ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
‧:❉:‧ ‧:❉:‧ ‧:❉:‧ ‧:❉:‧ ‧:❉:‧
23August's World
- เรื่องยาว -
"ที่หนึ่ง" (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48590.0) • ♚ PITCH BLACK ♛ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53263.0) • | Fairy Tells ░ หลอก ลวง รัก | (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57367.0) • × ไม่มีความจริงในความจริง × (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66291.0)
Now loading...
มิอาจก้าวล่วง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67260.0)
- เรื่องสั้น -
FREEZE | FLY (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50166.0) • With Love, ด้วยรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55144.0) • ﹉ RESTART ﹍ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61080.0) • สมุดกระจก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64163.0) • ROOM (ex) MATE (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66976.0) • E I L V (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69445.0)
‧:❉:‧ ‧:❉:‧ ‧:❉:‧ ‧:❉:‧ ‧:❉:‧
veritas omnia vincit
บทยี่สิบเอ็ด
“สรุปแล้วจะเลือกทางนี้?”
“ไม่ได้เลือกอะไร ทำงานเสร็จแล้วก็ออก”
คำอธิบายเรียบเฉยไม่เป็นที่พอใจจนมัจฉ์เปลี่ยนจากการนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ขึ้นมานั่งเอามือยัดเบาะเอาไว้ มองเพื่อนที่รู้จักกันมาเข้าปีที่สี่นั่งอ่านหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษที่เห็นชินจนตาอยู่ตรงระเบียงด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
“ต้องปฏิบัติตามตัวอักษรเคร่งครัดอะไรขนาดนั้นน่ะ”
“ไม่ได้เคร่ง ก็บอกเขาไว้แล้วว่าเข้ามาเคลียร์เรื่องต้นหลิวให้อย่างเดียว”
ที่อยู่ในใจน่ะคือด่าไปแล้วร้อยจบ กดคำสั่งพักหน้าจอสี่เหลี่ยมที่โชว์เนื้อหาในอีเมลฉบับล่าสุดเกี่ยวกับการลาออกของคนตรงหน้า เห็นแล้วก็หงุดหงิดไม่อ่านดีกว่า
ชอบทำอะไรไม่เคยคิดจะปรึกษาเพื่อนก่อน
“แล้วทำไมไม่อยู่ต่อจนจบ อีกแค่เดือนกว่าเอง”
“กูไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่น อะไรที่ไม่ใช่ของกูก็ต้องปล่อย”
“ตอแหลจังธรรม”
“พอพูดเรื่องจริงมึงก็ใส่ร้ายกู”
จงใจกระแทกเสียงหัวเราะ ยิ่งเห็นท่านั่งสุดแสนจะสบายใจ มีหนังสือวางอยู่บนตักราวกับเป็นวันพักผ่อนที่แสนจะวิเศษแล้วอยากจะเดินไปคว้าหนังสือในมือแล้วขว้างทิ้งไปเสีย
ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าเพื่อนที่แสนจะรักความเป็นส่วนตัวหอบหนังสือมาถึงบ้านของเขาด้วยเหตุผลอะไร คนเรามันก็ไม่ได้เข้มแข็งตลอดเวลาอย่างนั้น
“คนอย่างมึงอะธรรม สำเหนียกเอาไว้นะถ้าไม่มีกูก็ไม่มีใครที่ทนอยู่กับมึงได้แล้ว” กระแหนะกระแหนตามประสาของคนวงในที่พอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย “เพราะตอนนั้นมึงก็ช่วยอยู่เป็นเพื่อนกูหรอกนะ กูเลยยอม”
“มึงบังคับให้กูมาหาต่างหาก กูจะกลับห้องก็ไม่ให้”
