-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เรื่องนี้เคยโพสอีกเบอร์ดหนึ่งมาก่อน
แล้วพอดีเรายากแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ บอร์ดนี้ด้วย
ถ้าใครที่เคยอ่านมาแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเราจะย้ายบอร์ดลงนะ
เพราะเราจะลงทั้งสองเบอร์ดเลย
วันนี้จะลงให้ครบ 10 ตอนเลยจะได้เท่ากับอีกบอร์ดที่ลงอยู่ด้วย
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
จอมใจจักรพรรดิ
บทนำ
ในสมัยราชวงศ์ถังรัชกาลฮ่องเต้ถังเกาจู่ได้ให้กำเนิดพระโอรส 3 พระองค์ ได้แก่ องค์ชายใหญ่หลี่เจี้ยนเฉินองค์ชายรองหลี่ซื่อหมิน องค์ชายเล็กหลี่หยวนจี้
จากนั้นภายในวังก็เกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์กันระหว่างพระโอรสทั้ง3 พระองค์ ต่างก็แย่งชิงเพื่อจะให้ตนได้ขึ้นครองราชย์และในที่สุดองค์ชายรองหลี่ซื่อหมินก็สังหารองค์ชายใหญ่ที่เป็นพระเชษฐาและองค์ชายเล็กที่เป็นอนุชาลง
เนื่องมากจากพระเชษฐาคิดลอบปลงประชนองค์ชายรองจึงทำให้องค์ชายรองตลบแผนเป็นฝ่ายปลงประชนแทนส่วนพระอนุชานั้นผู้สังหารคือเว่ยฉือจิ้งเต๋อซึ่งเป็นคนสนิทขององค์ชายรอง
หลังจากการแย่งชิงบัลลังก์สิ้นสุดลงฮ่องเต้เกาจู่ก็ได้แต่งตั้งองค์ชายหลี่ซื่นหมินเป็นไท่จื่อ(รัชทายาท) และในเวลาต่อมาก็ได้สละราชสมบัติให้องค์ชายหลี่ซื่อหมินได้ครอบราชต่อเมื่อขึ้นครองราชย์ได้เปลียนพระนามเป็น‘ฮ่องถังไท่จง’
ตั้งแต่ที่ทรงขึ้นครองราชย์มาฮ่องเต้ถังไท่จงยังไม่ทรงแต่งตั้งฮองเฮาไว้คู่บารมีสักทีสาว ๆที่เข้ามาถวายตัวต่างพากันลุ้นว่าตนเองจะได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคตต่างพากันแย่งชิงดีชิงเด่นกัน
-
1
ณ ตำหนักอ๋องเฉิน
“อะไรนะคะ ท่านอ๋องน้อยจะออกไปเที่ยวข้างนอก”เสียงสาวใช้คนสนิทเอ่ยอย่างตกใจ
“ใช่เสี่ยวเย่ ข้าอยากออกไปข้างนอกบ้าง ไม่รู้ทำไมท่านพ่อท่านแม่ต้องห้ามไม่ให้ข้าออกไปข้างนอกก็ไม่รู้ ทั้งที่ข้างเป็นชายแท้ ๆ แต่กลับต้องอยู่ในบ้านเยี่ยงสตรีเช่นนี้ทุกวัน ๆ ข้างเบื่อจะแย่แล้ว ที่น้องหญิงของข้ายังออกไปไหนมาไหนได้เลย”
คนที่บอกตนเองเป็นชายชาติบุรุษ แต่รูปร่างนั้นหาใช่เยี่ยงชายชาตรีไม่ แต่กลับกลายเป็นรูปร่างโปร่งบางเยี่ยงสตรี รูปหน้ามลเรียวสวยได้รูป ที่เขากับดวงตาเรียวคู่สวย ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสวย และเรือนผมสีดำสนิทยาวสลวยจนถึงกลางหลัง
ถ้าใครได้เห็นต้องไม่สงสัยแน่ว่าคนตรงหน้านั้นหาได้เป็นชายชาตรีอย่างแน่นอน แต่คงจะคิดว่านางฟ้ามาจุติหรืออย่างไรเป็นแน่แท้
“ไม่ได้นะคะท่านอ๋อง ถ้าท่านออกไปสภาพนี้ข้างเกรงว่ายามหน้าประตูคงไม่มีวันให้พวกเราออกไปแน่”เสี่ยวเย่ทักท้วง
“ก็จริงนะ งั้นจะให้ข้าควรทำไงดีล่ะเพื่อที่จะได้ออกไปบ้างนอกได้”
“งั้นก็ปลอมตัวออกไปสิคะ ท่านอ๋องน้อยหนี่เจิน” เสียงของสาวใช้คนใหม่นามหลงเปาเดินเข้ามาในห้อง
“นี่พี่หลงเปาก็เป็นไปอีกคนหรือคะ ถ้าท่านอ๋องเฉินและฮูหยินรู้เข้าจะไม่พอใจเอานะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าข้าจะบอกท่านแม่เองว่าข้าบังคับให้พวกเจ้าพาออกไป ไม่งั้นข้าจะหนีออกไปเองพวกเจ้าเลยต้องพาข้าออกไป”อ๋องน้อยหนี่เจินตอบพลาง ยิ้มหวานที่เล่นเอาคนมองต้องใจอ่อนจนได้
“งั้นท่านอ๋องต้องเปลี่ยนชุดก่อน ข้าจะเตรียมให้รอสักคู่นะคะ”
หลงเปาหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้า ที่มองยังไงก็เสื้อผ้าผู้หญิงทั้งนั้น
“นี่เจ้าคงไม่ได้ให้ข้าเปลี่ยนชุดนี้ออกไปหรอกนะ นี่มันชุดของหลิงเอ๋อนิ”
“ใช่ค่ะ ข้าไปขอยืมท่านหญิงมาเพื่อให้ท่านใช้ในการปลอมตัวออกไป”
“แต่ท่านต้องสัญญากับข้าก่อนนะคะว่าจะใส่ชุดนี้และออกไปในฐานะท่านหญิงหนี่เจินแทนท่านอ๋องน้อยหนี่เจินน่ะคะ”หลงเปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ได้ ๆ ข้าตกลงแล้วจะไปกันตอนไหนล่ะ”
“ถ้าท่านอ๋องพร้อมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยดีกว่าค่ะ”
เวลาเดียวกันในวังหลวงฮ่องเต้ที่กำลังทรงงานอยู่ก็ละจากหนังสือดีกาหันไปถามคนสนิททั้งสอง ที่เดินเข้ามาในห้องพอดี
“ฝ่าบาทเรียกกระหม่อมทั้งสองมีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเว่อฉือจิ้งเต๋อดังขึ้นโดยมีอีกคนที่เดินเข้ามาคือหยวนตงเฟย
“ข้าว่าจะออกไปนอกวังไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนซะหน่อย ข้าอยากให้พวกเจ้าไปกับข้าด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะรีบเตรียมตัวและสั่งให้ทหารจำนวนหนึ่งคอยอารักขาไปด้วย”เป็นหยวนตงเฟยที่เสนอความเห็น
“ไม่จำเป็นต้องนำคนอารักขาไปด้วย ไปแค่เจ้าสองคนก็พอแล้ว เราจะไปในฐานะพ่อค้าเร่ที่มาจากต่างเมือง เอาไว้ไปเตรียมรถม้าให้ข้าแล้วรอข้าที่นั้นอีกสักพักข้าจะตามไป”
“รับด้วยเกลาพ่ะย่ะค่ะ งั้นหม่อมฉันทูลลา”
หลังจากที่ทั้งสองออกไปฮ่องเต้ถังไท่จงก็ส่งสะสางงานที่ครั่งค้างให้เสร็จ ก่อนจะกลับยังตำหนักเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ให้เป็นเช่นพ่อค้าเร่ที่ให้เหล่า นางกำนัลได้จัดเตรียมไว้แล้ว
ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดสีแดงขริบเงินที่ดูเหมือนพ่อค้าจากต่างแดนที่มาข้าขายก่อนจะนั่งเกี้ยวไปยังที่เตรียมรถม้าไว้รอพระองค์
“เรียบไปกันเถอะวันนี้ข้ากะจะดูโคมลอยซะหน่อย นาน ๆ จะออกนอกวังสักที”
“ฝ่าบาทไหนพระองค์บอกจะไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนไงพ่ะย่ะค่ะ”เสียงจิ้นเต๋อ(ขอเรียกย่อแล้วกันชื่อยาวเกิน)ขัดขึ้น
“นี่ก็เป็นการไปดูความเป็นอยู่ยังไงล่ะ ข้าก็แค่ได้ผลประโยชน์ในการไปนิดหน่อยเท่านั้น”
“พ่ะย่ะค่ะหม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์มีผมประโยชน์เพียงนิดหน่อยเท่านั้น”เสียงตงเฟยกล่าวอย่างปลง ๆ
“เอาน่าพวกเจ้าไม่ต้องเป็นการเป็นงานมากนักหรอก แล้วอยู่ข้างนอกให้เรียกข้าว่านายท่านพอ ตอนนี้ข้าปลอมเป็นพ่อค้าเร่ ที่เข้ามาทำการค้าที่เมืองฉางอันอยู่เข้าใจมั้ย”
“ขอรับนายท่าน/ขอรับนายท่าน”ทั้งสองรับคำก่อนที่จะเชิญฮ่องเต้ประทับรถม้าส่วนพระองค์แล้วตัวเองก็ขี้ม้านำขบวนแทน
-
2
กลับมาด้านหนี่เจินและสองสาวใช้
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยทั้งสามคนก็ออกจากตำหนักโดยอ้างว่าท่าน อ๋องอนุญาตแล้ว เมื่อออกมาได้เฉิงหนี่เจินก็ร่าเร่งขึ้นมาอย่างมาก เพราะโลกภายนอกนั้นเขาไม่เคยได้ออกมาได้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวมันช่างมีแต่เรื่องน่าสนุกซะนี่ มองไปทางไหนก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
“นี่วันนี้มีงานโคมลอยด้วยแหละไปกันมั้ยเธอ เขาว่ามีการประชัดโคมลอยด้วย”เสียงของชาวที่เดินผ่านไปมากคุยกันดังขึ้นเรียกความสนใจของเฉิงหนี่เจินไม่น้อย
งานโคมลอยหรือข้าเองก็อยากไปดูเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยออกมาดูท่ามกลางผู้คนเลย มีแต่ต้องไปนั่งดูชั้นพิเศษที่มีไว้สำหรับขุนนางเท่านั้น
“นี่ข้าอยากไปงานโคมลอยพวกเจ้าพาข้าไปได้หรือเปล่า”หนี่เจินหันไปถามสองสาวใช้ที่กำลังเดินดูของตามหลังมาติด ๆ
“ไม่ได้ค่ะท่านหญิง งานโคมลอยจะเริ่มเมื่อเย็นมากแล้วข้าเกรงว่าเราจะกลับไปก่อนที่ท่านอ๋องเฉิน และฮูหยินกลับไม่ทันค่ะ”หลงเปาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย นาน ๆ ข้าจะออกจากบ้านไม่สินี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกมาเองด้วยซ้ำไปตามใจข้าหน่อยสิวัน ๆ ข้าอยู่แต่ในบ้านเรียนฝึกดาบ การต่อสู้ก็บ่อย แถมยังต้องไปนั่งเรียนการเป็นกุลสตรีกับน้องเล็กอีกปล่อยให้ฉันได้ทำอะไรตามใจชอบบ้างไม่ได้หรือไง”หนี่เจินบอกเสียงเศร้าเล่นทำเอาพี่เลี้ยงทำหน้าไม่ถูก
“ก็ได้ค่ะท่านหญิง แต่ท่านต้องสัญญาก่อนนะค่ะว่าท่านดูเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านน่ะ”เสี่ยวเย่เอ่ยขึ้นเล่นเอาคนเป็นนายต้องตกปากรับคำ
“อืม เราสัญญาดูโคมลอยจบเมื่อไรข้าจะรีบกลับตำหนักเลย”หนี่เจินตกปากรับคนเสียงใส
ในขณะที่เดินเที่ยวชมภายในตลาดอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้นจู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีล้อมหน้าล้อมหลังคนทั้งสามเอาไว้เสียแล้ว
“น่ะ...นี่พะ...พวกท่านจะทำอะไรน่ะ”เสียงถามอย่างตกใจของเสี่ยวเย่เอ่ยถามกลุ่มคนที่ล้อมพวกนางไว้
“ข้าอยากให้แม่นางคนสวยไปชมโคมลอยด้วยกันคืนนี้ ต้องขออภัยที่คนของข้าเสียมารยาทไปหน่อย”
เสียงของชายหนุ่มรูปงามที่เดินเข้ามาใหม่เอ่ยขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้คนที่ถูกล้อมคล้อยตามคำพูดนั้นได้ เสี่ยวเย่และหลงเปาออกมายืนบังไม่ให้ชายคนนั้นเข้าใกล้หนี่เจินได้
“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครถึงได้มาชวนท่านหญิงของเราไปดูโคมลอยอย่างนั้นหรือ”หลงเปาเป็นฝ่ายถามกลับไปก่อน
“ข้าเป็นลูกของใต้เท้าหวังหลงอู่ ชื่อหวังหลงเฟย”
หลงเฟยเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนจะมองไปยังหนี่เจินที่แอบอยู่ข้างหลังหลงเปาและเสี่ยวเย่
“ที่แท้ก็คุณชายตะกูลหวังนี่เอง แต่เราคงให้ท่านหญิงของเราไปกับท่านไม่ได้หรอก”เป็นเสี่ยวเย่ที่เอ่ยขึ้น สร้างความแปลกใจให้กับอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกันกลุ่มคนอีกกลุ่มที่มองเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดกำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสบาย ๆ ในโรงเตี๋ยมข้าง ๆ ที่เกิดเหตุ
“ท่าทางจะมีเรื่องกันนะขอรับนายท่าน”จิ้งเต๋อเอ่ยทำลายความเงียบก่อนคนแรก
“อืม ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”ซื่อหมินเอ่ยจบก็ลุกขึ้น
“เดี๋ยวก่อนนายท่าน ข้าเกรงว่าจะไม่ควรที่ท่านจะไปเองให้ข้าและจิ้งเต๋อไปดูก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ”
ตงเฟยออกความแต่ว่าคนที่ฟังไม่สนใจเดินไปยังจุดที่ผู้คนมุงดูกันอยู่อย่างสนใจ และเขาก็ได้เห็นหญิงสาวในชุดสูงศักดิ์ รูปร่างโปร่งบางใบหน้ามลสวย ตาเรียวสวย และริมฝีปากสีแดงสวยได้รูปนั้นอีก
เขาตกตลึงเมื่อแรกเห็น สวย...ช่างสวยงามอะไรอย่างนี้ เขาไม่เคยพบเห็นใครที่จะงดงามได้เท่านางมาก่อน แม้แต่สนมในวังก็ยังไม่อาจเทียบเท่านางได้
“หยุดนะนั้นท่านจะทำอะไรท่านหญิงของข้า”เสียงของเสี่ยวเย่ท้วงการกระทำของหลงเฟย
“ไม่ทราบว่าแม่นางมีนามว่าอันได”หลงเฟยยังคงไม่ลดละที่จะเข้าใกล้หนี่เจิน
“ถ้าท่านอยากทราบเราก็จะบอก”หนี่เจินเอ่ยเสียงหวาน
น้ำเสียงหวานไพเราะนั้นทำให้ผู้คนที่ได้ยินเคลิบเคลิ้มไปตาม ๆ กันไม่เว้นแม้แต่คนที่เดินเข้าใหม่
“ข้าชื่อเฉินหนี่เจิน เป็นลูกของอ๋องเฉินจิ้นหลาง”หนี่เจินตอบไปแบบนั้นแต่พี่เลี้ยงทั้งสองไม่พอใจเลยแก้ให้ใหม่
“ท่านหญิงคือธิดาท่านอ๋องเฉินน่ะค่ะ”หลงเปาเป็นฝ่ายแก้ให้ใหม่
“อ่อที่แท้ก็ธิดาท่านอ๋องเฉินนี่เอง สมคำล่ำรือนักว่าธิดาท่านอ๋องช่างงดงามและเข้าพบได้ยากนัก ช่างเป็นบุญของข้าที่ได้พบท่านหญิงแล้ว”
“ข้าก็ยินดีเช่นกันที่ได้พบกับคุณชาย แต่ข้าคงต้องขอปฎิเสธท่านเรื่องที่ชวนข้าไปดูโคมลอยด้วย”
“ทำไมท่านหญิงถึงได้ปฏิเสธน้ำใจข้าเช่นนี้เล่า”
“วันนี้ข้าอยากจะเดินชมกับคนของข้า และไม่อยากได้คนติดตามมากมายเช่นท่าน”
“เมื่อท่านไม่ยอมไปกับข้าดี ๆ เห็นทีข้าคงต้องบังคับท่านเสียแล้ว แล้วอย่าหาว่าข้าใจร้ายเลยนะท่านหญิง” หลงเฟยพูดจบคนของเขาที่ล้อมพวกหนี่เจินไว้ก็ตีวงแคบขึ้น แต่แล้วก็มีเสียงชักกระดาบออกมาก่อน
“หยุดนะเจ้าคนทราม คิดจะใช้กำลังกับสตรีเช่นนางงั้นหรือ”เสียงของชายหนุ่มรูปงานอีกดังขึ้นและชายคนนั้นก็เดินเข้าแทรกกลางระหว่างกลุ่มของหนี่เจินและหลงเฟย
ชายหนุ่มคนนี้รูปร่างสูงใหญ่หน้าเรียวได้รูปรับกับดวงตาคมคู่สวย จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากที่สวยได้รูป ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอะไรเช่นนี้ เล่นเอาคนที่พบเห็นหัวใจสั่นไหว และชุดที่เขาใส่นั้นเป็นแบบพ่อค้าที่มีฐานร่ำรวยจะหาใส่ได้
“นะ...นายท่านเดี๋ยวก่อนสิขอรับ รอพวกข้าก่อน”เสียงของชายอีกสองคนดังขึ้นขณะที่กำลังฝ่าฝูงชนเข้าใหม่เพื่อมาสบทบผู้เป็นนาย
“แม่นางไม่ต้องกลัวข้าจะช่วยท่านเอง”เสียงทุ้มนุ่มเมื่อได้ยินใกล้ ๆ เล่นเอาหนี่เจินอดหน้าแดงไม่ได้แล้วมองสบตาอีกคนก่อนจะพยักหน้าให้
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าว่ารีบถอยไปจะดีกว่านะถ้าไม่อยากเจ็บตัว”หลงเฟยเอ่ยอย่างท้าทาย
“เห็นทีจะไม่เกี่ยวกับข้าคงไม่ได้ เพราะข้าเห็นอยู่ว่าเจ้ากำลังจะทำร้ายแม่นางทั้งสาม”ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ
“งั้นถ้าเจ้าเกิดตายขึ้นมาก็อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน จัดการมันได้แล้วและพาท่านหญิงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” หลงเฟยพูดจบก็หันไปสั่งให้คนของเขาทันที
กลุ่มชายที่ยืนล้อมอยู่ในตอนแรกแปลเปลี่ยนมาชักดาบและพุ่งเข้าใส่คนทั้งสาม ชายหนุ่มรูปงามที่เข้ามาช่วยยกดาบขึ้นกันดาบที่ฟาดลงมาได้ทันท่วงที
เคร้ง! เคร้ง! ฉิ้ง!
ชายหนุ่มเหวี่ยงดาบและหลบดาบของคู่ต่อสู้ได้อย่างชำนาญก่อนที่ดาบจะฟันเข้ายังผิวของอีกฝ่าย
“อ๊ากกกกกก” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายที่เขาสู้ด้วย
ตุบ ตุบ
และต่อด้วยเสียงของอีกสองคนที่ต่อสู้ได้เก่งไม่แพ้ผู้เป็นนายของเขาเลยแม้ แต่น้อย และตอนนี้ล้มคู่ต่อสู้ไปได้เยอะแล้ว และกำลังจะไปจัดการพวกที่เหลือดรอดอยู่
“เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง แค่คนสามคนก็จัดการไม่ได้เห็นทีข้าคงต้องลงมือเอง”
หลงเฟยชักดาบของตนเองออกมาก่อนจะพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนใกล้กับหนี่เจิน ทันทีแต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ไหวตัวทันเขายกดาบขึ้นรับดาบที่ฟันลงมาได้ทันทวงที
เคร้ง!!
เสียงดาบปะทะกันดังลั่นทำเอาหนี่เจินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ หนี่เจินคล่ำหาดาบสั้นที่พกติดตัวออกมาก่อนจะระวังตัวเองให้ออกห่างจากการต่อสู้
“ระวัง!!”
เสียงเสี่ยวเย่ร้องเตือนชายหนุ่มแต่ไม่ทันเสียแล้ว แต่แล้วจู่ ๆ หนี่เจินก็พุ่งตัวเข้าไปรับดาบแทน เล่นทำให้พี่เลี้ยงแทบจะล้มทั้งยืน เมื่อท่านหญิงผู้บอบบางวิ่งเข้าไปหาชายผู้นั้นซะแล้ว
ฟ้าว เคร้ง!
เสียงดาบตัดผ่านเสื้อผ้าไปนิดเดียวเท่านั้น ตอนนี้หนี่เจินชักดาบสั้นออกมารับทวงที ถ้าพลาดไปอีกนิดได้มีเลือดตกยางออกแน่ เห็นอย่างนั้นเหล่าพี่เลี้ยงก็ชักดาบที่พกมาด้วย และช่วยกันจนคู่ต่อสู้ล้มลงไปนอนที่พื้นกันทั่วหน้า
“พะ...พวกเจ้า กล้าทำร้ายข้าอย่างงั้นรึ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”หลงเฟยทิ้งทายก่อนจะพยูงตัวแล้วหนีไป
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
ชายหนุ่มรูปงามหันมาถามหนี่เจินที่ตอนนี้เสื้อผ้าขาดไปนิดนึง แล้วก็ต้องตากค้างเมื่อส่วนที่ขาดนั้นคือส่วนตรงไหล่มลที่ตอนนี้เผยให้เห็นผิวขาวนวล
เขาถอดเสื้อตัวนอกที่เป็นเสื้อคลุมออกแล้วสวมทับให้คนร่างบางตรงหน้า ทำให้คนร่างบางสงสัยถึงการกระทำของอีกฝ่ายและก็ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ตนนั้นหา ได้อยู่ในฐานะชายไม่
“ดูท่าแม่นางจะไม่เป็นอะไรมากแค่นี้ข้าก็ดีใจแล้ว”
“ต้องขอบคุณท่านมากที่เข้ามาช่วยเหลือข้า ให้ข้าให้ตอบแทนท่านสักหน่อยเถอะค่ะ”หนี่เจินกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใส
“ไม่ทราบว่าแม่นางชื่อเสียงเรียงนามอะไรหรือ”ทั้งที่เขาก็รู้ดีอยู่แล้ว เพราะได้ยินตอนที่นางบอกครั้งแรก แต่ใครล่ะจะไม่อยากได้ยินเสียงใส ๆ ของนางอีก
“ข้ามีนามว่าเฉินหนี่เจิน เป็นธิดาท่านอ๋องเฉินค่ะ แล้วไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอันใด”หนี่เจินตอบพลางหน้าแดงเมื่อสบเข้ากับดวง ตาคมคู่สวยคู่นั้นเข้า
“อันตัวข้านั้นเป็นเพียงพ่อค้าเร่ มิบังอาจเอ่ยนามที่ต้อยต่ำให้ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ระคายหูหรอก”ชายหนุ่มกล่าวเสียงทุ้มเรียบ
“ท่านหาได้ต้อยต่ำไม่ บอกข้ามาเถลิดนามของท่าน”
หนี่เจินเอ่ยออกมาอย่างไร้เดียงสา ซึ่งทำให้อีกฝ่ายพอใจเป็นอย่างมากที่นางไม่เห็นว่าเขาเป็นเพียงชายผู้ต้อย ต่ำกว่าตน ไม่แม้จะถือว่าตนนั้นสูงกว่าเขาด้วยซ้ำไป
“ถ้าท่านหญิงใคร่รู้ข้าก็ใคร่ตอบ ข้านั้นมีนามว่าหยางซื่อหมิน เป็นพ่อค้าเร่ที่เข้ามาทำการค้าขายที่เมืองนี้”
“อย่างนั้นหรือ แล้วท่านค้าขายอะไรเล่าข้าอาจจะช่วยรับซื้อถือเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ท่านมีต่อข้าในวันนี้”
“ข้าหาได้ต้องการเงินทองแต่อย่างไร เพียงแต่ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์จะให้เกียรติข้าน้อยพาชมงานโคมลอยก็พอครับ”ซื่อหมินเอ่ยขึ้น เขาต้องการให้นางตกลงเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดนางมากขึ้นกว่านี้
“ได้... ข้าตกลงข้าจะไปดูโคมลอยกับท่านหยางซื่อหมิน”
“เรียกข้าว่าพี่ซื่อหมินก็ได้ครับ พวกเราก็รู้จักกันแล้วข้าไม่อยากให้ท่านเรียกข้าเช่นนั้น”
“ก็ได้ค่ะพี่ซื่อหมิน เรียกอย่างนี้ก็สบายดีไม่ยาวมากด้วย”
“แต่กว่างายโคมลอยจะเริ่มก็อีกนาน ตอนนี้ข้าว่าไปหาอะไรทานก่อนดีกว่านะครับ”
“ข้าเห็นด้วยค่ะ อ๊ะข้าลืมพี่หลงเปากับพี่เสี่ยวเย่เลย” พูดถึงสองสาวใช้ก็ปรากฏตัวทันที
“ท่านหญิงน่ะลืมพวกข้าได้อย่างไรกันค่ะ”เสียวเย่เอ่ยอย่างน้อยใจ
“ข้าขอโทษ เอ่อนี่คือท่านพี่หยางซื่อหมิน แล้วนี่ก็พี่เลี้ยงของข้าเองคนทางซ้ายพี่หลงเปา คนทางขาวพี่เสี่ยวเย่”
เมื่อแนะนำตัวเสร็จทุกคนก็เดินหาร้านอาหารเพื่อกันรอเวลาที่จะเริ่มงานโคมลอยที่มีขึ้นในไม่ช้านี้
-
อย่าลืมแปะกฎด้วยนะค่ะ
:bye2:
-
3
หลังจากที่เดินหาร้านอาหารอยู่นานก็มาถึงยังโรงเตี๋ยมที่ใหญ่พอตัว ข้างในมีแต่พวกขุนและพ่อค้าที่ร่ำรวย หนี่เจินเห็นแล้วไม่อยากจะเข้าเลยชะงักเท้าทำให้คนที่เดินตามมาพากันสงสัย
“ทำไมท่านหญิงไม่เข้าล่ะค่ะ”เสี่ยวเย่เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าว่าเราหาร้านอื่นดีกว่าเอาโรงเตี๋ยมกลาง ๆ พอ ข้าไม่อยากเข้าที่นี่”
หนี่เจินเดินออกห่างร้านนั้น ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับกลุ่มของชายหนุ่มที่เดินตามมาติด ๆ สองบ่าวที่เดินตามนายของตนหันมองหน้ากันแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลยหันไปถามผู้เป็นนายแทน
“นายท่าน ข้าว่าท่านหญิงท่านนี้แปลกมั้ยขอรับ”ตงเฟยเป็นฝ่ายเอ่ยถามในข้อสงสัยผู้เป็น นายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถ้าเป็นปกติหญิงสูงศักดิ์ก็ต้องไปในที่ ๆ สูงศักดิ์ แต่นางกลับไม่ใช่เช่นนั้นทั้งยังบอกว่าไม่อยากเข้าอีก
เดินมาได้สักก็เจอโรงเตี๋ยมขนาดกลางที่ผู้คนไม่มากนัก คราวนี้หนี่เจินเลือกที่จะขึ้นไปนั่งยังชั้นสองและติดกับระเบียงที่มองเห็น ข้างนอก
“นางจะกินอาหารแบบนี้ได้หรือนายท่าน แล้วนางคิดเช่นไรถึงได้เข้าร้านนี้ล่ะ”จิ้งเต๋อเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่เจ้าของร้านพามานั่ง
“ข้าเองก็อยากรู้ว่าเหตุใดนางจึงไม่เลือกร้านนั้น แต่กลับเลือกร้านนี้แทน”
เมื่อได้ร้านอาหารและโต๊ะนั่งแล้วหนี่เจินก็สั่งอาหารมากมายที่พอจะกินได้หกคนมา แล้วก็หันไปมองทิวทัศน์ด้านนอกแทน
“แม่นางเฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามท่าน”
“เรียกหนี่เจินก็ได้ค่ะพี่ซื่อหมิน ข้าไม่ถือหรอก”
“อ่า...หนี่เจิน ข้ามีเรื่องถามเจ้า”
“ค่ะว่ามาเลยพี่ซื่อหมิน”
“ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าร้านแรกล่ะ ในเมื่อมันออกจะสมฐานะของเจ้า”ซื่อหมินมองไปยังคนตรงหน้าที่ยิ้มน้อย แต่ทำให้หัวใจกระตุ้กไม่น้อย
“นั้นก็เพราะข้าไม่อยากให้พวกท่านพี่ที่ตามข้ามาต้องอึดอัดกับบรรยากาศของที่นั้น ก็ที่นั้นมีแต่เหล่าขุนนางชั้นสูง พวกนั้นก็ไม่ชอบที่ให้คนชั้นกลางเข้าไปนักหรอกค่ะ และอีกอย่างข้าเองก็ไม่ชอบคนพวกนั้นที่มองคนที่ภายนอกด้วย”
“แล้วอีกอย่างไม่ว่าทานอะไรที่ไหนก็อาหารเหมือนกัน ไม่จำเป็นที่ข้าจะทานที่นั้นอย่างเดียวหรอกค่ะ”
คำตอบของหนี่เจินเล่นทำเอาคนทั้งหมดที่ได้ฟังถึงกับชื่นชม ที่นางไม่ยึดติดกับยศฐานบรรดาศักดิ์เลย และยังนึกพวกเขาที่ตามนางมาอีกด้วย
ยิ่งได้ยินเช่นนี้ยิ่งทำให้ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยในตัวของธิดาอ๋องเฉินยิ่งนัก และคิดแผนที่จะให้นางเข้าวังและเป็นฮองเฮาคู่บารมีของตนเองให้ได้
“ข้าว่าเรารีบทานดีกว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามข้างหน้างานโคมลอยก็จะเริ่มแล้ว เพราะข้ามัวแต่หาร้านอาหารแท้ ๆ ทำให้พวกท่านต้องเสียเวลากับข้าไปด้วยเลย”
เสียงตอบอย่างไม่พอใจน้อย ๆ เรียกร้อยยิ้มจากคนที่ยิ้มยากเช่นนายของเขาได้ ท่านหญิงคนนี้ไม่เลวเลย ตงเฟยมองหน้าผู้เป็นนายที่อมยิ้มกับความน่ารักใสซื่อของท่านหญิงตระกูลเฉิน แล้วหันไปกระซิบกับเพื่อนพูดคุยถึงความแปลกตาไปของเจ้านายตนเอง
แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วคนทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ลานที่จัดงานโคมลอย ผู้คนมากมายต่างพากันเข้ามาในงานทำให้บรรยากาศครึกครื้น ภายในงานมีการออกร้านมากมายและผู้คนต่างให้ความสนมาก เดินไปเลื่อย ๆ จะเจอกับลานที่ใช้ในการปล่อยโคมลอย
หลังจากที่ลอยโคมกันแล้วก็เดินไปยังศาลาริมน้ำนั่งดูโคมลอยกันแล้วก็ถึงเวลาที่แยกย้ายกันซะที
“คุณหนูนี่ดึกมาแล้วข้าว่าเรากลับกันเลยดีกว่านะค่ะ ท่านอ๋องกับฮูหยินจะเป็นห่วงเอาได้นะคะ”เสี่ยวเย่เตือนหนี่เจินที่กำลังนั่ง ดูโคมลอยเพลิน ๆ อยู่
“จริงด้วย! งั้นเห็นทีข้าคงต้องกลับจริง ๆ เสียแล้ว ไม่งั้นท่านพ่อท่านแม่ได้ให้คนออกตามหาแน่”
“เจ้าจะกลับแล้วหรือหนี่เจิน”เสียงที่เจือเศร้าเพราะไม่อยากจากคนตรงหน้า
“ค่ะพี่ซื่อหมิน เห็นทีข้าควรกลับได้แล้วมิเช่นนั้นคนที่ตำหนักจะเป็นห่วงเอา”
“แล้วข้าจะได้มีโอกาสพบเจ้าอีกหรือไม่”
“ถ้ามีวาสนาต่อกันข้าเกรงว่าเราคงได้พบกันอีก แต่ถ้าท่านอยากพบข้าล่ะก็ให้ท่านไปหาข้าที่ตำหนักอ๋องเฉินก็ได้ค่ะ แค่เพียงท่านบอกมาพบหนี่เจินเขาจะมาบอกข้าเอง”
“ถ้าว่าเช่นนั้นข้างเองก็คงไม่มีเรื่องใดจะพูดอีก หวังว่าข้าคงได้พบเจ้าอีกเท่านั้น”
“ค่ะพี่ซื่อหมินแล้วพบกันใหม่”
“แล้วพบกันใหม่”
เมื่อล่ำลาเสร็จหนี่เจินก็เดินทางกลับจ้วนอ๋องเฉินทันทีและเมื่อถึงประตูตำหนักก็เห็นว่าผู้คนในจ้วนต่างพากันวุ่นวายอยู่
“นั้นไงเห็นมั้ยค่ะท่านอ๋องน้อย ข้านึกแล้วไม่มีผิด”เป็นเสี่ยวเย่ที่ทักขึ้น
“เอาน่ามันไม่ถึงกับตายหรอน่า แค่โดนทำโทษนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”หนี่เจินพูดติดตลกแต่สองพี่เลี้ยงสาวกับไม่ตลกด้วยสิ
“ท่านอ๋องน้อยกลับมาแล้ว พวกเรารีบไปรายงานท่านอ๋องกับฮูหยินเร็ว”เสียงของพ่อบ้านร้องขึ้นเมื่อหันมาเห็นหนี่เจินเข้า
“ท่านอ๋องน้อยท่านหายไปไหนมา รู้มั้ยว่าคนทั้งจ้วนเป็นท่านแค่ไหน”พ่อบ้านจางจู่ซกเอ่ยถามพลางสำรวจหมุน ซ้ายหมุนขวาจนหนี่เจินเวียนหัวไปหมด
“พอก่อนพ่อบ้านจาง ท่านกำลังทำให้ข้าเวียนหัวแล้วนะ”หนี่เจินเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
“ขออภัยขอรับท่านอ๋องน้อย ข้าแค่สำรวจดูว่าท่านไม่บาดเจ็บตรงไหนเท่านั้น”พ่อบ้านจางตอบแล้วก็ถอยห่างนำหนี่เจินเข้าตำหนัก
เมื่อเข้าไปยังข้างในจ้วนเสียร้องดีใจก็ดังกันทั่วหน้า ที่เห็นผู้ที่ทุกคนต่างตามหากันให้ทั่วกำลังเดินเข้ามา
“ลูกแม่ ลูกหนี่เจินเจ้าหายไปไหนมารู้มั้ยว่าแม่แทบนั่งไม่ติดที่เมื่อได้ยินว่าเจ้าหายตัวไป”ฮูหยินหลิงหลันโอบกอดหนี่เจินไว้ ก่อนจะตรวจดูไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนอย่างที่พ่อบ้านจางทำ
“ท่านแม่ข้าไม่ได้เป็นอะไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าแค่ออกไปเที่ยวข้างนอกเท่านั้นและก็เลยไปงายโคมลอยมา”
“เจ้าไม่ควรออกไปเลย แม่เป็นห่วงเจ้าพ่อเจ้าเกือบจะออกไปตามหาเจ้าแล้วถ้าเจ้ายังไม่กลับมาอีกภายครึ่งชั่วยาม”
“ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงข้ามากเกินไปแล้วนะครับ ข้าน่ะเป็นบุรุษเพศหาใช่สตรีไม่ใยข้าต้องกลัวอันตรายด้วย”
“แม้นหากเจ้ามีใบหน้าเยี่ยงบุรุษควรมีพ่อก็จะไม่ห่วงเจ้าเลยหนี่เจิน”อ๋องเฉินกล่าวขึ้นพลางโอบกอดลูกชายคนรองไว้
“ท่านพี่นี่ก็ดึกแล้วข้าว่าเราควรจะให้ลูกได้พักผ่อนก่อนมีอะไรค่อยพูดคุยกันพรุ่งนี้จะดีกว่านะค่ะ”
“งั้นเจ้าไปพักผ่อนเถอะหนี่เจิน พรุ่งนี้พ่อจะถามเจ้าว่าไปข้างเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนี่เจินที่กำลังเตรียมใจว่าพรุ่งคงไม่พ้นถูกทำโทษก็ โล่งอกขึ้นทันตา ที่แท้ก็เรียกมาถามว่าข้างนอกเป็นเช่นไร
“ครับท่านพ่อ”
หลังจากเรื่องยุ่ง ๆ ผ่านพ้นไปหนี่เจินก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนชุดและเข้านอน วันนี้เกิดอะไรหลายอย่าง แต่ที่ทำให้หนี่เจินคิดอยู่ในขณะนี้คงไม่พ้นชายหนุ่มที่นามว่าหยางซื่อหมินเป็นแน่
ณ เวลาเดียวของอีกฝั่งในวังหลวง
“ไม่รู้ตอนนี้เจ้าจะทำอะไรอยู่นะหนี่เจิน”
ฮ่องเต้ถังไท่จงทรงทอดมองออกไปยังข้างนอกที่ตอนนี้ดวงจันทราขึ้นให้เห็นได้เด่นชัด พระจันทร์วันนี้ช่างสวยงามนักแต่ก็ยังแพ้ความงามของนางอันเป็นที่รัก
ในตอนเช้าของวันต่อมาฮ่องเต้ถังไท่จงก็ทรงไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาและก็ต้องเป็นที่แปลกพระทัยอย่างยิ่ง เพราะปกติฮ่องเต้จะไม่รีบเข้าเฝ้าด่วนในยามเช้าเช่นนี้เพราะจะทรงงานก่อน แล้วถึงได้แวะไปเยี่ยมพระมารดา แต่วันนี้กลับเช้าซึ่งไม่เคยเกิดเรื่องช่นนี้มาก่อน
“วันนี้เจ้ามาหาแม่รีบเร่งด่วนมีเรื่องอะไรรึ”ฮ่องไทเฮาทรงตรัสถามอย่างสงสัยว่าลูกชายคนนี้มีเรื่องด่วนอะไรนักถึงได้มาแต่เช้าเช่นนี้
“เสด็จแม่ หม่อมฉันมีเรื่องอยากให้เสด็จแม่ทรงช่วยพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ทรงตรัสตอบพระมารดา
“มีเรื่องอะไรจะให้แม่ช่วยเจ้ารึ รีบบอกมาสิ”
“หม่อมฉันอยากให้เสด็จแม่เรียกธิดาอ๋องเฉินเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”
“เรียกธิดาอ๋องเฉินเข้าวัง เรียกนางเข้ามาทำไมล่ะ”
“หม่อมฉันอยากได้นางเป็นฮ่องเฮาพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสออกมาทำให้ฮ่องไทเฮาทรงแปลกพระทัยยิ่งนั้นในเมื่อพระนางเคยเสนอลูกขุนนางมากมายให้เป็นสนมและส่งเสริมให้พวกนางเหล่านั้นเป็นฮ่องเฮา แต่ไม่มีสักคนที่พวกนางจะเป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ แต่นี่ฮ่องเต้กลับเป็นฝ่ายขอให้ธิดาอ๋องเฉินขึ้นมาเอง ยิ่งคิดยิ่งสงสัย
“เจ้าคิดดีแล้วหรือ เจ้าเคยเห็นนางแล้วหรืออย่างไรถึงได้อยากได้นางเป็นฮ่องเฮา”
“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเคยพบนางแล้วและคิดว่านางเหมาะสมที่จะเป็นฮ่องเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“เลยอยากให้แม่เรียกนางเข้าวังอย่างงั้นสินะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้แม่รับปากว่าจะเรียกนางเข้าวัง แต่แม่ไม่รับปากว่านางจะยอมเป็นฮ่องเฮาหรอกนะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าแต่เจ้าสนใจธิดาอ๋องเฉินคนไหนล่ะ”
“เฉินหนี่เจินพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”
“เฉินหนี่เจินหรือ แม่ไม่เคยเห็นหน้าเลยแต่เห็นว่าหลิงหลันบอกว่านางสวยมาก”
“พ่ะย่ะค่ะ นางงดงามมากจนหม่อมฉันไม่สามารถอธิบายได้”
“ได้แม่จะจัดการให้เจ้าเอง”ฮ่องไทเฮาทรงแย้มพระสรวลน้อย ๆ อย่างพึ่งพอพระทัยที่ฮ่องเต็ทรงคิดที่จะแต่งตั้งฮ่องเฮาเสียที
-
4
ด้านจ้วนอ๋องเฉิน
ในตอนเช้าอ๋องเฉิน ฮูหยินหลิงหลัน จิ้นฟงผู้เป็นพี่ชาย และชุนเซียงผู้เป็นน้องสาวต่างสักถามเรื่องที่หนี่เจินออกไปเที่ยวจนได้ เรื่องเมื่อวานนี้และหนี่เจินเล่าว่าเขาได้พบกับอะไรบ้าง
“ดีแล้วที่เจ้าปลอดภัย พ่อล่ะอยากให้รางวัลพ่อหนุ่มคนนั้นเสียจริงที่ช่วยเจ้าไว้ทันเวลา”อ๋องเฉิน เอ่ย ทำเอาคนที่ได้ฟังกันต้องพากันคิดไปว่า ถ้าเขาของอ๋องน้อยหนี่เจินล่ะจะว่าอย่างไร
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกไปเพราะทุกคนต่างรู้ดีกว่าท่านอ๋องเฉินคนนี้หวงและห่วงท่านอ๋องน้อยเพียงใด ลูกชายที่งดงามยิ่งหว่าหญิงใดในใต้หล้า ยกเว้นแต่ฮูหยินหลิงหลันผู้เป็นแม่เท่านั้นที่ท่านอ๋องยกเว้นไว้คน
“แล้วถ้าชายหนุ่มผู้นั้น ขอลูกหนี่เจินท่านอ๋องก็จะให้เขาหรือ”ฮูหยินหลิงหลันเป็นผู้เอ่ยถามคำถามที่ ทุกคนในที่นั้นมิกล้าถามอย่างแน่นอน
“ไม่มีทาง ลองขอสิข้าจะจับมันผู้นั้นไปลงโทษเสียที่บังอาจมาขอลูกหนี่เจินที่ข้ารักมากเช่นนั้น”
“ข้าเองก็มีไม่ทางยกน้องรองให้ใครหน้าไหนเด็ดขาด ข้าจะปกป้องน้องรองเองท่านพ่อ”จิ้นฟงเอ่ยสนับสนุนผู้เป็นพ่อ
“ถ้าท่านพ่อและท่านพี่ทำเช่นนั้นจริง ข้าคงต้องสงสารพี่รองซะแล้วที่พวกท่านห่วงเขาเกินไป”ชุนเซียงเอ่ยขึ้นพลาง หันไปมองผู้เป็นพี่ชายคนรอง
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ น้องเล็ก พูดเรื่องอะไรกันข้าไม่เห็นเข้าใจเลยจะให้ข้าชอบผู้ชายด้วยกันได้เช่นไร ในเมื่อตัวข้านั้นเป็นบุรุษเพศเดียวกัน”หนี่เจินพูดขึ้น
แต่ทุกคนกลับคิดตรงกันว่า จะมีหญิงใดกล้าแต่งกับเขากันในเมื่อ หน้าตาของเขาสวยกว่าผู้หญิงแท้ ๆ เสียอีก แล้วผู้เป็นพ่อก็ต้อถอดหายใจอีกครั้ง เขาจะไม่หนักใจเลยถ้าลูกคนนี้หน้าตาเป็นเยี่ยงบุรุษพึ่งจะมี
“ท่านอ๋อง ฮูหยินครับ มีคนของราชสำนักมาขอเข้าพบครับ”พ่อบ้านจางเดินเข้ามารายงาน
“คนของราชสำนักมาทำอะไรที่นี่”อ๋องเจินถามกลับไปอย่างสงสัย
“ไม่ทราบครับ เห็นบอกว่าต้องการพบท่านอ๋องแลฮูหยินเป็นการด่วนเห็นว่าเป็นรับสั่งของฮ่องไทเฮาครับ”
“เป็นรับสั่งของฮ่องไทเฮาอย่างงั้นรึ มันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากแน่ ๆ เจ้ารีบพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองก่อนแล้วบอกว่าข้าและฮูหยินจะรีบไป“
ไม่นานนักอ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันก็ไปถึงยังห้องรับรองที่ตอนนี้มีคนของ ราชสำนักคอยอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องคนของราชสำนักก็ยืนขึ้นแล้วคราวะอ๋องเฉินและฮูหยินหลิง หลัน
“ต้องขออภัยที่ทำให้พวกท่านต้องรอ เชิญนั่งก่อน”พูดจบก็นั่งลงยังที่นั่งของตนเอง พร้อมกับฮูหยินหลิงหลันที่นั่งเคียงข้าง
“ขอบคุณครับท่านอ๋อง”
“ไม่ทราบว่าที่พวกท่านมานั้นมีเรื่องอันใดหรือ”
“เรานำราชองค์การของฮ่องไทเฮามาให้ท่านครับ”
“ราชองค์การอย่างนั้นหรือ”อ๋องเฉินเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ครับท่านอ๋อง ทรงมีราชองค์การให้ธิดาของท่านเข้าวังครับ”
“ธิดาของข้า มีรับสั่งให้ธิดาของข้าเข้าวังหรือ”
“ครับ พระองค์บอกว่าทรงอยากให้ท่านหญิงหนี่เจินเข้าเฝ้าในวันพรุ่งนี้ครับ”
“วะ...ว่าไงนะ!! ให้หนี่เจินเข้าเฝ้าพระองค์แทนที่จะเป็นชุนเซียงน่ะหรือ”
“ครับท่านอ๋อง”
“ท่านพี่เราจะทำเช่นไรดีค่ะ”เสียงฮูหยินหลิงหลันถามผู้เป็สามีอย่างร้อนใจนัก
“มันต้องมมีทางออกสิ ไม่เป็นไรเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าคิดว่าเราต้องผ่านมันไปได้ด้วยดีแน่”
ท่านอ๋องปลอมใจผู้เป็นภรรยาที่ตอนนี้ทำท่าจะร้องไห้เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าฮ่องไทเฮาต้องการเรียกลูกหนี่เจินไปเข้าวังเพื่อเรื่องอันใดหรือท่าน”
“เรื่องนี้ข้าเองก็มิทราบเมื่อกันท่านอ๋อง พระองค์บอกเพียงว่าจะให้เขาเฝ้าในวันพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้!!” ทั้งอ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันร้องออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
“เอ่อ... งั้นข้าฝากกราบทูลฮ่องไทเฮาด้วยว่าข้ารับทราบแล้วและจะพาลูกหนี่เจินไปเข้าเฝ้า”
“ครับ งั้นหมดเรื่องแล้วข้าขอตัวก่อน”
แล้วคนของราชสำนักทั้งสองก็เอ่ยลาแล้วรีบกลับเข้าวังทั้งที เพื่อนำเรื่องนี้ไปกราบทูลต่อฮ่องไทเฮาซึ่งร้องฟังข่าวอยู่ที่ตำหนักหลงซู่
กลับไปด้านวังหลวงที่ตอนนี้ฮ่องเต้เอาแต่เฝ้าให้ถึงวันที่จะพบกับหนี่เจินอีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ จนไม่อันเป็นทำราชกิจ ฎีกาที่ถูกนำมาถวายยังคงกองสุมอยู่บนโต๊ะทำงานเยอะแยะมากมาย แต่ดูท่าฮ่องเต้จะทรงไม่สนใจเอาแต่มองออกไปยังหน้าประตูเผื่อที่ขันทีจะเดิน เข้ามากราบทูลถึงข่าวดี
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จะไม่ทรงงานหรือพ่ะย่ะค่ะตอนนี้มีฎีกามากมายรอให้พระองค์ทรงอ่านและตอบกลับ มากมายนะพ่ะย่ะค่ะ”เสียงมหาขันทีเสี่ยวหลงจือ
“ตอนนี้จิตใจข้าไม่อยากทำอะไรเลย ข้าอยากได้ยินว่านางจะยอมรับการเข้าวัง และเมื่อถึงตอนนั้นข้าถึงจะมีอารมณ์ทำงานต่อ”
“แต่ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จะทรงเสียการเสียงานนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืมนั้นสินะ งั้นข้าจะตอบฎีกาทั้งหมดนี้ก็พอใช่มั้ย”คำตอบที่เล่นเอาทำให้มหาขันทียิ้มบาง ๆ อย่างพอใจที่ฝ่าบาทจะทรงงานเสียที
“พ่ะย่ะค่ะ แค่ตอบฎีกาก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูล” เสียงของหยวนตงเฟยกล่าวขึ้นขณะที่ฮ่องเต้กำลังตอบฎีกา ทำให้ความสนใจล่ะจากฎีกาตรงหน้ามองผู้มาใหม่แทน
“เจ้ามีเรื่องอะไรรีบบอกข้ามาสิ”
“ทรงทราบหรือยังพ่ะย่ะค่ะว่าฮ่องไทเฮาจะทรงเรียกท่านหญิงหนี่เจินเข้าวังในวันพรุ่งนี้”
“เจ้าว่าอะไรนะ! เป็นเรื่องจริงหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ แล้วทางท่านอ๋องก็รับทราบแล้วด้วยเห็นบอกว่าพรุ่งนี้จะให้เฉินหนี่เจินเข้าวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี ๆ งั้นข้าจะรีบทำงานพรุ่งนี้ข้าจะได้ไปพบหนี่เจินเสียที”
“งั้นหม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้ฮ่องเต้ที่ตอนแรกไม่มีแรงใจจะทำงานก็ตั้งหน้าตั้งตา ตอบฎีกามากมายที่กองสุมอยุ่กองโต แต่ตอนนี้แทบจะไม่หลงเหลืออีกแล้ว
เช้าวันใหม่ก็มาถึง
ในตอนเช้าที่แสนสนชื่นเช่นนี้ แต่บรรยากาศจ้วนอ๋องเฉินกับไม่สดชื่นนักเมื่อท่านอ๋องน้อยตระกูลเฉินจะต้อง แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นหญิงงามแทนชายหนุ่มรูปงามดั่งเช่นเคย
“ไม่เคยคิดเลยการที่เราไม่ให้เจ้าออกนอกจ้วนจะทำให้เป็นเรื่องเช่นนี้ได้”เสียงท่านอ๋องเฉินเอ่ยออกมาอย่างปลง ๆ
“ก็เพราะท่านพี่หวงลูกหนี่เจินเกินไปเลยทำให้เป็นเรื่องอย่างนี้ไงเล่า ใคร ๆ ก็คิดว่าเราหวงลูกหนี่เจินเลยคิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าลูกหนี่เจินเป็นท่านหญิงใหญ่ของท่านอ๋องแทนที่จะคิดว่าเป็นท่านอ๋องน้อยแทน”เสียงฮูหยินหลิงหลันตอบกลับผู้เป็นสามี
“ก็ข้าไม่อยากให้หนี่เจินออกไปแล้วเจอเรื่องไม่ดี ก็เลยอยากให้อยู่แต่ในจ้วนนี่ อีกอย่างลูกเราออกจะสวยกว่าผู้หญิงขืนให้ออกไปข้างนอก ข้าเกรงว่าลูกเราจะไม่ปลอดภัย”
“ก็เลยทำให้ชาวบ้านเขาคิดว่าลูกเราเป็นบุตรสาวแทนบุตรชายน่ะสิ เพราะพวกพ่อค้าที่เข้ามาขายของก็แอบมาสืบข่าว และมีบางครั้งก็บอกว่าเป็นฝาแฝดกับชุนเซียงอีก พวกเราเองก็ไม่เคยบอกกับใคร ๆ ว่าหนี่เจินเป็นบุตรชายมีแต่คนที่จ้วนเท่านั้นที่รู้ว่าลูกเรานั้นเป็นบุตรชายหาใช่บุตรสาว”
“ข้าผิดเองที่เป็นหวงว่าลูกจะเป็นอันตรายจนทำให้เขาต้องทำแบบนี้ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจทำไมฮ่องไทเฮาถึงอยากเจอลูกหนี่เจิน”
“เรื่องนั้นคงเป็นเพราะข้าเอง ตอนนั้นข้าพาฮูหยินเหม่ยเจียงมาที่จ้วนและตอนนั้นลูกชุนเซียงจับให้ลูกหนี่เจินแต่งเป็นสตรีอยู่ พอฮูหยินเหม่ยเจียงเห็นเขาก็ถามและได้เล่าเรื่องนี้ให้ฮ่องไทเฮาทรงทราบและ เรียกข้าไปสักถาม ข้าเลยบอกว่าลูกหนี่เจินเป็นบุตรีไป”
“เรื่องนี้ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะกราบทูลอย่างไร ข้าว่าตอนนี้ควรไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาก่อนดีกว่า”
-
5
หลังจากที่จ้วนอ๋องเฉินวุ่นวายกับการจับท่านอ๋องน้องแปลงโฉมเป็นท่านหญิงผู้ งามได้สำเร็จ ก็ออกเดินทางเพื่อเข้าไปยังวังหลวงทำคำสั่งของฮ่องไทเฮา
“ท่านแม่ ทำไมข้าถึงต้องเข้าวังด้วยล่ะ นี่เป็นสิ่งที่น้องหญิงต้องเป็นคนทำมิใช่หรือ”เสียงหนี่เจินถามฮูหยินหลิงหลัน
“พอเจ้าไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาแล้วเจ้าจะเข้าใจเองลูกแม่”
“ครับท่านแม่”
และทั้งสองก็เดินทางเข้าไปในวังและตอนนี้ได้มาถึงยังตำหนักล่งซู่ของฮ่อ งไทเฮาแล้ว เมื่อมาถึงยังหน้าตำหนักนางรับใช้ของฮ่องเฮาก็เดินเข้ามาและโค้งคำนับฮูหยิน หลิงหลันและหนี่เจิน
“ฮ่องไทเฮารอพวกท่านอยู่ข้างในแล้วค่ะ เชิญด้านในเลยได้เลยค่ะ”พูดจบนางก็เดินนำทั้งสองเข้าไปยังด้านใน
เมื่อเดินเข้าไปยังด้านในตำหนักที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเล่นทำให้คนที่พึ่ง มาใหม่อย่างหนี่เจินมองนู่นนี่อย่างสนใจ ก่อนที่สองแม่ลูกจะไปถึงยังห้องที่ฮ่องไทเฮาทรงรออยู่
“ฮ่องไทเฮาเพค่ะ ฮูหยินหลิงหลันกับท่านหญิงหนี่เจินมาถึงแล้วเพค่ะ”
“ให้พวกนางเข้ามาได้”
“เพค่ะฮองไทเฮา”
“เข้ามาก่อนสิหลิงหลัน”
“เพค่ะฮองไทเฮา”
“พวกเจ้าเข้ามาแล้วนั่งก่อนสิ ไหนให้ข้าดูหน้าใกล้ ๆ หน่อยหนี่เจิน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าใช้ศัพท์นามผิดไปนะ ต้องเพค่ะแทนพ่ะย่ะค่ะสิเจ้าเป็นผู้หญิงนะ”
“พะ...เพค่ะ”
เมื่อเข้าไปยังในห้องสองแม่ลูกก็ถูกสั่งให้นั่งลงและหนี่ถูกเรียกให้เข้าไปหาใกล้ ๆ ฮ่องไทเฮาพิจารณารูปร่างหน้าตาและกิริยาที่งดงามสมเป็นหญิงของหนี่เจินก็พึ่งพอใจ ฮ่องเต้ช่างเลือกดีแท้งามหมดจดไม่ว่าจะเป็นท่วงท่า กิริยา หรือรูปร่างหน้า นางเหมาะสมจะเป็นฮ่องเฮา
“ข้าจะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในวันนี้เพราะข้าอยากให้หนี่เจินเข้าวัง”
“แต่หม่อมฉันคิดว่าหนี่เจินไม่เหมาะกับวังหลวงหรอกเพค่ะฮ่องไทเฮา”
“ทำไมเจ้าคิดว่าไม่เหมาะล่ะหลิงหลัน”
ผู้เป็นแม่ทำหน้าซีดเมื่อฮ่องไทเฮาถามถึงเหตุผล
“ลูกของหม่อมฉันเป็นบุรุษเพค่ะ”
“นี่เจ้าจะล้อข้าเล่นหรือไง หน้าตาหมดจด รูปร่างบางเล็กเช่นนี้ จะใช่บุรุษได้เช่นไรเจ้าไม่อยากให้ลุกเจ้าเข้าวังมาอยู่กับข้าก็ว่ามาเถอะ”
เมื่อรับรู้ถึงกระแสรับสั่งที่ไม่พอพระทัยทำเอาฮูหยินหลิงหลันทำตัวไม่ถูก รวมถึงหนี่เจินที่พลอยนั่งหน้าถอดสีไปด้วยอีกคน
“เอ่อ...หม่อมฉัน”
“ข้ารู้แล้วเจ้าคงห่วงลูกคนนี้มากล่ะสิถึงได้ไม่อยากให้ลูกของเจ้าเข้าวัง เจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี”
“เพค่ะ หม่อมฉันห่วงลูกคนนี้มากเนื่องจากไม่เคยออกไปไหนมาก่อน”
“ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าก็ได้ ข้าโตแล้วนะเห็นอย่างนี้แต่ข้าจะไม่ให้ใครรังเกข้าอย่างแน่นอน” หนี่เจินเดินเข้าไปใกล้ผู้เป็นแม่แล้วโอบกอดไว้
“เห็นมั้ยหนี่เจินยังไม่กลัว แล้วใยเจ้าจึงกลัวล่ะลองให้ลูกเจ้าใช้ชีวิตในวังสิข้าจะคอยดูแลแทนเจ้าเอง”
“เอ่อ...ฮ่องไทเฮาเพค่ะ หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูล”หนี่เจินเอ่ยออกก่อนที่จะทำให้ฮ่องไทเฮาแปลกพระทัยอยู่ไม่น้อย
“ว่ามาสิเรื่องที่จะบอกข้า”
“หม่อมฉันขออยู่ในวัง 7 วันกลับบ้าน 7 วันจะได้มั้ยเพค่ะ”
“ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ หรือเจ้าไม่อยากอยู่ในวังแห่งนี้”
“เปล่าเพค่ะ หม่อมฉันแค่คิดถึงบ้านหากต้องจากบ้านไปเลย”
“ได้ข้าอนุญาตแต่เจ้าเองก็ต้องรักษาสัญญานะว่าจะอยู่ในวัง 7 วันกลับบ้าน 7 วัน ไม่ใช่เจ้าพอได้กลับบ้านแล้วไม่อยากกลับเข้าวังอีกล่ะ”
“พ่ะ...เอ่อ..เพค่ะ หม่อมฉันจะทำตามนั้น"
“งั้นเจ้าก็เริ่มอยู่ในวังตั้งแต่วันนี้เลยเป็นไงล่ะ”
สิ่งที่ฮ่องไทเฮารับสั่งออกมาทำให้แม่ลูกทั้งต่างพากันมองหน้าอย่างมิได้นัดหมาย แล้วก็เป็นฝ่ายลูกที่วิงวอนผู้เป็นแม่ให้แก้ไขเรื่องนี้ให้หน่อย
“เอ่อ...ฮ่องไทเฮาเพค่ะ การให้หนี่เจินอยู่ในวังวันนี้เลยจะไม่เร็วไปหน่อยหรือเพค่ะ”
“ยิ่งเร็วสิ่ยิ่งดี ฮ่องเต้น่ะชอบพอในตัวของหนี่เจินมากถึงกับเป็นคนออกปากขอร้องให้ข้ารับหนี่เจินเข้าวังด้วยตัวเองเชี่ยวนะ”
“ฮ่องเต้!!”เสียงร้องสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันอย่างประหลาดใจ
เขาไปเคยพบกับฮ่องเต้ตอนไหนกันนะ เท่าที่จำได้เขาไม่แม้แต่จะเคยเห็นพระพักตร์ของฮ่องเต้เลยสักครั้ง
“ใช่ ฮ่องเต้ลูกข้าบอกว่าอยากให้หนี่เจินเข้าวังเองเลยล่ะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ไปพบเจอหนี่เจินได้อย่างไรแต่ว่าฮ่องเต้ไม่เคยของ ให้ข้าเรียกใครเข้าวังเหมือนกับหนี่เจินมาก่อนซะด้วย”
“เอ่อ...การเรียกตัวเข้าวังมันไม่ได้ความว่าฮ่องไทเฮาจะให้ลูกหนี่เจินเป็นสนมของฝ่ายบาทหรอกนะเพค่ะ”
“ข้าไม่เคยคิดอยากให้หนี่เจินเป็นสนมนะ”
พอได้ยินดังนั้นก็ทำให้สองแม่ลูกสบายใจที่ลูกของตนไม่ต้องเข้าวังเพื่อนถวายตัว แต่สิ่งที่ได้ยินตามหลังมานั้นทำให้สองแม่ลูกแทบจะล้มทั้งยืน
“ข้าไม่อยากให้หนี่เจินเป็นสนม แต่อยากให้เป็นฮองเฮาต่างหากเล่า”
“ฮองเฮาหรือเพค่ะ ทำไมทรงรับสั่งเช่นนั้นเพค่ะลูกของหม่อมฉันหรือจะเป็นฮ่องเฮา”
“ทำไมเจ้าล่ะ เจ้าคิดว่าลูกของเจ้าไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือหลิงหลัน”
“หม่อมฉันคิดเช่นนั้นจริง ๆ เพค่ะ ลูกของหม่อมฉันยังเด็กนักทั้งยังขาดความเป็นกุลสตรีคงไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้นเพค่ะฮ่องไทเฮา”
“แต่เท่าที่ข้าเห็นนางก็กิริยาเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีอยู่แล้วมิใช่หรือ”
หนี่เจินที่ตอนนี้ถูกพลาดพิงก็สดุ้งตัวน้อย ๆ
“เพราะงั้นข้าเลยอยากให้นางเข้าวังตั้งแต่วันนี้ไง เพื่อเรียนการเป็นกุลสตรีที่เหมาะสมจะขึ้นเป็นฮ่องเฮารวมไปถึงขนบทำเนียม ประเพณีในวังทั้งหมดด้วย”
“พะ...เพค่ะฮองไทเฮา แต่ว่า...”
แต่ยังไม่ทันที่ฮูหยินหลิงหลันจะได้พูดต่อฮองไทเฮาก็หันไปถามหนี่เจินซะก่อน
“เจ้าว่าอย่งไรหนี่เจินจะลองเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในวังสักหน่อยดีหรือเปล่า ถ้าอยู่ไปแล้วเจ้าไม่ชอบข้าจะไม่ทักท้วงอีก”
“ได้เพค่ะ หม่อมฉันจะลองทำดูเพค่ะ” หนี่เจินตอบออกไปด้วยความมั่นใจ
“งั้นก็ดีข้าให้คนจัดห้องให้เจ้าแล้ว ซูหลางพาหนี่เจินไปยังห้องที่ข้าเตรียมไว้ซะสิ”
“เอ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะขอเพค่ะ หม่อมฉันอยากให้สาวใช้คนสนิทมาค่อยรับใช้จะได้หรือเปล่าเพค่ะ”
“ได้สิข้าอนุญาต งั้นหลิงหลันเจ้ากลับจ้วนอ๋องเฉินก็ส่งพวกนางเข้ามาในวังให้ดูแลหนี่เจินแล้วกัน”
“รับด้วยเกล้าเพค่ะ”
“เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าไปได้แล้ว”
“เพค่ะ” สองแม่ลูกรับคำก่อนจะเดินออกจากห้อง
หนี่เจินกำลังเดินไปตามทางเพื่อส่งแม่ของตนกลับจ้วน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเดินใจลอยคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัวเองเลย
จู่ ๆ ก็มีมือแขร่งแกร่งข้างหนึ่งเข้าโอบรัดร่างบางของหนี่เจิน ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ทาบปิดริมฝีปากบางที่กำลังจะส่งเสียงของความช่วยเหลือซะก่อน
ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดแข็งแรงนี้แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผมนัก เพราะยิ่งหนี่เจินดิ้นแรงเท่าไรอ้อมกอดนี้ก็ยิ่งกระชับแน่นขึ้นกว่าเก่า
“เจ้าดิ้นไปก็เสียแรกเปล่ายังข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าแน่ แต่ถ้าเจ้าให้สัญญากับข้าว่าถ้าข้าปล่อยเจ้า เจ้าต้องไม่ส่งเสียงร้องแล้วก็ห้ามหนี่ด้วยข้าจะปล่อยเจ้าเดี๋ยวนี้เลย”
เสียงทุ้มนุ่มที่แสนคุ้นเคยทำให้หนี่เจินเริ่มสงบสติอารมณ์ลงและเง้ยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดแข็งแรงที่โอบกอดตนในตอนนี้
และพอหนี่เจินเง้ยหน้าก็พบกับใบหน้าหล่อคมกับตัวตาคู่สวยที่จำได้ว่าคน ๆ นี้คือใคร ‘พี่ซื่อหมิน’ ก่อนที่หนี่เจินจะพยักหน้าตอบคำถามก่อนหน้านี้
ฮ่องเต้เมื่อได้รับคำตอบกลับมาเช่นนั้นจำต้องปล่อยหนี่เจินออกจากอ้อมกอดของ ตนอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะหันไปสิ่งยิ้มให้หนี่เจินที่ตอนนี้เขินหน้าแดงอยู่อีกฝั่ง
“ทะ...ทำไมพี่ซื่อหมินถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ในเมื่อ...ที่นี่...” หนี่เจินถามขึ้นอย่างสงสัย
“ข้าเข้ามาค้าขายกับคนในวังน่ะ”
“แต่ว่าที่นี่มันเขต...”
“พอดีองค์ฮ่องไทเฮาต้องการหาของขวัญให้กับคน ๆ หนึ่ง ก็เลยเรียกข้าเข้ามาถามว่าจะหาอะไรให้คนผู้นั้นดี”
“อ้อ อย่างนี้นี่เองข้าก็นึกว่าท่านเป็นขุนชั้นผู้ใหญ่ปลอมตัวมาเสียอีก ถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้”
สิ่งที่หนี่เจินเดานั้นไม่ได้ผิดนักเสียแต่ว่าไม่ใช่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ หากแต่เป็นถึงองค์ประมุขของแผ่นนี้เสียและนั้นทำให้ฮ่องเต้สรวลออกมาน้อย ๆ ในความคิดนี้ของหนี่เจิน
“ถามแต่ข้า แล้วเจ้าล่ะทำไมถึงเข้ามาในวังเช่นนี้ได้ล่ะ”
คำถามที่ทำเอาหนี่เจินเศร้าลงทันที ซื่อหมินมองหนี่เจินแล้วพลอยใจหายไปด้วย นี่เจ้าไม่อยากอยู่ในวังกับข้าหรือหนี่เจิน ฮ่องเต้คิดแล้วก็เดินเข้าไปโอบกอดปลอบโยนหนี่เจน
ส่วหนี่เจินเองก็ไม่ขัดเขินกอดตอบชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหาที่พึ่ง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนนั้นต้องไปส่งมารดาของตัวเอง
“ฝ่าบาท!!”
แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะบอกกล่าวอะไรกับฮ่องเต้ต่อ เสียงขันทีและข้าราชบริพารหลายคนก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน
“ฝ่าบาท?” หนี่เจินทวนคำอย่างสงสัย
“ฝ่าบาททรงมาทำอะไรที่นี่พ่ะย่ะค่ะ คนทั้งวังออกตามหาพระองค์กันให้วุ่นทรงมาอยู่ที่นี่นี่เอง”เสียงขันทีเอ่ยถามพี่ซื่อหมินของหนี่เจิน ซึ่งก็คือฮ่องเต้นั้นเอง
“ฝ่าบาท!!” หนี่เจินรีบเอามือกุมริมฝีปากของตนอย่างตกตลึง แล้วเผลอถอยหลังทำให้สะดุดล้มแต่ดีที่ได้วงแขนแข็งแรงของคนตรงหน้าคว้าตัว ไว้ก่อนที่จะล้มลง
“นี่เจ้าอยากเจ็บตัวหรือไง ถึงได้เดินไม่ดูน่ะหนี่เจิน”
“ข้า...เอ่อ...หม่อมฉันขอประทานอภัยเพค่ะ”เสียงที่เอ่ยอย่างสั่นกลัว สร้างความขบขันให้คนตรงหน้าไม่น้อย ขนาดกลัวก็ยังน่ารักเจ้านี่จะทำให้ข้าหลงรักเจ้าไปถึงไหนกันหนี่เจิน
“หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระองค์คือฮ่องเต้ แล้วยังเสียมารยาทกับพระองค์ไปตั้งหลายครั้ง”
“ใช่เจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นฮ่องเต้ แต่เจ้ารู้ว่าข้าเป็นพี่ซื่อหมินของเจ้าไง”
“หม่อมฉัน....”
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วตอนนี้เจ้าต้องไปส่งแม่ของเจ้ากลับจ้วนมิใช่หรือ ข้าจะไปด้วย”
“พะ...เพค่ะ”
แล้วหนี่เจินก็เดินมาถึงยังเกี้ยวที่นั่งมาในตอนแรก เห็นผู้เป็นแม่ยืนรออยู่แล้วเมื่อเดินเข้าไปใกล้ปรากฎว่าแม่ของตนหันไปคำนับ ผู้ที่เดินตามตนมา
“ถวายพระพรเพค่ะฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถอะฮูหยินหลิงหลัน ข้ามาสั่งท่านกลับจ้วน”
“ขอบพระทัยเพค่ะที่ท่านอุตสามาส่งหม่อมฉัน แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ทรงมากับลูกของหม่อมฉันได้เพค่ะ”
ฮูหยินหลิงหลันหันไปมองบุตรชายที่อยู่ร่างของหญิงสาวอย่างหนักใจ ก่อนจะหันกลับมาทางฮ่องเต้ที่ตอนนี้แย้มพระสรวลน้อย ๆ ออกมา
“ก็ตอนที่ข้าเดินไปตำหนักของฮ่องไทเฮาก็บังเอิญได้พบนางเข้า”
“เพค่ะ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันทูลลาเพค่ะ” แล้วฮูหยินหลิงหลันก็คำนับอีกครั้งก่อนที่จะเดินมาหาผู้เป็นลูก
“หนี่เจินแม่ต้องกลับแล้วดูแลตัวเองให้ดี ๆ แล้วแม่จะฝากของใช้ต่าง ๆ ของเจ้ามากับเสี่ยวเย่และหลงเปานะ
“ค่ะท่านแม่ ข้าจะดูแล้วตัวท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าค่ะ”
“งั้นแม่ไปแล้วนะ”
“ขอให้เดินทางปลอดภัยค่ะ”
หลังจากที่ล่ำลาเสร็จหนี่เจินก็จะเดินกลับมายังที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ ฮ่องเต้ทรงเดินนำพาหนี่เจินมายังสวนภายในตำหนักส่วนพระองค์
ภายในสวนถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม แต่หนี่เจินไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยังสวนตลอดทางก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปด้วยความกลัวที่มีนั้นยังไม่หายไป
“ทำไมเจ้าถึงไม่กล่าวอะไรเลยล่ะหนี่เจิน”เป็นฮ่องเต้ที่เอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบ
“หม่อมฉันไม่มีเรื่องอะไรจะกราบทูลเพค่ะ”เสียงก็กล่าวตอบแต่หน้ากับไม่ได้มองผู้ตนผู้คุยด้วย
“ปกติเจ้าร่าเริงเหตุไฉนวันนี้เจ้าจึงดูไม่ร่าเริงเช่นที่เคยเป็น หรือเป็นเพราะข้าเจ้าถึงได้เป็นเช่นนี้”
“ปะ...เปล่าเพค่ะหม่อมฉันแค่...”
“แค่อะไรรึ”
“เอ่อ...หม่อมฉันแค่ไม่ชินเท่านั้นเองเพค่ะ”
ท่าทีตอบกล้า ๆ กลัว ๆ ของหนี่เจินทำให้ฮ่องอดใจไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปแล้วคว้าร่างบางนั้นมาโอบกอด ไว้อย่างหวงแหน หนี่เจินที่อยู่ในอ้อมกอดจะดิ้นหนีก็ไมได้จะผลักออกก็ไม่ได้เลยทำให้แต่ให้อีกฝ่ายกอดไป
“ข้าคิดถึงเจ้าหนี่เจิน ตั้งแต่ที่พบเจ้าข้าก็นอนไม่หลับอยากให้เจ้ามาอยู่ใกล้ ๆ ข้าในทุก ๆ วัน”
“เอ่อ...ข้า..อะ..ไม่ใช่หม่อมฉัน”
“อยู่กับข้าเจ้าทำตัวตามสบายเถอะ” พูดจบก็กดหน้าจนหน้าสัมผัสกับเรือนผมหอมของอีกฝ่ายที่ยืนตัวแข็งไปแล้ว
“เอ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องจะบอกพระองค์”
“หืม...เจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือหนี่เจิน”
หนี่เจินกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบแต่อย่างไรสักวันฝ่าบาทก็ต้องรู้ สู้เขาบอกตอนนี้แล้วรับโทษคนเดียวจะดีซะกว่า
“หม่อมฉัน....”
แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะได้กล่าวอะไรเสียงของฮ่องไทเฮาก็ขัดจังหวะทั้งสอง เสียก่อน ตามมาด้วยบรรดาสองคนสนิทที่ทำหน้าปั้นยากเมื่อเห็นนายของตนกำลังกอดสาวสวย ไว้ในอ้อมกอดทั้งยังไม่ยอมปล่อยเสียด้วย
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่เอง หนี่เจินข้าตามหาเจ้าแทบแย่นึกว่าหนีกลับบ้านไปซะแล้ว ที่แท้ก็มาอยู่กับฮ่องเต้นี่เองถึงว่าไม่อยู่ที่ห้องของตัวเอง”
แล้วฮ่องไทเฮาก็ประทับตรงที่นั่งในสวน ส่วนฮ่องเต้เองก็ลากหนี่เจินให้เดินไปประทับข้าง ๆ ฮ่องไทเฮาอีกที
“เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นไงบ้างหนี่เจิน”
“สวยเพค่ะ”
“ใช่ที่นี่สวยงาม แต่ไรซึ่งจิตวิญญาณที่นี่ไม่ชีวิตชีวาเป็นเพียงสิ่งประดับเท่านั้นเจ้าว่า มั้ยหนี่เจิน ข้าอยากให้คนที่มีชีวิตชีวาเช่นเจ้ามาเติ่มเต็มที่นี่”
“เอ่อ...หม่อมฉันหรือเพค่ะมีชีวิตชีวา”หนี่เจินชี้มาที่ตัวเองแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าดูจากที่ฮ่องเต้ใกล้ชิดเจ้าเช่นนี้ก็รู้แล้ว เดิมที่ฮ่องเต้ไม่แม้นแต่จะสนใจใครผิดกับเจ้าที่หวงอย่างกับอะไรดี จะทำได้มั้ยมาเป็นแม่ของแผ่นดินที่ดีและคอยดูแลฮ่องเต้แทนข้า”
“หม่อมฉันน่ะหรือเพค่ะ”
“ใช่เจ้านั้นแหละ ตอนนี้ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไปดีมั้ยฮ่องเต้”
“ดีพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ หม่อมฉันเห็นด้วย”
-
6
เช้าวันใหม่ของวังหลวงดูจะสดใสขึ้นของใครหลาย ๆ คน แต่สำหรับพระสนมพิงอันหรือลูกสาวไต้เท้าที่ได้ยินข่าวการมาของหนี่เจินซึ่ง เป็นธิดาของอ๋องเฉิน
และก็ไม่สบายใจนักและยิ่งได้ยินมาว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องไทเฮาและฮ่องเต้ เป็นอย่างมาก ยิ่งทำให้สนมพิงอันไม่ชอบในตัวของหนี่เจินยิ่งขึ้นไปอีก
“พระสนมจะทรงกังวลไปทำไมเพค่ะ ในเมื่อฝ่าบาทเองก็ยังมิทรงได้แต่งตั้งนางเป็นพระสนมเลย แสดงว่านางคงไม่ได้มีความสำคัญต่อพระองค์หรอกเพค่ะ”เสียงสาวใช้คนสนิทพระสนมพิงอันกล่าวขึ้นปลอมใจผู้เป็นนาย
“เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรก็พูดได้สิ เมื่อว่าข้าเห็นกับตาว่าฮ่องเต้ทรงโปรดนางขนาดไหน พระองค์ทรงกอดนังผู้หญิงนั้นไม่ยอมปล่อย ขนาดข้าพระองค์ยังไม่เคยทำเช่นนั้นกับข้าเลย แล้วยิ่งพระสนมอี้หลันที่ว่าทรงโปรดนักก็ยังสู้นางผู้นี้ไม่ได้เลย ข้าล่ะเจ็บใจนัก”พิงอันทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้สงบสติอารมณ์แทน
“แล้วพระสนมจะทรงจัดการอย่างไรเพค่ะ”
“ข้าจะทำทุกวิถีทางให้นังผู้หญิงนั้นอยู่ในวังไม่ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรข้าก็ยอม”
ด้านหนี่เจินก็ตื่นขึ้นมาในยามเช้าที่แสนสดชื่นพอสาวใช้แต่ตัวให้เสร็จก็ต้องไปเรียนการเป็นกุลสตรีที่เหมาะสมกับการเป็นฮ่องเฮา
ทั้งการแต่งโคลงกลอน เรียนดีดพิณ เย็บปักถักร้อยต่าง ๆ และหนี่เจินก็เป็นคนที่สามารถเรียนดูได้เร็วเลยทำให้เป็นที่รักยิ่งของบรรดา อาจารย์ที่สอนยิ่งนัก และยิ่งหนี่เจินมีความสมารถในการบรรเลงพิณด้วยแล้ว
เสียงชมต่าง ๆ นานาได้ยินไปถึงหูของฮ่องไทเฮาและฮ่องเต้ที่ต่างก็พอใจไม่น้อยในความฉลาดและน่ารักของหนี่เจิน
เสียงพิณที่ถูกบรรเลงโดยมือบอบบางจากร่างสูงโปร่งบางที่กำลังเพลินกับเสียง ของพิณที่ตนบรรเลงหาได้รู้ไม่ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นหาได้อยู่คนเดียวไม่
จากตรงที่หนี่เจินนั่งบรรเลงไม่ไกลมากนักมีบคุคลสองคนยืนดูสายตาหนึ่งมอง ด้วยความเอ็ดดูด้วยความน่ารักไร้เดียงสา แต่อีกสายตาหนึ่งมองด้วยเสน่หาอยากเข้าโอบกอดใกล้ชิด
“แม่ว่าหนี่เจินเหมาะแล้วที่จะเป็นฮ่องเฮา แม่อยากแต่งตั้งนางเร็ว ๆ ซะแล้ว”
“หม่อมฉันก็เห็นด้วยเสด็จแม่รีบแต่งตั้งนานเร็ว ๆ ไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ก็อยากแต่งตั้งเร็ว ๆ นะ แต่กลัวนางจะไม่ยอม”
“นางไม่ยอมแต่ถ้าเสด็จแม่รับสั่งละก็นางไม่อาจปฎิเสธได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“จริงของเจ้าฮ่องเต้ ข้ารับสั่งใครจะไม่กล้าทำตาม”
หลังจากหารือกับฮองไทเฮาเสร็จ ฮ่องเต้ก็ทรงเดินไปยังที่หนี่เจินนั่งดีดพิณอย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจต่อ สิ่งรอบด้าน ทำให้ไม่ทันรู้ตัวว่าตอนนี้ฮ่องเต้ได้มาประทับอยู่ข้างหลังของตนแล้ว
เมื่อร่างบางตนหน้าหาได้รู้สึกตัวไม่ พระองค์จึงฉวยโอกาสรวบเข้าที่เอวของร่างจนสดุ้งเผลอร้องอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจ
“หยุดบรรเลงทำไมเล่าข้ากำลังเพลิน ๆ เลย เจ้าดีดพิณได้ไพเราะยิ่งนักหนี่เจินของข้า”ไม่เพียงแต่โอบเอวบางเฉย ๆ แต่ฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่ม ๆ ของอีกฝ่ายโดยที่เจ้าตัวไม่กล้าจะปฏิเสธ
“เอ่อ...หม่อมฉันไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงฟังอยู่เพค่ะ”
“พอดีข้าเดินผ่านมาแล้วได้ยินเสียงพิณก็เลยแวะดูสักหน่อย”
ได้ข่าวว่าพระองค์ทรงตั้งใจเดินมาที่นี่เองมิใช่หรือ นี่เป็นความคิดของตงเฟยและจิ้งเต๋อที่ต่างคิดขึ้นอย่างพร้อมเพียงกัน
“วันนี้เจ้าไม่มีเรียนอะไรแล้วใช่มั้ยไปเดินในอุทยานกับข้าดีกว่า ข้าจะพาเจ้าเดินสวนเล่นกัน”
“เพค่ะ”
การเดินเล่นในอุทยานเป็นภาพที่แสนน่ารักของบรรดาขันทีและสาวใช้ แต่มันเป็นภาพที่ทำให้เหมือนมีหนามทิ่มแทงใจของเหล่าสนมนัก ไม่เว้นแม้แต่สนมพิงอันที่ได้เห็นแล้วทนไม่ได้
“พี่หลงเฟยค่ะ ข้าอยากให้ท่านพี่ทำให้นางอยู่ในวังแห่งนี้ไม่ได้” ชายหนุ่มรูปงามเคียงข้างสนมได้ชื่อว่าเป็นลูกชายไต้เท้าหวังหลงเกา
“พี่ไม่เห็นนางจะมมีพิษสงอะไร ทำไมเจ้าถึงได้กลัวนักหนา”หวังหลงเฟยยังคงมองหนี่เจินกับฮ่องเต้อย่างไม่วางตา ในใจก็คิดไปว่า
ช่างงามเหลือเกิน ครั้งแรกที่เขาเจอว่างามแล้วแต่ยิ่งได้เห็นครั้งนี้ยิ่งงดงามยิ่งนัก อยากได้มาเป็นของตัวเองเหลือเกิน
“น้อยไปสิท่านพี่ นังผู้หญิงคนนี้เป็นคนโปรดของฝ่าบาทอีกหน่อยถ้าได้รับแต่งตั้งเห็นทีข้าจะอยู่ในวังคงมิได้ท่านพี่”
“ได้งั้นพี่จะจัดการให้เจ้าเอง”
หวังหลงเฟยมองตามร่างบางที่เดินดูดอกไม้ต่าง ๆ ด้วยกิริยาน่ารัก ก่อนจะคิดแผนการที่จะช่วงชิงความน่ารักนี่เป็นของตนเอง
ด้านจ้วนอ๋องเฉินก็กลุ้มใจกันทั่วหน้า ไม่รู้ว่าภัยนั้นจะมาถึงตัวเมื่อไร ต่างคนต่างคิดไปต่าง ๆ นานว่าเมื่อไรหนี่เจินจะได้ออกจากวังสักที
“ท่านพี่ข้าเป็นห่วงลูกเจินเหลือเกินค่ะ ถ้าฮ่องเต้ทรงทราบว่าลูกเจินหลอกลวงจะทรงทำเช่นไรบ้างก็ไม่รู้”
“ข้าเองก็ห่วงลูกเจินไม่แพ้เจ้าหรอกหลิงหลัน แต่ตอนนี้เราทำได้แค่รอและหวังให้ฮ่องเต้รักชอบลูกเจินจากใจมิใช่รูปร่างภายนอก”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นลูกเจินและฝ่าบาทจะเจ็บปวดกันทั้งคู่”
“ท่านอ๋องขอรับ ฮูหยินขอรับมีคนจากวังมาขอเข้าพบขอรับ”
“คนจากวังอีกแล้วหรือ”เสียงฮูหยินออกจะสั่น ๆ อย่างหวาดกลัว มาครานี่คงมิใช่เรื่องของลูกเจินอีกหรอกนะ
“เชิญพวกเขาเข้ามาได้”เสียงอ๋องเฉินสั่งพ่อบ้านคนสนิทไปเชิญคนจากวัง
“เชิญพวกท่านทั้งสองข้างในขอรับ”
เมื่อสิ้นเสียงพ่อบ้านจางบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็เดินเข้าไปยังข้างในตามคำเชิญของพ่อบ้านจาง และโค้งคำนับเจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม
“เชิญพวกท่านนั่งก่อน”อ๋องเฉินเชิญให้แขกจากวังหลวงนั่ง
“ไม่ทราบว่าวันนี้พวกท่านมีธุระอะไรกับพวกข้าอีกล่ะ”เสียงท่านอ๋องเฉินเป็นฝ่ายเปิดการเจรจาก่อน
“เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับหนี่เจินหรอกนะ”ฮูหยินหลิงหลันถามหยั่งเชิงก่อน
“เอ่อ...ข้าเกรงว่าจะเกี่ยวกับท่านหญิงครับ”
เสียงของหลั่วหยางเอ่ยขึ้นทำให้ความหวังของผู้เป็นพ่อและแม่พังทลาย คิดได้อย่างเดียวว่า ขออย่าให้เป็นเรื่องร้ายเลย
“ลูกเจินงั้นหรือ เจ้าว่าเกี่ยวกับลูกเจินมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”
“ข้าได้บัญชาจากฮ่องไทเฮาและฮ่องเต้ให้ทาบทามกับพวกท่านน่ะครับ ทั้งสองพระองค์อยากให้พวกท่านเห็นด้วยกับการที่จะแต่งตั้งให้ท่านหญิงเป็น ฮ่องเฮาครับ”
“แต่งตั้งเป็นฮ่องเฮา มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ ลูกเจินพึ่งเข้าไปอยู่ในวังเพียบ 6 วันเท่านั้นเอง”
“แต่ทรงมีรับสั่งมาเช่นนี้ครับ และยังสั่งให้พวกท่านเตรียมการให้พร้อมด้วย”
หลังจากที่รายงานคำสั่งที่ได้รับหมอบหมายมาเสร็จแล้วทั้งสองก็ลุกขึ้นโค้งคำนับอีกครั้งก่อนจะเริ่งรีบออกจากจ้วนอ๋องเฉินทันที
“ท่านพี่...เราจะอย่างไรดีถ้าเป็นอย่างนี้เห็นทีครอบครัวของเราคง...”ฮูหยินหลิงหลันกล่าวเสียงเบาหวิว
“เรื่องนี้ข้าจะไปกราบทูลฮ่องไทเฮาเอง”
“แต่ทรงมีรับสั่งลงมาแล้วเราคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกท่านพี่”
“ตอนที่อภิเสธยังไม่เท่าไร ปัญหาคือตอนส่งตัวนี่แหละที่เป็นปัญหาถ้าเราสามารถยืดเวลาไปได้ล่ะก็ลูกเจินก็จะปลอดภัย”
“ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือภาวนาให้ลูกเจินผ่านพ้นมันไปได้ก็พอ”
-
7
หลังจากที่จ้วนอ๋องเฉินได้รับข่าวนั้นก็พากันคิดหาหนทางกัน ประจวบเหมาะกับที่เฉินจิ้งฟงกลับมาจากชายแดนพอดี
“ท่านพ่อ ท่านแม่ว่าอย่างไรนะครับ หนี่เจินจะถูกแต่งตั้งให้เป็นฮ่องเฮาอย่างนั้นหรือครับ”
“ใช่ฮ่องไทเฮาและฝ่าบาทเองก็ทรงมีรับสั่งลงมาแล้วด้วย”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดีครับ ถ้าเรื่องที่หนี่เจินเป็นบุรุษเกิดแดงขึ้นมาตระกูลเฉินต้องรับผิดชอบ”
“เรื่องอะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดไปตอนนี้เราแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว หวังอย่างเดียวว่าหนี่เจินจะไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนี่เจินใสซื่อเกินกว่าจะรับเรื่องพวกนี้ได้”
“ข้าจะไปพูดกับลูกวันนี้”ฮูหยินหลิงหลันหันไปสั่งให้คนเตรียมเกี้ยวทันที
“ลูกเจินต้องรู้เรื่องนี้ท่านพี่อย่างน้อยให้ลูกเจินเป็นคนบอกับฝ่าบาทเองจะดีกว่า”
ณ ตำหนักล่งซู่ห้องของหนี่เจิน
“ท่านแม่ข้าคิดถึงท่านแม่ที่สุดเลย”หนี่เจินเดินไปกอดผู้เป็นแม่อย่างคิดถึง
“แม่เองก็คิดถึงลูกจ๊ะ เป็นอย่างไรชีวิตในวัง”
“ก็สนุกดีครับท่านแม่”
“ไม่ได้ ๆ เจ้าห้ามพูดจาแบบผชายชาตรีอีกนะหนี่เจินต่อไปเจ้าต้องทำตนให้เป็นสตรีเข้าใจหรือมั้ยลูกแม่”
“เอ่อ...ค่ะท่านแม่ แต่ว่าข้าไม่ชินแบบนี้เลยต้องแต่งเป็นสตรี แล้วก็ใช้วาจาเช่นสตรีเช่นนี้”
“เจ้าต้องทำตัวให้ชินนะหนี่เจิน เพราะอีกหน่อยเจ้าจะต้องเป็นฮ่องเฮาแล้ว”
“อะไรนะ เมื่อกี้ท่านแม่กล่าวเช่นไรกับข้า ฮ่องเฮา ข้าน่ะหรือเป็นฮ่องเฮาท่านแม่พูดอะไรข้าไม่เข้าใจ”
“อย่างที่แม่บอกเจ้านั้นแหละลูกเจิน อีกไม่นานเจ้าจะถูกแต่งตั้งให้เป็นฮ่องเฮาแล้ว”
“แต่ท่านแม่เองก็รู้ว่าลูกเป็นฮ่องเฮาไม่ได้นี่”
“แม่ถามเจ้าตามตรง แล้วเจ้าเองก็ตอบมาตามจริงนะลูกเจิน ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อฝ่าบาทเป็นเช่นไรกันแน่”
คำถามของผู้เป็นแม่นั้นทำให้หนี่เจินตลึงค้าง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเขาคิดทบทวนให้ดี ที่จริงเขามีความสุขมากตอนที่อยู่ใกล้ฝ่าบาท แต่ก็เจ็บปวดในคราเดียวกันที่ต้องปกปิดว่าตนนั้นเป็นบุรุษ ยิ่งอยู่ใกล้ ๆ มากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บปวดทั้งที่รักไปแล้วหมดใจ
“ท่านแม่ข้าขอตอบท่านตามตรงข้ารักฝ่าบาท และไม่อยากจากพระองค์ไปไหนแต่...แต่ข้าหลอกลวงฝ่าบาท ข้ากลัวพระองค์จะไม่ทรงมองลูก ข้าไม่กลัวให้ฝ่าบาททรงลงโทษแต่กลัวว่าพระองค์จะหมดรักในตัวของข้า ท่านแม่ข้าควรทำเช่นไรดี ข้าจะบอกฝ่าบาทหากแม้นพระองค์ไม่อาจยอมรับตัวข้าได้ ข้าจะขอยอมตายแต่จะไม่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่มารับผิดชอบเรื่องนี้ ข้าจะขอให้ฝ่าบาททรงยกโทษให้พวกท่าน”
“ลูกเจินของแม่”ฮูหยินหลิงหลันกอดปลอบหนี่เจิน
ณ ตำหนักพระสนมพิงอัน
“เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าคงไม่ได้ฟังมาผิดใช่มั้ยไห่เหยียน”
“เพค่ะพระสนมพิง หม่อมฉันได้ยินมาจากพวกนากกำนัลของฮ่องไทเฮาเพค่ะ”
“นังหนี่เจิน แกใช้มารยาอะไรทำให้ฮ่องเต้ทรงลุ่มหลงได้ถึงเพียงนี้ เห็นทีข้าคงต้องรีบให้พี่หลงเฟยทำอะไรสักอย่างแล้ว”
“หม่อมฉันจะให้ส่งคนไปเชิญท่านหลงเฟยเองค่ะ”ไห่เหยียนเอ่ยขึ้น
“ดี เจ้ารีบไปส่งข่าวถึงพี่ข้าด่วนเลยให้เขารีบเข้ามาที่ตำหนักข้าตอนนี้”
“เพค่ะพระสนม”
ด้านฮ่องเต้ก็เร่งรีบตอบฎีกาต่าง ๆ ที่เหล่าขุนางและบัณฑิตส่งมาจำนวนมากมาย แต่นอกจากจะทรงงานแล้ว ในหัวก็ทรงคิดถึงร่างบางที่ไม่รู้ตอนนี้ทำอะไรอยู่
“เฮ้ย...เมื่อไรจะอ่านฎีกาพวกนี้หมดสักทีนะ ข้าจะได้ไปหาหนี่เจินของข้าเสียที”
เสียงบ่นกระปอดกระแปดทำเอามหาขันทีเสี่ยวตั้งจื้อหัวเราะออกมาน้อย ๆ กับพระอาการใจลอยของฝ่าบาท
“จะทรงพักก่อนดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ล่ะ ข้าอยากรีบตอบให้เสร็จก่อนจะพักทีเดียวยาว ๆ เลย แล้วเรื่องแต่งตั้งฮ่องเฮาไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“เรื่องนี้ฮ่องไทเฮาได้ส่งคนไปยังจ้วนอ๋องเฉินแจ้งข่าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ แล้วตอนนี้ฮูหยินหลิงหลันก็มาหาพระนางหนี่เจินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นคงมาคุยเรื่องอภิเสธกับข้าล่ะสิ ไม่รู้ว่านางจะยอมหรือไม่ ข้าล่ะกังวลนัก”
“แต่กระหม่อมได้ยินนางกำนัลตำหนักล่งซู่ทำท่าดีใจกันยกใหญ่ แล้วฮ่องไทเฮาก็ทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลเตรียมจัดงานแล้วด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“จริงหรือ ที่เจ้าพูดมาคงไม่ได้หลอกให้ข้าดีใจเล่น ๆ ใช่มั้ยเสี่ยวตั้งจือ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมจะกล้าทูลล้อเล่นกับฝ่าบาทได้เช่นไรกันพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี ดีมากข้าชักมีกำลังใจทำงานต่อแล้วสิ”
สีหน้ายิ้มแย้มเล่นเอาทำมหาขันทีเสี่ยวตั้งจื้อพลอยยิ้มตาม พระองค์เป็นกันเองกับเขามากมีเรื่องอะไรจะทรงมาปรึกษากับเขา หรือไม่ก็กับท่านหยวนตงเฟยและท่านเว่อจือจิ้งเต๋อ
ตำหนักพระสนมพิงอัน
“เจ้าว่าอะไรนะน้องพี่ ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งเฉินหนี่เจินเป็นฮ่องเฮาเร็ว ๆ นี้หรือ”
“ค่ะพี่หลงเฟย น้องจะทำเช่นไรดี”
“งั้นเห็นทีคืนนี้พี่ต้องทำให้เฉินหนี่เจินเป็นของพี่ให้จงใจ เพื่อที่นางจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นฮ่องเฮา”
“แต่ท่านพี่นางจะกลับบ้านวันนี้แล้วท่านพี่จะลอบเข้าไปบ้านของนางหรือ”
“ใช่พี่จะทำเช่นนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”
ณ จ้วนอ๋องเฉิน
“พี่รองพี่กลับมาแล้ว ข้าคิดถึงพี่รองจังเลย”ชุนเซียงเดินเข้าไปโอบกอดผู้เป็นพี่ พลางหอมเข้าที่แก้มเบา ๆ อย่างรักใคร่
“พี่ก็คิดถึงน้องเล็กมากเลย ตอนอยู่ในวังพี่เหงาที่ไม่ได้ยินเสียงจอมซนเช่นเจ้า”พอหนี่เจินกล่าวจบก็พา กันหัวเราะ เพราะท่านหญิงองค์นี้ช่างแสนซนนัก
“ท่านพี่ล่ะก็ ข้าหาได้ซนซะหน่อย แค่เป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่เป็นเท่านั้นเอง”ชุนเซียงแก้ต่างให้ตัวเอง
“นั้นแหละที่เขาเรียกว่าซนน่ะ”เสียงของพี่ชายคนโตดังมาจากด้านหลังของหนี่เจิน
“พี่ใหญ่ ข้าคิดถึงพี่ใหญ่ที่สุดเลย” พูดจบก็เดินเข้าไปกอดพี่ชายของตนเอง
“เจ้าอยากเข้าไปกอดชายใดสุ่มสีสุ่มห้าเชี่ยวล่ะ ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะบุรุษอีกต่อไปแต่อยู่ในฐานะสตรี และเป็นสตรีที่เป็นว่าที่ฮ่องเฮาแล้วซะด้วย”
“พี่ใหญ่ล่ะก็ ข้าก็เขินเป็นนะ”
“ลูกเจิน มาให้พ่อกอดเจ้าหน่อย”หนี่เจินเดินเข้าไปกอดอ๋องเฉิน ก่อนที่ท่านอ๋องจะสำรวจดูหนี่เจินแล้วก็สรุปกับตัวเองว่าลูกของตนสบายดี อย่างแน่นอน ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึ่งพอใจ
“กลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนเสียงเถอะมีอะไรไว้ค่อยคุยกันตอนทานอาหารเย็น”
“ค่ะท่านพ่อ ท่านแม่”หนี่เจินรับคำที่เล่นเอาคนฟังแปลกใจยกเว้นฮูหยินหลิงหลันที่เป็นคนบอกให้หนี่เจินทำ
“หลิงหลันทำไมลูกเจินถึงได้ใช้สรรนามอย่างนั้นล่ะ”
“เอาไว้ข้าจะเล่าให้ท่านฟังเองค่ะ”
ตกดึกคือนี้ช่างเงียบนัก หนี่เจินมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรี คิดถึง เพียงออกมาไม่กี่ชั่วยามแต่กลับคิดถึงอีกคนที่อยู่ห่างออกไป
ตอนนี้พระองค์จะทรงทำอะไรอยู่นะ จะทรงงานหนักหรือเปล่า แล้วจะทรงเสวยพระกระยาหารหรือยัง แล้วจะทรงคิดถึงเขาหรือเปล่า
“ท่านหญิงนี่ดึกแล้ว ท่านควรนอนได้แล้วนะเจ้าค่ะ ถ้าท่านล้มป่วยล่ะก็ท่านอ๋องและฮูหยินจะลงโทษพวกข้าได้”
“อืมข้าจะเข้านอนเดี๋ยวนี้แหละ”
หนี่เจินเดินเข้าไปยังในห้องนอนของตนก่อนจะดับไฟแล้วล้มตัวลงนอน โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าตนนั้นอยู่ในสายตาของอีกคนหนึ่งที่แอบเฝ้าดูแล้ว
“คืนนี้เจ้าจะต้องเป็นของข้าท่านหญิงหนี่เจิน”ชายในชุดสีดำทั้งตัวยิ้มอย่างพอใจก่อนจะกระโดนข้ามกำแพงเข้ามาแล้วแอบตรงพุ่มมไม้
ทางด้านฮ่องเต้ที่คืนนี้ไม่อาจหลับได้ก็สั่งให้เสี่ยวตันจือและสองคนสนิทนั้นก็คือจิ้งเต๋อและตงเฟยออกนอกวังในยามค่ำคืนนี้
“จะทรงเสด็จไปไหนพ่ะย่ะค่ะ ค่ำมืดเช่นนี้”ตงเฟยกล่าวขึ้นแต่สายตาก็คอยละแวกระวัง
“จะไปไหนมันก็เรื่องของข้าน่า เจ้ามีหน้าที่ตามมาก็พอ”
“หรือจะทรงไปหาท่านหญิงหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”จิ้งเต๋อเอ่ยดักทางของผู้เป็นนาย
“ถ้าใช่แล้วพวกเจ้าจะไม่ตามข้าไปหรือไงเล่า”ฮ่องเต้ที่ถูกดักทางไว้ก็เอ่ยแก้เขิน
“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมก็แค่อยากรู้เท่านั้นฝ่าบาทก็ไม่น่าจะทรงปิดพวกกระหม่อมนี่พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวตันจือเป็นฝ่ายถามกลับทำให้ฮ่องเต้เกิดอาการเขินจนรีบเดินนำหน้าไปก่อน
ด้านหนี่เจินที่ตอนนี้กำลังหลับสบายในห้องพัก ไม่ได้ล่วงรู้ถึงภัยที่กำลังมาถึงตนเองแม้แต่น้อย
ฟรุ๊บ! พรึบ!
