พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: boy2gether ที่ 19-11-2014 22:04:34

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 19-11-2014 22:04:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

---------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

สวัสดีผู้อ่าน

ส่งท้ายปีกันด้วย ซุปตาร์ อร่อย ภาคสอง จะได้มีอะไรอ่านกันช่วงวันหยุด

เราเพิ่มชื่อว่า เริ่มต้นหรือจุดจบ 

ภาคสอง คงจะเวิ่นเหว่อ มากกว่าภาคแรก ลองอ่านดูว่าชอบไหม

ขอบคุณค่ะ



-------------------------------------------------------------------------------

นี่เป็นเรื่องเขียนเรื่องแรกที่เขียนจบ ใครที่เข้ามาอ่าน รบกวนเขียนคำวิจารณ์ ให้ด้วยค่ะ เช่น ชอบแนวเขียนแบบนี้ไหม

บทพูดน้อยๆ รวบรัดไปไหม เขียนแล้วอ่านรู้เรื่องไหม วิจารณ์ ได้ไม่ต้องเกรงใจ จะได้นำไปปรับปรุง ขอบคุณมากค่ะ


ซุปตาร์  #1

มันเป็นช่วงทัวร์คอนเสิร์ตต่างจังหวัดระยะยาว ของนักร้องวงร็อกชื่อดัง 'ปั้น วง อาฟเตอร์ ช็อก'

แต่ก็ต้องมาประสบปัญหา เมื่อเด็กแบ็คสเตจคู่ใจ เกิดป่วยเพราะกินเหล้าเยอะ ไม่ยอมกินข้าวจนกระเพาะทะลุ

ทำให้ทัวร์เกิดการสะดุด 'พี่เก๋' ผู้ดูแลศิลปินรุ่นใหญ่ ดูแลศิลปินทั้งค่าย ก็เลยไปหาเด็กมาช่วยงานคนใหม่ 'เด็กวง'หน้าใหม่

ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ ชื่อ 'ต้า' คือผมนั่นเอง ผมพอจะมีความสามารถทางด้านดนตรีอยู่บ้าง

เรียนจบคณะดนตรีจากรามคำแหง และเคยทำงานเป็นแบ็คสเตจมาบ้างจากตอนที่ไปฝึกงาน

และพี่ๆ ก็ได้แนะนำงานต่อๆ กันมา



แต่งานนี้ผมต้องมาเป็นผู้ช่วยร็อกสตาร์เต็มตัว ทั้งดูแลเรื่องบนเวทีและเป็นพี่เลี้ยงคอยประกบเหมือนเป็นผู้จัดการส่วนตัว

เพราะพี่เก๋มีงานต้องดูแลศิลปินหลายคน แกไม่มีเวลามาตามทัวร์แบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนโดนถีบลงน้ำมายังไงไม่รู้

เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความร้ายกาจของนักดนตรีร็อกกันดี ว่าเรื่องมากขนาดไหน



ซุปตาร์ขาร็อก แกเป็นนักดนตรีหน้าตาดี เล่นดนตรีเก่งมาก อายุประมาณสามสิบกว่า กำลังอยู่จุดสูงสุดในชีวิตนักดนตรี

แกแต่งเพลงรักฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง จิ๊กโก๋อกหัก แว๊น สก๊อย ก็เป็นแฟนเพลงแกทั้งนั้น

แกมีเมียแล้วนะ เมียเป็นดาราไฮโซด้วยชื่อ 'เหนเหน่' แต่ก็นั้นแหละชีวิตนักดนตรีร็อก

เรื่องเซ็กส์ เรื่องเหล้า-ยา มันแทบจะอยู่ในสายเลือด ดั่งกับทำให้เค้าแต่งเพลงได้กินใจขึ้นอย่างนั้นแหละ

แต่รู้สึกว่าพี่ปั้นแกไม่ค่อยลงรอยกับเมียเท่าไหร่ เพราะแกทัวร์คอนเสิร์ตเยอะมาก เดือนหนึ่งแทบไม่ได้กลับกรุงเทพฯ

แต่แกก็ไม่แคร์หรอก เพราะไปแต่ละเมืองก็จะมีเด็กสาวๆ สวยๆ มาเกาะหน้าต่าง ประตูรถตู้ พร้อมขึ้นห้องกับแกตลอดเวลา



ตอนแรกพี่ปั้นก็ไม่พอใจพี่เก๋ที่เป็นคนจัดการ เอาตัวผมมาช่วยแก เหมือนเป็นพวกมือใหม่หัดขับ

แต่ก็ทะเลาะไม่สำเร็จ เพราะทัวร์ต้องดำเนินต่อไป และที่สำคัญ คนอื่นๆ ไม่มีใครอยากทำงานกับแก

พี่เก๋สืบค้นประวัติผมเรียบร้อย ผมเคยทำงานแบ็คสเตจมาบ้าง ทั้งช่วงเรียนและตอนจบมาใหม่ๆ ผมมีงานเกือบทุกเสาร์และ

อาทิตย์ ทั้งเช็คเสียง ทำหน้าที่สเตจ ดูแลศิลปินเข้าออก ผมได้เรียนรู้งานจากพี่เก่งๆ หลายคน ทำให้ผมมีประสบการณ์มากขึ้น



แต่ข้อดีที่สุดของผม ที่พี่เก๋รับพิจารณาเป็นพิเศษ คือผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ หน้าตาสะอาดเรียบร้อย

เป็นเด็กต่างจังหวัดซื่อๆ ขยันอดทน ไม่พูดมาก



ผมเป็นเด็กจังหวัดพิษณุโลก แม่เปิดร้านขายของชำ พ่อเป็นนักดนตรีแต่เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งที่ตับ

เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ดื่มเหล้าเลย เพราะแม่ขอไว้ ให้แลกกับถ้าผมอยากเล่นดนตรีผมต้องไม่ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่เหมือนพ่อ

ผมเล่นกีตาร์กับเพื่อนข้างบ้านกันมาจนเล่นเป็น เพื่อนคนนี้สนิทกันมาก มันชื่อ 'ชิน' ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด

เราตั้งวงดนตรีของโรงเรียนและไปรับจ้างเล่นอคูสติกตามร้านขายกาแฟบ้าง พอจะได้เงินนิดหน่อย

หลังจากผมมาเรียนที่กรุงเทพฯ ชินก็ไปเล่นดนตรีกลางคืนเป็นเรื่องเป็นราว ตามผับในจังหวัดใหญ่ๆ เราจึงจากกันตั้งแต่นั้น



ผมได้รับมอบหมายงานจาก 'พี่โรจน์' แบ็คสเตจเก่าเรียบร้อย พี่เก๋มาช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ปั้น

บอกพี่ปั้นว่าผมจะมาช่วยอะไรบ้าง ผมจะมาช่วยตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน ที่หลับที่นอน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย

งบประมาณค่าใช้จ่าย รวมทั้งเรื่องโทรศัพท์มือถือส่วนกลาง หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'มือถือกอง'

และผมต้องจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องดนตรี กีตาร์ เอฟเฟก ไมค์ คือเรื่องอุปกรณ์เครื่องดนตรีพวกนี้ผมไม่ห่วงเลยนะ

ผมห่วงก็แค่เรื่องต้องมาดูแลชีวิตซุปตาร์เนี้ยแหละ เครียดสุดๆ ละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #2 ความใกล้ชิด
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 19-11-2014 22:29:05
ซุปตาร์ #2

คืนนี้ก็จะเป็นคืนแรกที่ผมจะมาเป็นผู้ช่วยพี่ปั้น ผมพยายามทำให้ดูเป็นมือโปรที่สุด

ทั้งๆ ที่ก็ตื่นเต้นมากๆ กลัวผิดตอนเปลี่ยนกีตาร์แต่ละตัวแต่ละช่วงเพลง จังหวะและเวลาสำคัญมาก

เพื่อไม่ให้ไปเก้ๆ กังๆ หน้าเวที และแล้วงานคอนเสิร์ตวันแรกของผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี



คราวนี้ก็มาถึงเรื่องการดูแลชีวิตส่วนตัวของซุปตาร์ ที่ผมเครียดสุดๆ ผมต้องคอยพาแกไปนอนโรงแรม

ดูแลว่าแกอยากได้อะไร แกนอนตอนไหน กินอะไร เรื่องเหล้ายาปลาปิ้ง อย่าให้ขาด เรื่องอะไรแนวๆ แบบนี้

พี่เก๋สอนผม เรียกว่ากำชับดีกว่า พี่เก๋กำชับผมมาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องผู้หญิง เหล้า ยา(กัญชา) ว่าอย่าให้เกินเลย

เพราะนักข่าวรุมจ้องข่าวด้านมืดๆ แบบนี้อยู่แล้ว



ทำงานไปหลายๆ วัน หลายๆ จังหวัด ผมก็เริ่มคุ้นชินขึ้น หายตื่นเต้น จัดการเรื่องต่างๆ ได้เนียนขึ้น

ผมเข้มมากเรื่องบนเวทีคอนเสิร์ต จนพี่ปั้นเค้าเริ่มไว้ใจผม ส่วนเรื่องส่วนตัวผมก็ไม่ไปตีสนิทหรือล้ำเส้นแกมาก

แกคงเริ่มสบายใจ สนิทใจกับผมมากขึ้น หลังๆ แกก็คุยกับผมมากขึ้น ผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย


หน้าที่ของผมนอกจากต้องดูแลเรื่องทั้งหมดที่ว่ามา ผมต้องดูแลเรื่องติดต่อประสานงานกับบริษัท

เรื่องคิวงานหรือแม้แต่รับโทรศัพท์ของเมียพี่ปั้น เพราะพี่ปั้นแกเป็นพวกอนุรักษ์นิยม

แกไม่ชอบใช้มือถือ แกไม่มีมือถือ แกไม่มีเฟสบุค ไม่มีอินสตราแกม ไม่ถ่ายเซลฟี่



รวมทั้งผมต้องคอยจัดคิวเลือกผู้หญิงแฟนคลับที่มารอ อยากจะไปนอนกับซุปตาร์ ผมรู้ว่ามันไม่ดีเท่าไหร่

เหมือนเป็นการเหยียดเพศยังไงไม่รู้ แต่เมื่อสาวๆ เหล่านั้นเธอต้องการเอง ไม่ได้มีใครบังคับ ผมก็ต้องปล่อยเลยตามเลย

ยากมากที่ผมต้องมานั่งเลือกผู้หญิงให้ซุปตาร์ ตอนแรกผมก็เลือกแบบมาตรฐานไว้ก่อน ขาว หน้าอกใหญ่ หุ่นดี

แต่ผมจะไม่เลือกที่แต่งหน้าเข้มหรือเด็กที่อายุน่าจะไม่ถึงสิบแปดและที่สำคัญต้องไม่ใช่ผู้หญิงหากิน

บังเอิญผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่เจอเรื่องพวกนี้มาเยอะ ผมเลยดูเหมือนกลมกลืนไปกับเรื่องเหล่านี้



ผมคงทำอะไรถูกใจซุปตาร์เข้าบ้าง หลังจากทัวร์กันไปเกือบเดือน แกก็ไม่เคยไปบ่นเรื่องผมให้พี่เก๋ฟังอีกเลย



ซุปตาร์แกเป็นโรคประหลาดกลัวการนอนโรงแรม ต้องนอนเปิดไฟทุกดวง ตอนยังไม่สนิทก็ให้ผมนั่งคุยเป็นเพื่อน

จนกว่าแกจะหลับ แต่ที่สำคัญตอนแกมีอะไรกับผู้หญิง แกชอบให้ผมอยู่ด้วย ถ้าเป็นห้องใหญ่ๆ ในจังหวัดใหญ่ๆ ก็ดีอยู่หรอก

เพราะผมก็จะไปแอบตามมุมๆ ไกลๆ ได้ แต่พอเป็นห้องเล็กๆ ผมไปไหนได้ไม่ไกล ผมก็ใช้วิธีปิดไฟ แล้วนั่งเงียบๆ อยู่แถวนั้น

เป็นอะไรที่พะอืดพะอมสิ้นดี แต่การได้เห็นซุปตาร์ในร่างเปลือยก็นับว่าคุ้มอยู่เหมือนกัน ผมก็ต้องนั่งรออยู่ใกล้ๆ ในห้องเสมอ

บางทีสาวๆ ที่มาไม่คุ้น แกก็จะบอกว่าผมเป็นตุ๊ด ไม่ต้องห่วง ผมแทบจะจำท่ามีเซ็กส์ของพี่ปั้นได้หมด

จำเวลาที่ใช้ได้ จำเสียงตอนที่เค้าถึงจุด บางทีผมก็รู้สึกไปเองว่าแกเอาแต่มองหน้าผม เหมือนจะโชว์หรือว่าขอความเห็น

หรือว่าขอความช่วยเหลือ ผมก็รอจนแกเสร็จกิจนั่นแหละ แล้วพาเด็กไปส่งข้างล่าง

ตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าจะไม่ได้ถ่ายเซลฟี่ติดมือไป



จากนั้นผมก็ต้องมาดูซุปตาร์ของผม ว่าแกต้องการอะไรก่อนนอน แกจะอาบน้ำก่อนอีกรอบ

ใส่เสื้อคลุม สูบกัญชา ดื่มเบียร์ นั่งดูบอล หรือไม่ก็นั่งเฉยๆ ขีดเขียน ผมเดาว่าแกคงกำลังนั่งแต่งเพลง

ยามดึกดื่นเหมือนเป็นเวลาที่แกได้พักผ่อน ส่วนผมบางทีก็ไม่ไหวแล้ว ผมก็หลับคาโซฟาห้องแกนั่นแหละ



วันดีคืนดี พี่เก๋ก็จะคอยโทรมาเช็คสภาพว่าเป็นไงบ้าง โดยเฉพาะกำชับเรื่องผู้หญิง อย่าให้ถึงหูเมียแกเด็ดขาด

บางทีเมียแกก็โทรมาทางมือถือกอง แกก็พูดเหมือนไม่เต็มใจ อืมๆ ตลอด คงกลัวผมได้ยิน

ถ้าเมียแกถามว่าเมื่อไหร่จะกลับกรุงเทพฯ บ้าง แกก็จะส่งมือถือให้ผมบอกคิวให้ เพราะแกไม่ได้ใช้สมองไว้จำเรื่องพวกนี้

แกบอกผมแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ซุปตาร์ อร่อย #1
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 19-11-2014 22:49:23
อย่าลืมแปะกฎนะจะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #3 First Kiss
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 19-11-2014 23:03:16
ซุปตาร์ #3

เริ่มทำงานกันมานานๆ ผมก็เริ่มชอบแกนะ แกหล่อดี หล่อเกินกว่าจะมาเป็นสายร็อก

บางทีเราก็ใกล้ชิดกัน แบบว่านั่งตัวติดกันในรถตู้ ตอนเปลี่ยนกีตาร์ให้ผมเกือบจะกอดแกไว้

ตอนที่ผมต้องคอยกันแกไม่ให้โดนแฟนคลับรุม แม้แต่เรื่องการแต่งตัว ผมแทบจะต้องเช็ดตัวให้

เปลี่ยนเสื้อผ้าในการแสดง จนจะหายใจรดกันอยู่แล้ว วันนึงผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตามปกติ

ใส่เสื้อเชิ้ต สวมแจ็กเก็ตให้แก แกมองหน้าผม ผมก็มองหน้าแก หน้าเราจะติดกันอยู่แล้ว

เหมือนมีการส่งสัญญาณแปลกๆ ออกมาทางสายตานั้น

แกเหมือนเอามือเอื้อมมาจะจับที่อกผม ตอนที่ผมกำลังติดไวเลส แต่แกก็แค่ตบอกผมเบาๆ แล้วบอกว่า”ขอบใจ”



งานคอนเสิร์ตต่างจังหวัด ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ การทำงานแต่ละวัน แต่ละจังหวัด

เราก็ต้องแก้ปัญหากันไปตามพื้นที่ที่เราไปจัดงาน

ผมพยายามทำอะไรอย่างรอบคอบที่สุด

ยิ่งซุปตาร์แกเป็นคนขี้อารมณ์เสียง่ายอยู่ด้วย ผมเลยยิ่งต้องให้พลาดน้อยที่สุด 




และแล้วสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้ วงเล่นไปได้แค่สามเพลง


ไฟฟ้าดับ! ฉิบหายแล้ว!



ในสนามฟุตบอลประจำจังหวัด เสียงผู้ชมโห่กันเกรียว แบ็คสเตจวิ่งกันให้วุ่น

ผมมีสติทำหน้าที่อย่างเดียว คือพาศิลปินไปเก็บก่อนที่จะเกิดจราจล

พอไฟดับปุ๊บ ผมก็อัตโนมัติ วิ่งกระโจนไปที่ซุปตาร์ก่อนเลย ผมไปยืนสแตนด์บายข้างซุปตาร์

รอจนแน่ใจว่าไฟจะไม่มาเร็วๆ นี้แน่ ผมเลยถอดกีตาร์แก แล้วพาแกเข้าไปหลังเวที



โชคดีที่สนามกีฬาที่นี่มีห้องวีไอพี สำหรับเป็นที่พักของประธานเปิดงานกีฬาต่างๆ

เราเลยขอทำเป็นที่พักศิลปิน ผมเลยพาแกไปนั่งรอที่โซฟา

ตอนนี้เรามีเพียงแสงสว่างจากเทียนไขที่วางอยู่บนโต๊ะ



ตอนนี้หลังเวทีเราวิ่งวุ่น ไม่รู้ว่าไฟฟ้าดับเกิดจากสาเหตุอะไร คนดูก็เริ่มโห่กันเป็นระยะ

ผมเก็บศิลปินไว้ที่ปลอดภัยแล้ว เลยวิ่งออกไปตรวจสอบสถานการณ์

เพราะตอนนี้อินเตอร์คอมสื่อสารของเราก็ดับไปพร้อมกับไฟฟ้าแล้ว 



ผมไปถามพี่โปรดิวเซอร์คุมงาน ได้ความมาว่า ไฟฟ้าดับเกือบทั้งอำเภอ เป็นความซวยจริงๆ

แต่มันจะไม่ซวยหรอก ถ้าเราใช้ไฟเหมือนทุกงาน คือเครื่องปั่นไฟ

แต่งานนี้ทางจังหวัดแจ้งมาว่าจะช่วยซัพพอร์ทไฟฟ้าให้เรา

โปรดิวเซอร์ก็ต้องการประหยัด เราเลยไม่มีเครื่องปั่นไฟสำรองไว้ด้วย

เป็นเพราะการมาทำงานต่างจังหวัด ปัญหาหน้างานของแต่ละจังหวัดก็ไม่เหมือนกัน

และพอเราเริ่มทำไปหลายๆ จังหวัด เราก็เริ่มเหนื่อยๆ เริ่มทำงานเผาๆ ลวกๆ ทำไปแบบไม่มีมาตรฐาน

บางครั้งผมก็สงสารซุปตาร์เหมือนกัน เมื่อต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้

ตอนนี้ผมไม่อยากเข้าไปสู้หน้าซุปตาร์เลย กลัวโดนด่าฉิบหาย ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความผิดของผมโดยตรง




ซุปตาร์นั่งกอดอกนิ่งๆ บนโซฟา คงรอรายงานจากผมอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง

และผมบอกทางแก้ปัญหาไว้สองทาง คือรอจนกว่าไฟจะมา และกำลังให้คนไปหาเครื่องปั่นไฟ

แล้วแต่ว่าสองอย่างนี้ อันไหนจะมาก่อน อาจจะกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

ถ้าเกินเวลาจากนี้ คนดูอาจจะเริ่มทนไม่ไหว เราค่อยหาทางแก้ไขว่าจะยกเลิกคอนเสิร์ตไหม



ผมรอดูสีหน้าซุปตาร์บนแสงเทียนสลัวๆ นั่น ว่าแกจะด่าผมไหม แกก็ไม่ด่าอะไร

ได้แต่นั่งหน้านิ่งๆ คิ้วขมวด หายใจยาวๆ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้จะทำอะไรดี ได้แต่ยืนนิ่งๆ ที่มุมมืด

แล้วผมก็อุตริ อยากให้เค้าคลายเครียด ผมเลยอาสาจะนวดไหล่ให้เค้าระหว่างรอ

ผมไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะผมรู้ว่าคนที่สะพายกีตาร์ข้างเดิมนานๆ มันปวดไหล่ขนาดไหน



ผมเลยลากเก้าอี้ไปนั่งข้างหลังโซฟาของแก แล้วบอกว่าเดี๋ยวผมนวดไหล่ให้ ให้แกถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกก่อน

แกก็ถอดแจ็คเก็ตออกเหลือแต่เสื้อยืดสีดำ ผมก็กดจุดไปที่กล้ามเนื้อปีกหลังอย่างแรง จนแกก็ร้องเลย

ผมเลยเอาวิชากดจุดที่ได้จากแม่มานิดหน่อย มาหลอกซุปตาร์ได้

ว่าที่เจ็บเพราะแกใช้กล้ามเนื้อหัวไหล่หนักเกินไป ตรงกล้ามเนื้อปีกหลังแข็งเหมือนเป็นพังผืด

ผมจะนวดคลายเส้นให้ ผมมีความรู้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้แกเจ็บหรอก

แล้วก็นวดบ่า กดจุดที่ท้ายทอย ผมรู้สึกว่าแกค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย



สักพักมีน้องสต๊าฟวิ่งกระหืดกระหอบ มาหาผมในห้อง ผมเลยลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้น

สต๊าฟมารายงานเป็นฉากๆ ว่าทางจังหวัดกำลังจัดการไปที่ไฟฟ้า แล้วไฟฟ้ากำลังเร่งแก้ไข

ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง และรถปั่นไฟก็หาได้แล้ว กำลังเคลื่อนที่มา

แล้วพี่ปั้นก็เลยถามว่าคนดูเป็นไง น้องเค้าบอกว่าคนดูนั่งรอกันอยู่ ไม่มีเหตุจราจลอะไร แค่โห่เรื่อยๆ เพื่อกดดันทีมงาน



แต่ในระหว่างที่ผมกับพี่ปั้นฟังรายงานสถานการณ์นี่สิครับ มือผมที่ตะกี้มันนวดอยู่ที่ไหล่

มันดันซนไปลูบไล้ที่คอ ท้ายทอย กับใบหูแกเล่น เหมือนเป็นอาการจิตของผมเองที่เป็นโรคมือไม่สุข

ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆ  ผมแค่เพลินๆ แล้วตั้งใจฟังน้องเค้า ผมมารู้ตัวอีกที ตอนน้องเค้าออกไปแล้ว

มือผมไปสัมผัสอยู่ที่ซอกคอพี่ปั้น ตอนนี้ผมทำหน้าไม่ถูก พยายามทบทวน ว่าผมลูบไปถึงไหนบ้าง



ผมเลยมานั่งหลังแกแล้วนวดๆ ไปเหมือนเดิม ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ตอนนี้หัวใจของผมเต้นตึกตัก กลัวแกด่าว่าผมไปแต๊ะอั๋งแก แต่แกก็ไม่ได้ว่าอะไร

ผมเลยโล่งใจ หน้าผมอยู่ชิดหลังพี่ปั้นจนลมหายใจแทบจะรดต้นคอแกอยู่แล้ว



สักพักพี่ปั้นก็เอามือมาแตะมือผมที่กำลังนวดไหล่อยู่ ผมเหมือนกระตุกมือนิดนึง

คิดว่าแกจะบอกว่าให้ผมพอแล้ว แต่เปล่า แกจับนิ้วมือผมเพื่อรั้งไว้

ถึงตอนนี้ ถ้าผมไม่บ้า สติ สตัง สมง สมอง เบลอไปพร้อมไฟฟ้า ผมก็ต้องสัมผัสได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

พี่ปั้นคงรอให้แน่ใจ ถึงกล้าทำแบบนี้ จากนั้นแกก็เอามือมาประสานมือผมไว้

ตอนนี้ผมรู้แล้วถึงสัมผัสนั้น หัวใจผมเต้นรัว ท้องน้อยเริ่มปั่นป่วน



แล้วพี่ปั้นก็เอื้อมไปหยิบเทียนแล้วดับมันซะ ถึงตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเดา ว่าเราต้องการอะไร

ผมยังคงนั่งอยู่หลังโซฟาที่พี่ปั้นนั่ง ผมยังบีบไหล่เค้าเบาๆ

แต่ตอนนี้ริมฝีปากของผม มันไปจ่ออยู่ที่ท้ายทอยและไล่ไปตามซอกคอของพี่ปั้น

ผมหายใจแรง เหมือนเด็กน้อยที่ไม่เคยได้สัมผัสหรือลิ้มรส ผิวกายผู้ชายมานาน

พี่ปั้นนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ผมทำตามอารมณ์ที่พาไป

แล้วเค้าก็ค่อยๆ หันตัวมามองหน้าผม เราเอาจมูกติดกัน

ผมหลบตาเหมือนไม่มั่นใจในตัวเอง ว่าที่ทำมันถูกแล้วใช่ไหม

พี่ปั้นค่อยๆ เอามือลูบที่ปากผม ผมสะท้านไปทั้งตัว


และแล้วปากของพี่ปั้นก็ค่อยๆ มาสัมผัสปากของผมที่มันเผยอรออยู่แล้ว

มันแผ่วเบา เหมือนดั่งสัมผัสกับละอองน้ำ มันเหมือนเป็นการชิมความหวาน ยิ่งใกล้มันยิ่งเย้ายวนผม

พี่ปั้นพรหมจูบเบาๆ ไปรอบๆ ริมฝีปากของผม แค่นี้ผมก็ตัวเกร็งไปหมด เกร็งไปถึงท้องน้อยจนถึงส่วนอ่อนไหวด้านล่าง

แล้วเขาค่อยๆ เม้มริมฝีปากล่างของผมแล้วดูดมันเบาๆ จะทรมานผมไปถึงไหน ตอนนี้ผมหายใจถี่ หัวใจเต้นแรง

มือของเรายังลูบไล้ไปที่ใบหน้าและต้นคอของกันและกัน

ผมบดปากลงไปเล็กน้อย แล้วดูดริมฝีปากทั้งบนทั้งล่างของเขา ไปตามจังหวะลมหายใจ ตามสัญชาตญาณ

มันไม่ได้รุนแรง มีแต่ความหวานนุ่มนวล ปากเราชุ่มชื่นไปด้วยน้ำลาย มันลื่น นุ่มและอุ่น




ผมไม่อยากให้ไฟมาเลย...




แต่แล้วเสียงคนจากข้างนอกเฮกันลั่น ผมรีบผละออกจากริมฝีปากนั้น

แต่หน้าเรายังชิดกันอยู่ ผมยังเคลิ้มกับสัมผัสนั้นอยู่

พี่ปั้นเอามือมาจับคางผมไว้ แล้วเอาหัวแม่โป้งมาเช็ดน้ำลายผมออกจากริมฝีปาก

ตอนนี้ปากผมคงแดงนิดหน่อย หวังว่าจะไม่มีใครสังเกต




ผมรีบลุกพรวด เมื่อไฟสว่างขึ้นมา และน้องสต๊าฟกำลังวิ่งมาที่ห้อง เพื่อรายงานสถานการณ์

แต่ตอนนี้ผมยืนตรงไม่ไหวแล้ว เป้ามันตุงจนจะชี้หน้าคนได้

ผมเลยต้องเอาเป้าไปชนทับไว้กับพนักพิงด้านหลังโซฟา พี่ปั้นนั่งก้มหน้ายิ้มๆ




สต๊าฟบอกว่ากำลังเคลียร์อุปกรณ์เครื่องเสียง แสง ให้เราเตรียมตัวไว้

อีกสิบนาทีจะมาตาม ผมโบกมือไล่น้องสต๊าฟ ให้ไปก่อนเดี๋ยวผมตามไป




เมื่อผมเก็บอาวุธได้เรียบร้อยแล้ว ผมก็ถอนหายใจ หันไปมองพี่ปั้นอีกที

ผมรู้สึกเหมือนว่าเค้าแกล้งผม แกล้งผมให้เตลิด แต่เค้ายังนั่งก้มหน้ายิ้มๆ

ผมเลยส่งสัญญาณว่าผมจะไปเตรียมของก่อน ผมยิ้มมุมปากแล้วเดินจากไปด้วยความงงงวย




คืนนี้ผมทำงานด้วยใจที่ไม่ปกติเลย ไม่ใช่กลัวเรื่องไฟฟ้าจะดับอีก

แต่ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เค้าต้องการแกล้งผม หรือแค่อยากรู้รสสัมผัสจากชาย

แต่สัมผัสแบบนี้ มันไม่ใช่จากคนไม่มีประสบการณ์แน่ๆ

ผมยังจำรสสัมผัสนั้นได้ จนต้องเอามือจับปากตัวเอง เพื่อรำลึกถึงมันเป็นครั้งคราว




จากวันนั้นมา การทำงานของผมกับซุปตาร์ก็ไม่มีอะไรปกติอีกต่อไป...




แม้แต่ตอนแกมีอะไรกับแฟนคลับผู้หญิง ผมมองดูคู่ชายหญิงที่กำลังมีเซ็กส์อยู่บนเตียง

บางครั้งผมก็มีอารมณ์อยากไปร่วมกิจกามนี้ด้วย แต่กับพี่ปั้นเท่านั้น

บางครั้งผมก็จินตนาการว่าผู้หญิงที่อยู่บนเตียงนั้นกับเค้า เป็นผม...

บางทีในความมืด เค้าเอื้อมมือมาขอสัมผัสกับผม แล้วบางทีผมก็แอบจูบเค้าไปเบาๆ ในความมืด

หากผมได้อยู่ร่วมกิจกามนี้ทีไร ผมเหมือนโดนกลั่นแกล้ง เมื่อผมกลับไปถึงห้องของผม

ผมก็จะช่วยเหลือตัวเอง ให้อารมณ์ที่ค้างเติ่งนั้นคลายลง




ตอนที่ทัวร์เริ่มมาถึงปลายๆ ซีซั่น แกมาถึงห้องพักที่โรงแรม แล้วบอกวันนี้ไม่อยากนอนกับผู้หญิง

ผมคิดเองว่าอาจจะเป็นช่วงมีประจำเดือนเหมือนของผู้หญิงก็ได้ ที่ไม่ได้อยากมีเซ็กส์กับใคร

เสร็จแล้วแกก็เข้าไปแช่น้ำอุ่นในอ่างนานมาก นานจนผมสงสัย เลยเคาะประตูห้องน้ำถามว่าแกเป็นอะไรไหม

ผมจึงเปิดประตูเข้าไป แกก็นอนแช่น้ำอุ่น อุ่นจนแก้มแดง สูบกัญชาสบายใจ ผมกลัวแกจะฆ่าตัวตายไปซะแล้ว

สังเกตหน้าแกดูเหนื่อยมาก แกคงอยากไปแต่งเพลงดีๆ สักสิบเพลงก่อนตาย เมื่อผมดูจนแน่ใจว่าแกไม่ได้จะฆ่าตัวตาย

ผมก็เลยจะออกมา แต่แกก็เรียกให้ผมไปนั่งคุยด้วยในห้องน้ำ แกถามเรื่องคิว

ผมบอกว่าเหลืออีกสามจังหวัดที่ต้องไปก็จะจบทัวร์แล้ว

แกบอกว่าอีกสามจังหวัด ไม่ต้องพาผู้หญิงมาอีกแล้วนะ ผมก็รับปากแก

แกคงเหนื่อย อีกอย่างแกคงไม่อยากให้เมียผิดสังเกต เวลาต้องกลับไปหาเมีย คงกลัวจู๋ถลอก



ผมเคยถลอกจริงๆนะ ตอนเด็กๆ ผมกับไอ้ชิน เล่นพิเรนกันมาก แข่งกันสไลด์หนอน แข่งกันว่าใครจะอึดกว่ากัน

โดยเอารูปโป๊ผู้หญิงขาวๆ หน้าอกโตๆ มาเป็นแบบ ไอ้ชินไม่ได้กินผมหรอก รูปผู้หญิงโป๊ทำอะไรผมไม่ได้

ตอนหลังๆ เราก็เปลี่ยนกติกาเล็กน้อย เพราะการสไลด์หนอนเอง อาจจะมีการชะลอ การเบรก เพื่อให้อึดขึ้น

ตอนหลังเราใช้วิธีเอามือเราไปสไลด์หนอนให้อีกคน คราวนี้ผมเลยมีแพ้บ้าง ไม่ใช่เพราะรูปโป๊อะไรนั่นหรอก

เพราะมือของไอ้ชินกับหน้าบิดเบี้ยวแล้วฟินของมัน ทำให้ผมต้องยอมแพ้ก่อนทุกที

นึกถึงทีไร ผมก็มีความสุขทุกที ความทรงจำของผมกับเพื่อนผู้ชาย ตอนที่แยกจากกันมา ผมก็ไม่ได้มีแฟนหรือผู้หญิงเลย

จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีมาแต่ไหนแต่ไร เพราะผมไม่ชอบผู้หญิง แต่ไอ้ชินมีเมียเป็นเรื่องเป็นราวละ




ระหว่างที่พี่ปั้นยังนอนโป๊แช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างอยู่ คงไม่มีอะไรต้องอาย เพราะผมแทบจะเห็นของแกหมดแล้ว



และแล้วสิ่งที่ผมกลัว หรือรอคอย ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน พี่ปั้นบอกให้ผมลงไปแช่งน้ำในอ่างด้วยกัน



ผมเห็นซุปตาร์เปลือยเกือบทุกวัน แต่วันนี้เขาจะได้เห็นผมเปลือย ผมรู้สึกเขินจนหน้าแดง

ผมลงไปนั่งกอดเข่าในอ่างเหมือนเด็กไร้เดียงสา ด้วยความอาย พี่ปั้นยืดขาสองข้าง มาโอบตัวผมไว้

แล้วแกก็จับตัวผมหมุนไปรอบๆ แล้วแกก็เริ่มขัดตัวให้ผมยังกับล้างแจกัน

เราไม่พูดอะไรกัน เรายิ้มให้กัน ผมยังงงว่า เค้ารู้ได้ยังไง ว่าผมเอ่อ...เป็นเกย์



แต่ใช่! ผมไม่มีอารมณ์ใดๆ กับผู้หญิง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผู้ชายคนแรกที่ผมชอบก็คือชินนั่นเอง

ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยนอนกับผู้ชาย ผมเคยเล่นพิเรนกับไอ่ชิน แค่แอบจูบมันตอนมันเมา



ตอนนี้เรานั่งชันเข่าเข้าหากัน เมื่อมือพี่เค้ามาสัมผัสถึงส่วนนั้น ที่มันเปล่งรออยู่แล้ว ผมถึงกับตัวอ่อนไปพิงที่ไหล่เค้า

เค้าพยายามจูบที่ใบหูของผม ลูบไล้ตัว ผมอยากจะจูบเค้า ผมแทบไม่ต้องขอ ปากนั้นก็มาประกบอย่างรวดเร็ว

จูบแรกนั้นที่ผมเฝ้าแต่คิดถึงมัน แต่คราวนี้มันดุดัน รุนแรงกว่าครั้งก่อน แถมมือเรายังสะเปะสะปะไปทั่วร่าง

ตอนนี้ผมไม่อายที่จะไปสัมผัสส่วนสำคัญของเขา ถึงน้ำจะอุ่น แต่ผมรู้สึกสัมผัสของเราสองคน น่าจะร้อนกว่า

เมื่อเสร็จกิจ ผมก็มานอนคว่ำหน้าพิงซุปตาร์ไว้ เหมือนคนหมดแรง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #4 ค่ำคืนอันหนาวเหน็บเพราะแอร์
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 19-11-2014 23:19:01
ซุปตาร์ 4

สรุปเสร็จสรรพ เราแช่น้ำไปเกือบสองชั่วโมง ตัวซีดแต่หน้าแดง ผมใส่บ็อกเซอร์นอนกับเสื้อยืดตัวนึง ลากเตียงเสริมมานอน

ส่วนพี่ปั้นก็นอนบนเตียงแสนกว้างกับผ้าห่มแสนอุ่น แกอาจจะอยากชวนผมไปนอน แต่มันคงเขินๆ

แกเลยนั่งทำโน่นทำนี่ ผมก็หลับไปเลย



ตอนกลางดึก ผมรู้สึกหนาวมากๆ แอร์เย็นมาก แต่ผมไม่กล้าปรับอุณหภูมิ เพราะพี่ปั้นแกนอนห่มผ้าอย่างหนา กลัวแกจะร้อน

แต่ผมหนาวมาก กลางดึกเหมือนผมละเมอได้ยินว่าพี่ปั้นเรียกผมให้ไปนอนที่เตียง คือผมคงหนาวสั่นมาก จนแกตื่น

แกจะเอาผ้าห่มมาให้ก็ไม่ได้ เพราะมันติดอยู่ที่เตียง แกเลยแซะให้ผมไปนอนบนเตียง

แล้วแกก็ห่มผ้าให้ ผมก็สลืมสลือ แกก็มากอดให้ผมอุ่น



ตื่นเช้ามา ผมจำอะไรไม่ได้มาก แต่ผมมานอนซุกอยู่ที่อกพี่ปั้นได้ไง คางแกเกยอยู่บนหัวผม กอดผมยังกับหมอนข้าง

ผมตื่นแล้ว และต้องรีบตื่น เพราะต้องรีบเตรียมตัวไปจังหวัดอื่นต่อ แต่ผมอยากนอนอุ่นๆ อีกแป๊บนึง

มือพยายามเอื้อมไปดูนาฬิกา แต่พยายามไม่ขยับตัวให้พี่เค้าตื่น ดูเวลาแล้วผมต้องตื่นแล้ว มีอะไรต้องทำอีกเยอะ

ผมแอบดมคาง ดมอกที่เปิดออกมาจากเสื้อคลุมของพี่ปั้น ผมขยับตัวให้เบาที่สุด

ผมลุกขึ้นนั่ง จังหวะนี้แหละ ที่ผมรู้สึกปวดหัวอย่างแรง ตัวร้อนจี๋ มึนไปหมด ผมเป็นไข้แน่ๆ

ตอนนี้ผมไม่อยากลุกจากเตียงเลย ผมเข้าไปซุกที่อกพี่ปั้นอีกที เหมือนตอนอยู่กับแม่

ตอนที่ผมป่วยไม่อยากลุกไปไหน ผมอยากไปซุกที่อกแม่อย่างเดียวเลย

ตอนผมทำงานผมแมนมากๆ แต่ตอนผมป่วยผมตุ๊ดมากๆ บอกเลย อยากจะอ้อนใครสักคน

ผมซุกพี่ปั้นได้แป๊บนึง พี่ปั้นก็ยังไม่ตื่น ผมก็เลยเพิ่งสำนึกได้ว่า ผมกำลังจะเอาไข้ไปติดพี่ปั้น

ถ้าเป็นไข้ขึ้นมา ตายห่าแน่ ทัวร์ล่มแน่ อีกสามจังหวัด ถ้ายิ่งใครรู้ว่าติดไข้เพราะอะไรนี่

ไม่ต้องเฝ้าไข้เลย เผาเลยดีกว่า

ผมสะดุ้งแรงไปหน่อย พี่ปั้นเลยงัวเงียตื่น แล้วจับผมไปกอดไว้ ผมพยายามจะจับหน้าผากเค้าดูให้แน่ใจ

ชัวร์! พี่ปั้นเป็นไข้ด้วย ผมปลุกพี่ปั้น ถามว่าพี่รู้สึกเป็นไข้ไหม ใช่พี่ปั้นเป็นไข้ด้วยแน่ๆ ซวยละกู



ผมดูพี่ปั้นน่าจะหนักกว่าผม พี่ปั้นตัวร้อนมาก เสียงแทบเปล่งไม่ได้ ผมปิดแอร์และเอาผ้าเช็ดหน้า

ไปชุบประคบคลายความร้อนให้พี่ปั้น นรกจริงๆ ทัวร์อีกสามที่เอง พี่ปั้นนอนต่อ ไม่พูดอะไร

ผมเข้าใจคนป่วยเลย ผมก็ป่วย ขนาดผมไม่ได้เล่นดนตรีเอง ผมยังไม่อยากทำเลย



ผมถามพี่ปั้นเพื่อความมั่นใจอีกที ก่อนที่ผมจะโทรหาพี่เก๋ เพื่อยกเลิกคอนเสิร์ต พี่ปั้นตะโกนแบบไม่มีเสียงบอกว่า

"ยกเลิกไปเลยสามจังหวัด"

เลิกจังหวัดเดียว แล้วไปต่ออีกสองจังหวัดไม่ได้เหรอ แค่นี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะโดนพี่เก๋ด่าอะไรบ้าง

พอผมโทรหาพี่เก๋ ไม่ต้องบอกว่าเสียงปลายทางเป็นยังไง

วันนี้ผมกำลังจะจากโคราชไปแสดงที่สระบุรี ซึ่งก็ใกล้กรุงเทพฯ ไปอีกหน่อยแล้ว

พี่เก๋ให้ผมบอกอาการพี่ปั้น ผมบอกไปว่า แกนอนซม ไม่พูดอะไรเลย พี่เก๋ก็ถามว่าไปทำอะไรมา

โฮ! เรื่องมันยาว ถ้าจะให้ผมเล่าเรื่องเมื่อคืนทั้งหมด เอ่อ ผมเลยตอบแค่ว่า

"แอร์มันเย็นจัด"

ผมบอกว่าผมก็ป่วยด้วย พี่เก๋เลยเหมาว่าผมเอาไข้ไปติดพี่ปั้น นั่นไงผมว่าแล้วผมต้องโดน

ผมแช่น้ำน้อยกว่าพี่ปั้นอีก เอ่อ...แต่เรื่องนั้นผมจะไม่บอกหรอกนะ



พี่เก๋จัดแจง เรื่องระงับความเสียหาย ส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว มารับพี่ปั้นไปโรงพยาบาลที่โคราช

พี่ปั้นได้รับบริการอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ พี่เก๋เลยบอกให้หมอฉีดยาขนานเอก

เผื่อแกจะหายทัน ไปทัวร์ที่เหลืออีกสองจังหวัด

ใช้งานยังกับทาส

ส่วนผมมันก็คนป่วยธรรมดาคนหนึ่ง หมอให้ยาใส่ถุงมา

และเพื่อยับยั้งความเสียหายเข้าไปอีก พี่เก๋ก็นำนักข่าว มาทำข่าวพี่ปั้น วง อาฟเตอร์ช็อก

ว่ามาทัวร์คอนเสิร์ตจนป่วยเข้าโรงพยาบาล

พี่เก๋ขายข่าวได้อีก เชื่อแกเลย

ตอนนี้คนดูที่มารอดูคอนเสิร์ตก็ไม่ด่าละ บอกว่าพี่ปั้นแกทำเต็มที่แล้ว แกทำงานหนักนะ เพื่อแฟนๆ ทุกคน

คงไม่รู้หรอกว่า ป่วยเพราะอะไร
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 20-11-2014 05:58:36

มารอฟังข่าวซุปตาร์  :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #5 วันที่ฉันป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 20-11-2014 20:46:33
ฝากวิจารณ์ด้วยนะคะ

ซุปตาร์ # 5

มือถือผมหรือมือถือของกอง ก็ดังไม่ขาดสาย ทั้งที่ผมก็ป่วย พี่เก๋โทรมาสั่งงานตลอดเวลาและเมียพี่ปั้นก็โทรมา

พี่ปั้นกำลังสลืมสลือเหมือนกัน ผมเลยสบโอกาสยื่นมือถือไปให้เค้าคุยถามอาการกันเอง

แล้วผมก็ฟุบลงที่โซฟาสำหรับญาติ พร้อมกับถุงยาในมือ ได้ยินแว่วๆ ว่าพี่เก๋กำลังให้คนขับรถมาให้พี่ปั้นที่โคราช

แล้วผมก็หลับไปเลย



ผมรู้สึกระหว่างที่ผมหลับ ได้ยินเสียงหมอพยาบาลเข้ามาหลายรอบมาก แต่ผมก็ไม่ลุกไปไหน

ผมบอกแล้วไง ว่าพี่ปั้นได้ยาดีกว่าผม พี่ปั้นไข้ลดแล้ว แต่ยังปวดหัวนิดหน่อย ส่วนผม ยังทรงๆ ทั้ง

ปวดหัวทั้งเจ็บคอ ไม่อยากกลืนน้ำลาย ไม่อยากกินอะไร ตอนนี้อยากไปหาแม่มากที่สุด



พี่ปั้นคงเป็นห่วงผมเหมือนกัน เดินมาจับๆ หน้าผากผมเรื่อยๆ ผมลืมตามองดูหน่อยแล้วก็หลับต่อ

ตอนนี้แกคงเริ่มเหงาละ เพราะแกไม่มีไข้แล้ว ไม่มีใครคุยด้วย แกก็พยายามมาปลุกผมจัง

พยายามให้ผมกินโน่นกินนี่ ผมก็ไม่กิน ไม่อยากคุย อยากนอนอย่างเดียว เมียพี่ปั้นโทรมาอีกแล้ว

ผมได้ยินแว่วๆ เค้าคุยกันว่าจะกลับบ้านวันไหน พี่ปั้นบอกว่า อีกสักคืนสองคืน เพราะคอนเสิร์ตยกเลิกหมดแล้ว

พี่ปั้นมองมาที่ผม เหมือนจะถามให้แน่ใจว่ายกเลิกหมดแล้วใช่ไหม ผมพยักหน้าเบาๆ



พี่ปั้นวางมือถือจากเมียแล้ว เอามือถือมาคืนผม แกยังคงนั่งอยู่โซฟาข้างผม

แกคงเหงาจริงๆ ที่คืนนี้ไม่มีอะไรทำ เพราะไม่มีคอนเสิร์ตแสดง

แต่ส่วนนึงแกคงดีใจ ที่ไม่ต้องทำอะไรที่ซ้ำซากเหมือนกันทุกวัน เหมือนหุ่นยนต์ หรือเครื่องจักรในโรงงาน

แกเคยพูดว่าอยากเลิกอาชีพนักร้องแล้ว อยากรีไทร์ตัวเอง เป็นนักแต่งเพลง

นานๆ จะแสดงคอนเสิร์ตสักที แบบอัสนี-วสันต์ แบบนั้น

แต่เพราะแรงยุจากพี่เก๋นั่นแหละ บอกว่าช่วงกอบโกย ก็ให้รีบกอบโกย โอกาสไม่ได้มาง่ายๆ

เมื่ออายุสักสี่สิบ ค่อยทำแบบพี่ป้อมพี่โต๊ะก็ได้ แต่พี่ปั้นแกดูเหนื่อยจริงๆ แถมอัลบั้มใหม่ ก็ยังแต่งเพลงไม่เสร็จอีก



เวลาเกือบสีทุ่มแล้ว แล้วพี่ปั้นก็คิดอะไรแผลงๆ ผมแผลงไม่ไหวแล้วพี่ครับ

พี่ปั้นชวนให้หนีออกจากโรงพยาบาล เพราะรถพี่ปั้นมาจากกรุงเทพฯ แล้ว

ผมไม่ได้ตื่นเต้นเรื่องหนีเพราะว่าเรื่องค่าใช้จ่าย ยังไงเดี๋ยวบริษัทก็มาจ่ายให้

แต่ตอนนี้ผมไม่อยากลุกเลย พี่ปั้นถอดชุดคนไข้ พยายามแซะผมจากโซฟา

ผมเดินตามไปอย่างสะโหลสะเหล แต่สำหรับพี่ปั้นมันเป็นเรื่องตื่นเต้นมาก

การได้หลบพยาบาลเวร จนมาถึงที่รถจนได้ เมื่อออกรถได้ ผมก็หลับตลอดทาง

ผมรับรู้ลางๆ ว่าพี่ปั้นขับรถกลับกรุงเทพฯ ด้วยท่าทางลั่นล้าสุดขีด



ระหว่างนั่งรถไป พี่ปั้นเอามือมาจับหน้าผากผมเป็นระยะ อย่างกับว่ามันจะทำให้หายเร็วขึ้น

ผมมารู้ตัวอีกที ก็มาอยู่หน้าบ้านบ้านนึง คงเป็นบ้านพี่ปั้นนั้นแหละ พี่ปั้นแกกะจะเซอร์ไพรส์เมีย

ด้วยการจอดรถไว้หน้าบ้าน แล้วแกเดินเข้าบ้านไปคนเดียว ทิ้งผมเฝ้ารถไว้ ดีเลยผมจะได้นอนต่อ

แต่พอพี่ปั้นเข้าไปได้แป๊บเดียว เสียงโหวกเหวกโวยวาย ดังมาจากในบ้าน 'เอาละเว้ย ผัวเมียตีกัน'

ถ้าเป็นที่บ้านนอก ผมคงไม่ไปยุ่ง แต่นี้ซุปตาร์ที่ผมดูแล ผมเลยต้องถ่อสังขารป่วยๆ วิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น



น้ำเน่ายิ่งกว่าอะไร เมียแกมีชู้ว่ะ ไอ้ชู้นั่งอึ้งอยู่ตรงโซฟา เมียก็น้ำตาไหล ส่วนพี่ปั้นกำลังโกรธสุดขีด

อยากจะตะโกนด่า แต่เสียงก็ไม่มี ได้แต่ขว้างข้าวของ เหมือนในมิวสิกวิดิโอเป๊ะ ผมก็เข้าไปห้ามพอเป็นพิธี

เพราะผมก็ไม่มีแรงเหมือนกัน ของของพี่ พี่ก็ขว้างไปเหอะ แต่ความควายยังไม่หาย

พี่แกก็ตรงดิ่งจะเหมือนไปชกชู้ของเมีย ซึ่งก็คือเพื่อนแกนั้นแหละ เมียก็มาห้าม แกก็เหมือนจะตบเมีย

ผมเลยไปห้าม ไม่อยากให้ซุปตาร์ มีข่าวตบเมียอีกข่าว ตอนนี้ข่าวหนีจากโรงพยาบาลยังไม่ได้ตีพิมพ์เลย



สามคนนั่งยืนอยู่คนละมุม เลิกตบตีกันละ ผมจับใจความได้ว่า เพราะพี่ปั้นมัวแต่ทัวร์คอนเสิร์ต

หาเรื่องเล่นแต่ดนตรี ไม่ดูแลเมีย พี่ปั้นก็ด่าๆ เมีย ด่าไอ้เพื่อนที่หวังดีที่จะช่วยดูแลเมีย

เมียแกก็ร้องไห้ ผมนึกในใจ พี่ปั้นแกจะด่าเมียว่านอกใจมีชู้ทำไมวะ ทีแกไปนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า

ผมได้แต่ปลง ยืนเอาหัวหนักๆ พิงกำแพงไว้ไม่ไห้ล้ม



เมียก็ดันให้เค้ามาจับได้ ก็เมียเค้าคงคิดว่าพี่ปั้นมันต้องนอนโรงพยาบาลอีกคืนไง

ยังไงก็ไม่เจอกันแน่ โทรมาถามย้ำตั้งสองครั้งว่ากลับวันไหน ก็แกดันอยากเซอร์ไพรส์เมีย

เป็นไงล่ะเซอร์ไพรส์พอไหม



เมื่อซุปตาร์แกด่าและปาข้าวของใส่อารมณ์จนพอใจแล้ว พี่ปั้นก็เดินออกจากบ้านมา

ผมหันไปมองเมียแก ทำท่าว่าเดี๋ยวค่อยโทรคุยกัน เพราะเรารู้จักกันทางมือถืออยู่แล้ว

ผมก็วิ่งตามพี่ปั้นไปที่รถ เหอๆ ไม่ทันว่ะ ซุปตาร์กูขับรถออกไปแล้ว กลิ่นท่อไอเสียยังไม่หายเหม็น

กูป่วยดีกว่า ผมนึกในใจ แต่นึกได้ว่ากูป่วยอยู่ งั้นกูตายดีกว่า มือถือกองก็อยู่ในรถ

แล้วตอนนี้อยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้ ดีนะยังมีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋ากางเกงอีกนิดหน่อย



แต่ทันใดนั้น ซุปตาร์คงเพิ่งนึกออกว่าลืมผมไว้ แกก็วนรถกลับมารับผม ผมถอนหายใจ

ขึ้นไปนั่งบนรถแบบว่าปวดหัวสุดขีด แล้วมือถือกองก็ดังขึ้น พี่เก๋แน่นอน

ตอนนี้ข่าวคงไปถึงแกแล้ว ว่าเราหนีออกจากโรงพยาบาล

ผมรับโทรศัพท์และกำลังพูดประโยคแรก พี่ปั้นก็คว้ามือถือขว้างไปนอกรถ

เชร็ดดดด!! ผมอ้าปากค้าง

ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือถือทั้งหมด จบสิ้นกันชีวิตนี้

ถึงตอนนี้ผมก็หัวเราะออกมาได้ หัวเราะให้กับเรื่องวุ่นๆ ตลอดทั้งวันมานี้

จนตอนนี้เกือบตีสามแล้ว ผมขำให้กับความสมบูรณ์แบบของเรื่องบ้าๆ

จบแบบเราไม่ตาย แต่เหมือนตัดขาดจากโลก

พอผมเริ่มหัวเราะ พี่ปั้นก็เริ่มหัวเราะออกมาได้ เปิดหน้าต่างสูบบุหรี่

ผมได้แต่ส่ายหัว ผมตายแน่ ถ้าพี่เก๋เจอตัวผม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 20-11-2014 20:53:39
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ
หุหุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #6 อยู่ลำพัง
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 20-11-2014 21:13:04
ซุปตาร์ #6

และแล้วผมก็หลับยาวอีกครั้ง จนผมเริ่มไข้ลด ตื่นอีกทีก็เช้า

พี่ปั้นโคตรฟิต ขับรถทั้งคืน ทั้งที่ก็ยังป่วยอยู่

ผมว่าตอนนี้เราน่าจะอยู่ประมาณประจวบคีรีขันธ์ พี่ปั้นยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ว่าจะไปไหน

ผมรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ที่ไม่ต้องมีมือถือกองมาคอยตามจิก การไม่มีมือถือมันดีอย่างนี้นี่เอง ผมเริ่มเข้าใจพี่ปั้นละ



พี่ปั้นไปจอดรถที่ห้างซุปเปอร์สโตร์แห่งหนึ่งแถวๆ ประจวบฯ แกบอกว่าจะพาไปเซฟเฮ้าท์ของแก

แต่ต้องซื้อของไปตุน เพราะไม่มีไฟ ไม่มีของกิน นรกละ! ผมนึกในใจ จะกันดานขนาดไหนวะ

พี่ปั้นบอกว่าจะพรางตัวซะหน่อย โดยการใส่แว่นตาดำ ใส่หมวกที่เขียนชื่อวงอาฟเตอร์ช็อก

เอ่อ...แน่ใจนะครับว่าพรางตัว พี่ช่วยดูมนุษย์แถวนี้ มีใครเค้าใส่แว่นดำ เข้าห้างบ้าง

แกก็เลยพูดว่าเออจริง ผมเลยบอกให้แกทำผมยุ่งๆ หน้ามึนๆ ก็ไม่มีใครสังเกตแล้ว

ผมเลยจับแกขยี้หัว ปัดแสกผมใหม่ให้ด้วย กลัวไม่เนียน

แกก็เปลี่ยนจากกางเกงขาเดฟฟิตเปี๊ยะ ไปเป็นกางเกงกีฬาขาสั้น รองเท้าแตะ

แต่ผมรู้สึกได้ทันที ว่าแกมีความสุขมาก ที่ได้ยกเลิกคอนเสิร์ตไป



เดินผ่านตั้งแต่หน้าร้านหนังสือ หนังสือพิมพ์ขึ้นหรา

'ซุปตาร์ขาร็อก โหมแสดงคอนเสิร์ตจนป่วยหนัก'

เป็นภาพพี่ปั้นใส่ชุดคนป่วยสีชมพู ชูสองนิ้ว เหมือนสู้ตาย เฟกโคตร

แล้วอันที่หนีจากโรงพยาบาล นี่คงกรอบบ่ายสินะ ผมนึกแล้วขำ



เข้ามาในซุปเปอร์สโตร์ เราซื้อของกันไม่ยั้ง พี่ปั้นตื่นเต้นไปทุกอย่าง แกไม่เคยเข้าห้างอะไรแบบนี้

ผมซื้อเต็นท์ ผ้าห่ม หมอน น้ำดื่ม แล้วจะกินอะไรกันวะ แล้วจะหุงข้าวยังไง ไม่มีไฟฟ้า แล้วจะทำอะไรกิน

ผมเริ่มนึกถึงการก่อกองไฟ เหมือนที่เรียนลูกเสือ รู้สึกเหมือนได้กลับไปพจญภัยยังไงชอบกล

ผมเลยลองเอ่ยถามว่าเราต้องเตรียมอาหารก่อกองไฟไหม

พี่ปั้นพูดมาคำเดียว ความตื่นเต้นของผมหายไปเลย

"มันมีเตาแก๊ซอยู่นะ" แป่ว!!

