ตอนพิเศษ ธรรมดา
ทุกวันของเราเป็นแค่วัน “ธรรมดา”
แต่การได้ใช้ชีวิต “ธรรมดา” กับคน “พิเศษ”
นั่นแหล่ะที่ทำให้ “วันธรรมดาๆ” นั้น พิเศษทุกวัน
“มี๊ …ช่วยน้องวินด้วย!!!” เสียงเล็กๆของเด็กผู้ชายวัยสี่ขวบดังขึ้นก่อนที่ร่างเล็กของ “น้องวิน” จะวิ่งเข้ามาหาผมในครัว
“เป็นอะไรครับตัวแสบ” ผมหยุดเอาไว้ก่อนจะหันกลับไปถามเจ้าตัวแสบ
“ปี๊แกล้งน้องวินอ่ะ” น้องวินฟ้อง
“อ้าวเมื่อกี้ก็ยังเห็นเล่นกันอยู่ดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ” ผมถาม ก่อนจะเข้ามาในครัวยังเล่นแปลงร่างกันอยู่เลยตอนนี้ทำไมเจ้าเด็กแสบของผมถึงงอนได้ล่ะครับ
“ก็ปี๊อ่ะ ตายง๊ายง่ายถ้าสัตว์ประหลาดตายง่ายขนาดนี้แล้วยอดมนุษย์จะได้โชว์พลังเหรอ” เด็กแสบบอก หน้างอๆของลูกทำให้อดหัวเราะไม่ได้
“น้องวิน อยู่นี่เองปี๊ตามหาตั้งนานแหน่ะ มากวนมี๊ทำไมครับ ไปเล่นกันต่อดีกว่า” เสียงทุ้มของอีกคนเอ่ยถามแต่เจ้าตัวยุ่งกลับเอาแต่เงียบแถมยังหน้างอยิ่งกว่าเดิม
“น้องวินงอนน่ะ” กลายเป็นผมที่ต้องเป็นคนตอบ
“อ้าว งอนอะไรปี๊เหรอครับ อ่า น้องวินหันมาคุยกับปี๊ก่อนสิครับ” คนตัวโตง้อลูกก่อนจะยกตัวน้องวินขึ้นขี่คอ
“พี่ธาร์ณเดี๋ยวลูกก็ตกหรอกครับ เล่นอะไรเนี่ย” ผมแหวลั่น
“ไม่ตกหรอกน่า เดี๋ยวพี่พาลูกออกไปข้างนอกนะ อยู่ในนี้กวนซันเปล่าๆ “ พี่ธารณ์บอกก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไปแต่ก่อนจะไปก็ยังไม่วายแกล้งผมอีกจนได้ เมื่อจมูกของอีกคนกดลงบนแก้มผมฟอดใหญ่
“มาเร็วๆนะ พี่คิดถึง”
ผมจัดโต๊ะอาหาร ก่อนจะออกไปเรียกสองพ่อลูกที่กำลังเล่นแปลงร่างอยู่ที่ห้องรับแขกข้างนอกก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบกำลังกระโดดดีใจใหญ่ที่ยอดมนุษย์ชนะปีศาจได้ ผมมองรอยยิ้มกว้างของ “น้องวิน” พลางนึกย้อนไปถึงวันแรกที่เจอเด็กคนนี้ น้องวินเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของผม ผมไม่เคยคิดว่าจู่ๆวันหนึ่งตัวเองต้องมาทำหน้าที่ “แม่” ของใครสักคน แม้ว่าผมจะโตมาในครอบครัวที่มีแม่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งผมจะมีลูกอย่างคนอื่นเขาได้ การเลี้ยงน้องวินช่วงแรกๆเล่นเอาผมแทบตายเหมือนกันเพราะต้องเรียนไปด้วย แต่โชคดีที่ตอนนั้นมีพ่อกันอยู่ด้วยแม้จะลำบากไปบ้างแต่ผมก็ผ่านมันมาจนได้ พอเรียนจบผมกับพี่ธารณ์ก็แต่งงานกันทันที และย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน มันเป็นบ้านที่ป๊าซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงาน ตอนแรกคุณสารวัตรไม่อยากรับเท่าไหร่เพราะอยากจะซื้อด้วยเงินของตัวเองมากกว่าแต่โดนป๊าบังคับ ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องแต่ง ประโยคเด็ดเลยนะครับนั่น
