พิมพ์หน้านี้ - 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: pie2na ที่ 09-11-2015 20:28:42

หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 09-11-2015 20:28:42
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


***************************************************************************************


(Not) Innocent
รัก -ร้าย- เดียงสา

[Dark SM Shotacon Incest 4P]


(https://www.img.in.th/images/54c09fd9139c6f389fc8b8a1fdbf2eca.md.jpg)



“ยกแขนขึ้นสิ”

พี่ภูสั่งก่อนจะถอดเสื้อยืดสีขาวลายหมีขนปุยของผมออก

“ธารจะร้องเสียงดังก็ได้นะ พี่อยากฟัง ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครได้ยินหรอก”

...เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้พี่ภูถูกส่งตัวไปต่างประเทศ

หลังจากนั้นแปดปี เราได้เจอกันอีกครั้ง

แต่สิ่งที่พี่ภูทำกลับกลายเป็นการผลักไส

ถึงแม้ว่าข้างกายผมจะมีพ่อ (เลี้ยง) ที่รักผมเกินกว่าลูกชาย

และแฟนเก่าที่คอยตามตื้ออยู่ตลอด

แต่ผมก็ไม่คิดจะรามือจากพี่ภูง่ายๆ หรอกนะ

ภายนอกผมอาจจะดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา...แต่ใครจะรู้ว่าผมน่ะ ‘ร้าย’
-Pie2Na-



เปิดจองรอบรีปริ้น
(Not) Innocent รัก ‘ร้าย’ เดียงสา


วันนี้-5 มีนาคม 2560
(จัดส่งหนังสือเดือนมีนาคม)



ปกเต็ม (ปกหน้าหลัง+สันหนังสือ)
(https://upic.me/i/a8/nnew1.jpg)



โปสการ์ดลายปก (สี)
(https://www.img.in.th/images/dfb4bc411d022677dd3f63b1b5c2d8cb.jpg)



ที่คั่นลายพี่ภู
(https://upic.me/i/63/cunreprint.png)





:: รายละเอียดหนังสือ ::

หนังสือขนาด A5 กระดาษถนอมสายตา
มีภาพประกอบ 18+ จำนวน 2 ภาพในเล่ม
ความหนา : 360 หน้า +
ของแถม :  ที่คั่น+โปสการ์ดลายปก
ราคา : 399 บาท (ไม่รวมส่ง)



:: รายละเอียดเนื้อหา ::

-เนื้อเรื่องทั้งหมดที่ลงในเว็บ
-ตอนพิเศษ 5 ตอน (ไม่ได้ลงในเว็บ) มีฉาก 3P NC 18+ ซึ่งต้องลุ้นเอาว่ามาลงเอยกันได้ยังไง ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ (แต่เนื้อเรื่องสมเหตุสมผลแน่นอนครับ)

>>ตอนพิเศษ 4 ตอนแรก คล้ายๆ ภาคต่อที่ให้ลุ้นกันว่า...จากที่ภูผากับพ่อแทบจะต่อยกันตายไปข้าง ดันมารักกันกลมเกลียวแบบ 3P ได้อย่างไร (มีฉากจิ้น พ่อXภูผา อย่างรุนแรง) และจุใจกับความ 3P + NC 18++ แน่นอนครับ
>>อีกหนึ่งตอนเป็นเรื่องของ จะเป็นบทสรุปของ กฤษxณัฐ (คู่นี้ใครจิ้มใครไปลุ้นกันเอง ฮ่า)

***เรื่องนี้ฟีลกู้ด จบดี แฮปปี้ มีความสุข อบอุ่นหัวใจ ชนะใจทุกทีม ไม่ต้องกลัวดราม่า****

 
---------------------------------------------------
:: รายละเอียดการจอง ::

ค่าจัดส่งลงทะเบียนธรรมดา 50 บาท/รวมค่าหนังสือ = 449 บาท
ค่าจัดส่ง EMS 80 บาท /รวมค่าหนังสือ =479 บาท
---------------------------------------------------
โอนเงินมาที่...
---------------------------------------------------
***หลังโอนเงินแล้วถ่ายรูปสลิป/แคปหน้าจอสำหรับ iBanking แล้วส่งหลักฐานการโอนพร้อมชื่อที่อยู่
เข้ามาทางแชทเพจ Pie2Na<<คลิก (https://www.facebook.com/pie2na/)
------------------------------------------------
หมายเหตุ :: มีขายฉบับอีบุ๊คนะครับ ราคา 329 บาท
ซื้อฉบับอีบุ๊คได้ที่ :: https://www.mebmarket.com/index.php…

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้ครับ




สารบัญ

llIntro (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3225912#msg3225912)llChapter01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3226540#msg3226540)llChapter02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3226742#msg3226742)llChapter03 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3227530#msg3227530)llChapter04 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3228281#msg3228281)llChapter05 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3229149#msg3229149)ll
llChapter06 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3230363#msg3230363)llChapter07 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3245225#msg3245225)llChapter08 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3249665#msg3249665)llChapter09 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3253923#msg3253923)llChapter10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3260173#msg3260173)ll
llChapter11.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3263636#msg3263636)llChapter11.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3265294#msg3265294)llChapter12.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3271374#msg3271374)llChapter12.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3274917#msg3274917)llChapter13.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3282867#msg3282867)ll
llChapter13.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3284499#msg3284499)llChapter14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3292254#msg3292254)llChapter15.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3300894#msg3300894)llChapter15.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3367144#msg3367144)llChapter16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3475315#msg3475315)ll
llChapter17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3483261#msg3483261)llChapter18.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3487587#msg3487587)llChapter18.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3490362#msg3490362)llChapter19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3494246#msg3494246)llChapter20.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3496072#msg3496072)ll
llChapter20.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3498137#msg3498137)llChapter21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3500313#msg3500313)llChapter22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3502504#msg3502504)llChapter23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3504879#msg3504879)llChapter24.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3507399#msg3507399)llChapter24.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3509225#msg3509225)ll
llChapter25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3511277#msg3511277)llChapter26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49858.msg3514091#msg3514091)ll


ติดตามข่าวสารนิยายเรื่องนี้ได้ที่เพจ
จิ้ม>>Pie2Na<<จิ้ม  (https://www.facebook.com/pie2na)

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1::กอด1:

หัวข้อ: RE: Complicated รัก ซับ ซ้อน [Intro]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 09-11-2015 20:35:46
Intro
รักแรกในความทรงจำ


(https://www.img.in.th/images/c9dff46cc4d160a2304b512f50b32b02.jpg)

เขายังอยู่ในความทรงจำเสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่
ผมยังจำความรักที่เคยมีให้ได้...รักที่ไร้เหตุผล...รัก...แม้ว่าเขาจะเกลียดผมก็ตาม

แปดปีก่อน...

ตอนนั้นผมอายุแค่หกขวบ แต่ด้วยไอคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปทำให้ผมจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ...
   
คืนนั้นเป็นคืนที่ฝนตกหนัก หลังจากพ่อส่งผมเข้านอนตอนสองทุ่ม ผมก็แอบเปิดไฟฉาย นั่งคุมโปงอยู่ใต้ผ้านวม อ่านการ์ตูนวิทยาศาสตร์เรื่องโปรดโดยมีตุ๊กตาหมาน้อยที่พ่อให้เป็นของขวัญวันเกิดนอนอยู่ข้างๆ มันเป็นคืนแรกที่ผมนอนดึกกว่าทุกทีเพราะดันเผลอนอนกลางวันยาวไปหน่อยจนไม่รู้สึกง่วง
   
แกร็ก
   
เสียงลูกบิดประตูที่ดังขึ้นในเวลาเที่ยงคืนทำให้ต้องผมรีบกดปิดไฟฉาย แล้วล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้บานประตู...จะให้พ่อรู้ไม่ได้ว่าผมยังไม่หลับ มีแต่เด็กดื้อเท่านั้นที่ไม่เชื่อฟัง แต่ผมอยากเป็นเด็กดีในสายตาพ่อ
   
หัวใจของผมเต้นรัวเมื่อเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังใกล้เข้ามา เสียงนั้นหยุดลงตรงข้างเตียง ก่อนที่ผ้านวมของผมจะถูกดึงออกอย่างช้าๆ แล้วใครคนนั้นก็นั่งลงเบียดชิด

จากนั้น...ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ประทับลงข้างแก้ม ก่อนจะไล้ต่ำลงมาบริเวณลำคอ
   
จ๊วบ!
   
ผิวหนังถูกดูดจนเกิดเสียงดัง แล้วเขาคนนั้นก็ผละออกไปเพื่อทำอะไรบางอย่าง
   
“คิกๆ” ผมอดไม่ไหวจนต้องหัวเราะคิกออกมา ก่อนจะเผยอเปลือกตาขึ้นเพราะไม่อาจแกล้งนอนหลับต่อไปได้
   
ท่ามกลางความมืดสลัว มีเพียงแสงสีส้มจากโคมไฟในสวนส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ผมมองเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงได้เลือนราง...เขาไม่ใช่พ่อ แต่คือ พี่ภูผา พี่ชายคนละพ่อที่อายุแก่กว่าผมห้าปี และเขากำลังถอดกางเกงของตัวเองออก
   
“พี่ภู” ผมเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงงุนงงพร้อมกับผุดลุกขึ้นนั่ง
ปกติพี่ชายไม่ค่อยมาเล่นกับผมนัก เขามักจะอยู่กับพวกเด็กโตมากกว่า แต่วันนี้พี่ภูกลับเข้ามาในห้องของผมตอนกลางดึก...หรืออยากมานอนเป็นเพื่อนผม? ดีใจจัง ผมอยากคุยกับพี่ภู อยากให้พี่ภูเล่นกับผมบ้าง
   
พี่ชายผมดูจะตกใจเล็กน้อย เขารีบดึงกางเกงที่ร่นลงไปถึงหัวเข่าขึ้นมาสวมให้ดี คงไม่คิดว่าผมจะตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วยวัยของผมแม้ว่าเสียงจะดังโหวกเหวกแค่ไหน หากหลับลึกแล้วก็ตื่นได้ยาก
   
“ทำไมยังนอน” พี่ภูถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “พ่อให้ธารนอนตอนสองทุ่มไม่ใช่เหรอ”
   
“ธารนอนแล้ว แต่ตื่นเพราะพี่ภูนั่นแหละ”
   
“โกหก ปกติต่อให้พี่แตะตัวธารหรือทำเสียงดัง ธารก็ยังหลับสนิท”

นี่หมายความว่าพี่ภูแอบเข้ามาในห้องนอนผมตอนกลางดึกบ่อยๆ งั้นเหรอ?

ผมยิ้มจนตายิบหยี ดีใจที่พี่ภูแอบมานอนเป็นเพื่อนผมบ่อยๆ เขาก็แค่ทำท่าดุๆ ไปอย่างนั้นเอง ที่จริงเป็นคนใจดีมากต่างหาก ตอนผมเรียนอนุบาลหนึ่งเคยแอบไปเล่นน้ำในสระหลังบ้านคนเดียวแล้วจมน้ำเกือบตาย ดีที่พี่ภูช่วยผมเอาไว้ทัน แต่เขาก็โดนดุใหญ่เลย เพราะพ่อกับแม่คิดว่าพี่ภูเป็นคนผลักผม

หลายๆ ครั้งที่ผมทำผิด แต่พี่ภูต้องเป็นคนถูกต่อว่า ถูกลงโทษแทน อาจเพราะแบบนั้นพี่ภูเลยไม่ค่อยมายุ่งกับผมนักและไม่ค่อยพูดจาดีๆ ด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็รักพี่ภูมาก รักมากที่สุด...
   
“ธารห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร” พี่ภูเหลือบมองหนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่ผมวางลืมไว้บนเตียง “ไม่งั้นพี่จะฟ้องพ่อว่าธารแอบอ่านหนังสือการ์ตูนไม่ยอมนอน แล้วพ่อก็จะไม่ให้น้องอ่านมันอีก เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม”
   
“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก
   
“มานี่สิ มานั่งบนตักพี่” พี่ภูกระชากแขนผมแรงๆ ให้ผมลุกขึ้นไปนั่งบนตักเขา ซึ่งผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี “ไม่ต้องหันหน้ามา หันหลังไป!” เขาตะคอกอย่างขัดใจ ผมจึงรีบหมุนตัวหันหลังให้พี่ภู พิงแผ่นหลังซบกับหน้าอกอีกฝ่ายเพื่อรับไออุ่น
พี่ภูสั่งให้ผมทำอะไร ผมก็จะยอมทำตามทุกอย่าง...ผมอยากอยู่ใกล้ๆ พี่ภู อยากให้พี่ชายรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน
   
อยากให้เขา...พูดจาดีๆ กับผมบ้าง...

“ยกแขนขึ้นสิ” พี่ภูสั่งก่อนจะถอดเสื้อยืดสีขาวลายหมีขนปุยของผมออก “ธารจะร้องเสียงดังก็ได้นะ พี่อยากฟัง ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครได้ยินหรอก” พี่ภูกระซิบข้างหูจนผมรู้สึกจั๊กจี้

“พี่ภูจะทำอะไรครับ จะเจ็บรึเปล่า ทำไมธารถึงต้องร้อง”

“ไม่เจ็บหรอก” พี่ภูหายใจรดใบหูของผม ทำเอาผมขนลุกสู่ไปทั้งตัว “แค่รู้สึกแปลกๆ น่ะ” ขณะที่พูดฝ่ามืออีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วหน้าอกของผม

“คิกๆ พี่ภู ธารจั๊กจี้นะ” ผมหัวเราะคิกคักแล้วเงยหน้าขึ้นมองพี่ภู ใบหน้าอีกฝ่ายโน้มลงมาใกล้จนทำให้ปลายจมูกของเราชนกัน ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของพี่ชายที่เป่ารดอยู่บนริมฝีปาก

“พี่ภูครับ” ผมหัวเราะหนักขึ้นเมื่อนิ้วมือของพี่ภูสะกิดจุดเล็กๆ บนหน้าอก “ธารรักพี่ภูนะ...รักเท่าจักรวาลนี้เลย”

“จริงเหรอ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วถามกลับ “พี่ภูรักธารไหม”

“.....” พี่ภูเงียบไป สีหน้าดูดุดันขึ้น เขาก้มลงมางับปากของผมแรงๆ ทำเอาผมเจ็บจนน้ำตาเล็ด ขณะที่มือก็กระชากกางเกงนอนขายาวของผมลงจากสะโพก ก่อนจะถอดมันออก

“รักธารรึเปล่า” ผมถามย้ำ ขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อฝ่ามือข้างหนึ่งของพี่ภูบีบต้นขาผมแรงเกินไป

“...เกลียด” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างหูทำให้ผมน้ำตาคลอ

“ทำไมถึงเกลียดธาร รักธารไม่ได้เหรอ” ผมเริ่มร้องไห้ น้ำตาร่วงเผาะๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะหันหน้าไปซบกับหน้าอกของพี่ภู ใช้มือเล็กป้อมขยำเสื้อยืดพี่ชายจนยับยู่ “ธารรักพี่ภู พี่ภูก็ต้องรักธารสิ ฮึก ฮือๆ”

“พี่เกลียดนาย” พี่ภูย้ำคำเดิมอีกครั้ง ใช้มือทั้งสองข้างจับต้นขาของผมแยกออก

แกร็ก!

เสียงหมุนลูกบิดทำให้พี่ภูสะดุ้ง เขาหันขวับไปมองทางประตู ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือพ่อของผม พ่อชะงักมองสำรวจพวกเราสองคนบนเตียง ก่อนจะทำสีหน้าตกใจแล้วถลาเข้ามาอุ้มผมจากตักพี่ชาย

พ่อตะวัน คงเห็นว่าฝนตกหนักเลยกลัวผมตื่นขึ้นมากลางดึกถึงได้เข้ามาดู...

“ภู ทำอะไรน้อง!” พ่อกอดผมที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นแนบอก ลูบหัวทุยๆ ของผมอย่างปลอบโยน “พี่ภูทำอะไรธารครับ บอกพ่อซิ พี่เขาทำอะไร”

ผมส่ายหน้าชิดกับแผงอกแข็งๆ ของพ่อ พูดเสียงอู้อี้ขณะหันไปมองพี่ภูที่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง สีหน้าเขาซีดเผือด ดูจะตกใจมาก “พี่ภูแค่มาเล่นกับธารครับ”

“เล่นอะไรกันครับ ทำไมธารถึงไม่ใส่เสื้อผ้า” พ่อพยายามถามอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงกลับฟังดูกังวลมาก

“ไม่รู้” ผมส่ายหน้า “พี่ภูลูบหน้าอกธารแล้วก็จับขาธาร”

“ภู!” เสียงตะคอกนั้นดังจนผมที่โดนพ่ออุ้มอยู่ถึงกับสะดุ้ง “กลับห้องไปซะ แล้วคราวหลังห้ามมายุ่งกับน้องอีก!”
พี่ภูกำหมัดแน่น เขาจ้องมองผมกับพ่อด้วยสายตาโกรธๆ ก่อนจะหุนหันออกจากห้องไป

“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ” พ่อวางผมลงบนเตียง หยิบเสื้อผ้ามาสวมให้ แล้วลูบหัวผมอย่างปลอบโยน “คราวหลังถ้าพี่ภูมาเล่นด้วย อย่าไปเล่นกับพี่เขาอีกนะครับ รีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ หรือไม่ก็ป้าแม่บ้านนะ”

“ทำไมล่ะครับ” ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาป้อยๆ พ่อเลยช่วยเช็ดให้ด้วยนิ้วหัวแม่มือที่ใหญ่จนปิดแก้มของผมเกือบมิด

“ตอนนี้ธารยังเล็ก พ่อยังอธิบายให้ฟังไม่ได้ แต่สิ่งที่พี่ภูทำกับธารวันนี้มันไม่ดี ธารไม่ควรให้พี่เขาทำกับธารอีก”

“อื้อ” ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง แม้จะไม่รู้ว่ามันไม่ดียังไงก็ตาม

“คืนนี้ไปนอนกับพ่อนะครับ”

ผมส่ายหน้าจนผมสะบัด “ไม่เอา ธารอยากนอนคนเดียว ธารโตแล้ว”

“ได้ครับ” พ่อยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแล้วบอกให้ผมนอน ก่อนจะห่มผ้านวมให้ถึงอก

ผมรีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นหลับสนิทอย่างรวดเร็ว รอจนกระทั่งพ่อจูบลงบนหน้าผากของผม ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปจากห้อง ล็อกประตูถูกกดและบานประตูถูกปิดลง ผมจึงลืมตาโพรงขึ้นท่ามกลางความมืด แอบย่องออกจากห้องไปที่ห้องของพี่ชาย

ทั้งที่พี่ภูไม่ได้ทำผิด แต่เขาโดนดุอีกแล้ว โดนดุเพราะผมอยู่เรื่อย

“พี่ภู” ผมกระซิบกระซาบอยู่หน้าประตูห้องพี่ภู ใช้กำปั้นเล็กๆ ของตัวเองเคาะประตูห้องนั้นเบาๆ
มีเสียงกุกกักดังขึ้นในห้อง ก่อนที่ประตูจะถูกกระชากเปิดออกจากด้านใน

“มีอะไร” สีหน้าของพี่ภูยังคงโกรธจัด

“ธารขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร?”

“ขอโทษที่ทำให้พี่ภูโดนดุอีกแล้ว” ผมว่าเสียงหงอยๆ

“รู้ตัวก็ดี คราวหลังก็อย่าขี้ฟ้องให้มันมากนัก”

ผมก้มหน้าอย่างสำนึกผิด พูดด้วยเสียงอู้อี้ “พี่ภูหายโกรธธารแล้วใช่ไหม ธารขอนอนกับพี่ภูได้รึเปล่า...ธารอยากเล่นกับพี่ภู”

“กลับห้องนายไปซะ” พี่ภูบอกแล้วทำท่าจะปิดประตู แต่ก่อนที่ประตูจะงับปิด เสียงคนโต้เถียงกันก็ดังลอดออกมาจากห้องนอนของพ่อกับแม่ ถึงจะค่อนข้างเบาเพราะผนังห้องเก็บเสียงได้ดี แต่ถ้าตั้งใจฟังก็พอจับความได้

“ภูมันยังเด็ก! อาจจะแค่เล่นพิเรนทร์ๆ เพราะไม่รู้ก็ได้!” ประโยคนี้แม่เป็นคนพูด มันฟังดูไม่พอใจมาก

“ยังเด็กเหรอ! อายุสิบเอ็ดแล้วนะ เรียนป.หกแล้ว เรื่องแบบนี้จะไม่รู้ได้ยังไง คุณน่ะเข้าข้างลูก! ครั้งก่อนก็ทำน้องจมน้ำเกือบตาย ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” พ่อเถียงกลับ “เด็กมันเอาแต่ใจ เรียนไม่เอาไหน แถมยังดื้อด้านเพราะคุณน่ะตามใจเกินไป”

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง ให้ไปลากภูมาตีเหรอ”

“จบป.หกก็ส่งภูไปเรียนต่างประเทศซะ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม มีเพื่อนใหม่ เผื่ออะไรจะดีขึ้นบ้าง”
แม่เงียบไปพักใหญ่ แล้วพูดด้วยเสียงเบาจนพวกเราแทบไม่ได้ยิน “เฮ้อ...ก็ได้ค่ะ เผื่ออะไรจะดีขึ้น ฉันจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศแล้วกัน” จบประโยคนั้นเสียงในห้องของพ่อกับแม่ก็เงียบลง

ผมแหงนหน้ามองพี่ภู สีหน้าอีกฝ่ายดูเจ็บปวดและดุดันจนน่ากลัว เขาก้มลงมาอุ้มผมขึ้นจากพื้น บอกกับผมที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ไปเล่นกัน”

จากนั้นพี่ภูก็พาผมเข้าห้อง แล้วปิดประตูลง...

Pie2Na
เพิ่งมาโพสที่นี่ครั้งแรก มีอะไรผิดพลาดรบกวนแนะนำด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ

:impress2:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 09-11-2015 21:02:47
 :pig2:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 10-11-2015 16:59:04
Chapter 1
คนเก่าที่ทำให้ช้ำใจ กับคนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน



   11: 40 P.M.

   @1000F Pub

วันนี้ผมอายุครบสิบสี่ปี...ถึงแม้ว่าผมยังมีนิสัยเอาแต่ใจ ไม่ค่อยมีเหตุผลอย่างเด็กวัยรุ่นทั่วไปอยู่บ้าง แต่ไอคิวของผมสูงถึงหนึ่งร้อยสี่สิบห้า อาจจะน่าหมั่นไส้ถ้าผมจะบอกว่าตัวเองฉลาดกว่าคนทั่วไป แต่ผมก็ฉลาดแค่ในบางเรื่องเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่ในเรื่องความรัก

หัวใจ รู้ดีว่าไม่อาจฝืน แม้ว่าต้องกล้ำกลืนต้องฝืนใจแต่ก็ยอมให้เธอทำร้าย
รู้ตัวว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอาย บอกเธอกี่ครั้งว่าจะไป แต่ก็ทำไม่ได้ซักที
ปฏิเสธใจตัวเองไม่เก่ง ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้
ก็ต้องยอมรับ ต้องยอมกลืน คำบอกลาที่เคยพูดไว้

เสียงเพลงเศร้าที่ถูกขับร้องโดยนักร้องบนเวทีทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นในคอนโดของ ‘แฟนเก่า’ ก่อนที่น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่...

“พี่กฤษ ทำไมพี่กฤษถึงทำแบบนี้ ทำไม! ฮึก ฮือๆ” ผมตะคอกถามเขาด้วยน้ำตานองหน้า แต่เขาดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

บนเตียงของเขา...ผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสมส่วนมีกล้ามเนื้อพอประมาณนอนเล่นมือถือด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ตัวของผู้ชายคนนั้นเปลือยเปล่า มีเพียงผ้านวมที่ห่มปิดท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ ไม่แตกต่างจากพี่กฤษที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันอยู่รอบเอว

หนึ่งปีที่คบกัน...พี่กฤษไม่เคยเห็นค่ามันเลย

“ก่อนจะถามพี่ ธารถามตัวเองดีกว่าไหม”

“หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงของผมสั่นเครือ มองสีหน้าไม่ทุกร้อนของเขาด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ

เพราะผมเด็กเกินไปงั้นเหรอ เพราะพี่กฤษแก่กว่าผมตั้งห้าปี หรือเพราะผม...ให้เรื่องนั้นกับเขาไม่ได้

“เราเป็นแฟนกัน คบกันมาตั้งปีนึง แต่ธารไม่เคยให้พี่แตะต้องธารเลย แค่จูบยังนับครั้งได้...ถ้าไม่ให้พี่ระบายกับเรา พี่ก็ต้องไประบายกับคนอื่น”
   
“พี่เห็นธารเป็นอะไร เป็นแค่ที่ระบายความใคร่หรือไง! ที่คบกันไม่ใช่เพราะรักกันเหรอ...” ผมพูดอย่างอ่อนแรง ขาทั้งสองข้างสั่นไปหมด ในหัวมันอื้ออึง ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก
   
“รักสิ...พี่รักธารนะ” พี่กฤษจับมือผมไปกุมไว้ แม้ว่าผมอยากจะสะบัดออก แต่ผมก็ไม่มีแรงมากพอ ปล่อยให้เขาดึงผมเข้าไปใกล้ กอดผมเอาไว้ในอ้อมแขน ลูบหัวผมเบาๆ อย่างปลอบโยน
   
“ธารไม่อยากทนแล้ว” ผมสะอื้นกับอกของเขา เหลือบมองผู้ชายอีกคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “เราเลิกกันเถอะ”
   
“ชู่ว...” พี่กฤษกอดผมแน่นขึ้น “ไม่เอานะ...พี่ไม่ยอมเลิก เซ็กส์ก็แค่เรื่องระบายอารมณ์ ไม่ได้หมายความว่าพี่จะรักคนอื่น...พี่ยังรักธาร”
   
“งั้นต่อจากนี้พี่อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม...ธารไม่อยากทนอีกแล้ว ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายได้รึเปล่า”
   
แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ผมรู้ว่าต่อให้เขาทำพลาดอีกครั้งผมก็พร้อมจะให้อภัย เพราะเขาคอยเติมเต็มความรักให้ผม ความรักที่ขาดหายไปเนิ่นนาน...เขาที่เหมือน พี่ชาย ในความทรงจำของผมจนเผลอเอาเขามาแทนที่ เติมเต็มช่องว่างในใจ
   
“ถ้าอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...ธารก็ยอมพี่สักทีสิ”
   
น้ำตาของผมไหลออกมามากกว่าเดิม...เขาคบผมเพราะคาดหวังเรื่องเดียวหรือไง แค่เซ็กส์?
   
ผมยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวหมด ดื่มฉลองให้กับวันเกิดของตัวเองและฉลองให้กับการอกหักครั้งแรก ก่อนจะกระแทกแก้ววางลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตัวของผมโงนเงนด้วยความมึนเมา แต่ก็พอจะพยุงตัวเดินต่อไปได้โดยไม่ให้ล้มกลิ้งไปกับพื้นเสียก่อน

ผับไม่ใช่ที่ๆ เด็กอายุสิบสี่หมาดๆ อย่างผมควรจะย่างก้าวเข้ามา แต่แค่มีเงินพอจะยัดให้การ์ดเฝ้าประตู มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายที่ผมจะมานั่งกระดกเหล้าอยู่ตามลำพังในสถานที่อโคจรแห่งนี้
   
“เฮ้ ไหวรึเปล่า ให้พาไปส่งไหม”
   
ผมขมวดคิ้วมองหน้าคนที่มาคว้าต้นแขนของผมไว้ ผู้ชายมาดเพลย์บอยตัวสูงกำยำ มีรอยสักที่ต้นแขน ผมจำได้ว่าเขาคือคนที่นั่งดื่มอยู่กับกลุ่มเพื่อนตรงโต๊ะทางด้านหลังใกล้กับบาร์ที่ผมเพิ่งลุกออกมา
   
อา...แต่พอได้มองใกล้ๆ แบบนี้แล้ว รู้สึกคุ้นหน้าเขาจังแฮะ
   
“ไม่เป็นไรครับ” ผมดึงแขนออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างสุภาพ แต่พอก้าวขาเดิน พื้นก็ดันโคลงเคลงกะทันหัน เลยสะดุดเท้าตัวเองล้มโครมเข้าใส่คนที่เพิ่งเดินสวนมา ยังดีที่ว่าเขาแข็งแรงพอจะคว้าตัวผมเอาไว้และยืนได้อย่างมันคง ผมกับเขาจึงไม่ต้องล้มกลิ้งไปบนพื้นกันทั้งคู่

“ขอโทษครับ” ผมบอกเสียงอ้อแอ้ สะบัดหัวไล่ความมึนงง สติรับรู้ยังพอมีอยู่ แต่สมองชักจะประมวลผลช้าลง และภาพที่เห็นก็เบลอเต็มที
   
“นายยังอายุไม่ถึงยี่สิบนี่” คนที่กำลังโอบเอวของผมด้วยแขนเพียงข้างเดียว จ้องมองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทำไมถึงเข้ามาในนี้ได้”
   
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ปล่อยเขาซะ เขามากับผม” ผู้ชายที่บอกว่าจะไปส่งผมพูดขึ้น
   
“ผมไม่ได้มากับคุณสักหน่อย” ผมปฏิเสธทันทีด้วยน้ำเสียงยานคางนิดๆ สติรับรู้ของผมยังพอมีอยู่ แต่ไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงกับการเดินของตัวเองให้เป็นปกติได้นี่สิ
   
“เฮ้ย มีอะไรกันวะ” เพื่อนๆ ของผู้ชายคนนั้นเริ่มกรูกันเข้ามา ถ้าสมองของผมไม่ได้เบลอจนเกินไป ผมนับรวมคนที่มาใหม่ได้สามคน
   
“อย่ามามีเรื่องกันในผับของผมดีกว่า” ผู้ชายที่กำลังประคองผมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตะโกนบอกกลุ่มคนในชุดดำที่กำลังเดินตรงเข้ามาทางนี้ “การ์ด! ตรวจบัตรประชาชนพวกนี้ด้วย ใครอายุไม่ถึงลากคอออกไปให้หมด...สงสัยต้องเปลี่ยนพนักงานตรวจบัตรใหม่ซะแล้ว” ประโยคหลังเขาบ่นพึมพำ
   
ภาพตรงหน้าของผมดูสับสนวุ่นวายกันไปหมด ผมเห็นการ์ดลากคอผู้ชายสองคนออกจากผับ จากนั้นตัวผมก็ถูกประคองให้เดินตามออกไป รู้ตัวอีกทีผมก็มานั่งอยู่ในรถของใครสักคน เจ้าของรถพยายามถามผมว่าบ้านของผมอยู่ที่ไหน แต่เพราะผมไม่อยากกลับบ้านและง่วงนอนเต็มที ผมจึงหลับตาลงโดยไม่ได้ตอบคำถามของเขา...
   
   

แรงเขย่าที่หัวไหล่ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น พอลืมตาขึ้นผมก็เห็นใบหน้าของผู้ชายสองคนอยู่ในระยะประชิด ดูเหมือนเขาจะเป็นฝาแฝดกัน แต่พอลองมองชัดๆ กลับเหลือผู้ชายอยู่เพียงคนเดียว
   
อา...เวียนหัวชะมัด
   
“อุก...” ผมยกมืออุดปาก อาหารในกระเพาะพลันขย้อนออกมาจากคอ
   
“อย่าอ้วกในรถผมนะ” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทางตกใจ
   
แต่...ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว
   
“แหวะ!”
   
ของเหลวกลิ่นเหม็นคลุ้งพุ่งออกจากปากของผม ผ่านง่ามนิ้ว หกรดใส่เสื้อของผู้ชายตรงหน้าเต็มๆ
   
“ให้ตายสิ!” เขาสบถแล้วหันมาเขย่าไหล่ผมให้แรงขึ้น “จำรหัสปลดล็อคมือถือได้รึเปล่า พี่จะได้โทรบอกที่บ้านน้องให้มารับ”
   
ผมส่ายหน้า ซบหน้าลงกับอกเขาอย่างหมดท่า รู้สึกได้ว่าแก้มของตัวเองสัมผัสกับของเหลวอุ่นๆ แหยะๆ กลิ่นเหม็นคลุ้งตรงอกเสื้อของเขาด้วย...อ้วกของผมเองแหละ
   
“เฮ้อ...เห็นว่าเป็นเด็กหรอกนะถึงได้เอ็นดู” เขาพูดพึมพำ “อายุแค่นี้ นึกยังไงถึงมาเที่ยวผับฮึเรา”
   
“พี่...พี่กฤษเหรอ” ผมเริ่มร้องไห้ ถูกไถแก้มไปกับกองอ้วกที่เลอะอยู่บนเสื้อของผู้ชายตรงหน้า “ผมไม่อยากจะเลิกกับพี่...เรากลับมาคบกันอีกไหม แต่พี่ต้องสัญญานะว่าจะไม่นอนกับผู้ชายคนอื่นอีก ฮึก ฮือๆ”
   
“อ้าว...นี่มีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ ตัวแค่นี้มีแฟนซะแล้ว เด็กสมัยนี้แก่แดดแก่ลมจริงๆ”
   
ทำไมพี่กฤษขี้บ่นจังนะ...อย่างกับพวกคนแก่
   
“ฮือ พี่กฤษ...พี่จะนอนกับธารก็ได้นะ ธารยอมทุกอย่าง ขอแค่พี่กฤษเลิกยุ่งกับคนอื่นก็พอ ฮือๆ”
   
“เอาเข้าไป...ลงจากรถแล้วขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวในบ้านพี่ดีกว่า พี่เหม็นอ้วกเราจะแย่แล้ว”
   
ผมพยักหน้าหงึกหงัก เพิ่งสังเกตเห็นว่าเราสองคนนั่งอยู่ในรถ ผมมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งเปิดประตูลงจากรถไป ก่อนที่เขาจะวกกลับมาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับที่ผมนั่งอยู่ แล้วลากผมลงไปอีกคน
   
เป็นอันว่าคืนนี้...ผมนอนที่คอนโดของพี่กฤษ? ไม่สิ...ผู้ชายที่กำลังพยุงผมอยู่ไม่ใช่พี่กฤษสักหน่อย เขาเป็นใครสักคนที่ผมไม่รู้จักต่างหาก...



[Special Part: Atin]
   
ผมลากเด็กหนุ่มตัวอ่อนปวกเปียกออกมาจากรถ เอาแขนเล็กๆ ของเขาพาดลงบนบ่าของผม แล้วโอบเอวอีกฝ่ายพาเดินผ่านโรงรถเข้าไปในตัวบ้าน แต่เพราะขนาดตัวของเราต่างกันเกินไป น้องเขาตัวเล็กไปนิดหรืออีกนัยหนึ่งก็คือผมสูงเกินมาตรฐานชายไทยไปหน่อย พวกเราเลยเดินกันอย่างทุลักทุเล

เด็กหนุ่มขี้เมานี่ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเลย เลื้อยไปเลื้อยมายังกับงู สุดท้ายผมทนรำคาญไม่ไหวเลยสอดแขนเข้าไปใต้ขาของคนขี้เมาแล้วยกขึ้นอุ้ม พาน้องเข้ามาในห้องรับแขก

ไฟในบ้านเกือบทุกดวงถูกเปิดทิ้งไว้ ป้าขิง ผู้หญิงใจดีอายุห้าสิบต้นๆ ซึ่งเป็นทั้งแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง พอป้าขิงเห็นเด็กหนุ่มในอ้อมแขนของผมก็เบิ่งตากว้างอย่างตกใจ
   
“พาใครมาด้วยคะนั่น” ป้าขิงปรี่เข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นๆ
   
“เก็บได้ที่ผับน่ะครับ ลูกใครก็ไม่รู้ มาเที่ยวแล้วเมาแอ๋ เกือบโดนลากไปตุ๋ยแล้วไหมล่ะ”
   
“อุ้ยตายแล้ว” ป้าขิงยกมือทาบอก ก้มมองเด็กหนุ่มที่ผมอุ้มไว้อย่างพิจารณา “ผิวพรรณดีจริงๆ หน้าตาน่ารักเชียว แต่เหม็นอ้วกไปหน่อยนะคะเนี่ย”
   
“ฮ่าๆ อ้วกใส่ผมเลอะไปหมด คงต้องพาไปล้างตัวซะหน่อย”
   
“คุณติณเปลี่ยนไปมากนะคะ รู้ตัวรึเปล่า” ป้าขิงลูบแขนผม มองผมน้ำตาคลอ “ตั้งแต่มีน้องตุลย์ คุณติณก็เป็นผู้เป็นคนขึ้น เอาการเอางาน ใจดี เป็นผู้ใหญ่ แถมยังอบอุ่นขึ้นด้วย”
   
“โธ่ป้า พูดยังกะเมื่อก่อนผมไม่มีอะไรดี”
   
“ก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละค่ะ” ป้าขิงหัวเราะ “มีอะไรให้ป้าช่วยไหมคะ”
   
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอโทษนะครับที่วันนี้กลับดึก พอดีที่ผับมีปัญหานิดหน่อย”
   
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ป้าเข้าใจว่าคุณติณงานยุ่ง แต่อย่ากลับดึกบ่อยนะคะ กว่าจะกล่อมเจ้าตัวเล็กให้หลับได้ ป้าเหนื่อยแทบแย่ ไม่เจอหน้าคุณพ่อ น้องไม่ยอมนอนเลยค่ะ บอกจะรอๆ คุณพ่อท่าเดียว”
   
“ดื้อเหมือนผมตอนเด็กๆ เลยใช่ไหมครับ” ผมถามยิ้มๆ
   
“ไม่ค่ะ คุณติณดื้อกว่าเยอะ น้องตุลย์นี่เรียบร้อยไปเลย” ป้าขิงยิ้มเอ็นดู ถึงผมจะโตขนาดนี้แล้วแต่ป้าเขายังเห็นผมเป็นเด็กอยู่ดี “งั้นป้ากลับก่อนนะคะ ป่านนี้สามีป้างอนแย่แล้ว””   

“ครับ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ

บ้านป้าขิงอยู่ตรงข้ามกับบ้านผมนี่เอง ผมจึงไว้ใจที่จะให้ป้ากลับบ้านคนเดียว ป้าขิงเคยเป็นพี่เลี้ยงเด็กของผมมาก่อน พอแก่ตัวลงก็ย้ายออกจากบ้านของครอบครัวผม (แน่นอนว่าไม่ใช่หลังนี้) แล้วมาอาศัยอยู่กับสามีสองคน พอผมแต่งงานมีครอบครัวก็มาซื้อบ้านตรงข้ามกับบ้านของแกเพราะตั้งใจจะจ้างป้าขิงมาเป็นแม่บ้าน (ใช้งานตั้งแต่สาวยันแก่)
   
ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะเดินไปที่ห้องน้ำสำหรับแขก เข้ามาได้ก็วางเด็กหนุ่มขี้เมาลงในอ่างอาบน้ำ น้องเขาหลับคอผับคออ่อนไม่รู้ตัวเลยสักนิด นี่ถ้าผมปล่อยให้ผู้ชายที่ผับลากตัวไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องบ้าง คิดถึงหน้าลูกชายตัวเล็กของผมแล้วก็อดเอ็ดดูปนเป็นห่วงเด็กมันไม่ได้ โลกสมัยนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายถ้ามาเมาปลิ้นอยู่ที่ผับคนเดียวก็อันตรายพอๆ กัน
   
“ชื่ออะไรน่ะเรา” ผมถามพลางปลดกระดุมเสื้อของตัวเองแล้วถอดออกอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เปื้อนอ้วกหนักกว่าเดิม จากนั้นจึงเปิดน้ำที่อ่างล้างหน้าวักขึ้นมาล้างรอยอ้วกบนหน้าอกอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เด็กหนุ่มแปลกหน้า ช่วยถอดเสื้อยืดของเขาออก ตามด้วยกางเกงยีนส์
   
“เด็กชายธาราครับ” เด็กมันงัวเงียปรือตามองผมอย่างรำคาญ แต่ก็ยังอุตส่าห์ตอบด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ฟังไม่ค่อยชัดนัก
   
เด็กชาย? ดูจากหน้าตาแล้วอายุคงยังไม่ถึงสิบห้าจริงๆ นั่นแหละ นี่โลกมันหมุนเร็วไปจนผมก้าวตามไม่ทันหรือยังไง เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ถึงได้เข้าผับ แถมยังมีแฟนกันตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบห้า จะว่าไปผมก็ยังไม่แก่สักหน่อย ปีนี้ผมเพิ่งจะอายุสามสิบสาม แถมหน้าก็ละอ่อนกว่าพวกอายุยี่สิบปลายๆ ซะอีก...จะว่าผมหลงตัวเองก็ได้
   
“ธารา ชื่อเล่นชื่ออะไรล่ะ”   

“ธารครับ”   
   
“ธาร...ชื่อเพราะดี” มองหน้าตาใสๆ ที่แก้มแดงปลั่งเพราะฤทธิ์เหล้าแล้วก็พาลหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกถูกชะตาพิกล เหมือนคนเคยผูกพันกันมา “น่ารักจังนะเรา” ผมหยิกแก้มนุ่มนิ่มไปทีให้พอหายมันเขี้ยว
   
ร่างขาวโพลนที่นั่งพิงไหล่ผมอยู่ในอ่างบิดตัวไปมาเล็กน้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ...ป่านนี้เสร็จผมไปแล้ว ยอมรับว่าผมเคยผ่านมาทั้งผู้ชาย ผู้หญิง โดยเฉพาะกับเด็กผู้ชายนี่ของโปรดเลยล่ะ ถึงจะยังไม่เคยแอ้มเด็กอายุน้อยขนาดนี้มาก่อนก็เถอะ แต่ตั้งแต่มีน้องตุลย์ก็ชักทำไม่ลง คิดกลับกันว่าถ้าลูกผมโตขึ้นอีกสักหน่อย แล้วใครมาทำไม่ดีกับเขา ผมก็คงเสียใจจนทนไม่ได้
   
“ล้างหน้าล้างตัวหน่อยนะเรา เหม็นอ้วกจะแย่” ผมบอกกับธารแล้วลุกขึ้นคว้าฝักบัวทั้งที่แขนข้างนึงยังรองอยู่ที่ท้ายทอยของธาร เพราะกลัวหัวเล็กๆ จะไปโขกกับขอบอ่าง
   
ผมปรับอุณหภูมิน้ำให้อุ่นขึ้น เปิดน้ำเบาๆ แล้วรดลงบนมือตัวเอง ก่อนจะวักขึ้นลูบหน้าของคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนไหล่ของผมเพื่อล้างอ้วกออก คิ้วได้รูปสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เขาเผยอเปลือกตาขึ้นมอง ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่คอของผม
   
“พี่กฤษ ฮึก ฮือๆ”

นั่น...เอาแล้วไง พอรู้สึกตัวก็ร้องไห้ เห็นแล้วรู้สึกสงสารยังไงก็ไม่รู้สิ

“ว่าไงครับ” ผมตอบพลางใช้สบู่เหลวถูตามแก้มกับกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่เลอะอ้วก

“ธารไม่อยากเลิกกับพี่กฤษ ธารขอโทษที่บอกเลิกพี่ เรากลับมาคบกันนะ...ธารจะยอมพี่กฤษทุกอย่างเลย”
   
“ยอมอะไรล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย
   
“ยอม...ยอมให้พี่กฤษทำอะไรก็ได้” พูดเสียงอ้อแอ้จบก็ยกหัวขึ้นมาจุ๊บเข้าที่แก้มผม ตามด้วยดูดจ๊วบที่ลำคอจนเสียงดังสะท้อนในห้องน้ำแคบๆ
   
ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวธารเหลืออยู่แค่กางชั้นในสีขาวตัวเดียว ซึ่งผมระวังอย่างถึงที่สุดไม่ให้มันเปียก แต่ถ้าเขายังไม่หยุดลวนลามผมล่ะก็ ไม่แน่ว่ามันอาจจะต้องเปียกเพราะอย่าง...   

เห็นธารตอนสวมเสื้อผ้าผมก็ไม่นึกหรอกว่าหุ่นเขาจะน่าฟัดขนาดนี้ เด็กผู้ชายอายุยังไม่ถึงสิบห้า ตัวผอมๆ ยกอุ้มได้สบาย น่าจะหนักไม่เกินห้าสิบกิโลฯ ผมคิดว่าพอถอดเสื้อผ้าออกมาคงผอมเก้งก้าง หนังติดกระดูก เห็นซี่โครงเป็นซี่ๆ แต่ที่จริงแล้วมันตรงกันข้าม

ผิวของธารสวยมาก ขาวเนียนไปทั้งตัว ไม่มีขนสักเส้น ขาเรียวเล็กอย่างกับผู้หญิง มีเนื้อมีหนังพอให้นุ่มนิ่ม ไม่ได้ผอมมากอย่างที่คิด อาจจะเพราะเขายังเด็ก โตช้ากว่าวัยเลยยังไม่มีกล้ามเนื้อตามแขนหรือไหล่อยากพวกวัยเดียวกัน แต่บอกตามตรง...ใครมาเป็นผมตอนนี้คงยากที่จะห้ามใจตัวเองไหว

ที่สำคัญ...ไอ้จุดสีแดงอมชมพูสองจุดตัดกับผิวขาวๆ บนหน้าอกของธารนี่มันล่อตาล่อใจเสียจริงๆ
   
“พี่ไม่ใช่พี่กฤษครับ” ผมพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน ท่องเอาไว้ในใจว่าน้องยังเด็ก ถ้าเกิดอะไรขึ้นพ่อแม่ของน้องเขาจะต้องเสียใจ ยิ่งไปกว่านั้น...คดีพรากผู้เยาว์ติดคุกหัวโตเลยนะ
   
“พี่กฤษ ฮือ ฮือๆ”
   
“พี่ชื่อติณครับ”
   
ผมกดปิดน้ำแล้วอุ้มธารขึ้นจากอ่าง พาออกไปวางบนโซฟาในห้องรับแขก แต่เด็กมันยังไม่วายคว้าหมับเข้าที่คอของผมแล้วซุกหน้าเข้ากับแผงอก กลิ่นหอมอ่อนๆ จากสบู่กับผิวนุ่มนิ่มที่คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อสูดกลิ่นนั้นเข้าจมูก
   
“อยู่กับธารนะพี่กฤษ อย่าทิ้งธารนะ”
   
ลมหายใจของผมขาดห้วง อย่างที่บอก...ผมรู้สึกผูกพันกับธาร รู้สึกดีด้วยทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก และผมก็ยังไม่เคยอยู่ใกล้ใครแล้วหวั่นไหวได้เท่านี้มาก่อน

นี่มันก็หลายเดือนมาแล้วที่ผมไม่ได้มีเซ็กส์เพราะมัวแต่ยุ่งกับการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว...ผมคงห่างหายเรื่องนี้นานเกินไป พอมีอะไรมาล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า เลยขาดการยับยั้งชั่งใจ
   
“งั้นพี่ขอค่าเหนื่อยหน่อยแล้วกัน” ผมกระซิบบอกข้างใบหูเล็กๆ ขบเม้มติ่งหูของธารเบาๆ แล้วเลื่อนริมฝีปากมากดจูบที่ลำคอ ดูดดุนผิวของเขาจนเกิดเสียงดัง ขณะเดียวกันฝ่ามือของผมก็ลูบไล้ไปทั่วผิวกายขาวนวลเนียน
   
“ฮ...อือ” ธารสงเสียงครางเครือเมื่อปลายนิ้วของผมปัดผ่านตุ่มไตเล็กๆ บนหน้าอกแบนราบ เขาแอ่นหน้าอกรับสัมผัสของผมอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเราเบียดชิดเข้าหากัน อุณหภูมิในตัวก็ยิ่งพุ่งสูง เสียงดูดดุนผิวเนื้อและเสียงครางเครือหวานหูทำเอาสติของผมเตลิดเปิดเปิง
   
“แด๊ดดี้ ทำอะไรฮะ”
   
ผมสะดุ้งสุดตัว ผละตัวออกจากร่างขาวโพลนในอ้อมแขนแล้วหันไปมองเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ยืนขยี้ตาอยู่ตรงชานบันได มือข้างหนึ่งของน้องตุลย์กำแขนตุ๊กตาเท็ดดี้ ลากเพื่อนตัวนุ่มนิ่มมากับพื้นขณะเดินเตาะแตะเข้ามาหา
   
“น้องตุลย์ยังไม่นอนเหรอครับ” ผมรีบลุกไปหาลูก แล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นจากพื้น
   
“ตุลย์ตื่นเพราะปวดฉี่ฮะ แต่ตุลย์คิดถึงแด๊ดดี้เลยลงมาดูว่าแด๊ดดี้กลับมารึยัง” น้องตุลย์ชี้นิ้วป้อมๆ ไปที่เด็กหนุ่มบนโซฟา ถามเสียงงัวเงียว่า “นั่นใครฮะ”
   
“เพื่อนแด๊ดดี้เองครับ” ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูในห้องน้ำมาคลุมตัวเปลือยเปล่าของธารไว้ ก่อนจะพาน้องตุลย์ขึ้นไปบนชั้นสอง “เข้านอนดีกว่าเนอะ ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเล่นกับพี่ธาร” ผมบอกน้องตุลย์ยิ้มๆ
   
ไว้กล่อมเจ้าตัวเล็กหลับแล้ว ค่อยมาจัดการเด็กอีกคนต่อ...   

[End Atin’s Part]



   
06:15 A.M.
   
@Atin’ House
   
ตุบ...ตุบ...ตุบ...
   
อะไรบางอย่างที่ค่อนข้างนุ่มนิ่มทุบลงบนใบหน้าของผม มันทำให้ผมรำคาญจนต้องข่มความง่วงนอนแล้วยกแขนอ่อนเปลี้ยของตัวเองเพื่อปัดมันออก ทว่าสิ่งนั้นกลับเปลี่ยนตำแหน่งมาทุบอยู่บนหน้าท้องของผมแทน สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว เผยอเปลือกตาขึ้นดู ความรู้สึกต่อมาที่รับรู้คืออาการปวดหัวตุบๆ ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่ผมจะตั้งสติให้มั่นคงและมองสำรวจรอบด้านได้
   
ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟา ในห้องรับแขกขนาดกลางที่ตกแต่งอย่างโมเดิร์น แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่...ที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม พอก้มต่ำลงมองบนหน้าท้องของตัวเองก็เห็นว่าตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ขนสีน้ำตาลเข้มนอนเอ้งเม้งอยู่บนนั้น ก่อนหน้านี้คงมีใครบางคนใช้มันทุบผมเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น
   
“น้องตุลย์ ไม่แกล้งพี่นะครับ มาหาพ่อนี่มา”
   
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นไม่ไกลนักทำให้ผมต้องชะโงกหัวขึ้นมอง แต่ก่อนที่ผมจะเห็นเจ้าของเสียงพูดนั้น ตาของผมก็เหลือบเห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนบนหัวทุยๆ เสียก่อน
   
“เฮ้ย!” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำเอาร่างเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างโซฟาสะดุ้งโหยง
   
เด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวจั๊วน่าหยิก บ่งบอกความก้ำกึ่งระหว่างเชื้อชาติ จ้องมองผมด้วยดวงตากลมป๋องยังกับลูกแก้ว ก่อนจะตะโกนบอกใครสักคนด้วยน้ำเสียงเล็กๆ น่ารักว่า “แด๊ดดี้ พี่เขาตื่นแล้ว”
   
“แด๊ดดี้บอกแล้วว่าห้ามแกล้งพี่เขาไงครับ”

แขนแข็งแรงคู่หนึ่งยกเด็กชายขึ้นจากพื้น ผมเงยหน้ามองตามก็เห็นว่าเจ้าของแขนคู่นั้นคือชายหนุ่มหน้าตาดี อายุน่าจะยี่สิบปลายๆ ถึงสามสิบต้นๆ มีหนวดเคราจางๆ บริเวณคางและเหนือริมฝีปากกำลังส่งยิ้มมาให้ เขาเปลือยท่อนบน สวมเพียงกางเกงนอนลายทางตัวเดียว อวดกล้ามแขนกับกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวยที่ผู้ชายคนไหนเห็นก็ต้องอิจฉา
   
หน้าของผมร้านฉ่า...ตอนนี้แก้มคงแดงลามไปถึงใบหู

ยอมรับตามตรงว่าผมรู้รสนิยมของตัวเองและเริ่มมองผู้ชายด้วยกันตั้งแต่อายุสิบสอง จึงไม่แปลกที่ผมจะรู้สึกเขินกับผู้ชายด้วยกัน จะว่าผมแก่แดดก็ได้ ส่วนหนึ่งคงเพราะผมไอคิวสูงกว่าเด็กทั่วไป อายุสิบสองก็สอบเทียบเข้าเรียนมัธยมปลาย ตอนนี้ผมจึงเรียนอยู่เกรดสิบเอ็ด (ม.ห้า) เพื่อนๆ ที่สนิทกันส่วนใหญ่ก็มีแต่คนอายุมากกว่าทั้งนั้น นี่คือเหตุผลที่ผมมีความคิดที่โตกว่าเด็กวัยเดียวกัน และมีแฟนตั้งแต่อายุยังน้อย
   
“ตุลย์ขอโทษ” เด็กชายคนนั้นกอดคอ ‘แด๊ดดี้’ ก่อนจะมองมาทางผมแล้วพูดเสียงหงุงหงิงอยู่ในคอ
   
น่ารักจัง...
   
“ไงเรา หิวรึเปล่า”
   
“ที่นี่ที่ไหน แล้วผ...ผม มาอยู่ที่นี่ได้ไงครับ” แทนที่จะตอบคำถามของเขา ผมดันถามกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ยังมึนๆ งงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า ทั้งหัวยังปวดตุบๆ ไม่หาย
   
“บ้านพี่เองครับ เมื่อคืนเราเมาจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ พี่เลยพามานอนที่นี่”
   
“ผมสร้างปัญหาอะไรรึเปล่าครับ” ผมพยายามนึกแต่ก็จำได้แค่ลางๆ ว่าถูกพาขึ้นรถมา
   
“นิดหน่อยครับ” ผู้ชายตรงหน้าหัวเราะอารมณ์ดี “อ้วกใส่พี่ซะเหม็นคลุ้ง พี่เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา” เขาพูดต่อ
   
ผมก้มลงมองตัวเองจึงเห็นว่าเสื้อที่สวมอยู่มันเป็นเสื้อยืดที่หลวมโพรกกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นไซส์ใหญ่เกินตัว ส่วนผ้านวมสีขาวที่คอยให้ความอบอุ่นผมทั้งคืนร่วงตกอยู่ข้างโซฟา “เอ่อ...” ผมดึงกางเกงที่สวมอยู่อย่างอึ้งๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจนิดหน่อยที่เอาบ็อกเซอร์คนอื่นมาใส่ทั้งที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรก
   
“ไม่ต้องห่วง ตัวนั้นพี่ยังไม่เคยใช้” พี่เขาหัวเราะขำ ดูเป็นคนอารมณ์ดี อัธยาศัยดี แถมยังใจดีแบกเด็กผู้ชายเมาแอ๋อย่างผมกลับมาด้วย
   
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ ผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่เคยใช้แทนเตียงเมื่อคืน ก่อนจะหยิบตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ยื่นให้เด็กชายในอ้อมกอดของพี่ชายใจดี “ผมชื่อธารนะครับ พี่ชื่ออะไรเหรอ ผมขอเบอร์ไว้ได้รึเปล่า อยากจะเลี้ยงข้าวตอบแทนสักมื้อ”

ผมหยิบ iPhone สีดำของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟามากดปลดล็อค แต่ก็ต้องตกใจกับร้อยยี่สิบสายไม่ได้รับจากพ่อ...พ่ออาจจะโทรมาเช็คตามปกติ ไว้ถึงบ้านแล้วค่อยโทรกลับละกัน

ตอนนี้พ่อกับแม่ของผมคงอยู่ในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทที่ฝรั่งเศส และเพราะพวกท่านไม่อยู่บ้านผมถึงออกไปตะลอนๆ เที่ยวกลางคืนได้

“พี่ชื่ออติณครับ เรียกพี่ติณเฉยๆ ก็ได้ ส่วนคนนี้ชื่อน้องตุลย์ ลูกชายพี่เอง” พี่ติณยีหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู “เบอร์พี่ 095XXXXXXX แต่ไม่ต้องเลี้ยงข้าวตอบแทนอะไรหรอก มีปัญหาหรือเบื่อๆ ก็โทรมาได้”

ผมเม็มเบอร์ของพี่ติณอย่างรวดเร็วพลางพูดว่า “ไว้ยังไงผมจะโทรมานะครับ งั้นผมกลับเลยดีกว่า จะได้ไม่รบกวนพี่ด้วย” หลังจากเม็มเบอร์เสร็จผมก็เงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ ยิ้มให้เด็กชายอายุประมาณสามขวบที่กำลังมองผมตาแป๋ว   

“เสื้อกับกางเกงพี่ซักให้แล้วนะครับ” พี่ติณชี้ไปบนโต๊ะที่มีเสื้อกับกางเกงของผมพับวางไว้ “แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ผ้าเช็ดตัวพี่เตรียมไว้ให้ในห้องน้ำแล้ว หยิบใช้ได้ตามสะดวก” 
   
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง แล้วคว้าเสื้อกับกางเกงของตัวเองขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเดินไปตามทางที่พี่ติณบอก บ้านหลังนี้น่าอยู่มากทีเดียว มันไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอย่างคฤหาสน์ แต่ก็เป็นระเบียบและดูอบอุ่น คุณแม่ของน้องตุลย์คงดูแลที่นี่อย่างดี นอกจากนี้ดูจากเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้านแล้ว พี่ติณคงค่อนข้างมีฐานะ เพราะทุกอย่างราคาแพงระยับ
   
ผมก้าวเข้าไปในห้องน้ำสำหรับแขก หน้ากระจกบานใหญ่ติดผนังมีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าสีขาว บนนั้นวางแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมกับยาสีฟันที่ยังอยู่ในกล่องเอาไว้ ข้างๆ กันมีผ้าขนหนูผืนเล็กกับผืนใหญ่พับซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ
   
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เท้ามือกับอ่างล้างหน้า ยืนมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างเลื่อนลอย
   
สภาพของผมดูไม่จืดเลย ผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้นยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ขอบตาดำคล้ำคงเพราะนอนดึกกว่าทุกที ใบหน้าซีดเซียวทำให้ผิวที่ขาวจัดอยู่แล้วดูซีดเข้าไปอีก แม้ว่าโดยภาพรวมผมจะเป็นเด็กผู้ชายที่ดูดีสมวัยคนหนึ่ง (สังเกตได้จากเด็กผู้หญิงมัธยมที่เข้ามาจีบ) แต่ส่วนสูงน้อยไปนิด อาจเพราะว่าผมยังไม่เป็นหนุ่มเต็มตัว ตอนนี้เลยสูงแค่ร้อยหกสิบสองเซ็นฯ ตัวเล็กแถมยังผอม
   
ถ้าผมโตกว่านี้ หล่อกว่านี้ มีกล้ามและดูดีอย่างเด็กมหาลัยพี่กฤษอาจจะไม่นอกใจผมก็ได้...
   
ไม่สิ...ต่อให้ผมดูดีแค่ไหน ถ้าผมไม่ยอมมี ‘เซ็กส์’ กับเขา เขาก็คงนอกใจผมอยู่ดี หรือไม่แน่ ถ้าผมยอมไปตั้งแต่แรก...ผมอาจจะโดนเขี่ยทิ้งตั้งแต่เดือนแรกที่คบกันก็ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่กฤษเป็นคนเจ้าชู้ แต่ผมก็ยังรักเขา เพราะเห็นหน้าเขาทีไรแล้วพาลให้ผมคิดถึงใครอีกคนทุกที
   
ความจริงที่ว่าเราเลิกกันแล้ว และผมเป็นคนบอกเลิกเขาเองทำให้ผมเศร้าหนักกว่าเดิม ถ้าได้เห็นเขาอีกครั้งผมไม่แน่ใจเลยว่าจะทำใจเดินจากมาได้
   
ซ่า...
   
ผมเปิดน้ำสุดแรงแล้ววกขึ้นล่างหน้า ตัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แปรงฟันอย่างลวกๆ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ แต่ภาพสะท้อนในกระจกกลับทำให้ผมชะงัก มองรอยจ้ำแดงสามจุดบนลำคอกับอีกสองจุดบนหน้าอกอย่างสงสัย
   
จะว่าเป็นรอยคิสมาร์กก็คงไม่ใช่ เพราะจำไม่ได้ว่าไปถูกใครจูบเอาตอนไหน อาจจะแค่ยุงกัดล่ะมั้ง
   
ผมหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมอย่างไม่คิดอะไรมาก ก่อนเปิดประตูออกจากห้องน้ำ

Pie2Na
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [Chapter 2]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 10-11-2015 21:17:44
Chapter 2
ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง...กับคุณพ่อที่รัก


(http://www.mx7.com/i/eb6/8YgJu0.jpg)


08: 24 A.M.

@Than’s House
   
“ธาร”
   
ผมที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นจากห้องรับแขก เมื่อหันไปก็เห็นพ่อนั่งอยู่บนโซฟา ท่าทางดูเพลียๆ แถมขอบตายังดำคล้ำเหมือนพักผ่อนไม่พอ

พ่อของผมชื่อ ตะวัน อายุสามสิบเจ็ดปีแล้วแต่ยังดูดีและอ่อนกว่าวัยมาก มาดสุขุมเพราะสวมแว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมไว้แทบตลอดเวลา จะเห็นถอดออกบ้างก็ตอนนอนเท่านั้น เส้นผมและดวงตาของพ่อเป็นสีดำสนิทต่างจากของผมที่เป็นสีน้ำตาลอ่อน อันที่จริงผมดูไม่เหมือนทั้งพ่อและแม่ บรรพบุรุษก็ไม่มีใครมาจากฝั่งยุโรปเลยสักคน...
   
“เอ่อ...ทำไมกลับมาเร็วจังครับ ไหนบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง” 

“เมื่อคืนไปไหนมา” พ่อไม่ตอบแต่กลับซักผมแทน
   
“ธาร...ไปนอนค้างบ้านเพื่อนมาครับ ก็ไม่มีใครอยู่บ้านนี่นา ธารก็เบื่อสิ” ปกติผมไปนอนค้างบ้านเพื่อนไม่บ่อยนัก จะมีบ้างก็ช่วงสอบหรือมีรายงานที่ต้องรีบส่ง คำแก้ตัวของผมเลยฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่

“เพื่อนคนไหน ทำไมพ่อโทรไปถามเพื่อนเราแล้วไม่มีใครรู้ว่าเราไปไหน” พ่อลุกจากโซฟาเดินมาหาด้วยสีหน้านิ่งๆ แบบที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น
   
“พ่อไม่ได้มีเบอร์เพื่อนของธารทุกคนสักหน่อย” ผมพยายามจ้องหน้าพ่อเพื่อให้เขาเชื่อว่าผมไม่ได้โกหก
   
“แล้วทำไมถึงไม่รับสายพ่อครับ”
   
“ธารลืมเปิดเสียงมือถือน่ะครับ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเพลียๆ รู้สึกปวดหัวตุบๆ “ว่าแต่พ่อเถอะ ทำไมกลับมาเร็วจัง ไหนบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง”
   
“พ่อรีบกลับมาก่อน ตั้งใจจะมาเซอร์ไพร์วันเกิดเราให้ทันก่อนเที่ยงคืนไง”
   
นึกถึงสายไม่ได้รับร้อยกว่าสายแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ดูจากสภาพอิดโรยของพ่อ พ่อคงยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน...
   
“แล้ววันนี้เราไม่ไปเรียนเหรอ”
   
“ธารปวดหัวน่ะครับ รู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ เลยกะจะโดดเรียนสักหน่อย”

ผมไม่ใช่คนที่จริงจังกับการเรียนมากนัก โรงเรียนเป็นที่ๆ น่าเบื่อสำหรับผม สิ่งที่อาจารย์สอนส่วนใหญ่ผมก็อ่านเองไปล่วงหน้าก่อนแล้ว พ่อเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็นและไม่เคยบังคับในเรื่องนี้
   
“ไม่สบายเหรอ” พ่อยกฝ่ามือทาบหน้าผากของผม มองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ตัวร้อนจริงๆ ด้วย ไปหาหมอดีไหมครับ”
   
“ไม่เอาดีกว่าครับ ธารอยากพัก”
   
“งั้นธารไปรอพ่อที่ห้องนอนนะครับ เดี๋ยวพ่อบอกแม่บ้านให้เตรียมข้าวต้มกับยาแล้วจะตามขึ้นไปเช็ดตัวให้ ห้ามอาบน้ำล่ะ เดี๋ยวจะไข้หนักกว่าเดิม” พ่อลูบหัวผมเบาๆ อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

จริงๆ จะว่าพ่อเลี้ยงผมอย่างไข่ในหินก็ไม่เชิง แม้ว่าผมจะโตแล้วแต่พ่อก็ยังไปรับไปส่งผมที่โรงเรียนเองแทบทุกวัน โทรหาเช้าเย็นเพื่อเช็กว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่ในทางตรงกันข้ามพ่อก็ให้อิสระทางความคิด ให้ผมได้ตัดสินใจเองในทุกๆ เรื่อง พูดจากับผมด้วยเหตุผล พ่อรู้ว่าควรจะทำยังไงให้เด็กดื้ออย่างผมเชื่อฟัง เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งผมจึงสนิทกับพ่อมากกว่าแม่
   
“ธารขอโทษนะครับที่ไม่ได้รับสาย แล้วก็ไม่ได้กลับมาฉลองวันเกิดกับพ่อ”
   
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไว้เย็นๆ มาเป่าเค้กกัน ช้าไปสักหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่ได้เป่านะ”
   
“ครับ” ผมผละจากพ่อ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนบนชั้นสอง


   
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง เหนียวตัวจนอยากอาบน้ำเต็มที แต่ก็ไม่อยากโดนพ่อดุ เลยหยิบมือถือขึ้นมาเช็ค Facebook พลางๆ ระหว่างรอพ่อขึ้นมาเช็ดตัวให้ บนหน้าวอลมีคนมาโพสต์อวยพรวันเกิดเต็มไปหมดทั้งที่ผมตั้งค่าวันเดือนปีเกิดแบบ Only Me และอีกหลายคนที่ส่งมาอวยพรทางข้อความ แต่ผมเลือกตอบเฉพาะเพื่อนสนิท
   
ผมเข้าไปอ่านข้อความที่ถูกทิ้งไว้ในแชทกลุ่ม เพื่อนสนิททั้งสามคนของผมมันพูดตัดพ้อกันทำนองว่าผมไม่ยอมพาพวกมันไปเลี้ยงวันเกิด ทำเป็นขี้งอนไปได้ไอ้พวกนี้
   
Thara Than : เมื่อวานอารมณ์ไม่ดีนี่ เลยอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวมากกว่า
   
ทันทีที่ผมพิมพ์ข้อความส่งไปในแชทกลุ่ม เพื่อนสนิทตัวเอ้อย่างไอ้บาส นักบาสเกตบอลของโรงเรียนที่ตัวสูงใหญ่เกินวัยก็ตอบกลับมาทันที
   
Thanapon Bas : ก็เป็นอย่างนี้ทุกที เวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจแทนที่จะมาระบายกับเพื่อน ดันเก็บไว้คนเดียวตลอด บางทีกูก็งงพวกเด็กฉลาดว่ะ
   
Thara Than : มึงงอนกูป่ะเนี่ย แล้วนี่แอบเล่นมือถือในห้องเรียน?
   
Thanapon Bas : เออ มึงเหอะทำไมไม่มาเรียน โดดบ่อยจริงนะ สงสารคนต้องปลอมใบลาป่วยให้มึงบ้างเหอะ
   
Thara Than : รอบนี้กูป่วยจริงๆ ขอบคุณมากที่ช่วยปลอมใบลาป่วยให้ 
   
Thanapon Bas : จริงดิ?
   
Thara Than : จริงๆ
   
Thanapon Bas : เออ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้กูไปเยี่ยม
   
Thara Than : ไม่เป็นไรหรอก ลำบากเปล่าๆ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่โรงเรียนทีเดียว ไว้เลิกเรียนแล้วจะพาไปเลี้ยงวันเกิดย้อนหลัง
   
บาสส่งสติ๊กเกอร์กระตายกำหมัดไฟลุกโชนมาให้ ยังไม่ทันที่ผมจะส่งข้อความตอบกลับ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พ่อเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอลูมิเนียมในมือ บนนั้นมีกะละมังใบเล็กกับผ้าขนหนูสีขาวพับซ้อนทับกันสองผืน พ่อวางถาดลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม
   
“เล่นมือถือเดี๋ยวก็ปวดหัวหนักกว่าเดิมหรอก”

“ไม่เล่นแล้วครับ” ผมบอกยิ้มๆ แล้ววางมือถือลงบนเตียง

“จะเช็ดตัวเลยไหม หรือจะกินข้าวกินยาก่อน” จบประโยคนี้ ป้าแม่บ้านก็เข้ามาในห้องพอดี แกวางถาดที่มีทั้งน้ำ ข้าวต้ม และยาลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ

“กินข้าวก่อนดีกว่าครับ ธารหิวจะแย่” ผมลูบท้องตัวเอง ทำหน้าอ้อนๆ

พ่อยิ้มขำแล้วหันไปหยิบถ้วยข้าวต้มมาป้อน โดยไม่ลืมที่จะเป่าให้เย็นลงก่อนทุกครั้งที่จะส่งช้อนเข้าปากผม

คงไม่มีลูกชายครอบครัวไหนสนิทกับพ่อเท่านี้ ส่วนใหญ่พอเริ่มเป็นวัยรุ่น เด็กผู้ชายก็เลิกนอนเตียงเดียวกับพ่อแม่ ถึงผมจะแยกห้องนอนกับพ่อแม่ตั้งแต่ประถม แต่พอผมอายุได้สิบเอ็ดปีแล้วต้องเปลี่ยนเตียงนอนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์สำหรับผู้ใหญ่ เกือบทุกคืนหลังแม่หลับไปแล้ว พ่อก็มักจะมานอนกับผมบ่อยๆ ในห้องนี้ เข้ามาตอนกลางดึกแล้วออกไปก่อนฟ้าสว่าง

ผมกับพ่อ...เรา ‘สนิท’ กันเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้

หลายๆ อย่างที่พ่อทำให้มันมากกว่าที่พ่อของครอบครัวอื่นทำให้กับลูกผู้ชาย จนบางครั้งผมก็อึดอัดและสงสัย แต่เพราะผมรักพ่อมากจึงปล่อยความสงสัยนั้นผ่านไป เพราะไม่อยากผิดหวังหรือเสียใจหากรู้คำตอบ...

หลังจากกินข้าวต้มกับยาเสร็จ พ่อก็เดินเข้าห้องน้ำไปเปิดน้ำใส่อ่างเตรียมเช็ดตัวให้ผม ระหว่างรอผมก็ถอดเสื้อยืดพลางๆ ด้วยความขี้เกียจกระดิกตัวจัดเลยวางแหมะไว้ตรงข้างเตียงรอป้าแม่บ้านมาเก็บ แต่กลายเป็นว่าพ่อเดินมาเหยียบเข้าเลยเอาไปเก็บให้

“มื้อเที่ยงอยากกินอะไรครับ พ่อจะได้บอกแม่บ้านให้” พ่อใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุมน้ำในอ่าง บิดหมาดๆ แล้วเอามาเช็ดหน้าให้ผม

“นึกไม่ออกอะ แล้วแต่พ่อเลย”

“.....” พ่อชะงักมือ มองผมด้วยสีหน้าเครียดๆ

“มีอะไรเหรอครับ” ผมขมวดคิ้วถามงงๆ

“คอกับหน้าอกไปโดนอะไรมา”

“หือ...มดหรือแมลงต่อยมั้งครับ” ผมก้มลงมองก็เห็นรอยจ้ำแดงเด่นชัดบนผิวขาวซีดของตัวเอง

“ธารโกหกพ่อมากี่ครั้งแล้ว เรื่องอื่นพ่อไม่ว่า แต่เรื่องนี้พ่อรับไม่ได้”

ผมคิดถูกจริงๆ ที่ปิดพ่อเรื่องพี่กฤษ แค่มีรอยแดงที่คอยังโดนซักขนาดนี้ ถ้าเกิดรู้ว่าผมมีแฟนแถมยังเป็นผู้ชาย พ่อคงผิดหวังในตัวผมมาก

“พ่อครับ ธารไม่ได้ทำอะไรไม่ดีมาจริงๆ นะ ตื่นมารอยพวกนี้มันก็อยู่บนตัวธารแล้ว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ ยาแก้ปวดลดไข้ที่เพิ่งกินเข้าไปทำให้ผมเริ่มง่วงนอน

“เอาเถอะ ถ้าไม่มีอะไรเกินเลยก็ดีแล้ว” พ่อดึงผมเข้าไปกอด ลูบหลังผมอย่างปลอบโยน “พ่อเป็นห่วงธาร ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องลูกของพ่อ ต่อไปอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกได้รึเปล่า”
   
นี่พ่อยังคิดว่ามันเป็นรอยคิสมาร์ก? แต่จะว่าไปรอยจ้ำแดงบนคอกับหน้าอกของผมก็ดูไม่เหมือนรอยแมลงต่อยจริงๆ นั่นล่ะ ตอนเมาอยู่ในผับอาจจะโดนใครจูบเอาก็ได้

“ครับ” ผมรับคำ บอกพ่อเสียงงัวเงีย “ธารง่วงแล้วครับ”

พ่อคลายอ้อมกอดออก แล้วปล่อยให้ผมนอนลงบนเตียง “ฝันดีครับคนดีของพ่อ” พ่อลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะจัดการเช็ดตัวให้ผมต่อ
   
ผมปิดตาลงด้วยความอ่อนล้า ฤทธิ์ยากับอาการป่วยทำให้ผมง่วงราวกับไม่ได้นอนติดกันมาสองคืน ขณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมรับรู้ได้ว่ากางเกงของตัวเองถูกถอดออก รวมถึงกางเกงชั้นในด้วยเพราะมันหวิวๆ ตรงนั้นพิกล รำคาญนิดๆ กับสัมผัสเปียกชื้นจากผ้าขนหนูที่กำลังลูบไล้ไปทั่วตัว
   
จะว่าไปก็เขินพ่ออยู่เหมือนกันนะ เพราะไม่ได้แก้ผ้าให้พ่อเห็นตั้งแต่อายุสิบสองแล้ว แต่ก็ขี้เกียจขยับตัวลุกขึ้นทำเอง เลยหลับต่ออย่างไม่ใส่ใจ

.....

ในความรู้สึกที่ไม่แน่ชัดว่าความฝันหรือความจริง...

ผมรับรู้ได้ถึงสัมผัสหยาบกระด้างแต่อบอุ่นที่ลูบไล้อยู่ที่ต้นขาด้านใน สัมผัสนั้นลากไล้ขึ้นมายังกึ่งกลางร่างกาย กอบกุมส่วนสำคัญของผมไว้ แล้วรูดรั้งขึ้นลงเบาๆ สร้างความรู้สึกวาบหวิวในช่องท่อง

“พ่อรักธารนะ” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยกระซิบบอกผมที่ข้างหู
   
“ผมก็รักพ่อครับ” ผมกระซิบตอบกลับ พยายามปรือตาขึ้นมอง แต่หนังตาก็หนักอึ้งจนยากที่จะลืมตื่น
   
ภาพพร่าเลือนในหัวเริ่มเด่นชัดมากขึ้น ผมกำลังนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ใครบางคนโอบกอดผมมาจากด้านหลัง แผงอกกำยำแหละหน้าท้องแข็งเกร็งใต้เนื้อผ้าบางเบาเบียดชิดอยู่กับแผ่นหลังบอบบางของผม กลิ่นน้ำหอมจางๆ คุ้นจมูกทำให้ผมต้องแหงนหน้าขึ้นซุกเข้าหาซอกคอของเขา ร่างกายของผมร้อนผ่าวจนแทบทะลาย
   
“ฮ...อื้อ” ผมส่งเสียงครางเครือในลำคอเมื่อฝ่ามือแข็งกระด้างรูดรั้งส่วนอ่อนไหวอย่างหนักหน่วง ผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังเสียดสีอยู่กับบางอย่างที่ร่อนรุ่มพอๆ กัน เสียงเฉอะแฉะดังเป็นจังหวะตามแรงรูดขึ้นลง ฝ่ามืออีกข้างของใครคนนั้นลูบไล้อยู่ที่หน้าอก ปัดผ่านยอดอกที่กำลังชูชันสร้างความเสียวซ่านจนผมต้องบิดตัวไปมา
   
“ม...ไม่ไหว...ธารไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเสียงสั่นพร่า กำผ้าปูที่นอนจนยับยู่
   
ฝ่ามือที่กำลังลูบไล้แผ่นอกของผมผละอก ก่อนจะสอดเข้ามาใต้ข้อพับขา แยกขาของผมข้างหนึ่งให้อ้าออกกว้าง ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างรูดรั้งส่วนอ่อนไหวเร็วขึ้นกว่าเดิมจนผมร้องครางเสียงขาดห้วง
   
“ฮ...อา...อื้อ” ผมเอื้อมมือลงไปเบื้องล่างคว้าฝ่ามือข้างนั้นไว้ หวังจะให้มันผ่อนแรงลงแต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย ฝ่ามือข้างนั้นใหญ่โตและแข็งแกร่งจนกอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้ในอุ้งมือทั้งหมด สัมผัสที่ได้รับบอกผมว่าบางส่วนของพวกเราทั้งสองกำลังเสียดสีกันอยู่ในอุ้งมือของเขา จังหวะเร็วแรงหนักหน่วงที่ขยับขึ้นลงทำให้ผมต้องจิกเล็บลงบนหลังมือของเขาเพื่อระบายความเสียบวาบเบื้องล่าง
   
“เด็กดีของพ่อ...”
   
“พ...พ่อ...ฮ...อื้อ” ผมบิดตัวไปมาอย่างทรมาน ซบหน้าลงกับหมอน หลับตาแน่นเมื่ออารมณ์ถูกปลุกปั่นมาถึงจุดสูงสุด “อ๊าาา...” ผมร้องครางหวานหูเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมๆ กับที่ของเหลวเหนอะหนะพุ่งออกมาจากร่างกาย ฝ่ามือข้างนั้นรูดรั้งเป็นจังหวะเนิบนาบติดกันอีกสามสี่ครั้งก่อนจะหยุดลง
   
ร่างกายของผมสั่นสะท้านเล็กน้อย แผ่นอกขยับขึ้นลงตามแรงหอบ รู้สึกได้ถึงความชื้นที่ขมับจากเม็ดเหงื่อที่ผุดพราย
   
“พ่อรักธารนะครับ”
   
ผมพยักหน้ารับรู้กับเสียงหอบกระเส่าที่กระซิบบอก ปล่อยให้ความมืดมิดค่อยๆ เข้ามาแทนที่ภาพความฝันวาบหวิว...
   
..... 
   
ผมสะลึมสะลือตื่นแล้วพบว่าตัวเองนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง สวมเสื้อผ้าชุดใหม่สบายตัวและถูกห่มผ้านวมถึงอก ความรู้สึกเหนอะหนะที่หน้าผากทำให้ผมต้องยกมือขึ้นไปดึงแผ่นเจลลดไข้ออกอย่างเกียจคร้าน อารมณ์คั่งค้างจากความฝันที่เลือนรางพาให้ร่างกายของผมร้อนรุ่ม
   
ธรรมดาของเด็กผู้ชายอายุสิบสี่ปีที่เพิ่งอย่างเข้าสู่วัยรุ่นแล้วอารมณ์จะพลุ่งพล่านกว่าปกติ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก...ผมเริ่มทำมันตั้งแต่อายุสิบสาม เพราะพวกเพื่อนม.ปลายในแก๊งดันเอาคลิปโป๊มาเผยแพร่...
   
ผมสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่ม พริ้มตาหลับจินตนาการถึงร่างกายแข็งแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อที่กอดกระหวัดตัวเองจากทางด้านหลัง มือข้างหนึ่งของผมถลกเสื้อยืดของตัวเองขึ้นไปกองบนหน้าอก ลูบไล้แผงอกเปลือยเปล่าปลุกเร้าอารมณ์วาบหวิว ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกางเกง กอบกุมแก่นกายของตัวเองไว้ในอุ้งมือแล้วเริ่มขยับรูดรั้ง
   
“ฮ...อื้อ...” ผมกัดปาก ส่งเสียงครางปนเปไปกับเสียงเปียกแฉะเป็นจังหวะที่ดังมาจากใต้ผ้านวม คิดไปว่ามือที่กำลังกอบกุมแก่นกายของตัวเองอยู่คือฝ่ามือที่ทั้งใหญ่และหยาบกระด้างอย่างในความฝัน ภาพใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ของนายแบบที่ผมชอบปรากฏขึ้นในหัว
   
“เร็วอีก...อา...” ผมส่งเสียเร่งเร้ากับคนในจินตนาการ ขยับฝ่ามือเป็นจังหวะที่กระชั้นขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มือเค้นคลึงที่ส่วนปลายเพิ่มความเสียวซ่าน
   
แรงยวบของที่นอนและอ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนที่รวบเอวผมเข้าไปกอดจากข้างหลัง ทำให้ฝ่ามือที่กำลังรูดรั้งส่วนนั้นของตัวเองชะงักค้าง ผมตกใจจนเกร็งไปทั้งตัว ค่อยๆ เหลียวกลับไปมองคนที่กำลังกอดผมเอาไว้แน่น
   
โชคดีที่พ่อยังหลับอยู่...
   
ผมหันกลับมา ค่อยๆ ดึงมือออกจากกางเกงอย่างระมัดระวังกลัวว่าถ้าขยับตัวมากไปจะทำให้พ่อตื่น แต่คงเพราะพ่อละเมอถึงได้จับแขนข้างนั้นของผมไว้ มันจึงยังค้างเติ่งอยู่ในกางเกง แผงอกที่เบียดชิดอยู่กับแผ่นหลังของผมขยับขึ้นลงสม่ำเสมอบ่งบอกว่าพ่อกำลังหลับสนิท
   
คงไม่เป็นไรมั้ง...พ่อคงไม่ตื่นขึ้นมาตอนนี้หรอก...
   
ผมหลับตาลงแล้วเริ่มขยับข้อมืออีกครั้ง อยากจะรีบจัดการกับอารมณ์ที่ค้างเติ่งเมื่อครู่ให้เสร็จๆ ไป ฝ่ามือของผมรูดรั้งแก่นกายขึ้นลงเร็วกว่าเดิม ผมซุกหน้าลงกับหมอน กัดปากเพื่อระบายความวาบหวิวโดยไม่ส่งเสียงร้องครางออกมาเพราะกลัวพ่อจะตื่น ขยับข้อมือถี่กระชั้น จนอารมณ์มาถึงจุดสูงสุด...ปลดปล่อยของเหลวอุ่นๆ ออกมาจากร่างกาย
   
ผมหอบหายใจเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าเหงื่อออกซึมไปทั่วตัว ค่อยๆ แหงนหน้ากลับไปมองทางด้านหลัง เห็นพ่อยังคงหลับสนิทอยู่ก็เบาใจ ฝ่ามือแข็งกระด้างจากการออกกำลังกายที่จับแขนของผมไว้ก่อนหน้านี้คลายออก ก่อนจะขยับขึ้นมารวบเอวของผม ดึงตัวผมเบียดชิดกับร่างกายของพ่อมากขึ้น
   
ว่าแต่...จะเอายังไงกับข้างล่างล่ะทีนี้ เลอะหมดแล้ว...
   
ผมเอื้อมมือข้างที่ไม่ ‘เลอะ’ ไปหยิบทิชชูบนโต๊ะข้างหัวเตียง แต่ติดตรงถูกพ่อกอดไว้เลยเอื้อมหยิบได้ลำบาก ขณะพยายามใช้ปลายนิ้วเกี่ยวกล่องกระดาษทิชชู ฝ่ามือแข็งแกร่งของคนที่เคยนอนหลับสนิทอยู่ทางด้านหลังก็เอื้อมไปดึงทิชชูออกมาจากกล่องสี่ห้าแผ่นก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม
   
ผมนิ่งอึ้ง...พอหันกลับไปมองทางด้านหลังก็เห็นพ่อกำลังส่งยิ้มขำๆ มาให้
   
“พ่อ...ต...ตื่น...ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมถามเสียงตะกุกตะกัก หน้าคงซีดยิ่งกว่ากระดาษ และอีกเดี๋ยวคงแดงก่ำลามไปทั้งคอทั้งหู
   
“สักพักแล้วครับ ตั้งแต่เราเริ่มครางนั่นล่ะ”
   
“พ...พ่อ” ผมเอาหน้าซุกหมอนอย่างอับอาย ไม่รู้จะกล้ามองหน้าพ่ออีกไหม
   
“อายทำไมครับ เรื่องธรรมชาติ” พ่อใช้แขนเท้าคร่อมตัวของผมไว้ แล้วกระซิบกระซาบบอกข้างหู “ให้พ่อช่วยเช็ดไหม เลอะผ้านวมหมดแล้วนะนั่น”
   
“.....”
   
ไม่รอให้ผมอนุญาตพ่อก็ใช้ทิชชูเช็ดมือที่เลอะเทอะของผมจนสะอาด แล้วดึงทิชชูแผ่นใหม่มาเช็ด...ตรงนั้นของผม

“เดี๋ยวผมเช็ดเองครับ” ผมบอกด้วยความตกใจ รีบจับข้อมือของพ่อไว้แต่ก็ช้าไปเพราะมือข้างนั้นล้วงเข้าไปในกางเกงแล้ว ผมจึงได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ รู้สึกแปลกๆ จนอธิบายไม่ถูก ตอนที่พ่อเช็ดตัวให้ผมอาจจะโดนส่วนนั้นด้วยก็ได้ แต่ผมไม่ได้รู้สึกอับอายเท่ากับตอนนี้
   
“ตัวเย็นขึ้นแล้วนะ ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า” พ่อถามขณะลุกออกจากเตียง
   
“ม...ไม่แล้วครับ” ผมมองตามแผ่นหลังของพ่อที่กำลังเดินไปที่มุมห้องเพื่อทิ้งทิชชูลงในถังขยะ พอพ่อหันกลับมาผมก็รีบซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อหลบสายตา
   
“ยังอายอยู่อีกเหรอ” พ่อนั่งลงข้างเตียงแล้วลูบหัวผม “ทำให้ชินสิ จะได้ไม่ต้องอาย”
   
“ไม่ตลกนะครับ” ผมขมวดคิ้วพูด ไม่กล้ามองหน้าพ่อ “พ่อไม่คิดเหรอว่าเราสนิทกันมากเกินไป เรื่องแบบนี้ใครเขาทำกันต่อหน้าพ่อแม่ ครอบครัวอื่นๆ พ่อกับลูกชายไม่ได้สนิทกันขนาดนี้นะครับ”
   
“ธารไม่เห็นต้องไปสนครอบครัวอื่นเลย แต่ละครอบครัวก็มีวิธีเลี้ยงดูลูกในแบบของตัวเอง พ่อก็มีวิธีของพ่อ...พ่ออยากสนิทกับธาร อยากให้ธารไว้ใจพ่อในทุกๆ เรื่อง พ่อถึงได้พยายามเข้าหาเรา และสำหรับพ่อ...ธารยังเป็นเด็กอยู่เสมอนะ”
   
“สักวันธารก็ต้องโต พ่อน่าจะปรับตัวให้ชิน...”
   
“พ่อมีลูกคนเดียวนะธาร พ่อคงทำตัวให้ชินไม่ได้หรอก” พ่อดึงผมเข้าไปกอด
   
พ่อมักพูดจนติดปากว่าผมเป็นลูกชายแค่คนเดียว เพราะพี่ภูคือลูกของแม่กับแฟนเก่า แม่เคยเล่าให้ฟังว่าพ่อเป็นคนอุ้มผมคนแรกในวันที่ผมคลอด เป็นคนป้อนนมเพราะแม่ไม่ชอบให้ดื่มนมจากอก พ่อทำทุกอย่างให้ผมมาโดยตลอด ดูแลผมมาอย่างดีตั้งแต่ผมจำความได้
   
และเพราะผมรักพ่อมากพอๆ กับที่พ่อรักผม ผมจึงเลือกที่จะมองผ่านความสัมพันธ์ที่ ‘ลึกซึ้ง’ เกินกว่าคำว่า ‘พ่อลูก’ ของพวกเราสองคน
   
“บ่ายโมงแล้ว หิวรึยัง”
   
ผมพยักหน้าอยู่กับอกของพ่อ
   
“ให้แม่บ้านยกอาหารขึ้นมาบนห้อง หรือจะลงไปทานข้างล่างดีครับ”
   
“ลงไปทานข้างล่างดีกว่าครับ”
   
พ่อปล่อยผมออกจากอ้อมกอด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วยื่นมือมาให้
   
ผมเอื้อมไปจับมือที่อบอุ่นข้างนั้นเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น แต่ในตอนนั้นเองที่สายตาของผมสะดุดเข้ากับรอยเล็บข่วนบนหลังมือของพ่อ...

   

7: 40 A.M.
   
@GN International School
   
“อย่าลืมดื่มนมหลังมื้อเที่ยงนะครับ” พ่อบอกหลังจากจอดรถเทียบฟุตปาธข้างรั้วโรงเรียน ดึงผมไปหอมแก้มแล้วปลดล็อคประตูรถให้ ถ้าเป็นพ่อคนอื่นๆ คงบอกให้ลูกตั้งใจเรียนแต่พ่อของผมมักจะย้ำเรื่องกินซะมากกว่า พ่อคงกลัวว่าผมจะไม่โต
   
ผมมองพ่อนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อกลับ เพราะไม่อยากให้พ่อคิดว่าผมโตแล้วจะตีตัวออกห่าง ก่อนจะยกมือไหว้ลาแล้วเปิดประตูลงจากรถ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเย็นนี้มีนัดกับเพื่อนเลยชะโงกหัวเข้าไปในรถอีกรอบ

“เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะครับ ธารมีนัดกับเพื่อน”

“ที่ไหนครับ แล้วเสร็จกี่โมง เดี๋ยวพ่อไปรับ”

“ธารยังไม่แน่ใจครับ ไว้ธารนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า ไม่อยากให้พ่อเหนื่อยอะ”

“พ่อไม่เหนื่อยหรอกครับ” พ่อยื่นมือมาขยี้หัวผม “ไว้พ่อโทรหานะ”

“ครับ” ผมปิดประตูรถ ยืนยิ้มโบกมือลาพ่อ แต่พ่อชี้นิ้วไปที่ประตูโรงเรียนเพื่อบอกให้ผมเข้าไปก่อน “โธ่ ธารไม่โดดเรียนหรอกน่า” ผมบ่นพึมพำ แต่พ่อคงอ่านปากออกถึงได้หัวเราะขำแล้วเหยียบคันเร่งขับออกไป

ผมหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงเรียน แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงกำยำ ผิวขาวจัด รูปร่างหน้าตาดียังกับพวกบอยแบนด์เกาหลี กำลังยืนพิงประตูรถสปอร์ตสีดำด้วยท่าทางเบื่อหน่าย นักเรียนและผู้ปกครองที่อยู่หน้าโรงเรียนต่างหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

เขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวคลุมทับด้วยแจ็กเก็ตสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดๆ เข้ารูป สวมแว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมตามแฟชั่นซึ่งปกติไม่ค่อยสวมบ่อยนัก ผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นที่มักจะถูกเซ็ตอย่างดีวันนี้ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง และสุดท้าย...สิ่งที่เด่นชัดในสายตาของผม...จิลเงินที่ติ่งหูซ้ายซึ่งมีอักษรสีดำรูปตัว T สลักอยู่ด้านบน

ผมเผลอยกมือลูบต่างหูที่สวมอยู่...มันเป็นจิลเงินที่สลักรูปตัว K

“ธาร”

ผู้ชายคนนั้นร้องเรียกเมื่อเห็นผม เขารีบเดินเข้ามาหาแต่ผมกลับหันไปอีกทางแล้วเดินหนี สาวเท้าไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกเขาคว้าต้นแขนอย่างแรง ก่อนจะดึงเข้าไปปะทะกับแผงอกแข็งๆ แล้วกอดผมเอาไว้ทั้งตัว

“พี่กฤษ...” ผมเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนแรง
ตั้งแต่โดนผมบอกเลิก พี่กฤษก็ไม่ได้โทรมาเลย ผมคิดว่าเขาจะลืมผมไปแล้วซะอีก...

“ยังโกรธพี่อยู่อีกเหรอ”

“ธารไม่ได้โกรธหรอกครับ ธารเข้าใจ”

“เข้าใจแล้วทำไมถึงต้องเดินหนีพี่ด้วย”

“ธารแค่เหนื่อย...ไม่อยากกลับไปอีกแล้ว” ผมผลักเขาออกห่าง “ปล่อยเถอะครับ นี่มันน่าโรงเรียน ผมไม่อยากให้เพื่อนๆ มาเห็น แล้วรู้ว่าผมเคยคบกับผู้ชาย”

พี่กฤษยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอด แต่กลับจับแขนของผมไว้ยังกับกลัวว่าผมจะหนี “เมื่อคืนพี่ยังไม่ได้นอน” เขาเปลี่ยนเรื่อง มองผมด้วยแววตาเว้าวอน “พี่ลองคิดทบทวนเรื่องของเราพี่ถึงได้รู้ว่าพี่รักธารมากแค่ไหน...พี่ขาดเราไม่ได้...”