“ไม่ มึงห่วงกู”
“คนที่บอกเลิกเขาเองแล้วก็มาซึมเองอะนะ” ไอ้การทำเสียงเฮอะอย่างนั้นคืออะไรกัน “ห่วงทำไม ทำตัวเองทั้งนั้น”
ยืดตัวไปหยิบแก้วใสรบรรจุน้ำชายี่ห้อที่ดื่มเป็นประจำมาดื่มดับความร้อนของอารมณ์ มองความเข้มของแสงแดดด้านนอกแล้วก็ไม่อยากจะขยับตัวออกไปเจอความรุนแรงของธรรมชาติเลยสักนิด
“เกลียดมึงอะสัทธา”
“เกลียดเหมือนกันมัจฉ์” คงเป็นความสัมพันธ์ที่หาไม่ได้ในคำนิยามทั่วไป ต้องบอกว่าเกลียดจนแทบจะฆ่ากันตายนี่แหละถึงจะสบายใจ ถ้าบอกว่ารักกันเมื่อไหร่คงโลกถล่ม “จะตีกันก็เรื่องของพวกมึง เลิกเอากูไปเกี่ยวสักที เหนื่อย”
หมั่นไส้คนทำหน้าระอาเสียเต็มประดา เขาเลยเดินไปรบกวนการอ่านด้วยแกะตัวเองจากบนโซฟาเดินไปยังส่วนนอกกระจกใสบานใหญ่ ยันตัวขึ้นไปนั่งบนที่เท้าแขนเพื่อทำลายทุกสมาธิแทน ขอบอกเลยว่าถ้ายังทำเป็นเก๊กอยู่จะได้มีการขยับลงไปนั่งตักแทนแน่
“ไม่ จะให้มึงปวดหัวอย่างนี้ไปอีกนานเลย”
“ทำไมพวกมึงถึงได้เห็นแก่ตัวกันจัง”
“เราทุกคนต่างหากธรรม”
การปิดหนังสือลงแล้วค่อยๆ ยกคางขึ้นมาเชิดหน้าใส่นี่มันแสนจะเป็นสัทธา ถ้าเป็นน้องตุลนี่คงก็ทำหน้าหงอยไปแล้วแต่พอดีนี่คือมัจฉ์ไง
เรื่องอะไรจะยอมแพ้กัน
หนึ่งความสงสัยผุดขึ้นมาเลยขยับปากถาม “มึงเคยคิดไหมว่าเราไม่น่าจะมารู้จักกันเลย”
“ตลอดเวลา”
ก็เพราะว่าสามารถปากร้ายเช่นนี้ใส่กันได้ตลอดราวกับเป็นแหล่งระบายอารมณ์ชั้นดีนี่แหละมั้งเลยยังคบกับได้มาจนถึงทุกวันนี้ มัจหยิบหนังสือเล่มกำลังดีในที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาอ่านชื่อเรื่องแล้วเปิดดูเนื้อหาคร่าวๆ ไอ้เรื่องความรักแสนโรแมนติกนี่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้เลยนะ
ทำเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎีแต่ปฏิบัติเป็นศูนย์ไปได้
“ไม่ใช่แค่รู้จักมึงนะ ฟีนด้วย ตัวทำลายชีวิตกูชัดๆ”
คิดย้อนไปแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีช่วงไหนที่เป็นอย่างที่บอก สำหรับเขาแล้วมันเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแสนจะโอบอ้อมอารี เศร้าใจเหลือเกินที่เพื่อนมองว่ามันเป็นการทำลายน่ะ
“อันนั้นกูช่วยอะไรไม่ได้”
“ไปจัดการคนของมึงบ้าง ชักจะเอาใหญ่ ...วันก่อนแม่งก็แกล้งให้อาจารย์ถามกูทั้งคาบ”
“ไม่ใช่คนของกู”
“แต่อดีตก็เคยคบ”
“หนึ่งสัปดาห์อย่าเรียกว่าคบ ขอเถอะ”
กลอกตามองบน นึกแล้ววันนั้นไม่น่าหลุดปากเล่า
“แต่มันก็ขยันมาเซอร์ไพรส์วันที่เลิก”
“คนประหลาด”
“แต่ก็ชอบ กูรู้น่า”
ยู่หน้าไม่พอใจคนรู้ทัน ตอนแรกว่าจะเถียงว่าชอบดอกไม้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชอบคนให้ หากพอพิจารณาให้รอบด้านแล้วมันมีแต่ช่องว่างให้เพื่อนได้ถล่มก็เลยเงียบดีกว่า
หาเรื่องอื่นคุยไปเรื่อยจะได้หลุดออกจากหัวข้อก่อนหน้า คือเขาน่ะอยากกลับเรื่องที่ลาออกไม่ปรึกษาใครแต่ดูเห็นแล้วก็บอกได้ว่าเจ้าของหนังสือน่ะไม่อยากจะพูดถึงมันเลย ตอนนี้เรื่อง
“แล้วจะมีผลเมื่อไหร่” ตั้งใจว่าจะทำให้มันติดตลกด้วยการแทรกเรื่องอื่นเข้าไป “คือปกติเคยแต่ไล่คนออกอะ ไม่ชินกับการมีคนลาออก”