เสียงผ้าเสียดสีจากการกระโดดลงจากที่สูงทำให้หนีเจินเริ่มรู้สึกตัวก่อนจะลืมตาดูแต่ก็ไม่พบสิ่งใด จนกระทั่งมองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มตรงมาที่เตียงของตนเอง
“นั้นใครน่ะหยุดนะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อีกฝ่ายตรงมาแล้วใช้ผ้าปิดปากก่อนจะสติของหนี่เจินจะหมดไป เขาดูชายคนนั้นอุ้มออกมาอย่างง่ายดาย
ชายปริศนาอุ้มหนีเจินออกกลับออกมาทางเดิมที่เข้ามา ตาหารู้ไม่ว่า ณ เส้นทางนั้นขบวนของฮ่องเต้ได้ใช้ในการเดินทางมายังจ้วนแห่งนี้ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“ฝ่าบาทนั้นมีผู้ชายอุ้มผู้หญิงไปที่ไหนสักแห่งแน่ แต่ทางนั้นมันทางจากจ้วนอ๋องเฉินนี่”
“นั้นสิงั้นเจ้ารีบตามไปดูก่อนข้าจะไปที่จ้วนก่อน ข้าไปจะถามก่อนว่าใครหายตัวไป”
“ถ้าเช่นนั้นข้าสองคนจะตามไปก่อนแล้วค่อยให้ตงเฟยกลับมารายงานท่าน
ณ จ้วนอ๋องเฉิน
“ทำเช่นไรดี ท่านอ๋องน้อย ท่านอ๋องน้อยถูกคนร้ายลักพาตัวไปแล้ว”
“ลูกเจิน ฮือ หนี่เจินของแม่”
“ใจเย็นก่อนฮูหยินอย่างพึ่งวิตกไป ลูกเจินต้องไม่เป็นไรแน่อย่างน้อยลูกเราก็เก่งวิทยายุทธอยู่ไม่น้อย”
“ใช่ครับท่านแม่น้องรองเก่งกาจหาได้อ่อนแอไม่”
“แต่ถ้าโดยยาหรืออะไรก็ตามแต่ น้องจะสู้พวกนั้นได้หรือจิ้งฟง”
“เกิดอะไรขึ้น!”
ขณะที่จ้วนอ๋องเฉินกำลังวุ่ยวาย คนในจ้วนพากันแตกตื่นก็มีเสียงทรงอำนาจดังขึ้นทำให้คนในจ้วนหันมองเป็นตาเดียวกัน
“ฝ่าบาท!!”
“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเห็นคนท่าทางน่าสงสัยอุ้มหญิงสาวอยู่ออกมาทางด้านจ้วนอ๋องเฉินเลยรีบมาถามว่าใครหายตัวไปบ้างหรือเปล่า”
“ท่านหญิงค่ะฝ่าบาท ท่านหญิงหนี่เจินถูกลักพาตัวไป”
“เจ้าว่าอะไรนะ!! หนี่เจินรึ!!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เราให้คนช่วยกันออกตามหาแล้ว”
“ฝ่า...”
ทรงไม่อยู่รอฟังสิ่งใดอีกต่อไปรีบเสด็จออกจากจ้วนทันที ประจวบกับที่ตงเฟยเดินเข้ามารายงานทันที
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมทราบแล้วครับ หญิงที่ถูกพาไปคือท่านหญิงครับกระหม่อมจะรีบพาพระองค์ไปที่บ้านที่ท่านหญิงถูกพาตัวไปพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นก็ทรงรีบให้พาไปยังบ้านที่หนี่เจินถูกพาตัวไปทันที
ด้านหนี่เจินตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ในห้องนอนในจ้วนอ๋องเช่นเคยก็ตกใจอย่างมาก พยายามมองว่าที่นี่คือที่ไหนแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตนนั้นถูกคนร้ายพาตัวมา
“ตื่นแล้วอย่างนั้นหรือท่านหญิง”
“เจ้าเป็นใครเหตุใดจึงจับข้างมาเช่นนี้”
“ข้าจะเป็นใครไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ท่านต้องเป็นของข้างท่านหญิง”
พูดจบชายคนนั้นก็เดินตรงมายังเตียงที่หนีเจินนอนอยู่ทำให้หนีเจินต้องถอยหนีแต่ด้านหลังกลับเป็นกำแพงไม้
หนี่เจินพยายามโดดหนีอีกทางพยายามปัดป้องและมองหาของที่จะใช้เป็นอาวุธไปด้วยแต่เมื่อนึกได้เขาก็ใช้ขาเรียวคู่สวยถีบไป
“ฤทธิ์มากนักนะท่านหญิงเห็นทีข้าไม่ลงมือกับท่านคงไม่ได้”
“ปล่อยข้านะเจ้าคนชั่ว ถ้าคนที่บ้านข้าตามพวกเจ้าเจอเมื่อไรพวกเจ้าได้ตายไม่ดีแน่”
“ก็กว่าพวกมันจะมาถึงท่านหญิงแสนสวยคงเป็นของข้าผู้นี้ไปแล้วล่ะ ข้าว่าเราอย่างมั่วเสียเวลามาเริงรักกันต่อดีกว่า”
“ไม่อย่า อย่าทำเช่นนี้กับข้าได้โปรด”
เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มตอนนี้ถูกคนตรงหน้าดึงเพื่อให้หลุดจากร่างบาง แต่หนี่เจินก็ยื้อฉุดเอาไว้ได้ก่อนที่หลงเฟยจะถอดมันออก
“มาสนุกกับข้าเถอะท่านหญิง”
“ไม่ข้าไม่ได้ชอบท่าน ข้าไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องข้านอกจาก...”
“นอกจากใคร!! บอกข้ามาสิว่าท่านมอบหัวใจให้ผู้ใด”หลงเฟยประทุอารมณ์โกรธขึ้นมากเมื่อได้ยินหนี่เจินพูดถึงชายคนอื่นมิใช่ตน
“จะใครไม่ใช่เรื่องของท่าน”
“ใช่สิเพราะอีกไม่กี่นาทีท่านจะเป็นของข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องสนใจใครหน้าไหนอีกฮ่า ฮ่า ฮ่า”หลงเฟยหัวเราะอย่างบ้าครั่งทั้งยังพยายามจะถอดชุดของหนี่เจินแต่เจ้าตัว ก็พยายมยื้อไว้เต็มที ใบหน้าที่เคยสวยยามนี้พรั่งพรูไปด้วยน้ำตา
พลั่ว!!
เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของหนี่เจินและหลงเฟย กลุ่มคนผู้มาใหม่เดินก้าวเข้ามาในห้อง ภาพที่เห็นตอนนี้คือหนี่เจินโดนคร่อมโดยหลงเฟย ใบหน้าสวยนั้นมีแต่คราบน้ำตา ตัวสั่นด้วยความกลัว
ฮ่องเต้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็เกิดโทสะ เดินเข้าไปกระชากหลงเฟยให้ออกห่างหนี่เจินก่อนจะโอบกอดร่างบางที่ตัวสั่งน้ำ ไหลนองเต็มหน้า เสื้อผ้าหลุดหลุยเผยให้เห็นไหล่ขาวมลของร่างบาง
“พวกแก่เป็นใคร อ๊ากกก” ยังไม่ทันที่หลงเฟยจะถามจบแขนของเขาก็ถูกบิดโดยตงเฟย
“ปล่อยข้านะเจ้าบ้า”
และเมื่อหลงเฟยเห็นใบหน้าคนทั้งหมดอย่างชัดเจนก็ถึงกับตะลึง นั้นฮ่องเต้และเหล่าคนสนิทของท่านหรือเนี่ย
“เอายังไงดีขอรับนายท่าน ให้ข้าสังหารมันผู้นี้ทิ้งเลยดีกว่ามั้ย”
“ไม่ต้องจับมันเข้าคุกแล้วรอข้าตัดสินอีกที”
“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนายท่าน ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว”
แต่ฮ่องเต้มิได้สนใจสิ่งที่หลงเฟยพูดสักนิด แต่หันมาสนใจคนร่างบางที่ยังสั่งกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“หนี่เจินเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” ฮ่องเต้สำรวจตามร่างกายของร่างบางและเห็นว่าไม่มีบาดแผลอะไรก็โล่งอก
“ฝ่าบาทหม่อมฉันกลัวเหลือเกินเพค่ะ คิดว่าจะไม่ได้เจอฝ่าบาทอีกต่อไปแล้วฮึก ฮื่อออ”
ว่าแล้วก็ซบลงพระอุราของฝ่าบาทแล้วร้องไห้อย่างไม่อาย ฮ่องเต้เองก็ทรงกอดปลอบอยู่นาน
“นายท่านได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ”
“ฝ่าบาททรงปล่อยคนผู้นี้ไปเถอะเพค่ะ”
“เจ้าพูดอะไร ทำไมข้าต้องปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าเช่นนี้ไป ข้าไม่มีวันปล่อยมันและจะลงโทษให้สาสมกับที่มันทำให้ยอดดวงใจของข้าต้องเจ็บ ปวดเช่นนี้”
“ถือว่าเห็นแก่หม่อมฉันนะเพค่ะ หม่อมฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไรถือว่าให้โอกาสเขาได้ไถ่โทษด้วยเถอะเพค่ะ”
“ก็ได้ข้าจะยอมเจ้าสักครั้ง ตงเฟยปล่อยตัวเขาไปซะ แล้วอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าทำร้ายหนี่เจินเป็นครั้งที่สองไม่งั้นเจ้าอย่าหวังให้ข้าให้อภัยเจ้าอีก”
“ขอบคุณมากขอรับนายท่าน ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว ขอบคุณครับ”
แล้วหลงเฟยก็วิ่งออกไปจากห้องหลังจากที่ถูกตงเฟยปล่อยให้เป็นอิสระ คนร่างบางทำท่าจะไม่ไหวเอนตัวไปซบคนร่างสูงก่อนจะหมดสติไป
ฮ่องเต็ทรงอุ้มหนี่เจินที่สลบไม่ได้สติมาถึงหน้าจ้วนอ๋อง ที่ตอนนี้วุ่นวายกันออกตามหาท่านหญิงที่หายตัวไปและเมื่อเห็นว่ามีบุคคลที่ พาตัวท่านหญิงกลับมาก็รีบไปแจ้งรายงายต่ออ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันทันที
“เชิญพวกท่านเข้าไปข้างในก่อนขอรับ”พ่อบ้านจางนำฮ่องเต้และผู้ติดตามทั้งสามเข้าข้างในจ้วน
“ห้องของท่านหญิงอยู่ที่ไหนล่ะ ข้าจะได้ไปส่งท่านหญิงที่ห้อง”ฮ่องเต้หันไปถามพ่อบ้านจาง
“อ่ะ...เอ่อ...คงไม่เหมาะหากท่านจะเข้าไปส่งท่านหญิงถึงห้องเช่นนี้”พ่อบ้านจางเอ่ยอย่างกลัว ๆ
“ไม่เป็นไรให้ฝ่าบาททรงไปส่งหนี่เจินถึงห้องเถอะพ่อบ้านจาง”เสียงของท่านอ๋องดังขึ้น ก่อนจะโค้งคำนับฮ่องเต้
“ขอประทานอภัยกระหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์คือฮ่องเต้ กระหม่อมจะนำทางไปยังห้องท่านหญิงเองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เดินมาถึงห้องของหนี่เจินก่อนที่สาวใช้คนสนิทของหนี่เจินจะเปิดประตู ห้องให้เพื่อให้ฝ่าบาทพาหนี่เจินเข้าไปในห้อง ก่อนจะวางคนร่างบางที่ยังไม่ได้สติลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล แล้วเดินออกจากห้องมา
หลังจากที่ทรงออกมาจากห้องของหนี่เจินก็ตรงไปยังอีกห้องที่ตอนนี้คนของ ตระกูลเฉินอยู่กันอย่างพร้อมหนาพร้อมตา เมื่อทรงเข้าไปยังในห้องทุกคนก็ยืนขึ้นและถวายบังคับ
“เชิญประทับก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“มันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรท่านอ๋อง ทำไมคนร้ายถึงได้เข้ามาลักพาตัวหนี่เจินได้อย่างง่ายดายเช่นนี้”น้ำเสียงที่ ทรงกริ้วของฝ่าบาทเล่นทำให้คนในห้องไม่กล้าแม้นจะสบตา
“เป็นความบกพร่องของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยทำให้เวรยามไม่รัดกุมเท่าที่ควรนัก”
“จะโทษท่านคงไม่ได้ ต้องโทษเจ้าคนร้ายนั้นที่บังอาจมาลักพาหนี่เจินดีที่ข้าผ่านมาพอดีเลยเข้าไป จึงช่วยนางได้ทัน ไม่งั้นข้าจะไม่ยกโทษให้มันผู้นั้นที่ทำร้ายหนี่เจินของข้าแน่”
“พ่ะย่ะค่ะ ต่อไปนี้กระหม่อมจะจัดเวรยามให้แน่นหนาขึ้นเพื่อให้หนี่เจินปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“เห็นทีข้าต้องเร่งพิธีอภิเสธเสียแล้ว ข้าเป็นห่วงหนี่เจินหากต้องห่างกับนางอย่างนี้นาน ๆ ซะแล้ว”
หลังจากนั้นฝ่าบาทก็ทรงเสด็จกลับวัง ทำให้จ้วนอ๋องกลับมาสงบอีกครั้ง แต่ในความสงบครั้งนี้จะแลกมาซึ่งความวุ่นวายในภายหน้าหรือไม่ ไม่มีใครรู้
-
8
หลังจากผ่านคืนอันวุ่นวายมาแล้วที่จ้วนอ๋องก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนการเฝ้า เวรยามเสียใหม่หมด โดยที่ทหารเฝ้าเวรยามนั้นจะถูกผลัดเปลี่ยนทุก ๆ 2 ชั่วยาม เพื่อป้องกันยามหลับใน
“เท่านี้ข้าก็คงหายห่วงไปอีกเรื่องล่ะ เวรยามเยอะอย่างนี้คงไม่มีคนกล้าเข้าจ้วนอ๋องยามวิการอีกแน่”เสียงท่านอ๋อง เฉินดูจะว่าใจไม่น้อยที่มาตรวจตราว่ายามเฝ้าการดีหรือไม่
“แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้นะท่านพ่อ เพราะข้าเกรงว่าเจ้าพวกนั้นจะใช้สถานะการเช่นนี้แอบปลอมเป็นทหารยามแล้ววแฝง ตัวเข้ามายังด้านในจ้วนได้ครับ”แต่ดูท่าพี่ชายที่แสนจะหวงน้องจะไม่อาจวางใจ ได้
“งั้นเจ้าคิดว่าเราควรป้องกันอย่างไรล่ะจิ้งฟง”
“ข้าว่าที่ปลอดภัยที่สุดตอนนี้เห็นที่จะเป็นวังหลวงครับท่านพ่อ”
“วังหลวงรึลูกฟง แต่ถ้าอยู่ใกล้ฮ่องเต้เช่นนั้นลูกเจินก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี”เสียงฮูหยินเอ่ยอย่างกังวล
“แต่ก็ดีกว่าอยู่จ้วนอ๋องนะครับท่านแม่ถึงจะเสี่ยงไปหน่อยแต่ถ้าหนี่เจินไม่ยินยอมล่ะก็ฝ่าบาทไม่มีทางฝืนใจหนี่เจินแน่ครับ”
“ก็จริงของเจ้าฝาบาททรงเป็นสุภาพบุรุษท่านหนึ่งเลยล่ะไม่มีทางที่จะทรงทำอะไรหนี่เจินจนกว่าจะแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแน่"
“งั้นเห็นที่ต้องให้ลูกเจินอยู่ในวังไปก่อนแล้วห้ามกลับจ้วน ให้เรื่องนี้ผ่านไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าพวกเราจะทำอย่างไรกัน ต่อไป”
ทางจ้วนอ๋องกำลังปรึกษาหาทางแก้ ทางด้านวังหลวงเองก็วุ่นวายไม่แพ้กันเพราะตอนนี้ฮ่องเต้กำลังกลุ้มพระทัยและ ทรงเป็นกังวลจนทรงมิอันทำพระราชกิจ
“ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาพวกเจ้าไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”เสียงทรงอำนาจสั่งมหาขันที
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ณ ตำหนักล่งซู่
“เสด็จแม่ ลูกอยากให้ทรงเร่งการแต่งตั้งและงานอภิเษกกับหนี่เจินพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่อาจปล่อยให้นางมีอันตรายได้อีกแล้ว ถ้าวันนั้นหม่อมฉันไม่ออกไปนอกวังเพื่อไปหานางแล้วช่วยไว้ได้ทันล่ะก็...”
“ฮ่องเต้ แม่เองก็เห็นใจเจ้าแต่แม่ว่านางยังไม่พร้อมที่จะเป็นฮ่องเฮาหรอก เจ้าต้องไปถามเจ้าตัวด้วยสิว่านางพร้อมที่จะเป็นเมียเจ้าหรือยัง”
“แล้วจะทรงให้ลูกทำเช่นไรเล่าเสด็จแม่ ลูกไม่อาจอยู่เฉยให้หนี่เจินมีภัยได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาไว้แม่จะถามหนี่เจินกับแม่ของนางก่อนว่าพร้อมหรือยัง ถ้าฝ่ายนั้นตอบตกลงแม่ก็จะรีบแต่งตั้งนางทันที”
“เสด็จแม่ทำไมต้องทรงถามความเห็นทั้งสองก่อนด้วยเล่า ก็ทรงมีรับสั่งลงไปยังทั้งสองก็ต้องยินยอมอยู่แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วเจ้าจะไม่ถามความสมัครใจของเจ้าตัวเลยหรือ จะใช้การบังคลแบบนั้นเจ้าจะได้ใจของหนี่เจินหรือ”
“ต้องได้สิพ่ะย่ะค่ะ ตลอดเวลาที่ลูกดูใจกับนางก็ไม่เห็นนางจะรังเกียจอะไรในตัวของลูก แล้วจะมีเหตุผลอันใดที่นางจะปฏิเสธตำแหน่งที่หลายคนอยากได้กันล่ะเสด็จแม่”
“แต่หนี่เจินหาใช่เช่นนั้นพวกนั้นไม่ลูก นางเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทงาม และไม่คิดการใหญ่เหมือนแม่พวกนั้นที่ถูกบรรดาพ่อของตนเองประเคนใช่พานถวาย ให้เจ้าหรอกนะฮ่องเต้”
“เพราเป็นเช่นนั้นน่ะสิ ลูกถึงอยากให้นางเป็นฮ่องเฮาของลูก ความที่นางไม่มักใหญ่ใฝ่สูงไม่เห็นเงินทองลาบยศมาก่อนนั้น ทำให้ลูกเห็นถึงใจอันดีงามและเหมาะจะเป็นแม่ของแผ่นที่ดีได้”
“อันนั้นแม่ก็เห็นด้วยกับเจ้า ก็ได้แม่จะมีคำสั่งลงไปแม่เองก็ใช่ว่าไม่อยากได้หนี่เจินเป็นแม่ของดินเพราะ อยากได้น่ะสิถึงได้ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นแม่ก็ไม่อยากห้าม แม่จะทำตามที่เจ้าต้องการ”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ ลูกรักเสด็จแม่ที่สุด”พูดจบฮ่องเต้ก็ทรงเดินเข้าไปโอบพระวรกายของพระมารดาอย่างดีพระทัย
“ที่อย่างนี้มารักแม่ได้นะฮ่องเต้ ที่ปกติไม่เห็นเจ้าจะรักอย่างที่ปากพูดเลย”
“ใครว่าล่ะเสด็จแม่ ลูกรักเสด็จแม่เสมอพ่ะย่ะค่ะ แต่ช่วงนี้ราชกิจน้อยใหญ่เยอะเหลือเกินลูกเลยไม่มีเวลาจะมาเยี่ยมเสด็จแม่”
“แม่ยังไม่ทันว่าอะไรเจ้าเลย”
“งั้นลูกขอตัวไปตอบฎีกาจกาเหล่าขุนนางและบัณฑิตก่อนพ่ะย่ะค่ะ พวกนั้นชอบส่งเรื่องน่าปวดหัวให้ลูกอยู่เรื่อย”
“นั้นสิเจ้าไปจัดการราชกิจน้อยใหญ่ของเจ้าซะ ส่วนเรื่องหนี่เจินแม่จะรีบมีคำนสั่งให้นางเป็นฮ่องของเจ้าทันทีเลย”
“พ่ะย่ะค่ะ งั้นลูกทูลลา”
หลังจากฮ่องเต็เสด็จกลับยังตำหนักกลางก็ทรงงานต่อ ทั้งที่ใจก็ลอยไปหาใครบางคนที่อยู่ในพระทัยซะแล้ว และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตอนนี้พระทัยของฝ่าบาทลอยไปหายังที่จ้วนอ๋อง แล้ว
เช้าวันต่อมาที่จ้วนอ๋องเฉินก็ต้องพากันวุ่นวายอีกครั้งเมื่อมีพระราชโองการ จากฮ่องไทเฮาให้แต่งตั้งหนี่เจินเป็นฮ่องเฮาและให้มีการจัดงานอภิเษกสมรสที่ จะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้านี้
“ท่านอ๋องค่ะ เราจะทำเช่นไรดีนี่ทรงให้ฮ่องไทเฮาจัดการเรื่องทั้งด้วยพระองค์เอง”
“ทำไมถึงเป็นเรื่องเช่นนี้ไปได้นะ ทางเรายังไม่ได้ตอบตกลงที่จะให้หนี่เจินอภิเษกกันฮ่องเต้เลยแต่ทรงมีคำสั่ง แต่งตั้งและให้เตรียมงานเช่นนี้อีก”
“เห็นทีพระองค์คงกลัวว่าทางเราจะขัดพระทัยเลยไม่ทรงบอกกล่าวเราเช่นนี้ เลยทรงมีพระราชโองการที่ทำให้พวเราไม่อาจขัดราชโองการได้เช่นนี้มา แทน”จิ้งฟงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อแม่นิ่งไป
“เห็นทีพวกเราคงไม่อาจหลีกเลี่ยงให้แล้วสินะค่ะท่านพี่ เราคงต้องเตรียมตัวส่งหนี่เจินเข้าวังอย่างเป็นทางการซะแล้ว ถ้าเราขัดราชโองการอาจจะถูกประหารทั้งตระกูลเป็นแน่”
“งั้นเจ้าก็ไปเตรียมตัวเถอะหลิงหลัน”
“ค่ะท่านพี่”
ด้านตำหนักสนมพิงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน เพราะนางกำลังให้คนไปตามพี่ชายของตนเองเพื่อถามข่าวที่ตนได้ฟังมาว่าจริงเท็จแค่ไหน
“ไห่เหยียนเจ้าจงไปตามพี่ชายข้างมาพบที บอกเขาว่าข้ามีเรียนสำคัญจะถาม”
“เพค่ะพระสนม หม่อมฉันจะรีบไปเพค่ะ”
ไม่นานหลังจากนางกำนัลคนสนิทออกไป ก็พาผู้เป็นพี่ชายของตนเองมาถึงยังตำหนัก
“ท่านพี่ไหนท่านบอกว่าจะจัดการนั้นจิ้งจอกนั้นให้ข้าไงล่ะ ตอนนี้ข้ายังเห็นมันลอยหน้าลอยตาอยู่ในวังอยู่เลย แล้วข้าก็ได้ยินข่าวลือว่าไม่ช้านี้จะมีการแต่งตั้งนางและพิธีอภิเษกอย่าง เป็นการแล้ว ข้ายังไม่เห็นท่านพี่จะทำอะไรให้ข้าได้เลย”
“ใจเย็นน้องพี่ ไมใช่พี่ไม่ทำแต่ทำไปแล้วต่างหากเล่า และเพราะอย่างนี้พี่เลยเลี่ยงไม่เข้าวังไงอย่างไรล่ะ”
“ท่านพี่ทำไปแล้วแต่ทำไมข้ายังเห็นมันหน้าชื่นตาบานล่ะ ถ้านางเป็นของท่านไปแล้ว”
“พี่ทำแล้วแต่มันไม่สำเร็จ พอดีตอนที่พี่กำลังจะจัดการนางไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงทราบได้อย่างไรว่านางอยู่ นั้นกับพี่ เลยทรงมาช่วยได้ทัน และดีที่พี่ปลอมตัวไปและประจวบกับที่ตอนนั้นมันมืดมากเลยไม่ทรงรู้ว่าเป็น พี่ พิงอันพี่ไม่อาจทำตามที่เจ้าขอร้องได้อีกแล้ว พี่ว่าพี่รักแม่นางหนี่เจินเข้าให้แล้วล่ะ พี่ไม่อยากให้นางเสียใจ เพราะนางพี่ถึงได้รอดมาได้”
“อะไรนะท่านพี่ ท่านบอกว่าท่านรอดมาได้เพราะนางงั้นหรือ”เสียงถามด้วยความแปลกใจขออกจากเรียวปากคู่งาม
“ใช่ เพราะนางขอกับฝ่าบาท ว่าอย่างเอาเรื่องพี่เลยพี่เลยรอดตัวไม่ต้องถูกลงโทษอย่างนี้ พี่คงทำเรื่องแบบนั้นกับนางไม่ได้อีกแล้ว”
“ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อพี่เป็นพี่ของข้าและนังนั้นก็เป็นศตรูหัวใจของน้องนะท่านพี่”
“พี่เสียใจแต่พี่ไม่อาจทำให้เจ้าได้อีกแล้ว”
หลังจากพูดจบหวังหลงเฟยก็เดินออกจากตำหนักสนมพิงทันที เขาไม่อาจทำร้ายหัวใจของนางเป็นมีจิตใจงดงามเช่นนั้นได้ และไม่อาจเห็นนางเศร้าเสียใจอีก เขายอมรับว่าตอนแรกเขาแค่สนใจในความงามนั้นแต่หากเป็นตอนนี้เขาหลงรักความดี ของนางซะมากกว่า
หลายวันต่อมา
และแล้ววันที่ใครหลายคนต่างรอคอยก็มาถึง พิธีแต่งตั้งและอภิเษกสมรสระหว่างหนี่เจินและฮ่องเต้ก็มาถึง ภายในวังถูกประดับประดาด้วยของใช้สีแดงที่สื่อความหมายอันเป็นมงคลแก่ ฮ่องเต้และฮ่องเฮา เสียงบรรดาขันทีและสาวรับใช้ต่างยุ่งกับการจัดเตรียมงามกันให้ยุ่งวุ่นวาย
ทางด้านหนี่เจินหลังจากที่ได้ยินข่าวก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่ก็อดกังวลใจไม่ได้เมื่อถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ ถ้าฮ่องเต้ทรงรู้ว่าเขานั้นหาใช่สตรีแต่เป็นบุรุษปลอมตัวมาจะทรงทำเช่นไรกับ เขา
พิธีอภิเษกเริ่มจะขบวนรถของหนี่เจินที่เดินทางเข้าออกจากจ้วนอ๋องเฉินเข้า สู่วังโดยเป็นขบวนรถม้าที่แสดงถึงเกรียติท่านหญิงเฉินที่จะอภิเษกกับฮ่องเต้
และระหว่างทางหนี่เจินต่างเห็นบรรดาชาวบ้านยืนมองตามสองข้างทางต่างชื่นชม และกล่าวยินดี จนตัวของเขาอดไม่ได้ที่จะโบกมือบางให้แก่ชาวบ้านเหล่านั้น และก็ได้คำตอบรับเป็นเสียงปราบปลื้มที่ดังกว่าเดิน
ขบวนรถม้าก็ได้เดินทางมาถึงยังพระราชวังและหนี่เจินก็ถูกนำตัวไปแต่งตัวที่ ตำหนักล่งซู่ในทันทีที่มาถึง ภายในตำหนักต่างก็วุ่นวายไม่แพ้กัน
“พวกเจ้าออกไปเถอะข้าจะแต่งตัวให้ลูกสาวข้าเอง พอแต่งตัวเสร็จพวกเจ้าค่อยมาทำผมแต่งหน้าให้นาง”
“ค่ะฮูหยิน”
“ท่านแม่ข้าตื่นเต้นจัง แล้วตอนที่เข้าหอข้าจะทำเช่นไรดี”
“เจ้าต้องพยายามบอกกับพระองค์ว่าเจ้ายังไม่พร้อมแล้วหาทางทำให้พระองค์ไม่ ทรงล่วงเกินเจ้าซะ แม่เห็นทางออกแค่ทางนี้เท่านั้น แต่ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จพ่อกับแม่ก็เตรียมรับโทษไว้แล้วเจ้าแค่บอกว่าเจ้านั้น ไม่รู้ก็พอ”
“ข้าจะทำเช่นได้อย่างไรกันท่านแม่ ในเมื่อนี่คือตัวข้าแล้วข้าจะไม่รู้ได้เช่นไร”
“เจ้าก็บอกว่าพ่อกับแม่บังคับเจ้าเพราะเกรงอาญา เจ้าเลยมิอาจขัดผู้เป็นพ่อแม่ได้”
“ไม่!! ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นข้าจะเป็นผู้รับผิดแต่เพียงผู้เดียวท่านพ่อท่านแม่และพี่น้องของข้าไม่มีความผิด ข้าจะรับผิดเอง”
“ลูกเจินเจ้าจะทำให้แม่เสียใจหรือ ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปเจ้าคิดว่าแม่จะทนได้หรือ”
“ท่านแม่ ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ตระกูลของเราอยู่ต่อไปได้นะค่ะ”
“แต่เจ้าจะไม่คิดถึงใจพ่อแม่บ้างหรือ หากต้องเสียเจ้าไปเช่นนี้”
“เราจะไม่พูดเรื่องกันอีกค่ะ ข้าไม่อาจทำให้ท่านพ่อท่านแม่เป็นอะไรไปได้”
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วหนี่เจินก็อยู่ในชุดเจ้าสาวสูงศักดิ์งามสง่าสมกับ ที่เป็นธิดาอ๋องเฉิน และต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องไทเฮาก่อนที่จะเริ่มพิธีอภิเษกสมรส
พิธีเริ่มต้นจากจัดขบวนเพื่อนำเจ้าสาวไปยังลาดพิธีหน้าตำหนักใหญ่เพื่อทำ พิธี หนี่เจินต้องนั่งเกี้ยวผ่านยังตำหนักน้อยใหญ่ต่าง ๆ เพื่อนผ่านไปยังตำใหญ่ที่เป็นสถานที่จัดพิธี
จากนั้นขบวนเกี้ยวเจ้าสาวก็มาถึงยังลานพี่และต่อด้วยการเดินเข้าพิธีอย่างสง่างามของเจ้าสาวและฮ่องเต้ที่ทรงยืนรอตรงแท่นพิธีก่อนแล้ว
ทางเดินที่ถูกปูด้วยผ้าสีแดงยาวไปถึงยังแท่นพิธีและระหว่างสองข้างทางที่ เดินผ่านก็มีเหล่าขุนนางและบัณฑิตยืนถวายพระพรยางจนถึงแท่นพิธี
เมื่อหนี่เจินเดินมาจนสุดทางก็พบก็ฮ่องเต้ในฉลองพระองค์ชุดมังกรสีแดงและ เหล่านางกำนัลที่ทำหน้าที่ดูแลเจ้าสาวก็ส่งตัวเจ้าสาวให้แก่ฮ่องเต้และจาก นั้นจึงเริ่มพิธีไหวฟ้าดิน
“ต่อไปจะเป็นพิธีคำนับฟ้าดินพ่ะย่ะค่ะ”มหาขันทีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหนี่เจินมาถึงแล้ว
“เชิญทั้งสองพระองค์คำนับฟ้าดินพ่ะย่ะค่ะ คำนับครั้งที่ 1 คำนับฟ้าดิน” แล้วหนี่เจินกับฮ่องเต้ก็หันออกยังด้านคำนับฟ้าดิน
“คำนับครั้งที่ 2 คำนับพ่อแม่ผู้มีบุญคุณ” แล้วกันมาคำนับฮ่องไทเฮาที่ทรงอยู่สูงสุดของแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ และก็ทรงยิ้มรับอย่างมีความสุข
“คำนับครั้งที่ 3 คำนับซึ่งกันและกัน” แล้วหนี่เจินก็กันมายังข้าง ๆ ที่ตอนนี้ฮ่องเต้เองก็ทรงหันมาทางหนี่เจินเช่นกัน ก่อนจะคำนับกัน
“เป็นอันเสร็จพิธีคำนับฟ้าดินแล้วพ่ะย่ะค่ะ เชิญฝ่าบาทเปิดหน้าฮ่องเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้นก็ทรงไม่รอช้าทรงจับชายผ้าแล้วเปิดผ้าแล้วก็ทรงตกตลึงเมื่อพบใบ หน้าของหนี่เจินยามนี้ ทั้งที่ปกติก็งดงามอยู่แล้ว แต่เวลานี้ยิ่งกว่างดงามเสียอีกช่างหาคำบรรยายมิได้
หนี่เจินก็เกิดอาการเขินอายเมื่อคนตรงหน้าเอาแต่จ้องมองมิวางตา เลยได้แต่หลบสายตาของอีกฝ่ายเท่านนั้น
“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี ขอให้ฮ่องเฮาทรงพระเจริญพันปี พัน ๆ ปี” แล้วเสียงบรรดาขุนนาง และบัญฑิตต่างก็สรรเสริญให้แก่ฮ่องเต้และฮ่องเฮา
หลังจากเสร็จพิธีต่าง ๆ ก็มืดค่ำแล้วก็ถึงพิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอที่หลายคนต่างก็ดีใจที่พิธีต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
อ๋องเฉินและฮูหยินหลิงหลันต่างพากันเข้าไปยังห้องหอภายในตำหนักจงจินที่เป็น ตำหนักของฮองเฮาและตอนนี้ก็กำลังกล่าวอวยพรแก่ลูกของตนและย้ำกับหนี่เจินถึง เรื่องต่าง ๆ และพากันออกไปยกเว้นเฉินจิ้งฟงผู้เป็นพี่
“น้องเจิน ไม่ต้องห่วงถ้าเจ้ากลัวว่าความจะแตกพี่จะหาทางช่วยเจ้าเอง”จิ้งฟงเอ่ยปลอบ ผู้เป็นน้องแต่แล้วเจ้าตัวกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ข้าสามารถเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน”
“แต่ใจพี่มิอาจหมดห่วงได้ ถึงพี่จะรู้ว่าเจ้านั้นสามารถเอาตัวรอดได้แต่หากใจเจ้ามิอาจปฏิเสธเล่าน้องพี่”
“ไม่ต้องห่วงข้ามากหรอกท่านพี่ ข้าคิดว่าดูแลตัวเองได้”
แล้วหนี่เจินก็ผลักพี่ชายของตนเองให้ออกจากก่อนจะกอดพี่ชายอีกครั้งและปิด ประตูห้องลง ถึงจะบอกว่าไม่ต้องห่วง แต่ใจของหนี่เจินตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นที่ตนกล่าวมา แล้วพาร่างอันโรยแรงกลับมายังเตียงที่อีกไม่นานฝ่าบาทจะทรงมาประทับเคียง ข้าง
ไม่นานความกลัวของหนี่เจินก็เกิดขึ้นเมื่อฝ่าบาทได้ทรงเสด็จมาถึงยังห้องบรรทมแล้ว เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับที่มีอีกพระวรกายกำยำของฝ่าบาททรงดำเนินมายัง ข้างใน ทรงทอดพระเนตรฮ่องเฮาที่มีท่าทีตื่นตะหนกขึ้นมาทันทีหลังจากที่ฝ่าบาททรงปิด ประตูแล้วเดินเข้าไปหาหนี่เจิน
หนี่เจินก็เป็นฝ่ายก้มลงกราบในทันทีก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงเดินเข้าไปหา และก็ทรงสงสัยอะไรที่ทำให้ฮ่องเฮาของเขาต้องทำเช่นนั้น
“เจ้าทำอะไรน่ะหนี่เจิน”
“หม่อมฉันทำผิดกับฝ่าบาทเพค่ะ”
“ทำผิดงั้นหรือ เจ้าทำอะไรผิดข้ายังไม่เห็นว่าวันนี้เจ้าทำอะไรให้ข้าขุ่นข้องหมองใจอะไรสัก หน่อย แถมวันนี้เจ้ายังน่ารักเป็นพิเศษข้าจะลงโทษเจ้าได้อย่างไรหนี่เจินของข้า”
“งั้นก็ต่อจากนี้เพค่ะที่หม่อมอาจทำให้พระองค์เสียพระทัย หม่อมฉันมีเรื่องจะบอกเพค่ะ”
-
9
หนี่เจินจ้องไปยังพระพักตร์ที่ทอดพระเนตรกลับอย่างสงสัย วันนี้นางอันที่รักของพระองค์ดูแปลกไปไม่สนใสและน่ารักเหมือนเมื่อหลายวันก่อน
“ก่อนที่จะบอกอะไรข้าเจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ เห็นเจ้าทำเช่นนี้ข้าไม่สบายใจเลยหนี่เจิน”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องกราบทูลฝ่าบาทก่อน”
สรรพนามแทนตนเปลี่ยนไปทำให้ฮ่องเต้สงสัยถึงการกระทำของคนตรงหน้านี้ยิ่งนัก หนี่เจินของเขาดูแปลกไปจริง ๆ
“ลุกขึ้นเถอะมีเรื่องอะไรจะบอกข้าก็ได้ทำไมเจ้าต้องทำเหมือนเป็นเรื่องร้ายแรงเลยหนี่เจินของข้า”
“พ่ะย่ะค่ะมันเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดที่พระองค์มิอาจให้อภัยกระหม่อมผู้นี้ได้เลย”
“เจ้าแทนตัวเองว่ากระหม่อมหรือหนี่เจิน”
“พ่ะย่ะค่ะ และมีสิ่งที่กระหม่อมอยากถามพระองค์หากเรื่องที่จะกราบทูลต่อไปนี้มันทำให้ พระองค์มิอาจทรงให้อภัยกระหม่อมผู้นี้ได้จะทรงทำเช่นไร”
“....”ทรงนิ่งอย่างทรงไม่เข้าพระทัย
“ถ้าสิ่งที่กระหม่อมทำนั้นเป็นการทำให้พระองค์เสื่อมเสียพระเกีรติของพระองค์”
“กระหม่อมขอรับโทษนั้นหากแม้นพระองค์จะทรงสั่งให้ลงโทษประหาร กระหม่อมจะขอรับโทษตาย แต่ขอเพียยงอย่างเดียวอย่าทรงลงโทษครอบครัวของกระหม่อม แค่นั้นที่กระหม่อมจะขอเป็นสิ่งสุดท้ายจากพระองค์”หนี่เจินกล่าวขึ้นน้ำเสียงสั่นไหว
ฝ่าบาททรงประทับนิ่งอย่างทรงคาดการณ์เหตุการณ์ไม่ได้ ทรงสับสนพระทัยขณะรับฟังสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยขึ้น
“เจ้ากำลังจะพูดอะไร ทำไมโทษที่เจ้าจะได้รับถึงเป็นโทษประหาร ทำไมถึงคิดว่าข้าฟังสิ่งที่เจ้าจะพูดแล้วจะมิอาจให้อภัยได้”
“หากแม้นกระหม่อมเป็นชายมิใช่หญิงล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“...”
“หากกระหม่อมผู้นี้เป็นชาย พระองค์จะทรงทำเช่นไร”
ขณะที่อีกฝั่งสถานการณ์ตึงเครียด ทางจ้วนอ๋องก็สถานการณ์ตึงเครียดไม่แพ้กันอ๋องเฉินและฮูหยินมิอาจจะหลับลง ได้ เพราะห่วงลูกชายคนรองที่ตอนนี้มิอาจล่วงรู้ว่าตอนนี้มีชะตากรรมเช่นไร ฝ่าบาทจะทรงรู้หรือยังว่าหญิงที่ทรงอภิเษกด้วยหาใช่หญิงอย่างที่หวังไว้หากแต่เป็นชายเช่นนี้
“ท่านพี่ข้าห่วงลูกเจินเหลือเกิน ลูกเจินจะบอกกับฝ่าบาทไปหรือยัง หรือว่าลูกเจินอาจจะไม่กล้าแล้วพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ร่วมหอลงโรงกันฝ่าบาทก็ เป็นได้”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นอาจจะดีกับลูกเจินมากกว่า ข้าก็หวังให้ลูกเจินทำเช่นนั้น”
“หากแม้นเทพเจ้ามีจริง ข้าขอภาวนาให้ลูกหนี่เจินอย่างได้เป็นอะไรเลยขอให้ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยสิ่งที่ลูกเจินทำด้วยเถอะ”
สองสามีภรรยายามนี้ได้แต่ภาวนาให้ลูกชายคนรองอยู่รอดปลอดภัยและอย่างได้รับ อันตรายเลย จากนั้นแสงไฟในห้องก็ดับลง แต่ดวงไฟอีกดวงของห้องถัดมาไม่ไกลนักกลับยังสว่างไสวไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ เท่าไร
“ท่านหญิงยังไม่นอนหรือเจ้าค่ะ”เสียงสาวใช้คนสนิทเอ่ยถามท่านหญิงเพียงหนึ่งเดียวของบ้านที่ไม่ยอมเข้านอนเสียที
“ข้าเป็นห่วงพี่รองเหลือเกินหนิงหนิง ไม่รู้ตอนนี้ท่านพี่จะเป็นเช่นไรบ้าง”
“ข้าคิดว่าท่านอ๋องน้อยคงหาทางออกได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องน้อยเป็นคนเฉลียวฉลาดและรู้ว่าอะไรควรมิควรเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น ข้าหวังว่าในวันพรุ่งนี้ข้าจะไม่ต้องรับฟังข่าวร้ายที่อาจจะมาถึง”
“เจ้าค่ะ ข้าเองก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น แต่วันนี้ท่านหญิงควรนอนได้แล้วนะค่ะไม่เช่นนั้นข้าอาจโดนตำหนิได้ว่าไม่ดูแลท่านหญิง”
“อืม ข้าจะเข้านอนแล้วเจ้าออกไปเถอะ
และเมื่อหนิงหนิงออกไปไฟในห้องก็ดับลง ค่ำคืนนี้จ้วนอ๋องก็ต่างหลับกันอย่างไม่เต็มตาเพราะไม่อาจรับรู้ถึงข่าวของ บุคคลอันเป็นที่รักที่ตอนนี้เป็นเช่นไร
กลับมาด้านวังหลวงที่ฮ่องเต้ยังทรงประทับยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำกล่าวจากร่าง บางที่ยังก้มหน้านิ่งอยู่ ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ ตอนนี้พระองค์ตกพระทัยกับสิ่งที่ได้ยิน
“เจ้าว่าเช่นไรนะ เจ้าว่าเจ้าเป็นอะไรนะ”
“กระหม่อมเป็นชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดีรับโทษตายหากแม้นพระองค์สั่ง”
พระทรงคิดใคร่ครวญมองพนิจพิจารณาก่อนจะทรงย้อนถึงวันคืนเก่า ๆ ที่ทรงทำร่วมกับร่างบางตรงหน้านี้ภาพความน่ารักสดใสและงดงามยังคงตราตึง พระทัยพระองค์
หากแม้นสิ่งเหล่านั้นลวงตาก็ทรงมิอยากตื่น หากแม้นสิ่งเหล่านั้นร่างบางตรงหน้าทำไปมิใช่แค่ตบตา หากแม้นหัวใจดวงนั้นที่หมอบให้พระองค์มิใช่สิ่งจอมปลอมพระองค์จะทรงยอมรับ ได้หรือไม่
ทรงมองร่างบางที่ตอนนี้เริ่มมีเสียงสะอื้อเบา ๆ ก็ทรงเจ็บที่พระทัยยิ่งนั้นหากแม้นตอนนี้หัวใจพระองค์เองก็เจ็บไม่แพ้คนตรงหน้าเช่นกัน
พระองค์จะทรงทำเช่นไรต่อไปดีจะทรงให้เรื่องผ่านเลยไปไม่สนใจหรือจะทรงลงโทษคนตรงหน้าที่บังอาจหลอกลวงพระองค์นานแสนนานเช่นนี้
และตอนนี้พระองค์ก็ได้คำตอบแล้วทรงดำเนินประทับเคียงข้างร่างบางที่ยังสะอื้นไห้ไม่สนใจสิ่งใด ก่อนจะใช้พระหัตถ์ทั้งสองเงยใบหน้าสวยที่ตอนนี้น้ำตาไหลอาบหน้าสบเข้ากับพระเนตรคู่สวยที่ตอนนี้ทอดมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
“งั้นหากข้าผู้นี้มิใช่ฮ่องเต้ เจ้าจะยังรักข้าอย่างที่เจ้าทำตอนนี้หรือไม่”
“หากแม้นแต่ฝ่าบาทมิใช่กษัตริย์ กระหม่อมก็มิอาจห้ามใจมิให้รักพระองค์ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหากตอนนี้หัวใจของข้ามิใช่ของข้าแต่เป็นของเจ้าล่ะ เจ้าจะยังยอมรับที่จะเป็นภรรยาข้าต่ออีกหรือไม่”สิ่งที่ทรงตรัสมาทำให้คนฟัง อึ้งแล้วต้องถามกลับอย่างสงสัย
“ฝ่าบาท ทรงตรัสอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”หนี่เจินถามขึ้นอย่างสงสัย
“เจ้าเลิกแทนตนเช่นบุรุษเสียที ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาข้าแล้วต้องแทนตัวเองเช่นสตรีสิ”
“แต่ว่ากะ...” ยังไม่ทันร่างบางจะพูดจบก็ทรงค้านขึ้น
“ไม่มีแต่ หากเจ้าไม่เชื่อฟังข้าจะลงโทษเจ้า”
“พะ...เพค่ะ”
“และคำตอบของข้าก็ไม่เปลี่ยนข้ารักเจ้าเช่นใดก็ยังคงรักเช่นนั้น ถึงแม้นความจริงแล้วเจ้าจะหาใช่หญิงดังที่ข้าคาดไว้ แต่หัวใจที่ข้ามอบให้นั้นหาใช่หลอกลวงแต่เป็นรักอันใสบริสุทธิ์ที่มอบให้แก่บุคคลอันเป็นดวงใจของข้า ข้ามิอาจอยู่ได้หากขาดเจ้า มิอาจจะลงโทษเจ้าได้และหากแม้นเจ้าเจ็บข้าสิจะยิ่งเจ็บกว่า”
พอทรงตรัสจบก็โอบร่างบางด้วยพระกรแข็งแกร่งและบรรจงพรมจุมพิตลงบนหน้าผากมน สวยพลางใช้พระหัตถ์เช็ดน้ำตาของคนร่างบางอย่างเบามือ คนในอ้อมพระกรแข็งแกร่งนั้นรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนก็กอดตอบพลางซบหน้าลงยัง พระอุระอุ่น ๆ
“ทรงไม่เคืองพระทัยหรือเพค่ะ ที่หม่อมฉันหลอกลวงพระองค์เช่นนี้”
“ถ้าตอบว่าไม่ข้าคงโกหกเจ้า ข้าโกรธเจ้าที่หลอกลวงข้าแต่ข้าก็หาได้ต้องการลงโทษเจ้า หาแม้นหัวใจของข้ามิใช่ของเจ้า ข้าอาจลงโทษประหารเจ้าเสียแต่หัวใจข้าผู้นี้ผู้ที่เป็นถึงจักรพรรดิของแผ่นดินได้มอบให้เจ้าไปแล้วไม่อาจรับคืนได้ ข้าจึงจำยอมรับสิ่งที่เจ้าเป็นแทนที่จะทำร้ายหัวใจตัวเองสู้ข้ายอมรับเจ้าจะดีกว่า”
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน...”
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ข้ารู้เพียงว่าต่อจากนี้ไปข้าจะมีเจ้าเคียงข้าในฐานะฮองเฮาตลอดไป”
“เพค่ะ หม่อมฉันจะเคียงข้างพระองค์ตลอดไป”
“งั้นเราก็ควรทำเรื่องฉันท์สามีภรรยาเสียที”ฮ่องเต้ตรัสจบคนร่างบางในอ้อมกอดก็หน้าขึ้นสีทันที
“แต่หม่อมฉันเป็นชายจะทำเรื่องเช่นนั้นกับฝ่าบาทได้เช่นไรกัน”
“แล้วเจ้าจะรู้เองหนี่เจินของข้า”
เมื่อทรงตรัสจบก็ทรงประทับริมฝีปากของพระองค์ทาบทับคนร่างบางที่ยังมิทัน ตั้งตัวแล้วมอบความหวานให้ ร่างบางมิอาจขัดขืนจึงรับความหวานที่ถูกส่งผ่านมาให้แทน
“อืม...อืม....”เสียงหวานครางออกมาจากปากเรียวสวยเมื่อพระหัตถ์ของฝ่าบาทสอดเข้าไปภายใต้เสื้อผ้าที่ปกปิดกายอยู่
เสื้อผ้าที่ปกปิดกายถูกถอดออกโดยง่าย พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูบไปตามหน้าท้องแบนราบก่อนริบฝีปากเรียวก็สัมผัสต้นคอขาว ไล่ลงมายังยอดอดสีชมพูที่ชูชันขึ้น
“อ๊า...อา...ตรงนั้นไม่ได้เพค่ะ...อ๊า....”
เสียงหวานยังคงครางทำให้กระตุ้นคนฟังยิ่งนั้น พระหัตถ์เลื่อนลงต่ำยังจุดอ่อนไหว ทรงพระหัตถ์รูดขึ้นลงจนคนร่างบางเกิดอาการเสียววาบ เสียงครางยังคงดังต่อเนื่อง
“อ๊า...อ๊า...อืม...มะ...หม่อมฉัน....จะไม่ไหวแล้ว....พะ...เพค่ะ....ฝ่าบาท...อา.....”
และเมื่อสิ้นเสียงร่างบางน้ำขาวขุ่นก็ถูกปลดปลอยเต็มหน้าท้องและเปอะเปื้อน พระหัตถ์ด้วย แต่ฮ่องเต้ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นก่อนจะเลี้ยงน้ำสีขาวขุ่นนั้นจดหมด แถมยังทำท่าว่าทรงอร่อยอีกด้วย
“ฝะ...ฝ่าบาท!! ทรงทำเช่นนั้นได้อย่างไรเพค่ะ”สีหน้าตื่นตะหนกของร่างบางก็ทำให้ฮ่องเต้ทรงพระสรวยออกมาอย่างพึ่งพอพระทัยยิ่งหนัก
“จุ๊บ” ทรงก้มลงประทับจุมพิตให้คนร่างบางก่อนจะทรงส่งยิ้มอ่อนโยนให้
“ฝ่าบาททำไมไม่ทรงตอบล่ะเพค่ะ”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนิ”
“แต่พึ่งจะเสวยสิ่งนั้นเข้าไปนะเพค่ะ ทรงคายออกมาเถอะเพค่ะ”
“ข้าไม่รังเกียจสิ่งนั้นของเจ้าหรอกนะ กลับคิดว่าหวานดีด้วยซ้ำจนข้าอยากจะชิมอีกครั้งสองครั้ง”
“ฝ่าบาท”
“เอาล่ะเรามาต่อกันดีกว่าตอนนี้เจ้าเสร็จไปครั้งหนึ่งแล้วแต่ข้ายังไม่เสร็จเลยสักครั้งนะอย่าลืมสิ”
“แต่...อุ๊บ”
ทรงทาบทับริมฝีร่างบางที่ยังเอ่ยมิทันจบ หลังจากที่ร่างบางกำลังรับความหวานที่ถูกส่งผ่านมาพระหัตถ์ก็ลูบไปยังช่อง ทางที่อยู่ข้างล่างของจุดอ่อนไหวก่อนจะทรงสอดดัชนีเข้าไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะคาไว้อย่างนั้นและเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้า ๆ
“อ๊า.....อา....ฝ่าบาท....”
จากนั้นก็ทรงเพิ่มดัชนีขึ้นเป็นสองและทรงขยับเข้าออกจากช้า ๆ เป็นเร็วขึ้น ๆ จนช่องทางของร่างบางตอดรัดดัชนีน้อย ๆ
“อ๊าย....อ๊า...อืม....อา...”
หลังจากที่เห็นว่าช่องทางที่ทรงสอดดัชนีเข้าไปนั้นพร้อมจะรับสิ่งที่ใหญ่ กว่าดัชนีของพระองค์แล้วทรงกระซิบที่ข้างหูคนร่างบาง เสียงทุ่มนุ่มนั้นทำให้คนฟังหน้าขึ้นสีด้วยความอายแต่ก็มิได้ขัดขืนแต่อย่างไร
“อดทนหน่อยนะยอดดวงใจของข้า เจ้าอาจจะเจ็บสักหน่อยแต่เมื่อชินแล้วเจ้าจะมีความสุขร่วมกับข้า”
“เพค่ะ”
หนี่เจนกล่าวพร้อมพยักหน้าน้อย ๆ แล้วจากนั้นฮ่องเต้ก็แทรกแกนกายของพระองค์ที่จ่อยังปากทางของช่องทางเข้าไปในช่องทางแคบนั้นจนสุด
เมื่อทรงแทรกเข้าไปแล้วก็ยังไม่ทรงขยับพระวรกายแต่รอให้ช่องทางแคบนี้ชินกับขนาดของแกร่งกายที่แทรกเข้าไปเสียก่อน
ส่วนคนร่างบางเมื่อสิ่งแปลกปลอมแทรกผ่านช่องทางเข้าก็นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดมือสองข้างกำผ้าปูเตียงแน่น พอช่องทางแคบนี้เริ่มชินแล้วสีหน้าเจ็บปวดเมื่อกี้ก็ครายลง
และเมื่อฮ่องเต้ทรงเห็นว่าหนี่เจินครายสีหน้าเจ็บปวดเมื่อกี้และพร้อมแล้วก็ ทรงเริ่มขยับพระวรกายอย่างช้า ๆ ซึ่งร่างบางก็แอ่นสะโพกรับ
ฮ่องเต้เริ่มขยับพระวรกายด้วยจังหวะช้า ๆ เพื่อให้ร่างบางชินเสียก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะให้ถี่และเร็วขึ้นตามลำดับ
“อ๊า...อ๊า...อืม...อา”เสียงครางรับกับจังหวะที่ฮ่องเต้ทรงเคลื่อนไหว
“อ๊า...หนี่เจินตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง ตอนนี้ข้าอืม...มีความสุขที่ได้เช่นนี้กับเจ้านัก”
“อ๊า...อ๊า...อา...อืม...มะ...หม่อมฉัน....กะ....ก็มีความสุขเพค่ะ....อ๊า...อ๊า...”
“อ๊า...อืม...ข้าดีใจที่เจ้าชอบวันนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าได้นอนเลยยอดรักของข้า”
ฮ่องเต้ทรงเร่งจังหวะเร็วถี่ขึ้นร่างบางเองก็แอ่นเอวรับจังหวะที่เพิ่มขึ้น เสียงครางไม่ได้ศัพท์ยังคงดำเนินต่อไป ทรงใช้กพระหัตถ์จับเข้าที่จุดอ่อนไหวของร่างบางก่อนจะรูดขั้นลงตามแรงจังหวะ ที่พระองค์ขยับ จนร่างบางทนต่อไปไม่ได้
“ฝ่าบาท....มะ...หม่อมฉันจะออกอีกแล้วเพค่ะ หม่อมฉันจะไม่ไหวแล้วอ๊า.....”
น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจนเปอะเปื้อนเต็มหน้าท้องของคนตัวเล็กอีกครั้งแต่ครั้งนี้ฝ่าบาทก็ทรงเร่งจังหวาะขึ้นไปอีกขั้น
“อ๊า...หนี่เจินข้าก็ใกล้จะเสร็จแล้วขอทำแรงอีกนะข้าจะเสร็จแล้วข้าจะปล่อยในตัวเจ้า”
เมื่อทรงกระแทกแรง ๆ อีกสองสามทีน้ำสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยภายในกายของหนี่เจินและหนี่เจินเองก็ รับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่ถูกปล่อยเข้ามาในร่างกายของตนเอง
หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงทำเช่นนั้นอีกหลายต่อหลายครั้งจนเวลาล่วงเลยมาจนถึง เกือบเช้าของอีกวัน ร่างบางที่ทนต่อความเหน็บเหนื่อยมาทั้งวันก็หมดสติไปเสียก่อน
“จุ๊บ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันพักผ่อนเถอะยอดดวงใจของข้า”หลังจากตรัสจบก็ทรงเข้าบรรทมทันที
-
10
หนี่เจินตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท พระพักตร์ยามบรรทมที่ราวกับเทพมาจุตินั้นทำให้หนี่เจินไม่อาจละสายตาไปไหนได้
แล้วพระเนตรที่ยังทรงบรรทมก็ลืมขึ้นพร้อมกับพระหัตถ์ที่คล้องเอวบางไว้ คนร่างบางก็ตกใจเมื่อรู้ว่าตนนั้นถูกฮ่องเต้รวบเอวแล้วดึงเข้าอ้อมพระอุรา
“ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพค่ะฝ่าบาท”เสียงใสของร่างบางเอ่ยถามขึ้นและพยายามออกจากอ้อมพระอุระ
“ข้าตื่นก่อนเจ้านานแล้ว แต่ยังไม่ลุกก็เลยนอนกอดเจ้าต่อ”
“ไม่ได้นะเพค่ะ ยังต้องทรงงานอีกมากมายหม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงรีบฉลองพระองค์เถอะเพค่ะ”
“แต่ข้านั้นมิอยากไปไหนในยามนี้ อยากอยู่กับเจ้าเช่นนี้ทั้งวันเลย”
รับสั่งนี้ของฝ่าบาทเล่นเอาหนี่เจินหน้าขึ้นสีไม่น้อย รับสั่งไม่พอพระกรของฝ่าบาทก็เริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบาง คนถูกลูบไล้เริ่มมีอารมณ์คล้อยตามคนร่างใหญ่กว่า
“มะ...ไม่ได้นะเพค่ะ ยัง...มีงานราชกิจน้อยใหญ่อีกมากมายที่รอฝ่าบาททอดพระเนตรอีกนะเพค่ะ”
“ยามนี้ข้ามิอาจมีใจทำงานหรอก หากแม้นแต่ข้างยังอยากอยู่ข้าง ๆ เจ้าเช่นนี้”
“แต่ว่า...”
“เจ้าไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ข้าหรือหนี่เจิน”
“ทำไมหม่อมฉันถึงจะไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ฝ่าบาทล่ะเพค่ะ แต่หม่อมฉันเองก็ไม่อาจเห็นฝ่าบาททรงไม่สนราชกิจได้เพค่ะ” ทรงสรวลน้อย ๆ กับความคิดของฮองเฮายิ่งนัก
“ก็ได้แต่ข้าจะเชื่อเจ้า”
“งั้นก็ทรงลุกจากที่บรรทมได้แล้วเพค่ะ หม่อมฉันจะสวมฉลองพระองค์ให้เพค่ะ”
นี่เจินเดินออกมายังห้องที่ติดกับห้องบรรถมและเห็นชุดมังกรว่างอยู่บนโต๊ะก่อนจะนำฉลองพระองค์สีทองปักลายมังกรเข้าไปยังห้องบรรทมทันที
เมื่อหนี่เดินเข้ามายังห้องบรรทมก็พบว่าฮองเต้ยังทรงไม่ยอมลุกจากที่บรรทมเลยและยังคงมองตรงมายังตัวเอง ทำให้หนี่เจินจำต้องว่างฉลองพระองค์ไว้บนโต๊ะภายในห้องแล้วเดินเข้าไปยังที่บรรทมอีกครั้ง
“ฝ่าบาทเพค่ะ ทรงลุกจากที่บรรทมได้แล้วเพค่ะเดี๋ยวจะทรงงานสายนะเพค่ะ”
“งั้นเจ้าก็ช่วยดึงข้าทีสิ ข้าลุกไม่ไหว”
หนี่เจินเมื่อได้ยินว่าฝ่าบาททรงลุกไม่ไหวก็ใช้มือเรียวยืนไปหวังให้ฮองเต้จับแล้วช่วยฉุดให้ลุก แต่เมื่อฮองเต้ทรงจับมือเรียวขาวนั้นก็เป็นฝ่ายฉุดร่างบางให้ล้มมาทับพระวรกายแทน พระหัตถ์ที่เหลืออีกข้างโอบรอบเอวบางไว้ไม่ได้คนตรงหน้าหนีไปไหน
“ฝ่าบาท ทรงงานสายแล้วนะเพค่ะจะทรงทำอะไรหม่อมฉันอีก”
“ข้าแค่อยากทำกับเจ้าอีกสักรอบ ก่อนจะไปทำงานน่ะสิ”
“ฝ่าบาท...อุ๊บ”ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ฝีพระโอษฐ์ก็ทาบทับเรียวปากบางในอ้อมพระอุระเสียแล้ว
พระหัตถ์ทั้งสองลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางก่อนจะปลดอาภรณ์ที่ปกปิดร่างกายของร่างบางที่มีเพียงชิ้นเดียวออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นเรือนร่างขาวนวลจนพระองค์มิอาจห้ามใจได้อีกต่อไป
“อืม...”
เสียงหวานใสที่ครางเร่งเร้าให้ฮองเต้ต้องการมากขึ้น พระองค์ปลดฉลององค์ที่มีเพียงชิ้นเดียวเช่นกับร่างบางก่อนจะพลิกพระวรกายให้ทาบทับร่างบางแทนก่อนจะพรมจุมพิตไปทั่วหน้ามลไล่ลงยังเบื้องล่าง ไล่ไปตามซอกคอขาว แล้วพระหัตถ์ทั้งสองก็สัมผัสกับยอดอกที่ตอนนี้ชูชันตามแรงอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ
“อืม...อ๊า...ฝ่า....บาท....หม่อมฉัน...อ๊า...”
พระหัตถ์เลื่อนลงต่ำยังจุดอ่อนไหวของคนร่างบางทรงลูบไล้เพียงนิดเดียวจุดอ่อนไหวก็เริ่มมีการตอบสนองขึ้น ร่างบางสะดุ้งมือพระหัตถ์ของฮองเต้สัมผัสและเริ่มรูดขึ้นลงในจังหวะช้า ๆ และเริ่มเร่งขึ้น พระหัตถ์อีกข้างตรงไปยังช่องแคบที่ตอนนี้ก็เริ่มตื่นตัวเช่นกัน
“อือ....อือ....อ๊า....”เสียงหวานครางไม่ศัพท์ของร่างบางถูกเปล่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ทรงใช้นิ้วสอดเข้าไปทีละนิ้วจบครบช่องแคบจากนั้นก็ทรงเริ่มขยับเข้าออกร่างบางเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมสอดเข้ามายังช่องแคบก็เริ่มบิด
“อ๊า....อ๊า...ฝ่าบาท....หม่อมฉัน....อ๊า....จะไม่ไหวแล้ว”
สิ้นเสียงร่างบางก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นจนเต็มหน้าท้อง แล้วพระวรกายของฮองเต้ก็เลื่อนลงต่ำเลียน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะอยู่จนหมดก่อนที่พระองค์จะถอดนิ้วที่สอดออก และแทนทีด้วยแกนกายของพระองค์เอง
หนี่เจินที่ตอนแรกรับรู้ว่าฮองเต้ทรงถอดนิ้วของพระองค์ออกแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเจอกับของที่ใหญ่ว่าสอดเข้ามาแทนนิ้วของฮองเต้ มันไม่เจ็บเท่ากับเมื่อวานก็จริงแต่ความเจ็บปวดก็ยังคงมีอยู่เพราะแผลเก่ายังไม่หาย แผลใหม่ก็แทรกเข้ามาแทน
“อ๊ะ...ฝ่าบาท...เบาหน่อยเพค่ะ หม่อมฉันเจ็บ”เมื่อได้ยินเสียงหวานกล่าวเช่นนั้น พระวรกายที่กำลังจะขยับเมื่อทรงดันแกนกายจนสุดแล้วนิ่งชะงักไป
“เจ้าเจ็บหรือหนี่เจิน ข้าของโทษข้าไม่รู้ว่าเจ้าเจ็บขนาดนี้งั้นข้าว่าตอนนี้เรา...”
“ไม่เพค่ะหม่อมฉันไม่ได้เจ็บอะไรมาก แค่ทำให้เบาลงก็พอเพค่ะ”
“งั้นข้าจะนุ่มนวลกับเจ้าให้มากกว่านี้แล้วกันยอดรักของข้า”ทรงจุมพิตลงบนหน้าผามลเพื่อให้คนร่างบางบรรเทาอาการเจ็บปวดลง
ก่อนที่พระวรกายจะเริ่มขยับในจังหวะช้า ๆ เพื่อให้คนร่างบางไม่เจ็บมากทรงทำอย่างนี้อยู่นานและอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้พระองค์จำต้องเริ่งจังหวะขึ้นไปอีกขั้นแต่ยังคงช้ากว่าเมื่อวานนัก
“อ๊า ๆ ฝ่าบาท...แรงขึ้นอีกก็ได้เพค่ะ...หม่อมฉันไม่เป็นไร อ๊า....อืม....อือ...”
ทรงเร่งขึ้นตามที่หนี่เจินบอกร่างบางร้องครางไม่หยุดด้วยอารมณ์ที่ยากจะเอ่ยถ้อยคำใด ๆ เสียงลมหายใจทั้งสองสอดผสานเป็นหนึ่ง เช่นเดียวกับร่างกายที่แนบแน่นราวกับจะเป็นร่างเดียวกัน ฝ่าบาทยังคงเร่งจังหวะขึ้นโดยไม่ทำให้หนี่เจินเจ็บปวดเพิ่ม
“อ๊า ๆ ฝ่าบาทหม่อมฉันจะถึงอีกรอบแล้ว อ๊า...อ๊า...อืม...อ๊า”
“ข้าเองก็ไม่ไหวแล้วหนี่เจินข้าของแรง ๆ เลยนะอ๊า...”
แล้วน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจากคนร่างบาง ในขณะที่คนตัวใหญ่กว่านั้นปลดปล่อยภายในช่องแคบจนคนร่างบางรับรู้ถึงของเหลวร้อนที่อยู่ปล่อยเข้ามาภายในได้
“แฮ่ก ๆ”เสียงเหนื่อยหอบของทั้งสองยังคงอยู่พระวรกายที่เปลือยเปล่าโอบรัดร่างบางที่ยังคงไม่หายเหนื่อยเช่นกัน
“หนี่เจินเจ้ารู้มั้ยข้านั้นมีความสุขยิ่งนั้น เมื่อได้เจ้ามาเคียงข้างข้าเช่นนี้”เสียงทุ่มของฮองเต้กระซิบข้างหู้ของคนที่โดนโอบกอดอยู่
“เพค่ะ หม่อมฉันเองก็มีความสุขไม่แพ้ฝ่าบาทเพค่ะ หม่อมฉันดีใจที่ฝ่าบาททรงรักหม่อมฉันที่หม่อมฉันเป็นเช่นนี้ หาได้หลงเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของหม่อมฉัน”
“เด็กโง่ ข้ามิได้รักเจ้าเพียงแค่ต้องการร่างกายของเจ้า ถ้าข้าคิดเพียงแค่นั้นนางสนมในวังมีออกมากมาย หากแม้นแต่ข้านั้นรักเจ้าเพราะต้องการให้ได้ใจเจ้าต่างหากเล่าถึงได้ไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นเช่นไร”
“เพค่ะ หม่อมฉันซาบซึ้งใจยิ่งนักที่ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับหม่อมฉันเช่นนี้”
“เอาล่ะตอนนี้ข้าคงต้องไปทำงานแล้ว ถึงใจข้าจะไม่อยากจากเจ้าไปไหนก็เถอะ แต่ข้าสัญญากับเจ้าแล้วว่าจะไปทำงานหลังจากที่เราทำกันเสร็จแล้ว”
“เพค่ะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะได้ทรงฉลองพระองค์เพค่ะ”
หลังจากนั้นฮองเต้ก็ทรงเสด็จยังท้องพระโรงเพื่อว่าราชการ โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับศึกระหว่างกับชาวซินเกียง
“ทูลฝ่าบาท ตอนนี้ชายแดนที่ติดกับชาวซินเกียงกำลังมีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ”
“เกิดปัญหาอะไรขั้นงั้นเหรอไต้เท้าหยาง”
“ทหารสายสืบได้รายงานกระหม่อมว่าตอนนี้ทางซินเกียงมีความเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทบอกว่าเราควรทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
“สั่งให้ทหารตามแนวชายฝั่งตะวันตก ให้ตรึงกำลังเฝ้ายามให้แน่นหนาขึ้นพบใครที่น่าสงสัยให้จับกุมตัวแล้วไต่สวน ถ้าพบว่าเป็นสายลับจากฝั่งซินเกียงให้นำตัวมาเมืองหลวงข้าจะสอบปากคำเอง”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องต่อไปล่ะ”
“ทูลฝ่าบาท มีรายงานว่าช่วงนี้มีโจรป่าออกอาละวาดที่เมืองหลงซานพ่ะย่ะค่ะ ชาวบ้านที่นั้นอยู่กันอย่างหวาดกลัวจนไม่กล้าออกมาทำมาหากินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งทหารลงไปปราบกลุ่มโจรป่าพวกนั้น แล้วหาต้นตอว่าทำไมถึงได้มาเป็นโจรป่าด้วยข้าจะได้ทำการแก้ไขทีหลัง”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบทำการปราบปรามโดยเร็วที่สุด”
“เรื่องต่อไปล่ะ”
“ทูลฝ่าบาทเอ่ยทางมองโกเลีย ได้ส่งเครื่องบรรณาการมาให้พ่ะย่ะค่ะทั้งยังส่งองค์หญิงซีอาร์มาเป็นราชทูตพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วคณะทูตจะมาถึงเมื่อไรล่ะ จะได้มีการเลี้ยงต้อนรับเหล่าคณะทูตและองค์หญิงลีอาร์”
“เห็นบอกว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าพ่ะย่ะค่ะ เมื่อใกล้เมืองหลวงจะทำการรายอีกทีพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี งั้นวันนี้เลิกได้”
“ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปีพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
หลังจากที่ทรงรับฟังเหล่าขุนนางแล้วก็ทรงเสด็จยังห้องทรงอักษรทันที ทั้งที่ใจก็ลอยไปหาใครบางคนที่ตอนนี้พระองค์ไม่รู้เจ้าตัวทำอะไรอยู่ แต่ไม่ทันที่ใจจะลอยไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงมหาขันทีกล่าวรายงานขึ้น
“ฮองเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”เสียงของมหาขันทีที่เหมือนรู้ใจผู้เป็นนายเป็นอย่างดี ไม่ต้องรอให้ผู้เป็นนายรับสั่งก็เปิดประตูทันที
ร่างบางในชุดสูงศักดิ์ตามยศฐาที่พึ่งได้รับแต่งตั้งมา ผิวขาวที่รับกับชุดส่งให้หนี่เจินสวยสง่ายิ่งขึ้นบรรดาเหล่าข้าราชบริพานต่างพากันมองความงดงามของฮองเฮาองค์ใหม่ ไม่เว้นผู้เป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่มองภรรยาของตนไม่ว่างตาเช่นกัน
“ถวายพระพรฝ่าบาท หม่อมฉันชงชามาถวายเพค่ะ เพื่อให้ฝ่าบาทได้ทรงผ่อนคลายจากทรงงานหนักเพค่ะ”
หนี่เจินยกชาที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนว่างตรงข้าง ๆ กับฮองเต้และกำลังเดินออกมาแต่พระกรแขนแกร่งก็คว้าตัวไว้ก่อนแล้วดึงมาทำให้หนี่เจินเสียการทรงตัวและล้มลงไปนั่งบนตักของฮองเต้ ทำให้มหาขันและหนี่เจินหน้าขึ้นสีทันที
“ฝ่าบาททรงทำอะไรน่ะเพค่ะ ปล่อยหม่อมฉันนะเพค่ะอายเสี่ยวตั้งจื้อบางสิเพค่ะ”
“เสี่ยวตั้งจือเจ้าออกไปได้แล้วข้าจะอยู่กับฮองเฮาเพียงลำพัง”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นมหาขันทีก็เดินออกจากห้องทรงอักษรไป ทิ้งให้หนี่เจินต้องหาทางเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว ฮองเต้เองก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเจ้าตัวให้เป็นอิสระเสียด้วย ซ้ำยังใช้พระกรอีกข้างโอบรอบเอวบางไม่ให้หนีไปไหน
“ปล่อยได้แล้วเพค่ะ หม่อมฉันอึดอัดจะแย่แล้ว”
“ไม่เอาเรื่องอะไรข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ กันเล่ารู้มั้ยใจข้าไม่เป็นอันกทำงานมั่วแต่คิดว่าเจ้านั้นกำลังทำอะไรอยู่”
“ฝ่าบาทเพค่ะ หม่อมฉันก็อยู่เคียงข้างฝ่าบาทอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องทำเช่นนั้นเลยนี่เพค่ะ”
“ก็ทำไงได้เล่าข้าน่ะรอเวลาที่จะได้อยู่กับเจ้ามานาน ข้าก็เลยไม่อยากแยกจากเมื่อได้อยู่กับเจ้า”
“เพค่ะหม่อมฉันทราบแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงเสวยพระกระยาหารมื้อเที่ยงก่อนดีกว่าเพค่ะ หม่อมฉันเองก็เริ่มหิวแล้วด้วย”
“ไปสิ ข้าเองก็หิวแล้วเช่นกัน”
หลังจากนั้นฮองเต้และนี่เจินก็รับเสวยกพระกระยาหารมื้อเที่ยงในอุทยานที่หนี่เจินชื่นชอบ โดยที่มีสายตาคู่หนึ่งที่มองด้วยความอิจฉา
“เพราะเจ้านังตัวดี ข้าจะทำให้เจ้าร่วงจากตำแหน่งและถูกลงโทษให้จงได้”
สนมพิงอันเดินจากไปด้วยความริษยาในใจก็คิดแต่จะแก้แค้นหนี่เจินที่แย่งฮองเต้ไปจากตน และจะทำทุกวิถีทางทำให้หนี่เจินได้รับความเจ็บปวดอย่างสุดแสน
-
:pig2: คุ้นๆเหมือนเคยอ่าน
หนี่เจินนี่น้า น่ารักน่าตีจริงๆ ซนจนได้เรื่อง ดีที่ฮ่องเต้ท่านดีแสนดี :m3: แต่ก็ต้องตกไปอยู่ในหมู่เสือ สิงห์ กระทิง แรด แถมยังต้องปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นผู้ชายอีก หลังจากนี้คงมีเรื่องมากมายมาให้ประสาทกิน ทั้งเหล่าสนม ทั้งเจ้าหญิงซีอาร์(ด้วยมั้ง) o9
เอาใจช่วยทุกคน แล้วก็ :กอด1: คนเขียนทีนึง ภาษาอ่านง่าย แล้วก็อ่านสนุกดีค่ะ รอติดตามตอนต่อไป อย่ามาม่ามากน้า :monkeysad:
-
น่าสนุก :z1:
สามคำละกัน ส่อ ดรา ม่า o18
-
:-[มาเดียรา10ตอนจุใจจริงๆคะ :-[
เนื้อเรื่องน่ารักดีคะ.....แต่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะน่ารักไปอีกนานรึเปล่า :เฮ้อ: กลัวดีแตกไปซะก่อน o18
จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ ขอขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านคะ :pig4:
ปล.ปวกเป็ดไปแว้ว :3123:
-
ชอบจังเลย อยากอ่านต่อไวๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ
เอิ่ม..ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ เอาตัวร้ายไปไกลๆได้มั้ยอ่ะ สงสารอ่ะ
-
:pig4:ชอบมากค่ะ...เเนวจีนโบราณ... :L1:คนเเต่งมากคะ
-
สนุกดีค่ะ
ฝ่าบาทน่ารักมากเลยยย
-
สุดยอดทีเดียว 10 ตอน o13
:call:
-
ชอบเรื่องนี้มากๆ :กอด1:
-
ฮ่องเต้ กับ ฮองเฮา น่ารักทั้งคู่เลย แต่สนมคนนั้นท่าทางจะร้ายไม่เบา เอาใจช่วยฮองเฮาที่น่ารัก
-
ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เริ่ดคะ สู้ๆๆๆๆๆนะคะ :L2: :L2:
-
สนุกมากจ้าาาา
ทีเดียวสิบตอนรวดเลย^^
รออ่านตอนต่อไป
-
ยังไม่ได้อ่านเลยแต่มาเม้นให้ก่อนนะคับ
เขียนต่นคับจะเป็นกำลัง
-
:haun4: :jul1: :pighaun: :z1: :m25: :z1: :pighaun: :pighaun: :m25: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :haun4:
-
ติดงอมแงมเลยค่ะ
รออ่านตอนต่อไป :3123: :L2:
-
สนุกดีค่ะ
คำผิดเยอะไปหน่อย
ปล.สามคำเหมือนกัน
ส่อ ดรา ม่า
-
ฝ่าบาทน่ารักมาก แต่เห็นเค้าดราม่ามาแต่ไกล เป็นกำลังใจให้จ้า
-
o13 ชอบแนวนี้มากๆ จีนโบราณ
-
มาเป็นหนึ่งในกำลังใจค่ะ ชอบอ่าน Y แบบจีนโบราณค่ะ
-
มาปูเสื่อรอตอนต่อปายยยยยยยย
ในเมื่อคนแต่งกล้าลง10ตอนรวด คนอ่านก็กล้าอ่าน10ตอนรวดเช่นกันนะ ฮ่าๆๆๆ
-
น่ารักจัง ฮ่องเต้เข้าใจด้วยอะ กรี๊ดดดด แสนดีจริงๆเลย ติดตามนะคะ :L1:
-
ดูแล หนี่เจิน ดีดี นะฝ่าบาท
อย่าหูเบา อย่าเชื่อใคร
นอกจากหนี่เจินนน
-
o13 o13 o13
-
อันนี้เป็นพิเศษจ้า
เป็นเรื่องของใครไปลองติดตามกันเลยอิอิ
*----------*----------*----------*
ตอนพิเศษ จอมใจจักรพรรดิ
1
ภายในวังหลวงที่เต็มไปด้วยเหล่าราชองค์รักษ์เว่อฉือจิ้งเต๋อที่กำลังสั่งการนายทหารที่ค่อยเฝ้าเวรยามอย่างเช่นที่เคยทำอยู่ทุกวัน พอเขาสั่งนายทหารสองนายเสร็จก็เดินกลับออกมายังลานหน้าของตำหนักใหญ่ และพบกับหยวนตงเฟยเข้า
“ไง....จิ้งเต๋อไปตรวจตราทหารองค์รักษ์เสร็จแล้วเหรอ”ตงเฟยเอ่ยถามบุคคลที่แสนจะเงียบขรึมที่ยังคงไม่ยอมตอบเขาเช่นทุกที
ถึงแม้เขาสองคนจะทำงานร่วมกันก็จริงแต่แทบจะไม่เคยพูดคุยกันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง เพราะจิ้งเต๋อเป็นพวกมนุษย์พูดน้อย ประกอบกับหน้าที่ของเขาและจิ้งเต๋อนั้นถูกแบ่งส่วนกันจนบางทีก็แทบไม่ได้เจอกันเลย
“ก็เหมือนเดิม ไม่มีความผิดปกติอะไร งั้นข้าขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวก่อนวันนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน เราไปนั่งดื่มอะไรกันหน่อยมั้ยล่ะ”
ตงเฟยเอ่ยชวนคนช่างเงียบ ซึ่งจิ้งเต๋อกลับทำหน้าแปลกใจที่วันนี้คู่หูที่ทำหน้าที่เดี๋ยวกันนั้นคือราชองค์รักษ์เอกที่คอยปกป้องฮ่องเต้ ที่แทบไม่ได้คุยกันเลยจะมีพูดคุยกันบ้างตอนทำงานเท่านั้น กลับมาชวนเขาไปดื่มกัน
“ก็ได้วันนี้ข้าเองก็ไม่รู้จะไปไหน”
เมื่อจิ้งเต๋อรับคำของตงเฟยแล้วทั้งสองก็เดินทางออกจากวังหลวงและมายังในตัวเมืองซึ่งตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้วด้วย
ทั้งสองเดิมมาถึงยังโรงเตี๊ยมซึ่งตอนนี้ผู้คนแน่นโรงเตี๊ยม และเมื่อมาถึงก็เปิดห้องส่วนตัวเพื่อนั่งดื่มกัน ตงเฟยทำการสั่งอาหารและเหล้ามาหลายขวด ก่อนที่คนช่างเงียบอย่างจิ้งเต๋อจะเป็นฝ่ายถามขึ้น
“เจ้ามีเรื่องจะคุยกับข้างก็ว่ามา”
จิ้งเต๋อรินเหล้าใส่จองสองจองแล้วยื่นให้ตงเฟย เขารับจองเหล้ามากระดกเข้าปากก่อนจะมองหน้าคนถามแล้วยิ้มออกมาน้อย ๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นทำให้จิ้งเต๋อชะงักค้างไปคู่ ช่างเป็นยิ้มที่น่ามองยิ่งนัก
“ก็แค่อยากมาดื่มกับเจ้าประสาเพื่อนร่วมงาน คงไม่ว่านะก็พวกเราทำงานด้วยกันมาก็นาน แต่ไม่เคยจะได้ออกมาดื่มกันพูดคุยกันประสาเพื่อนเลย”
“ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ข้าแค่สงสัยเท่านั้นนึกว่าเจ้ามีเรื่องเดือดร้อนหรือมีความลับที่บอกใครไม่ได้เสียอีก”
“ฮ่า ๆ อย่างข้าจะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ไงกันเล่า วัน ๆ ข้าก็ติดตามอารักขาฝ่าบาท ไม่มีเวลาไปมีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไรหรอก แค่คอยติดตามฝ่าบาทข้าก็หมดแรงแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะมีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรก็บอกข้าได้ ข้าจะรับฟังปัญหาเจ้าทุกอย่างเลย”
คนฟังแล้วก็คิดตามถ้าจะมีก็คงจะเป็นเรื่องของคนตรงหน้านี่แหละ ช่างไม่รู้ตัวเสียเลยว่าตัวเองไม่ปล่อยแล้วยิ่งที่นี่เป็นห้องส่วนตัวแล้วด้วย
เขาแอบชอบเพื่อนร่วมงานนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันและนั้นทำให้เขาไม่อยากเข้าไปพูดคุยกับคนตรงหน้า เพราะกลัวว่าถ้าพูดคุยสนิทสนมมากนักมันอาจทำให้เขาไม่ห้ามใจได้
คนตรงเขาก็ช่างไม่รู้เสียเลยว่าการพาเขามายังสถานที่ลับตาคนเช่นนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง ทั้งยังมีเหล้าที่อาจทำให้เขาขาดสติและพลั้งเผลอทำอะไรขึ้นมาก็บ้างก็ไม่รู้
“ข้าไม่มีเรื่องที่จะปรึกษาเจ้าหรอกตงเฟย วันนี้ข้าคงไม่อาจร่วมดื่มกับเจ้าได้แล้วงั้นข้าขอตัวก่อน”
“อะไรกัน จะกลับแล้วเหรอนั่งยังไม่ทันก้นร้อนเจ้าก็จะไปแล้วเชี่ยว”
“เดี๋ยวข้าจะต้องไปรักษาการในวังแล้วตรวจเวรยามอีกรอบ”
“แต่เจ้าพึ่งตรวจไปนะ แล้ววันนี้เป็นหน้าที่ของลี้หยางนี่” ลี้หยางคืนองค์รักษ์ที่คอยทำหน้าที่รองลงมาจากจิ้งเต๋อและตงเฟยมีหน้าที่รักษาและดูแลวังหลวงมิให้ใครลุกล้ำเข้ามาได้
“แต่...”