พี่ปั้นเดินดูมุมของเล่นนานมาก ดูทุกอย่างแต่ไม่ซื้อ

ส่วนผมเหลือบไปเห็นมุมโทรศัพท์มือถือ มันกำลังเรียกร้องให้ผมไปหา

มันมีมือถือเครื่องละไม่กี่ร้อย แอบซื้อพกไว้ดีไหม เผื่อฉุกเฉิน

แต่การมาผจญภัยกลางป่าของผมคงจะหมดความตื่นเต้นลงทันที ผมเลยเมินมันไปก่อน



ผมเลือกช่องจ่ายเงิน ที่มีพนักงานเก็บเงินเป็นผู้มีอายุหน่อย แกจะได้ไม่สังเกตพี่ปั้น

แต่สุดท้ายแกก็ทักอยู่ดี แกชี้ไปที่พี่ปั้น

"น้องคนนี้เป็นดาราหรือนักร้องหรือเปล่า หน้าเหมือนนะ วงอะไรนะ" ป้าถาม

"บอดี้สแลมครับ พี่ตูนอ่ะครับ" ผมตอบไปทันควัน

"ไม่ใช่นะ" ป้ายังคงสงสัย

"อ๋อ งั้นก็พี่ปั๊บ โปเตโต้ ครับ มีแต่คนชอบทัก เบื่อเหมือนกันเนอะ" ผมหันไปพยักพเยิดกับพี่ปั้น จนป้าถอดใจ

"เออคงไม่ใช่หรอก เพราะเค้าคงไม่โทรมขนาดนี้หรอก"

ผมเกือบขำก๊ากออกมา พี่ปั้นคงกัดฟันกรอดๆ อยู่แน่ๆ ก็คงโทรมจริงๆ นั่นแหละ

เท่าที่ผมจำได้ นี่ก็ยี่สิบสี่ชั่วโมงพอดี ที่เรายังไม่ได้อาบน้ำ พี่ปั้นยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำ



และแล้วเราก็มาถึงเซฟเฮ้าท์ของซุปตาร์ มันไกลไปเกือบถึงบางสะพานจะเข้าชุมพรอยู่แล้ว

เป็นที่ดินที่ติดทะเล ที่ปั้นใช้เงินที่ได้จากทำงานมาซื้อไว้ ที่ดินเกือบห้าไร่

แต่แบ่งเป็นสองแปลงมีถนนตัดผ่านกลางที่ดิน ด้านหน้าติดทะเล ด้านหลังติดภูเขาเตี้ยๆ เพอร์เฟก

ราคาก็คงจะแพงมากเหมือนกัน แต่มันไม่ได้กันดานขนาดที่ผมนึกไว้หรอก

เพราะมีชาวบ้านมาเช่าที่ดินทำสวนกันและดูแลที่ดินไปด้วย

แต่เพราะน้ำไฟยังมาไม่ถึง พี่ปั้นเลยยังไม่ได้มาทำอะไรต่อ

แต่บ้านที่เราจะอยู่ ต้องเข้าไปจากถนน วิ่งไปตามสวน เกือบถึงทะเล

เริ่มเห็นหลังคาบ้านเล็กๆ มันเหมือนบ้านตากอากาศ บ้านริมทะเลน่ารักๆ หลังเล็ก

เนื้อที่บ้านประมาณสักหกสิบตารางเมตร ไม่ได้กั้นห้อง ห้องนอน ห้องครัว ห้องรับแขก อยู่รวมๆ กัน

มีของใช้เพียบพร้อม แค่ไม่มีไฟฟ้าเท่านั้นเอง แต่ก็มีเครื่องปั่นไฟด้วย และน้ำจืดก็ต้องใช้น้ำบาดาล

มันไม่ได้อยู่ติดทะเลซะทีเดียว เพราะคงกลัวเรื่องสิ่งปลูกสร้างที่ยื่นไปในทะเล

เป็นเซฟเฮ้าท์ของแกจริงๆ นั่นแหละ ขนาดเมียแกยังไม่รู้



แต่ผมก็สังเกตว่าบ้านนี้ มันเคยมีคนอยู่อีกคน เพราะทุกอย่างคูณสอง และที่สำคัญเป็นของผู้ชาย

เช่นรองเท้าแตะที่วางทิ้งไว้เก่านานนม แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว

แม้แต่เสื้อผ้าชุดลำลอง ที่พับไว้ลวกๆ ก็ไม่ใช่สไตล์ของพี่ปั้นแน่ๆ มันคงเป็นของใครสักคนมาก่อน

ผมไม่ใช่คนแรกที่พี่ปั้นพามา ผมรู้แค่นี้



ส่วนผมไปจัดการ กางเต็นท์ให้ล้ำไปถึงชายหาด มองออกนอกประตูเต็นท์ก็เป็นทะเล

แม้ว่าหาดจะไม่สวยเท่าไหร่ มีก้อนกรวดสีแดงๆ อยู่ไปรอบๆ แต่มันก็ส่วนตัวโคตรๆ

ผมปูเต็นท์บนพื้นทรายนุ่มเหมือนนอนบนที่นอน กว่าจะกางเต็นท์เสร็จ ผมขึ้นไปบนบ้าน

พี่ปั้นก็นอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 20-11-2014 21:44:39

เซอร์ไพรส์จริงๆ ให้ดิ้นตาย  :ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-11-2014 21:46:29
ชอบมาก ได้อ่านแบบ(ค่อนข้าง)ต่อเนื่อง เรื่องราวก็ดำเนินไปเรื่อยๆสบายๆ
ว่าแต่ใครกันนะที่พี่ซุปตาร์เคยพามา
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #7 โลกหยุดหมุนไปแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 20-11-2014 21:52:37
ซุปตาร์ #7

ถึงแม้เราจะมาด้วยกัน แต่ก็เหมือนพักคนละที่ เราใช้ห้องน้ำเดียวกัน กินข้าวด้วยกัน

นอกนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ ผมก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่ในเต็นท์ คิดถึงแม่ตะหงิดๆ

ตั้งแต่ออกทัวร์ ยังไม่ได้กลับบ้านเลย แถมช่วงนี้ไม่ได้โทรไปหา กลัวแกกังวล

บางทีผมก็ไปเดินชายหาด แบบว่าแทบจะแก้ผ้าได้ เพราะไม่มีใครเลยแถวนั้น

ส่วนพี่ปั้น นั่งเฉยๆ เกากีตาร์ จดโน่นจดนี่ อาจจะแต่งเพลงมั้ง ผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง



พอเข้าวันที่ห้า สะเบียงเริ่มหมด ผมเริ่มเบื่อ เริ่มโหยหาข่าวสาร ผมอยากออกไปข้างนอกบ้าง

ตอนเช้าระหว่างกินอาหารเช้ากัน ผมเลยบอกพี่ปั้นว่า ผมอยากไปซื้ออาหารมาเพิ่ม

เอารถไปเติมน้ำมัน ไปซื้อมาใช้กับเครื่องปั่นไฟด้วย

พี่ปั้นพยักหน้า ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เตรียมขับรถเข้าเมือง



ผมแวะปั๊มน้ำมันใหญ่ มีทุกอย่างอยู่ในปั๊ม ทั้งร้านสะดวกซื้อ ทั้งอาหารต่างๆ และแน่นอนหนังสือพิมพ์

แต่ผมก็หาหนังสือพิมพ์เมื่อสองสามวันก่อนคงไม่ได้

ผมจะดูเรื่องหนีจากโรงพยาบาลก่อน แต่ไม่มีข่าวนั้นแล้ว มีแต่ข่าวเกี่ยวโยงไปมา

สรุปข่าวทั้งหมดของซุปตาร์

'เตียงหักมีมือที่สาม จนต้องนอนล้มป่วย'

'หนีออกจากโรงพยาบาล เพราะกลัวทนสู้หน้าสื่อไม่ได้'

'ตอนนี้ต้นสังกัดยังไม่ทราบว่าไปไหน ก็ได้แต่ปฏิเสธเรื่องเตียงหัก มือที่สามว่าไม่เป็นความจริง'




ข่าวมาแนวนี้หมด ผมกวาดหนังสือทุกฉบับ ทั้งนิตยสารก็อซซิป ทั้งหลาย

แล้วก็ไม่ลืมโทรหาพี่เก๋ จากตู้สาธารณะ ผมยังคงคิดหนัก ว่าผมต้องเคารพพี่เก๋หรือพี่ปั้นก่อนดี

ผมต้องเคารพพี่เก๋ เพราะแกไว้ใจผม เป็นคนจ้างงานผมให้ดูแลพี่ปั้น

แต่ผมก็ต้องเคารพพี่ปั้น เพราะแกไว้ใจผม ให้ผมไปเห็นที่ส่วนตัวของแกสุดๆ

ตอนนี้ผมโคตรลำบากใจ ผมเลยโทรหาพี่เก๋ แล้วรีบๆ พูด ว่าพี่ปั้นสบายดี ถ้าพร้อมเมื่อไร จะกลับไป

พี่เก๋ยังไม่ทันพูดอะไร ผมก็วางหู ผมก็แอบซื้อมือถือเครื่องละไม่กี่ร้อย แอบติดมือไปด้วย



ผมเอาหนังสือพิมพ์ ที่ตีข่าวเรื่องเตียงหักให้พี่ปั้นดู แกอ่านแค่หัวข้อแล้วก็ขว้างทิ้งไปไกลๆ

ผมไม่ได้เอามาตอกย้ำ ผมแค่เอาข่าวมาบอก แล้วผมก็เดินหนีมา อยู่ในเต็นท์ส่วนตัว

ผมก็แอบซ่อนมือถือเอาไว้ ผมกะเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ ดีกว่า

ถึงแม้ผมจะคิดถึงใครๆ แต่ผมก็มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่ปั้นสองต่อสอง

ในโลกที่ไม่ต้องมีคำถาม ไม่ต้องมีเงื่อนไข ในโลกที่ผู้ชายก็รักกันได้

ถ้ามีใครถามว่า ถ้าโลกแตกคุณอยากอยู่กับใคร ตอนนี้ผมรู้สึกว่าอยากอยู่กับพี่ปั้น

ผมคงมีความสุขแม้ว่าจะขัดกับความจริง ว่าถ้าโลกระเบิดเราคงวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น



หลังจากอ่านข่าวเตียงหัก พี่ปั้นก็เริ่มอาละวาด ตอนประมาณสามทุ่มผมนอนไปแล้ว

ได้ยินเสียงคนตะโกนที่ชายหาดโหวกเหวกโวยวาย จนผมสะดุ้งตื่น ไม่มีใครอื่นหรอก พี่ปั้นนั่นแหละ

ผมชโงกไปดูที่นอกเต็นท์ ก็เห็นก้นขาวๆ ของพี่ปั้น อาบพระจันทร์เต็มดวง ฮาฮ่า

แกไม่รู้หรือไงว่าพระจันทร์เต็มดวงมันสว่างมากนะพี่ แก้ผ้ามาอาบแสงจันทร์ คิดได้ไง

ผมแอบมองแล้วยิ้ม รูปร่างผู้ชายกับทะเลที่มีเงาสะท้อนแสงจันทร์ ไร้ที่ติ



ผมออกมานั่งหน้าประตูเต็นต์แล้ว พอแกตะโกนด่าห่าเหวได้สักพัก แกก็หันมาเห็นผม

แกเดินมาโทงๆ มาหาผมทันที ไม่มีอะไรต้องอาย

ไม่มีส่วนไหนที่ผมยังไม่เห็นของพี่ปั้น แค่ยังสัมผัสไม่หมดเท่านั้นเอง

พี่ปั้นจะจับผมถอดกางเกง ผมตกใจนึกว่าแกจะแกล้ง ผมเลยไม่ยอมให้ถอด

เราเลยปล้ำกันอยู่พักนึง ในที่สุดผมก็แพ้

แกจูงผมไปลงทะเล คือจริงๆ ผมค่อนข้างกลัวทะเล เพราะผมเป็นเด็กบ้านนอก บ้านไม่มีทะเล

ยิ่งมืดๆ ผมยิ่งไม่กล้าเหยียบทรายไปลึกๆ จนพี่ปั้นต้องดันตัวผมลงไป

ผมก็ต้องลงไป เพราะว่าอยู่เหนือน้ำตื้นๆ นานๆ มันก็โล่งโจ้งไปหน่อยนะ

แกก็ไม่ได้ทำอะไรผมหรอก เราแค่ยืนมองหน้าที่อาบแสงจันทร์ของกันและกันอยู่

ผมก็มองหน้าแกแล้วยิ้มมุมปาก แกมองผมแล้วก็ยิ้ม บางทีการไม่พูดอะไร ก็สร้างความสุขไปอีกอย่างหนึ่ง

แล้วสักพัก เราก็หัวเราะกันอย่างไม่มีเหตุผล ผมกับพี่ปั้นเป็นแบบนี้บ่อยๆ



และแล้วผมก็จูบพี่ปั้น พี่ปั้นตอบรับอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรต้องปิดบังความต้องการของตัวเอง ไม่มีการต่อต้าน

เราจูบกันเนิ่นนาน แล้วมองหน้ากัน แล้วเริ่มจูบกันอีก โลกเหมือนจะหยุดหมุนไปนานแล้ว

เราเอามือมาสัมผัสหน้ากันและกัน และลูบไล้ไปตามโคนผม ลำคอ หน้าผาก หู จมูก ปาก หนวด คาง

เหมือนอยากจะจดจำใบหน้านี้เอาไว้ เหมือนกับว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว หรือว่าโลกจะแตกจริงๆ

แล้วเราก็จูบกันแล้วจูบกันอีก เนิ่นนานจนเราพอใจ ผมรู้สึกปลดปล่อย สบายใจ ไม่กังวล ว่าสิ่งที่ทำไปมันผิดหรือถูก

ผมรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่นอกจักรวาล ผมอยากจะรำพันออกมาว่ารักเค้ามากแค่ไหน

แต่ผมก็รู้ว่าเค้ามีเรื่องที่ต้องจัดการเยอะแล้ว อย่าเอาความรู้สึกผมไปทำให้เค้าต้องกังวลอีกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-11-2014 22:10:07
อืม เหมือนเห็นแววนะ จะมีมาม่ามั้ยอ่ะ
คนเขียนสู้ๆจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 21-11-2014 06:33:53

พี่ปั้นทำประชดหรืออารมณ์พาไป หวังว่าคงไม่สงสารน้อง  :ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-11-2014 10:40:07
 :z10: แค่หวั่นไหว แค่เหงา หรือเปล่าคะพี่ปั้น หลายเรื่องเลยนะทั่นซุปตาร์ของเรา

ว่าแต่อร่อยจริงไหมนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #8 ความสุขเพียงข้ามคืน
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 21-11-2014 21:46:00
เขียนวิจารณ์งานเขียนให้ด้วยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ ใส่ได้เต็มที่
-----------------------------------------------------------------

ซุปตาร์ #8

ผมตื่นขึ้นมาอีกตอนเช้าบนเตียงพี่ปั้นในบ้าน ผมสลืมสลือ ก็เห็นพี่ปั้นตื่นแล้ว นอนตะแคงมองหน้าผมอยู่

พี่ปั้นยิ้มให้ เอามือลูบหัวผมทีหนึ่ง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ทัวร์คอนเสิร์ต ที่พี่ปั้นตื่นก่อนผม

แต่ผมไม่ลืมที่จะทำหน้าที่ ถามไปว่าพี่ปั้นหิวหรือยัง เพราะผมต้องทำหน้าที่ทำอาหารเช้าเป็นประจำ

แต่กลิ่นหอมกาแฟโชยมา จากที่โต๊ะกินข้าว พอเดาได้ว่าพี่ปั้นเตรียมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว

ผมเขินเล็กน้อย ที่ขี้เซาไปหน่อย จนพี่ปั้นต้องมาเตรียมอาหารเอง

ระหว่างกินอาหารเช้ากัน สังเกตหน้าพี่ปั้นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ขมวดคิ้ว แล้วก็ถอนหายใจหนักๆ

ผมเริ่มกังวล ว่าเป็นเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่านะ แต่ก็ไม่กล้าถาม ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ

การที่ต้องอยู่กับพี่ปั้นมากๆ ก็ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ผมต้องหักห้ามใจ ห้ามนิสัยตัวเองหลายเรื่อง

ผมต้องทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ไปทำตัวน่ารำคาญ หรือปล่อยมุกเวลาที่ไม่ควร



พี่ปั้นทำลายความเงียบ ถามผมว่าหมดงานทัวร์แล้ว ผมจะไปทำอะไรต่อ

ผมก็บอกว่า เงินผมได้มาเยอะเหมือนกันจากทัวร์ คงจะกลับบ้านที่พิษณุโลกไปอยู่กับแม่สักพัก

แล้วรอดูว่ามีใครเรียกไปทำฟรีแลนซ์อีกไหม ถ้าไม่มีก็คงตั้งวงกับเพื่อนเล่นดนตรีกลางคืนกัน

พี่ปั้นพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ



ผู้ชายที่เพิ่งมีอะไรกับผู้ชายไปเมื่อคืน เค้าจะคิดอะไรกันต่อวะ

เค้าคงไม่ขอแต่งงาน เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่ทำไปเมื่อคืน

หรือฟูมฟายต้องรับผิดชอบลูกที่อาจจะเกิดมา อะไรแบบนั้น

ผู้ชายกับผู้ชาย มันเป็นอย่างนี้นี่เอง มันไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร

การมีอะไรกัน ก็ไม่ได้ประกาศว่าคุณจะต้องเป็นแฟนกันหรือเป็นคู่ชีวิตไปตลอด

และสำหรับผม ผมรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทางกาย เพราะเราต่างก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่

แต่เรื่องของใจ ความรักที่ผมมีให้ใครไป ผมต้องรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง

จนกว่าเค้าจะบอกว่าไม่ต้องการความรักจากผมแล้ว รู้สึกเน่านิดหน่อย



ผมกลับมานั่งทอดหุย ที่อยู่เต็นท์เหมือนเดิม คิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อคืน ก็อดยิ้มไม่ได้

ครั้งแรกของผม แม้มันจะทุลักทุเลไปหน่อย แต่ก็สนุกดี ผมรู้สึกเหมือนเด็กซุกซน ขำไปซะทุกเรื่อง

บางทีก็ขำแก้เก้อเพราะผมเขิน



แล้วพี่ปั้นก็ลงมาจากบ้านเดินมาหาผมที่เต็นท์ เรานั่งกันปากประตูเต็นท์ ไม่ใส่เสื้อทั้งคู่

ผมใส่บอกเซอร์ พี่ปั้นใส่กางเกงเล นั่งชันเข่ามองไปที่ทะเล แสงส่องน้ำระยิบระยับ จนตาหยี

เรานั่งตัวติดกัน แต่ไม่พูดอะไรกัน พี่ปั้นทำเหมือนจะพูดอะไร ผมเลยหันไปมองจ้องหน้าเค้าแล้วยิ้ม ถามเค้าว่ามีเรื่องอะไร

"เรื่องเมื่อคืน..."

เอาแล้วไง เรื่องที่ผมสงสัย ว่าเราจะไปต่อยังไง แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่อยากได้รับคำตอบเลย

เพราะดูจากสีหน้าของพี่ปั้น คำตอบนั้นคงไม่ดีแน่ ผมเลยทำเป็นมองไปที่ทะเลนั่งเขี่ยทรายเล่น เหมือนไม่อยากรับฟัง



พี่ปั้นเอามือมาจับหน้าผม ให้มองหน้าเค้าแล้วตั้งใจฟัง แต่ผมก็พยายามหลบตา

"ต้า ฟังผมนะ ที่เราอยู่ด้วยกันมา สิ่งที่เราทำไปเมื่อคืน มันไม่ได้ไม่มีความหมาย ผมมีความสุขมาก ที่ได้อยู่กับคุณ ..."

คราวนี้ผมจ้องตาพี่ปั้น คำพูดของพี่ปั้น กำลังมีคำว่า 'แต่' ต่อท้าย

" แต่... "
 
นั้นไงล่ะ

"ชีวิตของผมมันยุ่งยาก ชีวิตไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป ผมทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้

ผมมีแฟนเพลงที่ยังสนับสนุน มีงานดนตรีที่ต้องทำ และที่สำคัญผมยังมีภรรยาอยู่

ผมไม่อยากให้ชีวิตของคุณยุ่งยากไปด้วย ผมเคยมีคนที่ผมรัก

ผมก็ไม่สามารถรับผิดชอบเค้าได้ จนเค้าต้องจากผมไป "

พี่ปั้นเอาหน้ามาใกล้ผมอีกนิด เหมือนจะเน้นย้ำคำพูดเข้าไปอีก

"ผมต้องหักห้ามใจหลายครั้งเมื่อตอนอยู่ใกล้คุณ แต่เหมือนมันทำไม่สำเร็จ

และแล้วเมื่อคืนผมก็ทำอะไรตามใจตัวเองอีก ทำในสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบไม่ไหว"


ส่วนผมก็อยากจะปล่อยมุก 'ผมก็อยากจะซื้อสินค้าที่ถูกใจเมื่อแรกเห็น แม้รู้ว่ามันไม่มีบริการหลังการขาย'

มุกโง่ๆ ที่ยังอุตสาห์คิดได้ ผมควรจะใช้เวลาไปคิดว่า นี่คือคำบอกเลิกสินะ

ยานแม่กำลังมารับผมกลับไปสู่โลกแห่งความจริง เรายังคงนั่งจ้องหน้ากันอยู่

น้ำตาผมเริ่มมาเอ่อรอ ตาร้อนผ่าว ผมพยายามคิดมุกฮาๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

ผมยิ้มแล้วพยักหน้าให้พี่ปั้นหายห่วง หมายความว่าผมยอมรับคำบอกเลิกที่สวยหรูแต่โดยดี

พี่ปั้นบรรจงจูบแผ่วเบาที่มุมปากของผม แล้วเรื่อยมาที่หูของผม เหมือนอยากจะกระซิบอะไร แต่ก็เปล่า

แล้วโน้มคอผมไปกอดไว้ ผมซบลงที่ไหล่พี่ปั้น และแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจนได้ มุกไหนก็ช่วยไม่ได้แล้ว



พี่ปั้นผละตัวแยกออกจากผม พยายามไม่มองผม ไม่ปลอบ แกคงอยากตัดให้ขาดเสียตั้งแต่ตอนนี้

ก่อนจะเดินออกจากไป แกก็บอกผมว่า พรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพฯ แล้ว

เย็นนั้นจนถึงกลางคืน ผมก็ไม่ได้ออกจากเต็นท์อีกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-11-2014 21:58:58
พี่ปั้นทำไมทำอย่างเง้... น่าสงสารต้า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-11-2014 22:27:25
ถ้ารู้ว่าจะรับผิดชอบไม่ไหวทำไมไม่หักห้าม เลวอ่ะ เมียก็ยังไม่ได้เลิกตัวเองก็มีอะไรกับใครไปทั่วไม่ต่างกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #9 การจากลา
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 21-11-2014 22:42:46
ซุปตาร์ #9

ตอนเช้า ผมรีบตื่นมาเก็บเต็นท์แต่เช้า เพราะไม่รู้ว่าพี่ปั้นจะกลับตอนไหน

ผมรีบเก็บของของผมใส่รถเรียบร้อย แล้วนั่งรอจนพี่ปั้นตื่นอาบน้ำ

ผมก็ไปเก็บที่นอน เก็บเสื้อผ้า ทำความสะอาดบ้าน อาหารเช้ารออยู่บนโต๊ะ

ผมรอแค่เก็บล้าง เป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะปิดบ้าน

ผมทำทุกอย่างตามหน้าที่ ของผู้ดูแลศิลปิน ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

พี่ปั้นคงแปลกใจนิดหน่อยที่ผมทำท่าทีห่างเหิน เหมือนเค้าเป็นซุปตาร์ แล้วผมเป็นคนรับใช้

เหมือนสถานะที่เราเคยเป็นมา



ผมอาสาขับรถเอง เราออกมาจากบ้านก็เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว พี่ปั้นบอกให้ผมแวะบ้านชาวสวนหลังหนึ่ง

แกทักทายลุงคนที่เช่าที่แกอยู่ ลุงเดินมาหาที่รถ พี่ปั้นบอกว่าจะกลับแล้ว และบอกฝากฝังบ้าน

ลุงบอกว่า แถวนี้ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเข้ามาหรอก

แล้วแกก็เหมือนนึกอะไรได้ แกเล่าว่าเมื่อวานเหมือนมีรถทะเบียนกรุงเทพฯ หลงมา

แต่พอเย็นๆ ก็กลับออกไปละ ลุงแกช่างสังเกต

จนผมสงสัยว่า แกสังเกตเราสองคนไหม ว่าทำอะไรท้าทายทะเลกับพระจันทร์ไปบ้าง



ผมขับรถค่อนข้างเร็ว จนพี่ปั้นต้องหันมามองหลายครั้ง น่าจะรู้ว่าผมโกรธ

ผมอยากถึงกรุงเทพเร็วๆ และอยากจากพี่เค้าไปเร็วๆ เราไม่พูดอะไรกันเลย จนต้องแวะเติมน้ำมัน

พี่ปั้นเดินไปเข้าห้องน้ำ และเข้าไปร้านสะดวกซื้อในปั๊ม ผมนั่งรออยู่ที่รถ สักพักผมเห็นแกออกมาจากร้าน

หอบหนังสือพิมพ์กองใหญ่ ใบหน้าบึ้งตึง เปิดประตูรถอย่างทุลักทุเล แล้วโยนทั้งหมดไปที่หลังรถ

แล้วชูหน้าหนึ่งให้ผมดูหนึ่งฉบับ



กลางหราหน้าหนึ่ง เป็นภาพของชายหนุ่มสองคน ที่ไม่ใส่เสื้อทำท่าเหมือนจูบกัน อยู่ปากประตูเต็นท์

พร้อมพาดหัวข่าว

'หนุ่มหน้าเหมือนนักร้องขาร๊อกกำลังจูบผู้ชาย'

 'เผยแล้วสาเหตุเตียงหัก นักร้องวงร๊อกชื่อดังเป็นเกย์'




เมื่อพี่ปั้นรู้ว่าผมเข้าใจแล้ว ก็โยนหนังสือพิมพ์ไปกองรวมกับอันอื่นที่เหมาซื้อมาจากร้าน

แล้วบอกให้ผมโทรหาพี่เก๋ รู้ได้ยังไงว่าผมมีมือถือซ่อนอยู่

เมื่อพี่เก๋ได้ยินเสียงผมเท่านั้น แกปรี๊ดแตกใส่มือถือ จนผมต้องเอาออกห่างจากหู

ก่อนที่แกจะด่าอะไร ผมก็บอกว่าพี่ปั้นอยากคุยด้วย



พี่เก๋คงถามให้แน่ใจว่ารูปนั้นใช่พี่ปั้นหรือเปล่า พี่ปั้นก็ได้แค่ตอบว่าอืมๆๆๆ

พี่เก๋ก็คงบ่นใส่พี่ปั้นว่าทำอะไรไม่ระวัง พี่ปั้นเลยตะวาดใส่พี่เก๋ กลับไป

“ก็ใครล่ะ ที่จ้างเด็กมาดูแลพี่ มันแอบเข้าเมืองเมื่อสองวันก่อน โดนใครตามมาบ้างก็คงไม่รู้

แถมซื้อมือถือไปแอบใช้อีก โทรหาใครมั่งแล้วก็ไม่รู้ คงไม่ระวังตามเคย ”

เอาแล้วไง ผมโดนก่อน

“ใช่สิ ชีวิตผมสิที่ต้องตกนรกคนเดียว มันก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ต้องมาเจอเรื่องข่าวอะไรหรอก

ใครเค้าจะไปจำหน้าผู้ชายอีกคนวะ มีแต่หน้าพี่นี้แหละหรา ต้องมานั่งแก้ข่าว แม่งโคตรเบื่อ”

พี่ปั้นยังคงด่ากระทบผมต่อไป เหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น ผมโดนอีกละ

มือถือผมก็ไม่ได้โทรสักหน่อย ถามกันหรือยัง

ผมยอมรับ ผมไม่ระวังเรื่องเดียว ที่ผมโทรหาพี่เก๋ด้วยตู้สาธารณะ ทำให้คนรับสายคงพอเดาได้ว่าผมโทรจากพื้นที่ไหน



พี่เก๋บอกว่ารูปนั้นเราจะไม่ยอมรับก็ได้เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน ปล่อยให้คลุมเครือไป

เพราะมันถ่ายจากมือถือ มันไม่ได้ชัดมากมาย แล้วให้เราแยกทางกันโดยด่วน เพื่อไม่ให้คนผิดสังเกต

พี่เก๋เลยบอกว่าเมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้ว ให้พี่ปั้นไปอยู่ที่คอนโดส่วนตัว แล้วปล่อยผมลงนั่งแท็กซี่ไปที่บริษัทคนเดียว

แล้วพี่ปั้นก็เปลี่ยนมาขับรถเองไปจนถึงกรุงเทพฯ เราไม่พูดอะไรกันตลอดทาง



เมื่อถึงประมาณธนบุรีปากท่อ ก็เริ่มค่ำแก่ๆ ริมถนนที่คนไม่พลุกพล่าน

แกก็จอดรถให้ผมลงเพื่อต่อแท็กซี่ไปที่บริษัท ผมเอื้อมหยิบเป้ แล้วยกมือไหว้พี่ปั้น

พี่ปั้นมองมาทางผมเหมือนจะพูดอะไร แต่ผมอยากรีบออกจากรถไปให้เร็วที่สุด

พี่ปั้นจับต้นแขนผมไว้ เหมือนบอกให้ผมมองหน้าแกหน่อย ผมก็ไม่มอง มองไปนอกหน้าต่างรถ

"ผมขอโทษ ที่ตะกี้พูดแรงไปหน่อย ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น

แต่เก๋มันซักๆ ผมก็เลยโมโห พูดไปไม่ได้คิด ผมกังวลมาตลอดทาง

ไม่ใช่เรื่องข่าว แต่เป็นเรื่องนี้ เรื่องของเรามากกว่า"



พี่ปั้นยิ่งพูด ผมยิ่งรู้สึกแย่ ผมเลยพยักหน้าหงึกๆ เหมือนเข้าใจ แล้วจะลงจากรถ

พี่ปั้นรู้ว่าผมยังไม่หายโกรธ ก็ยังรั้งแขนผมไว้ แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นกระชากแทน

แล้วพยายามจะรั้งคอผมไปกอด แต่ผมก็ยั้งตัวออกมา พยายามออกจากรถให้ได้

ถ้ามีใครมาเห็น คงคิดว่าพี่ปั้นกำลังปล้นอะไรผมสักอย่าง

ดีที่แถวนั้นไม่มีใครและรถก็วิ่งไปมาอย่างเร็วจนไม่มีใครสังเกต

เรายื้อยุดฉุดกระชากกันสักพัก ความเศร้ากับความโกรธก็ทำให้ผมต้องปล่อยโฮ

พี่ปั้นเลยดึงผมไปกอดได้สำเร็จ คราวนี้เค้าปลอบผมและบอกผมว่าอย่าร้องไห้

และพูดคำว่าขอโทษซ้ำๆ หลายครั้ง แล้วแกก็พูดว่า ขอให้เรื่องต่างๆ จบไปก่อน

"แล้วผมจะ..." แล้วแกก็เงียบไป

"ผมจะไม่ให้คำมั่นสัญญากับใคร ถ้าผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ผมไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเป็นยังไง ต่อจากนี้

แต่ผมอยากจะบอกว่า ผม ระ... "

เหมือนเสียงมันถูกกลืนหายไปทางลำคอ

"จริงๆ ผมอยากอยู่ใกล้คุณตลอดเวลา คุณทำให้ผมสบายใจ ทำให้ผมเป็นตัวของตัวเอง"

ผมยังซบที่อกพี่ปั้น แล้วพี่ปั้นจับตัวผมยกขึ้น ปาดน้ำตาผม ลูบหน้าผาก 

"เราไม่ได้จะจากกัน อย่าร้องไห้ เรายังติดต่อกันนะ ผ่านเก๋มา ผมขอกลับไปคุยกับเก๋ที่คอนโดก่อน แล้วเดี๋ยวให้เก๋ติดต่อไป "

ผมรู้สึกว่า มันเหมือนคำพูดหลอกเด็ก ให้เลิกร้องไห้มากกว่า ซื้อไอติมให้ผมซะดีกว่า 



พี่ปั้นพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณว่า ผมควรไปได้แล้ว ผมยกมือไหว้อีกที

พี่ปั้นพยายามไม่มองหน้าผม รถพี่ปั้นเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ

พี่ปั้นยังคงมองกระจกหลังมาที่ผม ผมก็มองเค้า ผมใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก

เหมือนรู้ว่าจากนี้เราคงไม่ได้พบกันอีก... ตลอดไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-11-2014 23:01:00
การบรรยายแปลกดีครับ ใช้คำพูดตรงๆ ง่ายๆ เล่าเรื่อง ไม่แสดงอารมณ์
ก็ดูจริงใจไปอีกแบบครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-11-2014 23:06:39
แอบเห็นใจต้าเบาๆ เข้าใจอารมณ์ตอนอยู่ในรถที่พี่เป้คุยโทรศัพท์เลยอ่ะ
ไม่ต้องไปชอบหรอกพี่เป้อ่ะ ลืมๆไปเหอะชีวิตจะได้ดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-11-2014 23:35:35
สนุกดีค่ะ
การเล่าเรื่องแนวนี้   คือมีแต่ตัวเอกที่บอกทุกอย่าง ไม่พูดความรู้สึกมาก แต่ให้เหตุการณ์มันพาไป  มันเข้ากับโทนของเรื่องดีค่ะ ที่มึนๆหน่วงๆ
แต่นึกว่าพี่ปั้นจะไม่มีบทพูดซะแล้ว555
พูดเพราะซะด้วย
เลยเงิบนิดนึง ขัดกับลุคพี่แกมาก ที่เลวทุกสถานการณ์555
ไม่มีอะไรต้องแก้เลยสำหรับเรา มันกำลังพอดีกับโทนเรื่อง
แต่คนอ่านจะไม่รู้ว่าตัวเอกรู้สึกไปทางไหน  ความรู้สึกของตัวเอกที่เรารับรู้มันจะไม่สุด   ไม่รู้ว่าตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรือเปล่า เพราะก็มีบทที่กั๊กอยู่ที่ตัวเอกพูดเอง(และไม่พูด แต่บอกสถานการณืแทน)
สำหรับเรา มันดันกำลังพอดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #10 แค่ขนมหลอกเด็ก
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 21-11-2014 23:48:16
มีการเปลี่ยนบทกลางอากาศนิดหน่อย อาจจะช้าหน่อยนะคะ

------------------------------------------------

ซุปตาร์ #10

ผมมาถึงบริษัทเพลงเพื่อรอเคลียร์กับพี่เก๋ ผมเข้าไปรอในห้องแก เพราะลูกน้องบอกว่าแกสั่งไว้

ผมเลยขอใช้อินเตอร์เนตเสียหน่อย เปิดไปก็เจอแต่ข่าวหน้าหนึ่ง เรื่องที่พี่ปั้นเปิดตัวเป็นเกย์

และคอมเม้นท์กันอย่างสนุกปาก

'โบรกแบ็คว่ะ'
'หน้าเต็นท์ด้วย มันใช่เลย'
'ได้หลังลืมหน้าโว้ย'
'เตียงหักเพราะจู๋'
'ขุดทองกันเพลินเลยนะมรึง'
'กรูไม่น่าหลงไปฟังเพลงแมร่งเลย'
'โธ่ไอดอลของกรูตุ๊ดแตกซะละ'

 

ผมอ่านไปเรื่อยๆ คนที่ไม่รู้จักเค้าดี มาเขียนต่อว่าเค้ามากมาย

เค้าตัดสินเรื่องเพศ ว่าที่ไม่ใช่แบบหญิงกับชายคือผิด ผิดไปหมด

ตอนนี้ผมเริ่มสงสารพี่ปั้นจับใจ พลางคิดว่า เมื่อกี้ผมไม่น่าไปเหวี่ยงแกเลย

ผมเห็นแก่ตัวเกินไป อยากให้เค้ารักใส่ใจ โดยไม่ได้นึกถึงตัวเค้าว่าเค้าต้องเจออะไรบ้าง

ผมอ่านเนื้อข่าวมีแต่คนมาคอมเม้นท์ด่าพี่ปั้น ไม่มีใครพูดถึงผู้ชายอีกคน ที่อยู่ในภาพนั้น

ผมเลยได้เข้าใจคำว่า คนไม่มีตัวตนหรือโนบอดี้ ได้ก็ตอนนี้

ผมรู้สึกผิดมากมาย แทนที่จะให้กำลังใจคนที่เรารัก ดันไปทำตัวงี่เง่า ในวันที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว



และแล้วเสียงดังมาจากประตูออฟฟิศ พี่เก๋กลับมาแล้ว แกเดินเข้ามา ทำหน้าขมึงเกลียวใส่ผม

ถ้าตีผมได้ แกคงถือไม้เรียวมาตีแล้ว

"นี่ไอ้ต้า ฉันจ้างแกมาให้ดูแลพี่ปั้น ให้รักษาชื่อเสียง ไม่ใช่ให้ชื่อเสีย แล้วดูสิ แก... แกมาทำสะเอง

ทำไมวะ พี่บอกแล้วใช่ไหมให้ระวัง"

"ผมขอโทษครับ" ผมก้มหน้าตอบ

ตอนนี้ผมคงตอบได้เท่านี้ ผมจะไม่เถียงอะไร พี่เก๋ก็ร่ายยาวเทศน์สั่งสอน

ตอนพี่เก๋จ้างผมทำหน้าที่ดูแลศิลปิน ตอนเซ็นสัญญาจ้างงาน

เรามีการเซ็นสัญญาเรื่องจะไม่เผยแพร่ความลับใดๆ ของศิลปิน

จุดนี้พี่เก๋ ไม่ต้องกังวล ว่าผมจะเอาไปแบล์คเมล์



"แกทำอะไรไป ให้มันรอบคอบหน่อย พี่บอกเสมอไม่ใช่เหรอ ว่าพี่ปั้นเค้าเป็นเซเล็บ เค้าเป็นคนมีชื่อเสียง

ไม่ใช่อย่างเรา แกจะไปทำอะไร มีใครสนใจที่ไหน แต่พี่ปั้นเค้าทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้

แกก็รู้สังคมไทยเค้ารับไม่ได้ ไหนจะแฟนเพลง ไหนจะนักข่าว โซเชี่ยลเน็ต บอกตามตรงนะ ตอนนี้พี่เอาไม่อยู่"



พี่เก๋ถอนหายใจ แกบอกว่า จะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว

คือให้ข่าวเงียบไปเอง ไม่มีการแก้ข่าว พี่ปั้นจะไม่เลิกกับเมีย(ทวนสิ) ไม่เลิกกับเมีย

ไม่เล่นคอนเสิร์ต ไม่โชว์ตัว ไม่ให้ข่าวเดี๋ยวเรื่องก็เงียบเอง คนไทยลืมง่าย

ส่วนตัวผมพี่เก๋ก็บอกให้ผมหายตัวไปด้วย พี่ปั้นไม่อยากเจอผมอีกแล้ว

พี่ปั้นไม่อยากเจอผมอีกแล้ว ทวนอีกทีสิ



ผมรู้สึกเศร้าและใจหาย เพราะว่าผมคงไม่ได้มีโอกาสมาย่างกายเฉียดพี่ปั้นได้อีกแล้ว

ผมทำหน้าเศร้ากำลังเดินออกไป พี่เก๋จากที่อารมณ์ด่าๆ ก็เลยเดินมาหาผมเหมือนจะมาปลอบใจ

แกลูบหัวผม แล้วบอกผมว่า

"พี่อยากให้แกทำเพื่อพี่ปั้นนะ แกอย่าไปเที่ยวบอกใครเรื่องนี้ แกต้องเข้าใจเค้าหน่อยนะ

เค้าทำอะไรไปคงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ อาจจะประชดเรื่องเมีย

พี่ว่าเค้าไม่น่า... เอ่อ... คือแบบ มีอะไรกับผู้ชายอะไรแบบนั้น บรรยากาศอาจจะพาไป เหงาๆ ไรแบบนั้น

คือพี่ไม่กังวลเรื่องข่าวพี่ปั้นเป็นเกย์เลยนะ เพราะพี่รู้ว่าเค้าไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ พี่ว่าเดี๋ยวสักพักข่าวก็เงียบ

พี่ปั้นก็เป็นพี่ปั้นคนเดิม ร๊อกเกอร์หน้าโฉดเหมือนเดิม ต้าไม่ต้องเป็นห่วง ต้าไม่ต้องติดต่อมาแล้วล่ะ

ตะกี้พี่คุยกับพี่ปั้น พี่ปั้นเค้าโอเค อยู่ห่างๆ กันไว้ ก็โอเค เรื่องคงจบ" พี่เก๋ตบไหล่ผมเบาๆ



ผมหายใจ พ่นจมูก ฮึๆ ในลำคอ เหมือนเป็นการเย้ยหยันตัวเอง ที่มาบ้าบอ มโนไปเอง

ว่าเค้าอาจจะชอบ เค้าอาจจะรัก เค้ายังอยากคบเราอยู่ มันก็แค่ขนมหลอกเด็กจริงๆ ด้วยว่ะ

ผมน่าจะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกเศร้ามากๆ

ผมแค่อยากกลับบ้าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2014 00:20:04
ลาจากตลอดกาล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 22-11-2014 06:16:10

สงสารต้า  :ling2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 22-11-2014 07:17:21
สงสารต้าอ่ะ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-11-2014 07:46:59
แล้วจะได้เจอกันไหม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-11-2014 08:11:31
 :ling2:   สุดแล้วแต่พี่ปั้น
เข้าใจแต่เจ็บปวด เห้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-11-2014 09:22:47
จะร้องงงงง

ซุปตาร์ไม่อร่อยเลย

กินแล้วขมใจขมปาก :mew4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-11-2014 11:50:25
อารมณ์เหมือนฟันแล้วทิ้งเลยนะ

คนเขียนเปลี่ยนหัวกระทู้ด้วยฟด้มั้ยคะ พออัพเดทแล้วใส่วันที่ที่อัพจะได้รู้จะได้เข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-11-2014 13:22:22
จากกันไป ..
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 22-11-2014 14:19:23
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-11-2014 14:40:55
เฮ้อออออออออออ สงสารต้า เหมือนพี่ปั้นไม่ได้รักเลย
คนมีชื่อเสียงก็เงี้ย กลับบ้านไปตามทางเราดีกว่าต้า
คิดซะว่าที่ผ่านมาเป็นบทเรียน
รอตอนต่อไปคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-11-2014 15:21:13
บ๊ายบายค่ะศิลปิน
บัยม์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 22-11-2014 19:17:21
รักนิรันด์ ฟัน แล้ว ทิ้ง สินะ หึถุยยย ซุปตาร์ ดารา หลอกลวงทั้งเพ  :z6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #11 กลับบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 22-11-2014 21:35:17
มาต่อนะคะ ยังไม่จบนะคะ ทิ้งทุ่นไว้เหมือนจบแล้วใช่ไหม  :mew2: :mew2:

-----------------------------------------------

ซุปตาร์ #11

ผมกลับมาถึงบ้านได้ 3 วันแล้ว ไม่อยากออกไปไหนเลย ผมแทบจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องเท่านั้น

แม่คงจะผิดสังเกต ว่าผมทำไมเก็บตัวเงียบจัง แล้ววันนี้ผมก็ได้ยินเสียงที่ผมคุ้นชิน 'ไอ้ชิน' นั้นเอง

มันเดินขึ้นมาหาผมที่ห้อง ผมก็ทักทายมันแบบปกติ ผมอยากกอดมันเหมือนกันแต่คงไม่ใช่ตอนนี้

ไอ้ชินจากที่มันไปเล่นดนตรีในผับตามจังหวัดต่างๆ ตอนนี้มันกลับมาบ้านแล้ว เพราะเมียกำลังท้อง

มันก็เลยกลับมาพิษณุโลก มาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ รอลูกคลอด

ผมรู้อยู่แล้วว่ามันอยู่พิษ'โลก แต่ผมไม่อยากไปหามันตอนนี้ แต่ความสนิทสนมของเรายังเหมือนเดิม

มันเข้ามาถึงห้องผมก็ทิ้งตัวลงไปนอนที่เตียง ผมนั่งปลายเตียงพิงผนังไว้ มันยิ้มแล้วพูดว่า

"รูปนั้นน่ะ กับปั้นอาฟเตอร์ช็อก อ่ะ มึงใช่ไหม"

ผมหันไปมองมันทันที ถ้าจะมีคนรู้ว่าผมเป็นเกย์ก็มีพี่ปั้นแล้วก็ไอ้ชินนี่แหละที่จะรู้

อีกคนหนึ่งที่น่าจะรู้และคาดเดาได้ก็คือแม่ของผม แม่คือคนที่มักจะสังเกตอะไรในตัวลูกได้เสมอ

ผมหันไปมองหน้ามัน แล้วบอกว่า  "มึงอย่าเอาไปพูดที่ไหน ไม่งั้นกูโดนฟ้องตาย"

ไอ้ชินตอบกลับมาว่า  "ให้กูไปพูดบอกใครก็คงไม่มีใครเชื่อ"

"ไม่เชื่อว่าเด็กบ้านนอกแบบกู จะไปได้ไกลขนาดนี้ใช่ไหม" ผมหันไปมองค้อนมัน

แล้วมันก็เอานิ้วหัวแม่โป้งเท้ามาเขี่ยหูผม เราชอบเล่นแบบนี้กันบ่อยๆ

แล้วมันก็เอาขาหนีบหัวผมลงไปนอนที่เตียง แล้วบอกผมว่าเมียกูท้องแล้วนะเว้ย

ผมเลยบอกว่าเออดีนะมึงก็ยังมีน้ำยา ผมกอดขามันแน่น

ผมอยากเล่าอะไรๆ ให้ใครฟังบ้าง อะไรที่อยู่ในหัวผม ผมอยากระบายให้ไอ้ชินฟัง

มันแซะตัวผม ไปนอนบนแขนมัน ผมไม่คิดอะไรหรอก เราทำแบบนี้กันบ่อย

“โดนทิ้งมาล่ะสิ” ชินถามผม ด้วยเสียงแผ่วเบา ผมตอบสั้นๆ ว่า “อืม”

ไอ้ชินมันถามต่อ “มึงรักเขาเหรอ” ผมแค่พยักหน้า

แล้วมันก็ถามต่อว่าเพิ่งเจอกันไม่เท่าไหร่ทำไมถึงไปรักเค้าแล้ว ทีกับมันอยู่กันเป็นปี "มึงไม่เห็นรักกูเลย"

ผมเลยตอบไปว่ามันคนละแบบ ผมก็รักมันเหมือนกัน ไอ้ชินถามผมว่าทำไมผมถึงรักพี่ปั้น เขามีอะไรดี

จริงๆ ผมก็ตอบไม่ได้ มันคงเป็นเคมีอะไรบางอย่าง ที่ผมกับเขามี แค่สัมผัสกันแค่มองตากันครั้งแรกผมก็รู้ได้

ผมชอบกลิ่นของเขา ชอบรอยยิ้ม ชอบหน้าบึ้งเวลาที่ผมทำอะไรไม่ถูกใจ ชอบวิธีที่เขามาขอโทษ

ชอบวิธีมองแบบไม่พูดของเขา ผมไม่ได้บรรยายให้ชินฟังหรอก มันคงดูว่าผมเป็นพวกเครซี่ซุปตาร์

มันคงจะหัวเราะเยาะผม บางทีผมอยากถามพี่ปั้นบ้างว่า เขาชอบผมบ้างไหม ชอบผมตรงไหน



ชินถามผมว่าผมจะอยู่พิษ'โลกอีกนานไหม มันมีโครงการตั้งวงดนตรี มันไม่อยากไปเล่นเป็นแบ็คอัพให้คนอื่นแล้ว

มันอยากตั้งวงเอง อยากทำเพลงเอง แต่ตอนนี้ยังไม่มีเพลงที่แต่งเอง มันเลยคิดว่าจะเอาเพลงมาเรียบเรียงใหม่

ในแบบที่มันชอบ แล้วจะทำให้วงมีเอกลักษณ์ ไม่ต้องไปเหมือนของศิลปินต้นแบบ

มันอยากทำเพลงแนว 'Nu-Metal' ร็อกผสมเทคโน อิเลกโทนิก ฮิปฮอป เอาเข้าไป 

ถ้านึกไม่ออก มันก็คล้ายๆ วง Linkin Park ประมาณนั้น


มันจะให้ผมไปเล่นกีตาร์ให้มัน ตอนนี้จริงๆ แล้วผมไม่อยากทำอะไรเลย

ผมยังรู้สึกเศร้าๆ อยากอยู่คนเดียวมากกว่า อยากกลับไปกรุงเทพฯ ผมเหมือนมีเรื่องติดค้างที่กรุงเทพฯ

แต่ผมก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ผมต้องรอๆๆ ผมเลยคิดว่าก็น่าจะลองดูเพราะยังไงผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว



วง 'Never Forget'  ชื่อวงดนตรีที่ตั้งขึ้น เรามีสมาชิกทั้งหมดห้าคน มีชินเล่นกีต้าร์ร้องนำ

ส่วนผมเล่นกีตาร์ตามมัน เพราะผมไม่เก่งเท่าชิน และได้สมาชิกอีกสามคน

เป็นนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยที่พิษ'โลกเนี้ยแหละ

มือเบสชื่อ 'แกะ' ส่วนมือคีย์บอร์ดกับอุปกรณ์สารพัดชื่อ 'ว่าน'  ว่านเก่งมาก

สามารถสังเคราะห์เสียงดนตรีต่างๆ ได้หลายเสียง

จริงๆ แทบไม่ต้องมีผมอยู่ในวงยังได้เลย เพราะว่านสามารถใส่เสียงกีตาร์มิกซ์เข้าไปได้เลย

ส่วนมือกลองชื่อศินะ ผมชอบมือกลอง ผมว่าเค้ามีเสน่ห์ เท่ดีเวลาตีกลอง

ผมชอบแอบมองน้องเค้าบ่อยๆ แต่เค้ามีแฟนแล้วล่ะ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-11-2014 21:45:56
 :กอด1:   สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-11-2014 22:01:46
ตั้งวงไปสู้กันเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2014 22:32:01
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #12 ผมไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 22-11-2014 23:00:54
ซุปตาร์ #12

ตอนนี้เราเริ่มซ้อมดนตรีกันเป็นเรื่องเป็นราว ที่จังหวัดพิษณุโลกตอนนี้มีมหาวิทยาลัยใหญ่

เพราะเป็นภาคเหนือตอนล่าง เป็นภาคกลางตอนบนก็คือจะมีทั้งนักเรียนนักศึกษา
 
จากทางภาคกลางและจากทางเหนือมารวมกันอยู่ที่นี่ ตอนกลางคืนจึงค่อนข้างคึกคัก

มีผับเกิดขึ้นมากมาย จึงมีที่ให้เราได้โชว์ แทบไม่ต้องห่วงเรื่องงานจ้าง

เราได้เริ่มเล่นดนตรีในแบบของเรา รู้สึกว่าคนฟังจะค่อนข้างชอบพอสมควร ร้านแน่นขนัดเลยทีเดียว

มีนักศึกษามาแอบชอบผมด้วย ...เป็นผู้ชาย ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง

แบบนี้สินะเขาถึงเรียกว่าผีเห็นผี

นักศึกษาคนนี้ไม่ได้มีท่าทางเป็นตุ๊ดแต๋วอะไรเลย หน้าตาออกจะใสๆ เหมือนเด็กกรุงเทพฯ

มาคนเดียวมานั่งมองผมเล่นดนตรีอยู่หลายวัน

หลังเล่นดนตรีเสร็จวันหนึ่ง ผมกำลังขี่รถเครื่องกลับบ้าน ผมก็เห็นน้องคนนี้เดินมาที่ผม ยิ้มให้ผม

ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เค้ามีรถเก๋งขับด้วย วันนั้นผมเลยออกไปกับเขา ผมอยากลองอะไรใหม่ๆ แล้วผมก็ได้ลองจริงๆ



ผมยืนพิงกำแพงในห้องพักอพาร์ทเม้นท์ของน้องเค้า กางเกงผมหล่นกองอยู่ที่เท้า

เด็กน้อยกำลังง่วนอยู่กับช่วงล่างของผม ผมกำลังเพลิดเพลินสุดๆ

แต่แล้วอยู่ดีๆ ผมก็ชะงักงันกับความคิด ผมไม่อยากเป็นอย่างพี่ปั้น

พี่ปั้นที่ใช้ความเป็นนักดนตรีมาล่อผู้หญิงขึ้นเตียง แล้วผมก็ให้เขาหยุดและผมก็ใส่กางเกง

น้องทำหน้าตกใจเหมือนหมดความมั่นใจไปเล็กน้อย ผมแค่บอกว่าผมยังไม่พร้อม

ผมขอโทษเค้า แต่แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ถามผมขึ้นมาว่า

"พี่คือคนที่อยู่กับ ปั้นอาฟเตอร์ช็อก ใช่ไหม"

ผมได้ยินคำถามนี้อีกแล้ว จริงๆ แล้ว คงมีคนอยากถามผมหลายคน แม้แต่สมาชิกในวง

หรือใครๆ แต่ก็คงไม่มีใครกล้า ถ้าไม่ได้รู้ว่าผมเป็นเกย์

ผมรีบตอบแบบอัตโนมัติว่าไม่ใช่ และผมก็เสแสร้งต่อ ว่าทำไมใครๆ ก็ต้องมาทักแบบนี้

ผมไม่ใช่คนนั้นแน่นอน น้องคนนั้นยังพูดต่อว่า

“มีแต่คนเค้าลือกันให้แซ่ดว่าพี่เป็นเกย์ ไม่งั้นผมจะไปตามจีบพี่ได้ยังไง"

ผมยังเสแสร้งต่อไปอีกรอบ ว่าผมไม่ใช่ และผมก็พูดไปว่า

"คิดว่าหน้าอย่างผมจะเป็นแฟนปั้น อาฟเตอร์ช็อก ได้เหรอ"

แล้วผมก็รีบเดินหนีออกมา เป็นคำพูดสะเทือนใจตัวผมเหมือนกัน
'หน้าอย่างผมเหรอ จะเป็นแฟนปั้น อาฟเตอร์ช็อก'


อีกสองวันต่อมา ผมก็ใคร่คิดคำนวณดูแล้ว ผมเลยไปตัดผมทรงสกินเฮด

ตอนนี้หน้าของผมมีหนวดเครารุงรังอยู่แล้ว บวกกับหัวเกรียน รับรองตอนนี้ไม่มีใครจำผมได้

ถ้าใครทักอีกผมก็จะโกหกไป เหมือนที่พี่เก๋เคยสอนไว้ ปฏิเสธเข้าไว้



ผ่านไปเกือบครึ่งปี วงของผมก็ดูดีขึ้นมา เริ่มเป็นที่นิยมแถมยังได้ไปโชว์ตามจังหวัดต่างๆ

มีคนมาติดต่อให้เราไปเซ็นสัญญากับค่ายเพลงด้วยซ้ำ แต่ชินคิดว่าเรายังไม่พร้อม

น้องๆ ก็ยังเรียนไม่จบ ลูกชินก็ยังไม่คลอด ผมก็เห็นดีด้วยเพราะผมยังไม่อยากทำอะไรให้วุ่นวายตอนนี้



วันนี้ผมไปนั่งเล่นอยู่ที่ร้านกาแฟไอ้ชิน นั่งดูข่าวบันเทิงรอบเที่ยง ก็ได้เห็นข่าวพี่ปั้นเข้าโรงพยาบาล

เป็นโรคเครียดลงกระเพาะ ตรอมใจ ไม่กินข้าว เพราะข่าวเลิกกับเมียยังคาราคาซัง

ชินเห็นผมนั่งดูอยู่อย่างสนใจ เลยเดินมาถามผมว่า ผมอยากไปหาพี่ปั้นที่กรุงเทพฯ ไหม

ผมบอกว่าไม่เห็นสนใจ แม้ผมจะเข้าใจดีว่าคนป่วย ต้องการคนเอาใจเสมอ ถึงแม้บางคนจะปากแข็งก็ตาม



ผมพยายามติดตามเรื่องการป่วยของพี่ปั้นทางเว็บข่าวต่างๆ ด้วยความกระวนกระวายใจ ขนาดปากบอกไม่สนใจ