มองกลับไปตั้งแต่เริ่มทำงานมาก็ยังไม่เจอเคสที่สมัครใจออกเอง ใครก็ตามที่มาอยู่ตำแหน่งนี้ไม่ปรารถนาที่จะลงจากบัลลังก์ตัวสูงง่ายๆ หรอก อยู่กับชื่อ ตำแหน่ง และสิทธิพิเศษกันไปจนกว่าจะพอใจ
“สองสัปดาห์มั้ง ไม่ชัวร์”
“แล้วไม่ต้องอ่านเตรียมแข่งเหรอ”
“ไม่น่าจะต้องนะ มันได้อย่างที่ต้องการไปแล้วนี่” ถ้าฟังจากแค่น้ำเสียงก็คงคิดว่าเป็นการบอกเล่าทั่วไป ส่วนถ้าได้เห็นท่ายักคิ้วประกอบด้วยนี่น่าจะมีสิทธิได้วางมวยกัน “คำว่าชนะเลิศอะ”
“เด็กเก็บกด”
“ที่มีมึงเป็นต้นเหตุ”
มัจฉ์ยักไหล่ไม่ยี่หระ “กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
ค่อนไปทางเป็นเรื่องขำขันที่เอากลับมาเล่าเมื่อไหร่ก็ยังสร้างความสุขได้เสมอ ณ จุดนั้นเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวแทนนักเรียนที่ดีในการแข่งขัน ให้ติวแบบไหนก็ทำตามไม่คิดมาก พอไปแข่งก็หวังเอาไว้แค่ว่าเอาให้ไม่อายชื่อโรงเรียนก็พอ ไม่คาดฝันถึงตำแหน่งชนะเลิศสักนิด
พูดเล่นน่ะ
เห็นสีหน้าคนแพ้แล้วมันบันเทิงจะตาย
“ไม่เชื่อ”
“เรื่องของมึง”
“เดี๋ยวฟีนอยากจะอ่านเมื่อไหร่เดี๋ยวก็ทักมาเอง” พอเห็นเพื่อนยิ้มร้ายเช่นนั้นแล้วไม่น่าไว้วางใจเลย “จริงๆ คือถ้าบอกว่ากูอยู่นี่มันน่าจะแจ้นมาทันทีแหละนะ”
ชินกับคำเย้าแหย่ทำนองนั้นแล้วเลยเมินผ่านความพยายามที่จะปั่นประสาทไปได้ไม่ยาก ชักจะเมื่อยกับการนั่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นนี้ก็เลยลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสายด้วยท่าที่จำได้ว่าเคยเรียนสมัยประถม ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ไม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อแขกสักนิด
“มันอยู่ชล ไม่มาหรอก”
“ใส่ใจ”
“เฟซบุ๊กแจ้งเตือนไหมล่ะ”
“ต่อให้ไม่แจ้งมันก็เล่าทุกเรื่องให้มึงฟัง”
สงสัยต้องความเข้าใจผิดหน่อย “ก็ไม่ได้ทุกเรื่องขนาดนั้น”
“เพราะว่าต่อให้ฟีนมันไม่บอกมึงก็รู้อยู่ดีไง”
ปีนข้ามรั้วไม้ออกไปด้านนอก เท้าเปลือยเปล่าแตะลงกับพื้นหญ้าเขียวชอุ่มกินพื้นที่พอสมควร หรี่ตาลงยามได้รับแสงมากกว่าที่ควร เขาย่อตัวลงจนข้อพับชิดเพื่อให้สะดวกต่อการสอดส่องดูความเรียบร้อยของไม้พุ่มรอบระเบียงที่ไม่ได้รับการตัดแต่งมาสักพักใหญ่ จะว่าไปแล้วก็ได้เวลาแต่งทรงแล้วล่ะ
“เนี่ย มึงเงียบ มึงกำลังวางแผนอีกล่ะ”
หน่ายเสียจริงเวลาที่ถูกรู้ทัน ก็ไม่ชอบเท่าไหร่ส่วนอีกใจก็คิดว่ามันก็เป็นความรู้ว่าสึกว่าได้รับการใส่ใจดีเหมือนกัน
“กูกำลังคิดว่าจะแต่งต้นไม้ยังไง”
“ตามสบาย”
“มึงยกกล่องตรงนั้นมาให้หน่อย”
ชี้นิ้วไปยังกล่องเก็บอุปกรณ์ตกแต่งต้นไม่ที่วางชิดมุมอยู่ด้านหลังเก้าอี้หวายที่สัทธานั่งอยู่ มาถึงขั้นนี้แล้วก็จัดการหน่อยเลยแล้วกัน
อุ้มกล่องไม้ขนาดใหญ่ด้วยแขนทั้งสองข้างตามน้ำหนักที่ไม่ใช่เล็กน้อย ทำมาตั้งแต่เด็กแล้วเลยไม่ต้องเสียเวลามานั่งสงสัยว่าอุปกรณ์นี้ชื่ออะไร ใช้งานอย่างไร เขาเลือกกรรไกรตัดแต่งออกมาเล็มในส่วนที่เห็นแล้วรำคาญตาออกไปทีละน้อย
“เก่งนะ”
“หมายถึง”
“ไม่คิดว่าคนอย่างมึงจะรักโลก รักต้นไม้”
“มึงไม่คิดว่ากูรำคาญเลยจะตัดให้พ้นสายตาบ้างเหรอ”
ตลอดเวลาไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกับคู่สนทนาที่ยังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หวายตัวเดิม มือจับเช็กดูว่ามีตรงไหนที่ต้องการการดูแลอีกบ้าง พอเจอจุดที่ไม่พอใจก็จัดการจัดแต่งเสีย
“ถอนทิ้งง่ายกว่าไหม”
“มันก็ยังมีประโยชน์ ...มึงเดินไปหยิบหมวกสานในห้องให้หน่อย”
หวังดีว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวสุขภาพจะเสีย ก็เลยให้ได้ขยับตัวเสียหน่อย เพื่อนตัวดีของเขาไม่บ่นหรือว่าอิดออดหากแสดงออกถึงความไม่เต็มใจด้วยการลุกขึ้นชักช้าอืดอาด พอกลับเข้าไปด้านในห้องของนั่งเล่นก็จงใจเดินไปอีกฝั่งทั้งที่เห็นตำตาว่าหมวกที่เขาว่ามันแขวนอยู่ตรงไหน
ไม่มีใจจะบ่นก็เลยปล่อยให้ทำตามใจ กระเถิบตัวเองไปหาจุดที่คิดว่าสมควรได้รับการจัดการต่อไป
กล่าวคำขอบคุณเล็กน้อยยามสัมผัสถึงบางสิ่งที่ครอบลงมาบนศีรษะ จากหางตาคือสัทธาไม่ได้กลับไปนั่งบนเก้าอี้แต่ยืนพิงกับระเบียงแทน
“มึงดูหน้าโง่มากเลยเวลาอยู่กับต้นไม้”
“ส่วนมึงอะโง่ทุกเวลา”
เสียงหืมในลำคอคงแปลได้ว่าสัทธาไม่เข้าใจมัน ก็เลยต้องอธิบายเพิ่มไปหน่อย
“ที่กูกับฟีนทำอะ ก็แค่จะลากต้นหลิวออกไป ไม่ได้สนว่าใครจะเข้ามาแทน” ตาสนใจแต่พื้นใบเขียวตรงหน้า มือยังไม่หยุดตัดแต่ง ส่วนปากก็คุยไปเรื่อย “มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยธรรม มึงไม่ต้องกลับมาก็ได้”
“ก็บอกแล้วว่า...”
ระคายหูกับคำอ้างร้อยแปดจนแทรกประโยคอื่นเสียเลย “แต่มึงก็ทำ เพราะมึงรู้ว่ามันเป็นอะไรที่น้องตุลอยากเห็น เขาอยากให้มึงได้นั่งบนเก้าอี้ตัวนั้น”
“...”
ความเงียบเป็นคำตอบที่มัจพอใจที่สุด
“ใจดีเกินไปแล้วนะ นอกจากกูสองคนไม่มีใครเข้าใจมึงหรอก”
“ก็ไม่ได้บอกว่าอยากให้เข้าใจ”
ถอนหายใจระอาให้คนที่ปราดเปรื่องในเรื่องเรียนและการทำงาน แต่เรื่องการจัดการชีวิตติดลบ
“แล้วแต่”
“แล้วเรื่องฟีน เอายังไง”
“ก็อยากขวางนะ เคยขู่ไปแล้วด้วย แต่ว่าก็อยากให้ได้เหมือนกัน”
ใจแลกใจ ถ้าจะไม่มีความลับต่อกันก็ต้องเปิดปากเล่าเรื่องที่รู้อยู่แล้วออกไป
คนอย่างนั้นน่ะถ้ามีช่องว่างให้ใช้ประโยชน์เมื่อไหร่ต้องตะครุบเอาไว้ อย่างเรื่องนี้นี่คือบอกเลยว่าเล็งมาตั้งแต่ต้นปีแล้วแหง อาจวางเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยซ้ำ ใครสั่งใครสอนให้กลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ถึงขั้นนี้
“เพราะมองตามจริงแล้วนอกจากน้องตุลก็ไม่มีใครเวิร์กแล้ว”
“คนใหม่ไง”
“ขอล่ะ ไม่เอาพวกที่เข้ามาแบบฝันหวานไม่ดูความจริง ไม่เอาพวกที่อ้างว่าตัวเองมีประสบการณ์มาเยอะแยะแต่ว่าตอนสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่เป็นระบบสักอย่างได้ไหม”
เรื่องนี้คือขอละไว้ในฐานที่เข้าใจเลยเถอะ มัจฉ์น่ะไม่กล้าอวดว่าผ่านประสบการณ์การทำงานมาจนเอาไปอวดอ้างความน่าเคารพจากใครทั้งนั้น เขาตระหนักอยู่เสมอว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะเอ่ยออกไปได้เต็มปากว่าเราเป็นพวกที่สูงส่งกว่า
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดธรรม ห้ามได้ที่ไหน”
