ฉันมีของจะให้นาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกลอร์ดโทรว์บริดจ์ระหว่างเดินมาที่อัฒจันทร์

   “หืม ของอะไร”

   “จำเรื่องที่นายบอกให้ฉันช่วยสืบเกี่ยวกับมิสเตอร์เบนจามิน ดอว์สันได้ไหม ฉันได้ข้อมูลของเขามาแล้ว”

   “อ้อ”

   “มันเป็นข้อมูลที่น่าตกใจอยู่ นายควรจะดูเอง” อีกฝ่ายว่า “ฉันฝากเอกสารไว้ที่แอนแล้ว”

   อีกฝ่ายยิ้ม “ฉันคิดว่านายจะพาเธอมาเปิดตัวเสียอีก ที่แท้แค่เอาไว้ฝากของหรอกหรือ”

   “นายหัดเล่นมุกร้ายกาจแบบจอร์จมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ฉันว่าจะให้เธอร่วมมื้อเย็นกับพวกเราด้วย ถ้านายไม่รังเกียจ”

   “ฉันยินดีมากเชียวล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ทั้งคู่เดินไปสมทบกับเพื่อนๆ ที่รออยู่

--------------------------------------

   “เฮนรีค่ะ ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณค่ะ”

   ลอร์ดบาธหันไปมองภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี สีหน้าของเธอดูกังวลใจ

   “มีอะไรหรือ”

   “คืออย่างนี้ค่ะ” เธอจูงสามีไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเตียง “ฉันรู้สึกว่าพักนี้จอห์นดูแปลกๆ ไป”

   ลอร์ดบาธเลิกคิ้ว ขณะที่ภรรยาของเขาพูดต่อ “คุณก็รู้ว่าลูกเราเป็นคนเปิดเผยมาก ถ้าเขาชอบหรือสนใจอะไร เขาจะแสดงมันออกมาแบบไม่ปิดบัง แม้ว่าบางอย่างมันจะไม่เหมาะกับฐานะของเขาก็ตาม”

   “อืม... ผมรู้ว่าลูกเอาแต่ใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเหลวไหล”

   “ค่ะ ฉันรู้ว่าลูกเป็นคนจริงจังมาก นั่นล่ะค่ะที่แปลก”

   “ผมไม่เข้าใจ มีอะไรแปลกหรือ”

   “จำเรื่องที่คุณเชิญโอเดนเบิร์กมาคุยได้ไหมคะ ที่เราสงสัยว่าจอห์นอาจจะไปติดพันญาติสาวของเขา”

   “อืม จำได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับเขาด้วยหรือ”

   “ไม่เชิงหรอกค่ะ เราคุยกับโอเดนเบิร์กเรื่องญาติสาวของเขา เขาเองก็รับปากว่าจะจัดการให้ จอห์นเองก็เคยพูดว่าเขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่จู่ๆ จอห์นก็เชิญโอเดนเบิร์กไปงานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์ ฉันรู้สึกว่าเขาให้ความสำคัญกับโอเดนเบิร์กมากเป็นพิเศษค่ะ ตอนกลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ เขาก็พาโอเดนเบิร์กมาที่งานเลี้ยงต้อนรับ แล้วเขาก็เคยชวนโอเดนเบิร์กมากินมื้อเย็นที่บ้านเราด้วย พอคุณไม่อนุญาตเขาก็อารมณ์เสียมาก ฉันคิดว่าถ้าเขาทำขนาดนี้เพราะติดพันญาติสาวของโอเดนเบิร์กล่ะก็ เขาต้องจริงจังกับเธอมาก และด้วยนิสัยอย่างเขาคงไม่ปิดไว้แน่ แต่เขากลับไม่เคยพูดถึงเธอให้เราฟังเลย ฉันรู้สึกว่ามันแปลกค่ะ”

   “มันก็แปลกอย่างที่คุณว่าจริงๆ นั่นแหละ” ลอร์ดบาธยอมรับ “แต่จอห์นคงมีเหตุผลส่วนตัว เขาอาจจะอยากพาเธอมาแนะนำให้เรารู้จักใจจะขาดก็ได้ แต่ก็รู้ว่ามันไม่ควร ผมว่าสักพักเขาคงเลิกเห่อไปเองนั่นแหละ”

   “ถ้าเขาพาเธอมาแนะนำกับเรา ฉันคงจะสบายใจกว่านี้ค่ะ”

   “ไม่เอาน่า ผมไม่รู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไรกันแน่ แต่ฤดูหนาวนี้เราจะไปอิตาลีกันไม่ใช่หรือ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดและแคทเธอรีนก็จะไปกับเราด้วย ไม่แน่ว่าหลังกลับจากอิตาลีเขาอาจจะลืมเธอไปเลยก็ได้”

   “ก็จริงของคุณค่ะ ฉันคงกังวลไปเอง”

   ลอร์ดบาธโอบภรรยาเข้ามากอด “ผมรู้ว่าคุณรักจอห์นมาก ผมเองก็เหมือนกัน แต่ลูกอายุยี่สิบสี่ ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้เขาเรียนรู้และจัดการกับปัญหาด้วยตัวเองเถอะนะ”

   เลดี้บาธพยักหน้า แล้วเอนตัวลงซบไหล่สามี เธอเข้าใจเหตุผลของเขา แต่ก็ยังอดรู้สึกกังวลไม่ได้อยู่ดี

-------------------------------------

   วันอังคาร อาการปวดของกอร์ดอนทุเลาลงไปมาก เขาลุกขึ้นจากเตียงได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วยพยุง และยังอารมณ์ดีพอจะเดินชมดอกกุหลาบและแจกันใหม่ที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ซื้อมาให้

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมคิดว่าคุณเลิกตัดเสื้อไปเปิดร้านขายดอกไม้เสียล่ะ” ช่างคนหนึ่งในร้านแซว ตอนที่กอร์ดอนเดินเข้าไปในห้องตัดเย็บ “ดอกไม้เยอะมาก เห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งมาหรือครับ”

   “อื้อ” กอร์ดอนพยักหน้า “ปกติเขาก็สั่งดอกไม้มาให้ที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว”

   ช่างคนนั้นหัวเราะ “นี่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ผมต้องฟันธงว่าเขาตั้งใจจีบคุณแน่ๆ ว่าแต่อาการดีขึ้นแล้วหรือครับ”

   “อือ ผมว่าจะทำงานที่ค้างต่อ”

   “อย่าหักโหมมากนะครับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เดี๋ยวจะเป็นลมหน้ามืดตกบันไดอีก”

   เลดี้แคทเธอรีนและเลดี้อเล็กซานดร้าแวะมาเยี่ยมก่อนเวลาน้ำชาเล็กน้อย สร้างความประหลาดใจให้กับช่างตัดเสื้อเป็นอย่างมาก

   “สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

   “อเล็กซานดร้ากับฉันแวะมาเยี่ยมคุณค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า เลดี้อเล็กซานดร้าจึงพูดขึ้นต่อ

   “อาการเป็นไงบ้างคะ ฉันต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ”

   “เอ่อ... ขึ้นไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนดีไหมครับ” กอร์ดอนเสนอขึ้นมา พอเลดี้แคทเธอรีนเหลือบไปเห็นบรรดาช่างในร้านที่แอบโผล่หน้ามาดูตรงประตู เลยตกลง

   “ขอโทษนะครับ พอดีที่ร้านผมไม่ค่อยมีสุภาพสตรีแวะมาเท่าไหร่” กอร์ดอนพูดขึ้นต่อหลังพาเลดี้ทั้งสองขึ้นมาที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนแล้ว เลดี้แคทเธอรีนจึงพูดขึ้น

   “ไม่เป็นไรค่ะ ก็ร้านคุณเป็นร้านตัดเสื้อสุภาพบุรุษนี่นา”

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคะ” เลดี้อเล็กซานดร้าพูดแทรกขึ้น “ฉันมาที่นี่เพื่อต้องการขอโทษคุณจริงๆ นะคะ”

   “ครับ ผมทราบแล้วครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “เรื่องที่เกิดขึ้นแย่มาก”

   “ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะเลวร้ายขนาดนั้น ฉันจัดการลงโทษคนรับใช้พวกนั้นแล้วค่ะ”

   “พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งของคุณนะครับ”

   “....”

   กอร์ดอนถอนหายใจเฮือก “จะบอกว่าผมไม่โกรธคุณเลยก็คงเป็นการโกหก แต่ผมดีใจที่คุณรู้ว่านี่เป็นเรื่องเลวร้าย หวังว่าคุณจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีกนะครับ”

   “ฉันจะระมัดระวังค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าหน้าแดงด้วยความอับอาย เธออยากจะพูดเหลือเกินว่าถ้าฝ่ายนั้นไม่เถียงเธอก่อน เรื่องคงไม่เกิดขึ้น แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อล้อต่อเถียงกับเขา

   “ฉันรู้ค่ะว่าที่คุณพูดแบบนั้นเพื่อปกป้องเพื่อนของคุณ” เลดี้แคทเธอรีนพูดขึ้น “อเล็กซานดร้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังแล้ว เธอสำนึกผิดจริงๆ ฉันหวังว่าคุณจะให้อภัยเธอในเรื่องที่เกิดขึ้น”

   “ผมให้อภัยเธอครับ” กอร์ดอนว่า “เพียงแต่หวังว่าหลังจากนี้ไปเธอจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก มันไม่ดีกับตัวเธอเองนะครับ สุภาพสตรีที่ดีควรจะเป็นคนจิตใจดี และมีเหตุผลนะครับ ไม่ใช่ไม่พอใจอะไรก็จะใช้กำลังท่าเดียว”

   เลดี้อเล็กซานดร้าอับอายจนอยากจะวิ่งออกไปจากห้องเสีย เธอเอาแต่ก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา เลดี้แคทเธอรีนเห็นดังนั้นจึงรีบพูดขึ้น “พอเถอะค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ถึงเธอจะผิดจริง แต่คุณก็ไม่ควรจะย้ำให้เธอรู้สึกอับอายไปมากกว่านี้นะคะ”

   “โอ... ขออภัยครับ” กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นท่าที่ของเลดี้อเล็กซานดร้า “ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”

   เลดี้อเล็กซานดร้าพยักหน้า พยายามจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะพูดตอบเขา “วันนี้ฉันตั้งใจว่าจะมาขอโทษคุณจริงๆ ค่ะ แล้วก็อยากจะช่วยคุณด้วย”

   “ไม่ต้องหรอกครับ แค่ท่านหญิงมาด้วยตัวเองผมก็ซาบซึ้งมากแล้วล่ะครับ”

   “ไม่ค่ะ ฉันตั้งใจไว้แล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้าพูด “เจเรมบอกว่าคุณเรียกร้องแค่ไวน์ขวดเดียว ซึ่งเขาเองก็มองว่ามันเล็กน้อยเกินไป ฉันเลยเสนอว่าในเมื่อคุณมีไวน์ขาวแล้วก็ต้องมีไวน์แดงด้วย แน่นอนว่าแก้วไวน์ก็ควรจะเป็นของใหม่”

   “เอ่อ... ขอบคุณครับ”

   เลดี้อเล็กซานดร้ายิ้ม “แล้วก็ยังมีอีกเรื่องค่ะ”

   “ครับ...”

   “ฉันอยากจะช่วยให้จอห์นสมหวังกับเธอคนนั้นค่ะ คุณเป็นเพื่อนจอห์น ก็ต้องอยากให้เขามีความสุขใช่ไหมคะ ฉันไปคิดดูแล้วล่ะค่ะ ในเมื่อเธอมีฐานะต่ำกว่าเขามาก งั้นก็ทำให้เธอมีหน้ามีตาทัดเทียมเขาสิคะ เรื่องนี้ฉันขอให้ท่านพ่อช่วยได้นะคะ”

   “ดะ... เดี๋ยวนะครับ” กอร์ดอนแทรกขึ้นมา “หมายความว่าไงหรือครับ”

   “ก็... ผู้หญิงที่เป็นคนรักของจอห์นไงคะ ฉันไม่อยากให้เขาหลบๆ ซ่อนๆ เธออีกต่อไปค่ะ เขาอาจจะติดปัญหาเรื่องฐานะของเธอ ซึ่งเรื่องนี้ฉันช่วยได้นะคะ ฉันอยากให้พวกเขาสมหวังกันจริงๆ ค่ะ”

   กอร์ดอนหันไปมองเลดี้แคทเธอรีน อีกฝ่ายจึงพูดขึ้น “ก็อย่างนั้นล่ะค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เธอตั้งใจจะช่วยจริงๆ แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่สะดวกจะบอก มันควรต้องถามความสมัครใจของเธอและจอห์นด้วย”

   กอร์ดอนรีบพยักหน้าทันที “ขอบคุณในน้ำใจนะครับท่านหญิง แต่ผมคงให้คำตอบแทนใครไม่ได้ ยังไงคุณลองไปคุยกับจอห์นดูอีกที...”

   “แต่จอห์นต้องไม่เชื่อฉันแน่ๆ ค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น เขาคงระแวงฉันมาก แต่ฉันอยากช่วยจริงๆ นะคะ อยากให้เขารู้ว่าฉันหวังดีกับเขาจริงๆ”

   “....”

   “เอางี้ดีไหม” เลดี้แคทเธอรีนเสนอขึ้นมา “ให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปปรึกษากับเธอก่อน จะให้เขาตัดสินใจแทนเธอไม่ได้หรอก”

   “จริงครับ” กอร์ดอนรีบเสริม “ให้เวลาพวกผมปรึกษากันก่อนดีกว่า”

   “อืม... เอางั้นก็ได้ค่ะ แต่ฉันหวังให้เธอตกลงนะคะ แม้ว่าเธอจะเคยเป็นคู่แข่งความรักของฉันก็เถอะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า พวกเขาดื่มชาและคุยกันอยู่อีกพัก ทั้งสองสาวจึงขอตัวกลับ

   “ว้าว มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก สุภาพสตรีสองคนนั้นเป็นใครกันครับ แต่ละคนสวยอย่างกับนางฟ้าแน่ะ”

   ช่างในร้านถามทันทีที่กอร์ดอนโผล่หน้าเข้าไป ฝ่ายนั้นจึงหรี่ตามองพวกเขา แล้วตอบ

   “เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน หลานของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด กับเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิก ลูกสาวคนเล็กของดยุกแห่งแคมบริดจ์น่ะ”

   “โห... มิน่า พอพวกเธอเดินเข้ามา ก็รู้สึกเหมือนร้านเราซอมซ่อไปถนัด”

   “ผมกำลังจะบอกว่า พวกคุณแอบไปดูแบบนั้นมันเสียมารยาทมากนะ”

   “โธ่ ก็พวกผมไม่เคยเห็นสุภาพสตรีตัวเป็นๆ แบบใกล้ๆ นี่ครับ คุณน่ะพูดได้ซี่ ก็พวกเธอมาหาคุณนี่นา ว่าแต่มันเรื่องอะไรหรือครับ หรือพวกเธอมาเพราะเรื่องลอร์ดโทรว์บริดจ์  อยากให้คุณเป็นพ่อสื่อให้ล่ะสิ”

   “เอาล่ะ พอๆ” กอร์ดอนตัดบท “ผมไปมีอุบัติเหตุในงานเลี้ยงของดยุกแห่งแคมบริดจ์ เลดี้อเล็กซานดร้าเลยชวนเลดี้แคทเธอรีนแวะมาเยี่ยมผมก็เท่านั้นเอง อีกอย่างเลดี้แคทเธอรีนก็สนิทกับลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่แล้ว ไม่ต้องพึ่งผมหรอก”

   “ว้าว ถ้าตกบันไดในงานเลี้ยงแล้วมีสุภาพสตรีมาเยี่ยมถึงบ้านแบบนี้ล่ะก็ มันก็น่าตกอยู่เหมือนกันนะครับ”

   “แต่ผมไม่อยากตกซ้ำหรอกนะ แค่นี่ก็ระบมจะตายแล้ว”

   เดวิดโผล่หน้าเข้ามาหลังจากนั้น “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ ช่วยมาที่ครัวหน่อยครับ มีเรื่องใหญ่แล้ว”

   กอร์ดอนจึงต้องผละออกจากห้องตัดเย็บ ที่ห้องครัว มิสซิสมาร์ธากำลังยืนเท้าสะเอวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

   “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

   “ก็ไวน์พวกนี้น่ะสิคะ” เธอชี้ไปยังลังไม้สองลังที่วางอยู่บนพื้น “เราไม่มีชั้นพอจะใส่มันนะคะ”

   “อะไรนะครับ” กอร์ดอนร้อง มิสซิสมาร์ธาจึงพูดต่อ

   “สุภาพสตรีสองคนนั้นฝากไวน์สองลังไว้ให้คุณค่ะ ไวน์ขาวหนึ่งไวน์แดงหนึ่ง แล้วก็มีแก้วไวน์อีกห้าใบ เป็นแก้วเนื้อดี ใส เสียงกังวานมากเลยนะคะ ฉันแกะดูแล้ว แต่ไวน์พวกนี้สิคะ ฉันหาที่เก็บไม่ได้ค่ะ ท่าทางคุณต้องสั่งต่อชั้นเพิ่มแล้วนะคะ จะให้วางบนพื้นแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”

   “เอ่อ...” กอร์ดอนครางออกมา ต่อจากดอกไม้ที่เหมือนจะขนมาทั้งลอนดอนของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก็ต่อด้วยไวน์ของเซอร์เจเรมีกับเลดี้อเล็กซานดร้า สงสัยจริงๆ ว่าคนพวกนี้ไม่คิดถึงขนาดพื้นที่ที่เขาอยู่บ้างเลยหรือไร

----------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่ร้านตอนหกโมงเย็น ท่าทางเป็นกังวล

   “แคทเธอรีนกับอเล็กซานดร้ามาหาคุณหรือยัง”

   “มาแล้วครับ ผมอยากจะคุยเรื่องนี้กับคุณอยู่พอดี”

   “งั้นหรือ ผมมานี่ก็เพราะเรื่องนี้เหมือนกัน มิสซิสมาร์ธาเตรียมมือเย็นหรือยังน่ะ”

   “กำลังเตรียมอยู่ครับ”

   “งั้นบอกให้เธอเตรียมเผื่อผมด้วยอีกที่ ผมว่าเราน่าจะต้องคุยกันยาวเลย”

   กอร์ดอนสั่งเดวิดให้ไปบอกมิสซิสมาร์ธา แล้วเชิญลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นไปนั่งคุยต่อที่ห้องนั่งเล่นชั้นบน

   “คุณรู้ได้ไงครับว่าพวกเธอจะมาที่นี่”

   “แคทเธอรีนเขียนจดหมายไปบอกผม” ลอร์ดหนุ่มตอบ “เธอบอกว่าอเล็กซานดร้าอยากรู้ตัวจริงเรื่องคนรักของผม และจะมาถามเอาจากคุณ ตกลงเธอมาหาคุณเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”

   “เอ่อ... ไม่เชิงหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “เธอมาขอโทษผม เอาไวน์มาให้ด้วย ส่วนเรื่องที่คุณถาม เธอพูดถึงอยู่ครับ แต่เธอบอกว่าอยากจะช่วยให้คุณสมหวัง เธอว่าเธอพอจะพูดกับพ่อของเธอเรื่องนี้ได้”

   “ยังไงนะ”

   “ดูเหมือนเธอจะคิดว่าคุณต้องปิดบังคนรักเอาไว้ เพราะฐานะของเธอไม่เหมาะสม ซึ่งคุณไม่สามารถทำอะไรได้ เลดี้อเล็กซานดร้าบอกว่าเธอช่วยเรื่องนี้ได้ครับ เธออาจจะพูดเกลี้ยกล่อมพ่อของเธอให้รับรองฐานะของผู้หญิงคนนั้นได้”

   “ให้ตาย เธอพูดแบบนั้นหรือ”

   “ครับ ท่าทางเธอจริงจังมากนะครับ คุณว่าเธอแค่อยากจะรู้ว่าคนรักของคุณเป็นใคร หรือตั้งใจทำอย่างที่พูดกันครับ”

   “เธอเอาจริงแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อเล็กซานดร้าเป็นคนรั้น ลองตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เธอจะทุ่มสุดตัวนั่นแหละ”

   “งั้นก็น่าสงสารนะครับ เพราะเธอเข้าใจผิดไปทั้งหมดเลย”

   “เรื่องนั้นน่ะไม่น่าห่วงหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมกลัวแต่เธอจะพยายามสืบเรื่องนี้เอาเองจนกลายเป็นเรื่องน่ะสิ”

   กอร์ดอนหัวเราะ “คุณกังวลไปรึเปล่าครับ เธอมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว แถมแทบไม่รู้จักใครเลย ผมว่าปล่อยไว้เดี๋ยวเธอก็คงเลิกไปเองนั่นล่ะครับ”

   “ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าเธอจะไม่ยอมเลิกจนกว่าจะรู้ว่าคนรักของผมเป็นใคร ครั้นผมจะบอกมันก็ใช่ที่ จะให้คุณปลอมเป็นสาวสวย เรื่องมันก็อาจจะยุ่งยิ่งกว่าเดิม”

   “งั้นคุณบอกเธอไปสิครับว่าจริงๆ แล้วคุณไม่มีคนรักแต่แรก”

   “พูดงั้นเธอก็จะตื๊อผมไม่เลิกน่ะสิ”

   “แหม เธอจะตามตื๊อคุณไปตลอดชีวิตเลยหรือไงครับ เดี๋ยวเธอก็ต้องกลับบ้านแล้ว”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจเฮือก “ผมจะลองบอกเธอดูแล้วกัน”

   กอร์ดอนยิ้ม “ผมเข้าใจความรู้สึกคุณเลยนะจอห์น ตอนผมเจอคุณแรกๆ ผมก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน”

   “จะบอกว่าผมกับอเล็กซานดร้านิสัยเหมือนกันงั้นสิ”

   “ก็คุณเคยบอกไม่ใช่หรือครับ ว่าถ้ามีน้องสาว ก็คงจะนิสัยเหมือนเธอนี่แหละ ผมว่ามันก็ใช่อยู่นะครับ เหมือนคุณเจอเงาตัวเองเลย”

   “หึ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงขึ้นจมูก “ลุกขึ้นมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ”

   กอร์ดอนลุกขึ้นเดินไปหาเขา พลางหัวเราะ “ทำไมครับ จะทำโทษผมข้อหาพูดเรื่องจริงหรือไง”

   “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วคว้าตัวกอร์ดอนมานั่งบนตัก

   “โอ๊ย เบาหน่อยสิครับ” กอร์ดอนว่า “ผมยังเจ็บอยู่นะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบปลอบเบาๆ “โทษที เจ็บมากรึเปล่า”

   กอร์ดอนยิ้มอายๆ “นิดหน่อยครับ กลัวแต่คุณจะลงโทษให้ผมเจ็บมากกว่านี้”

   อีกฝ่ายเม้มจูบลงบนริมฝีปากเขาอีกครั้ง “ใครว่า... ผมจะจูบจนกว่าคุณจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้จูบกับผมตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันเลย เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเจ็บปากมากจนจูบกับผมไม่ไหวน่ะนะ”

   กอร์ดอนตอบคำถามนั้นด้วยการจูบกลับคนรักของเขา

-----------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่44p.22(3/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 03-12-2019 08:47:06
เอาใจช่วยความรักของทั้งคู่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่44p.22(3/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-12-2019 09:39:22
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่44p.22(3/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-12-2019 09:41:17
เรื่องร้ายๆ กลับกลายเป็นดี แต่ก็คงดีในช่วงนี้นะ ที่เหลือต้องฝ่าฟันอีกเยอะ
เอาใจช่วยทั้งคู่นะ สู้ ๆ ๆ ๆ
 :3123: :3123: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่44p.22(3/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 03-12-2019 11:48:49
จะก้าวผ่านอุปสรรคได้ไหมนะ
เป็นห่วงจังเลย
อย่าให้ต้องเจ็บปวดอีกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่44p.22(3/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-12-2019 13:14:44
เอาใจช่วยทั้งสองคนให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-12-2019 08:57:48
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่45 สืบเรื่อง

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่ได้โผล่มาอีกหลังจากนั้น ทว่าในสัปดาห์ต่อมา กอร์ดอนก็ได้ต้อนรับแขกที่คาดไม่ถึง

   “ไง โอเดนเบิร์ก”

   ลอร์ดฟาริงดอนนั่นเอง เพราะมากับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กอร์ดอนจึงรู้ว่าเป็นเขา แต่ตอนนี้สองพี่น้องยิ่งเหมือนกันอย่างกับแกะ เนื่องจากผิวของลอร์ดฟาริงดอนขาวขึ้นแล้ว นี่ถ้าแยกเจอคนเดียวเขาคงไม่รู้อยู่ดีว่าใครเป็นใคร

   “อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด กลับมานานแล้วหรือครับ”

   “สองสามวันนี่เอง” ลอร์ดฟาริงดอนตอบ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกในร้าน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลงข้างๆ “ได้ยินว่าบาดเจ็บหรือ”

   “อ๋อ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดฟาริงดอนพูดต่อ

“ผมเอาของมาให้ เป็นสก็อตวิสกี้ คิดว่าคุณน่าจะชอบ อากาศเริ่มเย็นแล้ว ดื่มอะไรให้ตัวอุ่นเอาไว้จะดีกว่า” เขาวางขวดเหล้าลงบนโต๊ะ

“ขอบคุณมากครับ แล้วคุณเป็นไงบ้างครับ”

   “ก็ดี เรามานี่เพื่อจะบอกคุณว่า น้องชายของผมหมั้นแล้ว และเขามีกำหนดจะแต่งงานในฤดูร้อนปีหน้า”

   “ว้าว จริงหรือครับ” กอร์ดอนร้อง ทั้งดีใจทั้งใจหาย สาวสวยที่เขาเคยหลงรักกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่จริงจังและฐานะมั่นคงมากคนหนึ่ง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่ออย่างเขินๆ

   “อาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่ฉันว่าฉันคิดดีแล้ว”

   “โอ... ผมยินดีด้วยจริงๆ ครับ” กอร์ดอนว่า “แอนเป็นผู้หญิงที่ดี และคุณก็เป็นสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อม จะให้ผมตัดชุดสำหรับวันงานให้ด้วยรึเปล่าครับ”

   “แน่นอน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมแน่ใจเลยว่าคงไม่มีใครตัดชุดให้น้องชายผมได้ดีเท่าคุณอีกแล้ว แต่วันนี้ผมไม่ได้พาเขามาวัดตัวหรอก เพราะยังอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะถึงงาน”

   “อ้อ...”

   “ผมมานี่เพราะแมกซ์จะไปอิตาลีกับจอห์นในช่วงฤดูหนาว เขาตั้งใจจะทิ้งผมให้นั่งหนาวอยู่คนเดียวในคฤหาสน์หลังใหญ่ เห็นว่าคุณปิดร้านช่วงฤดูหนาว ผมเลยจะมาชวนคุณไปพักด้วย”

   “เอ๋ คุณไม่ได้ออกไปไหนหรือครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ “ต้องมีคนอยู่ที่ลอนดอนในช่วงฤดูหนาว แมกซ์อยู่แทนผมมาหลายปีแล้ว ปีนี้เขาสมควรจะได้ไปพักผ่อนกับคนรัก”

   “อ๋อ...”

   “ว่าไง บึงน้ำที่หน้าคฤหาสน์ผม ช่วงฤดูหนาวจะแข็งเป็นน้ำแข็ง พวกเราไปเล่นสกีกันได้สบาย ไม่ต้องห่วงเรื่องหนังสือ ผมว่าผมมีให้คุณอ่านอย่างจุใจเลยล่ะ”

   กอร์ดอนหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นทำหน้าบอกใบ้ให้เขาปฏิเสธ

   “อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ”

   “ไม่เอาน่า ถ้าไม่สะดวกใจชวนคนอื่นไปด้วยก็ได้ เด็กรับใช้ในร้านคุณเป็นไง”

   “แต่เขาต้องไปอยู่กับแม่ในช่วงฤดูหนาวนะครับ”

   “ก็ชวนแม่เขามาด้วย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “คนเยอะๆ ครื้นเครงดี ถ้ามีใครที่คุณอยากชวนก็ชวนมาได้เลย คฤหาสน์ผมกว้างพอ ไม่ต้องกังวลหรอก”

   “เอ่อ...” กอร์ดอนชักเริ่มรู้สึกลังเล ปกติแล้วหน้าหนาวเขามักจะนั่งผิงไฟอ่านหนังสือ หรือไม่ก็เย็บเสื้อเล็กๆ น้อยๆ แม้ปีนี้จะแอบหวังเล็กๆ ว่าจะได้อยู่กับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ข้อเสนอของลอร์ดฟาริงดอนก็ดูน่าสนใจ ถ้าชวนเดวิดกับแม่ของเขา ทางนั้นก็น่าจะตกลง ปกติแล้วใช่ว่าคนอย่างพวกเขาจะมีโอกาสได้ไปพักในคฤหาสน์ที่มีเตาผิงใหญ่ๆ เสียที่ไหน มันต้องอุ่นสบายมากแน่ๆ

   “ผมขอไปคิดดูก่อนแล้วกันนะครับ”

    ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้ม “ตามสบาย วันนี้ผมจะไปดูแมกซ์ซ้อมรักบี้ คุณจะไปด้วยกันรึเปล่า ผมจะได้แวะมารับ”

   “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่แน่ใจว่าจะว่างไปรึเปล่า ช่วงนี้ยุ่งมากน่ะครับ”

   “อืม ไม่เป็นไร ยังไงก็รักษาสุขภาพแล้วก็ระวังตัวหน่อยล่ะ”

   “ขอบคุณครับ”

   พอทั้งสองคนกลับไปแล้ว เดวิดก็รีบเข้ามาคุยทันที

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณว่าลอร์ดฟาริงดอนพูดจริงๆ หรือพูดเล่นกันแน่ครับ”

   “เรื่องอะไรหรือ”

   “ก็เรื่องที่ว่าให้ผมกับแม่ไปพักช่วงฤดูหนาวที่คฤหาสน์ของเขาได้ไงครับ”

   “อืม... ดูแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรพล่อยๆ นะ”

   “งั้นคุณตกลงได้ไหมครับ” ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย “ถึงเขาดูไม่ใจดีเท่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่ผมอยากไปเล่นสเก็ตช์ คุณเคยไปที่นั่นรึเปล่าครับ มันเป็นไงบ้าง”

   “เป็นที่ที่สวยนะ” กอร์ดอนตอบ “คฤหาสน์ของเขาอยู่นอกเมือง ด้านหน้ามีบึงน้ำสวยเลยล่ะ”

   “ว้าว ผมอยากไปจัง ให้ผมกับแม่ไปด้วยนะครับ”

   “เธอลองไปคุยกับแม่ดูก่อนแล้วกัน”

   “ได้ครับ สัปดาห์นี้ผมจะไปบอกแม่ ผมว่าแม่ต้องไม่ปฏิเสธแน่”

--------------------------------------

   แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในการคุยกับกอร์ดอน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ไม่ยอมแพ้ เธอกลับมาปรึกษาเรื่องนี้กับเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด แต่ก็ถูกฝ่ายนั้นตำหนิว่าหาเรื่องไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่าเธอไม่กล้าไปคุยเรื่องนี้กับลอร์ดเชลบี ความเอาแต่ใจของเธอเกือบทำให้เขาและลูกพี่ลูกน้องของเธอแตกหักกัน การที่ลอร์ดเชลบีออกรับแทนเธอ ทำให้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รู้สึกกระอักกระอวน ถึงมันจะทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่น่านับถือ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเลยที่ต้องให้ใครมารับผิดแทน

   ครั้นจะไปขอความช่วยเหลือจากเลดี้แคทเธอรีน แบนรดอน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกก์เห็นแล้วว่าเธอดูไม่เต็มใจนัก ดูเหมือนเธอเห็นดีเห็นงามกับการปิดบังคนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้มากกว่าจะเปิดเผย บางทีคงเพราะเธอหวังว่าสักวันเขาจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วหันมาสนใจเธอแทน เลดี้แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและเก็บความรู้สึกเก่ง ใครจะไปรู้ว่าเธอคิดอย่างที่ปากพูดจริงๆ รึเปล่า

   แต่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แน่ใจว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น อะไรที่เธอคิดหรือพูดออกไป ก็คือสิ่งที่เธอต้องการทำจริงๆ เธอคลั่งไคล้ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาก อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะคลั่งไคล้ใครได้ขนาดนี้ ตอนที่เธอได้พบกับเขาครั้งแรก แต่รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อุบอุ่นและมั่นคง ไม่ว่าใครได้อยู่ด้วยก็สบายใจ แต่ความเกรี้ยวกราดและเย็นชาที่เขาแสดงออกมาหลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกกลัว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่สามารถเข้าถึงหรือยุ่งด้วยได้ง่ายๆ ทว่าความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีต่อเขายังคงไม่เลือนหาย

   ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ ถ้าตอนนั้นเธอรู้จักยั้งคิดสักนิด... แต่เลดี้อเล็กซานดร้ารู้ดีว่า ต่อให้ย้อนเวลากลับไป เธอก็จะทำเหมือนเดิม เพราะนั่นเป็นนิสัยของเธอ และเธอไม่อยากเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ฟูมฟายเพราะเรื่องที่ทำพลาดไปในอดีต อย่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกเธอ ทุกอย่างยังไมสายเกินแก้ เธอทำพลาดไป เธอทำให้เขาต้องปวดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่เธอสามารถทำสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ดีกว่าเดิมได้

   แม้เขาไม่ได้รักเธอแบบคนรักกัน แต่เขาก็ดีต่อเธอไม่น้อย อย่างที่เลดี้แคทเธอรีนว่าไว้ การได้คบเขาเป็นเพื่อนเป็นเรื่องน่ายินดี สำหรับเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ ตอนนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ใช่เพียงแค่ชายที่เธอตกหลุมรักอีกแล้ว เขาเปรียบเสมือนพี่ชายที่เธอเทิดทูน และเธอได้ทำผิดต่อเขาอย่างใหญ่หลวง อะไรจะดีไปกว่าการขอโทษพี่ด้วยการทำให้พี่สมหวังกับคนที่รักล่ะ

   แต่ปัญหาคือตอนนี้ไม่มีใครร่วมมือกับเธอ ทุกคนต้องคิดว่าเธอเพียงแค่ต้องการหาตัวคนรักของเขาเพื่อแก้แค้น แล้วเธอจะทำอย่างไรดี เธออยากพิสูจน์ว่าเธอจริงใจกับเขา เธอหวังดีกับเขา และเธอรักเขาสุดหัวใจ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนรักของเขาก็ตาม

   “เรจิน่า ฉันควรทำไงดี” ในที่สุดเลดี้อเล็กซานดร้าก็ตัดสินใจปรึกษากับสาวใช้ที่อยู่กันมานานของเธอ “ฉันอยากช่วยให้จอห์นสมหวัง การต้องปิดบังตัวตนของคนที่รักเอาไว้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย”

   ถ้าเป็นคนอื่น เรจิน่าคงบอกให้เลิกยุ่งไปแล้ว แต่เธอรู้นิสัยนายหญิงของเธอดี ลองถ้าเลดี้อเล็กซานดร้าต้องการจะทำอะไรสักอย่าง เธอจะต้องทำมันให้ได้ แน่นอนสิ่งที่เธอทำได้ คือให้คำแนะนำที่ส่งเสริมให้นายหญิงของเธอทำเรื่องพวกนั้นในทางที่เหมาะที่ควร

   “ลองถามเอาจากเลดี้บาธไหมคะ” สาวใช้เสนอ “ดิฉันว่าการที่เขาต้องปิดบังเอาไว้ อาจจะเพราะเขาเคยพาเธอไปพบพ่อแม่แล้วแต่ไม่ถูกยอมรับก็เป็นได้นะคะ”

   “ก็จริงของเธอนะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า แล้วยิ้มออกมา “ถ้าไปถามเธอ เธอต้องรู้แน่ และพอฉันรู้ว่าคนรักของเขาเป็นใคร เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น แค่ทำให้ลอร์ดกับเลดี้บาธยอมรับไม่น่าจะใช่เรื่องยาก”

   ดังนั้น เลดี้อเล็กซานดร้าจึงให้คนไปส่งจดหมายถึงเลดี้บาธ ว่าเธออยากจะเข้าพบเป็นการส่วนตัวในช่วงเย็นวันพุธ ซึ่งเป็นช่วงที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกไปซ้อมรักบี้ แน่นอนว่าเลดี้บาธให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดี

   “เป็นไงบ้างจ๊ะหนูอเล็กซานดร้า มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันงั้นหรือ”

   “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ตอบ แล้วนั่งลงบนโซฟา “ที่นี่สวยจังเลยนะคะ”

   “ขอบใจจ้ะ เสียดายนะที่จอห์นไม่อยู่ ไม่งั้นจะให้เขาพาหนูเดินชมสวนเสียหน่อย”

   “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยกับคุณน่ะค่ะ”

   “ว่ามาสิจ๊ะ”

   “คือ...” แม้จะเรียบเรียงคำพูดมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอกลับนึกไม่ออก “แบบว่า คนรักของจอห์นเป็นผู้หญิงแบบไหนหรือคะ”

   เลดี้บาธมีสีหน้าประหลาดใจ อีกฝ่ายจึงรีบพูดขึ้น “หนูไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีนะคะ แค่คิดว่าน่าจะช่วยเรื่องนี้ได้ คือจอห์นดูรักเธอมากค่ะ หนูอยากให้พวกคุณยอมรับเธอด้วย”

   เลดี้บาธยังคงมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ จนเลดี้อเล็กซานดร้าคิดว่าเธอคงพูดห้วนไปหน่อย ขณะที่กำลังจะพูออธิบายให้ชัดเจนขึ้น เลดี้บาธก็พูดออกมา

   “ฉันดีใจที่หนูหวังดีกับจอห์น แต่... ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะว่าคนรักของเขาเป็นผู้หญิงแบบไหน เขาไม่เคยพามาพบเราเลย”

   “เอ๋” คราวนี้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เป็นฝ่ายที่แสดงอาการประหลาดใจแทน “เขาไม่เคยพาเธอมาทำความรู้จักพวกคุณเลยหรือคะ”

   “จ้ะ ฉันเองก็พยายามเลียบเคียงถามเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่ยอมเปิดเผย บอกรู้ว่าเธอไม่คู่ควร”

   “แปลกจัง” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “แต่การแสดงออกของเขาบอกว่าเธอสำคัญกับเขามากนะคะ”

   “หนูรู้ได้ยังไงจ๊ะ จอร์จเล่าให้ฟังหรือ”

   “อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้ารีบปฏิเสธ “หนูสังเกตเอาน่ะค่ะ ในงานตอนที่เพื่อนของเขาหายไป เขาดูเป็นห่วงมาก มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี หนูว่าเขาคงมีญาติหรือน้องสาวที่สวยมากๆ เลยเดาว่าที่จอห์นให้ความสำคัญกับเขาเพราะเขาเกี่ยวข้องกับเธอ”

   “ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เลดี้บาธว่า พลางถอนหายใจ “แต่เขาไม่เคยพาเธอมาให้เราพบเลย ต่อให้เป็นญาติของโอเดนเบิร์ก เราก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรอก ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี”

   “แปลกจริงๆ ด้วยค่ะ หนูว่าจอห์นออกจะเป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผยมาก ถ้าเขาชอบใครขนาดนั้นเขาคงอยากจะพาเธอมาเปิดตัวแน่ๆ เอ๊ะ หรือว่า...”

   “หรือว่าอะไรจ๊ะ” เลดี้บาธถามขึ้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มีสีหน้าปั้นยาก

   “อย่าว่าหนูเสียมารยาทเลยนะคะ ตอนแรกหนูคิดว่าเขาพามาหาพวกคุณแล้วแต่ถูกปฏิเสธ แต่ถ้าเขาไม่เคยพาเธอมา และไม่บอกรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเธอเลย บางทีเขาอาจจะ... อาจจะชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้วก็ได้ค่ะ”

   “เหลวไหล” เลดี้บาธโพล่งออกมา “จอห์นไม่ใช่คนไร้ศีลธรรมแบบนั้นแน่”

   “ขอโทษนะคะ หนูแค่เดา หนูเองก็ไม่คิดว่าจอห์นจะเป็นคนแบบนั้นหรอกค่ะ”

   บรรยากาศอึดอัดเกิดขึ้นทันที เลดี้บาธเอาแต่นั่งเงียบ ส่วนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ก้มหน้างุดด้วยความอับอาย เธอรู้สึกว่าตัวเองทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   “ท่านหญิง หนูขอโทษจริงๆ นะคะ หนูไม่ได้มีเจตนาจะหมิ่นเกียรติของจอห์นเลยค่ะ”

   “อืม” เลดี้บาธถอนหายใจ “ที่จริงที่หนูพูดมาก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล แต่นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา เข้าใจนะจ๊ะ ฉันหวังว่าหนูจะไม่เอาไปพูดกับใครอีก”

   “แน่นอนค่ะ หนูสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”

   “และฉันขอให้หนูลืมเรื่องพวกนี้ด้วย ไม่ว่ายังไง จอห์นก็เป็นสุภาพบุรุษที่มีเกียรติ เขาไม่ควรมีรอยด่างพร้อยเพราะการคาดเดาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า”

   “ขอโทษค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าได้แต่ก้มหน้า “งั้น... หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

   “ตามสบายจ้ะ ฝากความคิดถึงถึงพ่อของหนูด้วยค่ะ”

   “ค่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบออกจากคฤหาสน์เดล เธออับอายจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

   “เรจิน่า ฉันทำพลาดอีกแล้ว ฉันพูดออกไปได้ไงว่าจอห์นอาจจะชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ถ้าเขารู้จะยิ่งโกรธฉันแน่”

   “ใจเย็นๆ นะคะคุณหนู” สาวใช้ว่า “ดิฉันว่าเลดี้บาธคงไม่บอกเขาหรอกค่ะ และสมมติว่าเรื่องที่คุณคาดเดาเป็นจริง เราก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้อีกแล้วนะคะ”

   “แต่... แต่ฉันไม่เชื่อว่าจอห์นจะเป็นผู้ชายแบบนั้น”

   “โธ่ คุณหนูของดิฉัน ผู้ชายน่ะ ลองถ้าหลงผู้หญิงสักคนแล้ว ไม่ว่าเธอจะเป็นใครเขาก็ไม่สนทั้งนั้นล่ะค่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เม้มปาก “ไม่ ฉันจะพิสูจน์ว่าจอห์นไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าคนรักของเขาเป็นใครกันแน่”

--------------------------------

   “อเล็กซานดร้ามาหาคุณเรื่องอะไรหรือ” ลอร์ดบาธเอ่ยถามภรรยาตอนที่เธอนั่งลงบนเก้าอี้กินข้าว เลดี้บาธมองลอร์ดสามี

   “เธอมาคุยเรื่องจอห์นน่ะค่ะ”

   คนได้ฟังพยักหน้า “เธอเป็นเด็กน่ารักดีนะ ผมว่า เสียดายที่ลูกเราไม่แสดงท่าทีว่าชอบพอเธอเลย เรื่องนี้เห็นทีผมคงช่วยอะไรไม่ได้ จอห์นเอาแต่ใจจะตายไป”

   “เธอไม่ได้มาคุยเรื่องนั้นหรอกค่ะ”

   ลอร์ดบาธมีสีหน้าประหลาดใจ “อ้าว ไหนคุณว่าเธอมาคุยเรื่องจอห์นไง”

   “ใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” เลดี้บาธนิ่งไปอึดใจ “เธอว่าเรากีดกันความรักของจอห์นค่ะ คิดว่าจอห์นพาคนรักของเขามาพบเราแล้วแต่เราไม่เห็นด้วย เธออยากช่วยเขาเรื่องนี้”

   “โอ... เธอช่างเป็นสาวน้อยที่กล้าหาญ แม้ผมจะรู้สึกว่าออกจะขัดกับวิธีของสุภาพสตรีไปหน่อยก็ตามเถอะ”

   “ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกค่ะ” เลดี้บาธว่า “โอ เฮนรีคะ พอเธอรู้ว่าจอห์นไม่เคยพาคนรักของเขามาแนะนำกับเรา เธอก็คาดเดาบางอย่างที่น่ากลัวออกมาค่ะ”

   “อะไรล่ะ”

   “เธอคิดว่าจอห์นอาจจะชอบผู้หญิงที่มีสามีอยู่แล้วก็ได้ค่ะ”

   ลอร์ดบาธเงียบไป จนเลดี้บาธต้องพูดต่อ “นี่คุณจะไม่พูดอะไรสักหน่อยหรือคะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงมากนะคะ ถ้าเกิดว่าจอห์นไปชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้วจริงๆ”

   “มันก็ดีแล้วนี่ที่เขาปิดไว้เป็นความลับจนไม่มีใครรู้นะ แสดงว่าเขายังรู้จักยับยั้งชั่งใจอยู่นะ”

   “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะค่ะ เขาอาจจะเสียคนเพราะเธอก็ได้ จอห์นน่ะเป็นคนจริงจังมากด้วย ถ้าสักวันเขาเกิดรักเธอจนทนไม่ไหวขึ้นมาล่ะคะ”

   “เอาล่ะ ใจเย็นๆ นะ” ลอร์ดบาธว่า “สมมติว่าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริง เราก็ห้ามอะไรลูกไม่ได้อยู่ดี แต่ผมเชื่อนะว่าลูกน่ะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขายังหนุ่มอยู่ เด็กผู้ชายก็ชอบอะไรแปลกใหม่เร้าใจทั้งนั้นแหละ คุณไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวสักพักเขาก็ลืม”

   “คุณนี่ใจเย็นจริงนะคะกับเรื่องแบบนี้”

   ลอร์ดบาธยักไหล่ “ก็มันทำอะไรไม่ได้นี่นา หรือคุณมีวิธีอะไรที่ดีกว่านี้ จะสั่งให้จอห์นเลิกเขาก็คงไม่ทำตามอยู่แล้ว”

   เลดี้บาธถอนหายใจเฮือก “ไม่รู้สิคะ ฉันคิดว่าควรต้องทำอะไรสักอย่าง ให้ลอร์ดสวินดันช่วยสืบเรื่องเธอดีไหมคะ ถ้าเขารู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอแล้ว เขาอาจจะตาสว่างขึ้นมาบ้างก็ได้”

   “คุณอย่าไปก้าวก่ายชีวิตลูกมากเลยน่า อีกอย่างแมกซ์สนิทกับจอห์นจะตาย ถ้าคุณไปพบพ่อเขาที่บ้าน เขาต้องรู้เรื่องนี้และเอาไปบอกจอห์นอยู่แล้ว เชื่อที่ผมพูดเถอะ ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก”

   เลดี้บาธถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง แน่นอนว่าเธอไม่รู้สึกเห็นด้วยกับลอร์ดสามีเลย

-----------------------------------

   ฤดูร้อนแสนสั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูใบไม้ร่วงคืบคลานเข้ามา อุณหภูมิในลอนดอนลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้ากลายเป็นสีหม่นและฝนก็ตกจนน่ารำคาญ ในขณะที่เหล่าคนมีฐานะหนีบรรยากาศอึมครึมออกไปตากอากาศดูใบไม้เปลี่ยนสีในแถบชนบท คนทำงานอย่างกอร์ดอนก็วุ่นอยู่กับการจัดการงานที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จก่อนช่วงวันหยุดฤดูหนาว แน่นอนว่าทุกอย่างเร่งรีบกว่าเดิมเป็นสองเท่า และเขาก็วุ่นจนไม่มีเวลาไปดูลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่กำลังฝึกซ้อมรักบี้อย่างจริงจังเพราะใกล้วันแข่งขันเข้ามาทุกที

   ดยุกและดัชเชสแห่งแคมบริดจ์กลับไปแล้ว แต่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยังคงพักอยู่ที่คฤหาสน์ของเซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ด เธออ้างว่าต้องการไปดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์จนถึงวันที่เขาลงแข่ง แต่แท้จริงแล้วเธอกำลังวางแผนสืบเรื่องของเขาอยู่

   “อเล็กซี่ จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่าเธอจะไปไหนไม่ได้ถ้าไม่มีฉันไปด้วย”

   เลดี้อเล็กซานดร้าทำหน้าถมึงทึงใส่ญาติของเธอ “ฉันอายุสิบเก้าแล้วนะเจเรม ฉันควรมีสิทธิ์ไปไหนมาไหนคนเดียวได้แล้ว”

   “เธอเป็นผู้หญิงนะ” เซอร์เจเรมีว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาฉันจะแบกหน้าไปพบท่านลุงได้ยังไง”

   “คำก็ผู้หญิง สองคำก็ผู้หญิง นายนี่ยังไงกัน ถึงฉันเป็นผู้หญิงก็ดูแลตัวเองได้นะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ฉันเรียนศิลปะป้องกันตัวมาด้วย ปืนพกก็มี นายเองก็เคยเห็นฉันยิงปืนแล้วนี่”

   เซอร์เจเรมีอยากจะยกมือกุมขมับ “ฉันจะไม่ปวดหัวขนาดนี้เลยถ้าเธอเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง”

   “เฮอะ สุดท้ายก็เรื่องนี้นี่เอง” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ ฉันเตรียมทางออกให้นายไว้แล้ว”

   “อะไรของเธอ”

   “หึๆ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หัวเราะอย่างมีเลสนัย “แค่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงก็ได้แล้วใช่ไหม”

   พูดจบเธอก็ชวนสาวใช้เดินออกไป เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดมองด้วยความเพลียใจ เขาหันไปหาลอร์ดเชลบีที่นั่งจิบชาอยู่

   “นี่ แพททริก นายคิดผิดคิดใหม่ได้นะ เรื่องอเล็กซี่นะ ฉันว่านายน่าจะหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้”

   ลอร์ดเชลบีหัวเราะ “อะไรกัน เจเรมี แค่เธอมีปากเสียงกับนายนิดหน่อย ถึงกับให้ฉันหาคนใหม่เลยหรือ ไม่ล่ะ ฉันชอบอเล็กซานดร้า แม้ว่าเธอจะไม่ได้สนฉันเลยก็เถอะ”

   เซอร์เจเรมีถอนหายใจ “ถ้าเป็นฉันต้องไม่มีวันสนใจผู้หญิงแบบนี้แน่ วุ่นวายจะตายชัก”

   เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มสองคนท่าทางสำอางก็เดินเข้ามาในห้อง เซอร์เจเรมีเลิกคิ้ว “พวกคุณเป็นใคร แล้วจู่ๆ เข้ามาที่นี่ได้ไง”

   ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะคิกคัก ขณะที่เซอร์เจเรมีเดินเข้ามาอย่างวางท่า “ถ้าไม่ได้รับเชิญก็กรุณาออกไปจากบ้านของผม ก่อนที่ผมจะเรียกคนมาไล่พวกคุณออกไป”

   “นี่นายดูไม่ออกจริงๆ หรือ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น เซอร์เจเรมีขมวดคิ้ว

   “อเล็กซี่”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้มร่า ภายใต้วิกผมสั้นและหนวดปลอมทำให้เธอดูเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดคราง

   “ให้ตาย เธอทำบ้าอะไรเนี่ย”

   “อ้าว ก็ทำตัวให้ไม่ใช่ผู้หญิงไง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ลอยหน้าลอยตาตอบ “ส่วนนี่ก็เรจิน่า ไงล่ะ นายดูไม่ออกเลยล่ะสิ”

   เรจิน่าย่อเข่าให้เซอร์เจเรมี ฝ่ายนั้นทำท่าเหมือนอยากจะร้อง เขาหันไปหาลอร์ดเชลบี

   “แพททริก นายช่วยพูดอะไรหน่อยได้มั้ย ฉันว่านี่มันบ้าเกินไปแล้ว”

   ลอร์ดเชลบียิ้ม “ผมว่ามันยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ เสียแต่ว่าหนวดมันผิดที่ผิดทางไปหน่อย คุณควรจะแต่งมันอีกสักนิด”

   ไม่พูดเปล่า เขาเดินไปช่วยเลดี้อเล็กซานดร้าแต่งหนวดปลอมด้วย “เล็มอีกหน่อยดีกว่า เจเรม นายมีกรรไกรมั้ย”

   “ให้ตาย” เซอร์เจเรมีคราง “นายจะไปเห็นดีเห็นงามกับอเล็กซี่ทำไม”

   “ก็เธออุตส่าห์ทำถึงขนาดนี้แล้ว นายยังจะใจแข็งอยู่อีกหรือ”

   “มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของฉัน” เซอร์เจเรมีว่า “นายก็รู้ว่าเราไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงโดยเฉพาะที่ยังเด็กอย่างเธอออกไปเดินเพ่นพ่านโดยไม่มีคนดูแล”

   “ฉันไม่ได้ไปเดินเพ่นพ่าน” เลดี้อเล็กซานดร้าเถียง “ฉันกำลังจะไปสืบเรื่องลับต่างหาก”

   “เอาล่ะ ฉันไปแทนนายแล้วกัน” ลอร์ดเชลบีพูด เซอร์เจเรมีหันไปมองเขา

“แต่เย็นนี้นายมีซ้อมรักบี้นะ”

   “ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ระหว่างวันฉันว่างอยู่แล้ว ถ้าญาตินายไม่รังเกียจน่ะนะ”

   “ไม่เลยแพททริก ฉันจะขอบคุณมากเลยล่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า ก่อนจะพูดต่อ “สัญญาค่ะว่าจะกลับมาก่อนถึงเวลาที่คุณจะไปซ้อมรักบี้”

   “จะไปดูการซ้อมเลยก็ได้นะ” ลอร์ดเชลบีว่า “ถ้าไม่กลัวว่าจอห์นจะตกใจที่เห็นคุณในสภาพนี้น่ะ”

   หญิงสาวหัวเราะออกมา “น่าสนุกดีค่ะ เป็นอันว่าคุณจะไปกับเรา แบบนี้ฉันก็ออกไปได้แล้วใช่ไหม”

   เธอหันไปหาเซอร์เจเรมี ฝ่ายนั้นได้แต่ถอนหายใจ “ก็ได้ๆ แต่ระวังอย่าทำอะไรเสี่ยงล่ะ แพททริก ฉันฝากญาติจอมยุ่งคนนี้ด้วยก็แล้วกัน”

   “ได้ เจเรมี ฉันจะดูแลเธออย่างดี”

-----------------------------
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-12-2019 09:24:14
   เลดี้อเล็กซานดร้าเดินออกมากับลอร์ดเชลบี เธอหันมาถามเขา “นายว่าคนอื่นจะดูออกไหม หมายถึง บางทีเจเรมอาจจะแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ก็ได้”

   ลอร์ดเชลบียิ้ม “มองผ่านๆ คุณดูเหมือนเด็กหนุ่มที่เอาหนวดปลอมมาติดน่ะนะ เด็กวัยรุ่นเค้าไม่มีหนวดดกขนาดนี้หรอก”

   “ตายจริง ทำไงดี ฉันกลัวถ้าไม่ติดหนวดแล้วจะดูไม่เหมือนผู้ชาย”

   “ลองแกะออกก่อนไหม ผมจะดูให้ว่ามันโอเครึเปล่า”

   “ได้ แต่ต้องหากระจกก่อน ฉันต้องได้เห็นตัวเองด้วย”

   แน่นอนว่าในคฤหาสน์หลังใหญ่แบบนี้ ต้องมีกระจกประดับอยู่หลายบาน เดินหาไม่นานเลดี้อเล็กซานดร้าก็เลือกได้บานที่ถูกใจ เธอแกะหนวดปลอมออก ความเหนียวของกาวที่ใช้ติดทำให้เธอขมวดคิ้ว ขณะที่ลอร์ดเชลบีแอบอมยิ้ม

   “ได้อยู่นะ ผมว่า” คนดูออกความเห็น “คุณดูเหมือนเด็กผู้ชายที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่น ไม่ต้องติดหนวดหรอก มันดูหลอกๆ น่ะ”

   “งั้นหรือ แล้วเรจิน่าล่ะ เธอถอดด้วยได้ไหม กาวที่ใช้ติดมันค่อนข้างจะคันอยู่นะ”

   “ลองดูสิ ผมว่าเรจิน่าน่าจะเหมือนหนุ่มสวยที่มีอายุหน่อยน่ะนะ”

   เรจิน่าลองแกะหนวดปลอมออก เธอมีอาการแบบเดียวกับเจ้านาย คือเจ็บตอนดึงหนวด

   “อืม... ได้อยู่นะ แต่พวกคุณต้องแต่งผมอีกหน่อย มันดูพองๆ ยังไงไม่รู้”

   “ก็พวกเราผมยาวนี่” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า ลอร์ดเชลบีมองแล้วก็พูดขึ้นมา

   “งั้นใส่หมวกปิดไว้ พวกคุณเตรียมหมวกไว้ด้วยไหม”

   “มีๆ ฉันกำลังลังเลระหว่างหมวกฮอมเบิร์กกับตรอว์ หรือว่าเราใส่หมวกทรงสูงดี”

   “ใส่ฮอมเบิร์กดีกว่า ว่าแต่พวกคุณตั้งใจจะแต่งตัวแบบนี้ไปสืบเรื่องจอห์นที่ไหนกันล่ะ สโมสรของเขาหรือ แต่ที่นั่นเขาไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าหรอกนะ”

   “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้จะไปที่นั่น” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันจะไปที่ร้านตัดเสื้อ ฉันเชื่อว่าระหว่างมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเจ้าของร้าน กับผู้หญิงคนนั้นต้องมีความสัมพันที่ลึกซึ้งแน่”

   “หมายถึงคุณจะไปตัดเสื้อที่ร้านของเขา”

   “อือ มีเหตุผลอื่นอีกหรือที่เราจะเข้าไปในร้านตัดเสื้อของเขาได้”

   “ผมว่าเธอคงไม่นั่งอยู่ตรงหน้าร้านเพื่อรับแขกหรอก” ลอร์ดเชลบีออกความเห็น “เธออาจจะอยู่ด้านในร้าน หรือบางทีอาจจะออกไปข้างนอกช่วงกลางวันก็ได้”

   “แล้วนายมีแผนอื่นรึเปล่า”

   “อืม... ผมว่าเราเปลี่ยนไปจับตาดูคนที่เข้าออกร้านของเขาดีไหม”

   “ถ้าเธออยู่แต่ในบ้าน เราก็จะไม่เห็นนะคะ” เรจิน่าเสนอขึ้นมา “เว้นเสียแต่เขาหรือเธอจะเชิญเราเข้าไป”

   “เอ๊ะ ฉันนึกแผนดีๆ ออกแล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้าโพล่งขึ้นมา ทั้งลอร์ดเชลบีและสาวใช้หันไปมองเธอเป็นตาเดียว

   “ถ้าใช้แผนนี้ต้องได้เข้าไปถึงด้านในร้านของเขาแน่ๆ”

-------------------------------------

   กอร์ดอนกำลังเขียนแบบเสื้ออยู่ ตอนที่ออดหน้าร้านดัง เดวิดที่วิ่งไปเปิดประตูวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเขา

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ เกิดเรื่องแล้วครับ”

   อารามตกใจ กอร์ดอนรีบวางงานที่ทำอยู่แล้วออกไปหน้าร้านทันที เขาเห็นลอร์ดเชลบีพยุงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในร้าน

   “ลอร์ดเชลบี เกิดอะไรขึ้นหรือครับเนี่ย”

   “เขาเป็นลมน่ะ” ลอร์ดเชลบีว่า “รถม้าผมเกือบเหยียบเขาเข้าพอดี ดีที่คนขับสังเกตเห็นก่อน”

   “เคราะห์ดีนะครับที่เขาไม่เป็นอะไรมาก” กอร์ดอนว่า “ยังเด็กอยู่เลย”

   “อืม ผมจะพาไปส่งบ้านเขาก็พูดไม่รู้เรื่อง พอจะมีที่ให้เขานอนพักสักประเดี๋ยวไหม”

   “ชั้นบนมีโซฟาอยู่ครับ”

   “ผมจะพาเขาขึ้นไปเอง ขอโทษที่รบกวนนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะให้แม่บ้านขึ้นไปช่วยดู”

   “ขอบใจมาก เดี๋ยวผมต้องไปธุระต่อ ฝากเขาไว้หน่อยนะ”

   “ได้ครับ”

   กอร์ดอนให้เดวิดพาลอร์ดเชลบีขึ้นไปชั้นบน เพราะต้องกลับไปจัดการงานต่อ เขาแวะบอกมิสซิสมาร์ธาให้ช่วยขึ้นไปดูด้วย เผื่อว่าเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้นต้องการอะไรเพิ่มเติม หลังจากนั้นกอร์ดอนก็ลืมไปเลย กระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งมากดออดเรียกที่หน้าร้าน

   “ได้ยินว่าวิลอยู่ที่นี่หรือคะ” เธอละล่ำละลักถามเขาทันทีที่เห็นหน้า กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้

   “ถ้าหมายถึงเด็กหนุ่มที่เป็นลมล่ะก็ อยู่ชั้นบนครับ”

   “ขอบคุณพระเจ้า” เธอคราง “ฉันตามหาเขาแทบแย่ จนมีคนบอกว่าเห็นผู้ชายลงจากรถม้าพาเขาเข้ามาในนี้”

   “อ้อ... คุณเป็น...”