ผมฝืนหัวเราะ “คนอย่างพี่กฤษเหรอที่จะขาดผมไม่ได้ รบคบกันแค่ปีเดียว ยังไม่ผูกพันกันขนาดนั้นมั้งครับ”

ผมอาจจะโง่ในเรื่องความรัก รักใครแล้วยกให้ทั้งใจอย่างไม่กลัวเจ็บ แกล้งทำเป็นโง่ให้พี่กฤษหลอกซ้ำๆ ทั้งที่รู้ว่าเขาโกหก ทั้งที่รู้ว่าเขากำลังนอกใจ แต่ผมไม่ใช่คนหัวอ่อนที่จะถูกจูงจมูกได้ง่ายๆ ที่ผมยอมทนมาตลอด ยอมให้หลอกกันก็เพราะ ‘รัก’ คำเดียว
มันอาจเป็นเหตุผลที่ผมคบกับคนอย่างพี่กฤษมาจนครบปี ผมเป็นคนแรกที่เขาควงได้นานที่สุด และเป็นคนแรกที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาก่อน

“นี่มันครั้งที่สามแล้วนะครับ พี่จะให้ธารทนไปจนถึงเมื่อไหร่”

ผมพยายามย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่าพี่กฤษไม่เคยจริงจังกับใคร รวมถึงผมด้วย...

ถ้ากลับไปคบกับเขาอีกก็ไม่รู้ว่าต้องทนเจ็บไปถึงเมื่อไหร่...

จู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา ร้องไห้อีกแล้ว ร้องไห้ต่อหน้าคนที่เขาไม่ได้รักผม ทำให้ตัวเองดูน่าสมเพชเข้าไปทุกที

“ธาร” พี่กฤษเรียกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่ทำให้ผมใจสั่น ถึงสมองจะสั่งให้ผมเลิกรักเขา มีเหตุผลเป็นร้อยข้อที่จะตัดผู้ชายคนนี้ออกจากชีวิต แต่มันกลับห้ามความรู้สึกที่ผมมีให้พี่กฤษไม่ได้
แค่เห็นหน้าเขา ได้ยินเสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อของผม ผมก็ใจอ่อน...

“กลับไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวจะป่วยเอา” น้ำเสียงของผมแฝงความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด และพี่กฤษคงฟังออกเขาถึงได้หลุดยิ้มให้เห็น

“ให้พี่นอนกอดหน่อยสิ ไม่ได้กอดธารพี่คงนอนไม่หลับ”

ผมกัดปากอย่างลังเล แต่พอมืออุ่นๆ ทาบลงบนแก้มของผม ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ผมก็ยอมพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย

แค่ไปนอนเป็นเพื่อนแค่นั้น ไม่ได้จะกลับไปคืนดีด้วยซักหน่อย คงไม่เป็นไรหรอก...

“ธาร!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว

“บาส” ผมหันไปทักเพื่อนสนิทอายุมากกว่าที่กำลังเดินเข้ามาหา

บาสอายุแค่สิบเจ็ด แต่เขาสูงตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซ็นฯ รูปร่างสมส่วนมีกล้ามเนื้ออย่างพวกนักกีฬาไม่ได้ดูเก้งก้าง แถมยังหน้าตาดีและป๊อปในหมูสาวๆ เพราะเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลตัวเต็งของทีมโรงเรียน

“ทำไมยังไม่เข้าโรงเรียน จะสายแล้วนะ...นี่ใครเหรอ?” บาสเดินมาหยุดข้างๆ ผม แล้วขมวดคิ้วมองพี่กฤษอย่างสงสัย พี่กฤษคอยไปรับไปส่งผมอยู่บ่อยๆ แต่เขาก็นั่งอยู่แค่ในรถ ไม่เคยมีโอกาสได้พบหน้าเพื่อนผมเลยสักคน พอลองเทียบกับพี่กฤษแล้ว บาสตัวเตี้ยกว่านิดหน่อย และพี่กฤษก็ดูโดดเด่นกว่าเพราะผิวบาสค่อนข้างคล้ำแดด

“พี่กฤษ รุ่นพี่ที่รู้จักกันน่ะ” ผมโกหกเพราะยังไม่อยากเปิดเผยให้พวกเพื่อนๆ รู้ว่าผมชอบผู้ชาย กลัวว่าพวกมันจะทำใจรับไม่ได้แล้วแขยงจนไม่กล้าเข้าใกล้ผม “พี่กฤษครับนี่บาสเพื่อนสนิทในกลุ่ม”

“หวัดดีครับ” บาสยกมือไหว้พี่กฤษ พี่กฤษก็ยกมือรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม

“วันนี้เราคงไม่เข้าเรียนนะ พอดีมีธุระนิดหน่อย”

“เออ ดีเนอะ ลาป่วยติดกันสองวันเนียนดี” บาสถอนหายใจ “แล้วนี่แต่งตัวชุดนักเรียนมา เห็นชัดๆ ว่าจะเข้าโรงเรียนแต่ดันโดด พ่อนายรู้แล้วเหรอ”

“พ่อไม่ว่าหรอกน่า” ผมบอกปัด

บาสเขม่นมองพี่กฤษอย่างไม่ไว้ใจ “จะไปธุระกับพี่เขาเหรอ”

“อือ”

“ธุระอะไรล่ะ”

“ไม่ได้ไปมั่วเซ็กส์ สูบบุหรี่ เสพยาแล้วกันน่า” ผมชกไหล่บาสเบาๆ รู้ว่ามันเป็นห่วง ยังไงเด็กวัยนี้ก็สุ่มเสี่ยงกับอบายมุข มีสิทธิ์ออกนอกลู่นอกทางจนเสียอนาคตกันได้ง่ายๆ มันคงกลัวว่าผมจะเป็นหนึ่งในนั้น

“เออดีแล้ว แล้วเย็นนี้ยังจะไปตามนัดรึเปล่า”

“ไปดิ อยากไปกินอะไรที่ไหนก็ไลน์มาบอกแล้วกัน เดี๋ยวจะให้พี่กฤษไปส่ง”

“อือ งั้นเราเข้าโรงเรียนก่อนนะ เดี๋ยวโดนเช็คสาย”

“บาย” ผมโบกมือลา

พอบาสหมุนตัวเดินไปที่ประตูโรงเรียน พี่กฤษก็หันมาจูงมือผมพาไปที่รถ ระหว่างนั้นผมเห็นจากทางหางตาว่าบาสเหลือบมองมาทางพวกเราอีกหนก่อนที่เขาจะเดินเข้าโรงเรียนไป

Pie2Na
มีคนอ่านบ้างไหมเนี่ย โคตรร้างเลย
:katai1:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-11-2015 10:47:14
เว้นบรรทัดมากกว่านี้ก็ดีนะคะ
ตรงชื่อเรื่อง น่าจะเป็น 5p รึเปล่า หรือว่า 4p ถูกแล้ว
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [SM/Shotacon/Incest/4P]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 11-11-2015 13:36:41
เว้นบรรทัดมากกว่านี้ก็ดีนะคะ
ตรงชื่อเรื่อง น่าจะเป็น 5p รึเปล่า หรือว่า 4p ถูกแล้ว
รอตอนต่อไปค่ะ

เรื่องนี้ตั้งใจให้เป็น 4P ครับ (อาจจะตัดคนใดคนหนึ่งออก) แต่ตอนเขียนไม่ได้ร่างพล็อต
เขียนเอาสนุกเฉยๆ เลยคิดว่าบางทีเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก
อาจจะกลายเป็น 3P หรือ 5P ก็ได้

เรื่องเว้นบรรทัดจะจัดหน้าใหม่นะครับ
ตอนต่อไปจะอัพพายในคืนนี้นะ ^^

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นครับ
ดีใจมากที่ยังมีคนหลงเข้ามาอ่านบ้าง
 :sad4:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน [Chapter 3]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 11-11-2015 17:42:07
Chapter 3
แฟนเก่าที่ยังรัก กับเพื่อนที่แสนดี


(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/b4/6b/03/b46b03bcf947f2d1ef4bde1c3cfecc1f.jpg)
กฤษ


[Special Part: Krit]

@The Attribute Condominium

ตั้งแต่อยู่ในรถจนมาถึงคอนโดของผม ธารไม่พูดอะไรเลยสักคำ เอาแต่ก้มหน้านั่งเล่นมือถือเงียบๆ ทำอย่างกับว่าผมไม่มีตัวตนทั้งที่เรานั่งอยู่ข้างกันบนโซฟา

ผมรู้ดีว่าธารไม่ใช่คนโง่ ทุกครั้งที่ผมโกหกหรือแอบนอกใจธารรับรู้โดยตลอด อยู่ที่ว่าเขาจะพูดมันออกมารึเปล่า จนบางครั้งมันดูเหมือนว่าเขาไม่แคร์ ไม่ใส่ใจกัน ธารเคยเจอผมเดินควงกับผู้หญิงในห้าง แต่เขาทำเป็นเมิน เดินคุยกับเพื่อนในกลุ่มผ่านหน้าผมไป ไม่โวยวายออกมาสักคำ เคยแม้กระทั่งจับได้คาหนังคาเขาตอนที่กำลังคุยโทรศัพท์กันแล้วผมบอกว่าไม่ว่าง แต่ดันนั่งกินข้าวอยู่กับคนอื่น

กับครั้งล่าสุดที่เราทะเลาะกันจนธารเอ่ยปากบอกเลิกผม คงเพราะเขาทนไม่ไหวจริงๆ แน่ล่ะ...ใครจะไปทนไหวถ้าเห็นแฟนตัวเองกำลังมีเซ็กส์กับผู้ชายคนอื่นบนเตียงที่เคยนอนกอดกัน

“ธาร” ผมเรียกอีกฝ่ายเบาๆ อยากให้เราพูดคุยปรับความเข้าใจกันดีกว่ามานั่งทนกับบรรยากาศที่น่าอึดอัด “ธารยังโกรธพี่เรื่องนั้นอยู่รึเปล่า”

“ไม่โกรธครับ” ธารพูดทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากมือถือ “ธารบอกพี่กฤษไปแล้วว่าธารเข้าใจ แค่ธารทำใจยอมรับไม่ได้และไม่อยากทนให้เกิดเรื่องเดิมๆ ซ้ำอีก”

“นี่เราจะไม่ยอมกลับมาคืนดีกับพี่จริงๆ เหรอ”

“.....”
   
“เลิกเล่นมือถือแล้วเงยหน้ามาคุยกันก่อนได้ไหม” ผมทนไม่ไหวกับท่าทีเฉยเมยของธารจนต้องพูดออกมา

“ทำไมพี่กฤษถึงอยากคืนดีกับธารครับ” ธารยอมเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับผมดีๆ ผมถึงได้เห็นว่าธารกำลังกลั้นน้ำตา เขาคงอายที่จะร้องไห้ต่อหน้าผม

“เพราะพี่รักธารไง”

ผมโกหก...

ทุกคำพูดที่บอกธารก็แค่ต้องการรั้งธารไว้ วันที่ธารเข้ามาขัดจังหวะผมกับผู้ชายคนอื่น ผมโกรธและรำคาญด้วยซ้ำถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจ ยกความผิดให้กับธาร โดยไม่ทันคิดว่ามันจะทำให้ธารเสียใจ แต่พอธารบอกเลิกกัน ใจของผมก็วูบโหวงแปลกๆ ยิ่งไม่มีธารอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ยินเสียงธารทางโทรศัพท์ ไม่มีข้อความบอกฝันดีอย่างทุกที ผมก็หงุดหงิดจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
   
ผมไม่รู้หรอกความรู้สึกที่มีให้ธารมันคืออะไร รู้แค่ว่า...อยากให้ธารกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เป็นคนของผม...

“.....” อาจเพราะคำว่ารักที่ผมพูดออกไป ธารถึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาของผม แล้วใช้หลังมือป้ายน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ “ถ้าพี่กฤษรักธารจริงๆ พี่กฤษไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอกครับ”

ผมดึงธารเข้ามากอดแนบอก ลูบหัวของธารเบาๆ กระซิบบอกธารข้างหู ย้ำคำเดิมเพื่อให้เขาใจอ่อน

“รักสิ ถ้าไม่รักพี่จะรั้งธารไว้ทำไม”

“คงเพราะยังไม่ได้ฟันผมมั้งครับ ผมเป็นแฟนคนแรกที่เด็กขนาดนี้ บางทีพี่อาจจะอยากลองอะไรใหม่ๆ ก็ได้”

ผมนิ่งอึ้ง...นี่ธารคิดแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ ก็จริงที่ผมขาดเซ็กส์ไม่ได้ อยากจะมีอะไรกับธารตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เราเพิ่งคบกัน แต่ผมไม่เคยคิดจะฟันแล้วทิ้ง หากเราต้องเลิกกันมันไม่ใช่เพราะเรื่องเซ็กส์แต่เป็นเพราะเราเข้ากันไม่ได้

“มันก็จริงที่มีอยากมีเซ็กส์กับธาร อยากลองรสชาติใหม่ๆ แต่พี่ไม่เคยคิดจะฟันแล้วทิ้ง” ผมพยายามอธิบาย “ธารอาจจะยังเด็ก ธารถึงได้ไม่เข้าใจ ในโลกของคนที่โตกว่า เซ็กส์กับความรักมันเป็นสิ่งที่มาคู่กัน พี่ต้องการเซ็กส์เพื่อระบายอารมณ์ ในเมื่อธารให้พี่ไม่ได้พี่ก็เอาไปลงกับคนอื่น”

“มันก็แค่คำพูดที่เห็นแก่ตัว สุดท้ายพี่ก็ไม่เคยโทษว่าตัวเองผิด”

“ธาร” ผมถอนหายใจ “ถ้าธารโตกว่านี้ธารจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูด...ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันเป็นสิ่งที่ฉาบฉวย เซ็กส์มันก็แค่เรื่องสนุกชั่วครั้งชั่วคราว ตราบใดที่พี่ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้ธาร ยังมี ‘ตัวจริง’ อยู่ตรงนี้ คนที่ผ่านเข้ามาก็แค่ผ่านไป ไม่มีความหมายอะไรเลย”

“ครับธารเข้าใจ พี่ต่างหากที่ไม่เข้าใจ” ธารผลักผมออกห่าง “ธารรู้ว่าผู้ชายกับเซ็กส์เป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ แต่ยังมีผู้ชายอีกเยอะแยะที่เขาไม่ได้ใช้เซ็กส์พร่ำเพรื่อ...ธารเข้าใจคนอย่างพี่ดีครับ ธารถึงได้บอกว่าไม่โกรธ แต่ธารก็ไม่อยากกลับไปคบกับพี่ ต่อให้ธารยอมมีอะไรด้วย ซักวันพี่กฤษก็จะเบื่อรสชาติเดิมๆ แล้วไปหาคนใหม่ ถึงธารจะเป็นตัวจริง คนอื่นที่เข้ามาก็แค่ผ่านไปอย่างที่พี่กฤษพูด แต่ธารคงทำใจไม่ได้ถ้าเกิดเรื่องเหมือนอย่างวันนั้นขึ้นอีก ภาพมันคงฝังในหัวธารไปจนตาย”

ใช่...ธารพูดถูก และผมมักจนมุมกับเหตุผลของเขาเสมอ ธารไม่ใช่เด็กอายุสิบสี่ที่ไร้เดียงสา ธารโตกว่าที่ผมคิดมาก

ผมเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง ไม่เคยเลิกกับใครแล้วรู้สึกแบบนี้มาก่อน...เจ็บหน่วงๆ ในอก

“ก็แฟร์ดี ธารเป็นฝ่ายเข้าหาพี่ก่อน แล้วธารก็เป็นฝ่ายบอกเลิกพี่ก่อน” ผมหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้าเงียบอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะดึงเขามากอด ล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้วยกันโดยมีเขานอนซบอยู่บนอกของผม “งั้นพี่ถามหน่อยสิ...ทำไมวันนั้นเราถึงทักแชทพี่มา”

“เคยเล่าให้ฟังแล้วนี่ครับ” ธารพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้

“เล่าให้ฟังอีกสิ พี่อยากฟัง”

“ก็พี่กฤษหน้าตาคล้ายพี่ชายธาร ธารเลยทักแชทไปคุยด้วย พี่กฤษก็ขอเบอร์ธาร ธารก็ให้ไป”

“บอกตามตรงนะ เราไม่ใช่สเป๊กพี่เลย ปกติพี่ไม่ชอบกินเด็ก ไม่ชอบผู้ชายตัวเล็กๆ แต่พอเจอกันครั้งแรก พี่ก็รู้สึกว่าเราน่ารักดี ตาโตแล้วก็สวยมาก เลยอยากลองคบดู”

“ไม่หิวเหรอครับ อยากทานอะไรรึเปล่า” ธารเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะคงไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ ฟังจากน้ำเสียง...คงร้องไห้อีกแล้ว

“ไว้ค่อยกินดีกว่า พี่ไม่อยากลุกละ ขอนอนกอดธารอย่างนี้นะ” ผมพลิกตัวให้ธารลงมานอนข้างๆ ให้หัวทุยๆ หนุนแขนผมต่างหมอน กอดร่างเล็กๆ ไว้แนบแน่น

“อย่าทำดีกับธารมากสิครับ...ธารไม่อยากใจอ่อน สงสารธารบ้างเถอะ...ถ้าธารทนไม่ไหวจนกลับไปคบกับพี่กฤษอีก ก็ไม่รู้ว่าต้องทนเจ็บไปถึงเมื่อไหร่”

ผมได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากหน้าอก ถึงจะรู้สึกหน่วงๆ ที่ทำให้ธารร้องไห้ แต่ความอยากเอาชนะและอยากมีธารอยู่ข้างๆ มันมีมากกว่า

ธารต้องกลับมาเป็นของผม...

ผมจะทำทุกทางให้เขารักผมมากขึ้นและทิ้งผมไปไม่ลง...

โดยไม่สนว่าต่อไป...ผมจะทำให้ธารต้องร้องไห้อีกสักกี่ครั้งก็ตาม



@Forseen Restaurant

“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”

ธารปลดสายเบลท์เพื่อจะลงจากรถ แต่ผมรีบรั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้

“ขอพี่ลงไปด้วยได้ไหม ยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลย กำลังหิวพอดี”

ธารทำสีหน้าลำบากใจ ผมรู้ว่าธารไม่อยากให้คนอื่นระแคะระคายเรื่องของเรา ตัวผมเองน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก ธารต่างหากที่มี อาจจะเพราะธารยังเด็ก เพื่อนๆ ยังไม่เข้าใจเลยกลัวจะถูกล้อหรือกลัวพ่อแม่รู้ แต่ผมเบื่อเต็มทีกับความสัมพันธ์แบบหลบๆ ซ่อนๆ ถ้าเราคืนดีกันอีกครั้ง ผมก็อยากคบกับธารแบบเปิดเผย

“ถึงยังไงตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ธารไม่เห็นต้องกลัวเลย บอกเพื่อนว่าเป็นรุ่นพี่ที่สนิท ไม่มีใครสงสัยหรอก”

“ก็ได้ครับ” ธารมองผมอย่างชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง

ธารเดินนำผมเข้าไปในร้านอาหารติดแอร์ที่ตกแต่งแบบโมเดิร์น ตรงไปยังโต๊ะสำหรับหกคนที่มีผู้ชายสามคนนั่งรออยู่ก่อนแล้วเพราะพวกเรามาสายเกือบสิบห้านาที เพื่อนๆ ของธารมองผมอย่างสงสัยแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากถามออกมา

“นี่พี่กฤษ รุ่นพี่ที่สนิทด้วยน่ะ...พี่กฤษ นี่บาสที่เจอกันเมื่อเช้า ส่วนนั่นก็โจ้กับตั้ม” ธารแนะนำผมกับเพื่อนๆ หลังจากเราสองคนนั่งลง โดยที่ธารนั่งอยู่ระหว่างผมกับบาส ผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
   
ทุกคนรีบยกมือไหว้ผมอย่างมีมารยาท ผมยิ้มรับ แต่ก็แปลกใจเมื่อเห็นว่าโจ้ก้มหน้าหลบสายตาของผม

โจ้เป็นผู้ชายหน้าตาดี ผิวขาวจัดพอๆ กับธาร สูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบห้า รูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างโดดเด่นทำให้ผมพอจะจำหน้าเขาได้...เขาเคยทักผมมาทางแชท Facebook ในทำนองจะ ‘จีบ’ ผมจึงรู้ว่าเขาเป็นเกย์ บางทีธารกับคนอื่นๆ อาจจะยังไม่รู้ความลับของเพื่อนคนนี้ก็ได้

“กูออร์เดอร์ทุกเมนูที่มึงบอกไว้ละ อยากได้อะไรเพิ่มอีกป่ะ” บาสพูดขึ้น สายตาของเขาเวลามองธารมันทำให้ผมคิ้วกระตุก ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกผมว่า บาสไม่ได้คิดกับธารแค่เพื่อน แต่ผมอาจคิดมากไปเองก็ได้ ดูท่าทางรสนิยมของหมอนี่ก็ไม่น่าจะใช่พวกที่ชอบผู้ชายด้วยกัน
   
“ไม่แล้วล่ะ ไว้รอสั่งเค้กทีเดียวตอนกินข้าวเสร็จ”
   
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟทุกคนในโต๊ะก็คุยกันอย่างสนุกสนาน ธารยิ้มและหัวเราะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดวงตาของธารไม่ได้มีความสุขไปด้วย ธารยังเศร้าที่ต้องเลิกกับผม ผมดูออก...ผมรู้ดีว่าธารรักผมมากแค่ไหน ถึงจะเสียใจที่ทำให้ธารต้องเจ็บ แต่ลึกแล้วๆ ผมกลับรู้สึกดีที่ธารยังเหลือเยื่อใยให้กัน
   
“ธาร เป็นอะไรตั้งแต่เมื่อเช้าละ หน้าตาดูไม่สดใสเลยนะ” คำพูดของบาสทำให้คนอื่นๆ ในโต๊ะหันมามองธารเป็นตาเดียว
   
“นั่นดิ ดูเศร้าๆ นะ” โจ้พูดแล้วหันมามองหน้าผม เขาคงจะเดาความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธารออก
   
“ไม่มีอะไรเหรอก” ธารบอกปัดพอดีกับที่อาหารทยอยมาเสิร์ฟ “กินข้าวเหอะ หิวจะแย่แล้วเนี่ย”
   
“ไม่มีอะไรจริงๆ นะเด็กแคระ”
   
ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมานิดๆ เมื่อเห็นบาสใช้มือขยี้หัวธาร ที่ทำให้ผมหงุดหงิดยิ่งกว่าคือธารหัวเราะอย่างไม่ถือสา อาจเพราะธารไม่ได้เป็นแฟนของผมแล้ว เหมือนนกที่หลุดออกจากกรงขังและพร้อมจะบินหนีไปทุกเมื่อ ผมจึงรู้สึกหวงธารมากกว่าเมื่อก่อน ด้วยอารมณ์หึงหวงมือของผมที่อยู่ใต้โต๊ะถึงได้เลื่อนไปวางบนต้นขาของธาร ลูบต้นขาเล็กๆ นั่นราวกับยังเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
   
ผมกำลังอิจฉาบาส...ถ้าคนอื่นแตะต้องธารได้ ผมก็ต้องทำได้มากกว่านั้น
   
หรืออันที่จริง ผมไม่อยากให้ใครแตะต้องธารเลย...
   
ผมรู้ว่าผมมันโคตรเห็นแก่ตัว...ผมสามารถแตะต้องคนอื่นได้ มีเซ็กส์กับคนอื่นได้ แต่ถ้าธารทำอย่างที่ผมทำบ้าง ผมคงหวงจนแทบบ้า
   
“อืม ไม่มีอะไร” ธารตอบบาส ขณะเดียวกันก็จับมือของผมไว้เพื่อไม่ให้มันลูบขึ้นสูงกว่าเดิม “อย่าเล่นแบบนี้สิครับ เดี๋ยวคนอื่นเห็น” ธารหันมากระซิบบอกผมที่ข้างหู แต่เขาคงลืมตัวไปว่ายังมีเพื่อนๆ อีกสามคนนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ผมเห็นจากทางหางตาว่าทั้งสามคนนั้นกำลังมองมาอย่างแปลกใจกับความสนิทสนมที่เรามีให้กัน
   
อีกอย่างที่ธารลืมไป...ธารลืมว่าเราเลิกกันแล้ว ถ้าผมมีฐานะเป็นแค่แฟนเก่า ที่ธารต้องทำก็แค่ปัดมือของผมทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่สิ่งที่ธารทำตอนนี้มันแสดงออกมาชัดเจนว่าเขาแคร์ผมมากแค่ไหน
   
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า อย่าใจร้ายกับพี่นักสิ แค่ลูบขาเอง...ทำหวงไปได้” ผมกระซิบตอบ จงใจให้ริมฝีปากชิดใบหูของธารจนเกือบจะสัมผัสกันเพื่อให้เพื่อนๆ ทั้งสามคนของธารรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน
   
“อย่าลูบเลยจากขาก็แล้วกันครับ”

ธารกระทุ้งข้อศอกเข้าที่สีข้างของผมเบาๆ แต่เพราะแขนเล็กๆ ของธารไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ผมจึงไม่สะดุ้งสะเทือน ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วบีบต้นขาของธารแรงๆ เป็นการลงโทษ

“โธ่ ดันรู้ทันเสียได้ว่าพี่ชอบก้นนิ่มๆ ของธารมากกว่าขา”

ธารก้มหน้างุดด้วยความเขิน เอาแต่มองอาหารบนโต๊ะจึงไม่ทันได้สังเกตท่าทางของบาสกับตั้ม สองคนนั้นมองพวกเราด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย ต่างจากโจ้ที่ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก

เห็นแก้มของธารแดงแปล๊ดลามถึงใบหูแล้วผมก็ได้แต่หัวเราะหึๆ อย่างพอใจ ท่าทางน่ารักๆ ของธารทำให้ผมอดใจไม่ไหวที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ หวังจะสูดกลิ่นหอมจากแก้มนุ่มนิ่ม แต่ก่อนที่ปลายจมูกของผมจะแตะโดนแก้มของธาร เสียงกระแอมไอก็ดังขึ้นจากผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“กินข้าวกันเถอะครับ อาหารมาเต็มโต๊ะแล้ว” น้ำเสียงกระด้างของบาสฟังดูก็รู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ
ไม่พอใจเพราะห่วงหรือหวงกันแน่?

“เออกินเหอะ หิวละ” ตั้มพูดด้วยน้ำเสียงเฮฮาเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดระหว่างผมกับบาสลง

“อะ กินเข้าไปจะได้โตไวๆ” บาสเลิกสนใจผมแล้วหันไปตักคะน้าหมูกรอบใส่จานข้าวของธาร

ผมหลุดยิ้มเมื่อเห็นธารเขี่ยหมูกรอบออกแล้วตักใส่จานของผมด้วยความเคยชิน ทุกครั้งที่กินข้าวด้วยกัน ธารมักจะเลือกกินแต่ของที่ตัวเองชอบ แล้วเขี่ยอย่างอื่นใส่จานของผมเพราะรู้สึกผิดถ้ากินอาหารเหลือ ซึ่งผมไม่ได้ถือแถมยังคิดว่ามันน่ารักดี อาจจะดูเสียมารยาทบนโต๊ะอาหารไปบ้าง แต่ถ้ากินกับคนสนิทก็คงไม่เป็นไร
   
ผมเหลือบมองบาส สีหน้าของหมอนั่นดูกังวล บางทีบาสอาจจะแค่เป็นห่วงธารในฐานะเพื่อนก็ได้ ผมคงขี้หึงเกินไป แต่มีแฟนอย่างธารจะไม่ให้หึงยังไงไหว เพราะลองใครได้อยู่ใกล้ธารก็ต้องรู้สึกดีด้วยกันทั้งนั้น
   
“กินข้าวเสร็จไปเดินซื้อของกับพี่หน่อยนะ พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญเราเลย วันก่อนเห็นบ่นว่าอยากได้รองเท้านี่” ผมชวนคุย
   
“ไม่เป็นไรหรอกครับ วันเกิดก็ผ่านมาแล้ว อีกอย่างผมกับพี่...” ธารเหลือบมองเพื่อนในโต๊ะแล้วก็เงียบไป โจ้กับตั้มไม่ได้สนใจพวกเรามากนักเพราะกำลังคุยเรื่องฟุตบอลกันอยู่ จะมีก็แต่บาสที่นั่งกินข้าวเงียบๆ   

“พี่อยากให้นี่ครับ...พี่มีของอย่างอื่นที่ต้องซื้อด้วย ไปเดินเลือกเป็นเพื่อนหน่อยนะ”

“ก็ได้ครับ” ธารดูลำบากใจแต่ก็ยอมตกปากรับคำ

ธารเป็นคนขี้สงสารแถมยังใจอ่อนแล้วผมก็ชอบที่ธารเป็นแบบนี้ ผมถึงไม่เคยคิดว่าธารจะใจแข็งพอจนกล้าบอกเลิกผม ทั้งที่ผมขอคืนดีด้วยธารก็ยังยืนยันจะเลิกกับผมให้ได้...บางทีอาจจะถึงที่สุดของธารแล้วจริงๆ

“ขอบคุณนะที่ยังให้โอกาสพี่” ผมยิ้มบาง

“ธารไม่ได้...” คำพูดของธารหยุดชะงักลงเมื่อผมยื่นมือไปขยี้หัวของธาร ธารเคยบอกว่ารู้สึกดีและใจเต้นแรกทุกครั้งที่ผมลูบหัว ผมหวังว่าธารยังรู้สึกแบบนั้นอยู่

“ธาร เราถามจริงเหอะ” บาสที่นั่งเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น เขาเหลือบสายตามามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองธารอย่างคาดคั้น “ธารกับพี่กฤษคบกันในฐานะอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ดูสนิทกันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง คงไม่มีรุ่นพี่คนไหนนึกอยากลูบขารุ่นน้องหรอกมั้ง”

หลังบาสพูดจบทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปด้วยความอึ้ง สีหน้าของธารดูตกใจและกังวลจนทำอะไรไม่ถูกต่างจากผมที่เผลอยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

ผมยกมือโอบไหล่ธารดึงเข้ามาใกล้ก่อนจะบอกทุกคนอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “เรากำลังคบกัน”
ธารเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าที่ตกใจกว่าเดิม “ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” เขารีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

“เพื่อนไม่ได้คบกันที่รสนิยมทางเพศ พี่หวังว่าพวกเราคงโตพอที่จะแยกแยะได้” ผมเรียกพนังงานให้มาเก็บเงิน หลังจากเรียบร้อยแล้วจึงหันมาบอกกับน้องๆ ในโต๊ะ “วันนี้บรรยากาศคงไม่ดีเท่าไหร่ ไว้ให้ธารพามาเลี้ยงอีกทีวันหลังนะ พี่พาธารกลับก่อนแล้วกัน”

ผมผุดลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะคว้าแขนธารให้ลุกตาม

“พ...พี่กฤษ” ธารขมวดคิ้วมองผมอย่างหนักใจแต่ก็ยอมเดินตามมาเพราะคงยังไม่อยากอธิบายอะไรตอนนี้

“เดี๋ยวธาร” บาสรีบตามมารั้งแขนธารไว้อีกข้าง “ที่พี่กฤษพูดจริงรึเปล่า”

“ค...คือ...เรา...”

“ไว้คุยกันวันหลังเถอะบาส” โจ้พูดแทรกขึ้น “รอให้ธารพร้อมกว่านี้ แล้วค่อยคุยกันดีกว่า”

บาสยอมปล่อยมือจากธารแม้ว่าสีหน้าจะยังดูกังวล “ได้ ไว้คุยกันตอนที่ธารพร้อมกว่านี้ แต่เราอยากให้ธารรู้ไว้นะ...ไม่ว่าธารจะเป็นยังไง พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนของธาร เข้าใจใช่ไหม”

“อืม” ธารพยักหน้ารับ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนในกลุ่มเลยสักคน เห็นอย่างนั้นผมก็โอบไหล่ธารพาเดินออกจากร้านไปพร้อมกัน โดยไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น



@Central Festival Shopping Mall

ผมพาธารมาเลือกซื้อรองเท้า แต่เดินวนไปวนมาหลายร้านธารก็ไม่ยอมหยิบมาลองเลยสักคู่ ดูไม่สนใจรองเท้าสักเท่าไหร่แถมสีหน้ายังกังวลตลอดเวลา

ก็พอรู้อยู่หรอกว่าเพราะอะไร...

“ธารแบบนี้ชอบไหม” ผมหยิบรองเท้าข้างหนึ่งที่วางโชว์อยู่บนชั้นให้ธารดู แต่ธารกลับส่ายหน้าทั้งที่ผมคิดว่ามันดูเหมาะกับธารมาก “ลองดูหน่อยแล้วกันนะ”

ผมเรียกพนักงานให้เอารองเท้าคู่ใหม่มาให้ธารลอง พนักงานอมยิ้มนิดๆ เมื่อผมบอกไซส์รองเท้าเพราะเท้าของธารเล็กมากแบบรองเท้าสำหรับผู้ชายเลยไม่มีไซส์ ต้องมาเลือกรองเท้าผ้าใบไซส์ผู้หญิงแทน

“นั่งก่อนสิ เดินตั้งนานไม่เหนื่อยเหรอ” ผมกดไหล่ธารให้นั่งลงบนเก้าอี้หนังทรงลูกเต๋าแล้วเดินมานั่งคุกเข่าข้างเดียวกับพื้นตรงหน้าธาร “นี่เราโกรธพี่รึเปล่า”

ธารส่ายหน้า

ผมปัดผมหน้าม้าที่ตกลงมาบังตาธารออก บีบแก้มธารเบาๆ ไปทีอย่างมันเขี้ยว “พี่ขอโทษนะที่ทำให้ธารหนักใจ เห็นธารเอาแต่เงียบแบบนี้พี่ไม่สบายใจเลย”

“ธาร...แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะครับ”

“อยู่กับพี่ คิดแค่เรื่องพี่ก็พอแล้วครับ” ผมจับมือธารมาวางที่แก้มของตัวเอง ธารจะชักมือกลับแต่ผมยื้อไว้แล้วดึงฝ่ามือของธารมาจูบเบาๆ

“พี่กฤษ ธารเคยบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้ข้างนอก ธารไม่ชอบ” ธารขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“ธารจะแคร์สายตาคนอื่นทำไม ใส่ใจแค่ความรู้สึกของคนที่เรารักกับคนที่เขาแคร์เราก็พอแล้วครับ”

“เอ่อ...รองเท้าได้แล้วค่ะ”

เสียงเรียกของพนักงานผู้หญิงทำให้ผมต้องจำใจละสายตาจากธาร พนักงานคนนั้นวางกล่องรองเท้าลงข้างๆ เก้าอี้เพื่อจะลองสวมให้ธาร แต่ผมคว้ารองเท้ามาถือไว้เอง

“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ผมส่งสายตาเป็นเชิงไล่กลายๆ เธอจึงยอมลุกออกไป “ลองสวมดูหน่อยนะ” ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ธารแล้วสวมรองเท้าให้

“พี่กฤษเลิกทำแบบนี้เถอะครับ” จมูกของธารเริ่มแดงเหมือนจะร้องไห้ “ถ้าพี่กฤษยังดีกับธารแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ธารจะตัดใจจากพี่กฤษได้สักที”

“ทั้งหมดที่พี่ทำเพราะพี่....ไม่อยากให้ธารตัดใจจากพี่ไงครับ”

ธารก้มลงมาถอดรองเท้าข้างที่ผมสวมให้ออกแล้วสวมรองเท้าคู่เดิมของตัวเอง “พี่กฤษบอกว่าจะซื้อของนี่ครับ รีบไปกันเถอะ ธารบอกพ่อให้มารับตอนทุ่มนึง” ธารก้มหน้าหลบสายตาผมขณะพูด

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เหลืออีกครึ่งชั่วโมงก็จะทุ่มนึงแล้ว “งั้นไปนั่งกินไอติมกันก่อน เดี๋ยวพ่อมาแล้วพี่จะเดินไปส่ง” ที่จริงผมอยากไปส่งธารที่บ้านเองมากกว่า แต่ธารก็ไม่ยอมเพราะกลัวว่าคนที่บ้านจะรู้ ตั้งแต่คบกันมาผมเคยไปส่งธารที่บ้านแค่สองครั้งซึ่งเป็นตอนที่พ่อกับแม่ของธารไม่อยู่

“พี่กฤษไม่ไปซื้อของแล้วเหรอครับ”

“พี่ไม่มีอะไรต้องซื้อหรอก แค่หาขออ้างให้ธารยอมมาเลือกของขวัญกับพี่” ผมบอกยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องรองเท้ามาด้วยเพื่อเอาไปคิดเงิน


   
หลังจากกินไอศกรีมเสร็จผมก็เดินมาส่งธารที่โรงรถ แต่พอมาถึงประตูทางออกธารก็หยุดเดินแล้วหันมาบอกผมว่า “พี่กฤษส่งธารแค่นี้ก็พอครับ พ่อธารจอดรถรออยู่แล้ว ธารกลัวพ่อเห็น”

“ก็ได้ครับ”

“ธารกลับก่อนนะครับ” ธารมองผมด้วยสายตาเศร้าๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากประตูไป

ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสักพัก สุดท้ายก็ห้ามความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ข้างในไม่ไหวต้องวิ่งตามไปคว้าแขนธารไว้ เห็นสีหน้าของธารเมื่อกี้แล้วผมก็นึกอยากดึงธารมากอดแน่นๆ สัญญากับธารว่าจะไม่ทำให้ธารเสียใจอีก...

แต่ผมไม่กล้าพูด...เพราะรู้ว่าคงทำไม่ได้

“มีอะไรเหรอครับ” ธารถามพลางมองสำรวจโรงรถคงกลัวว่าพ่อจะจอดรถไว้ใกล้ๆ แล้วเห็นพวกเราสองคนเข้า

“ธาร...พี่...” คำพูดของผมมันจุกอยู่ที่คอ ได้แต่ดึงธารเข้ามากอดแทนคำพูดทั้งหมดที่ถ้าบอกไปก็คงมีแต่จะทำให้ธารเสียใจมากขึ้น

ธารขัดขืนอยู่สักพักแต่สุดท้ายก็ยอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอดของผม วันนี้ไม่ใช่วันหยุด ในห้างฯ คนไม่ค่อยพลุกพล่านนัก และตรงที่
ผมกับธารยืนอยู่ก็แทบไม่มีคนเดินผ่านเลย ผมจึงไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า

ผมกอดธารแน่นขึ้น ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเกือบนาทีถึงจะยอมคลายอ้อมกอดออกแล้วจับใบหน้าของธารให้เงยขึ้นสบตากับผม “อย่าหนีพี่ไปไหนเลยนะธาร ถ้าไม่ยอมกลับมาคบกันก็ขอให้พี่ได้อยู่ใกล้ๆ พี่ขอแค่นี้จะได้ไหม”

“แบบนั้นแล้วมันจะต่างจากตอนที่เราคบกันยังไงครับ” ธารปฏิเสธทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า “พี่กฤษไม่สงสารธารเลยเหรอ...แค่นี้ธารก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว”

ผมทำให้ธารร้องไห้อีกจนได้...

ผมใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ธาร ได้แต่บอกคำเดิมๆ ที่เคยพูดไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งและเกือบทุกครั้งก็เป็นตอนที่ธารต้องร้องไห้ “พี่ขอโทษ”  ผมก้มลงจูบปากธารเบาๆ แทนคำปลอบโยน “ยกโทษให้พี่...”

ผัวะ!
   
พูดยังไม่ทันจบประโยค ไหล่ของผมก็ถูกกระชากอย่างแรง ก่อนที่หมัดหนักๆ จะซัดเข้าที่แก้มซ้ายจนผมแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ขณะที่ผมกำลังจะสวนหมัดกลับไปหาคนที่ทำร้ายผมเมื่อครู่ เสียงพูดเบาๆ ของธารก็ทำให้การกระทำทั้งหมดของผมชะงัก

“พ่อ...”

[End Krit’s Part]

Pie2Na
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [อัพ Chapter 3]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 11-11-2015 19:37:39
จะเป็นไรไหม๊ ถ้าเค้าเชรยร์คุณพี่ชายให้เป็นพระเอกอ่ะ ปกติก็ไม่อะไรกะพีๆนะ แต่สงสารธารอ่ะ แต่ละ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [อัพ Chapter 3]
เริ่มหัวข้อโดย: Opoln Miyabi ที่ 11-11-2015 19:45:13
 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [อัพ Chapter 3]
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 11-11-2015 20:21:01
เชียร์ให้น้องธารตัดใจจากนายกฤษให้ได้นะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [อัพ Chapter 3]
เริ่มหัวข้อโดย: INMINTHA ที่ 11-11-2015 21:37:28
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [Chapter 4]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 12-11-2015 15:55:30
Chapter 4
คุณพ่อ กับพี่ชายที่แสนดี



@Central Festival Shopping Mall

ผมถลาเข้าไปยืนกั้นกลางระหว่างพ่อกับพี่กฤษแล้วรีบคว้าแขนพ่อไว้ก่อนที่พ่อจะซัดพี่กฤษไปอีกหมัด

“หลีกไป!” เสียงตวาดของพ่อทำเอาผมสะดุ้ง น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ

ไม่ได้เสียใจที่พ่อตวาดใส่หน้าผม แต่เสียใจที่...ทำให้พ่อผิดหวัง

“ธารขอโทษ ฮึก...” ผมกอดพ่อ ซบหน้าลงกับหน้าอกของพ่อแล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น

ผมได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจเบาๆ แล้วโอบผมตอบด้วยแขนข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างลูบหัวผมเบาๆ อย่างที่ชอบทำ แต่ที่ต่างออกไปจากทุกที...พ่อไม่ได้พูดปลอบผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พ่อเอาแต่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ

พ่อคงโกรธมาก...

“พ่อ ธาร...ฮึก....ฮือๆ” ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพ่อ ไม่อยากเห็นสายตารังเกียจที่ใช้มองผม ไม่อยากเห็นว่าพ่อผิดหวังในตัวผมมากแค่ไหน

“กลับบ้านกันเถอะ”

พ่อจับไหล่ของผมดันออกห่างแล้วหมุนตัวเดินไปที่รถ ท่าทีนิ่งเฉยแบบนั้นทำให้ผมกลัวมากกว่าการที่พ่อดุด่าผมซะอีก ผมรีบเดินตามพ่อไปโดยไม่ได้หันกลับไปมองว่าพี่กฤษกำลังทำสีหน้าอย่างไรหรือเขาจะเจ็บมากแค่ไหนที่ถูกพ่อชกเข้าจังๆ เมื่อกี้นี้

ใจของผมตอนนี้เป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวคือพ่อรู้สึกอย่างไร จะเกลียดผมไหม...

พ่อจะยัง...รักผมเหมือนเดิมรึเปล่า



@Than’s House

9:24 P.M.
   
ผมนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงโดยไม่ได้ขยับตัวไปไหนมาเกือบชั่วโมงแล้ว ได้แต่มองเพดานมืดทึบในห้องแล้วคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้

เพื่อนของผมจะรังเกียจผมไหม พี่กฤษจะเป็นยังไงบ้าง แล้วพ่อล่ะ? ตั้งแต่บนรถจนกระทั่งมาถึงบ้านพ่อไม่ยอมพูดกับผมสักคำ พ่อคงโกรธจนไม่อยากมองหน้าผมไปแล้ว
   
แกร็ก...
   
เสียงลูกบิดประตูทำให้ผมตื่นจากภวังค์ รีบผุดลุกขึ้นนั่งทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามา
   
“พ่อคิดว่าเราเข้านอนแล้วเพราะเห็นในห้องปิดไฟ เลยไม่ได้เคาะประตู” พ่อเดินมานั่งข้างๆ ผมบนเตียงโดยไม่ได้เปิดไฟในห้อง และผมก็ไม่คิดจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงเพราะไม่อยากให้พ่อเห็นว่าตาของผมบวมแค่ไหนหลังจากผ่านการร้องไห้มาเกือบชั่วโมง
   
“พ่อมีเรื่องจะคุยกับเรา” พ่อพูดขึ้นหลังจากเงียบไปหลายนาที
   
“.....”

ผมพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาก็ดันไหลออกมาอีกจนได้

“ผู้ชายคนนั้นเคยทำอะไรธารมากกว่าจูบรึเปล่า”

ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“แล้วรอยที่คอเมื่อวานล่ะ ที่ไม่กลับบ้านคงไม่ได้ไปนอนค้างบ้านเขาใช่ไหม”

“เปล่านะครับ ธารไม่ได้ไปนอนค้างบ้านพี่กฤษ แล้วพี่กฤษก็ไม่ได้ทำรอยพวกนั้นด้วย” ผมละล่ำละลักตอบเพราะกลัวพ่อจะเข้าใจผิดแล้วโกรธผมมากกว่าเดิม

“พ่อไม่ห้ามถ้าธารจะรักหรือชอบผู้ชายด้วยกัน รสนิยมทางเพศไม่ใช่เรื่องผิดถ้ามันไม่ได้ทำให้ตัวเองหรือคนรอบข้างเดือดร้อน แต่ธารยังเด็กไปที่จะมีแฟน ตั้งแต่วันนี้ห้ามธารไปพบกับผู้ชายคนนั้นอีก ธารต้องเลิกยุ่งกับเขาซะ เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม”

“ครับ” ผมก้มหน้ารับปากแม้ในใจจะค้านก็ตาม ผมคิดว่าตัวเองโตพอที่จะตัดสินใจได้เองในหลายๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องที่ผมจะมีหรือไม่มีแฟนก็ด้วย แต่ที่ผมไม่เถียงออกไปเพราะไม่อยากทำให้พ่อโกรธมากกว่านี้

“พ่อจะกักบริเวณธารหนึ่งเดือนเป็นการทำโทษ ตั้งแต่พรุ่งนี้พ่อจะไปรับไปส่งธารที่โรงเรียนทุกวัน ห้ามธารกลับเลยเวลาเลิกเรียน เสาร์ อาทิตย์ต้องอยู่กับบ้านเท่านั้น เข้าใจไหมครับ”

“ครับ”

พ่อเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียง ผมต้องหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างสีส้มหลังจากอยู่ในที่มืดเป็นเวลานาน

พ่อหันมามองหน้าผมแล้วถอนหายใจเบาๆ “หยุดร้องไห้ได้แล้วครับ ตาบวมหมดแล้ว” พ่อเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมก่อนจะถามว่า “ธารโกรธพ่อรึเปล่าที่ทำโทษธาร”

“ธารต่างหากที่ต้องกลัวว่าพ่อจะโกรธ...ธารเป็นฝ่ายผิดนี่นา”

พ่อยิ้มบางแล้วลูบหัวผมอย่างเอ็ดดู “หิวรึเปล่า อยากดื่มนมก่อนนอนไหม”

ผมส่ายหน้า

“งั้นก็อาบน้ำได้แล้วครับจะได้รีบนอนแต่หัวค่ำ” พ่อดึงผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อให้พลางพูดต่อว่า “คืนนี้พ่อนอนห้องธารนะ แม่เขาเพิ่งโทรมาบอกว่าเลื่อนไฟท์กลับ จะอยู่ชอปปิ้งที่ปารีสต่ออีกสองสามวัน”

“ครับ...เอ่อ เดี๋ยวธารถอดเองดีกว่า” พ่อปลดกระดุมเสื้อเสร็จก็เลื่อนมือลงมาที่กระดุมกางเกง แต่ผมรีบตะคลุบมันไว้เสียก่อน

“ตอนเด็กๆ ยังอ้อนให้พ่อถอดกางเกงให้อยู่เลย” พ่อมองผมด้วยสายตาขบขัน ท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้บ้างแล้ว “ไม่ได้อาบน้ำด้วยกันนานแล้ว คืนนี้อาบพร้อมกันนะครับ”

ผมที่กำลังจะลุกจากเตียงไปที่ตู้เสื้อผ้าชะงักกึก...

“พ่อครับ ธารโตแล้วนะ ถ้าอาบน้ำด้วยกันธารก็อายแย่สิ”

“ไม่เห็นต้องอายเลยนิครับ คิดซะว่าแช่ออนเซ็นก็ได้”

พ่อลุกขึ้นจากเตียงแล้วลากแขนผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ได้ยินพอหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีที่แกล้งผมได้

“พ่อ ไม่เอานะ ธารอยากอาบคนเดียว”

“ไม่ครับ พ่อขี้เกียจเดินออกไปแล้ว” พ่อพูดเสียงกลั้วหัวเราะพลางถอดเสื้อนักเรียนของผมที่สวมคาอยู่อย่างหมิ่นเหม่ออกให้ โยนใส่ตะกร้าที่วางอยู่ใต้อ่างล้างหน้า ตามด้วยเสื้อเชิ้ตของตัวเอง โดยไม่มีท่าทีอายๆ แบบผมเลยสักนิด พอพ่อเริ่มปลดกระดุมกางเกงผมก็รีบหันมองไปทางอื่น

พ่ออาจจะเคยเห็นผมล่อนจ้อนจนชิน แต่ในความทรงจำของผมที่เคยอาบน้ำกับพ่อครั้งสุดท้ายมันก็ตั้งแต่แปดขวบ มาตอนนี้ ‘อะไรๆ’  ของผมมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ถึงของพ่อจะเหมือนเดิมก็เถอะ

เห็นจากทางหางตาว่าพ่อเดินไปเปิดฝักบัวก่อนจะก้าวลงในอ่างอาบน้ำทรงวงกลม ผมก็ตัดสินใจถอดกางเกงของตัวเองโยนลงในตะกร้าแล้วก้าวลงไปยืนในอ่างบริเวณใต้ฝักบัวใกล้ๆ กับพ่อ เพราะคงปฏิเสธพ่อไม่ได้อีก (นอกจากจะวิ่งหนีออกจากห้องน้ำไปเลย)

ห้องน้ำในห้องนอนผมค่อนข้างกว้างและแบ่งแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน โซนที่ไว้สำหรับอาบน้ำมีผนังฝั่งหนึ่งเป็นกระจกใสที่สามารถมองออกไปข้างนอกได้แต่คนข้างนอกมองไม่เห็นข้างใน (ยกเว้นตอนกลางคืนที่ต้องรูดม่านปิด) มองผ่านกระจกจะเห็นสวนหลังบ้านจากชั้นสอง ซึ่งมีต้นไม้และสระว่ายน้ำที่ตกแต่งเลียนแบบธรรมชาติ แต่ห้องน้ำในห้องนอนของพ่อกับแม่กว้างและสบายกว่านี้

“ล้างตัวก่อนเดี๋ยวแช่น้ำอุ่นกัน”

พ่อจับเอวของผมให้ขยับมายืนข้างหน้าขณะที่พ่อยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ผมโตจนหัวอยู่สูงถึงไหล่ของพ่อแล้ว ถึงขนาดตัวของผมจะได้แค่ครึ่งเดียวของพ่อ แต่ถ้าผมอายุมากกว่านี้ผมอาจจะตัวโตและสูงเท่าพ่อเลยก็ได้ ในเมื่อผมเป็นลูกของพ่อก็ควรจะได้ยีนเด่นมาบ้างสิ

พ่อของผมเป็นผู้ชายที่รูปร่างดีถึงขนาดเคยมีแมวมองมาทาบทามให้ไปเป็นนายแบบ พ่อสูงตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนฯ มีซิกแพ็กเป็นลอน กล้ามไหล่ แขน หน้าอกและหลังได้รูปสวยจนเทรนเนอร์ฟิทเนสยังชม เพราะพ่อออกกำลังกายเกือบทุกวันและเข้าฟิตเนตอย่างน้อยอาทิตย์ละห้าวันช่วงที่ว่าง อย่างวันนี้พ่อเลิกงานเร็วก็แวะเข้าฟิตเนสก่อนจะมารับผมที่ห้างฯ

หุ่นแบบพ่อนี่คือความใฝ่ฝันของผมเลยล่ะ

“แชมพูกลิ่นนี้หอมดีจัง ให้แม่บ้านซื้อมาให้พ่อใช้บ้างดีกว่า” พ่อกดแชมพูจากขวดแบบหัวป้ำ แล้วก้มหน้าลงดมแชมพูบนฝ่ามืออยู่ข้างๆ แก้มผม

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะ พอได้คุยกับพ่อ ได้ทำอะไรร่วมกัน ความกังวลของผมก็หายไปจนเกือบหมด “ขวดนี้ใช้ได้ทั้งสระผมทั้งถูตัวเลยนะ สูตรอ่อนโยนสำหรับเด็กแรกเกิด ธารไม่อยากสะสมสารเคมีไว้บนหัวเยอะ เดี๋ยวไอคิวลด ถ้าพ่อชอบก็เอาไปใช้ก่อนได้นะ ไว้ธารให้แม่บ้านซื้อมาให้ใหม่”

พ่อยิ้มขำ ถูมือจนแชมพูขึ้นฟองแล้วป้ายลงบนจมูกของผม “นี่แน่ใจนะว่าเราฉลาด”

“แน่นอนสิ ก็พ่อฉลาดนี่นา ธารเป็นลูกของพ่อก็ต้องฉลาดมากๆ อยู่แล้ว” ผมแหงนหน้ามองพ่อ เอนแผ่นหลังพิงกับแผงอกแข็งแกร่งที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย “พ่อครับ...ธาร...ขอโทษ”

“ครับ พ่อได้ยินแล้ว จะพูดสักกี่ครั้งกันหืม” พ่อบีบจมูกผมอย่างมันเขี้ยวแล้วรวบเอวผมเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง “พ่อรักธารมากที่สุด ถ้าธารทำผิด พ่อก็เสียใจมากที่สุดเหมือนกัน แต่ไม่ว่าธารจะผิดพลั้งอีกสักกี่ครั้ง พ่อก็จะให้อภัยธาร..เพราะอะไรรู้ไหมครับ?”

ผมส่ายหน้า
   
“...เพราะธารคือดวงใจของพ่อ” พ่อก้มลงมาหอมแก้มผม พูดปนหัวเราะ “พ่อขาดธารไม่ได้ เลยต้องดูแลธารจนกว่าพ่อจะแก่ตายไงครับ”
   
“หืมมม...ถ้าพ่อแก่กว่านี้ธารต่างหากที่ต้องดูแลพ่อ” ผมยิ้มกว้าง หมุนตัวหันหน้าเข้ากอดพ่อจนเต็มอ้อมแขน “ธารรักพ่อที่สุดเลยครับ”
   
“ถ้าโตกว่านี้ ต้องรักพ่อเหมือนเดิมนะ” พูดไปพ่อก็สระผมให้ผมไปด้วย
   
“แน่นอนอยู่แล้ว”
   
พอขยี้หัวผมจนพอใจพ่อก็ถูหลังให้ผมต่อทั้งที่ผมยังกอดพ่อเอาไว้ ผมเลยหมุนตัวหันหลังกลับแล้วกดแชมพู (ที่เป็นสบู่เหลวด้วย) ถูแขนตัวเองไปพลางๆ ระหว่างนั้นมือของพ่อเลื่อนต่ำลงมาลูบแชมพูไปที่ต้นขาของผม
   
“ให้พ่อช่วยถูธารน้อยด้วยไหม” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ มือที่ลูบอยู่ตรงต้นขาเลื่อนเข้ามาด้านในระหว่างขาทั้งสองข้างจนผมจักจี้
   
“พ่ออะ ชอบแกล้งธารอยู่เรื่อย” ผมต่อว่าอย่างไม่จริงจังนักขณะถูแชมพูไปทั่วตัวโดยไม่ได้สนใจพ่อ แต่ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือของพ่อดันเลื่อนมาจับตรงนั้นของผมจริงๆ พอจะขยับตัวออกห่าง พ่อก็ใช้แขนข้างที่ว่างรวบเอวของผมเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ
   
“ให้พ่อช่วยนะ”
   
“ช...ช่วยอะไรครับ” ผมยืนตัวแข็งทื่อ ทำสีหน้าไม่ถูก

นี่มันไม่ใช้ล้างให้สะอาดสักหน่อย...แต่แบบนี้มัน...

“ก็...วันนี้...ธารช่วยตัวเองรึยังครับ?”

“พ่อ!”

“ไม่เห็นต้องอายเลย ให้พ่อช่วยนะ” พ่อขยับมือที่กุมแก่นกายของผมเลื่อนขึ้นลงช้าๆ “จำได้รึเปล่า...ตอนเด็กๆ พ่อเคยทำทุกอย่างให้ธาร อุ้มธาร นอนกอดธาร อาบน้ำให้ ป้อนข้าว ดูแลเรามาตลอด...ไม่ว่าธารของพ่อจะโตกว่านี้อีกสักกี่ปี พ่อก็ยังอยากดูแลธารในทุกๆ เรื่อง เราจะได้สนิทกันเหมือนเดิมไงครับ”

“แต่...พ...พ่อครับ” เสียงของผมสั่นพร่า รู้สึกแปลกๆ แถมยังร้อนผ่าวไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่อยู่ ถ้าพ่อไม่ได้กอดเอวของผมเอาไว้ ผมคงทรุดลงไปนั่งในอ่างแล้วแน่ๆ “ม...ไม่มีพ่อที่ไหนเขาทำแบบนี้กับลูกหรอกครับ”

“ก็พ่อกำลังทำอยู่นี่ไง” พ่อยิ้มขำ ขยับมือให้เร็วขึ้น กระซิบถามผมอย่างเอาใจ “รู้สึกดีรึเปล่า?”

“ธ...ธาร...ฮ...อื้อ”

ความคิดในหัวของผมสับสนวุ่นวายไปหมด...

ผมควรปล่อยให้พ่อทำมันต่อไปทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นระหว่างพวกเราน่ะเหรอ? ถึงจะรู้สึกไม่ดี กลัวและสับสน แต่ในใจลึกๆ ผมกลับไม่กล้าปฏิเสธในสิ่งที่พ่อทำ ผมไม่อยากคิดว่ามันผิด...อยากจะให้พ่อเป็นพ่อที่ดีคนเดิมของผม

“พ...พ่อครับ...ธารกลัว”

สุดท้ายผมก็ไม่คิดจะต่อต้าน เพียงแต่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป แล้วเบี่ยงหน้าซบกับอกของพ่อ หลับตาลงปล่อยให้พ่อทำอย่างที่ต้องการ

Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)
   

8: 12 A.M.
   
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
   
“คุณหนูคะ คุณผู้ชายคะ มีแขกมาพบค่ะ”
   
เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงเรียกของป้าแม่บ้านทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ...อ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากทุกที ถึงแม้ว่าจะอบอุ่นแต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
   
“คุณหนูคะ คุณผู้ชายคะ”
   
“ครับ ตื่นแล้วครับ อีกสิบห้านาทีจะลงไป”
   
เสียงตะโกนของผมทำให้พ่อตื่น พ่อส่งยิ้มบางให้ผม แล้วขยี้หัวผมเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากเตียง
   
“ใครมาเหรอครับ” พ่อตะโกนถาม แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ สงสัยป้าแม่บ้านจะลงไปต้อนรับแขกแล้ว “แขกที่ไหนมาหาแต่เช้านะ” พ่อบ่นพึมพำขณะเดินไปที่ห้องน้ำ วันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่ทั้งพ่อและผมควรจะนอนตื่นสาย แต่กลับต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะมีแขกมาพบ “ธารนอนต่อก็ได้นะลูก คงไม่ต้องลงไปหรอก”

“ธารไม่ง่วงแล้วอะครับ...พ่อ ธารปวดฉี่ ขอธารฉี่ก่อนดิ” พ่อเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ ผมเลยเดินตามพ่อเข้าไป เห็นพ่อกำลังบีบยาสีฟันใส่แปรงอยู่พอดี พ่อมานอนห้องผมบ่อยๆ ในห้องน้ำเลยมีแปรงสีฟันของพ่ออยู่ รวมถึงเสื้อผ้าสองสามชุดในตู้

“เราก็ฉี่ไปสิ พ่อจะแปรงฟัน”

“ก็ธารอายอะ”

“อายอะไรหือ เมื่อวานยังให้พ่อจับอยู่เลย”

“พ่อ!” ผมอายจนหน้าร้อน รีบหันหลังให้พ่อแล้วเดินไปฉี่

พ่อบ้วนปาก ก่อนจะพูดกับผมว่า “ถ้าไม่ง่วงแล้วก็ลงไปพร้อมกันเลยก็ได้ เผื่อญาติๆ เรามาหา”

ผมที่ยืนหันหลังให้พ่ออยู่รีบพยักหน้าหงึกๆ แล้วดึงกางเกงนอนขึ้นมาสวม



สิบห้านาทีต่อมา...

ผมกับพ่อเดินไปที่ห้องรับแขก แปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งรอพวกเราอยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต กับเป้สะพายหลังอีกหนึ่งใบที่วางอยู่บนโซฟา ผมเห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา เพราะเขากำลังนั่งก้มหน้าหันข้างให้พวกเรา เลยไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ผมรู้จักรึเปล่า

“มาหาใครครับ” พ่อถามขึ้นเมื่อพวกเรานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา

“ไม่ได้มาหา แต่มาอยู่”

ผมชะงักไปนิด เมื่อคนๆ นั้นเงยหน้าขึ้น แล้วดวงตาของพวกเราสบกันพอดี

ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม เขามีผมและนัยน์ตาสีดำสนิท ดวงตาดุคมเหมือนเหยี่ยว โครงหน้าคมเข้ม ผิวที่คงเคยขาวจัดกลายเป็นสีแทนอ่อนๆ จากการออกแดด เขาสวมเสื้อกล้ามอวดรอยสักสีดำรูปมังกรไล่มาจากหัวไหล่ขวาจนเกือบถึงข้อศอก แถมยังใส่จิลที่หูซ้าย ทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมดูโหดๆ น่ากลัวนิดๆ และถึงแม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ แต่ผมก็พอคาดเดาได้ว่าเขาน่าจะสูงพอๆ กับพ่อ หรืออาจจะเตี้ยกว่าเล็กน้อย อืม...ดูจากหน้าตา อายุคงไม่น่าจะเกินยี่สิบล่ะมั้ง

จะว่าไป...ผมคุ้นหน้าเขามาก เพราะเขาดูเหมือน...พี่ชายของผม

“อ้อ จริงสิ เห็นน้ำบอกว่านายจะย้ายกลับมาเดือนนี้ แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าวันไหน เป็นไง ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ” สีหน้าของพ่อเคร่งขรึมกว่าปกติ ไม่ต่างจากแขกของพวกเราสักเท่าไหร่ เพราะเขากำลังทำสีหน้าเหมือนไม่สบอารมณ์กับบางอย่าง

“ก็สบายดีครับ แม่ผมรวยนี่ มีเงินให้ผมใช้เหลือเฟืออยู่แล้ว คุณกับน้องชายของผมก็คงสบายดีเหมือนกันใช่ไหม”

“หึ ผ่านไปหลายปี แต่นายยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

ฟังมาถึงตรงนี้ผมก็พอเดาได้แล้วว่าแขกของเราคือใคร ภาพของเด็กผู้ชายท่าทางเกเร แต่ใจดีกับผมมากกว่าใครผุดเข้ามาในหัว ซ้อนทับกับภาพของคนตรงหน้า ไม่เจอกันมาตั้งแปดปี เขาดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผมจินตนาการเอาไว้มากนัก

“พี่ภู...”
   
ผมพูดไม่ออก ได้แต่เรียกชื่อของพี่ชายเบาๆ แล้วเงียบไป ให้ตายสิ ผมคงกำลังน้ำตาเอ่อแน่ๆ ถึงได้มองภาพตรงหน้าไม่ชัดนัก ทำไงได้ล่ะ ก็มันคิดถึงจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ถ้าร้องไห้ออกมาตรงนี้ จะน่าขายหน้าไหมนะ

“ผมขึ้นห้องล่ะ” พี่ภูเหลือบมองผมเล็กน้อย แล้วผุดลุกขึ้น “ห้องของผมห้องเดิมใช่ไหม อ้อ...ฝากบอกแม่บ้านด้วยนะ ว่าผมเป็นเจ้าของบ้านไม่ใช่แขกหรือโจรที่ไหน ให้มานั่งรออยู่ได้ น่าเบื่อชะมัด” พูดจบพี่ภูก็คว้าเป้ขึ้นพาดบ่า แล้วลากกระเป๋าเดินไปยังบันไดทางขึ้นชั้นสอง

ผมกระพริบตาไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา แล้วรีบลุกตามพี่ภูไป

“พี่ภู ผมช่วยถือครับ” พอเดินไปถึงตัวพี่ภู ผมก็ยื่นมือไปจะช่วยยกกระเป๋าให้เพราะต้องเดินขึ้นบันได

“ไม่ต้อง” พี่ภูบอกปัดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ก่อนจะพึมพำเบาๆ จนแทบไม่ได้ยินว่า “...มันหนัก”

Pie2Na
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงฝากติชมด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคอมเม้น ดีใจที่ยังมีคนเข้ามาอ่าน ^^
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [อัพ Chapter 4]
เริ่มหัวข้อโดย: Haihong ที่ 12-11-2015 16:26:02
 :jul1: ฟินทุกตอน คุณพี่มาแล้วจะเป็นยังนะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [Chapter 5]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 13-11-2015 17:51:34
Chapter 5
พี่ชายกับความห่างเหิน

   
(http://www.mx7.com/i/165/Tp3HtC.jpg)
ภูผา


“อ๊ะ”
   
ผมร้องออกมาเบาๆ เมื่อชนเข้ากับแผ่นหลังของพี่ภูที่จู่ๆ ก็หยุดเดินกะทันหัน ส่วนสูงที่ต่างกันค่อนข้างมากทำให้หัวของผมอยู่แค่ระดับไหล่ของพี่ภูเท่านั้น จมูกเลยกระแทกกับหลังพี่ภูจังๆ เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด

พี่ภูวางกระเป๋าเดินทางที่หิ้วเข้ามาลงกับพื้นห้อง เหวี่ยงเป้อีกใบไปบนเตียง ก่อนจะถอดเสื้อโยนทิ้ง อวดกล้ามแขนกับซิกแพ็กที่เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าคนอื่นๆ ได้เห็นคงอิจฉา แล้วกระโดดขึ้นเตียงนอนโดยไม่สนใจผมที่ยังยืนหัวโด่อยู่ในห้องนี้อีกคน
   
“พี่ภู...”
   
“ออกไปแล้วปิดประตูห้องให้ด้วย”
   
ผมกัดปากอย่างลังเล แต่ก็เลือกที่จะปิดประตูแล้วเดินมาหยุดยืนข้างๆ เตียงแทนที่จะออกจากห้องตามคำสั่ง มองพี่ภูที่นอนหงายใช้แขนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงโดยไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนดี พวกเราไม่เจอกันนานเกินไปจนเกิดความรู้สึกห่างเหิน ผมเลยไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับพี่ภูเหมือนตอนเด็กๆ
   
แปดปีแล้วที่พวกเราไม่ได้เจอกัน ตอนแรกเพราะถูกกีดกันจากพ่อแม่ ซึ่งพอผมเริ่มโตขึ้นพ่อกับแม่ก็ยอมให้ผมติดต่อกับพี่ แต่ดันกลายเป็นพี่ภูเองที่พยายามหลบหน้าผม เขายอมคุยโทรศัพท์กับผมแค่ไม่กี่ครั้งจากนั้นก็ไม่เคยรับสายผมอีก ส่งอีเมล์ไปกี่ฉบับก็ไม่เคยตอบกลับ แอดเฟสบุ๊คไปก็ไม่รับ แถมยังโดนบล็อกอีกต่างหาก พอไปหาถึงต่างประเทศ พี่ภูก็ดันหนีหายไป หลังจากนั้นผมเลยไม่พยายามที่จะติดต่อหาพี่อีก

ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ต้องหลบหน้าผม พอกลับมาเจอกันก็ทำเฉยชาใส่ พี่ภูแค่รำคาญน้องชายคนนี้หรือเพราะผมทำอะไรผิดกันแน่?

“พี่ภู คุยกันก่อนสิ”
   
“พี่เหนื่อย อยากพัก” พี่ภูเหลือบมองผมแวบหนึ่งแล้วหลับตาลงอย่างไม่สนใจ
   
“งั้นไว้พี่ภูตื่น ธารจะมาคุยด้วยใหม่” ผมหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้ง “พี่ภูกินอะไรมารึยังครับ ถ้ายัง เดี๋ยวธารหาอะไรมาให้กินแล้วค่อยนอนนะ”
   
“พี่ไม่หิว”
   
ฟังจากน้ำเสียงที่ติดจะรำคาญนิดๆ ถ้าขืนผมยังถามอะไรต่ออีกสักประโยคคงทำให้พี่ภูหงุดหงิดแน่ๆ ผมเลยตัดใจเดินไปที่ประตูทั้งที่อยากยืนอยู่ในห้องนี้ต่ออีกสักหน่อย แต่พอผมกำลังจะหมุนลูกบิด เสียงพี่ภูก็ดังมาจากข้างหลัง
   
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
   
“ใครครับ?” ผมหันกลับไปคุยกับคนที่ยังนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง
   
“วันก่อนที่ผับ พี่เห็นนายออกไปกับผู้ชายคนนึง” พี่ภูผุดลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง แล้วหันมาคุยกันดีๆ
   
ผมเบิ่งตากว้างขึ้นเล็กน้อย พี่ภูเจอผมที่ผับงั้นเหรอ? จะว่าไปผมก็รู้สึกคุ้นหน้าพี่ภูจริงๆ ไม่ใช่เพราะคุ้นเคยกับใบหน้าตอนเด็กของพี่ แต่คุ้นเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน พอลองนึกๆ ดู...
   
“เอ๊ะ พี่คือคนที่อาสาจะไปส่งผมนี่”

พี่ภูกลับไทยมาตั้งแต่สองวันก่อนงั้นเหรอ? ผมจำได้ว่าในผับคืนนั้นพี่ภูนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน พอผมจะกลับเขาก็เข้ามาหาบอกว่าจะพาไปส่ง ถึงจะได้เห็นหน้ากันแค่แวบๆ แต่เพราะพี่ภูค่อนข้างสะดุดตาและดูโดดเด่นกว่าคนอื่น ผมเลยยังพอจำเค้าหน้าของเขาได้ เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาคือพี่ชายของผม ไม่งั้นผมคงไม่ปฏิเสธที่จะไปกับพี่ภูแล้วถูกพี่ติณหอบกลับบ้านแทน

...นี่แสดงว่าพี่ภูรู้ว่านั่นคือผมถึงได้อาสาจะพาไปส่ง?
   
“อืม ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นน้องชายตัวเอง ที่หัดดื่มเหล้าเที่ยวผับตั้งแต่อายุสิบสี่”
   
เคยไหม เวลาถูกจับได้ว่าทำผิดแล้วมันรู้สึกหวิวๆ กลัวที่จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้น
   
“คือผม...”
   
“ช่างเหอะ”
   
“งั้นผม...” ผมยกนิ้วโป้งชี้ไปทางประตูห้อง
   
“เดี๋ยว”
   
“ครับ?”
   
“นายยังไม่ตอบพี่ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขาดูแก่เกินกว่าจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับนายนะ ญาติก็ไม่ใช่นี่”
   
“คือ...” ผมยกมือเกาแก้ม “จริงๆ ผมก็ไม่รู้จักหรอกครับ เขาแค่ใจดีเห็นผมเมาแอ๋เลยพากลับไปนอนที่บ้าน”
   
“.....”

“พี่...จะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อใช่ไหม”

“หึ” พี่ภูเค้นเสียง เขายกมือเสยผมพลางพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ โดยไม่ได้หันมามองหน้าผมว่า “คราวหลังถ้าอยากไปก็บอกพี่สิ”
   
คราวหลังถ้าอยากไปก็บอกพี่สิ...ประโยคนี้หมายถึงพี่ภูจะพาผมไปใช่ไหม?
   
“ครับ” ผมยิ้มตอบอย่างดีใจ

“ออกไปได้ละ”
   


ผมเดินออกจากห้องมาด้วยอารมณ์ดีกว่าตอนที่เข้าไป พอปิดประตูลงแล้วเดินไปทางบันไดก็เห็นพ่อกำลังขึ้นมาพอดี
   
“เห็นขึ้นมานานพ่อเลยมาตาม หิวรึยังครับ ลงไปกินข้าวเช้ากัน”
   
“ธารอยากรอกินพร้อมพี่ภูอะครับ” ผมยืนคุยกับพ่ออยู่ที่บันไดขั้นบนสุด ขณะที่พ่ออยู่ต่ำกว่าสองขั้น
   
“พี่ภูทำอะไรอยู่ล่ะ”
   
“นอนพักครับ อีกเดี๋ยวคงตื่น”
   
“งั้นลงไปกินกันก่อน ถ้าพี่ภูตื่นบ่ายธารไม่หิวแย่เหรอครับ”
   
ผมส่ายหน้า “ธารยังไม่หิวเลย อยากรอกินพร้อมพี่ภูอะ”
   
พ่อยิ้มแล้วยื่นมือมาลูบหัวผม “ดื้อนะ รู้ตัวไหม”
   
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงจะดื้อจริงอย่างที่พ่อว่าผมก็ไม่ยอมรับหรอก
   
“โอเคครับ ไม่กินข้าวก็ได้ แต่ต้องกินอย่างอื่นร้องท้องนะ”
   
ผมอ้าปากกำลังจะตอบ มือถือในกระเป๋ากางเกงขาสั้นก็แผดเสียงขัดขึ้นมาเสียก่อน “แป๊บนึงนะครับ” ผมบอกพ่อ แล้วล้วงมือถือออกมากดรับสาย ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือบาส “ว่าไง?”
   
“เสาร์อาทิตย์ว่างป่ะ จะชวนไปเรียนว่ายน้ำ”

“เรียนว่ายน้ำ? นึกไงอยากเรียนเนี่ย แล้วจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่”

“วันนี้”

“โทษทีว่ะ พอดีช่วงนี้กูโดนกักบริเวณอยู่” ผมเหลือบตามองพ่อ

พ่อยิ้ม พูดว่า “จะเรียนก็ได้นะ แต่พ่อจะไปนั่งเฝ้าริมสระ”

“นั่นไง พ่อมึงอนุญาตละ”

“แต่ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้อยู่ดีว่ะ พอดีพี่กูกลับมา กูอยากอยู่คุยกับพี่ ไม่ได้เจอกันนานละ”

“พี่มึง? คนที่มึงบอกว่าไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กอะนะ”

“เออ นั่นแหละ”

“นี่ยังเช้าอยู่ เริ่มเรียนสี่โมงเย็น มึงลองชวนพี่มึงมาด้วยกันดิ อยู่บ้านไม่เบื่อเหรอวะ”

“โอเค เดี๋ยวลองชวนดู”

“ดีมาก แค่นี้แหละ พวกนั้นไปด้วยนะ กูไลน์บอกในแชทกลุ่มตั้งแต่เมื่อคืนละ มีมึงคนเดียวเนี่ยที่ไม่ตอบ”

“โทษทีว่ะ เพิ่งจะได้จับมือถือเนี่ย งั้นแค่นี้แหละ บาย” พูดจบผมก็กดตัดสายทันที แล้วรีบบอกพ่อ “เริ่มเรียนเย็นนี้นะครับ ธารอยากชวนพี่ภูไปด้วย แต่ถ้าพี่ภูไม่ไป ธารก็คงอยู่บ้าน ไม่เจอกันนาน อยากอยู่คุยกับพี่ภูสักหน่อย”

“โอเคครับ” พ่อจับมือผมแล้วดึงให้เดินลงบันไดไปด้วยกัน “อยากออกไปข้างนอกงั้นก็ต้องทำตัวเป็นเด็กดีหน่อย ทานอะไรรองท้องก่อนนะ กว่าพี่ภูของลูกจะตื่นคงอีกพักใหญ่”

“รักพ่อที่สุดอะ” ผมเอาหัวถูกับไหล่พ่อ อ้อนเหมือนลูกแมว

“ถ้ารักพ่อคืนนี้ก็ต้องให้พ่อกอดนะครับ”
   
“แน่นอนอยู่แล้ว”

ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้พ่อ แต่ทำไมรอยยิ้มที่พ่อตอบกลับมามันถึงดูเจ้าเล่ห์จังนะ

   

05: 34 P.M.

@KL Sports Club
   
สุดท้ายผมก็ต้องมาที่ยิมกับพ่อแค่สองคนเพราะพี่ภูออกจากบ้านไปตั้งแต่บ่ายโมง กว่าจะกลับก็คงดึกๆ ผมเลยไม่รู้สึกสนุกกับการเรียนว่ายน้ำในวันนี้สักเท่าไหร่ มีโอกาสได้เจอพี่ชายที่ไม่พบหน้ากันมานานหลายปี แต่ดันได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค คิดแล้วก็น่าน้อยใจจริงๆ ที่พี่ภูอยากออกไปพบเพื่อนมากว่าใช้เวลาร่วมกับครอบครัว
   
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้อาทิตย์หน้าพี่จะเริ่มสอนท่าฟรีสไตล์ เพราะพื้นฐานทุกคนดีอยู่แล้ว”
   
“ขอบคุณครับพี่ธีร์” บาสบอก ก่อนที่พวกเราทุกคนจะยกมือไหว้ครูสอนว่ายน้ำ
   
พ่อที่นั่งรออยู่ริมสระเห็นพวกเราไหว้ลาพี่ธีร์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวสี่ผืนในมือ ระหว่างที่เดินมาจนกระทั่งนั่งยองๆ ลงริมสระ สายตาหลายคู่ของทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างจ้องมองมาที่พ่อ

จะว่าไปวันนี้พ่อของผมดูฮอทไม่เบาเลยล่ะ รูปร่างกำยำ สูงชะลูดราวกับนายแบบมีกางเกงว่ายน้ำขาสั้นแค่ตัวเดียวปิดท่อนล่างไว้ อวดกล้ามแขนกับซิกซ์แพ็กส์ที่เซ็กส์ซี่สุดๆ ในสายตาคนมอง รวมถึงผมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่พ่อยกมือเสยผมสีดำสนิทของตัวเองเหมือนที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
   
นี่ผมเป็นลูกชายแบบไหนกันนะถึงได้รู้สึกว่าพ่อของตัวเองน่าหลงใหล...
   
“ไงเด็กๆ อยากขึ้นจากสระกันรึยัง”
   
“ผมขอว่ายน้ำต่ออีกหน่อยดีกว่า” ผมบอก  กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำ อยู่เล่นน้ำต่ออีกหน่อยก็ดี
   
“โอเค งั้นพ่อเอาผ้าเช็ดตัวไปเก็บก่อน เดี๋ยวจะตามลงสระด้วย” พ่อลุกเดินไปที่ม้านั่งข้างสระ
   
“ธาร พ่อมึงนี่โคตรเท่เลย โตขึ้นกูอยากมีกล้ามแบบนั้นบ้างว่ะ ต้องเริ่มเข้าฟิตเนสละ” ตั้มพูดด้วยน้ำเสียงเพ้อๆ
   
“ใช่ป่ะ กูก็อยากมีบ้าง แต่ก่อนเข้าฟิสเนตคงต้องอัดนมให้สูงก่อน ฮ่าๆ” ผมหัวเราะเฮฮากับตั้ม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโจ้ยังมองตามพ่อของผมโดยไม่ละสายตา พอเผลอหันมาสบตากับผมเข้าก็รีบเบนหลบ ท่าทางแบบนี้มันทะแม่งๆ แฮะ “ฮั่นแน่โจ้ มองพ่อกูขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าแอบคิดอะไรแผลงๆ นะ” ผมแซวเล่น
   
“เฮ้ย คิดอะไร กูเปล่าคิด” โจ้รีบโบกมือปฏิเสธพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   
“ก็คิดจะไปเข้าฟิตเนส ฟิตกล้ามแบบกูไง อะไรของมึงเนี่ยโจ้ ทำจริงจังไปได้” ตั้มวักน้ำสาดใส่หน้าโจ้แต่ก็กระเด็นมาโดนผมกับบาสด้วย พวกเราเลยเล่นสาดน้ำกันใหญ่
   
“พี่ธารรร!”
   
พวกเราสี่คนหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องเรียกผม หันไปก็เห็นเด็กชายตัวเล็กป้อมในชุดกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว อวดพุงกลมๆ กำลังวิ่งเตาะแตะเข้ามาหา
   
“น้องตุลย์ อย่าวิ่งสิครับ!” ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนห้าม ก่อนที่มือแข็งแรงสองข้างจะคว้าตัวเด็กชาย ยกลอยขึ้นจากพื้น “มันอันตรายนะครับ” น้ำเสียงดุๆ ดังลอยมา
   
“พี่ธาร!!” น้องตุลย์ ชี้นิ้วกลมป้อมมาที่ผม “พี่ธารฮะพ่อ”
   
เห็นลูกชายชี้ พี่ติณก็มองตาม พอเจอเข้ากับผมที่กำลังลอยคออยู่ใกล้ขอบสระ เขาก็ส่งยิ้มมาให้ “อ้าว ธาร บังเอิญจัง” พี่ติณพูดพลางเดินมานั่งยองๆ ริมขอบสระ แล้ววางลูกชายตัวป้อมให้ยืนตรงหว่างขาตัวเอง แต่ไม่วายต้องจับเอวกลมๆ เอาไว้ เพราะกลัวเด็กชายซุกซนจะกระโจนลงสระ
   
พี่ติณที่สวมแค่กางเกงวายน้ำตัวเดียว มีผ้าขนหนูพาดอยู่บนบ่า ดึงดูดสายตาของผมได้ไม่ยาก ตามตัวของเขามีหยดน้ำเกาะพราว มัดกล้ามและซิกซ์แพ็กส์ได้รูปสวยไม่ด้อยไปกว่าของพ่อเลย สองคนนี้ถ้าจะไปสมัครเป็นนายแบบละก็ คงดังได้ไม่ยาก
   
คราวก่อนที่ได้เจอกัน ผมไม่ได้ตั้งใจมองหน้าพี่ติณชัดๆ พอมาเห็นใกล้ๆ แบบนี้ ถึงได้เพิ่งสังเกตว่าโครงหน้าพี่ติณก็มีเค้าลางของคนยุโรปอยู่บ้าง โดยเฉพาะจมูกที่โด่งเป็นสันชัดเจน กับเส้นผมสีน้ำตาลที่เข้มกว่าของน้องตุลย์เล็กน้อย ยิ่งได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งดูดีจนไร้ที่ติ
   
“สวัสดีครับพี่ติณ” ผมยกมือไหว้ เผลอเหลือบมองซิกซ์แพ็กส์กับกล้ามแขนล่ำๆ ของพี่ติณแล้วต้องรีบเบนสายตามาที่น้องตุลย์แทน ถึงจะเห็นของพ่อจนชินตาแต่มันก็ไม่รู้สึกชินกับของคนอื่นสักที จะว่าไป...พักหลังๆ ดูของพ่อก็ไม่ค่อยจะชินสักเท่าไหร่หรอก “พาน้องตุลย์มาว่ายน้ำเหรอครับ”
   
“อืม น้องตุลย์มีเรียนว่ายน้ำน่ะ นี่เรียนเสร็จพอดี...ไหนน้องตุลย์ สวัสดีพี่ธารรึยัง”

“หวัดดีฮับ” น้องตุลย์พุ้มมือไว้

“ธารมาออกกำลังกายเหรอ” พี่ติณถาม
   
“ผมมาเรียนว่ายน้ำกับเพื่อนๆ ครับ มีเรียนเสาร์อาทิตย์ นี่ก็เพิ่งเรียนเสร็จเหมือนกัน” ผมพยักพเยิดไปทางเพื่อนอีกสามคนที่ลอยคออยู่ใกล้ๆ พวกนั้นก็รีบยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
   
“แปลกจัง ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยเจอ”
   
“ธารเพิ่งมาเรียนวันแรกครับ”
   
“อ่อ ถึงว่าสิ”

กำลังคุยกันอยู่น้องตุลย์ก็ยื่นนิ้วชี้มาจิ้มๆ ที่แก้มผม สงสัยคงจะเบื่อ ผมเลยแกล้งอ้าปากงับนิ้วน้องตุลย์เบาๆ เด็กชายรีบดึงนิ้วกลับแล้วส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี
   
“คุยกับใครอยู่ครับ” เสียงของพ่อตะวันดังขึ้นเหนือหัว พร้อมๆ กับที่เท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ พี่ติณกับน้องตุลย์ พ่อก้มลงมองสองพ่อลูกเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ติณเงยหน้าขึ้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันชะงักไปทั้งคู่

“เอ่อ...พ่อกับพี่อติณรู้จักกันมาก่อนเหรอครับ”
   
“พ่อเหรอ?” พี่ติณถามย้ำ เขาขมวดคิ้วมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ
   
“ใช่ครับ นี่พ่อธารเอง”
   
“ไปรู้จักกันได้ยังไง” พ่อย่อตัวลงนั่ง ไม่ได้ตอบคำถามของผม แต่กลับย้อนถามด้วยสีหน้ากังวลแทน
   
“เอ่อ...” จะบอกว่าเจอกันในผับก็ไม่ได้ด้วยสิ ผมเหลือบมองพี่ติณเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามของพ่อ “พอดีวันก่อนธารทำกระเป๋าตังค์ตกแล้วพี่ติณเขาช่วยเก็บให้น่ะครับ เลยได้คุยกันนิดหน่อย”
   
พี่ติณทำเพียงแค่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจโดยไม่ได้พูดแก้
   
“.....” พ่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับผมว่า “กลับกันดีกว่าครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว”
   
“ไหนพ่อบอกว่าอยากว่ายน้ำ”
   
“ไว้คราวหน้าแล้วกัน พ่อต้องรีบกลับไปเคลียร์งาน”
   
“ครับ” ผมรับก่อนจะหันไปบอกกับเพื่อนๆ “กูกลับละนะ พวกมึงจะกลับกันยัง”
   
“ถ้ามึงกลับกูก็จะกลับละ ขี้เกียจอยู่ต่อเหมือนกัน” บาสว่า
   
“เออ กลับๆ พวกมึงไม่อยู่กูก็ไม่รู้จะคุยกับใคร” ตั้มพูด
   
พวกเราพากันขึ้นจากสระ เห็นอย่างนั้นพี่ติณเลยลุกตามพร้อมกับอุ้มน้องตุลย์ขึ้นมาด้วย จริงๆ พี่ติณดูไม่ค่อยจะโอ๋น้องตุลย์สักเท่าไหร่ แต่ที่ไม่ปล่อยให้น้องตุลย์เดินเอง คงกลัวว่าน้องจะวิ่งซนจนเกิดอันตราย
   
“มีใครจะให้น้าไปส่งไหม” พ่อถามพวกเพื่อนๆ
   
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราพารถมา” บาสเป็นคนตอบ
   
“โอเคครับ ผ้าเช็ดตัวกับของๆ พวกเราอยู่นั่นนะ” พ่อชี้ไปบนเก้าอี้ยาวข้างสระ แล้วยกแขนโอบไหล่ผมให้เดินไปพร้อมกัน แต่ผมกลับชะงักเท้า หันไปไหว้ลาพี่ติณก่อน

“ธารกลับก่อนนะครับ”
   
“พี่ก็ว่าจะกลับเหมือนกัน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” พี่ติณยิ้ม

เจอกันพรุ่งนี้? งั้นน้องตุลย์ก็คงมีเรียนเสาร์อาทิตย์เหมือนกันน่ะสิ

“ครับ ไว้เจอกัน” ผมยิ้มตอบ รู้สึกได้ว่ามือของพ่อที่วางอยู่บนหัวไหล่ กุมแน่นขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บเล็กน้อย

พี่ติณบอกให้น้องตุลย์โบกมือลา ก่อนจะอุ้มลูกชายเดินไปทางล็อกเกอร์เก็บของ ส่วนผมกับพ่อต้องไปเอาของที่เก้าอี้ก่อน ถึงจะเข้าไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องอาบน้ำรวม

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของพ่อที่มองตามแผ่นหลังสองพ่อลูกไปจนสุดทางเดิน

“เปล่าครับ พ่อแค่เครียดๆ กับเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ” พ่อลูบหัวผม
   
พ่อโกหก เห็นอยู่ชัดๆ ว่าท่าทีของพ่อแปลกไปเพราะพี่ติณ อืม...แต่บางทีพ่ออาจจะแค่เป็นห่วง และคิดว่าพี่ติณไม่ค่อยน่าไว้ใจล่ะมั้ง

   

@Than’s House
   
11: 12 P.M.
   
ผมนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง หูก็เงี่ยฟังเสียงจากนอกห้องไปด้วย ป่านนี้แล้วพี่ภูยังไม่กลับมาอีก ไม่แน่อาจจะไปเที่ยวผับเหมือนอย่างคืนนั้นก็ได้ ทั้งที่กลับไทยมาตั้งหลายวันแล้วแต่เพิ่งเข้ามาที่บ้าน ไม่คิดถึงครอบครัวบ้างเลย มันน่าน้อยใจไหมล่ะ
   
ครืด...
   
แรงสั่นจากมือถือในมือดึงให้ผมหลุดจากภวังค์ แถบสีดำที่บนหน้าจอเตือนว่าบาสเพิ่งไลน์มาหา ผมเลยรีบกดเข้าไปอ่าน
 
Thanapon Bas : กูได้เฟสพี่ภูมาละ
   
เมื่อเย็นหลังจากกลับมาผมก็แชทบอกบาสว่าอยากได้เฟสพี่ภู เพราะเฟสเก่าพี่ภูปิดไปนานแล้ว เสิร์จหาจากชื่อเล่นชื่อจริงก็ไม่เจอ พอดีบาสสนิทกับรุ่นพี่โรงเรียนเก่าพี่ภูเลยให้ลองไปถามดู
   
Thara Than : เร็วเชี่ย

Thanapon Bas : ก็เพื่อนพี่ภู คนที่กูบอกว่ารู้จักอะ ออนเฟสอยู่พอดี กูเลยขอมา แต่ถ้ากูให้เฟสพี่ภูไปแล้ว มึงก็อย่าตกใจล่ะ

Thara Than : ทำไมวะ

Thanapon Bas : เปิดเข้าไปดูเองแล้วกัน

บาสส่งลิงค์เฟสบุ๊คมาให้ ผมเลยกดเข้าไปดู รูปโปรไฟล์เป็นรูปพี่ภูสวมเสื้อกล้ามสีดำอวดรอยสัก นั่งก้มหน้าดูดกาแฟ ชื่อเฟสเป็นภาษาอังกฤษที่สลับตัวอักษร จาก Phupha กลายเป็น Ahpuhp ถึงว่าสิผมเลยเสิร์จหาไม่เจอ ที่น่าตกใจคือจำนวนคนกดติดตามเกือบหกหมื่นกับเพื่อนอีกสี่พันกว่าคน ผมเองก็อยากแอดเฟรนไปแต่เฟสพี่ภูถูกตั้งค่าให้กดติดตามได้อย่างเดียว เลยต้องกดติดตามแทน จากนั้นจึงค่อยเลื่อนดูสเตตัส

อืม...เช็คอินที่ 1000F Pub เมื่อห้านาทีก่อนนี่เอง เห็นทีคืนนี้กว่าจะกลับคงอีกนาน เลื่อนลงมาดูโพสต่อๆ มา ส่วนใหญ่ก็เป็นเช็คอินสถานที่ต่างๆ กับรูปพี่ภู อย่างโพสของสามวันก่อนก็เป็นรูปพี่ภูนอนอวดหุ่นอยู่บนหาดทรายที่พัทยา แต่โพสเก่าจากนั้นนี่สิ...ภาพพี่ภูจูบปากกับผู้ชายหน้าหวานในผับทำเอาผมอึ้ง

นี่พี่ภู...เป็นเกย์?

แกร็ก

เสียงหมุนลูกบิดทำให้ผมต้องรีบกดล็อคหน้าจอ แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พ่อที่เพิ่งเดินเข้ามา

“ยังไม่นอนอีกเหรอธาร” พ่อพูดพลางเดินมานั่งบนเตียง “รอพ่ออยู่รึเปล่า พ่อบอกแล้วไงว่าต้องเคลียร์งานให้ธารนอนไปก่อน”

ผมส่ายหน้า “ธารไม่ได้รอพ่อสักหน่อย ธารแค่เล่นมือถือเพลิน”

“น่าตีจริงๆ” พ่อพูดขำๆ แล้วดึงมือถือของผมไป ทำเอาผมเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างกังวล แต่ก็นึกขึ้นได้ทีหลังว่าผมตั้งรหัสปลดล็อคหน้าจอเอาไว้ ถึงพ่อเอาไปก็เปิดดูไม่ได้อยู่ดี แต่สุดท้ายพ่อก็แค่ปิดเครื่องแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงเท่านั้น พ่อยังเชื่อใจและให้ความเป็นส่วนตัวกับผมเสมอ “ถ้ารอพี่ภูละก็ ไม่ต้องรอแล้วครับ กว่าพี่ภูจะกลับคงเลยเที่ยงคืน กลับมาก็คงง่วงจนไม่มีแรงจะคุยกับเรา” พ่อบอกอย่างรู้ทัน

“งั้นธารนอนก็ได้” ผมล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มถึงหน้าอก

พ่อสอดตัวเข้ามานอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ก่อนจะกดปิดโคมไฟบนหัวเตียง จากนั้นก็ดึงผมเข้าไปกอด “หนาวไหม ให้พ่อปรับแอร์ให้รึเปล่า”

“ไม่หนาวครับ ไม่ร้อนด้วย กำลังพอดี”

“แต่อีกเดี๋ยวน่าจะร้อนนะ” พ่อพูดปนหัวเราะ

“ทำไมถึงร้อนล่ะครับ”

“ก็เพราะพ่อจะกอดธารไง”

“ก็กอดอยู่นี่ไงครับ” ผมเงยหน้าพูดพร้อมกับยกแขนกอดพ่อตอบ หน้าของเราอยู่ใกล้กันจนผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจของพ่อที่เป่ารดอยู่เหนือริมฝีปากของผม

“กอด...แบบนี้ต่างหาก” พ่อกระซิบบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม พร้อมกันนั้นฝ่ามือหยาบกร้านก็ล้วงเข้ามาใต้เสื้อของผม ลากผ่านเอวไปจนถึงหน้าอก ก่อนที่ปลายนิ้วจะสะกิดหยอกล้อกับยอดอกของผมเบาๆ

“พ...พ่อ” เสียงของผมสั่นพร่า ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นกับสัมผัสวาบหวิวที่พ่อมอบให้ และเริ่มจะชอบมัน...