“ไม่เอาน่านั่งดื่มเป็นเพื่อนข้าก่อน ให้ข้าดื่นคนเดียวก็หมดสนุกกันพอดี มา ๆ นั่งลงก่อน”ตงเฟยตรงเข้ามาลากจิ้งเต๋อให้นั่งลงก่อนจะรินเหล้าส่งให้จิ้งเต๋อ ซึ่งเขาจำต้องรับมาแล้วกระดกเข้าปากอย่างมิอาจเลี่ยงได้
เมื่อเวลาผ่านไปเหล้าที่สั่งมาก็หมดไปทีละขวดสองขวด จนคนที่เป็นคนชวนมาเริ่มออกอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข้านะ...ข้า...ความจริงไม่ได้อยากทำงานนี้เลยเอิ๊ก...”จิ้งเต๋อฟังคนตรงหน้าที่บอกไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนเล่าจนหมดเปลือก แล้วส่ายหน้ากับอาการเมาหัวทิ่มก็พยายามแย่งจองเหล้าแล้วว่างลงบนโต๊ะ
“เจ้าเมามากแล้ว ข้าว่าวันนี้พอแค่ก่อนแล้วกันตงเฟยข้าจะพาเจ้าไปส่งบ้าน”
“ม่ายยย.... ข้าม่ายเมาอ้าวววว....ข้าจาาา....ดื่มต่ออออ...เอิ๊ก.....”
สภาพแบบนี้ไม่พ้นเขาต้องพาคนตัวเล็กไปบ้านของตัวเองแน่ เพราะเขาก็ไม่เคยถามว่าบ้านของตงเฟยนั้นอยู่ตรงไหน ตงเฟยคว้าจองเหล้ามาแล้วรินเหล้ากระดกเข้าอีกครั้ง
จิ้งเต๋อที่มัวแต่พยูงร่างคนตัวเล็กก็ไม่ทันคว้าจองเหล้าไว้ได้ทันทำให้คนตัวเล็กกระดกไปได้อีกจองสองจอง
แล้วคนตัวเล็กก็หมดสติคาโรงเตี๊ยวส่งผลให้คนที่ยังมีสติดีอย่างจิ้งเต๋อต้องแบกออกจากโรงเตี๊ยวมายังบ้านของตนเองที่อยู่ไม่ไกลนัก
จิ้งเต๋อเมื่อมาถึงบ้านก็ลากคนที่ที่ไม่ได้สติตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะว่างคนตัวเล็กลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลก่อนจะเดินออกจากห้องไปหาอ่างน้ำและผ้าเผื่อมาเช็ดตัวให้
จิ้งเต๋อกลับมาพร้อมกับอ่างที่มีน้ำเย็นพร้อมกับผ้าผืนเล็กที่ใช้เช็ดตัว ก่อนจะจุ่มผ้าแล้วบิดมาด ๆ เช็ดตัวคนไม่ได้สติ แต่แล้วมือของคนที่น่าจะหมดสติแล้วก็จับเขามือหนาที่กำลังจะลงมือเช็ดตัวให้
“จิ้งเต๋อ....”เสียงเอ่ยชื่ออย่างคนเริ่มีสติเอ่ยทำให้จิ้งเต๋อชะงักค้างก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ทำท่าสะลึมสะลือเหมือนได้สติ
“เจ้าเป็นไงบ้างตงเฟย”
“อ๊ะ...ข้าขอโทษที่ต้องลำบากเจ้า” พูดแล้วก็มือกุมหัวจากอาการเมาค้าง
“เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะได้สร่างเมา”
“จิ้งเต๋อ....ข้ามีเรื่องต้องบอกกับเจ้า....”คนพูดเอ่ยเสียงเบาก่อนจะจับมือคนที่กำลังจะนำผ้าที่ชุบน้ำเช็ดหน้าให้
“มีอะไรก็บอกข้ามา”
“ถ้าข้าบอกกับเจ้า แล้วเจ้าจะไม่รังเกียจข้านะจิ้งเต๋อ”
คนถูกถามสงสัยมองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้คนตรงหน้าคิดว่าเขาจะเกลียดได้ก็ในเมื่อเขานั้นแอบมองคน ๆ นี้มานานนัก
“อืม...ข้าสัญญาว่าจะไม่รังเกียจเจ้า ตกลงเจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้ากันแน่”
“ถ้าข้าบอกว่า....ข้าน่ะ....ข้า...”
ท่าทีเขินอายที่เล่นทำให้จิ้งเต๋อเกือบเผลอตัวดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดให้เสียจงได้นี่อะกัน ยิ่งคนตรงหน้าเขินอาจมากเท่าไรจิ้งเต๋อก็เริ่มหงุดหงิดตัวเองยิ่งนัก หาแม้นแต่เขาไม่อาจห้ามใจได้ล่ะจะทำเช่นไรดี?
“ถ้า....ข้าบอกว่าข้ารู้สึกดีที่อยู่กับเจ้าล่ะ ไม่สิไม่แค่ความรู้ชอบข้าต้องบอกเจ้าว่าข้ารักเจ้า”
สิ่งที่ออกมาจากปากของคนร่างบางกว่าส่งผลทำให้คนร่างสูงนิ่งไปไม่น้อย เขาพยายามคิดทบทวนตงเฟยอาจแค่เมา แล้วเพ้อออกมาโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่ แต่ถ้าเป็นความจริงล่ะก็เขาคงดีใจไม่น้อยที่ความรู้สึกของเขาไม่ต้องหลบซ่อนอีกแล้ว
“ข้าว่าเจ้ายังคงไม่สร่างเมา ข้าจะไปต้มน้ำขิงให้แล้วกัน” ขณะที่จิ้งเต๋อกำลังจะลุกไป มือของคนร่างก็คว้าเสื้อผ้าไว้ก่อน
“ข้าไม่ได้เมานะ ตอนนี้ข้าสติครบถ้วนดีเจ้าอาจไม่เชื่อแต่ข้าคิดเช่นนั้นมานาน....นานมากเหลือเกินจิ้งเต๋อ”
“ตอนไหน?”
“เอ๋...”
“ตอนไหนที่เจ้ารู้สึกเช่นนั้นกับข้า”
“ก็...เจ้าอาจไม่เชื่อ....ความจริงข้าน่ะ...รู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าได้พบกับเจ้า”
“...”
สิ่งที่จิ้งเต๋อได้ยินกลับทำให้เขายิ่งนิ่งเงียบด้วยความตกใจ งั้นทั้งเขาและตงเฟยก็คิดตรงกันเช่นนี้มานาน แต่ต่างฝ่ายก็ไม่กล้าบอกงั้นเหรอ แล้วตงเฟยก็ต้องงงกับคนตรงหน้าที่อยู่ดี ๆ ก็หัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ข้านี่บ้าจริงเชียวทำไมนะ ทำไมพวกเราถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้”
“เอ๋…..”
จิ้งเต๋อไม่ได้ตอบอะไรแต่นั่งลงตรงขอบเตียงแล้วดึงตัวคนร่างบางกว่าเข้ามากอด คนถูกกอดยิ่งงงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“งั้นข้าคงไม่ต้องปิดบังแล้วสินะ”
“ปิดบังเหรอ เจ้าหมายความว่าอย่างไรจิ้งเต๋อ”
“เรียกข้าว่าอาจิ้งสิ ข้าเองก็จะเรียกเจ้าว่าอาเฟย” ตงเฟยทำอะไรไม่ถูกได้แต่หน้าแดงภายใต้อ้อมกอดคนตัวใหญ่
“อืม...อาจิ้งก็อาจิ้งแล้วตกลงเจ้าปิดบังอะไรไว้งั้นเหรออาจิ้ง”
“ปิดบังอะไรงั้นหรือ เจ้าอยากฟังมั้ยล่ะ”
“อยากสิเจ้าบอกข้ามาเถอะ”
“งั้นข้าจะบอกเจ้าพร้อมกับตอนที่เรามีความสุขร่วมกันนะ”
สิ้นความพูดจิ้งเต๋อก็ดันตงเฟยออกก่อนจะทาบทับริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากบางนุ่มของตงเฟยเล่นทำให้คนที่ยังไม่ทันตั้งตัวเบิกตากว้าง ก่อนจะรับความหวานที่ถูกถ่ายทอดมาให้
มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าของร่างบางลูบไล้จนคนรางบางถอยห่าง แต่คนร่างสูงกว่าก็ตามประชิดเข้าไปในที่สุดเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างสองร่างก็ถูกปลดออกจนเหลือแต่เพียงร่ายเปลือยเปล่า
“อืม...อืม...”
เสียงครางหวานของคนร่างบางส่งให้คนร่างสูงเริ่มมีอารมณ์ปรารถนาแรงขึ้นเข้าไปทุกที ทุกที คนร่างสูงละจากริมฝีปากหวานนุ่มเป็นไล่ไปที่ต้นคอขาวหอมกรุ่น แล้วเลียเอาความหอมหวานจนคนร่างบางร้องขึ้น
“อ๊า...จิ้ง...อืม...ตรงนั้น....อ๊า....รู้สึกดีมากเลย...อ๊า....อืม...”
จิ้งเต๋อไล่จากลำคอขาวมาที่แผ่นอกขาวกับยอดอกที่ชูชันของคนร่างบาง ที่ตอนนี้อยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ ก่อนจะใช้ปากดูดเค้นยอดอกยิ่งทำให้คนร่างบางเสียวส่าน
“อ๊า...อย่า...ตรงนั้น....อ๊า...”
“เจ้าไม่ชอบหรือเฟย”
“อืม...ชอบสิ...แต่ถ้าดูดแรงสิ ข้าเสียวไปหมดแล้วนะ”
“งั้นข้าจะทำให้เจ้ายิ่งเสียวยิ่งขึ้นไปอีกอาเฟย”
“อืม...อืม...”
จิ้งเต๋อละจากอกขาวนวลไล่ลงต่ำยังจุดอ่อนไหวของคนร่างบาง ก่อนจะจับรูดขึ้นลงจนคนร่างบางต้องเด้งตัวตามแรงคนร่างสูงที่ปนเปรอความสุขให้
“อ๊า...จิ้ง...ข้าไม่ไหวแล้ว”
สิ้นเสียงร่างบางน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจนเปอะเปื้อนเต็มหน้าท้อง คนร่างบางหอบออกมาอย่างเหนื่อย แต่คนร่างสูงก็หาได้สนไม่ตรงไปยังช่องทางหวานที่อยู่ต่ำลงไปจากจุดอ่อนไหวไม่ไกลนัก
เขาสอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางส่งผลให้คนร่างบางเด้งตัวออกห่างด้วยความเจ็บที่ถูกส่งผ่านมา
“อ๊า..เจ็บ...จิ้งไม่เอา...เอาออกไป...”
จุ๊บ คนร่างสูงจุมพิตลงบนหน้าผากมลสวยอย่างปลอมขวัญก่อนจะเอ่ยเสียงทุ่มที่ส่งให้คนร่างบางอายแทนจะนึกถึงความเจ็บที่พึ่งได้รับ
“เจ็บแค่เพียงไม่นานเท่านั้นที่รักของข้า แล้วเราจะมีความสุขกันเจ้าไม่ต้องกลัวนะ เชื่อใจข้าหรือเปล่า”
คนร่างบางพยักหน้า ทำให้คนร่างสูงยิ้มขึ้นก่อนจะทาบทับริมฝีปากแล้วชิมรสหวานจากปากบาง มือก็เริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ เมื่อคนร่างบางเริ่มชินก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองและสาม
“อืม....อืม...ฮ๊า...”
คนร่างบางมือกลับไม่อยู่เฉยเมื่อเห็นว่าจุดอ่อนไหวคนร่างสูงเริ่มแข็งขึ้นก็เอามือที่ว่างของตนนั้นรูดขึ้นลงส่งให้คนร่างสูงต้องเสียวซ่านแทน
“อ๊า...รู้สึกดีมากเลยเฟย...อา....”
ยิ่งคนร่างบางเพิ่มความเร็วคนร่างสูงดูจะยิ่งมีอารมณ์มากเท่านั้น แล้วอยู่ ๆ มือของคนร่างสูงก็ดึงมือคนร่างบางให้หยุดก่อนจะก้มกระซิบคนร่างบาง
“พร้อมแล้วนะ ข้าจะเข้าไปในตัวเจ้าแล้ว เรากำลังจะเป็นเดียวกันแล้วนะเฟย”
“อืม...ข้าพร้อมแล้ว เจ้าเข้ามาในตัวข้าเลย”
จิ้งเต๋อสอดแกนกายที่ขยายตัวเต็มที่จากการกระทำของคนร่างบางจ่อเจ้าปากช่องทางหวาน แล้วบรรจงกดลงช้า ๆ ไม่ให้คนร่างบางต้องเจ็บมากแล้วก็เข้าไปได้ในส่วนหัวของจุดอ่อนไหว
“อ๊า...มันแน่นมาก...อ๊า...เฟย...”
“จิ้ง...ข้าเจ็บ...”
“ทนหน่อยเฟยที่รักของข้า”
“อ๊า...”
แล้วจิ้งก็ดันแกนกายจนสุดด้ามและคาไว้อย่างนั้นรอให้คนร่างบางพร้อมเสียก่อนจึงค่อย ๆ ขยับเข้าออกช้า
“อือ...อือ...”
เสียงครางหวานส่งให้คนร่างสูงต้องเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีกขั้น คนร่างบางเองก็แอ่นเอวรับคนร่างสูงที่กระแทกเข้าออกเร็วขึ้น เสียงกายและเสียงร้องแห่งห้วงอารมณ์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“อ๊า...อ๊า...อืม...จิ้งข้าจะออกอีกรอบแล้ว”
“อ๊า...เฟยข้าเองก็จะออกแล้ว พร้อมกันนะยอดรักของข้า”
แล้วทั้งสองก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา จากนั้นคนร่างสูงก็หมดแรงนอนทาบทับคนร่างบางก่อนจะล้มตัวนอนข้าง ๆ แล้วกอดคนร่างบางเอาไว้
“วันนี้ข้าช่างมีความสุขยิ่งนักอาเฟย”
“ข้าเองก็มีความสุขไม่แพ้เจ้าเช่นกันอาจิ้ง
ด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งสองก็หลับไปวันพรุ่งนี้คงเป็นวันดีของคนทั้งสองแน่ แม้นว่าไม่อาจเดาได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นไรแต่วันนี้เขาทั้งสองก็ได้มีความสุขร่วมกันไปแล้ว
*----------*----------*---------*----------*
มีคนรีเควสว่าอยากให้หนี่เจินท้องได้
ก็น่าสนแหะ จะได้ไม่ต้องเอาลูกสนมมาเป็นลูกตัวเองด้วย 555+
ยังไรเตอร์จะรับไว้พิจารณาจ้า ไม่แน่ความคิดนี้อาจได้รับการตอบสนองอิอิ
รออ่านตอนที่ 11 ในอีกไม่นานจ้า
-
:z2: :z2: :z2:
-
สามคำให้ตอนนี้ แซ่บ เบา เบา :z2:
สามคำให้ไอเดียท้อง..... ท้อง ก็ ดี :z1:
-
มารวดเดียว 10 ตอนอีกปะ
คนอ่านชอบบบบบบบ
คนแต่งน่ารักสุดๆ
:call:
-
คู่รองก็น่ารักน๊ะ :o8:
-
สนุกดีอ่ะ! (ปกติไม่ชอบแนวนี้เลยนะะ *-*)
สู้ๆค่ะะคนเขีนนน~
-
ยกมืออีกคน ไอเดียหนี่ท้องเจิดมากค่ะ o13
(เปนไรไม่รุ้เกลียดสนมมากแม้มันยังมิออกมาเยอะ) o18
รอติดตามอยุ่นะค่ะ สุ้ๆ :bye2:
-
แนวจีนโบราณณณณ
*ปลาบปลื้ม*:z2: ฝ่าบาทปลอมตัวเป็นพ่อค้าาาา
โฮกกก จะได้เจอกันไหมเนี่ย ไปอ่านตอนต่อไปนะคะ ^ ^
-
โหวตให้ หนี่เจินท้องได้ ด้วยคน
ไม่งั้นเรื่องนี้คงจะดราม่า แน่ๆ
-
โหวตให้ท้องได้ด้วยคน แต่ไม่เอามาม่าช่วงนี้กินมาม่าบ่อยมากแล้ว o18 o18
-
10 ตอนรวด ผมอ่านตาปูดเลยครับ
ชอบๆ หนี่เจินน่ารัก
-
:-[. หวานมาก o13
-
:jul1:น่ารักอะ เลือดจะหมดตัวและ
55555ถ้าหนี่เจินท้องได้กะดีมากกกกกกกกกกกกกกกกก
ลูกคงน่ารักกกกกอิอิ
-
สนับสนุนการท้องอีกคนครับ
-
ชอบนิยายเเนวนี้มากๆเลย o13
อ่านเเล้วอิน :z2:
ขอบคุณค่ะ :pig4:
-
กรี๊ด ชอบเรื่องนี้
ติดตามมานานแล้วค่ะ
-
ติดตามอยู่ค่า
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยยย
-
ยกมือโหวตให้ท้องได้อีกคนค่ะ^^
-
อีกหนึ่งเสียงโหวตให้หนี่เจนท้องค่ะ :mc4:
-
รออ่านต่อค่ะ
ชอบๆน่ารักมากๆเลยค่ะ
-
:haun4: :jul1: :pighaun: :m25: :haun4: :pighaun: :z1: :m25: :jul1: :jul1: :pighaun:
ท้องบ้างไรบ้างก็ดีนะ
-
มาแล้วตอนที่ 11
ที่ใครหลายคนรออยู่
มาลงให้ครั้งแรกก่อน
เดี๋ยวตกเย็นจะมาลงตอน 11 ครึ่งหลังให้นะ
*---------------------*-----------------------*-----------------------------*
11
ณ ตำหนักล่งซู่
หนี่เจินถูกฮองไทเฮาเรียกพบทำให้เขาต้องมายังตำหนักล่งซู่ และเมื่อมาถึงก็พบกับบรรดาหญิงงามอีกสองสามคนที่นั่งรอยู่ก่อนแล้ว
“ฮองเฮาเสร็จ”
เสียงนางกำนัลเอ่ยขึ้น พอได้ยินเช่นนั้นบรรดาสาวงามต่างก็ลุกขึ้นถวายพระพรหนี่เจินผู้ซึ่งเข้ามาใหม่ หนี่เจินมองไปรอบ ๆ อย่างเขินอายเพราะเจ้าตัวนั้นไม่เคยชินเสียทีที่ต้องมีคนมาคอยถวายพระพรเช่นนี้
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยเพค่ะ”
บรรดาสาวงามรอจนหนี่เจินนั่งลงแล้วจึงนั่งลงตาม บรรยากาศเงียบที่ทำเอาหนี่เจินอึดอัดไม่น้อยก็เริ่มขึ้น
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าพวกท่าน....”
“พวกเราเป็นสนมของฝ่าบาทเพค่ะฮองเฮา”เสียงหวานตอบกลับมา
หนี่เจินหันไปมองใบหน้าสวยของคนตอบ นางช่างเป็นหญิงงามนักใบหน้ามลสวย ริมฝีปากอิ่มนั้นอีก แล้วก็ผิวที่ขาวราวหิมะนั้นด้วย ไม่ว่ามองทางไหนก็เป็นสาวงามไม่ผิดอย่างแน่นอน (ตัวเองสวยกว่านางสนมพวกนี้ยังไม่รู้อีกไงเนี่ย = = [คนแต่ง] )
“อ่อ...เอ่อ...”
“หม่อมฉันเย้ายินเฟยเพค่ะ”
“พระสนมยินเฟยนี่เอง เราได้ยินชื่อเสียงมานานแต่งยังมิอาจได้พบท่าน”
“หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพค่ะ ที่ทรงรู้จักหม่อมฉัน” ยินเฟยกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ส่วนหม่อมฉันหยางอี้หลันเพค่ะ”
“พระสนมอี้หลันสินะ ฝ่าบาทเคยเล่าให้เราฟังว่าท่านเป็นหญิงงามที่เฉลียวฉลาดไม่น้อย วันหลังเราคงต้องของความรู้จากท่านบ้างแล้ว”
“เอ่อ...”หนี่เจินหันไปมองพระสนมคนสุดท้ายแต่นางมิเอ่ยสิ่งใด จนอี้หลันต้องหันมาตอบหนี่เจินแทน
“นางคือพระสนมพิงอันเพค่ะ หวังพิงอันเพค่ะฮองเฮา”หนี่เจินพยักหน้าเข้าใจก่อนจะส่งยิ้มให้กับพระสนมอี้หลันที่ตอบแทน
“พวกท่านทราบหรือไม่ว่าฮองไทเฮาเรียกมาพบด้วยเรื่องอะไร”
“ฮองเฮาไม่ทรงทราบหรือเพค่ะ”
หนี่เจินส่ายหน้า บรรดาสนมเองก็มองหน้าแล้วส่ายหน้าเหมือนกัน พวกนางถูกฮองไทเฮาเรียกตัวมาแต่ไม่รู้ว่าเรียกมาด้วยเรื่องอะไร
“พวกหม่อมฉันเองก็ไม่ทราบเพค่ะ พวกเราเองก็โดนเรียกตัวมาโดยไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน”
หนี่เจินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มไต่ตรองแล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ นี่อาจเป็นการทำให้เราพบปะพูดคุยกับเหล่าสนมก็เป็นได้
“เราพอรุ้แล้วว่าฮองไทเฮาทรงคิดเช่นไร”
“ทรงทราบแล้วหรือเพค่ะ บอกพวกหม่อมฉันได้มั้ยเพค่ะ”
หนี่เจินพยักหน้ารับระบายร้อยยิ้มที่คนมองมองเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อมาอีกรอบส่งให้บรรดาสนมยกเว้นพิงอันยิ้มรับด้วยความน่ารักของฮองเฮานั้นเอง
“เราคิดว่าฮองไทเฮาทรงอยากให้เราได้พบพวกท่านเป็นการส่วนตัว เพราะข้าเองตั้งแต่เข้าวังมาก็ยังไม่มีโอกาสได้พบพวกท่านเลย ในฐานะที่พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วถือเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ใช่หรือ”
เหล่าพระสนมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยถึงพวกนางจะไม่ชอบใจที่ฮ่องเต้ทรงรับหญิงนางอื่นมาเพิ่มแต่ตอนนี้พวกนางกลับคิดว่าเป็นการดีเสียอีกที่ได้หนี่เจินเป็นเหมือนนางเล็กของบ้านเพิ่มมาอีกคน
ความคิดนี้ออกมาจากเหล่าสนมทั้งสอง ซึ่งนั้นไม่ใช่มาจากพระสนมพิงอันด้วยที่ตอนนี้ในใจคับแค้นยิ่งนัก คิดว่าจะทำเช่นกำจัดคนตรงหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุขนี้ไปได้เสียที
หลังจากการพูดคุยอย่างสนุกสนานของหนี่เจิน ยินเฟยและอี้หลัน ก็ทำให้พวกนางสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วซึ่งคนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จายังคงเป็นสนมพิงอันที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างคิดไม่ตก
“ฮองไทเฮาเสร็จ”เสียงนางกำนัลคนเดิมเอ่ยขึ้น พร้อมกับร่างของฮองไทเฮาในชุดสีทองปนขาวเสร็จเข้ามายังภายในห้อง หนี่เจินและเหล่าสนมลุกขึ้นถวายพระพกกันอย่างพร้อมเพียง
“ถวายพระพรฮองไทเฮาเพค่ะ”
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ มาหนี่เจินมานั่งใกล้ ๆ แม่หน่อย”
“เพค่ะฮองไทเฮา”
หนี่เจินจำต้องไปนั่งใกล้ ๆ กับฮองไทเฮาที่พอเจ้าตัวมาถึงก็ทำท่าเอ็ดดูหนี่เจิน จนสนมพิงอันเห็นแล้วก็อดมั่นใส้ไม่ได้ ยิ่งหนี่เจินทำตัวให้คนอื่นรักมากเท่าไรสนมพิงอันก็ยิ่งทวีความแค้นยิ่งขึ้นไปอีก
“เป็นอย่างไรหนี่เจิน ฮ่องเต้แกล้งเจ้าหรือเปล่า”
รับสั่งนี้เล่นเอาทำให้หนี่เจินเกือบหลุดขำ ใจนั้นอยากจะบอกออกไปว่าฮองทรงแกล้งกวนเขาตลอดไม่ว่าจะยามไหน แต่คิดแล้วเก็บไว้ในใจดีกว่า
“ไม่เพค่ะ ฝ่าบาททรงดีกับหม่อมฉันมาก”
“งั้นก็ดีแล้ว ว่าเจ้าเถอะรีบมีองค์หญิงองค์ชายให้แม่อุ้นสักคนสองคนเร็วสิ แม่ล่ะอยากเห็นว่าหลานแม่จะหน้าตาเหมือนเจ้าหรือเหมือนฮองเต้”
‘ให้เหมือนฝ่าบาทน่าจะดีกว่านะเพค่ะถ้าเป็นองค์ชาย ถ้าหน้าตาเหมือนหม่อมฉันเกรงว่าองค์ชายของเสร็จแม่จะได้เป็นองค์หญิงแทน เช่นเขาที่เป็นอ๋องน้อยอยู่ ๆ กลายเป็นท่านหญิงไปตอนไหนไม่ก็รู้ ซ้ำตอนนี้ยังมากลายเป็นฮองเฮาเป็นแม่ของแผ่นอีกด้วย’ หนี่เจินคิดในใจแล้วต้องส่ายหน้ากับตัวเอง
“หม่อมฉันคิดว่าให้เหมือนฝ่าบาทดีกว่าเพค่ะ เผื่อได้องค์ชาย”
“นั้นสิถ้าองค์ชายหน้าเหมือนเจ้าข้าว่าคงไม่ดีนัก”
“วันนี้เสด็จแม่เรียกหม่อมฉันมาที่นี่เพียงเพราะต้องการให้หม่อมฉันได้พูดคุยกับเหล่าสนมใช่มั้ยเพค่ะ”
หนี่เจินถามขึ้นแล้วพระสรวลน้อย ๆ ก็ออกมาจากฮองไทเฮาที่ชอบพอพระทัยพระองค์อุตสาไม่บอกอะไรเลยแท้ ๆ แต่หนี่เจินกับรู้เสียนี่ สมแล้วที่นางมองไม่ผิดให้หนี่เจินเป็นฮองเฮาเช่นนี้
“ใช่ ข้าต้องการให้เจ้าได้มาพบเหล่าสนมของฮองเต้ แล้วเป็นอย่างไรล่ะเมื่อได้พบแล้ว”
“เพค่ะ พระสนมทั้งสามต่างก็เป็นกันเองกับหม่อมฉันเพค่ะเสด็จแม่”
“ดีแล้ว ๆ ข้ายังกลัวอยู่เลยว่าพวกเจ้าจะเข้ากันไม่ได้เสียนี่กระไร”
“ฮองไทเฮาเพค่ะ ฮองเฮาทรงเป็นหญิงงานที่เฉลียวฉลาดซ้ำยังไม่ถือองค์ พวกหม่อมฉันจะไปกล้าคิดไม่ดีกับพระองค์ได้เช่นกันเพค่ะ ทรงน่ารักน่าเอ็ดดูเช่นนี้หม่อมฉันว่ามีแต่คนรักมากกว่าคนชังนะเพค่ะ”
“ข้าก็ว่าเช่นนั้นแหละอี้หลัน แค่มาอยู่ไม่กี่วันมีแต่คนชมว่าฮองเฮาองค์นี้ช่างน่ารักอ่อนหวานนัก”
“เพค่ะหม่อมฉันก็เห็นด้วยเพค่ะ”
แล้วการพูดคุยก็จบลงด้วยการที่ฮองไทเฮาทรงตั้งพระกระยาหารมื้อเที่ยงเลี้ยงเหล่าสนมและหนี่เจิน บรรยากาศยังคงความอบอุ่นเว้นเสียแต่สนมพิงอันที่นิ่งเงียบมิยอมพูดจากแต่อย่างไรและขอตัวกลับก่อนที่จะร่วมโต๊ะกับฮองไทเฮาโดยการบอกว่าไม่สบายของตัวกลับตำหนักก่อน
ด้านพระสนมพิงอันเมื่อกลับถึงตำหนักแล้วก็อาละวาดจนข้าวของในห้องกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง
“พระสนมเพค่ะเย็นพระทัยไว้ก่อนเพค่ะ”
“เจ้าจะให้ข้าใจเย็นอะไร ในเมื่อในวังนี้มีแต่คนชื่นชมมัน รักมัน ทำไมอะไรมันก็ดีไปกว่าข้า ข้าด้อยกว่ามันตรงไหน แม้แต่ฝ่าบาทก็ทรงหลงมันไม่เคยแม้นแต่จะใยดีข้าเลย พอมันเข้ามาในวังหลวงข้าก็เหมือนไม่มีความหมายกับวังหลวงอีกแล้ว ทำไม ๆ ข้าอยากฆ่านางเสียจะได้หมดเสี้ยนตำใจข้าเช่นนี้”
“โธ่...พระสนม”ไห่เหยี่ยนมองผู้เป็นนายแล้วเจ็บปวดใจแทน และคิดการที่จะช่วยผู้เป็นนายกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจให้จงได้
“คนที่ทำให้พระสนมเจ็บปวด ข้าคนนี้จะทำให้มันผู้นั้นตายจากไปซะ”เสียงเบาหวิวของไห่เหยียนนั้นไม่มีใครได้ยินนอกจากเจ้าของเท่านั้น
*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ครึ่งหลังรอตอนเย็นนะ
และมีข่าวดี ไรเตอร์ตัดสินใจแล้วว่า....
จะให้หนี่เจินมีลูกแหละ
แต่ว่าจะชายหรือหญิง
ไปรอลุ้นกันในเรื่องแล้วเนอะ
เดี๋ยวผู้อ่านไม่ได้ลุ้นอิอิ
-
ครับ :mc4: :mc4: :mc4:
-
ดี ดี อยากอ่าน Mpreg
-
เราขอให้ความรักของทั้งสองไม่มีอุปสรรค ไม่มีน้ำตา มีลูกน่ารัก :impress2: :impress2: :impress2:
เราขอมากไปมั๊ย :z3: :z3:
ปล ไม่เอามาม่านะค่ะ :3123: :3123: :3123:
-
รอครึ่งหลังนะคะ ..
-
เย้ๆ นายเอกท้องได้
ปล...เค้ารู้สึกว่าไห่เหยียนคืออีเม้ยของหม่อมจังเลย -_-"
-
คนเขียนใจดีจังเลย
ขอให้ทั้ง 2 คนมีลูกน่ารักๆน๊าา
-
แอบรู้สึกคุ้นๆ
แต่อ่านใหม่อีกรอบ><!!!!
น่ารักมากเลยค่ะ
เป็นปลื้มฮ่องเต้ใจดี
ว่าแต่จะท้องแล้ววววววววววววว :-[ :-[
กลัวดราม่า T^T อย่ามาม่านะคะ ขี้เกียจต้มน้ำรอ555
พยายามเข้าจ้าาาา :mc4:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด :m3: ชอบๆ นิยายจีนโบราณ เค้าชอบมากกก :-[
รออ่าน ตอนต่อไป :กอด1:
-
กรี๊ดดดดดดดดด
ดีใจหนี่เจินจะมีลูกได้ :laugh:
เอาให้นางสนมหงายหลังไปเลยนะ :3125:
รอครึ่งหลังอยู่น้า :z2:
-
รออยู่นะ
:call:
-
รออ่านค่ะ
รู้สึกว่าเนื้อเรื่องดำเนินมาได้กระชับดีค่ะ
ไม่เรียบง่ายเกินไปแล้วก็ขออย่าให้มีมาม่าเยอะเลยนะคะ
-
ท้อง ๆๆๆๆๆ :call:
รอคอยค่ะ
-
รอๆที่เหลือค้า
ชอบมากๆ
แต่อย่ามาม่าเยอะนะ^^
-
สามคำให้ไห่เหยียน
แก คือ เม้ย (ของหม่อม) :beat:
-
ชอบๆ >___<
แนวจีนโบราณอ่านไปก็เขินไป
-
ตอนหลังมาแล้วจ้า
รอนานกันเปล่าเอ่ย
รีบปั่นให้เต็มที่
หนี่เจินเราต้องลำบากและ
แต่จะลำบากอย่างไรต้องไปติดตามเอาจ้า
*-----------------------*-----------------------------*----------------------*
หนี่เจินหลังจากทานอาหารมื้อเที่ยงกับฮองไทเฮาเสร็จก็ขอตัวกลับตำหนักตัวเอง ระหว่างทางกลับก็ชื่นชมวังหลวงไปด้วยคิดเรื่องต่าง ๆ ไปด้วย
จะว่าไปแล้วเหล่าสนมก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาเคยคิดเพราะทุกคนดูจะเป็นกันเองเสียมากกว่าแต่เขาก็อาจว่างใจได้เพราะภายใต้หน้ากากนั้นไม่อะไรรออยู่ก็ไม่อาจรู้ได้เดินไปเพลิน ๆ ไม่ได้ทันระวังตัวเองทำให้หนี่เจินถูกมือหนารวบตัวจากด้านหลังเสียแล้ว
“เจ้ามาเดินใจลอยอะไรอยู่ตรงนี้หรือหนี่เจิน”
เสียงอันคุ้นเคยทำให้หนีเจินหันไปมองและก็ใช่อย่างที่คิด เป็นฮ่องเต้พระสวามีอันเป็นที่รักของหนี่เจินนี่เอง หนี่เจินหันมาแล้วระบายยิ้มหวานทำให้ฮ่องเต้จำต้องจุมพิตลงบนหน้าผากมลอย่างอดเสียมิได้ ก็ใครใช้ให้ฮองเฮาที่รักทำตัวน่ารักเช่นนี้กันเล่า
“หม่อมแค่คิดอะไรนิดหน่อยเพค่ะ แล้วฝ่าบาททรงเสด็จมาอยู่ที่นี่ได้ไงเพค่ะไม่ต้องทรงงานหรือ”
“ใจคอเจ้าจะให้ข้าทำแต่งานหรือ ข้าก็คิดถึงเจ้าน่ะสิถึงได้ออกมาเช่นนี้พอไปตำหนักเจ้านางกำนัลก็บอกว่าเจ้ามาหาเสด็จแม่เสียนี่ ข้าก็เลยเดินมาตำหนักเสด็จแม่ต่อ”
“แล้วนี่ทรงเสวยพระกระยาหารมื้อเที่ยงหรือยังเพค่ะ”
“ยังเลยก็ว่าจะมากินกับเจ้าที่ตำหนักนี่แหละ”
“แต่ว่าหม่อมฉันทานแล้ว ไม่เป็นหม่อมฉันจะนั่งกับฝ่าบาทด้วยแล้วกันถ้าอย่างนั้นเสด็จไปตำหนักหม่อมฉันก่อนแล้วกันเพค่ะ”
“ดีข้าหิวมากเลย”หิวในความหมายของฮองเต้หาใช่สิ่งที่หนี่เจินคิดไม่
ณ ตำหนักเหม่ยชุน
เมื่อมาถึงหนี่เจินก็บอกให้นางกำนัลเตรียมพระกระยาหารเมื้อเที่ยงมาที่สวน สวนภายในตำหนักของหนี่เจินนั้นที่ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงาม
“ฮองเฮาเพค่ะ ฮูหยินหลิงหลันมาเข้าเฝ้าเพค่ะ”
เสียงสาวใช้คนสนิทอย่างหลงเปาเอ่ยขณะที่หนี่เจินกำลังป้อนพระกระยาหารให้ฮองเต้อยู่ในสวน ส่งให้ฮองเต้หันมามองหน้าสาวใช้คนนั้นอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก ‘มาขัดได้ตอนที่ข้ากำลังมีความสุข’ ดูเหมือนว่าหลงเปาจะรู้ว่าฮองเต้ทรงคิดเช่นไร
“ท่านแม่มาอย่างนั้นหรือหลงเปา”
“เพค่ะตอนนี้รออยู่ห้องรับรองแล้วเพค่ะ”
“งั้นเจ้าไปบอกท่านแม่ว่าอีกครู่ข้าจะตามไป”
“เพค่ะ”
หลังจากที่ได้รับคำสั่งสาวใช้คนสนิทก็รีบออกจากห้องไปเพราะยิ่งอยู่นานรังสีสายตาของฮองเต้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แต่พอหลงเปาออกไปหนี่เจินก็หันไปหาฮองเต้ก็ทรงปรับสีหน้าเป็นปกติแถมยังแย้มสรวลแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
“ฝ่าบาททรงเสวยไปก่อนเพค่ะ หม่อมฉันจะไปหาท่านแม่ก่อน”
“เดี๋ยวข้าไปด้วย ไปพร้อมกันนี่แหละ”
“แต่ว่าฝ่าบาทพึ่งเสวยไปนิดเดียวเองนะเพค่ะ”
“ปกติข้าไม่กินเยอะอยู่แล้ว ไปเถอะเดี๋ยวแม่ของเจ้าจะรอนานเสียเปล่า”
“เพค่ะ”
แล้วหนี่เจินกับฮ่องเต้ก็มายังห้องรับรองที่ฮูหยินหลิงหลันผู้เป็นแม่ของหนี่เจินรออยู่ ฮ่องเต้ทรงใช้พระกรโอบเอวบางเดินเคียงคู่กันเข้า ทำให้ผู้เป็นแม่เห็นแล้วอึ้งไปไม่น้อย
“ฮ่องเต้เสร็จ ฮองเฮาเสร็จ”
เสียงมหาขันทีเสี่ยวตั้งจือเอ่ยขึ้น บุคคลทั้งสองก็เดินเข้ามาข้างในห้องพร้อมกับผู้เป็นแม่ที่ย่อกายถวายพระพร
“ถวายพระพรฝ่าบาท ฮองเฮาเพค่ะ”
“ท่านแม่ลุกขึ้นเถอะ”
หนี่เจินเข้าไปพยุงผู้เป็นแม่ให้ลุกขึ้นก่อนจะพาไปนั่งตรงเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ ฮองเต็เองก็ทรงเสด็จประทับเคียงข้างหนี่เจิน
“ท่านแม่ท่านมาเยี่ยมข้าหรือค่ะ”
“ใช่แม่เป็นห่วงฮองเฮาเพค่ะ กลัวว่า...”คำประโยคแรกหันไปพูดกับผู้เป็นลูก แต่ประโยคหลังสายตาไปมองฮ่องเต้
“ฮูหยินไม่ต้องห่วงเรื่องที่พวกท่านปิดบังข้ารู้หมดแล้ว”
“ทรงว่าอะไรนะเพค่ะ!!”
ผู้เป็นแม่มองหน้าหนี่เจินอย่างไม่เชื่อ และเหมือนผู้เป็นลูกจะรับรู้ได้พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าที่ได้ยินนั้นไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว
“แล้ว...”
“ท่านไม่ต้องกังวัล เรารักหนี่เจินไม่ว่านางจะเป็นเช่นไรก็ไม่คิดจะทำร้ายนางเด็ดขาด ขอให้ท่านสบายใจได้”
“ขอบพระทัยเพค่ะฝ่าบาท แค่นี้หม่อมฉันกับท่านอ๋องก็วางใจได้แล้ว”
“ลงเรื่องลงโทษ”
หนี่เจินสะดุ้งเมื่อฮ่องเต้ทรงรับสั่งถึงการลงโทษแต่แล้วก็ทรงสรวลออก ส่งให้แม่ลูกที่หน้าซีดต้องทำสีหน้าแปลกใจ
“ข้าล้อเล่นหรอก ที่ว่าลงโทษก็แค่ข้าอยากให้หนี่เจินรีบมีลูกให้ข้าก็เท่านั้น”
“รับสั่งอะไรนะเพค่ะ”
“ก็รีบมีลูกให้ข้าไงล่ะ เอาสักกี่คนดีหนี่เจิน”
“ฝ่าบาทล่ะก็”
“ข้าเคยได้ยินว่าตระกูลของฮูหยินเคยมีผู้ชายท้องได้เรื่องนี้จริงหรือเปล่า”
“ทูลฝ่าบาทเป็นจริงเช่นที่พระองค์ทราบเพค่ะ พวกเราชาวนีญ่าไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็สามารถให้กำเนิดเด็กได้”
สิ่งทีได้ยินทำให้หนี่เจินตกใจไม่ได้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าท่านแม่ของเขาจะไม่ใช่ชาวถังแต่เป็นคนจากต่างถิ่นซึ่งเขาไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
“ทะ...ท่านแม่ ท่านว่าอะไรนะชาว...”
“ใช่แล้วหนี่เจิน แม่เป็นชาวนีญ่าซึ่งมาจากที่ห่างไกล เผ่านีญ่าเป็นชนเผ่าเร่ร่อนเลยมีที่อยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง ตอนนั้นพวกเราถูกกลุ่มโจรโจมตีใกล้ ๆ กับชายแดนของเมื่อซานซีแล้วพอดีพ่อของลูก็มาช่วยแม่ไว้ได้ทัน ส่วนเผ่าของแม่ก็กระจัดกระจายหายไปคนละทิศละทางแม่เองก็เลยต้องมาอยู่ที่บ้านของพ่อเจ้า แล้วนานวันแม่กับพ่อเจ้าก็เกิดรักใคร่กันและในที่สุดพวกเราก็แต่งงานและมีพวกเจ้าออกมา เรื่องนี้แม่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงรู้ได้เช่นไรเพค่ะ”
“ที่ข้ารู้เพราะท่านอ๋องเฉินเป็นคนเล่าให้ข้าฟังเอง ตอนที่เขามาเข้าเฝ้าข้าเมื่อสองช่วงยามที่ผ่านมา”
“แต่...ว่า”
“ไม่รู้ล่ะลูกคนแรกข้าอยากได้ลูกชายเจ้าต้องทำให้ข้านะ”เรื่องแบบนี้จะมากำหนดได้อย่างไรกันเล่าคนบ้า
“แต่หม่อมฉันไม่รับปากนะเพค่ะว่kจะได้ลูกชายตามที่ฝ่าบาททรงหวัง”
ฮ่องเต้ทรงเดินมาแล้วใช้พระกรแข็งแรงโอบรอบเอวบางแล้วจุมพิตลงบนเรือนผมสีดำยาวสลวย จนผู้เป็นแม่อย่างฮูหยินหลิงหลันแอบมองอย่างมีความสุขไม่ได้
“ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงข้าก็รักหมดทั้งนั้นแหละ”
“เพค่ะ”
แล้วสองแม่รู้ก็นั่งพูดคุยกันอยู่นานสองนานฮูหยินก็ขอตัวกลับจ้วนอ๋องเพราะตอนนรี้ก็บ่ายคล้อยมากแล้วถึงเวลาต้องกลับ
*------------------------*----------------------------------*----------------------------*
ตอนต่อไปองค์ซีอาร์จะมาแล้ว
แล้วเมื่อมาถึงจะมีอะไรต้องติดตามต่อตอนไปอิอิ
-
วู้วๆๆๆ
ท้องได้ด้วยยยยยยยยย
-
แฝดก็ไม่เลวนะ^^
มาต่อไวๆนะคะ
รอๆ
-
ดีใจมากกกกกก ฮองเฮาท้องไดดดดดดดดดด้
มาต่อเร็ว ๆ นะคะ ^^
-
ทันแล้วววว
สนุกจังเลยยยย
ท้องได้ด้วยยย
เอาลูกแฝดนะ
อิอิ น่ารักกกกกกกก
เปนแฝดชายหญิงเลยยยย
-
:laugh: รีบๆทำการบ้านนะคะท่านฮ่องเต้สุดหล่อ......
-
อยากเเห็น หน้า แล้ววว
-
สามคำ(เช่นเคย)
ท้อง ไว ไว :laugh: >>> รอขั้นตอนผลิตรัชทายาทอยู่นะ :z1:
-
เป็นภาระหน้าที่หนี่เจิน อีกแล้ว :oo1:
ไม่ต้องแฝดก็ได้ สงสารฮ่องเต้ เดี๋ยวจะอด เอาทีล่ะพระองค์ แต่ มีกันหลายพระองค์ดีกว่า
ชอบอยากเห็นหนี่เจินเหนื่อย... :jul1:
-
ตามอ่านมาจนทัน รวดเดียว11ตอนเลย ถูกใจมากๆเลยค่ะ หนี่เจินท้องได้ยิ่งถูกใจแบบสุดๆ หนี่เจินน่ารักมาก ฮ่องเต้ก็ใจดี ชอบๆๆ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะค่ะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ
ปล.รีบมาต่อเร็วๆนะ เค้ารออยู่ :)
รักคนแต่งจัง <3
-
ไม่ทราบว่าคุณคนแต่งใช่คนเดียวกันกับที่เวปเด็กดีหรือเปล่าคะ
เพราะว่าเห็นเนื้อเรื่องคล้ายๆ กัน
(คือที่ถามเพราะสงสัยไม่ใช่ว่ามีเจตนาอื่นนะคะ ถ้าไม่พอใจก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ :call:)
-
หนี่เจินแย่แล้ว สงสัยคงฟ้าเหลือง :z1: :m25:
-
หนูหนี่เจินของผมจะมีลูก เย้~ๆ :กอด1:
นังสนมพิงอันนี่เดี๋ยวโดนมิใช่น้อย
ระแวงเรื่องซีอาร์อ่ะ o22
-
ชอบค่ะ
เรื่องสนุกดี เป็นกำลังใจให้นะ
-
วุ้ย...เอาแฝดด้วยคน
เอาชาย หญิงนะ
:laugh: :laugh: :laugh:
สงสัยเราบ้าหนี่เจินไปแล้วทำไงดี
-
เข้ามานอนรอค่ะ ^^
-
สนุกมากเลยค่ะ o13
ชอบอ่านแนวนี้อยุ่แล้ว^^ :mc4:
:call: อยากให้ท้องแฝดชายหญิงน่าจะดีที่สุด 555+
องค์หญิงที่กำลังมาเนี่ยจะดีหรือร้ายเนี่ยเพราะแค่สนมพิงอัน เจินเจินก็น่าจะรับมือลำบากแล้วนะ :L2:
-
11 ตอนรวด สนุกมากๆ อยากให้ท้องไวๆจัง อิอิ รอตอนต่อไปอยุ่นะ สู้ๆ
-
เย่ ขอให้หลี่เจินท้องไวๆนะ
:L2: :L1: :L2:
-
ขอให้ได้ลูกเร็วๆนะหนี่เจิน
เป็นลูกแฝดชาย หญิงก็เก๋ดีนะ :laugh:
รอตอนต่อไป :z2:
-
อิอิ ท้องไวๆนะ :กอด1:
ลูก1คน ก้อน่ารักอยู่ แต่ถ้าได้ลูกแฝดก้อน่ารัก2เท่าเลยน้า อิอิ
-
ประกาศด่วนมากก!!!!
มีใครเห็นด้วยก็ตอบเมทน์มานะด่วนเลยจ้า
พอดีคิดว่าอยากให้มีลูกแฝด 3 ชาย 2 หญิง 1
แล้วถ้าใครมีความคิดเห็นอย่างไรก็รีบมาโพสหน่อย เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาลูกกี่คนดี
ตอนแรกคิดว่าจะมีทีละคนและก็เอาแค่ 2คน คือผู้ชายทั้งคู่
แต่พอมาอ่านคอมเมนท์หลายคนอยากให้มีแฝดชาย บางคนอยากได้แฝดชายหญิง
เลยยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาไงดี เลยกะว่าถ้าแฝด 3 ก็ได้ครบเลย= =
-
มาต่อเถอะค่ะ อยากอ่านมากกกก T^T
แฝด 3 ก็ได้ เอาให้อีพิงอันหงายหลังตึงไปเลย
-
กี่คนก้อได้ตามใจคนแต่งเลย ขอให้มาต่อไวๆก้อพอ อิอิ อยากอ่านมากๆ สู้ๆ
-
ตามความเห็นของนางฟ้า กี่คนก็ได้ค่ะ แล้วแต่คนเขียนเลย เพราะถ้าเอาตามคนอ่าน ไม่ได้ท้องกันแน่ :laugh:
หลับตาจิ้มก็ได้นะ แต่โดยส่วนตัวนางฟ้าอยากได้แฝดชายทั้งคู่ ( ง่ายต่อการมีภาคต่อ คนนึงเคะ คนนึงเมะ :z1: )
แจกสามคำดั่งพรวิเศษ~~~~ รัก คน เขียน
-
มาแล้วปั่นมาสด ๆ ร้อน ๆ
พอดีมะวานยุ่ง ๆ :เฮ้อ:
วันนี้พึ่งจะว่างเลยเอาตอน 12 มาลงให้อิอิ :laugh:
ไปอ่านกันเลยแล้วกัน :bye2:
*-------------------------*---------------------------*-----------------------------*
12
ตกดึกของวันฝ่าบาทก็เสด็จตำหนักเหม่ยชุน ตามที่เหล่าข้าราชบริพานคาดเพราะตั้งแต่แต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่ก็ไม่ทรงเสด็จไปที่ไหนบ่อยเท่าที่นี่อีกแล้ว เหล่าสนมเองก็ทรงไม่เสด็จไปหาไม่เวลาจะยามใดก็จะทรงเสด็จที่นี่ จนเหล่านางกำนัลและขันทีชินตาไปเสียแล้ว
“ฝ่าบาทเสด็จ”เสียงนางกำนัลเอ่ยขึ้นและไม่ต้องรอเสียงผู้เป็นนายรีบเปิดประตูให้ฮองเต้ได้เสด็จเข้าไป
“ถวายพระพรเพค่ะ ฝ่าบาท”
หนี่เจินย่อกายถวายพระพร ก่อนที่พระกรแข็งแกร่งของฮ่องเต้จะโอบไหล่ฮองเฮาของตนให้ลุกขึ้นแล้วเลื่อนพระกรโอบรอบบางแทน และส่งสายตาไปให้เหล่านางกำนัลคนสนิทให้ออกไปได้แล้ว เหล่านางกำนัลคนสนิทเห็นเช่นนั้นก็ย่อกายแล้วรีบพาตัวเองออกจากห้องอย่างรู้งาน
ฮ่องเต้พาหนี่เจินมายังที่บรรทมก่อนจะเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังซึ่งคนร่างบางก็สะดุ้งขึ้น แต่ฮองเต้ก็หาให้โอกาสหนี่เจินหนี้ไม่ ประคองร่างบางให้ล้มลงนอนราบไปกับที่บรรทมก่อนจะจุมพิตที่เรียวปากบาง
“วันนี้ข้าคิดถึงเจ้าที่สุดเลยหนี่เจิน เกือบไม่เป็นอันทำงานรู้มั้ย”
“แล้วทำไมต้องทรงคิดถึงหม่อมฉันด้วยล่ะเพค่ะ ก็ในเมื่อฝ่าบาทเองก็ได้พบหม่อมฉันอยู่ทุกวัน”
“แต่ไม่ทุกเวลานี่ ข้าน่ะอยากกอดอยากหอมเจ้าเช่นนี้บ่อย ๆ ว่าแต่วันนี้เจ้าหายไปไหนทำไมมาหาข้าตอนเที่ยง”
“เสด็จแม่เรียกให้เข้าเฝ้าเพค่ะ แล้วพอไปก็ไปเจอเหล่าสนมของพระองค์นั้นแหละเพค่ะ”หนี่เจินตอบออกไปด้วยใบหน้าใสซื่อ
“ที่เจ้าพูดนี่เจ้าหึงข้าหรือ”
“หม่อมฉันไม่หึงฝ่าบาทเสียหน่อย ก็แค่พูดไปตามที่หม่อมฉันได้เจอมาก็เพียงเท่านั้น”
“มาให้ข้าง้อเจ้าก่อน”
แล้วก็ทรงจุมพิตที่เรียวปากบางอีกครั้ง ก่อนที่อารมณ์ปรารถนาจะปะทุขึ้น พระหัตถ์เริ่มไล้ไปตามเรือนร่างที่ยังคงปกปิดด้วยอาภรณ์สูงตามยศศักดิ์
“ฝ่าบาท...”เสียงหวานครางตามแรงอารมณ์ที่คนร่างสูงมอบให้
อาภรณ์ที่ปกปิดร่างกายถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว พระหัตถ์หนาลูบไล้ไปตามแผ่นอกขาวก่อนจะประทับริมฝีปากทาบทับเรียวปากบางแล้วมอบความหวานให้
“อืม...อืม...”
ถัดจากเรียวปากบางก็ไล่ลงมายังซอกคอขาวยิ่งทำให้หนี่เจินครางเสียงหวานอีก เมื่อฮ่องเต้รับรู้ได้ถึงความต้องการของคนร่างบางก็ไม่รอช้าไล่ไปยังแผ่นอกขาวก่อนจะได้เรียวปากหนาดูดเค้นยอดอกที่ชูชันของคนร่างบาง ยิ่งทำให้คนร่างบางสะท้านด้วยความต้องการ
“ฝ่าบาทหม่อมฉันเจ็บตรงนั้นเพค่ะ”
หนี่เจินชี้ไปยังจุดอ่อนไหวของตัวเองที่ตอนนี้เริ่มปวดบวมอย่างเห็นได้ชัด ฮ่องเต้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็เผยยิ้มบางออกมาอย่างพอพระทัย แล้วก็เลื่อนพระหัตถ์หนามาสัมผัสจนทำให้คนร่างบางถึงก็ร้องไม่ศัพท์
“อือ...อ๊า...อ๊า..อืม...”
“ตรงนี้รู้สึกดีหรือเปล่าหนี่เจิน”เสียงทุ่มที่กระซิบข้างหูเล่นเอาคนฟังหน้าอายงุดซบเข้ากับพระอุระ
“เพค่ะ อ๊า...อืม...”
แต่ก่อนที่คนร่างบางจะได้ทันปลดปล่อยแรงปรารถนาของตน พระหัตถ์หนาก็เลื่อนลงต่ำถูกช่องทางแคบทแล้วสอดนิ้วเข้าไป คนร่างบางถึงก็สะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกผ่านร่างกายเข้ามา แล้วใช้แขนสองข้างโอบพระวรกายหนาไว้แน่น
“เจ้าเจ็บเหรอหนี่เจิน”
“เปล่าเพค่ะ แค่...หม่อมฉัน....รู้สึกดี....เพค่ะ”ตอบแล้วก็ใช้มือที่เคยโดยพระวรกายหนามาปิดหน้าแทน
เมื่อเห็นว่าฮองเฮาที่รักยิ่งเขินอายทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยก็ยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวนัก
นิ้วที่ยังคงค้างในช่องทางแคบก็เริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ แล้วเริ่งขึ้นจนคนร่างบางร้องออกมาไม่หยุดก่อนจะเริ่มเพิ่มจำนวนเป็นสองนิ้วและสามนิ้ว
เมื่อช่องทางแคบเริ่มใช้ได้แล้วก็ถอดนิ้วออกแล้วแทรกพระวรกายตรงหว่างขาของคนร่างบางแทน ก่อนจะ แทรกแกนกายที่ใหญ่กว่าเข้าไปยังช่องแคบ คนร่างบางเองก็ดูจะเจ็บเพราะสีหน้าเขินอายเมื่อกี้แปลเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดเมื่อสิ่งที่แทรกเข้ามาในร่างกายใหญ่กว่านิ้วที่พึ่งถูกถอดออกไปมากนัก
ฮ่องเต้รอจนหนี่เจินพร้อมจึงเริ่มขยับในท่วงท่าช้า ๆ คนร่างบางภายใต้ร่างใหญ่เริ่มปรับสภาพแล้วเสียงหวานก็ครางขึ้น เร่งให้ฮองเต้ที่แรงอารมณ์ปรารถนาแรงกล้าจนต้องเร่งจังหวะขึ้น
“อ๊า....อ๊า...อืม....อ๊า...แรงอีกเพค่ะ...ลึกอีก....”
เสียงหวานเอ่ยเมื่อยิ่งลึกก็ยิ่งรู้สึกดี ทั้งฮ่องเต้ทั้งหนี่เจินต่างก็โอบรัดกันแนบแน่น ฮ่องเมื่อได้ยินหนี่เจินบอกเช่นนั้นก็หันมาจับคนร่างบางให้นั่งบนตักของตัวเองก่อนจะเริ่มขยับอีก คราวนี้คนร่างบางก็ยิ่งร้องเสียงหวานดังขึ้นอีก
“แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่ายอดรักของข้า”
“อ๊า...อ๊า...ดี...เพค่ะ...”
กระแทกอยู่ท่านั้นไม่นานน้ำสีขาวขุ่นจากคนร่างบางก็พุ่งจนเปรอะเต็มหน้าท้อง จากนั้นฮ่องเต้ก็พลิกตัวของคนร่างบางให้หน้าหันเขากับที่บรรทมแล้วเอามือจับที่สะโพกมล คนร่างบางเมื่อตัวเองพลิกหน้าเขาก็เอามือยันที่บรรทมไว้ เมื่อเริ่มเข้าที่เข้าทางฮ่องเต้ก็เริ่มขยับอีกครั้ง
“อ๊า....อ๊า...อืม...”
“หนี่เจินข้าจะออกแล้ว”
“อืม....หม่อมฉันก็จะออกอีกรอบแล้วเพค่ะ”
ฮ่องเต้กระแทกเข้าแรง ๆ อีกสองสามทีน้ำสีขาวขุ่นจากคนร่างบางก็ถูกปลดปล่อยอีกครั้งและพร้อมกับที่ฮ่องเต้ปล่อยน้ำสีขาวขุ่นร้อนเข้าไปภายในตัวคนร่างบางด้วย
จากนั้นก็ล้มลงกอดคนร่างบางที่นอนหอบอยู่ข้างแล้วจุมพิตเบา ๆ บนหน้าผากมลคนร่างบางเองก็กอดตอบแล้วซบลงพระอุระอย่างเหนื่อยอ่อน
“อีกรอบได้มั้ยหนี่เจินข้ารู้สึกว่ายังไม่พอเลย”
“เพค่ะ”
แล้วฮ่องเต้และหนี่เจินก็เริ่มบรรเลงเพลงรักกันต่ออีกหลายต่อหลายรอบจนเกือบรุ่งเช้าของอีกวัน จึงได้หลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน
หลายวันต่อมาคณะทูตจากทางมองโกเลียก็ได้เดินทางมาถึงผู้คนในเมืองต่างก็พากันออกมาดูขบวนคณะทูตที่นาน ๆ จะมีให้เห็นสักที
ณ วังหลวง
ภายในวังหลวงเองก็วุ่นวายกับการตกแต่งประดับประดาเพื่อใช้ในการต้อนรับเหล่าคณะทูตที่กำลังจะมาถึงในไม่ได้ ทั้งสถานที่และอาหารถูกจัดทำขึ้นอย่างสวยงามไม่ได้เสียชื่อของชาวถัง
หนี่เจินเห็นดังนั้นจึงลงไปดูเหล่านางกำนัลและขันทีทำงานอย่างวุ่นวายนั้นก็อดที่จะได้ไปช่วยไม่ได้ แต่แล้วก็โดนเหล่าขันทีและนางกำนัลบอกว่าให้อยู่เฉยเพราะนี่คืองานของพวกเขาไม่ใช่ของผู้เป็นถึงแม่ของแผ่นดินจะลงมาทำเอง หนี่เจินเลยได้แต่เดินดูอย่างเดียวจะช่วยใครก็ได้แทน
“ฮองเฮาเพค่ะเสด็จกลับตำหนักดีกว่าเพค่ะ”
“งั้นข้าอยากไปตำหนักใหญ่”
“จะทรงเสด็จไปหาฝ่าบาทหรือเพค่ะ”
“ใช่ ข้าไปไม่ได้เหรอ”
สองสาวใช้คนสนิทที่เลื่อนตำแหน่งเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ของฮองเฮามองหน้ากันอย่างเขิลอายแทน ก็พวกนางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านอ๋องน้อยพวกนางนั้นตอนนี้หายใจเข้าออกก็มีแต่ฮ่องเต้อยู่ทุกเวลา
เพราะช่วงหลายวันมานี่ฮ่องเต้ทรงงานหนักมากจนผู้เป็นนายของพวกนางอดรู้สึกเหงาไม่ได้ ปกติแล้วฮ่องเต้จะทรงเสด็จมาหาวันละหลายรอบ แต่พักนี้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยราชกิจที่มีมากขึ้นเลยทำให้ไม่สามารถเสด็จออกมาหาหนี่เจินได้บ่อยเหมือนเช่นเคย
“แต่คิดอีกทีข้าไม่ไปดีกว่า ฝ่าบาทคงทรงงานอยู่เป็นแน่ข้าไปรังแต่จะไปกวนเสียเปล่า ๆ งานราชกิจก็เร่งรีบนัก ข้ากลับไปรอตำหนักเสียยังดีกว่า”
เอ่ยจบก็พาร่างบางงามสง่ากลับยังตำหนักเหม่ยชุน หนี่เจินเดินไปเลื่อย ๆ ไม่ได้สนใจสิ่งรอบด้านมัวแต่คิดอะไรใจลอยอยู่คนเดียวโดยไม่ทันได้มองข้างหน้าซึ่งเป็นบรรไดสูงที่ลงไปยังข้างล่าง ไห่เหยียนที่เห็นว่าตอนนี้เหล่านางกำนัลกำลังมัวสนใจอย่างอื่นอยู่ก็ยิ้มขึ้น
ไห่เหยียนที่แบกของทำทีว่าเริ่งรีบจะไปส่งของเดินเข้าไปประชิดตัวของหนี่ก่อนจะทำท่าเซเอียงตัวไปโดนหนี่เจินที่กำลังใจลอยจนเสียงหลักกลิ้งลงไปข้างล่าง
“กรี๊ดดดดด”
เสียงบรรดานางกำนัลที่ได้เห็นเหตุการณ์ต่างก็รีบเข้าไปหวังจะช่วยหนี่เจินที่ตกลงมาแล้วหมดสติไป ที่หัวของหนี่เจินมีเลือดออกมาอย่างน่ากลัวสองนางกำนัลคนสนิทรีบออกคำสั่งนางกำนัลที่อยู่แถวนั้นให้รีบตามหมอหลวงในทันที
“พวกเจ้ารีบไปตามหมอหลวงเร็วเข้า”เสียงเสี่ยวเย่หันไปบอกนางกำนัลที่ยังทำท่าตกใจอยู่ ก่อนจะมองร่างของผู้เป็นนายที่สลบไปแล้ว แล้วคิดแค้นใจนักถ้านางไม่มัวแต่มองนู้นนี่ท่านอ๋องน้อยคงไม่เจ็บตัวเช่นนี้แน่
ส่วนไห่เหยียนเมื่อทำตามที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จก็เผยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัยก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากที่เกิดเหตุไปเกรงว่าจะมีคนเห็นเหตุการณ์
*-----*-------------*-------------*--------------*
ช่วงนี้หนี่เจินจะเริ่มลำบากแล้วจ้า
ไปรอลุ้นแล้วกันจะไห่เหยียนจะมีวิธีอะไรมาทำร้ายหนี่เจินอีก
แล้วยิ่งองค์หญิงลีอาร์มาอีกคนจะยิ่งสร้างเรื่องอะไรขึ้นต้องติดตามตอนหน้า
-
อีไหหยี่(ผวน) น่าถีบจัง :z6:
ฝ่าบาทมาช่วยหนีเจินก่อนนนนน
-
นี่หนูสวยไม่เท่าเค้าก็อย่าไปแกล้งเค้าสิ
ตามความเห็นนะเค้าอยากได้แฝดชายๆอะเอาหลายๆคู่เลย
-
:m16: :m16: :m16:
:call:
-
สามคำให้หนี่เจิน สง สาร เธอ :monkeysad:
แต่เรื่องบนเตียง ร้อน แรง เว่อ :m25:
-
จำได้ว่า มองโกเลีย จะส่งสาวมาให้ด้วยนิ
ฮ่องเต้ เคลียร์ด่วน
-
น่ารักจริงๆ
ติดตามจ้าา
-
โอ้ยๆๆๆ น่าสงสารอ่ะ :m31: :m31:
เจ้าคนใช้สารเลว นี่แนะ :beat: ต่อด้วย :z6: :z6:
:เฮ้อ: สะบายใจ
-
ถ้าหนี่เจินลำบากแต่มีฝ่าบาทคอยดูแลก็ว่าไปอย่าง
แต่ถ้าหากฝ่าบาทเมินนี่นะ หึ!! ฝ่าบาทก็ฝ่าบาทเห๊อะ
-
ไหนจะสาวจากมองโกเลีย ไหนจะมีสนมมากลั้นแกล้งอีก เฮ้อ.. สงสารหนี่เจิน
-
ย๊ากกกกกกกกกก
มาทำอย่างนี้กับหนี่เจินได้ไงฟร้ะ!!
-
เอิ่มขอแนะนิดนึงได้ไหมครับ แหะๆ
ด้วยความหมั่นไส้ว่าฝ่าบาทจะแอบปันใจให้คนอื่น ขอให้ฝ่าบาทแพ้ท้องแทนฮองเฮาเลยละกันเน๊อะ
-
หนี้เจินสู้ๆๆนะอย่าท้อถอยหละ
จงหนักแน่ในรักนะ
แล้วอีนางไห่เหนียนนี้เหมือนอีเม้ยเลยเนาะ :angry2:
:fire: :m31:
รอต่อไปค่ะสู้ๆๆ :L2:
-
ท้องได้ อูอา
(อุทานเสียน่าเกลียดเชียว ฮาๆๆ)
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
อยากให้เป็นแฝดชายอะ
รอตอนต่อไป^^
อย่ามาม่าเยอะน้าT^T
ดูเหมือนมันจะมาม่าไงก็ไม่รู้
-
:z6:แอ๊ะ!!! นังไส้เลื่อน (ไห่เหยียน) กล้าดียังไงเนี้ยย
-
อ๊ายยยยยยย ทำไมถึงกล้าทำอย่างนี้กะฮองเฮาได้(แค้นๆ)น่าตบจิงๆ(อินมากไปไหม อิอิ) รอตอนต่อไปอยุ่นะ ขอแบบยาวๆเลยนะ
-
กำลังหน้าซีดอยู่ดีๆ (เสียเลือด ฮ่าๆๆ)
กลายเป็นว่าเลือดขึ้นหน้าตอนท้าย =_=;;
เอ... คณะทูตจากมองโกเลียคงไม่มีพระสนมใหม่มาหรอกนะครับ
ผมไม่อยากได้ดราม่าเล๊ย
-
แฝดสามก็ดีค่ะ แต่ฮองเฮาคงจะเหนื่อยหน่อย อิอิ
-
เดาว่ามันกำลังจะ ดราม่า กลิ่นโชยมาแต่ไกล
แล้ว องค์หญิงลีอาร์ นี่ต้องมาทำให้ ฮ่องเต้กับ หนี่เจิน ทะเลาะกันแน่ๆเลย อารมณหึงไรเงี้ย
ยังมีพวกสนมผิงอันอีก หนี่เจินสู้ๆ
-
แบบไหนก็ได้ครับ แต่อยากได้แฝดชายมากกว่า
อิไห่หยี่ยนกะอิพิงอัน เด๋วเมิงจะโดนตีนกุ
-
เย้ๆ ได้อ่านแล้ว
ฮ่องเต้กับหนี่เจินน่ารักมากๆ :)
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
อย่าลืมมาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะคะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดด ฆ่ามัน
แค้นๆๆๆๆๆ
แต่กะดีนะให้หมอมาตรวจแล้วเจอว่าท้องเลย
ฮองเต้จะได้ไม่ต้องเป็นทำอะไรสะใจพิงอันดี
โฮะๆๆๆๆของแฝดชาย2ก่อนได้ไหมค่ะคนเขียนแล้วค่อยท้องอีกรอบเป็นหญิง
-
เเลดูว่ามันจะเริ่มมาม่าเเบบเบาๆ :z3:
สงสารหนี่เจินอ่ะ เรื่องราวกำลังเข้มข้น :z2:
คราวหน้าขอยาวๆน้า :กอด1:
ปอลอ แฝด 3 ก็เก๋นะ เอาให้สนมอกเเตกตายไปเลย :laugh:
-
ฆ่ามันๆๆๆๆๆ
-
จัดการมัน!!!
-
สนุกจังเลย กำลังสนุกเลยล่ะ
จัดการยายนั่นซธทีเถอะ สงสารหนี่เจิน
-
มานอนรอค่ะ
วันนี้จะรอเก้อมั๊ยเนี่ย !?
-
นั่งรอ นอนรอ หกสูงรอ กลิ้งรอ!! ก้อยังไม่มาเลย ฮือออออ อยากอ่านอะ
-
:-[ เรื่องนี้โดนใจจัง ยิ่งนายเอกท้องได้ด้วยเนี่ย ชอบๆๆๆ
แต่ทำไมอุปสรรคดูเยอะจังเลย
ไหนจะสนม ไหนจะองค์หญิงบ้าบอไรอีก
ส่วนเรื่องลูก อยากได้แฝดชาย หลายคู่เลย
เค้าชอบเด็กแฝด :impress2:
-
มาแล้วตามคำเรียกร้องของใครหลายคน
คนแต่งเร่งปั่นมาให้อ่านกันสด ๆ ร้อน ๆ เลยทีเดียว
ไปอ่านกันเลยดีกว่า ว่าหนี่เจินผู้น่ารักของใครหลายคนจะเป็นเช่นไรต่อ
*-------------------------------------------------------*-----------------------------------------------------------------*
13
ข่าวเรื่องการบาดเจ็บของหนี่เจินทำให้ฝ่าบาทต้องทิ้งงานทุกอย่างแล้วเร่งรีบเสด็จไปยังตำหนักเหม่ยชุนในทันที่ทราบข่าว
บรรดาหมอหลวงและนางกำนัลต่างก็เดินกันให้วุ่นวาย เนื่องด้วยฮองเฮาพระอาการไม่ดีขึ้นเนื่องมาจากเสียเลือดมาก และเลือดยังไหลออกมาจากบาดยังไม่ยอมหยุดไหลเสียด้วย
เมื่อฮ่องเต้เสด็จมาถึงยังตำหนักก็เห็นความวุ่นวายนั้นแล้วตรงเข้าไปยังในห้องแล้วรีบเร่งถามอาการของหนี่เจินทันที
“หนี่เจินเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวง”
หมอหลวงหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัดมือไม้สั่น หากคำตอบของตนอาจทำให้หัวที่กำลังจะตอบนี่หลุดหายไปในพริบตาก็เป็นได้
“ทูลฝ่าบาทพระอาการของฮองเฮา...”
“จะอำอึ้งทำไม รีบบอกข้ามาสิอาการของหนี่เจินเป็นเช่นไรกันแน่ เจ้าจะบอกข้าดี ๆ หรือต้องให้หัวหลุดจากบ่าก่อนถึงจะตอบข้าได้”พระสุรเสียงแข็งกร้าวที่เล่นทำเอาหมอหลวงหน้าซีดตัวสั่นต้องรีบตอบทันที
“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเกรงว่า...เกรงว่าจะไม่พ้นคือนี้พ่ะย่ะค่ะ เพราะทรงเสียพระโลหิตมากแล้วอาการก็ยังไม่ทรงตัว หม่อมฉันรักษาอย่างสุดความสามารถแล้วแต่...พระอาญาไม่พ้นเกล้าโปรดประหารหม่อมฉันด้วยหม่อมฉันไม่อาจรักษาได้พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินหมดหลวงกล่าวเช่นนี้ทำให้ฮ่องเต้แทบจะล้มทั้งยืน มองร่างของคนรักที่ยังไร้สติแล้วทรงดำเนินไปยังที่บรรทมก่อนจะทรุดตัวลงข้าง พระหัตถ์ที่เคยแข็งแกร่งกับรู้สึกอ่อนแล้วคว้ามือบางที่ซีดขาวลงราวกับกระดาษแนบเข้ากับพระพักตร์
“หนี่เจินไหนเจ้าบอกรักข้ายังไง ทำไมเจ้าถึงจะทิ้งข้าไปเช่นนี้ ลืมตาขึ้นมาที่รักของข้าเจ้าสัญญาว่าจะมีลูกตัวน้อย ๆ ให้ข้าอย่างไรเล่า แล้วตอนนี้ทำไมเจ้าถึงได้เอาแต่นอนลุกขึ้นมาแล้วบอกรักข้าอีกไม่ได้หรือ” พระสุรเสียงอ่อนแรงที่ทำให้คนที่อยู่ภายในห้องมิอาจส่งเสียงอะไรได้
พระหัตถ์แข็งแกร่งลูบไล้ตามใบหน้าที่ซีดขาวไม่แพ้มือที่แนบหน้า บาดแผลที่ยังคงมีเลือดซึมออกมานั้นอีก เมื่อเห็นเช่นนั้นฮ่องเต้ก็สัมผัสกับผ้าที่กดบาดแผลในตอนแรกแล้วออกแรงกดบาดแผลด้วยพระองค์เอง
แล้วปาฎิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อเลือดที่ไหลในตอนแรกหยุดไหลทันทีที่พระหัตถ์แกร่งสัมผัส เมื่อเห็นว่าเลือดหยุดไหลแล้วก็ทรงเรียกให้บรรดาหมอหลวงรีบดูอาการทันที
“หมอหลวงรีบมาดูอากาหนี่เจินเร็วเข้า”พระสุรเสียงรับสั่งดังขึ้นบรรดาหมอหลวงต่างก็รีบเร่งเข้าตรวจพระอาการ และพอตรวจเสร็จสีหน้าของบรรดาหมอหลวงก็แสดงสีหน้าโล่งใจขึ้นทันที
“ทูลฝ่าบาท ตอนนี้พระโลหิตของฮองเฮาหยุดไหลแล้วเหลือแต่เพียงเสวยโอสถและพักผ่อนให้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ พระอาการตอนนี้คงทีแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีงั้นพวกเจ้าไปเตรียมยาซะแล้วเอามาให้ข้า”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงเมื่อได้ยินรับสั่งก็รีบให้เด็กรับใช้รีบไปต้มยาและนำมาถวายให้ฮ่องเต้ ทรงรับยาที่หมอหลวงถวายก่อนช้อนตัวคนที่นอนไร้สติพิงกับพระวรกายแข็งแรง แล้วจัดการจิบยาที่อยู่ในถ้วยอมไว้ แล้วทาบทับเข้ากับริมฝีปากร่างบางที่ยังคงหมดสติอยู่
โอสถรสขมถูกฮ่องเต้ป้อนผ่านลำคอ จนคนร่างบางเริ่มรู้สึกถึงรสชาติขนจึงต้องลืมตาขึ้นมอง พร้อมกับอาหารมึนหัวและอาการเจ็บปวดที่บาดแผล
“ฝะ...ฝ่าบาท...”
เสียงแหบพร่าดังมาจากคนร่างบาง ทำให้ฮ่องเต้ก้มพระพักตร์ลงมองแล้วก็แย้มสรวลออกมาอย่างพอพระทัย ตอนนี้คนที่รักยิ่งของพระองค์ฟื้นสติแล้ว
“เจ้าเจ็บตรงไหนมั้ยหนี่เจิน”
“ไม่เพค่ะ แต่รู้สึกหิวน้ำจัง”
แล้วพระหัตถ์แข็งแกร่งก็เอื้อมไปหยิบถ้วยน้ำข้างที่บรรทมก่อนจะเท่น้ำแล้ว ส่งให้คนร่างบางที่พอรับไปก็รีบกินอย่างหิวกระหาย
“เอาอีกสักถ้วยมั้ย”
หนี่เจินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับพระอุระอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วดวงตาคู่สวยก็หลับลง ฮ่องเต้เห็นเช่นนั้นก็วางร่างบางให้นอนลงก่อนจะห่อผ้าปิดจนถึงลำคอแล้วเสด็จออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้สองนากำนัลคนสนิทดูแลกเป็นอย่างดี
ฮ่องเต้ทรงเสด็จไปไต่สวนผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุแต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย ทำให้พระองค์ทรงกริ้วที่เหล่านางกำนัลและขันทีนั้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ทรงต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะตอนนี้เหล่าคณะทูตจากมองโกเลียได้เดินทางมาถึงยังวังหลวงแล้ว
ฮ่องเต้จำต้องออกไปต้อนรับเหล่าราชทูตและขบวนเสด็จของเจ้าหญิงลีอาร์เพียงพระองค์เดียว เพราะฮองเฮาของประเทศนั้นกำลังประชวรหนักไม่อาจออกมาต้อนรับได้
เมื่อพระเกี้ยวขององค์หญิงลีอาร์และขบวนคณะทูตหยุดลง และเดินทางเข้าไปยังท้องพระโรงที่ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงประทับและรอการมาของเหล่าคณะทูตแล้ว
องค์หญิงลีอาร์เสด็จเข้ามายังภายในท้องพระโรงพร้อมด้วยเปล่าคณะทูตที่เตามเสด็จอย่างพร้อมเพียงและพอองค์หญิงเสด็จมาถึงบรรดาขุดนางและข้าราชบริพานต่างก็มององค์หญิงผู้พึ่งมาถึงใหม่อย่างไม่ว่างตา
องค์หญิงลีอาร์มีรูปโฉมงามดั่งคำร่ำลือนักใบหน้าเรียวสวยทั่งยังขาวผุดผ่องหน้ามอง ผมสีดำยาวสลวย รูปร่างที่อรชรที่ชายใดได้พบพานแล้วต้องมองตามยิ่งนัก ไม่แม้นแต่ฮ่องเต้ที่มองนางพระเนตรค้าง
องค์หญิงลีอาร์ย่อกายถวายพระพรพร้อมด้วยเหล่าคณะทูตก็พากันถวายพระพรเช่นเดียวกับผู้เป็นนาย
“ถวายพระพรฝ่าบาท หม่อมฉันองค์หญิงลีอาร์ ธิดาองค์เล็กของพระราชาอาทาร์เพค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะองค์หญิงวันนี้ท่านเดินทางมาเหนื่อย ๆ โปรดไปพักผ่อนก่อนแล้วในตอนค่ำจะมีงานเลี้ยงต้อนรับการมาเยือนของท่านและเหล่าคณะทูต”
“ขอบพระทัยเพค่ะฝ่าบาท”
หนี่เจินเมื่อฟื้นสติขึ้นก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาเรียกให้สาวใช้คนสนิทเอาน้ำให้ดื่มก่อนจะถามหาคนที่อยู่ด้วยก่อนหมดสติไป
“ฝ่าบาทต้องทรงต้อนรับขบวนคณะทูตที่มาถึงเพค่ะ”
“อืม..ข้าเข้าใจแล้วตอนนี้ข้าหิวจังเสี่ยวเย้หาอะไรให้ข้ากินหน่อยสิ”
“เพค่ะฮองเฮา”
พอเสี่ยวเย้ที่ตอนนี้ได้เลื่อนเป็นนางกำนัลคนสนิทออกไปได้ไม่นานก็มีเสียงนางกำนัลเอ่ยขึ้นมาอีก ถึงการมาของใครบ้างคนที่เขารอ
“ฝ่าบาทเสด็จ”
หนี่เจินพยายามลุกขึ้นยืนแต่ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงนี้ก็ไม่อาจลุกได้ตามใจปรารถนานัก เมื่อฮ่องเต้เสด็จเข้ามาและทอดพระเนตรเห็นคนรักพยายามลุกถวายพระพรก็รีบถหลาเข้าไปประคองร่างบางที่ทำท่าว่าจะล้มเสียให้ได้
“ฝ่าบาท...”