   “ฉันเป็นพี่สาวเขาค่ะ” เธอว่า “เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ”

   “ผมจะให้เด็กพาคุณขึ้นไปแล้วกัน เขาน่าจะยังนอนพักอยู่”

   กอร์ดอนสั่งให้เดวิดพาหญิงแปลกหน้าขึ้นไปชั้นบน ไม่นานนักเธอก็ลงมาพร้อมกับน้องชาย

   “ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณวิลต้องแย่แน่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงประทับใจ กอร์ดอนรีบตอบ

   “ขอบคุณลอร์ดเชลบีเถอะครับ เขาเป็นคนพาหนุ่มน้อยคนนี้มาที่นี่ เห็นว่ารถม้าเกือบชนเข้า”

   “โอ้ พระเจ้า ช่างเคราะห์ดีเหลือเกิน ฉันไม่รู้จักลอร์ดเชลบีหรอกค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ”

   “ครับ กลับดีๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะให้เด็กออกไปช่วยเรียกรถม้าให้”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เราก็รบกวนคุณมากแล้ว แต่ขอทราบชื่อคุณจะได้ไหมคะ”

   “กอร์ดอนครับ”

   “ขอบคุณมากค่ะมิสเตอร์กอร์ดอน ขอให้พระเจ้าอวยพรให้คุณโชคดีนะคะ”

------------------------------------

   เรจิน่าเรียกรถม้าแล้วจูงเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ซึ่งปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายขึ้นรถเพื่อไปยังจุดที่พวกเธอนัดลอร์ดเชลบีเอาไว้

   “เป็นไงบ้าง ผมเป็นห่วงคุณมากเลยนะ” ลอร์ดหนุ่มถามหญิงสาว ฝ่ายนั้นสั่นศีรษะ

   “ฉันไม่เห็นใครเลยนอกจากแม่บ้านของเขา เธอเป็นหญิงสูงอายุแล้ว คงไม่ใช่คนรักของจอห์นหรอก”

   “แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กดูเป็นคนดีมากเลยนะคะ” เรจิน่าว่า “ดิฉันว่าคนอย่างเขาไม่น่าจะสนับสนุนให้เพื่อนทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมได้”

   “บางทีเขาอาจจะอยู่ในฐานะที่พูดไม่ได้ก็ได้” ลอร์ดเชลบีว่า “จอห์นน่ะเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ สมมติว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไม่ได้ร่วมมือกับเขา แต่เป็นถูกบังคับให้ต้องปิดปากเงียบแทนล่ะ”

   “ถ้าเขาบีบบังคับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่ ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องให้ฉันเชิญไปงานเลี้ยงด้วยเลยนี่นา” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า ลอร์ดเชลบีจึงพูดต่อ

   “บางทีจอห์นอาจพยายามซื้อใจเขาอยู่ก็ได้”

   “....”

   “ผมรู้ว่าคุณชอบจอห์นมาก แต่เขาไม่ใช่ผู้ชายซื่อๆ หรอกนะ”

   “ข้อนั้นฉันรู้แล้วล่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า เรจิน่าพูดขึ้นต่อ

   “สมมติว่าผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้วจริง เธออาจจะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กก็ได้นะคะ ดิฉันว่าลองเปลี่ยนไปสืบเรื่องญาติผู้หญิงที่แวะมาหาเขา หรือเขาแวะไปหาบ่อยๆ ดีกว่าค่ะ”

   “ผมเห็นด้วยกับเรจิน่านะ” ลอร์ดเชลบีว่า “เรื่องนี้เราจ้างคนสืบก็ได้ ไม่ต้องกลัวจะเสื่อมเสียถึงจอห์นด้วย เพราะเราสืบเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์นิ่งคิดไปอึดใจ “ก็จริงเหมือนกันนะ ไปสืบเอาจากทางญาติของเขาน่าจะง่ายกว่า เราก็แค่สืบว่าเขามีญาติผู้หญิงแวะเวียนมาหาบ่อยแค่ไหนเท่านั้นเอง”

   คนฟังทั้งสองพยักหน้า ก่อนที่ลอร์ดเชลบีจะพูดขึ้น “งั้นเราก็กลับกันเถอะ”

---------------------------------------

   กอร์ดอนรอลอร์ดเชลบีจนกระทั่งปิดร้าน ก็ยังไม่เห็นฝ่ายนั้นโผล่มา พอนึกว่าอีกฝ่ายอาจจะลืมเด็กหนุ่มที่เอามาฝากไว้แล้ว หรืออาจจะนึกได้ทีหลังแล้วกลับมาถามหากับเขากลางดึก เจ้าตัวเลยตัดสินใจไปที่สนามซ้อมรักบี้ เพื่อจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ แน่นอนว่าลอร์ดเชลบีแสดงอาการประหลาดใจเป็นอย่างมาก

   “อย่างนั้นหรือ ขอโทษจริงๆ ผมลืมไปเสียสนิทเลย”

   กอร์ดอนทำหน้าเหนื่อยใจ “ดีนะครับที่พี่สาวเขามาตามหา”

   “คุยอะไรกันอยู่น่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินแทรกเข้ามา กอร์ดอนจึงหันไปตอบเขา

   “พอดีเมื่อกลางวันลอร์ดเชลบีเอาเด็กมาฝากไว้ที่ร้านน่ะครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมอง ลอร์ดเชลบีจึงพูดขึ้น “รถม้าฉันเฉี่ยวเด็กที่ข้างถนนน่ะ พอลงไปดูเขาก็เป็นลมไปแล้ว มันใกล้กับร้านของโอเดนเบิร์ก ฉันเลยไปฝากไว้”

   “อ้อ... แล้วตกลงเขาเป็นไงบ้าง”

   “กลับบ้านไปแล้วครับ” กอร์ดอนว่า “พี่สาวเขามารับ เธอถามเอาจากคนแถวๆ นั้น ผมเห็นลอร์ดเชลบีไม่ได้แวะกลับไป ก็เลยมาบอก”

   “นายนี่เลินเล่อจริง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ชนคนแล้วยังต้องให้คนอื่นรับผิดชอบอีก”

   “ฉันต้องไปธุระ” ลอร์ดเชลบีว่า “เผอิญมันได้ใกล้ได้เวลาซ้อม ฉันเลยบึ่งมา ไม่ทันนึกถึงไป”

   “โชคดีนะที่มีคนมารับกลับไป ไม่งั้นต้องลำบากเขาอีก”

   “ก็บอกว่าขอโทษไงเล่า”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงเสียพี่สาวเขาก็มารับไปแล้ว” กอร์ดอนว่า “อีกอย่างลอร์ดเชลบีก็อุตส่าห์พาเขามานอนพัก ไม่ได้ทิ้งไว้ข้างทางสักหน่อย”

   “หึ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียง “ฉันว่าตั้งแต่เกิดเรื่องคราวก่อนนายก็ไม่ควรจะตากหน้าไปรบกวนเขาอีกแล้วนะ”

   “โธ่ จอห์น นี่มันเรื่องช่วยคนนะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดเชลบีเมินหน้า

   “นายนี่ใจแคบกระทั่งเรื่องนี้หรือ ไม่ไหวเอาเสียเลย”

   “พอเถอะครับ พวกคุณนี่เจอหน้ากันทีไรทำไมถึงต้องมีปากเสียงกันทุกที”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ขณะที่ลอร์ดเชลบีทำหน้าเซ็ง กอร์ดอนจึงลากตัวคนรักของเขาออกมา

   “คุณนี่ใจดีจริงๆ ถ้าเกิดเด็กนั่นเป็นขโมยขึ้นมาจะทำไง”

   “โธ่ เขาเป็นลมนะครับ” กอร์ดอนว่า “แล้วก็ยังเด็กอยู่เลย ผมจะปฏิเสธได้ไง”

   “แล้วที่ร้านคุณไม่มีอะไรหายใช่ไหม ตรวจดูหรือยัง”

   “ไม่มีอะไรหายหรอกครับ ผมไม่เห็นเขาถืออะไรไปเลย อีกอย่างมิสซิสมาร์ธาก็ขึ้นไปดูอยู่”

   “แต่ยังไม่ได้ตรวจดูใช่ไหม”

   “เดี๋ยวกลับไปค่อยตรวจก็ได้ครับ แต่ผมว่าไม่มีอะไรหายหรอก”

   “อืม เดี๋ยวผมจะไปช่วยดูด้วย ว่าแจกันของผมยังอยู่รึเปล่า”

   “โธ่ แจกันอันใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีใครกล้าเดินถือดุ่มๆ ออกไปหรอกครับ”

   “ก็ผมอยากไปตรวจดูนี่”

   “อยากไปร้านผมก็บอกเถอะครับ”

   ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้ม ใจอยากหอมแก้มคนรักสักฟอด ติดแต่ตอนนี้อยู่ในที่สาธารณะ “เดี๋ยวกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว เราค่อยกลับไปตรวจดูกัน วันนี้เอ็ดดี้จะเป็นเจ้ามือ”

   “เนื่องในโอกาสอะไรหรือครับ”

   “เขาชนะพนันน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางหัวเราะ “แต่คุณจะต้องกินหอยทากนะ เพราะเขาเจาะจงว่าจะเลี้ยงที่ภัตตาคารฝรั่งเศส”

   “ก็ได้ครับ ผมยังไม่เคยกินมาก่อนเลย”

   “มันก็ไม่แย่หรอก ผมว่าอร่อยดีนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ทั้งคู่เดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่รออยู่ ก่อนจะนั่งรถออกไปกินมื้อเย็นด้วยกัน

--------------------------------------

   เลดี้อเล็กซานดร้าทำตามแผนที่วางไว้ คือจ้างนักสืบให้สืบเรื่องของกอร์ดอน ระหว่างที่รอความคืบหน้า เธอก็ฆ่าเวลาด้วยการไปหัดฟันดาบที่สโมสรเฮมดาล เนื่องจากประธานสโมสรกลับมาแล้ว เขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงและไม่ได้อาศัยอยู่ที่ลอนดอนเป็นการถาวร จึงอนุญาตให้มาหัดฟันดาบที่สโมสรได้เป็นกรณีพิเศษ ที่สโมสรนี้เอง เธอได้มีโอกาสพบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ แม้จะประทับใจทักษะการฟันดาบของเขา แต่เธอก็ไม่กล้าเข้าไปเซ้าซี้เหมือนก่อน

   “นี่ จอห์น ไหนๆ นายก็มาแล้ว ไม่มาสอนอเล็กซานดร้าฟันดาบหน่อยหรือ” ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นหลังยืนดูลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟันดาบอยู่กับสมาชิกอีกคน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบพูดทันที

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่กล้ารบกวน”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “อเล็กซานดร้า คุณอยากเรียนดาบกับผมหรือ แต่บอกก่อนนะว่าผมสอนไม่เก่งเท่าไหร่”

   “นายมีมารยาทหน่อยจอห์น” ลอร์ดเชลบีพูดขึ้นมา “อเล็กซานดร้าปลื้มนายนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก แพททริก” เลดี้อเล็กซานดร้าว่า “ฉันฟันดาบแบบจอห์นไม่ไหวแน่ เขาตัวใหญ่จะตาย”

   จู่ๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ยิ้มออกมา “ดาบอันเล็กนิดเดียวเอง มาสิ ขอผมดูหน่อยว่าฝีมือคุณเป็นยังไง”

   “แต่...”

   “เถอะน่า ให้เกียรติผมหน่อย”

   เลดี้อเล็กซานดร้าจึงจำต้องเดินไปหยิบดาบขึ้นมา

   “เบามือหน่อยนะจอห์น ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนะ” เซอร์เจเรมีตะโกน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

   “ใครจะให้สัญญาณ”

   ลอร์ดฟาริงดอนเดินเข้ามา “ฉันเอง เริ่มได้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ดาบรุกไล่เลดี้อเล็กซานดร้าแบบไม่ออมมือ แน่นอนว่าฝีมือดาบเขาเหนือชั้นกว่าเธอมาก

   “จอห์น นายมันปิศาจชัดๆ” ลอร์ดเชลบีเค้นเสียง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ

   “สะบัดข้อมือให้แรงอีก” เขาตะโกน “แรงคุณมีแค่นี้เองหรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้าขบฟันกรอด คำพูดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำให้เธอรู้สึกฮึดขึ้นมา “อย่าคิดว่าคุณตัวใหญ่แล้วจะชนะฉันได้ง่ายๆ นะ”

   เธอเสือกข้อมืออกไปโดยกำลังแรงกว่าเดิม แต่ก็ถูกตีโต้กลับมา “ใช้ไม่ได้ ปวกเปียกมาก อย่าเหวี่ยงตัว ใช้แรงจากหัวไหล่สิ”

   ทั้งคู่ประดาบกันอยู่พักจนเลดี้อเล็กซานดร้าเหงื่อออกท่วมตัว ในที่สุดเธอก็ตีโต้เขาได้หนึ่งดาบ

   “ดาบดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วถอยออกไป “ขอบคุณที่ให้เกียรติผมสอนดาบให้”

   เลดี้อเล็กซานดร้ามองเขาด้วยความงุนงง ขณะที่เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดพูดขึ้น “พักเสียหน่อยอเล็กซี่ เธอเพิ่งประมือกับปิศาจที่ใช้ดาบเป็นอาวุธมานะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้าเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้ รู้สึกเหนื่อยจนเกือบคิดอะไรไม่ออก แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ลุกพรวดขึ้นมา

   “จอห์น ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันกลับมามอง “ที่นี่หรือ”

   เลดี้อเล็กซานดร้านิ่งไปอึดใจ “ระเบียงดีกว่าค่ะ อากาศในนี้ร้อน ฉันอยากออกไปตากลมเย็นๆ”

   ทั้งคู่เดินออกมาที่ระเบียง ได้ยินเสียงรถจอแจที่ด้านนอก หลังยืนเงียบๆ กันอยู่พัก เลดี้อเล็กซานดร้าก็พูดออกมา

   “ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะคะ ฉันรู้ว่าตอนแรกคุณตั้งใจจะปฏิเสธ”

   “อืม ผมตั้งใจจะปฏิเสธจริงๆ นั่นแหละ แต่พอเห็นคุณถอดใจง่ายๆ แล้วก็เลยรู้สึกว่านั่นไมใช่คุณเลย” เขาก้มลงมองสบตากับเธอ

   “ผมอาจจะยังโกรธคุณอยู่ก็จริง แต่ผมไม่อยากกลายเป็นคนที่ชิงความสดใสและช่างสู้ไปจากคุณหรอก ในฐานะพี่ชาย ผมชอบอเล็กซานดร้าที่แก่นแก้วคนเดิมมากกว่า”

   เลดี้อเล็กซานดร้ายิ้มออกมา “ฉันมีพี่ชายอยู่ตั้งสามคนแล้ว แต่... เพิ่มคุณมาอีกคนก็ไม่เลวค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ขอบคุณที่ให้เกียรติผม”

   “กอดฉันแบบพี่ชายสักหนได้ไหมคะ”

   “ผมไม่เคยมีน้องสาวหรอกนะ อาจจะแข็งๆ หน่อย”

   “ไม่เป็นไรค่ะ เยี่ยมเลยที่ฉันเป็นน้องสาวคนแรกของคุณ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงเธอมากอด แล้วตบไหล่เบาๆ เลดี้อเล็กซานดร้ากอดตอบเขา รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ แม้เธอจะไม่ได้รับความรักเชิงหนุ่มสาวจากเขา แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

   ลอร์ดเชลบีที่ยืนมองอยู่จากด้านในสโมสร ได้แต่กำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ

-------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-12-2019 11:23:03
อเล็กซี่ จะทำให้เรื่องเสียหรือเปล่านะ ถึงแม้จะหวังดีก็ตามเถอะ
อีกอย่าง กลัวแพทริกที่หึงมากๆ เรื่องจะไปกันใหญ่เลยนะนั่น
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-12-2019 16:27:46
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2019 21:55:50
ถ้าอเล็กซี่  กับจอห์น จะคู่กัน คงพิลึกมาก เพราะนิสัยเหมือนกันมาก  :a5: o22
เอาแค่ใจ ดื้อรั้น ไม่ยอมเลิกลาง่ายๆ จนกว่าจะรู้ผล  :ling1: :katai1:
เหมือนนางจะทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาให้ได้ แต่ขอให้เป็นเรื่องดีๆเท้อ   :เฮ้อ: :m16:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 14-12-2019 23:33:41
ไม่ค่อยชอบยัยอเล็กซี่เลย วางใจไม่ได้ :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-12-2019 23:48:19
คนอย่างจอห์นมีคนเดียวพอจริง ๆ แค่นี้ก็ป่วนทั้งลอนดอน

เพิ่มอเล็กซี่เข้ามาคือป่วนทั่งอังกฤษ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 15-12-2019 07:25:36
อเล็กซี่ นางไม่ค่อยมีมารยาทนะ
เรื่องความรักคนอื่น ถ้าเค้าปฏิเสธหลายๆรอบแล้ว
ก้ไม่ยื่นมีเข้าไปสอดรึเปล่า
ถึงขั้นไปคุยกะแม่เค้า คิดว่าตัวเองเป็นใคร
ถ้าพ่อแม่เค้ากีดกันจริง คิดว่าจะฟังหรอ แล้วสืบไปอีก
นี่ไม่ชอบนางมาก กลัวทำความลับแตกมาก  :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่45p.22(12/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 15-12-2019 08:25:41
เอาอเล็กซี่ออกไป
นางจะทำให้เรื่องยุ่งไปกันใหญ่
ทำไมไม่ชอบนางเลย
 :m16: :m16: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่46p.22(26/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-12-2019 07:40:39
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่46 แข่งรักบี้

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน เขามองดูเอกสารที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้มาเมื่อหลายวันก่อน เกี่ยวกับเบนจามิน ดอว์สัน คนรักของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน หลายครั้งที่เขาคิดจะพูดกับเธอเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเธอเวลาพูดถึงคนรัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็อ้าปากไม่ออกทุกที เขาถอนหายใจเฮือก บางทีอดีตอาจไม่สำคัญเท่าปัจจุบัน บางที... เบนจามิน ดอว์สันคนนี้อาจจะรักเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจริงๆ

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดสินใจสอดเอกสารพวกนั้นใส่ลิ้นชัก แล้วปิดมันไว้

   เขาคิดว่าคนเราควรได้รับโอกาสสักครั้ง

----------------------------------

   ในที่สุดวันที่ทุกคนเฝ้ารอก็มาถึง การแข่งขันจัดขึ้นที่สนามเรกตอรี่ ฟิลด์ ในพื้นที่แบล็กฮีธ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน ผู้คนเนืองแน่น ต่างแต่งตัวอย่างหรูหรา กอร์ดอนพาเดวิดลงจากรถม้า อากาศค่อนข้างเย็น ทั้งคู่กระชับเสื้อโค้ทแล้วเดินไปต่อคิวเพื่อรอจะเข้าสนาม

   “คนเยอะมากมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมว่าวันนี้ฝนไม่ควรตก”

   กอร์ดอนหัวเราะ “แต่วันนี้อากาศดีจริงๆ ฉันไม่คิดว่าฝนจะตกหรอก”

   “ดีนะครับที่งานแข่งจัดใกล้แค่นี้ ถ้าจัดที่แมนเชสเตอร์เราคงต้องเดินทางตั้งแต่เมื่อวาน”

   “อืม... แต่ฉันก็อยากไปเที่ยวแมนเชสเตอร์ดูสักทีเหมือนกันนะ” กอร์ดอนว่า ผู้คนทยอยเดินเข้าสนาม กอร์ดอนเดินตามหาที่นั่งตามเลขบัตร เขาเห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตันและเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตนั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่แต่งตัวทันสมัย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสวมหมวกทรงสูงดูเก๋ไก๋ ขณะที่เลดี้มาการ์เร็ต อยู่ในชุดฤดูใบไม้ร่วงสีส้มแดงชวนให้นึกถึงสีของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนอยู่ตอนนี้จริงๆ

   “อ้าว กอร์ดอน นั่งก่อนสิ ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าใครจะมาเป็นรายต่อไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ไม่นานนักลอร์ดเบอร์มิ่งก็ตามมาสมทบ ตามด้วยสมาชิกสโมสรคนอื่นๆ และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า คือลอร์ดฟาริงดอนที่มาพร้อมกับแอนนาเบล เฮเก้นต์

   “อ้าว นายมาเป็นบอดี้การ์ดให้เธอหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแซวทันที ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า

   “แน่นอนจอร์จ ฉันมาพิทักษ์เธอจากผู้ชายอย่างนายนั่นแหละ”

   เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหัวเราะ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าเบ้ แอนนาเบล เฮเก้นต์นั่งลงข้างๆ กอร์ดอน จากนั้นไม่นานเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกับเบนจามิน ดอว์สันก็เดินเข้ามา

   “ว้าว หมวกคุณสวยมากเลยครับ” กอร์ดอนเอ่ยชมทันทีที่เห็นเธอ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะเขินๆ “เบนซื้อให้ฉันค่ะ คุณเคยพบเขาหรือยังคะ”

   “ไม่เลยครับ ผมเคยได้ยินจอห์นพูดถึงเฉยๆ” กอร์ดอนว่า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงแนะนำคนรักของเธอให้เขารู้จัก

   “ท่านตาตากอากาศเย็นไม่ไหวเลยไม่ได้มาด้วยค่ะ ท่านบ่นเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้มาดูจอห์นลงแข่ง”

   “ท่านดยุกอายุมากแล้ว ต้องระวังสุขภาพนะครับ” กอร์ดอนว่า เดวิดพูดด้วยความตื่นเต้น

   “เจ้าชายจะเสด็จแล้วใช่ไหมครับ เราจะมองเห็นพระองค์ไหม”

   “เธอจะใช้กล้องส่องดูระหว่างแข่งก็ได้นะ” ลอร์ดฟาริงดอนที่นั่งอยู่ถัดไปพูดขึ้น “ฉันมีให้ยืม”

   “ได้หรือครับ” เดวิดทำหน้าดีใจ “ผมยังไม่เคยเห็นเจ้าชายมาก่อนเลย”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม ขบวนเสด็จของเจ้าชายมาถึงหลังจากนั้นอีกพักใหญ่ หลังผู้ชมทยอยเข้าสนามจนครบแล้ว ขบวนพาเหรดเปิดงานทำออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และจบด้วยสุนทรพจน์ของเจ้าชาย จากนั้นผู้เล่นทั้งสองทีมก็ทยอยเดินเข้ามาในสนาม โฆษกประกาศชื่อของแต่ละคน ท่ามกลางเสียงปรบมือเป็นระยะ กอร์ดอนรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ในสนาม เขาดูโดดเด่นกว่าผู้เล่นทุกคน แม้ไม่ใช่ผู้เล่นที่เตะทำคะแนน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เกิดคะแนนเหล่านั้น

   “บ้าชะมัด แพททริก วิ่งเร็วซี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชียร์อย่างออกรสออกชาติ ขณะที่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอุทานเป็นระยะๆ ลอร์ดเบอร์มิ่งผู้มีความสุขกับการทำนายว่าใครจะเตะลูกเข้าดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อการคาดเดาของเขาถูกต้อง แน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ระหว่างนั้นโดยที่แทบไม่มีใครทันสังเกต ลอร์ดฟาริงดอนขยับไปพูดบางอย่างกับเบนจามิน ดอว์สัน หลังจากนั้นอีกสักพักเขาก็ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ

   การแข่งขันสิ้นสุดลง โดยชัยชนะของทีมลอนดอน ทว่าคะแนนก็ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันที่สนุกสูสีทีเดียว นักกีฬาทุกคนรวมถึงโคชได้รับของที่ระลึกจากเจ้าชาย มีพิธีกล่าวปิดงานสั้นๆ ตามด้วยพลุไฟ จากนั้นผู้คนก็พากันทยอยออกจากสนาม

   กลุ่มสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดออกมายืนรอที่ด้านนอก เพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ประสบความสำเร็จในสนาม ส่วนกลุ่มของลอร์ดฟาริงดอนเองก็อยู่ไม่ห่างกันมากนัก แน่นอนว่าต้องมีการปะทะฝีปากกันเล็กน้อยตามธรรมเนียม

   “พนันได้เลยว่าจอห์นจะจองหองยิ่งกว่าเดิม” ลอร์ดชอร์เลย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้น

   “ในขณะที่แพททริกไม่รู้สึกยืดเลยงั้นหรือ ไม่เอาน่า ใครเล่นดีก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้าสิ”

   “แต่จอห์นเล่นดีจริงๆ นะคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “แพททริกก็เล่นดี ฉันว่าเพราะทุกคนช่วยกันเลยเอาชนะมาได้”

   “ถูกของอเล็กซี่” เซอร์เจเรมี ไฮฟอร์ดเสริม “ชัยชนะในวันนี้เกิดจากการร่วมมือกันของทุกคน ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอก”

   ลอร์ดฟาริงดอนอมยิ้ม “มารอดูกันดีกว่าว่าจอห์นจะพูดอะไรในเรื่องนี้”

   ใช้เวลาพักใหญ่ๆ กว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนที่เหลือจะออกมาจากสนาม เพราะต้องเข้าพบเจ้าชายและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

   “จอห์นนี่ มันเป็นการแข่งที่ยอดมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายคือดาวเด่นในสนามเลย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าแมกซ์ไม่หยุดการเข้าทำ แล้วแพททริกวิ่งไปวางทรัยได้ คงไม่ชนะหรอก”

   “พูดได้ดี” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ไหนๆ เราก็ได้ชัยชนะมาอย่างน่าประทับใจ วันนี้ฉันจะเลี้ยงพวกนายเอง ทั้งหมดนี่แหละ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “เข้าท่าไมครอฟต์ ฉันไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่าเราจะจัดงานเลี้ยงร่วมกันได้”

   “เอาล่ะๆ ก่อนที่พวกนายจะตกลงอะไรกันโดยไม่ถามความเห็นพวกฉันนะ เรามาถ่ายรูปกันก่อนดีกว่า” ลอร์ดเบอร์มิ่งว่า “ช่างภาพมารออยู่นานล่ะ ฉันจะไม่ยอมพลาดช็อตเด็ดนี่แน่ มันจะต้องไปอยู่ในอัลบั้มรูปที่ห้องของฉัน”

   “อัดเผื่อฉันด้วยนะเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “มันต้องเป็นภาพประวัติศาสตร์แน่”

   “ฉันอัดแจกทุกคนล่ะน่า” เขาหลิ่วตาไปมองฝั่งของลอร์ดฟาริงดอน “แน่นอนว่าเผื่อพวกนายด้วย”

   “ไม่เป็นไร เอ็ด” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ฉันก็เตรียมช่างภาพมาด้วยเหมือนกัน หวังว่านายจะทำหน้าดีๆ ตอนถูกถ่ายรูปนะ”

   สมาชิกทั้งสองกลุ่มยืนถ่ายรูปร่วมกันที่ด้านหน้าสนามกีฬา หลังจากนั้นก็พูดคุยกันถึงเรื่องงานเลี้ยงมื้อเย็นที่กำลังจะเกิดขึ้น เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเข้าไปหาลอร์ดฟาริงดอน

   “คุณพูดอะไรกับเบนกันคะ” ท่าทางของเธอค่อนไปทางโกรธปนสับสน ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่

   “ยังไม่มีใครบอกคุณหรือ เอางี้แล้วกัน ไปกินมื้อเย็นกันก่อน ผมว่างแล้วจะเล่าให้ฟัง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนขมวดคิ้วเป็นเชิงไม่พอใจ ซึ่งเป็นสีหน้าที่เธอไม่ค่อยแสดงออกนัก “ก็ได้ค่ะ ฉันแน่ใจว่าคุณจะต้องว่างตอบคำถามนี้”

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดฟาริงดอนจึงพูดตอบ

   “ฉันชวนแคทเธอรีนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน”

   “อ้อ... แล้วนี่มิสเตอร์ดอว์สันไม่ได้มากับคุณด้วยหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปถามเธอ เลดี้แคทเธอรีนสั่นศีรษะ อีกฝ่ายมีท่าทางผิดหวังเล็กน้อย

   “น่าเสียดาย งั้นคุณก็มากินมื้อเย็นกับพวกเราเถอะ ถ้าไม่รังเกียจนะ”

   “ไม่เลยค่ะ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก” เธอพูดพลางเหลือบไปมองลอร์ดฟาริงดอนเล็กน้อย ฝ่ายนั้นมองตอบด้วยรอยยิ้มน่าอึดอัดบนริมฝีปาก

--------------------------------

   งานเลี้ยงจัดขึ้นที่ภัตตาคารเดอะรูล ในห้องกินข้าวแบบส่วนตัว มื้อนี้อุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษแม้ว่าจะไม่มีคาร์เวียสีทอง เพราะลอร์ดฟาริงดอนเป็นเจ้ามือ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดูมีความสุขที่ได้เห็นพี่ชายของเขานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนรัก แม้จะมีการเขม่นกันบ้างเล็กน้อยตามประสา งานเลี้ยงเป็นไปอย่างชื่นมื่น แม้หลายคนจะสงสัยถึงการมานั่งร่วมโต๊ะของกอร์ดอนกับเดวิด แต่ในเมื่อเจ้าภาพดูเหมือนจะพอใจที่เป็นแบบนั้น ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

   เดวิดดูจะมีความสุขกว่าใครเพื่อน เขาคุยจ้อมาตลอดทางกลับบ้าน “เหมือนฝันไปเลยครับ ผมไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้กินมื้อเย็นที่หรูขนาดนี้ ไวน์ก็อร่อย แชมเปญก็อร่อย ผมนี้โชคดีจริงๆ เลย แบบนี้ถ้าคุณแต่งงานกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องสบายไปทั้งชาติแน่”

   “เธอเมาแล้วล่ะเดวิด ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าดื่มเยอะ” กอร์ดอนพูดพลางมองเด็กหนุ่มที่แก้มแดงเรื่อจากพิษแอลกอฮอลด้วยสายตาเอ็นดู เดวิดพยักหน้าหงึก

   “ก็รู้สึกมึนๆ อยู่เหมือนกันครับ แต่ผมว่าสบายดีออก แบบนี้เรียกว่าเมาหรือครับ”

   “เรียกว่าเริ่มต้นเมา” กอร์ดอนว่า “ถ้าเมาเยอะกว่านี้จะดูไม่เป็นผู้เป็นคนเลย”

   เด็กหนุ่มหัวเราะ “เคยเห็นล่ะครับ สภาพแย่มาก ไม่น่าดูเลย”

   “เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าอย่าดื่มเยอะไงล่ะ”

   “แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดฟาริงดอนดื่มอย่างกับน้ำเลยนะครับ”

   “ก็ช่างพวกเขาสิ ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องทำตามเสียหน่อย”

   “คุณว่าพวกเขาจะเมาเยอะไหมครับ ดื่มไปขนาดนั้น”

   “ไม่รู้หรอก แต่ฉันคิดว่าคงไม่ พวกเขาคงรู้ขอบเขตในการดื่มของตัวเองนั่นล่ะ”

   อย่างที่กอร์ดอนว่า ไม่มีใครเมามากขนาดนั้นสักคน ทุกคนต่างรู้จักดื่มแต่พอดี แม้ว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะดื่มเยอะไปหน่อยก็เถอะ ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับ ลอร์ดโทรว์บริดจ์อาสาไปส่งเลดี้แคทเธอรีน แต่เธอปฏิเสธ บอกว่ามีธุระจะต้องคุยกับลอร์ดฟาริงดอน

   “ฉันจะไปส่งเธอเอง” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ หันมาคุยกับเลดี้แคทเธอรีน

   “แคท ผมไม่รู้ว่าคุณจะคุยอะไรกับเขา แต่ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ ไมครอฟต์น่ะเป็นคนที่มีความคิดประหลาดๆ”

   “ฉันได้ยินนะจอห์น มันเสียมารยาทมากนะที่นินทาคนอื่นต่อหน้าหญิงสาวน่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “งั้นฉันกลับก่อน นายเองก็ดูแลเธอให้ดีด้วยล่ะ”

   “แน่นอน ฉันไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบหรอกน่า”

   เมื่อทุกคนทยอยกลับไปหมดแล้ว ลอร์ดฟาริงดอนจึงพูดขึ้น “ลงไปนั่งคุยกันข้างล่างเถอะ อยู่กันแค่สองคนในที่แบบนี้มันไม่ดีกับคุณ”

   ทั้งคู่จึงลงมานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหารชั้นล่าง ซึ่งกั้นเป็นคอกแยกๆ กัน เลดี้แคทเธอรีนเปิดฉากถามขึ้น

   “ตกลงแล้วคุณคุยอะไรกับเบนกันแน่คะ ทำไมเขาถึงหายไปเลยแบบนี้”

   ลอร์ดฟาริงดอนมีสีหน้าประหลาดใจแบบแกล้งทำ “อ้าว เขาไม่กลับมาจากเข้าห้องน้ำหรือ โธ่ ผมก็อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอ”

   “อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดอย่างเคืองๆ “เราไม่ได้รู้จักหรือสนิทกัน แล้วฉันก็จำไม่ได้ด้วยว่าเคยไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจตอนไหน”

   “อ้อ ใช่ คุณเป็นสาวสวยที่ปรากฏตัวขึ้นมาในลอนดอนระหว่างที่ผมวุ่นวายอยู่ที่อินเดียว ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนี้หรอก แต่เรื่องผู้ชายคนนั้น... ที่คุณเรียกว่าเบนน่ะ พวกเราไม่ได้เจอกันครั้งแรกหรอกนะ ว่าแต่ตอนนี้เขาใช้ชื่ออะไร เบนจามินหรือ”

   “เบนจามิน ดอว์สันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า “คุณรู้จักกับเขามาก่อนหรือคะ”

   “จะเรียกว่ารู้จักกันในเชิงเพื่อนฝูงก็ไม่ถูกเท่าไหร่หรอกนะ ว่าแต่ไม่มีใครเล่าเรื่องเขาให้คุณฟังเลยหรือ จอห์นเองก็ดูเหมือนจะรู้จักเขานี่นา”

   “ฉันเคยพาเขาไปพบจอห์นค่ะ และจอห์นก็ไม่เคยพูดอะไรเลย เขาไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องน่าอับอายมาขู่เข็ญคนอื่นอย่างที่คุณทำลงไปหรอกนะคะ”

   “อ้าว กลายเป็นผมผิดสิเนี่ย” ลอร์ดฟาริงดอนพูดพลางหัวเราะ “ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ผมเป็นประเภทที่ชอบเอาเรื่องน่าอับอายมาขู่เข็ญคนอื่น อยากรู้ไหมว่านายเบนจามินคนนี้มีเรื่องน่าอับอายอะไร”

   “ที่ฉันอยากรู้มากกว่า” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “คือคุณถือดีอะไรที่เอาเรื่องนั้นมาพูดจนเขาหนีไป”

   “ผมถือดีที่ผมเป็นผมนี่แหละ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ฟังนะ ผมไม่ได้มีเจตนาจะไล่เขาไป ผมแค่บอกว่าผมรู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา ถ้าเกิดเขาทำอะไรไม่ดีอย่างที่เคยทำอีกล่ะก็ รับรองว่าจะจบไม่สวยแน่”

   เลดี้แคทเธอรีนขมวดคิ้ว “เบ็นเป็นนักธุรกิจ เขาเป็นคู่แข่งทางการค้าของคุณหรือไงกัน”

   “โธ่ ผมว่าคุณออกจะดูเป็นผู้หญิงที่ฉลาดอยู่นะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เขาบอกคุณว่าเป็นนักธุรกิจหรือ ก็ไม่ผิดหรอก เพียงแต่ธุรกิจของเขามันคือการต้มตุ๋นน่ะ”

   “อะไรนะคะ”

   “เขาเป็นนักต้มตุ๋นตัวฉกาจเลย เขาหลอกต้มบรรดาสุภาพสตรีชั้นสูงมาแทบจะทั่วยุโรปล่ะ คุณเจอกับเขาบนเรือท่องเที่ยวใช่ไหม แล้วเขาก็บอกคุณว่าเขากำลังมองหาช่องทางในการทำธุรกิจ คุณคุยกับเขาถูกคอมาก แล้วก็เริ่มคบหากัน แต่เขาจะไม่ให้คุณเที่ยวไปบอกใครว่ากำลังคบกันอยู่ อ้างว่ากำลังสร้างฐานะ ผมพูดผิดตรงไหนไหม”

   เลดี้แคทเธอรีนหน้าซีด ลอร์ดฟาริงดอนเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจ “แสดงว่าผมพูดถูกสินะ”

   “คะ... คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ”

   “ผมเคยเจอเขาครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ในตอนที่ตามล้างตามเช็ดเรื่องที่เขาก่อไว้นั่นแหละ สุภาพสตรีที่ถูกเขาหลอกคนหนึ่งอยากเห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย อยากให้เขามายืนยันว่าไม่ได้หลอก ผมเสียเวลาตามหาเขาหลายสัปดาห์ สุดท้ายก็เจอตัว ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าผมใช้กำลังบีบบังคับเขานิดหน่อยให้ทำตามประสงค์ของสุภาพสตรีคนนั้น แล้วก็ปล่อยเขาไป หวังว่าเขาจะเข็ดกับเรื่องที่เกิดขึ้น คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมาเจอเขาที่สนาม โลกกลมจริงๆ ถ้าคุณกลัวว่าผมแอบอ้าง คุณเอาเรื่องนี้ไปถามเขาดูก็ได้ ถ้าคุณติดต่อเขาได้น่ะนะ”

   เลดี้แคทเธอรีนผลุดลุกขึ้น ตัวสั่นด้วยความตกใจและโกรธ เธออ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เป็นลมไปเสียก่อน ลอร์ดฟาริงดอนรีบลุกไปช้อนตัวเธอไว้ทันก่อนจะล้มลง

--------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลืมตาขึ้นมา เธอได้ยินเสียงสาวใช้ประจำตัวพูดด้วยความดีใจ

   “คุณหนู...”

   หญิงสาวกะพริบตาซ้ำหลายครั้ง ก่อนจะพูดเสียงค่อย “ที่นี่ที่ไหนน่ะ”

   “ห้องด้านหลังของเดอะรูลค่ะ” สาวใช้ตอบ และช่วยประคองเจ้านายให้ลุกขึ้น “คุณหนูเป็นไงบ้างคะ ดิฉันตกใจแทบแย่ จู่ๆ ก็เป็นลมไป ดีที่ลอร์ดฟาริงดอนประคองไว้ทัน”

   เลดี้แคทเธอรีนชะงักไป ก่อนจะพูดขึ้น “ลอร์ดฟาริงดอน เขาไปไหนแล้วล่ะ”

   “รออยู่ข้างนอกค่ะ”

   “นี่กี่โมงแล้ว”

   “เอ... จะห้าทุ่มแล้วค่ะ”

   เลดี้แคทเธอรีนมีสีหน้าตกใจ “ดึกป่านนี้แล้วหรือ ท่านตาต้องเป็นห่วงแน่”

   สาวใช้รีบเข้าไปช่วยประคอง แล้วพาเธอเดินออกไปจากห้อง ลอร์ดฟาริงดอนรออยู่จริงๆ เขารีบดับบุหรี่ตอนเห็นทั้งคู่เดินออกมา

   “คุณเป็นไงบ้าง” เขาถาม เลดี้แคทเธอรีนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

   “ฉันต้องรีบกลับค่ะ”

   “อ้อ มาสิ” เขาพูดแล้วยื่นแขนให้ เธอเกาะไว้อย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก

   “ผมขอโทษด้วยแล้วกันที่บอกคุณแบบกะทันหันมาก” ลอร์ดฟาริงดอนพูดระหว่างเดิน อีกฝ่ายตอบเขา

   “ไม่ต้องพูดอะไรถึงเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ”

   ทั้งคู่จึงเดินเงียบๆ มาจนถึงรถม้า ลอร์ดฟาริงดอนขึ้นไปก่อนแล้วยุดมือเลดี้แคทเธอรีนให้ขึ้นตาม ก่อนจะขับกลับไปที่คฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ตอนที่ไปถึง ไฟในคฤหาสน์ยังสว่างอยู่

   “ท่านดยุกยังไม่นอนหรือ” ลอร์ดฟาริงดอนพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าไม่ได้ประหลาดใจอะไรเลย เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหันไปจ้องหน้าเขา

   “คุณไม่ต้องเข้าไปถึงข้างในหรอกนะคะ กรุณาส่งฉันแค่หน้าประตูก็พอ”

   “งั้นผมก็เสียมารยาทน่ะสิที่ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมคำนับท่านดยุก”

   “ไม่จำเป็นค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนพูดเสียงแข็ง “นี่มันก็ดึกมากแล้ว คุณเองก็รีบกลับเถอะค่ะ”

   “ก็ได้ๆ ไว้ผมค่อยแวะมาเยี่ยมวันหลังแล้วกัน” เขาพูดและก้มลงจูบหลังมือของเธอ

   “ราตรีสวัสดิ์ เชื่อผมเถอะ คุณโชคดีแล้วล่ะที่รู้ตัวก่อน”

   “กรุณารีบกลับไปด้วยค่ะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ ก่อนจะเดินออกไป เลดี้แคทเธอรีนถอนหายใจเฮือก

   ดยุคแห่งอ็อกฟอร์ดนั่งรออยู่ในห้องอ่านหนังสือ เขาขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงของเลดี้แคทเธอรีน

   “กลับดึกมาเสียดึกเลย จอห์นชวนไปงานเลี้ยงต่อล่ะสิ”

   หญิงสาวพยักหน้า “ท่านตารีบนอนเถอะค่ะ อุตส่าห์รอหนูกลับมา”

   “ที่จริงตานอนไปแล้วล่ะ แต่เผอิญตื่นมาแล้วนอนไม่หลับ การแข่งขันเป็นไงบ้าง”

   “ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ” หลานสาวตอบ ทว่าสีหน้าของเธอดูไม่เข้ากับคำพูดเท่าไหร่นัก ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีนสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูอาจจะดื่มมากเกินไปเลยมึนหัวนิดหน่อย”

   ท่านดยุกมองใบหน้าซีดเซียวของหลานสาว ก่อนจะถอนหายใจ “นั่นสินะ งั้นหลานไปพักเถอะ เดี๋ยวตาจะเข้านอนเหมือนกัน”

   เลดี้แคทเธอรีนย่อตัวให้ท่านตาของเธอ

-------------------------------------

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่46p.22(26/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-12-2019 07:47:49
   สองวันหลังจากนั้น ซึ่งตรงกับวันอังคาร เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมาดื่มชากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่คฤหาสน์อย่างที่เธอทำประจำ ทว่าท่าทางของเธอทำให้ลอร์ดหนุ่มต้องเอ่ยทักขึ้น

   “แคท คุณไม่สบายรึเปล่า”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มเพลียๆ “จอห์นคะ ฉันมีเรื่องอยากถามค่ะ”

   “ว่ามาสิ”

   “คุณรู้เรื่องของเบนรึเปล่าคะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เรื่องอะไรหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถอนหายใจเฮือก “มีคนบอกฉันว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ผมก็ได้รับข้อมูลมาอย่างนั้นเหมือนกัน”

   เลดี้แคทเธอรีนจ้องหน้าเขาทันที “คุณก็รู้หรือคะ ทำไมถึงไม่บอกฉัน”

   “ผมคิดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมคิดว่าผมไม่ควรตัดสินใครจากอดีตของเขา บางทีมิสเตอร์ดอว์สันอาจจะชอบคุณจริงๆ ก็ได้”

   เลดี้แคทเธอรีนร้องไห้ออกมาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเข้าไปปลอบเธออย่างเก้ๆ กังๆ

   “ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันจะต้องทำให้คุณสะเทือนใจ ผมถึงไม่อยากพูดออกมา”

   เลดี้แคทเธอรีนสั่นศีรษะ พูดเสียงเครือ “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่กอดปลอบเธอเบาๆ เลดี้แคทเธอรีนร้องไห้อยู่พัก จึงค่อยพูดออกมาได้

   “วันอาทิตย์เบนไปดูคุณแข่งรักบี้ด้วยค่ะ”

   “หืม... แต่คุณบอกผมว่า...”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า “เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย จนกระทั่งถึงตอนนี้...” เธอสูดหายใจลึก ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “ลอร์ดฟาริงดอนพูดบางอย่างกับเขา”

   “มิน่าล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมเองก็สงสัยอยู่เชียวว่าคุณกับเขามีเรื่องอะไรต้องคุยกัน ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง”

   “คุณรู้อยู่แต่แรกหรือคะ”

   “หืม”

   “ที่ว่าเขารู้เรื่องนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ “ผมจะอธิบายคุณยังไงดี บ้านของไมครอฟต์ค่อนข้างพิเศษ การที่เขารู้เรื่องนี้ผมเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงียบไปพักใหญ่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดต่อ “แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้กับเจ้าตัวโดยตรง”

   “พวกเขาเคยเจอกันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ก่อนจะเล่าเรื่องให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟัง

   “คุณว่าเขาพูดจริงรึเปล่าคะ” เธอหยุด ก่อนจะร้องไห้อีก “ฉันรู้หรอกค่ะว่ามันจริง เขาหายไปติดต่อไม่ได้เลยจนกระทั่งตอนนี้ คุณเองก็รู้ ฉันมันโง่เอง แต่... โอ...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบเธอเบาๆ “ผมเข้าใจ มันยากที่จะทำใจ ผมรู้ว่าคุณชอบเขามาก”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า “เขาดีกับฉันมากค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง”

   “บางทีถ้าเขาจริงใจกับคุณและกล้าหาญพอ เขาอาจจะกลับมาพบคุณอีกครั้ง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มทั้งน้ำตา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มเธอ “แต่ผู้ชายที่ทิ้งผู้หญิงไปโดยไม่บอกแบบนี้ ผมไม่แนะนำให้คุณให้โอกาสเขาเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”

   หญิงสาวพยักหน้า “ฉันทราบค่ะ เพียงแต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน”

   “คุณอยากร้องไห้ก็ร้องเถอะ ผมยินดีอยู่เป็นเพื่อน หรือถ้าคุณอยากออกไปนั่งรถม้าเที่ยว ผมจะพาไป ผมว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดีที่จะทำให้กัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนผงกศีรษะ “จริงๆ แล้วมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากลองทำเหลือเกินค่ะ”

--------------------------------

   อากาศริมแม่น้ำเทมส์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงทั้งหนาวทั้งหม่นไปด้วยหมอกควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ละอองฝนบางๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศชวนหดหู่เป็นพิเศษ รถม้าคันไม่ใหญ่นักวิ่งมาเทียบใกล้กับสะพานทาวเวอร์ซึ่งกำลังสร้างอยู่ สุภาพบุรุษคนหนึ่งในเสื้อโค้ทกันฝนสีดำก้าวลงมา ก่อนนะยื่นมือให้สุภาพสตรีอีกคนที่อยู่ในชุดคลุมผ้าสักหลาดสีหม่นจับ เธอกระโดดลงมาจากรถ ฮู้ดของเสื้อคลุมบังใบหน้าของเธอเอาไว้ครึ่งหนึ่ง สายลมพัดหวีดหวิว หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมไว้กับตัว ขณะที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหัวหน้าคนงานที่ยืนสูบบุหรี่อยู่

   “สุภาพสตรีท่านนี้อยากเห็นวิวที่ด้านบนหอคอย”

   “แต่มันยังสร้างไม่เสร็จ ผมเกรงว่าจะอันตราย”

   ชายหนุ่มแบมือออก บนฝ่ามือขาวสะอาดของเขามีเหรียญสีเงินวาวอยู่สองเหรียญ หัวหน้าคนงานตาโตทันที

   “ผมเพิ่งนึกได้ว่าตัวหอคอยค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว จะมีแต่ช่วงสะพานเชื่อมที่กำลังสร้างอยู่ ถ้านายท่านต้องการขึ้นไปชมวิวด้านบนผมจะนำทางให้”

   “ไม่ต้อง” ชายคนนั้นว่า “แค่ให้เราขึ้นไปโดยไม่บอกใครก็พอ”

   “ได้ครับ ไม่มีปัญหา เชิญเลยครับ” เขารับเหรียญเงินพวกนั้นไป พลางผายมือให้ทั้งคู่ “ถ้าต้องการอะไรตะโกนเรียกผมได้เลยนะคะ ผมชื่ออัล”

   “ขอบใจ อัล” ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า ก่อนจะจูงมือสุภาพสตรีคนนั้นขึ้นบันไดไป

   “ขอโทษนะคะที่คุณต้องมาลำบากไปด้วย” เลดี้แคทเธอรีนพูดพลางถอดฮู้ดออก เธอล้างเครื่องสำอางออกหมด มองผ่านๆ คล้ายหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป หากไม่นับเสื้อผ้าที่อยู่ใต้เสื้อคลุม ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม

   “ไม่เป็นไรหรอก บอกแล้วไงว่าผมยินดี”

   เธอยิ้มให้ลอร์ดหนุ่ม “แต่คุณไว้หนวดแล้วก็โก้ไม่หยอกนะคะ”

   “ผมรู้สึกคันมากกว่า” ลอร์ดหนุ่มว่า “เพราะโปสเตอร์ต่อยมวยเมื่อคราวก่อน คนครึ่งลอนดอนคงจำหน้าผมได้หมดแล้ว”

   “ถ้าพ่วงรวมเรื่องการแข่งรักบี้ที่เพิ่งผ่านไป ฉันว่าคงยากหน่อยค่ะที่ใครจะจำคุณไม่ได้”

   “เพราะงี้ผมถึงต้องติดหนวดปลอมออกมา แต่กาวพวกนี้คันชะมัด”

   “น่าแปลกอยู่นะคะที่คุณมีของพวกนี้อยู่ที่บ้าน ฉันคิดว่าคุณคงไม่ได้เตรียมเผื่อไว้เรื่องนี้หรอกนะคะ”

   “อ๋อ เปล่า ผมอยากลองปลอมตัวมานานแล้ว สิ่งที่มิสเตอร์โฮล์มทำมันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสรรค์หาอุปกรณ์พวกนี้มาเก็บไว้”

   เลดี้แคทเธอรีนหัวเราะ “คุณเองก็เป็นแฟนคลับเขาด้วยหรือคะ ท่านตาเองก็ติดงอมแงมเลยค่ะ”

   “แล้วคุณไม่ได้อ่านหรือ”

   “อ่านค่ะ แต่แทบไม่มีบทของสุภาพสตรีเลย ฉันว่าถ้าหมอวัตสันเป็นสุภาพสตรีน่าจะสนุกกว่านี้”

   “ผมว่ามันคงกลายเป็นนิยายรักไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วหัวเราะ “แต่ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน คุณน่าจะคุยเรื่องนี้กับอเล็กซานดร้า เธอต้องเห็นด้วยแน่”

   “น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย เธอค่อนข้างกระตือรือร้นกับเรื่องบางอย่างจนฉันกลัวเลยล่ะค่ะ”

   “ผมแนะนำให้คุณเชิญเธอไปดื่มชาสักครั้ง เธอมีกำหนดจะกลับช่วงกลางเดือนนี้”

   “ฉันจะลองเชิญเธอมาดูค่ะ”

   “อย่าลืมชวนเธอคุยเรื่องนี้ก่อนที่เธอจะชวนคุณคุยเรื่องอื่นล่ะ”

   เลดี้แคทเธอรีนหัวเราะ ในที่สุดทั้งคู่ก็ขึ้นมาจนถึงยอดหอคอย หญิงสาวหอบหายใจเพราะไม่ค่อยได้ทำแบบนี้บ่อยนัก

   “ฉันคงต้องหาเวลาไปปีนเขา” เธอว่า “ไม่ก็ถอดคอร์เซ็ตพวกนี้ทิ้งเสียเลย”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมเคยได้ยินใครบางคนพูดแบบนี้เหมือนกัน แสดงว่ามันคงอึดอัดมากสินะ”

   “มากเลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลากเสียง “ฉันน่ะเคยพยายามจะรัดให้เล็กที่สุดตอนไปคิวการ์เด้น ผลคือเกือบจะเป็นลมแน่ะค่ะ รู้เลยว่ามันไม่สนุก”

   “ผมคิดว่าสุภาพสตรีทุกคนมีความสุขที่จะทำให้เอวตัวเองดูเล็กเสียอีก”

   “โอ... ฉันว่าไม่หรอกค่ะ พวกเธอแค่ทำเพราะอยากให้สุภาพบุรุษอย่างพวกคุณพอใจเท่านั้นเอง”

   “แย่แฮะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมคงต้องไปบอกเพื่อนๆ ให้เลิกดูผู้หญิงที่รอบเอวได้แล้ว”

   ที่ด้านบนลมค่อนข้างแรง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจับมือของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ค่อยๆ ก้าวไปที่ช่วงทางเดินด้านบนซึ่งกำลังสร้าง เธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่อมองลงไปข้างล่าง แม่น้ำเทมส์ดูเหมือนผืนผ้าสีหม่นที่ปูลาดอยู่ใต้เท้า หญิงสาวเซเล็กน้อย

   “อย่ามองข้างล่างสิ” ลอร์ดหนุ่มว่าพลางยุดตัวเธอไว้ “มันจะทำให้คุณหน้ามืด มองตรงๆ ไว้”

   เลดี้แคทเธอรีนพยักหน้า เธอสูดหายใจลึก พยายามทรงตัวแล้วมองไปด้านหน้า ทิวทัศน์ของลอนดอนอึมครึมไปด้วยหมอกควัน ละอองฝนบางๆ สาดต้องใบหน้าของเธอ หญิงสาวสูดหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตะโกนออกมา

   “ฉันมันโง่เอง... ฉันจะไม่อาลัยคุณอีกแล้ว... ฉันจะเดินหน้าต่อไป”

   เสียงตะโกนของเธอถูกลมพัดหายไปอย่างรวดเร็ว เธอกู่ร้องยาวๆ หลังจากนั้น ก่อนจะระบายลมหายใจออกมา

   “เป็นไง”

   “โล่งอย่างน่าอัศจรรย์เลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนว่า “ฉันเพิ่งเห็นความดีงามของลอนดอนก็ตอนนี้เอง”

   “ความดีงามของสะพานทาวเวอร์ต่างหาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แก้ให้ “ผมเคยตะโกนแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่รู้สึกอัดอั้นมากๆ มันได้ผลอยู่นะ”

   หญิงสาวพยักหน้า “ฉันอยากตะโกนอีกค่ะ”

   “เอาเลย ตามสบาย ผมจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังหรอก”

   เลดี้แคทเธอรีนหัวเราะร่วน เธอตะโกนอีกหลายครั้ง ระบายความคับแค้นใจทั้งหมดที่มี น้ำตาพรั่งพรูออกมา ก่อนจะแห้งเหือดไปกับสายลม ทั้งคู่ลงมาจากสะพานทาวเวอร์ตอนเกือบจะหกโมงเย็น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชวนเลดี้แคทเธอรีนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน

   “แวะชวนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กด้วยสิคะ” เธอว่า พอเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วจึงพูดต่อ “ที่นี่ห่างจากร้านของเขาไม่มากไม่ใช่หรือคะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกค่ะ คุณอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งวันแล้ว ฉันอยากเห็นคุณมีความสุขบ้าง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงเหมือนเด็กๆ “ก็ได้ ผมว่าเขาน่าจะว่างอยู่นะ”

   แต่ลอร์ดหนุ่มคาดผิด งานที่ร้านกอร์ดอนนั้นยุ่งมาก ถึงขนาดที่เขาต้องขอให้ช่างช่วยกันทำงานล่วงเวลา แลกกับการจ่ายเงินอย่างงามเพื่อให้งานเสร็จก่อนช่วงฤดูหนาว

   “โอ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ฉันไม่รู้มาก่อนเลยค่ะว่าคุณทำงานหนักขนาดนี้” เลดี้แคทเธอรีนอุทานด้วยความประหลาดใจ เมื่อเดินเข้ามาเห็นสภาพภายในห้องตัดเย็บ เหล่าบรรดาช่างเงยหน้าขึ้นมองเธอ ถึงไม่แต่งหน้า แต่เธอก็ยังดูสวยอยู่ดี ช่างหลายคนถึงกับลืมงานที่กำลังทำอยู่ไปเลย

   “อ้าว สายันห์สวัสดิ์ครับท่านหญิง” กอร์ดอนหันไปทัก “ขออภัยที่ผมไม่ได้ออกไปต้อนรับ อ้าว จอห์น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเก้ๆ กังๆ “โทษทีกอร์ดอน ผมคิดว่าจะมาชวนคุณไปกินมื้อเย็นด้วยกัน”

   กอร์ดอนแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก นึกได้ว่าไม่ได้ดื่มหรือกินอะไรมาหลายชั่วโมงแล้ว “เอ่อ... สักสองทุ่มได้ไหมครับ ผมต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อน”

   แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะตอบ เขาก็รีบพูดขึ้นต่อ “แต่ไม่ต้องดีกว่าครับ มันอาจจะดึกกว่านั้น ท่านหญิงจะลำบากเอา พวกคุณไปกันก่อนเถอะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอยากให้คุณไปกับจอห์น” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า กอร์ดอนมีสีหน้าตกใจ ส่วนลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดขึ้น

   “แคทอยากให้เราไปด้วยกันน่ะ เธอตั้งใจมาเชิญคุณเลยนะ”

   เลดี้แคทเธอรีนเพิ่งนึกได้ว่าเธอพูดประโยคที่ไม่เหมาะสมนัก “ใช่ค่ะ ฉันตั้งใจมาเชิญคุณไปด้วยกัน เอางี้สิคะ ให้ฉันช่วยนะคะ ฉันพอมีความรู้เรื่องเย็บปักถักร้อยบ้าง”

   “เอ่อ... ไม่เป็นไรหรอกครับ”

   “ให้ฉันช่วยเถอะค่ะ ช่วยเก็บชายเสื้อก็ได้”

   กอร์ดอนนิ่งไปพัก “ก็ได้ครับ แต่อย่าฝืนนะครับ ถ้าไม่ไหวก็บอกเลย”

   “ได้ค่ะ”

   กอร์ดอนหันไปสั่งเดวิดให้หยิบเสื้อและอุปกรณ์มาให้เลดี้แคทเธอรีน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นส่วนเกินเลยพูดขึ้น

   “งั้น... ให้ผมทำอะไรดี”

   “คุณไปนั่งอ่านหนังสือเถอะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดหนุ่มเกาศีรษะ

   “ผมน่าจะช่วยอย่างอื่นได้...”