ตอนนี้ผมเองเรียนจบและออกมาทำงานแล้วแต่ผมจบ สถาปัตย์ ครับ แปลกใจใช่ไหมที่ผมไม่เป็นตำรวจ ตอนเด็กๆผมมักจะอยากเป็นอย่างพ่อเสมอ ผมรู้สึกว่าอาชีพของพ่อเป็นอาชีพที่เท่มาก แต่พอผมเริ่มโต มันก็ทำให้ตัวผมเองมองทุกอย่างเปลี่ยนไป ผมรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองไม่ได้อย่างเป็นตำรวจ และส่วนหนึ่งก็มาจากเจ้าตัวยุ่งที่ยืนหัวเราะร่วนอยู่ตรงหน้าด้วย ผมอยากอยู่กับลูก อยากดูแลน้องวินให้มากที่สุด ผมไม่อยากให้ลูกรู้สึกขาด ผมอยากเป็น “แม่” ที่ดีเหมือนที่ผมได้รับจากพ่อกัน ทำให้ตอนนี้ผมกลายเป็นนักออกแบบอิสระที่รับงานแค่เดือนละชิ้นเท่านั้น และเวลาส่วนใหญ่ผมก็อยู่เลี้ยงลูกซะมากกว่า
“มี๊!!” เจ้าเด็กแสบของผมตะโกนขึ้นก่อนจะวิ่งเข้ามาหา น้องวินเรียกผมว่า มี๊ ที่มาจาก หม่ามี๊ และเรียกพี่ธาร์ณว่า ปี๊ ที่มาจากป่าปี๊ นั่นแหล่ะครับ ไม่รู้ว่าแกไปเอาคำพวกนี้มากจากไหน แต่คิดว่าคงเป็น โรงเรียนอนุบาล สอนให้เรียกล่ะมั้งครับ เพราะหลังจากที่ไปได้อาทิตย์เดียวเจ้าตัวเล็กก็เรียกผมแบบนั้นจะเปลี่ยนก็ไม่ได้เพราะเจ้าตัวร้องห่มร้องไห้ว่าอยากมี หม่ามี๊ เหมือนเพื่อน ผมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
“เจ้าตัวแสบไปเรียกปี๊กินข้าวได้แล้วครับ”
“อ่ากินข้าวๆ ปี๊กินข้าวครับ” น้องวินบอกอย่างร่าเริงก่อนจะลากคนตัวโตที่นอนแผ่บนโซฟาให้ลุกขึ้น
“เป็นอะไรครับพี่ธาร์ณ” ผมเอ่ยถามคุณสารวัตรที่ตอนนี้แทบจะทรงตัวไม่อยู่
“ก็เจ้าลูกลิงนะสิ ซนจนพี่ไม่มีแรงเดินแล้วเนี่ย จับผู้ร้ายยังไม่เหนื่อยเท่าเล่นกับน้องวินเลยนะ” พี่ธาร์ณบ่นอุบ
“โถ่ ปี๊อ่ะอ่อนมาก”
“อ่า น้องวินอ่ะ” คนตัวโตหน้ามุ่ย
“แก่แล้วก็งี้แหล่ะ เนาะน้องวินเนาะ” ผมหันไปถามเจ้าตัวแสบก่อนที่เราสองคนจะหัวเราะเสียงดังที่แกล้ง ป่าปี๊ ตัวโตได้
“โหย ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป เชอะ”
“อ้าว คนแก่งอนเราแล้วอ่ะน้องวิน ทำไงดีครับ” ผมหันไปขอความเห็นจากเจ้าตัวแสบ น้องวินขมวดคิ้วอยู่สักพักก่อนจะกระตุกชาย
เสื้อของพี่ธาร์ณเบาๆ
“ปี๊ก้มลงมาหน่อย” คนตัวโตทำตามอย่างว่าง่าย เพราะกำลังรออยู่เหมือนกันว่าเจ้าเด็กแสบจะง้อยังไง
จุ๊บ :จุ๊บๆ:
“ดีกันนะ ปี๊หายงอนน้องวินนะ” เจ้าเด็กแสบบอกหลังจากที่แตะปากเล็กๆบนปากของคุณป่าปี๊ ส่วนพ่อคนตัวโตตอนนี้ยิ้มหน้าบานไปแล้วครับ
“ยังครับ ปี๊ยังไม่หายงอน”
“อ้าว” ผมกับน้องวินอุทานพร้อมกันก่อนจะรู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“ก็ปี๊งอนสองคน แต่มีแค่น้องวินที่ง้ออีกคนเขาไม่เห็นจะง้อเลย”