เมื่อรู้ว่าใครที่ประคองตัวเองไว้ก็รีบจะย่อกาย แต่แล้วฮ่องเต้ก็ทรงต้องรั้งคนในอ้อมกอดให้ลุกแล้วนั่งลงยังที่บรรทมแทน
“เจ้าลุกขึ้นมาทำไม ในเมื่อเจ้ายังไม่แข็งแรงดีเช่นนี้หนี่เจิน รู้มั้ยเจ้าทำให้เป็นห่วงนักหากเจ้าเป็นอะไรไปข้าคงเหมือนตายทั้งเป็น”
“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพค่ะ แค่รู้สึกหน้ามืดนิดหน่อยเลยคิดว่าไม่เป็นไร”
“แค่หน้ามืดที่ไหน เมื่อกี้ถ้าข้าเข้ามาประคองเจ้าไว้ไม่ทันเจ้าคงล้มลงไปกองกับพื้นแล้วรู้ตัวมั้ย เจ้านี่ชอบทำให้ข้าเป็นห่วงนักแล้วอย่างนี้จะให้ข้าอยู่ห่างเจ้าได้เช่นไร นี่แค่ข้าห่างเจ้าไม่กี่วันยังเป็นเช่นนี้”
“ฝ่าบาทล่ะก็ทรงลืมไปแล้วหรือ หม่อมฉันเป็นบุรุษนะเพค่ะแข็งแรงกว่าสตรีนัก พระองค์ไม่ต้องเป็นห่วงหม่อมฉันหรอกเพค่ะ อย่างไรราชกิจบ้านเมืองสำคัญกว่า”
“บ้านเมืองส่วนบ้านเมืองสิ ข้ามีเมียที่รักยิ่งเพียงคนเดียวแล้วจะไม่ให้ข้าห่วงเจ้าได้เช่นไรกันเล่า”
หนี่เจินซุกเข้ากับพระอุรแข็งแกร่งที่อบอุ่นนี้อย่างเขิลอายนัก ฮ่องเต้เองก็ทรงแย้มพระสรวลออกมาบาง ๆ อย่างพอพระทัยที่แกล้งคนร่างบางในอ้อมกอดได้สำเร็จ แล้วพรมจุมพิตบนเรือนผมสวยของคนร่างบาง
“ได้ยินว่าเหล่าคณะทูตเดินทางมาถึงแล้วนี่เพค่ะ ทรงปลีกตัวมาเช่นนี้จะดีหรือเพค่ะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยก็งานเลี้ยงจะเริ่มในตอนค่ำ ตอนนี้ข้าว่างก็ต้องมาหาหัวใจข้าสิยิ่งเจ้าป่วยข้ายิ่งต้องมาอยู่เคียงข้างสิ”
หนี่เจินดันพระวรกายหนาออกแต่ฮ่องเต้ก็ทรงมิให้ทำเช่นนั้นไม่ ทรงรั้งเอวบางให้แนบชิดพระวรกายยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็ได้ยินนางกำนัลเอ่ยขึ้นว่าฮองไทเฮาเสด็จก็ยิ่งดันพระวรกายให้ออกแต่ก็ไม่เป็นผล
ฮองไทเฮาเมื่อเสด็จเข้ามาภายในห้องก็พบภาพฮ่องเต้โอบร่างของหนี่เจินไว้ ก่อนจะทรงแย้มพระสรวลอย่างดีพระทัยในพระทัยก็ทรงคิด อีกไม่นานพระนางจะทรงได้เห็นองค์ชายไม่ก็องค์หญิงเป็นแน่
“ถวายพระพรเสด็จแม่” ฮ่องเต้ทรงลุกขึ้นถวายพระพรพระมารดา
“ถวายพระพรเสด็จแม่”หนี่เจินเองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็จะทำท่าลุกขึ้นถวายพระพอบ้าง แต่แล้วฮองไทเฮาทรงห้ามไว้ก่อน
“เจ้าไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก พักผ่อนเถอะแม่แค่มาเยี่ยมเจ้า แค่เห็นเจ้าดีขึ้นแม่ก็ดีใจแล้วตั้งแต่เจ้าเข้าวังมานี่ก็เกือบสองเดือนแล้ว แม่รอฟังข่าวดีจากพวกเจ้าทั้งสองอยู่ เมื่อไรจะมีหลานให้แม่ได้ชื่นใจล่ะฮ่องเต้”
“เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเองก็เร่งอยากมีแต่หนี่เจินนี่สิ”
“ฝ่าบาทล่ะก็ จะให้หม่อมทำเช่นไรล่ะเพค่ะไม่ใช่ว่าอยากมีแล้วจะมีได้เลยนะเพค่ะ”
แล้วฮองไทเฮาก็ทรงสรวลออกมา ก็จริงอย่างที่หนี่เจินว่าพึ่งจะเข้าหวังมาได้ไม่ถึงสองเดือนจะให้รีบตั้งครรถ์ได้เช่นไร
“แล้วนี่เจ้าจะไปร่วมงานเลี้ยงเหล่าคณะทูตได้หรือเนี่ย แม่ว่าเจ้าพักดีกว่าไม่ต้องไปหรอก”
“หม่อมฉันแข็งแรงดีแล้วเพค่ะ มิต้องทรงห่วง”
“งั้นก็ดีจะได้มีคนคอยคุ้มฮ่องเต้มิให้ออกนอกลู่นอกทาง”
หนี่เจินหัวเราะออกมาเมื่อฮ่องเต้ทรงท้วงว่าไม่เคยคิดนอกใจเขาเลย และยังย้ำนักหนาว่า จะทรงรักหนี่เจินเพียงคนเดียว เล่นเอาหนี่เจินเขิลจนหน้าแดงอีกครั้ง
*----------------------------------------------------------*------------------------------------------------------*
ลีอาร์มาถึงแล้วจะสร้างความวุ่นวายเช่นไร
ต้องรออ่านเอาในตอนหน้าอิอิ :laugh:
-
หนี่เจินเมื่อไรจะมีลูกกกกก
นีงลีอาร์จะมาทำม๊ายยยยยย
-
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
-
สามคำๆ ขอ อีก ตอน :fire:
นีงเจ้าหญิงชะนี - -; นางฟ้าไม่ปลื้ม!! สวยนักหรอ! เจอหนี่เจินเข้าไปล่ะหงายเหงิบ :angry2:
-
อ๊ายยยยยย ดีใจๆ นึกว่าวันนี้จะไม่มาอัพสะแล้ว อิอิ มีลางว่าจะ มาม่านะ ไม่เอานะ ไม่อยากกินมาม่าตอนนี้55+ อยากกินน้ำหวานนนนนนนมากก่า
-
ได้ยินมั้ยฮ่องเต้ห้ามออกนอกลู่นอกทางนะ
หนี่เจินรีบมีลูกไวๆ^^
รอตอนต่อไปค่ะ
-
ไม่นะ อย่ามาสร้างความวุ่นวายนะลีอาร์
-
ฮ่องเต้ ห้าม นอกลู่ นอกทาง นะ
-
งงนิด ๆครับ ตกลงชื่อซีอาร์ หรือ ลีอาร์
จะยังไงก็แล้วแต่ ถ้ามาอ่อยฮ่องเต้ ชีจะโดนตบล้างน้ำแน่นอน
-
มือที่สามปะเนี่ยยยยยย
:call:
-
โว้ :pig2:
พึ่งเข้ามาอ่านใหม่ o13
น่ารักมาก :o8: :-[
ชอบเรื่องแบบนี้อ่า :o8:
ฮองเฮาน่ารัก♥ :-[
-
เม้นก่อนๆ เน็ตจะหมด
นั่นไง...เรื่องที่นึกกลัว เฮ้อ
-
ลีอาร์ มาทำไม!!!!!!!! กำลังหวานซึ้ง
หล่อนจะมาสร้างปัญหาไรป่าว ????????????? :m31:
ขอบคุณที่มาอัพนะคะ รักคนแต่ง :กอด1:
-
ลีอาก่ลีอาเถาะมาเจอหนี่เจินแล้วจะหนาว
รู้ไว้ซะว่าของเค้าไม่แน่จริงไม่ไม่มาถึงระดับนี้หลอก :a14:
ยังงัยความดีก่ชนะความเลวอยู่วันยังค่ำ :a1:
-
นั่นสิแม่หญิงลีอาร์ จะทำอะไรบ้างเนี่ย
คนอ่านไม่หลีบไม่นอนละนะ นั่งกด f5 อย่างเด๋วเลย
-
ฮ่องเต้จ๋าาาาาา จะไปมองคุณนังลีอาร์ตาค้างทำไมคะ!!! :fire:
หวังว่าจะไม่หลงเสน่ห์เค้านะ :m16:
อย่าหวั่นไหวล่ะ!! ฮึ!! :angry2:
มาต่อไวๆน้าาาา
ไม่อยากกินมาม่าาาาา :monkeysad:
-
ถ้าจะท้องได้ ลีอาร์อาจเป็นตัวการสำคัญก็ได้นะ (รึเปล่า???)
-
ไทเฮาถึงขั้นให้ออกไปเฝ้าฮ่องเต้เลยยยย
ฮองเฮาต้องไปเฝ้าดีๆนะ
ไม่รู้องค์หญิงมองโก จะทำไรบ้างง
ชิส์
-
ลีอาร์ มันต้องเสนอตัวขอเป็นสนม แน่ๆเลย
โอ้ย!!กลัวดราม่า
-
มาแปะตอนที่ 14 ครึ่งแรกก่อน
กลัวคนอ่านจะค้างนาน
วันนี้มีตัวละครใหม่ออกโรงแล้วล่ะ
ส่วนชื่อองค์หญิงลีอาร์มีคนจับผิดว่าชื่อเปลี่ยน
ต้องบอกท่านช่างสังเกตุอ่ะ 555+
แต่งไปแต่งมาชื่อเพี้ยนซะงั้นเอาเป็นว่าเอาชื่อลีอาร์นะ
ไว้ตอนเย็น ๆ จะมาลงครึ่งหลังอิอิ
งั้นพร้อมแล้วไปอ่านกันเลยแล้วกัน
*-------------------------------------------*----------------------------------------------*
14
ความมืดมาเยือนยังวังหลวงทุกทีต้องเงียบสงบหากแต่วันนี้กลับครึกครื้นไปด้วยเสียงเพลง และเสียงพูดคุยของขุนนางทั้งที่มาจากต่างเมืองและเจ้าถิ่นต่างก็แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
หนี่เจินที่อาการดีขึ้นนั่งเคียงข้างฝ่าบาทอยู่บนที่ประทับ โดยด้านขาวของฮ่องเต้มีฮ่องไทเฮาประทับอยู่ ส่วนตัวเขานั่งอยู่ด้านซ้ายของฮ่องเต้ส่วนบรรดาสนมนั่งขนาบข้างหนี่เจินและฮ่องไทเฮาอีกต่อส่วนองค์
หญิงลีอาร์ถูกจัดให้นั่งตรงส่วนของแขกจากต่างเมืองซึ่งข้าง ๆ เป็นองค์ชายลีซานพระโอรสองค์โตของกษัตริย์มองโมงที่เสด็จตามมาที่หลังนั่งอยู่ด้วย
สายพระเนตรขององค์ชายลีซานจับจองร่างบางที่งามสง่าเสียยิ่งกว่าน้องสาวของตน ที่นั่งเคียงข้างของฮ่องเต้ ใบหน้าที่งามราวกับเทพธิดามาจุติไม่อาจทำให้องค์ชายละสายตาไปไหนได้ เฝ้าแต่มองอย่างไม่ยอมสนใจผู้เป็นน้องแม้แต่นิด
“ทรงทอดพระเนตรมองสิ่งใดอยู่เพค่ะท่านพี่ลีซาน”
“คนที่นั่งข้าง ๆ ฮ่องเต้ถังไท่จงเป็นใครอย่างนั้นหรือ”
“คนไหนล่ะเพค่ะ ซ้ายหรือขวา”
“ก็คนที่สวย ๆ คนนั้นไงที่นั่งทางซ้ายของฮ่องเต้น่ะ”
ลีอาร์มองไปยังบุคคลที่ผู้เป็นพี่เอ่ยถึง หญิงสาวที่งามดุลเทพธิดาก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของนาง ทั้งที่เคยคิดว่าไม่มีผู้ใดงามเท่าแต่เห็นทีครานี้คงคิดผิด ‘ฮองเฮาของที่นี่ช่างงามสมคำล่ำลือนักยิ่งพี่ชายของเราที่มิเคยมองหญิงใดตาค้างเช่นนี้มากก่อนถึงหญิงชาวมองโกจะงามสักเพียงใดก็ตาม’
“พระนางเป็นฉางซุนเหวินเต๋อฮองเฮาที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งเพค่ะ งามสมคำล่ำลือที่ได้ยินมาไม่ผิดเลย”
“เจ้ารู้มาจากที่ไหนทำไมพี่ถึงไม่รู้เรื่องเช่นเจ้า”
“ก็ก่อนที่จะมาที่นี่เสด็จพ่อก็เอาข้อมูลมาให้น้องอ่านก่อนออกเดินทาง ซึ่งตอนนั้นท่านพี่ก็ยังมิกลับจากการตรวจทหารตามชายแดนเลย”
“อย่างนั้นหรือ น่าเสียดายนักที่หญิงงามเช่นนี้มีเจ้าของเสียแล้ว”
“แล้วทำไมท่านพี่ถึงไม่คิดจะเอาชิงพระนางมาครอบครองเสียเองเล่า”
“เจ้าว่าอย่างไรนะน้องพี่!!”
“หม่อมฉันบอกว่าทำไมทรงไม่ชิงมาครอบครองเสียเองเล่า ส่วนหม่อมฉันจะทำให้ฮ่องเต้มาหลงไหลหม่อมฉันแทน เพื่อการนั้นแล้วฝ่ายเราจะได้ทำการตีอาณาจักรจีนเสียเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เห็นด้วย เราถูกชาวถังกดขี่มานานแล้วถึงเวลาที่พวกเราต้องปลดตัวเองเป็นอิสระเสียที”
สองพี่น้องจากมองโกเลียมองคนที่เป็นเป้าหมายอย่างมิวางตาคนพี่มองด้วยเสน่ห์หา แต่คนน้องกลับมองดูด้วยความแค้น ความแค้นของบ้านเมือง
ไม่นานงานเลี้ยงก็เลิกฮ่องเต้และหนี่เจินกลับตำหนักเหม่ยชุนวันนี้ฮ่องเต้บอกว่าจะทรงประทับที่นี่เพราะไม่อยากห่างหนี่เจินไปไหน
“วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมากเลยเพค่ะ จะเข้าบรรทมเลยหรือเปล่าเพค่ะฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ทรงประคองหนี่เจินไปยังที่บรรทมคนร่างบางเมื่อถึงเตียงก็นั่งลงโดยมีคนร่างสูงประคองไม่ห่าง เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นแต่ฮ่องเต้ก็ทรงไม่เชื่อ คอยห่วงอยู่ตลอดแค่เขาเจ็บตัวนิดหน่อยก็ถึงกลับอยู่ด้วยไม่ห่างอย่างนี้
“งั้นเข้านอนดีกว่าวันนี้ข้าอยากให้เจ้าพักผ่อนมาก ๆ นอนเถอะพรุ่งนี้จะได้ดีขึ้น”
แล้วคือนนั้นฮ่องเต้ก็ทรงเพียงแค่บรรทมอย่างเดียวเหมือนที่บอกหนี่เจิน เพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องเหนื่อยกว่านี้
ทรงนอนกอดคนร่างบางไว้ใจก็คิดถึงบางสิ่งอยู่ ‘สายตาของคน ๆ นั้นที่มองมายังหนี่เจินช่างไม่ธรรมดาเสียเลยเขาควรหาทางแก้ไว้ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้น’ แล้วก็ทรงก้มมองคนร่างบางที่หลับสนิทไปแล้วก่อนจะจุมพิตเบา ๆ บนเรือนผมสวย
*------------------------------*-------------------------------------*-------------------------------------*
ลีซานและลีอาร์จะทำอะไรต่อไปนะ
ต้องติดตามต่อไป
-
เดี๋ยวพ่อโดถีบคอหัก ทั้งอีซานและอีอาร์ (ได้ข่าวว่าเค้าชื่อลีซานกับลีอาร์นะ)
ฮ่องเต้ เตรียมตัวไว้ให้พร้อม ผมจะเป็นทัพหน้าให้เอง
-
เหอะๆ
รักกันดีแท้เน้อ
-
:angry2:คู่พี่น้องนี้เลวจริงๆๆ :beat: :z6:
ดีแล้วที่ฮ้องเต้จับสังเกตุได้ :เฮ้อ:
งันก่ดูแลหนี่เจินไว้ให้ดีแล้วก่จงเชื่อในรักนะฮ่องเต้
เอาใจช่วยค่ะ :L2:
-
ทำไม ตัวร้ายเยอะจังอ่ะ
อยากฆ่า 2 พี่น้อง
มาต่ออีกนะคะ ^^
-
ลุ้น ๆ อยากรู้าว่าหนี่เจินจะคลอดยังไง
-
เอิม นังองค์หญิงบ้านนอก คิดว่าตัวเองจะสู้ ฮองเฮาผู้แสนดีได้หรอห่ะ :m16: :m31: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
-
ฮองเฮา กบฎ เลยเหอะ ง่ายดี
แล้วให้ฮองเต้ไปอยู่ฝ่ายใน 555
รอตอนต่อไปน้า
-
กลัวจัง ไม่กล้าอ่านอ่ะ กลัวเศร้าค้าง รออ่านหลายๆตอนเลยดีกว่า เอาแบบมาอ่านอีกที ตัวร้ายหายหมดล่ะ
-
มาแล้วครึ่งหลัง
ใครลุ้นให้หนี่เจินท้องคงได้สมหวังแล้วแหละ
แต่ใครเกลียดลีอาร์และพระสนมพิงอันคงต้องเสียใจหน่อย
เพราะสองคนนี้ดีกรีจะแรงขึ้น นังเม้ย เอ้ย!! ไห่เหยียนจะยิ่งแรงขึ้นอีกขึ้น
ยังไงก็ไปเอาใจช่วงหนี่เจินและฮ่องเต้ให้ฟันฝ่าอุปสรรค์ด้วยดีแล้วกันเนอะ 555+
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ในตอนเช้าฮ่องเต้ตื่นบรรทมขึ้นมาก็มองไปยังคนข้าง ๆ ที่ยังหลับสนิทแต่แล้วก็ต้องตกพระทัยอย่างยิ่ง คนร่างบางที่นอนตัวสั่นใบหน้างามที่ตอนนี้มีแต่งเม็ดเหงื่อ
“ใครอยู่ข้างนอกมั้ง รีบตามหมอหลวงเร็ว”
พระสุรเสียงตรัสรับสั่งออกไปก่อนจะหันมองร่างบางที่หนาวสั่นแล้วก็คว้าขึ้นมาไว้อ้อมพระอุระเพื่อครายความหนาวเน็บให้
ไม่นานหมอหลวงก็มาถึงด้วยท่าทีตื่น ๆ ก่อนจะเข้ามายังเตียงที่หนี่เจินนอนอยู่ฮ่องเต้ทรงถอยออกมาแล้วมองหมอหลวงตรวจอาการ สีหน้าของหมอหลวงมีท่าทีตกใจแล้วรีบก้มทูลทันที
“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาทรงมีไข้สูงพ่ะย่ะค่ะ แล้ว....”สีหน้าหมอหลวงดูจะเปลี่ยนไป
“แล้วอะไรหมอหลวง หนี่เจินเป็นไรอีก”
“หม่อมฉันของกราบทูลว่า ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาทรงพระครรถ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าเหล่านางกำนัลและขันทีต่างแสดงความยินที่ฮองเฮาทรงพระครรถ์แล้ว ไม้เว้นแม้แต่ฮ่องเต้ที่ทรงเป็นว่าที่คุณพ่อคนใหม่ด้วย แต่แล้วก็อดถามไม่ได้เมื่อครั้งที่แล้วทำไมถึงตรวจไม่เจอทั้งที่ต่างกันแค่วันเดียว
“แล้วทำไมเจ้าพึ่งรู้ว่าหนี่เจินพึ่งจะตั้งครรถ์ ทั่งที่เมื่อวานยังไม่รู้เลย”
“เมื่อวานหม่อมฉันตกใจกับพระอาการเสียเลือดมากพ่ะย่ะค่ะเลยไม่ทันตรวจให้ดีเสียก่อน พอมาวันนี้ลองตัวพระอาการอีกทีก็ตรวจพบพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ”
ฮ่องเต้อดดีพระทัยไม่ได้พระองค์กำลังจะมีลูก แล้วเป็นลูกที่เกิดจากคนที่รักยิ่งอย่างหนี่เจินเสียด้วย เสด็จแม่ต้องรีบบอกเสด็จแม่ก่อน เสด็จแม่ต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่กำลังจะมีหลานตัวน้อยแล้ว
“ส่งคนไปตำหนักล่งซู่ กราบทูลฮองไทเฮาเรื่องนี้ซะ”
“เพค่ะฝ่าบาท”
ข่าวน่ายินดีนี้ดังไปทั่ววังหลวงสร้างความดีใจให้เปล่าบรรดาข้าราชบริพาน และเหล่าขุนนางยิ่งนัก เพราะนี่เป็นข่าวดีมากนับตั้งแต่ฮ่องเต้เสด็จขึ้นครองราชย์ก็ไม่เคยเลยว่าจะมีพระสนมพระองค์ไหนตั้งพระครรถ์
ข่าวนี้ดังมากและไม่พ้นที่เหล่าสนมจะได้ยิน พระสนมทั้งสองคือพระสนมหยินเฟยและพระสนมอี้หลันต่างก็พากันไปแสดงความยินดีที่ตำหนักเหม่ยชุน จะมีเพียงพระสนมพิงอันที่เอาแต่ทำลายข้าวของภายในตำหนักด้วยความแค้นเคือง
“นังหนี่เจิน ทำไมมีแต่แก่ที่ได้ดีไปซะทุกอย่างไม่ว่าจะความรักจากฝ่าบาท แล้วไหนลูกที่แก่กำลังจะกับพระองค์อีก ฉันจะกำจัดแก่ยังไงดี”
“พระสนมเพค่ะเย็นพระทัยไว้ก่อน หม่อมฉันจะหาทางจัดการเรื่องนี้ให้พระองค์เองเพค่ะ”
“ดี งั้นเจ้ารีบไปดำเนินตามแผนของเจ้าซะ”
ภาพของพระสนมพิงอันนั้นอยู่ในสายตาของคนที่แอบเฝ้ามองอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ก่อนจะเผยร้อยยิ้มออกมา
“ข้าจะใช้สนมพิงอันมาทำให้งานนี้ง่ายขึ้น ใช้แรงอาฆาตที่มีต่อฮองเฮานี่แหละ”
แล้วร่างขององค์หญิงลีอาร์ก็หายลับไปจากตรงนั้น เหลือไว้เพียงแต่ความว่างเปล่า
ตำหนักเหม่ยชุน
ฮองไทเฮาเมื่อทรงทราบก็รีบเสด็จไปยังตำหนักเหม่ยชุด พร้อมกับพระสนมหยินเฟยและพระสนมอี้หลัน
“แม่ดีใจยิ่งนักหนี่เจินในที่สุดเจ้าก็มีหลานให้แม่เสียที แม่น่ะรอหลานคนนี้มานานเหลือเกิน”
“เพค่ะ หม่อมฉันเองก็ดีใจมากเพค่ะ”
หนี่เจินเอ่ยออกก่อนจะยิ้มมือบางก็ลูบท้องที่ตอนนี้ยังแบนราบอยู่ ลูบอยู่ดี ๆ พระหัตถ์แข็งแกร่งก็จับมือของหนี่เจินที่กำลังลูบท้องตัวเองออกแล้วพรหัตถ์หนาก็ลูบท้องแทน
“ลูกพ่อรีบโตไว ๆ นะพ่ออยากเห็นหน้าเจ้าแล้ว พ่ออยากรู้ว่าเจ้าจะเป็นหญิงหรือชายกันแน่”
“ฝ่าบาทล่ะก็ ลูกเราพึ่งสองเดือนเองนะเพค่ะ”
“ดูสิเจ้าลูกคนนี้จะเห่อลูกไปถึงไหนกันเชี่ยว”
“โธ่เสด็จแม่ หม่อมฉันก็ต้องเห่อเป็นธรรมดาสิลูกคนแรกของหม่อมฉันเชี่ยวนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ยินดีด้วยเพค่ะฝ่าบาท ฮองเฮาทรงจะมีองค์หญิง องค์ชายแล้ว”เสียงพระสนมหลันเฟยเอ่ยขึ้น
“หม่อมฉันก็ยินดีด้วยเพค่ะ พวกหม่อมฉันไม่อาจมีพระโอรสหรือพระธิดาได้ พอได้ยินว่าทรงตั้งพระครรถ์ก็ดีใจอย่างยิ่งเพค่ะ หม่อมฉันร่างกายไม่แข็งแรงหมอหลวงเลยบอกมีลูกไม่ได้”
“หม่อมฉันด้วยเพค่ะ ร่างกายไม่แข็งแรงหมอหลวงกลัวว่าครองพระโอรสหรือพระธิดาเสร็จจะไม่รอดเพค่ะ”
หนี่เจินมองสองพระสนมที่เอ่ยเสียงเศร้า พวกนางไม่อาจมีพระโอรสให้ฮ่องเชยชมได้เมื่อเขาสามารถมีลูกให้กับฮ่องเต้พวกนางเลยยินดีด้วย
“ขอบคุณพวกท่านมาก”
หนี่เจินยิ้มบางให้พระสนมทั้งสอง พูดคุยกันว่าลูกในท้องของหนี่เจินจะเป็นชายหรือหญิงรวมทั้งยังเดาไปต่าง ๆ นานว่าถ้าเป็นหญิงอยากให้หน้าเหมือนนี่เจิน
แล้วฮองไทเฮาทรงเสด็จกลับตำหนักพร้อมกับพระสนมทั้งสองจะขอตัวกลับตำหนักไปเช่นกัน ฮ่องเต้เมื่อหมดตัวขัดขวางก็ทรงเริ่มเอาใจหนี่เจินอีกครั้ง
“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว เจ้ามาให้ข้ากอดให้ชื่นใจหน่อยสิ”
“ฝ่าบาทล่ะ หม่อมฉันตั้งครรถ์อยู่นะเพค่ะ”
“ก็ไม่ได้หมายถึง’กอด’แบบนั้น แค่กอดธรรมดาเอง” เมื่อได้ยินคำว่า’กอดแบบนั้น’จากฝ่าบาทหนี่เจินก็หน้าขึ้นสีแดงด้วยความอาย
“เพค่ะ”
หนี่เจินเมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ทรงเงียบไปก็เงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ของฮ่องเต้ ก็พบว่าทรงขมวดคิ้วไว้ไม่รู้ว่าทรงคิดอะไรอยู่ด้วยความสงสัยจึงได้เอ่ยถามไป
“ทรงคิดอะไรอยู่หรือเพค่ะ”
เมื่อทรงได้ยินหนี่เจินถามก็ก้มมองคนในอ้อมกอดก่อนจะจุมพิตที่เรียวปากบาง แล้วผละออกจ้องมองดวงตาคู่สวยแทน
“ข้าแค่คิดว่าช่วงนี้มีแต่เรื่องดี ๆ จนคิดว่าอีกหน่อยไม่รู้จะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”
“จะทรงกังวลกับอนาคตที่ยังไม่ถึงไปทำไมเพค่ะ แค่เวลานี้เรามีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่หรือ”
“ก็จริงของเจ้า ตอนนี้ข้ามีความสุข เจ้ามีความสุขใยข้าต้องคิดอะไรให้มากความด้วย”
ถึงจะตรัสตอบเช่นนั้นไปแต่ในพระทัยกลับไม่คิดเช่นนั้น สิ่งที่พระองค์กังวลมันกำลังจะเกิดขึ้น ส่งครามกับชาวซินเกียง แล้วยังสายตาคู่นั้นที่จ้องมองหนี่เจินอีกจะไม่พระองค์ห่วงได้เช่นไร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช่วงนี้NCไม่ค่อยมีเลยแหะ
หลายคนคงอยากอ่าน
แต่ช่วงนี้หนี่เจินป่วยอยู่ให้พักไปสักระยะเนอะอิอิ
ใกล้ดร่าม่าแล้วอ่ะ อ่านแล้วอย่าร้องกันนะT^T
แล้วไปติดตามตอนต่อไป
-
จะได้กินมาม่าละหรอ
เห้อๆๆๆ กินก็ได้ครับ แต่ไม่เอามาม่าอืดนะ
+1 ให้องหญิง องชาย ตัวน้อยๆ
-
เอาลูกชายแฝดไปเลย แต่ไม่อยากให้หนี่เจินต้องเจอดราม่าหนักๆ เลย จะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้เนี่ย น่าสงสารจริง
-
เง้อ มาม่าจะมาอีกแล้วช่วงนี้อ่านเรื่องไหนๆก็เจอเเต่มาม่าทั้งนั้นนนนนนนน :เฮ้อ:
-
จะดราม่าแนวไหนเนี่ย รอลุ้น
รอตอน 15 นะคะ ^^
-
มาม่าได้จะ แต่อย่าให้มันอืดมากนักนะ เค้าไม่ค่อยชอบ อิอิ
-
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
ท้องแล้วๆ
ไม่อยากเกิดเรื่องไม่ดีก็ตัดไฟแต่ต้นลมเลยจิ
-
ถึงจะอย่างไรก็แล้วแต่ห้ามแท้งเด็ดขาดนะครับ!!
-
เอ่อ แบบว่าขอให้หนี่เจินแรงๆได้เปล่า แบบว่าสู้คนอ่ะ อิอิ
-
ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆ
-
จะมาม่าแล้วหรอ
เอาเบาๆนะ
-
ไปเตรีมยมือไว้ตบนังลีอ่ร์ดีกว่า
-
เย้ๆ ท้องแล้ว :mc4:
อีนังองค์หญิงลีอาร์ คงแรงส์น่าดู
มาต่อเร็วๆ นะคะ
-
ไม่อยากกินมาม่าอ่า
=[]=!!
-
ไม่เอามาม่าไม่ได้หรออออ
หรือไม่ก้อออออออ
เอาไม่กี่ตอนพอ ไม่เอาไม่ชอบมาม่าาาา
ฮ่องเต้ ต้องปกป้องฮองเฮาให้ได้นะ
-
แอบเห็นด้วยว่าอยากให้หนี่เจินสู้คนหน่อยอะ
เอาแบบตลบหลังยัยองค์หญิงนั่นให้หงายไปเลย :angry2:
ช่วงนี้พี่ชายหนี่เจินดูหายไปเลยอะ
ออกมาช่วยน้องรักหน่อย^^
รอตอนต่อไปค่ะ
-
ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
มาม่าได้ แต่อย่าอืดนานนะ~
-
:sad4:ไม่ชอบมาม่า ไม่ชอบมาม่า ไม่ชอบมาม่า
:call:
:call:
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
ฝาแฝด เลย ค่ะ
-
เย้ๆ ฮองเฮาท้องแล้ว!!แต่มาม่ากำลังจะตามมา เฮ้อ อย่ามาม่ามากนะ ขอแบบเบาๆนะ
-
มาเป้ฯกำลังใจให้นะค่ะ ไปมันสองบอร์ดเลย ติดตามใกล้ชิด 5555
งานนี้ไม่ผิดหวัง นายเอกท้องแล้ว โอ้วเย้!!! ต้องแบบนี้
แต่,,,,ของสองได้มั้ย เอาเป้นลูกแฝดไหง ท้องทั้งทีมีให้คุ้ม กร๊ากๆๆ
ปล.จะดราม่าแล้วเหรอค่ะ เตรียมน้ำตาด้วย เเล้วเขาจะใจแข็งไม่ร้องไห้ได้แค่ไหนอะ
นายเอกที่ร้ากกกยิ่งอ่อนแออยู่ด้วย ไหนจะท้องอีก เงอ~
-
อ่านรวดเร็วตามทันเลย
หนี่เจินน่ารักมากเลยอ่ะ :-[
ฉาก NC ก็เรียกเลือดดีเหลือเกิน เอาซะเลือดจะหมดตัว :jul1:
ไม่อยากให้ดราม่ามากเลยอ่ะ :sad4:
รอตอนต่อไปนะ :call:
-
Rak kan dii dii ner~~~!!!
-
สามคำสำหรับอีสองพี่น้องตระกูลลี ไอ้ ชั่ว เอ้ย :m31:
สามคำสำหรับตอนมาม่าในอนาคต อิ่ม มาก แล้ว ( ไม่อยากได้มาม่า :m15:)
-
แวะมาแปะให้คนอ่านหัวใจวายเล่น
ไว้มาต่อแต่ไม่แน่ใจว่ากี่โมงนะ
ตอนนรี้อาจจะแบ่งย่อยไปหน่อย
เพระ.....อะไรไม่บอกอิอิ
ไปตามอ่านเองแล้วกัน = =
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
15
วันนี้หนี่เจินตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนข้างตัวไม่อยู่แล้ว อาการปวดหัวและอ่อนแรงหายไปแล้วอย่างน้อยวันนี้หนี่เจินต้องไปพูดคุยกับเหล่าคณะทูตในฐานะฮองเฮาด้วย
“ทรงฉลองพระองค์เลยนะเพค่ะ”หลงเปาเอ่ยขึ้นหันไปถามผู้เป็นนายหนี่เจินพยักหน้าให้ ก่อนจะให้สองสาวใช้ช่วยแต่งตัวให้
หนี่เจินไปยังห้องรับรองที่ถูกจัดเตรียมอาหารและการแสดงให้เหล่าคณะทูตได้ชื่นชม เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าฮ่องเต้ทรงประทับอยู่ก่อนแล้ว
“เจ้ายังไม่หายป่วยออกมาเดินทำไมกัน”
“หม่อมฉันสบายดีแล้วเพค่ะไม่ต้องทรงห่วง”
“ไหนมาให้ตรวจสิว่าเจ้าหายจริงหรือเปล่า”
หนี่เจินก้าวเท้าหนีฮ่องเต้แต่ก็ไม่พ้นพระกรยาวมาคว้าตัวไว้ได้ก่อน โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาสองคู่จับจ้อง
“ไหนดูสิตัวไม่ร้อน แสดงว่าหายจากอาการไข้แล้ว”ฮ่องเต้ทรงเอาพระหัตถ์สัมผัสหน้าผากคนตัวเล็กในอ้อมก่อนก่อนจะพยักหน้าว่าหายไข้แล้ว
“หม่อมฉันก็บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไรแล้วเพค่ะ”
“ก็ดีแล้วเจ้าป่วยที่ไรเหมือนใจข้าจะขาดด้วย ยิ่งเจ้าเจ็บเพียงใดข้ายิ่งเจ็บมากกว่าเจ้านัก”
“ทรงปากหวานเสียจริงไม่รู้ว่าเคยพูดแบบนี้กับใครอีกหรือเปล่า”
“โธ่ข้าพูดกับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นรู้มั้ย เจ้าเป็นคนแรกเลยล่ะ”
“ทรงปล่อยได้แล้วเพค่ะ เหล่าขันทีและนางนัลมองกันใหญ่แล้ว”
จริงดั่งคำที่หนี่เจินว่านัก ตอนนี้เหล่าขันทีและนางกำนัลมองเจ้านายทั้งสองด้วยสีหน้ามีความสุขที่เห็นทั้งสองพระองค์หวานกันเสียนี่กะไร
“ปล่อยก็ได้ แต่วันนี้ข้าจะนอน’กอด’เจ้าทั้งคืนเลยคอยดูสิ”
“แต่ว่าตอนนี้หม่อมฉันตั้งครรถ์อยู่นะเพค่ะคงให้พระองค์กอดเช่นนั้นไม่ได้”
“จริงด้วย!! เสียดายจังงั้นรอเจ้าคลอดเสียก่อนเถอะข้าจะทำให้สมกับที่ต้องรอนานเชี่ยว”ฮ่องเต้ทรงกระซิบข้างหูร่างบางเช่นนั้นก็ส่งให้คนฟังอายหน้าแดงขึ้นมาก
“ทูลฝ่าบาทองค์ชายลีซานและองค์หญิงลีอาร์เสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญพวกเขาเข้ามาได้”
ลีซานและลีอาร์เดินเข้ามายังห้องรับรองที่ถูกจัดแต่งสวยงามและเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้เมื่อเห็นว่าแขกทั้งสองมาถึงก็เชิญให้นั่งลง
“เชิญท่านสองท่านนั่งลงก่อน”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพค่ะ ฝ่าบาท”
“วันนี้ที่ข้าเชิญพวกท่านคุยเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองพวกท่านคงไม่รังเกียจที่จะพูดคุยกันฉันมิตร”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์ให้ความกับพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงมองคนตอบด้วยสายตายากจะเดา ‘คน ๆ นี้ดูจากภายนอกดูสง่า สุภาพ และฉลาด แต่ภายในคิดเช่นไรก็ยากจะคาดเดานัก’
“ได้ยินมาว่าฮองเฮาของฝ่าบาท ทรงตั้งพระครรถ์” ประโยคแรกถามฮ่องเต้แต่ประโยคหลังหันไปมองร่างบางที่ประทับเคียงข้า สายตาหวานถูกส่งให้คนร่างบางแต่เจ้าตัวกลับไม่รับรู้เสียนี่
“ใช่ อย่างที่ท่านได้ยินมาไม่ผิดนักฮองเฮาของข้ากำลังตั้งครรถ์สองเดือน ตอนนี้ข้าก็เลยเห่อลูกคนนี้อยู่มากเสียด้วยลูกคนแรกกับคนที่ข้ารักยิ่ง”
ทรงตรัสเสร็จก็ใช้พระกรโอบไหล่มลและมองตรงไปยังคนถาม ซึ่งสายตานั้นบ่งบอกว่าคนตรงหน้าคิดเช่นไรอยู่ ‘สายตานี้ไม่ผิดแน่องค์ชายลีซานชอบหนี่เจินของเขา’
++++++++++++++++++++++++
แล้วจะมาต่อให้นะ
-
o13 :t3: o13 :t3: o13 :t3: o13 :t3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
-
ไอ้สองคนนี้ ต้องมาทำให้มาม่าแน่
รอนะคะ ^^
-
ต่อๆๆๆ
-
อ๊ายยยยย ค้างมาต่อเหอะ
-
นายเอกเราจะมีบอดี้การ์ดเหมือนฮ่องเต้ไหมค่ะ
แบบมาดูแลใกล้ชิดเลย กลัวจะเป็รอะไรไปก่อนคลอดอะ
ตัวร้ายเยอะเกิ๊นนนนยเอกที่ใสซื่อ น่ารักจะรับได้ยังไงกัน
-
องครักษ์คุ้มกันด่วนๆๆ
-
ขอแบบหนี่เจินสู้คนแบบทงอีได้ปะ :serius2: จะได้ไม่มาม่ามากนัก :angry2:
-
เย้หนี่เจินท้องแล้ว :oni2:
แล้วหนี้เจินจะคลอดแบบไหนละทีนี้
แต่ก่ชั่งมันแต่ตอนนี้
รีบเอาสองพี่น้องออกจากวังไปเลยไปไกลๆๆ :angry2:
วุ้ยมาทำให้ความรักของสองคนนี้สั่นคลอน
-
ต่อไวๆๆน้า รออยู่
-
หนี่เจินถูกปองร้ายรอบด้านเลย
แล้วฮ่องเต้จะคอยระวังไหวมั้ยเนี่ย..เอาใจช่วย
...รอตอนต่อไป แต่ไม่ค่อยชอบกินมาม่านะ คนเขียน
-
ว่าจะลงรูปให้ดูกัน แต่คนแต่งลงรูปไม่เป็นใครลงเป็นบอกหน่อยจ้า
-
ย๊ากกกกก ผมไม่โปรดมาม่า
-
มาแล้วพาส 2
ปั่นมาให้อ่านสด ๆ ร้อน ๆ เลยล่ะ
เรื่องกำลังจะถึงช่วงเวลาแห่งความเศร้าแล้ว
ใครยังไม่เตรียมต้มน้ำ รีบไปเตรียมได้แล้วนะ
เพราะพาส 3 นี่และของจริง!!!!
ไปอ่านพาส 2 กันเลยดีกว่าเนอะ
++++++++++++++++++++++++++++++
“ทรงตรัสเช่นนี้หม่อมฉันอดอิจฉาฮองเฮาของพระองค์ไม่ได้แล้วสิเพค่ะ”
องค์หญิงลีอาร์ส่งสายตาหวานพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้ฮ่องเต้ซึ่งก็ทำให้คนที่รับสายตาหวานพร้อมยิ้มก็อดที่เคลิ้มไม่ได้แต่เขาพอจะรู้ว่าทำไม ฮ่องเต้ก้มมองคนในอ้อมกอดก่อนจะกระชับวงแขนจนคนร่างบางรู้สึกได้
“ตั้งแต่หม่อมฉันมายังไม่ได้ยินฮองเฮารับสั่งเลยเพค่ะ ไม่ทราบว่า...”
“เอ่อ...พอดีข้าไม่รู้จะว่าเช่นไรดี ก็เลยฟังเอาดีกว่าพอดีข้าพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไรนัก”
เสียงหวานที่เปล่งออกมาจากคนร่างบางที่อยู่ตรงข้าม ทำให้ลีซานยิ้มอย่างพอใจขึ้น ไม่ใช่แค่หน้าตารูปร่างที่งดงาม หากแต่เสียงก็ยังไพเราะนักยิ่งคิดยิ่งอยากได้มาครอบครองเขาต้องพาฮองเฮาองค์นี้ไปด้วยให้ได้ ‘คืนนี้ข้าจะได้ตัวท่านไป รอข้าก่อนเถอะแม่นางคนสวย’
“หนี่เจินเป็นคนขี้อายเลยไม่ค่อยชอบพูดกับใคร”
“อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคิดว่าทรงไม่อยากพูดเสียอีก”
“เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่ข้าไม่ค่อยชินกับการพูดคุยใครนัก”
แล้วการพูดคุยก็ดำเนินต่อไปโดยหนี่เจินยังคงเป็นผู้ฟังเช่นเคย เพราะด้วยความที่เคยพูดคุยกับใครนอกจากฮ่องเต้ และคนในครอบครัวแล้วก็เลยทำให้คนร่างบางไม่กล้าคุย
เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นการถามเรื่องทั่วไปเช่น กษัตริย์ของมองโกเลียเป็นยังไง แล้วก็เรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่หนี่เจินเองฟังแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก
ไม่นานองค์หญิงลีอาร์และองค์ชายลีซานก็ขอตัวกลับที่พัก เมื่อพ้นสายตาของฮ่องเต้และคนตัวเล็กในอ้อมกอดแล้ว สองพี่น้องก็เริ่มสนทนาถึงแผนการที่จะลงมือในวันนี้
“วันนี้เจ้าไปหลอกล่อให้ฮ่องเต้หลงใหลซะ วันนี้พี่จะลักพาตัวหนี่เจินแล้วพากลับไปมองโกเลีย”
“เพค่ะน้องจะทำตามแผนที่วางไว้อย่างดี ท่านพี่ไม่ต้องห่วงงานนี้น้องไม่พลาดแน่”
แล้วสองพี่น้องก็เดินกลับยังตำหนักก่อนจะเริ่มเตรียมแผนการที่คิดมาแล้วหลายวัน ด้านฮ่องเต้และหนี่เจินก็กลับมายังตำหนักเหม่ยชุน
“เจ้าว่าสองคนนั้นเป็นอย่างไรหนี่เจิน”
รับสั่งของฮ่องเต้ทำให้คนฟังเอียงคอมองอย่างสงสัย ‘ทำไมฝ่าบาททรงถามข้าเช่นนั้นล่ะ’ แต่แล้วยังไม่ทันที่หนี่เจินได้ตอบคำถาม เพราะฮ่องเต้รวบตัวคนร่างบางเอาไว้ในอ้อมกอดแทน
“ทำไมขยันทำตัวน่ารักนะ แล้วจะไม่ให้ข้าหลงเจ้าได้ยังไงกัน”
“หม่อมฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเพค่ะ”
“ก็เจ้าทำหน้าตาน่ารักจนข้าอยาก ‘กอด’ เจ้าซะแล้วสิถ้าไม่ติดว่าเจ้าท้องอยู่นะ”
“ฝ่าบาทล่ะก็..”หนี่เจินตอบด้วยความเขิลอายอีกหลายเท่า
“เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยว่ารู้สึกอย่างไรกับสองคนนั้น”
“ก็ไม่เห็นว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ดีตรงไหนนี่เพค่ะ ออกจะคุยเก่งแล้วก็ฉลาดทีเดียว”
“ใช่ ฉลาด สุภาพ อ่อนน้อม และหน้าตาดี”
“หืม?”ร่างบางเอียงคอสงสัยอีกรอบ แต่ก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
ด้านสนมพิงอันที่ตอนนี้ในใจไม่อาจสงบได้เดินวนรอบตำหนักครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่อาจนับได้ ไห่เหยียนที่มองดูผู้เป็นนายเป็นเช่นนี้แล้วก็อดห่วงไม่ได้แต่นางเองก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
เพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว จึงทำให้รอบตำหนักของหนี่เจินมีราชองค์รักษ์รักษาการแน่นนานขึ้น ยากต่อการจะบุกเข้าไปทำอะไรต่อมิอะไรได้
“ทูลพระสนมเพค่ะ องค์หญิงลีอาร์และองค์ชายลีซานของเข้าเฝ้าเพค่ะ”
“องค์ชายลีซานกับองค์หญิงลีอาร์มาหรือ”พิงอันถามขึ้นอยากแปลกใจ ไม่เข้าใจทำไมองค์ชายและองค์หญิงจากมองโกเลียถึงได้มาหานางกัน แล้วพยักหน้าให้นางกำนัลที่มารายงาน
“เชิญพวกทั้งสองพระองค์เข้ามา”
“เพค่ะ”
ไม่นานทั้งองค์ชายและองค์หญิงจากมองโกเลียก็เดินเข้ามาภายในห้องที่พิงอันรออยู่แล้ว เมื่อเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ ก่อนที่พิงอันมองหน้าผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างสงสัยก่อนจะเชื้อเชิญให้นั่งลง
“เชิญทั้งสองพระองค์นั่งก่อนเพค่ะ”
“ไม่ทราบที่ทั้งสองพระองค์เดินทางมาหาหม่อมฉันเช่นนี้มีเรื่องอะไรให้หม่อมฉันช่วยหรือเพค่ะ”
ฉลาด นี่คือคำที่ทั้งสองคิดไม่ต่างจากคนที่เป็นคนถามที่พอจะรู้ว่าสองคนนี้มาเพื่อสิ่งใด แต่เรื่องอะไรนั้นต้องให้ทั้งสองเป็นคนบอกเอง
“งั้นข้าจะเข้าเรื่องแล้วกันนะ”ลีอาร์เอ่ยขึ้นสร้างความแปลกใจให้พิงอันไม่น้อยแต่ก็ไม่ขัดอะไร
“ที่ข้ามาพบท่านเพราะมีเรื่องอยากให้ท่านช่วย”
“แล้วทำไมถึงคิดว่าข้าจะช่วยท่านได้”
“ได้สิมีเพียงท่านเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้”
“แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ทำล่ะ”
“ท่านก็ต้องทนเห็นฮ่องเต้อยู่กับฮองเฮาอย่างมีความสุข อีกหน่อยถ้าฮองเฮาให้ประสูติองค์ชายท่านจะยิ่งถูกมองข้าม แต่ถ้า....”
“แต่ถ้าอะไรท่านรีบบอกมาดีกว่า”
“แต่ถ้าท่านช่วยข้าและพี่ชายข้าท่านจะได้ฮ่องเต้ไปครอบครองเพราะข้าจะทำให้นางหายไปจากฮ่องเต้ยังไงล่ะ”
สิ่งที่พิงอันได้ฟังนั้นทำให้นางอึ้งไปไม่น้อย ถ้านางยอมรับข้อเสนอของอีกฝ่ายนางจะได้ครอบครองฮ่องเต้เช่นเดิม แต่ถ้าพวกเขาทำไม่สำเร็จล่ะนางจะต้องอาญาแน่
“ข้าไม่บังคับใจท่านหรอกนะ แค่มาเสนอเท่านั้น”
“แล้วข้าต้องทำสิ่งใด”
“ก็แค่ไปพาฮ่องเฮาไปข้างนอกวังให้พวกข้าก็พอ”
“นอกวังพวกท่านคิดว่าจะให้ข้าล่อนางออกจากนอกวังรึ”
“ใช่เพราะถ้าล่อนางออกจากวังหลวงได้ คนคุ้มกันนางก็จะลดลงไม่สิท่านต้องบอกให้นางไปคนเดียวให้ได้”
“แต่ข้ากับนางไม่สนิทสนมกันขนาด...”
“แต่นางก็ไม่รังเกียจท่านไม่ใช่หรือ”
ก็จริงหนี่เจินนั้นไม่เคยเห็นพวกเราเหล่าพระสนมเป็นศัตรูแม้แต่นิดเดียว ซ้ำยังเห็นว่าเป็นเหมือนพี่น้องเสียด้วยซ้ำไป คิดแล้วยิ้มบางอย่างพอใจกับตนเอง
“แล้วเวลาล่ะ จะลงมือเมื่อไร”
“เมื่อฟ้าเริ่มมืด”
++++++++++++++++++++
พาสต่อไปจะเป็นอย่างไร
ต้องรอติดตามเอานะ
คืนนี้จะมาลงให้จบตอนจร้าาาาาา
-
^
^
^
จิ้มๆๆๆ
รอตอนต่อน้า
จะเป็นไงต่อไปเนี่ยยย T_T
-
เตรียมหม้อต้มมาม่าก่อนนะครับ
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
-
หนี่เจินน่าสงสารอ่ะ กำลังจะถูกลักพาตัวไปแล้ว ฮ่องเต้มาช่วยด่วนนนนน
-
อีสองตัวนี้ ร้ายกาจมากกกก
รอพาทต่อนะคะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
จะเป็นยังไงเนี่ย
ฮองเต้ เหมือนจะไม่โง่นะ ขอให้ฉลาดต่อไป
ส่วนหนี่เจิน อยากให้สู้คนและฉลาดกว่านี้ เพราะฮองเฮาต้องฉลาดๆ
-
หนี่เจินนนนนนนT^T
เพิ่งมีข่าวดีได้ไม่นานเอง จะมาม่าแล้วอ่าา
รอพาทต่อไปค่ะ
-
สงสารหนี่เจินอะ :เฮ้อ:
ไม่รู้จะเกิดเรื่องร้ายอะไรอีเนี้ย
ในความคิดหนี่เจินน่าจะฉลาดรอบรู้เอาตัวรอดได้น้า
และน่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังฮ่องเต้คอยช่วยราชกิจมากกว่า
ปล.คืนนี้มาต่ออีกนะจะรอ
-
เ-ล-ว
-
ที่ว่า 3 พาสคงไม่ 3 และ
เพราะยิ่งแต่งยิ่งเพลิน ไม่แน่อาจมีพาส 4 5ตามมา
เอาเป็นว่าไปอ่านพาส 3 ก่อนแล้วกันเนอะเดี๋ยวคนอ่านลงแดงก่อน
++++++++++++++++++++++++++++++
พิงอันเมื่อรับข้อเสนอของลีอาร์และลีซานแล้วก็หันมาบอกกับไห่เหยียนให้เตรียม เพราะนางกำลังจะไปหาหนี่เจินเพื่อนเริ่มแผนการที่ได้ตกลงไว้กับลีอาร์
“เจ้าไปเตรียมตัวซะ ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮา”
“เพค่ะพระสนม”
หนี่เจินนั่งเล่นอยู่ภายในสวนของตำหนักเหม่ยชุน ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงไปจัดการราชกิจที่ครั่งค้างมานาน หนี่เจินนั่งลูบท้องอย่างเบา ‘อีกไม่นานแม่จะได้เห็นเจ้าแล้วสินะลูกข้า อยากรู้จริงเจ้าจะเป็นชายหรือหญิง’
“ทูลฮองเฮาเพค่ะ”
“ว่าไงเสี่ยวเย่มีอะไรหรือ”
“เอ่อ...พระสนมพิงอันขอเข้าเฝ้าเพค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญพระสนมเข้ามาสิแล้วก็ไปจัดของว่างให้ข้าที”
“เพค่ะฮ่องเฮา
เมื่อได้ยินคำสั่งเสี่ยวเย่ก็ทำตามนางไปบอกให้พิงอันเข้าไปหาหนี่เจิน และไปเตรียมของว่างมาให้ พิงอันเมื่อเดินเข้ามาก็เห็นหนี่เจินกำลังส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ปั้นหน้ายิ้มกลับ
“เชิญพระสนมพิงอันนั่งก่อน”
“ขอบพระทัยเพค่ะฮองเฮา”
“ได้ข่าวว่าท่านไม่สบายหายดีแล้วหรือ”
“เพค่ะ หม่อมฉันค่อยยังชั่วแล้วแล้วต้องขออภัยที่เมื่อคราวที่แล้วไม่ได้มาแสดงความยินที่ทรงตั้งพระครรถ์แล้ว”ใช่เมื่อครั้งที่แล้วนางอ้างว่าปวดเพราะไม่อยากมาร่วมแสดงความยินดีด้วย
“ไม่เป็นหรอกพระสนม สุขภาพของท่านสำคัญกว่านักคำอวยพรเมื่อไรก็ฟังได้ แต่การรักษาสุขภาพต้องรีบทำ”
“ที่มาคราวนี้นอกจากจะมาแสดงความยินกับพระองค์แล้วหม่อมฉันมีเรื่องจะให้ฮองเฮาช่วยด้วยเพค่ะ”
“เมื่อเรื่องอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรือ บอกมาเถอะถ้าข้าช่วยได้จะช่วยสุดความสามารถของข้า”
พิงอันยิ้มบางขึ้นเมื่อเห็นอีกตกลงตามแผนที่ว่างไว้ แล้วก็รีบตีหน้าสงสารขึ้นมาทันควันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสะอื้นปนเศร้า
“หม่อมฉัน...ฮึก...อยากไปเยี่ยมท่านพ่อ...แต่...ฮึก....ไม่มีคนไปด้วย...” พิงอันทำท่าบีบน้ำตาออกเพื่อให้หนี่เจินสงสาร และมันได้ผลหนี่เจินรีบถามต่อ
“งั้นทำไมถึงไม่ให้พระสนมอี้หลันกับพระสนมยินเฟยไปด้วยล่ะ”
“ไม่ได้หรอกเพค่ะ พระสนมอย่างพวกเราเมื่อเข้าวังแล้วจะไม่สามารถออกไปไหนได้ เว้นแต่...”
“เว้นแต่อะไรหรือ”
“เว้นแต่ฮองเฮาจะทรงอนุญาตเพค่ะ”
“อ่อ...เอาสิเราอนุญาตให้ท่านกลับบ้านไปเยี่ยมท่านพ่อได้”
“ขอบพระทัยเพค่ะ แต่ว่า...”
“แต่อะไรอีก เราก็อนุญาตไปแล้วนี่ยังมีปัญหาอะไรอีกหรือ”
“ยังไงหม่อมฉันก็ไม่อยากไปคนเดียวเพค่ะ ท่านทรงไม่รังเกียจฮองเฮาทรงไปกับหม่อมฉันได้มั้ยเพค่ะ”
“เอ่อ...แต่ว่า...”ถึงจะพูดงั้นเถอะนะ แต่เราไม่เคยออกไปไหนมาซะด้วยสิ ‘จริงด้วยเสี่ยวเย่กับหลงเปาก็อยู่นี่ ให้สองคนนี้ไปด้วยน่าจะดีกว่า’
“งั้นก็ได้แต่ขอเอาเสี่ยวเย้กับหลงเปานางกำนัลคนสนิทไปด้วยได้หรือเปล่าล่ะ”
“เอ่อ...”ทำไงดีแม่องค์หญิงนั้นก็บอกให้เราพาไปแค่นังนี่ แต่หลงเปากับเสี่ยวเย่เหรือยังไงพวกนางก็เป็นผู้หญิงคงไม่มีพิษภัยมากนัก
“ได้เพค่ะ จะให้ใครสองคนนั้นไปด้วยก็ได้หม่อมฉันไม่ขัดพระประสงค์หรอกเพค่ะ”
“แล้วเจ้าจะไปตอนไหนล่ะ”
“ตอนเย็นเพค่ะรีบไปรีบกลับแค่แปปเดี๋ยวเพค่ะ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจ้วนของพ่อหม่อมฉันแล้ว”
“งั้นก็ได้ตอนเย็นนี่ก็ใกล้เย็นแล้ว จะไปกันเลยหรือเปล่าล่ะ”
“เพค่ะ”
หนี่เจินเดินเข้ามาภายในห้องบรรทมของตนเองก่อนจะเรียกหาสาวใช้คนสนิททั้งสองทันที
“เสี่ยวเย่ หลงเปา”
“เพค่ะฮองเฮา”
“ไปเตรียมตัวข้าจะออกนอกวัง”
“ออกนอกวังหรือเพค่ะ!!”เสี่ยวเย่ร้องขึ้นอย่างตกใจ
“ใช่”
“แต่ว่าจะดีหรือเพค่ะ จะไม่ทรงทูลฝ่าบาทก่อนหรือเพค่ะ”
“ข้าไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปบอกพระองค์ ข้าแค่ออกไปข้านอกเพียงครู่เดียวเท่านั้นแล้วก็ไม่ได้ไปไหนไกลด้วย ไปแค่บ้านของพระสนมพิงอันเท่านั้น”
“ทำไมต้องไปบ้านของพระสนมพิงอันด้วยล่ะเพค่ะ”
“พ่อของพระสนมป่วยหนักและพระสนมต้องการออกไปเยี่ยมพ่อ”
“ถ้างั้นก็ให้พระสนมไปเองสิเพค่ะ ทำไมฮ่องเฮาต้องทรงไปด้วย”
“พระสนมพิงอันไม่มีเพื่อนไปด้วยเกรงว่าจะมีข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ก็เลยอยากให้ข้าไปด้วยเท่านั้น”
“ก็ยังมีพระสนมอี้หลันและพระสนมยินเฟยอีกนี่เพค่ะ”
“จะให้เราปฏิเสธพระสนมที่อุตสามาขอร้องได้อย่างไรกันหลงเปา เสี่ยวเย่”
“แต่....”
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น รีบไปทำตามที่ข้าบอกเถอะ”
“เพค่ะฮองเฮา”
สองสาวใช้รีบเร่งทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ด้านพระสนมพิงอันเมื่อแผนการที่จะล่อหนี่เจินออกจากหวังสำเร็จก็รีบให้คนไปบอกกับลีอาร์และลีซาน เพื่อให้ทั้งสองดำเนินการแผนต่อไป
“เป็นไปตามที่เราคาดไว้ไม่ผิดท่านพี่ ว่าแล้วฮองเฮาองค์นี้ช่างมีจิตใจงดงามหนักเหมาะจะมาเป็นพระชายาของท่านพี่ที่สุด”
“แล้วเจ้าจะไปจริงหรือน้องพี่”
“เพค่ะท่านพี่ หม่อมฉันจำต้องไปเป็นตัวล่อให้ฮ่องเต้สนพระทัยไว้ก่อนเพื่อทางนี้จะไม่รู้ว่าฮองเฮาหายตัวไป”
องค์หญิงลีอาร์เดินมาถึงยังตำหนักใหญ่และของเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที นางพยายามแต่งตัวให้สวยจนเหล่านางกำนัลและขันทีพากันมองตาม
“ทูลฝ่าบาทองค์หญิงลีอาร์ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”เสียงมหาขันทีเสี่ยวตั้งจือเอ่ยขึ้น
“เจ้าว่าอะไรนะ องค์หญิงลีอาร์มางั้นเหรอ ในเวลาเช่นนี้น่ะหรือเสี่ยวตั้งจือ”
“พ่ะย่ะค่ะ จะให้หม่อมฉันไปทูลองค์หญิงว่าอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญองค์หญิงไปห้องรับรองก่อน แล้วข้าจะตามไปทีหลัง”
ฮ่องเต้เมื่อทรงงานราชกิจที่ค้างอยู่เสร็จก็เสด็จยังห้องรับรองของตำหนักใหญ่ที่ตอนนี้องค์หญงลีอาร์รออยู่ก่อนแล้ว
“ถวายพระพรฝ่าบาท”
“เชิญตามสบายองค์หญิงลีอาร์”
“ขอบพระทัยเพค่ะ”
“ไม่ทราบว่าองค์หญิงทรงมีเรื่องเร่งด่วนอะไรถึงได้รีบมาหาข้าในเวลานี้”
“หม่อมฉันมีเรื่องจากจะกราบทูลเพค่ะ”
ด้านหนี่เจินเมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ไปยังที่นัดหมายกันไว้ และเห็นว่าพระสนมพิงอันได้มาถึงแล้วเช่นกัน
“เสี่ยวเย่เดี๋ยวพอเจ้าออกจากวังแล้วไปที่บ้านข้าแล้วบอกท่านพี่ แล้วอย่างลืมเรื่องสำคัญที่ข้าบอกกับเจ้าด้วย”
“เพค่ะหม่อมฉันไม่ลืมเพค่ะ”
“ถวายพระพรเพค่ะฮองเฮา”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกพระสนม ตอนนี้พวกเราจะลอบออกไปพวกทหารจะได้ไม่สังเกต”
“ถ้างั้นก็เชิญเสด็จเถอะเพค่ะ”
หนี่เจินขึ้นเกี้ยวที่มีที่กำบังสี่ด้านและให้พระสนมขึ้นเกี้ยวอักนเดียวกันด้วย โดยให้หลงเปาและเสี่ยวเย่เดินตามข้างเกี้ยวไป พอมายังถึงหน้าประตูเข้าวังทหารเฝ้ายามก็เอ่ยถามขึ้น
“ไม่ทราบว่านี่ขบวนเกี้ยวของใคร”
“เสียมารยาทนี่เป็นขนวบเกี้ยวของฮองเฮานะ”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า กระหม่อมเพียงทำตามหน้าทีของให้ฮองเฮาทรงไว้ชีวิตด้วย”
“ช่างเถอะ เราเองก็ไม่ได้บอกก่อนว่าวันนี้จะออกจากวังกลับบ้านเสียหน่อย”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
แล้วขบวนเกี้ยวก็เดินทางออกจากวังหลวง พอออกมาได้เสี่ยวเย่ก็แยกไปอีกทางซึ่งนั้นก็คือไปยังจ้วนอ๋องเฉินนั้นเอง
เงาร่างคนสองคนมองเกี้ยวที่พึ่งออกจากวังหลวงไปแล้วหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่ตอนนี้มีอีกตำแหน่งพ่วงท้ายอีกตำแหน่งว่า’คนรัก’อีกด้วย
“อาจิ้ง เขียนจดหมายรายงานฝ่าบาทด่วนเลย”
แล้วจิ้งเต๋อก็ทำตามที่คนรักสั่งเขาเอากระดาษแผ่นเล็กออกมาก่อนจะหยิบผู้กันขนาดพกพาที่เสียบเข้ากับที่เก็บหมึก แล้วเขียนรายงานทันทีเมื่อเขียนเสร็จก็ส่งให้คนรักทันที
“เจ้าน่ะมานี่หน่อยสิ”ตงเฟยออกคำนั่งกับทหารนายหนึ่งขึ้นที่เดินผ่านมาพอดี
“มีอะไรหรือขอรับท่านราชองค์รักษ์หยวน”
“เอาจดหมายฉบับนี้ไปท่านเสี่ยวตั้งจือที บอกว่าเป็นจดหมายด่วนจากข้า”
“ขอรับข้าจะรีบไปทันที”
ว่าแล้วทหารนายนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปยังด้านในวังหลวงทันที ก่อนจะดึงให้คนรักเดินตามออกจากวังหลวงไป
++++++++++++++++++++
ต่อพาส 4 นะอิอิ
-
รอ ๆ ๆ ๆ พาร์ทต่อนะคะ ^^
-
น้ำเดือดแล้วรออย่างเดียว
ต้มมาม่า
-
2 หนุ่มองครักษ์ตามไปช่วยแล้ว
-
อยากเอาน้ำมาม่าสาดหน้าอีลีอาร์กับอีสนม :beat:
สามคำ>>> ร้อน ไหม แก :fire:
-
ผิงอัน ขอให้กลับตัวกลบใจในที่สุดนะ
-
--* อย่าเป็นไีรนะ ฮองเฮา
-
หนี่เจินนนนน เป็นคนดีอะไรอย่างเน้ :sad4:
เธอดีเกินปายยยย
-
ไม่ได้อ่านมา 3 วัน
กลับมาอ่านอีกที ซดมาม่าซะท้องอืด :a5:
หนี่เจิน หนูต้องสู้คนนะลูก
อิสนมนี่อะไรนักหนา ฮ่องเต้ไม่ชอบตัวเเล้ว ยังจะพยายามอีกนะ
2 พี่น้องนั่นก็น่าโดน :z6: มากมาย อยากจะจับมา :beat: :beat:
เค้ารักกันยังจะไปพรากเค้าอี๊กกก :z3:
ป.ล. พาร์ทต่อไปจะเศร้าเเค่ไหนหนอ เเค่นี้มาม่าก็ส่งกลิ่นโชยมาล่ะ :เฮ้อ:
-
ค้างอย่างรุนแรง :sad4:
ขอให้ฝ่าบาทไปช่วยหนี่เจินทันด้วยเถอะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ :call: :call:
-
ค้างอย่างแรง!! รอตอนต่อไปอยุ่นะ
-
โอ้
กลิ่นมาม่าเริ่มมา
ใกล้ใส่ไข่เพื่อความเข้มขนแล้วT^T
:z3: :z3:
-
โอ๊ะๆๆๆ กำลังลุ้นเลยค่ะ
-
นายเอกของเราจะโง่เกินไปปะเนี่ย
หวังว่าพระเอกคงไม่โง่อีกคนนะ
:call:
-
หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงนะ
เมื่อองค์รักษ์ทั้งสองแอบตามไปแล้ว
ขอให้ฮ่องเต้มาช่วยทันนะ
-
เค้าพึ่งมาอ่าน ก็เลยอ่านรวดเดียวเลย กำลังลุ้นเลยอะ
พี่ชายก็กลับตัวกลับใจแล้ว ทำไมน้องสาวถึงยังร้ายไม่เลิกน๊า สงสัยต้องโดนอายาฮ่องเต้ ซะก่อนรึเปล่า เฮ้ออออ
ส่วน เจ้าชายเจ้าหญิงต่างแผ่นดินที่มานั้น ถ้าจะให้ดี กลับไปได้แล้วววว ไม่ให้เอาหนี่เจินไปหรอก
-
มานั่งรอค่ะ ^^
-
ไม่อยากกินมาม่าเลยอ่ะ :z3:
-
อยากอ่านตอนต่อแว้วววว มาไวๆนะคะ
-
:m16: กำลังลุ้นๆๆ
หวังว่าครั้งนี้จะทำให้ฮองเฮาไม่เป็นคนดีเกินไปอีกนะ
-
ม่ายๆ ๆ :impress3: มันค้าง มาต่อเร็วๆๆนะค่ะ
รอลุ้นอยู่ค่ะ
-
รอพาสต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลย
อยากตบสามชั่วจริงๆ
-
ผิงอัน แกมันร้ายมาก
ขอให้หนี่เจินปลอดภัย
-
:call: :call: :call:
-
เคยได้ยินแต่คำว่า หญิงงามล่มเมือง แต่อันนี้ดูจะเป็น หุ่มงามล่มเมืองซะล่ะมั้ง เหอ เหอ ว่าแต่ ฮองเฮาของเราก็เรียนวอรยุทธมา แต่ไหง ไม่เคยเห็นใช้เลยล่ะเนี่ย
-
โอ้ย ลุ้นๆๆๆๆ
รีบมาต่อนะครับ
-
มาแปะให้ได้อ่านนิดนึงT^T
มะวานคนแต่งไม่วานแต่งเลยต้องขอโทษทีนะ
วันนี้มาลงให้อ่านอิอิ
ไปอ่านเลยดีกว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ด้านเสี่ยวเย่ที่ตรงไปยังตำหนักอ๋องเฉินก็ได้มาถึงแล้ว และเมื่อเข้าก็ของเข้าพบก็เฉินจิ้งฟงทันที
“ท่านอ๋องน้อยจิ้งฟงเจ้าค่ะ ท่านอ๋อง...เอ้ย...ไม่สิฮองเฮามีเรื่องอยากจะรบกวนเจ้าค่ะ”
“หนี่เจินงั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ ฮองเฮาต้องการให้ท่านเข้าวังหลวงตอนนี้เลย”
“เข้าวัง เข้าไปทำไมวังหลวงในช่วงเวลาเช่นนี้”
“ฝ่าบาทเจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาททรงตกอยู่ในอันตราย”
“เจ้าอย่างมาล้อข้าเล่นนะ ฝ่าบาททรงมีองค์รักษ์ฝีมือดีถึงสองคนแล้วจะมีอันตรายได้ยังไง”
“ข้าน้อยก็คิดเช่นนั้น แต่นี้เป็นพระบัญชาของฮองเฮาจริง ๆ นะเจ้าค่ะ”
“ได้งั้นข้าจะทำตามที่หนี่เจินว่า ข้าจะเข้าวัง”
ด้านฮ่องเต้ที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องรับรองกับองค์หญิงลีอาร์อยู่ ก็ต้องทำสีหน้าแปลกใจอีกครั้งเมื่อคราวนี้คนตรงหน้าลุกขึ้นและเดินตรงมาที่เขา
“หม่อมฉันมีเลือกจะทูลฝ่าบาทเพค่ะ”
“เอ่อ...มีเรื่องอะไรก็นั่งลงก่อนเถอะแล้วค่อยบอกข้า”
แต่ไม่มีทีท่าว่าลีอาร์จะทำตามที่ฮ่องเต้ตรัสและยิ่งเดินมาจนถึงที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ ก่อนจะล้มตัวลงนั่งบนตักของฮ่องเต้ มือทั้งสองคล้องที่คอก่อนจะก้มหน้าลงจนเกือบชิดพระพักตร์ของฮ่องเต้
“หม่อมฉันได้มอบพระทัยดวงนี้ให้กับฝ่าบาทเมื่อแรกเห็นพระพักตร์แล้วเพค่ะ”
“เอ่อ...แต่ข้าหาได้มองเจ้าเช่นนั้นไม่องค์หญิงลีอาร์ แล้วก็ทรงออกห่างจากตัวข้าก่อน”
“ไม่เพค่ะ หม่อมฉันจะอยู่เช่นนี้จนกว่าฝ่าบาทจะยอมรับดวงใจดวงนี้ของหม่อมฉันไปเสียก่อน”
องค์หญิงลีอาร์ต้องการอะไรกันแน่ ในเมื่อนางก็รู้ว่าเรามีหนี่เจินอยู่แล้วถ้าหากจะอยู่ที่นี่กับข้าคงไม่พ้นต้องเป็นพระสนมแน่
“ถ้าข้ารับ พระองค์อาจต้องเป็นพระสนมนะองค์หญิง ทรงยอมรับเรื่องนี้ได้หรือ”
“หม่อมฉันไม่อยากเป็นพระสนมเพค่ะฝ่าบาท ถ้าให้ดีอยากเป็นฮองเฮาเสียมากกว่า”
เมื่อได้ยินรับสั่งเช่นนั้นทำเอาฮ่องเต้ตัวช้าหน้าชา ไม่เคยคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะกล้าคิดเช่นนี้สายตานี้บ่งบอกว่านางเอาจริง ตอนนี้ฮ่องเต้เริ่มเป็นห่วงร่างบางของคนรักเสียแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่จะทรงคิดต่อองค์หญิงลีอาร์ก็ทรงก้มหน้าประชิดจนฮ่องเต้ต้องทรงถอยหนีก่อนจะผลักแล้วลุกขึ้นยืนห่างออกมาแทน เสียงมหาขันทีก็ดังขึ้นขัดจังหวะได้ทันทวงที
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องสำคัญจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไปรอข้าที่ห้องอักษรเสี่ยวตั้งจือ”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำก่อน ข้าขอตัวองค์หญิงลีอาร์”
เมื่อลับร่างของฮ่องเต้ที่เร่งรีบไปห้องอักษร ใบหน้าของหญิงสาวก็บึ้งตรึงขึ้นมา
“คนอะไรนี่ซื่อบื้อจริง นี่ขนาดเสนอตัวให้ตั้งขนาดนี้ยังไม่สนใจอีก ฮึ้ย!!”
ลีอาร์กระทืบเท้าเดินออกจากห้องรับรองไปด้วยความอารมณ์เสียในใจก็คิดถึงอีกเรื่องขึ้นมาแทน
“ในเมื่อหว่านเสน่ห์ไม่ได้ผล ก็ต้องกำจัดให้พ้นทางไปซะ”
ลอยยิ้มเย็นปรากฏบนใบหน้างามที่ถ้าใครได้มาเห็นคงต้องขนลุกเป็นแถวแน่
+++++++++++++++++
มีคนบอกว่าไม่เคยเห็นหนี่เจินสู้
แต่ลืมไปเปล่าตอนที่หนี่เจินกับฮ่องเต้พบกันก็สู้ไปแล้วทีนึงนะ= =
ไม่ต้องห่วงหนี่เจินเก่งอยู่แล้วถึงว่าจะมีใครมาทำอะไรก็ตาม ยังไงหนีเจินก็ต้องรอดอยู่แว้ว 555+
อุ๊บ!! บอกไม่ได้ไปรออ่านต่อแล้วกันว่าเรื่องราวจะเป็นไงต่อ
-
รอตอนต่อไปจร้า ๆ หนี่เจิน สู้ ๆ นะ !!
-
สามคำ>> สั้น มาก ตัว :z13:
-
แอบสั้นนะฮับ
รอหนี่เจินจ้า
-
สั้นจัง
ลีอาร์ร้ายมากกกกกกกกก
-
รอตอนต่อไปจ้า
-
โฮกก บอกได้คำเดียวว่า "ค้างงงง" :z3: :z3: :z3:
รอตอนต่อไปอยู่นะเจ้าคะ
-
พาสสุดท้ายแล้ว
โฮกกกก
อยากลอกว่ามีคนขโมยมาม่าไป
เลยอดกินมาม่าเลย
ใครต้มน้ำแล้วก็เอาน้ำไปสาดสามตัวร้านแทนแล้วกัน 555+
ไปอ่านเลยดีกว่าเนอะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ด้านหนี่เจินและสนมพิงอันก็เดินกำลังเดินทางไปยังจ้วนไต้เท้าหวังซึ่งเป็นบ้านของสนมพิงอัน แล้วจู่พระเกี้ยวเสด็จก็หยุดลง สร้างความแปลกใจให้กับคนทั้งสองนัก
“เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงหยุดเกี้ยวล่ะ”พิงอันถามออกไปเพราะนี่ยังไม่ถึงที่หมายที่นัดกันไว้เลยนี่นา
“พวกแกเป็นใครน่ะ”เสียงคนแบกเกี้ยวดังขึ้น
“คุ้มกันฮ่องเฮาและพระสนมเร็วเข้า”เสียงหลงเปาเอ่ยสั่งเหล่าทหารที่แบกเกี้ยวอยู่
เคร้ง! เคร้ง! ขวับ!
“อ๊ากกกกกกกกกก”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดทำให้คนที่อยู่เกี้ยวถึงกับสะดุ้งเฮือก แล้วหนีเจินก็เปิดเกี้ยวออกมาดูสภาพตอนนี้ ทหารที่คุ้มกันต่างจมกองเลือดไปหลายคน รวมถึงทหารที่แบกเกี้ยวด้วย พอมองไปก็พบกับคุ้มคนที่สวมชุดสีดำปกปิดใบหน้าไว้หลายคนกำลังสู้กับเหล่าทหารอยู่
หนี่เจินคว้ากระบี่ที่ซ่อนอยู่บนเพดานเกี้ยวก่อนจะก้าวลงจากเกี้ยว พอลงมาได้เพียงอึกใจเท่านั้นคนชุดดำเหล่านั้นก็พุ่งเข้าใส่หวังจะจับตัวหนี่เจิน แต่หนี่เจินถอยหลบได้ทันก่อนที่คนพวกนั้นจะทันเข้าถึงตัว
ข้าเคลื่อนไหวตัวมากไม่ได้เพราะกลัวว่าจะสะเทือนถึงลูกในท้องของตัวเอง ก่อนจะตะหวัดกระบี่เข้าใส่คนชุดดำที่เข้ามาใกล้เมื่อครู่นี้ ชายชุดดำรีบเอากระบี่ในมือขึ้นกันเมื่อรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าวาดกระบี่เข้าใส่
เคร้ง!! ควับ!! กึก!! เคร้ง!! อ๊ากกก!!
เสียงการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเมื่อว่าเพื่อนถูกหนี่เจินแทงเข้าที่ไหล่ พวกนั้นก็หันปลายกระบี่เข้าใส่หนี่เจินแทน
“พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดต้องปองร้ายข้า”หนี่เจินเป็นฝ่ายถามขึ้นเมื่อไม่เห็นว่าคนเหล่าจะพุ่งเข้าใส่
“พวกข้าแค่ต้องการให้ท่านตามพวกข้าไปเท่านั้น ถ้าหากท่านตามข้ามาดี ๆ คนของท่านก็จะไม่ตายเพิ่มกว่านี้”
“แล้วถ้าข้าไม่ไปกับพวกเจ้าล่ะ”
“เห็นทีข้าคงต้องใช้กำลังพาท่านไปแล้วล่ะ”
ยังไม่ทันที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ลงมือกันอีกครั้ง เสียงร้องอย่างตกใจของสนมพิงอันก็ดังขึ้นมาจากทางเกี้ยวพระที่นั่งของหนี่เจินนั้นเอง
“กรี๊ดดดดดดด”
เมื่อพิงอันออกมาดูก็พบกับศพของทหารนอนจมกองเลือด หน้าที่เคยงดงามยามนี้กับซีดลงราวกระดาษ เนื้อตัวสั่นด้วยความกลัวแล้วทรุดนั่งลงหน้าเกี้ยว คนชุดดำเมื่อหันไปเจอกับพิงอันก็พุ่งเข้าใส่แต่
เคร้ง!!
เสียงดาบดังขึ้นชายชุดดำมองผู้มาขว้าง เป็นหนี่เจินที่เข้ามาขว้างไว้ได้ทันก่อนจะตะหวัดกระบี่ฟัดจนชายชุดดำนอนแน่นิ่งแทน หันมามองพิงอันที่หน้าซีดตัวสั่นแทน
“พระสนมไม่เป็นไรนะ เข้าไปหลบในเกี้ยวก่อนแล้วห้ามออกมาเด็ดขาดเข้าใจมั้ย”หนี่เจินบอกก่อนจะพลักให้สนมพิงอันเข้าไปในเกี้ยว แล้วหันมากระชับกระบี่ในมื่อให้มั่นอีกมือที่ไม่ได้ถือกระบี่กุมท้องไว้ ‘ลูกแม่อดทนหน่อยนะ แม่จะพาเจ้ากลับไปหาเสด็จพ่อแน่ ฉะนั้นช่วยอดทนหน่อยนะลุกรัก’
ด้านฮ่องเต้เมื่อมาถึงห้องทรงอักษรแล้วต้องหน้านิ่วด้วยความกริ้วอีกครั้งเมื่อเสี่ยวตั้งจือยื่นจดหมายที่องค์รักษ์คนสนิททั้งสองเขียนมาให้
ข้อความสั่น ๆ ที่เขียนมาว่า ‘ตอนนี้ฮองเฮาเสด็จออกนอกวังโดยไม่มีทหารองค์รักษ์พวกกระหม่อมเลยจะตามไปโปรดทรงหายห่วงได้พ่ะย่ะค่ะ’
จะไม่ให้พระองค์หายห่วงได้อย่างไรถึงพระองค์จะไว้วางพระทัยในฝีมือดาบของราชองค์รักษ์ทั้งสองก็เถอะ แต่พระองค์กลับรู้สึกไม่ดีหวังว่าหนี่เจินและลูกของพระองค์จะปลอดภัยนะ
“ทูลฝ่าบาท แม่ทัพเฉินขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพเฉินมาหรือ รีบให้เขาเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญแม่ทัพเชิญ”
เฉินจิ้งฟงเดินเข้ามายังข้างในห้องอักษรก่อนจะถวายคำนับฮ่องเต้
“ถวายบังคับฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะทูล”
“มีเรื่องอะไรเร่งด่วนงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมมาเข้าเฝ้าในวันนี้นอกจากเรื่องที่ไปลาดตะเวนชายแดนแล้วยังไม่อีกเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นก็รีบบอกข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ น้องของหม่อมฉัน...เอ่อ...กระหม่อมหมายถึงฮองเฮาน่ะพ่ะย่ะค่ะ ส่งให้เสี่ยวเย่สาวใช้คนสนิทมาบอกกับกระหม่อมว่าให้คอยปกป้องฝ่าบาท เพราะมีคนคิดจะปองร้ายพ่ะย่ะค่ะ”
“มีคนคิดปองร้ายข้าหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ แล้วทรงบอกให้กระหม่อมค่อยระวังองค์หญิงลีอาร์ไม่ให้เข้าใกล้พ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องนี้เราเองก็ระวังอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไรเพราะนางเป็นผู้หญิง”
“แต่หม่อมฉันว่าฮองเฮาน่าจะไม่ทรงตัดสินพระทัยผิดนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เราก็ว่าอย่างนั้น ฉะนั้นตอนนี้เราต้องล่อให้นางลงมือก่อน”
“ไปหาคนที่หน้าคล้ายเรามาสักคน เราจะใช้เขาเป็นตัวล่อเอง”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้รับคำสั่งเฉินจิ้งฟงก็รีบออกไปทัน ทิ้งให้ฮ่องเต้ทรงคิดแผนการต่อไป ด้านหนี่เจินที่ตอนนี้สู้กับชายชุดดำจนเริ่มอ่อนแรง มือที่ถือกระบี่ตอนนี้ก็เริ่มล้ามากแล้วด้วยตอนนี้กำลังท้อง จึงจำต้องป้องกันไม่ให้ลูกของตนเองกระทบกระเทือนให้มากที่สุด จนทำให้ได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น
“ยอมไปกับพวกเราดี ๆ ท่านก็ต้องไม่เหนื่อยมากเช่นนี้”
“ใคร...เป็นคนส่งพวกเจ้ามา”
“เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้ เมื่อไปถึงท่านก็จะรู้เองแหละว่าใครคือคนที่ส่งพวกข้ามา”
“ดูจากการแต่งตัวของพวกเจ้าแล้วคงไม่ใช่ชาวถังแน่”
“ทรงฉลาดมากพ่ะย่ะค่ะ ใช่พวกกระหม่อมไม่ใช่ชาวถัง”
“ถ้าไม่ใช่ชาวถึงคงเป็นชาวมองโกเลียสินะ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นข้าก็พอรู้แล้วว่าใครเป็นคนบ่งการให้พวกเจ้ามาจับตัวข้า”
ควับ!! ฉับ!! อ๊ากกกก!!
“ขอทรงโปรดอภัยที่พวกกระหม่อมมาช้า”เสียง
สิ้นเสียงพูดของหนี่เจินก็มีเสียงดาบและเสียงที่เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของหนึ่งในราชองค์รักษ์ของฮ่องเต้ นั้นก็คือหยวนตงเฟย ตามติดมาด้วยชายอีกคนราชองค์รักเว่อฉือจิ้งเต๋อ
“ไม่เป็นไรแค่พวกท่านมาข้าก็หายห่วงแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้นสองราชองค์รักษ์ก็กระชับดาบในมือก่อนจะเริ่มพุ่งเข้าใส่กลุ่มชายชุดดำ ซึ่งการมาใหม่ของคนทั้งสองสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทหารที่ยังรอดชีวิตต่างพากันกระชับดาบแล้วพุ่งจู่โจมกลับเหล่าชายชุดดำทันที
“เรียกกำลังเสริมเรามาสบทบด่วน”
ตงเฟยเผยยิ้มอย่างพอใจกับกลุ่มชายชุดดำก่อนจะพาดดาบไว้บนบ่าแล้วเอ่ยเสียงเย็นกลับไปยังกลุ่มชายชุดดำจนคนฟังอึ้งเมื่อได้ยิน
“เจ้าพวกนั้นคงไม่มากัดแล้วล่ะ”
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ แกบอกว่ากำลังเสริมจะไม่มาอย่างนั้นหรือ”
“ก็อย่างที่แกได้ยินนั้นแหละไม่ผิดหรอก”
“ใช่ที่พวกแกได้ยินไม่ผิดหรอก ก่อนพวกข้าสองคนจะมาที่นี่ก็เก็บกวาดพวกของแกทิ้งไปหมดแล้ว”
“ฮึ้ย...พวกเราถอยก่อน”
แล้วสิ้นเสียงผู้เป็นหัวหน้าของชายชุดดำ เหล่าชุดดำที่รอดชีวิตต่างก็พอกันถอยหนี่ลับไปพร้อมกับคววามมืดที่เริ่มมาเยือนแล้ว
“ฮองเฮาทรงไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม เราไม่เป็นไรแค่เหนื่อยเท่านั้น...”สิ้นเสียงหวานใสของฮองเฮาร่างบางก็ทรุดลงกับพื้นสร้างความตกใจให้กับสองราชองค์รักษ์
“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ทรงฟื้นสิพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮารออีกหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะทหารกำลังมา”
“ฝ่าบาท...ดูแลฝ่าบาท...ด้วย”
เสียงหวานที่เงียบลงพร้อมกับที่พระเนตรหวานที่หลับลงช้า ๆ เสียงเรียกของสองราชองค์รักษ์ไม่อาจปลุกให้หนี่เจินให้ตื่นจากนิทราได้
ตงเฟยเข้าไปอุ้มร่างที่ไร้สติของฮองเฮาอย่างเบามือและก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนร่างบางนั้นมีเลือดออกมา สีหน้าสองราชองค์รักษ์ก็ซีดลงอีกครั้ง
++++++++++++++++++++++++++
หนี่เจินจะเป็นอย่างไรต่อไป จะรอดไม่รอดนะ
แล้วสองพี่น้องจะทำอะไรต่อไปตั้งติดตามตอนต่อไปให้ดี
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สั้นอีกแล้วอ่ะ ขอตอนต่อเลยได้ไมอ่ะ
-
ฮองเฮาหนี่เจินนนนนน
อย่าเป็นไรมากนะ
ผิงอัน กลับตัวกลับใจนะลูก
-
:a5:
-
:a6: หนี่เจินจะเป็นอย่างไรต่อไป!!!!!!
-
:L2:
การเขียนและความคิดสร้างสรรค์ที่จะสร้างนิยายในรูปแบบหนังจีนน่าสนใจทีเดียว
แต่คำผิด การใช้คำสละสลวยที่สอดคล้อง และก็ปมเรื่องยังขาดความดึงดูดไปนิด เช่น
อยู่ๆเกิดหนี่เจินท้อง แล้วถึงค่อยมาเฉลยว่าเพราะชาวเผ่านี้มีลักษณะพิเศษ น่าจะดีกว่า
หรือการที่หนี่เจินรู้ได้อย่างไรว่าฮ่องเต้อยู่ในอันตราย ???
ลองเล่นผูกปม ซ่อนปม ขมวดปมดูอีกนิด โดยรวมถือว่าน่าสนใจค้าบบบบ :กอด1:
-
:serius2: :serius2: :serius2:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
-
อีสองพี่น้องน่าโดนประหารมาก ณ จุดนี้
-
:z3: :z3: :z3: :z3:
หง่า มาต่อเร็วๆ นะคะ :sad4:
-
ติดตาม ๆ ติดตาม !!
โอม !! จงมาต่อไว ๆ ไว เพี้ยงง งง
-
สามคำให้หนี่เจิน>>>เท่ อย่าง แรง :impress2:
ถ้าไม่ติดว่าเป็นฮองเฮาไปแล้วนะ นางฟ้าจะจับมา.... :laugh:
-
อ่ะย๊ากกกกกกกก :z3:
นางสนมนี่ :fire:
รอคอยๆ :z2:
-
แง๊ ฮองเฮาจะเปงอาไยไหมอ๊า ลูกจะทะลักเป่าอ่า :monkeysad:
มาต่อไวๆน๊า :call: :call: :call:
-
ต่อตอนนี้เลยได้มั้ยคะ
นี๊ดมากกก T.T
-
ค้างแบบนี้ ฆ่ากันให้ตายซะดีกว่า
-
อีสองพี่น้องนี่จะทำอะไรอีกเนี่ยยยย :angry2:
แต่สององค์รักษ์นี่เก่งจริง จัดการกำลังเสริมเรียบร้อยเลย o13
รอตอนต่อไป^^
-
โห รีบๆๆมาต่อนะครับ
เมื่อคืนเครียดมากเลยเอาไปฝันและดำเนินเรื่องเองจนจบแนะ 555555+
รีบมานะครับผมรออยู่ เอายาวๆนะครับ
-
ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกนะ
:call:
-
สนุกดีอ่ะ รอตอนต่อไปจ้า
-
สนุกมาก o13
ขอให้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะ :กอด1:
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ :call:
-
เขียนได้สนุก น่าติดตาม o13
รอตอนต่อไป..มาไวๆ นะ :call:
-
รวมกันแล้ว 2 ตอน ก็เหมือนจะยาวอยุ่นะ ..
หนี่เจิน สุดยอดดดดดด เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น อย่างนี้ ต้องเป็นฮองเฮาที่ดีมากๆๆๆๆ แน่ๆเลย o13
แต่ว่า อย่าเป็นอะไรนะ :monkeysad:
-
อ้ากกกกกกก ค้างงงงงงงสุดๆๆๆ หนี่เจินและลูกต้องไ่เป็นไรนะค่ะ
2 ราชองค์รักษ์รีบพากลับวังด่วนเลย เป็นห่วงอะ
ยัยสนมนั่นก็ปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นและ อย่าได้แคร์ ยัยนี่ตัวการค่ะ!
สงสัยกลับไปคราวนี้ฮ่องเต้ต้องหาทางป้องกันแบบเต็มสูตรซะแล้ว
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
-
อ้ากกกก ค้างอย่างแรงอ่ะค่ะ
รีบมาต่อเร็วนะคะ
หนี่เจินต้องไม่เป็นไรซิ T^T
-
:a5:ค้างไม่พอยังเครียดอีกหนึ่เจินตายน่ะมาม่าน้ำอืดท่วมบ้านเพราะปนน้ำตาแน่ :o12:
-
วันนี้มาแปะช้าหน่อย
และก็คงมาแปะแค่นี้อ่ะT^T
ต้องขออภัยหากทำให้ท่านค้างไปบ้าง555+
เอาล่ะไปอ่านกันเลยเถอะ
++++++++++++++++++++++++++
16
ไม่นานนักเหล่าทหารจากวังหลวงก็มาถึงและนำร่างของฮองเฮาที่ไร้สติ กับพระสนมพิงอันกลับไปยังวังหลวง
ณ วังหลวง ตำหนักเหม่ยชุน
ร่างของหนี่เจินถูกพาไปยังตำหนักเหม่ยชุนในทันที ฮ่องเต้ทรงเสด็จมายังตำหนักเหม่ยชุนเมื่อทราบข่าวพร้อมกับเฉินจิ้งฟงทั้งสองคนต่างมีสีหน้าเคร่งเคลียดเมื่อทราบข่าวของหนี่เจิน และเมื่อเสด็จมาถึงก็เห็นสองราชองค์ยืนอยู่หน้าห้องสีหน้าวิตกกังวล
“อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ฮองเฮาทรงเสียเลือดมากพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาอยู่”
แล้วหมอหลวงก็เดินออกมานอกห้องด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ยืนตัวสั่งเทาด้วยความกล้วเพราะเรื่องครั้งที่เขาพึ่งรอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์ คราวนี้อาจไม่โชคดีเช่นนั้นไม่
“ว่าไงหมอหลวงอาการของหนี่เจินเป็นยังไงบ้าง”
“พระอาการยังไม่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เพราะทรงเสียเลือดมากแล้วยิ่ง...”
“แล้วอะไร หนี่เจินเป็นอะไรตอบข้ามาสิ!!”
“เพราะเมื่อคราวที่แล้วฮองเฮาทรงเสียเลือดมากพึ่งจะฟื้นจากพระอาการไม่นานก็ทรง...”