   “ที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนมีชั้นหนังสืออยู่ครับ ถ้าคุณจะกรุณา...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์จำต้องล่าถอยออกไปจากห้องตัดเย็บ เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว ถ้ายังตื๊อต่อกอร์ดอนอาจจะออกปากไล่เขาจริงๆ

   ปรากฏว่าการมีเลดี้แคทเธอรีนอยู่ในห้องตัดเย็บ ทำให้เหล่าบรรดาช่างมีกำลังใจทำงานประหนึ่งมีนางฟ้ามาโปรด กลายเป็นว่างานทั้งหมดเสร็จก่อนสองทุ่ม แถมเลดี้แคทเธอรีนยังเย็บชายเสื้อได้เรียบร้อยมาก จนกอร์ดอนเอ่ยปากชม

   “ท่านหญิงมีฝีมือด้านการเย็บมากเลยครับ”

   “ฉันชอบค่ะ” เลดี้แคทเธอรีนยิ้ม “ตอนสมัยเด็กๆ ฉันเคยอยากเป็นช่างตัดเสื้อ”

   กอร์ดอนเลิกคิ้ว ขณะที่ช่างในร้านพูดขึ้น “เป็นโชคของพวกกระผมมากเลยครับ ที่ได้สุภาพสตรีที่แสนน่ารักอย่างท่านหญิงมาช่วยงาน”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กไปกินมื้อเย็นด้วยกันเร็วๆ แค่นั้นเอง”

   “งั้นพวกกระผมคงต้องรีบกลับ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กจะได้มีเวลาเตรียมตัว”

   “อ้อ ใช่ ผมต้องจ่ายค่าล่วงเวลาพวกคุณก่อน ขอตัวสักครู่นะครับ”

   “ตามสบายเลยค่ะ”

   เดวิดเดินเข้ามาพูดจ้อยๆ “ท่านหญิงนี่ใจดีจังเลยครับ สวยด้วย ขนาดไม่แต่งหน้า พอท่านหญิงเข้ามา ทุกคนในร้านก็ดูมีกำลังใจในการทำงานขึ้นมาโขเลยครับ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะ “เธอชื่ออะไรจ๊ะ”

   “เดวิดครับ” เด็กหนุ่มตอบ “ผมมาช่วยงานมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก สักวันผมจะเป็นช่างตัดเสื้อที่เก่งเหมือนเขา”

   “โอ ดีจัง เธอคงจะตัดเย็บเสื้อผ้าได้เก่งพอตัวทีเดียว”

   “ไม่เลยครับ” เดวิดสั่นศีรษะ “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กยังให้ผมหัดเย็บจักรอยู่เลย เขาบอกว่าถ้ายังเย็บไม่เรียบร้อยก็จะไม่สอนอะไรเพิ่มให้ แต่ผมเห็นตอนเขาวาดแบบเสื้อไม่เห็นจะต้องใช้จักร”

   “แต่เธอต้องหัดใช้จักรก่อน” เสียงกอร์ดอนดังก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับเข้ามาเสียอีก “ถ้าเธอไม่รู้ว่าเย็บยังไงแล้วจะเขียนแบบเสื้อได้ยังไงกัน”

   “โธ่...”

   กอร์ดอนหันไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ท่านหญิงต้องลำบากเลย ขอโทษด้วยนะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอเหลือบมองเดวิดเล็กน้อย “ฉันแค่อยากให้เราไปด้วยกัน”

   กอร์ดอนหันไปหาเดวิด “ไปตามลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงมาสิ”

   “คร้าบ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกเขินๆ ที่เขาไม่มีส่วนช่วยอะไรเลย จึงแก้เก้อด้วยการชวนเดวิดไปกินมื้อเย็นด้วย

   “ไม่ต้องห่วงไป ผมจะเลือกร้านที่ไม่ต้องแต่งตัวหรูๆ แบบร้านที่เราไปกันวันก่อนเป็นไง”

   กอร์ดอนพูดแทรกขึ้น “ผมน่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่คุณช่วยกรุณานึกถึงท่านหญิงด้วย จะให้เธอไปร้านแบบนั้นได้ยังไงครับ”

   “เป็นร้านแบบไหนหรือคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถามด้วยความสนใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบตอบ

   “เป็นร้านเล็กๆ อยู่ตรงหัวมุมนี่เอง ไวน์ไม่ค่อยอร่อย แต่อาหารอย่างอื่นใช้ได้เลย”

   “จอห์น คุณจะให้ท่านหญิงไปร้านนั้นจริงๆ หรือครับ”

   “ทำไมคะ เขามีกฎห้ามผู้หญิงเข้าหรือ” เลดี้แคทเธอรีนทำหน้าสงสัย กอร์ดอนสั่นศีรษะ

   “ไม่หรอกครับ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะกับสุภาพสตรีแบบท่านหญิงเลย ร้านค่อนข้างแคบด้วยครับ”

   คนฟังหัวเราะ “ชักอยากเห็นแล้วสิคะว่าเป็นร้านแบบไหน ถ้าเขาไม่ได้ห้ามสุภาพสตรีเข้า ก็กรุณาให้ฉันไปเปิดหูเปิดตาเถอะค่ะ”

   “....”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “งั้นก็ไปกันเถอะ ผมว่าแคทน่าจะชอบที่นั่นนะ”

---------------------------------

   ร้านที่ว่าก็คือร้านที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เคยบ่นว่าไวน์ไม่อร่อยนั่นเอง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนควงแขนสองหนุ่มเข้าไปในร้าน โดยมีเดวิดเดินตามมา แน่นอนว่าคนในร้านหันมามองเธอเป็นตาเดียว

   “เราจะนั่งตรงไหนดีคะ ข้างหน้าต่างดีไหม”

   “เอ่อ... ผมว่าตรงมุมดีกว่าครับ”

   “หน้าต่างดีกว่าค่ะ ฉันอยากมองข้างนอกด้วย” โดยไม่รอให้ใครพูดอะไรเพิ่ม เลดี้แคทเธอรีนบอกบริกรว่าเธอต้องการโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าต่าง พร้อมกับโปรยยิ้มหวานให้ เล่นเอาบริกรหนุ่มยืนอึ้งไปพักใหญ่ จนลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงกระแอมนั่นแหละ

   ทั้งหมดนั่งลงที่โต๊ะ และสั่งอาหาร เลดี้แคทเธอรีนดูสนุกกับการสังเกตผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา

   “ผู้ชายคนนั้นต้องทำงานธนาคารแน่”

   “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

   “เพราะเขาแต่งตัวดี และหิ้วกระเป๋าหนังใส่เอกสาร อาชีพที่เลิกงานช้าขนาดนี้ก็น่าจะมีแต่พนักงานธนาคารเท่านั้นล่ะค่ะ”

   “ว้าว น่าสนใจมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไหนว่าต่อสิ”

   “ส่วนผู้ชายใส่หมวกคนนั้น ตามเรามาตั้งแต่ออกจากร้านค่ะ ไม่รู้ว่าเขาอยากจะคุยกับคุณ แต่หาโอกาสไม่ได้รึเปล่า”

   “หืม คนไหน”

   “คนนั้นค่ะ อ้าว เหมือนเขาจะหลบไปแล้ว”

   “เขาอาจจะหลงความงามของท่านหญิงก็ได้นะครับ” กอร์ดอนว่า “ขนาดช่างที่ร้านผมยังมองตาค้างเลย”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนปิดปากหัวเราะ “คุณชมเกินไปแล้วค่ะ”

   “คนที่ได้เป็นคนรักของท่านหญิงต้องโชคดีมากๆ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระแอมไอขึ้นมาทันที “ผมว่าเราคุยกันเรื่องอื่นดีกว่านะ”

   กอร์ดอนหันมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความสงสัย เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงพูดขึ้น

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะจอห์น มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคะ ฉันกับเบนเลิกคบกันแล้วล่ะค่ะ”

   ช่างตัดเสื้อแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด “โอ... เสียใจด้วยครับ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว วันนี้เรามาสนุกกันให้เต็มที่ดีกว่า” เธอพูดแล้วยกแก้วไวน์ขาวขึ้นมา

   “แด่พระราชินี”

-------------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปส่งเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่คฤหาสน์ประมาณสี่ทุ่ม เธอมีอาการกึ่งเมาเล็กน้อย เพราะดื่มไวน์ไปเยอะ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเมื่อเห็นสภาพหลานสาวถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากจะอธิบาย แต่ถูกเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนโบกมือห้าม

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะจอห์น ฉันจะอธิบายเรื่องนี้กับท่านตาเอง คุณกลับบ้านเถอะค่ะ”

   ลอร์ดหนุ่มหันไปมองดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด พอเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เขาจึงขอตัวกลับ

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ หลานรัก” ท่านดยุกเอ่ยถามหลังทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนร้องไห้ออกมา ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านตาของเธอฟัง

   “หนูขอโทษที่ไม่ได้บอกท่านตาค่ะ หนูทราบว่าท่านตาเป็นห่วง หนูไม่คิดว่าเขาจะ...”

   “โธ่ เด็กโง่เอ๋ย” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดลุกไปนั่งข้างหลานสาว แล้วลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู “ตารู้ว่าหลานไม่อยากทำให้ตาลำบากใจ แต่หลานเป็นหลานรักของตานะ มีหรือตาจะดูไม่ออกว่าหลานปิดบังอะไรอยู่ วันหลังมีอะไรก็เล่าให้ตาฟังเถอะ อย่าเก็บไว้คนเดียวอีก ตาเป็นห่วงมากรู้ไหม”

   “หนูขอโทษค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนซบหน้าลงกับไหล่ท่านดยุก แล้วร้องให้อีกครั้ง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ

--------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่46p.22(26/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-12-2019 10:49:15
ตอนนี้สงสารแคตสุดๆ ไม่แน่ว่าเบนก็รักแคตจริงๆ ไม่ได้หลอกเหมือนที่เคยเป็นมา
ชอบเรื่องนี้มาก มีแบ่งบทให้ตัวละครอื่นมีตัวตน ไม่ได้มุ่งไปที่ตัวหลักอย่างเดียว
แต่ตัวละคร ก็มีการเชื่อมโยงต่อกันได้อย่างลงตัว
ขอบคุณไรท์ที่มีเรื่องดีๆ มาให้อ่านจ๊ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่46p.22(26/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-12-2019 21:31:48
ยังรอลุ้นเรื่องของกอร์ดอนกับจอห์นอยู่นะคะ

ขอบคุณคนเขียนค่าา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่46p.22(26/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 26-12-2019 22:07:00
รักท่านตาค่ะ


แคทเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก  ดีใจที่แคทได้เป็นเพื่อนกับจอห์น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่46p.22(26/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-12-2019 21:19:24
อย่าให้เกิดอะไรกับกอร์ดอนเลย
ที่เห็นคือนักสืบแน่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่46p.22(26/12/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-12-2019 01:23:26
อเล็กซานดร้า น่าจะไม่หยุดง่ายๆแน่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่47p.22(1/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-01-2020 10:22:53
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่47 คำกล่าวหา

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตัดสินใจเขียนจดหมายเชิญเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มาดื่มชาที่คฤหาสน์ ตามคำแนะนำของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เธอมาที่คฤหาสน์ในช่วงบ่าย ในชุดผ้าไหมสีน้ำตาลแดง ให้ความรู้สึกเหมือนหอบฤดูใบไม้ร่วงมาทั้งป่า

   “สวัสดีแคทเธอรีน ดีใจจังที่เธอชวนฉันมาดื่มชา ชุดใหม่ฉันเป็นไงบ้าง”

   “เป็นฤดูใบไม้ร่วงที่สดใสมาก” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตอบพลางยิ้ม “ตัดที่ไหนหรือ”

   “ร้านอบิเกลจ้ะ”

   “อ๋อ”

   “ฉันจะใส่กลับไปอวดท่านพ่อที่มิลตันด้วย”

   “ดีจ้ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกำลังคิดว่าเธอจะเริ่มต้นชวนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์คุยอย่างไรดี ขณะที่ฝ่ายนั้นพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

   “นี่ เธอคงไม่ได้ชวนฉันมาเพื่อฟังฉันอวดชุดใหม่หรอกใช่ไหม แคทเธอรีน มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

   “อ๋อ จริงๆ แล้วก็ไม่เชิงหรอก จอห์นแนะนำว่าฉันควรจะเชิญเธอมาดื่มชา คิดว่าเราน่าจะคุยกันถูกคอ”

   “เอ๋ จอห์นหรือ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มีสีหน้าแปลกใจ “ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

   “คงเพราะฉันบอกเขาว่าถ้าคุณหมอวัตสันเป็นผู้หญิง เรื่องของมิสเตอร์โฮล์มจะสนุกกว่านี้”

   “ว้าว เธอคิดเหมือนฉันเลย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “มีผู้หญิงในเรื่องน้อยมาก ฉันเคยเขียนจดหมายไปบอกมิสเตอร์ดอยล์ด้วยว่าน่าจะเพิ่มบทผู้หญิงอีก ว่าแต่เธออ่านเรื่องนี้ด้วยหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนผงกศีรษะ “จริงๆ แล้วฉันยังอ่านอย่างอื่นอีกนะ”

   ในที่สุดสองสาวก็คุยกันเรื่องนวนิยายอย่างสนุกสนาน จนเวลาล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น

   “ตายจริง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อุทานออกมาหลังหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ตอนที่หญิงรับใช้เอาชากาที่สี่มาเปลี่ยนให้ “เวลาทำไมผ่านไปเร็วจัง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะ “แสดงว่าพวกเราคุยกันนานมากสินะ”

   “อื้อ” อีกฝ่ายพยักหน้า “จริงสิ คุยเรื่องนิยายมาตั้งเยอะแล้ว เธออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ด้วยรึเปล่า”

   “อ่านสิ ทำไมหรือ”

   “ฉันเคยอ่านเจอมาว่า ขุนนางชั้นผู้ใหญ่บางคน มีชู้รักเป็นผู้ชาย เธอคิดว่าไง”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอึ้งไปทันที “ทำไมจู่ๆ ถึงมาถามเรื่องนี้ล่ะ”

   สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “บอกก่อนสิ เธอคิดว่าไง”

   “อืม... ไม่รู้สิ ฉันว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขานะ อีกอย่างไม่มีใครเคยถูกลงโทษเรื่องนี้ด้วยไม่ใช่หรือ”

   “มีสิ ก็ชู้รักพวกนั้นไง” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “พวกขุนนางน่ะไม่โดนก็จริง แต่ชู้รักของพวกเขา ยิ่งถ้าเป็นคนสามัญแล้วด้วยนะ เหมือนพอเกิดเบื่อหรือทะเลาะกันขึ้นมา ก็จะหาข้ออ้างเอากฎหมายมาจัดการกันเลย”

   “ทำไมเธอรู้ละเอียดจัง”

   “ฉันไปค้นมา” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “อีกอย่างช่วงนี้เรื่องการนิยมเพศเดียวกันกำลังเป็นที่พูดถึง ฉันน่ะเคยไปคลับที่มีแต่ผู้หญิงด้วยกันด้วยล่ะ”

   “ตายจริง” อีกฝ่ายอุทาน “มีที่แบบนั้นด้วยหรือ”

   “อื้อ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนะ ฉันออกจะชอบด้วย เหมือนโลกนี้มีแต่ผู้หญิงเลย”

   “เอ่อ... แต่นั่นมันผิดกฎหมายไม่ใช่หรือ”

   “ก็เฉพาะกับคนสามัญเท่านั้นแหละ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “พวกคนมีเงินน่ะทำกันเหมือนเรื่องปกติด้วยซ้ำ”

   “โอ...”

   “ที่จริงฉันไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องนี้มาคุยกับเธอหรอก แต่มันรบกวนใจฉันมาหลายวันแล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันคิดว่าจอห์นอาจจะชอบผู้ชายด้วยกัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเผลอทำถ้วยชาหลุดจากมือ มันตกกระทบพื้นแตกกระจายเสียงดัง สาวใช้รีบวิ่งเข้ามาดูทันที

   “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”

   “ฉันเผลอทำแก้วหลุดมือน่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ช่วยเก็บกวาดให้หน่อยสิ” พูดจบเธอก็หันไปหาเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “เราเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า ที่นี่ชักจะหนาวเกินไปแล้วล่ะ”

   ทั้งคู่ย้ายไปคุยกันต่อที่ห้องหนังสือ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกำชับสาวใช้ว่าถ้าจะเข้ามาขอให้เคาะประตูก่อน จากนั้นจึงปิดประตูห้องแล้วล็อกจากด้านใน

   “ขอโทษนะแคทเธอรีน ฉันรู้ว่าเธอสนิทกับจอห์น แต่ว่าเรื่องนี้...”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยกมือเป็นเชิงห้าม “ทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนี้ได้”

   สีหน้าของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เครียดกว่าเดิม “จำที่ฉันเคยพูดกับเธอได้ไหม ฉันน่ะอยากช่วยให้จอห์นสมหวังกับคนรักของเขาจริงๆ แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากพูดถึงหรือรู้เกี่ยวกับคนรักของเขา ฉันก็เลยให้คนไปสืบจากมิสเตอร์โอเดนเบิร์กดู เพราะคิดว่าอาจจะเป็นผู้หญิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาก็ได้”

   “แล้ว...”

   “ปรากฏว่านอกจากแม่บ้านแล้ว แทบไม่มีผู้หญิงแวะไปที่ร้านของเขาเลย และเขาเองก็แทบไม่ออกจากร้านไปไหน เว้นเสียแต่จะออกไปดูจอห์นซ้อมรักบี้ หรือไม่ก็ตอนที่จอห์นแวะมาหาเท่านั้น”

   “....”

   “ฉันเลยบอกให้เลิกสืบ แล้วมานั่งทบทวนดู ที่ร้านเขาไม่มีผู้หญิง และจอห์นก็มักออกไปกินมื้อเย็นกับเขาแค่สองคน แถมยังสั่งดอกกุหลาบให้ไปส่งที่นั่นประจำอีก ฉันเลยแว้บไปถึงเรื่องที่เคยอ่าน บางทีคนรักของจอห์นอาจเป็นเขา ถ้าแบบนั้นก็จะอธิบายได้ทันทีว่าทำไมจอห์นถึงต้องปิดบังเอาไว้ไม่ให้ใครรู้”

   “เอาล่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “สมมติว่าที่เธอเดาเป็นเรื่องจริง เธอคิดจะทำอะไรต่อไป”

   “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันภาวนาให้ฉันคิดไปเองคนเดียว แต่ว่าเรื่องมันก็พอเหมาะพอเจาะกันเหลือเกิน” เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “เธอว่าฉันควรจะถามเรื่องนี้กับจอห์นตรงๆ เลยดีไหม ฉันนอนแทบไม่หลับเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมา”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนคิดใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามนั้น “ฉันเห็นด้วยที่ว่าเธอควรถามเรื่องนี้กับจอห์นโดยตรง”

   “เธอว่าจอห์นจะโกรธไหม”

   “เขาต้องโกรธอยู่แล้ว” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “แต่ฉันแน่ใจว่าเขาพร้อมจะตอบคำถามนี้ แม้จะโกรธก็ตาม”

   “แล้ว... เธอรู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่า”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงียบไปอีกพัก “อเล็กซานดร้า นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของจอห์น ฉันไม่อาจตอบอะไรเธอได้มากกว่านี้ ทางที่ดีเธอต้องถามเขา เธอพูดเรื่องนี้กับใครอีกหรือเปล่า”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์สั่นศีรษะ “ฉันไม่ได้พูดกับใครเลย แม้แต่เจเรม หรือแพททริก ถึงจะทำให้พวกเขาสงสัยว่าทำไมฉันถึงเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ ก็เถอะ”

   “แพททริกรู้เรื่องที่เธอให้สืบด้วยหรือเปล่า”

   “เขารู้ข้อมูลเท่าฉัน เพราะเขาเป็นคนออกความคิด แต่เขามองว่าจอห์นอาจจะไม่ได้ซ่อนคนรักเอาไว้ก็ได้ เขาแค่ไม่อยากให้ฉันวุ่นวายกับเขาเท่านั้นเอง”

   “งั้นหรือ... แล้วเจเรมีล่ะ”

   “เจเรมมองว่ามันไร้สาระแต่แรกอยู่แล้ว” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า ก่อนจะถอนหายใจแรง “ขอบใจนะแคทเธอรีน เธอทำให้ฉันตัดสินใจได้ ฉันจะไปคุยเรื่องนี้กับจอห์น ก่อนจะกลับมิลตัน ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ฉันจะไม่วุ่นวายกับเขาอีก เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกนับถือได้จากใจจริง”

   “ตามใจเธอเถอะ ขอแค่อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้อีกก็พอ”

   “อื้อ”

   “จริงสิ เธอให้คนสืบเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์กถึงเมื่อไหร่”

   “เอ... ก่อนจะถึงวันแข่งรักบี้สักสองวันล่ะมั้ง พอเขามารายงานแบบนั้น ฉันเลยบอกให้เลิกสืบ เพราะคงไม่ได้เรื่องอะไรไปมากกว่านี้ ทำไมหรือ”

   “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนปฏิเสธ ก่อนจะพูดต่อ “เธอเป็นคนตรงไปตรงมา ฉันจะยินดีมากถ้าหลังจากนี้เราจะเขียนจดหมายติดต่อกัน หรือออกไปเที่ยวด้วยกันบ้าง”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด “จริงหรือ ฉันยินดีมากเลย ฉันจะให้ที่อยู่เธอไว้ และขอที่อยู่เธอด้วย เธอพักอยู่ที่นี่ตลอดเลยรึเปล่า ถ้าไปมิลตันเมื่อไหร่ต้องบอกฉันนะ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ พวกเธอสองคนแลกเปลี่ยนที่อยู่กัน และคุยสัพเพเหระต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะขอตัวกลับ

----------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสดงอาการประหลาดใจเมื่อเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไปพบเขาที่คฤหาสน์ในวันรุ่งขึ้นโดยไม่ได้เขียนจดหมายไปบอกก่อน

   “ไงอเล็กซานดร้า ผมกำลังจะไปหาคุณพรุ่งนี้อยู่เชียว”

   “จริงหรือคะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยิ้มอย่างร่าเริง แล้วพูดต่อ “แต่วันนี้ฉันชิงมาหาคุณก่อน โชคดีจริงๆ ที่เจอคุณ ได้ยินมาว่าคุณไม่ค่อยอยู่บ้าน”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “ที่จริงคุณน่าจะเขียนจดหมายมาบอกก่อน เพราะผมไม่ค่อยอยู่บ้านจริงๆ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาหาคุณเพราะมีเรื่องบางอย่าง พอจะมีที่ที่เราจะคุยกันแบบไม่มีใครแอบฟังรึเปล่าคะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วเล็กน้อย “ที่ระเบียงมีโต๊ะสำหรับดื่มชาอยู่ แต่คุณต้องพูดเบาหน่อยนะ ผมไม่อยากปิดห้องคุยกันสองต่อสอง มันไม่ดีกับชื่อเสียงของคุณ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า ทั้งคู่จึงย้ายมานั่งคุยตรงระเบียงที่ใช้สำหรับดื่มชา คนรับใช้ยกน้ำมามาให้ ก่อนจะเดินออกไป เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รอจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นอีกแล้ว จึงเริ่มพูดขึ้น

   “ฉันมีเรื่องรบกวนใจ จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เมื่อวานฉันไปคุยกับแคทเธอรีนมา เธอแนะนำให้มาถามคุณด้วยตัวเอง”

   “เรื่องอะไรหรือ”

   “คือ...” อีกฝ่ายอ้ำอึ้งเล็กน้อย “ฉันคิดว่าคนรักของคุณคือมิสเตอร์โอเดนเบิร์กค่ะ”

   แววตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็แค่วูบเดียว ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม “ทำไมจู่ๆ ถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รู้สึกโล่งใจที่ลอร์ดหนุ่มไม่ได้แสดงอาการโกรธขึงออกมา เธอจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พอฟังจบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ถอนหายใจเฮือก

   “นอกจากแคทแล้ว คุณยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับใครใช่ไหม”

   “ไม่มีค่ะ ฉันรู้ว่ามันกระทบกระเทือนกับชื่อเสียงของคุณมาก ฉันหวังว่าฉันจะคิดมากไปเองคนเดียว”

   “สมมตินะ ถ้าผมบอกว่าไม่ คุณจะโล่งใจมากใช่ไหม แต่ถ้าผมบอกว่าใช่ คุณคงจะไปบอกพ่อแม่ผม หรือคนอื่นๆ ต่อ หรือไม่ก็ทำอะไรร้ายกาจบางอย่าง”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ฉุนขึ้นมาทันที “คุณเห็นฉันเป็นคนยังไงกันแน่คะ ถึงฉันจะเคยทำเรื่องร้ายกาจกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กก็จริง แต่ฉันก็ยอมรับผิดแล้ว ตอนนั้นฉันทำไปเพราะโมโหที่เขาไม่ยอมตอบคำถามฉันตรงๆ แล้วฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายขนาดนั้น”

   “ผมรู้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ถ้าคราวนี้คนที่ทำให้คุณโมโหเป็นผมล่ะ คุณสั่งจัดการผมไม่ได้ อาจจะไปลงกับเขาอีกก็ได้”

   จู่ๆ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ถอนหายใจออกมา “โธ่ จอห์น... คุณกลัวฉันจะไปบอกคนอื่น กลัวฉันจะทำร้ายเขาซึ่งเป็นคนรักของคุณจริงๆ ใช่ไหม สาบานเลยค่ะว่าฉันไม่ทำแน่ ฉันจะไม่ทำอะไรที่ทำให้คุณเจ็บปวดอีก เพราะคุณเป็นคนสำคัญกับฉันมาก”

   “....”

   “สรุปว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กคือคนรักของคุณจริงๆ สินะคะ”

   “....”

   “จอห์น ยิ่งคุณเงียบไปแบบนี้ ฉันยิ่งรู้สึกเจ็บปวดแทนมิสเตอร์โอเดนเบิร์กนะคะ”

   “เขาไม่เคยต้องการให้ใครรู้เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาในที่สุด “เขาไม่อยากให้มันกระทบต่อชื่อเสียงผม”

   น้ำตาของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หยดลงอาบแก้ม เธอยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับ ขณะที่ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “ผมคงทำให้คุณผิดหวังมากจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”

   อีกฝ่ายสั่นศีรษะ เธอซับน้ำตาอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดออกมาได้ “ฉันไม่ได้ผิดหวังหรอกค่ะ โอ... มันช่างน่าเศร้าและเจ็บปวด ทำไมพระเจ้าจะต้องรังเกียจ ถ้าหากว่ามันคือความรักจริงๆ”

   “พระเจ้าไม่ได้รังเกียจหากว่ามันเป็นความรัก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เพียงแต่ในมุมมองของคนอื่น มันคือสิ่งบาป”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ฉันรู้ว่าคนอย่างคุณคงไม่คบใครเล่นๆ แน่ เขาโชคดีมากที่ได้เป็นคนรักของคุณ แต่ก็ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่สังคมของเรายังคงปิดกั้นเรื่องนี้ ทั้งที่มีคนมีฐานะหลายคนที่เลี้ยงเด็กหนุ่มเอาไว้เป็นของเล่น หรือกระทั่งผู้หญิงด้วยกันก็ตาม คนพวกนั้นสมควรจะถูกประณามยิ่งกว่า พวกเขาไม่เคยมีความรัก พวกเขามีเพียงความใคร่ พอเบื่อก็หาเรื่องจัดการ ฉันแน่ใจเลยว่ามาตรา11ออกมาเพื่อคนพวกนี้”

   “ดูท่าทางคุณสนใจเรื่องนี้มาก่อนนะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยักหน้า “ฉันสนใจในเรื่องสิทธิเสรีภาพของผู้หญิงมาก ครั้งหนึ่งฉันเคยไปงานเลี้ยงที่มีแต่ผู้หญิงค่ะ แน่นอนว่ามันไม่ได้เลวร้าย พอคุณพูดว่าก่อนที่ฉันจะคิดถึงเรื่องนี้ ฉันควรคิดถึงสิทธิในความเป็นมนุษย์ก่อน ฉันเลยมาคิดต่ออีก จริงๆ แล้วทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน มันคือความเสมอภาคค่ะ”

   “เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คำว่าเสมอภาคมันมีคำจำกัดความที่กว้างมาก ในมุมมองของผมมันไม่ใช่แค่การมีสิทธิ์ที่จะทำเหมือนกัน หรือปฏิบัติเหมือนกัน”

   “เอ... มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือคะ”

   “ไม่นะ ลองคิดดูสิ คนเราแต่ละคนเกิดมามีพื้นฐานไม่เท่ากัน แค่ผู้หญิงกับผู้ชายก็ต่างแล้ว ถ้าให้คุณไปออกรบแล้วให้ผมนั่งเย็บผ้าอยู่ที่บ้าน มันก็ดูไม่ค่อยเข้าท่าใช่ไหมล่ะ”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หัวเราะ “ฉันแน่ใจว่าผู้หญิงก็รบเก่งไม่แพ้ผู้ชายค่ะ แต่สงสัยว่าผู้ชายจะเย็บผ้าเก่งเท่าผู้หญิงหรือเปล่า”

   “งั้นผมยกตัวอย่างใหม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ยอมแพ้ “สมมติมีผู้หญิงคนหนึ่งถือของหนักมาก กำลังจะขึ้นรถไฟ ผู้ชายที่ยืนอยู่แถวนั้นไม่มีใครช่วยเธอเลย”

   “พวกเขาช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันต้องพูดแบบนี้แน่ แต่หลังจากคิดดูแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผู้ชายจะต้องมาช่วยไม่ใช่หรือคะ สังคมกำหนดกันเองว่าผู้ชายต้องช่วยผู้หญิงเพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า”

   “ผมมองว่ามันเป็นวัฒนธรรม โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงมีแรงน้อยกว่าผู้ชายจริง และสังคมมนุษย์ได้วิวัฒนาการด้านวัฒนธรรมมาจนถึงขั้นรู้ในความแตกต่างนี้ และออกกฎเกณฑ์ให้มีการเอื้อในส่วนที่ขาด”

   “และมันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เสริมต่อ “ฉันมองว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม”

   “มันไม่มีทางที่ทุกคนจะมีทุกอย่างเสมอกันได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตั้งท้องเองได้ คลอดลูกเองได้ ไม่ต้องแบ่งชายหรือหญิง ไม่มีคนโง่คนฉลาด ไม่มีคนดีหรือคนเลว ผมกำลังจะบอกว่า ความเสมอภาคไม่ใช่การมีทุกอย่างเหมือนกัน ความเสมอภาคคือการให้ในสิ่งที่ขาด เพราะคนเราเกิดมาไม่เท่ากันแต่แรก ถ้าคิดว่าความเสมอภาคคือต้องมีเท่ากันหมดทุกอย่าง สังคมคงจะแห้งแล้งมาก เพราะมันจะกลายเป็นว่าต่างคนต่างคิดว่าจะต้องทำให้เสมอกับคนอื่น แล้วก็จะไม่มีใครเอื้อเฟื้ออะไรกับใครเลย”

   อีกฝ่ายนิ่งไปครู่ใหญ่ ในที่สุดก็พูดออกมา “ฉันคงต้องขอเวลากลับไปคิดเรื่องนี้ก่อนจะมาถกกับคุณต่อ แต่ยอมรับเลยนะคะว่าคุณมีมุมมองที่เถียงยากมาก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ “แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องของคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กฉันไม่เอาไปบอกใครต่อแน่ ฉันเห็นด้วยว่าถ้ามันเป็นความรักก็ไม่ใช่สิ่งผิด”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้แต่ยิ้ม เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มองเขาด้วยสายตาสะทกสะท้อน “โธ่... จอห์นที่น่าสงสาร ฉันเสียใจที่ไม่อาจช่วยอะไรคุณเรื่องนี้ได้เลย”

   “ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณยอมรับได้โดยที่ไม่รังเกียจผมก็ดีใจแล้ว”

   เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาอีกครั้ง “มันช่างน่าเศร้าจริงๆ ฉันไม่กล้าคิดเลยว่าสุดท้ายจะจบยังไง แต่ฉันกล้ายืนยันเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่ข้างคุณเสมอ”

   คำพูดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ติดอยู่ในคอ เขาได้แต่พยักหน้าช้าๆ   

-----------------------------------

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่47p.22(1/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-01-2020 10:26:12
   ในที่สุดงานที่ร้านของกอร์ดอนก็เสร็จตามกำหนด ลูกค้าทุกคนได้รับงานตรงตามกำหนดนัด หิมะแรกมาเยือนลอนดอนในวันที่เขาเปิดร้านเป็นวันสุดท้ายของปีพอดี

   “หิมะตกแล้ว มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก” เดวิดพูดหลังวางชุดน้ำชาลงบนโต๊ะ “ถ้าคุณไม่รีบดื่มมันจะเย็นเสียหมดนะครับ”

   กอร์ดอนเทชาลงถ้วย ใส่นมและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย กลิ่นของมันทำให้เขารู้สึกสดชื่น เดวิดนั่งลงข้างๆ เหยียดเท้าไปทางเตาผิง

   “ตกลงแล้วเราจะไปพักที่คฤหาสน์ของลอร์ดฟาริงดอนกันรึเปล่าครับ”

   “ฉันปฏิเสธไปแล้วน่ะ”

   เด็กหนุ่มมีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมล่ะครับ คุณไม่อยากให้ผมไปด้วยหรือ”

   “เปล่าหรอก เราไม่ได้สนิทอะไรกันกับลอร์ดฟาริงดอน จะให้ไปอยู่กับเขาทั้งช่วงฤดูหนาวก็กระไร แต่ฉันบอกเขาแล้วว่าเราอาจจะแวะไปเยี่ยมเขาสักสัปดาห์ เธอจะได้ไปเล่นสเก็ตช์ไง”

   เดวิดยิ้มด้วยความดีใจ “คุณจะไปรับพวกเราใช่ไหมครับ”

   “อืม... จะให้ฉันไปรับก็ได้ แต่ปีนี้ฉันวางแผนว่าจะไปพักที่เวมบลี บ้านที่นั่นหลังใหญ่พอสมควรเลย ไปคนเดียวก็คงจะลำบากอยู่ ถึงมันไม่มีบึงน้ำ แต่ก็มีเตาผิงที่ใหญ่กว่าที่นี่นะ”

   “แปลว่าคุณจะชวนพวกเราไปพักด้วยใช่ไหมครับ”

   “อืม... จะชวนบิสโม่กับครอบครัวของเขามาด้วยก็ได้นะ ถ้าพวกเขาไม่รังเกียจ ฉันว่าที่นั่นกว้างพอเลยล่ะ”

   “ว้าว ดีจัง ผมยังไม่เคยเห็นบ้านหลังใหม่ของคุณเลย ต้องสวยมากแน่ๆ”

   “แต่ที่นั่นไม่มีบึงน้ำนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็เราจะไปเยี่ยมลอร์ดฟาริงดอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ ยอดไปเลยมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณนี่ช่างเป็นคนดีจริงๆ”

   เขาพูดพลางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “แล้วเราจะไปกันเมื่อไหร่ครับ”

   “อีกสักวันสองวันแหละ เธอก็กลับบ้านไปเตรียมของเถอะ ฉันจะให้รถม้าไปรับ แล้วจะได้ไปที่นั่นพร้อมกัน”

   “ได้ครับ งั้น... ผมกลับวันนี้เลยนะครับ ระหว่างที่หิมะยังไม่ตกหนักมาก”

   กอร์ดอนหัวเราะ “ก็ได้ๆ เก็บวาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

   “เอ่อ... เดี๋ยวผมลงไปจัดการ จะได้รีบกลับไปจัดของ แล้วก็ชวนบิสโม่ด้วย”

   กอร์ดอนดื่มชาเสร็จก็ลงไปที่ครัว เขาเอ่ยชวนมิสซิสมาร์ธาให้ไปพักที่เวมบลีด้วยกัน

   “คุณช่างมีน้ำใจเหลือเกินค่ะ” มิสซิสมาร์ธาว่า “แต่ฤดูหนาวปีนี้ฉันคงไปไหนไม่ได้ เพราะต้องอยู่ช่วยสาธุคุณจัดงานที่โบสถ์”

   “อ้อ ไม่เป็นไร”

   “แต่ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ มีที่อยู่รึเปล่าคะ ฉันจะได้ส่งการ์ดไปให้”

   กอร์ดอนจดที่อยู่ให้มิสซิสมาร์ธา หญิงชรารับไปแล้วพยักหน้า “คุณจะเดินทางเมื่อไหร่คะ”

   “คงสักวันมะรืน ไม่เป็นไรหรอก คุณหยุดงานวันนี้เลยก็ได้ แต่ช่วยเตรียมอาหารเผื่อไว้หน่อยแล้วกัน”

   “ได้ค่ะ”

   เดวิดกลับบ้านไปช่วงบ่าย ขณะที่กอร์ดอนกำลังนอนอ่านหนังสือเพลินๆ เสียงออดก็ดังขึ้น ช่างตัดเสื้อรีบลุกจากเตียงลงไปชั้นล่างทันที เขาคิดว่าคงเป็นลูกค้าสักคนที่มาเพราะงานด่วน ทว่าเจ้าตัวคาดผิดไปถนัด

   เลดี้บาธยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับสาวใช้ประจำตัว แม้จะสวมหมวกที่มีตาข่ายคลุมหน้า แต่กอร์ดอนก็จำเธอได้ทันที

   “สวัสดีครับท่านหญิง มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

   “โอเดนเบิร์ก ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับเธอ เข้าไปคุยข้างในได้ไหม”

   “ได้สิครับ” เขารีบเชิญเธอเข้าไปในร้าน

   เลดี้บาธที่กวาดตามองไปรอบๆ “นอกจากเธอแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่อีกไหม”

   “มีแม่บ้านครับ”

   “ช่วยไปบอกเธอทีว่าไม่ต้องยกน้ำชามาให้ฉัน ฉันอยากให้การมาครั้งนี้เป็นความลับ”

   “รับทราบครับ”

   “แล้วพอจะมีห้องส่วนตัวที่คุยกันได้แบบไม่มีใครแอบฟังรึเปล่า”

   “มีห้องนั่งเล่นชั้นบน เดี๋ยวผมนำขึ้นไปครับ”

   กอร์ดอนพาเลดี้บาธและสาวใช้ไปนั่งพักที่ห้องนั่งเล่นชั้นบน แล้วจึงไปบอกมิสซิสมาร์ธา เธอจึงขอให้กอร์ดอนช่วยยกชาขึ้นมาแทน

   “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยกชามา” เลดี้บาธว่า ขณะมองกอร์ดอนวางชุดน้ำชาลงบนโต๊ะ

   “ไม่ได้หรอกครับ มันเสียมารยาท อีกอย่างนี่เป็นชาเอิร์ลเกรย์จากร้านมัลคอม รสชาติดีอยู่นะครับ”

   “ร้านมัลคอมหรือ” เลดี้บาธทวนคำ อดไม่ได้ต้องให้สาวใช้รินชาให้ เธอเติมนมกับน้ำตาลเล็กน้อย ก่อนจะยกขึ้นสูด “หอมมาก ใบชาที่ร้านเขากลิ่นและรสชาติดีมากจริงๆ ฉันเองก็สั่งซื้อเป็นประจำ เธอมีรสนิยมในการเลือกชาไม่เลวเลยนะ”

   “ผมต้องเอาไว้ต้อนรับลูกค้าครับ” กอร์ดอนว่า เลดี้บาธดื่มชาแล้วจึงพิจารณาถ้วยชาในมือ

   “ชุดน้ำชานี่ก็สวยมากจริงๆ เธอซื้อจากร้านไหนหรือ”

   “เอ่อ... มีลูกค้าท่านหนึ่งกรุณาเอามาให้น่ะครับ”

   “งั้นหรือ” เลดี้บาธพยักหน้า “มีครั้งหนึ่ง จอห์นเคยมาถามฉันเรื่องร้านขายชุดน้ำชา เผอิญนี่ก็เป็นเครื่องเคลือบจากร้านเดียวกันเสียด้วย ฉันคิดว่าเขาเป็นคนซื้อมาเสียอีก”

   “ท่านลอร์ดเป็นคนซื้อมาให้นั่นล่ะครับ” กอร์ดอนยอมรับในที่สุด “เขาเห็นว่าที่ร้านควรมีชุดน้ำชาดีๆ สักชุด แต่อันที่จริงผมว่าชุดเดิมก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่”

   “มันทำให้ฉันแปลกใจมากทีเดียว เพราะปกติแล้วเขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย” เลดี้บาธว่า “ดูเหมือนเขาจะใส่ใจเรื่องของเธอเป็นพิเศษนะ ว่าไหม”

   “เอ่อ... อันนี้ผมไม่ทราบหรอกครับ”

   เลดี้บาธถอนหายใจ เธอสั่งสาวใช้ให้ไปปิดประตูห้อง แล้วเฝ้าไว้

   “โอเดนเบิร์ก ฉันนับถือความเป็นมืออาชีพและความเถรตรงในการทำงานของเธอ เธอแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ และมีความรับผิดชอบ รู้จักมารยาท และไม่ทะเยอทะยาน แถมยังมีรสนิยมเรื่องชาที่ดี ที่จริงแล้วไม่ควรมีอะไรที่เธอจะทำให้ฉันไม่พอใจได้เลย”

   “.....”

   “แต่หลายวันมานี้มีเรื่องหนึ่งรบกวนจิตใจฉันอย่างมาก ฉันจึงตัดสินใจมาที่นี่เพื่อขอร้องเธอ”

   “เรื่องอะไรหรือครับ”

   “ฉันขอร้องให้เธอเลิกติดต่อกับจอห์นเสีย เลิกคบหาเขาในทุกทาง และปฏิเสธที่จะตัดเสื้อให้เขาด้วย”

   กอร์ดอนใจหายวาบ เขาตะกุกตะกักพูดออกไป “ทะ... ทำไมกันล่ะครับ”

   “มันเป็นความกังวลส่วนตัวของฉัน รับปากได้ไหมโอเดนเบิร์ก ฉันขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว”

   “แต่ผมไม่เข้าใจ” กอร์ดอนว่า “มันไม่มีเหตุผลเลยนี่ครับ”

   เลดี้บาธถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องนี้เลย แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับจอห์น... ออกจะดูซับซ้อนกว่าปกติ เขาใส่ใจเธอมากกว่าเพื่อนทั่วไป ฉันกังวลนะโอเดนเบิร์ก กลัวว่าลูกชายคนเดียวของฉันจะออกนอกลู่นอกทางเพราะเธอ เขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีเกียรติ มีทุกอย่างพร้อม มันไม่ดีเลยที่เขาจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเสียๆ หายๆ แบบนี้”

   “ท่านหญิงหมายถึง...”

   “ใช่” เลดี้บาธยอมรับออกมาในที่สุด “ฉันสงสัยว่าคนที่จอห์นติดพันอยู่ด้วยคือเธอ ตัวเธอน่ะโอเดนเบิร์ก”

   กอร์ดอนรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่หน้า ดวงตาของเขาพร่าไปทันที ขณะที่เลดี้บาธพูดขึ้นต่อ

   “มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง รู้ใช่ไหม ฉันมาที่นี่เพื่อจะขอร้องเธอ ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้าย บางทีเธออาจจะหลงผิดไป แต่เรื่องนี้แก้ไขได้ เธอแค่ต้องหยุดมันเท่านั้น”

   “....”

   “เรื่องนี้ก็เพื่อตัวเธอเองนะ”

   กอร์ดอนใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เขาขบกรามแน่น ก่อนจะพูดออกไป “ผม... ผมคงทำไม่ได้หรอกครับ”

   สีหน้าของเลดี้บาธเปลี่ยนไปทันที

   “มันเป็นการตกลงปลงใจของพวกเราทั้งคู่ ผมไม่อาจรับปากเรื่องนี้ได้ถ้าไม่คุยกับจอห์นก่อน ผมไม่อาจหักหลังเขาได้”

   ถ้วยชาหลุดออกจากมือเลดี้บาธ โชคดีที่มันตกลงไปบนพรมหนา จึงแค่หก ไม่ได้แตก แต่เธอไม่ได้สนใจจะเก็บมันขึ้นมา ใบหน้าของเธอซีดเผือดราวกระดาษ มือที่ยกอยู่สั่นระริก

   “หมายความว่าสิ่งที่ฉันกังวลเป็นความจริงสินะ” น้ำเสียงของเธอขาดหายไป จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา

   “ท่านหญิง...”

   อีกฝ่ายยกมือเป็นเชิงห้าม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา “และเธอจะยอมไม่เลิกราใช่ไหม”

   “....”

   “ให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนเธอตรงนี้ก็ได้” เลดี้บาธว่า “ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอยุติเรื่องนี้ เห็นแก่พระเจ้า จอห์นเป็นลูกชายคนเดียวของเรา ได้โปรดอย่าล่อลวงเขาอีกเลย”

   กอร์ดอนรีบเข้าไปประคองเลดี้บาธที่ทำท่าเหมือนจะคุกเข่าลงขอร้องเขาจริงๆ เธอจึงจับแขนเขาไว้

   “ขอร้องล่ะโอเดนเบิร์ก ได้โปรดเถอะ”

   กอร์ดอนขบริมฝีปาก “กรุณาอย่าทำแบบนี้เลยครับ ผมไม่อาจรับปากเรื่องนี้ได้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่เราทั้งคู่ตกลงกันไว้”

   น้ำตาไหลพร่างพรูออกมาจากดวงตาของเธอ เลดี้บาธประคองตัวเองกลับขึ้นไปนั่งบนโซฟา มองช่างตัดเสื้อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยหยาดหยดแห่งความปวดร้าว

   “นี่คือคำตอบของเธอสินะ”

   กอร์ดอนจำต้องพยักหน้า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่อาจรับปากได้จริงๆ”

   เลดี้บาธยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”

   หัวใจของกอร์ดอนปวดร้าวยิ่งกว่าเดิม “ผมไปส่งนะครับ”

   เธอสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวดีกับฉันอีกแล้ว ไม่จำเป็น”

   เลดี้บาธเรียกสาวใช้เข้ามาช่วยประคอง เธอยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ราวกับพร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ ความรวดร้าวจุกขึ้นถึงลำคอของกอร์ดอน ขณะเดินตามไปส่งที่หน้าประตู ไม่มีคำพูดใดอีกระหว่างนั้น ไม่มีแม้คำร่ำลา เลดี้บาธขึ้นรถม้าจากไปท่ามกลางละอองหิมะที่กำลังโปรยปราย ทิ้งให้กอร์ดอนยืนอยู่ท่ามกลางความสับสน เขาได้แต่เงยหน้า ภาวนากับพระเจ้าที่อยู่บนฟ้า

   ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ โปรดทรงเมตตาลูก ลูกไม่อาจตกลงได้ ลูกไม่อาจทรยศต่อความไว้ใจของเขา ไม่อาจทรยศต่อคำสาบานได้ ลูกรักเขาหมดหัวใจ ขอพระองค์ได้โปรดทรงเมตตา ขอได้โปรดทรงเมตตาในความรักของเราด้วย

----------------------------------

   “มาเรีย เกิดอะไรขึ้น” ลอร์ดบาธรีบลุกขึ้นไปประคองภรรยาที่ทำท่าเหมือนจะล้มลงทันที่ที่เดินเข้ามาหาเขาในห้องเขียนจดหมาย เลดี้บาธร้องไห้ออกมาทันที

   “เฮนรี่ เรื่องเป็นอย่างที่ฉันกังวลจริงๆ”

   “นี่คุณไปพบโอเดนเบิร์กมาแล้วหรือ”

   เลดี้บาธพยักหน้าทั้งน้ำตา “เขายอมรับ... โอ... พระเจ้า ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี เรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ช่างเลวร้ายเหลือเกิน”

   ลอร์ดบาธอึ้งไปครู่ใหญ่ๆ “ผมจะไปบอกให้โอเดนเบิร์กเลิกยุ่งเรื่องนี้”

   “ฉันคุยกับเขาแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขายังคงยืนยันคำเดิม เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องระหว่างเขากับจอห์น เขาต้องคุยเรื่องนี้กับจอห์นก่อน”

   “งั้นผมจะไปบอกลูก เขาควรจะมีความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง”

   “อย่าค่ะ” เลดี้บาธรีบห้าม “ฉันรู้ว่าจอห์นจะไม่ยอมเลิกราเรื่องนี้ เขาเป็นคนรั้น ถ้าคุณสั่งห้ามเขา เขาอาจจะทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ ฉันกลัวว่าเขาจะขี่ม้าออกไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย ฉันคงทนไม่ได้ถ้าต้องเสียลูกไป”

   เลดี้บาธร้องไห้จนตัวสั่น ลอร์ดบาธประคองภรรยาของเขาเอาไว้ด้วยสายตาปวดร้าว “มาเรียที่รัก ผมเข้าใจถึงความเจ็บปวดของคุณ มันเป็นความเจ็บปวดของผมด้วย จอห์นเป็นลูกคนเดียวของเรา ผมเองก็ไม่อาจทนเสียเขาไปได้เช่นกัน คุณวางใจเถอะ ผมจะหาทางจัดการเรื่องนี้เอง”

   เลดี้บาธพยักหน้า ขณะที่ลอร์ดสามีเช็ดน้ำตาให้เธอ “ยอดรัก พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแล้ว คุณต้องทำใจดีๆ ไว้ ไม่แน่ว่าระหว่างการไปเที่ยวในครั้งนี้ ลูกอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”

   เลดี้บาธพยักหน้าช้าๆ “ฉันหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณว่าค่ะ”

-----------------------------------------
(จบตอน)

ในที่สุดเรื่องก็เดินมาถึงจุดแตกหักจนได้ค่ะ ต้นฉบับเรื่องนี้เขียนจนจบแล้วนะคะ จากนี้ไปถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะทยอยลงวันละตอนจนถึงตอนจบค่ะ มาช่วยลุ้นจอห์นกับกอร์ดอนกว่าจะกินมาม่ากี่อ่างกันเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่47p.22(1/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-01-2020 16:52:07
เข้าใจความเป็นพ่อแม่ที่มีลูกชายคนเดียว
เข้าใจในความรักของจอห์นกับกอร์ดอน
ในความคิดของพ่อแม่ อยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์
ในความคิดของลูก ที่มีหัวใจในความรักที่ไม่คิดอะไร ขอให้ได้รัก
ไม่มีใครผิดในเรื่องนี้ ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง
สู้ๆ นะจอห์น กอร์ดอนเองก็ขออย่าให้มีเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้นะ
 :เฮ้อ: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่47p.22(1/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 01-01-2020 18:56:35
เหมือนถูกบีบหัวใจ แน่นไปหมด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่47p.22(1/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-01-2020 22:10:53
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณจู

ขอให้คุณร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส การงานก้าวหน้า เขียนนิยายได้อย่างลื่นไหล มีเงินมีทองตลอดปีค่ะ

---------------------------------------------------
ตอนนี้ทำเอาเราใจหายมากเลย ใคร ๆ ก็รู้เรื่องนี้กันมากมายแล้ว จอห์นกับกอร์ดอนจะทำอย่างไร ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่48p.23(2/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-01-2020 07:58:49
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรปีใหม่ค่า ขอให้มิตรรักนักอ่านประสบกับสิ่งดีตลอดปี63นี้เช่นกันค่า

----------------------------

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่48 เรื่องร้าย

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เข้าไปพบพ่อของเขาในห้องเขียนจดหมาย ระหว่างที่คนรับใช้กำลังลำเลียงหีบเสื้อผ้าขึ้นรถม้า เมื่อเห็นลูกชายเข้ามา ลอร์ดบาธก็ชี้ให้เขานั่งลง

   “จะถึงเวลาไปแล้ว พ่อยังจะเขียนจดหมายหาใครอีกหรือครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามอย่างอารมณ์ดี ผู้เป็นพ่อมองเขาแล้วสั่นศีรษะ

   “ธุระปะปังไม่จบไม่สิ้นน่ะ เมื่อคืนแม่แกไม่ค่อยสบาย พ่ออยากให้แกคอยดูแลตอนอยู่บนเรือ”

   “โอ... งั้นหรือครับ แม่เป็นอะไรครับ”

   “ปวดหัว” ผู้เป็นพ่อว่า “คงจะกังวลเรื่องการเดินทางนั่นแหละ”

   “อืม... ผมเข้าใจล่ะ พ่อไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลแม่อย่างดีแน่ คราวนี้มีทั้งจอร์จทั้งแคทเธอรีนไปด้วย ผมรับรองว่าแม่ต้องลืมเรื่องที่กังวลใจทันทีหลังจากขึ้นเรือ”

   ลอร์ดบาธยิ้มออกมา “ได้ยินแบบนั้นพ่อก็วางใจ แล้วนี่เตรียมของเสร็จแล้วหรือ”

   “กำลังขนขึ้นรถอยู่โน่นแน่ะครับ” อีกฝ่ายตอบ “ปีนี้แมกซ์จะไปกับพวกเราด้วย เขาหมั้นแล้วพ่อรู้หรือยัง”

   “หืม อย่างนั้นหรือ”

   “ใช่ เขาจะพาคู่หมั้นไปด้วย เธอเป็นสาวสวยมาก”

   “ปีนี้ท่าทางจะครึกครื้นนะ ทั้งจอร์จทั้งแมกซ์ก็ดูจะมีคู่กันไปหมดแล้ว หวังว่าแกจะมีข่าวดีในเร็ววันล่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเหิดๆ “ผมไม่อยากถูกกดดันเรื่องนั้นหรอกครับ แต่คิดว่าแคทเธอรีนน่าจะช่วยผมได้ตอนอยู่บนเรือ”

   “ก็ดี ไปดูแม่เถอะ เดี๋ยวพ่อเขียนจดหมายเสร็จแล้วจะตามออกไป”

   “ครับ”

-------------------------------------------

   กอร์ดอนย้ายไปพักที่เวมบลีในอีกวันรุ่งขึ้น พร้อมกับเดวิดและแม่ของเขารวมถึงบิสโม่ด้วย ช่างตัดเสื้อตัดสินใจไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่เขาจะต้องปรึกษากับลอร์ดโทรว์บริดจ์แค่สองคน แต่ตอนนี้ฝ่ายนั้นกำลังเดินทางออกไปเที่ยวพักผ่อน กอร์ดอนไม่อยากให้การเที่ยวนั้นกร่อยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เขาแน่ใจว่าลอร์ดและเลดี้บาธไม่น่าจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะอย่างนั้นเขาเองก็จะไม่พูดถึงเช่นกัน กอร์ดอนวางแผนว่าเขาจะเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องที่มาพักอยู่ที่เวมบลีให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ่านแทน เพราะถ้าไม่ส่งอะไรไปเลย ฝ่ายนั้นก็จะเป็นห่วงเอาได้

   และกอร์ดอนก็ค้นพบว่าเขามีเรื่องเกี่ยวกับเวมบลีให้เขียนเล่ามากมาย ผู้คนแถบนั้นดูตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าเจ้าของใหม่จะมาพักอยู่ในช่วงฤดูหนาว เขาต้องจ้างคนเพิ่มเพื่อดูแลเรื่องในบ้าน เพราะหลังนี้กว้างกว่าหลังเก่าที่นีสเด้นมาก โชคดีที่ได้เซอร์จอร์จ กับเลดี้ชาร์ล็อต คาเมร่อนมาช่วยจัดการ หลังทั้งคู่รู้จากเดวิดว่ากอร์ดอนเพิ่งได้บ้านใหม่

   “ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้พวกคุณช่วยไว้ ผมคงต้องยืนงงในบ้านตัวเองแน่” กอร์ดอนพูดระหว่างนั่งผิงไฟอยู่หน้าเตาผิงใหญ่ในห้องนั่งเล่น เลดี้ชาร์ล็อตรินชาลงในถ้วย เบามันเบาๆ แล้วจึงพูด

   “ไม่เป็นไรหรอกจ้า ที่จริงแล้วเธอควรจะบอกพวกเราก่อนด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องดีมากเลยนะ เธอได้บ้านหลังใหม่ที่สวยมาก ตาเฒ่ากอร์ดอนมีเพื่อนดีทีเดียว”

   กอร์ดอนยิ้ม “แล้วนี่เซอร์จอร์จไปไหนหรือครับ”

   “เอ... คงจะอยู่ในห้องหนังสือล่ะมั้ง ฉันมัวแต่ยุ่งกับครัวเลยไม่ได้ตามไปดูด้วยสิ เออ นี่ มีเปียโนอยู่หลังหนึ่งด้วยนะ เธอเห็นแล้วใช่ไหม”

   “อ้อ ครับ แต่ผมเล่นไม่เป็นหรอก”

   “น่าเสียดาย เราไปดื่มชาที่นั่นดีกว่า ฉันจะเล่นให้เธอฟังเอง เธอน่าจะหาผู้หญิงที่ร้องเพลงกับเล่นเปียโนได้มาเป็นภรรยานะ เธอจะคู่ควรกับบ้านหลังนี้มาก”

   กอร์ดอนหัวเราะ “ไว้ผมจะลองหาดูครับ”

   เดวิดกับบิสโม่ดูสนุกกับการสำรวจที่ทางภายในบ้าน กอร์ดอนดีใจที่เด็กหนุ่มเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเพื่อนรักได้สำเร็จ ทำให้ทั้งคู่มีเวลามาสนุกด้วยกัน ปีนี้คงเป็นฤดูหนาวที่ไม่เลว แม้ว่าจะมีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นก็ตาม

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาถึงอิตาลีในอีกสามวันหลังจากนั้น อากาศหน้าหนาวและภูมิทัศน์ในอิตาลีไม่เลวทีเดียว ลอร์ดหนุ่มสนุกกับการท่องเที่ยวและไม่ลืมที่จะเขียนเล่าลงไปในโปสการ์ดที่เขาซื้อจากทุกที่ที่แวะส่งไปให้กับคนรักที่อังกฤษ เลดี้บาธดูมีความสุขกับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ เธอไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเลย ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเองก็ได้แวะเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน ขณะที่เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตและแอนนาเบล เฮเก้นต์เข้ากันได้ดีจนลอร์ดจอร์จ เฟลตันชักระแวงว่าอาจถูกพวกเธอสองคนขุดคุ้ยเรื่องเก่า ร้อนถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องคอยปลอบให้เพื่อนเลิกสันหลังหวะเสียที

   “ผมเพิ่งรู้ว่าอิตาลีเป็นที่ที่เหมาะกับการมาพักตากอากาศในฤดูหนาวมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เขาและเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนออกมาเดินเล่นในช่วงเช้า

   “โดยเฉพาะเวนิส ที่นี่สวยมากจริงๆ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “จริงค่ะ ถ้าฉันมีคนรัก ฉันคงอยากให้เขาพามาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน”

   “ผมเสียใจเรื่องมิสเตอร์ดอว์สันด้วยนะ เขาไม่ได้ติดต่อมาอีกเลยใช่ไหม”

   “อ้อ... ฉันยังไม่ได้เล่าให้คุณฟังสินะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดอย่างนึกได้ “หลังจากวันนั้นที่สะพานทาวเวอร์ ฉันได้รับจดหมายขอโทษจากเขาค่ะ เขาบอกฉันว่าเขาไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวงฉัน แต่เขาไม่อาจกลับมาสู้หน้าฉันได้อีกแล้ว เพราะเขาละอายกับสิ่งที่เคยทำลงไป”

   “.....”