“ก็ห้ามได้อยู่นะ”
“ยาก ฟีนเขาคิดมาหมดแล้วไงว่าถ้าทำอย่างนี้อะ พวกเราจะไม่ยอมขวางแน่”
“มันไม่คิดว่าเดือนสิบจะไม่ตกลงบ้างเหรอ”
“หุบปากถ้าจะพูดอะไรโง่ๆ อย่างนั้นนะสัทธา”
นี่ไม่ใช่คำพูดรุนแรงสำหรับพวกเขา ไม่ต้องตกใจไป
คือกับเรื่องนี้น่ะขอใส่อารมณ์หน่อย คือคิดได้แค่นั้นเหรอ กับเด็กที่ถึงขั้นว่าเปลี่ยนคณะการเรียนมาเริ่มต้นใหม่เพราะผู้ชายผมยาวใส่แว่นกรอบเหลี่ยมชอบทำตัวเหมือนลุง ดูจากภายนอกแล้วโคตรจะไม่น่าพิสมัย เขาเองตอนที่เจอกันครั้งแรกยังคิดเลยว่านี่ซิ่วมากี่รอบ
แล้วนี่คือตำแหน่งเดียวกับที่คนที่ตัวเองบูชาเลยนะ เรื่องอะไรจะปล่อย
ยิ่งมีเรื่องลาออกเข้ามาเอี่ยวแล้วด้วย
“แต่ถ้าทำอย่างนี้สุดท้ายระบบมันก็ไม่ได้รันอย่างที่ควรเป็น”
“บิดเบี้ยวมากๆ จะได้แตกหักสักทีไง” คิดอย่างที่ออกความเห็นจริง ในฐานะคนที่ไม่มีความเมตตาต่อสัตว์โลกเท่าไหร่การที่ปล่อยให้อยู่ในจุดที่ไม่สามารถยื้อให้อยู่ในสภาพเดิมได้แล้วค่อยสร้างมันขึ้นมาใหม่ง่ายกว่าเยอะ “จะได้เอาพวกตัวปัญหาออกไป การคัดเลือกของธรรมชาติน่ะมีประสิทธิภาพกว่าที่คิดนะ”
“มันก็มีทายาทอยู่เรื่อยๆ”
“ธรรม พวกเราปกป้องน้องเขามานานเกินไปแล้ว ได้เวลาปล่อยให้บินเองสักที คือมันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ว่าเราก็ทำได้แค่มองเขาเรียนรู้และเติบโต”
ให้ความเห็นตามที่คิด ถึงจะเอ็นดูเดือนตุลาแค่ไหนมันก็ต้องยอมรับว่าจะจับมือเดินไปตลอดเส้นทางจนกว่าจะถึงเส้นชัยคงเป็นไปไม่ได้ รวมถึงเด็กคนนั้นคงไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่
“บินได้สูงเท่าไหร่มันก็ต้องอยู่ที่ความทะยาน จะป้องกันตัวเองจากศัตรูได้เท่าไหร่นั่นก็อยู่ที่การเอาตัวรอด ส่วนถ้าไม่ไหว...ก็แค่หล่นลงมา”
เสียงกรรไกรตัดกิ่งไม้อ่อนที่กำลังออกดอกชูช่อเด่นดังเป็นครั้งสุดท้าย พอใจกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพุ่มไม้อยู่คนเดียว มัจฉ์ยกไม้ดอกขนาดเล็กขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา กลีบสีขาวบอบบางสวยงามสมกับเป็นสิ่งที่สรรค์สร้างจากธรรมชาติ หากในใจก็เสียดายที่มันจะโรยราไปในอีกไม่กี่ชั่วโมง
ขยับมุมปากเล็กน้อยเป็นการบอกลาก่อนปล่อยให้ร่วงหล่นตามกฎแรงโน้มถ่วง
“โลกนี้มันก็เป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ”
แด่สิ่งที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา และไม่มีอยู่จริง
***
กลับไปลองดูวันที่เปิดเรื่องแล้วก็อึ้งไปหลายวินาทีอยู่นะคะ (หัวเราะ) อยู่กันมานานมากเลย อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องนี้ความจริงแล้วอยู่ในแพลนการแต่งหลังจากที่จบเรื่องหลอกลวงรัก แต่ว่าเจ้าก็แว้บไปเขียนไม่มีความจริงในความจริงก่อน บวกกับที่ไปเรียนต่อด้วยจนกลายเป็นว่าเรื่องนี้ถูกทิ้งยาวเลยค่ะ