“แล้วหนี่เจินจะรอดมั้ย”
“ไม่ต้องทรงห่วงพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้พระโลหิตหยุดไหลแล้วรอดให้ทรงฟื้นก็หายห่วงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของฮ่องเต้ เฉินจิ้งฟงและสองราชองค์รักษ์ดีขึ้นในพริบตา คราวนี้นึกว่าจะเหมือนคราวที่แล้วที่เลือดไม่ยอมหยุดไหล
“แล้วหนี่เจินบาดเจ็บตรงไหนบ้าง”
“มีแค่บาดแผลที่เกิดจากดาบสองที่ แต่เป็นแค่เพียงบาดแผลเล็ก ๆ ไม่นานก็จะทรงหายไปเอง”
เมื่อฟังหมอหลวงรายงานเสร็จก็เสด็จเข้าไปยังในห้องที่หนี่เจินนอนหลับอยู่ และเมื่อนางกำนัลคนสนิทสอง พระหัตถ์หนาทาบทับหน้าผากมลสวย แล้วลูปไล่ลงมายังแก้มขาวเนียน พระหัตถ์อีกข้างก็ทรงจับมือบางไว้ ทรงทอดพระเนตรคนร่างบางที่ยังหมดสติ
“ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเจ็บตัวเช่นนี้อีกข้าสัญญา ข้าเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้เหมือนใจดวงนี้จะแตกสลายตามเจ้าไปทุกครั้งที่เจ้ามีภัยยอดรักของข้า” ริบพระโอษฐ์ทาบทับหน้าผากมลอยู่อ้อยอิ่งก่อนจะผละออก
หลังจากเหตุการณ์นั้นหนี่เจินก็หมดสติหลับยาวไปถึงสี่วัน ด้วยร่างการที่ยังไม่ฟื้นจากคราวก่อนและยังมาเจ็บตัวซ้ำอีกรอบ ทำให้ร่างกายของหนีเจินต้องฟื้นตัวนาน
ฮ่องเต้ทรงเสด็จประทับเคียงข้างหนี่เจินไม่ห่างได้แต่แค่เฝ้ามองคนรักนอนไม่ได้สติ ดวงพระทัยที่เหมือนจะหมดแรง ราชกิจที่ต้องทำก็ทำไม่ได้เพราะมั่วแต่พระทัยลอย จนเหล่าขุดนางต้องให้กราบทูลให้ทรงฟักผ่อนบ้าง
ไม่ผิดจากผู้เป็นถึงพระมารดาที่มาเยี่ยมหนี่เจินและฮ่องเต้นางสงสารลูกคนนี้นัก นอนก็นอนไม่หลับไหนจะโหมงามแล้วก็ยังมาเฝ้าหนี่เจินทุกวันอีก กลัวเหลือเกินว่าฮ่องเต้จะเป็นอะไรไปอีกคนเสียก่อน
“ฮ่องเต้แม่ว่าเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะนะ เจ้าไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วถ้าเกิดเจ้าเป็นอะไรไปอีกคนจะทำเช่นไร”
“เสด็จแม่หม่อมฉันไม่อาจนอนได้ ถ้าหาก....ลูกจะทำเช่นไรดี”
“ฮ่องเต้...”
“หนี่เจินลืมตามขึ้นมาสิ ใจเจ้าจะให้ข้าต้องรอรอีกนานเท่าไรเจ้าต้องเข้มแข็งสิเพื่อลูกของเรา เพื่อข้าเจ้าตื่นฟื้นขึ้นมาสิ...หนี่เจิน...”สิ้นเสียงรับสั่งก็ล้มลงข้างคนที่ยังหมดสติ
“ฮ่องเต้!!” ฮองไทเฮารีบวิ่งเข้าไปดูลูกชายก่อนจะตระโกนเรียกให้นางกำนัลไปตามมอง
“ใครอยู่ข้างนอกไปตามหมอหลวงมาแล้ว” สิ้นกระแสรับสั่งเหล่านางกำนัลและขันทีก็วิ่งวุ่น
“ฮ่องเต้ ฮึก...ลูกแม่...เจ้าต้องอดทนนะเจ้าต้องรอหนี่เจินนะ...”
ในวันต่อมาในวังต่างก็วุ่นวายเสียงที่ดังจนคนร่างบางที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่นั้นต้องลืมตาขึ้นเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น เสียงร้องละคนดีใจของนางกำนัลคนสนิทอย่างเสี่ยวเย่กับหลงเปาทำให้หนี่เจินต้องหันไปมอง
“ฮ่องเฮาทรงฟื้นแล้วรีบไปรายฮองไทเฮากับฝ่าบาทเร็วเข้า”
เสี่ยงหลงเปาหันไปสั่งนางกำนัลที่รับใช้ก่อนจะตรงมายังร่างบางที่กำลังมองดูพวกนางอย่างสงสัย ‘เราก็แค่ตื่นขึ้นมาเหมือนปกติทุกทีนี่นาแล้วทำไมต้องตกใจกันขนาดนี้’
“นี่พวกเจ้าเป็นอะไรทำไมทำท่าเหมือนกับข้าอาการหนัก ข้าก็แค่อ่อนเพลียแล้วก็ตื่นมาเท่านั้น”
หนี่เจินมองหน้าสองสาวใช้ที่มองเขาด้วยความห่วงใยมาก ใบหน้าของทั้งสองตอนนี้อาบไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจที่ผู้เป็นนายของตนฟื้นขึ้นมาเสียที
“พระองค์ทรงบรรทมไปนานมากเพค่ะ... จน....พวก...หม่อมฉัน....คิดว่า...ฮือ...จะไม่ทรงฟื้น...ฮึก...ขึ้นมา...ฮือ..อีกเสียแล้ว”เสี่ยวเย่พูดด้วยเสียงอันสั่นเทา
“ฮือ...หม่อมฉันด้วยเพค่ะ...ฮือ...ทรงบรรทมไปเกือบอาทิตย์ ฝ่าบาทก็ทรงมาเฝ้าจนตอนนี้ทรงประชวรไปด้วยอีกพระองค์”หลงเปาพูดไปร้องไห้ไป
หนี่เจินตาโตด้วยความตกใจจนรีบลุกออกจากเตียงวิ่งออกนอกห้องไป ตรงไปยังตำหนักกลางของคนที่เป็นเจ้าของดวงใจ โดยไม่ยอมฟังคนเสียงร้องห้ามของสองสาวใช้แม้แต่นิด ด้วยใจตอนนี้เป็นห่วงฮ่องเต้เหลือเกิน
ตลอดทางเหล่านางกำนัลและขันทีพากันตรงใจเมื่ออยู่ ๆ ฮองเฮาที่ตอนนี้ยังไม่น่าตื่นจากบรรทมกลับเสด็จออกมาและเสด็จไปยังที่ไหนไม่รู้อย่างรีบร้อน เหล่าบรรดาขันทีและนางกำนัลก็ร้องห้ามแต่ก็ไม่มีผู้ใดหยุดหนี่เจินได้ จนร่างบางมาถึงยังตำหนักกลางและมุ่งตรงไปยังห้องบรรทมของฮ่องเต้ทันที
พอร่างบางของหนี่เจินเข้าไปยังในห้องก็เห็นบรรดาหมอหลวงที่มาตรวจอาการของฮ่องเต้ เมื่อเห็นบุคคลผู้มาใหม่บรรดาหมอหลวงก็พากันคำนับ
“ถวายพระพรฮองเฮา ซะ..ทรงเสด็จมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้างหมอหลวง”
“ทรงเพียงแค่บรรทมไม่พอพ่ะย่ะค่ะ เลยทำให้ทรงหมดสติไปเท่านั้นไม่น่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ งั้นกระหม่อมของตัวลา”
เหล่าหมอหลวงพากันออกจากห้องบรรทมของฮ่องเต้ไป เหลือเพียงหนี่เจินที่ลากเก้าอี้ไม้มานั่งข้างเตียงของคนที่กำลังนอนหลับตา มือสวยเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าที่ซีดขาวเพราะอดนอน ลูบได้สักพักก็ลุกแล้วล้มตัวนอนเคียงข้างด้วยความที่ยังเพลียเช่นกันก็เลยเผลอหลับไป
หนี่เจินรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีมือหนามาปัดปอยให้พ้นจากหน้า สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นดูก็พบกับเจ้าของห้องที่นอนเอาแขนเท้าหัวไว้และก้มลงมองตนเองอยู่ หนี่เจินหน้าแดงขึ้นเมื่อรู้ว่าตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของใคร
“ในที่สุดเจ้าก็ตื่นเสียที”
“เพค่ะ หม่อมฉันตื่นแล้วและตอนนี้ก็หิวมากเลยเพค่ะ”
“งั้นพวกเราก็ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ตอนนี้ข้าก็หิวแล้วเช่นกัน”
แต่พอหนี่เจินกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงพระหัตถ์หนาก็คว้าเข้าไปกอดก่อนที่ริบพระเนตร์คู่งามจะมีน้ำใส ๆ ออกมา
“หนี่เจินข้ากลัวหรือเกิน กลัวว่าเจ้าจะไม่ฟื้นขึ้นอีก กลัวว่าเจ้าจะจากข้าไป ข้ากลัวจนไม่อยากหลับตา กลัวว่าพอตื่นมาเจ้าจะหายไปจากข้า กลัวว่าข้าจะไม่ได้กอดเจ้าอีก ข้ากลัว ๆ เหลือเกิน”
พระวรกายสั่นเทากอดหนี่เจินแน่นจนเขาอึดอัดแต่ก็เข้าใจว่าทรงเจ็บปวดที่เห็นเขาเป็นอะไรไป หนี่เจินกอดตอบก่อนเสียงหวานจะเอ่ยปลอบขวัญ
“หม่อมฉันจะไม่จากพระองค์ไปไหน จะอยู่เคียงข้างไปจนกว่าชีวิตของหม่อมฉันจะหาไม่ จะอยู่จนลูกของเราเติบโตและขึ้นครองราชเพค่ะ”
“เจ้าสัญญากับข้าได้หรือไม่”
“เพค่ะหม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่จากพระองค์ไปไหนอีก”
“ข้ารักเจ้าหนี่เจิน”
“หม่อมฉันก็รักฝ่าบาทเช่นกัน
ร่างสองร่างกอดกันอยู่นานก็ผละออก หนี่เจินเดินออกมาจากห้องบรรทมพร้อมกับฮ่องเต้ก่อนจะสั่งให้นางกำนัลนำพระกระยาหารมาให้
ด้านฮองไทเฮาที่ตอนนี้กลับมายังตำหนักล่งซู่แล้ว ก็นึกไปถึงเรื่องตอนที่พระนางรู้ว่าหนี่เจินฟื้น ก็เลยทรงรีบเสด็จไปยังตำหนักเหม่ยชุน พอไปถึงนางกำนัลก็บอกว่าหนี่เจินนั้นไปตำหนักกลางเมื่อรู้ว่าฮ่องเต้ทรงประชวรหนัก
และพอมาถึงตำหนักกลางแล้วตรงไปยังห้องบรรทมของฮ่องเต้ ผู้เป็นพระมารดาถึงกับยิ้มเมื่อพบว่าร่างบอบบางหลับภายในอ้อมกอดของลูกตนเอง ก็เลยปล่อยให้ทั้งสองให้นอนต่อไปแล้วเสด็จกลับยังตำหนักล่งซู่แทน
“ทูลฮองไทเฮา ตอนนี้พระอาการของฝ่าบาทดีขึ้นแล้วเพค่ะ”
“แล้วอาการของหนี่เจินล่ะ”
“พระอาการของฮองเฮาเองก็ดีขึ้นแล้วเพค่ะ ตอนนี้ทรงสองพระองค์กำลังเสวยพระกระยาหารอยู่เพค่ะ”
“งั้นเจ้าไปบอกคนของตำหนักกลางด้วยว่าข้าจะไป”
“เพค่ะ”
++++++++++++++++++++++++++++
ตอนต่อไปใครที่เกลียดสนมพิงอัน
อาจต้องเปลี่ยนจากเกลียดเป็นสงสารแทนแล้วแหละ
จะด้วยเพราะเหตุใดคงต้องติดตามเอา ^-^
-
โธ่พิงอัน
อย่าลงโทษร้ายแรงนักเลย ก็ในวังหลวงมันเต็มไปด้วยความอิจฉานินะ
เห้อออ
-
สามคำให้หนี่เจิน >>> หาย ไว ไว :o8:
สามคำให้พิงอันในตอนต่อไป>>> โชค ดี นะ o18
-
หวานนนนนนมากกกกกกกกก o13
รอตอนต่อไปอยุ่นะ
-
ยังไงก็ยังเกลียดดดด :z6:
:call:
-
ปลอดภัยก็ดีแล้วเนอะหนี่เจิน
-
มันกำลังจะดีขึ้นเเล้วใช่มั้ย
รอตอนต่อไปนะคะ ^^
-
:impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
คิดๆ ดูพระสนมก็น่าสงสาร แต่สนมก็งี้แหละ มักใหญ่ใผ่สูงเกินไป เลยซวย
-
สุขปนทุกข์แน่แหละน้อความรัก :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
ใจนึงก็สงสารพิงอัน อีกใจก็อยากจะซัดซะให้หมอบ o18
-
บังอาจพอหนีเจินไปรับบาดเจ็บจะโดนอะไรไหม๊หละนั่น อย่างที่คอมเมนท์ที่แล้วบอก ใจนึงก็คงน่าสงสาร อีกใจก็คงน่าเชือดทิ้ง
-
ไม่สงสารค่ะ :beat:นังพิงอัน
ทำกับหนี่เจินได้ยังไง ทั้งที่เขาไม่เคยไปทำร้ายตัวเอง
-
ตอนนี้เเอบหวานนิดๆ เเอร๊ยยยเขินอ่ะ :-[
ส่วนพิงอัน ฉันจะสงสารเธอดีมั้ย
รอตอนต่อไปดีกว่า :laugh:
-
จะรอนะ ^^
-
ค่ะ
เพิ่งมาอ่านแบบว่า
อ่านตาแฉะแล้วอ่ะ
สนุกมากๆค่ะ จะรอตอนต่อไปน่ะ
-
เรื่องทั้งหมด เพราะ อิสองพี่น้อง :fire: :fire:
เห้ออ ชอบนะ แต่งให้เกือบๆดราม่า เดือด ปุดๆ
แต่ทำไงได้ หนี่เจิน สวย เก่ง ฉลาด :laugh: :laugh: :laugh:
ชอบๆ ไม่มีการพลัดพราก ช่ายม๊ายยย??? :เฮ้อ:
อุปสรรคมาบ้างนะ แต่อย่า แยก สองคนนี้
เราไม่ยอม !!! :กอด1: :L2:
-
ประกาศจร้าาาาา
วันนี้จะมาแปะให้อ่านดึกหน่อยนะ
พอดีไม่ว่างแต่งง่ะ คนแต่งไม่สบาย 5555+
ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้
แต่ก็ยังอุตสาจะแต่งให้อ่าน = = :try2:
แต่อาจจะช้าหน่อย ยังไงคนอ่านที่น่ารักรอกันหน่อยน้าT^T :dont2:
-
สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
:impress2:
รออ่านต่อนะคะ
-
ดูเเลสุขภาพด้วยเน้อ :กอด1:
เข้ามาเตรียมตัวอ่าน
ปูเสื่อรอเเล้ว o18
-
ในที่สุดก็ปั่นได้เสร็จเสียที
คนแต่งอยากบอกว่าปวดหัวมั้ก ๆ
แบบว่าหัวจะหลุดออกมาเลยง่ะ
ใครเกลียดพิงอันคงต้องเปลี่ยนเป็นเห็นใจแทนแล้วล่ะ
เพราะอีกไม่นาน............. โอ๊ะคิดว่าจะบอกไรเอ่ยอิอิ
ถ้าอยากรู้ไปอ่านกันเลยว่าพิงอันเป็นอะไร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
17
ด้านพระสนมพิงอันที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เกือบตายมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะคิดแผนการร้ายอีก ด้วยเพราะนางเริ่มสำนึกบุญคุณที่หนี่เจินได้ช่วยชีวิตตัวเองไว้ ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าต้องมาเกือบตายเพราะนาง และเมื่อรู้ว่าหนี่เจินไม่ฟื้นจากการเสียเลือดมาก ก็พยายามไปเยี่ยมแต่ก็ได้แต่มองเพราะนางไม่อาจกล่าวคำขอโทษและพูดคุยได้
“พระสนมทรงเป็นอะไรไปเพค่ะ ทำไมต้องทรงเศร้าเพียงเพราะฮองเฮาทรงไม่ฟื้น ต้องทรงดีพระทัยที่หมดเสี้ยนหนามหัวใจไปเช่นนี้ได้”
“เจ้าหยุดพูดได้แล้วไห่เหยียน ฮองเฮาทรงช่วยข้าไว้นะ พระนางต้องเจ็บตัวเพราะข้าถ้าไม่มีพระนางล่ะก็ตอนนี้ข้างคงไม่ได้มานั่งสบายใจเช่นนี้ได้หรอกนะไห่เหยียน”
“แต่พระสนมเพค่ะ นังนั้น...”
“ห้ามเรียกพระนางเช่นนั้นอีกไห่เหยียนนี่คือคำสั่งข้าจำไว้ให้ดี”
“เพค่ะพระสนม หม่อมฉันจะไม่ฮองเฮาเช่นนั้นอีก”
ไห่เหยียนได้แต่ทำหน้าเศร้า เมื่อผู้เป็นนายรับสั่งเช่นนี้นางก็ไม่ออาจขัดได้ ตอนนี้นางไม่รู้ว่าพระสนมทรงคิดเช่นไร
“ทูลพระสนมหม่อมฉันมีข่าวดีมากราบทูลเพค่ะ”
เสียงนางกำนัลที่วิ่งเข้ามาใหม่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนไห่เหยียนจะให้นางสงบสติแล้วค่อยรายงายว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้รีบร้อนเข้ามาไม่ขออนุญาตเช่นนี้
“เจ้าสงบสติอารมณ์ซะก่อน”
เมื่อเห็นว่านางกำนัลสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ไห่เหยียนก็เริ่มถามนางขึ้นมาทันที
“เอาว่ามาเจ้ามีอะไรจะกราบทูลพระสนม”
“ตอนนี้ฮองเฮาทรงได้สติแล้วเพค่ะพระสนม”
“จริงหรือ”พิงอันเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
“เพค่ะ ตอนนี้ทรงประทับอยู่ที่ตำหนักเหม่ยชุนและหมอหลวงก็ได้ไปตรวจพระอาการแล้วเพค่ะ”
“ดี เป็นข่าวดีมาก ไปเตรียมตัวซะข้าจะไปตำหนักฮองเฮา”
“เพค่ะพระสนม”
หนี่เจินนอนให้หมอหลวงตรวจอาการ ดูสีหน้าของเหล่าหมอหลวงที่ยกขบวนกันมาตรวจแล้วหนี่เจินอยากส่ายหน้าหนี เพราะฮ่องเต้ทรงห่วงมากกลัวว่าจะตรวจผิดเลยยกขบวนหมอหลวงมาช่วยกันตรวจ
ส่วนฮองไทเฮาเองเมื่อหนี่เจินกลับถึงตำหนักเหม่ยชุดได้สักพักก็เสด็จมาถามไถ่อาการ แล้วก็บอกให้ฮ่องเต้ทรงเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการ แล้วก็กลายเป็นว่าหมอหลวงทุกคนต้องมาตรวจอาการหนี่เจินตามรับสั่งนั้นเอง
“พระอาการดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หม่อมฉันจะสั่งพระโอสถบำรุงร่างพระวรกายกับพระโอสถบำรุงพระครรถ์ให้พ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นพวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“คราวนี้แม่เกือบหัวใจวายตอนที่รู้ว่าเจ้าบาดเจ็บอีก แล้วยิ่งใจไม่ดีเหมือนเจ้าไม่ฟื้นสักที ฮ่องเต้เองก็เป็นห่วงเจ้าจนถึงกับนอนไม่ได้ เสวยไม่ลงจนประชวรไปอีกคนดีที่ไม่ได้เป็นอะไร เห็นเจ้าดีขึ้นแม่ก็ดีใจ และยิ่งดีใจเมื่อหลานแม่ก็ปลอดภัยด้วย”
“เพค่ะเสด็จแม่ คราวหลังหม่อมฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้เพค่ะ”
“ดีแล้ว แต่ถ้าจะให้หายห่วงล่ะก็ ฮ่องเต้แม่ว่าต้องหาองค์รักษ์ส่วนตัวให้หนี่เจินสักสองสามคนแล้วล่ะแม่ว่า”
“หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนที่หม่อมฉันไว้ใจได้ตอนนี้เลยต้องให้จิ้งเต๋อกับตงเฟยช่วยดูให้ก่อน จนกว่าจะหาคนได้พ่ะย่ะค่ะ”
“แต่แม่ว่านะ ให้องค์รักษ์เป็นชายคงไม่เหมาะแม่ว่าเจ้าหาองค์รักษ์ที่เป็นหญิงมาค่อยรับใช้ดีกว่า”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ หม่อมฉันจะรีบหาโดยด่วน”
“งั้นวันนี้แม่คงต้องขอตัวก่อน”
“หม่อมฉันทูลลาเพค่ะ/พ่ะย่ะค่ะ”
และเมื่อฮองไทเฮาเสด็จไปได้สักคู่ฮ่องเต้ก็ทรงขอตัวเช่นกันเห็นตรัสว่าจะไปจัดการเรื่ององค์รักษ์และจัดการราชกิจที่ห่างหายไปหลายวัน เนื่องด้วยทรงประชวรทางใจและทางร่างกายจนไม่ได้แตะมาเสียนาน เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จกลับไปหมดแล้ว
หนี่เจินก็ล้มตัวลงนอนไม่ใช่เพราะเหนื่อย แต่เพราะถ้าออกไปไหนตอนนี้จะถูกห้ามเสียมากกว่าเลยทำได้เพียงอยู่ในห้องเท่านั้น
ไม่นานเสียงนางกำนัลก็ดังขึ้นกล่าวทูลถึงบุคคลที่มากใหม่หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงเสด็จออกไปไม่นานนัก
“ทูลฮองเฮา พระสนมพิงอันของเข้าเฝ้าเพค่ะ”
“เชิญพระสนมเข้ามา”
“เชิญเสด็จเพค่ะพระสนม”
พิงอันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับของเยี่ยม พิงอันเดินข้ามาก่อนจะย่อกายถวายพรพอด้วยท่วงท่าที่สวยงาม
“ถวายพระพรฮองเฮาเพค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยเพค่ะ”
“วันนี้ที่หม่อมฉันมาก็เพื่อมาเยี่ยมพระองค์ หม่อมฉันดีใจที่เห็นพระองค์ได้ไม่ทรงเป็นอะไรมาเพราะส่วนหนึ่งที่พระองค์ต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราหม่อมฉัน”
“พระสนมไม่ต้องทรงคิดมากหรอก เราเองก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรนักหมอหลวงแค่บอกว่าเพลียมากเลยทำให้เรานอนนานไปหน่อย ตอนนี้แข็งแรงดีแล้วล่ะ”
“ได้ยินรับสั่งเช่นนั้นหม่อมฉันก็เบาใจ วันนี้หม่อมฉันนำขนมทำเองมาถวายเพค่ะ” พิงอันส่งกล่องที่ใส่ขนมทีทำเองก่อนจะมาที่นี่ หนี่เจินรับกล่องนั้นมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณพระสนมที่อุตสาลำบากทำให้”
“ไม่เป็นไรแค่นี้ไม่ลำบากหม่อมฉันหรอกเพค่ะ”
“จริงสิแล้วพระสนมทรงเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พอดีข้าหมดสติไปหลังจากพวกราชองค์รักษ์มาถึง เลยไม่รุ้ว่าท่านบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”
“หม่อมฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเพค่ะ ด้วยพระบารมีของฮองเฮาจึงทำให้หม่อมฉันรอดมาได้”
“จริงสิไหน ๆ ก็มาแล้วมานั่งคุยเป็นเพื่อนข้าหน่อยนะพระสนม ข้าถูกฮ่องเต้และฮองไทเฮาสั่งออกนอกห้อง เหงาจะแย่อยู่แล้ว”
พิงอันหัวเราะบาง ๆ ด้วยเสียงหวานของคนตรงหน้านี้เอ่ยเสียงงอล ๆ เพราะถูกสั่งห้ามมิให้ออกไปไหน
“ได้เพค่ะ หม่อมฉันจะอยู่เป็นเพื่อนฮองเฮาเองเพค่ะ”
“หลงเปา”
“เพค่ะฮองเฮา”
“เจ้าเอาขนมนี้ไปจัดใส่จาดและเอาน้ำชามาให้ข้ากับพระสนมด้วย อ้อเอาไปที่ศาลาเทียนชุนนะ”
“เพค่ะฮองเฮา”
“งั้นข้าว่าเราเปลี่ยนทีเสียหน่อยดีกว่า ไปที่ศาลาเทียนชุนดีมั้ยตรงนั้นวิวสวยนัก”
“จะไม่ทรงเป็นไรหรือเพค่ะ ก็...”
“เราไม่ได้ออกไปไหนไกลเสียหน่อย แค่ออกไปแค่ศาลาที่อยู่ภายในตำหนักเราเองนะ”
“ก็ได้เพค่ะ งั้นหม่อมฉันช่วยพยุงเสด็จไปที่ศาลาแล้วกันนะเพค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกเราเดินได้นะ แต่ที่ห้ามออกไปไหนเพราะกลัวข้าไปเจ็บตัวอีกมากกว่า”
เสียงสองเสียงพากันหัวเราะกับเหตุผลที่ถูกสั่งห้ามนัก แล้วหนี่เจินกับพิงอันก็เดินมายังศาลาเทียนชุนที่ตอนนี้น้ำชาและขนมได้ถูกจัดวางเรียบร้อยแล้ว
ศาลาเทียนชุนถูกสร้างขึ้นมาสำหรับหนี่เจิน เป็นศาลาสีแดงที่ถูกสร้างให้เยื้องเข้าไปกลางบึงรอบ ๆ ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธ์ที่ตอนนี้ส่งกลิ่มหอมตามฤดูกาล ดอกหลิวเซียงที่ส่งกลิ่มหอมจนหนี่เจินต้องเอื้อมมือไปเด็ดออกมาก่อนจะส่งให้พิงอัน
“ที่นี่สวยหรือเปล่าพระสนม”
“สวยมากเพค่ะ หม่อมฉันชักชอบที่เสียแล้ว”
“ถ้าเจ้าชอบก็มาบ่อย ๆ สิ เราจะได้มานั่งจิบน้ำชาทานขนมไปพลาง ดูดอกไม้และชมนกด้วยกัน”
“เพค่ะ แล้วหม่อมฉันจะมาบ่อย”
ทั้งสองคุยกับไปพลางหยอกล้อกันไปพลาง แล้วพิงอันและหนี่เจินเดินเข้าไปนั่งบนศาลา
“เชิญลองทานดูเพค่ะ”
“เจ้าก็เชิญทานเช่นกันเราของดื่มชาก่อนแล้วกัน ตอนนี้เราพึ่งทานอาหารเช้าไปต้องรออีกสักพักถึงจะย่อยน่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจนะเพค่ะ ขนมชนิดนี้หม่อมฉันชอบมากเสียด้วย”
“เอาท่านสอนข้าทำบ้างนะพระสนม ข้าเคยแต่ทานแต่ยังไม่เคยลองทำเองเลย”
“ได้เพค่ะ ไว้วันพรุ่งนี้หม่อมฉันมาสอนทำแล้วกันเพค่ะ”
พระสนมพิงอันเมื่อพูดจบก็หยิบขนมขึ้นมาก่อนกัดเข้าไป พอกินไปได้สักพักก็เกิดชักขึ้นสร้างความตกใจให้หนี่เจินมากนัก เลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากเรียวปากงามยิ่งทำให้หนี่เจินตกใจมากขึ้นไปอีก
“พระสนม!! พระสนมพิงอันเป็นอะไรไปน่ะ...ใครอยู่แถวนี้มั้งไปตามหมอหลวงให้ข้าที!!”หนี่เจินร้องบอกนางกำนัล และเมื่อรับรู้ได้ต่างก็รีบวิ่งกันออกไปอย่างรู้หน้าที่
“เสี่ยวเย่ มาช่วยข้าพยุงพระสนมเข้าไปในห้องข้าหน่อยเร็ว”
หนี่เจินและเสี่ยวเย่ฃ่วยกันพยุงร่างที่ตอนนี้ยังชักอยู่ ก่อนจะว่างร่างพิงอันไว้บนเตียงนอนของตนเอง ไม่นานหมอหลวงก็มาถึงและเร่งกันรักษาทันที
ฮองเต้เมื่อทรงทราบว่าหมอหลวงถูกเรียกตัวไปยังตำหนักเหม่ยชุนก็ทรงตกใจ คิดว่าหนี่เจินของพระองค์เป็นอะไรขึ้นมาอีก เพราะขันทีและนางกำนัลที่มากราบทูลนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีการเรียกหมอหลวงไปกระทันหันเช่นนี้ ‘นี่ขนาดสั่งให้อยู่แต่ในห้องยังเกิดเรื่องได้อีกนะ ข้าจะทำยังไงกับเจ้าดีหนีเจิน’
+++++++++++++++++++++++++++++
ต้องมาลุ้นว่าพิงอันเป็นอะไรแล้วจะรอดมั้ยในตอนหน้าอิอิ
อย่างพึ่งคิดว่าพิงอันใจร้ายวางยาหนี่เจินที่น่ารักนะ
เพราะมันอาจไม่ใช่อย่างที่่ท่านคิด!!
-
ดีนะเนี่ยที่ฮองเฮาไม่ได้กิน :เฮ้อ:
ลุ้นๆ พระสนมจะรอดไหม
-
สามคำ>> อ่ะ นะ คะ :เฮ้อ:
-
:a5:
ถ้าเดาไม่ผิดคิดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสองพี่น้องเเน่นอน
เพราะอาจจะกลัวว่าพิงอันจะบอกความจริงรึเปล่า :เฮ้อ:
รู้เเต่ว่าตอนนี้บอกได้เลยว่า "พิงอัน ตัวเธอเริ่มน่าสงสาร" เเล้วนะ :laugh:
-
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
-
:เฮ้อ:
:call:
-
อ้าว...โดนวางยาซะงั้น องค์หญิงลีอาร์ทำรึป่าว - -"
-
ต้องเป็นเพราะสองพี่น้องนั่นแน่ๆ และก็นังไหย่หยวนไรนั่นด้วย หึ่มๆๆๆ
-
พระสนม เป็นไรอ่า ?
-
:z3:
ลุ้นๆๆๆ พิงอันจะรอดมั้ยเนี๊ยะ
-
ทำไมพิงอันเปลี่ยนความคิดง่ายจัง
ตอนแรกๆยังวางแผนร้ายอยู่เลย
ไม่เข้าใจๆ บทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเป็นคนดีขนาดนี้เลยหรอ
o22
แต่น่าสงสารแฮะ โดนวางยา
-
หนี่เจินนี่โชคดีนะเนี่ยที่ป่วยอยู่
ไม่งั้นโดนวางยาไปแว้วว
แล้วก็ขอบคุณคนเขียนนะคะ
ขนาดไม่สบายก็ยังแต่งมาให้อ่านกัน^^
-
อะไรกันเนี่ย
-
อ่านจบไป 1 หน้าแล้ว ชอบๆๆ เดี๋ยวมาอ่านต่อ(ตอนนี้ไม่ไหว ง่วงซะแล้ว ^^)
คนแต่งลงเรื่องเร็ว และต่อเนื่องดีมากๆ
ปล. แนะนำ ว่าควรระวังเรื่องการสะกดคำ การดำเนินเรื่องดีนะ
แต่อ่านแล้วสะดุดบ่อยมากๆตรงคำผิดเนี่ยแหละ
คำผิดที่พบ ในหน้า 1 เช่น
ผมประโยชน์ >> ผลประโยชน์
รูปงาน >> รูปงาม
เสียงของสายอีกสองคน>> ?? เป็น เสียงของสหายอีกคน หรือเปล่า
ฮ่องไทเฮา>> ??
พวกแก่เป็นใคร >> พวกแกเป็นใคร
ทรงพระสรวย>> ทรงพระสลวล
ดัชนี นิ้ว >> น่าจะเลือกใช้คำใดคำหนึ่งไปเลย
ขอโทษด้วยนะ ไม่ได้จะจับผิดนะคะ
+1 ให้เป็นกำลังใจในการแต่งนะ :laugh: :กอด1:
-
จะเป็น ฝีมือของใครกันนะ ระหว่าง เจ้าหญิงต่างถิ่น กับ คนรับใช้ของสนมผิงอัน
ที่ตั่งใจจะให้ฮองเฮาเป็นอันตรายแต่ ผินอันโดนแทน
-
โอ้ววว อ่านสองตอนรวด ชอบๆๆ แฮะแฮะแฮะ
ไม่รู้ซิ ตอนนี้ไม่โกรธพิงอันแล้วละ แบบ...กลับตัวได้แล้วนิ
อยากให้นายเอกเรามีเพื่อนมานั่งคุยอย่างงี้ละ น่ารักออก
อย่าเป้นอะไรไปนะ ถ้ากลับใจได้จริง ขอให้มาอยู่เป็นเพื่อนก่อน อย่าเป็นอะไร สู้ๆ
-
เออเนาะ...มีแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวันกันจริงเชียว ฮ่าๆๆๆ
-
:serius2: :serius2: :serius2:
-
พี่น้องสุดสยองแน่นอนที่วางยา- -+++
-
โหย ต้องเป็นอีพี่น้องปีศาจคู่นั้นแน่ๆเลยที่วางยาเนี่ย
แล้วผิงอันจะรอดป๊ะเนี่ย
บอกได้คำเดียวว่า ค้างอย่างแร๊ง :sad11:
-
ใครทำอ่า
:z3: :z3: :z3: :z3:
ดีนะที่เจี่ยนหนี่ไม่กินนเข้าไป
-
เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเลย.....
สนุกมากเลย... o13
-
รอ รอ รอ :z2:
-
สองพี่น้อง หรือ อินัง ไห่หย่วน ป่ะ? โอ๊ย รอๆๆๆๆ
-
มาแล้วตอนที่ 18
หลายคนคงรอคอยนาน
ลุ้นว่าพิงอันจะตายไม่ตายใช่หรือเปล่าเอ่ย
แต่ยังไม่รู้หรอกอิอิ
เอาเป็นว่าไปอ่านเอาเลยแล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++++
18
ด้านหนี่เจินก็เดินวนไปวนมาอย่างกังวลนัก เพราะไม่รู้ว่าพระสนมนั้นเป็นอะไรกันแน่ แล้วในไม่ช้าหมอหลวงก็เดินออกมาจากภายในห้องบรรทม ด้วยอาการหน้าถอดสี
“อาการของพระสนมเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวงฮัน”
“คาดว่าจะถูกพิษชนิดหนึ่งเข้าพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา แต่หม่อมฉันเองก็จนปัญญานักพิษชนิดนี้ไม่มีในประเทศเราพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หม่อมฉันทำได้เพียงใช้เข็มสกัดพิษไม่เร่งของสู่หัวใจ”
“แล้วมีทางจะรักษาได้หรือไม่”
“หม่อมฉันจนปัญญาจริงพ่ะย่ะค่ะ คงต้องหาต้อตอของพิษชนิดนี้ก่อนว่าเป็นพิษอะไรถึงจะสามารถรักษาพระอาการพระสนมได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านไปได้”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา หม่อมฉันทูลลา”
หนี่เจินเดินมาแล้วนั่งลงข้างเตียงของคนที่ตอนนี้ไม่ได้สติหันไปมองนางกำนัลคนสนิทของพิงอัน ก่อนจะนึกสงสัยแล้วหันไปถามนางกำนัลคนสนิทของตัวเอง
“เสี่ยวเย่เมื่อกี้ใครนำขนมที่พระสนมนำมาให้ข้าไปจัดใส่จาด”
“รู้สึกจะเป็นนางกำนัลใหม่ที่พึ่งถูกส่งตัวมาเพค่ะ”
“นางกำนัลใหม่งั้นหรือ เจ้าไปพานางมาพบข้าเดี๋ยวนี้”
“เพค่ะฮองเฮา”
“ไห่เหยียนเจ้าดูแลพระสนมให้ดีนะ ข้าจะทำทุกทางให้นางหายดีให้ได้”
“เพค่ะฮองเฮา”เสียงที่ตอบกลับหนี่เจินช่างเบาหวิวราวกับวิญญาณ
“ฮองเฮาเพค่ะ!! แย่แล้ว!!” เสี่ยวเย่ร้องดังขึ้นและวิ่งเข้ามาด้วยท่าตื่น ๆ
“มีเรื่องอะไรค่อย ๆ พูดมาเสี่ยวเย่”
“นางกำนัลเพค่ะ!!”
“นางกำนัลเป็นอะไร”
“นางกำนัลคนนั้นตายแล้วเพค่ะ”
“ตายแล้ว?!!”
“เพค่ะ หม่อมฉันกำลังจะไปเรียกตัวนางตามที่พระองค์สั่ง แต่พอไปถึงก็พบว่านางตายไปแล้วสาเหตุน่าจะมาจากพิษเพค่ะ”
“พิษ!! หรือว่าจะเป็นพิษแบบเดียวกับที่พระสนมได้รับมา”
“ตอนนี้หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบ แต่ว่าได้ให้หมอหญิงไปตรวจอาการแล้วเพค่ะ”
“งั้นไปบอกให้หมอหลวงตรวจซะ บอกว่าเป็นคำสั่งข้า”
“เพค่ะฮองเฮา”
“ส่วนเจ้าหลงเปาไปทำตำหนักกลางกับข้า ข้าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้เดี๋ยวนี้เลย”
“เพค่ะฮองเฮา”
หนี่เจินรีบออกจากตำหนักเหม่ยชุนไปยังตำหนักกลางของฮ่องเต้ด้วยความเร่งรีบ หนี่เจินใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงยังตำหนักกลาง
“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญนางเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ เชิยฮองเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มองหนี่เจินที่เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ก่อนจะลุกจากที่ประทับมาประคองร่างบางแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ แทน
“เจ้ามาหาของเพราะคิดถึงข้าใช่หรือไม่หนี่เจินของข้า”
“เอ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลเพค่ะ”
“หืม...มีอะไรไหนลองบอกข้าหน่อยสิ”
“สนมพิงอันเพค่ะ”
“พิงอัน? พิงอันทำอะไรเจ้าหรือว่า...”
“เอ๋...ทำไมทรงคิดว่าสนมพิงอันจะทำอะไรหม่อมฉันล่ะเพค่ะ”
“ก็เรื่องคราวที่แล้วเป็นเพราะพิงอันไม่ใช่หรือ”
“ใครทูลฝ่าบาทเพค่ะ”
“เอ่อ...จะใครก็ช่างคราวนี้พิงอันทำอะไรอีก คราวที่แล้วเพราะเจ้าไม่ได้เป็นอะไรหนักข้าเลยปล่อยนางไป แต่คราวนี้ถ้านางทำให้เจ้าเจ็บปวดอีกข้าไม่ปล่อยนางไว้แน่”
“เดี๋ยวก่อนเพค่ะ คราวนี้นางกำลังแย่ต่างหากเพราะข้านางเลยโดนพิษแทนข้า”
“พิษ? เจ้าว่าอะไรนะหนี่เจินใครโดนพิษนะ”
“ขนมที่สนมพิงอันเอามาถวายหม่อมฉันน่ะเพค่ะ ข้าพบว่ามันมีพิษแต่คนที่กินเข้าไปไม่ใช่ข้าแต่เป็นสนมพิงอันที่กินมันเข้าไป หม่อมฉันคิดว่าสนมพิงอันไม่มีทางคิดร้ายแน่เพราะถ้านางคิดจะฆ่าหม่อมฉันจริงก็คงไม่กินยาพิษที่ตัวเองตั้งใจจะให้หม่อมฉันกินแน่”
“อาจเป็นนางกำนัลของนางที่เป็นทำก็ได้ แล้วพอดีเจ้านายของมันก็กินแทน”
“ไม่ใช่หรอกเพค่ะ เพราะตอนที่สนมพิงอันกินเข้าไปนางก็อยู่ด้วยถ้าหากนางคิดวางยาหม่อมฉันจริงก็คงห้ามมิให้สนมพิงอันกินเป็นแน่ แล้วที่ยิ่งกว่านั้นพิษชนิดนี้ก็ไม่ใช่พิษภายในประเทศของเราอีกด้วยเพค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่พิษของประเทศเราแล้วเป็นพิษจากประเทศไหนล่ะหรือว่า...”
“เอ่อ...”แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะได้บอกอะไรสุรเสียงก็ดังขึ้นขัด
“ข้าพอจะรู้แล้วว่าใครที่คิดร้ายต่อเจ้า ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะหนีเจินเพราะไม่รู้ว่าฝั่งนั้นจะเล่นอะไรต่ออีก”
“เพค่ะ”
“ไหน ๆ เจ้าก็มาแล้วมาให้ข้ากอดเจ้าให้ชื่นใจหายเหนื่อยหน่อยสิ”
“ไม่ได้นะเพค่ะตอนนี้ยังต้องทรงจัดการาชกิจอีกตั้งมากมาย”
“ข้าทำจนปวดหัวไปหมดแล้ว ตอนนี้ขอข้าพักสักหน่อยไม่ได้หรือไงกัน”
“ก็ได้เพค่ะ แต่แค่กอดปกติไม่ใช่กอดแบบพิเศษนะเพค่ะ ทรงอย่างลืมว่าตอนนี้หม่อมฉันท้องอยู่”
“แหมเจ้าก่อนข้าไม่ลืมหรอกน่า คอยดูเถอะเจ้าคลอดเมื่อไรล่ะก็...”ประโยคหลังพูดเบา ๆ ให้ทรงเพียงได้ยินพระองค์เดียว
“เมื่อกี้ทรงรับสั่งอะไรนะเพค่ะ”
หนี่เจินถามขึ้นเมื่อได้ยินอะไรบางอย่างแต่มันเบาเสียจนเขาไม่ได้ยินเลยอันไปถามฮ่องเต้ที่ทรงประทับนั่งข้าง ๆ อย่างสงสัย
“เปล่า!! ข้าแค่อยากกินอะไรหวาน ๆ เท่านั้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันให้สั่งให้นางกำนัลนำมาถวายนะเพค่ะ”
“ก็ดี”
“หลงเปาเจ้าไปเตรียมขนมกับน้ำชามาให้ข้ากับฝ่าบาททีนะ ห้ามให้ใครทำให้เจ้าต้องทำเองทั้งหมดตอนนี้ข้าไม่ไหวใคร”
“เพค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”
“ข้าว่าจะออกไปล่าสัตว์นอกวังกับคณะทูตอีกอีกสามวันข้างหน้า”
“หม่อมฉันก็อยากไปด้วยเพค่ะ”
“เจ้าไปไม่ได้หรอกหนี่เจิน เรื่องนี้ไม่เรื่องที่ฮองเฮาจะต้องทำ”
“แต่ว่า...”
“หรือเจ้าคิดถึงข้าล่ะ ห่างกันแค่เพียงครู่เดียวเองพอข้ากลับมาจะกอดเจ้าให้หายคิดถึงเลย”
“หม่อมฉันไม่ได้คิดเช่นนั้นเพค่ะ”
เสียงที่เอ่ยตอบด้วยความเขิลอายจนฮ่องเต้ทรงอดไม่ได้ที่ทาบทับฝีพระโอษฐ์ลงบนเรือผมสวยอย่างรักใคร่ ก่อนจะรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมพระอุระ
หลังจากทานขนมกับน้ำชาเสด็จแล้วฮ่องเต้ก็ทรงกลับไปทำงานต่อ หนี่เจินเลยกลับมาตำหนักเหม่ยชุนก็พบว่าตอนนี้ร่างของสนมพิงอันที่ควรอยู่ตำหนักตัวเองกลับหายไป
“เสี่ยวเย่ สนมพิงอันหายไปไหน”
“เอ่อ...ไห่เหยียนบอกว่าไม่อยากรับกวนตำหนักฮองเฮาเพค่ะ เลยพาพระสนมกลับตำหนักพิงหยางไปแล้วเพค่ะ”
“อืม...ไม่เป็นไร แต่ช่วยไปเรียกพี่จิ้งฟงมาพบข้าหน่อย ข้ามีเรื่องอยากให้พี่ใหญ่ช่วย”
“รับด้วยเกล้าเพค่ะ หม่อมฉันจะรีบไปเรียนท่านอ๋องจิ้งฟง”
เสี่ยวเย่ออกไปแล้ว หนี่เจินเอาแต่นั่งคิดอย่างไม่เข้าใจเมื่อวันก่อนก็ทีแล้ว วันนี้อีกทำไมทั้งสองถึงคิดจะฆ่าเรานัก เราไปทำให้พวกเขาคิดจะฆ่าแก้งได้เช่นนี้
แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะคิดอะไรต่อเสียงนางกำนัลคนสนิทก็รายงานขึ้น พร้อมกับบุคคลที่หนี่เจินบอกให้ไปเรียกพบเดินเข้ามาในห้อง
“ทูลฮ่องเฮาท่านอ๋องจิ้งฟงมาถึงแล้วเพค่ะ”
“ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะท่านพี่ไม่ต้องมากพิธี พวกเจ้าออกไปก่อนแล้วหาของว่างมาให้ข้ากับพี่ใหญ่ด้วย”
“เพค่ะฮองเฮา”
“ไม่ทราบว่าฮองเฮาทรงเรียกพบหม่อมฉันมีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“โธ่...ท่านพี่อยู่กันแค่สองคน พูดคุยกับข้างอย่างปกติเถอะ”
“ก็ได้พี่ตามใจเจ้า ว่าแต่ที่เจ้าเรียกพี่เข้าพบแบบนี้มีเรื่องอะไรจะให้พี่ช่วยอีกล่ะสิ”
“ค่ะท่านพี่ อีกสามวันฮ่องเต้จะทรงออกล่าสัตว์พร้อมกับเหล่าคณะทูตจากมองโกเลีย น้องไม่วางใจทางฝั่งนู้นนัก เพราะฝั่งนู้นลอบทำรายน้องถึงสองครั้งแล้ว”
“เจ้าว่าอะไรนะ!! สองครั้งแล้วทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องนี้!!”
“ใจเย็น ๆ สิพี่ใหญ่เดี๋ยวใครก็เข้ามาได้ยินหรอก ข้าไม่ได้เป็นไรมากเลยไม่ได้บอกไปท่านบ้านเรา กลัวท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วชุนเซียงจะเป็นห่วงเลยไม่บอกไป แต่เรื่องนี้ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีแล้วก็ป้องกันแน่นหนา เป็นเพราะข้าไม่ระวังตัวเองเลยบาดเจ็บ และวันนี้ข้าก็เกือบโดนวางยาพิษแต่เคราะห์ร้ายของพระสนมพิงอันที่โดยแทนที่จะเป็นข้า ตอนนี้อาการยังไม่ดีขึ้นเลยหมอหลวงบอกว่าเป็นพิษที่ไม่มีในประเทศเรา ข้าไม่รู้จะทำเช่นไรดีพี่ใหญ่”
“ไม่ต้องห่วงน้องพี่ พี่จะไปหาหมอหลวงที่สนิทกันช่วยอีกที ว่าแต่เจ้ามีตัวอย่างพิษหรือไม่พี่จะได้ให้เขาช่วยดูให้”
“มีเพค่ะมันผสมในขนมแล้วน้องก็เก็บไว้เดี๋ยวให้เสี่ยวเย่เอาให้ตอนท่านพี่จะกลับ”
“เอาล่ะเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วงพี่จะจัดการให้ ว่าแต่เรื่องที่ฮ่องเต้จะทรงออกล่าสัตว์ล่ะเจ้าจะเอายังไง”
“น้องกะว่าจะปลอมตัวเป็นทหารแฝงตัวไปพร้อมกับขบวนของฝ่าบาทกับท่านพี่ แล้วให้น้องหญิงชุนเซียงมาอยู่แทนข้าในวัง”
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะบอกชุนเซียงให้”
“ขอบคุณมากค่ะท่านพี่”
จิ้งฟงยิ้มหวานให้น้องคนรองก่อนจะคว้าเข้ามากอดอย่างเอ็ดดู เขารู้แล้วทำไมฮ่องเต้ถึงไม่เอาผิดกับน้องของเขาเมื่อรู้ว่าไม่ใช่หญิง ก็น้องของเขาออกจะน่ารักน่าเอ็ดดูเช่นนี้เป็นใครก็โกรธไม่ลง
ไม่นานหลังจากการพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องที่หนี่เจินกังวลและเรื่องทั่วไปที่ผู้เป็นพี่ถาม ก่อนที่จิ้งฟงจะขอตัวไปทำตามแผนการที่หนี่เจินวางไว้
+++++++++++++++++++++++++
หนี่เจินมีแผลอะไรต้องติดตามตอนต่อไปนะ
ช่วงนี้อาจช้าหน่อยนะ
คนแต่งป่วย ปวดหัวแล้วแต่งไม่ออก 555+
-
โอ๊ะ เราจะได้เจอหนี่เจินภาคแต่งกายเป็นชายออกไปล่าสัตว์แล้วหรอนี่
ว่าแต่ใครกันนะ ที่จะมาปองร้ายฮ่องเต้และฮองเฮาของเรา
-
หวังว่าออกไปคงจะไม่เปนอะไรนะ ฮ่องเต้
-
หายไปตั้ง1วันแหนะ
ชิชะ :m16: :m16:
-
เออ หนี่เจินเธอท้องอยู่นะ
ห่วงแต่ฮ่องเต้ไม่ห่วงตัวเองบ้างเลย
-
มาเอาใจช่วยฮองเฮาคนสวยอีกคน
-
เดี๊ยนเสนอให้ปลดหมอหลวงก่อนอื่นใดค่ะ ไม่เห็นแกรักษา ใครได้สักคน เห็นแต่ว่าหมดปัญญา อารมณ์เสีย
-
ต้องพูดว่า ฮองเฮาเราไม่ได้ใสซื่อขนาดโง่หรอกเน๊อะ อิอิ
-
หนี่เจินเธอท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ o12
หายไวไวนะคนแต่ง :กอด1:
-
น่าสงสารพระสนมจัง :sad4:
คนแต่งสู้ ๆ นะ เอาใจช่วยจร้า ๆ :L2: :L2:
-
o13 o13 :mc4: :mc4:
-
ท้องอยู่นะหนี่เจิน
-
ฮองเฮาสู้คนเป็นแล้ว อิอิ
-
หนี่เจินนนน
ท้องอยู่ไม่ใช่หรอจร้า
จะออกไปบู้อีกแว้ววว
ลูกออกมาท่าจะแข็งแรง^^
-
แล้วจะมีอะไร เกิดขึ้นกับหนี่เจินไหม๊หละทีนี้ .. แต่เค้าว่า ถ้าฮ่องเต้เห็น ก็คงดูออกอยุ่แล้ว .. ก็แหม ภรรยาที่รักทั้งคน
-
อิอิ เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะมาม่าขนาดหนักซะอีก
เป็นกำลังใจให้คนแต่งหายป่วยไวๆ นะครับ o13
-
แวะมาแปะครึ่งแรกก่อนจร้า
คนแต่ไข้ขึ้นปวดหัวมั้ก ๆ = =
ท่านผู้อ่านที่น่ารักก็ระวังเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยนะ
เดี๋ยวจะป่วยเหมือนคนแต่งที่ตอนนี้ไข้กินซะแล้วอิอิ
แต่ไม่ต้องกลัวว่าคนแต่งจะหายนะ
ยังไงก็ต้องเอามาลงให้ได้อ่านจนได้แหละนะ
ดึก ๆ จะเอาครึ่งหลังมาให้อ่านนะ
ว่าแล้วไปอ่านเลยแล้วกันเนอะ
++++++++++++++++++++++
19
วันนี้เป็นวันที่ฮ่องเต้จะทรงเสด็จออกล่าสัตว์พร้อมเหล่าคณะทูต หนี่เจินขอให้จิ้งฟงผู้เป็นพี่เอาชุดทหารมาให้เปลื่ยนก่อน โดยชุดก็มีเสือ เกาะนอกแล้วก็หมวกที่พอจะปกปิดใบหน้าได้หน่อย กับดาบเล่มโตอีกดาบ
พอใส่เสร็จแล้วเดินออกคนทั้งสามเกือบจะจมเค้าโครงเดิมของหญิงงามไมได้ กลายเป็นทหารหนุ่มน้อยไปแทนเสียแล้ว ส่วนสองสาวใช้คนสนิทเองก็เปลี่ยนชุดเช่นกันตอนนี้เลยกลายเป็นทหารหนุ่มหน้าหวานไปแล้วสามคน
หนี่เจินเดินตามหลังของจิ้งฟงออกมาตามมาด้วยเสี่ยวเย่และหลงเปา จิ้งฟงเดินนำออกมายังถึงขบวนของทหารที่จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะสั่งให้ทหารออกเดินทางได้
โดยจิ้งฟงนั้นไปในฐานะแม่ทัพที่ต้องร่วมออกล่าสัตว์อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร และให้หนี่เจินกับสองสาวใช้เป็นผู้ติดตามของเขาเพื่อที่จะได้ไม่ได้ไปวิ่งเหมือนกับทหารคนอื่น ขบวนเสด็จเริ่มเดินทางเมื่อฟ้าเริ่มสว่างเพื่อไปให้ถึงที่หมายในยามเที่ยงเพราะพิธีจะเริ่มในยามบ่ายที่แดดเริ่มอ่อนลง
เนื่องด้วยหนี่เจินกำลังท้องทำให้ผู้เป็นพี่อดห่วงไม่ได้เลยต้องให้ซ้อนม้าของเองเพราะไม่อยากให้หนี่เจินขี้ม้ามาเอง ส่วนสองสาวใช้เองก็เป็นผู้หญิงเลยให้ทั้งสองขี้ม้าตามมาด้วยเช่นนั้น
แล้วขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็มาถึงยังป่าที่เตรียมไว้สำหรับพิธีล่าสัตว์ ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงลงจากเกี้ยวไปยังที่ประทับและเชิญเหล่าคณะทูตให้พักผ่อนก่อนจะเริ่มล่าสัตว์ในตอนบ่าย
เมื่อขบวนเสด็จมาถึงที่หมายแล้ว จิ้งฟงเลยแยกตัวพาหนี่เจินและสองสาวใช้ไปที่พักของแม่ทัพ ก่อนจะให้ทหารนายหนึ่งนำอาหารมาให้
“ตอนบ่ายพวกเจ้าก็อยู่ในนี้ล่ะห้ามออกไปไหน”
“ไม่ได้นะท่านพี่ ข้าเองก็อยากออกไปดูว่าเขาทำอะไรกันบ้างนะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรรู้”
“แต่ว่า....”
“ที่พี่ไม่ให้เจ้าออกไปเพราะพี่ห่วงเจ้าและห่วงหลานของพี่ด้วย เจ้าอย่าลืมสิตอนนี้เจ้าหาได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้วไม่ เจ้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ที่อีกหน่อยจะขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปด้วยนะ”
“แต่ว่า...”
ไม่ทันที่หนี่เจินจะพูดค้านผู้เป็นพี่ต่อ นายทหารที่จิ้งฟงผู้เป็นพี่ใช้ให้ไปเตรียมสำรับอาหารรายงานและเดินเข้ามาเอาอาหารตั้งให้ในที่พักซะก่อน ก่อนจะขอตัวกลับไป
อาหารกลิ่มหอม ๆ ลอยมาเข้าจมูกของคนทั้งหมด มีเพียงแต่หนี่เจินต้องเบ้หน้าหนีเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหมือนอยากจะอ้วกเสียมากกว่า
“อุ๊บ...”
เมื่อรู้สึกได้สึกสิที่จะออกมาหนี่เจินก็รีบเอามือปิดปากแล้ววิ่งออกไปนอกที่พักไป จนสองสาวใช้ต้องวิ่งตามออกด้วยเมื่อรับรู้ได้ว่านายของตนวิ่งออกไป
หนี่เจินวิ่งตรงไปยังที่ไม่มีคนก่อนจะอาเจียนออกมา สองสาวใช้รู้หน้าที่รีบไปเอาน้ำสะอาดมาเตรียมไว้ ก่อนจะยื่นให้หนี่เจินเมื่อคนตรงหน้าหยุดอาเจียนแล้ว หนี่เจินรับมาล้างหน้าล้าตา
“ทรงไม่เป็นไรนะเพค่ะ”
“ข้าไม่เป็นไร แล้วข้าก็บอกเจ้าแล้วอยู่นอกวังอย่างเรียกข้าแบบนั้น เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย”
“เจ้าค่ะเอ่อ..”
“เอ่ออะไรเล่าข้าให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรก่อนออกมา”
“เอ่อ...ได้จิ้งหลาง”เสี่ยวเย่เอ่ยชื่อที่หนี่เจินใช้ปลอมตัวขึ้นมาก่อนจะมองผู้เป็นนายที่ยังมีสีหน้าไม่ดีนัก
“ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ..เอ่อ..ครับ”
“อืมรู้สึกคลื่นใส้ พอได้กลิ่นอาหารพวกนั้นน่ะสิปกติไม่เป็นจะเป็นแบบนี้”
“ก็ไม่แปลกนี่เจ้า...เอ่ย..ครับ”
“ไม่แปลก?”หนี่เจินเอ่ยอย่างสงสัย
“ลืมไปแล้วเหรอว่าท่านกำลังท้องน่ะ”
“อืม ข้าลืมไปทั้งที่หมอหลวงก็บอกแล้วว่าอีกหน่อยอาการคลื่นใส้จะตามมา แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงเพียงนี้”
หนี่เจินเดินกลับเข้ามาข้างในที่พักก่อนจะนั่งลงข้างผู้เป็นพี่ ยังไม่ทันนั่งดีเท่าไรมือแข็ง ๆ ของคนข้างก็พาดมาที่หน้าผากมลที่เริ่มชื่นเหงื่อพลางส่ายหน้าอย่างเป็นห่วง
“พี่ก็บอกเจ้าแล้ว เจ้าออกไปไม่ไหวหรอกนี่คงเป็นอาการแพ้ท้องสินะถึงได้รีบวิ่งออกไปแบบนั้นน่ะ”
“ครับ ก็ข้าไม่คิดว่าจะรุนแรงเพียงนี้”
“ครับอะไร ตอนนี้เจ้าต้องพูดค่ะสิน้องพี่”
“โธ่...พี่ใหญ่ตอนนี้ข้ามาในฐานะชายนะ ให้พูดค่ะก็แปลกสิ”
“อืมนั้นสิพี่ก็ลืมไปฮ่า ๆ”
“ว่าแต่พี่ใหญ่รู้ได้ไงว่าข้าแพ้ท้องน่ะ”
“ก็ตอนท่านแม่ท้องเจ้าพี่ก็เคยเห็นท่านแม่มีอาการเหมือนกับเจ้านั้นแหละ เลยคิดว่าน่าจะใช่ก็เท่านั้น”
“อ๋อ...ข้านึกว่าท่านจะเคยท้องเสียอีก”
“เจ้าจะบ้าเหรอหนี่เจินพี่ไม่ทางท้องเองแน่”
“ครับ ๆ ข้าเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจแล้วก็ดีฉะนั้นเจ้าต้องทำตามที่พี่บอก ไม่เช่นนั้นพี่จะให้ทหารพาเจ้ากลับวังหลวง”
“ก็ได้ครับ ข้าอยู่ในที่พักก็ได้แต่มีข้อแม้ว่าท่านพี่กลับมาต้องมาเล่าให้ข้าฟังด้วย”
“อืม ได้สิพี่ต้องเล่าอยู่แล้ว”
จิ้งฟงลูบหัวหนี่เจินอย่างรักใคร่ก่อนจะเดินออกนอกที่พักไป เพราะเวลานี้ใกล้เวลาพิธีล่าสัตว์แล้ว
จิ้งฟงสั่งให้ทหารตั้งแถวล้อมพื้นที่แล้วไล่ให้หมูป่าเข้าไปในวงล้มนั้น ก่อนจะสั่งให้ตีลงแคบเพื่อให้ฮ่องเต้ทรงม้าและทรงง้าวศรก่อนจะเล็งเปาไปที่หมู่ป่าตัวโตที่ถูกล่อเข้ามาในวงล้อม
ฟิ้ว!! ฉึก!! อู้ด!! โครม!!
ลูกศรถูกปักอย่างแม่นยำในตำแหน่งหัวใจ ก่อนที่หมู่ป่าตัวนั้นจะร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มตึงเมื่อลูกศรนั้นปักเข้าไปลึก
“เย้!!!!”เสียงร้องอย่างดีใจของเหล่าทหารกับเหล่าผู้ติดตามดังขึ้น เมื่อหมูป่าล้มลง
“ทรงพระปรีชาสามามรถมากเพค่ะ”องค์หญิงลีอาร์ขี่ม้ามาใกล้ ๆ กับฮ่องเต้ก่อนเอ่ยชมออกมา
“ไม่เท่าหรอกองค์หญิงลีอาร์”
“กระหม่อมเองก็ว่าทรงพระปรีชามากพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้กระหม่อมจะยิงธนูได้เก่งแต่ก็ไม่อาจเทียบกับฝ่าบาทได้”
“พวกท่านก็ชมข้าเกินไปแล้ว”
“หม่อมฉันอยากเข้าไปให้ลึกกว่านี้ ไม่ทราบว่าจะทรงอนุญาตหรือเปล่าเพค่ะ”
“ได้สิองค์หญิงหากท่านต้องการเข้าไปให้ลึกกว่านี้ข้าก็ไม่ว่ากะไรหรอก”
ว่าแล้วก็ทรงควบม้าให้วิ่งเข้าไปลึกขึ้นอีกจนพ้นแนวที่เหล่าทหาร องค์หญิงลีอาร์ยิ้มอย่างพอใจ ‘ลึก ลึกเข้าไปอีกยิ่งลึกมากเท่าไรยิ่งดี เพราะเมื่อยิ่งลึกก็ยึ่งจะได้ไม่มีใครมาขัดขวางข้าได้’ องค์หญิงลีอาร์ควบม้าตามเข้าไปเพียงองค์เดียว ผิดกับผู้เป็นพี่ที่ควบม้าไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว
++++++++++++++++++++++
ลีอาร์และลีซานจะทำอะไร แล้วฮ่องเต้จะทรงเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย
ต้องไปรอลุ้นตอนต่อไปนะ
-
สามคำให้อีสองพี่น้องลี>>>ไป ตาย ซะ
ให้หนี่เจิน>>>รัก นะ ตัว (??)
เอ่อ....ให้หมอหลวง>>> เป็น หมอ จริง? (รักษาใครไม่เห็นหายซักราย o22 )
ให้คนเขียน>>> สู้ นะ ตัว :กอด1:
-
สองพี่น้องนี้ชั่วจิงๆ ฮ่องเต้จะรอดไหมเนี่ย คนเขียนไม่สบายหายไวๆเน้อ สู้ๆ
-
สองพี่น้อง :z6:
:call:
:call:
-
ฮ่องเต้ ๆ จะเป็นไรอ่า ?
มาต่อไว ๆ นะค่ะ
-
รอๆ
คนแต่งสู้ๆ
หายเร็วๆนะคะ^^
-
นังลีอาร์จะทำอะไรเนี่ยยยยยยยยยยย
-
ทำไมฮ่องเต้ไม่จัดการสักทีนะ
-
สองพี่น้องนี่ เมื่อไหร่จะหายๆไปซะทีนะ :angry2:
-
55555555555+
+1
ให้นะ
-
เบื่อลีอาร์
-
มาแล้วครึ่งหลัง
คนแต่งพิมไปตาลายไป 555+
พยายามอย่างหนักไม่ให้ตาปิดก่อนจะแต่งจบตอน
หลายคนเบื่อพี่น้องตระกูลลีและ
อีกไม่นานอ่ะสองคนนี้จะไปพ้นจากชีวิตของหนี่เจินและฮ่องเต้แล้ว
ฮิ้ว....ดีใจกันหน่อยเร็ว...อิอิ
น่าจะอีกตอนสองตอนแหละ ทุกคนก็จะไม่ได้เห็นและ= =
ไปอ่านกันเลยดีกว่าเนอะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ด้านหนี่เจินก็ได้แต่เดินวนไปวนมาในห้อง เพราะในใจก็เอาแต่ห่วงฮ่องเต้ว่าจะทรงเป็นอะไรหรือไม่ ที่ต้องห่วงมากขนาดนี้เพราะเมื่อวันก่อน เขาไปเดินเล่นนอกตำหนักเหม่ยชุนในยามดึกและปลอมตัวเป็นขันทีน้อยออกไป เลยทำให้ไม่มีใครจำเขาได้
และเมื่อเดินไปถึงยังตำหนักรับรองขององค์ชายลีซานและองค์หญิงลีอาร์ก็ต้องตกใจกับการสนทนาของพี่น้องคู่นี้
‘พรุ่งนี้เจ้าล่อฮ่องเต้ให้เข้าไปไปในป่าให้ลึกที่สุด พี่บอกให้คนของเราดักซุ่มรอและเมื่อเจ้าพาฮ่องเต้ไปถึงยังจุดนั้นแล้วก็ให้ลงมือเลย แล้วเดี๋ยวพี่จัดการอีกเรื่องเสร็จจะรีบตามไปสบทบกับเจ้าให้เร็วที่สุด’
“แล้วอีกเรื่องที่ว่าคืออะไรล่ะ ถ้าเรารู้ว่าอีกเรื่องคืออะไรก็คงดีจะได้กันไว้ก่อน”
หนี่เจินเดินไปบ่นไปกับตัวเอง จนเสี่ยวเย่กับหลงเปาหันมองผู้เป็นนายอย่างสงสัย เพราะหนีเจินเอาแต่เดินไปเดินมา แล้วก็บ่นตัวเองอยู่นานแล้วยังไม่เห็นว่าจะหยุดซะด้วย
“เอ่อ...จะไม่หยุดเดินก่อนหรือเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะเหนื่อยเอานะค่ะท่านอ๋องน้อย”เนื่องด้วยที่ว่าตอนนี้ไม่มีใครนอกจากหนี่เจินและพวกนางก็เลยอนุญาตให้เรียกได้แต่ต้องในนามของชายเท่านั้น
“ใช่ค่ะท่านอ๋อง ตอนนี้ท่างอ๋องกำลังตั้งครรถ์นะเจ้าค่ะเดินมาก ๆ เช่นนี้ข้าเกรงว่า...”
“ก็ได้ ๆ ข้าเข้าใจแล้วนั่งก็ได้”
แล้วหนี่เจินก็หันไปนั่งบนเก้าอี้แบบนอนก่อนจะเอนตัวแล้วหลับตาเพื่อพักสมองที่คิดมานาน แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้หลับสนิทก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างนอกแทน
“รีบคุ้มกันฝ่าบาท มีคนลอบทำร้าย”
เสียงร้องของเหล่าทหารและเสียงวิ่งไปมาทำให้หนี่เจินสะดุ้งลืมตาขึ้น และเห็นว่าเสี่ยวเย่กับหลงเปาจับมั่นไว้ที่กระบี่คู่กาย หนี่เจินเองก็เอามือจับมั่นไว้ที่ดาบเช่นกัน
“รีบไปเร็วเข้าฝ่าบาททรงอยู่ในอันตรายแล้ว”เสียงจิ้งฟงดันขึ้นสั่งให้ทหารรีบออกไปช่วย แล้วเดินก้าวเข้ามาในห้องพักที่อยู่หนี่เจินอยู่ ก่อนจะย่อตัวให้
“ตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เชิญฮองเฮาเสด็จกลับก่อน”
“ไม่!! ฝ่าบาททรงเป็นไรพี่ใหญ่”
“ฝ่าบาททรงควบม้าเข้าไปในป่าลึกพวกกระหม่อมตามไปไม่ทันพ่ะย่ะค่ะ แล้วระหว่างทางก็ถูกคนรอบทำร้าย กระหม่อมเลยพลัดหลงกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝะ...ฝ่าบาท”
หนี่เจินล้มลงไปกองกับพื้นท่าทางเหมือนกับสติจะหลุดลอยไป เมื่อได้ทราบข่าวคราวจากผู้เป็นพี่จนสาวใช้ทั้งสองต้องรีบเข้ามาประคองให้นั่งบนเก้าอี้แบบนอนแทน
“ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วต้องขอให้ฮองเฮาเสด็จกลับวังก่อน
“ไม่!! ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น!! ข้าจะไปช่วยฝ่าบาทก่อนพี่ใหญ่!!”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าทรงไปด้วยอีกพระองค์อาจจะเข้าแผนของอีกฝ่ายก็เป็นได้ ตอนนี้กระหม่อมสั่งให้ทหารออกตามหาฝ่าบาทแล้ว”
“ถึงข้ากลับไปข้าก็อดหัวไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ ให้ข้าอยู่ช่วยนะพี่ใหญ่”
เสียงหวานร้องขออย่างอ้อนวอน เขาไม่เคยเห็นน้องคนนี้ร้องไห้หรือทำหน้าเศร้ามาก่อน ราวกับหัวใจดวงจะแตกสลาย ถึงเขาเองจะห่วงฮ่องเต้มากเท่าไร ก็คงไม่มากกว่าน้องของเขาเป็นแน่
“ก็ได้ถ้าเจ้าจะอยู่ที่นี่ แต่พี่ไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปข้างนอก รอให้สงบก่อนถึงจะออกไปได้ตอนนี้ขอให้เจ้ารอพี่อยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะบอกให้เจ้าออกไปได้ ถ้าตกลงพี่ก็จะให้เจ้าอยู่แต่ถ้าไม่พี่จะส่งเจ้ากลับทันทีไม่มีข้อแม้อะไรทั้งสินตกลงมั้ย”
หนี่เจินพยักหน้าถึงเขาจะไม่เห็นด้วยที่ไม่ยอมให้ออกไป แต่ก็ดีกว่าถูกส่งกลับไปวังแล้วไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
เมื่อรับรู้ว่าหนี่เจินนั้นยอมรับขอตกลงของตัวเอง จิ้งฟงก็หันมาสั่งสองสาวใช้ให้ดูแลหนี่เจินให้ดีอย่าให้ออกไปข้างนอกเด็ดขาด สองสาวใช้พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เมื่อสองสาวใช้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะก็รีบเดินออกนอกที่พักไป
“ขอให้ฝ่าบาททรงปลอดภัยด้วย อย่าได้ทรงเป็นอะไรเลย”
หนี่เจินเอามือลูบท้องแบนราบราวกับจะให้ลูกน้อยที่ยังไม่ลืมตาดูโลกช่วยภาวนาให้พ่อของเขาปลอดภัย ใบหน้าหวานตอนนี้มีสีหน้ากังวล สองสาวใช้เองก็อดที่จะเศร้าแทนผู้เป็นนายไม่ได้ แต่ก็ได้แต่นั่งมองอย่างเดียวเท่านั้น
ไม่นานนักเสียงด้านนอก็เบาลงอาจเป็นเพราะตอนนี้เหล่าทหารเริ่มแยกย้ายไปตามหาฮ่องเต้แล้วก็ได้ หนี่เจินได้แต่นั่งภาวนาก็ต้องตกใจ เพราะจู่ ๆ ก็ทหารนายหนึ่งเดินข้ามา
“จิ้งฟงอยู่มั้ย ท่านแม่ทัพจิ้งฟง”
ชายในชุดทหารที่ไม่ต่างกับหนี่เจินและสองสาวใช้นักเดินเข้ามาในห้อง หมวกที่ปกปิดหน้าตาไว้ทำให้หนี่เจินมองไม่เห็นว่าหน้าตาของอีกฝ่ายเป็นใคร โชคดีที่หนี่เจินไม่เผลอตัวถอดหมวกออกเลยทำให้อีกฝ่ายเองก็ไม่เห็นหน้าตาของหนี่เจินเช่นกัน
“ท่านแม่ทัพออกไปตามหาฝ่าบาท ไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือฝากข้าไว้ก็ได้ ถ้าท่านแม่ทัพกลับมาข้าจะรายงานให้”
“ข้า...”ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะเอ่ยก็มีทหารอีกนายโผล่เข้ามาแทน
“ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ อ่ะ...อ้าว...”
ทหารอีกคนก้าวเข้ามาก็ต้องหยุดชะงักเพราะแทนที่เขาจะได้เจอกับบุคคลที่เอ่ยนาม แต่กลับเป็นทหารสี่นายที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใครแทน
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพอยู่มั้ย”
“ท่านแม่ทัพออกไปตามหาฝ่าบาทมีอะไรก็บอกข้าเดี๋ยวข้ารายงานให้”
“ถ้างั้นก็ขอฝากด้วยเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก นี่เป็นสารจากวังหลวงบอกว่าให้รีบส่งให้ท่านแม่ทัพโดยด่วน”
“สารจากวังหลวงงั้นหรือ?”
“ขอรับ งั้นข้าขอตัวก่อนขอรับ”พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง
หนี่เจินเปิดอ่านสารที่พึ่งได้รับมาในทันที และแล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่ออ่านข้อความในสารด่วนนี้จนจบ ก่อนจะทิ้งลงอย่างไม่ใยดี ทหารอีกนายที่ยังคงไม่ไปเก็บสารฉบับนั้นขึ้นมาอ่านก่อนอีกฝ่ายจะมีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
“หนี่เจินไม่จริงใช่มั้ย”
“เอ๋? ไหนข้าขออ่านหน่อย”
“รายงานท่านแม่ทัพตอนนี้มีคนร้ายบุกวังหลวงลักพาตัวฮองเฮาที่ทรงประทับอยู่ในวังหลวงไป ตอนนี้เราทำการติดตามคนร้ายไปแล้ว”
“ไม่จริง ชุนเซียง ชุนเซียงกำลังตกอยุ่ในอันตราย”
“ชุนเซียง? เจ้าพูดอะไรคนที่โดดผ่านตัวไปเป็นหนี่เจินนะ”
ทหารนายนั้นเถียงขึ้นหนี่เจินหันไปมองหน้าอย่างสงสัย เสียงทุ้มนุ้มอันคุ้นเคยกับการเรียกแบบนี้นอกจากฮ่องเต้แล้วก็มีเพียงคนที่บ้านเท่านั้นที่จะเรียกเช่นนี้ได้
“หรือว่าท่าน? คือ...ฝ่าบาท?”
“เอ๊ะ? เจ้ารู้ได้ยังไงกัน แล้ว...เสียงนี้...ข้าว่าคุ้น ๆ นะ หรือว่าเจ้าจะเป็น...”
“หม่อมฉันหนี่เจินเพค่ะฝ่าบาท”
ว่าแล้วก็พลางถอดหมวกออกก่อนจะโผล่กอดฮ่องเต้ที่ยังทรงงงอยู่ว่าทำไมถึงได้มาอยู่ตรงหนี้ได้ ก่อนจะนำพระหัตถ์ถอดหมวกออกแล้วมองคนในอ้อมกอดให้แน่ใจ
“เจ้า...ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“ฝ่าบาทเองก็เหมือนกัน ทำไมทรงฉลององค์เช่นทหารอย่างนี้ แล้วก็หม่อมฉันคิดว่า...ทรงโดนลอบทำร้ายอยู่”
“คนที่โดนลอบทำร้ายน่ะเป็นแค่ตัวปลอมที่ข้าให้เข้ามาแสดงบนบาทของข้าเท่านั้น”
“ได้ยินเช่นนี้หม่อมฉันก็วางใจแล้วเพค่ะ”
“ว่าแต่ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วถ้างั้นใครกันล่ะที่โดนจับตัวไป”
“จริงด้วยทำไงดีเพค่ะ น้องสาวของหม่อมฉันเพค่ะ น้อสาวของหม่อมฉันที่ชื่อเฉินชุนเซียง ชุนเซียงโดนคนร้ายจับไปแล้ว หม่อมฉันจะทำเช่นไรดีหม่อมฉันปลอมตัวออกมาพร้อมกับขบวนของฝ่าบาท เลยให้ชุนเซียงปลอมตัวเป็นหม่อมฉันแล้วอยู่ในตำหนักแทน ไม่คิดว่า...จะทำเช่นไรดีเพค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงโอบกอดร่างบางไว้ พระหัตถ์ข้างหนึ่งยกขึ้นลูบเรือนผมยาวสวยที่ถูกถักเปียไว้อย่างเบามือ ก่อนจะพาหนี่เจินไปนั่ง
“ใจเย็นก่อน ตอนนี้ทหารได้ติดตามไปแล้วอีกอย่างราชองค์รักษ์สองของข้าก็อยู่นะเจ้าอย่าลืมสิ ข้าให้พวกเข้าคุ้มครองเจ้า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงพวกนั้นไม่อยู่เฉยแน่”
“จริงหรือเพค่ะ ค่อยยังชั่วถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็คงวางใจได้”
“ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ข้าบอกให้เจ้าอยู่ที่วังไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...ก็หม่อมฉันเป็นห่วงฝ่าบาทน่ะเพค่ะ”
“ยังไงก็เถอะ คราวนี้ข้าจะไม่เอาผิดเจ้าเพราะถ้าเจ้าอยู่ในวังจริง ข้าคงเสียใจนักหากเจ้าถูกพาตัวไปเช่นนั้น”
“ถึงไม่ใช่หม่อมฉัน แต่คนที่ถูกพาไปเป็นน้องสาวของหม่อมฉันนะเพค่ะ”
“เอาเถอะน่า ตอนนี้พวกเราก็ได้แต่รอข่าวจากสองคนนั้น”
“เพค่ะ”
“ทูลฝ่าบาท อ๊ะ...ฮองเฮา!! ทะ..ทำไมทรงประทับอยู่ที่นี่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ!!”เสียงมหาขันทีเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้ามาเพื่อรายงานเหตุการณ์ข้างนอก
“เจ้ามาก็ดีแล้วเสี่ยวงตั้งจือ ไปเอาชื่อของสตรีมาให้ข้าหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
แล้วเสี่ยวตั้งจือก็เดินออกไปจากห้องทิ้งให้หนี่เจินและสองสาวใช้ไว้ เมื่อเห็นว่ามหาขันทีออกไปแล้วฮ่องเต้ก็ทรงส่งสายตาไปยังสองสาวใช้ที่หันมามองพอดี สองสาวใช้ที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องทำอะไรเลยลุกขึ้นแล้วขอตัวออกไป ทิ้งให้หนี่เจินอยู่กับฮ่องเต้เพียงลำพัง
+++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนะ
เอาไว้ไปลุ้นกันต่อตอนหน้าจร้าาาาา
-
โอ้ววว โล่งอกที่ทั้งสองไม่เป็นไร
-
รอลุ้นต่อไปอ่ะ
-
ซับซ้อนมากจิงๆ
แผนซ้อนแผน ซ้อนแผน 5555555
-
ตามลุ้นต่อไปนะคะ นักเขียนสู้ๆ นะคะ
-
รออยู่นะ :z2:
:call:
-
ฝ่าบาทฉลาดเหมือนกันแห๊ะ^^
รีบไปช่วยชุนเซียงไวๆนะ
-
สามคำ>>>หัก มุม นะ :laugh:
-
แผนซ้อนแผนจริง ๆ
เดาว่าองค์ชายลีซานคงจะคู่กับน้องสาวหนี่เจินแน่ ๆ
-
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ o13
ลุ้นๆ รอตอนต่อไป :z3:
-
เฮ้อออออ นึกว่าฮ่องเต้จะเป็นไรสะแล้ว
-
โอ้ย เมื่อไหร่สองพี่น้องนรกนั้น
จะกลับหลุมละ
-
ตอนนี้ปลอมตัวกันสนุกเลย ใครเป็นใคร งงไปเลย
แต่ตอนนี้รู้แล้ว
อยากให้จัดการอะไร สองพี่น้องนี่หน่อยปล่อยกลับเฉยๆเหมือนจะใจดีเกินไป ขอจัดหนักๆ ยิ่งองค์หญิงลีอาร์ นี่เยอะๆ
-
เหวยๆๆๆ แผนซ้อนแผน ปลอมตัวกันไปปลอมตัวกันมา เวียนหัวไปหมด
แต่ยังไงก็ปลอดภัยกันทั้งคู่ล่ะนะ ^^
-
อีพี่น้องตระกูลลีนี่วอนโดน :fcuk: มากๆ
อะไรของเธอ วุ่นวายจริง :angry2:
เเต่ฮ่องเต้ฉลาดนะนี่ รู้จักทำแผนซ้อนเเผน ปลื้มค่ะ o18
รอตอนต่อไป ว่าฮ่องเต้จะจับตัวสองพี่น้องลีได้มั้ย เข้มข้นๆ
-
ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
โครตลุ้นเลยอ่ะ
มาต่อไวน่ะจะรออ่านต่อไปจ๊ะ
-
ลุ้นมากๆๆไม่คิดว่าหนี่เจินจะคมในฝักเหมือนกัน
สมแล้วที่ฮ่องเต้เลือกมา
อยากจะฆ่าสองพี่น้องนี้จริงๆๆสมแล้วที่โดนแผนซ้อนแผน
ปล.ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนานมัวแต่ยุ่งๆๆ
-
มารอนะคะ ^^
-
มาติดตามเรื่องนี้ด้วยคน
อ่านรวดเดียวจบ
เป็นแนวที่ชอบมากๆค่ะ
เขียนได้สนุกดีค่ะ
อยากให้สองพี่น้องมองโกลหายไปเร็ว หมั่นไส้ จะรอติดตามนะค่ะ
-
ตามลุ้นต่อไป
-
ลุ้นสุด ๆ นึกว่าหนี่เจินกับฝ่าบาทจะเป็นอะไรไปซะแล้ว...
-
กำลังตื่นเต้นเลย
-
ลุ้นโคตรๆ อ่ะ รออยู่นะค่ะ :impress2:
-
มานอนรอคนแต่ง ไม่สบายหายยังเอ๋ย!!
-
ต้องขอโทษท่านผู้อ่านก่อนเลยT^T
พอดีป่วยหนักมาก ตอนนี้ก็ยังมิหายเลยอ่ะ
ปวดหัวมากจนคิดเรื่องต่อไม่ออก 555+
พอเริ่มดีขึ้นก็เลยมาแต่งก่อนจะหายไปจากหัวซะก่อนอิอิ
ใครสนใจให้พี่ชายหนี่เจินเป็นอีกคู่ยกมือขึ้น 555+
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก มันจะมีก็ตอนหนี่เจินคลองลูกแล้วน่ะ
มันจะแบบว่าเป็นสงครากับชาวซินเกียงน่ะ
เฮ้ย!!! ลืมไปสปอยซะเห็นภาพอุ๊บไว้ก่อนดีกว่าเนอะ
จะเป็นใครก็ค่อยไปรออ่านอีกทีแล้วเนอะ
รอมานานและไปอ่านต่อเลยแล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++
20
ไม่นานนักจิ้งฟงก็วิ่งเข้ามาให้ห้องพักที่หนีเจินกับฮ่องเต้ประทับอยู่ ในตอนแรกที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจก็หายไปทันเมื่อ พบว่าฮ่องเต้ที่ตนเห็นว่าตายไปแล้วนั้นกลับนั่งอยู่ตรงหน้า
ย้อนกลับไปด้านจิ้งฟงตอนที่ออกตามหาฮ่องเต้อยู่ เขาควบม้าออกตามหาผู้เป็นนายจนมาถึงยังที่แห่งหนึ่งซึ่งมีศพทหารนอนอยู่เรียงราย ภาพต่อหน้าเป็นบุคคลที่เขากำลังตามหาโดมล้อมด้วยทหารซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นของมองโกเลีย
“ฝ่าบาท!!”
จิ้งฟงร้องขึคงฟงร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อธนูดอกหนึ่งวิ่งเข้าปักตรงตำแหน่งหัวใจพอดิบพอดี คนบนม้าก็ร่วงตกลงมา จิ้งฟงชักดาบแล้วควบม้าฟันดาบฆ่าทหารเหล่านั้นเพื่อเข้าไปกลางวงของศัตรู
และคว้าเอาแขนขององค์หญิงลีอาร์ติดมาด้วยก่อนจะเอาดาบจ่อคองามสวยไว้แทน แล้วสั่งให้บรรดาทหารทั้งหลายของมองโกเลียถอยออกไป
“ถ้าไม่อยากให้องค์หญิงของพวกเจ้าเป็นอะไรก็ถอยไปซะ ถ้าไม่เจ้าจะได้ร่างไร้วิญญาณไปแทน”
เสียงทรงอำนาจสั่งทหารพวกนั้น และก็ยอมถอยห่างแต่โดยดีเพราะเกรงว่าองค์หญิงคนสำคัญจะได้รับอันตราย
“เจ้าพวกโง่!! เจ้านี่น่ะไม่มีวันทำอะไรข้าหรอกเพราะถ้าข้าเป็นอะไรไป จะกลายเป็นศึกระหว่างสองแคว้นทันที”
“คิดว่าข้าคนนี้จะพูดเล่นกับพระองค์หรือไรองค์หญิง”
ว่าแล้วก็กดคมมีดให้บาดผิวเนียนจนทำให้เกิดของเหลวสีแดงไหลออกมาเล็กน้อย ความเจ็บที่ถูกมอบโดยคนร่างสูงก็บอกให้คนร่างบางรู้ได้ในทันทีว่าคน ๆ นี้เอาจริงหาได้พูดเล่นอย่างที่ตัวเองคิดไม่ หากแต่เวลานี้ในใจนึกกลัวเสียไม่กล้าขยับตัวไปไหนแล้ว
“ถอยห่างออกไปก่อน เจ้านี่พูดจริงพวกเจ้ารีบถอยออกไปซะ”
เสียงที่สั่งนั้นสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรับรู้ได้ถึงความเอาจริงของอีกฝ่าย ลีอาร์จำต้องรักษาชีวิตไว้ก่อน
“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
“นายต้องการอะไรกันแน่”
“ต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ ท่านไม่รู้หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่องค์หญิงลีอาร์”
“เจ้ากับฝ่าบาทไม่มีทางรอดแน่ อีกไม่นานพี่ชายข้าจะมาช่วยข้าแล้วกันจัดการเจ้าซะเจ้าคนถ่อย”
“หืม...งั้นเห็นทีองค์หญิงผู้สูงศักดิ์คงต้องอยู่กับคนถ่อยเช่นข้าไปอีกนานเลยล่ะ”ว่าแล้วจิ้งฟงก็สั่งให้ทหารเหล่านั้นเปิดทาง
“ถ้าไม่อยากให้องค์หญิงคนสำคัญของพวกเจ้าตาย ก็เปิดทางให้ข้าซะไม่งั้นเจ้าจะได้ร่างไร้วิญญาณแทน”
ทหารรีบเปิดทางเมื่อสิ้นเสียงทรงอำนาจของจิ้งฟงได้แต่มองตามม้าที่เคลื่อนผ่านไปด้วยความเจ็บแค้น ที่ไม่อาจช่วยองค์หญิงของตนได้
“เจ้าคนนั้นน่ะช่วยนำร่างฝ่าบาทของข้าขึ้นมาให้หน่อย แล้วอย่างคิดทำอะไรเด็ดขาดไม่งั้นพระเศียรขององค์เจ้าจะไม่อยู่บนคอสวย ๆ นี้อีกแน่”
ว่าแล้วนายทหารคนนั้นก็ยกร่างฮ่องเต้ขึ้นบนข้างหลังถัดจากจิ้งฟงก่อนที่จิ้งฟงจะสั่งให้มัดร่างของเขาเข้ากับฮ่องเต้เพื่อกันไม่ให้ร่วงมือก็ยังคงกำดาบแน่น สายตาคอยมองไม่ให้ทั้งสองคนเล่นทีเผลอ จากนั้นก็ควบม้าออกไปทันที
“นี่เจ้าจะพาข้าไปไหนน่ะ”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
จิ้งฟงควบม้ามายังที่พักของตนพร้อมร่างของฮ่องเต้ที่หมดสติและมีบาดแผลพร้อมกับกับองค์หญิงลีอาร์ที่ยังมีดาบจ่อคออยู่ เมื่อมาถึงก็ให้ทหารนำพระวรกายที่บาดเจ็บของฝ่ายบาทไปรักษา แล้วให้ทหารหมัดองค์หญิงลีอาร์ไว้ ก่อนจะหน้าตากตื่นวิ่งไปหาที่หนี่เจินที่อยู่ในห้องพักของตนเอง
ณ ปัจจุบัน
“ทำไมฝ่าบาทถึงทรงประทับอยู่ที่นี่ได้พ่ะย่ะค่ะ?!!”
เสียงที่ตกตลึกป่นแปลกใจถามขึ้นพร้อมกับห้องหน้าไปถามผู้เป็นน้องอย่างงงเช่นกัน แต่กลับได้รับแต่ลอยยิ้มเพราะหนี่เจินเองก็ยังไม่รู้เพราะกำลังกังวลกับเรื่องที่ชุนเซียงโดนลักพาตัวไปมากกว่า
“เราสงสัยว่าการมาขององค์หญิงลีอาร์และองค์ชายมันไม่ชอบมาพากลนัก ก็เลยลองให้สองราชองค์รรักษ์ไปลองสืบดู จนวันที่หนี่เจินเกือบถูกพาตัวไปวันนั้นข้าเลยแน่ใจว่าแท้จริงแล้วการมาครั้งนี้คิดจะลอบปองร้ายก็เลยให้ท่านหาคนที่หน้าเหมือนเรามา แต่ไม่ได้บอกว่าจะเปลี่ยนตัวกันตอนไหนเพราะข้าไม่อยากให้ใครรู้ก็เหมือนที่เขากล่าวว่า ‘ถ้าอยากจะหลอกล่อศัตรูให้สำเร็จ จำต้องหลอกล่อพวกเดียวกันให้ได้เสียก่อน’ ไงล่ะ”
จิ้งฟงมองพระพักตร์ฮ่องเต้อย่างอึ้ง ๆ เขาไม่เคยคิดว่าจะโดนฮ่องเต้หลอกเอาเช่นนี้แต่ก็ต้องเห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะถ้ายังหลอกพวกเดียวกันไม่ได้ จะไปหลอกล่อศัตรูได้ยังไงกัน
“แล้วทรงทราบตอนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าพวกเขาคิดปองร้ายพระองค์”
“ก็ข้าเห็นตอนนั้นข้าบังเอิญอยากเจอหนี่เจินก็เลยโดดอ่านฏีกาไปหา พอดีข้าไปทางลัดเพราะเสี่ยวตั้งจือจะได้ไม่รู้ว่าข้าหายไปไหนระหว่างทางก็บังเอิญเจอองค์ชายลีซานกับองค์หญิงลีอาร์คุยกันพอดี ลีซานน่ะหลงไหลหนี่เจินของข้า
ไม่ใช่ข้าไม่รู้ก็สายตาของเขาน่ะมองหนี่เจินของข้าซะหวานหยดข้าไม่รู้ก็แปลกแล้ว ตอนจากนั้นก็แอบได้ยินแผนการบางอย่างเข้าเลยกลับมาคิดแผนได้ทันประจวบกับที่ตงเฟยกับจิ้งเต๋อไปสืบมาตรงกัน ตอนที่หนี่เจินถูกลอบทำร้าย ไม่สิจะถูกลีซานพาตัวไปมากกว่าก็ทำให้ข้าเลยต้องรีบวางแผนนี้ขึ้น”
“มิน่าพระองค์ถึงให้กระหม่อมรีบหาคนที่หน้าคล้ายพระองค์มาแทนเช่นนี้ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าแต่ทางเจ้าได้อะไรบ้าง”
“กระหม่อมจับตัวองค์ลีอาร์ได้พ่ะย่ะค่ะ แล้วที่เข้ามาตอนแรกเพื่อกราบทูลฮ่องเฮาว่าฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะเพราะคนที่เจ็บหาใช่พระองค์ไม่”เสียงตอบที่เรียกเสียงหัวเราะจากหนี่เจินและฮ่องเต้ได้อย่างดี ก็ใบหน้าคนที่ตอนนี่สิเหมือนกินยาเบื่อมา
“จริงสิ!! พี่ใหญ่!! ชุนเซียง!! ชุนเซียงโดนจับตัวไปแทนข้าตอนนี้น้องตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
“เจ้าว่าอะไรนะ ชุนเซียงโดนจับตัวไปงั้นเหรอ”
“ใจเย็นก่อนจิ้งฟง หนีเจินตอนนี้จิ้งเต๋อกับตงเฟยตามไปแล้ว คาดว่าน่าจะได้ข่าวเร็ว ๆ นี้แน่นอน”
“ไม่ได้กระหม่อมจะตามไปเองพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้นะพี่ใหญ่ ถ้าพี่ไปข้าจะยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีกสิ”
“แต่...”