“พ่อชักจะหิวแล้วสิ...ขอกินหน่อยได้ไหม” พ่อรูดรั้งเสื้อของผมขึ้นมากองไว้เหนืออก ก่อนจะไล้ปลายลิ้นลากผ่านหน้าอกของผมอย่างแผ่วเบา แตะชิมยอดอกสีชมพูที่กำลังชูชัน แล้วไล้ต่ำลงไปถึงหน้าท้อง จากนั้นกางเกงของผมก็ถูกถอดออก

Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)


เกือบตีสาม...

ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงลูกบิดประตูห้องนอนดังแกร็กๆ สองสามครั้ง มีใครบางคนพยายามจะเปิดประตูเข้ามาแต่มันถูกล็อคเอาไว้ แม่ยังไม่กลับจากฝรั่งเศส และแม่บ้านก็คงไม่มารบกวนผมตอนตีสามแน่ๆ จะเหลือก็แต่พี่ภู ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพ่อลืมล็อคประตู แล้วพี่ภูเข้ามาเห็นผมกับพ่อนอนกอดกันแนบแน่นจนแทบจะกลืนเป็นร่างเดียว เขาจะคิดยังไง

ผมค่อยๆ ยกแขนของพ่อออกจากเอว แล้วขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ พ่อยังคงหลับสนิทอาจเพราะเมื่อเย็นต้องนั่งทำงานอยู่หลายชั่วโมงจนเหนื่อย เห็นดังนั้นผมจึงเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ มาหยุดยืนหน้าประตูห้องนอนห้องข้างๆ

ก๊อก ก๊อก

ผมยกมือเคาะประตูเบาๆ สองครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน

พี่ภูนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้ถอดรองเท้า สภาพนี้คงดื่มมาเยอะจนเมาแอ๋ ผมเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นทั้งเหล้าทั้งบุหรี่โชยเข้าจมูก เดาผิดเสียที่ไหนกันล่ะ

“ผมเช็ดตัวให้นะครับ” ผมบอกคนบนเตียง

พี่ภูผงกหัวมองผมแล้วกลับไปนอนนิ่งอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยานคางทั้งที่ยังหลับตาว่า “ไม่ต้อง ออกไป พี่จะนอน”
ถ้าตอนมีสติดีผมก็คงเชื่อฟังอยู่หรอก แต่ตอนนี้ไม่

ผมจัดการถอดร้องเท้ากับถุงเท้าให้พี่ภู ก่อนจะไปรื้อเอาผ้าสะอาดผืนเล็กในตู้เสื้อผ้า ชุบน้ำอุ่นจากฝักบัวในห้องน้ำ แล้วมานั่งลงข้างๆ เตียง เช็ดหน้าเช็ดตาให้กับคนที่กำลังเมาไม่ได้สติอย่างเบามือ

“บอกว่าไม่ต้องไง” พี่ภูตวาดพร้อมกับผลักมือของผมออก

“เฮ้อ ก็ได้ครับ” ผมถอนหายใจ วางผ้าไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงอย่างยอมแพ้ “...แต่พี่ช่วยตอบคำถามผมสักสองสามข้อได้ไหม แล้วผมจะออกไป”

“......”

“เมื่อกี้พี่เป็นคนมาเปิดประตูห้องผมใช่ไหม”

“......”

“ทำไมล่ะ หรือแค่อยากเข้ามาดูว่าผมนอนหลับสบายดี...ถ้าพี่เป็นห่วงทำไมพี่ถึงไม่แสดงออกอะไรให้ผมรับรู้บ้าง ทำไมพี่ต้องทำเหมือนเกลียดผมด้วย”

“ก็เพราะว่าพี่เกลียดนาย”

“ผมไม่เชื่อ!”

“กลับห้องของนายไปซะ” พี่ภูยกมือก่ายหน้าผาก พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญเต็มที “อยู่ห่างๆ พี่ไว้ดีกว่า นายไม่รู้หรอกว่าพี่ลงมือทำอะไรกับนายได้บ้าง”

“ถ้าพี่เกลียดผมขนาดนั้นก็ทำเลยสิ” ผมพูดอย่างท้าทาย “ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะกล้าทำร้ายน้องชายตัวเอง”

“มั่นใจจังนะ”

พี่ภูกระชากแขนผมอย่างแรงจนผมเสียหลักล้มลงนอนทับบนตัวเขา ก่อนที่เขาจะพลิกตัวเป็นฝ่ายขึ้นมาอยู่ด้านบน มือข้างหนึ่งของพี่ภูตรึงข้อมือของผมไว้เหนือหัว ส่วนมืออีกข้างบีบคอของผมเอาไว้แน่น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่ตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ

“แค่กๆ พี่ภู ธ...ธาร...” หายใจไม่ออก ผมพยายามดึงมือของพี่ภูออกจากคอตัวเองด้วยมืออีกข้างที่ยังว่าง แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะต่อกรกับเขา

“ไง เริ่มกลัวกูขึ้นมาแล้วสิ” พี่ภูพูดเสียงลอดไรฟัน หน้าตาของเขาเฉยชาจนผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ “ถ้ายังไม่อยากตายก็อย่ามากวนใจกูอีก จำไว้!” จบประโยคนั้นพี่ภูก็ยอมปล่อยมือออก

ทันทีที่ผมเป็นอิสระ ผมก็ผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับผลักเขาออกห่างสุดแรง ขณะเดียวกันก็รีบสูดเอาอากาศเข้าปอด...นี่พี่ภูคิดจะฆ่าผมจริงๆ งั้นเหรอ เขาคิดจะฆ่าผม! น้ำตาของผมไหลซึมออกมาด้วยความกลัว มองพี่ภูด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม

พี่ภูคนเดิม...คนที่ไม่เคยทำให้ผมต้องเจ็บตัวและคอยดูแลผมมาตลอดไม่มีอีกแล้ว เวลาแปดปีคงนานพอที่จะเปลี่ยนคนๆ หนึ่งที่ผมคุ้ยเคยเป็นอย่างดีให้กลายเป็นคนแปลกหน้า

แต่ทำไมกันนะ...ทำไมสายตาที่พี่ภูใช้มองผมมันถึงได้ดูเจ็บปวด ไม่ใช่สะใจ

“ออกไปได้แล้ว” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา

ผมก้าวขาที่สั่นเทาลงจากเตียงแต่ก็ถูกพี่ภูกระชากแขนไว้อีกหน สายตาคมกริบของเขาจ้องเขม็งมาที่คอของผม ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า “นายมีแฟนแล้วเหรอ”

“.....” ผมมองพี่ภูอย่างลังเล ทำไมจู่ๆ เขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมานะ

จริงสิ...

ผมลูบต้นคอของตัวเอง ยังรู้สึกปวดหนึบเล็กน้อย แต่รอยนิ้วจากฝ่ามือของพี่ภู คงไม่เข้มพอจะปกปิดรอยคิสมาร์คที่พ่อทำเอาไว้ได้

“ผู้หญิงรุ่นพี่เหรอ” พี่ภูเริ่มมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วชะงักไปนิดเมื่อเห็นรอยคิสมาร์คตรงต้นขาซึ่งอยู่ตำกว่าขอบกางเกงบ็อกเซอร์เล็กน้อย “ดูท่าจะร้อนแรงไม่เบานะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน

“ปล่อย” แรงบีบที่ข้อมือเพิ่มขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บจึงพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา แต่พี่ภูกลับไม่ยอมปล่อย ตกลงนี่เขาอยากจะไล่ผมกลับห้องหรือต้องการให้อยู่ต่อกันแน่

“เหอะ อายุแค่สิบสี่สิบสี่ก็หัดมีเซ็กส์แล้วเหรอ”

“ผมไม่ได้...”

ถึงจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ที่ผมกับพ่อทำมันก็เรียกได้ว่า ‘เซ็กส์’ 

ผมมีเซ็กส์กับพ่อตัวเอง...

“เป็นอะไร ทำไมไม่เถียงให้จบล่ะ” พี่ภูปล่อยมือออกจากแขนของผม ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่ได้สนใจใยดีอะไร “ถ้าจะทำอีกก็อย่าลืมป้องกัน เพราะถ้าพลาดขึ้นมาบ้านนี้คงจะวุ่นวายน่าดู แค่ที่เป็นอยู่ก็น่ารำคาญจะแย่”

“เรื่องนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกครับ” ผมพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง

“หรือว่าแฟนนาย...” คำพูดของพี่ภูทำให้ผมต้องชะงักเท้า “เป็นผู้ชาย?”

“...ก็คงเหมือนกับพี่ภูมั้งคับ”

ผมออกจากห้องแล้วปิดประตูลง

Pie2Na
ถ้ายังมีคนเข้ามาอ่าน ก็ช่วยคอมเม้นติชมบ้างนะเธอ TT
เรา รอ อ่าน คอมเม้นอยู่ ถือว่า สงสาร คนเขียน เห็นใจ เรา หน่อย
เรา รัก คนอ่าน นะ คนอ่าน อย่า ใจร้าย กับ เรา นัก สิ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [อัพ Chapter 5]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 13-11-2015 19:09:16
ฟินเวอร์ๆๆๆๆ
น้องธานนี้ ฮ็อตฉ่าาา จริงๆนะครับเนี่ย

//  ขอบคุณนะฮะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #แนวค้ำคอครอบครัว [อัพ Chapter 5]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 14-11-2015 06:31:53
โว๊ววววววววววววว :z3:
เม้นท์ไม่ออก บอกไม่ถูก :katai1:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 5]
เริ่มหัวข้อโดย: Maryjane96 ที่ 14-11-2015 14:37:10
เค้าอ่านนนนนนนนนน มาต่อเต้อะ
ส่วนตัวเชียร์พี่ภู เอิ้กๆๆชอบโหดๆแต่ก็ดูแอบห่วงน้องนะ :impress2: :impress2:
ติดตามอยู่นะงื้อๆ   :hao5:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [Chapter 6]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 14-11-2015 22:04:48
Chapter 6
ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง

ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่พี่ชายของผมกลับมาอยู่ที่บ้าน แต่พวกเราแทบไม่ได้พูดคุยกันเลย และความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาก็ดูเหมือนจะห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ

แม่คงสังเกตเห็นและอยากให้พวกเราสนิทกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ หลังจากผมพ้นโทษ (?) ถูกกักบริเวณ ถึงได้ให้พี่ภูเป็นคนมารับมาส่งผมไปโรงเรียน เพราะยังไงโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ก็เป็นทางผ่านไปมหาลัยพี่ภูพอดี แต่อย่างที่รู้กันว่าเด็กมหาลัยไม่ได้เรียนตั้งแต่เช้าถึงเย็นอย่างเด็กมัธยม วันไหนที่พี่ภูมีเรียนสาย เลิกเรียนเร็ว พ่อก็จะเป็นคนมารับมาส่งผมแทน

วันนี้เป็นวันที่พี่ภูต้องมารับผมกลับบ้าน แต่ทุกทีกว่าพี่ภูจะมาถึงก็เลยเวลาเลิกเรียนผมไปเกือบชั่วโมงนู่นแหละ ผมเลยมานั่งรอในร้านนมสดข้างโรงเรียน มีบาสนั่งเป็นเพื่อน ส่วนเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มไปเรียนพิเศษกันหมดแล้ว

“ธาร วันนี้มีการบ้านไรบ้างป่ะ”

“มี แต่จำไม่ได้ เพราะไม่ได้จำ”

“สัตว์”

บาสเงยหน้าขึ้นมาด่าผมเสร็จก็คว้าโกโก้ปั่นไปดูดแล้วก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ถึงมันจะมานั่งเป็นเพื่อนก็เหมือนผมนั่งคนเดียวนั่นแหละ เพราะมันเอาแต่เล่นเกม ส่วนผมก็พอๆ กัน...กำลังเช็คฟีดข่าวในเฟสบุ๊ค

เหมือนนิ้วมือจะทำงานไวกว่าสมอง เพราะทั้งที่ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลิกสนใจพี่ภู แต่ผมดันกดเข้าไปดูหน้าเฟสบุ๊คของพี่มันจนได้ โพสแรกที่เจอก็ทำเอาอารมณ์ผมเดือดปุดๆ มันคือโพสที่ผู้ชายคนหนึ่งแท็กมา เป็นรูปพี่ภูกำลังกินไอศกรีมอยู่ น่าจะถูกถ่ายตอนเผลอเพราะพี่ภูไม่ได้เงยหน้าขึ้นเก๊กหล่ออะไร แค็ปชั่นชวนหมั่นไส้ว่า ‘ขนาดตอนกินยังหล่อเลย :)’ แต่ดันมีคนกดไลท์ตั้งสี่พันกว่า

ที่สำคัญคือมันถูกโพสเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน และเช็คอินที่ร้านไอศกรีมในห้างหรูข้างๆ มหาลัยพี่ภู

นี่สินะเหตุผลที่มารับผมช้าแทบทุกครั้ง...

ผมกดเข้าไปอ่านคอมเมนท์เกือบร้อยคอมเม้นใต้ภาพ มีคนชมว่าหล่อบ้างล่ะ น่ารักบ้างล่ะ จีบได้ไหม โสดรึเปล่า ยิ่งอ่านผมก็ยิ่งหงุดหงิด สุดท้ายนิ้วมือก็ทำงานไวกว่าสมองอีกเหมือนเคย ถึงได้เผลอ (?) เมนท์ไปว่า...

กินให้อร่อยนะครับ ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวธารกลับเอง

ไม่ถึงหนึ่งนาทีมีคนมากดไลท์คอมเมนท์ของผมห้าสิบกว่าคน และเมนท์ตอบอีกเกือบยี่สิบคอมเมนท์ ที่ทำให้ผมแปลกใจคือพี่กฤษมากดไลท์คอมเมนท์นี้ด้วย หรือว่าพี่กฤษกับพี่ภูจะรู้จักกัน...จริงสิ สองคนนี้เรียนปีเดียวกัน มหาลัยเดียวกัน ถ้าจะเป็นเพื่อนกันในเฟสบุ๊คก็คงไม่แปลก

พอหายสงสัย ผมก็หันมาไล่อ่านคอมเมนท์ที่ตอบคอมเมนท์ของผม...

นี่ใครเอ่ย? เป็นอะไรกับพี่ภูครับ?

น่ารักจัง แฟนพี่ภูเหรอ?

@Ahpuhp Uhp คนนี้ใคร?


คอมเมนท์นี้แท็กเฟสบุ๊คพี่ภูตรงๆ เจ้าของคอมเมนท์ก็คือคนที่โพสรูปนี้ ด้วยความอยากรู้ผมเลยกดเข้าไปส่องเฟสบุ๊คของเขา หมอนี่เป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าหล่อเลยแหละ ขาว ตี๋ หน้าหวาน คงจะตรงสเป็คพี่ภูทุกอย่าง แต่หน้าคุ้นๆ แฮะ...
อ้อ คนเดียวกับผู้ชายที่พี่ภูจูบปากด้วยในผับ!

“คิดว่าหล่อนักรึไง”

“ฮ้ะ?”

“กูไม่ได้พูดกับมึง”

บาสหันซ้ายหันขวาพอไม่เจอคนที่ผมคุยด้วยมันก็ส่ายหน้ายิ้มขำ แล้วก้มหน้าก้มตาเล่นเกมต่อ เป็นจังหวะเดี๋ยวกับที่มือถือของผมสั่นเตือนพอดี

ผมเช็คแจ้งเตือนในเฟสบุ๊ค แอบตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็มีคนไม่รู้จักแอดมาเกือบห้าสิบคน ทักแชทมาอีกหกคน แต่ผมเลือกที่จะปล่อยมันทิ้งไว้ ไว้ค่อยคิดอีกทีว่าจะกดรับหรือตอบแชทดีรึเปล่า เพราะตอนนี้ผมต้องไล่อ่านคอมเมนท์ใหม่ๆ ที่เมนท์ตอบคอมเมนท์ของผม มีคอมเมนท์หนึ่งจากพี่ภูบอกว่า...

รออยู่นั่นแหละ กำลังไป

อืม...รอก็รอ ระหว่างนี้ผมควรตอบคำถามเพื่อนๆ ของพี่ภูไหมนะ อย่างเช่นว่า...ผมกับพี่ภูเป็นอะไรกัน?  เพราะดูเหมือนพี่ภูไม่คิดจะตอบคอมเมนท์พวกนี้แน่ๆ

...แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่รู้สิ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน ปล่อยให้เดาผิดๆ ถูกกันไปก็ดี จะได้ไม่ต้องมีคนมายุ่มย่ามกับพี่ภูมากนัก

ตัดสินใจได้อย่างนั้นผมก็กดออกจากเฟสบุ๊ค แล้วเข้าโปรแกรมไลน์เพื่อตอบข้อความที่ยังไม่เปิดอ่าน

P’ Krit : ธารรู้จักกับภูด้วยเหรอ

ข้อความล่าสุดจากพี่กฤษเพิ่งถูกส่งมาเมื่อห้านาทีที่แล้ว

ช่วงที่ผมถูกกักบริเวณ ผมกับพี่กฤษไม่ได้เจอกันเลย เพราะตอนเช้าเวลาพ่อมาส่งผมที่โรงเรียนก็ต้องจอดรถรอจนผมเดินเข้าประตูก่อน ตอนกลับก็มารอรับ ผมเองอยากหนีหน้าพี่กฤษอยู่แล้วเลยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไม่ไปเจอเขา ทั้งที่ถ้าผมอยากเจอจริงๆ จะโดดเรียนไปหาก็ได้ เราเลยได้แต่โทรคุย เฟสไทม์ หรือแชทหากันเท่านั้น

เพราะผมก็ยังใจไม่แข็งพอที่จะเลิกกับพี่กฤษอย่างจริงจัง...
   
Thara Than: อือ

Thara Than: พี่ชายธารเอง พี่กฤษรู้จักกับพี่ภูได้ยังไงครับ?
   
ผมพิมพ์ตอบพี่กฤษ ระหว่างรออีกฝ่ายตอบกลับ ผมก็เปิดอ่านข้อความจากพี่ติณ พวกเราแอดไลน์กันตั้งแต่วันที่แลกเบอร์โทรแล้ว แต่เพิ่งมาสนิทและเริ่มคุยไลน์กันเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนนี่เอง เพราะต้องเจอกันที่สปอร์ตคลับทุกเสาร์อาทิตย์

Atin”: น้องตุลย์บอกว่าอยากกินไอติมกับพี่ธาร

ข้อความนี้ถูกส่งมาพร้อมกับรูปถ่ายของน้องตุลย์ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงสำหรับเด็กในร้านไอศกรีมแบรนด์ดัง และกำลังตักไอศกรีมรสช็อกโกแลตเข้าปากด้วยท่าทางมูมมาม จนปากกับแก้มเลอะเทอะเป็นสีน้ำตาลไปหมด ทำเอาผมต้องยิ้มกว้างกับความน่ารัก

Thara Than: งั้นเสาร์นี้ไปกินกันนะครับ อยากอยู่เล่นกับน้องตุลย์ก่อนกลับบ้าน

Atin”: พ่อธารไม่ว่าเหรอครับ ปกติเห็นตามประกบไม่ห่างเลย ดูท่าจะหวงลูกชายน่าดู

พี่อติณตอบกลับมาแทบจะทันที สงสัยกำลังเล่นมือถืออยู่

Thara Than: อืม...ถ้ารู้ก็คงจะดุมั้งครับ แต่ธารไม่ถูกกักบริเวณแล้ว คงแอบหนีคุณพ่อไปได้ :P

Atin”: ดื้อเงียบนะเรา

ผมส่งสติ๊กเกอร์รูปเด็กผู้ชายนั่งคุกเข่าหัวเราะน้ำตาเล็ดไป ก่อนจะเปิดอ่านข้อความของพี่กฤษ

P’ Krit: โลกกลมดีจัง พี่กับภูเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมแล้ว
   
Thara Than: สนิทกันไหมครับ
   
ผมรอข้อความตอบกลับจากพี่กฤษอย่างจดจ่อ ชักจะกังวลขึ้นมาแล้วสิ เพราะผมไม่อยากให้พี่ภูรู้เรื่องระหว่างผมกับพี่กฤษ ถึงพี่ภูจะไม่ใช่คนปากโป้งที่จะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อกับแม่ และไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของผมเลยสักครั้ง แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีถ้าเขาจะรู้เรื่องนี้
   
P’ Krit: ไม่เชิง แค่ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย
   
ถ้าไปเที่ยวด้วยกันบ่อยก็ต้องมีโอกาสคุยกันบ่อยๆ ด้วยสิ...แต่พี่กฤษยังไม่รู้ว่าผมเป็นน้องชายพี่ภู งั้นแสดงว่าสองคนนี้ยังไม่เคยคุยกันถึงเรื่องของผม

Thara Than: อย่าบอกพี่ภูนะครับว่าพวกเราเคยคบกัน ธารไม่อยากให้เรื่องถึงหูแม่

ผมโกหก...ผมแค่ไม่อยากให้พี่ภูรู้แค่นั้นเอง

P’ Krit: โอเค

P’ Krit: เฟสไทม์ได้ไหม คิดถึง อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า

ผมกำลังจะพิมพ์ตอบก็มีคนโทรเข้ามาพอดี เบอร์ที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือเบอร์พี่ชายผมเอง



หลังจากรับสายพี่ภูที่โทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว ผมก็เดินออกจากร้านไปยังรถ BMW Z4 สีดำที่จอดรออยู่ข้างรั้วโรงเรียน

“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าของรถที่นั่งหน้าขรึมอยู่หลังพวงมาลัย ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ

พี่ภูไม่แม้แต่จะพูดหรือเหลือบมองมาทางผม ทันทีที่ประตูรถปิดลงเขาก็ขับออกไปเงียบๆ ทำเอาผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมา อย่างน้อยพี่ภูก็ควรถามผมสักนิดว่าผมรอนานรึเปล่า ถามว่าผมเรียนเหนื่อยไหม ถามอย่างเป็นห่วงแบบที่พี่ชายคนอื่นเขาทำกัน

“พี่ภู พี่จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

“.....” 

“ผมก็ทำอย่างที่พี่ต้องการแล้วไง คอยอยู่ห่างๆ ไม่ไปทำให้พี่รำคาญ แต่อย่างน้อยเวลาอยู่ด้วยกันอย่างตอนนี้ พี่จะคุยกับผมบ้างไม่ได้เลยเหรอ”

“นายไม่กลัวพี่แล้วรึไง”

ผมชะงัก...นึกถึงคืนนั้นที่ถูกพี่ภูบีบคอจนหายใจไม่ออก ยังจำติดตาว่าพี่ภูมองผมด้วยสีหน้าเย็นชาแค่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่เพราะความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กระหว่างพวกเราสองคน ผมจึงยังอยากที่จะอยู่ใกล้ๆ พี่ภู อยากพูดคุยกับเขา และอยากได้พี่ชายคนเดิมของผมกลับมา

“ไม่” ผมตอบปฏิเสธไปทันที แต่ก็ทำเป็นปากเก่งไปงั้นเอง

“.....”

“ทำไมพี่ต้องทำเหมือนเกลียดผมนัก ทั้งๆ ที่พี่เคยบอกว่ารักผม ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจงั้นเหรอ พี่บอกผมมาสิ ผมจะได้ปรับปรุงตัว”

แม้ว่าผมจะยังไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่าแววตาของคนเราไม่มีทางโกหก ถึงการกระทำของพี่ภูจะแสดงออกว่ารำคาญหรือเกลียดผมแค่ไหน แต่หลายครั้งที่แววตาของเขามันสื่อความหมายในทางตรงกันข้าม ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเสี่ยง...อยากจะลองเชื่อว่าในคืนนั้น พี่ภูไม่ได้อยากจะทำร้ายผมจริงๆ

“พี่เคยบอกนายตอนไหนว่าพี่รักนาย” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา

“พี่จำไม่ได้เหรอ” ผมมองหน้าพี่ภู “คืนที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้วจะส่งพี่ไปเรียนต่างประเทศ พี่ภูให้ธารเข้าไปในห้อง กอดธาร...แล้วก็บอกว่าพี่ภูรักธาร” ผมหลุดเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนอย่างเมื่อก่อน ตอนที่ผมกับพี่ภูยังสนิทกัน

พี่ภูชะงักไปนิด เขาหักพวกมาลัย เลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง ก่อนจะหันมามองหน้าผมตรงๆ “ตอนนั้นพี่ก็แค่โกหกนาย”

“ตอนนี้ต่างหากที่พี่กำลังโกหก”

“แล้วไง ต่อให้พี่พูดความจริง เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งแปดปีแล้ว ความรู้สึกของพี่มันไม่เหมือนเดิมแล้วธาร”

“อ๋อ...พี่ก็เลยจูบปากกับผู้ชายในผับ แถมยังชวนหมอนั่นไปกินไอติมด้วยกันใช่ไหม” ผมหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเพราะอารมณ์ล้วนๆ แต่ไหนๆ ก็พูดไปแล้ว ผมก็จะพูดให้มันจบในวันนี้

“ธาร!” พี่ภูลูบหน้า “รู้ตัวใช่ไหมว่าเพิ่งพูดอะไรออกมา”

“รู้สิ ตอนนี้ธารไม่ใช่เด็กแล้ว ธารรู้ว่าสิ่งที่พี่ภูเคยทำกับธารมันหมายความว่ายังไง แต่ในเมื่อความรู้สึกของพี่ภูมันไม่เหมือนเดิม เราก็แค่ทำให้ทุกอย่างถูกต้อง...กลับมาเป็นแค่พี่ชายกับน้องชายเหมือนอย่างพี่น้องในครอบครัวอื่นๆ ไงครับ”

“ได้ พี่จะพยายาม” พี่ภูจ้องหน้าผม “พี่จะทำตัวเป็นพี่ที่แสนดี ทำเป็นลืมๆ ไปว่าพี่เคยทำระยำอะไรไว้กับน้องชายตัวเองบ้าง!”

ผมกัดปาก ก้มหน้าหลบสายตาพี่ภู “ถึงพี่ภูจะคิดอย่างนั้น แต่ธารไม่เคยรังเกียจในสิ่งที่พี่ทำเลยนะ”

“.....”

ถ้าพี่ภูคิดว่าเรื่องที่เขาทำกับผมมันเป็นความผิดร้ายแรง แล้วสิ่งที่ผมกับพ่อกำลังทำอยู่ล่ะ...มันไม่เรียกว่าระยำยิ่งกว่าเหรอ ทั้งๆ ที่คนที่ควรจะนอนกอดพ่อทุกคืนคือแม่ แต่ผมกับทำหน้าที่นั้นแทน จนตอนนี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่า คำว่า ‘ศีลธรรม’ มันเป็นยังไง ‘ผิด’ หรือ ‘ถูก’ มีหน้าตาแบบไหน

ผมรู้แค่ว่าอะไรคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นและเย้ายวนจนผมอยากจะกระโจนเข้าใส่...

“ธารถามจริงๆ นะพี่ภู” ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนข้างตัวที่หันกลับไปจดจ่ออยู่บนถนน ไม่อาจเดาได้เลยว่าภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมและเฉยชาของพี่ภู เขาซ่อนความรู้สึกยังไงเอาไว้ “ความรู้สึกของพี่ภูมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เหรอ...พี่ภู...เกลียดธารแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

“.....”

ปลายนิ้วของผมเย็นเฉียบ หัวใจเต้นระรัวกับสิ่งที่กำลังจะทำ...ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดมันผิด...ว่าพี่ภูไม่ได้รักผมแล้ว และพวกเราควรกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น

ผมเอื้อมมือไปจับใบหน้าของพี่ภูให้หันมา ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบเขา...

พี่ภูนิ่งอึ้งด้วยความตกใจแล้วจับไหล่ของผมดันออกห่างอย่างแรง

“ทำบ้าอะไร!” เขาตวาด

“จูบไง” ผมบอกอย่างดื้อดึงพร้อมกับเอื้อมมือไปจับใบหน้าของพี่ภูแล้วกดจูบลงอีกครั้ง บดเบียดเร่งเร้าอย่างต้องการเอาชนะ จนในที่สุดพี่ภูก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เมื่อเขายื่นมือมาจับเอวของผม และยอมเผยอกลีบปากขึ้น ปล่อยให้ผมไล้เล็มริมฝีปากของเขาตามแต่ใจ

รสจูบของผมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยั่วยวนและเชื่องช้า ขบเม้มริมฝีปากล่างของพี่ภูเบาๆ ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนปลายลิ้นของเขาอย่างช่ำชอง 

เสียงลมหายใจหอบกระชั้นของพวกเราทั้งคู่ดังก้องอยู่ในที่แคบๆ พี่ภูดึงชายเสื้อของผมออกจากกางเกง ก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะสอดเข้าไปด้านใน ลูบไล้ตามแผ่นหลัง ขณะเดียวกันผมก็ขยับตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักของพี่ภู โดยที่ปากของพวกเราทั้งคู่ยังดูดดุนกันและกันอย่างไม่ยอมถอยห่าง

จ๊วบ...

ผมเป็นฝ่ายถอนจูบออกก่อน ก่อนจะก้มลงดูดเม้มที่ซอกคอของพี่ภูจนเกิดเสียงดังชวนน่าอาย

“อือ...”

เสียงครางอย่างพอใจดังลอดออกมาจากปากของพี่ภู เมื่อผมลูบไล้ฝ่ามือไปตามแผงอกของเขา ไล้ต่ำลงมายังกล้ามเนื้อหน้าท้อง ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมกางเกงยีนของพี่ภูออก

“ธาร...หยุดก่อน” พี่ภูบอกด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่าพร้อมกับรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว จนผมต้องยอมผละออกจากซอกคอของพี่ภู แล้วเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความขัดใจ

“พอแล้ว” พี่ภูจ้องหน้าผม สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ อย่างพยายามควบคุมตัวเอง

“ธารชนะ” ผมกระซิบบอก แนบหน้าผากของตัวเองลงบนหน้าผากของพี่ภู ให้ปลายจมูกของเราสัมผัสกัน หลุบสายตาลง ก่อนจะขบริมฝีปากล่างของพี่ภูอย่างยั่วยวน

“.....”

“ไม่ชอบเล่นแบบนี้แล้วเหรอครับ ตอนเด็กๆ ยังชอบมาชวนธารเล่นบ่อยๆ เลย” ผมขยับสะโพก บดเบียดเคล้าคลึงกับหน้าตักของพี่ภู

ผมเคยคิดว่าตัวเองไม่พร้อมสำหรับเซ็กซ์ แต่ที่จริงแล้วเพราะผมกำลังรอใครสักคนที่ผมต้องการจะทำมันกับเขาต่างหาก...แล้วคนๆ นั้นก็คือพี่ภู

“ธาร!” พี่ภูตวาดเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือของผมออก เปลี่ยนมาจับเอวของผมไว้ไม่ให้ขยับแทน

“ก็ได้” ผมบอกอย่างยอมแพ้ แล้วยอมลุกออกจากตักของพี่ภูมานั่งที่เก้าอี้ข้างคนขับดีๆ “วันนี้ก่อนกลับบ้านเราแวะไปกินไอติมกันดีกว่าครับ พี่ภูยังพาเพื่อนคนนั้นไปกินได้เลย งั้นก็พาธารไปบ้างสิ”

พี่ภูยกมือเสยผมแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ เขานิ่งเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ลงไปจากรถ”

“.....” ผมหันมองพี่ภูอย่างไม่เข้าใจ

“พี่บอกให้ลงไปจากรถ!”

พี่ภูไล่ผมงั้นเหรอ! ทั้งที่เมื่อกี้เราเพิ่งจะจูบกันเนี่ยนะ!?

ผมคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายกับคนในรถว่า “ธารไม่ใช่เด็กหกขวบหน้าโง่ที่จะโดนพี่ภูหลอกได้ง่ายๆ อีกแล้ว เพราะงั้นเชิญพี่หลอกตัวเองไปคนเดียวเถอะครับ”

ปัง!

ทันทีที่ประตูรถถูกกระแทกปิดลง รถคันหรูของพี่ภูก็กระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่บนฟุตบาธ

พี่จะเล่นอย่างงี้ใช่ไหมพี่ภู...ได้! ธารจะทำให้พี่เห็นว่าน้องชายของพี่คนนี้ไม่ใช่เด็กผู้ชายใส่ซื่อ หัวอ่อนคนเดิมที่พี่เคยรู้จัก ดูซิว่าพี่จะทนทำท่าทีเฉยชากับธารไปได้ถึงเมื่อไหร่!

ผมล้วงมือถือออกมากดโทรหาคนที่ไม่ควรเจอหน้าที่สุด รออยู่ไม่กี่วินาทีปลายสายก็กดรับ ก่อนที่เสียงทุ้มๆ น่าฟังของเขาจะเอ่ยทัก

“ไงธาร ยอมโทรหาพี่แล้วเหรอ”

“พี่กฤษมารับธารหน่อยสิ ธารอยู่ที่...” ผมบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เพราะยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

“เป็นอะไรรึเปล่า” พี่กฤษถามอย่างเป็นห่วง คงฟังออกว่าผมอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่

“โทษทีครับที่เผลอพูดไม่ดีด้วย พอดีมีเรื่องน่าโมโหนิดหน่อย”

“ไม่เป็นไร รออยู่นั่นนะ พี่กำลังขับรถไปทางนั้นพอดี อีกไม่เกินสิบนาทีจะไปรับ”

“ครับ” ผมกำลังจะกดตัดสาย แต่เสียงพี่กฤษดังขัดขึ้นเสียก่อน

“ธาร อย่าเพิ่งวางสาย พี่เป็นห่วง”

“.....”

“รอให้พี่ไปถึงก่อนค่อยวางนะ”

“ครับ” เราสองคนต่างก็เงียบไปจนกระทั่งผมเห็นรถพี่กฤษกำลังขับใกล้เข้ามา “ขอธารไปนั่งเล่นที่คอนโดพี่กฤษนะครับ”

“ได้สิ”

ผมกดตัดสายเมื่อรถสปอร์ตสีดำจอดเทียบริมฟุตบาธห่างออกไปไม่กี่ฟุต

Pie2Na
รู้สึกว่าธารก็ไม่เบานะ เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แอบร่าน (ไม่) นิดหน่อย
อาจเพราะพ่อตามใจมากไปมั้ง....หรือว่าคนเขียนคิดไปเอง?
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะคับ ^^
อยากอ่านกันไวๆ ก็ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังใจให้คนเขียนบ้าง รออ่านคอมเม้นพวกเธอที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ TT
รักนะ บาย ฝันดี
:กอด1:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 6]
เริ่มหัวข้อโดย: taanarok ที่ 15-11-2015 02:44:06
น้องธารแซบแท้หลาว รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 6]
เริ่มหัวข้อโดย: Haihong ที่ 15-11-2015 09:02:12
 :mew1:  รอตอนต่อไป พระเอกกี่คนนี่
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 6]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-11-2015 20:19:19
น้องธารไม่เบาจริงๆ แอ๊บใสซื่อ จริงๆก็ว้อนอยู่นะเนี่ย สนุกมากอ่ะเนื้อเรื่องลุ้นใครเป็นพระเอก  :hao6:

แต่แอบเชียร์ภู แต่ดูท่าภูนี่ธารจะได้ยาก แต่เอ๊ะรึได้ง่ายนะ รึจะเสร็จใครก่อนดี  :haun4:

ปล.พ่อน้องธารนี่พ่อแท้ๆรึป่าวคะ? หรือธารเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง? :hao4:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 7]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 01-12-2015 21:07:20
Chapter 7
เมื่อความรู้สึกจางหาย


@The Attribute Condominium
   
“กฤษ!”
   
เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหลังขณะที่ผมกับพี่กฤษกำลังเดินไปที่ลิฟท์บริเวณลานจอดรถของคอนโด พอพวกเราหันไปก็เห็นชายคนหนึ่งเพิ่งลงมาจากรถที่จอดอยู่ไม่ไกลกับรถของพี่กฤษนัก ก่อนที่หมอนั่นจะวิ่งตรงมาหาพวกเรา เขาดูอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบปี ตัวสูงเกือบเท่าพี่กฤษ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว นับว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง
   
ผมจำได้แม่นเลยล่ะว่าหมอนี่คือใคร...คู่นอนคนล่าสุดของพี่กฤษ ต้นเหตุที่ทำให้เราสองคนต้องเลิกกัน
   
“ณัฐ มึงมานี่ได้ไง”
   
“อ้าว มึงเป็นคนนัดกูเองนะ”
   
พี่กฤษขมวดคิ้ว ถอนหายใจ “โทษที กูลืม วันนี้มึงกลับไปก่อนนะ”
   
“มึงดีกับแฟนแล้วเหรอ” เขาปรายตามองผม “ของตายอย่างที่มึงบอกจริงๆ ขนาดจับได้คาหลังคาเขายังคลานกลับมาหามึงถึงที่”

แปลกแฮะที่ผมไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรมากมายกับคำพูดของพี่ณัฐ--ยังควรจะเรียกพี่อีกไหม?--ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงทั้งโมโหและเสียใจจนไม่รู้จะระบายออกมายังไง แต่ตอนนี้ผมกลับแค่หงุดหงิดเท่านั้น
   
“กูเป็นคนตามง้อธารเอง มึงอย่าพูดหมาๆ ถึงแฟนกูแบบนี้” พี่กฤษขยับเข้ามาโอบไหล่ผม
   
แฟนเก่าต่างหาก ผมแก้ในใจ ไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะกลัวเรื่องจะไม่จบ และสภาพอารมณ์ของผมก็ไม่ได้อยู่ในโหมดที่พร้อมจะต่อปากต่อคำกับใครด้วย
   
“ขึ้นห้องกันดีกว่าครับ” ผมหมุนตัวเดินนำพี่กฤษไปที่ลิฟท์ แต่ก็ต้องชะงักเท้าอีกครั้งเพราะคำพูดจากคนด้านหลัง
   
“นี่ยอมให้ไอ้กฤษเอาแล้วเหรอ มันถึงคืนดีด้วย”
   
“......”
   
มือของพี่กฤษที่โอบไหล่ผมอยู่บีบแน่นขึ้น ก่อนที่พี่กฤษจะหันกลับไปเพื่อจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมกลับกระตุกชายเสื้อของพี่กฤษพร้อมกับมองหน้าเขาเป็นเชิงปรามว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก ดูท่าพี่ณัฐเขาอยากคุยกับผมมาก ถ้าไม่ตอบสักหน่อยคงไม่ยอมหยุด
   
“...มึงมันก็แค่ของเล่นของไอ้กฤษ เดี๋ยวพอมันเบื่อมึงก็จะโดนเขี่ยทิ้ง”
   
“ก็คงอีกสักพักใหญ่เลยมั้ง เพราะกูอะของเล่นชิ้นโปรด ส่วนมึง...ก็แค่ของเล่นแก้ขัดตอนกูไม่ว่าง”
   
“ไอ้เหี้ย!”
   
พี่ณัฐเดินตรงเข้ามา ก่อนจะง้างหมัดทำท่าจะต่อยผม พี่กฤษเลยรีบดึงผมไปไว้ข้างหลังแล้วใช้แขนกันมันไว้
   
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว กับน้ำตาที่ผมเคยเสียไปเพราะสองคนนี้ วันนี้ขอเอาคืนหน่อยแล้วกัน...
   
ผมควานหาคีย์การ์ดห้องพี่กฤษในกระเป๋าสะพายตัวเอง ก่อนจะปามันใส่หน้าพี่ณัฐ “เอาไว้ใช้สิครับ คราวหลังจะได้ไม่ต้องมานั่งรอในรถ เดี๋ยวผมให้พี่กฤษทำให้ใหม่อีกใบก็ได้”
   
แค่นี้พี่ณัฐก็น่าจะรู้แล้วว่าใครสำคัญกว่า ถ้าผมเป็นแค่ของตาย เป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อ พี่กฤษก็คงไม่ให้คีย์การ์ดกับผม ไม่พยายามตามง้อผมขนาดนี้ ถึงผมจะรู้แก่ใจว่าคำว่า ‘รัก’ จากปากพี่กฤษมันก็แค่คำโกหก แต่การที่เขาต้องการรั้งผมไว้ มันหมายถึงผมยังพอมีค่าสำหรับเขา และไม่ว่าความรู้สึกที่เขามีให้ผมคืออะไร มันย่อมมากพอที่จะทำให้พี่กฤษตัดใจจากผมไม่ได้
   
“มึง!” พี่ณัฐพยายามผลักพี่กฤษออก แต่ก็สู้แรงไม่ไหว จึงไม่สามารถเข้ามาทำร้ายผมได้ ขณะที่ผมได้แต่ยืนมองคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น
   
“ไอ้ณัฐกูบอกให้หยุด!”
   
“กูไม่หยุดจนกว่ากูจะได้เอาเลือดออกจากป...”
   
ผัวะ!
   
ทุกอย่างหยุดชะงักลงชั่วขณะ เมื่อหมัดของพี่กฤษอัดกระแทกเข้าที่หน้าพี่ณัฐอย่างจังจนหมอนั่นล้มฟุบไปกับพื้น
   
“ไอ้กฤษ มึงต่อยกู!” พี่ณัฐชี้หน้าคู่นอนของตัวเองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว มุมปากของเขามีเลือดไหลซึมออกมา ใบหน้าด้านซ้ายแดงช้ำและยังมีรอยถลอกเลือดซิบที่โหนกแก้ม อาจโดนแหวนที่ข้อนิ้วชี้ของพี่กฤษบาดเข้า
   
“เออ! แล้วกูจะทำยิ่งกว่านี้ถ้ามึงยังมายุ่งกับธารอีก!”
   
“กูก็มีมือมีตีน กูไม่กลัวมึงหรอกไอ้สัตว์!” พี่ณัฐผุดลุกขึ้นจากพื้น พอดีกับที่ยามคนหนึ่งเดินผ่านมาทางนี้แล้วเห็นเหตุการณ์เข้า เลยรีบวิ่งมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“มีอะไรกันครับ” น้ายามมองพวกเราสามคนสลับกัน

ก่อนที่จะมีใครตอบพี่ณัฐก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกี้ยวกราดว่า “ระวังเมียมึงไว้ให้ดีนะไอ้กฤษ เผลอเมื่อไหร่กูเอาคืนแน่” จบประโยคเขาก็เดินกลับไปที่รถของตัวเอง

พี่กฤษถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงเก็บคีย์การ์ดบนพื้น แล้วโอบไหล่ผมเดินไปที่ลิฟท์โดยไม่ได้ตอบคำถามของยามที่ยังยืนรอดูสถานการณ์อยู่ที่เดิม

“พี่คงยังไม่รู้จักธารดีพอ”

ผมแหงนหน้ามองพี่กฤษ สีหน้าที่เขาใช้มองผมมันแสดงความสับสนและผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน

“เวลาแค่ปีเดียว คงน้อยไปที่จะทำให้พี่กฤษรู้จักคนๆ นึงได้มากพอมั้งครับ”

“......”

“หรือบางทีอาจเพราะธารไม่ใช่ธารคนเดิมของพี่กฤษแล้วก็ได้”

อย่างที่บอก ผมเป็นคนโง่ในเรื่องความรัก--แค่เฉพาะกับเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น--ถ้ารักมากต่อให้ต้องทนเจ็บแค่ไหนเพื่อให้ได้อยู่ข้างๆ คนที่รักผมก็ยอม แต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของผมมันเปลี่ยน ความอดทนก็จะหมดไปพร้อมกัน

ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้าเจอหน้าพี่กฤษ ไม่อยากคุยด้วยเพราะกลัวตัวเองจะหวั่นไหวยอมกลับไปคืนดี แต่พอพวกเราได้เจอกัน หัวใจของผมกลับไม่เต้นแรงอย่างที่ควรจะเป็น...ผมถึงรู้ว่าความรู้สึกที่มีให้พี่กฤษมันไม่เหมือนเดิม

ผมเคยใช้พี่กฤษเป็นตัวแทนของพี่ชาย แต่ในเมื่อพี่ชายของผมกลับมา...พี่กฤษก็คงไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าแฟนเก่าที่ผมยังรู้สึกผูกพันด้วย

ผมไม่ได้รักพี่กฤษ...ไม่ได้รักมากถึงขนาดยอมทนเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ผมถึงเลือกที่จะตอบโต้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมถูกทำร้าย เขาและคนของเขาจะต้องบาดเจ็บเท่าๆ กัน

......


“พี่ณัฐดูไม่เหมือนคู่นอนคนอื่นๆ ของพี่กฤษนะครับ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่พวกเรานั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

...ผมแค่รู้สึกสงสารคนที่ต้องมาเจออะไรๆ คล้ายๆ กัน ถ้าให้เดา พี่ณัฐคงไม่ใช่แค่วันไนท์สแตนด์เหมือนคู่นอนคนอื่นๆ เขาถึงได้อยากให้ผมกับพี่กฤษเลิกกัน ไม่รู้ว่าลับหลังผมพวกเขาแอบไปทำอะไรกันบ้างหรือมีอะไรกันกี่ครั้ง พี่ณัฐเลยหวงพี่กฤษและพยายามยื้อเสียขนาดนั้น บางทีเขาอาจจะชอบพี่กฤษมากก็ได้

น่าเสียดาย...ถ้าพี่ณัฐไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับพี่กฤษทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าพี่กฤษกับผมกำลังคบกันละก็ ผมคงรู้สึกดีกับพี่ณัฐมากกว่านี้ และอาจจะยอมช่วยให้เขาสมหวัง

พี่กฤษถอนหายใจ ท่าทางของเขาดูเหมือนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่าเอามาพูดให้พวกเราต้องทะเลาะกันดีกว่า”

“ก็ได้ครับ”  ผมเองก็ไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่หรอก เพราะถึงแม้ผมจะไม่ได้รักพี่กฤษมากขนาดนั้นแล้ว แต่มันก็ยังเจ็บลึกๆ อยู่ดีที่เคยถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง

ผมเอนหลังพิงพนักโซฟา หยิบมือถือออกมาเปิดเฟสบุ๊ค แค่เห็นจำนวนคนที่แอดเฟรนมาก็ทำให้ผมตกใจนิดๆ ผมมองอย่างชั่งใจครู่หนึ่งก็เลือกที่จะกดรับเพื่อนร้อยกว่าคนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่กดติดตามหรือไม่ก็เป็นเพื่อนในเฟสของพี่ภู ยิ่งผมรับแอดพวกเขามากเท่าไหร่ ข่าวก็จะได้แพร่กระจายไปถึงหูพี่ภูเร็วเท่านั้น

“ธาร”

ผมชะงักก้มมองคนที่เอนตัวลงนอนหนุนตักผม ก่อนจะยื่นมือไปสางผมของเขาอย่างที่เคยทำเมื่อตอนที่เรายังคบกัน

พี่กฤษจ้องหน้าผม พูดด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง “ที่พูดในลิฟท์ แค่ล้อเล่นใช่ไหม”

“เรื่องไหนครับ” ผมเลิกคิ้ว

“ที่บอกว่า...ธารไม่ใช่ธารคนเดิมของพี่แล้ว” พี่กฤษยื่นนิ้วชี้มาเขี่ยปลายจมูกของผมเล่น

ผมได้แต่ยิ้มไม่ตอบ

“ไม่เจอกันตั้งเดือนนึง คิดถึงพี่บ้างรึเปล่า”

“คิดถึงสิ” ผมพูดตามจริง แม้ว่าส่วนใหญ่คนที่มักจะเข้ามาวุ่นวายในความคิดของผมคือพี่ภูก็ตาม

นิ้วชี้ของพี่กฤษเลื่อนมาสัมผัสริมฝีปากของผม ก่อนที่เขาจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบที่สาวๆ หลายคนได้ยินเข้าคงละลาย “ขอจูบได้ไหม”

“....ได้สิ”

พี่กฤษคว้าต้นคอของผมให้ก้มต่ำลง ก่อนที่เขาจะผงกหัวขึ้นประกบจูบ ขมเม้มดูดดึงอย่างโหยหา เมื่อผมอ้าปากออก พี่กฤษก็สอดปลายลิ้นเข้ามาภายใน...ขณะที่ปลายลิ้นของพวกเรากำลังเกี่ยวกระหวัด

...ผมยกไอโฟนขึ้นมา เปิดกล้องหน้า ขยับมุมกล้องให้ได้องศาชัดเจนที่สุด

แชะ...

เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเบาๆ ทว่าพี่กฤษกลับไม่ได้สนใจ ยังคงจูบผมต่อไปอย่างดูดดื่มราวกับต้องการบอกให้รู้ว่าเขาคิดถึงผมมากแค่ไหน จนผมเริ่มหมดลมหายใจ ต้องเป็นฝ่ายถอนจูบออกก่อน ละริมฝีปากออกห่างอย่างอ้อยอิ่งแบบที่พ่อชอบทำบ่อยๆ เวลาจูบกัน หอบหายใจแผ่วเบา จ้องมองดวงตาอีกฝ่ายพร้อมกับส่งยิ้มบาง

หัวใจของผมเต้นแรงทุกครั้งที่พ่อทำแบบนี้ และผมหวังว่าหัวใจของพี่กฤษจะเต้นแรงเพราะผม

...เขาควรเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด

“พี่คิดถึงธารมากรู้ไหม” พี่กฤษกระซิบเสียงทุ้มต่ำ

“อือ” ผมยิ้ม “เมื่อกี้ธารถ่ายรูปเอาไว้ด้วย เอาไว้ดูตอนคิดถึง เดี๋ยวอัพรูปลงเฟสแล้วจะแท็กไปนะ”

“ตอนจูบกันเหรอ” พี่กฤษเลิกคิ้ว “พี่กับภูเป็นเพื่อนกันในเฟสนะ ไม่กลัวพี่ชายเราจะเห็นเหรอ”

นั่นแหละที่ผมต้องการ...

“ตอนแรกก็ไม่อยากให้รู้หรอกครับ แต่ตอนนี้พี่ภูควรจะรู้ได้แล้ว”

“ร้ายนะเรา” พี่กฤษหัวเราะขำ ยื่นมือมาขยี้หัวผม ”จะประกาศตัวเป็นเจ้าของพี่รึไง กลัวผู้ชายคนอื่นจะมายุ่งกับพี่อีกล่ะสิ”

“กลัวพี่กฤษจะยุ่งกับผู้ชายคนอื่นมากกว่าครับ” ผมพูดทีเล่นทีจริงแล้วก้มลงจุ๊บปากพี่กฤษเบาๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเข้าเฟสบุ๊ค จัดการอัพรูปคู่ของพวกเราสองคนพร้อมกับแท็กชื่อพี่กฤษ

ไหนๆ พ่อ แม่ พี่ภู หรือแม้แต่เพื่อนในกลุ่มก็รู้กันหมดแล้วว่าผมเป็นเกย์ แถมพวกเพื่อนๆ ยังเข้าใจผิดว่าพี่กฤษเป็นแฟนของผม งั้นก็ปล่อยเลยตามเลยไปแล้วกัน คนอื่นๆ จะมองผมยังไงมันก็เรื่องของเขา ผมเลือกแคร์เฉพาะคนที่แคร์ผมเท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...พี่ภู


Pie2Na
น้องธารเข้าสู่โหมดดาร์คเต็มตัวแล้วดิ = =;; บอกเลยว่าธารไม่ได้ใส
ไอคิวก็สูง ติดอย่างเดียว โง่เพราะรัก ลองไม่รักล่ะฉลาดขึ้นมาทันที
#และอย่างที่รู้กันว่าตะวันเลี้ยงธารมาแบบโคตรตามใจ เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ
อยากได้อะไรก็ต้องได้มาตลอด มีหรือจะยอมปล่อยให้ภูหลุดมือทั้งที่รู้แก่ใจว่าภูก็มีใจให้ตัวเอง
เอานะ ช่วยเชียร์ธารกันหน่อย
ปล. รู้สึกเหมือนลืมตัวตนธารในตอนแรกไปเลยว่ะ TT บอกตามตรงทิ้งห่างเรื่องนี้ไปนานช่วงนึง ไปปั่นเรื่องอื่นอยู่ ไม่ได้อ่านทวนด้วย เลยไม่รู้ว่าธารคนเดิมโดนธารคนใหม่สิงไปรึเปล่า แต่ก็พยายามให้ความรู้สึกและการกระทำของตัวละครมันเปลี่ยนแปลงอย่างสมเหตุสมผล
ปล1. อ่านแล้วฝากคอมเม้นให้เราบ้างนะ นะ เนื้อเรื่องเจ็ดตอนอยู่หน้าเดียวกันหมด เลื่อนอ่านยาก

 :oo1:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 7]
เริ่มหัวข้อโดย: Pandora20 ที่ 04-12-2015 15:00:16
รออ่านนนน งิ้งงงง
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [Chapter 8]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 06-12-2015 16:39:52
Chapter 8
คำโกหก

เป็นอย่างที่คิด รูปที่ผมจูบกับพี่กฤษมีคนกดไลท์เกือบพันในเวลาไม่ถึงสิบนาทีและคอมเม้นเยอะจนตามอ่านแทบไม่ทัน ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มากดไลท์หรือคอมเม้นก็เป็นคนที่ฟอลโล่พี่กฤษ โพสต์นี้ต้องอยู่อันดับต้นๆ ในฟีดข่าวของพี่ภูแน่
อยากเห็นสีหน้าของพี่ภูตอนเห็นภาพนี้จัง ว่าจะยังทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับน้องชายคนนี้อีกรึเปล่า?

“ธารหิวรึยัง” เสียงพี่กฤษเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ เมื่อเห็นว่าผมพยักหน้าแทนคำตอบ เขาก็ถามต่อว่า “อยากกินอะไรล่ะ จะโทรสั่งมากินที่นี่ หรือออกไปกินข้างนอกกัน”

“สั่งพิซซ่ามากินที่ห้องก็ได้ครับ สะดวกดี” ผมยิ้มบอกคนที่ยังนอนหนุนอยู่บนตัก

“ดีเหมือนกัน พี่อยากอยู่กับธารสองต่อสองมากกว่า” พี่กฤษดึงมือผมไปหอม ก่อนจะล้วงมือถือของตัวเองออกมาโทรสั่งพิซซ่า ยังไม่ทันจะออร์เดอร์ มือถือของผมก็สั่นครืดขึ้นมา ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือ ‘DAD’

ผมพลิกหน้าจอมือถือให้พี่กฤษดู พี่กฤษเลยรีบลุกออกไปคุยต่อที่ระเบียงเพื่อให้ผมกดรับสาย

“ครับพ่อ” 

(ธารอยู่ไหนครับ ทำไมไม่ได้กลับบ้านพร้อมพี่ภู)

“...มาทำรายงานบ้านบาสครับ คงกลับค่ำๆ”

(......)

พ่อเงียบไปครู่หนึ่งจนผมต้องลดมือถือลงมาดูหน้าจอว่าวางสายไปรึยัง

“ฮัลโหล พ่อ”

“ครับ...ตั้งใจทำงานนะ”

พูดจบพ่อก็วางสายไปทันที ทั้งที่ยังไม่ได้ถามว่าผมจะกลับบ้านกี่โมง...แปลกจัง

“พ่อโทรมาตามเหรอ” พี่กฤษที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาด้านในทักขึ้น

“เปล่าครับ แค่โทรมาถามว่าอยู่ไหน”

“อ่อ” เดินมาถึงโซฟาพี่กฤษก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กัน แล้วยื่นมือมาโอบไหล่ผม “ทำอะไรกันดี ดูหนังไหม”

“ทำ...ที่พี่กฤษอยากทำดีไหมครับ” ผมยิ้มบอก

“รู้เหรอว่าพี่อยากทำอะไร” รอยยิ้มของผมคงดูใสซื่อเกินไป พี่กฤษถึงได้ขมวดคิ้วถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

“ก็มีอยู่เรื่องเดียวมั้ง”

มือของผมวางแหมะลงบนหน้าอกพี่กฤษแล้วจงใจลูบขึ้นลงผ่านยอดอกที่อยู่ใต้เนื้อผ้า แต่อีกฝ่ายกลับรีบคว้ามันไปกุมไว้

“มาแกล้งพี่แบบนี้ โดนพี่เอาคืนแล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลังล่ะ”

ผมยื่นหน้าไปกระซิบบอกพี่กฤษที่ข้างหู “ธารไม่ชอบร้องไห้ ธารชองร้อง...คราง”

“ร้ายนักนะ หัดทะลึ่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ?”

ตุบ!

ผมถูกผลักให้นอนหงายบนโซฟาโดยมีคนตัวโตกว่าคร่อมเอาไว้ ก่อนที่นิ้วทั้งสิบของเขาจะจิ้มลงข้างเอวของผม ทำเอาผมต้องดิ้นพล่านไปมาด้วยความจักจี้

“ฮ่าๆ พี่กฤษ ไม่เอาแล้ว มันจักจี้”

“ไม่เอาแบบนี้ งั้นเอาแบบอื่น” พี่กฤษเปลี่ยนมาจับข้อมือของผมกดลงกับโซฟาข้างหัว ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มลงจูบปากผมเบาๆ หนึ่งที “แบบนี้ชอบไหม”

ผมกัดปากกลั้นยิ้ม หลบสายตาวับวาวที่มองมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อน...ก่อนที่พี่ภูจะกลับมา ผมคงหวั่นไหวกับสายตาทรงเสน่ห์และน้ำเสียงทุ้มต่ำชวนละลายจนแข้งขาอ่อน แต่ตอนนี้ผมก็แค่รู้สึกเขินเท่านั้น

เขาดูเหมือนพี่ชายของผมมากเกินไป แค่จินตนาการว่าพี่ภูจะทำแบบนี้กับผมบ้าง หัวใจของผมก็เต้นรัวจนแทบบ้า
ถ้าเป็นพี่ภู...มันจะดีสักแค่ไหนนะ

“ชอบ” ผมกระซิบบอกเสียงเบา ทั้งที่ยังเอียงหน้าหลบไม่ได้หันกลับไปสบตากับอีกฝ่าย “...มากด้วย”

“รู้ไหมว่าตอนนี้ธารน่ารักแค่ไหน” เสียงทุ่มต่ำแหบพร่าดังอยู่ข้างหู “น่ารักจนพี่ไม่อยากห้ามใจตัวเอง” ประโยคนี้จบลงพร้อมกับสัมผัสอ่อนนุ่มกดลงเบาๆ บนลำคอของผม 

ผมบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมอย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบผ่านหน้าอกของพี่กฤษ ไล้ต่ำลงไปที่หน้าท้องแล้วดึงชายเสื้อของเขาเลิกขึ้น พี่กฤษคงรู้ถึงความหมาย เขาผุดลุกขึ้นนั่งเพื่อถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะล้มตัวลงมาคร่อมร่างของผมเอาไว้อีกครั้ง

จากนั้น...ริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงมา...เราจูบกัน ดูดดื่มเร่งเร้า ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผม เสื้อของผมร่นขึ้นมากองอยู่ที่หน้าอก  ผิวกายของเราสัมผัสเบียดชิด เสียงหอบหายใจกระเซ่าดังสะท้อน

ทว่า...

จู่ๆ อีกฝ่ายกลับหยุดชะงัก หลับตาลงแสดงสีหน้าราวกับกำลังอดกลั้น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาทำเพียงแค่มองผมอย่างนิ่งงัน แล้วยื่นมือมาลูบแก้มของผมเบาๆ

ทำไมถึงหยุด ในเมื่อเราเข้ากันได้ดี...

“...ที่พี่เคยบอกว่ารักธาร”

“.....”

“พี่โกหก”

ผมเบี่ยงหน้าหลบปลายนิ้วของเขา  “ธารรู้”

“ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แต่ตอนนี้พี่มั่นใจแล้วว่ามันหมายถึงอะไร...พี่จะไม่โกหกธารอีก”

“.....”

“พี่รักธารนะ”

น้ำเสียงของพี่กฤษหนักแน่นจริงจัง แววตาที่สบมองกันสั่นไหวราวกับทุกคำพูดออกมาจากใจจริง

บางทีพี่กฤษอาจจะเข้าใจผิดว่านั่นคือความรัก ทั้งที่มันอาจเป็นแค่อารมณ์หลงชั่ววูบ หรือต่อให้เขารักผมจริงๆ คำว่า ‘รัก’ ของเขามันจะมั่นคงสักแค่ไหนกัน ในเมื่อความรู้สึกของคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

“หนึ่งเดือนที่เราไม่ได้เจอกัน พี่คิดถึงธารมากรู้ไหม”

“คิดถึงธาร รักธาร แต่ให้คนอื่นมาหาถึงคอนโดน่ะเหรอครับ”

“พี่แค่นัดมาทำรายงานกัน”

เคยได้ยินนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะไหม...เด็กคนนั้นโกหกบ่อยเกินไปจนไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาอีก ตอนนี้ผมก็รู้สึกแบบนั้น ต่อให้พี่กฤษปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงจังแค่ไหน ผมก็ยังคิดว่าเขาโกหกอยู่ดี

“พี่จะบอกว่าหนึ่งเดือนมานี้ พี่ไม่ได้นอนกับใครเลยเหรอ”
   
“.....” สีหน้าของพี่กฤษบ่งบอกความรู้สึกผิดออกมาอย่างชัดเจน “แค่ครั้งเดียว...ตอนนั้นพี่เมามาก พี่คิดถึงธาร...พี่...”
   
“พอเถอะ” ผมปิดปากพี่กฤษด้วยฝ่ามือ “ยิ่งพูด ธารก็ยิ่งมองพี่แย่ลง”
   
พี่กฤษดึงมือของผมออก “ยกโทษให้พี่แค่ครั้งเดียว...ครั้งสุดท้าย ต่อไปพี่สัญญาว่าจะไม่นอกใจธารอีก”
   
ทำไมผมต้องยกโทษ เขาลืมไปรึเปล่าว่าเรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน
   
“ต่อให้ธารไม่ยอมให้พี่มีอะไรด้วย พี่ก็จะไม่มีคนอื่น?”

พี่กฤษล้มตัวลงนอนข้างๆ แล้วดึงผมเข้าไปกอดแนบอก อ้อมกอดเข็งแกร่งของเขามันทำให้ผมรู้สึกอุ่นกว่าครั้งไหนๆ ที่เราเคยกอดกัน

“พี่จะรอจนกว่าธารพร้อม” เขาบอกก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของผม
   
“แล้วจะถอดเสื้อทำไม”
   
“แค่ร้อนเฉยๆ”
   
“เหรอ” ผมกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม 
   
“ที่ย้ำนี่...หรืออยากจะต่อให้จบ”
   
“ได้นะ...” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ “แค่อย่าใส่เข้ามาก็พอ”

อย่างที่พี่กฤษเคยบอก...ตราบใดที่ไม่ได้เอาความรักมาเกี่ยวข้อง เซ็กส์ก็มีไว้แค่ปลดปล่อยเท่านั้น เป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายชั่วครั้งชั่วคราวไม่ได้มีความหมายอะไร

...แต่ถ้าเราหรืออีกฝ่ายกำลังมีคนอื่นอยู่ เซ็กส์ก็อาจจะทำร้ายใครสักคนให้เจ็บจนปางตาย

“ธาร ทำไมพูดแบบนี้” พี่กฤษขมวดคิ้ว ก้มมองผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ที่ยอมทำทั้งหมดนี่เพราะกลัวว่าพี่จะมีคนอื่นเหรอ”
   
“อืม” ผมหลบสายตา ส่งเสียงตอบในลำคอ

จะว่างั้นก็ได้ ในเมื่อผมอยากให้พี่กฤษเจ็บเหมือนที่ผมเคยเจ็บดูสักครั้ง เขาจะได้เข้าใจว่าการที่ถูกคนอื่นทิ้งขว้างความรักของตัวเองอย่างไม่ใยดีมันเป็นยังไง บทเรียนที่ดีอาจจะสอนให้พี่กฤษจะได้ไม่กล้าไปทำร้ายใครอีก

ฟอด...
   
พูดเอาใจหน่อยเดียว โดนหอมซะจนแก้มเกือบช้ำ
   
“อย่าน่ารักมากสิ พี่กลัวโดนข้อหาพรากผู้เยาว์”
   
“จะรอให้ธารครบสิบแปดเลยเหรอ”
   
พี่ย่นหัวคิ้ว “ไม่น่าไหว”
   
ผมยิ้มขำ ว่าจะแซวต่ออีกซักสองสามประโยค เสียงเคาะประตูดันดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
   
“พิซซ่ามาส่งแล้วมั้งครับ”
   
พี่กฤษเด้งตัวขึ้นจากโซฟา “เดี๋ยวพี่ไปเปิดเอง”


Pie2Na
สปอยล์ว่าคนที่มาไม่น่าใช่พนักงานส่งพิซซ่านะ แต่ไม่รู้ว่าใคร อาจจะเพื่อนธาร คู่ขากฤษยกพวกมาทุบ พ่อ พี่ภู หรืออาจจะยกกำลังสอง 5 5 5 5 5
ปล. ล้มรถข้อเท้าหักครับ ยุ่งๆอยู่กับโรงบาล เพิ่งเสร็จเรื่องเมื่อวาน เลยเพิ่งได้อัพ

ฝากคอมเม้นกันบ้างน้า อัพเรื่องมา 8 ตอน เนื้อหาอยู่หน้าเดียวกันหมด จะเลื่อนอ่านที เลื่อนจนนิ้วร้อนเลย
หลายตอนไม่มีคอมเม้นเลย บางตอนมีบ้างเม้นสองเม้น ตอนจะอัพ นั่งจัดหน้าไปก็ท้อไปดิ
ถ้ามีคนอ่านอยู่ ช่วยเม้นแสดงตัวกันหน่อยยนะ TT


ขอบคุณครับ
 :hao5:

หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [อัพ Chapter 8]
เริ่มหัวข้อโดย: bluebread ที่ 06-12-2015 17:59:03
ธารเข้าโหมดดาร์กเต็มตัวเเล้วว  :hao5:  :o12: :z3:
หัวข้อ: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest [Chapter 9]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 10-12-2015 21:06:21
Chapter 9

โดนจับได้


[Special Part: Krit]
   
แกร็ก...
   
ทันทีที่บานประตูถูกปลดล็อคและดึงเปิดออก ผมก็ต้องเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

เขาคนนี้ดูสูงกำยำกว่าผม สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คเนื้อดี รองเท้าหนังแบรนด์ดังราคาหลายหมื่น มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาทั่วไป กระดุมเสื้อเม็ดบนที่ถูกปลดออกสองเม็ดและแขนเสื้อที่พับขึ้นจนถึงข้อศอก เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกกับกล้ามแขนแข็งแรงบ่งบอกว่าเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ นับว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาบุคลิกโดดเด่นและสะดุดตาผู้คนที่พบเห็นได้ง่ายๆ

ธารเคยบอกว่าเขาอายุสามสิบเจ็ดแล้ว แต่กลับยังดูหนุ่มแน่นเหมือนอายุเพิ่งจะยี่สิบปลายๆ หรืออย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสามสิบสอง ถ้าไม่ติดตรงที่บุคลิกนิ่งขรึมน่าเชื่อถือ และเป็นพ่อของเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ ผมคงไม่มีทางเชื่อ
   
แต่ที่น่าตกใจคือ...เขามายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?

“มีอะไรรึเปล่าครับพี่กฤษ” เสียงธารที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้ผมได้สติ รีบยกมือไหว้คนตรงหน้า

“เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง” น้าตะวันหันกลับไปบอกกับยามที่ยืนอยู่ด้านหลัง ผมจึงเพิ่งเห็นว่านอกจากเขาแล้วยังมียามร่างเล็กยื่นอยู่ด้วยอีกคน

“ครับ” ยามคนนั้นพนักหน้ารับแล้วเดินกลับไปที่ลิฟท์

คอนโดหรูใจกลางเมืองอยู่ติดรถไฟฟ้า ราคาแพงลิบลิ่ว แต่ระบบรักษาความปลอดภัยดันห่วยแตก ถึงขนาดปล่อยให้คนแปลกหน้าขึ้นมาง่ายๆ เลยเหรอ? ธารยิ่งชอบมานั่งเล่นที่คอนโดผมคนเดียวบ่อยๆ ด้วย แบบนี้จะไปปลอดภัยได้ยังไง

“ยามปล่อยให้คุณขึ้นมาได้ยังไงครับ” ผมเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถาม

“บริษัทฉันเป็นเจ้าของโครงการคอนโดนี้”

ความสงสัยทั้งหมดของผมถูกเบรกด้วยคำพูดประโยคเดียว...

“ขอฉันเข้าไปหน่อยสิ” น้าตะวันผลักประตูให้เปิดออกกว้างขึ้นแล้วก้าวเข้ามาด้านใน ผมเลยจำใจต้องปิดประตูแล้วเดินตามเขาไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ

“พ่อ...” สีหน้าของธารดูตกใจมากที่เห็นพ่อตัวเองโผล่มาที่นี่ แต่คนที่ควรตกใจกว่าคือผมต่างหาก ครั้งที่แล้วก็ถูกต่อยจนร่วง เดาไม่ออกเลยว่าคราวนี้ถ้าคุณพ่อ (ตา) บันดาลโทสะขึ้นมาอีก จุดจบของผมจะเป็นยังไง ดูกล้ามแขนนั่นสิ โดนอัดอีกครั้งเดียวมีหวังฟันได้หลุดออกจากปากแน่ๆ

“นั่งก่อนสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” น้าตะวันบอกก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ธาร ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยมมองมายังผมด้วยแววตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ ท่าทางนิ่งขรึมแบบนี้รับมือยากยิ่งกว่าตอนที่เขาโมโหซะอีก

แต่ทำไงได้ล่ะ...อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ

ผมถอนหายใจกับตัวเองเงียบๆ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“เธอกับธารเป็นอะไรกัน” อีกฝ่ายถามขึ้นทันทีที่ก้นของผมติดกับโซฟา

“...ผมเป็นแฟนธารครับ” ผมตอบอย่างไม่ลังเลโดยไม่ได้หันไปขอความเห็นจากธาร

ถึงแม้ว่าธารจะยังไม่ตอบตกลงกลับมาคบกัน แต่การกระทำของธารมันแทนคำตอบได้อย่างดี อีกอย่างผมก็ไม่อยากตัดโอกาสตัวเองด้วยการบอกน้าตะวันว่าผมเป็นแค่แฟนเก่าด้วย เพราะถ้าน้าตะวันได้ยินแบบนั้นก็คงรีบลากธารกลับไปทันที

“ไม่ใช่นะพ่อ” ธารที่เอาแต่นิ่งงันตั้งแต่เห็นพ่อตัวเองเข้ามาในห้องเหมือนจะเพิ่งได้สติ รีบร้อนปฏิเสธ “ธารกับพี่กฤษไม่ได้เป็น...”

“พ่อไม่ได้ถามเรานะ”

พอโดนพ่อดุ ธารก็ยิ่งมีสีหน้ากังวล คิ้วขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบว์ แถมยังน้ำตาคลอเหมือนพร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา แต่น้าตะวันที่เคยตามใจธารแทบทุกเรื่องกลับยังใจแข็ง คุยกับผมต่อโดยไม่ได้หันไปปลอบ

“ถ้าเธอคบกับธารอยู่ก็ทำให้ถูกต้อง จะพาธารไปไหนก็ขออนุญาตฉันก่อน ฉันจะไม่ห้าม”

ใช้ไม้แข็งไม่ได้น้าตะวันก็เปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อน คงรู้ว่าต่อให้ห้ามผมกับธารก็คงแอบมาเจอกันอีก เลยเลือกที่จะมองดูอยู่ห่างๆ ดีกว่าปล่อยให้อยู่นอกสายตา

“ขอโทษครับ คราวหลังผมจะขออนุญาตน้าตะวันก่อน” ที่จริงอยากจะเรียกคุณพ่อ (ตา) มากกว่า แต่ท่าทางน้าตะวันหวงลูกชายขนาดนี้ ขืนหลุดปากเรียกมีหวังได้โดนเขม่นหนักกว่าเดิม

“อืม ถึงฉันจะยอมให้พวกเธอคบกัน แต่ทำอะไรก็ต้องอยู่ในขอบเขต ธารยังเด็กฉันเลยค่อนข้างเป็นห่วง ต่อไปนี้ถ้าออกไปไหนด้วยกันก็ต้องมาส่งธารก่อนหนึ่งทุ่ม หรือไม่ก็ให้ธารโทรบอกให้ฉันไปรับ”

หนึ่งทุ่ม...นับว่าคุณพ่อใจดีมากแล้วครับ แม้ว่าธารจะเลิกเรียนเกือบห้าโมง จันทร์ถึงศุกร์มีเวลาให้กันไม่มากเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเสาร์อาทิตย์ผมก็ยังได้อยู่กับธารทั้งวัน เพราะธารไม่มีเรียนพิเศษที่ไหน

“ได้ครับ”

“ไม่เอาแล้ว กลับบ้านนะพ่อ กลับไปคุยกัน อยากรู้อะไรก็ถามธารสิ ไม่เห็นต้องถามพี่กฤษเลย” ธารเกาะแขนพ่อ เขย่าเบาๆ สีหน้าที่ใช้มองอีกฝ่ายมันเหมือนกับตอนที่ธารขอร้องให้ผมเลิกยุ่งกับผู้ชายคนอื่น...สีหน้าเว้าวอน

น้าตะวันคงทนท่าทางงอแงของธารไม่ไหวเลยถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วบอกกับผมว่า “วันนี้ฉันพาธารกลับก่อนแล้วกัน”
ผมรีบผุดลุกขึ้นเมื่อสองพ่อลุกออกจากโซฟา

“เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ” 

“ไม่เป็นไร”

ได้ยินแบบนั้นผมก็ไม่ดึงดันที่จะลงไปส่ง เพราะอยากปล่อยให้ธารได้อยู่กับพ่อตามลำพังมากกว่า จึงทำเพียงยกมือไหว้ลาแล้วส่งทั้งสองคนที่หน้าประตูห้อง ทว่าก่อนจะออกไปน้าตะวันก็หันกลับมาพูดกับผมเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“อ่อ ธารเพิ่งจะอายุสิบสี่ รู้ใช่ไหมว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับธาร ฉันแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ได้นะ”

.....

สงสัยผมคงต้องรอจนกว่าธารอายุครบสิบแปดจริงๆ สินะ

“ครับ”

เมื่อผมเอ่ยปากรับคำน้าตะวันก็ออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ขณะที่ธารเหลือบมามองผมเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความกังวล แล้วเดินกอดแขนพ่อไปยังประตูลิฟท์

หลังจากมองส่งจนทั้งสองพ่อลูกลับสายตา ผมก็กลับเข้าห้อง ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ยกมือก่ายหน้าผากแล้วคิดทบทวนถึงการกระทำของธารในวันนี้

...ธารแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากกลับมาคืนดีกับผม แต่ทำไมตอนอยู่ต่อหน้าพ่อกลับทำราวกับว่าต้องการปิดบังเรื่องของเรา ทั้งที่น้าตะวันอนุญาตให้เราคบกันอย่างเปิดเผย 

บางทีธารคงยังไม่คิดจริงจัง ไม่แน่ใจว่าผมคือคนที่ใช่ เลยไม่อยากให้พ่อรับรู้เรื่องนี้

หรือไม่...ธารอาจจะมีคนอื่นนอกจากผมและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกคบกับใคร

ยิ่งนึกถึงตอนที่เราจูบกัน ตอนที่ธาร...ร้องครางอยู่ใต้ร่างของผม มันก็ยิ่งยืนยันได้ว่าสิ่งที่ผมคาดเดาเป็นความจริง วิธีการจูบของธารเปลี่ยนไป ธารจูบเก่งขึ้น เมื่อก่อนแค่ผมจับนั่นนี่นิดหน่อย ธารก็เขินจนหน้าแดง แต่วันนี้ธารกลับเริ่มสัมผัสร่างกายของผมก่อน จากที่เคยซื่อๆ ขี้อายกลายเป็นฝ่ายรุกไล่

...ยอมรับว่าธารในตอนนี้ทั้งน่าตื่นเต้นและเย้ายวนจนผมแทบหักห้ามใจตัวเองไม่ไหว รสจูบของธารยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น สัมผัสจากฝ่ามือนุ่มนิ่มทำให้ร่างกายของผมร้อนวูบวาบไม่หาย แต่ผมไม่ชอบใจนักหรอกถ้าคนที่สอนเรื่องพวกนี้ให้กับธารเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผม!

ปัง!

อารมณ์ที่คุกรุ่นทำให้ผมเผลอฟาดกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรง

ตอนที่เราคบกันธารแทบไม่ให้ผมแตะตัวด้วยซ้ำ แต่แค่เดือนเดียว...เดือนเดียวที่เราไม่เจอกัน ไอ้เหี้ยนั่นกลับ...บ้าเอ้ย! มันกับธารมีอะไรกันลึกซึ้งแค่ไหนนะ!?

ผมจะไม่มีวันปล่อยให้ไอ้เหี้ยนั่นหรือใครหน้าไหนแตะต้องธารอีก!

ธารเป็นของผม!

[End Krit’s Part]


Pie2Na


ช่วงนี้พี่กฤษมาแรง 5 5 5 5
ตอนต่อไปมาลุ้นกันว่าธารจะง้อคุณพ่อยังไง แล้วคุณพ่อจะลงโทษธารไหม
แล้วคนที่ปากโป้งฟ้องพ่อ จะโดนธารจัดการรึเปล่า?
ปล.พี่อติณที่หายเข้ากลีบเมฆควรกลับมาได้แล้วนะ
ปล1. ตอนหน้า น่าจะมี NC

อ่านแล้วคอมเม้นกันบ้างนะฮับ เรารออ่านคอมเม้นเธออยู่นะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 9]
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 10-12-2015 21:24:53
เชียร์พี่อติณ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 9]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-12-2015 23:28:15
รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 9]
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 13-12-2015 21:46:29
คือชอบนิยายที่นายเอกแรง ๆ อ่ะ
แลเรื่องนี้หนู ธาร สตรองมาก รีบมาต่อเน้อ   :L1: :pig4:
หัวข้อ: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 17-12-2015 20:43:35
Chapter 10

ปรับความเข้าใจ


ทุกครั้งที่ผมสร้างปัญหาหรือทะเลาะกับพ่อ เราสองคนจะมานั่งคุยกันบนเตียงในห้องของผม มีบ้างที่ผมหลุดปากเถียงแรงไป แต่สุดท้ายพ่อก็จะหายโกรธ แล้วกอดปลอบผม บอกว่ารักผมมากแค่ไหน

ผมหวังว่าครั้งนี้...พ่อจะให้อภัยผมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
   
“ธาร คราวหลังอย่าโพสต์รูปแบบนั้นลงเฟสบุ๊คอีกนะครับ คนอื่นเห็นเข้าจะมองธารไม่ดี”
   
ประโยคแรกที่พ่อพูดหลังจากพวกเราเข้ามานั่งในห้อง ไม่ใช่การต่อว่าผมเรื่องพี่กฤษ ไม่ถามสักคำว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน แต่กลับเตือนที่ผมทำตัวไม่เหมาะสม อย่างกับกำลังทำหน้าที่พ่อที่ต้องอบรมสั่งสอนลูก ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเราสองคนมันมากกว่านั้น
   
“พ่อโกรธธารเรื่องนี้เหรอ”
   
“.....”
   
ความเงียบทำให้ผมอึดอัดจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เลยต้องก้มหน้าร้องไห้เพราะไม่อยากให้พ่อเห็น แต่ก็ดันเผลอหลุดเสียงสะอื้นออกมาจนได้ เกลียดตัวเองชะมัดที่ไม่โตสักที ไม่รู้จักเก็บอารมณ์ได้เหมือนพ่อ ที่ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรก็แค่ทำหน้านิ่งเข้าไว้ นิ่งจนใครก็เดาอารมณ์ไม่ถูก และทำให้ผมต้องร้องไห้ไม่หยุดอย่างนี้
   
“พ่อ ธารกับพี่กฤษไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ นะ” ผมบอกเสียงสั่นเครือ   

“.....”
   
“เราแค่จูบกัน ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น”
   
“ที่จูบก็เพราะชอบเขาไม่ใช่เหรอ”

น้ำเสียงของพ่อเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่ผมจูบกับคนอื่น มันทำให้ผมจุกจนแทบหายใจไม่ออก อย่างน้อยพ่อก็ควรตะคอกใส่ผมด้วยความโมโหสิ

...ไม่หึง ไม่หวงกันบ้างเลยเหรอ

“ไม่ต้องปิดพ่อหรอก จะคบกันพ่อก็จะไม่ว่า ไม่ห้ามเราอีกแล้ว”

ทำไมพ่อพูดแบบนี้ หรือพ่อไม่รักผมแล้ว...ไม่รักกันแล้วใช่ไหม!?

รักในแบบที่ผมต้องการ

“ธารไม่ชอบ ไม่อยากคบกับใครทั้งนั้น!” ผมตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้น เงยหน้าขึ้นจ้องมองพ่อทั้งที่น้ำตายังไหลพรากอาบแก้ม ไม่คิดจะปกปิดความอ่อนแอของตัวเองอีก “พ่ออยากให้ธารมีแฟนนักรึไงถึงได้ยอมให้ธารกับพี่กฤษคบกัน ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ ไม่หึงไม่หวงธารสักนิดใช่ไหม”

“......”

“ใช่สิ ก็ธารมันเป็นแค่ลูกไง ธารไม่ใช่แม่นี่”

“ธาร!”
   
เสียงตวาดกับสีหน้าดุดันของพ่อทำให้ผมสะดุ้ง

ไม่เคยเลยสักครั้งที่พ่อจะขึ้นเสียงใส่ผมด้วยสีหน้าน่ากลัวแบบนี้ พ่อคงรำคาญผมแล้วจริงๆ หรือไม่ก็คงเป็นเหมือนพี่กฤษที่จู่ๆ ก็รู้สึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมา แล้วอยากผลักไสผมออกห่าง
   
ตัดใจกันง่ายดีเนอะ คงมีแต่ผมคนเดียวที่ต้องทนเจ็บจนปางตาย!

“รักแม่มากแล้วจะมากอดธารทำไม!”

เพล้ง!

ของที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงถูกผมกวาดทิ้งลงพื้นด้วยความโมโห แม้แต่กรอบรูปที่มีรูปคู่ของผมกับพ่อก็ตกแตก ไม่ต่างจากความรู้สึกของผมตอนนี้ที่แหลกละเอียดเหมือนเศษแก้วพวกนั้น

ผมฟุบหน้ากับหมอน ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง ไม่สนว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จะมองผมเป็นเด็กไม่รู้จักโต หรือจะมีใครนอกห้องเดินผ่านไปมาแล้วได้ยินเข้า ไม่สนว่าใครจะรู้ความลับของเรา ไม่สนอะไรทั้งนั้น!

“ทำผิดแล้วยังจะโมโหใส่พ่ออีก เอาแต่ใจมากไปแล้วรู้ตัวไหม”

ก็ใช่น่ะสิ! ก็พ่อเลี้ยงธารมาแบบนี้เองนี่

ผมเถียงพ่อในใจ ยังคงฟุบหน้าร้องไห้กับหมอนเลยไม่เห็นว่าพ่อกำลังมองผมด้วยสีหน้าแบบไหน แต่ถ้าให้เดาพ่อก็คงตีหน้าขรึมเหมือนทุกทีนั่นแหละ

“เฮ้อ”

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ

ผมคิดว่าพ่อจะรำคาญจนลุกหนีออกจากห้องไป พ่อกลับช้อนตัวผมขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดผมจากด้านหลัง เกยคางไว้บนไหล่เล็กๆ ของผม ก่อนจะกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ทำให้ผมแทบละลายทุกครั้งที่ได้ยิน

“พ่อรักธารนะครับ...รักมากกว่าใครในโลก ต้องให้พ่อบอกอีกสักกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ”

“ฮึกๆ ฮือ” ผมใช้หลังมือป้ายน้ำตา พยายามหยุดร้องไห้แต่ก็ยังสะอื้นไม่หาย “โกหก พ่อรักแม่มากกว่า พ่อไม่อยากกอดธารแล้ว พ่อเลยอยากให้ธารคบกับพี่กฤษใช่ไหม”

“นี่เรียกว่าทำผิดแล้วโมโหกลบเกลื่อนรึเปล่า”

“ฮึก...ไม่ใช่...ไม่ใช่สักหน่อย”

“พ่อไม่ได้อยากให้ธารคบกับพี่กฤษ แต่นิสัยเราเป็นแบบนี้ ยิ่งห้ามก็ยิ่งเตลิดไปใหญ่” พ่อหอมแก้มผมแรงๆ หนึ่งฟอด “แล้วยิ่งโตขึ้น ธารก็ต้องพบคนอีกมาก พ่อคงตามหวงไม่ไหว พ่อเลยคิดว่าน่าจะลองให้เราคบกับคนอื่นดูบ้าง”

เวลาที่เห็นพ่อกอดแม่ผมยังรู้สึกอิจฉาเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมพ่อถึงยอมให้คนอื่นแตะต้องผม ยอมแม้กระทั่งให้ผมมีแฟน...พ่อรักผมแบบไหนกันแน่? แค่ในฐานะลูกชายน่ะเหรอ?

“ทำไมขมวดคิ้วนิ่วหน้าขนาดนี้ครับ”

“ถ้าพ่อไม่หึงไม่หวงธาร ก็แสดงว่าไม่ได้รัก” ผมพูดอย่างใจคิด

“ทำไมจะไม่หึงไม่หวง” พ่อหอมแก้มผมอีกฟอด “พ่อหวงเราจะแย่ แต่พ่อโตพอที่จะรู้จักอดทน...อดทนให้เราได้คบกับคนอื่น ได้ถูกรัก ได้เสียใจ แล้วสุดท้ายก็จะได้รู้ว่าไม่มีใครจะรักเรา หวังดีกับเรา เป็นห่วงเราเท่ากับพ่ออีกแล้ว”

“...จริงเหรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพ่อ หยุดสะอื้นตั้งแต่ถูกหอมแก้มครั้งที่สอง “แล้วพ่อ...รักธารมากกว่าแม่รึเปล่า”

“ถ้าพ่อบอกธารเรื่องนึง สัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธพ่อ” พ่อไม่ตอบแต่กลับพูดไปอีกเรื่อง

“เรื่องอะไรครับ”

“.....” พ่อนิ่งเงียบไปนานก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ เหมือนกับเรื่องที่จะบอกเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป “พ่อไม่ได้ชอบผู้หญิง”

ผมขมวดคิ้ว “ธารไม่เข้าใจ”

“แม่รู้เรื่องนี้ดี เรารักกันแบบเพื่อน ไม่เคยคิดเกินเลยกว่านั้น”

สิ่งที่ได้ยินทำให้ผมอึ้ง ปลายนิ้วเย็นเฉียบด้วยความกลัว...ถ้าพ่อไม่ได้ชอบผู้หญิง แล้วผมเกิดขึ้นมาได้ยังไง

ฝ่ามือของพ่อที่ลูบหัวผมเบาๆ ไม่ได้ช่วยให้จิตใจของผมสงบลงสักนิด ความคิดมากมายตีกันในหัวผมจนยุ่งเหยิง...ผมกับพ่อเราไม่มีตรงไหนเหมือนกันเลย สีผม สีตา ส่วนสูง หรือแม้แต่โครงหน้า คงไม่ใช่ว่า...

“ธารไม่ใช่ลูกพ่อเหรอครับ”

“ธารต้องเป็นลูกของพ่อสิ” พ่อกลายเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง “เพราะพ่ออยากมีธาร แม่ถึงได้ตั้งท้องเราขึ้นมา ถึงพ่อจะไม่ชอบผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงไม่ได้”

“......”

“แต่ยังไงธารก็เกิดขึ้นมาจากความรัก เกิดขึ้นมาเพราะพ่อกับแม่อยากมีลูกน่ารักๆ สักคน”

“......”

“รู้อย่างนี้แล้วโกรธพ่อรึเปล่าครับ”

ผมส่ายหน้า ถึงแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ผมไม่โกรธพ่อเลย และไม่เสียใจด้วยที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อ เพราะพ่อดูแลผมอย่างดีมาตลอด ไม่เคยดุด่าผมแรงๆ หรือตีผมเลยสักครั้ง ที่สำคัญคือ...ผมรักพ่อจนไม่เคยมองว่าสิ่งที่พ่อทำนั้นผิด

“ขอบคุณครับที่เข้าใจ” พ่อทาบฝ่ามือลงบนแก้มของผม เช็ดคราบน้ำตาให้ด้วยนิ้วโป้งที่ใหญ่จนแทบจะปิดหน้าผมอยู่แล้ว “กินอะไรมารึยัง หิวรึเปล่า”

“ยังเลยครับ แต่ยังไม่อยากกินอะไรเลยอะ”

ความอยากอาหารมันหายไปตั้งแต่พ่อโผล่มาที่คอนโดพี่กฤษแล้ว ทั้งตกใจ กังวล อึ้ง จนลืมหิวไปเลย

พูดถึงเรื่องนี้ผมก็นึกถึงตัวต้นเหตุขึ้นมา...สถานะในเฟสบุ๊คของผมถูกตั้งค่าไม่ให้พ่อมองเห็น แล้วพ่อจะรู้ได้ยังว่าผมอยู่กับพี่กฤษ แถมยังรู้อีกด้วยว่าคอนโดพี่กฤษอยู่ที่ไหน

คนๆ เดียวที่รู้เรื่องนี้และคิดอยากฟ้องพ่อคงมีแต่...พี่ภู!

“ไม่หิวก็ต้องกินครับ ลงไปกินมื้อเย็นกัน พ่อจะได้บอกให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดด้วย...ไว้อิ่มแล้ว พ่อจะทำโทษเรา”

คำพูดของพ่อทำให้ผมต้องหยุดความคิดวุ่นวายในหัว

“ทำไมต้องทำโทษด้วย ธารยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”

“ที่จูบกับคนอื่นนั่นไม่ผิดเหรอครับ”

ผมกัดปาก ก้มหน้าหลบสายตาพ่อ กลัวจะถูกซักเรื่องพี่กฤษขึ้นมาอีก ถ้าพ่อถามว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่กฤษ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี บอกว่าไม่รัก ไม่ชอบเลยสักนิด ก็คงต้องหาคำอธิบายที่ฟังขึ้น ในเมื่อผมยอมตามเขาไปถึงคอนโด แถมยังจูบกันด้วย

“ไม่เอากักบริเวณแล้วนะ” ผมบอกเสียงอ้อมแอ้ม

“ไม่แล้วครับ” พ่อกระซิบ ลูบต้นขาด้านในของผมเบาๆ “คราวนี้พ่อจะทำโทษอย่างอื่น...เอาให้เราไม่กล้าไปจูบกับใครอีกเลย”

ผมรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากตักพ่อ หน้าร้อนผ่าวแบบที่ไม่ต้องดูกระจกก็รู้ว่ามันต้องแดงมากแน่ๆ “ลงไปกินข้าวกันดีกว่าครับ เดี๋ยวธารไปตามพี่ภูเอง”

ตั้งแต่กลับมายังไม่เจอพี่ภูเลย บางทีอาจจะอยู่ในห้อง...ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ได้ยินที่ผมกับพ่อทะเลาะกันรึเปล่า ชักจะกังวลแล้วสิ

“พี่ภูไม่อยู่ครับ กลับมาถึงบ้านได้แป๊ปเดียวก็ออกไปแล้ว”

...ค่อยยังชั่ว

เอาไว้กลับมาถึงค่อยคิดบัญชีละกัน!