ผมน่าจะแวะไปหาเค้าตอนเค้าหลับ แล้วเขียนโน้ตแปะไว้ที่เตียง

“แดกข้าวบ้างนะพี่ จากต้า”

ผมคิดเรื่อยเปื่อย ถ้าหายตัวแบบนั้นได้คงดี



แต่แล้วความอ่อนแอของผม ทำให้ผมร้อนรนอยากไปกรุงเทพฯ ตอนนี้เลย

แต่วงของผมสิ ต้องเล่นโชว์งานเฟรชชี่ไนท์ ที่มหาวิทยาลัยวันศุกร์นี้ งานใหญ่ด้วย

เพราะจะมีกล้องมาถ่ายทำ และเราก็จะมีฟุตเตจภาพการแสดงสดของพวกเราเอง

เราอาจจะได้ขึ้นยูทูป แล้วเรายังจะโชว์เพลงที่เราแต่งขึ้นมาเองอีกสองเพลงด้วย

ผมจะหนีไปกรุงเทพฯ เพื่อไปหาเรื่องราวที่จับต้องไม่ได้ หรือจะอยู่กับสิ่งที่มันมีอยู่จริงตรงหน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-11-2014 23:21:23
เหมือนคนนึงกำลังรุ่่ง ส่วนอีกคนกำลังร่วง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 22-11-2014 23:22:36
ชอบบบบบบบบบ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-11-2014 23:54:16
ทนไม่ไม่ไหว ก็เดินทางไปกลับแป้บเดียวเอง   :ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 22-11-2014 23:58:47
ถามหน่อยค่ะ มันเหลืออีก 2 ตอน ควรลงให้จบวันนี้ หรือจะรอพรุ่งนี้

เผื่อใครอยากเก็บเอาไว้ลุ้น  :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 23-11-2014 00:00:09
มาเป็นกำลังใจให้ต้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2014 01:42:59
เลือกทางไหนตามแต่ใจเธอเถอะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 23-11-2014 02:46:12
ไม่อยากให้ต้าไปหาปั้นเลย มีแต่ปั้นที่ทำให้ต้าเสียเสียใจ ทำไมต้าต้องไปหาด้วย  :m16:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 23-11-2014 03:05:47
ไม่อยากให้ไปหาเหมือนกันอะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 23-11-2014 05:36:30

รอติดตามค่ะ ต้าอย่าไปเลยบางกอก  :katai3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-11-2014 05:57:44
มารอต่อน่ะ อยารู้ จะไปหรือไม่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-11-2014 06:21:52
อยู่นี่แหละค่า ทายว่าเดี่ยวพี่ปั้นก็มา55
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-11-2014 07:45:49
 :hao7:   รอลุ้น พี่ปั้นอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ หายไวๆแล้วออกตามหาหัวใจตัวเองได้แล้ว
เมียก็ไม่เลิก  ป้อดนี่หว่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-11-2014 09:48:30
 :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: baka_bunny ที่ 23-11-2014 09:48:55
อ่านเพลินดีค่ะ สงสารน้องต้านะ แต่ก็เข้าใจจิตใจพี่ปั้น คนที่เคยมีอดีตที่เจ็บปวดพอมีความรักอีกครั้งก็กลัวว่าจะทำให้คนที่รักต้องเป็นเหมือนอดีต แถมตัวเองยังมีสถานะทางสังคมเป็นตัวบีบคั้นอีก ... ว่าแล้วก็มาต่อเถอะค่ะ อยากรู้บทสรุปของเรื่อง (แอบเดาไว้ด้วย อิอิ)

แต่สไตล์แบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบนะคะ บรรยายกำลังดีอ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกของตัวละคร (แต่ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า 555)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-11-2014 11:16:30
ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดีกว่าค่ะ
แล้วค่อยไปเนาะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 23-11-2014 11:19:49
สงสารน้องต้าค่ะ

แต่ต้าอย่าไปเลย ตอนนี้ต้าก็ไม่ใช่ใครที่คนไม่รู้จักแล้วนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 23-11-2014 14:28:28
ปล่อยพี่ปั้นไปก่อนต้า ช่างมันเลยย5555 สงสารพี่ปั้นนิดหน่อย แต่ถ้ายังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ก็เป็แบบนี้ต่อไปนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-11-2014 15:14:14
ลุ้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-11-2014 15:33:43
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ รออยู่ว่าต้าจะตัดสินใจยังไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 23-11-2014 15:36:06
เข้ามาลุ้น รอคนเขียน อิอิ
จริงๆยังคิดอยู่นะว่า ไอ้ซุปตาร์ อร่อยเนี่ย มันอร่อยไปหรือยัง? อร่อยกันตอนไหนเนี่ย? มีแต่ของขมทั้งนั้น :S
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 23-11-2014 16:41:20
รอลุ้นค่ะว่าต้าจะไปหาพี่ปั้นรึเปล่า
คิดว่าคงใจอ่อนไปเจอพี่ปั้นแน่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 23-11-2014 16:57:22
แต่เราอยากให้ต้าไปให้พี่ปั้นนะ
เข้าใจทั้งต้า และพี่ปั้นเลย

พี่ปั้นเองก็มีสถานะทางสังคมเป็นชนักอยู่
รวมถึงเมียตัวเองที่รักษาไว้ไม่ได้ด้วยแหล่ะ
เลยกลัวว่าถ้ายังรั้งต้าไว้อยู่ จะกลายเป็นฉุดต้าลงมาจมปลักโคลนอยู่ด้วย

รวมถึงการเป็นดาราทำให้หวานกับใครยากล่ะมั้ง ยิ่งเป็นผู้ชายด้วย
อาจกลัวว่าด้วยความที่ไม่มีเวลา และช่วงว่างให้หวานกัน
จะทำให้อีกฝ่ายห่างหายไป เหมือนกับเมียตัวเอง

อ๊าาาาาา เราอยากให้จบแบบมีความสุขอ่า
ใครจะว่าเราโลกสวยก็ช่าง แต่เราเป็นกำลังใจให้พี่ปั้นกับต้านะ><

ปล.ไหนๆต้าก็เปลี่ยนลุคแล้ว อยากเห็นพี่ปั้นโดนต้ากดบ้างเหมือนกันนะเนี่ย555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: FerFii3 ที่ 23-11-2014 17:03:57
ชอบค่ะ เป็นการเล่าเรื่องที่แปลกดี แต่ชอบนะคะ
อ่านแล้วสงสารต้า แต่จริงๆก็สงสารพี่ปั้นด้วย
ก็เข้าใจคนที่มีชีวิตอยู่แบบต้องแคร์สื่อแคร์แฟนคลับอ่าเนาะ
รอลุ้นค่ะว่าจะเป็นไงต่อ จริงๆอยากให้ต้าทำงานก่อนว่างค่อยไปหาพี่ปั้นก็ได้ อย่าทิ้งงานไปเลยนะตัา
แล้วที่บอกพี่ปั้นตรอมใจนี่เพราะเรื่องเมียหรือเรื่องต้าหายไปน๊า
(แอบคิดเข้าข้างพี่ปั้นนิดนึง 555 ว่าที่พี่เก๋เอามาบอกนั่นพี่ปั้นไม่ได้พูดงั้นป่าวคะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 23-11-2014 17:07:06
ถามหน่อยค่ะ มันเหลืออีก 2 ตอน ควรลงให้จบวันนี้ หรือจะรอพรุ่งนี้

เผื่อใครอยากเก็บเอาไว้ลุ้น  :ruready :ruready

ลงเลยยยยย >    < รออยู่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 23-11-2014 19:01:00
มีคนแนะนำมา

รู้สึกว่าพลาดมากที่มาอ่านช้า

สนุก..เดินเรื่องไว น่าสนใจมาก

นี่ขนาดไม่ได้เปิดคอมก็ยังพยายามจะเม้นอ่ะ 555

แบบว่าชอบมากจริงๆ รอบทสรุปนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: zilmp ที่ 23-11-2014 19:44:49
จะจบแฮปปี้มั้ยนะ งือออ :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #11 #12
เริ่มหัวข้อโดย: SeLoFENa ที่ 23-11-2014 20:10:30
ชอบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #13 เมื่อต้องเลือก
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 23-11-2014 21:26:29
มาต่อแล้วค่ะ วันนี้จะเป็นสองตอนแล้วจบนะคะ

------------------------------------------------------------

ซุปตาร์ #13

ในที่สุดผมก็หนีไปกรุงเทพฯ เพราะความอ่อนแอของใจผมเอง

วันนี้เป็นวันที่ต้องมีซ้อมใหญ่และรันทรู แล้วอีกวันก็ต้องแสดงแล้ว

ผมเลยต้องโทรไปขอโทษชิน แต่ก็รับปากมันว่ายังไงต้องกลับมาให้ทันแสดง

มันเป็นโอกาสเดียว ที่ผมจะได้เจอพี่ปั้น เพราะอย่างที่รู้ผมไม่รู้ที่อยู่เค้า ไม่มีเบอร์โทรศัพท์

แต่เป็นโรงพยาบาลแบบนี้ ใครก็เข้าออกได้ ผมกะว่าเห็นหน้าเค้านิดหน่อย แล้วดูว่าไม่เป็นอะไร ผมก็จะกลับเลย



ผมหาวิธีเข้ามาหาพี่ปั้นที่ห้องคนไข้จนได้ ผมมาถึงพี่ปั้นหลับอยู่

ผมคิดถึงเขามากอยากจะสัมผัส อยากดมกลิ่น ผมได้แต่นั่งมองใบหน้าที่หลับไหล ผอมลงไปมากจริงๆ

สักพักพี่ปั้นก็ตื่นขึ้นมา พอเห็นหน้าผม พี่เค้าตกใจเล็กน้อย งัวเงีย

ผมยิ้มให้เขา แล้วก็ถามเค้าว่าเป็นยังไงบ้าง แกไม่ได้ตอบอะไร ผมจับมือพี่ปั้น แต่พี่ปั้นดึงมือกลับไป 

ผมรู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย แต่ทำไงได้ผมเป็นคนเลือกที่จะมาเอง

ก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเย็นชา ห่างเหิน ผมจะหวังอะไรมากไปกว่านี้ล่ะ



แล้วพี่ปั้นก็ลุกชันตัวขึ้นนั่งกอดอก  แล้วก็ถามขึ้นมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงดุดัน

"หายหัวไปไหนมาวะ"

น้ำเสียงเหมือนโกรธผม ผมนึกในใจว่าผมทำอะไรผิด

“นี่ถ้าผมไม่ป่วย ก็คงไม่มาให้เห็นหน้ากันล่ะสิ” อีกแล้ว พี่ปั้นพูดเหมือนด่า ประชดผม

เกิดอะไรขึ้นวะ ผมเริ่มประมวลผล มันเกิดการเข้าใจผิดระหว่างทางกันตรงไหน

ก็พี่เองไม่ใช่เหรอ ที่บอกว่าไม่อยากเจอหน้าผมอีก

"แล้วไปตัดผมทำไม" พี่ปั้นถามด้วยน้ำเสียงโกรธๆ เหมือนเดิม

ผมก็ตอบไปว่าผมจะได้พลางตัวง่ายๆ ตอนนี้ไม่มีใครจำผมได้แล้ว ไม่มีผู้ชายที่อยู่ในรูปนั้นอีกแล้ว

อยากให้ผมไม่มีตัวตนผมก็ไม่มีตัวตนแล้วไง แกก็ยังพูดแดกผมต่อไป

"อายเหรอที่ต้องเป็นผู้ชายคนนั้น”

อ้าว! เชี้ยละไง ผมงงอีกรอบ ก็พี่ปั้นกับพี่เก๋ไม่ใช่เหรอ ที่ผลักไสไล่ส่งผม ให้ทำตัวโลว์โปรไฟล์

จะได้ไม่มีใครรู้ ตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วไง ผมเริ่มงงจับทางไม่ถูก ว่าเกิดอะไรขึ้น



ผมคิดไปคิดมา ผมคิดว่าคงเกิดจากการสื่อสารของพี่เก๋แน่ พี่เก๋พูดกับผมอย่าง แล้วพูดกับที่ปั้นอีกอย่าง

ผมรู้ว่าพี่เก๋หวังดีกับพี่ปั้น พยายามให้เราต้องห่างกัน เพื่องานของพี่ปั้น แต่ผมเดาว่าพี่ปั้นคงคิดว่าผมทิ้งเค้าไป

แต่ผมก็ไม่ได้ไล่เลียงเอาว่าใครผิดใครถูก ตอนนี้ผมได้อยู่กับพี่ปั้นแล้วไง

 

ผมไปนั่งข้างตัวเขาบนเตียง แล้วจูบเบาๆ ไปหนึ่งที ให้เค้าหายโกรธ แต่ไม่ให้ยืดเยื้อ ไม่ให้เราต้องคิดมากไปกว่านี้

ผมแค่มาเยี่ยม แต่ความรู้สึกของผมที่มีกับพี่ยังคงเหมือนเดิม พี่ปั้นโน้มคอผมไปกอด

แล้วผมก็นอนข้างๆ แกบนเตียงคนไข้นั่นแหละ ผมนอนหนุนแขนแกไว้ แกเหมือนจะกอดผมไว้แน่น



เราถามสารทุกข์สุขดิบกัน ผมถามถึงงานเพลงของเค้า เค้าบอกกำลังจะทำอัลบั้มใหม่ เป็นอคูสติก

เพลงรักง่ายๆ สบายๆ แกเหนื่อยแล้ว อยากพักบ้าง ใครฟังก็ฟัง ไม่ฟังก็ช่าง

ส่วนผมก็บอกว่าผมตั้งวงดนตรีและกำลังไปได้สวย มีค่ายเพลงมาติดต่อด้วย

ได้เล่นตามผับตามงานวัดได้เงินมานิดหน่อย ก็สนุกดี เราคุยกันยาว อบอุ่น อบอวนไปด้วยความคิดถึง



สักพักก็มีเสียงคนเปิดประตูผมรีบลุกขึ้นจากเตียงแทบไม่ทัน ประตูเปิดมาเป็นพี่เก๋นั่นเอง

ก็เหมือนเดิมพี่เก๋ตะโกนด่าผมเป็นคำแรก "แกมาทำไมต้า เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก"

พี่ปั้นคงเริ่มจับใจความได้ ว่าพี่เก๋นี่แหละเป็นคนที่จัดการเรื่องต่างๆ นี้

ผมรีบบอกพี่เก๋ด้วยเสียงราบเรียบ ว่าไม่ต้องห่วงหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว

แต่พี่ปั้นกลับพูดขอร้องให้ผมอยู่ต่อ ผมเห็นแววตาของพี่ปั้นแล้ว ผมสงสารแกจับใจ

อยากอยู่ใกล้ๆ ตอนที่เขาป่วย มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนป่วย ไม่ใช่ดอกไม้มากมายในห้องนี้



แต่ตอนนี้ผมต้องเลือก ระหว่างพี่ปั้นกับอนาคตของวงของผม ชินกับลูกของมันที่กำลังคลอด

เพราะถ้าผมไม่กลับไปวงแตกแน่ ถ้าผมเลือกที่จะอยู่กับพี่ปั้นผมก็ต้องเจอเรื่องอะไรร้ายๆ

กับอารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงของพี่ปั้น และอุปสรรค์ใหญ่หลวงอย่างพี่เก๋ หรือว่าชื่อเสียงที่ค้ำคอพี่ปั้นอยู่



ผมยกมือไหว้ลาพี่ปั้นกับพี่เก๋ พี่ปั้นคงโมโห ที่ผมจะไปจริงๆ แกเลยตะโกนด่า

“ไปเล่นดนตรีตามวัด กระจอกๆ อยากไปก็ไปเลย”

ตอนนี้อาการปวดท้องแกเลยหนักขึ้น เนื่องจากความเครียด หมอ พยาบาลเลยเข้ามาดูกันใหญ่

ผมรีบหนีออกมา ใช่ละ คราวนี้ผมทิ้งพี่ปั้นจริงๆ คราวนี้ผมไม่ร้องไห้ ผมคิดว่าผมทำถูกแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 23-11-2014 21:44:54
ไม่รู้สิ..เราคิดว่าต้าทำถูกแล้ว

อย่าฝากชีวิตไว้กับคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-11-2014 21:49:16
ทำดีแล้วต้า อนาคตยังรอเราอยู่
ความรักอะนะ ถ้ามันเป็นของเราจริงๆ
เดี๋ยวมันก็กลับมาหาเราเองแหละ
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-11-2014 21:50:58
ต้าทำดีแล้วล่ะ ตอนนี้กับพี่ปั้นมันยังไม่มีทางออกหรอก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 23-11-2014 22:10:23
คนที่พี่ปั้นเคยพาไปเซฟเฮ้าส์คือพี่เก๋รึเปล่าหว่า  :ruready
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-11-2014 22:17:08
ดีมากต้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 23-11-2014 22:43:24
มาอีกป่ะตัวเอง ?

เค้าไม่กล้าไปนอนเลยอ่ะ..กลัวตัวเองเอาตอนจบมาลง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-11-2014 22:56:40
ถ้าพี่ปั้นต้องการเราจริงๆ  ก็ให้เค้าพิสูจน์เอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 23-11-2014 23:12:31
เราว่าต้าทำถูกแล้วนะ
รอสถานะภาพและเวลาที่เหมาะสมก่อนค่อยมาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 23-11-2014 23:15:18
ตกลงเป็นแผนพี่เก๋
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย ภาค 1 ตอน #14 ทางของเรา จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 23-11-2014 23:18:56
ซุปตาร์ #14

ผมกับไปถึงบ้านทันเล่นดนตรีที่งานเฟรซชี่ไนท์

หลังจากวันนั้นมา วงผมก็เริ่มโด่งดังขึ้นในโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีคนโพสเฟสบุค แชร์กับไลค์กันเยอะเลย

เราก็มีกล้องเล็กๆ ตั้งถ่ายวงของเราเอง แล้วเราก็ไปขึ้นยูทูปด้วย วงเรากำลังไปได้สวย

ค่ายเพลงที่เคยติดต่อไว้ ก็เทียวคอยมาถามไถ่ เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่ไปค่ายอื่น



วันนี้ผมไปนั่งเล่นร้านกาแฟชินเหมือนเดิม ลูกชินคลอดแล้ว เป็นผู้หญิง มันเห่อลูกน่าดู

ผมตั้งชื่อให้ลูกชินว่า 'ลูกชิ้น' โตขึ้นมาลูกชิ้นจะโกรธผมไหม

ผมนั่งรวมกับสมาชิกในวง เรากำลังรอไปซ้อมดนตรีกัน ผมนั่งดูข่าวบันเทิงตอนเที่ยง

ข่าวใหญ่ประจำวันนี้ 'นักร้องขาร็อกแถลงหมดเปลือก'

เป็นภาพข่าวพี่ปั้นกำลังจะมาแถลงข่าว ผมนั่งดูลุ้นไปด้วย ตอนนี้ทุกคนในร้านกาแฟหันมามองทีวีเป็นตาเดียวกัน



บรรยากาศในห้องแถลงข่าว แสงแฟลซวูบวาบ นักข่าวสักครึ่งร้อยรอถามความจาก ปั้นอาฟเตอร์ช็อก

"สรุปว่าคุณปั้น มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหมคะ" นักข่าวคนนึงเสียงดังกว่าเพื่อนได้ถามก่อน

คําถามแรงจริง แต่คนตอบก็ไม่ได้สะทกสะท้าน

ปั้น อาฟเตอร์ช็อก ตอบว่า "ใช่ผมเคยมีแฟนเป็นผู้ชายครับ" เสียงฮือฮา ดังทั้งนักข่าว ดังทั้งในร้านกาแฟ

“นานมาแล้ว"

"ไม่ใช่คนในรูปใช่ไหมคะ" นักข่าวถามต่อ ผมคิดว่าน่าจะหมายถึงรูปผม

“ไม่ใช่ครับ ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับเหนเหน่ ตอนนี้เค้าไม่อยู่แล้วครับ”

ผมงงมึนตึ๊บไปนิดนึง ไม่ใช่ผมหรอก ใครกันหรือ แต่แล้วผมก็นึกถึงบ้านที่ประจวบฯ ขึ้นมาได้

คงเป็นคนที่เคยไปที่บ้านที่ประจวบฯ กับพี่ปั้น ผมจำได้ว่าทุกอย่างที่มีในบ้านเหมือนเป็นของคนสองคน

พอพี่ปั้นอยู่ในบ้านนั้น พี่ปั้นเงียบเหมือนเข้าฌาน เค้าแทบไม่สนใจผมเลย เอาแต่เกากีตาร์เบาๆ 

ผมหันไปมองหน้าชิน มันกำลังมองหน้าผมอยู่ ผมทำหน้าว่าผมไม่รู้เรื่อง



ข่าวที่ผ่านมายังฮือฮาไม่พอ เพราะข่าวที่จะแถลงต่อไป พี่ปั้นก็แถลงข่าวเรื่องเลิกกับภรรยาแล้ว

นักข่าวก็ถามว่ามีมือที่สามจริงไหม พี่ปั้นบอกยืนยันได้แค่ว่า เค้าไม่มีใคร แต่ส่วนของเมียแก แกบอกว่าไม่รู้

นักข่าวก็เลยถามต่อว่าทำไมเลิกกัน

“ภรรยาผม เค้าขึ้นเตียงกับซุปเปอร์สตาร์ร็อกเกอร์ แต่เค้าอยากแต่งงานกับพ่อบ้าน ผมเป็นร็อกเกอร์ได้อย่างเดียว

ผมเป็นพ่อบ้านไม่ได้ เราเลยไปกันไม่ได้ ก็แค่นั้น”



กลุ่มกระเทยในร้าน กรี๊ดแตก พูดได้ถูกใจนาง พี่ปั้นเริ่ดมาก ชะนีนี่เรื่องมากจริง

ตอนแรกไปชอบเค้าเพราะเค้าเป็นร็อกเกอร์ เซอร์ๆ ไม่อาบน้ำก็ไม่เป็นไร ฉันรับได้

แต่พอแต่งงานกันแล้ว กลับมีเงื่อนไข เธอต้องดูแลฉัน เธอต้องสะอาด

เธอต้องมีเวลาให้ เธอต้องเลิกไปเล่นคอนเสิร์ต เธอต้องเลิกเป็นร็อกเกอร์ เอาไงแน่ชะนี

กระเทยนางนั้นก็พูดถูก สรุปข้อนี้พี่ปั้นได้แต้ม



ข่าวต่อไป เรื่องรูปจูบผู้ชายที่หน้าเต็นท์ พี่ปั้นบอกว่า

“ใช่ นั่นรูปผม คนทางซ้าย” เรียกเสียงฮือฮาเป็นรอบที่แปด สำหรับข่าวแต่ละข่าวของพี่ปั้น

“แล้วคนข้างๆ นั่นแฟนคนใหม่ใช่ไหมคะ คนนี้มือที่สามหรือเปล่า” นักข่าวถามต่อ แล้วพี่ปั้นก็ตอบว่า

"ไม่ใช่ ผมไม่มีอะไรกับเค้า..." หวี่ๆๆๆๆ เสียงวิงๆ หวี่ๆ อยู่ในหูผม 

"เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณก็ไปสืบกันเองแล้วกัน เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว”

การแถลงข่าวจบแล้ว จากนั้นช่องข่าว ก็มีนักจิตวิทยามาโฟนอิน สรุปเหมารวม

วิเคราะห์เจาะลึกว่า เป็นเพราะเป็นพวกอารมณ์ศิลปิน พวกมีอารมณ์ล้ำลึก

จึงมีความเป็นไปได้ ที่จะชอบความสวยงาม ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย บลาห์ๆๆ....



แต่ในร้านกาแฟยังคงเฮฮาคุยเม้าท์มอยกันใหญ่ ส่วนผมเหมือนโดนแช่แข็ง

ชินยังมองผมอยู่ เพราะกลัวผมเสียใจ ผมไม่ได้เล่าให้ชินฟังเองแหละ ว่าผมเองแหละที่ทิ้งพี่ปั้นมา



เรื่องข่าวของพี่ปั้นดังมาอีกหลายวัน ตอนนี้ผมสะใจพี่เก๋เหลือเกิน ที่ปิดข่าวดีนัก

สุดท้ายพี่ปั้นคงทนไม่ไหวแล้ว ออกมาพูดหมดเปลือก แต่นั่นแหละเพื่อแลกกับความสะใจ

พี่ปั้นโดนแบนงานจากค่ายหนึ่งปีเต็ม



แล้วข่าวเรื่องพี่ปั้นเป็นเกย์ ก็ค่อยๆ จางลงไป เพราะเริ่มมีสาวๆ ที่เคยนอนกับแกช่วงทัวร์คอนเสิร์ต

มาโพสข้อความยืนยัน ว่าเคยนอนกับซุปตาร์คนนี้มาแล้ว ไม่ได้เป็นเกย์แน่นอน

ข่าวเลยกลับตาลปัตร พี่ปั้นได้แต้ม เพราะข่าวกลายเป็นว่า แกทำแล้วเท่

เป็นร็อกเกอร์ มันต้องเหี้ยๆ แบบนี้แหละ หน้ามึนๆ เมาๆ แบบนี้ใช่เลย ไม่ต้องมานั่งรักษาภาพพจน์กันหรอก




ผมก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ วันนี้วงของเรามีถูกจ้างให้ไปโชว์ที่จังหวัดแพร่ เราก็เตรียมอุปกรณ์ใส่รถตู้เช่าไป

แล้วพวกเราก็นั่งรถเก๋งของชิน ตอนนี้มันรวยละ เริ่มมีเงินผ่อนรถ ผมนั่งหน้ากับชินและน้องอีกสามคนนั่งข้างหลัง

ระหว่างทางก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาผม พี่เก๋นั่นเอง ผมไม่สะดวกคุยนิดหน่อย เพราะน้องๆ นั่งอยู่ด้านหลัง

แต่ผมคงไม่มีอะไรต้องสนนี่ พี่ปั้นแถลงข่าวหมดเปลือกไปแล้ว พี่เก๋โทรมาบอกผมว่าพี่ปั้นหายตัวไป

พี่เก๋พูดร้อนรนมาก ว่าพี่ปั้นหายตัวไปสามวันแล้ว เช็คดูแล้ว ไม่ได้ออกนอกประเทศ

เลยอยากให้ผมบอกตำแหน่งบัานพักที่ประจวบฯ ให้หน่อย

น้องๆ ในวงเงียบสนิท เหมือนทุกคนพยายามเงี่ยหูฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้น



"พี่จะโทรมาถามผมทำไม ในเมื่อพี่รู้ที่อยู่ดีอยู่แล้ว ตอนนั้นพี่สั่งคนของพี่ ให้ไปตามหาผมกับพี่ปั้น

แต่แล้วก็แอบถ่ายรูป แล้วมาส่งให้นักข่าวเพื่อกุเรื่องเองใช่ไหม"

แน่นอนพี่เก๋ปฏิเสธพัลวัน ผมเลยพูดต่อ

"พี่ปั้นเค้าเคยมีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วพี่ก็หาผู้หญิงมาให้พี่ปั้น เพื่อให้เค้าเลิกกับผู้ชายคนนั้น"

พี่เก๋บอกว่าใช่ พี่ปั้นเคยมีแฟนเป็นผู้ชายจริง แต่แฟนพี่ปั้น เสพยาเกินขนาด เลยต้องไปรักษาตัว

พี่ปั้นเสียใจมาก แล้วงานเพลงก็กำลังรุ่ง เลยตัดปัญหาข่าวลือต่างๆ ด้วยการแต่งงานกับเหนเหน่

"แล้วเรื่องของผมล่ะ" ผมถาม

อันนี้พี่เก๋ เหมือนสารภาพ ว่าเค้าส่งผมไปให้พี่ปั้นเอง เพราะตอนนั้นเค้ารู้แล้วว่า เมียพี่ปั้นนอกใจ แล้วพี่ปั้นก็รู้แล้ว

ก่อนที่จะไปทัวร์คอนเสิร์ตอีก พี่เก๋ไม่อยากให้ทัวร์ล่ม เลยจ้างเด็กหน้าใสๆ แบบผมไปเป็นเบี้ยให้พี่ปั้น

ที่พี่ปั้นทำไปทั้งหมด ทั้งนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าและแม้แต่ผมเอง ก็คงแค่อยากประชดเมีย



ผมเลยด่าพี่เก๋ไป ว่าพี่นี่โคตรเสือกเลย พี่นั้นแหละเป็นตัวทำลายพี่ปั้น ปากก็บอกว่าหวังดีๆ

โทษคนโน้นคนนี้ ว่าไปทำร้ายพี่ปั้น ตัวเองนั่นแหละ คอยจัดการเรื่องต่างๆ เพราะเห็นแก่ตัว เพราะเห็นแก่ธุรกิจ

ตอนนี้พี่ปั้นคงเบื่อเรื่องบ้าบอพวกนี้เต็มทีถึงออกมาแถลงข่าว เหมือนยกภูเขาออกจากอกแล้ว

ตอนนี้ ถึงผมรู้ว่าพี่ปั้นอยู่ที่ไหน ผมก็ไม่มีวันบอกพี่เก๋หรอก



พอผมพูดจบ กดวางมือถือ ไอ้ชินทำหน้าสะใจมาก ที่ผมด่าพี่เก๋ว่าเสือกไปทุกเรื่อง

มันเอามือมาตีกับมือผม ส่วนน้องๆ ข้างหลังคงงงเป็นไก่ตาแหก ว่าผมเจ๋งขนาดไหน

ผมคือผู้ชายที่อยู่ในรูปนั้น แถมรู้เรื่องราวของซุปตาร์ซะละเอียดถี่ถ้วน



แต่ยังไงผมก็ต้องควบคุมความเสียหายของพี่ปั้น ผมหันไปบอกน้องๆ ว่า อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร

ถ้ามึงไม่ได้เป็นซุปตาร์มึงไม่เข้าใจหรอก ว่ามันยากแค่ไหนที่ต้องรักษาภาพพจน์

ยากแค่ไหน ที่ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้ ผมเลยแหย่ไอ้ศินะ ว่าถ้ามันเป็นศิลปินโด่งดัง

ผมจะแฉมันว่ามันเคยมีแฟนนมโต ที่พร้อมจะเป็นเมียนักฟุตบอลทั้งทีม

ศินะปฏิเสธพัลวัน ว่าเลิกกับสาวนมโตนั้นแล้ว พวกเราก็หัวเราะกันสนุกสนาน



คืนนี้ เราเล่นดนตรีที่ผับประจำตามปกติ ผมก็มองลงไปที่คนดู เห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคุ้นมาก

ไม่มีใครสังเกตผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อผมเห็นเขา ทันทีทันใดนั้น ผมก็หยุดเล่นกีตาร์กลางคัน ทั้งที่เล่นมาครึ่งเพลงแล้ว

ผมถอดกีตาร์วางลง แล้วรีบโดดลงจากเวที วงผมก็เลยหยุดเล่นไปด้วย คนดูเริ่มงงว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมเดินแหวกผู้คนไปหาเขา แล้วผมก็กอดเขาแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนจะบอกกับเขาว่า

"อย่าไปไหนอีกนะ"

เขากอดผมกลับ เหมือนกับว่าเขาก็จะไม่ไปไหนอีกแล้ว ทุกคนในร้านโห่หิ้ว วิดวิ้ว กันใหญ่ ผมไม่สนใจหรอก

ชินก็ทำหน้าที่เพื่อนที่ดี พูดไมค์ดึงดูดให้คนหันไปสนใจบนเวที โดยร้องเพลงฮิตที่สุด สนุกที่สุดขึ้นมา


ทำให้คนเลิกสนใจผมกับพี่ปั้น...



จบค่ะ ภาค 1

ตอนจบงงๆ ไปหน่อยนะ เอาเป็นว่าเข้าใจแล้วกันนะ

ตอนแรกคิดไว้แค่นี้ แต่พอเขียนไปเรื่อยๆ เริ่มมีพล็อต มีภาพซีนต่างๆ ผุดขึ้นในหัวเลยคิดว่า จะมีภาคสองต่อ

แต่ว่าคงยังเขียนไม่เสร็จเร็วๆนี้แน่ เพราะยังคิดเรื่องไม่จบ

เลยจะถามหน่อยค่ะ ว่าเราต้องย้ายไป ที่นิยายที่เขียนจบแล้ว หรือว่าคงไว้ที่นี่ดีกว่า

แล้วถ้าย้าย MOD เค้าจะย้ายให้ใช่ไหมคะ ยังมือใหม่ค่ะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 23-11-2014 23:34:07
จากผู้เขียน ถึงผู้อ่านทุกคน

ขอบคุณมากที่มาคอยติดตาม มาอ่าน ขอโทษทีที่ไม่ได้ตอบกลับเลย เพราะกลัวผิดกฎการโพส

บางคนเดาเรื่องถูกด้วย ที่เขียนไปทั้งหมด ไม่รู้มีช่องโหว่ตรงไหนบ้างนะคะ ถ้าโหว่ จะเอาให้เคลียร์ในภาคสองละกัน

จริงๆ อยากจะเปลี่ยนชื่อว่า 'วันที่ฉันป่วย' เพราะรู้สึกว่า อาการป่วยเข้าโรงพยาบาลคือจุดพลิกผันตลอด แต่ไม่ทันละ

------------------

การเขียนเรื่องแนวนี้  คือจริงๆ เราเริ่มคิดจากการทำบทแบบภาพยนต์ แล้วพยายามเขียนเรื่องให้จบก่อน

ใส่อารมณ์ความรู้สึกไปก่อน แต่ไม่ได้ใส่บทสนทนา ว่าพออ่านรู้เรื่องไหม เลยออกมาแบบนี้ 

ไม่ได้ใส่ลักษณะของตัวละคร เพราะอยากให้ทุกคนจินตนาการไปได้เอง

จนมีคนสังเกตว่า ทำไมพี่ปั้นพูดเพราะจัง อันนี้ค่อยไปเฉลยภาคสองแล้วกัน

เรามีเฟสบุค เพิ่งทำเสร็จ เอาไว้พูดคุยกันได้ https://www.facebook.com/boy2gether

ขอบคุณทุกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 23-11-2014 23:34:47
 :serius2:

ภาคต่อไปก็เป็นเรื่องของต้ามั้งสินะ..ที่ต้องกลัวนู้น นี่ นั่น อ่ะ ?

.
.
พี่ปั้นรอดจากวงจรพวกนี้แล้วใช่ม่ะ ??

 :laugh:

.
.
อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงเรื่อง 'ข้างหลังภาพ'

จากแรกๆ ที่คุณหญิงกีรติถูกหน้าตาและสังคมบีบบังคับ..กลายเป็นตอนหลังนพพรที่ต้องมาอยู่ในสถานะที่ถูกหน้าตาและสังคมบีบบังคับบ้าง

อึดอัดเนอะ  :เฮ้อ:

.
.
รอภาคสองนะ  :-[

.
.
ถ้าแต่งเสร็จก่อนจะหกเดือนก็ลงในกระทู้นี้ต่อก็ดีนะ..มันจะได้ต่อเนื่อง ((จบจริงๆ ค่อยย้าย))

แต่ถ้าคิดว่ามันจะอีกนาน..ก็ย้ายไปก่อนเถอะ แล้วค่อยมาเริ่มหัวข้อใหม่ ^^

สู้ๆ จ้า

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกๆ และรวดเร็วในการอัพแบบนี้นะ ((อ่านวันเดียวจบเลย))

 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: โชติกา บุญเติม ที่ 23-11-2014 23:51:08
จะรอภาคสองนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-11-2014 23:56:40
โฮกกก   พี่ปั้นน่ารักที่สู้ดดด    อยากวิ่งไปกอด   :o8:
เรื่องอัพ  ตามคำแนะนำคุณข้างบนค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 24-11-2014 00:05:37
สนุกๆ รออ่านภาคต่อ ทยอยลงได้มั้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 24-11-2014 00:06:57
จะรอที่ทู้นี้ค่ะ
เหมือนอ่านหนังสั้นจริงๆด้วย
ถ้าไม่อินดี่ไม่เข้าใจหรอก?
(เอิ่ม นายเอกวัวขนเยอะเหรอ ก็ตอนก่อนอาบน้ำจนปอดบวมอ้ะอ่านผ่านๆนะคะ)
 :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 24-11-2014 00:37:43
จบห้วนๆไปนิด
แต่ก็ชอบอยู่ดี :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: FerFii3 ที่ 24-11-2014 00:47:30
ตามมาอ่านตอนจบแล้วค่ะ
ตอนจบแอบอยากให้มีบทพูดคุยทำความเข้าใจกันอีกจังค่ะ
อยากรู้ว่าพี่ปั้นนี่คิดอะไรอยู่บ้าง ละจะเอาไงต่อ
รอลุ้นในภาคสองนะคะ มาเร็วๆน้า เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 24-11-2014 05:23:18
สนุกมากค่ะ ถ้ามีภาค 2 จบแบบนี้ก็โอเค ทำให้คนเขียนมีอีกหลายจุดนำไปใช้ต่อได้ในภาค 2


แล้วจะรอ ภาค 2 นะคะ เพราะทุกอย่างมันดูเหมือนเพิ่งเริ่มมากกว่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 24-11-2014 05:58:11
สุดยอดแล้วจะรักกันได้ใช่ไหมเนี่ย



สะใจพี่เก๋โดนด่าเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-11-2014 06:55:31
 :katai2-1:   ชอบมากค่ะ สะใจพี่เก๋โดนด่าซะบ้าง
พี่ปั้นในที่สุดก็มา ภาคสองพี่ปั้นเป็นคนเล่าหรือเปล่าคะ
สั้นกระชับ เดินเรื่องดีค่ะ เราชอบชื่อน้องลูกชิ้นนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 24-11-2014 08:36:34
ลงที่กระทู้นี้ต่อก็ได้ครับ

แต่ขึ้นหัวข้อว่า ภาค2 ด้วย

ถ้ามาลงแล้วจะมาตามอ่านก่อนคนแรกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 24-11-2014 08:54:23
ตามต่อค่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 24-11-2014 09:19:40
อ่านเรื่องนี้เพลินๆดีนะคะ
การนำเสนอแปลกดี
รอตามติดชีวิตรักกันซุปตาร์ต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 24-11-2014 09:37:35
รอภาคใหม่ค่าาาาาาาาาาาา ^_____________________^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: baka_bunny ที่ 24-11-2014 20:43:22
รอภาค 2 นะคะ จะว่าไปเราว่านี่มันเหมือนแค่บทนำของเรื่องเองนะคะ ยังมีอะไรให้เล่าได้อีกเยอะเลยอะ โดยเฉพาะส่วนของพี่ปั้นและก็ความวุ่นวายหลังจากนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-11-2014 20:56:36
รอภาคสองน้าาาาาา
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-11-2014 21:02:38
พี่ปั้นมาหาน้องต้าแล้ว เย้ๆๆๆ
รอภาค 2
กระทู้นี้เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-11-2014 22:50:30
สะใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 28-11-2014 16:17:05
สนุกมากๆเลย อยากให้มาต่อภาค 2 ไวๆจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 28-11-2014 19:08:20
สนุกจังค่ะ มาต่อภาคสองที่กระทู้นี้เลยก็ดีนะคะ

อยากอ่านอีกจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 29-11-2014 15:57:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-11-2014 17:07:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 29-11-2014 19:11:37
สนุกคะ  ลุ้นดี     :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย #13 #14 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 29-11-2014 19:29:05
ด่าพี่เก๋สะใจมากอะ
รอภาคสองกั๊บ
สู้สู้นะคนแต่ง
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย เข้ามาแก้ไขบท ตอน#3 หน้า 1 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 01-12-2014 23:00:43
สวัสดีค่ะ จะมาบอกว่า ภาค 2 ยังไม่เสร็จนะคะ เพราะว่าอยากเขียนให้จบก่อนค่อยลงทีเดียว เผื่อมีการปรับเปลี่ยนบท จะได้ไม่งง

----------------------------------------------
จะมาเล่าว่า เราไปเปลี่ยนบทที่ ซุปตาร์ #3 ภาค 1 อยู่ที่หน้า 1  โดยการเพิ่มบทอัศจรรย์เข้าไป 555

คือไม่ได้อัศจรรย์อะไรมาก แค่อยากให้มีเฟิร์สคิส (มานั่งนึกดู มันไม่มีเลยนี่หว่า)  และไม่อยากให้ดูความสัมพันธ์ไปไวเกินไป 

และอยากให้เห็นความรักที่ค่อยๆ พัฒนา เพราะพออ่านดูแล้ว ยังไม่เห็นเลยว่าซุปตาร์ มันไปชอบต้าร์ตอนไหน เลยทำให้ไปต่อภาคสองไม่ไหว


แต่เราบรรยายบทอัศจรรย์ไม่ไหวเลย คือไม่รู้จะใช้คำแทนอวัยวะเพศชายยังไง ไม่ได้อายนะ แต่ว่ามันแปลกๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย เข้ามาแก้ไขบท ตอน#3 หน้า 1 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 18-12-2014 19:49:39
รอภาค 2 นะค่ะ
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย เข้ามาแก้ไขบท ตอน#3 หน้า 1 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-12-2014 10:00:37
รอภาค 2 จร้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ซุปตาร์ อร่อย เข้ามาแก้ไขบท ตอน#3 หน้า 1 จบภาค 1
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 29-12-2014 21:38:14
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ สนุกดี รออ่านภาค2 ด้วยคน ขอบคุณคนแต่งครับ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 เมื่อเจอแล้ว...
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 31-12-2014 10:25:11
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 เมื่อเจอแล้ว จงอย่าปล่อย



                    ผับใหญ่ชื่อดังในจังหวัดพิษณุโลก มีวงดนตรีน้องใหม่กำลังโชว์เพลงอย่างสนุกสนาน มีชื่อวงเนฟเวอร์ ฟอร์เก็ต มีสมาชิกในวงด้วยกันทั้งหมดห้าคน
 
                    ‘ชิน’ หน้าตาคมเข้ม ไว้หนวดเคราเล็มสะอาดได้รูป เป็นนักร้องนำและกีตาร์ แต่งเพลง และหัวหน้าวง ที่สามารถควบคุมความประพฤติของทุกคนได้
 
                    ‘ว่าน’ มือคีย์บอร์ดและอุปกรณ์เอฟเฟกเสียงต่างๆ ว่านเป็นผู้ช่วยชิน ในเรื่องการผสมเสียง การเรียบเรียงดนตรี

                    ‘แกะ’ มือเบสตัวใหญ่

                    ‘ศินะ’ มือกลองสุดเท่

                    และผม ‘ต้าร์’ เป็นมือกีตาร์สอง และเป็นเกย์


                    แนวเพลงวงเราที่เล่น จะเป็นแนวป็อบ ร็อก แดนซ์ ฮิปฮ็อบ โดยเอาเพลงแดนซ์ฮิตๆ สมัยก่อนมาเรียบเรียงใหม่ ให้เป็นสไตล์เราเอง เพราะเรายังไม่ได้แต่งเพลงเอง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ตอนนี้แขกในผับกำลังแดนซ์กันอย่างเมามันส์

                    วันนี้เป็นวันศุกร์ผับจึงคึกคักเป็นพิเศษ นี่ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว วงของเราเล่นกันไปได้สักครึ่งโชว์ แล้วผมก็มองไปที่แขกในร้านคนหนึ่ง ผมเห็นผู้ชายใส่แว่นตาแนวเด็กเนิร์ด ปลอมตัวมายังไงผมก็จำเขาได้ ไม่ว่ามืดแค่ไหน อยู่ในมวลหมู่คนเยอะขนาดไหน ผมก็จำใบหน้านั้นได้แม่น

                    ปั้น อาฟเตอร์ช็อก

                    และแล้วผมวางกีตาร์ลงกับพื้น วงที่กำลังบรรเลงอยู่ชงักกันไปนิดหนึ่ง เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับกีตาร์ของผม ผมรีบกระโดดลงจากเวที แล้วเดินแหวกแขกที่กำลังยืนงงงวย ไปหาผู้ชายคนนั้น ผมเดินเข้าไปหาเขา ผมกอดเขาไว้แน่น เขากอดผมตอบ
               
                    เมื่อคนบนเวทีรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชินเพื่อนที่ดีที่สุด ก็ทำสัญญาณให้วงเล่นต่อ ชินพูดดึงดูดความสนใจของคน "เอ้ามาสนุกกันต่อ" พร้อมกับเล่นเพลงที่ฮิตที่สุด สนุกที่สุด จนแขกในร้านเลิกสนใจเรา

                    จากนั้นผมลากพี่ปั้นไปในมุมมืด ผมถอดแว่นของพี่ปั้นออก เรามองหน้ากันและกัน เขาเอามือลูบหัวของผม ผมเอามือจับหน้าเขา ลูบไปที่คอ แล้วยิ้มให้กัน เราไม่ต้องพูดอะไรกันมาก
 
                    ผมบอกเขาว่าให้รอก่อน ผมต้องเล่นคอนเสิร์ตอีกห้าเพลงก็จะเลิกแล้ว ผมบอกซ้ำๆ ว่า
   
                    "อย่าไปไหน อย่าไปไหนนะ" ผมบอกย้ำให้แน่ใจ
 
                    พี่ปั้นบอกว่า เขามาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่ไปไหนหรอก

                    แล้วผมก็ขึ้นไปเล่นดนตรีต่อ ผมยิ้มไม่หยุดเลย หันไปมองเขาหลายที ผมดีใจที่ได้เจอพี่ปั้น แต่ที่ดีใจกว่าคือพี่ปั้นได้เห็นวงของผม ดีใจที่เขาได้เห็นผมเล่นดนตรีบ้าง ผมอยากอวดว่าวงของผมมันเจ๋งแค่ไหน
 
                    หลังจากเล่นดนตรีเสร็จ พวกเรากำลังเก็บเอาเครื่องดนตรีกลับบ้าน ผมมักจะฝากกีตาร์ของผมไว้ที่บ้านชิน เราสามคน ผม ชิน แล้วก็ศินะ กำลังเก็บเครื่องดนตรี ส่วนแกะกับว่านกลับไปก่อนแล้ว ผมเก็บอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าระรื่นสุดขีด จนใครก็สังเกตได้ โดยเฉพาะชิน ที่ไม่รู้ว่า ผมไปทำอะไรให้มันไม่พอใจ อยู่ดีๆ มันก็พูดขึ้นมาว่า

                    "จะรีบไปหาผัวเหรอ"

                    ผมตกใจจนหน้าชา ปกติชินไม่เคยพูดอะไรหยาบๆ กับผม และมันไม่ใช่มุกตลกที่เราเคยพูดกัน ผมฟังจากน้ำเสียงแล้ว ผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังกระแนะกระแหนผม ผมเลยตอบไปแบบเสียงโกรธๆ ว่า

                    "เออ ผัวกูรออยู่"

                    มองออกไปที่ลานจอดรถ ฝั่งตรงข้าม พี่ปั้นนั่งอยู่ในรถรอผมอยู่
   
                    "เรียกผัวซะเต็มปาก มึงได้กันแล้วเหรอ" ชินยังไม่เลิกตอแยผม
 
                    "เออ ได้กันแล้ว หลายทีแล้วด้วย" ผมตอบกลับไป แบบโมโหสุดขีด

                    ตอนนี้ศินะทำหน้าไม่ถูก มองที่ผมที มองที่ชินที ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สองคนนี้ ไอ้ชินไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเก็บของไป มองหน้ามันไป มันจะเอายังไงกับผมกันแน่

                    "ถ้ามึงไม่พอใจ เดี๋ยวกูเอาของกลับเองก็ได้นะ" ผมบอกชิน 

                    "ไม่เป็นไร กูมันเป็นเบี้ยอยู่แล้ว จะใส่เหี้ยอะไรมา ก็ได้เลย" ชินยังคงพูดไป เก็บของกระแทกแรงๆ เพื่อประชดประชันผม

                    ผมเลยถามมันว่า มันเป็นอะไร จะเอายังไงกับผม ตอนนี้ศินะหยุดเก็บของแล้ว มาเฝ้าระวังว่าพี่สองคนนี้มันจะไฝว้กันหรือเปล่า แต่ชินก็เงียบไป เหมือนรู้ว่าน้ำเสียงผมเริ่มเอาจริง เราเก็บของจนเสร็จ แล้วชินกับศินะก็ออกรถไป ผมเลยเดินไปหาพี่ปั้นที่รถ ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

                    พี่ปั้นถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมบอกไปว่าไม่มีอะไร แต่ผมก็ยังคิดไม่ตก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับชิน ผมไปทำอะไรให้มันโกรธ หรือเมื่อตอนที่ผมหยุดเล่นกีตาร์ตอนนั้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ ตอนนี้ผมพยายามสลัดความคิดออกไปจากหัว ผมไม่ควรอารมณ์เสีย ตอนนี้ผมอยู่กับพี่ปั้นแล้ว ผมควรจะอารมณ์ดีสิ

                    พี่ปั้นพาผมไปที่โรงแรมที่เขาพักอยู่ หลังจากไม่ได้เจอกันมาเกือบครึ่งปี ความโหยหาสะสม มันดึงดูดเราเข้าหากันอย่างรวดเร็ว เราจูบกันตั้งแต่ประตูห้องจนมาถึงที่เตียง เราจูบกันเหมือนว่าจะกลืนกินกันไปทั้งร่าง ถอดเสื้อผ้ากันกระจุยกระจาย ร่างเปลือยเปล่าของเราแนบชิดกัน ราวกับเป็นขั้วแม่เหล็กที่ดึงดูดเข้าหากัน ไม่ต้องบอกนะว่าเซ็กส์คืนนี้ของเราจะเร่าร้อนและดุเดือดขนาดไหน
 
                    แต่เรื่องเซ็กส์ เราต้องใช้มันอย่างระมัดระวัง มันก็เหมือนเราหิวมากๆ แล้วเราก็กินมากๆ จนอิ่ม เมื่อเราอิ่มแล้ว แม้ว่าจะมีอาหารที่อร่อยถูกปากที่สุดมาวางอยู่ตรงหน้า เราก็ไม่รู้สึกอยากแตะต้องมันอีกเลย

                     ผมนอนพิงบนร่างเปลือยเปล่าของพี่ปั้น มีเรื่องให้เราต้องพูดคุยกันมากมาย

                    "หาผมเจอได้ยังไง" ผมถามพี่ปั้น

                    "มันจะไปยากอะไร พิษณุโลกจะมีสักกี่ผับกันเชียว วงเขาดังขนาดนี้ ใครๆ ก็รู้จัก" พี่ปั้นพูดเหมือนแซว "ภาวนาว่าอย่าไปเล่นตามวัด เพราะผมคงไปไม่ถูกแน่"

                    ผมเลยแซวเขาบ้าง

                    "พี่เป็นนักดนตรีที่เก่งมากเลยนะ แต่ปลอมตัวได้เห่ยมากๆ เลยนะ แว่นเด็กเนิร์ดคิดได้ไง ดูแล้วเหมือนเกย์เฒ่าเข้าไปแอ๊วเด็กยังไงไม่รู้"

                    "แต่ก็ได้มาหนึ่งคนนี่ไง" พี่ปั้นพูดและหยิกพุงผมแบบหมั่นเขี้ยว

                    เราหัวเราะแล้วแหย่กันไปมา

                    เรายังนอนคุยกันเรื่อยเปื่อย อยากให้คืนนี้ยาวนาน ผมถามเขาเรื่องแถลงข่าว

                    "ไม่กลัวแฟนคลับยี้แล้วเหรอ แล้วที่ค่ายว่าไงบ้าง ตอนที่จะแถลงข่าว"

                    พี่ปั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง ทำให้ผมไม่แน่ใจ ว่าผมถามอะไรผิดไปหรือเปล่า

                    "ดูอยู่ใช่ไหม"

                    "ข่าวดังขนาดนั้น ได้ดูสดๆ ด้วย"

                    ผมอยากจะถามเรื่องผู้ชายคนนั้นใจจะขาด แต่ก็ไม่กล้า ผมจะรอเค้าพูดด้วยใจกระวนกระวาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 มาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 31-12-2014 10:53:26

หูยยย....มาต่อแล้ววว  :กอด1:

ชินเป็นไรมากปะ ลูกเมียก็มีแล้ว ทำเหมือยหึงต้า   :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 มาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-12-2014 11:10:24
 :serius2:  สั้นจังเลย. ชินไหวป่ะ (กลอกตาสองรอบครึ่ง). แกแอบหึงหรือแกกลัวเพื่อนทิ้งวงไปกับผัว
พี่ปั้นคงผ่านอะไรมาพอสมควรถึงได้ปลีกตัวมาหาได้
ตาร์ต้องสู้นะ

  :L1: 
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไป. Happy  New Year
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #2 ใครคือชายคนนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 31-12-2014 11:23:05
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #2 ใครคือชายคนนั้น



                     เรานอนคุยกับบนร่างเปลือยเปล่า อยากให้คืนนี้ยาวนาน

                     “อยากรู้เรื่องผู้ชายคนนั้นใช่ไหม”

                    “อืม...มาก” ผมบอกไปแบบไม่อาย ถึงความอยากรู้อยากเห็นของผม
   
                    “เค้าชื่อยีนส์” พี่ปั้นพ่นควันบุหรี่ยาวๆ

                    "เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก เล่นดนตรีมาด้วยกัน เหมือนต้าร์กับชินนั่นแหละ สนิทกันมาก เราเป็นกลุ่มเพื่อนที่เรียนสาธิตมาด้วยกัน รวมทั้งเนเน่และปกรณ์ด้วย"

                    โอ้! นี่เป็นความลับของซุปตาร์เลยนะเนี้ย ผมยังไม่เคยเล่าใช่ไหม ว่าซุปตาร์หน้ามึน จริงๆ เขาเป็นคนมีชาติตระกูลดีคนหนึ่งเลยนะ พี่ปั้นชื่อจริงว่าปฏิมา นามสกุลที่มี ณ ต่อท้าย แต่เขาไม่ค่อยบอกชื่อตระกูลของเขา นอกจากคนจะไปขุดคุ้ย ส่วนมากคนจะเรียกว่า ปั้น อาฟเตอร์ช็อก หรือไม่ก็ ปั้น ปฏิมา ไม่มีใครได้ลงนามสกุลที่แท้จริงของเขาเท่าไร
 
                    "เราก็ตั้งวงดนตรีเหมือนกัน แต่พอเรียนจบมหาลัย ยีนส์ก็ชวนผมไปอยู่อังกฤษ เราไปอยู่ลอนดอนสักสองปี ไปซึมซับดนตรีอังกฤษ แนวเพลงต่างๆ ไปดูงานศิลปะ แต่สิ่งที่เราซึมซับกลับมาด้วย คืออบายมุก เหล้า ยา"

                    ตอนนี้พี่ปั้นเงียบไป เหมือนความคิดล่องลอยกลับไปสู่ความหลัง
   
                    "ผมกับยีนส์กลับมากรุงเทพฯ ผมตั้งใจจะมาทำเพลง ออกอัลบั้มในทันที เพราะไม่งั้น ที่บ้านคงเริ่มจะตัดหางผมปล่อยวัด ตอนนั้นผมไม่มีรายได้ ที่บ้านบอกว่าผมใช้เงินไปมากแล้วจากที่ไปใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยที่ลอนดอน แต่ยีนส์..."
 