“เจ้าอยู่ที่นี่เถอะจิ้งฟง ไว้ใจคนของข้าได้เลยว่าจะต้องพาน้องเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยที่สุดแน่”
ด้านชุนเซียงตื่นขึ้นมาก็พบกับความมืด ‘นี่เราโดนลักพาตัวมาอย่างนั้นหรือ’ ชุนเซียงนอนนิ่งเพื่อให้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าตอนนี้นางนั้นรู้สึกตัวแล้ว
ชุนเซียงรู้สึกได้ว่าตอนนี้นางถูกใครบางคนจับคุมด้วยถุงผ้าสีดำใหญ่ครอบไว้ทั้งตัว และตอนนี้ก็อยู่บนม้าเสียด้วย
ไม่นานม้าที่กำลังเคลื่อนที่ก็หยุดลงพร้อมกับร่างของชุนเซียงที่โดนอุ้มลงเช่นกัน เมื่อวางลงกับพื้นแล้วชุนเซียงก็ได้ยินเสียงชายสองคนสนทนากัน
“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กระหม่อมพาฮองเฮามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก ตอนออกมามีใครเจอเจ้าบ้าง”
“ทหารยามสองสามานายพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมฆ่าปิดปากไปแล้วไม่ต้องทรงห่วง”
“งั้นก็ดีนำฮ่องเฮามาให้ข้าแล้ว พวกเราจะไปสบทบกับองค์หญิงลีอาร์แล้วเราจะกลับมองโกเลียกันทันทีที่ไปถึง”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นร่างของชุนเซียงก็ลอยขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนางถูกใครบางคนกอดรัดไว้แน่นจนเกือบจะทำให้หายใจไม่ออก
“เมื่อกลับถึงประเทศข้า ข้าจะแต่งตั้งท่านเป็นพระชายารัชทายาทของมองโกเลียทันที ส่วนลูกของเจ้าข้าจะไม่ใจร้ายหรอก จะส่งมันกลับมาให้พ่อมันดูเล่นแน่นอน”
แล้วลีซานก็ควบม้าออกจากที่ตรงนั้นโดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้สองราชองค์รักษ์และเหล่าทหารที่ตามได้มาด้วยได้ตามมาติด ๆ และแอบดูการกระทำทุกอย่างอยู่
“ส่งคนไปรายงานฝ่าบาทด่วนเลย ว่าหาพบแล้วส่วนคนที่เหลืออยู่ตามข้ามา”
“ขอรับ”
นายทหารหนึ่งนายแยกตัวออกไปเพื่อรายงานฮ่องเต้ ส่วนที่เหลือควบม้าตามจิ้งเต๋อและตงเฟยไปอย่างเงียบเพื่อมิให้ฝ่ายศัตรูรู้ตัวได้
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ชุนเซียงจะเป็นอย่างไรต่อ
ความเข้าใจผิดครั้งนี้ จะทำให้ชุนเซียงพบรักหรือเปล่า
ต้องติดตามตอนต่อไป
-
อันนี้รบกวนหน่อยนะ
อยากลงรูปให้ดูอ่ะ
แต่พอดีลงไม่เป็น
ใครลงรูปบอดนี้เป็นช่วยบอกหน่อยจร้าาาา
-
:L2:
-
เย้ๆ มาต่อแล้ว :mc4:
รอตอนต่อไป :กอด1:
-
ปลอดภัยทั้งคู่ก็ดีแล้ว แต่ว่า น้องสาวหนี่เจิน จะเป็นอะไรไหม๊เนี่ย
-
ชุนเซียงกับลีซาน..... :a5:
สามคำ>>>รัก ก็ ดี (แฮปปี้กับทุกฝ่าย) ส่วนอีนังลีอาร์ปล่อยมันเน่าตายไปเหอะ o18
-
:z3: ไม่อยากให้เกี่ยวข้องกันเลย
-
ไม่อยากให้เกี่ยวข้องก่าคนเลวๆแบบนี้เลย
แต่ก้นะ
ถ้าองค์ชายก่าองค์หญิงมองโกเลียตายไป
คงเกิดเรื่องใหย่แน่นอน
เฮ้ออออออออ
-
อารายอ๊า กำลังเข้มข้นได้ที่เลย จบซะงั้นอ่ะ
ค้างอ๊าาาา :o12: มาต่อเวยๆนะเจ้า :z3: :z3: :z3:
-
กำลังตื่นเต้นเลยเนี่ย ก็สลับน้องสาวกันซะสิคะ
แถมยังสามารถเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้นไปในตัวเลยไงคะ
แต่ท่านอ๋องคงต้องเหนื่อยหน่อยนะคะ
เพราะองค์หญิงแลจะร้ายใช่ย่อยนาาา อิอิ
-
หวังว่าชุนเซียงจะมีวิทยายุทธเป็นเลิศเหมือนฮองเฮานะคะ อย่าให้เสียชื่อ น้องสาวฮองเฮาที่ปรีชาทั้งบุ๋นบู้
ปล. จิ้งฟง น่าจะได้กับลีซานเนาะ คงสนุก
http://i269.photobucket.com/albums/jj45/mongyao/tongfang.gif
-
สงสารเจ้าชายลีซานอ่ะ
ให้คู่กับชุนเซียงเลย
-
“เราสงสัยว่าการมาขององค์หญิงลีอาร์และองค์ชายมันไม่ชอบมาพากลนัก ก็เลยลองให้สองราชองค์รรักษ์ไปลองสืบดู จนวันที่หนี่เจินเกือบถูกพาตัวไปวันนั้นข้าเลยแน่ใจว่าแท้จริงแล้วการมาครั้งนี้คิดจะลอบปองร้ายก็เลยให้จิ้งฟงหาคนที่หน้าเหมือนเรามา แต่ไม่ได้บอกว่าจะเปลี่ยนตัวกันตอนไหนเพราะข้าไม่อยากให้ใครรู้ก็เหมือนที่เขากล่าวว่า ‘ถ้าอยากจะหลอกล่อศัตรูให้สำเร็จ จำต้องหลอกล่อพวกเดียวกันให้ได้เสียก่อน’ ไงล่ะ”
คือเราว่าตรงนี้ถ้าคุยกับจิ้งฟงน่าจะใช้คำว่า"ให้เจ้า"อะไรงี้อ่ะ
จิ้งฟงมองพระพักตร์ฮ่องเต้อย่างอึ้ง ๆ เขาไม่เคยคิดว่าจะโดนฮ่องเต้หลอกเอาเช่นนี้แต่ก็ต้องเห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะถ้ายังหลอกพวกเดียวกันไม่ได้ จะไปหลอกล่อศัตรูได้ยังไงกัน
“แล้วทรงทราบตอนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าพวกเขาคิดปองร้ายพระองค์”
“ก็ข้าเห็นตอนนั้นข้าบังเอิญอยากเจอหนี่เจินก็เลยโดดอ่านฏีกาไปหา พอดีข้าไปทางลัดเพราะเสี่ยวตั้งจือจะได้ไม่รู้ว่าข้าหายไปไหนระหว่างทางก็บังเอิญเจอองค์ชายลีซานกับองค์หญิงลีอาร์คุยกันพอดี ลีซานน่ะหลงไหนหนี่เจินของข้า
ไม่ใช่ข้าไม่รู้ก็สายตาของเขาน่ะมองหนี่เจินของข้าซะหวานหยดข้าไม่รู้ก็แปลกแล้ว ตอนจากนั้นก็แอบได้ยินแผนการบางอย่างเข้าเลยกลับมาคิดแผนได้ทันประจวบกับที่ตงเฟยกับจิ้งเต๋อไปสืบมาตรงกัน ตอนที่หนี่เจินถูกลอบทำร้าย ไม่สิจะถูกลีซานพาตัวไปมากกว่าก็ทำให้ข้าเลยต้องรีบวางแผนนี้ขึ้น”
“มิน่าพระองค์ถึงให้กระหม่อมรีบหาคนที่หน้าคล้ายพระองค์มาแทนเช่นนี้ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
ถ้าจิ้งฟงรู้แล้วตอนฮ่องเต้ตายจะตกใจทำไมอ่ะ(หรือว่ามันเป็นแผน)
“ว่าแต่ทางเจ้าได้อะไรบ้าง”
-
ค้างอ่ะ :z3:
-
:sad4: :sad4: :sad4:
:call:
:call:
-
ต่อๆๆๆนะครับ
-
คุณพี่ชายแอบเก่งเหมือนกันนะเนี่ย
รอต่อไปค่า^^
-
แสดงว่าชุนเซีงกับลีซานต้องคู่กันแน่เลย....
ไม่สบายหายเร็ว ๆ นะค่ะ..
-
:กอด1:คนแต่ง เย้ๆ อ่านทันแล้ว :sad4:สนุกมากๆเลยค่ะ ส่วนลงรูป หนูไม่เป็นอ่ะต้องขอโทษด้วยนะค่ะ
-
เข้ามาช่วยดันๆๆๆ
-
ปวดหัวกับอิ 2 พี่น้องนี้มากกกก
เวิ่นทั้งคู่ ขอโบกสักที :fcuk:
ขอให้ชุนเซียงปลอดภัยล่ะกัน
ป.ล. หลังจากจับตัวพี่น้องสองศรีนี้เสร็จเเล้ว
กรุณาจับท่วงน้ำไปเลย :angry2:
-
รอ รอ รอ
มาต่อเร็วๆนะ :call:
-
มาแล้วจ้าาาาาาา
ใครคิดถึงคนแต่งบ้างงงงง
ช่วงนี้อาจช้าหน่อย คนแต่งตันทาง
ประกอบกับช่วงนี้เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
ไข้หวัดเล่นงานอย่างหนัก
จะหายไข้พอตกกลางคืนดันหนาวไข้กลับเลย
ยังไงคนอ่านทุกท่านก็รักษาสุขภาพด้วยนะ
ไปอ่านกันเลยดีกว่า
+++++++++++++++++++++++++
21
ลีซานควบม้ามาถึงยังที่นัดแนะกันลีอาร์ไว้ แต่ทว่าพอไปถึงกลับเจอแต่เหล่าทหารนั่งกันอย่างกับหมดอาลัยตายอยากแทน พอเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครต่างก็พากันก้มหัวแล้วเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพียงส่งให้คนฟังนิ่งค้าง
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ!!!”เสียงที่ดังกันพร้อมเพียงก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังต่อ
“เพราะพวกกระหม่อมไร้ความสามารถมิอาจดูแลองค์หญิงได้ เลยทำให้...องค์หญิงถูกอีกฝั่งชิงตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!!”
“เจ้าว่าอะไรนะ?!”สุรเสียงรับสั่งถามด้วยความไม่เข้าใจ
“องค์หญิงลีอาร์ถูกแม่ทัพของฝั่งนู้นชิงตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าพวกบ้า!! แล้วตอนพวกแกทำอะไรกันอยู่!! ทำไมปล่อยให้พวกมันพาตัวองค์หญิงไปได้!!”
“ตอนที่แม่ทัพผู้นั้นมาถึงก็คว้าตัวองค์หญิงแล้วก็เอาดาบจ่อที่คอขององค์หญิงเอาพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมเกรงว่าองค์หญิงจะทรงเป็นอันตรายเลยมิได้รีบเร่งเข้าไปช่วยไว้”
“อืม ถ้าเจ้านั้นเอาดาบจ่อคอแบบนั้นเป็นข้าก็คิดแบบเดียวกับเจ้า”
“แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อดีพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
“เรื่องลีอาร์เราคงยังทำอะไรมากไม่ได้ อีกย่างฝ่ายนั้นไม่มีทางทำอะไรองค์หญิงที่เป็นทูตจากมองโกเลียแน่ เพราะถ้านางเกิดอะไรขึ้นจะกลายเป็นความบาดหมางสองดินแดนได้”
“งั้นตอนนี้...”
“ถอยไปตั้งหลักที่ประเทศเราก่อน ไว้เราจะเจรจากันอีกที”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ด้านจ้วนอ๋องเฉินเมื่อได้ทราบข่าวว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านถูกลักพาตัวไป ต่างก็พากันนั่งไม่ติดอ๋องเฉินเดินไปเดินมา กับฮูหยินหลิงหลันก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้
และไม่นานฮ่องเต้และหนี่เจินก็มายังจ้วนอ๋องเฉินเพื่อปรึกษาว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เมื่อหนี่เจินกลับมาถึงก็ได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องพบเจอเรื่องแบบนี้
“ท่านพ่อ เป็นเพราะข้า ถ้าข้าไม่ให้น้องปลอมตัวเป็นข้าล่ะก็...”
“เจ้าอย่าได้โทษตัวเองเลยฮ่องเฮา ถ้าเป็นพระองค์พ่อก็จะยิ่งเป็นห่วงมากกว่านี้”
“ใช่อย่าลืมสิเพค่ะว่าทรงพระครรถ์อยู่ ห่างเกิดอะไรขึ้นจะทำเช่นไรเพค่ะ”
“ท่านพ่อท่านแม่พูดกับข้าอย่างที่เคยพูดเถอะ ข้าไม่อยากให้พวกท่านพูดห่างเหินเช่นนี้”
“แต่...”ฮูหยินหลิงหลันทำท่าจะค้าน
“ทำตามที่หนี่เจินบอกเถอะท่านอ๋อง”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“น้องรองไม่ต้องเป็นห่วงนะชุนเซียงเป็นวรยุทธ”
“แต่ชุนเซียงเป็นผู้หญิงนะพี่ใหญ่ ยังไงก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้หรอกแล้วถ้าหาก....”
“ถึงเป็นเจ้าก็สู้ไม่ได้เหมือนกันนั้นแหละ เจ้าอย่าลืมเจ้ากำลังท้องนะสู้มากไม่ได้น่ะ”
“ก็จริงข้า...ข้าแค่รู้สึกเสียใจที่ทำให้น้องสาวของพวกเราต้องเจอเรื่องเช่นนี้”
“ชุนเซียงพี่ว่านางไม่ค่อยน่าห่วงถึงจะเป็นหญิงแต่ก็เก่งมาก พี่ฝึกมาเองกับมือรับรองไม่แพ้ง่าย ๆ แน่นอน”
“งั้นตอนนี้เราคงทำได้แค่รอสินะ”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นยังไงซะตอนนี้จิ้งเต๋อกับตงเฟยก็ไปช่วยแล้ว ยิ่งสองคนนั้นไปเองรับรองว่าต้องปลอดภัยกลับมาแน่”
“ตอนนี้ลูกเจินเจ้าต้องพักผ่อนเสียก่อนไม่งั้น ลูกในท้องจะไม่แข็งแรงนะ”
หนีเจินจำต้องทำตามเพราะเขาเองก็ใช้แรงมากไม่ได้อาจจะทำให้แท้งลูกได้ หนี่เจินเลยตามฮ่องเต้กลับวังหลวงทั้งที่ใจก็ยังห่วงน้องตัวเอง
ด้านชุนเซียงซึ่งตัวเองนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นถูกพาไปที่ไหนเลยทำได้แต่นอนนิ่ง ๆเพื่อไม่ให้รู้ว่าเธอฟื้นแล้ว ไม่นานนักหลักจากนั้นม้าก็หยุดลงพร้อมร่างของเธอที่ถูกพาลงมาอย่างนุ่มนวล
“ห้ามใครเข้ามาในที่พักข้า ถ้าไม่ได้รับคำสั่งเข้าใจมั้ย”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
ลีซานอุ้มชุนเซียงที่คิดว่าเป็นหนี่เจินเดินเข้าไปยังกระโจมที่พักชั่วคราวก่อนจะว่างถุงที่ใส่คนข้างในไว้อย่างเบามือ
“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ตื่นสักทีล่ะ หรือฤกธิ์ยายังไม่หมด”
ลีซานเดินมาใกล้ๆ คนที่กำลังแกล้งหลับก่อนจะเปิดถุงนำร่างคนที่’แกล้ง’หมดสติออกมา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อหาใจคนที่ตัวเองคิด
“ไม่จริง”
แต่ก็อดทำให้ลีซานตกตลึงไม่ได้เพราะใบหน้างามของหญิงสาวคนนี้ช่างไม่ต่างกับหนี่เจินของเขานักใบหน้าเรียวสวย เข้ากับดวงตาที่ยังคงปิดสนิท รับจมูกเรียวเล็ก และปากเรียวบางสวยสีแดงอ่อน มองทางไหนก็คล้ายกับหนี่เจินของเขาไม่ผิดเพี้ยน คงไม่แปลกที่คนของเขาจะไม่รู้ถึงความต่างนี้ได้
ลีซานเอื้อมมีไปสัมผัสกับดวงหน้าสวย แต่เมื่อชุนเซียงรู้สึกถึงมือหนาก็ฉวดหงับเข้าที่มือของอีกฝ่ายอย่างแรง แรงกัดนั้นเล่นเอาคนที่ถูกกัดต้องถอยห่างอย่างตกใจ
แต่แล้วชุนเซียงที่ทำท่าจะหนีออกไปจากห้องก็ถูกลีซานคว้าตัวไปไว้ในอ้อมกอดเสียก่อนที่ร่างบางนั้นจะก้าวไปถึงบานประตู
“ปล่อยข้านะ!!”
“....”ลีซานไม่ตอบแต่พยายมรัดตัวอีกคนให้แน่นขึ้น
“ปล่อยนะทำไมต้องลักพากตัวข้ามาด้วย”
“ข้าไม่ได้อยากลักพาตัวเจ้ามา แต่คนของข้าพาผิดคนต่างหากเล่า”
“ใครกันที่ท่านจะทำเช่นนี้ หรือว่า....”
“หรือว่าอะไร หรือว่าเจ้ารู้ว่าข้าจะพาใครมา”
“ท่านพี่ เจ้าจะลักพาตัวพี่หนี่เจินของข้ามาใช่หรือไม่”
“หืม..ไม่น่าเชื่อ เจ้าเป็นน้องของแม่นางหนี่เจินอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้วจะทำไม ปล่อยข้านะเจ้าคนชั่ว”
“ข้าไม่ปล่อย จนกว่าเจ้าจะตอบคำถามข้า”
“ไม่ปล่อยนะ ข้าไม่ตอบอะไรท่านทั้งนั้น ปล่อย!!”
ชุนเซียงดิ้นพยายามออกห่างคนตรงหน้าให้ได้ แต่ด้วยแรงที่น้อยนิดทำให้ยิ่งดิ้นยิ่งรัดแน่นขึ้นเสียมากกว่า จนตอนนี้เรียวแรงก็น้อยเพราะความอ่อนเพลียแทรกเข้ามาแทน ในที่สุดชุนเซียงก็หมดสติไปในที่สุด
ลีซานเองก็รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นที่มีนั้นหายไปเลยก้มมองหญิงสาวในอ้อมกอดของเขาก็เห็นว่าหมดสติไปแล้วก็ตกใจรีบเรียกบรรดาหมอหลวงให้เข้ามาดูอาการทันที
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ตามหมอมาให้ข้าที”
ลีซานพาร่างไร้สติของชุนเซียงมายังเตียงในห้องอีกครั้งก่อนจะนั่งมองคนที่นอนอยู่ ถึงจะไม่ใช่คนที่เขาคาดหวังแต่คงจะเกี่ยวข้องอะไรเป็นแน่ และเขาไม่ควรทำร้ายนาง เมื่อคิดเช่นนั้นลีซานก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้บรรดาหมอมาดูอาการแทน
+++++++++++++++++++++
ไม่รุ้ว่าลีซานคิดอะไรน้า จะตกหลุมรักชุนเซียงหรือเปล่า
แล้วอย่างนี้ชุนเซียงจะได้กลับบ้านเมืองตัวเองหรือเปล่าเนี่ย
ต้องมาลุ้นกันต่อไปนะอิอิ
-
ค้าง
-
^
^
^
อย่างแรงด้วย
-
^
^
นั่นสิ
คนเขียนสู้ๆ
-
รักๆ น้องสาวหนี่เจินไปเถ๊อะ ออกจะงามซะเพียงนี้(ถึงจะน้อยกว่าท่านอ๋องน้อย) 555+
:L2: :L2: :L2:
-
เห็นด้วยว่า"ค้าง"อย่างแรง :z6: :z6:คนแต่ง
-
:pig4:
-
อย่าปล่อยให้ค้างนานนะ
:call:
:call:
-
ค้างอย่างแรง :z3:
หายไปแล้ววันกับมาก้อค้างเลยนะคนเขียน อิอิ :serius2:
-
ค้างมากกกกกกกก :z3
ลีซานคงจะตกหลุมรักชุนเซียงเเน่เลย :laugh:
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
ป.ล. คนเขียนดูเเลสุขภาพตัวเองด้วยนะจ๊ะ :กอด1:
-
สนุกมากเลยค่ะ o13
อ่านไปเลือดพุ่งไป กินมาม่าไป หลายรสหลายอารมณ์
ชุนเซียงจะเป็นไงต่อไปล่ะนี้ จะกลับมาได้หรือโดนลากไปถึงมองโกลน๊อ...
อยากเห็นลูกฮ่องเต้กับหนี่เจินแล้ว :o8:
-
2 องครักษ์ ก็ตามไปแล้ว ทำไมยังไม่เข้าไปช่วยอีกอ่ะ :m16:
ไม่อยากให้ชุนเซียงคู่กะลีซานเลยง่ะ
2 พี่น้องนี้มันเลว ไม่อยากให้ไปข้องเกี่ยวด้วยเลย :angry2:
-
แง่มๆๆ อยากรู้ต่อง่า~ ถ้าลีซานยอมกลับตัวเป้นคนดี เขาก็ยอมให้คู่กับซุนเซียงก็ได้นะ 555
ต้องเป็นคนดีเท่านั้น จะได้คู่กับหญิงามแสนก่งคนนี้ได้ไง 2 คู่พี่น้องไปเลย
-
เพิ่งได้ติดตามอ่านค่ะ อ่านแล้วงงเล็กน้อยเพราะพอตอนที่สี่ถึงเก้าไม่มี ไรเตอร์ช่วยรีโพสได้รึเปล่าคะ อยากรู้ว่าฮ่องเต้รู้เรื่องที่หนี่เจินเป็นผู้ชายได้ยังไง T-T
-
รออยู่นะคะ ^^
-
คนเขียนชอบทำค้างตล๊อดดดดดด
-
ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว
ใครเปิดแล้วบ้างเอ่ย
คนแต่งยังไม่รู้จะไปม.ไงเลยอ่ะ
น้ำท่วมไปม.ไม่ได้เหอะ ๆ
ช่วงนี้อาจจะช้า ๆ ไปหน่อยนะ
ต้องของอภัยอย่างสูง
แต่คนอ่านที่น่ารักอย่างพึ่งทิ้งกันไปเสียก่อนนะ
ตอนหน้าเป็นตอนพิเศษของสองราชองค์รักษ์
ใครคิดถึงสองคนนี้บ้างเอ่ยยกมือสูงให้ดูหน่อยเร๊ว!!
ว่าแล้วก็ไปอ่านตอนต่อไปเลยดีกว่าเนอะ
+++++++++++++++++++++++++++++++
22
วันต่อมาหนี่เจินตื่นขึ้นด้วยสภาพจิตใจที่หดหู่ยิ่งนัก เขากังวลเรื่องชุนเซียงที่สุดตอนนี้ไม่รู้น้องสาวของตัวเองจะเป็นเช่นไร ฮ่องเต้เองก็กลัวว่าหนี่เจินจะคิดทำอะไรบ้า ๆ ก็เลยทรงอยู่ประทับด้วยไม่ห่างได้แต่มองคนรักใจลอยคิดเรื่องต่างเพียงลำพัง
“อย่าห่วงเลยเจ้าคิดมานานแล้วนะ ข้ากลัวเจ้าจะเป็นอะไรไปเสียก่อน พี่เจ้าก็บอกชุนเซียงมีวรยุทธ์น่าจะดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว”
“เพค่ะ แต่...”
“ไม่มีแต่ ยิ่งเจ้าเป็นทุกข์ข้าก็เป็นทุกข์กับเจ้าไปด้วยนะ”
“เพค่ะ หม่อมฉันจะรอข่าวจากจิ้งเต๋อและตงเฟยเพค่ะ”
“ดีมาก ตอนนี้ข้าหิวแล้วไปทานอาหารเช้ากันเถอะ ข้าให้คนเตรียมให้แล้ว”
“เพค่ะ หม่อมฉันก็เริ่มหิวแล้ว”
หนี่เจินตอบเสียงหวาน ที่ทำเอาคนฟังเบาใจที่คนร่างบางเริ่มสดใสขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะเดินตามฮ่องเต้ออกไปเสียงนางกำนัลก็ดังขึ้น
“พระสนมอาการแย่แล้วเพค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น”
“หมอหลวงบอกว่าชีพจรของพระสนมสับสน พระวรกายก็เย็นราวกับ...”
“ราวกับอะไรบอกข้ามาสิ”
“ราวกับคนตายแล้วเพค่ะ”
“ฝ่าบาทหม่อมฉันจะไปดูพระสนมเพค่ะ”
“ไปสิข้าไปกับเจ้าด้วย”
หนี่เจินและฮ่องเต้รีบตรงไปยังตำหนักพิงอัน และเมื่อไปถึงก็มีบรรดานางกำนัลและหมอหลวงต่างพากันวิ่งวุ่น
“อาการพระสนมเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวง”หนี่เจินหันไปถามหมอหลวงที่เดินออกมา
“พระอาการแย่ลงเรื่อย ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเกรงว่าจะไม่พ้นคืนนี้”
“เจ้าว่าอะไรนะ!!”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า กระหม่อมรักษาสุดความสามารถแล้วแต่พิษชนิดนี้แพร่กระจายเร็วมาก ทั้งที่สกัดจุดไม่ให้พิษเข้าสู่อวัยวะสำคัญแล้วก็ตามพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะไปหาองค์หญิงลีอาร์ นางน่าจะรู้วิธีแก้พิษตัวนี้แน่”
“ให้หม่อมฉันไปด้วยนะเพค่ะ”
แล้วฮ่องเต้กับหนี่เจินพร้อมด้วยจิ้งฟงก็มาถึงยังตำหนักรับรองที่ตอนนี้กลายเป็นเหมือนคุกขนาดย่อม ที่เรียกแบบนั้นเพราะมีเหล่าทหารยามเดินไปเดินมาอยู่เพียบ
จิ้งฟงเดินนำมาเข้าไปยังห้องที่ขังองค์หญิงลีอาร์ไว้ ตามมาด้วยฮ่องเต้แต่หนี่เจินนั้นถูกห้ามไม่ให้เข้ามาด้วย เมื่อเข้าก็พบว่าหญิงสาวที่เคยงดงามนั้นตอนนี้ใบหน้าซีดราวกับกระดาษไปแล้ว
“ไม่จริง!! ข้า...ข้าจำได้ว่าแทงพระองค์ไปแล้วนี่!!”
ลีอาร์ร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าคนที่ตัวเองนั้นแทงกระบี่ปักคาอกมายืนอยู่ตรงหน้า โดยไร้ซึ้งบาดแผลแต่อย่างใด
“ใช่ หากว่าชายผู้นั้นคือข้าล่ะนะ”
“หมายความว่าไรนะ”
“ก็หมายความว่า ถ้าข้าคือชายที่ถูกเจ้าแทงข้าคงไม่อาจมายืนตรงนี้ได้อย่างแน่นอน”
“ไม่จริง!! พระองค์!!!”
“ข้าซ้อนแผนเจ้าไงล่ะองค์หญิง ข้าให้คนปลอมตัวเป็นข้าและให้ไปล่าสัตว์แทนข้า แต่ว่าเรื่องนี้นอกจากข้า เสี่ยวตั้งจือและคนที่ปลอมตัวเป็นข้าก็ไม่มีใครล่วงรู้ ยิ่งคนรู้น้อยก็ยิ่งดีไงล่ะเพราะข้ากลัวใส้ศึกในจะแพร่งพรายความเคลื่อนไหวของข้าเสียก่อน”
“มิน่าล่ะกระหม่อมถึงได้ไม่ล่วงรู้”
“ก็ถ้าท่านรู้แล้วแผนข้าจะสมจริงได้เช่นไรกันท่านแม่ทัพ”
“กระหม่อมชื่นชมในพระปรีชาสามารถของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ พวกท่านจะทำอะไรข้าก็รีบเข้าเถอะ เพราะถ้าข้าหลุดไปได้เมื่อไรพวกท่านต้องตายด้วยน้ำมือของข้าแน่”
“ก่อนจะพูดแบบนั้นเจ้าเอาตัวให้รอดไปได้เสียก่อนดีมั้ย”
ฮ่องเต้เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็กล่าวออกมาพร้อมสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ ทำให้ลีอาร์รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยิ่งขึ้นไปอีกเพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะเอาเช่นไรกับนางกันแน่
“ไม่ต้องห่วงข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอกองค์หญิง เพราะข้าไม่อยากมีปัญหากับทางมองโกเลียเลยคิดว่าจะแลกกับคนที่พวกเจ้าจับไปเสียมากกว่า”
“หึ พระองค์คงร้อนรนสิไม่ว่าที่ฮองเฮาสุดที่รักโดนชิงตัวไปน่ะ แต่...เอ๊...ไม่เห็นว่า...พระองค์จะทุกข์ร้อนประการใดเลยนี่... หรือจะทรงรักฮองเฮาไม่จริงกันแน่ หรือว่าทรงหลงเสน่ห์หม่อมฉันเข้าให้แล้ว หึ หึ ”
“หืม...อย่างเจ้าหรือจะทำให้ข้าผู้นี้หลงเสน่ห์ได้ หนี่เจินของข้าน่ารักกว่าเจ้าเป็นไหน ๆ ทั้งนางยังท้องลูกของข้าอยู่ด้วย แน่นอนข้าน่ะห่วงและรักนางยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ที่ข้าไม่ห่วงเพราะว่านางไม่ได้โดนใครชิงตัวไปต่างหาก”
“พระองค์ว่าอะไรนะ!! ไม่จริง!! ท่านพี่ข้าไม่มีทางทำอะไรผิดพลาดเป็นแน่!!”
“ใช่ไม่ผิดพลาดหรอก หากหนี่เจินของข้าอยู่ในวังตอนนั้น”
“พระองค์หมายความว่าเช่นไร หรือว่า...”
“ใช่ คนที่พี่เจ้าชิงตัวไปหาใช่หนี่เจินหากแต่เป็นน้องสาวของนางต่างหากเล่า”
“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง”
“งั้นข้าคงต้องแสดงหลักฐานเสียหน่อยแล้วมั้ง เจ้าถึงจะเชื่อน่ะ”
“จิ้งฟงไปพาหนีเจินเข้ามาหน่อยสิ”
ฮ่องเต้หันไปสั่งจิ้งฟงที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างหลัง ก่อนที่จิ้งฟงจะเดินเปิดประตูออกไป แล้วกลับเข้ามาพร้อมกับหญิงงามที่ลีอาร์ไม่ลืมเด็ดขาดว่าคือใคร
หนี่เจินเดินเข้ามาก็เดินเข้ามาเคียงข้าฮ่องเต้ที่ยังทรงทอดมองเฉลยสาวที่ตอนนี้ตกตลึงเมื่อเห็นหนี่เจินอยู่
“อย่างนี้นี่เอง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกท่านจะฉลาดเพียงนี้”
“ก็ต้องขอบใจความดวงดีของข้ากับหนี่เจินล่ะนะ ที่บังเอิญไปได้ยินพวกเจ้าสองพี่น้องพูดคุยกัน”
“หึ แล้วยังไงตอนนี้ข้าก็อยู่ในกำมือท่านแล้วนี่”
“ไม่ต้องห่วงก็อย่างที่ข้าบอกกับเจ้า ข้าจะเจรจากับพี่เจ้าให้คือตัวน้องสาวของหนี่เจินแลกกับตัวเจ้าไงล่ะ”
เมื่อทรงตรัสจบก็เดินออกจากห้องพร้อมด้วยหนี่เจินและจิ้งฟงที่เดินตามออกมาเช่นกัน ทิ้งให้ลีอาร์เจ็บช้ำที่ถูกซ้อนแผนจนตัวเองต้องถูกเจ็บอยู่เพียงลำพัง
+++++++++++++++++++++
ชุนเซียงจะได้กลับมาหรือเปล่านะ
ใครอยากให้กลับมาบ้างเอ่ยอิอิ
รอติดตามตอนต่อไปแล้วกันเน๊อะ
-
ไม่เห็นฮ่องเต้ ถามเรื่องถอนพิษเลยง่ะ :a5:
เมื่อไหร่ 2 พี่น้องนี่ จะตายๆไปซะที :angry2:
-
:man1:
-
สองพี่น้องนี้น่าจะตายๆไปได้แล้วนะ :fire: :beat:
รอ รอ ตอนต่อไป สู้ๆ :pig4:
-
ลุ้นๆๆ
-
+1
=[]=
สั้นมาก
-
รอออออออออออออออออออ
-
อยากให้พี่ชายหนี่เจิน ไปเป็นคนแลกตัวกลับมา เห็นจะดีกว่า หึหึหึ ... 55555+
เผื่อจะได้อีกซักคู่ ฮิ้วววววว ตระกูลนี้ เค้าดูดีกันหมด เลยอาจจะไปตองตาต้องใจ เจ้าต่างเมือนอีกคนก็เป็นได้
ป.ล.ในเมื่อขึ้นว่า แล้ววายก็จะวายให้ถึงที่สุดเลย 555+ :laugh: :laugh:
-
:-[ :-[
-
สั้นอะ
ลุ้นต่ออออออ :z10:
:call:
-
ว้า!!!
อุตส่าห์ลุ้นคู่ที่ค้าง ไม่มีฉากออกซะงั้น
จึงต้องค้างต่อไป
-
มาสั้นจังเลย มันค้างอ่ะ :z3:
เเต่ลีอาร์นี่น่าตบมาก ขอสักที :beat:
ความพยายามเธอมากไปมั้ย เห็นเเล้วหมั่นไส้ :angry2:
-
อร๊าาา มาแบบสั้นๆ แล้วลุ้นกันต่อไปว่า จะมีเพิ่มอีกคู่มั้ย
ว่าแต่ ฮ่องเต้ลืมถามยาถอนพิษจากลีอารึเปล่าคร๊า
-
อ่านไปก็งงไป ชื่อจีนแต่ละคน จำสลับกันไปสลับกันมา :m20:
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วสงสารคนที่ปลอมตัวเป็นฮ่องเต้ o18
ยังไม่ทันไรตายซะแล้ว
-
มาต่อด้วยค่ะ ^^
:z13: :z13: :z13: :z13:
-
อ๊ากกกกกก (อ่านรวดเดียว) ค้างเรียบร้อย :z3:
ลีซานจงเป็นเกย์ไปซะ :m31:คืนตัวชุนเซียงมานะ
-
ไหนบอกว่าจะมาเอายาถอนพิษไม่ใช่หรือ
กลับมาบอกเรื่องซ้อนแผนซะงั้น
ส่วนชุนเซียงหรือกลับมาบ้านก่อน
แล้วค่อยกลับไปกุมอำนาจที่มองโกเลียกะเจ้าชายนะ
ปล.ให้เจ้าชายมันกลับใจบ้างอะ
ถือว่ากระชับสัมพันธ์ไมตรีกะสองประเทศไปในตัว
-
อ๊ายๆ หลอกให้อยากแล้วจากไป :sad4:
มาต่อไวๆนะคร๊า ค้างอ่า :call: :call: :call:
-
:call: :call: :call:
-
อ้าวๆๆๆ ฮ่องเต้เอ๊ย ลืมยาถอนพิษแล้วท่านๆ
-
เข้ามารอตอนต่อไป
-
รอเคยน้องหนี่อ่ะจ๊ะ หุหุ
-
รออยู่นะคะ
-
ลีซานต้องคู่กับชุนเซียงแน่เลย 55+
:laugh:
-
:z2:รอ
-
นานแล้วน้าาาาาาา :m15:
คนแต่งหายไปไหนเนี๊ยะ :m16:
-
คริสมาสแล้วนะคะ :L2:
[attachment deleted by admin]
-
Merry Christmas คนเขียน+ทุกคนเลย
มารอคนเขียน สงสัยเปิดเทอมเรียนหนัก ลืมหนี่เจินกับฮ่องเต้แล้วม้างงงงงงงงงง
-
รอคอยต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ
-
กลับมาลงแล้วจร้าาาา
พอดีเปิดเทอมเรียนหนัก
พึ่งมีโอกาสได้แต่งต่อ
เลยมาลงให้คนอ่านหายคิดถึงสักหน่อย
ตอนหน้าใครรอNCก็ไปรออ่านคู่รองของสองราชองค์รักษ์กันเลยอิอิ
+++++++++++++++++++++++++++++
23
อีกด้านสองราชองค์รักษ์ก็ตามพวกลีซานมาถึงยังกระโจมที่พัก ในตอนแรกตงเฟยหวังจะบุกเข้าโจมตีแล้วชิงตัวประกันมา แต่เมื่อมองเหล่าทหารที่ติดตามมาด้วยก็ต้องถอดใจเพราะมีเพียงแค่สามนายเท่านั้น
“แล้วเราจะเอาไงดีจิ้งเต๋อ จะบุกเข้าไปก็เกรงว่าท่านหญิงจะอันตราย แต่ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปเกรงว่าท่านหญิงจะโดนทำอะไรบ้างก็ไม่รู้”
“ใจเย็นก่อนตอนนี้ข้าส่งข่าวไปทางเมืองหลวงแล้ว ให้รีบส่งคนมาสมทบไม่นานคงมาถึง”
“อืม”
จิ้งเต๋อมองคนข้างที่กำลังห่อตัวด้วยความหนาว พลางยิ้มออกมาด้วยความน่ารักของอีกคน ก่อนจะถอดผ้าคลุมสีสีน้ำเงินปักด้วยดิ้นสีทองที่เป็นเครื่องหมายถึงตำแหน่งคลุมคนที่กำลังนั่งหนาวข้าง ๆ จนอีกฝ่ายหันหน้ามามองด้วยความสงสัย
“แล้วอาจิ้งไม่หนาวหรือไง”
เมื่ออยู่กับเพียงสองคนสรรพนามที่ใช้จึงเปลี่ยนไป ทำให้อีกฝ่ายยิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบทีเดียวแล้วก็คว้าคนร่างบางมากอดให้ความอบอุ่นอีกที
“ปล่อยก่อนอาจิ้งเดี๋ยวใครมาเห็นจะไม่ดีนะ”
“ช่างประไรข้าไม่สน”
“แต่ข้าสนนะ อย่าลืมสิพวกเราเป็นใครพวกเราราชองค์รักษของฮ่องเต้เชี่ยวนะ”
“แต่มันไม่เกี่ยวกับที่เราจะรักใครไม่ใช่หรืออาเฟย ใครจะว่าอะไรข้าหาได้สนข้าสนแต่เจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“ถ้าอาจิ้งสนข้าจริง ก็สนใจความรู้สึกข้าด้วยสิตอนนี้ข้าอายนะ”
“ก็ได้ ๆ ข้าจะตามใจภรรยาสุดที่รักข้า แต่ว่ากลับถึงบ้านเมื่อไรข้าจะ ‘กอด’ เจ้าจนถึงเช้าเลยคอยดูสิ”
“คนบ้า”
ตงเฟยทุบเข้าที่ไหล่หนาอย่างเขินอายแทน ก็ให้กอดถึงเช้าของจิ้งเต๋อธรรมดาเสียเมื่อไร เขารู้ดีว่าถึงเช้าจริงแน่อย่างไม่สงสัย ก็คราวก่อนเล่นเอาเขาแทบไม่ได้นอนเลยนี่สิพอตื่นเช้ามาก็ต้องรีบเข้าวังอีก วันนั้นเขาเกือบหัวทิ่มกลางอากาศหลายต่อหลายรอบก็ดีที่เจ้าตัวต้นเหตุคอยพยุงอยู่ตลอดเวลา ไหนจะอาการปวดที่สะโพกอย่างรุนแรงนั้นอีก
หลังจากวันที่ไปทำงานวันนั้นเขาก็ต้องกลับมานอนซมอีกหลายวัน ทั้งจากอาการไข้หวัดที่ทำให้หัวหมุนกับอาการปวดสะโพกที่รุนแรงขนาดเดินไปไหนก็ลำบากจะแย่นั้นอีกคิดแล้วตงเฟยก็ได้แต่ส่ายหน้า ทำไงได้ล่ะก็คนข้างตัวเขาดันเป็นพวกบ้าพลังอย่างถึงที่สุดนี่นา
“เรียนท่านราชองค์รักษทั้งสองมีข่าวจากทางวังหลวงขอรับ”
เสียงนายทหารดังขึ้นกระทันหันทำให้จิ้งเต๋อและตงเฟยต้องผลักออกห่างกันอย่างมิได้นัดหมายก่อนจะตีสีหน้าเรียบเฉยในฐานะราชองค์รักษ์เอกของฮ่องเต้แทน
“เอ่อ...มีไรว่ามาสิ”ตงเฟยพยายามปรับอารมณ์ให้ปกติที่สุด
“ฝ่าบาทเรียกให้พวกท่านกลับวังขอรับ”
“กลับวัง!!”จิ้งเต๋อร้องออกมาด้วยความตกใจก็ในเมื่อภารกิจที่ทำยังไม่บรรลุผลเลยแล้วทำไมอยู่ ๆ ฮ่องเต้จะทรงเรียกตัวพวกเขากลับวังด้วย
“ขอรับ”
“เจ้าไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย”
“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่งโดยตรงจากท่านมหาขันทีเลยขอรับ”
“แล้วฝ่าบาทตรัสอะไรต่อจากนั้นหรือเปล่า”
“ไม่ขอรับเพียงแต่บอกว่าให้พวกท่านรีบเข้าเฝ้าในวันพรุ่งนี้”
“อืม...ข้าเข้าใจแล้วพวกเจ้าไปได้ไปเตรียมตัวกลับเดี๋ยวนี้เลย”
“ขอรับ”
แล้วตงเฟยกับจิ้งเต๋อก็ตรงไปยังที่แอบซ่อนม้าไว้ไกลจากที่ตั้งของกระโจมฝ่ายมองโกเลียพอตัว ทำให้ไม่มีใครจับสังเกตได้ ก่อนจะควบม้าออกจากตรงนั้นในทัน
ที่ ๆ พวกเขาซุ่มดูอยู่ไกลจากเมืองหลวงก็จริงแต่ถ้าควบม้าตลอดไม่พักก็คงทันฟ้าสว่างของวันพรุ่งนี้แน่ ๆ
จิ้งเต๋อและตงเฟยมาถึงเมืองหลวงก็เป็นยามสายของวันแล้ว จึงทำให้พวกเขาจำต้องตรงดิ่งไปยังตำหนักกลางของฮ่องเต้ในทันที
และเมื่อมาถึงยังหน้าห้องทรงอักษรก็เห็นว่ามหาขันทีเสี่ยวตั้งจือได้ยืนรอพวกเขาอยู่หน้าห้องก่อนแล้ว ทั้งสองจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
“พวกท่านมาแล้วหรือ รีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะตอนนี้ฝ่าบาททรงร้อนพระทัยอยากพบพวกท่านเป็นการด่วน”
จิ้งเต๋อและตงเฟยเดินเข้ายังภายในห้องที่ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงประทับรออยู่แล้วที่โต๊ะทรงอักษร และเมื่อเห็นว่าสองราชองค์รักษ์มาถึงแล้ว
“ถวายพระพรฝ่าบาท”
สองราชองค์ถวายบังคมก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงตรัสและทำมือให้ทั้งสองลุกขึ้น
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ รายงานข้ามาสิว่าพวกเจ้าได้เรื่องอะไรบ้าง”
“ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมแอบรอบตามพวกมันไปจนถึงที่พักพ่ะย่ะค่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะ แต่พวกกระหม่อมไม่สามารถบุกเข้าไปช่วยเลยได้ทันทีเพราะที่นั้นทหารคุ้มกันเยอะพอตัว ประกอบกับทหารที่พวกกระหม่อมพาไปด้วยนั้นมีเพียง 4 นายเท่านั้น”
“ก็ดีแล้วที่พวกเจ้าไม่บุ่มบามเข้าไปช่วยจนเกิดบาดเจ็บขึ้นมา ทางเราได้ตัวประกันมาข้าคิดว่าจะเอานางไปแลกกับชุนเซียง”
“แลกกับใครนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าจะแลกกับฮองเฮาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“คนที่โดนจับไปหาใช่หนี่เจิน แต่หากเป็นน้องของนางที่ชื่อชุนเซียงต่างหากเล่า”
“แต่ที่พวกกระหม่อมได้ยินมา....”
“ก็หนี่เจินน่ะสิ แอบปลอมตัวเป็นทหารแล้วตามเฉินจิ้งฟงไปลานล่าสัตว์ด้วย แล้วก็ให้น้องสาวของนางมาปลอมตัวแทน”
“ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้ กระหม่อมก็นึกสงสัยว่าไม่ทรงไม่ร้อนพระทัยหรือที่ฮองเฮาทรงตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้”
“ใครว่าข้าไม่ร้อนใจเล่า ก็ในเมื่อน้องสาวของหนี่เจินถูกจับตัวไปเช่นนี้ ทำให้หนี่เจินร้อนใจข้าก็เลยร้อนใจไม่แพ้เช่นกัน”
“แล้วฝ่าบาททรงเรียกพวกกระหม่อมกลับมาเช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้วไงว่าตอนนี้ทางเราเองก็มีตัวประกันเช่นกัน หากจะแลกกับชุนเซียงทางนั้นก็คงต้องยอมเป็นแน่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“จริงด้วย ข้าลืมไปเสียสนิทข้ายังไม่ได้ถามนางเรื่องยาพิษเลย”
“เรื่องยาพิษหรือพ่ะย่ะค่ะ”ตงเฟยถามอย่างสงสัย
“ใช่ สนมพิงอันถูกพิษเข้าและหมอหลวงก็บอกว่าพิษชนิดนี้ไม่มีในต้าถังของเราด้วย ข้าก็เลยคิดว่าพิษชนิดนี้อาจจะมาจากมองโกเลียก็เป็นได้”
“แต่ว่าทำไมพระสนมถึงได้ถูกพิษได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“เท่าที่หนี่เจินเล่ามา นางบอกว่าสนมพิงอันทำขนมมาฝากนาง นางก็เลยให้นางกำนัลคนหนึ่งไปจัดขนมมาเพื่อจะได้ทานกันที่ศาลาภายในตำหนักเหม่ยชุน สนมพิงอันกินเข้าก่อนที่หนี่เจินจะได้ทันกิลแล้วก็ล้มลง หนี่เจินก็รีบเรียกหมอหลวงมาดูอาการทันทีเลย”
“เอ่อ...กระหม่อมของบังอาจกราบทูลได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามาสิ”
“ไม่ทรงคิดว่านี่เป็นแผนวางยาพิษฮองเฮาโดยพระสนมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรที่ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น ใครกันจะวางยาคนอื่นแล้วโดนตัวเองเช่นนี้ แถมยาพิษนี่ก็หาไม่ได้ในต้าถังด้วย”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า กระหม่อมแค่ถามพระองค์มิได้บังอาจหลบหลู่เบื้องสูงพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนแรกข้าเองก็อดคิดเหมือนพวกเจ้าไม่ได้เหมือนกันนั้นแหละ”
“แล้วจะทรงทำเช่นไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะไปหาองค์หญิงลีอาร์อีกรอบ คราวนี้ไปขอยาแก้พิษและไปทำข้อตกลงอะไรบ้างอย่างกับนางด้วย”
“ข้อตกลงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ข้อตกลงนี้จะทำให้สองประเทศไม่มีเรื่องบาดหมางกันอีกอย่างแน่นอน”
++++++++++++++++++++++++
ข้อตกลงที่ฮ่องเต้จะทำคืออะไรนะ
ต้องติดตามต่อไปอิอิ
-
:L1: :z13: :z13:
หายไปเลยนะคร่ะ
-
:z13: :z13:
:mc4: จุดประทัดฉลอง
ในที่สุดก็มาต่อแล้ววววววว o13
-
oh~kamlang sanook loei kha...
-
หายไปนานมาแค่นี้เองเหรออออออ
:เฮ้อ:
:call:
-
จำชื่อได้2คนเองอ่ะ :z3:
ต้องรื้อฟื้นนิดหน่อย :beat:
-
รออาจิ้งกับอาฟง อิอิ
-
เเหงะ..............ทำไมมาน้อยจังอ่ะ :เฮ้อ:
ขออีกนิดได้มั้ยอ่ะ :m26:
รอตอนหน้าจ้า :a3:
-
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ
เนื้อเรื่องสนุกมากเลยค่ะ o13 o13 o13
-
อยากได้อาจิ้งกับอาฟงอีกอ่ะค่ะ!! :o8:
สู้ๆนะคะ...อัพต่อไวๆนะ!! :กอด1:
:L2: :L2: :L2: :L2:
-
ขออีกตอนอย่างด่วน ลุ้นมาก :impress2:
-
มาทิ้งปริศนาไว้ แล้วมาต่อด้วยน้า
-
มาสั้นจางงง
แต่ว่าคงเรียนหนัก ก้สู้ๆนะ
-
ขอตกลงอะไรหว่า แผนปองดองรือค่ะ o18
สนุกมากค่ะ o13
-
หายไปนานจัง
รออยู่เน้อออออ :z2:
-
ยังรักท่านจักรพรรดิ์และหนี่เจิ่นอยู่น้า~ มาไว 55555
ขอให้การพาตัวกลับเป้นไปได้ด้วยดีเถอะ
องค์รักษ์ทั้งสองนี่ก็เชียร์มากๆอะ ตอนนห้านี่อะไรต้องตามซะแล้ว กร๊ากก
-
มาต่อไวๆนะคะ
ปล. ถ้าจำไม่ผิด เคยลงในเด็กดีมาก่อนรึป่าวคะ คุ้นๆเนื้อหาน่ะจ้ะ
-
สนุกมากเลยค่ะ อ่านทันแล้ว มาต่อไวๆนะคะ o13
-
นานแล้วนะ :m31:
-
หายไปนานเเล้วนะ :m16:
จะครบเดือนเเล้วอ่ะ
เริ่มจำเนื้อเรื่องไม่ได้ล่ะ :z3:
-
:m16:
:m31:
:fire:
:serius2:
:angry2:
นี้คือเราตอนนี้
-
คนแต่งหายไปไหนเนี๊ยะ :angry2:
รอนานแล้วนะ :t3:
-
คนเเต่งหายต๋อมไปเลยนะ :angry2:
กลับมาเหอะตัว :m5:
-
ชอบเรื่องนี้อ่ะ คนแต่งจะมาต่อมั้ยอ่ะ
-
o13 สนุกมากเลย
คนเขียนมาอัพต่อไวๆ นะ :call:
-
ฮ่องเต้ติดจะทำอาไยหว่า :confuse:
คนแต่งจ๋า อย่าหายไปนานอีกน๊า คนอ่านคิดตึ๋ง :monkeysad:
-
คนแต่งจ๋า คนอ่านคิดถึง
กลับมาเต๊อะ
-
:z3:ตามมาถึงตอนที่ 11แล้วน้า พักจายก่อน แต่ละคู่ร้อนแรงเจงๆ
-
รอๆๆจ้า
คนแต่งหายไปไหนอ่ะ
-
สุ้ๆนะค่ะ เรียนหนัก
แบ่งเวลาดีๆนะค่ะ เดวพลาด
-
เพิ่งเข้ามาอ่านจ๊ะ โอ้ว แนวนี้ที่ชอบ
รอตอนต่อไปด้วยใจระทึก
:-[
-
อ่านมาองวันติด อ่านทันแล้ว เย้ๆๆๆๆๆ
ว่าแต่ฮ่องเต้จำทำสัญญาอะไรกันนะ?
ตื่นเต้นๆๆๆๆ
-
อร๊ากกก กำลังสนุกเลย!!
รีบมาต่อนะคะ รออยู่ๆ
มาแจ้งข่าวบ้างก็ได้ เป็นห่วงๆ♥
-
ชอบหนี่เจินอะ
-
....... : 222222:------->>> :oni1: :oni1:
-
รีบมาต่อน่า รออยู่ :o8:
-
จิ้มคนแต่งเค้ารออยู่นะตัวเอง T3T
-
คนแต่งกลับมาเถอะนะ
เค้ารออยู่ :m15:
-
:m15: :m15: :m15: :m15: กลับมาเถอะ คนแต่ง รออยุ่น้าาาา ใจจร้าาา กำลังค้างง
-
ชอบจังเลยเรื่องเนี้ย เชียร์ๆทั้ง2คู่ๆน่ารักอ่ะ มาต่อเร็วนะไรเตอร์แต่ชายเนี้ยจะไม่ปล่อยให้มีผู้สืบสกุลเลยหรอคับเพราะน้องก็เป็นฮองเฮาแล้วนะคับ ส่วนลูกแฝดชายสองเลยคับส่วนครั้งที่2ค่อยแฝดชายหญิงเพราะฮ่องเต้ขยันทำการบ้านทุกคืนไม่เว้นกลางวันด้วยแล้วมีลูกได้แค่สองครั้งเพราะนายเอกผมเป็นผู้ชายเลยมีข้อจำกัดนิดนึง อิอิ ไรเตอร์รักษาสุขภาพนะคับ
-
:fire:
มะไหร่จามาต่อค้าฟ รออยู่นะค้าฟฟฟฟฟ
-
มาแล้ว มาแล้ว
หลายคนคงอยากแทงไรเตอร์ที่หายหน้าไปนาน
ต้องบอกว่าใกล้เรียนจบแล้วT^T
เรียนเยอะเรียนหนักต้องทำใจนิดนะ
มีนานี้ก็สอบแล้วด้วยคงไม่ได้ค่อยมาลงหรืออาจหายไปนานหน่อย
แต่ยังไม่ได้ทิ้งผู้อ่านหายไปไหนนะ
จะมาลงให้อย่าพึ่งทิ้งกันไปน้าT^T
ว่าแล้วก็ไปอ่านคู่รองที่บอกไว้ก่อนจะหายแล้วเนอะ 555+
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
24
หลังจากที่ออกจากห้องทรงอักษรแล้วสองราชองค์รักษ์ก็ถูกสั่งให้ไปพักสองสามวัน โดยที่ฮ่องเต้ทรงให้เหตุผลว่าพวกเขาทำงานตลอดไม่เคยหยุดพักเลย และยิ่งต้องทำงานเพิ่มอีกเลยให้พักสองสามวันแทน
“สองวันนี้ไม่ต้องทำงานพวกเราไปหาที่พักกันสองคนดีมั้ยอาจิ้ง”
“แล้วเจ้าอยากไปไหนล่ะอาเฟย ข้าก็อยากไปกับเพียงแค่สองคนเท่านั้นเหมือนกัน จะได้ไม่มีคนมาขัดขวางถ้าข้าจะกอดเจ้าทั้งวันทั้งคืนด้วย”
จิ้งเต๋อและตงเฟยเดินทางไปบ้านของจิ้งเต๋อที่ไม่มีใครอยู่เนื่องจากพ่อแม่ของจิ้งเต๋อพวกท่านเสียไปนานแล้ว และด้วยความที่จิ้งเต๋อเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลเว่อฉือจึงทำให้บ้านนี้เหลือเพียงแค่คนรับใช้เท่านั้น
“อะ...อาจิ้ง...อ๊ะ...ยะ...อย่า...”เสียงของตงเฟยบอกให้คนร่างสูงที่ตอนนี้รวบร่างของเขาไปแล้วกดเรียวปากที่ซอกคอขาวแล้ว
“ข้าอยากกอดเจ้าจนทนไม่ไหวแล้วอาเฟย อย่าห้ามข้าเลยนะยอดรัก หลายเพลาแล้วที่ข้านี้มิได้กอดเจ้า ตอนนี้ข้ามิอาจจะทนต่อไปได้อีกแล้วอาเฟย ขอข้าทำเถอะนะยอดรัก”
จิ้งเต๋อพูดพลางจุมพิตที่ขมับซ้ายของคนร่างบาง เขากอดคนร่างบางเอาไว้หลวม ๆ ก่อนที่จะก้มลงจุมพิตซอกคอขาว จนคนร่างบางต้องประท้วงขึ้น
“อ๊ะ...อา...มะ...ไม่ใช่. ข้าแค่จะ...อ๊า...บอกว่า...เราอาบน้ำก่อนดีกว่า...มั้ยเท่านั้น...อืม”
“ฟุด..ฟิต..”พูดจบแล้วจิ้งเต๋อก็เลื่อนจมูกมาดมที่ซอกคอขาวอีก
“ตัวเจ้าไม่เห็นจะเหม็นเลยยอดรัก”จิ้งเต๋อซิบที่ข้างหูของคนร่างบางกว่าจนอีกฝ่ายหน้าขึ้นสีอย่างเขินอายแทน
“บ้า...ไม่เอาแล้วข้าตัวเหนียวหมดแล้ว อยากอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนนะ ๆ อาจิ้งให้ข้าไปอาบน้ำก่อนน้า...”เสียงอ้อนหวาน ๆ จากคนร่างบางยันให้คนร่างสูงเผยยิ้มที่น้อยคนจะได้เห็นออกมา
“แล้วแต่เจ้าก็แล้วกันอาเฟย ถ้าอยากอาบนักข้าจะอาบด้วยดีมั้ย”
“อืม...เอาสิจะได้อาบรอบเดียวไปเลย”
จิ้งเต๋อและตงเฟยเดินไปที่ห้องที่มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ภายในมีน้ำและกรีบดอกไม้ลอยอยู่คาดว่าบรรดาสาวใช้จะเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว จิ้งเต๋อและตงเฟยถอดชุดของตัวเองออกจนหมดก่อนที่จะเดินไปใกล้ ๆ กับอ่างน้ำนั้น
แต่ยังไม่ทันที่ตงเฟยจะหย่อนตัวลงอ่างน้ำก็ถูกร่างสูงอุ้มขึ้นก่อนจะเดินลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างนิ่มนวล
“อาจิ้ง...ปล่อยได้แล้ว และที่หลังไม่ต้องอุ้มก็ได้ข้าเดินเองได้น่า”
อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ยิ้มกลับมาให้แทน เล่นเอาหัวใจคนที่ของตงเฟยเต้นแรงอีกครั้งคนบ้าอะไรปกติไม่ค่อยยิ้ม แต่วันนี้กลับยิ้มเอา ๆ อยู่ได้ ไม่รู้รึไงว่าทำให้เขาใจเต้นแรงไปกี่ครั้งแล้ว
“ข้าแค่อยากทำให้เจ้าสบาย ข้าผิดหรือ”เสียงที่ตอบช่างเบาราวกันน้อยใจของจิ้งเต๋อส่งผลให้คนร่างบางกว่าต้องช้อนหน้าอีกฝ่ายมากประกบทาบทับริมฝีบางบางเข้ากับฝีปากหนาแทน
“เจ้าไม่ผิดหรอนะอาจิ้ง ก็ข้าน่ะแค่ไม่ชินกับการถูกอุ้มเยี่ยงสตรีต่างหากเล่า”
และคนพูดน้อยยิ้มน้อยก็ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ก่อนจะก้มหน้าลงเอาริมฝีปากหนาทาบทับริมฝีปากบางที่ทำท่าจะขยับพูดอีก
“อือ...อือ...”เสียงคนร่างบางประท้วงให้คนร่างบางปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระเสียที กำปันน้อย ๆ ทุบลงเบา ๆ เพื่อเป็นการบอกอีกฝ่ายให้ปล่อยได้แล้ว
“ข้ารักเจ้านะอาเฟย”เสียงทุ้มนุ้มที่กระซิบเบา ๆ ข้างหูทำให้คนฟังใจหวิว ๆ พลางหน้าแดงหูแดงไปหมด
“อืม...ข้าก็รักเจ้าอาจิ้ง”
เมื่อตงเฟยพูดจบก็คว้าคอคนร่างสูงที่ตอนนี้คล่อมอยู่บนตัวในอ่างใบใหญ่ตอนไหนไม่รู้ ก่อนจะเรียวปากบางจะทาบทับกับริมผีปากหน้าอีกครั้ง คราวนี้รสจุมพิตที่อ่อนหวานแปลเปลี่ยนเป็นร้อนแรงตามความปรารถนาของทั้งสอง
จิ้งเต๋อไล่มือหนาไปตามร่างขาวบางอย่างถวิลหา เขากับตงเฟยไม่ได้มีเวลาด้วยกันยามดึกบ่อยครั้ง เพราะต่างคนต่างก็ต้องทำงาน และตงเฟยยังต้องกลับไปบ้านของตนเองอีกด้วย ทำให้ทั้งสองยิ่งไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันอีก
ทั้งช่วงนี้ยังมีปัญหาบ้านเมืองที่ทำให้ทั้งสองคนต้องไปทำอีก ถึงจะได้อยู่ร่วมกันไม่ว่าจะยามตื่นหรือยามนอน แต่ก็ทำอะไรที่แสดงความรักใคร่ไม่ได้ด้วยหน้าที่และยศศักดิ์ที่เป็นอยู่ทำให้ทั้งสองไม่อาจทำอะไรให้คนล่วงรู้ได้
“อือ...อาจิ้ง...ตรงนั้น....อ๊า...ไม่เอานะ...”
“ตรงนี้หรือ...ยอดรัก...”
จิ้งเต๋อไล่มือไปยังจุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายก่อนจะสัมผัสตรงนั้นเน้นย้ำจนอีกฝ่ายสะดุ้งตัวครางไม่ได้ศัพท์แทน มือที่สัมผัสอยู่นั้นเป็นอาเฟยน้อยที่ตอนนี้ตื่นตัวเต็มที่เมื่อถูกมือหนาสัมผัส
“อ๊า...อ๊า...อาจิ้ง...ไม่เอา...จะไม่ไหวแล้ว....อือ...อ๊า...”
เมื่อจิ้งเต๋อเร่งจังหวะไม่นานคนร่างบางก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด ก่อนที่คนร่างสูงจะร่างเนื้อตัวที่แต่คราบน้ำสีขาวขุ่นออกให้แล้วอุ้มขึ้นจากอ่างน้ำและหาผ้ามาคลุมแล้วพาไปยังห้องนอนของตัวเอง
และเมื่อมาถึงก็วางตงเฟยที่ยังมีอาการเขินอายลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลก่อนจะตามลงมาคล่อมร่างไว้อย่างรวดเร็ว จิ้งเต๋อไม่รอช้าปฏิษัติภารกิจต่อ เขาก้มลงมอบจุมพิษหวานให้ร่างบางที่ตอนนี้นอนหลับตาอย่างรู้ตัวว่าจะเจออะไรต่อไป
“อ๊า...อ๊า...จิ้ง....อือ...อาจิ้ง”
จิ้งเต๋อแทรกตัวเข้าไปยังช่องทางหวานของตงเฟย ก่อนจะค่อยขยับช้า ๆ จนตงเฟยต้องขยับสะโพรงหนี ด้วยความที่นานครั้งจะมีอะไรกันทำให้ร่างกายของเขาไม่เคยชินเสียที ความเจ็บที่แล่นเข้ามาทำให้คนร่างบางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด จนคนร่างสูงต้องคอยจุมพิตปลอบครั้งแล้วครั้งเล่า
“อย่าเกรงนะคนดี ถ้าเจ้าเกร็งจะทำให้เจ้าเจ็บนะ”
“อะ...อืม...”
จิ้งเต๋อสอดนิ้วเข้าไปเพิ่มขึ้นอีกนิ้วก่อนจะค่อย ๆ ขยับความรัดเกรงของอีกฝ่ายเริ่มเบาบางลงบ้างแต่ก็ยังไม่พร้อมหากเขาจะเริ่มตอนนี้
จิ้งเต๋อเพิ่มนิ้วขึ้นอีกนิ้วขยับเข้าออกจนรู้สึกได้ว่าตอนนี้ช่องทางแสนหวานพร้อมแล้วเขาถอดนิ้วออกก่อนจะจับที่แท่นร้อนที่ตอนนี้พองตัวเต็มที่แล้ว แทรกเข้าช่องทางหวานแต่ว่ากลับเข้าไปได้แค่ส่วนหัวเพราะคนร่างบางร้องขึ้นมาและเกร็งจนเขาไม่อาจขยับตัวได้
“อา....อย่าเกร็งแน่นสิอาเฟย ข้าขยับไม่ได้”
“เจ็บ...อาจิ้ง...เจ็บ...อย่าพึ่งขยับนะ...”
“เจ็บหรือยอดรัก อย่าเกร็งนะคนดี”เป็นอีกครั้งที่จิ้มเต๋อต้องจุมพิตเพื่อไล่ความเจ็บปวดให้คนร่างบาง และเมื่อได้รับรสหวานของจุมพิตก็ทำให้คนร่างบางหายเกร็ง
จิ้งเต๋ออาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายผ่อนครายกระแทกเข้าไปจนสุด คนร่างบางสดุ้งตัวและกัดปากด้วยความเจ็บที่แล่นเข้ามาในทันที่อีกคนร่างสูงกระแทกเข้ามาไม่ทันตั้งตัว
“ขอโทษนะ แต่ถ้าคาไว้อย่างนั้นอาเฟยจะยิ่งเจ็บมากกว่า”
“อืม...ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้อย่างพึ่งขยับนะขอปรับตัวก่อน”
แต่ด้วยความรัดแน่นของช่องทางหวานก็เกือบทำให้จิ้งเต๋อปลดปล่อยความปราถรนาเสียให้ได้ และยิ่งความตอดรัดของช่องทางหวานมีมากเท่าไร ก็ทำให้จิ้งเต๋อยิ่งต้องอดทนมากเท่านั้น
“อ๊า...จะไม่ไหวแล้วอาเฟย อดทนหน่อยนะข้าไม่ไหวแล้ว”
จิ้งเต๋อจับขาสองข้างของตงเฟยขึ้นพาดบ่าของตนเองก่อนจะเริ่มขยันสะโพกเข้าออกช้า ๆ เพื่อไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บมากนัก
“อ๊า...จิ้ง...จิ้ง...ตรงนั้นไม่ได้นะ...”เสียงหวานพูดอย่าอ่อนแรง
“ตรงนี้หรือ”พูดจบก็กระแทกเข้าไปที่เดิม
“อย่า...อย่าแกล้งสิ...อือ...อืม...คนบ้า...คนขี้แกล้ง....”
จิ้งเต๋อยิ้มกับท่าทางของอีกฝ่ายที่เมื่อยู่ในหน้าที่นั้นไม่มีทางหาดูได้แน่ มีแต่เขาเท่านั้นที่ได้เห็นและจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนได้เห็นท่าทางที่น่ารักของตงเฟยแน่
“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...อืม...อา..อย่า...แรง...มาก...อือ...อือ..อ๊า”
“อดทนหน่อยนะ อืม....อา...ข้าไม่...อ๊า...ยั้งได้แล้ว”
“อ๊า...อ๊า...แรงอีกอาจิ้ง...อาตรงนั้นแหละ...”
“อืม...อา...ตรงนี้หรือ....อ๊า”
“อือ...อือ...อาจิ้ง...อาจิ้ง”
“อา..เฟยข้างรู้สึกดีหรือเกิน”
“อ๊า....อาเฟย...ข้า...อือ...ก็...เหมือนกัน...อือ...อือ...”
“ข้า...รัก...เจ้ายอดรัก”
เสียงสองเสียงที่สอดประสานกันต่างฝ่ายต่างร้องออกมาไม่ได้ศัพท์ เมื่อจิ้งเต๋อกระแทรกแท่นร้อนเข้าไป ตงเฟยก็แอ่นสะโพกรับ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกันการร่วมรักที่แสนร้อนแรงและอ่อนหวานก็ยังคงทำดำเนินต่อไป
“อ๊า... อ๊า...อา...จิ้ง....ข้าจะไม่ไหวแล้วจะออกอีกแล้ว”
“อ๊า...ยอดรัก...พร้อมกันนะ”
แล้วทั้งสองก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวพร้อมกัน จิ้งเต๋อทิ้งตัวกอดร่างที่นอนหอบอย่างเหนื่อยอ่อนของอีกฝ่ายไว้ เขาว่าจะต่ออีกรอบแต่เมื่อเห็นว่าตงเฟยนั้นท่าทางจะไม่ไหวแล้วเลยทำได้แค่เก็บความปรารถนานั้นไว้เท่านั้นก่อนที่ร่างบางจะหลับไป
จิ้งเต๋อลุกขึ้นไปหาผ้าผืนเล็กและที่ใส่น้ำมาเช็คตัวทั้งของเขาและคนร่างบางที่หลับไม่รู้เรื่องไปแล้วจนสะอาด ก่อนจะจัดการใส่เสื้อผ้าให้กลัวว่าคนร่างบางจะหนาวเพราะอากาศที่นี้ยามค่ำคืนช่างหนาวหนัก และพอใส่เสื้อผ้าจนเสร็จ
จิ้งเต๋อมองร่างที่กำลีงหลับสบายก่อนจะระบายยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือมาปัดผมที่ปรกลงมาบนหน้าสวยได้รูป
“เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดแล้วนะว่าพวกเราจะไปไหน”เสียงพูดที่แสนเบาพร้มอจุมพิมที่บนหน้าผากมลเบา
แล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนโดยเขากอดตงเฟยไว้ก่อนจะหลับตาลง คืนนี้เป็นคืนที่เขาจะหลับสบายอีกคืนหลังจากที่ต้องทนเหงาทุกครั้งเมื่อเขาต้องนอนคนเดียวเมื่อตงเฟยต้องกลับไปนอนบ้านของตนเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++
TBC.
-
มาชดเชยที่หายไปนานวันนี้จะลงให้สองตอนเลย
ใครที่ลุ้นว่าพิงอันจะตายไม่ตายคงได้รู้กันตอนนี้แหละ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
25
ณ วังหลวงในยามสายของอีกวัน
หนี่เจินตื่นขึ้นเพราะอาการแพ้ท้องที่ตอนนี้ทวีความรุ่นแรงขึ้น บรรดาหมอหลวงและนางกำนัลต่างก็วิ่งวุ่น ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้คนสนิทที่เป็นเอามากกว่าเพื่อน ไม่ว่าหนี่เจินจะพยายามบอกกับพวกเขาเท่าว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็ไม่มีใครยอมฟัง
“วันนี้ก็วุ่นวายกันอีกแล้วเพค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันไม่รู้จะบอกพวกเขาเช่นไรดีแล้ว นี่แค่หม่อมฉันตั้งครรถ์ถึงกับเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ แล้วถ้า...”
“อย่าไปโทษพวกหมอหลวงเลย เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเกือบทำให้ข้าเหมือนตายทั้งเป็นมาแล้วกี่รอบต่อกี่รอบหืม”
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพค่ะ”
“ข้าไม่โทษเจ้าหรอกยอดรักของข้า ที่ต้องโทษอาจเป็นโชคชะตาก็อาจเป็นได้”
“ฝ่าบาทเพค่ะ อย่าทรงคิดเช่นนั้นะเพค่ะ ไม่ใช่เพราะโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือที่ทำให้พระองค์ได้เจอกับหม่อมฉัน ทำให้หม่อมฉันได้เป็นฮองเฮาของพระองค์และเป็นแม่ให้กับองค์หญิงหรือองค์ชายที่กำลังจะประสูติออกมาเช่นนี้”
“ก็จริงของเจ้า บางที่ข้าคงต้องขอบคุณเสียมากกว่าสินะแทนที่จะไปโทษชะตากรรมเช่นนี้”
หนี่เจินยิ้มหวานให้พระสวามีที่ทรงเข้าใจอะไรง่าย ๆ หนี่เจินเอามือลูบท้องที่ตอนนี้ยังคงแบนราบแต่อีกไม่กี่เดือนก็จะใหญ่ขึ้นและออกมาดูโลก
“อยากเห็นหน้าเขาเร็วเสียจริงลูกของข้า”ฮ่องเต้เห็นหนี่เจินเอามือลูบท้องก็เลยอยากลูบบ้างซ้ำยังเอาหูแนบท้องเพื่อจะฟังเสียงอีกด้วย หนี่เจินที่เห็นอย่างนั้นก็อดขำไม่ได้
“ฝ่าบาทนี่ล่ะก็ ลูกพึ่งจะสองเดือนคงส่งเสียงให้พระองค์ฟังมิได้หรอกเพค่ะ”
“ก็เผื่อลูกเราฉลาดเหมือนเจ้ากับข้า สามารถส่งเสียงได้ก่อนวัยไงเล่า”
“ไม่ทางหรอกเพค่ะ”
“เจ้านี่ไม่เข้าใจข้าเสียเลยนะ ข้าอยากกอดเขาไว ๆ แต่ทำไม่ได้เลยต้องมาฟังเสียงอยู่นี่ไง”
“แล้ววันนี้จะทรงเสด็จไหนหรือเพค่ะ”
“ข้าว่าจะไปเอายาแก้พิษจากองค์หญิงลีอาร์ จะได้เอาไปช่วยสนมพิงอันเสียทีตอนนี้อาการของนางยังพอมีทางรักษาได้ แต่ถ้าช้ากว่านี้เกรงว่านางจะทนไม่ไหว”
“งั้นให้หม่อมฉันไปด้วยนะเพค่ะ หม่อมฉันเองก็อยากช่วยพระสนมพิงอันเช่นกัน”
“เจ้าอย่าไปเลยหนี่เจิน ตอนนี้เจ้ากำลังท้องใส้ไปอยู่กับเสด็จแม่ดีกว่า อย่างน้องพระองค์ก็จะได้คอยดูแลเจ้าได้”
“แต่ว่า...”
“เชื่อข้าเถอะ ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นอะไรไปอีก ตอนที่เจ้าเจ็บหนักจนเกือบตายข้าหัวใจราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แล้วตอนนี้เจ้าหาใช่คนเดียวอีกต่อไปแล้วไม่ เจ้ายังมีลูกของเราอยู่ในท้องของเจ้าอีกด้วยนะ”
“เพค่ะ หม่อมฉันจะทำตามรับสั่ง”
“งั้นข้าไปก่อนเสร็จเรื่องเมื่อไรจะไปหาเจ้าที่ตำหนักเสด็จแม่ เจ้ารอข้าอยู่ที่นั้นห้ามไปไหนเด็ดขาดรู้มั้ย”
“เพค่ะ”หนี่รับคำก่อนจะส่งระบายยิ้มสวยให้พระสามีที่รักยิ่ง
ว่าแล้วฮ่องเต้ก็ทรงเสด็จออกไป โดยหนี่เจินได้แต่มองตามหวังว่าการไปครั้งนี้ องค์หญิงลีอาร์คงมิโดนทำอันตรายใด ๆ นะ เขาไม่อยากให้เป็นปัญหาระหว่างสองเมืองเลย
“ฮองเฮาเพค่ะ วันนี้จะทรงเสด็จไหนเพค่ะ”เสียงของเสี่ยวเย่กับหลงเปาถามขึ้นพร้อมกัน ทำให้คนหนี่เจินที่กำลังนั่งใจลอยต้องหันไปมองก่อนจะส่งยิ้มหวานให้
“วันนี้จะไปตำหนักของฮองไทเฮา พวกเจ้าไปเตรียมซะ”
“เพค่ะ”สองสาวใช่รับคำก่อนจะรีบไปจัดชุดและเครื่องประดับให้หนี่เจินอย่างรู้หน้าที่
ทางด้านฮ่องเต้เมื่อทรงเสด็จออกจากตำหนักของหนี่เจินแล้วก็ทรงกลับมายังตำหนักใหญ่เพื่อไปพบกับเฉินจิ้นฟงพี่ชายของหนี่เจินนั้นเอง
“ถวายบังคมฝ่าบาท ทรงเรียกหาหม่อมฉันมีเรื่องอะไรจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะไปพบกับองค์หญิงลีอาร์เพื่อขอยาแก้พิษและจะเจรจาเรื่องของตัวน้องสาวของเจ้าคืนด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นจะเสด็จเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อืมไปเลย”
ด้านลีอาร์ที่ถูกคุมขังอยู่ก็ได้แต่ถอดใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ชายของนางจะเป็นเช่นไรบ้างถ้าเขาล่วงรู้ว่าหญิงนางที่จับหาใช่หนี่เจิน แต่กลับกลายเป็นน้องสาวยของนางแทนจะเสียใจมากแค่ไหนที่แผนการที่สู้อุตสาวางแผนมาอย่างดีกลับต้องมาล้มเพียงเพราะจับผิดตัวเช่นนี้ได้
ขณะที่นางกำลังคิดอะไรมากมายอยู่จู่ ๆ เสียงประตูห้องก็เปิดขึ้นทำให้ลีอาร์ต้องระวังตัวเองหันไปมองบุคคลที่เดินเข้ามาทั้งสอง
“หวังว่าองค์หญิงจะทรงสบายดี”
“หม่อมฉันจะสบายได้เช่นไรถูกจับขังอยู่แต่ในห้องเช่นนี้ ทำไมไม่ทรงขังข้าไว้ที่คุกเลยล่ะในฐานนักโทษน่ะเพค่ะ”
“นั้นเพราะทางเราไม่ได้ถือว่าองค์หญิงเป็นเชลยหรือนักโทษอย่างไรล่ะ แต่ที่ยังไม่ได้ปล่อยตัวองค์หญิงเพราะข้าต้องการขอสิ่งบางอย่างและทำการเจรจาอะไรสักอย่างกับองค์หญิงเสียก่อน และถ้าข้อตกลงของข้า องค์หญิงยอมรับได้ล่ะก็ทางเราจะปล่อยตัวองค์หญิงทันทีเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพระองค์ต้องการก็บอกมา แต่ถ้าสิ่งที่พระองค์ต้องการมันทำให้ข้าเสียเกียรติยศล่ะก็หม่อมฉันไม่มีทางทำแน่”
“ไม่ต้องห่วงข้าไม่ทำอะไรที่เป็นการเสื่อมเสียต่อราชวงค์ถังเช่นกันของรับรองในฐานประมุขของแผนนี้เลย”
“ถ้าเช่นพระองค์ต้องการสิ่งใดและต้องการเจรจาสิ่งใดกับหม่อมฉันก็ทรงตรัสมาเลยเพค่ะ หม่อมฉันรอฟังอยู่แล้ว”
“สิ่งที่ข้าต้องการคือยาถอดพิษที่เจ้าใช้กับข้าต้องการขอตัวน้องสาวหนี่เจินคืนก็เท่านั้น”
“ยาแก้พิษหรือเพค่ะ ถ้าเป็นยาแก้หม่อมฉันก็พอจะให้ได้แต่เรื่องน้องสาวของฮองเฮาหม่อมฉันคงไม่รับปาก เพราะคนที่จับตัวนางไปเป็นท่านพี่ของหม่อมฉันไม่ใช่ตัวหม่อมฉัน”
“แต่ถ้าข้าจะแลกองค์หญิงกับน้องสาวของหนี่เจินเล่าพี่ของพระองค์จะไม่ยอมเชี่ยวหรือ”
“...”ลีอาร์นิ่งเงียบไม่ตอบ เพราะยังไงท่านพี่ของนางจะต้องยอมแลกแน่
“หม่อมฉันตกลงเพค่ะ แล้วจะทรงไปส่งข่าวบอกพี่หม่อมฉันเมื่อเพลาใดหรือเพค่ะ”
“เรื่องนั้นองค์หญิงไม่ต้องทรงห่วง ทางข้าจะจัดการเอง แต่ตอนนี้ข้าขอยาแก้เสียก่อนจะได้มั้ย”
“หึ.. ถ้างั้นก็มาเอาไปสิเพค่ะ”ลีอาร์วางยาแก้พิษบนโต๊ะ เมื่อจิ้งฟงเห็นก็เดินเข้าไปแต่ยังไม่หยิบขึ้น
“พระองค์แน่ใจใช่มั้ยว่ามันเป็นยาแก้ของจริง”
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อใจข้างั้นข้าจะกินให้ดูก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรหามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเชื่อแล้วว่าเป็นของจริง”
“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญองค์หญิงพักผ่อน ได้ความเช่นไรถ้าเราจะส่งคนมารายงานอีกที”
เมื่อออกมาจากห้องเดินห่างออกมาจากตำหนักที่คุมขังองค์หญิงลีอาร์ได้สักระยะ ฮ่องเต้ก็หันมาสั่งให้จิ้งฟงนำยาที่ได้ไปให้หมอหลวงรักษาพระสนมพิงอันเป็นการด่วนทันที
“จิ้งฟงเจ้ารีบนำยาไปส่งให้หมอหลวงรีบรักษาสนมพิงอันด่วนเลยนะ ข้าจะไปหาหนี่เจินที่ตำหนักฮองไทเฮา”
“รับด้วยเกลาพ่ะย่ะค่ะ”
จิ้งฟงรีบเร่งเดินทางไปยังตำหนักหมอหลวงที่กำลังวิ่งวุ่นทั้งฮองเฮาที่ทรงแพ้ท้องกับพระสนมพิงอันที่ยังอาการไม่ดีขึ้น และเมื่อคนในนั้นเห็นว่าท่านแม่ทัพใหญ่เดินข้าต่างก็พากันสงสัย
“ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพมาทำอะไรที่ตำหนักหมอหลวงหรือขอรับ”เสียงหนึ่งคนงานโรงหมอถามขึ้น
“หมอหลวงอยู่ไหน ข้านำยาแก้พิษของพระสนมมาให้เขา”
“หมอหลวงท่านไปตำหนักพระสนมแล้วขอรับ”
“งั้นไม่เป็นไรข้าจะไปหาเขาเอง”
“ขอรักท่านแม่ทัพใหญ่”
ว่าแล้วจิ้งฟงก็เร่งรุดไปยังตำหนักพระสนมพิงอันทัน แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าบรรดาหมอต่างวุ่นวายไม่แพ้ตำหนักหมอหลวงเลย ทั้งหมอหญิงหมอชายวิ่งวุ่นกันไปหมด
“ไม่ทราบท่านมาหาใครขอรับที่นี่เป็นตำหนักของพระสนมพิงอันไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าขอรับ”
“ไปตามหมอหลวงมาหาข้าบอกมีเรื่องสำคัญเร็วเข้า”
“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปทันที”
ไม่ช้าไม่นานหมอหลวงก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมาทัน และพบว่าคนที่มาหาตนนั้นเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของเมืองต้าถัง
“ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพใหญ่เรียกหาข้ามีเหตุอันใดหรือ”
จิ้งฟงหาได้ตามแต่อย่างใดเพียงแค่ยื่นขวดยาแก้พิษให้แก่หมอหลวง
“สิ่งนี้คือ...”
“นี่คือยาแก้พิษ รีบนำไปรักษาพระสนมด่วนเลย”
“ขอรับ ขอรับ”
หมอหลวงรีบเดินหายเข้าไปยังตำหนักของพระสนมอีกครั้ง จิ้งฟงได้แต่ถอดหายใจเรื่องครานี้สิ้นสุดเสียที ต่อไปอย่าให้มีเรื่องร้าย ๆ อีกเลยนี่เคาระห์ดีที่พระสนมโดนแทนหากเป็นหนี่เจินของเขาล่ะก็องค์หญิงลีอาร์โดนเขาฆ่าแน่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC.
-
หึหึ ในที่สุดก็มาต่อแล้ว
-
มาแล้วววววว!!! :sad4:
-
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
-
มาแล้ววววววววดีใจจุดพลุ :mc4:
:call:
-
:z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
มาต่อแล้ว มาต่อแล้ว
-
:L3: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: คุ้มค่ากับการรอคอย >\\\\\\\<
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
:sad4:ในที่สุดก็กลับมาแล้วแย้ยๆๆดีจังเลย :mc4: :mc4: :call:
-
มาเเล้วๆๆๆ :sad4:
หลังจากที่รอคอยกันมานานมากกกกก :z3:
รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:
-
กลับมาแล้ว ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุด
แต่มันสั้นไปนิสน้า
-
พิงอันต้องปรับปรุงตัวละนะ
-
เย้ๆๆๆๆ
มาแล้ว นึกว่าจะลืมกันซะแล้ว
ตอนต่อไปก็สู้ๆน้า
-
วู้ กว่าจะมาต่อได้ หายไปนานเลยนะคะเนี่ย :กอด1:
-
มาแล้วตอนที่ 26
และก็อยากจะบอกว่าจบภาค 1 แล้วภาค 2 คงต้องขอหยืดไปหน่อยนะ
เพราะอยากแต่งเรื่องอื่นอิอิ
เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่ได้คิดแนวภาคต่อเลยอ่ะ
ว่าจะเอาไงดี
แต่คิดไว้แล้วว่าองค์ชายรอง 1 คู่ องค์ชายใหญ่นี่จะจับให้คู่กับเผ่าเดียวกะหนี่เจินอ่ะ
จะได้มีผู้สืบสกุลต่อหึหึแต่จะเป็นยังไคงต้องรออ่าน
ส่วนองค์ชายสามคงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
ส่วนตอนนี้ไปอ่านตอนต่อไปดีกว่าเนอะ
รักคนแต่งช่วยคอมเมนท์ด้วยเน้อ อิอิ
++++++++++++++++++++++++++++
26
ด้านลีซานก็มั่วแต่คิดถึงใบหน้าของหนี่เจิน ถ้าหากคนที่ถูกจับมาเป็นหนี่เจินคงดีมิใช่น้อย ไม่อยากเชื่อว่าแผนการที่เขาอุตสาวางแผนไว้ต้องล้มเพียงเพราะแค่จับมาผิดคนเช่นนี้ แถมน้องสาวของเขายังถูกอีกฝ่ายจับตัวได้เสียด้วย”
“แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย หญิงที่พระองค์จับตัวมาอาละวาดใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปบอกถ้านางไม่เงียบให้มัดปากนางไว้”
“เอ่อ...แต่ว่านางมีวรยุทธด้วยนะพ่ะย่ะค่ะถึงจะไม่ถึงขนาดสู้กับพวกกระหม่อมทั้งหมดได้ แต่ถ้าตัวต่อตัวแล้วนางเก่งมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นพวกเจ้าก็มัดมือ มัดเท้าน้องแล้วก็หมัดปากนางไว้ซะสิ”
“แต่...”