ปกติแล้วเจ้าเป็นคนที่เขียนทอร์กท้ายเรื่องยาว และมั่นใจว่าเรื่องนี้น่าจะยาวกว่าเดิมไปอีกค่ะ (ฮา) จะเริ่มจากที่เคยสัญญาว่าทำไมเจ้าถึงตั้งชื่อเรื่องนี้ด้วยคำที่เจ้าเกลียดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน คำนี้อยู่ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรมค่ะ คำเต็มของมันคือ ‘อันมิอาจก้าวล่วงได้’ ซึ่งตัวมาตรานั้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับที่เจ้าเขียนในเรื่องนี้หรอกนะคะ เจ้าก็แค่รู้สึกถึงเส้นอะไรบางอย่างที่แบ่งเขตกั้นระหว่างตัวอักษรพวกนั้น มันเป็นความคิดที่ว่า โห ต้องใช้คำขนาดนั้นเลยเนอะ พอเอาไปโยงกับประสบการณ์การเรียนและการทำงานในมหาวิทยาลัยทั้งหมดแล้วเจ้าก็เลยคิดว่านิยายเรื่องนี้แหละที่จะเป็นตัวสะท้อนฉากจบชีวิตในวัยเรียนของฉัน (ฮา)
เจ้ามีอะไรที่อยากเขียนลงไปในเรื่องนี้เยอะมาก นั่นเลยทำให้เรื่องนี้ยากที่สุดในแง่ที่ว่าจะเรียงลำดับเนื้อหาอย่างไรให้มันบาลานซ์กันทั้งสองฝั่ง ทั้งเรื่องวิชาการที่เจ้าอยากจะเล่าแล้วก็ความสัมพันธ์ของตัวละครด้วย คือเอาจริงบางครั้งกลับมาอ่านแล้วก็คิดว่านี่ฉันเขียนอะไรของฉันอยู่นะ ต้องยากอย่างนี้เหรอ (หัวเราะ) มันก็อาจจะดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวอยู่บ้างแหละค่ะ
เริ่มต้นที่อะไรก่อนดี โครงเรื่องแล้วกัน เจ้าวางเอาไว้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายในวัยมหา’ ลัย คิดอย่างแรกเลยคือต้องคณะนิติแหละ จะเป็นคณะอื่นก็คงไม่ใช่เรื่อง แต่ว่าจะให้นักศึกษามาเล่าเรื่องพวกนี้ก็แอบคิดว่ามันจะยากไปหน่อยไหมนะ เขียนให้มันสอดคล้องกันยากมากเลย เจ้าก็เลยเลือกที่จะสร้างองค์การนี้ขึ้นมาค่ะ (ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าเข้าใจว่าไม่น่าจะมีใครทำ) เทียบระบบจากองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาที่มีเก้าคน ส่วนเรื่องวิธีการเลือกนั้นเจ้าไม่ได้เทียบมาค่ะ เพราะคิดว่าถ้าให้มันเป็นการสอบแบบสอบผู้พิพากษาจริงๆ ไม่น่าจะมีใครได้เป็น (หัวเราะ)
พอเล่าเรื่องนี้แล้วก็ย้อนความเป็นเรื่ององค์การอื่นด้วยเลยแล้วกัน เจ้าจะไม่เหมารวมว่าการทำงานของสองฝ่ายนี้ในความเป็นจริงของแต่ละมหาลัยจะเป็นรูปแบบไหนนะคะ ที่เคยทำงานมาก็เข้าใจว่ามันมีระบบโครงสร้างที่แตกต่างกันออกไปแหละ อยู่ที่ระเบียบตั้งแต่แรกด้วยว่าให้ขอบเขตอำนาจหน้าที่แค่ไหน ที่เจ้าเจอมาคือเจ้าปวดหัวกับการแบ่งอำนาจหน้าที่ที่ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นมากๆ เลยค่ะ มันกลายเป็นว่าทฤษฎีในเรื่องพวกนี้ปรับใช้กับความจริงไม่ได้เลย แล้วมันกลายเป็นความไม่เข้าใจค่ะ ไม่เข้าใจมากเลยว่าทำไมถึงไม่แก้ไขทำให้ถูกต้อง ทำไมถึงยังยึดกับสิ่งที่ไม่ใช่ขนาดนั้น
แล้วยิ่งไปได้เข้าไปลองทำในหลายแง่ หลายมุม เจ้าคิดมาเสมอเลยค่ะว่าการเมืองในระดับมหาวิทยาลัยนี่น่ากลัวนะ ในแง่ที่ว่าแทนที่มันจะทำให้เติบโต กลับกลายเป็นว่าเจ้ายิ่งหมดความเชื่อมั่นค่ะ ซึ่งมันสะท้อนอยู่ในเรื่องแหละ ก็บอกได้ว่าในบางครั้งสิ่งที่เห็นว่ามันเหมือนไม่มีอะไร มันมีจริงนะคะ การเมืองข้างในมันมีอยู่และไม่มีทางหายไปง่ายๆ หรอก