Pie2Na
อย่าเพิ่งปารองเท้า ปาระเบิดใส่คนเขียนนะ ขอโทษแรงมาก TT
ตั้งใจจะเขียน NC แหละ แต่ปั่นไม่ทันครับ เลยรีบอัพก่อนกลัวจะอัพให้ไม่ทันตามสัญญา
(บอกกับนักอ่านหลายคนไปว่าจะอัพตั้งแต่เมื่อวาน// โดนเตะ)
เอาเป็นตอนหน้านะ จัดไปไม่ให้เสีย อาจจะพ่อ พี่ภู หรือทั้งสองคนนั่นแหละ //สปอยล์หนักๆ!
ปล. รีบมาก อ่านทวนผ่านๆตาไปอย่างรวดเร็ว เจอคำผิดประโยคติดขัด หรือพลาดตรงไหน ปล่อยผ่านเนอะ
ไว้พายค่อยแก้ตอนรีไรท์ แต่ถ้ารักกัน เม้นบอกคนเขียนหน่อยก็ดี อิอิ ^^

เม้นนนนบ้างนะเธอออ รออ่านอยู่นะ และขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเม้น ^^

เกือบลืม!!
เห็นคนอื่นเล่นกัน อยากเล่นบ้างงงงงงงงงง
พูดคุยถึงเรื่องนี้ แอบนินทาพี่กฤษ ธาร อติณ พี่ภู พ่อตะวัน ใครก็แล้วแต่!
ติดแท็ก #ฮาเร็มของธาร ในเฟสบุ๊คกับทวิสเตอร์นะครับบบ
ไว้พายจะเข้าไปอ่านบ้างงง เล่นกันเยอะๆนะ อยากรู้ววว!
รักนะ ไว้เจอกันน ^^

หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 18-12-2015 00:14:34
รอตอนหน้าติดขอบจอเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 20-12-2015 05:51:09
NC รอครับ  :z1:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 20-12-2015 08:07:57
คุณพ่อกับติณ มีซัมติงอะไรกันรึเปล่า
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: hotoil ที่ 20-12-2015 08:39:18
โอ๊ยยย คุณพ่อธารดูแซบจริงๆ ตอนนี้ที่เชียร์ก็มีอยู่สองคนในใจคือ พ่อตะวันกับพี่ภู อยากให้น้องธารได้น้องธารโดน(กด) 5555  แต่คนที่อยากให้ตัดออกมากที่สุดคงเป็น พี่กฤษ คือเราไม่ชอบคนเจ้าชู้ แถมพี่แกยังเล่นกับความรู้สึกน้องอีก ต่อให้น้องเจ็บก็ไม่สนใจสนใจแต่จะรังไว้โดยที่ไม่ได้รักอีก เกลียดคนแบบนี้ที่สุดและ ปล.ใครทีมพี่กฤษอย่าตบหนูนะ 555
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 20-12-2015 10:15:55
นี่ว่านังพี่กฤษไม่ได้แอ้มน้องธารแน่ๆ ฮ่าๆๆ
รอสามพีนะคะตอนหน้า -.,-
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: WoonMyuk ที่ 20-12-2015 14:27:46
ชอบเรื่องนี้ ภาษาดีมากค่ะ อ่านแล้วลื่นไหล ชอบคาแรคเตอร์นางเอกด้วย ซื่อบ้าง แรงบ้าง น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-12-2015 15:05:14
 :katai2-1:    เหมาเลยน้องธาร
4P. นะ. จะได้ไม่ต้องนั่งลุ้นพระเอก
ยอมใจคุณพ่อ. คงต้องลำบากมามากแน่ๆจนถึงวันนี้ที่น้องธารเข้าใจ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 10]
เริ่มหัวข้อโดย: bukhum ที่ 22-12-2015 17:21:54
ชอบๆๆๆ มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [Chapter 11 ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 22-12-2015 22:39:46
Chapter 11

บทลงโทษ

(ครึ่งแรก)



07: 50 P.M.
   
ผมกับพ่อลงบันไดมาจากชั้นสอง พอดีกับที่พี่ภูย่างเท้าเข้ามาในบ้านพร้อมกับผู้ชายอีกคน...

ผู้ชายคนนั้นสวมชุดนักศึกษา ดูอายุไล่เลี่ยกัน ตัวสูงเกือบเท่าพี่ภู น่าจะเกือบร้อยแปดสิบ รูปร่างสูงโปร่งค่อนไปทางผอม ผิวขาวจัด หน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ดูหวานจนผู้หญิงยังอาย เห็นแวบแรกผมจำได้ทันทีเลยล่ะ ว่าหมอนี่คือคนเดียวกับในรูปที่ถูกแท็กมาหน้าวอลพี่ภูบ่อยๆ คนที่จูบปากกับพี่ภูในผับ แถมยังพาไปกินไอติมด้วยกัน
   
...จะพามันมาที่บ้านทำไม
   
“หวัดดีครับ” ผู้ชายที่ยืนข้างพี่ภูยกมือไหว้พ่อเมื่อพวกเราเดินมาเผชิญหน้ากัน
   
“นี่กายเพื่อนผมครับ” พี่ภูแนะนำ
   
“อืม” พ่อยิ้มรับ เป็นร้อยยิ้มบางที่ผมดูออกว่าถูกปั้นแต่งขึ้นมาตามมารยาทเท่านั้น “กินอะไรมารึยัง มากินมื้อเย็นด้วยกันเลยสิ”
   
“ยังเลยครับ ว่าจะกลับมากินที่บ้านพอดี”
   
ตั้งแต่กลับมาอยู่ไทยพี่ภูกินข้าวที่บ้านแทบจะนับครั้งได้ แล้วนี่อะไร จู่ๆ ก็แบกท้องกลับมากินมื้อเย็น แถมยังพาผู้ชายคนนี้มาด้วย จะเอามาเปิดตัวรึไง คิดว่าผมจะยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ
   
ไม่มีทาง!
   
   

“แล้วนี่แม่ไปไหนครับ” ผมถามขึ้นเมื่อพวกเรามานั่งรวมตัวกันที่โต๊ะกินข้าวและอาหารถูกเสิร์ฟพร้อมแล้ว แต่เก้าอี้ประจำของแม่กลับว่างเปล่า

ปกติแม่ก็ไม่ค่อยจะอยู่บ้านหรอก แต่ในวันที่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว แถมพี่ภูยังพาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านด้วยแบบนี้ แม่น่าจะอยู่กินมื้อเย็นด้วยกันสิ

“บินไปอเมริกาตั้งแต่บ่ายแล้วครับ เห็นว่าต้องไปดูงาน เสร็จแล้วคงอยู่ชอปปิงต่อ อีกสามสี่วันนู่นแหละกว่าจะกลับ”
   
เป็นแบบนี้ทุกที ตั้งแต่เด็กแล้วที่พ่อต้องเป็นคนเลี้ยงผม ใกล้ชิดกับผมมากกว่าแม่ ความสัมพันธ์ของพวกเราถึงได้ออกมาในรูปแบบที่บิดเบี้ยวต่างจากครอบครัวอื่นๆ ถ้าถามว่าผมรักแม่ไหม สนิทกับแม่รึเปล่า...รักสิ และพวกเราก็สนิทกันในระดับนึง แม้จะดูเหมือนแม่ไม่ค่อยใส่ใจดูแลผมกับพี่ภูมากนัก แต่ผมก็ดูออกว่าแม่รักพวกเรามากแค่ไหน 

พูดถึงแม่ ผมก็อยากเล่าอะไรเกี่ยวกับคุณผู้หญิงของบ้านนี้สักเล็กน้อย...แม่ของผมเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง ถึงจะพลาดพลั้งมีพี่ภูตั้งแต่อายุสิบเจ็ด แต่แม่ก็ยังมีอนาคตที่สวยหรู ตอนนี้แม่อายุสามสิบหกปี เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โตทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณคุณตาที่ล่วงลับ ที่ทำให้เส้นทางชีวิตของแม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ และทำให้แม่ได้แต่งงานกับพ่อจนมีผมออกมา

...ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่า ผมจะได้เจอกับพ่อที่รักผมขนาดนี้รึเปล่า

“เป็นอะไร ทำหน้ายุ่งเชียว คิดถึงแม่เหรอครับ” พ่อลูบหัวผม

“นิดหน่อยครับ ไม่เจอหน้ามาสามวันแล้วเนี่ย พ่อล่ะ ไม่คิดถึงแม่บ้างเหรอ”

“ก็ต้องคิดถึงสิ...” พ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ เอื้อมมือผ่านด้านหลังผมไปเพื่อตักกับข้าว จังหวะที่ใบหน้าของพ่อเคลื่อนเข้ามาใกล้จนแทบชิดแก้มของผม พ่อก็กระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า “คิดถึงในฐานะเพื่อนครับ..อย่าขี้หึงนักสิ”

ผมอมยิ้ม แอบถอดรองเท้าสลิปเปอร์ออกจากเท้าซ้าย แล้ววางฝ่าเท้าเล็กๆ ข้างนั้นลงบนเท้าไซส์สี่สิบสามของพ่อ ขยับปลายนิ้วเขี่ยนิ้วเท้าของพ่อไปมาหวังจะให้อีกฝ่ายจั๊กจี้ แต่พ่อกลับแค่ยิ้มขำ

“กินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาดๆ”

ปลาสำลีนึ่งมะนาวที่พ่อตักเมื่อกี้ถูกวางใส่จานของผม โดยที่แขนแข็งแรงยังโอบไหล่ผมเอาไว้ ขนาดตัวที่โตกว่ามากจึงดูเหมือนผมตกอยู่ในอ้อมกอดของพ่อเลยล่ะ ทำเอาผมต้องกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม ระหว่างนั้นผมแอบเหลือบมองพี่ภู เห็นอีกฝ่ายกำลังกินข้าวไปพลางคุยกับคนข้างๆ ไปพลางโดยไม่สนใจผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยสักนิด จากที่อยากจะยิ้ม หน้าผมเลยเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงแทน

“น้าตะวันกับน้องธารดูสนิทกันดีนะครับ ผมกับพ่อนี่แทบไม่ได้คุยกันเลย” พี่กายพูดขึ้น เขามองพ่อสลับกับผมแล้วส่งมายิ้มให้ แต่ผมไม่ได้ยิ้มตอบ กลับทำหน้านิ่งแบบบอกชัดว่าไม่ต้องการจะคุยด้วย

“ตอนเด็กๆ ก็สนิทกับพ่อกันทั้งนั้นล่ะ อีกหน่อยพอโตขึ้นก็ติดเพื่อน ติดแฟนมากกว่าพ่อ” พ่อบอกยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มเอ็นดูที่ไม่ได้ปั้นแต่งเหมือนก่อนหน้านี้

“นั่นสิครับ” พี่กายมองพ่อด้วยแววตาชื่นชมแต่แฝงประกายบางอย่างที่ผมไม่ชอบใจนัก “ว่าแต่น้าตะวันนี่ยังดูหนุ่มอยู่เลยนะครับ ไม่คิดว่าจะมีลูกชายโตขนาดน้องธารแล้ว ตอนเห็นแวบแรกนี่อึ้งไปเลย นึกว่าภูมีญาติเป็นนายแบบซะอีก”

พ่อยิ้มรับ ไม่ได้ตอบอะไร

หมอนี่คงรู้จากพี่ภูมาบ้างแล้วว่าพ่อไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของพี่ภู ถึงไม่ได้พูดกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับพี่ภูเลย อยากรู้จริงๆ ว่าเขากับพี่ภูสนิทกันถึงขั้นไหน พี่ภูถึงกล้าเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังมากขนาดนี้

“อากาศร้อนจังนะครับช่วงนี้” พูดพลางมือพี่กายก็ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกสองเม็ดแล้วกระพือคอเสื้อขึ้นลง ทำให้ผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นแนวกระดูกไหปลาร้ากับหน้าอกขาวๆ ที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยของเขาอย่างชัดเจน

...และแน่นอนว่าพ่อก็ต้องเห็นมันด้วย
พี่ภูที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่กายถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “เดี๋ยวกูบอกแม่บ้านให้หรี่แอร์ให้ไหม”

พี่กายยักไหล่ “ไม่เป็นไร”

ผมมองพี่กายด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร แต่เขากลับปั้นหน้ายิ้มกินข้าวต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้ที่ทำไปทั้งหมดนั่นจงใจจะยั่วพ่อหรือยั่วให้พี่ภูหึงกันแน่ แต่ไม่ว่าจะทำเพราะอะไร อย่างหนึ่งที่ผมรับรู้ได้จากการกระทำ สีหน้า และท่าทางของเขา

...หมอนี่ฉลาด ควบคุมอารมณ์ได้ดี และคงร้ายไม่เบาเลย



หลังกินมื้อค่ำเสร็จ ผมก็กลับขึ้นห้องมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอน รอพ่อที่ยังเคลียร์งานอยู่อีกห้อง ระหว่างนี้ไม่ว่าผมจะอ่านหนังสือฆ่าเวลา เล่นเกม หรือแชทกับเพื่อน สติของผมกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำเลยสักนิด
พี่ภูกับกายกำลังทำอะไรกันอยู่นะ

ความกระวนกระวายใจทำให้ผมต้องลุกออกจากเตียง เดินไปที่ห้องของพี่ภู เคาะประตูตามมารยาทสองครั้งก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้าไปด้านใน

แม้ว่าห้องพี่ภูค่อนข้างกว้างและจัดแบ่งเป็นโซนอย่างชัดเจน แต่สามารถมองเห็นเตียงได้ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา เพราะมันเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่สะดุดตาที่สุด ทว่าบนนั้นกลับไม่มีแม้แต่เงาของคนทั้งคู่ ผ้าปูเตียงถูกคลุมไว้อย่างดีราวกับยังไม่ถูกใช้งาน นั่นจึงทำให้ผมยิ้มออก

“น้าตะวันเป็นเกย์ป่ะวะ”

ประโยคนี้ดังขึ้นเบาๆ ขณะที่ผมเดินผ่านตู้หนังสือและชั้นวางของลึกเข้าไปในห้อง มันก้องกังวานเล็กน้อยเหมือนกับคนพูดอยู่ในที่แคบๆ 

ซ่าาา

เสียงน้ำจากฝักบัวถูกเปิด ก่อนที่พี่ภูจะตอบคำถามนั้น

“สงสัย ก็เลยไปยั่วเขางั้นสิ”

“อา...กูว่าน้าตะวันกับธารดูแปลกๆ ว่ะ  อ๊ะ! ฮึก...อ้า....” เสียงพูดของพี่กายสั่นเครือ ก่อนที่คำพูดทั้งหมดจะเงียบหาย กลายเป็นเสียงครางปนหอบสะท้าน

รอยยิ้มของผมแข็งค้าง เท้าทั้งสองข้างชะงักกึกเมื่อเดินมาถึงเตียง รู้สึกเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็งทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า...

เบื้องหลังบานประตูห้องน้ำแบบกระจกฝ้า เงาร่างสองร่างกำลังกอดรัดกันแนบแน่น ฝ่ามือคู่หนึ่งวางอยู่บนบานกระจก ขณะที่ฝ่ามืออีกคู่สอดประสานอยู่ด้านหลัง เสียงครางกระเส่าปนเปไปกับเสียงสายน้ำดังสะท้อนออกมาจากห้องแคบๆ นั่นไม่น่าตื่นตะลึงเท่ากับเสียงบางอย่างที่กำลังกระแทกกระทั้นเข้าหากันอย่างรุนแรง

“อ๊ะๆๆ บ...เบาหน่อยสิวะ อ๊า!”

“อา...ไหนบอกชอบแรงๆ ไง”

ผมยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ความรู้สึกเปียกชื้นที่สัมผัสกับฝ่ามือทั้งสองข้างทำให้รู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้ ขาที่สั่นเทาของผมค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกจากห้องนี้ไป

กึก! ปัง!

ประตูถูกกระชากเปิด ก่อนจะกระแทกปิดอย่างแรง โดยไม่สนว่าคนด้านในจะได้ยิน

ผมวิ่งกลับเข้าห้องของตัวเอง ปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนคว่ำบนเตียง ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับคนบ้า ขณะเดียวกันก็ใช้มือทั้งสองข้างปิดหูเอาไว้ ผมไม่อยากมองเห็นหรือได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่ทั้งภาพและเสียงยังคงชัดเจนราวกับทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า

ทำไมถึงทำแบบนี้! ทำไม!

ทั้งที่เคยบอกว่ารักผม ทั้งที่เคยจูบกันและสัมผัสร่างกายของผมราวกับต้องการซะขนาดนั้น แต่กลับไปทำมันกับคนอื่น มันเจ็บยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าพี่กฤษนอกใจซะอีก

ถึงจะพยายามบอกตัวเองแค่ไหนว่ามันเป็นแค่เซ็กส์...เซ็กส์ในโลกของผู้ใหญ่พี่ผมพยายามทำความเข้าใจ แต่คงยอมรับมันไม่ได้ง่ายๆ เซ็กส์ที่แม้แต่ผมเองยังสนุกไปกับมัน แต่กลับปฏิเสธที่จะให้คนที่ผมรักทำกับคนอื่น

เกลียด!

เกลียดตัวเองชะมัด!

เมื่อไหร่นะผมถึงจะโต ถึงจะเข้าใจโลกของผู้ใหญ่...เมื่อไหร่ที่ผมจะกำจัดความรู้สึกเจ็บบ้าๆ นี่ และเลิกโง่งมกับความรักได้สักที!



“เด็กน้อยของพ่อหลับไปซะแล้ว”

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อาจจะสิบห้านาที ครึ่งชั่วโมง หรือหนึ่งชั่วโมงที่ผมร้องไห้จนงีบหลับไป ก่อนที่เสียงกระซิบทุ้มต่ำนุ่มนวลของพ่อดังปลุกผมเบาๆ ที่ข้างหู

“กี่โมงแล้วครับ ไหนบอกว่ากินข้าวอิ่มแล้วจะลงโทษธารไง” ผมไม่รีรอที่จะยื่นมือขึ้นโอบกอดบ่ากว้าง แล้วซบหน้าเข้ารับไออุ่นจากอกของพ่อ สัมผัสของพ่อทำให้จิตใจของผมสงบลงได้เสมอ

“ฮึๆ” พ่อหัวเราะในลำคอ “ขี้อ้อนจริงนะเรา อยากโดนพ่อลงโทษนักรึไง”

“ก็อยู่ที่ว่าพ่อจะลงโทษธารแบบไหน...” ผมพูดเสียงอู้อี้ “ลงโทษแบบที่ธารชอบได้ไหม”

พ่อทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียง ก่อนจะดึงแขนทั้งสองข้างของผมออกอย่างนุ่มนวล “ห้าทุ่มแล้วครับ ถ้าง่วงแล้วก็นอนดีไหม ไว้พ่อค่อยลงโทษพรุ่งนี้ก็ได้”

“ธารยังไม่ง่วง” ผมคว้าชายเสื้อยืดสีขาวของพ่อเลิกขึ้นอย่างดึงดัน แต่พ่อกลับกุมมือของผมไว้ไม่ยอมให้ผมถอดเสื้อออกง่ายๆ

“เป็นอะไรไปครับ วันนี้ดูแปลกๆ นะ”

ผมก็แค่...อยากลบภาพที่ยังตามหลอกหลอนผมแม้แต่ในฝันออกไปจากหัวสักที

“พ่อเหนื่อยเหรอครับ ไม่อยากทำเหรอ”

“พ่อไม่อยากทำเพราะเห็นเราง่วงต่างหาก”

“แต่ธารอยากทำ...นะ...นะครับ” ผมอ้อน

ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากนอกหน้าต่างส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา ผมเห็นได้เลือนรางว่าพ่อส่งยิ้มบางมาให้ พร้อมกับที่มือข้างหนึ่งยื่นมาลูบหัวผมเบาๆ

“ถ้าอยากทำก็ถอดเสื้อผ้าออกสิ”

Pie2Na

ไม่ได้อยากให้ค้างเลย แต่ปั่นไม่ทันจีๆ เดี๋ยวมาอัพ NC ต่อให้อ่านพรุ่งนี้นะครับ
คราวนี้ไม่เบี้ยว สัญญาจริงจังหนักมาก
ไว้พรุ่งนี้มาอธิบาย(แก้ตัว) ว่ามันยังไงอะไร นี่เลยเวลานอนแล้ว ลาก่อน 
#รัก #ขอบคุณและฝันดีครับ
ปล. อย่าลืมว่า พรุ่งนี้เรามีนัดกัน!!!!!!
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 22-12-2015 23:41:28
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 23-12-2015 02:42:16
ตามๆสนุกๆ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: RikuNaru ที่ 23-12-2015 13:16:04
incest จงเจริญ  o13
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: rabiaang ที่ 23-12-2015 13:52:54
ขุ่นพ่อตะวันต้องเคยอิ๊อ๊ะกับคุณตินมาก่อนแน่ๆเลยยยยยย

พี่มีรางสังหร  :serius2:

ชอบบบบบบ ปกติไม่ค่อยอ่านแนวพ่อลูก แต่เรื่องนี้ยอมค่ะ ยอมมมม สนุกก  :katai1:

การบรรยายก็ดี พล็อตหน้าติดตาม

จะดราม่ามากมั้ยยยย  :ling3:

ตอนนี้เกลียดพี่ภูมากค่ะ เกลียดดดดด  :z6:

ติดตามนะคะ มาต่อเร็วๆน้าาาา ได้โปรด

 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 24-12-2015 21:42:09
บอกเลย อูยยย แซ่บทุกตอน ชอบมากก สรุปเป็น4พีใข่ไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [Chapter 11 ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 24-12-2015 23:11:49
Chapter 11
บทลงโทษ
(ครึ่งหลัง)

(http://image.free.in.th/v/2013/ig/151225114601.jpg)
ตะวัน



“ถ้าอยากทำก็ถอดเสื้อผ้าออกสิ”

ใบหน้าของผมเริ่มเห่อร้อนเมื่อถูกพ่อจ้องมองด้วยสายตาวับวาว แต่ผมก็เลือกที่จะข่มความอาย แล้วปลดกระดุมชุดนอนออก ถอดเสื้อทิ้งไป แล้วเลื่อนมือลงดึงกางเกงขายาวพร้อมกับอันเดอร์แวร์หลุดจากเท้า ปล่อยให้มันตกลงบนพื้นห้อง
   
พ่อดันไหล่ทั้งสองข้างของผมให้เอนตัวลงนอน แล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมทั้งที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ก่อนที่พ่อจะกดจูบลงบนหน้าผากผม เลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปาก สัมผัสเพียงแผ่วเบาแล้วผละห่าง
   
“เปิดไฟนะครับ พ่ออยากเห็นเราชัดๆ” พ่อกระซิบบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง แต่ผมรีบคว้ามือข้างนั้นไว้
   
“ไม่เอานะ ธารชอบแบบนี้มากกว่า”
   
ผมโกหก...เวลาที่แสงสีส้มจากโคมไฟส่องกระทบร่างกายของพ่อ มันดูเร่าร้อนจนผมแทบละลาย ยิ่งได้เห็นกล้ามเนื้อที่เบียดชิดลงมาบนตัวผม กับสีหน้าที่ราวกับอยากจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัว ยิ่งทำให้เซ็กส์ของพ่อร้อนแรงขึ้นหลายเท่า แน่นอนว่าผมชอบมัน แต่ที่ไม่อยากเปิดไฟเพราะกลัวว่าพ่อจะเห็น ว่าดวงตาของผมบวมช้ำมากแค่ไหน
   
“ก็ได้ครับ” พ่อบอกอย่างเอาใจ แล้วเลื่อนมือลงไปดึงลิ้นชักโต๊ะแทน หยิบเจลหล่อลื่นออกมา บีบมันลงบนฝ่ามือข้างขวา ก่อนจะโยนกลับไว้ที่เดิม

จากนั้น...


Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)

...สุดท้ายพ่อก็ไม่ได้ทำมัน และไม่รู้ว่าผมต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ถึงจะได้เรียนรู้เซ็กส์ในแบบของผู้ใหญ่สักที

“พ่อรักธารนะครับ”

“ธารก็รักพ่อนะ”

มือใหญ่โตของพ่อลูบเบาๆ บนหัวผม ก่อนจะพลิกตัวนอนลงข้างๆ แล้วดึงผมเข้าไปกอด “นอนนะครับคนดี” เสียงทุ้มๆ ของพ่อกระซิบบอกใกล้หู

“นอนทั้งอย่างนี้เลยเหรอครับ” ผมถามเพราะตัวเราเปรอะเปื้อนไปหมด และตอนนี้ก็คงจะเลอะผ้านวมกับผ้าปูเตียงด้วย ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดแล้วเห็นเข้าจะคิดยังไง

“ไม่ชอบเหรอ ได้อารมณ์หวิวดีออก” พ่อกดจูบบนหัวผม

“ก็ดีครับ” ผมยิ้มบอก ลูบฝ่ามือลงบนหน้าอกแข็งแกร่งที่มีเสื้อยืดสีขาวกั้นอยู่ จนถึงตอนนี้พ่อก็ไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออก จึงมีเพียงแต่ผมคนเดียวที่เปลือยกายล่อนจ้อน

“อย่าซนสิครับ เดี๋ยวก็เหนื่อยอีกรอบหรอก”

“พ่ออะ”

“ฮึๆ” พ่อหัวเราะขำในลำคอ

ผ่านไปพักใหญ่ห้องก็ตกเข้าสู่ความเงียบ หน้าอกของพ่อกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะคงที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังหลับสนิท วันนี้คงทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ไหนจะต้องปวดหัวกับลูกชายดื้อๆ อย่างผมอีก

ผมถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ อาจเพราะเพิ่งตื่นเลยยังไม่รู้สึกง่วง พยายามข่มตาหลับแต่ภาพคนสองคนที่กอดรัดแทบจะกลืนเป็นร่างเดียวกลับโผล่เข้ามาในความคิด หัวสมองของผมว่างเปล่าแค่เฉพาะตอนมีเซ็กส์กับพ่อเท่านั้น แม้ว่ามันจะดีแค่ไหน แต่พอต้องกลับมาอยู่กับตัวเอง ภาพนั้นก็ย้อนกลับมาอีก ถ้าเมื่อกี้ผมทำให้ตัวเองเหนื่อยจนสลบไปเลยก็คงดี

ผมยกแขนพ่อออกจากเอวแล้วค่อยๆ ลุกจากเตียง ใช้ทิชชูเช็ดทำความสะอาดร่างกายลวกๆ แล้วหยิบชุดนอนที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม ก่อนจะย่างเท้าไปที่ประตูห้องอย่างเงียบกริบ คิดว่าจะลงไปชั้นล่างเพื่อหาเหล้าแรงๆ ดื่มให้หยุดคิดฟุ้งซ่าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วพบกับพี่กายที่กำลังยืนเอนหลังพิงกำแพง เล่นมือถืออยู่หน้าห้องพี่ภู

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ เก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วเอ่ยทัก “ไง เสียงดังจังนะ ดังจนพี่ตื่นเลย”

“.....”

“เวลาแม่นายกับไอ้ภูอยู่บ้าน ไม่ได้ยินบ้างเลยเหรอ”

“หมายถึงอะไร”

“อ่อ...แม่ไม่ค่อยอยู่บ้านนี่นา ภูมันก็กลับดึกแทบทุกคืน พวกแม่บ้านก็ไม่ค่อยขึ้นมาชั้นบน” เขาพูดแล้วพยักหน้าเออออกับตัวเอง “คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน หรือไม่...ก็ไปทำกันในห้องน้ำสิ เก็บเสียงดี”

....!!!


Pie2Na

เมื่อคืนวานไม่ได้มาอัพเพราะตันครับ กะว่าสั้นๆอัพทันแน่ แต่เขียนไม่ออกจริงๆ
ไม่ชอบเขียนฉาก NC เลย เขียนยากมาก TT__TT
และต้องขอโทษถ้าในนี้มีคนอ่านที่เป็นเกย์ คือมันคงจะไม่อินเลยสินะ
ห่างไกลความจริงโดยสิ้นเชิง คือเรื่องจริงอะพอรู้แหละว่าเป็นไง
แต่เขียนออกมาไม่ได้ เพราะมันไม่สวยหรูเหมือนในนิยาย กลัวสาววายแตกตื่น 5 5 5 5  5 Y_Y
แต่!! ยังไงธารมันต้องเสียตัวคืนนี้แหละ ไม่ฟันธงแล้วกันว่าตอนหน้าจะมี NC รึเปล่า
เพราะกลัวเนื้อเรื่องมันจะยืดเยื้อ แต่สปอยล์แรงๆ ไปเลยว่า ทีมพี่ภูฟินแน่ๆ ^__^
ไว้เจอกันนะครับ ฝากเม้นด้วยน้า ขอบคุณและฝันดี


ตอบเม้นนน!! (โว๊ะ เรามาถึงจุดที่ได้ตอบเม้นได้ยังไงกันเนี่ย ดีใจมากกกครับ!!! 5 5 5 )

บอกเลย อูยยย แซ่บทุกตอน ชอบมากก สรุปเป็น4พีใข่ไหมค่ะ

>>เรื่องนี้ตั้งใจให้เป็น 4P ครับ แต่เนื่องจากเราเขียนเรื่องนี้แบบไม่มีพล็อต
เขียนเอามัน เขียนตามอารมณ์ ดังนั้นมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
อาจจะตัดคนใดคนหนึ่งออก (คนที่เราเกลียดมันนน !!!) หรือเพิ่มเป็น 5P
อยู่ที่อารมณ์ของเราตอนกำลังเขียนตอนนั้นๆอยู่อะ 5 5 5 5 5



ขุ่นพ่อตะวันต้องเคยอิ๊อ๊ะกับคุณตินมาก่อนแน่ๆเลยยยยยย
พี่มีรางสังหร  :serius2:
ชอบบบบบบ ปกติไม่ค่อยอ่านแนวพ่อลูก แต่เรื่องนี้ยอมค่ะ ยอมมมม สนุกก  :katai1:
การบรรยายก็ดี พล็อตหน้าติดตาม
จะดราม่ามากมั้ยยยย  :ling3:
ตอนนี้เกลียดพี่ภูมากค่ะ เกลียดดดดด  :z6:
ติดตามนะคะ มาต่อเร็วๆน้าาาา ได้โปรด
 :hao5: :hao5: :hao5:

>>อันดับแรก ขอบคุณมากครับ
คุณพ่อตะวันกับพี่อติณ...อืม...มีซัมติงกันจริงๆ ครับ แต่ไม่น่าใช่อย่างที่คิดมั้ง 5 5 5 5 5
#ไม่ต้องกลัวดราม่านะ เรื่องนี้มันเจ็บปนหวิว เศร้าปนสุข ขมอมหวาน
เพราะงั้นดราม่ามีแน่นอน แต่ถึงงั้นก็มีความหวานซ่านอยู่ทุกอณู //นี่เราหัดเลี่ยนแบบนี้ตั้งแต่มะไหร่ 5 5 5 5  5
#เกลียดพี่ภูทำไม พี่ภูออกจะหล่อเลิศเลอเพอเฟ็ก #ทีมพี่ภู 5 5  5 5 5 5
ปล. อัพบ่อย ก็มาอ่านบ่อยๆด้วยน้า ^^


 :bye2:

 
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-12-2015 00:55:17
ตามมมม
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: Doublebbaekbell ที่ 25-12-2015 10:38:54
หลังจากนั้นกายก็จะมาสารภาพรักกับธาร  แอบรักธารมานานแล้ว และบอกว่าที่ทำมาทั้งหมดแค่อยากให้ธารหึง ให้ธารสนใจ  :o8:  :-[ :-[  ส่วนพ่อตะวันก็เปิดเผยความจริงว่าแอบรักภูอยู่ เรื่องก็จบ แฮปปี้  :hao7: :hao7: :hao7:


หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: nimfadora ที่ 25-12-2015 13:11:26
เพิ่งเข้ามาอ่าน
สนุกอ๊าาาา สิบตอนที่ผ่านมาเราพลาดไปได้ยังไงเนี่ย
ชอบความสัมพันธ์ตัวละครเรื่องนี้ ยุ่งเหยิงดี แต่ซับซ้อนในแบบที่ มีเหตุผล
อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกว่าดราม่ามาก แต่ก็หน่วงๆ สงสารธาร
มีแต่คนหยิบยื่นความรักให้ แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออกให้ตรงๆ //แต่ตอนล่าสุดก็เสร็จขุ่นพ่อไปแล้วเรียบร้อยนะฮะ!
กายดูไม่ชอบธารนะ ที่เข้ามามีความสัมพันธ์ในบ้านนี้เพราะอะไรอ่ะ ทำไมรู้สึกแปลกๆ ชอบภูจริงเหรอ
ยังสงสัยว่านางต้องการอะไร
รอตอนต่อไปอย่างสงบนะฮับ
สู้ๆนะคนแต่ง เราเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-12-2015 13:25:42
จะต้องมาเจ็บตัวเพราะอีพี่ภูจริงเหรอ

สาววายไม่แตกตื่นหรอกจ้า. ถ้ามันมาเป็นสูตรเดียวกันหมดก็เบื่อตายค่ะ
จัดมาเรียลๆ.  :mew1: 

ปล.  เพ่นพ่านมักใช้กับของที่เคลื่อนไหวเองได้. ถ้าของมันถูกวางสะเปะสะปะ ระเกะระกะ อันนี้พอนึกภาพออกนะ
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: rabiaang ที่ 25-12-2015 14:25:36
น้องธาร อิพี่ภูจงมา //จุดธูป

 :call:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 25-12-2015 19:24:04
หนูต้องจับพี่ภู ให้ได้นะ ธาร  :angry2:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 25-12-2015 20:11:57
ชอบบ กรีดร้องงงงงง แค่หลายพีก็ชอบพอแหละ บรรยายสวย อ่านง่าย พ่อลูกพี่น้องนี่รักมากก เป็นพล็อตที่รักที่สุด
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 25-12-2015 22:19:47
 :ling1: :ling1: ไม่ชอบกายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [สารสำคัญถึงคนอ่าน]
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 26-12-2015 17:11:59


สารสำคัญถึงคนอ่านครับ!



ประเด็นแรก


มีความเห็นยังไงครับถ้าพายจะเปลี่ยนชื่อเรื่อง จาก Complicated รัก ซับ ซ้อน เป็น...

Brother&Father ได้โปรด 'รัก' ผม
(ชื่อเรื่องนี้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดละนะ ไม่ขออธิบายเดี๋ยวกลายเป็นสปอยล์)

สาเหตุที่อยากเปลี่ยน เพราะมีหลายคนติงมาว่าชื่อเรื่องไม่น่าสนใจ

สาเหตุที่เสนอมาชื่อเดียว เพราะ คิดไม่ออก

เพราะงั้นใครคิดว่าชื่อเก่าไม่เหมาะ และมีไอเดียดีๆ เสนอมาเลยครับ
 
ปล. ถามว่าชอบชื่อเก่าไหม ชอบนะ คิดว่ามันเหมาะเจาะลงตัวแล้ว
แต่มันเป็นชื่อเรื่องที่ไล่คนอ่านมากกว่าดึงคนเข้าอะ แบบแค่ชื่อเรื่องก็ชวนปวดขมับละ 5 55 55 5
ดูได้จาก เนื้อเรื่องแปดตอนแรกในเล้าที่ไปกระจุกกันอยู่หน้าเดียวหมด
เพราะแทบไม่มีคนเข้ามาอ่าน และบางตอนไม่มีคอมเม้นเลย //เราจะไม่โทษว่ามันไม่สนุกครับ 5 5 5 5 5  5




ประเด็นที่สอง


ขอชี้แจงประเด็น 4P ซ้ำอีกครั้ง (ตอบคอมเม้นไปแล้วแต่เผื่อใครยังไม่เห็น)

เรื่องนี้ตั้งใจให้เป็น 4P ครับ แต่เนื่องจากเราเขียนเรื่องนี้แบบไม่มีพล็อต
ไม่ได้จดไว้แม้แต่คาแรกเตอร์ตัวละคร เขียนเอามัน เขียนตามอารมณ์
ดังนั้นเนื้อเรื่องอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด

อาจจะตัดตัวเอกคนใดคนหนึ่งออก (คนที่เราเกลียดมันนน !!!) หรือเพิ่มเป็น 5P
อยู่ที่อารมณ์ของเราตอนกำลังเขียนตอนนั้นๆอยู่อะ 5 5 5 5 5



ประเด็นที่สาม


อยากบอกว่า...เรื่องนี้ในเล้าเป็ดเริ่มมีคนเข้ามาอ่านแล้ว เราดีใจมาก และขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นครับ
กว่าจะมาถึงจุดๆนี้ บอกเลยว่าเราอัพนิยายเรื่องนี้มาแบบหัวใจวูบโหวง 5 5 5 55
แบบคิดว่าเรื่องนี้มันคงไม่สนุกเลยอะ ถึงได้ไม่มีใครเข้ามาอ่าน แต่ก็ยังด้านหน้าอัพมันต่อไป 5 5 5 5  5 5

เริ่มยาว ไปก่อนแหละ
ว่างๆไว้มาอัพต่อนะ

ขอบคุณครับ ^^

 :bye2:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: rabiaang ที่ 26-12-2015 17:31:35
//เกาะ

ม่ายยยยยยยยย อย่าเอาพ่อตะวัน คุณติน พี่ภู ของหนู(?) ไปปปปป  :ling3: :ling3: :ling3:

ส่วนตัวก็คิดว่าชื่อเรื่องไม่ค่อยดึงดูดค่ะ แต่ก็ชอบนะคะ ชอบจนเอาไปแปะในห้องแนะนำนิยายเลย

อยากให้คนเขียนอัพต่อไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ต้องบ่อย แต่ขอให้สม่ำเสมอก็ได้ค่ะ

เชื่อว่าต้องมีคนอ่านเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอนค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-12-2015 17:45:56
ยังไงก็ได้ ขอให้สุดท้ายแล้ว พ่อ ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ก็พอแล้ว
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: mookiie ที่ 28-12-2015 02:48:16
ติดตามอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ :)
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: Lyralyn ที่ 29-12-2015 00:14:36
เราชอบนะ อ่านรวดเดียวจบเลย ตั้งตารอตอนถัดไปอยู่น้าาาาา
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 29-12-2015 02:10:05
ทำไมอ่านไปอ่านมาแล้วรู้สึกหน่วงแปลกๆ ม่ายยยยยยยย  :sad4: :sad4:

แต่เราจะรอฉาก 4p(หรือ5p?) ต่อไปนะ สู้ๆจ๊ะ fighting!
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: Alice111 ที่ 29-12-2015 09:17:39
เข้ามาอ่านยาว..ขอชมภาษาเขียนลื่นไหลดีมากๆ บรรยายได้ละเอียดอ่อนมากมาก ...สัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจของพ่อตะวันกับน้องธารเลย มันมองเห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่จริงๆ พ่อตะวันคงพบเจอประสบการณ์มาเยอะพอมีลูกก็ย่อมที่หวงแต่พ่อตะวันก็เปิดใจให้กับความรักของธาร..พ่อตะวันไม่ใจร้ายปิดกั้นหรือหวงห้ามแม้ว่าในใจลึกๆ ทั้งรักและหวงและหวงไปพร้อมกันซึ้งมันเกินหน้าที่ของพ่อ
ส่วนคาเร็คเตอพี่ภู พี่ภูรักธารแต่เขาคงสัมผัสได้ถึงเกาะกำบังที่พ่อตะวันมีให้ธารแถมถูมมองว่าตัวเองเป็นพี่ที่ไม่รักน้องมาตั้งแต่เด็กอีกมันจึงเป็นปม
พี่กฤษณนี้รักธาร รักแบบต้องการครอบครองพอไม่ได้ก็ไปสมสู่กับคนอื่นแก้ขัด มองยังไงก็ไปกันไม่รอดกับน้องธารและธารก็จะต้องเจ็บและเสียใจไปแบบนี้อีกไม่รู้กี่ครั้ง (ตัวละครตัวนี้ไม่ชอบอย่างแรง..ฮาๆ ..เหมือนจะลงคะแนนโหวตไม่ให้ไปต่อยังไงก็ไม่รู้ซินะ )
คุณติณ นี้น่ารักอบอุ่นนะแต่ดูท่าจะประสบการณ์โชคโชญเทียบเท่ากับคุณพ่อตะวัน..ปล.น้องตุลย์น่ารักน่าหยิกมากมาก..ดูท่าจะคู่ปรับควรจะเป็นคุณพ่อตะวันมากกว่าซินะถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน

เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะน่าติดตามทุกตอนจริงๆค่ะ..ยกนิ้วให้คนแต่ง  o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Complicated รัก ซับ ซ้อน #Incest/4P [อัพ Chapter 11 ครึ่งหลัง NC18+]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-12-2015 09:44:31
เราว่าชื่อเรื่องจะไม่เปลี่ยนก็ได้ค่ะแต่ว่าเพิ่มความเด่นในตัวอักษรเพิ่มก็คงจะดีค่ะ อ่านแวบเดียวมันไม่เด่นน่ะค่ะ
รอนะคะ แต่5P มันจะไหวเหรอคะ  :mew1: 
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 11 NC18+•
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 29-12-2015 16:29:40
เพิ่งได้มาอ่านปรกติไม่ค่อยชอบแนวนี้เท่าไหร่
แต่อ่านไปหยุดไม่ได้เลย ชอบภาษาที่ใช้ o13
คำผิดน้อยมาก ตอนที่ 5
05: 34 A.M.

@KL Sports Club
น่าจะเป็น P.M.หรือเปล่าเพราะไปว่ายน้ำตอนเย็น
   
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 11 NC18+•
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-12-2015 16:31:53
 o13 
หัวข้อ: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 01-01-2016 21:03:03
Chapter 12
ทวงคืน
(ครึ่งแรก)

(http://image.free.in.th/z/ix/chanho01.jpg)
ธาร


“คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน หรือไม่...ก็ไปทำกันในห้องน้ำสิ เก็บเสียงดี”

ผมตัวแข็งทื่อ...พี่กายได้ยินตอนที่ผมกับพ่อมีอะไรกัน แล้วพี่ภูล่ะ จะได้ยินรึเปล่า?

“ดูสิหน้าซีดหมดแล้ว”

เท้าของผมก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวเมื่อพี่กายเดินเข้ามาใกล้ รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็ชนเข้ากับกำแพงและมีอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้kในระยะประชิด ดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมองมาทอประกายวับวาวราวกับกำลังสนุกที่ได้ต้อนผมให้จนมุม
   
“กลัวภูจะรู้เหรอ” พี่กายโน้มใบหน้าลงมาจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนจากอีกฝ่าย “ไม่ต้องห่วง ไอ้ภูมันไม่ได้ยินหรอก เมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ จะโดนปล้ำก็ยังไม่รู้ตัวเลยมั้ง”
   
“.....”

“แล้วนี่ออกมาจากห้องดึกๆ จะมาหาภูเหรอ” เขาหลุบสายตาลงต่ำ มองต้นคอของผมอย่างจาบจ้วง “รอยเต็มคอขนาดนี้ยังไม่พออีกรึไง สงสัยน้าตะวันจะจัดให้ไม่ถึงใจสินะ”

“อย่าพูดบ้าๆ!” ผมกำหมัดแน่น จ้องตอบอีกฝ่ายด้วยความโมโห

“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก” พี่กายยกยิ้มมุมปาก “ไม่กลัวพ่อรู้รึไงว่านอกจากธารจะทำหน้าที่แทนแม่แล้ว ยังจะทำหน้าที่แทนแฟนพี่ชายด้วย”

!!!!!

คำพูดของเขาทำให้ผมชะงักค้าง หมอนี่รู้ความลับของผมทั้งหมด ถ้าเขาเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกพ่อกับพี่ภูล่ะ? ผมจะถูกทั้งสองคนมองด้วยสายตารังเกียจแค่ไหน
   
“ทำหน้าแบบนี้กลัวพี่จะเอาความลับของเราไปบอกพ่อกับไอ้ภูล่ะสิ” พี่กายยกมือขึ้นมาจะขยี้หัวผม ผมเลยปัดมือข้างนั้นออกแรงๆ แต่เขากลับยังคงยิ้มอย่างไม่ถือสา “เรามาตกลงกันดีไหม...ถ้าธารทำตัวน่ารักๆ กับพี่ พี่ก็จะไม่ปากโป้ง แต่ถ้าธารยังเป็นเด็กดื้อแบบนี้ พี่ก็จะฟ้องพ่อกับพี่ภู”
   
“พี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่ถึงได้เอาเรื่องนี้มาขู่ อยากให้ผมเลิกยุ่งกับพี่ภูงั้นเหรอ?”
   
“เปล่านี่” พี่กายขมวดคิ้ว “พี่จะสนเรื่องนั้นทำไม”
   
ไม่สน? แต่กลับตอกหน้าผม บอกว่าตัวเองเป็นแฟนพี่ภูและผมอยากทำหน้าที่นั้นแทนเขา หาว่าผมออกจากห้องมาเพื่อจะเข้าไปปล้ำพี่ชายที่เมาไม่ได้สติ แถมยังย้ำให้ผมอิจฉาเล่นว่าตัวเองมีอะไรกับพี่ภูในห้องน้ำ...คำพูดของหมอนี่ทุกประโยคแดกดันผมทั้งนั้น คิดว่าผมซื่อนักรึไงถึงฟังไม่ออก? อย่างน้อยไอคิวผมก็สูงกว่าเขาแล้วกัน!
   
“งั้นพี่ต้องการอะไร” ผมกัดฟันถาม
   
“ก็อย่างที่บอกไง ทำตัวน่ารักๆ เป็นเด็กดีเชื่อฟังที่พี่พูด แค่นี้พี่ก็ไม่ปากโป้งแล้ว”
พี่กายยื่นมือมาใกล้หัวผม ก่อนจะชะงักค้างไว้กลางอากาศ แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นว่าผมยังยืนนิ่งขึง ไม่คิดจะปัดมันออก มือข้างนั้นก็ขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิง การที่ผมปล่อยให้เขาทำแบบนั้นก็เหมือนกับการตกปากรับคำกลายๆ

“พี่รู้ความลับของธารขนาดนี้ พี่เล่าความลับของพี่ให้ฟังบ้างแล้วกัน ธารจะได้ไม่เสียเปรียบ” เขาเบี่ยงหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผม ราวกับคำพูดต่อจากนั้นเป็นความลับเสียมากมาย “วันนี้พี่ขึ้นขย่มภูด้วยนะ หมอนั่นครางใหญ่เลย”

“หน้าด้าน!” ผมผลักอกพี่กายออกห่างสุดแรง แต่กลับทำให้เขาผงะถอยไปแค่ครึ่งก้าว

“ฮึๆ เวลาโกรธนี่น่ารักดีนะ” พี่กายหัวเราะในลำคอ  ผมรู้ว่าเขาจงใจยั่วให้ผมโกรธ สนุกที่ได้เห็นผมหึงหวงพี่ภูจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ลองได้ยินคนอื่นพูดถึงคนที่ตัวเองรักแบบนั้น ใครบางล่ะจะทนนิ่งอยู่ได้

Rrrrrr RRrrrrr

พี่กายล้วงมือถือที่สั่นครืดอยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับสาย แวบหนึ่งที่ผมเห็นรายชื่อคนโทรเข้าบนหน้าจอมือถืออีกฝ่าย มันทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว

พี่อติณ

...คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก โลกนี้ไม่ได้มีคนชื่ออติณแค่คนเดียวสักหน่อย

“ครับพี่ติณ...กำลังจะออกไปแล้วครับ” ขณะคุยโทรศัพท์ พี่กายยังจะจ้องหน้าผมไม่เลิก “ไม่เกินสี่สิบนาที...โอเคครับ พี่ต้องกลับแล้ว ไว้วันหลังจะแวะมาคุยด้วยใหม่นะ” ประโยคหลังเขาบอกกับผมหลังจากวางสาย ก่อนจะยกมือข้างที่กำมือถือโบกไปมาพลางก้าวถอยหลัง แล้วหมุนตัวเดินไปทางบันได แต่ยังไม่วายหันกลับมาพูดทิ้งท้ายให้ผมต้องกัดฟันกรอด

“อ่อนหัดแบบน้องธาร ภูไม่มันไม่สนหรอกครับ แต่ถ้าอยากได้มันมาก...พี่สอนให้ได้นะว่าต้องทำท่าไหน”
ผมกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ พยายามระงับความโกรธ รอจนแผ่นหลังของพี่กายหายลับไปจากสายตา ก่อนจะเดินไปหน้าห้องพี่ภู แล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน

ไม่ต้องให้ใครมาสอน ผมก็ทำให้พี่ภูกลายเป็นของผมได้...แล้วจะได้รู้กันว่าเขาจะสนผมรึเปล่า!

แกร็ก

ลูกบิดประตูถูกกดล็อค ก่อนที่ผมก้าวผ่านตู้หนังสือและชั้นวางของไปยังเตียงนอนสีเทาขนาดคิงไซส์

ในห้องที่มืดสลัวมีแสงไฟสีส้มจากสวนหลังบ้านส่องเข้ามาพอให้เห็นสภาพห้องได้เลือนราง เท้าของผมสะดุดเข้ากับกระป๋องเบียร์ที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้นข้างเตียง เกิดเสียงดังก๊องแก๊งจนคนที่กำลังหลับสบายต้องพลิกตัวไปมาด้วยความรำคาญ ท่ามกลางกระป๋องเบียร์พวกนั้นมีสิ่งของบางอย่างที่ทำให้ผมปวดหน่วงในอกจนชะงักค้างอยู่กับที่ น้ำตาไหลซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัว

...ถุงยางอนามัยใช้แล้วสองชิ้นบนพื้นห้อง
   
ความเข้มแข็งที่ผมสร้างขึ้นมาแทบพังทลายลงทันที สายตาที่พี่ภูมองหมอนั่น ท่าทางหึงหวงที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนตอนเรากินมื้อค่ำด้วยกัน อ้อมกอดที่มอบให้มันแต่ไม่เคยคิดจะเผื่อแผ่มาถึงผม   

พี่ภูเคยเป็นของผม...เขาเคยเป็นของผมจนกระทั่งคนอื่นมาแย่งไป!

ผมจะทวงของๆ ผมคืน!

ผมปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ แล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนร่างกายเปลือยเปล่า ไม่ต่างจากสภาพของคนบนเตียงที่มีเพียงผ้านวมผืนเดียวปกปิดร่างกายไว้ ความรู้สึกโกรธ หึงหวง เสียใจ อยากครอบครอง และอยากเอาชนะ ผลักดันให้ผมกล้าที่จะทำในสิ่งที่เพิ่งถูกคนอื่นด่าตอกหน้ามาหยกๆ
   
ไอ้ภูมันไม่ได้ยินหรอก เมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ จะโดนปล้ำก็ยังไม่รู้ตัวเลยมั้ง
   
ไม่ต้องกลัวหรอกธาร อย่างที่หมอนั่นบอกไง พี่ภูเมา เขาไม่มีทางรู้หรอกว่านายกำลังจะทำอะไร เขาจะไม่มีทางรู้...จนกว่าจะตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้เช้า แล้วเห็นว่าใครนอนอยู่กับเขาบนเตียง
   
ผมยื่นมีที่สั่นเล็กน้อยไปหยิบไอโฟนของพี่ภูที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นมากดเข้าฟังชั่นอัดวิดีโอ ก่อนจะวางมันลงในมุมที่สามารถบันทึกภาพบนเตียงได้ชัดเจนที่สุด

จากนั้น...ผมก็สอดตัวเข้าไปนอนเคียงข้างคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดภายใต้ผ้านวมผืนเดียวกัน บดเบียดร่างเปล่าเปลือยเข้าหาไออุ่นจากร่างกายที่แข็งเกร็งไปด้วยกล้ามเนื้อ ซบใบหน้าลงกับแผงอกกำยำ พลางไล้ฝ่ามือเนียนนุ่มของตัวเองไปบนผิวกายตึงแน่น
   
“ไหนบอกว่าจะกลับแล้วไง” พี่ภูพึมพำด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ผิวเนื้อที่ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นแนบชิดแทบสัมผัสกันทุกสัดส่วน ฝ่ามือหยาบกระด้างเริ่มลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังของผม “...อยากต่ออีกรอบรึไง” เขาเอ่ยปากถามโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง
 
    
“.....”

แทนคำตอบ...ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมบนตัวพี่ภู กดจูบลงบนริมฝีปากหยักบาง ขบเม้มดูดดึงก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่าย ปล่อยให้มันถูกดูดกลืนอย่างหิวกระหาย กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คลุกเคล้าไปกับกลิ่นบุหรี่ราวกับกำลังมัวเมาให้ผมลืมทุกสิ่งแม้แต่ความกลัว 

Pie2Na
ดึกล้าววว กลัวไม่ทัน อยากมา HNY เลยอัพครึ่งนึงก่อน
อีกครึ่งจะรีบอัพในเร็ววัน ^_^ แต่จะบอกว่า NC ฉากต่อไปสำคัญ ห้ามพลาดเลยนะ
มันสื่ออารมณ์ของทั้งสองคนมากๆ (ไม่ใช่อารมณ์ใคร่นะแก) คือคนที่ไม่ชอบก็ควรอ่านแบบข้ามๆ ไปนะ
สุดท้ายก็ Happy New Year นะครับ ^^
ขอให้ทุกคนสุขสมหวังในทุกสิ่ง ชีวิตดีตลอดไป อิอิ
รักคนอ่านนะ ขอบคุณมากเลยที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ หวังว่าจะอยู่กันไปจนจบเรื่อง ขอบคุณครับ ^^

PS. มีคอมเม้นที่อยากตอบเยอะเลย แต่ต้องรีบนอนเดี๋ยวขาไม่หาย ฮ่าๆ ไว้มาตอบตอนหน้านะครับ เจอกันในสองสามวันนี้แหละ ^^
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 01-01-2016 22:27:37
 มารอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 01-01-2016 22:31:43
น่าติดตามดีค่ะ ส่วนตัวชื่อเรื่องไม่เกี่ยว เข้ามากับคำว่า Incest ล้วนๆ เรามันชอบแหกศีลธรรม 55555 :hao7: :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 01-01-2016 23:46:30
รอตอนต่อไป :haun4:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: Mintny14891 ที่ 02-01-2016 01:31:49
อยากอ่านต่อแล้ว มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-01-2016 08:05:55
ชอบบบบ ขนลุกตลอดดเลย รอฉากต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-01-2016 08:30:11
อัดคลิปด้วย. ถ้ามืดคงไม่เห็นหน้า. แต่พี่ภูอย่าเรียกชื่อผิดคนละกัน
น้องธารแกแรงได้ใจ.   :hao6:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 03-01-2016 22:48:38
ภูนี่ยังไง ยังรักธารอยู่ไหม รอๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 04-01-2016 13:08:53
ตัดจบได้โหดร้ายนัก รอออออฉากต่อไปด้วยค่า
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 05-01-2016 17:55:25
อยากรู้ ถ้าไม่ใช่อารมณ์ใคร่ แล้ว จะมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรกันนะ
หัวข้อ: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •ตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 05-01-2016 19:45:23
Chapter 12
ทวงคืน
(ครึ่งหลัง)



แทนคำตอบ...ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมบนตัวพี่ภู กดจูบลงบนริมฝีปากหยักบาง ขบเม้มดูดดึงก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่าย ปล่อยให้มันถูกดูดกลืนอย่างหิวกระหาย กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คลุกเคล้าไปกับกลิ่นบุหรี่ราวกับกำลังมัวเมาให้ผมลืมทุกสิ่งแม้แต่ความกลัว 

“อืม...” คนใต้ร่างส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจ ฝ่ามือทั้งสองข้างลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่วผิวกายเนียนลื่น ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมากอบกุมสะโพก แล้วออกแรงบีบขย้ำมันอย่างหยาบโลน ส่วนนั้นที่กำลังแข็งชูชันดุนดันอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง


Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)

ด้วยรู้ตัวว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้าน ผมจึงทำได้แค่นอนนิ่งอยู่กับที่ จ้องมองไปในความมืดเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังไหลซึมออกมาจากช่องทางด้านหลังที่ยังคงร้อนผ่าวและสั่นกระตุกบีบรัดแก่นกายแข็งกร้าว สัมผัสเปียกชื้นเหนอะหนะบนหน้าท้องเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบขาวขุ่นแบบเดียวกัน แอร์เย็นๆ ตกลงบนผิวกายที่เปลือยเปล่าไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหนาวไปกว่าหัวใจที่เย็นเยียบของตัวเอง
   
...สกปรกและไร้ค่า
   
ผมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบงัน เอื้อมมือที่สั่นเทาไปหยิบไอโฟนของพี่ภูมากดเซฟคลิปวิดีโอที่อัดเอาไว้ โดยพยายามไม่ให้กระเทือนถึงร่างกายช่วงล่าง เพราะส่วนนั้นที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่ทำให้ผมปวดหน่วงและเสียวปราบทุกครั้งที่ขยับตัว

ผมใช้ไลน์ของพี่ภูส่งคลิปวิดีโอให้ตัวเอง ก่อนจะตัดต่อจนเหลือแค่บางส่วน แล้วส่งเข้าไลน์ของพี่กาย แม้ว่าภาพวิดีโอที่ถูกอัดจะมืดจนมองไม่เห็นหน้า แต่ด้วยสภาพแวดล้อมกับรูปร่างที่เห็นได้รางๆ คนที่รู้จักพวกเราและเคยเหยียบเข้ามาในห้องนี้ ก็คงพอเดาออกว่าคนสองคนในคลิปเป็นใคร
   
....ไม่ว่าจะต้องทนเจ็บอีกสักแค่ไหน ผมก็จะอดทนทำทุกอย่างจนกว่าพี่ภูจะกลับมาเป็นของผม
   
ผมปล่อยไอโฟนทิ้งไว้บนเตียงด้วยมือที่ไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาไออุ่นจากคนข้างกาย น้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด หยดลงบนหน้าอกกำยำจนเปียกชุ่ม
   
“ธารรักพี่ภูนะ รักมากที่สุด” ผมกระซิบบอกอีกฝ่ายด้วยประโยคเดิมๆ แล้วกดจูบบนรอยสักลายมังกรที่หัวไหล่ขวาของพี่ภูด้วยความรักใคร่

“รัก...” น้ำเสียงทุ่มต่ำนุ่มนวลกระซิบตอบกลับมา แต่ถ้อยคำสุดท้ายกลับทำให้หัวใจของผมเจ็บปวดราวกับมันถูกบีบขยี้จนแหลกเหลว “...กาย”
   
แขนกำยำกอดกระหวัดผมเอาไว้ทั้งตัว ฝ่ามือหยาบกร้านข้างหนึ่งลูบไล้ฟ้อนเฟ้นอยู่ที่สะโพก ก่อนจะยกต้นขาของผมขึ้นให้พาดอยู่บนสะโพกของเขา แล้วกดจูบลงมาบนริมฝีปาก ดูดเม้มเคล้าคลึง สอดปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัด ควานไปทั่วโพรงปาก กระทั่งผมเริ่มหายใจไม่ทัน พี่ภูจึงจะยอมถอนจูบออก เลื่อนใบหน้าต่ำลงมาซุกไซร้ที่ลำคอ ขบกัดดูดดึงจนเกิดเสียงน่าอาย

น่าสมเพชดีจัง...ถูกทำให้เจ็บขนาดนี้ แต่แค่เพราะรสจูบจากอีกฝ่ายกลับทำให้ร่างกายของผมอ่อนระทวย เผลอไผลไปกับสัมผัสที่พี่ภูมอบให้ กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่พี่ภูกำลังขยับกายเข้าออกอยู่ในตัวผม

“ฮ...อ๊า ไม่เอาแล้วนะพี่ภู ธารเจ็บ”

ผมผลักหน้าอกพี่ภูออกห่าง แต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย แก่นกายใหญ่โตเสียดสีอยู่ภายในร่างกายสร้างความเจ็บหน่วงผสมปนเปไปกับความซ่านเสียว ผมผวากอดแผ่นหลังกว้าง ท่อนขาเหนี่ยวรั้งสะโพกอีกฝ่าย แม้ใจจะร้องห้าม แต่ร่างกายกลับกระตุกตอบรับอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง

บทรักร้อนแรงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจบลง และเริ่มต้นขึ้นใหม่ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด…

Pie2Na
สปอยยยแรงง ตอนหน้าเป็นพาร์ทของพี่ภูนะครับ
เราจะได้รู้ความในใจของพี่ภูกันว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้นรู้ตัวไหม
ทำไปเพื่ออะไร รู้สึกกับธารยังไง แล้วพ่อจะรู้เรื่องไหม เกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง
ฝากคอมเม้นกันด้วยน้า จะได้มีกำลังใจอัพไวๆ  :mew2:
รักนะ ขอบคุณมากๆเลยสำหรับทุกคอมเม้นและขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้  :bye2:


ตอบเม้นนน!

จะต้องมาเจ็บตัวเพราะอีพี่ภูจริงเหรอ
สาววายไม่แตกตื่นหรอกจ้า. ถ้ามันมาเป็นสูตรเดียวกันหมดก็เบื่อตายค่ะ
จัดมาเรียลๆ.  :mew1: 
ปล.  เพ่นพ่านมักใช้กับของที่เคลื่อนไหวเองได้. ถ้าของมันถูกวางสะเปะสะปะ ระเกะระกะ อันนี้พอนึกภาพออกนะ

ตอบ จริงสิ ฮ่าๆ (หัวเราะชั่วร้าย) //สาววายไม่แตกตื่นแต่คนเขียนนี่ตื่นตระหนกเลยคับ  :oo1: //เพ่นพ่านแก้แล้วน้า ขอบคุณมากครับ



:ling1: :ling1: ไม่ชอบกายยยยยยยยยยยยยย
ตอบ ต้องทำใจแล้วครับ เพราะคนเขียนชอบกายมว๊าก ถึงขั้นอยากเอาไปเขียนอีกเรื่องให้เป็นตัวเอกเลย :laugh:



ยังไงก็ได้ ขอให้สุดท้ายแล้ว พ่อ ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ก็พอแล้ว

ตอบ มันเกินไปสินะ ลุ้นเอาเองแล้วกันเนาะ ไม่สปอยล์  :hao5:


ทำไมอ่านไปอ่านมาแล้วรู้สึกหน่วงแปลกๆ ม่ายยยยยยยย  :sad4: :sad4:
แต่เราจะรอฉาก 4p(หรือ5p?) ต่อไปนะ สู้ๆจ๊ะ fighting!

ตอบ คนเขียนชอบหน่วงๆแต่ไม่ถึงขั้นดราม่าน้ำตาพรากอะครับ   :laugh:


เข้ามาอ่านยาว..ขอชมภาษาเขียนลื่นไหลดีมากๆ บรรยายได้ละเอียดอ่อนมากมาก ...สัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจของพ่อตะวันกับน้องธารเลย มันมองเห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่จริงๆ พ่อตะวันคงพบเจอประสบการณ์มาเยอะพอมีลูกก็ย่อมที่หวงแต่พ่อตะวันก็เปิดใจให้กับความรักของธาร..พ่อตะวันไม่ใจร้ายปิดกั้นหรือหวงห้ามแม้ว่าในใจลึกๆ ทั้งรักและหวงและหวงไปพร้อมกันซึ้งมันเกินหน้าที่ของพ่อ
ส่วนคาเร็คเตอพี่ภู พี่ภูรักธารแต่เขาคงสัมผัสได้ถึงเกาะกำบังที่พ่อตะวันมีให้ธารแถมถูมมองว่าตัวเองเป็นพี่ที่ไม่รักน้องมาตั้งแต่เด็กอีกมันจึงเป็นปม
พี่กฤษณนี้รักธาร รักแบบต้องการครอบครองพอไม่ได้ก็ไปสมสู่กับคนอื่นแก้ขัด มองยังไงก็ไปกันไม่รอดกับน้องธารและธารก็จะต้องเจ็บและเสียใจไปแบบนี้อีกไม่รู้กี่ครั้ง (ตัวละครตัวนี้ไม่ชอบอย่างแรง..ฮาๆ ..เหมือนจะลงคะแนนโหวตไม่ให้ไปต่อยังไงก็ไม่รู้ซินะ )
คุณติณ นี้น่ารักอบอุ่นนะแต่ดูท่าจะประสบการณ์โชคโชญเทียบเท่ากับคุณพ่อตะวัน..ปล.น้องตุลย์น่ารักน่าหยิกมากมาก..ดูท่าจะคู่ปรับควรจะเป็นคุณพ่อตะวันมากกว่าซินะถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน

เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะน่าติดตามทุกตอนจริงๆค่ะ..ยกนิ้วให้คนแต่ง  o13 o13 o13 o13

ตอบ วิเคราะห์ได้ดีมากๆเลยครับ แต่ในส่วนของพี่ภูไม่เชิงว่าเพราะมีเกาะกำบังจากพ่อน้า ไว้รออ่านตอน13 มีเฉลยความรู้สึกของภูครับ ^^ ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์และคำชมนะครับ 


เพิ่งได้มาอ่านปรกติไม่ค่อยชอบแนวนี้เท่าไหร่
แต่อ่านไปหยุดไม่ได้เลย ชอบภาษาที่ใช้ o13
คำผิดน้อยมาก ตอนที่ 5
05: 34 A.M.

@KL Sports Club
น่าจะเป็น P.M.หรือเปล่าเพราะไปว่ายน้ำตอนเย็น

ตอบ แก้แล้วนะครับ ขอบคุณมากน้า 



ชอบบบบ ขนลุกตลอดดเลย รอฉากต่อไปค่าา

ตอบ ตอนอ่านปวดอึอยู่รึเปล่าครับ   :katai5:


อัดคลิปด้วย. ถ้ามืดคงไม่เห็นหน้า. แต่พี่ภูอย่าเรียกชื่อผิดคนละกัน
น้องธารแกแรงได้ใจ.   :hao6:

ตอบ คอมเม้นนี้คือการสรุปเนื้อเรื่องทั้งหมดในหนึ่งบรรทัด  :o12:


หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 05-01-2016 21:46:56
สงสารอ่ะ รออ่านของพี่ภู :o12:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 05-01-2016 22:02:49
ไม่เชียร์ใครแล้ว นายเอกหนีโลดด
ป.ล.ตอนตอบเมนต์ ว่าแล้วต้องตอบปบบนี้ ถถถถถ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-01-2016 22:13:27
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: rabiaang ที่ 05-01-2016 23:35:25
โป้งคนเขียนชั่วคราว.......

จนกว่าน้องธารจะแฮปปี้ค่ะ ขอแอนตี้การกระทำของพี่ภู และคนเขียน อย่างเป็นทางการ  :z6:
พี่ภูผิด คนเขียนต้องผิดด้วยค่ะ ข้อหาใช้พี่ภูทำร้ายน้องธาร ฮรืออออออ  :katai1:

พี่ภู อิคนเลวววววววววววว  :o12:

#ทีมแอนตี้พี่ภู #ทีมงอนคนเขียน #ทีมภูธาร แต่ภูต้องโดนแก้แค้นนนนนนนน จงตายไปซ้าาาาาา  :z6:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 05-01-2016 23:46:47
อารมณ์ตอนอ่านตอนนี้  :oo1: :oo1: :jul1:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-01-2016 09:42:07
 :ling1:  เอาพาร์ทพี่ภูมาเลย จิลงแดง

สงสารน้องธารอ่า
 :L2: 
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: chuxm ที่ 07-01-2016 15:04:26
ชอบมากกกอ่านทีเดียวหมดเลยสนุกมากค่ะ ติดตามนะคะ :katai2-1: :mew1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •ประกาศเปลี่ยนชื่อเรื่อง•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 08-01-2016 21:35:00
ประกาศอย่างเป็นทางการครับ



Complicated รักซับซ้อน จะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น

(Not) Innocent รักร้ายเดียงสา

จะใช้ชื่อเดิมไปอีกประมาณเจ็ดวันนะครับ รอให้ข่าวสารกระจายทั่วถึง



ชี้แจงล่วงหน้า :

พายคิดคำโปรยใหม่ไว้ด้วย แต่มันสปอยล์เรื่องแรงมาก TT ถ้าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ จะรับได้ไหม

คำโปรย
v

ผมเพิ่งจะอายุสิบสี่ แล้วผมก็ดันตกหลุมรักพ่อ(เลี้ยง)กับ
พี่ชาย(ต่างพ่อ)ของตัวเอง ทั้งที่ผมมีแฟนเก่าอยู่แล้วทั้งคน
ภายนอกผมอาจจะดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา แต่จริงๆ ใครจะรู้ว่าผมน่ะ...ร้าย

PS. ทีมอติณอย่าเพิ่งเสียใจนะ เราไม่ทิ้งไปแน่นอน เพราะตัวละครนี้ก็สำคัญ




ขอบคุณครับ
Pie2Na 

 :mew2:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 12 (ประกาศเปลี่ยนชื่อเรื่อง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮ ที่ 09-01-2016 01:07:33
คือเอาจริงๆ ไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้เปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น เพราะมีมาหลายตอนแล้วด้วยพอเปลี่ยนแล้วมันก็เหมือนเปลี่ยนเรื่องตาม นิยายถ้าเขียนๆไปตามใจคนอ่าน ไม่ได้ตามพอตที่วางไว้แต่แรก ส่วนใหญ่ไปไม่รอดค่ะ ตันกลางทาง เห็นมาเยอะแล้ว เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สุดท้ายคนอ่านหาย คนเขียนหาย เรื่องก็ถูกดองเค็ม  ชื่อเก่ามันโอเคแล้วค่ะ เพราะเวลาอ่านเรื่องนี้มันซับซ้อนจริงๆ  ถ้าเปลี่ยนก็ระวังคนอ่านหายนะคะ เพราะหานิยายไม่เจอ(เปลี่ยนชื่อไปแล้ว) เพราะถ้าไม่ได้บุ๊คไว้คือหาไม่เจอแน่ๆ ในเล้ามีนิยายเป็นล้าน 5555
ยังไงก็จะรออ่านนะคะ  :katai4:
หัวข้อ: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •ตอนที่ 13 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 14-01-2016 17:34:46
Chapter 13
ความในใจ
(ครึ่งแรก)


ก่อนอ่าน โปรดทราบ Complicated รักซับซ้อน ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น (Not) Innocent รักร้ายเดียงสา นะครับ

[Special Phupha’ s Part]

10: 45 A.M.

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนหัวสุดๆ เหมือนเพิ่งโดนใครเอาไม้เบสบอลฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง พอขยับตัวจะลุกจากเตียงก็ได้ยินเสียงครางอืออาดังขึ้นแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่บนหน้าอก กลิ่นกายหอมอ่อนๆ และสัมผัสนุ่มนิ่มที่เบียดชิดมอบไออุ่นให้กับร่างกายของผม เตือนให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนเตียงนี้

...ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ

ระยำ! แม่งมึงทำเหี้ยอะไรลงไปวะไอ้ภู! 

ผมยกมือเสยผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด ตั้งสติแล้วเริ่มมองสำรวจรอบด้าน...ผมกำลังนอนหงายโดยมีใบหน้าเล็กๆ ฟุบอยู่บนหน้าอก อีกฝ่ายแทบจะเกยทับอยู่บนร่างผมทั้งตัว เรียวขาขาวเนียนพาดอยู่ที่เอวของผม ทว่านี่ยังไม่แนบชิดเท่ากับช่วงล่าง...แรงบีบรัดและความชุ่มช่ำร้อนรุ่มทำให้ผมรู้ว่าแก่นกายของตัวเองยังเสียบคาอยู่ในช่องทางคับแคบ

เจ็บมากไหม จะเป็นยังไงบ้าง...พอสติกลับมาความเป็นห่วงก็ล้นทะลักจนหัวใจของผมปวดหน่วงไปหมด

ผมค่อยๆ ถอนแก่นกายออกจากร่างเล็กๆ ของธาร อีกฝ่ายส่งเสียงครางอือ ขมวดคิ้วนิ่วหน้าทั้งที่ยังหลับสนิท ท่าทางบอกชัดว่าเจ็บมากแค่ไหน แต่สายตาของผมดันเผลอมองต่ำกว่าหน้าลงไปอีกนี่สิ ลำคอเรียวเล็ก หัวไหล่บอบบาง กับแผ่นหลังนวลเนียน แทบทุกพื้นที่ในร่างกายของธารถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยฟันและรอยจูบสีแดงช้ำตัดกับผิวขาวผุดผ่องอย่างชัดเจน

หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบระเบิด ขณะที่ขยับตัวช่องทางคับแคบกระตุกตอดรัด แรงเสียดสีทำให้ผมต้องกัดปากข่มกลั้นไม่ให้ตัวเองกระแทกกายสวนเข้าไปอีก ทันทีที่ส่วนปลายหลุดออกมาเป็นอิสระ ผมก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก นอนหอบหายใจสะท้านพยายามดึงสติที่แทบจะเตลิดเปิดเปิงให้กลับมาอีกครั้ง

พอแล้วภู...แค่นี้มึงก็ทำระยำกับน้องมากพอแล้ว!
   
เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เพราะผมเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าที่อยู่ในวัยฮอร์โมนพุ่งพล่าน หรือแอลกอล์ฮอล์ที่ดื่มเข้าไป แต่มันเป็นเพราะผมไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเอง
   
รู้ทั้งรู้ว่าคนที่ตัวเองกอดทั้งคืนคือธาร แต่ในสถานการณ์แบบนั้น...สถานการณ์ที่ถูกร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนกอดก่ายจนแทบจะกลืนเป็นร่างเดียวกัน แถมเจ้าของร่างนั้นยังเป็นคนที่อยู่ในใจผมมาตลอดสิบสี่ปี มันทำให้ผมขาดสติยับยั้งชั่งใจ และกลับยิ่งเลวร้ายเมื่อผมสอดนิ้วเข้าไปในตัวธารแล้วดันโมโหเหมือนหมาบ้า ที่พบว่าช่องทางด้านหลังของธารเต็มไปด้วยสารหล่อลื่น

แค่เพราะอารมณ์หึงหวงคิดว่าธารเพิ่งไปทำกับใครมา ผมถึงได้สอดใส่เข้าไปในตัวธารพรวดเดียว ทำร้ายคนที่ผมรักอย่างไม่ปราณี และด้วยผมเป็นคนชอบเซ็กส์ที่รุนแรงอยู่แล้ว ยิ่งธารร้องไห้ อ้อนวอน ครางเครือปนสะอื้นอยู่ใต้ร่าง เลยยิ่งทำให้ผมขนาดสติกระหน่ำใส่ร่างเล็กๆ นั่นไม่ยั้ง
   
ครั้งแรกก็แล้วไป แต่กลับยังมีครั้งที่สอง ที่สาม...ไม่ว่าเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ เซ็กส์กับคนที่รัก คนที่ผมเก็บไปจินตนาการถึงทุกครั้งเมื่อระบายความต้องการของตัวเองลงกับคนอื่น มันน่าลุ่มหลงจนผมไม่อยากห้ามใจ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ผมย่ำยีร่างเล็กๆ ของธาร กว่าจะได้สติและยอมหยุดก็ตอนที่ธารสลบไปด้วยความอ่อนเพลียในตอนที่ฟ้าเริ่มสว่าง
   
ทำให้ธารเจ็บตัวยังไม่พอ ผมกลับเลือกที่จะทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยการครางชื่อของคนอื่นตอนเรามีอะไรกัน เพราะผมกลัวว่าธารจะไม่หยุดรักผม กลัวว่าความสัมพันธ์ของเราจะลึกซึ้งเกินกว่าจะถอนตัว แต่ต่อจากนี้คงไม่ต้องกลัวแล้วล่ะมั้ง...ธารคงเกลียดผมไปแล้ว
   
เหอะ...คนที่ถูกทำร้ายเจ็บแค่ไหน คนที่เป็นฝ่ายทำร้ายแบบผมกลับเจ็บกว่าหลายเท่า

“ธาร...พี่ขอโทษ” น้ำตาของผมไหลออกมาด้วยความรู้สึกผิด เป็นห่วง และสงสารธารจับใจ
   
พี่สัญญา...ว่ามันจะเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายที่เราได้กอดกัน พี่จะไม่ทำระยำแบบนี้กับธารอีก พี่จะปล่อยให้ธารได้เดินในทางที่ควรเดิน

ผมกดจูบลงบนกลุ่มผมเนียนนุ่ม กระซิบบอกข้างใบหูเล็กๆ นั้นอย่างอ่อนโยน

“พี่รักธารนะครับ...รักมากที่สุด”

รักตั้งแต่ที่ได้เห็นธารครั้งแรกเมื่อสิบสี่ปีก่อน...รักอย่างไม่มีเหตุผล แค่เพราะมือเล็กๆ กำนิ้วกลมป้อมของผมไว้ไม่ยอมปล่อย หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดเวลาที่ดวงตากลมโตแวววาวจ้องเขม็งมองมา

ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เรายังเป็นเด็ก ผมอาจจะอิจฉาที่ธารมีพ่อคอยดูแล โกรธที่ธารรักพ่อมากกว่าผม บางครั้งเลยทำตัวแย่ๆ กับน้องไปบ้าง แต่ยังไงผมก็ยังรักธารที่สุดเพราะเรามีกันแค่สองคนพี่น้อง

มันเคยเป็นความรักที่บริสุทธิ์จนกระทั่งความรู้สึกของผมค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป...

[End Phupha’ s Part]

   

ผมรู้สึกตัวตื่นเมื่อคนข้างกายที่คอยให้ไออุ่นมาตลอดทั้งคืนผละห่าง แรงยวบของเบาะทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังขยับตัวลุกออกจากเตียง เมื่อผมปรือตาขึ้นมองก็เห็นว่าแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายเพิ่งผลุบหายไปหลังบานประตูห้องน้ำ
   
กี่โมงแล้วนะ เมื่อคืนผมลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วยสิ กะว่าจะรีบตื่นตั้งแต่หกโมงแล้วกลับเข้าห้องตัวเองก่อนที่พ่อจะตื่น จะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างมาอธิบายว่าหายไปไหนมา   

แสงแดดที่ลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านผืนหนาเข้ามาในห้อง ทำให้ผมต้องบังคับตัวเองให้ลุกออกจากเตียงแม้ว่าจะรู้สึกเพลียมาก และอยากนอนต่อแค่ไหนก็ตาม แต่ทันทีที่ขยับตัวผมก็รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งสะโพกลามมาถึงกลางหลัง ปวดเมื่อยไปทั้งตัวแถมยังมึนหัวเหมือนจะมีไข้ เลยต้องนั่งนิ่งอยู่กับที่ชั่วคราว พอเหลือบตามองนาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียงก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้เกือบเที่ยงแล้ว
   
ผมกัดฟันก้าวเท้าลงจากเตียง แต่พอยืนขึ้นกลับพบว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนร่างของผมทรุดลงไปกองกับพื้น แรงกระแทกทำให้ผมเจ็บจนน้ำตาเล็ด ของเหลวข้นสีขาวขุ่นปนสีแดงสดของเลือดที่ยังค้างคาอยู่ในร่างกายไหลออกมาเปื้อนโคนขาเปล่าเปลือยทั้งสองข้าง
   
จังหวะเดียวกันนั้นพี่ภูเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ในมือของพี่ภูถือผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ มาด้วยหนึ่งผืน เขาสวมแค่กางเกงยีนตัวเดียว ไม่ได้ติดกระดุมให้ดี ขอบเอวจึงร่นต่ำลงมาหมิ่นเหม่อยู่ที่สะโพก แผงอกกำยำมีรอยข่วนและแผลที่ถูกผมจิกเล็บลงไปหลายรอย บนแผ่นหลังก็คงไม่ต่างกัน

อีกฝ่ายเห็นผมก็ชะงักไปเล็กน้อย ส่วนผมได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา แล้วใช้แขนทั้งสองข้างกอดตัวเองไว้หลวมๆ หวังว่ามันจะช่วยปกปิดสภาพที่น่าอับอายให้พ้นจากสายตาพี่ภูได้บ้าง

การที่พี่ภูไม่มีท่าทีตกใจหรือแปลกใจสักนิดที่เห็นว่าคนที่ตัวเองนอนด้วยคือผม แสดงว่าเขารู้มาตั้งแต่แรก แต่กลับครางชื่อคนอื่นตอนเรามีอะไรกัน

เป็นอย่างที่ผมคิด...พี่ภูจงใจใช้ผมเป็นตัวแทนของพี่กาย
   
...น่าสมเพชตัวเองชะมัด

“เช็ดตัวซะ” ผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ ในมือพี่ภูถูกโยนมาให้ ก่อนที่คนพูดจะเดินผ่านผมไปนั่งลงบนเตียง แล้วล้วงบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ ทำราวกับผมไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้

ผมไม่อยากทนอยู่ในสภาพทุเรศๆ แบบนี้ต่อหน้าพี่ภู จึงได้แต่ก้มหน้ากลั้นน้ำตา รีบเช็ดทำความสะอาดตัวเองลวกๆ แล้วฝืนทนความเจ็บ ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่วางสะเปะสะปะอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม เสร็จแล้วก็กัดฟันสาวเท้าออกมาจากห้องพี่ภู แม้ว่าจะเจ็บร้าวจนขาทั้งสองข้างสั่นและอ่อนแรงจนเกือบล้มไปหลายครั้ง

กลับเข้าห้องของตัวเองก็เห็นว่าพ่อไม่อยู่แล้ว พอเช็คข้อความในไลน์ถึงรู้ว่าพ่อออกจากบ้านตั้งแต่สิบโมง โชคดีที่พ่อตื่นสายและคิดว่าผมไปเรียนก่อนแล้ว แถมยังต้องรีบไปสนามบิน ขึ้นเครื่องให้ทันเที่ยวบินที่จองไว้ เลยไม่ได้โทรเช็คว่าผมถึงโรงเรียนรึยัง แค่ไลน์มาดุนิดหน่อยที่ไม่ยอมปลุก

ความลับยังคงเป็นความลับต่อไป...

ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง ร่างกายที่ปวดเมื่อยและเจ็บแปลบตรงช่วงล่างไม่สามารฉุดผมจากความง่วงได้ พอหัวถึงหมอนความอ่อนล้าก็ทำให้ผมผล็อยหลับไปแทบจะทันที

Pie2Na
สปอยล์ตอนหน้า...ความจริงบางเรื่องจะถูกเปิดเผย
อ่านแล้วคอมเม้นกันบ้างน้า

คุยกันนิด...หลายคนว่าธารหลายใจ รักทั้งพ่อทั้งพี่ภู จริงๆ แล้วสำหรับธาร พ่อกับพี่ภูก็เหมือนคนในครอบครัว ความรักที่ธารมีให้สองคนนี้มันปนเปกันระหว่างความรักเชิงชู้สาวและความที่บริสุทธิ์แบบพี่น้อง หรือพ่อลูก จนธารเองก็สับสนแยกไม่ออก รู้แค่ว่ารักทั้งสองคนมากๆ ต่างจากความรักที่มีให้กฤษ มันชัดเจนแต่แรกอยู่แล้วว่าเป็นความรักแบบไหน ธารเลยตัดใจจากกฤษได้ง่ายกว่า แต่กับพ่อกับพี่ภู ต่อให้สองคนนี้ทำเลวกับธารแค่ไหน ธารก็หมดรักได้ยาก ทีนี้เข้าใจตรงกันนะ ใครเม้นว่าธารร่านอีกพายจะ...หลบเข้ามุมไปเงียบๆ 5 5 5 5

เจอกันเสาร์นี้ (อาจจะอัพ) ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นครับ ^^



ตอบเม้น


โป้งคนเขียนชั่วคราว.......
จนกว่าน้องธารจะแฮปปี้ค่ะ ขอแอนตี้การกระทำของพี่ภู และคนเขียน อย่างเป็นทางการ  :z6:
พี่ภูผิด คนเขียนต้องผิดด้วยค่ะ ข้อหาใช้พี่ภูทำร้ายน้องธาร ฮรืออออออ  :katai1:
พี่ภู อิคนเลวววววววววววว  :o12:
#ทีมแอนตี้พี่ภู #ทีมงอนคนเขียน #ทีมภูธาร แต่ภูต้องโดนแก้แค้นนนนนนนน จงตายไปซ้าาาาาา  :z6:


ตอบ เอิ่ม...ทำไมตรงอิคนเลว เหมือนโดนด่าไปด้วยเลย 5 5 5 5 5 5  o22




คือเอาจริงๆ ไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้เปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น เพราะมีมาหลายตอนแล้วด้วยพอเปลี่ยนแล้วมันก็เหมือนเปลี่ยนเรื่องตาม นิยายถ้าเขียนๆไปตามใจคนอ่าน ไม่ได้ตามพอตที่วางไว้แต่แรก ส่วนใหญ่ไปไม่รอดค่ะ ตันกลางทาง เห็นมาเยอะแล้ว เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สุดท้ายคนอ่านหาย คนเขียนหาย เรื่องก็ถูกดองเค็ม  ชื่อเก่ามันโอเคแล้วค่ะ เพราะเวลาอ่านเรื่องนี้มันซับซ้อนจริงๆ  ถ้าเปลี่ยนก็ระวังคนอ่านหายนะคะ เพราะหานิยายไม่เจอ(เปลี่ยนชื่อไปแล้ว) เพราะถ้าไม่ได้บุ๊คไว้คือหาไม่เจอแน่ๆ ในเล้ามีนิยายเป็นล้าน 5555
ยังไงก็จะรออ่านนะคะ  :katai4:

ตอบ เรื่องเหมือนเดิมครับ (นี่ไม่แน่ใจว่าคุณคนอ่านมาอ่านโพสก่อนพายแก้ไขไหม ตอนหลังพายเปลี่ยนใจ) คือตอนแรกว่าจะปรับพล็อตนิดหน่อย (ตามใจคนเขียนนี่แหละ) แต่พอคิดดูแล้วทิ้งใครไม่ได้เลย เพราะกฤษก็รัก อติณก็ปลื้ม เลยเอามันหมดนี่แหละ (ใจโลเล  :-[X )

ส่วนเรื่องชื่อ อันนี้เปลี่ยนตามใจคนอ่านส่วนมากครับ เพราะหลายคนบอกว่าชื่อมันไม่ดึงดูดเลยจริงๆ ส่วนคนอ่านเก่าอาจจะชิน พายเองก็ชอบชื่อเก่ามาก แต่ทำใจเปลี่ยน เพราะอยากให้คนเข้ามาอ่านมากขึ้น จะได้มีคนช่วยออกความเห็นเยอะขึ้นว่านิยายเราเป็นยังไง

สรุปว่า เรื่องนี้เขียนตามใจคนเขียนครับ ปรับพล็อตอะไรยังไงก็ขึ้นอยู่กับความอยากเขียนของพายเอง ชื่อเรื่องจะเปลี่ยน แต่ไม่กระทบเนื้อเรื่องเนอะ ส่วนเรื่องตันมันธรรมดาครับ พล็อตแบบไหนก็ตันได้ เพราะงั้นจะไม่สัญญาว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกดองเค็ม แฮร่  :katai5:

หัวข้อ: Re: 【NOT】INNOCENT รัก-ร้าย-เดียงสา┇Incest┇เปลี่ยนชื่อจาก รักซับซ้อน •อัพตอนที่ 13•
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2016 18:33:56
อร๊ายยย พี่ภูรักน้องจริงๆด้วย รักมาตลอดๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 【NOT】INNOCENT รัก-ร้าย-เดียงสา┇Incest┇เปลี่ยนชื่อจาก รักซับซ้อน •อัพตอนที่ 13•
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-01-2016 18:39:04
 :z3:    เหยยย. สงสารน้องธารไปกันใหญ่
แค่กลัวว่าน้องจะยิ่งเกลียดตัวเองสมเพชตัวเองเข้าไปอีก
พี่ภูมีปัญหาด้านการแสดงออกสินะ เราว่ามันซับซ้อนสุดๆไปเลยชื่อเรื่องเดิมมันก็ตรงตัวอยู่แล้วนะ
ขอบคุณค้าบ
หัวข้อ: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •ตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 16-01-2016 19:51:23
Chapter 13
ความในใจ
(ครึ่งหลัง)



ก่อนอ่าน ย้ำอีกครั้ง Complicated รักซับซ้อน ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น (Not) Innocent รักร้ายเดียงสา นะครับ//เอาให้เข้าซีรีบรัมกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ

“ธาร...ธาร...ตื่นมากินข้าวกินยาก่อน”

เสียงทุ่มต่ำที่ดังอยู่ข้างหูปลุกให้ผมสะลืมสะลือรู้สึกตัว ไออุ่นที่แผ่ซ่านมาจากแผ่นหลังทำให้รู้ว่าตัวเองกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงแผงอกกว้าง มือหยาบกร้านข้างหนึ่งจับอยู่ที่แก้มของผม ออกแรงบีบเบาๆ ให้ผมอ้าปากออก ขณะที่มืออีกข้างคอยป้อนโจ๊กอุ่นๆ ให้ แต่ผมกินไปได้แค่สามคำก็ส่ายหน้าไม่อยากกินต่อ

“อีกสองคำแล้วกินยา”

ผมอ้าปากฝืนทนกลืนโจ๊กลงคออีกสองคำอย่างว่าง่าย และได้แต่นิ่งคิดด้วยความสับสนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความฝันหรือความจริงกันแน่

“ยา” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยบอกอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วมือของอีกฝ่ายจะดันยาสองเม็ดเข้ามาในปาก ตามด้วยป้อนน้ำเปล่าให้ดื่ม

“พ่อ...”

พ่อกลับมาแล้วเหรอ...พ่อน่าจะกลับมาถึงดึกๆ สิ แต่ผมเพิ่งผล็อยหลับไปแค่แป๊บเดียวเอง ไม่ใช่...กลิ่นโคโลญอ่อนๆ ปนกลิ่นบุหรี่แบบนี้เป็นกลิ่นตัวของพี่ภูต่างหาก

พี่ภูน่ะเหรอจะมาดูแลผม?

ผมปรือตาขึ้นมองด้วยความสงสัย ภาพพร่ามัวที่เห็นคือหน้าอกเปลือยเปล่ากับรอยสักรูปมังกรสีดำที่หัวไหล่ขวา เป็นพี่ภูจริงๆ เขากำลังนั่งโอบกอดผมจากข้างหลัง และใช้ฝ่ามือทาบอยู่บนหน้าผากของผม จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของผมออก...

“ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว” ผมร้องห้าม พยายามดันแผงอกกว้างออกห่างด้วยมือที่อ่อนแรง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งและเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แน่ล่ะ...เล่นร้องครางทั้งคืนเสียขนาดนั้น คิดแล้วก็ยิ่งสมเพชตัวเอง

“เช็ดตัวครับ”

เช็ดตัวหรอกเหรอ...ดันเผลอคิดไปได้ว่าพี่ภูจะทำแบบนั้น น่าอายจริงๆ

ในภาวะรับรู้ที่สะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมทิ้งมือลงข้างตัว ไม่คิดจะต่อต้านอีก ปล่อยให้สัมผัสเปียกชื้นค่อยๆ ลูบผ่านใบหน้า ไล้ต่ำลงมาที่หน้าอก และลำตัว แม้ว่ามันจะน่ารำคาญที่ต้องทนหนาววาบทุกครั้งเมื่อผ้าขนหนูเปียกๆ เช็ดลงบนผิวเปลือยเปล่า แต่ผมไม่คิดจะปัดมันออก เพราะผมกำลังมีความสุขจนแทบสำลักกับสิ่งที่ได้รับ

ผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ ถูกลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเปล่าเปลือยของผมอย่างเบามือ เช็ดผ่านทุกซอกทุกมุม แม้แต่แผ่นหลัง สะโพก หรือส่วนนั้น... พี่ภูทำมันทั้งที่ผมยังนอนพิงอยู่กับแผงอกของเขา จึงเหมือนกับว่าผมกำลังถูกโอบกอดมาจากด้านหลัง รู้สึกดีจนไม่อยากขยับ ไม่อยากปล่อยให้พี่ภูออกห่างจากตัวสักวินาทีเดียว
           
“พี่ภู...รักธารไหม” ผมถามอย่างคาดหวัง ยังเชื่อว่าเศษเสี้ยวหนึ่งในใจของเขายังมีผมอยู่บ้าง เชื่อว่าพี่ภูยังรักน้องชายคนนี้ต่อให้เขามีคนอื่น หรือพลั้งพลาดทำให้ผมต้องเจ็บปวด เพราะถ้าไม่รักกันเลยสักนิด เขาก็คงไม่มาดูแลผมอย่างตอนนี้

“.....”