                    "พี่เป็นแบบ แฟนกัน คู่รักกันด้วยเหรอ" ผมถามแทรกมา เพื่อให้แน่ใจ ก่อนที่จะสนทนาต่อไป
 
                    "ใช่ เรารักกันเหมือนคู่รัก เพื่อนในกลุ่มก็รู้ ที่บ้านเขาก็รู้ ที่บ้านผมก็เริ่มระแคะระคาย แค่ไม่ได้ถาม"
 
                    พี่ปั้นพูดเต็มปากเต็มคำว่าคู่รัก ไม่ต้องสงสัยว่าพี่ปั้น มีรสนิยมเรื่องเพศเดียวกันมาตั้งแต่ต้น แล้วมันไปพลิกผันตอนไหน

                    "แต่ยีนส์เขาอารมณ์ศิลปินมาก ถ้าเพลงไม่ดีที่สุด ไม่เจ๋งพอ เขาจะไม่ทำ แต่สำหรับผมตอนนั้น ผมอยากทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่อยากนั่งฝันไปเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว เราตกลงกันไม่ได้ ผมเลยแยกตัวออกมา เพื่อออกอัลบั้ม ป็อบร็อก ที่หูใครๆ ก็ฟังได้ มันถึงได้ดังไง"
 
                    ซึ่งก็จริง พี่ปั้นออกอัลบั้มแรก เพลงติดหู คนร้องกันทั่วบ้านทั่วเมือง ผมยังเอาเพลงไปแกะเล่นกับชิน เกือบทั้งอัลบั้ม

                    "แต่ตอนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับยีนส์ เรายังเหมือนเดิม แค่ไม่ได้ทำเพลงด้วยกัน แต่ก็นั่นแหละ พอผมเริ่มทำงานเพลง งานอื่นๆ ก็เข้ามาอย่างที่เราปฏิเสธไม่ได้ เดี๋ยวต้าร์ออกอัลบั้มต้าร์จะเข้าใจ ผมก็เลยไม่มีเวลาให้ยีนส์ แล้วเราก็เริ่มทะเลาะกัน ยีนส์อยู่เฉยๆ ก็ฟุ้งซ่าน แต่ผมทำงาน ผมไปดูแลเขาไม่ได้ เขาก็เลยนอกใจผม เขาขอเลิกกับผม เพราะต้องการประชด จากนั้นชีวิตเขาก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เสพยา ฟุ้งซ่าน เขาโทรหาผมวันละร้อยครั้ง ในที่สุดผมก็ต้องตัดเขาออกไปจากชีวิตผมจริงๆ ผมถึงไม่มีมือถือใช้ตั้งแต่บัดนั้น"
 
                    ตอนนี้ผมอึ้งไปเลย เมื่อฟังเรื่องของพี่ปั้นกับพี่ยีนส์

                       "แล้วเขาก็เสพยา จนเกือบตาย ดีที่ส่งโรงพยาบาลทัน ตอนนั้นผมก็ทัวร์คอนเสิร์ต ไปโชว์ตัวต่างจังหวัด กลับมาหาเค้าไม่ได้ พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ผมพยายามจะไปหาเค้า แต่ครอบครัวเค้าห้ามไว้ ไม่อยากให้เป็นข่าว แล้วอยากให้ยีนส์สงบจิตใจ สุดท้ายที่ครอบครัวก็ส่งยีนส์ไปบำบัดที่ลอนดอน จนถึงตอนนี้"
 
                    พี่ปั้นเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสุดๆ แววตาล่องลอยเหมือนมองภาพเก่าที่กำลังฉายอยู่ที่ผนัง แล้วผมก็จับมือแกมาหอม
 
                    พี่ปั้นไม่ใช้มือถือจนทุกวันนี้ เพื่อเคารพพี่ยีนส์ ที่เขาตัดขาดการสื่อสาร ไม่ใช่แค่ตัดกับพี่ยีนส์ในวันนั้น แต่เขาแสดงความซื่อสัตย์ต่อพี่ยีนส์ โดยแสดงให้เห็นว่าเขาก็ตัดขาดจากทุกคนด้วย
 
                    ผมอยากถามต่อ เรื่องพี่เนเน่ ในเมื่อเขาเป็นเพื่อนในกลุ่มกันมาก่อน พี่เนเน่ก็ต้องรู้ ว่าพี่ปั้นไม่ได้ชอบผู้หญิง
 
                    "แล้วพี่เนเน่ล่ะ" ในที่สุดผมก็อดใจไม่ได้ที่จะถาม

                     "เนเน่ คงแอบชอบผมมานานแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง พอเขารู้ว่ายีนส์ไปเมืองนอก เนเน่ก็เริ่มเข้ามาดูแล เหมือนเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจ ตอนนั้นผมเหมือนอยู่ในโลกมืด เนเน่คือความสดใส ความสว่าง ทำให้ผมลืมเรื่องเลวร้าย ทำให้ผมไม่หมกหมุ่น ผมมีความสุขขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องเพศ แล้วเราก็แต่งงานกัน เขารู้อยู่แล้ว ว่ารสนิยมผมเป็นยังไง เขาบอกว่าเขารับได้ เขาไม่แคร์ เพราะเค้ารักผม ผมก็รู้สึกดี ที่จะมีครอบครัว เป็นเรื่องเป็นราวกับผู้หญิงที่เค้ารู้เรื่องของเราดีและที่สำคัญเค้ายอมรับมันได้"

                       "สุดท้าย มันก็ไปกันไม่ได้อ่ะ ผมไม่ได้มีใครเลยนะ หมายถึงผู้ชายอ่ะนะ เพราะผมยังรู้สึกแย่กับเรื่องยีนส์อยู่ ก็เหมือนเดิม อาชีพนักดนตรี มันก็ไปทั่วอ่ะ มันไม่มีเวลาหรอก จะมาพาเธอไปเที่ยวปารีส เที่ยวนิวยอร์ก หรือแค่ไปภูเกตยังไม่มีโอกาส แล้วปกรณ์ก็ช่วยมาดูแลเรื่องนี้ให้ จบ"

                    อยู่ดีๆ ก็จบซะอย่างนั้น ผมเดาว่าแกไม่อยากขายเพื่อนมากกว่า ไม่อยากโทษใคร
 
                    "แล้วไม่อยากรู้เรื่องคนที่นอนอยู่ตรงนี้บ้างเหรอ"
                     
                    พี่ปั้นถามผม
                     
                    หมายถึงผมเหรอ...

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #3 ขออยู่ด้วยกันสักพ
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 31-12-2014 11:55:08
 (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #3 ขออยู่ด้วยกันสักพัก



                    เราคุยกันเรื่องคนที่ผ่านมาในอดีตของพี่ปั้น แล้วคนปัจจุบัน ที่นอนพิงเขาอยู่ตอนนี้ล่ะ

                    "ผมอ่ะเหรอ" ผมถามกลับ
               
                    พี่ปั้นดึงผมไปหอมหน้าผากหนึ่งที ก่อนจะพูดต่อ
             
                       "ต้าร์ เหมือนบ้านที่ผมจากมา ผมเฝ้าคิดถึงมัน ได้แต่คิดถึงความหอมหวน ที่อบอวนอยู่ในบ้านนั้น แต่ตามหามันไม่เคยเจอ... วันหนึ่งผมก็ได้เห็นมันเป็นจุดเล็กๆ ไกลๆ ที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่รู้สึกได้ถึงสิ่งที่คล้ายๆ กับสิ่งเราตามหา ผมเลยลองเดินเข้าไปหามันเรื่อยๆ ก็เห็นว่าจากจุดเล็กๆ นั้น มันก็เริ่มใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และมันก็เริ่มชัดเจนขึ้น นั่นแหละคือ ยู(you)"   

                    พี่ปั้นเอามือจิ้มมาที่หน้าผากผม ผมยิ้มแบบเขินๆ
   
                    นี่แหละวิธีบอกรักของพี่ปั้น แล้วจะไม่ให้ผมหลงรักเขาได้อย่างไร

   
                    ผมถามเขาว่า เขาจะอยู่พิษณุโลกอีกกี่วัน เขาตอบกลับมาว่า
   
                    "ตลอดไป"
   
                    เชื่อดีไหม ผมรู้ว่ามันเป็นมุกตลก แต่มันทำให้คนที่ได้ยินเคลิ้มได้เหมือนกัน
   
                   "โดนแบนตั้งปี จะไปทำอะไรดีเนี่ย ว่างมาก หนีไปอยู่ประจวบฯ ด้วยกันสักปีดีไหม"
   
                   ผมทำเสียงฮึๆ ในลำคอ เป็นอีกครั้งที่ผมก็รู้ว่าเขาพูดไปอย่างนั้น
    
                   ไปอยู่บ้านที่ประจวบฯ สองต่อสองหนึ่งปี เราคงมีเซ็กส์กันสามร้อยหกสิบห้าครั้ง จูบกันทุกห้านาที นั่งหายใจรดกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง คงมีความสุขมาก
 
                    แต่ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก พี่ปั้นก็รู้ คงแค่พูดลองใจผมไปอย่างนั้น เพราะรู้ว่าผมคงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปไม่ได้ ผมจะหายตัวไปตอนนี้เลยไม่ได้
 
                     "ถ้าขอผมก่อนนี้สักหนึ่งปี พี่เสร็จผมแน่" ผมพูดติดตลก


                    พี่ปั้นยังอยู่ที่พิษณุโลกอีกสองสามวัน ผมเลยพาพี่ปั้นไปเที่ยวที่ต่างๆ ในพิษณุโลก พาออกไปนอกเมือง ไปดูทุ่งนา ขึ้นเขาไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ไม่ลืมที่จะพาไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดใหญ่

                       เราพูดคุยกันเรื่องงาน ค่ายจะยกเลิกสัญญาพี่ปั้นไปเลยก็ได้ เพราะพี่ปั้นก็ไม่แคร์เท่าไร แต่ค่ายก็รู้ว่ามันคือธุรกิจ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงพี่ปั้น ศิลปินเบอร์ใหญ่ ที่อุตส่าห์ปลุกปั้นกันมาก็ยังมีประโยชน์ พี่ปั้นยังทำเพลงให้ศิลปินคนอื่นได้ เป็นโปรดิวซ์เซอร์ได้ พี่ปั้นเลยโดนแค่พักงานหนึ่งปี พี่ปั้นบอกว่าเขียนเพลงรักอะคูสติกไว้แล้วทำเป็นอัลบั้มได้เลย
       
                    ส่วนงานของวงผม ก็กำลังไปได้ดี เราเซ็นสัญญากับค่ายเพลงแล้ว ไม่ใช่ค่ายใหญ่โตเหมือนค่ายของพี่ปั้น เป็นค่ายน้องใหม่ มีศิลปินในสังกัดไม่กี่ราย แต่ดีตรงที่บริษัทค่อนข้างให้อิสระการทำเพลงของเรา และอีกไม่กี่เดือน น้องๆ ก็จะเรียนจบแล้ว เราก็จะย้ายไปกรุงเทพฯ แล้วคงได้ทำเพลงเป็นเรื่องเป็นราวสักที     
   
                    ผมพาพี่ปั้นไปพบแม่ แม่ทำข้าวเย็นแบบบ้านๆ ให้เรากิน พี่ปั้นติดดินอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา พยายามชิมจานโน้นจานนี้ ตามที่แม่แนะนำ อาหารมื้อที่เรียบง่าย แต่เรามีความสุขกันมาก

                    แม่คงจับสังเกตได้ ว่าเราสนิทกันเกินเหตุ อยู่ดีๆ แม่ก็ถามผมว่า ผมจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ กับพี่ปั้นเหรอ ผมรีบปฏิเสธพัลวัน ไม่อยากให้พี่ปั้นรู้สึกว่าผมจะผูกมัดอะไรแบบนั้น
   
                    "เปล่าเลยแม่ พี่เขาโดนพักงาน เลยมาเที่ยว พี่เขาจะกลับแล้ว แต่ผมต้องอยู่เล่นดนตรีต่อ"
   
                    "อ้าว ไหนบอกว่าจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ"

                    "รอน้องๆ เรียนจบก่อนน่ะแม่ แต่ก็ใกล้ละ" ผมบอกแม่ให้หายสงสัย   
   
                    แล้วแม่ก็หันไปบอกพี่ปั้น

                       "ถ้าต้าร์ไปกรุงเทพฯ แม่ฝากดูแลน้องด้วย เป็นนักดนตรีเหมือนกันใช่ไหม"
 
                    ผมรีบห้ามแม่ ว่าอย่าไปยุ่งกับพี่เขา พี่ปั้นตอบทันควัน
   
                    "ได้ครับแม่"
   
                    ผมนี่ส่ายหัวเลย พี่ปั้นเนี่ยนะ จะดูแลผม แม่เคยอ่านข่าวของแกแล้วหรือยัง 
 
                       แม่ยิ้มให้ผมเหมือนรู้ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แม่จึงไม่ได้ถามซักไซ้ไล่เลียงอะไรมาก แม่เข้าใจผมดี แม้เราจะไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย ตราบเท่าที่ผมยังไม่ได้ผิดสัญญาเรื่องเหล้า ยา บุหรี่ ที่ให้ไว้กับแม่
 
                    ตอนกลางคืน ผมเลยพาพี่ปั้นไปเที่ยวงานวัด งานประจำจังหวัด ให้เขาแต่งตัวมึนๆ เหมือนเดิม ไม่มีใครจำหน้าได้ นี่ไงงานวัดกระจอกๆ ที่เคยดูถูกไว้ แต่ตัวเองกลับสนุกสนานอยู่คนเดียว ปาลูกโป่ง สอยดาว ยิงปืนลม จับตุ๊กตา
 
                    ตรงช่วงคนเยอะๆ พี่ปั้นกลัวหลงกับผม เลยคว้ามือผมให้จูงเขาไปด้วย ผมแอบตื่นเต้นและยิ้มไม่หุบ ที่เราได้เดินจับมือกัน คนที่เป็นชายรักชาย ถึงมีเซ็กส์กันมากแค่ไหน แก้ผ้าต่อหน้ากันมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน หรือจูบกันดุเดือดขนาดไหน แต่มันก็ไม่พิเศษเท่าที่คุณได้เดินจับมือกันหรอก

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 #2 #3 มาแล้ว 31/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 31-12-2014 13:50:04
พี่ปั้น หวานมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 #2 #3 มาแล้ว 31/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-12-2014 14:24:43
 :mew1:    ช่วงเวลาดีๆมันแลดูสั้นเนอะ
ขออย่าให้มันเป็นจุดจบเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 #2 #3 มาแล้ว 31/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 31-12-2014 14:49:58
เย้ๆๆๆ มาแล้วๆ ขอบคุณครับ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 #2 #3 มาแล้ว 31/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-01-2015 23:57:50
จะเป็นไงต่อน๊า
แล้วยีนส์ จะกลับมามีบทบาทไหม
หรือเป็นแค่อดีตจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 #2 #3 มาแล้ว 31/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 02-01-2015 07:23:58
มารอติดตามค่ะ แอบอ่านภาค 1จนจบ ภาค 2 รอลุ้นความรักของทั้งคู่ฮะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #1 #2 #3 มาแล้ว 31/12/57
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 03-01-2015 13:45:04

แอร๊ยยยย....พี่ปั้น  :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น](ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #4 เพื่อนหรือคนรัก
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 03-01-2015 22:30:03
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #4 เพื่อนหรือคนรัก



                    บ่ายวันนี้ ผมต้องเข้าไปซ้อมดนตรีที่ห้องซ้อม ผมเลยพาพี่ปั้นไปด้วย ตอนนี้ตัวเราติดกันเป็นแตงเม ตั้งแต่พี่ปั้นมาพิษณุโลก ผมยังไม่ได้พามาเจอวงของผมเลย น้องๆ ในวงคึกคักกันมาก ขอถ่ายรูปคู่พี่ปั้นกันใหญ่ ยกเว้นชิน ชินยังคงทำหน้ามึนตึง ท่าทางดูไม่ค่อยพอใจที่ผมพาพี่ปั้นมาห้องซ้อม
 
                    พอเรากำลังจะเริ่มซ้อม ชินเลยพูดกับพี่ปั้นว่า ไม่สะดวกใจที่จะให้พี่ปั้นอยู่ด้วย เพราะมีเพลงใหม่ๆ ที่ยังไม่อยากให้ใครได้ยิน ผมหันไปมองหน้าชิน หน้าร้อนผ่าว เพราะความโกรธ

                    พี่ปั้นเป็นผู้ใหญ่และมารยาทดีพอ ก่อนที่ผมจะตอบโต้อะไรกับชิน พี่ปั้นบอกว่าจะไปรอผมที่รถ จะได้ไปแอบหลับซะหน่อย ผมเลยเดินไปกอดคอพี่ปั้นเหมือนเป็นการขอโทษเขา ที่เพื่อนผมพูดไม่ไม่ดี

                    พอพี่ปั้นเดินออกจากห้องซ้อมไปแล้ว ผมก็หันไปพูดกับชิน
                   
                       "มึงเกิดเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมา ทำไมต้องไปไล่เขาด้วย" ผมขึ้นเสียงดัง จนน้องๆ ตกใจ เพราะไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้มาก่อน
   
                    "เขาเป็นศิลปินมาตั้งนาน ดังกว่ามึงอีก แต่งเพลงมาเป็นร้อย มึงคิดว่าเขาจะมาลอกงานมึงเหรอ" ผมยังคงตะวาดใส่มันด้วยความโกรธ

                       "มันเป็นมารยาทเว้ย ศิลปินเขาไม่มานั่งแอบฟังเพลงใหม่ๆ ของอีกวงนึงหรอก มึงนั่นแหละ ไม่รู้จักกาลเทศะ ติดเขายังกับลูกลิง ไม่รู้อะไรควรไม่ควร มึงเคยรับผิดชอบวงบ้างไหม วันๆ มึงก็หมกมุ่นอยู่แต่ผัวเกย์แก่ๆ ตกงานของมึง"
 
                    ไอ้ชินพูดเท่านั้นแหละ ผมก็ปรี่จะเข้าไปจะชกมัน ผมผลักมันจนไปชนพนังห้องซ้อม จนเครื่องดนตรีล้มกระจาย กำลังเงื้อหมัดจะชกหน้ามันอยู่แล้ว น้องๆ ก็รีบเข้ามาห้ามเอาไว้ เรายื้อยุดฉุดประชากกันไปสักพัก ผมก็พูดด่ามันกลับไป
 
                       "มึงว่ากูไม่รับผิดชอบเหรอ พี่ปั้นชวนกูไปอยู่กับเขาหลายครั้ง กูก็ไม่ไป เพราะกูเห็นแกวง กูเห็นแก่ลูกชิ้น แล้ววันนี้มึงมาพูดแบบนี้กับกู คือมึงตัดกูออกจากวงไปเลยก็ได้นะ กูก็จะได้ไปตามทางของกู"
   
                    ผมพูดไปแค่นั้น ชินก็เริ่มอ่อนลง ชินบอกให้น้องๆ ไปรอนอกห้องก่อน ขอมันเคลียร์กับผมก่อน
   
                    "มึงมีปัญหาอะไรวะ ตั้งแต่พี่ปั้นมา มึงก็มาอารมณ์เสียใส่กูตลอด" ผมถามชิน

                    "กูเป็นห่วงมึง กู...ไม่อยากให้มึง เอ่อ...จริงจัง เดี๋ยวตัวมึงก็ต้องมานั่งเจ็บ มึงก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าแบบ...เอ่อ...ผู้ชายกับผู้ชายรักกัน แม่งไม่ยั่งยืนหรอก เดี๋ยวเขาก็ต้องไป กลับไปกรุงเทพฯ เดี๋ยวมึงก็โดนเขาทิ้งอีก มึงก็ต้องมานั่งคร่ำครวญ ซังกะตาย ไม่เป็นอันทำอะไร"

                       ผมรู้ว่าชินมันห่วงผม แต่ผมโตแล้ว ผมไม่ใช่เพื่อนที่มันต้องมาคอยปกป้อง ผมดูแลตัวเองได้ ผมเข้าใจมัน มันเหมือนคนที่รู้สึกเหมือนจะเสียเพื่อนสนิทไป มันเลยออกอาการหึงเพื่อนแบบไม่รู้ตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มันสนับสนุนผม ให้ไปหาพี่ปั้นที่กรุงเทพฯ ตอนพี่ปั้นเข้าโรงพยาบาลด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมันเห็นผมกับพี่ปั้นจริงจัง เหมือนมันต้องเสียของรัก แล้วมันก็มาอาละวาดใส่ผม ที่สำคัญคือพาลไปที่พี่ปั้นด้วย

                    "กูรู้ว่ามึงห่วงกู แต่กูดูแลตัวเองได้ กูจะเสียใจจะช้ำใจ ก็เพราะกูเลือกของกูเอง มึงจะด่ากูยังไงก็ได้นะ กูไม่ว่าเพราะกูรักมึง มึงเป็นเพื่อนกู แต่มึงอย่าไปแสดงมารยาทไม่ดีหรือไปด่าพี่ปั้นต่อหน้าคนอื่นได้ไหมวะ เขาไม่ใช่เพื่อนมึง เขาเป็นเพื่อนกู ถ้ามึงยังอยากเป็นเพื่อนกู มึงต้องปรับทัศนะคติมึงใหม่ มึงต้องยอมรับว่ากูเป็นเกย์และกูรักพี่ปั้น ถ้าคิดว่ามึงรับไม่ได้ มึงก็ตัดกูออกจากวงไปเลย"

                    ชินเดินมาหาผม กอดคอผมไว้ ผมยังไม่หายโกรธ เลยสะบัดตัวหนีมือมัน

                    "กูขอโทษละกัน กูจะแก้ตัว เอ่อ...แก้ไข กูไม่ได้อยากให้มึงออกจากวงหรอก"
   
                    ผมเลิกโกรธมันแล้ว ผมอยากให้มันไปขอโทษพี่ปั้นมากกว่า


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #5 เมื่อจาก
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 03-01-2015 23:04:54
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #5 เมื่อจาก



                    คืนนี้หลังจากเล่นดนตรีเสร็จ ผมมานอนกับพี่ปั้นเหมือนเดิม พี่ปั้นถามเรื่องผมกับชิน มีเรื่องอะไรกันเหรอ ชินไม่พอใจพี่ปั้นเรื่องอะไร

                       "ผมก็ไม่รู้มันนะ เมื่อก่อนมันก็สนับสนุนผมดีนะ แต่พอพี่มาที่นี่ มันก็เกิดอาการเหมือนโฮโมนต่อมหึงมันแตกหรือยังไง ผมขอโทษแทนมันด้วยละกัน ถ้ามันพูดไม่เข้าหู"

                    "พอเห็นเราเริ่มจริงจังใช่ไหม" พี่ปั้นพูดขึ้นมาลอยๆ    "แล้วเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม"

                    "อืม" ผมพยักหน้าเบาๆ

                       พี่ปั้นนอนตะแคงคุยกับผม
   
                    "ผมถามอีกที อยากไปอยู่กับผมไหม" พี่ปั้นถามผม เพื่อยืนยันว่าเขาจริงจังกับผม
   
                    เป็นคำถามที่ทำให้หัวใจผมเกือบหยุดเต้น แต่พี่ปั้นก็คงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ว่าผมทิ้งทุกอย่างไปตอนนี้ไม่ได้
   
                    ผมส่ายหัว ลูบใบหน้าเขา ไม่ใช่ว่าผมไม่รักเขา
   
                    "ผมคงเป็นพวกซาดิส ชอบความเจ็บปวดไปแล้วล่ะ ผมชอบความโหยหา ผมชอบให้เราต้องคิดถึงกัน มีช่องว่างระหว่างกันบ้างก็ดีนะ แต่แค่นิดๆ นะ อย่าห่างมากเหมือนที่เป็น มันเหนื่อย"

                    ผมพูดติดตลกไปอย่างนั้น พี่ปั้นรู้หรอกว่าผมทิ้งวงไปไม่ได้ พี่ปั้นก็ต้องเคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน เมื่อต้องเลือกระหว่างความรักกับความรับผิดชอบ พี่ปั้นน่าจะเข้าใจดี
   
                    พี่ปั้นพยักหน้าแล้วยิ้ม
   
                    "พรุ่งนี้ผมจะกลับกรุงเทพฯ แล้วนะ"
   
                    ผมพยักหน้ารับ แล้วยิ้ม ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ ถ้าเราเข้าใจกันแล้ว กรุงเทพฯ มันก็ไม่ไกลแล้วไม่ใช่หรือ

                       "ผมจะไปลอนดอน"

                       พอพี่ปั้นพูดจบ หน้าผมเปลี่ยนสีทันที พี่ปั้นยิ้มแล้วพยายามจับหน้าผมไว้ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผม
   
                    "ผมไปแค่ไม่กี่เดือนเอง ผมจะไปเยี่ยมยีนส์มันหน่อย นี่ก็เกือบหกปีแล้ว ที่ผมไม่เจอมัน มันเลิกยาได้แล้ว เปลี่ยนเป็นผู้เป็นคนแล้ว ผมแค่ไปเยี่ยมเพื่อน เหมือนคุณไปเยี่ยมชินอ่ะ ไม่มีอะไรหรอกน่า ผมไม่เคยมีเวลาว่างขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ยีนส์มันจากไป คราวนี้เลยไม่มีข้ออ้าง ที่จะไปเยี่ยมมันสักครั้ง"

                    ผมนอนคว่ำหน้า เอาหน้าซุกกับหมอน เอาหัวโขกหมอน จนพี่ปั้นขำ

                       "ผมไม่มีอะไรกับยีนส์แล้วนะ สบายใจได้"

                       ผมรู้ว่าพี่ปั้นไม่มีอะไรกับพี่ยีนส์แล้ว ผมก็ไม่คิดว่าพี่ปั้นจะไปถ่านไฟเก่าอะไรหรอกนะ แต่ว่า...
 
                    "คือว่านะครับพี่ แค่กรุงเทพฯ พิษโลก เราใช้เวลาตั้งครึ่งปีกว่าจะได้มาเจอกัน นี่ไปถึงอังกฤษ มือถือก็ไม่มี อีเมล์ก็ใช้ไม่เป็น โอ้ย! ไรกัน" ผมทำเสียงงอแงใส่พี่ปั้น จนพี่ปั้นขำ
 
                    "ผมไม่ไปไหนหรอก เอากุญแจคอนโดฯ ไปกอดไว้เลย เอารถไปใช้ด้วย เอาไว้ไปรับส่งผมที่สนามบินด้วย ยังไงผมก็กลับมา"
 
                       ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เรื่องกุญแจคอนโดฯ กับรถ ไม่ใช่ว่าผมเป็นพวกอยากได้สมบัติมัดใจอะไรเทือกๆ นั้น ผมแค่รู้สึกว่าเราเริ่มพัฒนา ความสัมพันธ์ไปอีกขั้น แต่ผมก็ยังเซ็งอยู่นะ



                    บ่ายวันนี้ ผมมาเข้าห้องซ้อมเร็วกว่าเพื่อน เพราะวันนี้ผมไม่มีอะไรทำแล้ว พี่ปั้นกลับไปเมื่อเช้า กว่าเราจะลาจากกันได้ ผมกอดเขาแน่น เราจูบร่ำลากันเนิ่นนาน เพื่อให้แน่ใจว่ามันใช่ สิ่งที่เราจะทำหรือตัดสินใจไป เขาจะไปลอนดอนไปหาคนรักเก่า(ที่ไม่มีอะไรกันแล้ว เหรอ?) ส่วนผมจะอยู่กับวงของผม
 
                    ชินมาห้องซ้อมเป็นคนที่สอง งงเล็กน้อยที่เห็นผมมาก่อน นั่งเกากีตาร์ดูเหม่อลอย ชินมองหาพี่ปั้น แล้วถามผมว่า

                       "แล้วพี่ปั้นล่ะ"
   
                    "กลับกรุงเทพฯ ไปเมื่อเช้านี้"

                    ชินคงเห็นผมทำหน้าเศร้าๆ เลยเดินมาตบบ่าผม เหมือนให้กำลังใจ

                    "แค่ไม่กี่เดือนเอง เรื่องเซ็นสัญญากำลังเรียบร้อย เดี๋ยวเราก็ย้ายไปกรุงเทพฯ แล้ว" 
   
                    ผมหันไปมองหน้าชิน "พี่ปั้นเค้าไปลอนดอนว่ะ"
 
                       คราวนี้ชินมองหน้าผม เข้ามากอดคอผมไว้ ชินคงรู้สึกได้ว่า ผมกลับไปเป็นเด็กน้อยของชินอีกครั้ง 


ย่อหน้า มันโย้ไปเย้มา ไม่รู้แก้ยังไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย) เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #6 ลาและรอ
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 03-01-2015 23:30:53
(ซุปตาร์ อร่อย) เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #6 ลาและรอ   




                    ก่อนวันที่พี่ปั้นจะไปลอนดอน ผมได้ลงไปกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อจะไปส่งพี่ปั้น    ผมได้มาเห็นคอนโดฯ ของพี่ปั้นเป็นครั้งแรก ผมตื่นเต้นมากที่ได้เห็นที่นอนของเขา ตู้เสื้อผ้าของเขา เรามีเวลาได้อยู่ด้วยกันหนึ่งคืน ก่อนที่จะไปส่งพี่ปั้นเช้าวันรุ่งขึ้น 
                          
                    เรามีเซ็กส์มาราธอนกัน ในพื้นที่ๆ เป็นของเรา ที่เรารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น เราสามารถเปลือยกายเดินไปมารอบๆ ได้เต็มที่ ตัวเราติดกันตลอดเวลา เราคลอเคลียกัน มีเซ็กส์กันทุกที่ในบ้าน อ่างอาบน้ำ โต๊ะอาหาร โซฟา และจบที่เตียงนอน

                    เราตกลงกันว่า พี่ปั้นจะใช้วิธีเขียนโปสการ์ดมาหาผม ทุกๆ หนึ่งสัปดาห์ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรอยู่ก็ตาม 
   
                    เป็นวิธีที่คลาสิกมาก ดีนะที่โทรเลขเลิกใช้ไปแล้ว
 
                    แต่ผมยังไม่มีที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ผมเลยให้พี่ปั้นส่งมาที่คอนโดฯ ของเขานี่แหละ เดี๋ยวผมมารับไปเอง เพราะผมกำลังจะยึดห้องพี่ปั้น
 
                    ไปถึงสนามบินเราก็อยากจะจูบลากันเหมือนคนรักทั่วไป แต่ก็ทำไม่ได้ 

                    ผมอยากจะร้องไห้

                    ต้องห่างกันอีกแล้ว...      



                    แล้วผมก็กลับไปพิษณุโลกเพื่อเตรียมตัวที่จะย้ายเข้ากรุงเทพฯ อีกสักประมาณสักเดือนนี้เราก็จะเลิกเล่นดนตรีในผับแล้ว เพื่อให้น้องๆ ได้หยุดพักเพื่อมีสมาธิ ตั้งใจสอบให้เรียนจบกันเสียที

                    เรามีคอนเสิร์ตส่งท้ายที่ผับด้วย แขกหรือแฟนเพลงวงของเรา ที่เริ่มพอมีอยู่บ้าง เมามันส์สนุกสนานกันมาก มีคนมาขอลายเซ็นของเราไว้ด้วย เผื่อว่าวงของเราเกิดดังในอนาคต
 
                    ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จริงๆ แล้วมีคนมาชอบผมมากเหมือนกัน ทั้งที่ผมก็เงียบๆ ไม่ค่อยสนใจใคร แค่ภาวนาขอให้เล่นไม่ผิดไม่เพี้ยนก็พอแล้ว


                    ในที่สุดเราก็ได้ย้ายมากรุงเทพฯ มีแค่ผมกับชินที่ย้ายมาก่อน มาเตรียมที่ทางรอน้องๆ หลังเรียนจบ

                    บ้านที่เรามาอยู่เป็นทาวน์เฮ้าส์สามชั้น เป็นบ้านหลังใหญ่ มีหลายห้องมาก แถมยังมีห้องซ้อมดนตรีด้วย ซึ่งค่าเช่าส่วนหนึ่งค่ายเพลงที่เซ็นสัญญากับเราออกให้ ชินหอบลูกเมียมาอยู่ด้วย เพราะมันไม่อยากไกลลูกเมีย ผมก็ว่าดี เพราะผมจะได้เล่นกับลูกชิ้น ยามเหงาๆ

                    เมียชิน ชื่อ ‘มะปราง’ เป็นผู้หญิงที่ต้องอดทนมาก เมื่อเป็นแฟนนักดนตรี ต้องจากบ้านมา มะปรางเป็นผู้หญิงเรียบร้อย น่ารัก เหมาะแล้วที่จะดูแลชินและลูกชิ้น
 
                    เมื่อเรามาอยู่กรุงเทพฯ ผมเลยไปคอนโดฯ ของพี่ปั้นบ่อยๆ ได้แล้ว
   
                    หนึ่งเดือนครึ่งแล้ว หลังจากที่พี่ปั้นไปลอนดอน ผมเพิ่งไปรับโปสการ์ด มีทั้งหมด 4 ฉบับ

                    ฉบับที่หนึ่ง โปสการ์ดรูปบ้านเมืองที่ลอนดอน พื้นๆ ทั่วไป


To Tar

ผมมาถึงลอนดอนแล้ว เจอยีนส์แล้ว ยีนส์อึ้งไปเลยเมื่อเจอผม

ผมก็นอนที่บ้านยีนส์นี่แหละ

นอนไม่ค่อยหลับแฮะ สงสัยผิดที่

Love you

Pun Pathimar 


   
                    ผมแค่หวังว่า เขาจะบอกว่า นอนไม่หลับเพราะคิดถึงผม แต่ก็เปล่า แต่คำลงท้ายว่าเลิฟยู ก็ปลอบใจได้ดี

                   
                    ฉบับที่สอง โปสการ์ดรูปศิลปะเก๋ๆ พัฒนาขึ้นมาหน่อย


To Tar

ยีนส์พาไปเที่ยวที่เก่าๆ ที่เราเคยไปกัน รำลึกความหลังกัน

โดยเฉพาะย่าน SoHo ยังอบอวนไปด้วย กลิ่นไอดนตรีและศิลปะที่คุ้นเคย

อยากให้ต้าร์มาอยู่ด้วย

Love U

Pun Pathimar 



                    บอกตามตรงว่าผมรู้สึกอิจฉา ผับดนตรีที่ลอนดอน คงแตกต่างจากผับที่พิษณุโลก หรืองานประจำจังหวัด อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน โดยสิ้นเชิง มันเป็นอย่างไรกันหนอ ผมได้แต่จินตนาการ    ‘อยากให้ต้าร์มาอยู่ด้วย’ คงปลอบใจได้บ้าง
   

                    ฉบับที่สาม โปสการ์ดรูปชนบทนอกเมืองหน่อย


To Tar

สัปดาห์นี้ ยีนส์ยังพาผมไปเที่ยวที่เก่าๆ ที่เราเคยไปกัน เหมือนเดิม

แต่คราวนี้ออกไปนอกเมืองหน่อย

ผมสนุกมาก ยีนส์ก็สนุก คงเพราะไม่มีเพื่อนมาเยี่ยมนาน

Pun


                          
                    ฉบับนี้ไม่มีอะไรปลอบใจเลยว่ะ แถมลืมลงท้ายเลิฟยู คือถ้าดูตามไทม์ไลน์แล้ว นี่มันสัปดาห์ที่สามเข้าไปแล้ว เขาอาจจะลืมๆ ผมไปบ้าง
      

                    ฉบับที่สี่ โปสการ์ดรูปกราฟิกฟอนท์ภาษาอังกฤษ เขียนว่า I LOVE YOU, I หัวใจ LONDON


To Tar

สัปดาห์หน้า ยีนส์ชวนผมไปเที่ยวปารีส ขับรถข้ามไปหน่อยเดียว

แล้วคงล่องต่อไปทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

ผมอาจจะไม่ได้ส่งโปสการ์ดนะ

Pun


                    ฉบับที่สี่ ยิ่งห่างเหินไปอีก เขียนก็น้อยมาก แถมยังบอกจะเลิกส่งโปสการ์ดมาอีก เฮ้อ...
   
                   
                    อ่านโปสการ์ดเสร็จ จากนั้นแล้วผมก็ขึ้นไปห้องพี่ปั้น ห้องยังสภาพเหมือนเดิม จากวันที่เราจากกัน ผมมองไปรอบๆ ด้วยความคิดถึง นั่งตรงโซฟา ที่เราเคยมีเซ็กส์ด้วยกัน เปิดตู้เสื้อผ้า ดมกลิ่นเสื้อผ้าของเขา ดมชุดชั้นในของเขา อย่างกับเป็นคนโรคจิต
                     
                    ผมไปนอนบนที่นอนของเขา เอาหน้าซุกหมอน ดมกลิ่นพี่ปั้นที่หมอน เอาเสื้อผ้าเขามากอด
   แล้วผมก็สร้างความสุขให้ตัวเอง ผมคลอเคลียไปกับเสื้อผ้าเหล่านั้น เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงและลูบไล้มัน...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #4 #5 #6 อัพ 3/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-01-2015 00:10:55
หรือถ่านไฟเก่าจะคุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #4 #5 #6 อัพ 3/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-01-2015 08:34:18
กอดต้าร์  :กอด1:
เดี๋ยวพี่ปั้นกลับมาก็เป็นเหมือนเดิมแหละใจคนรอก็เงี้ย มันทรมานสมกับที่ต้าร์ชอบไหมล่ะ (แอบประชดเบาๆ :katai3:)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #4 #5 #6 อัพ 3/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-01-2015 09:01:59
 :serius2:  สงสารต้าร์ เป็นคนรอมันทรมาน
แถมไม่รู้ว่าถ่านไฟเก่าจะคุเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 ซุปตาร์ของผม
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 04-01-2015 13:53:47
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 ซุปตาร์ของผม


               ผ่านไปอีกเดือน ที่โปสการ์ดขาดหายไป ผมเวียนไปดูเกือบทุกสัปดาห์ บางครั้งก็ไปสองครั้งต่อสัปดาห์ด้วยซ้ำ ก็ไม่มีโปสการ์ดมาส่ง สิ่งที่ผมกลัว มันจะเป็นจริงไหม พี่ปั้นหายเข้ากลีบเมฆอีกครั้ง
 
               ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยมีอะไรทำ ผมมักจะนั่งเล่นกีตาร์เรื่อยเปื่อยที่ห้องของผม ผมเอาของส่วนตัวมาน้อยมาก เสื้อผ้าแทบไม่ได้เอาออกจากกระเป๋า จนชินต้องทักว่าผมทำท่าเหมือนจะย้ายตลอดเวลา จริงๆ ผมคิดว่าผมคงจะย้ายออกสักวันหนึ่ง แต่ชินคงคิดว่าผมจะไปอยู่กับพี่ปั้น ไม่หรอก...ถ้าจะไป ผมคงไปนานแล้ว

               ตอนนี้วงเรายังมาไม่ครบ ชินก็ไปติดต่อกับที่ค่ายเป็นครั้งคราว แต่งเพลงที่เหลือ เรามีห้องที่ทำเพลงและอัดเสียงได้อยู่ในบ้านด้วย ส่วนงานของผมมีอย่างเดียว คือเล่นกับลูกชิ้น ลูกชิ้นทำให้ผมหายเหงา เด็กคือความบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรต้องคิด มีความสุขก็ยิ้ม หัวเราะ ปวดท้อง หิวนม ก็ร้องไห้ ไม่ต้องคอยคิดถึงใครๆ และฟุ้งซ่าน เหมือนที่ผมเป็นอยู่

               ผ่านไปเกือบสองเดือน โปสการ์ดที่หายไปหลังจากที่เขาไปฝรั่งเศสกัน ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้โปสการ์ดที่ผมรอคอย พี่ปั้นเขียนมาบอกสั้นๆ ระบุวันที่จะกลับเมืองไทย ก็ประมาณอีกสองอาทิตย์ ไม่มีคำหวาน ไม่มีคำว่าคิดถึงหรือบอกรัก ไม่มีอะไรปลอบใจผมอีกต่อไป
 
               พี่ปั้นจะกลับมาแล้ว ผมตื่นเต้นนอนไม่หลับเลย ผมไปที่คอนโดฯ ก่อนจะไปรับเขาที่สนามบิน เพื่อไปดูคอนโดฯ ให้เรียบร้อยและไปเอารถด้วย ผมซื้อดอกกุหลาบติดมือไปด้วย แม้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับความสัมพันธ์ของเรา ผมเอากุหลาบดอกที่สวยที่สุด วางบนหมอนของพี่ปั้น แล้วเอากุหลาบมาโรยๆ ที่เตียง ทำเป็นรูปหัวใจ ทำเป็นตัวอักษร LOVE ชวนอ้วกมาก ผมเลยเปลี่ยนเป็นรูปไอ้จู๋แทน แล้วผมก็หยิบกุหลาบติดมือไปหนึ่งดอกเพื่อไปเวลคัมพี่ปั้นที่สนามบิน คงไม่โอเว่อร์ไป

               ถึงแม้ผมจะกังวลใจอยู่บ้าง แต่ผมก็ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มหน้าระรื่น ระหว่างที่ขับรถไปสนามบินไม่ได้

               ผมไปรอซุปตาร์ของผมตรงทางออกผู้โดยสารขาเข้า เที่ยวบินของพี่ปั้นมาถึงแล้ว หัวใจผมเต้นตึกตัก ผมนึกภาพว่า ผมอยากจะวิ่งไปกระโดดกอดเขา เหมือนลูกลิง อยากจะจูบๆๆๆๆ แต่ด้วยความเป็นซุปตาร์ของเขา ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ ดอกไม้ที่จะเอามาให้ ผมยังไม่กล้าถือติดมือมาเลย กลัวเขาอาย ผมเลยซ่อนไว้ในรถ 

               และแล้วผมเห็นพี่ปั้นกำลังเดินลากกระเป๋าออกมา ไปอยู่เมืองนอกมาสามเดือน ผิวขาวและอ้วนขึ้นนิดหน่อย ผมยังยืนยิ้มไม่หุบ แล้วผมก็เห็นพี่ปั้นเดินคุยมากับใครสักคน ผมยังมองไม่ถนัด เพราะมีผู้โดยสารคนอื่นเดินบังอยู่ข้างหน้า ผมชะเง้อดูว่าเขาเดินมากับใคร

               และภาพที่เห็นก็ทำให้ผมต้องอึ้งไป

               ตัวผมชาเหมือนโดนฉีดยาชาชนิดแรง

               ผู้ชายที่พี่ปั้นเดินคุยมาด้วย ตัวสูงกว่าพี่ปั้นเล็กน้อย ผอมแบบบาง หน้าเรียวสวยเหมือนผู้หญิง ผมปรกหน้าที่ได้รูป ท่าทางการเดินบวกกับออร่าที่กระจัดกระจาย จนดูเหมือนหลุดมาจากแคทวอล์กแฟชั่นท่านชาย จนคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นต้องเหลียวหลังไปมอง เมื่อเขาเดินมาใกล้ๆ ผมจึงเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก ผิวหน้าขาวใส คิ้ว ตา ปาก ฟัน ได้รูปไปหมด

               เขาเดินมากับพี่ปั้น ถ้าผมไม่โง่ ตาบอด หรือสติเสียไปเสียก่อน ผมก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าเขาคนนี้คือ...

               'พี่ยีนส์' แฟนเก่าพี่ปั้น...

               ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองในใจที่ไม่ได้ถือดอกกุหลาบมาด้วย เงิบแน่!

               พี่ปั้นเห็นผมแล้ว เดินยิ้มมาหาผม เหมือนอยากจะเข้ามากอดผมเหมือนกัน แต่ก็ต้องชงักไปนิดนึง ก็แค่เอามือมาลูบที่ท้ายทอยผมไว้ ยิ้มให้ผม ถามผมว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมยกมือไหว้พี่ปั้นและคนที่มากับพี่ปั้น พี่ปั้นแนะนำ ว่านี่คือพี่ยีนส์และแนะนำผมกับพี่ยีนส์

               พี่ยีนส์เอื้อมมือมาเช็คแฮนด์เหมือนฝรั่ง พี่ยีนส์ยิ้มให้ผม รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของพี่ยีนส์ ยังเท่เลย   

               ผมก็เรียกสติกลับมาและพาพี่ทั้งสองคนเดินไปที่รถ พี่ปั้นพยายามมาแตะหลังผมไปตลอดทาง เหมือนอยากจะบอกอะไร แต่ก็เหมือนพูดไม่สะดวก

               ผมกับพี่ปั้นพยายามเก็บกระเป๋าขึ้นหลังรถ พี่ยีนส์ขึ้นรถไปแล้วเพราะอากาศร้อนจัด ผมเลยแอบเอากุหลาบให้พี่ปั้น แต่หน้าของผมก็เรียบเฉย ไม่ได้ยิ้มระรื่นเหมือนตอนขับรถมา จังหวะนี้พี่ปั้นเลยโน้มตัวมาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้เรายังแทบไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกัน

               ระหว่างทางไปคอนโดฯ ที่ปั้นกับพี่ยีนส์คุยกันไปตลอดทาง ที่ยีนส์คนที่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ มาหกปี ชี้ชวนคุยเมื่อเห็นสิ่งแปลกใหม่ตลอดข้างทาง บางครั้งก็พูดเรื่องที่เขาอยู่ที่อังกฤษกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องด้วย ตอนนี้ผมไม่ต่างอะไรกับพนักงานขับรถ

               ผมไม่ได้เจอพี่ปั้นตั้งสามเดือน พี่สองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งสามเดือน ผมเองสิต้องอยากคุยกับพี่ปั้นมากกว่า แต่ผมก็ต้องนั่งเงียบไปตลอดทาง พี่ปั้นนั่งข้างผม พยายามมองผม บางทีตอนพี่ยีนส์ไม่พูดอะไร พี่ปั้นก็แอบเอามือมาแตะมือผมบ้าง
   
               ที่สำคัญคือ...

               ที่สำคัญคือพี่ปั้นบอกผมว่า พี่ยีนส์จะไปนอนที่คอนโดฯ ด้วย พี่ปั้นบอกว่าตอนเขาไปลอนดอนก็ไปนอนห้องพี่ยีนส์ มาเมืองไทยเลยเป็นการตอบแทนคืน

               ผมหายใจยาวๆ แต่พยายามให้แผ่วเบา กลัวคนนั่งข้างหลังจะได้ยิน แต่กลับอยากให้พี่ปั้นได้ยิน เขาสองคนจะอยู่กันอย่างไร คอนโดฯ ของพี่ปั้นก็ไม่ได้ใหญ่มาก มีห้องนอนแค่ห้องเดียว เขาจะนอนกันอย่างไร เตียงก็มีแค่เตียงเดียว ตอนนี้ความคิดของผมเริ่มเตลิดมากขึ้น โปสการ์ดที่หายไปเกือบสองเดือน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความฝันของผม ที่อยากจะทำอะไรโรแมนติกให้พี่ปั้น ทำอาหารไทยให้กิน จุดเทียนแล้วนอนแช่น้ำอุ่น แล้วก็มีเซ็กส์มาราธอนรอบสองกับพี่ปั้นเพื่อให้หายคิดถึง ฝันของผมสลายไปเหมือนน้ำที่หกลงพื้น

               ยังมีกลีบดอกกุหลาบรูปกระเจี๊ยว ที่ผมต้องรีบไปกำจัดมันทิ้งอีก

               เวรกรรม!
 
               มาถึงคอนโดฯแล้ว ผมกับพี่ปั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกัน เพราะพี่ปั้นก็ต้องคอยเทคแคร์ ตอบคำถามพี่ยีนส์ อะไรเก็บไว้ตรงไหน พี่ยีนส์เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า แล้วเอากระเป๋าเปล่าเก็บเรียบร้อย แสดงท่าทีว่า กูอยู่นานแน่นอน ขนาดผมมีบ้านเช่าของตัวเอง ผมยังแทบไม่เอาเสื้อผ้าของผมออกจากระเป๋า 

               หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จ เราก็นั่งดื่มกันตรงโซฟา แต่ผมไม่ดื่มเหมือนเคย เขาคุยกันเรื่องตอนที่อยู่อังกฤษ คุยกันอยู่ได้ เรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องด้วย บางทีเขาก็พูดภาษาอังกฤษใส่กัน ผมก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอีก

               ผมก็เหมือนเป็นแค่รูปปั้นประดับห้อง ได้แต่นั่งเงียบๆ นั่งมองเขาคุยกัน ช่างเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันดีนะ คนหน้าตาดีสองคน อายุไล่เลี่ยกัน มีเสน่ห์ เป็นนักดนตรี พูดจาสุภาพ เขาเหมือนเสาโรมันที่สูงสง่าที่ตั้งไว้คู่กัน ส่วนผมเป็นเด็กน้อย ที่ยืนอยู่ระหว่างสองเสานั้น ได้แต่แหงนหน้ามอง

               จากนั้นพี่ยีนส์ก็ขอตัวไปนอน พี่ปั้นยกเตียงนอนให้พี่ยีนส์ไปเรียบร้อย พอพี่ยีนส์เข้าห้องปิดประตูไป พี่ปั้นก็โผเข้ามากอดผมอย่างรวดเร็ว พี่ปั้นขึ้นมานั่งคร่อมบนตักผม แล้วกอดผมไว้แน่น ผมอยากจะสลัดตัวออกเพราะงอนเขาเหมือนกัน แต่พี่ปั้นก็กอดแน่นขึ้น แล้วหอมผมไปทั่วทั้งตัว ตอนนี้ผมเริ่มจั๊กจี้ เลยขำออกมา พี่ปั้นเลยยิ่งแหย่ผมเข้าไปใหญ่

               พี่ปั้นหอมผมไป ปากก็พูดว่า คิดถึงๆ แล้วถามผมว่าผมคิดถึงเขาไหม

               “มากอ่ะ” ผมตอบเขาไป แบบไม่อาย

               ตอนนี้ความงอน ความน้อยใจของผมหายไปหมดแล้ว มีแต่เสียงหัวเราะคิกคัก ผมไม่อยากเป็นเด็กงอแง ถามว่าเขามีอะไรกับพี่ยีนส์ไหม เรายังเหมือนเดิมไหม พี่ยีนส์มาทำอะไรที่เมืองไทย ผมไม่อยากเซ้าซี้ แม้ว่าอยากจะรู้มากแค่ไหน

               จากนั้นเราก็มีเซ็กซ์กันที่โซฟานั่นแหละ ตอนนี้ผมเลิกกังวลถึงคนที่อยู่ในห้อง ถ้าเรามีเซ็กส์กันได้ ระหว่างที่พี่ยีนส์นอนอยู่ในห้อง ผมควรจะมั่นใจได้ว่า พี่ปั้นไม่น่าจะนอกใจผม ระหว่างที่เขาอยู่ที่ลอนดอน

               เซ็กส์ของเราก็ยังเร่าร้อน ดุเดือดทุกครั้ง หลังจากเราไม่ได้เจอกันนาน

               ผมดมกลิ่นกายของพี่ปั้น มันช่างเย้ายวนผม ริมฝีปากที่ประกบกันแทบไม่ได้ถอนมาหายใจ มันหวานฉุ่ม ลิ้นที่ตวัดไปมา ได้ลิ้มรสชาติปากของอีกฝ่ายด้วยความโหยหา เสื้อผ้าถูกถอดกระจายไปแถวๆนั้น แบบไม่ได้ใยดีมัน อยากให้เนื้อเราแนบกันไว้มากกว่า มือเราต่างลูบไล้กันและกัน สลับกันจูบไปทั่วร่างให้หายคิดถึง

               แล้วผมก็เอามือล้วงไปในกางเกงชั้นในของเขา โอ้! ยังเหมือนเดิมคิดถึงจัง พี่ปั้นก็ไม่ต่างอะไร เขยิบตัวลงมาต่ำด้านล่างของตัวผมและจูบมัน ลูบไล้มันราวกับเป็นของรักของหวง
 
               เราอยากจะสอดใส่กัน แม้มันจะยากนิดหน่อย แต่ใครล่ะจะอดใจได้ ผมขยับตัวเนิบๆ เพื่อไม่ให้เขาเจ็บ เรามองหน้ากัน ผมจูบเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาเกร็ง เมื่อมันเข้าที่เข้าทาง มันเหมือนว่าเราจะหยุดหายใจไปเลย แล้วเราก็เปล่งเสียงออกมาตามจังหวะของมัน       

               เราสองคนออกจะเปล่งเสียงแบบไม่ได้ปิดบัง ผมอาจจะดูนิสัยไม่ดีนิดหน่อย ก็เพื่อให้ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องได้รับรู้ว่า...

              ซุปตาร์เป็นของผม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-01-2015 14:28:40
 :hao5:   ไม่มีดอกกุหลาบรูปกระเจี๊ยวก็ช่างมันแล้ว

หวังว่าจะคลีนนะพี่ปั้น เพื่อนกันจริงๆนะ ไม่ได้นอกกายใช่ไหม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-01-2015 16:21:39
ต้านายไปตรวจเลือดและอย่าลืมใส่ถุงยางนะ พฤติกรรมของซุปตาร์นี่มันชวนหลอนมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-01-2015 17:26:20
ไม่มีอะไรในกอไผ่ใช่ไหมพี่ปั้น ดูน่าระแวงนะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #8
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 04-01-2015 19:33:51
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #8 ยังไม่ได้ตั้งชื่อ


               ตอนเช้าเราก็นอนกอดกันบนร่างเกือบเปลือยอยู่ที่โซฟา พี่ยีนส์ตื่นก่อนแล้วอาจจะเกิดอาการเจ็ตแล็ก นอนไม่ค่อยหลับ หรือเพราะเมื่อคืนเราส่งเสียงดังกันก็ไม่รู้

               พอผมเห็นพี่ยีนส์ตื่นมาทำอาหารเช้า ผมก็ตื่นมาสวมเสื้อผ้า ที่กระจุยอยู่แถวนั้น พี่ปั้นยังไม่ตื่น ผมเลยสะโหลสะเหล เดินเข้าห้องน้ำ ออกมานั่งที่โต๊ะทานอาหาร คอนโดฯ มันเล็กแค่นั้นผมคงหลบหน้าพี่ยีนส์ไปไหนไม่ได้แน่ ก็เลยนั่งสู้หน้ากันไปเลย

               พี่ยีนส์ในชุดกางเกงขาสั้นแค่เข่ากับเสื้อกล้าม ยิ่งทำให้เห็นรูปร่างที่บาง ผิวขาวที่เผยที่ไหล่และแขน กล้ามเนื้อแขนเล็กๆ ที่ดูมีเสน่ห์ พี่ยีนส์ถามผม ว่าจะดื่มอะไร ผมบอกว่าผมจะทำเอง แต่พี่ยีนส์ก็ห้ามไว้ พี่ยีนส์ชงโกโก้มาให้ผม แล้วเราก็เริ่มคุยกันจริงจังเป็นครั้งแรก

               พี่ยีนส์ชวนผมคุยเป็นส่วนใหญ่ คงเป็นเรื่องที่พี่ปั้นเล่าเรื่องผมให้พี่ยีนส์ฟังนั่นแหละ ถ้าเขาไม่ถาม ผมก็ไม่ได้ถามหรือพูดอะไร ผมนั่งกอดอก สูดน้ำมูกฟึดฟัดไปเรื่อย เพราะตอนเช้าๆ ผมมักแพ้อากาศ

               "เป็นอะไร สูดน้ำมูกฟึดฟัด" พี่ยีนส์ถามระหว่างยื่นแครกเกอร์ให้ผม

               "แพ้อากาศนิดหน่อย มักเป็นตอนเช้าๆ ตอนตื่นนอน เดี๋ยวสักพักก็หายครับ"

               พี่ยีนส์พยักหน้ารับทราบ ตายังจ้องเขม็งมาที่ผม ตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง ว่าผมทำอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า แล้วพี่ยีนส์ก็ยิ้ม ยิ้มแบบสดใสสุดๆ ไม่แปลกใจหรอก ถ้าใครๆ จะหลงรักผู้ชายคนนี้

               "มีวงดนตรีด้วยใช่ไหม ต้าร์อ่ะ" พี่ยีนส์ถามขึ้นมา

               "อ๋อครับ กำลังจะได้ทำอัลบั้ม" ผมรีบคุยทับ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ แต่ไม่รู้ต่อมสมองส่วนไหน ของผมมันกำลังทำงาน

               "เล่นอะไรนะ เห็นปั้นบอกว่าเล่นกีตาร์"

               "ครับ กีตาร์ แต่ก็ไม่ใช่ตัวเด่นนะครับ เพื่อนผมเด่นกว่า" นี่คือต่อมของผมจริงๆ ถ่อมตัวก่อน

               "ชื่อต้าร์ มาจากคำว่ากีตาร์ใช่ไหม"

               "ครับ พ่อผมตั้งให้ พ่อเป็นนักดนตรี แต่เสียไปแล้ว"

               "อ้า...เสียใจด้วยนะเรื่องพ่อ ผมก็เล่นกีตาร์เหมือนกัน" พี่ยีนส์ชี้ที่ตัวเอง ผมพยักหน้า เพราะผมรู้จากพี่ปั้นอยู่แล้ว

               พี่ยีนส์กำลังจะพูดอะไรต่อ แต่พี่ปั้นตื่นมาพอดี พี่ปั้นใส่กางเกงชั้นในตัวเดียว เดินมาที่โต๊ะอาหาร แล้วเดินมากอดผมจากข้างหลัง และดมหัวผมไปหนึ่งที เปล่งเสียงเบาๆ ว่า "มอร์นิ่ง" ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ พี่ปั้นไม่ได้ลืมใช่ไหม ว่ามีพี่ยีนส์นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย

               "ผมเห็นนะ เทียนที่วางอยู่ตรงอ่างน้ำ" พี่ยีนส์พูดหลังจากพี่ปั้นปิดประตูห้องน้ำแล้ว

               "อ่อ ครับ" ผมยิ้มเจื่อนๆ 

               เทียนที่ผมไปเจอ แล้วผมซื้อไว้นานแล้ว ระหว่างที่พี่ปั้นไม่อยู่ มันเป็นลายเขียนที่เทียนว่า ‘Welcome Home’ ผมไม่ได้เก็บออกไปทิ้ง เพราะมันก็ไม่ได้มีความหมายเจาะจงอะไร

               "ผมมาขัดจังหวะคุณสองคนหรือเปล่า" พี่ยีนส์คงหมายถึงพี่ปั้นกับผม

               จะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ ใช่! ขัดจังหวะมากเลย ไม่งั้นป่านนี้ เราก็มีเซ็กส์มาราธอน สามารถเดินแก้ผ้าได้ แล้วผมไม่ต้องมาคอยกังวล ว่าผู้ชายหน้าสวยๆ คนนี้ จะมาแย่งคนรักของผมไป

               "รู้แล้วใช่ไหม ว่าผมจะกลับมาเล่นดนตรีกับปั้น" พี่ยีนส์พูดขึ้นมาระหว่างที่พี่ปั้นเข้าห้องน้ำ

               ผมอึ้งไปนิดหนึ่ง เพราะพี่ปั้นไม่เคยพูดเรื่องนี้กับผม เรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลยเรื่องพี่ยีนส์ 

               "ว่าจะมาช่วยทำเพลง แล้วมาเล่นแบ็คอัพให้ ไม่ได้มาตั้งเป็นวงอะไรหรอก" พี่ยีนส์ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง จนหน้าหมั่นใส้ หรือผมอคติ ผมพยักหน้าเบาๆ พี่ปั้นออกมาจากห้องน้ำแล้ว

               พี่ปั้นเดินเข้ามาจูบผมอีกครั้ง ต่อหน้าพี่ยีนส์

               นี่คือวิธีของพี่ปั้น วิธีบอกรักของเขา วิธียืนยันว่าเขาเลือกผม

               วิธีที่ทำให้ผมต้องแพ้พี่ปั้นราบคาบอีกครั้ง...