   “ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า แต่มันทำให้ฉันรู้สึกโล่งขึ้นมาก อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนหลอก มันยากมากจริงๆ ที่จะให้อภัยคนที่หลอกลวงเราเรื่องความรักได้ ฉันเลยเขียนจดหมายไปขอบคุณเขา และบอกว่าไม่ต้องติดต่อกลับมาอีก เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว”

   “งั้นผมคงต้องแสดงความยินดีกับคุณสินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่อย่ากังวลไปเลย คุณน่ะเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่นานต้องได้พบผู้ชายดีๆ แน่”

   อีกฝ่ายถอนหายใจ “ฉันคงเข็ดกับเรื่องรักๆ ไปสักพักล่ะค่ะ ระหว่างนี้ขออยู่เป็นเพื่อนท่านตาจะดีกว่า”

   “งั้น... ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ บอกแล้วกัน ผมยินดีช่วยเต็มที่”

   “ที่จริงคุณก็กำลังช่วยฉันอยู่โดยไม่รู้ตัวนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ตอนนี้ทุกคนลือกันว่าคุณกำลังคบหากับฉันอยู่ นั่นทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้ามาวอแวฉันเลย คุณช่วยเรื่องนี้ได้เยอะเลยค่ะ แม้ว่าฉันจะเจอสายตาจิกกัดจากบรรดาสาวๆ ในงานเลี้ยงก็เถอะ”

   “อืม... เป็นเรื่องที่ผมขำไม่ออกเลยแฮะ มันต้องน่าอึดอัดมากแน่”

   “ก็นิดหนึ่งค่ะ แต่ฉันแอบสะใจมากกว่า เพราะพวกเธอไม่รู้แน่ว่าหัวใจคุณน่ะมีคนครองอยู่แล้ว และไม่มีวันที่ผู้หญิงคนไหนจะได้มันไปทั้งนั้น”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “รู้สึกตั้งแต่ไปที่สะพานทาวเวอร์นี่ คุณดูร้ายกาจขึ้นมาเยอะเลยนะ”

   “ที่จริงแล้วฉันเป็นคนร้ายกาจนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “แค่ไม่ค่อยแสดงออกเท่านั้นเอง ผู้หญิงบางทีก็ต้องแสร้งทำเป็นมารยาไม่รู้เรื่องบ้าง พวกเราน่ะถูกคาดหวังให้เป็นและไม่เป็นในอะไรหลายๆ อย่างนะคะ”

   “อืม... เป็นผู้หญิงก็ลำบากเหมือนกันแฮะ คุณทำให้ผมนึกถึงอเล็กซานดร้าเลย”

   “โอ... ฉันชอบเธอมากค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “เธอกล้าทำในสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนไม่กล้า และเธอดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนด้วย ฉันอยากจะเป็นได้อย่างเธอสักครึ่งหนึ่ง ที่สำคัญคือเธอเป็นคนตรงไปตรงมามาก ถ้าได้เป็นเพื่อนกับเธอก็ไม่ต้องระแวงว่าจะถูกแทงข้างหลังเลย”

   “อันนี้ผมเห็นด้วยกับคุณนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เธอเป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงออกมาอย่างนั้นจริงๆ”

   “ฉันเขียนโปสการ์ดไปให้เธอด้วยค่ะ เราสัญญาว่าจะแลกโปสการ์ดฤดูหนาวกัน ตอนกลับถึงบ้าน โปสการ์ดของเธอคงกองอยู่เต็มหน้าประตูแน่ๆ”

   “คุณเองก็อย่าให้แพ้เธอล่ะ เมื่อวานผมเห็นร้านขายโปสการ์ดอยู่ตรงหัวมุมถนนโน่น”

   “ฉันเดาว่าคุณซื้อและเขียนส่งไปให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กแล้ว”

   “แน่นอน คุณรู้ได้ไง”

   “โธ่... คุณเล่นแวะร้านโปสการ์ดทุกร้านที่เราผ่าน และยืนเขียนแล้วส่งตรงนั้นเลย ใครไม่รู้ฉันรู้นะคะว่าคุณส่งถึงใคร จริงสิคะ พูดถึงเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก มีเรื่องนึงที่ทำให้ฉันรู้สึกเป็นกังวลค่ะ”

   “เรื่องอะไรหรือ”

   “จำวันที่เราไปกินข้าวด้วยกันได้ไหมคะ วันที่คุณพาฉันไปที่สะพานเทาวเวอร์น่ะค่ะ”

   “จำได้สิ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ”

   “ฉันพูดว่า เห็นผู้ชายคนหนึ่งแอบตามเรามาตั้งแต่ออกจากร้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก แต่พอพวกคุณหันไปดูเขาก็หายไปแล้ว”

   “อ้อ ผมนึกออกล่ะ คุณกังวลว่าตัวเองตาฝาดหรือเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นหรือ”

   “ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันเพิ่งมาคิดได้ตอนที่อเล็กซานดร้ามาเล่าให้ฟัง ว่าเธอให้คนไปสืบเรื่องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เลยถามเธอไปว่าเธอให้สืบจนถึงเมื่อไหร่ เธอบอกว่าก่อนจะถึงวันแข่งรักบี้ ถ้าเธอพูดจริง ผู้ชายที่ฉันเห็นวันนั้นก็ไม่ใช่คนที่เธอส่งมาสืบเรื่องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก”

   “คุณกังวลว่าเขาติดตามคุณงั้นสิ ผมจะให้แมกซ์ดูเรื่องนี้ให้แล้วกัน”

   “ไม่ใช่ค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบปฏิเสธ “ฉันแค่กังวลว่าเขาอาจจะตามสืบเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่ และถ้าไม่ใช่คนที่อเล็กซานดร้าไหว้วานมา ก็ต้องเป็นคนของคนอื่น ที่ฉันกังวลคือตรงนี้ล่ะค่ะ”

   “คุณกังวลมากไปเองน่า คนที่วุ่นวายเรื่องนี้ได้ขนาดนี้ก็มีแต่อเล็กซานดร้าเท่านั้นแหละ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนิ่งไปพัก ก่อนจะยอมพยักหน้า “ก็คงจะจริงค่ะ ฉันอาจจะกังวลไปเอง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ อุตส่าห์มาเที่ยวด้วยกันทั้งที คุณยังต้องมากังวลเรื่องผมอีก แบบนี้กอร์ดอนจะต้องว่าผมแน่”

   อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้ “จริงของคุณค่ะ เราไปเดินหาร้านขายโปสการ์ดกันดีกว่า คุณจะได้เขียนถึงมิสเตอร์โอเดนเบิร์กอีก ฉันเองก็จะเขียนถึงเขาด้วยค่ะ”

   กอร์ดอนได้รับโปสการ์ดของลอร์ดโทรว์บริดจ์แผ่นแรกช่วงก่อนคริสต์มาส เขาอ่านและสอดเก็บมันเอาไว้ในสมุดบันทึก รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกัน

   “ฮั่นแน่ ทำหน้าแบบนั้น คุณได้โปสการ์ดจากลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช่ไหมล่ะครับ” เดวิดที่เดินเอาชาเข้ามาให้ทักอย่างรู้ทัน กอร์ดอนรีบพูดกลบเกลื่อนความเขินทันที

   “มีของคนอื่นด้วยนะ ฉันกำลังทยอยอ่านอยู่”

   “งั้นก็ขอให้มีความสุขนะครับ คืนนี้คุณจะไปสวดมนต์ที่โบสถ์รึเปล่า”

   “ไปสิ ถ้าหิมะไม่ตกหนักมากนะ” กอร์ดอนว่า เดวิดพูดต่อ

   “งั้นผมจะไปบอกแม่ให้เตรียมตัว แต่ถ้าตกหนักเราจะอยู่บ้านใช่ไหมครับ”

   “อืม... แต่ฉันคิดว่าเราควรจะไป มันเป็นปีแรกที่เรามาพักที่นี่ ถ้าไม่ไปก็ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย”

   “ครับ ตามใจคุณเลย ผมรอวันที่คุณจะพาเราไปเยี่ยมลอร์ดฟาริงดอนอยู่นะครับ บิสโม่บอกว่าอยากเล่นสเก็ตช์แล้ว”

   กอร์ดอนหัวเราะ “หลังคริสต์มาสแล้วกัน วันที่หิมะไม่ตกมาก เราจะนั่งรถม้าไปกัน ฉันจะเขียนจดหมายไปบอกเขาก่อน”

   “ขอบคุณครับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ผมจะไปบอกบิสโม่ ว้าว นี่เป็นฤดูหนาวที่ยอดไปเลย”

   กอร์ดอนรอจนเดวิดเดินออกไป เขาจึงเทชาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นมาจิบ ก่อนจะหยิบจดหมายอีกฉบับขึ้นมาอ่าน จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

   “จะออกไปไหนหรือครับ” เดวิดตะโกนถามเจ้านายของเขา หลังเห็นอีกฝ่ายรีบร้อนออกไปที่ประตูทั้งที่ยังสวมเสื้อโค้ทกันหิมะไม่เข้าที่เข้าทางดี กอร์ดอนตอบเขาโดยไม่ได้หันมามอง

   “ฉันจะออกไปธุระสักหน่อย อาจจะกลับค่ำๆ ยังไงก็ช่วยเตรียมมื้อเย็นเผื่อไว้ด้วยนะ”

   “ได้ครับ คุณอย่าลืมเอาตะเกียงไปด้วยนะครับ ข้างนอกมืดมาก”

   “ขอบใจ” พูดจบเขาก็คว้าตะเกียงที่แขวนอยู่ใกล้ประตู แล้วเดินออกไป

---------------------------------------

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่48p.23(2/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-01-2020 08:01:25
   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้รับจดหมายฉบับแรกของกอร์ดอน ในสัปดาห์ที่สองที่เขาพักอยู่ที่เวนิส เนื้อความในจดหมายเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดในเวมบลี ไม่มีส่วนไหนเกินเลยไปกว่าจดหมายจากเพื่อนถึงเพื่อนเลย แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรักในทุกตัวอักษรที่ฝ่ายนั้นบรรจงเขียน เขาเอาจดหมายนั้นให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนอ่าน เพราะกอร์ดอนเขียนถึงเธอและดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดด้วย เธอเลยขอให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอามันไปให้ท่านดยุกอ่าน กลายเป็นว่าจดหมายฉบับเดียว อ่านกันสามคน ท่านดยุกดูอิ่มอกอิ่มใจที่ได้รู้ว่ากอร์ดอนได้ใช้บ้านที่มอบให้ในช่วงฤดูหนาว และมีความสุขกับมัน เขาเปรยว่าถ้ากลับไปทันจะแวะไปเยี่ยมอีกฝ่ายที่บ้าน พวกเขาฉลองคริสต์มาสและปีใหม่กันที่เวนิส ทุกคนมีความสุข แม้แต่อากาศก็ยังเป็นใจ ทุกอย่างดูดีจนไม่น่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นได้ กระทั่งทั้งหมดเดินทางกลับไปยังอังกฤษ

   ฤดูหนาวที่อังกฤษยังไม่สิ้นสุด แม้จะไม่มีพายุหิมะ แต่อุณหภูมิยังคงติดลบ และถนนหนทางในลอนดอนก็เต็มไปด้วยคราบฝุ่นจากถ่านหินที่ปะปนกับหิมะซึ่งถูกกวาดไปกองอยู่ที่ริมถนน เพื่อรอการตักใส่รถ

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ได้สามวันแล้ว เขาแปลกใจที่ไม่ได้จดหมายจากกอร์ดอนอีก รวมถึงไม่มีอะไรส่งมาที่บ้านด้วย อาจเป็นไปได้ว่าไปรษณีย์ส่งช้าเพราะอุบัติเหตุระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เสมออย่างที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ลอร์ดหนุ่มจึงตัดสินใจไปเยี่ยมคนรักที่ร้าน แต่ก็ปรากฏว่าร้านปิด เขาคิดว่าฝ่ายนั้นอาจจะยังอยู่ที่เวมบลี เลยเขียนจดหมายไปบอกเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่าเขาจะแวะไปในวันรุ่งขึ้น เพื่อชวนทั้งคู่ไปเยี่ยมกอร์ดอนที่เวมบลี

   “จอห์น วันนี้แกจะออกไปไหนอีก” ลอร์ดบาธทักลูกชายในระหว่างมื้อเช้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงตอบพ่อของเขา

   “ผมจะไปหาแคทเธอรีนที่บ้านของท่านดยุกครับ”

   “อ้อ... อย่างนั้นหรือ เอาดอกไม้ไปฝากเธอสักช่อสิ ผู้หญิงน่ะชอบดอกไม้เสมอแหละ”

   “งั้นผมคงต้องรีบไปหน่อย เพราะเขียนจดหมายไปนัดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

   “จะไปไหนกันล่ะ”

   “เวมบลีครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมว่าจะชวนท่านดยุกไปด้วย”

   “ดี” พ่อของเขาพยักหน้า “ดูท่าทางกลับจากไปเที่ยวครั้งนี้ นอกจากแกจะสนิทกับแคทเธอรีนแล้ว ยังดูจะสนิทกับท่านดยุกมากขึ้นด้วยนะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “ทั้งหมดเพราะกอร์ดอนหรอกครับ”

   “หืม”

   “ไม่มีอะไรครับ” อีกฝ่ายรีบตอบ “ผมต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวจะสาย ไปก่อนนะครับพ่อ ฝากบอกแม่ด้วยนะครับว่าผมอาจจะกลับค่ำๆ หรือเย็นๆ”

   “จะอยู่กินมื้อเย็นที่บ้านของท่านดยุกก็ได้” พ่อของเขาตะโกนไล่หลัง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะซื้อดอกไม้ ช่อหนึ่งเป็นดอกทิวลิป อีกช่อเป็นดอกกุหลาบ แน่นอนว่าทั้งสองช่อราคาแพงลิบลิ่ว เพราะเป็นดอกไม้ที่มาจากเรือนกระจก หลังฤดูหนาวแบบนี้ราคาดอกไม้ยังแพงกว่าเนื้อเสียอีก เขานั่งรถม้าที่มีโอลิเวอร์เป็นคนขับไปที่คฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “อรุณสวัสดิ์แคท” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักทายเพื่อนของเขา แล้วยื่นช่อดอกทิวลิปให้ “ของฝากคุณ”

   “ว้าว สวยมากเลยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันจะให้คนเอาไปปักแจกัน นี่คุณคงซื้อมาเผื่อฉันเพราะแวะซื้อดอกไม้ให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กสินะคะ” เธอพูดอย่างรู้ทัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ

   “ผมอธิบายไม่ได้เลยว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นขนาดไหน ผมไม่ได้พบเขามาเป็นเดือน แล้วก็ไม่เคยเห็นบ้านหลังนั้นด้วย เขาจะอยู่สบายที่นั่นใช่ไหม”

   “แน่นอนค่ะ ฉันยืนยันว่ามันเป็นบ้านที่สวยและน่าอยู่มาก” อีกฝ่ายตอบ ก่อนจะพูดต่อ “แต่คุณต้องเก็บอาการหน่อยนะคะ เพราะท่านตาจะไปด้วย”

   “ได้ ผมจะพยายาม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ทั้งคู่คุยกันอยู่อีกพัก จนกระทั่งดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดแต่งตัวเสร็จ จึงพากันนั่งรถม้าไปที่เวมบลี

   ที่ดินฝืนนั้นเป็นที่สวยอย่างที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่าไว้ แม้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จินตนาการถึงผืนดินเขียวขจีในช่วงฤดูร้อนได้ทันทีที่เห็น และบ้านหลังนั้นก็งามอย่างที่คิดไว้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงจากรถม้า เขาให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน และดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรออยู่ที่รถก่อน ระหว่างที่ตัวเองเดินไปกดออดที่หน้าประตู เดวิดเปิดประตูออกมาต้อนรับ พอเห็นหน้าเขา เด็กหนุ่มก็ละล่ำละลักพูดขึ้นทันที

   “โอ้ ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งคุณมา พวกเราไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว”

   “เกิดอะไรขึ้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามเด็กหนุ่ม “ค่อยๆ พูดได้ไหม ฉันฟังไม่ทัน”

   “มิสเตอร์โอเดนเบิร์กหายไปครับ”

   “อะไรนะ”

   “เขาหายตัวไปตั้งแต่ก่อนวันคริสต์มาส พวกเราช่วยกันตามหาเขาทุกวัน แต่ไม่มีวี่แววเลย ผมกลัวว่า...”

   คำพูดของเด็กหนุ่มหายเข้าไปในคอ ขณะที่น้ำตาเอ่อมาแทนที่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้อนใจแต่ก็ไม่อาจทิ้งอีกสองให้รอที่รถได้

   “ฉันพาแขกมาด้วย ต้องไปบอกพวกเขาก่อน เธอตั้งสติดีๆ ไว้ เราจะไปคุยเรื่องนี้กันต่อในบ้าน”

   เดวิดพยักหน้าหงึกๆ แล้ววิ่งเข้าบ้านไป ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับมาที่รถ

   “มีเรื่องอะไรหรือคะ ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้น” เลดี้แคทเธอรีนถามขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอ แล้วมองท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย ผมเห็นว่าเราคงต้องเลื่อนการมาเยี่ยมออกไป”

   “เกิดอะไรขึ้น” ท่านดยุกถามออกมาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา

   “ผมเองก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่ดูเหมือนกอร์ดอนจะหายตัวไปตั้งแต่ก่อนคริสต์มาส”

   “ว่าไงนะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเซไปหน่อยหนึ่ง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรีบประคองไว้

   “ท่านตาคะ ทำใจดีๆ ไว้ค่ะ” เธอหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้กัน ฝ่ายนั้นจึงพูดต่อ

   “ผมต้องสอบถามคนในบ้านถึงรายละเอียดเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น... ผมอยากให้ท่านกลับไปก่อนครับ”

   “ไม่ ฉันจะไม่กลับไปที่บ้านจนกว่าจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ท่านดยุกพูดเสียงเด็ดขาด “ฉันจะอยู่ด้วย ไม่ต้องคิดจะห้ามหรือสั่งฉันทั้งนั้น เพราะเธอไม่มีสิทธิ์”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้แต่พยักหน้ารับ “งั้นเชิญท่านครับ”

   เขาประคองท่านดยุกเข้าไปภายในตัวบ้าน โดยมีเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินข้าง

   “บ้านหลังนี้มีชื่อว่ากรีนไปป์ ฉันเคยมาที่นี่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยก่อน ผู้คนในแถบนี้อัธยาศัยดีมาก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเล่าหลังจากนั่งลงบนโซฟาภายในห้องรับแขก ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดตามองไปรอบๆ ไฟในเตาผิงยังคงลุกโชนอยู่ ด้านบนเป็นหินอ่อน ประดับลายปูนปั้น ผนังติดวอลเปเปอร์สีเขียว มีรูปวาดสีน้ำมันประดับอยู่ เครื่องเรือนแม้ไม่ได้หรูหราอย่างในคฤหาสน์ แต่ก็ถูกออกแบบและจัดทำมาอย่างพิถีพิถัน ถึงไม่ใช่ห้องรับแขกที่โอ่อ่ากว้างขวาง แต่ก็ดูดีมีรสนิยม

   มิสซิสเมอร์สันยกชามาเสิร์ฟ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงบอกให้เธอนั่งลงพร้อมกับเดวิด ก่อนจะแนะนำคนที่มาด้วยให้รู้จัก

   “นี่ท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ส่วนนี้เลดี้แคทเธอรีน หลานสาวของเขา”

   “โอ... อรุณสวัสดิ์ค่ะ ดิฉันเคยได้ยินเรื่องของท่านจากมิสเตอร์โอเดนเบิร์กบ่อยๆ” พูดจบมิสซิสชิมเมอร์ก็ร้องไห้ออกมา “ขอโทษนะคะ พอคิดถึงเขา ฉันก็...”

   “ไม่เป็นไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบ แล้วหันไปหาเดวิด “ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่แรกเลยนะ”

   “คืออย่างนี้ครับ” เดวิดสูดหายใจ พยายามตั้งสติ “ผมจำได้ว่าวันนั้นมิสเตอร์โอเดนเบิร์กกำลังนั่งอ่านจดหมายอยู่ ผมยังขึ้นไปถามเขาอยู่เลยว่าเขาจะไปโบสถ์ไหมเพราะมันเป็นคืนคริสต์มาสอีฟ เขายืนยันว่าถ้าหิมะไม่ตกหนักก็จะไป หลังจากนั้นผมก็ลงมาข้างล่าง สักพักเขาก็ลงมา ท่าทางรีบร้อนมาก บอกว่าจะออกไปธุระข้างนอก แล้วก็ออกไปเลย”

   “เขาไม่ได้บอกหรือว่าออกไปธุระเรื่องอะไร”

   “ไม่ได้พูดเลยครับ” เดวิดว่า “เขาแค่บอกว่าเขาอาจจะกลับค่ำหน่อย ให้เตรียมมือเย็นเอาไว้เผื่อ แต่พวกเรารอจนเกือบเที่ยงคืน ก็ไม่เห็นเขากลับมา กระทั่งวันรุ่งขึ้น เขาก็ไม่กลับมา...” เสียงของเดวิดหายไป เขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “เหมือนว่าเขาหายตัวไปเลย”

   มิสซิสชิมเมอร์สะอื้นฮั่ก “ดิฉันกับลูกไม่คุ้นกับละแวกนี้เลยออกไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน มีคนขับรถม้าคนหนึ่งบอกว่าขับรถไปส่งเขาที่ถนนใหญ่ เขาไม่ได้บอกว่าไปไหน แค่ให้แวะส่งริมทาง คนขับเล่าให้ดิฉันฟังว่าเขาถามมิสเตอร์โอเดนเบิร์กแล้วว่าจะให้รอเป็นเพื่อนไหม แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กปฏิเสธค่ะ บอกว่าเดี๋ยวจะมีคนมารับเขาอีกที”

   “นอกจากนี้แล้วมีใครเห็นอะไรอีกไหม”

   ทั้งสองคนสั่นศีรษะ เดวิดเล่าต่อ “วันนั้นหิมะตกครับ อากาศค่อนข้างครึ้ม ผมยังบอกให้เขาเอาตะเกียงติดตัวไปด้วย”

   “เธอบอกให้เขาเอาตะเกียงติดไปด้วยหรือ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถามขึ้นมา เดวิดพยักหน้า

   “อาจจะฟังดูแปลกนะครับ แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กชอบเตือนผมบ่อยๆ ให้เอาตะเกียงติดไปด้วยเวลาออกไปข้างนอกตอนครึ้มๆ หรือใกล้ค่ำ ผมเคยชินเลยบอกเขาไป เพราะวันนั้นท้องฟ้าครึ้มมากจริงๆ”

   “แล้วเขาเอามันไปด้วยไหม”

   “ครับ เขาหยิบมันไปด้วย”

   “มีใครเจอตะเกียงนั่นรึยัง”

   “ไม่มีเลยครับ” เดวิดว่า “เราไม่ได้สนใจจะหาตะเกียง เรากำลังตกใจที่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กหายไป”

   คำพูดของเดวิดออกจะเสียมารยาทต่อท่านดยุกอยู่บ้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงติง “เดวิด ท่านดยุกเองก็เป็นห่วงกอร์ดอนมากเหมือนกันนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดโบกมือ “ฉันเข้าใจความรู้สึกเจ้าหนูนี่ โทษทีที่ฉันเอาแต่ถามถึงเรื่องตะเกียง แต่มันค่อนข้างสำคัญในความคิดฉัน”

   เดวิดมองท่านดยุกด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อย ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามต่อ “แล้วพวกเธอได้แจ้งตำรวจไหม”

   “เราแจ้งตำรวจประจำท้องที่แล้วครับ พวกเขาช่วยกันออกค้นหา แต่ไม่เจออะไรเลย”

   “แล้วจดหมายล่ะ ลองค้นดูหรือยัง บางทีต้นเหตุที่ทำให้เขาออกไปอย่างรีบร้อนอาจจะมาจากจดหมายพวกนั้นก็ได้”

   “โอ้ นั่นล่ะค่ะ” มิสซิสชิมเมอร์โพล่งออกมา “ตำรวจขอดูจดหมายกับบันทึกของเขา ฉันเลยเปิดห้องให้ แต่... โอ้ พระเจ้า มันถูกรื้อค่ะ มีใครบางคนเข้ามาในช่วงที่พวกเรากำลังวุ่นวาย แล้วค้นห้องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ตำรวจไม่เจอบันทึก แล้วก็ไม่เจอจดหมายที่น่าจะเกี่ยวข้องด้วยค่ะ”

   “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง ขณะที่ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้น

   “แล้วหลังจากนั้นล่ะ มีจดหมายอะไรส่งมาอีกไหม จดหมายข่มขู่หรือเรียกค่าไถ่น่ะ”

   เดวิดสั่นศีรษะ “ตำรวจก็บอกเราให้คอยดูจดหมายเอาไว้เหมือนกันครับ แต่ไม่มีอย่างที่ว่าเลย”

   “งั้นฉันคงต้องให้สก็อตแลนยาร์ดรับช่วงเรื่องนี้ต่อแล้วล่ะ” ท่านดยุกพูดพลางถอนหายใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาด้วยสายตาเป็นกังวล

   “ท่านดยุกหมายความว่า...”

   “นี่ไม่ใช่การลักพาตัวธรรมดา พวกนั้นกำจัดหลักฐานทิ้ง มีบางอย่างในบันทึกที่พวกมันไม่อยากให้ใครรู้” ท่านดยุกหยุดไปอึดใจ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น “รีบไปกันเถอะ เราต้องให้สก็อตแลนยาร์ดจัดการเรื่องนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนและคนรับใช้รีบเข้ามาช่วยพยุงเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปหามิสซิสชิมเมอร์และเดวิด

   “ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อหาตัวเขา ระหว่างนี้พวกเธอช่วยอยู่ที่นี่ เผื่อว่าเขาอาจจะกลับมา” เขาหยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “นี่ไว้เผื่อฉุกเฉิน ถ้ามีอะไรที่ฉันต้องรู้เพิ่มให้โทรเลขมาบอกได้เลย เธอมีที่อยู่ฉันใช่ไหม”

   “ผมไม่ได้จดไว้ มันอยู่ในสมุดบันทึกของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเดินไปจดที่อยู่ให้ “เอาล่ะ จำไว้นะ มีอะไรให้รีบโทรเลขไปบอกฉันทันที”

   “ครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับไปขึ้นรถม้า เดวิดมองจนมันลับหายไปจากสายตา ในมือกำที่อยู่ของลอร์ดหนุ่มไว้แน่น

-----------------------------------

   “ท่านตาคะ หนูขอถามอะไรได้ไหมคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นระหว่างที่ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปที่สก็อตแลนยาร์ด ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า

   “ว่ามาสิ”

   “ทำไมท่านตาถึงถามถึงเรื่องตะเกียงล่ะคะ หนูแน่ใจว่าท่านตาคงไม่ได้ถามเพราะมันเป็นของแพงหรือมีค่าแน่ๆ”

   “อ้อ... เรื่องนั้น” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดส่งเสียงในคอ “ตะเกียงนั่นเป็นของที่ฉันสั่งทำพิเศษ เพื่อให้พ่อหนุ่มกอร์ดอนโดยเฉพาะ มีอยู่ในบ้านหลังนั้นสี่ดวง ทุกดวงทำจากทองเหลือง โถครอบเป็นแก้วอย่างดี ไส้ตะเกียงเป็นฝ้ายคุณภาพ มันส่องแสงสว่างและจุดติดได้ง่าย แม้ลมแรงก็ไม่ดับ บนตะเกียงแต่ละดวงหล่อเป็นอักษรตัวย่อชื่อปู่กับย่าของเขา”

   “....”

   “ฉันหวังให้ดวงวิญญาณของกอร์ดอนและอลิซาเบธคอยนำแสงสว่างให้เขายามค่ำคืน นั่นเป็นตะเกียงที่ไม่มีขายทั่วไป และไม่ใช่ของราคาถูก ไม่ว่าใครที่พาตัวเขาไปไม่ได้ทิ้งมันเอาไว้ แปลว่าต้องเอาติดไปด้วย”

   “หมายความว่าถ้าเราหาตะเกียงนั่นพบ เราก็จะรู้ว่าใครพาตัวเขาไปสินะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า ก่อนจะถอนใจอีก “ใช่ แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น คนร้ายวางแผนมาอย่างดีและน่าจะมีมากกว่าหนึ่ง ตากังวลว่า...”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปาก “ผมจะไปคุยกับแมกซ์ บางทีเขาอาจจะช่วยได้”

   “ฉันไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรได้มากนักหรอก ถ้าเรื่องมันเป็นแบบที่ฉันคิดจริงๆ”

   “.....”

   “เราคงต้องพึ่งสก็อตแลนด์ยาร์ด ต้องให้เขาสืบให้รู้ว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนเข้าไปพัวพันกับอะไรกันแน่”

--------------------------------------

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่48p.23(2/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-01-2020 08:04:38
   ผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ดมารับเรื่องด้วยตัวเอง เขารับปากกับท่านดยุกว่าจะเร่งสืบหาความจริงในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด สองวันต่อมา เขานั่งรถมาขอเข้าพบดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดที่คฤหาสน์

   “อรุณสวัสดิ์ครับท่านดยุก ขออภัยที่ผมมาเยี่ยมตั้งแต่เช้า”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดนั่งลงตรงข้ามผู้บัญชาการ “ได้เรื่องแล้วหรือ”

   “ไม่เชิงครับ ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นประเด็นละเอียดอ่อน อย่างที่ท่านบอก เราไปตรวจบ้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กที่เวมบลี และสอบถามคนที่นั่นอย่างละเอียด บุรุษไปรษณีย์ยืนยันว่าวันนั้นเขาไปส่งจดหมายที่บ้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กจริง และมีจดหมายทั้งหมดสี่ฉบับ ซึ่งตรงกับที่เราตรวจพบ แต่เด็กรับใช้ให้การว่าวันนั้นมีจดหมายมาห้าฉบับ ดังนั้นเป็นไปได้มากว่าคนร้ายจะแอบหย่อนเอาไว้ในช่วงดึก ซึ่งทุกคนนอนหลับกันหมด จึงไม่มีพยานรู้เห็น ส่วนคนขับรถม้าให้การว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กสั่งให้เขาไปส่งที่ริมถนนใหญ่ ใกล้กับต้นเอมล์ โดยบอกว่าเดี๋ยวจะมีรถม้ามารับไปอีกที ตอนนั้นหิมะตกหนา คนขับรถม้าเลยอาสาจะรอเป็นเพื่อน แต่มิสเตอร์โอเดนเบิร์กปฏิเสธ ด้วยความสงสัยเขาจึงแกล้งขับออกไปแล้วย้อนกลับมาอีกครั้ง จึงได้เห็นว่ามีรถม้าคันใหญ่มารับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กไป เขามองไม่เห็นคนในรถ แต่สังเกตเห็นว่ารถม้าคันนั้นสร้างอย่างประณีต ไม่ใช่รถม้ารับจ้างทั่วไป มิสเตอร์โอเดนเบิร์กยื่นบางอย่างให้คนขับรถม้า แล้วเปิดประตูขึ้นไป จากนั้นรถม้าคันนั้นก็แล่นออกไปอย่างเร็ว”

   เขาหยุดเว้นระยะครู่หนึ่ง “เราจึงสรุปว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กได้รับจดหมายจากคนที่เขารู้จัก และขึ้นรถม้าไปอย่างเต็มใจ ไม่ใช่ถูกบังคับ จากปากคำคนขับรถม้า รถม้าที่เขาเห็นเทียมด้วยม้าสี่ตัว เป็นรถม้าขนาดใหญ่ ตัวรถสีดำสนิท เขายืนยันว่าไม่เคยพบเห็นรถม้าคันนั้นมาก่อน และแน่ใจว่าไม่ใช่รถม้ารับจ้างทั่วไป คนขับขับฝ่าหิมะมาเพื่อรับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กโดยเฉพาะ เราจึงให้คนสเก็ตช์รูปรถม้าออกมา”

   เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากแฟ้ม ยื่นให้ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “นี่เป็นภาพรถม้าที่เราได้ ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีใช้ทั่วไป”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองรูปสเก็ตช์ ก่อนจะยื่นคืนให้ผู้บัญชาการ “มันเป็นรถม้าคันใหญ่ที่แทบไม่มีอะไรโดดเด่นเลย แต่อย่างที่เธอว่า เทียมม้าสี่ตัว คงต้องแล่นมาจากที่ไกลพอสมควร ฉันไม่คิดว่าจะเห็นรถม้าแบบนี้ได้ตามคฤหาสน์ทั่วไปหรอก”

   “จริงๆ แล้วมีที่หนึ่งที่ผมค่อนข้างแน่ใจว่ามีรถม้าแบบนี้ แต่อย่างที่ผมเรียน มันค่อนข้างเป็นประเด็นละเอียดอ่อน”

   “ว่ามาสิ”

   “ผมคิดว่ารถม้าแบบนี้น่าจะมาจากคฤหาสน์ของลอร์ดสวินดัน มันเป็นรถม้าที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานลับ ทั้งรูปแบบการทำงานของคนร้าย พวกเขากลับมาเพื่อเอาสมุดบันทึก ไม่ใช่แค่ที่เวมบลี แม้แต่อพาร์ตเม้นต์ของเขาที่ถนนบรอมพ์ตันก็ถูกค้น สิ่งที่หายไปคือสมุดบันทึกทั้งหมด ผมเกรงว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับใครบางคนที่มีชื่อเสียง เป็นความสัมพันธ์ลับ และมีใครบางคนอยากจะกำจัดหลักฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์นั่น รวมถึงมิสเตอร์โอเดนเบิร์กด้วย”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดขมวดคิ้ว ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจพูดต่อ “ปกติแล้วเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีแบบนี้ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างที่ท่านทราบ แต่เพราะท่านเป็นคนแจ้งความ ผมจึงต้องขอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการขั้นต่อไป”

   “คงไม่ถึงขั้นบุกค้นคฤหาสน์ของลอร์ดสวินดันหรอกนะ”

   “โอ... ไม่หรอกครับ หลักฐานเท่านี้เราขอหมายค้นไม่ได้ด้วยซ้ำ และนั่นเป็นเรื่องผิดมารยาทร้ายแรง เท่าที่เราค้นมาได้ บุคคลชั้นสูงที่มีชื่อเสียงที่ใกล้ชิดกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กมากที่สุดในตอนนี้คือลอร์ดโทรว์บริดจ์ครับ นี่เป็นเพียงการสันนิษฐาน บางทีลอร์ดโทรว์บริดจ์อาจให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กทำเรื่องบางที่เป็นความลับ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กอาจใช้เรื่องนั้นเพื่อแบล็กเมล์เขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงต้องกำจัดหลักฐานทั้งหมดที่มี รวมถึงตัวมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเองด้วย”

   “.....”

   “ผมทราบครับว่ามันเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรง แต่ถ้าท่านต้องการให้เราสืบเรื่องนี้ต่อ คงต้องเริ่มที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ ถ้าเขาไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็อาจจะรู้อะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์”

   “เขาไม่อยู่ในฐานะที่จะเข้าไปให้การที่สก็อตแลนด์ยาร์ด” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “มันจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานก็เถอะ”

   “ต้องการให้หยุดการสอบสวนเรื่องนี้หรือเปล่าครับ”

   “ไม่ๆ ฉันต้องการรู้ชะตากรรมของพ่อหนุ่มกอร์ดอน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ฉันจะนัดเขามาคุยที่นี่ วันอังคารช่วงบ่าย ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ เธอส่งคนมาที่นี่เพื่อสอบปากคำเขาได้ แต่ขอให้เป็นคนที่ไว้ใจได้”

   “วันอังคารช่วงบ่ายหรือครับ” ผู้บัญชาการหยิบสมุดนัดหมายขึ้นมาเปิดดู “ผมจะมาสอบปากคำเขาด้วยตัวเอง สักชั่วโมงน่าจะทัน ประมาณบ่ายหนึ่งถึงบ่ายสอง”

   “ตกลงตามนี้” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ส่วนเรื่องลอร์ดสวินดัน ก็ให้เป็นไปตามธรรมเนียม”

   “ครับ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเข้ามาในห้องหลังจากผู้บัญชาการตำรวจออกไปแล้ว เธอนั่งลงข้างๆ ท่านดยุก แล้วถามขึ้น

   “ได้ความว่าไงบ้างคะ พวกเขาพบมิสเตอร์โอเดนเบิร์กหรือเปล่า”

   “ยังหรอก ตาเกรงว่าเรื่องนี้จะใหญ่กว่าที่พวกเราคิดไว้” เขาหันไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ตาอยากให้หลานเขียนจดหมายเชิญจอห์นมาดื่มชาที่นี่ในวันอังคาร ช่วงบ่ายโมง บอกเขาว่ามีเรื่องสำคัญ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “ท่านตาบอกหนูได้ไหมคะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ท่านผู้บัญชาการบอกอะไรหรือคะ”

   “แคทเธอรีน ตาสัญญาว่าจะเล่าให้หลานฟังว่ามันเป็นเรื่องอะไร ทันทีที่ตาแน่ใจแล้วว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้สิ่งที่หลานต้องทำคือเขียนจดหมายถึงจอห์น ให้แน่ใจว่าเขาสามารถมาที่นี่ได้”

-------------------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาตามเวลานัดหมาย ในสภาพที่บ่งบอกว่าเขาคงแทบไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่เดินออกไปต้อนรับทักเขาด้วยความเป็นห่วง

   “โอ้... จอห์น คุณได้กินอะไรบ้างรึเปล่า”

   “ผมดื่มวิสกี้ไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณมีเรื่องสำคัญอะไรจะบอกผมหรือ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสั่นศีรษะ “ไม่หรอกค่ะ ไม่ใช่ฉัน ท่านตาต่างหาก จอห์น... ผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ดต้องการสอบปากคำคุณค่ะ เขาคิดว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องรับรองกับท่านตา... ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ได้บอกคุณในจดหมาย ท่านตาไม่อยากให้คุณทราบก่อนน่ะค่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปอึดใจ “ผมเข้าใจ ไม่เป็นไร พวกเขาคงเจอบันทึกของกอร์ดอนแล้ว”

   “เปล่าค่ะ ดูเหมือนบันทึกจะหายไป” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันไม่ทราบรายละเอียดนัก บางทีคุณอาจจะถามเรื่องนี้กับท่านผู้บัญชาการได้”

   “ถ้าเขาไม่ชิงถามผมก่อนน่ะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด ก่อนจะหัวเราะ “ก็ดี ผมเองก็อยากจะให้เรื่องนี้เปิดเผยสักที ผมเหนื่อยมากแล้วที่ต้องปิดบังเอาไว้”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนบีบมือเขาเบาๆ “ทำใจดีๆ ไว้นะคะจอห์น มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นคนดี เขาจะต้องปลอดภัยค่ะ พระเจ้าจะต้องคุ้มครองเขา”

   “ขอบใจนะ” เขาบีบมืออีกฝ่ายกลับเบาๆ ก่อนจะผละออกไป

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดและผู้บัญชาการตำรวจนั่งรออยู่แล้วอย่างที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม แล้วพูดขึ้น

   “สวัสดีครับท่านดยุก สวัสดีท่านผู้บัญชาการ มีเรื่องอะไรคืบหน้าบ้างรึเปล่า”

   “ยังไม่มีครับ” ผู้บัญชาการตำรวจตอบ “แต่ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามคุณ”

   “ว่ามาเลย”

   “เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก มีเรื่องอะไรซับซ้อนมากกว่าการคบหากันตามปกติรึเปล่าครับ”

   “หมายความว่าไง”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเป็นฝ่ายพูดขึ้น “จูเลียสสงสัยว่าเธออาจจะให้กอร์ดอนทำเรื่องบางอย่างที่เป็นความลับ และกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของเธอ ถ้าเขาเปิดเผยมันออกมา”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “คิดว่าเขาพยายามแบล็กเมล์ผมอยู่หรือครับ ไม่มีทางครับ ผมบอกได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ซื่อตรงและกล้าหาญ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่”

   “ถ้าเขาไม่ได้แบล็กเมล์คุณ แล้วคุณพอจะให้รายละเอียดได้รึเปล่าครับว่าช่วงก่อนหน้านี้เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

   “ผมไม่ได้บอกว่าเขาไม่ได้แบล็กเมล์ผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมบอกว่าคนอย่างเขาไม่มีทางแบล็กเมล์ใครเด็ดขาด และผมแน่ใจว่าเขาไม่เคยมีปัญหากับใครเลย”

   “เราทราบว่าหลายเดือนก่อนเขามีปัญหากับแมคคาธีในย่านเสื่อมโทรม คุณทราบเรื่องนี้ไหมครับ”

   “นิดหน่อย รู้สึกเขาจะไปหาแมคคาธีเพื่อใช้หนี้ให้ลูกน้อง”

   “งั้นหรือครับ ที่ผมสืบทราบมาคือเขาไปที่นั่นพร้อมเพื่อนสุภาพบุรุษกลุ่มหนึ่ง และเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น คุณคิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่า ที่เพื่อนสุภาพบุรุษผู้ไม่อยากเปิดเผยตัวของเขา ไม่อยากให้คนทั่วไปรู้เรื่องนี้ เลยจัดการปิดปากเขาเสีย”

   อีกฝ่ายยักไหล่ “ผมบอกคุณแล้วไงว่าเขาไม่มีทางแบล็กเมล์ใครเด็ดขาด และเรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร... เอาล่ะ ผมไม่ปฏิเสธแล้วกัน ผมเป็นคนสั่งให้เขาพาไปที่นั่นเอง”

   ผู้บัญชาการตำรวจพยักหน้า “คุณยอมรับสินะครับ แล้วคุณไปที่นั่นด้วยจุดประสงค์อะไรครับ”

   “ชกมวย” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ผมต้องขึ้นชกกับแมดเนอร์ ผมอยากหาคู่ซ้อม”

   “ทำไมคุณถึงไม่หาคู่ซ้อมในสนามมวย แต่กลับไปหาในที่แบบนั้นแทน”

   “เพราะมันเป็นการชกที่จริงจังมากน่ะสิ ผมรู้ว่าการชกกับแมดเนอร์ไม่ใช่แค่การซ้อมกำปั้นธรรมดา เขาเป็นนักมวยอาชีพ ผมไม่มีประสบการณ์ขึ้นเวทีมาก่อน การชกกับคู่ซ้อมมันไม่พอหรอก ผมต้องการการต่อสู้จริงๆ และผับของแมคคาธีเผอิญตอบโจทย์ผมได้ก็แค่นั้น”

   “คุณเลยไปอยู่ที่นั่น คงน่าตกใจมากถ้าสาธารณะชนรู้ว่าคุณเคยขึ้นชกในผับใต้ดิน”

   “ก็ใช่ มันคงน่าตกใจสำหรับพ่อแม่ผมน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่อย่างที่ผมพูด มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร และกอร์ดอนก็ไม่เคยพยายามแบล็กเมล์ผมเรื่องนี้ เขาไม่ทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นหรอก”

   “มันไม่ใช่แค่การชกมวยใต้ดินธรรมดาใช่ไหมครับ ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นจะเกิดเหตุการณ์ชุนละมุนขึ้น แมคคาธีสูญเงินไปเกือบหมด น่าแปลกใจมากถ้าเขาไม่คิดแก้แค้น”

   “ถ้าคุณสงสัยแมคคาธี ทำไมไม่ไปถามเขาตรงๆ ล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้อน อีกฝ่ายพูดต่อ

   “เพราะแมคคาธีปฏิเสธ และยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับบรรดาสุภาพบุรุษที่ไปในวันนั้นด้วย ผมคิดว่าเขาถูกข่มขู่โดยคนที่มีอำนาจมาก”

   “คุณคิดว่าเป็นผมสินะ ก็ได้ ผมยอมรับ ผมขู่เขาเอง ผมไม่อยากให้กอร์ดอนต้องเดือดร้อนก็แค่นั้น”

   “ผมอยากทราบชื่อเพื่อนๆ ของคุณในวันนั้น พอจะให้รายละเอียดได้ไหมครับ”

   “พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”

   “แปลว่าคุณปฏิเสธที่จะให้รายชื่อ”

   “อืม...”

   “จอห์น” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้น “ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดจากคนที่พ่อหนุ่มกอร์ดอนรู้จัก มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเธอระบุชื่อคนที่ไปด้วยวันนั้น”

   “เพื่อนๆ ของผมไม่มีทางทำแบบนี้แน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา “พวกคุณกำลังมองหาผิดที่ พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรเลย แค่เรื่องที่บาร์นั่นไม่มีใครลงทุนทำขนาดนี้หรอก”

   “แน่ใจหรือครับ ถ้าสาธารณะชนรู้เข้า พวกเขาจะเสียชื่อเสียงมาก กระทั่งชื่อคุณเองก็ไม่ยอมจะพูดถึง คุณเองก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรง”

   “ให้ตาย ผมแค่ไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องมามีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าผมให้รายชื่อ คุณก็จะไปถามเขาต่อ ซึ่งมันไร้สาระและเสียเวลามาก”

   “ใจเย็นๆ ครับ เราแค่ต้องการจำกัดวงผู้ต้องสงสัย ผมแน่ใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม”

   “ทำไมถึงแน่ใจนัก”

   “เพราะวิธีการทำงานของคนร้าย พวกนั้นกำจัดบันทึกของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กทั้งหมด ทั้งที่เวมบลี และที่อพาร์ตเม้นต์ของเขา แสดงว่าเขาอาจจะบันทึกเรื่องบางอย่างที่สำคัญมาก และเป็นเรื่องส่วนตัวลงไปในบันทึกพวกนั้น คนร้ายเป็นมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้มาก ใครก็ตามที่จ้างพวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา ลูกค้าของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กส่วนมากเป็นคนมีชื่อเสียง และคนที่สนิทกับเขาที่สุดในช่วงก่อนที่เขาจะหายตัวไปก็คือคุณ ดังนั้น ถ้าคุณต้องการให้เขากลับมา ก็กรุณาให้รายละเอียดสิ่งที่คุณรู้กับเราเถอะครับ ไม่อย่างนั้นมิสเตอร์โอเดนเบิร์กคงไม่ได้กลับมาจริงๆ”

   “บันทึกของเขางั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้น “เขาจะเขียนอะไรลงในนั้นนอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน...”

   ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะครางออกมา “โอ้ พระเจ้า...”

   “คุณนึกอะไรได้งั้นหรือครับ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนใจแรง ก่อนจะซบหน้าลงบนฝ่ามือ “ให้ตาย...”

   “จอห์น” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเรียกชื่อเขา “ถ้าเธอนึกอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็พูดออกมาเถอะ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เราต้องการให้เธอช่วยนะ”

   “มีเรื่องเดียวสำหรับเขาที่มันเป็นความลับมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมาในที่สุด “เป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางบอกใครเด็ดขาด”

   “แต่คุณทราบ”

   ลอร์ดหนุ่มผงกศีรษะ ผู้บัญชาการตำรวจถามต่อ “กรุณาบอกได้ไหมครับว่าเรื่องอะไร”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สูดหายใจลึก ก่อนจะถอนมันออกมา เขาทำอย่างนั้นซ้ำสองสามครั้ง แล้วตัดสินใจพูด

   “เขาเป็นคนรักของผม พวกเราเป็นคู่รักกัน”

   “โอ้ พระเจ้า” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดอุทานออกมา ก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ ผู้บัญชาการตำรวจชะงักมือที่กำลังจดบันทึกอยู่ ในที่สุด เขาก็ทวนคำพูดนั้น

   “คุณบอกว่า... เป็นคู่รักหรือครับ”

   “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาเป็นคนรักของผม พวกเราคบหากันโดยไม่เปิดเผย นี่คือความลับเรื่องเดียวที่เขามี”

   ผู้บัญชาการตำรวจพยักหน้า “นี่เป็นเรื่องร้ายแรงมากนะครับ”

   “ใช่... มันถึงเป็นความลับ” ลอร์ดหนุ่มตอบ “ถ้าจะมีเรื่องลับอะไรที่เขาเขียนลงไปในบันทึก ก็คงเป็นเรื่องนี้”

   “นอกจากพวกคุณแล้ว มีใครอีกไหมครับที่ทราบเรื่องนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไป “มีคนอีกประมาณครึ่งโหลล่ะมั้ง... แต่ผมไม่เชื่อว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

   “เป็นคนจำนวนไม่น้อยนะครับสำหรับเรื่องร้ายแรงแบบนี้” ผู้บัญชาการตำรวจว่า “ดูท่ามันคงไม่ใช่ความลับเท่าไหร่”

   “พวกนั้นเป็นคนใกล้ชิดของผมกับเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา “ไม่มีปัญญาจ้างมืออาชีพอย่างที่คุณว่าไว้หรอก”

   “คนใกล้ชิด... เป็นไปได้ไหมครับว่ามีใครสักคนในบรรดานั้น เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น... คนที่เป็นห่วงชื่อเสียงของคุณ”

   “หมายความว่าไง”

   ผู้บัญชาการตำรวจหันไปมองดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ก่อนจะหันกลับมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้ง “จากประสบการณ์ของผม ถ้าคุณไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ก็ต้องเป็นคนที่ต้องการรักษาชื่อเสียงของคุณเอาไว้ เรื่องระหว่างคุณกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ร้ายแรงพอที่จะทำให้เขาหายไปได้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ ขบริมฝีปากด้วยความกระวนกระวาย “ผมไม่เข้าใจ... ผมแน่ใจว่าเราปิดเรื่องนี้ได้สนิท”

   “จากพ่อแม่คุณหรือครับ”

   “โอ้... พอที” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดออกมา “นี่เลวร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เลวร้ายมาก”

   เขาหันไปหาผู้บัญชาการตำรวจ “ไม่มีการจดบันทึกเรื่องนี้ เธอรู้ใช่ไหม”

   “ครับ”

   “ก่อนหน้านี้ก็ด้วย”

   “ครับ...”

   “เอาบันทึกที่เธอจดมาให้ฉัน เราต้องทำลายมันทิ้ง”

   ผู้บัญชาการตำรวจยื่นสมุดบันทึกให้ท่านดยุกอย่างลังเล “เฉพาะส่วนที่กระผมจดไปสักครู่ได้ไหมครับ มีประมาณสามหน้า”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพลิกหน้ากระดาษพวกนั้น ก่อนจะฉีกมันออก แล้วส่งเล่มคืนให้ จากนั้นเขาก็เดินไปที่เตาผิง โยนกระดาษลงไป มองดูพวกมันมอดไหม้ไปท่ามกลางเปลวเพลิง

   “ลูเซียส” เขาเรียกชื่อผู้บัญชาการตำรวจ “ให้ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งเรื่องในห้องนี้ รวมถึงเรื่องการหายไปของพ่อหนุ่มกอร์ดอนด้วย ฉันขอให้ยกเลิกการสืบสวน และทำลายเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเสีย”

   “รับทราบครับ”

   “เธอกลับไปได้แล้ว ให้แน่ใจว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นตำแหน่งผู้บัญชาการ...”