“งั้นเดี๋ยวข้าไปจัดการนางเอง”
ลีซานเดินเข้ามาถึงหน้ากระโจมที่ขังชุนเซียงไว้ เสียงของหญิงสาวที่อาละวาดดังออกมายังนอกกระโจมบ่งบอกหญิงสาวนั้นอารมณ์เสียมากแค่ไหน
“อะ...องค์ชายเพค่ะ หม่อมฉันรับมือนางไม่ไหวแล้ว ข้าวปากนางก็ไม่ยอมกิน เสื้อผ้านางก็ไม่ยอมเปลี่ยน หม่อมฉันหมอปัญญาแล้วเพค่ะองค์ชาย ช่วยจัดการนางทีเพค่ะ”
“เอาล่ะข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าถอยออกไปก่อน”
เมื่อเข้ามาภายในกระโจมก็พบกับสภาพที่ดูไม่ได้เสียเลยข้าวของทั้งหลายต่างกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง บ้างชิ้นแตกหักบ้าง บ้างชิ้นแยกชิ้นส่วนบ้าง ส่วนตัวการเอาแต่นั่งกอดเข่าร้องไห้เอาเป็นเอาตายโดยหาได้สนใจผู้เข้ามาใหม่แต่อย่างใด
“เจ้าเสียใจที่ถูกข้าจับตัวมามากเลยอย่างนั้นหรือ” ถึงจะไม่ใช่หญิงที่เขาหลงรัก แต่นางคนนี้กลับมีใบหน้าที่คล้ายครึงคนคนนั้นยิ่งนัก และนั้นทำให้เขารู้สึกผิดที่ทำให้คนตรงหน้าต้องเสียน้ำตาเช่นนี้
“ใช่ และถ้าท่านจะพอมีสนึกที่ดีบ้างล่ะก็ ช่วยส่งข้ากลับบ้านสิข้าจะได้ไม่ต้องมาเสียใจเช่นนี้อีก”
“แล้วถ้าข้าไม่ยอมล่ะ”ลีซานอดรู้สึกลึก ๆ ในใจไม่ได้ตอนนี้เขาจำต้องเก็บนางไว้ก่อน เขาจะต้องเอาตัวนางไปแลกกับน้องหญิงที่ถูกจับตัวไปตอนนี้
“ก็ค่อยดูสิว่าท่านจะทนข้าได้นานเสียเท่าไรกัน”
“หึ คิดว่าคำขู่ของเจ้าข้าจะกลัวรึ”
“ไม่กลัวก็เรื่องของท่าน แต่ถ้าหากข้าเสียเกียรติเมื่อใดครานั้นข้าจะแลกด้วยชีวิตของข้า”
แต่ไม่ทันที่ลีอาร์จะกล่าวอะไรต่อทหารนายหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาในกระโจมท่าทีหื่นหอบ ลีซานมองทหารที่บังอาจเข้ามาในกระโจมแห่งนี้โดยไม่ได้ขออนุญาตจากเขาเสียก่อน
“พระอาญามิพ้นเกล้า ต้องขอประทานอภัยที่กระหม่อมกล้าบังอาจเข้ามาในที่แห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมมีเรื่องด่วนมารายงานต่อองค์ชายจึงต้องทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”เสียงนายทหารรายงานขึ้นเสียงดัง ซึ่งส่งผลให้ลีซานขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า
“มีอะไรก็ว่ามา” ลีซานมองนายทหารล้วงบ้างสิ่งออกมาก่อนจะส่งให้เขาและเขาพบว่ามันเป็นซอกสีขาวที่คล้ายซอกจดหมายหรืออะไรสักอย่าง แต่ก่อนที่เขาจะเปิดอ่านจดหมายข้างในนายทหารคนเดิมก็จะกล่าวรายงานต่อว่า
“มีคนจากวังหลวงส่งสิ่งนี้ให้องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าถ้าหากองค์ชายอยากได้ตัวองค์ลีอาร์คืนต้องทำตามที่เขียนไว้ในจดหมายพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้”ลีอาร์สั่งให้ทหารออกไปก่อนจะเปิดอ่านจดหมายโดยหาได้สนใจชุนเซียงที่มองเขาไม่วางตา ส่วนลีซานเมื่ออ่านข้อความในจดหมายเขาแทบจะฉีกจดหมายทิ้งไปเสียตอนนี้ เพราะอะไรน่ะหรือ
‘ถึงองค์ชายลีซาน หากว่าพระองค์ต้องการตัวองค์ลีอาร์คืนคงต้องให้ท่านรอไปอีกสักระยะ เพราะเมื่อทางเราแน่ใจแล้วว่าอาการของสนมพิงอันดีขึ้นเมื่อใด ทางเราจะปล่อยตัวองค์ลีอาร์ไปอย่างแน่นอน แต่ทางท่านเองก็ต้องนำตัวหญิงสาวที่ท่านลักพาตัวไปมาแลกด้วย ไม่เช่นนั้นทางเราไม่รับรองความปลอดภัยขององค์ลีอาร์ หวังว่าทางท่านคงไม่ขัดข้องประการใด แล้วทางเราจะติดต่อไปทางท่านอีกครั้งเมื่อพร้อม
จักพรรดิ์ถังไท่จง’
“หึ...ฝ่าบบาททรงว่าอะไรบ้างล่ะ บอกให้พวกท่านปล่อยตัวข้าใช่หรือเปล่าล่ะ” ชุนเซียงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูโกรธกริ้วยิ่งนัก
“หึ...ถูกของเจ้า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก เจ้ายังต้องรอจนกว่าทางนู้นจะส่งข่าวมา และอย่าหวังจะคิดหนีไปจากที่นี่ข้าขอเตือน ถ้าหากเจ้าอยากกลับไปในสภาพครบสามสิบสอง”
พูดจบลีซานก็เดินออกไปทิ้งให้ชุนเซียงแทบจะลุ้นไปกระโดดถีบสักรอบหากไม่ติดว่าตัวเองนั้นใส่ชุดกระโปรงรุ่ยร่ายอยู่
“พี่ใหญ่ พี่รอง ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าคิดถึงพวกท่านเหลือเกิน” ชุนเซียงนั่งลงบนเตียงแล้วทอดถอดหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ‘เมื่อไรกันนะที่เราจะได้กลับไปเสียที ที่นี่มีแต่คนใจร้ายพวกเขาปฏิบัติกับข้าไม่ดีเลยข้าอยากกลับไปหาพวกท่านเหลือเกิน’
ชุนเซียงล้มตัวลงนอนกอดหมอนก่อนที่น้ำใส ๆ จะไหลออกดวงตาคู่สวยของนางอย่างช้า ๆ พลางคิดอะไรต่าง ๆ นานาต่อไป
ด้านสององค์รักษ์ที่ตอนนี้ได้รับบัญชาให้หยุดพักงานชั่วคราวก็กำลังเดินทางไปทางตอนใต้ของเมืองอันซีที่เป็นเมื่อที่มีทะเลสาบที่สวยมากในต้าถัง
ทั้งสองคิดมาจะพักกันที่จนหมดเวลาพักงานของพวกโดยที่นี่เงียบและจิ้งเต๋อเคยสร้างบ้านพักส่วนตัวของเขาไว้เผื่ออยากจะมาพักเมื่อยามที่เขาคิดถึงครอบครัวที่จากไปแล้ว
แต่การมาครั้งกลับเป็นการมาที่เขามีความสุขที่สุด เพราะได้มากับคนที่เขารักนั้นเอง ตงเฟยมีสีหน้าสดใสหลังจากที่รู้ว่าจะได้มาทะเลสาบแห่งก็เอาแต่มองออกไปนอกรถม้ามองนั้นมองนี่จนคนที่แอบมองได้แต่อมยิ้มน้อย ๆ พักนี้เขายิ้มบ่อย ๆ ได้เพราะคนข้างเขาขยันทำกิริยาน่ารักเช่นนี้ ถ้าเป็นปกติคงยากจะได้เห็นรอยยิ้มจากยอดองค์รักษ์คนนี้เป็นแน่
“นี่ ๆ อาจิ้งเมื่อไรจะถึงบ้านของอาจิ้งล่ะ ข้าล่ะอยากไปเล่นน้ำในทะเลสาบแล้ว”ตงเฟยเอ่ยถามขึ้นหมดมาดยอดองค์รักษ์ที่แสนเงียบขรึมไปจนหมด นี่ถ้าบรรดาทหารในอาณัตมาเห็นคงตกใจไปตาม ๆ กันแน่
“ใจเย็นยอดรัก อีกไม่ช้าเจ้าก็จะได้เล่นน้ำดั่งที่หวังไว้อดใจรอเพียงครู่เท่านั้น”
“อืม”
ไม่นานรถม้าก็ได้เดินทางมายังบ้านพักใกล้ทะเลสาบ ที่หน้าบ้านมีเหล่าคนรับใช้มารอต้อนรับแล้วพอรถม้าจอดสนิทคนรับใช้ต่างก็พากันยกข้าวของที่จิ้งเต๋อและตงเฟยนำตัวตัวมาด้วยอย่างรู้หน้าที่
“นี่ ๆ คนบ้านนายทำไมเงียบ ๆ อย่างนี้ล่ะจะไม่ทักทายหน่อยเหรอ”
“ปกติเขาก็เป็นกันอย่างนี้แหละ เพราะข้าเป็นพวกไม่ค่อยพูดเจ้าน่าจะรู้นะ”
“ใช่ ๆ อาจิ้งไม่ใช่พวกชอบพูดข้าก็ลืมไป”
“ไป ๆ เข้าไปข้างในกันก่อนตรงนี้ร้อนนะเดี๋ยวเจ้าจะไม่สบายเอา”
“นี่ ๆ ไม่เอาอ่ะไปทะเลสาบกันนะ ๆ อาจิ้ง ข้าอยากไปน้า ๆ”เสียงอ้อนหวาน ๆ ของคนร่างบางทำเอาจิ้งเต๋อหลุดยิ้มบางอีกครั้ง คนอะไรอ้อนเก่งขึ้นทุกวัน ๆ แล้วเขาก็ขยับตามใจได้ทุกทีสินะ
“ก็ได้ ๆ แต่อย่าพึ่งลงเล่นเลยนะตอนเที่ยง ๆ เช่นนี้เล่นแล้วไม่ดีต่อร่างกายเจ้า”
“ข้ารู้แล้วน้า ไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ แล้วนะที่จะไม่รู้น่ะ”
“งั้นก็ไปเถอะ”
ทั้งสองเดินออกมาห่างจากตัวบ้านพักไม่ไกลนักก็มาถึงยังทะเลสาบที่เล่าลือว่าสวย เห็นทีจะจริงดั่งคำล่ำลือ เพียงแค่เห็นผิวน้ำจากไกล ๆ ยังส่องประกายสวยขนาดนี้หากได้ไปดูใกล้ ๆ ล่ะก็คงอดใจมิให้ลงไปเสียมิได้แล้ว แต่ตงเฟยจำต้องเก็บความอยากนั้นลงไปเสียก่อนเมื่อโดนคนร่างสูงที่เดินมาอยู่ข้างหลังตอนไหนไม่รู้สวมกอดไว้เสียแล้ว
“พูดไม่ฟังเห็นทีข้าต้องลงโทษเจ้าเสียหน่อยแล้วมั้งอาเฟย ข้าบอกเจ้าว่าเช่นไร”
“อ่ะ...ข้าลืมไปว่าเจ้าห้ามมิให้ข้าเล่น”
“ถ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว เจ้ารู้มั้ยว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน ข้าไม่อยากเสียคนสำคัญไปอีกดังนั้นเจ้าต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่”
“รู้แล้วน่า ข้าจะรักษาชีวิตนี้ไว้อยู่ร่วมกับเจ้าดีมั้ยอาจิ้ง”
จิ้งเต๋อประคองกอดคงร่างบางไว้ก่อนจะพาไปนั่งในศาลาที่ติดกับต้นไม้ริบทะเลสาบ เขาสร้างศาลาที่นี่ไว้เผื่อเวลาที่เขาอยากนั่งมองทะเลสาบยามที่คิดเรื่องราวต่าง ๆ เพียงลำพัง แต่ยามเขาไม่ต้องทำเช่นนั้นแล้ว
พอมถึงศาลาก็พบว่าศาลานั้นถูกสร้างให้เบี่ยงออกไปทางทะเลสาบนิดหน่อย ทำให้ศาลานี้สามารถหย่อนเท้าลงไปเล่นในน้ำได้
“นี่ ๆ อาจิ้งข้างไปนั่งตรงนั้นได้หรือเปล่า” จิ้งเต๋อมองตามมือที่ชี้ไปแล้วก็อ่อนใจ นี่อยากเล่นมากขนาดนั้นเหรอเลย จิ้งเต๋อเลยได้แต่พยักหน้าเมื่อคนถามได้คำตอบก็รีบเดินเข้าไปตรงนั้นแล้วนั่งลงทันที จิ้งเต๋อมองตามคนร่างบางไปก็ได้แต่อ่อนใจแล้วเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ แทน
นั่งมองนั้นมองนี่ไปจนเพลินคนข้างตัวก็พล็อยหลับไปจนจิ้งเต๋ออยากจับตีนัก วันนี้เดินทางมาเหนื่อย ๆ ยังจะอยากลงน้ำอีกสุดท้ายก็มานั่งหลับแบบนี้
จิ้งเต๋อเลยอุ้มคนร่างบางก่อนเดินกลับไปยังบ้านพักแล้วพากคนที่หลับไม่รู้เรื่องไปที่เตียงจับให้นอนท่าสบาย ๆ ก่อนจะออกมาแล้วไปสั่งให้บรรดาคนใช้เตรียมอาหารเย็นรอ เผื่อคนที่นอนหลับสบายตื่นขึ้นจะได้กินเลย
เมื่อสั่งคนรับใช้เสร็จเขาก็กลับเข้ามาในห้องนอนตรงไปนั่งข้างเตียงมองคนที่กำลังหลับสบาย ‘นอนเอาแรงให้สบายไปก่อนนะอาเฟย เพราะคืนนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าได้นอนเลยคอยดู’ ความคิดเล่นเอาทำให้คนนอนหลับสนิทเกิดอาการร้อน ๆ หนาวยังไม่รู้ถึงกับเอามือสองข้างดึงผ้าห่มให้มิดตัวเอง
คนร่างสูงที่นั่งดูอยู่ถึงกับหัวเราะออกมาน้อย ๆ แล้วก็หันไปห่มผ้าให้มิดชิดกว่าเดินก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
+++++++++++++++++
ชุนเซียงจะได้กลับมาหรือเปล่านะ
แล้วพิงอันจะรอดหรือจะตายล่ะเนี่ย
แต่คู่รองเรานี่ร้อนแรงไม่เบาเนอะ
คิดแล้วอยากให้หนี่เจินคลอดไว้ ๆ ฮ่องเต้จะได้ทำการบ้านมั้งเนอะหึหึ
-
55555
อยากให้ฮ่องเต้ทำการบ้านอ่ะ =,.=
-
คู่หลักก็ชอบ คู่รองก็น่ารัก!! :z2:
:L2: :L2:
-
:กอด1:น่ารักจังทั้งสองคู่เลยอะแต่ก็ชอบคู่เอกมากว่านิดหนึ่งอิอิ :L2: :call:
-
หวังว่าคงช่วยพระสนมได้ทัน
ส่วนองครักษ์ทั้งสองน่ารัก หุหุหุ
-
บวกให้ค่าาาาาาา :L2: :L2: :L2:
-
:-[ ชอบคู่รองจัง
-
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: เขิลเเทน ?! >\\\\\\\\<
-
ทำตอนท้องได้อารมณ์ไปอีกแบบ
-
Yeah,,,nai thii sud kor maa tor sa thii ^^
-
ขอเเก้คำผิดหน่อยนึงนะคะ
“แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย หญิงที่พระองค์จับตัวมาอารวาดใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เเก้เป็น “แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย หญิงที่พระองค์จับตัวมาอาละวาดใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ซุนเซียงเเอบน่าสงสารนะ
คงจะคิดถึงบ้านเเน่ๆ
รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
-
:impress2: :impress2: :impress2: :impress2: รอนะค่ะ กำลังได้อารมณ์ ><
-
ว๊ากกกกกกกก ท่านจักรพรรค์!!
หนีเจินช้ำแล้วเจ้าคร่าาา ฮ่าๆๆๆๆ
ชอบแนวนี้อีกเหมือนกัน
จริงๆก็ชอบทุกแนวนะให้เป็นYแล้วกัน อิอิ
-
เรื่องนี้น่ารักทุกคู่เลย~ :impress2: :impress2:
มาต่อเร็วนะ
-
ชอบคู่รองจัง
-
อยากให้มี NC ของฮ่องเต้กับหนี่เจินจัง :impress:
ตามมานานและค่ะ และยังคงตามต่อไป
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :give2: :give2:
-
น่ารักอ่ะ จัดหนักไปเลยครับไรเตอร์
-
อยากให้หนี่เจินคลอดไวไว จะได้มีฉากเรียกเลือด :jul1:
-
อ้ากกกก มาต่อแล้ว
คิดถึงหนี่เจินมากกกกก♥
(คิดถึงฉาก NC ของคู่หลักด้วยนะ)
คิดถึงลูกของหนี่เจิน~ (จะเอาลูกชาย!)
คิดถึงคนแต่งด้วยยยย
จะรอตอนต่อไปนะคะ
-
:call:ขอบคุณคับ
-
o13 o13 มาต่อเร็วๆนะคะ
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: คนอ่านยังรอไรเตอร์อยุ่ มาต่อเร้วๆนะ
-
เง้อ มาต่อไวๆนะคะ :a6: :z3: :z3: :z3:
-
อาจิ้ง อาเฟยน่ารักอะ
-
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากครับ มาต่อเร็วๆ นะครับ
-
ในที่สุดข้าน้อยก็อ่านตามทันแล้ว ฮ้าๆๆๆ
อยากให้หนี่เจินคลอดเร็วๆจังเลย
คู้องครักษ์นี่เวลาอยุ่ด้วยกันหลุดมาดกันทั้งคู่เลย
ไม่อยากให้ชุนเซียงคู่กับองค์ชายลีซานนะ หวังว่าคงไม่ใช่แบบนั้น
อยากรุ้ว่าพี่ชายของหนี่เจินจะคู่กับใครอ่ะ เป็นช.หรือญ.
อยากให้เป็นช.นะ แต่ก็กลัวจะไม่มีคนสืบสกุลอีก เฮ้ออออ
แล้วที่พูดถึงองค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสาม
ที่อยุ่ในภาคสองคือ รุ่นลูกใช่ไหมนะ ตกลงให้มีลูกชายสามคนเลยหรอ
แล้วภาคนี้จบแค่นี้จริงๆหรอ มันดูค้างๆอยู่เลยนะ
ยังอยากอ่านคู่ของฮ่องเต้กับหนี่เจินอยุ่เลยอ่ะ น่ารักดี
อยากให้ลูกหนี่เจินเกิดมาเป็นแบบหนี่เจินซักคนนึงอ่ะนะ
ที่เป็นผู้ชายหน้าสวยแล้วก็ท้องได้อ่ะ แบบนี้เลยๆ
ยังไงก็จะรออ่านอยู่นะ ติดตามๆๆ
:L2: :pig4: :L2:
-
:z2: :z2: :z2: :z2: ค้าง ค่าไรเตอร์ มาอ่านรอบ2รอนะ อิอิอิ
-
มาแปดรอบแระ..มาต่อไวๆๆๆๆสิจ้ะ
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
-
ช่วงนี้กำลังหานิยายแนวจีน อียิปต์หรือแฟนตาซีอ่านพอดี เลยมีโอกาสเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
อ่านไปก็รู้สึกคุ้นไป คุ้นมากกก เหมือนเคยอ่านมาก่อน คิดตั้งแต่เมื่อคืนจนตื่นมาคิดต่อ แล้วก็นึกออกจนได้
รบกวนขอถามผู้แต่งนะคะ ไม่ทราบว่าผู้แต่งเคยอ่านนิยายเรื่อง เจ้าจอม...จอมใจจักรพรรดิ (http://writer.dek-d.com/natsikijung19/story/view.php?id=475521) ในเว็บเด็กดีหรือไม่ค่ะ
หรือว่าเป็นคนเขียนคนเดียวกันหรือเปล่า เพราะเนื้อเรื่องมันช่างคล้ายกันเหลือเกินค่ะ
แต่จะว่าเป็นคนเขียนคนเดียวกันก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ได้คัดลอกมาทุกตัวอักษร
เหมือนเป็นนิยายเรื่องเดิมที่เอามารีไรท์ใหม่ ประมาณนั้นเลยค่ะ
เหมือนดูภูชิชย์ นริศรา เวอร์ชั่น ศรราม-นิ้งค์ แล้วมาดูเวอร์ชั่นป๋อ-แอฟ ยังไงยังงั้น
มันแตกต่างกันแต่ก็เรื่องเดียวกันนั่นเอง ไม่ทราบว่าเป็นนักเขียนคนเดียวกันแล้วเอามารีไรท์ใหม่ในเว็บนี้ใช่หรือไม่คะ?
หรือว่าแค่บังเอิญ...ก็อาจเป็นไปได้เนอะ เพราะมันเป็นเรื่องปรกติที่คนเราอาจคิดเหมือนกันได้
เลยได้นิยายพล็อตเรื่องคล้ายๆ กันออกมา เราก็เจอมาหลายเรื่องแล้วนะคะ
แต่แค่อ่านดูก็รู้แล้วค่ะว่าแค่บังเอิญคิดเหมือนกันเฉยๆ หรือเป็นกรณีอื่น...
เราได้อ่านเรื่องของคุณจนถึงตอนปัจจุบันแล้ว อ่านไปก็เอ๊ะไป เอ๊ะ! เอ๊ะ! เอ๊ะ! เอ๊ะ! อยู่อย่างนี้ตลอดเลยค่ะ555
มันช่างคล้ายกันมาก มากจนเกินไปค่ะ เหมือนได้อ่านงานรีเมคที่แก้ไขในส่วนที่คิดว่าของเดิมไม่ดีตรงไหน
ก็จับตรงนั้นมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ นิยายเรื่องเดิม original เหตุการณ์ต่างๆ และผลของเหตุการณ์
เป็นแบบหนึ่ง พอเราอ่านเรื่องนี้เหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นแต่ผลอาจเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนี่ง
พอเราอ่านก็จะโล่งใจไปพักหนึ่งว่าคงไม่ใช่หรอก แต่โล่งได้แค่แป๊ปเดียวจริงๆ เพราะมันจะวกกลับไปเหมือนอีกเรื่อง
ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าตัวละคร เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันช่างเหมือนกั๊น เหมือนกันค่ะ
รบกวนผู้แต่งชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างด้วยนะคะ เพื่อความสบายใจของเราและตัวคุณเองค่ะ
ปล. หวังว่าคุณจะเข้าใจ เราไม่ได้มีเจตนาหาเรื่องหรืออะไรนะคะ เพียงแต่ต้องการปกป้องนิยายและคนเขียน
ที่เราเคยอ่านมาเท่านั้น หากเราอ่านนิยายของคุณแล้วไปเจอเรื่องทำนองนี้ เราก็จะปกป้องนิยายของคุณเหมือนกันค่ะ
หวังว่าจะเข้าใจ
-
ประกาศ
ช่วงนี้กำลังหานิยายแนวจีน อียิปต์หรือแฟนตาซีอ่านพอดี เลยมีโอกาสเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
อ่านไปก็รู้สึกคุ้นไป คุ้นมากกก เหมือนเคยอ่านมาก่อน คิดตั้งแต่เมื่อคืนจนตื่นมาคิดต่อ แล้วก็นึกออกจนได้
รบกวนขอถามผู้แต่งนะคะ ไม่ทราบว่าผู้แต่งเคยอ่านนิยายเรื่อง เจ้าจอม...จอมใจจักรพรรดิ (http://writer.dek-d.com/natsikijung19/story/view.php?id=475521) ในเว็บเด็กดีหรือไม่ค่ะ
หรือว่าเป็นคนเขียนคนเดียวกันหรือเปล่า เพราะเนื้อเรื่องมันช่างคล้ายกันเหลือเกินค่ะ
แต่จะว่าเป็นคนเขียนคนเดียวกันก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ได้คัดลอกมาทุกตัวอักษร
เหมือนเป็นนิยายเรื่องเดิมที่เอามารีไรท์ใหม่ ประมาณนั้นเลยค่ะ
เหมือนดูภูชิชย์ นริศรา เวอร์ชั่น ศรราม-นิ้งค์ แล้วมาดูเวอร์ชั่นป๋อ-แอฟ ยังไงยังงั้น
มันแตกต่างกันแต่ก็เรื่องเดียวกันนั่นเอง ไม่ทราบว่าเป็นนักเขียนคนเดียวกันแล้วเอามารีไรท์ใหม่ในเว็บนี้ใช่หรือไม่คะ?
หรือว่าแค่บังเอิญ...ก็อาจเป็นไปได้เนอะ เพราะมันเป็นเรื่องปรกติที่คนเราอาจคิดเหมือนกันได้
เลยได้นิยายพล็อตเรื่องคล้ายๆ กันออกมา เราก็เจอมาหลายเรื่องแล้วนะคะ
แต่แค่อ่านดูก็รู้แล้วค่ะว่าแค่บังเอิญคิดเหมือนกันเฉยๆ หรือเป็นกรณีอื่น...
เราได้อ่านเรื่องของคุณจนถึงตอนปัจจุบันแล้ว อ่านไปก็เอ๊ะไป เอ๊ะ! เอ๊ะ! เอ๊ะ! เอ๊ะ! อยู่อย่างนี้ตลอดเลยค่ะ555
มันช่างคล้ายกันมาก มากจนเกินไปค่ะ เหมือนได้อ่านงานรีเมคที่แก้ไขในส่วนที่คิดว่าของเดิมไม่ดีตรงไหน
ก็จับตรงนั้นมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ นิยายเรื่องเดิม original เหตุการณ์ต่างๆ และผลของเหตุการณ์
เป็นแบบหนึ่ง พอเราอ่านเรื่องนี้เหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นแต่ผลอาจเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนี่ง
พอเราอ่านก็จะโล่งใจไปพักหนึ่งว่าคงไม่ใช่หรอก แต่โล่งได้แค่แป๊ปเดียวจริงๆ เพราะมันจะวกกลับไปเหมือนอีกเรื่อง
ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าตัวละคร เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันช่างเหมือนกั๊น เหมือนกันค่ะ
รบกวนผู้แต่งชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างด้วยนะคะ เพื่อความสบายใจของเราและตัวคุณเองค่ะ
ปล. หวังว่าคุณจะเข้าใจ เราไม่ได้มีเจตนาหาเรื่องหรืออะไรนะคะ เพียงแต่ต้องการปกป้องนิยายและคนเขียน
ที่เราเคยอ่านมาเท่านั้น หากเราอ่านนิยายของคุณแล้วไปเจอเรื่องทำนองนี้ เราก็จะปกป้องนิยายของคุณเหมือนกันค่ะ
หวังว่าจะเข้าใจ
มีผู้อ่านถามมาก็ต้องตอบกลับไปค่ะ
พอดีคนเขียนคนละคนกัน แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามีคนเคยแต่งแนวนี้มาก่อนแล้ว
ถ้าเกิดไปคล้ายกันก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ
แต่เราคิดเรื่องนี้เองนะ แนวเรื่องคล้ายกันหรือเปล่าเราไม่รู้จริง ๆ
แต่เรื่องนี้เราคิดออกมาเอง และก็ได้ความคิดเห็นจากคนอ่านด้วยบางเรื่อง
อย่างเรื่องการมีลูกของหนี่เจิน เราไม่ได้เเรียนแบบใครมาดังนั้นหายห่วงเรื่องที่เราไปเอาของใครมาได้เลยค่ะ
เพราะเราคงไม่ภูมิใจที่เอางานคนอื่นมานำเสนอแน่
แล้วส่วนตอนต่อไปรอกันอีกหน่อยนะจ๊ะ
เพราะเราพึ่งสอบเสร็จ หลาย ๆ คนรอลุ้นว่าจะเป็นไงต่อไป
บอกได้คำเดียวว่าต้องรอลุ้นจ๊ะ
เอาไว้เจอกันตอนหน้าแล้วกันเนอะ
-
รอๆๆๆ
-
จะรอนะคะ คิดถึงหนี่เจิน~-3-
-
รอจ้า
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: อ่านไป 2 รอบแล้วก็ยังมันส์ >< รออยู่นะ
-
มาแล้วจร้าาาาาาาาา หายไปเกือบอาทิตย์
เพราะอาทิตย์ที่แล้วและอาทิตย์นี้เป็นช่วงสอบจ้า
คนแต่งเลยหายไปอ่านหนังสือสอบมา แต่ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว เตรียมตัวเป็นบัณฑิตใหม่อิอิ
มีคนเคยถามลงที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
นอกจากเว็ป Yaioland แล้ว (ซึ่งก็หายไปนานแล้วด้วย เพราะมาลงเว็ปนี้แทน)
คนแต่งไม่เคยลงที่ไหน ส่วนจะไปคล้ายกับนิยายเรื่องอื่นของคนแต่งท่านอื่นก็ขออภัย
แต่คนแต่ไม่ได้ไปเอาเรื่องคนอื่นมาแต่งแต่ประการใด
เรื่องที่แต่งเป็นเรื่องที่คิดขึ้นเองทั้งหมด
และได้แนวคิดมาจากคนอ่านบ้างบางคนที่แนะนำเข้ามา
แต่ไม่ได้มีการก๊อปหรือเอาเรื่องใครมาแต่งใหม่อย่างแน่นอน
ว่าแต่ไปอ่านตอนต่อเลยดีกว่า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
27
อาการศยามเย็นที่ลอยมากระทบร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงหนานุ่มทำให้เจ้าตัวต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะความหนาวเหน็บ และข้าง ๆ ก็พบบุคคลที่กำลังนั่งจ้องตัวเองย่างไม่ว่างตาแทน
“ตื่นแล้วเหรออาจิ้ง ไปงั้นไปทานอาหารมื้อค่ำได้แล้วข้าสั่งให้คนเตรียมไว้แล้ว”
“ทำไมไม่ปลุกข้าล่ะอาจิ้ง แล้วนี่นั่งรอนานแล้วหรือยัง”
“ก็ไม่นานที่ไม่ปลุกเพราะข้าเห็นเจ้าหลับสบาย สงสารกลัวปลุกมาแล้วจะอารมณ์ไม่ดีเลยไม่ปลุกดีกว่าปล่อยให้เจ้าตื่นเองดีที่สุด”
“อาจิ้งบ้า ข้าไม่ใช่พวกตื่นนอนยากแล้วก็ไม่ใช่หัวเสียง่าย ๆ ถ้ามีใครมาปลุกด้วยทีหลังก็ปลุกข้าด้วยล่ะ”
“ได้เลยยอดรักของข้า ต่อไปข้าจะปลุกเจ้า”
จิ้งเต๋อพาตงเฟยมายังห้องอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะโบกมือให้เหล่าคนรับใช้ออกไปจากห้อง
“อาจิ้งทำไมต้องไล่พวกเขาออกไปด้วยล่ะ”จิ้งเต๋อหันไปมองคนรักด้วยสีหน้าใสซื่อจนอีกฝ่ายอยากจะคว้าคนที่ทำหน้าเช่นนี้เข้ามากอดเสียตอนนี้ให้ได้ แต่แล้วก็ต้องห้ามใจไม่ได้ทำเช่นนั้นแทน
“ข้าไม่อยากให้พวกเขามารบกวนพวกเราก็เท่านั้น อีกอย่างข้าก็จะคุยเรื่องงานกับเจ้าด้วย”
“อ่อ...ถ้าเช่นนั้นท่านราชองค์รักษ์จิ้งเต๋อมีอะไรจะคุยกับข้าน้อยอย่างนั้นหรือ?”เสียงที่เอ่ยด้วยท่าทีเล่น ๆ กับเรียกร้อยยิ้มจากคนยิ้มยากที่ช่วงนี้ขยันยิ้มบ่อยเพราะคนข้างกาย
“ข้ามิบังอาจหรอกท่านราชองค์รักษ์ตงเฟย เพียงแต่เป็นข้อสงสัยเท่านั้น”จิ้งเต๋อตอบรับมุขของคนร่างบาง แต่แล้วคนร่างบางกว่าก็เอียงหน้ามองอย่างสงสัย
“ข้อสงสัย? อาจิ้งเจ้าสงสัยสิ่งใดหรือ”
“ก็ตอนนี้ในวังมีเรื่องวุ่ยวายเพียงนี้ แต่ฝ่าบาทกับให้พวกเราสองคนออกจากนอกวังน่ะสิ ข้าว่าฝ่าบาทต้องทรงคิดจะทำอะไรแน่ ๆ แต่ไม่อยากให้พวกเราต้องเข้าไปร่วมด้วย”
“แล้วเจ้าว่าฝ่าบาทจะทรงทำสิ่งใดกันเล่า”
“นั้นคือสิ่งที่ข้าส่งสัย บางทีที่ทรงให้พวกเราออกจากนอกวังอาจจะมีพระประสงค์ให้ทำบางอย่างโดยไม่ให้ใครล่วงรู้ก็เป็นได้นะอาจิ้ง”
“ข้าก็หวังว่ามันคงเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าฝ่าบาททรงไม่ไว้วางพระทัยพวกเราเลยส่งออกมานอกวังเสียมากกว่า”
“แต่ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทต้องไม่ทรงแค่ให้พวกเราออกนอกวังมาพักเฉย ๆ แน่อาเฟย ข้าว่างานนี้เราต้องทำงานกันอย่างหนักแน่ แต่ก็ดีอย่างน้อยก็ไม่มีใครมากวนพวกเรา”
ตงเฟยคิดตามสิ่งที่จิ้งเต๋อจะสื่อ ก่อนจะนึกอะไรได้แล้วพลาดหน้าแดงขึ้นมาเมื่อรู้ว่าการที่มีคนกวนนั้นหมายถึงเรื่องอะไร ได้แต่ทุบเบา ๆ ที่หน้าอกแกร่งของอีกฝ่ายอย่างเขินอายแทน
“บ้า...”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่ไม่พ้นที่คนร่างสูงจะได้ยินหันมารวบคนร่างบางที่นั่งเก้าอี้ตัวข้าง ๆ มานั่งบนตักอย่างรวดเร็ว มืออีกข้างที่เหลือโอบรอบเอวบางเพื่อไม่ให้คนที่ถูกรวบตัวมาหนีออกไปได้
“อาจิ้งบ้า เดี๋ยวใครมาเห็นเขาจะทำอย่างไร”
“เพราะอย่างนี้ไงเล่า ข้าถึงไล่พวกนั้นออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากให้พวกนั้นมาเห็นพวกเราพลอดรักกันเช่นนี้ไง”
“บ้า...พักนี้เจ้าชักจะทำตัวหวานเกินไปแล้วนะอาจิ้ง”
“เพราะเมียรรักข้าน่ารัก ข้าเลยอยากทำตัวให้หวานเข้าไว้เจ้าจะได้ไม่หนีไปรักใครอีกไงเล่า”
“อาจิ้งบ้า ข้าจะรักใครได้อีกเล่า ในเมื่อข้ารักเจ้ามานานแสนนานแล้วนี่”
“ข้าก็เหมือนกันอาเฟยรักเจ้ามานานแสนนาน”
ค่ำคืนย่ำกลายเข้ามา ในห้องนอนที่ไฟมืดสนิทสองร่างเปลือยเปล่าตะคองกอดกันไม่ห่างและได้เริ่มบทเพลงรักยามค่ำคืน ร่างสูงคล่อมร่างบางที่ตอนนี้ใบหน้าขาวใสมีเลือดฝาด แต่ก็ยิ่งแดงขึ้นเมื่อถูกร่างสูงลูบไล้ไปตามผิวขาว
“อ๊า....อาจิ้ง...ไม่เล่นนะ”เสียงหวานครางเมื่อถูกสัมผัส แต่ยิ่งได้ยินเช่นนั้นยิ่งทำให้ร่างสูงกับยิ่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างขาว ที่ตอนนี้เริ่มแดงเพราะความขินอายของร่างบางที่ถูกสัมผัส
“ผิวเจ้าขาวจนข้าอยากทำรอยไว้เสียเหลือเกินอาเฟย”
พูดจบก็ประทับริมฝีปากยังหน้าอกขาวสร้างรอยสีชมพูหวานให้ร่างบางสะท้าน เมื่อริมฝีปากนั้นไล่ไปยังยอดอกที่ชูชันรับตามแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นของเจ้าของร่าง
“อือ...อาจิ้ง...ตรง...นั้น...อือ...อย่าดูดแรงสิ”
“ตรงนี้ทำให้เจ้ารู้สึกดีหรืออาเฟย”
“อ๊า...อา...อาจิ้ง...”
จิ้งเต๋อไล่มือลงส่วนร่างและเมื่อสัมผัสจุดอ่อนไหวของร่างบางก็พบว่ามีน้ำสีใสออกมาจากปลายจุดอ่อนไหว จนทำให้ร่างสูงเผยยิ้มออกมา ก่อนจะจับส่วนอ่อนไหวรูดขึ้นลงจนส่วนั้นแข็งมากขึ้นร่างบางเด้งตัวตามแรงที่คนร่างสูงกระทำ แล้วน้ำสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยร่างบางหอมอย่างเหนื่อยอ่อน
“อา...อ๊า...อือ...อา...จิ้ง”เสียงครางปนหอบเหนื่อยพร้อมกับตาที่ปือที่คนที่มองเริ่มมีอารมณ์ร่วมตามแล้ว
“คราวนี้เร็วจังนะอาเฟย”
“อาจิ้งบ้า ก็ใครล่ะทำให้ข้ามีอารมณ์ตั้งแต่ตอนกินข้าวน่ะ”
“หึหึ”
จิ้งเต๋อไล่มือลงต่ำยังช่องทางหวานมือที่เปื้อนคราบน้ำสีขาวขุ่นและใส่ก็ปาดยังช่องทางก่อนจะสอดนิ้ว จนคนร่างบางต้องนิ่วหน้าแล้วกัดปากเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกผ่านเข้ามา
“อ๊า...อือ...”
ความเสี่ยวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายพลางกอดรัดคนร่างสูงที่มอบความเสี่ยวมาให้ จิ้งเต๋อยังคงไม่ขยับนิ้วที่แทรกตัวเข้าไปยังช่องทาง แต่รอให้คนร่างบางปรับสภาพก่อนและเมื่อช่องทางหวานเริ่มครายตัวจิ้งเต๋อก็เริ่มขยับนิ้วเข้าออกช้า ๆ ก็จะเร่งให้เร็วขึ้น
“อ๊า...อ๊า...อา...”เสียงครางเมื่อแรงอารมณ์ปรารถนาพุ่งขึ้น ร่างบางกอดไหลกว้างแน่นพยายามไม่เกร็งตัว และรับสิ่งที่คนร่างสูงมอบให้
“ดีมากยอดรัก อย่างเกร็งนะข้าจะเพิ่มนิ้วแล้ว”
จิ้งเต๋อเมื่อเห็นว่าช่องทางเริ่มชินก็แทรกนิ้วเพิ่มเป็นสามนิ้ว มีแทรกเข้าไปได้ก็พบว่าช่องทางหวานรัดแน่นทั้งยังตอดรัดสุด ๆ จนเขาไม่อาจขยับได้
“อย่าเกร็งสิยอดรัก ผ่อนคลายหน่อยเดี๋ยวเจ้าก็เจ็บหรอก”พูดเสร็จก็ประทับริมผีปากที่ขมับขวาพรมจุมพิตให้คนร่างบางคลายความเจ็บลง
ไม่นานช่องทางหวานก็ครายตัวเขาจึงเริ่มขยับเข้าออกอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เขาเองทนไม่ไหวแล้วเพราะแท่งร้อนของเขาพองตัวจนปวดไปหมด ทำให้เขาต้องเร่งให้คนร่างบางพร้อมมากที่สุด
เขาถอดนิ้วออกแทรกสิ่งที่ใหญ่กว่าร้อนกว่าเข้าแทนที่ ร่างบางสะดุ้งตัวเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่ทั้งร้อนและใหญ่กว่าแทรกตัวเข้ามา แม้นจะมีสัมผัสหลายต่อหลายครั้งแต่ตงเฟยไม่เคยชินกับแท่งร้อนของอีกฝ่ายสักที
“อ๊า.....เจ็บ...อือ...อย่า....พึ่งขยับนะ...อาจิ้ง”
“อาเฟยเจ้าอย่าเกร็งสิผ่อนครายนะยอดรัก ข้าไม่อยากทำให้เจ้าเจ็บ”
จิ้งเต๋อพรมจุมพิตแสนหวานให้คนร่างบางคลายความเจ็บลง เมื่อคนร่างบางเริ่มปรับตัวได้จิ้งเต๋อก็เริ่มขยับตัวเองแต่ขยับช้า ๆ ไม่เร่งรีบทั้งที่เขาอยากจะเร่งแต่กลัวทำให้คนที่รักเจ็บเลยอดกั้นไว้เสียเอง
“อา....อือ...อ๊า...แรงอีกอาจิ้ง”เสียงหวานครางไม่ศัพท์
จิ้งเต๋อเร่งจังหวะตามที่ร่างบางบอก ตอนนี้จิ้งเต๋อใส่เต็มที่โดยไม่กลัวร่างบางจะเจ็บแล้ว เขากระแทกสะโพกจนร่างบางต้องแอ่นสะโพกมลตามแรงของอีกฝ่าย เสียงครางของทั้งสองฝ่ายสอดประสานอยู่เนิ่นนานก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาพร้อมกัน ๆ
“อาจิ้ง...อาจิ้ง...ข้ารักอาจิ้ง”
“อาเฟย...ข้าก็รักเจ้า”
จากนั้นบทเพลงรักก็ยังคงดำเนินต่อไปจนเกือบรุ่งเช้าของอีกวัน สองราชองค์รักษ์ก็หมดแรงแล้วสลบไปทั้งคู่
ด้านวังหลวงที่ยามนี้ที่ได้คลายปัญหาพระสนมพิงอันแล้ว เนื่องจากได้ยาแก้พิษนั้นมากจากองค์หญิงลีอาร์แล้ว หมอหลวงก็รีบทำการรักษาและพบว่ายาแก้พิษนั้นใช้ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ ทำให้อาการที่จวนเจียนไม่ทันการกลับกลายเป็นเรื่องน่ายินดีของวังหลวงไป
แต่กว่าพระสนมพิงอันจะฟื้นสติคงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เนื่องมาจากพิษได้ทำลายอวัยวะภายในจนบอบช้ำ ต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นตัว
ณ ตำหนักเหม่ยชุน
หนี่เจินพึ่งกลับมาจากการไปดูอาการพระสนมพิงอันก็กลับมายังตำหนักของตนเองพร้อมกับฮ่องเต้ที่ประคองไม่ห่าง ราวกลับกลัวว่าเขาจะหายไปหากปล่อยตัว
“ถึงตำหนักแล้วเพค่ะฝ่าบาท ทรงปล่อยหม่อมฉันได้แล้วเพค่ะ”หนี่เจินหันไปบอกกับฮ่องเต้ที่ทำท่าจะไม่ปล่อยสักที แต่แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อคนที่น่าจะยอมปล่อย กลับอุ้มเขาขึ้นพาไปยังเตียงแทน
“จะทรงทำอะไรน่ะเพค่ะ”
“ทำการบ้านน่ะสิ”
“ทำการบ้าน?”
“ก็ข้าไม่ได้ ’กอด’ เจ้ามาตั้งนานแล้วนี่ ยิ่งช่วงนี้มีแต่เรื่องเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนเช่นนี้ยิ่งทำให้เวลาที่ข้าจะอยู่กับเจ้ายิ่งน้อยลงไปอีก”
“ฝ่าบาท!! หม่อมฉันตั้งครรถ์อยู่นะเพค่ะ”หนี่เจินตอบด้วยสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าแม้แต่ตอนที่เขาท้องเช่นนี้ฝ่าบาทก็ยังไม่ละเว้น
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไปถามหมอหลวงมาแล้วช่วงสามเดือนแรกจะทำก็ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง แต่รุนแรงมากไม่ได้เท่านั้น”
“โธ่...ฝ่าบาท...”
++++++++++++++++++++++++++
หนี่เจินจะรอดพ้นจากฮ่องเต้ได้หรือเปล่านะ
ขอให้คนอ่านทั้งหลายช่วยกันโหวตหน่อย
หลายคนอยากเห็นNC คู่นี้ที่ห่างหายไปนาน
(มีแต่NCคู่รองตลอด555+)
ผลโหวตอันไหนมากที่สุดคนแต่จะพิจารณาแล้วเอาไปแต่งตามคำเรียกร้องอิอิ
-
:z13:
คู่นี้หวานกันตลอดเลย!! :o8:
คนเขียนสู้ๆนะคะ!! :L2:
-
ขอกดหลายๆครั้งว่า
ไม่รอดคร่ะ
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: อ๊ากกกกกกกกกก!!! ค้างอย่างแรงงงงงงงงงงงงง มาต่อเร็วๆนะ
ปล.ตอนเเรกเราก็สงสัยว่าเรื่องเดียวกันหรอป่าวแต่พออ่านไปมันก็ไม่ใช่ อิอิอิ สู้ๆนะค่ะไรเตอร์
-
o13 o13.....สู้ๆนะค่ะ....เราเคยอ่านใน...yaoiland
แต่เราลืมพาสก็เลยไม่ได้อ่าน......ดีใจนะค่ะที่มาลงที่
เวปนี้ค่ะ....thankyou.... :pig4:
-
o13 o13ยังสุดยอดเหมือนเดิมเลย
-
มาแล้วๆ :m4:
ขอยืนยันอย่างเดิมค่า
NC ของฮ่องเต้กับหนี่เจินค่ะ :give2:
โหวตให้คู่นี้เลยค่ะ
จะรออ่านนะคะ ฮุฮุ :haun5:
-
หนี่เจินต้องสงสารฮ่องเต้ :z1:
:call:
-
o13 :z1:
-
คู่ไหนก็ได้จ้า
สู้ๆ
-
โอ้ยยยย คนแต่งทำคนอ่านเจ็บปวดใจ เพราะว่ามันค้างงงงง ง่ะ
งืออออ T^T มาต่อเร็วๆน้าาาา
ขอโหวตว่า หนี่เจินไม่รอดเงื้อมมือฮ้องเต้ ค้าาา
ฮ้าๆๆๆ คนอ่านหื่นอ่ะ NCๆๆๆๆ
:L2: :pig4: :L2:
-
ฮ้องเต้~~~~
โถ่ -*- ไม่ได้ทำการบ้านมานานซินะ
มาต่อเร็วๆนะค่ะ
-
น่าสงสารฮ่องเต้เนอะ อิจฉาอาจิ้งจริงๆ อิอิ
-
มารอออออออ NC คู่หลักกกกก
-
:z1:อิิอินี่เจินไม่รอดแน่นๆ :-[ไม่อยากจะคิดต่อรออ่านดีกว่า :กอด1:
ปล. เราก็เคยเข้าไปอ่านในเว็บเด็กดีนะถึงจะคลายแต่ก็ไม่ทั้งหมดอะ :L2:แล้วจะรอตอนต่อไปน้า :bye2: :bye2:
-
ชอบค่ะ ชอบนิยายแนวนี้มาก
มีคำผิดนะคะ ตรง "ครายตัว" <<< คลายตัว
:กอด1:
-
ฮ่องเต้อุตส่าห์ไปถามหมอหลวงเชียวนะนั่น :laugh:
-
:o8:รอต่อไป
-
>< ชอบมาก
-
หนี่เจินไม่รอดแน่ๆ
รอ NC คู่หลักอยู่นะ
-
นักอ่านน่าใหม่รายงานตัวจร้าาาาา
ฮ่องเต้ไม่นี้ก็ฉลาดจัง มีการไปถามหมองหลวงด้วย
คู่รองนี้โหอาจิ้งกับอาฟง เป็นคู่ที่ร้อนแรงมากอ่ะ -,,-
-
ไม่รอดดดดดดดดดด+
กดเลย! กดเลย! กดเลย กดเลย!!
-
:impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
-
ฮิ้ววว เชียร์ให้ไม่รอด :z1: :give2:
มาต่อไวๆนะคะ :amen: :amen: :amen:
-
มาแล้ววววววว
ปั่นมาให้อ่านสด ๆ ร้อน ๆ
ช่วงนี้ไม่รู้จะหาบทรักหวานให้คู่ฮ่องเต้และหนี่เจินยังไงดี
เพราะคู่นี้หวานกันตลอด
ผิดกับคู่รองของเราที่ต้องแอบหวานไม่ให้ใครรู้
NC เลยมาแบบเบา ๆ เพราะกลัวหนี่เจินแท้ง 5555+
ไปอ่านกันเลยดีกว่า
+++++++++++++++++++++++++
28
“โธ่...ผ่าบาท...”
หนี่เจินเมื่อได้ยินเช่นนั้นถึงกับถอดหายใจให้กับตัวเอง เมื่อมองไปทางพระสวามีของตัวเองกำลังจะทำในสิ่งที่เรียกว่า ‘กอด’ กับเขาที่กำลังท้องลูกของพระองค์อยู่
“น้า ๆ หนี่เจินที่รัก ข้าอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
ฮ่องเต้ยังทรงส่งเสียงและท่าทางออดอ้อนฮองเฮาของตนเองที่ทำท่าไม่ยอมแน่ หนี่เจินมองคนที่ไม่นานทีจะหลุดมาดอ้อนออกมาสักครั้งอย่างเหนื่อยใจ ได้แต่พยักหน้าด้วยหน้าที่แดงขึ้นเมื่อรับรู้ว่าหลังจากที่ตอบตกลงไปเขาจะต้องเจอกับสิ่งใดต่อจากนี้
“เย้!! ข้ารักเจ้าที่สุดเลยหนี่เจิน ขอบคุณนะ”
ประโยคแรกร้องขึ้นมาด้วยความดีใจสุดขีดเมื่อได้รับคำตอบจากคนร่างบางตรงหน้า และตามมาด้วยประโยคที่คนร่างบางฟังแล้วต้องหน้าแดงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะไม่ว่าจะฟังสักกี่ครั้งก็เรียกสีหน้าที่แดงจนคนมองอยากจับ ’กอด’ หลาย ๆ รอบได้เสียทุกครั้งไป และประโยคสุดท้ายที่เอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพรมจุมพิตแสนหวานให้เรียวบางของคนร่างบางที่ตอนนี้ปล่อยให้อีกฝ่ายนำพาไปยังบทรักแสนสุขแล้ว
“อืม...”
เสียงครางเมื่อได้รับสัมผัสจากริมพระโอษฐ์จากฮ่องเต้ ความรู้สึกหวานที่ถูกส่งผ่านเมื่อคนร่างบางเผยริมฝีปากให้อีกฝ่ายได้แทรกเข้าไป พระชิวหาของฮ่องเต้ก็แทรกหาความหวานของอีกฝ่าย หนี่เจินทุบเข้าที่พระอุราของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้จำต้องผละออกจากร่างบางเสียก่อน
“หวานจัง...ริมฝีปากเจ้าหวานเหลือเกินหนี่เจิน”
พระสุรเสียงที่กระซิบเบา ๆ ข้างหูคนร่างบาง ทำเอาคนฟังแล้วอ่อนระทวยไป เรี่ยวแรงที่เคยมีพลันหายไปหมดสิ้นร่างบางที่ทำท่าจะเอนตัวล้มลงไปกับเตียงก็มีพระกรแข็งแกร่งของฮ่องเต้รองรับร่างบางที่ทำท่าล้มลงไปเสียก่อน พระหัตถ์อีกข้างทรงจับเข้าที่ต้นคอระหงของอีกร่างบางประคองหน้ามลไม่ให้หันหนี
“ถ้าเจ้าไม่ไหวข้าไม่ทำก็ได้นะหนี่เจินที่รัก ต่อให้ต้องรอจนเจ้าคลองลูกแล้วข้าก็จะรอ”
หนี่เจินส่ายหน้าเมื่อได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้เช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าทำไมฮ่องเต้ทรงต้องอดกลั่นมาเป็นเวลานานเช่น ทั้งที่ฮ่องเต้ทรงมีพระสนมที่สวยอีกสามคน จะบอกว่าทรงไม่อยากไปหาพระสนมเหล่าก็ไม่ใช่เพราะเท่าที่เขารู้มา เหล่าพระสนมนอกจากพระสนมพิงอันที่ป่วยอยู่ พระสนมคนอื่น ๆ ก็มีกิริยามารยาทเรียบร้อยดั่งกุลสตรีสูงศักดิ์พึ่งมี ทั้งยังช่างเอาอกเอาใจแต่ทำไมไม่ทรงเสด็จไปหาพวกนางบ้าง หรือเป็นเพราะเขาฮ่องเต้ถึงได้ทรงห่างจากบรรดาพระสนมเช่นนี้
“ฝะ...ฝ่าบาท...”หนี่เจินเอ่ยออกมาเสียงเบาราวกับไม่มีแรง
“หืม...ว่าไงฮองเฮาของข้าเจ้าจะพูดอะไรก็พูดมาได้เลย ข้ายอมรับได้หากเป็นการตัดสินใจของเจ้า”
ฮ่องเต้ทรงประคองหนี่เจินให้ไปนั่งบนตักของพระองค์ก่อนจะใช้พระกรโอบรอบเอวบางไว้ พระพักตรมองตรงไปยังคนตรงหน้าที่มีสีหน้าสงสัยแทน
“ว่าอย่างไรหนี่เจินทำไมเจ้าไม่พูดเล่า”
เมื่อถูกรบเร้าจากคนตรงหน้ามาก ๆ หนี่เจินจำต้องถอดหายใจกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะใช้มือสองข้างโอบรอบพระศอของฮ่องเต้เอาไว้ ใบหน้าสวยจ้องพระเนตรสีนิลสวยของฮ่องเต้แล้วเอ่ยถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“ฝ่าบาทเพค่ะ ที่ทรงอยากทำเช่นนี้กับหม่อมฉันเพราะทรงอดกลั่นมานานหรือเปล่าเพค่ะ”
คำถามที่ออกมาจากร่างบางในอ้อมกอดทำให้ฮ่องเต้ต้องทรงขมวดพระขนงขึ้นมาอย่างสัย แต่เมื่อมองดวงหน้าสวยที่ต้องการคำตอบทำให้ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยตอบฮองเฮาของตัวเอง
“เจ้าถามว่าข้าอดกลั่นมานานใช่ไหม ข้าตอบว่าใช่เพราะเจ้าทั้งบาดเจ็บแล้วยังตั้งครรถ์อีกทำให้เขาทำอะไรเจ้าก็ไม่ได้เลยได้แต่อดทนเท่านั้น”
“แต่ก็ทรงมีพระสนมถึงสามคนเชี่ยวนะเพค่ะ”
“ก็แล้วยังไงเล่า สนมพวกนั้นไม่ใช่เจ้าเสียหน่อย ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าข้านั้นรักเจ้ามากแค่ไหน สนมพวกนั้นไม่อาจเทียบกับเจ้าได้เลยแม้แต่นิด”
“แต่พวกนางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนของฝ่าบาทเช่นเดียวกับหม่อมฉันนะเพค่ะ”
“ถึงข้าจะเคยมีความสัมพันธ์กับพวกนางจริง แต่นั้นก็เพื่อทำตามธรรมเนียมประเพณีหาใช่ใจจริงข้าไม่ แต่เมื่อข้าพบเจ้าข้าเลยทำตามประเพณีพวกนี้แล้ว”
“แต่ว่า...”
“ข้าไม่เคยรักพวกนางและไม่มีวันจะรักพวกนางได้ ที่ยังให้พวกนางอยู่ในฐานะสนมก็ดีพอแล้วข้าไม่อยากทำให้เจ้าเสียใจนะหนี่เจิน เจ้าทำใจได้หรือหากสวามีเจ้าไปอยู่กับหญิงอื่นทิ้งให้เจ้านอนเดียวดายเพียงลำพังน่ะ”
หนี่เจินได้ฟังเช่นนั้นถึงกับสะอึกไป เขาหรือจะยอมหากว่าฮ่องเต้ทรงไปอยู่นางอื่นที่ไม่ใช่เขา แต่เขาก็สงสารบรรดาสนมเหลือเกิน หนี่เจินส่ายหน้าแต่หากเขาก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ถึงหม่อมฉันจะไม่อยากให้พระองค์ไปอยู่กับหญิงใด แต่หม่อมฉันก็จะอดทนเพค่ะ พวกนางน่าสงสารหากพระองค์จะทรงไม่สนพระทัยพวกนางเช่นนี้”
“ไม่ใช่ข้าไม่สนใจพวกนาง แต่แค่ข้าไม่ได้ไปพำนักที่ตำหนักของพวกนางเท่านั้น ข้าก็ไปเยี่ยมพวกนางบ่อย ๆ แต่หากคนที่อยากกอดที่สุดคือเจ้านะ”
“ฝ่าบาท...”เสียงหวานเอ่ยออกมาดวงตาหวานสบเข้ากับพระเนตรสีนิลที่ทอดพระเนตรมาอย่างอ่อนโยน
เมื่อสองสายตาสบกับบรรยากาศแห่งความสุขก็ไหลเข้ามา ฮ่องเต้ทรงรั่งร่างบางเข้ามาแนบพระอุรา ริมพระโอษฐ์ก็ทาบทับริมฝีปากบางเนิ่นนานอ่อนหวาน
พระหัตถ์ทั้งสองลูบไล้ไปทั่วร่างที่ยังคงมีอาภรณ์ปกปิด แต่แล้วอาภรณ์ที่เคยปกปิดร่างบางก็ถูกปลดปล่อยเผยร่างขาวนวลเนียนของอีกฝ่ายแทน ร่างกายที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ยังน่าหลงไหล ร่างกายที่ทุกครั้งที่ได้สัมผัสจะทำให้อารมณ์ของฮ่องเต้หนุ่มพลุกพล่าน
หนี่เจินเมื่อถูกถอดเสื้อผ้าก็หน้าแดงขึ้นมา แต่ด้วยร่างกายสองร่างที่แนบชิดกันและด้วยสัมผัสที่ถูกส่งมาแสนจะอ่อนโยนทำให้หนี่เจินเลือกจะปล่อยตัวไวปตามกระแสแห่งอารมณ์ปรารถนาแทน มือบางที่ตอนแรกไม่รู้จะไปไว้ไหนก็ช่วยปลดอาภรณ์ของฮ่องเต้ก่อนจะโอบรัดร่างกายแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
จากท่านั่งแปลเปลี่ยนเป็นนานราบ หนี่เจินถูกดันให้นอนหงายราบไปกับที่บรรทมอย่างนุ่มนวลตามมาด้วยร่างแกร่งของฮ่องเต้ที่คล่อมร่างบางไว้ ประทับจุมพิตไปที่หน้าผากมลไล่ลงมายังซอกคอหอมกรุ่น
“อือ...อืม...อ๊ะ...อา....”เสียงหวานครางขึ้นเมื่อถูกสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่ตอนนี้เริ่มแข็งขืนตามแรงอารมณ์ของเจ้าของ
มือบางทำพระหัตถ์หนาที่กำลูบไล้จุดอ่อนไหวไว้ก่อน ทำให้ผู้เป็นเจ้าของพระหัตถ์หนาต้องเงยหน้าจากการประทับริมพระโอษฐ์ขึ้นทอดพระเนตรคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าพระทัยนัก
“เจ้ามีอะไรหรือหนี่เจิน”
“หม่อมฉันอยากทำให้ฝ่าบาทบ้างเพค่ะ”
ร่างบางก้มหน้าหงุดพร้อมกับเอ่ยเสียงหวานเบา ๆ ที่แทบจะไม่ได้ยิน จนฮ่องเต้ต้องทรงขมวบพระขนงอีกครั้งอย่างไม่เข้าพระทัย
“เจ้าพูดว่าอะไรนะหนี่เจิน”
“หม่อมฉันบอกว่า อยากทำให้พพระองค์บ้างเพค่ะ”
เสียงที่ดังขึ้นของหนี่เจินทำให้ฮ่องเต้ถึงกับแย้มพระโอษฐ์อย่างรักใคร่ ก็ตั้งแต่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมามีครั้งไหนบ้างที่คนร่างบางไม่น่ารักเช่นนี้ไม่ว่าจะท่วงท่ากริยาไหนก็น่ารักไปเสียหมด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่คนตรงเอ่ยปากบอกจะทำให้ยิ่งทำให้ฮ่องเต้พึ่งพอพระทัยอีกหลายขุมนัก
“อยากทำอะไรให้ข้าล่ะหนี่เจิน”
หน้ายิ่งแดงขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อได้ยินฮ่องเต้รับสั่งเช่นนั้น ร่างบางได้แต่ก้มหน้า
“ฝ่าบาทล่ะก็ทำไมต้องทรงรับสั่งถามด้วยล่ะเพค่ะ ก็รู้ว่าหม่อมฉันอายแต่ก็ยังทรงรับสั่งถามเช่นนี้อีก”
“หึหึ ก็นานทีเจ้าจะเอาใจข้าบ้างนี่ ก็ได้แล้วแต่เจ้าอยากทำให้อะไรให้ข้าก็ทำ”
เมื่อได้คำอนุญาตหนี่เจินมือบางก็ลูบไล้ต้นขาของฮ่องเต้ก่อนจะไล่ขึ้นไปจนถึงจุดความเป็นชายของฮ่องเต้ที่ตอนนี้พองตัวใหญ่แต่ยังไม่เต็มทีนัก มือบางอ่อนนุ่มสัมผัสความเป็นชายก่อนจะรูดขึ้นลง
“อ๊า....อือ....”
ฮ่องเต้ร้องออกมาเมื่อได้รับความเสี่ยวซ่านที่คนร่างบางบรรจงมอบให้ โดยคนร่างบางหารู้ไม่ยิ่งทำเช่นนี้ คนร่างสูงยิ่งมีอารมณ์อยากจับเจ้าของมือนุ่มที่พยายามทำให้ความเป็นชายของตนยิ่งตื่น และการตื่นครั้งนี้คงสงบลงได้ยากเสียด้วย
“ทรงชอบมั้ยเพค่ะ”
หนี่เจินถามด้วยสีหน้าใสซื่อผิดกับฮ่องเต้ที่ตอนนี้อารมณ์นั้นได้พุ่งถึงจุดสูงสุด ที่ตอนนี้มองหน้าฮองเฮาของตนตาเชื่อม
“อา...ชอบ...”
“เพค่ะ”
หนี่เจินเร่งจังหวะแต่ก็มีพระหัตถ์หนาของฮ่องเต้ห้ามไว้เสียก่อนจะจับเขาพลิกตัวเองขึ้นคล่อมร่างบางที่ตอนนี้ลงไปนอนใต้ร่างแล้ว
ฮ่องเต้ไม่ทรงรอให้หนี่เจินได้ซักถามประทับริมพระโอษฐ์เข้าที่เรียวปากบางจูมอย่างดูดดื่ม พระหัตถ์หนาข้างหนึ่งไล่ไปตามผิวเนียน อีกข้างสัมผัสจุดอ่อนไหวแล้วรูดขึ้นลงเร็ว ๆ จนร่างบางแอ่นตัวตามแรงพร้อมกับปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา
เมื่อร่างบางปลดปล่อยจนน้ำสีขาวที่เปรอะพระหัตถ์หนา ฮ่องเต้ก็ทรงยกพระหัตถ์ข้างนั้นขึ้นมากและเลียชิมน้ำสีขาวขุ่น รสฝาดอมหวานของมันทำให้ฮ่องเต้ต้องเลียจนหมดก่อนจะหันไปสนใจยังช่องทางสีหวานที่อยู่ต่ำลงไป
ทรงแทรกพระองคุลี(นิ้ว)ถึงสามพระองคุลีเข้าไปยังช่องทางสีหวาน ก่อนจะคาไว้เมื่อพบว่าร่างบางที่ห่างหายเรื่องเช่นนี้ไปนานนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ทำให้พระองค์ไม่กล้าจะขยับอะไรในตอนนี้
“เจ้าเจ็บหรือหนี่เจิน”
สุรเสียงเอ่ยถามอย่างห่วงใยทำให้หนี่เจินต้องส่ายหน้า แล้วโอบไหล่คนร่างสูงเพื่อบอกว่าเขาพร้อมแล้ว
“งั้นอดทดหน่อยนะหนี่เจินที่รัก ข้าจะค่อย ๆ ทำถ้าเจ้าเจ็บต้องรีบบอกข้านะ”
“เพค่ะ ถ้าเจ็บหม่อมฉันจะทูลฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ทรงจับความเป็นชายแทรกเข้าไปช่องทางสีหวาน หนี่เจินกัดเรียวปากสวยเมื่อความเป็นชายของฮ่องเต้แทรกตัวเข้ามา ความคับแน่นและตอดรัดที่ทำให้ฮ่องเต้ต้องนิ่วหน้าแต่ก็ไม่อาจจะขยับกายได้และมองร่างบางที่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
“เจ็บหรือหนี่เจิน”
“มะ...ไม่เป็นไรเพค่ะ...หม่อมฉันทนได้”
หลังจากฟังเสียงหวานตอบกลับ ฮ่องเต้ก็ประทับริมพระโอษฐ์ลงหน้าผากมลเพื่อคลายความเจ็บให้ร่างบางลงก่อนจะเริ่มขยับกายช้า ๆ
“อ๊า...อา...อือ...อืม...”
“อ๊า...หนี่เจิน...อืม...หนี่เจิน...”
“อ๊า...แรงอีกเพค่ะ”
“อ๊า...ไม่ได้...ลืมไปแล้วหรือไงเจ้าท้องอยู่นะ”
“อ๊า...ฝ่าบาท....นะ...เพค่ะ”
“ไม่ได้”
“น้า...แรงขึ้นอีกหน่อยก็ได้...”
หนี่เจินจ้องพระพักตรของฮ่องเต้ที่แสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยว่าสิ่งที่หนี่เจินต้องการนั้นอาจทำให้คนร่างบางตรงหน้าแท้งลูกของพวกเขาได้ แต่สายตาออดอ้อนที่ถูกส่งมาจากร่างบางทำให้ร่างสูงต้องถอดหายใจก่อนจะแรงจังหวะขึ้นอีกนิดซึ่งน่าจะไม่มีผลต่อเด็กในท้องมากนัก
“อะ...อือ...อา...อา...อ๊า...ฝะ...ฝ่าบาท...”เสียงหวานครางเมื่ออารมณ์พุ่งทยานขึ้นสูง มือบางจับที่พระพักตรของฮ่องเต้ก่อนจะคว้าที่พระศรให้โน้มลงมาทาบทับเรียวปากบาง
“อา...หนี่เจิน...ข้าจะถึงแล้ว...”
“อา.....”
แล้วหนี่เจินและฮ่องเต้ก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ฮ่องเต้จะสกัดกั้นอารมณ์ที่ต้องการของตนเอง เพราะไม่อยากให้หนี่เจินเหนื่อยไปมากกว่าแล้วหันไปกอดร่างบางให้ซบลงที่พระอุรา
“จะไม่ทรงต่อหรือเพค่ะ”เสียงหวานของหนี่เจินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะถ้าเป็นโดยปกติแล้วคงไม่จบแค่รอบเดียวแน่
“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากให้เจ้าเหนื่อยมากนัก ถึงใจจริงข้าจะอยากทำแต่เห็นแต่เจ้าและลูกของเราที่จะเกิดมา ข้าต้องอดทนไว้รอเจ้าคลอดแล้วถึงตอนนั้นเจ้าไม่ได้นอนแน่ยอดรัก”
ได้ฟังอย่างนั้นก็ทำให้หนี่เจินหน้าขึ้นสีจนได้ รับสั่งที่ทรงบอกล่วงหน้าแล้วว่าเขานั้นจะอดนอนอีกนานหลังจากคลอดเจ้าตัวน้อยออกมา
“ฝ่าบาทเพค่ะ หม่อมฉันมีอีกเรื่องที่จะถาม”
“ว่ามาสิข้ารอฟังอยู่”
“เรื่องของน้องสาวหม่อมฉันน่ะเพค่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าได้วางแผลการไว้แล้วอีกไม่นานนักหรอกหนี่เจินน้องสาวของเจ้าก็จะได้กลับมาอย่างแน่นอนข้าให้สัญญา”
“เพค่ะ แต่จะทรงทำอะไรก็บอกหม่อมฉันบ้างนะเพค่ะ หม่อมฉันอยากช่วยไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน”
“ไม่ได้ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเจ็บตัวกับเรื่องพวกนี้อีก ข้าเป็นห่วงเจ้ามากรู้มั้ย”
“ไม่ได้เพค่ะ ชุนเซียงเป็นน้องสาวของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็มีสิทธิจะช่วยเหลือด้วย”
“แต่...”
“ไม่มีแต่เพค่ะ ถ้าพระองค์ไม่ทรงให้หม่อมฉันช่วย หม่อมฉันจะแอบหนีออกไปช่วยชุนเซียงเองนะเพค่ะ”
คำขู่ของฮองเฮาของตนเอง ส่งผลให้ฮ่องเต้ต้องถอดหายใจกับอาการดื้อของคนตรงหน้าขึ้นมา ทุกทีหนี่เจินของเขาไม่เคยดื้อกับเขา แต่มาวันนี้กลับดื้อดึงเช่นนี้เขาควรทำอย่างไรดี
“ก็ได้ ๆ แต่ห้ามเจ้าไปเองนะ ช่วยข้าคิดก็พอข้าจะขอความคิดเห็นจากเจ้า แต่ไม่อนุญาตให้เจ้าไปร่วมในแผนการนี้ด้วย”
“ได้เพค่ะ”
แล้วสองร่างก็นอนกอดกันหลับไปในที่สุด โดยหาได้รู้ไม่ว่าเรื่องราวในวันพรุ่งจะต้องเจอเรื่องอะไรกันบ้าง
+++++++++++++++++++++
เรื่องนี้ใกล้จบภาคแรกแล้วจร้าาาา
บทสรุปของภาคใกล้แล้ว>_<
ภาคต่อยังไม่ได้คิดเลยอ่ะ
แต่หนี่เจินคลอดภาคนี้นะ ทุกคนจะได้เห็นองค์ชายน้อยกับ....จะเป็นแฝดหรือเปล่าน้า>_<
ต้องไปรออ่านกันอิอิ
-
จิ่มเลย
แฝดซิจะได้3P ไงหละ
-
o13 o13 o13 o13 o13 o13 คนเเรก รึเปล่าา 555+ >< พรุ่งนี้จะเจออะไรกันน เเอร้ยย จะรอนะค่ะ สู้ๆค่ะไรเตอร์ ยิ่งอ่านยิ่งสนุก :pig4: :pig4: :pig4:
-
ภาคต่อไปเกี่ยวกับอะไรหรอคะ??
:L2: :L2:
-
o13 รอตอนต่อไปคร้า :กอด1:
-
ไตรภาคเลย :L2:
-
กรี๊ดๆๆๆๆ หนี่เจินน่าร๊ากมากเลยยยยย
ตอนอ้อนอ่ะน่ารักสุดๆเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมีแต่คนหลง
โดยเฉพาะฮ่องเต้ โดนเข้าไปเต็มๆแบบถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเลย
อร้ายยยย ช่วงนี้...........
"นะ...เพคะ"
"น้า...อีกหน่อยก็ได้"
น่ารักแบบไม่ไหวแล้วอ้ะ (อินเวอร์ ฮ้าๆๆ)
นี่ถ้าหนี่เจินไม่ท้องอยู่คงโดนฮ่องเต้จัดหนักแน่ๆ ฮ้าๆๆ
:L2: :pig4: :L2:
-
โถๆๆ หนีาเจิน...ต้องเข้าใจฮ่องเต่ด้วยนะคะ ทั่งรักทั้งหลงหนี่เจินทุกลมหายใจอย่างนี้ ยอมๆท่านไปเถอะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
สองตอนหลังมานี้ รู้สึกคู่รองจะตัดหน้าไปเยอะนะคะ โฮะๆๆๆๆ
-
:impress2:หนี่เจินกับฮ่องเต้ยังหวานกันเหมือเดิมอิอิ
:z1:อิอิคลอดเมื่อไรโดจัดหนักแน่ๆหนี่เจิน :o8:
-
:z13:
ทิ้งไว้ให้ลุ้นอีกแล้ว :angry2:
รู้สึกจะมีเรื่องร้ายๆเข้ามาอีกแระ :m15:
อยากให้เป็นฝาแฝด จะได้มี 3P :impress2:
-
:impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
-
:jul1: :jul1:
หนี่เจินเเอบเเรง ระวังจะเเท้งนะจ๊ะตัวเธอ
รอตอนต่อไปจ้า :pig4:
-
น่ารักค่าาาาาาาาาา หว๊านหวานอ่ะคู่นี้ :-[ :-[ :-[ :-[
-
:m25:
-
หนี่เนจินคลอดเมื่อไหร่สงสัยฮ่องเต้จัดหนักแน่ๆ
-
อ๊ากกกกก เป็นลม =.,=
NC เบาๆสินะคะ เพราะฮ่องเต้จัดหนักไม่ได้ 555
แฝดชายๆๆๆๆๆ เด็กผู้ชายน่ารัก~♥
รอตอนต่อไปค่ะ
-
คนเขียนใจร้าย :sad4:
ชอบทิ้งค้างไว้ให้คิดต่ออ่ะ
มันค้างค่า :angry2:
เปนไปได้ครั้งต่อไป
ลงจนจบภาคเลยได้มั้ยอ่า
เหมือนจะเหลือไม่กี่ตอนแล้วด้วย
ขอความกรุณาด้วยนะคะ :impress:
-
:man1: :man1: :man1: :man1:
อ่านรอบ 3 รอ หนี่จินคลอด ><
-
รอรอๆๆๆๆ :z3: :z3: :z3:
-
รอออออออออออออออออ :z3: :z3:
-
กรี๊ดๆ :-[เอาแฝดนะคะ เป็นชายๆไปเลยแบบว่าคนนึงเหมือนแม่ คนนึงเหมือนพ่อ แล้วพี่ก็ปกป้องน้องที่เหมือนแม่(น่าทะนุถนอม)ไรเงี้ยอ่ะ o13
น่าหนุกนะคะ
เอ่อ.....นี่เป็นเพียงความเห็นของข้าน้อยเองนะเจ้าคะ
ยังไงก็รับไว้พิจารณาด้วยเน้อ
ขอบคุณค่ะ รีบๆมาต่อน้าาาาาาา :bye2:
-
หลังจากที่ติดตามอ่านจนถึงตอนนี้ บอกได้คำเดียวว่า o13
ชอบมากๆๆๆๆๆ มารออยู่นะคราฟฟฟ
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รออยู่นะ ><
จะเป็น หญิงหรือชายยหรือ .......
แอร้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
-
หนี่จินลาคลอดนานแล้วนะค่ะ !!
รอหนี่จินนนนนนนนนนนนนน
-
ฮิ้ววว รอต่อไปจ้า :กอด1:
-
จะเป็นลูกหญิง/ชายค่ะ ลุ้นน้าาาาา
อยากให้เป็นลูกชายอ่ะะะ
-
o13 o13 o13 o13
อยากบอกว่านุกมาก หลี่จินน่ารัก
มาต่อเร็ว ๆนะ รอลุ้นตอนต่อไป
-
แอบแวะเข้ามาส่อง
ยังไม่มาเลย :m15:
รอต่อไป
-
^
^
^
^
^
^
มาส่องเหมือนกัน แต่ยังไม่มา รอต่อไป :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
-
:call: :call: :call: :call:
มาส่องและรอต่อไปปปป
-
ส่องงง
ต่อไปปปปป
:t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3: :t3:
-
มาต่อแว้ว>0<
คนอ่านที่รักอย่างพึ่งทิ้งข้าพเจ้าไปน้าาาาาาT^T
พอดีติดช่วงสอบแล้วก็ล่วงเลยมาตอนนี้จบแล้วจ้าาาาา
กำลังหางานทำเลยวุ่ยวายแท้
แต่ไม่ต้องห่วงนะนิยายเรื่องนี้แต่งจบแน่นอนใกล้จบแล้ว
ตอนนี้ไม่มีฉากNCเลย จะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่องมากกว่า
ใครลุ้นคู่ของพี่ชายหนี่เจินบ้างยกมือขึ้น 555+
ไปลุ้นแล้วกันว่าท่านพี่ของหนี่เจินจะคู่กับผู้ใด
บอกไว้ก่อนมีตัวละครลับออกมาด้วยจ้า
++++++++++++++++++++++++++++++
29
ในรุ่งเช้าที่แดดไม่แรงนักหนี่เจินตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนข้างกายยังคงหลับสนิท เมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่นอนมองคนที่ยังหลับลึกอยู่แทน แต่แล้วคนที่น่าจะหลับกลับดึงตัวคนที่นั่งมองจนไปซบเข้าที่อกกว้างแทน
“ฝะ...ฝ่าบาท...”
“เจ้าจะ รีบตื่นทำไมล่ะ นอนต่ออีกหน่อยสิ”
“ไม่ได้เพค่ะ ตอนนี้เช้ามากแล้วจะไม่ทรงงานหรือเพค่ะ”
“ข้าทำเสร็จไปหมดแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้ข้ามีเรื่องอีกอย่างต้องทำ”
“หรือว่า...”
“ใช่...เรื่องของน้องเจ้านั้นแหละยอดรักของข้า”
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันไปด้วยเพค่ะ”
“ก็ได้งั้นเจ้าไปแต่งตัวก่อนเถอะ”
“เพค่ะ”
ด้านองค์ชายลีซานก็ตื่นขึ้นก่อนที่ฟ้าจะสางเสียอีก ขึ้นมานั่งครุ่นคิดถึงการเจรจาที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
“ข้าต้องเอาตัวน้องหญิงกลับมาให้ได้ แล้วถ้าทำได้ข้าจะต้องชิงตัวฮองเฮามาให้ได้ด้วย”
ชุนเซียนเมื่อได้รู้ว่าวันนี้จะมีการเจรจาระหว่างองค์ชายลีซานและฝ่ายต้าถังก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอีกไม่นานนางจะได้กลับไปหาท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ทั้งสองแล้ว
“ในที่สุดข้าก็จะได้กลับบ้านแล้ว ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รอง ข้ากำลังจะกลับไปหาพวกท่านแล้ว”
“หึ..เจ้าคงดีใจไม่ใช่น้อย”
เสียงลีซานดังขึ้นทำให้ชุนเซียนที่กำลังดีอกดีใจกับตัวเองถึงกับสะดุ้งจนต้องหมุนตัวแล้วถอยหลังติดกระโจม ทำให้ลีซานสามารถปะชิดตัวได้ทันที
“นี่ท่านจะทำให้อะไรข้าน่ะ”
“แล้วเจ้าว่าข้าจะทำอะไรเจ้าล่ะ”
“ท่าน...ท่าน...”
“หึ...ไม่ต้องกลัวหรอก คนที่ข้าปรารถนาคือพี่สาวของเจ้าหาใช่ตัวเจ้าไม่”
“ท่านสติไม่ดีหรือ... พี่ข้านั้นเป็นฮองเฮาของฝ่าบาทแล้ว และ...”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดี แต่หากใจข้าดวงนี้เป็นของนางไปแล้วนับจากวินาทีแรกที่ได้พบเจอ”
“ฝ่าบาทต้องมิทรงยอมแน่ หากล่วงรู้ว่าท่านคิดเช่นนั้นกับฮองเฮาของพระองค์เช่นนี้”
“แต่ข้าว่าฮ่องเต้ทรงรู้แล้วต่างหากเล่า ก็ข้าไปฝ่ายไปชิงตัวฮองเฮาของพระองค์ถึงในวัง แต่ดันได้ตัวเจ้ามาแทนเช่นนี้”
“ก็นับว่าฝ่าบาททรงมีบุญาธิการสูงส่งเลยทำให้รอดพ้นจากน้ำมือมารเช่นท่าน”
“แต่ดูเหมือนเจ้าจะดวงไม่ดีเสียล่ะมั้ง ถึงได้ถูกมือมารเช่นข้าจับตัวมาแทนเช่นนี้”
“หึ...แต่อีกไม่นานความซวยของข้าก็จะหมดไป เพราะข้ากำลังจะได้กลับบ้านแล้วน่ะสิ”
“หึ...เจ้าจะสบายใจได้ก็แค่ช่วงนี้”
พูดจบลีซานก็เดินออกนอกกระโจมทิ้งให้ชุนเซียนกรีดร้องด้วยความโมโหแทน ชุนเซียนเดินกลับมาที่เตียงก่อนจะนั่งลง คิดตามคำพูดของอีกฝ่ายที่ทิ้งท้ายไว้
“เขาต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ ข้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วสิ”
ด้านสองราชองค์รักษ์ที่ถูกฮ่องเต้พักงานก็ได้รับราชสาส์นลับที่มาส่งในตอนเช้า เมื่อรับราชสาส์นที่ถูกส่งมาโดยคนส่งสารลับที่นาน ๆ พวกเขาสองคนถึงจะได้เห็น นั้นก็คือพระอนุชาต่างพระมารดาของฮ่องเต้ที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าว่าพระองค์ทรงมีตัวตนอยู่นั้นเองด้วย
“ฮ่องเต้ให้ข้ามาส่งสาส์นลับฉบับนี้กับพวกท่าน แล้วย้ำกับข้าว่าให้พวกท่านเองกับมือห้ามผ่านมือคนอื่นอย่างเด็ดขาด”ตงเฟยเอ่ยขึ้นขณะรับสารมา
“ครับ แต่คงลับมากนาดูถึงกับให้ท่านมาส่งสิ่งนี้เองกับมือเช่นนี้”
“ใช่แผนการทั้งหมดอยู่ในนี้ ห้ามให้คนไม่เกี่ยวข้องอ่านเด็ดขาด ไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนข้ายังต้องไปอีกหลายที่”
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย”จิ้งเต๋อเตือนก่อนที่เขาจะก้าวเท้าออกนอกห้อง
“ขอบใจที่เตือนข้าจะระวัง”
เมื่อออกมานอกบ้านเขาก็รีบมุ่งหน้าไปเป้าหมายถัดไปที่จะต้องไปส่งสาส์นลับ แล้วก็พลางคิดย้อนไปเรื่องในอดีต หากไม่มีท่านพี่ในครานั้นก็ไม่มีเขาในครานี้เช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน
เมื่อนานมาแล้วอดีตฮ่องเต้องค์ก่อนได้ทรงมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวชาวบ้านนางหนึ่งเข้าเมื่อครั้งเสด็จออกตรวจราชกิจนอกวัง และทรงเสร็จกับวังโดยหารู้ไม่ว่าหญิงนางนั้นได้ตั้งท้องลูกของพระองค์ในเวลาต่อมา
แต่เมื่อทรงรู้ก็ไม่ยอมรับนางเป็นสนมด้วยเหตุถ้าทรงรับนางเข้ามาฮองไทเฮาจะทรงกริ้วและกลัวว่าจะทำให้ฮองเฮาของพระองค์เสียพระทัย ก็เลยไม่ยอมรับนางเข้าวังให้นางต้องเรียนดูลูกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในองค์ชายแห่งแคว้นเพียงลำพัง แต่ก็ทรงประทานเงินทองและที่อยู่ที่ดีทีสุดให้แทน
เรื่องนี้ไม่มีคนล่วงรู้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงล่วงรู้ เมื่อครั้งหนึ่งทรงเสด็จตามอดีตฮ่องเต้ที่ทรงออการตรวจตามหัวเมืองต่าง ๆ พอเสร็จจากการตรวจพระองค์ก็ทรงขอว่าจะทรงเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของชาวเพื่อศึกษา และก็ทรงได้พบกับพระอนุชาเข้าโดยบังเอิญ ในตอนนี้พระอนุชาถูกกลุ่มคนรุมทำร้ายอยู่ก็ทรงเข้าไปช่วยเหลือ
“เฮ!! พวกเรารุมมันเลยอยากซ่าดีนัก”
“ครับลูกพี่”
“อย่าทำข้า อย่า...ข้าขอร้อง ได้โปรดเถอะ อย่าทำข้า....อย่า....อ๊ากกก.....”
หลี่ซื่อหมิน(พระนามเดิมของพระเจ้าถังไท่จง)ในร่างชายหนุ่มรูปงามที่แต่งตัวอย่างชาวบ้านสามัญเดินผ่านมาแถวนั้นพอดีได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังร้องขอชีวิต ก็เลยเดินเข้าไปดูก็พบว่ากลุ่มคนสี่ห้าคนรอบคน ๆ หนึ่งไว้ คนที่รอบไว้พากันกระทืบคนหนึ่งคนที่กำลังนอนอยู่กับพื้นอย่างไม่มีทางสุ้อย่างเมามัน
“หยุดนะ!!”
เหล่าคนที่กำลังรุมซ้อมชายผู้เคราะห์รายหันกลับมามองทางต้นเสียงที่กล้าบังอาจมาขัดจังหวะอย่างอารมณ์เสีย
“แกเป็นใครไอ้หนุ่ม อย่ามายุ่งเรื่องของพวกข้าหากไม่อยากเจ็บตัว”
ซื่อหมินหันมองหน้าบรรดาคนอื่น ๆ ก่อนจะยิ้ม ทำให้บรรดาคนกลุ่มนั้นเริ่มมีโทสะ แล้วหันมาทางซื่อหมินกันหมด
“ข้าคงไม่ยุ่งไม่ได้ ข้าเป็นพวกทนดูอยู่เฉยไม่ได้เมื่อเห็นคนอื่นเดือนร้อนซะด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงอยากเป็นอีกคนที่ถูกพวกข้ากระทืบจมดินสินะ ได้พวกข้าสนองให้”
“ถ้าพวกเจ้าทำได้ล่ะนะ ข้าจะยอมให้พวกเจ้ากระทืบเลย แต่ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ต่อจากนี้ไปห้ามยุ่งกับเขาอีก”
“ฮ่า ๆ อย่ามาพูดให้ข้าขำเล่นหน่อยเลยอย่างเจ้าหรือจะชนะข้าได้ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้ามีฉายาว่าอะไร หมัดเหล็กเลยเชี่ยวนะเพราะข้าดันประลองไม่เคยแพ้ผู้ใดมาก่อน”
“งั้นวันนี้เจ้าคงต้องแพ้ให้ข้าแล้วล่ะ เพราะข้าเองก็ไม่เคยแพ้ผู้ใดเช่นกัน”
“อย่าดีแต่พูดหากเจ้าแพ้ข้าเมื่อไร เจ้าได้ตายคาเท้าข้าแน่จำไว้ให้ดี”
“ถ้าเช่นนั้นจะมั่วเสียงเวลาพูดกันอีกทำไม ลงมือให้เห็นผลเลยเสียดีกว่าจะได้รู้เสียทีว่าข้าหรือเจ้ากันแน่จะเป็นฝ่ายชนะในครานี้”
“ดีงั้นเรามาสู้กัน”
สิ้นเสียงคนทั้งคู่ก็วิ่งเจ้าปะทะกันเป็นชายร่างใหญ่ที่บุกเข้ามาก่อน ซื่อหมินทำแค่เบี้ยงตัวหลบนิดเดียวก็สามารถหลบการโจมตีนั้นได้ ทั้งยังสวนเขากลับทำให้คนร่างใหญ่ถึงกับจุกจนต้องถอยหลัง แต่เขาก็ไม่ให้โอกาสงามเสียไป ตามติดเข้าประชิดก่อนจะใช้กำปันชกเข้าที่ท้องอีกสองสามหมัดแล้วถอยตัวออกห่าง
“แก่...ทำแสบนักนะ ข้าโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าได้ตายกันไปข้างแน่”
“หากทำได้ก็เชิญ”
ชายร่างใหญ่วิ่งเข้ามาหวังจะจับตัวซื่อหมินไว้แต่เขารู้ตัวหลบฉากออกมาเสียก่อนแล้วอ้อมมาอยู่ด้านหลังใช้สันมือสับเขาที่ด้านหลังคอของอีกฝ่าย จากนั้นก็เตะที่ข้อพับขาจนอีกฝ่ายล้มลงไป สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาลูกน้องที่มุงดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของหัวหน้าตัวเองล้มลงอย่างง่ายดายและหมดสติไป
“ถ้าไม่อยากให้ข้าอัดเจ้านี่จนตายก็รีบพาไปให้ไกลจากสายตาข้าเดี๋ยวนี้!!”
จากนั้นก็หันมาหาร่างที่จวนเจียนจะหมดสติของชายที่ถูกรุมทำร้ายแล้วก็ถามทางไปบ้านเพื่อไปส่งแล้วพอไปถึงบ้านที่ค่อนข้างดี แต่ก็เป็นเพียงบ้านไม้ธรรมดาหลังหนึ่ง และเมื่อเข้าไปก็พบกับหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งปักผ้าอยู่
“เจ้ากลับมาแล้วหรือเฉิงเฉียน”
นางถามขึ้นทั้งที่หน้าก็ไม่เงยขึ้นมามอง แต่ก้มหน้าก้มตาปักผ้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย และเมื่อลูกชายไม่ตอบทำให้นางต้องเงยหน้ามองก็พบกับสภาพลูกชายที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย หน้าเปื้อนดินโคลน เนื้อตัวมีแต่บาดแผล
“อาเฉียนใครทำอะไรเจ้า ทำไมเจ้ามีสภาพแบบนี้ล่ะ”
“ข้า...ถูก...พวก...อัธพาน...ทำร้ายมา...”
“แล้วเจ้ารอดมาได้ยังไงล่ะ”
“มีคนใจดีท่านหนึ่งมาช่วยข้าและก็พาข้ามาส่งด้วย”
+++++++++++++++++++++++++++++++
ต่อด้านล่างจ๊ะ
-
“งั้นเจ้าก็ไปเชิญเขามากินน้ำกินข้าวเสียก่อนสิ”
“ครับท่านแม่”
เฉิงเฉียนเดินออกด้านนอกบ้านที่ตอนนี้หลี่ซื่อหมินนั่งลงเพื่อพักหลังจากพึ่งผ่านการต่อสู้ไม่หนักหนานักมา
“ท่านแม่เชิญให้ท่านร่วมทานข้าวด้วยกัน ไม่ทราบว่าท่านว่างหรือไม่ พวกเราอยากตอบแทนที่ท่านช่วยข้าให้รอดพ้นมาได้”
“อืม...ก็ได้ข้าจะอยู่ร่วมรับประทานอาหารกันท่านก่อน”
“ถ้าเช่นนั้นเชิญท่านไปพักข้างในบ้านข้าก่อนครับ”
หลังจากผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกจัดขึ้นโต๊ะสร้างความประหลาดใจไม่น้อยเมื่ออาหารเหล่านั้นเป็นอาหารที่เขาชอบทั้งนั้นเมื่อได้ออกจากนอกวัง
“เอ่อ...”