“รักธารรึเปล่า” ความเงียบที่ได้รับทำให้ผมต้องถามย้ำอีกครั้ง ฝืนลืมตาที่หนักอึ้ง เงยหน้ามองคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

ดวงตาของเราสบกัน แต่พี่ภูกลับยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ...แค่บอกว่ารักมันยากนักเหรอ น้ำตาที่เหือดแห้งไปหลายชั่วโมงก่อนเอ่อคลอจนไหลลงมาอาบแก้มผมอีกครั้ง ในตอนนั้นเองที่พี่ภูกดจูบลงบนขมับ แล้วเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน

...ถึงจะไม่ยอมพูด แต่การกระทำก็แทนคำตอบทั้งหมดที่ผมต้องการ

ผมยิ้มอย่างมีความสุข แม้ว่าหนังตาจะหนักอึ้งจนแทบปิดลงได้ตลอดเวลา แต่ก็ยังฝืนลืมตามองพี่ภู เพราะกลัวว่าถ้าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งทุกอย่างจะกลายเป็นแค่ความฝัน กลัวว่าพี่ภูที่แสนดีคนนี้จะหายไป

“อย่าเกร็งนะ พี่จะทำความสะอาดข้างใน” พี่ภูพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน เขาวางผ้าขนหนูที่ใช้เสร็จแล้วลงในกาลาลังเล็กๆ บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะจับขาของผมอ้าออกกว้าง

“ม...ไม่ต้อง ธารทำเอง”

ผมละล่ำละลักบอกด้วยเสียงแหบแห้ง แต่มีเหรอพี่ภูจะฟัง แขนทั้งสองข้างของเขาสอดอยู่ในข้อพับขาของผม ขณะที่มือข้างหนึ่งลูบคลำอยู่ที่สะโพก ก่อนที่นิ้วอุ่นร้อนจะสอดเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ

“อื้อ...จ...เจ็บ” ผมบอกน้ำตาคลอ พยายามขยับตัวหนีแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ จึงได้แต่อยู่นิ่งๆ เพื่อไม่ให้กระเทือนช่วงล่างจนเจ็บมากกว่าเดิม พอเหลือบมองช่องทางด้านหลังของตัวเอง ก็ต้องเอียงหน้าซบลงกับอกพี่ภูแล้วเสมองไปทางอื่น

มันทั้งแดงช้ำและมีรอยแผลฉีกขาด แม้จะยังเจ็บแต่แค่เห็นว่านิ้วมือของพี่ภูกำลังสอดใส่อยู่ในตัวผม ร่างกายของผมก็ดันกระตุกตอดรัด...พี่ภูต้องรู้แน่ๆ เขาต้องรู้

น่าอายที่สุด ขออย่าให้พี่ภูพูดอะไรออกมาเลย เพราะถ้าเกิดโดนล้อขึ้นมาล่ะก็ ผมต้องอายจนไม่กล้ามองหน้าเขาไปอีกหลายวัน

โชคดีที่พี่ภูไม่ใช่พี่ชายที่แย่ขนาดนั้น เขายังคงนิ่งเงียบแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วกวาดต้อนของเหลวที่ค้างคาอยู่ในร่างกายของผมออกมาอย่างเบามือ ก่อนจะเช็ดสะโพกที่เปรอะเปื้อนจนสะอาด ป้ายยา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้มาสวมให้ผม

“พี่ภูมีของแบบนั้นได้ยังไงครับ...ยาน่ะ” ถึงจะรู้สึกอายที่ถาม แต่ผมก็สงสัยจริงๆ

“ของกาย” พี่ภูบอกสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ทำให้ผมเจ็บอยู่ลึกๆ แม้แต่ของแบบนี้พี่ภูก็ยังต้องเก็บไว้ให้พี่กาย คงมีเผื่อไว้ถ้าพี่กายต้องใช้ แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าพี่ภูแคร์พี่กายมากแค่ไหน

...ถ้าพี่กายได้เห็นคลิปที่ผมส่งไป เขาจะยังอยากเป็นแฟนกับพี่ภูอยู่ไหมนะ

“.....”

“ธาร...อาทิตย์หน้าพี่จะย้ายกลับแอลเอ”

“ย้ายกลับ...ทำไมพูดเหมือนจะไปนานล่ะ”

“พี่จะไม่กลับมาที่ไทยแล้ว”

จากที่ง่วงจนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อผมแทบจะตื่นเต็มตา “คิดอยากจะไปก็ไป ที่นี่ไม่มีอะไรสำคัญกับพี่เลยเหรอ” ผมตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ถ้าพี่ภูคิดจะไปจริงๆ ผมคงห้ามไม่ได้และคงตามไปไม่ได้ด้วย...ที่นี่ยังมีพ่อ ต่อให้รักพี่ภูมากแค่ไหนแต่ผมจะทิ้งพ่อไปได้ยังไง

“เพราะสำคัญมาก พี่ถึงต้องไป”

“ธารไม่เข้าใจ” ผมขยับตัวลุกขึ้น อยากจะนั่งคุยดีๆ แต่ก็เจ็บจนต้องนิ่วหน้า

“เราเป็นพี่น้องกันนะธาร” พี่ภูบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง “...เราไม่ควรมีอะไรเกินเลย แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่ควรจะมีครั้งที่สอง...พี่ไม่ไว้ใจตัวเองมากพอ พี่ถึงต้องไป”

ผมควรจะดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่ได้ยินดีล่ะ พี่ภูรู้สึกเหมือนทีผมรู้สึก แต่เพราะความรู้สึกนั้นเขาถึงได้เลือกที่จะหนีผมไป

“...เมื่อคืนตอนที่เรามีอะไรกัน ธารอัดคลิปไว้ด้วยนะ” ผมเปลี่ยนเรื่องพูด มีแค่ทางเดียวที่ผมจะใช้มันรั้งให้พี่ภูอยู่ที่นี่ต่อ “พี่ภูว่าถ้าแม่กับพ่อรู้เรื่องนี้พวกเขาจะว่ายังไง”

“.....”

ผมหยิบมือถือบนหัวเตียงขึ้นมาเปิดคลิปที่อัดเอาไว้เมื่อคืน แล้วยื่นหน้าจอให้พี่ภูดู ถึงภาพจะค่อนข้างมืดแต่เสียงที่ดังออกมาบอกได้ทันทีว่าคนในคลิปกำลังทำอะไร เสียงร้องครางของผม เสียงกระซิบครางเครือของพี่ภู เสียง...ตอนที่เรากำลังทำรักกัน ดังก้องจนชวนให้จินตนาการไปถึงไหนต่อไหน

“พี่กายก็คงเห็นคลิปนี้แล้วมั้งครับ”

“ก็ดี” พี่ภูพูด ไม่มีท่าทีตกใจเลยสักนิด “ไอ้กายมันคงไม่อะไรกับคลิปนั่นหรอก แต่ถ้าธารเอาคลิปนั่นให้แม่กับน้าตะวันดู พี่ก็ไม่ต้องหาเหตุผลพูดกับแม่ว่าทำไมถึงอยากกลับไปอเมริกา เพราะสองคนนั้นก็คงจับพวกเราแยกกันเหมือนเมื่อแปดปีก่อน”

กลายเป็นผมที่ต้องนิ่งอึ้ง...ใช่ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่จะจับพวกเราแยกกัน ผมไม่มีทางจะเอาคลิปนี่ให้พ่อกับแม่ดูหรอก ก็แค่อยากจะใช้มันขู่พี่ภูเท่านั้น คิดว่าพี่ภูจะเป็นห่วงความรู้สึกของแม่มากกว่านี้ แต่ผมลืมไปว่าพี่ภูเป็นคนที่ไม่เคยแคร์อะไรเลย

“อย่าไปนะ” ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะมารั้งพี่ภูเอาไว้ได้แล้วจริงๆ “ธารไม่ให้พี่ไปไหนทั้งนั้น”

“.....” พี่ภูลุกออกจากเตียง ผมเลยรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ แต่แค่พี่ภูดึงมือข้างนั้นออกเบาๆ ผมก็ไม่มีแรงจะรั้งไว้ต่อ แค่ยกแขนขึ้นยังลำบาก จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปยื้อได้ล่ะ “นอนพักซะ ตอนเย็นพี่จะเข้ามาปลุกให้กินข้าวกินยา”

“พี่ภู” เสียงเรียกของผมทำให้พี่ภูที่กำลังจะเดินออกจากห้องชะงัก “...ผิดมากเหรอที่พวกเราห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ กับไอ้แค่รักกัน มีเซ็กส์ด้วยกันนี่มันผิดมากนักรึไง”

“ใช่...ผิดมาก” พี่ภูตอบเสียงเรียบนิ่ง

“เหรอ...ทีธารกับพ่อยังทำกันตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นเป็นไรเลย”

 
Pie2Na

ตอนหน้าคิดว่าจะได้เจออติณนะ...ไม่แน่ใจ เอิ่ม สปอยล์ไม่เคยเป็นสปอยล์จริงๆ 5 5 5 5

ปล. ชินกับชื่อเรื่องใหม่กันรึยัง (Not) Innocent รักร้ายเดียงสา
ส่วนตัวชอบชื่อเก่ามากกว่าครับ แต่เพื่อดึงคนอ่านเข้ามามากขึ้น ก็โอล่ะ  :o12:

ปล1. ต้นฉบับจริงจำนวนหน้าแปดสิบกว่าไปละ แต่ยังคงจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ
ไว้จะร่างพล็อตดีๆแล้วกัน กลัวมันจะออกทะเล ฮ่าๆ  :z13:

ช่วงนี้ไม่รู้คนอ่านหายหน้าไปไหนกันหมด แอบเปลี่ยวนิดนึง คิดถึงนะ รีบกลับมา
อ่านแล้วคอมเม้นให้เค้าบ้างน้า รอคอมเม้นเธอที่ท่าอากาศยานนานาชาติทุกวันเลยนะ  :hao5:
 
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-01-2016 20:09:49
 :ling2:    ระเบิดตู้มมมม
พี่ภูอย่าหนีดิ
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-01-2016 20:41:33
เอ่อมมมมม. อีพี่ภูจะหนีน้องไปไหนอะ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 17-01-2016 00:00:05
คนอ่านยังอยู่จ้า รอซำเหมอออ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 17-01-2016 00:23:44
ติดตาม
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 17-01-2016 08:08:00
อิพี่ภูนี่น่าขัดใจ หนีตลอด อยู่ใกล้นี่อยากถีบซักที รออ่านต่อค่ะ ลางสังหารบอกว่าตอนหน้าน่าจะมันส์ #ทีมพ่อ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 17-01-2016 09:05:54
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: rabiaang ที่ 17-01-2016 10:40:10
สารภาพผิด.....

เหตุที่หายไปเพราะ แต่ละตอนช่างสั้นและค้างคาเหลือเกิน เกินกว่าใจดวงน้อยๆของผู้อ่านจะทนได้แล้ว และความถี่ในการลงของผู้เขียนก็ำทร้ายจิตใจอย่างมากมาย  :hao5: :hao5: :hao5:

จึงขอแจ้งให้ทราบว่า ต้องการภูธาร หากพ้นช่วงสะเทือนตับไตไส้พุงไปแบบยาวๆ คนอ่านจะกลับมาอ่าน พร้อมทิ้งคอมเมนท์ไว้ยาวขนาดไม่เกินตัวอักษรที่กำหนด


รัก #ทีมภูธาร.  :L2:
หัวข้อ: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •ตอนที่ 14•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 25-01-2016 21:30:27
Chapter 14
ข้อตกลง

“เหรอ...ทีธารกับพ่อยังทำกันตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“ว่าไงนะ!” พี่ภูเดินย้อนกลับมาที่เตียง จับไหล่ทั้งสองข้างของผม ก่อนจะก้มหน้าลงมาจนเกือบชิดเพื่อถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ

“เมื่อกี้นายพูดอะไรออกมา”

“ธารกับพ่อมีอะไรกัน ไม่เห็นพ่ออยากจะหนีธารไปแบบพี่ภูเลย”

ในเมื่อจะจากกันแล้ว ต่อให้ถูกเกลียดก็คงไม่เป็นไร ผมก็แค่อยากให้พี่ภูรู้ว่าผมกับพ่อกล้าที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเอง ต่างกับพี่ภูที่เลือกที่จะหลีกหนี ฝืนทน เก็บความรู้สึกนั้นไว้ 

“.....” พี่ภูนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ กว่าเขาจะดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง แล้วทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างเดียวตรงหน้าผม เพื่อให้สายตาของเราอยู่ในระดับเดียวกัน “น้าตะวันบังคับนายใช่ไหม”

“.....”

“ไม่ต้องกลัวนะธาร” มือหยาบกร้านทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าของผมไว้ ลูบไล้ปลายนิ้วโป้งลงบนผิวแก้มเหมือนต้องการจะปลอบ “พี่ไม่ยอมให้น้าตะวันทำอะไรธารได้อีก...แค่บอกพี่มาว่าเขาบังคับหรือทำร้ายธารรึเปล่า”

ดูเหมือน...พี่ภูจะตีความหมายทางสีหน้าของผมผิดไป

“เปล่า ธารไม่ได้ถูกบังคับ ธารรักพ่อ”

แววตาที่พี่ภูใช้มองผมมันทั้งสับสน ไม่เข้าใจ และเจ็บปวด...เจ็บเหรอ? บางทีผมอาจจะคิดไปเอง ในเมื่อพี่ภูควรจะเกลียดผมมากกว่า ต่างกับผมที่ในอกมันวูบโหวงไปหมด ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรอีกแล้ว สีหน้าก็คงเฉยชาไม่ต่างจากความรู้สึกข้างใน เพราะตอนนี้ผมรับรู้แค่ว่า...คนที่ผมรัก กำลังจะจากผมไปอีกครั้ง

“...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” จู่ๆ พี่ภูก็ผุดลุกขึ้นยืน แล้วช้อนตัวผมขึ้นอุ้มแนบอก “ย้ายไปอยู่กับพี่ที่คอนโด...พี่จะคุยเรื่องนี้กับแม่เอง” พูดจบ พี่ภูก็พาผมเดินดุ่มออกจากห้อง ลงบันไดไปชั้นล่าง เหมือนจะรีบมากเพราะแม้แต่เสื้อก็ลืมหยิบมาสวม โดยที่ผมได้แต่สับสนมึนงงว่าพี่ภูจะทำอะไรกันแน่ จนพี่ภูเดินสวนกับป้าแม่บ้านแล้วหยุดพูดกับป้าคนนั้นนั่นล่ะ ผมถึงได้เข้าใจ

“ป้าครับ ผมกับธารจะย้ายไปอยู่คอนโดวันนี้ ช่วยเก็บกระเป๋าแล้วฝากคนขับรถเอาไปส่งที่คอนโดผมด้วยนะครับ”



3: 45 P.M.

@The Attribute Condominium

ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายในห้องนอนที่ไม่คุ้นตา ต้องหยุดรวบรวมความคิดอยู่พักใหญ่กว่าจะนึกออกว่าที่นี่น่าจะเป็นคอนโดของพี่ภู ความจำล่าสุดของผมมันสิ้นสุดตรงที่ผมผล็อยหลับไปในรถสปอร์ตของเขา ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามาถึงคอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือขึ้นมาได้ยังไง คงเป็นพี่ภูนั่นล่ะที่อุ้มผมออกมาจากรถ
   
ผมหยิบผ้าขนหนูเย็นชื้นออกจากหน้าผาก แล้วฝืนตัวลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้ไม่รู้สึกมึนหัวแล้ว แต่อาการเจ็บแปลบตรงช่วงล่าง และปวดเมื่อยไปทั้งตัวเหมือนจะหนักกว่าเดิมจนแทบลุกไม่ไหว เลยทำได้แค่กวาดตามองทั่วห้องนอนเพื่อมองหาคนที่พาผมมาที่นี่ แต่ในห้องกว้างขวางกลับมีผมอยู่แค่คนเดียว
   
“พี่ภู พี่ภูครับ” ตะโกนเรียกด้วยเสียงแหบแห้งอยู่สองสามครั้ง ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงกำยำของพี่ภูที่เดินมาหยุดลงข้างเตียง

“โทษที พี่ออกไปคุยโทรศัพท์มา...หิวรึเปล่า ยังปวดเมื่อยตัวมากไหม” พี่ภูใช้ฝ่ามือทาบลงบนหน้าผากผม มองสำรวจหน้าตาซีดเซียวของผมด้วยความเป็นห่วง ผิดกับท่าทีห่างเหินที่ผมเห็นจนชินตา ถึงจะยังชอบเก็บสีหน้า ทำตัวเฉยชาเป็นนิสัย แต่ก็ไม่ได้เมินผมเหมือนแต่ก่อน

“นิดหน่อยครับ” ผมบอกปัด เปลี่ยนมาคุยเรื่องที่สำคัญกว่า “พี่ภูพาธารกลับบ้านนะ พ่อไม่ยอมให้ธารมาอยู่ที่นี่แน่ๆ จู่ๆ ย้ายออกมาไม่ขอพ่อก่อน ถ้าพ่อรู้คงโดนดุอีก”

“ต้องยอมสิ เพราะพี่บอกทุกอย่างกับแม่แล้ว แล้วแม่ก็อยากให้ธารอยู่กับพี่ที่นี่”
บอกทุกอย่างกับแม่...เรื่องนั้นก็ด้วยเหรอ?

“บ...บอกอะไร พี่ภูบอกอะไรแม่บ้าง” ผมละล่ำละลักถามเสียงสั่น

“เรื่องธารกับพ่อ” พี่ภูทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ ผม ก่อนจะพูดต่อ “...ที่จริงแม่อยากให้ธารไปเรียนต่อที่อเมริกาเดือนหน้าเลย แต่คงรู้ว่าธารยังอยากอยู่ใกล้ๆ พ่อ เลยให้ย้ายมาอยู่คอนโดพี่จนกว่าจะเรียนจบ เตรียมใจสักปีสองปี ไว้จบม.ปลายแล้วค่อยไป”

คำพูดของพี่ภูทำให้ผมนิ่งอึ้งไป ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวกว่านี้ผมก็เข้าใจทุกอย่าง...พี่ภูบอกแม่เรื่องของผมกับพ่อ แม่เลยอยากให้เราสองคนอยู่ห่างกันจะได้ไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก

...แม่จะเกลียดผมไหมนะ บางทีคงจะเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้าเลยไล่ผมไปอเมริกา แล้วพ่อล่ะ แม่จะโกรธพ่อไหม จะทะเลาะกันรึเปล่า ระหว่างที่ผมหลับไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“พี่ภูหนีธารไปไม่พอ ยังจะมาพรากพ่อไปจากธารอีก พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร!?”

ตอนนี้ผมกังวลสับสนไปหมด เครียดและกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่รู้จะทำยังไงดี เลยได้แต่โทษพี่ภู...โทษคนที่เอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ และทำให้ผมกับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“ธาร...พี่ไม่ได้พรากพ่อไปจากธาร แล้วพี่ก็จะไม่หนีไปไหน” พี่ภูยกแขนขึ้นมาโอบไหล่ผมที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา ก่อนที่มือข้างนั้นจะลูบหัวไหล่ของผมเบาๆ

แปลกเนอะ ทั้งที่มือของพี่ภูทั้งหนาและแข็งแรง แต่มันกลับไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกปลอดภัย...ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะปกป้องผมได้ เหมือนกับมือของพ่อ

“พี่จะอยู่กับธารที่นี่จนกว่าธารจะเรียนจบ แล้วเราค่อยย้ายไปอเมริกาด้วยกัน...ธารยังจะได้เจอพ่อเท่าที่ธารอยากเจอ แต่ไม่ใช่ในที่ลับตาคนหรืออยู่ด้วยกันสองต่อสอง”

“ไหนบอกว่าไม่ไว้ใจตัวเอง ไม่อยากอยู่ใกล้ธารไง แล้วนี่อะไร จะอยู่ที่ไทยต่อ อยู่กับธารเพื่อจะกีดกันธารจากพ่องี้เหรอ!?”

ผมอยากอยู่กับพี่ภู ผมรักพี่ภูไม่น้อยไปกว่าพ่อ แต่แปดปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าถึงไม่มีพี่ภูอยู่ข้างๆ ก็คงไม่เป็นไร กลับกัน...พ่อเป็นเหมือนโลกทั้งใบของผม ผมขาดพ่อไม่ได้ แล้วก็คงไม่มีใครเห็นผมเป็นทุกอย่างในชีวิต ให้ความสำคัญกับผมมากกว่าอะไรในโลก และรักผมมากกว่าตัวเอง เหมือนกับที่พ่อรัก

เพราะแบบนี้ไง แทนที่ผมจะมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่ภู ผมกลับทรมานเหมือนจะขาดใจที่ต้องห่างกับพ่อเพราะเขา 

“ใช่ พี่ไม่ไว้ใจตัวเอง แต่พี่ไม่ไว้ใจคนอื่นมากกว่า...พี่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายธารไม่ได้”

อ้อ พี่ภูเลยเลือกที่จะให้ผมอยู่กับเขา ดีกว่าปล่อยให้ผมอยู่กับพ่อ ยอมเสี่ยงที่จะพลาดพลั้งทำร้ายผมด้วยมือตัวเอง ดีกว่าให้ผมต้องบุพสลายในมือคนอื่นอย่างนั้นใช่ไหม 
   
“พ่อไม่เคยทำร้าย ไม่เคยบังคับธาร เราแค่รักกัน...ถ้าพี่ภูยังคิดว่าสิ่งที่พ่อทำมันผิด...ธารก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าตอนที่พี่ภูเป็นคนทำมันเองอีกครั้ง ตอนนั้นพี่ภูจะรู้สึกยังไง”



[Special Tawan’s Part]

@Phuket Thailand

สองชั่วโมงก่อน...

“คุณมันโรคจิต นั่นมันลูกคุณนะตะวัน แล้วเขาก็แค่เด็กอายุสิบสี่...เขาเพิ่งจะสิบสี่!” น้ำเสียงแหลมสูงของน้ำดังมาจากปลายสาย เราคุยเรื่องนี้กันมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังหาข้อสรุปที่ดีไม่ได้ และอารมณ์คุกรุ่นของเธอก็ไม่มีทีท่าจะสงบลงเลย

หนึ่งชั่วโมงก่อนน้ำโทรมาหาผม แจ้งผ่านเลขาว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทำให้ผมต้องยกเลิกการประชุมลงกลางคันเพื่อมาคุยกับเธอ แค่ประโยคแรกที่เธอพูด ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนั้นสำคัญขนาดไหน และเธอเพิ่งไปรู้อะไรมา...ความลับของผมกับธารไม่เป็นความลับอีกต่อไป

ยอมรับว่าผมตกใจ แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมก็ตั้งสติได้ และรู้ตัวว่าควรจะรับมือกับมันยังไง ผมเคยเจอปัญหาหนักหนากว่านี้หลายเท่าแต่ก็ยังผ่านมาได้ เรื่องคราวนี้ผมเลยมองมันเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ เพราะผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธารไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว ผมตั้งใจจะบอกน้ำตอนที่ธารอายุครบสิบแปด การที่เธอรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าแค่ไม่กี่ปีก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่

“ใจเย็นก่อนน้ำ ถ้าคุณยังเอาแต่วีนผมแบบนี้ ทั้งวันเราก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง” ผมถอนหายใจแรงๆ จงใจให้ปลายสายได้ยิน น้ำเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ที่ทั้งเก่งและฉลาด ผมเชื่อว่าถ้าเธอมีสติมากกว่านี้ เธอจะยอมรับฟังเหตุผลของผม และเราจะหาข้อสรุปให้กับเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดยาว

“เราต้องพาธารไปพบจิตแพทย์...คุณก็ด้วย”

“ธารอยู่ในวัยที่อยากรู้อยากลอง เด็กผู้ชายมีเซ็กส์ในวัยนี้เป็นเรื่องธรรมดา แล้วผมก็ไม่ได้เป็นโรคจิต ไม่ได้มีรสนิยมแปลกๆ แบบพวก Pedophilia  ผมไม่ได้รักเด็กทุกคน ผมรักแค่ธารคนเดียว และต่อให้ธารโตกว่านี้ความรู้สึกของผมก็ไม่มีทางเปลี่ยน ที่สำคัญ...ถึงผมจะเลี้ยงธารมา แต่เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ผมไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของธาร ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นมันผิด ก็คงผิดที่ผมกับธารไม่ได้ชอบผู้หญิง และเรื่องนี้มันเกิดขึ้นก่อนเวลาที่สมควรเท่านั้น”

ในต่างประเทศ พี่น้องบุญธรรมแต่งงานกันก็ยังมี พ่อบุญธรรมแต่งงานกับลูกบุญธรรมก็มีให้เห็น อาจจะผิดข้อกฎหมายถ้าหากจดทะเบียนสมรส แต่แล้วไงล่ะ? ผมไม่เห็นว่ามันแปลก แล้วผมกับธารก็ไม่มีทางจดทะเบียนสมรสกันได้อยู่แล้ว

“ยังกล้าพูดอย่างนี้อีกเหรอ ฉันไม่แจ้งความก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

ที่น้ำไม่แจ้งความไม่ใช่เพราะเธอกลัวว่าเรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โต เป็นข่าวทำให้เสื่อมเสียกระทบถึงธุรกิจของเรา แต่เธอเป็นห่วงความรู้สึกของธาร ไม่อยากให้ลูกต้องอับอาย เลยเลือกที่จะปิดเงียบแล้วหาทางกีดกันไม่ให้ผมเข้าใกล้ธารอีก ไม่งั้นตอนนี้ผมคงโดนข้อหากระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้า แล้วต้องวิ่งโร่หาทนายแทนที่จะมาคุยโทรศัพท์อยู่กับน้ำเป็นชั่วโมงๆ

“โอเค ผมขอโทษที่ผมทำแบบนั้นกับลูก แต่ผมขอยืนยันว่าผมรักธาร...ผมยอมทำตามข้อตกลงของคุณ แต่ไม่ทั้งหมด เมื่อไหร่ที่ธารอายุครบสิบแปด เราจะหย่ากัน แล้วธารต้องไปอยู่กับผมที่ต่างประเทศ”

“ตะวัน!”

“เรายังมีเวลาอีกตั้งสี่ปีนะน้ำ ถึงตอนนั้นถ้าพวกเรายังยืนยันคำเดิม ก็ให้ธารเป็นคนตัดสินใจแล้วกันว่าลูกจะเอายังไง...ยังไงพวกเราสองคนก็เห็นความสุขของลูกมาก่อนอยู่แล้วนี่”

“.....”

“เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วผมคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถึงเราทะเลาะ เถียงกันไปมาก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมีแต่จะแย่ลง ในเมื่อผมยอมรับปากทำตามข้อตกลงของคุณ คุณก็ยอมให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะ...ป่านนี้ธารรู้เรื่องเข้าคงร้องไห้งอแงแย่แล้ว”

“ก็ได้...ฉันจะรีบกลับไทย แล้วเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกที”

เฮ้อ...สรุปว่ายังไม่จบสินะ แต่ผมจะโวยวายอะไรได้ล่ะ ในเมื่อผมเป็นคนผิด แล้วน้ำก็มีสิทธิ์เต็มที่เพราะเธอเป็นแม่ของธาร ลูกใครใครก็หวง เธอไม่จ้างมือปืนมายิงผมทิ้งก็ดีเท่าไหร่แล้ว

“ครับ แค่นี้ก่อนนะ ผมต้องไปสนามบินแล้ว อยากรีบกลับไปปลอบลูก”

“อย่าให้...”

ยังไม่ทันที่น้ำจะพูดจบประโยค ผมก็กดตัดสายแล้วโทรออกหาเลขา สั่งให้จองตั๋วเครื่องบินไฟท์ล่าสุดไปกรุงเทพ และส่งรถมารับผมหน้าโรงแรมทันที อีกไม่เกินสามสี่ชั่วโมงผมก็คงได้ปลอบธารสมใจ

[End Tawan’s Part]


Pie2Na

ไว้มาตอบเม้นตอนหน้านะครับ ^^ คืนนี้ดึกมากไปแล้ว  :ruready

คุยกันก่อนนิดนึง...
ได้สังเกตชื่อคอนโดกันบ้างไหม มันคือ...คอนโดเดียวกับกฤษ พี่ภูเหมือนจะมองข้ามเรื่องนี้ไปเนอะ...หนีเสือปะจระเข้แล้วไหมล่ะ ส่วนตอนหน้า พ่อก็บินกลับมาอย่างเร่งด่วน จะมาเจอธารสภาพไหน อะไรยังไง พี่อติณกับกฤษจะโผล่หน้ามาได้รึยัง ไว้รออ่านเนอะครับ ^^

ปล. เฉลยแล้วนะว่าตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่น้องธารยังไม่รู้...คือถ้ารู้นี่จะเป็นไงอีก เฮ้อ (เขียนเองเหนื่อยเอง 5 5 5 5 )

ปล1.อติณกับกฤษควรจะมีบทบ้างได้แล้ว รู้สึกลำเอียงกระจายบทไม่ทั่วถึงยังไงไม่รู้ ไหนจะตัวปลากรอบที่ปล่อยไปแต่ยังไม่เก็บมาใช้ซ้ำ ทั้งกายม้ามืด โผล่มาหน่อยคาบพี่ภูไปแหลก (เอิ่ม) อีกคนก็ณัฐ คู่ขากฤษ แล้วยังมีผองเพื่อนน้องธารอีก...อืม สกิลจำชื่อตัวละครของคนเขียนนับว่ายังใช้ได้ แต่ทำไมทีชื่อเพื่อนในกลุ่มละดันลืม หนักเลย :serius2:

เจอกันตอนหน้า อีกสามสี่วันนี่แหละ คอมเม้นกันด้วยน้า แสดงตัวตนกันหน่อยจะได้รู้ว่ามีคนอ่านหน้าเก่าหายไปไหม หน้าใหม่มาเพิ่มรึเปล่า เนอะ

ขอบคุณครับ ^^    :bye2:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】 รัก❉ซับ❉ซ้อน┇Incest┇ •อัพตอนที่ 14•
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 25-01-2016 21:48:18
หน้าเก่าสินะเราเนี่ย ยังรออยู่จ้า
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่14•
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-01-2016 23:49:21
รออยู่ ไม่สนับสนุนให้เปลี่ยนอะไร เช่นกัน
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่14•
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-01-2016 23:55:25
ในที่สุดก็รู้กันแล้ว
รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่14•
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 26-01-2016 00:16:02
ยังอยู่เสมอ~  ภูไม่เด็ดขาดเลย รักน้องก็บอกว่ารักดิ ทำไมต้องทำร้ายจิตใจน้อง ทีมตะวัน :hao6:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่14•
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2016 00:22:28
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: 【COMPLICATED】รัก ซับ ซ้อน •ตอนที่15 ครึ่งแรก•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 05-02-2016 20:56:00
Chapter 15
เปรียบเทียบ
(ครึ่งแรก)



4: 02 P.M.

@The Attribute Condominium

“พ่อไม่เคยทำร้าย ไม่เคยบังคับธาร เราแค่รักกัน...ถ้าพี่ภูยังคิดว่าสิ่งที่พ่อทำมันผิด...ธารก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าตอนที่พี่ภูเป็นคนทำมันเองอีกครั้ง ตอนนั้นพี่ภูจะรู้สึกยังไง”

หลังจากที่ผมพูดประโยคนั้น พวกเราต่างก็นิ่งเงียบอยู่หลายนาที ก่อนที่เสียงถอนหายใจจะดังขึ้นเบาๆ จากคนข้างตัว

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” พี่ภูบอกแล้วผุดลุกขึ้นยืน คว้ากะละมังเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเดินเข้าหองน้ำไป

ผมนั่งรออยู่บนเตียงจนพี่ภูออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับกะละมังใบเติม มองเขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินขนาดใหญ่ ใช้เท้าเขี่ยเปิดประตูบานเลื่อน หยิบผ้าขนหนูผืนใหม่กับเสื้อผ้าด้วยมืออีกข้างที่ว่าง ก่อนจะสาวเท้ากลับมาที่เตียงอีกครั้ง แล้ววางของทั้งหมดลงบนโต๊ะตัวเดิม 

“ถ้ามีแรงแล้วก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ พี่จะออกไปเอาข้าวเอายามาให้กิน”

“ธารยังไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน”

“ธารกินไม่ลง” ผมขมวดคิ้วมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาบังคับกันด้วย กับแค่เรื่องกินข้าว จะกินไม่กินมันก็ท้องของผมรึเปล่า “เอามือถือธารมา ธารจะโทรหาพ่อ”

“พี่ไม่ได้หยิบมือถือธารติดมาด้วย”

“งั้นของพี่ภูล่ะ ขอยืมของพี่ภูก่อนก็ได้”

“กินข้าวกินยาก่อนแล้วพี่จะให้ยืม”

ผมเม้มปาก มองพี่ภูอย่างโกรธๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้จะแคร์หรอกว่าผมรู้สึกยังไง ย้ำให้ผมรีบเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปเลย แต่ยังไม่ทันที่พี่ภูจะกลับเข้ามา เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น มันไม่ใช่ประตูห้องนอนห้องนี้ แต่เป็นประตูบานไหนสักบานในคอนโด ตามด้วยเสียงพูดคุยของคนสองคนดังแว่วมาให้ได้ยิน ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ผมก็จำได้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร

“ธารอยู่ไหน”

“คุณเข้ามาในนี้ได้ยัง”

พ่อมาที่นี่...ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พ่อเข้ามาได้โดยไม่ต้องกดออดเรียกพี่ภูไปเปิด ในเมื่อพ่อเคยบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของโครงการคอนโดนี้ จะเรียกเอาคีย์การ์ดสำรองคงทำได้ไม่ยาก ดีแค่ไหนที่คราวก่อนพ่อไม่ได้บุกเข้ามาในคอนโดของพี่กฤษแล้วเห็นผมคลอเคลียอยู่กับอีกฝ่ายบนโซฟา
    
ผมเหวี่ยงเท้าลงจากเตียง กัดฟันทนก้าวขาสั่นๆ ไปทางประตูห้อง แต่พอเดินผ่านตู้เสื้อผ้าก็ต้องชะงัก มองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่กับบานเลื่อน เกือบลืมไปเลยว่าเนื้อตัวของผมมีร่องรอยเต็มไปหมด ถึงจะใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอยู่ แต่ก็ปิดรอยคิสมาร์กตรงซอกคอกับต้นขาไม่ได้
   
จะให้พ่อเห็นสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด...
   
คิดได้อย่างนั้นผมก็รื้อเสื้อผ้าในตู้ แต่ก็หาเสื้อผ้าที่พอดีตัวและปกปิดมิดชิดโดยไม่ทำให้ตัวเองดูประหลาดไม่ได้เลยสักชุด จึงทำได้แค่เดินย้อนกลับไปที่เตียง มุดตัวเข้าไปใต้ผ้านวม ดึงมาปิดจนถึงคอ แล้วเงี่ยหูฟังเสียงพูดคุยที่ดังมาจากด้านนอก
   
“แม่ยอมให้คุณมาที่นี่เหรอ”
   
“ฉันกับน้ำตกลงกันแล้ว ถ้าธารอยู่ที่นี่ ฉันจะมาหาธารเมื่อไหร่ก็ได้”   
   
“ได้...แต่ต้องให้อยู่ในสายตาของผมใช่รึเปล่า”
   
“อย่าให้มันมากนักนะภูผา...อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรกับลูกฉัน อย่าคิดว่าฉันหูตาฝ้าฟางจนไม่เห็น ไม่ได้เย็นว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น”
   
หัวของผมอื้ออึงจนจับใจความอะไรไม่ได้อีก...พ่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ทำไมต้องทำแบบนั้น พ่อคิดอะไรอยู่...ความเครียดบวกกับความกดดันก่อนหน้านี้ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาทั้งที่ไม่อยากร้องไห้ ผมกลัวไปหมด กลัวว่าพ่อจะรังเกียจ กลัวว่าแม่จะเกลียดผม
   
...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ความผิดของพี่ภูหรอก มันเพราะผมเองต่างหาก ตัวผมเอง!
   
ประตูห้องถูกผลักเปิดเข้ามา ทำให้ผมต้องรีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นหลับเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับพ่อในเวลานี้ ในใจได้แค่ภาวนาว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าที่เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงคือพี่ภู แต่เมื่อคนๆ นั้นทรุดตัวลงนั่งบนเตียง แล้วยื่นมือมาลูบหัวผม ผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่...
   
“ร้องไห้ทำไมครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม พร้อมกับนิ้วมือที่ป้ายเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน หัวใจของผมสั่นไหวเมื่อเขาคนนั้นทรุดตัวลงนอนเคียงข้างแล้วดึงผมเข้าไปกอดแนบอก “ป่วยเหรอ ทำไมตัวอุ่นๆ ปวดหัวรึเปล่า”
   
“พ่อ...ฮึก...”
   
“ว่าไง ตอบพ่อหน่อยสิ”
   
“พ่อรังเกียจธารไหม” ผมไม่ตอบแต่กลับถามไปอีกเรื่อง
   
มือที่ป้ายเช็ดน้ำตาให้ผมเปลี่ยนมาลูบแผ่นหลัง ฝ่ามือที่ทั้งใหญ่โตแหละหยาบกระด้างลูบขึ้นลงหนักๆ ผ่านเนื้อผ้าบางเบา ส่งความอบอุ่นมาให้ น้ำตาของผมยิ่งไหลออกมาเหมือนน้ำในถังรั่วๆ แค่สัมผัสจากฝ่ามือของพ่อ ไม่ต้องใช้คำพูดแม้สักคำ ผมก็รับรู้ได้ว่าพ่อรักและทะนุถนอมผมมากแค่ไหน
   
“ทำไมพ่อต้องรังเกียจธารล่ะครับ พ่อจะรังเกียจลูกชายคนเดียวของพ่อได้ยังไง...เราเคยพูดเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ”
   
“ธารได้ยินที่พ่อคุยกับพี่ภู” ผมเงยหน้าขึ้นจากอกพ่อ ได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าคมคายที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก ความกลัว ความกังวลก่อนหน้านี้ค่อยลดลงบ้าง “พ่อรู้ว่าธารกับพี่ภู...”
   
“อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ถูกธารจับได้ซะแล้วสิ”
   
“ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น”
   
ฝ่ามือเล็กๆ ของผมที่วางอยู่บนอกของพ่อ กำเสื้อเชิ้ตสีขาวจนยับยู่ ความคิดของพ่อซับซ้อนจนผมตามไม่ทัน ในเมื่อรักทำไมต้องทนเห็นคนที่เรารักกอดกับคนอื่น เหตุผลที่บอกว่าอยากให้ผมลองคบหากับคนอื่นดู จะได้รู้ว่าไม่มีใครจริงใจและรักผมได้เท่ากับที่พ่อรัก มันใช้ได้เหรอ
   
นั่นมันครั้งแรกของผมนะ...พ่อควรจะหวงมันเอาไว้ให้ตัวเองไม่ใช่รึไง
   
“ถ้าพ่อเข้าไปห้าม ถ้าพ่อดุด่าธารหรือทำร้ายภู เรื่องมันก็คงไม่เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้...กลายเป็นธารโกรธพ่อแล้วหนีเตลิดไปกับภูแทน” ผมคิดตาม สิ่งที่พ่อพูดถูกทุกอย่าง คนอย่างผมยิ่งถูกห้ามก็ยิ่งอยากเอาชนะ พ่อรู้จักผมดียิ่งกว่าตัวผมเองเสียอีก “เด็กที่รั้นอย่างธารคิดว่าพ่อจะห้ามได้เหรอ...ถึงเรื่องจะไม่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็คงเกิดขึ้นสักวันลับหลังพ่ออยู่ดี”
   
“.....” ผมได้แต่เงียบ ไม่มีแม้แต่คำขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะผมละอายใจเกินกว่าจะพูดออกไป ละอายที่จะให้พ่อยกโทษให้ง่ายๆ กับความผิดซ้ำๆ ซากๆ ที่ผมทำ
   
“คราวนี้รู้แล้วใช่ไหม...กอดของพ่อกับกอดของคนอื่น ต่างกันยังไง”
   
“.....”
   
รู้สิครับ...รู้ซึ้งเลยล่ะ

เซ็กซ์ที่หนักหน่วงแต่ก็โอนโยนในทุกสัมผัส กับเซ็กซ์ที่รุนแรงมีแต่ความตระกุมตระกาม ได้รับความสุขอยู่ฝ่ายเดียว...ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็คือเซ็กซ์ แต่ที่ต่างกันคงเป็นความรู้สึก
   
เซ็กซ์ของพ่อมันทำให้ผมทั้งตื่นเต้น อบอุ่น และสัมผัสได้ถึงความรัก ต่างจากเซ็กซ์ของพี่ภูโดยสิ้นเชิง
   
“...ความรักของพ่อก็เหมือนกัน” พ่อกระซิบต่อที่ข้างหูผม ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผาก เรายังกอดกันอยู่อย่างนั้นบนเตียงไม่ยอมขยับไปไหน
   
คำพูดของพ่อทำให้น้ำตาของผมเหือดแห้งไปจนหมด ผมผงกหัวขึ้นเล็กน้อยไม่ให้พ่อรู้ตัว ก่อนจะลอบมองผ่านไหล่กำยำไปที่ประตูห้อง...ประตูยังถูกเปิดค้างไว้ เจ้าของห้องกำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองมาที่เราทั้งคู่บนเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย พี่ภูคงเดินมาพร้อมกับพ่อและยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าผมแอบมองอยู่ เขาก็ผละจากไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
   
“ธารไม่อยากอยู่ที่นี่” ผมพูดขึ้นเมื่อเสียงฝีเท้าของพี่ภูเงียบหายไป “ธารอยากอยู่ที่บ้านกับพ่อ”
   
“พ่อตกลงกับแม่เอาไว้แล้ว ถ้าเรายังดื้อจะกลับบ้าน แม่ต้องโกรธพ่อมากแน่ๆ”
   
พูดถึงแม่ ผมเกือบลืมไปเลยว่ายังมีเรื่องให้กังวลอีกเรื่อง
   
“พ่อกับแม่ทะเลาะกันรึเปล่าครับ แล้วแม่...โกรธธารมากไหม”
   
“แม่เข้าใจครับ พ่อกับแม่คุยกันเข้าใจแล้ว ธารไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้นะ” พ่อยังคงลูบหลังผมอยู่ ทำให้ผมสบายจนเกือบจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบ อยู่ใกล้พ่อแล้วความกังวลใจหายไปเกือบหมด
    
“ง่วงอีกแล้วเหรอ ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนนะครับ ค่อยนอนต่อ”
   
“ธารยังไม่หิว”
   
“ฝืนกินหน่อยนะครับ ไม่งั้นคืนนี้พ่อคงนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเรา” พ่อคลายอ้อมกอดออก ลูบหัวผมเบาๆ แล้วขยับตัวลุกออกจากเตียง “เดี๋ยวพ่อไปเอาโจ๊กกับยามาให้นะครับ”

ผมมองตามแผ่นหลังของพ่อที่หายลับไปจากบานประตู ก็อดคิดถึงคำพูดของพี่ภูก่อนหน้านี้ไม่ได้ “ไม่หิวก็ต้องกิน” เจ็บหน่วงในอกแปลกๆ แฮะ คุยเรื่องเดียวกันแต่ทำไมคำพูดมันต่างกันลิบลับ เขาเอาตัวผมมาที่นี่ บังคับให้ผมอยู่ด้วยกัน บังคับให้ผมกินข้าว ที่คอยดูแลผมก็คงทำไปตามหน้าที่ของพี่ชาย ผมไม่เห็นจะรับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่แบบที่พ่อทำเลยสักนิด

ผมคงคาดหวังมากเกินไปที่อยากให้พี่ภูรักและแคร์ผมมากกว่านี้ อ่อนโยนกับผมมากขึ้นอีกนิด อย่างน้อยให้ได้สักเศษเสี้ยวของพ่อก็ยังดี

“รู้ใช้ไหมว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จะมีใครต้องรับรู้บ้าง แล้วเธอจะต้องย้ายไปอยู่ที่ไหน”

“ผมรับปาก...แต่คุณก็ต้องรับปากด้วย”

เสียงของพ่อกับพี่ภูดังมาจากด้านนอก ผมที่ฟังอยู่เงียบๆ ทำได้แค่ฟุบหน้าลงกับหมอนและคิดต่อต้านอยู่ในใจ
ยังไงคำพูดมันก็เป็นแค่ลมปากผ่านหู...จับต้องได้ที่ไหนกัน

Pie2Na
เขียนไปแบบน้ำหลากมากครับ ตอนหน้าขอเนื้อเน้นๆ ละนะ รู้สึกพล็อตหลวม
โอมพี่กฤษจงมา อติณจงมา กายจงมา 5 5 5  5
ฝากคอมเม้นกันบ้างนะครับ เข้ามาอ่านทุกยี่สิบนาทีอะ  :hao5:
ขอบคุณครับ
ปล.หายไปหลายวัน ยุ่งๆครับ ช่วงนี้ว่างละ (จริงๆ ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 05-02-2016 23:49:28
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 06-02-2016 02:00:39
สนุกมากกกกกกกก ตามๆ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: june77778 ที่ 07-02-2016 03:00:58
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ ตามอ่านตั้งแต่ตอนที่1-15ไม่ได้นอนเลยทีเดียว
เชียร์ทั้งคุณพ่อทั้งพี่ภูเลยค่ะ :oo1:
แต่ไม่ชอบกฤษณ์เลยค่ะ ตอนแรกเห็นธารเป็นของตาย ตอนนี้มาทำสำนึก(รึเปล่า) ให้ธารสั่งสอนซะให้เข็ด :katai1:
ส่วนพี่อตินค่าตัวแพงมาก555
ถ้ายังไงจะติดตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 24-02-2016 00:13:52
คุณคนเขียนคะ จะมีโปร Double prenetion x2 มั้ยคะ

อยากอ่านมากมายยย
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-02-2016 08:38:29
 :กอด1:     :L1:    :man1:   น้องธารสู้ๆ เราต้องแกร่งเข้าไว้
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: anonymous ที่ 29-02-2016 21:38:33
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากกกก o13  Hot มากด้วยยย :jul1: 

ขอเชียร์ ทีมคุณพ่อตะวันเต็มที่เลยคร่าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 14-04-2016 07:57:19
อยากอ่านต่อมากเลย สู้ๆนะคะ #ทีมพ่อ
หัวข้อ: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 14-04-2016 14:38:31
น้ำตาซึม :sad4: #ทีมพ่อ
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇เปลี่ยนชื่อเป็น (Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15•
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 14-04-2016 16:29:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: 【COMPLICATED】รัก ซับ ซ้อน •ตอนที่15 ครึ่งหลัง•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 27-04-2016 07:54:36
Chapter 15
เปรียบเทียบ
(ครึ่งหลัง)

10: 20 P.M.

คอนโดหลังนี้เป็นแบบ Duplex มีสองชั้น สองห้องนอน สามห้องน้ำ ห้องที่ผมนอนเมื่อตอนบ่ายเป็นห้องนอนของพี่ภูที่อยู่ชั้นล่าง ส่วนห้องของผมอยู่ชั้นบน

ใช้แล้ว...เราแยกห้องนอนกัน และตอนนี้ผมก็นอนอยู่คนเดียวบนเตียงในห้องนอนห้องใหม่ ส่วนพ่อกลับไปตั้งแต่สองทุ่ม พร้อมกับพวกแม่บ้านที่มาทำความสะอาด และจัดข้าวของของผมมาไว้ในห้องนี้

ถึงห้องนี้จะแคบกว่าห้องนอนที่บ้าน แต่ก็หรูหราน่าอยู่สมกับที่เป็นคอนโดราคาเหยียบสามสิบล้าน ทุกอย่างสะดวกสบายไปหมด แอร์เย็นฉ่ำ เตียงนุ่ม วิวสวย ดีไซน์ทันสมัยตามแบบที่ผมชอบ ติดแค่อย่างเดียว คือต่อให้มันสบายแค่ไหน ผมก็ยังนอนไม่หลับ
ไม่ใช่เพราะแปลกที่ หรือเพราะวันนี้ผมนอนกลางวันมากเกินไป แต่เพราะผมชินกับการมีพ่อนอนอยู่ข้างๆ ไปแล้ว ถึงพวกเราจะไม่ได้เข้านอนพร้อมกันทุกคืน แต่พ่อก็จะตามมานอนด้วยตอนดึก ปลุกให้ผมงัวเงียตื่นด้วยการดึงเข้าไปกอด จูบที่หัว หน้าผาก หรือไม่ก็แก้ม แล้วหลับไปอีกรอบในอ้อมกอดของพ่อ ต่างจากคืนนี้ที่ผมต้องนอนคนเดียวจนถึงเช้า

ผมคิดถึงพ่อ...หลังจากนอนพลิกไปพลิกมาอยู่เกือบชั่วโมง เลยติดสินใจลุกขึ้นนั่ง เปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วคว้ามือถือขึ้นมากดวิดีโอคอลหาพ่อให้หายคิดถึง รออยู่ไม่กี่วิฯ คนปลายสายก็กดรับ พร้อมกับส่งยิ้มผ่านหน้าจอมาให้

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

พ่อพูดไปด้วยเดินไปด้วย กล้องเลยสั่นนิดๆ ดูจากข้าวของทางด้านหลัง ผมก็รู้ว่าพ่อเพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำในห้องนอนของผมและกำลังเดินไปที่เตียง  พ่อยังสวมแว่นอยู่ แต่ก็สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวลายทาง สภาพพร้อมเข้านอนแล้ว

“เข้านอนแล้วครับ แต่นอนไม่หลับ” ผมบอกยิ้มๆ “ทำไมพ่อมานอนห้องธารล่ะ ไม่นอนกับแม่เหรอ”

“แยกกันนอนน่ะครับ...พ่อคิดถึงธารนี่ ได้มานอนห้องนี้เผื่อจะหายคิดถึงบ้าง”

ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม “ธารก็คิดถึงพ่อมากๆ คิดถึงจนนอนไม่หลับเลยเนี่ย”

“คราวก่อนยังหนีเที่ยวไม่ยอมกลับบ้านอยู่เลย นี่มาอ้อนบอกคิดถึงจนนอนไม่หลับ พ่อจะเชื่อดีไหม”

“ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั้นธารกับพ่อยังไม่ได้...” นึกถึงครั้งแรกที่ผมกับพ่อมีอะไรเกินเลยกัน ผมก็อายจนไม่กล้าพูดต่อ
   
“หึๆ” พ่อหัวเราะขำ “แสดงว่าเมื่อก่อนไม่รักพ่อเท่าตอนนี้เหรอ”
   
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เมื่อก่อนก็รัก...รักมากด้วย แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่” ผมไม่กล้าจ้องหน้าพ่อตรงๆ เลยก้มมองลายใบไม้บนผ้านวมแทน “พ่อ ธารถามอะไรหน่อยสิ”
   
“อะไรครับ”
   
“ตอนนั้นธารไม่แน่ใจว่าตัวเองฝัน หรือว่ามันคือเรื่องจริง...ครั้งแรกที่เรา...เอ่อ...ม...มีอะไรกัน” ผมอึกๆ อักๆ เพราะไม่รู้จะพูดออกมายังไงดีไม่ให้มันฟังดูลามก “...มันคือตอนที่ธารนอนอยู่บนเตียง แล้วพ่อช่วย...”
   
“ช่วยทำให้ธารใช่ไหม” ผมเหลือบมองหน้าจอ เห็นพ่อยกยิ้มมุมปากดูเจ้าเล่ห์ ก็ทำให้ผมเขินจนต้องรีบหลบตาอีกรอบ “พ่อนึกว่าเราจะหลับลึกจนไม่รู้สึกตัวซะอีก”
   
“ธารก็หลับลึกจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้สงสัยว่าเรื่องจริงหรือความฝันไง”
   
“......” พอพ่อเงียบ ผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง ถึงเห็นว่าพ่ออมยิ้มมองผมอยู่แต่ดันไม่ยอมตอบ “คุยกับพ่อก็มองหน้าพ่อสิ

“ก็ธารเขินนี่”

ทั้งที่ปกติผมกล้าพูดเรื่องใต้สะดือกับคนอื่นโดยไม่คิดอะไร แต่พอเป็นพ่อกลับทำให้ผมเขินได้ ไม่รู้ว่าเป็นความสามารถเฉพาะบุคคล หรือเพราะหัวใจของผมที่มันหวั่นไหวไปกับสายตาและคำพูดของพ่อกันแน่

“เขิน แต่ชวนพ่อคุยเรื่องแบบนี้ตอนดึก...นึกว่าเราจะยั่วพ่ออยู่ซะอีก”

“ไม่ได้ยั่วสักหน่อย!” มือนึงของผมยังกำมือถือเอาไว้ ขณะที่อีกมือรีบดึงผ้านวมขึ้นปิดหน้าให้เหลือแค่ดวงตา เพราะไม่อยากให้พ่อเห็นว่าหน้าของผมเห่อแดงมากแค่ไหน...ดันรู้ทันผมซะได้ ตั้งใจจะยั่วแบบอ้อมๆ แล้วแท้ๆ “พ่อ มาหาธารไม่ได้เหรอ หรือให้ธารไปหาพ่อก็ได้...นะครับ ธารไม่อยากนอนคนเดียว”

ป่านนี้พี่ภูน่าจะเข้าห้องนอนไปแล้ว ถ้าผมแอบย่องออกจากคอนโด ก็คงไม่เป็นรู้หรอกมั้ง...

“พ่อออกไปหาธารไม่ได้ แล้วธารก็ห้ามมาหาพ่อด้วยครับ ถ้าแม่หรือพี่ภูรู้เข้า ธารกับพ่อคงต้องอยู่ห่างกันมากกว่านี้...ตอนนี้ธารเพิ่งจะสิบสี่ ไม่มีสิทธิ์จะตัดสินใจอะไรเองจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ ถ้ามีเรื่องขึ้นศาลขึ้นมา แม่จะได้สิทธิ์เต็มที่ในการเลี้ยงดูธาร”

ผมพอเข้าใจที่พ่อพูดนะ...ที่พ่อต้องยอมทำตามข้อตกลงและระมัดระวังตัวขนาดนี้ ก็เพราะถ้าแม่คิดเอาเรื่อง โดยการฟ้องหย่าและแจ้งความจับพ่อที่ทำแบบนั้นกับผม ไม่ต้องฟังศาลตัดสิทธิ์ก็รู้ได้เลยว่าแม่ต้องชนะคดีและได้สิทธิ์เต็มที่ในการเลี้ยงดูลูกชาย
ส่วนพ่อนอกจากจะต้องเสียค่าเลี้ยงดูแล้ว ยังอาจจะต้องติดคุกด้วย...แต่ที่แม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ แล้วจับผมแยกกับพ่อแทน คงเพราะแม่รักหรือผูกพันกับพ่อมากพอ เลยเลือกที่จะมองผ่านความผิดพลาดครั้งนี้ และรักษาความสัมพันธ์ที่อยู่ร่วมกันมาเกินสิบปีไม่ให้พังลงเพราะปัญหาที่เกิดขึ้น

“ไม่เอาแล้วครับ อย่าพูดเรื่องนี้กันตอนดึกดีกว่า เดี๋ยวจะเครียดจนนอนไม่หลับเปล่าๆ”

“งั้นมาพูดเรื่องเดิมดีไหม...ที่ยั่วพ่อเนี่ย เพราะอยากให้พ่อไปหาเหรอ”

“ก็บอกว่าไม่ได้ยั่วไง” ยังจะย้ำให้ผมอายอีก

พ่อถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วเอนตัวลงนอน สอดมือข้างที่ว่างไว้ใต้หัว ยิ้มพูดกับผม “โอเคครับ พ่อไม่แซวแล้ว...แต่พ่อจะยั่วกลับแล้วกัน จะได้แฟร์ๆ” พูดจบ พ่อก็ถลกเสื้อยืดสีขาวขึ้นมาถึงหน้าอก อวดหน้าท้องแน่นๆ กับกล้ามอกแข็งปั้กจนทำเอาผมเลือดกำเดาแทบพุ่ง

ให้ตายเหอะ...นี่พวกเรากำลังเล่นเซ็กส์โฟนกันรึไง แต่จะว่าไป...ผมก็ชอบนะ

“ธารไม่ยอมเสียเปรียบหรอก”

ผมดึงผ้านวมออกจากตัว ปล่อยให้พ่อเห็นใบหน้าที่คงเห่อแดงลามถึงใบหู หลุบตาต่ำ และเม้มปากเล็กน้อยแบบที่พี่กฤษเคยชมว่าน่ารัก แล้วค่อยๆ ถลกเสื้อของตัวเองขึ้นบ้าง...อวดหน้าท้องแบนราบขาวเนียนกับกล้อง ขึ้นมาจนถึงหน้าอกที่มีตุ่มไตสีแดงอมชมพูดเด่นชัดอยู่สองจุด

“นี่จะยั่วให้พ่อตบะแตกเลยรึไง”

“ถ้าจะยั่วให้ตบะแตกจริงๆ ก็ต้องเห็นมากกว่านี้” ผมยกยิ้มมุมปาก เลียนแบบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ๆ ของพ่อ แล้วค่อยๆ ดึงขอบกางเกงลงต่ำ จนเห็นท้องน้อยกับวีไลน์

เสียงสูดลมหายใจเบาๆ ดังมาจากปลายสาย สีหน้าของพ่อตอนนี้ไม่ต่างจากเวลาที่กำลังนอนคล่อมอยู่บนร่างของผม แววตาลุกโชนเหมือนพร้อมเผาร่างผมให้ไหม้เป็นจุล

“ธารง่วงแล้วครับ” ผมปล่อยมือออกจากขอบกางเกง นอนอวดหน้าท้องขาวเนียนกับหน้าอกแบนราบต่อหน้ากล้องด้วยความอายที่ลดลง “ไว้ถ้าพ่ออยากเห็น...พรุ่งนี้ก็มารับธารไปเรียนว่ายน้ำสิ ธารจะถอดให้ดูทั้งตัวเลย”

พรุ่งนี้วันเสาร์ ผมมีเรียนวายน้ำตอนเย็น ที่จริงอยากให้พ่อมารับหลังเลิกเรียนด้วย แต่ผมนัดกับพี่อติณเอาไว้ว่าจะไปกินไอติมกับน้องตุลย์ เลยต้องกลับเอง เพราะกลัวพ่อรู้แล้วจะโดนดุอีก

“ร้ายนะเรา” พ่อยกมือลูบหน้าพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ “โอเค พรุ่งนี้พ่อไปรับนะครับ...ตั้งแต่เก้าโมงเช้าเลยแล้วกัน จะได้ใช้เวลาให้เต็มที่”

ผมยิ้มกว้างจนตาโค้งเป็นสระอิ ถ้าออกไปกับพ่อตั้งแต่เช้าก็จะได้ทานมือเช้ากับมือเที่ยงด้วยกันเลย แบบนี้ค่อยหายคิดถึงหน่อย ไว้พรุ่งนี้ค่อยหาข้ออ้างดีๆ มาบอกพี่ภูแล้วกัน “ธารจะรอนะครับ”

“โอเคครับ” พ่อส่ายหน้าหัวเราะ “ฝันดีนะครับคนดีของพ่อ”

“ฝันดีครับ...พ่อครับ” บอกฝันดีแล้ว ผมก็รีบเรียกพ่อไว้ เพราะกลัวพ่อจะชิงวางสายไปซะก่อน “เปิดวิดีโอเอาไว้ได้ไหมครับ ธารไม่อยากนอนคนเดียว”

“ทำตัวเป็นเด็กติดพ่อไปได้” พ่อยิ้มขำ “เอามือถือไว้ข้างหัวมันไม่ดีนะครับ มันรบกวนคลื่นสมองนะรู้ไหม”
ผมยู่หน้า “ก็ได้ครับ เดี๋ยวธารวางสายแล้วจะปิดเครื่อง โยนมือถือไว้ให้ห่างๆ เตียงเลย”

“ดีครับ”

“งั้นธารนอนแล้วนะ...ธารรักพ่อนะครับ”

“พ่อรักธารที่สุดครับ”

หลังจากวางสาย ผมก็เอามือถือไปเก็บแล้วกระโดดขึ้นเตียง ถึงจะยังไม่รู้สึกง่วง แต่ก็มั่นใจว่าคืนนี้ต้องหลับฝันดีเพราะเสียงกระซิบทุ้มต่ำชองพ่อที่บอกรักผมก่อนนอน



เช้าวันต่อมา

อาการป่วยของผมดีขึ้นมาก ไม่ได้รู้สึกปวดหัวอีกแล้ว แต่ก็ยังปวดระบมสะโพกและรู้สึกเพลียๆ นิดหน่อย ไม่ถึงกับเดินไม่ไหวจนต้องนั่งนิ่งอยู่กับที่เหมือนเมื่อวาน

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ออกจากห้องนอนเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ตามหาพี่ภูทั้งในห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก แต่ก็ไม่พบ บางทีน่าจะยังหลับอยู่ เพราะปกติถ้าไม่มีเรียนเช้าพี่ภูจะตื่นสาย ตอนนี้ยังไม่เก้าโมง คงจะตื่นอีกทีเกือบสิบเอ็ดโมงโน่นล่ะ

ตาม ‘ข้อตกลง’ ระหว่างพ่อกับแม่ ถ้าผมจะไปไหนในวันหยุดหรือหลังเลิกเรียนก็ต้องขออนุญาตพี่ภูก่อน แล้วผมไม่อยากให้พ่อมีปัญหาก็ต้องทำตาม ‘ข้อตกลง’ หรือ ‘กฎ’ บ้าๆ นั่นอย่างเคร่งครัด จะแค่เขียนโน้ตทิ้งไว้เฉยๆ ก็คงไม่ได้ ผมเลยต้องเดินไปเคาะห้องพี่ภู ปลุกให้คนด้านในตื่น แต่เคาะอยู่นานก็ไม่มีได้ยินตอบรับ

“พี่ภู!” ผมตะโกนเรียกดังๆ เป็นครั้งที่สาม ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้อง เดินเข้าไปหาพี่ภูที่ยังนอนหลับเป็นตายอยู่บนเตียง เขย่าแขนเรียกอยู่เกือบนาที กว่าอีกฝ่ายจะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมามองผม เมื่อคืนคงจะนอนดึกมากล่ะมั้งถึงได้หลับลึกขนาดนี้

“มีอะไร” พี่ภูถามเสียงงัวเงีย แล้วหยิบชะโงกขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะทิ้งหัวลงหมอนอีกรอบ “พี่เพิ่งจะนอนตอนตีสี่เองนะ มาปลุกทำไมแต่เช้า”

“ธารจะออกไปข้างนอก เลยมาขอพี่ภูก่อน”

“ออกไปไหนกับใคร” พี่ภูขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางหัวเสียนิดๆ ท่าทางเหมือนอยากจะตอนต่อ แต่ก็นอนไม่ได้เพราะมีน้องชายยืนหัวโด่อยู่ในห้องอีกคน

“ไปทำรายงานบ้านเพื่อน เสร็จแล้วก็ไปเรียนว่ายน้ำ แล้วก็ไปหาไรกินกับเพื่อนต่อ”

ถ้าบอกไปตรงๆ ว่าออกไปกินข้าวกับพ่อก็กลัวจะโดนห้าม เพราะพี่ภูคงไม่ปล่อยให้ผมกับพ่อไปไหนด้วยกันสองต่อสองทั้งวัน เลยต้องโกหก

“อืม ถึงบ้านเพื่อนแล้วก็ถ่ายรูปส่งมาให้พี่ดูด้วยแล้วกัน”

“โอเค”

“จะกลับกี่โมง เดี๋ยวพี่ไปรับ”

“ค่ำๆ ครับ ยังไม่ชัวร์ว่ากี่โมง”

“จะกลับก็แชร์โลเคชั่นมาแล้วกัน แต่อย่าให้เกินสองทุ่มล่ะ”

“.....” ผมพยักหน้ารับ ยืนมองพี่ภูอย่างลังเล ไม่ได้ออกจากห้องไปทันที ส่วนพี่ภูก็ขมวดคิ้วมองผมเหมือนจะถามว่าทำไมถึงยังยืนอยู่อีก

เอาน่า...ไหนๆ ก็ไหนแล้ว
   
ผมขยับตัวเข้าไปยืนตรงหน้าพี่ภู ยกแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่าย แล้วโน้มหน้าลงกดจูบบนริมฝีปากหยักได้รูป พี่ภูชะงักไปนิดที่ผมทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ผลักผมออกห่าง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้จูบตอบ แล้วก็ไม่ได้เปิดปากให้ผมมีโอกาสได้สอดลิ้นเข้าไป ทั้งที่ผมทั้งขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากของเขา

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก” พี่ภูบอกหลังจากผมถอนจูบออก

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงเสียใจกับคำพูดไร้เยื่อไยของพี่ภู แต่ตอนนี้มันต่างกัน ในเมื่อผมรู้ความรู้สึกของพี่ภูและคาดเดาเอาไว้แล้วว่าเขาจะตอบสนองต่อการกระทำของผมยังไง ผมเลยแค่ผิดหวังที่อีกฝ่ายไม่ได้ตกลงไปในหลุมพรางที่ผมขุดเอาไว้ง่ายๆ

“ทำมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว กับแค่จูบคงไม่เป็นไรมั้งครับ” พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้อง ไม่ได้หันกลับไปมองว่าพี่ภูทำสีหน้าแบบไหน

อย่างที่บอก...ผมอยากรู้ว่าพี่ภูจะรู้สึกยังไง ถ้าเขาทำในสิ่งที่คิดว่ามันผิด ‘อีกครั้ง’ แล้วผมก็จะไม่รอดูอยู่นิ่งๆ แต่จะเร่งให้เรื่องนั้นมันเกิดเร็วขึ้น

Pie2Na
Pie2Na
 
คุยกันนิด...หายหัวไปนานเลยเนอะเรา 5 5 5 5 5 ไปปิดต้นฉบับอีกเรื่องมาครับ

แล้วพอดีช่วงนี้ทำงานด้วย (ก่อนหน้านี้ขาหัก นอนว่างงานอยู่บ้าน 5 5 5 5 5) เลยไม่ค่อยมีเวลา

แต่ตอนนี้ปิดต้นฉบับอีกเรื่องไปเรียบร้อยละครับ เราจะกลับมาเคลียร์เรื่องนี้กัน

ยังไงก็ตั้งใจจะเขียนให้จบนะ ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะแอบไปจ้างวาดภาพประกอบ ภาพนานา มาเรียบร้อยแล้ว 5 5 5 5 

กลัวอย่างเดียว คนอ่านจะลืมกันไปซะก่อน TT__TT อย่าทิ้งเรานะตัว ฮ่าๆ

อ่านแล้วคอมเม้นกันบ้างนะตัว มันเป็นกำลังใจและคำแนะนำที่ดี ทำให้คนเขียนขยันอัพนะ ฮ่าา

ขอบคุณทุกครับ ^^
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇(Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15 ครึ่งหลัง•
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 28-04-2016 23:00:32
ไม่ลืมแน่นอนยังไงก็มาต่อไวๆน๊า สนุกมากอ่า  :L2:
หัวข้อ: Re: 【COMPLICATED】┇Incest┇(Not)Innocent รักร้ายเดียงสา •อัพตอนที่15 ครึ่งหลัง•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-04-2016 05:18:38
เป็นกำลังให้ไร้ท  :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
:katai2-1: ธาร ติดพ่อ จะได้เจอกัน โดยความลับไม่แตกไหมนะ :katai1:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รักร้ายเดียงสา ┇Incest┇•ตอนที่16•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 20-09-2016 18:53:49
Chapter 16
สัมผัสแทนความคิดถึง


9: 02 A.M.

@The Attribute Condominium

ตอนที่ผมออกจากห้อง พ่อก็ไลน์บอกว่ามาถึงคอนโดแล้วและกำลังจะขึ้นมาหา ผมเลยให้พ่อรออยู่ในรถ จากนั้นก็ลงลิฟท์ไปที่ชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นลานจอดรถแทนที่จะออกมารอพ่อด้านหน้าคอนโด

ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อเคลื่อนลงมาถึงชั้นใต้ดิน ผมที่กำลังก้มหน้าพิมพ์ข้อความแชทกับพ่ออยู่ เดินออกจากลิฟท์โดยไม่ได้มองทาง ทำให้ชนเข้ากับใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูลิฟท์ ในตอนที่เงยหน้าขึ้นจะบอกขอโทษ เขาคนนั้นก็ดึงผมเข้าไปกอด ร่างเล็กๆ ของผมแทบจมมิดอยู่ในอกอีกฝ่าย

ชั่วแวบหนึ่งที่ยังไม่ทันตั้งสติ ผมหลุดยิ้มออกมา เผลอคิดไปว่าคนที่กอดผมด้วยความโหยหาขนาดนี้ต้องเป็นพ่อแน่ๆ พ่อคงลงจากรถมายืนรอผม แต่กลายเป็นว่าผมต้องดีใจเก้อเมื่อสังเกตได้ถึงขนาดตัวที่ต่างกัน และกลิ่นเหล้าปนเปกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นของพ่อ

"คิดถึงจัง...มาหาพี่เหรอครับ  ไม่เห็นโทรมาบอกก่อนเลย เกือบไม่ได้เจอเราแล้วสิ” คนพูดกดจมูกลงบนหัวของผม แล้วสูดลมหายใจลึกๆ พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

คอนโดที่นี่ออกจะกว้าง ลิฟท์ก็ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แถมพวกเรายังอยู่คนละชั้น แต่ดันบังเอิญมาเจอกันในเวลาที่ผมยังไม่อยากเจออีกฝ่ายเสียได้

ก่อนหน้านี้สภาพอารมณ์ของผมก็ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับพี่กฤษ ผมเลยกะจะบอกเขาคืนนี้หลังจากอะไรๆ ดีขึ้นบ้างแล้ว ว่าผมย้ายมาอยู่กับพี่ภูที่นี่ อ้อ แต่ผมก็เพิ่งจะรู้ตอนตื่นขึ้นมาเมื่อวานแล้วได้มองวิวนอกห้องนั่นล่ะว่าที่นี่คือ The Attribute Condominium คอนโดเดียวกับที่พี่กฤษอาศัยอยู่

“ที่จริง...เมื่อวานธารย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วน่ะครับ” ผมตอบพร้อมกับออกแรงผลักหน้าอกอีกฝ่ายเบาๆ พี่กฤษจึงยอมคลายอ้อมแขนออก ปล่อยให้ผมได้ยืนดีๆ

“หือ”

ดูจากสีหน้าแตกตื่นนิดๆ ของพี่กฤษ เขาคงคิดว่าผมย้ายมาอยู่ห้องเขาแน่ ผมเลยรีบอธิบายว่า “ธารย้ายมาอยู่กับพี่ภูน่ะครับ”

“อ้อ...พี่เกือบลืมไปเลยว่าภูพักอยู่ที่นี่ด้วย เพราะแทบไม่ได้เจอกันเลย จะเจอกันบ้างก็เวลาเพื่อนนัดไปสังสรรค์ข้างนอก...ธารย้ายมาอยู่กับภูก็ดีแล้ว พี่จะได้ไปหาเราง่ายขึ้น แต่จะดีกว่าถ้าย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับพี่”
   
อยู่ห้องเดียวกับพี่กฤษน่ะนะ แค่ย้ายมาอยู่ที่เดียวกันพี่กฤษก็คงลำบากใจมากพอแล้ว เพราะการถูกผมจับตามอง พี่เขาคงทำอะไรได้ไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ถึงจะคิดงั้นผมก็ยังทำเป็นพยักหน้าเออออแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วนี่เพิ่งกลับถึงห้องเหรอครับ”
   
ไม่ต้องถามก็พอเดาได้อยู่หรอก กลิ่นเหลาฟุ้งขนาดนี้ นี่คงไม่พ้นไปเที่ยวผับ แล้วลากผู้หญิงไปนอนกกด้วยที่ไหนสักที่...ไม่สิ ผู้ชายต่างหาก คนอย่างพี่กฤษน่ะชัดเจนอยู่แล้วว่าชอบแบบไหน ถึงจะมีผู้หญิงเข้าหาเยอะแยะ เขาก็ไม่มองผู้หญิงหรอก
   
“อืม มีโปรเจ็กต์ต้องรีบทำส่งอาจารย์ เมื่อคืนพี่เลยค้างที่ห้องเพื่อน”
   
จะกี่ครั้งก็เหตุผลเดิมๆ เมื่อก่อนผมทนฝืนยิ้มตอนฟังคำพูดโกหกพวกนี้ได้ยังไงนะ ทั้งที่รู้ว่าลับหลังตัวเอง พี่กฤษไปทำอะไรมาบ้าง เจ็บแต่ก็ยังทนเพราะไม่อยากทำตัวงี่เง่าให้อีกฝ่ายรำคาญ สุดท้าย...ผมก็กลายเป็นแค่ของตายที่โดนทิ้งขว้าง
   
...ตอนนี้ผมก็ยังฝืนยิ้ม ทำเป็นเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แค่ความรู้สึกและเป้าหมายมันต่างกัน
   
“งั้นพี่กฤษก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ พอดีธารนัดพ่อไว้ นี่คงรออยู่ที่รถนานแล้ว”
   
“โอเค ไว้เจอกัน ถ้ายังไงกลับมาแล้วอย่าลืมไลน์บอกพี่ด้วยนะ”
   
“อือ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ แล้วโบกมือลา ไม่ได้ยืนรอให้พี่กฤษขึ้นลิฟท์ก็รีบออกเดินมองหารถของพ่อ ลานจอดรถที่นี่กว้างซะด้วยสิ ลืมถามไปเลยว่าพ่อจอดไว้โซนไหน

ยังไม่ทันได้พิมพ์ข้อความถามก็ต้องชะงักเท้าหลีกให้รถ Aston Martin สีขาวที่กำลังเลี้ยวออกมาจากที่จอด รถคันนั้นหยุดลงเมื่อตำแหน่งประตูข้างคนขับตรงกับตัวผมอย่างพอดิบพอดี
   
ผมเปิดประตูก้าวขึ้นรถ เหลือบมองสีหน้าคนขับด้วยความรู้สึกกังวล...เมื่อกี้พ่อคงมองผมตั้งแต่เพิ่งออกจากประตูลิฟท์ และเห็นฉากที่พี่กฤษกอดผมด้วย แต่สีหน้าของพ่อก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด ยังคงส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ แล้วยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ
   
“ลูกพ่อเสน่ห์แรงขนาดนี้ พ่อชักหนักใจแล้วสิ” พ่อพูดพร้อมกับเหยียบคันเร่ง พารถออกตัวไปอย่างนุ่มนวล ไม่ได้มีการกระทำไหนบ่งบอกเลยว่ากำลังโกรธหรือหึงหวง แต่ผมรู้ว่าพ่อแค่เป็นคนเก็บอารมณ์เก่งมากเท่านั้น

ถึงพ่อจะบอกว่าอยากให้ผมได้ลองรักใคร หรือใจกว้างขนาดยอมให้ผมมีอะไรกับพี่ภู แต่ใครจะรู้สึกดีเวลาเห็นคนรักของตัวเองกอดกับคนอื่นบ้างล่ะ

...อย่างที่พ่อเคยบอก ว่าพ่อเองก็ทั้งห่วง ทั้งหวงผมที่สุด
   
“พ่อโอเคจริงๆ เหรอครับถ้าธารต้องอยู่ที่นี่”
   
“โอเคในเหตุผลไหน?” พ่อหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปมองถนนต่อ “ถ้าที่เราต้องอยู่ห่างกับพ่อ พ่อไม่โอเคอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่ถ้าถามว่าโอเคไหมที่ธารต้องมาอยู่ห้องเดียวกับภู แถมยังเป็นคอนโดเดียวกับที่แฟนเก่าธารอยู่...”
   
“.....”
   
“...พ่อว่าปล่อยให้เสือตัวหนึ่งอยู่กับลูกแกะ มันแย่กว่าการปล่อยให้เสือสองตัวอยู่กับลูกแกะนะ...ลูกว่าไหม?”
   
พ่อจะบอกว่า...ปล่อยให้เสือสองตัวทะเลาะกัน ดีกว่าปล่อยให้ลูกแกะถูกเสือตัวหนึ่งงาบไปกินง่ายๆ ใช่ไหมครับ...แต่พ่อเปรียบเทียบผิดไปนิดนะ ที่บอกว่าธารเป็นลูกแกะน่ะ จริงๆ ธารเป็นจิ้งจอกต่างหาก
   
อาจจะไม่ได้มีเก้าหาง แต่อย่างน้อยก็สามหางล่ะนะ...


   
9: 47 A.M.
   
พ่อบอกว่าเราจะไปกินข้าวเช้ากัน แต่ดันพาผมมาที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า นอกจากจะอยากกินข้าว พ่ออาจจะอยากกิน ‘อย่างอื่น’ ด้วย

“พ่อเห็นคอนโดนี้สภาพแวดล้อมน่าอยู่ดี แถมยังอยู่ใกล้มหาลัยดังๆ ด้วย ปีที่แล้วตอนเปิดขาย พ่อเลยซื้อทิ้งเอาไว้หลังหนึ่ง เผื่อว่าต่อไปลูกเข้ามหาลัยอาจจะจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ที่นี่”
   
เสียงทุ้มที่ค่อนข้างจริงจังเบรกความคิดทะเล้นๆ ของผม “ซื้อทิ้งเอาไว้เป็นปีแล้วทำไมจู่ๆ ถึงเพิ่งนึกจะพาธารมาดูล่ะครับ”
   
“พ่อเห็นว่ามันยังไม่จำเป็นน่ะ อีกอย่างพ่อก็ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญธารหลังเรียนจบม.ปลายด้วย” พ่ออธิบายขณะกดรหัสผ่านที่ประตู รอเสียงติ๊ดดังขึ้นสองครั้งก็เปิดประตูเดินนำผมเข้าไปด้านใน
   
เราถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้เก็บรองเท้าข้างประตู เปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์แล้วเริ่มเดินสำรวจห้องชุดที่สะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งถูกทำความสะอาดมาอย่างดี
   
“แล้วตอนนี้มันจำเป็นยังไงครับ” กวาดมองทั่วห้องแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ถึงห้องจะกว้างขวาง มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังถูกจัดแต่งไว้ทันสมัยโดนใจผมสุดๆ แต่ด้วยฐานะทางบ้านของพวกเรา ในวันที่ผมเรียนจบ ถ้าอยากได้คอนโดสักหลัง พ่อก็ต้องรีบหามาให้ผมอยู่แล้ว มันเลยไม่ได้น่าดีใจเท่าไหร่
   
“จำเป็นสิ เพราะตั้งแต่วันนี้เราคงต้องมาที่นี่บ่อยๆ”
   
…ชักจะดีใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ
   
“มาบ่อยๆ...มาทำอะไรครับ?” เราเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ผ่านด้านหลังโซฟาสีครีมตัวหนึ่งพอดี ขณะพูดประโยคนี้ผมจึงหันหลังเข้าหาพนักพิง ดันตัวขึ้นไปนั่งบนขอบพนักซึ่งค่อนข้างสูง แล้วแกว่งเท้าที่ลอยอยู่เหนือพื้นไปมา ตอนที่ปลายเท้าไปเฉียดโคนขาของพ่อน่ะ สาบานเลยว่าผมไม่ได้ตั้งใจ...
   
พ่อก้มลองมองแล้วหัวเราะเบาๆ แต่เพราะกางเกงที่สวมมาวันนี้ค่อนข้างสั้น พอนั่งก็ยิ่งสั้นเข้าไปอีก เลยไม่แน่ใจว่าสายตาของพ่อกำลังมองเท้าเล็กๆ ที่แกว่งไปมา หรือขาอ่อนของผมกันแน่
 
“อย่างวันนี้...” พ่อโน้มตัวลงมาจนใบหน้าของพวกเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ มองผมด้วยสายตาหยอกล้อ พูดปนขำว่า “เราก็มาทำมื้อเช้ากินกันไงครับ” มือแข็งแกร่งทั้งคู่จับเข้าที่เอวของผม แล้วยกตัวผอมๆ ลงมาจากพนักโซฟาให้มายืนอยู่บนพื้น ก่อนจะจูงมือผมเดินเข้าไปในครัว
   
ผมรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย...นึกว่าวิดีโอคอลเมื่อคืนจะทำให้พ่ออยากทำกิจกรรมที่มันร้อนแรงกว่านี้กับผมซะอีก
   
“ลากธารเข้าครัวมาด้วยนี่จะให้ธารช่วยทำอาหารเหรอครับ แน่ใจนะ?”
   
“ฮ่ะ ฮ่ะ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะจับตัวผมยกขึ้น ให้นั่งอยู่บนเคาต์เตอร์ทำอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับไมโครเวฟ ในครัวถึงจะไม่ได้กว้างมาก แต่ก็เหลือพื้นที่มากพอให้พ่อทำอาหารโดยมีผมนั่งมองอยู่ห่างๆ “พ่อไม่ได้จะให้ช่วย แค่ไม่อยากให้เราอยู่ห่างสายตา” พ่อพูดพลางเดินไปหยิบผักออกมาจากตู้เย็น พอหันกลับมาทางที่ผมนั่งอยู่เพื่อเดินไปยังซิงค์ล้างจาน พ่อก็ขยิบตาข้างเดียวให้ทีหนึ่ง
   
...แบบนี้เรียกว่าหยอดรึเปล่า พ่อไปฝึกสกิลด้านนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ทำเอาผมได้แต่กัดปากพยายามกั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม
   
“ธารไม่ใช่เด็กสามขวบที่จะปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้สักหน่อย”
   
“ในสายตาพ่อ ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ลูกก็ยังดูเป็นเด็กสามขวบอยู่ดีครับ”
   
คำพูดพวกนี้คงหมายถึง ต่อให้ผมโตขึ้นแค่ไหน พ่อก็ยังเป็นห่วงผมไม่ต่างจากตอนที่ผมยังเด็ก และบางครั้งพ่ออาจจะอยากให้ผมออดอ้อนเหมือนตอนเด็กๆ บ้างล่ะมั้ง
   
ผมกระโดดลงจากเคาท์เตอร์ เดินไปสวมกอดพ่อจากทางด้านหลัง ถูไถแก้มนิ่มๆ เข้ากับแผ่นหลังแข็งแกร่ง “งั้นธารก็จะอ้อนพ่อบ่อยๆ เหมือนตอนสามขวบดีไหม”
   
“มันก็ดีอยู่หรอก แต่มาอ้อนแบบนี้น่ะอยากได้อะไรครับ” พ่อพูดปนหัวเราะ มือก็สาละวันอยู่กับการหยิบผักที่เพิ่งล้างเสร็จออกมาจากกะละมัง
   
“อยากได้อะไรนะ?” ย้อนถามแล้วมือทั้งสองข้างของผมก็เริ่มลูบขึ้นๆ ลงๆ ตามกล้ามหน้าท้องหกก้อนที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต ถ้าไม่ได้คิดไปเอง...รู้สึกว่ามันจะยิ่งแข็งเกร็งขึ้นเมื่อฝ่ามือของผมไล้ต่ำลง
   
ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากคนด้านหน้า ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะหันกลับมากะทันหัน ตัวผอมบางของผมถูกยกขึ้นอีกครั้ง รู้ตัวอีกทีผมก็กลับมานั่งอยู่บนเคาท์เตอร์ครัว โดยมีร่างสูงใหญ่ของพ่อยืนคร่อมอยู่กลางระหว่างขา ถูกกังไว้ด้วยแขนแข็งแรงทั้งสองข้าง
   
“อย่าซนนักสิ เราก็รู้ว่าพ่อไม่ค่อยมีความอดทนกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่”
   
“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะครับ”
   
ดวงตาหลังเลนส์แว่นเจือแววขบขัน ใบหน้าหล่อคมคายยื่นเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมนึกว่าปากของเราจะได้บดขยี้กันและกัน แต่ใบหน้านั้นกลับเคลื่อนเฉียดผ่านแก้มของผมไปเหมือนจงใจแกล้ง
   
เสียงทุ้มลึกกระซิบถามเบาๆ ว่า “ยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”
   
“.....”
   
ผมนิ่งค้างไปกับคำถามนั้น พ่อคงสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของผมเลยยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
   
ความคิดที่ว่าพ่อเฝ้าทะนุถนอมผมมาอย่างดี แต่คนแรกของผมกลับเป็นพี่ภู ทำให้ผมรู้สึกผิดมาตลอดตั้งแต่คืนนั้น และลึกๆ แล้วผมก็อยากมั่นใจด้วยว่าพ่อไม่ได้รังเกียจผมจริงๆ ความคิดพวกนั้นมันทำให้ผมกลัว...ผมถึงอยากให้พ่อกอดผม อยากให้พ่อครอบครองร่างกายของผม แม้ว่าสภาพร่างกายจะยังไม่พร้อม
   
“ถ้าพ่อไม่อยากทำ แค่จูบธารก็ได้” น้ำเสียงของผมสั่นเล็กน้อยทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เอาซะเลย “แค่จูบก็พ...”
   
คำพูดทั้งหมดชะงักลงกลางคันเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมา ดูดกลืนลึกซึ้งหนักหน่วงกว่าครั้งไหน ร่างของเรากอดกระหวัดกันแนบแน่น สัมผัสกันและกันอย่างโหยหา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่พวกเราพัวพันลึกซึ้ง   

แต่สุดท้าย...แม้ว่าร่างกายกึ่งเปลือยของเราทั้งคู่จะนอนก่ายกันอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก แต่ผมก็ยังไม่ได้ตกเป็นของพ่อจริงๆ เพราะในตอนนั้นแค่พ่อใส่เข้ามานิดเดียว ผมก็เผลอหลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บ
   
...และเพราะพ่อรักและถนอมผมมาก พวกเราเลยไม่ได้สัมผัสกันลึกซึ้งไปกว่านั้น
   
แต่มันก็พอแล้วล่ะ...ขอแค่ให้ผมมั่นใจว่าระหว่างเรายังเหมือนเดิม และความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ช่วยเจือจางความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจให้เบาบางลงก็พอ...
   
Pie2Na

คุยกันนิด...หายหัวไปนานเลยเนอะเรา (อีกแล้ว)
สาบานสิว่าครั้งนี้ไม่หายอีก---จนกว่าเรื่องจะจบ จะอัพถี่ๆแล้วครับ
พอดีช่วงนี้ว่าง(ค่อนข้างมาก) เลยตั้งใจจะมารีบปั่นให้เสร็จ เพราะดองรูปปกไว้นานแล้ว
ถ้ายังไม่ห่างหายกันไป คอมเม้นทักทายพายหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ ^^

:กอด1:


พูดคุยถึงเรื่องนี้ แอบนินทาพี่กฤษ ธาร อติณ พี่ภู พ่อตะวัน ใครก็แล้วแต่!

ติดแท็ก #ฮาเร็มของธาร ในเฟสบุ๊คกับทวิสเตอร์นะครับบบ
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รักร้ายเดียงสา ┇Incest┇•อัพตอนที่17•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 02-10-2016 10:45:09
Chapter 17
ความลับ


@KL Sports Club

ช่วงเย็น พ่อพาผมมาเรียนว่ายน้ำ ตอนแรกผมแค่จะให้พ่อมาส่งแล้วกลับไปก่อน เพราะผมมีนัดกับพี่อติณต่อ แต่กลายเป็นว่าพ่อจะอยู่รอจนผมเรียนเสร็จ

พอถึงยิมผมเลยแอบไลน์บอกพี่อติณว่าพ่อมาด้วย และจำเป็นต้องแคลเซิลนัด ซึ่งพี่อติณก็คงเข้าใจว่าพ่อไม่ค่อยอยากให้ผมกับเขารู้จักกันเท่าไหร่ ตอนเจอผมบริเวณสระว่ายน้ำ พี่เขาเลยแค่เข้ามาทักทายสั้นๆ ทำเหมือนกับพวกเราไม่ได้สนิทอะไรกันมากนัก แต่แค่นั้นพ่อก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

หลังจากจบคลาสเรียน ผมกับพวกเพื่อนๆ เข้าไปอาบน้ำ ส่วนพ่อที่ไม่ได้ลงสระด้วยนั่งรอผมอยู่ที่ห้องล็อคเกอร์ ติดกับห้องอาบน้ำรวมของโรงยิม ที่จริง พ่อจะนั่งรอผมอยู่ริมสระก็ได้ แต่พ่อตามเข้ามาถึงข้างใน เหมือนต้องการให้ผมอยู่ในสายตาตลอดเวลา...สาเหตุคงมาจากพี่อติณ

ก่อนหน้านี้พ่อยังพูดด้วยซ้ำว่าอยากให้ผมย้ายไปเรียนว่ายน้ำที่อื่น...พ่อคงไม่ไว้ใจพี่อติณสุดๆ และกังวลไปเองว่าพี่อติณจะมาล่อลวงลูกชายสุดรักสุดหวงคนนี้

ผมว่าพ่อคิดมากไป...

อาบน้ำเสร็จ ผมเดินออกจากห้องอาบน้ำในสภาพที่มีผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอว อีกผืนคลุมศีรษะ เดินไปที่ห้องล็อคเกอร์พลางใช้ผ้าผืนเล็กขยี้ผมที่เปียกชุ่มไปพลาง
   
อีกไม่กี่ก้าวกำลังจะถึงห้องล็อคเกอร์ ผมกลับต้องชะงักเท้าเพราะเสียงพูดคุยของคนสองคนที่ดังสะท้อนออกมาจากด้านใน
   
“นายมีแผนอะไรถึงมาตีสนิทลูกชายฉัน”
   
“แผน? ตอนแรกผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธารเป็นลูกชายคุณ หรือต่อให้รู้ ผมจำเป็นต้องมีแผนอะไรเพื่อไปตีสนิทกับธารล่ะ? ผมว่าคุณดูละครหลังข่าวมากไปรึเปล่า... เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ยังคิดว่าผมโกรธแค้นอะไรคุณอยู่อีกเหรอ นี่คิดมากถึงขนาดว่าผมจะเอาไปลงกับลูกชายคุณ?”
   
“แล้วนายมาตีสนิทลูกชายฉันทำไม”
   
“ลูกชายคุณน่ารัก”
   
“...!!?”
   
“ผมก็แค่อยากรู้จักสนิทสนมด้วย แปลกตรงไหน” จบประโยคนี้ผมก็มายืนอยู่ข้างกำแพงทางเข้าห้องล็อคเกอร์แล้ว และกำลังแอบมองสองคนด้านในที่กำลังคุยกันด้วยท่าทางเครียดๆ ที่ผมต้องมาเสียมารยาทแอบฟังแบบนี้ ก็เพราะคนที่ถูกพูดถึงคือผม
   
“อย่ามายุ่งกับธาร!”
   
“นี่คุณ มีเหตุผลหน่อยสิ”    
   
“เหตุผลน่ะมีอยู่แล้ว แต่ไม่ว่ามันคืออะไร สิ่งที่ฉันต้องการคือ นายต้องห้ามมายุ่มย่ามกับลูกชายฉันอีก”
   
“เหตุผล...จะว่าไปผมก็พอจะนึกออกอยู่อย่างนะ” พี่อติณทำท่าลูบคาง ยกยิ้มมุมปากมองพ่อด้วยสีหน้าแบดๆ “น้ำบอกผมว่าแท้ง แต่หลังจากนั้นแค่ครึ่งปี ผมดันได้ข่าวว่าน้ำคลอดลูกชายแล้ว จะว่าไป...น้องธารนี่คลอดก่อนกำหนดรึเปล่า?”
   
ได้ฟังที่พ่อกับพี่อติณคุยกัน พอเอามารวมกับเรื่องราวหลายๆ อย่างที่ผมเคยคิดสงสัย ลมหายใจของผมก็เริ่มติดขัด หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความกลัว...
   