โจทย์เลยเป็นว่าเขียนแบบไหนที่จะทำให้รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้มันไม่ได้ไกลตัวค่ะ เอาง่ายๆ เลยตั้งแต่ว่าการเลือกตั้งตอนเราอยู่ในมหาลัยนี่แหละ เราเคยไปใช้สิทธิกันหรือเปล่า มันมีใครบ้างที่ใช้ประโยชน์จากความไม่สนใจของเราตรงนั้น คือเจ้าก็เคยเป็นคนที่ไม่สนใจนะคะ คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาตลอดเลย ใครจะเป็นผู้นำมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราสักหน่อย อยู่แค่สี่ปีเดี๋ยวก็ไปแล้ว จนได้ลงไปทำงานเองค่ะ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากที่จะทำงานในเงื่อนไขล้านแปด (ที่มีอุปสรรคใหญ่ที่สุดชื่อว่ามหาวิทยาลัย) จนทั้งเข้าใจแล้วก็เสียใจที่ต้องปล่อยให้เวลานั้นมันดำเนินไปในแบบที่ผลออกมาเหมือนกับว่าตัวเองเพิกเฉยกับมันค่ะ
บวกกับช่วงที่ผ่านมาเจ้าได้กลับไปลงสนามจริงค่ะ สนามที่ยิ่งทำให้เจ้าไปต่อไม่ถูกกับความเชื่อที่เคยมี สุดท้ายก็เลยได้แต่บอกตัวเองว่าใช่ การเมืองมันก็อย่างนั้นแหละ ต่อให้ในระดับไหนก็ตามทีเถอะ แล้วความตลกคือพอก้าวเข้าไปแล้วถอยออกมาไม่ได้เลยค่ะ กลายเป็นว่าชีวิตถูกล้อมไปแล้วเสียอย่างนั้น ซึ่งไม่ดีหรอกค่ะที่จริงน่ะ (หัวเราะ) อีกอย่างคือเจ้าได้มีโอกาสคุยกับคนที่ยังมีไฟค่ะ ซึ่งมันตั้งคำถามใหญ่ให้เจ้าจริงๆ นะคะว่าคนเหล่านี้เขายังยืนหยัดอยู่ตรงนั้นได้ยังไง เขาไม่สูญสิ้นบ้างเหรอ ก็ได้เรียนรู้มาเยอะค่ะ
ที่เขียนมาทั้งหมดเจ้าไม่ได้อยากจะให้ทุกคนหมดหวังไปกับเจ้าด้วยนะคะ คือมันก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ผ่านมาแหละ ส่วนหนึ่งเจ้าดีใจนะคะที่เห็นว่ามันมีการเปลี่ยนแปลง มันมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับทุกสิ่งรอบตัวมากขึ้น
ส่วนต่อมาก็คงเป็นเรื่องที่เขียนลงไป คือยากที่สุดคือเขียนแบบไหนให้ไม่อันตรายกับตัวเองแต่ก็ยังชัดเจนพอที่จะสื่อกับคนอ่านว่ามันหมายถึงอะไรค่ะ (ยิ้ม) มันเป็นเรื่องที่ยากนะคะ เพราะเจ้าก็ยังคิดว่าหลายครั้งเรื่องพวกนี้มันดูไกลตัวจนยากที่จะเขียนออกมาให้มันใกล้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประชาธิปไตย เจ้าของอำนาจ การแบ่งแยกอำนาจ อำนาจในการตรวจสอบภายใน การสอบผู้พิพากษา หรือว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายหลายๆ มาตรา คือหลายเรื่องคิดหนักนะคะ ว่าจะเขียนไม่เขียน ถามตัวเองว่าเสี่ยงชีวิตไม่น้อยเลยนะถ้าเธอจะเขียนเรื่องพวกนี้น่ะ แล้วก็จบที่ว่าเขียนเถอะ เขียนไปให้เธอไม่เสียใจ เขียนไปให้มันเป็นความทรงจำว่าเธอเคยมีตัวตนแบบไหน ก็ถือว่าได้เขียนครบนะคะ
ส่วนที่ยากพอกับการเขียนเนื้อเรื่องคือเรื่องของภาษาค่ะ คือจนป่านนี้แล้วเจ้าก็ยังไม่คิดว่าภาษาตัวเองนิ่งเลยค่ะ ยิ่งกับเรื่องนี้คือแสนจะแกว่ง ชีวิตที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นหลักนี่ยากจังนะคะ ตลอดการเขียนนอกจากจะคิดคำได้แต่ซ้ำๆ แล้วที่เจ้าปวดหัวที่สุดคือการที่คิดเป็นภาษาอังกฤษออกแต่คิดไทยไม่ออกค่ะ (ฮา) ต้องเอาไปแปลในดิกก่อน แล้วบางคำมันเป็นภาษาวิชาการด้วย ไม่อยากจะพลาดก็เลยเนี่ยแหละค่ะ ถูกดองมาอย่างยาวนานก็อย่างนี้