               ผมถามว่าพี่ปั้นจะดื่มอะไร ผมกำลังจะลุกไปหยิบให้ แต่พี่ยีนส์เร็วกว่า

               พี่ปั้นถามว่าเราคุยอะไรกัน

               "เล่าเรื่องเล่นดนตรี ต้าร์เล่าเรื่องวงเขา เราเลยเล่าเรื่องที่เราจะมาร่วมทำเพลงกัน" พี่ยีนส์หันไปบอกพี่ปั้น

               พี่ปั้นชงักไปหน่อยหนึ่ง ระหว่างที่พี่ยีนส์กำลังยื่นเครื่องดื่มให้พี่ปั้น ก็รับรู้ถึงปฎิกิริยาของพี่ปั้นได้

               "อ้าว! นี่คุณยังไม่ได้คุยกันเหรอ เรานึกว่าคุณคุยกันไปแล้วเมื่อคืน" พี่ยีนส์แทนตัวเองว่าเรากับพี่ปั้น แล้วทำหน้างงๆ แล้วมองผมที มองพี่ปั้นที

               พี่ปั้นผมยังพอรับมือได้ แต่สำหรับพี่ยีนส์ บางทีผมก็ยังไม่เข้าใจทริกของเขา จะมาไม้ไหนนะ

               "งั้นเราให้คุณสองคนเคลียร์กันก่อนแล้วกัน" พี่ยีนส์ทำมือชี้มาที่เราสองคน แล้วพี่ยีนส์ก็เดินเข้าห้องนอนไป

               พี่ปั้นเงียบไปหน่อยหนึ่ง ส่วนผมนั่งกอดอกสูดน้ำมูกไป

               "แพ้อากาศอีกแล้วเหรอ"
         
               "อืม"

               "แอร์เย็นเหรอ"

               "ไม่แน่ใจ อาจจะมีฝุ่น"

               พี่ปั้นเอามือมาจิ้มจมูกผมเบาๆ ผมยิ้มๆ

               "ยีนส์เขา อยากมาเริ่มทำเพลงใหม่ เลยเอ่อ...ให้ผมช่วยหน่อยในช่วงเริ่มต้น ผมเลยชวนเขามาอยู่วงผมก่อน มันฉุกละหุกมาก เลยไม่ได้บอกต้าร์ก่อน"

               "พี่ปั้นไม่ต้องขออนุญาตผมก็ได้ พี่ยีนส์เขาไม่ได้จะมาอยู่วงผมนี่"

               ผมก็พูดเอาเท่ไปอย่างนั้น จริงๆ ผมโคตรอิจฉาพี่ยีนส์เลย จะได้เล่นดนตรีกับพี่ปั้น ได้ทำงานด้วยกันตลอดเวลา ได้ไปไหนด้วยกัน ไปโปรโมท ไปทัวร์ต่างจังหวัด ผมเริ่มนึกถึงภาพวันเก่าๆ ที่เคยทัวร์คอนเสิร์ตกับพี่ปั้น

               แล้วพี่ปั้นก็พูดเหมือนเสียงกระซิบ ว่าพี่ยีนส์จะมาอยู่ด้วยสักพัก สิ่งนี้ต่างหาก ที่เขาควรจะบอกผม ผมน่าจะอารมณ์เสียเรื่องนี้มากกว่า พี่ปั้นชอบเกรงใจเพื่อนจนตัวเองต้องลำบาก

               "ตอนไปอยู่ลอนดอน ผมก็ไปอาศัยเขามา จะให้ผมปฏิเสธได้ยังไง"

               เรื่องนี้ผมก็เถียงไม่ออก ถ้าผมจะกังวล ผมควรกังวล ตั้งแต่ตอนเขาอยู่ที่อังกฤษ

               แล้วผมจะมาหาพี่ปั้นได้ตอนไหน เราจะมีเวลาส่วนตัวกันตอนไหน ผมนั่งเกาคิ้วแบบไม่เข้าใจ แล้วพี่ปั้นก็พูดขึ้นมาแบบลอยๆ แบบที่เขาชอบพูด

               "เราหาที่อยู่ใหม่ แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันไหม"

               ผมไม่รู้ว่าเขาประชด หรือพูดเรื่อยเปื่อย เขาชอบพูดลอยๆ เหมือนทุกครั้ง ที่ขอให้ผมไปอยู่ด้วย เพราะเขาคงคิดว่ายังไงผมก็ต้องปฏิเสธ

               "ผมแค่ไม่เข้าใจว่า นี่เป็นบ้านของพี่ แล้วทำไมเราต้องย้ายออกไปด้วย" ตอนนี้ผมเริ่มพูดเสียงแข็งขึ้นมาหน่อย แต่ก็เบาพอให้แน่ใจว่าคนในห้องจะไม่ได้ยิน พี่ปั้นยังคงก้มหน้าไม่ตอบอะไร ผมถอนหายใจยาวๆ

               พี่ปั้นเอามือมาลูบหัวผม แล้วบอกว่า ค่อยๆ แก้ปัญหากันไป ผมก็ต้องอดทนรอไปอีก แต่พี่ปั้นน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าถ้าผมมีงานอัลบั้มแล้ว ผมจะไม่มีเวลาให้เขาอีกแล้วนะ

               ผมรับรู้ถึงความไม่มั่นคงของอนาคตเรา แม้เราจะรู้ว่าเรารักกันดี แต่ไม่รู้ว่ามันจะไปกันตลอดรอดฝั่งไหม

               พี่ยีนส์เดินออกมาจากห้อง พอรู้ว่าผมรับทราบแล้วเรื่องพี่ยีนส์จะมาทำเพลงกับพี่ปั้น เขาสองคนก็เริ่มคุยเรื่องดนตรีกันใหญ่ แนวเพลงที่เขาอยากจะทำ ผมเลยได้โอกาสแทรกมานิดนึง

               "แล้วเพลงอะคูสติก เพลงรักอะไรนั่น ไม่ทำแล้วเหรอ" ผมหันไปถามพี่ปั้น

               พี่ปั้นมองผมแล้วยิ้มเก้อ ซึ่งแปลว่าไม่มีคำตอบ

               พี่ยีนส์พูดแทรกขึ้นมา "เพลงรักที่เขียนโดยคนที่ไม่มีความรัก อ่ะเหรอ"

               ผมนึกถึงประโยคเด็ดจากหนังเรื่องหนึ่งได้เลย รอประโยคเด็ดจากปากพี่ปั้นมากกว่า

               "ไม่ใช่แบบที่คุณพูดหรอก" พี่ปั้นเหมือนหันไปดุพี่ยีนส์ว่าอย่าพูดแบบนั้น แล้วหันมาอธิบายกับผม

               "ผมคิดว่า ช่วงนี้เราได้พักนาน มีเวลาทำเพลงนาน ผมเลยอยากทำอัลบั้ม ที่แบบว่าอยากทำมานานแล้วกับยีนส์ ตั้งแต่ที่เรายังทำเพลงด้วยกัน ตอนนั้นเรายังไม่มีชื่อเสียง ทำไปตอนนั้นดับแน่ ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ เราก็โตแล้ว คนฟังก็โตแล้ว อาจจะยอมรับฟังเพลงแบบที่เราอยากทำ"

               เพลงที่ดี ก็คือเพลงที่มีทำนองไพเราะ เนื้อร้องที่กินใจ ไม่จำเป็นหรอก ว่าต้องหรู หูสูง คนฟังเขาตัดสินเอง ผมคิด ผมอคติ ผมอารมณ์เสีย

               เพลงรักอะคูสติก ที่ผมเคยเข้าข้างว่ามันเป็นเพลงที่พี่ปั้นแต่งให้ผม มันกำลังโดนกลืนหายไปที่โต๊ะกาแฟเช้านี้ ตอนนี้มีแต่เพลง ปั้น-ยีนส์ ปั้น-ยีนส์ ปั้น-ยีนส์...   

               "วันนี้ต้าร์ทำอะไร" พี่ยีนส์ถามผม
 
               "อืม วันนี้ผมมีซ้อมครับ"

               "อ้าวเหรอ ว่าจะชวนกันออกไปซื้อของใช้หน่อย เสื้อผ้าที่เอามา เหมือนจะไม่เหมาะกับอากาศว่ะ งั้นคงต้องไปกับปั้นสองคน"
               
               ซวยละ!

               จริงๆ ผมก็ตอบไปอย่างนั้นแหละ ว่าผมมีซ้อมดนตรี เพื่อจะแสดงว่าผมก็มีงานดนตรีทำอยู่เหมือนกัน ไม่ได้มาทำตัวไร้สาระ มาตามซุปตาร์ไปวันๆ แต่จริงๆ ผมโกหก วงของผมยังมากันไม่ครบเลย ผมจะไปซ้อมกับใคร ผมกลับไปบ้านตอนนี้ก็ไปเลี้ยงเจ้าลูกชิ้นเท่านั้นแหละ

               ผมบอกพี่ปั้นว่า กุญแจบ้านกับรถ ผมแขวนไว้ที่ประตู พี่ปั้นบอกให้ผมเอากุญแจสำรองไป แต่ผมปฏิเสธ ผมบอกว่าพี่ยีนส์อาจจะต้องการใช้มันมากกว่าผม มันไม่ใช่ห้องของเราอีกต่อไป มีแต่ห้องของเขาสองคน เฮ้อ...

               พี่ปั้นขับรถไปส่งผมที่บ้าน เพื่อจะได้รู้จักไว้ แล้วผมก็กลับมาเล่นกับลูกชิ้น ลูกชิ้นทำให้ผมสบายใจ ไม่คิดมาก

               สักพักใหญ่ๆ มือถือของผมก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกๆ ผมเกรงว่าจะเป็นคนที่ค่ายเพลง เลยรับสาย

               เสียงที่ปลายสายเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย

               เสียงพี่ปั้น 

               เขาบอกว่าซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เพราะยีนส์ยุให้ซื้อ ผมอารมณ์เสียต่อเนื่องไปเลย ทีอยู่กับผมตั้งนานไม่ซื้อ พอพี่ยีนส์พูดเท่านั้นแหละ ยอมใช้เลย แถมบอกว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด พี่ปั้นโลว์เทคขนาดนั้น

               ดัดจริต! ผมด่าเขาในใจ

               วางหูแล้ว ผมก็เมมชื่อพี่ปั้นว่า ‘กระเจี๊ยวน่ารัก’ ด้วยความหมั่นใส้ แล้วนั่งนึกว่าเขาไปเดินซื้อของกันหนุงหนิง แล้วต่อมอิจฉาของผมมันก็พุ่งปรี๊ดๆ แต่ดีที่ลูกชิ้น ชวนผมเล่นของเล่นโน่นนี่ นั่งตีของเล่นไปเรื่อยเปื่อย

               เมื่อผมหายอิจฉาตาร้อนแล้ว ผมมานั่งทบทวนเรื่องโทรศัพท์มือถือ มันเป็นพี่ยีนส์นั่นแหละที่ทำให้พี่ปั้นเลิกใช้มือถือ ตอนนี้พี่ยีนส์เป็นคนเสนอให้พี่ปั้นใช้มือถืออีกครั้ง ผมว่าพี่ปั้นเหมือนได้ปลดล็อกแล้ว

               แต่การที่พี่ปั้นมีมือถือ ยิ่งทำให้ผมบ้าบอไปใหญ่ เพราะต้องคอยกังวลว่าเขาจะโทรมาหาผมไหม

               เวรไหมล่ะ!

               ชินกลับมาถึงบ้าน ถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะรู้ว่าผมไปรับพี่ปั้นกลับมาจากลอนดอนเมื่อวานนี้ ผมตอบไปว่าก็โอเค พี่ปั้นก็สบายดี

               "มาพร้อมเพื่อนคนหนึ่งด้วยและจะทำดนตรีด้วยกัน ชื่อพี่ยีนส์ ซึ่งเขาเป็นแฟนเก่าพี่ปั้น คนที่พี่ปั้นเคยแถลงข่าว ตอนนี้มาอาศัยอยู่ที่คอนโดฯด้วยกันด้วย" ผมเล่ารัวๆ แล้วต่อด้วยเสียงถอนหายใจยาว

               แค่นี้ชินก็น่าจะรับรู้ได้ทันทีว่า

               ความรักของผมนั้นกำลังมีอุปสรรคอีกครั้ง


-----------------------

ขอบคุณผู้อ่าน ที่ห่วงเรื่องไม่สวมถุงยางอนามัยนะคะ คือเราข้ามขั้นตอนนั้นไปนะ บางเรื่องก็ข้ามไปบ้าง

เราเข้าใจนะ เพราะเราก็ดูหนังเกย์(เพื่อศึกษานะ อิอิ) แล้วเห็น นักแสดงก็ใส่ทุกครั้ง พอคนไหนที่ไม่ใส่ ทำให้เรากังวลแทนนักแสดงเหมือนกัน เฮ้ย จะปลอดภัยไหม เราเข้าใจผู้อ่านนะคะ ขอบคุณมากที่ช่วยใส่ใจรายละเอียดให้ด้วย 

 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 #8 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-01-2015 19:50:00
ขอบคุณค่ะ.  :mew1:

อ่านตอนนี้จบก็คิดว่าซุปตาร์น่าหมั่นไส้
ทำเพลงด้วยกัน ทำคนละวง อึดอัดสุดๆเพราะนั่นคือแฟนเก่าแถมสานฝันกันต่ออีกต่างหาก

แล้วฝันของแฟนคนปัจจุบันล่ะคืออะไรลมๆแล้งๆหร่อเปล่า

เรื่องถุงเราว่าแทรกได้จะดีมากค่ะเพราะคนอ่านมักจะเป็นห่วงสวัสดิภาพของตัวละครเสมอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #9 วงโคจร
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 04-01-2015 22:05:27
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #9 วงโคจร


               ตอนนี้น้องๆ เรียนจบการศึกษากันแล้ว ได้ฤกษ์ย้ายเข้ามาที่บ้านที่กรุงเทพฯ สักที แกะกับศินะ จะอยู่บ้านทาวน์เฮ้าท์นี้กับเรา ส่วนว่าน จะมาๆ ไปๆ เพราะว่านเป็นคนกรุงเทพฯ อยู่แล้ว

               ศินะเลือกห้องอยู่ชั้นสาม ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับผม แต่ห้องน้ำเราต้องใช้ร่วมกัน ผมก็ไม่ได้มีปัญหา

               ผมดีใจมาก เพราะว่าเราจะได้ซ้อมดนตรีกันสักที เพลงที่แต่งเกือบเสร็จจะได้รีบทำต่อ เพราะส่วนที่เหลือคือส่วนของว่านที่ต้องมาเรียบเรียงเสียงต่างๆ เข้าไป ผมอยากให้เพลงออกเร็วๆ อยากรู้ปฏิกิริยาคนฟัง ที่สำคัญ คือผมอยากเล่นดนตรีแล้ว หลังจากที่ไม่ได้เล่นดนตรีในผับมานาน

               ในช่วงที่เราทำเพลงกันอยู่ ผมก็ว่าง ผมก็พยายามไปหาพี่ปั้นบ่อยครั้ง เพื่อให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง คงไม่ได้คิดว่าผมไปตามจิก ติดตัวเขาตลอดเวลาหรอกนะ

               เราก็หาเวลาไปเที่ยวกันบ้าง เหมือนกับคนคู่รักทั่วไป เราไปดูหนังกัน ไปดินเนอร์ ตอนไปดูหนัง เราก็ต้องซื้อตั๋วแยกกันแล้วถึงค่อยเดินเข้าไปนั่งติดกัน หรือบางทีก็ทำเป็นเจอกันโดยบังเอิญแล้วก็ต่างคนต่างเข้าไปนั่ง

               เพื่อ ?...
 
               บางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องทำเป็นไม่รู้จักกันด้วย อาจจะเป็นผมเองแหละ ที่รู้สึกไม่กล้าที่จะควงเขาออกนอกหน้า จากงานที่ผมเคยทำ เคยต้องดูแลเขาไม่ให้มีข่าวเสียหาย ตอนนี้ผมก็ยังติดนิสัยนี้มาด้วย

               วันนี้เราก็ไปเที่ยวกันตามปกติ เพราะอีกไม่กี่วันผมก็จะไม่ว่างแล้ว พี่ปั้นเลยให้สิทธิ์ผมก่อน แต่พอเรากลับมาคอนโดฯ กลับเจอพี่ยีนส์ นั่งหน้าขมึงเกลียวอยู่ที่โซฟา

               "ไปไหนกันมา" พี่ยีนส์ถามพี่ปั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเท่าไร

               "วันนี้เรามีนัดทำเพลงไม่ใช่เหรอ เรารอตั้งแต่บ่ายสอง" น้ำเสียงยังคงเครียด คิ้วขมวด

               ผมหันไปมองหน้าพี่ปั้น เหมือนถามว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นความผิดของผมหรือเปล่า

               "เราส่งแมสเสจบอกไว้แล้วไง ว่าวันนี้จะออกไปข้างนอกกับต้าร์ ขอเลื่อนเวลาไปก่อน" พี่ปั้นพยายามอธิบายเสียงเรียบๆ ไม่ได้บ่งบอกว่ามีอารมณ์

               "เราไม่ได้รับแมสเสจ ทำไมไม่โทรบอก แล้วมือถือก็ปิด" พี่ยีนส์ยังเหวี่ยงต่อไป

               ผมเข้าใจพี่ปั้นนะ แกไม่อยากโทรคุย เพราะแกคงไม่อยากตอบคำถามพี่ยีนส์ แล้วแกปิดมือถือ เพราะว่าเข้าไปดูหนัง แล้วคงลืมเปิด แม้จะมีมือถือใช้แล้ว แต่พี่ปั้นเป็นคนไม่สนใจมือถือเลย มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอวัยวะ เหมือนที่คนอื่นเป็น   

               "โอเค เป็นความผิดของเราเอง" พี่ปั้นพูดเหมือนตัดรำคาญ

               "ต้าร์ก็อย่ามาทำให้ปั้นเสียสมาธิสิ ผมรู้ว่าในวงของคุณ คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะ คุณเลยมีเวลา แต่ปั้นเขาต้องทำงาน" พี่ยีนส์หันมาดุผม

               อ้าว! ไรวะ นี่ถ้าไม่เห็นแก่พี่ปั้น ผมอยากเดินเข้าไปต่อยพี่ยีนส์สักที

               "เฮ้ย! อย่าไปว่าต้าร์สิ เราเป็นคนชวนเค้าเอง เดี๋ยวต้าร์เค้าก็ไม่ว่างแล้ว เราก็เลยหาเวลาไปดูหนังกันบ้าง" พี่ปั้นแก้ตัวให้ผม

               จริงๆ ผมชวนพี่ปั้นเองแหละ เพราะอย่างที่บอกว่า อีกสองสามวันผมจะไม่ว่างแล้ว พี่ปั้นจะมาชวนได้ไง เมื่อรู้ว่าวันนี้มีคิวทำเพลง

               แต่เหมือนจะพี่ยีนส์จะรู้ ว่าเป็นฝีมือผมแน่ๆ เขายังจ้องเขม็งมาที่ผม ผมก็รู้สึกผิดนิดหน่อย ที่พี่ปั้นโดดงานมาเพื่อผม ผมเลยขอตัวกลับก่อน เพื่อให้เขาเคลียร์กันเอง ผมจูบลาพี่ปั้นไปทีหนึ่ง คงยิ่งทำให้อีกคนอารมณ์เดือดเข้าไปใหญ่

               พอผมเดินลงมาที่ล๊อบบี้คอนโดฯ ลุงสงวน ยามคนประจำที่คอนโดฯ แกเห็นผมกับพี่ปั้นบ่อยๆ จนแกคงรู้อะไรเป็นอะไรดี ช่วงที่พี่ปั้นอยู่อังกฤษ ผมไปรอรับโปสการ์ด แกก็จะแซวตลอด ถ้าโปสการ์ดไม่มา แกก็จะคอยบอกผมก่อนเลย ว่าไม่มีโปสการ์ดมาส่ง แล้วผมก็ทำหน้าเจื่อนๆ ไปทุกครั้ง
               
               แต่วันนี้แกเรียกผม เหมือนรอเจอผมมาหลายวัน

               "คุณต้าร์ๆ" ลุงสงวนเรียกผม

               "อ้าวหวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้แก ตอนแรกผมรีบเดินออกจากลิฟท์เลยไม่ทันสังเกตแก

               "นี่ๆ ไปดูตู้จดหมายสิ มีโปสการ์ดส่งมาอีกแล้วนะ" ลุงสงวนบอกผม

               ผมก็นึกสงสัย ว่าโปสการ์ดอะไรกัน ก็พี่ปั้นกลับมากรุงเทพฯ ตั้งนานแล้ว โปสการ์ดจะมีได้อย่างไร

               เมื่อผมไปเปิดตู้จดหมายดู ลุงสงวนแกเดินมาดูด้วย ผมหยิบโปสการ์ดขึ้นมาดู มันเป็นโปสการ์ดที่แสตมป์วันที่ที่พี่ปั้นยังอยู่ที่ฝรั่งเศส มีทั้งหมดสี่ใบ เป็นรูปหอไอเฟลใบนึง แล้วรูปวิวทะเลทางใต้ของฝรั่งเศสสองใบ และอีใบเป็นรูปวาดศิลปะของฝรั่งเศส มันเป็นโปสการ์ดตกค้างจากตอนที่พี่ปั้นไปฝรั่งเศสนั่นเอง โปสการ์ดที่หายไป ที่ทำให้ผมกังวลอยู่นาน

               ข้อความในนั้น ยังหวานแหววอีกด้วย ถ้าผมได้เห็นโปสการ์ดนี้ก่อน ผมคงไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องพี่ยีนส์ ผมอ่านโปสการ์ดเสร็จ ผมก็ยิ้มแก้มแทบปริ จนลุงสงวนแซวใหญ่

               ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น เมื่อผมมาหาพี่ปั้นที่คอนโดฯ พี่ยีนส์ไม่เคยทำหน้าญาติดีกับผม คอยแต่จะแขวะผมในตอนที่พี่ปั้นไม่เห็น บางทีก็ชอบมานั่ง มาทำอะไรใกล้ๆ เหมือนจะยั่วผม เขาต้องการอะไรกันแน่

               วันนี้พี่ปั้นโทรให้ผมไปหาที่คอนโดฯ ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร พอผมเข้าไป เจอพี่ยีนส์แต่งตัวอย่างหล่อ นั่งหน้านิ่งเล่นกีตาร์อยู่ที่โซฟา เหมือนดั่งภาพปกนิตยสารแฟชั่น ส่วนพี่ปั้นก็ไม่ต่างกัน

               แต่ผมนี่สิ เสื้อยืดมือสองกับกางเกงสกินนี่สีดำ รองเท้าคอนเวิร์สหุ้มข้อสีดำ ผมก็เลยเพิ่งรู้ว่าที่เขาแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ เพราะพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ จะไปงานปาร์ตี้เลี้ยงรุ่นเพื่อนที่สาธิต เป็นปาร์ตี้ส่วนตัว จัดขึ้นเพื่อต้อนรับพี่ยีนส์กลับมาจากเมืองนอก 

               แล้วเขาเรียกผมมาทำไม ให้มาเฝ้าบ้านเหรอ    

               พี่ปั้นเดินมาหาผมทำหน้ากังวลเล็กน้อย ผมว่าแล้ว มันต้องไม่ปกติ พี่ปั้นชวนผมไปปาร์ตี้ด้วย ผมปฏิเสธพัลวัน ผมโกรธพี่ปั้นนิดหน่อย ทำไมไม่บอกผมก่อน พี่ปั้นบอกว่า ถ้าบอกก่อนผมก็คงไม่มา เราถกเถียงกันอยู่ พี่ยีนส์คงหมั่นใส้ผมเต็มที่ ที่ผมปฏิเสธจนน่าหมั่นใส้ แล้วเขาก็ต้องมานั่งรอผม

               พี่ปั้นรู้อยู่แล้ว ผมไม่ชอบออกสังคม พี่ปั้นรู้ว่าผมไม่พอใจ เดินมากระซิบใกล้ๆ ว่า ให้ผมไปเป็นเพื่อนเขาหน่อย พี่ปั้นแกก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน ผมเกาคิ้วท่าประจำ เมื่อผมหงุดหงิดเวลาที่พี่ปั้นชอบเกรงใจคนอื่นมากกว่าผม

               แล้วผมก็ต้องตามน้ำไป เพราะพี่ยีนส์กำลังนั่งจิกตามาที่ผม พี่ปั้นเอาเสื้อมาให้ผมเปลี่ยน ผมอารมณ์ขุ่นมัวอยู่แล้ว การที่ให้ผมต้องเปลี่ยนเสื้อ มันก็เหมือนเป็นการบอกว่า ผมไม่ดีพอสำหรับพวกเขา เสื้อที่ผมใส่มันไม่เข้ากับพวกเขา แต่ผมยอมทำ เพราะพี่ปั้นคนเดียว

               แต่ผมก็เปลี่ยนเสื้อแค่ตัวเดียว เป็นเสื้อยืดสีดำคอวีธรรมดา แต่มีแบรนด์ชื่อดัง แล้วเอาผ้าพันคอมาคล้องผมไว้ แล้วมีหมวกสีดำเท่ๆ มาใส่ให้ผม ถ้าไม่คิดอะไรมาก ผมก็ดูดีขึ้นมาทันตาเห็น ภายในเสื้อผ้าสามชิ้น

               เราขับรถไปที่คอนโดฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านใจกลางเมือง ขึ้นไปที่ชั้นสูงสุด มันเป็นคอนโดฯส่วนตัวที่กินบริเวณทั้งชั้น มีลิฟท์ส่วนตัวของชั้นนี้โดยเฉพาะ มันเป็นคอนโดฯที่หรูหรามาก ต้องเรียกว่าแมนชั่นมากกว่า ของตกแต่งบ้านก็หรูหราอลังการงานสร้าง วิวแม่น้ำยามค่ำคืนจากคอนโดฯ ชั้นสี่สิบสาม ก็สุดจะบรรยาย

               เราเดินออกจากลิฟท์แล้วไปถึงตัวแมนชั่นเลย มีผู้ชายสองคน คนหนึ่งอ้วนกับอีกคนหนึ่งล่ำ แต่งตัวจัดเต็ม เดินมาต้อนรับเรา ไม่ใช่ผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ท่าเดินกรีดนิ้วก็บ่งบอกอะไรบางอย่างได้ พอเห็นว่าเป็นพี่ยีนส์กับพี่ปั้น สองหนุ่มนั้นก็ร้องกรี๊ดกร๊าดเสียงดัง

               "ว๊าย! มาแล้วอียีนส์ คิดถึงมึงมาก" พี่เกย์อ้วนทักพี่ยีนส์แล้วเข้ามาหอมแก้มทักทายแบบฝรั่ง พี่เกย์ตัวบึกก็ตามมากอดอีกคน

               "อีปั้น คราวนี้มึงมาได้แล้วเหรอเนี่ย กูจัดปาร์ตี้ทีไร มึงไม่เคยปรากฏร่าง" คราวนี้หันมาทักพี่ปั้นบ้าง แล้วก็เข้ามากอดและหอมเหมือนกับพี่ยีนส์

               คราวนี้มาถึงผมที่ทำตัวลีบอยู่ ผมยกมือไหว้พี่เขาก่อนเลย กลัวเขาเข้ามาหอม

               "ว๊าย! รูปหล่อ" คราวนี้แกไม่กอดไม่หอม แต่เอามือมาจับแก้มผมแทน เหมือนทีเล่นทีจริง

               "ใครหิ้วหนุ่มคนนี้มา ฉันจองนะ ฉันจอง คืนนี้นอนนี่นะ" ผมได้แต่ยิ้มเขินๆ ทุกคนก็หัวเราะขำๆ กับท่าทางของพี่เกย์อ้วน

               พี่ยีนส์หันไปมองพี่ปั้น ว่าพี่ปั้นจะแนะนำผมว่าเป็นใคร ต่อหน้าเพื่อนเก่าๆ ของเขา พี่ปั้นเลยแนะนำว่าผมเป็นแฟนพี่ปั้น เพื่อนพี่ปั้นกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ แล้วพี่ยีนส์รีบเดินหนีไปจากตรงนั้นทันที 

               พี่ปั้นแกรนด์โอเพ่นนิ่ง

               จริงๆ หน้าที่ที่ผมมาก็เพื่อสิ่งนี้แหละ พี่ปั้นไม่อยากกระอักกระอ่วนกับเพื่อนเก่า กับเรื่องพี่ยีนส์ในอดีต และหรือแม้แต่พี่เนเน่ พี่ปกรณ์ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมางานนี้ไหม

               "อีปั้นนี่ มึงได้ผัวหล่อตลอดเลยนะ มีดีอะไรเนี่ย อียีนส์ก็คนหนึ่งละ กูอุตส่าห์ไปตามกรี๊ดมัน ตามขอบเวที แล้วมึงก็วาปไปเหอะ" พี่เกย์อ้วน ยังคงพูดพร่ำไประหว่างเชิญเราไปนั่งโซฟาเพื่อรอโต๊ะอาหาร พี่ปั้นเดินจูงมือผมเข้าไปเพื่อไม่ให้ผมประหม่า

               ระหว่างรอ ผมได้รู้ประวัติของ พี่เกย์อ้วน แกชื่อ ‘พี่ธีร์’ และแฟนแกพี่เกย์ล่ำชื่อ ‘พี่แก๊บ’ พี่ธีร์เห็นแกเป็นเกย์อ้วนตลกๆ แต่จริงๆ แกเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้า แกรับตกทอดกิจการธุรกิจจากที่บ้าน เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหมื่นล้าน คอนโดฯ ตึกนี้ก็ของแกนี่แหละ

               ผมรู้สึกตื่นเต้นกับวิวแม่น้ำที่เห็น เลยขออนุญาตเจ้าของบ้านออกไปยืนชมที่ระเบียง ซึ่งมีสระว่ายน้ำเล็กๆ และมีมุมเก้าอี้กึ่งนั่งกึ่งนอนสำหรับชมวิวด้วย วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ผมคิดถึงบ้านนิดหน่อย พี่ปั้นเอาเครื่องดื่มมาให้ผม ถามผมว่าชอบวิวเหรอ

               "อืม บ้านผมเป็นแม่น้ำน่านนะ ก่อนจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา" ผมชี้ไปที่แม่น้ำ แล้วไล่ไปตามทิศทางของมัน 

               "ถ้าโลกไม่กลม เราคงได้เห็นพิษณุโลกอยู่ไกลๆ" ตาผมยังจ้องไปที่แม่น้ำที่มีแสงสะท้อนวิบวับ พี่ปั้นโอบผมไว้

               "อยากอยู่ใกล้แม่น้ำแบบนี้ไหมล่ะ" พี่ปั้นถามผม

               โอ้! ผมคงไม่กล้า มันคงแพงมากเลย ผมได้แต่เบ้ปาก ส่ายหัว เหมือนว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญา

               งานปาร์ตี้ยังไม่มีใครมาถึง ผมเริ่มกังวล ว่ามันจะเป็นปาร์ตี้รวมเกย์อะไรแบบนั้นหรือเปล่า แต่แล้วผมก็โล่งอก เมื่อมีเพื่อนพี่ธีร์เข้ามาอีกสามสี่คน เป็นคู่สามีภรรยาและผู้หญิงอีกสองคน แต่ละคนแต่งตัวกันดูหรูหรา ภูมิฐาน สรุปได้ว่า กลุ่มเพื่อนพี่ปั้นเป็นไฮโซของจริง

               เมื่อมีเพื่อนๆ มาได้ประมาณสักสิบกว่าคน พี่ธีร์ก็เชิญทุกคนไปที่โต๊ะอาหาร โต๊ะอาหารจัดไว้แบบเลิศหรู จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ วางอย่างถูกระเบียบประเพณีฝรั่งเป๊ะ ผมมองดูอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมตายแน่

               ปาร์ตี้อะไรกันวะนี่ ชีวิตผมอย่างดีก็ปาร์ตี้หมูกระทะแถวบ้าน

               แล้วก็มีเพื่อนคนนึง ถามถึงพี่เนเน่กับพี่ปกรณ์ขึ้นมา ยังไม่ทันขาดคำ เสียงลิฟท์ก็เปิดออกมา พี่เนเน่เดินมากับพี่ปกรณ์

               ซวยละ! ผมคิด

               ผมหันไปมองพี่ปั้น เหมือนถามความคิดเห็น พี่ปั้นนิ่ง ผมก็นิ่งตาม พี่ยีนส์รอดูปฏิกิริยาของเรา ผมกับพี่ปั้นเหมือนกำลังโดนกดน้ำไม่ให้หายใจ

               "นี่จะกินกันแล้วไม่รอกูเหรอ" พี่เนเน่พูดเสียงดัง เพราะยังไม่เห็นพี่ปั้น แล้วเดินเข้าไปทักพี่ยีนส์ แล้วพี่เนเน่กวาดทั่วโต๊ะถึงเห็นพี่ปั้นกับผม พี่เนเน่หน้าถอดสี ตอนนี้เพื่อนๆ เงียบกันกริบ

               "เอ้า! มาด้วยเหรอ" พี่เนเน่ หันไปพูดกับพี่ธีร์เหมือนเชิงถามว่า เชิญพี่ปั้นด้วยเหรอ เดาว่าพี่ธีร์คงไม่ได้บอกพี่เนเน่ เพราะกลัวพี่เนเน่ไม่มา ตอนนี้ผมเข้าใจพี่ปั้นแล้ว ว่าทำไมถึงอยากให้ผมมาด้วย

               "กินข้าวๆ อย่าทำให้ข้าวไม่อร่อยน่า อียีนส์มันไม่อยู่ตั้งนาน แกควรจะยินดีกับเพื่อน มาคิดเล็กคิดน้อยอยู่ได้" พี่ธีร์รีบไกล่เกลี่ย เลื่อนเก้าอี้ให้พี่เนเน่นั่ง พี่ธีร์ก็ยังคงปล่อยมุกตลก ทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียดเท่าไหร่

               ผมกับพี่ปั้นเหมือนเป็นส่วนเกินของงานนี้จริงๆ พี่ปั้นแม้จะมีวงศ์ตระกูลดี ร่ำรวยเหมือนกัน แต่เหมือนพี่ปั้นเลิกใช้ชีวิตแบบนี้มานานแล้ว ระหว่างกินอาหาร พี่ปั้นก็หันมาถามผมเรื่อยๆ ว่ากินได้ไหม ผมก็พยักหน้าว่าพอกล้อมแกล้ม

               แต่อย่าถามว่าอร่อยไหม กินอาหารภายใต้ความกดดัน จากสายตาพี่เนเน่ ที่จ้องมองตลอดเวลา ไหนจะพี่ปกรณ์แฟนใหม่พี่เนเน่ แล้วยังพี่ยีนส์ ที่รอดูปฏิกิริยาของเราสองคน ตอนนี้ผมรู้สึกอยากเดินทะลุกระจกบานกว้างที่มองเห็นวิวสูงๆ นั่น ออกไปเลยทีเดียว

               เมื่อหมดอาหารชุดใหญ่นี้ ผมถึงกับโล่งอก แล้วทุกคนก็อัพเดทชีวิตกันว่า แต่ละคนทำอะไรกันบ้าง พี่ธีร์เป็นผู้นำการสนทนา ผมว่าพวกพี่ๆ ทุกคน เขาค่อนข้างมีการศึกษาดี ถูกเลี้ยงดูมาดี เขามีวิธีการพูดคุยกันแบบสุภาพ ให้เกียรติกัน แม้ใครจะมีฐานะหรืออาชีพการงานที่ด้อยกว่ากันก็ตาม แต่ก็มีพูดกูมึงบ้างก็เพื่อความเฮฮา เมื่อถึงคิวพี่ปั้น พี่ธีร์ก็ใส่เลย

               "ปั้นมันแกรนด์โอเพ่นนิ่งแล้วนะ นั่งข้างๆ นั่นน้องต้าร์" ผมกับพี่ปั้นพยักหน้ารับเบาๆ ผมเหลือบไปมองพี่เนเน่ แต่เขาทำเป็นไม่มองผม เพื่อนๆ ของพี่ปั้น ไม่ได้มีใครจ้องมองจนทำให้ผมอึดอัด เหมือนทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ว่าพี่ปั้นเป็นเกย์ ตั้งแต่เรียนหนังสือ แค่มาผิดเพี้ยนตอนที่แต่งงานกับพี่เนเน่นี่แหละ ผมได้แต่จ้องมองไปที่จานช้อนบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่บนโต๊ะ แล้วก็มาถึงเจ้าของงาน พี่ยีนส์

               "เนี่ย ยีนส์หลังจากห่างหายไปหกปีนะยะ นางกลับมาคราวนี้ จะมาทำวงดนตรีกับอีปั้น" พี่ธีร์แนะนำพี่ยีนส์

               "อ้าวเหรอ ยีนส์ แกจะทำเพลงเหรอ ก็ปั้นเค้าโดนแบนอยู่" พี่เนเน่หันไปถามพี่ยีนส์

               "ก็ปั้นมันไปลอนดอน เลยได้คุยกัน ก็เลยกลับมากรุงเทพฯ" พี่ยีนส์ตอบพี่เนเน่ไป

               "แล้วตอนนี้แกนอนไหน"

               "ก็นอนคอนโดฯปั้น"

               "อ้าวแล้วแฟนเขาไม่ว่าเหรอ" พี่เนเน่หันมามองผม พูดเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

               "อืม..." พี่ยีนส์ไม่ได้ตอบ แต่หันมามองพี่ปั้นเหมือนขอความคิดเห็น ผมรู้สึกว่าพี่เนเน่คงแอบดีใจนิดหน่อย ที่เหมือนมีพี่ยีนส์ มาขวางทางผมเอาไว้หน่อยก็ยังดี

               "นี่ๆ อีเนเน่ ไม่ต้องไปเสือกเรื่องผัวชาวบ้าน ถึงแม้จะเคยเป็นผัวมึงมาบ้างบางคน มึงก็จะแต่งงานใหม่กับไอ้ปกรณ์ มึงก็บอกไปเลย ไม่ต้องมากั๊ก" พี่ธีร์พูดทำลายความอึดอัด

               "จะมาพูดอะไรตอนนี้เล่า" พี่เนเน่หันไปมองพี่ธีร์ตาขวาง

               "ก็มึงบอกเอง ว่าจะมาประกาศว่ามึงหมั้นกันแล้วที่งานนี้ มึงบอกกูเอง แรดนักนะ" พี่ธีร์พูดหยอกพี่เนเน่

               "เออๆ หมั้นกันแล้ว จะแต่งปีหน้า" พี่เนเน่พูดเสียงโกรธๆ พี่เนเน่คงไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะว่าแกก็มีชนักติดหลังเรื่องพี่ปกรณ์อยู่ เรื่องงานหมั้นก็จัดเงียบๆ เฉพาะในครอบครัว ไม่อยากให้นักข่าวรู้

               "มึงพูดไม่เกรงใจไอ้ปกรณ์เลย มันก็นั่งหัวโด่อยู่" ทุกคนหัวเราะกันครื้นเครง เหมือนไม่ได้เป็นเรื่องซีเรียสสำหรับพวกเขา เรื่องผัวเมีย เรื่องคู่เกย์ เรื่องเปลี่ยนคู่นอน ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมของเขา     

               เมื่อหมดเรื่องตึงเครียดที่โต๊ะอาหาร ทุกคนก็ย้ายมาปาร์ตี้กัน ตรงโถงรับแขก มีไวน์ชั้นดี แชมเปญชั้นยอด ไว้คอยเติมให้ทุกคนที่มางาน ส่วนผมนั่งเฉยๆ เหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ก็ไม่สูบ แถมไม่รู้จะคุยกับใคร พี่ปั้นตอนนี้เริ่มเมาได้ที่ พวกผู้ชาย ที่สูบบุหรี่ ดื่มหนักๆ ก็ออกไปนั่งคุยกันตรงริมสระระเบียงด้านนอก

               พี่ปั้นกำลังคุยออกรสออกชาติกับกลุ่มผู้ชายด้านนอก ส่วนผมก็เลยเหมือนต้องอยู่ในกลุ่มผู้หญิงไปโดยปริยาย ผมแก้เก้อด้วยการเล่นมือถือไป ทั้งที่มือถือรุ่นเก่าของผมก็เล่นอะไรไม่ได้มาก รอให้ใครสักคนโทรเข้ามา ก็ไม่มี

               เมื่อเริ่มเมากันได้ที่ พี่เนเน่ก็เดินมานั่งข้างผม เอาล่ะสิ ความตึงเครียดระหว่างผมกับพี่เนเน่ ตั้งแต่ที่พี่ปั้นไปจับได้ว่า พี่เนเน่เป็นชู้กับพี่ปกรณ์ที่บ้านวันนั้น ผมยังไม่ได้เจอพี่เนเน่อีกเลย

               "ทำไมวันนั้นไม่รับโทรศัพท์" พี่เนเน่ ถามเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้น

               "ก็พี่ปั้นโยนมือถือทิ้ง"

               พี่เนเน่พยักหน้าเหมือนเข้าใจว่าพี่ปั้นเป็นคนยังไง จริงๆ พี่เนเน่กับผมก็ค่อนข้างสนิทกัน คุยกันเยอะเหมือนกันช่วงทัวร์คอนเสิร์ต ผมเลยไม่ค่อยเกร็งเวลาคุยกับแก

               "แล้วปั้นเป็นไงบ้าง จากวันนั้น" พี่เนเน่ ถามเหมือนอยากเช็คอาการว่าพี่ปั้น ยังหลงเหลือความรักให้กับเธออยู่บ้างหรือเปล่า ผมเลยตอบแบบเอาใจพี่เนเน่ไปหน่อย

               "ไม่กินไม่นอน ไม่คุยกับใครไปเกือบสิบวัน" ผมโกหก

               "เหรอ! ..." เสียงพี่เนเน่ เหมือนเป็นห่วงเป็นใยพี่ปั้น

               "แล้วแกก็ไปรักษาหัวใจเขาที่ทะเล ในรูปนั้นอ่ะเหรอ" พี่เนเน่เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นกระแนะกระแหนทันที

               "มันไม่มีอะไรหรอก ผมคิดว่าเขาคงประชดมากกว่า หลังจากนั้นเกือบปี เราก็ไม่เจอกันเลย แล้วพอเจอกันแป๊บนึงพี่ปั้นก็ไปเมืองนอก แล้วก็มาเจอกันตอนกลับมาแล้วเนี่ยครับ" ผมพูดเพื่อให้พี่เนเน่สบายใจ ว่าเราไม่มีอะไรกันก่อนหน้านั้น ตอกแรกผมแค่โกหก ตอนนี้ผมเริ่มตอแหล อยากให้หมดคำถามเรื่องยุ่งๆ นี้สักที 

               "แล้วแกไปเป็นแฟนกันตอนไหน" พี่เนเน่ยังไม่ลดความพยายาม

               "ผมก็ไม่รู้ ผมอาจจะไม่ใช่แฟนหรอก อาจเป็นแค่กันชน" ผมพูดน้ำเสียงน้อยใจ มองไปที่ผู้ชายข้างนอก ที่กำลังร่าเริงเต็มที่

               พี่เนเน่ ครุ่นคิดนิดนึง "แกจะบอกว่าปั้นเขา แกล้งโอเพ่น เพราะเรื่องของพี่ เรื่องของยีนส์เหรอ"

               "ผมไม่ได้ถูกเชิญมาแต่แรกด้วยซ้ำ ถ้ารู้ว่ามาแล้วต้องมาเจอแบบนี้ ผมคงไม่มาหรอก ผมโดนหักคอมา" ผมพูดด้วยความน้อยใจ บ่นๆ แต่ส่วนหนึ่งผมก็อยากให้พี่เนเน่รู้สึกดี

               "ไม่หรอกต้าร์ พี่รู้ว่าปั้นเขารักแก เราเคยคุยกัน ก่อนที่ปั้นจะแถลงข่าว ว่าเราเลิกกันแน่ๆ พี่ก็บอกว่าพี่มีคนใหม่ ปั้นก็บอกว่าเขามีคนที่เขารักแล้ว เราก็เลยเลิกกันแต่โดยดี"

               คราวนี้พี่เนเน่ปลอบใจผมบ้าง เรื่องนี้พี่ปั้นไม่เคยบอกผม

               เราก็ต่างนิ่งไปครู่นึง เพื่อได้ครุ่นคิด สิ่งที่ผ่านๆ มา

               "ต้าร์ ถ้าแกรักปั้น แกต้องอดทนหน่อยนะ ปั้นมันเหมือนคนจิตลอยๆ เหมือนไม่มั่นคงทางอารมณ์ วันไหนรักก็รักฉิบหาย วันไหนจะเมิน ก็เหมือนไม่มีเราอยู่ในสายตา จนเราเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ ว่าเราหรือเปล่า...คนที่ใช่"

               ผมแน่ใจว่าที่พี่เนเน่พูด ไม่ได้เป็นการใส่ร้ายพี่ปั้น เพราะผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวบ่อยๆ

               "คือแกยิ่งเป็นแฟนกันแบบว่า เอ่อ...เป็นเกย์อะไรแบบนี้เนี่ย มันยิ่งมั่นคงยาก ขนาดพี่แต่งงานกันแล้ว สร้างบ้านด้วยกัน ยังไปกันไม่รอด ถ้าแกรักเขา แล้วมั่นใจว่าเขารักแก แกก็อย่าท้อนะ อย่าถอดใจ"

               พี่เนเน่มองเหม่อไปที่ระเบียงข้างนอก เห็นพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ยืนคุยกันออกรส

               "ที่ฉันพูดนี่ ไม่ได้จะอะไรกับแกนะ แต่ฉันว่าอีปั้นกับอียีนส์เนี่ย มันเหมาะกันที่สุด ไม่ใช่อะไรนะ เพราะนิสัยมันเหมือนกัน อ่อนไหวไปเรื่อย แต่อียีนส์หนักกว่า จนอีปั้นต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ ไม่งั้นมันพากันลงเหว ดีละที่อีปั้นมันทิ้งอียีนส์ออกมาก่อน" พี่เนเน่พูดถึงความหลัง ความสนิทกันของพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ ที่ใครก็เข้าไปแทรกยาก   

               ผมเดินมาเข้าห้องน้ำ แม้แต่ในห้องน้ำวิวยังสวยเลย ซึ่งเป็นวิวอีกด้านของคอนโดฯ ผมไม่มีอะไรทำ เลยยืนพิงกระจกใสๆ ชมวิวอยู่คนเดียวในมุมมืดหน้าห้องน้ำ 

               ขณะที่ผมกำลังเพลินๆ พี่ยีนส์ก็เดินจะมาเข้าห้องน้ำ ผมมองเขานิดนึง ก่อนจะรีบเดินผละออกไปจากมุมกระจกนั้น แต่พี่ยีนส์แทนที่จะเข้าห้องน้ำไป ก็ปรี่เข้ามาหาผม เอาสองมือกดไหล่ผมให้พิงอยู่ที่กระจกใส ที่เบื้องหลังเป็นวิวมุมสูงชวนหวาดเสียว เขามองหน้าผมอยู่นาน เหมือนสำรวจให้แน่ใจ ว่าผมมีอะไรดีนักหนา พี่ปั้นถึงขนาดต้องพามาแกรนด์โอเพ่นนิ่ง

                "นี่คิดจริงๆ เหรอว่า ปั้นมันจะเปิดตัวว่าคุณเป็นแฟนมัน คิดว่าไอ้ตาใสๆ ซื่อๆ แบบนี้มันจะช่วยได้" พี่ยีนส์พูดน้ำเสียงเหมือนเยาะเย้ย แล้วเอาหน้ามาใกล้ผมเข้ามาอีก ถึงจะเมา แต่แรงยังคงดีอยู่ กดผมไว้กับกระจก จนผมเริ่มเสียวถ้ากระจกมันแตก ผมพยายามจะขยับตัวนิดหน่อย ไม่ได้แรงมาก เพื่อไม่อยากให้พี่ยีนส์คิดว่าผมกำลังขืน ผมต้องทำเป็นกล้า ยืนมองเขาตาเขม็ง ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

               "ผมกับปั้น เราเคยสัญญากันไว้ เราจะเป็นคู่ที่อินฟินิตี้ คือมันจะไม่มีวันจบ ไม่มีวันจบอ่ะ เข้าใจมั้ย แม้เราจะอยู่ห่างกัน แต่ผมก็เชื่อเสมอว่าวันหนึ่งเราต้องมาเจอกันอีก แล้วก็ต้อง...มาเจอกันอีก ไม่มีใครมาพรากผมกับปั้นได้หรอก ผมบอกคุณไว้ก่อนเลย ว่าอย่าไปหลงดีใจที่เค้าเปิดตัวเป็นแฟน เดี๋ยวจะเสียใจภายหลัง" ถึงเสียงพี่ยีนส์จะอ้อแอ้ แต่ก็ดุดันพอที่จะทำให้ผมฝ่อ

               "ผมไม่ยอมเสียปั้นไปอีกครั้งแน่ มันกำลังครบรอบวงโคจรของปั้นแล้ว เตรียมตัวเก็บตาใสๆ ที่มันไม่ได้ใสซื่อจริงๆ เอาไว้ร้องไห้ได้เลย" พี่ยีนส์รู้ว่าผมไม่ใช่พวกใสซื่อเหมือนแววตาของผม แล้วพี่ยีนส์ก็พูดเรื่องวงโคจรอะไรของพี่ปั้นที่ผมไม่เข้าใจ ผมรู้เพียงว่าพี่ยีนส์ประกาศเป็นศัตรูกับผมอย่างเป็นทางการ

               พี่ยีนส์เหมือนจะก้มหน้ามาจูบผม แต่ผมเบือนหน้าหลบได้ทัน แล้วมีเสียงคนเดินมาตรงทางเดิน พี่ยีนส์จึงรีบปล่อยผม แล้วผมก็รีบผละออกมา ก่อนที่จะมีคนเห็นอะไร

               ผมมีอาการวิ้งๆ อยู่ในหัวอีกแล้ว พี่ยีนส์พูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจ พี่ยีนส์ยังรักพี่ปั้นอยู่ แล้วจะเอาพี่ปั้นคืนให้ได้ แล้วเขาจะมาจูบผมทำไม เขาแค่ยั่วผม อยากพิสูจน์ว่าผมมั่นคงแค่ไหน ไม่คิดว่าพี่ยีนส์จะพิศวาสอะไรผม แต่ที่ผมรู้แน่ๆ คือ ชีวิตรักของผมกับพี่ปั้น คงจะไม่มีทางเป็นสุขแน่ นับจากนี้ไป     

               ปาร์ตี้เริ่มเลิกรา คนที่มีครอบครัวแล้ว เริ่มทะยอยกลับไปก่อน รวมทั้งพี่เนเน่กับพี่ปกรณ์ด้วย พี่ปั้นพี่ยีนส์ก็เมาเต็มที่ ผมเลยมีหน้าที่ขับรถพาคนเมาไปส่งที่คอนโดฯ

               ปกติพี่ปั้นจะนั่งเบาะหน้าคู่กับผม แต่คืนนี้โดนพี่ยีนส์ ลากไปนั่งเบาะหลังด้วยกัน ตอนนี้พี่ปั้นก็เมาได้ที่ เลยไม่ได้ขัดเท่าไร แล้วเขาก็คุยความหลังกันไปตลอดทาง พี่ยีนส์ก็พยายามขุดเรื่องเก่า ที่เขาเคยทำกันเมื่ออดีตมาคุย แล้วพยายามส่งสายตามาที่กระจกมองหลัง เพื่อยั่วผม ดีนะเขายังไม่พูดถึงเรื่องที่เขามีอะไรกันครั้งแรก เพราะพี่ยีนส์ที่มีสติกว่า น่าจะรู้ว่าชีวิตของเขาสองคน ตอนนี้อยู่ในมือที่จับพวงมาลัยของผม อย่ามายั่วอะไรผมตอนนี้เลย ขอร้อง 

               สักพักเสียงจากข้างหลังรถก็เงียบไป ทั้งคู่หลับไปแล้ว เมื่อผมมาจอดรถที่คอนโดฯ เมื่อเข้ามาถึงห้อง ทั้งคู่ก็ถอดเสื้อ สะโหลสะเหลลงไปนอนที่เตียง ผมได้แต่ยืนพิงประตูห้องนอน มองสองร่างที่หลับไหล

               ใช่เขาเหมาะสมกันมาก เหมือนที่พี่เนเน่พูด ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ อายุ แนวความคิด พี่ยีนส์ไม่ได้เข้ามาสอดแทรกระหว่างผมกับพี่ปั้น ผมต่างหากที่เข้ามาสอดแทรกระหว่างเขาสองคน

               ผมกำลังสิ้นสุดวงโคจรของพี่ปั้น ส่วนพี่ยีนส์คืออินฟินิตี้เหรอ ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ผมจะทนได้ไหม ผมจะถอดใจไหม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 #8 #9 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-01-2015 22:13:07
 :sad11:  ตาร์อย่ายอมแพ้นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 #8 #9 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 04-01-2015 22:56:24
สงสัยครับถามหน่อยตกลง ใครผัวใครเมียหรือผมอ่านข้ามไปทำไมเพื่อนปั่นเรียกต้าร์ว่าผัวอีปั่น หรือสองคนนี้ผลักกันครับ

เนเน่นิคงตัดไปได้ ส่วนยีนส์คงจะเป็นตัวปัญหาชิ้นใหญ่เลยละ

แฟนอารมณ์ศิลปินแบบนี้ รับมือยากไม่รู้ปรอทจะแตกวันไหนคงได้มีมวยกันสักวัน  :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 #8 #9 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 04-01-2015 23:54:11
เอาตรงๆนะเราชักเริ่มรำคาญอีปั้นมันขึ้นมาล่ะ เบื่อพวกที่เรียงลำดับความสำคัญของคนไม่ถูก
ทิ้งมันไปเถอะ หาคนใหม่ดีกว่า ปล่อยมันไปอย่าได้แคร์
เพราะเอาตรงๆเรายังไม่เห็นว่าปั้นมันจะแคร์ความรู้สึกอะไรเลย ททำอะไรไม่รู้จักคิด เกลียดคนแบบปั้นมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #7 #8 #9 อัพ 4/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-01-2015 22:57:09
พี่ปั้นกับต้าร์ก็ไม่เหมาะกันจริงๆอ่ะแหละ :mew2:
สังคม ความคิด ชีวิตมันคนละอย่าง รักอย่างเดียวมันไม่พออ่ะ :katai1:
ไหนจะนังคุณยีนส์ที่อยากถ่านไฟคุอีก ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ถอย รักได้ก็เลิกรักได้นะต้าร์ ให้กำลังใจ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #10
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 06-01-2015 01:03:50
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #10


               เมื่อคืนเมื่อผมส่งพี่ปั้น พี่ยีนส์แล้ว ผมก็กลับบ้านเลยไม่ได้นอนค้าง เช้านี้ผมไม่มีอะไรทำ นั่งเหม่อๆ เล่นกีตาร์อยู่ที่ห้องบนเตียงนอน ผมเริ่มครุ่นคิดเรื่องพี่ปั้นพี่ยีนส์ เรื่องที่พี่เนเน่พูด ผมรู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ

               ประตูห้องผมเปิดอยู่ ศินะคงเห็นผมเหงาๆ เลยเดินเข้ามาคุยกับผมที่ห้อง ศินะหาที่นั่งตรงเก้าอี้ปลายเตียง เขาพยายามชวนผมคุย เขาบอกว่า เขาชอบนะที่ผมเป็นแฟนกับพี่ปั้น ผมก็แปลกใจนิดหน่อย อยู่ดีๆ ศินะทำไมมาพูดเรื่องนี้กับผม แต่ผมก็สังเกตหลายครั้งแล้ว ศินะชอบมองและสนใจดูผมกับพี่ปั้นเวลาเราอยู่ด้วยกัน เหมือนเป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับเขา บางทีผมก็เริ่มตะหงิดๆ

               ศินะพักอยู่ห้องชั้นสามชั้นเดียวกับผม ห้องของเราอยู่ตรงข้ามกัน มีห้องน้ำกั้นอยู่ระหว่างกลาง เราต้องใช้ห้องน้ำเดียวกัน บางทีเวลาผมเข้าไปอาบน้ำ เมื่อนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกจากห้องน้ำมา ผมมักจะเห็นศินะ ยืนพิงราวบันได กอดอกรอที่หน้าห้องน้ำ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเหมือนกัน ผมก็งง เพราะเขาไม่เห็นต้องออกมายืนรอเลย แค่อยู่ในห้อง พอห้องเสียงน้ำเงียบ เสียงประตูปิดเปิด ก็น่าจะรู้ได้แล้ว ว่าผมอาบเสร็จแล้วหรือยัง

               เขาอ่อยผม ผมเดา

               เราก็คุยกันไปเรื่อยสักพักหนึ่ง มีเสียงตึงตังเดินขึ้นบันไดมา พี่ปั้นโผล่พรวดเข้ามาที่ห้องผม พี่ปั้นเข้ามานั่งใกล้ผม แล้วเข้ามากอดผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ผมตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตาก็มองศินะที่นั่งอยู่ปลายเตียง ที่พี่ปั้นคงไม่ทันเห็นตอนเข้ามา 
พี่ปั้นเข้ามาขอโทษผมที่เมื่อคืนเมาหลับไปโดยที่ทิ้งผมให้กลับบ้านคนเดียว เขาตื่นมาแล้วงงจำไม่ได้ นึกว่าผมนอนอยู่ข้างเขา

               ผมอึ้งไปเล็กน้อย คนที่นอนข้างพี่ปั้นเมื่อคืนคือพี่ยีนส์ต่างหาก ถ้าเขาคิดว่าพี่ยีนส์คือผม อะไรจะเกิดขึ้น...