“ทำอะไรอยู่”
   
เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบขึ้นข้างหูทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว รีบหันกลับไปมองก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนประชิดอยู่ข้างหลังคือบาส ไม่รู้ว่ามันมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และได้ยินที่พ่อกับพี่อติณคุยกันมากแค่ไหน แต่ดูจากสีหน้างงๆ ปนสงสัยแบบนั้น บาสคงไม่เข้าใจหรอกว่าคนด้านในกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
   
ทางด้านหลังบาส โจ้ ตั้ม กับผู้ชายแปลกหน้าอีกคนกำลังเดินมาทางนี้ เสียงพูดคุยดังโหวกเหวกของพวกมันสองตัว ทำให้คนด้านในเงียบเสียงลง ผมเลยถือโอกาสนั้นเดินรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนๆ เข้าไปในห้องล็อคเกอร์ ทำเป็นหยอกล้อคุยกับพวกมัน แล้วเดินผ่านไปหน้าตู้ล็อคเกอร์ของตัวเองเพื่อสวมเสื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจพ่อกับพี่อติณที่นั่งอยู่
   
ผมไม่อยากให้พ่อรู้ว่าผมได้ยินความลับพวกนี้ แต่สำหรับพี่อติณ ผมไม่ได้แคร์เขามากขนาดนั้น และผมต้องรู้จากปากเขาให้ได้ ว่าความจริงมันเป็นยังไง

   

20: 15 P.M.
@The Attribute Condominium
   
ผมกลับมาคอนโดหลังจากทานมื้อเย็นกับพ่อแล้ว เข้ามาในห้องก็เจอพี่ภูกับพี่กฤษนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น สองคนนั้นพอเห็นผมก็ชะงักไปนิด ก่อนที่พี่ภูจะลุกออกจากโซฟา เดินมาหาผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด
   
“ไปไหนมา ส่งข้อความไปทำไมไม่ตอบ แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว”
   
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู...ก่อนไปตกลงกันไว้ว่าผมจะกลับไม่เกินสองทุ่ม นี่ก็เลทแค่สิบห้านาทีเอง ส่วนเรื่องรูปที่ต้องส่งให้พี่ภูเพื่อยืนยันว่าผมไปบ้านบาสจริงๆ ผมก็ส่งรูปเก่าๆ ให้แล้ว...ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่
   
“มือถือแบตหมด” ผมหยิบมือถือที่หน้าจอมืดสนิทขึ้นมาโบกไปมา ซึ่งจริงๆ แล้วยังเหลือแบทอยู่อีกสี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ “นี่เพิ่งกลับมาจากกินข้าวเย็นกับเพื่อน แล้วเพื่อนอาสามาส่งเลยไม่ได้บอกให้พี่ภูมารับ”
   
“อย่าให้รู้นะว่าโกหก”
   
“เฮ้ยภู มึงจะหวงน้องไปป่าววะ น้องมันโตแล้วน่า” พี่กฤษพูดขัดด้วยน้ำเสียงขำๆ เขากวักมือเรียกผม “ธาร มานี่มา พี่รอเราตั้งนาน มาให้พี่กอดให้ชื่นใจหน่อยสิ”
   
ผมถอนหายใจออกมาเงียบๆ ถึงอยากจะใช้พี่กฤษยั่วโมโหพี่ภู แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีอารมณ์จะทำ “ธารเหนื่อย ขอเข้าห้องก่อนนะครับ”
   
ไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ ผมรีบสาวเท้าเดินขึ้นห้องนอนบนชั้นสองทันที เสียงสองคนนั้นคุยกันดังแว่วเข้าหู แต่ผมไม่ได้สนใจฟัง พอประตูห้องถูกกระแทกปิด ผมก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง
   
ตอนอยู่บนรถ พ่อห้ามผมอย่างจริงจังว่าไม่ให้ไปเรียนว่ายน้ำที่นั่นอีก ผมเองก็ได้ต่อต้านอะไรเพราะอยากให้พ่อสบายใจ แต่มันกลายเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะไม่ได้เจอพี่อติณ
   
ผมเป็นคนใจร้อน แล้วตอนนี้ผมก็อยากรู้ทุกอย่างจากปากของเขาจนแทบทนไม่ไหว
   
ไวเท่าความคิด ผมล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา พิมพ์ข้อความส่งถึงพี่อติณ
   
Thara Than : ธารมีเรื่องจะคุยกับพี่ พรุ่งเจอกันหน่อยได้ไหมครับ

Atin”: ได้สิ ช่วงบ่ายธารว่างไหม

ยังไม่ทันได้พิมพ์ข้อความตอบกลับ ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก ผมละสายตาจากหน้าจอมือถือ มองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ก่อนจะวางฝ่ามือลงบนต้นขาเปลือยเปล่าของผม ลูบไล้อย่างแผ่วเบา

ผมที่ยังค้างอยู่ในท่านอนหงาย ดึงสายตากลับมามองหน้าจอมือถือ รัวนิ้วพิมพ์ข้อความตอบพี่อติณโดยไม่สนใจเขา แต่สัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือข้างนั้นบนต้นขาก็รบกวนสมาธิจนผมต้องปัดมันออก ท่าทางของผมคงทำให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังรำคาญ เขาถึงได้เริ่มพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

“คนดีของพี่หงุดหงิดเรื่องอะไรครับ”

เหอะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเหรอที่พี่กฤษต้องเป็นฝ่ายมาตามง้อผม ความรู้สึกเหนือกว่ามันสะใจอย่างนี้นี่เอง

“ธารแค่เหนื่อยๆ น่ะครับ อยากพัก” สายตาของผมยังมองอยู่ที่จอมือถือเลยไม่รู้ว่าพี่กฤษทำสีหน้ายังไง ได้ยินแค่เสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมาจูบบนหน้าผาก

“โอเคครับ งั้นพี่กลับก่อนแล้วกัน ไว้พรุ่งนี้จะแวะมาหา” พูดจบแล้วพี่กฤษก็ยังไม่ขยับตัวออกห่าง เขาแย่งไอโฟนจากมือผม เอาไปวางไว้บนหัวเตียง

“.....” ผมขมวดคิ้วมองพี่กฤษอย่างไม่พอใจ

“นี่ มาอารมณ์เสียใส่พี่แบบนี้ไม่น่ารักเลยรู้ไหม” พี่กฤษพูดทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ไม่มีท่าทีรำคาญผมเหมือนที่ผมกำลังรำคาญเขาเลยสักนิด

“พี่กฤษตัวแย่ๆ กับธารมากกว่านี้อีก” รอยยิ้มของคนตรงหน้าเฝื่อนลงเล็กน้อย “ไหนบอกว่าจะกลับแล้วไงครับ ก็กลับไปสิ”

“นี่ธารกำลังเอาคืนพี่อยู่เหรอ” พี่กฤษใช้นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มผม “ตอนนี้พี่รู้แล้วนะ ว่าธารเคยเจ็บมายังไง”

“ฮ้ะ?” ผมล่ะอยากจะหัวเราะ น่าเสียดายที่อารมณ์ตอนนี้มันหัวเราะไม่ออก “พี่ยังเจ็บไม่ได้ซักเสี้ยวที่ธารเคยเจ็บหรอกครับ”

“อืม...พี่รู้...พี่ถึงยอมเจ็บอยู่นี่ไง” มือกำยำอีกข้างที่กำลังเค้นครึงอยู่กับต้นขาของผม ไล้สูงขึ้นมาทีละนิด “เราคบกันมาปีกว่าแล้วนะ ธารคิดว่าพี่ดูไม่ออกเหรอว่าตอนนี้ธารเปลี่ยนไปแค่ไหน”

“...!!” ผมคว้าจับมือข้างนั้นไว้ไม่ให้ไล้สูงขึ้นมาอีก

พี่กฤษเค้นหัวเราะในลำคอ “อยากจะเล่นกับความรู้สึกของพี่นัก ก็ทำต่อไปเลยครับ...พี่ทนได้...แต่พี่ก็อยากให้ธารรู้ไว้นะ ว่าถ้าพี่ลงทุนกับอะไรไปแล้ว พี่ไม่ยอมขาดทุนหรอก”
   
จบประโยค พี่กฤษก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคอของผม ผมทั้งทุบทั้งดันให้เขาออกห่างแต่กลับไร้ประโยชน์ ความรู้สึกเจ็บเล่นริ้วมาจากผิวหนังบริเวณนั้น จากการถูกขบและดูดเม้มแรงๆ
   
“หยุดนะ! ทำบ้าอะไร!”
   
“ถอนทุนคืนเล็กๆ น้อยๆ” พี่กฤษพูดหลังจากเงยหน้าขึ้นมา เขาขยิบตาให้ผมทีหนึ่งแล้วลุกออกจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนอนหัวกระเซอะกระเซิงอยู่ที่เดิม มองเขาเดินออกนอกห้องไปด้วยความหงุดหงิดและสับสน
   
พ่อเปรียบพี่กฤษเป็นเสือ แต่ที่จริงแล้วเขาคือหมาป่าต่างหาก ถึงจะดุร้ายไม่เท่า แต่เจ้าเล่ห์กว่าเยอะ...หลงคิดไปว่าตัวเองเก่งพอจะเอาคืนพี่กฤษได้ง่ายๆ ตอนนี้กลายเป็นผมต่างหากที่ถูกเขาเอาคืน!

Pie2Na
ปล.พี่กฤษมันร้าย ใครบอกธารฉลาด ในนี้น้องโง่สุดด้วยวุฒิภาวะและอายุ

เจอกันเร็วๆ นี้นะ
อ่านแล้วคอมเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าบ้าง
ขอบคุณครับ ^^
 :bye2:


หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รักร้ายเดียงสา ┇Incest┇•อัพตอนที่17•
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 03-10-2016 19:50:17
นี่รอเวลาให้พ่อกับน้องธารจะอยู่ด้วยกันเลย~
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รักร้ายเดียงสา ┇Incest┇•อัพตอนที่18 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 07-10-2016 22:17:19
Chapter 18
แผนพังไม่เป็นท่า
(ครึ่งแรก)


9: 15 A.M.
@The Attribute Condominium

ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้วตอนที่ผมสะลึมสะลือตื่น แต่ในห้องยังมืดสนิทเพราะม่านหนาทึบช่วยกันแสงแดดได้อย่างดี พอสติเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงนี้คนเดียว ร่างกายกำยำของใครบางคนนอนซ้อนอยู่ด้านหลัง โอบกอดผมด้วยวงแขนแข็งแกร่ง ถ่ายทอดความอดอุ่นมาให้ผ่านผิวเนื้อที่แนบสนิทกัน
           
ลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเป่ารดอยู่ที่ต้นคอ ทำให้ผมรู้ว่าเขานอนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ปลายคางที่เต็มไปด้วยตอหนวดเล็กๆ ครูดลงกับผิวจนผมชักจะจั๊กจี้นิดๆ
           
ในห้องนอนของผม ตอนเช้าแบบนี้...คนที่นอนอยู่ข้างหลังจะเป็นใครไปได้นอกจากเจ้าของคอนโด
           
พี่ภูเข้ามาในห้องผมตอนกลางดึกแล้วเผลอหลับไปเหรอ?
           
ผมไม่ได้ส่งเสียงปลุกคนที่ยังหลับสนิท แต่ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปบนท่อนแขนกำยำนั้นแทน จากนั้นก็ค่อยๆ พลิกตัวหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ใบหน้าคมคายนั้นซุกอยู่กับหน้าอกของผม เขาขยับตัวเล็กน้อยเหมือนเริ่มจะรู้สึกตัว แต่ยังคงไม่ผละออกห่าง นั่นทำให้ผมกล้าที่จะโอบกอดพี่ภูกลับ ลูบไล้ฝ่ามือไปบนแผ่นหลังแกร่ง ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา
           
“ทำไมมานอนอยู่นี่ครับ” ผมกระซิบถามด้วยน้ำเสียงแหบนิดๆ เวลาเพิ่งตื่นเสียงของผมจะเป็นแบบนี้ตลอด แต่ผมก็ชอบนะ เพราะพ่อเคยบอกว่าเซ็กซี่ดี
           
“.....” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ยังนอนซุกหน้าอยู่กับแผ่นอกของผม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่นรึยัง แต่ถ้าตื่นแล้ว คนอย่างพี่ภูคงไม่ยอมนอนนิ่งๆ ให้ผมกอดอยู่แบบนี้หรอก
           
“ถ้ายังไม่ลุกออกไป อย่ามาว่ากันทีหลังนะ”
           
“.....”
           
ด้วยความอยากแหย่ให้พี่ภูโกรธ ผมสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดของอีกฝ่าย สัมผัสผิวกายที่แข็งเกร็งไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นตรงๆ ลูบไล้จากแผนหลังมายังหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกซ์แพ็กส์ ขณะเดียวกันริมฝีปากก็ไล่จูบตั้งแต่หน้าผากลงมายังแก้ม ก่อนจะครอบครองริมฝีปากนุ่ม บดคลึงเบาๆ
           
พี่ภูตื่นแล้ว ผมรู้ตอนที่เขาเริ่มจูบตอบ แล้วเมื่อเราตะโบมจูบกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าวิธีการจูบของเขาเปลี่ยนไป ฝ่ามือที่กำลังเค้นคลึงสะโพกผมก็ด้วย มันให้ความรู้สึกเร่าร้อนแต่กลับเอาอกเอาใจ ต่างจากสัมผัสเอาแต่ใจที่พี่ภูชอบทำโดยสิ้นเชิง
           
“ด...เดี๋ยว...” ผมผละริมฝีปากออกห่างอย่างยากลำบาก ใช้ฝ่ามือผลักดันแผงอกแกร่งเอาไว้ ขณะหอบหายใจและพยายามเพ่งมองผ่านความมืด แต่มือปลาหมึกคู่นั้นกลับไม่ฟังคำห้ามปราม ยังนวดคลึงบีบเคล้นไปตามร่างกายของผม “พี่ภ...”
           
ชื่อของพี่ภูยังไม่ทันหลุดจากปาก ผมก็ต้องเบิ่งตากว้างและชะงักค้าง เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่เพิ่งจูบกันไปเมื่อครู่ อีกฝ่ายก็เหมือนจะชะงักไปนิดที่ได้ยินผมเรียกชื่อคนอื่น...
           
หมอนี่ไม่ใช่พี่ภู แต่เป็นพี่กฤษ!
           
เขาเข้ามาในห้องผมได้ยังไง!?
           
“ย...หยุดก่อน”
           
กว่าจะตั้งสติได้และหาเสียงตัวเองเจอ มือของพี่กฤษก็จับไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ฝ่ามือข้างหนึ่งล้วงผ่านกางเกงทางด้านหลัง เกือบจะสอดนิ้วเข้ามาในตัวผมด้วยซ้ำ ส่วนมืออีกข้างกำลังปัดป่ายไปทั่วหน้าอกของผม
           
ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่านั้น...เสียงของผมมันฟังวาบหวิวสิ้นดี เหมือนกำลังบอกให้อีกฝ่ายทำตรงข้ามกับสิ่งที่พูด
           
“แน่ใจนะว่าอยากให้หยุด”
           
“.....”
           
ผมหายใจติดขัด ตัวร้อนผ่าวไปหมด ร่างกายของผมต้องการอะไรผมรู้ดี แต่ความรู้สึกที่ว่า...อยากให้คนที่สองของผมคือพ่อ มันช่วยให้ผมหักห้ามใจได้ง่ายขึ้น
           
“ธารไม่อยากทำ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม
           
ฝ่ามือของพี่กฤษยังปัดป่ายไปทั่ว เขาไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด สัมผัสที่ร้อนเร่าและเอาอกเอาใจแบบนั้นมันทำให้ลมหายใจของผมขาดห้วง ความคิดอยากจะต่อต้านหายวับไปเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นร้อนดูดเม้มที่ยอดอก ในหัวของผมขาวโพลนไปหมด และยังเผลอหลุดเสียงครางหวิวน่าอายออกมา
           
ในตอนที่ทุกอย่างกำลังจะเลยเถิด ประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากภายนอก
           
“อาหารมาส่งแล้ว”
           
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พี่กฤษหยุดชะงักการกระทำทุกอย่าง เขาสบถออกมาคำหนึ่ง แล้วผละออกจากตัวผมเพื่อลุกขึ้นนั่งดีๆ

สภาพของเราทั้งคู่ตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด เสื้อผ้าของผมหลุดลุ่ยจนเกือบเปลือย แต่ผมยังคงนอนค้างอยู่ท่าเดิม ไม่ได้รีบร้อนจะแต่งตัวให้เรียบร้อย เป็นพี่กฤษเสียอีกที่คว้าผ้านวมมาคลุมตัวผมไว้ ก่อนที่เขาจะขยี้ผมตัวเองแรงๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน
           
“จะเข้าห้องคนอื่นก็หัดเคาะประตูบ้างดิวะ” พี่กฤษสั่งสอนคนที่ยังยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องอยู่ เป็นคนอื่นคงรีบปิดประตูแล้วเดินหนีไป แต่นี่นอกจากจะไม่ยอมไปแล้ว พี่ภูยังมองสำรวจพวกเราสองคนด้วยสายตาเฉยชาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น

“นี่คอนโดกู”
           
“สัตว์”
           
“ออกมากูหิวแล้ว”
           
“เออ!”
           
           
[Krit’s Part]
           
ผมเดินออกมานอกห้องนอนโดยไม่ลืมที่จะกระแทกประตูปิดดังๆ ให้ไอ้ภูมันรู้ว่าผมหงุดหงิดแค่ไหนที่ถูกขัดจังหวะ ไอ้ภูมันกอดอก หันมามองด้วยหน้าตาแบดๆ ตามสันดานของมัน สีหน้าตอนนี้เหมือนกำลังถามผมแบบหาเรื่องว่า ‘มึงจะทำไม!?’
           
“คนเป็นแฟนกัน อยู่ในห้องนอนสองต่อสองนี่มึงเดาไม่ออกเหรอว่าเขาทำอะไรกัน มึงเสือกเปิดประตูเข้ามาเนี่ยนะ!”
           
“นั่นน้องกู แล้วถ้ากูจำไม่ผิด...มึงเลิกกับน้องกูแล้ว”
           
“เออ! กูง้ออยู่นี่ไง มึงอะ แทนที่จะช่วยเพื่อน เสือกมาขัด” พูดไปแล้วผมก็ชักหงุดหงิดกว่าเดิม พาลคิดไปถึงตอนอยู่บนเตียงกับธาร กำลังคลอเคลียกันอยู่น้องก็เรียกชื่อคนๆ นึงออกมา ถึงจะชะงักไปกลางคัน แต่ผมฟังออกว่าไม่ใช่ชื่อตัวเอง เพราะไม่ได้ออกเสียงตัว ‘ก’ แต่เป็น ‘พ’ หรือ... ‘ภ’
           
ภ?...ภู!?


Pie2Na
เกือบไปละ เกือบไปแล้วไง
น้องธารนี่ไม่มั่วนะ แต่ทั่วถึงจริงๆ 5 5 5 5 5
อีกครึ่งเจอกันพรุ่งนี้ ไม่ก็มะรืนนี้นะครับ
เขียนตุลไว้แล้ว เหลืออ่านทวน คืนนี้ดึก ขอไปนอนก่อนน้า
เช้ามาขออ่านคอมเม้นให้ชื่นใจหน่อยได้ไหมล่ะ
กำลังใจมาเยอะ จะอัพให้ไวๆเลยเอาดิ 5 5 5 5
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะครับ ^^

หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รักร้ายเดียงสา ┇Incest┇•อัพตอนที่18 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 09-10-2016 02:10:38
โอ้ยย เพิ่งเจอ สะดุดชื่อเรื่องแล้วเข้ามาอ่านนน สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก ชอบนิยายแนวนี้ตามหามานาน ชอบพ่อมากค่ะ5555 อบอุ่นดี ละมุน ตามอ่านรวดเดียว วางไม่ลง คือดี ยังไงก็จะรออ่านจนนจะจบนะ ชอบนิยายเรื่องนี้จริงๆ แปลกใจมากที่เม้นน้อย แต่เรื่องนี้ดีๆจริงๆค่ะ รีบๆมาต่อนะคร้า รออ่าน กำลังสนุกเลย สู้ๆนะคร้า  :กอด1:
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รักร้ายเดียงสา ┇Incest┇•ตอนที่18 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 11-10-2016 21:23:37
Chapter 18
แผนพังไม่เป็นท่า
(ครึ่งหลัง)

ภ?...ภู!?

ไม่หรอก...ไม่มีทาง จะเป็นไอ้ภูได้ไงในเมื่อธารกับภูเป็นพี่น้องกัน แต่อะไรรู้ไหม...ท่าทางของสองคนนี้ หรือแม้แต่สายตาที่ไอ้ภูใช้มองธาร มันทำให้ผมคิดไม่ตก

แล้วผมก็คงไม่คิดมากขนาดนี้แน่ถ้าเมื่อคืน ตอนที่ออกมาจากห้องนอนธาร ผมไม่เห็นไอ้ภูยืดกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างประตูห้อง จ้องผมด้วยสีหน้าเหมือนหมาถูกแย่งกระดูก เมื่อเช้าที่ขอเข้าไปในห้องน้อง ถึงมันจะยอมให้ผมเข้าไป แต่ก็แทบจะกัดฟันพยักหน้าด้วยซ้ำ ยังกับไอ้ภูทั้งหึงทั้งหวงธารแต่ทำอะไรไม่ได้

บอกทีว่าทั้งหมดนี่ผมคิดมากไปเอง!?

“.....”

“กูถามจริง ที่มึงเปิดประตูเข้ามาเมื่อกี้มึงตั้งใจใช่ไหม!?”
           
“อืม”
           
“...!?”ผมคว้าคอเสื้อมัน จ้องนัยน์ตาสีดำสนิทด้วยท่าทางเอาเรื่อง “มึงทำแบบนั้นเพราะหวงน้องมาก? ถ้าธารเป็นผู้หญิงกูคงไม่แปลกใจหรอกเว่ย แต่นี่น้องมึงเป็นผู้ชาย...กูว่ามึงหวงมากเกินฐานะพี่ชายไปเปล่าวะ?”
           
ไอ้ภูดึงมือผมออกจากคอเสื้อมัน หันหลังเดินไปที่โต๊ะกินข้าว พลางพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญๆ ว่า “มึงคิดว่าคนสันดานแบบมึง กูควรไว้ใจ?”
           
“งั้นแสดงว่าถ้าเป็นคนอื่นไม่เป็นไร?” ผมเดินตามไอ้ภูไปที่โต๊ะ กระชากไหล่มันให้หันกลับมา แต่พอสบเข้ากับสายตาไม่สบอารมณ์ มือของผมก็ปล่อยออกจากไหล่อีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ
           
ภูมันอารมณ์ร้ายแค่ไหน เพื่อนในมหาลัยรู้กันดี ถ้ามันโกรธจริงจังขึ้นมาคงต้องคุยกันด้วยหมัดแทนคำพูด
           
“มึงคิดอะไรอยู่วะกฤษ” น้ำเสียงของไอ้ภูแทบจะตะคอก “ธารเป็นน้องกู เราเป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” ประโยคนี้เหมือนมันกำลังย้ำกับตัวเองมากกว่าจะบอกผม
           
[End Krit’s Part]
 
           

ผมล้างหน้าแปรงฟันเสร็จสักพักแล้ว แต่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง รอจนเสียงพูดคุยด้านนอกเงียบลงถึงได้เปิดประตูออกไป
           

พี่ภูกับพี่กฤษยืนอยู่หน้าโต๊ะบาร์ตรงห้องครัว คนหนึ่งสวมแค่กางเกงนอนขายาวลายสก็อต เปลือยท่อนบน ผมเผ้ายุ่งเหยิงสภาพเหมือนเพิ่งตื่นนอน ส่วนอีกคนแต่งตัวด้วยชุดเท่ห์ๆ พร้อมสำหรับออกไปข้างนอก เสียดายที่เสื้อยับไปหน่อย และผมที่ถูกเซ็ตไว้ต้องเสียทรงเพราะกิจกรรมบนเตียงก่อนหน้านี้

สองคนนั้นหันมามองทางผม ก่อนที่พี่กฤษจะนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนพี่ภูยังจ้องผมอยู่ ดวงตาคมกริบของเขามองต่ำลงมาที่ลำคอของผม สีหน้าเหมือนกำลังไม่พอใจ แต่เมื่อผมแสร้งยกมือลูบต้นคอเพื่อบดบังรอยจ้ำแดงจากสายตาอีกฝ่าย เขาจึงเสมองไปมองทางอื่นคล้ายกับเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจ้องผมนานเกินไป
           
สีหน้าแบบนั้นของพี่ภูมันหมายความว่ายังไง เขาหวงผมงั้นเหรอ? แต่ก็เป็นพี่ภูเองนี่ที่ปล่อยให้พี่กฤษเข้ามาในห้องนอนผม ที่คอของผมถึงได้มีรอยคิสมาร์กเด่นหราขนาดนี้ รอยหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน ส่วนอีกรอยเพิ่งจะได้มาเมื่อเช้า นี่ยังไม่นับบริเวณอื่นภายใต้ร่มผ้านะ
           
คิดแล้วก็หงุดหงิดพี่กฤษชะมัด หมอนั่นจงใจทำรอยพวกนี้เพื่อให้ใครก็ตามที่เห็นมันรู้ว่าผมมีเจ้าของ!
           
ผมเดินไปนั่งลงข้างพี่ภู เนื่องจากโต๊ะกินข้าวเป็นแบบบาร์เหมือนในร้านอาหารที่ต้องนั่งเรียงกัน พี่กฤษเลยนั่งถัดไปจากพี่ภูอีกที
           
“ธารมานั่งข้างพี่สิ” โต๊ะบาร์นี้สำหรับสี่ที่นั่ง ข้างพี่กฤษจึงยังมีเก้าอี้ว่างอีกตัว
           
“ขี้เกียจลุก” ผมบอกปัด แล้วคว้าช้อนซ้อมขึ้นมาตักอาหารเข้าปาก

บนโต๊ะมีอาหารเช้าหน้าตาน่าทานที่ยังอยู่ในกล่องพลาสติก (พี่ภูขี้เกียจแม้กระทั่งเอาพวกมันออกมาใส่จาน) ทั้งไข่ออมเล็ต ฮอทด็อก แซนวิช กับสลัดปลาแซลมอนย่าง ซึ่งน่าจะเป็นอาหารที่สั่งมาจากร้านอาหารใต้คอนโด ความคิดที่จะทานมื้อเช้าด้วยกันคงเป็นไอเดียของพี่กฤษ แต่ที่แปลกคือพี่ภูยอมนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา
           
“ไม่เป็นไร งั้นพี่ลุกเอง” พี่กฤษทำอย่างที่บอก เขาลากเก้าอี้มานั่งตรงหัวโต๊ะข้างๆ ผม แล้วจึงเริ่มลงมือทานอาหาร
           
พี่ภูเหลือบมองมาที่เราสองคนก่อนจะโยนส้อมในมือทิ้ง เสียง ‘เคร้ง!’ ดังขึ้นพร้อมกับที่อีกฝ่ายลุกเดินไปยังตู้เย็นแบบสองประตูขนาดสูงเลยศีรษะ

ผมมองตามไปก็เห็นว่าเขากำลังเปิดฝาตู้แล้วคว้านมจืดทั้งแกนลอนออกมา เปิดฝายกขึ้นดื่มอึกๆ
           
เนื่องจากพี่ภูไม่ได้สวมเสื้อ จากมุมที่ผมนั่งอยู่พี่ภูเลยดูเซ็กซี่สุดๆ เขายืนเอียงทำมุมสี่สิบห้าองศา ทำให้เห็นกล้ามหน้าท้องอย่างชัดเจน ไหนจะกล้ามอก กล้ามแขน กับลูกกระเดือกที่กำลังขยับขึ้นลงตอนดื่มนมนั่นอีก มันทำให้ผมนึกถึงฉากที่พวกพระเอกอเมริกันซีรี่เปิดหาเครื่องดื่มในตู้เย็น
           
เสียงริงโทนมือถือดึงผมออกมาจากภาพตรงหน้า หันไปมองทางพี่กฤษ เห็นอีกฝ่ายคว้ามือถือบนโต๊ะขึ้นมากดรับสาย พูดอืมๆ สองสามคำก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
             
“เพื่อนพี่มารับแล้ว พี่ไปก่อนนะ พอดีนัดทำโปรเจ็กต์กับเพื่อนไว้” ร่างสูงกำยำเดินมาหยุดตรงหน้าผม ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูว่า “ไว้เย็นนี้พี่กลับมา เราค่อยมาต่อที่ค้างไว้นะครับ”
           
“.....” ประโยคชวนขนลุกนั่นทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมองเขาด้วยความหงุดหงิด แต่พี่กฤษกลับหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี
           
“เฮ้ยภู กูไปก่อนนะ”
           
พี่ภูดึงขวดแกลลอนออกจากปาก พยักหน้าแทนคำตอบ แล้วเก็บนมพาสเจอร์ไรส์ที่เหลืออยู่ครึ่งแกลลอนกลับเข้าไปในตู้เย็น
           
เสียงปิดประตูดังขึ้นหลังจากพี่ภูเดินกลับมาที่โต๊ะ ผมกำลังจะตักอาหารกินต่อ แต่ดันเหลือบไปเห็นกระเป๋าตังค์ที่วางอยู่บนโต๊ะบาร์เข้าซะก่อน
           
“เดี๋ยวธารมานะครับ”

ด้วยความเร่งรีบ ผมคว้ากระเป๋าตังค์ราคาแพงไว้ในมือ แล้วรีบวิ่งออกจากห้องทั้งที่ยังสวมแค่สลิปเปอร์ กำลังจะตะโกนเรียกพี่กฤษที่อยู่ในลิฟท์ ประตูลิฟท์ก็เลื่อนปิดพอดี ผมจึงได้แต่เดินไปกดปุ่มบนกำแพง ยืนรอให้ลิฟท์อีกตัวเคลื่อนลงมา พอเข้าไปในลิฟท์แล้วถึงเพิ่งนึกออกว่าตัวเองไม่ได้เอามือถือติดตัวมาด้วย แม้แต่คีย์การ์ดก็ลืมทิ้งไว้บนห้อง จะโทรหาพี่กฤษก็ไม่ได้ ถ้าตามไปไม่ทันก็ค่อยโทรบอกให้ย้อนกลับมาเอาละกัน
           
มาถึงด้านล่าง ผมเห็นหลังพี่กฤษไวๆ อยู่ที่หน้าประตูคอนโดเลยรีบวิ่งตามออกไป
           
“พี่กฤษ! กระเป๋าตังค์!” พอผลักประตูคอนโดเปิดออก ผมก็รีบตะโกนบอกคนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา
           
“อ้าว พี่ลืมเอาไว้เหรอ” สีหน้าพี่กฤษดูไม่ดีเท่าไหร่ตอนที่หันมาเห็นผม เขารีบปิดประตูรถแล้วยื่นมือมารับของ “ขอบคุณมากนะ อุตส่าห์เอาลงมาให้”
           
“อือ”

จริงๆ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาลงมาให้หรอก แค่ตกใจแล้วรีบวิ่งตามมา รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในลิฟท์แล้ว
           
“งั้นพี่ไปก่อนนะ”
           
“ครับ”
           
ยังไม่ทันที่พี่กฤษจะกลับขึ้นรถ ประตูฝั่งคนขับก็เปิดออก คนที่ก้าวลงมาจากรถหันมาส่งยิ้มเหยียดๆ ให้ผม
           
“ไงธาร ไม่เจอกันนานนะ”
           
ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่กฤษที่ยังยืนค้างอยู่กับที่ ในเมื่อพี่กฤษดันรู้ทันว่าผมคิดจะเอาคืนเขา งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทนเก็บความรู้สึกแย่ๆ แล้วแกล้งทำตัวโง่เง่าอีกต่อไป

“อ๋อ...จะไปทำโปรเจ็กต์กับเพื่อน?” ผมยกมือขึ้นกอดอก “พี่ณัฐนี่เขาเรียนคณะเดียวกับพี่กฤษด้วยเหรอ”
           
วันก่อนสองคนนี้ยังทะเลาะกันเพราะผมอยู่เลย แต่นี่คืนดีกันแล้ว? ความสัมพันธ์แนบแน่นดีจังนะ
           
พี่กฤษฉวยมือผมไปกุมไว้ ใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ บนหลังมือ “ไว้กลับมาพี่จะอธิบายให้ฟังนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงขอร้อง
           
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอกครับ เพราะแต่ละอย่างที่พี่อ้าง มันก็เรื่องโกหกทั้งนั้น”

ได้ยินผมพูดแบบนั้นพี่ณัฐก็ยิ้มมุมปาก สีหน้าเหมือนกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ ด้วยความหมั่นไส้ ผมเลยแกล้งเอียงหัวแล้วยกมือขึ้นเกาที่คอ พอสายตาหมอนั่นเหลือบมองตามมือของผม หน้าตาจากดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างกับเพิ่งอมบอระเพ็ดเข้าไป

“ธาร พี่เคยบอกแล้วไงว่าพี่จะไม่โกหกธารอีก”
           
“แล้วไอ้ที่บอกว่าจะไปทำโปรเจ็กต์กับเพื่อนนี่คือ?”
           
พี่กฤษอ้าปากจะแก้ตัวต่อ ผมเลยดึงมือข้างที่ถูกกุมเอาไว้ออก แล้วยกขึ้นปิดปากเขา “อมวัดมาพูดก็ไม่เชื่อ เอาปากไปจูบกิ๊กพี่เหอะ”
           
พูดจบผมก็ผลักพี่กฤษออกห่าง แล้วหันหลังเดินหนีกลับเข้ามาในคอนโด ไม่ได้เหลียวกลับไปมองว่าพี่กฤษกำลังทำสีหน้ายังไง หรือพี่ณัฐได้อาละวาดอยู่รึเปล่า ผมไม่แคร์เลยสักนิด ก็แผนที่ผมจะหลอกปั่นหัวพี่กฤษมันพังไปแล้ว ผมยังต้องแคร์อะไรอีก?
           
แต่พี่กฤษนี่ก็มั่นใจในตัวเองเกินเหลือเกินนะ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผมกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา แต่ก็ยังจะอยากคืนดีกับผมอีก เขาคิดจริงๆ เหรอว่าผมยังมีใจให้ หรือจะทำให้ผมกลับไปรักเขาเหมือนเดิมได้?

ถ้าพี่กฤษทนพฤติกรรมแย่ๆ ของผมได้ ก็ทนต่อไป เพราะผมเองก็ยังอยากใช้เขายั่วโมโหพี่ภูเหมือนกัน!

Pie2Na
ตอนหน้าพี่อติณจะได้ออกโรงละนะะะ มาอย่างแซ่บเลยครับ

ปล1.
ขอบคุณเม้นบนมากครับ นานๆทีจะมีหลุดเข้ามาสักเม้น
ดีใจมากจริงๆ เอาจริงๆไม่คิดด้วยซ้ำว่ายังมีคนตามอ่านอยู่
5 5 5 5  (หัวเราะกลบเกลื่อนน้ำตา)
 :sad4: :sad4: :sad4: :hao5:

ปล2.
คนอ่านเก่าหายหมดเลยฮะ เนื้อเรื่องมันสนุกน้อยลงใช่เปล่า
ส่วนตัวก็รู้สึกนะว่ามันมีแต่ฉากน้ำหลากมากเกินไป แต่อารมณ์มันพาไปอะนะ 5 5 5 5

ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่ ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วชอบก็ชวนเพื่อนๆ มาอ่านกันบ้างนะครับ
ถือว่าช่วยเป็นกำลังให้คนเขียนเนอะ เอาจริงๆ นี่เข้ามาอ่านเม้นทุกวันเลย แต่ไม่มีเม้นใหม่เลย 5 5  5

ยังไงก็ขอบคุณคนที่ยังติดตามนะครับ
(เราไม่ได้คุยคนเดียวใช่ไหม 5 5  5 5 5 5 โอ้ยอาย)
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่18 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-10-2016 22:05:05
กฤษ จับปลาสองมือสินะ
แต่ปลาตัวหนึ่ง ไม่ชอบมือที่จับแล้ว
แถมเห็นอีกมือก็มีปลาอีกตัว
ตกลงธาร เป็นลูกใคร ใช่พี่อติณหรือเปล่า?
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่18 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 11-10-2016 22:43:32
เริ่มคิดถึงคุณพ่อของน้องธารแล้ว  :hao4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่18 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 18-10-2016 20:07:44

Chapter 19
เรื่องราวในอดีต

2: 15 P.M.

@Atin’s House
   
ช่วงบ่ายผมมาหาพี่อติณที่บ้าน ตอนแรกเขานัดเจอผมที่คอฟฟี่ช็อปใกล้คอนโดพี่ภู แต่เพราะเรื่องที่ผมจะคุยกับพี่อติณไม่เหมาะจะพูดในที่สาธารณะ พวกเราเลยนัดเจอกันที่นี่แทน
   
หลังจากกดออดสั้นๆ สองครั้ง ผมก็ยืนรออยู่หน้ารั้ว ไม่ถึงสองนาทีพี่อติณก็ออกมาเปิดประตูพาผมเดินเข้าไปในบ้าน ตอนเดินผ่านห้องนั่งเล่น เจอป้าขิงนั่งเฝ้าน้องตุลย์เล่นต่อรางรถไฟอยู่ ผมจึงรีบยกมือไหว้
   
“สวัสดีครับป้าขิง”    

“สวัสดีค่ะน้องธาร”
   
ป้าขิงรับไหว้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องตุลย์เงยหน้าขึ้นมาจากรางรถไฟพลาสติก พอเห็นผมก็ทิ้งของเล่นในมือแล้ววิ่งมากอดขาทันที
   
“พี่ธารๆ เล่นรถไฟ”
   
“พ่อต้องคุยธุระกับพี่ธารก่อนครับ ไว้เดี๋ยวเสร็จแล้วจะให้พี่เขามาเล่นด้วยนะ” พี่อติณที่ยืนอยู่ข้างผมก้มลงพูดกับลูกชาย
   
น้องตุลย์อิดออดเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยขาผมออก ยืนจ้องผมกับพ่อตัวเองด้วยดวงตากลมแป๋ว “ขอช็อกๆ”
   
“คร้าบ เป็นเด็กดีพ่อต้องให้รางวัลเนอะ ป้าขิงเอาช็อกๆ ให้น้องด้วยนะครับ” พี่อติณขยิบตาให้ป้าขิง ป้าแกเลยรีบเดินไปหยิบช็อกโกแลตบาร์ในตู้เย็นให้น้อง พอเจ้าตัวเล็กนั่งจุ้มปุ๊กลงกับพื้น ยุ่งอยู่กับการแกะห่อช็อกโกแลตจนลืมสนใจพวกเรา พี่อติณก็ส่งสัญญาณให้ผมเดินตามเขาไปที่ห้องทำงาน
   
ในห้องทำงานพี่อติณมีโซนรับแขกสำหรับสี่คนอยู่ เขาให้ผมนั่งรอที่โซฟา ส่วนตัวเองเดินไปหยิบนมกับขนมในตู้เย็นเล็กตรงมุมห้องมาให้
   
“น้องตุลย์ชอบงอแงตามพี่เข้ามาในนี้บ่อยๆ พี่เลยต้องตุนขนมกับเครื่องดื่มสำหรับเด็กไว้ แต่ถ้าธารอยากได้เบียร์แทนนมเดี๋ยวพี่ไปหยิบให้ใหม่” พี่อติณพูดติดตลกพลางวางขนมกับนมพลาสเจอไรส์ลงบนโต๊ะ เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่รอยยิ้มเหมือนจะสะดุดไปนิดตอนที่สายตาหลุบลงมองที่ต้นคอของผม ทำให้ผมต้องแกล้งทำเป็นยกมือเกาท้ายทอย เพื่อใช้ฝ่ามือปิดบังรอยคิสมาร์กพวกนั้น...คิดแล้วก็โมโหพี่กฤษชะมัด
   
“.....”

“ที่นัดเจอพี่วันนี้ มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่เหรอ” อีกฝ่ายนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มยังคงไม่จางจากใบหน้า
   
“เมื่อวันเสาร์ ในห้องล็อกเกอร์...ธารได้ยินที่พี่อติณกับพ่อคุยกันครับ”

   
[Atin’s Part]
   
ธารได้ยินที่ผมกับตะวันคุยกัน?
   
ผมเงียบไปเกือบนาทีถึงค่อยฝืนยิ้มถาม “ธารรู้อะไรมากแค่ไหนจากสิ่งที่ได้ยินวันนั้นครับ”
   
น้องธารก้มหน้า บีบมือตัวเองเล่น เขาไม่ได้ตอบแต่กลับย้อนถามผมแทน “พี่อติณว่าธารกับพ่อดูคล้ายกันไหมครับ”
   
ลองถามมาแบบนี้แสดงว่าน้องต้องพอจะรู้อะไรมาบ้างแล้ว แล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องโกหก ที่สำคัญความเห็นแก่ตัวของผม มันกำลังสั่งให้ผมพูดทุกอย่างออกไป บอกให้ธารรู้เพื่อจะพรากเขาออกมาจากตะวันซะ
   
ถ้ายึดติดแค่สายเลือด...ธารเป็นของผมโดยชอบธรรม
   
“ตากับผมของธารเป็นสีน้ำตาลอ่อน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แม้ว่าความรู้สึกภายในจะเริ่มปั่นป่วน จิตใจฝั่งดีกับฝั่งเลวกำลังถกเถียงกันไม่หยุด ใจหนึ่งก็อยากให้ธารรู้ความจริง แต่อีกใจ...ก็ไม่อยากทำร้ายความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกคู่นี้ “...สีเดียวกับของน้องตุลย์”
   
“......” มือเล็กๆ ทั้งคู่ที่วางอยู่บนหน้าตักบีบแน่นยิ่งกว่าเดิม
   
“ตอนแรกพี่ยังแอบคิดเลยว่าธารเป็นลูกครึ่งรึเปล่า อย่างพ่อพี่...ปู่น้องตุลย์เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ น้องตุลย์เลยได้ตากับผมสีน้ำตาลเหมือนของปู่มา”

ตัวผมเองเค้าโครงหน้าก็พอจะดูออกบ้างว่าอาจมีเสี้ยวต่างชาติ อย่างสีผมกับตาก็เป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วนธารกับน้องตุลย์ ถึงรูปร่าง เค้าโครงหน้าจะเหมือนคนเอเชีย แต่สีผิว สีผม สีตากลับแตกต่างออกไป หลังจากที่ได้คุยกับตะวันที่ยิม ผมเลยเริ่มเอะใจมากขึ้น
   
“พ่อกับแม่ธารเป็นคนไทยแท้ทั้งคู่ สีผมกับสีตาของธารแค่เพี้ยนไปเท่านั้นล่ะครับ” ธารพูดทั้งที่ยังก้มหน้า น้ำเสียงของน้องฟังดูก้าวร้าวเล็กน้อย “ไม่ว่าคนที่ทำให้ธารได้เกิดมาจะเป็นใคร แต่ยังไงพ่อตะวันก็ยังเป็นพ่อของธาร”
   
ผมยื่นมือไปจะลูบหัวธาร แต่กลับถูกน้องปัดออกอย่างแรง การกระทำที่เหมือนจะต่อต้านและไม่ต้องการผม มันทำให้ผมรู้สึกผิดหวัง เสียใจ และจุกจนพูดไม่ออก ความโกรธเคืองต่อตะวันที่เหมือนจะจางหายไปนานแล้ว เอ่อท้นขึ้นมาอีกจนได้...บางทีอาจจะไม่ใช่โกรธหรือแค้นอะไร แต่ผมอิจฉาเขามากกว่า
   
เขาแย่งคนที่ผมรักไปจนหมด และผมเองก็อยากจะแย่งคืนมา...
   
“ถ้าธารยืนยันว่าตะวันเป็นพ่อของธาร ทำไมธารถึงยังมาถามหาความจริงจากปากพี่”
   
“ธารก็แค่ต้องการยืนยันว่าความรักที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด”

“.....” ผมขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจที่ธารพูดสักเท่าไหร่
   
“งั้นธารกลับก่อนนะครับ” พูดจบธารก็ผุดลุกขึ้นทันที พอน้องเดินผ่านโซฟาที่ผมนั่งอยู่ ผมจึงคว้าข้อมือเล็กๆ นั่นเพื่อรั้งเขาไว้
   
“ธารไม่อยากรู้เหรอว่าเรื่องราวทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ยังไง” ใบหน้าน่ารักก้มต่ำ ดวงตากลมโตมีแววสั่นไหว เขาอาจจะอยากรู้ แต่ก็คงกลัวว่าความจริงพวกนั้นเลวร้ายเกินกว่าจะรับได้
ผมหวังว่าความอยากรู้จะมีมากกว่า...
   
“ถ้าธารยังไม่อยากฟังตอนนี้ ไว้คราวหน้านึกอยากรู้ขึ้นมา พี่ก็พร้อมจะเล่าให้ฟังนะ”
   
“......” น้องพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุม แต่แค่ผมกระชากแรงๆ ครั้งเดียว ร่างผอมบางก็ถลาล้มลงมาบนตัวผม ดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตานั่นเบิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อย มือเล็กๆ ผลักดันผมออกห่าง ผมจึงรีบโอบเอวอีกฝ่ายไว้ กักขังเขาด้วยแขนแข็งแรงทั้งสองข้าง
   
เมื่อกี้ธารแทบจะนั่งก้มหน้าตลอดเวลา ผมเลยไม่มีโอกาสได้มองสีหน้าของเขา ตอนนี้ผมได้เห็นแล้วว่าธารไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่แกล้งทำเลยสักนิด ที่น้องทำเหมือนไม่แยแส และแสดงท่าทีก้าวร้าวแบบนั้นออกมา ก็เพื่อจะต่อต้านผม ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาคงทั้งตกใจและเสียใจมากที่รู้ว่าตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ
   
“ปล่อยนะ ธารจะกลับ”
   
อ้อมกอดของผมยังคงรัดแน่น ฝ่ามือค่อยๆ ลูบลงบนแผ่นหลังเล็กบาง ...ตัวของน้องสั่น ถึงจะเล็กน้อยแต่ผมก็รู้สึกได้
   
“ต่อไป เราเจอกันบ่อยขึ้นได้ไหม...พี่คงทนไม่ได้ถ้าธารหลบหน้าพี่ หรือไม่ยอมมาเจอพี่อีก”
   
“.....”
   
“น้องตุลย์ชอบธารมากนะ เมื่อวานยังร้องไห้งอแงจะให้พี่พาไปหาธารอยู่เลย...ธารไม่สงสารน้องเหรอ”

เมื่อรู้สึกได้ว่าธารไม่ได้เกร็งจนแข็งทื่อไปทั้งตัวเหมือนตอนแรก ผมจึงค่อยๆ กดตัวน้องเข้ามาแนบชิดมากขึ้น โอบกอดร่างเล็กๆ นั่นไว้จนแทบจะกลืนหายไปกับอก ริมฝีปากของผมคลอเคลียอยู่ข้างใบหูขาวเนียน สายตาหลุบต่ำ มองรอยจ้ำสีแดงช้ำตัดกับผิวขาวละเอียดบนต้นคอเรียวเล็ก

ลมหายใจของผมติดขัดด้วยความโกรธเมื่อคิดไปถึงว่ารอยพวกนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง...ถ้าธารกลายเป็นคนของผม ผมจะไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำรอยพวกนี้ได้อีก

“พี่จะรอนะครับ”

“ธารอยากกลับบ้านแล้วครับ” น้ำเสียงที่สั่นนิดๆ นั่นเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ มันเป็นเสียงเล็กๆ ของเด็กผู้ชายที่ยังไม่เข้าสู่วัยรุ่น ทั้งที่เจ้าตัวก็อายุสิบสี่แล้ว

...แต่ผมกลับชอบนะ และทุกทีที่ได้ยิน มันก็ทำให้อารมณ์ของผมปั่นป่วน

“งั้นก็ไปกันครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ผมยอมคลายอ้อมกอด ปล่อยให้คนตัวเล็กลุกออกไป
   
[End Atin’s Part]

Pie2Na
ตอนหน้าพี่น้องธารจะตกอยู่ในอันตรายครับ TT

ปล.เพิ่งเห็นว่านิยายพายโดนลงโทษแหละ โดนย้ายไปอยู่ในห้องนิยายที่ไม่มาอัพต่อให้จบ 5 5 5 5 5 5 5
ขอบคุณคอมเม้นนะครับ หวังว่าจะมีคนหลงเข้ามาอ่านบ้าง
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่18 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2016 22:31:38
แอะ.... เอาละสิ สีผม สีตา เหมือนน้องตุลย์
น้องธาร เสน่ห์ ฟุ้ง ฟีโรโมนกระจาย เกินบรรยาย
ธาร กลัวต้องแยกออกจากพ่อ
ไม่ได้ดีใจที่ไม่มีสายเลือดเดียวกับพ่อ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่19•
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 20-10-2016 01:11:01
 :o8: :-[
พี่ตรินพูดแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
แต่ที่แน่ๆคือเราชอบคุณพ่อตลอด น้องธารฟีโรโมนคลุ้งจริงๆ ไม่ใช่อะไรจริงๆชอบนิยายแนวแบบพ่อลูก พี่น้อง เข้าขั้นโรคจิตและ555 เนื้อเรื่องกำลังสนุก อิอิ รอนะค่ะ สู้ๆ
 :mew1: กอดคนเขียน อิอิ
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•เปิดจอง•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 20-10-2016 16:24:21
เปิดจองนิยาย
(Not) Innocent รัก ‘ร้าย’ เดียงสา


วันนี้-30 พฤศจิกายน
(สั่งพิมพ์ทันทีหลังปิดจอง และหนังสือน่าจะถึงมือคนอ่านไม่เกินหนึ่งเดือนหลังปิดจองครับ)

(https://upic.me/i/lx/hanw1.jpg)




รายละเอียดหนังสือ ::
หนังสือขนาด A5 กระดาษถนอมสายตา
มีภาพประกอบ 18+ จำนวน 2 ภาพในเล่ม
ความหนา : 350 หน้า +
ของแถม : ที่ขั้นทุกเล่ม //โปสการ์ด2ใบสำหรับ 10 คนแรกที่โอนเงิน//โปสการ์ด 1 ใบสำหรับคนที่โอนก่อน 31 ต.ค.
ราคา : 385 บาท (ไม่รวมส่ง)

รายละเอียดเนื้อหา ::
-   เนื้อเรื่องทั้งหมดที่ลงในเว็บ
-   ตอนพิเศษ 5 ตอน (ไม่ได้ลงในเว็บ) มีฉาก 3P NC 18+ ซึ่งต้องลุ้นเอาว่ามาลงเอยกันได้ยังไง ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ (แต่เนื้อเรื่องสมเหตุสมผลแน่นอนครับ)
>>ตอนพิเศษ 4 ตอนแรกคล้ายๆ เนื้อเรื่องภาคต่อ คือเป็นเรื่องราวหลังจากธารอายุครบ 18 ปี ว่าความสัมพันธ์ของธารระหว่างธาร พ่อ พี่ภู และคนอื่นๆ จะเป็นอย่างไร
>>อีกหนึ่งตอนเป็นเรื่องของ กฤษXณัฐว่าสองคนนี้มารักกันได้ยังไง จุดจบความรักเป็นอย่างไร (จบดี อบอุ่นหัวใจครับ)
*** เรื่องนี้เล่มเดียวจบ และจบแบบแฮปปี้ อบอุ่นละมุนละไม ดีต่อใจกับทุกฝ่ายนะครับ

รายละเอียดการจอง ::

**** ****10 คนแรกที่โอเงินเข้ามา จะได้โปสการ์ดเป็นของแถม 2ใบ+ที่ขั้น นะครับและ คนที่โอนเงินก่อน 31 ต.ค. จะได้โปสการ์ดลายปกแถม 1 ใบ+ที่ขั้น

ค่าจัดส่งลงทะเบียนธรรมดา 50 บาท/รวมค่าหนังสือ = 435 บาท
ค่าจัดส่ง EMS 80 บาท /รวมค่าหนังสือ =465 บาท

โอนเงินมาที่บัญชีธนาคารกรุงเทพ
เลขที่บัญชี : 634-012096-0
ชื่อบัญชี : NAWAPORN

***หลังโอนเงินแล้วถ่ายรูปสลิป/แคปหน้าจอสำหรับ iBanking หรือแจ้งเวลาโอน ยอดโอน
เข้ามาทางแชทเพจ Pie2Na (https://www.facebook.com/pie2na/)<<คลิก /แชทเฟส Pie Area / ไลน์ไอดี Pie2na ทางใดทางหนึ่ง
รอยืนยันตอบกลับ และส่งชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่งหนังสือให้พายนะครับ ^^
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้ครับ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่ 20 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 21-10-2016 21:02:25
Chapter 20
โดนเอาคืน
(ครึ่งแรก)

   
P’ Krit: ตอนนี้ธารอยู่ไหนครับ?
   
ขณะอยู่บนรถระหว่างทางกลับคอนโด ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูไลน์ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วนิดๆ กับข้อความของพี่กฤษที่ถูกส่งมาเมื่อสิบห้านาทีก่อน
   
Thara Than: กำลังกลับคอนโดครับ มีอะไรเหรอ?

P’ Krit: ถึงคอนโดแล้วแวะมาหาพี่ที่ห้องหน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย

พี่กฤษกลับห้องแล้ว? ไหนบอกว่าจะกลับเย็นๆ นี่เพิ่งจะบ่ายสามเอง

Thara Than: อยากจะคุยเรื่องเมื่อเช้า?

P’ Krit: อืม

Thara Than: ไม่จำเป็น

P’ Krit: ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ยังมีเรื่องอื่นด้วย

เรื่องอะไรของเขานะ แล้วที่ไม่ยอมมาหาผมที่ห้องพี่ภู แต่ดันเรียกไปห้องตัวเองแทนนี่คือเป็นเรื่องที่พี่ภูรู้ไม่ได้? ผมชักจะสงสัยขึ้นมานิดๆ แล้วสิ

Thara Than: ก็ได้ครับ เดี๋ยวถึงแล้วจะไปหาที่ห้องนะ

ข้อความถูกอ่านทันที หลังจากนั้นพี่กฤษก็ไม่ได้ตอบอะไรมาอีก

สิบห้านาทีต่อมารถของพี่อติณก็เข้ามาจอดที่หน้าคอนโด ผมหันไปยกมือขอบคุณเขา แล้วปลดสายเบลท์เพื่อจะลงจากรถ แต่ก่อนจะได้เปิดประตู พี่อติณกลับขว้าข้อมือของผมไว้

“ธาร”

“...ครับ?”

“ตอนนี้ธารคบกับใครอยู่รึเปล่า”

“.....” ผมขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากตอบคำถามนั้น อีกอย่างผมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะถามไปเพื่ออะไร...แค่อยากรู้งั้นเหรอ?

“พี่แค่เป็นห่วงน่ะ” พี่อติณยื่นมือมาที่ลำคอของผม ปลายนิ้วสากไล้ไปตามผิวบริเวณที่มีรอยคิสมาร์กอยู่ เขาขมวดคิ้วเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง ขณะที่ผมได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างนิ่งงัน “...ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องตัวธาร” 

ใครจะแตะต้องตัวผมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?

“ธารดูแลตัวเองได้ครับ” ผมบอกพร้อมกับปัดมือข้างนั้นออก แล้วรีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที



3: 47 P.M.
@The Attribute Condominium

ผมไม่ได้ส่งไลน์บอกพี่กฤษว่ามาถึงคอนโดแล้ว และเพราะว่ามีคีย์การ์ดห้องพี่กฤษอยู่ มาถึงหน้าห้องเลยเปิดประตูเข้าไปเลยโดยไม่ได้กดออด

ประตูเพิ่งถูกเปิด ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไปข้างใน เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น ทำให้ผมต้องยกไอโฟนในมือขึ้นมาเปิดดูข้อความ

Ahpuhp : อยู่ไหน

Thara Than: เพิ่งมาถึงคอนโดครับ ขอแวะห้องพี่กฤษก่อนนะ

ระหว่างที่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความตอบพี่ภู ผมก็เดินเข้าไปด้านในโดยไม่ได้ส่งเสียงบอกเจ้าของห้อง ซึ่งถ้าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในห้องนอนหรือสวมหูฟังอยู่ ก็น่าจะได้ยินเสียงเปิดปิดประตูและรู้ว่าผมมาถึงแล้ว

อ้อ ไลน์ของพี่ภู ผมเพิ่งจะได้แอดก็ตอนย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับเขา ถ้าไม่ติดว่าต้องคอยตามผม พี่ภูก็คงไม่ให้ผมแอดไลน์เขาหรอก

Ahpuhp : ห้ามกลับเกินสี่โมง

ผมมองเวลาที่ข้อความถูกส่งมาล่าสุด แล้วก็ต้องกรอกตาเล็กน้อย...นี่เอาจริงเหรอ ก้นผมยังไม่ทันได้แตะโซฟาก็คงเลยสี่โมงแล้ว พี่ภูจะเข้มงวดไปไหมเนี่ย

ผมยังยืนอยู่บริเวณประตูห้อง ขณะรัวนิ้วพิมพ์ข้อความตอบกลับ ขาก็สลัดรองเท้าออกวางทิ้งไว้อย่างเกะกะ ในตอนนั้นเองที่เท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

Thara Than: ขอเป็นสี่ทุ่มแทนนะครับ

ข้อความนี้ถูกส่งไปพร้อมกับอีโมติคอลแลบลิ้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเก็บไอโฟนเข้ากระเป๋า มันก็โดนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคว้าเอาไป ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด จากนั้นถึงได้ชะงักค้างเมื่อเห็นว่าเขาคือใคร

“เอามือถือคืนมา” ผมบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ถ้ารู้ว่าพี่ณัฐอยู่ในห้องพี่กฤษด้วย ผมคงไม่ยอมตกลงมาหาเขา
หวืด…ปั่ก!

นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมคืนแล้ว มือถือของผมยังถูกขว้างผ่านหน้าไปกระทบกับผนัง ก่อนจะตกลงบนพื้นจนหน้าจอสีดำแตกละเอียด

“ทำบ้าอะไรวะ!” ผมตะคอกใส่หน้าเขาด้วยความโมโห แต่พี่ณัฐกลับยกยิ้มมุมปาก ก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวผม แล้วพูดเสียงต่ำอย่างข่มขู่

“กูจะทำมากกว่านี้อีก”

ผมเม้มปากแน่น ขมวดคิ้วจ้องพี่ณัฐอย่างโกรธๆ ขณะที่เขากลับยิ้มมองสำรวจร่างกายของผมไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาจาบจ้วง ดูจากสีหน้าโรคจิตๆ ของอีกฝ่ายตอนนี้ผมก็พอจะเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร

เท้าข้างหนึ่งของผมก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว สายตากวาดมองรอบห้องแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาร่างของพี่กฤษ ไอ้พี่บ้านั่นหายไปในตอนนี้นะ! ในตอนที่ผมกำลังจะโดนแฟนเก่าเขาขย้ำ!

“มองหาแฟนเก่ามึงอยู่เหรอ” พี่ณัฐสาวเท้าเข้ามาใกล้อีกก้าว เขาล้วงไอโฟนสีทองออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดปิดเครื่อง ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่หน้าจอจะดับไป ผมเห็นว่าภาพ Home Screen คือใบหน้าเอ๋อๆ ของตัวเองตอนหลับ

...มือถือของพี่กฤษ!

ไม่รู้ว่าณัฐเอามือถือเครื่องนี้มาได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ คนที่ส่งข้อความให้ผมมาหาที่นี่คือเขา และที่แย่ไปกว่านั้น...ในห้องนี้มีแค่เราสองคน

“มึงคิดจะทำอะไร” ผมมองหาทางหนีทีไล่ หมอนี่สูงเกินร้อยแปดสิบด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นคนสูงโปร่งไม่ได้ตัวหนามากแต่ก็มีกล้าม ไม่ได้ผอมแห้งแรงน้อยแบบผม ถ้าให้ต่อสู้กันตัวต่อตัวแบบไร้อาวุธ ผมคงไม่มีทางชนะเขาได้แน่

“ทำมึงไง” พี่ณัฐวางไอโฟนเครื่องนั้นไว้บนตู้เก็บรองเท้าชั้นบนสุด ห่างจากผมหลายก้าว

“….!”

ผมคว้าตุ๊กตากระเบื้องที่วางประดับอยู่บนตู้เก็บรองเท้าขว้างใส่อีกฝ่ายสุดแรง แต่หมอนั่นกลับเบี่ยงศีรษะหลบได้อย่างเฉียดฉิว

เพล้ง!

ของประดับชิ้นนั้นกระทบเข้ากับผนังแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษกระเบื้องบางส่วนกระเด็นใส่หน้าพี่ณัฐ สร้างรอยแผลเล็กๆ เลือดไหลซิบไว้บนโหนกแก้ม

ไม่รอให้พี่ณัฐได้สติ ผมก็รีบหันหลังกลับ ก้าวไปยังประตูซึ่งอยู่ห่างไปแค่เอื้อม แต่มือยังไม่ทันได้แตะลูกบิด แขนอีกข้างกลับถูกกระชากอย่างแรงจากทางด้านหลัง ส่งให้ร่างของผมกระแทกเข้ากับแผงอกของอีกฝ่าย  หมอนั่นก้มมองผมด้วยสีหน้าโกรธๆ ดึงรั้งให้ผมเดินตามไปด้านใน

คิดว่าผมจะยอมงั้นเหรอ...

ปึก!

ผมกระทืบลงบนหลังเท้าพี่ณัฐเต็มแรง ตามด้วยเหวี่ยงหมัดเข้าใส่หน้าของเขา

พี่ณัฐไม่ได้โชคดีเหมือนครั้งแรก คราวนี้เขาถูกผมชกเข้าอย่างจัง หน้าหล่อๆ นั่นหันไปตามแรงหมัด ในจังหวะที่เขาไม่ทันตั้งตัว ผมก็รีบหมุนตัวไปทางประตูอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่ร่างของผมล้มกระแทกพื้นเพราะถูกหมอนั่นยื่นเท้าเข้ามาขัด

บ้าเอ้ย!

ในขณะที่ผมพยายามตะกายลุกขึ้น พี่ณัฐกลับโถมร่างลงมาทาบทับ ก่อนจะจับผมพลิกตัวนอนคว่ำ แล้วรวบมือทั้งสองข้างไว้บนแผ่นหลังด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา

ผมกระเสือกกระสนดิ้นรน เหลือบมองไปด้านหลังก็เห็นว่าหมอนั่นกำลังล้วงไอโฟนสีดำอีกเครื่องออกมาจากกระเป๋ากางเกง จิ้มนิ้วลงบนหน้าจอสองสามครั้ง แล้วเอามันไปวางไว้บนชั้นวางรองเท้าเหนือศีรษะของผมขึ้นไปเล็กน้อย

ผมกัดฟันกรอด...ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏเป็นภาพเคลื่อนไหวอยู่บนหน้าจอมือถือ และในมุมนี้ กล้องสามารถจับภาพใบหน้าของผมได้อย่างชัดเจนจนแทบเห็นรูขุมขน

“ไง ร่านมากก็มาลองกับกูหน่อยไหม”

“สัตว์! ปล่อย!”

“เหอะ!” พี่ณัฐโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่บริเวณกกหูทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงจนขนลุก “ถ้าไม่อยากให้คลิปมึงไปโฆษณาอยู่บนหน้าเว็บโป๊ ต่อไปก็อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก”

Pie2Na
ครึ่งหลังจะรีบมาอัพให้ภายในพรุ่งนี้มะรืนนี้นะครับ ^^
แจ้งข่าว
หนังสือเปิดพรีออเดอร์แล้วนะครับ
รายละเอียดหนังสือ ของแถม ตอนพิเศษ อยู่ในเพจ(คลิก)>> Pie2Na << (https://www.facebook.com/pie2na/)นะครับ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่20(ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-10-2016 22:42:17
 :L2: :pig4:

นัฐ มาทำให้เขาแตกแยก แกแค้นเขาได้ด้วยหรอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่20(ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 22-10-2016 09:22:10
อิณัฐเดี๋ยวเจอๆๆ ชั่วจริงๆ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่20(ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 24-10-2016 17:43:49
Chapter 20
โดนเอาคืน (ครึ่งหลัง)

คอเสื้อของผมถูกกระชากจนได้ยินเสียงเนื้อผ้าฉีกขาด หัวไหล่ขาวเนียนโชว์หราอยู่บนหน้าจอ ได้แต่มองไอ้พี่ณัฐก้มลงมาดูดเม้ม ขบกัดจนสร้างรอยเอาไว้ด้วยความเจ็บใจ ในท่าที่ต้องนอนคว่ำโดนอีกฝ่ายกดทับเอาไว้ทั้งตัว แถมข้อมือทั้งสองยังถูกรวบเอาไว้ด้านหลังแบบนี้ ผมไม่มีทางหนีได้เลย

ผมพยายามตั้งสติ รวบรวมคำพูดเพื่อเอามาต่อรองกับเขา “ได้! ต่อไปสัญญาว่าจะไม่ยุ่งแล้ว ปล่อยสิ!”

“.....” ไม่มีคำพูดตอบกลับมา ได้ยินเพียงแค่เสียงดูดเม้มที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงจนแทบอ้วก “ตอนแรกกูก็ไม่ชอบคนตัวผอมแห้งแบบมึงนะ ยังสงสัยอยู่เลยว่ากฤษมันเอามึงลงไปได้ยังไง แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจละ...ขาวเนียนไปทั้งตัวแบบนี้ จับตรงไหน...” ฝ่ามืออีกฝ่ายสอดเข้ามาใต้เสื้อยืด ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง “...ก็นุ่มนิ่มไปหมด...กอดแล้วได้อารมณ์ชะมัดเลยว่ะ”

“ไอ้เหี้_ กูบอกให้ปล่อยไง!”

พี่ณัฐเค้นหัวเราะ เขาเลื่อนฝ่ามือไปลูบบริเวณต้นขาเปล่าเปลือยของผม ถึงจะสวมกางเกงอยู่ก็จริง แต่ขากางเกงสั้นมาก ยิ่งขยับตัวก็ร่นขึ้นไปอีก

“เกะกะชะมัด ถอดออกซะดีไหม”

ไม่ว่าเปล่า หมอนั่นพยายามถอดกางเกงของผมออกจากสะโพก กระชากแรงๆ ไม่กี่ครั้ง มันก็หลุดไปกองที่หัวเข่า คราวนี้ผมเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว กลัวจนรู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังสั่นและเหงื่อซึมไปทั่วตัว

ผมดิ้นรนกระเสือกกระสนหนักกว่าเดิม คนด้านบนสบถคำหยาบออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะคว้าเอาเชือกผูกรองเท้ามามัดข้อมือของผมไว้อย่างแน่นหนา รัดแน่นเสียจนเส้นเชือกครูดผิวจนผมรู้สึกเจ็บ

หมอนั่นพลิกตัวของผมหันกลับมานอนหงาย ใช้มือข้างหนึ่งบีบคอผมไว้ ยิ่งผมดิ้นคอก็ถูกบีบแรงขึ้นจนหายใจไม่ออก เรี่ยวแรงทั้งหมดจึงเริ่มหดหายไปพร้อมกัน

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ทำตัวดีๆ” เห็นผมทุรนทุรายเหมือนกำลังจะขาดใจ มือข้างที่บีบคอผมไว้จึงยอมคลายออก ปล่อยให้คอเล็กๆ ของผมเป็นอิสระ ถึงจะโกรธแค้นผมแค่ไหน แต่เขาคงไม่กล้าพอจะฆ่าผมให้ตาย

ผมไอโขรก พยายามหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะดิ้นรนอีก และเมื่อตั้งสติได้อีกครั้ง กางเกงของผมก็หลุดพ้นข้อเท้าไปแล้วด้วยฝีมือของคนด้านบน ยังดีที่เหลืออันเดอร์แวร์ขาสั้นปกปิดร่างกายส่วนล่างเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่บนร่างของผมได้อีกนานเท่าไหร่

พี่ณัฐโถมตัวลงมาทาบทับอีกครั้ง ใช้ริมฝีปากดูดเม้มสร้างรอยบนผิวขาวจัด ขณะเดียวกันฝ่ามือทั้งคู่ก็ลูบไล้บีบเค้นไปทั่วทุกส่วน สัมผัสพวกนั้นทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาด้วยความกลัวและขยะแขยง แต่ก็พยายามหยุดตัวเองไม่ให้ต่อสู้ดิ้นรนอีกเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ

ที่ด้านหลัง ผมพยายามง้างข้อมือทั้งสองข้างออกจากกัน ถึงจะถูกพี่ณัฐมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่เชือกที่ใช้ก็เป็นแค่เชือกผูกรองเท้าเส้นเล็กๆ ที่ยืดหดได้ เมื่อมันหลวมขึ้นเล็กน้อยจากการขยับข้อมือแรงๆ ผมก็ดึงมือข้างหนึ่งจนหลุดออกมา โดยไม่สนว่าเชือกนั่นจะบาดผิวจนเจ็บแสบ

ทันทีที่มือทั้งสองข้างเป็นอิสระ ผมพยายามเอื้อมหยิบไอโฟนบนชั้นวางรองเท้าโดยไม่ให้คนด้านบนรู้ตัว สิ่งของที่อยู่ในระยะเอื้อมถึง มีแค่มือถือเครื่องนี้เท่านั้นที่ใช้เป็นอาวุธได้

ออกแรงเอื้อมจนสุดแขนก็ยังไม่สามารถคว้ามาได้ ขณะเดียวกันเสื้อยืดบางๆ บนตัวผมก็ถูกถลกขึ้นมาไว้เหนืออก ริมฝีปากอุ่นร้อนที่กำลังดูดเม้มตุ่มไตสีแดงข้างหนึ่งบนผิวขาวจัด ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรมากไปกว่าความรังเกียจ คงเห็นผมไม่ขัดขืน หมอนั่นถึงได้สัมผัสไปทั่วทุกส่วนบนร่างกายของผมอย่างได้ใจ

ผมข่มความรู้สึกอยากอาเจียน กระเสือกตัวไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอามือถือเครื่องนั้นมาไว้ในมือได้สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน สายตาของพี่ณัฐก็เหลือบมาเห็นเข้าพอดี เขายื่นมือออกมาเพื่อแย่งคืน แต่ก็ช้าไป...
ตุบ!

ไอโฟนในมือผมกระแทกเข้าที่ขมับหมอนั่นเต็มแรง กำลังจะกระแทกลงไปอีกก็ถูกเขาคว้าข้อมือเอาไว้ ผมใช้มืออีกข้างเหวี่ยงหมัดออกไป แต่ยังไม่ทันจะแตะโดนตัวอีกฝ่าย กลับกลายเป็นผมเองที่ต้องจุกจนร่างคุดคู้เพราะถูกชกเข้าที่ท้องอย่างจัง

“กูบอกให้ทำตัวดีๆ มึงไม่เข้าใจเหรอ!”

ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบเอาไว้เหนือหัว และถึงแม้ขาของผมจะเป็นอิสระ แต่เพราะถูกอีกฝ่ายคร่อมทับลำตัวช่วงบนเอาไว้ ต่อให้เตะถีบไปก็ไร้ประโยชน์

ชั่วแวบหนึ่งแววตาของพี่ณัฐมีแววลังเลเล็กน้อย แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเกี่ยวรั้งอันเดอร์แวร์ของผมลงไปกองอยู่ที่ต้นขา จากนั้นก็ใช้ไอโฟนถ่ายใบหน้าของผม ไล่มาตามลำคอ ช่วงตัวที่แทบเปลือยเปล่าและมีรอยคิสมาร์กเด่นหราเต็มไปหมด ต่ำไปจนถึงส่วนล่าง แล้วจึงยัดมือถือเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง

ตอนที่ผมคิดว่าคงจะต้องตกเป็นของอีกฝ่าย เขากลับหยุดนิ่ง จ้องมองผมด้วยแววตาข่มขู่ ปล่อยให้ผมตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและอับอาย

“ถ้ามายุ่งกับคนของกูอีก รู้ใช่ไหมว่ามึงต้องเจออะไร”

หมอนั่นผละออกไป ผมถึงเข้าใจว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำมันตั้งแต่แรก แค่จะคู่ให้ผมกลัวและถ่ายคลิปน่าอายเก็บไว้แบล็คเมล์เท่านั้น ตราบใดที่ผมไม่ยุ่งกับพี่กฤษ คลิปนั่นก็จะไม่หลุดออกไป แต่ถ้าผมยังดื้อด้านไม่เลิก นอกจากจะต้องถูกปล่อยคลิปแล้ว เรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะเกิดขึ้นจริงๆ

ผมยังคงนอนสั่นเทาอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าเพราะอาการจุกและบอบช้ำไปทั่วร่าง หรือเพราะรู้สึกกลัวจนสติกระเจิดกระเจิง ถึงทำให้ผมแทบไม่มีแรงจะขยับตัว ทำได้แค่ใช้มือสั่นๆ ดึงอันเดอร์แวร์ที่ค้างอยู่บนต้นขาขึ้นมาสวม ดึงชายเสื้อลงมาปิดบังร่างกาย แล้วพลิกตัวตะแคงข้าง นอนคุดคู้กอดร่างกายตัวเองไว้อย่างปกป้องก็เท่านั้น

ความรู้สึกโกรธเกลียดในใจผมมันถูกความกลัวบดบังไปหมด ในตอนนี้แม้ว่าร่างกายของผมจะเป็นอิสระ ไม่ได้ถูกจับมัดเอาไว้ และต่อให้ผมอยากเอาคืนเขามาแค่ไหน แต่ผมจะทำอะไรได้? ผมไม่มีแรงมากพอจะไปสู้กับเขา แค่เอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก็ยากแล้ว

เรื่องมาถึงขนาดนี้ผมถึงเพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองไม่ควรไปปากดีกับพี่ณัฐตั้งแต่แรก ผมก็แค่เด็กผู้ชายอายุสิบสี่เท่านั้น ไม่มีความกล้าเท่ากับเขาที่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ วันนี้ผมโชคดีที่เขายอมปล่อยผมไป แต่ถ้าครั้งหน้าผมเกิดทำให้เขาโมโหอีกล่ะ?

ไม่รู้ว่าด้วยความสงสารหรือสมเพช พี่ณัฐโยนกางเกงมาให้ บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนจะลุกยืนขึ้นว่า “แต่งตัวซะ”

คำพูดสั้นๆ นั้นทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเริ่มตั้งสติได้ผมจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง กำลังจะสวมกางเกง ก็เห็นเท้าของพี่ณัฐก้าวผ่านตัวผมไปทางประตู แต่ยังไม่ทันที่ผมจะสอดขาเข้าไปในกางเกงและอีกฝ่ายยังไม่ได้ออกจากห้อง เสียงติ๊ดๆ ก็ดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเข้ามา

ผมแหงนหน้ามองไปทางนั้นด้วยความตกใจ คนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องยังไม่สังเกตเห็นผมเพราะถูกพี่ณัฐยืนบังไว้ เขาขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า ขณะที่พี่ณัฐดูจะอึ้งๆ ไปนิด
 
“ไอ้กฤษอยู่ไหน” อีกฝ่ายพูดก่อนจะผลักไหล่พี่ณัฐที่ยังยืนนิ่งอึ้งให้หลีกทาง

Pie2Na
คอมเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าบ้างน้า
ขอบคุณที่ติดตามครับ ^^
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่20(ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-10-2016 18:42:16
พี่ภู หรือเปล่า ? :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่20(ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-10-2016 21:32:48
 :katai1:ลุ้นกันอีกรอบงง :ling1:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่21•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 27-10-2016 20:43:52
Chapter 21
สั่งสอน

4: 12 P.M.
@The Attribute Condominium

[Phupha's Part]

ธารจะคบกับกฤษก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ถึงเพื่อนผมคนนี้จะเจ้าชู้ไปหน่อย แต่มันก็ดูจริงจังกับธาร เต็มที่กับธารต่างจากแฟนคนก่อนๆ ที่มันเคยคบ...ผมไม่ควรจะขัดขวาง ไม่ควรไปยุ่งเรื่องของสองคนนี้ ผมเป็นแค่พี่ชายของธารเท่านั้น...พี่ชายที่ไม่มีสิทธิ์หึงหวง

แต่รู้อะไรไหม...ถึงผมจะย้ำกับตัวเองแค่ไหน ตอนนี้ผมกลับมายืนอยู่หน้าห้องไอ้กฤษ และกำลังใช้คีย์การ์ดที่น้าตะวันให้มา เปิดเข้าไปในห้องมันโดยไม่ได้กดออด เพราะอยากให้เจ้าของห้องรู้ว่า ต่อให้เอาน้องชายผมมากกที่นี่ ผมก็บุกเข้าไปได้อยู่ดี

น้าตะวันให้คีย์การ์ดใบนี้ตั้งแต่ช่วงสองสามวันแรกที่ธารย้ายมาอยู่กับผม ตอนแรกผมก็งงว่าเขาจะให้ไว้ทำไม แต่มาตอนนี้ผมพอจะเข้าใจความคิดของเขาแล้วล่ะ…น้าตะวันอยากให้ผมคอยเป็นหูเป็นตาแทนเขา ซึ่งในขณะเดียวกันเขาก็ยืมมือไอ้กฤษมาเป็นตัวแทรกกลางระหว่างผมกับธาร

.....

ประตูถูกผลักเปิดเข้าไป คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้ผมต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ขณะที่อีกฝ่ายมองผมอย่างอึ้งๆ...ผมรู้จักหมอนี่ มันชื่อณัฐ เรียนคณะนิติศาสตร์ พ่อแม่มีอิทธิพลพอสมควร และที่สำคัญมันเคยเป็นคู่นอนของไอ้กฤษ (ไอ้กฤษบอกว่าพยายามสลัดมันอยู่ แต่หมอนี่ดันหลงเพื่อนผมหัวปักหัวปำ)

แล้วทำไมไอ้ณัฐถึงมาอยู่ที่นี่?

ไอ้กฤษชวนธารมาที่ห้องทั้งที่มีอดีตคู่นอนของมันอยู่ด้วย!?

“ไอ้กฤษอยู่ไหน” ผมผลักไหล่คนตรงหน้าให้หลีกทาง ดูเหมือนไอ้ณัฐเพิ่งจะได้สติหลังจากยืนอึ้งมองผมอยู่นาน มันอ้าปากจะพูดอะไรสักอย่าง ใครบางคนก็พูดแทรกขึ้นมา

“พี่ภู...ฮึก...”

น้ำเสียงสั่นเครือที่เอ่ยเรียกชื่อผมดังมาจากด้านหลังของไอ้ณัฐ ผมมองข้ามไหล่อีกฝ่ายไปก็เห็นร่างสั่นเท่าของธารกำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้น สังเกตให้ดีถึงเห็นว่าน้องไม่ได้สวมกางเกง ใบหน้าน่ารักมีน้ำตาอาบแก้ม แถมยังมีรอยแดงช้ำรอบคอและข้อมือ ภาพที่เห็นทำให้ผมคิดได้แค่อย่างเดียว...

ไอ้เหี้ยนี่มันทำระยำกับธาร!

ผัวะ!

หมัดของผมซัดเข้าที่แก้มไอ้ณัฐอย่างจังจนมันหน้าหงาย ตามด้วยยกเท้าถีบเข้าที่ท้อง ส่งร่างสูงโปร่งลงไปนอนกองกับพื้น ผมไม่ปล่อยโอกาสให้ไอ้ณัฐทันตั้งตัวก็ขึ้นคร่อมบนตัวมัน แล้วซัดหมัดใส่หน้าหล่อๆ นั่นไม่ยั้ง

“กู...กูยังไม่...ได้ทำ”

เสียงพูดขาดๆ หายๆ ของไอ้ณัฐทำให้ผมชะงัก หมัดที่กำลังจะอัดลงบนหน้ามันครั้งที่เท่าไหร่เกินจะนับ ค้างอยู่กลางอากาศ ผมหันไปมองธาร เห็นน้องยังนั่งร้องไห้ตัวสั่นก็กระชากคอเสื้อคนใต้ร่าง เค้นเสียงเย็นถาม

“ยังไม่ได้ทำ? งั้นมึงทำอะไรไปแล้วบ้าง”

ผัวะ!

อีกหมัดกระแทกเข้าที่แก้มซ้ายจนหน้าสะบัด มันถุยน้ำลายปนเลือดออกจากปาก มองผมด้วยสีหน้าสะลึมสะลือเหมือนใกล้จะสลบเต็มที

“กูแค่จะขู่ธาร”

ผมง้างหมัดจะชกมันอีกก็รู้สึกว่าชายเสื้อโดนกระตุก จากหางตาผมเห็นว่าธารกำชายเสื้อของผมเอาไว้

“พอ...พอแล้ว...ธารกลัว”

ผมกัดกรามอย่างระงับอารมณ์ ยอมผละออกจากร่างของไอ้ณัฐด้วยความจำใจ สภาพของมันตอนนี้คงทำให้ธารกลัวได้อยู่หรอก หน้าตายับเยิน เลือดกำเดาไหลย้อมพื้นพรมกับเสื้อเป็นหย่อมๆ ถ้าโดนผมอัดอีกหมัดเดียวคงได้สลบไปจริงๆ แน่

“มันทำอะไรธาร บอกพี่มา”

ธารกัดปาก ก้มหน้าเหมือนไม่กล้าพูด แต่สุดท้ายก็พึมพำออกมาเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน “เขาอัดเอาไว้ในมือถือ”

ไม่ทันที่ธารจะพูดจบผมก็คลำไปที่กระเป๋ากางเกงของไอ้ณัฐ ก่อนจะหยิบเอาไอโฟนสีดำออกมา ยืนขึ้นข้างๆ ร่างไร้เรี่ยวแรงของมันแล้วเปิดดูคลิปวีโอล่าสุดที่ถูกอัดไว้ เสียงที่ดังลอดออกมาจากคลิปทำให้ธารตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม และมันก็ทำให้ผมโมโหจนต้องกระทืบลงบนร่างสูงโปร่งนั่นอีกรอบ!

ผมกดส่งคลิปเข้ามือถือตัวเอง ก่อนจะลบคลิปต้นฉบับทิ้ง แล้วปาไอโฟนในมือใส่ผนังอย่างแรงจนหน้าจอแตกละเอียด จากนั้นจึงหันกลับมาเค้นถามคนที่นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น

“มันทำอะไรมากกว่านี้รึเปล่า”

“.....” ธารส่ายหน้า

“มึง...” ผมชี้หน้าไอ้ณัฐ “อย่ามายุ่งกับน้องกูอีก ไม่งั้นเรื่องถึงตำรวจแน่”

อย่างที่บอกว่าพ่อแม่ของมันมีเส้นสายพอสมควร ถ้าผมไปแจ้งความตอนนี้ ไอ้ณัฐก็จะแค่ถูกลงบันทึกประจำวัน ปรับเงินนิดหน่อย แล้วโดนปล่อยตัวไป เพราะมันยังไม่ได้ลงมือข่มขืนน้องผมจริงๆ อีกอย่างธารเป็นผู้ชาย อย่างมากคือผิดฐานทำอนาจาร ซึ่งไม่หนักพอที่จะเอาเรื่องได้ และเป็นไปได้ว่าหลังจากนั้นมันจะมาหาเรื่องน้องผมอีก

ในทางตรงข้าม ถ้าผมไม่แจ้งความแต่เก็บคลิปเอาไว้ข่มขู่ มันก็จะไม่กล้ามายุ่งกับธาร เพราะไอ้ณัฐเรียนนิติ พ่อแม่อยู่ในสายงานด้านกฎหมาย มันเองก็คงหวังอยากจะทำงานทางด้านนี้ในอนาคต ซึ่งถ้าเรื่องถึงตำรวจ ถึงจะไม่ถูกจับแต่มันก็จะมีประวัติแย่ๆ ติดตัวไปจนตาย และหากทางมหาลัยรู้ก็อาจกระทบถึงการเรียน เท่ากับอนาคตของมันจะดับวูบไปด้วย

“แค่กๆ” ไอ้ณัฐตะเกียกตะกายลุกขึ้น มองผมด้วยสายตาโกรธแค้นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ “กูไม่ได้อยากจะเอาน้องมึง ที่กูทำทั้งหมด ก็เพื่อไม่ให้มันมายุ่งกับคนของกูอีก...” มันหันไปมองธาร พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “กูรักกฤษจริงๆ กูขอได้ไหม”
ใช้แรงข่มขู่ไม่ได้ก็มาอ้อนวอนแทน?

“มึงออกไปได้ละ” ผมเบื่อจะฟัง รำคาญสายตาเต็มทีที่เห็นมันยังอยู่ในห้องนี้

“ก็ได้...ธารจะไม่ยุ่งกับพี่กฤษ” จู่ๆ ธารก็พูดขึ้น ไอ้ณัฐที่กำลังเดินสะโหลสะเหลไปที่ประตูชะงักเท้า หันกลับมามองน้องผมด้วยสายตามีความหวัง “...แต่ถ้าพี่กฤษยังมายุ่งกับธาร นั่นก็เป็นเรื่องระหว่างพี่กับพี่กฤษสองคน ไม่เกี่ยวกับธาร”

อืม...เลิกยุ่งในความหมายของธารคงหมายถึง หยุดความสัมพันธ์ที่เกินเลย แต่ยังคงต้องเจอหน้ากันอยู่ เพราะกฤษก็พักอยู่ที่นี่ แถมมันยังเป็นเพื่อนผม อย่างวันนี้ผมก็ต้องเรียกไอ้กฤษมาคุยให้รู้เรื่อง ว่าทำไมถึงปล่อยให้คู่นอนมันมาทำร้ายธารได้
ว่าแต่ไอ้เวรนั่นหายหัวไปไหน?

“ขอบคุณ...” ไอ้ณัฐพึมพำเบาๆ แล้วชะงักไป สีหน้าดูลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดอีกคำหนึ่งออกมา “ขอโทษ”
ประตูถูกดึงเปิดออก ก่อนจะปิดลง ในห้องนี้เหลือแค่ผมกับธารสองคน...

ผมเหลือบมองคนที่ยังนั่งก้มหนนิ่งเงียบอยู่บนพื้น พอย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างเดียวลงตรงหน้าอีกฝ่าย น้องก็โผเข้ากอดผมทันที ได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากร่างเล็กๆ นั่น ผมจึงลูบหลังปลอบ

ต่อหน้าไอ้ณัฐ ธารคงพยายามฝืนให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้หมอนั่นรู้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน แต่พอเหลือแค่เราสองคน น้องก็ร้องไห้เหมือนเด็กๆ ซุกหน้าลงกับอกผมอย่างต้องการที่พึ่ง

ถึงจะเอาแต่ใจและทำตัวร้ายกาจบ้าง แต่จริงๆ แล้วจิตใจของธารเปราะบางกว่าเด็กวัยเดียวกันซะอีก น้องถูกปกป้องมากเกินไปจนไม่เคยต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ ตรงกันข้ามกับผมที่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวในต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นเด็กเอเชียที่ตัวเล็กกว่าคนอื่นก็เลยโดนกลั่นแกล้ง ต้องต่อสู้ดิ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว

อาจจะเพราะว่าผมเป็นคนที่แข็งกระด้างเกินไป...ในสถานการณ์แบบนี้จึงไม่รู้จะพูดปลอบน้องยังไงดี ได้แต่หุบปากเงียบแล้วลูบหลังเขาเท่านั้น

“กลับห้องกัน” ผมบอกหลังจากธารเริ่มสงบลง

น้องขยับออกห่าง ในตอนนี้เองที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขายังไม่ได้สวมกางเกง ธารก็คงรู้ตัว ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาถึงเห่อแดงไปหมด มือเล็กๆ นั่นรีบคว้ากางเกงมาสวมอย่างลุกลี้ลุกลน ภาพที่เห็นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาได้แม้ในใจจะยังกังวลอยู่บ้าง

รอจนธารแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ผมจึงพาน้องออกจากห้องไอ้กฤษ ขณะเหวี่ยงบานประตูปิดลงก็ล้วงไอโฟนขึ้นมากดโทรหาไอ้เวรนั่น แต่ดันโทรไม่ติด

เสือ_ปิดเครื่องในเวลาแบบนี้?

ผมยกมือเสยผมอย่างหัวเสีย คงต้องรอมันกลับมาหลังห้าโมงเย็นโน่นล่ะถึงจะได้คุยกัน
           
[End Phupha’s Part]

Pie2Na
ตอนหน้ามาลุ้นกันว่าไอ้พี่กฤษมันจะต้องคุกเค่าอ้อนวอนเบอร์ไหนเพื่อจะรั้งน้องธารไว้ 5 5 5 5  5
เรื่องนี้โดนทรมานใจกันทุกคนเลย หนักสุดน่าจะเป็นพี่ภูนะ
รักเค้าแต่ทำไรไม่ได้ ก็มาสายซึนให้ทำไง 5 5 5 5
#ขออ่านคอมเม้นให้ชื่นใจหน่อยน้า
เม้นเยอะอัพไว พลังใจมาเพียบ 5 5 5 5
ขอบคุณนะครับ
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่21•
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 27-10-2016 22:36:53
โดนป้ายยามา ^^
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่21•
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 27-10-2016 22:49:09
เก็บตังแป็บ เรื่องนี้คือดี มันผิด มันบาปได้ใจ ชอบดาร์คๆ แบบนี้มาก นานทีปีหนจะโผล่มาสักเรื่อง ต้องเสียเงินให้เรื่องนี้จนได้สินะ :katai3:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่21•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 30-10-2016 17:48:10
Chapter 22
ตัดสัมพันธ์

[Special Part: Phupha]

6: 17 P.M.

เสียงออดปลุกให้ผมสะลึมสะลือตื่น ก้มมองคนที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่ ดวงตาอีกฝ่ายยังคงปิดสนิท ใบหน้าตอนหลับของธารดูน่ารักเสียจนผมอดใจไม่ไหว ต้องยื่นมือไปลูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ แต่พอเห็นรอยแดงช้ำที่คอกับข้อมือเล็กๆ นั่นก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าไอ้ณัฐทำน้องแรงขนาดไหนถึงมีรอยเต็มไปหมด ยิ่งผิวขาวจัดแบบนี้ด้วยแล้ว รอยช้ำจึงยิ่งเด่นชัด

ถึงจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น ผมก็พอเดาได้ว่าธารต้องกลัวมากแน่ เพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องไอ้กฤษจนถึงตอนนี้ น้องไม่ยอมห่างผมเลย เอาแต่กอดแขนผม คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ทำตัวไม่ต่างจากลูกแมว ครึ่งชั่วโมงที่แล้วถึงผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

ธารที่อ่อนแอแบบนี้ทำให้ผมทำใจแข็งไม่ลง...

เสียงออดดังขึ้นอีกสองครั้ง ร่างที่เคยนอนนิ่งสนิทบนโซฟาขยับพลิกตัวเล็กน้อย ผมจึงอดหงุดหงิดคนที่กดออดไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ว่ากำลังรอไอ้กฤษอยู่ และอาจจะเป็นมันที่กำลังยืนอยู่หน้าห้อง ผมคงไม่เสียเวลาลุกไปเปิดประตูให้หรอก

ผมช้อนหัวของธารวางลงบนโซฟา ขณะเดียวกันก็ขยับตัวลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง แล้วจึงก้าวเดินไปทางประตู

"กว่าจะมาเปิด กูเกือบจะไปละเนี่ย นึกว่าไม่มีใครอยู่" คนที่ยืนอยู่หน้าประตูพ่นน้ำลายใส่ผมทันทีที่เจอหน้า

"หุบปากแล้วเข้ามา น้องกูหลับอยู่"

ไอ้กฤษเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มันเดินตามผมเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ พอเห็นว่าธารกำลังนอนขยี้ตาด้วยท่าทางสะลึมสะลืออยู่บนโซฟา ก็หันมาขยับปากบอกผมแบบไม่มีเสียงว่า 'ตื่นแล้ว'

"เออ" ผมเค้นเสียงใส่มันอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างธารที่กำลังงัวเงียลุกขึ้น ส่วนไอ้กฤษเลือกนั่งลงบนโซฟาอีกตัวข้างๆ ผม ไม่ได้มาเบียดบนโซฟายาวตัวเดียวกับพวกเรา ยังดีที่มันพอรู้มารยาทอยู่บ้าง

"พี่ภู" ธารเรียกผมเสียงอ้อนๆ แล้วเข้ามากอดแขน ซบหน้าลงกับไหล่ของผม ไม่เหลือบแลแฟนเก่าตัวเองสักนิด ซึ่งการได้เห็นสีหน้าหึงหวงของไอ้กฤษก็ทำให้ผมสะใจอยู่หน่อยๆ

"ธ...."

“นี่ไอ้กฤษ...” อีกฝ่ายยังไม่ทันได้พูดออกมาเป็นคำก็โดนผมขัดซะก่อน "มึงสั่งสอนคู่นอนมึงยังไง ถึงปล่อยให้มันมาข่มขู่น้องกูได้"

"คู่นอนกู?" กฤษทำหน้างง "ไอ้ณัฐ? มันก็แค่อดีตป่าววะ...แล้วมันทำอะไรธาร"

"กระเป๋าตังค์กับมือถือมึงอยู่ไหน" ผมถามไปอีกเรื่อง

"ไม่รู้วางลืมไว้ที่ไหนว่ะ...ทำไมจู่ๆ ถามวะเนี่ย"

"มือถือพี่กฤษอยู่บนตู้วางรองเท้าในห้องพี่ กระเป๋าตังค์ก็น่าจะอยู่ในห้องนั่นล่ะครับ" ธารที่เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดพูดแทรกขึ้น "พี่ณัฐเขาคงจะแอบหยิบมา"

ไอ้กฤษขวดคิ้ว ทำท่าคิด "วันนี้พี่มีถ่ายงานตั้งแต่เช้า เป็นโปรเจ็กต์กลุ่มที่ต้องทำส่งอาจารย์เดือนนี้ แต่ยังหานายแบบไม่ได้ เลยขอให้ณัฐช่วยเป็นนายแบบให้ มันถ่ายเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่พี่ต้องอยู่แต่งภาพต่อ กว่าจะเสร็จก็เย็นแล้ว มัวแต่ยุ่งทั้งวันเลยเพิ่งรู้ตัวว่ามือถือกับกระเป๋าตังค์หายไปก็ตอนจะแยกย้ายกันกลับ...เป็นไปได้ว่าณัฐอาจจะแอบหยิบไปตอนพี่กับเพื่อนยุ่งๆ กันอยู่"

"......" ขนาดนี้แล้วยังต้องใช้คำว่า 'อาจจะ' อีกเหรอ นี่ไอ้กฤษเข้าข้างอดีตคู่นอนมันใช่ไหม?

"แล้วที่มือถือกับกระเป๋าตังค์กูโดนเอาไป มันเกี่ยวอะไรกับที่ณัฐข่มขู่ธาร?" คราวนี้ไอ้กฤษหันมาถามผม

"ไอ้ณัฐใช้มือถือมึงส่งข้อความบอกน้องกูให้ไปหาที่ห้อง ธารนึกว่ามึงเป็นคนส่งเองเลยยอมไป"

"......"

"มันปล้ำน้องกูแล้วอัดคลิปไว้แบล็คเมล์"

"...!!!" ไอ้กฤษอึ้ง มันมองไปที่ธารอย่างสำรวจ แล้วคงจะเห็นรอยช้ำแดงรอบคอกับข้อมือของน้อง สีหน้าเลยยิ่งดูกังวลเข้าไปใหญ่ “แล้วธาร...”

“ไอ้ณัฐไม่ได้ลงมือทำถึงขั้นนั้นจริงๆ แล้วกูก็จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว"

ไม่รู้ว่าไอ้กฤษตีความคำว่า 'จัดการ' ของผมไปถึงขั้นไหน หน้าของมันถึงได้ซีดจนแทบจะกลายเป็นกระดาษ ดูท่าทางเป็นห่วงไอ้ณัฐมาก แค่ไม่ได้ถามออกมาตรงๆ เพราะเกรงใจผมกับธาร...แต่เวลาแบบนี้คนที่มันควรเป็นห่วงคือน้องผมไม่ใช่เหรอ?

แม่_! เห็นหน้าซีดๆ ของมันแล้วหงุดหงิดจังวะ

"มึงเอาคีย์การ์ดมึงคืนไป" ผมล้วงคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงยื่นให้มัน ซึ่งไอ้กฤษก็ยอมรับไว้ด้วยสีหน้าสับสนกังวล คีย์การ์ดใบนี้ธารฝากผมเอาคืนให้ไอ้กฤษ ส่วนอีกใบที่น้าตะวันให้มา ผมจะเก็บเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน "ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับน้องกูอีก ธารไม่อยากกลับไปคบกับมึง ระหว่างมึงกับน้องกูให้มันจบลงแค่นี้ ถ้ายังจะมากเรื่อง...มึงรู้นะว่าจะโดนอะไร"

"แต่กู..."