นางหันมามองทางซื่อหมินที่เอาแต่มองอาหารแต่ไม่ยอมลงมือทานเสียที ก่อนจะหันไปถามซื่อหมินที่ทำท่าจะไม่ยอมทานแน่
“อาหารไม่ถูกปากหรือพ่อหนุ่ม งั้นข้าไปทำให้เจ้าใหม่ได้นะ”
“เอ่อ...ไม่ใช่ครับแค่คิดว่าอาหารเหล่านี้เป็นของที่ข้าชื่นชอบก็เลยอดแปลกใจไม่ได้”
“อ่อ...ข้านึกว่าท่านทานอาหารพวกนี้ไม่ได้เสียอีก ถ้าเช่นนั้นท่านก็ทานให้เยอะ ๆ ก็แล้วกันหากไม่อิ่มบอกข้าได้เลย”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ข้าก็อิ่มไปหลายมื้อแล้ว”
“จะว่าไปหน้าเจ้าคุ้น ๆ เหมือนข้าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ”
“เอ่อ...ท่านอาจเคยพบข้าตอนไปตลาดก็ได้”
“เหรอ...อืม...ข้านึกออกแล้วเจ้าหน้าเหมือนองค์ชายซื่อหมินองค์ชายพระองค์รองของพระเจ้าถังเกาจู่ แล้วเจ้ามีนามว่าอะไรล่ะพ่อหนุ่ม”
“ถ้าข้าบอกไปพวกท่านคงไม่ตกใจมากใช่มั้ย”
“ทำไมเจ้าชื่อประหลาดหรือ”
“ก็ไม่เชิงครับ”
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงมิยอมบอกกันเล่า”
“ก็เพราะชื่อข้าคล้ายองค์ชายรองน่ะสิครับ”
“หา!! เจ้าว่าเช่นใดนะ!!”สองแม่ลูกร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ
“ข้าชื่อ ‘หลื่ซื่อหมิน’ ครับ”
“โอ๊ย...ข้าจะเป็นลม”
“ท่านแม่!!/ท่านน้า!!”
เสียงร้องขึ้นของเฉิงเฉียนและซื่อหมินดังขึ้นพร้อมเมื่อเห็นร่างของหญิงวัยกลางคนทำท่าจะหงายหลังล้มลงตกเก้าอี้ที่นั่ง ซื่อหมินที่นั่งไกลสุดแต่ด้วยความที่เป็นวรยุทธทำให้เขาเคลื่อนตัวไปถึงตัวฮูหยินเถาได้ทันก่อนที่จะล้มลงมา
“เฉินเฉียนนำข้าพาไปยังห้องนอนแม่เจ้าที ข้าจะอุ้มนางไปที่ห้อง”
“งั้นตามข้ามา”
ซื่อหมินเดินตามเฉินเฉียนที่เดินนำมาถึงห้องนอนของฮูหยินเถาไป่เหมย พอเข้ามาได้ตรงไปเตียงสีขาว วางร่างหมดสติของฮูหยินเถาลง ก่อนจะสั่งให้เฉินเฉียนไปหาอ่างน้ำและผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ฮูหยิน
ส่วนตัวเองก็เดินหายาแก้วิงเวียน(เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่มหอมแก้อาการวิงเวียนศีรษะ)แล้วรีบนำกลับมาที่ห้องของฮูหยิน ส่วนเฉินเฉียนก็กลับมาพร้อมอ่างน้ำที่ใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่ง พร้อมกับผ้าสีขาวสะอาดอีกผืนนึง
“เจ้าเช็ดหน้าให้นาง เช็ดตามแขนด้วยจากนั้นก็เอานี่ให้นางดมอาการจะดีขึ้น”
“ครับ”
เฉินเฉียนทำตาที่ซื่อหมินบอกทุกประการ และเห็นว่าอาการของแม่ตนเริ่มดีขึ้นแล้วในตอนนี้ ไม่นานหลังจากดมสมุนไพร นางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“นี่ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย”
“ท่านเป็นลมหมดสติ พวกข้าเลยพาท่านมาพักที่ห้องก่อน”
“ท่าน...ไม่สิ...พระองค์ยังไม่ทรงเสด็จกลับอีกหรือเพค่ะ”
“โธ่...ท่านน้าอย่าพูดเช่นนั้นกับข้าเลย เรียกข้าว่าซื่อหมินก็ได้ข้าไม่ถือ”
“ข้า...เอ่ย...หม่อมฉันจะกล้าเรียกพระองค์สนิทสนมเช่นนี้หามิได้เพค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอสั่งให้ท่านเรียกข้าว่าซื่อหมินดีมั้ย”
“โธ่...พระองค์ทำเช่นนี้จะให้ข้าอายุสั้นหรือ”
“ตอนนี้ไม่มีใครใยท่านต้องกลัวฮูหยินเถา”
“ท่านอาจจะไม่รู้ แต่บ้านข้าหาได้ไม่มีคนอย่างทีท่านเห็นไม่”
“ท่านกำลังถูกใครเฝ้ามองอยู่หรือ”
“ก็ไม่เชิงเพค่ะ”
“เอาเป็นว่าตอนนี้ท่านอย่าใช้คำราชาศัพท์กับข้าเลย แล้วก็เล่าเรื่องราวให้ข้าฟังได้หรือไม่ข้าอาจจะช่วยท่านได้”
ฮูหยินเงียบไปหลังจากที่ซื่อหมินถามจบ นางครุ่นคิดว่าจะเล่าเรื่องราวทั้งดีหรือไม่ หากแต่นางเองก็อยากเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ใครสักคนได้ฟังเผื่อความอัดอั้นในใจจะครายลง แต่หากเล่าไปแล้วนางจะต้องลำบากล่ะก็สู้เก็บไว้กับตัวเองจนวันตายดีกว่า แต่แล้วนางก็ตัดสินใจว่าจะเล่าให้ฟังเพราะคนตรงหน้าคงไม่ทำให้ตนเองต้องลำบากเป็นแน่
“เรื่องราวมีอยู่ว่า...”
ฮูหยินเถาเล่าว่านางนั้นเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง มีอาชีพปักผ้าขายไปวัน ๆ พ่อแม่ของนางก็ตายจากไปหมดแล้วทำให้เหลือเพียงนางคนเดียว จนวันหนึ่งนางก็พบชายหนุ่มรูปงามผ่านม่าที่ร้านรับปักผ้าและแวะร้านของนาง
ในตอนแรกนางคิดว่าเขาจะปักผ้าให้นางในดวงใจแต่เขากับบอกว่าจะปักผ้าให้แม่ของเขา หลังจากนั้นเขาก็มาบ่อยครั้งจนนางเองก็แปลกใจ จนความสัมผัสที่แค่ลูกค้าที่แวะมาปักผ้ากลายเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น
จนกลายเป็นว่าเขาของนางแต่งงานและอยู่กิน นางเห็นว่านางตัวคนเดียวและไม่มีใครนางจึงยอมตกลงเป็นของเขา หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าต้องกลับบ้านเมืองและจะพาไปอยู่เมื่อพร้อม นางก็เฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่าแต่ก็ไม่มีวี่แววของชายคนรักเลย นางคิดว่าหากเขากลับมาจะบอกข่าวดีคือนางตั้งครรถ์แล้ว
จนเวลาล่วงเลยไปนานนางคลอดลูกชายให้ชื่อเฉิงเฉียน เฉินเฉียนเป็นเด็กที่ขยันขันแข็งและเอาการเอางาน เขาช่วยงานของนางเท่าที่เขาจะสามารถทำได้
แล้ววันหนึ่งนางก็ได้พบกับคนรักที่หายไปนานของนางแต่พบว่าเขานั้นไม่ได้มาคนเดียวเช่นทุกครั้งไม่ เขามาพร้อมกับหญิงนางที่สวยราวกับนางฟ้าผิวพันธ์ผุดผ่องไม่เหมือนนางที่กระด่างดำเพราะต้องทำงานหนัก
และที่น่าตกใจที่สุดคือเขามาในฐานะฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาแห่งแผ่นหาใช่คนสามัญชนเช่นทุกครั้งที่มาหานาง เรื่องราวนี้ทำให้นางเจ็บปวดรวดร้าวนางจำกัดฟันเลี้ยงลูกชายคนเดียวต่อไป ลูกที่เกิดจากความรักของเขาและนาง ไม่นานหลังจากที่นางพบเขาที่ตลาดในวันนั้นก็มีขันทีมาหานางที่บ้านและมอบเงินจำนวนหนึ่งให้นาง พร้อมกับบอกให้นางย้ายไปบ้านอีกหลังที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้นางแล้ว
ซื่อหมินฟังที่นางเล่ามาก็รู้ได้ทันทีว่าเฉิงเฉียนคืนน้องชายต่างมารดาอีกคนของเขานั้นเอง ซื่อหมินรู้ว่าพ่อของมีบางอย่างผิดปกติไปมักนั่งพระทัยลอยในบางครา บางทีก็เอ่ยอะไรออกมาลอย ๆ ซึ่งทำให้เขาที่นั่งอยู่ด้วยได้ยิน แต่ไม่คิดว่าเสด็จพ่อของเขาจะมีลูกนอกวังอีกคนเช่นนี้
“ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านถึงไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสนม เฉินเฉียนก็จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายสี่เป็นน้องเล็กของข้าล่ะ”
“เพราะว่าพระองค์กลัวว่าฮ่องไทเฮาจะทรงกริ้วเลยไม่กล้าทำน่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะดูแลเขาเองในฐานะน้องชายของข้า”
“ขอบพระทัยเพค่ะองค์ชาย เฉิงเฉียนของข้าช่างมีวาสนาแท้”
เขาตัดสินใจจะดูแลน้องชายคนนี้และในอนาคตน้องชายคนนี้อาจมีประโยชน์ต่อเขาเป็นแน่
ย้อนกลับมาปัจจุบัน
เฉิงเฉียนเดินทางมาถึงหน้าจ้วนอ๋องเฉินที่ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เมื่อมาถึงหน้าจ้วนคนเฝ้ายามหน้าประตูก็มองเขา
“ข้ามาหาท่านแม่ทัพเฉินจิ้งฟงเป็นเรื่องจากฮ่องเต้ให้ข้ามารายงาน ได้โปรดให้ท่านทั้งสองไปเรียนท่านแม่ทัพด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นเชิญข้างในจ้วนก่อนครับ”
“รบกวนท่านแล้ว”
เฉิงเฉียนถูกมายังห้องแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปจากตัวจ้วนหลังใหญ่เล็กน้อยเป็นที่ ๆ เหมาะแก่การมอบสาส์นลับที่ไม่ควรให้ใครล่วงรู้เป็นอย่างยิ่ง
“ท่านมาแล้วหรือเฉิงเฉียน”
“ข้าได้รับมอบหมายจากฝ่าบาทให้นำสาส์นนี้มามอบให้ท่านกับมือตนเอง”
“เจ้ามาด้วยเรื่องแค่นี้หรือ แต่ข้ากลับคิดถึงเจ้าเหลือเกินอาเฉียน”
“ท่านไม่ควรพูดเช่นนั้นท่านแม่ทัพใหญ่หากใครได้ยินจะเป็นเรื่องเสียหาย”
“แต่ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง แล้วอีกอย่างที่นี่ข้าก็สั่งห้ามมิให้ใครเข้าใกล้เป็นอันขาด”
“เสร็จธุระของข้าแล้วข้าของตัว”
“เดี๋ยวก่อน”
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ใช่คนนี้เปล่านะคู่ของคนพี่
ยังไงก็ลุ้นตอนต่อไปแล้วกันเน๊อะ
รักคนอ่านจ้า ^_^
-
ง่ะ อยากรู้มากอ่า ต่ออีกหน่อยได้ป่าวคะ อิอิ
-
ลุ้นมากมาย o13
-
ลุ้นอ่ะ :z3:
คุณพี่ชายจะมีคู่แล้ว :mc4:
-
เฮ้ยไหนว่ายาวไงสั้นนะเนี่ย
อ่านไปไม่จุใจเลยอะ
-
รอๆๆๆๆๆจ้า
-
อ่ะ มาทำให้อยาก(รู้)แล้วจากไปง่ะ อิอิ
-
รอตอนต่อไปค่ะ!!!
-
มาทำให้อยากแล้วจากไป :o12:
-
อยากรู้จัง!! :serius2:
มาต่อไวๆนะคะ!!
:L2: :L2:
-
เพิ่มอีกคู่แล้วซิ อิอิ ลุ้น ๆ ความหลัง
-
มีอีกคู่แล้วซินะ
สงสัยต้องมีการจับกดกันแน่เลย อิอิ
แล้วมาต่อไวๆ นะ รออยู่
-
ม่ายยน้า :serius2:
ค้างสุดๆ
อยากอ่านๆๆๆๆ o9
ได้โปรดมาต่อเร็วๆเถอะ :impress:
-
เพิ่งจะได้เข้ามมาอ่านเรื่องนี้ 10 ตอนรวด
น่ารักมากเลยล่ะ :-[ :-[ แล้วจะตามอ่านต่อไปน้า :bye2:
-
มาต่อๆๆๆๆ :call: :call: :call: :call:
ค้างสุดๆ :serius2: :serius2:
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
-
ค้างงงงงงอย่างแรง
มาต่อไวไวนะพลีสสสสส
-
เง้อ ค้างอ๊าาาา :z3: :z3: :z3:
-
ติดตามๆ :o8:
-
:serius2:
-
:really2: :really2: :really2: :really2:
แวะมาส่องงงงงงงงงง
-
ลุ้นนนนนนนน
-
มาอัพแล้วจ้า
สงกรานต์ไปเที่ยวกันบ้างเอ่ย
คนแต่งอยู่บ้านหนีร้อนจ๊ะ
เอาเป็นว่าใครลุ้นคู่คุณพี่ชายก็ไปอ่านเลยดีกว่าเน๊อะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
30
“เดี๋ยวก่อน”
จิ้งฟงรั้งแขนของเฉิงเฉียนก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปแต่เฉิงเฉียนพยายามดึงแขนตัวเองกลับแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงของอีกฝ่ายที่มีมากกว่า
“ปล่อยข้านะ!!”
จิ้งฟงไม่ฟังที่เฉิงเฉียนพูดแต่กระชากตัวคนร่างบางเข้ามาวงแขนแกร่งแล้วกอดไว้ไม่ให้ดิ้นหนีได้ ส่วนคนร่างบางกว่าก็เอาแต่ดิ้นเพื่อนให้หลุดจากการเกาะกุมนี้แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะแรงของอีกฝ่ายที่มีมากกว่าเฉิงเฉียนหมดสิทธ์ที่จะหนีแล้ว
“ถ้าท่านไม่ปล่อยข้าจะร้องให้คนช่วย”
“เจ้าอย่าร้องให้เปลืองแรงเลยอาเฉียน ก็บอกแล้วไงว่าที่นี่ข้าห้ามทุกคนเข้าใกล้ถ้าพวกเขากล้าขัดคำสั่งข้าจะถูกลงโทษ”
“ท่านไม่สมควรทำเช่นนี้ท่านแม่ทัพ หากใครล่วงรู้ท่านจะเสื่อมเสียได้”
เฉิงเฉียนพยายามกล่อมคนที่ทำท่าว่าจะไม่ยอมปล่อยเขาให้ไปไหนแน่ แต่ดูว่าการกล่อมของเขาจะไม่เป็นผลเพราะวงแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไป พร้อมเสียงกระซิบที่ข้างหูที่ทำเอาคนฟังหวิว
“เจ้าไม่รู้หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่อาเฉียน”
“ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ท่านเองก็เรียบปล่อยตัวข้าได้แล้วข้าต้องรีบไปที่อื่นต่ออีก”
“ข้าไม่ปล่อยวันนี้เจ้ากับข้าต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“แต่ข้าไม่เรื่องอะไรจะคุยกับท่านแล้วรีบปล่อยตัวข้าสักทีเถอะท่านแม่ทัพ”
จิ้งฟงไม่ฟังคำของคนในอ้อมกอดโน้มหน้าเข้าไปใกล้ เมื่อตาสองตาประสานกันคนที่เอาแต่ขัดขืนจนถึงเมื่อครู่ก็อ่อนลง ทำให้คนร่างสูงถือโอกาสนี้มอบจุมพิตลงที่เรียวปากงามสวยของอีกฝ่ายแทน
“อือ...อือ...”
เสียงร้องประท้วงให้อีกฝ่ายปล่อยพร้อมกับกำปั้นทุบลงตรงบ่าอย่างแรง แต่ดูว่ามันคงไม่แรงพอจะทำให้ชายชาติทหารสะทกสะท้านแต่อย่างไร แรงขัดขืนแปลเปลี่ยนเป็นผ่อนตามยิ่งรสจุมพิตที่คนร่างสูงมอบให้หวานราวกับน้ำผึ้งทำให้คนที่ได้ชิมไม่อาจหักห้ามใจให้ลิ้มลองได้
“อืม...อือ...”
“ข้ารักเจ้าอาเฉียน”
เสียงกระซิบข้างหูเล่นเอาเฉิงเฉียนหวิวไปหมด เสียงทุ้มที่ออกมาจากเรียวปากหนากับสัมผัสที่แสนอ่อนโยน เขารับรู้ได้ว่าคน ๆ นี้ทะนุถนอมเขามากแค่ไหน
“ปล่อยข้าเถอะ แค่นี้น่าจะพอได้แล้ว”
“ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าจะเข้าใจถึงสิ่งที่ข้าทำ”
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่าท่านไม่ควรทำเช่นนี้ท่านน่าจะเห็นแก่วงศ์ตระกูลของท่าน”
“ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นในเมื่อข้ารักเจ้าไม่ว่าสิ่งใดข้าก็ยอมทิ้งได้ แม้นแต่ชื่อเสียงเกีรติยศข้าก็ยอม”
“ท่านไม่เห็นแก่ตัวท่าน แต่ท่านน่าจะเป็นแก่ท่านอ๋องเฉินและฮูหยินเพราะท่านคือความหวังของตระกูลเฉิน”
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวท่านพ่อท่านแม่ต้องเข้าใจข้าแน่”
“แล้วท่านอ๋องและฮูหยินไม่เข้าใจล่ะท่านจะทำเช่นไร”
“ทำไมถึงจะไม่เข้าใจล่ะก็ในเมื่อ...”
เขาเกือบหลุดปากออกแล้ว ‘ก็ในเมื่อหนี่เจินยังแต่งงานกับฮ่องเต้ได้แล้วทำไมเขาจะแต่งกับเฉิงเฉียนไมได้ล่ะ’
“ในเมื่ออะไรท่านบอกข้ามาสิท่านแม่ทัพ”
“ถ้าหากข้าบอกเจ้า เจ้าสัญญากับข้าได้มั้ยว่าจะไม่บอกใคร”
“ก็ถ้าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ข้าควรบอกข้าก็จะไม่บอก”
“ไม่ว่าควรบอกหรือไม่เจ้าต้องไม่บอกใคร แล้วการที่ข้าจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าเพราะเห็นว่าเจ้านั้นสำคัญต่อข้าเพียงไหน ตอนนี้เจ้าต้องเป็นของข้านะตกลงมั้ย”
“เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันละเรื่องกันนะ ท่านอย่าเอามารวมกันจะได้มั้ย”
“ไม่รู้ล่ะถ้าหากเจ้าไม่ตกลงข้าก็ไม่บอก”
“ไม่บอกก็ไม่บอกสิ แล้วก็ปล่อยข้าได้แล้วด้วย”
“ไม่”
“ท่าน!!”
“หึ..ยังไงก็ไม่ปล่อย แต่ถ้าเจ้ายอมตกลงว่จะเป็นของข้าไม่เพียงข้าจะยอมเล่าให้เจ้าฟังแต่จะปล่อ่ยเจ้าด้วยตกลงมั้ย”
“ไม่!!”
“งั้นข้าก็จะกอดเจ้าอย่างนี้ไม่ไปไหนทั้งแหละ”
“ท่านแม่ทัพ”
“ไม่เอาสิเรียกข้าว่าจิ้งฟงสิ”
“ท่าน...ก็ได้ท่านจิ้งฟง ทีนี้ก็ปล่อยข้าได้แล้ว”
“จิ้งฟง ห้ามเติมคำว่าท่านลงไปด้วยสิ”
“ไม่”
“ก็ดีงั้นคืนนี้เจ้าก็นอนกับข้าทั้งอย่างนี้แล้วกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้เขาหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาไม่ได้รังเกียจจิ้งฟงหรอกนะแต่เขาไม่อยากให้จิ้งฟงต้องมาเสื่อมเสียเพราะเขา
“ใจคอเจ้าจะไม่รับรักข้าเลยหรืออาเฉียน”
“ข้า....”
“เจ้าจะบอกว่าที่เราพบกันมาทุกครั้งที่ข้าไปหาเจ้า เจ้าไม่เคยหามีความรู้เช่นเดียวกับข้าเลยหรือ”
“ข้า..ข้า...ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยมีความรัก... แล้วอีกอย่างข้าก็เป็นผุ้ชายเช่นท่านแล้วจะให้รักกันได้เช่นไร...”
“ความรักจำเป็นหรือต้องชายหญิง หากแม้นแต่ชายชาตรีเช่นฝ่าบาทยังมีความรักต่อชายเช่นกันได้ แล้วมีหรือข้าจะมีไม่ได้”
“ท่านหมายความว่าเช่นไร”
“ถ้าเจ้าตกลงเป็นของข้า ข้าจะเล่าให้ฟัง”
เฉิงเฉียนหน้าขึ้นสีแดงอีกรอบ เขาพยักหน้ารับในครานี้เพราะไม่สามารถตอบออกไปได้ ทำให้ร่างสูงที่ได้รับคำตอบถึงกับอมยิ้มออกมา
“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ข้าไม่ให้เจ้ากลับไปไหนแน่”
“ไหนว่าถ้าข้าตกลงจะปล่อยข้าอย่างไรเล่า”
“ปล่อยน่ะปล่อยแน่ แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะปล่อยตอนไหน”
“ท่าน...ท่านโกงข้านิ”
“ข้าให้เจ้าเรียกข้าว่าเช่นไรลืมไปแล้วหรือ”
“จะ...จิ้ง...ฟะ....ฟง”
เฉิงเฉียนยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นจนคนร่างสูงเห็นแล้วอดขำไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นเฉิงเฉียนเขินได้มากขนาดนี้มาก่อน
“ดีมากยอดรัก ข้าชอบให้เจ้าเรียกข้าว่าจิ้งฟงมากกว่า จุ๊บ~”
“ในเมื่อข้าตกลงไปแล้วเมื่อไรท่านจะเล่าให้ข้าฟังเสียทีเล่า”
++++++++++++++++++++++++++++++
ต่อด้านล่างจ๊ะ
-
“ใจเย็นสิข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเดี๋ยวนี้แหละ เรื่องมีอยูว่า.....”
จิ้งฟงเล่าให้ฟังว่าฮ่องเต้ทรงเสร็จออกนอกวังหลวงมาเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของราษฎร แล้วบังเอิญได้พบกับหนี่เจินในตลาดตอนที่กำลังจิบน้ำชาอยู่ในโรงเตี๊ยม แล้วก็เข้าไปช่วยพระองค์เกินหลงรักหนี่เจินตั้งแต่แรกเห็นและเมื่อทรงเสร็จกลับถึงวัง หลังจากนั้นก็มีพระราชโองการเรียกตัวหนี่จากฮองไทเฮามาถึงจ้วงอ๋องเฉิน หนี่เจินเลยต้องเข้าวังหลวง
ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเหตุร้ายกับหนี่เจินจนทำให้ฝ่าบาทถึงกับทรงกริ้วแล้วทรงเร่งให้หนี่เจินอภิเษกสมรส และตอนเข้าห้องหอฝ่าบาทก็ทรงได้ล่วงรู้ว่าฮ่องเฮาของตนเองเป็นบุรุษเพศเช่นเดียวกับพระองค์ แต่ก็ทรงไม่ลงโทษแต่ทรงยอมรับหนี่เจิน
“น่าแปลกที่ฝ่าบาททรงไม่กริ้วหรืออาจจะเป็นเพราะทรงรักฮ่องเฮามากจนไม่อาจกริ้วนางได้ลง”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น หากแม้นฝ่าบาททรงไม่เข้าพระทัยพระองค์เองแล้วสั่งลงโทษน้องของข้าเรื่องราวคงจบไม่สวยเช่นนี้ ครอบครัวของข้าก็อาจพลอยต้องอาญาไปด้วย แต่เมื่อพวกเรารู้ว่าหนี่เจินจะบอกความจริงพวกเราก็เตรียมใจต้องประหาร 9 ชั่วโคตรไว้แล้ว”
“แต่เรื่องกลับออกมาดีพวกท่านเลยรอดพ้นว่างั้นสิ”
“ใช่แล้วยอดรัก ข้ารอดมาได้และได้มากอดเจ้าเช่นนี้ ข้านี้ช่างมีบุญยิ่งหนัก”
“คนบ้าท่านไม่ต้องมาหวานใส่ข้าเลย”
“ไม่ให้ข้าหวานกับเจ้าแล้วจะให้ข้าไปหวานกับผู้ใด”
“คืนนี้อยู่กับข้าเถอะอาเฉียน”
เฉิงเฉียนมองหน้าคนร่างสูงหลายเพลาที่ผ่านมาจิ้งฟงเฝ้าตามจีบเขาอยู่นาน ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำถึงเพียงนั้น แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ยามที่คนตรงหน้าไม่ไปให้เขาเห็นหน้า ยามที่คนตรงหน้ามีหญิงสาวรุมล้อมหรือแม้แต่ยามที่คนตรงหน้าเมินเฉย มันทำให้เขาเริ่มรู้ตัวว่าหากขาดคน ๆ นี้ไปเขาอาจจะอยู่ไม่ได้
“ก็ได้แต่ที่ทำเช่นนี้ เพราะข้ารักท่านหรอกนะ”
ประโยคหลังเบาหวิวราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน แต่หูที่ดีของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นต้าถังกับได้ยินอย่างชัดเจน ส่งผลให้คนร่างสูงระบายยิ้มที่หาดูได้ยากนักส่งไปให้คนในอ้อมกอดแทน
“ข้ารักเจ้าอาเฉียน”
จิ้งฟงก้มลงประทับเรียวปากทาบทับเรียวปากบางหวานสวยของอีกฝ่าย ส่วนวงแขนที่กอดอีกฝ่ายแน่นหันมาช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอุ้มแล้วพาไปยังห้องนอน ตำหนักที่สร้างแยกออกมานี่เป็นตำหนักส่วนตัวของเขา ในยามที่เขาต้องการพักผ่อนเงียบ ๆ หลังจากกลับจากไปตามหัวเมือง
จิ้งฟงอุ้มเฉิงเฉียนมาวางบนเตียงหนานุ่มก่อนจะเริ่มปลดอาภรณ์ที่ร่างบางสวมใส่มาอย่างชำนาญ ไม่นานนักอาภรณ์ที่เคยห่อหุ้มร่างบางก็ถูกปลดออกจนหมอเผยให้เห็นร่างกลายที่ไม่ถึงกลับขาวละเอียดเช่นหนี่เจิน แต่ก็ไม่กระด้างนักเมื่อเทียบกับเขา
ร่างบางสะท้านเมื่ออาภรณ์ที่เคยปกปิดกลายถูกถอดออกจนหมดเขาหน้าแดงและพยายมใช้มือปกปิดส่วนต่าง ๆ แต่คนร่างสูงกลับจับมือทั้งสองของเขาไปไว้บนหัวแทน
“ไม่ต้องอายที่รัก ข้าจะทำให้เจ้าลืมความอายไปเลย”
จิ้งฟงพรมจูไปทั่วดวงหน้าขาวใสไล่ลงมาคองามระหงษ์มาจนถึงหน้าอกขาว ที่ตอนนี้ยอดอกชูชันสีหวานจิ้งฟงใช้ปากเลียวนรอบยอดอกทำเอาคนร่างบางสั่นสะท้านไปตามแรงอารมณ์
“อือ...อ๊ะ...อา...อย่าเล่น...ตรงนั้น....ข้ารู้สึก...เสี่ยววาบ..”
“ตรงนี้เจ้าชอบหรือ”
จิ้งฟงยิ่งละเลงลิ้นไปยังยอดอกอีกข้างสร้างความเสี่ยวซ่านให้ร่างบางเป็นเท่าทวีคูณ ทำให้ร่างบางครางไม่ศัพท์จนต้องร้องห้าม
“อ๊าส์...ไม่...อย่าเล่นสิ”
“อืม...ข้าไม่เล่นแล้ว”
จิ้งฟงไล่มือไปยังจุดอ่อนไหวที่ตอนนี้แข็งเต็มที่จากการที่ร่างบางมีอารมณ์เมื่อครู่ เพียงแค่จิ้งฟงสัมผัสเบา ๆ ร่างบางก็ถึงกับร้องครางบิดตัวไปมา เขาเลยหันไปทางช่องทางสีหวานที่ตอนนี้เกร็งแน่นเขาแทรกนิ้วเข้าไปก็พบแต่ความตอดรัดและความคับแน่นจนยากจะบรรยายพลางจูบซับให้คนร่างบางผ่อนคราย
“อย่างเกร็งนะทำตัวสบาย ๆ หากเจ้าเกร็งเจ้าจะเจ็บนะยอดรัก”
“ขะ...ข้ากลัว...”
“โธ่...อาเฉียน... ใยเจ้าต้องกลัว ข้าจะทำเบา ๆ เจ้าไม่ต้องกลัวไปหาเจ้าเจ็บก็จิกมาที่แขนข้าได้เลย”
พูดจบก็จูบซับที่ขมับขวาและซ้าย ก่อนจะเริ่มขยับนิ้วที่ตอนนี้ช่องทางหวานครายตัวลงแล้วจากจังหวะช้า ๆ ก็เริ่มเร็วขึ้น จิ้งฟงเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นอีกสองนิ้ว
“โอ๊ย!! เจ็บ!! อย่า...เอาออกไป...”
“อดทนนะยอดรัก”
“เจ็บ...ฮือ....”
“เจ้าต้องทนหน่อยนะยอดรักแล้วเดี๋ยวเจ้าจะเริ่มชินเอง”
“ฮื่อ ๆ กว่าข้าจะชินคงอีกนาน....”
จิ้งฟงเริ่มขยับนิ้วที่คาไว้เข้าออกอย่างรวดเร็วแล้วก็ถอดนิ้วออกมา แทรกด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าและร้อนกว่าเข้าไปแทน เฉิงเฉียนที่จู่จิ้งฟงก็ถอดมือออกไปก็โล่งแต่เพียงคู่เดียวก็ต้องผวาสุดตัวในเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่ทั้งใหญ่และร้อนแทรกตัวเข้ามาแทนที่
“เจ็บ...ไม่เอา...”
“อาส์....ทนหน่อยนะ...ข้าในเจ้า....ตอดข้าเหลือเกิน...อือ...ข้า...จะไม่ไหวแล้ว...ข้าของนะอาเฉิน”
สิ้นคำพูดของจิ้งฟงเขาก็เร่งขยับกลายเข้าออกอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้เฉิงเฉียนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดปนความสุขความเสี่ยวซ่าน
“อ๊า....อือ...อ๊ะ...อา...อ๊าส์...ช้า...หน่อย...จิ้ง...ฟง....”
“ข้าขอโทษนะ...อือ...อืม....แต่ข้า....อ๊าส์...ไม่ไหวแล้ว...”
“อาส์....อือ....อาส์....อ๊ะ.......”
จิ้งฟงหยุดกระแทกหันมาจับขาของเฉิงเฉียนให้พาดบ่าข้างหนึ่งก่อนจะเริ่มกระแทกสะโพกช้า ๆ แล้วเร่งขึ้นยิ่งทำให้เฉิงเฉียนเสี่ยวจนร้องระงม สองเสียงสอดประสานจนไม่อาจแยกได้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
“อ๊า...อืม...แรงอีก...ขอ...แรงอีก...”
“อือ...เจ้าชอบ...หรือ....”
“อ๊าส์....จิ้ง...ฟง...อือ...แรง...อย่างนั้น...อ๊าส์”
จิ้งฟงยิ่งเร่งหนักจนร่างกายสองร่างกระทบกันเสียงดัง ยิ่งทำให้อารมณ์ความต้องการพุ่งสูงจนในที่สุดทั้งสองก็มาถึงยอดแห่งความปรารถนา
“อ๊าส์....ข้าไม่ไหวแล้ว....จะ...ออกแล้ว....”
“พร้อมกันนะ...อือ..ข้าก็....อาส์.....จะออกแล้ว...จะเร่งอีกนะ...”
“อ๊าส์ ๆ อืม....อือ...ออก...ออกแล้ว”
น้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาพร้อม ๆ กัน อีกคนปล่อยจนเต็มหน้าท้องแต่อีกคนเต็มช่องทางสีหวาน ทั้งสองหอมเหนื่อยอย่างแรง
“ข้าจะไปบอกท่านพ่อเรื่องเจ้าพรุ่งนี้”
“มะ...ไม่ได้นะ!!”
“ทำไมล่ะ ยังไงข้าก็ต้องรับผิดชอบเจ้า”
“แต่ข้าไม่ต้องการ”
“ยังไงข้าก็จะพูด ถึงเจ้าจะไม่ยอมก็ตามที”
เฉิงเฉียนไม่ตอบเพราะตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะตอบคนตรงหน้าอีกแล้ว เรื่องของพรุ่งนี้เอาไว้ค่อยคิดพรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้เขาไม่ไหวแล้ว จิ้งฟงหันมาก็พบว่าเฉิงเฉียนหลับไปแล้วเขาลุกไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบผ้าสีขาวมาสองผืนมาเช็ดตัวให้ตัวเองและอีกฝ่ายจนสะอาดก็ล้มตัวกอดคนร่างบางจนหลับไป
++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องราวใกล้ถึงจุดจบแล้ว
ต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องราวจะจบอย่างไร
-
ท่านพี่ช่างร้อนแรงยิ่งนัก :m25:
-
คู่ไหนๆก็ :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
อย่างงี้ฆ่ากันทางอ้อมนี่นา
-
:haun4: :haun4:
จุดนี้ :jul1:
-
ใกล้จบแล้วหรอเนี่ย!! :serius2:
(ไว้ขอตอนพิเศษเอาก็ได้ อิอิ)
เห็นแต่ละเม้นแล้ว... :laugh:
ขอเลือดเพิ่ม ให้เจ้าของเม้นทุกเม้นด่วน :m20:
-
โอ้วววววววว :pighaun: :pighaun: :pighaun:
จะจบแล้วหรอ เห็นว่าจะมีภาคสองจริงรึป่าวคะ
-
คู่ท่านพี่นี่ o13
เปิดตัวปุ๊บ ได้กันปั๊บ :pighaun:
-
ท่านแม่ทัพช่างร้อนแรง -..-
-
ฮุฮิ~มีคู่แล้วนะท่านพี่ ยินดีด้วย 55555
รอตอนต่อไปค่ะ
ปล.อยากจะบอกความในใจว่า....คิดถึง(NC)คู่ฮ่องเต้นะคะ 55555
-
:z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
-
ร้อนแรงทั้งพี่ทั้งน้องเลย
อยากอ่านต่อมากๆเลยอ่ะ
รอคนเขียนอยู่น้า
-
o13ท่านแม่ทัพจับกด :m20:
-
รออ่านตอนต่อไปอ่ะ :z3:
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[
แล้วท่านแม่ทัพต้องท้องเองไม่เนี่ย โอ้ม่ายยยยย
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
-
เพิ่งมาอ่าน
เลือดจะหมดตัวแล้ว ><!!!!!!
รออ่านต่อจ้า
-
เหมือนเคยอ่านเลย เนื้อเรื่องคล้ายกันมาก ชื่อเรื่องก็คล้าย ไม่ทราบว่าคนเขียนคนเดียวกันรึป่าวคะ เอามา รี ใหม่รึป่าวคะ แต่ก็สนุกดีนะคะ
-
อ๊ายยยยยยยยยย
รออ่านต่อน่ะ
สนุกมากๆๆ
-
ในที่สุดท่านพี่ของหนีเจินก็มีคู่อย่างที่เราต้องการ ฮิๆ ฮ้าๆ โฮ่ๆ ฮิ้วๆๆๆ
ฮ้าๆๆ คนอ่านบ้าไปแล้ว เนื่องจากเรื่องโดนใจมาก จนลงไปนอนกลิ้วไปกลิ้งมา
กรี๊ดๆๆ แล้วก็หัวเราะฮิฮะอยู่คนเดียว อาเมน...
:L2: :pig4: :L2:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ รวดเดียวถึงตอนปัจจุบันเลย~
ชอบทุกคู่อ่ะ อิอิ แต่ชอบคู่ของหนี่เจินที่สุดแล้ว >///<
รอตอนต่อไป รอภาคสองด้วยนะคะ
:z13:
-
:t3: :t3: :t3: :t3: :t3:
เเวะมาส่องจร้าาาา
55555+
-
มาส่อง :t3: :t3:
มาต่อไวไวน้าาาาา รอนานแล้นนนนนนนนนนนนนน :call: :call: :call: :call:
-
:jul1: :pighaun:
:bye2: :bye2: :t3:
-
เพิ่งตามมาอ่าน ชอบมากค่ะ เลือดหมดตัวเลยทีเดียว แต่ก็อยากได้อีก 555+
มาต่อไวๆนะคะ รออยู่จ้าาา
-
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
รอต่อไปอย่างมีความหวัง
-
จะมาต่อไหมน๊าาาา :call: :call: :call:
-
:call: :call: :call:
-
:call: :call: :call: :call:
-
เค้ารออยู่นะตัวเอง :call: :call: :call:
-
:monkeysad: :monkeysad: นึกว่าจะทิ้งกันแล้วอะ
ดีใจที่สุดกลับมาแย้ว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
รอจ้า :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
-
ในที่สุดก็จบภาคแรกเสียที T^T
ภาคสองยังไม่มีกำหนดเลยทำไงดี
ถ้าลงเพื่อน ๆ คงได้อ่านกันล่ะนะ
เอาเป็นว่าไปอ่านตอนจบเลยแล้วกัน
+++++++++++++++++++++++----------------------+++++++++++++++++++++++
31
ในยามเช้าของวังหลวงหนี่เจินตื่นขึ้นมายามเช้าเมื่อตื่นขึ้นก็มาเห็นว่าฮ่องเต้ทรงประทับเคียงข้าง โดยที่ยังทรงบรรทมอยู่หนี่เจินเลยถือโอกาสนี้มองพระพักตร์สง่างามยามอยู่ต่อหน้าผู้คน หากแต่ยามนี้ใบหน้าที่ยามบรรทมมีเพียงแต่หนี่เจินเท่านั้นที่จะได้เห็น แม้แต่สนมก็ยังมิเคยได้เห็นเพราะพระองค์หาได้พำนักตำหนักไหนเมื่อยามบรรทมเลย
หนี่เจินมองอยู่นานแต่แล้วอยู่ ๆ พระหัตถ์ที่ควรจะวางนิ่งนั้นกับคว้าเข้าที่เอวบางที่ตอนนี้เริ่มหนาจะการขยายขึ้นตามเวลาเนื่องจากพระโอรสและธิดาในท้องกำลังเติบโตทีละนิด
“ฝะ...ฝ่าบาท...ถ้าทรงตื่นบรรทมแล้วก็ทรงลุกจากที่บรรทมสิเพค่ะ”
“อืม...นอนต่ออีกนิดเถอะข้ายังไม่อยากลุกเลย ข้าอยาก ’กอด’ เจ้าอีกสักหน่อย”
หนี่เจินได้แต่หันหน้าหนี่ด้วยความอายก็ ’กอด’ ของฮ่องเต้ที่ว่าทำให้เขาเหนื่อยทุกทีเวลาได้ยินสิน้า ว่าแล้วพระหัตถ์หนาก็ไล่ไปตามอาภรณ์ชุดบางที่ใส่ตอนนอนของหนี่เจินอย่างทรงชำนาญไม่นานอาภรณ์ผืนบางก็หลุดออกอย่างง่ายดายเผยให้เป็นเรือนร่างขาวผ่องที่ต้องแสงอาทิตย์ยามเช้า
“อืม...อ๊ะ...ฝ่ะ...ฝ่าบาท...ตรงนั้น...อ๊า....”
ฮ่องเต้ยังคงเน้นไปที่ยอดอกสีชมพูของร่างบางที่ตอบสนองตามแรงอารมณ์ของเจ้าของ หนี่เจินรู้สึกว่าตัวเองเรี่ยวแรงไม่มี
ร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างทาบทับกันโดยพระวรกายหนาอยู่บนร่างบอบบางที่ตอนนี้ทอดสายตาหวานให้เจ้าของพระวรกายหนาแทน เสียงร้องหวานถูกส่งมาทุกครั้งที่ฮ่องเต้สัมผัสส่วนต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างบางเพิ่มแรงปรารถณา
“อืม...อะ...ฝ่า..บาท...อ๊า...หม่อมฉัน...ไม่ไหว...แล้ว....เพค่ะ...”
พระหัตถ์หนาลูบไปยังจุดอ่อนไหวที่แข็งขืนเพราะแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย หนี่เจินมองสบเข้าพระเนตรสีนิลของฮ่องเต้ก่อนจะหันหน้าหนีด้วยควาเขิลอาย เขาไม่เคยชินหากต้องสบพระเนตรคู่สวยที่มองแล้วทำให้เขาอดที่จะอายไม่ได้
“ข้ารักเจ้าหนี่เจิน”
พระสุรเสียงที่ตรัสข้างหูทำเอาหนี่เจินร้อนไปทั้งตัว ยิ่งเพิ่มความต้องการของร่างกายที่ตอนนี้ไร้เรียวแรกงจะขัดขืนร่างโปร่งสู้ของอีกฝ่ายแล้ว
พระหัตถ์หนาไล่ลงเบื้องล่างยังจุดอ่อนไหวที่ตอนนี้แข็งขืนขึ้นมาอย่างเต็มตัว ร่างบางที่ไร้เรียวแรงก็ต้องสะดุ้งเมื่อส่วนอ่อนไหวของตนถูกพระหัตถ์หนาของฮ่องสัมผัสจากนั้นจุดอ่อนไหวก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่น
“อะ...อ๊าส์....ฝะ...ฝ่าบาท....”
“ไม่ว่ายามไหนเจ้าก็น่ารักเสมอยอดรักของข้า จุ๊บ~”
ทรงแทรกตัวเข้าไปทำก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรัก ทรงค้างไว้จนแน่ใจว่าคนร่างบางไม่เจ็บปวดพระองค์จึงเริ่มขยับตัวในจังหวะช้า ๆ เพื่อไม่ให้ร่างบางและลูกในท้องกระทบกระเทือน
“อ๊ะ..อา...อือ...ฝ่าบาท...แรงอีก....เพค่ะ”
“อือ....ไม่ได้...ถ้าเจ้าแท้งมา...ข้าจะโทษตัวเองไปตลอดแน่”
“อือ...อือ...อะ...อา....อ๊าส์”
แล้วก็ทรงปลดปล่อยพระสายโลหิตเต็มช่องทางสีขาว ส่วนหนี่เจินเองก็ปล่อยอีกครั้งทั้งสองร่างนอนกอดกัน และเป็นหนี่เจินที่ลุกขึ้นไปหาผ้ามาเช็ดพระวรกายหนาแทน แต่ฮ่องเต้กลับคว้าผ้ามาเช็ดร่างบางแทนก่อนจะเช็ดพระองค์เอง
“แต่งตัวเถอะ วันนี้เราต้องไปพาน้องเจ้ากลับกัน”
“เพค่ะฝ่าบาท”
ณ ที่พำนักขององค์ชายลีซานตอนนี้กำลังวุ่ยวายกับการจัดข้าวของเพราะอีกไม่นานพวกเขาจะต้องเดินทางกลับบ้านเกิดแล้ว ภายในที่พักลีซานเอาแต่เดินวนไปวนมาราวกับคนคิดไม่ตก
“ทำไมข้าจึงรู้สึกเช่นนี้ ทำไมต้องรู้สึกเหมือนกับว่าไม่อยากให้เวลานี้มาถึงล่ะ”
“ทูลองค์ชายทหารได้เก็บข้าวของเสร็แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เตรียมเดินทางไปยังจุดหมาย แล้วสั่งให้นางกำนัลดูแลนางให้ดีล่ะ”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
นายทหารเดินออกไปแล้วแต่ภายในใจของลีซานกลับว้าวุ่ยนักเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน หรือเขาจะชอบนางเสียแล้ว ไม่มีทางคนที่เขาชอบมีแต่หนี่เจินเท่านั้น ต้องไม่ใช่เช่นนั้นแน่
ลีซานเดินออกมานอกที่พำนักแล้วให้เหล่าทหารที่รออยู่เก็บกระโจมที่เขาพักอยู่ก่อนจะเดินไปยังม้าที่นายทหารคนหนึ่งจูงมาให้ เขาชำเลืองมองไปทางชุนเซียนแต่ก็พบว่านางเองก็มองทางเขาเช่นกัน ทำให้สองฝ่ายเมื่อพบว่าต่างคนต่างมองก็หันหน้าไปคนละทิศอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้เราต้องไม่คิดอะไรแปลก ๆ เด็ดขาดเราไม่มีทางชอบนางได้หรอก”ลีซานพูดกับตัวเองก่อนจะขึ้นม้าในทันที
ด้านชุนเซียนก็เกิดรู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้สบเขาดวงตาคู่งามนั้น ทำให้นางได้แต่ปฏิเสธในใจเท่านั้น ไม่มีทางเราคิดอะไรแปลก ๆ ออกไปนะ อยู่ ๆ ก็มองว่าเขาหล่อและองอาจ บ้า ๆ เราคิดได้ไงกันนะ
แล้วทั้งสองก็ออกเดินทางโดยไม่มีใครพูดหรือเอ่ยวาจาออกมาแต่อย่างไรจนกระทั่งเกือบถึงที่หมายในยามสายนั้นแหละที่ฝ่ายองค์ชายลีซานเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
“เจ้าคงดีใจไม่น้อยสินะ อีกไม่ช้าเจ้าจะได้เป็นอิสระจากข้าเสียที”
“ใช่ อีกไม่นานข้าจะได้กลับไปหาท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ของข้าแล้วจะไม่ให้ข้าดีใจได้เช่นไรกันเล่า”
ชุนเซียงพูดจบก็หันหน้าไปอีกทางไม่มองอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้มีสีหน้าเศร้าหมองขึ้นมาชั่วครู่จนคนอื่น ๆ ไม่ทันได้สังเกตเห็น
การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็วคณะเดินทางขององค์ชายลีซานมาถึงที่นัดหมาย และเมื่อมาถึงก็พบว่าอีกฝ่ายเองก็มารอแล้วเช่นกัน
“ท่านมาตรงเวลาเสียจริงองค์ชาย”
“ฝ่าบาทเองก็ทรงมาถึงที่นัดหมายตามกำหนดมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ลีซานมองบรรดาเหล่าทหารผู้ติดตามก็พบว่าผู้หญิงที่เขาหลงรักได้เคียงข้างฮ่องเต้ด้วย เขาไม่อาจได้นางมาเป็นของตนเองและถึงแม้นจะได้ตัวมานางก็คงไม่ใยดี ลีซานมองคนข้างกายในยามนี้ที่มีสีหน้าเบิกบานเมื่อเห็นว่าอีกไม่นานตนจะได้กลับบ้าน ลีซานรู้สึกเศร้าใจนักยามนี้เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องรู้สึกเช่นนี้
“อย่างได้เสียเวลาไปกว่านี้เลย ข้าจะนำองค์หญิงลีอาร์ออกมาเราจะได้แลกเปลี่ยนกันสักที”
“ถ้าเช่นนั้นจะมั่วเสียเวลาทำไมกันเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้สั่งให้ทหารนายหนึ่งไปพาองค์หญิงลีอาร์ออกมา และเมื่อลีอาร์ออกพบว่าพี่ชายของตนมารับก็มีสีหน้ายินดียิ่งนัก แต่อดไม่ได้ที่หันมาส่งสายตาอาฆาตเหล่าบุคคลที่จับกุมนางไว้นานแสนนานด้วย
การแลกตัวนั้นหาได้นานไม่ฝ่ายลีซานแก้เชือกและปล่อยให้ชุนเซียงเดินออกไปช้า ๆ ทางด้านฮ่องเต้เองก็ทำเช่นเดียวกัน ในที่สุดการแลกเปลี่ยนก็จบลงชุนเซียงโผล่กอดร่างบางของพี่ชายคนรองพร้อมกับร้องไห้ออกมาจน จึงทำให้หนี่เจินต้องปลอมอยู่นานกว่าจะสงบลง
ทางด้านลีซานเมื่อได้ตัวน้องสาวคืนก็ทรงถอยทัพกลับมองโกในทันที เรื่องราวจึงจบลงด้วยดีโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีการสู้รบกัน
และเมื่อกลับถึงวังหลวงก็พบว่าพระสนมพิงอันทรงพ้นขีดอันตรายแล้วทำให้ในวังครายเรื่องร้าย ๆ ไปจนหมดสิ้น
ชุนเซียงเมื่อกลับมาถึงจ้วนอ๋องแทนที่จะดีใจที่กลับถึงบ้านตัวเอง แต่นางกลับรู้สึกว่าเสียใจมากกว่า ไม่นะหรือว่าเราจะชอบองค์ชายผู้นั้นไปแล้ว ไม่มีทางเราต้องไม่รักเขาเพราะเขาคนนั้นรักพี่รองไม่ได้รักเรา กลัวเหลือเกินหากแม้นใจดวงน้อยนี้ได้มอบให้เขาแล้ว ข้าจะทำเช่นไรดี....
ชุนเซียงล้มตัวลงนอนแต่ในหัวก็คิดถึงคนที่ห่างไกลออกไป ตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่นะเขาจะคิดถึงข้าเหมือนที่ข้าคิดถึงเขาหรือไม่ ทำไมข้าถึงได้โง่เช่นนี้ ทำไมข้าต้องหลงรักชายที่ไม่อาจรักได้ ชุนเซียงกอดหมอนน้ำตาไหลรินจนหลับไป
ทางด้านองค์ชายลีซานที่ตอนนี้เสด็จมาถึงชายแดนมองโกแล้วก็เอาแต่ประทับภายในกระโจมโดยสั่งห้ามให้มิผู้ใดรบกวน
“ตอนนี้นางทำอะไรอยู่นะ แล้วทำไมข้าต้องเฝ้าคิดถึงนางด้วย ทำไมข้าคนนี้ต้องการจะพบนางอีก” ลีซานนึกถึงใบหน้างามที่คล้ายกับใครอีกคนที่เขาหลงรัก ใบหน้าที่มักจะบูดบึ้งยามที่เขาไปพบนาง สีหน้ายามหลับที่สวยนั้นที่ยังคงตราตรึงในหัวใจของเขา
“ท่านพี่ น้องของเข้าไปนะเพค่ะ”
-
“เข้ามาสิลีอาร์”
“ท่านพี่พักนี้ท่านเป็นอะไรหรือเพค่ะ”
“เปล่านี่ ข้าสบายดี”
“แต่น้องสังเกตว่าตั้งแต่แลกเปลี่ยนตัวกัน ท่านพี่ทำสีหน้าเหม่อลอยตลอดเวลา”
“ข้าก็แค่มมีเรื่องให้คิดไม่มีอะไรหรอกน้องพี่”
“หรือว่าท่านพี่จะชอบนางคนนั้นแทนพี่สาวกันล่ะ”
“เจ้าเอาอะไรมาพูดลีอาร์!! ข้าไม่มีทางชอบนางผู้นั้นได้หรอก!!”
“แต่ข้าว่าท่านพี่ชอบนาง สายตาตอนนั้นข้าจำได้ดีตอนที่นางเดินไปทางฝั่งนู้นท่านทำสีหน้าราวกับจะขาดใจ”
“พี่....พี่...”
“ไม่ต้องปิดน้องหรอกเพค่ะ หากนางผู้นั้นจะทำให้ท่านพี่ของข้าคนนี้หวั่นไหวได้น้องก็ยินดีรับพี่สะไภ้จากต้าถังเพค่ะ บางทีการอภิเษกของท่านกับนางอาจทำให้เมืองของเรากับต้าถังมีสัมพันธ์อันดีต่อกันก็ได้”
“แต่...พี่ว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่คงไม่ยอมหรอก”
“เรื่องนี้ข้าจะช่วยท่านเองท่านพี่”
“ถ้าเช่นนั้นกลับถึงวังเมื่อใดเห็นที่ข้าคงต้องรีบกราบทูลเสด็จพ่อเสด็จแม่เสียแล้วกระมั้ง”
ด้านวังหลวงฮ่องเต้และหนี่เจินเมื่อกลับมาถึงก็รีบตรงไปยังตำหนักของสนมพิงทันทีเมื่อทราบข่าว หมอหลวงเมื่อเห็นก็รีบกราบทูลว่าเวลานี้อาการพระสนมพิงอันปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องรอดูต่อไปก่อนหากมีอาการแทรกซ้อนจะได้รีบรักษาได้ทัน
หนี่เจินเลยขอตัวกลับตำหนักของตนเองแต่ฮ่องเต้ก็ไม่ทรงให้ไปคนเดียวพระองค์ประทับเคียงข้างค่อยประคองร่างบางที่ตอนนี้ไม่บางแล้ว
“ยามนี้เรื่องราวยุ่ง ๆ ก็เสียทีนะเพค่ะฝ่าบาท”
“ใช่ คราวนี้ข้าคงได้ฟังข่าวดีจากเจ้าแล้วฮองเฮาของข้า”
“เพค่ะ หม่อมฉันเองก็อยากฟังเช่นกัน”
ยามเช้ามองโกเลีย ขบวนเสร็จขององค์ชายลีซานและองค์หญิงลีอาร์ก็ได้เดินทางมาถึงยังเมืองหลวงของมองโกเลียแล้ว บรรดาขุนนางและข้างรับในส่วนพระองค์ต่างก็เร่งเรียบกันตั้งแถวเพื่อรอรับเสร็จทั้งสองพระองค์
“ขบวนเสด็จองค์ชายและองค์หญิงกลับถึงวังแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าไปเตรียมขบวนข้าจะออกไปรับลูกข้า”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
กษัตริย์แห่งมองโกเลียและราชินีประทับเคียงข้างมองขบวนเสด็จขององค์ชายและองค์หญิงที่กำลังมาถึง บรรดาขุนนางต่างยินดีอย่างยิ่งที่องค์ชายและองค์หญิงเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัยหลังจากได้ยินข่าวที่ส่งมาคราวก่อน เมื่อขบวนมาถึงลีอาร์และลีซานรีบลงมาจากที่ประทับและถวยบังคมพระบิดาและพระมารดาก่อนที่ทั้งสองจะลุกขึ้น
“ไปที่ตำหนักกันบอกมีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้าเยอะทีเดียว”
“เพค่ะ/พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
กษัตริย์มองโกเลียเดินมาถึงยังตำหนักของตนเอง และให้บรรดานางกำนัลเตรียมของไว้แล้วจึงให้ลูกชายและลูกสาวได้นั่งลงชิมอาหารของมองโกเลียที่คนทั้งสองห่างหายไปนาน
“การเดินทางเป็นเช่นไรบ้างลูกพ่อ”
“บ้านเมืองของต้าถังเจริญรุ่งเรืองมากพ่ะย่ะค่ะ ลูกคิดว่าจะเอาแนวคิดของต้าถังมาใช้กับมองโกเลียในบ้างเรื่องด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“นั้นคือสิ่งที่พ่ออยากให้เจ้าได้ไปเห็นกับตา ต้าถังคนมากก็จริงแต่ก็ใช่ว่าคนหมู่มากแต่จะด้อยการพัฒนา ฮ่องเต้ของต้าถังเฉลียวฉลาดนักทรงเป็นนักปกครองที่ข้าอยากให้เจ้าดูเป็นตัวอย่าง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“แต่พ่อได้ยินว่าน้องเจ้าเกือบจะก่อสงครามระหว่างมองโกกับต้าถังเสียแล้ว”
“เป็นความผิดของลูกอย่างได้ทรงลงอาญาน้องหญิงเลยเสด็จพ่อ เพราะลูกดูแลน้องไม่ดีพอพ่ะย่ะค่ะ”
“พ่อจะลงโทษพวกเจ้าได้อย่างไร พ่อแค่อยากจะเตือนพวกเจ้าเราเป็นเมืองเล็กมีต้าถังค่อยช่วยเหลือถ้าไม่มีต้าถังเราโดนชนเผ่าอื่นรุกรานไม่เลิกแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะลูกจะจำใส่ใจไว้”
“ก็ดีเมื่อเช้าก่อนเจ้ากลับ มีสารจากฮ่องเต้ของต้าถังถึงเรื่องที่พวกเจ้าก่อไว้ทางนั้นไม่เอาเรื่องและมองโกกับต้าถังจะยังคงมีสัมผัสอันดีต่อกันอยู่”
“ถ้าเช่นนั้น จะไม่เกิดสงครามระหว่างมองโกเลียกับต้าถังใช่มั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ฮ่า ๆ แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีนางในดวงใจแล้ว”
สิ่งที่ได้ยินทำเอาลีซานนึกถึงใครบางคนที่ตอนนี้กำลังหลับสบายอีกฝากของแม่น้ำห่างไกลจากที่เขาอยู่นัก แต่ทว่ากษัตริย์แห่งมองโกเลียมองลูกชายคนโตอย่างรู้ทัน เจ้านี่ไปต้าถังเพียงไม่กี่เดือนแต่กับมีหญิงนางในดวงใจเสียแล้ว ท่าทางข่าวที่ได้ยินมาจะหาผิดไม่
“เสด็จพ่อ หากจะให้ข้าแต่งกับต้าถังจริงลูกของเปลี่ยนจากองค์หญิงเป็นท่านหญิงของแคว้นนั้นได้หรือไม่”
“เรื่องนั้นข้าคงต้องส่งราชสารไปถามฝั่งนู้นก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
ด้านวังหลวงคืนนี้หนี่เจินเดินออกมายังศาลาของตำหนัก ดูแสงจันทร์ที่ทอดลงบนผิวน้ำมองเพลินจนไม่รับรู้ถึงการมาของฮ่องเต้ที่ยืนแย้มพระโอษฐ์มองฮองเฮาของพระองค์ก่อนประทับเคียงข้างโดยที่ร่างบางนั้นไม่ทันรู้ ทางด้านหนี่เจินกว่าจะรู้ตัวก็โดนพระกรแกร่งโอบรอบตัวเสียแล้ว เมื่อถูกจู่โจมกระทันหันหนี่เจินจำต้องขัดขืนพยายามดิ้นให้ออกจากวงแขนนี้ แต่แล้วก็ต้องหยุดดิ้นเมื่อหันไปพบพระเนตรสีเข้มของฮ่องเต้
“ทำไมทรงมาเงียบ ๆ ล่ะเพค่ะ ทำเอาหม่อมฉันตกใจหมดเลย”
“ผิดที่เจ้าไม่ระวังเสียมากกว่า หากเป็นชายอื่นหาใช้ข้าเจ้าจะทำเช่นไร”
“หากหาใช่พระองค์แล้ว หม่อมฉันคงดิ้นให้หลุดก่อนจะลงมือจัดการชายคนนั้นเพค่ะ”
“แล้วหากเจ้าดิ้นไม่หลุดแถมอีกฝ่ายยังมีอาวุดเล่า เจ้าจะทำเช่นไร”
“หม่อมฉันก็...”
“พอเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าพอเอาตัวรอดได้แต่หาเจ้าเจอยอดฝีมือข้าก็อดห่วงมิได้ซ้ำตอนนี้เจ้ายังท้องแล้วจะให้ข้าไม่ห่วงเจ้าได้หรือ”
“ขอประทานอภัยเพค่ะ หม่อมฉันลืมคิดเรื่องนี้ถ้าเช่นนั้นหม่อมจะระมัดระวังให้มากกว่านี้เพค่ะ”
“ดีมาก”
“เพค่ะ”
“ดึกมากแล้วทำไมเจ้าไม่เข้านอนเสีย อาการข้างเย็นเดี๋ยวจะป่วยไข้ได้”
“หม่อมฉันเห็นว่าคืนนี้แสงจันทร์สวยนักเลยอดไม่ได้เพค่ะ”
“ไหนขอข้านั่งดูเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน แล้วค่อยไปนอนพร้อมกัน”
“เพค่ะ”
พระกรแกร่งก็อุ้มคนร่างบางให้ประทับบนพระอัสสุชลก่อนที่พระกรอีกข้างจะทรงโอบหนี่เจินไม่ให้ลุกหนี
“อย่าทรงทำแบบนี้สิเพค่ะ หากใครมากเห็นจะไม่งามนะเพค่ะ”
“ช่างปะไรยามนี้คงไม่มีใครมาเดินไปมาหรอก”
“ไม่เอาแล้วหม่อมฉันจะเข้าห้องแล้วเพค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าอุ้มเจ้าเข้าห้องแล้วกัน”
ยังไม่ทันที่หนี่เจินจะได้เปล่งเสียงค้านร่างบางก็ถูกพระกรแกร่งรวบขึ้นเดินเข้าห้องบรรทมไปเสียก่อน
หลายวันผ่านไปวังหลวงก็กลับคืนสู่ความสงบ พระสนมพิงอันหายจากอาการประชวนแล้วตอนนนี้ก็รอแต่ข่าวดีขององค์ฮองเฮาว่าเมื่อไรจะได้ให้ประสูติองค์ชายหรือองค์หญิงน้อยเสียที
ทางด้านกษัตริย์ของมองโกเลียได้ส่งราชสารแสดงสำพันธไมตีว่าจะให้องค์ชายลีซานได้แต่งงานกับชุนเซียงหลังจากที่ไปมาหาสู่หลายต่อหลายครั้งจนทั้งสองฝ่ายต่างก็ยินยอมที่จะแต่งงานกัน
เรื่องนี้กลายเป็นงานใหญ่ของทั้งสองแคว้นที่นาน ๆ ทีจะมีหนบ้านเมืองถูกประดับประดาไปด้วยของมงคลเพื่อร่วมแสดงความยินเหมือนเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้ทรงอภิเษกกับฮองเฮาไม่ผิดเพี้ยน
-
หลายเดือนผ่านไป
“เร็วเข้าไปทูลฝ่าบาทเร็วเข้า ฮองเฮาจะทรงให้ประสูติกาลแล้ว ส่วนเจ้าไปตามหมอหลวงที่ไว้ใจได้มาซะ”
เสียงสองนางกำนัลคนสนิทส่งบรรดานางกำนัลภายในตำหนักอย่างรีบเร่งเพราะผู้เป็นนายจะให้ประสูติกาลแล้ว หนี่เจินกุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวดร้องเสียงดังทำให้สางนางกำนัลคนสนิทมีสีหน้าวิตกหนักกว่าเดิม
หนี่เจินรู้สึกว่าเริ่มมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดความเจ็บปวดก็ยิ่งจะทวีขึ้น เขาพยายามหายใจเข้าออกเพื่อบรรเทาความเจ็บลง
“มาแล้วเพค่ะทรงอดทนอีกนิดนะเพค่ะ หมอหลวงมาแล้วเพค่ะ”
“ให้พยูงองค์ฮองเฮาไปอีกห้องเร็ว ห้องที่เตรียมไว้เร็วเข้า”เสียงหมอหลวงสั่งการ ทำให้สองนางกำนัลคนสนิทรีบประคองหนี่เจินออกไปห้องคลอดทันที
หนี่เจินถูกพามาอีกห้องแล้วถูกจับให้นอนหงายโดยคนที่คลอดให้คืนสองนางกำนัลคนสนิทนั้นเอง หนี่เจินถูกจัดในท่าที่ง่ายต่อการให้ประสูติซึ่งมีหมอทำคลอดเป็นสั่งการ ส่วนหมอหลวงเป็นหมอชายจึงถูกจัดให้ไปรอข้างนอกแทน
ไม่นานหลังจากที่หนี่เจินเข้าไปยังประสูติเสียงร้องของทารกน้อยที่เป็นเชื่อสายพระโลหิตก็เปล่งออกมาจากห้อง
หนี่เจินได้ให้ประสูติกาลโอรสชายหญิงซึ่งฮ่องเต้พระราชทานนามให้ว่าองค์ชายหลี่ไท่และองค์หญิงหลี่หลงเอ๋อ เมื่อหนีเจินฟื้นขึ้นหลังจากที่อ่อนเพลี้ยจากการให้ประสูติองค์หญิงและองค์ชาย
“ทรงฟื้นแล้วเพค่ะฝ่าบาท”หลงเปารีบกราบทูลเมื่อเห็นว่าหนี่เจินลืมตามองไปมองมา
เมื่อเสียงหลงเปาเงียบลงก็ทรงประทับเคียงข้างหนี่เจินแล้ว ทรงยื่นพระหัตถ์ไปจับที่มือบางที่ตอนนี้ขาวซีดจนน่ากลัว
“เจ้าเป็นอย่าไรบ้างหนี่เจิน”
“ไม่เป็นไรเพค่ะ หม่อมฉันรู้สึกสบายดีขึ้นมากแล้วแต่ยังลุกไม่ไหว”
“เจ้าไม่ต้องลุกขึ้นมาน่ะดีแล้วพักผ่อนก่อนเถอะ”
“แต่ว่าหม่อมฉันอยากเห็นหน้าลูกนี่เพค่ะ”
“เอาไว้เจ้าลุกไหวก่อนเถอะแล้วข้าจะให้เจ้าได้กอดลูก”
หนี่เจินส่งสายตาออดอ้อนที่ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเห็นคราใดก็อดใจอ่อนเสียมิได้ทุกที แต่คราวนี้ทรงแข็งพระทัยถึงจะเมื่อครู่นึงจะใจอ่อนไปแล้วก็ตาม
“ไม่ได้นะถ้าเจ้าดื้อข้าจะให้เจ้านอนเฉย ๆ อีกหลายวันเลย”
“ก็ได้เพค่ะ”
ข่าวการประสูติสร้างความยินดีให้กับชาวเมืองต้าถังถึงขนานฉลองกันข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว ข่าวที่น่ายินดีเช่นนี้ส่งไปถึงมองโกเลีย ได้ส่งราชสารมาร่วมแสดงความยินไม่แพ้กับชาวเมืองต้าถังเลยทีเดียว
หลังจากนั้นอีก 5 ปี องค์ชายหลี่จือและองค์ชายหลี่เสิ่นก็ได้ประสูติ รวมแล้วฮ่องเต้ทรงมีพระโอรสสามพระองค์ องค์หญิงอีกพระองค์จากฮองฮา
จบภาคแรก
++++++++++++++++
ไปต่อบทส่งท้ายนะ
-
โฮะ ได้ลูกชายและหญิงเลยวุ้ย โชคดีจริงๆ o13
-
จบแล้วจบจริง ๆ
+++++++++++++++++
บทส่งท้าย
10 ปีต่อมา
“องค์ชายหลี่จือ องค์ชายหลี่เสิ่นอย่างทรงวิ่งอย่างนั้นสิเพค่ะ”
“ไม่เอาข้าจะวิ่ง”เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมทำให้บรรดานางกำลังที่คอยรับใช้ถึงกับปวดหัว
“หลี่จือ หลี่เสิ่นอย่างวิ่งในสวนแบบนั้นสิเดี๋ยวพวกเจ้าก็หกล้มหรอก”หนี่เจินเดินอุ้มองค์หญิงองค์เล็กนามว่าเทียนหยงพร้อมกับองค์หญิงองค์โตองค์หญิงหลิงเอ๋อเดินเข้ามาภายในส่วนที่ตอนนี้องค์ชายทั้งสองวิ่งเล่นกันไปมา พอเห็นว่าพระมารดาเดินมาก็วิ่งเข้ามาหาทันที
“เสร็จแม่หม่อมฉันอยากเรียนฝึกดาบกับเสด็จพี่หลี่ไท่พ่ะย่ะค่ะ”เสียงสองเสียงสอดประสานอีกรอบ หนี่เจินยิ้มรับกลับไปแทน
“ก็ตามใจลูกสิ แต่ว่าแม่ว่าเจ้าอย่าไปกวนการฝึกของพี่เจ้าเลยดีกว่า แต่ถ้าพี่เจ้าไม่ว่าอะไรแม่ก็ไม่ห้าม”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”
“เสด็จแม่ก็ทรงตามใจหลี่จือกับหลี่เสิ่นเกินไปนะเพค่ะ”
“แม่ไม่ได้ตามใจ แต่ให้พวกเขาตัดสินใจเองบางต่างหากล่ะ”
“เพค่ะ เสด็จแม่กับเสด็จพ่อให้ท้ายเจ้าลิงสองตัวจนไม่รู้จักโตแล้วเพค่ะ แล้วไหนจะเสด็จพี่หลี่ไท่อีกพระองค์ตามใจจนเจ้าสองแสบนั้นต้องไปคอยกวนอยู่เรื่อย”
“น้องยังเล็กยังไม่รู้อะไรควรไม่ครว เอาไว้เจ้าก็ค่อย ๆ สอนพวกเข้าแล้วกันอย่างไปบังคับเลย”
“เพค่ะ”
“สะเด็ดแม่”
หนี่เจินหันมามองหน้าลูกคนเล็กที่ตอนนี้ยังพูดไม่ชัดเพราะพึ่งจะ3พรรษาเมื่อไม่กี่วัน เขามีลูกกับฮ่องเต้ถึงห้าคน และฮ่องเต้ก็ทรงอยากได้อีกทำให้หนี่เจินต้องค่อยบอกปัดว่าก็ทรงให้พระสนมทั้งสามมีให้สิ เท่านั้นแหละฮ่องเต้ก็ทรงงอนไม่คุยกับเขามาหลายวันแล้ว
“แล้วคราวนี้ทรงมีเรื่องทะเลาะอะไรกับเสด็จพ่ออีกล่ะเพค่ะเสด็จแม่”
“พ่อเจ้าน่ะสิ อยากมีน้องคนที่หกแม่เลยบอกว่าเหล่าสนมก็มีทำไมไม่ให้พวกนางมีให้ เท่านั้นแหละพ่อเจ้าก็บอกว่าแม่ไม่รักแล้วจะผลักไสให้ไปหาคนอื่นอีก แม่ก็เหนื่อยที่ต้องมีน้องให้เจ้าอีกคนแล้วถึงได้บอกเสด็จพ่อของลูกไปเช่นนั้น”
“เสด็จแม่ก็ทรงตามใจเสด็จพ่ออีกสักครั้งสิเพค่ะ”
“ถ้าแม่ตามใจพ่อเจ้า อีกหน่อยพ่อเจ้าก็จะขอแม่อีกแล้ว”
หนี่เจินคิดถึงเมื่อครั้งที่แล้วที่เขาว่าจะมีองค์ชายให้ฝ่าบาทอีกแค่องค์เดียวก็ดันได้มาถึงสองพระองค์ ฮ่องเต้ก็ทรงบ่นว่าอยากได้ลูกสาวอีก พอได้ลูกสาวก็บ่นว่าลูกชายน่ารัก ๆ อีกสักคนน่าดี เล่นเอาหนี่เจินที่ต้องตั้งท้องถึงกับหน้าซีดแล้วหน้าซีดอีก ไม่ทรงมาท้องเองดูบ้างล่ะจะได้รู้ว่าคลอดลูกแต่ละคนมันเจ็บปวดแค่ไหน นั้นคือสิ่งที่หนี่เจินคิด
จนตอนนี้เหล่าสนมก็พากันเห็นใจหนี่เจินจนไม่อยากมีลูกกันเป็นแถว ๆ ไม่รู้ว่าหนี่เจินจะดีใจหรือเสียใจดี หนี่เจินส่งองค์หญิงน้อยให้องค์หญิงหลงเอ๋อพากลับตำหนัก ส่วนตัวเองก็เดินมาที่ศาลาที่ครั้งหนึ่งเขาและฮ่องเต้เคยมาชมดอกไม้ด้วยกันเมื่อครั้งก่อนที่จะเป็นฮ่องเฮา
“เวลาช่างรวดเร็วเหลือเกินเพียงชั่วครู่ก็ผ่านมาแล้วสิบห้าที่นับจากที่ข้าได้พบกับฝ่าบาทสินะ”หนี่เจินทอดมองไปยังสวนดอกไม้หลากสีทอดอารมณ์ระลึกความหลัง
“เจ้ามาหลบอยู่ที่นี่เองฮองเฮา”พระสุรเสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างร่างบางทำให้เขาที่กำลังทอดอารมณ์เมื่อครู่ตื่นจากภวัง
“ฝะ...ฝ่าบาท อย่าทรงมาเงียบ ๆ สิเพค่ะ”
“ถ้าข้าไม่มาเงียบ ๆ จะรู้หรือว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”
“หม่อมฉันคิดอะไรเพค่ะ”
“คิดถึงครั้งที่เราเจอกันแรก ๆ ไง”
“นั้นสิเพค่ะ หม่อมฉันคิดว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน หม่อมฉันยังจำได้ถึงครั้งแรกที่หม่อมฉันเจอกับพระองค์ ตอนนั้นหม่อมฉันหนี่ออกมาดูงานโคมลอยแต่กลับถูกคนมาล้อมไว้”
“แล้วตอนนั้นข้าก็เป็นคนเข้าไปช่วยเจ้าจากเจ้าพวกนั้นไว้สินะ”
“เพค่ะ หลังจากนั้นก็ผ่านเรื่องราวมากมายจนบางครั้งหม่อมฉันก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”
“ตอนที่เจ้าเจ็บจนเกือบตายนั้นข้าเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เจ็บปวดยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก”
“แต่หม่อมฉันก็รอดมาได้นี่เพค่ะ และตอนนี้หม่อมฉันก็มีความสุขมากคิดขอบคุณที่รอดมาได้จนถึงวันนี้”
“นั้นสินะ”
แล้วฮ่องเต็ก็โอบไหลบางทอดมองสวนดอกไม้ที่แข่งกันเบ่งบานให้ผู้คนได้ชื่นชม
“หนี่เจินข้ารักเจ้า”
“หม่อมฉันก็รับฝ่าบาทเพค่ะ
++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่อุตสาติดตามนะจ๊ะ
รักคนอ่านจุ๊บ ๆ
ฝากเรื่องใหม่ด้วยจ้าชื่อ หยาดน้ำกลางทะเลทราย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34094.msg2068401#msg2068401
-
มาต่อแล้วววววววววววววว
มันจบแล้วววววว อ๊ากกกกกก ปุบปับจริงๆ
แต่แอบมีเซอร์วิสตอนแรกด้วยวุ้ย ขอบคุณค่าาา -.,- 555555
องค์ชายยยยยย (ขออนุญาติเรียกหาแต่องค์ชายนะคะ เว้นองค์หญิงไว้ก่อน)
จะรอภาค2นะคะ จุ๊บๆๆๆ >3<
-
อ่านจบแล้วเย้ดีใจจังนึกว่าจะโดนทิ้งแล้ว :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รออ่านภาค2จ้า :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
-
ฮ่าๆๆๆ ฮ่องเต้ท่านก็ทรงอยากมีบุตร-ธิดาไว้มากๆสิคะฮองเฮา
ยังไงก็ต้องตามใจท่านบ้างล่ะนะคะ กับคนอื่นท่านก็ไม่ยอมนี่นา อิอิ
-
:L2:อ่านจบแล้วมีความสุขนะ
-
ประกาศจ้า!!
แบบว่าเรื่องภาคต่อจะลองไปคิดดูว่าจะแต่งต่อมั้ย ถ้ากระแสผู้อ่านอยากให้มีต่อก็จะแต่ง
แต่ตอนนี้กำลังจะแต่งเรื่องใหม่อยู่ยังไงก็ลองติดตามนะ
-
:กอด1: คนอ่านที่สุด
รีบมาต่อภาคสองไวๆน่ะ
:bye2:
-
จบแล้วจริงๆเหรอ ถ้างั้นมาต่อภาค 2 เร็วๆนะ :call:
-
เอ่อ จะขอมากไปไหมถ้าจะขอภาคต่อไปแบบ3Pอะคร่ะ
-
:L2:ต่อเลย
-
5คน o22
ฮองเฮาก็ทนเอาหน่อย จะได้ไม่เหงา :o8:
ปล.จริงๆคิดว่าจบแบบนี้ก็อิ่มตัวแล้ว แต่ถ้ามีโครงการแต่งภาค2ก็อยากจะรู้อีกว่าจะออกมาแบบไหน :L2:
รออ่านโลด :กอด1:
-
จบลงพร้อมความสุข
รักคนแต่งเช่นกัน :กอด1:
รอภาคสอง :bye2:
:call:
-
จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
มีความสุขกันถ้วนหน้า o13
อยากอ่านภาค 2 อ่ะ แต่งต่อเถอะนะ o18
-
ตอนนี้แต่งเรื่องใหม่แล้วจ้า
ไปลองอ่านดูนะ ชื่อ หยาดน้ำกลางทะเลทราย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34094.msg2068401#msg2068401
-
ว๊าว จบแล้ว หลังจากรอมานาน (แอบลืมเรื่องไปบ้าง ฮ้าๆๆ)
แต่ดูเหมือนจะจบแล้วจริงๆ ไม่มีต่อภาคสองซิ่นะ
ก็เรื่องทุกอย่างเคลียร์หมดแล้วนี่
ได้ลูกแฝดตั้งสองคู่แน่ะ คู่แฝดชายดูซนน่ารักดี
ตอนฉากจบก็จบได้หวานน่ารักมากๆ
:L2: :pig4: :L2:
-
จบภาค แสดงว่ามีภาคต่อสินะ สนุกดีค่ะ พล็อตซ้ำไปนิด แต่ก็สนุกดี ถ้าฮองเฮาเราได้โชว์ความฉลาดมากกว่านี้คงดี^^
มีสะกดผิดเกือบทุกตอน ลองเช็คดูเด้อ
-
น่ารัก :haun4: :haun4: :haun4:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
แบบว่า ฮองเต้ ลูกเยอะแล้ว พอเหอะ
55555
ไม่ได้พูดถึงองครักษ์เลยอ่าาา
-
รออ่านภาคสองนะคะ
สนุกมากๆเลยคะ
+1 นะคะ
-
o13
-
สนุกมากเลยค่ะ
ในที่สุดก็จบภาคแรกและ
รีบๆมาต่อภาคสองน้า
รออยู่นะค้า
-
o13 รอภาค2อยู่น้า
:pig4:
-
o13 o13 o13 o13
แต่งภาค2ต่อเถอนน่ะคนเขียน
คนอ่านอยากรู้เรื่องราวของลูกๆสุดแสบต่อแล้ว
:call: :call: :call: :call: :call:
-
อ่านวันเดียวจบเลยอ่า แบบว่านั่งอ่านเป็นเรื่องเป็นราวเลย อิอิ.............
แต่แอบมึนตอนที่ 7 นิดนึงอ่ะ เหมือนมันตัดฉึบๆๆๆๆ ไปนิดนึง มีใครคิดเหมือนเราป่ะนะ
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ชอบแนวนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว :pig4:
รอภาคสองอยู่นะคะ :กอด1:
-
o13 o13 o13 o13
-
ขอบคุณคนแต่งค่า อิอิ
-
สนุกดีชอบๆๆๆๆๆ
-
สนุกและน่าติดตามมาก
ขอบคุณคะ o13
-
:impress2: :impress2: :impress2:
-
สนุกมากเลย...
o13 o13
-
-
อ่านจบแล้ว
สนุกมากเลย
ถึงแม้จะมีคำผิดเยอะไปหน่อยก็เถอะ แต่สนุกมากเลย
-
รอภาค 2 นร้า สนุกมากๆเลย o13 o13
-
อยากอ่านภาค 2 ค่า ><
ชอบเรื่องราวเขียนดีมากเลยอ่า เดี๋ยวไปอ่านอีกเรื่องนึงต่อนะคะ
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
หนี่เจินอ่อนหวาน นุ่มนวล น่ารักมากๆ ฉลาดอีกด้วย :L2:
ฮ่องเต้ก็ช่างแสนดี รักหนี่เจินมากๆเลย
ขอให้ทรงครองรักกันตราบนานเท่านานนะเพคะ
สนุกคะ ชอบที่ให้นายเอกท้องได้อะคะ
ขอบคุณผู้เขียนคะ :pig4:
-
จบแบบรวบรัดตัดตอน เข้าใจง่ายมากายค่าาา
หวังว่าภาคสองคงไม่นานเน้ออออ
-
สนุกมากเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
แต่น่าเสียดายที่มีแค่หนี่เจินท้องได้คนเดียว อยากให้ทั้งองค์รักษ์ ทั้งน้องชายของฮ่องเต้เลย ฮุฮุ
ปล.จะรออ่านภาค 2 นะคะ
-
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1
ชอบมากกกกอ่ะ
-
อยากอ่านภาคต่อๆ :katai2-1:
-
อยากให้ช่วยตรวจทานพวกตัวสะกด/สระ/วรรณยุกต์ อีกครั้งนะคะ
ผิดเยอะมาก คือบางทีอ่านแล้วขำเลย เพราะความหมายเปลี่ยนไปเลย
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สนุกดี ว่าแต่เคยแต่งใน เด็กดีหรือเปล่าคะ เคยเข้าไปอ่านเนื้อเรื่องคล้ายกัน แต่นายเอกท้องไม่ได้
-
สนุกดีค่ะ ขอบคุณนะคะ
และอย่างที่หลายๆคนบอก คำผิดเยอะมาก บางครั้งทำให้เสียอรรถรสในการอ่านค่ะ "รักหรอก จึงบอกให้" นะคะ
-
o13 o13 o13 o13 o13 o13
-
อยากให้มีภาคต่อไปอ่ะชอบมาก
-
สนุกๆๆๆ
หาอ่านแนวจีนๆ แบบนี้มานานแล้ว >w<
-
โห้ จีนโบราณ ขอกรี๊ดดสองที
เด๋วมาอ่านแน่นอนน ดีใจจุงง
ช่วงนี้ติดนิยาย จีนโบราณมากมายย
ครุคริ :L2:
-
ชอบแนวจีนโบราณค่ะ
-
:katai2-1: :katai2-1: มาต่อไวๆน๊า ภาค 2 จะเป็นไง อยากรู้ๆ
-
อ่านจบแล้วค่ะ แอบมึนๆ กับชื่อแซ่มากๆ แต่นี่มันนิยายจีนนี่เนอะ 555+ แอบขำบ้างที่บางทีคนเขียนก็มึนเหมือนกันที่ใช้ชื่อผิดเล่นเอาอึ้งนิดๆ แต่เราก็อ่านเรื่อยๆ เพลินๆ จนจบ ตอนนี้มีคำถามนึงเกิดขึ้นในใจเลยค่ะ หนี่เจินคลอดบุตรธิดาออกมาทางไหน คิคิคิ
ขอบคุณนะคะสำหรับฟิคเรื่องนี้
-
ฮ่องเต้ยังไม่ครบทีมฟุตบอลเลยเอาให้ครบสิ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ
-
:katai1:
ภาคสองอยู่ไหนหนอ
แต่ ก้อ ขอบคุณอย่างมากล้น เน้อ
:hao7:
-
ฮ่องเต้ก็ได้อีกนะ มีลูกแฝดชายหญิงไม่พอ ขออีก ได้แฝดชายกับชาย แล้วก็ขออีกได้หญิง แล้วนี่จะขอชายอีก โอโห้นี่ฮ่องเฮาหรือแม่พันธุ์
จะเอาไรเยอะแยะ แค่นี้ก็คงเลี้ยงไม่หวาดไม่ไหว 55555
-
555 ฮ่องเต้ฮาอ่ะ
กะจะเอาลูกครึ่งโหลเลยรึ กร๊ากก
-
ลูกดกดีจัง 555555 เอาอีกๆๆๆๆ เอาให้ครบโหลเลยยยย. อยากได้ภาค2 ติดตามๆๆๆๆๆๆๆ
-
o15 ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก อ่านเพลินๆ ค่า
-
ภาคสองมายังอ่ะไม่รู้เรื่อง
-
แก้คำผิดหน่อยนะครับ แล้วจะทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์แบบขึ้นอีกเยอะ ขอบคุณครับ
-
ภาค 2 อยุหนใด ต่อหน่อยเถอะ ต้องการมากๆๆๆๆ :hao5: :hao5: ลูกเยอะจุง ชอบๆๆๆ
-
เราเพิ่งมาอ่าน
สนุกมากๆๆๆเลย รู้สึกเข้มข้น5555
สำหรับเราเราฟินกับภาคนี้นะ ถ้ามีต่อภาค2นี่ก็จะฟินขึ้นไปอีก
ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
-
:z1: :z1: รอค่ะรอ อิอิ
-
ลูกดกแท้หนออออออออออออออ ขอเลือด สองถุงงง :jul1:
-
มีภาคสองต่อรึยังอ่า อยากอ่านต่อ >_<
ครอบครัวสุขสันต์~! อิอิ ชอบทุกคู่ในเรื่องเลยยย โดยเฉพาะจิ้งฟงกับเฉิงเฉียน น่าร้ากกก >///<
-
:o8:หนี่เจินน่ารักๆ มามะมาให้จุ๊บหน่อย :mew1:
-
นายเอกน่ารัก แต่คำผิดเยอะมากกกกกก
เรียบเรียงประโยคงงๆด้วยค่ะ
-
กลับมาอ่านอีกรอบ
ยังสนุกเหมือนเดิมมมม
ชอบคู่องครักษ์มากๆ
ร้อนแรงกว่าทุกคู่เลย 555
รออ่านภาค2 น่าจะเป็นภาคลูกรึป่าวนะ
-
เนื้อเรื่องสนุกและน่ารักมาก
ชอบแนวนี้อยู่แล้วด้วย ยิ่งอ่านไม่วางเลย
ขอบคุณมากจ้าสำหรับนิยายสนุกๆ
-
สนุกมากครับ ชอบคู่องค์รักษ์มากกว่า ....... ขอบคุณครับ
-
:L2: :L2:
-
อ่านได้หกตอน สนุกนะคะ แต่คำผิดเยอะมากเลยอะ เราก็เลยจะหยุดไว้ก่อน คือมันขัดเรามากจริงๆค่ะ ขอโทษที
อย่างเช่น
นะค่ะ (คนไทยชอบเขียนผิดประจำ =_=) ควรเป็น นะคะ
เพค่ะ (เจอเยอะมากกกกก ขัดใจมากกกกก) ควรเป็น เพคะ
จ้วน ควรเป็น จวน
ฯลฯ
เห็นว่าคนเขียนแต่งเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าแก้ไขรึยังนะคะ
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ภาค 2 อยู่ไหนนนน....... :mew2: #ตอนจบดูรวบรัดไปหน่อย...แต่สนุกดีค่ะ ^^ ว่าแต่จิ้งฟงกับเฉียนเฉินนี่ยังไงต่อ.... o18 # :pig4:
-
:mew1:
-
:กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
-
สนุกมากกกกค่ะ รอภาค 2 นะคะ :mew3:
-
ชอบแนวนี้มากเลยยยยย น่าร้ากกกกก
-
ก๊อปไปให้ตัวเองอ่ายง่ายๆ
http://www.tunwalai.com/story/121985/%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4-cedit-manami_01
-
:z13:
-
ถ้ายอมฝ่าบาทเรื่อยๆนี่ จะมีลูกสักกี่คนดีล่ะเนี่ย 5555
-
:mew3: แนวฟีลกู๊ดด โอ๊ย ของไม่เครียดดี ทั้งหื่น ทั้งน่ารัก :mew4:
-
:L1: :pig4:
-
o13
-
:pig4: สนุกมากๆจะรอติดตามภาคลูกๆนะจ๊ะ
-
น่ารักดีค่ะ อ่านได้เรื่อยๆเพลินๆ ถึงจะมีคำผิดเยอะอยู่แค่ก็พอมาข้ามๆไปได้ ฮองเฮาน่าร้ากกกกก ยอมตามใจฝ่าบาทหน่อนสิคะ มีลูกเพิ่มอีกสักสองสามคน อิอิ
-
ชอบมากค่ะ
แต่คำผิดเยอะจัง เวลาเราอ่านแล้วรู้สึกขัดๆ :katai1:
-
สนุกมากเลยค่า
:impress2: :impress2: :impress2:
-
อ่านกี่รอบก็น่ารัก :impress2:
รัก รักทุกคู่เลย :m3: :m1: :m3:
รอภาคสองอยู่น๊า o13 o13
-
ยังอ่านไม่จบค่ะ แต่อ่านแล้วขัดนิดนึงเลยขอคอมเม้นก่อน
นะคะ พิมพ์แบบนี้ค่ะ นะค่ะ ไม่มีนะคะ
ถ้าอิงเรื่องสมัยจีนที่มีราชวงศ์ แล้วอยากให้นิยายภาษาดีขึ้น ต้องเปลี่ยนคำหลายคำเลยค่ะ
อาจจะต้องเปลี่ยนนะคะ เป็นเจ้าคะ ครับเป็นขอรับ
แทนตัวเองว่าฉันอาจพออนุโลมได้เป็นฉันที่มาจากเจิ้น (คำแทนตัวราชา) แต่ถ้าใช้ข้า จะสวยกว่าค่ะ
และแน่นอนว่าเธอนี่ไม่ใช้กันค่ะ
ขอบคุณค่ะ
-
o13อั้ยหยา ฝ่าบาททททท
-
อ่านกี่รอบก็สนุก
-
:pig4: :pig4:
-
???? ยังไงคะเอาลิงค์ธัญวลัยมาลงพอกดเข้าไปเว็บถูกเด้งแล้ว เรื่องนี้มีในอีกเว็บด้วยใช่มั้ยคะ
-
???? ยังไงคะเอาลิงค์ธัญวลัยมาลงพอกดเข้าไปเว็บถูกเด้งแล้ว เรื่องนี้มีในอีกเว็บด้วยใช่มั้ยคะ
-
o18 o18 ฟิน