               แล้วแค่ปล่อยผมกลับบ้านคนเดียว ก็ไม่เห็นต้องลุกลี้ลุกลน รีบมาขอโทษผมถึงบ้าน แค่โทรมาก็พอแล้ว

               พี่ปั้นเป็นพวกโกหกไม่เนียนจริงๆ

               พี่ปั้นยังกอดผมอยู่ แล้วพยายามจะจูบผม เอามือมาล้วงจู๋ผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอารมณ์ไม่ดี ผมเอามือปัดออก ผมบอกพี่ปั้นว่า ศินะนั่งอยู่ปลายเตียงไม่เห็นเหรอ ศินะยกมือไหว้สวัสดีพี่ปั้น แล้วก็เดินออกไป

               พอศินะเดินออกไปแล้ว ปิดประตูห้องให้เรา ผมก็ถามพี่ปั้นก่อนเลย

               "เมื่อคืนพี่มีอะไรกับพี่ยีนส์เหรอ" ผมถามด้วยน้ำเสียงเข้ม ไม่อยากหลุดความอ่อนแอ เมื่อได้พบคำตอบ ที่ไม่อยากได้ยิน

               พี่ปั้นที่นอนกอดผมอยู่ ลุกขึ้นมามองหน้าผม

               "อยู่ดีๆ ก็จะมาหึงเอาตอนนี้เหรอ" พี่ปั้นพูดแล้วจับคางผมไว้

               "ผมนอนกับยีนส์ มาตั้งแต่อยู่ลอนดอน ตอนนั้นคุณก็อยู่ไกล ผมยังไม่เคยคิดอะไรหรือทำอะไรแบบนั้นเลย แล้วเพิ่งมาหึงแค่เรื่องเมื่อคืนเนี่ยนะ"
   
               อ้าว! นี่กูผิดใช่ไหมเนี่ย ที่ไม่ไว้ใจเขา

               "เมื่อคืนมีใครพูดอะไรเข้าหูอีกหรือเปล่า อย่างน้อยเมื่อคืน คุณก็ควรให้ยีนส์ไปนอนข้างนอก แล้วคุณก็ต้องนอนกับผม ไม่ใช่ปล่อยให้ผมนอนกับผู้ชายอีกคน"

               อีกครั้ง นี่กูผิดใช่ไหมเนี่ย

               "ต้าร์ คุณควรจะหึงผมแบบนี้บ้างก็ดีแล้ว แสดงความเป็นเจ้าของบ้าง"

               อะไรวะ พี่ปั้นบางทีก็ดูเหมือนคนเป็นโรคไบโพล่าร์อ่อนๆ (โรคไบโพล่าร์ = Bipolar disorder หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว) จะให้ผมหึงยังไงวะ จะให้ผมไล่พี่ยีนส์ได้อย่างไร พี่ปั้นต้องทำเองสิ เขาเป็นเพื่อนพี่นะ เตียงนอนก็ของพี่ ห้องก็ของพี่ ร่างกายและหัวใจก็เป็นของตัวเอง ดูแลเองสิ

               ตอนนี้ผมมัวแต่กังวลเรื่องอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเขามากกว่าที่ผมจะพยายามจับผิดเขา ผมเลยไม่ได้ติดใจอะไร
แล้วผมก็จูบพี่ปั้น เพื่อขอโทษเขาด้วย ที่ผมคิดไม่ดี



               ผมไม่รู้ว่าเพลงของวงผมกับของพี่ปั้น ใครจะเสร็จก่อนกัน แต่พี่ปั้นยังเหลือเวลาที่โดนแบนอีกสามเดือน ผมไม่ได้คิดว่าเราจะเป็นคู่แข่งกัน เพราะว่าเพลงคนละแนว กลุ่มคนฟังของเราน่าจะวัยรุ่นกว่า

                  วันนี้อยู่ดีๆ พี่ปั้น พี่ยีนส์ ก็มาหาผมที่บ้าน พี่ปั้นท่าทางร่าเริงสุดขีด ผมเกลียดเวลาที่เขามีท่าทางสุดขีด

               เขาบอกให้ผมไปฟังเพลงของเขา หลังจากที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย คราวนี้พยายามคะยั้นคะยอให้ฟัง ให้ผมไปนั่งฟังในรถที่เบาะหลังโดยมีพี่ปั้นกับพี่ยีนส์นั่งอยู่เบาะหน้า

               ผมอยากจะปฏิเสธ เพราะว่าเหมือนที่ชินบอกไว้ ว่าเราไม่ควรฟังเพลงของคู่แข่ง

               เพลงเอกของพี่ปั้น พี่ยีนส์ เพลงแรกที่เขาเปิดให้ผมฟัง มันคล้ายเพลงบัลหลาด เหมือนบทสวดมนต์ในท่อนอิโทรล เป็นเสียงประสานของเขาทั้งคู่ ผมว่ามันไพเราะจนผมอิจฉา เสียงที่ผสมลงตัว เข้ากันเป็นอย่างดี แต่พอกลางเพลง ก็เป็นดนตรีที่เร็วขึ้น มีเสียงเมโลดี้แปลกๆ หน่อย ไม่ได้ป๊อปมาก และกีตาร์โซโล่ของพี่ยีนส์ เสียงที่กรีดใจผม มันพริ้วไหว โหยหวน ปนเศร้าอยู่ในที แม้ว่าพี่ยีนส์จะเล่นกีตาร์คนละสไตล์กับผม แต่ผมก็รู้สึกอิจฉาฝีมือของเขาอยู่ดี 

               ผมไม่ควรฟังเพลงของพี่ปั้นเลย ผมรู้สึกปั่นป่วน

               มาดูเพลงของวงผมบ้าง วงเราเป็นแนวสนุกสนาน แด็นซ์ได้ เนื้อเพลงเข้ากับยุคสมัย มันป๊อปมากๆ ผมหวังว่ามันจะติดตลาดเร็วๆ แล้วก็ได้แสดงสด ผมชอบแสดงสดมากกว่า

                  เมื่อเราทำเพลงเสร็จแล้ว ก็ต้องมีการคุยเรื่องคอนเซ็บ ว่าเราจะโปรโมทแนวไหนอย่างไร จะเปลี่ยนลุกของเราอย่างไร ให้ดูดีกว่าเด็กบ้านนอกจากพิษณุโลก เราเข้าไปคุยกับค่ายหลายครั้ง เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด เราก็ไม่ค่อยเรื่องมากอยู่แล้ว ถ้าชินหัวหน้าวงเราโอเค น้องๆ ทุกคนรวมทั้งผมเราก็ไม่ค่อยขัดเท่าไร

               แต่วันนี้งานเข้า เมื่อประธานบริษัทค่ายเพลงของเรา ซึ่งจริงๆ แกทำธุรกิจหลายอย่างมาก ค่ายเพลงก็เป็นแค่ธุรกิจหนึ่ง ท่านเกิดอยากเจอวงของผมขึ้นมา

               วันนี้เราเลยมีนัดประชุมเป็นเรื่องใหญ่โตมาก เพราะเห็นได้ว่าพนักงาน ทีมโปรโมท โปรดิวเซอร์ เตรียมพรีเซนเตชั่นกันเต็มที่ มีการซักซ้อมว่าเราควรพูดอย่างไรต่อหน้าประธานด้วย

               ในห้องประชุมของค่ายเพลง มากันพร้อมแล้ว สักพักท่านประธานก็ปรากฏกาย เป็นชายสูงวัย อายุราวห้าสิบปลายๆ ถึงแม้แกจะใส่สูทมา แต่ก็ยังดูไม่แก่ ออกจะดูกระฉับกระเฉง ท่านชื่อ 'ประธาน' ทุกคนเลยเรียกติดปากว่า ‘ท่านประธาน’

                  โปรโมเตอร์ของเราก็พรีเซ็นต์รูปลักษณ์ของวงเรา มาสเตอร์ช็อตที่ถ่ายไปแล้ว แนวทางการโปรโมท และให้ฟังเพลงของเรา เพลงไหนจะใช้โปรโมทบ้าง ระหว่างนี้ท่านประธานก็ดูยุ่งเหมือนกัน มีเลขามากระซิบตลอดเวลา บางทีก็ต้องรับโทรศัพท์ด้วย
   
               เมื่อทำตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว พี่โปรโมเตอร์ของเรา ก็พรีเซ็นต์ต่อว่า วงเราประวัติสะอาดเอื่ยมมาก ไม่มีเรื่องเสียหาย รับรองว่าไม่มีข่าวคาว พี่เขาพูดยังไม่ทันจบ ท่านประธานก็ขัดขึ้นมา แล้วบอกให้พวกเราเป็นคนเล่าเอง ว่าเราเป็นใครมาจากไหน ทำอะไรมาบ้าง เหมือนสัมภาษณ์งานก็ไม่ผิด

                  แต่ละคนก็เล่าเรื่องแต่ละคนไป พอมาถึงชิน ชินบอกว่าเค้ามีลูกมีเมียแล้ว พอพูดเท่านั้นแหละ พี่โปรโมเตอร์ก็พูดขัดขึ้นมา เรื่องประเด็นที่ชินมีลูกเมียแล้ว อยากให้เก็บเป็นความลับ คือไม่ได้โกหก แต่ใช้วิธีบอกไม่หมด ผมรู้ว่าชินมันก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่ให้มันก็ทำเพื่อวง มันก็ทำได้ ไม่ต่างจากผม เราต้องฝืนใจตัวเองบ้าง หากอยากประสบความสำเร็จ

                  พอมาถึงคิวผมต้องพูด เพราะผมอยู่ท้ายสุดของโต๊ะประชุม ด้วยความที่ผม ไม่พอใจเท่าไร ที่ค่ายไม่อยากให้ชินเปิดเผยเรื่องมะปรางกับลูกชิ้น ผมเลยอยากกวนตีน อยากดูปฏิกิริยาคน
           
               "ผมเป็นมือกีตาร์ และเป็นเกย์ครับ มีแฟนเป็นผู้ชาย" เข้าใจตรงกันนะ

               พอผมพูดเท่านั้นแหละ ทุกคนในห้องประชุมก็อ้าปากค้าง แต่น้องๆ ในวงหัวเราะกันคิกคัก ส่วนชินทำหน้าเคร่งเครียด เหมือนว่าผมไม่น่าพูดออกไป จะไม่ให้อึ้งได้อย่างไร ใครเห็นหน้าผมแล้ว ยังไงก็ไม่เชื่อ

               "ผมไม่ได้อยาก โอเพ่นนิ่งต่อสื่อหรืออะไร แต่ก็แค่อยากบอกให้ทุกคนรู้ ถ้าเราต้องทำงานด้วยกัน ผมอยากซื่อสัตย์ต่อตัวเอง แล้วก็...แฟนของผม"

               ตอนนี้ทุกคนในที่ประชุมนิ่งกันไปหมด จนพี่โปรโมเตอร์ของวงเรา จึงต้องทำลายความเงียบ

               "ผมว่าเรื่องนี้ เราคงต้องไม่เปิดเผย ผมว่าเมืองไทยตอนนี้ คงยังรับเรื่องเกย์ไม่ได้ พี่ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ นะ" พี่โปรโมเตอร์พูด หันมามองผม

               "ดูอย่าง ปั้นอาฟเตอร์ช็อกสิ พอเปิดตัวว่าเป็นเกย์ เป็นไบ เลิกกับภรรยา แฟนเพลงก็ยี้กันหมด ถึงกับต้องหนีไปเมืองนอกเลย โดนแบนไปหนึ่งปี เห็นว่ากลับมาทำเพลง เพลงก็ไม่ค่อยโดน"

               พอผมได้ฟังที่พี่เข้าพูด ผมก็ฉุนฉียว พี่ปั้นไม่ได้ตกต่ำสักหน่อย เขาไปเมืองนอกไปเยี่ยมเพื่อน ไม่ได้หนีสักหน่อย แฟนคลับตัวจริงเค้าก็ยังเหมือนเดิม ผมทำหน้าไม่พอใจ แต่ชินก็สะกิดผม ว่าอย่าเยอะ

               แต่แล้วคำพูดที่ทำให้ทั้งวงที่ประชุม ต้องเงียบไปสนิท

               "ลูกชายผมก็เป็นเกย์" ท่านประธานพูดขึ้นมา ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจและมีความหวัง ผมยิ้มน้อยๆ ให้ท่านประธาน แบบว่ารู้สึกขอบคุณ

              "ผมมีลูกชายเป็นเกย์เหมือนกัน ก็เป็นตั้งแต่เด็กนะ แต่เราไม่มีวันรู้ ถ้าเค้าไม่บอก ตอนแรกครอบครัวเราก็เครียดกันมาก แต่ตอนนี้เค้าโตแล้ว เค้าก็ทำงานเก่งนะ ถ้าลบเรื่องรสนิยมทางเพศออกไป เค้าก็คือคนๆ หนึ่งนี่แหละ เราคงต้องค่อยๆ ปรับทัศนคติคนไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่วันนี้วันพรุ่งนี้ ครอบครัวผม กว่าจะยอมรับได้ก็ยังต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่พอได้เปิดเผย ได้รู้กันแล้ว มันก็จะสบายใจและดีกับทุกคน ตอนนี้ครอบครัวผมชิลมาก โดยเฉพาะแม่เค้า อยากเห็นลูกเขยมาก ยังไงอยู่ในสายตาของเราย่อมดีกว่า ดีกว่าไปต่อต้านเค้า จนเค้าเตลิดไปเลย"

               ท่านประธานพูดแบบจริงจัง แต่ก็สีหน้าใจดี มองมาที่ผมตลอดเวลา เหมือนบอกว่าผมๆ ไม่ต้องกังวลไป

               ผมนึกถึงพี่ธีร์ เพื่อนจากสาธิตของพี่ปั้นขึ้นมาก่อนเลย พี่ธีร์เป็นเกย์ที่ทำธุรกิจต่อจากครบครัว ก็สามารถทำได้โดยไม่มีข้อกังขา

               ผมรู้สึกซาบซึ้งท่านประธาน ที่ยอมเปิดเผยเรื่องที่เป็นความลับสุดยอดของครอบครัว คือเรื่องลูกชายเป็นเกย์

               ก่อนท่านประธาน จะออกไป ท่านก็มาอวยพรวงของเรา ขอให้ประสบความสำเร็จ แล้วก็เดินมาตบบ่าผม แล้วพยักหน้าให้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #10 อัพ 6/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 06-01-2015 03:11:08
พี่ปั้น อารมณ์จะศิลปินไปไหน
ท้อใจแทนต้าร์จริงๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #10 อัพ 6/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-01-2015 12:35:22
 :กอด1:  โอ๋ๆนะต้าร์ คิดจะรักกับศิลปินมันก็ต้องเผื่อใจไว้งี้แหละ ตาร์ก็คงรู้ตัวแล้ว รอแค่เวลาที่จะทนไม่ไหว

ตาร์ยังมีอนาคตนะ ถอนตัวตอนนี้ยังทัน ยังมีเพื่อนๆในวง ยังมีลูกชิ้นที่ต้องแคร์ ถึงจะไม่ใช่ลูกเราแต่เราจะมาเสียงานเพราะเรื่องส่วนตัวไมไ่ด้หรอก  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #10 อัพ 6/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-01-2015 22:48:02
ท่านประธานใจดีจัง เป็นแฟนคลับได้ไหมอ่ะ :laugh:
ยังไงก็ขอให้ไปได้สวยๆเลยนะต้าร์และสมาชิก :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #10 อัพ 6/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-01-2015 00:14:44
มันคงมีเรื่องให้เราอ่านแล้วรู้สึกหักมุมอีกแน่ๆ เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 07-01-2015 01:51:41
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11


               ในที่สุดเพลงของวงทั้งสอง อาฟเตอร์ช็อก และ เนฟเวอร์ฟอร์เก็ต ก็ออกซิงเกิ้ล แต่ของพี่ปั้นออกก่อนวงเรา ไปสองสัปดาห์ได้มั้ง
     
               ผลการตอบรับ ของพี่ปั้นก็ดีนะ คนพูดถึงปั้น อาฟเตอร์ช็อก กันมาก หลังจากโดนแบนไปเกือบหนึ่งปีเต็ม ทำให้เรื่องของพี่ปั้น มีสื่อสนใจกันมาก ว่าเขาไปทำอะไรมาบ้างในช่วงที่โดนแบน เพลงเลยเหมือนถูกสนใจน้อยไปหน่อย

               ส่วนเพลงแรกของวงเรา จะถูกเปิดวันนี้ เราไปทำมิวสิกวิดิโอกันมาแล้ว สนุกมาก เหนื่อยที่ต้องร้องเพลงหลายๆ รอบซ้ำๆ ไปมา แต่มันก็เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเรา เราได้แต่งตัวในสไตล์ที่แตกต่างจากที่เราชอบใส่ ตอนออกอัลบั้มแรกๆ แบบนี้ เราก็ยังไม่ขัดอะไรหรอก เพราะเราอยากออกอัลบั้มมากกว่า ไม่มานั่งเรื่องมากแค่เรื่องเสื้อผ้า

               เพลงของวงเราที่ปล่อยไปเพลงแรก แน่นอนว่าเป็นเพลงสนุกๆ ดนตรีแน่นๆ ผสมฮิปฮ็อปนิดๆ ฟังติดหูทีเดียว ประกอบกับมิวสิกวิดิโอ สุดจะเท่ เพลงก็ได้รับการตอบรับดีมากๆ แล้วเราก็ส่งเพลงไปตามผับแดนซ์ชื่อดังย่านอาร์ซีเอ ซอยสี่ เอกมัย แล้วเราก็ไปนั่งฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าในร้าน คนฟังถือว่าสนุกตื่นเต้น เต้นตาม ร้องตามได้ ผมแอบปลื้มอยู่เหมือนกัน ที่มีคนร้องเพลงของเรา เหมือนที่เราเคยร้องเพลงคนอื่น

               ถึงแม้วงของเราจะไม่อยากแข่งกันวงอาฟเตอร์ช็อก แต่เราก็ต้องแข่งกันโดยปริยาย เพราะเราต้องแย่งพื้นที่สื่อกัน ถ้าค่ายนี้พาวงนี้ไปออก วงนี้ก็ห้ามมาออกนะ อะไรแบบนั้น แล้วค่ายของพี่ปั้นก็ใหญ่กว่าค่ายผม ซึ่งแน่นอนว่าวงของผมถูกกีดกันไปบ้างบางรายการ แต่วงผมสู้ด้วยรายการวิทยุ เพราะเพลงของวงผมโดนขอให้เปิดมากกว่า เพลงเราขึ้นอันดับหนึ่งหลายคลื่นเลย

               พี่ปั้นกับผม ตอนนี้เราก็ต้องห่างกันไปบ้าง แทบไม่มีเวลาคุยกัน มีแค่ก่อนนอน ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน ยังไงต้องพยายามโทรหากันให้ได้



               วันนี้เราว่าง ไม่ได้เดินสายโปรโมทเหมือนทุกวัน ผมนั่งรอหน้าทีวี จนชินแปลกใจ เพราะผมไม่เคยดูทีวีเลย นอกจากมิวสิกวิดิโอของวงตัวเอง ผมเลยบอกว่า วันนี้พี่ปั้นมีคอนเสิร์ตแสดงสด ในคอนเสิร์ตร็อกเฟสติวัล ที่มีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ

               วงของอาฟเตอร์ช็อกกำลังเริ่มแสดง น้องในวงๆ เลยเข้ามานั่งดูด้วย เพลงเอกของพี่ปั้นกำลังเริ่ม แสงสีเสียงอลังการใช้ได้เลย อินโทรเพลงที่เป็นเสียงประสานพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ ไพเราะมากจนขนลุก มาถึงท่อนโซโล่กีตาร์ของพี่ยีนส์ พี่ยีนส์โคตรหล่อ โคตรเท่ ตั้งแต่หัวจรดเท้า พี่ยีนส์กำลังโซโล่ท่อนกีตาร์สำคัญ

               แต่มัน...

               "เสียงเพี้ยนว่ะ"

               ทุกคนในวงผมพูดขึ้นมาพร้อมกัน

               จริงด้วย เสียงกีตาร์หวานๆ ของพี่ยีนส์มันเพี้ยนไม่เป็นท่า อาจจะเพราะการเซตมอร์นิเตอร์ไม่ดี เพราะมีวงเล่นหลายวง อาจจะเซตเพี้ยนไป หรือเอียร์มอร์นิเตอร์อาจจะดับ ผมคิดเรื่อยเปื่อยเรื่องเทคนิคบนเวทีที่อาจเกิดขึ้น

               ผมนั่งเงียบ ขมวดคิ้ว คนในวงยังนั่งวิจารณ์กันอยู่ ชินหันมาหาผม เป็นเชิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมยักไหล่ ส่ายหัว ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตอนนี้ผมเริ่มสงสารพี่ปั้น เพลงดีๆ มาเน่าเพราะงานนี้ แถมเป็นรายการสดและถ่ายทอดทั่วประเทศ กล้องเริ่มจับมาที่หน้าพี่ปั้น ที่พยายามหันไปมองพี่ยีนส์หลายครั้ง

               พอถึงเพลงอื่นๆ พี่ปั้นพยายามไปกระซิบอะไรกับพี่ยีนส์บางอย่าง พี่ยีนส์เหมือนเข้าใจ แล้วผมก็เห็นว่า พี่ปั้นเริ่มเอาท่อนของพี่ยีนส์ไปโซโล่เองบ้าง รวมทั้งเพลงเก่าๆ ที่ถูกเล่นขึ้น พี่ปั้นก็เล่นเองทั้งหมด

               เกิดอะไรขึ้น...

               เมื่อวงพี่ปั้นแสดงเสร็จแล้ว ผมอยากโทรหาเขาตอนนี้เลย ผมรอจังหวะ จนเขาน่าจะอยู่ในห้องพักศิลปินแล้ว ผมจึงโทรไปหาเขา

               "สวัสดีครับ คุณเลิฟ อันนี้มือถือคุณปั้น ตอนนี้คุณปั้นไม่สะดวกคุย กำลังไปให้สัมภาษณ์รายการอยู่ ฝากอะไรไว้ไหมครับ"
       
               เสียงปลายสายร่ายยาว มันไม่ใช่เสียงพี่ปั้น คนนี้คงชื่อ ‘อั๋น’ เป็นผู้จัดการวงคนใหม่ ที่พี่เก๋ส่งมาดูแลวงอาฟเตอร์ช็อก แล้วจะมารับโทรศัพท์ทำไม ก็แค่วางไว้ ไม่กดรับมัน มันก็มิสคอลล์เอง

               ซื่อบื้ออีกต่างหาก เรียกผมว่าคุณเลิฟ คือมือถือพี่ปั้นมีเมมเบอร์โทรอยู่สามคน คนแรกคือผม เขาเมมชื่อของผมว่า Love เบอร์ที่สองคือพี่ยีนส์ เมมว่า Friend ส่วนคนที่สามเบอร์พี่เก๋ เมมว่า Manager แค่นั้น ไม่มีรูป ไม่มีเสียงเรียกเข้า ก็บอกแล้วว่าพี่ปั้นแกโลว์เทค

               แต่จนแล้วจนรอดจะห้าทุ่มแล้ว พี่ปั้นก็ไม่ได้โทรกลับมาสักที อาจจะเกิดการผิดพลาด จากผู้จัดการคนใหม่ เขาอาจจะไม่ทันได้บอกพี่ปั้น

               ผมเลยโทรหาพี่ปั้นอีกที ก็ไม่รับสาย ผมโทรอีกหลายที ก็ไม่รับ    

               ตอนนี้ผมเริ่มกังวล ว่าเกิดอะไรขึ้น ปกติพี่ปั้นก็ไม่เคยหายไปแบบนี้

               ผมเลยตัดสินใจ ไปที่คอนโดฯพี่ปั้น โชคดีมากที่พี่ปั้นอยู่ ตอนนี้ผมโล่งอก ที่เขาไม่ได้เป็นอะไร

               พี่ปั้นมาเปิดประตูรับผมด้วยใบหน้าบึ้งตึงสุดๆ ผมเข้าไปให้ห้อง เห็นพี่ยีนส์นั่งอยู่ที่โซฟา ก็นั่งคิ้วขมวดด้วยอารมณ์ไม่ต่างจากพี่ปั้น ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น

               "มีอะไรต้าร์ มาทำไมดึกดื่น" พี่ปั้นถามผม น้ำเสียงดุๆ เหมือนรำคาญ

               "ก็ผมโทรไปหา ตั้งหลายครั้ง ไม่รับสาย"

               แล้วพี่ปั้น ก็ทำท่าหมุนตัว เหมือนมองหามือถือ

               "เออ ไม่รู้ผมไปวางไว้ที่ไหน ตั้งแต่เลิกคอนเสิร์ต ผมก็ลืมมันไปเลย สงสัยติดไปที่อั๋น"

               ผมพยักหน้ารับ มองเหลือบไปที่พี่ยีนส์ ว่าจะทักเขาสักหน่อย แต่ดูหน้าแล้ว ตาที่จ้องเขม็งไปข้างหน้า ไม่พูดอะไร ผมไม่ทักดีกว่า ปกติก็ไม่ค่อยญาติดีกันอยู่แล้ว

               เราเงียบกันไปครู่นึง พี่ปั้นเลยพูดขึ้นมาว่า

               "ต้าร์มีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มี กลับไปก่อนได้ไหม ผมมีเรื่องต้องคุยกับยีนส์" 

               ผมหน้าชาไปเลย เหมือนผมเข้ามาเสือกเรื่องที่เขากำลังคุยกันอยู่ ผมรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเป็นห่วงพี่ปั้น พี่ยีนส์ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่คอนเสิร์ตวันนี้ แต่มันเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาสองคน ผมกลายเป็นคนนอกสำหรับเขาไปแล้ว

               ผมเลยเดินออกจากห้องมา ไม่ได้บอกลาใคร พรางนึกด่าตัวเองในใจ กูไม่น่ามาเสือกเลย นอนอยู่บ้านดีๆ ก็ดีละ

               พี่ปั้นคงเพิ่งนึกอะไรได้ ว่านี่มันก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว เขาวิ่งมาที่หน้าประตู แล้วโยนกุญแจรถคันเล็กให้ผม ให้ผมเอารถไปใช้ ผมบอกว่าไม่เอา กำลังเดินกลับไปคืนกุญแจให้เขา พี่ปั้นก็พูดเสียงเข้มขึ้นมา

               "อย่าให้ต้องเป็นห่วงอีกคนได้ไหม"

               ผมเลยชงักเท้าไปนิดนึง แล้วพี่ปั้นก็ปิดประตูใส่หน้าผม ปล่อยผมยืนอยู่ตรงนั้น น้ำตาผมก็เออมาที่ขอบตา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #12
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 07-01-2015 03:19:55
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #12


               นี่ก็เกือบสัปดาห์มาแล้ว ที่เราไม่ได้ติดต่อกัน พี่ปั้นไม่โทรหาผม ผมก็ไม่โทรหาเขา ดูสิว่าใครจะใจแข็งกว่ากัน ยังดีที่ช่วงนี้เรามีเดินสายโปรโมท มีซ้อมวงเกือบทุกวัน ทำให้ผมไม่ต้องว่างและคิดมาก
 
               วันนี้วันหยุด ผมเลยนอนตื่นสายได้ แต่ก็ยังไม่สายดี ก็มีมารมารังควาน ชินมาที่ห้องผม นั่งลงที่ข้างตัวผม ผมงัวเงียถามมันว่ามีอะไร อยู่ดีๆ มันก็ถามว่า

               "มึงได้เจอพี่ปั้นมั่งเปล่าวะ"

               คำถามของชิน ทำให้สลัดความงัวเงียของผมออกไปได้ ผมหันไปตอบมัน

               "เจอเมื่อสัปดาห์ก่อนที่คอนโดฯ เอารถให้กูมาขับ แต่ปิดประตูบ้านใส่หน้ากูซะงั้น กูเลยไม่โทรไปเลย ยังไม่ได้เอารถไปคืนเลย"

               ชินพยักหน้ารับฟัง แต่สีหน้ามันดูเครียดๆ ผมเลยถามมัน

               "มีอะไรวะ มีเรื่องอะไรอีกล่ะ หนังสือพิมพ์มีอะไรเหรอ" พอเป็นเรื่องมาเช้าๆ แบบนี้ ผมนึกถึงข่าวจากหนังสือพิมพ์ก่อนเลย โคตรหลอน

               "ไม่ใช่จากหนังสือพิมพ์โว้ย มึงยังเจอพี่ยีนส์ด้วยหรือเปล่า"

               "ใช่ วันนั้นเค้าอยู่ด้วยกัน บอกกำลังเคลียร์อะไรกัน หน้าแม่งยังกับตูดทั้งคู่ กูเลยโดนไล่ออกมาก่อน มีไร มึงก็เล่ากั๊กๆ อยู่ได้"

               "มึงจำได้ไหม วันที่เขาเล่นคอนเสิร์ตร็อกเฟส ที่พี่ยีนส์แม่งเล่นกีตาร์เพี้ยนอ่ะ กูได้ข่าวมาจากวงใน เม้าท์กันให้รึ่ม พี่ยีนส์แม่งเทกว่ะ" ชินพูดเสียงเหมือนกระซิบ

               "เทกคืออะไรวะ" ผมยังงง

               "เล่นยาไงมึง ยาไอซ์อ่ะ"

               คราวนี้ผมเริ่มเก็ต หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

               "ก็คอนเสิร์ตร็อกเฟส มันมีหลายวงใช่ไหม แม่งก็ขาทั้งนั้น ทั้งศิลปิน ทั้งแบ็คอัพ ทั้งเด็กวง แม่งก็เล่นกันทั้งงาน จะเหลือเหรอ" ชินเล่าต่อ

               "ไม่มีพี่ปั้นใช่เปล่าวะ" ผมถามถึงพี่ปั้นก่อน ด้วยความเป็นห่วง

               "ไม่มีชื่อพี่ปั้นมึงหรอก กูว่าพี่ปั้นมึงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพี่ยีนส์มันเมา กูว่าพี่ยีนส์ คงไปแอบเล่น"

               ผมเลยพอจะปะติดประต่อเรื่องได้ พี่ปั้นคงมารู้ทีหลัง ถึงได้นั่งหน้าเครียดกันวันนั้น คงจะเคลียร์กันเรื่องนี้ เลยไม่อยากให้ผมเข้าไปรับรู้ด้วย

               ผมเริ่มกังวลแทนพี่ปั้น ไม่ใช่เรื่องเพลง เรื่องวงหรืออะไรหรอก พี่ปั้นคงเป็นห่วงพี่ยีนส์มากกว่า พี่ยีนส์อุตส่าห์ไปบำบัดเลิกยาได้แล้ว คลีนแล้ว เป็นผู้เป็นคนแล้ว แต่กลับมาเสพอีก แม้ว่าจะแค่ครั้งเดียว แต่มันจะต้องติดใจแล้วกลับไปตามคำเรียกร้อง ไม่งั้นคงไม่เรียกมันว่าสิ่งเสพติดหรอก



               ผมกระวนกระวายใจ รีบไปหาพี่ปั้นที่คอนโดฯ ถ้าเขาไล่กลับ ก็แค่บอกว่าเอารถไปคืน

               ผมไปถึงคอนโดฯ พี่ปั้นใส่กางเกงชั้นในตัวเดียว มาเปิดประตูให้ พี่ปั้นยังไม่ตื่นดี เขาไม่ได้จูบทักทายผมเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน เขาอาจจะงัวเงียอยู่

               ผมมองดูในบ้านทั่วๆ พี่ยีนส์ไม่อยู่ พี่ปั้นเดินไปล้มตัวลงนอนต่อบนเตียง

               "พี่ยีนส์ล่ะ" ผมถามพี่ปั้นที่กำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียง   

               "ไม่รู้แม่งไปไหน เมื่อคืนก็ไม่กลับ มาอยู่ไทยหลายเดือนแล้วนี่ เริ่มช่ำชอง ไปไหนก็ไป แม่งไม่เคยบอก" พี่ปั้นเริ่มพูดหยาบ แสดงว่าโมโหจริง

               ผมเลยแกล้งลงไปนอนคว่ำทับพี่ปั้นไว้ แล้วก็จูบๆๆๆๆ ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ด้วยความหมั่นเขี้ยว

               "อย่าดิ อย่าแกล้งดิ จะนอนต่อ" พี่ปั้นพูดเสียงไม่เป็นภาษา เพราะหน้าโดนกดทับหมอนอยู่

               ผมเลยจับเขานอนหงาย พี่ปั้นหรี่ตายิ้มให้ผม รู้ว่าผมแกล้ง แล้วผมก็จูบเลียเขาไปทั้งหน้า ไล่มาถึงคอ หน้าอก และหน้าท้อง

               "อู้... ว๊าว... พี่คนนี้ เซ็กซี่จังเลย" ผมแกล้งทำเสียงเซ็กซี่หยอกแก พี่ปั้นยิ้ม เริ่มเอามือปัดป้อง บอกว่าไม่เล่น จะนอนต่อให้ได้

               หน้าผมก็ไปซุกอยู่ที่เป้าของเขา คราวนี้ผมเลยล้วงเข้าไปจับน้องชายเขา ที่กำลังคอพับคออ่อน นอนหลับสลบสไล ผมบีบคอมันแล้วเขย่า

               "ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว มีเรื่องแล้ว" ผมทำเสียงล้อเลียน

               พี่ปั้นขำ "บอกว่าอย่าเล่น" พี่ปั้นพยายามป้องปัด ตายังหลับอยู่
 
               ไม่ทันละ ตอนนี้มันถูกจูบ ถูกคลึง ถูกบีบ ทารุณทุกรูปแบบจากปากของผม
 
               เสียงพี่ปั้นจากที่พูด "อย่าเล่น อย่า..." เปลี่ยนเป็น "เอิ่ม... อืม..."

               จากที่เอามือปัดป้องไม่เล่น แต่ตอนนี้กลับจับหัวผมกดขึ้นลง เพื่อให้ได้จังหวะ เอ้า! ไรวะ...

               ผมถอดเสื้อและกางเกงผมออก เพื่อให้เนื้อเราได้แนบกัน แล้วกำเนื้อสะโพกทั้งสองของเขาไว้แน่น

               อวัยวะที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาให้กับผู้ชาย ผมรู้สึกหลงไหลมันในทันที แบบนี้กระมังที่ทำให้ผมสนใจและมีอารมณ์กับเพศชายมากกว่า ทั้งรสชาติและกลิ่น มันมีความคาวเฉพาะตัว ผิวสัมผัสนั้นให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการจูบที่ริมฝีปาก มันสร้างอารมณ์ได้ทั้งคนทำและคนถูกกระทำ

               สักพักพี่ปั้นก็เร่งจังหวะให้ผมด้วยการแอ่นสะโพกขึ้นลง ก่อนจะกดหัวผมไว้แน่น ก่อนที่จะหลั่งมันออกมา พี่ปั้นจิกหัวผมให้ขึ้นไปจูบที่ปากของเขา ให้ลำตัวผมถูไถเนื้อแข็งนั้นไว้เป็นจังหวะ จนเขาหายใจหอบถี่
 
               "จะให้ผมเลอะด้วยทำไมเนี่ย" ตอนนี้ผมนอนทับตัวเขาไว้ แต่ตรงกลางระหว่างเรา คือน้ำเมือกขาวที่ชุ่มแฉะ

               "ฮาฮ่า... สมน้ำหน้าแกล้งดีนัก" พี่ปั้นกอดผมไว้แน่น นอนหลับตาพริ้ม ยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์

               "ตาผมมั่ง"

               ว่าแล้วพี่ปั้นก็พยายามจับไอ้เจี๊ยวผม ที่ไม่ต้องบอกว่าตอนนี้มันตื่นตัวขนาดไหน ผมปัดป้องมั่งคราวนี้ พยายามจะหนีลุกไปหยิบผ้าขนหนู แต่ก็โดนพี่ปั้นเอาขาก่ายกอดรัดเอวเอาไว้ พี่ปั้นเอามือกำมันไว้แน่น แล้วทำมือขึ้นลงเบาๆ แล้วเขาก็จูบผม แค่นั้นแหละ ผมก็หายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็แตกสลายอย่างรวดเร็ว จนพี่ปั้นขำออกมา

               "เสร็จแล้วเหรอ... "

               "อืม..." ผมตอบนิ่งๆ เป่าลมหายใจออกจมูกอย่างอารมณ์เสีย

               "อ่อนว่ะ...ฮาฮาฮ่า" พี่ปั้นขำกลิ้ง มือยังคงคลำเจ้าหนูของผมเล่น จนผมต้องงอตัวป้องปัด

               "เดี๋ยวมีต่อย... จะทำทำไมนานๆ เมื่อยมือแย่ ไม่ได้จะทำเอาสถิติ ขึ้นกินเนสบุคเว้ย" ผมแก้ตัวไปน้ำขุ่น 

               "แบบนี้ได้ขึ้นกินเนสบุ๊คแน่ ผู้ชายที่ออกัสซั่มเร็วที่สุดในสามโลก" พี่ปั้นยังล้อผม

               "พี่ก็คงได้เป็นผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุดในสามโลก เพราะสามารถทำให้ผู้ชายคนนี้ออกัสซั่มเร็วที่สุด" ผมทำหน้าล้อเลียน พี่ปั้นยังคงขำผม

               ผมขอเล่าย้อนนะ เมื่อกี้ที่ผมใช้ปากให้เขา ผมก็จะขีดสุดอยู่แล้ว ผมบอกแล้วว่าจะเบรก แต่ไม่ทัน มันก็เลยล่มไม่เป็นท่า แค่จูบของพี่ปั้น ผมก็เขื่อนพังแล้วล่ะ


               "วงเป็นไงบ้าง" พี่ปั้นชวนคุย พร้อมกับจิบกาแฟยามเที่ยง

               "ก็ดี มีเดินสายโปรโมทเยอะมาก งานไม่ได้ตังค์ ผมอยากแสดงโชว์มากกว่า"

               "ต้องปรับตัวหน่อย อีกหน่อยงานก็เยอะเอง"

               "อืม... เบื่อหน่อยช่วงนี้ งานเยอะแต่ไม่ค่อยสนุก เวลาไปออกรายการ ตอบแต่คำถามเดิมๆ บลาๆๆ ผมไม่เคยพูดเลย ให้ชินรับผิดชอบไป ชอบให้ใส่ชุดแปลกๆ สีๆ ผมชอบสีดำๆ มากกว่า รู้สึกเหมือนลูกกวาดไปหน่อย" ผมบ่นๆ 

               "ผมว่าเพราะเพลงคุณมันสนุกสนานด้วยแหละ สไตล์เสื้อผ้าเลยออกมาแบบนั้น เพลงก็ขึ้นอันดับดีนี่ ผมเช็คๆ ดูอยู่ ดังใหญ่ละนะ เฮ้ย! ขอลายเซ็นหน่อยเร็ว...เร็ว..." พี่ปั้นเอื้อมมือจะมาจี้เอวผม

               "อีกหน่อยโทรไปหาก็คงไม่รับสาย" พี่ปั้นยังล้อผม

               "อืม ใครนะ ปั้นไหนนะ ไม่รู้จัก...เราเคยคบกันด้วยเหรอ ฮาฮาฮ่า..." ผมรับมุกต่อ ทำท่าเหมือนคุยมือถือ   

               "แล้วเรื่องที่คุณเป็นเอ่อ...คบกับผู้ชายแบบนี้ คนอื่นๆ ว่าไง" พี่ปั้นพูดเสียงซีเรียสขึ้น "คุณมีชื่อเสียงแล้ว จะทำอะไรมันก็ยาก แฟนๆ เพลงจะรับได้ไหม ทางค่ายรู้ไหม"

               "รู้สิ ตอนผมบอกว่าผมเป็นเกย์ ห้องประชุมอึ้งกิมกี่ไปเลย แต่ที่อึ้งกว่า คือท่านประธานบริษัทเว้ย อยู่ดีๆ ก็บอกมากลางห้องประชุม ว่าลูกชายผมก็เป็นเกย์ คือแบบว่าอึ้งกว่าเรื่องผมอีก ปลื้มมากท่านประธานยังเข้าข้างเกย์อย่างผม"

               "คุณก็ขอลูกชายท่านประธานเค้าแต่งงานเลยสิ" พี่ปั้นพูดหยอก

               "บ้าแล้ว ผมนี่..นึกถึงพี่ธีร์เพื่อนพี่เลย แต่คงไม่ใช่หรอก แต่ก็นั่นแหละ โปรโมเตอร์เค้าไม่ให้พูดเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องชินที่มีลูกมีเมียแล้ว เฮ้อ เมื่อไรจะดังๆ แล้วก็โตๆ แบบพวกพี่สักที จะได้ทำอะไรตามใจตัวเองได้"
 
               "พอถึงตอนนั้น เค้าก็หาว่าเราติ๊ดแดกว่ะ ทั้งที่เราแม่งก็ติ๊ดมาตั้งแต่ก่อนออกอัลบั้มอีกใช่ไหม”

               พี่ปั้นพูดเหมือนปลงๆ กับวงการนี้

               "พอต้าร์เริ่มมีชื่อเสียง ต้าร์จะเริ่มเข้าใจ ต้าร์อาจจะไม่แคร์ข่าว ไม่แคร์สังคม แต่ก็ต้องแคร์เพื่อนๆ ในวง ชิน หรือแม้แต่ครอบครัวตัวเอง"

               จริงอย่างที่พี่ปั้นพูด บางทีผมก็ทำปากดี ว่าไม่แคร์ๆ แต่จริงๆ ตัวผมเองนั่นแหละ ที่ดูจะเดือดร้อนใจมากกว่าคนอื่นเสียอีก ไม่อยากเอาความแปลกประหลาดของเราไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน

               "ผมว่าคุณเงียบๆ ไว้ เหมือนที่ทางค่ายเตือนก็ดีกว่า เพื่อตัวคุณเองนะ ไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศหรอก ว่าผมเป็นเกย์ ผมเป็นเกย์ คุณจะอยู่ในวงการไปได้ด้วยดี ไม่ต้องมีชนักมาติดหลังให้กังวลใจ"

               ผมรู้สึกอึ้นๆ ไปเหมือนกัน หรือพี่ปั้นจะแค่ห่วง เพราะว่าเขาไม่อยากเปิดเผยเรื่องเขากับผม

               ผมอยากจูงมือเขาไปออกรายการท็อกโชว์ ผมนึกฝันไป พิธีกรคงจะถามเรื่องราวของเรา ว่าเราคบกันตั้งแต่เมื่อไร ผมจะเล่าให้หมด แล้วเราก็มองตากัน แล้วเขาก็ขอผมแต่งงานกลางรายการ ผมเซอร์ไพรซ์ เอามือปิดปากด้วยความดัดจริต

               มโนของผม 



               วันนี้ผมไม่ได้แค่เอารถมาคืนหรือมาเซ็กส์เซอร์วิสให้ตอนตื่นนอนหรอกนะ ผมจะมาถามเรื่องพี่ยีนส์ต่างหาก

               "มีคนเล่ามา ไม่รู้จริงไหมนะ ว่าพี่ยีนส์กลับไปเทกยา" ผมพูดเสียงเบาเหมือนไม่มั่นใจนัก พยายามสังเกตสีหน้าพี่ปั้น

               พี่ปั้นหน้านิ่ง ไม่ตอบอะไร นั่งกอดอก มองเหม่อไปนอกหน้าต่าง เราต่างคนต่างเงียบ

               ในที่สุดพี่ปั้นคงหาคำพูดได้ พี่ปั้นหันมามองหน้าผม

               "มันเป็นความผิดของผมเอง..."

               "เรื่อง..." ผมถามขัดขึ้นมา ก่อนที่จะมีคำดราม่าหลุดมาจากปากพี่ปั้น

               "เรื่อง...ทั้งหมดของยีนส์ ที่ผมดูแลเขาไม่ดีพอ"

               "พี่ยีนส์เขาโตแล้ว เขาควรจะดูแลตัวเองได้" ผมพูดขัดอีกครั้ง ไม่อยากฟังเสียงพร่ำพรรณา ความใจอ่อนของพี่ปั้น

               "คือผมเหมือนไปทำร้ายเขาเมื่อครั้งก่อน และคราวนี้ผมก็อยากจะขอแก้ตัว อยากให้เขาได้กลับมาเล่นดนตรีที่เขารัก แต่ก็เหมือนยิ่งไปซ้ำเติมแผลเดิมจากครั้งก่อนมากกว่า"

               พี่ปั้นเอื้อมมือมาแตะมือผม ที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ ผมดึงมือออก เพื่อบอกว่าผมไม่พอใจ

               "แล้วพี่ก็ต้องดูแลเขาไปตลอดชีวิตหรือไงล่ะ" ผมพูดเสียงแข็ง นั่งกอดอก มองจ้องไปที่พี่ปั้น ผมนึกถึงคำว่า 'อินฟินิตี้' ของพี่ยีนส์ขึ้นมาแล้วปวดใจ มันคงจริงสินะ
 
               พี่ปั้นเดินอ้อมโต๊ะมานั่งข้างผม จับตัวผมให้นั่งประจันหน้ากับเขา เขามองหน้าผมก่อนจะพูดว่า...


               ...."เราเลิกกันเถอะต้าร์"...
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11 #12 อัพ 7/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 07-01-2015 04:47:35

ไอ้เฮี้ยยยยยพี่ปั้น!!  :z6:  :z6:  #หมดคำบรรยาย สงสารต้าร์   :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11 #12 อัพ 7/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-01-2015 05:47:10
 :serius2:  พี่ปั้นแม่ม
ค่อนข้างจะโล่งอกนะ ตาร์หลุดวงโคจรออกมาแหละดีแล้ว. ตาร์ต้องสู้นะ เพื่อตัวเองและคนรอบข้าง. เสียใจได้แต่อย่าเสียศูนย์.

ชิ คนอย่างพี่ป้นเหรอจะไปดูแลใครได้ ถ้าคิดว่าทิ้งยีนส์ไม่ได้ก็อยู่กันจนกว่าจะตายไปช้างละกัน

บางทีก็เป็นคู่เวรคู่กรรมกันอะนะคนเรา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11 #12 อัพ 7/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-01-2015 06:42:27
ก็ดี เลิกไปเลย บอกตรงๆมองไม่เห็นความรักจากพี่ปั้นเลย สงสารต้าร์จริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11 #12 อัพ 7/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 07-01-2015 15:22:18
บอกต้าร์ไม่แคร์คนอื่น แต่ตัวเองกับแคร์คนรักเก่ามาก ทำงี้ได้ว่ะพี่ปั้น
แล้วรับปากแม่ต้าร์ว่าจะดูแลอย่างดี แต่ก็ทำไม่ได้
คอนโดอยู่แถวไปไหนเนี่ย จะฝากระเบิดไปส่งที่ห้องพี่ปั้นแม่งเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #11 #12 อัพ 7/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-01-2015 19:12:08
จ่ะ เลิกเลยค่ะ !!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #13
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 09-01-2015 22:54:56
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #13



               "เราเลิกกันเถอะต้าร์"


               ผมเกิดอาการตัวชาแข็งทื่อไปกระทันหัน เกิดเสียงวิ้งๆ อยู่ในหู ใบหน้าพี่ปั้นที่อยู่ตรงหน้าดูเลือนลาง

               ...เราเลิกกันเถอะต้าร์...

               ผมทบทวนคำนั้นของพี่ปั้นอีกที ก่อนจะเรียกสติกลับคืนมา

               ผมจำคำที่พี่เนเน่พูดได้ ผมต้องไม่ถอดใจจากพี่ปั้น เพียงเพราะอารมณ์แปรปรวนของเขา

               "ผมไม่เลิก จะเลิกทำไม ไม่ใช่ความผิดของผม" ผมพูดเสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเต็มที่

               "ในสถานการณ์แบบนี้... ผมจะช่วยผู้ที่อ่อนแอกว่า ยีนส์ต้องการผมมากกว่า"

               "นี่มันเป็นเรื่องความรัก ไม่ใช่สงสาร ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์เว้ย! พี่ปั้น" ผมเริ่มพูดขึ้นเสียง ด้วยความโกรธ

               "ถ้าผมปล่อยยีนส์ไป โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนครั้งก่อน ผมก็จะรู้สึกผิดอีกครั้ง ผมก็เหมือนคนมีชนักติดหลังไปตลอด ผมไม่มีวันเป็นอิสระ"   

               "พี่ยีนส์เขาบอกให้พี่เลิกกับผมเหรอ" ผมนึกถึงวันงานปาร์ตี้ที่บ้านพี่ธีร์ ที่พี่ยีนส์พูดเรื่องพี่ปั้นกับผมหน้าห้องน้ำ

               "ไม่เกี่ยว..." พี่ปั้นตอบอ้ำอึ้ง

               "ผมจะเลิกกับพี่ ด้วยเหตุผลเดียว คือเราไม่รักกันแล้ว บอกสิว่าไม่รักผมแล้ว เอาให้สบายใจ"

               ผมยังทำใจแข็ง ทำเสียงแข็ง กลั้นน้ำตาเอาไว้ ผมพยายามจับหน้าเขา โอบเขาไว้ ให้เขาแน่ใจว่า เขาจะไม่เลิกกับผม แต่พี่ปั้นแข็งขืน เบี่ยงหน้าหลบ จนผมจับหน้าเขาให้มองที่ตาผม ผมกำลังจับผิดแววตาพี่ปั้น

               จังหวะนั้น ก็มีเสียงไขกุญแจประตูคอนโดฯ เข้ามา พี่ยีนส์มาได้จังหวะมาก พี่ยีนส์เห็นเราสองคน กำลังฟัดเหวี่ยงกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร

               "มีอะไรกัน..." พี่ยีนส์ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน กำลังเดินมาหาเราทั้งคู่ แต่พี่ปั้นก็ห้ามไว้

               "อย่ายีนส์ ปล่อยเราคุยกับต้าร์ก่อนได้ไหม นี่มันเรื่องของเราสองคน"

               "มีคำว่าแค่เราสองคนด้วยเหรอ น่าจะเราสามคนมากกว่านะ" พี่ยีนส์พูดน้ำเสียงเย้ยหยัน 

               ผมงงกับคำว่า เราสามคน ผมมองจ้องพี่ปั้น จับหน้าเขาไว้ทั้งสองมือ เอียงคอมองเขาเป็นเชิงถาม พี่ยีนส์เดินเข้ามาใกล้เราอีกนิด

               "บอกไปสิปั้น เรื่องของเรา" พี่ยีนส์ยังคาดคั้นพี่ปั้นต่อไป แต่ตาจ้องมาที่ผม เหมือนว่าเขากำลังเป็นผู้ชนะ

               "ผมนอกใจคุณ...ต้าร์ ผมกับยีนส์...เรา..."

               พี่ปั้นพูดเท่านั้นแหละ ลาวาที่กำลังเดือดของผม มันก็พร้อมจะพุ่งออกจากปล่องภูเขา

               ผมพุ่งเข้าไปจับคอเสื้อพี่ยีนส์ ผลักเขาจนไปชิดกำแพง แล้วผมก็ชกพี่ยีนส์ไปเต็มแรง พี่ปั้นรีบเข้ามาห้าม ก่อนที่มันจะมีหมัดที่สอง พี่ปั้นดึงผมออกมาจากพี่ยีนส์ แล้วกอดผมไว้ ผมบีบคอพี่ปั้นด้วยมือเดียว ผมไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

               "เมื่อไหร่..." ผมเค้นถามพี่ปั้น อยากรู้จากปากเขา

              "เมื่อคืนวันที่...กลับจากปาร์ตี้..." พี่ปั้นหลบตาผม ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เหมือนไม่มั่นใจ หรือกลัวที่ผมบีบคอเขาอยู่ก็ไม่รู้ แต่ผมก็เห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของเขา

               "ทำไม..." มือผมยังบีบคอพี่ปั้นอยู่ พี่ปั้นนิ่งไป เขากลืนน้ำลาย พยายามหายใจ จนมือผมรู้สึกได้ถึงลูกกระเดือกที่มันขึ้นลง เขาไม่ตอบ ผมเลยบีบแรงขึ้นไปอีก จนพี่ปั้นละล่ำละลักพูดออกมา

               "ผมไม่รักคุณแล้ว...ต้าร์"

               ผมเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่หล่นทับลงที่หัว เหมือนจะหมดสติอยู่ตรงนั้น ผมปล่อยมือจากคอพี่ปั้นช้าๆ แต่มืออีกข้างของผม...

               ฟาดไปที่หน้าพี่ปั้นเต็มแรง...