“มี๊ง้อปี๊ด้วยสิครับ เดี๋ยวปี๊ร้องไห้นะ” น้องวินบอกพลางเขย่ามือเบาเบาๆ แต่ผมแอบเห็นนะว่า สองพ่อลูกนั่นกำลังส่งยิ้มให้กันอย่างมีแผน
เหมือนผมจะรู้แล้วว่า น้องวิน เจ้าเล่ห์ เหมือนใคร
“ช่ายๆ เร็วๆสิ มี๊มาง้อ ปี๊ซะดีๆ จุ๊บๆๆๆ”
“เจ้าเล่ห์กันจริงๆเลยนะ” ผมบ่นเบาๆก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนปากของอีกคนอย่างช่วยไม่ได้
“มี๊ไม่สบายเหรอครับ หน้าแดงทำไมอ่ะ”
อ่า บางทีผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าลูกชายผมอายุ 4 ขวบจริงๆหรือเปล่าทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์แบบนี้ หรือเพราะผมปล่อยให้อยู่กับป่าปี๊ของเจ้าตัวมากเกินไปกันแน่
“เขินเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยล้อ
“ไม่ต้องมาพูดเลย กินข้าวได้แล้วเร็วๆเลยครับ” ผมเอ็ดก่อนจะชี้ให้คนตัวโตกับเจ้าตัวเล็กนั่งประจำที่ เพราะถ้าปล่อยให้เล่นกันอยู่แบบนี้ต้องเลยเวลา เดี๋ยวท่านสารวัตรใหญ่ก็บ่นปวดท้องอีก
“น้องวิน กินผักด้วยสิครับ” ผมเอ็ดเบาๆเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบเขี่ยแครอทไปไว้ข้างจาน
“ก็น้องวินไม่ชอบนี่นา” เด็กแสบน่ามุ่ย
“ว๊า วันนี้ปี๊ไปซื้อไรเฟิลมาด้วยแหล่ะ ว่าจะเอามาให้เด็กที่กินผักเก่งสักหน่อย แต่ตอนนี้คงต้งเอาไปให้น้องอิงแทนแล้วมั้งเนี่ย” คนสารวัตรพูดขึ้นลอยๆ น้องอิงที่พูดถึงเนี่ยเป็นลูกของพี่คริสเพื่อนพี่ธาร์ณนั่นแหล่ะครับเป็นเด็กผู้หญิงอายุสามขวบแต่แสบใช่ย่อย เพราะเจ้าตัวไม่ชอบเล่นตุ๊กตาเหมือนเด็กผู้หญิงแต่ชอบเล่นปืนมากกว่า เวลามาเจอกันทีไรก็เลยทะเลาะกับเจ้าแสบของผมประจำเพราะแย่งของเล่นกัน
“ไม่ได้นะ น้องอิงมีไรเฟิลเยอะแล้วแต่น้องวินยังไม่มีเลย น้องวินกินแครอทก็ได้” เด็กน้อยบอกเสียงเข้มก่อนจะตักแครอทเข้าปาก แม้ว่าจะดูฝืนใจมากก็ตาม
“ลูกหลับแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนที่ร่างสูงจะดึงผมให้ลงไปนอนที่เตียงด้วยกัน
“ครับ”
“เหนื่อยไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนที่มือหนาของคนตัวโตจะดึงผมเข้ากอดแน่น ความอ่อนโยนของพี่ธาร์ณทำให้ผมซุกหน้ากับ
อกแกร่งก่อนจะยกยิ้ม ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี คนๆนี้ก็ยังอ่อนโยนกับผมเสมอ ไม่ว่าผมจะเอาแต่ใจและร้ายกาจแค่ไหนพี่ธาร์ณก็ไม่เคยบ่น ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครมั่นคงกับสัญญาแบบเด็กๆถึง 14 ปี
“เรื่องอะไรล่ะครับ”
“ทุกเรื่องนั่นแหล่ะ โดยเฉพาะเรื่อง น้องวิน ขนาดวันนี้พี่เล่นด้วยแค่วันเดียวยังแทบตาย ซันที่อยู่กับน้องวินทุกวันคงเหนื่อยกว่าพี่เยอะ”