   “รับทราบครับ ผมจะจัดการให้อย่างที่ท่านสั่ง”

   “ดี”

   “ขอตัวก่อนครับ”

   รอจนผู้บัญชาการตำรวจปิดประตู ท่านดยุกจึงเดินกลับไปนั่งบนโซฟา

   “อะไรดลใจเธอให้พูดแบบนั้น... บอกฉันสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เม้มริมฝีปาก “มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ และผมเหนื่อยเต็มทีแล้วที่ต้องปิดบังมันเอาไว้”

   อีกฝ่ายตบโต๊ะเสียงดังปึง “ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิงเธอกัน ทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้ลงไป แค่ผู้หญิงมันยังโลดโผนไม่พอสำหรับเธอหรือไง ทำไมถึงต้องเป็นเขา”

   “ผมไม่ได้ทำเรื่องร้ายกาจ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์แย้ง “พวกเราแค่รักกัน และมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้หญิงเลย”

   “เธอกล้าพูดว่านั่นคือความรักหรือ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตวาด “เธอทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย แค่เพราะอยากจะเล่นสนุก เธอมันร้ายกาจยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ เลวร้าย เลวร้ายมาก ทำไมกอร์ดอนต้องเจอปิศาจร้ายกาจแบบเธอ ทำไมถึงต้องเป็นเขา”

   “เพราะผมรักเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่ง สีหน้าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ “ไม่เกี่ยวว่าเขาจะเป็นหญิงหรือชาย ผมรักเขา เรารักกัน มันคือความรัก พวกเราไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันทางร่างกายเลย ท่านไม่เข้าใจหรือ ผมรักเขาเท่าชีวิต และผมใกล้จะเป็นบ้าอยู่แล้วที่เขาหายไป จะด่าจะว่าผมยังไงก็ช่าง แต่ได้โปรด... ได้โปรดบอกผมว่าท่านรู้อะไรเกี่ยวกับการหายไปของเขาบ้าง ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย ผมต้องการพบเขา”

   “ฉันไม่ต้องการฟังคำพูดสกปรกของเธออีก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตวาด “กลับบ้านไปเสีย กลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ กลับไปหาชื่อเสียงของเธอ ที่นี่ไม่ต้อนรับเธออีกแล้ว”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกพรวดขึ้น กำมือแน่น... ดวงตาแดงก่ำ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินปึงๆ ออกจากห้องไป ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดทิ้งตัวลงบนพนัก ยกมือขึ้นลูบหน้า

   “โอ้ พระเจ้า... โอ้... อลิซาเบธ โปรดคุ้มครองเขาด้วย”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเข้ามาหลังจากนั้นสักพัก เธอนั่งลงข้างท่านดยุก และถามด้วยความกังวล

   “ท่านตาคะ... เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไมถึงไล่จอห์นไปแบบนั้นล่ะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจับมือของหลานสาวเอาไว้ มือของเขาสั่นเทา “ตามองเขาผิดไป เขากลายเป็นปิศาจไปแล้ว เขาจะไม่ได้รับการต้อนรับจากที่นี่อีก”

   “หนูไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดสั่นศีรษะ “มีโอกาสน้อยเหลือเกินที่พ่อหนุ่มกอร์ดอนจะมีชีวิตอยู่ โอ... ตาจะต้องรีบไป ก่อนที่มันจะสายเกินไป”

   ท่านดยุกพยุงตัวลุกขึ้น แล้วเรียกคนรับใช้เข้ามาสั่งความ

   “หลานอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับจอห์น ตาอยากให้มันสิ้นสุดลง เขาไม่ควรค่ากับหลานเลย”

   “หนูไม่เข้าใจ กรุณาบอกหนูทีเถอะค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “ตาจะกลับมาอธิบายทีหลัง” อีกฝ่ายพูดก่อนจะเดินออกไป เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ประสานมือกัน อ้อนวอนต่อพระเจ้า

   นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

------------------------------------

(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่48p.23(2/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-01-2020 11:30:40
อย่าจบลงเเบบโศกนาฏกรรมเลยนะ
/me ก้มลงกราบคนเขียนแบบเบญจางคประดิษฐ์
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่48p.23(2/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-01-2020 14:48:54
กอร์ดอนขอให้ปลอดภัยนะ ตอนนี้อ่านไปแล้วบีบคั้นหัวใจอย่างมากเลย
 :mew6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่48p.23(2/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-01-2020 23:25:13
ภาวนาให้กอร์ดอนปลอดภัย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่48p.23(2/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 03-01-2020 03:40:57
แน่นอกจริงๆ งสารกอร์ดอนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-01-2020 07:05:45
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่49 เสียใจ

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาถึงบ้านก็ตรงไปยังห้องนอน ปิดประตูแล้วรินวิสกี้ใส่แก้วดื่มจนหมด แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่แม่ของเขาจะเปิดเข้ามา

   “จอห์น... แม่เอาพายเนื้อที่ลูกชอบมาให้ กินเสียหน่อยสิจ้ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือขึ้นลูบหน้า “แม่กรุณาออกไปก่อนเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าใครเลยตอนนี้”

   เลดี้บาธมองลูกชายด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ยอมพยักหน้า “ก็ได้จ้ะ แม่ไปก่อนนะ อย่าลืมกินพายนะจ๊ะ”

   เธอวางมันไว้บนโต๊ะ รวมกับถาดอาหารอื่นที่ไม่มีแววถูกแตะต้อง ก่อนจะออกจากห้องไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระแทกศีรษะเข้ากับพนักเก้าอี้ รินวิสกี้ให้ตัวเองอีกแก้ว

   เลดี้บาธออกจากห้องของลูกชายก็ตรงไปยังห้องเขียนจดหมาย เธอเปิดประตูเข้าไปแล้วพูดขึ้น

   “โอ... เฮนรีคะ จอห์นดูแย่ลงกว่าเดิมอีกค่ะ”

   “เกิดอะไรขึ้นล่ะ” ลอร์ดบาธที่นั่งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือถาม “เขาเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ท่านดยุกไม่ใช่หรือ แคทเธอรีนบอกข่าวร้ายกับเขาหรือไง”

   “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เขาไม่ยอมพูดอะไร ไม่ยอมกินอะไรเลยด้วยนอกจากเหล้า คุณคะ... ฉันไม่อยากเห็นลูกในสภาพนี้เลย ตั้งแต่รู้ว่าโอเดนเบิร์กหายไป ก็เหมือนเราเสียเขาไปด้วย”

   “ไม่เอาน่า มาเรีย” ลอร์ดบาธปลอบ “จอห์นอาจจะกำลังช็อก เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา”

   เลดี้บาธมีสีหน้าอึดอัด “ฉันไม่สบายใจเลยค่ะ โอเดนเบิร์กหายตัวไปแบบนี้... คุณไม่รู้จริงๆ หรือคะว่าเขาหายไปไหน”

   “คุณพูดอย่างกับผมอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเขางั้นแหละ”

   “โอ... ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” เลดี้บาธยกมือขึ้นปิดหน้า “ฉันแค่คิดว่าถ้าเราเรียกพวกเขามาคุยก่อน จอห์นอาจจะไม่เป็นแบบนี้”

   ลอร์ดบาธถอนหายใจ “รออีกสักวันสองวันเถอะนะ ถ้าเขาแย่ลงอีก เราอาจจะต้องคุยกัน”

---------------------------------

   คฤหาสน์สามเส้าเป็นคฤหาสน์ที่ต่อเติมมาจากปราสาทเก่า ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเทมส์ในแถบเวสต์เอ็นด์ของลอนดอน เนื่องจากอยู่ภายในเขตเมืองซึ่งเต็มไปด้วยโรงงานถ่านหิน จึงทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูอึมครึม ประตูรั้วเหล็กหนาถูกเปิดออก ต้อนรับการมาของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด เสียงข้อต่อเหล็กเบียดกันดังเสียดหู ริมถนนที่มุ่งตรงไปสู่ตัวคฤหาสน์ถูกล้อมด้วยพุ่มไม้ตัดแต่งสูงเหนือศีรษะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสวนวงกตอันเลื่องชื่อ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดลงจากรถม้าพร้อมกับคนสนิทอีกสองคน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาเยือนที่นี่ แต่ทุกครั้งเขาภาวนาให้มันเป็นครั้งสุดท้าย

   มาร์ควิสแห่งสวินดันไม่ได้ลงมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง หากเป็นคนอื่นนี่เป็นการเสียมารยาท แต่ไม่ใช่กับเจ้าของคฤหาสน์สามเส้าหลังนี้

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดกับคนสนิทก้าวผ่านประตูเหล็กหนาหนักเข้าไปภายในตัวคฤหาสน์ ทันทีที่ประตูปิดลง บรรยากาศโดยรอบยิ่งดูมืดสลัวกว่าเดิม แม้ว่าบนเพดานห้องโถงจะมีโคมไฟระย้าดวงใหญ่แขวนอยู่ เสาต้นใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเรียงกันอยู่ และรูปเหมือนของผู้ปกครองคฤหาสน์ในแต่ละรุ่นที่ดูราวกับกำลังจับจ้องทุกอิริยาบถ รวมถึงบรรดารูปปั้นอมนุษย์และชุดเกราะของอัศวินที่ตั้งอยู่ตลอดสองข้างทาง สร้างรสชาติที่ไม่น่าอภิรมย์ให้กับผู้มาเยือนเอาเสียเลย

   ทว่ากลับมีชนชั้นสูงมากมายดั้นด้นมาที่คฤหาสน์แห่งนี้ เมื่อพวกเขาอยู่ในจุดที่ไม่อาจหาทางออกด้วยตัวเองได้

   หลังเดินผ่านทางเดินที่ชวนขนลุก ยังต้องขึ้นบันไดโค้งอีกระยะหนึ่ง จึงจะมองเห็นประตูไม้สีดำอีกบาน นั่นคือห้องที่ใช้สำหรับรับรองแขก

   ประตูไม้หนาหนักค่อยเปิดอ้าออก มาควิสแห่งสวินดันนั่งอยู่ด้านใน เบื้องหลังเขาคือรูปวาดขนาดมหึมาของตัวเอง รวมถึงบรรพบุรุษในรุ่นก่อน รายล้อมไปด้วยชั้นหนังสือเก่าคร่ำคร่า และรูปั้นกากอยยักษ์ที่ประดับอยู่บนเสา ที่ด้านหน้า โต๊ะไม้ตัวเขื่องวางขวางอยู่ระหว่างเขาและแขกผู้มาเยือน หน้าโต๊ะตัวนั้น มีเก้าอี้ไม้พนักสูงวางอยู่หนึ่งตัว แค่ตัวเดียวเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้เด็ดขาด หากมองในแนวตรง พนักของเก้าอี้ตัวนี้จะบังร่างของมาร์ควิสแห่งสวินดันพอดี ราวกับว่านี่ไม่ใช่การพบกันกับมนุษย์ แต่เป็นการพบกับเหล่าดวงวิญญาณของผู้ปกครองคฤหาสน์ที่อยู่ในภาพด้านหลังต่างหาก

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ลอร์ดสวินดันเอ่ยทักขึ้น

   “สวัสดีครับท่านดยุก มีอะไรให้ผมรับใช้หรือ”

   น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เช่นเดียวกันกับใบหน้าของเขา ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจ

   “นานแล้วนะที่เราไม่ได้คุยกันเลย”

   “ครับ... นานมากจริงๆ”

   “แมกซ์กับคู่หมั้นเขาเป็นไงบ้าง ได้ยินว่าเธอไม่เห็นด้วยกับการหมั้นของเขาหรือ”

   ลอร์ดสวินดันเงียบไปอึดใจ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจึงพูดต่อ “ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงที่ดีและใจเด็ด เป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับที่นี่แล้ว”

   “ผมคิดว่าแมกซ์คงไม่อยากจะอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ รวมถึงคู่หมั้นของเขาด้วย”

   “เหมือนเธอในอดีตงั้นสิ...แต่อย่าลืมล่ะว่ายังไงเขาก็เป็นคนตระกูลเมอร์เรย์ การหาผู้หญิงที่เหมาะสมน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกนะ”

   ลอร์ดสวินดันถอนหายใจยาว “ผมคงหาเวลาไปคุยเรื่องนี้กับท่านเป็นการส่วนตัวได้ ถ้านั่นเป็นจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้...”

   “ที่จริงไม่ใช่เรื่องนี้หรอก” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดว่า “ฉันมาเพราะเรื่องของกอร์ดอน... กอร์ดอน วิลเลี่ยม โอเดนเบิร์ก”

   ดวงตาสีเทาอ่อนของลอร์ดสวินดันหดลงเล็กน้อย แค่แว้บเดียว เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา

   “มีอะไรหรือครับ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจ้องเขา “สก็อตแลนด์ยาร์ดได้ไปตรวจที่เกิดเหตุรวมถึงสอบถามคนในละแวกนั้นมาแล้ว ฉันรู้ว่านี่เป็นฝีมือของเธอ”

   “....”

   “ฉันเป็นคนแนะนำร้านของเขาให้เธอ เธอเองก็ชอบเสื้อที่เขาตัดให้ และเขาเองก็มีกำหนดจะต้องตัดชุดแต่งงานให้แมกซ์ ฉันหวังว่าเธอคงไม่ถึงขั้นทำให้เขาหายไปจากโลกจริงๆ หรอก ใช่ไหม”

   “.....”

   “วิกเตอร์ ฉันรู้ว่านี่เป็นการก้าวก่ายหน้าที่ แต่พ่อหนุ่มกอร์ดอนเป็นหลานเพื่อนสนิทของฉัน ฉันอยากให้เธอปล่อยเขา หรืออย่างน้อยก็บอกฉันว่าชะตากรรมเขาเป็นอย่างไร ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันอยากให้เขาปลอดภัยและมีความสุขดี”

   ความเงียบที่น่าอึดอัดลอยอวลอยู่ในอากาศ ราวกับห้วงเวลาไหลไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดลอร์ดสวินดันก็พูดออกมา

   “ผมรับรองกับท่านได้ว่าตอนนี้เขาปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดี”

   “อย่างนั้นหรือ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดด้วยความดีใจ “ให้ฉันพบเขาได้ไหม”

   “เห็นทีจะไม่ได้หรอกครับ สถานการณ์ของเขาไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ ผมไม่แน่ใจว่าเราจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน”

   หัวใจของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดหล่นวูบ เขารีบพูดขึ้น “ให้ฉันจัดการเรื่องนี้เถอะ ฉันจะพาเขาไปอยู่ในที่ที่จอห์นไม่มีวันได้พบเขาอีก”

   “.....”

   “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา ได้โปรด วิกเตอร์ เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน ให้ฉันจัดการเรื่องพ่อหนุ่มกอร์ดอนเถอะ”

   “ไม่ได้หรอกครับ” ลอร์ดสวินดันปฏิเสธทันที “ถึงแม้เราจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่นี่เป็นภาระรับผิดชอบของผม ตราบใดที่สัญญายังไม่เสร็จสิ้น หรือถูกยกเลิก ผมไม่อาจส่งมอบ หรือเปิดเผยที่อยู่ รวมถึงรับรองชะตากรรมของเขาได้”

   “แม้ว่าฉันจะขอร้องงั้นหรือ”

   “ครับ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดหลับตา “ก็ได้ ฉันเข้าใจเธอ แค่ได้ยินว่าเขายังมีชีวิตอยู่ฉันก็พอใจแล้ว

   ลอร์ดสวินดันมองคู่สนทนา “ผมขอให้ท่านเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นผมไม่อาจรับรองความปลอดภัยของเขาได้อีก”

   “ตกลง” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น เดินออกไปจากห้องโดยปราศจากคำร่ำลา

----------------------------------

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-01-2020 07:08:52
   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาที่คฤหาสน์เดลในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น เลดี้บาธมีสีหน้าดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นหน้าเขา

   “โอ้... แมกซ์ ดีใจจังที่เธอแวะมา”

   “อรุณสวัสดิ์ครับท่านหญิง ผมเห็นรถม้าออกไปเมื่อตะกี้”

   “อ๋อ เฮนรีน่ะ” เลดี้บาธว่า “จอห์นคงดีใจที่เธอมาเยี่ยม”

   “เขาเป็นไงบ้างครับ”

   อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจ ก่อนจะพูดตอบ “ดูแย่มาก โอ... แมกซ์ เขาไม่เคยดูแย่ขนาดนี้เลย ได้โปรด ช่วยทำอะไรสักอย่างเถอะ เขาไม่ยอมกินอะไรเลยมาสี่วันแล้ว ฉันกลัวเหลือเกิน”

   “อย่างนั้นหรือครับ... ผมคงต้องไปพบเขาหน่อย”

   “เขาอยู่ในห้อง ฉันจะให้คนไปเรียกเขา”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาคงไม่ยอมออกมา ผมไปหาเขาที่ห้องเลยดีกว่า”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์นอนอยู่บนเตียง เขางัวเงียตื่นขึ้นมาตอนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินไปเปิดม่านหน้าต่าง

   “ให้ตาย ใครกัน แมกซ์หรือ”

   “ฉันเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อนรัก “กลิ่นนายเหมือนไปนอนแช่อยู่ในถังวิสกี้มา”

   “ช่างฉันเถอะ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กวาดตามองไปรอบๆ “จอห์นนี่ นายจะโทรเลขไปหาฉันทำไม ในเมื่อนายไม่อยู่ในสภาพพร้อมรับมืออะไรแบบนี้”

   “....”

   “กอร์ดอนจะต้องเสียใจแน่ ถ้าเขาได้เห็นนายในสภาพนี้ ยิ่งถ้าเขาตายไปแล้วเห็นนายจากบนสวรรค์ เขาคงทุกข์ในมากทีเดียว”

   “แมกซ์ ฉันอยากรู้ว่ากอร์ดอนเป็นยังไง เขายังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว”

   “เพื่ออะไร เพื่อให้นายตีโพยตีพายทำร้ายตัวเองแบบนี้หรือ ถ้านายรู้ว่าตัวเองจะทำใจไม่ได้แบบนี้ ทำไมนายถึงดึงดันเรื่องนี้แต่แรก นายทำให้กอร์ดอนมีความหวัง ฉันแน่ใจว่าเขาต้องสู้สุดชีวิตเพื่อสิ่งที่นายบอกเขาว่ามันคือความรัก ในขณะที่นายเอาแต่ดื่มเหล้าไปวันๆ แบบนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกพรวดขึ้นมา คว้าคอเสื้อลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไว้ “นายจะไปรู้อะไร”

   “ถ้าคิดว่าฉันไม่รู้แล้วนายโทรเลขหาฉันทำไม”

   “....”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดึงมือของเพื่อนออก “ตั้งสติหน่อยจอห์นนี่ นายเคยเป็นคนเข้มแข็งกว่านี้ ไม่ว่ากอร์ดอนจะเป็นหรือตาย เขาก็ต้องการให้นายมีชีวิตอยู่”

   “เพื่ออะไร”

   “เพื่อนายเอง เพราะเขารักนายที่สุด ถ้าสลับกันนายเองก็ต้องอยากให้เขามีชีวิตอยู่เหมือนกัน”

   “....”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตบไหล่เพื่อนรัก “นายต้องทำตัวให้สมกับที่เขามอบชีวิตให้นายนะ”

   น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ หยดลงบนหลังมือ ความเงียบงันเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายพูด

   “ถูกของนาย ฉันมันบ้าเองที่เอาแต่ตีโพยตีพาย ฉันต้องอยู่เพื่อเขา ฉันต้องไม่ทำให้เขาผิดหวังที่รักและเชื่อฉัน”

   “ดี เพราะงั้นนายควรจะกินอะไรเสียหน่อย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไถลตัวลงจากเตียง เดินไปเปิดดูถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ

   “ฉันแน่ใจว่ามีที่มันอุ่นกว่านี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง “รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เราจะลงไปกินมื้อเช้ากัน”

   เลดี้บาธดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นลอร์ดลูกชายลงมาจากห้องในสภาพแต่งตัวสะอาดสะอ้าน เธอรีบเดินเข้าไปหาเขาทันที

   “โอ จอห์น แม่ดีใจจังที่ลูกลงมา แม่สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้ให้ลูกแล้ว”

   “ขอบคุณครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมจะกินมื้อเช้ากับแมกซ์ แล้วเราจะไปนั่งคุยกันต่อที่ห้องหนังสือ”

   “ตกลงจ้ะ แม่จะไม่รบกวนพวกลูก” เธอพยักหน้า แล้วเดินจากไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองตามแล้วพูดขึ้น

   “นายทำให้เธอเป็นห่วงมากนะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากคุยกับแม่ จนกว่าจะได้ยินเรื่องจากนายก่อน”

   “งั้นนายควรจะกินให้อิ่ม ฉันจะได้แน่ใจว่านายพร้อมจะรับมือกับเรื่องที่ฉันจะบอก”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กินมื้อเช้าในปริมาณมากกว่าปกติเล็กน้อย จากนั้นทั้งคู่ก็ไปคุยกันต่อในห้องหนังสือ

   “เอาล่ะ แมกซ์ นายมีเรื่องอะไรจะบอกฉัน”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หลังดูว่าประตูล็อกเรียบร้อยดีแล้ว

   “เมื่อวานดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไปหาพ่อฉัน เดาสิว่าเป็นเรื่องอะไร”

   “กอร์ดอน... แต่ฉันแน่ใจว่าพ่อนายคงไม่ได้บอกนายแน่ๆ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “แน่นอนเขาไม่ได้บอก แต่เขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ตอนฉันถาม”

   “ปกติเขาก็ไม่เคยอารมณ์ดีอยู่แล้ว”

   “แต่กอร์ดอนเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของเขา เขาคงไม่มีทางอยู่เฉยแน่ถ้าไม่ใช่เป็นคนทำเสียเอง ฉันแน่ใจว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนอย่างที่นายสงสัย และดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดก็น่าจะรู้เหมือนกัน”

   “เขารู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เมื่อวานเขาเพิ่งเชิญฉันไปสอบปากคำที่บ้านเขา”

   “สอบปากคำเลยหรือ มีตำรวจอยู่ที่นั่นหรือไง”

   “ผู้บัญชาการสก็อตแลนด์ยาร์ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “เขาต้อนจนฉันต้องเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์กับกอร์ดอน ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดโกรธมาก”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือขึ้นลูบหน้า “ให้ตาย หวังว่าที่เขาไปหาพ่อฉันเมื่อวานคงไม่ใช่เพราะอยากจะให้จัดการนายหรอกนะ”

   “ไม่น่าใช่นะ ถึงเขาจะโกรธมากจนไล่ฉันออกมา แต่คงไม่ได้ไปหาพ่อนายเพื่อให้มาจัดการฉันแน่ ฉันว่าเขาไปเพราะแน่ใจว่าพ่อนายเป็นคนทำเรื่องนี้ โดยการไหว้วานของใครบางคนที่ใกล้ตัวฉันมาก”

   “ใคร... อย่าบอกนะว่า...”

   “พ่อกับแม่ฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต่อให้ “ถึงฉันไม่อยากจะเชื่อ แต่ดูเหมือนพวกเขาอาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

   “ได้ไง พ่อแม่นายน่ะนะ พวกเขารู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “ฉันไม่รู้เลย” อีกฝ่ายตอบ “ฉันไม่รู้จริงๆ แมกซ์ พวกเขาไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ถ้าเป็นฝีมือของพ่อนายจริง ก็มีแต่พวกเขานี่แหละที่เป็นต้นเรื่อง”

   “อาจเป็นฝีมือของอเล็กซานดร้าก็ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เธออาจจะแอบบอกพ่อแม่นาย หรือไม่ก็บอกพ่อของเธอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ถึงอเล็กซานดร้าจะเคยทำเรื่องร้ายกาจกับกอร์ดอน แต่เธอมาบอกเรื่องนี้กับฉันเอง ด้วยนิสัยของเธอต้องไม่ทำแบบนี้แน่ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น”

   “แล้วแคทเธอรีนล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เธอพลาดหวังจากคนรัก บางทีเธออาจจะเปลี่ยนใจอยากจะให้นายเป็นมากกว่าเพื่อน... เธออาจจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่นายเพื่อกำจัดกอร์ดอนให้พ้นทาง”

   “แต่เธอเคยชวนกอร์ดอนไปกินมื้อเย็นกับฉัน เธอพูดว่าอยากเห็นเรามีความสุข”

   “โธ่ ความคิดของผู้หญิงเคยเดาได้ที่ไหน ถ้าเป็นจอร์จต้องพูดแบบนี้แน่ นายน่ะเป็นที่หมายตาของผู้หญิงทั้งลอนดอน เผลอๆ จะทั้งอังกฤษ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าพวกเธอคนใดคนหนึ่งหรือาจจะทั้งคู่เป็นคนบอกพ่อแม่นาย”

   “ช่างเรื่องนั้นเถอะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “สรุปแล้วดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไปหาพ่อนายทำไม”

   “คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องกอร์ดอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่นายก็รู้ ถ้าพ่อฉันเป็นคนทำ ไม่มีใครสั่งให้เขาหยุดหรือยกเลิกได้”

   “เว้นเสียแต่คนที่ไหว้วานเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ต่อ “ฉันจะต้องไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ฉัน ถ้าเป็นพวกเขาจริง ฉันจะขอให้พวกเขายุติมัน อย่างน้อยๆ กอร์ดอนก็ไม่ควรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้คนเดียว”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “งั้นฉันจะไปสืบดูว่าเขาเก็บตัวกอร์ดอนไว้ที่ไหน ฉันไม่คิดว่าเขาจะลงมือจัดการกับกอร์ดอนในทันที อย่างน้อยกอร์ดอนก็เป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของเขา และยังเป็นคนที่สนิทกับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ดูเหมือนพ่อฉันเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านดยุกอยู่”

   “ขอให้เป็นอย่างที่นายว่า ไปดูว่าพี่ชายนายรู้เรื่องนี้ด้วยไหม”

   “ได้ แต่ไมกี้ค่อนข้างหัวเสียเรื่องนี้อยู่นะ”

   “ฉันอยากแน่ใจว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แกล้งไม่รู้เรื่องน่ะบทของถนัดของเขาเลย”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “นายจะคุยกับพ่อแม่ของนายเมื่อไหร่ อยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม”

   “ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าสามารถรับมือเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองแล้ว ขอบใจมากนะแมกซ์ ขอบใจที่ช่วยเตือนสติฉัน”

   “นี่เป็นเรื่องที่เพื่อนจะต้องทำให้เพื่อนอยู่แล้ว ถ้าจอร์จอยู่ด้วยก็ต้องพูดแบบนี้เหมือนกัน” อีกฝ่ายว่า ก่อนจะยกมือตบไหล่เพื่อนอีกครั้ง “นายไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้นะจอห์นนี่ อย่าลืมว่ายังมีพวกเราที่พร้อมจะช่วยนายอยู่”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ความตื้นตันเอ่อล้นขึ้นมาในสองตาของเขา

---------------------------

   ลอร์ดบาธก้าวเข้าไปภายในห้องหนังสือภายในคฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ มาร์ควิสแห่งบาธสงสัยเหลือเกินว่าท่านดยุกมีเรื่องลับอะไรจะคุยกับเขา อาจจะเป็นเรื่องการประชุมสภาที่เพิ่งผ่านไป แต่ก็ดูเหมือนไม่น่าจะมีวาระสำคัญหรือลับขนาดจะต้องเรียกเขามาคุยถึงที่

   ทว่านี่ต้องเป็นเรื่องลับแน่นอน เพราะมีแต่เรื่องลับเท่านั้นที่จะคุยกันในห้องหนังสือที่ปิดมิดชิดและเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี

   “นั่งก่อนสิ เฮนรี่” ดยุกแห่งอ๊อกฟอร์ดที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือเชื้อเชิญให้เขานั่งลง มาร์ควิสแห่งบาธจึงลากเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามเขา

   “สวัสดีครับท่าน มีเรื่องอะไรหรือครับ”

   เปลวไฟในเตาผิงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงามลุกโชนให้ความอบอุ่นกับห้อง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองเขาอึดใจ

   “มาเรียเป็นอย่างไรบ้าง”

   “เธอสบายดีครับ”

   “อืม... แล้วเธอล่ะ”

   “ผมสบายดีครับ แม้เราจะมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อยเกี่ยวกับจอห์น”

   “อ้อ... ฉันว่าคงไม่ใช่เรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยล่ะมั้ง”

   น้ำเสียงของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดทำให้ลอร์ดบาธรู้สึกอึดอัด “มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ เกี่ยวกับวาระประชุม...”

   “เปล่า ไม่มีอะไรเกี่ยวกับวาระประชุมหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “ฉันเรียกเธอมาที่นี่เพราะอยากจะถามเรื่องบางอย่าง”

   “ครับ...”

   “พ่อหนุ่มโอเดนเบิร์กเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของฉัน เธอรู้ใช่ไหม และเขายังเป็นหลานเพื่อนคนสำคัญของฉันอีกด้วย”

   “เรื่องนั้นผมทราบครับ ตอนรู้ข่าวว่าเขาหายตัวไป ผมเองก็รู้สึกตกใจมากเช่นกัน”

   “อ้อ... ไม่ใช่ว่าเธออยากให้เขาหายไปอย่างนั้นหรือ”

   “โอ... ท่านล้อเล่นแรงเกินไปแล้วครับ ผมจะอยากให้เขาหายตัวไปทำไมกัน”

   “เพราะเธอรู้ว่าเขาจะนำเรื่องเสื่อมเสียมาสู่ลูกชายเธอน่ะสิ”

   “....”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนหายใจเสียงหนัก “ตอนนี้ฉันให้สก็อตแลนด์ยาร์ดยุติการสืบสวนเรื่องการหายตัวไปของเขาแล้ว เพราะฉันฉุกคิดได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่ใกล้ตัวฉัน และคนที่ทำเรื่องนี้ก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในระดับที่สก็อตแลนด์ยาร์ดจะจัดการได้ด้วย”

   “ท่านหมายความว่าไงกันครับ”

   “เผื่อว่าเธอจะยังไม่รู้ จอห์นกับพ่อหนุ่มโอเดนเบิร์กลักลอบมีความสัมพันธ์ที่นอกเหนือธรรมดา เรื่องนี้เขารับสารภาพกับฉันเองเมื่อวานนี้ โดยนิสัยของทั้งคู่แล้ว ฉันแน่ใจว่าจอห์นเป็นฝ่ายเริ่มต้นความสัมพันธ์นี้ก่อน เขาเป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจ ก่อนหน้านี้ฉันคงพอมองข้ามนิสัยพวกนี้ไปได้ อย่างน้อยเขาก็เป็นสุภาพบุรุษที่น่านับถือ แต่นี่มันเกินไปมาก เฮนรี่ ลูกชายของเธอทำเรื่องร้ายกาจอย่างที่ฉันไม่อาจให้อภัยได้ ทำไมพวกเธอถึงปล่อยให้เขาทำเรื่องแบบนี้”

   “โอ... ได้โปรดเถอะครับ” ลอร์ดบาธคราง “ผมไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย จนกระทั่ง...”

   “กระทั่งอะไร”

   “กระทั่งมาเรียมาบอกผมว่าเธอไปคุยเรื่องนี้กับโอเดนเบิร์ก เธอสงสัยว่าเขาอาจจะส่งเสริมจอห์นให้ทำเรื่องผิดศีลธรรม เลยให้คนไปสืบ ปรากฏว่าเรื่องมันแย่กว่านั้นมาก ดูเหมือนเขาเองจะเป็นต้นเหตุ มาเรียได้ขอให้เขาถอนตัวไปเสีย ท่านก็ทราบว่านี่เป็นความผิดร้ายแรงมาก แต่ว่าเขายืนกรานปฏิเสธ เธอจึงมาบอกผม... ท่านจะให้ผมทำอย่างไร จะให้ผมยอมปล่อยให้ช่างตัดเสื้อคนเดียวมาทำลายชีวิตลูกชายผมงั้นหรือ”

   “เธอเลยไปหาวิกเตอร์ ไหว้วานให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้...”

   “ผมคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดี อย่างน้อยเขาก็จะไม่เสียชื่อเสียงจากการถูกดำเนินคดีเรื่องนี้”

   “ให้ตาย” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดตบโต๊ะเสียงดังปึง “พ่อหนุ่มกอร์ดอนขู่จะแบล็กเมล์พวกเธอหรือ เขาข่มขู่พวกเธอเรื่องนี้หรือไง”

   “....”

   “ตอบฉันมาสิ”

   ลอร์ดบาธมีสีหน้ายุ่งยากใจ “ไม่ครับ เขาไม่เคยพูด เขาไม่เคยแสดงออกเรื่องนี้เลย”

   “แล้วทำไมพวกเธอถึงไม่จัดการลูกชายตัวดีของเธอแทนที่จะกำจัดเขา นี่มันเลวร้ายมาก เฮนรี่ เลวร้าย เลวร้ายที่สุด ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าพ่อหนุ่มกอร์ดอนเป็นหลานเพื่อนสนิทฉัน แต่เธอก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้ เธอคิดว่าฉันจะไม่รู้เรื่องนี้หรือ คิดว่าฉันจะทำเป็นมองผ่านไปหรือไง”

   “ท่านครับ แบบนี้ไม่ถูกนะครับ ถึงเขาจะเป็นหลานชายเพื่อนสนิทของท่าน แต่ก็เป็นแค่คนสามัญ ทำไมท่านถึงต้องปกป้องเขาขนาดนี้”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหน้าลอร์ดบาธ ก่อนจะพูดช้าๆ “เพราะถึงแม้ฉันจะเป็นชนชั้นสูง แต่ฉันมีหัวใจแบบคนสามัญธรรมดาน่ะสิ”

   “....”

   “กลับไปจัดการกับลูกชายตัวดีของเธอเสีย เฮนรี่ ฉันอยากเชื่อว่าเธอจะกลับไปทำเรื่องนี้ให้มันถูกต้อง”

   ลอร์ดบาธอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาโค้งตัวลาดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ก่อนจะเดินออกไป

-----------------------------------

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-01-2020 07:11:06
   เลดี้บาธเตรียมจะบอกข่าวดีกับลอร์ดสามี ว่าลูกชายคนเดียวของพวกเขายอมกินอาหารมื้อแรกในรอบสี่วันแล้ว แต่พอเห็นสีหน้าของเขา เธอก็มีอันต้องหน้าเสีย

   “คุณคะ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”

   ลอร์ดบาธกระแทกส้นลงกับพื้นพรม เขาเอาแต่เดินวนไปวนมาไม่ยอมพูดจา จนเธอต้องเดินเข้าไปใกล้

   “เฮนรี่ คุณเป็นอะไรไปคะ”

   ลอร์ดบาธหยุดเดิน เขาหันไปมองภรรยาเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธออยู่ที่นั่น ก่อนจะครางออกมา “มาเรีย นี่มันเลวร้ายมาก”

   “โอ... ที่รัก คุณนั่งลงก่อนเถอะค่ะ ฉันจะไปรินบรั่นดีมาให้”

   แม้อากาศด้านนอกจะติดลบ แต่ด้วยเปลวไฟจากเตาผิงใหญ่ ย่อมทำให้ภายในห้องอุ่นสบาย ทว่าสีหน้าของมาร์ควิสแห่งบาธกลับซีดเผือด เขารับบรันดีจากภรรยามาดื่มด้วยมืออันสั่นเทา ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ เลดี้บาธยืนรออย่างอดทน ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันอันน่าอึดอัด ท้ายที่สุดลอร์ดสามีของเธอก็พูดออกมา

   “ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะเลวร้ายแบบนี้”

   “....”

   “ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรู้เรื่องระหว่างจอห์นกับโอเดนเบิร์กแล้ว จอห์นยอมรับกับเขาเมื่อวาน ให้ตาย เขาโทษว่าเป็นความผิดของลูกเรา เรื่องโอเดนเบิร์ก”

   “อะ... อะไรกันคะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้น”

   ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ “ผมเคยได้ยินมาว่าโอเดนเบิร์กเป็นหลายของผู้หญิงที่เกือบจะกลายเป็นภรรยาของท่านดยุกเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเด็กคนนั้นมากกว่าลูกชายของเรา เขาโกรธเรื่องนี้มาก”

   “โธ่... ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ จอห์นอาจจะผิดก็จริง แต่โอเดนเบิร์กก็มีความผิดด้วยเหมือนกัน แล้วการที่เขาหายตัวไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย”

   “โอ้... นั่นแหละมาเรีย สิ่งที่ผมไม่ได้บอกคุณ” ลอร์ดบาธขบกรามด้วยความปวดร้าวใจ “ผมเองที่เป็นคนสั่งให้จัดการกับโอเดนเบิร์ก”

   “อะไรนะคะ”

   “ผมรู้ว่าจอห์นจะไม่ยอมเรื่องนี้ ถ้าเขารู้ เขาไม่ใช่คนที่จะถูกบังคับได้ และผมไม่อยากให้ลูกต้องเสียผู้เสียคน ในเมื่อโอเดนเบิร์กไม่ยอมถอย ก็ต้องทำให้เขาหายไป ผมคิดว่ามันดีต่อทั้งชื่อเสียงของเขาและจอห์น อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร”

   เลดี้บาธตะลึงงัน เธอผงะถอยหลังไป “คุณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือคะ”

   ลอร์ดบาธพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “เรื่องทุกอย่างควรจะเรียบร้อย แต่ไม่นึกเลยว่าดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจะไม่ยอมเลิกราเรื่องนี้ เขาตราหน้าผมกับลูกว่าเป็นคนร้ายกาจ ทั้งที่ผมทำเรื่องที่สมควรทำแท้ๆ”

   “โอ้... เฮนรี่” ภรรยาของเขาร้องขึ้น “ฉันเสียใจเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างจอห์นกับโอเดนเบิร์กก็จริง แต่ฉันไม่ได้อยากให้เขาตาย... เขาไม่เคยข่มขู่ หรือทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับพวกเราเลย นี่ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง... ไม่ใช่เรื่องถูกต้องเลย”

   เลดี้บาธถอยหลังไปจนชนกับตู้หนังสือ ลอร์ดบาธรีบลุกขึ้นไปประคองเธอ แต่ถูกปัดมือออก เขาครางออกมา

   “ได้โปรด มาเรีย อย่าทำกับผมแบบนี้ ตอนนี้ผมมีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น”

   เลดี้บาธน้ำตาไหล “โอ... เฮนรี่ จะให้ฉันทำอย่างไร เหมือนฉันไม่เคยรู้จักกับคุณมาก่อนเลย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะเป็นฆาตกร”

   “ผมไม่ได้ฆ่าใคร”

   “แต่โอเดนเบิร์ก...”

   “ผมไม่เคยสั่งให้ฆ่าเขา” ลอร์ดบาธว่า “ผมขอให้เขาออกไปให้พ้นทางเท่านั้น ให้เขาหายตัวไปสักพัก หรือย้ายไปอยู่ที่อื่น”

   “คุณ... ขอเขาหรือคะ”

   “เปล่า ผมขอให้คนที่สามารถทำเรื่องนี้ได้จัดการให้” ลอร์ดบาธว่า “เชื่อผมเถอะมาเรีย ผมไม่เคยสั่งฆ่าใคร”

   “งั้น... งั้นก็แสดงว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่”

   ลอร์ดบาธพยักหน้า ภรรยาของเขาพูดขึ้น “เราต้องพาเขากลับมา แล้วอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ท่านดยุกฟัง ฉันเชื่อว่าเขาจะยอมฟังเราค่ะ”

   “ไม่ง่ายแบบนั้นหรอก” ลอร์ดบาธว่า “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน อีกอย่าง ถ้าเขากลับมาแล้ว เรื่องจอห์นจะทำยังไง ลูกเราไม่มีทางยอมแน่”

   เลดี้บาธสูดหายใจลึก “ฉันคิดว่านี่ถึงเวลาที่เราควรจะคุยเรื่องนี้กับลูกแล้วล่ะค่ะ”

--------------------------

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามาในห้อง ไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใดที่เห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งรออยู่ ลอร์ดบาธสั่งให้เขานั่งลง

   “ได้ยินว่าแกยอมกินอะไรบ้างแล้ว”

   “ครับ ผมเห็นแล้วว่าอดไปก็ไม่ช่วยอะไร”

   ลอร์ดบาธถอนหายใจ “ก็ดีที่แกคิดได้ เมื่อวานแกคุยอะไรกับท่านดยุก”

   อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะฝืดฝืน “เขาเล่าให้พ่อฟังแล้วสินะครับ ผมรู้ว่าพ่อเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ของเขา”

   “คิดว่านี่เป็นเรื่องตลกหรือไง”

   “ไม่เลยครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด พลางจ้องหน้าพ่อของเขา “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแต่แรก”

   “งั้นทำไมแกถึงยังดึงดัน ทำไมถึงไม่ยอมจบมัน บอกพ่อซิ ผู้หญิงมีอะไรไม่ดี พวกเธอมีอะไรแย่จนแกต้องหันไปสนใจผู้ชาย”

   “ผมไม่เคยสนใจผู้ชาย”

   “แต่โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย หรือแกจะบอกว่าเขาเป็นผู้หญิง”

   “ครับ เขาเป็นผู้ชาย แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย ผมรักเขาเพราะว่าเขาคือเขา ไม่เกี่ยวว่าเขาคือผู้ชายหรือผู้หญิง”

   “โอ้... จอห์น แต่นี่มันผิดมาก ลูกก็รู้นี่จ๊ะ ว่าโอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย”

   “ผมรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่... มันไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ผมไม่รักเขานี่ครับ”

   “จอห์น นี่แกรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” ลอร์ดบาธตวาด อีกฝ่ายพยักหน้า

   “ผมรู้ตัวครับ และนี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกพ่อกับแม่มานานแล้ว ผมรักกอร์ดอนตั้งแต่วันแรกที่เจอเขา และยิ่งนานวันผมยิ่งแน่ใจว่านี่คือความรัก ไม่ใช่แค่ความใคร่ที่ผิดปกติ ผมไม่เคยปรารถนาผู้ชาย จนถึงตอนนี้ก็ไม่ แค่เขาเท่านั้น ผมอาจจะนอนกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่คนที่ผมรักได้มีแค่เขาคนเดียว”

   “แกไม่ต้องพูดจาแก้ตัว” ลอร์ดบาธว่า “โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้ที่แกจะชอบเขาโดยที่ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน”

   “มันเป็นไปแล้วครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมกล้าสาบานว่าผมไม่เคยสนใจผู้ชายด้วยกันอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นคนไหน บอกตรงๆ ว่าผมค่อนข้างรู้สึกอนาถใจกับพวกเขาด้วยซ้ำ”

   “ลูกแน่ใจนะจ๊ะว่าไม่ได้สับสน” เลดี้บาธว่า “แม่รู้ว่าโอเดนเบิร์กเป็นคนสวย บางทีความสวยนั้นอาจจะทำให้ลูกหวั่นไหว”

   “โอ... ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ชอบเขาแค่เพราะหน้าตา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ตอนแรกอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ยิ่งรู้จักกัน ผมยิ่งรู้สึกว่าเขาคือคนที่คู่ควรกับความรักของผม เขาเป็นคนจิตใจดีงาม ถ่อมตัว ไม่ทะเยอทะยาน และกล้าหาญ เขาคอยแนะนำและเป็นกำลังใจให้ผมในเรื่องต่างๆ ผมไม่เคยมีความสุขที่ได้อยู่กับใครเท่าเขามาก่อน แม้ว่าเราจะมีช่วงเวลาส่วนตัวด้วยกันน้อยมากก็ตาม เพราะเขากลัวว่าจะทำให้ผมเสื่อมเสีย”

   เกิดความเงียบงันขึ้นภายในห้อง เสียงฟืนในเตาผิงดังปะทุในเปลวไฟอันร้อนระอุ เลดี้บาธยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาที่ไหลออกมา ขณะที่ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ

   “แกไม่คิดว่าสิ่งที่ทำลงไปผิดเลยงั้นสิ”

   “ไม่ครับ ผมไม่เสียใจเรื่องนี้เลย แต่ผมเสียใจที่เป็นสาเหตุทำให้เขาหายไป”

   น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสีเขียวคู่สวยของเขา “ผมเฝ้าคิดอยู่ตลอด ถ้าผมกล้าหาญกว่านี้ ถ้าผมพูดเรื่องนี้กับพ่อกับแม่แต่แรก ถ้าผมอยู่ที่นี่กับเขาในช่วงฤดูหนาว เขาคงจะไม่หายไป... ถ้าจะต้องมีใครสักคนถูกตราหน้าในเรื่องนี้ คนคนนั้นก็ควรจะเป็นผม ผมเป็นฝ่ายเริ่ม ผมคือคนที่ดึงดันจะยื้อเรื่องนี้จนถึงที่สุด คนที่ควรจะถูกประณามควรเป็นผม คนที่ควรจะหายไปควรเป็นผม”

   เลดี้บาธสั่นศีรษะ น้ำตาไหลพราก ขณะที่ลอร์ดบาธลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ “จอห์น... พ่อแน่ใจว่าไม่เคยเลี้ยงแกให้เป็นคนแบบนี้ ทำไมแกถึงยอมทิ้งชีวิตทั้งหมดแค่เพราะผู้ชายคนเดียว”

   “เพราะผมรักเขา”

   เสียงฝ่ามือปะทะกับใบหน้าดังลั่นไปทั้งห้อง เลดี้บาธรีบวิ่งเข้ามาดึงมือลอร์ดสามี

   “ปล่อยผม มาเรีย ผมอยากจะรู้นักว่าผีร้ายตัวไหนมันสิงสู่อยู่ในใจของลูกเรา”

   เขาดึงแขนออกจากมือภรรยา ขณะที่ลอร์ดลูกชายเงยหน้าขึ้นมา “มันไม่ใช่ผีร้าย มันคือความรัก ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่ยอมเข้าใจ...”

   ใบหน้าของลอร์ดหนุ่มถูกตบจนหันไปอีกครั้ง เขารู้สึกถึงรสชาติเฝื่อนของเลือดในปาก เลดี้บาธวิ่งเข้ามาประคองลูกชาย

   “จอห์น... โอ... จอห์น” เธอเรียกลูกเสียงเครือ แตะใบหน้าของเขาด้วยมืออันสั่นเทา ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือแม่ของเขาบีบเบาๆ

   “ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ถ้าพ่อเชื่อว่ามันคือผีร้าย ผมจะพิสูจน์ให้รู้ว่ามันไม่ใช่”

   เลดี้บาธสั่นศีรษะ พยายามบอกลูกชายไม่ให้พูดอะไรอีก แต่ไม่ได้ผล เขาหันไปหาผู้เป็นพ่ออีกครั้ง

   “ผมกับเขารักกัน”

   แก้มของลอร์ดหนุ่มกลายเป็นปื้นแดง เลือดซึมออกจากมุมปาก จากแรงตบในครั้งที่สาม ทว่า เขายังคงพูดอีก

   “ต่อให้พ่อตบผมอีกกี่ครั้ง ก็เปลี่ยนแปลงความจริงนี้ไม่ได้ ผมรักเขา”

   คราวนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกหูอื้อ ตาพร่าไปชั่วขณะ เสียงกรีดร้องของเลดี้บาธเหมือนดังมาจากที่แสนไกล

   “จะต้องให้ผมตายอยู่ตรงนี้หรือไง พ่อถึงจะเชื่อว่ามันคือความรักจริงๆ”

   เลดี้บาธถลันเข้ามากอดลูกชายของเธอเอาไว้ “พอเถอะค่ะ ถ้าคุณจะตบลูกอีกล่ะก็ ได้โปรดตบฉันแทนเถอะ ฉันผิดเองที่เลี้ยงเขาไม่ดี”

   ลอร์ดบาธลดมือที่เงื้ออยู่ลง ขบริมฝีปากด้วยความรวดร้าว “นี่คือสิ่งที่แกต้องการสินะ... สาแก่ใจแล้วหรือยังที่ทำให้พ่อกับแม่เสียใจได้ขนาดนี้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขาสูดหายใจลึก พยายามกลั้นความพลุ่งพล่านเอาไว้ พูดขึ้นทั้งที่มีเลือดอยู่เต็มปาก

   “ผมขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวัง แต่ผมไม่อาจทนปิดบังเรื่องนี้ได้ต่อไปอีกแล้วจริงๆ มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าคนครึ่งลอนดอนจะก้มหัวให้ แต่ผมกลับต้องปิดบังเรื่องคนรักเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ ผมจะมีอำนาจไปเพื่ออะไร ถ้าแม้แต่คนที่รักก็ไม่อาจปกป้องเอาไว้ได้ ผมจะมีชีวิตแบบนี้ไปเพื่ออะไร ถ้าแม้แต่การรักใครสักคนก็เป็นเรื่องผิด”

   เลดี้บาธสะอื้อฮั่ก ขณะที่ลอร์ดบาธพูดขึ้น “แกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้นะจอห์น จะไม่มีใครยอมรับเรื่องนี้ พวกเขาจะประณามแก พวกเขาจะสาปแช่งแก แกคิดว่าจะทนกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือ”

   “ต่อให้ถูกคนทั้งลอนดอนประณาม ต่อให้ถูกคนทั้งโลกสาปแช่ง สำหรับผมแล้วมันก็ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับการที่รู้ว่าคนที่ผมรักที่สุดสองคนจะไม่มีวันยอมรับ เพราะอย่างนี้ กอร์ดอนถึงขอร้องให้ผมอดทน เขารู้ว่าเมื่อพ่อกับแม่รู้ผมจะต้องเสียใจ และนั่นเท่ากับเขาเสียผมไป”

   “....”

   “แต่ตอนนี้ผมเสียเขาไปแล้ว ไม่มีแม้โอกาสจะได้ร่ำลา ถ้าผมรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมคงบอกพ่อกับแม่แต่แรก ถึงจะผมจะถูกเกลียด แต่คงไม่เสียเขาไป”

   “ไม่จ้ะ... อย่าพูดแบบนั้นเลยลูกรัก” เลดี้บาธบอกลูกชายทั้งน้ำตา “พ่อกับแม่ไม่มีวันเกลียดลูก... ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร พ่อกับแม่ก็ยังรักลูกเสมอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หลับตา ขณะที่ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามา

   “มาเรีย... คุณเป็นผู้หญิงที่ดี เป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดี คุณต้องไม่ตำหนิตัวเองที่มันเกิดเรื่องแบบนี้”

   “แต่...”

   ลอร์ดบาธหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอ ก่อนจะหันไปมองลูกชาย

   “จำไว้นะจอห์น... ไม่ว่าต่อไปแกจะทำอะไร หรือจะกลายเป็นอะไร ให้รู้ว่าพ่อกับแม่รักแกที่สุด และจะอยู่ข้างแกเสมอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์น้ำตาไหล ในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมา ลอร์ดบาธดึงเขาเข้ามากอดไว้

   “แกเป็นลูกของพ่อกับแม่นะจอห์น ต่อให้แกไม่ใช่คนดีที่สุดบนโลกนี้ แต่ก็เป็นคนดีที่สุดของพ่อกับแม่ รู้ไหม”

   เสียงปะทุของฟืนในเตาผิง ดังแทรกเสียงสะอื้นไห้ แม้จะใบหน้าจะนองไปด้วยน้ำตา แต่หัวใจของลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

--------------------------

(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-01-2020 08:25:30
น้ำตาไหลพราก :ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 03-01-2020 10:05:56
คนที่รักเราที่สุดคือพ่อกับแม่
เขาก็หวังดี
แต่ก็สงสารกอร์ดอน
เอาเขากลับมาเถอะนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-01-2020 11:50:20
จะไม่มีหักมุมแล้วใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-01-2020 11:51:22
โอย...อ่านไปน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เข้าใจความรักของพ่อแม่ และเข้าใจในตัวจอห์น
เป็นอะไรที่ไรท์เขียนแล้ว ทำให้เราร้องให้ตามโดยไม่รู้ตัว
 :mew6: :mew6: :mew6:
ขอบคุณกับเรื่องดีๆ ที่มีมาให้อ่าน
ขอบคุณ
 :pig4: :pig4: :pig4:

** ตอนนี้ถ้ากด+ ซ้ำๆ ได้คงกดให้อย่างลืมตัว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 03-01-2020 13:44:22
ปวดหัวใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2020 13:55:57
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๓  Happy New Year  2020  ค่ะไรท์

โอย...อ่านไปน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เข้าใจความรักของพ่อแม่ และเข้าใจในตัวจอห์น
เป็นอะไรที่ไรท์เขียนแล้ว ทำให้เราร้องให้ตามโดยไม่รู้ตัว
 :mew6: :mew6: :mew6:
ขอบคุณกับเรื่องดีๆ ที่มีมาให้อ่าน** ตอนนี้ถ้ากด+ ซ้ำๆ ได้คงกดให้อย่างลืมตัว

.......... เหมือนกันเลย........  อ่านไปร้องไห้ไป   :hao5: :sad4: :mew2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2020 19:29:03
 :m15:

 o13 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 04-01-2020 05:20:58
ฮือออ อ่านแล้วซึ้งไปด้วยเลยค่ะ มันหลายอารมณ์มากๆ ตอนนี้คือพ่อกับแม่จอห์นไม่ได้รังเกียจจอห์นแล้ว เพราะรักจอห์นมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจและอนุญาตเรื่องกอร์ดอนหรือเปล่า ตอนนี้กอร์ดอนเป็นยังไงก็ไม่รู้ ห่วงทางกอร์ดอนมาก ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่49p.23(3/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 04-01-2020 05:31:50
ถึงจะต้องแอบๆรักกัน
แต่คนในครอบครัวรับได้
มันก็ไม่เจ็บปวดแล้ว
อัพถี่จนตกใจ
แต่ชอบมากค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-01-2020 06:31:19
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่50 ลอร์ดสวินดัน

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รู้ว่ากอร์ดอนอาจจะยังมีชีวิตอยู่ และพ่อของเขาไม่ใช่คนใจดำอำมหิตเสียทีเดียว ทว่าการไปเยือนคฤหาสน์สามเส้าในครั้งที่สองของลอร์ดบาธ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์นัก และข่าวที่เขาได้กลับมาก็ไม่ใช่ข่าวดี

   “ลอร์ดสวินดันรับรองว่าโอเดนเบิร์กมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี” ลอร์ดบาธบอกภรรยาและลูกชาย “แต่เขาไม่สามารถทำให้โอเดนเบิร์กกลับมาในเร็วๆ นี้ได้”

   “เขาบอกพ่อรึเปล่าครับว่าส่งกอร์ดอนไปไหน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามอย่างร้อนใจ ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ เลดี้บาธจึงพูดขึ้น

   “ใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะลูก ยังไงเสียเขาก็ยืนยันว่าโอเดนเบิร์กปลอดภัยดี บางทีเขาอาจจะอยู่ต่างเมือง หรือต่างประเทศ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยในการพาเขากลับมา”

   ลอร์ดบาธพยักหน้า “คงเป็นอย่างนั้น เขาไม่จำเป็นต้องโกหกถ้าโอเดนเบิร์กไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แกก็รอหน่อยเถอะจอห์น อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามล่ะ พ่อว่าดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดคงไม่พอใจนักหรอกถ้ารู้ว่าแกไปยุ่งเรื่องนี้อีก”

   “ครับ ผมจะจำไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เดี๋ยวผมจะออกไปฟันดาบที่สโมสรเสียหน่อย ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว”

   “โอ้... ดีเลยจ้ะ” เลดี้บาธว่า “ลูกจะได้ออกไปเจอเพื่อนๆ บ้าง”

   “ผมกับคุณก็น่าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อยไหม ตอนที่ที่แอลฮามบรามีแสดงดนตรีของโมซาร์ตอยู่”

   เลดี้บาธยิ้ม “น่ารักอะไรอย่างนี้คะเฮนรี่ งั้นฉันขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”

   พอเลดี้บาธคล้อยหลังออกไป ลอร์ดบาธก็หันมาพูดกับลูกชาย “จอห์น ถึงพ่อจะบอกว่าอยู่ข้างแกเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะภูมิใจนักหรอกนะที่แกมีคนรักเป็นผู้ชาย”

   อีกฝ่ายพยักหน้า “ไว้กอร์ดอนกลับมาเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกทีครับ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจ แต่เขาไม่ใช่คนเลวร้าย”

   “พ่อรู้” อีกฝ่ายว่า “เพราะงั้นตอนนี้แกช่วยอยู่เฉยๆ ไปก่อน อย่าทำให้อะไรมันวุ่นวายไปมากกว่านี้ล่ะ”

   “พูดอย่างกับว่าผมจะทำอะไรได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะครับ คิดว่าวันนี้น่าจะอยู่ยาว”

   ลอร์ดบาธถอนหายใจ ก่อนจะยกมือไล่ลูกชายออกไป

-----------------------------------

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่ที่สโมสรแล้ว พอเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาก็รีบเดินมาทักทาย

   “ไง จอห์นนี่ ดีใจที่เห็นนายมานะ”

   “ฉันต้องมาเพื่อยืดเส้นยืดสายอยู่แล้ว”

   ลอร์ดเชลบีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เจอเพื่อนของนายแล้วหรือไง”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองเขาทันที ฝ่ายนั้นจึงพูดต่อ “ได้ยินว่าเพื่อนช่างตัดเสื้อคนสำคัญของนายหายตัวไป ฉันเป็นห่วงนะ”

   “นายไม่ต้องมาประชดฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียง ร้อนถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต้องรีบห้าม

   “ไม่เอาน่า จอห์นนี่ แพททริกเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ นะ”

   ลอร์ดเชลบีกระแอมขึ้นครั้งหนึ่ง “อเล็กซานดร้าเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว เรื่องเพื่อนช่างตัดเสื้อของนาย”

   “ว่าไงนะ”

   “นายเคยเจอเขาตอนเด็กๆ ที่คฤหาสน์ของท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด ปู่ของเขาสนิทกับท่านดยุกใช่ไหมล่ะ ดูเหมือนเขาจะเคยช่วยนายไว้จากเรื่องบางอย่างที่น่าขายหน้า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนายถึงได้สนิทสนมกับเขานัก พอนายได้เจอเขาอีกครั้ง”

   “....”