               มือใหญ่ๆ ที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก ผมรู้ว่าพี่ปั้นเจ็บ แต่ผมก็เจ็บ

               น้ำตาพี่ปั้นที่มันเอ่อรออยู่ ตอนนี้มันไหลอาบสองแก้ม เลือดซึมออกจากมุมปาก พี่ยีนส์พยายามจะเข้ามาช่วยดึงพี่ปั้นไป แต่พี่ปั้นก็ป้องปัด ผลักพี่ยีนส์ให้ไปห่างๆ จากตรงนั้น

               ผมยืนจ้องพี่ปั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมา แต่ผมไม่ฟูมฟาย

               เหตุผลเดียวที่พี่ปั้นจะเลิกกับผม คือเขาไม่รักผมแล้ว ตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้วไง

               ผมไม่มีอะไรจะต้องยื้อ ไม่มีแรงดึงกลับ มันอยู่ในภาวะไร้น้ำหนัก ไร้แรงดึงดูด ผมหลุดจากวงโคจรของพี่ปั้นแล้ว

               ผมเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่ซึมออกจากมุมปากพี่ปั้น แล้วก็บรรจงจูบลงที่มุมปากนั้น เหมือนเป็นการบอกลา
ได้เวลาแล้วที่ผมต้องเดินจากไป

               พี่ปั้นพยายามจะรั้งแขนผมไว้ แต่พี่ยีนส์ก็มารั้งแขนพี่ปั้นไว้อีกที พี่ปั้นสบัดแขนจากพี่ยีนส์แล้วหันไปพูดกับพี่ยีนส์

               "พอใจแล้วใช่ไหม"

               ผมเดินออกมา ได้ยินเสียงพี่ปั้นเรียกชื่อผมไล่หลังมา ผมไม่จำเป็นต้องทำเป็นโกรธเขาแล้ววิ่งหนีไป เพื่อให้เขามาง้องอนอีกต่อไป เพราะมันไม่มีประโยชน์

               ผมเลยยืนรออยู่หน้าห้องว่าเค้าจะพูดอะไร พี่ปั้นเดินมาหาผม

               "ต้าร์ ผมรู้ว่าคุณเสียใจ ผิดหวัง... ผมขอโทษ คุณไม่จำเป็นต้องให้อภัยในสิ่งที่ผมทำ แต่ที่ผมจะพูด ในฐานะที่เราเป็นคนอาชีพเดียวกัน ในฐานะที่ผมเป็นรุ่นพี่"

               ผมพยายามปาดน้ำตา ยืนกอดอกฟังสิ่งที่พี่ปั้นจะพูดต่อไป

               "ต้าร์คุณเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้ว อย่าเอาสิ่งไม่ดีเหล่านี้มาทำร้ายคุณ อนาคตของคุณ ผมรู้ว่าคุณจะยืนขึ้นได้แน่ คุณจำไว้นะต้าร์ วันหนึ่งคุณจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดัง คุณจะดังกว่าผม แล้วคุณจะไม่เสียใจเลย เมื่อมองกลับมา...ที่เราต้องเลิกกันวันนี้"

               ผมพยักหน้าเบาๆ เหมือนรับฟัง แต่ผมกลับไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นในตอนนี้



               ผมปวดหัว ปวดตา เพราะร้องให้หนักๆ แต่ก็ต้องเก็บกดเสียงสะอื้นไว้ ไม่ให้คนขับแท็กซี่ผิดสังเกต จนผมมาถึงบ้าน ผมเดินตึงตังขึ้นห้องผม จนชินกับน้องๆ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

               พอผมถึงที่นอนเท่านั้นแหละ ผมก็ปล่อยโฮ แบบไม่อายใคร แล้วชินก็เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

               ผมโผเข้าไปกอดชินไว้แน่น พูดเสียงสะอื้นไม่เป็นภาษา

               "พี่ปั้นขอเลิกกับกู"

               เสียงชินถอนหายใจ มือก็ลูบหลังผมอยู่ ชินมันคงอยากด่าผมเต็มแก่ เพราะผมไม่เคยเข็ด เรื่องที่ยังคบกับพี่ปั้น

               "กูรู้ว่ามึงกำลังด่ากูในใจ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งได้ไหม" ผมชิงพูดก่อนชินจะทันพูดอะไร

               "กูยังไม่ได้ด่าเลย เลิกร้องก่อนได้ไหม เดี๋ยวก็ตาบวม ปวดหัว" ชินปล่อยผม ให้ลงนั่งพิงที่หมอน หยิบผ้าขนหนูไปชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ผม

               มะปราง คงได้ยินเสียงผมก็คงตกใจ ห่วงว่าผมเป็นอะไร เลยอุ้มลูกชิ้นตามขึ้นมาดูผมด้วย

               มะปรางเห็นผมร้องไห้ เลยให้ลูกชิ้นมาปลอบใจผม ลูกชิ้นมานั่งบนตัวผม เอามือป้ายที่น้ำตาผม ผมเลยยิ้มออกมาได้

               "นี่มันลูกใครกันแน่เนี่ย" ชินปล่อยมุก เมื่อเห็นผมเล่นกับลูกชิ้น แล้วยิ้มออกมาได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #14
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 10-01-2015 00:08:38
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #14


               หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็ตกอยู่ในอาการซึมเศร้า ถ้าไม่มีงานผมก็นอนเงียบๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้อง

               ผมเล่นดนตรีแบบไม่มีกะจิตกะใจ สีหน้าของผมมันเศร้าสุดๆ แม้ว่าเราจะเล่นเพลงสนุกสนานอยู่ก็ตาม แต่ผมไม่มีอารมณ์ร่วมเอาซะเลย 

               จนวันหนึ่ง สมาชิกในวงทนไม่ไหว ถ้าให้ผมเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ดีแน่ ชินคงต้องจัดการอะไรกับผมสักอย่าง เขาคุยกันไปไกลถึงขนาดว่า จะให้ผมออกจากวงไปเลย

               แต่ชินในฐานะที่เป็นเพื่อนของผม ก็บอกว่าจะมาคุยกับผมให้

               "ตั้งแต่มึงเลิกกับพี่ปั้น มึงยังไม่ได้คุยกับกูว่าเกิดอะไรขึ้น"

               "เขานอกใจกู พี่ปั้นกับพี่ยีนส์... แล้วยังโกหกกูอีก"

               "คนเขาของเคยๆ อยู่แบบนั้นทุกวัน มันก็ต้องสปาร์กกันเป็นธรรมดา แต่แบบนี้ มึงต้องขอเลิกกับเขาสิ ชั่วขนาดนี้" ชินด่าแรง ไม่รู้เพื่อเอาใจผมหรือเปล่า

               "มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว พี่ปั้นเขาบอกว่าไม่รักกูแล้ว ก็จบ" ผมพูดน้ำเสียงเศร้าๆ นอนตามองเหม่อไปที่เพดานที่ว่างเปล่า 

               "มึงทำใจได้ยัง"

               ผมส่ายหน้าเบาๆ

                  "กูอยากจะพูดนะ ว่ากูเตือนมึงแล้วใช่ไหม ว่ามึงจะต้องมานั่งเสียใจ แล้วมึงก็บอกเอง ว่ามึงเลือกเอง มึงจะรับความผิดหวังเอง วันนี้มึงก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่มึงเลือกเหมือนที่มึงพูดไว้สิ มึงจะเอาความทุกข์ของมึงมาลงที่วงของพวกเราไม่ได้นะเว้ย มึงทำหน้าหมาหงอยแบบนี้เล่นดนตรี น้องๆ มันใจไม่ดี เล่นเพลงก็ไม่สนุก" ชินทั้งด่า ทั้งสั่งสอนผม

               “ตอนนี้ที่ค่าย รู้เรื่องว่ามึงอกหักแล้ว พี่ๆ ก็เป็นห่วงกันใหญ่ ท่านประธานยังโทรมาฝากถามเลยนะ ว่ามึงเป็นไงบ้าง เล่นดนตรีแล้วหน้าไม่ดีเลย ใครๆก็ดูกันออก”   

               "มึงจะเอายังไง จะเดินหน้าต่อหรือมึงจะเลิกเล่น" ชินพูดเหมือนยื่นคำขาดให้ผม

               ผมหันไปมองหน้าชิน ตาผมยังคงเศร้า ชินเอามือมาลูบหัวผมเหมือนปลอบ

               "กูก็พูดไปงั้นแหละ ยังไงกูก็ไม่ให้มึงออกจากวงหรอก แต่มึงช่วยมีอารมณ์ร่วมหน่อยได้ไหม มึงนอนคิดทบทวนดูนะ มึงจะมานั่งเสียใจให้คนที่ไม่รักมึงทำไม มึงมีคนที่รักมึงอยู่ตรงนี้ตั้งหลายคน มีแม่ มีพวกกู มีแฟนคลับคอยให้กำลังใจมึงตอนขึ้นเวที แล้วมึงมาทำหน้ายังกับตูดหมาเนี่ยนะ เลิกคร่ำครวญได้แล้ว" ชินเอาสองมือมาขยี้หัวผม เหมือนกำลังส่งพลังมาให้ผม

               ผมมัวแต่ไปคิดถึงคนที่ทำผมเจ็บหลายครั้งหลายคราทำไม ผมน่าจะนึกถึงพ่อที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมชอบเล่นดนตรี แต่ก็ด่วนจากไปก่อน คิดถึงแม่ของผม ที่ยังยอมให้ผมเล่นดนตรี ทั้งที่ไม่อยากเสียผมตามพ่อไปอีกคน

               ผมบอกตัวเองว่า ผมจะทำตัวเองให้ดีขึ้น จริงๆ ผมก็คิดได้เอง ไม่ต้องมารอให้ชินมาพูด แต่ผมแค่ไม่พยายาม

               หรือว่าผมรู้สึกชอบภาวะซึมเศร้า เพราะผมจะได้สงสารตัวเอง



               จากวันนั้นมาผมก็ฟิตมาก ซ้อมดนตรีตลอดเวลา เล่นดนตรีอย่างคนบ้าคลั่ง เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นพลัง

               และแล้วช่วงที่ผมโปรดปรานมากๆ ก็มาถึง เมื่อเราเริ่มได้เดินสายโชว์ตัวตามต่างจังหวัด เราได้ไปเล่นตามผับ เหมือนที่เราเคยเป็น เริ่มได้ไปเล่นงานเฟสติวัล ร่วมกับศิลปินดังๆมากมาย แต่ไม่มีวงอาฟเตอร์ช็อก

               ที่แปลกก็คือ สไตล์การแต่งตัวของวงเราก็เปลี่ยนไปด้วย เหมือนเป็นชุดอีกแบบสำหรับเรา มันออกสีเข้มๆ ดูร็อกๆ มากขึ้น บางคนก็ผสมสไตล์เด็กฮิบฮ็อบเข้าไปนิดหน่อย ผมว่ามันเท่กว่าชุดสีลูกกวาดอีกนะ

               เวลาไปเดินสายต่างจังหวัด ผมก็มักได้จับคู่รูมเมทกับศินะ ผมเลยได้สนิทกับเขามากขึ้น ตั้งแต่ผมเลิกกับพี่ปั้น ศินะก็เริ่มจู่โจมผม จนผมค่อนข้างอึดอัด ศินะทำตัวสนิทกับผม เทคแคร์ผม ยังกับผมเป็นแฟนเขา เขาดูแลปกป้องทุกอย่าง ไม่ว่าใครจะว่าอะไรผม เขาก็ออกรับแทนให้ทุกอย่าง ผมก็ซาบซึ้งในน้ำใจเขานะ แต่ผมไม่พร้อมจะมีใครเป็นเรื่องเป็นราวในเร็ววันนี้หรอก

               ถ้าคืนไหนเราได้พักโรงแรมตามต่างจังหวัด บางโรงแรมที่ผมเคยมาพักตอนออกทัวร์กับพี่ปั้น มันก็ทำให้ผมอึ้นๆ ไปได้ทั้งคืน

               แต่คืนนี้เราได้กลับมานอนบ้านที่กรุงเทพฯ กิจกรรมอาบน้ำของผมกับศินะก็เหมือนเดิม ศินะจะให้ผมอาบก่อน แล้วเขาก็จะนุ่งผ้าขนหนู มายืนพิงราวบันไดรอผมหน้าห้องน้ำ แต่คราวนี้ พอผมออกจากห้องน้ำ เขาก็เข้ามาประชิดตัวผม แล้วเขาก็เปิดผ้าขนหนูออก เชิญชวนให้เห็นของของเขาชัดๆ แล้วผมก็เดินเข้าห้องผมไป ผมไม่เล่นด้วย

               เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำยังดังอยู่ ศินะยังอาบน้ำอยู่ แต่สัญชาตญาณหื่นของเพศชายของผม มันเรียกร้องหรืออย่างไร บวกกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมที่มีน้อยลง เพราะผมโสด ผมไม่มีใคร ผมเลยเดินออกจากห้องของผม แล้วเข้าไปในห้องอาบน้ำ ซึ่งแน่นอนศินะ ไม่ล็อกประตู

               ผมเปิดเข้าไป เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นผม เขายิ้มให้ผม ร่างกายเปลือยเปล่าที่เปียกไปด้วยน้ำของเขา มันดูเซ็กซี่ทีเดียว รูปร่างผอมแต่มีกล้ามเนื้อได้รูปและเพราะเขาต้องใช้แรงในการตีกลอง กล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ที่แขน ทำเอาผมเริ่มมีอารมณ์ แล้วผมก็ไปร่วมอาบน้ำกับเขา สายน้ำจากฝักบัวยังคงไหลออกมา ผมเข้าไปกอดรัดเขาแน่น แล้วจูบศินะเหมือนผมไปตายอดตายอยากมาจากไหน ศินะตัวอ่อนจนยืนเซ มันอาจจะเป็นสัมผัสครั้งแรกของเขากับผู้ชาย ผมรู้ว่าเขาตื่นเต้นมากจนตัวสั่นนิดๆ ผมจับของสำคัญของเขาไว้ แล้วช่วยเขาจนเสร็จ แล้วผมก็รีบเดินออกมาจากห้องน้ำ ปล่อยให้ศินะงงอยู่แบบนั้น

               ผมบ้าไปแล้ว ปล่อยให้ตัวเองอารมณ์ค้างเติ่ง ผมมันบ้า ผมมันหัวโบราณ ผมคิดไปเองคนเดียว ว่าถ้าผมหลั่งต่อหน้าใคร มันจะหมายถึงผมมีอะไรกับเขาคนนั้นแล้ว ผมกำลังมีคนใหม่ ผมกำลังไปจากพี่ปั้น คนที่ผมไม่มีอะไรกับเขาแล้ว แต่ผมยังคิดถึงเขา ผมบ้าไหมล่ะ 

               วันนี้วันหยุดของวง ชินและน้องๆ นัดกันไปกินข้าวและไปเดินห้างกัน แต่ผมไม่ไป ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมไม่ไปไหนทั้งนั้น วันทำงานผมก็ทำหน้าที่สมาชิกของวงที่ดี แต่วันหยุดของผม ผมก็ปลีกวิเวกต่อไป วันนี้บ้านจึงเป็นของผม

               ตอนที่ทุกคน เพิ่งออกไปไม่นาน ก็มีเสียงคนเข้ามาในบ้าน ศินะนั่นเอง คงไม่ต้องเดาก็รู้ว่า เขาอยากมาสานต่อ เรื่องที่ทำค้างไว้

               ศินะเชิญชวนผมไปที่ห้องของเขา คราวนี้เราค่อยๆ เริ่มกันเบาๆ จับโน่นจับนี่ ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าให้กัน สำรวจร่างกายกันและกัน จูบเพื่อศึกษากันเบาๆ เขาพร่ำบอกว่าเขาชอบผมมากแค่ไหน เขาอยากได้ผมมากแค่ไหน จริงๆ แล้วผมไม่ชอบเสียงสนทนาระหว่างมีเซ็กส์ ผมว่ามันพิลึก ผมกับพี่ปั้น เราแทบไม่ค่อยพูดกัน มีแต่ยิ้มให้กัน แล้วผมจะคิดถึงพี่ปั้นทำไมเนี่ย

               แต่ศินะมันก็เป็นความแปลกใหม่ของผม ไม่วันใดวันหนึ่ง ผมก็ต้องเจอผู้ชายคนอื่นอยู่ดี ลองศึกษาไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย     

               ผมจับเขานอนลง แล้วลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเขา กล้ามท้องเซ็กซี่กำลังงาม ผิวขาวใสแต่ไม่ซีด แล้วผมก็จูบไปทั่วตัวของเขา ผมคิดถึงกลิ่นกายของชาย กลิ่นที่ทำให้ผมมีอารมณ์และผมก็ใช้ปากทำให้เขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสุขสมขนาดไหน ถึงตอนนี้ถุงยางอนามัยอยู่ในมือผมแล้ว ศินะยกสะโพกกลมกลึงรอรับการสอดใส่

               แต่แล้ว อีกครั้งครับที่ผมเกิดบ้าขึ้นมา

               ผมทำไม่ได้ว่ะ

               อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกผิด ผมผิดเพราะผมไม่ได้รู้สึกรักคนที่นอนอยู่ตรงหน้า ผมไม่ควรไปทำอะไรเขา เพียงเพราะผมว่าง ผมโสด เขากำลังจะมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรก เขาควรต้องประทับใจ ไม่ใช่จะโดนผมทิ้งในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า เพราะตอนนี้ผมไม่พร้อมจะมีใครจริงๆ

               และที่มันปั่นป่วนใจผมจริงๆ ก็เพราะผมยังรักพี่ปั้นอยู่ แม้ว่าผมไม่จำเป็นต้องซื่อสัตย์ต่อพี่ปั้นแล้ว แต่ผมควรจะซื่อสัตย์ต่อใจตัวเอง

               ผมทิ้งตัวลงนอนที่ข้างๆ ศินะ แล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ผมปอดแหกอีกแล้ว

               คราวนี้ศินะคงอยากจะต่อยผมมาก แต่เขาก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป

               ผมใส่เสื้อผ้าบางส่วน แล้วนั่งรอศินะที่ข้างเตียง เขาเข้ามาแต่งตัว ผมขอโทษเขา ผมรู้ว่าเขาอาย ผมเลยบอกเขาว่า

               "เสียหน้ากันวันนี้ ดีกว่ามานั่งเสียใจวันหน้า ว่าเราไม่น่าทำแบบนี้เลย"

               ผมไม่น่าทำแบบนี้เลย ถ้าชินรู้ ชินคงเอาผมตายแน่ เซ็กส์คือบ่อนทำลายมิตรภาพ

               ผมจะเข้าไปกอดศินะ แต่เขาก็เบี่ยงตัวหนี

               ผมบอกศินะไปว่า ถึงผมจะเป็นเกย์ เกย์ที่มักถูกมองว่าง่ายมากที่จะมีเซ็กส์กัน แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ผมคงอ่อนไหวเรื่องนี้มากเกินไป

               ศินะเลยถามผมว่า ผมยังรักพี่ปั้นอยู่ใช่ไหม

               ผมไม่ได้ตอบ แต่สิ่งที่ผมตอบได้ คือผมไม่ได้รักศินะแบบนั้นและผมไม่อยากมีใครตอนนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบ

               เราคุยกันว่า เราไม่ควรไปบอกใครๆ เพราะผมไม่แน่ใจว่าศินะเขาจะเปิดตัวว่าเป็นเกย์ หรือไบเซ็กส์ชวล หรือแค่เผลอ หรือแค่อยากลอง ส่วนตัวผมยังไงก็ได้ แต่สำหรับศินะ กับอนาคตของเขายังอีกยาวไกล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 10-01-2015 01:48:39
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.1


               ผมปิดมือถือไปตั้งแต่วันที่ผมเลิกกับพี่ปั้น ผมไม่อยากกังวลใจ ว่าเมื่อไรเขาจะโทรมาง้อ ผมควรจะหักดิบ ผมให้แม่หรือใครที่จะติดต่อผมโทรไปที่มือถือของชินแทน

               ข่าวบันเทิงข่าวใหญ่วันนี้ วงอาฟเตอร์ช็อก ยกเลิกคอนเสิร์ตสี่จังหวัดใหญ่ เนื่องจากบัตรคอนเสิร์ตไม่เดิน เพราะเพลงอัลบั้มที่เงียบสนิท แม้จะมีชื่อเสียงเดิมอยู่บ้าง มีเพลงเก่าที่คนยังร้องได้ แต่คนก็ไม่เห่อมันอีกแล้ว

               เมื่อก่อนตอนที่ผมยังเป็นแบ็คสเตจให้พี่ปั้น คอนเสิร์ตตามต่างจังหวัด แฟนๆ จะมารอเข้าแถวซื้อบัตรกันตั้งแต่เช้า ตอนวันงานก็ต้องมารอต่อแถวตรงทางเข้า เพื่อจะจับจองที่นั่งที่ยืนใกล้ๆ เวทีที่สุด

               เวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองปีดี เหตุการณ์มันกลับตาลปัตร วันนี้ไม่มีใครซื้อตั๋วคอนเสิร์ตพี่ปั้น ไม่มีใครไปรอต่อแถวเพื่ออยากไปอยู่ใกล้เวที มันเป็นสัจจะธรรม

               ผมอยากเข้าข้างพี่ปั้นนิดหน่อย ว่ามันผิดพลาดที่เพลงชุดนี้ เขาทำมาไม่ดีพอ มันหรูไปสำหรับ แว๊นและสก๊อย ผมไม่อยากคิดไปในแนวทางที่ว่า ชื่อเสียงเขาตกต่ำลง แฟนเพลงน้อยลง เพราะเขาดันไปเปิดตัวว่าเป็นเกย์หรือไบเซ็กช่วล มีเพศที่ผิดปกติ ข่าวเลิกกับเมีย จนต้องหนีไปทำใจที่เมืองนอก

               บางทีผมน่าจะเชื่อพี่ปั้น ว่าผมไม่ควรเปิดตัวว่าเป็นเกย์ เพราะมันอาจต้องแลกกับบางอย่างในชีวิต ตอนนี้พี่ปั้นคงเข้าใจดีแล้ว เลยไม่อยากให้ผมต้องผจญชะตากรรมเดียวกันกับเขา

               ผมก็คิดถึงพี่ปั้นเหมือนกันนะ เราคุยกันได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเพลง ดนตรี เราชอบนั่งกันเงียบๆ พูดกันน้อยๆ หันมาหัวเราะให้กันกับเรื่องไร้สาระ กับมุกตลกฝืดๆ จริงๆ แล้วถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราคบกันลึกซึ้งและเรื่องเซ็กส์ เราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
             
            ผมคิดถึงพี่ปั้น...

               แต่ผมไม่กล้าไปหาเขาหรอก ผมกลัว...

               ผมกลัวใจตัวเองมากที่สุด

               ข่าวดีสำหรับพี่ปั้นก็ยังมี เพราะคอนเสิร์ตที่กรุงเพทฯ ที่ตอนแรกตั้งเป้าจะเป็นคอนเสิร์ตปิดท้าย ยังดำเนินต่อไป แฟนๆ ที่กรุงเทพฯ ยังเหนียวแน่น บัตรยังเดินได้เรื่อยๆ



               แต่ก็เหมือนฟ้าผ่ากลางวง เมื่อมีข่าวใหญ่ต้องขึ้นหน้าหนึ่งอีกครั้ง ยีนส์หนึ่งในสมาชิกวงอาฟเตอร์ช็อก โดนจับตรวจฉี่ม่วงกลางผับใหญ่ย่านสีลม

               ฟางเส้นสุดท้ายของพี่ปั้น คอนเสิร์ตใหญ่ที่กรุงเทพฯ ต้องถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน เรื่องข่าวยาเสพติด มันเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเค้าถือว่าคุณต้องเป็นต้นแบบให้กับวัยรุ่น ทางค่ายพี่ปั้นจึงต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยการแบนวงอาฟเตอร์ช็อก ออกจากสื่ออีกครั้ง

               พร้อมกับประกาศ ยกเลิกคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ

               มันเป็นข่าวใหญ่มาก สำหรับศิลปินเบอร์ใหญ่ของวงการ ยกเลิกคอนเสิร์ตห้าแห่งภายในหนึ่งเดือน เกิดอะไรขึ้นกับซุปตาร์ของผม

               พี่ยีนส์ คนที่พี่ปั้นเลือก ทำอะไรให้พี่ปั้นบ้าง นอกจากปัญหา

               ผมคิดว่าตอนนี้พี่ปั้นคงกำลังสติแตกเต็มที่ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือนที่ผมอยากจะเปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรไปหาพี่ปั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #13 #14 #15 อัพ 9/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 10-01-2015 07:20:09

อยากจะสมน้ำหน้าปั้นนะ  คงยีงรักต้าร์แหละ

แต่ฝังใจกับยีนส์มากไป รู้สึกผิดที่ไม่รักษาสัญญา

พอกลับมามีอะไรกัน ยีนส์คงฟูมฟาย จะทิ้งก็ไม่ได้

แต่ทั้งหมดพี่ปั้นทำตัวเองทั้งนั้น

ส่วนน้องต้าร์ดีแล้วที่ไม่ดึงศินะเข้ามา

ความรักถ้ามันไม่มีปัญหาก็ดีไป แต่ถ้ามีปัญหาเมื่อไหร่มันยะกระทบกับทีมจริงๆ สู้สู้ นะต้าร์

ปล.เรทว่าพี่ปั้นก้อรู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่ายีนส์จะพาปัญหามาให้ แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น เดาเอาจากที่พี่แั้นตามออกมาคุยกับต้าร์ตอนหลังน่ะ  ดป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สนุกมากเลย สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #13 #14 #15 อัพ 9/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-01-2015 07:21:41
 :กอด1:  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

แวะมาอ่านเม้นท์แล้วก็หดหู่ ยังไม่ขออ่านเนื้อหาช่วงนี้ละกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #13 #14 #15 อัพ 9/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-01-2015 11:41:35
แสดงความห่วงใยในฐานะพี่น้องก็พอเถอะต้าร์  :mew6:
ถ้าพี่ปั้นเขารักต้าร์มากพอ เขาต้องเลือกต้าร์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ :katai1:
บางทีที่เขาทำท่าอาลัยอาวรณ์ต้าร์ (ซึ่งเราอาจจะรู้สึกไปเอง) ตอนนั้น อาจจะเพราะยังมีความรู้สึกดีๆต่อกันในฐานะพี่น้องก็ได้ :เฮ้อ:
ไม่รู้สินะ ความรักบางทีก็เข้าใจยาก เราตัดสินแทนต้าร์ไม่ได้หรอก นี่อินมากบอกเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.2
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 11-01-2015 22:20:17
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.2


               เมื่อผมเปิดโทรศัพท์มือถือครั้งแรก เสียงตึ๊ดๆ รัวๆ เจอมิสคอลล์เป็นร้อยมิสคอลล์ แน่นอนว่ามีแต่ของ...

               ‘กระเจี๊ยวน่ารัก’

               พี่ปั้นโทรหาผมทุกวัน ผมดูเวลาแล้ว ส่วนใหญ่จะสี่ทุ่มขึ้นไปทุกวัน เขายังทำเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เรายังคบกันอยู่ คือเราจะโทรหากัน ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาจะเพียรโทรมาอีกทำไม

               วันนี้ผมอยากโทรหาเขา ไม่ได้มีเรื่องโรแมนติกอะไร อยากโทรเพราะห่วงเรื่องการงานของเขามากกว่า

               ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ต้องโทรหาพี่ปั้น ไม่รู้ทำไม การที่เราโหยหาและคิดถึงใครมากๆ บางทีก็ทำให้เราใจสั่น เหงื่อออกมือ หน้าร้อนผ่าว ด้วยความกลัว

               ผมมัวแต่ละล้าละลัง จะโทรหาเขาดีไหม ก็มีสายเข้ามา แจ็กพ็อทว่ะ กระเจี๊ยวน่ารัก กำลังเรียกสายอยู่ ใจของผมเต้นระรัวก่อนจะรับสาย

               "ต้าร์..." เสียงพี่ปั้นจากปลายสาย

               "พี่ปั้น..." เราพูดกันแค่นี้ แต่ผมเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นของพี่ปั้นในความเงียบ 

               พี่ปั้นยังคงเงียบ ตอนนี้ผมเดาอารมณ์เขาไม่ถูก ว่าผมควรจะพูดต่อ หรือผมควรจะรอเขาพูดก่อน แล้วเราก็ชิงจังหวะพูดพร้อมกัน

               "ผมอยากคุยกับพี่..."  "ผมอยากคุยกับคุณ..."

               แล้วเราก็หัวเราะเบาๆ ขึ้นมาพร้อมกัน

               แต่ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไร แบ็คสเตจของผม มาเร่งให้ผมไปสแตนด์บาย เพื่อขึ้นโชว์ ผมเลยต้องขอวางสายจากพี่ปั้น



               คืนนี้ผมมาเล่นคอนเสิร์ตงานประจำจังหวัดเลย ผมจะเข้ากรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้ตอนดึก แล้วอีกวันต้องบินไปภูเก็ตต่อ ตอนเช้าตรู่เลย ผมมีเวลานิดหน่อยที่จะไปหาพี่ปั้นคืนวันพรุ่งนี้ ผมหวังว่าเขาจะอยู่

               เป็นครั้งแรก ที่ผมร้อนรน อยากให้รถตู้ขับเร็วๆ ผมอยากถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะถึงก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม พอผมมาถึงกรุงเทพฯ ลงจากรถตู้ได้ ผมก็รีบเข้าบ้าน เตรียมเก็บของสำหรับไปภูเก็ต ผมทำอะไรรีบเร่ง จนชินสังเกตได้ เพราะปกติผมจะเป็นเหมือนเด็กขี้เกียจ เนือยๆ ไม่รีบร้อน ยิ่งตั้งแต่ผมเลิกกับพี่ปั้น ชินแทบจะต้องแซะผมตลอดเมื่อผมเกิดอาการเหม่อๆ 

               แล้วผมก็รีบออกจากบ้านตรงไปหาพี่ปั้นที่คอนโดฯ พี่ปั้นไม่รู้ว่าผมจะมา แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่ พี่ปั้นเดินมาเปิดประตู



               พี่ปั้นยิ้มเหมือนผมเป็นแสงสว่างของเขา แต่เขาก็เป็นแสงสว่างของผมเหมือนกัน ผมอยากจะกอดเขามาก แล้วผมก็รู้ว่าเขาก็อยากกอดผมเหมือนกัน มันเป็นอะไรที่ทรมานมาก ที่เราต้องฝืนใจตัวเองแบบนี้ เราแค่ทักทายกันธรรมดา ผมยกมือไหว้พี่ปั้น พี่ปั้นแตะที่แขนผมเบาๆ เท่านั้น

               หน้าพี่ปั้นเมาได้ที่ หน้าตาโทรมมาก ผมเผ้ายุ่ง เสื้อไม่ใส่ ใส่แต่กางเกงยีนส์เน่าๆ 

               ห้องดูรกรุงรัง พื้นเลอะเทอะ เต็มไปด้วยขยะ เกลือนไปด้วยกระป๋องเบียร์ ขวดไวน์ ก้นบุหรี่ จานชาม เศษอาหารที่กินทิ้งไว้ กลิ่นบุหรี่อับไปทั้งห้อง รวมทั้งอุปกรณ์เล็กๆ สำหรับ...เสพยาไอซ์

               ผมเดินไปหยิบมันให้พี่ปั้นดู ถามว่าเป็นของเขาเหรอ พี่ปั้นบุ้ยปากไปที่ห้องนอน ผมชโงกไปดู เห็นพี่ยีนส์นอนหลับสลบไสลบนที่นอน ผมตรวจเช็คหาร่องรอยการเสพยาของพี่ปั้น จากดวงตา กลิ่นตัว จากในช่องปาก ผมตรวจจนแน่ใจว่าพี่ปั้นไม่ได้เล่น ผมเลยขู่เขาว่า

                "ถ้าผมรู้ว่าพี่เล่นยา ผมจะเรียกตำรวจมาจับถึงที่เลย คอยดูเถอะ" 

                ผมอารมณ์เสีย จากสภาพห้องที่เห็น จากห้องที่เคยเป็นสวรรค์สำหรับเรา ตอนนี้มันเหมือนขุมนรกมากกว่า

               ผมเลยไปหยิบถุงดำ มาเก็บขยะ ผมเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เก็บถ้วยชามล้าง กวาดถู ล้างห้องน้ำ สะอาดเอี่ยม ผมเอาพลังมาจากไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว



               ภารกิจต่อไปของผม คือจับพี่ปั้นอาบน้ำ ผมลากพี่ปั้นที่กำลังเมาๆ ให้ไปอาบน้ำ แน่นอนคนเมาดื้อสุดๆ ผมจับเขาแปรงฟัน ถอดเสื้อผ้าออก แล้วจับไปนอนในอ่างอาบน้ำ แล้วล้างตัว อาบน้ำ สระผม แล้วผสมน้ำอุ่นให้เขาแช่ตัว ตอนนี้พี่ปั้นคงจะสร่างเมานิดหน่อยแล้ว พี่ปั้นให้ผมลงไปแช่ในอ่างด้วย แต่ผมปฏิเสธ

               “ผมจะกลั้นหายใจในน้ำจนตาย” พี่ปั้นพูดเสร็จ ก็นอนลงในอ่างน้ำ ให้ใบหน้าจมลงไปใต้น้ำ ผมมองดูพฤติกรรมของเขา ด้วยความขันและความเอือม ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหน ก็ชนะผมได้ทั้งนั้น

               เรานั่งมองหน้ากันในอ่างน้ำ คราวนี้ไม่มีเซ็กส์ ไม่มีโรแมนติก มีแต่เสียงถอนหายใจหนักๆ จากพี่ปั้น

               "โทรมาหาทำไมทุกคืน ตั้งเป็นร้อยมิสคอลล์ ก็รู้ว่าไม่เปิดมือถือ" ผมหาเรื่องคุยระหว่างที่เราเงียบๆ

               "เผื่อฟลุ๊ก... กดโทรๆ มันทุกคืนเหมือนการเสี่ยงดวง แล้วมันก็มีวันที่ผมมีโชค เมื่อคืนนี้ไง"

               "ว่างมากขนาดนั้นเลย" ผมพูดประชด ผมปัดน้ำใส่หน้าเขา

               ผมหยิบเทียนเก่าที่วางที่ขอบอ่าง ที่มันเขียนว่าเวลคัมโฮมมาดู มันทำให้ผมเศร้าใจ บ้านที่ๆเรากลับมาแล้วจะมีคนรักรออยู่ แต่ตอนนี้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน คนรักก็ไม่มี

                  "เราเลิกกันเพื่อสิ่งนี้เหรอ คอนเสิร์ตถูกยกเลิกหมด การงานก็ไม่ทำ พี่ยีนส์ก็ยังเมาอยู่ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา" ผมพูดด้วยความน้อยใจ นั่งกอดเข่าเอามือตีน้ำเล่นเบาๆ

               "ทำไม่สำเร็จไง..." พี่ปั้นพูดลอยๆ ขึ้นมา เหมือนไม่ได้ตั้งใจตอบคำถามของผม ผมกำลังเอาผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุบน้ำจะไปโปะหัวพี่ปั้น ก็ชงักไปหน่อย ผมมองหน้าเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร

               "...แย่งผมไปจากคุณไม่สำเร็จ..."

               ผมถอยตัวห่างพี่ปั้นมานั่งอีกฟากของอ่าง ผมไม่อยากโดนแรงดึงดูด ดูดผมกลับไป ด้วยคำพูดอะไรบางอย่างของพี่ปั้น

                "ผมเลิกคบกับคุณ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า...ผมจะเลิกรักคุณ..."

               นี่แหละพี่ปั้น คำบอกรักแบบนี้ ทำให้คุณตัวอ่อน ใจอ่อนและในที่สุดก็ยอมที่จะถูกรัก

               แต่...ผมจะไม่หลงไปกับคำพูดเหล่านี้อีกแล้ว

                  “ถ้ารัก แล้วทำไมทำแบบนั้นล่ะ เพื่ออะไร” ผมพูดแล้วส่ายหัว ทำเสียงพ่นจมูกเบาๆ
   
               พี่ปั้นเงียบ ถอนหายใจยาวๆ มองหน้าผม เหมือนมีเรื่องที่เขาอยากพูด แต่ก็เก็บงำไว้

                  “มีอะไรก็พูดมาสิ ยังไงเราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว”

                  พี่ปั้นพยักหน้ารับ คำว่า เราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ของผม

               “ตอนผมไปอังกฤษ ผมเจอยีนส์ ยีนส์ดีใจมาก ผมก็ดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า เราคุยสนิทสนมกันเหมือนเดิมเหมือนเราไม่ได้จากกันไปไหนเลย ยีนส์ก็ถามว่าผมมีใครไหม ผมก็บอกว่าผมมีคุณแล้ว
   
               แต่หลังจากเราไปฝรั่งเศส ด้วยบรรยากาศมันพาไป...”
   
               กูว่าละ! ฝรั่งเศส ผมนึกหมั่นใส้เขาในใจ คงนอกใจกันตั้งแต่ตอนนั้น
   
               พี่ปั้นหันไปมองหาบุหรี่สูบ

                  “ยีนส์ก็มาบอกว่า อยากกลับมาคบกับผม เค้าจูบผมด้วย... อย่า! อย่าเพิ่งด่า” พี่ปั้นชี้นิ้วมาที่ผม พี่ปั้นคงเริ่มรับรู้ได้กับอาการอารมณ์ร้อนของผม จากเมื่อโดนตบครั้งที่แล้ว

                  “โอเค... ผมแค่จูบ เพื่อระลึกชาติ ว่าเรารู้สึกยังไงกับเค้า แต่ผมไม่รู้สึกอะไร เข้าใจไหม”
   
               แค่จูบก็ผิดแล้วเว้ย! ผมคิด มิน่าเขียนโปสการ์ดจากฝรั่งเศส โปรยคำหวานมาเพียบ รู้สึกผิดล่ะสิ ที่ไปจูบคนอื่น

                  “ผมไม่รับรักเค้า ผมบอกเค้าว่า ผมมั่นใจว่าผมรักต้าร์”

                  “ทำไมล่ะ ทำไมถึงคิดว่ารักผม” ผมถามแทรกขึ้นมา อยู่ดีๆ ผมก็อยากรู้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรวะ

                  “ผมเคยรักกับยีนส์ อาจจะเพราะวัยของเราตอนนั้น มันเป็นป็อปปี้เลิฟ เราก็หลงรักเพื่อน เราติดเพื่อน เรานิสัยเหมือนกัน ไลฟ์สไตล์คล้ายกัน เราชอบคนเท่ คนหน้าตาดี ป็อปปูล่าและที่สำคัญเป็นเกย์ แต่กับต้าร์ มันเป็นอีกแบบ ผมรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ผมรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ใกล้คุณ...

                ผมชอบจูบกับคุณ ชอบมองหน้าคุณ ชอบวิธีที่คุณดูแลผม...

               ชอบ...ที่คุณรักผม...”

               คิดว่าคนฟังคำพูดแบบนี้ จะเกิดอาการยังไงล่ะ มันก็ล่องลอยไปเลยน่ะสิ
   
               “พอกลับจากฝรั่งเศส ผมก็คิดว่าเราเข้าใจกันดีแล้ว ตอนที่ผมกำลังจะกลับกรุงเทพฯ ยีนส์ก็เกิดบอกว่าอยากกลับเมืองไทย อยากกลับมาเล่นดนตรี ผมก็โอเค เพราะว่าเค้าเป็นคนมีความสามารถนะ ผมก็ไม่คิดอะไร แต่มันไม่เป็นแบบนั้น ผมว่าเค้าอยากมาเจอต้าร์มากกว่า เค้าคงอยากรู้ว่าคุณมีดีอะไร ก็แค่ผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง”

               คราวนี้พี่ปั้นแกล้งตีน้ำใส่หน้าผม ที่กำลังฟังเคลิ้ม
   
               “ผู้ชายธรรมดาที่ยีนส์อยากเอาชนะ แต่ก็ทำไม่ได้ วันที่ไปปาร์ตี้ ผมอยากให้คุณไปด้วยจริงๆ นะ ผมไม่อยากไปกับยีนส์สองคน เพราะผมรู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ผมอยากยืนยันตัวต้าร์กับทุกคน ผมไม่ได้อายเนเน่เลย ผมเคยบอกเนเน่ไปแล้ว ว่าผมชอบคุณ เนเน่รู้อยู่แล้ว”

                  “ผมจำได้เลือนลาง คืนนั้นผมก็กลับมาจากปาร์ตี้กับคุณ แล้วก็นอนไป แล้วก็อืม...เรามีสัมผัสกันในความมืด อืม... คือพูดไปก็เหมือนแก้ตัว โอเคเพราะเมา... แต่มันไม่ได้ลึกซึ้ง เอ่อ คือยังไม่ได้ทำอย่างว่าอ่ะนะ ผมก็เริ่มรู้สึกตัว เราก็เลยทะเลาะกัน เกือบจะต่อยกัน แล้วเราก็ไม่คุยกันตั้งแต่นั้นมา แล้วยีนส์ก็เลยยิ่งโมโห ผมแทบไม่นอนคอนโดเลย ไปนอนที่อื่น พอวันคอนเสิร์ต ผมถึงรู้ว่ายีนส์ไปเล่นยา โดยอ้างว่าเพราะผมไม่ใส่ใจเค้าเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่เราเลิกกัน ผมโกรธมาก ผมถามว่าเค้าจะเอายังไง เค้าบอกให้ผมเลิกกับคุณแล้วเค้าจะเลิกยา ผมก็เลย...”

                  “ทำไมต้องเอาผมเป็นตัวประกันด้วย ผมเกี่ยวอะไรด้วย” ผมบ่นแทรกขึ้นมา ตาร้อนผ่าวไปด้วยความโกรธจนน้ำตาเอ่อขึ้นมา
   
               “เพราะยีนส์รู้ว่าคุณ มีค่าที่สุดในชีวิตผม...”
   
               ผมส่ายหน้า ก้มหน้ามองน้ำ แม่งปัญญาอ่อนทั้งคนขอสัญญาและคนที่ดันไปให้สัญญา
   
               “มีค่าที่สุด ก็ยังยอมเลือกที่จะทิ้งผมเนี่ยนะ คิดอะไรอยู่วะ” ผมต่อว่าพี่ปั้น พยายามกลั้นน้ำตาไว้
   ผมทำท่าจะลุกจากอ่างน้ำ แต่พี่ปั้นก็มาดึงไว้ เค้าดึงผมมานั่งกอดไว้
   
               “ผมขอโทษ จะบอกว่าเป็นข้ออ้างก็ได้ แต่ผมคิดดีแล้ว ผมอยากให้คุณไปมีสมาธิกับเรื่องงาน เรื่องอัลบั้มใหม่ ไม่อยากให้มาเสียสมาธิกับเรื่องยุ่งเหยิงนี้”

               “แล้วดูผมสิ แล้วดูดีไหม กว่าผมจะทำใจได้ ผมจะไม่มีวันกลับไปเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว จำคำผมไว้เลย” ผมพูดเหมือนยื่นคำขาดกับพี่ปั้น

               พี่ปั้นปล่อยตัวผม จากที่โอบผมไว้ เขามองหน้าผม พรางถอนหายใจยาว

               ผมจะไม่มีวันเข้าไปวงโคจรของ ปั้นยีนส์ ปั้นยีนส์ อีกแล้ว...

               "แล้วกับพี่ยีนส์ จะยังไงต่อ" ผมถามเพื่อให้แน่ใจ ว่าผมจะไม่อาลัยอาวรณ์ 

               "ถ้าคุณอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รักคุณ คุณจะทำยังไงล่ะ ผมหมดภาระแล้ว ผมไม่มีอะไรติดค้างกับยีนส์ ตอนนี้ก็อยู่ที่ตัวเขาแล้ว เดี๋ยวผมจะหนีละ หนีไปไกลๆ ต้าร์ก็อยู่ได้โดยไม่มีผมอยู่แล้ว ผมบอกแล้วว่าคุณเข้มแข็ง ผมซะอีกที่ทำใจไม่ได้ เที่ยวโทรไปหาทุกวัน อย่าเอาเรื่องปวดหัวไปใส่สมองเลย ทำงานให้เต็มที่ แล้วไปเจอคนที่ดีกว่าผม"
   
               นี่เป็นคำบอกเลิกบอกลา ที่เศร้ากว่าครั้งก่อนเสียอีก บอกเลิกเพราะยังรักกัน มันทรมานเว้ย!

               แล้วจะเขาหนีไปไหนเหรอ ผมรู้สึกว้าเหว่ วังเวงอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงวันที่จะไม่มีเขาจริงๆ จะไม่มีหน้ามาให้เห็น ไม่มีเสียงมาให้ได้ยิน นี่ผมเข้มแข็งแล้วใช่ไหม ผมอยู่ได้โดยไม่มีพี่ปั้นจริงๆ หรือ 
 
               แล้วพี่ปั้นก็เอื้อมมาดึงตัวผมไปกอด ให้ผมนอนพิงตัวเขาไว้ เหมือนที่เราเคยเป็น แต่มันไม่มีอารมณ์ทางเซ็กส์ใดๆ เราก็แค่มีเวลาได้คิด

               "หิวไหม เดี๋ยวไปซื้ออะไรมาให้กิน" ผมบอกพี่ปั้น

               "ตีสามแล้ว"

               "ร้านมันเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง"

               "ไปดิไปดิ ลงไปด้วย"



               เราแต่งตัวลงไปร้านสะดวกซื้อข้างล่างหน้าคอนโดฯ พี่ปั้นหัวยุ่งจากที่สระผมเมื่อกี้ ใส่กางเกงนอนขาสั้น เสื้อกล้ามตัวใหญ่ๆ ส่วนผมใส่ชุดที่ผมใส่มา

               ผมจัดการซื้อโจ๊กคัพให้พี่ปั้นกับผมคนละถ้วย แล้วก็น้ำขวด แล้วเราก็นั่งกินกันตรงหน้าร้าน พี่ปั้นจะได้ออกมานั่งสูดอากาศบ้าง

               "ขอชิมหน่อย ป้อนหน่อยดิ" พี่ปั้นพูดเหมือนอ้อนผม

               "มันก็รสเดียวกัน จะชิมทำไม" ไม่สำเร็จหรอก ผมไม่ใจอ่อน

               ระหว่างนี้มีสองสาวขาเที่ยวกลางคืน คงเมามานิดหน่อย เดินมาที่ร้านสะดวกซื้อ พอเธอเห็นผม ก็เข้ามาทักทันที

               "นี่ ต้าร์จะเนฟเว่อร์ ใช่ไหมคะ"

               "ครับ" ผมยิ้มให้สองสาว

               "ว๊าย ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ" สาวหนึ่ง พยายามให้เพื่อนหยิบมือถือมาถ่ายรูปคู่กับผม

               ผมถ่ายกับทั้งสองคนเสร็จแล้ว เธอก็เข้าไปหาซื้ออะไรในร้าน ผมก็กินต่อ

               สักพักเธอก็มาหาที่นั่งกินหน้าร้าน แถวๆ ผมกับพี่ปั้นนั่นแหละ แต่ก็ห่างไปหน่อย แต่ผมก็ยังได้ยินเธอเม้าท์ถึงพี่ปั้น

               "แกๆ แกว่าผู้ชายคนข้างๆ ต้าร์เนฟเว่อร์ คือปั้นอาฟเตอร์เปล่าวะ"

               "กูว่าไม่ใช่ว่ะ หน้าคล้ายๆ คงไม่ใช่ ถ้าใช่ แม่งก็โทรมชิบหาย"

               สองสาวที่มีอาการมึนๆ คงไม่รู้ว่าเสียงที่เธอเม้าท์กัน ได้ยินเสียงชัดมากในความเงียบสงัดกลางดึกแบบนี้ มาพูดต่อหน้าพี่ปั้นเลยก็ได้นะ ถ้าจะพูดเสียงดังขนาดนั้น

               สักพักมีเสียงมือถือดังขึ้นที่สองสาว เธอเลยเดินจากไป

               ตอนนี้ผมหันมามองพี่ปั้น พรางนึกขำ ขำเรื่องที่สองสาวนั้นเม้าท์พี่ปั้น ต่อให้เมาแค่ไหนพี่ปั้นก็ต้องฟังรู้เรื่อง

               "มาๆ ป้อนให้ โอ๋ๆ" ตอนนี้ผมแหย่พี่ปั้น พยายามป้อนโจ๊ก เพราะรู้ว่าเขาคงอารมณ์เสีย

               "ไม่ต้องแล้วเว้ย! อิ่มแล้ว" พี่ปั้นค้อนผมไปหนึ่งขวับ

               "ฮาฮาฮ่า..." ผมหัวเราะพี่ปั้นเสียงดัง พี่ปั้นเอาขวดน้ำตีหัวผมเบาๆ

               "โดนตบเจ็บไหม" ผมแกล้งแหย่แกต่อ

               "อยากลองไหม" พี่ปั้นเงื้อมือรอผม

               "ไม่ๆ ไม่เป็นไร...นะ เก็บไว้ๆ นะ มืออ่ะ" ผมพยายามจับมือแกเก็บไป พี่ปั้นกับผมเลยหัวเราะออกมาได้



               ผมยังมีเวลาอยู่กับพี่ปั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง ผมต้องรีบกลับบ้านไปเอาของแล้วไปสนามบินเพื่อเช็คอินหกโมงเช้า

               พี่ปั้นมานอนตักผมที่โซฟา ผมไม่นอน เพราะกลัวไม่ตื่น

               "ไปกี่โมงเนี่ย"
               
               "ตีห้า"

               "ไม่ไปไม่ได้เหรอ"

               ผมตีหน้าผากพี่ปั้นไปเบาๆ พี่ปั้นรู้ว่าผมไม่ทำอะไรแบบนี้ อย่าได้ขอ

               "เมื่อไหร่ จะตื่นมาแล้วเห็นหน้าคุณเลย จะมีวันนั้นไหม มีแต่ทำงานๆ ต้องรอให้แก่ก่อนหรือไง"

               "ถ้ายังใช้ชีวิตแบบนี้ จะไม่ได้อยู่จนแก่หรอก ดูพ่อผมเป็นตัวอย่าง"

               "นึกถึงตอนทัวร์คอนเสิร์ต ตื่นเช้ามาจะต้องเจอต้าร์นั่งรออยู่ทุกเช้า ตอนนี้ไม่ได้ละ เขาดังละนะ"

               "ไม่รู้ทำไปได้ยังไงนะ ช่วงนั้นฟิตมากอ่ะ นอนก็ดึก ต้องตื่นก่อนอีก คือแบบไม่ให้ขาดตกบกพร่อง กลัวตกงาน"

               ผมรู้ว่าทำไปได้ยังไง เพราะผมทำแล้วมีความสุข ความสุขที่ได้นั่งมองคนที่นอนหลับไหล ใบหน้าบริสุทธิ์ที่ไร้อารมณ์และความรู้สึก ความสุขที่ตื่นมาแต่ละวันจะได้เห็นหน้าซุปตาร์ของผม

               “แล้วเรื่องจะย้ายออกมาอยู่คอนโดฯ จะซื้อคอนโดฯ ไปถึงไหนแล้ว” พี่ปั้นถามผม เรื่องโครงการที่ตั้งใจจะย้ายออกมาอยู่คนเดียว

               “ไม่มีตังค์ ตังค์ที่ได้มาจากออกอัลบั้มคงไม่พอ คอนโดฯที่ดูๆ ก็สองล้านอัพหมด ต้องขอตังค์แม่มาดาวน์ แต่ไม่เอาดีกว่า ตอนนี้ก็แทบไม่ได้อยู่กรุงเทพฯอยู่แล้ว”

               ไม่รู้พี่ปั้นฟังผมจนจบไหม พี่ปั้นหลับคาตักผม ผมนอนเอนตัวที่โซฟา มองไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีจากดำมืดเป็นเทาๆ ผมคงต้องไปแล้ว

               ผมหนุนศีรษะพี่ปั้นด้วยหมอนแทนตักผม ผมจูบลาเขาที่หน้าผาก ผมบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงเราก็เปิดมือถือแล้ว ยังไงเราก็ต้องได้ติดต่อกัน


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.2 เบื้องหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 11-01-2015 22:29:34
ขอเล่าตอนเขียน ตอน 15.2 คือจริงๆ มันไม่ยาวขนาดนี้นะคะ เพิ่มบทมา

เราสปอยไปบางอย่าง แต่ก็ลบทิ้งก่อนค่ะ ขอโทษที   :ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.2 อัพ 11/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-01-2015 18:11:30
เราก็เป็นคนใจอ่อนอ่ะ :o8:
พอจะเข้าใจแล้วนะ ว่าทำไมบางคนถึงยังทนอยู่กับคนที่เคยทำให้เราเสียใจต่อไปได้ เพราะรักคำเดียวจริงๆ :เฮ้อ:
สรุปว่ากับพี่ยีนส์รอบนี้ ไม่มีรีเทิร์นทางกายใช่ไหมอ่า งั้นลดโทษให้ครึ่งนึงนะพี่ปั้น :z1:
เอาเป็นว่า เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเองแหละเนอะ เคลียร์ตัวเองดีๆซักทีนะพี่ปั้น ต้าร์น่าจะรออยู่ หรือเปล่า :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.2 อัพ 11/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-01-2015 18:29:29
 :mew2:    อ่านตอนล่าสุดแล้วต้องบอกว่าแค่รักมันยังไม่พอจริงๆ
รักแล้วไงล่ะ ต้าร์เองก็ไม่พร้อมจะกลับไปรีเทริ์นเพราะไม่งั้นจะเป็นพวกง่ายเกิน
พี่ปั้นก็ยังไม่เข้าที่ สัญญาข้อตกลงปัญญาอ่อนของยีนส์ที่ยังสลัดไม่หลุด แล้วไงล่ะไม่เห็นอนาคตเลยที่จะกลับมาเป็นแฟนกัน
เป็นเพื่อนกันเถอะถ้าเป็นตอนนี้ก็ยังพอเป็นได้อยู่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #15.2 อัพ 11/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 12-01-2015 20:28:26

พี่ปั้นอ่อนไปไหม....คิดแต่จะหนี เคยรับความจริงตอนไหนบ้าง ตอบ!!!  :m31:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16.1
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 12-01-2015 22:17:46
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16.1

         
          ผมกับสมาชิกวง มาเช็คอินที่สนามบินเพื่อเดินทางไปภูเก็ตกันตั้งแต่เช้า เมื่อไปถึงที่นั่งรอผู้โดยสาร ชินก็ลากผมไปนั่งที่ไกลๆ ชินคงมีอะไรจะพูดกับผม มันฮึดฮัดมาตั้งแต่เช้าแล้ว

          "เมื่อคืนมึงไปไหนมา เพิ่งกลับมาตอนเช้า ไปหาพี่ปั้นมาใช่ไหม"

          ผมถอนหายใจ ชินคงจะกร่นด่าผมอีกตามเคย

          "อืม... กูแค่สงสารเขา อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไง คอนเสิร์ตก็โดนยกเลิก แต่ไม่มีอะไร กูไม่มีอะไรกับเค้าแล้ว"

          "แล้วพี่ปั้นเป็นไงบ้างวะ" ชินถามด้วยความเป็นห่วงเหมือนกัน

          "ก็ไม่ค่อยดีว่ะ ฉุดกันลงเหว ทั้งพี่ปั้นพี่ยีนส์ แต่พี่ยีนส์หนักหน่อย กู่ไม่กลับ พี่ปั้นมันก็แค่ต้องทำใจหน่อย คือคนกำลังตกต่ำในอาชีพ ก็น่าสงสารนะเว้ย กูก็ไปคุยเป็นเพื่อน ไม่มีอะไร" 

          "แล้วพี่ปั้นเขาจะทำยังไงต่อวะ"
         
          "คือกูก็ไม่ได้ถามว่ะ เมื่อคืนพี่ปั้นมันก็เมา กูว่าเดี๋ยวกลับจากภูเก็ต ค่อยถามเขาอีกที ว่ามีอะไรให้กูช่วยไหม คือพี่ปั้นมันเป็นพวกอ่อนไหว มันฟื้นตัวช้า ต้องมีตัวกระตุ้น คือถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ แบบนี้ กูว่าอีกนาน กว่าจะออกมาทำอัลบั้มได้อีก"

          "แม่งโคตรอารมณ์ศิลปินเลย" ชินพูดลอยๆ

          "แล้วมึงล่ะ มึงจะกลับไปคืนดีกับเขาเหรอ" ชินถามผม น้ำเสียงดุๆ เหมือนไม่อยากให้ผมกลับไป

          "เขาไม่ได้ขอ" ผมตอบเสียงอ่อยๆ 

          "อ๋อ ถ้าเขาขอมึงก็ไม่ปฏิเสธล่ะสิ"

          คราวนี้ผมไม่ได้ตอบ นั่งมองปลายเท้าตัวเอง นึกน้อยใจนิดหน่อย ที่เขาไม่ได้ขอให้กลับไปคืนดีกัน ซึ่งในมโนของผม ผมคงจะทำเป็นปฏิเสธเล่นตัว แต่เขาก็ไม่ได้ขอ เสียใจด้วยนะต้าร์...ผมบอกกับตัวเอง

          ชินมองซ้ายมองขวา ก่อนจะพูดเสียงกระซิบ

          "มึงไปทำอะไรไอ้ศินะมันหรือเปล่าวะ"

          ผมหันขวับไปที่ชิน ชินรู้ได้อย่างไร หรือว่ามันมีกล้องวงจรปิดติดไว้ โดยที่ผมไม่รู้ตัว

          "กู ปะ...เปล่า" ผมปฏิเสธไว้ก่อน ก่อนจะหาคำพูดที่ดีกว่านี้

          "มึงไม่ต้องโกหกเลย ศินะมันบอกกูเอง"

          ฉิบหายละ ผมหันไปมองหน้าชิน ชินต้องด่าผมแน่

          "น้องนุ่งในวงมึงก็ไม่เว้น แล้วมันไม่ใช่เกย์ มึงไปทำให้มันเป็นเกย์ทำไม พวกเกย์เนี่ย พวกมึงหื่นกันมาก กูไม่น่าให้น้องไปนอนชั้นเดียวกับมึงเลย"