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ น้องวินก็ลูกผมเหมือนกันนะ เจ้าตัวยุ่งน่ะไม่ได้ดื้อทุกวันหรอกครับแต่เพราะวันนี้อยากเล่นกับปี๊มากกว่าก็เลยเอาแต่ใจมากไปหน่อย”
“พี่ขอโทษนะ ตั้งแต่แต่งงานพี่ก็แทบไม่มีเวลาให้ซันกับลูกเลย” มันก็ถูกของเขา ตั้งแต่ย้ายกลับมาที่กองสืบฯดูเหมือนว่างานพี่ธาร์ณจะเยอะจนแทบไม่มีเวลาพักเพราะตำแหน่งที่สูงขึ้นความรับผิดชอบก็ต้องมากขึ้นเป็นธรรมดา แต่ทุกครั้งที่ว่าง สารวัตรคนเก่งของกองสืบจะอยู่กับครอบครัวเสมอ
“ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า ซันเข้าใจ ปี๊เนี่ยคิดมากไปได้” ผมบอกทีเล่นทีจริง ไม่อยากให้เขาเครียดเพราะผมเองก็ไม่ได้ ขี้น้อยใจขนาดนั้น ผมรู้ดีว่าพี่ธาร์ณ รักการเป็นตำรวจมากแค่ไหน คงจะเท่าๆกับพ่อกันสมัยก่อน รายนั้นถ้าช่วงไหนมีงานแทบจะนอนค้างที่กองสืบ จนป๊าประสาทเสียอยู่บ่อยๆ
“รู้อะไรไหม พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาที่โชคดีมากๆเลยล่ะ ”
“ทำไมเหรอครับ”
“เพราะพี่มีซันอยู่ข้างๆไง ใครมันจะไปโชคดีเท่าพี่ไม่มีอีกแล้ว” เขาบอกก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มผมฟอดใหญ่
“พี่ทำอะไรเนี่ย”
“หอมแก้มไง ป่านนี้แล้วยังไม่เลิกเขินอีกเหรอ”
“ใครจะไปหน้าด้านเหมือนพี่ล่ะ ปล่อยเลยง่วงจะนอนแล้ว” ผมแหวลั่นพลางดันตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง
“ครับๆ นอนๆ” คนตัวโตพยักหน้ารับก่อนจะเอนตัวลงนอนบ้างพร้อมกับที่วงแขนรัดที่เอวผม
“มี๊” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก
“หือ”
“ปี๊รักมี๊นะ 18 ปี ที่ผ่านมา ปี๊รักมี๊คนเดียว รู้ใช่ไหม”
“รู้ครับ มี๊ก็รักปี๊นะ ถึงจะรักไม่นานเท่า แต่ก็รักที่สุด”
“ฝันดีครับที่รัก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพร้อมๆกับแรงกอดรัดที่แน่นขึ้น
“ฝันดีครับ” ผมตอบก่อนจะหลับตาลง ด้วยรอยยิ้ม
ชีวิตของเราแม้ไม่หวือหวา ไม่ได้มีสีสันฉูดฉาด ไม่มีเรื่องตื่นเต้น เป็นเพียงชีวิตธรรมดาๆของคนธรรมดาๆสองคนแต่ ผมกลับรู้สึกว่า ชีวิตธรรมดาของผม มันพิเศษทุกวันเมื่อผมอยู่ในอ้อมกอดนี้ “อ้อมกอดของคนธรรมดาที่แสนพิเศษของผม”
มี๊จะรัก….คนธรรมดาที่แสนพิเศษของมี๊…ตลอดไป ^_^
...............................END..................................
มันสั้นมากเค้ารู้ :mew2:
แต่เขาก็อยากเขียน ฮ่าๆๆ เพราะเค้าคิดถึงน้องซัน
มันเป็นตอนพิเศษที่ "ธรรมดา" มาก เพราะมันเป็นแค่ ความรักของคนธรรมดา สองคน
อิอิ รักครอบครัวนี้เนาะ ไม่ว่ายังไงก็ทิ้ง ครอบครัว ผู้กอง ไม่ได้จริงๆ
ไปล่ะ จร้า :mew1:
ด้วยรัก Pita
ปอลอ ทุกคนคือคนธรรมดาที่แสนพิเศษของพิตเหมือนกันนะ :mew1: #อ้อนเอาคะแนน ฮ่าๆๆ