   ลอร์ดเชลบีเดินมาตบไหล่เขา “นายเองก็มีช่วงที่อ่อนแอเหมือนกันนะเนี่ย ฉันเข้าใจหรอกว่ามันน่าอายถ้าจะให้ใครรู้ว่าผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างเขาเคยช่วยกู้หน้านายไว้น่ะ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากค้าง ก่อนจะหัวเราะ “ฉันไม่น่าเล่าเรื่องนี้ให้อเล็กซานดร้าฟังเลย นายเองรู้แล้วก็เหยียบไว้ล่ะ”

   ลอร์ดเชลบียักไหล่ “ฉันแน่ใจว่าคนอื่นๆ จะต้องหัวเราะถ้าได้รู้เรื่องนี้ แต่เอาเถอะ ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษที่ชอบเอาเรื่องลับของคนอื่นไปไขในที่แจ้ง แค่นายเลิกยุ่งกับอเล็กซานดร้าก็พอ”

   “ขู่ฉันหรือ แต่เอาเถอะ ฉันกับอเล็กซานดร้าคุยกันแล้วว่าพวกเราจะเป็นแค่พี่น้อง เพราะงั้นนะ แพททริก ในฐานะพี่ชาย นายควรจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่เหมาะสมกับน้องสาวจอมแก่นของฉัน”

   ลอร์ดเชลบีส่งเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก ก่อนจะเดินจากไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงลากเขาไปคุยที่ระเบียง

   “จอห์นนี่ นายเล่าให้อเล็กซานดร้าฟังแบบนั้นหรือ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบตอบ “เปล่า ฉันไม่ได้เล่า เธอคงแต่งเรื่องเพื่อไม่ให้แพททริกสงสัย เขาเป็นคนสั่งให้คนไปสืบเรื่องของกอร์ดอน”

   “อ้อ” อีกฝ่ายพยักหน้า “งั้นก็แสดงว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รอบคอบและไว้ใจได้อยู่นะ”

   “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่ไมครอฟต์ไม่อยู่หรือ”

   “อ้อ... ไม่หรอก พักนี้เขาไม่ได้มาที่นี่เท่าไหร่ เห็นว่าติดธุระ”

   “ธุระเรื่องของพ่อนายรึเปล่า นายแน่ใจนะว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของกอร์ดอน”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “เขาบอกฉันว่าลองไปคุยเรื่องนี้กับพ่อแล้ว แต่พ่อไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไร อย่างน้อยๆ ไมกี้ก็ยืนยันว่ากอร์ดอนน่าจะปลอดภัยดี เขาโทษด้วยนะว่านายเป็นต้นเหตุ”

   “ถ้าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ ก็ดีไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันกลัวแต่ว่าเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองน่ะสิ เพราะตำรวจสันนิษฐานว่ากอร์ดอนได้รับจดหมายจากคนรู้จัก ฉันนึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นใครไปได้อีกนอกจากพี่ชายของนาย”

   “เอาน่า จอห์นนี่ ฉันจะลองดูเรื่องนี้ให้อีกทีแล้วกัน วันศุกร์นี้ไมกี้ชวนฉันไปที่คฤหาสน์ของท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด”

   “หืม พวกนายจะไปที่นั่นทำไม”

   “เรื่องแอนน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “พ่อค้านหัวชนฝาว่าไม่ต้องการให้ฉันแต่งงาน ที่จริงไมกี้กับฉันจัดงานกันเองก็ได้ แต่มันคงไม่ดีสำหรับแอน เธอไม่น่าจะสบายใจนักถ้ารู้ว่าพ่อฉันไม่ยินดีต้อนรับเธอ”

   “เลยจะไปให้ท่านดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดช่วยพูดให้งั้นหรือ”

   “ไม่เชิง เขาเคยรู้เรื่องพ่อฉันสมัยก่อน บางทีอาจจะมีเรื่องบางอย่างในอดีตที่ฉันกับไมกี้จะเอาไปงัดกับพ่อเรื่องนี้ได้”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ “ขอให้นายโชคดีก็แล้วกัน เรื่องพ่อนายนี่ฉันไม่มีอะไรจะแนะนำเลยจริงๆ”

   “ไม่เป็นไรหรอกจอห์นนี่ มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของฉัน แต่ก็ขอบใจนะที่นายเป็นห่วง ฉันคิดว่าพวกเราจะทำเรื่องนี้ให้ลุล่วงไปได้ สุดท้ายพ่อก็มักจะฟังไมกี้เสมอนั่นแหละ”

   “ขอให้เป็นอย่างที่นายว่าแล้วกัน”

----------------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนกำลังเล่นเปียโนอยู่ ตอนที่ดยุกแห่งอ็อกฟอร์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง เขาจึงนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ รอจนหลานสาวเล่นเพลงจนจบ

   “อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านตา ขอโทษด้วยนะคะ หนูไม่ได้ยินเสียงท่านตาเดินเข้ามาเลย”

   “เพลงเพราะมาก บาคใช่ไหม”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “ท่านตามีอะไรรึเปล่าคะ”

   “บ่ายนี้ลอร์ดฟาริงดอนจะมาเยี่ยมเรา”

   “เอ๋”

   “ไมครอฟต์ เมอร์เรย์ พี่ชายของแมกซ์น่ะ”

   “อ๋อ... หนูจำเขาได้แล้วค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “คนที่หน้าเหมือนแมกซ์แต่นิสัยแย่คนนั้น”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดยิ้ม “ทำไมล่ะ แค่เขาบอกเรื่องไม่ดีของมิสเตอร์เบนจามิน หลานถึงกับว่าเขานิสัยไม่ดีเลยหรือ”

   “หนูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่เป็นวิธีที่เขาพูดต่างหาก จริงๆ นะคะท่านตา หนูไม่เคยเจอใครไร้มารยาทขนาดนั้นเลย”

   “น่าแปลกนะ เท่าที่ตาได้ยิน เขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีพอสมควรเลยล่ะ”

   “ท่านตาเคยเจอเขารึเปล่าคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเปลี่ยนเรื่อง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า

   “นานแล้ว ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กอยู่เลย ลอร์ดสวินดันเคยพาเขามาที่นี่กับน้องชาย บอกตรงๆ ว่าแยกพวกเขาออกยากมาก”

   “หนูเห็นล่ะค่ะ พวกเขาสองคนหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่แมกซ์น่ะนิสัยดีกว่าเขาเยอะ”

   “เอาเถอะ เขาจะมาเยี่ยมเราบ่ายนี้ ตาล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรกันแน่”

   “เขาอาจจะอยากมาเยี่ยมเฉยๆ ก็ได้นะคะ”

   “ถ้าเป็นแมกซ์ตาอาจจะคิดแบบนั้นนะ แต่กับไมครอฟต์ ตาคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะไปเยี่ยมใครเพราะคิดถึงหรอก”

   “อย่างนั้นท่านตาก็รู้จักเขาพอสมควรสินะคะ น่าจะเห็นด้วยกับหนูว่าเขานิสัยไม่ดี”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดยิ้มหัวพลางสั่นศีรษะ “เขาไม่ใช่คนนิสัยแย่... แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตาอยากให้หลานคบหาหรอก”

   “โอ... หนูไม่มีวันไปคบหากับเขาหรอกค่ะ คนพรรค์นั้น แค่คิดว่าเขาจะมาเยี่ยมบ่ายนี้หนูยังไม่อยากออกไปเจอหน้าเขาเลย”

   “ถ้าหลานทำแบบนั้น มันจะเสียมารยาทอยู่นะ อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงลอร์ดฟาริงดอน ที่ต่อไปจะขึ้นนั่งตำแหน่งมาร์ควิสแห่งสวินดัน รู้จักกับเขาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย”

   “หนูสงสัยค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลุกจากเปียโนมานั่งข้างท่านตาของเธอ “มาร์ควิสแห่งสวินดันเป็นใครกันคะ”

   “ทำไมถึงอยากรู้ล่ะ”

   “ก็เขาเป็นพ่อของแมกซ์ อีกอย่างวันก่อนหลังจากที่ไล่จอห์นออกไปแล้ว ท่านตาก็รีบร้อนออกไปหาเขา หนูว่าคนที่ทำให้ท่านตาออกไปหาได้ต้องมีอะไรพิเศษแน่”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดนิ่งไปพัก ก่อนจะถอนหายใจ “ก็ใช่ เขาค่อนข้างพิเศษ”

   “แล้ว... ท่านตาจะไม่บอกหนูหน่อยหรือคะ ลูกชายคนโตของเขากำลังจะมาเยี่ยมเรานะคะ หนูน่าจะได้รู้สักนิดเพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับมือกับเขา”

“อืม... จริงๆ เขาก็ไม่ใช่คนที่น่าพูดถึงเท่าไหร่” ท่านดยุกว่า    “แต่ถ้าเป็นก่อนหน้าที่เขาจะต้องรับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งสวินดันล่ะก็ วิกเตอร์เป็นคนที่น่าคบหาอยู่นะ”

   “....”

   “ตายังไม่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหม บ้านเมอร์เรย์น่ะมักมีลูกแฝด วิกเตอร์เองก็เหมือนกัน เขามีพี่ชายฝาแฝดอยู่คนหนึ่ง ชื่อกิลเบิร์ต” ท่านดยุกเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “สมัยเด็กๆ พวกเขาหนีออกจากบ้านมาที่นี่บ่อย เลยสนิทกันกับน้าของหลาน”

   “โอ... อย่างนั้นหรือคะ หนูไม่ทราบมาก่อนเลย”

   “นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ตาคิดว่าตอนนี้พวกเขาคงแทบไม่ได้เจอกันอีก”

   “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไมพวกเขาต้องหนีออกจากบ้าน แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกลายเป็นลอร์ดสวินดันแทนที่จะเป็นพี่ชายเขาล่ะคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนหายใจ “เพราะตระกูลของเขาต้องสาป”

   “เอ๋”

   “ที่จริงพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว มาร์ควิสแห่งสวินดันน่ะเป็นตำแหน่งพิเศษ ไม่มีสมาชิกในตระกูลของเขาคนไหนเคยเป็นสมาชิกสภา แต่หากมีวาระประชุมสำคัญและเป็นความลับ พวกเขาจะอยู่ในการประชุมเสมอ เหมือนกับไม้กวาด พวกเขามีหน้าที่เก็บกวาดสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือสิ่งที่เป็นปัญหาออกไป ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่มีปัญหาที่แก้ไม่ตก ก็มักจะไปให้พวกเขาช่วย แน่นอนว่านี่คือภาระรับผิดชอบในตระกูลของเขา มันค่อนข้างหนักอยู่สำหรับเด็กอายุไม่กี่ขวบที่ต้องถูกเคี่ยวเข็ญอย่างหนักเพื่อที่จะโตขึ้นมาทำงานนี้”

   “.....”

   “ตอนนั้นตาไปที่คฤหาสน์ของมาร์ควิสแห่งสวินดันกับตาทวดของหลาน ไม่รู้เลยว่าขากลับพวกเขาแอบขึ้นมาด้วย”

   “....”

   “เป็นเรื่องน่าตกใจมากตอนที่เรารู้ว่าพวกเขาขึ้นมาโดยแอบอยู่ตรงที่วางสัมภาระด้านหลัง มันมืดแล้วเลยไม่มีใครทันได้สังเกต ตอนนั้นทั้งคู่อายุสักสิบเอ็ดสิบสองขวบเองล่ะมั้ง”

   “ยังเด็กอยู่เลยนะคะ พวกเขาต้องซนมากแน่ๆ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดเงียบไปอึดใจ “คืนนั้นฝนตกหนักมาก พวกเขาเลยต้องพักอยู่ที่นี่ เช้าวันรุ่งขึ้นหลังมื้อเช้า ตาไปส่งพวกเขา น้าของหลานขอตามไปด้วย พวกเขากลายเป็นเพื่อนกันตอนนั้นแหละ หลังจากนั้นวิกเตอร์ก็แอบหนีมาที่นี่บ่อยๆ”

   “เขาแอบขึ้นรถมาอีกหรือคะ”

   “เปล่า บางทีเขาก็เดินมา บางทีเขาก็ขโมยม้ามา”

   “โอ...”

   “อย่างที่ตาบอก มาร์ควิสแห่งสวินดันเป็นตำแหน่งพิเศษ พวกเขาต้องถูกเตรียมเพื่อให้พร้อมสำหรับภาระในอนาคต วิกเตอร์ไม่เคยเล่าหรอกว่าเขาโดนอะไรมาบ้าง แต่ร่องรอยตามตัวและสิ่งที่เขาทำก็พอจะทำให้เราเข้าใจได้”

   “แล้วพี่ชายของเขาล่ะคะ”

   “บางครั้งพวกเขาก็มาด้วยกัน แต่วิกเตอร์มักมาบ่อยกว่า ดูเหมือนกิลเบิร์ตจะเป็นฝ่ายยอมถูกจับเพื่อให้เขาหนีได้”

   “....”

   “ตาทวดของหลานไม่อยากให้พวกเขามา แต่ตาคอยให้ที่ซ่อนพวกเขา เรื่องนี้ทำให้มาร์ควิสแห่งสวินดันมาหาพวกเราบ่อยๆ แต่เขาไม่มีหลักฐานเลยต้องกระฟัดกระเฟียดกลับไปทุกที”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “หนูรู้ว่าท่านตาเป็นคนใจดีค่ะ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือคะ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนหายใจ “ตอนนั้นวิกเตอร์แต่งงานแล้ว ภรรยาของเขากำลังตั้งท้องอยู่ ส่วนกิลเบิร์ตรับตำแหน่งมาร์ควิสแห่งสวินดัน พวกเขาสองคนนั่งรถกลับมาจากการประชุมลับ และถูกลอบทำร้ายระหว่างทาง วิกเตอร์รอดมาได้ แต่กิลเบิร์ตไม่ ในงานศพ วิกเตอร์บอกตาว่ากิลเบิร์ตตายเพราะช่วยเขา คนที่ตายควรจะเป็นเขามากกว่า หลังจากวันนั้น พวกเราก็ไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวอีกเลยจนถึงตอนนี้”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนั่งนิ่งด้วยความสะเทือนใจ ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดต่อ “เรื่องลอร์ดสวินดันน่ะเป็นความลับที่รู้กันในหมู่ของคนที่จะได้รับสืบทอดตำแหน่งต่อเท่านั้น หลานเองก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครล่ะ”

   “ค่ะ หนูจะจำไว้”

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-01-2020 06:33:24
   ลอร์ดฟาริงดอนมาถึงราวบ่ายหนึ่ง การที่เขามาพร้อมกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สร้างความประหลาดใจให้กับดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “มาด้วยกันสองพี่น้องหรือ... ฉันคิดว่าไมครอฟต์จะมาคนเดียวเสียอีก”

   “สวัสดีครับท่านดยุก ท่านก็รู้ว่าพวกเราไม่เคยมาที่นี่คนเดียว” ลอร์ดฟาริงดอนทักตอบ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลงข้างๆ พี่ชายเขา

   “สวัสดีครับท่านดยุก สวัสดีแคทเธอรีน หวังว่าผมกับพี่ชายคงไม่เสียมารยาท”

   “ไม่หรอกค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันดีใจเสียอีกที่คุณมาด้วย”

   คนรับใช้ยกชาเข้ามาเสิร์ฟ ขณะที่ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้นต่อ “แล้วลมอะไรพัดมาถึงนี่ล่ะ”

   “ผมพาน้องชายมาเพื่อเชิญท่านไปเป็นแขกอย่างเป็นทางการในงานแต่งงานของเขา แมกซ์คงบอกแล้วใช่ไหมครับว่าเขาหมั้นแล้ว กับมิสแอนนาเบล เฮเก้นต์ พวกเขามีกำหนดแต่งงานในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ผมว่าอากาศช่วงนั้นกำลังดี ถ้าฝนไม่ตกนะ”

   “อ้อ เดือนพฤษภาคมหรือ วันที่เท่าไหร่ล่ะ”

   “วันที่ยี่สิบสามครับ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “มันตรงกับวันศุกร์ ผมหวังว่าท่านจะกรุณาให้เกียรติ”

   “แน่นอน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพยักหน้า “ฉันจะจดเอาไว้ในสมุดนัดหมาย มิสเฮเก้นต์น่ะเป็นผู้หญิงที่น่าอัศจรรย์ทีเดียว”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มเขินๆ “ผมโชคดีมากที่เธอยอมตกลงแต่งงานด้วย”

   “แล้วพ่อของพวกเธอว่าไงกับเรื่องนี้ ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก”

   “พ่อไม่เคยพอใจอะไรหรอกครับ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่เรื่องนี้เขาทำอะไรไม่ได้ เพราะแมกซ์โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะแต่งงานกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา”

   “แล้วหลังจากแต่งงานล่ะ พวกเธอจะไปอยู่ที่ไหน” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดหันไปถามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นเหลือบมองพี่ชายแล้วจึงตอบ

   “ผมจะย้ายไปอยู่คฤหาสน์ของไมกี้ ส่วนเขาจะมาอยู่ที่คฤหาสน์สามเส้าแทนผม”

   “พ่อของพวกเธอรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง”

   “ยังไม่รู้หรอกครับ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมไม่อยากให้เขาพาลใส่แมกซ์ ใครๆ ก็รู้ว่าที่นั่นไม่เคยน่าอยู่ แม้แต่ตัวเขาเองก็น่าจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน”

   “พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะคะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนแทรกขึ้นมา “ยังไงที่นั่นก็เป็นที่ที่พวกคุณเติบโตมา”

   “แมกซ์น่ะใช่ แต่ผมเปล่า” ลอร์ดฟาริงดอนตอบ “พ่อส่งผมไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่พวกเราอายุได้สี่ขวบ ใช่ไหมแมกซ์”

   “อืม แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องเล่าให้แคทเธอรีนฟังนะ เธอคงไม่อยากรู้หรอก”

   “ค่ะ ฉันทราบว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว”

   “นายทำกร่อยเลยแมกซ์” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ยังไงพวกเราก็มาที่นี่เพราะเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว”

   พูดจบเขาก็หันไปหาดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด “พ่อไม่เคยอนุญาตให้พวกเรามาที่นี่ตามลำพังเลย นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมกับแมกซ์ได้มาคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”

   “มีอะไรอยากบอกมากกว่าเรื่องงานแต่งงานหรือไง”

   “ครับ อันที่จริงเป็นเรื่องอยากถามมากกว่า ผมกับแมกซ์อยากรู้ว่าแม่ของพวกเราเป็นผู้หญิงแบบไหน และเธอตายยังไง”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจ้องหน้าลอร์ดฟาริงดอน ขณะที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นมาเบาๆ “งั้น... หนูขอตัวก่อนนะคะ”

   เธอลุกขึ้นย่อตัวให้ชายหนุ่มทั้งสอง แล้วเดินออกจากห้องไป ลอร์ดฟาริงดอนหันไปมองเธอ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

   “ท่านมีหลานสาวที่ทั้งสวยทั้งฉลาดนะครับ น่าเสียดายที่เธอต้องไปติดแหงกอยู่กับจอห์นแบบนั้น”

   “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดขึ้น “ทำไมจู่ๆ พวกเธอถึงอยากจะรู้เรื่องแม่ขึ้นมา”

   สองพี่น้องหันมองหน้ากัน ลอร์ดฟาริงดอนเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง “เพราะพ่อไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้พวกเราฟังเลย ผมกับแมกซ์ลงความเห็นว่าเขาเป็นปิศาจไร้หัวใจ และแม่คือผู้หญิงโชคร้ายที่มีหน้าที่คลอดพวกเราออกมา แต่นั่นก็ฟังดูไม่ยุติธรรมสำหรับเขาสักเท่าไหร่ เผอิญผมนึกได้ว่าท่านเคยรู้จักกับพ่อผมมาก่อน เลยคิดว่าท่านน่าจะรู้รายละเอียด”

   “เธอจะเอาเรื่องนี้ไปงัดกับพ่อเธอเรื่องการแต่งงานของแมกซ์สินะ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดอย่างรู้ทัน ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่

   “นั่นอาจจะเป็นพลพลอยได้ ท่านไม่คิดหรือครับว่านี่เป็นเรื่องที่พวกเราควรรู้”

   “เรื่องบางเรื่องถ้ารู้แล้วมันทำให้ชีวิตยากขึ้นก็อย่ารู้จะดีกว่า”

   “ผมไม่คิดหรอกนะครับว่าชีวิตของผมกับแมกซ์จะยากไปกว่านี้ได้อีก นายล่ะ ว่าไง”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมองพี่ชายของเขา ก่อนจะพูดกับท่านดยุก “กรุณาเถอะครับ เราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดกับพ่อ เราแค่อยากรู้ว่าแม่ของพวกเราเป็นคนยังไง และเธอต้องเจอชะตากรรมแบบไหน เพื่อที่ว่าผมจะไม่ทำมันซ้ำรอยอีก”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหน้าทั้งสองคนอยู่ครู่ใหญ่ๆ สุดท้ายก็ถอนใจเฮือก “เอาล่ะ ถ้าเธอพูดแบบนั้น ฉันก็คงจะเล่าเรื่องนี้ให้พวกเธอฟังได้ รู้ใช่ไหมว่าพวกเธอเคยมีลุงที่ชื่อกิลเบิร์ต”

   “ครับ เราเคยอ่านสาแหรกตระกูล” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน “รู้สึกว่าพวกเขาสองคนจะถูกลอบฆ่า แต่พ่อรอดมาได้”

   “พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน พวกเธอรู้เรื่องนี้รึเปล่า”

   ทั้งสองคนมีท่าทีประหลาดใจ “จริงหรือครับ เขาไม่เคยบอกพวกเรามาก่อน มิน่าล่ะ ผมถึงไม่เคยเห็นรูปของลุงกิลเบิร์ตเลย บางทีมันอาจจะปนๆ อยู่กับรูปพ่อ เหมือนที่รูปนายปนๆ อยู่กับรูปฉันก็ได้” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย

   “จริงๆ แล้วพ่อแทบจะไม่เคยบอกอะไรพวกเราเลย ถ้าไม่เห็นเฟอร์นิเจอร์กับรูปวาดของแม่ ผมอาจจะคิดว่าพวกเราเป็นเด็กที่เขาเผอิญเก็บได้”

   “ไม่ก็ขโมยใครมา” ลอร์ดฟาริงดอนเสริมให้ “แต่แย่หน่อยตรงที่ฉันกับนายดันหน้าคล้ายพ่อไม่มีผิด ประเด็นนั้นเลยต้องตกไป”

   “เขาเป็นพ่อของพวกเธอจริงๆ” ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดย้ำ “แต่ฉันเข้าใจที่เขาไม่เคยเล่าเรื่องอดีตให้พวกเธอฟัง การตายของกิลเบิร์ตเป็นเรื่องที่ทำให้เขาสะเทือนใจมาก”

   “ผมคิดว่าเขาทิ้งพี่ชายไว้แล้วหนีออกมาเสียอีก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดพูดสวนทันที

   “ไปเอาความคิดเหลวไหลนั่นมาจากไหน”

   “ผมได้ยินคนพูดกัน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “คนที่รอดควรจะเป็นลุงกิลเบิร์ต ไม่ใช่เขา”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดถอนใจ “พ่อเธอเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

   “....”

   “แต่กิลเบิร์ตสั่งให้เขาหนี... เพราะตอนนั้นภรรยาของเขาตั้งท้องอยู่ ซึ่งก็คือพวกเธอสองคน สถานการณ์ในวันนั้นฉันได้ยินมาว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะรอดออกไปได้ทั้งสองคน ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งอยู่ที่นั่น กิลเบิร์ตไม่อยากให้หลานของเขากำพร้าพ่อ เขาเลยสั่งให้พ่อของพวกเธอหนีไปเสีย”

   ลอร์ดฟาริงดอนจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งนิ่ง ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดจึงเล่าต่อ

   “พ่อของพวกเธอไม่เคยภูมิใจที่เขารอดมาได้ แต่เขาต้องมีชีวิตอยู่ ไม่อย่างนั้นการสละชีวิตของกิลเบิร์ตก็จะสูญเปล่า พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันมากไม่ต่างอะไรกับพวกเธอตอนนี้เลย”

   “แล้วแม่ล่ะครับ” ลอร์ดฟาริงดอนแทรกขึ้นมา “พวกเขาพบกันได้อย่างไร”

   “พวกเขาเจอกันในงานเลี้ยง ฟาบิอาน่าเป็นเป้าหมายที่วิกเตอร์ต้องกำจัดทิ้ง แต่เขาหลงรักเธอทันทีที่เห็น คงไม่ต้องเดาว่าปู่ของพวกเธอโกรธเรื่องนี้แค่ไหน ถึงงั้นสุดท้ายพวกเขาก็ยังได้แต่งงานกัน เพราะกิลเบิร์ตสนับสนุน”

   “บ้าชะมัด” ลอร์ดฟาริงดอนพึมพำ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น

   “แม่รักพ่อรึเปล่าครับ... พวกเขารักกัน หรือพ่อเป็นฝ่ายบังคับให้เธอแต่งงาน”

   “ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าทั้งสองคนรักกันมาก แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและอ่อนหวาน เธอแทบพูดอังกฤษไม่ได้ พ่อเธอเลยเป็นฝ่ายพูดฝรั่งเศสเสียเอง เขายังลงทุนข้ามเรือไปฝรั่งเศสเพื่อเลือกเฟอร์นิเจอร์มาไว้ในเรือนหอ ฉันไม่รู้ว่าของพวกนั้นยังอยู่ที่บ้านนั้นรึเปล่า เพราะหลังจากที่เสียกิลเบิร์ตไปได้ไม่นาน เขาก็เสียเธอไปหลังการคลอดลูก เดาว่านั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเย็นชากับทุกคนรวมถึงพวกเธอด้วย”

   “เฟอร์นิเจอร์พวกนั้นอยู่ที่ห้องผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผมเคยคิดว่านั่นเป็นที่ที่พ่อขังแม่เอาไว้ แต่ฟังจากที่ท่านเล่า ดูเหมือนที่นั่นน่าจะเป็นเรือนหอของทั้งสองคนมากกว่า นายว่าไง”

   เขาหันไปหาลอร์ดฟาริงดอน ฝ่ายนั้นมีสีหน้าหงุดหงิด “ไม่รู้สิ จะบอกว่าพ่อใจยักษ์ของเราเคยเป็นคนมีหัวใจมาก่อนงั้นหรือ... ให้ตาย ฉันไม่อยากจะเชื่อ”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองดูทั้งสองคน แล้วพูดต่อ “ได้ยินแมกซ์เล่าว่าพ่อเธอรักเธอมากกว่าเขา ฉันเห็นว่าคงจริง เพราะเธอดูคล้ายกับกิลเบิร์ตมาก บางทีที่เขาคัดค้านเรื่องการแต่งงานของแมกซ์ เพราะกลัวว่าเรื่องมันจะซ้ำรอยอีก”

   “ไม่มีทาง” ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นมา “พวกเราไม่มีทางไปไหนพร้อมกันเพื่อให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกหรอก”

   “แต่ตอนนี้พวกเธอมาด้วยกันนะ ฉันพูดไม่ผิดใช่ไหม”

   “....”

   “เข้าใจเหตุผลที่เขาแยกพวกเธอออกจากกันแล้วหรือยัง”

   ลอร์ดฟาริงดอนล้วงนาฬิกาพกออกมาดู แล้วพูดขึ้น “นี่ก็บ่ายแก่แล้ว พวกผมคงต้องขอตัวกลับ”

   “ไม่มีเรื่องอะไรอยากจะรู้อีกหรือ ว่าไง แมกซ์”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ผมเองก็เห็นด้วยกับไมกี้ว่าเราควรกลับได้แล้ว”

   “อ้อ... งั้นก็ขอให้โชคดี ฉันไม่ออกไปส่งนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ” ทั้งสองคนกล่าวคำร่ำลาแล้วเดินออกไปขึ้นรถม้าซึ่งจอดรออยู่ด้านนอก ทันทีที่ประตูปิดลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ถามขึ้น

   “ไมกี้ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบที่พ่อเราเคยเจอ นายจะทำไง จะทำแบบลุงรึเปล่า”

   “ถามโง่ๆ” ลอร์ดฟาริงดอนเอ็ดน้องชาย “ฉันไม่มีทางใจดำปล่อยให้นายรอดไปคนเดียวแล้วเอาแต่โทษตัวเองทีหลังหรอก มันต้องมีวิธีที่เราสองคนจะรอดไปได้ด้วยกันสิ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้ม “ใช่... ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายตาย ถ้าเราจะรอด เราก็ต้องรอดออกไปด้วยกัน”

   ลอร์ดฟาริงดอนยกมือขยี้ศีรษะน้องชาย “นายไม่ต้องเอาเรื่องในอดีตที่มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับเรามาคิดให้เสียเวลาหรอก เอาสมองไปคิดเรื่องงานแต่งของนายจะดีกว่า”

   “ก็จริงของนาย... แต่ไมกี้ ถ้าเราสองคนต้องทำแบบลุงกิลเบิร์ต ไม่ว่าคนที่รอดจะเป็นใคร ฉันไม่อยากให้นายโทษตัวเอง”

   “นั่นควรจะเป็นคำพูดของฉัน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ให้ตาย แมกซ์ ฉันไม่ได้พานายมานี่เพื่อให้นายเอาเรื่องพรรค์นี้กลับไปคิดนะ”

   “ฉันรู้ นายดีกับฉันเสมอ”

   “แน่นอน ก็นายเป็นน้องชายฉันนี่นา”

   “นายแน่ใจจริงๆ หรือว่าจะไปอยู่ที่นั่นแทนฉัน”

   “นายก็ได้ยินแล้วนี่ ส่วนที่นายอยู่เคยเป็นห้องหอของแม่เชียวนะ ฉันอาจจะมีความสุขก็ได้”

   “นั่นสินะ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันเองก็ชักรู้สึกชอบที่นั่นขึ้นมาแล้ว”

   “....”

   “บางทีพวกเราอาจจะอยู่ที่นั่นด้วยกันได้ นายกับฉัน ครอบครัวของพวกเรา บางทีเราอาจจะเปลี่ยนมันเป็นบ้านได้จริงๆ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองน้องชายของเขา ก่อนจะยิ้ม “นั่นสินะ ฉันจะเอากลับไปคิดดูก็แล้วกัน”

----------------------------------

(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-01-2020 07:28:38
จากตอนที่แล้ว อ่านแล้วน้ำตาไหล มาอ่านตอนนี้ ทำให้รู้ว่า
แต่ละครอบครัวก็มีเรื่องความลับเหมือนกัน ไม่ใช่แค่รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ อิอิ
ซึ่งแต่ละเรื่อง ก็มีส่วนมาเกี่ยวโยงเข้าด้วยกัน ก็ไม่แน่ว่าคุณย่าของกอร์ดอน
ก็อาจจะเป็นหนึ่งในผู้สูงศักดิ์ของตระกูลได ตระกูลหนึ่ง
*** พอรู้ว่าไรท์จะมาอัพเร็วๆ ในแต่ละตอน ตื่นเช้าก็เข้ามาเปิดคอมฯ ดูก่อนใคร
อ่านในมือถือไม่สะใจ ไม่ทันใจวัยรุ่นอย่างเราเลยนะ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 04-01-2020 08:54:50
มาแล้วววว
โล่งใจแล้ว
รอแค่กอร์ดอน
กลับมา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-01-2020 09:11:08
ค่อยหายใจโล่งหน่อยตอนนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 04-01-2020 11:33:31
เหมือนพักดูโฆษณา 1 ตอน แล้วจะกลับไปลุ้นชีวิตกอร์ดอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 04-01-2020 17:19:57
ชีวิตแต่ละคนในเรื่องนี้เติบโตกันมาแบบไม่ง่ายเลยกว่าผ่านอะไรมาได้ เรื่องครอบครัวแม็กซ์จริงๆคือเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีกต่อไป แล้วตอนนี้ห่วงชีวิตกอร์ดอนมากๆเลยค่ะ เป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนยังไงก็ไม่รู้ ฮือออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-01-2020 17:57:27
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-01-2020 18:17:44
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่50p.23(4/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-01-2020 22:07:04
ซีนนี้พระเอกบทน้อยมาก555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-01-2020 05:38:32
พักชมสิ่งที่น่าสนใจไปแล้ว กลับมาลุ้นชีวิตกอร์ดอนต่อค่ะ อิอิ

------------------

Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่51 กอร์ดอน

   กอร์ดอนเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายถือตะเกียง แล้วเอามือขวาซุกกระเป๋าเพราะนิ้วเริ่มชา เขาชะเง้อมองถนน รอยล้อของรถม้ามองเห็นได้ชัดบนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ แม้อากาศจะหนาว แต่หัวใจของเขากลับร้อนรนเพราะข้อความในจดหมายที่เขาเพิ่งได้อ่าน

   ‘ผมเพิ่งได้รับโทรเลขว่ามีเรื่องร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปท่องเที่ยวของน้องชายผม และเพื่อนๆ ของเขา ถ้าคุณได้รับจดหมายนี้ ให้ออกมารอที่ถนนใหญ่ จะมีรถม้าคันใหญ่สีดำผ่านไปแถวนั้นประมาณเที่ยงตรง อย่าลืมเอาจดหมายยื่นให้คนขับรถม้าดู
ม.ม.’

   ถึงกอร์ดอนจะไม่เคยเห็นลายมือของลอร์ดฟาริงดอน แต่ด้วยเนื้อความในจดหมายทำให้เขามั่นใจว่าเจ้าตัวเป็นคนเขียน เขาดูนาฬิกาและแต่งตัวออกจากบ้านมาอย่างรีบร้อน ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย กอร์ดอนชะเง้อมองถนน แล้วหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดู ทันใดนั้นรถม้าคันหนึ่งก็แล่นตรงมา มันเป็นรถม้าคันใหญ่เทียมด้วยม้าสี่ตัว เขารีบชูตะเกียงขึ้น โบกให้รถม้าคันนั้นหยุด และล้วงจดหมายยื่นให้คนขับรถม้าดู เมื่อสารถีเห็นจดหมายก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาให้กอร์ดอนเอาตะเกียงแขวนไว้ที่ข้างรถ แล้วส่งจดหมายคืนให้ ก่อนจะบอกให้กอร์ดอนขึ้นรถ

   อากาศภายในรถอุ่นกว่าข้างนอก ผนังรถบุนวมหนาเพื่อกันความหนาว ฟูกที่นั่งนุ่มจนกอร์ดอนรู้สึกเหมือนจมไปครึ่งตัว ไม่มีคนอื่นอีก กอร์ดอนปัดหิมะออก แล้วหยิบขนสัตว์สีดำผืนใหญ่ที่วางอยู่ขึ้นมาห่อตัว อาจจะเป็นขนหมี กอร์ดอนไม่เคยห่มขนสัตว์มาก่อน เขาเพิ่งค้นพบว่ามันทำให้อุ่นขึ้นมากจริงๆ รถม้าแล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ช่างตัดเสื้อห่อตัวอยู่ในขนสัตว์ ภาวนาต่อพระเจ้า ขอให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ ปลอดภัย

   ในที่สุดรถม้าก็หยุดลง กอร์ดอนแหวกม่านออกดู เห็นผู้ชายในเสื้อโค้ทสีดำหนาเดินมาเปิดประตูรถให้เขา พอลงมาจึงเห็นว่านี่คือคฤหาสน์ของลอร์ดฟาริงดอน คนรับใช้เชิญเขาเข้าไปด้านในของคฤหาสน์

   “ไง โอเดนเบิร์ก รถนั่งสบายรึเปล่า ชอบขนหมีที่ผมวางไว้ให้ไหม”

   ลอร์ดฟาริงดอนเดินมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง กอร์ดอนผงกศีรษะ

   “ครับ ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ส่งคนไปรับ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ มีใครเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

   “อากาศข้างนอกหนาว ผมว่าเราควรจะไปนั่งคุยในที่อุ่นๆ ดีกว่า”

   กอร์ดอนเดินตามลอร์ดฟาริงดอนเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีเตาผิงขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังลุกโชติช่วงอยู่ คนรับใช้มาช่วยถอดเสื้อโค้ทให้ ลอร์ดฟาริงดอนให้กอร์ดอนนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าเตาผิง รินวิสกี้สองแก้ว แล้วยื่นให้เขาแก้วหนึ่ง

   “ดื่มเสียหน่อยสิ หน้าคุณซีดมากนะ”

   กอร์ดอนรับแก้ววิสกี้มา จิบไปได้อึกหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นถาม “ได้โปรดบอกผมเถอะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดไหนผมก็ต้องการจะรู้”

   ลอร์ดฟาริงดอนถอนหายใจ พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เขาวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะ แล้วพูด “ดูเหมือนว่าจอห์นจะไม่สามารถปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาจากพ่อแม่ของเขาได้ คุณเองก็รู้เรื่องนี้แล้วใช่ไห”

   กอร์ดอนตัวเย็นวาบ เกือบทำแก้ววิสกี้หล่นจากมือ เขามองลอร์ดฟาริงดอนด้วยความตื่นตระหนก อีกฝ่ายยิ้มบางๆ

   “ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก ผมรู้เรื่องคุณกับจอห์นนานแล้ว และไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร”

   “....”

   “ผมไม่ได้มองว่าคุณเป็นฝ่ายผิดเรื่องนี้ ส่วนจอห์นเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้แต่แรกอยู่แล้ว”

   “กะ... เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือครับ” กอร์ดอนถามอย่างร้อนใจ ลอร์ดฟาริงดอนมองหน้าเขาด้วยสายตาอ่านยาก จากนั้นจึงพูดขึ้นต่อ

   “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับจอห์นหรอก แต่เป็นคุณต่างหาก พ่อแม่เขาไม่อยากให้ลูกชายเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้ ในเมื่อพวกเขาเกลี้ยกล่อมคุณไม่ได้ และรู้แน่ด้วยว่าคงเกลี้ยกล่อมจอห์นไม่ได้เช่นกัน ทางออกเดียวของเรื่องนี้คือต้องทำให้คุณหายไปเสีย”

   “อะ... อะไรนะครับ”

   “ฟังไม่ผิดหรอก ลอร์ดบาธต้องการให้คุณออกไปจากชีวิตลูกชายของเขา  และคนที่สามารถทำเรื่องนั้นได้ก็คือพ่อของผม”

   กอร์ดอนอ้าปากค้าง ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ

   “นี่เป็นเรื่องลึกลับเรื่องหนึ่งในตระกูลของผม ไม่ว่าใครมีเรื่องเดือดร้อนอะไร หรือปัญหาแก้ไม่ตก มักจะมาขอให้เราช่วยเสมอ แล้วเราก็ดันจัดการเรื่องพวกนั้นได้ดีเสียด้วย เรียกว่าเป็นหน้าที่ที่สืบทอดกันมาทางสายเลือดก็ได้ล่ะมั้ง”

   กอร์ดอนเผลอบีบแก้ววิสกี้ในมือแน่น “ละ... เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังทำไมครับ”

   “เพราะว่าคุณเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อผม และลอร์ดบาธเองก็ไม่ได้ระบุว่าต้องให้คุณตาย และถึงเขาจะพูดแบบนั้นผมก็จะไม่ยอมให้คุณตายอยู่ดี”

   “....”

   ลอร์ดฟาริงดอนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาแล้วโน้มตัวลงมาใกล้ “ดังนั้นนะ มิสเตอร์กอร์ดอน วิลเลี่ยม โอเดนเบิร์ก ผมขอให้คุณอยู่ที่นี่จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ส่งผลดีกับตัวคุณ คุณจะรับข้อเสนอของผมรึเปล่า”

   พอเห็นสีหน้างุนงงของกอร์ดอน ลอร์ดฟาริงดอนจึงคลี่ยิ้ม แล้วยืดตัวขึ้น

   “ผมจะรอคำตอบที่ห้องดนตรี หวังว่าคุณจะเข้าใจที่สิ่งที่ผมอธิบายไปนะ”

----------------------------------------

   กอร์ดอนเคยเห็นห้องดนตรีในคฤหาสน์ของเซอร์จอร์จ คาเมรอนมาแล้ว แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับห้องดนตรีของลอร์ดฟาริงดอน เสาและผนังประดับลายปูนปั้นทาสีเขียวและขาว บนกำแพงแขวนไว้ด้วยรูปวาดทิวทัศน์ และรูปเหมือนของลอร์ดฟาริงดอนกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เปียโนสีขาวหลังงามที่ประดับลวดลายหรูหราวางเด่นอยู่กลางห้อง ล้อมรอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ฝรั่งเศสอันแสนวิจิตร ลอร์ดฟาริงดอนนั่งอยู่ด้านหลังเปียโน เสียงค้อนไม้เคาะลงไปบนลวดที่ถูกขึงจนตึงดังก้องสะท้อนกับเพดานโค้งเกิดเป็นสุ้มเสียงคล้ายมนต์สะกด ช่างตัดเสื้อยืนนิ่งด้วยความตะลึงงัน กระทั่งเจ้าของห้องเล่นเพลงจบแล้วเงยขึ้นมาเห็นเขานั่นแหละ

   “เข้ามานั่งก่อนสิ”

   เสียงนั้นดึงสติของกอร์ดอนกลับเข้าที่ เขารีบเดินตรงไปที่เก้าอี้ แต่ไม่ได้นั่งลงในทันที จนลอร์ดฟาริงดอนต้องพูดขึ้นต่อ

   “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอก ผมอยากให้คุณนั่งลง แล้วตรองสิ่งที่จะพูดดีๆ”

   กอร์ดอนนั่งลง เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “ผมรู้สึกซาบซึ้งในความหวังดีและความใจกว้างของคุณจริงๆ ครับ ผมยินดีที่จะพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว แต่ผมคงต้องเขียนจดหมายบอกเดวิดและลอร์ดโทรว์บริดจ์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเป็นห่วงเอาได้”

   ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้ม “ผมดีใจที่คุณเข้าใจเหตุผล แต่เรื่องที่คุณขอผมคงจะอนุญาตไม่ได้ เพราะตอนนี้คุณต้องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เข้าใจที่ผมพูดรึเปล่า”

   “แต่...”

   “อย่าเป็นห่วงไปเลย พวกเขาจะเดือดร้อนก็แค่ชั่วคราว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคุณต่างหาก” พูดจบลอร์ดฟาริงดอนก็ลุกขึ้น

   “ผมจะพาคุณไปดูห้องพัก” เขาถือวิสาสะจูงมือกอร์ดอนออกไปจากห้องดนตรี

   กรีนไวท์ เทอร์เรสให้บรรยากาศแตกต่างจากคฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดสวินดันอย่างสิ้นเชิง โทนสีส่วนใหญ่เน้นไปทางขาวและเขียว แม้อากาศด้านนอกจะอึมครึม แต่เพราะโทนสีอ่อนและหน้าต่างจำนวนมาก ทำให้ภายในดูสว่างและอบอุ่น ห้องพักอยู่ชั้นสาม ทุกอย่างแตกต่างจากห้องนอนที่กอร์ดอนเคยพบเห็นอย่างสิ้นเชิง ห้องกว้างขวาง เตาผิงหินอ่อนขนาดใหญ่ เตียงนอนแบบมีเพดานตกแต่งด้วยผ้าม่านระย้าสีน้ำเงินหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องรวมถึงผนังออกโทนสีน้ำเงิน แสงสลัวที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาให้ทำกอร์ดอนคิดว่าเขากำลังฝัน

   “นึกเสียว่ามาเที่ยวพักผ่อนก็แล้วกัน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ดูพอใจที่ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของช่างตัดเสื้อ “กริ่งเรียกคนรับใช้อยู่ข้างหัวเตียง ส่วนหลังม่านตรงนั้นคืออ่างอาบน้ำ อ้อ... จริงสิ ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้คุณด้วย ดูซิว่าใส่พอดีรึเปล่า”

   เขาผายมือไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดสามบานขนาดใหญ่ที่วางอยู่ติดผนังด้านหนึ่งใกล้กับฉากเปลี่ยนเสื้อ กอร์ดอนหันไปมองเจ้าตัวด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ “ให้ผมนอนที่นี่จริงๆ หรือครับ”

   “จริงสิ ผมบอกแล้วไงว่าคิดเสียว่ามาเที่ยวพักผ่อน ไหนมาลองเสื้อหน่อย ถ้าไม่พอดีผมจะได้ให้คนออกไปซื้อใหม่มา”

   “โอ...” กอร์ดอนแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขารีบตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า ด้านในมีเสื้อผ้าแขวนอยู่จำนวนหนึ่ง เขาหยิบเสื้อเชิ้ตและกางเกงออกมา “นี่ซื้อมาหรือครับ”

   “ใช่... มันอาจจะไม่พอดีตัวเหมือนสั่งตัด แต่ผมคิดว่าดีกว่าจะให้คุณใส่เสื้อของผม”

   กอร์ดอนยิ้ม “ถ้าผมใส่เสื้อของคุณคงเหมือนเด็กใส่เสื้อผู้ใหญ่แน่” เขาปลดเสื้อเชิ้ตออกมาพลิกดู “ที่จริงแล้วผมสนใจเรื่องเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่นะครับ มันค่อนข้างสะดวกในการซื้อหา และราคาก็ไม่แพงเท่าแบบสั่งตัด ไม่แน่ว่าอนาคตเสื้อผ้าแบบนี้อาจจะเป็นที่นิยมจนผมต้องปิดร้านเลยก็ได้”

   “ผมไม่เห็นด้วยนะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ยังไงเสียสั่งตัดมันก็มีคุณภาพมากกว่า และผมชอบที่จะเป็นคนเลือกเนื้อผ้าเองมากกว่าให้ร้านเลือกให้ อีกอย่างเสื้อสำเร็จรูปมันก็ดูเหมือนๆ กันหมด แต่เสื้อสั่งตัดมันมีแค่ตัวเดียวในโลก ผมไม่อยากสวมอะไรที่ซ้ำกับชาวบ้านหรอก คนอื่นๆ ก็น่าจะคิดเหมือนกัน”

   “สำหรับคนมีฐานะอย่างพวกคุณก็อาจจะเป็นแบบนั้นครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “แต่สำหรับชนชั้นกลางหรือชนชั้นล่าง นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะมีเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่ อืม... ตัดเย็บไม่เลวนะครับ เนื้อผ้าก็ค่อนข้างดีเลย แก้อีกนิดหน่อยน่าจะใส่ได้พอดี” เขาหยิบกางเกงขึ้นมาดู “ตัวนี้แก้เอวหน่อยก็น่าจะใส่พอดีเหมือนกันครับ ไหนขอดูสูทหน่อย โอ...”

   “ผมรู้ว่ามันไม่สวยเท่าไหร่” ลอร์ดฟาริงดอนรีบแก้ตัว “แต่มันเป็นผ้าเนื้อดี”

   “ครับ ผ้าวูลแบบนี้มีราคาพอดู แต่การตัดเย็บนี่ลวกไปหน่อย... นี่คงเป็นข้อด้อยของเสื้อผ้าสำเร็จรูปจริงๆ”

   “ผมจะให้คนออกไปหาซื้อใหม่ให้”

   “ไม่ต้องหรอกครับ” กอร์ดอนรีบห้าม “ที่นี่พอมีอุปกรณ์ตัดเย็บไหมครับ ผมรู้สึกว่าตามคฤหาสน์จะมีแม่บ้านที่ทำหน้าที่ซ่อมเสื้ออยู่”

   “มีสิ มีเป็นห้องเลยล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “โดโรธีเป็นคนดูแล เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดู”

   “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนรื้อเสื้อตัวอื่นๆ ออกมาดู จากนั้นก็พับพวกมันกองไว้บนเตียง “สงสัยคริสต์มาสปีนี้ต้องเป็นปีที่ประหลาดที่สุดสำหรับผมแน่ๆ”

   “ผมแน่ใจว่ามันจะเป็นคริสมาสต์ที่ดี” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “อย่างน้อยๆ ตอนนี้คุณก็ปลอดภัย”

   “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เป็นธุระให้ คุณพอจะมีทางบอกเดวิดกับแม่ของเขาเรื่องผมได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้พวกเขาเป็นกังวล”

   “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องยากอยู่นะ”

   “เอ่อ... งั้นไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ที่หายออกมาแบบนี้”

   “มันเป็นเรื่องสุดวิสัย แต่ผมจะพยายามให้พวกเขารู้ก็แล้วกันว่าคุณมีความเป็นอยู่ที่ดี”

   “ขอบคุณครับ”

   หลังดูห้องพักจนพอใจแล้ว ลอร์ดฟาริงดอนก็พากอร์ดอนลงมาชั้นล่าง เพื่อไปยังห้องเย็บผ้าซึ่งอยู่ทางปีกขวา พวกเขาสวนกับบรรดาคนรับใช้ที่ช่วยกันยกต้นสนสำหรับวันคริสต์มาสเข้ามา กอร์ดอนคะเนว่าต้องไม่เล็กไปกว่าต้นสนที่โบสถ์ซึ่งเขาไปทุกปีแน่นอน

   ห้องเย็บผ้ามีอุปกรณ์ทุกอย่างอย่างที่กอร์ดอนต้องการ โดโรธีเป็นหญิงสาววัยรุ่น อายุน่าจะราวๆ สิบห้าสิบหกปี ไว้ผมเปียสีน้ำตาล ใบหน้าตกกระเล็กน้อย เธอดูตื่นเต้นที่เห็นนายจ้างพาแขกเข้ามาเยี่ยมเยียน

   “โดโรธี นี่คือมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก เขาจะมาเป็นแขกของที่นี่ระยะเวลาหนึ่ง เขามีร้านตัดสูทอยู่ในลอนดอน ฉันอยากให้เธอช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเรื่องการตัดเย็บให้เขา”

   “ได้ค่ะ โอ... ฉันไม่เคยพบกับช่างตัดสูทมาก่อน คุณจะมาเย็บสูทให้นายท่านหรือคะ”

   “อ๋อ เปล่า” กอร์ดอนปฏิเสธ “ผมจะมาแก้เสื้อผ้าพวกนี้น่ะ”

   โดโรธีมองกองเสื้อผ้าในอ้อมแขนของกอร์ดอน แล้วพยักหน้าด้วยท่าทางเขินๆ “อ้อ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ที่จริงให้ฉันจัดการให้ก็ได้นะคะ”

   “ไม่เป็นไร ผมจัดการเองดีกว่า คุณมีห้องเย็บผ้าที่กว้างขวางน่าดูเลยนะครับ”

   “เป็นความกรุณาของนายท่านน่ะค่ะ” โดโรธีว่า “นายท่านอยากให้ฉันทำงานได้สะดวกที่สุด”

   “โดโรธีเป็นคนมีฝีมือด้านนี้” ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นบ้าง “เธอซ่อมเสื้อผ้าและถุงเท้าได้ละเอียดจนแทบดูไม่ออกเลยว่ามันเคยมีปัญหามาก่อน”

   “โอ ซ่อมถุงเท้าด้วยหรือครับ” กอร์ดอนมีสีหน้าสนใจ “ผมว่ามันเป็นงานละเอียดมากเลยนะ”

   “คงไม่ยากไปกว่าตัดสูทหรอกค่ะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม เขาพูดขึ้นต่อ “งั้นผมขอตัวไปจัดการเรื่องต้นคริสต์มาสก่อน”

   “เชิญตามสบายเลยครับ”

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-01-2020 05:40:29
   กอร์ดอนใช้เวลาในห้องเย็บผ้าจนถึงช่วงบ่าย คนรับใช้ก็เข้ามาบอกเขาว่าลอร์ดฟาริงดอนเชิญไปดื่มชาที่ห้องอาหาร พอไปถึงเขาก็เห็นต้นสนตั้งตระหง่านอยู่แล้ว ถัดไปจากนั้นคือโต๊ะไม้ตัวยาวสำหรับกินข้าว ที่มีลอร์ดฟาริงดอนนั่งจิบชาอยู่ เขากวักมือเรียกช่างตัดเสื้อ

   “ผมคิดว่าคุณจะตั้งมันที่ห้องนั่งเล่นเสียอีก” กอร์ดอนพูดหลังจากนั่งลงแล้ว คนรับใช้เอาขนมเค้กกับชามาเสิร์ฟให้

   “ผมตั้งที่นี่ทุกปีนะ มันสะดวกสำหรับงานเลี้ยงฉลองมากกว่า”

   “โอ... นั่นสินะครับ ผมเห็นแล้วว่าคุณมีห้องอาหารที่กว้างขวางและสวยงามมาก”

   “ปกติแล้วคุณจัดต้นคริสต์มาสที่ห้องนั่งเล่นหรือ”

   “ครับ มันเป็นห้องเดียวที่กว้างพอจะวางต้นคริสต์มาส”

   “แล้วที่กรีนไปป์ล่ะ... บ้านที่ท่านดยุกเพิ่งยกให้คุณน่ะ ยังวางที่ห้องนั่งเล่นหรือ”

   “ครับ พอคุณพูดผมเลยนึกได้ ที่จริงห้องอาหารที่นั่นก็พอจะใส่ต้นคริสต์มาสเข้าไปได้ แต่ผมชินกับการวางในห้องนั่งเล่นเลยไม่ทันได้เอะใจ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีบัญญัติไว้เสียหน่อยว่าต้องวางต้นคริสต์มาสตรงไหน”

   กอร์ดอนหัวเราะ “นั่นสินะครับ”

   “แล้วคุณจัดการเสื้อผ้าไปได้ถึงไหนแล้วล่ะ”

   “แก้กางเกงเสร็จไปตัวหนึ่งล่ะครับ ผมมัวแต่คุยกับโดโรธีอยู่ เธออาสาจะจัดการเสื้อเชิ้ตให้ระหว่างที่ผมมาดื่มชา”

   “อืม... เดี๋ยวพวกคนรับใช้จะมาช่วยกันแต่งต้นคริสต์มาส คุณอยากอยู่ดูไหม”

   “งั้นหรือครับ ให้ผมช่วยได้ไหมครับ ผมชอบแต่งต้นคริสต์มาส”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม “ผิดธรรมเนียมแขกไปหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่ใช่คนถือธรรมเนียมมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”

   “จะมีใครมาอีกไหมครับ”

   “ไม่มีแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมถึงได้ไปเชิญคุณกับเด็กที่ร้านมาก่อนหน้านี้ไง”

   “อ้อ... ขอโทษครับ”

   “ขอโทษผมทำไม อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีเพื่อนอยู่ด้วยคนนึงแล้ว คุณไงล่ะ”

   กอร์ดอนคลี่ยิ้มออกมา เขาดื่มชาและกินขนมเค้กจนหมด พอดีกับที่คนรับใช้ทยอยขนกล่องใส่อุปกรณ์สำหรับตกแต่งต้นคริสต์มาสเข้ามา กอร์ดอนค้นพบว่าลอร์ดฟาริงดอนมีอุปกรณ์พวกนี้มากกว่าโบสถ์ที่เขาไปเสียอีก เขาอยู่ช่วยตกแต่งต้นคริสต์มาสโดยมีลอร์ดฟาริงดอนคอยวิจารณ์จนเสร็จ

   “เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดการเสื้อต่อนะครับ” กอร์ดอนหันไปบอกลอร์ดฟาริงดอนหลังยืนชื่นชมต้นคริสต์มาสจนเป็นที่พอใจแล้ว อีกฝ่ายพยักหน้า

   “เอาเฉพาะตัวที่คุณจะใส่ก็พอนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ แล้วนี่ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองด้วย”

   “ตกลงครับ”

   กอร์ดอนกลับไปที่ห้องเย็บผ้า โดโรธีกำลังชุนถุงเท้าอยู่พอดี

   “เสื้อคุณฉันเย็บให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”

   “ขอบคุณมาก”

   กอร์ดอนหยิบเสื้อสูท แล้วนั่งลง ก่อนจะหยิบกรรไกรเล็กขึ้นมาตัดด้ายเย็บออกออก โดโรธีพูดขึ้น

   “ต้นคริสต์มาสเป็นไงบ้างคะ”

   “สวยเลยครับ ของตกแต่งที่นี่เยอะมาก”

   “ค่ะ นายท่านชอบวันคริสต์มาส เขาให้พวกเราไปร่วมฉลองด้วยที่ห้องอาหาร ฉันว่านายจ้างแบบนี้คงหาไม่ได้ง่ายนักหรอกค่ะ เราคิดถึงเขามากตอนที่เขาไปอยู่อินเดีย แต่นายท่านแมกซิมิลเลี่ยนก็มักแวะมาเยี่ยมที่นี่บ่อยๆ”

   “ครับ ผมเจอเขาตอนที่เพิ่งกลับมาจากอินเดียเหมือนกัน”

   “เขาเอาของมาฝากพวกเราเยอะเลยค่ะ แต่ไม่นานก็ไปต่างประเทศอีก นายท่านไม่ค่อยได้อยู่บ้านค่ะ แต่เวลาเขาอยู่พวกเราทุกคนจะมีความสุขมาก”

   “ลอร์ดสวินดันมาที่นี่บ้างรึเปล่าครับ”

   “โอ... ลอร์ดสวินดันไม่ค่อยได้มาหรอกค่ะ เหมือนว่านายท่านไม่อยากให้เขามา อย่าหาว่าฉันนินทาเลยนะคะ ถึงจะหน้าตาคล้ายกันเพราะเป็นพ่อลูก แต่ลอร์ดสวินดันน่ะน่ากลัวมากเลยค่ะ”

   กอร์ดอนหัวเราะ “ผมคงจะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน”

   “คุณตัดเสื้อให้เขารึเปล่าคะ”

   “ครับ เขาเป็นลูกค้าประจำของผมเลย”

   “เขาเรื่องมากไหมคะ”

   “เอ่อ... มันเป็นปกติของลูกค้าแหละครับ”

   เธอหัวเราะชอบใจ “นายท่านของฉันเป็นคนเรียบง่ายมากเลยค่ะ เขาเป็นคนที่ไม่ถือกฎเกณฑ์อะไรเลย บางทีพวกเรายังตกใจกับเรื่องที่เขาทำเลย คุณไปดูที่เรือนกระจกมาหรือยังคะ”

   “ยังเลยครับ ผมไม่ทันได้สังเกตว่าที่นี่มีเรือนกระจกด้วย”

   “หลังใหญ่มากเลยค่ะ นายท่านเพิ่งสร้างเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง เขาขนต้นไม้แปลกๆ มาจากอินเดีย มีต้นที่กินแมลงด้วยนะคะ น่ากลัวยังไงไม่รู้ ฉันกลัวว่ามันจะกินคนด้วย”

   “มีต้นไม้แบบนั้นด้วยหรือครับ”

   “มีสิคะ พรุ่งนี้คุณลองบอกนายท่านให้พาไปชมสิคะ ฉันว่าเขาคงภูมิใจอยากนำเสนอแน่ค่ะ”

   คืนนั้นกอร์ดอนไม่ได้ไปโบสถ์เหมือนเช่นทุกปี เขาฉลองวันคริสต์มาสอีฟกับลอร์ดฟาริงดอนและเหล่าคนรับใช้ พวกเขาสวดมนต์ ร้องเพลง และกินอาหารร่วมกันในห้องอาหาร จนเวลาล่วงไปถึงตีสอง จึงพากันแยกย้ายไปนอน แม้จะยังคงเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่กอร์ดอนก็คิดว่าด้วยสถานการณ์ของเขาในตอนนี้คงจะทำอะไรไม่ได้ เจ้าตัวจึงผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

   เช้าวันรุ่งขึ้น เขาคุยกับลอร์ดฟาริงดอนเรื่องเรือนกระจก ฝ่ายนั้นจึงพาเขาออกไปเยี่ยมชมหลังเสร็จจากมื้อเช้า เรือนกระจกตั้งอยู่ในบริเวณสวนด้านหลัง ไม่ใหญ่เท่าคิวการ์เด้น แต่กอร์ดอนคะเนว่าขนาดของมันน่าจะใหญ่พอใส่บ้านที่นีสเด้นของเขาได้ประมาณสองถึงสามหลัง อากาศในเรือนกระจกอุ่นกว่าด้านนอกอย่างรู้สึกได้ ลอร์ดฟาริงดอนถอดเสื้อกันหนาวออก และแนะนำให้ช่างตัดเสื้อทำตาม พวกเขาแขวนเสื้อไว้ตรงราวแขวนด้านหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปภายใน กอร์ดอนสัมผัสได้ถึงความชื้นทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยพืชที่เขาไม่รู้จัก ส่วนใหญ่ปลูกอยู่ในกระถาง แต่บางอย่างก็ปลูกลงในดิน

   “นี่คือไม้กินแมลงที่คุณถามถึง” ลอร์ดฟาริงดอนว่าพลางชี้มือไปยังต้นไม้หน้าตาประหลาด ที่มีใบเรียวยาวและมีลูกหน้าตาเหมือนโถติดอยู่ที่ปลายใบ

   “นั่นลูกมันหรือครับ”

   “เปล่า นั่นเป็นส่วนหนึ่งของใบ”

   “ที่ดูเหมือนโถนั่นหรือครับ”

   “ใช่ คุณลองดูใกล้ๆ สิ จะเห็นว่าปากโถของมันเป็นสีเข้ม ด้านใต้ของมันมีน้ำเมือกหวานๆ ล่อให้พวกแมลงไปตอม แล้วก็หล่นลงไปในโถ จากนั้นก็ถูกย่อย ขอบปากโถนี่ลื่นมาก ลองจับดูสิ”

   กอร์ดอนรีบฉวยมือลอร์ดฟาริงดอนเอาไว้เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นจะยื่นมือไปจับปากโถของต้นไม้ “อย่าครับ ผมกลัวมันงับมือคุณ”

   “มันไม่งับหรอกน่า” ลอร์ดฟาริงดอนว่า กอร์ดอนมองหน้าเขา

   “จริงหรือครับ”

   “จริงสิ ผมจะจับมันทำไมถ้ามันทำให้ผมนิ้วขาดได้”

   “....” กอร์ดอนยอมปล่อยมือในที่สุด ลอร์ดฟาริงดอนจึงแตะลงไปเบาๆ บนขอบโถ

   “เห็นไหม ไม่เห็นมีอะไรเลย คุณจะลองจับดูก็ได้นะ”

   “เอ่อ... อย่าดีกว่าครับ ผมกลัว”

   “ไม่เอาน่า นี่ไม่ใช่ของที่คุณจะได้จับมันง่ายๆ นะ”

   กอร์ดอนกลืนน้ำลาย เขาค่อยๆ ยื่นนิ้วชี้ลงไป แตะขอบโถเบาๆ

   “ไง...”