          ศินะเนี่ยนะ ไม่ใช่เกย์ การที่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะเป็นชายแท้ๆ นะเว้ย

          "มึง ชิน มึงฟังกูบ้างก่อนจะปรักปรำกู โอเค กูมีอะไรกับมันไป แค่ดูดจู๋ไปแ..." ชินรีบเอามือมาปิดปากผม อย่าให้ผมเสียงดังไปกว่านี้

          "มึงอย่ามาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าลูกกูเชียวนะ เดี๋ยวกูต่อย"

          "คือมึงเข้าใจเปล่าชิน แม่งมานุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว อ่อยกูทุกครั้งที่กูอาบน้ำ แต่กูยังไม่ได้ทำอะไรมาก กูทำมันเสียวไปสองที แค่เนี้ย ต้องเอาไปฟ้องมึงด้วย" ผมทำหน้าเสแสร้งว่าผมก็ซีเรียส และอยากฟ้องชินไปด้วย ไม่อยากให้ชินมันด่าผมคนเดียว

          "ก็กูบอกศินะ มันไปแล้ว ว่าให้เก็บเป็นความลับ มันจะมาบอกมึงทำไม กูไม่เข้าใจ" ผมเล่าต่อ ทำน้ำเสียงแกล้งฉุนเฉียว ตอนนี้คนผ่านไปมา หันมามองเรา ว่าเราคุยอะไรกัน ชินพยายามเอามือปิดปากผมไม่ให้พูดเสียงดัง

          "ก็เมื่อคืน มึงออกจากบ้านไปตอนดึก มันก็คงรู้ละ ว่ามึงไปหาพี่ปั้นแน่ มันก็คงเสียใจ กูเลยถามมัน มันเลยเล่าว่ามันชอบมึง...แล้วก็เคยอื้มอึ้มกันด้วย"

          อื้มอึ้ม อะไรของชิน สงสัยเป็นระหัสมอสภาษาใหม่ของมัน

          "มึงจะเอาไงวะ จะกลับไปคืนดีกับพี่ปั้นที่เขาไม่ได้ขอให้คืนดีด้วย คนที่ทำมึงช้ำใจมาตั้งกี่ครั้ง หรือกับศินะคนที่เค้าบอกว่ารักมึง"

          ถึงตอนนี้ ผมก็เข้าไปกอดชินไว้แน่น ชินคงรับรู้ได้ แม้แต่ศินะ ที่นั่งเฝ้ามองเราคุยกันอยู่ไกลๆ ก็คงเดาได้เช่นกัน

          "มึงยังรักพี่ปั้นใช่ไหม" ชินถามผม

          ผมพยักหน้า ทั้งที่ผมยังซบที่ไหล่มันอยู่

          ชินพูดว่าศินะรักผม ใช่ว่าพี่ปั้นเขาจะไม่รักผมนะ ขนาดรักกัน มันก็ยังไปกันไม่รอด บางทีความรักมันอาจจะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จะทำให้คนสมหวังหรือครองคู่กันไปนานแสนนาน

          ชินผลักตัวผมออกจากอกมันเบาๆ มองหน้าผม เหมือนนึกอะไรได้

          "นี่! ที่มึงไปมีอะไรกับศินะ นี่เป็นแผนของมึงใช่ไหม จะได้เป็นข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวให้ตัวมึงเอง มึงจะได้มีข้ออ้างในการให้อภัยพี่ปั้นที่เขานอกใจมึง เพราะมึงก็ไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน แผนสูงนะเนี่ย" ชินเอานิ้วจิ้มมาที่หน้าผากผม

          "กูไม่ได้คิดขนาดนั้น" ผมพูดเลี่ยงๆ "กูจะไปบอกศินะเอง ถึงกูจะไม่ได้กลับไปคืนดีกับพี่ปั้น แต่กูก็ไม่ได้รักมันอยู่ดี"

          ผมนึกถึงตัวเองที่ไปหลงรักพี่ปั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับศินะตอนนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกของเขาดี ผมจะพูดกับเขาอย่างไรดีให้เขาเสียใจน้อยที่สุด 

         
          แล้วผมก็หาโอกาสคุยกับศินะ ผมบอกเขาว่าไม่ต้องรอผม จะทำให้เขาเสียใจเปล่าๆ เพราะยังไงผมก็ถอนตัวจากพี่ปั้นไม่ขึ้นแน่ๆ


          ระหว่างที่ผมทัวร์อยู่แถวภาคใต้ ชินเข้ามาที่ห้องผม มันเหมือนเป็นภาพเดจาวู ถ้าชินมาปลุกผมแต่เช้า หมายถึง

          มีเรื่องแล้ว ชินยื่นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งให้ผมดู 

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16.2 จบบริบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 12-01-2015 23:28:04
(ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16.2 จบบริบูรณ์


          มีข่าวใหญ่อีกแล้ว วงอาฟเตอร์ช็อก โดนตำรวจบุกจับปาร์ตี้ยาไอซ์ถึงที่คอนโดฯหรู ย่านใจกลางเมือง มันเป็นภาพตำรวจกำลังจับพี่ยีนส์ที่สวมกุญแจมืออยู่ กำลังเอามือปิดหน้าไว้ กับหญิงและชายอีกสามถึงสี่คน ที่ผมไม่รู้จัก

          แต่ผมไม่เห็นพี่ปั้น

          "มึงอ่านข่าวหรือยังวะ มีพี่ปั้นไหม" ผมรีบถาม เพราะพาดหัวข่าว มีชื่อวงอาฟเตอร์ช็อก แต่ไม่มีพี่ปั้น แต่คอนโดฯที่ว่านี้ ใช่มันเป็นคอนโดฯของพี่ปั้น

          "กูอ่านข่าวด้านใน บอกว่าคอนโดฯ เนี้ยเป็นของปั้น แต่เจ้าของบ้านไม่อยู่" ชินเล่าข่าวให้ผมฟัง

          "แต่ข่าวมันลงชื่อวงไปแล้วไง เชี้ยไหม คือพี่ยีนส์มันก็ไม่ใช่อาฟเตอร์ช็อก คนในรูปคนอื่นก็ไม่ใช่ ชื่อวงแม่งก็ป่นปี้หมด ค่ายแม่งเล่นพี่ปั้นแน่นอน"

          ผมพูดจบ ก็มองหามือถือ ผมรีบโทรหาพี่ปั้น แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ

          "พี่ปั้นมึงก็ปิดมือถือหนีไปแล้วสิ เขาจะรอให้ตำรวจกับนักข่าวโทรหาอยู่เหรอ" ชินทักขึ้นมา

          "เออจริง... เอาไงดีวะ กูแค่อยากรู้ว่าเขาโอเคไหม เขาจะไปไหนได้มั่งวะ" ผมรำพึงรำพันกับชิน

          "ไปบ้านที่ประจวบหรือเปล่า..." ชินยังจำบ้านที่ประจวบได้

          "กูว่าไม่ พี่ปั้นมันระวังตัวไปแล้วจากเรื่องคราวก่อน ประจวบไม่ปลอดภัยแน่นอน" ผมยังคงครุ่นคิด ตอนนี้ผมคิดในแง่ดีที่สุด ผมว่าเขาน่าจะกลับไปหาครอบครัวของเขา

          เมื่อผ่านไปสองสามวัน ข่าวเรื่องพี่ยีนส์โดนจับ หายไปจากกระแสอย่างรวดเร็ว ผมได้ข่าวมาจากเด็กวง  มีเรื่องเม้าท์กันว่า พี่ยีนส์เป็นลูกชายตะกูลนายตำรวจใหญ่ มีอิทธิพลทางการเมืองด้วย ข่าวจึงปิดไวมาก

          สามวันมาแล้วผมก็ยังโทรหาพี่ปั้นไม่ได้ ใจผมเริ่มร้อนรนเหมือนกัน พี่ปั้นทำแบบนี้อีกแล้ว ชอบทิ้งความทุกข์ไว้กับผมแบบนี้ ทำให้ผมต้องกังวล กระวนกระวายใจ จนไม่เป็นอันทำงาน

          ผมจะโทรหาใครดี พี่เก๋หรือพี่เนเน่ แต่ผมเลือกโทรหาลุงสงวน ยามประจำคอนโดฯพี่ปั้น ผมแค่อยากรู้ว่าวันเกิดเหตุ พี่ปั้นอยู่ที่ไหน กลับมาที่คอนโดฯ แล้วไปไหน เอารถไปด้วยหรือเปล่า

          ผมโทรไปหาลุงสงวนที่โทรศัพท์ประจำโต๊ะของแก แล้วแนะนำว่าผมชื่อต้าร์ที่เป็นเพื่อนพี่ปั้น ลุงสงวนบอกว่าจำผมได้ ผมก็เลยจะถามเรื่องพี่ปั้น แต่แกเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้หน่อยหนึ่งว่า ผมอาจจะเป็นนักข่าวปลอมตัวมา เพื่อหลอกถามแกเรื่องพี่ปั้น แกเลยทดสอบผม ว่าผมคือต้าร์ตัวจริงใช่ไหม

          "คุณต้าร์จริงๆ เหรอ"

          "ใช่ครับ"

          "ลุงถามอะไรหน่อย ถ้าเป็นคุณต้าร์จริงๆ วันที่เราไปหยิบโปสการ์ดที่ตู้จดหมาย ลุงทักรูปอันนึงไป เป็นรูปที่ลุงรู้จักแต่จำชื่อไม่ได้ คุณต้าร์เลยบอกผมว่ามันชื่ออะไร..."

          "หอไอเฟลครับ" ผมตอบแบบเฟิร์มมาก

          "แล้วคำลงท้ายจดหมาย ที่คุณต้าร์ยื่นให้ลุงดู คุณปั้นเขียนว่าอะไร" ลุงสงวนยังคงเล่นเกมต่อ

          "เขียนว่า 'รักต้าร์' ครับ" อันนี้ผมตอบเสียงแผ่วเบา รู้สึกละอายปากนิดหน่อย

          ลุงสงวนเหมือนไขปริศนาได้ แกเชื่อแล้วว่าเป็นผม แกเลยบอกให้ผมโทรหาแกที่มือถือแก เพราะกลัวคนแอบฟัง ลึกลับดีแท้

          ผมก็แค่อยากถามว่า ลุงจำได้ไหม ว่าวันนั้นพี่ปั้นอยู่คอนโดฯหรือเปล่า

          "วันนั้นคุณปั้นอยู่คอนโดฯ ตอนค่ำๆ แล้ว ลุงเห็นแกคงออกไปหาอะไรกิน เห็นถือของกินมาด้วย คงไปร้านฝั่งตรงข้าม ลุงยังทักแกเลย ปกติลุงไม่ค่อยเห็นแกนะ พอดีวันนั้นลุงเข้าเวรเย็นพอดี สักพักเกือบเที่ยงคืน ก็เห็นคุณยีนส์ใช่ไหม เพื่อนคุณปั้น พาเพื่อนมาสี่ห้าคน ขึ้นคอนโดฯกันไป เสียงดังโหวกเหวกเลย สักพักลุงดูจากกล้องวงจรปิด คุณปั้นแต่งตัวแล้วขับรถออกไป"

          ผมใจชื้น ว่าพี่ปั้นไม่ได้เป็นอะไรแน่ๆ แต่ลุงยังเล่าไม่จบ

          "สักพัก ก็มีเสียงลึกลับ โทรมาบอกลุงว่า ห้องเลขที่นี้ เสียงดังมาก ให้ลุงขึ้นไปเตือนหน่อย ไม่งั้นเขาจะเรียกตำรวจ ลุงก็เลยขึ้นไปเคาะประตู ก็มีคุณยีนส์เดินมาเปิด ลุงก็บอกไปว่าเพื่อนบ้านบอกว่าเสียงดังให้ลดเสียงหน่อย เพื่อนๆ เขาก็หัวเราะกันใหญ่ เปิดเพลงเสียงดังขึ้นอีก ลุงเลยเดินลงมา โอ้ย! พอสักพักเท่านั้นแหละ ตำรวจมาเต็มเลย"

          มันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ พอมีเสียงดัง เพื่อนบ้านก็เรียกตำรวจเป็นปกติ แต่ที่ผิดปกติคือ ถ้าไม่ได้เป็นดารานักร้อง ตำรวจจะสนใจหรือ หรือคนที่แจ้งไปรู้ว่าห้องนี้คือห้องของปั้น อาฟเตอร์ช็อก แต่อย่างน้อย ผมก็สบายใจไปได้เปราะหนึ่ง ว่าพี่ปั้นน่าจะปลอดภัย

          วันที่เจ็ดผ่านไป ผมก็เฝ้ากดมือถือโทรหาพี่ปั้นทุกวัน ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ปั้นแล้ว ตอนที่พยายามโทรหาผมเป็นร้อยมิสคอลล์ จากที่กระวนกระวายใจด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นโมโห ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่คิดบ้างเหรอว่าคนอื่นเขาเป็นห่วง ตอนนี้ผมคิดไปไกลกว่านั้น พี่ปั้นยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม ผมเริ่มมโนไปไกล ว่าแกอาจจะเมาจมน้ำอยู่ที่ไหนสักที่ ผมเริ่มคิดการตายสารพัดแบบ ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่

          แต่แล้ว เหมือนสวรรค์มาโปรด เป็นครั้งแรกที่ผมรักสายเรียกเข้าเบอร์นี้มาก พี่เก๋นั่นเอง ถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ พี่เก๋คงไม่กล้าโทรหาผม เอ๊ะ! หรือว่ามันจะเลวร้ายจริงๆ วะ

          "ต้าร์เหรอ เจอพี่ปั้นมั่งหรือเปล่า"

          "ไม่เลยครับ โทรไปก็ไม่รับสาย"

          "เอ้า นี่ฉันก็คิดว่าแกเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้วนะ ก็แกเป็นแฟนพี่ปั้นไม่ใช่เหรอ"

          "อืม...เลิกกันตั้งนานแล้วครับ" ผมตอบเสียงราบเรียบ พี่เก๋ไปอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่รู้เรื่องนี้ ไม่รู้เรื่องพี่ปั้นกับพี่ยีนส์ คู่จิ้นของแฟนคลับได้ยังไง

          "ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ก็ปั้นเขายังให้พี่ ไปโอนรถเป็นชื่อต้าร์...เอ่อ...คือ...ไม่มีอะไรพี่คงเข้าใจผิด" พี่เก๋เหมือนเข้าใจอะไรผิด เลยหยุดพูดไป ผมไม่รู้พี่เก๋จะมามุกไหนอีก

          ตอนเราเป็นแฟนกันก็ไม่เคยประกาศให้ใครรู้ ตอนเราเลิกกัน ต้องบอกใครด้วยเหรอ

          "พี่เช็คทุกที่ที่เขาไปแล้วใช่ไหม คือผมว่าเขาคงไม่ได้ไปบ้านที่ประจวบแน่นอน มีที่เดียวที่ผมไม่รู้จัก คือครอบครัวเขา พี่โทรเช็คก่อนดีไหม" ผมแนะนำพี่เก๋เท่าที่ทำได้

          "เอาจริงนะแก พี่ก็ไม่รู้จักครอบครัวเขาหรอก ปั้นมันเก็บเงียบเรื่องส่วนตัวจะตาย"

          "ถามพี่ยีนส์หรือยัง พี่ยีนส์เป็นไงบ้าง" ผมแสร้งถามไปอย่างนั้น เพราะจริงๆ ก็อยากรู้เรื่องพี่ยีนส์เหมือนกัน

          "โอ้ย! ยีนส์หนักกว่าปั้นอีก วันที่คนที่บ้านเขาไปพาออกมาจากโรงพักนะ ยังกับกองกำลังอะไรสักอย่าง พี่เข้าไม่ถึงตัวเลยอ่ะ แถมยังโดนขู่อีก เรื่องข่าวเรื่องอะไร ให้ปิดให้เรียบ บอดี้การ์ดเสื้อดำอย่างโหด พี่นี่สงสารยีนส์เลย กลับไปบ้านก็คงเหมือนไปติดคุกอยู่ดี" พี่เก๋เล่าเหมือนอยากระบายให้ใครสักคนฟังมากกว่า

          ผมก็เริ่มสงสารพี่ยีนส์เหมือนกัน ไม่รู้เขาต้องเจออะไรบ้าง แต่เท่าที่ฟัง บ้านพี่ยีนส์คงน่ากลัวสุดๆ มิน่าแกถึงไม่ยอมกลับบ้าน ต้องมาอาศัยอยู่กับพี่ปั้น พี่ยีนส์คงต้องหาทางไปอยู่เมืองนอกอีกครั้งเร็วๆ นี้แน่     

          "เนี่ยพี่ก็เช็คทุกอย่างแล้ว ก็ปกตินะ ไม่มีข่าวเข้าโรงพยาบาล หรือสถานีตำรวจ ไม่มีแจ้งเหตุรถชนหรืออะไร" ผมฟังพี่เก๋แล้ว ก็สบายใจได้นิดนึง

          "ไปเมืองนอกหรือเปล่าครับ พี่เช็คดูหรือยัง"

          "เช็คหมดแล้ว พี่อ่ะใช้วงในสุดๆ ชื่อนี้ยังไม่ผ่านตอมอแน่ๆ"

          คนๆ เดียว ทำไมชอบให้คนอื่นเขาตามหา มันสนุกนักใช่ไหม หนีๆ มีแต่หนีๆ มันหนีไม่ได้ตลอดหรอก ผมอยากบอกพี่ปั้น   

          แต่แล้วผมก็ฉลาดขึ้นมาในบัดดล ผมบอกพี่เก๋ว่า ถ้าแกวงในสุดๆ แกก็ต้องตรวจสอบได้ว่า พี่ปั้นกดเงินสดหรือรูดบัตรเครดิตที่ไหนไปบ้าง อาจจะจ่ายเป็นค่าโรงแรมที่แกพักก็ได้ ผมคิดว่าซุปตาร์ของผม แกปลอมตัวไม่เนียน อาจจะได้เบาะแสอะไรบ้าง 

          พี่เก๋เลยถึงบางอ้อ แล้วเลยบอกผมว่าจะไปตรวจเช็คดู อีกสองวันน่าจะรู้ผล

         
          ยังไม่ถึงสองวันดี พี่เก๋ก็โทรหาผมด้วยความร้อนรน ดีเหมือนกัน ผมก็ร้อนใจ

          "นี่แกต้าร์ ฉันไปตรวจดูแล้วนะ มีการกดเงินสดจริงๆ ด้วยเว้ย ตั้งแต่เมื่อวันที่สิบห้า ก็เมื่อห้าวันก่อน ที่ตู้เอทีเอ็มในปั๊มบางจากชื่อ บางจากพญาเสือ แกรู้จักไหมวะ มันอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยวะ นี่ๆ แล้วมีอีกนะ ไปใช้บัตรเครดิตซื้อของที่ร้านจิวเวอรรี่ ชื่อร้านสีฟ้า ชื่อยังกับร้านอาหาร แต่ซื้อไปไม่เยอะมากนะ ไม่กี่หมื่น"

          "ไม่กี่หมื่น! โดนแฮ็กบัตรแล้ว พี่ปั้นมันไม่เข้าหรอกร้านจิวเวอร์รี่ พี่สั่งระงับบัตรไปหรือยัง" ผมพูดเสียงเกือบเหมือนตะโกน

          "สั่งระงับแล้วเว่ย แกไม่ต้องตื่นเต้นไป เงินมันยังไม่ได้จ่ายออกไป คือตอนนี้พี่ก็รีบโทรมาหาแก ไอ้ชื่อร้านจิวเวอร์รี่สีฟ้า อะไรนั่น พี่ลองมาเซิร์ท มันมีตั้งหลายสาขาทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ก็กำลังเช็คให้อยู่"

          ตอนนี้ผมกระวนกระวายใจ เพราะคิดว่าพี่ปั้นอาจจะโดนปล้น หรือแค่ทำกระเป๋าเงินหาย แล้วจะเป็นอะไรไหม พี่เก๋ก็รีบวางสายไปก่อน เพราะต้องไปติดตามสืบอีกหลายเรื่อง

          ผมเลยต้องมาอารมณ์หงุดหงิด งุ่นง่านเหมือนหนูติดจั่น ชินเห็นผมผิดสังเกตจนต้องเดินมาถาม ผมเล่าให้ชินฟัง เรื่องที่ผมคุยกับพี่เก๋

          "ปั๊มน้ำมันบางจากพญาเสือ ก็ตรงถนนพญาเสือไงมึง ใช่เปล่าวะ มึงจำได้ไหม ตรงนั้นมีปั๊มอยู่ทางซ้าย ใกล้ๆ ร้านข้าวมันไก่อ่ะ ปั๊มเดียวกันเปล่าวะ" ที่ชินพูดมันคือถนนพญาเสือในตัวจังหวัดพิษณุโลก แต่ก็เหมือนไม่แน่ใจเหมือนกัน ส่วนผมก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา มันอยู่ในจังหวัดบ้านเกิดผมเองแท้ๆ ทำไมอยู่ดีๆ ผมก็เกิดจำไม่ได้

          "แล้วมันมีร้านจิวเวอร์รี่ชื่อสีฟ้า อะไรนั่นหรือเปล่าวะ" ผมลองถามชินดูเผื่อมันนึกอะไรออก แล้วเราก็ไปถามมะปราง เพราะเป็นผู้หญิงน่าจะรู้ดีกว่าเรา แจ็กพ็อตครับ มะปรางรู้จักร้านนี้ เพราะอยู่แถวใกล้ๆ ห้างเซ็นทรัลพิษณุโลก

          ผมเริ่มจับเส้นทางได้ว่า ถ้าโจรมันขโมยของไป มันต้องอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก แล้วพี่ปั้นไปทำไมที่พิษณุโลก หรือว่าขโมยที่กรุงเทพฯ แล้วไปใช้ที่พิษณุโลก ผมยังไม่ได้โทรหาพี่เก๋ ผมกำลังครุ่นคิด

          หรือพี่ปั้นไปสิงอยู่ที่พิษณุโลก...

          "แม่กูโทรหามึงมั่งเปล่าวะช่วงนี้" ผมถามชิน เมื่อนึกอะไรได้บางอย่าง

          "จะโทรหากูทำไม ก็มึงเปิดมือถือแล้ว"

          "แม่ก็ไม่โทรหากูนานแล้วเหมือนกันว่ะ" ว่าแล้วผมก็รีบหยิบมือถือโทรหาแม่ทันที

          เมื่อผมถามสารทุกข์สุขดิบแม่เรียบร้อย ผมก็เรียบๆ เคียงๆ ถามเรื่องพี่ปั้น แบบไม่ให้แม่ตกใจ

          "ช่วงนี้มีใครแปลกๆ หน้าไปหาแม่บ้างไหม" แม่ตอบว่าไม่มี

          "แม่จำพี่ปั้นได้ไหม ที่เป็นนักดนตรีเหมือนผมอ่ะ แม่จำหน้าเขาได้ไหม เขาไปหาแม่บ้างไหม" แม่ตอบปฏิเสธสั้นๆ โดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ แบบว่าผิดวิสัยแม่มาก ปกติต้องซักต้องถามว่ามีเรื่องอะไร

          "แม่บอกผมมาเถอะ พี่ปั้นหายตัวไปหลายวัน ต้นสังกัดเขาตามหากันให้วุ่น" แม่ยังคงเงียบ

          "แม่ไม่ต้องพูดอะไรมากก็ได้ บอกหน่อยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ครบสามสิบสองส่วนไหม ถ้าแม่ไม่อยากพูดอะไร ถ้าพี่ปั้นอยู่กับแม่ ให้แม่พูดคำว่า ‘สบายดี’ ถ้าไม่อยู่ก็พูดมาเลยว่าไม่อยู่ จะเงียบทำไม" ผมเริ่มเล่นเกมสืบสวน แม่อาจจะไม่กล้าพูด ถ้าพี่ปั้นนั่งอยู่แถวนั้น

          "แม่สบายดี"

          แม่ตอบมาคำเดียว ผมหัวโล่งเลยทีเดียว เบ้าตาอุ่นๆ เหมือนน้ำตาจะไหล แล้วผมก็ยิ้มออกมาได้

          ไอ้พี่ปั้น! กูอยากต่อยมึง... 

          "มีอะไรวะ" ชินถามเมื่อเห็นผมวางสายจากแม่

          "กูสังหรณ์ว่าพี่ปั้นไปหาแม่กูว่ะ แต่แม่กูไม่ยอมบอกกู"

          "พี่ปั้นรู้จักแม่มึงด้วยเหรอ"

          "อืม...เคยพาไปกินข้าวครั้งนึง"


          ผมก็เลยคิดอะไรได้ ช่วงนี้เราได้พักสามวัน ผมเลยชวนชิน มะปราง และน้องๆ อีกสองคนไปพิษณุโลกกัน ใช่ผมอยากไปหาพี่ปั้น แต่ตอนนี้ทุกคนก็ต่างอยากกลับไปเยี่ยมบ้าน แล้วเราก็นั่งรถตู้ไปพิษณุโลกกัน

          ระหว่างนี้ผมเลยโทรหาพี่เก๋ เพื่อไม่ให้พี่เก๋เป็นห่วง ว่าพี่ปั้นน่าจะอยู่ที่พิษณุโลก ให้พี่เก๋จัดการเรื่องต่างๆ ที่ทำค้างไว้ แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าพี่เก๋จะมาเป็นธุระตามหาพี่ปั้นทำไม ในเมื่อต้นสังกัด คงฉีกสัญญาพี่ปั้นทิ้งแล้วคราวนี้

          "พี่กับปั้นคบกันมานาน ปั้นมันไว้ใจพี่ทุกอย่าง เรื่องเงินทอง เรื่องเอกสาร สัญญาพวกนี้ มันไม่ดูเลย อยู่ที่พี่หมดแหละ ถึงปั้นจะไม่ได้เป็นศิลปินในสังกัดแล้ว พี่ว่าพี่ก็ดูแลปั้นต่อไปนะ ว่าแต่แกเถอะต้าร์ แกจะกลับไปคืนดีกับปั้นไหม"

          "ไม่รู้สิครับ คงเป็นเพื่อนกันมั้ง..." เป็นเพื่อนกันก็ดี อย่างน้อยเพื่อนก็ไม่เคยนอกใจเพื่อน
 
          เมื่อมาถึงพิษณุโลก ผมให้รถตู้ไปส่งผมก่อน รถมาจอดหน้าบ้านร้านขายของชำเล็กๆ ภาพที่ผมเห็น คือผู้ชายผิวขาวๆ ใส่เสื้อยืดคอกลมธรรมดาๆ กางเกงสั้นแค่เข่า รองเท้าแตะหนีบ กำลังหยิบนมกล่องจากในตู้แช่ให้ลูกค้าตัวน้อยที่ยืนชี้ๆ อยู่

          พี่ปั้น

          คราวนี้ปลอมตัวเนียนใช้ได้ ผมยืนจ้องอยู่นานจนเขาขายของให้เด็กน้อยเสร็จแล้ว เขาควรจะเห็นผม พอพี่ปั้นเห็นผม เขาก็เดินมาหาผม แต่ผมสิ เดินเข้าไปเอามือกระแทกหน้าอกเขาจนล้มลงไป ผมนั่งคร่อมตัวเขาอยู่ กดไหล่เขาไว้กับพื้น แล้วผมก็เงื้อกำปั้นขึ้น แม่รีบตะโกนห้าม ชินกับน้องๆ จะเข้ามาห้าม แต่มันก็ให้น้องๆ หยุด เหมือนอยากให้เราเคลียร์กันเอง 

          แม่เดินมาจับข้อมือผมไว้  "ต้าร์จะไปทำพี่เขาทำไม"
 
          ผมไม่ได้ตอบอะไร พยายามดึงข้อมือให้หลุดจากแม่ แม่แรงน้อยกว่าผม จึงยื้อไว้ไม่ไหว แล้วผมก็ปล่อยหมัดไปที่พี่ปั้นหนึ่งดอก คราวนี้ชินมันเห็นท่าไม่ดี เลยเข้ามาห้ามผม มะปรางมาช่วยประคองแม่ไว้

          ผมสะบัดตัวให้หลุดจากมือชิน บอกมันว่า ให้พาแม่ไปในบ้าน ผมขอคุยกับพี่ปั้นก่อน

          แล้วผมก็กระชากคอเสื้อพี่ปั้น ให้ลุกขึ้นมานั่ง ผมมองหน้าเขาแล้วผมก็ร้องไห้ แล้วผมก็ตีๆ ไปที่ตัวเขาเหมือนเด็กๆ ที่ไม่ได้ดั่งใจ พี่ปั้นพยายามโน้มคอผมไปกอดเอาไว้ แต่ผมยังขัดขืน แล้วพูดเสียงเครียดใส่หน้าเขา

          "ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย สัญญาว่าจะไม่หายหัวไป เคยทำได้สักครั้งไหม รู้บ้างไหมว่าคนเขาเป็นห่วง...โคตรน่าเบื่อเลย...จะอยู่กันแบบคนปกติบ้างไม่ได้หรือไง แว่บไปแว่บมา แม่งยังกับผี คนเขาก็ต้องทำงานทำการ ต้องมาวุ่นวายใจกับเรื่องพี่เนี่ยทุกวี่ทุกวัน จะต้องให้เสียใจกี่ครั้งกัน ถึงจะสะใจ"

          หรือจะเป็นผมเองต่างหาก ที่ชอบตามหาเขา ไม่ยอมตัดใจจากเขา แม้ว่าเราจะเลิกกันแล้ว แต่ผมคิดว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายผมไปแล้ว เขาหายตัวไป ก็เหมือนร่างกายส่วนหนึ่งของผมมันขาดหายไปด้วย

          "จำไว้เลยนะ ถ้าคราวนี้หายไปอีก ก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกเลย ผมจะไม่ตามหาพี่อีกแล้ว พี่จะไม่ได้เห็นหน้าผมตลอดไป"

          ผมยังนั่งคร่อมที่ตัวพี่ปั้น พูดไป สะอื้นไป ปาดน้ำตาไป

          พี่ปั้นคิ้วขมวดมองหน้าผม เอามือมาประคองแก้มผมไว้

       
          "เราแต่งงานกันไหมต้าร์..."


          คราวนี้พี่ปั้นพูดน้ำเสียงจริงจัง ไม่ใช่ลอยๆ เหมือนทุกครั้งที่เขาขอให้ผมไปอยู่ด้วย แล้วผมก็ปล่อยโฮแบบไม่อายใคร ซบไปที่ไหล่เขา พี่ปั้นเอามือลูบหลังผม ให้ผมหยุดร้องไห้ ผมลงไปนั่งชันเข่า เรานั่งหันหน้าเข้าหากัน

          พี่ปั้นจับแขนผมไว้ พูดเสียงเบา เหมือนให้เราได้ยินกันเพียงสองคน

          "ผมตัดสินใจอยู่นาน ผมรู้ว่าคุณชอบความโหยหา ผมรู้ว่าคุณชอบให้มีที่ว่างระหว่างเราบ้าง ผมเลยไม่มั่นใจทุกครั้งที่ผมขอให้คุณมาอยู่ด้วย ว่าผมจะเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า การงานของต้าร์ก็กำลังไปได้ดี ส่วนผมมันคนตกงาน แต่มันไม่ไหวแล้วนะต้าร์ ผมไม่อยากต้องรอคุณ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวโดยไม่มีคุณ อยากตื่นเช้ามาเจอคุณ ไม่อยากรอจนแก่"

          พี่ปั้นหยิบสร้อยคอที่คล้องแหวนไว้สองวง เขาเอาออกมาวงหนึ่งยื่นให้ผม

          "อ่ะ เอาไปใส่เอง ไม่ใส่ให้ ไม่ได้บังคับ ตัดสินใจเอง"

          ผมมองดูแหวน มันเป็นแหวนสีออกเงินเกลี้ยงๆ มีสลักหลัง ‘You're a Part of Me’ เราไม่ได้เตี๊ยมกันมา แต่เมื่อครู่ผมยังคิดถึงพี่ปั้นว่า เขาเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม ของร่างกายผม เราเข้ากันได้ดี แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน แม้ว่าเราจะห่างกันบ้าง แต่เราก็มีแรงดึงดูดกลับมาหากันเสมอ ผมยังนั่งดูแหวนอยู่ น้ำตาผมหยุดไหลแล้ว 

          "ผมบอกแม่คุณแล้ว ผมมาขอโทษที่ไม่ได้ดูแลคุณเหมือนที่รับปาก แต่ผมก็รับปากไปอีกครั้ง ว่าคราวนี้ผมจะทำให้ดีกว่าเดิม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดีกว่าเดิมไหม" พี่ปั้นเสียงอ่อยไปหน่อยหนึ่ง เหมือนไม่มั่นใจ

          "เราจะดูแลกันและกัน ก็แล้วกันนะ ให้ใครคนใดคนหนึ่งดูแลอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ไหวหรอก"

          ผมจับมือพี่ปั้นไว้ เหมือนเป็นการให้คำมั่นสัญญากลายๆ

          แล้วผมก็เอาแหวนมาใส่ แล้วเอาอีกวงมาใส่ให้เขา แล้วก็จูบเขาที่หน้าผาก

          "I Love You..."


------------------------

          ตาผมถูกปิดเอาไว้ ระหว่างนั่งรถมากับพี่ปั้น เพื่อจะไปที่ไหนสักแห่ง

          "ถึงยัง ถึงยัง อึดอัด ไม่ต้องเซอร์ไพร์มากก็ได้"

          "แป๊บเดียว เฮ้ย! อย่าทำให้ต้องเสียกำลังใจดิ"

          ผมเลยต้องหุบปากสนิท เลิกโวยวาย เอามือคลำๆ ไปลูบๆ หัวเขาไว้ ไม่ให้โกรธที่ผมพูดไม่ดี

          "ขึ้นลานจอดรถใช่ไหม" ผมรู้สึกถึงทางลาดเอียง แล้วสักพักพี่ปั้นก็จอดรถ ประคองผมลงจากรถ เดินจูงมือผมไปขึ้นลิฟท์ ผมรู้สึกว่าลิฟท์มันขึ้นไปนานมาก จนต้องถามคำถามแบบเด็กบ้านนอก

          "พาผมไปกินข้าวที่ตึกใบหยกเหรอ" พี่ปั้นเอามือเคาะหัวผมเบาๆ

          มาถึงชั้นที่เราต้องลง พี่ปั้นเดินจูงผมไป มีเสียงกุญแจที่มือพี่ปั้น หรือว่าเขาจะมาเปิดโรงแรมนอนกับผม ผมก็คิดเรื่อยเปื่อย พี่ปั้นเปิดประตูอะไรสักอย่าง ผมก็ยังคิดว่ามันต้องเป็นห้องในโรงแรมหรือห้องอะไร

          พี่ปั้นดันผมให้ไปยืนตรงจุดนึง แล้วเขายืนอยู่หลังผม แล้วเปิดตาผม...

          ...ตรงหน้าผมมันคือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากมุมสูง แสงไฟยามค่ำสะท้อนน้ำ ยังสวยเหมือนทุกครั้ง เหมือนที่เราเคยไปชื่นชมที่แมนชั่นของพี่ธีร์ พี่ปั้นให้ผมชื่นชมวิวและปรับสายตาสักครู่ แล้วเขาก็เดินไปเปิดไฟ

          ผมหันหลังไปดู มันไม่ใช่โรงแรมอย่างที่ผมคิด มันคือคอนโดฯมิเนียมหลังใหม่เอี่ยม ตกแต่งอย่างเรียบง่าย สะอาดตา ใหญ่กว่าคอนโดฯหลังเดิมของพี่ปั้น ผมมองดู เหมือนมันมีสองห้องนอน มีพื้นที่นั่งเล่น ห้องครัวใหญ่กว่าเดิม และมีระเบียงเล็กๆ ไว้นั่งชมวิว

          พี่ปั้นยื่นกุญแจให้ผมชุดหนึ่ง "อือ เอาไป มาอยู่ด้วยกัน" ผมหยิบมาแล้วยิ้มเขินๆ

          "ซื้อใหม่เหรอ แพงมากสิ"

          "อืม..."

          "ซื้อทำไม เสียดายตังค์ จะให้พูดแบบชวนอ้วกไหม ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีพี่อยู่ด้วย ซื้อทำไม คิดสิคิด" ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากเขาเบาๆ

          "เคยทำอะไรถูกใจบ้างไหมเนี่ย ทั้งโดนตบแล้วยังโดนต่อยอีก"

          ตอนนี้ผมเลยขำก๊ากออกมาได้ ผมเลยโผไปกอดเขาไว้    

          "ขอบคุณสักคำก็ไม่มี..." พี่ปั้นยังบ่นไม่เลิก ผมเลยจูบเขาเพื่อให้เขาเลิกบ่น

          "ขอบคุณครับ" ผมพูดเสียงล้อเลียน

          ไม่ใช่ข้าวของเหล่านี้

          ขอบคุณที่เลือกผม...

          ขอบคุณที่รักผม...

          "ทำอะไรก่อนดีอ่ะ อาบน้ำไหม" พี่ปั้นถาม แล้วเดินไปหยิบเทียนเน่าๆ อันเก่าของเรา ที่เขียนว่า Welcome Home มายื่นให้ผม

          ระหว่างที่เรากำลังแช่น้ำกันอย่างสบายอารมณ์และยังจูบกันไม่เลิก เสียงโทรศัพท์บ้าน ดังขึ้น

          "มีเสียงโทรศัพท์แบบนี้ด้วยเหรอ" ผมถามพี่ปั้น

          "โทรศัพท์ตอบรับ เก๋จัดการให้"

          ตึ้ดๆ เสียงเครื่องโทรศัพท์กำลังทำการบันทึกเสียง เสียงจากปลายสายดังขึ้น เป็นเสียงผู้หญิง

          "อัดได้กี่นาทีวะเนี่ย เอ้าๆ รีบพูด ปั้นพี่เอง พี่ไม่ได้โทรเข้ามือถือ ไม่อยากรบกวนแก แกคงกำลังสวีทหวานแหววกับต้าร์อยู่ ไม่รู้แกกลับจากพิษโลกหรือยัง พี่จะพูดเร็วๆนะ คอนโดเก่า พี่กำลังเคลียร์ของให้ แล้วเดี๋ยวจะขนย้ายมาให้ แล้วจะจัดการประกาศขายซะ เนเน่จะไปคลอดลูกที่อเมกา เลยจะขายบ้าน แล้วจะคืนเงินให้แกครึ่งนึง ถึงแกจะไม่เอา แต่เนเน่ก็ไม่อยากได้ ส่วนยีนส์หนีพ่อมันกลับไปลอนดอนสำเร็จละ ถ้าวันหลังแกรู้สึกอยากช่วยยีนส์หรือเสียดายพรสวรรค์ของมัน แกก็ให้มันทำเพลงมาจากอังกฤษเลย ไม่ต้องให้มันมาอยู่ด้วย เดี๋ยวก็โดนมันปล้ำอีก แล้วเรื่องงานไม่ต้องห่วง อายื่นคำขาดกับพี่ อาไม่ปล่อยแกให้ไปอยู่ค่ายของพ่อเราแน่ พี่ก็ลำบากใจ คนนึงก็อา คนนึงก็พ่อ พ่ออยากให้แกไปเป็นโปรดิวเซอร์ที่ค่ายมาก พ่อปลื้มมากที่แกยุให้พ่อไปเซ็นสัญญากับวงต้าร์ ตอนนี้ดังทะลุแตก ส่วนอานี่กริ้วมาก พี่นี่หลบหน้าแทบไม่ทัน ก็อาเป็นคนบอกให้พี่ต้องโกหกต้าร์ ตอนนั้นไม่ให้คบกับแก แล้วไงตอนนี้ ต้าร์มันดังละ เสียดายล่ะสิ ส่วนแม่สบายดี แม่อยากเห็นหน้าต้าร์ บอกว่าอยากเห็นลูกเขยว่ะ แหวะ! พี่เลยเอารูปต้าร์ตามกูเกิ้ลให้ดู บอกว่าไม่ได้ อยากเห็นตัวเป็นๆ ว่าไปนั่น แม่เพ้อเจ้อ วันๆ นั่งจิบแต่ไวน์ เออแค่นี้นะ เชิญสวีทหวานกันต่อไป ฉันขอไปมีลูกมีผัวบ้าง แค่นี้พ่อแม่ก็โทษเราจะแย่ละ จะไม่มีทายาทสืบสกุลกันเลยหรือไงพวกแกนี่ เครียดเลยเรา บาย รักน้องนะ พี่เก๋เอง... อุ๊ย! อัดได้ยาวเหมือนกันนะ เครื่องรุ่นใหม่..."

          เสียงวางโทรศัพท์ แค็กๆ

          ผมมองหน้าพี่ปั้น

          มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกบ้าง...ช่วยบอกที 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-01-2015 23:50:36
ตะหงิดๆ ว่าเจ้าของค่ายน่าจะเป็นพ่อพี่ปั้น แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย
แล้วจะมีตอนพิเศษ แบบ พาร์ทของพี่ยีนส์อะไรแบบนี้มั้ยนะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: boy2gether ที่ 13-01-2015 00:10:50
อ่านกันแล้ว ยังเกลียดพี่ปั้นกันอยู่ไหมคะ  :mew2: :mew2:


ตอนแรก เราจะให้พี่ปั้น แกพูดน้อยๆ มึนๆ ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่แกก็รักต้าร์นะ แต่ไม่ค่อยพูด ชอบปล่อยให้คนรอบข้างเค้าเตลิดไปเอง

เรื่องนี้มันเป็นมิติของต้าร์คนเดียว เลยทำให้เราไม่ได้บรรยายความรู้สึกของปั้น เลยทำให้ไม่เข้าใจปั้น มีแต่เราคนเขียนเข้าใจอยู่คนเดียว  :hao5:

ตอนที่ 15 เลยใส่บทให้ปั้นพูดในอ่างซะยาวยืด 555 ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่บุคลิกของปั้นอ่ะนะ แต่ไม่เป็นไร เพื่อความเคลียร์  :katai4:


เขียนแค่ภาค 2 จบแล้วนะคะ เพราะว่ากำลังทำโปรเจคเรื่องใหม่ละ ไม่งั้นมันจะวนเวียนคิดแต่เรื่องสองคนนี้

มีบางท่านเดาเรื่องถูกอีกแล้ว เขิล  :mew3: :mew3:



ทีนี้ อยากถามแบบซีเรียสนะคะ ว่าเรื่องราว มันพอได้ ไปวัดไปวาได้ไหม พอขายได้ไหม ต้องปรับปรุงอะไรบ้าง เนื้อเรื่องมันเดิมๆ เดาง่ายไปไหม  คือกำลังคิดว่าจะเขียนเรื่องต่อไปยังไงดี กำลังคิดว่าจะเขียนเล่นๆ เอามันส์ หรือจะจริงจังดี

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-01-2015 02:09:59
ถ้าไม่ใช่พวกงมงายแบบต้าร์นี่จะทนปั้นได้ไหมเนี่ย?

รู้สึกเลยว่าทั้งสองคนเป็นพวกอารมณ์เป็นใหญ่ รักแต่ละฝ่ายมากจนลืมๆ เหตุผลแบบ.... ทำเป็นไม่รับรู้กันเลย
นี่ก็คิดนะว่า คู่นี้เค้าหนีกันไม่รอดหรอก  แต่ก็ดีไปอย่างอย่าไปทำให้ชาวบ้านเค้ามีปัญหาเลยครับเพ่
สร้างปัญหากันเองสองคนก็ปวดหัวพอล่ะ

ส่วนยีนส์.... ตรูว่าอายุไม่ยืนแน่ นิสัย การใช้ชีวิต นี่คิดเลยนะว่าจะไปขวางตรีนใครแล้วโดนกระทืบเอา (- -"
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-01-2015 05:36:59
เราชอบที่สุดท้ายมัน แฮปปี้เอ็นดิ้ง นะคะ :กอด1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ :L2:
พี่ปั้นเขาก็น่ารักของเขาแหละ อารมณ์ศิลปิน แต่ดูแลต้าร์ดีๆนะ อาร์ทติสต์ตัวพ่อ :z1:
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ สนุกมากกก ถ้าไปอยู่ห้องนู้น(ห้องนิยาย) คงมีคนมาด่าพี่ปั้นอีกเยอะเลยเนอะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 13-01-2015 06:41:15

คนอ่อนแอสองคนมาเจอกันสินะ

ปั้น-คนอ่อนแอในแง่มุมของการใช้ชีวิต หนีปัญหา ไม่เผชิญหน้า ไม่อธิบาย

ต้าร์-คนอ่อนแอเริ่องความรัก ถ้ากรูรักคือยอมหมด ยอมทุกอย่าง ให้ผิดให้พลาดยังไงกรูพร้อมจะรักต่อไป พร้อมจะให้อภัยเสมอ

ว่าไปสองคนก็เหมาะสมกันนะ ต่อไปนี้ต้าร์ต้องรับบทเป็นช้างเท้าหน้าสินะ พี่ปั้นคงเป็นได้แค่ช้างเท้าหลัง แต่ไม่มีทางเป็นผู้นำได้ เพราะถ้าเอาเรื่องความเข้มแข็ง เหตุผลในการดำเนินชีวิตพี่ปั้นแมร่งอ่อนด๋อย ก้าวตามต้าร์แบบว่าง่ายไปดีดีก็คงไม่มีเรื่องพลาดอีก แต่อีพี่เก๋มาเฉลยและปูทางชีวิตให้ตอนท้ายนี่มันนิย๊าย นิยายอ่ะ  สู้สู้ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ โดยรวมเราว่าดีนะเรื่องนี้ โดยเฉพาะภาคแรกตัวละครดูมีมิติ จับต้องได้ ภาษาถึงแม้จะบรรยายง่ายๆ แอบทื่อบางครั้ง แต่ชวนติดตาม  เหตุการณ์มันมาหลวมตรงพี่ยีนส์เข้ามา คือจู่ๆ พี่ปั้นแมร่งก็กำกวมขึ้นมาซะงั้น แล้วมาบอกว่าไม่มีอะไรกัน แล้วทำไมไม่อธิบาย รักต้าร์แต่บอกเลิกคืออะไร ยอมพี่ยีนส์ทำไม  คือถ้าบอกว่ามีอะไรกันตั้งแต่ที่ปารีส คือ มันยังดูแบบเข้าใจนะ รับได้ แต่พอรู้ว่าไม่เคยมีอะไรกับพี่ยีนส์จนวันที่มีปาร์ตี้ แล้สก่อนหน้านั้นพี่ปั้นจะอ้ำอึ้งให้มีประเด็นทำไมฟระ.....ว๊าย เวิ่นยาวชักออกทะเล  เอาเป็นว่า รอติดตามผลงานแล้วกันค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 13-01-2015 09:33:57
โห วิจารณ์กันโหด

มาให้ความเห็นต่างบ้างละกันนะครับ
โดยส่วนตัวเราชอบนะโดยภาษาและเนื้อหา การดำเนินเรื่อง
อาจจะเป็นเพราะตัวเองก็ค่อนข้างติสต์แตกเป็นปกติ
ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับความติสต์แตกของตัวละครเท่าไหร่
ความกำกวมของความรู้สึกของคนเป็นเรื่องปกติ
ถึงแม้จะไม่ชอบความไม่แน่นอน
แต่ความไม่แน่นอนนี่มันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของคน
ความงี่เง่าของแต่ละคนมันก็มีกันทั้งนั้น
แล้วแต่ว่าใครจะงี่เง่าไปทางไหนและใครจะรับความงี่เง่าของใครได้มากกว่ากัน
คนจะคู่กันได้ก็ต่อเมื่อต่างฝ่ายต่างรับความแย่ของอีกคนหนึ่งได้แหละนะ

เดาเรื่องได้ง่ายไปไหน ถ้าเอาตรงๆก็พอจะรู้สึกอยู่บ้าง
ว่าพี่เก๋น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น และคุณพ่อเจ้าของค่ายอาจจะเป็นพ่อพี่ปั้น
เพียงแต่มันก็ไม่ได้ง่ายไปกว่านิยายเรื่องอื่น
ที่จะมี hint อะไรพวกนี้ออกมาให้เราสงสัยเล่นอยู่แล้ว
และปกติเราก็ไม่ได้เป็นคนซีเรียสมากเรื่องเดาเรื่องได้ไม่ได้
(หักมุมก็น่าสนใจ ไม่หักมุม เดาได้ ก็ไม่ได้เป็นไร)

เอาเป็นว่า ส่วนตัวเราชอบนะ
กลัวคนเขียนจะเสียกำลังใจ ดูคนอ่านจะอินเกลียดพี่ปั้นกันถ้วนหน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-01-2015 09:56:40
 :กอด1:  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ จบเท่านี้เนอะ พี่ปั้นกับต้าร์ คู่รักที่ยุ่งเหยิง
หึ เราพยายามทำใจนะความรักของคนในวงการบันเทิงมันต้องห่างไกลจากคำว่าธรรมดาแน่ๆ

เอาเถอะ อย่างน้อยๆทั้งสองคนก็เชื่อว่าส่วนหนึ่งของตัวผูกพันธ์กับอีกฝ่ายจนกลายเป็นแรงดึงดูดพวกเขากลับมาหากัน มันจะใช่หรือไม่ใช่รักแท้ อันนี้ไม่มีใครตัดสินได้หรอก
มันอาจเป็นความสัมพันธ์ที่เประบางแต่เราคิดว่าการที่ทั้งคู่คิดว่าจะดูแลกันและกันเท่านั้นก็ดีแล้ว จะแยกจากกันทำไมให้มันทรมานล่ะ

ยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่ได้ถูกใจเราไปเสียหมดหรอก พี่ปั้น พี่ยีนส์ ต้าร์เอง ทุกคนต่างก็มีเหตุผลและความเป็นเด็กเอาแต่ใจของตัวเอง เรื่องที่ชินพูดมาแทบทุกคำเราว่ามันจี้ดและจริง  :mew1:

จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: Miiso ที่ 14-01-2015 23:26:01
อ่านมาถึงตอนนี้ ยังอึ้งไม่หาย จบแล้วหรอ?  แต่สนุกมากนะ
น่าจะมีต่อพิเศษอีกสักเล้กน้อย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 11-04-2015 20:29:20
จบแล้วเหรอครับ ..... อ่านแล้วสนุกดีนะ แต่มึน ๆ นิดนึง ตัวละครอารมณ์ศิลปินมาก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 01-06-2015 03:29:23
โอเคเลยนะ อ่านสนุกดี เขียนให้อินกับตัวละครได้ดีเลย (เห็นคนอ่านอินขั้นสุดกันหลายคนเชียว)
พล็อตจะว่าเดาได้...ก็พอเดาได้แหละ แต่ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา และคิดว่า จบแบบนี้ดีแล้ว
ถึงมันจะเป็นรูปแบบนิยายเต็มสูบที่ต้องวนมาจบแฮปปี้ แต่มันคือ การสนองความต้องการขั้นพื้นๆของคน
ถามว่ามีสักกี่เรื่อง ที่เราประทับใจไปกับการจบแบบ sad ending ...จะหยิบเรื่องนั้นๆขึ้นมาอ่านซ้ำได้สักกี่ครั้งกัน
 
ส่วนตัวค่อนข้างเข้าใจ คนจำพวกที่ใช้สัญชาตญาณในการดำรงชีวิตพอสมควร เลยเก็ทกับตัวละคร
อุปสรรคความรักที่เส้นเรื่องสร้างมา คนอ่านแบบเรา ก็เชียร์ให้ตัวเอกไฟท์ ให้แก้ไขปรับปรุงตลอดอ่ะ
พอจะเห็นการดิ้นรนแก้ปมในใจ เพื่อจะเรียนรู้ความรักของปั้น...บ้าง เท่าที่คนอย่างเค้าจะทำได้ (นางก็พยามอยู่นะ)
เห็นความมั่นคงในรักของต้าร์ ที่เปิดโอกาสให้ตัวเองพิสูจน์ และชั่งน้ำหนักหลายรอบ จนยอมปลดอีโก้เพื่อรัก
คิดว่าคนเขียนนำเสนอได้ดีเรื่องช่วงชีวิตของคน ที่บางจังหวะก็เป็นจิ๊กซอว์ที่ไม่เข้าล็อคกับอะไรสักอย่างเดียว

อยากแอบเชียร์ตัวละครนิดนึงว่า ก็เป็นคนจริงๆดีเหมือนกัน เพราะคนจริงๆมันไม่เพอร์เฟค มีข้อด้อยทุกคน
อยู่ที่ยอมรับกันและกันได้มากน้อยแค่ไหน แล้วนี่ก็คือการเล่าบุรุษที่ 1 จากนายเอกไง พระเอกดับทุกรายบอกเลย
คนที่มีความสามารถพิเศษหลายคน อ่อนแอมากในเรื่องการปะทะ รวมถึงความเสถียรทางอารมณ์ จุดนี้เขียนเป๊ะอยู่

แล้วก็คิดว่า เรื่องนี้จบไม่เน่าไม่นิยายจ๋าเท่าไหร่นัก คงเพราะคนเขียนต้องการกระชับเป็นเรื่องสั้นด้วยมั้ย
เลยรวบยอดเฉลยความโดยพี่เก๋ ปังเดียวจบ ร้อยตร.เอกปรากฏตัว คือถ้าเป็นเรื่องยาว...จะไปกันอีกยาวววววแน่
คงต้องมีไปเปิดตัวกับครอบครัวพี่ปั้น ฟาดฟันกับนักข่าวที่ขุดคุ้ย เผลอๆมียีนส์คัมแบ็คมาราวี
จนต้องมีเจ็บตายกันไปข้าง หรืออาจมีไซด์สตอรี่ ที่ยีนส์กลับตัวกลับใจ ดีงามได้คู่ไปอีก ...นี่สินิย้ายนิยายกว่า

จากที่คนเขียนขอความคิดเห็น อยากบอกว่า เขียนงานมาให้อ่านอีกนะ สนับสนุนสายดราม่าอ่ะ ชอบ! (+1)
ลองเล่าแบบบุรุษที่ 3 เป็นก็อดดูบ้างก็ได้ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง คงจะขยี้ช่วงพีคๆได้ครบวงจรมาก
ได้อ่านฟากยีนส์ชั่ว ใส่ไฟความคิดมันให้ชั่วหนักๆ ได้อ่านฟากปั้นทำคะแนนบ้างไรบ้าง
เพิ่มบทสนทนากับบทบรรยายด้วยก็ดีค่ะ แต่แบบที่เขียนก็ดี กระชับ พล็อตกับภาษาดึงดูดให้อ่านจนจบรวดเดียวได้เลย

ปล. ชื่อเรื่องออกทางฮาหื่นนะคะ แต่เนื้อในนี่บีบตับรัวๆ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 02-06-2015 22:10:48
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วดีมากๆ   ขอบคุณครับ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 01-08-2015 00:48:22
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: OilPTD ที่ 12-11-2015 15:49:52
อ๊ากกกกจบยังไงนิ พี่ปั้นมาเคลียร์ให้กระจายเลยนร้าาาาา

ต้าร์ไม่เข้าใจ เค้าก้อไม่เข้าใจ
ว่าแต่บริษัทที่ต้าร์อยู่ของพ่อพี่ปั้นใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 13-11-2015 08:40:00
ไม่มีต่ออีกนิดเหรอคะ อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 15-05-2018 12:27:08
มันเหมือนจบไม่สุด  แต่ว่านี่พี่แกป็นลูกหลานเจ้าจองค่ายนี่เอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 26-05-2018 23:15:44
 o13

ชอบบบบ ขอบคุณนะคะ แต่อยากอ่าต่อจังดลย ว่าแต่ละคนจะเป็นยังไงต่อ อยากให้พี่ปั้นมีโอกาสแก้ตัว55555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] (ซุปตาร์ อร่อย)เริ่มต้นหรือจุดจบ ภาค 2 ตอน #16 จบบริบูรณ์ 12/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 27-05-2018 12:00:03
ได้อ่านรวดเดียวจบแบบนี้คือดีย์ เพราะหลังๆ มาคือดราม่าตลอด
ใจคนอ่านนี่พยายามเอาใจช่วยต้าร์ ทั้งที่ตัวเองก็น้ำตาซึม
อิพี่ปั้นใจร้าย แต่จริงๆ แล้วก็ช่วยเหลือน้องเยอะไปหมด

ชอบฉากจบมาก เคลียร์ประเด็นได้แค่พี่เก๋พูดพร่ามๆ มาคนเดียว
ตัดภาพมาที่คนอ่าน คือนั่งหน้าเหวอ คงเหวอไปพอๆ กับต้าร์นั่นแหละ