"มึงจะบอกว่ามึงรักน้องกู? ปากมึงพูดอย่าง แต่คนที่มึงห่วงตอนนี้เป็นใคร ถามใจตัวเองดู"

"....."

ธารที่นั่งซุกอกผมอยู่ขยับตัวเล็กน้อย ผมก้มมองน้อง เห็นว่าเขากำลังถอดจิลที่หูข้างซ้ายออก

“ขอมือหน่อยครับพี่กฤษ” น้องบอกเสียงเบา ไอ้กฤษที่ยังไม่เข้าใจว่าธารจะทำอะไร ขมวดคิ้วนิดๆ แต่ก็ยอมยื่นมือออกมา มือเล็กๆ ของธารจับมือไอ้กฤษให้แบออก แล้ววางต่างหูข้างนั้นลงไป “ธารคืนให้พี่นะครับ”

“.....”

ผมนั่งกั้นกลางระหว่างคนสองคนอยู่ มือของคนทั้งคู่จึงอยู่ตรงหน้าผมพอดี ทำให้ผมเห็นลักษณะต่างหูข้างนั้นค่อนข้างชัด เป็นจิลเงินทรงกลมแบนเล็กๆ ที่มีรูปตัว K สีดำตรงกลาง

K ย่อมาจาก Krit?

ผมเห็นน้องใส่จิลอันนี้เอาไว้ตลอด แต่ก็เพิ่งได้รู้ว่ามันมีความหมายยังไง...ผมไม่รู้หรอกว่าธารยังรักกฤษอยู่รึเปล่า แต่ในเมื่อกฤษเป็นแฟนคนแรก น้องต้องรู้สึกผูกพันกับมันบ้างอยู่แล้ว ดังนั้นถึงจะเลิกกัน ธารก็ยังใส่ต่างหูที่กฤษเคยให้ไว้ มาตอนนี้น้องไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายในฐานะที่เกินเลยอีก ถึงตัดใจคืนมันไป

“ธาร...”

"ไสหัวออกไปจากห้องกูได้ละ" ผมตัดบท ไม่อยากทนเห็นฉากล่ำลาบอกรักของสองคนนี้ต่อ

ไอ้กฤษมองธารเหมือนต้องการให้น้องพูดอะไรออกมาบ้าง แต่หลังจากคืนของสำคัญให้แล้ว ธารก็ไม่แม้แต่จะเหลือบหางตาไปมองมันอีก

"ขอโทษแทนณัฐด้วยนะ...งั้นกูกลับล่ะ" ตอนพูดประโยคนี้สีหน้าไอ้กฤษฝืดเฝื่อนเต็มทน

"โชคดีครับ" คำพูดสั้นๆ ที่เฉยเมยของธารแทนคำบอกลาได้ดี แล้วดูจากแววตาไอ้กฤษตอนนี้ มันคงเจ็บจนแทบทรุด เอาจริงๆ ผมก็เห็นใจมันนั่นล่ะ แต่ความรักความห่วงน้องย่อมมีมากกว่า

อย่างที่บอกว่าไอ้กฤษไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ความโลเลของมันในวันนี้ ทำลายความเชื่อใจ (อันน้อยนิด) ที่ผมเคยมีให้จนหมด
ผมส่งสายตาบอกให้ไอ้กฤษกลับๆ ไปสักที ซึ่งมันก็ยอมลุกขึ้นอย่างรู้ตัว

เพิ่งได้ยินเสียงประตูปิดลง ประตูคอนโดก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ผู้ชายร่างสูงกำยำจะเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น

ยังไม่ทันได้เอ่ยทักด้วยคำพูดไร้มารยาท คนตัวเล็กที่เคยนั่งอยู่ข้างกาย เอาแต่คลอเคลียผมไม่ต่างจากลูกแมวเมื่อครู่ จู่ๆ ก็ยอมปล่อยมือออกจากท่อนแขนของผม ผุดลุกขึ้นแล้วโผเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้นแทน
           
เจ็บชะมัด...
           
ในสายตาธาร พี่ชายอย่างผมคงไม่เคยเทียบพ่อสุดรักสุดหวงของเขาได้เลย แต่จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่ตัวผมเองที่เอาแต่ทำร้ายจิตใจน้อง มันก็ถูกแล้วที่เขาจะรักคนอื่นมากกว่า

ส่วนผม...ก็ทำได้แค่อิจฉาผู้ชายคนนั้นไปวันๆ
           
[End Phupha’s Part]


Pie2Na

ตอนนี้เครียดๆ น่าเบื่อไปหน่อย
ตอนหน้าหวานละมุนอบอุ่นหัวใจแน่นอน...พ่อมาละไง 5 5 5 5  5

สปอยล์ว่า...พ่อต้องเห็นรอยบนตัวน้องธารแน่ๆ แต่จะว่าไรไหมนั้นรออ่านนะ ^^

ตอนนี้มีคนอ่านอยู่กี่คน ช่วยแสดงตัวหน่อยได้ไหมคร้าบ เงียบเหงาเกินไป  :hao5:

ขอบคุณทุกคอมเม้นนะครับ ด้วยรักและอาลัยยิ่ง รออ่านคอมเม้นเธอที่ท่าน้ำทุกวันเลยหนา  :oo1:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่22•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-10-2016 19:10:51
โอ๋ๆ......รักนะ อย่าน้อยใจนะ ไร้ท   :L1: :L1: :L1:
เร้ว.....อ่านๆ กันแล้ว ช่วยกันเม้น
ให้กำลังใจไร้ท กันนะ :mew1: :mew1: :mew1:
กฤษ ยื้อรักธาร ทั้งที่ใจมีณัฐ
ที่ตามตื๊อธาร คงเพราะไม่อยากยอมแพ้
พอรู้ว่าณัฐ โดนภู จัดการ
เลยแสดงความห่วงณัฐออกมา
ธาร รักจริงๆ คือภู
กับพ่อ รักเพราะผูกพันใกล้ชิด หรือเปล่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่22•
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 30-10-2016 22:08:56
สู้ๆค่ะ เรื่องสนุกดี ยังเดาไม่ถูกว่าพระเอกคือใครกันแน่ แต่เชียร์คนพ่อนะคะ 555  คนพี่เหมือนจะดีแต่ก็..ชอบคนพ่อมากกว่า555 นี่เอาความรู้สึกตนเองเป็นที่ตั้งมาก ธารอาจจะรักภูแต่ธารจะยอมทิ้งพ่อเลือกภูเหรอ บางทีความผูกพันธ์ก็น่ากลัวที่สุดนะคะ หรือคุณพ่อจะยอม3p แต่เราไม่เชียร์นะ5555
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่22•
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 30-10-2016 23:31:55
อ่านมาตั้งนาน สรุปกฤษ ชอบนัฐหรอกเหรอ

เชียร์พ่อกะภูนะ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่22•
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-10-2016 00:56:12
 :L2: :katai5:

รอความละมุน
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่23•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 02-11-2016 17:40:25
Chapter 23
ออดอ้อน

   
“เป็นอะไรครับ”
   
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ผมเฝ้าคิดถึงกระซิบถาม แต่ผมทำเพียงส่ายหน้าอยู่กับอกของพ่อ เอาแต่เงียบไม่ยอมตอบ จะให้บอกไปได้ยังไงล่ะว่าวันนี้ผมเจออะไรมาบ้าง ถ้าพ่อรู้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แล้วผมก็ไม่อยากให้พ่อต้องคิดมากด้วย ยังไงพี่ภูก็จัดการปัญหาพวกนั้นไปหมดแล้ว พี่ณัฐคงไม่มายุ่งกับผมอีก
   
“.....”

ผมผละออกจากอ้อมกอดอุ่น เงยมองใบหน้าหล่อคมคายแล้วก็ต้องเสหลบสายตาที่จ้องตอบมา เผลอเม้มปากด้วยความประหม่า รู้สึกเหมือนกำลังถูกล้วงความลับทั้งที่ยังไม่ได้อ้าปากพูดสักคำ

“ขึ้นไปข้างบนกันครับ เราคุยกันหน่อยดีกว่า” พ่อโอบไหล่ผม พาออกเดินพร้อมกัน แต่ขณะที่พวกเรากำลังก้าวขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องนอนของผมบนชั้นสอง น้ำเสียงเฉยชาของพี่ภูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เปิดประตูห้องทิ้งไว้ด้วย”

ผมเงยหน้า แอบเหลือบมองสีหน้าคนข้างๆ มุมปากของอีกฝ่ายโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา



ภายในห้องนอนของผม เราสองคนนั่งข้างกันบนเตียง ถึงบรรยากาศจะนิ่งเงียบไปหน่อยแต่ไม่ได้ทำให้อึดอัด กลับรู้สึกอบอุ่นใจมากกว่าเพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คือพ่อ

“วันนี้ธารร้องไห้ใช่ไหม” หลังจากผ่านไปหลายนาทีแต่ผมยังไม่เล่าอะไรให้ฟัง พ่อจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

“.....” ผมพยักหน้า เพราะต่อให้ปฏิเสธ พ่อก็รู้อยู่ดีว่าโกหกในเมื่อตาทั้งสองข้างบวมซะขนาดนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากร้องไห้อีกแล้ว ถึงแม้ไม่กี่นาทีก่อนจะยังรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นและภาพพวกนั้นยังติดตา แต่พอได้อยู่ใกล้ๆพ่อ ความกังวล อึดอัดใจทุกอย่างก็หายไปเกือบหมด มันทำให้ผมวางใจและรู้สึกปลอดภัยเพราะมีคนคอยปกป้อง

“ร้องไห้ทำไมครับ”

“ธาร...ทะเลาะกับเพื่อนนิดหน่อยน่ะครับ แต่ตอนนี้ดีกันแล้วนะ”

“หืม?”

ปล่อยให้พ่อซักต่อไม่ดีแน่ เพื่อหาทางเปลี่ยนประเด็น ผมเลยใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวหนาๆ นั่นไว้ ซุกหน้าเข้ากับแผงอกกำยำ พูดเสียงอู้อี้อย่างออดอ้อน

“พรุ่งนี้ธารไม่อยากไปโรงเรียนเลย ขอหยุดหนึ่งวันนะ” เรื่องนี้ผมขออนุญาตพี่ภูไว้แล้ว พี่ภูเองก็ไม่ใจร้ายพอจะบังคับให้คนที่เพิ่งเจอเรื่องแย่ๆ มาต้องไปโรงเรียน

“ได้สิครับ”

“อือ แต่พ่อต้องมาหาธารด้วย”

ที่จริงไปคอนโดพ่อคงทำอะไรๆ ได้สะดวกกว่า แต่ถ้าคนที่รู้สึกแย่จนไปโรงเรียนไม่ไหวดันออกไปตะลอนข้างนอก มันคงไม่เนียนเท่าไหร่ แล้วผมก็เชื่อว่าพี่ภูต้องโทรเข้าเบอร์คอนโดเพื่อเช็คดูแน่ๆ ว่าผมอยู่ห้องรึเปล่า

“พรุ่งนี้พ่อมีนัดเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ด้วยสิ”

“.....”

ถูกฝ่ามือนุ่มๆ สอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ต ลูบวนอยู่ที่หน้าท้อง ตัวของพ่อถึงกับเกร็งไปเล็กน้อย

“แต่ยังไงพ่อจะเคลียร์งานให้เสร็จช่วงเช้า แล้วมาหาธารตอนบ่ายโมงดีไหม?”

ผมชะงักมือที่ลูบอยู่บนหน้าของแข็งเกร็ง เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มจนตายิบหยีให้พ่อ “ดีครับ”

“เอามือออกมาได้แล้วครับ เดี๋ยวพี่ภูก็เห็นหรอก” พ่อพูดเหมือนจะปราม แต่กลับไม่ได้ดึงมือของผมออกมาจริงๆ แถมยังยิ้มขำที่ผมลูบๆ ท้องของพ่อต่อ

เหลือบตามองไปทางประตูที่ถูกเปิดค้างไว้ ไม่เห็นเงาใครสักคนตรงนั้น ผมก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยไม่ลืมที่จะคว้าแขนคนข้างๆ ลงมานอนด้วยกัน ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ขืนตัวไว้ ยอมนอนลงแล้วยังคว้าตัวผมไปกอดซะแน่น
   
“พรุ่งนี้รีบมานะครับ ธารมีอะไรจะเซอร์ไพรซ์พ่อด้วย” ผมเงยหน้าพูด ระดับสายตาอยู่ที่ปลายคางของพ่อพอดี ด้วยความหมั่นเขี้ยวเลยใช้นิ้วชี้จิ้มปลายคางอีกฝ่ายเล่น ตอหนวดเล็กๆ ที่ถูกโกนจนแทบมองไม่เห็น ให้ความรู้สึกระคายผิวนิดหน่อย
   
“เซอร์ไพรซ์อะไรเหรอ”
   
“ไม่บอกหรอก”
   
“งั้นบอกเรื่องอื่นได้ไหม”
   
“อะไรครับ” ผมเลิกคิ้ว ยังไม่หยุดจิ้มปลายคางสากๆ เล่น
   
“รอยที่คอกับที่ข้อมือได้มายังไง”

คำพูดของพ่อทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย มาวกเข้าเรื่องเดิมอีกจนได้...ผมซุกหน้าเข้ากับอกพ่อ ถูแก้มลงบนแผงอกตึงแน่นที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต ระหว่างนี้ก็เค้นความคิดหาขออ้างดีๆ มาอธิบาย

“ตอนที่ทะเลาะกับเพื่อน...บาสน่ะครับ” ผมอ้างชื่อเพื่อนสนิทเพื่อให้ฟังดูสมจริงมากขึ้น “ก็ต้องมีชกต่อยกันบ้างตามประสาเด็กผู้ชายใช่ไหมล่ะ แต่ธารสู้แรงบาสไม่ได้เลยบีบคอมัน มันก็ทำกลับ ข้อมือก็โดนบีบด้วยนะ” ทำเป็นฟ้องซะ บาสยิ่งขี้ประจบพ่ออยู่ด้วย ใส่ร้ายให้มันดูแย่ขึ้นนิดหน่อยในสายตาพ่อก็แอบสะใจเล็กๆ นะ  “แต่จริงๆ ธารไม่ได้เจ็บหรอกครับ ผิวธารโดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นรอยแล้ว พรุ่งนี้คงจางไปเอง”
   
“.....” พ่อเลิกคิ้ว ทำหน้าเหมือนยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
   
“จริงๆ นะ โทรถามบาสดูก็ได้” ทำท่าจะล้วงหาไอโฟน ผมก็นึกขึ้นได้ว่าโดนปาเละไปแล้ว

คืนนี้ต้องออกไปซื้อมือถือกับพี่ภูด้วยสิ อีกเดี๋ยวพี่ภูคงมาตาม เพราะพี่ภูบอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนบ่ายว่าจะพาไปหลังจากคุยกับพี่กฤษเสร็จ ถ้าขอไปกับพ่อแทนพี่ภูคงไม่ยอมแน่...เสียดายจัง ได้คุยกับพ่อแค่แป๊บเดียวเอง
   
“แล้ว...” สายตาภายใต้กรอบแว่นมองสำรวจบริเวณคอและหน้าอกของผมอยู่นานเกือบนาที “...รอยคิสมาร์กพวกนี้ล่ะครับ” ปลายนิ้วสากแตะลงบนรอยจ้ำแดงสองสามรอยที่อยู่นอกร่มผ้า

...ลืมไปสนิทเลยแฮะว่านอกจากรอยช้ำ ยังมีรอยคิสมาร์กที่พี่กฤษกับพี่ณัฐทำเอาไว้ด้วย ก็จู่ๆ พ่อดันโผล่มาผมจะตั้งตัวทันได้ไง...อืม หรือบางทีพ่ออาจจะโทรมาก่อนแล้ว แต่มือถือผมใช้ไม่ได้นี่สิ

“ธาร...โดนพี่กฤษฉวยโอกาสตอนหลับน่ะครับ แต่เมื่อกี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ข้ออ้างที่พูดไปยังพอมีเค้าความจริงอยู่บ้าง หวังว่าพ่อจะเชื่อนะ

ปกติพ่อไม่ใช่คนช่างซักอะไร แต่ที่จู่ๆ ก็พูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอีกทั้งที่ผมเบี่ยงประเด็นได้แล้ว คงเพราะเป็นห่วงและกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับผม
   
“.....”
   
อาการนิ่งเงียบของพ่อทำให้ผมเริ่มกังวล พอเงยหน้ามองถึงเห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยพอใจ

“พ่อโกรธธารเหรอ”
   
“โกรธคนที่ทำรอยพวกนี้ต่างหาก”
   
ผมยิ้มออก กระซิบเสียงเบากลัวว่าคนด้านนอกจะได้ยิน “งั้นทำยังไงให้พ่อหายโกรธดีครับ”
   
“นั่นสิ...ทำยังไงดี”
   
โดนพ่อจ้องเอาๆ ผมก็ชักเขิน แต่เพราะอยากทำให้พ่ออารมณ์ดี ผมจึงกล้าพอที่จะผงกหัวมองไปทางประตูให้มั่นใจว่าไม่มีใครยืนอยู่บริเวณนั้น ก่อนจะยืดตัวขึ้น แล้วกดจมูกลงบนแก้มขวาของพ่อ

แค่หอมแก้มนิดๆ หน่อยๆ ดูเหมือนจะยังไม่ทำให้พ่อพอใจ เพราะคิ้วเข้มๆ นั่นเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถามว่า ‘แค่นี้เองเหรอ?’
   
ชอบแกล้งกันดีนักใช่ไหม เห็นผมกังวลกลัวว่าพี่ภูจะเห็นเข้าก็แกล้งผมใหญ่เลย!
   
ผมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของพ่อออกสามเม็ด พวกเราสองคนนอนตะแคงข้างอยู่ในท่าที่พ่อหันหลังเข้าหาประตู เลยได้ร่างสูงกำยำของพ่อช่วยบังไว้ ผมจึงทำ ‘อะไรๆ’ ได้สะดวกขึ้น

แผงอกเปล่าเปลือยยั่วยวนอยู่ตรงหน้า ผมไม่รีรอที่จะแนบริมฝีปากลงไป ไล้เล็มดูดเม้มอย่างเนิบช้า...มือแอบปลดกระดุมออกอีกเม็ดไม่ให้อีกฝ่ายทันรู้สึกตัว จากนั้นก็แหวกสาบเสื้อออกกว้างขึ้น ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาครอบครองจุดสีแดงอมชมพูที่เด่นชัดอยู่บนแผงอกกำยำ ตวัดด้วยปลายลิ้นแลบเลียและดูดเม้มแรงๆ จนเกิดเสียงน่าอาย

ลมหายใจของพ่อติดขัด ส่วนกลางลำตัวแข็งขืนจนผมสัมผัสได้...นั่นแหละผมจึงหยุดทุกอย่าง แล้วผละออกมา

“ง้อแค่นี้พอแล้วดีกว่า”

เห็นสีหน้าที่มักจะเรียบเฉยและประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ อยู่ตลอด ดูกล้ำกลืนฝืนทนเต็มที ผมก็อดหัวเราะคิกเบาๆ ไม่ได้
ไงล่ะ แกล้งกันดีนัก โดนเอาคืนซะบ้าง

“ร้ายนะเรา” พ่อบีบจมูกผมอย่างมันเขี้ยว

Pie2Na

โอ้วพี่ภู ตกกระป๋องเบย 5  5 5 5 5
ตอนหน้าช่วยเรียกคะแนนหน่อยนะฮะ เผื่อมีคนย้ายทีม หุหุ
ขอบคุณครับ บุย ^^

 :impress2:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่23•
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 03-11-2016 01:10:50
 ไม่เคยชอบพี่ภู ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบ เชียร์ตะวันตะวันสู้ๆๆๆ อยากให้เค้าได้กันนนนนน เรื่องนี้สนุกมากกกกก แหวกแนวทุกอย่าง ปกติไม่อ่านแนวฮาเร็มนะ แต่เรื่องนี้ต้องยกให้เลย แซ่บมาก :z3:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่23•
เริ่มหัวข้อโดย: Littlefox ที่ 03-11-2016 08:36:11
อ่านแล้วเกลียดณัฐกับกฤษมาก
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่23•
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-11-2016 08:59:40
สนุกมาก รอตอนต่อไปค่า :katai4: :hao6:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่23•
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 03-11-2016 09:48:15
พ่อตะวันกับน้องธารหยอดกันน่ารักค่ะ
เอากฤษกะณัฐไปไกลๆเลยยย สงสารธาร
ว่าแต่ยังงงๆนิดนึงค่ะ คือธารเป็นลูกอติณใช่มั้ย?
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่23•
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 03-11-2016 12:11:58
ถ้าจะมุ้งมิ้งขนาดนี้นะคะ +++เป็ดเลยค่ะ
มาตาม +เป็ด
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพเดทปกเต็ม•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 04-11-2016 14:10:40
อัพเดทปกเต็มครับ
หมดเขตโอน สิ้นเดือนนี้น้า


ปกเต็ม (ปกหน้าหลัง+สันหนังสือ)
(https://www.img.in.th/images/d997ad36b8a5d1270196052132bcf7db.jpg)



โปสการ์ดลายปก (สี)
(https://www.img.in.th/images/dfb4bc411d022677dd3f63b1b5c2d8cb.jpg)



โปสการ์ดขาวดำ (ภาพจริงไม่เซนเซอร์)
เอามาจากภาพประกอบในเล่มนะครับ
(https://www.img.in.th/images/2b1bfa00a03d84695e168b0bda266781.png)



ที่คั่นลายพี่ภู
(https://www.img.in.th/images/abd58cb176adbc62af351427fa8d1090.png)



:: หมายเหตุ ::

อันว่าที่คั่นนั้น ได้ฟรีมา พายแถมให้ทุกเล่มนะครับ
แต่โปสนั้น ตอนแรกพายแถมให้กับคนที่โอนเงินมาภายใน 31 ต.ค. ซึ่งหลายคนที่โอนมาภายหลังถามหาอยากได้โปสกัน พายเลยหลุดแถมไป แถมไปแถมมา คำนวณดู...แกรบขั้นมาม่ายังแพงแล้วตอนนี้...
ดังนั้นหากใครอยากได้โปส พายไม่สามารถแถมให้ได้แล้วนะ  TT

ถ้าต้องการโปสเพิ่มด้วย ภาพสีใบละ 15 บาท ขาวดำ 10 บาทนะครับ (ภาพขาวดำ มีเป็นภาพประกอบอยู่ในเล่มแล้วนะครับ)

คนที่โอนมาหลังจากนี้ หากอยากได้โปสจริงๆ ให้บวกค่าโปสเพิ่มมา แล้วแจ้งกับพายว่าจะเอาลายไหนนะครับ
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณครับ



หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่24 ครึ่งแรก•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 06-11-2016 12:44:57
Chapter 24
ผิดคน
(ครึ่งแรก)


7: 56 P.M.
@Central Festival
ผมกับพี่ภูนั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่าทาน แต่ผมกลับไม่ได้สนใจมันมากไปกว่าไอโฟนเครื่องใหม่ที่พี่ภูซื้อให้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ขณะก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือพร้อมกับจับตะเกียบคีบปลาดิบขึ้นมา  ไอโฟนในมือก็สั่นครืดเตือนว่ามีสายเรียกเข้า บนหน้าจอโชว์รูปหน้าหล่อๆ ของบาส
   
“ว่าไง” ผมกดรับ แล้วเอ่ยทักคนปลายสาย   

“มึงใส่ไฟอะไรกูกับพ่อมึงไว้ฮะ! น้าตะวันบุกมาถึงบ้านเลยเนี่ย”
   
เสียงตะโกนของบาสทำให้ผมต้องดึงไอโฟนออกห่างจากหูเล็กน้อย ปลาดิบที่เพิ่งคีบขึ้นมาถูกวางกลับลงไปในจาน “ตอนนี้พ่อกูอยู่บ้านมึงเหรอ”
   
“เออ! มาถึงสักพักละ นี่นั่งคุยกับพ่อแม่กูอยู่”

“แล้วนี่มึงพูดอะไรไปแล้วบ้าง” บาสไม่ใช่คนขี้ฟ้องหรอก แต่ที่ถามแบบนี้ เพราะผมยังไม่ได้เล่าอะไรให้บาสฟัง เลยกลัวว่ามันจะตามเรื่องไม่ทัน แล้วหลุดให้พ่อจับได้ว่าโกหก

“พูดอะไรได้วะ น้าตะวันว่าอะไรมากูก็เออๆ ออๆ ขอโทษแล้วขอโทษอีก แค่นั้น”

“อืม ขอบใจ”

“แค่นี้?” ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียดจากปลายสาย ก่อนที่บาสจะพูดต่อ “น้าตะวันบอกว่ามึงโดนบีบคอ เรื่องมันเป็นไงมาไง เล่ามา กูเป็นห่วง”

ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้บาสฟังตามความจริง ระหว่างนั้นก็ใช้ตะเกียบเขี่ยอาหารในจานเล่น แต่จู่ๆ ก็มีไข่หวานถูกยื่นมาจ่อตรงปาก ผมเลยอ้าปากงับโดยไม่ทันคิดอะไร พอกลืนลงคอแล้วถึงนึกขึ้นได้ เลยเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขากำลังคีบปลาดิบอยู่พอดี แล้วเนื้อปลาชิ้นนั้นก็ถูกยื่นมาจ่อที่ปากผมเหมือนเดิม

“.....”

มันถูกวางลงบนจานเล็กๆ ตรงหน้าแทนเมื่อผมไม่ยอมงับเข้าปากสักที คนที่ป้อนผมเมื่อกี้ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คีบอาหารกินต่อโดยไม่สนใจผมอีก แต่ผมน่ะใจเต้นแรงจนแทบทะลุอกอยู่แล้ว

พี่ภูไม่เคยอ่อนโยนแบบนี้กับผมเลยนะ พอมาลองคิดดูดีๆ ว่าวันนี้เขาปฏิบัติตัวกับผมแปลกไปยังไงบ้าง ผมก็รู้สึกดีใจจนหลุดยิ้มออก...พยายามกัดปากก็แล้ว แต่กลับกลั้นยิ้มไม่อยู่

“แล้วไงต่อวะ...ธาร...ฮัลโหล”

“หา...อ๋อ ก็...” เสียงของบาสดึงสติผมกลับมาอีกครั้ง  ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องที่ค้างอยู่ให้จบ จากนั้นก็โดนบาสบ่นยาว บอกให้เลิกยุ่งกับคนนู้นคนนี้ บอกให้ผมระวังตัวมากขึ้น แถมยังบ่นด้วยว่าเดี๋ยวตัวเองจะต้องถูกเฆี่ยนเพราะโดนใส่ร้าย

“กูเพื่อนมึงนะ แค่นี้ไม่ได้เหรอ”

“เออ ได้ แค่โดนพ่อตีด้วยไม้หวาย กูทนได้” ไอ้บาสถอนหายใจแรงๆ อีกรอบ “ว่าแต่มึงอะ เป็นไรมากป่าว พรุ่งนี้ให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”

“เป็นไรมากแล้วจะคุยกับมึงได้ป่ะ ไม่ต้องมาอะ กูมีคนอยู่เป็นเพื่อนแล้ว” หลุดปากพูดประโยคนี้ผมก็รีบเหลือบมองพี่ภู เห็นเขายังก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือไปกินไปโดยไม่ได้สนใจผม ผมก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง “มึงอะไม่ต้องหาเรื่องโดดเรียนเลย ยิ่งไม่ค่อยฉลาดอยู่ด้วย”

“ด่าว่าโง่เลยก็ได้ครับ”

“โง่...แค่นี้นะ”

“เดี๋ยว...”

“อะไรอีก”

“กูบอกน้าตะวันไปว่าเราทะเลาะกันเพราะมึงไม่ช่วยทำรายงานกลุ่ม มึงเอาแต่โดดเรียนแถมยังสั่งให้กูลอกการบ้านส่งแทน...ถ้าน้าตะวันถามก็ตอบให้ตรงด้วยล่ะ”

ที่บอกว่าบาสไม่ใช่คนขี้ฟ้องน่ะ ขอถอนคำพูด! และใช่...ทั้งหมดนั้นมีความจริงอยู่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่โกหกคือเราทะเลาะกัน

“ไอ้เหี้ย” อดด่าไม่ได้เลยจริงๆ

“จะว่าเหี้ย เหี้ยก็ไม่ผิด ต้องด่ากูว่าไอ้ธาร”

“ฮะ?”

“ด่าไอ้ธาร ก็เหมือนโดนด่าว่าไอ้ชั่วนั่นล่ะ เจ็บ!”
แล้วมันก็ตัดสายทันที...



11: 15 A.M.
@The Attribute Condominium

วันต่อมา

พ่อบอกว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จและมาถึงที่นี่ประมาณบ่ายโมง ผมเลยนอนขลุกอยู่บนเตียงตั้งแต่เช้าจนเบื่อ ถึงเพิ่งลุกไปอาบน้ำเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน กำลังแต่งตัวอยู่ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดมาจากชั้นล่าง
พ่อมาถึงแล้ว?

ตอนแรกผมกะจะไปดักรอที่ข้างประตู ยัดตัวเข้าไปในตู้รองเท้า แล้วโผล่ออกมาให้พ่อหัวใจวายเล่น (นี่แหละแผนเซอร์ไพร์ของผม) แต่พ่อมาก่อนเวลาแบบนี้ ผมก็อดเซอร์ไพร์เลยน่ะสิ

ผมรีบสวมเสื้อผ้าให้เสร็จ กำลังจะเปิดประตูห้องออกไปก็นึกอะไรดีๆ ได้ (?) ...อีกเดี๋ยวกางเกงก็ต้องโดนถอดอยู่ดีใช่ไหม งั้น...ถอดรอไว้ตั้งแต่ตอนนี้คงไม่เป็นไรมั้ง

บ้าสิ! น่าอายชะมัด...ถึงพ่อจะเห็นไปหมดทุกส่วนแล้ว แต่มาทำอะไรแบบนี้มันเขินนี่นา แต่...แต่ก็ยังอยากแกล้งพ่อมากกว่า
สุดท้ายผมก็ทำใจกล้าถอดกางเกงโยนทิ้งไปบนเตียง ข้างในยังสวมอันเดอร์เอาไว้ แถมเสื้อยืดตัวนี้ก็หลวมโคร่งจนคลุมสะโพก เลยไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอายมากนัก

ก๊อก...ก๊อก...

ยังไม่ทันได้ทำใจเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมที่ยืนอยู่หน้าประตูพอดีแอบสะดุ้งเล็กน้อย มือหนึ่งจับดึงชายเสื้อลงมาอีกนิด ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปเปิดประตู

“พ...พี่ภู?”

ผมเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ ไหนพี่ภูบอกว่ามีเรียนตั้งแต่เช้าจนถึงห้าโมงเย็นไง ในเฟสบุ๊กพี่ภู เพื่อนเขายังโพสต์บอกเลยว่าวันนี้มีควิสสองวิชาห้ามโดด แล้วไหงดันกลับมาคอนโดตอนนี้ได้

พี่ภูขมวดคิ้วนิดๆ กับสีหน้าแตกตื่นตกใจจนเกินเหตุของผม “พี่ซื้อของกินมาให้ ออกมากินข้าวเที่ยงด้วยกันสิ”

“เดี๋ยวธ...ธารตามไป” ผมบอกเสียงตะกุกตะกัก มือก็แอบดึงชายเสื้อลงมาบังสะโพกไว้เพราะกลัวว่าพี่ภูจะเห็น แต่การกระทำนั้นสะดุดสายตาอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ ใจผมหายวูบตอนที่พี่ภูมองต่ำลงมา...

Pie2Na
งานเข้าน้องธารแล้วไง O_o!
อนึ่งมีคอมเม้นถามว่า ธารเป็นลูกตะวันใช่ไหม
เรื่องนี้ยังมีอธิบายอย่างละเอียดในตอนที่ 26 ครับ
เพราะงั้น พายขออุบอิบไม่ตอบเนาะ ไว้อ่านเฉลยกันเอาเอง

อ่านแล้วคอมเม้นบ้างน้า พายจะรีบมาอัพไวๆ ^^
อีกวันสองวันเจอกัน
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-11-2016 13:11:34
ไม่รู้จะงานเข้าใครละทีนี้
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 06-11-2016 13:42:18
โถ หนูธารขี้อ่อยจริงๆ :m25:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-11-2016 22:57:36
หวั๊ยยยย นังน้องธาร หาเรื่องเสียตัวอีกแล้วสินะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งแรก)•
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 08-11-2016 01:06:32
อ่อยให้หมดทุกคน จงหลงข้า จงหลงข้า น้องธารได้สาปเอาไว้ 555555 :katai4:
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่24 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 08-11-2016 20:06:09
Chapter 24
ผิดคน
(ครึ่งหลัง)

“.....”

ปฏิกิริยาของพี่ภูมันผิดจากที่ผมคิดไว้ จู่ๆ เขาก็ผลักผมออกจากประตู แรงจนแทบกระเด็น แล้วก้าวเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเย็นชาจนน่าขนลุก เดินสำรวจจนทั่ว ทั้งที่ระเบียง ห้องน้ำ หรือแม้แต่ในตู้เสื้อผ้าแล้วถึงยอมหยุด ถอนหายใจออกมาแรงๆ พร้อมกับเสยผมด้วยท่าทางคล้ายกับจะหัวเสียแต่ก็ดูโล่งใจ

“ม...มีอะไรเหรอครับ”

พี่ภูชี้มาที่ร่างกายส่วนล่างของผม ถามด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด “ทำไมไม่ใส่กางเกง”

“เอ่อ...ธ...ธารเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังแต่งตัวอยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเลยรีบไปเปิด”

สายตาคมกริบของพี่ภูมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะหาหลักฐานยืนยันในคำพูด แล้วคงเห็นว่าหัวผมยังเปียกหมาดๆ อยู่ เขาเลยยอมเชื่อ “ทีหลังแต่งตัวให้เสร็จก่อนค่อยเปิดประตู เข้าใจไหม”

“อ...อืม”

...จากที่ตกใจอยู่ดีๆ ตอนนี้ผมยังไม่หายงงเลยว่าทำไมเมื่อกี้พี่ภูถึงเดินพล่านไปทั่วห้องนอนผม เขาคิดว่ามีใครอยู่ในห้องนี้ด้วยงั้นเหรอ?
   
“แต่งตัว จะได้ไปกินข้าวกัน” ร่างสูงกำยำทรุดลงนั่งบนเตียง ทับบนกางเกงที่ผมถอดทิ้งไว้พอดี
   
พอเทียบระยะห่างจากตัวเองถึงเตียงนอน กับการเดินไปหยิบกางเกงตัวใหม่ในตู้ ผมเลยเลือกที่จะเดินไปหาพี่ภูแทน เพราะถ้าต้องเดินอีกหลายเมตรไปที่ตู้เสื้อผ้าด้วยสภาพต้นขาเปลือยเปล่าแบบนี้ ผมก็อายอยู่เหมือนกันนะ...
   
“พี่ภู ขอกางเกงหน่อยครับ”
   
“.....” พี่ภูมองนิ้วมือของผมที่ชี้ไปที่ตัวเขา ก่อนจะก้มลงมองหา แล้วหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นตัวนั้นยื่นมาให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาเสมองไปทางอื่น ทำเหมือนผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นแค่อากาศ ที่เห็นว่าแก้มอีกฝ่ายแดงขึ้นเล็กน้อย...ผมคงคิดไปเอง หรือไม่ก็คงเพราะอากาศมันร้อน (เปิดแอร์สิบแปดองศา)
   
ว่าแต่...เขาจะยังนั่งอยู่ตรงนี้จริงๆ เหรอ จะให้ผมสวมกางเกงต่อหน้าเขาเนี่ยนะ ให้ตาย...ครั้งสุดท้ายที่ผมสวมเสื้อผ้าต่อหน้าพี่ภูคือหลังจากที่เรามีเซ็กส์ด้วยกัน แล้วเหตุการณ์วันนั้นมันไม่ใช่อะไรที่น่าจดจำเลย พอคิดถึงก็ทำให้ผมรู้สึกอับอายขึ้นมาอีก
   
ผมหันหลังให้พี่ภู ข่มความรู้สึกพวกนั้นแล้วรีบก้มลงสวมกางเกง...



[Phupha’s Part]

สีหน้าธารดูตกใจมากตอนที่เปิดประตูห้องออกมาเจอผม กางเกงก็ไม่ได้สวมให้เรียบร้อย ท่าทางของน้องมันดูน่าสงสัยไปหมด จะไม่ให้ผมคิดได้ไงล่ะว่าน้องอาจจะแอบพาใครสักคนมากกไว้ในห้อง ซึ่งพอเดินหาจนทั่วแล้วไม่เจอคนอื่นอีก ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี เลยนั่งรอน้องแต่งตัว

ถามว่าเห็นน้องเปลือยท่อนล่างผมรู้สึกอะไรไหม?...ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกเพราะกำลังโมโหอยู่ แต่พออารมณ์ (โมโห) เริ่มจะสงบแล้วเผลอมองไปที่ขาอ่อนขาวๆ นั่น หัวใจมันก็เต้นแรงขึ้นมา

ธารไม่รู้หรอกว่าผมต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน ไม่ให้เผลอมองขาเรียวยาวขาวเนียนกับเท้าเปล่าเปลือยคู่นั้น ไหนจะข้อเท้าเล็กๆ ที่เซ็กซ์ซี่น่ากัดนั่นด้วย

สิบเก้าหนึ่งเป็นสิบเก้า...สิบเก้าสองเป็นสามสิบแปด...

ผมมองนู่นนี่ไปเรื่อย มองอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ท่อนขาขาวเนียนของธาร และถึงกับต้องท่องสูตรคูณในใจตอนที่น้องเดินเข้ามาใกล้ โอเค...ก็แค่ยื่นกางเกงให้ธารเท่านั้น ง่ายๆ แค่นี้ จากนั้นผมก็แหงนหน้ามองเพดานห้องไปซะ

สิบเก้าเจ็ดเป็น...เป็นห้าสิบ!?

หัวใจผมแทบหยุดเต้นตอนที่ธารหันหลังกลับไปแล้วก้มลงสวมกางเกง ขณะก้มลงชายเสื้อยืดที่เคยคลุมหมิ่นเหม่อยู่ที่สะโพก ก็เลิกขึ้นไปถึงเอว...

ผมแทบหาลมหายใจตัวเองไม่เจอเพียงเพราะก้นเล็กๆ ภายในอันเดอร์แวร์สีขาวแนบเนื้อที่กำลังขยับไปมาอยู่ตรงหน้า นี่ธารตั้งใจยั่วผมอีกแล้ว!?

“เสร็จแล้วครับ”

“.....”

“พี่ภู ไปกินข้าวกัน”

“อ่อ...อืม”

ตั้งสติได้ผมก็ลุกพรวดขึ้นแล้วก้าวออกจากห้องไปทันที ถ้าเมื่อกี้ธารไม่ได้เรียกผมไว้ ผมคงจะคว้าตัวน้องมากอด และอีกนิดเดียว...ร่างเล็กๆ นั่นคงจะโดนลงโทษจนสาสม

เสียงของน้องมันทำให้ความทรงจำเสี้ยวหนึ่งโผล่เข้ามาในหัว ผมถึงยับยั้งใจได้...ครั้งแรกของเราไม่ใช่เซ็กซ์ที่น่าประทับใจเลย แล้วเมื่อวานน้องผมก็เพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้นมาด้วย

ผมไม่ควรทำร้ายธารซ้ำอีก และที่สำคัญเราไม่ควรมีอะไรเกินเลยกัน...ธารเป็นน้องชายของผม ความสัมพันธ์นี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ทำไมพี่ภูกลับมาได้ล่ะครับ วันนี้มีเรียนทั้งวันไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของธารทำให้ผมกลับมาจดจ่อกับปัจจุบันอีกครั้ง ตัวผมเองยืนอยู่หน้าโต๊ะบาร์ ส่วนธารกำลังหยิบจานชามอยู่ในครัว ผมเห็นท่าทางเขย่งยืนด้วยปลายเท้าเพื่อจะหยิบเอาของในตู้ด้านบน เลยเดินเข้าไปช่วย ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีที่ได้ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังน้อง ได้สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างเล็กๆ นั่น มันทำให้ผมยิ่งโหยหาสัมผัสแนบชิดระหว่างเรา

“อืม แค่แวะมากินข้าว เดี๋ยวกินเสร็จจะกลับไปเรียน”

จะให้บอกตรงๆ ได้ยังไงว่าผมเป็นห่วง ไม่อยากปล่อยให้ธารอยู่ที่ห้องคนเดียว ถ้าไม่ติดว่าวันนี้มีควิสช่วงเช้า อีกเดี๋ยวเที่ยงครึ่งยังมีสอบเก็บคะแนนอีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ผมคงอยู่เป็นเพื่อนน้องทั้งวัน

“ข...ขยับไปหน่อยครับ”

ได้ยินธารพูดผมถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ายังยืนซ้อนด้านหลังน้องอยู่ แถมยังเผลอโอบแขนรอบตัวเขาเอาไว้ ถึงจะไม่ได้กอดตรงๆ แค่วางมือลงบนเคาน์เตอร์ครัว แต่ท่าทางแบบนี้มันก็ดูหมิ่นเหม่ แล้วคงจะทำให้คนตัวเล็กตรงหน้าผมเขินอยู่บ้าง เพราะตอนนี้แก้มใสๆ นั่นแดงเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ธารนี่ก็น่ารักดีนะ...เวลาจะยั่วผมทีก็ร้อนแรงจนทำเอาลมหายใจติดขัด แต่บางทีก็ขี้อายจนน่า...ขยี้ ตัวตนของน้องจริงๆ น่ะไม่ใช่คนใจกล้าอะไร แต่เขาพยายามทำให้ตัวเองเป็นแบบนั้น

ที่ผ่านมาธารทำอย่างกับจะรวบหัวรวบหางผมให้ได้ แต่ก่อนหน้านี้ในห้องนอน ทั้งที่มีโอกาส น้องกลับลืมไปด้วยซ้ำว่าจะต้องลวนลาม (?) ผม...ธารคงไม่ได้ต้องการผมจริงๆ หรอก น้องก็แค่อยากเอาชนะเท่านั้น

“อืม ไปกินข้าวกัน” ผมหักห้ามใจ ผละออกห่างจากร่างเล็กๆ นั่นมา ไม่รู้ว่าต่อไปต้องทำใจแข็งให้ได้ถึงขั้นไหน ถึงจะไม่พลั้งเผลอทำเกินเลยกับน้องอีก

...แต่ต่อให้ห้ามการกระทำได้ ผมกลับไม่เคยห้ามความคิดอกุศลของตัวเองได้เลย

[End Phupha’s Part]


Pie2Na
เอ๊ะยังไงพี่ภู แลดูขัดแย้งในตัวเอง ตกลงจะเอาน้อง หรือไม่เอาน้อง? 5 5 5  5
(พี่ภูบอกขอท่ายาก ท่าง่ายไม่เอา //ไอ่บ้า)
ตอนหน้าพ่อตะวันจัดไปให้เต็มเหนี่ยว หุหุ
 
ปล. หนังสือปิดพรีสิ้นเดือนนี้แล้วหนา
เนื้อเรื่องหลักพายเขียนจบแล้วนะ (300 หน้า++)
เหลือตอนพิเศษ 5 ตอน (50 หน้า++ หรืออาจบาน)
ต้นฉบับเสร็จทันก่อนปิดพรีแน่นอนจ้า ไม่ต้องห่วงกันเนาะ
 
ปล1. ตอนนี้ยอดโอนยังน้อยอยู่เบย ค่าปกกับภาพประกอบเค้าจะหลุดไหม 5 5 5 5
ฝากลากเพื่อนมาอ่านกันหน่อยน้า เผื่อมีคนอยากเก็บเล่ม
 
ขอบคุณอีกทีฮะ
เจอกันในอีกสองสามวันนี้ อัพช้าเร็วอยู่ที่กำลังใจล้วนๆ
(ขอเม้นแบบนี้ก็ได้เหรอ 5 5 5  5)


หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 08-11-2016 21:33:56
เมื่อไหร่น้องธารจะเป็นของพ่อตะวันน้าาาา  :oo1: รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-11-2016 11:19:43
ภูผา - ธาร - พ่อ  :mew1: :mew1: :mew1:
วังวน รอบตัวธาร
ยังมีรอบนอก กฤษ บาส อติณ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 10-11-2016 06:58:08
เป็นฮาเร็มที่ดีต่อใจมาก
เสียดายพี่กฤษหลุดวงจรไปซะละ. ขาดคนคานอำนาจพี่ภูในคอนโดเลยโถ่
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่24 (ครึ่งหลัง)•
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 10-11-2016 22:38:18
ชอบมาก รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่25•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 11-11-2016 20:41:38
Chapter 25
เป็นของพ่อทั้งหมด


1 : 47 P.M.

พี่ภูออกจากคอนโดไปตั้งแต่เพิ่งกินข้าวเที่ยงเสร็จ ส่วนผมตอนนี้กำลังนั่งเล่นมือถือรอพ่ออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พ่อบอกว่าจะมาถึงประมาณบ่ายโมง นี่ก็เลทมาเกือบชั่วโมงแล้ว ปกติพ่อไม่เคยสายหรอก มาก่อนเวลาด้วยซ้ำ แต่วันนี้คงยุ่งจริงๆ ล่ะ

เล่นเกมตายไปอีกหนึ่งตาเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความดีใจ แล้ววิ่งไปหาพ่อที่ประตูห้อง ทำตัวอย่างกับตอนเด็กๆ ที่คอยรอพ่อกลับมาจากทำงาน

“พ่อมาช้า” ผมบอกยิ้มๆ ยืนมองพ่อถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้

“ขอโทษครับคนดี” อีกฝ่ายยื่นมือมาลูบหัวผม “กินอะไรรึยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วครับ พ่อล่ะ”

“พ่อกินตอนคุยงานกับลูกค้าแล้วครับ” แขนแข็งแรงยื่นมาโอบไหล่ผม พาเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน “ไหนบอกว่ามีอะไรจะเซอร์ไพรส์”

ตกใจพี่ภูจนหมดอารมณ์เซอร์ไพรส์พ่อไปละครับ...

ประโยคข้างบนนั้นผมได้แต่คิดในใจแล้วเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มทะเล้นๆ ให้พ่อ “นั่นสิ...เซอร์ไพรส์อะไรดีนะ?”
           
“.....?”
           
“งั้น...ให้ธารช่วยนวดให้ไหม พ่อทำงานมาเหนื่อยๆ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเฉียบคมภายใต้แว่นทรงสี่เหลี่ยมส่อแววขบขัน “นวดเป็นด้วยเหรอเรา”

“เป็นสิครับ” ผมดันตัวพ่อให้นั่งลงบนโซฟา ยืนเงอะงะด้วยไม่รู้จะเริ่มนวดจากตรงไหนก่อนดี มือหยาบกร้านจากการออกกำลังกายเลยดึงมือผมไปวางไว้บนไหล่ ผมจึงเริ่มออกแรงบีบนวดบริเวณนั้น แต่ด้วยท่ายืนทำให้นวดได้ไม่ค่อยถนัดนัก เพราะอยู่ห่างจากพ่อและต้องโก่งตัวโน้มลงไป

ได้ยินเสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอ ก่อนที่แขนแข็งแกร่งจะรวบเอวของผม ดึงทั้งตัวให้ขยับเข้าไปตรงหว่างขาตัวเอง คราวนี้ผมจึงยืนได้ถนัดหน่อย

“ถ้ายืนแล้วเมื่อย จะนั่งบนตักพ่อก็ได้นะ” พ่อพูดขำๆ

“อืมนั่งดีกว่า” ผมเห็นดีด้วย จึงยกเข่าวางบนโซฟา ขยับตัวขึ้นไปนั่งกวมอยู่บนตักของพ่อ “แบบนี้สบายกว่าเยอะเลย”
ในท่านี้ ใบหน้าของเราใกล้กันมาก จมูกโด่งๆ ของพ่อเกือบจะชนกับจมูกผมแน่ะ แต่ผมชอบนะ ได้เห็นหน้าพ่อชัดๆ มันชวนให้ใจเต้นแรงดี

พ่อตะวันเป็นแบบฉบับของผู้ชายที่ยิ่งอายุมากยิ่งมีเสน่ห์เลยนะ อายุก็สามสิบเจ็ดแล้ว ไม่รู้ทำไมยังหล่อได้ขนาดนี้ หน้าไม่มีริ้วรอยสักนิด ผิวเนียนจนแทบมองไม่เห็นรูขุมขนด้วยซ้ำ ไหนจะปากหยักบางน่าจูบนี่อีก ยิ่งใส่แว่นด้วยแล้วยิ่งเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ จะให้ผมหักห้ามใจตัวเองได้ยังไง...

มองมากเข้าลมหายใจของผมก็เริ่มติดขัด มือที่นวดไหล่จึงเปลี่ยนมาคล้องรอบลำคอแกร่งนั่นแทน

“ขี้เกียจนวดแล้วครับ”

“ไม่นวดแล้วจะทำอะไรครับ” พ่อยิ้มถาม ขณะเดียวกันก็ลูบหลังผมเบาๆ

ผมกดปลายจมูกลงบนจมูกของอีกฝ่าย สบมองดวงตาคมกริบที่ทั้งดูจริงจังและขี้เล่น กระซิบบอกสิ่งที่ผมต้องการมานาน “ทำ...อย่างที่ผู้ใหญ่เขาทำกันไงครับ...ธารพร้อมแล้วนะ”

“.....” รอยยิ้มบนใบหน้าคมสันจางหายไป นิ้วมือสากไล้ไปตามรอยแดงบนลำคอของผม จากนั้นก็ดึงมือที่ผมเกี่ยวคอของพ่อไว้ออกมาข้างหนึ่ง จูบลงบนรอยแดงที่ข้อมือ ทุกการกระทำมันอ่อนโยนจนทำให้หัวใจผมเต้นแรงกว่าเดิม

“ให้ธารเป็นของพ่อนะครับ” ผมดึงข้อมือออกจากการเกาะกุม ยกแขนข้างนั้นขึ้นคล้องลำคอแกร่งอีกครั้ง ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากหยักได้รูป ค่อยๆ ไล้เล็มดูดเม้มอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากที่ตอนแรกพ่อเอาแต่นิ่งเฉยก็เริ่มจูบตอบ และจูบของเราก็ยิ่งดูดดื่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่ต้องถนอมธารมากก็ได้” ผมพูดปนหอบเล็กน้อยหลังจากละริมฝีปากออกห่าง “ธารไม่ได้บอบบางขนาดนั้น”
พ่อหายใจแรงขึ้น หน้าอกสะท้อนขึ้นลงอย่างชัดเจน ริมฝีปากอีกฝ่ายกดจูบลงมาอีกครั้ง ขบเม้มดูดึงอย่างเร่าร้อน ขณะที่ฝ่ามือก็เริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผม
 
ตัดฉับๆ
ขอเก็บ NC ฉากนี้ไว้เซอร์วิสคนอ่านที่ซื้อหนังสือนะครับ
แค่ฉากเดียว ฉากอื่นๆ ยังลงให้ครบนะครับ และยังลงเรื่องให้อ่านต่อจนจบ
--บท NC ไม่กระทบกับเนื้อหาหลักใดๆ—
 (จบฉากที่ธารเป็นของพ่อเรียบร้อยแล้ว และเสียงออดดังขัดจังหวะ)


“รีบแต่งตัวเร็วครับ” พ่อผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วยกตัวผมให้ลุกออกไปยืนตรงหน้า ส่วนล่างที่ยังเชื่อต่อกันเมื่อถูกดึงออกกะทันหัน ก็เกิดเสียงน่าอายขึ้น และสร้างความรู้สึกมวนช่องท้องจนผมเกร็งไปทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นร้อนมากมายที่ไหลเยิ้มออกมาจากทางด้านหลัง
           
ขาของผมสั่นและอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ดีที่ว่าเกาะไหล่ของพ่อเอาไว้ มองดูพ่อหยิบทิชชูจากกล่องบนโต๊ะขึ้นเช็ดตรงหว่างขาและหน้าท้องให้ผมอย่างลวกๆ ก่อนจะเช็ดทำความสะอาดตัวเองแล้ว ผมจึงผละออกมาทั้งที่ขายังสั่น รีบก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่วางระเกะระกะขึ้นมาสวม

เสียงออดดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม ผมกำลังสวมกางเกง ส่วนพ่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเพราะไม่ได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้นออกตั้งแต่แรก แม้เสื้อเชิ้ตจะยับไปนิด และทรงผมยุ่งไปซักหน่อยแต่ก็ดูโอเค

รอจนผมสวมกางเกงเสร็จพ่อจึงเดินไปเปิดประตู ระหว่างนั้นผมดึงทิชชูอีกหลายแผ่นมาห่อๆ ทิชชูใช้แล้ว เพื่อไม่ให้ใครสังเกตได้ว่ามันถูกเช็ดอะไรไป ก่อนจะทิ้งลงทั้งขยะขนาดเล็กใต้โต๊ะ แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะยัดเจลหล่อลื่นเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงขาสั้นของตัวเอง

ขณะที่ผมยังลนลานมองสำรวจรอบตัวว่ามียังหลงเหลือหลักฐานอะไรอีกหรือไม่ เสียงเย็นชาของพี่ภูก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของคนสองคนในห้องนั่งเล่น
           
“คุณไม่ควรมาหาธารตอนที่ผมไม่อยู่” ประโยคนั้นพี่ภูบอกกับพ่อ ก่อนที่สายตาคมกริบนั่นจะตะวัดมามองผม “ทำไมมาเปิดประตูช้า”
           
“เมื่อกี้ธารกับพ่ออยู่บนชั้นสองครับ” พ่อย่นคิ้วเล็กน้อย คงจะตงิดใจนิดหน่อยกับสกิลการตีหน้าซื่อเล่าความเท็จของผม “ทำไมพี่ภูไม่เปิดประตูเข้ามาเองล่ะ” ผมถามต่อ ซึ่งถ้าพี่ภูเปิดเข้ามาเลย เขาคงไม่แค่หงุดหงิดเล็กๆ น้อยๆ อย่างตอนนี้แน่ คิดแล้วผมก็ชักกลัวขึ้นมา คราวหลังจะมีอะไรกับพ่ออีก คงต้องไปที่คอนโดพ่อเท่านั้น อีกอย่างก่อนออกไปพี่ภูก็บอกว่าจะกลับเย็นๆ นี่ดันโผล่มาตอนบ่ายสาม
           
“พี่หยิบคีย์การ์ดผิด ดันเอาคีย์การ์ดห้องไอ้กฤษไปแทน”
           
...โชคดีไป ที่ขึ้นมาชั้นนี้ได้คงเพราะพนักงานรู้จักพี่ภูดี เลยยอมใช้คีย์การ์ดสำรองกดลิฟท์ให้
           
ผมลุกขึ้นจากโซฟา ขายังสั่นอยู่นิดหน่อย “งั้นธารขึ้นไปนอนก่อนนะ ง่วงมากเลย เมื่อคืนเล่นเกมดึกไปหน่อย” พูดจบผมก็รีบเดินไปทางบันได พยายามอ้อมให้ห่างจากพี่ภูมากที่สุด เพราะจำได้ลางๆ ว่าตอนมีอะไรกันพ่อดูดเม้มทั่วตัวไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ตรงขาอ่อน ยังไม่ได้สำรวจเลยว่าร่างกายนอกร่มผ้ามีร่องรอยตรงไหนถูกทำไว้บ้าง ขืนพี่ภูเห็นเข้าคงจบแบบศพไม่สวย
           
“ฉันจะไปกล่อมลูกนอน”
           
ผมแทบสะดุดบันไดล้มหัวทิ่มกับคำพูดของพ่อ ดีที่คว้าราวจับไว้ได้ทัน ก่อนจะก้าวเดินต่ออย่างช้าๆ รอให้พ่อตามขึ้นมา
           
“เปิดประตูห้องทิ้งไว้ด้วย”
           
ได้ยินเสียงพี่ภูพูดไล่หลัง แล้วเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก

Pie2Na
ตอนหน้าจะเอาความลับใหญ่หลวงมาเปิดเผย (ข่าวใหม่ช่างน่าตกใจ)
ใครยังงงๆ เรื่องพ่อแท้ๆ ของธาร ตอนหน้ามีชี้แจงอย่างละเอียดครับ


#ขอบคุณนักอ่านทุกคนครับ ^^

 
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่25•
เริ่มหัวข้อโดย: ReWill ที่ 11-11-2016 22:34:15
ตัดncคือใจร้ายมากกกก  :ling1: ร้องห้ายยยย :katai1: :hao5: 555
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่25•
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-11-2016 23:12:28
ต้องเก็บตังค์ซื้อหนังสือแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่25•
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 11-11-2016 23:44:31
หนังสือแต่งจบยัง ซื้อออนไลน์ได้ไหม?
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่26•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 15-11-2016 19:10:08
Chapter 26
สร้างความร้าวฉาน

อ่านชี้แจงก่อนอ่านเนื้อเรื่องนะครับ
เนื่องจากพายทิ้งเรื่องไปนานมาก ทำให้ลืมเนื้อหาบางส่วน
เมื่อกลับมาเขียนต่อปมบางอย่างอาจไม่คล้องจองกันบ้าง
แต่พายจะแก้ในฉบับรีไรท์นะครับ
บางตอนน้องตุลย์เรียกอติณว่าพ่อ...แก้เป็นเรียกว่า แด๊ดดี้ เหมือนตอนแรกๆ นะ
และอายุตัวละคนในเรื่อง (จำไม่ผิดคือถูกแล้ว แต่ตอนรีไรท์จะเช็คให้ละเอียดอีกทีครับ)

   
9: 12 P.M.
@The Attribute Condominium
   
สามสัปดาห์ต่อมา
   
ผมนอนหงายเล่นมือถืออยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น โซฟาอีกตัวข้างกันพี่ภูกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยท่าทางเกียจคร้าน มือจับจอยสติ๊ก นิ้วกดยิกๆ ขณะที่สายตาจ้องมองหน้าจอทีวีซึ่งกำลังฉายภาพนักฟุตบอลสองทีมวิ่งไล่เตะบอลกัน
   
หัวของผมวางอยู่บนหมอนอิง หันไปทางฝั่งพี่ภู เพื่อจะมองอีกฝ่ายจึงต้องแหงนหน้าขึ้น จ้องใบหน้าหล่อคมคายนั่นอยู่นานพี่ภูก็ไม่มีท่าทีจะสนใจผมสักนิด คนที่อยู่ด้วยกันไม่ยอมคุยด้วยผมเลยเปิดเข้าหน้าเฟสบุ๊กของอีกฝ่าย สืบข้อมูลจากโลกโซเชียลยังจะพอรู้ความเป็นไปในชีวิตเขาเยอะกว่ารอเจ้าตัวมาบ่นหรือเล่าให้ฟังซะอีก
   
นิ้วชี้เลื่อนหน้าจออ่านโพสต์ต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนพี่ภูแท็กมาทั้งนั้น เจ้าตัวไม่ค่อยโพสต์อะไรเองหรอก มีคอมเม้นตอบบ้างแต่ก็น้อย สามโพสต์แรกเป็นภาพพี่ภูในชุดนักศึกษากำลังทำกิจกรรของมหาลัย อย่างทาสีป้าย ยืนถือไมค์พูดอะไรบางอย่างอยู่หน้ากลุ่มนักศึกษา พร้อมกับแคปชันชมความหล่อความเท่ต่างๆ นานา

มองภาพพวกนั้นผมก็หลดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่ค่อยได้เห็นพี่ภูในมาดจริงจังตั้งใจอย่างในภาพเท่าไหร่ จะว่าไปผมก็แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ภูชอบทำอะไรบ้าง รู้แต่ว่าพี่ภูเรียนบริหารฯ เพราะต้องรับช่วงดูแลธุรกิจของครอบครัวหลังเรียนจบ และตอนเด็กๆ เขาชอบวาดภาพมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังวาดอยู่รึเปล่า

เลื่อนดูโพสต์ต่อไป จากที่อารมณ์ดีๆ ต้องเปลี่ยนมาเป็นขมวดคิ้ว...ภาพพี่กายสะพายเบสสิ่งยิ้มเล่นกล้องทำให้ผมหงุดหงิดสุดๆ ถึงหมอนี่จะหน้าหวานไปหน่อย แต่ในภาพนี้กลับดูเท่จนน่าอิจฉา และกลัวเหลือเกินว่าพี่ภูจะหลงจริงจังด้วย ถ้าแค่คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ผมก็ไม่ถือหรอก! ไม่ถือ!!

‘ช่วงนี้เก็บตัวจำศีลไงวะ คืนนี้มาฟังกูร้องเพลงดิ’

อ่านแคปชั่นแล้วไล่อ่านคอมเม้น...มีแต่คอมเม้นชม หยอกล้อ ขอจีบ อืม...ก็ดี มีคนมาจีบเยอะๆ จะได้เลิกสนใจพี่ภูของผม...ไล่อ่านจนครบหกสิบกว่าคอมเม้น ไม่มีเม้นของพี่ภูเลย กลับไปย้อนดูโพสต์อีกรอบ เช็คอินที่ 1000F Pub...อ้อ หมอนี่เป็นนักร้องในผับพี่อติณหรอกเหรอ งั้นคนที่โทรตามเขาคืนนั้นคงเป็นพี่อติณจริงๆ

เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าไหร่ ที่สำคัญคือเพิ่งโพสต์ไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนนี้เอง ไม่รู้ว่าแอบไปตอบกันในแชทรึเปล่า!?
แหงนหน้ามองคนที่กำลังเล่นเกม เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมหันมาสนใจ ผมก็เลยคว้ารีโมทมากดปิดทีวีซะเลย

“อะไร” พี่ภูหันมาขมวดคิ้วใส่ สีหน้าไม่ได้โกรธ แต่งงๆ มากกว่า เหมือนเขาเองก็ไม่ได้จดจ่อกับเกมมากนัก แค่เล่นแก้เบื่อเท่านั้น
ผมยื่นหน้าจอมือถือให้ดู “คืนนี้จะไปไหมครับ”

พี่ภูไม่ว่าอะไร คว้าไอโฟนบนโต๊ะขึ้นมาจิ้มๆ แล้วยื่นหน้าจอมาให้ผมดู...ในโพสต์นั้นมีคอมเมนต์ล่าสุดจากพี่ภูตอบกลับไปว่า ‘ไม่ว่าง’ นั่นทำให้ผมยิ้มอย่างพอใจ กลับมานอนเล่นมือถือต่อ ส่วนพี่ภูก็หยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวี

กำลังไล่อ่านโพสต์อื่นๆ ก็มีแถบข้อความสีดำเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ผมจึงเปิดแอพไลน์เพื่ออ่านและตอบกลับ

Atin”: พรุ่งนี้สิบโมงว่างไหม มาเจอกันหน่อยสิ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย

Thara Than: ได้ครับ สิบโมงธารไปหาที่บ้านนะ

ถึงจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพี่อติณอีก แต่ผมยังใจแข็งไม่พอจะตัดขาดความสัมพันธ์กันทันที เพราะลึกๆ แล้วผมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้าย และผมก็ชอบน้องตุลย์มากด้วย...ผมไม่เคยมีน้องนี่นา เวลาโดนอ้อนเลยรู้สึกดี พอไม่ได้เจอหน้าน้องนานๆ ก็คิดถึง จะว่าไปก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วจากครั้งล่าสุดที่ผมเจอสองพ่อลูกคู่นั้น

หลังจากตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆ ผมก็ปิดหน้าจอมือถือ พลิกตัวนอนตะแคงข้าง คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีอารมณ์จะเล่นมือถืออีก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของพี่ภู กำลังถูกอุ้มพาขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง ด้วยความง่วงเลยซุกหน้าเข้าหาแผงอกกำยำ หลับต่อโดยไม่ได้เอ่ยถามอะไร

   
10: 15 A.M.
@Atin’ House
   
เช้าวันต่อมาผมมาหาพี่อติณตามที่นัดไว้ แต่ผิดแผนไปนิดตรงที่มีใครอีกคนตามมาด้วย...
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในรถ หน้าบ้านพี่อติณ โดยมีพี่ภูเป็นคนขับมาส่ง แม้ว่าผมจะอ้างโน้นนี่สารพัด สุดท้ายพี่ภูก็ยังตามมาจนได้ และยืนยันจะนั่งรอในรถจนกว่าผมจะคุยธุระเสร็จ
   
ตั้งแต่ผมถูกพี่ณัฐทำร้ายวันนั้น พี่ภูแทบไม่ปล่อยให้ผมคลาดสายตาเลย จะหาเวลาไปเจอพ่อที่คอนโดยังทำไม่ได้ เพราะพี่ภูคอยรับส่งไปโรงเรียนเกือบทุกวัน วันไหนไม่ว่างจริงๆ ถึงจะยอมให้ผมกลับเอง แต่ไม่วายต้องโทรมาเช็คที่คอนโดบ่อยๆ ว่าผมอยู่ห้องจริงรึเปล่า

แค่นั้นไม่พอ...เขายังไม่บอกเวลาที่ตัวเองจะกลับคอนโดด้วย เคยมีครั้งหนึ่ง ผมกับพ่อกำลังแสดงความรักกันอย่างแนบแน่น พี่ภูก็กลับเข้ามาพอดี ดีนะที่ผมได้ยินเสียงเปิดประตู ไม่งั้นคงกลายเป็นเรื่องใหญ่
   
มันดีอยู่หรอกที่พี่ภูใส่ใจเป็นห่วงผมมากขึ้น (แม้ท่าทีการพูดจาเวลาอยู่ด้วยกันจะตรงข้าม) แต่ถึงขั้นนี้ก็เยอะไปนิด อย่างจะมาที่นี่ผมต้องโกหกว่ามาหาเพื่อน ซึ่งถ้าพี่ภูเห็นว่าเพื่อนคนนั้นแก่คราวพ่อ เขาคงลากผมกลับบ้านทันที ผมเลยไลน์บอกให้พี่อติณเปิดประตูทิ้งไว้ไม่ให้อีกฝ่ายออกมารับหน้าบ้าน

“พี่ภูจะรออยู่ตรงนี้จริงๆ เหรอ” ผมรู้สึกไม่วางใจจึงยังไม่ยอมลงจากรถ ยังดีที่บริเวณนี้มีร่มเงาจากต้นไม้ แถมฟิล์มรถยังแทบดำสนิท พี่ภูเลยไม่ต้องทนตากแดด (ถึงอยู่ในรถเปิดแอร์ ถ้ากลางแดดเปรี้ยงๆ ก็ทำให้แสบผิวได้)

“อืม” พี่ภูเอ่ยรับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะกดเปิดเพลง เอนหลังพิงเบาะ แล้วหลับตาลงเป็นเชิงไล่

“งั้นธารไปหาเพื่อนก่อนนะ”
   
“รีบไปรีบมา” อีกฝ่ายพูดทั้งที่ยังหลับตา ไม่ได้เหลือบมามองกันสักนิด เหมือนต้องการตัดบท ผมจึงได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินลงจากรถมาอย่างว่าง่าย

   
เข้ามาในบ้าน เจอน้องตุลย์นั่งเล่นเครื่องบินบังคับอยู่กับป้าขิง เจ้าตัวเล็กเห็นผมก็ทำเหมือนทุกทีคือทิ้งของเล่นในมือแล้ววิ่งมากอดขา ผมจึงทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้า ดึงร่างนุ่มนิ่มมากอดให้หายมันเขี้ยว จนน้องตุลย์ดิ้นดุ๊กดิ๊กด้วยความอึดอัดถึงยอมปล่อย แต่น้องก็ไม่ได้ผละออกห่าง มือป้อมๆ นั่นจับหน้าผม หอมแก้มซ้ายขวาดังฟอด ตบท้ายด้วยจุ๊บที่ปากอีกหนึ่งที
   
“คิดถึงที่ซู้ดดดด”
   
“ใครสอนให้จุ๊บปากหือ” ผมดึงแก้มยุ้ยๆ ด้วยความมันเขี้ยว ขณะเดียวกันก็แอบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปากกับแก้มตัวเองที่เลอะน้ำลายน้องไปหมด ปกติน้องตุลย์ไม่เคยจุ๊บปากผมมาก่อนเลยแปลกใจนิดหน่อย
   
“แด๊ดดี้สอน”
   
แด๊ดดี้นี่เอง...
   
“พี่อติณอยู่ในห้องทำงานใช่ไหมครับ” ผมถามป้าสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
   
“ใช่ค่ะ กำลังรอน้องธารอยู่เลย เมื่อกี้เพิ่งเดินออกมาถามว่าน้องธารมารึยัง” ป้าขิงตอบยิ้มๆ ผมเลยบอกน้องตุลย์ว่าจะไปคุยธุระกับแด๊ดดี้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาเล่นด้วย น้องงอแงเล็กน้อย เข้ามากอดคอผมไม่ยอมปล่อย แต่พอได้ช็อกโกแลตจากป้าขิงก็เชื่อฟังขึ้นมาทันที
   
ครั้งก่อนที่มาได้เจอน้องตุลย์แค่แป๊บเดียวเอง วันนี้ก็คงอยู่นานไม่ได้เพราะพี่ภูรออยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าพี่อติณมีเรื่องอะไรสำคัญนักหนาถึงไม่ยอมคุยกันข้างนอก ผมจะได้เล่นกับน้องไปด้วย
   
ผมก้มลงหอมแก้มน้องตุลย์ซ้ายขวาฟอดใหญ่ ก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไปที่ห้องทำงานของพี่อติณ


[Special Part: Atin]
   
ผมมองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งๆ อยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ท่าทางไม่ไว้ใจและห่างเหินทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบเค้น ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมแค่รู้สึกดีด้วยและเอ็นดูน้องเท่านั้น แต่พอรู้ว่าธารมีความสัมพันธ์กับตัวเองยังไง ผมก็เกิดความอยากได้ อยากครอบครองขึ้นมา และคิดแต่จะทำทุกอย่างเพื่อแย่งน้องมาเป็นของตัวเอง จนลืมความรู้สึกผิดบาป
   
“พี่คิดถึงธาร”
   
นี่มันก็เกือบเดือนแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน และแทบไม่ได้ติดต่อกันเลย แต่ความคิดถึงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ผมนัดเจออีกฝ่าย
   
“พี่อติณมีอะไรก็รีบๆ พูดเถอะครับ ธารอยากออกไปเล่นกับน้องตุลย์” น้ำเสียงหวานๆ นั่นฟังดูเย็นชา ทำราวกับไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของผม แต่พอถูกผมจ้องกลับหลบตา ไม่กล้ามองกันตรงๆ
   
“ธารกับพี่ชายสนิทกันมากไหม”
   
“.....” ธารย่นคิ้ว ไม่ยอมตอบคำถาม เมื่อเช้าน้องไลน์มาบอกว่าพี่ชายมาส่ง ไม่ให้ผมออกไปรับหน้าบ้าน แค่นี้ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ‘แนบแน่น’ ถึงขั้นไหน 
   
ผมได้ยินเรื่องของธารกับพี่ชายมาจากเด็กในร้านอีกที เด็กคนนั้นเป็นนักร้องที่ผับผมมาเกือบปีแล้ว ทำงานดีใช้ได้ เสียแต่เวลาเมาชอบพล่ามเยอะไปหน่อย อย่างเมื่อวานยังมาบ่นๆ ให้ฟังว่าคู่ขาตัวเองแอบมีอะไรกับน้องชายแท้ๆ แถมยังเอาคลิปที่อัดไว้ให้ผมดู ถึงคนเล่าจะไม่เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร และคลิปวิดีโอนั่นค่อนข้างมืดจนมองได้ไม่ชัด แต่ดูจากรูปร่างและฟังแค่น้ำเสียงก็พอเดาได้แล้ว
   
เสียงของธารเป็นเอกลักษณ์มาก ผมชอบเสียงน้องจึงจำได้ทันว่าเด็กผู้ชายตัวผอมบางในคลิปคือธาร...เสียงครางหวิวนั่นยังติดหูผมอยู่เลย…
   
“ภูผาไม่ใช่พี่ชายธาร” น้ำเสียงของผมหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคลิปวิดีโอบ้าๆ นั่น ตอนที่รู้เรื่องผมตัวชาไปหมด ไม่อยากเชื่อ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งมั่นใจว่านั่นคือธารแน่ๆ และผมก็ทนไม่ได้ถ้าต้องเกิดเรื่องแบบนั้นกับธารอีก “ภูผา เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทน้ำ ตอนอยู่ที่อเมริกาผู้หญิงคนนั้นพลาดตั้งท้อง เธอต้องการทำแท้งแต่น้ำขอไว้ และรับภูผามาเลี้ยงเอง”
   
บนโต๊ะมีสมุดวาดเขียนปกหนังสีน้ำตาลวางอยู่ ผมดันมันไปตรงหน้าธาร ในนั้นอธิบายทุกอย่างไว้แล้ว...หวังว่าถ้าธารได้รู้เรื่องทั้งหมด ความรู้สึกที่มีให้พี่ชายจะลดลง ความสัมพันธ์พี่น้องอาจจะเปลี่ยนเป็นห่างเหิน ผมอยากให้ธารโกรธที่ถูกปิดบังทุกอย่าง อยากให้เขาไม่ไว้ใจคนในครอบครัว และเมื่อธารไม่เหลือใคร คนสุดท้ายที่น้องจะพึ่งได้คือผม
   
ผมอยากได้ธารและเคยลังเลที่จะแย่งน้องมา แต่หลังจากเห็นคลิปนั่นผมก็ตัดสินใจได้ ถึงจะต้องทำร้ายความรู้สึกของน้อง ผมก็จะทำ
   
ธารไม่ควรอยู่ในครอบครัวนั้นอีก และยิ่งไม่ควรจะอยู่ใกล้ภูผา!
   
“พี่มาบอกเรื่องพวกนี้กับธารทำไม” น้ำเสียงคนพูดสั่นเครือเล็กน้อย สีหน้าสับสนไม่แน่ใจ ดูเหมือนจะไม่เชื่อแต่ก็เหมือนจะกลัวว่าทุกอย่างที่ผมเล่าเป็นความจริง
   
“เปิดดูสิ” ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับบอกให้น้องเปิดสมุดวาดภาพตรงหน้าออกดู
   
สมุดเล่มนี้คือไดอารี่ภาพที่น้ำเคยทำไว้ ข้างในมีรูปถ่ายโพลารอยด์หลายใบกับข้อความอธิบายสั้นๆ ทั้งรูปที่น้ำถ่ายคู่กับแม่แท้ๆ ของภูผาช่วงที่เธอตั้งท้อง ตลอดจนภาพถ่ายสามคนหลังจากคลอดภูผาได้ไม่ถึงสัปดาห์ นอกจากนั้นยังมีเอกสารการรับบุตรบุญธรรมสอดเอาไว้ด้วย
   
“พี่กับน้ำ...แม่ของธาร เราเคยเรียนมหาลัยเดียวกันที่อเมริกา” ผมเริ่มเล่าเมื่อธารไม่ยอมเปิดไดอารี่ดูสักที “ตอนที่รู้จักกัน ภูผาอายุได้สี่ขวบแล้ว แต่เด็กคนนั้นอยู่กับปู่ธารที่ไทย...น้ำยอมเล่าเรื่องภูผาให้พี่ฟังแล้วให้พี่เก็บไดอารี่เล่มนี้ไว้หลังจากเราเริ่มคบกันอย่างจริงจัง”

น้ำอยากเก็บภาพความทรงจำไว้เลยไม่ยอมทิ้งไดอารี่ไป แต่ก็ไม่กล้าเก็บไว้กับตัวเพราะกลัวว่าภูผาจะมาเจอเข้า มันเลยมาอยู่ในมือผม...ตอนที่รู้เรื่องพวกนี้ผมยิ่งรักน้ำมากขึ้น ที่จริงแล้วผมตกหลุมรักเธอก็เพราะความเด็ดเดี่ยว มีน้ำใจ และกล้าที่จะคิดต่างจากคนอื่นของน้ำนั่นล่ะ

“ธารเคยบอกแล้วไงว่าธารไม่อยากฟัง” ดวงตากลมโตจ้องมองผมด้วยแววตาแข็งกร้าว แต่ผมรู้ดีว่าท่าทีแบบนั้นของธารคือการพยายามปกปิดความอ่อนไม่ให้คนอื่นเห็น

“พี่อายุน้อยกว่าน้ำสามปี” ผมยังคงเล่าต่อ เรื่องภูผาไม่ใช่เรื่องเดียวที่อยากให้ธารรู้ “ตอนที่รู้ว่าน้ำตั้งท้องลูกของเรา พี่เพิ่งจะเรียนปีหนึ่ง ตอนนั้นเราคบกันยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ...อาจเพราะยังเด็กและยังไม่ได้คิดถึงเรื่องชีวิตครอบครัว พอน้ำบอกเรื่องลูก พี่เลยลังเล ไม่กล้ายอมรับในทันที”

“.....”

“น้ำเรียนจบ อุ้มลูกอายุสามเดือนในท้องกลับไทยไปด้วย พอปู่ของธารเสนอเรื่องแต่งงานเพื่อธุรกิจขึ้นมา แถมคนๆ นั้นยังเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน น้ำถึงยอมแต่งทันที...แล้วมาบอกพี่ว่าแท้งลูกของเรา”

“.....” ไหล่ผอมบางนั่นสั่นเล็กน้อย และแม้ว่าธารจะก้มหน้าอยู่ แต่ผมรู้ว่าน้องกำลังร้องไห้เพราะเขายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา 

“ที่จริงพี่รู้ว่าน้ำไม่ได้อยากแต่งงาน แต่คนที่ขอร้องให้น้ำยอมแต่งคือตะวัน...เขาอยากได้ลูกของพี่”

“พูดพอรึยัง” ธารแทบจะตะคอกใส่หน้าผม ใบหน้าน่ารักนั่นแดงก่ำ สองแก้มเปื้อนคราบน้ำตา ดูจากดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ อีกเดี๋ยวมันคงไหลลงมาไม่หยุด

“ธาร...” ผมผุดลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะไปหาน้อง ยื่นมือไปจะช่วยเช็ดน้ำตาแต่กลับถูกปัดทิ้ง

“ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร สำหรับธาร พ่อกับพี่ภูก็ยังเป็นพ่อกับพี่ชายที่ธารรักมากที่สุดอยู่ดี”

“รักเหรอ!?” ไหล่ผอมบางถูกผมคว้าจับด้วยสองมือแล้วบีบเอาไว้แน่น “รักแบบไหนถึงไปเอากับมัน!?”

“พ...พี่พูดอะไร”

“นอนกับพี่ชายตัวเองเนี่ยนะ ทำลงไปได้ยังไง”

“ป...ปล่อย” สีหน้าที่ดูหวาดกลัวของธารทำให้ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอบีบไหล่น้องแรงเกินไปจึงคลายมือออก

“ฟังพี่นะธาร” ผมดึงธารเข้ามากอด แม้ว่าน้องจะพยายามผลักผมแรงแค่ไหน แต่ก็ยังสู้แรงผมไม่ได้อยู่ดี “น้ำกับตะวันหลอกธารมาตลอด ภูผาก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ...ธารยังเชื่อใจพวกเขาอีกเหรอ คนที่ธารควรไว้ใจคือพี่ต่างหาก”

“ไม่ ปล่อย! ธารเกลียดพี่ บอกให้ปล่อยไง”

กำปั้นเล็กๆ ทุบเข้าที่หน้าอกของผม ผมจึงรวบข้อมือเรียวเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว ขณะที่แขนอีกข้างโอบเอวผอมบางเข้าหา คำพูดด่าว่าแรงๆ ที่ตะโกนปาวๆ อยู่ข้างหูกับสีหน้าโกรธเกลียดของธาร มันทำให้ผมจุกจนแทบหายใจไม่ออก พอคิดไปว่าท่าทีที่น้องมีต่อตะวันดูทั้งรักและเชื่อฟังมากแค่ไหน ก็ทำให้ผมอยากเอาชนะ ยิ่งน้องดื้อดึงผมก็ยิ่งอยากครอบครอง

“ห้ามเกลียด” ผมกดจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่มพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ การกระทำนั้นทำให้ธารชะงักงัน “ธารไม่มีสิทธิ์เกลียดพ่อแท้ๆ ของตัวเอง”

“ฮึก...ไม่ใช่ พี่ไม่ใช่พ่อธาร!”

ดูเหมือนน้องจะช็อกไปกับสิ่งที่ได้ยินถึงได้ตะโกนออกมาทั้งน้ำตา ขณะที่ร่างกายกลับแข็งทื่อไม่ขยับ

“ใช่สิ...ทำไมจะไม่ใช่” ผมกระซิบบอก มือลูบหลังปลอบน้อง ปากก็กดจูบลงบนหน้าผากเนียนใสอย่างแผ่วเบา

“บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง!” คนในอ้อมกอดพูดปนสะอื้นแล้วพยายามดิ้นสุดแรง “ธารเกลียดพี่ เกลียดที่สุด ถ้ายังไม่ปล่อยต่อไปธารจะไม่มาเจอพี่กับน้องตุลย์อีก!”

ไม่เจอกันอีก!? แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวทำให้ในอกผมวูบโหวงไปหมด ต้องยอมปล่อยธารออกจากอ้อมกอดทั้งที่ไม่เต็มใจ
เมื่อได้รับอิสระน้องก็ผลักหน้าอกผมเต็มแรง ใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วก้มลงคว้าไดอารี่บนโต๊ะ วิ่งตึงตังออกจากห้องทำงานไปโดยไม่แม้แต่จะหันมาบอกลาหรือเหลือบมองหน้าผมสักนิด

ผมยืนนิ่งค้างอยู่กับที่หลายนาที ลองคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องถอนหายใจแรงๆ กับตัวเอง แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง...ในเมื่อธารยังอยู่กับครอบครัวนั้น ผมก็ต้องทำอะไรสักอย่าง

ใช่...ผมต้องบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างภูผากับธารให้น้ำรู้...น้ำคงไม่มีทางยอมให้สองพี่น้องมีสัมพันธ์ลับๆ กันอีก!

[End Atin’s Part]


Pie2Na

อ่านจบตอนนี้แล้วไม่ต้องตกใจนะ
ตอนต่อๆ ไปหวานละมุนอบอุ่นหัวใจมากอะ กฤษกับอติณยังมีโผล่มานะครับ
สปอยล์ตอนจบกันไปเลยเผื่อคนกลัวดราม่าไม่กล้าอ่านต่อ
จบดีก๊าวใจ...เชียร์ทีมไหนก็ไม่เสียใจแน่นวล

ปล. ตอบคุณดำดีสีไม่ตก เนื้อหาหลักเขียนจบแล้วครับ ตอนพิเศษ 5 ตอน เหลืออีก 2 ตอนยังไม่ได้เขียน

หนังสือมีเฉพาะรอบพรีออร์เดอร์ครับ ฉบับอีบุ๊คตั้งใจว่าจะทำ แต่ไม่แน่ใจว่าปกและเนื้อหาจะผ่านไหม เพราะค่อนข้างเรท ถ้ามีออกมาคงใกล้ๆช่วงจัดส่งหนังสือเดือนธันวาครับ


อ่านแล้วขอฟีดแบ็คหน่อยน้า
ขอบคุณครับ ^^
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่26•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-11-2016 21:07:43
อย่างที่คิด  อติณ เป็นพ่อธาร
งั้นต่อไป ธาร มีอะไรกับพี่ภู หรือพ่อ
ก็ไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรม
ดูท่า พี่ภู คงรู้ความจริงจากไดอารี่ แน่ๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•อัพตอนที่26•
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-11-2016 22:42:48
ก็เดาไม่ผิดจากที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่อติณนี่บอกว่าตัวเองเป็นพ่อแท้ๆแต่การแสดงออกนี่เหมือนอยากได้ธารมาในแง่อื่นมากกว่านะ
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนพิเศษ(สปอยล์)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 17-11-2016 20:15:41

ประกาศ (อ่านก่อน ห้ามข้ามนะ) !


ช่วงนี้พายขอลาไปปั่นงานก่อนนะครับ จะกลับมาทยอยอัพอีกทีช่วงเดือนธันวา

หลังจากแพ็กหนังสือส่งเรียบร้อยแล้ว (ตอนนี้เหลือปั่นตอนพิเศษตอนสุดท้ายก็จบแล้วครับ เสร็จสิ้นก่อนปิดพรีแน่นอน คนที่สั่งหนังสือไม่ต้องห่วงนะ ^^)

ขอบคุณครับ

 


SP Chapter :: ต่อหน้าต่อตา (spoil)


กระแสน้ำจากฝักบัวทรงบนเพดานตกลงมากระทบร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเราสามคน ฟองสบู่ที่ถูทำความสะอาดร่างกายก่อนหน้านี้ถูกน้ำชะล้างออกจนหมด น้าตะวันจึงเอื้อมมือไปปิดฝักบัว แต่ก่อนที่กระแสน้ำจะหยุดไหลธารก็คว้ามืออีกฝ่ายไว้ แล้วเบียดตัวเข้ากอดร่างกายกำยำที่แข็งเกร็งไปด้วยมัดกล้ามทุกสัดส่วน
           
“อาบต่ออีกหน่อยสิครับ ยังไม่สะอาดเลย” ธารแหงนหน้าพูดยิ้มๆ
           
"ตัวจะเปื่อยแล้วครับ” น้ำเสียงของน้าตะวันแหบพร่าขึ้นเล็กน้อย ฝ่ามือหยาบกระด้างลูบไล้เอวผอมบางเล่น ขณะเดียวกันฝ่ามือเรียวเล็กกำลังสัมผัสไปทั่วผิวสีแทนละเอียด
การกระทำพวกนั้นมันปลุกเร้าความต้องการของผมขึ้นมา...
           
ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของผมขยับเบียดชิดแผ่นหลังผอมบาง ก่อนจะซุกไซร้ใบหน้าลงกับลาดไหล่ ไล้เล็มไปตามผิวขาวเนียน สร้างรอยแดงไว้ทุกจุดที่ริมฝีปากลากผ่าน
           
ไม่มีคำพูดต่อจากนั้น...มีเพียงเสียงขบเม้มดูดดึงน่าอายดังสะท้อนปนเปไปกับเสียงสายน้ำ

-ตัดตอนพิเศษมาสปอยล์แบบครึ่งๆกลางๆ 5 5 5-



นาทีขายของ

หนังสือจะมีฉาก NC +ตอนพิเศษ 5 ตอน (ไม่ลงในเว็บ)

ตอนพิเศษ 4 ตอนแรก คล้ายๆ ภาคต่อที่ให้ลุ้นกันว่า...
จากที่ภูผากับพ่อแทบจะต่อยกันตายไปข้าง ดันมารักกันกลมเกลียวแบบ 3P ได้อย่างไร

(มีฉากจิ้น พ่อXภูผา อย่างรุนแรง)

และจุใจกับความ 3P + NC 18++ แน่นอนครับ

ตอนที่ 5 จะเป็นบทสรุปของ กฤษxณัฐ (คู่นี้ใครจิ้มใครไปลุ้นกันเอง ฮ่า)

นอกเหนือจากตอนพิเศษ 5 ตอน ยังมี Extra Part สั้นๆ ของบาส (แปะไว้หน้าสุดท้าย) ที่เฉลยความรู้สึกลึกๆ
(ชวนตกใจนิดหนึ่ง 5 5 5 5 //เขียนเองยังเครียดเองว่า...จะดีเหรอ? 5 5 55)
***เรื่องนี้ฟีลกู้ด จบดี แฮปปี้ มีความสุข อบอุ่นละมุนละไม ดีต่อใจกับทุกทีมนะครับ****[/color]
 
หนังสือปิดจองสิ้นเดือนนี้นะครับ (30 พ.ย.) และส่งของธันวาคมน้า

>>อ่านรายละเอียดการสั่งจอง (คลิก)<< (https://www.facebook.com/pie2na/posts/1013629992096733)
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนพิเศษ(สปอยล์)•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 29-12-2016 18:02:25
Chapter 27
ยอมรับว่ารัก

พี่ภูไม่ใช่คนละเอียดอ่อน เขาคงไม่ทันสังเกตเห็นว่าสภาพอารมณ์ผมผิดแปลกไป จึงขับรถพาผมกลับคอนโดโดยไม่ได้ซักถาม ทั้งยังเปิดเพลงซะดังลั่นด้วย
   กลับมาถึงคอนโด พี่ภูก็เดินไปทางห้องนอนของตัวเองทันที แต่เพราะผมยังมีเรื่องต้องคุยกับเขาเลยรีบคว้าแขนคนตัวสูงกว่าไว้
   
“พี่ภู อยู่คุยกันก่อนสิ”
   
“คุยเรื่อง?”
   
“.....” มือของผมที่กำลังถือไดอารี่ภาพเอาไว้บีบแน่นขึ้นด้วยความกังวล ในใจรู้ดีว่าไม่ควรเอาเรื่องในอดีตมาเล่าให้พี่ภูฟัง แต่ผมกลับคว้าไดอารี่เล่มนี้กลับมาด้วย...สุดท้ายความเห็นแก่ตัวก็เอาชนะความรู้สึกผิด
   
“ว่าไง มีอะไรก็พูดมา”
   
“...พี่ภู” จากที่จับแขนพี่ภูอยู่ ผมเลื่อนมือข้างนั้นลงมากุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ ก้มมองฝ่ามือของเราที่เกาะกุมกัน ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเพราะกลัวจะต้องสบตากับดวงตาคมกริบคู่นั้น “เราจะรักกันไม่ได้จริงๆ เหรอ”
   
“ไม่ได้” พี่ภูคงเข้าใจความหมายคำว่ารักของผมดี เลยรีบตอบทันทีโดยไม่ได้หยุดคิด
   
“แค่เพราะเราเป็นพี่น้องกันเหรอครับ”
   
“ใช่” คำตอบของพี่ภูทำให้ผมบีบมือเขาแน่นขึ้น

ผมยืมมือพี่กฤษมายั่วโมโหพี่ภูไม่ได้อีกแล้ว พี่ภูเองก็ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ของเราไว้ชัดเจน ถึงพี่ภูจะใส่ใจดูแลผมมากขึ้น พูดจาดีๆ ด้วยต่างจากเมื่อก่อน แต่เขาไม่เคยแสดงท่าทีเกินเลยสักครั้ง มีแต่จะปฏิเสธและผลักผมออกห่างทุกทีที่ผมพยายามให้เราได้ใกล้ชิดกัน
   
ตอนนี้ผมมองเห็นแค่ทางเดียวที่จะทำให้พี่ภูยอมรับความรักของเรา และผมไม่อยากจะรอหรือลองใช้วิธีอื่นอีกแล้ว...

“แล้วถ้า...” เงียบอยู่เกือบนาทีผมถึงจะกล้าพูดประโยคต่อมา “...เราไม่ใช่พี่น้องกัน พี่ภูจะรักธารได้ไหม”
   
“.....”
   
ถึงพี่ภูจะไม่ยอมตอบ แต่ผมกลับรู้คำตอบนั้นดี...ความรักของเรายังมีทางเป็นไปได้  แค่บอกความจริงกับเขาเท่านั้น
   
...ยอมให้พี่ภูเจ็บปวดเพื่อแลกกับที่ผมจะได้ครอบครองอีกฝ่าย ใครๆ ก็เห็นแก่ตัวเพื่อความรักกันทั้งนั้น มันไม่ผิดสักหน่อย...พี่ภูแข็งแกร่งกว่าผมตั้งเยอะ ขนาดผมเองตอนที่รู้ว่าพ่อตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ ยังยอมรับได้เลย ทำไมพี่ภูจะรับไม่ได้ล่ะจริงไหม อีกอย่างความลับไม่มีในโลกสักหน่อย สักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดี
   
ผมใช้เหตุผลพวกนี้บังคับให้ตัวเองพูดความจริงทั้งหมดออกไป แต่สุดท้าย...ก็ไม่กล้าพอ
   
“ก็ได้...ธารจะไม่พยายามแล้ว ในเมื่อพี่ภูไม่ยอมรับความรักของธาร พี่ภูก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดขวางไม่ให้ธารรักคนอื่น...ต่อไปอย่ามายุ่งเรื่องระหว่างธารกับพ่ออีก!”
   
พ่นคำพูดยาวเหยียดพวกนั้นจนจบผมก็วิ่งขึ้นห้องตัวเอง ไม่รอฟังคำตอบจากพี่ภูอีก พอเข้ามาในห้องได้ก็ก้าวเร็วๆ ไปที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักควานหาไฟแช็กที่เพื่อนสนิทในกลุ่มสักคนเคยลืมทิ้งไว้ ก่อนจะคว้าเอาถังขยะสแตนเลสใต้โต๊ะออกมา
   
ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภูต่อจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ในเมื่อผมตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บความลับทั้งหมดเอาไว้ ไดอารี่ภาพในมือผมตอนนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป…


   
[Special Part: Phupha]
   
“ก็ได้...ธารจะไม่พยายามแล้ว…”
   
คำพูดของธารดังก้องอยู่ในหัว น้ำเสียงและสีหน้าตอนที่ธารพูดก็ยืนยันได้ว่าน้องจริงจังแค่ไหน...ทั้งที่ผมควรจะยินดีที่ความสัมพันธ์ผิดบาปพวกนี้ต้องจบลง ทั้งที่ผมพยายามหนีธารมาตลอด แต่เมื่ออีกฝ่ายเลิกไล่ตาม...
   