   “ไม่เหมือนต้นไม้เลยครับ” ช่างตัดเสื้อพูดออกมาอย่างพิศวง “มันแข็งแล้วก็ลื่นด้วย”

   “เหมือนที่ผมว่าไหมล่ะ”

   “ครับ” กอร์ดอนถอนนิ้วออกมา เขายังคงหวั่นว่ามันจะงับอยู่ “คุณเอามันมายังไงหรือครับ ใส่เรือมา”

   “ใช่ แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายนะ” ลอร์ดฟาริงดอนเล่า “ผมต้องเอาพวกมันใส่ตู้กระจก แล้วไว้ในห้องพักบนเรือ ผมซื้อห้องพักเพิ่มห้องหนึ่งเพื่อไว้พวกมันเลย ขนาดนั้นแล้วตอนมาถึงอังกฤษก็ยังตายไปตั้งหลายต้น”

   “ลำบากเลยนะครับ”

   “อืม แต่ก็คุ้มอยู่นะ มันเป็นไม้ที่ทั้งสวยและแปลก ถ้ากลับไปผมจะเอามาอีก แต่พวกคนสวนคงปวดหัวกันน่าดู”

   พูดจบเขาก็หัวเราะเบาๆ กอร์ดอนนึกเห็นด้วยในใจ ขณะที่อีกฝ่ายพูดขึ้นต่อ “มีอีกห้องนึงที่ผมอยากอวดให้คุณดู”

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-01-2020 05:42:17
   พูดจบก็ฉวยมือกอร์ดอนเดินทะลุไปยังอีกห้อง ห้องนี้กอร์ดอนรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น คงเพราะมีความชื้นต่ำกว่า แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอัศจรรย์คือดอกไม้หลากสี บางต้นอยู่ในกระถาง บางคนก็แขวนเรียงกันอยู่บนราว แน่นอนว่าไม่มีต้นไหนที่เขาเคยเห็นมาก่อน

   “สวยจังครับ เรียกดอกอะไรหรือครับ”

   “พวกนี้เป็นกล้วยไม้” ลอร์ดฟาริงดอนอธิบาย “ที่วางอยู่บนชั้นเป็นกล้วยไม้แบบปลูกลงดิน ส่วนที่แขวนอยู่เป็นพวกรากอากาศ”

   “เอ๋... รากอากาศ พวกมันกินอากาศหรือครับ”

   “ใช่ ที่ห้อยลงมาพวกนี้คือราก เห็นไหม พวกนี้ไม่ต้องใช้ดินปลูกเลย แค่แขวนไว้เฉยๆ ให้น้ำให้ปุ๋ยที่เหมาะสม ก็จะออกดอกสวยๆ พวกนี้มาให้ชมแล้ว”

   “ว้าว ดีจังเลยครับ แล้ว... ดอกไม้พวกนี้จัดแจกันได้รึเปล่าครับ แต่อยู่บนต้นก็สวยดีนะผมว่า”

   “มีสิ... มันอยู่ในห้องผมเองแหละ ถ้าคุณอยากจะดู...”

   “อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่สงสัยเฉยๆ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม เขาพากอร์ดอนชมเรือนกระจกจนกระทั่งตกบ่าย จึงกลับเข้ามาในตัวคฤหาสน์อีกครั้งเพื่อดื่มชาและกินของว่าง หลังจากนั้นลอร์ดฟาริงดอนก็ชวนเขาไปที่ห้องบิลเลียด พอรู้ว่ากอร์ดอนเล่นบิลเลียดไม่เป็น เจ้าตัวจึงอาสาสอนให้ ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนตกค่ำ จึงมากินมื้อเย็นที่ห้องอาหาร มีกล่องของขวัญจำนวนมากวางอยู่ใต้ต้นคริสต์มาส ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นตอนพวกเขาเดินผ่าน

   “ผมอยากให้คุณเลือกของขวัญพวกนี้ขึ้นมาหนึ่งกล่อง”

   “แต่ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”

   “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันฉุกละหุก แต่เราต้องไม่ลืมพิธีการ”

   ช่างตัดเสื้อหัวเราะ “ผมจำได้ว่าเมื่อคืนก่อนคุณยังบอกว่าคุณไม่สนใจพิธีการอยู่เลย”

   “บางสถานการณ์ผมก็สนนะ” ลอร์ดฟาริงดอนตอบพลางยักไหล่ “เลือกสักกล่องสิ ผมอยากรู้จริงเชียวว่าปีนี้คุณจะได้ของขวัญคริสต์มาสเป็นอะไร”

   กอร์ดอนจึงก้มลงไป เขาเลือกกล่องที่เล็กที่สุด ก่อนจะหันไปหาลอร์ดฟาริงดอน “แล้วของคุณล่ะครับ”

   “ของผมหรือ กองอยู่ในห้องนั่งเล่นโน่น พวกคนรับใช้เอามาให้น่ะ เดี๋ยวกินมื้อเย็นเสร็จแล้วจะพาคุณไปช่วยแกะก็แล้วกัน”

   “แล้ว... ที่กองอยู่นี่ล่ะครับ”

   “ฟังแล้วอาจจะทำให้คุณไม่พอใจนะ แต่เป็นของที่ผมให้คนรับใช้ เป็นการฉลอง พวกเขาจะมาเลือกหยิบเหมือนที่คุณเลือกนี่แหละ”

   แทนที่จะโกรธ กอร์ดอนกลับหัวเราะ “คุณนี่ประหลาดจริงๆ ด้วย ผมชักอยากรู้แล้วสิครับว่าในกล่องนี้เป็นอะไร”

   “ผมไม่ว่านะถ้าคุณจะเปิดดูก่อนที่เราจะกินมื้อเย็น เพราะผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าอะไรอยู่ในกล่องนี้”

   “คุณเป็นเจ้าของนะครับ”

   “แต่ผมไม่ห่อกล่องพวกนี้เองหรอกนะ ให้พวกคนรับใช้แยกกันไปห่อน่ะ แกะดูสิ”

   กอร์ดอนจึงแกะกล่องของขวัญออกดู เขาพบกระปุกชาที่ทำจากงาช้างอยู่ในนั้น

   “ท่าทางคุณจะมีดวงสมพงศ์กับช้างนะ” ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “จำได้มั้ยว่าเจอกันวันแรกผมก็ให้กระปุกชาแบบนี้กับคุณ”

   กอร์ดอนพยักหน้า “นี่คุณใส่ของมีราคาแบบนี้เอาไว้ทุกกล่องเลยรึเปล่าครับเนี่ย”

   “แน่นอนสิ ผมถือว่าทุกคนควรจะได้ของเสมอกัน ถึงจะไม่ใช่กระปุกชาที่ทำจากงาช้าง แต่ก็เป็นอย่างอื่นที่มูลค่าพอๆ กันนั่นแหละ กระซิบบอกคุณคนเดียวนะ บางกล่องเป็นผ้าไหมอย่างดี ผมว่าถ้าผู้หญิงได้ไปคงดีใจมากเลยล่ะ”

   “ว้าว ยอดไปเลยครับ”

   “เอาล่ะ เป็นอันว่าตอนนี้คุณมีกระปุกงาช้างสองใบ พวกเราไปกินมื้อค่ำกันดีกว่า จะได้ไม่พลาดความสนุกตอนที่พวกคนรับใช้มาแกะกล่องพวกนี้”

   ลอร์ดฟาริงดอนไม่ได้พูดเกินจริง นอกจากผ้าไหมที่เขาว่า ยังมีต่างหูมุก จี้ที่ทำจากอำพัน กล่องใส่บุหรี่เงิน วิสกี้ และอีกหลายๆ อย่างที่กอร์ดอนนึกไม่ถึงว่าจะเป็นของขวัญที่ซื้อให้คนรับใช้ หญิงรับใช้บางคนถึงกับเป็นลมเมื่อแกะกล่องออก เป็นการแกะกล่องของขวัญวันคริสต์มาสที่ครึกครื้นมากที่สุดเท่าที่กอร์ดอนเคยเห็นมา พวกเขาดื่มและเต้นรำกันต่อ ความสนุกทำให้กอร์ดอนลืมเรื่องกังวลใจ คืนนั้นพอหัวถึงหมอนเขาก็หลับสนิททันที

   วันถัดมา ลอร์ดฟาริงดอนมาเคาะห้องของเขาในช่วงสาย พร้อมกับช่อดอกกล้วยไม้ในมือ และสมุดที่กอร์ดอนเห็นก็จำได้ทันที่ว่าเป็นสมุดบันทึกของตัวเอง

   “ผมให้คนแวะไปหยิบมา” ลอร์ดฟาริงดอนพูดหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้ว เขายื่นช่อดอกกล้วยไม้พร้อมกันสมุดเล่มนั้นให้กอร์ดอน

   “ขอบคุณสำหรับดอกไม้ครับ ผมไม่รู้ว่าจะประหลาดใจอะไรดี ระหว่างการที่คุณเอาช่อดอกกล้วยไม้มาฝาก กับการที่คุณเอาสมุดบันทึกของผมมาด้วย”

   “ผมอนุญาตให้คุณประหลาดใจได้ทั้งสองอย่าง” ลอร์ดฟาริงดอนพูดพลางยิ้ม “ผมคิดว่าทิ้งบันทึกเอาไว้คงไม่เหมาะ ถ้าเกิดมีการสอบสวนของตำรวจ เรื่องในสมุดบันทึกนี่อาจจะทำให้คุณเสียชื่อเสียงได้”

   กอร์ดอนหน้าแดง “อ่านแล้วหรือครับ”

   “ไม่หรอก ผมใช่คนไร้มารยาทขนาดนั้น แค่คาดเดาน่ะ แต่ดูเหมือนน่าจะถูกอยู่นะ”

   กอร์ดอนเขินจนอยากจะมุดกลับไปอยู่ในผ้าห่ม “ห้ามบอกใครเรื่องนี้นะครับ ผมขอร้อง มันน่าอายมาก”

   “ผมไม่บอกใครหรอก แล้วไม่เห็นจะต้องอายเลย มันบันทึกส่วนตัวของคุณนะ ใครๆ ก็บันทึกเรื่องน่าอายลงไปในสมุดบันทึกทั้งนั้นแหละ ถ้าเป็นเรื่องที่บอกคนอื่นได้จะเขียนลงไปในสมุดบันทึกทำไม”

   “คุณนี่ใจกว้างเหลือเชื่อเลยนะครับ”

   “ผมดีใจนะที่คุณรู้สึกแบบนั้น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เอาล่ะ ถ้าคุณง่วงก็นอนต่อได้ แต่ถ้าคุณตื่นแล้ว ผมอยากจะชวนคุณลงไปกินมื้อเช้า แล้วช่วยผมจัดการกับกล่องของขวัญหน่อย เมื่อคืนเราสนุกกันมากจนลืมเจ้ากล่องพวกนั้นไปเลย”

   “อ๋อ ได้สินครับ ผมตั้งใจจะลงไปอยู่แล้ว”

   ของขวัญที่ลอร์ดฟาริงดอนได้มีเป็นจำนวนเยอะพอสมควร น่าจะเท่าๆ หรืออาจจะมากว่าจำนวนครับใช้ กอร์ดอนช่วยเขาแกะกล่องพวกนั้น ของที่อยู่ข้างในมีตั้งแต่มีดพก ผ้าพันคอ ถุงมือและกระเป๋าหนังที่ดูออกว่าเย็บขึ้นเอง ลูกประคำ ไม้กางเขน ลูกเหล็ก เหมือนคิดอะไรได้ก็หยิบใส่ลงกล่อง แต่ทุกชิ้นประณีต ทำขึ้นมาด้วยความตั้งใจ

   “เป็นของขวัญที่แปลกอยู่นะครับ มีดพกนี่ผมพอเข้าใจได้ แต่ลูกเหล็กนี่เอาไว้ทำอะไรหรือครับ”

   “เป็นกระสุนหน้าไม้น่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมมีหน้าไม้อันเล็กๆ อยู่อันหนึ่ง บรรจุกระสุนเหล็กเอาไว้ยิงสัตว์เล็กๆ จำพวกกระรอก กระต่าย อะไรพวกนั้น”

   “....”

   “อย่าเข้าใจผิดไป ผมไม่นิยมเอาหัวกระรอกหรือกระต่ายมาสตัฟฟ์ประดับห้องหรอกนะ แต่ในบางเวลามันมีความจำเป็นต้องใช้สัตว์พวกนั้นอยู่ เนื้อพวกมันก็กินอร่อยอยู่นะ”

   “ผมเคยกินสตูว์กระต่าย” กอร์ดอนว่า “แต่คุณต้องล่าเองเลยหรือครับ”

   “ผมบอกแล้วไงว่ามันมีบางเวลามีความจำเป็นแบบนั้น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ถ้าคุณย้ายมาอยู่กับผมก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ”

   “เข้าใจล้อเล่นนะครับ ผมขอเป็นช่างตัดเสื้อเหมือนเดิมดีกว่า”

   “ผมว่านั่นเป็นสิ่งที่คุณทำได้ดีอยู่แล้วล่ะ”

   คริสต์มาสผ่านพ้นไป ย่างเข้าสู่ปีใหม่ ลอร์ดฟาริงดอนมีอันต้องแปลกใจ เมื่อกอร์ดอนเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับกล่องกระดาษกล่องหนึ่ง ในเช้าวันขึ้นปีใหม่ เขายื่นกล่องใบนั้นให้

   “ของขวัญย้อนหลังวันคริสต์มาสครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนรับมา เขาพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น “ผมแกะดูเลยได้ไหม อยากรู้จริงๆ ว่าเป็นอะไร”

   “เอาสิครับ”

   ลอร์ดหนุ่มแกะกล่องใบนั้นออก ด้านในเป็นเสื้อกั๊กสีแดงที่ตัดจากผ้าขนแกะ

   “โดโรธีบอกว่าคุณทิ้งผ้าผืนนี้เอาไว้นานแล้ว ผมเห็นว่าเนื้อพอจะตัดเป็นเสื้อกั๊กได้อยู่ จริงถ้าเย็บเป็นสูทจะสวยมากครับ แต่เสียดายที่อุปกรณ์ไม่พอ”

   “เป็นของขวัญที่ยอดมาก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขาลองสวมทันที “ว้าว คุณรู้ขนาดตัวผมได้ไง”

   “ผมกะเอาจากเสื้อคุณที่โดโรธีซ่อมอยู่ครับ”

   “พอดีมาก ผมจะใส่เสื้อกั๊กตัวนี้ล่ะ” เขาหยิบสูทขึ้นมาสวมทับ แล้วเรียกคนรับใช้มาเก็บเสื้อกั๊กตัวเก่าออกไป “ส่วนผ้าที่เหลือ ผมคงต้องเอาไปให้คุณตัดให้ที่ร้านแล้วล่ะ สงสัยจังว่ายังมีคิวว่างให้ผมรึเปล่า”

   “มีสิครับ คิวส่วนใหญ่คือก่อนคริสต์มาส ผมสะสางไปหมดแล้ว”

   “เยี่ยม ผมจะไปพร้อมแมกซ์ คุณตัดทักซิโดให้เขาก่อน แล้วค่อยตัดสูทให้ผม จริงๆ ผ้านี้มันเหมาะกับสวมหน้าหนาวมากกว่า จะใส่คิวไว้ช่วงนั้นก็ได้”

   “ตกลงครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองช่างตัดเสื้ออึดใจ “ไม่คิดจะย้ายมาอยู่กับผมจริงๆ หรือ หลังจบเรื่องพวกนี้ ผมจะสร้างห้องเย็บผ้าใหม่ให้คุณโดยเฉพาะเลย”

   กอร์ดอนหัวเราะ “อย่าเลยครับ ผมกลัวโดโรธีจะตกงาน อีกอย่างลูกค้าคนอื่นต้องไปชอบใจแน่”

   “นั่นสิ”

   “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ชอบของขวัญ จริงๆ แล้วผมแทบไม่ได้ลงทุนอะไรเลย”

   “ดีแล้ว คุณให้ของขวัญที่ถูกใจผมมาก จะมีอะไรวิเศษไปกว่าได้ช่างมาตัดเสื้อให้ถึงบ้านอีกล่ะ มาเถอะ กินมื้อเช้ากันดีกว่า วันนี้อากาศดี ผมว่าเราน่าจะออกไปเล่นสเก็ตช์กัน”

---------------------------------------

(จบตอน)

เราว่าบทจอห์นต้องโดนไมกี้ขโมยซีนไปหมดแน่ๆ 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-01-2020 09:59:19
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-01-2020 10:44:39
 กอร์ดอนน่ารัก ใครจะใจร้ายได้ลง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 05-01-2020 10:59:54
ขอบคุณพระเจ้าที่กอร์ดอนยังปลอดภัย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-01-2020 11:04:19
ใช่ค่ะ ขโมยซีนกันชัด ๆ เลย รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 05-01-2020 12:25:21
ยังไม่ได้กลับไปหาจอร์นอีกหรอ
สงสารจัง
แต่เหมือนกอร์ดอนได้พัก
ก็ดีไปอย่าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-01-2020 16:36:09
ดีจังเลยที่กอร์ดอนปลอดภัย และได้ที่พักดีสบายใจได้บ้างละ
 :เฮ้อ:
ว่าแต่..ไมกี้ อยู่กับกอร์ดอนมากๆ อย่าไปหลงชอบเข้าละ
กอร์ดอนมีเจ้าของหัวใจแล้วนะ ต้องให้เราบอกซ้ำอีกเหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 05-01-2020 17:36:14
กอร์ดอน
ใกล้ได้กลับแล้ว
ไมกี้อย่าหลงรักกอร์ดอนเลยนะ
ไม่อยากให้เสียใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-01-2020 22:45:00
อ่านรวดเดียวแล้วเหมือนคนเสียสติเลยจ้าาาาาา

เดี๋ยวหดหู่คิ้วตก เดี๋ยวน้ำตาไหลด้วยความซึ้ง เดี๋ยวลุ้นไปกับความลับในแต่ละบ้าน และมาเขินไมกี้แทนกอร์ดอน

คุณจูพาเราไปท่องโลกจินตนาการได้สนุกมากเลย ขอบคุณนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 06-01-2020 01:28:21
โอ้ยย พอรู้ว่ากอร์ดอนยังอยู่ดีไม่บุบสลายก็โล่งใจค่ะ แต่รู้สึกไมกี้เหมือนคนชอบกอร์ดอนยังไงไม่รู้นะคะ ไม่รู้ว่าแค่ถูกชะตามากหรือว่าชอบแบบที่จอห์นชอบกอร์ดอน ยังไงรอติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่51p.24(5/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-01-2020 01:41:08
ไมกี้น่ารักมากกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2020 06:27:36
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่52 เหตุผล

   การใช้ชีวิตอยู่ที่กรีสไวท์เทอร์เรสนั้นสะดวกสบาย ทว่ายิ่งเวลาผ่านไป กอร์ดอนกลับรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น เขาเฝ้านับวันในปฏิทิน ตามกำหนดเดิมลอร์ดโทรว์บริดจ์ควรกลับมาถึงลอนดอนเมื่อสองวันที่แล้ว และหากฝ่ายนั้นไม่พบตัวเขา ต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ เขาเลยถามเอากับลอร์ดฟาริงดอนตอนที่กำลังดื่มชากันอยู่

   “ลอร์ดแมกซ์กลับมาถึงหรือยังครับ”

   “อ้อ... ใช่ ผมลืมบอกคุณไปเลย แมกซ์กับจอห์นกลับมาแล้ว พวกเขาปลอดภัยดี แน่นอนว่ากลับมาตามกำหนด”

   “แล้ว... เอ่อ... ผมจะไปพบทุกคนได้เมื่อไหร่ครับ”

   “ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก”

   “แต่...”

   “ผมรู้ว่าคุณห่วงจอห์น หมอนั่นต้องอยู่ไม่ติดแน่ถ้ารู้ว่าคุณหายไป แต่นี่เป็นเรื่องที่เขาจะต้องจัดการด้วยตัวเอง”

   “คุณหมายความว่าไงครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้ากอร์ดอน ก่อนจะถอนใจเฮือก “การที่คุณต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ เพราะพ่อกับแม่ของเขาไม่พอใจที่คุณไปยุ่มย่ามกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียว และเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก”

   คนฟังผงกศีรษะ อีกฝ่ายจึงพูดต่อ “จอห์นจะรู้เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องคุยกับพ่อแม่ของเขา ผมนึกไม่ออกหรอกนะว่ามันจะไปในทิศทางไหน พ่อกับแม่ของเขาอาจจะยอม หรือบางทีอาจจะโกรธยิ่งกว่าเดิมก็ได้ ที่ผมรับประกันได้อย่างเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะต้องปลอดภัย”

   “ผมรู้ครับว่าคุณพูดจริง แต่ขอผมส่งจดหมายถึงเขาหน่อยเถอะครับ ให้รู้ว่าผมยังสบายดี”

   “ผมบอกคุณแล้วไง ว่าไม่ได้เด็ดขาด”

   “แต่...”

   ลอร์ดฟาริงดอนถอนหายใจอีกครั้ง เขาจ้องหน้ากอร์ดอน “โอเดนเบิร์ก เป็นผมไม่ได้หรือ ผมไม่กังวลสถานะทางสังคมของตัวเอง ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นที่จะต้องแอบซ่อนคุณเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แค่คุณตกลง”

   กอร์ดอนอึ้งไป ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ “ผมยอมรับว่าหลงรักคุณตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ผมก็ยอมรับมันได้อย่างรวดเร็ว ผมรู้ว่าใจคุณเป็นของจอห์นแต่แรก ผมไม่คิดจะแย่งคุณมา แต่ตอนนี้... เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถปกป้องคุณได้ เขาไม่มีอำนาจพอที่จะต่อต้านพ่อแม่ตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยว่าคุณเป็นใคร คุณคิดว่าจะทนรักคนแบบนี้ต่อไปได้หรือ ได้โปรด กอร์ดอน... ฟังผมพูดสักนิด ผมรู้ว่ามันกะทันหัน แต่ถ้าคุณมีความสุขตอนที่เราอยู่ร่วมกัน ผมอยากให้คุณทบทวนข้อเสนอของผมดู”

   ช่างตัดเสื้อกะพริบตา ใช้เวลานานกว่าจะเอ่ยคำพูดออกมาได้ “คุณคงล้อผมเล่น... ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบจอห์น... แต่ได้โปรด... อย่าทำแบบนี้ ผมไม่ใช่เครื่องมือหรืออะไรที่คุณจะใช้ทำร้ายหรือเอาชนะเขา”

   “กอร์ดอน”

   ช่างตัดเสื้อวิ่งออกไปจากห้องอาหาร ลอร์ดฟาริงดอนทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด

   “ให้ตาย”

   กอร์ดอนวิ่งขึ้นมาที่ห้อง ปิดประตูลงกลอนขังตัวเองเอาไว้ ตัวสั่นด้วยความตระหนกและตกใจ คำพูดของลอร์ดฟาริงดอนยังคงย้ำอยู่ในหัว

   ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะหมายความอย่างที่พูดจริงๆ หรือมีจุดประสงค์แอบแฝงอื่น เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย แต่เขาควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้กัน...

----------------------------------

   แม้จะหงุดหงิดที่ถูกปฏิเสธ แต่ลอร์ดฟาริงดอนไม่ได้ตามกอร์ดอนไปที่ห้อง เขาคิดว่าช่างตัดเสื้อคงกำลังตกใจ แน่ล่ะ เป็นใครก็คงตกใจทั้งนั้น และในภาวะนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่เขาจะไปตามเอาคำตอบต่อ ถึงอย่างไรตอนนี้กอร์ดอนก็อยู่กับเขา อาจจะต้องให้เวลาอีกสักพัก ไม่แน่ว่าพอหายตกใจแล้ว เจ้าตัวอาจจะยอมรับข้อเสนอของเขาก็ได้ พอคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของลอร์ดหนุ่มก็มีรอยยิ้มเล็กๆ

   แมกซ์ต้องประหลาดใจแน่ ส่วนจอห์น... ช่างเรื่องนั้นเถอะ ถึงเขาจะเกลียดขี้หน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์ขนาดไหน แต่เขาแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ต้องการที่จะเอาชนะฝ่ายนั้นด้วยการพรากกอร์ดอนมาแน่ เขาได้ให้โอกาสไปแล้ว และลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ คนอย่างกอร์ดอนไม่สมควรจะต้องตาย หรือรับโทษ หรือแม้แต่ถูกเนรเทศไปอยู่ที่ไกลๆ แค่เพราะความไม่เอาไหนของฝ่ายนั้นหรอก

------------------------------------   

   กอร์ดอนรู้สึกละอายที่พ่อบ้านต้องยกอาหารเย็นขึ้นมาให้เขาถึงห้อง แต่ตอนนี้เขาไม่อาจลงไปสู้หน้าลอร์ดฟาริงดอนได้จริงๆ ดูเหมือนลอร์ดฟาริงดอนเองจะเข้าใจข้อนี้ เขาจึงฝากพ่อบ้านมาบอกว่าไม่ต้องเป็นกังวล คำพูดนั้นทำให้หัวใจของกอร์ดอนหวั่นไหว แต่เขารู้ตัวว่าไม่อาจรักลอร์ดฟาริงดอนในเชิงนั้นได้ สำหรับเขาลอร์ดฟาริงดอนเป็นคนที่น่าสนใจ และเป็นเพื่อนที่ดี แต่คนที่เขารักคือลอร์ดโทรว์บริดจ์คนเดียวเท่านั้น ผู้ชายคนเดียวในโลกที่เขาจะยอมให้สัมผัสอย่างเต็มใจ เมื่อคิดถึงฝ่ายนั้น น้ำตาของกอร์ดอนก็ไหลออกมา เขารู้ว่าตอนนี้ลอร์ดหนุ่มจะต้องกระวนกระวาย นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาควรจะอยู่ด้วย พวกเขาทั้งคู่ควรจะฝ่าผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน อย่างน้อยๆ แค่อีกฝ่ายรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ก็ยังดี

   เสียงรถม้าดังแว่วมา กอร์ดอนรีบไปดูที่หน้าต่าง เขาจำได้ว่าวันนี้ลอร์ดฟาริงดอนมีธุระจะต้องออกไปข้างนอก เขามองรถม้าจนหายลับไป แล้วไปที่โต๊ะ เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง จ่าหน้าถึงลอร์ดจอร์จ เฟลตัน

   กอร์ดอนรู้ว่าด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่มีทางไปยังคฤหาสน์ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ หรือแม้แต่กลับไปยังบ้านพัก หรืออพาร์ตเม้นต์ของเขาได้ แต่เขาสามารถออกไปจากที่นี่ในระยะสั้นๆ เพื่อส่งจดหมาย เขาเคยลองคุยกับบรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์ รวมถึงโดโรธีแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ กอร์ดอนเข้าใจว่าทุกคนภัคดีกับลอร์ดฟาริงดอน เขาจึงต้องใช้คนนอก ใครก็ได้ที่ขับรถผ่านมา

   กอร์ดอนเขียนจดหมายเสร็จก็หยิบเสื้อโค้ทมาสวม แล้วบอกคนรับใช้ว่าเขาอยากจะออกไปเดินเล่นสูดอากาศแถวเรือนกระจก ที่นั่นมักมีคนสวนประจำอยู่ แต่ด้านหลังค่อนข้างลับตาคน และที่รั้วมีประตูเล็กๆ สำหรับใช้ขนของเข้าออก ท่ามกลางอากาศหนาว กอร์ดอนต้องเดินก้มตัวผ่านทางด้านหลังของเรือนกระจกเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น เพราะเป็นจุดอับสายตา จึงไม่มีใครสนใจจะมาตักหิมะออก กอร์ดอนต้องก้มตัวและยกเท้าเดินผ่านหิมะที่กองสูงถึงหน้าแข้ง การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ในที่สุดเขาก็มองเห็นประตูรั้วเล็กๆ ที่ว่า มันปิดอยู่ กอร์ดอนเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เขาจึงค่อยๆ เดินออกไปที่ประตู เป็นโชคดีที่ไม่มีการล็อกกุญแจ เขาจึงยกกลอนออก ทันทีที่เปิดประตู หิมะจำนวนหนึ่งก็หล่นลงมาถมเท้าของเขาจนจม ดูเหมือนถนนด้านหลังจะไม่มีการใช้งานเลยตั้งแต่ช่วงฤดูหนาว หิมะจึงกองสูงเป็นพิเศษ แต่กอร์ดอนไม่มีเวลาคิดแผนใหม่แล้ว เขาตัดสินใจก้าวเท้าลุยหิมะที่สูงท่วมเข่า ถึงถนนเส้นนี้จะไม่มีการใช้งาน แต่มันต้องเชื่อมกับถนนเส้นหลักแน่ ถ้าเขาเดินไปเรื่อยๆ จะต้องเจอรถสักคัน ขอแค่สักคันที่ยอมเอาจดหมายไปส่งให้

--------------------------------------

   ลอร์ดฟาริงดอนกลับจากคฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดก็แวะไปส่งลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่คฤหาสน์สามเส้า ก่อนจะกลับมาที่กรีนไวท์เทอร์เรส ทันทีที่เขาเข้าไปในตัวคฤหาสน์ หัวหน้าพ่อบ้านก็รีบเดินเข้ามาทันที

   “นายท่านครับ ผมเกรงว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กครับ”

   “อะไรนะ”

   “เมื่อเช้านี้ผมเอาอาหารไปให้เขาในห้องตามที่ท่านสั่ง เขายังคงอยู่ในห้องตามปกติ แต่ช่วงบ่ายผมเอาชาเข้าไป ปรากฏว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ห้องแล้ว มีคนเห็นเขาออกไปแถวเรือนกระจก ผมเลยออกไปตามหา แต่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ข้างใน และที่ห้องก็ไม่มีวี่แววของเขา ผมเกรงว่าถ้ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กไม่หลงทางในสวนก็อาจจะหนีออกไปแล้ว”

   สีหน้าของลอร์ดฟาริงดอนแข็งขึ้นทันที เขาชะงักตัวทำให้คนรับใช้ที่กำลังถอดเสื้อโค้ทให้ต้องพลอยหยุดมือไปด้วย “แล้วหาในสวนทั่วแล้วหรือยัง”

   “กำลังหาอยู่ครับ”

   “ให้ตาย” ลอร์ดฟาริงดอนบ่น “ถ้าเขาหลงทางในสวนก็ดีไป แต่ถ้าเขาหนี นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงเลย แกว่าเขาไปที่เรือนกระจกใช่ไหม หาทั่วแล้วนะ”

   “ทั่วแล้วครับ มีรอยเท้าเขาเข้าไปที่นั่น แต่ไม่เห็นว่ามีออกมา”

   “เขาไม่หายไปเฉยๆ หรอก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขาสวมเสื้อโค้ทกลับ แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนกระจกทันที มีรอยเท้าเข้าไปอย่างที่หัวหน้าพ่อบ้านรายงาน มองเห็นจางๆ เนื่องจากบริเวณนี้ถูกตักหิมะออกจนหมด ลอร์ดฟาริงดอนเดินตามร้อยเท้า มันไปสุดที่ประตูเรือนกระจก เขาเปิดประตูเรือนกระจก ไม่มีรอยเท้าอยู่ด้านใน ลอร์ดหนุ่มถอยหลังกลับมา มองไปรอบๆ อีกครั้ง เขามองเห็นรอยครูดจางๆ บนพื้นดินใกล้กับตัวเรือนกระจก

   “แกตรวจดูรอยครูดพวกนี้แล้วหรือยัง”

   “ไม่ได้ตรวจครับ กระผมคิดว่ามันรอยจากพลั่วที่ใช้โกยหิมะ”

   “พลั่วไม่น่ามีรอยแบบนี้” เขาพูด และเดินตามแนวรอยพวกนั้น ไปจนถึงด้านหลังเรือนกระจก เหนือหิมะที่กองสูง พวกเขาเห็นรอยเท้าได้อย่างชัดเจน

   “แกประเมินโอเดนเบิร์กต่ำเกินไป... ไม่สิ เราประเมินเขาต่ำเกินไป” ลอร์ดฟาริงดอนคราง “เขาลากบางอย่างตามหลังเพื่อกลบรอยเท้าของตัวเอง ฉลาดมาก ไปเอาม้ามา เขาต้องหนีออกทางประตูเล็กด้านหลังแน่”

   ลอร์ดฟาริงดอนขี่ม้าออกมาทางประตูเล็กด้านหลัง รอยเท้าของกอร์ดอนยังคงเห็นได้ชัด ลอร์ดหนุ่มนึกดีใจที่หิมะไม่ตกมาเพิ่มจนกลบร่องรอย แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าอาจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น หิมะที่กองท่วมสูงไม่ใช่สิ่งที่จะเดินฝ่าไปได้ง่ายๆ แต่กอร์ดอนเดินออกมาได้ไกลทีเดียว เขาไล่ตามรอยมาเรื่อยๆ แม้อยากจะเร่งม้า แต่ความสูงของหิมะทำให้ทุกอย่างยาก แม้แต่ม้าเองก็ใช่ว่าจะเร่งฝีเท้าได้ง่ายๆ ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ลอร์ดฟาริงดอนไล่ตามรอยเท้าไปอย่างร้อนใจ ถ้ากอร์ดอนเดินไปจนถึงถนนใหญ่และขึ้นรถม้าไป เขาคงจะรู้สึกสบายใจกว่า ทว่าลอร์ดฟาริงดอนรู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่มีรถม้าผ่านมาบ่อยนัก ถ้ากอร์ดอนไม่ได้ขึ้นรถม้าไปล่ะ... ถ้าเขาเดินไปไม่ถึงถนนใหญ่ล่ะ

   แล้วก็เป็นไปอย่างที่ลอร์ดฟาริงดอนกังวล ในที่สุดเขาก็พบฝ่ายนั้นนอนจมหิมะอยู่ ลอร์ดหนุ่มรีบกระโดดลงจากม้า ดึงตัวช่างตัดเสื้อขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษ ริมฝีปากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ทว่ายังคงมีลมหายใจอ่อนๆ ลอร์ดฟาริงดอนผลักตัวเขาขึ้นไปบนม้า แล้วปีนขึ้นไปนั่งตาม พยุงตัวช่างตัดเสื้อให้นั่งลงบนหลังมา แล้วดึงเข็มขัดเสื้อโค้ทออกมา มัดเอวของพวกเขาไว้ด้วยกัน ก่อนจะควบกลับมายังคฤหาสน์ ท่ามกลางความตื่นตกใจของบรรดาคนรับใช้

   “เขาเป็นไงบ้างคะ” โดโรธีวิ่งเข้ามาถาม  และอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของกอร์ดอน “พระเจ้า เขาตายแล้ว”

   “ยัง แต่ใกล้แล้วล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เตาผิงในห้องฉันจุดไว้หรือยัง”

   คนรับใช้คนหนึ่งตะโกนบอก “จุดไว้แล้วครับ”

   “ดี... ฉันจะพาเขาไปที่ห้อง พวกแกกลับไปจัดการงานของตัวเองได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เราต้องทำศพ ก็ขอให้แน่ใจว่าห้องเย็นของเราว่างพอจะไว้ศพเขา”

   “ครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนอุ้มกอร์ดอนขึ้นไปบนห้อง ถอดเสื้อโค้ทของฝ่ายนั้นออก เขาเห็นว่าช่างตัดเสื้อยังคงมีลมหายใจ แต่รวยรินจนน่ากลัว มือเท้าของอีกฝ่ายเย็นชืด ให้รอความร้อนของเตาผิง เจ้าตัวอาจจะหนาวตายไปก่อนก็ได้ เขาสัญญาไว้แล้วว่ากอร์ดอนจะต้องปลอดภัย

   ให้ตายเถอะ

---------------------------------

   ความหนาวเหมือนความตายที่เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ กอร์ดอนเคยได้ยินเรื่องคนหนาวตายมาอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ตอนที่ล้มลง เขาพยายามบอกตัวเองไม่ให้หลับ แต่ช่างเป็นเรื่องยาก เมื่อร่างกายทุกส่วนไร้ความรู้สึกลงไปเรื่อยๆ ช่างตัดเสื้อภาวนาต่อพระเจ้า เขาแค่อยากออกมาส่งจดหมายบอกให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้ว่าปลอดภัยดี ไม่ได้ต้องการจะออกมาเพื่อตายท่ามกลางหิมะแบบนี้

   ขอทรงได้โปรดให้อภัยกับความโง่เขลาในครั้งนี้ และได้โปรดช่วยให้เขามีชีวิตรอดเพื่อไปพบกับคนคนนั้นด้วยเถอะ

   ท่ามกลางสติที่จมดิ่งลงไปในความมืดมิด กอร์ดอนสัมผัสได้ถึงไออุ่น เขารีบคว้าเอาไว้ แน่ใจว่านั่นคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นต้องออกมาตามหาเขาเหมือนเมื่อครั้งที่เขาถูกทิ้งไว้ในกระสอบ ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้เขาได้กลับมาพบกับคนที่เป็นแสงสว่างคนนี้อีกครั้ง ที่ทำให้เขาได้สัมผัสกับไออุ่นเช่นนี้อีกครั้ง ความอบอุ่นนั้นค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาในตัวเขา ขับไล่ความหนาวเหน็บและความมืดออกไป กอร์ดอนกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ผู้ให้ชีวิตของเขา แสงสว่างของเขา

   จอห์น...

   “....” กอร์ดอนปรือตาขึ้นมา รอบๆ ตัวมืดไปหมด ทว่าเขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างที่โอบกอดเขาเอาไว้อยู่ ช่างตัดเสื้อซุกหน้าลงบนอกของฝ่ายนั้น กระซิบเบาๆ

   “จอห์น... ผมดีใจจังที่ได้เจอคุณอีก”

   อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จูบศีรษะเขาเบาๆ กอร์ดอนลูบมือไปบนเรือนร่างนั้น พบว่ามันเปลือยเปล่า แว้บแรกเขารู้สึกเขิน แต่เมื่อสัมผัสถึงรอยแผลนูนที่อยู่บนหว่างเอว เขาก็พูดขึ้น

   “คุณมีแผลตรงนี้ด้วยหรือ”

   ไม่มีเสียงตอบ แต่มือของเขาถูกอีกฝ่ายฉวยไว้ แล้วลูบลงไปบนร่างอีกครั้ง กอร์ดอนพบว่าไม่ได้มีแผลแบบนี้แค่ที่เดียว แทบเกือบจะทั้งตัวก็ว่าได้ ช่างตัดเสื้อรีบดึงมือออก แล้วยื่นไปคลำบนหัวไหล่ด้านซ้ายของเจ้าตัว

   ตรงนี้มีแผล แต่ไม่ใช่แผลที่เขารู้จัก

   กอร์ดอนผงะถอยหลัง แต่ถูกอีกฝ่ายใช้แขนรวบตัวไว้ “ผมไม่ใช่จอห์น... แต่ได้โปรด... ให้เราได้อยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหม”

   กอร์ดอนจำเสียงของเขาได้ เจ้าตัวตะกุกตะกักออกมา “ละ... ลอร์ดฟาริงดอน”

   “เรียกผมว่าไมครอฟต์เถอะ” เจ้าตัวพูดขึ้น ก่อนจะใช้มือเลิกผ้าห่มขนสัตว์ออก กอร์ดอนจึงพบว่าเขาอยู่บนเตียงที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในห้องนอนที่มีเตาผิงขนาดใหญ่ และที่สำคัญร่างเขาที่อยู่ใต้ผ้าห่มเปลือยเปล่า และร่างของลอร์ดฟาริงดอนที่อยู่ด้วยกันก็เปลือยด้วย ช่างตัดเสื้อผงะอีกครั้ง

   “คะ... คุณทำอะไรผม”

   “คุณกำลังจะหนาวตาย” ลอร์ดฟาริงดอนพูด ยังคงไม่ปล่อยอีกฝ่ายให้พ้นวงแขน “ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยชีวิตคุณเอาไว้ได้”

   “ดะ... ด้วยวิธีนี้หรือ”

   “อืม... ไม่ได้หลอกอำคุณหรอกนะ ผมมีประสบการณ์เกือบจะหนาวตายตอนเด็กๆ และก็ได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีนี้เหมือนกัน”

   ดวงตาสีเทาซีดที่จ้องมาบอกให้ช่างตัดเสื้อรู้ว่านี่ไม่ใช่คำโกหก กอร์ดอนหวนนึกถึงรอยแผลเป็นที่เขาสัมผัสไปเมื่อครู่

   “แผลบนตัวของคุณ...”

   “อ้อ... นั่นก็เป็นของที่ระลึกจากชีวิตสมัยเด็กเหมือนกัน โชคดีที่ในรอบห้าปีมานี้ ผมยังไม่มีแผลใหม่”

   กอร์ดอนมองลอร์ดฟาริงดอนด้วยความตระหนก “เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ครับ”

   “มากมาย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลหรอก มันเป็นงาน เป็นสิ่งที่ผมต้องทำและรับผิดชอบ รอยแผลพวกนี้คือสิ่งเตือนใจไม่ได้ให้เราทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง และเป็นหลักฐานการรอดชีวิตของผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็แค่นั้นเอง ได้โปรด... อย่าถามอะไรมากไปกว่านี้เลยนะ มันไม่ใช่เรื่องที่คุณสมควรจะต้องรู้หรอก”

   “แต่... คุณเคยยื่นข้อเสนอว่าอยากให้ผมมาอยู่ด้วย... ผมจะอยู่กับคุณได้อย่างไร ถ้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”

   ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้มออกมา เขาก้มลงจูบศีรษะของอีกฝ่ายเบาๆ “คุณเหมือนดอกกุหลาบในสวนของคนอื่น... และผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะใช้กำลังแย่งชิงมาแค่เพื่อเอาชนะเจ้าของหรอก... ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าหัวใจคุณเป็นของจอห์น คุณยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้พบเขา ทั้งที่ตัวเองอาจจะตายก็ได้ ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ใครสักคนที่รักเรายิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ผมอิจฉาจอห์น แต่ผมไม่มีความคิดที่จะเกลี้ยกล่อมหรือบังคับให้คุณมาอยู่ร่วมกันกับผมอีกแล้ว ผมไม่อยากเป็นตัวแทนเขา”

   “ขะ... ขอโทษด้วยนะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอก คุณเป็นคนจิตใจดี กล้าหาญ แล้วก็ฉลาดมาก คุณใช้วีธีไหนกลบรอยเท้าของตัวเอง บอกผมได้ไหม”

   “เอ่อ... ผมรื้อเจอผ้าพันคอไหมในตู้ เห็นมันเบาดี ก็เลยหยิบติดมือมาด้วย ตอนแรกกะว่าจะใช้มันกวาดรอยเท้า แต่ดูเหมือนจะเบาไป เลยเอาหินมาถ่วงไว้ แล้วลากตามหลังไป”

   “เสียดายจริงๆ ที่คนที่คุณรักไม่ใช่ผม” ลอร์ดฟาริงดอนว่า แล้วผุดลุกขึ้น “ผมจะออกไปบอกข่าวดีกับทุกคน ว่าคุณฟื้นแล้ว โดโรธีเป็นห่วงคุณมาก เธอเกือบเป็นลมตอนที่เห็นคุณถูกหามเข้ามาในสภาพเหมือนกันตายไปแล้ว”

   “ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เป็นห่วงกัน” กอร์ดอนว่า เขาเห็นรอยแผลเป็นจำนวนมากบนร่างของลอร์ดฟาริงดอน แม้จะรู้สึกสะทกสะท้อน แต่คำตอบของเจ้าตัวทำให้เขารู้ว่าฝ่ายนั้นไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร

   “ผมแค่อยากจะออกไปส่งจดหมาย”

   “อะไรนะ” ลอร์ดฟาริงดอนชะงักมือที่กำลังติดกระดุม เขาหันไปมองช่างตัดเสื้อที่ยังคงห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มขนสัตว์

   “ผมแค่ตั้งใจจะออกไปส่งจดหมาย บอกจอห์นว่าผมยังมีชีวิตอยู่และสบายดี ผมคิดว่าถ้าออกไปตามถนนด้านหลังจะไปถึงถนนใหญ่แล้วฝากรถม้าสักคันเอาจดหมายไปส่งให้เขา... แต่หิมะสูงมาก ผมโง่เองที่ทำแบบนั้นลงไป ถ้าไม่ได้คุณช่วย ผมคงตายไปจริงๆ”

   ลอร์ดฟาริงดอนขมวดคิ้วพลางสั่นศีรษะ “คุณแค่จะออกไปส่งจดหมายหรือ... แค่ส่งจดหมายเนี่ยนะ”

   “ใช่สิครับ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะออกไปจากที่นี่ได้หรอก ต่อให้ผมเจอรถม้าแล้วขอโดยสารออกไป แต่ผมจะไปพักที่ไหนล่ะครับ ถ้ามีคนต้องการกำจัดผมอย่างที่คุณว่า ผมคงกลับไปที่บ้านไม่ได้แน่ เพราะอย่างนั้นผมจึงคิดว่าจะออกไปส่งจดหมาย เพราะไม่มีใครที่นี่ยอมไปส่งให้ผมเลย”

   “โอ้... ให้ตาย ผมควรจะไปต่อยจอห์น หรือต่อยตัวเองดีล่ะเนี่ย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขากลัดกระดุมเสื้อจนเสร็จแล้วหันมาหากอร์ดอนอีกครั้ง “เอาล่ะ... ผมเห็นถึงความพยายามต้องการจะบอกจอห์นของคุณแล้ว และผมมีข่าวดี ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรู้แล้วว่าคุณยังปลอดภัยดี และจอห์นเองก็น่าจะรู้แล้วด้วย”

   “จริงหรือครับ คุณบอกพวกเขาหรือ”

   “เปล่า” ลอร์ดฟาริงดอนสวมเสื้อผ้าจนเสร็จ แล้วนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง “ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดไปหาพ่อผมที่บ้าน เขาอ้อนวอนให้ปล่อยตัวคุณ แต่พวกเราต้องทำตามกฎ ตราบได้ที่คู่สัญญาไม่มีคำสั่งอย่างอื่นเพิ่มเข้ามา สิ่งที่พวกเขาร้องขอจะถูกจัดการจนสำเร็จ ไม่ว่าใครก็ก้าวก่ายเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะงั้น ตอนนี้คุณถึงยังต้องอยู่ที่นี่ไงล่ะ”

   “แล้วจอห์นล่ะครับ เขาเป็นไงบ้าง”

   “แมกซ์บอกผมว่าเขาตรอมใจ แต่ดูเหมือนจะคิดได้แล้วว่าต้องลุกขึ้นสู้เพื่อสิ่งที่เขาเคยรับปากกับคุณไว้ ผมว่าเขาคงเริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าผมจะเป็นคนกักตัวคุณไว้ เพียงแต่ยังหาหลักฐานไม่ได้”

   “ผมไม่อยากทำให้คุณกับจอห์นต้องหมางใจกัน คุณช่วยเหลือผมไว้”

   “ไม่เป็นไรหรอก ผมกับจอห์นต่อให้ไม่มีเรื่องของคุณ ก็ไม่ใช่คนที่จะลงรอยกันได้อยู่แล้ว”

   “ทำไมพวกคุณถึงไม่ถูกกันล่ะครับ”

   “คงเพราะนิสัยคล้ายๆ กันล่ะมั้ง อีกอย่าง เขาแย่งน้องชายผมไป แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวผมก็ไม่ควรญาติดีกับเขาแล้วล่ะ”

   “ยังไงผมก็จะบอกเขาว่าคุณเป็นคนที่ช่วยชีวิตผม ถ้าไม่มีคุณผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้”

   “ผมไม่คิดหรอกนะว่าจอห์นจะฟัง แต่ก็ขอบใจมาก... ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี และเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิด” เขาผุดลุกขึ้นอีกครั้ง

   “คุณหิวไหม ผมจะให้พ่อบ้านยกอาหารกับเสื้อผ้าเข้ามาให้” เขาเดินไปรินบรั่นดีใส่แล้วแล้วยื่นให้ช่างตัดเสื้อ “ดื่มเสียหน่อย ฉลองที่คุณกลับมาจากความตายได้”

   กอร์ดอนยันตัวลุกขึ้น แล้วรับแก้วบรั่นดีมาจิบ “ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม”

   “ไม่เป็นไร บอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิดด้วย พักผ่อนเถอะ อยากดื่มอะไรก็ดื่มเลย ไม่ต้องเกรงใจนะ เดี๋ยวผมจะให้คนเอาฟืนมาเติมให้ด้วย”

   “ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

    ลอร์ดฟาริงดอนมองเขา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

------------------------------------

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2020 06:30:28
   โดโรธีดีใจมากที่เห็นกอร์ดอนมาหาเธอที่ห้องเย็บผ้า “โอ้ มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก ขอบคุณพระเจ้าที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ฉันดีใจเหลือเกินค่ะ”

   “ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วงกัน”

   “ไม่มีใครคิดเลยนะคะว่าคุณจะหนีออกไปแบบนั้น”

   “เอ่อ... ที่จริงผมไม่ได้จะหนี แค่อยากออกไปส่งจดหมายเฉยๆ”

   “อะไรนะคะ”

   กอร์ดอนแบมือ “ผมแค่จะออกไปส่งจดหมาย แต่นั่นแหละ มันเป็นเรื่องโง่จริงๆ ผมคงตายไปแล้วถ้านายท่านของคุณไม่ช่วยเอาไว้”

   “โอ... จดหมายนั่นสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือคะ นายท่านกำชับพวกเราว่าห้ามไม่ให้ส่งข่าวของคุณไปถึงคนนอก เพราะเขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยค่ะ”

   “ครับ ผมทราบเรื่องนั้น ถึงได้บอกไงล่ะครับว่าผมโง่เอง”

   “อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณถึงยอมเสี่ยงชีวิตแบบนั้น แล้วคุณบอกเรื่องนี้กับนายท่านหรือยังคะ”

   “อ้อ ครับ ผมบอกแล้ว เขาดูประหลาดใจเหมือนคุณนี่แหละ”

   “แล้ว... เขาอนุญาตให้คุณส่งจดหมายออกไปรึเปล่าคะ”

   “คงไม่ต้องแล้วล่ะ ดูเหมือนคนที่ผมอยากส่งจดหมายให้เขาจะรู้ข่าวของผมแล้ว”

   “โอ...”