เรื่องนี้ทุกคนจะเหมือนกันตรงที่เป็นสีเทาค่ะ ไม่มีใครที่ขาว และไม่มีใครที่ดำ (ยิ้ม) เจ้าไม่ได้บอกที่พวกเขาทำมันถูก จริงๆ คือมันก็ผิดล่ะ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงที่ความผิดมันถูกฝังกลบด้วยเหตุผลอะไรหลายอย่าง ความกลัว ความเกรง ความรัก เยอะค่ะ เจ้าก็คิดหนักนะคะที่ให้น้องตุลเลือกทางนั้น เพราะว่ามันเป็นความผิดที่คนที่เรียนโดยตรงมาน่าจะรู้ดีที่สุด ก็อย่างนั้นแหละค่ะ โลกเรามันก็อย่างนี้ ซึ่งถ้ามันช่วยสร้างความกล้าที่จะป่าวประกาศว่ามันผิดได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีค่ะ
เจ้าชอบสภาวะ dilemma ในเรื่องนี้มากๆ เลยนะคะ รวมถึงความ contradiction ด้วย คือเขียนแล้วรู้สึกเลยว่าเนี่ยแหละความย้อนแย้งที่ฉันเจอมา
ก็จะประมาณนี้แหละค่ะ จะทำให้ดิ่งไหมนะคะ ปกติแล้วเวลาเจ้าเขียนเจ้าจะวางเส้นเรื่องเอาไว้ก่อนจนจบ ไม่ว่าจะพิชแบล็คหรือว่าหลอกลวงรักคือเจ้าไม่เข้าไปเปลี่ยนตอนจบเลยนะคะ แต่กับเรื่องนี้คือประหลาดมาก เพราะเจ้าลังเลกับการเขียนตอนจบมาตั้งแต่เริ่มแต่งตอนแรกจนถึงตอนยี่สิบเลย เจ้ารู้สึกว่าตัวเองก็ยังคงอยู่ในระหว่างการเรียนรู้จนไม่สามารถที่จะตัดสินใจในเรื่องของอนาคตได้ค่ะ เจ้าเลยจบแบบนี้ แบบที่น้องตุลก็ยังคงเลือกเดินตามในเส้นทางเดียวกับสัทธา หากว่าหลังจากนั้นแล้วจะเป็นแบบไหนเจ้าก็ยังมองไม่ออกเลย เหมือนกับว่าต่อให้ปากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เชื่อในเรื่องระบบพวกนี้ ไม่เชื่อในเรื่องความยุติธรรม แต่ลึกๆ แล้วข้างในของเจ้าก็ยังเป็นอย่างนั้นมั้งคะ ยังคงหวังเอาไว้ว่ามันอาจจะมีจริง
ในย่อหน้าเกือบสุดท้ายนี้คงเป็นแพทเทิร์นเดิม ขอบคุณทุกคนที่อยู่กับงานเขียนของเจ้ามาไม่ว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ตรงไหน เจ้า appreciate กับทุกแรงซัพพอร์ต ทุกกำลังใจ ทุกครั้งที่เจ้าคิดว่ามันคงไปต่อไม่ไหวแล้วแต่มันก็ยังพอไปได้แหละนะ ขอบคุณที่รักพวกเขา ขอบคุณที่เป็นช่วงเวลาที่ดีเสมอนะคะ
สำหรับหลังจากจบเรื่องนี้แล้วเจ้าจะกลับไปเรียนต่อในเทอมสุดท้ายค่ะ ความทรมานทั้งหมดมันกำลังจบลงล่ะ (ฮา) ไม่ได้มองไว้ว่าในส่วนของงานเขียนมันจะมีใหม่ไหมหรือว่ายังไง ยอมรับกันตรงนี้ว่าเจ้าอยู่ในสภาวะที่ยอมแพ้กับงานเขียนแล้วค่ะ สู้ไม่ไหวล่ะ ที่ยังเขียนเรื่องนี้เพราะไม่อยากจะทิ้งไว้ ก็สร้างเขามาก็ควรจะเขียนให้จบล่ะเนอะ ข้อดีของมันคือการที่เราไม่มองเรื่องพวกนี้ก็จะยังสู้ไปได้ค่ะ เป็นความชินชาที่ก็ไม่ได้ดีกับสุขภาพจิตเท่าไหร่ (ส่วนลึกๆ ก็ยังคิดมากนะคะ แต่ว่าก็จะน้อยลงแบบที่ตัวเองรู้สึกได้แหละ) ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นก็โฟกัสไปทีละเรื่อง จะเขียนจะหยุดอะไรก็ค่อยๆ คิด ถ้าจะยอมแพ้ก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะแจ้งหน้าทวิตแบบจริงจังไม่หายไปเฉยๆ แน่นอนค่ะ
ยังมีที่ติดค้างเอาไว้อยู่คือเรื่องสั้นประจำปี อันนั้นยังไงก็จะเขียนค่ะ เป็นประเพณีมานานแล้วล่ะ (ยิ้ม) แต่ว่าจะมาเมื่อไหร่นี่คือไม่รับปากนะคะ ประจำปีก็คือลงได้เมื่อไหร่ก็ได้ในปี 2020 นี่แหละ (ฮา)
ขอบคุณจากใจค่ะ
แด่ความยุติธรรมที่ฉันไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง
23August
#มิอาจก้าวล่วง