ในอกผมมันวูบโหวงไปหมด รู้สึกเหมือนเพิ่งสูญเสียอะไรบางอย่างไป...ของที่สำคัญมาก
   
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ อาจจะแค่หนึ่งนาที หรือสิบนาทีที่ผมยืนนิ่งไม่ขยับ และใช้เวลาอีกเกือบนาทีพาตัวเองขึ้นไปบนชั้นสอง หน้าห้องนอนของธาร...ผมอยากจะเข้าไปปลอบน้อง อยากจะดึงร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด แต่ผมกลับทำได้แค่หักห้ามใจ ยืนจ้องมองประตูโดยไม่ขยับเขยื้อน
   
มีเสียงกุกกักและเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากด้านใน ผมยังคงนิ่ง...กระทั่งได้กลิ่นสิ่งของถูกเผาไหม้ และเห็นควันไฟจางๆ ลอดออกมาจากใต้ประตูถึงเพิ่งได้สติ รีบผลักประตูเปิดเข้าไป
   
ผมกวาดตามองรอบห้องอย่างรวดเร็วก่อนจะไปหยุดยังร่างผอมบางที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ อีกฝ่ายดูตกใจที่เห็นผม ยืนนิ่งอึ้งอย่างตั้งตัวไม่ทัน ในมือเล็กๆ นั่นถือสมุดวาดภาพเล่มหนึ่งเอาไว้ หลายหน้าถูกฉีกขาด หน้ากระดาษสี่ห้าแผ่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ตรงข้างเท้าของธารยังมีซองเอกสารสีน้ำตาลตกอยู่ ในถังขยะสแตนเลสเต็มไปด้วยเศษขี้เถ้าสีดำ กระดาษและรูปภาพอีกจำนวนหนึ่งกำลังถูกเผาไหม้
   
“ทำอะไร!?”
   
ร่างผอมบางสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเสียงตวาด ก่อนที่น้องจะรีบเอาของในมือหลบไว้ด้านหลังตัวเอง ท่าทางลนลานกับดวงตากลมโตที่เบิ่งกว้างดูมีพิรุธจนผมต้องขมวดคิ้ว
   
“เอามา” ผมยื่นมือออกไปตรงหน้าธาร แต่ใบหน้าน่ารักกลับส่ายแรงๆ แทนคำปฏิเสธ ผมจึงก้าวไปประชิดตัวอีกฝ่าย โอบแขนผ่านลำตัวผอมไปทางด้านหลัง แล้วดึงเอาสมุดเล่มนั้นจากมือน้อง และแน่นอน...ด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าผมสามารถแย่งมันมาได้อย่างง่ายดาย
   
“พี่ภูเอาคืนมานะ!” น้ำเสียงธารสั่นเครือ พยายามไขว่คว้าแย่งสมุดวาดภาพคืน แต่กลับถูกผมรวบข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว
   
“นี่อะไร” ผมขมวดคิ้วมองหน้าสมุดที่ถูกเปิดค้าง บนนั้นแปะรูปถ่ายไว้สองใบ ภาพแรกเป็นแม่ในวัยสาวยืนคู่กับผู้หญิงท้อง ใต้ภาพมีข้อความภาษาอังกฤษสั้นๆ กับวันที่เขียนกำกับไว้ด้วยลายมือของแม่ มันบอกว่าเด็กในท้องอายุเก้าเดือนแล้ว

อีกภาพเป็นรูปผู้หญิงแปลกหน้าคนเดิมนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล กำลังอุ้มเด็กทารกไว้แนบอก โดยมีแม่ของผม หมอและพยาบาลยืนอยู่ข้างเตียง  มีข้อความเขียนไว้ใต้ภาพว่า PhuPha’s Birthday ตามด้วยวันเดือนปีที่ผมเกิด
   
“ฮึก...ธารขอโทษ ฮือๆ พี่ภู เผาทิ้งไปนะ เผาทิ้ง...”
   
ธารยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เอาแต่พูดปนสะอื้นบอกให้ผมเผาสมุดทิ้งไป ขณะที่ผมยังคงสับสนกับสิ่งที่เห็น ได้แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกฝืด คิดไปว่าธารคงตัดต่อภาพพวกนี้มาเพื่อหลอกให้ผมเชื่อว่าเราไม่ใช่พี่น้องกัน...แต่มันเป็นภาพถ่ายโพราลอยด์ จะใช้โปรแกรมตัดต่อได้ยังไง?
   
ผมผลักธารออกห่าง คงออกแรงเยอะไปหน่อยร่างเล็กๆ นั่นเลยล้มลงกระแทกพื้น แต่ความสนใจทั้งหมดของผมมันอยู่ที่ไดอารี่ภาพเล่มนี้ ผมเลยเอาแต่เปิดดูมันโดยไม่ได้เข้าไปช่วยพยุงธารลุกขึ้น เปิดไปอีกหน้าและอีกหน้า...ตัวของผมยิ่งชาดิก
   
ผู้หญิงแปลกหน้าในรูปหน้าตาคล้ายผมมากเกินไป และข้อความที่เขียนเอาไว้ก็ยิ่งบอกชัดว่าเธอคือแม่ของภูผา...บ้าน่า อาจจะไม่ใช่ภูผาคนเดียวกันก็ได้ วันที่พวกนี้ก็คงเขียนผิด มันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมอยู่ในท้องและเพิ่งคลอดออกมาไม่นานได้ยังไง ตอนนั้นแม่ของผมต้องท้องป่องสิ และเธอก็ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล
   
จากหางตา ผมเห็นว่าธารที่เอาแต่นั่งร้องไห้ก่อนหน้านี้ ชะงักไปนิดก่อนจะรีบเอื้อมมือไปคว้าซองเอกสารสีน้ำตาลบนพื้นข้างๆ ตัวโยนลงในถังสแตนเลส น่าเสียดายที่ไฟเกือบมอดดับไปแล้ว มันเลยไม่ได้เผาไหม้ซองนั้นในทันที
   
ผมก้มตัวลงหยิบซองเอกสารจากในถังขยะขึ้นมา สะบัดเบาๆ เปลวไฟสีส้มที่ติดอยู่มุมซองก็ดับลง
   
“พี่ภู...พี่ภู...เอามาให้ธารนะ” ธารบอกอย่างลนลาน คว้าเกาะขาผมเอาไว้ แต่ในเวลานี้ผมไม่สนใจอะไรมากไปกว่าความจริงที่ตัวเองอยากรู้
   
ตุบ!
   
สมุดวาดภาพถูกผมโยนทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี ก่อนที่ผมจะเปิดซอง หยิบเอาเอกสารด้านในออกมา ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีกวาดสายตาอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษบนหน้ากระดาษเก่าๆ จนจบ
   
เหอะๆ...นี่มันบ้าไปหน่อยแล้ว
   
“ฮะ...ฮ่าๆ” ผมถึงกับหัวเราะเยาะกับตัวเอง นี่โกหกผมมาตลอดเลยเหรอ...เกือบตั้งยี่สิบปี คิดจะบอกผมเมื่อไหร่กัน!?
   
“ไปเอามาจากไหน”
   
“.....” ธารเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมตอบ
   
“รู้เรื่องนี้นานรึยัง”
   
ใบหน้าน่ารักนั่นส่ายไปมาอีกครั้ง...นั่นสิ ธารก็น่าจะเพิ่งรู้ได้ไม่นาน ไม่งั้นคงแสดงท่าทางแปลกๆ กับผมตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
   
“ไม่เป็นไรนะพี่ภู...พ่อตะวันก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของธาร ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่ภูไม่ต้องเสียใจนะ...ยังไงแม่ก็รักพี่เหมือนเดิม”
   
จากคำพูดยาวเหยียดพวกนั้นผมกลับจับใจความได้แค่ประโยคเดียว...น้าตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของธาร น้องรู้เรื่องนี้ได้ยังไง!?
   
ผมทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าน้อง วางเอกสารในมือลงอย่างไม่ใส่ใจแล้วคว้าไหล่ผอมบางไว้ “ธารรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครบอกธาร”
   
ตอนเด็กๆ ก่อนธารจะคลอด ผมได้ยินแม่กับน้าตะวันคุยกัน ผมรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าน้าตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ และจำได้มาตลอด แต่แค่ไม่เคยคิดจะบอกน้อง...ผมกลัวว่าวันนี้จะเกิดขึ้นสักวัน กลัวว่าธารจะต้องเสียใจ
   
แต่สำหรับตัวผมเองเหรอ...เสียใจ? ไม่เลย ผมแค่ใจหายมากกว่า และโคตรรู้สึกแย่ที่ถูกหลอกมาตลอด อย่างที่บอกว่าผมใช้ชีวิตหลายปีในต่างประเทศ มีกี่ครั้งกันที่แม่มาเยี่ยม? คนที่เลี้ยงผมมาตอนเด็กก็คือตา จนกระทั่งตาเสียถึงย้ายมาอยู่กับแม่

แน่นอน...ผมรักแม่ เธอดีกับผมมาก แต่เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
   
คนที่ผมรักยิ่งกว่าแม่คือน้องชายของผม...ทั้งรักทั้งอิจฉาที่น้องได้รับความรักความเอาใจใส่มากกว่า แต่เพราะความรู้สึกพวกนั้นมันจึงยิ่งทำให้ผมยึดติดกับธาร จนถึงตอนนี้ธารเลยเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต...
    
“ใครบอกก็ช่าง จะรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ช่าง...ช่างมันเถอะ มันไม่สำคัญเลยนะพี่ภู ยังไงพ่อก็ยังเป็นพ่อของธาร แม่ก็ยังเป็นแม่ของเรา ไม่เป็นไรเลย...”
   
นี่น้องพยายามปลอบผมเหรอ...
   
ในเวลาแบบนี้ผมยังยิ้มออกแค่เพราะคำพูดของน้อง มือของผมเลื่อนจากหัวไหล่ผอมบางขึ้นมากุมใบหน้าน่ารักไว้ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนใสทั้งสองข้าง
   
“ใช่ ไม่เป็นไรเลย” ผมกระซิบ ทั้งเพื่อปลอบตัวเองและคนตรงหน้า แต่ดูธารสิ ตัวเองยังควบคุมสติไม่ได้ ตกใจเสียขวัญไปหมด แต่กลับโผเข้ามากอดผม ลูบหลังลูบไหล่กลัวว่าผมจะเสียใจนักหนา การกระทำของน้องมันทำให้ผมอุ่นไปทั้งใจ รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงและความรักที่อีกฝ่ายมอบให้
   
ถ้าผม...ขอรับมันเอาไว้จะได้ไหม?

ความรู้สึกผิดบาปในใจผมมันเจือจางลงหลังจากรู้ว่าพวกเราไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด มันก็ใช่ที่ฐานะพี่น้องของเรายังเหมือนเดิม แต่ตอนที่ผมกำลังจะเสียธารไป ตอนที่ธารบอกผมว่าน้องจะเลิกพยายามแล้ว...ผมก็เริ่มคิดว่า...เหตุผลบ้าๆ นี่มันสำคัญขนาดนั้นเลย? สำคัญถึงขนาดทำให้ผมทำร้ายคนที่ตัวเองรักซ้ำๆ

พี่น้องบุญธรรมกี่คู่ในอเมริกาที่แต่งงานกันเอง แล้วทำไมผมกับธารจะรักกันไม่ได้?

“ธารขอโทษ...ขอโทษนะพี่ภู ธารเห็นแก่ตัวเองที่อยากให้พี่ภูรัก ฮึกๆ”

“หยุดร้อง แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” คนที่ควรถูกปลอบตอนนี้ควรจะเป็นธารมากกว่า แต่น้องยังไม่หยุดลูบหลังผมเลย ทั้งยังพูดไปร้องไห้ไป ยิ่งดูก็ยิ่งน่าสงสาร

“ฮึก...ธาร….”

“พี่บอกให้หยุดร้องไห้” ผมถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ซึ่งคนในอ้อมแขนคงคิดว่าผมรำคาญ เลยหยุดลูบหลังผม แล้วพยายามกัดปากกลั้นสะอื้นเต็มที่ แต่ก็ยังหลุดเสียงร้องสั้นๆ ออกมาบ้าง “ธารไม่จำเป็นต้องขอโทษ ถ้าจะมีใครสักคนเห็นแก่ตัว คงเป็นพี่เอง” 

“.....” ดวงตากลมโตจ้องมองผมด้วยแววตาสับสนไม่เข้าใจ

“ต่อไปคนที่ธารรักมากที่สุด...เป็นพี่ได้รึเปล่า” ผมใช้แขนโอบรอบเอวเล็กบาง ดึงรั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามาแนบชิดมากขึ้น ประคองใบหน้าน่ารักไว้ด้วยมืออีกข้าง ก้มลงไปใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดกันและกัน

ยิ่งช่องว่างระหว่างเราเหลือน้อยลง ลมหายใจของผมก็ยิ่งติดขัด...

“พี่ภูจะรักธารตอบไหม” น้ำเสียงสั่นเครือยอกย้อนผมด้วยคำถาม

“รักสิ” ผมกระซิบ จ้องมองริมฝีปากหยักบางที่ล่อลวงอยู่ตรงหน้า แทบอดใจไม่ไหวที่จะบดเบียดริมฝีปากของตัวเองลงไป

“งั้น...ที่สุดหมายถึงสองคนได้ไหม”

“ไม่ได้”  ผมขมวดคิ้วบอกด้วยความไม่พอใจ แล้วกดจูบลงไปทันที หยุดคำพูดทุกอย่างไว้ในลำคอเล็กๆ นั่น

ถึงปากจะบอกปฏิเสธไม่ให้รักคนอื่น แต่ใจผมรู้ดีว่าต่อให้ธารรักผมมากแค่ไหน คนที่น้องให้ความสำคัญที่สุดกลับไม่ใช่ผม และผมก็ไม่สามารถเอาชนะคนๆ นั้นได้เลย...ผมไม่กล้าพอที่จะบังคับให้ธารเลือกระหว่างเราสองคน ไม่เข้มแข็งพอจะเสียธารไปให้ใคร...ถ้าน้องยืนยันจะรักอีกคนมากกว่า...

ผมคงทำได้แค่ร้องขอความรักจากน้องบ้างเท่านั้น

คนในอ้อมกอดยังสับสนมึนงง ปล่อยให้ผมไล้เล็มริมฝีปากอยู่ฝ่ายเดียว นานเกือบนาทีกว่าที่ธารจะเริ่มจูบตอบพร้อมกับยกท่อนแขนเรียวขึ้นโอบรอบลำคอของผมไว้ ระหว่างที่ริมฝีปากดูดเม้มกันและกัน ปลายลิ้นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก ผมจับให้คนตัวเล็กกว่าเอนตัวลงนอนบนพื้น โดยมีผมนอนคร่อมอยู่ด้านบน 

รสจูบของเราเริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เสียงดูดเม้มดังสะท้อนภายในห้อง ฝ่ามือของผมปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างนุ่มนิ่ม หยุดบีบเค้นร่างกายบางส่วนที่นุ่มมือเป็นพิเศษ กระทั่งคนตัวเล็กกว่าส่งเสียงประท้วงในลำคอผมจึงยอมถอนริมฝีปากออก ฟังเสียงหอบหายใจที่ชวนให้รู้สึกวาบหวิว

“พี่รักธาร” ฝ่ามือของผมยังไม่หยุดลูบไล้ไปทั่วผิวกายเนียนนุ่ม ทำให้ร่างผอมบางอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างของผม

“ธารก็รักพี่ภูครับ”

ผมบดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เลื่อนฝ่ามือไปที่กางเกงขาสั้นของน้อง ดึงรั้งมันลงมาพร้อมกับอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋ว แล้วถอดออกจากเรียวขาขาวเนียนในคราวเดียว

Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)

แม้ว่าคนใต้ร่างจะขอร้องอ้อนวอน แต่ผมยังคงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่งถึงจุดสูงสุด แล้วปลดปล่อยออกมาในตัวอีกฝ่าย...จากนั้นจึงเริ่มใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง...

[End Phupha’s Part]

Pie2Na

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนพิเศษ(สปอยล์)•
เริ่มหัวข้อโดย: aladinhan ที่ 29-12-2016 20:57:38
อ่านทันใน1วัน ตาบวมหมดแล้ว ชอบมากกก ฮืออออ :mew1:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนพิเศษ(สปอยล์)•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-12-2016 21:10:42
รู้ความลับกันหมดแล้ว
ภูผา ธาร เข้าใจกันรักกัน
แต่ธารยังมีคนสำคัญ คนที่รักอีกคน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนพิเศษ(สปอยล์)•
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 30-12-2016 10:32:40
ไม่ใช่แค่คนเขียนที่ลืมๆเนื้อเรื่อง  คนอ่านก็ลืมค่ะ ㅎㅂㅎ
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่ 28•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 01-01-2017 18:49:46
Chapter 28
คนที่สำคัญกว่า

ก่อนอ่าน จะบอกว่า เรื่องนี้วางขายฉบับ E-Book แล้วนะครับ
>>สนใจคลิก<< (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=50924)
(บอกไปรึยัง ลืม  :laugh: )


3: 15 P.M.

@The Attribute Condominium

ความอึดอัดจากอ้อมแขนที่กอดรัดจากทางด้านหลังปลุกให้ผมงัวเงียตื่น รวบรวมความคิดอยู่เกือบนาทีถึงเพิ่งนึกออกว่ามาอยู่บนเตียงได้ยังไง...หลังจากมีอะไรกับพี่ภู เราก็ทานมื้อเที่ยง (ตอนบ่าย) ด้วยกัน ต่อด้วยดูหนังที่ห้องนั่งเล่น น่าจะช่วงบ่ายสองที่ผมทนถ่างตาไม่ไหวจนผล็อยหลับไปบนโซฟาด้วยความอ่อนเพลีย แล้วโดนพี่ภูอุ้มมานอนในห้อง

ผมขยับพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่กอดตัวเองไว้ แล้วก็ต้องชะงักไปนิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แถมยังมีกลิ่นน้ำหอมจางๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่เซ็กซี่...เห็นแค่ปลายคางยังไม่ทันมองหน้าผมก็รู้ได้ทันทีว่าคนๆ นี้คือพ่อตะวันไม่ใช่พี่ภู แต่ไหนพ่อบอกว่าวันนี้ติดงานกว่าจะเสร็จก็ดึกๆ ไง ทำไมมาอยู่นี่ได้

หน้าของผมซุกอยู่ตรงอกแกร่งพอดีเลยต้องขยับตัวขึ้นอีกหน่อย พอได้มองใบหน้าคมสันนั่นชัดๆ ก็ถึงกับตกใจจนนิ่งอึ้ง...ดวงตาภายใต้กรอบแว่นตอนนี้ปิดสนิท มุมปากแตก โหนกแก้มข้างซ้ายมีรอยช้ำเขียวอมม่วง...รอยพวกนี้มันไม่ได้ทำให้พ่อน่าเกลียดลง แต่กลับช่วยขับเน้นใบหน้าคมคายให้ดูหล่อร้าย น่าค้นหาไปอีกแบบ

...ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาหลงโง่งมไปกับหน้าหล่อๆ ของพ่อตอนนี้สิ ประเด็นมันอยู่ที่พ่อไปต่อยกับใครมา!? คนใจเย็น นิ่งเฉยกับทุกอย่างแบบพ่อเนี่ยนะจะมีเรื่องกับคนอื่น...แต่พอนึกถึงตอนที่พ่อต่อยพี่กฤษแล้ว ผมก็ชักไม่แน่ใจ...

“พ่อ อย่าแกล้งหลับสิ ลืมตาเลยนะ” ผมจิ้มไปที่รอยช้ำบนหน้าพ่อเบาๆ เมื่อกี้ผมขยับตัวแรงขนาดนั้น ถ้าพ่อหลับอยู่จริงก็น่าจะรู้สึกตัวตื่นแล้ว

พ่อซี้ดปากเล็กน้อย มองผมด้วยสีหน้าต่อว่าที่ทำให้ตัวเองเจ็บ แต่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำน่ะ

“ไปมีเรื่องกับใครมาครับ”

“แล้ววันนี้เราไปเจอใครมาบ้างล่ะ”

“.....” ผมตัวแข็งทื่อ...หรือพ่อรู้เรื่องจากพี่อติณแล้ว เลยมีปัญหากัน?

“ธารคิดจะบอกพ่อเมื่อไหร่หืม?” นิ้วมือสากไล้ผิวแก้มของผมเล่น ดวงตาคมกริบที่จ้องมองมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกล่อลวง

“เก็บเรื่องใหญ่แบบนี้ไว้คนเดียวได้ยังไง คราวหลังมีอะไรต้องพูดนะครับ”

“ธารกลัวพ่อต้องมากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่ ใครจะพูดยังไงมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดถึงเลย”

พ่อย่นคิ้ว “ธารไม่โกรธพ่อเหรอครับ”

ผมส่ายหน้ากับอกแกร่ง ยกแขนโอบกอดพ่อไว้แน่น “พ่อรักธารก็พอแล้ว เรื่องอื่นธารไม่สนหรอก”

“ลูกพ่อเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้เชียว” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอ มือสากลูบไล้แผ่นหลังของผมเล่น ปลายจมูกโด่งที่เกลี่ยอยู่บนหน้าผากและลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวบางเบาทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย “ถ้าธารไม่อยากพูดถึง พ่อก็จะไม่ถามอีก...แต่พ่ออยากให้ธารรู้ไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธารยังคงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ และพ่อรักธารที่สุด”

“ธารรู้” ทำไมรู้สึกจุกๆ แถมตายังพร่านิดๆ นะ เหมือนน้ำตาจะไหลออกมาเลย “ธารก็รักพ่อที่สุดครับ”

“เด็กดี” พ่อจูบลงบนหน้าผากพร้อมกับตบก้นผมเบาๆ ...นี่มันไม่ใช่แล้ว!

“ธารโตแล้วนะ” ผมโอด จับมือข้างนั้นไว้ให้หยุดตบก้นผมสักที “พ่อนั่นแหละ อายุก็มากแล้วยังทำตัวเป็นหนุ่มเลือดร้อนไปมีเรื่องกับคนอื่น...แล้วได้ต่อยคืนบ้างไหมครับ พ่อไม่แพ้ใช่ไหม” ดวงตากลมโตของผมคงดูอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป เลยโดนพ่อบีบจมูกอย่างมันเขี้ยว

“นี่ว่าพ่อแก่เหรอ”

“ไม่เลย ฟิตเปรี๊ยะ” ผมตบฝ่ามือลงบนแผงอกแกร่งแรงๆ ดูสิ แน่นตึงขนาดนี้ ฟิตสุดๆ ...เผลอตัวไปครู่หนึ่งถึงนึกได้ “ไม่เอาสิ ห้ามเปลี่ยนเรื่อง”

ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่พ่อจะเริ่มเล่า “เมื่อเช้าผู้ชายคนนั้นมาหาแม่ธารที่บริษัท ตอนนั้นพ่ออยู่ด้วย พวกเราสามคนเลยได้คุยกัน...เรื่องของลูกกับพี่ภู”

“ร...เรื่องอะไรครับ”

คงไม่ใช่เรื่องที่ผมกับพี่ภู...

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ...แค่เขาหลุดปากออกมาว่าเผลอเล่าเรื่องในอดีตให้ธารฟัง พ่อเลยโมโหจนมีเรื่องชกต่อยกัน...แน่นอนพ่อชนะ เพราะยามมาห้ามไว้ทัน”

พ่อพูดติดตลก แต่ผมกลับยังกังวล...การที่พ่อไม่บอกตามตรงว่าพี่อติณพูดอะไรบ้าง แสดงว่าเขาต้องบอกเรื่องที่ผมมีอะไรกับพี่ภูแน่ และถ้าแม่รู้เข้าคงไม่ยอมปล่อยผ่านไปเฉยๆ

“เป็นไรไปครับ ทำไมทำหน้าเครียดหืม”

“พี่ภู...แม่จะว่าอะไรไหม...”

พ่อยิ้ม กดจูบลงบนหน้าผากผมอีกครั้ง ในตอนนี้เองที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นเงาคนบริเวณประตูห้อง...ประตูถูกเปิดค้างไว้ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะนั่งอยู่ข้างกำแพงมาพักใหญ่แล้ว

“อย่ากังวลไปเลยครับ...ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ธารต้องเสียใจ พ่อจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น” พ่อกระซิบแนบชิดริมฝีปากของผม นิ้วมือสากไล้ไปตามผิวแก้ม ต่ำลงมาบริเวณลำคอ และแนวกระดูกไหปลาร้า วนไล้อยู่ที่จุดหนึ่งนานเป็นพิเศษ

ตรงนั้นเหมือนจะมีรอยที่พี่ภูทำไว้...



[Special Part: Phupha]

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมนั่งอยู่ข้างประตูห้องธาร...ทนฟังน้องทำเสียงออดอ้อน บอกรักผู้ชายคนอื่นในห้องที่เราเพิ่งกอดกัน เจ็บแทบบ้าเลยว่ะ แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าที่จะลุกออกไป แม้จะทำอะไรไม่ได้

“ถึงน้ำจะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่นายก็รู้นี่ว่าฉันช่วยได้...ถ้ายังอยากอยู่ข้างๆ ธาร ต่อไปก็อย่ามาขัดขวางเรื่องของฉันกับลูกอีก”
นึกถึงคำพูดของน้าตะวันก่อนหน้านี้ ผมก็ได้แต่ซัดกำปั้นลงบนพื้นระบายความอัดอั้น

น้าตะวันไม่จำเป็นต้องมาขู่บังคับผมด้วยคำพูดพวกนั้นหรอก ในเมื่อผมเองก็ทำเกินเลยกับธาร แล้วจะยังมีหน้าไปห้ามไม่ให้เขาทำแบบเดียวกันได้ยังไง อีกอย่างน้าตะวันก็มีสิทธิ์เต็มที่ในความเป็นพ่อ ส่วนผมเป็นแค่พี่ชายเท่านั้น...พี่ชายที่ธารให้ความสำคัญน้อยกว่า

RRrrrr…

แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงดึงผมออกจากความคิดวุ่นวายในหัว ผมล้วงเอาไอโฟนขึ้นมา มองรายชื่อคนโทรเข้าที่โชว์อยู่บนหน้าจอก่อนจะกดรับ

“ว่าไงครับ”

“แม่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”

“อ้อ...เพิ่งคิดออกล่ะสิว่าจะจัดการผมยังไงถึงเพิ่งโทรมา” ถึงคำพูดจะแฝงความประชดประชัน แต่ผมกลับพูดมันด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“…..”

“คราวนี้จะส่งผมไปประเทศไหนอีกล่ะ”

“ภู...แม่ขอโทษ” น้ำเสียงของแม่สั่นเครือเหมือนกำลังร้องไห้อยู่ ตอนแรกผมนึกว่าแม่จะต่อว่าผมเรื่องธารก่อนซะอีก ทำไมถึงกลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ไปได้ ไม่สมกับเป็นแม่ผมเลยแฮะ

“ขอโทษ? เรื่องนั้นน่ะเหรอครับ ไม่จำเป็นหรอก...ผมรู้ว่าแม่รักผม ผมโตพอที่จะเข้าใจว่ามันเป็นแค่เรื่องในอดีต ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตของผมตอนนี้ แต่ถ้าแม่อยากจะแสดงความรักให้ผมอบอุ่นใจ แค่อย่าแย่งน้องไปจากผมอีกก็พอ”

ไม่รอให้แม่พูดต่อ ผมก็กดตัดสายอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ในเมื่อน้าตะวันรับปากเอาไว้แล้วว่าจะช่วย เขาก็ต้องทำได้แน่ คำพูดไม่กี่ประโยคของเขา จูงใจแม่ได้มากกว่าคำพูดเป็นล้านคำจากลูกชายหัวดื้ออย่างผมซะอีก

[End Phupha’s Part]



เช้าวันจันทร์...ขี้เกียจไปโรงเรียนสุดๆ

ผมกับพี่ภูนั่งอยู่ข้างกันหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่ต่อออกมาจากห้องครัว ขณะที่ผมใช้ช้อนตักไข่ออมเล็ตในจานเข้าปาก ก็แอบเหลือบมองคนข้างๆ ไปด้วย อีกฝ่ายอยู่ในชุดนักศึกษาที่ไม่ค่อยจะถูกระเบียบนัก เน็กไทไม่สวม พับแขนเสื้อเชิ้ตถึงข้อศอกแถมชายเสื้อยังอยู่นอกกางเกง กางเกงยีนสีดำนั่นก็มีรอยขาดเต็มไปหมด

ในมือของพี่ภูถือขนมปังโฮลวีตที่เหลืออยู่เกือบครึ่งแผ่น เขากัดมันอีกคำ เคี้ยวด้วยท่าทางเนือยๆ เหมือนยังไม่ตื่นเต็มที่ก่อนจะทิ้งลงบนจาน แล้วเดินไปหยิบนมในตู้เย็นมาดื่ม...ยกทั้งแกนลอนกระดกลงคออย่างเคย แถมยังใจดีเอานมแกนลอนนั้นมาวางให้ผมด้วย

นมครึ่งแกนลอนค่อนข้างหนักนะ ถ้าผมยกดื่มเลียนแบบพี่ภูคงหกรดเสื้อนักเรียน เลยจำเป็นต้องรินใส่แก้ว หลังจากดื่มนมในแก้วจนหมด พี่ภูก็ยังยืนอยู่ข้างๆ ในท่าเดิม เขาก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ ท่าทางเหมือนกำลังแชทติดพัน

ระหว่างเราควรจะหวานให้มากกว่านี้รึเปล่า? ทั้งที่เมื่อวานพี่ภูเพิ่งจะบอกรักผม แล้วเราก็มีอะไรกันโดยที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เมื่อคืนพี่ภูกลับไม่ได้ชวนให้ผมนอนห้องเขา เช้ามายังทำตัวเฉยชาใส่อีก...ผมควรจะเรียกร้องความสนใจบ้างถูกไหม?
“พี่ภู ธารยังเจ็บอยู่เลย”

พี่ภูเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ มองผมอย่างสงสัย “เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”
   
นี่เขาไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอว่าทำผมแรงแค่ไหน เล่นใส่มาไม่ยั้งจนผมแทบลุกไม่ขึ้น ตื่นเช้ามายังปวดระบมไม่หาย ที่สำคัญพ่อเห็นรอยคิสมาร์กบนคอผมแล้วด้วย ถึงเมื่อคืนพ่อจะไม่ได้ถามออกมาตรงๆ แต่ก็มองรอยพวกนี้อยู่นานเลย 

“ตรงนี้” ผมดึงมือขวาของพี่ภูมาวางบนสะโพก “หลังก็ปวดมากด้วย...พื้นแข็งจะตายยังจะทำแรงอีก”
   
“ยังเจ็บมากเลยเหรอ” พี่ภูขมวดคิ้ว ใช้มือข้างนั้นบีบนวดบริเวณเอวกับสะโพกผมอย่างเบามือ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแค่จะแตะตัวกันพี่ภูยังไม่ยอมทำด้วยซ้ำ...อย่างน้อยก็ถือว่ามีพัฒนาการขึ้นบ้าง
   
“สงสัยเพราะพี่ภูนวดให้ เลยดีขึ้นแล้วครับ” ผมยิ้มทะเล้น
   
คนฟังส่ายหน้ายิ้มตาม ยื่นมืออีกข้างมาจับที่เอวผม กำลังจะช่วยนวดให้ด้วยทั้งสองมือ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ พ่อมาเหรอ? แต่ปกติพี่ภูต้องเป็นคนไปส่งผมนี่นา
   
ผมลงจากเก้าอี้ทรงสูงมายืนอยู่บนพื้น มือของพี่ภูที่จับเอวอยู่เมื่อครู่จึงเลื่อนหลุดออก ได้ยินเสียงกุกกักบริเวณประตู ผมก็รีบสาวเท้าเดินไปหา แต่พอได้เห็นร่างสูงโปร่งของคนที่กำลังยืนรื้อของในกระเป๋าอยู่ อารมณ์ดีๆ เมื่อครู่ก็หายวับ
   
“พี่เข้ามาได้ยังไง”
   
พี่กายเงยหน้าขึ้นเห็นผมก็หยุดรื้อของในกระเป๋า ส่งยิ้มร้ายๆ มาให้ก่อนจะถอดสายสะพายออกทางหัว วางกระเป๋าเป้ใบนั้นไว้บนตู้เก็บรองเท้า แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าผม ห่างไปแค่ครึ่งก้าว
   
“ใช้คีย์การ์ดเปิดเข้ามาไง”
   
พี่ภูให้คีย์การ์ดหมอนี่ไว้!?
   
“เอาคีย์การ์ดนั่นมา” ผมแบมือยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย
   
พี่กายเลิกคิ้วข้างเดียว มองผมเป็นเชิงถาม “มีอะไรมาแลกเปลี่ยนไหม”
   
“.....”
   
“อย่างเช่น...จุ๊บพี่ทีนึง”
   
“ไม่!” เสียงตะคอกของผมคงดังไปถึงห้องครัว คนที่อยู่ด้านในเลยเดินตามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่ภูหยุดลงทางด้านหลังผมจึงหันกลับไปมอง อีกฝ่ายกำลังยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ ไม่มีทีท่าจะเข้ามาช่วยผมไล่พี่กายออกไป
   
“นี่...อย่าลืมนะว่าพี่กุมความลับของเราอยู่ ถ้าไม่อยากให้ไอ้ภูรู้ก็ทำตัวดีๆ หน่อยสิ”
   
ความลับ? ที่เขารู้ว่าผมกับพ่อมีอะไรเกินเลยกว่าฐานะพ่อลูกน่ะเหรอ...ผมบอกพี่ภูไปตั้งนานแล้ว ยังจะกลัวคำขู่อะไรนี่อีกทำไม
   
“เอาคีย์การ์ดมา” ผมย้ำคำเดิม ไม่ได้เดินไปจูบเขาตามที่โดนสั่ง
   
   

[Special Part: Phupha]
   
ตอนที่ได้ยินคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง ธารคงคิดว่าเป็นน้าตะวันเลยรีบเดินไปดูทันที ยอมรับเลยว่าผมรู้สึกแย่มากที่น้องแสดงออกชัดเจนว่าดีใจแค่ไหน แต่เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าคนที่มาคือกาย ทีแรกเลยไม่ได้ตามออกไป จนได้ยินเสียงเหมือนสองคนนั้นทะเลาะกันนั่นล่ะ

ผมยืนกอดอกพิงกำแพงรอดูว่ากายมันจะแกล้งธารยังไงต่อ ไอ้เรื่องคีย์การ์ดนั่นน่ะ ผมเป็นคนให้มันไว้ก็จริง แต่เพราะกายหน้าด้านขอ ช่วงนั้นผมเองก็พักอยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้มานอนที่นี่เลยยอมให้ไป

อย่างวันนี้กายขอเอางานมาทำที่คอนโดผม เพราะอ้างว่าสะดวกสบายกว่าห้องพักตัวเอง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะธารกับผมต้องไปเรียนตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับถึงห้องก็ช่วงเย็น

“ไม่กลัว? หรือว่าภูรู้แล้ว?”

ฟังกายกับธารคุยกันผมไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ในเมื่อกายบอกว่าผมรู้ความลับนั่นแล้ว งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ ยังยืนนิ่งรอดูว่าธารจะตอบว่าอะไรต่อ แต่น้องยังเอาแต่เงียบ กายเลยพูดขึ้นอีก

“งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า...ถ้านายยอมจูบพี่ พี่สัญญาว่าจะไม่มีอะไรกับภูอีก แถมคีย์การ์ดให้ด้วย”
   
คราวนี้ธารถึงกับหันขวับมามองผม สีหน้าน้องดูเหมือนตัดพ้อต่อว่า คงเสียใจที่ผมเอาแต่เงียบไม่ยอมทวงคีย์การ์ดคืน แล้วปล่อยให้กายยังยืนอยู่ในห้องนี้

“ได้ จะยอมจูบก็ได้ แต่ห้ามแตะตัวพี่ภูอีกนะ ต่อให้พี่ภูเริ่มก่อนก็ห้าม!”
   
ผมอึ้งนิดหน่อยที่ธารพูดแบบนั้น พอเห็นน้องเดินเข้าไปใกล้กายเหมือนจะทำตามที่บอกจริงๆ ผมก็รีบคว้าแขนเรียวเล็กไว้ กระชากแรงๆ จนร่างผอมบางปลิวมาปะทะอก
   
“พี่เลิกยุ่งกับกายตั้งแต่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกันแล้ว ตอนนี้กายเป็นแค่เพื่อนคนนึงสำหรับพี่”

“ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันจริงทำไมต้องให้คีย์การ์ดเขาไว้ด้วย” ธารเม้มปาก แหงนหน้ามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เขามาที่ห้องของเรา พูดจาแย่ๆ กับธาร พี่ภูกลับยืนเฉย แบบนี้ยังเรียกว่าเพื่อนกันธรรมดา?”
   
ผมยกมือเสยผม ถอนหายใจออกมาแรงๆ ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งที่จริงเรื่องนี้มันเรียบง่ายมากจนไม่น่าเอามาทะเลาะกันได้เลย แค่ตัดตัวปัญหาออกไปแค่นั้น
   
“เอาคีย์การ์ดคืนมา”
   
“เออๆ” ยื่นมือไปตรงหน้ากายไม่ถึงนาที มันก็ยอมล้วงคีย์การ์ดในกระเป๋าคืนให้ก่อนจะพูดเหมือนบ่น “แค่แกล้งน้องมึงเล่นนิดๆ หน่อยๆ ทำไมต้องมองกูโหดขนาดนั้นด้วยวะ”
   
“ทีนี้ก็ไสหัวไปได้ละ”
   
“ไล่กันงี้เลย?”
   
“เดี๋ยวคืนนี้กูเลี้ยงเหล้า” เหลือบเห็นสีหน้าที่ดูไม่พอใจยิ่งกว่าเดิมของธาร ผมเลยเปลี่ยนคำพูด “เดี๋ยวกู...ให้เพื่อนพาไปเลี้ยงเหล้า เดือนคณะกูน่ะ รู้จักใช่ไหม”
   
กายยิ้มพอใจ กับผู้ชายหน้าตาดีมันไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว ที่มันเข้าหาผมเมื่อก่อนก็เพราะแบบนี้ แต่พอได้คุยด้วยแล้วพบว่าเรามีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน และเพราะกายเป็นคนตรงๆ ดีร้ายทั้งต่อหน้าลับหลัง นิสัยน่าคบใช้ได้ ผมกับกายเลยเริ่มสนิทกัน

เริ่มแรกจากฐานะคู่นอนพัฒนาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ถึงจะมีอะไรกันหลายครั้งแต่เราก็มีขอบเขตระหว่างกันดี มาตอนนี้ผมอยากหยุดความสัมพันธ์แบบเซ็กซ์เฟรน มันเองก็เข้าใจ ไม่ได้ล่วงล้ำเส้นที่ผมขีดไว้

“ขอบใจ งั้นกูไปล่ะ” พูดจบกายก็คว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องผมไปทันที
ผมหันกลับมามองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ น้องยังขมวดคิ้ว ทำหน้าเคร่งเครียด

“พี่ภูจะเลิกมีอะไรกับพี่กายจริงๆ นะ”

“อืม”

“กับคนอื่นก็ห้าม” ธารเข้ามากอดผม ถูหน้าลงกับอกเหมือนจะอ้อน “พี่ภูห้ามทำให้ธารเสียใจที่ยอมให้พี่เป็นคนแรกของธารนะ”

คนแรก? เท่าที่ผมจำได้ครั้งแรกที่เรามีอะไรกันมันเหมือนกับธารเพิ่งผ่านคนอื่นมา ถึงในตัวน้องจะคับแน่นจนผมปวดหนึบไปหมด แต่เพราะธารตัวเล็กมากผมเลยไม่ได้เอะใจ อีกอย่างน้องก็เคยบอกว่าตัวเองมีอะไรกับน้าตะวันมาก่อน ผมจึงเชื่อแบบนั้นมาตลอด

ลองย้อนคิดดู คืนแรกที่เรามีอะไรกัน น้องก็ดูไม่มีประสบการณ์จริงๆ ทั้งที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้ แต่พอได้รู้กลับรู้สึกดีจนบอกไม่ถูก มันทำให้ผมรู้สึกเหนือกว่าอีกคนที่ธารชอบไปออดอ้อน และรู้สึกได้รับความสำคัญ

“ถ้าพี่เป็นคนแรก แล้วน้าตะวันล่ะ” ผมถามย้ำ

“ก่อนที่เราจะมีอะไรกัน พ่อยังไม่เคยเข้ามาในตัวธาร”

“.....”

ว่าไงนะ!? แสดงว่าหลังจากนั้นธารเคยมีอะไรกับน้าตะวันแล้ว และต่อไปก็อาจจะเกิดขึ้นอีก!?

“พี่ภู ธารหายใจไม่ออก” เสียงบ่นที่ดังอู้อี้อยู่กับอกทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอกอดน้องแน่นเกินไป

“รีบออกไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย” ผมบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวขึ้นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วเดินกลับเข้าไปด้านในเพื่อหยิบกระเป๋า โดยไม่รอให้ธารเดินมาพร้อมกัน

[End Phupha’s Part]

Pie2Na

หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่ 28•
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-01-2017 06:18:05
เพิ่งได้เข้ามาอ่านรวดเดียว เป็นเรื่องที่แหวกไปหมดเดาทางไม่ถูก ขอคารวะ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่ 28•
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-01-2017 11:40:06
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇Incest 18+┇•ตอนที่ 28• h
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 02-01-2017 21:49:59
เพิ่งได้เข้ามาอ่าาน. ตามทันแล้วนะ
ชอบพ่อตะวันมากๆเลย ดีต่อใจ อบอุ่นสุดๆ
 :katai4: :-[
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนที่ 29•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 04-01-2017 19:23:26
Chapter 29
พ่อกับพี่ชาย

ตั้งแต่ออกจากห้อง กระทั่งลงลิฟท์มาที่ลานจอดรถพี่ภูก็ยังอารมณ์ไม่ดีขึ้น สาเหตุคงเกิดจากคำพูดของผมก่อนหน้านี้ แต่ผมจงใจพูดออกไปเพื่อให้พี่ภูได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่มีสิทธิ์ในร่างกายของผม ผมตัดใจจากพ่อไม่ได้ และจะไม่ยอมเสียใครสักคนไป
   
ขณะที่เดินออกจากลิฟท์ไปที่รถของพี่ภูก็บังเอิญเจอคนสองคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาเกือบเดือน สองคนนั้นอยู่ในชุดนักศึกษาและกำลังจะขึ้นรถ แต่เพราะผมกับพี่ภูเดินผ่านหน้ารถคันนั้นพอดี ทั้งคู่เลยชะงักมอง
   
“ธาร”

ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองผมจึงชะงักเท้า พี่ภูที่เพิ่งสังเกตเห็นสองคนนั้นหยุดยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้พูดอะไร พอหันไปมองคนเรียกก็เห็นว่าพี่กฤษกำลังเดินมาหาผม ส่วนพี่ณัฐที่เปิดประตูรถค้างไว้ยังยืนอยู่กับที่ไม่ได้ก้าวขึ้นไป ผ่านมาเกือบเดือนบนใบหน้าของเขาไม่หลงเหลือรอยฟกช้ำอยู่แล้ว
   
“สบายดีไหม” พี่กฤษคงไม่รู้จะพูดอะไรดี เลยถามคำถามสิ้นคิดนั่น
   
“สบายดีครับ”
   
“พี่...” พูดได้คำเดียวอีกฝ่ายก็เงียบ สิ่งที่เขาอยากบอกคงไม่กล้าพูดออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอกันหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ต่อให้ผมบอกว่าจะเลิกยุ่งกับพี่กฤษ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ผมเหรอที่เคยบอกเลิกอีกฝ่ายซ้ำๆ ถ้าเขายังอยากจะขอคืนดี คงมาตามตื้อผมนานแล้ว

เมื่อก่อนพี่กฤษเคยลังเล ปากบอกรักผม แต่ใจยังพะวงถึงพี่ณัฐ มาตอนนี้เพราะสิ่งที่พี่ณัฐทำ เขาเลยต้องตัดสินใจเลือกใครสักคน แล้วการที่ได้เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน มันก็ชัดเจนแล้วว่าคนที่ถูกเลือกคือใคร

ยอมรับว่าผมยังรู้สึกผูกพันกับพี่กฤษอยู่บ้าง แต่มันไม่ใช่ความรักอีกแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร และถึงจะเคยเจ็บเพราะพี่กฤษมามาก แต่เขาเองก็ต้องเจ็บเพราะผมเหมือนกัน ความทรงจำแย่ๆ พวกนั้นมันแค่เสี้ยวหนึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งดีๆ มากมายที่เราเคยทำให้กัน ผมให้อภัยเขาแล้วตั้งแต่วันที่คืนต่างหูไป

เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก...

“ธารคิดถึงพี่”

ผมรู้ว่าพี่กฤษอยากพูดคำนี้ ‘คิดถึง’ เพราะผมเองก็กำลังรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ในเมื่อคนที่เขาเลือกไม่ใช่ผม และคนๆ นั้นก็ทำแย่ๆ กับผมเอาไว้ เขาเลยไม่กล้าพูดมันออกมา ผมจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน ซึ่งพี่กฤษเพียงยิ้มรับ ยื่นมือมาจับมือของผม ลูบปลายนิ้วโป้งลงบนหลังมืออย่างแผ่วเบา

“อืม...พี่ก็คิดถึงธาร”

“ดูแลคนของพี่ให้ดีๆ นะ” ผมใช้ปลายนิ้วลูบฝ่ามือของเขากลับ “อย่าให้เขาต้องเจ็บเหมือนที่ธารเคยเจ็บ...รักษาเขาไว้ให้ดี”

“.....”  อีกฝ่ายไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้ กระซิบข้างหูเบาๆ เหมือนกลัวว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาจะได้ยิน “ได้...พี่สัญญา”

“ไปเรียนกันดีกว่าครับ จะสายแล้ว”

“อืม...ไปเรียนกัน” พี่กฤษหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปล่อยผมออกจากอ้อมกอด ยกยิ้มแทนคำบอกลาแล้วเดินกลับไปที่รถ

ผมไม่ได้หยุดมองสองคนนั้นต่อ เพราะแขนคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ยื่นมาโอบไหล่ พาผมออกเดินไปพร้อมกัน ก่อนที่มือที่กุมหัวไหล่ผมไว้จะเลื่อนไปบริเวณแผ่นหลัง ออกแรงปัดเบาๆ ราวกับต้องการปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า

...บางทีพี่กฤษก็ไม่ได้สกปรกขนาดนั้น



6: 24 P.M.

หลังเลิกเรียน พี่ภูมารับผมตามปกติ เราแวะกินข้าวเย็นกันก่อนกลับ มาถึงคอนโด ผมเปิดประตูห้องก็เห็นรองเท้าของพ่อบนชั้นวางรองเท้าเลยรีบเดินเข้าไปด้านใน เจอร่างสูงกำยำนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น อีกฝ่ายกำลังถือไอแพดไว้ในมือ จ้องหน้าจอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเจอผมก็ส่งยิ้มบางมาให้ ก่อนจะวางไอแพดลงบนโต๊ะ
 
ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ แล้วโอบกอดเอวหนาไว้ด้วยอ้อมแขน ซุกหน้าลงถูกไถกับแผงอกแกร่งอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้นยิ้มพูด “คิดถึงพ่อจัง”

“พ่อก็คิดถึงธารครับ...มาคุยกันก่อนสิ”

ประโยคแรกพ่อพูดกับผม ส่วนประโยคหลังพ่อบอกกับพี่ภูที่กำลังจะเดินผ่านพวกเราไปที่ห้องนอนของตัวเอง อีกฝ่ายหันมามองผมสลับกับพ่อ แล้วยอมเดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

“ฉันคุยกับน้ำแล้ว” พ่อพูดขึ้นทันทีหลังจากพี่ภูนั่งลง “น้ำอยากให้นายกับธารย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน”

ตอนแรกแม่อยากให้ผมกับพ่อห่างกัน ผมเลยต้องมาอยู่ที่นี่กับพี่ภู แต่ในเมื่อพี่ภูกับพ่อต่างก็มี ‘ปัญหา’ ทั้งคู่ แม่คงวางใจมากกว่าถ้าผมอยู่ในสายตาแม่ล่ะมั้ง ถึงแม่จะไม่ค่อยกลับบ้านก็เถอะ

“ธารกับนายก็ไม่ใช่เด็กแล้ว จะบังคับกันเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้ เพราะงั้นนายอยากอยู่ที่ไทยอีกกี่ปี หรืออยากย้ายไปประเทศไหน ฉันกับน้ำจะไม่ก้าวก่าย”

นี่หมายความว่าแม่ยอมรับเรื่องของเรา และพี่ภูจะไม่ต้องกลับอเมริกา?
   
ถ้าเทียบกันแล้วความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภู ยังดูรุนแรงน้อยกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพ่อซะอีก ในเมื่อแม่เคยทำใจยอมรับได้ มันคงง่ายขึ้นสำหรับครั้งนี้ แต่ทั้งหมดก็คงเพราะพ่อช่วยพูดไว้ ไม่งั้นผมกับพี่ภู คงมีใครสักคนต้องย้ายไปอยู่อีกซีกโลกที่อาจจะไกลกว่าอเมริกาก็ได้

“ขอบคุณครับพ่อ”
   
แขนของผมคล้องอยู่กับแขนพ่อ มือของเราข้างหนึ่งกุมกันไว้ ปลายนิ้วทั้งสิบสอดประสาน รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามืออีกฝ่าย
   
พ่ออาจจะนึกเสียใจก็ได้ที่ยอมให้พี่ภูมีอะไรเกินเลยกับผมวันนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ยิ่งถลำลึกกว่าเดิม แต่เพราะพ่อรักผมมาก และเขาก็รู้ว่าผมรักพี่ภูแค่ไหน เลยยอมที่จะเสียสละเพื่อป้องป้องความรู้สึกของผม   

“ตอนเด็กๆ พ่อตามใจธารมากเกินไปจนเสียคนแล้ว ตอนนี้จะขัดใจอะไรก็ทำไม่ได้ มีแต่จะตามใจให้มากกว่าเดิม” ฝ่ามือหนาอีกข้างยื่นมาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา “เมื่อก่อนที่ธารตัวเล็กกว่านี้ ธารเป็นคนหวงของเล่นชิ้นโปรดมาก ใครจะแย่งไปไม่ได้ แต่พอเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้างไม่สนใจ ขอให้พ่อซื้อชิ้นใหม่ให้ เล่นอยู่ไม่กี่วันก็เบื่ออีก”   

“.....”
   
“ธารเป็นคนเบื่อง่าย” ประโยคนี้พ่อก้มลงมากระซิบข้างหูผม แต่สายตากลับมองตรงไปที่พี่ภู “ของชิ้นนี้ถ้าเล่นจนเบื่อแล้ว ก็จะขว้างทิ้งไปเอง”

พี่ภูกัดกรามจนขึ้นสันนูน ถึงเสียงกระซิบนั่นจะเบาแค่ไหน แต่มันก็ดังพอให้พี่ภูได้ยิน ท่าทางแบบนั้นของเขาทำให้ผมต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่จริงสักหน่อย...พ่อจำโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่เคยซื้อให้ธารได้ไหม ธารใช้อยู่ตั้งหลายปีจนมันพังถึงจะยอมซื้อเครื่องใหม่ ตอนนี้ยังเสียดายอยู่เลย” น้ำเสียงของผมฟังเหมือนกำลังอ้อนวอน “กับบางอย่างที่สำคัญ ธารจะไม่ทิ้งขว้างเด็ดขาด นอกจากว่าธารจะเก็บมันไว้ไม่ได้...นอกจากว่า...พ่อจะไม่ยอมให้ธารเก็บไว้ แล้วบังคับให้ธารต้องทิ้งมันไป แต่ธารจะเสียใจมากและไม่มีวันลืมมันได้เลย”
   
พ่อไม่มีวันปล่อยมือจากผมแน่ และถ้าพ่อต้องการตัดพี่ภูออกจากชีวิตของผม พ่อย่อมมีวิธีที่จะทำมัน ขณะที่พี่ภูไม่มีอำนาจพอที่จะทำแบบนั้น แต่เขาพร้อมจะจากผมไปทุกเมื่อ นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องอ้อนวอนขอให้ทั้งสองคนยอมรับ เพราะผมตัดใจจากใครคนหนึ่งไม่ได้
   
ความรักที่ผมมีให้พวกเขาทั้งคู่มันไม่ใช่ความรักแบบฉาบฉวย ผมรักของผมมาตั้งแต่จำความได้ เราผูกพันกันมากเกินไป...พ่อกับพี่ชาย ผมจะเลือกตัดคนใดคนหนึ่งออกจากชีวิตได้ยังไง...
   
“งั้นเรามารอดูกันว่าของชิ้นนั้นจะสำคัญกับธารจริงรึเปล่า” พ่อบอกด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงบนหน้าผากผมอย่างนุ่มนวล “ต่อให้ต้องรอไปอีกสิบปี พ่อก็จะไม่บังคับธาร”
พ่อเป็นแบบนี้เสมอ...รักผมโดยไม่มีข้อแม้ และยอมให้ได้ทุกอย่าง
   
ผมดึงมือที่ประสานกันออกเพื่อจะได้กอดพ่อได้ถนัด เอียงหน้าซบกับแผงอกแกร่ง สายตาสบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของพี่ภูที่มักจะเฉยชาราวกับไม่แย่แสทุกสิ่งบนโลก ตอนนี้กลับดูกล้ำกลืนเต็มที
   
“พูดจบแล้วใช่ไหม” จู่ๆ พี่ภูก็ผุดลุกขึ้น เดินผ่านผมกับพ่อไปราวกับต้องการจะจบเรื่องทุกอย่างลงแค่นี้ ทำให้ผมต้องรีบคว้าท่อนแขนกำยำไว้
   
“พี่ภู...” ผมร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “พี่ภูจะไม่ทิ้งธารไปใช่ไหม”
   
“ไม่มีทาง”
   
จบคำพี่ภูก็โน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากของผมถูกปิดลงด้วยรสจูบดูดดื่ม...ทั้งก้าวร้าวและดุดันราวกับต้องการประกาศให้รู้ว่าเขาคือเจ้าของต่อหน้าใครอีกคน

ทั้งที่พ่อนั่งอยู่ข้างๆ แต่ผมไม่อาจต้านทานจูบนี้ได้เลย...

เนิ่นนานกว่าที่มันจะสิ้นสุดลง ผมหอบหายใจ แหงนมองพี่ภูด้วยความสับสนกับสิ่งที่เขาทำ แต่อีกฝ่ายกลับจ้องมองไปยังพ่อของผม ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยันแล้วเดินจากไป

หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง พ่อไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวหรือพูดจาต่อว่าออกมา แค่นิ่งเฉยจนผมรู้สึกปวดใจเท่านั้น ฝ่ามือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายยื่นมาจับปลายคางของผม ใช้นิ้วโป้งลูบเช็ดริมฝีปากที่ชุ่มชื้นและแดงก่ำจากรสจูบเมื่อครู่

ผมคว้าจับมือข้างนั้นไว้ แล้วซบหน้าลงกับอกของพ่อ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวแรงดังมาจากด้านใน ทำให้ผมต้องลูบฝ่ามือลงแผ่วเบาอย่างต้องการปลอบประโลม

“คืนนี้นอนค้างที่นี่นะครับ”

“...ครับ”

Pie2Na
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนที่ 29•
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 04-01-2017 22:11:55
 o22ทำสั้นจังง กำลังฟินกับพี่ภูเลย. เยิฟฟฟฟฟฟ
รอตอนต่อไป :z2:  มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนที่ 29•
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 05-01-2017 00:56:54
ชอบทั้งสองคนเลย :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนที่ 29•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2017 05:21:21
ธาร ต้องทำให้ทั้งพ่อ ทั้งพี่ภู
รู้ว่าธารรักทั้งสองคน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขาดใครไม่ได้
ยิ่งพี่ภู ยิ่งต้องทำให้เชื่อใจ มั่นใจ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนที่ 29•
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 05-01-2017 21:40:20
ไม่มีใครยอมใครเลย
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนที่ 29•
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 05-01-2017 22:32:16
หน่วงแปลกๆ
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 09-01-2017 09:21:07
Outro
ความรักของเราสามคน

หมายเหตุ :: เนื้อหาบทหลังๆ เป็นเนื้อหาฉบับรีไรท์นะครับ จึงอาจมีปมบางจุดที่อาจจะขัดๆ กับเนื้อเรื่องช่วงแรกที่อัพไป (ซึ่งเป็นฉบับด้นสด ฮ่าๆ) ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ (ศัพท์โบราณไป 555)
   
2: 17 P.M.

@Tawan’s House

กว่าผมจะพาตัวเองลุกจากเตียงมาได้ และอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จก็บ่ายสองเข้าไปแล้ว พอเปิดม่านหนาทึบที่ประตูระเบียงห้องนอน จึงเห็นว่าพื้นสนามหญ้าบริเวณสวนหลังบ้านที่เคยรกไปด้วยเสื้อผ้า เศษอาหาร ขวดเบียร์ แก้วน้ำ และจานชามเมื่อคืนนี้ ไร้สิ่งแปลกปลอมใดๆ ในสระว่ายน้ำที่เคยมีห่วงอย่างหลายรูปแบบและขยะนานาชนิดถูกเก็บกวาดอย่างดี แม่บ้านคงทำความสะอาดจนเสร็จตั้งแต่เช้า   

ผมสะบัดหัวแรงๆ ไล่อาการเมาค้างซึ่งเป็นผลจากอาฟเตอร์ปาร์ตี้เมื่อคืน ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนลงไปชั้นล่าง เมื่อคืนผมจำได้ว่ามีเพื่อนหลายคนนอนอืดอยู่บนพื้นและตามโซฟาบริเวณมุมต่างๆ ภายในบ้าน แต่เวลานี้ทั้งบ้านกลับเหลือบาสเพียงคนเดียว
ร่างสูงกำยำนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น สภาพไม่ต่างจากศพมากนัก และไม่รู้เจ้าตัวถอดเสื้อลืมทิ้งไว้ที่ไหนถึงได้เปลือยท่อนบนเป็นอาหารตาแม่บ้านสาวๆ อยู่แบบนี้

ดูๆ ไปแล้วหุ่นของบาสดีขึ้นมาก ครั้งล่าสุดที่ผมเห็นหมอนี่แก้ผ้าก็ตั้งปีกว่ามาแล้วช่วงที่เราเรียนว่ายน้ำด้วยกัน มาดูตอนนี้ แผ่นหลังของบาสเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทั้งยังมีรอยสักรูปปีกนกเพิ่มขึ้นมาบริเวณสะบักด้านซ้ายด้วย...ที่เคยบอกว่าอยากสักเลียนแบบพี่ภู คงไปแอบสักมาแล้วสินะ พ่อแม่มันรู้รึยังเนี่ย

“บาส” ผมเรียกพร้อมกับใช้เท้าสะกิดไปที่ก้นของบาสแรงๆ หลายทีเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าจะตื่น ผมเลยนั่งลงบนแผ่นหลังอีกฝ่าย แล้วใช้ฝ่ามือตบลงไปแรงๆ ตรงรอยสัก แรงจนเจ็บแปล๊บที่ฝ่ามือเสียเอง

“ไอ้บาสสส!” ตะโกนเรียกดังๆ อีกที คราวนี้เจ้าตัวสะลึมสะลือแหงนหน้าขึ้นมามองผมด้วยสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ก่อนจะพลิกตัวขึ้นนอนหงายแทบทำเอาผมไถลตกลงไปบนพื้น ดีนะที่จับพนักโซฟาไว้ทัน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมนั่งอยู่บนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกซ์แพ็กส์ของบาสแทน

“คนจะนอน ลงไปดิวะ” บาสปรือตามอง บอกเสียงงัวเงีย ท่าทางหงุดหงิดหน่อยๆ

“ตื่นเหอะมึง บ่ายสองแล้ว เพื่อนเขากลับไปหมดแล้วเนี่ย”

“อ้าวเหรอ” มันงึมงำ เอาแขนพาดหน้าผากเหมือนจะหลับต่อ แต่สักพักเสียงโครกครากก็ดังมาจากท้องใต้สะโพกของผม เจ้าของร่างกำยำจึงต้องลืมตาขึ้นมาอย่างจำยอม ใช้มือขยี้หัวตัวเองแรงๆ แล้วบ่น “เออตื่นก็ได้ หิวว่ะ บอกแม่บ้านให้ยกของกินมาหน่อยดิ”

อืม...ความเกรงใจไม่เคยมี ทำตัวเป็นคุณชายยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นขนาดไม่ใช่บ้านตัวเองนะ แต่ผมไปบ้านมันก็ทำตัวแบบเดียวกันนี่แหละ

“เออ เดี๋ยวบอกให้ กินกันห้องนั่งเล่นนี่แหละ กูอยากดูหนังไปด้วย ส่วนมึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเลย ใช้ห้องน้ำในห้องกูอะ เสื้อผ้าก็หยิบเอาในตู้” ผมลุกออกจากท้องของบาสเพื่อให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน

“เสื้อผ้ามึงกูจะใส่เข้าไหมเนี่ย” ดวงตาคมเข้มมองผมหัวจรดเท้า
อืม...ถึงผมจะสูงขึ้นนิดหน่อยจากปีที่แล้ว ขนาดตัวก็แทบไม่ได้แตกต่างจากเดิมเลย เพราะตอนนี้ผมเพิ่งจะอายุสิบห้าปลายๆ เท่านั้น ส่วนบาสสิบแปดแล้ว อย่าได้พูดถึงขนาดตัวของมัน แค่ความสูงก็ปาไปร้อยแปดสิบกว่า สูงพอๆ กับพี่ภูเลย

“ในตู้เสื้อผ้าห้องกูมีเสื้อผ้าของพี่ภูอยู่ หยิบเอามาใช้ตามสบาย” ไม่รู้หรอกว่าเจ้าของเขาจะยอมให้ใส่รึเปล่า แต่เสื้อผ้าพี่ภูเยอะมากจนเจ้าตัวยังจำไม่ได้เลยว่ามีชุดไหนบ้าง

“ทำไมเสื้อผ้าพี่ภูไปอยู่ในห้อง...” พูดไม่ทันจบบาสก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ มันถอนหายใจแรงๆ ทีหนึ่งแล้วผุดลุกขึ้น “กูไปอาบน้ำละ ออกมาของกินต้องเต็มโต๊ะ”

ผมกรอกตาให้มันทีก่อนจะเออออ แล้วเดินแยกย้ายกันออกไป บาสขึ้นไปห้องนอนผมบนชั้นสอง ส่วนผมออกตามหาแม่บ้าน




ช่วงเย็นบาสยังขลุกอยู่ในบ้านของผม พ่อ แม่ กับพี่ภูต่างก็ไม่อยู่บ้านกันหมด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครกลับมา ผมกับบาสกำลังเล่นเกมแก้เบื่อกันอยู่ในห้องนั่งเล่น จู่ๆ ก็มีเสียงพูดคุยดังมาจากด้านนอก เป็นเสียงทุ้มต่ำสลับกับเสียงเล็กๆ ของเด็กผู้ชาย
ผมกดปุ่ม (ll) บนจอยสติกส์ แล้วโยนมันลงบนโซฟา ก่อนจะลุกเดินไปตามเสียง ยังไม่ทันถึงทางเข้าห้องนั่งเล่น ร่างสูงกำยำของพี่อติณกับร่างป้อมๆ ของน้องตุลย์ก็มายืนอยู่ตรงหน้า น้องตุลย์เห็นผมก็โผเข้ามากอดขาทันที หลังจากยกมือไหว้คนพ่อตามมารยาท ผมจึงทรุดตัวลงไปอุ้มน้องขึ้นมา แต่แทบจะอุ้มไม่ขึ้นแน่ะ เพราะตอนนี้น้องโตขึ้นกว่าเดิมและส่วนสูงเกือบเท่าเอวผมแล้ว

“คิดถึงพี่ธารที่สุดเลย” น้องตุลย์ห้อมแก้มผมซ้ายขวา แล้วปากจู๋ๆ นั่นก็จุ๊บลงบนปากผมดังจ๊วบ น้ำลายนี่เลอะทั้งปากทั้งแก้มไปหมด เพราะน้องชอบเลียปากตัวเอง

“พี่ก็คิดถึงน้องตุลย์ครับ” ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะวางเจ้าตัวเล็กลงด้วยความหนัก เด็กชายที่เพิ่งบอกว่าคิดถึงผมเมื่อครู่นี้วิ่งปร๋อไปหาบาสเฉย กระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟาได้ก็คว้าจอยสติ๊กมาถือ แหงนหน้าถามนู่นนี่นั่นกับบาสไม่หยุดปาก สงสัยจะอยากเล่นแต่ไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มไหนเลยถามใหญ่

หันกลับมาสนใจคนตรงหน้า พี่อติณกำลังส่งยิ้มบางๆ มาให้ ตลอดหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาเราเจอกันนับครั้งได้ ซึ่งคงจะเจอกันบ่อยกว่านี้ถ้าพี่อติณไม่ได้หลุดปากบอกเรื่องที่เราคุยกันให้พ่อแม่ผมฟัง ทั้งสองคนไม่ค่อยชอบพี่อติณนักหรอก แต่เพราะเขาเอาความเป็นพ่อมาอ้าง ถึงยังเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้

ผมเองมีอคติกับพี่อติณอยู่บ้าง แต่แม่บอกว่ายังไงเขาก็มีส่วนทำให้ผมเกิดมา ผมต้องสำนึกบุญคุณ ต้องเคารพ และเพราะพี่อติณดีกับผม ไม่ได้พยายามจะเป่าหูให้แตกแยกกับครอบครัวอีก (คงจะคิดได้หลังจากโดนพ่อต่อยล่ะมั้ง) ผมเลยยังติดต่อกับเขาอยู่...เหตุผลหลักๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องบุญคุณนั่นหรอก เพราะน้องตุลย์ต่างหากล่ะ

“น้ำบอกพี่ว่าอีกสองวันธารจะไปอเมริกาแล้ว”

“ครับ”

...อีกสองวันผมกับบาสจะเดินทางไปอเมริกาเพื่อเรียนต่อปริญญาตรี พี่ภูกับพ่อก็ด้วย คนหนึ่งต้องเรียนต่อปริญญาโท (จบปริญญาตรีภายในสามปีครึ่ง) ส่วนอีกคนย้ายไปดูแลบริษัทในเครือที่นั่น ส่วนแม่คงยังไปๆ มาๆ หลายประเทศเหมือนเดิม
ปาร์ตี้ริมสระน้ำที่จัดขึ้นเมื่อคืนเป็นปาร์ตี้ของเด็กเกรดสิบสองห้องเดียวกับผม เพื่อทั้งเลี้ยงส่งเพื่อนหลายคนที่จะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ และถือเป็นงานเลี้ยงส่งท้ายชีวิตไฮสคูล

“งั้นวันมะรืนพี่ขอไปส่งเราที่สนามบินนะ”

จริงๆ ใช้คำว่า ‘พี่’ แทนตัวอีกฝ่ายมันอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมกับฐานะ (คนที่มีส่วนทำให้ผมเกิดมา) เท่าไหร่ แต่ด้วยเพราะพี่อติณเพิ่งจะอายุสามสิบสี่ อ่อนกว่าพ่อผมตั้งสี่ปี และรูปร่างหน้าตายังหนุ่มแน่น เลยพอใช้คำนี้ได้อยู่

“ครับ...พาน้องตุลย์มาด้วยนะ” ผมรับคำ แล้วรีบพูดต่อท้าย

“ได้สิ” พี่อติณยิ้ม ชี้ไปที่โซฟา “ไม่ชวนพี่ไปนั่งหน่อยเหรอ”

“อ้อครับ”

เดินนำอีกฝ่ายมานั่งบนโซฟา บาสกับน้องตุลย์ยังเล่นเกมกันอย่างเมามันไม่มีท่าทีสนใจพวกเราสักนิด เด็กคนไหนนะที่บอกว่าคิดถึงผมเมื่อกี้ ชักจะน้อยใจนิดๆ ละ ส่วนบาส...ผู้หลักผู้ใหญ่มาแทนที่จะยกมือไหว้ สงสัยจะยังโกรธฝังใจที่พี่อติณเคยทำแย่ๆ เอาไว้กับครอบครัวผมเลยทำเมินใส่

ก็นะ...ผมผิดเองล่ะที่เล่าให้บาสฟังทุกเรื่อง ซึ่งที่ต้องเล่าก็เพราะมันบังเอิญมาเห็นฉากจูบดูดดื่มระหว่างผมกับพี่ภูในรถเข้าจังๆ น่ะสิ เป็นอันต้องอธิบายกันยาวๆ ถึงว่าผม พ่อ และพี่ภู ไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือด มันเลยพอจะทำใจยอมรับได้ แต่กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ต้องใช้เวลาเกือบสองเดือน

กลับมาปัจจุบัน ผมกับพี่อติณคุยนู่นนี่กันเรื่อยเปื่อย ระหว่างนั้นแม่บ้านก็ยกขนมกับน้ำมาให้ ส่วนบาสกับน้องตุลย์ยังเล่นเกมกันอย่างเมามัน

เจ้าตัวเล็กไม่รู้ว่าย้ายก้นมานั่งบนตักผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาหลังพิงกับอกผมเสียท่าทางสบายเต็มที่ มีบางครั้งที่คะแนนของบาสนำก็ใช้ศอกสะกิดท้องผมยิกๆ ขมุบขมิบปากบอกให้ช่วยเล่นแทน ซึ่งผมไม่ได้ปฏิเสธ

บาสมันแอบเหลือบมาเห็นก็ยอมออมมือ ทำให้คะแนนน้องตุลย์นำขึ้นมาแทน เจ้าตัวเล็กเลยดีใจใหญ่ ชมว่าผมเก่งอย่างนู้นอย่างนี้ เป็นฮีโร่ในดวงใจ...น้องไม่ได้รู้เลยว่าที่จริงผมเล่นเกมแพ้บาสตลอด...

ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่ากับการเล่นเกม คุยกัน พร้อมกับกินขนมไปด้วยจนฟ้าด้านนอกมืดสนิทและน้องตุลย์เริ่มอ้าปากหาว พี่อติณก็ขอตัวกลับ ตอนมาอุ้มน้องตุลย์จากตักผมยังแอบเนียนเอาจมูกมาเฉียดแก้มด้วยแน่ะ แค่เฉียดเฉยๆ ไม่เท่าไหร่ พอคนลูกจุ๊บปาก คนพ่อดันมาหอมแก้มผมซะฟอดใหญ่ ถือสิทธิ์ความเป็นพ่อในตัวผมเต็มที่...

ส่วนไอ้บาสน่ะเหรอ หลังกินข้าวเย็นด้วยกันเสร็จ มันก็มานั่งหน้าสลอนอยู่บนเตียงในห้องนอนผม ไม่มีท่าทีจะกลับบ้านแต่อย่างใด ก็อย่างว่าล่ะนะ...ปิดเทอม ไม่มีอะไรทำ อยู่กับเพื่อนน่าเบื่อน้อยที่สุด




8: 09 P.M.

จู่ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกผลักเปิดออกตอนที่ผมกับบาสกำลังนอนเล่นมือถือกันอยู่บนเตียง เห็นคนที่เดินเข้ามาในห้องผมก็ลุกพรวดวิ่งไปกอดอีกฝ่ายไว้แน่น สีหน้าของพี่ภูดูเหนื่อยๆ แถมยังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่เหนื่อยอาจจะเพราะช่วงเดือนนี้ต้องอ่านหนังสือโต้รุ่งตลอด ส่วนที่อารมณ์เสียนี่คงเพราะเมื่อกี้เห็นผมนอนหนุนพุงบาสอยู่ล่ะมั้ง

พี่ภูน่ะหึงไม่เลือกหน้าหรอก เมื่อกี้คงถามแม่บ้านมาล่ะสิว่าผมอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าอยู่กับบาสในห้องเลยจงใจเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะก่อน อยากจะเห็นอะไรงั้นเหรอ เหอะ...จะมีอะไรได้ล่ะ ผมกับบาสแค่มองตากันยังขนลุกเลย

“พี่ภูหวัดดี” เสียงบาสดังมาจากด้านหลัง ตามด้วยเสียงข้อความเด้งรัวๆ คงจะแชทกับสาวอยู่ล่ะมั้ง

ผมไม่ได้สนใจคนที่นอนอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองพี่ภูแล้วพูดเสียงอ้อนๆ “ทำไมกลับค่ำจัง”

“พี่เพิ่งสอบตัวสุดท้ายเสร็จตอนทุ่มนึงน่ะ”

“แล้วนี่กินอะไรมายังครับ”

“กำลังจะลงไปกิน ธารกินแล้วใช่ไหม”

ผมพยักหน้า พี่ภูสั่งไว้ว่าให้กินล่วงหน้าไปก่อน ถ้ายังดื้อรอ พี่ภูรู้จะโกรธจนไม่ยอมคุยกับผมไปหลายวัน ผิดกับพ่อลิบลับ ฝ่ายนั้นแค่ดุๆ แล้วลูบหัวปลอบ ทำหน้างอแงเข้าหน่อยก็ใจอ่อน

“แล้วนี่น้าตะวันยังไม่กลับมาอีกเหรอ”

“ยังเลย” ส่วนแม่น่ะ อยู่เยอรมณีนู่น คงไปเจอกันอีกทีที่อเมริกาเลย
พี่ภูหันไปมองนอกห้อง แล้วเอื้อมมือไปผลักประตูปิดลง ก่อนจะก้มหน้าลงมามองผม ยกยิ้มมุมปากนิดๆ “พี่เหนื่อยจัง ขอชาร์ทพลังหน่อย”

น่ารักดีนะ พี่ภูโหมดขี้อ้อนแบบนี้เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลย แต่ยิ่งนานวันก็ชักจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เหมือนพฤติกรรมหลายอย่างของเขาแอบเลียนแบบมาจากพ่อนะ เมื่อเดือนก่อนตอนที่พี่ภูเมา ผมเคยได้ยินพี่ภูบ่นน้อยใจทำนองว่าผมติดพ่อมากกว่า เพราะพ่อตะวันไม่ใช่คนแข็งทื่อแบบเขา ทุกวันนี้พี่ภูเลยอยากจะลองทำตัวอ่อนโยนดูบ้างล่ะมั้ง

เหอะ...แต่อย่าให้พูดถึงเรื่องบนเตียงล่ะ รสนิยมเป็นยังไงไม่เคยเปลี่ยน ออกจะซาดิสม์หน่อยๆ ด้วยซ้ำ เวลามีอะไรกันผมจะต้องปวดระบมไปทั้งตัวทุกที

“บาสอยู่” ผมชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลัง ไม่ได้หันไปมองก็พอเดาได้ว่าเพื่อนมันคงกำลังแชทกับสาวเพลิน ไม่ได้สนใจพวกเราหรอก

“จูบ”

พี่ภูจิ้มนิ้วชี้ลงบนปากตัวเอง ออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ ผมเลยต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบอีกฝ่าย แค่จะแตะแล้วรีบผละออกมา แต่แขนกำยำดันกอดรัดเอวของผมเอาไว้แน่น ท้ายทอยยังถูกกุมไว้ด้วย

ฟันคมขบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา จากแค่อยากจะจุ๊บผ่านๆ เลยกลายเป็นดูดเม้ม พอเผลอจูบตอบหน่อย ลิ้นอุ่นร้อนก็ล่วงล้ำเขามาภายในกวาดต้อนจนทั่วโพรงปาก เสียงรสจูบดูดดื่มลึกซึ้งดังสะท้อนชวนวาบหวาม กว่าพี่ภูจะยอมผละออกห่างก็ตอนที่ผมทุบอกเขาแรงๆ เพราะเริ่มหายใจไม่ออก

“ถ้าจะขนาดนี้ เชิญต่อที่เตียงครับ” จู่ๆ บาสก็พูดขึ้น สงสัยมันจะเงยหน้ามาเห็นเข้าพอดี ร่างสูงกำยำนั่นลุกออกจากเตียง เดินผ่านผมไปพลางลูบแขนตัวเองด้วยท่าทางขนลุก “กูกลับก่อนนะ” มันว่าพร้อมกับยกมือไหว้ลาพี่ภู

รอจนบาสออกจากห้องไป ผมก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะกับพี่ภู ขณะที่อีกฝ่ายแค่ยักไหล่ยิ้มๆ เท่านั้น...พอเดาได้หรอกว่าพี่ภูอยากไล่บาสกลับบ้านเลยทำแบบนี้ เพราะครั้งก่อนมันมาขอนอนด้วย จัดห้องนอนแขกไว้ให้ดีๆ กลางดึกดันทำเนียนมานอนห้องผมซะได้ พี่ภูเปิดประตูมาเจอนี่โมโหใหญ่ แทนที่จะได้นอนกอดพี่ภู คืนนั้นเลยต้องนอนเบียดกับบาสแทน

“ลงไปกินข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวจะดึก”

ผมจูงมือพี่ภูออกจากห้อง เดินลงไปชั้นล่าง ถึงบริเวณห้องรับแขกพ่อก็เดินผ่านประตูบ้านเข้ามาพอดี อีกฝ่ายบอกว่าวันนี้ติดประชุมเลยกลับซะค่ำมืด

“กินข้าวเย็นมายังครับ” ผมหยุดเดิน พี่ภูที่เดินมาด้วยกันจึงชะงักเท้าตาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรีบวิ่งไปกอดพ่อแล้ว แต่เพราะทุกทีที่ทำแบบนั้นพี่ภูจะดูไม่พอใจมาก ทุกวันนี้เลยเปลี่ยนเป็นยืนรอให้พ่อเดินเข้ามาหาแทน

“ยังเลยครับ” ร่างสูงกำยำเดินมาหยุดตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวผม “จะไปกินข้าวกันเหรอ”

“ธารกินเรียบร้อยแล้วครับ จะไปเป็นเพื่อนพี่ภูเฉยๆ พ่อก็ไปกินด้วยกันก่อนสิค่อยขึ้นไปอาบน้ำ”

“ครับ” พ่อบอกยิ้มๆ แล้วโอบไหล่ผมให้ออกเดินโดยที่มือของผมยังจูงมือพี่ภูเอาไว้ ฝ่ายนั้นก้าวตามมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ




บนโต๊ะอาหารรูปทรงสี่เหลี่ยมสำหรับแปดคน มีกับข้าวหน้าตาน่ากินอยู่สี่ห้าอย่าง ข้าวสวยในจานของพ่อกับพี่ภูพร่องไปเกือบครึ่งแล้ว ทั้งสองคนกำลังกินอาหารกันอย่างเงียบเชียบ โดยมีผมนั่งเท้าคางดูด้วยสีหน้ายิ้มๆ และช่วยตักกับข้าวใส่จานให้ในบางครั้ง
ผมนั่งฝั่งซ้ายมือของพ่อ ส่วนพี่ภูนั่งตรงข้ามผม ทั้งสองคนอยู่ใกล้มือใกล้เท้า (?) ผมทั้งคู่ ขณะที่ผมใช้ส้อมจิ้มทอดมันกุ้งป้อนให้พี่ภู ข้างใต้โต๊ะเท้าก็แอบเขี่ยขาพ่อเล่น

พี่ภูอ้าปากงับทอดมันกุ้งกินด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะชินกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนเวลาผมป้อนให้ กว่าจะยอมกินสักคำต้องคะยั้นคะยออยู่นาน บอกแล้วไงว่าเขาน่ะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อไปเยอะ เห็นพ่อหวานกว่าเป็นไม่ได้ ต้องทำตามอยู่เรื่อย...ซึ่งมันก็น่ารักดี

ผมตักปลาเผาใส่จานให้พ่อบ้าง ทั้งที่เท้ายังเขี่ยขาพ่อเล่นอยู่ เห็นพ่อส่ายหน้ายิ้มๆ ผมเลยทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไล้ปลายเท้าสูงขึ้นอีกนิดด้วยความอยากแกล้ง แต่จู่ๆ ก็มีเท้าอีกข้างมาเตะขาผมลง พอหันไปมองพี่ภู อีกฝ่ายก็ทำสีหน้าดุๆ ใส่...นึกว่าไม่รู้ซะอีก

พี่ภูเป็นพวกชอบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและค่อนข้างขี้หึง บางทีถ้าผมออดอ้อนพ่อต่อหน้าเขามากๆ พี่ภูจะทำสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน แต่พ่อต่างกัน...พ่อมักจะนิ่งเฉยจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูกด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเคยนึกหึงหวงบ้างรึเปล่า หรือแค่รู้สึกเฉยๆ อย่างที่แสดงออก ผมเลยกล้าที่จะทำตัวสนิทสนมกับพี่ภูให้พ่อเห็น แต่ไม่กล้าออดอ้อนพ่อต่อหน้าพี่ภูมากนัก

ต่อไปผมจะพยายามให้ทั้งสองคนยอมรับกันและกันได้มากขึ้น...มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ผมตัดใจจากใครสักคนไม่ได้จริงๆ

“อ้ำ” ผมจิ้มทอดมันกุ้งป้อนพี่ภูอีกชิ้น ทำหน้าตาอ้อนสุดๆ แต่พี่ภูกลับไม่ยอมงับมันเข้าปากทั้งที่เป็นของโปรด เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่ยอมมองหน้าผม

แบบนี้เรียกงอนรึเปล่า?...ใช่แน่ๆ

“ก็คืนนี้เรานอนด้วยกันไง แต่ธารยังไม่ได้เจอพ่อเลยทั้งวันนะ แค่เอาเท้าไปเขี่ยเอง”

ช่วงที่แม่ไม่อยู่พ่อกับพี่ภูจะสลับกันมานอนที่ห้องผม ไม่รู้ว่าตกลงเรื่องวันกันตั้งแต่ตอนไหน จู่ๆ ก็กลายเป็นว่าวันคี่เป็นของพ่อ วันคู่เป็นของพี่ภูไปซะแล้ว...แต่ก็แค่นอนกอดกันธรรมดา จะมีมากกว่านั้นบ้างนานๆ ที…

“.....”

ยิ่งพูดยิ่งเหมือนทำให้พี่ภูโมโห อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบผมเลย ทอดมันกุ้งเป็นอันต้องวางลงที่เดิม พอผมหันไปมองพ่ออย่างขอตัวช่วย อีกฝ่ายกลับทำแค่เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเงียบๆ

“เดี๋ยวคืนนี้ธารถูหลังให้...อาบน้ำด้วยกันนะ” คราวนี้พี่ภูเงยหน้าขึ้นมามองผมแวบหนึ่ง จากนั้นก็วางช้อนส้อมลงบนจาน คว้าแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกออกจากที่นั่ง ก้าวฉับๆ ไปเฉยเลย
   
อะไรยังไง? ผมยังงุนงงสับสนอยู่ก็ได้ยินพ่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย
   
“สงสัยจะขึ้นไปอาบน้ำ”
   
“.....” งั้นผมต้องรีบตามไปถูหลังน่ะสิ...

ผมมองหน้าพ่ออย่างลังเล ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนพ่อต่อหรือรีบตามพี่ภูขึ้นไปบนห้องดี แต่คนที่นั่งตำแหน่งหัวโต๊ะกลับส่งยิ้มบางมาให้ แล้วผุดลุกขึ้นยืน

“ขึ้นห้องกันครับ พ่อกินข้าวเสร็จพอดี”

ผมลุกตาม คว้าจับมืออีกฝ่ายก่อนจะเดินออกจากห้องทานอาหารไปด้วยกัน ระหว่างที่ก้าวเดิน ผมยกมือข้างที่กุมกันไว้ขึ้นมา ใช้ฝ่ามืออีกข้างลูบลงบนหลังมือของพ่อ จนกระทั่งพวกเรามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องพี่ภู ผมยังเล่นมือข้างนั้นอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ยอมวางมันลงและไม่ได้เข้าห้องไปทันที

“เป็นอะไรหืม” คนตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ผมทำเพียงส่ายหน้า เอาแต่ก้มมองมือที่กุมกันไว้ของเรา

แกร็ก...

ยังไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไรต่อเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่พี่ภูจะมายืนอยู่ข้างๆ ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ทั้งร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวห่อพันช่วงล่างไว้

“ธาร พี่จะอาบน้ำ” อีกฝ่ายบอกสั้นๆ ที่ออกมาคงคิดจะมาตาม แต่ดันเจอผมกับพ่อยืนอยู่หน้าห้องพอดี

“พ่อ...พี่ภู...เหนื่อยไหมที่พวกเราเป็นแบบนี้” ผมยังก้มหน้า ไม่กล้าเงยสบตาใครสักคน “เหนื่อยไหมครับ...ที่ต้องมารักคนเห็นแก่ตัวแบบธาร”

“พูดอะไรฮึเรา” มืออบอุ่นของพ่อลูบลงบนหัวผม น้ำเสียงที่พูดฟังดูอบอุ่นไม่ต่างกัน “ธารเป็นความสุขทั้งหมดในชีวิตของพ่อนะครับ...พ่อจะเหนื่อยที่ต้องรักเราได้ยังไง”

ได้ยินคำพูดปลอบใจผมจึงกล้าเงยหน้าขึ้น มองพ่อก่อนจะหันไปมองพี่ภูที่ยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าหล่อคมคายเรียบเฉยจนยากจะเดาความรู้สึก แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของผมร้อนรุ่มราวกับถูกแผดเผา

ผมยังคงจับมือพ่อเอาไว้ตอนที่ใช้แขนอีกข้างโอบกอดพี่ภู ซบหน้าลงกับแผงอกเปลือยเปล่า “พี่ภูล่ะครับ พี่ยังอยากรักธารไหม...” ไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบ ผมจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือ “ถ้าพี่ภู...จะไม่รักธารแล้ว...”

“ไม่มีทาง” คำพูดนั้นทำให้ผมชะงัก หลุดยิ้มออกมาได้ทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอ “อย่าพูดเรื่องที่มันไม่มีทางเป็นไปได้อีก”

“ก็ได้ ไม่พูด”

ผมยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่กับแผงอกของเขา ในตอนนั้นเองที่รู้สึกได้ถึงสัมผัสแนบชิดทางด้านหลังกับลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดบริเวณต้นคอ เหลือบมองก็เจอเข้ากับใบหน้าหล่อคมคายของพ่อในระยะประชิด มุมปากอีกฝ่ายยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา...เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาผมใจสั่น

ทั้งที่พ่อเข้ามาใกล้ขนาดนี้ และผมยังจับมือพ่อเอาไว้ แต่พี่ภูกลับไม่ได้แสดงท่าทีโมโหหรือขยับออกห่างเลย...

“ถูหลังให้พี่ภูเสร็จแล้ว มาถูหลังให้พ่อต่อนะ” ริมฝีปากหยักได้รูปยื่นมากระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดลงมากับน้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนฝันนั้นทำให้ผมวูบวาบไปทั้งตัว

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร ร่างสูงกำยำทางด้านหลังก็ผละออกห่าง แล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเอง ขณะที่ผมได้แต่ยืนยิ้มใจสั่นอยู่กับอกพี่ภูแบบนั้น

“ยังไงก็ต้องถูหลังให้พี่ก่อน” เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวดึงสติผมกลับมา พอผละออกห่างแล้วเงยหน้ามองคนในอ้อมกอด ก็เห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาบึ้งตึงอย่างเอาแต่ใจ “ไปอาบน้ำกัน” พี่ภูบอกสั้นๆ แล้วลากแขนผมพาเข้าห้องตัวเอง

“ธารรักพี่ภูกับพ่อมากนะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเราเข้ามาในห้อง แต่คนฟังกลับไม่ได้ตอบ คว้าชายเสื้อผมได้ก็เลิกถอดขึ้นทางหัว ต่อด้วยกระชากกางเกงบ็อกเซอร์ลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

“.....”

“พี่ภู ได้ยินป่าว”

“ได้ยิน”

“รักธารไหม”

“รัก”

“อะไรนะ”

“จะอาบน้ำ”

“คิกๆ”

หนึ่งปีกว่าแล้วนะที่พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ ถึงจะเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงไปบ้างแต่ทุกคนก็ดูมีความสุขดี ผมไม่รู้หรอกว่าต่อไปชีวิตของพวกเราจะเป็นยังไง แต่แค่ได้อยู่เคียงข้างกัน...แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...

Pie2Na

น่าจะไม่เกินอาทิตย์นี้ พายจะเปิดจองนิยาย Not innocent รอบรีปริ้นนะครับ
เพราะคนอ่านถามกันเข้ามาค่อนข้างเยอะ
ถ้าสนใจสามารถติดตามข่าวสารได้ทางเพจ Pie2Na นะครับ
ขอบคุณครับ ^^

หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-01-2017 10:51:29
ถ้าธาร จะลำบากใจ อึดอัดใจ
ต้องเอาใจพ่อตะวันที พี่ภูที
เอิ่ม......3p พร้อมกันไปเลย ดีปะ  :ling1: :ling1: :ling1:
คราวนี้ไม่มีใครอึดอัด คนอ่านก็ชอบบบบบ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 10-01-2017 16:07:56
สนุกแบบแปลกๆดีครับ

ไม่ได้แปลกตรงความสัมพันธ์นะ  แต่แปลกตรงการเล่าเรื่องมากกว่า

ธาร ที่เหมือนจะร้าย แต่ก็ไม่เลย 55555
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 10-01-2017 19:54:11
สนุกมากๆ :เฮ้อ:
#จบแบบแฮปปี้ #ขอบคุณคนเขียนมากๆ รักพ่อธารภู
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 13-01-2017 17:52:21
รู้สึกเหมือน ธารจะแรดนิดๆ  :hao7: :hao6:  ขอบคุณมากๆครับ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: Azuryngel ที่ 13-01-2017 23:58:59
New type of story to read but its so good!  :haun4: :jul1: :pighaun:. Happy ending with those three.
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-01-2017 08:39:16
แหวกแนวดีค่ะ ควบสอง
ดีที่คนละสายเลือด แต่ยังไงธารก็ไม่รู้สึกว่าผิด คิดจะรักก็พอ

อยู่กันสามคนเฮฮา
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 15-01-2017 17:25:41
 :m25:
หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•แจ้งข่าว•
เริ่มหัวข้อโดย: pie2na ที่ 19-01-2017 15:32:37
เปิดจองรอบรีปริ้น
(Not) Innocent รัก ‘ร้าย’ เดียงสา


วันนี้-5 มีนาคม 2560
(จัดส่งหนังสือเดือนมีนาคม)



ปกเต็ม (ปกหน้าหลัง+สันหนังสือ)
(https://upic.me/i/a8/nnew1.jpg)



โปสการ์ดลายปก (สี)
(https://www.img.in.th/images/dfb4bc411d022677dd3f63b1b5c2d8cb.jpg)



ที่คั่นลายพี่ภู
(https://upic.me/i/63/cunreprint.png)





:: รายละเอียดหนังสือ ::

หนังสือขนาด A5 กระดาษถนอมสายตา
มีภาพประกอบ 18+ จำนวน 2 ภาพในเล่ม
ความหนา : 360 หน้า +
ของแถม :  ที่คั่น+โปสการ์ดลายปก
ราคา : 399 บาท (ไม่รวมส่ง)



:: รายละเอียดเนื้อหา ::

-เนื้อเรื่องทั้งหมดที่ลงในเว็บ
-ตอนพิเศษ 5 ตอน (ไม่ได้ลงในเว็บ) มีฉาก 3P NC 18+ ซึ่งต้องลุ้นเอาว่ามาลงเอยกันได้ยังไง ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ (แต่เนื้อเรื่องสมเหตุสมผลแน่นอนครับ)

>>ตอนพิเศษ 4 ตอนแรก คล้ายๆ ภาคต่อที่ให้ลุ้นกันว่า...จากที่ภูผากับพ่อแทบจะต่อยกันตายไปข้าง ดันมารักกันกลมเกลียวแบบ 3P ได้อย่างไร (มีฉากจิ้น พ่อXภูผา อย่างรุนแรง) และจุใจกับความ 3P + NC 18++ แน่นอนครับ
>>อีกหนึ่งตอนเป็นเรื่องของ จะเป็นบทสรุปของ กฤษxณัฐ (คู่นี้ใครจิ้มใครไปลุ้นกันเอง ฮ่า)

***เรื่องนี้จบดี แฮปปี้ทุกฝ่ายนะครับ
------------------------------------------------
หมายเหตุ :: มีขายฉบับอีบุ๊คนะครับ ราคา 329 บาท
ซื้อฉบับอีบุ๊คได้ที่ :: https://www.mebmarket.com/index.php…

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้ครับ
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 21-01-2017 13:08:57
สนุกมาก ชอบความสัมพันธ์แบบนี่ถึงจะยุ่งเหยิงหน่อยๆ ขอบคุณสำหรับนิยายนะ ^^
หัวข้อ: Re: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 27-06-2020 14:56:30
ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงในแนวบาปๆ มันกร๊าวใจดีแท้เว้ย ปลุกด้านมืดในตัวเลย ชอบอ่ะชอบบ 5555555   :impress2: โดนตัดncบางทีก็ค้าง แต่ไม่เป็นไรฟินได้ 5555555