   “แค่รู้ว่าผมปลอดภัยดีน่ะ”

   โดโรธีพยักหน้า “นายท่านให้ความสำคัญกับคุณมากนะคะ นอกจากลอร์ดแมกซ์แล้ว ก็มีแต่คุณนี้ล่ะค่ะที่เขาเชิญมาพักอยู่ด้วย ปกติแล้วนายท่านไม่เชิญใครมาพักที่นี่หรอกนะคะ”

   “งั้นหรือครับ”

   “ค่ะ อย่างที่ฉันเคยบอก เขาแทบไม่มีเวลาอยู่ที่นี่เลย และเขามักชอบที่จะอยู่คนเดียวเมื่อมีเวลาว่าง คุณต้องมีบางอย่างที่ทำให้เขาประทับใจมาก ฉันคิดว่าเป็นแบบนั้นค่ะ... ฉันเองยังรู้สึกประทับใจคุณเลย” เธอพูดอย่างเขินๆ “ภายนอกคุณอาจจะดูไม่น่าสนใจ แต่ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนจิตใจดี และอบอุ่นค่ะ น่าประหลาดใจมากที่คุณยังไม่แต่งงาน... ขอโทษนะคะ คือฉันไม่เห็นแหวนที่นิ้วคุณเลยน่ะค่ะ”

   “อ้อ... ผมยังไม่ได้แต่งงานจริงๆ อย่างที่คุณว่านั่นแหละครับ” กอร์ดอนยอมรับ “งานที่ร้านของผมค่อนข้างยุ่ง ผมไม่มีเวลาออกไปหาสาวหรอกครับ”

   “งะ... งั้นหรือคะ ถ้าคุณกลับไปที่ร้านแล้ว... อนุญาตให้ฉันแวะไปเยี่ยมคุณได้ไหมคะ บางทีฉันก็เข้าเมืองไปกับพวกผู้ชาย เพื่อซื้อของน่ะค่ะ”

   “ได้สิครับ ด้วยความยินดี”

   ลอร์ดฟาริงดอนอยู่ที่ห้องหนังสือ เขาเพิ่งได้รับโทรเลข ตอนที่กอร์ดอนเดินเข้ามา

   “เจอโดโรธีแล้วหรือ”

   “ครับ ผมเสียใจที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วงขนาดนั้น”

   “เอาน่า ผมว่าเธอชอบคุณนะ”

   “อะไรนะครับ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองเขา จากนั้นก็ยิ้มแล้วสั่นศีรษะ “นี่คุณดูไม่ออกหรือ เธอชอบคุณตั้งแต่ช่วงที่พบกันแรกๆ เลย คุณทำให้เธอเป็นปลื้มอยู่นะ ด้วยฝีมือการเย็บผ้า แล้วก็อะไรดีล่ะ... แต่ผมเข้าใจที่เธอเป็นแบบนั้นนะ เพราะมันเป็นตัวคุณนั่นล่ะ”

   “เอ่อ... ผมจะทำให้เธอผิดหวังรึเปล่าครับ”

   “อ้อ ไม่หรอก เธออาจจะชอบคุณก็จริง แต่คงไม่ถึงกับหวังอยากแต่งงานกับคุณหรอก ผมว่าคงออกแนวปลื้มๆ น่ะ”

   “เธอเพิ่งขอไปเยี่ยมผมหลังจากที่เรื่องนี้จบลงแล้ว”

   “ดี งั้นผมจะพาเธอไปด้วย ตอนที่ผมไปร้านคุณ”

   “คุณแน่ใจนะครับว่านี่ไม่ใช่การให้ความหวัง”

   ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นการให้ความหวังรึเปล่า ผมแค่คิดว่าถ้าโดโรธีอยากจะพบคุณ เธอควรจะได้พบ ทำไมต้องห้ามไม่ให้เธอไปพบคุณล่ะ”

   “ก็จริงของคุณครับ”

   “นั่งสิ” ลอร์ดฟาริงดอนชี้มือลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะที่เขานั่งอยู่ “ผมได้รับโทรเลขจากพ่อ ดูเหมือนจอห์นจะสู้เพื่อเรื่องของคุณได้ดีทีเดียว พ่อบอกว่าลอร์ดบาธอยากให้ปล่อยตัวคุณ เขาให้ผมเข้าไปพบในช่วงหัวค่ำ มันต้องเป็นมื้อเย็นที่กร่อยสนิทแน่ๆ”

   กอร์ดอนรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรง “อย่างนั้นหรือครับ...” เสียงของเขาหายไป ความตื้นตันจุกขึ้นมาจนถึงคอ พร้อมด้วยน้ำตาใสๆ ที่ไหลคลอเบ้า ลอร์ดฟาริงดอนเบือนหน้าไปทางอื่น

   “ผมคงต้องคุยกับพ่อเรื่องนี้ ปล่อยตัวคุณน่ะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ผมเป็นห่วงคือหลังจากนี้ต่างหาก อะไรจะทำให้แน่ใจว่าลอร์ดหรือเลดี้บาธจะไม่ไปแจ้งความให้จับคุณข้อหาประพฤติผิดทางเพศร้ายแรง จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องที่เขาเขียนไว้ในจดหมายที่ส่งมาหาพ่อผม เขาอยากให้เราบีบให้คุณต้องถอนตัวไป ไม่อย่างนั้นก็แจ้งความจับคุณเสีย”

   “....”

   “ถ้าคุณถูกตำรวจจับ แม้แต่จอห์นเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เพราะงั้น ช่วยทนอยู่ที่นี่อีกสักพักเถอะนะ จนกว่าผมจะแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ผมจะให้คุณได้พบกับจอห์น จะไม่รั้งคุณไว้อีก”

   กอร์ดอนพยักหน้า “ขอบคุณนะครับ”

----------------------------------

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องเอาเสียเลย ท่านตาของเธอกำลังอยู่ในภาวะโกรธเกรี้ยว เขาโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เป็นเรื่องยากที่เธอจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ให้ท่านตาของเธอเข้าใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็เช่นกัน คงมีแค่กอร์ดอนเพียงคนเดียวที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอาณัติของลอร์ดสวินดัน เธอควรจะทำอย่างไรดี

   แล้วเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็คิดออก เธอเขียนจดหมายถึงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เชิญเขามาดื่มชาที่คฤหาสน์ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ทำให้เธอสนิทกับเขาพอสมควร เธอรู้ว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นเพื่อนรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ และยังเป็นน้องชายฝาแฝดของลอร์ดฟาริงดอน แม้ฝ่ายนั้นจะดูซื่อๆ แต่ก็ไม่ได้โง่ เธอมีแผนการบางอย่าง และคิดว่าเขาน่าจะช่วยได้

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาตามคำเชิญ เขามาพร้อมกับมิสเฮเก้นต์ เธอเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนชอบเธอ และดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงเริ่มพูดถึงแผนการของเธอ

   “แมกซ์ ฉันรู้ว่าคุณรักไมครอฟต์มาก เขาเป็นพี่ชายของคุณ แต่ฉันคิดว่าเขารู้ว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่ที่ไหน”

   “ผมพิสูจน์เรื่องนั้นไม่ได้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ผมบอกได้ว่าพี่ชายผมทุกข์ใจกับเรื่องนี้มากไม่แพ้กัน”

   “จะรบกวนมากไหมถ้าฉันจะขอให้คุณพาฉันไปเยี่ยมเขาหน่อย ที่คฤหาสน์ของเขาน่ะ”

   “คุณจะให้ผมไปสอดแนมพี่ชายตัวเองหรือ”

   “ฉันแค่ต้องการไปเยี่ยมเขาเฉยๆ ฉันน่ะ... ไม่ใช่คุณ”

   “นั่นสิคะแมกซ์ เราน่าจะแวะไปเยี่ยมเขาหน่อย ถ้าเขาไม่มีอะไรปิดบังเอาไว้ มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องเสียหายไม่ใช่หรือคะ อีกอย่างเราไม่ได้ไปสอดแนม เราแค่ไปเยี่ยมเขาเท่านั้นเอง”

   “ก็ได้ แค่ไปเยี่ยมเท่านั้นนะ ผมไม่อยากให้มีอะไรแอบแฝงไปมากกว่านั้น”

   “พูดแบบนี้เหมือนคุณกำลังร่วมมือกับเขาปิดบังบางอย่างอยู่เลยค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้นมา “คุณแน่ใจนะคะว่าอยากจะช่วยจอห์นเรื่องนี้จริงๆ”

   “ผมอยากจะช่วยเขา แต่ผมไม่อยากให้ไมกี้รู้สึกว่าถูกน้องชายตัวเองสอดแนม มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เข้าท่าหรอกนะ”

   “ฉันเข้าใจเรื่องนั้นแล้วค่ะ วางใจเถอะนะคะ คุณไปส่งฉันที่นั่น แล้วกลับออกมาก็ได้ ฉันแน่ใจว่าสามารถรับมือเขาได้ค่ะ”

   “ไม่ได้หรอก ผมจะทิ้งคุณไว้คนเดียวได้ยังไง”

   “ฉันอายุยี่สิบแล้วนะคะ ผู้หญิงอายุยี่สิบสามารถเดินทางไปไหนมาไหนเองโดยไม่ต้องมีผู้ชายไปด้วยได้แล้ว ฉันเพียงแค่ไม่รู้จักที่อยู่ของเขาเท่านั้นเอง”

   “เราพาเธอไปเถอะค่ะ” มิสเฮเก้นต์หันไปบอกคู่หมั้นของเธอ “แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอรับมือพี่ชายคุณได้แน่ คุณเองก็จะได้ไม่ต้องกระอักกระอวนเรื่องนี้ด้วย”

   “แต่...”

   “ถือเสียว่าฉันขอร้องเถอะนะคะ เพื่อกอร์ดอน ที่เราต้องทำก็แค่พาแคทเธอรีนไปส่งที่บ้านของพี่ชายคุณเท่านั้นเอง”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดรู้สึกแปลกใจเมื่อได้รู้ว่าหลานสาวจะออกไปเยี่ยมลอร์ดฟาริงดอนที่คฤหาสน์

   “ทำไมหลานถึงอยากจะไปเยี่ยมเขาล่ะ”

   “อยากจะคุยกับเขาเรื่องเบนน่ะค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตอบท่านตาของเธอ “ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรเยอะมาก”

   “เขารู้เยอะมากจริงๆ ตายอมรับ แต่ไม่ใช่เรื่องที่หลานจะต้องไปคุยหรอกนะ”

   “ท่านตาไม่อยากให้หนูไปพบเขาหรือคะ... เขาไม่ใช่จอห์นเสียหน่อย อีกอย่างถ้าไม่ได้เขา หนูคงจะถูกหลอกไปแล้ว”

   ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดมองหลานสาวอีกครั้ง “แน่ใจนะว่าอยากไปพบเขาเพราะเรื่องนี้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องอื่น”

   “จริงสิคะ หนูยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้อยากไปพบเขาได้อีกล่ะคะ”

   อีกฝ่ายขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจ “ก็ได้ แต่ระวังตัวไว้หน่อยล่ะ ไมครอฟต์ไม่ใช่ผู้ชายที่มือไวก็จริง แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่คนน่าคบหาหรอกนะ”

   “เหมือนพ่อเขาหรือคะ”

   อีกฝ่ายไม่ตอบ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจึงผุดลุกขึ้น “งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ สัญญาค่ะว่าจะดูแลตัวเองอย่างดี หนูไม่หลงคารมคนอย่างไมครอฟต์แน่”

   “ผมไม่แน่ใจหรอกนะว่าเขาจะอยู่ที่คฤหาสน์หรือเปล่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดระหว่างที่ทั้งหมดนั่งอยู่บนรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของลอร์ดฟาริงดอน เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดขึ้นแข่งกับเสียงล้อรถบดถนน

   “ถ้าเขาไม่อยู่ก็ดีสิคะ ฉันจะขอให้คุณพาชมที่นั่นเสียเลย”

   “นั่นเท่ากับว่าผมร่วมมือกับคุณสอดแนมพี่ชายตัวเองนะ”

   “ก็ได้ค่ะ ถ้าเขาไม่อยู่ ฉันจะกลับ แต่ถ้าเขาอยู่ คุณก็ส่งฉันที่นั่นแล้วกลับได้เลย”

   “แล้วจะให้เรามารับคุณกี่โมงดีคะ” มิสเฮเก้นต์ถามขึ้น เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนิ่งคิดไปอึดใจ ก่อนจะตอบออกมา

   “ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันคิดว่าฉันสามารถเกลี้ยกล่อมให้ไมครอฟต์ไปส่งที่คฤหาสน์ได้ ใช่ไหมแมกซ์ เขาคงไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะปล่อยให้สุภาพสตรีต้องรอคนมารับที่คฤหาสน์ของตัวเองหรอก”

   “ไมกี้ไม่ใช่คนไร้มารยาท เขาต้องมาส่งคุณแน่”

   “เพราะงั้นนะแมกซ์... คุณก็วางใจเรื่องนี้ได้ว่ามันจะไม่ส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่ชาย ถ้าจะมีการสอดแนมอะไรเกิดขึ้นที่นั่น มันก็เป็นฝีมือของฉัน”

    ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ให้ตายเถอะ แคทเธอรีน ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้มาตลอดเสียอีก”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหัวเราะ “นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากให้คนทั่วไปเห็นน่ะค่ะ แต่ที่จริงแล้วฉันเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์แล้วก็ร้ายกาจมาก”

   มิสเฮเก้นต์หัวเราะชอบใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “แต่ไมกี้ไม่ใช่ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงหลอกเอาได้ง่ายๆ หรอกนะ และเขาคงจะไม่ชอบด้วย ผมอยากให้คุณระวังเรื่องนี้ให้ดี”

   “ตกลงค่ะแมกซ์ ฉันจะไม่ทำให้พี่ชายคุณต้องหัวใจสลาย รวมถึงคุณด้วย”

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-01-2020 06:35:16
   ลอร์ดฟาริงดอนรู้สึกประหลาดใจตอนที่คนรับใช้วิ่งเข้ามาบอกเขาว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แวะมาที่คฤหาสน์ แต่ต้องประหลาดใจยิ่งว่า เมื่อพบว่าคนที่รออยู่ในห้องรับรองไม่ใช่น้องชายฝาแฝดของเขา แต่เป็นสุภาพสตรีที่มีเรือนผมสีทองหยักเป็นลอน และมีดวงตาสีฟ้าใสเหมือนกับสีของท้องฟ้า ผู้หญิงที่สวยจนผู้ชายทุกคนต้องหยุดเหลียวมอง

   “สวัสดีแคทเธอรีน ผมแปลกใจมากที่เห็นคุณที่นี่ คนรับใช้บอกผมว่าแมกซ์แวะมาเยี่ยม”

   “อ้อค่ะ... ฉันบังคับให้เขามาส่งที่นี่เอง ตอนนี้เขากลับออกไปแล้ว ฉันไม่อยากให้ลำบากใจน่ะค่ะ”

   “ท่าทางของคุณดูแตกต่างจากที่เราเจอกันเมื่อคราวก่อนลิบลับเลยนะ ดูเหมือนคุณจะเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเข้มแข็งทีเดียว”

   “ต้องขอบคุณวิธีการบอกข่าวร้ายของคุณน่ะค่ะ ฉันคิดว่าคงไม่ได้เจอแบบนี้บ่อยๆ”

   “ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกันนะ ว่าแต่คุณมีธุระอะไร คงไม่ใช่จะมาคุยเรื่องของเบนจามินหรอก”

   “ทำไมฉันถึงจะไม่คุยเรื่องของเขาล่ะคะ”

   “เพราะท่าทางของคุณมันบอกอยู่โต้งๆ ว่าคุณไม่อาลัยเขาอีกแล้วน่ะสิ บอกผมมาตรงๆ ดีกว่า คุณมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจ้องหน้าคู่สนทนา “ฉันมาที่นี่ เพื่อจะถามคุณตรงๆ ว่า คุณซ่อนตัวมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเอาไว้หรือเปล่าคะ”

   “ว้าว... นี่สิที่เหนือคาดหมายของจริง ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไมคุณถึงคิดว่าเขาอยู่กับผม แต่ผมจะถามว่า ทำไมคุณถึงต้องเดือดร้อนมาเป็นธุระกับเรื่องนี้ด้วย”

   “เพราะเขาเป็นหลานชายเพื่อนสนิทของท่านตาฉัน ในฐานะหลานสาวของเขา ฉันควรจะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านตาสบายใจขึ้น”

   “งั้นผมคงต้องบอกคุณว่า เสียใจด้วยที่คุณเสียเวลาโดยใช่เหตุ เพราะตอนนี้ดยุกแห่งอ็อกฟอร์ดให้รับคำยืนยันแล้วว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กปลอดภัยดี แต่เรายังไม่สามารถยืนยันที่อยู่ของเขาได้ เพราะเขาถูกส่งไปที่ไกลมากๆ”

   “แน่ใจหรือคะ”

   “แน่ใจสิ”

   “แน่ใจหรือคะว่าคุณไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน... ฉันได้ยินมาว่าคุณมีความรู้สึกบางอย่างกับเขาเป็นพิเศษ แบบที่มากกว่าเพื่อนธรรมดาทั่วไป”

   ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้าเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเขม็ง “ใครบอกคุณเรื่องนี้ แมกซ์หรือ”

   “เปล่าค่ะ จอห์นต่างหาก คุณไม่ต้องโมโหแมกซ์ไปหรอกนะคะ เขาแค่ถูกฉันบังคับให้มาส่งเท่านั้น เขาภักดีและเชื่อถือคุณมาก ฉันไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนต้องเกิดรอยร้าวเพราะเรื่องนี้หรอกค่ะ”

   “อ๋อ... แน่นอน ผมกับแมกซ์ผูกพันกันลึกซึ้งเกินกว่าจะถูกทำลายโดยคำพูดไม่กี่คำของผู้หญิงหรอก”

   “งั้นฉันก็ค่อยสบายใจหน่อย ที่ได้รู้ว่าคุณไม่ใช่คนอ่อนไหวแบบนั้น”

   “....”

   “สรุปแล้วคุณยอมรับสินะคะว่ามีความรู้สึกแบบนั้นกับมิสเตอร์โอเดนเบิร์กจริง นั่นจะทำให้ฉันแปลกใจมากถ้าคุณไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

   “เอาล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนยกมือ “ผมไม่ปฏิเสธก็ได้ แต่ในเมื่อคุณรู้เรื่องนี้ คุณก็ต้องรู้ด้วยสินะว่าจอห์นเองก็มีความรู้สึกที่ผิดธรรมดากับโอเดนเบิร์กเหมือนกัน”

   “ฉันรู้เรื่องนั้นหรอกค่ะ”

   “จอห์นเล่าให้คุณฟังหรือ แปลกใจนะเนี่ย”

   “เปล่าค่ะ ฉันจับไต๋เขาได้เอง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่เก่งเรื่องปิดบังความรู้สึกหรอกค่ะ”

   “อันนั้นผมเห็นด้วย แต่ที่น่าประหลาดใจคือคุณดูเฉยกับเรื่องนี้มากนะ”

   “จอห์นเป็นเพื่อนที่ดีค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “และเขาเป็นคนดี ฉันคิดว่าความรู้สึกที่เขามีให้มิสเตอร์โอเดนเบิร์กเป็นของจริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรู้สึกรังเกียจนี่คะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนมองเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “คุณเป็นสุภาพสตรีที่ใจกว้างน่าดู”

   “ส่วนคุณเองคงจะไม่ใช่สุภาพบุรุษใจคับแคบ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใครสักคนหรอกใช่ไหมคะ”

   “นั่นมันจอห์น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ถ้าคุณหมายถึงเรื่องของโอเดนเบิร์ก ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ นะที่คุณคิดแบบนั้น ถึงผมจะเกลียดขี้หน้าจอห์น แต่ผมไม่เอาความรู้สึกตัวเองมาล้อเล่นแบบนี้หรอก”

   “งั้นหรือคะ... คุณคงต้องแสดงให้เห็นหน่อยล่ะค่ะ ว่าที่พูดมาไม่ใช่แค่ลมปาก”

   “จะให้ผมทำไง พาตัวโอเดนเบิร์กกลับมางั้นหรือ”

   “เป็นเรื่องที่เหมาะควรไม่ใช่หรือคะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนแยกเขี้ยวยิ้ม “ผู้หญิงที่เป็นลมที่เดอะรูลคนนั้นใช่คนเดียวกับคุณจริงๆ หรือ... ผมนึกไม่ออกเลยว่าเบนจามินหลอกคนอย่างคุณได้ยังไง”

   “เขาอาจจะรักฉันจริงๆ ก็ได้ค่ะ” ดวงตาของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสั่นไหวเล็กน้อย “แต่นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่สำคัญกับชีวิตของฉันอีกแล้ว”

   “น่าเสียดายนะ ถ้าเขารักคุณจริง ผมพอจะหาวิธีทำให้เขากลับมาพบคุณอีกครั้งได้นะ”

   “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องทำให้ฉันไขว้เขวหรอกค่ะ ฉันมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ยอมรับผู้ชายที่ทิ้งฉันไปโดยไม่บอกไม่กล่าว คุณจะพูดถึงเขายังไงก็ช่าง แต่สำหรับฉัน เขาไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว”

   “ฟังแล้วเจ็บจี๊ดแทนเบนจามินจริงๆ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ผมยังคงยืนยันเหมือนเดิม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน หรือถ้าผมรู้ ผมก็ไม่มีเหตุผลจะต้องบอกคุณ... และเผอิญผมมีนัดกินมื้อค่ำ... ถ้าออกไปส่งคุณตอนนี้ก็น่าจะยังทันหรอกนะ”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจ้องหน้าเขา “ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมื้อค่ำนะคะ... ทำไมเราไม่เต้นรำกันสักเพลงล่ะคะ ฉันเห็นว่าคุณมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่”

   ลอร์ดฟาริงดอนหรี่ตามองเธอ ก่อนจะลุกขึ้น “ถ้าผมปฏิเสธเรื่องนี้ก็คงจะเสียมารยาทน่าดู”

   “ฉันดีใจนะคะที่คุณพูดแบบนั้น เกือบจะหลงคิดว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่รู้จักคำว่ามารยาทเสียแล้ว”

   ลอร์ดฟาริงดอนเดินไปไขเครื่องเล่นแผ่นเสียง จากนั้นจึงเดินกลับมาหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน แล้วโค้งให้เธอ เสียงเพลงWaltz in A – flat major, Op.39 No.15 ของโจฮันเนส บรามส์ค่อยๆ ดังขึ้น เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจับมือของลอร์ดฟาริงดอน จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเต้นรำ

   “คุณไร้มารยาทแบบนี้เป็นปกติรึเปล่าคะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนโอบหลังเธอไว้ ยิ้มเล็กน้อย “คนที่พูดแบบนั้นก็เห็นจะมีคุณเป็นคนแรกนี่แหละ ปกติแล้วคนที่ถูกถามเรื่องนี้บ่อยๆ เป็นจอห์นหรอกนะ ไม่ใช่ผม”

   “อันนั้นฉันเห็นด้วยหรอกค่ะ แต่คุณเองก็ใช่ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทอะไร”

   “ถ้าการที่ผมบอกเรื่องเบนจามินกับคุณทำให้ผมดูเหมือนเป็นคนที่ไร้มารยาท ผมคงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมนะ ผมพูดด้วยความหวังดีแท้ๆ”

   “แต่วิธีการพูดของคุณไม่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ”

   “คุณเลยไล่ผมกลับทันทีโดยไม่ให้ผมได้พบท่านตาของคุณงั้นสิ... แบบนั้นก็เรียกไม่มีมารยาทเหมือนกันนั่นแหละ”

   “สุภาพบุรุษประเภทไหนกันคะที่ยอกย้อนสุภาพสตรีแบบนี้”

   “แบบผมไง ทำให้คุณผิดหวังหรือ แต่ผมมองว่าการเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องยอมรับทุกข้อกล่าวหาโดยไม่แก้ตัวนี่นา”

   “ฉันฟังผิดรึเปล่าคะว่านั่นคือคำแก้ตัว ฟังยังไงมันก็คือการยอกย้อนชัดๆ”

   “คุณยอกย้อนผมก่อนโดยการไล่ผมกลับแบบไม่มีมารยาทนะ”

   ทั้งคู่จ้องหน้ากันเขม็ง ขณะที่ก้าวเท้าไปตามจังหวะเพลง “คุณนี่เป็นสุภาพบุรุษปากจัดจริงๆ”

   “งั้นหรือ ผมว่าผมแค่พูดเรื่องจริงที่สุภาพบุรุษทั่วไปไม่กล้าพูดออกมาก็แค่นั้นเอง”

   “หึ...”

   “รู้สึกคิดผิดแล้วล่ะสิที่มาพบผมที่นี่”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยกริมฝีปากอย่างท้าทาย “ลำพังกับคำพูดไร้มารยาทแค่นี้ไม่ทำให้ฉันกลัวจนขอกลับไปหรอกค่ะ”

   “งั้นหรือ... ผมเห็นแล้วล่ะว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัว แต่สงสัยว่าคุณมาที่นี่เพราะเหตุผลอะไรกันแน่”

   “ฉันบอกคุณไปแล้วนี่คะว่ามาด้วยเรื่องของมิสเตอร์โอเดนเบิร์ก”

   “เพื่อท่านตาของคุณหรือ ผมก็บอกคุณไปแล้วเหมือนกันว่าท่านตาของคุณรับรู้แล้วว่าเขาปลอดภัยดี”

   “....”

   “ผมแน่ใจว่าเขาคงไม่ส่งหลานสาวสุดรักมาเกลี้ยกล่อมผมเรื่องนี้หรอก... คุณมาเพราะอะไร... เพื่อใครกันแน่”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก้าวเท้าตามจังหวะย่างของลอร์ดฟาริงดอน “ฉันมาที่นี่เพราะอยากช่วยจอห์นค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านตาโทษว่ามันเป็นความผิดเขา ฉันเห็นว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่มีแค่คำพูดมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเท่านั้นที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้”

   “จอห์นสำคัญกับคุณถึงขนาดนั้นเชียวหรือ”

   “เขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหมุนตัวแล้วเอนหลังมาซบลอร์ดหนุ่ม ลอร์ดฟาริงดอนโอบเธอไว้อีกครั้ง

   “แค่นั้นหรือ”

   “แค่นั้นจริงๆ ค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบโกหกหรอกนะคะ”

   “ผู้หญิงส่วนใหญ่มักชอบปิดบังความรู้สึก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า เขาขยับหน้าเข้าไปใกล้ใบหูของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ผมแน่ใจว่าคุณเองก็น่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าเขา “ถ้างั้นคุณก็เป็นสุภาพบุรุษจอมเสแสร้ง แท้จริงแล้วทั้งขี้อิจฉา ทั้งไร้มารยาท แถมยังจิตใจคับแคบอย่างกับอะไรดี”

   “โอ้... อะไรทำให้คุณแน่ใจว่ารู้จักผมดีขนาดนั้น เราเพิ่งพบกันแค่สองครั้งเองนะเท่าที่ผมจำได้ หรือคุณเป็นสุภาพสตรีที่ตัดสินคนด้วยลมปากของคนอื่น”

   “แค่สองครั้งก็เกินพอสำหรับทำความรู้จักคนอย่างคุณค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันจะไม่เหยียบมาที่นี่อีกเลยถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆ”

   “ถ้าคุณจำต้องเหยียบมาที่นี่เพราะจอห์นล่ะก็... ผมเองก็ไม่อยากให้คุณมาเหมือนกัน”

   ทั้งคู่จ้องตากันอีกครั้ง ก่อนที่ลอร์ดฟาริงดอนจะพูดขึ้นต่อ “แคทเธอรีน คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาด และกล้าหาญน่าดู ที่มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสุภาพบุรุษของคุณ แต่ผมเองก็มีเหตุผลที่ไม่สามารถบอกคุณเรื่องโอเดนเบิร์กได้”

   “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณอิจฉาอยากเอาชนะจอห์น ก็บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าเหตุผลนั้นคืออะไร”

   ลอร์ดฟาริงดอนเงียบไปพักหนึ่ง “ผมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา ผมไม่แน่ใจว่าถ้าปล่อยเขาไปตอนนี้ ลอร์ดบาธจะจัดการเขายังไง ผมไม่รู้ว่าจอห์นคุยอะไรกับคุณ แต่พ่อของเขาเขียนจดหมายมาหาพ่อผมว่าถ้าจัดการให้โอเดนเบิร์กออกไปจากชีวิตของจอห์นโดนวิธีละมุนละม่อมไม่ได้ ก็อาจจะต้องใช้กฎหมายเข้าช่วย”

   “คุณหมายถึง...”

   “ใช่ ผมกลัวเขาจะถูกแจ้งจับด้วยข้อหาประพฤติผิดร้ายแรงทางเพศ ชีวิตของโอเดนเบิร์กจะต้องพังทลาย ผมไม่สนหรอกนะว่าจอห์นจะเป็นยังไง แต่ผมยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับโอเดนเบิร์กไม่ได้เด็ดขาด”

   “....”

   “นั่นคือเหตุผลของผม”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาซีดของลอร์ดฟาริงดอน เป็นครั้งแรกที่เธอสังเกตเห็นแววของความเจ็บปวดภายในดวงตาที่ดูไม่ยี่หระอะไรคู่นั้น ทำให้เธอระลึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งพบกับเขาแค่สองครั้ง และเธอแทบไม่รู้จักเขาเลยจริงๆ

   “ฉันขอโทษค่ะ”

   “หืม...”

   “จริงอย่างที่คุณว่า ฉันแทบไม่รู้จักคุณเลย ต้องขอโทษด้วยที่กล่าวหาคุณด้วยคำพูดรุนแรงแบบนั้น”

   สีหน้าของลอร์ดฟาริงดอนแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นแววตาของเขาก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย

   “ผมเองก็ต้องขอโทษที่เสียมารยาทกับคุณ อาจเป็นเพราะผมอิจฉาที่ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งฉลาดอย่างคุณ ยอมมาที่นี่ก็เพราะจอห์นก็ได้”

   เสียงเพลงค่อยๆ เบาลงจนเงียบไป ทว่าทั้งคู่ยังคงจับกันและกันไว้ สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ทว่าไม่ใช่การจ้องเพื่อเอาชนะคะคานกันอีกต่อไป ความรู้สึกบางอย่างถ่ายทอดจากมือไปสู่มือ จากดวงตาสู่ดวงตา ในที่สุดเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็เป็นฝ่ายหลุบตาลงก่อน

   “ฉันคงต้องกลับแล้ว เดี๋ยวคุณจะสาย”

   “ให้ผมไปส่งคุณแล้วกัน”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเดินเกาะแขนลอร์ดฟาริงดอนออกมาขึ้นรถม้า ทั้งคู่นั่งเงียบๆ ตลอดทางจนกระทั่งถึงคฤหาสน์ของดยุกแห่งอ็อกฟอร์ด

   “เข้าไปดื่มชาสักหน่อยไหมคะ”

   ลอร์ดฟาริงดอนยิ้ม เขาก้มลงจูบหลังมือเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “ผมเสียดายจริงๆ ที่เวลาไม่พอ หวังว่าครั้งหน้าผมคงได้รับเชิญอีก”

   “ถ้าคุณจะแวะมาเยี่ยมฉัน...”

   “ผมต้องมาแน่” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ผมยังติดมื้อเย็นคุณอยู่ มันคงเสียมารยาทมากถ้าผมไม่เชิญคุณเป็นการแก้ตัว”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนส่งยิ้มให้เขา “ฉันจะรอนะคะ”

   เธอมองลอร์ดฟาริงดอนขึ้นรถม้าจากไป ก่อนจะถอนหายใจยาว

--------------------------------------

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แวะมาหาเธอในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น พร้อมกับข่าวจากบ้านของเขา

   “คุณเป็นไงบ้าง พ่อผมเชิญไมกี้ไปกินมื้อเย็นที่บ้าน แน่นอนว่าผมถูกถีบส่งออกมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคุยกันถึงเรื่องของกอร์ดอน เมื่อวานลอร์ดบาธจะแวะมาหาพ่อ ตอนที่ผมออกมาพบกับคุณ”

   “ไมครอฟต์บอกฉันเรื่องมิสเตอร์โอเดนเบิร์กแล้วล่ะค่ะ เขาปลอดภัยดี คุณรู้ไหมคะว่าลอร์ดบาธไปหาพ่อของคุณเรื่องอะไร”

   “น่าจะเกี่ยวกับกอร์ดอนนั่นแหละ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาสั่งให้ปล่อยหรือจัดการขั้นเด็ดขาดกับกอร์ดอนกันแน่”

   “คุณแวะไปหาจอห์นแล้วหรือยังคะ”

   “ยังเลย ผมยังไม่มีข่าวอะไรเลยไม่ได้แวะเข้าไป”

   “คุณพอจะแวะเข้าไปหาเขาวันนี้ได้รึเปล่าคะ”

   “ทำไมหรือ”

   “ฉันคิดว่ามิสเตอร์โอเดนเบิร์กอยู่กับไมครอฟต์ค่ะ เมื่อวานฉันเห็นตะเกียงที่ท่านตาเคยพูดถึงแขวนอยู่บนรถม้าที่เรานั่งกลับมา”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “คุณบอกว่าตะเกียงหรือ”

“ใช่ค่ะ มิสเตอร์โอเดนเบิร์กหยิบตะเกียงที่ท่านตาสั่งทำพิเศษไปด้วย และฉันเห็นตะเกียงนั้นบนรถม้าของไมครอฟต์”

“ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “อย่าบอกนะว่าคุณจะให้จอห์นนี่ไปถามเรื่องนี้กับพี่ชายผมโดยตรง ขอร้องล่ะแคทเธอรีน พวกเขาได้ต่อยกันแน่ ไม่มีทางที่สองคนนั่นจะคุยกันดีๆ หรอก”

   “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้จะให้จอห์นไปคุยเรื่องนี้กับพี่ชายคุณ ฉันอยากให้เขาไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถคุ้มครองมิสเตอร์โอเดนเบิร์กจากพ่อกับแม่ของเขาได้ ดูเหมือนว่าพี่ชายของคุณจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กมาก เขาว่าลอร์ดบาธอาจจะแจ้งจับเขาข้อหาประพฤติผิดร้านแรงทางเพศ”

   “นั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับกอร์ดอนแน่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “แต่ผมบอกจอห์นนี่เรื่องนี้ไม่ได้ แค่นี้เขากับที่บ้านก็คงมองหน้ากันไม่ติดแล้ว”

   “ไม่ค่ะ คุณต้องบอกเรื่องนี้กับจอห์น นี่เป็นทางเดียวที่เขาจะได้ตัวมิสเตอร์โอเดนเบิร์กกลับ และเป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาทั้งหมด ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้แสดงถึงความตั้งใจและกล้าหาญที่จะรักษาความรักต้องห้ามในครั้งนี้เอาไว้”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปครู่ใหญ่ๆ “ผมจะดูสถานการณ์ก่อน แล้วคิดอีกที่ว่าจะบอกเขาเรื่องนี้ดีไหม”

   “คุณต้องรับปากนะคะ ว่าจะหาทางบอกเขาเรื่องนี้ให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทอดเวลาออกไปแล้วจะดีขึ้นหรอกค่ะ”

   “ก็ได้ แต่ผมต้องแน่ใจว่าเขาจะไม่ไปชกหน้าพี่ชายผม”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพยักหน้า “แล้วแอนไม่ได้มาด้วยกับคุณหรือคะ”

   “อ้อ... เธอออกไปสอนดนตรี”

   “อะไรนะคะ”

   “เธอออกไปสอนดนตรี คุณแปลกใจล่ะสิ ที่จริงผมไม่อยากให้เธอกลับไปทำงานแล้ว แต่เธอบอกว่าถ้าให้นั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ เธอจะรู้สึกเหมือนกำลังเกาะผมกิน ผมพยายามอธิบายแล้ว แต่ไมกี้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาว่าถ้าผู้หญิงอยากจะทำงานก็ให้พวกเธอทำ จนกว่าเธอจะกลายเป็นแม่ของลูก ระหว่างนั้นเธออยากจะทำงานอะไรก็ได้”

   “เพราะงั้นคุณเลยยอมหรือคะ”

   “ผมไม่อยากให้แอนรู้สึกไม่สบายใจ อีกอย่างผมกำลังจะเสนองานใหม่ให้เธอ เป็นงานเสมียนที่บริษัทของเราเอง เป็นการดีถ้าเราจะได้คนใกล้ชิดทำงานละเอียดอ่อนแบบนี้”

   เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “ถึงความเห็นจะไม่ค่อยตรงกัน แต่ดูเหมือนคุณกับไมครอฟต์จะมองไปในทางเดียวกันนะคะ”

   “ถึงเขาจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นพี่ชายที่ดีนะ ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาชอบอำคนอื่นว่าเป็นผมน่ะ”

   “คุณชอบเขารึเปล่าคะ”

   “แน่นอนสิ เขาเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก ถ้าคุณจะถามผมนะ”

   “ฉันรู้สึกเห็นด้วยกับคุณหน่อยๆ ค่ะ”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนพูดต่อ “รีบไปหาจอห์นเถอะค่ะ ยิ่งเขาจัดการเรื่องนี้ได้เร็วเท่าไหร่ ปัญหาที่ตามมาก็จะน้อยลงเท่านั้น”

   “ตกลง ผมจะบอกเขาเรื่องนี้ให้”

--------------------------------------

(จบตอน)

เราว่าไมครอฟต์คูลมาก ฮ่าๆๆ ดูคูลที่สุดแล้ว (ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าจอร์จนะคะ อิอิ) ปล. ไมครอฟต์นี่ชอบกอร์ดอนมาตั้งแต่แรกเลยค่ะ เผื่อว่าใครลืม แบบว่าเรื่องมันผ่านไปนานมาก 555+

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-01-2020 07:56:04
ว่าแล้วเชียว รู้สึกตงิด ๆ ตั้งแต่บทก่อนหน้านี้ละ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-01-2020 08:29:03
เป็นตอนที่สงสารไมกี้ที่สุดและดีใจกับเขาด้วย

โอ้โห ฉันเคยแอบคิดว่าแคทกับไมกี้อาจจะลงเอยกันตอนที่ไมกี้มาบอกเรื่องเบน แต่ตอนนี้ดูท่าทางจะมีความเป็นไปได้แล้ว อิอิ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 06-01-2020 09:36:05
อยากให้กอร์ดอนลงเอยกับไมกี้ เรื่องของไมกี้นี้น่าจะเขียนเป็นอีกเรื่องได้เลย ซับซ้อน น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 06-01-2020 11:05:48
ไม่ลืมว่าไมกี้ชอบกอร์ดอน
แต่ไม่อยากให้รัก
สงสารไมกี้
อยากให้นางสมหวัง
ถึงแรกๆจะหมั่นไส้นาง
555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-01-2020 15:39:41
เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น มะรุมมะตุ้มรุมรักโอเดนเบิิรก
ใครๆก็เอ็นดู
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-01-2020 18:37:56
ตอนนี้ไมกี้แย่งซีนไปหมด ถึงแม้กอร์ดอนหมดสติเกือบไม่รอดก็เอาไม่อยู่
จำได้แรกๆ ที่ไมกี้ส่งของขวัญมาให้กอร์ดอน แต่จอห์นหึงมากให้เอาไปทิ้งอะไรนี่แหละ
ว่าแต่ไมกี้กับแคทตอนนี้ เหมือนมองเห็นตัวตนซึ่งกันและกันไปแล้ว อะหรือมีข่าวดีคู่นี้เพิ่มขึ้นมา
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-01-2020 21:17:05
 o13 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-01-2020 00:31:09
จอห์น  ตกกระป๋องไปเลยซีนนี้5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-01-2020 06:51:16
Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ

ตอนที่53 เดินไปด้วยกัน

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบมาพบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ห้องรับแขก สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าสองสามวันก่อนเหมือนคนละคน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รู้สึกได้ทันทีว่าเพื่อนรักของเขากลับมาในสภาพสมบูรณ์เต็มที่แล้ว

   “จอห์นนี่ ดีใจที่เห็นนายดูสดชื่นนะ นายคุยกับพ่อแม่แล้วงั้นหรือ”

   “ใช่... นั่นทำให้ฉันอยากจะต่อยตัวเองสักหมัด ว่าทำไมฉันถึงไม่กล้าคุยเรื่องนี้กับพวกเขาแต่แรก”

   “เอ่อ... พวกเขาเห็นด้วยกับนายหรือ”

   “เปล่าหรอก แต่พวกเขาพอจะทำใจยอมรับได้ อย่างน้อยๆ พ่อก็เลิกล้มความคิดที่จะทำให้กอร์ดอนหายไปจากชีวิตฉันแล้ว ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาปลอดภัยดี เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

   “จอห์นนี่ นายแน่ใจนะว่าถ้าเขากลับมา พ่อนายจะไม่แจ้งจับเขา”

   “หืม”

   “ฉันได้ข่าวมาว่าพ่อนายบอกพ่อฉันว่าอาจจะแจ้งจับเขา ถ้าเราทำให้เขาออกไปจากชีวิตนายไม่ได้”

   “พ่อฉันอาจจะพูดแบบนั้นจริงๆ ก็ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยอมรับ “แต่ก็ทำให้ฉันคิดขึ้นมาได้ว่า เขาคงไม่ได้เกลียดกอร์ดอนเพราะเรื่องนี้จริงๆ หรอก ถ้าเขารู้สึกแบบนั้นก็คงแจ้งความไปแต่แรกแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปทำสัญญากับพ่อนายหรอก รู้ไหม ฉันดีใจมากที่พ่อฉันไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารขนาดต้องฆ่าแกงคนอื่นเพื่อรักษาชื่อเสียงของลูกชายตัวเอง”

   “นี่นายไม่ได้ว่ากระทบกระเทียบพ่อฉันใช่ไหม”

   “เปล่าๆ ฉันรู้ว่าสิ่งที่พ่อนายและตระกูลนายทำมันเป็นเรื่องที่เสียสละมาก ถ้าจะให้ว่า ก็คงเป็นพวกที่เอาเรื่องวุ่นวายนี้ไปให้พวกนายจัดการนั่นแหละ”

   “งั้นนายก็ว่าพ่อตัวเอง”

   “เอาล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา “ฉันจะไม่เถียงนายแล้วกัน ว่าแต่นายมีข่าวของกอร์ดอนรึเปล่า”

   “เมื่อวานแคทเธอรีนขอให้ฉันไปส่งที่คฤหาสน์ของไมกี้ เธอคิดว่าไมกี้รู้ที่อยู่ของกอร์ดอน”

   “ให้ตาย แคทเธอรีนไปหาเขาหรือ แล้วนายอยู่ด้วยรึเปล่า”

   “ถ้าฉันอยู่ด้วยจะกลายเป็นว่าฉันช่วยเธอสอดแนมพี่ชายตัวเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “เธอให้ฉันทิ้งเธอไว้ที่นั่น นายจะด่าว่าฉันไม่เป็นสุภาพบุรุษก็ได้ แต่นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันยอมไปส่งเธอ”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจออกมา “ฉันเข้าใจความลำบากใจของนายนะ แมกซ์ ฉันซาบซึ้งจริงๆ ที่นายยอมทำเพื่อเราถึงขนาดนี้”

   “นายเป็นเพื่อนรักฉัน จอห์นนี่ ฉันต้องพยายามเต็มที่เพื่อช่วยนายอยู่แล้ว”

   “แล้วแคทเธอรีนได้อะไรไหม”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใคร่ครวญคำพูด “เธอบอกว่าไมกี้กังวลเรื่องความปลอดภัยของกอร์ดอน เขาเลยไม่ยอมเปิดเผยที่อยู่ กลัวว่าจะถูกพ่อนายแจ้งจับ”

   “ฉันรับรองกับเขาได้เลยว่าจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้น”

   ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อนรัก “นายรับรองด้วยได้ไหมว่าจะไม่ไปต่อยหน้าเขา”

   “งั้นนายก็รู้อยู่แต่แรกน่ะสิว่าเขารู้ที่อยู่ของกอร์ดอน”

   “โธ่ จอห์นนี่ ฉันไม่รู้จริงๆ ต่อให้ฉันรู้ฉันก็จะขอร้องนายแบบนี้เหมือนกัน เขาเป็นพี่ชายฉันนะ”

   “โทษทีแมกซ์ นายเป็นคนที่ลำบากใจที่สุดในเรื่องนี้จริงๆ”

   “ขอบใจที่นายยังจำเรื่องนั้นได้ สัญญากับฉันได้ไหมว่าถ้ากอร์ดอนอยู่กับไมกี้จริงๆ นายจะไม่ต่อยหน้าเขา”

   “ตกลง ฉันจะไม่ทำอะไรกับหน้าพี่ชายนาย”

   “ส่วนอื่นๆ ของเขาด้วย ฉันไม่อยากให้พวกนายวางมวยกัน”

   “งั้นนายไปกับฉันด้วยเลยดีกว่า เพื่อความแน่ใจ”

   “ฉันไปกับนายอยู่แล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “อีกอย่างนะจอห์นนี่ แคทเธอรีนกำชับว่านายต้องแสดงให้ไมกี้เห็นว่านายรับรองความปลอดภัยของกอร์ดอนได้”

   “งั้นฉันจะเชิญเขามาที่นี่ด้วยเลย โอ้ ให้ตาย ไมครอฟต์คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถ้าฉันรับรองความปลอดภัยของกอร์ดอนไม่ได้ ฉันคงไม่บ้าไปตามหาเขาหรอก”

   “นายต้องยอมรับนะจอห์นนี่ ว่าเรื่องคราวนี้มันเกิดเพราะนายคุมสถานการณ์ไม่ได้”

   “อืม... เพราะฉันขี้ขลาดเอง แต่ต่อไปจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เราจะไปกันได้หรือยัง”

   “นายจะต้องไปบอกพ่อแม่นายก่อนไหม”

   “งั้นนายก็มาด้วยกันเลย” พูดจบเขาก็ฉุดมือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ให้ลุกขึ้น

   “ให้ตาย จอห์นนี่ จะให้ฉันไปด้วยงั้นหรือ พ่อแม่นายจะได้ฆ่าฉันเอาน่ะสิ”

   “ไม่เอาน่าแมกซ์ ถ้านายไม่ไปด้วย จะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันคุมสถานการณ์เรื่องนี้ได้ ไม่ต้องกลัวพ่อแม่ฉันจะฆ่านายหรอกน่า พวกเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”

   ลอร์ดและเลดี้บาธมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มาพบพวกเขาที่ห้องหนังสือ

   “อรุณสวัสดิ์จ้ะแมกซ์ พวกเธอมีอะไรกันหรือ”

   “คืออย่างนี้ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา “ผมจะมาบอกพ่อกับแม่ว่า เราจะออกไปรับกอร์ดอน”

   “หืม โอเดนเบิร์กกลับมาแล้วหรือ”

   “ทำนองนั้นครับ”

   “แล้วทำไมเขาถึงไม่มาเอง” ลอร์ดบาธหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฝ่ายนั้นมีสีหน้าเก้ๆ กังๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงตอบแทนให้

   “เพราะมีใครบางคนกลัวว่าพ่อกับแม่จะแจ้งจับเขา ผมเลยต้องไปรับตัวเขาเอง อ้อ... อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ทำแบบนั้นแน่”

   “แกหยุดประชดพ่อกับแม่เสียที” ลอร์ดบาธเค้นเสียง “ถ้าจะไปรับโอเดนเบิร์กก็รีบๆ ไป แต่แกต้องสัญญานะ ว่าจะพาเขามาที่นี่ก่อน แล้วก็ต้องไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าธารกำนัลด้วย เห็นแก่หน้าพ่อหน้าแม่บ้าง”

   “ตกลงครับ ผมจะรีบพาเขามาพบพ่อกับแม่”

   ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปขึ้นรถม้า

   “ให้ตายเถอะ จอห์นนี่ ถ้าเป็นพ่อฉันนะ รับรองนายถูกตะพดฟาดหน้าไปแล้ว”

   “ก่อนหน้านี้ฉันก็ถูกเขาตบฟันแทบร่วงล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกเพื่อนรัก “แต่นั่นก็ทำให้ฉันเข้าใจว่าพวกเขาเป็นห่วงและหวังดีกับฉันแค่ไหน”

   “ถ้าพ่อจะเป็นห่วงฉันด้วยตะพด ฉันยอมไม่ให้เขาห่วงดีกว่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนที่รถม้าจะแล่นออกไป

   ลอร์ดฟาริงดอนไม่ได้แสดงท่าทางประหลาดใจที่เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์มาที่คฤหาสน์พร้อมกับน้องชายของเขา เขานั่งลงบนโซฟา แล้วเอ่ยทักทาย

   “ไงแมกซ์ ไงจอห์น ฉันรออยู่ว่าเมื่อไหร่นายจะโผล่หน้ามา”

   “ฉันโผล่มาแล้ว ไมครอฟต์ ขอบใจที่ช่วยดูแลกอร์ดอนให้”

   คราวนี้ลอร์ดฟาริงดอนมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่ใช่แค่เขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เองก็เช่นกัน

   “นายจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย ฉันคิดว่านายจะพุ่งมาวางมวยกับฉันเสียอีก”

   “ที่จริงตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่แมกซ์ขอไว้ ฉันรู้ว่าเขาอยู่ตรงกลางและลำบากใจมากกับเรื่องนี้ และอีกอย่าง ถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ฉันยอมรับว่าดีใจที่นายยื่นมือไปจัดการเรื่องนี้แทนพ่อนาย ถ้าเขาเป็นคนจัดการเอง ฉันคง...”

   “นายต้องรู้ว่าฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “ถึงฉันจะไม่เคยรับปากอะไรกับโอลเดนเบิร์ก แต่ฉันสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาปลอดภัย”

   เกิดความเงียบงันขึ้นชั่วอึดใจ จากนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “ฉันต้องบอกนายอีกครั้งจากใจจริง ว่าขอบใจสำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้มาก ฉันรับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง”

   “งั้นหรือ จากเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันควรจะเชื่อลมปากนายงั้นหรือ”

   “นายก็รู้อยู่แก่ใจ ไมครอฟต์ ฉันคงไม่มาที่นี่ ถ้าไม่แน่ใจว่าจัดการเรื่องทั้งหมดได้แล้ว”

   “บอกฉันมาก่อน ถ้านายได้เจอเขาแล้ว นายจะพาเขาไปที่ไหน”

   “พบพ่อกับแม่ฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น แมกซ์ยืนยันกับนายเรื่องนี้ได้”

   “ลอร์ดกับเลดี้บาธอยากพบกอร์ดอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “ฉันบอกนายได้ว่าพวกเขาคงไม่คิดจะกำจัดกอร์ดอนอีกหรอก”

   “ฉันรู้ว่านายเป็นเพื่อนที่ดี... แล้วก็เป็นน้องชายที่ดี แมกซ์” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ “และเพราะเขาเป็นน้องชายที่น่ารักของฉัน ฉันเองก็ไม่อยากจะทำให้เขาลำบากใจไปมากกว่านี้” เขาตะโกนเรียกคนรับใช้ ให้ไปตามตัวกอร์ดอนลงมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์แทบจะนับวินาทีรอ เขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน และแล้วในที่สุด

   “จอห์น”

   เหมือนสายฟ้าพาดผ่าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกจากเก้าอี้ วิ่งเข้าไปหากอร์ดอนที่กำลังวิ่งมาหาเขา ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน

   “โอ้... ยอดรัก ขอบคุณพระเจ้าที่คุณปลอดภัยดี ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

   “ผมก็เหมือนกัน” กอร์ดอนพูดเสียงพร่า น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ลอร์ดฟาริงดอนถึงกับเบือนหน้าไปทางอื่น ส่วนลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งอึ้ง ความซาบซึ้งที่เอ่อท้นขึ้นมาทำให้เขาอดนึกถึงลอร์ดจอร์จ เฟลตันเพื่อนรักไม่ได้ ถ้าเขามาด้วยกัน คงจะต้องเสียน้ำตากับฉากนี้แน่ๆ

   “กอร์ดอน ผมขอโทษจริงๆ ที่ทิ้งคุณให้เผชิญกับเรื่องเลวร้ายนี้คนเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลูบใบหน้าของคนรัก อีกฝ่ายยิ้มทั้งน้ำตา

   “ผมรู้ว่าคุณเองก็ต้องเผชิญเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนกัน ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ มันเป็นเรื่องสุดวิสัย ผมรู้ว่าสักวันมันจะต้องเกิดขึ้น”

   “แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ยอดรัก” ลอร์ดโทรว์บริจด์จับมือของช่างตัดเสื้อขึ้นมาจูบ “ต่อจากนี้ นับแต่วินาทีนี้ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน คุณกับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่ทิ้งคุณไว้อีก ผมจะอยู่ข้างคุณ”

   “ผมรู้ ผมก็จะทำเหมือนกัน... จอห์น... ผมกลัวมาโดยตลอด ว่าถ้าเรื่องนี้เปิดเผยผมจะสูญเสียคุณไป แต่ตอนนี้... คุณมาอยู่ตรงนี้แล้ว... ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมจะอยู่ข้างคุณ อยู่ข้างคุณตลอดไป”

-------------------------------------

(จบ)

อ๊ากก ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงจนได้ค่ะ สำหรับตอนจบฉบับเต็มและตอนพิเศษ สามารถติดตามได้ในรวมเล่มซึ่งกำลังเปิดจองอยู่ค่า

ขอบคุณสำหรับการติดตามมาโดยตลอดนะคะ (โค้งสวยๆ)

https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=2c5bb18f28463501c63751d2d2f4b1d9
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่52p.24(6/1/2563)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2020 09:40:38
เป็นตอนที่สงสารไมกี้ที่สุดและดีใจกับเขาด้วย

โอ้โห ฉันเคยแอบคิดว่าแคทกับไมกี้อาจจะลงเอยกันตอนที่ไมกี้มาบอกเรื่องเบน แต่ตอนนี้ดูท่าทางจะมีความเป็นไปได้แล้ว อิอิ

คิดเหมือน ..........
ไมกี้ เป็นคนคูล แบดบอย นี่ถ้าไม่มีจอห์น เชียร์ไมกี้เลย  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 07-01-2020 10:13:16
จะมี e-book มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-01-2020 10:25:15
มีอีบุ้กค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 07-01-2020 16:38:25
ขอบคุณาำหรับนิยายดีๆค่ะ แต่จบลงห้วนนิดนึงน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-01-2020 18:58:18
 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-01-2020 19:03:08
จบจนได้ ขอบคุณน้าา มีเรื่องดีๆ มาให้อ่านกัน
 o15 o15 o15 o15
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2020 22:25:32
จบแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
ชอบแฝดพี่น้อง ไมกี้ แมกซ์  o18
จอห์น  กอร์ดอน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 07-01-2020 23:51:07
ขอบคุณมากครับ คือ เป็นนิยายที่เล่าเรื่องละเอียดมากครับ เก็บทุกรายะละเอียดจริงๆครับ ขอบคุณสำหรับนิยายๆดีคีบ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-01-2020 11:00:31
ลุ้นกับความรักของทั้งสองคนมาก
ในที่สุดก็คงจะได้รักกันโดยไม่ต้องหวาดระแวงมากแล้ว
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 15-01-2020 00:52:34
ขอบคุณมากๆค่ะ นิยายสนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 18-01-2020 18:35:00
แง้ พึ่งเห็นว่าเรื่องนี้มีในเล้าด้วย ชอบเรื่องนี้มากกกกกก ทุกตัวละครมีเสน่ห์มากเลยค่ะ จะตามไปสอยเล่มแน่นอน ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 20-01-2020 09:37:22
อ่านในเด็กดี รอมาหลายเดือนนึกว่าไม่อัพแล้วจนมาเจอในนี้ ดีใจมากกกกกกก รอเล่มมน้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 25-01-2020 23:35:03
จบแบบเสียใจมาก ค้างคามากค่ะ แง เสียใจอั :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-01-2020 22:37:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 01-02-2020 15:09:18
ชอบมากค่ะ รู้สึกมาตลอดว่าความพีคของนิยายชายรักชายก็คือความเป็นรักต้องห้ามที่ต้องหลบซ่อน และเมื่อเรื่องแดงขึ้นมาก็ต้องฝ่าฟันอย่างเข้มแข็งซึ่งจอห์นและกอร์ดอนก็ทำให้เราได้คอยลุ้นอยู่เรื่อยๆ สนุกจริงๆค่ะ
เรื่องราวของคู่นอร์มอลก็น่าติดตามนะคะ ทั้งคู่จอร์จ คู่แม็กซ์ รวมถึงไมกี้กับแคทที่น่าลุ้นไม่เบาเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 09-02-2020 10:43:41
ตามอ่านมานาน ;—-;) จบสักทีค่า
แต่ตัดฉับไปเลย แงงงงง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:12:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-04-2020 22:13:06
ชอบ แม็ก ไมกี้ อยากให้เดวิด น้องน้อยสุด มีคู่ด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-06-2020 03:32:22
ดีใจกับบทสรุปของทั้งคู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 26-08-2020 12:09:04
ซึ้งงงงง :mew4: มันคือความรักอะเนอะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-09-2020 06:54:54
 :pig4:งชัวร์
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำหูู้ปาโก๋ ที่ 08-10-2020 02:17:12
ตอนอ่านนี้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะจบแบบไหน เพราะรักแบบ ชายชาย สมัยนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ ภาษาสวยมากกก  :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 24-10-2020 22:36:18
 :hao7::
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 12-02-2021 22:57:45
เป็นนิยายที่ภาษาดีมากนะคะ  ชื่ื่อตัวละครอ่านแรกๆสับสนชื่อ ยศ ไปหมด แต่อ่านไปเรื่อยๆจะเข้าใจเอง เป็นนิยายที่อ่านจนจบแบบวางไม่ลง

ส่วนตอนจบเสียดายที่ตัดจบแบบห้วนๆ ดีมาตลอดเรื่อง ก็ผิดหวังตรงนี้นิดหน่อย แต่ก็อ่านเข้าใจว่าจะจบแบบ happy  ใครไม่สะดวกซื้อก็อ่านได้

เข้าใจว่าอยากให้ไปซื้อหนังสืออ่านตอนจบแบบเต็มก็เลยตัดฉับ